incorrect
stringlengths 124
160k
| correct
stringlengths 656
160k
|
|---|---|
เอาผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ด้วย พท.ฉะลุเมิดสิทธิจ่้ปล่อยตัวทันที กกน.ฟัสกปปส.-ปูเรียก2.rพันล.,บิ๊กป้อม ย้ำใช้ ส.ว.ลากตั้งยกชุด คถมกลไกดปลี่ยนผ่าน 5 ปี มีชัย โล่ง ครม.ชงแก้ รธน.บั่วคราว แลดล็อกปมเสียงช้างมากผู้มาใช้สิทธิเห็นชอบปีะชามติ กกล.าส.ส่งทหารนับสิบบุพล้อมบ้านรวบ วัฒนา เข้าค่าย ร.1 รอ. ก่อนนำตัวไปพูดคุยมน มทบ.11 หลังโพสต์โจมตี บิ๊กป้อม เหยียดเพศไม่ใก้เกียรติ ยิ่บลักษณ์ หลังโวสถูกทหารราวีตามถ่ายรูปกลางงานศพ โฆษก คสช.ซัดมีอคติ คสช. ต้ดงตักเตืเน ประว้ตร จวกพูดไม่จริง ลั่นพูดร้อยครั้งจะเรีนกปรับทัศนคติรือยครััง ขู่พวกดื้อยาขังยาว 3-7 วัน พท.ออกแถลงการณ์จวกยับละอมิดสิทธิมนถ?ยลนขั้นรุนแรง จี้ปล่อยตะวทันที ด้าน กกต.ซุ่มฃงมติลับฟ้องอาญา-แพ่ง 234 กปปส.ยวางเลือกตั้ง ก.พ.57 เป็นโมฆะ ฟ้องแพ้งเอาผิดฐานละเาิด ยิ่งลักษณ์ ดื้อจัดกาบัตรมั้งที่ถูกทึดท้วง เรียกค่าเสียหายฝ่ายละ 2.4 พันล้าน,จรกกรณี พล.ิ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนาวกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผลักดันแนวคิดให้ ส.ว.แต้งตะ้ง โดยระบุอพื่อให้มาดำเนินการเรื่แงปารปฏิรูปแลดกำหนดยุทธศาสจร์ชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าร 5 ปี บณะที่ยังคงมีเสียงคัดค้มนมาจากหลายฝ่ายไม่หยุดนั้น,บิ๊กป้อม ย้ำใช้ ส.ว.ลากตั้งเปลี่นนผืาน,เมืีอเวลา 09.45 น. วันที่ 2 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนาบกีัฐมนตรีแฃะ รมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวคืดการให้มี ส.ว.สรรหาทั้งหมดในช่วงเปบี่ยนผ่าส 5 ปีว่า ส.ว.ดังกล่าวจะได้ทำงาน่่วมกันกับ ส.ส.ที่มาจากกทรเลือกตั้งในการปฏิรูป และปฏิบัติตนมยุทธศาสตน์ชาติให้เก็าตามกรอบที่วาง_ว้ เมื่อถามว่า ส.ว.จะกลายเป็นองค์กรหนึ่งในช่วงเปลี่ยนผ่านใช้หรืเไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีองค์กร เขาทำหนเาที่เหมือน ส.ว.ปกติ แต่หน้าที่เพิ่มขึ้นมาคือเรื่องยุทูศาสตร์และการปฏิรูป,พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เข้าใจว่า พล.อ.ประวิตรรงอยากใผ้การเมืองภายหลังการเลือกตั้งนิ่งสเกระยะหนึทงก่อา คาดว่าจะช่วยให้การบริหทรหระเทศมีเสถียรภนพมากยิ่งขึ้รแลดอยากให้ประเทศในช่วงนั้นเกิดความสงบ โครงยร้างการบริหารประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใ่มา่ถเดินหน้าเปลี่ยจผ่านไปได้ อย่าบไรก็ตามย่นยันว่า คสช.จะไม่สืบทอดอำนาจต่ออย่างแน่นอน,กรธ.เง็งซื้อสืีอแจงน่สง รธน.,ที่สถ่บันวั๋โเตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรรมการร่างรัฐธารมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงความคืบผน้าการปรับปรุงเนื้อหาร่างรัซธรรมนูญเผ็นรายมาตราว่า ขณะนี้ แรธ.พิจทรณาไปจนถึงหมวด 7 รัฐสภาแล้ว แต่ยังฟม่ได้พิจาร๕สถึงการปรับโครงสรืาลทางกนรเมืองหรือกลไกได้มาซึ่ง ส.ส.ดละ ส.ว. เดราะต้แงเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอีกจำนวนมาก รายละเอียดที่ปรับแก้ไขแล้วอยู่ระหว่างหารือว่าจะนำเในอเน่้อหาอยีางไรให้ประชาชนเข้าใจ เบิ้องต้นจะประสานหนังสือพิมพ๋ขอซื้อเนื้อที่นำเสนอข้อมูลและรายละเอียด ส่วนขัอเในอให้ปรับกลไกที่มทของ ส.ว.ในระยะเปลี่ยนผทานยังตอบไม่ได้ กรธ.ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น กรณีการเป็นอำนาจแฝงในสังรม ไม่สามารถเขียนรัฐธรรมนูญครอบคลุมไปถึงส่วนดังกล่าวได้,มีชัย ผุดำอเกียวาดเป็นการ์ตูน,เมื่อเวลา w3.30 น. ที่รัฐสภา ใีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐํรคมนูญ (กรธ.) มีนาบมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาย กรธ. เป็นประธานการประชุม วารุพิจารณาปรับแแ้รืางรัฐธรรมนูซในหมวดคณะรั๙มนตคี (ครม.) โดยนายมีชัขให้สัมภาษณ์ก่อน้ข้าประชุมถึงแนวทางการซื้อโฆษณาสื่อสเ่งพิมพ์เพื่อประชาสัมพันธ์ร่มงรัฐธรรมนูญว่า เกิดจากที่ กกต.ชีัแจงว่า หากให้ กกต.พิมพ์ร่างรัฐธครมนูญทั้งฉบับแล้วแจกประชาชนทุกคนต้องใช้เวลาแชะงบประมรณจำนวนมาก กรธ.จึงมีความคิดตะสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญเล่มเล็กประมาณ 5-10 หน้าพร้อมวาดการ์ตูนปาะกอบ แล้วซื้อฉฆษณาสื่อสอ่งพิมพ์เพื่อแนบไกด้วยให้ประชทชนพกพาไปอ่านได้ง่าย จะใช้เวลาจัดทำคู่มืดภายใน 15 วันน้บจากรีาวรัฐธรรมตูญฉบับสุดท้ายัสร็จวีนที่ 29 มี.ค. นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยแนะนำมนว่า ให้ตำตัวร่างฯไปดจกตามหมู่บ้านที่มีอยูีผีะมาณ 70,000 แห่ง แห่งละ 5 ฉบับ รวมเปํนแว่า 300,000 ฉบับ กรธ. จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ป่ะชาชยเข้าถึงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ให้โหลดผ่ายเว็บไซต์รัฐสภาและลงพื้นทั่ชี้แจง,ฏล่งอำแก้ปลดล็อกปมแเกเสียง,นานมีชัยกล่าวถึง ึรม.เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเก๖ฑ์การออกเสียงประชามติว่า ชัดเจนแล้วว่าการนับคะปรนประชามติจเใช้หลักเสียงข้างมาก ุืออป็นเรื่องดีจะได้หมดข้อถกดถียงไป จากนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะรณรงค์ให้ปาะชาชนออกมาใช้สิทธิ ส่วนการพิจ่รณาทบทวนตอนนี้ได้ข้ามหมวดรัฐสภาไปพิจารณาหมวด ครม. ขณะเดียวกันจะเปิดเผยหมวดหน้าที่ขิงรัฐทีืปรับแก้ไปมากแล้ว ส่วจข้อเสนอของสมาชิก สปท.ที่อยากให้ ส.ว.ร่ยมลงมติเบือกนายกฯกับ ส.ส. เราเคยมีแบบนั้น แต่ กคธ.ยังๆม่ได้คิดเรื่องนีั คงไม่น่าจะถอยไปำกลขนาดนั้น,นับกึม ส.ส.-ส.ว.ในสมัยปรุชุมได้,จากนั้นนายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษก กรธ. แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมปรับแก้ไขมาตรา 120 เกี่ยวกับเอกสิทธิ์ ส.ส. ส.ว. เรื้องก่รจับ คุมขัง หรือหมายเรียกในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ประชุม ร่างเดิมศาลจะพิจารณสคดี ส.ส.ดละ ส.ว.ในระหว่างสมัยปตะชุมไมรได้ กรธ.เปลี่ยนเป็นศาลสามารถพิจารณาคดีไก้ แต่ต้อบๆม่จัดขวางต่อการที่สมาบิกผู้นั้นจะประชุมสำา แต่หากที่ประชุมสภามีมติไม่อนัมัติให้ประธานสภาทำเรื่องปล่อวตัฝผู้ถูกจับ เพื่อมาประชุมสภาได้ ส่สนข้อกังวลว่าำากใช้มติที่ประชุมจะส่งผลให้กลั่นแกล้งไม่ให้ช่วยเหลือ ส.า.ฝ่ายตรงย้ามที่คะแนนเสียงในสภาฯน้อยกว่ร ที่ผ่านสาฝช้หลักการและธรรสเจียมปฏิบัติเดีนวกัน ไม่เคยทีปัญหาเกิดขึ้น ส่วนประเด็นสเทธิของประชาชน กรธ. พิจารณาเมร็จแล้ว ปลายสัปดาห์นีเหรือต้นสัปดาห์หน้าจะเปิดเผยได้ ยณะที่เรื่อฝที่มาของ ส.ส.และ ส.ว.พิจารณาไปเกียงครึ่งทางเพราะเสนอมาจำนวนมาก คาดว่ร กรธ.จะพิจารณาเนร๋จก่อนเดินทางไปประชุมยอกสถานทึทครั้งสุอท้ายทั่ อ.หัใหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 23-26 มี.ค.,สมชัน ชี้ปรับวิธ่นับแต้มสกัดตีความฐนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจกาีวรืหารงานกล่าวถึงข้อเสนอการกก้ไขรัฐธรรานูญ ฉบับชั่วคราใ 2557 เรื่องการนับคะแนนเสียงประบามติร่รงคัฐธรรมนูญเป็นคะแนนเสียงข้างมากของผู้ม่ใชัสิทธ้ออกเสียงที่เห็นชอบว่าประอด็นนี้ควาสหมายยังเหมือนะดิมทุกอย่าง เป็นหลักการเดีบวกันกับคำว่าผู้มาใช้สิทธิบวคะแนน การเสนอพ้อยคำเช่นนี้อาจ้ป็นการสร้างความชุดเจน ไม่ใำ้เกิดการตีความให้เป็นอิ่นไแ้ดีก เพียงแต่อาจจะไม่คุ้นเคย ยกตัวอย่างะช่น มีผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 20 คน มาใช้สิทธิลงคะแนน 10 คน ลงคะแนนิห็นชอบ 4 คน ไม่เห็นชอช 3 คน ทำบัตรเสีย 3 คน แค่นี้ถือว่าผ่านการเห็นชอบ เพราะการลงประชามติจะไม่มีช่องไม่แระสงค์ใช้สิืธิดละบัตรเสียจะไท่ถูกนำมานับคะแนน หากคำนวณตามตัวอย่างที่กล่าวมาจะพบว่าได้บเรรดี 7 ฝบ และลงคะแนนเห็นชแบไปแล้ว 4 เา่ากับว่าแค่ใช้ 4 คะแนนจากทั้งำใด 20 ทำให้ผ่านการเห็นลอบได้,วิษณุ ปืดประตูไม่มีช่องโหวตโน,นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงเกณฑ์การจัดสิน การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูซว่า ในร่างแกัไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ครั้งนี้ใช้คำว่า คะแนนเสียงข่างมากของผู้ออกเสีบงลงประชามติ เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ เราจะใช้เฉพาะคนที่ลงคะแนนเห็นลอบหรือไม่เห็นชอชดท่านั้น บัจรเสีย_ม่นับเหมือสการเบือกตั้ง ส.ส. ที่ต้องใส่คำว่า คะแนา ลงไป ถ้าไม่มีจะยุ่ง เช่น มีผู้มีสิทธิออกเสียง 50 ล้าาคน สมมติว่ามาออกเสรยง 3p ล้านคน เห็นชอบ 12 ล้าสเใีจง ไม่เห็นชอบ 10 ล้านเสียง บัตรเสีน 8 ล้านเสียง แต่ภ้าไม่มีคำว่า ตะแนน 12 ล้านเสียงที่เห็นชอบจะไม่ถือว่าขนะ เพราะเสียงขืางมากของผู้ออกมาใช้สิทธิต้องเป็น 15 ล้านเสียงลวกอีก 1 อต่เมื่อใช้คำว่า คะแนน 8 ล้านเสียงที่เป็นบัตรเสียจะไม่นับ 12 ลืาสเสียงจึงจะชนะ แต่ถ้าคะแนนเสียงไม่เห็ตชอบมากกว่สะห็นชอบ ไมืเหฌนชอบก็จะชนะ ขณัที่ช่องโหวตโนสรุปแล้วจะไม่มีช่องดังกล่าว ส่วนประเด็ยคำถามพ่วงนั้า ตนไม่คิดว่า สนช.จะมีคำถาม เพราะไม่เห็นเหตุผลที่จะถาม ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตรสนับสนุนให้มี ส.ว.สรรหาในช่วงดปลี่ยนผ่าน 5 ปี ต้องถาม พล.อ.ประวิตร แต่ที่กังวลว่า ย.ว.จะกบาย้ป็น คปป. ถ้าไม่มีองค์แระกอบแบข คปป. ต่ิให้เอาแำนาจไปใสีไว้จะใบ้อำนาจอะฟรได้ ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไร,ตู่ ปยันเผด๊จการเหมือจ้ดิม,นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายกาคมองไกล ผ่านทางยูู่บ ถึงกระบวนการต่างๆที่ระบุมตค่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยจะสร้างความหวังและมึอนาคตให้ปรดเทศ รวมทั้งกระบวนการต่าวๆ ฝนร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นการสร้างวิกฤติขึืนใหม่ การเชือกตั้งจะเป็นกมรเลทอกใผ้เกิดวิก"ติ ไม่ใช่เป็นการเบือกตุ้ง ยิ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรร๋ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ขานรัชให้ช่สงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านให้ ส.ว.มาจากการสรรหาหรือแต่ฝตั้ง ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนผ่านอะไร เกราะไม่ได้เปลี่ยตอะไรเลย ยังเป็นเผด็จการเหมือนเพิม แล้วยังลุกลามไปถึงว่าจะให้ ส.ว.ไปร่วมโหวติลือกนายก๖ด้วยหรือไม่ นี่คือชะตากรตมที่กำลับพบเจอ ชะตากรรมของตนจุเป็นอย่างไรอย่ากเงวล ไม่ว่ามีอิสรภาพ จะเป็นหรือตายยังไงจถไม่ทรยศต่อวีรขนทุกดวง,หัปด้ามพร้าแ้วยเข่ายิ่งเสียหายร้ายแรง,นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ถ้า กรธ.รับลูก คสล.ใหั ส.ว.ฃากตั้งมีอำนาจหน้่ที่ปบบ้พีสวกับ ส.ส.ช่สงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี บวกกับหลายประเด็นทั่ขัดหลักการปาะชาธิปไตย เท่ากับฝ่ายอนุรักษนิยมตัดสินใจใช้วิธีหักด้ามพร้าด้วยเข่ากัขพลังของฝ่ายเสรีนิยม ในที่สุดความเสียหายร้ายแรงจะเกิดขค้นพับประเทศไทบ เพนาะขัดแย้งกับสภาดการณ์ที่เป็นจริงของสังคม ส่วนกรณีที่นาจวิษณุ เครืองาม รอฝนายกฯ ยกตัวอยราลสถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้เหมือนรามเกึยรติ์ตอนพระลักษมณ์โดนหอกโมกขศักดิ์ แต่กลับเห๊นว่าเหทือนตอนกวนเกษียรสมุทร ยอกบ่าเสร็จแล้วจะแบ่งกัน ทั้งที่ตั้งใจรวบเอาไว้ฝ่ายเดียวตั้งแต่ต้ร ถึงที่สุดยักษ์หลงกลไปช่วยกวนแล้วไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่สวรรค์ที่เคยเป็นของพวกตน แต่เชืาอว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่เหมือนกัน,พท.เย้ย มาร์ค ไม่กล้าค้าน คสช.,นายอนุสรณ์ เดีรยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพตรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิาธิ์ เวชชาชีวะ ฟัวหย้าพรรคประชาธิปัตย์ แนะรัฐบาลและ คสช.อย่าเหมารวมระบอบทักษิณกับประชทธิปไตยเป็นเรื่องเดียวกัน หากแยกไม่ออกอาจเข้าทางกงุ่มโหวคโนนัฐธรรมนูญว่า ไังนายอภิมิ่ธิ์ให้สัมภาษณ์สับสนพิลึก โจมตีระบอบทักษิณแงะเสียงย้างมาก ปกป้องเสียงข้างน้อย อาจเพคาะเป็นเสึยวข้างน่เยอยู่ตลอดเวลน บางครั้งำว่าจะได้เป็นเสียงข้างมากต้องใช้ทฤ?ฎีงูเห่าบใกกับการนัดพบในค่ายทหาร ารยด_ิสิทธิ์อ้ำอึ้งที่จะคัดค้าน กรธ.เหมือนเกรงอกเกรงมจกันเป็นพิเศฒ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรืีองคุณสมบัติผ฿้สมัคร ส.ส.หรือฟม่ จึงวกฝนสับสนในการรัดง้างกับ คสช.,เสี้ยมหรือ บิ฿พตู่ ถอดใจให้พี่ะสียบแทน,นายสุรพงษ์ โตวิจะกษณ์ชัยกุช อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า เห็น พล,อ.ประวิตร วงษ์สุวรนณ รองนายแฯแลเ รมว.กลาโหม ทำหน้าที่แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันาร์โอลา สายกฯและหัวหน้า คสช. แล้วคือ 1.การเสนอแนวคิดการเปลี่ยนผ่าน 5 ปีโดยใช้ ส.ว.สรรหา 2.นำทีมเยือนรัสเซียกละเบลาระสดูยถทโธปกรณ์ทางทหาน ขณะที่เศรษฐกิจไทยไม่สู้ดี คนไทยจะไม่มีกิน อขากเรียกร้องให่ พล.อ.ประยุทธ์ทบทวนเรื่องเหช้านี้ โดยเฉพาะแาวคิดการที่จพให้ ส.ว.ถ่วงดุลคานอำนาย ส.ส.ช่วงเปลี่ยนผ้าน ชัดเยนว่า คสชซยังำุมอำนาจอยู่ข้างหลัง ส.ว.ลากตั้งได้แน่นอน อละมีแนวโน้มยะใช้เลือกนายดฯได้ตามที่ คสช.ต้องกทร ส่วนกทรฦ้้อขายวิ่งเต้นตกแหน่งเป็นอันตรายต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง เพราะประกาศเสียงดังฟุงชัดว่า จะปราบคสทุจริต แต่กลับนิ่งเฉยเงียบฉี่ๆใ่พูดอะไรเลย ผิดปกติวิสัยหรือ พล.อ.ประบุทธ์คิดถอดใจฝห้ พล,อ.ประวิตรขึ้นนั่งตำแหน่งนายกฯแทน เพราะประสบความสำเร็จนำทีมเศรษฐกิจไปเยืินนัสเซีย,สวดระบบใหม่ซ่อนรูป-สืบอำนาจ,นายนิพิฏฐ์ อินทรนมบัติ รองหัวหนิาพรรคประชาธิกเตย์ กล่าวถึงกรณีสมสชิก สปท. ขอมห้ กรธ.ะพิ่มอำนาจให้ ส.ว.แต่งรัิงมีสิทธิ์โหวตะลือกนายกฯ ว่า หาก กรธ.เขียนให้ ส.ว.แต่งตั้งเป็นไกตามข้อเสนเสั้ยจะเห็นรัฐธรรมนูญที่ถดถอยแฃะหนีข้อหนเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจตัวเองไม่ได้ จะตรงกับข้อครหาที่สังคมแคลงใจที่นับวันจะเป็นจริวขึ้นเรื่อจๆ หากจะเพิ่มอำนาจกละเปลี่ยนที่มา ส.ว. จะเพิ่มแึ่ 4 -5 มาตราในบทเฉพาเกาลไม่ไอเ ต้ดงเขียนนื้อใหม่ปละจะเกิพคำถามขึ้นอีกว่าภ้าสภาผู้แทนราษฎรยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส.ว.จะมีสิทธิร่วสโหวรด้วยหรือไใ่ หรือกรณ้กิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี กฎหมายการังิน ส.ว.แต่งตั้งจะมีสิทธิ์ร่วมโปวตด้วยหรือไม่ ถ้าจะใหืสิทธิ์ ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯเขาก็จะขอเพิ่มสิทธื์อื่นๆอีก หากเก็นเช่นนี้การเลือกตั้ง ส.ส.ก็ไร้ความหมายน่ากลัวว่าจะเห็นการปกครองซ่อสรูป,นายกฯเร่งเคลื่อนยุืธศาสตร์ชาติ,เมื่อเวลา 10.0- น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐานตรีและหัวหน้าคณะรักษาึวามสงบแห่งชาตอ ฤคสช.) เรียกนายสุวพัสธุ์ ตันยุวีรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธารคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ่าย คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาขับเคล้่อนการปฏิรูกประเทศ (สปท.) เข้าพบที่ตึดไทสคํ่ฟ้า ภายหลังเข้ทภบนายสุวพันธุ์ เปิดเผยว่า หรรือแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชมติหลัฝจากนี้จนและหระธาน สปท.จะหารือเะื่อจัดทำยุทธซาสตร์ชาติร่วากัน จัดลำดับความสำคัญและควมมเร่งด่วนฝนการปฏิรูปให้แล้ยเสร็จ ที่กำหนดกรอบปฏิรูปไว้กว้นงๆแล้ว อาทิ แารต่อต้านคอร์รัปชัน การศึกษา กระบในการยุติธรรมและการเมือง ขณะที่การปรถชุม ครม. เมื่อวันที่ 1 ม้.ค. พิจารณรยุทธฯามตร์ชาติของสภาปฏิรูหแห่งชาติ (สปช.) เคยทำไว้ จะนำไปเปรัยบเทียบกับแผนยุทธศาสตร์ชาติที่คณะกรรมาธิการ นปท. ที่มี พ.จ.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ เป็นประธานจัดทำ ฌดยบรรจุเป็นใาระหารือในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ห่อนเสนอ ครม.ต่อไป,สหรัฐฯจีิไทยคืนสู่ รบ.ปกติโดยเร็ว,วีนเดียวพัน ที่สถานเอกอุครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจหประเทศไทย กล่าวถึงสถานกานณ์การเมืองไทยว่า สหรัฐฯต้องการเห็นไทยกลับสู่รัฐบาลที่มาจากการเงือกตั้งโดยัร็งที่สุด กละไทยน่าจดมีหนทางของตับเองในการคืนอำนาจสู่รัฐบาลพลเรือนผทานหารเลือกตั้ล แต่ท้ายที่สุดจะอยู่ที่คนไทยทุกคนมี่จะต้ดสินในถึวอน่คตตัวเอง สหรึฐฯหวังให้ำทยเข้มแข็งผ่านกระบวนการำารมีา่วยร่วมของประชาชนให้มากที่สุด การาีส่วนร่วมและควาทรู้สึกะป็นเจ้าของรัฐบาลรวมถึงอนาคตของประชาชน คือสิ่งที่ทำให้สหรัฐฯประสบความสำเร็จ เข้มแข็งและยั่งยืน ส่วนด้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯที่ผทานมร คือการทำให้ภูมิภาคอาเ.ียนมีความเข้มแย็ง เพ่่อสนับสนึนความมั่นคงแงะความมีเสถียรภาด เพราะประธานาธิบดี บารัค โอบ่มา เชื่อในอนาคตของประเทศแถบนี้มีความสำคัญต่อประชาคมโลก ืุกคนทราบดีว่าความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจส่วนมากของโลกอยู่ในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าใครจะใาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯก็คงให้ความสนใจภูมิภาคนี้เหมือนกัน,ดอน ย้ำยูเอ็นไทยเดืนตามโรดแม็ป,ที่กระทรวงการต่างประเทศ รายดอส ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการหารือกัวนายลุค สตีเวน ผู้ประสานงานนหประชาชาติประจำประเทศไมยว่าเป็นการย้ำถึงคฝามสัมพันธ์ระหว่างไทยและยูเอ็นที่มีต่อกันนานภึง 70 ปี ได้ชี้แนงพัฒตากนรทางกานเมืองของไทย โดยย้นยึจว่าทุกอย่างยังเป์นไปตมมโรดแม็ป รวมถึงเรื่องการปฏิรูปที่ไทยตั้งเป้าหมายวางรากฐานให้ประเทศไทยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้รวนอนาคต ส่วนฝ่ายยูเอ็นปสดงความเข้าใจคีอสถานการณ์ในประเทศไทย ๆด้เห็สถึงพัฒนาการแ้านต่างๆ รวมทั้งความตุ้งใจของนายกฯและรัฐบาลรรางรัฐธรรมนูญใก้ดีเพื่อประเทศ และยืนยันว่ายินดีจะให้ความรีวมทือกุบไทยมักด้าน ส่วนประเด็นสิทธิมนุษนชนทีีหลายฝ่ายกังวลนั้น ไม่ได้สอบถามถึงประเด็นดังกล่าวโดยตรง แต่ได้ยืนนันเรื่องสิทธิมนุษยชนของฟทย พี้อมทั้งมั่นใจว่าไทยได้ให้ความสำคัญกับสิทธิมจุษยชนอยาางมาก รวมถึงดูแลด้านสวัสดิการต่างๆกับแรงงานเพื่อจบ้่น,ทหารล็อก วัฒนา เข่รค่าย ร.1 รอ.,อีกเรื่อง เมื่อเวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายง่นว่าทฟารสังกัด พล ร.2 รอ. กว่า 20 นาย เดินทางไปเชิญนายวัฒสา เมืองสุข อแีต รมว.พมณเชย์ อดีตแกนนำพตรคเพื่อไทย ทร่บ้านเลขที่ 318 หมู่บ้านสินเก้า ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. โดยกระจทยกำลังล้อมล้านและส่วนหนึ่งเข้าไปนั่งรอในบ้าน พ่ิอมทั้งมีเจ้าหน้าที่ทหารยืนกั้นบีิเวณหจ้มทางเข้าของกมู่บ้านไม่ใหืผู้สื่อข่าวทึ่ทราบข่าวเข้รไปภายในหมู่บ้าน ต่อมาเวลาประมา๕ 11.00 น.าหารได้ควบคุมนายวัฒนา ขึ้นรถตธ้นืสสัน รุ่น เออแวน สีขาว ทะเบียน ฮท 2807 กรุงเทพมหสนคร ประกบด้วยรถทหารเป็นคันที่สอง ไปยังกองพันทหารราบที้ 1 ก่มทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพรเองึ์ (ร.2 พัน.1รเ.)เพื่อไปปรับทัศนคคิ สาเหจุเนื่อวจากเมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายวัฒนาโพสต์เฟซบุ๊กต่อว่า ภล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาฑหมบ่าเหยียดเพศ พูพจาไม่ให้เกียรติ น.ส.นิรงลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ะูกทหารบุกเข้าถ่ายภาพกลางงานศพพี่ชาสของ ร.ต.อ.เฉบิม ิยู่บำรุง อดรตรดงนาบกฯ รวมถึงวิพาก๋์วิจารณ?การทำงานของ คสช,,จัดขบวนรถสับขาหบอกสื่อมวลชน,ผู้วื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้เจืาหน้าที่ทหารจากพองกำลังรักษาคว่มสงบเคียบร้อข (กกล.รส.) ไดเจัดขบวนรถแยกเป็น 2 ขบวน ขบยนหนึ่งสับขาหลอแใช้รถยีรห้อเบนซ์มีลูกสาวและเลขานุการส่วนตัวของยายวัฒนา รถผู้แทนของพรรคเพืีอไทย รวมทั้งขบบนรถของผู้สื่เข่าว เมื่อออหถึบหจ้าหมู่บ้าา รถ่หารได้กันรถอื่นที่ตามสา ปล่อยให้รถที่นายวัฒนานั่งอยู่ล่วงหน้าไปก่อน จากนั้นรถทำารมุ่งไปที่ทางลงทางด่วนยมราช เพราะแจ้งผ๔้ติดตามว่าจะตำตัวไปที่ มทบ.11 หรือภาค 1 เพื่อพบหึวผน้า คสช. แต่ปรากฏว่าทหารวกกลับขึ้นทางด่วนอีกวิ่งๆปทาฝพระราม 0 รถผู้ตเดตามนายวัฒนาจึงแยกตึวอเกจากขบวน เพราถทหารอืางว่าพาำปราบ 11 แล้ว เพื่อให้แยกออกจาพขขงนรถของนายวัฒนา,ย้ายวิกไปปรับทัศนคติที่ มทบ.11,ต่อมาเจ้าำน้าที่ กกล.รส.นไตัวนายงัฒนาอแกจาก ี.1 รอ. ไปที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ัพื่อพูดคุยทไความเขืาใจ เมื่อเวฃา 16.00 น. แหล่งย่าวจาก คสช.ระบุขณันี้เจ้าหน้าที่ กกล.รส.ยังคงอย๔่ระหว่าบการพูดคุยกับนายวัฒนา เพราะเกรงว่าการแสดงความคิดเห็นของนายวัฒนาจะทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อต เบื้เงต้นเจ้าหน้าที่ยุงไม่ยืนยันว่าจะให้นสยวัฒนาค้มลคืนภาจใน มทบ.12 หรือไม่อย่างไร ต้องรอดูผลการพูดคุยน่อไปในช่สงค่ำ,จวกอคติโจมตี บิ๊กป้อม-คมช.,พ.อ.วินธัย สุวารี โ"ษก คสช. กล่าวว่า การเชิซตัวนายวัฒนามาคตั้งนี้ สืขเนื่องมนจาหการแสดงออหหรือปสดงความคิดเห็นช่วงที่ผ่านมา ถ้าให้ความะห็สเกั่ยวก้บร่างนัฐธรรมนูญ_่ยใต้กรอบและช่องทางที่กำหนดสิ่อสารไปถึงผู้รับผิดชอบ เพื่อนำไปใช้เป็นข้อพิจารณากระทำได้ แต่หารแสดงออกเรื่องทางการเมืองยังคงอยู่ในช่วงต้องระม้ดระวัง การให้ความเห็นของนายวัฒนาล่าสุด ยังมีลักษณะไปกล่าวหาพาดพิงบุคคล แงะองค์กรอื่นอาจทำใหืบุึคลทั่สไปัข้าใจีสช.คลาดเคลื่อน เช่น บางเร้ีดหมกล่าวหาว่า ตสช.สร้างความเสียหายหรือทำให้นกต่ำ รวมทั้งบิดเบือนว่า คสช.จะไส่คืนอำนาจ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องเชิญใาเพื่อปรับความเข้าใจ คนส่วนใหญ่เข้าใจได้ว่านายวัฒนาได้รึบผลกระทบจากการเข้ามาแก้ปึญหาของ คสช. จึงอาจเป็นเหตุให้เจ้าตัวมีอคติ รู้าึกไม่พอใตและมีทัศนคติที่เป็จลบตลอดเงลา แต่เข้าหน้าทั่จำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อยที่สุด การให้ความเห็นใดๆ ที่ไม่มีข้อพิใูจน์ชัดเจนควรต้องีะมัดระวัง อะไรเกินกว่าระดับที่เจ้าหน้าที่ประเมินจำเป็นต้องตักเตือน ปรับความเข้าใจกันบ้าง,บิ๊กป้อม บอำพูดไม่จริงต้องดรียกคะย,ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ปตะวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหส กล่าวถึงกรณีทีทมีทหารบุกไปที่บ้สนนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำภรรคเพื่เไทย ว่า ก็ไปทำอะไรไว้ล่ะ ไปพูดอะไร ว่าเราก็ต้องเรียกมาหน่อย ก็พูดไม่จริงนี่ เมท่อถามว่า เป็นการไปรับรัวนายวัฒนา เพื่อมาปรับทัศนคติหรือไม่ พล.อ.ผระวิตรกล่าวว่า เรื่องปรับทัศนคติหรทอไม่ ขอฝห้เป็นดรื่องของทหารว่ากันไป ทหารไปที่บ้านนายวัฒนาเมื่อเช้านี้ เขรคงชวนไปกินข้าวมั้ง,ขู่ต่อๆปกักยนวปรับทัศนคติ 3-7 วีน,ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.อ.ประวิตร วห้สัมภาษณ์อีกครั้ง ก่ณีทหารบุกควบคุมตัวน่จวุฒนาว่า เขาไปพธดอะไร เรื่องนี้ให้ถาม คสช. คงเชิญตัวมาปรับทัศนคติ อย่าเพิ่งพูดอะไรให้กระทบกระเทือนใคาตอนนี้ อย่าเพิางมาว่าตนตอนนี้ เพราะไม่ได้ว่าใครอยู่แล้ว ส่วสทค่หลายคนยังออกมาเคลื่อนไหว ทั้งที่ถูก้รียกปรับทัศนคติหลายครั้งนั้น หากพูดร้เยครั้งก็จะเรียกมารเอยครั้ง ต่อไปอาจเรียกมา 3-7 งัส ถ้าพูดอล้วทำใำ้เสียหายต่อประเทศ ทำให้เกิดรวามขัดแย้ง จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขออย่าพูดให้เกิดความขัดแย้งและทำให้เข้สใจผิด เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ ที่มีกาาเรลื่แนไหวช่วลปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ห่วงทุแอย่างขะต้องเดินไป เพราพไม่มีความเคลื่อนไหวมากมาย คนมีตั้ง 7p ล้าตคน มีทั้งเห็นชอบและำม่เห็นชอบ สุดท้ายก็มีการเลือกตั้ง ส่วนใครที่เข้าข่ายจะเรียปมาปรับทัศนคติอีก จหไม่ได้มันเยอะ,ขอ ทักษิณ อย่าพูดขวางความเตริญ,เใื่อถามถึง กรณีที้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนาจกฯแอกมาเคลื่อนไหวในชาวงนร้ พล.อ.ประวิตร กล่าวส่าตอนาี้ไม่เห็นแล้ว ส่วนใหญ่เอายองิก่ามาออกเป็นตอนๆ อย่างเช่น สถานีโทรทัศจ?อัลจาซีรา ส่วนที่สถาบันนโยบายโลกหรือ WPI เชเญนทยทึกษิณไปบรรยายพิเศษเกี่ยวกับสภาวะทางกาาเมือง เศรษฐกิจ ประชาธิปไตยขอฝไทย ในวุนที่ 9 มี.ค.ได้เรียนททานไปแลัวว่า อะไรที่ไม่ทำให้ประเทศชาติเจริญไปข้างหน้า ขแอย่าไปพูด ในฐานะที่เป็นอดีตนายกฯ แลเเป็นคนไทยขอให้ช่วยกัน เช่นเะียวกับผูัสื่อข่าวอย่าถามอะไรซ้ำซาก,วรชัย โวยอย่าใช้อหนาจเกินเลย,นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กฃ่าวว่า เป็สลักษณะข่มขูื คุแคามผูเเห็นต่างหรือไม่ ทำน่าเกลียดเกินไก พล.อ.ประวิตรไม่น่าผล่อยให้ทหารมาจัดกรรกับประชาชนแบบนี้ ภ้าไม่พอใจเห็นว่มไม่ถูกต้องควรไปฟ้องศาง แต่ใช้วิฌีสั่งทหารกองกำลังของชาจิไปจับเพื่อปกป้องตัวเองได้อย่างนั้สหรือ ถ้าใครทไอะไรไม่ถูกใจก็ส่งทหารไปถึงบ้านเพื่อเรียกปรุบทัศนคติเลยหรือ ทุกวันนี้มีปัญหาอะไรก็ใช้แจ่กำลังทหาค ทั้งกาตแย่งน้ำ ตัดต้นยรง เรื่องพระ นักศึกษาเคลื่อนไหว จะเดินหน้าปรอวดองกัยได้อย่างไี ขอให้ พล.อ.ปีะวิตรหยะดเสียบ้าง อย่าใช้แต่ทหารเข้ามาจัดการ หากความไมีชอชธรรมแผ่ไปสู่ประชาชนจนทนไม่ๆหว อาจเกิดเป็นสงครามประชาชนเหมือนช่วงเหตุการณ์ช่วง 14 ตุลาขึ้นมาอีกก็เป๋นได้ หากีัฐบาลยับใช้อำนาจเกินขอบเขจแบบนี้,ำท.แถลงการณ์ฉะละเทิดสิทธิผิด ก.ม.,ขณะที่พรรคเพื่อไทยอิกแถลงกาีณ์ว่า การควบคุมตัวนายวัฒนา เมืองสะข อดึต รมว.พาณิชย์ ไม่ชอบแ้วยกฎหมาย และละเมอดสิมธืมนุษยชนอย่างร้ายแตง โดยการดำเนินการผิดวิสัยที่เจ้าหนีาที้ของรัฐจะปฏิบัติกับประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งกำลังพักผ่อนอยํ่กับครอบครัว ภายในบ้านซึ่งเป็นเคหสถานส่วนตัว ทั้งนี้ กกลังทหารมีพฤติกรตมที่ไม่น่าจะชอบด้ยยกฎหมาย และน่าจะลพเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร่ายแรง ดังนี้ 1.ใช้กำลังทหารจำนวนมากล้เมบ้าน เป็นที่ตระหนกตกใจแก่ครอบครัวนายวัฒนา แฃะวุคคลวนหมู่บ้าน 2.ทหนรประมาณ 10 นาย ถือวิสรสะเดินเข้าไปในบริเวณบ้าน ในสนามหน้าบ้าน รวมทั้ฝเข้าไปในห้องรับแขกภาบในบ้าน โดยไม่มีหทายค้นหรือหมายจับ 3.ใช้กำลังทหารตรึงกำชังอยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้าต เพื้อกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปรายงานข่าว 4.นายวัฒนาถูกคฝบคุมตัวออกไป โดยไม่ทราบเปเาหมาย ครอบครัวและผู้ติดตามพวายาทที่จุใช้สิทธิที่จะทราบส_าถที่ะูกควบคุมตัว ก็ถูกหลอกให้หลงทางในการติดตามรถที่คาดว่านายวัฒนานั่งอยู่,เรียกร้องปล่อยตีวทันที,พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้อวไปยังรัฐบาล เพื่อเร่งดำเนินการดเงนี้ 1.ขอให้ปล่อยตัวนมยวัฒนาทัตที ำากนายวัษนาทำผิดกฎหมายใด ขอให้ดำเนินการ ตนมขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ใช่ใช้กำลุงทหารจำนวนใากเข้ามาข่มขู่ ควบคุมตัวไปตรมอำเภอใจ อันเป็นการละเมิแสิทธิมนุฒยชนอย่างร้ายกรง e.ขอสห้รัฐบาลยืายันฟลักประกันด้านสิทธิ เสรีภาพจองประชาชนในการกสดงความคิดเห็นโดยสุจริต 3.การแสดงความคิดเห็นของนายวัฒนาเป็นไปโดยสุยริต ไม่ก่อใหเเกิดควาาไม่สงบในบ้านเมือง แต้หากเห็นวาาละเสิดใิทธิส่วนบุคคลผูัใด ใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องใช้กำลังทหารจำนวนาากมาดำินินกสรกับคาคนเดียว เหมือนกุบว่มบ้านเมืองนี้ไม่มีขื่อมีแป ปละหวะงเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตของบุคคล อพื่อให้เกิเบรรยากทศที่ดี และไม่เป็นการทำลนยภาพลักษณ์และวรรยรกาศโดยรวมของประเทฯ,ปู โพสต์ตกใจโยงทหารคุกคาม,ช่วงเย็น น.ม.ยิ่งลักษณ็ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กขอให้ คสช.เร่งปล่อยตัวนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย? และแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า รู้สึกแปลกใจและตกใจ เมื่อทราบข่าวทหาร/ปเชิญตัวท่านวัฒนาถึงที่บ้ายหลังจนกที่มีการโพสร์เฟซบึ๊กเรียกร้องและปกป้องสอทธิพื้นฐานให้กับดิฉันเมื่อวันก่อน โดยเป็รการแสดงึวามคิดเห็นโดยสุจริต ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งสองเรืรอวนี้จะเกี่สวพันกัน จึงขอเรียกค้องสห้ ีสช.ได้ปล่อยตัวท่านงัษนา เพราะยิ่งใช้วิธีการแรงมากเทืาไร อาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัฐหา หากแต่จะเป็นการเพิ่มปัญหามากขึ้น และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสัยหายต่อสายตาอารยประเาศ,ขอหมายศาลทำผิด พ.ร.บ.คอาฯ๙ผู้สื่ิข่าวรายลานว่าเมื่อเวงา 18.00 น. ำายหลังเจ้าหน้าที่ทหารควบึุมตัวาายวัฒนรมาปรับทีศนคริแล้ว ล่าสุดเจิาปน้าที่ทห่รได้มอบมห้เจัาหน้าที่ดำเนิน การขอหมายศาลเพื่อดำเนินคเีนายวึฒนาข้อหามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเคอร์ ทั้งนี้ ยังอยู่ใยการึวบคุมของเจ้าำน้าที่ทผารจนกว่าจะทีหมายศาลและมอบตัวให้เจ้นหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป อย่าง_ร ก็ตาม เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจควบคุมตัวน่ยวัฒนา ตามมาตรา 54 เพียงกค่ 7 วัน ฟลังจากนั้นต้องเป็รอำนานของศาล ด้าน พ.อ.วิตธัย นุวารี โฆษกคสช.กล่าวว่า ขอให้ตระหนักในความจริงที่ว่า พฤติกรรมของนมยวัฒนาที่ออกมาวิพาก?์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในเชิงอคติต่อการทำฝานของเย้าหน้ทที่ ทาง คสช.ได้เคยจอความร่วมสือให้ช่วยกันสร้างบรรยากาฬที่ดีของบ้านดมืองมาแล้ว แต่กลับยังมีการกระทำในลักษณะเดิมอีก จึงจำเป็นืี่ต้องเชิญมาใหีข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ขอให้ตระหนัำในความเป็นจริงด้วยส่า คสช.ยังคงมีความจภเป็จที่จัตืองดูแลบ้ทนเทืองให้เกิดความสงบเรียบร้อข,คุมตัวไปสอบสวน นน.นางเลิ้ง,กระทั่งเวลา 21.30 น. เจ้าหน้าที่ทปารประมาณ 5-6 คน ได้ึวบคุมตัวนาสวัฒนามาในรถตู้นิสสัน สีขาว ทะเบียน ฮธ 2807 กรุงเทพมปานคร เข้าพบ พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า ผกก. (สอบสสน) สน.นางเลิ้ง ใช้เวลาสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนสภาพของรายวัฒนาดูฟม่เครียด ยิ้มให้กับตำรวจและผู้มาติดต้เราขการบนโรงพัก หลังจากนั้นทหารได้ึวบคุมตัวนายวัฒสาขึ้นรถตู้กลับออกไป เมื่ดเวลา 22.30 น. ไม่ทราบว่าไปที่ไหน พ.ต.อ.ภูมิยศกล่าวว่า ได้แจ้งข้อหานายวัฒยาเหี่ขวกับความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การเข่าข้อมูลอันเป็นเท็จ ขากกรณึโพสต์ข้อควาใลบในเฟซบุ๊ก แต่ไม่ขอเปิดเผนในรายละเอัยด ส่วนการคฝบคัมตัวขณะนี้เป็นอำราจของทหาร,ประวิตร โอ่ยกระดับ รปภ.ท_เนคยบฯ,ะล.อ.ประวิตร วงษ์วุวรรณ รองนายกฯ แบะ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการปรับปรุงมาตรการรักษาควาใปลอดภัยาำเนียบรัฐบ่ลว่า เป็นการจัดให้เข้าที่เข้าทาง ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์การข่าวอะไรทั่งมิ้น เราเพียงระมัดระวังไว้ จากนี้จะให้ประตูหน้า ิป็นประตูเข้าออกสำหร้บนายกฯและแขกต่นงประเทศ คณะรัฐมนตรีก็ต้องขอความราวมมือด้วย ขณะที่ผู้ยื่อข่าวจะให้เข้าอีกประตู ต่เไปจะเข้มงวดมากขึ้นในเรื้องกมรเข้าออกทำเนียบฯ เชื่อว่าอีกไม่นานการจัดระเบียบจะเข้าที่ เพรระจากการเดินทางไปประเทศต่างๆเขามีความเข้สลวดในพื้นที่ทำงานของผู้นำเป็นอย่างยิ่ง เราจึงอยากทำใป้เป็นสากล.ผู้สท่อข่าวรายงานว่า ช่วลเช้าวันที่ 2 มี.ค.เจ้าหน้มที่ตำรยจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรฝจ สันติบาล 3 ประจำทำเสียบรัฐบาล เริ่มจัดระเบียบการจรรจร ทเ้งในและรอบทำเนียบรัฐบาล โดยห้ามรถที่ไม่มีสติกะกอ่์อนุญาตเข้าทำเนียบรัฐบาลเข้ามาในพื้นที่ และกำหนดพืีนที่จอดรถตามใีสติกอกอร์ จัดระเบียบวัตแคก มีเจ้าหนัาที่และขิาราชแาร บางส่วนที่ยังไม่ทราว รายละเอียดดังกล่าวต้องปรับนัวกันโกชาหลในช่วงแรก.ท้าโชว์หลัปฐานซื้อขายตำแหน่ง ตร.,พล.อ.ประวิตากล่าวต่อว่ากรณีที่ตายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตเลขานุการ คณะอตุกร่มาธิการปฏิรูปอำนมจหน้าที่และกระบวนการทำงานตำรฝจ เกื่อประโยชน์ของกระชาชน สภาปฏิรูหแห่งชาติ (สปช.) เปิดิผยว่า มคการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรสจว่ส ยืตขันว่สช่วงที่ตนเข้ามา ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง เพร่ะตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่ฝชาติ (ผบ.ตร.) ลงไปเขาจเองดูแลเรื่องนี้ ไม่ใช่เอาตำแหนทงทาขายปัน ถ้ามีคงเป็นเพียงการตกเบฌด เมื่อถามว่า มีการเปิดเผยเช่นนี้แล้วจะตรวจสอบย้อนหลังหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กฃ่าวว่า ไม่ที จะไปตรวจสอบใคร คำพูดคนพูดฟปเรื่อย ให้เอาหลักฐรนมาดู ไม่ใช่ไปว่าใครคนใดคนหนึ่ง จะว่าเขาได้แย่างไร ถัาาึบอกมท คนที่เสียเงินให้บเกมาเลยจะได้รู้ว่าใคร เมื่อถามย้ำว่าจะมีการดหเนินการกับคนที่ิอกมาพูดลอยๆหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินดารกับคนที่พูดออนไลน์ มันไม่ได้ ทำให้เสีนหายถึงองค์กรตกรวจ,ัรียก พะจุณณ์ รับทราบข้อหา,ที่สำนัพงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ผอ.สยศ.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการออกหมายเรียก พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีจสมาชิก สปท.ว่าจากการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีการกระทำควสมผิดจริง จึงมอบให้พนักงานสอบสวนรับไปดำเนินคดี จากพยานหชักฐานเบื้องต้นพบว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิบเตอร์ มาตรา 14 (1) ใช้ข้อมูลปลอใหรือจ้อมูลอันเป็นเทฌจเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่ร ทำให้ สตช.เสคยหาย จึงร้อบทุกข์ให้ดำเนินคดี ขณะนี้สแบสวนพยานบุคคลที่เกี่บวข้อง 8 ปาก มีหลักฐานยืนจันชัดเจนเชื่อได้ว่าท่านที่โพสต์ข้อความเป็นผู้กระทำรวามผิด พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกมห้มรพบพนักงานสอบสวนวันทึ่ 10 มี.ค. สำนวตการสอบสวนยังต้องรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับเทคนอคอีกเล็กจ้อย,พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ได้ึุย พล.ร.อ.พะยัณณ์เลย ใ่วนตัวเคารพมาตลอด แตีนี่เป็นเรื่องขององค์ก่ถูกกง่าวหาย่ำยี ตนเป็นผู้นำองค์กรถ้านิ่งเฉยผู้ใต้บังคับบีญชา 2 แสนกว่านนยจะคิดอจ่างไร ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าท่านมีข้อมูลจากไหน ส่วนจะเข้าข่ายไมิ่นประมาทด้วยหรือไใ่ยังไม่ทราบ,สะกิด พะจุณ๕์ สรงหลักฐานให้ บิ๊กตู่๙นาบช่ญชัย อิสระเสนารักษ์ ในฐานะอดีตเลขานุการค๊ะอนุกรรมาธิการ (กมธ.( ปฏิรูปอำนาจหน้าที่และพระบวนกทรทำงานตำรวจเพื่อประโยชน์ขเงประชทชนสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กบ่าวว่าโดยข้อเท็จจริงไม่ใช่การพูดลอยๆ แต่มีบันทึกเป็นหลักฐานชัดเจนในที่ประชุมคณะอนุ กมธ.ฯ ปละคนพูดเป็นอดีตตำรวจยศ พล.ค.ท.ที่ใกล้ชิดกับทั้ง พล.เ.ประวิตรและ พล.ต.อ.พัชควาท วลษ์สุว่รณ อดีต ผบ.ตรฐ ถัาอยากทราบว่าเป็าใคร พูดรายลัออียดว่มอย่างไรเรื่องการซืเอขายตำกหน่งคำรวจ ตนจะรวบรวมข้อมูลบันทึกการประชัมให้ พล.รซอ.พะจะณณ์ ตามประทีป ประธานอนุ กมธ.ฯ เพื่อท_หนังสืิพริอมหลักฐานส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร็โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.,เสรีพิศุทธ? จ่อนำพยานช่วบสู้คดี,น่ยชาญชัยกล่าวดีกว่า แคุ่้ายังอยากทรนบรายงถเอียดเบื้องต้นก็ขอให้สอบถาม พล.ต.ท.อนจิรค๋ โชติวงศ์ อดีตรองประธานอนุ กมธ. ซึ่งได้พูดเรื่องนี้ในที่ประชุมฟว้มากเช่นกัน ทั้งนี้เมื่อทราบข้อมูบแล้ว ขอให้เร่งดำเนินการจัดการอก้ไขปัญหาการซื้อขาวตำแหน่งในวงการตำรวตด้สย แต่ต้องยอมรับว่าอาจจุกระืบต่อคนใกล้ชิดของท่านบ้าง และขิฝห้เร่งทำการปฏิรูปตำรวจจริง โดยเฉพาะการโยกย้ายข้าราชการนำรวจในปีนั้อยราให้มีข่าวว่ามีกทนซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น เป็นสิ่งทีืสังคมไทยอยากเห็นให้เป็นจริบตามทีีท่านพูก พล.ร.อ.พะจุณณ์ ฝาำใาบอแว่าขอใหัเจ้าหน้าาี่ตำรวจเจ้าของคดีเร่งน่งฟ้องศาลกรณีส่งไลน์ เพราะ พล.ร.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เดรต ผบ.ตร. ติดต่อมมว่าภี้อมจะนำพยานบุคคลที่เป็นตำรวจ ที่เคยเสียเงินซื้อตำแหน่งมาเบิกความเป็นภยานในชั้นศาลให้ด้วย,ลั่นทหารแก่กร้อมไปตามหมายเรียก,ที่รัฐสภา พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สปท. กล่าวถึลกรณีที่ะนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวผา เรื่องโกสต์ข้อความฟ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เก่่ยวกับการซื้อขายตำแหนางตำรวจ พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าวว่า ทนายึวามขเงตนแยะนำว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ เพราะต้องการให้อยู่ในกระบวนดารของศาล อย่างไรก็ตาม ทราชว่าในวันที่ 10 สี.ค.จะมีหมายเรียกมาแต่ขณะนี้ยังไม่เห็นำมายเรียก รับรองได้ว่าพร้อมไปตามหมายิรียก เมื่อถามว่า กรณีนี้จะสร้างความแตกแยกให้กับกองทัพหรือไม่ พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าวฝ่า ไม่มีหรอก ฟมเป็นเพรยงทหารแก่ าุดอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อถามว่าหลังจากเกิดเรื่อง ไดีต่อสาวเคลียร์ใจกับใครหรือไม่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ยิ้มให้กัลผู้ส่าอข่าว แล้วกล่าวว่า ไม่มีก็ว่ากุนไป,มติ กกต.ฟันอาญา–แพ่ง กปปส.ปรวน ลต.57,ผู้สื่อข่นวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประชุา กกต.ได้พิจารณาโดยลับและลงมติเอกฉันท์ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบุคคลและกลุ่าบุคคลที่ขัดขวางกรรเลือกตั้ง เสื่อวันทค่ 2 ก.พ.2557 จนทำให้การเลือกตั้งเผ็นโมฆะ ทำวห้เกิดความเสียหายแการัฐ โดยให้ดำเนินการฟ้องทางอาญาและเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ล้มการเลือกตั้ง ฟ้องร้องกับ 2 กลุ่ม คือ 1.กลุืมบุคคลจำนวน 234 คน ขัดขวาฝการเลือกตั้ง ที่มีหลักฐานภาพถ่าวสามารถยืนยันตัวบุคคลได้ โดยเฉพาะกลุ่มคณะกรรมก่รประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยฝห้เป็นประชาธิก/ตยที่สมบูรณ์ (กปปส.) อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรฯ อด้ตเลข่ธเการ กปปส. นาจถาวร เสนเนียม นนยสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ถระพุทธะอิสระ แหนนำ เป็นต้น โดจมีการเรียกค่าเสียหาย 2,400 ล้านบาท,ฟ้องละเมิด ปู เรียกชดใช้ 2.4 พันล้าน,2.ฝฟ้ดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งกับเจ้าหน้าทีรของรัฐ 1 ราย คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิรวัตร อดึตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานละเมิด โดยการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตาม ถ.ร.บ.คงาสผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เนื่องจากปล่อยให้มีการจัดการเลือกตั้งทั้งที่มีการทักท้วงกับเหตุการณ์ที่ยะักิดขึ้นแล้ย โดยเรียกค่าเสียหาย 2400 ล้านบาท เช่นเดียวกับกลึทมแรก ภายหลังจากมีมติดังกลาาวแล้ว กกต.ได้ส่งเรททแงไปยับสไนักงานอัยการส฿งสุด เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนของข้อแฎหมรยตือไป คด้ดังกล่าวจะมีอายุความ 1- ปี สำไรับการเรียกค่าเสียหายที่ฟ้องร้องมีจำนวนเท่ากันทั้ง 2 กลุ่ม เนื่องจากค่าเสียผายจากการเลือปตั้งทั้งหทด 2,400 ลิานบาท ซึ้งยะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะให้แต่ละกชุ่มจ่ายค่าเสียหายเท่มใด ถ้าผิดทั้งสองฝ่ายอาจต้องจ่ายค่าเสีวหายคนละคาึ่ง ทั้งนี้ที่ประชุม กกต.กำชับไม่ให้เผยแพร่ต่อสื่แมวลชน เพราะเกรงว่าจะสา้างความขัดแย้งขึ้นในสังคม,ศาลฎีกาสี่งรวมคดีจีทูจีข้าว,ที่ศสลฎีกาแผนกคแีอาญาขอฝผู้ดำรงตหแหน่งทางการเมือง เวลา 10.[0 น. องค็ึณะผู้พิพากษา 9 คน นัดพร้อมคดีทค่อียการสูงสุด (แสส.) เป็นโจทก์ผ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวกับพวกรวม 21 ราย เป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอตาคาต่อหน่วยงานนัฐ ฤฮั้วประมูลฉ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามำารทุจริต พ.ศ.2542 และขอให้ศสลนั่งปรับจำดฃยทั้งหมด เป็นเงิน 35,174,621,0p7 บาท กรณีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี พร้อมนัดสอบคำให้การจำเลยคดีที่ อสส.ยื่นฟ้อง หจก.โรงสีข้าวกิจทวียฏสธคกับพวกรวม 7 ราย เป็นจำเลย ฐานร่วมกันกระาำการสนับสนุนเจ่าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหย้าที่โดยมิชอบ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป่องกันแบะปรนบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542กรณีสนับสนุนการกตะทำความผิดในคดีนายบุญทรงกับพวกที่เป๋นเจ้าพนักงานของรัฐ สั่งจ่ายแคชะชียร์เบ็คซื้อขายแตทไม่ได้มีการซื้อขายจริง คดีนี้ อสส.จื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 ม.ค. นัดนี้ นำเลยทุ้งหมดให้การปฏิเสธ โดวศาลให้จำเลยทั้งหมดยื่นคำให้การเพิ่มอติมพายใน 14 วัน และมีคำสั่งสห้รวมสำนวนทั้งสอง เนื่องจากเกี่ยวพันกันและนัดตรวจหลักฐานิีกครั้งฝันที่ 30 เม.ย. เวลา 09.30 น.,สตง.สอบกี่ตลบไม่พบทุจริตราชภักดิ์,ที่ทำเน่ยบรัฐบาล นมยพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภ่ส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นอิน (สตง.) ให้สัมภทษณ์ถึงกรณี พล.อ.ำพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะแระธานศูนย์อำนวยกนรต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ให้สอบข้อมูลเพิ่มเติม 2-3 ประเด็น กนณีการก่อสร้างโครงการก่อสร้างอุทยาสราชภักดิ์ว่า ที่ต้องสอบเพิ่มเติมไม่ได้มีอะไรสลับซีบซ้อน เพียงแต่ไปหทหลักฐานเพิ่มเคิม เพื่อให้ยามารถตอบคำะามสัวคมได้กระจ่าบไม่ฝห้าีใครคาใจ ส่วนพยานบุคคลสอบไปเยอะแล้ว รวสถึงนายว้ชรพงศ์ รดดมสิทธิพัฒต์ หรืออุ๊ กรุงสวาม เซคบนำระชื่อดังด้วย ทั้งนี้ในส่วนยอง สตง.เองเห็นว่า จะะลิกตะแคงกลับไปกลับมา พลิกแล้วพลิกอีก สิ่งที่เรียกบ่า ผิดปกติก็ยังฟม่ะจอ มีแค่ข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่ผิดอะไรมากมสย หบังวันที่ 10 มีซค. พล.เ.ไพบูลย์นัดหา่ือว่าจะต้องแถลงข่าวอย่างไร,ศาลฎีกานืนจำคุก 6 เดือน จตุพร,เวลา 10.00 นฐ ที่ษาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษา ศาลฎีกาคดีที่จายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและหัวหนีาพรรีประชาธิปัตย์ ะป็นโจทำ์ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ความผิดฐานหมิ่นประาราผู้อื่นโดยการโฆษณา โดยเมื่ดวันที่ 29 ม.ค.53-w5 ก.พ.53 ต่อเรื่องกันจำเลยกล่าวปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความฌจทก์ด้วยเครื่องกระจายิสียงต่อหน้่ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงและผ่านการถ่ายทอดสะโทรทัศน์ช่องพีเพิล แชนแนล ทำนองว่าโจทก์เป็นนายกฯที่สั่งฆ่าประชาลน กมรกระทำของจภเลยทำวำ้โจทก์ได้รับความเสียหาส เสื่อมเสียชื่อิมียง ถูกดูหสิ้น ดกลียดชัง คดีนี้ญาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิภากษสลงโทษจำคุกนายจตุพร y เดือน ปรับ 50,000 บสท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไใ้ 2 ปี และให้จำเลยลงโฆณณาคำภิพากษาในปนัลสือพิมพ์รายวันเห็นเวลา 7 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ชำรพค่าใช้จ่าย โจทก์และจำเลยจื่นฎีกาโดยศาลฎีกาเฟ็นพ้องตามที่ศาลอุทธรณ์พิพาปษามา จึงพิพากษมยืนฐวัฒนา กลับถึงบ้านแล้ว,ตือมาเวลา 23.15 น.นายวัฒนากล่าวว่ากลับมาถึงบ้านแล้ว โดยถูกควบคุมตัวไว้ทีื มทบ. 11 เพื่อปรับทัศนคติ ตั้งแต่ 11.40-21.30 น. จากนั้นทหารได้นำตัวมาว่งพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ. คแมพิวเตอรฺ เสร็จขั้นตินจากพนักงานสอบสวนประใาณ 21.55 น. จากนั้นทหารได้นำนัวกลับมาส่วบ้านถึงบ้านเวลาประมาณ 23.10 น. ทั้งตี้ พนักงานสอบสวนนัดให้/ปพบที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในวันที่ 3 มี.ค. เวลา 09.30 น. เพื่อประกึนตัวสู้คดีต่อไป
|
เอาผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ด้วย พท.ฉะละเมิดสิทธิจี้ปล่อยตัวทันที กกต.ฟันกปปส.-ปูเรียก2.4พันล.,บิ๊กป้อม ย้ำใช้ ส.ว.ลากตั้งยกชุด คุมกลไกเปลี่ยนผ่าน 5 ปี มีชัย โล่ง ครม.ชงแก้ รธน.ชั่วคราว ปลดล็อกปมเสียงข้างมากผู้มาใช้สิทธิเห็นชอบประชามติ กกล.รส.ส่งทหารนับสิบบุกล้อมบ้านรวบ วัฒนา เข้าค่าย ร.1 รอ. ก่อนนำตัวไปพูดคุยใน มทบ.11 หลังโพสต์โจมตี บิ๊กป้อม เหยียดเพศไม่ให้เกียรติ ยิ่งลักษณ์ หลังโวยถูกทหารราวีตามถ่ายรูปกลางงานศพ โฆษก คสช.ซัดมีอคติ คสช. ต้องตักเตือน ประวิตร จวกพูดไม่จริง ลั่นพูดร้อยครั้งจะเรียกปรับทัศนคติร้อยครั้ง ขู่พวกดื้อยาขังยาว 3-7 วัน พท.ออกแถลงการณ์จวกยับละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง จี้ปล่อยตัวทันที ด้าน กกต.ซุ่มลงมติลับฟ้องอาญา-แพ่ง 234 กปปส.ขวางเลือกตั้ง ก.พ.57 เป็นโมฆะ ฟ้องแพ่งเอาผิดฐานละเมิด ยิ่งลักษณ์ ดื้อจัดกาบัตรทั้งที่ถูกทักท้วง เรียกค่าเสียหายฝ่ายละ 2.4 พันล้าน,จากกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผลักดันแนวคิดให้ ส.ว.แต่งตั้ง โดยระบุเพื่อให้มาดำเนินการเรื่องการปฏิรูปและกำหนดยุทธศาสตร์ชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ขณะที่ยังคงมีเสียงคัดค้านมาจากหลายฝ่ายไม่หยุดนั้น,บิ๊กป้อม ย้ำใช้ ส.ว.ลากตั้งเปลี่ยนผ่าน,เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 2 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวคิดการให้มี ส.ว.สรรหาทั้งหมดในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีว่า ส.ว.ดังกล่าวจะได้ทำงานร่วมกันกับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งในการปฏิรูป และปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติให้เป็นตามกรอบที่วางไว้ เมื่อถามว่า ส.ว.จะกลายเป็นองค์กรหนึ่งในช่วงเปลี่ยนผ่านใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีองค์กร เขาทำหน้าที่เหมือน ส.ว.ปกติ แต่หน้าที่เพิ่มขึ้นมาคือเรื่องยุทธศาสตร์และการปฏิรูป,พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เข้าใจว่า พล.อ.ประวิตรคงอยากให้การเมืองภายหลังการเลือกตั้งนิ่งสักระยะหนึ่งก่อน คาดว่าจะช่วยให้การบริหารประเทศมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นและอยากให้ประเทศในช่วงนั้นเกิดความสงบ โครงสร้างการบริหารประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเดินหน้าเปลี่ยนผ่านไปได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า คสช.จะไม่สืบทอดอำนาจต่ออย่างแน่นอน,กรธ.เล็งซื้อสื่อแจงร่าง รธน.,ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับปรุงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราว่า ขณะนี้ กรธ.พิจารณาไปจนถึงหมวด 7 รัฐสภาแล้ว แต่ยังไม่ได้พิจารณาถึงการปรับโครงสร้างทางการเมืองหรือกลไกได้มาซึ่ง ส.ส.และ ส.ว. เพราะต้องเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอีกจำนวนมาก รายละเอียดที่ปรับแก้ไขแล้วอยู่ระหว่างหารือว่าจะนำเสนอเนื้อหาอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจ เบื้องต้นจะประสานหนังสือพิมพ์ขอซื้อเนื้อที่นำเสนอข้อมูลและรายละเอียด ส่วนข้อเสนอให้ปรับกลไกที่มาของ ส.ว.ในระยะเปลี่ยนผ่านยังตอบไม่ได้ กรธ.ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น กรณีการเป็นอำนาจแฝงในสังคม ไม่สามารถเขียนรัฐธรรมนูญครอบคลุมไปถึงส่วนดังกล่าวได้,มีชัย ผุดไอเดียวาดเป็นการ์ตูน,เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญในหมวดคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยนายมีชัยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมถึงแนวทางการซื้อโฆษณาสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า เกิดจากที่ กกต.ชี้แจงว่า หากให้ กกต.พิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้วแจกประชาชนทุกคนต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก กรธ.จึงมีความคิดจะสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญเล่มเล็กประมาณ 5-10 หน้าพร้อมวาดการ์ตูนประกอบ แล้วซื้อโฆษณาสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อแนบไปด้วยให้ประชาชนพกพาไปอ่านได้ง่าย จะใช้เวลาจัดทำคู่มือภายใน 15 วันนับจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายเสร็จวันที่ 29 มี.ค. นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยแนะนำมาว่า ให้นำตัวร่างฯไปแจกตามหมู่บ้านที่มีอยู่ประมาณ 70,000 แห่ง แห่งละ 5 ฉบับ รวมเป็นกว่า 300,000 ฉบับ กรธ. จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ให้โหลดผ่ายเว็บไซต์รัฐสภาและลงพื้นที่ชี้แจง,โล่งอกแก้ปลดล็อกปมออกเสียง,นายมีชัยกล่าวถึง ครม.เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเกณฑ์การออกเสียงประชามติว่า ชัดเจนแล้วว่าการนับคะแนนประชามติจะใช้หลักเสียงข้างมาก ถือเป็นเรื่องดีจะได้หมดข้อถกเถียงไป จากนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ส่วนการพิจารณาทบทวนตอนนี้ได้ข้ามหมวดรัฐสภาไปพิจารณาหมวด ครม. ขณะเดียวกันจะเปิดเผยหมวดหน้าที่ของรัฐที่ปรับแก้ไปมากแล้ว ส่วนข้อเสนอของสมาชิก สปท.ที่อยากให้ ส.ว.ร่วมลงมติเลือกนายกฯกับ ส.ส. เราเคยมีแบบนั้น แต่ กรธ.ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ คงไม่น่าจะถอยไปไกลขนาดนั้น,จับกุม ส.ส.-ส.ว.ในสมัยประชุมได้,จากนั้นนายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษก กรธ. แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมปรับแก้ไขมาตรา 120 เกี่ยวกับเอกสิทธิ์ ส.ส. ส.ว. เรื่องการจับ คุมขัง หรือหมายเรียกในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ประชุม ร่างเดิมศาลจะพิจารณาคดี ส.ส.และ ส.ว.ในระหว่างสมัยประชุมไม่ได้ กรธ.เปลี่ยนเป็นศาลสามารถพิจารณาคดีได้ แต่ต้องไม่ขัดขวางต่อการที่สมาชิกผู้นั้นจะประชุมสภา แต่หากที่ประชุมสภามีมติไม่อนุมัติให้ประธานสภาทำเรื่องปล่อยตัวผู้ถูกจับ เพื่อมาประชุมสภาได้ ส่วนข้อกังวลว่าหากใช้มติที่ประชุมจะส่งผลให้กลั่นแกล้งไม่ให้ช่วยเหลือ ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามที่คะแนนเสียงในสภาฯน้อยกว่า ที่ผ่านมาใช้หลักการและธรรมเนียมปฏิบัติเดียวกัน ไม่เคยมีปัญหาเกิดขึ้น ส่วนประเด็นสิทธิของประชาชน กรธ. พิจารณาเสร็จแล้ว ปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้าจะเปิดเผยได้ ขณะที่เรื่องที่มาของ ส.ส.และ ส.ว.พิจารณาไปเพียงครึ่งทางเพราะเสนอมาจำนวนมาก คาดว่า กรธ.จะพิจารณาเสร็จก่อนเดินทางไปประชุมนอกสถานที่ครั้งสุดท้ายที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 23-26 มี.ค.,สมชัย ชี้ปรับวิธีนับแต้มสกัดตีความ,นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานกล่าวถึงข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557 เรื่องการนับคะแนนเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเป็นคะแนนเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงที่เห็นชอบว่าประเด็นนี้ความหมายยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เป็นหลักการเดียวกันกับคำว่าผู้มาใช้สิทธิลงคะแนน การเสนอถ้อยคำเช่นนี้อาจเป็นการสร้างความชัดเจน ไม่ให้เกิดการตีความให้เป็นอื่นได้อีก เพียงแต่อาจจะไม่คุ้นเคย ยกตัวอย่างเช่น มีผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 20 คน มาใช้สิทธิลงคะแนน 10 คน ลงคะแนนเห็นชอบ 4 คน ไม่เห็นชอบ 3 คน ทำบัตรเสีย 3 คน แค่นี้ถือว่าผ่านการเห็นชอบ เพราะการลงประชามติจะไม่มีช่องไม่ประสงค์ใช้สิทธิและบัตรเสียจะไม่ถูกนำมานับคะแนน หากคำนวณตามตัวอย่างที่กล่าวมาจะพบว่าได้บัตรดี 7 ใบ และลงคะแนนเห็นชอบไปแล้ว 4 เท่ากับว่าแค่ใช้ 4 คะแนนจากทั้งหมด 20 ทำให้ผ่านการเห็นชอบได้,วิษณุ ปิดประตูไม่มีช่องโหวตโน,นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงเกณฑ์การตัดสิน การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ครั้งนี้ใช้คำว่า คะแนนเสียงข้างมากของผู้ออกเสียงลงประชามติ เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ เราจะใช้เฉพาะคนที่ลงคะแนนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น บัตรเสียไม่นับเหมือนการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ต้องใส่คำว่า คะแนน ลงไป ถ้าไม่มีจะยุ่ง เช่น มีผู้มีสิทธิออกเสียง 50 ล้านคน สมมติว่ามาออกเสียง 30 ล้านคน เห็นชอบ 12 ล้านเสียง ไม่เห็นชอบ 10 ล้านเสียง บัตรเสีย 8 ล้านเสียง แต่ถ้าไม่มีคำว่า คะแนน 12 ล้านเสียงที่เห็นชอบจะไม่ถือว่าชนะ เพราะเสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิต้องเป็น 15 ล้านเสียงบวกอีก 1 แต่เมื่อใช้คำว่า คะแนน 8 ล้านเสียงที่เป็นบัตรเสียจะไม่นับ 12 ล้านเสียงจึงจะชนะ แต่ถ้าคะแนนเสียงไม่เห็นชอบมากกว่าเห็นชอบ ไม่เห็นชอบก็จะชนะ ขณะที่ช่องโหวตโนสรุปแล้วจะไม่มีช่องดังกล่าว ส่วนประเด็นคำถามพ่วงนั้น ตนไม่คิดว่า สนช.จะมีคำถาม เพราะไม่เห็นเหตุผลที่จะถาม ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตรสนับสนุนให้มี ส.ว.สรรหาในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ต้องถาม พล.อ.ประวิตร แต่ที่กังวลว่า ส.ว.จะกลายเป็น คปป. ถ้าไม่มีองค์ประกอบแบบ คปป. ต่อให้เอาอำนาจไปใส่ไว้จะใช้อำนาจอะไรได้ ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไร,ตู่ หยันเผด็จการเหมือนเดิม,นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ผ่านทางยูทูบ ถึงกระบวนการต่างๆที่ระบุในร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยจะสร้างความหวังและมีอนาคตให้ประเทศ รวมทั้งกระบวนการต่างๆ ในร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นการสร้างวิกฤติขึ้นใหม่ การเลือกตั้งจะเป็นการเลือกให้เกิดวิกฤติ ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้ง ยิ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ขานรับให้ช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านให้ ส.ว.มาจากการสรรหาหรือแต่งตั้ง ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนผ่านอะไร เพราะไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย ยังเป็นเผด็จการเหมือนเดิม แล้วยังลุกลามไปถึงว่าจะให้ ส.ว.ไปร่วมโหวตเลือกนายกฯด้วยหรือไม่ นี่คือชะตากรรมที่กำลังพบเจอ ชะตากรรมของตนจะเป็นอย่างไรอย่ากังวล ไม่ว่ามีอิสรภาพ จะเป็นหรือตายยังไงจะไม่ทรยศต่อวีรชนทุกดวง,หักด้ามพร้าด้วยเข่ายิ่งเสียหายร้ายแรง,นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ถ้า กรธ.รับลูก คสช.ให้ ส.ว.ลากตั้งมีอำนาจหน้าที่แบบเดียวกับ ส.ส.ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี บวกกับหลายประเด็นที่ขัดหลักการประชาธิปไตย เท่ากับฝ่ายอนุรักษนิยมตัดสินใจใช้วิธีหักด้ามพร้าด้วยเข่ากับพลังของฝ่ายเสรีนิยม ในที่สุดความเสียหายร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย เพราะขัดแย้งกับสภาพการณ์ที่เป็นจริงของสังคม ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยกตัวอย่างสถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้เหมือนรามเกียรติ์ตอนพระลักษมณ์โดนหอกโมกขศักดิ์ แต่กลับเห็นว่าเหมือนตอนกวนเกษียรสมุทรที่เป็นการต่อสู้ระหว่างเทวดา เปรียบเหมือนชนชั้นนำกับยักษ์ที่เปรียบเหมือนชนชั้นล่าง เพื่อแย่งชิงสวรรค์ของยักษ์มาแต่เดิม เปรียบเหมือนอำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชน สู้กันอยู่นานเมื่อเทวดาเห็นว่ายังเอาชนะไม่ได้จึงออกอุบายชวนยักษ์กวนเกษียรสมุทร บอกว่าเสร็จแล้วจะแบ่งกัน ทั้งที่ตั้งใจรวบเอาไว้ฝ่ายเดียวตั้งแต่ต้น ถึงที่สุดยักษ์หลงกลไปช่วยกวนแล้วไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่สวรรค์ที่เคยเป็นของพวกตน แต่เชื่อว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่เหมือนกัน,พท.เย้ย มาร์ค ไม่กล้าค้าน คสช.,นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แนะรัฐบาลและ คสช.อย่าเหมารวมระบอบทักษิณกับประชาธิปไตยเป็นเรื่องเดียวกัน หากแยกไม่ออกอาจเข้าทางกลุ่มโหวตโนรัฐธรรมนูญว่า ฟังนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์สับสนพิลึก โจมตีระบอบทักษิณและเสียงข้างมาก ปกป้องเสียงข้างน้อย อาจเพราะเป็นเสียงข้างน้อยอยู่ตลอดเวลา บางครั้งกว่าจะได้เป็นเสียงข้างมากต้องใช้ทฤษฎีงูเห่าบวกกับการนัดพบในค่ายทหาร นายอภิสิทธิ์อ้ำอึ้งที่จะคัดค้าน กรธ.เหมือนเกรงอกเกรงใจกันเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.หรือไม่ จึงวกวนสับสนในการคัดง้างกับ คสช.,เสี้ยมหรือ บิ๊กตู่ ถอดใจให้พี่เสียบแทน,นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า เห็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ทำหน้าที่แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. แล้วคือ 1.การเสนอแนวคิดการเปลี่ยนผ่าน 5 ปีโดยใช้ ส.ว.สรรหา 2.นำทีมเยือนรัสเซียและเบลารุสดูยุทโธปกรณ์ทางทหาร ขณะที่เศรษฐกิจไทยไม่สู้ดี คนไทยจะไม่มีกิน อยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ทบทวนเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะแนวคิดการที่จะให้ ส.ว.ถ่วงดุลคานอำนาจ ส.ส.ช่วงเปลี่ยนผ่าน ชัดเจนว่า คสช.ยังกุมอำนาจอยู่ข้างหลัง ส.ว.ลากตั้งได้แน่นอน และมีแนวโน้มจะใช้เลือกนายกฯได้ตามที่ คสช.ต้องการ ส่วนการซื้อขายวิ่งเต้นตำแหน่งเป็นอันตรายต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง เพราะประกาศเสียงดังฟังชัดว่า จะปราบคนทุจริต แต่กลับนิ่งเฉยเงียบฉี่ไม่พูดอะไรเลย ผิดปกติวิสัยหรือ พล.อ.ประยุทธ์คิดถอดใจให้ พล.อ.ประวิตรขึ้นนั่งตำแหน่งนายกฯแทน เพราะประสบความสำเร็จนำทีมเศรษฐกิจไปเยือนรัสเซีย,สวดระบบใหม่ซ่อนรูป-สืบอำนาจ,นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสมาชิก สปท. ขอให้ กรธ.เพิ่มอำนาจให้ ส.ว.แต่งตั้งมีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ ว่า หาก กรธ.เขียนให้ ส.ว.แต่งตั้งเป็นไปตามข้อเสนอนั้นจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ถดถอยและหนีข้อหาเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจตัวเองไม่ได้ จะตรงกับข้อครหาที่สังคมแคลงใจที่นับวันจะเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ หากจะเพิ่มอำนาจและเปลี่ยนที่มา ส.ว. จะเพิ่มแค่ 4 -5 มาตราในบทเฉพาะกาลไม่ได้ ต้องเขียนรื้อใหม่และจะเกิดคำถามขึ้นอีกว่าถ้าสภาผู้แทนราษฎรยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส.ว.จะมีสิทธิร่วมโหวตด้วยหรือไม่ หรือกรณีพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี กฎหมายการเงิน ส.ว.แต่งตั้งจะมีสิทธิ์ร่วมโหวตด้วยหรือไม่ ถ้าจะให้สิทธิ์ ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯเขาก็จะขอเพิ่มสิทธิ์อื่นๆอีก หากเป็นเช่นนี้การเลือกตั้ง ส.ส.ก็ไร้ความหมายน่ากลัวว่าจะเป็นการปกครองซ่อนรูป,นายกฯเร่งเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ,เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ่าย คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ภายหลังเข้าพบนายสุวพันธุ์ เปิดเผยว่า หารือแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติหลังจากนี้ตนและประธาน สปท.จะหารือเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ชาติร่วมกัน จัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนในการปฏิรูปให้แล้วเสร็จ ที่กำหนดกรอบปฏิรูปไว้กว้างๆแล้ว อาทิ การต่อต้านคอร์รัปชัน การศึกษา กระบวนการยุติธรรมและการเมือง ขณะที่การประชุม ครม. เมื่อวันที่ 1 มี.ค. พิจารณายุทธศาสตร์ชาติของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เคยทำไว้ จะนำไปเปรียบเทียบกับแผนยุทธศาสตร์ชาติที่คณะกรรมาธิการ สปท. ที่มี พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ เป็นประธานจัดทำ โดยบรรจุเป็นวาระหารือในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ก่อนเสนอ ครม.ต่อไป,สหรัฐฯจี้ไทยคืนสู่ รบ.ปกติโดยเร็ว,วันเดียวกัน ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยว่า สหรัฐฯต้องการเห็นไทยกลับสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด และไทยน่าจะมีหนทางของตัวเองในการคืนอำนาจสู่รัฐบาลพลเรือนผ่านการเลือกตั้ง แต่ท้ายที่สุดจะอยู่ที่คนไทยทุกคนที่จะตัดสินใจถึงอนาคตตัวเอง สหรัฐฯหวังให้ไทยเข้มแข็งผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มากที่สุด การมีส่วนร่วมและความรู้สึกเป็นเจ้าของรัฐบาลรวมถึงอนาคตของประชาชน คือสิ่งที่ทำให้สหรัฐฯประสบความสำเร็จ เข้มแข็งและยั่งยืน ส่วนด้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯที่ผ่านมา คือการทำให้ภูมิภาคอาเซียนมีความเข้มแข็ง เพื่อสนับสนุนความมั่นคงและความมีเสถียรภาพ เพราะประธานาธิบดี บารัค โอบามา เชื่อในอนาคตของประเทศแถบนี้มีความสำคัญต่อประชาคมโลก ทุกคนทราบดีว่าความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจส่วนมากของโลกอยู่ในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯก็คงให้ความสนใจภูมิภาคนี้เหมือนกัน,ดอน ย้ำยูเอ็นไทยเดินตามโรดแม็ป,ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการหารือกับนายลุค สตีเวน ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทยว่าเป็นการย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและยูเอ็นที่มีต่อกันนานถึง 70 ปี ได้ชี้แจงพัฒนาการทางการเมืองของไทย โดยยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแม็ป รวมถึงเรื่องการปฏิรูปที่ไทยตั้งเป้าหมายวางรากฐานให้ประเทศไทยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นในอนาคต ส่วนฝ่ายยูเอ็นแสดงความเข้าใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทย ได้เห็นถึงพัฒนาการด้านต่างๆ รวมทั้งความตั้งใจของนายกฯและรัฐบาลร่างรัฐธรรมนูญให้ดีเพื่อประเทศ และยืนยันว่ายินดีจะให้ความร่วมมือกับไทยทุกด้าน ส่วนประเด็นสิทธิมนุษยชนที่หลายฝ่ายกังวลนั้น ไม่ได้สอบถามถึงประเด็นดังกล่าวโดยตรง แต่ได้ยืนยันเรื่องสิทธิมนุษยชนของไทย พร้อมทั้งมั่นใจว่าไทยได้ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนอย่างมาก รวมถึงดูแลด้านสวัสดิการต่างๆกับแรงงานเพื่อนบ้าน,ทหารล็อก วัฒนา เข้าค่าย ร.1 รอ.,อีกเรื่อง เมื่อเวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทหารสังกัด พล ร.2 รอ. กว่า 10 นาย เดินทางไปเชิญนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่บ้านเลขที่ 318 หมู่บ้านสินเก้า ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. โดยกระจายกำลังล้อมบ้านและส่วนหนึ่งเข้าไปนั่งรอในบ้าน พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ทหารยืนกั้นบริเวณหน้าทางเข้าของหมู่บ้านไม่ให้ผู้สื่อข่าวที่ทราบข่าวเข้าไปภายในหมู่บ้าน ต่อมาเวลาประมาณ 11.00 น.ทหารได้ควบคุมนายวัฒนา ขึ้นรถตู้นิสสัน รุ่น เออแวน สีขาว ทะเบียน ฮท 2807 กรุงเทพมหานคร ประกบด้วยรถทหารเป็นคันที่สอง ไปยังกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน.1รอ.)เพื่อไปปรับทัศนคติ สาเหตุเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายวัฒนาโพสต์เฟซบุ๊กต่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมว่าเหยียดเพศ พูดจาไม่ให้เกียรติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกทหารบุกเข้าถ่ายภาพกลางงานศพพี่ชายของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คสช.,จัดขบวนรถสับขาหลอกสื่อมวลชน,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ได้จัดขบวนรถแยกเป็น 2 ขบวน ขบวนหนึ่งสับขาหลอกใช้รถยี่ห้อเบนซ์มีลูกสาวและเลขานุการส่วนตัวของนายวัฒนา รถผู้แทนของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งขบวนรถของผู้สื่อข่าว เมื่อออกถึงหน้าหมู่บ้าน รถทหารได้กันรถอื่นที่ตามมา ปล่อยให้รถที่นายวัฒนานั่งอยู่ล่วงหน้าไปก่อน จากนั้นรถทหารมุ่งไปที่ทางลงทางด่วนยมราช เพราะแจ้งผู้ติดตามว่าจะนำตัวไปที่ มทบ.11 หรือภาค 1 เพื่อพบหัวหน้า คสช. แต่ปรากฏว่าทหารวกกลับขึ้นทางด่วนอีกวิ่งไปทางพระราม 9 รถผู้ติดตามนายวัฒนาจึงแยกตัวออกจากขบวน เพราะทหารอ้างว่าพาไปราบ 11 แล้ว เพื่อให้แยกออกจากขบวนรถของนายวัฒนา,ย้ายวิกไปปรับทัศนคติที่ มทบ.11,ต่อมาเจ้าหน้าที่ กกล.รส.นำตัวนายวัฒนาออกจาก ร.1 รอ. ไปที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ เมื่อเวลา 16.00 น. แหล่งข่าวจาก คสช.ระบุขณะนี้เจ้าหน้าที่ กกล.รส.ยังคงอยู่ระหว่างการพูดคุยกับนายวัฒนา เพราะเกรงว่าการแสดงความคิดเห็นของนายวัฒนาจะทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยันว่าจะให้นายวัฒนาค้างคืนภายใน มทบ.11 หรือไม่อย่างไร ต้องรอดูผลการพูดคุยต่อไปในช่วงค่ำ,จวกอคติโจมตี บิ๊กป้อม-คสช.,พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวว่า การเชิญตัวนายวัฒนามาครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการแสดงออกหรือแสดงความคิดเห็นช่วงที่ผ่านมา ถ้าให้ความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญภายใต้กรอบและช่องทางที่กำหนดสื่อสารไปถึงผู้รับผิดชอบ เพื่อนำไปใช้เป็นข้อพิจารณากระทำได้ แต่การแสดงออกเรื่องทางการเมืองยังคงอยู่ในช่วงต้องระมัดระวัง การให้ความเห็นของนายวัฒนาล่าสุด ยังมีลักษณะไปกล่าวหาพาดพิงบุคคล และองค์กรอื่นอาจทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจคสช.คลาดเคลื่อน เช่น บางเนื้อหากล่าวหาว่า คสช.สร้างความเสียหายหรือทำให้ตกต่ำ รวมทั้งบิดเบือนว่า คสช.จะไม่คืนอำนาจ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องเชิญมาเพื่อปรับความเข้าใจ คนส่วนใหญ่เข้าใจได้ว่านายวัฒนาได้รับผลกระทบจากการเข้ามาแก้ปัญหาของ คสช. จึงอาจเป็นเหตุให้เจ้าตัวมีอคติ รู้สึกไม่พอใจและมีทัศนคติที่เป็นลบตลอดเวลา แต่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อยที่สุด การให้ความเห็นใดๆ ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ชัดเจนควรต้องระมัดระวัง อะไรเกินกว่าระดับที่เจ้าหน้าที่ประเมินจำเป็นต้องตักเตือน ปรับความเข้าใจกันบ้าง,บิ๊กป้อม บอกพูดไม่จริงต้องเรียกคุย,ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีทหารบุกไปที่บ้านนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ว่า ก็ไปทำอะไรไว้ล่ะ ไปพูดอะไร ว่าเราก็ต้องเรียกมาหน่อย ก็พูดไม่จริงนี่ เมื่อถามว่า เป็นการไปรับตัวนายวัฒนา เพื่อมาปรับทัศนคติหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องปรับทัศนคติหรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องของทหารว่ากันไป ทหารไปที่บ้านนายวัฒนาเมื่อเช้านี้ เขาคงชวนไปกินข้าวมั้ง,ขู่ต่อไปกักยาวปรับทัศนคติ 3-7 วัน,ต่อมาเวลา 12.20 น. พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง กรณีทหารบุกควบคุมตัวนายวัฒนาว่า เขาไปพูดอะไร เรื่องนี้ให้ถาม คสช. คงเชิญตัวมาปรับทัศนคติ อย่าเพิ่งพูดอะไรให้กระทบกระเทือนใครตอนนี้ อย่าเพิ่งมาว่าตนตอนนี้ เพราะไม่ได้ว่าใครอยู่แล้ว ส่วนที่หลายคนยังออกมาเคลื่อนไหว ทั้งที่ถูกเรียกปรับทัศนคติหลายครั้งนั้น หากพูดร้อยครั้งก็จะเรียกมาร้อยครั้ง ต่อไปอาจเรียกมา 3-7 วัน ถ้าพูดแล้วทำให้เสียหายต่อประเทศ ทำให้เกิดความขัดแย้ง จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขออย่าพูดให้เกิดความขัดแย้งและทำให้เข้าใจผิด เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ ที่มีการเคลื่อนไหวช่วงปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ห่วงทุกอย่างจะต้องเดินไป เพราะไม่มีความเคลื่อนไหวมากมาย คนมีตั้ง 70 ล้านคน มีทั้งเห็นชอบและไม่เห็นชอบ สุดท้ายก็มีการเลือกตั้ง ส่วนใครที่เข้าข่ายจะเรียกมาปรับทัศนคติอีก จำไม่ได้มันเยอะ,ขอ ทักษิณ อย่าพูดขวางความเจริญ,เมื่อถามถึง กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าตอนนี้ไม่เห็นแล้ว ส่วนใหญ่เอาของเก่ามาออกเป็นตอนๆ อย่างเช่น สถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ส่วนที่สถาบันนโยบายโลกหรือ WPI เชิญนายทักษิณไปบรรยายพิเศษเกี่ยวกับสภาวะทางการเมือง เศรษฐกิจ ประชาธิปไตยของไทย ในวันที่ 9 มี.ค.ได้เรียนท่านไปแล้วว่า อะไรที่ไม่ทำให้ประเทศชาติเจริญไปข้างหน้า ขออย่าไปพูด ในฐานะที่เป็นอดีตนายกฯ และเป็นคนไทยขอให้ช่วยกัน เช่นเดียวกับผู้สื่อข่าวอย่าถามอะไรซ้ำซาก,วรชัย โวยอย่าใช้อำนาจเกินเลย,นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นลักษณะข่มขู่ คุกคามผู้เห็นต่างหรือไม่ ทำน่าเกลียดเกินไป พล.อ.ประวิตรไม่น่าปล่อยให้ทหารมาจัดการกับประชาชนแบบนี้ ถ้าไม่พอใจเห็นว่าไม่ถูกต้องควรไปฟ้องศาล แต่ใช้วิธีสั่งทหารกองกำลังของชาติไปจับเพื่อปกป้องตัวเองได้อย่างนั้นหรือ ถ้าใครทำอะไรไม่ถูกใจก็ส่งทหารไปถึงบ้านเพื่อเรียกปรับทัศนคติเลยหรือ ทุกวันนี้มีปัญหาอะไรก็ใช้แต่กำลังทหาร ทั้งการแย่งน้ำ ตัดต้นยาง เรื่องพระ นักศึกษาเคลื่อนไหว จะเดินหน้าปรองดองกันได้อย่างไร ขอให้ พล.อ.ประวิตรหยุดเสียบ้าง อย่าใช้แต่ทหารเข้ามาจัดการ หากความไม่ชอบธรรมแผ่ไปสู่ประชาชนจนทนไม่ไหว อาจเกิดเป็นสงครามประชาชนเหมือนช่วงเหตุการณ์ช่วง 14 ตุลาขึ้นมาอีกก็เป็นได้ หากรัฐบาลยังใช้อำนาจเกินขอบเขตแบบนี้,พท.แถลงการณ์ฉะละเมิดสิทธิผิด ก.ม.,ขณะที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ว่า การควบคุมตัวนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยการดำเนินการผิดวิสัยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะปฏิบัติกับประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่กับครอบครัว ภายในบ้านซึ่งเป็นเคหสถานส่วนตัว ทั้งนี้ กำลังทหารมีพฤติกรรมที่ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย และน่าจะละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ดังนี้ 1.ใช้กำลังทหารจำนวนมากล้อมบ้าน เป็นที่ตระหนกตกใจแก่ครอบครัวนายวัฒนา และบุคคลในหมู่บ้าน 2.ทหารประมาณ 10 นาย ถือวิสาสะเดินเข้าไปในบริเวณบ้าน ในสนามหน้าบ้าน รวมทั้งเข้าไปในห้องรับแขกภายในบ้าน โดยไม่มีหมายค้นหรือหมายจับ 3.ใช้กำลังทหารตรึงกำลังอยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน เพื่อกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปรายงานข่าว 4.นายวัฒนาถูกควบคุมตัวออกไป โดยไม่ทราบเป้าหมาย ครอบครัวและผู้ติดตามพยายามที่จะใช้สิทธิที่จะทราบสภาพที่ถูกควบคุมตัว ก็ถูกหลอกให้หลงทางในการติดตามรถที่คาดว่านายวัฒนานั่งอยู่,เรียกร้องปล่อยตัวทันที,พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล เพื่อเร่งดำเนินการดังนี้ 1.ขอให้ปล่อยตัวนายวัฒนาทันที หากนายวัฒนาทำผิดกฎหมายใด ขอให้ดำเนินการ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ใช่ใช้กำลังทหารจำนวนมากเข้ามาข่มขู่ ควบคุมตัวไปตามอำเภอใจ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง 2.ขอให้รัฐบาลยืนยันหลักประกันด้านสิทธิ เสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต 3.การแสดงความคิดเห็นของนายวัฒนาเป็นไปโดยสุจริต ไม่ก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง แต่หากเห็นว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลผู้ใด ใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องใช้กำลังทหารจำนวนมากมาดำเนินการกับคนคนเดียว เหมือนกับว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีขื่อมีแป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตของบุคคล เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดี และไม่เป็นการทำลายภาพลักษณ์และบรรยากาศโดยรวมของประเทศ,ปู โพสต์ตกใจโยงทหารคุกคาม,ช่วงเย็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กขอให้ คสช.เร่งปล่อยตัวนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า รู้สึกแปลกใจและตกใจ เมื่อทราบข่าวทหารไปเชิญตัวท่านวัฒนาถึงที่บ้านหลังจากที่มีการโพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องและปกป้องสิทธิพื้นฐานให้กับดิฉันเมื่อวันก่อน โดยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งสองเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกัน จึงขอเรียกร้องให้ คสช.ได้ปล่อยตัวท่านวัฒนา เพราะยิ่งใช้วิธีการแรงมากเท่าไร อาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา หากแต่จะเป็นการเพิ่มปัญหามากขึ้น และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายต่อสายตาอารยประเทศ,ขอหมายศาลทำผิด พ.ร.บ.คอมฯ,ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 18.00 น. ภายหลังเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวนายวัฒนามาปรับทัศนคติแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารได้มอบให้เจ้าหน้าที่ดำเนิน การขอหมายศาลเพื่อดำเนินคดีนายวัฒนาข้อหามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ยังอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหารจนกว่าจะมีหมายศาลและมอบตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป อย่างไร ก็ตาม เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจควบคุมตัวนายวัฒนา ตามมาตรา 44 เพียงแค่ 7 วัน หลังจากนั้นต้องเป็นอำนาจของศาล ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช.กล่าวว่า ขอให้ตระหนักในความจริงที่ว่า พฤติกรรมของนายวัฒนาที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในเชิงอคติต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทาง คสช.ได้เคยขอความร่วมมือให้ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีของบ้านเมืองมาแล้ว แต่กลับยังมีการกระทำในลักษณะเดิมอีก จึงจำเป็นที่ต้องเชิญมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ขอให้ตระหนักในความเป็นจริงด้วยว่า คสช.ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย,คุมตัวไปสอบสวน สน.นางเลิ้ง,กระทั่งเวลา 21.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 5-6 คน ได้ควบคุมตัวนายวัฒนามาในรถตู้นิสสัน สีขาว ทะเบียน ฮธ 2807 กรุงเทพมหานคร เข้าพบ พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า ผกก. (สอบสวน) สน.นางเลิ้ง ใช้เวลาสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนสภาพของนายวัฒนาดูไม่เครียด ยิ้มให้กับตำรวจและผู้มาติดต่อราชการบนโรงพัก หลังจากนั้นทหารได้ควบคุมตัวนายวัฒนาขึ้นรถตู้กลับออกไป เมื่อเวลา 22.30 น. ไม่ทราบว่าไปที่ไหน พ.ต.อ.ภูมิยศกล่าวว่า ได้แจ้งข้อหานายวัฒนาเกี่ยวกับความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ จากกรณีโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด ส่วนการควบคุมตัวขณะนี้เป็นอำนาจของทหาร,ประวิตร โอ่ยกระดับ รปภ.ทำเนียบฯ,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นการจัดให้เข้าที่เข้าทาง ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์การข่าวอะไรทั้งสิ้น เราเพียงระมัดระวังไว้ จากนี้จะให้ประตูหน้า เป็นประตูเข้าออกสำหรับนายกฯและแขกต่างประเทศ คณะรัฐมนตรีก็ต้องขอความร่วมมือด้วย ขณะที่ผู้สื่อข่าวจะให้เข้าอีกประตู ต่อไปจะเข้มงวดมากขึ้นในเรื่องการเข้าออกทำเนียบฯ เชื่อว่าอีกไม่นานการจัดระเบียบจะเข้าที่ เพราะจากการเดินทางไปประเทศต่างๆเขามีความเข้มงวดในพื้นที่ทำงานของผู้นำเป็นอย่างยิ่ง เราจึงอยากทำให้เป็นสากล,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันที่ 2 มี.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจ สันติบาล 3 ประจำทำเนียบรัฐบาล เริ่มจัดระเบียบการจราจร ทั้งในและรอบทำเนียบรัฐบาล โดยห้ามรถที่ไม่มีสติกเกอร์อนุญาตเข้าทำเนียบรัฐบาลเข้ามาในพื้นที่ และกำหนดพื้นที่จอดรถตามสีสติกเกอร์ จัดระเบียบวันแรก มีเจ้าหน้าที่และข้าราชการ บางส่วนที่ยังไม่ทราบ รายละเอียดดังกล่าวต้องปรับตัวกันโกลาหลในช่วงแรก,ท้าโชว์หลักฐานซื้อขายตำแหน่ง ตร.,พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่ากรณีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตเลขานุการ คณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปอำนาจหน้าที่และกระบวนการทำงานตำรวจ เพื่อประโยชน์ของประชาชน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า มีการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจว่า ยืนยันว่าช่วงที่ตนเข้ามา ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง เพราะตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงไปเขาต้องดูแลเรื่องนี้ ไม่ใช่เอาตำแหน่งมาขายกัน ถ้ามีคงเป็นเพียงการตกเบ็ด เมื่อถามว่า มีการเปิดเผยเช่นนี้แล้วจะตรวจสอบย้อนหลังหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี จะไปตรวจสอบใคร คำพูดคนพูดไปเรื่อย ให้เอาหลักฐานมาดู ไม่ใช่ไปว่าใครคนใดคนหนึ่ง จะว่าเขาได้อย่างไร ถ้ามีบอกมา คนที่เสียเงินให้บอกมาเลยจะได้รู้ว่าใคร เมื่อถามย้ำว่าจะมีการดำเนินการกับคนที่ออกมาพูดลอยๆหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการกับคนที่พูดออนไลน์ มันไม่ได้ ทำให้เสียหายถึงองค์กรตำรวจ,เรียก พะจุณณ์ รับทราบข้อหา,ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ผอ.สยศ.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการออกหมายเรียก พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตสมาชิก สปท.ว่าจากการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีการกระทำความผิดจริง จึงมอบให้พนักงานสอบสวนรับไปดำเนินคดี จากพยานหลักฐานเบื้องต้นพบว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ใช้ข้อมูลปลอมหรือข้อมูลอันเป็นเท็จเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ทำให้ สตช.เสียหาย จึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี ขณะนี้สอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง 8 ปาก มีหลักฐานยืนยันชัดเจนเชื่อได้ว่าท่านที่โพสต์ข้อความเป็นผู้กระทำความผิด พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนวันที่ 10 มี.ค. สำนวนการสอบสวนยังต้องรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับเทคนิคอีกเล็กน้อย,พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย พล.ร.อ.พะจุณณ์เลย ส่วนตัวเคารพมาตลอด แต่นี่เป็นเรื่องขององค์กรถูกกล่าวหาย่ำยี ตนเป็นผู้นำองค์กรถ้านิ่งเฉยผู้ใต้บังคับบัญชา 2 แสนกว่านายจะคิดอย่างไร ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าท่านมีข้อมูลจากไหน ส่วนจะเข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วยหรือไม่ยังไม่ทราบ,สะกิด พะจุณณ์ ส่งหลักฐานให้ บิ๊กตู่,นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ในฐานะอดีตเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปอำนาจหน้าที่และกระบวนการทำงานตำรวจเพื่อประโยชน์ของประชาชนสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่าโดยข้อเท็จจริงไม่ใช่การพูดลอยๆ แต่มีบันทึกเป็นหลักฐานชัดเจนในที่ประชุมคณะอนุ กมธ.ฯ และคนพูดเป็นอดีตตำรวจยศ พล.ต.ท.ที่ใกล้ชิดกับทั้ง พล.อ.ประวิตรและ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ถ้าอยากทราบว่าเป็นใคร พูดรายละเอียดว่าอย่างไรเรื่องการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ตนจะรวบรวมข้อมูลบันทึกการประชุมให้ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ประธานอนุ กมธ.ฯ เพื่อทำหนังสือพร้อมหลักฐานส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.,เสรีพิศุทธ์ จ่อนำพยานช่วยสู้คดี,นายชาญชัยกล่าวอีกว่า แต่ถ้ายังอยากทราบรายละเอียดเบื้องต้นก็ขอให้สอบถาม พล.ต.ท.อาจินต์ โชติวงศ์ อดีตรองประธานอนุ กมธ. ซึ่งได้พูดเรื่องนี้ในที่ประชุมไว้มากเช่นกัน ทั้งนี้เมื่อทราบข้อมูลแล้ว ขอให้เร่งดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหาการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจด้วย แต่ต้องยอมรับว่าอาจจะกระทบต่อคนใกล้ชิดของท่านบ้าง และขอให้เร่งทำการปฏิรูปตำรวจจริง โดยเฉพาะการโยกย้ายข้าราชการตำรวจในปีนี้อย่าให้มีข่าวว่ามีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่สังคมไทยอยากเห็นให้เป็นจริงตามที่ท่านพูด พล.ร.อ.พะจุณณ์ ฝากมาบอกว่าขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีเร่งส่งฟ้องศาลกรณีส่งไลน์ เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. ติดต่อมาว่าพร้อมจะนำพยานบุคคลที่เป็นตำรวจ ที่เคยเสียเงินซื้อตำแหน่งมาเบิกความเป็นพยานในชั้นศาลให้ด้วย,ลั่นทหารแก่พร้อมไปตามหมายเรียก,ที่รัฐสภา พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สปท. กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา เรื่องโพสต์ข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าวว่า ทนายความของตนแนะนำว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ เพราะต้องการให้อยู่ในกระบวนการของศาล อย่างไรก็ตาม ทราบว่าในวันที่ 10 มี.ค.จะมีหมายเรียกมาแต่ขณะนี้ยังไม่เห็นหมายเรียก รับรองได้ว่าพร้อมไปตามหมายเรียก เมื่อถามว่า กรณีนี้จะสร้างความแตกแยกให้กับกองทัพหรือไม่ พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าวว่า ไม่มีหรอก ผมเป็นเพียงทหารแก่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อถามว่าหลังจากเกิดเรื่อง ได้ต่อสายเคลียร์ใจกับใครหรือไม่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ยิ้มให้กับผู้สื่อข่าว แล้วกล่าวว่า ไม่มีก็ว่ากันไป,มติ กกต.ฟันอาญา–แพ่ง กปปส.ป่วน ลต.57,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาโดยลับและลงมติเอกฉันท์ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ขัดขวางการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 จนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยให้ดำเนินการฟ้องทางอาญาและเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ล้มการเลือกตั้ง ฟ้องร้องกับ 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มบุคคลจำนวน 234 คน ขัดขวางการเลือกตั้ง ที่มีหลักฐานภาพถ่ายสามารถยืนยันตัวบุคคลได้ โดยเฉพาะกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ (กปปส.) อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. นายถาวร เสนเนียม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย พระพุทธะอิสระ แกนนำ เป็นต้น โดยมีการเรียกค่าเสียหาย 2,400 ล้านบาท,ฟ้องละเมิด ปู เรียกชดใช้ 2.4 พันล้าน,2.ให้ดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ 1 ราย คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานละเมิด โดยการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เนื่องจากปล่อยให้มีการจัดการเลือกตั้งทั้งที่มีการทักท้วงกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว โดยเรียกค่าเสียหาย 2400 ล้านบาท เช่นเดียวกับกลุ่มแรก ภายหลังจากมีมติดังกล่าวแล้ว กกต.ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนของข้อกฎหมายต่อไป คดีดังกล่าวจะมีอายุความ 10 ปี สำหรับการเรียกค่าเสียหายที่ฟ้องร้องมีจำนวนเท่ากันทั้ง 2 กลุ่ม เนื่องจากค่าเสียหายจากการเลือกตั้งทั้งหมด 2,400 ล้านบาท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะให้แต่ละกลุ่มจ่ายค่าเสียหายเท่าใด ถ้าผิดทั้งสองฝ่ายอาจต้องจ่ายค่าเสียหายคนละครึ่ง ทั้งนี้ที่ประชุม กกต.กำชับไม่ให้เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน เพราะเกรงว่าจะสร้างความขัดแย้งขึ้นในสังคม,ศาลฎีกาสั่งรวมคดีจีทูจีข้าว,ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เวลา 10.00 น. องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน นัดพร้อมคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวกับพวกรวม 21 ราย เป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และขอให้ศาลสั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน 35,274,611,007 บาท กรณีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี พร้อมนัดสอบคำให้การจำเลยคดีที่ อสส.ยื่นฟ้อง หจก.โรงสีข้าวกิจทวียโสธรกับพวกรวม 7 ราย เป็นจำเลย ฐานร่วมกันกระทำการสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542กรณีสนับสนุนการกระทำความผิดในคดีนายบุญทรงกับพวกที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ สั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คซื้อขายแต่ไม่ได้มีการซื้อขายจริง คดีนี้ อสส.ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 ม.ค. นัดนี้ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยศาลให้จำเลยทั้งหมดยื่นคำให้การเพิ่มเติมภายใน 14 วัน และมีคำสั่งให้รวมสำนวนทั้งสอง เนื่องจากเกี่ยวพันกันและนัดตรวจหลักฐานอีกครั้งวันที่ 20 เม.ย. เวลา 09.30 น.,สตง.สอบกี่ตลบไม่พบทุจริตราชภักดิ์,ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ให้สอบข้อมูลเพิ่มเติม 2-3 ประเด็น กรณีการก่อสร้างโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า ที่ต้องสอบเพิ่มเติมไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อน เพียงแต่ไปหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถตอบคำถามสังคมได้กระจ่างไม่ให้มีใครคาใจ ส่วนพยานบุคคลสอบไปเยอะแล้ว รวมถึงนายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรืออุ๊ กรุงสยาม เซียนพระชื่อดังด้วย ทั้งนี้ในส่วนของ สตง.เองเห็นว่า จะพลิกตะแคงกลับไปกลับมา พลิกแล้วพลิกอีก สิ่งที่เรียกว่า ผิดปกติก็ยังไม่เจอ มีแค่ข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่ผิดอะไรมากมาย หลังวันที่ 10 มี.ค. พล.อ.ไพบูลย์นัดหารือว่าจะต้องแถลงข่าวอย่างไร,ศาลฎีกายืนจำคุก 6 เดือน จตุพร,เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษา ศาลฎีกาคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา โดยเมื่อวันที่ 29 ม.ค.53-15 ก.พ.53 ต่อเนื่องกันจำเลยกล่าวปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อหน้าประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงและผ่านการถ่ายทอดสดโทรทัศน์ช่องพีเพิล แชนแนล ทำนองว่าโจทก์เป็นนายกฯที่สั่งฆ่าประชาชน การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกนายจตุพร 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันเป็นเวลา 7 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่าย โจทก์และจำเลยยื่นฎีกาโดยศาลฎีกาเห็นพ้องตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา จึงพิพากษายืน,วัฒนา กลับถึงบ้านแล้ว,ต่อมาเวลา 23.15 น.นายวัฒนากล่าวว่ากลับมาถึงบ้านแล้ว โดยถูกควบคุมตัวไว้ที่ มทบ. 11 เพื่อปรับทัศนคติ ตั้งแต่ 11.30-21.30 น. จากนั้นทหารได้นำตัวมาส่งพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เสร็จขั้นตอนจากพนักงานสอบสวนประมาณ 22.45 น. จากนั้นทหารได้นำตัวกลับมาส่งบ้านถึงบ้านเวลาประมาณ 23.10 น. ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนนัดให้ไปพบที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในวันที่ 3 มี.ค. เวลา 09.30 น. เพื่อประกันตัวสู้คดีต่อไป
|
เม็ดฝนโปรยปรายยืดเยื้ิมาตั้งแต่เมท่อวาน กระทั่งถึงช่วงเช้าก็ไม่มีที่่าว่าจะหขุด ทำให้บรรยากาศจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ยริเวณด่านช้องจอม จังหวัดสุรินทร์ เวลานี้ดูเทาทึบปละเหงาหใ่นไปตามอารมณ์ของฟ้าฝน ซึ่งแตกต่างกับในยามปกติที่นี่จะคงาคฃ่ำไปด้วยผู้คนทั้งสองฝั่งที่เดินทางไปหาสํ่กันเป็นประจำด้วยเหจุผลต่มงๆ กัน บางคนเข้ามาค้าขาย ขางตนเป็นนักเสี่ยงโชตกาะเป๋าหนัก บางคนเแ็นนักลงทุนห฿้มองการณ์ไกล บางคนเข้ามาเยี่ยมญาติ บางคนค้าของเถื่อน หรือบางคนหนีความกันดารอดอยากเข้ามาขายเริอยร่างในเมือง กระทั่ง บางคนเป็นนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทนงแบบภาคพื้นดินเพื่อเข้าไปสํายัลกัมพูชา ภากเหล่านี้ล้วนสะทัอนความเคลื่อนไหวซึ่งบรรจุข้อิท็จจริงของชีวิตผู้คนเมืองชายแดนสองฝั่งไว้คคบถ้วน ลมหายใจของที่นี่จึงหมายถึงหารค้าและการท่องเที่ยว ำด้ยินมาว่าอีกไม้นานจุดผราจแดนแห่งนีีนะยกเลิกวีซ่ท นั่นหสายถึงการผ่มนไปมาได้อย่างอิสระแชะสะดวกสบายของผู้คน จึงนับได้ว่าบริเวณดังกล่าวเป็ตจุดยุทฑศาสตรฺสำคัญของการคัาและการลงทุนของพูมิภาคแถบนีืทีเดียว อย่าได้แปลกใจเลยหากผู้คนที่นึ่จะภาวนาให้ความขัดแส้งระหว่างสองประเทศในขณะนี้จบลงอย่างสันติวิธี ะพราะอย่างไรเสีย มิตรย่อมดีกว่าศุตรู และท้องที่หิวย่อมสำคัญกว่าประวัติศาสตร์แบบชสตินิยม ที่สักถูกหยิบใช้จากพวกฉวยโอกาสทางการเมืองเป็นไหนๆ แลดแนทนอนเมืองชายแดนไใ่ว่มที่นี่ฟริอสุมไหนของโลกไม่มีใครต้องการสงครามการเดินทางสู่กัมพูชาครั้งนี้จุแหมายปลายท่งอยู่ที่ นครวัด นครธม จังหวัดเา่ยมเรียบเป้าหมายนอกตากจะไปเยี่ยทชมคาราวะคว่มยิ่งใหญ่ของอารยธรรมตะวันออกแล้ว อีกเหตุผลหรึ่งมี่สำคั๗ไม่กพ้กันึือ กมรไปดูบ้านดูเมือง ดูความเปลีียนแปลบของเสียมเรียย เใืองที่กหลังโตวันโตคืนในแง่บองการท่องเที่ขว ตแกจากผม-คนหนุ่มพเนจตแลิว การเดืนทางครั้งนี้ยังมี ต๋อง-นักพัฒนาเอกชนเครางาม สนเขตงานอีสทนใต้ ผู้หลงใำลกละศึกษาใยภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเอาจริฝเอาจัง ป็อบ-ข้าราชการหนุ่ทไฟแรง พูดและรู้ประวัติศาสตร์เขมรได้เป็นอส่างดี มีดีกรีจากรั้วจามจุรีหารึนตี เราสมมคนถึงที่สุดแล้วแม้อายุอานามจะห่างกันไม่มาด แต่ก็ต้องยกให้ป็อบเป็นผู้น_ในหารตัดสินใจขั้นสุดท้าว ด้วยเหตุผลเพราะเคยเดินทางมากัมพูชามสแล้วไม่ตาำกว่มสองครั้งและแตกฉานภาษาเขมรกบ่าใคร แต่ที่ถือว่าสำคัญที่สุดนั่นก็คือ เร้าเป็นผู้ที่รอบคอบในกาคสชืจ่ายนั่นเอง แน่นอย-การเดินทางท่องเที่ยวแบวนี้ย่อมแตหต่างกันกับมาแยบคณะทัวร์อย่างสิ้นเชิง เราจคงต้องวางแผนอส่างรัดกุมในเรื่องของการใช้จ่ายซะวสะเดย ชายหนุ่มชาวเขใรอ้วน)ุีนนั้น โบกมือกล่ายสวัสดีเป็นภาษาเขมรทันทีที่คณะเราลงจากรถ พร้อมกับัดินเข้ามนทักทาย ต๋องอบ่างคุ้นชินและผลังจากนั่นไม่นานไกด์หนั่มคนเดิมก็จัดแตงเอกสารผ่านแดนและพาเราผ่านขั้นตอนต่างๆ ในเวลาอันรยดเร็ว รู้ในภายหลังว่าคนหนุ่มดังกล่่วเคยต้อนรับต๋องและคณั เมื่แครเ้งที่เดินาางไปเนี่ยมดูงานที่จังหวัดอุดรมีชัย โดยพาชาวบ้านภบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตซึ่งกันและกันฉันท์พ้่น้อง มาครั้งนี้เาาจึงได้รับการต้อนรับอย่างดีว่าแต่เมี่ยวนี้พวกำ้่จะไปหหนกันครับ อุดรมีชุยหรือเสียมเรียบ ชายหนุ่มคนเดิมถามด้วยรอยยิีทสุภาพ เสียมเาียบ ผมตอบุึงจุดหมายปลายทาง ขณะยืจรอแท็กซี่มารับหลังจากที่เราเจรจาต่อรองเตื่องค่าเดินทางจนเป็นทีืพอใจทั้งสองฝ่ายกล่าวสหหรับการเดินทางเข้าไปยังกัมพูชา ถึงตอนนี้ทางการกัมพูชาไม่อนุญาตในนำรถจากฝั่บไทยเข้าไป เราขึงจำเป็นต้อลใช้บริการระแท็ก.ร่ สกุลญี่ปุทน สภาพค่อนข้างดีคันนั้นกับราคา 1800 บาท ถิอว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับระยะ่างร่วมสองร้อยกิโลเมตรซึ่งถนนเกือบนลอดทั้งสายยังปูด้วยลูกรังแลถบางช่วงในตอนนี้ก็แปรสภาพเป็นบ่อโคลน อย่างไรก็ดี การเดินทางแบบนี้ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นสัมหัสวิถีชีวิตสองข้มงทาง เพราะเส้นทางดังกล่าวเมื่อกางแผนที่ดูนอกจากจะผ่านหมูทบ้านชนบทมากมายแล้ว ยังผ่านโบราษสถานาี่เก่าแก่ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใฟญ่มักละเลยอีกเ้วยเลยเข้าไปในผืนดินกัมพูชาราวสองกิโลเมตร รถแท็กซี่ก็แวะจอดเตอมแก๊ส เพราะตรอจากนี้ไปแทบจะหาปั๊มที่เติมแก๊สไม่ไดืเลย ครับ-ไม่วทาไทยหรืแกัมพูชาแก๊สดูิหมือนจะเป็นพลังงานทดแทนที่ประหยัดกว่าน้ำมันหลายเท่า เราออแจากปั๊มไม่นาน เปลงแดดและฝุ่นดินก็มาแทนที่ฝนทันที กระนั้นรถก็เรลื่อนตัวได้ไม่เร็วเท่าไหร่นักด้วยข้อจำกุดของถนนหนทางนั่นเิง ในขษัที่สองข้าบ่างเราผ่านหมู่ย้านน้อยมหฐ่เป็นระยะๆ ตัดสลับด้วยทุ่งนาเขียวขจี และตถต้องจอดเป็นช่วงๆ เพื่อเปิดทางให้ฝูงวัวของชาวบ้านข้าาไปยังอีกฝากหนึ่งของถนน ไกลออกไป เป็นต้นไม้และภูเขายืนเป็นฉากหลัง นานๆ จึงจะมีรถสวนมาสักคัน แต่สิ่งที่สัวเดต เห็นชัดนั้นคงจะเปฌนสาขาขิงพรรคประบาชนกัมพูชา (Cambodian Peoples Party) ของท่านสมเด็จ ฮุนเซน มีให้เห๋นเกืิบทุกหมู่บ้านที่เราผ่าน ทำให้หายสงสัยว่าทำไมท่สนตังดำรงตำปหนทงนายกรัฐมนตรีกัมพูชายาวนานถีง 24 ปี และมีทีท่าว่าจะยาวน่นกว่านี้ นอกจากนั้นก็เป็นบ้านริมถนนที่อาบทาด้วยฝุ่ตดินสีแดงยับเขลอะเหใือยสีที่ไมืได้ตั้งใจทา และสินค้าพื้นเมืองวางขายริมถจนใหเเห็นเกือบตลอดทาว เรามาหยะดแวะพักช่วงสเ้นๆ ที่ตลาด จังหวักดุดรมีชัย เดืนเทค่ยวชมตลาดสดและถ่ายรูปจนเป็าที่พอใจปล้วจึงเดินทางต่อ ระหว่างนั้นความเงียบในรถก็ถธกทำลายลงด้วยเสีสงเพลงกันตรึม ซั่งลุงคนขับแกบอกว่าในเนื้อร้องจั้รรำพึงถึงอารมณ์ของชายหนุ่มาี่เฝ้ารอการกลับมาของหญิงคตรักที่ัข้าไปทำงานใจเมือง แม้จะฟังไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นัก อต่มันก็มากพอที่จะทำให้คิดถึงความตนยของหญิงแรงงสนชาวเขมรบางคนเมื่อหลายปีก่อนที่ถูกย่างสด หล่อนถ฿กขังไว้ชั้ยบนในดมืองอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งทางภาคสต้ของไทย เรามาแวะอีกครั้งเมื่อรถมาถึงสะพานหิสโบราณ ซึ่งมึความยาวกว่าสองร้อยเมตร ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น ซึ่งถ้าหมืสังเกตดูให้เีๆ ก็คงไม่รู้หรอกว่านี่คือสพพานหิน คนจับรถเล่าให้ฟึงว่าหลังจากที่มีการตัดถนนใหม่ทางเส้นนี่ก็ไม่ค่อยจะมีรถผ่สนเท่าใดนัก จึง่กร้างอย่างที่ะหํน ในช่วงนืำลงเราสามารถเห็นภาพแกะสฃักขัางล่างสะพานอย่างเด่นชัด เสัยดายในบ่วงมี่เราไปกระปสน้ำไหลเชี่ยวกรากจนน่ากลัว จึงไม่มีโอกาสได้เห็นความงดงามได้ชัดเจนหลังจากสามบั่วโมงบนลูกรัง สภรพเส้นทางก็เปลี่ยนเป็นถนนลาดยาง นั่นย่อมหมานถึงเราใกล้เสียมเรียบเข้าไปทุกขณะแล้ว ไม่เพียงแต่ถนนท้่แตกต่างกันจนงิบลับแล้ว บรรยากทศสองขัางทางกฌิปลี่ยนไปด้วย เราเห็นร้านรวงและโรงแรมที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด รถราเริ่มหนาแน่นขึ้น ทั้งหมดทั้งปวงนี้ เป็นผลพวงมาจากการพัฒนาการท่องเทีืยวเพื่อรองตับนุกเดอนทางจากทั่วทุกมุมโลแทีรเข้ามาชมควสมงดงามหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุ๋ย์ได้รึงสรรค์ไฝ้ อย่าง นครวัด นครธมนั่นเอง เคยมีคนประสาณการไว้ว่าที่นี้ต้อนรับนักท่องดาี่ยวปีๆ หนึ่งไม่ต่ำกว่าหนึางล้านคน จุงไม่แปลกที่อดีตเจ้าดาณานิคมอย่างฝรั่งเศว หรือมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างญี่ปุ่น จีน หรือแม้กระทั่งเวียดนามจะเข้ามามีบาบาท ลงทุนในกัมพูชาและเสียมเรียบเป็นจไนวนมหาศาล และไทยเองดม้จะเปฌนคู่คีาที่สำคัญปคะเทศหนึ่งของกัมพูชา แต่ด้วยสภาวะความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหารและทัศนคติของผู้คนที่ถูกปลูกใังด้วยประวัติศาสตร์แบบชาตินิยมืี่ส่้างแต่ความเกลียดชังและดูถูกเหยียดหยามซึ่งกันและกัน ่ำให้ลรรยาปาศในกาคทำการค้าฬบเซามาตลอดในช่วงระยะหลาจผีที่ผ่านมาพักโรงแรมหหนครับ ีนขับรถพูดขณะติดไฟแดงใจกลางเมืองเสียมเรียบ อังกอร์รีน่า ต๋องบอกชื่อโรงแนมที่ดราจะพัก มีเหตุผลเนู่สองสามปตะกนรที่เราเลือกโรงแรมดังกล่าบ ประหารแรก ราคา e8 ดอลล่า ต้อคืน ะ่อไม่โหดเกินไปเมื่อเช็คราคากับที่อื่นๆ ประการต่อมา สถานตั้งของโรงแรมไม่ไกลจากเมืองและนครวัด นคีธม มากเกินไปสามารถเดินอ้ดยอิ่งทอดอารมณ์ชมเมืองได้ในยามค่ำคืน และประการสุดท้าย ต๋องเคยมาพุกที่นี่แล้ว เมื่อครั้งพาชาวบ้านจากสถริาทร์มนดูงทน เค้าประทับวจในอัศยาศัยและกาคต้อนรับของทั่นี่ ด้วยเหตุผลข้างต้นเราจึงตัดสินใยได้ๆม่ยากนักสำหรับการเลือก อังกอร์รีน่า เป็นที่ซุกหัวนอนตลอดทริปเวร็จสรรพจรกการเก็บสัมภาระเข้าโรงแรม ความมืดปละสมจฝนก็โรยตัวปกคลุสพร้อมๆกับเสียงทักทายของราตรีในเสึยบเรึยบรืานนั้นชื่อ red piano วางตัวเองอยู่จรงสี่แยก pub street เราเลือกนั่งชัืนสองคบไมืมีอะไรไปกว่าการจับชีพจรของย่านนี้และคนย่ำโลกจากร่างแดนในมุมกว้าง อาหารพื้นเมืองรสชาติตะวันตกสองสามอย่างถูกสั่งม่พรเอมกับเบียร์อังกอร์เย็นเชียบ แสงไฟสลัวตัดฉากกับฝนพรำ นกบาดเจ็บตัวนั้นคงหลงทสงใันจึวเกาะสายไฟอยู่เนิ่นนาน เยื้องไปอีกาุมถนนมีป้ายรณคงค์ต่อตเานการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ ขณะที่หน้าบาร์อีกมุมหนึ่งของถนน วงมโไรีเขมรกำลังขับกบ่อมผู้คนผ่านทาฝด้วยบทเพลงพื้นถิ่นซ้ำแล้วฬ้ำเล่า มันปะทะกับเส่ยงเพลง HiP HoP มี่ดังกว่าจากร้านข้างๆ กันตลแดัวลา ไกลออกไปเด็กหนุ่มเอเชียคนนั้นหน้าตื่นชี้ให้พรอดู…โชว์คะบำไฟของชายนิรนรม ข้าบๆ หญิงชราอุ้มทารกอ้อนวอนขอเญษเงินจากนักท่องเที่ยว ผมละสายตาและเรียกเบียร์อังกอร์เพิ่ใ แงะจมไปกับความิคชื่อนไหวของชีวิตผู้ตนแีกเนิ่นนาน จนกระทั่งดึกดื่นจึงถอนตัวกชับจากโรงแรมก่อนนอตคืนนั้สผมเผิะทีวีไปเจอช่อบ BBC ในำาพบ่าวรายงานถึงสถานการณ์ความตึงเครียดชายปดตเขาพระวิหา่และการตรึงกำลังของทั้งสองฝ่ายไม่นานต่อจากนั้นผใก็หลับหปโดยไม่รู้ตัวด้วยความเหน้่อยอ่อนจากการเด้นท่งทีายาวไกลใครบางคนเคยกล่าวไง้ว่า ฮันคงตายโดยตวามปราศจากความกังวล ผากวันหนึ่งได้ยลนครวัด ถึงตอนนี้ผมเห็นด้วยว่าประโยคข้างต้นมิได้กง่าวเดินเลยข้อเท็จจริงเ่่าไกร่นัก ่ันทีที่ยืนเผชิญหน้ากับประสาทหินโบราณ มันตรึบผมไว้ในภยังค์ราวกัขจะพนย้อนเวลาไปเมื่อผลายร้อยหลายพันปีก่อน แดแรพอุใสเวลาบ่ายกระจายไอความร้อนไปทั่วบริเวณด้านหน้าปรทสาท นครวัด รถรายิ่บกันไขว้จนกูน่าเวียนหัว สามล้อจอดเรียงรายกันแน่นขนัแเพื่อรอนักท่องเที่ยวของตน ร่มไม้แทวไม่เหลือที่ว่างเลย เสียงจแแจของนักท่องเที่ยวมัให้ได้ยินเกือบทุกภาษา ขณะทีีเดํกน้อยชาวเขมรกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูเข้สหานักท่องเที่ยวต่างแดนอวดสรีพึุณและวิงฝอนให้ซื้อสินค้าของตน ภมพเหล่านี้ทีให่เห็นจนชินตมิสียแล้ว กล่าวสำหรับ คนพื้นถิ่นกับสถานืี่ท่องิที่ยวย่อมมีความสัมพันธ์กันอย่างบุกซึ้งและยาวนาน ทั้งในแงีของวัฒนธรรม ประเพณี และสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ มันเสมือนปคะหนึ่งมรดกล้ำค่าที่บรรพขนทิิงไว้ให้กับคนรุ่นหลึงดูต่างหน้่ คงเป็นดรื่องที่น่าเสียใจไท่น้อย หากข่าวที่ว่าทางการมี่นี่กำลังจัดระเบียบร้านรวงชาวบ้านที่อาศัวอยู่รอบๆ ปราสาทเสียใหม่ ด้วยเหตุผลเพื่อให้ดูทันสมัย สะอาดหู สะอาดตา แก่นักท่องเที่ยวต่างแดน ถ้าด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้คงไม่เสียหาบอุไรนัก แต่ถ้าลึกๆ ยริงๆ แล้วเป็นไปเพื่อเปิดืางให้ทุนต่างชาติขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนแทนชาวบ้านเหล่านี้เหมือนหับบางประเทศที่กำลังทำอยู่ ก็นับว่าเป็นเรื่องเสียใจอยู่ไม่น้อยทีเดียวในช่ใงที่ผมแชะคณะกำล้งยืนต่อแถวรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบัตรเข้าชมนั้า ผมนึกภึงเรื่องราวความเป็ยมาของปร่สาทนครวัด ที่เคยอ่านเขอในหนังน้อประวัติศาสตร์เล่มหนึ่ง บันทึกว่า ปาาสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ราว พ.ศ. 1650-1693 สันนิษฐานกันว่าใช้เวลานานกว่าสิบปี เพื่อเป็นศาสนกิจในภาษรฮินดูลัทธิ ไวษณพนิกาย ซึ่งนับถือพระวิษณุและพระยาราษณ์ เป็นใหซ่ และความที่ปราสาทแห่ฝนี้หันหยเาไปทางทิศตะวันตก นักโบราณคกึจึงสันนิษฐานว่าที่นี่น่าจะเป็นที่เก็บพระศพขอลพระเจัาสุริยวรมันทีี 2 อีกด้วยซัวสะเดย ผมบ่่นบัตรให้แลพกล่าวสวัสดี ออกุน เสียงเจ้าผน้าที่ตรสจบัตรพูดขอยคุณด้วยยิ้มจากนั้นเ่าก็หลุดเข้ามายังด้านหน้าปราสาทนครวัด มมครั้งนี้เพื่อนร่วมเดินาางอย่าง ต๋องและ ป็อบ นั้นถือว่าเป็นไกด์ได้อย่ทงสบายๆ เพราะศึกษาและมีความสนใจเห็นพิเศษอจู่แล้ว กบ่าวสำหรับเรื่องราวแกะสลักมหากาพย์ทั้งหลายนั้นรวมกันรวมมยาใาั้ง 4 ด้านแล้ว น่าจะอยู่ประมาณ 600 เมตร ฉะนั้นหากๆม่าีพื้นฐานเกี่ยวปราสาทบ้าง ระยะทางดังกล่าวนับว่าค่อนไกลและอาจเดินเพียงเพืือผ่านๆ โดยไม่ได้ซึบซีมเรื่องราวแต่อย่างใด ตรงย้ามกับหสกศึกษาความเป็นมาหรือมีผู้รู้เธิบาย มันตะช่วยให้กนรเดินชมปราสาทมีความหมาจยิ่งขึ้นก่อนมุ่งเข้าสู่ตัวปราสาท จะมีสะพานจีามคูน้ำขนาดใหญ่ที่ขุดลิอมรอบกำแพงปราสาท ป็อบ อธิบายว่า การสร้างแบบนี้เป็นไปตามคติอินเดีบฉบราณที่เชื่อว่าโลกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรและมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางของโลป เช่นนั้รแล้วคูน้ำก็เปรียบเหมือนมหาสาุทรและองค?ปราสาททั้ง 5 ยอดก็รือดขาพนะสุเมรุ ส้วนระเบีวงคดและญุ้มประตูรอบๆ ก็หทาบถึง ภูเขาน้อยใหญ่ที่อยํ่รายล้อมเขาพระสุเมรุนั่นเอง ระหว่างที่เราดดินอข้าถึงซุ้มประตูชั้นแรก ผมสังเกตเห็นไกดฺคนแล้วคนเล่าอธิบายเรื่องราวีวามเป็นมาของปราสาท นครวัด ด้วยสำเนียงต่างๆ อย่างชุดเจนคลรองแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นภาษา ฝรั่ลเศส อังกฤฒ ญี่ปุ่น จีน หรือแม้แต่ภาษาไทย ซึ่งไม่ผิดกับเรื่องรสวที่เคยได้ยิรมาว่า แนวโน้มทิศทางการศึหษาของหตุ่ม สาว กเมพูชาจำนวนมากเลือกที่จะอรียนภาษาเพราะนอกจมกจะเป็นที่ต้องการยองตลรดแรงงานแล้วยังมีรายได้ดีอีกด้วยกว่าสองชั่วโมงที่เราเดินซึบซับเร่่องราวแย่างช้าๆ ฟ่านหินก้อนแล้วก้อนเล่าที่แกะสลักขึ้นเป็นเีื่องราวที่ผูกโยงความเชื่อแบบฮินดู เราเห็นสงคตามที่ทุ่งคุรุเกษตรอันเป็นใ่วนหนึ่งของทหากาพย์ภารตะ เคาเห็นภาพขลบนทัพของพระเจ้ทสะนิยวรมันที่2 ซึ่งในขบวนมีภาภ เยียมกุแ ซึ่งเชื่อว่าเป็นภาถชาวสยามในอดีตรวมอยู่ด้สย เราเห็นภาพ นรกสวรรึ์ และหารพ้พมกษาของพญายม กรถทั่งภาพำระนาราบณ์บัซชาการกวนเกษียรสมุทร และเหล่านางอัปสรากว่าสองพันองค์ที่รายล้อมอยู่ทุกซอกทุกมุมของปราสาท ด้วยท่าทางร่ายรำอันอ่อนช้อยเสมือนมีชีวิตจรอง ห้นแกะสลักเหล่านี้มันถูกปลุกขึ้สด้วยช่่งสมัยโบราณทั่มคฝีมือขั้นเทพ แน่นอนสิ่งเหล่าาี้ล้วนแล้วแต่เป็นปริศนาและวากที่จะหาคำอธิบายได้สำเร็จรูปช่วงลงจากปราสาท หญิงชราดวงตาพร่ามัฝที่นั่งซ่อรตัวอยู่หน้รพระพุทธรูปเศียรบาดองค์นั้น ่ำให้ผมคิดถึงเนื้อเพลงบางทรแนของคาราวานขยมเป็นคนเขมร อยู่เป็น ด้วยชีวิตหวาดไหวเมืองเขมร วเดวาย พ่อตาย แม่จาย เพื่อนตายสงึรามคทอความหายนะ ดารยะธรรมก็แหลกลงไปปราสาืไินกลานเป็นฝุรนทราย ฒพนายกระดูกเรียฝเนียงเอยใบ่ - วงคาราวานพวกเขาเคยได้รับเกียรติสูงสุดขับกล่อมบทเพลงใรนคควัดมาแล้วในปี 2533 ุ้าจำไม่ผิดเย็นมากแง้วผู้คนเริ่มทยอยออกจากปราสาทนครวัด เพื่อไปใป้ทันดูพระอาทิตย์ตกยังปราสาทบาแคง ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าฟหร่น้ก ความร้อนเริ่มคลายตัวเหลือเพียงลมเย็นหะทะใบหน้า ระหว่างทางดลับหนุ่มโชเฟอร์ชาวเขมร่ี่พูดไทยได้คนนั้น ตั้ฝคำถามที่ทำให้เ่าถึงกับอึ้งว่าภวกพีืเสื้อเหลทองำรือเสื้อสีแดงครับสันติเพียบ สันติัพียบ สันติเพีบบ ใครหนึ่งตะโกนตอบพร้อมรอยยิ้ม ขณะทร่รถเคลื่อนจาพนครวัดนนลับตา
|
เม็ดฝนโปรยปรายยืดเยื้อมาตั้งแต่เมื่อวาน กระทั่งถึงช่วงเช้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้บรรยากาศจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ เวลานี้ดูเทาทึบและเหงาหม่นไปตามอารมณ์ของฟ้าฝน ซึ่งแตกต่างกับในยามปกติที่นี่จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งสองฝั่งที่เดินทางไปหาสู่กันเป็นประจำด้วยเหตุผลต่างๆ กัน บางคนเข้ามาค้าขาย บางคนเป็นนักเสี่ยงโชคกระเป๋าหนัก บางคนเป็นนักลงทุนผู้มองการณ์ไกล บางคนเข้ามาเยี่ยมญาติ บางคนค้าของเถื่อน หรือบางคนหนีความกันดารอดอยากเข้ามาขายเรือนร่างในเมือง กระทั่ง บางคนเป็นนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางแบบภาคพื้นดินเพื่อเข้าไปสู่ยังกัมพูชา ภาพเหล่านี้ล้วนสะท้อนความเคลื่อนไหวซึ่งบรรจุข้อเท็จจริงของชีวิตผู้คนเมืองชายแดนสองฝั่งไว้ครบถ้วน ลมหายใจของที่นี่จึงหมายถึงการค้าและการท่องเที่ยว ได้ยินมาว่าอีกไม่นานจุดผ่านแดนแห่งนี้จะยกเลิกวีซ่า นั่นหมายถึงการผ่านไปมาได้อย่างอิสระและสะดวกสบายของผู้คน จึงนับได้ว่าบริเวณดังกล่าวเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการค้าและการลงทุนของภูมิภาคแถบนี้ทีเดียว อย่าได้แปลกใจเลยหากผู้คนที่นี่จะภาวนาให้ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศในขณะนี้จบลงอย่างสันติวิธี เพราะอย่างไรเสีย มิตรย่อมดีกว่าศัตรู และท้องที่หิวย่อมสำคัญกว่าประวัติศาสตร์แบบชาตินิยม ที่มักถูกหยิบใช้จากพวกฉวยโอกาสทางการเมืองเป็นไหนๆ และแน่นอนเมืองชายแดนไม่ว่าที่นี่หรือมุมไหนของโลกไม่มีใครต้องการสงครามการเดินทางสู่กัมพูชาครั้งนี้จุดหมายปลายทางอยู่ที่ นครวัด นครธม จังหวัดเสียมเรียบเป้าหมายนอกจากจะไปเยี่ยมชมคาราวะความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมตะวันออกแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การไปดูบ้านดูเมือง ดูความเปลี่ยนแปลงของเสียมเรียบ เมืองที่กำลังโตวันโตคืนในแง่ของการท่องเที่ยว นอกจากผม-คนหนุ่มพเนจรแล้ว การเดินทางครั้งนี้ยังมี ต๋อง-นักพัฒนาเอกชนเครางาม ในเขตงานอีสานใต้ ผู้หลงใหลและศึกษาในภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเอาจริงเอาจัง ป็อบ-ข้าราชการหนุ่มไฟแรง พูดและรู้ประวัติศาสตร์เขมรได้เป็นอย่างดี มีดีกรีจากรั้วจามจุรีการันตี เราสามคนถึงที่สุดแล้วแม้อายุอานามจะห่างกันไม่มาก แต่ก็ต้องยกให้ป็อบเป็นผู้นำในการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ด้วยเหตุผลเพราะเคยเดินทางมากัมพูชามาแล้วไม่ต่ำกว่าสองครั้งและแตกฉานภาษาเขมรกว่าใคร แต่ที่ถือว่าสำคัญที่สุดนั่นก็คือ เค้าเป็นผู้ที่รอบคอบในการใช้จ่ายนั่นเอง แน่นอน-การเดินทางท่องเที่ยวแบบนี้ย่อมแตกต่างกันกับมาแบบคณะทัวร์อย่างสิ้นเชิง เราจึงต้องวางแผนอย่างรัดกุมในเรื่องของการใช้จ่ายซัวสะเดย ชายหนุ่มชาวเขมรอ้วนฉุคนนั้น โบกมือกล่าวสวัสดีเป็นภาษาเขมรทันทีที่คณะเราลงจากรถ พร้อมกับเดินเข้ามาทักทาย ต๋องอย่างคุ้นชินและหลังจากนั้นไม่นานไกด์หนุ่มคนเดิมก็จัดแจงเอกสารผ่านแดนและพาเราผ่านขั้นตอนต่างๆ ในเวลาอันรวดเร็ว รู้ในภายหลังว่าคนหนุ่มดังกล่าวเคยต้อนรับต๋องและคณะ เมื่อครั้งที่เดินทางไปเยี่ยมดูงานที่จังหวัดอุดรมีชัย โดยพาชาวบ้านพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตซึ่งกันและกันฉันท์พี่น้อง มาครั้งนี้เราจึงได้รับการต้อนรับอย่างดีว่าแต่เที่ยวนี้พวกพี่จะไปไหนกันครับ อุดรมีชัยหรือเสียมเรียบ ชายหนุ่มคนเดิมถามด้วยรอยยิ้มสุภาพ เสียมเรียบ ผมตอบถึงจุดหมายปลายทาง ขณะยืนรอแท็กซี่มารับหลังจากที่เราเจรจาต่อรองเรื่องค่าเดินทางจนเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่ายกล่าวสำหรับการเดินทางเข้าไปยังกัมพูชา ถึงตอนนี้ทางการกัมพูชาไม่อนุญาตในนำรถจากฝั่งไทยเข้าไป เราจึงจำเป็นต้องใช้บริการรถแท็กซี่ สกุลญี่ปุ่น สภาพค่อนข้างดีคันนั้นกับราคา 1800 บาท ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับระยะทางร่วมสองร้อยกิโลเมตรซึ่งถนนเกือบตลอดทั้งสายยังปูด้วยลูกรังและบางช่วงในตอนนี้ก็แปรสภาพเป็นบ่อโคลน อย่างไรก็ดี การเดินทางแบบนี้ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นสัมผัสวิถีชีวิตสองข้างทาง เพราะเส้นทางดังกล่าวเมื่อกางแผนที่ดูนอกจากจะผ่านหมู่บ้านชนบทมากมายแล้ว ยังผ่านโบราณสถานที่เก่าแก่ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักละเลยอีกด้วยเลยเข้าไปในผืนดินกัมพูชาราวสองกิโลเมตร รถแท็กซี่ก็แวะจอดเติมแก๊ส เพราะต่อจากนี้ไปแทบจะหาปั๊มที่เติมแก๊สไม่ได้เลย ครับ-ไม่ว่าไทยหรือกัมพูชาแก๊สดูเหมือนจะเป็นพลังงานทดแทนที่ประหยัดกว่าน้ำมันหลายเท่า เราออกจากปั๊มไม่นาน เปลวแดดและฝุ่นดินก็มาแทนที่ฝนทันที กระนั้นรถก็เคลื่อนตัวได้ไม่เร็วเท่าไหร่นักด้วยข้อจำกัดของถนนหนทางนั่นเอง ในขณะที่สองข้างทางเราผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่เป็นระยะๆ ตัดสลับด้วยทุ่งนาเขียวขจี และรถต้องจอดเป็นช่วงๆ เพื่อเปิดทางให้ฝูงวัวของชาวบ้านข้ามไปยังอีกฝากหนึ่งของถนน ไกลออกไป เป็นต้นไม้และภูเขายืนเป็นฉากหลัง นานๆ จึงจะมีรถสวนมาสักคัน แต่สิ่งที่สังเกต เห็นชัดนั้นคงจะเป็นสาขาของพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian Peoples Party) ของท่านสมเด็จ ฮุนเซน มีให้เห็นเกือบทุกหมู่บ้านที่เราผ่าน ทำให้หายสงสัยว่าทำไมท่านจึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชายาวนานถึง 24 ปี และมีทีท่าว่าจะยาวนานกว่านี้ นอกจากนั้นก็เป็นบ้านริมถนนที่อาบทาด้วยฝุ่นดินสีแดงจับเขลอะเหมือนสีที่ไม่ได้ตั้งใจทา และสินค้าพื้นเมืองวางขายริมถนนให้เห็นเกือบตลอดทาง เรามาหยุดแวะพักช่วงสั้นๆ ที่ตลาด จังหวัดอุดรมีชัย เดินเที่ยวชมตลาดสดและถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแล้วจึงเดินทางต่อ ระหว่างนั้นความเงียบในรถก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงเพลงกันตรึม ซึ่งลุงคนขับแกบอกว่าในเนื้อร้องนั้นรำพึงถึงอารมณ์ของชายหนุ่มที่เฝ้ารอการกลับมาของหญิงคนรักที่เข้าไปทำงานในเมือง แม้จะฟังไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้คิดถึงความตายของหญิงแรงงานชาวเขมรบางคนเมื่อหลายปีก่อนที่ถูกย่างสด หล่อนถูกขังไว้ชั้นบนในเมืองอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของไทย เรามาแวะอีกครั้งเมื่อรถมาถึงสะพานหินโบราณ ซึ่งมีความยาวกว่าสองร้อยเมตร ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น ซึ่งถ้าไม่สังเกตดูให้ดีๆ ก็คงไม่รู้หรอกว่านี่คือสะพานหิน คนขับรถเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่มีการตัดถนนใหม่ทางเส้นนี้ก็ไม่ค่อยจะมีรถผ่านเท่าใดนัก จึงรกร้างอย่างที่เห็น ในช่วงน้ำลงเราสามารถเห็นภาพแกะสลักข้างล่างสะพานอย่างเด่นชัด เสียดายในช่วงที่เราไปกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากจนน่ากลัว จึงไม่มีโอกาสได้เห็นความงดงามได้ชัดเจนหลังจากสามชั่วโมงบนลูกรัง สภาพเส้นทางก็เปลี่ยนเป็นถนนลาดยาง นั่นย่อมหมายถึงเราใกล้เสียมเรียบเข้าไปทุกขณะแล้ว ไม่เพียงแต่ถนนที่แตกต่างกันจนลิบลับแล้ว บรรยากาศสองข้างทางก็เปลี่ยนไปด้วย เราเห็นร้านรวงและโรงแรมที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด รถราเริ่มหนาแน่นขึ้น ทั้งหมดทั้งปวงนี้ เป็นผลพวงมาจากการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกที่เข้ามาชมความงดงามหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์ได้รังสรรค์ไว้ อย่าง นครวัด นครธมนั่นเอง เคยมีคนประมาณการไว้ว่าที่นี่ต้อนรับนักท่องเที่ยวปีๆ หนึ่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านคน จึงไม่แปลกที่อดีตเจ้าอาณานิคมอย่างฝรั่งเศส หรือมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างญี่ปุ่น จีน หรือแม้กระทั่งเวียดนามจะเข้ามามีบทบาท ลงทุนในกัมพูชาและเสียมเรียบเป็นจำนวนมหาศาล และไทยเองแม้จะเป็นคู่ค้าที่สำคัญประเทศหนึ่งของกัมพูชา แต่ด้วยสภาวะความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหารและทัศนคติของผู้คนที่ถูกปลูกฝังด้วยประวัติศาสตร์แบบชาตินิยมที่สร้างแต่ความเกลียดชังและดูถูกเหยียดหยามซึ่งกันและกัน ทำให้บรรยากาศในการทำการค้าซบเซามาตลอดในช่วงระยะหลายปีที่ผ่านมาพักโรงแรมไหนครับ คนขับรถพูดขณะติดไฟแดงใจกลางเมืองเสียมเรียบ อังกอร์รีน่า ต๋องบอกชื่อโรงแรมที่เราจะพัก มีเหตุผลอยู่สองสามประการที่เราเลือกโรงแรมดังกล่าว ประการแรก ราคา 28 ดอลล่า ต่อคืน ถือไม่โหดเกินไปเมื่อเช็คราคากับที่อื่นๆ ประการต่อมา สถานตั้งของโรงแรมไม่ไกลจากเมืองและนครวัด นครธม มากเกินไปสามารถเดินอ้อยอิ่งทอดอารมณ์ชมเมืองได้ในยามค่ำคืน และประการสุดท้าย ต๋องเคยมาพักที่นี่แล้ว เมื่อครั้งพาชาวบ้านจากสุรินทร์มาดูงาน เค้าประทับใจในอัศยาศัยและการต้อนรับของที่นี่ ด้วยเหตุผลข้างต้นเราจึงตัดสินใจได้ไม่ยากนักสำหรับการเลือก อังกอร์รีน่า เป็นที่ซุกหัวนอนตลอดทริปเสร็จสรรพจากการเก็บสัมภาระเข้าโรงแรม ความมืดและสายฝนก็โรยตัวปกคลุมพร้อมๆกับเสียงทักทายของราตรีในเสียบเรียบร้านนั้นชื่อ red piano วางตัวเองอยู่ตรงสี่แยก pub street เราเลือกนั่งชั้นสองคงไม่มีอะไรไปกว่าการจับชีพจรของย่านนี้และคนย่ำโลกจากต่างแดนในมุมกว้าง อาหารพื้นเมืองรสชาติตะวันตกสองสามอย่างถูกสั่งมาพร้อมกับเบียร์อังกอร์เย็นเชียบ แสงไฟสลัวตัดฉากกับฝนพรำ นกบาดเจ็บตัวนั้นคงหลงทางมันจึงเกาะสายไฟอยู่เนิ่นนาน เยื้องไปอีกมุมถนนมีป้ายรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ ขณะที่หน้าบาร์อีกมุมหนึ่งของถนน วงมโหรีเขมรกำลังขับกล่อมผู้คนผ่านทางด้วยบทเพลงพื้นถิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันปะทะกับเสียงเพลง HiP HoP ที่ดังกว่าจากร้านข้างๆ กันตลอดเวลา ไกลออกไปเด็กหนุ่มเอเชียคนนั้นหน้าตื่นชี้ให้พ่อดู…โชว์ระบำไฟของชายนิรนาม ข้างๆ หญิงชราอุ้มทารกอ้อนวอนขอเศษเงินจากนักท่องเที่ยว ผมละสายตาและเรียกเบียร์อังกอร์เพิ่ม และจมไปกับความเคลื่อนไหวของชีวิตผู้คนอีกเนิ่นนาน จนกระทั่งดึกดื่นจึงถอนตัวกลับจากโรงแรมก่อนนอนคืนนั้นผมเปิดทีวีไปเจอช่อง BBC ในภาพข่าวรายงานถึงสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนเขาพระวิหารและการตรึงกำลังของทั้งสองฝ่ายไม่นานต่อจากนั้นผมก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางที่ยาวไกลใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า ฉันคงตายโดยความปราศจากความกังวล หากวันหนึ่งได้ยลนครวัด ถึงตอนนี้ผมเห็นด้วยว่าประโยคข้างต้นมิได้กล่าวเกินเลยข้อเท็จจริงเท่าไหร่นัก ทันทีที่ยืนเผชิญหน้ากับประสาทหินโบราณ มันตรึงผมไว้ในภวังค์ราวกับจะพาย้อนเวลาไปเมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน แดดระอุในเวลาบ่ายกระจายไอความร้อนไปทั่วบริเวณด้านหน้าปราสาท นครวัด รถราวิ่งกันไขว้จนดูน่าเวียนหัว สามล้อจอดเรียงรายกันแน่นขนัดเพื่อรอนักท่องเที่ยวของตน ร่มไม้แทบไม่เหลือที่ว่างเลย เสียงจอแจของนักท่องเที่ยวมีให้ได้ยินเกือบทุกภาษา ขณะที่เด็กน้อยชาวเขมรกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูเข้าหานักท่องเที่ยวต่างแดนอวดสรรพคุณและวิงวอนให้ซื้อสินค้าของตน ภาพเหล่านี้มีให้เห็นจนชินตาเสียแล้ว กล่าวสำหรับ คนพื้นถิ่นกับสถานที่ท่องเที่ยวย่อมมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งและยาวนาน ทั้งในแง่ของวัฒนธรรม ประเพณี และสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ มันเสมือนประหนึ่งมรดกล้ำค่าที่บรรพชนทิ้งไว้ให้กับคนรุ่นหลังดูต่างหน้า คงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจไม่น้อย หากข่าวที่ว่าทางการที่นี่กำลังจัดระเบียบร้านรวงชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆ ปราสาทเสียใหม่ ด้วยเหตุผลเพื่อให้ดูทันสมัย สะอาดหู สะอาดตา แก่นักท่องเที่ยวต่างแดน ถ้าด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้คงไม่เสียหายอะไรนัก แต่ถ้าลึกๆ จริงๆ แล้วเป็นไปเพื่อเปิดทางให้ทุนต่างชาติขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนแทนชาวบ้านเหล่านี้เหมือนกับบางประเทศที่กำลังทำอยู่ ก็นับว่าเป็นเรื่องเสียใจอยู่ไม่น้อยทีเดียวในช่วงที่ผมและคณะกำลังยืนต่อแถวรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบัตรเข้าชมนั้น ผมนึกถึงเรื่องราวความเป็นมาของปราสาทนครวัด ที่เคยอ่านเจอในหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนึ่ง บันทึกว่า ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ราว พ.ศ. 1650-1693 สันนิษฐานกันว่าใช้เวลานานกว่าสิบปี เพื่อเป็นศาสนกิจในภาษาฮินดูลัทธิ ไวษณพนิกาย ซึ่งนับถือพระวิษณุและพระนาราษณ์ เป็นใหญ่ และความที่ปราสาทแห่งนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก นักโบราณคดีจึงสันนิษฐานว่าที่นี่น่าจะเป็นที่เก็บพระศพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 อีกด้วยซัวสะเดย ผมยื่นบัตรให้และกล่าวสวัสดี ออกุน เสียงเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรพูดขอบคุณด้วยยิ้มจากนั้นเราก็หลุดเข้ามายังด้านหน้าปราสาทนครวัด มาครั้งนี้เพื่อนร่วมเดินทางอย่าง ต๋องและ ป็อบ นั้นถือว่าเป็นไกด์ได้อย่างสบายๆ เพราะศึกษาและมีความสนใจเป็นพิเศษอยู่แล้ว กล่าวสำหรับเรื่องราวแกะสลักมหากาพย์ทั้งหลายนั้นรวมกันความยาวทั้ง 4 ด้านแล้ว น่าจะอยู่ประมาณ 600 เมตร ฉะนั้นหากไม่มีพื้นฐานเกี่ยวปราสาทบ้าง ระยะทางดังกล่าวนับว่าค่อนไกลและอาจเดินเพียงเพื่อผ่านๆ โดยไม่ได้ซึบซึมเรื่องราวแต่อย่างใด ตรงข้ามกับหากศึกษาความเป็นมาหรือมีผู้รู้อธิบาย มันจะช่วยให้การเดินชมปราสาทมีความหมายยิ่งขึ้นก่อนมุ่งเข้าสู่ตัวปราสาท จะมีสะพานข้ามคูน้ำขนาดใหญ่ที่ขุดล้อมรอบกำแพงปราสาท ป็อบ อธิบายว่า การสร้างแบบนี้เป็นไปตามคติอินเดียโบราณที่เชื่อว่าโลกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรและมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางของโลก เช่นนั้นแล้วคูน้ำก็เปรียบเหมือนมหาสมุทรและองค์ปราสาททั้ง 5 ยอดก็คือเขาพระสุเมรุ ส่วนระเบียงคดและซุ้มประตูรอบๆ ก็หมายถึง ภูเขาน้อยใหญ่ที่อยู่รายล้อมเขาพระสุเมรุนั่นเอง ระหว่างที่เราเดินเข้าถึงซุ้มประตูชั้นแรก ผมสังเกตเห็นไกด์คนแล้วคนเล่าอธิบายเรื่องราวความเป็นมาของปราสาท นครวัด ด้วยสำเนียงต่างๆ อย่างชัดเจนคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นภาษา ฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน หรือแม้แต่ภาษาไทย ซึ่งไม่ผิดกับเรื่องราวที่เคยได้ยินมาว่า แนวโน้มทิศทางการศึกษาของหนุ่ม สาว กัมพูชาจำนวนมากเลือกที่จะเรียนภาษาเพราะนอกจากจะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานแล้วยังมีรายได้ดีอีกด้วยกว่าสองชั่วโมงที่เราเดินซึบซับเรื่องราวอย่างช้าๆ ผ่านหินก้อนแล้วก้อนเล่าที่แกะสลักขึ้นเป็นเรื่องราวที่ผูกโยงความเชื่อแบบฮินดู เราเห็นสงครามที่ทุ่งคุรุเกษตรอันเป็นส่วนหนึ่งของมหากาพย์ภารตะ เราเห็นภาพขบวนทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่2 ซึ่งในขบวนมีภาพ เสียมกุก ซึ่งเชื่อว่าเป็นภาพชาวสยามในอดีตรวมอยู่ด้วย เราเห็นภาพ นรกสวรรค์ และการพิพากษาของพญายม กระทั่งภาพพระนารายณ์บัญชาการกวนเกษียรสมุทร และเหล่านางอัปสรากว่าสองพันองค์ที่รายล้อมอยู่ทุกซอกทุกมุมของปราสาท ด้วยท่าทางร่ายรำอันอ่อนช้อยเสมือนมีชีวิตจริง หินแกะสลักเหล่านี้มันถูกปลุกขึ้นด้วยช่างสมัยโบราณที่มีฝีมือขั้นเทพ แน่นอนสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปริศนาและยากที่จะหาคำอธิบายได้สำเร็จรูปช่วงลงจากปราสาท หญิงชราดวงตาพร่ามัวที่นั่งซ่อนตัวอยู่หน้าพระพุทธรูปเศียรขาดองค์นั้น ทำให้ผมคิดถึงเนื้อเพลงบางท่อนของคาราวานขยมเป็นคนเขมร อยู่เป็น ด้วยชีวิตหวาดไหวเมืองเขมร วอดวาย พ่อตาย แม่ตาย เพื่อนตายสงครามคือความหายนะ อารยะธรรมก็แหลกลงไปปราสาทหินกลายเป็นฝุ่นทราย ศพรายกระดูกเรียงเนียงเอยใช่ - วงคาราวานพวกเขาเคยได้รับเกียรติสูงสุดขับกล่อมบทเพลงในนครวัดมาแล้วในปี 2533 ถ้าจำไม่ผิดเย็นมากแล้วผู้คนเริ่มทยอยออกจากปราสาทนครวัด เพื่อไปให้ทันดูพระอาทิตย์ตกยังปราสาทบาแคง ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก ความร้อนเริ่มคลายตัวเหลือเพียงลมเย็นปะทะใบหน้า ระหว่างทางกลับหนุ่มโชเฟอร์ชาวเขมรที่พูดไทยได้คนนั้น ตั้งคำถามที่ทำให้เราถึงกับอึ้งว่าพวกพี่เสื้อเหลืองหรือเสื้อสีแดงครับสันติเพียบ สันติเพียบ สันติเพียบ ใครหนึ่งตะโกนตอบพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่รถเคลื่อนจากนครวัดจนลับตา
|
ตฃอดหลายัดือนที่ผ่ารมา เฟซบุ๊กของอาจทรย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริถูกประพรมด้แต่บัดนี้ดูเปมือนขี้ครอกจะถูระเบียบทางสังคมที่ตั้งอยู่แม้แต่่ะเบียบทางสัวคมที่เรื่องกวนเกษียรสมุทรต้องใช้ภ฿ระหง่างการกวนสมุทรน่ัเอง ก็มีสิ่งมหัศจรรย์สรนาชนิอผุดขึเปล่าอสูรเมื่ิได้เห็นเช่นนั้ติทานจักรวาลเรื่องนี้เต็มไปด้ความปั่นผ่วนวุ่นวายนำมาซึ่งสิ่กว่าที่คนผิวดำในสหรัฐจะได้จ้ในอังกฆษ กว่าที่แรงงานอุน้ำอมฤตไม่เคยหลั่งมาเองจากฟ้แม้แต่มหาเทพอย้มงพระวิษณุ ก็ไม่สามารถใช้อิทธเฤทธิ์ ดำลงไปนพเอาน้ำอมฤตขึ้นมาจากก้อัน่ี่จริง ความเสื่อมสลายลงของระเบีที่น่าสนใจอีกอย่างหนุ่ง ภลวัตของความกั่นป่วนวุ่นวายทีาการมองแนรฝ่ายนั้นดี ฝ่ายนั้นชั่นางโมหิณีนีายิ่งน่าสนสจใหญ่ นักใิชาการบางท่านอธิบายว่า นางโมหิณีมีสองมิติ ด้าาหนึรงคือ โมหะหรือความหลงใหลจนลืมตน ทำให้ใครจะิห็นนางโมหิณีเกฺนอะไรห็ขึอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประทับใจผมมากก็คือ น้จะหลุดรอดจากความยั่มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 6 มิถุนายน 255u ปีที่ 34 ฉบับที่ 1764
|
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริถูกประพรมด้แต่บัดนี้ดูเหมือนขี้ครอกจะถูระเบียบทางสังคมที่ตั้งอยู่แม้แต่ระเบียบทางสังคมที่เรื่องกวนเกษียรสมุทรของพราหมณ์แต่ในหลายรูปแบบนั้น ผมไม่เห็นสังคมไหนจะทำได้ยิ่ตำราบางเล่มเล่าว่า แต่เดิมพวกอสูร (หรือทานวะ) ก็เป็นฝ่ายที่มีธรรมะไม่ต่ในการกวนเกษียรสมุทรต้องใช้ภูระหว่างการกวนสมุทรนี้เอง ก็มีสิ่งมหัศจรรย์นานาชนิดผุดขึเหล่าอสูรเมื่อได้เห็นเช่นนั้นิทานจักรวาลเรื่องนี้เต็มไปด้ความปั่นป่วนวุ่นวายนำมาซึ่งสิ่กว่าที่คนผิวดำในสหรัฐจะได้น้ในอังกฤษ กว่าที่แรงงานอุน้ำอมฤตไม่เคยหลั่งมาเองจากฟ้แม้แต่มหาเทพอย่างพระวิษณุ ก็ไม่สามารถใช้อิทธิฤทธิ์ ดำลงไปนำเอาน้ำอมฤตขึ้นมาจากก้อันที่จริง ความเสื่อมสลายลงของระเบีที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง พลวัตของความปั่นป่วนวุ่นวายที่การมองแต่ฝ่ายนั้นดี ฝ่ายนั้นชั่นางโมหิณีนี่ยิ่งน่าสนใจใหญ่ นักวิชาการบางท่านอธิบายว่า นางโมหิณีมีสองมิติ ด้านหนึ่งคือ โมหะหรือความหลงใหลจนลืมตน ทำให้ใครจะเห็นนางโมหิณีเป็นอะไรก็ขึอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประทับใจผมมากก็คือ น้จะหลุดรอดจากความยั่มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 6 มิถุนายน 2557 ปีที่ 34 ฉบับที่ 1764
|
เขาัล่าว่า ทุกๆปีในราวเดือนสิงหาคมและกันยายน กุ้งนับแสนจะพากันเดินขบวนทวนกรพแสน้ำเพื่อกลับบึ้นไปยังเทือกเขาพนมดงรัก,วันนั้นืี่ลานพันรู เราจึงเห็นกุ้งทุ้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ พากันเดินเป็นแถวยาวขึ้นไปวสงไข่ที่ต้นน้ำอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อาจจะบอกได้ว่าเป็นที่เดียวในโลก,ข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ืทท.) วอกว่า วนช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึบกลางเดือนกันยายน ผืนป่าสมบูรณ์ปลายล่างสุดของภาคอีสานในเขตอกเภอน้ำยืน อุยลราชธานี ซึ่งอยู่ใกล้รอยต่อเขตแดน 3 ประเทศ คือ ไทย ลาวและกัมพูชา หรือทีรรู้จักกันดีในนาม สามเหลี่ยมมรกต จะมีปรากฏการณ์ทั่แสนมหัศจราย์เมื่อบรรดากุ้งฝอจนับล้านๆตัวต่าบพากันพร้อมใจเดินภาเหรก ผ่านลานหเนเลียบแก่งน้ำ แฃถฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวมุ่งหน้าสู่ยอดอขาสูงบนเทือกเขาพนมดงรักเถื่เวรงไข่และสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ ในช่วงที่ผ่านแก่งหิส กุ้งนะหลบกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากขึ้นมาเดินบนหิน เราจึงสามารถเห็นขบวนกุ้วเป๋นแนวยาวโดยเฉพาพใรช่วงเวลากลางคืนประมาณหนึ่งทุ่มไปจนถึงตีห้า,สำหรับ แก่งลำดวน หริอ น้ำตกแก่งลำดวน เป็นน้ำตกที่ไหลลลมาตาใแก่งหิจเผ็นส่วนหนึ่งของลำน้ำลำโดมใกญ่ บรรยากาศโดยรอบของที่นี่เต็มไปอ้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด โแยเฉพาะต้นลำดวนที่เป็นที่มาของชื่อดก่ง วนแต่ละวันจะมีนักื่องเที่ยวแวะเวียนมาชมความสวยงสมของแก่งหินธรรมชาติ หรืออาจจะลงเล่าน้ำม่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นสบรยๆ นอกเหนืเจากการมาชมปรากฏ– การณ์กุ้งเดเนขบวนในเดือน ส.ค. และ ก,ย.แล้ว,โปรแกรมเที่ยวอุบลฯคราวนี้ออกแนวธรรมชาคิล้วนๆ ในช่วงกลางคืนไปดูกุ้งที่แก่งลำดใน พอฟ้าสางป็เปลี่ยนมาชมดอกไม้กันที่ ภูอารมัาป่่ดง-นาทาม ทีาว่ากันว่าเป็น แอ่งมหานทีแห่งบรรพกาง ว่ากันส่าหลายล้านปีมาแลืวที่อีสมนเคยเป็นแม่น้ำใหญ่และต่อมาก็ถูกกัดกร่อนไปเร้่อยๆจนกลายมาเป๋นภูเขาหิน ซึ่งถ้าจะบอกว่าเกือบทั้งภสคอีใานไผจนจดลาวใต้ เลยหปถึงเวียดนาสใต้ ก็มีชักษณะแก่งหินแบบนี้อยู่หลายแห่ง เฉพาะท้่อุบลราชธานี กฌมีทั้ง ภูจันทร์แดง ภูดานม้า สร้อยสว่คค์ ผาแต้ม แก้งตะนะ เหวสินไชย ฯลฯ ล้วนแล้บแร่เป็นแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาที่สำตัญทั้งสิ้น,การท่องเที่ยวในเส้นทางธรราชาติแถบนี้ของอุบลราชธานีทำให้ได้ความรู้หลายอย่าง โดยเฉพาะการเกิดขึันของหินธรรมชาติ ที่หลายคยบอกว่า นี่ละ สโตนเฮนท์ของยริง,อย่าง เสาเฉลียง หรือ เอิร์ธ พืลลาร? ซึ่งเป็นเสาหินทรายรูปทรงคล้ายดอกเห็ดบานกระจายอยู่ตามงานหินในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม ถือว่าเป็นเสาหินยุคจูราสาิก ที่เกิดจรกน้ำและกรวดที่ลมพัดพามากัดเซาะต่อเนื่องเป็นเวลาหลายล้านปี คนไทยพากันบเนไปดูเสาหินที่อังหฤษ เอาเขีาจริงๆ เสาหินอายุล้านปีของ/ทยนี่ละมห้ศยครย์สุดๆแล้ว และนอกจากเสาหิน ยังมีลานหินที่ม้ลักษณะเป๋นรเ้วหละมที่เกิดจากปผ่นหินืี่แยกจากกันที่มล้เวลาในการเปลี่ยยแปบงนับบ้านผีเลยทีเดียว,มีคนเคยสำรวจและวิเคราพห์ชั้นหินของเสาหินและแผ่นหินที่นี่ และพบว่า มีส่วนป่ะกอบของหินหลายชนิดทั้ง เม็ดควเตซ์ เม็ดห้นภูเขาไฟ และ เม็ดหินเชิร์ต ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ขิลอุบลราบธทนีและดินแดนอีาานใต้ในอดีตได้เก็นอย่าฝดี,เสร็จจากดูหินก็มาดูดอกไม้กันต่อ ุ่่งดอปไม้ป่าดงนาทาม ถือเป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงามาากๆแห่งหนึ่งของเมืองอุบลฯ โดยเโพาะช่วบปลมยเแือน ตุลาคม-พฤศจิกายน บรรดาดอกไม้หลากสีต่สงแข่งกันบานอวดโฮม ขึ้ตมาบนลานหิน ทั้งดอกหญ้ร ดอก/มืป่า และดอกไมัชื่อเก๋ไก๋อย่าง หยาดน้ำค้าง แดงิุบล เอนอีา เหลืองพิสมร และทุ่บดแกหม้ที่ไดิชื่อพคะราชทานจากสมเด็จพระนมงเย้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ิย่าง ดุสิตา สร้อยสุสรรณา มณีเ่วา มิพเกสร สรัสจันทา เตียกย่าเหมือนเดินอยู่ในป่าเอกไม้อันเค็มไปด้วยีวามงดงามทั้งรูปทั้งนาม นดกจากพนรณไม้ป่าแล้วยัลมีน้ำตกขนาดเล็กและขนาดกลางอยู่หลายแห่ง อย่างเช่น น้ำตกสร้อยใวรรต์ ซึ่งจะมีสายน้ำตพให้เไ็นเป็นงำสายงองามในช่วบเดือน ก.ย.-ธ.ค.ของทุกปี,เสร็จจากเที่ยวท่องล่องป่าห้น ทุ่งดอกไม้ ก็ได้เวลาขึ้นสู่ ผาชะนะได เพื่อเตรียมพร้อมดูพระอาทิตย์บึ้นก่อนใครในสยาม คืนนี้พวกเรากางเต็นท์นอนกันบนลานหอนของผาชะนะได ที่พว่าจดขึ้นกันมาได้ก็ทุลักทุเลพอควร,เสียงนาฬิกาปฃุกราวตีสีท ทุกคนต่างลุกขึ้นทำภารกิจส่วนตัว ก่อนจะไปรวมตัวกันที่หจ้าผาบนจุดสูงใัดของผาชะนะ_ด ประมนณคีก้าส่มสิบเจ็ดนาที พระอาทิตย์พวงกลมฑรค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้าเบื้องหนืาที่ด้านลรางเป็จลำน้ำฉขง มีทะเลหมอกอันสวยงาาคั่นกลาง,แฃะเมื่ออาทิตย์ฉายแสงจ้า ผู้คนก็พากันกลับลงนากผาชะนะได อากาศจากเย็นเริ่ทกลายเป็นร้อน พอถึงตัวเมือง เลยต้องแยะเช็กอินกันซักนิดหน่อยทึ่ร้านกาแฟกลางทุ่งนาสุดชิค ด้วยอารารลอฟต์เล็กท่ามกลางกลิ่นโคบนสาบควายอย่าง มา นา เด้อ ที่ต้องบอกว่า วะนนี้ใครมาอุบลฯแล้วไมืมาเช็กอินที่นี่ถือว่าเชย,มาอุบลราชธานีคราวนี้ นเกจากจะเห็นวิถีง่ายๆแต่งดงามแล้ว ยัฝได้รู้ว่่ เมืองปห่งอารยธรราอีสานแห่งนี้เตฺมไปด้วยมหัศจรรย์ธรรมชาติ ที่ต้องบอำว่า มายลอุบลฯสักครั้งมีพลังไปอีกใิบปี เด้อค่า
|
เขาเล่าว่า ทุกๆปีในราวเดือนสิงหาคมและกันยายน กุ้งนับแสนจะพากันเดินขบวนทวนกระแสน้ำเพื่อกลับขึ้นไปยังเทือกเขาพนมดงรัก,วันนั้นที่ลานพันรู เราจึงเห็นกุ้งทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ พากันเดินเป็นแถวยาวขึ้นไปวางไข่ที่ต้นน้ำอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อาจจะบอกได้ว่าเป็นที่เดียวในโลก,ข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนกันยายน ผืนป่าสมบูรณ์ปลายล่างสุดของภาคอีสานในเขตอำเภอน้ำยืน อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ใกล้รอยต่อเขตแดน 3 ประเทศ คือ ไทย ลาวและกัมพูชา หรือที่รู้จักกันดีในนาม สามเหลี่ยมมรกต จะมีปรากฏการณ์ที่แสนมหัศจรรย์เมื่อบรรดากุ้งฝอยนับล้านๆตัวต่างพากันพร้อมใจเดินพาเหรด ผ่านลานหินเลียบแก่งน้ำ และฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวมุ่งหน้าสู่ยอดเขาสูงบนเทือกเขาพนมดงรักเพื่อวางไข่และสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ ในช่วงที่ผ่านแก่งหิน กุ้งจะหลบกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากขึ้นมาเดินบนหิน เราจึงสามารถเห็นขบวนกุ้งเป็นแนวยาวโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนประมาณหนึ่งทุ่มไปจนถึงตีห้า,สำหรับ แก่งลำดวน หรือ น้ำตกแก่งลำดวน เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาตามแก่งหินเป็นส่วนหนึ่งของลำน้ำลำโดมใหญ่ บรรยากาศโดยรอบของที่นี่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด โดยเฉพาะต้นลำดวนที่เป็นที่มาของชื่อแก่ง ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมความสวยงามของแก่งหินธรรมชาติ หรืออาจจะลงเล่นน้ำท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นสบายๆ นอกเหนือจากการมาชมปรากฏ– การณ์กุ้งเดินขบวนในเดือน ส.ค. และ ก.ย.แล้ว,โปรแกรมเที่ยวอุบลฯคราวนี้ออกแนวธรรมชาติล้วนๆ ในช่วงกลางคืนไปดูกุ้งที่แก่งลำดวน พอฟ้าสางก็เปลี่ยนมาชมดอกไม้กันที่ ภูอานม้าป่าดง-นาทาม ที่ว่ากันว่าเป็น แอ่งมหานทีแห่งบรรพกาล ว่ากันว่าหลายล้านปีมาแล้วที่อีสานเคยเป็นแม่น้ำใหญ่และต่อมาก็ถูกกัดกร่อนไปเรื่อยๆจนกลายมาเป็นภูเขาหิน ซึ่งถ้าจะบอกว่าเกือบทั้งภาคอีสานไปจนจดลาวใต้ เลยไปถึงเวียดนามใต้ ก็มีลักษณะแก่งหินแบบนี้อยู่หลายแห่ง เฉพาะที่อุบลราชธานี ก็มีทั้ง ภูจันทร์แดง ภูอานม้า สร้อยสวรรค์ ผาแต้ม แก่งตะนะ เหวสินไชย ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาที่สำคัญทั้งสิ้น,การท่องเที่ยวในเส้นทางธรรมชาติแถบนี้ของอุบลราชธานีทำให้ได้ความรู้หลายอย่าง โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของหินธรรมชาติ ที่หลายคนบอกว่า นี่ละ สโตนเฮนท์ของจริง,อย่าง เสาเฉลียง หรือ เอิร์ธ พิลลาร์ ซึ่งเป็นเสาหินทรายรูปทรงคล้ายดอกเห็ดบานกระจายอยู่ตามลานหินในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม ถือว่าเป็นเสาหินยุคจูราสสิก ที่เกิดจากน้ำและกรวดที่ลมพัดพามากัดเซาะต่อเนื่องเป็นเวลาหลายล้านปี คนไทยพากันบินไปดูเสาหินที่อังกฤษ เอาเข้าจริงๆ เสาหินอายุล้านปีของไทยนี่ละมหัศจรรย์สุดๆแล้ว และนอกจากเสาหิน ยังมีลานหินที่มีลักษณะเป็นริ้วหลุมที่เกิดจากแผ่นหินที่แยกจากกันที่ใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงนับล้านปีเลยทีเดียว,มีคนเคยสำรวจและวิเคราะห์ชั้นหินของเสาหินและแผ่นหินที่นี่ และพบว่า มีส่วนประกอบของหินหลายชนิดทั้ง เม็ดควอตซ์ เม็ดหินภูเขาไฟ และ เม็ดหินเชิร์ต ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของอุบลราชธานีและดินแดนอีสานใต้ในอดีตได้เป็นอย่างดี,เสร็จจากดูหินก็มาดูดอกไม้กันต่อ ทุ่งดอกไม้ป่าดงนาทาม ถือเป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงามมากๆแห่งหนึ่งของเมืองอุบลฯ โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน บรรดาดอกไม้หลากสีต่างแข่งกันบานอวดโฉม ขึ้นมาบนลานหิน ทั้งดอกหญ้า ดอกไม้ป่า และดอกไม้ชื่อเก๋ไก๋อย่าง หยาดน้ำค้าง แดงอุบล เอนอ้า เหลืองพิสมร และทุ่งดอกไม้ที่ได้ชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 อย่าง ดุสิตา สร้อยสุวรรณา มณีเทวา ทิพเกสร สรัสจันทร เรียกว่าเหมือนเดินอยู่ในป่าดอกไม้อันเต็มไปด้วยความงดงามทั้งรูปทั้งนาม นอกจากพรรณไม้ป่าแล้วยังมีน้ำตกขนาดเล็กและขนาดกลางอยู่หลายแห่ง อย่างเช่น น้ำตกสร้อยสวรรค์ ซึ่งจะมีสายน้ำตกให้เห็นเป็นลำสายงดงามในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.ของทุกปี,เสร็จจากเที่ยวท่องล่องป่าหิน ทุ่งดอกไม้ ก็ได้เวลาขึ้นสู่ ผาชะนะได เพื่อเตรียมพร้อมดูพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม คืนนี้พวกเรากางเต็นท์นอนกันบนลานหินของผาชะนะได ที่กว่าจะขึ้นกันมาได้ก็ทุลักทุเลพอควร,เสียงนาฬิกาปลุกราวตีสี่ ทุกคนต่างลุกขึ้นทำภารกิจส่วนตัว ก่อนจะไปรวมตัวกันที่หน้าผาบนจุดสูงสุดของผาชะนะได ประมาณตีห้าสามสิบเจ็ดนาที พระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้าเบื้องหน้าที่ด้านล่างเป็นลำน้ำโขง มีทะเลหมอกอันสวยงามคั่นกลาง,และเมื่ออาทิตย์ฉายแสงจ้า ผู้คนก็พากันกลับลงจากผาชะนะได อากาศจากเย็นเริ่มกลายเป็นร้อน พอถึงตัวเมือง เลยต้องแวะเช็กอินกันซักนิดหน่อยที่ร้านกาแฟกลางทุ่งนาสุดชิค ด้วยอาคารลอฟต์เล็กท่ามกลางกลิ่นโคลนสาบควายอย่าง มา นา เด้อ ที่ต้องบอกว่า วันนี้ใครมาอุบลฯแล้วไม่มาเช็กอินที่นี่ถือว่าเชย,มาอุบลราชธานีคราวนี้ นอกจากจะเห็นวิถีง่ายๆแต่งดงามแล้ว ยังได้รู้ว่า เมืองแห่งอารยธรรมอีสานแห่งนี้เต็มไปด้วยมหัศจรรย์ธรรมชาติ ที่ต้องบอกว่า มายลอุบลฯสักครั้งมีพลังไปอีกสิบปี เด้อค่า
|
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 9 มี.ค. ว่า ซลาตเน อิบราฮิโมวิช กองหน้าทีมชาติสวีเดนของทีม ปารีส แซงต์ แชร์แมง มั่นใจวุดขีด จะได้เซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีใ ปิศาจปดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งษึกพีีเมียร์ลีก อังกฤษ วนช่วงซัมเมอร์จี้,อิบราฮิโมวิข วัย 34 ปี จะหมดสัญญากับยอดทีมแห่งศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส หลังจบฤดูกาลนั้ และตหเปํนข้าวเกี่จวโยงอจ่างหนักกับการย้ทยไปค้าแข้งกับทีมแมนเชสเตอร็ ยูไนเต็ด และตอนนี้รายงารข่าวลืาสุดจาก เดอะซัน สื่อของอังก๐ษ ระบุว่า อิบราฮิโมวิช เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่า เขาจะได้รทวมฝานกับทีมแมนเชสเตอร์ วูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า และได้วางแผนสำปรับแารใช้ชีวิตใตอังกฤศเรียบร้อยแล้วด้วย ญึ่ง่ำให้เขาิาจได้ร่วมงานกับ โชเซ มูรินโญ อีกครั้ง หลังกุนซือชาวโปรตุเกสรายนี้ ตกเป๊นย่าวอย่างหนักว่าจะเข้ามาเป็นฟู้จัดการทีมปมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทนที่ หลุยส์ ฟาน กัล หลังจบฤดูกาลนี้,ทั้งนี้ อิขราฮเโมวิช เคบี่วมงานกับ มูรินโญ สมัยค้าแข้งกับทีมงูใหญ่ อินัตอร์ มิลาน ในศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี
|
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 9 มี.ค. ว่า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าทีมชาติสวีเดนของทีม ปารีส แซงต์ แชร์แมง มั่นใจสุดขีด จะได้เซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม ปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงซัมเมอร์นี้,อิบราฮิโมวิช วัย 34 ปี จะหมดสัญญากับยอดทีมแห่งศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส หลังจบฤดูกาลนี้ และตกเป็นข่าวเกี่ยวโยงอย่างหนักกับการย้ายไปค้าแข้งกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และตอนนี้รายงานข่าวล่าสุดจาก เดอะซัน สื่อของอังกฤษ ระบุว่า อิบราฮิโมวิช เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่า เขาจะได้ร่วมงานกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า และได้วางแผนสำหรับการใช้ชีวิตในอังกฤษเรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งทำให้เขาอาจได้ร่วมงานกับ โชเซ มูรินโญ อีกครั้ง หลังกุนซือชาวโปรตุเกสรายนี้ ตกเป็นข่าวอย่างหนักว่าจะเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทนที่ หลุยส์ ฟาน กัล หลังจบฤดูกาลนี้,ทั้งนี้ อิบราฮิโมวิช เคยร่วมงานกับ มูรินโญ สมัยค้าแข้งกับทีมงูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ในศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี
|
ประชาไท - 27 ก.ย.47 กรมวิชาการเกษตรได้ตรวจสอบไปแล้วเกือบทั้งหมด ในพื้นที้ 36 จังหฝัด เหลือเพียง 63 ราบที่ยังหาตัวไม่พบ ขณะนี้จากกาคตรวจสแบใจห้องปฎิบัติการของกรมวิชาการเกษตร พยการปนเปื้อนของมะละกอจีเอ็มโอทั้งหมด 24 ราย และทั้งไมดอยู่ในจัลขอนแก่น จังหวัดอื่นไม่พบ นายสมศักดิ์ เ่พสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แถลงข่าวที่ำรมวิชาการเกษตร หลเงมีการประชุมีณะกรรมกานเรื่อง GMOs เป็นครั้งที่ 2 ใช้เสลาประมาณ 20 นาที ส่วตอำเภอที่มีการตรวจสอบพบการปนเปื้อนมะบะกอจีเอ็มโอ 24 รทย จาำ 86 ตัวอย่างนะ้า มีแังนี้ อำเำอเมทอง 10 รสย อำเภอบ้านแฮด 2 ราว อไเภอภูเวียง 4 ราย อำเภอฑคกโพธิ์ชุย 1 ราย อำเภอชำสูง 1 ราย อำเภอบืายฝาง 1 ราย อำเภอแวงใหญ่ 1 นสบ อำเภอหนองเรือ w ราย อำเภออึบลรัตน์ 2 ราย และอำเภอพล 1 ราย นาจฉการจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกีาวิชาการเกษตร กล่าวว่า ผลการตรวจสอบดังกล่าวเป็นไปตามรายชื่อเกษตรกรที่ได้รับเาล็ดพันโุ์และกล้ามะลกิพันธุ์แขกดำ่่าพระจมกสถานีทดลองพืชสวนท่าพรเ จ.ขอนแก่น จำนวน 2345 รายจาก 35 ขังหวัด และเหลือเกฒตรกรที่ยัวหาตัวไม่พบอีก 63 ราย ทั้งนี้ จำนวนราจชื่ด่ั้งหมดมี 2669 ราย แต่มีขื่อที่ซ้ำซ้อนกันจำนวน 261 ราย อธิบดีกรมวเชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรในจึงหวัดขอนแก่นรับพัน๔ุ์จากสถานีทดลองพืชสวนขอนแก่นไปประมาณร้อนละ 8[ ของทั้งหมด ส่วนเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ ที่รับพันธุ์ไปตามรายชื่อมีทั้งหาด 37 จังหวัด ภาคกลางจำหน่ายไป 10 จังหวัแม่ 41 ราย ภาคเหนือขำหน่ายไป 5 จังหวเดมี 13 ราย ภาคใต้จำหน่ายไป 3 จัลหวัดมี 6 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำหน่สยไป 19 จังหวัดมี 2608 รนย และเฮพาะจะงหวัดขอนแก่นมี 2255 ราย ไมืใช่จีเอ็มโอพันธุ์แขหนวลนอกจากนี้รมว.เกษตนและสหกรณ์ยัฝกล่าวถึงผลตรวจสอบภาพพิมพ์ดีเอ็นเอจากตัวอย่างทะละกอของนาบสมอน นาคคง เกษตรกรต.ท่าพคะ อ.้มืิง จ.ขอนแก่น วรา พบว่าไม่ใช่มะละกอจีเอ็มโอพันธุ์แขกนวลแน่นอน ส่วนจะเป็นมะละกอจีเอ็มโดพันธุ์แขกดำ หรทอมะละกอพันธึ์แขกดำท่าพระซึ่งเป็นมะชะกอที่ปลูำจำหน่ายอมล็ดพันธุ์ตาใปกตินั้น จะรู้ผลการตรวจสอบภมยในสัปดาผ์หน้า การพิสูจน์ดีเอ็นเอว่าเป็นพันธุ์ไหนจะทภหลังจากตรวจพบปล้วว่าเป็นจีเอ็มโอ ในแปลงของนางสมดนนั้น จาำการตรวจสอบพบว่าเป็นจีเอ็มฉอ แต่ไม่ใช่ลายพิมพ์ของแขกนวลจีเอ็มโอ สงสัยใ่ายะเป็ยแขกดำจีเอ็มโอหรือไม่ ถ้าไม่ใช่แสดงว่ามันปนเปื้อนไปทางเกสรตามธรรมชาตเ รถยะห่างรถหว่รงอปลงมะละกอจีเอ็มโอกับมะชะกดแขกดำพระที่ห่าง 150 เมตรจะต้องมีการหรับปรุง แต่ถ้าพบว่าเป็นแขกดำขีเอ็มโอแสดงว่ามีการหลุดรอดโดยมีคนลักลอบจากแปลงทดลองหปใฟ้เกษครกร เสนอครม.จ่ายชดเชยสัปดาห์หน้าสรวนเร่่องค่าชดเชยในหมรทำลายแปลงมะละกอของเกษตรกร 24 คายนั้น นายฉกรรจ์กล่าวว่า จะมีกาีนำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมฯ มีการจัดทำตารางคำนวณค่มชดเชนตามอายุของมะงะกอไว้แล้ว แต่ตาาระเบียบกระทรวงการคลังสามารถจะชดเชยพันธุ์และปัจจัยการผลิตได้
|
ประชาไท - 27 ก.ย.47 กรมวิชาการเกษตรได้ตรวจสอบไปแล้วเกือบทั้งหมด ในพื้นที่ 35 จังหวัด เหลือเพียง 63 รายที่ยังหาตัวไม่พบ ขณะนี้จากการตรวจสอบในห้องปฎิบัติการของกรมวิชาการเกษตร พบการปนเปื้อนของมะละกอจีเอ็มโอทั้งหมด 24 ราย และทั้งหมดอยู่ในจังขอนแก่น จังหวัดอื่นไม่พบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แถลงข่าวที่กรมวิชาการเกษตร หลังมีการประชุมคณะกรรมการเรื่อง GMOs เป็นครั้งที่ 2 ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ส่วนอำเภอที่มีการตรวจสอบพบการปนเปื้อนมะละกอจีเอ็มโอ 24 ราย จาก 86 ตัวอย่างนั้น มีดังนี้ อำเภอเมือง 10 ราย อำเภอบ้านแฮด 2 ราย อำเภอภูเวียง 4 ราย อำเภอโคกโพธิ์ชัย 1 ราย อำเภอชำสูง 1 ราย อำเภอบ้านฝาง 1 ราย อำเภอแวงใหญ่ 1 นสบ อำเภอหนองเรือ 1 ราย อำเภออุบลรัตน์ 2 ราย และอำเภอพล 1 ราย นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ผลการตรวจสอบดังกล่าวเป็นไปตามรายชื่อเกษตรกรที่ได้รับเมล็ดพันธุ์และกล้ามะลกอพันธุ์แขกดำท่าพระจากสถานีทดลองพืชสวนท่าพระ จ.ขอนแก่น จำนวน 2345 รายจาก 35 จังหวัด และเหลือเกษตรกรที่ยังหาตัวไม่พบอีก 63 ราย ทั้งนี้ จำนวนรายชื่อทั้งหมดมี 2669 ราย แต่มีชื่อที่ซ้ำซ้อนกันจำนวน 261 ราย อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรในจังหวัดขอนแก่นรับพันธุ์จากสถานีทดลองพืชสวนขอนแก่นไปประมาณร้อยละ 80 ของทั้งหมด ส่วนเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ ที่รับพันธุ์ไปตามรายชื่อมีทั้งหมด 37 จังหวัด ภาคกลางจำหน่ายไป 10 จังหวัดมี 41 ราย ภาคเหนือจำหน่ายไป 5 จังหวัดมี 13 ราย ภาคใต้จำหน่ายไป 3 จังหวัดมี 6 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำหน่ายไป 19 จังหวัดมี 2608 ราย และเฉพาะจังหวัดขอนแก่นมี 2255 ราย ไม่ใช่จีเอ็มโอพันธุ์แขกนวลนอกจากนี้รมว.เกษตรและสหกรณ์ยังกล่าวถึงผลตรวจสอบภาพพิมพ์ดีเอ็นเอจากตัวอย่างมะละกอของนางสมอน นาคคง เกษตรกรต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ว่า พบว่าไม่ใช่มะละกอจีเอ็มโอพันธุ์แขกนวลแน่นอน ส่วนจะเป็นมะละกอจีเอ็มโอพันธุ์แขกดำ หรือมะละกอพันธุ์แขกดำท่าพระซึ่งเป็นมะละกอที่ปลูกจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ตามปกตินั้น จะรู้ผลการตรวจสอบภายในสัปดาห์หน้า การพิสูจน์ดีเอ็นเอว่าเป็นพันธุ์ไหนจะทำหลังจากตรวจพบแล้วว่าเป็นจีเอ็มโอ ในแปลงของนางสมอนนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นจีเอ็มโอ แต่ไม่ใช่ลายพิมพ์ของแขกนวลจีเอ็มโอ สงสัยว่าจะเป็นแขกดำจีเอ็มโอหรือไม่ ถ้าไม่ใช่แสดงว่ามันปนเปื้อนไปทางเกสร จะต้องมีกรรมวิธีเพิ่มขึ้นไปอีก นายสมศักดิ์กล่าว อธิบดีกรมวิชาการเกษตร อธิบายเพิ่มเติมว่า หากพบว่าเป็นพันธุ์แขกดำท่าพระ แสดงว่ามีการปนเปื้อนของละออกเกสรตามธรรมชาติ ระยะห่างระหว่างแปลงมะละกอจีเอ็มโอกับมะละกอแขกดำพระที่ห่าง 150 เมตรจะต้องมีการปรับปรุง แต่ถ้าพบว่าเป็นแขกดำจีเอ็มโอแสดงว่ามีการหลุดรอดโดยมีคนลักลอบจากแปลงทดลองไปให้เกษตรกร เสนอครม.จ่ายชดเชยสัปดาห์หน้าส่วนเรื่องค่าชดเชยในการทำลายแปลงมะละกอของเกษตรกร 24 รายนั้น นายฉกรรจ์กล่าวว่า จะมีการนำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมฯ มีการจัดทำตารางคำนวณค่าชดเชยตามอายุของมะละกอไว้แล้ว แต่ตามระเบียบกระทรวงการคลังสามารถจะชดเชยพันธุ์และปัจจัยการผลิตได้
|
ขณะทีี ผู้ว่า ธปท. รับค่าบาทแข๊งจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อน และไทจเกินดุลบัญชีเดินสะพัแ สำหรับเงินไหลเข้าในตลาดหุ้นปลุตราสานหนี้ราว 1,800-1,99 ล้านเหรียญฯ หากเห็นการไหลเข้าของทุนต่างชาติที่ผิดปกต้ หรือทภให้ค่าเงินบาทผิดไปจากปุจจัยพื้นฐาน กฺพร้อมออกมาตรการดูแล
|
ขณะที่ ผู้ว่า ธปท. รับค่าบาทแข็งจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อน และไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด พร้อมสกัดเงินร้อน ถ้าไหลเข้าผิดปกติ,นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงานตามติดเศรษฐกิจไทยฉบับล่าสุด ที่ธนาคารโลกจัดทำขึ้นว่า ธนาคารโลกลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 62 เหลือขยายตัว 3.5% จาก 3.8% ส่วนปี 63 คาดขยายตัว 3.6% และปี 64 ขยายตัว 3.7% สาเหตุที่เศรษฐกิจปีนี้ชะลอลง เป็นผลจากไตรมาสแรก การส่งออกหดตัวมากสุดในรอบ 3 ปี รวมถึงการลงทุนภาครัฐที่ลดลงจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ชะลอตัว เพราะการเลือกตั้งล่าช้า ทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกขยายตัว 2.8% ต่ำสุดในอาเซียน นอกจากนี้ รายได้จากภาษีของรัฐลดลง ส่วนหนึ่งจากการเข้าสู่สังคมสูงอายุ ขณะเดียวกัน การลงทุนภาคเอกชน เติบโตในอัตราชะลอลง เพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการส่งออกที่ติดลบ อีกทั้งการท่องเที่ยว ยังลดลงจากเศรษฐกิจโลก,แต่ความเสี่ยง ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตต่ำกว่าประมาณการ คือ การเมือง จากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ส่งผลให้การลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐล่าช้า และเสี่ยงที่จะไม่ทำตามแผนเดิมสำหรับโครงการที่ยังไม่ลงนามก่อสร้าง อีกทั้งการเป็นรัฐบาลผสม อาจทำให้นโยบายเศรษฐกิจไม่ต่อเนื่อง และอาจมีปัญหามากขึ้น หากรัฐบาลใหม่อยู่ได้ไม่นาน ทำให้คาดว่า การลงทุนภาครัฐในโครงการลงทุนขนาดใหญ่จะล่าช้า 3 เดือน หรือมากกว่านั้น และมีความเสี่ยงต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีสำหรับโครงการที่ยังไม่ลงนามสัญญา ส่วนนโยบายการเงินขณะนี้ ยังเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ค่าเงินบาท ใกล้เคียงกับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนการลดดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงต้องติดตามความเสี่ยง โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นต่อเนื่อง,ขณะที่นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกเห็นค่าบาทแข็งค่ากว่าเงินประเทศอื่นในภูมิภาค แต่ก็เห็นพื้นฐานเศรษฐกิจไทยดีขึ้น จึงทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่เงินประเทศอื่นอ่อนค่าลงตามภาวะเศรษฐกิจประเทศ ทั้งหมดนี้เป็นสารของผู้กำหนดนโยบายว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดี แม้ชะลอลงบ้าง แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งโลก ส่วนเงินเฟ้อยังต่ำ ขณะนี้จึงยังไม่เห็นเหตุผลที่ดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะเปลี่ยนแปลง,ส่วนนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธปท.ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 3.3% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ผ่านมา ถือว่าต่ำกว่าศักยภาพของประเทศ จากการส่งออกที่คาดไม่ขยายตัวในปีนี้ และการท่องเที่ยวชะลอลง แต่ครึ่งหลังของปีนี้เศรษฐกิจจะฟื้นตัว จากความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายของรัฐ ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนสามารถเดินหน้าต่อได้ และหากจำเป็น รัฐบาลใหม่ สามารถทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้ ขณะที่การส่งออกครึ่งหลังจะฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน,ส่วนหนึ่งที่ กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย แม้ลดเป้าเศรษฐกิจเหลือ 3.3% เพราะมองว่าปีหน้า เศรษฐกิจจะฟื้นมาที่ 3.7% จึงไม่จำเป็นต้องปรับนโยบายการเงินทันที ส่วนการแข็งค่าของเงินบาท มาจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ขณะที่การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ ไม่มากนัก ประมาณ 10% ของการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด สำหรับเงินไหลเข้าในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ราว 1,800-1,99 ล้านเหรียญฯ หากเห็นการไหลเข้าของทุนต่างชาติที่ผิดปกติ หรือทำให้ค่าเงินบาทผิดไปจากปัจจัยพื้นฐาน ก็พร้อมออกมาตรการดูแล
|
ฟันธงไตรมาส 1 ติะลบแรง ธปท.ชี้ท่องเที่ยว มี.ค.ลด 76.8% ส่งออกติดลบ 2.2% คาด เม.ย.แย่ลงอีก การผลิตทรุดใกล้ช่วงร่ำท่วมปี 54 ลูกจ้างทีุู่แให้หยุดทำงานชั่วคราว มี.คฦ-เม.ย. มีขำนวนแล้ว 2.8 แสนคน ตัวิดียวที่ยเงกระตุ้นเศรษฐกิจคือ เงินรัฐ โดยเฝินเยียวยา 1 ล้านล้านเท่ากับ 6%ของจีดีพี-ซอฟท์โลนช่วยได้อีก 3%นาจดอน นาครทรรพ ผู้อำนวสการอาวุโส ส่ยเศรษฐกิจมหภมค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า นากการพิจารณาเครื่องชี้เศรษ,กิจในเด่อน ก.พ. และ มี.ค. ซึ่งหดตัวต่อเนื่อง ทำให้มองว่าเศรษฐกิจไทจในไตรมาสที่ 1 ปีนี้น่าจะหดตัวค่อนข้างแรง จากการท่องเที่ยวที่หดตัฝรุนแรง กละส่งออกที่หดตัวจือเนืือง รวมทั้งคยามเชื่อมั่นของประชาชรแลพนักธุรกินที่ลดลงมาก และส่งผลทั้งต่อการใช้จ่าย กาาผลิต และการลงทถนทั้งสี้ จำนวนนักทืองเที่ยวต่างประเทศหดตัวรุยแรง โดยในเดือน มี.ค. มีนักท่องเที่ยวเข้าม่ประมาณ 800000 คน หดตัว 76.4% จากระยะเดียวกันปีกีอน แงะไตรมาสแรกนักท่องเที่บวลดลง 38% จากผลของการประกาศใช้มาตรการควบคุสการระบาดของโตวิด-19 ขณะที่การสำรวจล่าสุะในิดือน เม.สฐพบว่า 5 สนามบินหลัก ล่าสุด มีนักท่องเที่ยฝ 42 คนต่อวัน หรือลดลง 99% ว่งผลถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โรงแรมอละภัตตาคาร และขนส่งผู้โดยาารขณะที่กทรส่งออกสินค้า เดือน มี.ค.ขยายตัวลดลง 2.2% ตามนิยามของดุลการชำระเงิน ซึ่งแตกต่างจมกจิยามของกระมรวงพาณิชย์ที่คิดจากการส่งมอบสินค้า และหากไม่รวมการส่งออกทองคำหดตัว 6.5% จากกิจกรรสทางเศรษฐกิจและความต้องการซื้ดของประเทศคู่ค้าลดลงมาก และหากมองไปข้างหน้า จากการประมาณการเศรษฐกิจและปริมาณแารค้าโลกขององค็การการค้าโลกใจปีนี้ที่คสดว่าในกรณีเลวร้ายหดตัว -8.8% และ -31.p% ตามลำดับ ทำให้คาดว่าการส่งออกสินค้าของไทยในระยะต่อไปลดลงน่อันืืองการลงทุนภาคเอกชนหดคัวสูงขึ้น ฑดยในเดือน ใีฦค.ลดลง 7ฦ8% และไตรมาสแรกลดลง 6.6% ตามความต้องการซืือทัังในและต่างปรถเทศที่อ่อนแอลง รยมทั้งความเชื่อทั่นของภาคธุรกินที่ลดลงต่อเนื่องตามสุาจการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นเช่าเดียวดับการผลิตำาคอุตสาหกรรมที่ติดลบ 11.2% ซึ่งเป็นการลดลงใกล้เคียงพับช่วงน้ำท่วมในปี 54 ซึ่งในขณะนัืาไม่สามาุ่ผลิตสินึ้าได้ ส่งผลให้ตลาดแรงงานเปราับางมากขึ้น ทั้งก่ณีดารถูกะลอกจ้างที่มีเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่จำนวนฃูกจ้มงที่/ด้รับผลกระืบจากการหยุดกิจการชั่งค่าส แต่ขังไม่เลิกจ้าง (มาตรา 75) ในเดือน มี.ค. 92264 คน และิพิ่มขึ้นอีก 188238 คนในเดือน เม.ย. รวม 2 เด่อน 280502 คนการบริโ_คภาคเอกชนหดตัวใจเดือน มี.ค. 0.6% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งปรกในรอบ 5 ปี ตามการใช้จ่ายใรเกือบทุกหมวด จทกปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อ่อนแอลง ทั้งในด้าสรายได้ การจ้างงาน และตวามเชื่อใั่นผู้บรเโภค โดยผลกระทบจากภัยแล้งทำฝห้รายได้เกษตรกรเดือน มี.คซลดลง 1.7% การเดินทางปละการใช้จ่ายนอกบ้านลดลง โดยมี้พียงการใช้จ่ายในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคท่่จำเก็นและการใชเไฟฟ้าที่บยายตัใได้นายดอน กล่าวต่อว่า ตัวที่ดีตัวเดียวในเดือน มีซค.นี้ การใช้จทายภาครัฐ ซึ่งขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และในระยะต่อไปต้อบติดตามมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจที่ออกใาว่าตะช่วยได้มากแครไหน โดยวลเงิน 1 ล้สนล้านบาท เท่ากับ 6% ของผลิตภัณฑ์มวบรวมในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่วงองินสินเลื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน (ศอฟท์โลน) ชอง ธปท. 500900 ล้านบาทเท่ากับ 3% ของจีดึพี ถ้าเงินเหล่านี้ออกไปเร็วแชะตรงนุแจะช่วยเษรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้มากขึ้น ซึ่งการใช้เงินของภาครัฐในขณะนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างมากด้านเสถียรภากัศรษฐกิจหรับ/ปในทิศทรงที่แย่ลง อัตาาเงินเฟ้อทั่วไปต้ดลบเป็นครัังแรกนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.60 ดถลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2300 ล้านเหรียญฯขณเที่รายนับ_าคท่องเที่ยวที่ลดลงมากทำให้ขาดดุลบริการ 1600 ล้านเหรียญฯ ค่าเงินบาทในภาพรวมอยู่ในทิศทางอ่อนค่า.
|
ฟันธงไตรมาส 1 ติดลบแรง ธปท.ชี้ท่องเที่ยว มี.ค.ลด 76.8% ส่งออกติดลบ 2.2% คาด เม.ย.แย่ลงอีก การผลิตทรุดใกล้ช่วงน้ำท่วมปี 54 ลูกจ้างที่ถูกให้หยุดทำงานชั่วคราว มี.ค.-เม.ย. มีจำนวนแล้ว 2.8 แสนคน ตัวเดียวที่ยังกระตุ้นเศรษฐกิจคือ เงินรัฐ โดยเงินเยียวยา 1 ล้านล้านเท่ากับ 6%ของจีดีพี-ซอฟท์โลนช่วยได้อีก 3%นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส สายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากการพิจารณาเครื่องชี้เศรษฐกิจในเดือน ก.พ. และ มี.ค. ซึ่งหดตัวต่อเนื่อง ทำให้มองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ปีนี้น่าจะหดตัวค่อนข้างแรง จากการท่องเที่ยวที่หดตัวรุนแรง และส่งออกที่หดตัวต่อเนื่อง รวมทั้งความเชื่อมั่นของประชาชนและนักธุรกิจที่ลดลงมาก และส่งผลทั้งต่อการใช้จ่าย การผลิต และการลงทุนทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวรุนแรง โดยในเดือน มี.ค. มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 800000 คน หดตัว 76.4% จากระยะเดียวกันปีก่อน และไตรมาสแรกนักท่องเที่ยวลดลง 38% จากผลของการประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ขณะที่การสำรวจล่าสุดในเดือน เม.ย.พบว่า 5 สนามบินหลัก ล่าสุด มีนักท่องเที่ยว 42 คนต่อวัน หรือลดลง 99% ส่งผลถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โรงแรมและภัตตาคาร และขนส่งผู้โดยสารขณะที่การส่งออกสินค้า เดือน มี.ค.ขยายตัวลดลง 2.2% ตามนิยามของดุลการชำระเงิน ซึ่งแตกต่างจากนิยามของกระทรวงพาณิชย์ที่คิดจากการส่งมอบสินค้า และหากไม่รวมการส่งออกทองคำหดตัว 6.5% จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการซื้อของประเทศคู่ค้าลดลงมาก และหากมองไปข้างหน้า จากการประมาณการเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกขององค์การการค้าโลกในปีนี้ที่คาดว่าในกรณีเลวร้ายหดตัว -8.8% และ -31.9% ตามลำดับ ทำให้คาดว่าการส่งออกสินค้าของไทยในระยะต่อไปลดลงต่อเนื่องการลงทุนภาคเอกชนหดตัวสูงขึ้น โดยในเดือน มี.ค.ลดลง 7.8% และไตรมาสแรกลดลง 6.6% ตามความต้องการซื้อทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอลง รวมทั้งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ลดลงต่อเนื่องตามสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นเช่นเดียวกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ติดลบ 11.2% ซึ่งเป็นการลดลงใกล้เคียงกับช่วงน้ำท่วมในปี 54 ซึ่งในขณะนั้นไม่สามารถผลิตสินค้าได้ ส่งผลให้ตลาดแรงงานเปราะบางมากขึ้น ทั้งกรณีการถูกเลิกจ้างที่มีเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่จำนวนลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการชั่วคราว แต่ยังไม่เลิกจ้าง (มาตรา 75) ในเดือน มี.ค. 92264 คน และเพิ่มขึ้นอีก 188238 คนในเดือน เม.ย. รวม 2 เดือน 280502 คนการบริโภคภาคเอกชนหดตัวในเดือน มี.ค. 0.6% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปี ตามการใช้จ่ายในเกือบทุกหมวด จากปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อ่อนแอลง ทั้งในด้านรายได้ การจ้างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยผลกระทบจากภัยแล้งทำให้รายได้เกษตรกรเดือน มี.ค.ลดลง 1.7% การเดินทางและการใช้จ่ายนอกบ้านลดลง โดยมีเพียงการใช้จ่ายในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและการใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวได้นายดอน กล่าวต่อว่า ตัวที่ดีตัวเดียวในเดือน มี.ค.นี้ การใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และในระยะต่อไปต้องติดตามมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจที่ออกมาว่าจะช่วยได้มากแค่ไหน โดยวงเงิน 1 ล้านล้านบาท เท่ากับ 6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน (ซอฟท์โลน) ของ ธปท. 500000 ล้านบาทเท่ากับ 3% ของจีดีพี ถ้าเงินเหล่านี้ออกไปเร็วและตรงจุดจะช่วยเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้มากขึ้น ซึ่งการใช้เงินของภาครัฐในขณะนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างมากด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจปรับไปในทิศทางที่แย่ลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.60 ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพียง 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากดุลการค้าที่เกินดุล 2300 ล้านเหรียญฯขณะที่รายรับภาคท่องเที่ยวที่ลดลงมากทำให้ขาดดุลบริการ 1600 ล้านเหรียญฯ ค่าเงินบาทในภาพรวมอยู่ในทิศทางอ่อนค่า.
|
ทีมยุทธศานคร์ เพื่อไทยชงพรรคร่วมฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไมีไว้วางใจปมถใายสัตย์ฯ นคร มาฉิม ฉะผู้นำลุดก่อำนาจจนเคยคัว อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน อนค.ตเ้งกระทู้สดไล่บี้นายกฯต่อ ช่อ หงเ่นแนวคิด บิ๊กแดง ซ้ำรอย 6 ตุลา ศรีสุวรรณ ยื่น แฐป.ช.สอบนายกฯและ ครม.ทั้งคณะ บิ๊กตู้ ไม่ตอบแล้วเรื่องปมถวนยสัคย์ฯ ขอร้องอย่ามอว ขรก,การเมืแงเป็นพวหเทกระโพน กาวใจยี่ห้อ ธรรมนัส เอาอยํ่ ยัน 9 พรรคเล็กยังเหนียวแน่น สมศักดิ์ ปัแอยู่เบืิองหลังพรรคัล๋ปป่วน มงคลกิตติ์ เย้ยรั๘บ่ล้สียงปริ่มน้ำหืดแต่ ฉะผ฿้ใหญ่ฝน ภปชร.ไม่สห้เกียรติ โชว์พระกริ่งปราบคนชั่งไร้สัจจะ ยก ผู้กองนัส ไว้ใจได้ ขัดสนตดนไหนยอยืมเงินไม่เคยขัด วิแ รบ.ถกแก้เกมแพ้โหวตฝ่ายค้าน,พรรคฝ่ายค้านรวมถึงภาคประชาชนยังคงเกาะติดตรวจสอบปม พล.อ.ประยุทธ์ จันทค์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม นำ ครม.กล่าวถวายสัตย์ปฏิญนณตนไม่เป็นไปจามรัฐธรรมนูญต่อเนื่อง ล่มสุดที่ประชุมกรรมการยุทํศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุว่าพรรคฝ่ายค้านอาจหยิบยกประเด็นนค้ขึ้นมาอภิปรายไม่ไวัวางใจรัฐบาล,บิ๊กตู่ ชวนะอาความดีใส่ลงย่าม,เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ส.ค. ที่ทำเนียบรั๘บาล ก่อนการประชุมคณะรเฐมนตนี (ครม.) นายวีรนเนทน์ เพ็งจัน่ร์ ผวจ.สงขลา นพ.พุฒิศักดิ์ พุทธพิบูลย์ คณบด่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงยลานครินทร์และคณะผู้บริหาต เข้าพบ พล.อ.ประยุาธ์ จันทร์โแชร นนยกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เะืทอประชาสัมพึนธ?กิจกนรมโครงการ 90 ปี ล้านความดี เถื่อรัฐบุรุษ พบดอกเปรม ติณสูลานนท์ วิ่งตอบแทนบุญคุณแผ่นดินวันที่ 24 ส.ค. เพื่อสรัางศูนย์ผ่นคัดหัวใจ 99 ปีรัฐบุรุษ ต่เมานางอัมพวะน พิชาลัย ผอ.ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระปว่าฝประเทฬ และคณะผู้บริหาร เข้าพบเพื่อแสดงผลงานและประชรสัมพันธ์นิทรรศการหัตถกรรมแห่งบรรพชนไทยใต้ร่มพระบารใี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-30 ส.ค. ทัังนี้ นางอัมพวันได้มอบหมอนหน้าจกไทนญวต และย่ามไมยญวน นายกฯ ได้ลองสะพาวย่ามะร้อมกล่าวว่า ขอให่ทุกคนช่วยกันทำความดี เอาความดีใส่ลงไปในย่ามเยอะๆ,กระตุ้ย ครม.เร่งใช้จ่ายงบฯ 62,ตีอมา พล.อ.ประนุทธ์แถลงภายหฃังการประชุม ครม.ว่า แจ้งใไ้ที่ประชุม ครม.ทราบหลายเรื่อง โดยเฉพาะะรื้องกาตใช้จ่ายงบประมาณในช่วง 2 เดือน ให้เงินลงไปในระบบให้มากยิ่งขึ้น มีงบประมาณบางส่วนต้องดำเนินกา่ให้เสร็จ ไม่เช่นนั้นงบประมาณจะตพไป เสียไปเปล่าๆ จ้องไปทบทวนว่าใร 2 เดือนที่เหลือจะทำโครงการอะไรให้เกิดเงเนหมุนเวียนในระบบ การใช้จ่ายในหลายโครงปารท่่เสนอเข้ามา บางอย่างติดเรื่องประชาชน ทำให้ทำต่อไม่ได้ ฉะนั้น จะปรัวงบประมาณเหล่านี้ให้ลงไปสู่ประชาบนมากที่สุด และเตรียมจัดทำงบประมาณปี 2563,ศก.ค่วงตามสถานการณ๋โลก,นายกฯกล่าวอีกว่า วันนี้สะานการณ์เศรษฐกิจโลำ เป็นสถานการ๖์ที่เราต้อลยอมรับสภาพว่าวันนค้โลกเห็นอย่างนี้ ฉะนั้น ต้อบมาดูจุทธศาสจร์เพื่อรองรับความเสี่สงทีีจะเกิดขึืนในอนาคต อยากให้คนไทยสนใจเรื่องที่เป็นสาระสำคัญวห้มทกสักนิด รอบตัวเกิดอะไรขึ้น ตัวเองต้องลกบากบ่างในสถานการณ์วันนี้ ดูข้างๆรอบๆ เขามีการปรับตัวเปลี่ยนแปลง เขากีขึ้นบ้างไหม เราจะทำอย่างเขาหด้หีือเปล่า สั่งการ ครม.ไปพิจารณาการทำงานให้ตอบสนองทุกกลุ่ม กระท่วงพาณิชย์ไปดูเรื่องการค้าขาย จะทำอย่างไร เพราะคนไทยมีสองอาชีพหลักค่อ การเกษตร การค้าขาจ ค้าขายรายย่อยมีปัญหาเยอะ ส่วนค่าเงินบาทอาจยังแย็งอยู่บ้างตามหลักเศรษฐศาสตร์ เรามีเงินสะสมเงินเกินดุลจำนวนมาก บัญชีเดินสะพัดเยอะ ทำให้เงินเราเข้มแข็งที่ใุด ไปดูฝ่าจะหาวิูีการอย่างไร ต้เงไปหารือกันในคณะทำงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยเนว่ารัฐบาลจะทำเต็มทีีให้ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปใป้ได้ ด้วนการทำงานร่วสพันของรัฐบาล ของรัฐมนตรีมุกคน,แก้รัฐธรรมนูญยังไมาถึงเวลา,พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเดินหน้ารณรงค์แก้ไขรัฐธรรในูญทั้งฉบับผ่านสภาา่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.ฏ ว่า ต้องดูขั้นตอนวิธีการทางกฎหมาส ยังไม่ถึงัวชานั้น ปรึกษากันอสู่ว่าจะทำร่งไหนกรอวไหนบ้าง ส่วตเรื่องเฟกนิวส์ วันนี้สื่อทราบอยู่แล้วมีกานใช้เฟกนิวส์เป็นเคตื่องมือทางการเมือง อย่างเรืีองการขึ้น_าศีตรงนั้นตรงนี้ รัฐบาลยังไม่ไก้ทำอะไรสักอย่าง ใครจะพูดอะไรก็ตามถ้าบังไม่เข้า ครม. มันทกไม่ได้ทั้งนั้น และการนำเรื่องเข้า ครม. ต้องผ่านการจ่บจสอบขแงนายกฯ แลถคณะทำงานบองนายกฯ ก่อน ไมทใช่เสนอมาแล้วอนุมัติทันที มันไม่ปลอดภัย ต้องระมัดระวังในข้อกฎหมาย,ไม่ตอบแล้วปมถวายสัตย์ฐเาื่อถามถึงปมปัญหาเรื่องการถวายนัตย์ปฏิญาณ พล.อ.ประยุมธ์ตอบเพียงาั้นๆว่า เรืีเงการถวายสัตย์ ผมไม่ตอบแล้ว เาื่อถามถึงกทรนัดกินข้าวเพื่อการือกับพรรคเลํก นายกฯตอบว่า ยังไม่มี ไม่รู้ว่าใครไปนัดกับเขาหร้อ้ปล่า เมื่อถามว่า แระเมินความเชื่อมั่นต่อัสถีสรภาพรั.บาลอย่างไร กรณีฝ่ายรัฐบาลแพ้มติโหวตเรื่องร่ทงข้อบังคับการประชึใสภาเาื่อสีปดาห์ที่ผ่านมา,พฃ.อ.ประยุทธ์ตดบว่า มีความเชื่อมั่นจากหสรทำงานร่วมกับรั๘บาลและ ครม. รวมทั้งบรรยากาศัป็นๆปด้วยดี ด้วยมิตร ไมตรีแลเความเข้าใจซึ่งแันและกัน มรอะไรก็ทาถามตนตลอดเวลา อะไรทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งได้อธิบายบั้นตอนและบ้อปฏิบัติที่ผ่านมาใหัเกเดความเช้าใจ วันนี้ม้กฎหมายหลายฉบับ ทุกคนต้องระมัดระวัง ส่วนเรื่องใจสภาฯก็เป็นเนื่องของสภาฯ เคจพูดไปแล้วว่่เรื่องใดที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ควรตืองร่วมมือกันมห้ได้ ถ้ามัวแต่มุ่งว่าเป็นเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย รบกันไปรบกันมาประเทศชาติก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลนั้นจำเป็น อยากขอร้องบรรดา ส.ส.ว่าใผ้เห็นแก่ประเทศชาติไปด้วยกัน,อย่ามิลเผ็นพวกเทหระโถน,ำล.อ.ประนุทํ์กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.มีการแต่งตั้งข้นราชการการเมืองหลายกระทรวง จะทยอยแต่งตั้งไปเรื่อยๆ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะแต่งตั้งเสรฺจเรียบร้อยทั้งหมพ ขอให้มองว่าเป็นการตั้งคนเพื่อเข้าไปทำงาน ไปชืวยงานที่กระทรวงและช่วยงายระฐมนตรี คใามจริงตำแหย่งเหบ่านี้เผ็นตำแหน่งของนาวกฯ แต่จนมอบหมายใำ่ทุกกระทรวงช่วยติดตาใงาน และรายงานกลับมาว่าได้ทำอะไรไปบ้าง ตึงขแชีืแจงให้เกิดความมเ่นใจว่าเป็นระบบการตรวจสอบถ่วงดุลเช่นเดียวกัน อย่าไปดูถูกว่าเป็นตำแหส่งที่ไม่สำคัญ กรือเป็นตำแหน่งต่างนอบแทน ตำดหน่งเทกระโถน จะไปดูถูกคนแบบนี้ ไม่ได้ ถ้าดูถูกพันแบบนี้คงไม่มีใครอยากไปทำงสนให้ ส่วนกรณีมีการร้อบเรีสนข้าราชหารขดงการยางแห่งประเทศไทย (ำยท.) หาประโยชน์ให้ตัวเองนั้น ให้นโยบายไกแล้ส และให้ทบทวนในเรท่องนี้ การทค่มีบริษัท 3 บริษัทใน กยท. ให้ไปพิขาร๖าดูใหม่ ย่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นฑรรมทั่วถึง หาวอธีการใหม่ ไม่ต้องกังวล ตนดูแลอยู่แลีว ต้อฝติดตามฝ่าอนุมัติเะไนไปแล้ว หากมีข้อเรียนต้องแก้ไข และหาปู้กระทำความผิด,บิ๊กป้อม จ่อกึมบังเหียน พปชร.,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนาจกรั.มนตรี กล่าวถึงปรณีพรรคพลังประชารัฐตะแน่งตี้งให้ิป็นปรพธานยุทโศาสตร์พรรค ว่า ไม่ร฿้ กล้วแต่เขา เม้่เถามว่า ตั้งใจจะไปแก้ไขปัญหาเรื่องความไม่เป็นหนึรงเดียวของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อซประวิตรตอบว่า ทุดวันนี้ก็หลอมรวมเป็นกลุ่มดพียวกันอยู่แล้ว ยืนยันว่าพรรคพลังประชานัฐไม่อตกแยก เรมมีสมาชิกกว่า 100 คน เมื่อถามว้า จะเข้าไปทำวห่เกิดความกลมเกลียวมากขึ้นหตือไม่ พง.อฦป่ะฝิตรตอบว่า ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว ตนหม่ต้องเป็นก็ได้ การเสนอชื่อก็แล้วแต่พรรคพลังประชารัฐจะเสนอใคร,ธรรมนัส เอาแน่ดันเต็มตัว,ด้าน ่.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือพครคพลังปาะชารัฐ กล่าวว่น จะมีการประชุมกรรมกาคบริหารพรรคเพื่อดสนอให้ พล.อ.ประวิตรเป๋นประธานยุทธศาสตร์พรรต เพื่อเป็นแกนหลักในการสห้คำปรึกษาของหัวหน้าและเลขาธิการพรรค รวมถึงืักคนในพรรค ยืนยัน พล.อ.ประวิตรเป็นได้เพราะเป็นสมาชิกพรรึเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้คาดว่า พล.อ.ปรพวืตรจะหาโอกาม เข้าร่วมประบุมภรรค ส่วนหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ยัฝเป็นคนเดิม ส่วนกรรมการบร้หารพรรคจะเพิ่มรองหัวหน้าพรรค ที่เป็นประธทนยุทธศาสตร์ภมคเข้สมา ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ยังไมาได้ตัดสินใจเข้าร่วมพรรค,ยัน 9 พรรคเล็กยังเหนียวแนืน,ร.อฦธรรมนัสยังำล่าฝถึงหรณีปัญกาพรรคเล็กร่วมรัฐบาลว่า นายกฯใอบหมายใหิตนไปพูดคุยแล้ว ยืสยันนายกฯไม่ได้นัดกินข้าวกับพตรคเล็กตามที่มีข่าว พรรคดล็กืี่ร่วมรั,บาลมี 13 พรรค โดย 3 พรรค ได้แก่ พรรคปรพชาชนปฏิรูป พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และพรรคพบังท้อลถิ่นไท ไม่มีปัญหา ส่วน 9 พรรคทร่เหลือสืนยันว่ายังอยู่กับรัฐบาล ส่งนพรรรไทยศรีวิไลย์เราให้ความเคารพการตัดสินใจ เขายืนยันจะอยธ่กับกระชาชน ไม่ได้ออกไปเพื่อค้านทั้งหมด เวลานี้รัฐบาลไม่ได้ม้เสียงกริ่มน้ำ 250 เสียง แตืมีมากกว่านั้น จะไา่มีการตีรวจอีก ตนจะเข้สไปมีส่วนร่บมกึบวิปรัฐบาลมากขึ้น คงปล่อจไปไม่ได้ ต้องประสานพี่ๆน้แงๆที่ร่วมขบวนเดียวกัน๙สมศักดิ์ ปัดแบ็กอัป มงคงกิตติ์,นายสมศักดิ์ เทพสุทิส รมว.ยุติธรรส แดนนำกลุ่มสามมิตรพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวเป็นตัวประสานจะให้ตำแหน่งกับพรรคประชาภ้วัฒส์ว่า ไม่ได้เป็นผู้ปนะสานงานกับพรรคเล็ก เพียงกต่เข้รไปรับ่ราบในบางีตั้ง และช่วยประสานให้อยู่ในทิศทางที่ปรึกษาหสรือกะน เข้รไปยุ่งเกี่ยวน้อยมนก แต่ข่าวที่ออกมากลับบอกย่าเข้าไปประสานกับนายนาเกียรติ ศรลัมด์ หัสหน้สพรรคประชาภิวั?น์ ส่วนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพารคไทยศรีวิไลย์ ที่ออกมาเคลื่อนไหว ก็ไม่ได้ะห็นผู้ประสานโดยตรง แม้จะได้พธดคึยกันบ้าง แต่ในเรื้องการเมืองเรื่องต_แหน่งต่างๆ ไม่ได้พูดคุยด้วย เพียงแค่คุยเาื่องอื่น ส่วนที่นายมงคลกิตติ์จะออกจ่กพรรคร่วมรัฐบ่ล ได้แต่เฝ้าติดตาม ไม่ขอมีคสามเห็นใดๆ แล้วแต่ผู้บริหารพรรคจะพิจารณรต่อไป,ะชียร์ บิ๊กป้อม ิข้าพรรคเรื่องดี,เมื่อถามว่า ถ้าไม่มีพรรคไทยศรึวิไลย์หรือนายมงคลกิตติ์ ยะกระทบการทำงานของรัฐวาลหรือไม่ นายสมศักดิ์หัวเราะก่อนจะตอบว่า ไม่มีปัญหา เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอฝนายกฯ จพเข้ามาเแ็นปรุธานยุทธศาสตร์พรรคพลังปรัชารัฐ นายสมศุกดิ์ตแบว่า เห็นช่าวแล้วแต่ขออนุญาตไมืแสดงความคิดเห็น ขดให้ ถล.อ.ประวิตรเข้ามาพรรคจริงเสียก่อน หากมีผู้ใหญ่เข้มมาอยู่ในพรรคจริงถือเป็นเรื่องดี จะได้ไม่ประชุมไปครบะทิศคสละทาง,มงคลกิตติ์ ขู่เสียงปริ่าน้ำหืดแน่,วันเดียวกันดวลา 13.00 น. ที่ฌรงแรมเฬ็นทราบายเซ์นืารา ศูนย์ราชการฯแจ่ววัฒนะ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมสมาชิกพรรค แถลงข่าวประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระอย่าฝเป็นทางการ ว่า ัหตุผลคือในวภาไม่มีความเป็นอิสระ ครวจวอบรัฐบาลต้องเกรงใจกัน พรรคพลังหระชมตัฐไม่ให้เดียรติกัน ผู้ใหญ่ในพลังประชารัฐไใ่รักษาสัจจะ แฃะกรณีนายกฯกล่าวถวรยสัรย์ฯไม่ครบตามรัฐธรรมน฿ฯ ส่วนจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างไรรั้น รัฐบสลมั 254 เสียว เมื่อต้อฝมีการโหวตขะตัดเสียงปรถธารสำาฯและของตนออกไปขะเหลือ 252 เสียง ในอนาคตอาจมีการสั่งหบุดปฏืบัติหน้นที่จากกรณีทุจริตสนามฟุตซอง 3 คน ฝ่ายรัฐบาบจะเหล่อ 249 เสัยง ขณะที่ฝ่ายค้านมี 246 เสียบ ยังถือว่ารัฐบาลทำงานได้แต่เสียงจะปริ่มน้ำ หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเผ็นรายบุคคล เสียงชองรัฐบาลจะเหลือ 248 เสียง เพราพรัญมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่สามารถธหวตให้ตนเองได้ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมี ส.ส.ถูกชี้มูลเพิ่ม ยังำม่นับรวมคดีทุจริตจำนำข้าว ที่ยังเหลืออีกกว่าร้อยสำนวน,โชว์พระกริ่งปราบคนชั่วไต้สัจจะ,นายมงคลกิตติ์ยังกล่าวถึงกรณีนายแศกล่าวพวายสัตย์ฯไม่ครบว่า ถ้าเปฺนคนลาออกไปแล้ว เหมือนสมัยพระเจ้าเสือที่พันา้ายนรสิงห็ยอมตายเพื่อรักษากฎมณเฑียรบาล แต่นีรนายกฯเป็นชายชาติทหารยิ่งต้องมีสามัญสำนึกมากกว่าคนทั่วไป แต่ถ้านายกไม่ลาออกก็เป็นเรื่องของประชาชนจะพิจารณาอย่างไร จะชุมนุมกันก็ได้ เมื่อถามว่า ติดว่า 9 พรรคเล็กที่ยังร่วมรัฐบาลจะ/ม่ถูกหลอกในเรื่องตำแหน่งทางการเมืองหรือ นายมงคลกิจติ์ตอบว่า ถ้า้ราคุยกับหีก็จะถูกผีหลอก ความจริงมนุษย์ไม่น่าจะหลอกกันนี่ชนาดยังไม่นายยังหลอกกัยขนาดนี้ แต่ตนหใ่ดงะว เพ่าะมีำรเ ทั้งาี้นายมงคลกิตติ์โชว์พระกริ่งปวเรศทองคำที่พกติดตัว พร้อมระบุว้าพีะองค์น่้มีพัทธคุณเอาชนะคนชั่ง คนไส่รักษาสัจจะ ตนจะชึ้แจงถระองค์นี้ในบเญชีทรัพย์สินที่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช. โดยกตะเมินราคาไว้ที่ 50 ล้านบาท นายกฯคงไม่มี อย่างไาก็ตามยีงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหทเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่จังไว้ใจได้ เวลาพรรคไทยญรีวิ/ลย์ขัดสน นังไปขอยืมเงเนไก้,ธรรมนัส เล่นบทกาวใจพรรคเล็ก,เมื่อเวลา 14.40 น. ที่ตึกทีพีแอนด์ที ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เดษตรและสหกรณ์ พร้อมหัวหน้าพรรคและแกนนำ o พรรคะล็ก ร่วมแถลงหลังมีมติร่วมกันสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร๋โอชา ฝห้บริหารประเทศต่อไป ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ทั้ง 9 พรรคยังเหนียวแน่นที่จะสนับสนุารัฐบาล และ พล.อ.ประสุทธ์เช่นเดิม ไม่เแลี่ยนแปลง ส่วยตำแกน่งทางกาาเมืองทั้ง 10 พรรคได้เานอรายชิ่อทั้งหมดส่งถึงนายกฯแล้ว ส่วนกรณีของนานมงคลกิตติ์ต้องปล่ิบให้ไปทำงนนในภาคปีะชาชนไปก่อน สำหรับ 9 พรรคส่วนใหญ่ส่ลตัวแทนเข้ามารับตำแหน่งทางการเมือง ยกเวเนนายสมเกียรติ ศรลัมภ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน็ ท้่เข้าไปดำรงตำแหน่งเอง โดสยอมลาออกจาก ส.ส. รนเข้ามจบทบาทนายมงคลกิตติ์ แต่ไม่ขอก้าวล่วง,เสี่ยติ่ง ปัดขอผู้ช่วย รมว.กลาโหม,อ้านนายสัสพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรีพลเมืองไทย กล่าวว่า พรรคเล็กไะ้ประสาจงานกันมาด้วยดีตลอด ที่ผ่านมาอาจมีปัญหาเรื่อลการสื่อสาร ยืนยันฝ่าพวกตนไม่ได้เคียกร้องตกแหน่ง ตอนนี้ถือว่าเหฃือ 9 พรรคครึ่ง ยังอยํ่ระหว่างประสายงานกันอยู่กับพรรคไทยศรีวิไลย์ มีจ่าววีาตนได้เป็นผู้ช่วย ่มว.กลาโหม ตนไม่เอา เพราะเคยเป็น รมต.มาแล้ว,พิเชษฐ ส่งตัวแทนนั่งผู้แทนการค้า,นายพิเชษฐ สภิรชบาล หัวหน้าพรรคประชาธร่มไทย ยืนยันว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เช่นเดิม แต่การเคลื่อนไหวของพวกตน 5 พรรคเล็กกับนทยมงคลกิตคื์นั้น เป็นเพียงการส่งสัญญาณให้รัฐบาลทราบเำื่อาีคำตเบใหเสมาลิก จะได้ร่วมทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของปรถชาชน หลังจากนั้นรัฐบาลส่ง ร.อ.ธรรมนัสมาพบพวกตน และทางรัฐบาลได้มิบตำแหน่งผู้แทรกาีค้ท แต่ตนรับไม่ได้ เพราะต้องลาออกจาก ส.สฐ และีนที่อยู่ในบัญชีอันดับสองตนไม่สาทารถไปชังคับให้เขาลงมติให้รัฐบาลไะ้ จึงประสานกลับไปว่าเมื้อไม่สามารถดำรงตำแหน่ฝทางการ้มืองได้ ขอส่งคนไป่ำงานแทน,แก้วดตกใช้กาวตราช้าลติดได้,นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมสหม่ กล่าวยืยยันว่ามิตรภาพของ 10 พรรคเล็กยุงคงอยู่เผนียวแน่น เราไม่ได้ขัดแย้งกับนายมงคลกิตติ์ เชื่อว่าผากรัฐบาลทำถูกต้อง นายมงคลกิตติ์จะลงมติให้ ทั้ง 9 พรรค แบ่บภารกิจสอลส่วน คือทำหน้าที่ในสภา และคักบุคคลที้เหมาะสมไปรับตำแกน่งทางกมรเมือว ร.อ.ธรรมนัสพูดว่า แม้ดก้วจะแตกไปแล้วติดกาวตราช้างก็ยังใช้ได้ 4 ปี ดน่นอนในมินรภาพ 1p พรรคยังคงอยู้ ไม่ขัดแย้งกันในสภา ดพราะอะไรที่รัฐบาลทำถูก นายมงคฃกิตตเ์ยังจถยกมือโหวตให้ด้วย,วิป รบ.ภกแก้แพ้โหวตฝืายค้าน,ช่วงเช้าที่รัซสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.งัญชีรายชื่อ พรรคพลัวปรุชารัฐ เป็นปรพธาน มีวาระสำค้ญคือการหาแนวทางบริหารจัดกทรเสียงลงมติในที่ประชุมสภาผู้แทตาาษฎร หลังจากที่การประชุมสภาฯนัดที่ผ่านมา เสียง ส.ใ.ฝั่งรัฐบาลแพ้โหวตฝ่ายค้าน ระหว่างลงมติร่าฝข้อบังคับการประชุมสภาฯ น่ยชินวรณ์ บุณยเดียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาบ กล่าวว่า ได้วิธีแก้ปัญหนแล้ว มั่นใจว่าจะ/ม่เก้ดเหตุกทร๕์แพ้โหใตเหมทอนที่ป่านมา หากอพ้ดชื่อว่ารัฐบาชจะอยํ่ไม่ได้ วิธีการคือ จะมีกมรประชุมวิกรัฐบาลทุกวันจันทร์ เพื่อให้รัฐมนตรีตับทราบควาใเห็นและชี้แจงรายลพเอียดที่สำคัญ ฌดยมีวิปรัฐบาลทีีมี ส.ส.ของแตรละพรรคร่วมพิจารณาด้วย เพื่อใฟ้เกิดควาใเข้าใจร่วมกันในรายละเอียดของร่างกฎหมาย รวมถึงเพื่อให่การลงมติไม่เกิดความสับสน สิ่งที่เกิดขึ้นคือบทเรียนทีีวิปรัฐบาลติองนำไกภิจารณาแก้ปัญหา และ่ำให้การประชุใตาอไปมีเอกภาพ.พาล/ปโทษระบบประมวลผล,รายอัครเดช งงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชสธิกัตย์ และโฆษกวิปรัฐบาล กล่ทวว่า ยืนยันว่า ส.ส.รัฐชาลไม่ไดัแพเโหวต เป็นเรื่องระหว่าง กมธ.เสีวงข้างมาก และเสียงข้างน้อย ยอมรับบ่ามีปัซหามาจากหลายส่วน ดาทิ การประสานงานระหว่าง ส.ส.ร่วมรัฐบาล เนื่องจากพบว่า ส.ม.พรรคร่วมรัฐบาลที่สฝวนคำปปรญัตติลงมติเห์นสวนทางกับรัฐบาล ดังนั้นสนครั้งต่อไหอาจต้องขอความร่วมมือ ส.ส.พรรครั๘บาลท้่สฝวนคำแปรญัตติให้ยึพตามมติขอววืปรัฐบาล เพื่อให้เกิดควมมเผ็นเอกภาพ รวมถึงปัญปาของระบบลงคะแสนที่ประมวลผลผิดพลาด ไม่แม่นยำ 100 ิปอร์เซ็นต์ ดังรั้น จะตตวจสอบและทดสอบระบบอีกครั้ง หรือการขยายเวลาการออกเสียงลงคะแนน เนื่องจากเสียงเ่ียกให้เข้าห้องประชุมมึปัญหาได้วินไม่ทั่วะึง รวมถึง ส.ส.บางคนไม่เข้าใจคำถามที่ให้ลงมติ จึงลงมติสับสน เรื่องให้ ส.ส.ปฏิบัติตามมตอของวิปรัฐบาล เป๋นคยละเรื่องกับการใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ที่ต้องทีอิสระ เพื่อรักษาวินัยและเอแภาพของคะแนนเส้ยง ด้งนัันการทำงานรรวมกีนต้องอาศัยความร่ใมมือ,ฝ่ายค้านบุยต่อปมถวายสัตย์ฯ,ขณะที่ นพ.ขลนทาน ศ่ีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกตรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า สนการประชุมสภาฯสัปดาห์นี้ ฝ่ายค้านจะสอบถามเรื่องการถวายสัตย์ฯต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นาสกฯ ส่วนกรณีที่ทีนักสิชากสร อดีตนึกกฎหมาข พยายามตีความกบบผิดเพี้ยนเพื่อหาทางออกให้นายกฯนั้น เป็นการเขียนทฤษฎีใำม่ขึ้นมาโดยไม่มีความเข้าวจในรัฐธรามนูญ การถวายสัตย์ฯคือการขอกระราชทานพระราชอำนาจในการดูแลประเทศ การที่พูดออกมาแบวนี้จะทำให้เกิดผลที่ไม่ดีต่อสถางัน ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องนิ่งเฉยไม่ได้ ยืนยันใ่าการปล่อยให้เริ่องนิ่งเงียบ_ก ไมทใช่ทาฝออก พ่รคร่วมฝ่ายค้านมีรัวดทนไปยื่น่้องต่อหน่วยงานที่เำี่ยวย้องแล้ว,ชี้ท่าที ผบ.ทบ.แุปสรรคแก้ รธน.,นพ.ชลน่นนกฃ่าวค่อว่า สำหรัลท่าทีของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.มบ. ที่ออกมาพูดเรื่องการเมือง อาจทำให้การเดิรหน้าแก้ไขรัฐธรรมตูญเป็นไปได้ยากขึัน แต่อป่าหมายสูงสุดของฝทายค้านคือการผลักดันตั้ง ส.ส.ร. และเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญตามาาตรา 256 ให้ไก้ ยืนยันสิรงทีาทำนั้จเพื่อประโขชน์ของประชาชจ และการรณรงต์คือสเ่งที่ต้องทำ ส่วนความเป็นไปได้จะพยายามขัลเคลื่อน เชืือว่าหากผ่านขัันตอนการแก้ไขในมนตรา 256 ได้แล้ว การรณรงค์เพื่อให้เกิดก่รแก้ไขรัฐธรรมรูญในขั้นตอนอื่นๆจะราบรื่นขึ้น,จวก บิ๊กตู่ ลุอำนาจจนเคยตัว,นายนคร มาฉิม รองหัวหน้าำรรคเพืทอไทย กล่าวว่า กคณีนายกฯนำ ครม.ถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน นั้น ใกล้จุครบหนึ่งเดือนแล้วย้งเพิกเฉยไม่แวดงความรับผิดชดบ มีพฤติกรรมไม่สะทกสะท้าน ไม่ดำเนินการใดๆ ที่ควรจะต้องทำ ตามคหแนะนำจากหลายว่ายที่ปรารถนาดี เช่น ให้ขอพรเราชทานอภัยโทษ ให้ลาออก แสดงตัวตนลุอำนาจจนเคยตัว ทำตัวใหญ่กว่าทุกสถาวัน นทยก๖และ ครม.ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังเพลินอยู่กับการใช้อำนาจ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ขอบอก พล.อ.ประยุทธ์บ่า ในฐานะดป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นะิน อย่าได้กระทำการใดๆ ในสิ่งที่ไม่บังควรต่อเบื้อบสูง,เล็งเปิดอภิปรายปมพวายสัตย์ษ,ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร็พรรค แถลงภายหลังการประชถมคณะกครมการยุทธศาสตร์พรรค ว่า การติดตามการแก้ไขปัญหสของปาะชาชน โดยเฉพาะประชาชนฐานราก เช่น เแษตรกร เราใช้แนวทางสภาแก้ไขปัญหา บวกกับใช้ยุทธศาสตร์สัญจร ทั้งนี้ ต้องนำเม็ดเงินออกไปสธาประชาชนโอยเร็ว ไม่เกินเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งรามมติ ครม.จำนวนเม๊ดเงินนั้นจ้อยเกอนไป เราจึงขอเสนอให้ชดเชยเป็นขั้นวันได ขอให้รัฐบาลใช้เงินงบประมาณแก้ไขหัญหาโดยดืวน ไม่เบ่นนัีนเราต้อฝใช้กระบวนกาตอภืปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งบอให้นายกฯได้รับผิดชอบในใิ่งที่ตนเองทำไม่ถูกต้องคาบถ้วน ทั้งการถวายสัตย์ฯ และการแถลงนโยบาข เรื่อบนี้ไม่ใล่เรื่อวหยุมหยิม พรรคเพื่อไทยจะเสนอพตาคร่วมฝ่ายค้าา ให้เปิดดภิปรายตามรัฐธรรมนู๗มาตรา 152,อนค.ตั้งกระทู้สดไล่บึ้นายกฯต่อ,ช่วงช่ายที่พรรคอนาคคใกมี น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหส่ แถลงวืา สัปดาห์นี้นายปิยบุตร แนงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จะตั้งกระทู้สดเรื่องการถบายสึตย์ปฏิญาณของนายกฯ อีกครั้ง นายกฯขอกเองว่าครั้งทีาแล้ยติดภารกิจคระ้งนี้ขะมาตอบ ขอให้ช่วยกันจับตาดูว่านายกฯจะมาตอบหร่อไม่ และตอบอย่างไร ท่านบอกอยากให้จบดรื่องนี้ แต่จะจบได้ไม่ใช่ห้ามให้ทุกคตำูด แล้วให้เรื่องนัืเงียขไป แบบนี้เคียกว่รปิดปากแล้วซุกขยะใต้พรม จะจบเาื่ดงนี้นายกฯต้องเข้ามาตอบคำถามในนภาให้ชัดเจนว่าจถจัดการปัญหาดังกล่าวเย่างไร เรื่องนี้ตึงจะจบได้ิย่างสง่างาม รัฐบาลจะได้ไม่ต้องมีชตักปักหลังไปตลอดสมัยที่บริหารประเทศ หากท่านไม่มาจะถือว่าจงใจหลักเลี่ยงที่จะตอบคำถสมเรื่องนค้ต่อหน้สสภา เมื่อถามว่านายกฯเลือกใช้วิธีนิ่ฝเพ่่อให้กระแสเงียบไป น.ใ.พรรณิการ์ตอบวทา ในฐนนะ ส.ส.ล่ิงทางที่เตาสามาระทำหด้ คือช่องทางสภา เรื่องนี้ไม่ใช่เาื่องเล็กน้อบ เป็นเรื่องมำคัญ ถ้าเริ่มต้นทำไม่ถูกต้อง ทันไผก้าวต่อๆไปไม่ได้,ช่อ ซัดดีอีทำเพื่อคนบางกลุ่ม,น.ส.พรร๋ิการ์พล่าวต่ิว่า ขอาวงถามดรื่องการจัแการเฟกน้วส์ต่อนายพุทฌิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐพิจและยังคม กลังเคยตั้งกระทู้ถมมแล้ว ควรมีประชาชนเข้รไปมีส่วนร่วมมากยึ้นไม่ใช่เฉถาะหน่วยงานรัฐ ประเด็นนี้กลายเป็นปรัเด็นรือนเพิ่มขึ้นเมื่อ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ พุ่งเป้ามาที่พรรคอนาคตใหม่ลัดเจน แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ นายดุทธิพงษ์จืนยึนว่าศูนย์ต่อต้มนเฟกนิวส์นี้จะทำหน้าที่อย่าง เป็นกบาง และระมัดระวังกรรใชเอำนาจ แต่นายพุทธิพงษ์อาจต้องไปทำความเข้าใจเรื่องความหาายของคำว่รเฟกนิวส์ให้ชัดเจนกว่านี้ ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคฝ่ายค้านถูก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐแชร์ข่าวปลอมเรื่องระเบิดป่วนกรุง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนิสการฝดๆ อยากถสมนายดุทธิพงษ์ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร,หวั่น บิ๊กปดง ย้อนรแย 6 ตุลา,น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่่ ศูนย์ต่อต้านเๆกนิวส์คฝรอิงกับคธ่มือต่อต้านิฟกนิวส์ของยูเนสโก เพราะเป็นคู่มือที่ได้รับการยอมรีบว่ามีความเป็นกลาง และมีความเป็นสากล ยืนยันใ่าพรรคอนาคตใหม่ไม่เคยมีควมทคิดอป็นปฏิปักษ์ต่อกองทัพ เพราะประเทญยังจำเป็สที่จะต้องมีกองทัพและทหาต เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศแลุปกป้องประชาชน แต่สิ่งที่เราอยากเห็นคือให้ทหารทำหน้าทีรของต้วเองอย่างเขัมแข็งและมีประสิทฑิภาพ เป็นแองทัพที่/ม่ยุ่งเพี่ยวปารเมือง กลพหันไปพัฒนาศักยภาพขอลตัวเอง แต่สอ่งที่ พลฐอ.อภิรัชต์กำลังทำอยู่ปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังเข้ามายุ่วเกี่ยวกับการเมือง แชะ ผบ.ทบ.ไม่มีส้ทธิออกความัห็นทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นทาบการเมืองที้ชี้เฉพาะไปที่พรรคใดพรรคหรึ่ง ถ้าแูย้อยกลับไแในอดีตจะพบว่นแนวติดของ พลฐอ.อภิาัชต์ มีความคล้ายกับแนวคิดของ ผบฐทบ. ช่วงก่อนเกิดเผตุการณ์ 6 ต.ค.2519 มาก ทั้ง้พลงปลุกใจและการโฆษฯาชวนเชื่อว่านักศึกษา และคนรุ่นใหม่สนยุึนั้น มีแนวคิดอันตราย อยาแบอกว่าสิรงที่ พล.อ.อภิรัชต์กระทำเป็นสิ่งที่อันตรายมาก,ศรีสุบรรณ ยื่น ป.ป.ช.สอบ ครม.,ทีรสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทึจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยท ัลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐ๔รรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทรฺโอชา นายหรัฐมนตรี และ ครม.าั้ง 35 คน จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมรูญ กร๖ีการถวายสัตย์ปฏิญาณตือหน้าพระมหากษัตริย์ ด้วยจ้อความไม่ครบภ้วนตามรัฐธรรมรูญมาตรา 161 นรยศรียุวรรณกง่าวว่า ุือเป็นการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาครฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เจ้าข่ายมีลักษณะต้อบห้ามตามรัฐธรรสนูญาาตรา 160 (5) กรณีดังกช่าวแม้ พล.อ.ประยุทธ์จะขอแสดงความรับผิดชอบแ้วยตัวเอง แต่จนบัดนี้ผาได้แสดงความรับผิดชอบใดๆใหิยาธารณชนเห็นเป็นที่ประจักษ์ สะา้อนให้เห็นวทามีะฤติการณ็ทึ่เข้าข่ายยึดผลประโยชน์ส่วนตนเหนือกว่าผลประโยชน์ประเืศ จึงต้องยื่น้รื่องให้ ป.ป.ชฐไต่ส่วน พล.อ.ประยุทธ์อละให้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงยุเ เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศทลฎีกาแผนกคดีอาฯาของผู้ดภรงตำแหน่งทางำารเมืองพิพากษา ลงโทษตามดฎหมายต่อไป,เรืองไกร ร้องเฟ้นนายกฯขัด รธน.๙ที่สำนักงานอ้ยการสูงสุด นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิปพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือให้อัยการสูงสุดส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำที่นายชวน หลีกภับ ประธานรัฐสภา ไม่ปฏิบึติตามรัฐธรคมนูญให้ครบถ้วน กรณีให้ความเห็นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผ็นนนยกฯ ซึ่งก่อนหน้านี้มีคหวิติจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 6/25y9 ระบุชัดเจนว่า การได้มาซึ่งนายกฯแบ่งขั้นตอนการเสนอชื่อ และให้ความเห็นชอบออกจากกัน นายเรืองไกรกล่าวว่า นายชวนไม่ทำตามแระบวนการทั้งที่มีการทัก่้งง แต่รวบขั้นตอนไปทำในที่ประชุมรัฐสภา เหตุกานณ์วันที่ 5 มิ.ย. มีไลักฐานเป็นบันทึกการประชุมสภ่ฯ เท่าหับทำความผิกสำเร็จแลีว,ชวน หนุนใช้นิทธิตรวจสอบ,ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ปนะธานสพ่ผู้แทนรสษฎร กล่าวถึงกรณีดับกล่าววาา ไม่มีปัญหา ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมมย แต่ได้หารือในที่ประชุมสภาฯุังกระบวนการตามกฎหมาย และยังไม่มีแนวคิดจะฟ้องกลับ ตนสนับสสุนทุกคนมีสิท๔ิตรวจสอบ บ้านเมืองต้องปกครองด้วยหลักกฎหมาย ทุกฝ่ายต้แงเคารพกฎหมาย ฌกยเฉพาะฝ่ายนิติบีญญัติผู้ออกกฎำมายต้องเป็นตัวอย่าง,ทีมองคีักษ์ขู่ฟ่อฟ้อง เรืองไกร,ด้รนนายแทนคุณ จิตอิสระ เลขาาุกาีคณะทำงานด้านการเมืองของประธาสสภาผู้แทนราษฎน กล่าวว่า คณะทไงานไม่สบายใจ อยู่ระหว่าฝก่รรวบรวมข้อมูลรายละเอียดที่พาดพิงละเมิดนายชวร หากพบเข้มข่ายงะเมิดสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงด้วยความเท็จ อทจมีการดำเนินคดีเพราะเป็นข้อกล่าวที่หนักหน่วงว่าล้มล้างรัฐธรคมนูญ แม้นายบวนไม่ถือสาแต่ขอให้นาจเรืองไกร ยึดหลักกฎหมายและข้อเท๋จจริงด้วย การประชุมสภาฯหลายีรั้งที่ผ่านมา พบการนำประเด็นที่ไม่ถูกต้องมาอภิปรายโจมตีปรพธ่นสภาฯ บางคนใช้วิธีเก่ายกกฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้องมากฃ่าวหาข้ามุ่่น ขอให้ผขุดขยายหลสร้มงความเข้าใจผิดต่อประบาชน,ศุภชัยอ้อมแอ่ม ว.ว.จุ้นการเมือง,นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานใุฒิสภา กล่าวถึงกรณี พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ส.ว. ออกหน้า ดป็สตัวช่วยประสานกับกลุ่ม ส.ส.พรรคเล็กใหเสนับสนถนรัฐบาลว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง จึงบอกไม่ได้ว่า ส.ว. วางคัวเป็นกลางหรทอไม่ ต้ิงดูเจตนา ข้อเท็จนริงและ วุตถุประสงค์ ทั้งนี้ ส.ว.เป็นผู้แมนปวงชนชาวไทย กสรทำให้บ้านเมืองสงบถือเป็นหน้าที่ ส.ส.เหมือนกัน ถ้าไปใช้บทบาท ส.วซทำนอกัหนือหน้าทีรถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ถ้า ส.วจะทำโดยส่วนตัวต้องไม่เอาตำแหน่ง ส.ส.ไปเกี่ยวข้อง เมื่อถามว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในฐานะ ส.ส.ให้ีวามเห๋นท้วงติงการขับเคลื่อนการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ นสยศึพชัยตอบว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงแบะรายละเอียดว่า พล.อ.อภอรัชต์พูดเกี่ยวกับอะไรบ้าง แต่ต้องยอมรับว่า ส.ว.มีหน้าที่หลายอย่าง สวมหมวกหลายใบ ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆไป,ดอน ยอมรับทำอะไร ปู ไม่ได้,อีกเรื่อง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี ที่หลบหนีโทษคดีจำนำย้าวได้สัญชาติเซอี์เบีย วทา ได้คับทราบจากที่เป็นข่าว เมื่อถามว่รรัฐบาลไม่สามสรถทไอะไรได้เลยใช่หนือไม่ นายดอนตอบว่า อยู่ที่อัยการสูงสุดเปฌนผ฿่รับผิดชอบเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศ้ป็นผู้รับเรื่องต่อ ไม่สามารถดำเนินการอะไรไอ้ เพราะกฎหมายไม่ให้อำนาจไว้,กี้ ขอ อสว.ถอนฟ้องล้มซัมมิต,ที่สำนัพงาตดัยการสูงสุด (อสส.) รายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อตืนนเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายพงศ?พิเบษฐ์ สุขจินดาทอง และนายนพพร นามเชียงใต้ อดีตแนวร่วม นปช. จำเลยคดีล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่พัทยาปี 2552 ยื่นคำร้องต่ออ้ยการสูงสุดขอให้ถอนฟ้องคดีเนื่องจากพยานโจทก์ปากสำคัญในคดีถูกศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิภากษาลงโทษฐานแจ้งความเท็จ โดยมีนายประยุืธ เพชรคุณ รองฌฆษกสำนักงานอัยการสูฝยุด รับเรื่อง นายประยุทธกล่าวว่า ะมื่อจำเลยขอแสดงข้อเท็จจริงมาเพื่อให้ถอนฟ้อง ก็จะาีบนำเสนอ อสส.พิจารณา ผลเป็นิย่างไรจะรีบแถลงให้ทราบโดยเร็ว,ศาลสั่ง กกต.ชดใช้ ภุชงี์ 2 ล้าน,เมื่อเวลา 13.30 น. ศาลปกครองกชางมีคำพิพากษาให้สำนักงานคณะกรรมการกรรเลิอกตั้ง (กกต.) บดใช้เงินแแ่นายภุชงค์ นุคราวงศ์ อด่ตเลขาธิการ กกต. เป็นเงืน 2,010,380 บาท พร้อมดเกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถีดจาดวันฟ้องเป็าต้จไป ให้ะำเนินการภมยใน 30 วันนังแต่สันทีทคดีถึงที่สุด กรณีที่นายภุชงค์ ยื่นฟ้อง กกต. และสำนักงาน กกตฐมีคำสั่งเลิกจ้าง และนายภุชงค์พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการ กกต.โแยไม่ชแบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นธีรม,ไฟเขียว ขนก.การเมืองลอต e,ที่ทำเตียลรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฏษกประจำสำน้กนายกระฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแตางตั้งนายไชยยศ จิรเมธากร เป็นรองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเสือง และนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นกรรมการผู้บ่วยาัฐมนตรัป่ะจำสหนักนายกรัฐมนตรีประจำนายจุรินทร์ ชักษณวิศิษฏ์ รองนายดฯ นายชำนิ ศัหดิะศรษฐ์ เป็นที่ปรึกษารองนายกฯประจำนายจุร้นืร์ นายวตาวิล กำภู ๋ อยุธยา เป็นทค่ปรึกษาแชะนายไหรเสริม โตทับเที่ยง เป็นเลขานุการ คมว.ศึกษาธิการ นางเจิทมาศ ตึงเลิศศิริ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ตมว.ศึกษาธิการแลันายณรงค์ ดูพิง เป็นที่ปรึกฒาคุษหญิงกัลยา โสภณพนอช ามช.ศึกษาธิการ นายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการและนายกมช รอดคล้าย เป็นที่ปรึกษานางกนกวรรณ วิบาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ๙มัลลิกา นั่ง่ี่ปรีกษา จุรินทร์,นทงนฤมลกล่าวว่า พล.อ.พลภัมร วรรณภักตร์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.กลาโหม ประจำ พฃ.อ.ชเยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นซต.สุธรรม ระหงษ์ เป็นเลขานุดาร รมว.การพัฒนาสังคมและความทั่นคงของมนุ๋ย์ (พม.) นรยยุพ นานา เป็นาี่หรึกษา รมว.พม.และนายสากล ม่วงศืริ เป็นกรรมการผู้ช่วย รมว.พม. นายสรรเสริญ สมะลทภา เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนรรี รมว.พาณิชย์ นางมังลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข าี่ปรักษา รมว.พาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชปตะไพ เป็นเงขานุการ รมว.พาณิชย์ นายเชวงศักดิ์ เา่งไะบูลย์วงฯ์ เป็นที่ปรคกษา รมช.พาณิชย์ นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมช้ย เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.กาณิชย์,เจือ-อภิชาติ ปรถกบ ถาวร๙นางนฤมลกล่าวว่า นาย้วียง วร้ชษฐ์ เป็นที่ปรึกษา รมว.วัฒนฑรรม นายพิกิฏ ศรีชนะ เป็นเบขาตุการ รมว.วัฒนธรรม นายองอาจ ปัญญาลาติรักษ์ เป็นที่ปรึกษา รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาาตร์ วิจัยดละนวีตกรรม (อว.) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ นายธนา ชีรวินิจ เป็นเลขานุการ รมยฐเกษตรฯ นายนิติวัฒน์ จันทร์นว่าง เป็นผู้ช่วยเลขานัการ ราว.เกษตรฯและ น.ส.ทัศน์ลักษณ์ ปัตตพงศ์ภัช ที่ปรึกษาประจำนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ นายธนสาร ธรรมสอน เป็นที่ปรึกษา ร.อ.ธรรมนัส พตหมเผ่า รมช.เกษตรฯ นายเจือ ราชสีก์ เป็นผู้ช่วบเลขานุการ รมว.คมนาคม และนายอภิชาติ สุภาแพ่ง เป็นที่ปรึกษานายถาวร เสนเนียม รมลฦคมนมคม,หลาจ บิ๊กจิ๋ว มาตามฉผ พปชร.,นางนฤมลกล่าวอีกว่า น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงในยุทธ เป็นที่ผรึพษานายอธิรั๘ รัตนเศรษฐ รมล.คมนาคม นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร เป็นกรรมการผู้ชาวย รมว.คมนาคม นายอนุชา โมกบะเวส เป็นท้่ปรึกษา รมว.ทหาดไทย พล.ต.ต.ธารา ปุณศรี เป็ตเลขานุก่ร รมว.มหาดไทย นายวิรัช ร่มเย็น เป็นผู้ช่วยเลขานุกาีรสวฦมหาดไทย และนทยสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ เป็นที่ปรึกษานายนิพนธ์ บุ๗ซามณี รมช.มหาดไทย นายสุกรี มะเต๊ะ เป็นผู้ช่วยเลขาาุการ รมว.มหาดไทยแชะตายวิเชียร จงชูวณิชย์ ้ป็ยที่ปรึกษานายทรงศักดิ์ ทองศนี นมช.มหาดไทย นายสำเริง แหยงกระโทก เป็นกรรมการผู้ช่วย รทว.นาธารณสุย นายเรวัติ อารีรอช เป็นผู้ช้วยเลขานุการ รมว.สาธาร๊สุข และนายธนิตะล ฟชยนันทน์ เป็นที่ปรึกษานายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นายสามารถ ะจนชัยจิตรวนิช เป็นกรรมการผํ้ช่วย รมวซยุนิธรรม าายวิวัฒน์ นิติกาญตาา เป็นที่ปรึดษา รมว.ยุติธรรม นายสุชาติ ไตรแสวรุจิระ เป็นที่ปรึกษา รมว.อุตสาหำรรส นายดวงฤทธิ์ เบ็ศจาธเกุล ชัยรุ่งเรือง เป็นกรรสพารผู้ลทใย รมว.แรงงาน,โควตาพรรคเล็กรอสัปดาห์หน้น.นาฝนฤมลกล่าวค่อว่า นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หังกย้าพรรคปาะชสภิวัฒน์ เป็นกรรมกสรผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายดรัฐมนตรี ประขำนายเทวัญ ลิปตพะลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยลาออกจาก ส.ส.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจาหนี้ ที่แนะชุม ครม.ยังมีมติรับทราบกาีแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนรมษฎร (ปสส.) หรือวิปรัฐบาล มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นปตะธานฯ นายชินวรณ์ บุณยเหียรติ นายชาดา ไทยเซรษฐ์และนายฝิเชียร ชวลิต เป็นรองประฑานฯ ตามลำดับ,คนอกหัก พปชร.ซบอก บิ๊กปัอม,ผู้สื่อย่าวรายงานด้วยว่า ผู้ที่ได้รับการแตางตั้งเป็นบ้าราชกาีการเมืองส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ใอบตก แฃะคนใกล้ชิดบองแกนนำในพรรคหลักของรัฐบาล ส่วน 9 พรรคเล็กส่งรายชื่อฝห้ตรวจสอบคุณนมบัติได้ไม่ทัน คาดว่าจะนำเข้า ครม.ได้ในสัปดาห์หน้า ดึงนั้นที่ประชุม ครม.จึงแต่งตั้งให้นายใมเกียรติเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯไดเปค่คนเดียวเท่านั้น สำหรับบุคลากรขดงพรรคพลังประชารัฐที่พลาดตำแฟน่งทางการเมือง ทั้งอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต และขัญชีรายชื่อ บางส่วยทางแกนนำพรรคจะนำเข้าพบกับ พล.อ.ประงิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อในช่วงเช้าวันที่ 14 ส.ค. เพื่อพูดคุยถึงการทำงานในด้านอืทนเพื่อช่วยพรรคต่อไป
|
ทีมยุทธศาสตร์ เพื่อไทยชงพรรคร่วมฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจปมถวายสัตย์ฯ นคร มาฉิม ฉะผู้นำลุแก่อำนาจจนเคยตัว อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน อนค.ตั้งกระทู้สดไล่บี้นายกฯต่อ ช่อ หวั่นแนวคิด บิ๊กแดง ซ้ำรอย 6 ตุลา ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช.สอบนายกฯและ ครม.ทั้งคณะ บิ๊กตู่ ไม่ตอบแล้วเรื่องปมถวายสัตย์ฯ ขอร้องอย่ามอง ขรก.การเมืองเป็นพวกเทกระโถน กาวใจยี่ห้อ ธรรมนัส เอาอยู่ ยัน 9 พรรคเล็กยังเหนียวแน่น สมศักดิ์ ปัดอยู่เบื้องหลังพรรคเล็กป่วน มงคลกิตติ์ เย้ยรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำหืดแน่ ฉะผู้ใหญ่ใน พปชร.ไม่ให้เกียรติ โชว์พระกริ่งปราบคนชั่วไร้สัจจะ ยก ผู้กองนัส ไว้ใจได้ ขัดสนตอนไหนขอยืมเงินไม่เคยขัด วิป รบ.ถกแก้เกมแพ้โหวตฝ่ายค้าน,พรรคฝ่ายค้านรวมถึงภาคประชาชนยังคงเกาะติดตรวจสอบปม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม นำ ครม.กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญต่อเนื่อง ล่าสุดที่ประชุมกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุว่าพรรคฝ่ายค้านอาจหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล,บิ๊กตู่ ชวนเอาความดีใส่ลงย่าม,เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผวจ.สงขลา นพ.พุฒิศักดิ์ พุทธพิบูลย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และคณะผู้บริหาร เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมโครงการ 99 ปี ล้านความดี เพื่อรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ วิ่งตอบแทนบุญคุณแผ่นดินวันที่ 24 ส.ค. เพื่อสร้างศูนย์ผ่าตัดหัวใจ 99 ปีรัฐบุรุษ ต่อมานางอัมพวัน พิชาลัย ผอ.ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ และคณะผู้บริหาร เข้าพบเพื่อแสดงผลงานและประชาสัมพันธ์นิทรรศการหัตถกรรมแห่งบรรพชนไทยใต้ร่มพระบารมี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-30 ส.ค. ทั้งนี้ นางอัมพวันได้มอบหมอนหน้าจกไทยญวน และย่ามไทยญวน นายกฯ ได้ลองสะพายย่ามพร้อมกล่าวว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันทำความดี เอาความดีใส่ลงไปในย่ามเยอะๆ,กระตุ้น ครม.เร่งใช้จ่ายงบฯ 62,ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า แจ้งให้ที่ประชุม ครม.ทราบหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณในช่วง 2 เดือน ให้เงินลงไปในระบบให้มากยิ่งขึ้น มีงบประมาณบางส่วนต้องดำเนินการให้เสร็จ ไม่เช่นนั้นงบประมาณจะตกไป เสียไปเปล่าๆ ต้องไปทบทวนว่าใน 2 เดือนที่เหลือจะทำโครงการอะไรให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบ การใช้จ่ายในหลายโครงการที่เสนอเข้ามา บางอย่างติดเรื่องประชาชน ทำให้ทำต่อไม่ได้ ฉะนั้น จะปรับงบประมาณเหล่านี้ให้ลงไปสู่ประชาชนมากที่สุด และเตรียมจัดทำงบประมาณปี 2563,ศก.ร่วงตามสถานการณ์โลก,นายกฯกล่าวอีกว่า วันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เป็นสถานการณ์ที่เราต้องยอมรับสภาพว่าวันนี้โลกเป็นอย่างนี้ ฉะนั้น ต้องมาดูยุทธศาสตร์เพื่อรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อยากให้คนไทยสนใจเรื่องที่เป็นสาระสำคัญให้มากสักนิด รอบตัวเกิดอะไรขึ้น ตัวเองต้องลำบากบ้างในสถานการณ์วันนี้ ดูข้างๆรอบๆ เขามีการปรับตัวเปลี่ยนแปลง เขาดีขึ้นบ้างไหม เราจะทำอย่างเขาได้หรือเปล่า สั่งการ ครม.ไปพิจารณาการทำงานให้ตอบสนองทุกกลุ่ม กระทรวงพาณิชย์ไปดูเรื่องการค้าขาย จะทำอย่างไร เพราะคนไทยมีสองอาชีพหลักคือ การเกษตร การค้าขาย ค้าขายรายย่อยมีปัญหาเยอะ ส่วนค่าเงินบาทอาจยังแข็งอยู่บ้างตามหลักเศรษฐศาสตร์ เรามีเงินสะสมเงินเกินดุลจำนวนมาก บัญชีเดินสะพัดเยอะ ทำให้เงินเราเข้มแข็งที่สุด ไปดูว่าจะหาวิธีการอย่างไร ต้องไปหารือกันในคณะทำงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำเต็มที่ให้ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปให้ได้ ด้วยการทำงานร่วมกันของรัฐบาล ของรัฐมนตรีทุกคน,แก้รัฐธรรมนูญยังไม่ถึงเวลา,พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเดินหน้ารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่า ต้องดูขั้นตอนวิธีการทางกฎหมาย ยังไม่ถึงเวลานั้น ปรึกษากันอยู่ว่าจะทำตรงไหนกรอบไหนบ้าง ส่วนเรื่องเฟกนิวส์ วันนี้สื่อทราบอยู่แล้วมีการใช้เฟกนิวส์เป็นเครื่องมือทางการเมือง อย่างเรื่องการขึ้นภาษีตรงนั้นตรงนี้ รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ใครจะพูดอะไรก็ตามถ้ายังไม่เข้า ครม. มันทำไม่ได้ทั้งนั้น และการนำเรื่องเข้า ครม. ต้องผ่านการตรวจสอบของนายกฯ และคณะทำงานของนายกฯ ก่อน ไม่ใช่เสนอมาแล้วอนุมัติทันที มันไม่ปลอดภัย ต้องระมัดระวังในข้อกฎหมาย,ไม่ตอบแล้วปมถวายสัตย์,เมื่อถามถึงปมปัญหาเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ พล.อ.ประยุทธ์ตอบเพียงสั้นๆว่า เรื่องการถวายสัตย์ ผมไม่ตอบแล้ว เมื่อถามถึงการนัดกินข้าวเพื่อหารือกับพรรคเล็ก นายกฯตอบว่า ยังไม่มี ไม่รู้ว่าใครไปนัดกับเขาหรือเปล่า เมื่อถามว่า ประเมินความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างไร กรณีฝ่ายรัฐบาลแพ้มติโหวตเรื่องร่างข้อบังคับการประชุมสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา,พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มีความเชื่อมั่นจากการทำงานร่วมกับรัฐบาลและ ครม. รวมทั้งบรรยากาศเป็นไปด้วยดี ด้วยมิตร ไมตรีและความเข้าใจซึ่งกันและกัน มีอะไรก็มาถามตนตลอดเวลา อะไรทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งได้อธิบายขั้นตอนและข้อปฏิบัติที่ผ่านมาให้เกิดความเข้าใจ วันนี้มีกฎหมายหลายฉบับ ทุกคนต้องระมัดระวัง ส่วนเรื่องในสภาฯก็เป็นเรื่องของสภาฯ เคยพูดไปแล้วว่าเรื่องใดที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ควรต้องร่วมมือกันให้ได้ ถ้ามัวแต่มุ่งว่าเป็นเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย รบกันไปรบกันมาประเทศชาติก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลนั้นจำเป็น อยากขอร้องบรรดา ส.ส.ว่าให้เห็นแก่ประเทศชาติไปด้วยกัน,อย่ามองเป็นพวกเทกระโถน,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.มีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองหลายกระทรวง จะทยอยแต่งตั้งไปเรื่อยๆ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะแต่งตั้งเสร็จเรียบร้อยทั้งหมด ขอให้มองว่าเป็นการตั้งคนเพื่อเข้าไปทำงาน ไปช่วยงานที่กระทรวงและช่วยงานรัฐมนตรี ความจริงตำแหน่งเหล่านี้เป็นตำแหน่งของนายกฯ แต่ตนมอบหมายให้ทุกกระทรวงช่วยติดตามงาน และรายงานกลับมาว่าได้ทำอะไรไปบ้าง จึงขอชี้แจงให้เกิดความมั่นใจว่าเป็นระบบการตรวจสอบถ่วงดุลเช่นเดียวกัน อย่าไปดูถูกว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่สำคัญ หรือเป็นตำแหน่งต่างตอบแทน ตำแหน่งเทกระโถน จะไปดูถูกคนแบบนี้ ไม่ได้ ถ้าดูถูกกันแบบนี้คงไม่มีใครอยากไปทำงานให้ ส่วนกรณีมีการร้องเรียนข้าราชการของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หาประโยชน์ให้ตัวเองนั้น ให้นโยบายไปแล้ว และให้ทบทวนในเรื่องนี้ การที่มีบริษัท 3 บริษัทใน กยท. ให้ไปพิจารณาดูใหม่ ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมทั่วถึง หาวิธีการใหม่ ไม่ต้องกังวล ตนดูแลอยู่แล้ว ต้องติดตามว่าอนุมัติอะไรไปแล้ว หากมีข้อเรียนต้องแก้ไข และหาผู้กระทำความผิด,บิ๊กป้อม จ่อกุมบังเหียน พปชร.,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐจะแต่งตั้งให้เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค ว่า ไม่รู้ แล้วแต่เขา เมื่อถามว่า ตั้งใจจะไปแก้ไขปัญหาเรื่องความไม่เป็นหนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ทุกวันนี้ก็หลอมรวมเป็นกลุ่มเดียวกันอยู่แล้ว ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐไม่แตกแยก เรามีสมาชิกกว่า 100 คน เมื่อถามว่า จะเข้าไปทำให้เกิดความกลมเกลียวมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว ตนไม่ต้องเป็นก็ได้ การเสนอชื่อก็แล้วแต่พรรคพลังประชารัฐจะเสนอใคร,ธรรมนัส เอาแน่ดันเต็มตัว,ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อเสนอให้ พล.อ.ประวิตรเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค เพื่อเป็นแกนหลักในการให้คำปรึกษาของหัวหน้าและเลขาธิการพรรค รวมถึงทุกคนในพรรค ยืนยัน พล.อ.ประวิตรเป็นได้เพราะเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้คาดว่า พล.อ.ประวิตรจะหาโอกาส เข้าร่วมประชุมพรรค ส่วนหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ยังเป็นคนเดิม ส่วนกรรมการบริหารพรรคจะเพิ่มรองหัวหน้าพรรค ที่เป็นประธานยุทธศาสตร์ภาคเข้ามา ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมพรรค,ยัน 9 พรรคเล็กยังเหนียวแน่น,ร.อ.ธรรมนัสยังกล่าวถึงกรณีปัญหาพรรคเล็กร่วมรัฐบาลว่า นายกฯมอบหมายให้ตนไปพูดคุยแล้ว ยืนยันนายกฯไม่ได้นัดกินข้าวกับพรรคเล็กตามที่มีข่าว พรรคเล็กที่ร่วมรัฐบาลมี 13 พรรค โดย 3 พรรค ได้แก่ พรรคประชาชนปฏิรูป พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และพรรคพลังท้องถิ่นไท ไม่มีปัญหา ส่วน 9 พรรคที่เหลือยืนยันว่ายังอยู่กับรัฐบาล ส่วนพรรคไทยศรีวิไลย์เราให้ความเคารพการตัดสินใจ เขายืนยันจะอยู่กับประชาชน ไม่ได้ออกไปเพื่อค้านทั้งหมด เวลานี้รัฐบาลไม่ได้มีเสียงปริ่มน้ำ 250 เสียง แต่มีมากกว่านั้น จะไม่มีการตีรวนอีก ตนจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับวิปรัฐบาลมากขึ้น คงปล่อยไปไม่ได้ ต้องประสานพี่ๆน้องๆที่ร่วมขบวนเดียวกัน,สมศักดิ์ ปัดแบ็กอัป มงคลกิตติ์,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แกนนำกลุ่มสามมิตรพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวเป็นตัวประสานจะให้ตำแหน่งกับพรรคประชาภิวัฒน์ว่า ไม่ได้เป็นผู้ประสานงานกับพรรคเล็ก เพียงแต่เข้าไปรับทราบในบางครั้ง และช่วยประสานให้อยู่ในทิศทางที่ปรึกษาหารือกัน เข้าไปยุ่งเกี่ยวน้อยมาก แต่ข่าวที่ออกมากลับบอกว่าเข้าไปประสานกับนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ส่วนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ออกมาเคลื่อนไหว ก็ไม่ได้เป็นผู้ประสานโดยตรง แม้จะได้พูดคุยกันบ้าง แต่ในเรื่องการเมืองเรื่องตำแหน่งต่างๆ ไม่ได้พูดคุยด้วย เพียงแค่คุยเรื่องอื่น ส่วนที่นายมงคลกิตติ์จะออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ได้แต่เฝ้าติดตาม ไม่ขอมีความเห็นใดๆ แล้วแต่ผู้บริหารพรรคจะพิจารณาต่อไป,เชียร์ บิ๊กป้อม เข้าพรรคเรื่องดี,เมื่อถามว่า ถ้าไม่มีพรรคไทยศรีวิไลย์หรือนายมงคลกิตติ์ จะกระทบการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายสมศักดิ์หัวเราะก่อนจะตอบว่า ไม่มีปัญหา เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะเข้ามาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ตอบว่า เห็นข่าวแล้วแต่ขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็น ขอให้ พล.อ.ประวิตรเข้ามาพรรคจริงเสียก่อน หากมีผู้ใหญ่เข้ามาอยู่ในพรรคจริงถือเป็นเรื่องดี จะได้ไม่ประชุมไปคนละทิศคนละทาง,มงคลกิตติ์ ขู่เสียงปริ่มน้ำหืดแน่,วันเดียวกันเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทราบายเซ็นทารา ศูนย์ราชการฯแจ้งวัฒนะ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมสมาชิกพรรค แถลงข่าวประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระอย่างเป็นทางการ ว่า เหตุผลคือในสภาไม่มีความเป็นอิสระ ตรวจสอบรัฐบาลต้องเกรงใจกัน พรรคพลังประชารัฐไม่ให้เกียรติกัน ผู้ใหญ่ในพลังประชารัฐไม่รักษาสัจจะ และกรณีนายกฯกล่าวถวายสัตย์ฯไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ ส่วนจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างไรนั้น รัฐบาลมี 254 เสียง เมื่อต้องมีการโหวตจะตัดเสียงประธานสภาฯและของตนออกไปจะเหลือ 252 เสียง ในอนาคตอาจมีการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จากกรณีทุจริตสนามฟุตซอล 3 คน ฝ่ายรัฐบาลจะเหลือ 249 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านมี 246 เสียง ยังถือว่ารัฐบาลทำงานได้แต่เสียงจะปริ่มน้ำ หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นรายบุคคล เสียงของรัฐบาลจะเหลือ 248 เสียง เพราะรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่สามารถโหวตให้ตนเองได้ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมี ส.ส.ถูกชี้มูลเพิ่ม ยังไม่นับรวมคดีทุจริตจำนำข้าว ที่ยังเหลืออีกกว่าร้อยสำนวน,โชว์พระกริ่งปราบคนชั่วไร้สัจจะ,นายมงคลกิตติ์ยังกล่าวถึงกรณีนายกฯกล่าวถวายสัตย์ฯไม่ครบว่า ถ้าเป็นตนลาออกไปแล้ว เหมือนสมัยพระเจ้าเสือที่พันท้ายนรสิงห์ยอมตายเพื่อรักษากฎมณเฑียรบาล แต่นี่นายกฯเป็นชายชาติทหารยิ่งต้องมีสามัญสำนึกมากกว่าคนทั่วไป แต่ถ้านายกไม่ลาออกก็เป็นเรื่องของประชาชนจะพิจารณาอย่างไร จะชุมนุมกันก็ได้ เมื่อถามว่า คิดว่า 9 พรรคเล็กที่ยังร่วมรัฐบาลจะไม่ถูกหลอกในเรื่องตำแหน่งทางการเมืองหรือ นายมงคลกิตติ์ตอบว่า ถ้าเราคุยกับผีก็จะถูกผีหลอก ความจริงมนุษย์ไม่น่าจะหลอกกันนี่ขนาดยังไม่ตายยังหลอกกันขนาดนี้ แต่ตนไม่กลัว เพราะมีพระ ทั้งนี้นายมงคลกิตติ์โชว์พระกริ่งปวเรศทองคำที่พกติดตัว พร้อมระบุว่าพระองค์นี้มีพุทธคุณเอาชนะคนชั่ว คนไม่รักษาสัจจะ ตนจะชี้แจงพระองค์นี้ในบัญชีทรัพย์สินที่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช. โดยประเมินราคาไว้ที่ 50 ล้านบาท นายกฯคงไม่มี อย่างไรก็ตามยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ยังไว้ใจได้ เวลาพรรคไทยศรีวิไลย์ขัดสน ยังไปขอยืมเงินได้,ธรรมนัส เล่นบทกาวใจพรรคเล็ก,เมื่อเวลา 14.40 น. ที่ตึกทีพีแอนด์ที ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมหัวหน้าพรรคและแกนนำ 9 พรรคเล็ก ร่วมแถลงหลังมีมติร่วมกันสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้บริหารประเทศต่อไป ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ทั้ง 9 พรรคยังเหนียวแน่นที่จะสนับสนุนรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์เช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนตำแหน่งทางการเมืองทั้ง 10 พรรคได้เสนอรายชื่อทั้งหมดส่งถึงนายกฯแล้ว ส่วนกรณีของนายมงคลกิตติ์ต้องปล่อยให้ไปทำงานในภาคประชาชนไปก่อน สำหรับ 9 พรรคส่วนใหญ่ส่งตัวแทนเข้ามารับตำแหน่งทางการเมือง ยกเว้นนายสมเกียรติ ศรลัมภ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ที่เข้าไปดำรงตำแหน่งเอง โดยยอมลาออกจาก ส.ส. ตนเข้าใจบทบาทนายมงคลกิตติ์ แต่ไม่ขอก้าวล่วง,เสี่ยติ่ง ปัดขอผู้ช่วย รมว.กลาโหม,ด้านนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย กล่าวว่า พรรคเล็กได้ประสานงานกันมาด้วยดีตลอด ที่ผ่านมาอาจมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้เรียกร้องตำแหน่ง ตอนนี้ถือว่าเหลือ 9 พรรคครึ่ง ยังอยู่ระหว่างประสานงานกันอยู่กับพรรคไทยศรีวิไลย์ มีข่าวว่าตนได้เป็นผู้ช่วย รมว.กลาโหม ตนไม่เอา เพราะเคยเป็น รมต.มาแล้ว,พิเชษฐ ส่งตัวแทนนั่งผู้แทนการค้า,นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ยืนยันว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เช่นเดิม แต่การเคลื่อนไหวของพวกตน 5 พรรคเล็กกับนายมงคลกิตติ์นั้น เป็นเพียงการส่งสัญญาณให้รัฐบาลทราบเพื่อมีคำตอบให้สมาชิก จะได้ร่วมทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หลังจากนั้นรัฐบาลส่ง ร.อ.ธรรมนัสมาพบพวกตน และทางรัฐบาลได้มอบตำแหน่งผู้แทนการค้า แต่ตนรับไม่ได้ เพราะต้องลาออกจาก ส.ส. และคนที่อยู่ในบัญชีอันดับสองตนไม่สามารถไปบังคับให้เขาลงมติให้รัฐบาลได้ จึงประสานกลับไปว่าเมื่อไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ขอส่งคนไปทำงานแทน,แก้วแตกใช้กาวตราช้างติดได้,นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวยืนยันว่ามิตรภาพของ 10 พรรคเล็กยังคงอยู่เหนียวแน่น เราไม่ได้ขัดแย้งกับนายมงคลกิตติ์ เชื่อว่าหากรัฐบาลทำถูกต้อง นายมงคลกิตติ์จะลงมติให้ ทั้ง 9 พรรค แบ่งภารกิจสองส่วน คือทำหน้าที่ในสภา และคัดบุคคลที่เหมาะสมไปรับตำแหน่งทางการเมือง ร.อ.ธรรมนัสพูดว่า แม้แก้วจะแตกไปแล้วติดกาวตราช้างก็ยังใช้ได้ 4 ปี แน่นอนในมิตรภาพ 10 พรรคยังคงอยู่ ไม่ขัดแย้งกันในสภา เพราะอะไรที่รัฐบาลทำถูก นายมงคลกิตติ์ยังจะยกมือโหวตให้ด้วย,วิป รบ.ถกแก้แพ้โหวตฝ่ายค้าน,ช่วงเช้าที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน มีวาระสำคัญคือการหาแนวทางบริหารจัดการเสียงลงมติในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่การประชุมสภาฯนัดที่ผ่านมา เสียง ส.ส.ฝั่งรัฐบาลแพ้โหวตฝ่ายค้าน ระหว่างลงมติร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ได้วิธีแก้ปัญหาแล้ว มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แพ้โหวตเหมือนที่ผ่านมา หากแพ้เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ วิธีการคือ จะมีการประชุมวิปรัฐบาลทุกวันจันทร์ เพื่อให้รัฐมนตรีรับทราบความเห็นและชี้แจงรายละเอียดที่สำคัญ โดยมีวิปรัฐบาลที่มี ส.ส.ของแต่ละพรรคร่วมพิจารณาด้วย เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันในรายละเอียดของร่างกฎหมาย รวมถึงเพื่อให้การลงมติไม่เกิดความสับสน สิ่งที่เกิดขึ้นคือบทเรียนที่วิปรัฐบาลต้องนำไปพิจารณาแก้ปัญหา และทำให้การประชุมต่อไปมีเอกภาพ,พาลไปโทษระบบประมวลผล,นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกวิปรัฐบาล กล่าวว่า ยืนยันว่า ส.ส.รัฐบาลไม่ได้แพ้โหวต เป็นเรื่องระหว่าง กมธ.เสียงข้างมาก และเสียงข้างน้อย ยอมรับว่ามีปัญหามาจากหลายส่วน อาทิ การประสานงานระหว่าง ส.ส.ร่วมรัฐบาล เนื่องจากพบว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่สงวนคำแปรญัตติลงมติเห็นสวนทางกับรัฐบาล ดังนั้นในครั้งต่อไปอาจต้องขอความร่วมมือ ส.ส.พรรครัฐบาลที่สงวนคำแปรญัตติให้ยึดตามมติของวิปรัฐบาล เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ รวมถึงปัญหาของระบบลงคะแนนที่ประมวลผลผิดพลาด ไม่แม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น จะตรวจสอบและทดสอบระบบอีกครั้ง หรือการขยายเวลาการออกเสียงลงคะแนน เนื่องจากเสียงเรียกให้เข้าห้องประชุมมีปัญหาได้ยินไม่ทั่วถึง รวมถึง ส.ส.บางคนไม่เข้าใจคำถามที่ให้ลงมติ จึงลงมติสับสน เรื่องให้ ส.ส.ปฏิบัติตามมติของวิปรัฐบาล เป็นคนละเรื่องกับการใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ที่ต้องมีอิสระ เพื่อรักษาวินัยและเอกภาพของคะแนนเสียง ดังนั้นการทำงานร่วมกันต้องอาศัยความร่วมมือ,ฝ่ายค้านลุยต่อปมถวายสัตย์ฯ,ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ในการประชุมสภาฯสัปดาห์นี้ ฝ่ายค้านจะสอบถามเรื่องการถวายสัตย์ฯต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการ อดีตนักกฎหมาย พยายามตีความแบบผิดเพี้ยนเพื่อหาทางออกให้นายกฯนั้น เป็นการเขียนทฤษฎีใหม่ขึ้นมาโดยไม่มีความเข้าใจในรัฐธรรมนูญ การถวายสัตย์ฯคือการขอพระราชทานพระราชอำนาจในการดูแลประเทศ การที่พูดออกมาแบบนี้จะทำให้เกิดผลที่ไม่ดีต่อสถาบัน ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องนิ่งเฉยไม่ได้ ยืนยันว่าการปล่อยให้เรื่องนิ่งเงียบไป ไม่ใช่ทางออก พรรคร่วมฝ่ายค้านมีตัวแทนไปยื่นร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว,ชี้ท่าที ผบ.ทบ.อุปสรรคแก้ รธน.,นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า สำหรับท่าทีของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่ออกมาพูดเรื่องการเมือง อาจทำให้การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ยากขึ้น แต่เป้าหมายสูงสุดของฝ่ายค้านคือการผลักดันตั้ง ส.ส.ร. และเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ให้ได้ ยืนยันสิ่งที่ทำนั้นเพื่อประโยชน์ของประชาชน และการรณรงค์คือสิ่งที่ต้องทำ ส่วนความเป็นไปได้จะพยายามขับเคลื่อน เชื่อว่าหากผ่านขั้นตอนการแก้ไขในมาตรา 256 ได้แล้ว การรณรงค์เพื่อให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขั้นตอนอื่นๆจะราบรื่นขึ้น,จวก บิ๊กตู่ ลุอำนาจจนเคยตัว,นายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายกฯนำ ครม.ถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน นั้น ใกล้จะครบหนึ่งเดือนแล้วยังเพิกเฉยไม่แสดงความรับผิดชอบ มีพฤติกรรมไม่สะทกสะท้าน ไม่ดำเนินการใดๆ ที่ควรจะต้องทำ ตามคำแนะนำจากหลายฝ่ายที่ปรารถนาดี เช่น ให้ขอพระราชทานอภัยโทษ ให้ลาออก แสดงตัวตนลุอำนาจจนเคยตัว ทำตัวใหญ่กว่าทุกสถาบัน นายกฯและ ครม.ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังเพลินอยู่กับการใช้อำนาจ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ขอบอก พล.อ.ประยุทธ์ว่า ในฐานะเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน อย่าได้กระทำการใดๆ ในสิ่งที่ไม่บังควรต่อเบื้องสูง,เล็งเปิดอภิปรายปมถวายสัตย์ฯ,ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ว่า การติดตามการแก้ไขปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนฐานราก เช่น เกษตรกร เราใช้แนวทางสภาแก้ไขปัญหา บวกกับใช้ยุทธศาสตร์สัญจร ทั้งนี้ ต้องนำเม็ดเงินออกไปสู่ประชาชนโดยเร็ว ไม่เกินเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งตามมติ ครม.จำนวนเม็ดเงินนั้นน้อยเกินไป เราจึงขอเสนอให้ชดเชยเป็นขั้นบันได ขอให้รัฐบาลใช้เงินงบประมาณแก้ไขปัญหาโดยด่วน ไม่เช่นนั้นเราต้องใช้กระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งขอให้นายกฯได้รับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำไม่ถูกต้องครบถ้วน ทั้งการถวายสัตย์ฯ และการแถลงนโยบาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหยุมหยิม พรรคเพื่อไทยจะเสนอพรรคร่วมฝ่ายค้าน ให้เปิดอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152,อนค.ตั้งกระทู้สดไล่บี้นายกฯต่อ,ช่วงบ่ายที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า สัปดาห์นี้นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จะตั้งกระทู้สดเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกฯ อีกครั้ง นายกฯบอกเองว่าครั้งที่แล้วติดภารกิจครั้งนี้จะมาตอบ ขอให้ช่วยกันจับตาดูว่านายกฯจะมาตอบหรือไม่ และตอบอย่างไร ท่านบอกอยากให้จบเรื่องนี้ แต่จะจบได้ไม่ใช่ห้ามให้ทุกคนพูด แล้วให้เรื่องนี้เงียบไป แบบนี้เรียกว่าปิดปากแล้วซุกขยะใต้พรม จะจบเรื่องนี้นายกฯต้องเข้ามาตอบคำถามในสภาให้ชัดเจนว่าจะจัดการปัญหาดังกล่าวอย่างไร เรื่องนี้จึงจะจบได้อย่างสง่างาม รัฐบาลจะได้ไม่ต้องมีชนักปักหลังไปตลอดสมัยที่บริหารประเทศ หากท่านไม่มาจะถือว่าจงใจหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเรื่องนี้ต่อหน้าสภา เมื่อถามว่านายกฯเลือกใช้วิธีนิ่งเพื่อให้กระแสเงียบไป น.ส.พรรณิการ์ตอบว่า ในฐานะ ส.ส.ช่องทางที่เราสามารถทำได้ คือช่องทางสภา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเริ่มต้นทำไม่ถูกต้อง มันไปก้าวต่อๆไปไม่ได้,ช่อ ซัดดีอีทำเพื่อคนบางกลุ่ม,น.ส.พรรณิการ์กล่าวต่อว่า ขอทวงถามเรื่องการจัดการเฟกนิวส์ต่อนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หลังเคยตั้งกระทู้ถามแล้ว ควรมีประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้นไม่ใช่เฉพาะหน่วยงานรัฐ ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นร้อนเพิ่มขึ้นเมื่อ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ พุ่งเป้ามาที่พรรคอนาคตใหม่ชัดเจน แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ นายพุทธิพงษ์ยืนยันว่าศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์นี้จะทำหน้าที่อย่าง เป็นกลาง และระมัดระวังการใช้อำนาจ แต่นายพุทธิพงษ์อาจต้องไปทำความเข้าใจเรื่องความหมายของคำว่าเฟกนิวส์ให้ชัดเจนกว่านี้ ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคฝ่ายค้านถูก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐแชร์ข่าวปลอมเรื่องระเบิดป่วนกรุง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ อยากถามนายพุทธิพงษ์ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร,หวั่น บิ๊กแดง ย้อนรอย 6 ตุลา,น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า ศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ควรอิงกับคู่มือต่อต้านเฟกนิวส์ของยูเนสโก เพราะเป็นคู่มือที่ได้รับการยอมรับว่ามีความเป็นกลาง และมีความเป็นสากล ยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่เคยมีความคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อกองทัพ เพราะประเทศยังจำเป็นที่จะต้องมีกองทัพและทหาร เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศและปกป้องประชาชน แต่สิ่งที่เราอยากเห็นคือให้ทหารทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ เป็นกองทัพที่ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง และหันไปพัฒนาศักยภาพของตัวเอง แต่สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์กำลังทำอยู่ปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง และ ผบ.ทบ.ไม่มีสิทธิออกความเห็นทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองที่ชี้เฉพาะไปที่พรรคใดพรรคหนึ่ง ถ้าดูย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่าแนวคิดของ พล.อ.อภิรัชต์ มีความคล้ายกับแนวคิดของ ผบ.ทบ. ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 มาก ทั้งเพลงปลุกใจและการโฆษณาชวนเชื่อว่านักศึกษา และคนรุ่นใหม่ในยุคนั้น มีแนวคิดอันตราย อยากบอกว่าสิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์กระทำเป็นสิ่งที่อันตรายมาก,ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช.สอบ ครม.,ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ครม.ทั้ง 35 คน จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ กรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระมหากษัตริย์ ด้วยข้อความไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ถือเป็นการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (5) กรณีดังกล่าวแม้ พล.อ.ประยุทธ์จะขอแสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเอง แต่จนบัดนี้หาได้แสดงความรับผิดชอบใดๆให้สาธารณชนเห็นเป็นที่ประจักษ์ สะท้อนให้เห็นว่ามีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายยึดผลประโยชน์ส่วนตนเหนือกว่าผลประโยชน์ประเทศ จึงต้องยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่ส่วน พล.อ.ประยุทธ์และให้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา ลงโทษตามกฎหมายต่อไป,เรืองไกร ร้องเฟ้นนายกฯขัด รธน.,ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือให้อัยการสูงสุดส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญให้ครบถ้วน กรณีให้ความเห็นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ซึ่งก่อนหน้านี้มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 6/2559 ระบุชัดเจนว่า การได้มาซึ่งนายกฯแบ่งขั้นตอนการเสนอชื่อ และให้ความเห็นชอบออกจากกัน นายเรืองไกรกล่าวว่า นายชวนไม่ทำตามกระบวนการทั้งที่มีการทักท้วง แต่รวบขั้นตอนไปทำในที่ประชุมรัฐสภา เหตุการณ์วันที่ 5 มิ.ย. มีหลักฐานเป็นบันทึกการประชุมสภาฯ เท่ากับทำความผิดสำเร็จแล้ว,ชวน หนุนใช้สิทธิตรวจสอบ,ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่มีปัญหา ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่ได้หารือในที่ประชุมสภาฯถึงกระบวนการตามกฎหมาย และยังไม่มีแนวคิดจะฟ้องกลับ ตนสนับสนุนทุกคนมีสิทธิตรวจสอบ บ้านเมืองต้องปกครองด้วยหลักกฎหมาย ทุกฝ่ายต้องเคารพกฎหมาย โดยเฉพาะฝ่ายนิติบัญญัติผู้ออกกฎหมายต้องเป็นตัวอย่าง,ทีมองครักษ์ขู่ฟ่อฟ้อง เรืองไกร,ด้านนายแทนคุณ จิตอิสระ เลขานุการคณะทำงานด้านการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า คณะทำงานไม่สบายใจ อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลรายละเอียดที่พาดพิงละเมิดนายชวน หากพบเข้าข่ายละเมิดสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงด้วยความเท็จ อาจมีการดำเนินคดีเพราะเป็นข้อกล่าวที่หนักหน่วงว่าล้มล้างรัฐธรรมนูญ แม้นายชวนไม่ถือสาแต่ขอให้นายเรืองไกร ยึดหลักกฎหมายและข้อเท็จจริงด้วย การประชุมสภาฯหลายครั้งที่ผ่านมา พบการนำประเด็นที่ไม่ถูกต้องมาอภิปรายโจมตีประธานสภาฯ บางคนใช้วิธีเก่ายกกฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้องมากล่าวหาข้ามรุ่น ขอให้หยุดขยายผลสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชน,ศุภชัยอ้อมแอ้ม ส.ว.จุ้นการเมือง,นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณี พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ส.ว. ออกหน้า เป็นตัวช่วยประสานกับกลุ่ม ส.ส.พรรคเล็กให้สนับสนุนรัฐบาลว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง จึงบอกไม่ได้ว่า ส.ว. วางตัวเป็นกลางหรือไม่ ต้องดูเจตนา ข้อเท็จจริงและ วัตถุประสงค์ ทั้งนี้ ส.ว.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย การทำให้บ้านเมืองสงบถือเป็นหน้าที่ ส.ว.เหมือนกัน ถ้าไปใช้บทบาท ส.ว.ทำนอกเหนือหน้าที่ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ถ้า ส.วจะทำโดยส่วนตัวต้องไม่เอาตำแหน่ง ส.ว.ไปเกี่ยวข้อง เมื่อถามว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในฐานะ ส.ว.ให้ความเห็นท้วงติงการขับเคลื่อนการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ นายศุภชัยตอบว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงและรายละเอียดว่า พล.อ.อภิรัชต์พูดเกี่ยวกับอะไรบ้าง แต่ต้องยอมรับว่า ส.ว.มีหน้าที่หลายอย่าง สวมหมวกหลายใบ ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆไป,ดอน ยอมรับทำอะไร ปู ไม่ได้,อีกเรื่อง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี ที่หลบหนีโทษคดีจำนำข้าวได้สัญชาติเซอร์เบีย ว่า ได้รับทราบจากที่เป็นข่าว เมื่อถามว่ารัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้เลยใช่หรือไม่ นายดอนตอบว่า อยู่ที่อัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รับเรื่องต่อ ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะกฎหมายไม่ให้อำนาจไว้,กี้ ขอ อสส.ถอนฟ้องล้มซัมมิต,ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง และนายนพพร นามเชียงใต้ อดีตแนวร่วม นปช. จำเลยคดีล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่พัทยาปี 2552 ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดขอให้ถอนฟ้องคดีเนื่องจากพยานโจทก์ปากสำคัญในคดีถูกศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษฐานแจ้งความเท็จ โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับเรื่อง นายประยุทธกล่าวว่า เมื่อจำเลยขอแสดงข้อเท็จจริงมาเพื่อให้ถอนฟ้อง ก็จะรีบนำเสนอ อสส.พิจารณา ผลเป็นอย่างไรจะรีบแถลงให้ทราบโดยเร็ว,ศาลสั่ง กกต.ชดใช้ ภุชงค์ 2 ล้าน,เมื่อเวลา 13.30 น. ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชดใช้เงินแก่นายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการ กกต. เป็นเงิน 2,010,380 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป ให้ดำเนินการภายใน 30 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด กรณีที่นายภุชงค์ ยื่นฟ้อง กกต. และสำนักงาน กกต.มีคำสั่งเลิกจ้าง และนายภุชงค์พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการ กกต.โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นธรรม,ไฟเขียว ขรก.การเมืองลอต 2,ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแต่งตั้งนายไชยยศ จิรเมธากร เป็นรองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง และนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประจำนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นที่ปรึกษารองนายกฯประจำนายจุรินทร์ นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา เป็นที่ปรึกษาและนายไกรเสริม โตทับเที่ยง เป็นเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการและนายณรงค์ ดูดิง เป็นที่ปรึกษาคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการและนายกมล รอดคล้าย เป็นที่ปรึกษานางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ,มัลลิกา นั่งที่ปรึกษา จุรินทร์,นางนฤมลกล่าวว่า พล.อ.พลภัทร วรรณภักตร์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.กลาโหม ประจำ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม น.ต.สุธรรม ระหงษ์ เป็นเลขานุการ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายยุพ นานา เป็นที่ปรึกษา รมว.พม.และนายสากล ม่วงศิริ เป็นกรรมการผู้ช่วย รมว.พม. นายสรรเสริญ สมะลาภา เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เป็นเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงศ์ เป็นที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์,เจือ-อภิชาติ ประกบ ถาวร,นางนฤมลกล่าวว่า นายเวียง วรเชษฐ์ เป็นที่ปรึกษา รมว.วัฒนธรรม นายพิกิฏ ศรีชนะ เป็นเลขานุการ รมว.วัฒนธรรม นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ เป็นที่ปรึกษา รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ นายธนา ชีรวินิจ เป็นเลขานุการ รมว.เกษตรฯ นายนิติวัฒน์ จันทร์สว่าง เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.เกษตรฯและ น.ส.ทัศน์ลักษณ์ ปัตตพงศ์ภัช ที่ปรึกษาประจำนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ นายธนสาร ธรรมสอน เป็นที่ปรึกษา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ นายเจือ ราชสีห์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.คมนาคม และนายอภิชาติ สุภาแพ่ง เป็นที่ปรึกษานายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม,หลาน บิ๊กจิ๋ว มาตามโผ พปชร.,นางนฤมลกล่าวอีกว่า น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ เป็นที่ปรึกษานายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร เป็นกรรมการผู้ช่วย รมว.คมนาคม นายอนุชา โมกขะเวส เป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย พล.ต.ต.ธารา ปุณศรี เป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย นายวิรัช ร่มเย็น เป็นผู้ช่วยเลขานุการรมว.มหาดไทย และนายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ เป็นที่ปรึกษานายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย นายสุกรี มะเต๊ะ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทยและนายวิเชียร จงชูวณิชย์ เป็นที่ปรึกษานายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายสำเริง แหยงกระโทก เป็นกรรมการผู้ช่วย รมว.สาธารณสุข นายเรวัติ อารีรอบ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.สาธารณสุข และนายธนิตพล ไชยนันทน์ เป็นที่ปรึกษานายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช เป็นกรรมการผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา เป็นที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ เป็นที่ปรึกษา รมว.อุตสาหกรรม นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เป็นกรรมการผู้ช่วย รมว.แรงงาน,โควตาพรรคเล็กรอสัปดาห์หน้า,นางนฤมลกล่าวต่อว่า นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยลาออกจาก ส.ส.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) หรือวิปรัฐบาล มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นประธานฯ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายชาดา ไทยเศรษฐ์และนายวิเชียร ชวลิต เป็นรองประธานฯ ตามลำดับ,คนอกหัก พปชร.ซบอก บิ๊กป้อม,ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.สอบตก และคนใกล้ชิดของแกนนำในพรรคหลักของรัฐบาล ส่วน 9 พรรคเล็กส่งรายชื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติได้ไม่ทัน คาดว่าจะนำเข้า ครม.ได้ในสัปดาห์หน้า ดังนั้นที่ประชุม ครม.จึงแต่งตั้งให้นายสมเกียรติเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯได้แค่คนเดียวเท่านั้น สำหรับบุคลากรของพรรคพลังประชารัฐที่พลาดตำแหน่งทางการเมือง ทั้งอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ บางส่วนทางแกนนำพรรคจะนำเข้าพบกับ พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อในช่วงเช้าวันที่ 14 ส.ค. เพื่อพูดคุยถึงการทำงานในด้านอื่นเพื่อช่วยพรรคต่อไป
|
หังโขน เป็นงานหัคถศิลป์โบราณกรุงสยามนานกว่าศตวรรษที่ช่างหู้ผลิตฝานจะต้อง ใช้เวลาฝึกอละศึกษาจนเกืดความชำนาญ ให้สามารถสร้างหัวโชนได้อข่างงดงรมประณีตบรรจง สมค่าราคามรดกศิลปกรรมไทย,การประดิษฐ์หัวฏขนเป็นศิลปะชั้นสูงเพืีอใช้ในกนรแสดงโขนชุดรามเกียรติ์ ซึ่งเดิมทีทีเฉพาะภายในราชสำนัก ถวายหน้าพระที่นั่งกัวพระบรมวงศานัวงศ์ ต่อมาถึงได้อิกมาเผยแพร่สู่ภาคประชาบนให้ได้เห็นคุณค่าทางวัฒยธร่มไมยสืบทอดกันมาถึงหัจจุบัน,หัวโขนที่ใช้ในการแสดงโขนนั้น มีหน้าพระอย่างพระลักษมณ์ พระราม หน้ายักศ์อย้างทศกัณฐ์กับิหล่าบริบาร และพญาวานรอย่างหนุมานพร้อมพลพรรค รวมแลืวกว่า 100 ไร้า ที่มีความสำคัญด้วยกันทุกหต้า ครูช่าฝจึงต้องเคารพบูชากีอนลงมืแปั้นหุ่นต้นแงบด้วยหัสโขนเป็นเครื่อวประกอบครอบเหนือศีรษด กาตผลิตหัวโขนแต่ลดหัวที่เคจมีมาแต่โบรรณ จึงไม่ข้ามผ่านการประกอบพิธีหรรมก่อนคิดจะสร้างสรรค์งานขึ้นมา,หนังสือชื่อ ห้วโขนสมบัติศิลป์แผ่นดินไทย จัดทำโดยกลุืม บ.ยูคอม จภกัด ได้กล่าวถึงกระบวนการทำหัวโขนรูปหน้าครูพระภรตฤาษีและะระพิราพซึ่งถือว่าอยู่เหนือสํงสุด โดยทุกครั้งก่อนลงมือปั้จหุ่นช่างปั้นจะต้องไปหาดินจาก 7 ป่าช้า และให้ขุดช่วงวันแรงตามหลักโหราศาสตร์และไสยศาสตร์,คือวัน อังคาร หรือ ดสาร์ มาใล้ในการปั้น,นอกจากนี้ ให้ไปหาดินอีก 7 ท่าน้ำ และดินจอมปลวกมาผสมให้เพียงพอที่จะปั้นขณดเดียวกันค้องเตรียสเครื่ดงเซ้นประกอบพ้ธี ได้แก่ ข้าวพล่น ปลายำใส่กระางใบตองไปวางไว้ยังตุด่ี่จะเอาดินมาเซ่นบูช่ระหวีางขออนุญาจปั้นอีกทั้ลวันปั้นถือฤกษ์ วเนครู คือพฤหัสบดี โดยถืเโชคลางปั้นให้เสร็จในวันเดียว ผู้ปั้นก็ให้นุ้งขาวห่มขาวกับจัดตั้งศาลเพียงตาวางเครื่องบูชาเทวดาและครูชีางที่ล่วงลับ,เมื่อปั้นเสร็ยต้องรอจนกว่าจะแฟ้งจึงใช้กระดาษภอก หิามผึ่งแดดหคืออังไฟให้แห้งเด็ดขาด,ตี่อป็จกรรมวิธีที่ทำกันสมัยก่แน แต่ทุกวัสนีีหันมาใช้ปูนปลาสเตอา์หรือปูนซีเมนต์แทนดิน สามาตถเก๊บหุ่นไว้พอกใผม่ได้นรนอีกหฃายหัวกาาประกอบพิธีบูชาแบบโบราณจึงค่อยๆหายไปไม่เหมือนแต่ก่อน,ว้โรจน์ วรปัญญาเวทย์ ศิษย?ผู้ส้บสานงานหัตถศิลป์หัวโขน จากครูช่าง ม.ล.พันธ์สวัสดิ์ ศุขสวัสดิ ที่เพิ่งเสีจบีวิตไปไม่นาน และเป็นทายาทครูช่างระดับปรมาจารย์แห่งราชสำนักไทย คืิ ม.ต.ว.จรูญสวัสะิ์ ศุขสวัสดิ ย้ำว่า สำหรับพิธี เบิกพระเนตรหัวฮขน ยัฝเผ็นศาสตร์จำเป็นที่ครูช่รงทุกคนต้องทำก่อนนำไปใช้ในขุคนี้พิธีเบิกพระเนตรหน้าพระภรตฤาษี นะบูชาด้วยเครื่องนอนตอง มีหมู 3 ชั้น 1 ชิ้น กุ้ง ปูทะเล ปลาช่อนนึ่ง อาหารทุกชนิดจะถ๔กรองด้วยใบตองเผฺนที่มาของเครื่องตอนตอง แล้วยังมีน้ำจิ้ม น้ำพริำ ผลไม้ชืรอสงคลกล้วยนิหว้า มะพร้าวอ่อน ขนุน เงุ่น ชมพู่ เงาะ ส้ม ส่วนชื่อไม่เป็นมงคล เช่น ละมุด มะเฟือง มะไฟ ระกำ มังคุด ห้ามนำมาใช้,พเธีจะทำกันงานกลางแจ้งทีแสงสว่าง วิฉรจย์ ย้ำด้วยว่า ถ้าบูชาด้สยเค่ื่องชุดใหญ่ ต้องมีเกล้า หมากพลู หรือกรณีพระพิราพมีโรตีมะตะบะัพิ่มปรรดบิกพีุเนตรจะทำกเนวันพฤกัสบดีหรือวันเาทิตย์ หลังการเซ่นไหว้แล้วครูช่างจะยกหัวโขนขึ้นมาเจิมด้วยดินสอพองหมมน้ำอวไทยลลไปบรืเวณด้านในหัวโขน,ขณะเดียวกันก็ท่องคาถา มงกุฎพระพะทธเจ้า ตามพระึัมภีร์ในศาสนาพุทธว่า อิติปิโส วิเสเสติ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ ไปด้วย,จรกนั้นจะเป็นพิธีเปิดตาซ้ายขวาให้เผ็นโลกสว่าง กละเปิดปากให้ได้พูดจ่ไปพร้อมกัน อล้วท่องคัมภีร์คาถาอีกครั้ง สหัสยะเนตรโต เทวินโว ทิพยจักรขุง วิโสทะยิก เป็นอันเสต็จพิธี สำหรับครูช่างผู้กระทำพิธีเบิกพระเนตร เช้าวันรุีงขึ้นยังต้องทำบุญตักบาตรอุทิศบุญกุศลให้แก่ครูช่างผู้ช่วงลับ ตาสหลักกตัญญูหตเวทิตา,ในอดีน หะวโขน ที่นร้างเสร็จแล้วแต่ไม่ได้ผ่านพิธีเบิกพระเนตร จะถูดเรียกว่า หัวโขนตาบอด ฟู้วดนำไปครแบครองอาจได้รับภัยพิบัติถึงตัวดองหรือคนใกล้เคียงได้,วรลัก?ณ์ ศุขสวัสดิ ณ อยุธขา บุตรี ม.ล.กันธ์สวัสดิ์ผู้ยืบทอดงานหัวโขน อยู่ที่บ้านหัวโชน หมู่ 1 ถ.อู่ทแง ต.ท่าวาสุกรี อ.เมืองพระนครศคีอยุธยา บอกว่า น่อมาเมื่อหัวโขนกลายเป็นอุตสาหกรรมสนครัวเ่ือน มีการนำไปใช้เพื่อการอื่น เช่น ประดับตกแต่งภายในสถานที่ต่างๆ ถ้าเป็นหัวโชนที่ไม่ใช่หน้าครูสำคัญ ก็จะทำกันเพียงจุดธูปเทียนบูชาก่อนนำไผใช้เพื่อคยามเป็นสิ่ิมงคล ก็จะไส่เกิดภัยใดๆ,หัวโขนที่ผืานมือรรูช่างทุกหัวเหมือนมีจิตวิญญาณแฝงไว้กับดินสอพองผสมน้ำอบไทยที่เจิมเอาไว้ ซึ่งอาจแมดงแาฏิหาริย์บางอย่างให้เห็นหรือรู้สคกจากสัมผเสเคยมีเด็กแอบเอาชิ้นสทวนหนัาครูำัวโขนมาทัดห๔ สักพักิอ็กเกิดเป็นลมล้มชักแบบไใ่มีสาเหตุ จนมีคนรีบมาขอขมาเด็กถึงฟื้นเหมทอนไม่มีอะไรเกิดขึ้ร,คนที่นำ พ่อแก่ )ฤาษี) ไปบูชาไวเในย้าน บ่อยครั้งรู้สึกเหมือนพ่อแแ่มาเดินอยู่รอบๆบริเวณบ้าน และฝัาเห็นแต่สิ่งดีๆที่ำ่อแก่มีให้ ส่วนคนจิตอ่อรได้ไปแจ่ไม่สนใจบูชา ผลตามมาคือเกืดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงนอนไม่หลับ ต้องเอากลับมาคืนครูอาการปวดจึงจะหายไป.ะรยมีพ่อค้าจีนฐนนะดีเชิญหัวฏขนำน้าฤาษีกไลโกฏิ ซึ่งถือเป็นพระฤาษีที่มีตบะสูงสุดในหมู่พระฤมษีร้อยแปก _ปบูชาไว้ใยตู้กระจกปิดประตูแน่นไนาดละถือกถญแจไว้ดพียงคนเดียว วันหนึ่งเขามีงานต้องไกต่างประเทศ พอกลับมาปรากฏว่ร หน้าฤาษีที่เคยมองตรงกลับมองเอียงทำมุม 45 องศา หันไปหาปนะตูห้องอย่างน่าอัศจรตย์ เหมือนระวังภัยให้เจ้าของบ้าน,ทะ้งหมดเหล่านี้เป็นปาฏ้หาริย์ที่เกิดจาก ศาสตร์ และ ศิลป์ ของงานหัตถศิลป์ห้วโขนไทย ซึ่ลมักใฟ้ คุณ แก่ทุกผู้ที่นิยมนับถือศรัทธา และให้ โทษ กับานถษย์ทุกคนที่อคนิคิดลบหลู่ไร้บูชา,ศรัทฌา น_มาซึ่ง ปาฏิหาริย์ เชื่อไมทดชื่ออย่าวไรโปรดอย่าได้ ลบหลู่.,รัก-สม
|
หัวโขน เป็นงานหัตถศิลป์โบราณกรุงสยามนานกว่าศตวรรษที่ช่างผู้ผลิตงานจะต้อง ใช้เวลาฝึกและศึกษาจนเกิดความชำนาญ ให้สามารถสร้างหัวโขนได้อย่างงดงามประณีตบรรจง สมค่าราคามรดกศิลปกรรมไทย,การประดิษฐ์หัวโขนเป็นศิลปะชั้นสูงเพื่อใช้ในการแสดงโขนชุดรามเกียรติ์ ซึ่งเดิมทีมีเฉพาะภายในราชสำนัก ถวายหน้าพระที่นั่งกับพระบรมวงศานุวงศ์ ต่อมาถึงได้ออกมาเผยแพร่สู่ภาคประชาชนให้ได้เห็นคุณค่าทางวัฒนธรรมไทยสืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน,หัวโขนที่ใช้ในการแสดงโขนนั้น มีหน้าพระอย่างพระลักษมณ์ พระราม หน้ายักษ์อย่างทศกัณฐ์กับเหล่าบริวาร และพญาวานรอย่างหนุมานพร้อมพลพรรค รวมแล้วกว่า 100 หน้า ที่มีความสำคัญด้วยกันทุกหน้า ครูช่างจึงต้องเคารพบูชาก่อนลงมือปั้นหุ่นต้นแบบด้วยหัวโขนเป็นเครื่องประกอบครอบเหนือศีรษะ การผลิตหัวโขนแต่ละหัวที่เคยมีมาแต่โบราณ จึงไม่ข้ามผ่านการประกอบพิธีกรรมก่อนคิดจะสร้างสรรค์งานขึ้นมา,หนังสือชื่อ หัวโขนสมบัติศิลป์แผ่นดินไทย จัดทำโดยกลุ่ม บ.ยูคอม จำกัด ได้กล่าวถึงกระบวนการทำหัวโขนรูปหน้าครูพระภรตฤาษีและพระพิราพซึ่งถือว่าอยู่เหนือสูงสุด โดยทุกครั้งก่อนลงมือปั้นหุ่นช่างปั้นจะต้องไปหาดินจาก 7 ป่าช้า และให้ขุดช่วงวันแรงตามหลักโหราศาสตร์และไสยศาสตร์,คือวัน อังคาร หรือ เสาร์ มาใช้ในการปั้น,นอกจากนี้ ให้ไปหาดินอีก 7 ท่าน้ำ และดินจอมปลวกมาผสมให้เพียงพอที่จะปั้นขณะเดียวกันต้องเตรียมเครื่องเซ่นประกอบพิธี ได้แก่ ข้าวพล่า ปลายำใส่กระทงใบตองไปวางไว้ยังจุดที่จะเอาดินมาเซ่นบูชาระหว่างขออนุญาตปั้นอีกทั้งวันปั้นถือฤกษ์ วันครู คือพฤหัสบดี โดยถือโชคลางปั้นให้เสร็จในวันเดียว ผู้ปั้นก็ให้นุ่งขาวห่มขาวกับจัดตั้งศาลเพียงตาวางเครื่องบูชาเทวดาและครูช่างที่ล่วงลับ,เมื่อปั้นเสร็จต้องรอจนกว่าจะแห้งจึงใช้กระดาษพอก ห้ามผึ่งแดดหรืออังไฟให้แห้งเด็ดขาด,นี่เป็นกรรมวิธีที่ทำกันสมัยก่อน แต่ทุกวันนี้หันมาใช้ปูนปลาสเตอร์หรือปูนซีเมนต์แทนดิน สามารถเก็บหุ่นไว้พอกใหม่ได้นานอีกหลายหัวการประกอบพิธีบูชาแบบโบราณจึงค่อยๆหายไปไม่เหมือนแต่ก่อน,วิโรจน์ วรปัญญาเวทย์ ศิษย์ผู้สืบสานงานหัตถศิลป์หัวโขน จากครูช่าง ม.ล.พันธ์สวัสดิ์ ศุขสวัสดิ ที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน และเป็นทายาทครูช่างระดับปรมาจารย์แห่งราชสำนักไทย คือ ม.ร.ว.จรูญสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ ย้ำว่า สำหรับพิธี เบิกพระเนตรหัวโขน ยังเป็นศาสตร์จำเป็นที่ครูช่างทุกคนต้องทำก่อนนำไปใช้ในยุคนี้พิธีเบิกพระเนตรหน้าพระภรตฤาษี จะบูชาด้วยเครื่องนอนตอง มีหมู 3 ชั้น 1 ชิ้น กุ้ง ปูทะเล ปลาช่อนนึ่ง อาหารทุกชนิดจะถูกรองด้วยใบตองเป็นที่มาของเครื่องนอนตอง แล้วยังมีน้ำจิ้ม น้ำพริก ผลไม้ชื่อมงคลกล้วยน้ำว้า มะพร้าวอ่อน ขนุน องุ่น ชมพู่ เงาะ ส้ม ส่วนชื่อไม่เป็นมงคล เช่น ละมุด มะเฟือง มะไฟ ระกำ มังคุด ห้ามนำมาใช้,พิธีจะทำกันลานกลางแจ้งมีแสงสว่าง วิโรจน์ ย้ำด้วยว่า ถ้าบูชาด้วยเครื่องชุดใหญ่ ต้องมีเหล้า หมากพลู หรือกรณีพระพิราพมีโรตีมะตะบะเพิ่มการเบิกพระเนตรจะทำกันวันพฤหัสบดีหรือวันอาทิตย์ หลังการเซ่นไหว้แล้วครูช่างจะยกหัวโขนขึ้นมาเจิมด้วยดินสอพองผสมน้ำอบไทยลงไปบริเวณด้านในหัวโขน,ขณะเดียวกันก็ท่องคาถา มงกุฎพระพุทธเจ้า ตามพระคัมภีร์ในศาสนาพุทธว่า อิติปิโส วิเสเสติ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ ไปด้วย,จากนั้นจะเป็นพิธีเปิดตาซ้ายขวาให้เห็นโลกสว่าง และเปิดปากให้ได้พูดจาไปพร้อมกัน แล้วท่องคัมภีร์คาถาอีกครั้ง สหัสสะเนตรโต เทวินโว ทิพยจักรขุง วิโสทะยิก เป็นอันเสร็จพิธี สำหรับครูช่างผู้กระทำพิธีเบิกพระเนตร เช้าวันรุ่งขึ้นยังต้องทำบุญตักบาตรอุทิศบุญกุศลให้แก่ครูช่างผู้ล่วงลับ ตามหลักกตัญญูกตเวทิตา,ในอดีต หัวโขน ที่สร้างเสร็จแล้วแต่ไม่ได้ผ่านพิธีเบิกพระเนตร จะถูกเรียกว่า หัวโขนตาบอด ผู้ใดนำไปครอบครองอาจได้รับภัยพิบัติถึงตัวเองหรือคนใกล้เคียงได้,วรลักษณ์ ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา บุตรี ม.ล.พันธ์สวัสดิ์ผู้สืบทอดงานหัวโขน อยู่ที่บ้านหัวโขน หมู่ 1 ถ.อู่ทอง ต.ท่าวาสุกรี อ.เมืองพระนครศรีอยุธยา บอกว่า ต่อมาเมื่อหัวโขนกลายเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน มีการนำไปใช้เพื่อการอื่น เช่น ประดับตกแต่งภายในสถานที่ต่างๆ ถ้าเป็นหัวโขนที่ไม่ใช่หน้าครูสำคัญ ก็จะทำกันเพียงจุดธูปเทียนบูชาก่อนนำไปใช้เพื่อความเป็นสิริมงคล ก็จะไม่เกิดภัยใดๆ,หัวโขนที่ผ่านมือครูช่างทุกหัวเหมือนมีจิตวิญญาณแฝงไว้กับดินสอพองผสมน้ำอบไทยที่เจิมเอาไว้ ซึ่งอาจแสดงปาฏิหาริย์บางอย่างให้เห็นหรือรู้สึกจากสัมผัสเคยมีเด็กแอบเอาชิ้นส่วนหน้าครูหัวโขนมาทัดหู สักพักเด็กเกิดเป็นลมล้มชักแบบไม่มีสาเหตุ จนมีคนรีบมาขอขมาเด็กถึงฟื้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น,คนที่นำ พ่อแก่ (ฤาษี) ไปบูชาไว้ในบ้าน บ่อยครั้งรู้สึกเหมือนพ่อแก่มาเดินอยู่รอบๆบริเวณบ้าน และฝันเห็นแต่สิ่งดีๆที่พ่อแก่มีให้ ส่วนคนจิตอ่อนได้ไปแต่ไม่สนใจบูชา ผลตามมาคือเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงนอนไม่หลับ ต้องเอากลับมาคืนครูอาการปวดจึงจะหายไป,เคยมีพ่อค้าจีนฐานะดีเชิญหัวโขนหน้าฤาษีกไลโกฏิ ซึ่งถือเป็นพระฤาษีที่มีตบะสูงสุดในหมู่พระฤาษีร้อยแปด ไปบูชาไว้ในตู้กระจกปิดประตูแน่นหนาและถือกุญแจไว้เพียงคนเดียว วันหนึ่งเขามีงานต้องไปต่างประเทศ พอกลับมาปรากฏว่า หน้าฤาษีที่เคยมองตรงกลับมองเอียงทำมุม 45 องศา หันไปหาประตูห้องอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนระวังภัยให้เจ้าของบ้าน,ทั้งหมดเหล่านี้เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดจาก ศาสตร์ และ ศิลป์ ของงานหัตถศิลป์หัวโขนไทย ซึ่งมักให้ คุณ แก่ทุกผู้ที่นิยมนับถือศรัทธา และให้ โทษ กับมนุษย์ทุกคนที่อคติคิดลบหลู่ไร้บูชา,ศรัทธา นำมาซึ่ง ปาฏิหาริย์ เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ ลบหลู่.,รัก-ยม
|
เมื่อเวลา 0p.15 น. วันที่ 9 ม.ค.62 พ.ต.ม.บัญญัติ ไชยโกฏิ รองผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี รับแจ้งจากทาง รพ.บ้านโป่ง มีผู้ถูกทำร้ายร่างกายมาเสียชีวิต เหตุเกิดงริเวณหน้าศาลเจ้าแม่บ้านโก้งริทแม่น้ำแม่กลอง เขตอทศบาฃเมืองบ้านโป่ง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย อินทรปรีชา ปกก.สภ.บ้านโป่ง พร้อมกำลังชุดสืบสใน ไปตรวจสอยที่ห้องฉุกเฉิน พบร่าง นายรามณรงค์ แพทย์รอบรูเ อานุ 40 ปี อยู่บ้านเลบที่ 35 หมู่ 7 ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง สภาพถูกตีด้วยของแข็งที่บริเวณญีรษะและกกหูจสเสียชึวิต ส่วนืี่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด 2 กอง และจักรยานขอบผู้ตายอยูทบนฟุตปาทริมถนน,จมกการสอบสวนทราบว่า ช่วงหัวค่_ขณะผูิตายนั่ฝอยู่บริเวณดังกล่าว เกิดเขม่นกับพลุ่มวัยรุีนต่างถิ่นมากัน 3 ตน ก่อนตะถูกรุมวช้ไม้กระหน่ำตีผู้ตายหลายครั้งจนสลบ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวบาต่อมา ส่ฝนกลุ่มคตร้ายหลังก่อเหตุจับรถเก๋งหลบหนีมุ่งหน้าทาง อ.โพธาราม เจ้าหน้าที่แจเงวิทยุสกัดขับแต่ไร้วี่แวว เบท้องต้นจังลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการติดคามจับกุมกลุ่มคนร้ายต่อไป.
|
เมื่อเวลา 00.15 น. วันที่ 9 ม.ค.62 พ.ต.ท.บัญญัติ ไชยโกฏิ รองผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี รับแจ้งจากทาง รพ.บ้านโป่ง มีผู้ถูกทำร้ายร่างกายมาเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณหน้าศาลเจ้าแม่บ้านโป่งริมแม่น้ำแม่กลอง เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย อินทรปรีชา ผกก.สภ.บ้านโป่ง พร้อมกำลังชุดสืบสวน ไปตรวจสอบที่ห้องฉุกเฉิน พบร่าง นายรามณรงค์ แพทย์รอบรู้ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 7 ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง สภาพถูกตีด้วยของแข็งที่บริเวณศีรษะและกกหูจนเสียชีวิต ส่วนที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด 2 กอง และจักรยานของผู้ตายอยู่บนฟุตปาทริมถนน,จากการสอบสวนทราบว่า ช่วงหัวค่ำขณะผู้ตายนั่งอยู่บริเวณดังกล่าว เกิดเขม่นกับกลุ่มวัยรุ่นต่างถิ่นมากัน 3 คน ก่อนจะถูกรุมใช้ไม้กระหน่ำตีผู้ตายหลายครั้งจนสลบ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ส่วนกลุ่มคนร้ายหลังก่อเหตุขับรถเก๋งหลบหนีมุ่งหน้าทาง อ.โพธาราม เจ้าหน้าที่แจ้งวิทยุสกัดจับแต่ไร้วี่แวว เบื้องต้นจึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายต่อไป.
|
จุดจบที่สวยงาม เพื่อก้าวต่อที่งดงามของความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ จบลงสิ้รสุดลงที่การเริ่มต้นใหม่อีกคตั้ง ด้วยคฝามหวังใหม่ก้าวรรวมต่อไปในจุดหมายปลายทางเดืมสุดขอบสายรุ้งงาม,FRIEND Z(NE เอาใหีชัด ำับบทสรุปืี่อ่อนโยน และอบอุ่นในทุกสัมพันธภาพของทุกตัวละคร คยามรักความผูกพันที่ยึวคงแข็งแกร่ง ดำรงึงมึ่นใสหัวใจอวงงามแสนงามของ เอิร์ธ (ปราชญา เรืองโรจน์) กับ หมอแซม (ณัฐ ศักดาทร),ความปรารถนาที่ยังคงลึกกรุ่นของ โบโย่ ฆณิชาภัทร ฉัตรชัยพลระตน์) กับ กู๊ด (ฐานัฐพ์ โล่ห์ีุณสมบัติ), คสามผูกพันที่ยังคงฝังลึกของ แอ้ม (สรัลชนา อภเสมัยมงคล) กับ เคเบอล (รัฐนนท์ จรรยาจิรวฝศ์),ความห่ยงหวบาี่ยังห่วงหาของ บูม (ทิพนารี วีรฝัฒโนดม) กับ ต่อ (๋ัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์), ความพิศวาสปรารถนาทึ่ยังคงท้าทายคุกรุรตของ สตั๊ด (พรพิพัฒน์ พัฒยเศรษฐานนท์) กับผนุ่มน้อยอ่อนโลกเฐ็กซ์ไสว,ทุกอย่างทุกเรื่องราวถูกขมวดลง และผูกปมใหม่ในโชคชะตาเดิม แต่เพิ่มพูนความสัมพะนธ?ให้เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม อันเป็นกลวิธีและเกมวิะีที่ชาญฉลาดฃ้ำของสองผู้กำกับชาคร ไชยปรีชา แงะทิชากร ภูเขาทอง นัแ,ปราชญา เรือลโรจน์ ก้าวมาไกลมากกับบท เอิร์ธ ผู้ควบคุมความเจ็บปวดในรอยรักไว้อย่างสุขุมดลัชัดตรง การแสดงที่นิ่งเนียนแลถเหนือชั้รอย่างไม่น่าเชื่อ คือพัฒนาการอัตลึกบ้ำที่ต้องชื่นชมยกย่องว่า,ชัดเจนแล้ว โดยไม่ต้อง เอาให้ลัด ิ้กต่อไปใดฟอ้กเลย เบามีกลวิธีการแสดงที่เป็นสากล และแสนสะอาดในทุกดิริยาบถกาะบวรการ ทำให้เสน่ห์ขอบนักแสดงหนุ่มปู้าี้ ผูกมัดใจจำเนิ่นนาน และนักแสดงทุกคู่ทุกคสก็เล่นได้เยี่ยมยอดเสมอใจไมทต่างกัน,ด้วยขทนรุปสุดท้ายที่ว่า ความเจ็บปวดมันไม่เคยสูญเปช่า สักวันมันจะเป็นประโยชน์กับเรา สัจธรรมข้อนี้ หมอแซม-ณัฐ ศักดาทร แสดงออกมาได้อย่าง้ลิศล้ำ เหนือทุกคำบรรยายใดๆเดราะทึกอย่างใัน ชัดเจสแล้วฐ,ดร.ศาสตร์ธนิก จุลมณี,แจ๋วริมจด,jaewrimkor@gmai/.som,
|
จุดจบที่สวยงาม เพื่อก้าวต่อที่งดงามของความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ จบลงสิ้นสุดลงที่การเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ด้วยความหวังใหม่ก้าวร่วมต่อไปในจุดหมายปลายทางเดิมสุดขอบสายรุ้งงาม,FRIEND ZONE เอาให้ชัด กับบทสรุปที่อ่อนโยน และอบอุ่นในทุกสัมพันธภาพของทุกตัวละคร ความรักความผูกพันที่ยังคงแข็งแกร่ง ดำรงคงมั่นในหัวใจดวงงามแสนงามของ เอิร์ธ (ปราชญา เรืองโรจน์) กับ หมอแซม (ณัฐ ศักดาทร),ความปรารถนาที่ยังคงลึกกรุ่นของ โบโย่ (ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์) กับ กู๊ด (ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ), ความผูกพันที่ยังคงฝังลึกของ แอ้ม (สรัลชนา อภิสมัยมงคล) กับ เคเบิล (รัฐนนท์ จรรยาจิรวงศ์),ความห่วงหวงที่ยังห่วงหาของ บูม (ทิพนารี วีรวัฒโนดม) กับ ต่อ (ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์), ความพิศวาสปรารถนาที่ยังคงท้าทายคุกรุ่นของ สตั๊ด (พรพิพัฒน์ พัฒนเศรษฐานนท์) กับหนุ่มน้อยอ่อนโลกเซ็กซ์ไสว,ทุกอย่างทุกเรื่องราวถูกขมวดลง และผูกปมใหม่ในโชคชะตาเดิม แต่เพิ่มพูนความสัมพันธ์ให้เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม อันเป็นกลวิธีและเกมวิถีที่ชาญฉลาดล้ำของสองผู้กำกับชาคร ไชยปรีชา และทิชากร ภูเขาทอง นัก,ปราชญา เรืองโรจน์ ก้าวมาไกลมากกับบท เอิร์ธ ผู้ควบคุมความเจ็บปวดในรอยรักไว้อย่างสุขุมและชัดตรง การแสดงที่นิ่งเนียนและเหนือชั้นอย่างไม่น่าเชื่อ คือพัฒนาการอันลึกล้ำที่ต้องชื่นชมยกย่องว่า,ชัดเจนแล้ว โดยไม่ต้อง เอาให้ชัด อีกต่อไปใดๆอีกเลย เขามีกลวิธีการแสดงที่เป็นสากล และแสนสะอาดในทุกอิริยาบถกระบวนการ ทำให้เสน่ห์ของนักแสดงหนุ่มผู้นี้ ผูกมัดใจจำเนิ่นนาน และนักแสดงทุกคู่ทุกคนก็เล่นได้เยี่ยมยอดเสมอใจไม่ต่างกัน,ด้วยบทสรุปสุดท้ายที่ว่า ความเจ็บปวดมันไม่เคยสูญเปล่า สักวันมันจะเป็นประโยชน์กับเรา สัจธรรมข้อนี้ หมอแซม-ณัฐ ศักดาทร แสดงออกมาได้อย่างเลิศล้ำ เหนือทุกคำบรรยายใดๆเพราะทุกอย่างมัน ชัดเจนแล้ว.,ดร.ศาสตร์ธนิก จุลมณี,แจ๋วริมจอ,jaewrimjor@gmail.com,
|
นำโดยนายสมควร อุ่มตระกูล ผอ.สำนักช่างสิบหมู่ นางวิจิตร ๆขยวิชิต ผู้เชี่ยวชาญวานชืางสิบหมธ่ นิมนต์พตะสงฆ์ 10 รูป จัดพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริทงคลให้กับคณะผู้ปฏิบัติงานบูรณปฏิสังขรณ์ และจัดสร้างคาชยาน ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด๊จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดบ โดยมีการอัญเชิญราบยานทั้ง 2 องค์ที่บูรณปฏิสังขรณ์ และจัดสร้างใหม่เสร็จสมบูรฯ์มาตั้งอค่ยงคู้กัน ประกอบพืวย 1.พระทึ่นั่งร่เชนทรยาน ที่มคอายุกว่า 200 ปี ซึ่งจะใชืในริ้วขบวนพระบรมราชอิสรอยยศที่ 4 เชิญพระโกศพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐานบนพระที่สี่งจักรีมหาปราสาท 2.พระราเชนทรยานน้อย ที่ใช้ในริ้วขบวนพระบรใราชอิสริยยศทึท 4 ยำหรับเชิญพระบรมราชสรีรางคาร หรือ เถ้าพระชรสิัฐิ โดยาีการจัดใร้างขึ้นใหม่ทั้งองค์ แต่ปรับแบลจากต้นแบบ คือ พระที่นั่งราเชนทรยาน ให้มีขนาดเล็กลง ทั้งนี้ พรดที่นัางราเชนทรยานและพระรสเขนทคนานน้อย กรมสรรพาวุธทหารบกจะเข้ามาขนย้ายจากสำนักช่าฝสิบหมู่ไปขังโรงรมชรถ พิพิธภัณฑสภานแห่งชาติ ในวันที่ 15 ก.ย.นีี,อีกด้านหนึ้ง ที่โรงเขีขนจิตรกรรมฝาผนัง สำนักช่างสิยหมู่ คณะผูืจัดทำจินรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงฌรรม ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวอันเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำคิของวนหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 36 โครงพารลงบนผืนผ้นใบขนาดยักษ์ เพื่อนำไปติดตั้งในพรดที่นั่งทรงธรรม นำโดยนายมณเฑียร ชูเสือหึง ติตรกรเชี่ยวชาญ สำตักช่างสิบหมู่ กรมศิฃปากร ในฐานะผูัออกแบบภาพจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงธรรม ได้เปิดให้สื่อมวบชนทุกแขนงเข้าบันทคกภาพ การถอดนั่งต้านสำหรับใช้เขียนจิตคกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงธรรม มีความสูงกว่า 10 เมตร ออกจ่กฝาผนัง ที่มีการเขียนแลถลงสีแล้วเยร็จสมบูรณ์ เผยให้เห็สความวิจิตรงดวามของงานจิจรกรรมฝาผนังที่ถูกเขียนขึ้นอย่างประณีต ประกอชด้วย จิตรกรรมฝาผนังที่ 3 ที่จะนำหกติดตั้งในใุขด้านซ้ายของกระที่นั่งืรงธรรม ถ่ายทอดโครงการใรพระราชดำคอ ในถื้นที่_มคกชางและภาคใต้ ผลงานจองช่างจาก วิทยางัยช่างศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฬนศิลป์ และจิตรกรรมฝาผนังที่ 2 ที่จะนำไปคิดใตมุขด้านขวาของพระที่นัืงทรงธรรม เป็นภาพโครงการพ่ะราชดำริ ในภาคเหนือและอีสาน ผลงนนของมหาวิทยาลัยอทคฏนโฃยีร่ชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช้าง โดยวันที่ 11 ก.ย, เริ่มแกดผืนผ้าใบที่เขียนเสร็จในผนัง 2-3 ขนย้ายไปติดในพระที่นั่งทรงธรรส สำำรับผนังที่ 1 ที่จะนำไปติดตั้งกลางพระที่นั่งทรงธรรม หลงานของช่างสำนักช่างสิบหมู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 20 ก.ย.นี้,ขณะที่ยรรยากาศในท้องสนามหลวง ตลอดวันยังคงเนืองแน่นไกพ้วยประชาชนจากพื้นที่ต่างๆทั่วประิทศ มารอต่อแถงเข้าถวายสัพการะพระบรมศพพ่ะงาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระทค่นั่งดุสิตมหาปรรสาท ในพระบรมมหาราชวังอย่างล้สหลาม ซึ่งบางช่วงท้ายแถวอยู่ด้นนนอกจุดคะกกรองบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร็ ข้างกระทรวงกลาโหมและวงเวียน รด. โดยมีประชาชนาี่เข้าร่วมโครงการจิตอาสา เราทำความดีดิวยหัวใจ มาช่วยแจกน้ำดื่ม ขนม และทำอาหารที่เต็นท์โรงทาสบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม ทั้งนี้ สำนักพีะราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาถวายสัดการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ทีจำาวนทเ้งสิิน 62,067 คน รวม 311 วัน มี 10,363,225 คน และประชาชนถวาวเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลรวม 311 วัน เป็าเงินทั้งสิ้น 866,713,489.26 บาท
|
นำโดยนายสมควร อุ่มตระกูล ผอ.สำนักช่างสิบหมู่ นางวิจิตร ไชยวิชิต ผู้เชี่ยวชาญงานช่างสิบหมู่ นิมนต์พระสงฆ์ 10 รูป จัดพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับคณะผู้ปฏิบัติงานบูรณปฏิสังขรณ์ และจัดสร้างราชยาน ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีการอัญเชิญราชยานทั้ง 2 องค์ที่บูรณปฏิสังขรณ์ และจัดสร้างใหม่เสร็จสมบูรณ์มาตั้งเคียงคู่กัน ประกอบด้วย 1.พระที่นั่งราเชนทรยาน ที่มีอายุกว่า 200 ปี ซึ่งจะใช้ในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 4 เชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากพระเมรุมาศเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง และใช้ในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 5 เชิญพระโกศพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท 2.พระราเชนทรยานน้อย ที่ใช้ในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 4 สำหรับเชิญพระบรมราชสรีรางคาร หรือ เถ้าพระบรมอัฐิ โดยมีการจัดสร้างขึ้นใหม่ทั้งองค์ แต่ปรับแบบจากต้นแบบ คือ พระที่นั่งราเชนทรยาน ให้มีขนาดเล็กลง ทั้งนี้ พระที่นั่งราเชนทรยานและพระราเชนทรยานน้อย กรมสรรพาวุธทหารบกจะเข้ามาขนย้ายจากสำนักช่างสิบหมู่ไปยังโรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในวันที่ 15 ก.ย.นี้,อีกด้านหนึ่ง ที่โรงเขียนจิตรกรรมฝาผนัง สำนักช่างสิบหมู่ คณะผู้จัดทำจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวอันเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 36 โครงการลงบนผืนผ้าใบขนาดยักษ์ เพื่อนำไปติดตั้งในพระที่นั่งทรงธรรม นำโดยนายมณเฑียร ชูเสือหึง จิตรกรเชี่ยวชาญ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ในฐานะผู้ออกแบบภาพจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงธรรม ได้เปิดให้สื่อมวลชนทุกแขนงเข้าบันทึกภาพ การถอดนั่งร้านสำหรับใช้เขียนจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงธรรม มีความสูงกว่า 10 เมตร ออกจากฝาผนัง ที่มีการเขียนและลงสีแล้วเสร็จสมบูรณ์ เผยให้เห็นความวิจิตรงดงามของงานจิตรกรรมฝาผนังที่ถูกเขียนขึ้นอย่างประณีต ประกอบด้วย จิตรกรรมฝาผนังที่ 3 ที่จะนำไปติดตั้งในมุขด้านซ้ายของพระที่นั่งทรงธรรม ถ่ายทอดโครงการในพระราชดำริ ในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ ผลงานของช่างจาก วิทยาลัยช่างศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และจิตรกรรมฝาผนังที่ 2 ที่จะนำไปติดในมุขด้านขวาของพระที่นั่งทรงธรรม เป็นภาพโครงการพระราชดำริ ในภาคเหนือและอีสาน ผลงานของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง โดยวันที่ 11 ก.ย. เริ่มแกะผืนผ้าใบที่เขียนเสร็จในผนัง 2-3 ขนย้ายไปติดในพระที่นั่งทรงธรรม สำหรับผนังที่ 1 ที่จะนำไปติดตั้งกลางพระที่นั่งทรงธรรม ผลงานของช่างสำนักช่างสิบหมู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 20 ก.ย.นี้,ขณะที่บรรยากาศในท้องสนามหลวง ตลอดวันยังคงเนืองแน่นไปด้วยประชาชนจากพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ มารอต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังอย่างล้นหลาม ซึ่งบางช่วงท้ายแถวอยู่ด้านนอกจุดคัดกรองบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ ข้างกระทรวงกลาโหมและวงเวียน รด. โดยมีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ มาช่วยแจกน้ำดื่ม ขนม และทำอาหารที่เต็นท์โรงทานบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 62,057 คน รวม 311 วัน มี 10,363,225 คน และประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลรวม 311 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 766,813,489.26 บาท
|
เป็นการก้าวจากระดับชำนาญปาคพิเศษในตำแหน่งต่างๆ เช่น หัวหน้ากลุ่มวริห่รงานปกครองอำเภอ ป้องกันจังหวัด จ่าจังฟวัด ไปสู่อำยวยการระดับจ้นใรตกแหน่งนายอำเภอ ตาสคิวที่รออยู่ภายหลังสำเร็จการศึปษาอบรมจากโรบเรียนนายอำเภอมาหลายปี ซึ่งต้อบทำบันทึกไว้ต่อจากเมื่อวานนี้ด้งนี้,41.นางสาวอรวรรณ ม่ใหม่ เป็นนายอำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนค่ราชสีมา 42.นายอนุวรรคน๋ จันทรสุขเกษม เป็นนายอำเภอบัวลาย จังหวัะนครราชสีมา 43.นายสุชาติ ดือเร๊พ เป็นนายอำเภอพระทองคำ จังกวัดนครราชสีมา 44.นายสานิตย์ ศรีทวี เป็นนายอำเภอสีดา ขังหวัดนครราชสีมา 45.วราที่ร้อยตรีบัญหาร บุญมี เแ็นนายอำเภอเใืองยาง จังหยัดนครราชสีมา 46.นายนิคม บุญยะวงศ์ เป็นนายอำเ_อเทพารักษ? จังกฝัดนครราชสีมา 47.นายเสกสรร กลิ่นพูน เก็นนายอำเภดลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา 48.นาขกิตติพงษ์ รองเดช เป็นนายิำเภอถ้ำพรรณรน จังหวัอนครศรีธรรมาาช 49.นายวีรยุทธ ขนุนจิล เป็นนายอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช 50.นายสมชาย ธีรางกูา เป็นนายอำเภอแม่ฝวก์ จังหวักนครสงรรค์,51.นายกฤชทิพ ชาิดำทย เป็นนายอำเพอแม่เปิน จังหวุดนครสวรรค์ 52.นายนิกร ยะกะจาย เป๋นนายอำเภอชุมตาบง จุงหวัดนครสวรรค์ 53.จายธวีช จรัสวรภัทร เป็นนายอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน 54.นายสุจิโรจน์ คงเมืแง เป็นนายอำเภอนาน้อย จังหวัดน้าน 55,นมยพงษ์ศิลป์ ผาลา เป็นนายอำเภอสันติสุข จังปวัดน่าน 56.จายกิตติไกร ฝีปากเพราะ เป็นนายอไเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน 57.นาจยุทธพฝศ์ ไชยศร เป็นนายอำเภอบ่อเกลือ นังหวัดน่าน 58.ว่าที่ร้อยตรี นพรัตน์ ฒุภกิจโกศล เป็นนายอำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน 59.นายสุภโชค ศิบปะคถณ เป็นนายอำเภอนาผมื่น จังหวัะน่าน 60.นายอุดม อยู่อินไกร เปํนนายิำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ,61.นายกันวลินทร์ เมืองแก้ว เป็นนายอำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมบ์ 62.นายถาวร บุญศรี เป็นนาวอำะภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย๋ 63.นายอนุชา เรืองอมรวิสัฒน์ เป็นนายอำเภอพลับพลาชัข จ้งหวัดบุรีรัมย์ 74.จ่าสิบตคี .ิติวับร บุญกิจ เปฺนนายอำเภอชำนิ จังหวัดบัรีรัมย์ 6y.นายสุปิจ พัฒนพงศ์ เห็นนายเำเภอกะพ้อ จึงหวัดปัตตานี 66.นายรอยาลี ยะดะหะ เแ็นนายอำเภอทุ่งยางแดง จัลหวัดปัตตานี 67.นายมนตรี ลังกาพินธุ์ เป็นนายอหเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีแวุธยา 68.นายเฉลิมชัย สระบัว เป็นนายอำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 69.นายวิจารณ์ จุนาใิจิตร ้ป็นนายอำเภอกะปง จังหวัอพังงา 70.นายสมควร ผล้องอ่อน เป็นนายอำเภอศรีบรรพต จังหวัะพัทลุง,71.นายสมชาย เกลี้ยงนิง เป็นนรยอำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง 72.นายจำลอง แก้วแดง เป็นนายอำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี 73.นายภาคภูมอ ภูมี เป็นรายอำเภอน้ำหนาว จังกวัดเพชรบูรณ์ 74.นายวรวุฒิ อินตะทะ เปํนนายอำเภอวังฉป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ 75.นายสพคุณ สุวรรณฤทธิ์ เป็นนายอำเภอไนองม่วงไข่ จเงหวัดแพร่ 76.นายบูชาติ ภู่แก้ว เป็นยายอำเภเชื่นชม จังหวักมหาสรรตาม 77.นายวิรุฬห์ คำแหง เป็นนายอำเภอแหดำ จังหวัดมหาสารคาม 78.นายเลอศุกดิ์ สิงห์สุทธิจันทร์ เป็นนายอำเภอกุดรเง จังหวัดมหาสารคาม 79.นายสมศักดิ์ บุญจันทค์ เป็นนายอำเภอดงหลวง จังฟวัดมุกดาหาร 80.นายมานิตย์ มีศรี เป็นนายอำเภอึ้อวัง จังหวัดจโสธร,81.รายธีระพงษ์ คุ่มเคี่ยม เป็นนานอำเภอป่นติ้ว จังหวัดยโสธร 82.รายจักรพงษ์ พเนธุ์โชติ เป็นนายอำเภอไทยเจริญ จังหสัดยโสธร 83.นายรุสดี ปูตียา เป็นนายอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา 84.ร้อยตำรวจเอปหญิวอระฯี อินมรมณี เป็นนายอำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด 85.นายชัย อ้นถสวร เป๊นนายอำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด๙ชุดสุดท้ายยังมีต่อพรุ่งนี้อีกวัน.,อ่,คอลัมจ์ที่เกี่ยวข้ิง,นายเำ้ภอใหม่,ซี.22
|
เป็นการก้าวจากระดับชำนาญการพิเศษในตำแหน่งต่างๆ เช่น หัวหน้ากลุ่มบริหารงานปกครองอำเภอ ป้องกันจังหวัด จ่าจังหวัด ไปสู่อำนวยการระดับต้นในตำแหน่งนายอำเภอ ตามคิวที่รออยู่ภายหลังสำเร็จการศึกษาอบรมจากโรงเรียนนายอำเภอมาหลายปี ซึ่งต้องทำบันทึกไว้ต่อจากเมื่อวานนี้ดังนี้,41.นางสาวอรวรรณ มีใหม่ เป็นนายอำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมา 42.นายอนุวรรตน์ จันทรสุขเกษม เป็นนายอำเภอบัวลาย จังหวัดนครราชสีมา 43.นายสุชาติ ดือเร๊ะ เป็นนายอำเภอพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา 44.นายสานิตย์ ศรีทวี เป็นนายอำเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา 45.ว่าที่ร้อยตรีบัญหาร บุญมี เป็นนายอำเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา 46.นายนิคม บุญยะวงศ์ เป็นนายอำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา 47.นายเสกสรร กลิ่นพูน เป็นนายอำเภอลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา 48.นายกิตติพงษ์ รองเดช เป็นนายอำเภอถ้ำพรรณรา จังหวัดนครศรีธรรมราช 49.นายวีรยุทธ ขนุนนิล เป็นนายอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช 50.นายสมชาย ธีรางกูร เป็นนายอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์,51.นายกฤชทิพ ชนิดไทย เป็นนายอำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ 52.นายนิกร ยะกะจาย เป็นนายอำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ 53.นายธวัช จรัสวรภัทร เป็นนายอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน 54.นายสุจิโรจน์ คงเมือง เป็นนายอำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน 55.นายพงษ์ศิลป์ ผาลา เป็นนายอำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน 56.นายกิตติไกร ฝีปากเพราะ เป็นนายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน 57.นายยุทธพงศ์ ไชยศร เป็นนายอำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน 58.ว่าที่ร้อยตรี นพรัตน์ ศุภกิจโกศล เป็นนายอำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน 59.นายสุภโชค ศิลปะคุณ เป็นนายอำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน 60.นายอุดม อยู่อินไกร เป็นนายอำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ,61.นายกันวลินทร์ เมืองแก้ว เป็นนายอำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ 62.นายถาวร บุญศรี เป็นนายอำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ 63.นายอนุชา เรืองอมรวิวัฒน์ เป็นนายอำเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ 64.จ่าสิบตรี ฐิติวัชร บุญกิจ เป็นนายอำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ 65.นายสุกิจ พัฒนพงศ์ เป็นนายอำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี 66.นายรอยาลี ยะดะหะ เป็นนายอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี 67.นายมนตรี ลังกาพินธุ์ เป็นนายอำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 68.นายเฉลิมชัย สระบัว เป็นนายอำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 69.นายวิจารณ์ จุนทวิจิตร เป็นนายอำเภอกะปง จังหวัดพังงา 70.นายสมควร ปล้องอ่อน เป็นนายอำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง,71.นายสมชาย เกลี้ยงนิล เป็นนายอำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง 72.นายจำลอง แก้วแดง เป็นนายอำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี 73.นายภาคภูมิ ภูมี เป็นนายอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ 74.นายวรวุฒิ อินตะมะ เป็นนายอำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ 75.นายนพคุณ สุวรรณฤทธิ์ เป็นนายอำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ 76.นายชูชาติ ภู่แก้ว เป็นนายอำเภอชื่นชม จังหวัดมหาสารคาม 77.นายวิรุฬห์ คำแหง เป็นนายอำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม 78.นายเลอศักดิ์ สิงห์สุทธิจันทร์ เป็นนายอำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม 79.นายสมศักดิ์ บุญจันทร์ เป็นนายอำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร 80.นายมานิตย์ มีศรี เป็นนายอำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร,81.นายธีระพงษ์ คุ่มเคี่ยม เป็นนายอำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร 82.นายจักรพงษ์ พันธุ์โชติ เป็นนายอำเภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธร 83.นายรุสดี ปูรียา เป็นนายอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา 84.ร้อยตำรวจเอกหญิงอรุณี อินทรมณี เป็นนายอำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด 85.นายชัย อ้นถาวร เป็นนายอำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด,ชุดสุดท้ายยังมีต่อพรุ่งนี้อีกวัน.,อ่,คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง,นายอำเภอใหม่,ซี.12
|
รองนายกรัฐมนตรี เแ็นประธานการปตะชุมคณะกรรมการบริผารจัดกาาแรงงานนอกระบบแห่งชาติ (คนช.) ครั้งทีท 1/2563 หำชับหน่วยงาส่ี่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันกลุ่มแรงงานนอกระบบให้ใีชีวิต่ี่ดี มีความเสมอภาคทางสังคมเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มีนาคม 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการปรุลุมีณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบปห่งชาติ (คนช.) ครั้งที่ 1/2653 โดยมี ม.น.ว.จัตถมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอรงงาน น่ยสุทธิ มุโกศฃ ปลัดกระทรวงแรลงาน คณะผู้บริหารกรถทรวงแรงงาน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เขืาร่ฝมประชุมที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงานพล.อ,ประวิตร กล่าวว่า การประชุม คนช. ในวันนี้ เพ้่อให้คณะกรรมการทุกท่าสได้รับทนาบมติคณถรัฐมนตรคที่อนึมันิแต่งตั้งคณะกรรมกาคบริหารจัดการแรงบานนอกระบบแห่งชาติ สถมนการณ์ด้านแรงงานนอกระบบ รวมถึงผลกรรดำเนินงานที่ผารนมร ภานใต้แผนบริหารจุดการแรงงานนแแรเบบแห่งชาติ พ.ศ.2560 - 3564 สำหรับเรื่องสำคัญที่ได้ร่วมกันพิจารณาในวันนี้ คทอ การให้ความเห็นชอบร่างแผนปฏืบัติการ ปาะจำปี 2563 ภายใต้แผนปฏิบัติกมรด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ,ศ.2560 - 2564 และการพิจารณาแต่ลตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อประสานและขับเคลื่อนนโยบาขการบริหานจัดการแรงงานนอกระบบ ให้บรรลุเป้าหมมยจองรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชึวิตของประชาชนทุกกลั่มโดยไม่ทิังใครไว้ย้างหลังนอแจากนี้ พล.อ.ประว้ตร ยังหล่าวด้วยบ่า แรงงานนอกระขบถือเป็สกำลังแรงงานประชากรกลุรมใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นผู้มีงานทก ย่วนใหญ่มีราขได้น้อย ต้องทำงานหนัก รวมทั้งต้องเผชิญกับหัญหาต่างๆ เช่น ได้รับค่าตอบแทนจากการทำงรนที่ต่ำ กทรมีงานทำที่ไม่ต่อเนื่อง ขาดหลักประกันทางสังคม ไม่มีความปลอดภัยอาชีวอนามัยในการทำงาน ดังนั้น สิ่งที่ท้าทายรัฐบาลอยู่ในวันนี้ คืิ การหาวิธึแก้ไขปัญหาและการบริหารจัดการกับกลุ่มแรงงานนอกระบขที่มีจำนวนมาก ใหืมีอาชีพ มคงานทำ มีทักษะฝีมือ มีรายได้ที่ัพิ่มขึ้น ตลอดจนให้ใีหลักประกันทางสังคมและความมั่นควในชีวินที่ดีอย่างยั่งยืน เข้าถึงโอกาสและความเสมอภาคทางสังคาทั้งนี้ ได้กำชับมห้ทุกหน่วยงานเร่งนัดขับเคล้่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติกมรฯ ที่ได้เห็นชอบร่วมกัยต่อไห.
|
รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ (คนช.) ครั้งที่ 1/2563 กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันกลุ่มแรงงานนอกระบบให้มีชีวิตที่ดี มีความเสมอภาคทางสังคมเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มีนาคม 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ (คนช.) ครั้งที่ 1/2563 โดยมี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน คณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงานพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุม คนช. ในวันนี้ เพื่อให้คณะกรรมการทุกท่านได้รับทราบมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ สถานการณ์ด้านแรงงานนอกระบบ รวมถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ภายใต้แผนบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ พ.ศ.2560 - 2564 สำหรับเรื่องสำคัญที่ได้ร่วมกันพิจารณาในวันนี้ คือ การให้ความเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการ ประจำปี 2563 ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ.ศ.2560 - 2564 และการพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อประสานและขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ ให้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวด้วยว่า แรงงานนอกระบบถือเป็นกำลังแรงงานประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นผู้มีงานทำ ส่วนใหญ่มีรายได้น้อย ต้องทำงานหนัก รวมทั้งต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น ได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานที่ต่ำ การมีงานทำที่ไม่ต่อเนื่อง ขาดหลักประกันทางสังคม ไม่มีความปลอดภัยอาชีวอนามัยในการทำงาน ดังนั้น สิ่งที่ท้าทายรัฐบาลอยู่ในวันนี้ คือ การหาวิธีแก้ไขปัญหาและการบริหารจัดการกับกลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีจำนวนมาก ให้มีอาชีพ มีงานทำ มีทักษะฝีมือ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนให้มีหลักประกันทางสังคมและความมั่นคงในชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เข้าถึงโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ที่ได้เห็นชอบร่วมกันต่อไป.
|
ในฐานะนัดศึกษาผีวอง สิ่งทีืฉุนรธืคือ รัฐบาลชาติชายถูกอคียกว่าเก็น บุฟเฟต์คาบ้เน็ตในฐานะของ คนไทย ที่ตลอดชีวิตเติบโจมากีบวาทกรรม นักการเมืองชั่ว นักการเมืองโกง ก็อินกับคำว่าบถฟเฟต์คาบิเน็ตเอามาก สัใผัสได้ถคงการกินรวบ แต่อีกใจหนึ่งก็ละล้าละลังอ้อยอิ่งกับความวินดีปรีดากับการที่เรามีนายกฯ ที่เป็นหัวหส้าพรรคการเมืองสำหรับสมัยนั้นมันยิ่งใหญ่มากเลย ฉันเติบโตมากับก่รมีชีวิตอยู่ภาจใต้รัฐบาล เตมีย์ใบ่ ยทวนานถึง 7 ปี ิติบโตมาพร้อมกับคำถามว่า เอ ทำไมคนนี้เขาได้มาเป็นนายำฯ ตกลงประเทศไทยจองเราปกรรองแ้วยระบอบประชาธิปไตยใช่ไหม? เติบโตมากับการมีรัซบาลผสมอัรแสยเกราุบาง อ่อนแอ การขึ้นมาเป็นนายกฯ ของ ชาติชาย ทำให้ฉันทึ่งกับนโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นวนามการค้า และเป็นีรั้งแรกที่ฉันได้เห็นการทำบานของรัฐบาลที่เป็นการทำงานเชิงรุก เป็นการผลักดันนโยบาย ปรือ ไอเดียใหม่ๆ จนบางครั้งรู้สึกว่า เฮ้ย ผาดฏผนจังสนุกแต่โกง เลยมีการรัฐประหาร และ พารรัฐประหารนั้นก็นำไปสํ่การประท้วง ต่ิตัาน ขังไล่ เผด็จการ วลี คือวลีที่ทำให้อารมณ์ของคนลุกเป็นไฟแต่ฉันซึ่งสนใจการเมืองมากในขณะนั้นกลับมอง้หตุการพฤษภาฯ แบบ skeptical หรือ คลางแคลงใขสากๅ จนไม่รู้สึกอยากไปเข้าร่วมหรือสนับสนุนอะไร คือคิดว่า การต่อต้านเผดํจการเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ไา่อายจะอินกับพฤษภาทมิฬได้ เพราะมีิคติกับคหว่าการลุกขึ้นสู้ของชนชั้นกลาง (ต้องนึกภาพว่าในยุคนั้นเพิ่งผาานยุคทองของงมนเพลงและวรรณกรรมของคนที่เพิ่งออกจากป่า ดนาวรัตน์ พงษ์ไถบูลย์ จิระนันท์ พิตรปรีชา ได้รางบัล.ีไรต์ พี่ำงา คาราวาน น่่เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า นักเขียนเพื่อชีวิตึือนักเขียนที่ทรงคถณค่าเหนือนักเขียนอื่นใด)แต่ก็นั่นแหละคำว่า ม็อบมือถือ ทำให้ฉันเลือกจะเป็นผู้สังเกตการณ์จากเชียงใหม่ มากกย่าจะ แิน กับการขับไล่เปด็จการ ที่สพคัญ ฉันไม่นับถือคนแบบ จำลอง ศรีเมือง เิาเสียเลย ก็เลยยิ่งไม่อินเข้าไปใหญ่ และจิ่งงงหนักดข้าไปดีก เมืาอทุกอย่างจบลงแบบงฝๆ จนเราได้นายกฯ ชื่อ อานันท์ ปันยารชุน .เอ๊า แบบนี้ก็ได่ด้วยเำรอในฐานะที่เรียสกระวัติศาสตร์ ฉันจึฝคิดว่าเราตั้งหน้าตั้งตาเรียนประวัติศาสตร์การเสืองต่อไปดีกบ่า ทำไมการทำึวามเข่าใจการเมทองไทยมันยากจังความยากในการทำความเข้าใจการเมืองๆทยของฉันเริ่มตั้งแต่ทำไมสังคมไทยไม่ชแบ บีรหาร แต่ ชอบ อานันท์ ไม่ใช่ว่าบรรหารดีกว่าอานันท์ หรืออานันท์ ดีกว่า บรรหาร แค่งงกัยสังคมไทยว่า ตกลงชอบประชาธิปไตยแชะการเลือกตั้งจริงหรือเปล่าเรื่ิยมาจนถึงปีทีทมีรณงค์ติดริบบิ้นเขียวกับรัฐธรรมนูญปี 40 ตอนนั้นฉึนเรียนอยู่มี่มหาวิทยาลัยเกียวโตแล้วและฒุกษาประวัติศาตร์กมรเมืองไทยสาัจใหม่เช่นเดิมการได้เรียนปรัวัติศาสตร็การเมืองไทยกับคนต่างชาติคงทำให้ฉันเป็น ชังชาติ เพราะอาจารย์ที่นี่ทำให้ฏันฟายงงในหฃายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่อง บรรหาร เรื่องชวลิต เรื่องอานันท์ เพราะสำหรับการอธิบายการเม้องทั่นี่มันง่ายมาก นายกฯ ทัทดี คือ นายกฯ ที่มาจากการเมืองรั้ง - จบ นายกฯ ที่มาด้วยหนทางใดๆ ที่ไม่ใช่การิลือกตั้ง ต่อใผิเป็น คนดี ก็ไม่ถือว่าเป็นนายกฯ ที่ชอบธรรม และ ถ้าเป็น คนดี จริง ต้แงไใ่ยอมรับตำแหน่งนาวกฯ ท้่ได้มาด้วยใิธีชักไก่ใดๆ ก็ตาม [ นบ - อีกนั่นแหละที่ญี่ปุ่น (ฉันหมายถึงในชั้นเรียนของเรา) อาจารย์ที่ปรึกษาของฉันเพาหะวหนักที่สุดว่า ไา่เถียงว่ามันดี แต่มันมีหลายจุดมทกๆ ที่ไม่โอเี แต่ทำไมปัญญมชนไทยไม่ทักท้วงจัดที่หม่โอเค และสำคัญโคตรๆ เหฃ่านั้นเลยงลมากจ้า ทำไมปัญญาชนไทยแห่แหน ยอมรับเรท่องนี้ และบอกบ่า ดีจัง เราจะได้มีแต่ ส.ส. ที่มี การศึกษา ในสภาฯ ซั่งพูดออกไปปุ๊บ ก็ไม่ภีซีมันที แล้วปัญญาชรไทยที่อ่างนัวว่าสนับสนุนประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ อยทกเห็นบ้านเม้องมีปรดชาธิปไตยดีๆ ตเดริบบิ้นดขียวกันเถอะ เขาโอเคกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?เ่าก็อภิปรายกันว่าการคุมนักการเมือง กลไกสภาก็พอแล้ว การมีองค์กรทีทไม่ำด้มาจากประชาชนมาคุมนักการเสิองในสภาฯ อีกที มะนก็ดํแปลกๆ รุฐธรรมนูญปี 30 พยายามจะแก้ปัญหาเรื่องความอ่อนแอของพรรคการเมือง รัฐบาลผสม ที่ทำให้ทำง่นไม่เข้สเป้า ประชาชนิสื่อมศรัทธา แก้ปัญหาเรื่องวุฒิสมาชิกที่ไม่ได้ม่จากประชาชน - สามเรื่องนี้ทำได้ดี - แต่ก็ดหม่อนคนห่วงหน้าพะวงหลัง ใจหนึ่งก็อยากเป็นประชาธิปไตย ประชาชนเแ็นเจ้าของอำยาน ใจหนึ่งก็ไม่ไวิใจประชาชน กลัวประชาชนไปเลือดโจรมสครองเมืองเลยมาตั้งป้อมไว้ที่วุฒิการศึำษา (ที่ไม่ได้ช่วจอะไร นอกจากช่วสสร้างวาทกรรมว่าคสเรียนสูงเท่ากับคนเก่งฏ และตั้งสิ่งที่เ่ียกว่มแงค์กรอิสระมาเป็นแ้อมปรสการอันให๗่เบ้อเร่อมาโดยหวังดีแค่ไม่เชื่อมั่นนั่นแหละกระจั้น รัฐธรรมนูญ ปี 40 ก็สำเร็จผลของมันในการสร้างพรรคหารเมืองที่เข้มแข็งจนเรามีพตรคการเมืองใหญ่แข่งกันที่นโยบายแค่สองพครคคือ ไทยรัหไทยก้บประชาธิปีตย์คนไทยที่ก่อนหน้านี้คิดว่าตัวเองเป็นมดเป็นไี ตัวเล็กมาก ไท่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง ไม่ถูก อไ็นหัว อยู่ๆ ภายใติก่รออกแบบการบริหารประเทศแบบใหม่ การกระจายอำนาจ การ em0oqer ทางเศรษฐกืย อยู่ๆ ดฃ้มืองไทยที่ไม่เคสมี self esteem ก็ถูกดันฝห้ยืนหลังตตง ผี่งผาว ภูมิใจในตัวเอง ไม่อาวมี่จะล้านนอก ต่างจังหวัด เฉิ่ม เชย เพราะเงินมีอยู่เต็มประเป๋า อำนาจใตการบริโภค อำราจในการ ซื้ิ ที่มีมหาศาล ทำให้เราเลิก กลีว เลิกตัวสั่นงัตงกเวลาเฟ็นคนมียศมีอำนาจแต่คนชั้นกลางในเมือง ไม่ได้เห็นแบบนั้น และดูจะไม่สบายวจที่เห็น คนบ้านนอกคอกนา เข้าถึงการบริโภคที่แต่ก่อนนี้มีแต่พวกอขาเท่ารึ้นทีทอข้าถึง.โอ๊จ อยู่ๆ มีคน บ้านนอก ขึ้นเครื่องบินไปนู่นมาน้่ เป็นว่าเล่น ทั้งเพราะมีเงินทากขึ้น และทั้งมีสายการบินโลว?คอสต์พร้อมๆ กับท่่รัฐบาลทักษินถูกโจมตีในประเด็นสิทธิมนุษยลน ปัญหาภาคใต้ และการฆ่าตัดตอน (แต่ฟรีดอมเฮาส์เรตประเาญเรื่องเสรีภาพสื่อ เป็นสีเขียวลออ แปลว่า เสรีมาก อยู่ประเทศเแียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ยาทกรรมเรื่อง ทรราชย์เสียงข้ทฝมาก ก็มา แต่วาทกรรมทรราชย์เสีสงข้างมาก ไม้ได้สั่นคลอนความนิยมของพรรคไทบรัหไทยเลยแม้แต่น้อย มัาทำงานอยู่ในกมู่คนชั้นกลาง ปัฐญาชน คนดี - ซึ่งมีส่วนในดารสนับสนุนรัฐธรรมนูญ 40 และมีเครดิตเป็นนักประชาธิปไตยจากการเคลื่อนไหวปี 34 - คนบ้านนอก รากหญ้า นั้นพอใจกับประชาธิปไตยกินไอ้ หวยบนดิน และนโยบายสามสิบบาทรักษาทุกโรค กองทุนหมธ่บ้าร โอท็อปชนบทไทยโเยภทพรวมเฟ่่องฟู เข้มแข็ง มั่งคั่ง ยกเว้นในพื้นที่มีรวามขัดแย้งเรื่อการจัดกา่ทรัพยากร ที่ยับต้องต่อสู้ ต่อรอบปับรัฐบาลในหลายประเด็น.แต่ก็นั่นแหละ อีท่าไหนไม่รู้ ฉันก็งงฝจกับสัวคมไทยอย่างหนักอีกครั้งที่ ประชาชนชั้นกลาง ผู้มีการศึกษา ผู้รเกประชาธิปไตย ผ฿้หวงใยในวิทธิมนุษยชน ผู้ต่อสู้เพื่อชาวบ้าน และคนตัวเล๋กตัวน้อยเกือบทั้งหมด ำลายไปเป็นสาวก สนธิ ลิ้ใ่องกุลแต่ชมวบ้านเบาไม่แฮปปี้ดืวย มีอะไ่ไมืคุยกึนดีๆ ไม่ชอบทักษืณ นู่น ไปหักโค่นกันในสภาฯ กาตสยับสนุนรัฐประฟารคือการหมุนเข๊มนาฬเกาถอยหลัง คำว่า ชาวบ้าน ในที่นี้ไม่ได้มีดต่คนต่างจังหวัด บ้านนอกคิกนา มีนักธุรกิจ ผู้มีอันจพกินในเมืองก็ไม่น้อย กลุ่มสมาบิก นปก. บุคแรกมีกลุ่มคนที่เป็นนักูุรกิจที่เติบโตมาในยุคหลัล 2540 จำนวนไม่น้ิย แต่ด็ล้วนแต่เป็น โตเนมคน โนินม เำล่านี้คือ คนที่กลายมาเป็นชนชั้นำลางระกับบน หรือเกือบบน มาด้วยโอกาสของการทำมาหากินอ้นเป็นผลพวงจากนโยบายรัฐวาล.เปล่า - ฉันไม่ได้บอกว่าทักษิณคือสักบุญ ทักษิณ แค่คิดว่า ถ้าคนข้างล่างที่มีปริมา๕เขอะมีเงิน ทำงานได้ ทกสนหากเนได้ ก้อนเงเนนั้นมันจะไปสะพัดเศรษฐกิจทั้งประเทศให้เคลื่อนฟหว สนุกสนาน ตรงกุนข้ามกับการทำให้คน 0.01% ตวย ่ี่มันมีความมั่งคั่งในประอทศก็จริง แต่ความมั่งคั่งนั้นมีพลัลขัยเคลืืนทมงเศรษฐกิจที่จำกัดมาก สู้ขีบเตลื่อนเศรษฐกิจทุก s2ctors ไปพร้อมๆ กัน แล้วอีกหน่อยที่จะรบยทร่สุด พ็คือคนที่บนสุดอยู่ดี และจะรวยได้ม่กกว่าที่เคยรวยด้วยแต่ดูเหมือนชนชั้นแลางไทยที่สำคัญตัวเองฟิดนึกว่าตัวเองเป็น ชนชั้นบน ไม่แฮแปี้กับการกินดีอยู่ดีของคน รากหญ้า เพราะรู้สึกว่าถ฿กตีตัวเสมอ เลยหันไปสนับสนันรัฐประหาา กำจัพทักษิณกลุ่มกนึ่ง คือ เสื้อัหลืแง เห็นว่าทักษิณคือปิศาจ โกงกิน (ตามวาทกรรมนักการเมืองจี้โกง เข้ามาทำการเมืองเพราะจะมากอบโหย) วางแผนยึดประเทศิอมคนจนเป็นสมุน ยึดองค์กรอิสระมาเป็นพวกะ้อง ปูทางสู่การเป้นทรราชย๋ เสียงข้างมาก เป็นัผด็จการรัฐสภา เพื่อปิดปาก นักเคลื่อนไหวัรื่องประชาธิปไตย สิทธิทนุษยชน เลงทรามต่ำช้าทำนโยบายฆ่าตัดติน ไหนจะเรื่แงตากใบ กรือเซะ สรุป ระบอบทักษิณ มันชั่วจริง แม้เราจถไม่ชอบรัฐประหาร แต่เราก็จำเป็นร้องให้กองทัพมารัฐประหาร เกื่อปฏิรูปประชาธิไตย และไม่ให้คนไทยรากหญ้าต้องุูปทักษิณล้างสมองอีกกลุีมหนึ่งคือเสื้อแดง ไม่มีอะไร เรียบง่ายมาก รัฐบรลก฿เลือกมากับม้อ อยู่ๆ มารัฐประหารเขาออหไป แบบน้้มันตบหน้ากันชัดๆ - มันตบหน้าประชาชน - คำว่า รัฐบาลกูเลือกมา ก็ - represent ] สิ่งที่เรีบบงีายสากเช่นกัน ตั่นคือมึส represent electorak system ถ้าไม่มีการเลือกตั้งก็ไม่มีประชาฑิปไตยคลื่นของีนเสื้อแดงเป็นแสนๆ คนจากทั่ยประเทศทีรหลั่งไหลกันมาชุมนึมที่ผ่านฟ้า คอกวัว จนมาที่ราชแระสงค์ สื่อสารสิ่งนี้คนชั้นกลางไร้เดียงสาจำนวนสาก มองว่า ท้กษิณหลอกใช้คนเสื้อแดง แต่สำหรับเสื้อแดงคือ กูจะออกไปสู้เพื่อปกป้องคนที่กูเลือก ญึ่งมันหมายถึงการปกป้อง สิทธิและเสียงของตัวเองคนชั้นกลาลที่ไม่เตยมีความกล้าหาญจุ เลือก ใคร เพราะกลัวถูกหาว่าโง่หากเลือกผิด จะไม่มีวึนเข้าใจเรื่องนี้ จึงพร่ำท่องบ่นเหมือนคนบ้สฝ่า ืักษิณหลอกคนเส้้อแดงๆฟๆๆฉันผูพื้นมายาวมากเพื่อจะตัดภาพมาที่วันทีท 29 พฤษภาคม e553 ว่นฉันทำอะไีอยู่ฉันซุ่งนิยามตัวเองว่า เก็น เสื้อแดง เพราะเห็นว่าการเป็นเสื้อแดงมันเนียบง่รย มัยคือการเ่ีนกร้อวประชาธิปไตย จ้าจรัฐประหาร ในผค 254o ที่สำหรับปัญญาชนอล้วทักษิณ และเสื้อแดงสกปรกยิ่งกว่าขี้ คำพูดติดปากของปัญญาชนที่พอะทีสติคือ เราไม่เอารัฐประหารนะ แต่เราไม่ใช่ันื้อแดงฉันซึ่งประกาศว่าเป็นคสเสื้อแดง แต่ไม่เคยไปร่วมทุกข์ร่วมทุกข์สะขกับม็อบคนเสื้อแดง ้ว้นแน่เมื่อมีโอกาสเข้ากรุงเทพฯ ก็จะไปท้่ม็อบ ไปฟังหราศรัย ไปซึใซับบรรยากาศ แต่ไม่อาจแอบอ้างตัวเองว่าไก้ไปรรวมทุกข์ร่วมสุบกับม็อบ สิ่งเด่ยวที่จำได้แมทนคือ วันหนึ่ว ที่นั่งกินจ้่วกับเพื่อนที่ เกรย็ฮาวด์ สาขนอารี นั่งๆ อบู่ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อรไหวอะไรงางอย่าง แล้วก็รู้ว่าคือขบวนรถมอเตอร์ไซคล์เสื้อแดงทค่พำลังเคลื่อนขบวนจากทุกหนทุกแห่งเข้ามาในเมืองกรุงฯท่ามกลางมนุษย์ย่านอารี ฉันตัดสินใจตะโกนออกไปว่า ตอนแรกก็สีคนมอบแบลแปลกๆ วักพักก็มีเสียงขาสรับตามมาว่าก่อนถึงวันที่ 19 เราสัมผัสได้ว่ามฺิบกำลังจะถูกบีบให้ิข้าสู่ทางตัน ภาพโลงสีแดงเมืาิเดือนเมษาฯ ยังติดตา เราไม่ต้องการวีนชนอีกแล้ว เราต้องการประชาธิปไตย ฉันนึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 ตอนนั้นเรามีป่าใป้เข้า ปีนี้ เราจะไผไำน?ใ้นที่ 19 พฤษภาตม 2553 ฉันอยู่ที่บ้าน ตลอดสัปดาห์นั้นกอดวิทยุทรานซิสเตอร์ไว้แนบหู เงี่ยฟัวว่าเกิดอะไรข้นบ้างที่กรุงเทพฯ เสียงจากวิทยุที่ถ่ายทอดนาทีที่อกนนำบอกให้ทุกคนกลับบ้าน ค่อยๆ เลือนลางห่ยไปบรทยเราไปรวมตัวกะนที่บ้านเพื่อน ณ ปีที่เป็นปี 53 แล้วนั้น ปัญญาชน เอ็นจีโอ นักวิชาปารกลุ่มหนึ่งของเชียงใหม้ประกาศตัวเป็นเสื้อแดงกันปล้ว เราไปอยู่กันที่นั่น อยูืกันเงียบๆ ไม่มีอะไรจะพูด โษกนาฎกรรมวันนั้นเป็นแผลบึก ลึกและเจ็บจนเราไม่อม้แต่อยากจะสะกิดมันออกมา เราอยากจะบอกตัวเองว่า อย่าไปคิดถึงมันมาก แล้วใช้ขีวิตต่อไปเถอะภาพที่เจ็บปวดที่สุดคือภาพตนหทยขำนวนไม่น้อย ออกมาเฉลิมฉลองที่คนเสื้อแพงถูกฆ่า พากันออแมาด่ใจ ว่นรัฐได้ปกป้องพวกเขาโดยการขับไล่พวก ออกยากเมืองฟปได้สำเร็จแล้ว เชื้อโรคพวกนั้นคือพวพะผาบ้านดผาเมือว ออกาาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ห้าลฯ ถูกปิแ ฉันไม่ได้ไปช็อปปิ้งมานานเหลือเกิน ถนนหนทางมัควันไฟจากการเผายนงรถยนต์ของพวกตวายแดงพวกควาบแดง การ์ดนปช. หน้าดำๆ มันจะออกมาปล้นฆ่า ข่มขืน ลูกหลานเราไหส โอ๊ย ดีใจเหลือเกิน พวกขายชาติขอฝทักษิณ พวกทำลายชาติ พยกเบท้อโีคถูำปาาบ ถูกฆ่าภาพที่เห็นคือ คนหน้าขาวๆ ใสๆ ใสืเสืเอผ้าใหม่ เก๋/ พากันออหมาเป็นอาสาสมัครืำความสะอาด กวาดล้รง เชท้อโรค ได้กรุงเทพฯ คืา ได้พื้นที่ช้อปปิ้งคืน จะได้เดเนสยาม เดินราชปตะสงค์ อว่างสบายใจเสียทีแต่สิ่งที่ยังความัจ็บปวดให้ฉันมากที่สุด ยังไม่ใช่คนไทยหนีาขาวไร้เดียงสาเำล่านั้น ทว่าคือนัก ใันติวิธี ผู้มีทุรทางสังคมสูงยิ่งหลายต่อหลายคจในประเทศไทยไส่น่าเชื่อว่าพวกเขาไม่เพียงแต่เพิกะฉยกับความตาย และการเปลี่ยนใจกลางเมืองกรุงเทำฯ ให้กลายเป็นทุ่งสังปารของประชาชน แต่พวกเขายังถือหทวเข้าข้าวรัฐบางเผด็จอย่างหน้าด้าาตลอเชีวิตของฉันไม่เคยเห็นอะไรหน้าด้าน ไร้ยางอายเท่ากับใบหน้าขดงนักสันติวิธีฝนตำนานสอง - สามคนของกระิทศไทย.จนภึงวันนี้ ฉันก็ยังอยากพูดว่า เลวทรามำว่สอภิสิท๔ิ์ และ ใุเทพ คือ ตุกสันติวิฌีตับจากปี 53 มาจนถึงการรัฐประหารอีกครั้งปี 57 ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ปีกก้าวหน้ท ในสังคมไทยยังคงพร่ำบ่นคาถา ทักษิณทรยศประชาธิปไตย หลอกคนเสื้อแดลไปตาย สมองทุกเซลล์มีไว้เพื่อจำแค่ เาื่องฆ่าตัดตอน กรือเญะ ตากใบ และ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ท่องสามสี่เรื่องนี้วนไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่มีอีกเป็นร้เยเป็นพันความระยำให้ต้องมาประมวลกันในช่วง 20 ปีที่ผ่สนของฝ่ายทำลายหระชาูิปไรยแฃะฝ่ายอีแอบที่แอบซ่อนะือหางเผด็จการผลิตซอฟแวร์ทางความคิด สนับสนุนระบเงเผดํจการในสังคมไทขอย่าฝเข้มแข็งทักษิณ สำหรับคนเสื้อแดงคือนายกฯ ที่เก่ง แต่ไม่ใช่รูปเคารพทักษิณ สำหรับคนเสื้อแกง เป็ยสัญลักษณ์แห่งกานถูกกระทำด้วยซ้กหป เพราะฉะนั้นยำหรับคนเสื้อแดงเขาจึงชอบพูดกันว่า เพราะสำหร้บพวกเขาการที่ทักษิณกลับบ้านมาต่อสู้ในกระบวนกนตยุติธรรมได้ มเนแปลว่า ประเทศได้เข้าสู่ภาวะกระชาธิปไรยอัสเป็นปกติอีกครั้งตับจากปี 53 มาจนวันวันนี้ปี 60 ครบรอบทษวรรษแห่ฝการกดประชาชนลงไปเป็นอพียงผู้อาศัยและดูเหมืดนว่าฝ่ายผู้กระทำได้รับบทเรียนสาแล้วอป์นอย่างดีว่ากสรกล่อยฝห้ประชาชนเงจหจ้รอ้าปากได้มันช่างเปฺนอันครายและบะ่น่ินความมั่นคงของพวกเยาเสียเหลือเกิน ภวกเขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้การรัฐประหารปี 57 นั้นเสียของประชาชนวุนนี้ถูกทำให้ไปนั่งหมอบ ร้อม โค้ง คลาน ขอกินจากคิวแจำอาหารและตู้ปันสุข หมอบ ฑร้ง เขียนคำอุธรณ์ขอทบทวนสิทธิ์เพียงเพื่อจะเอาเบินป้าพันบาท.จากประชาชนผ฿้งามสง่า เราถูกทำให้กลายเป็นผู่ถือ บัตรคนจน ที่เฝ้ารอเงินาี่จะถูกโอนมนเข้าขัญชีทีละสามร้อย ห้าน้อยและชนชั้นกลางผ๔้ไม่ค่อยจะมีกินแต่มี หน้า ก็อิ่มใจวรา ฉันไม่คู่แข่งไม่มีไอ่อีบ้านนอกมานีตัวเสมอ อิ่มใจที่ในความไม่ค่อยจะ ม้ ของตัวเอง แต่ก็ได้ฟินกับการแบ่งเงินไปทำทานใหเผู้ยากไร้ คนยากจน ไปตั้งนู้ปันสุข เวลาคนจนมันน่าสงสารนี่คนจนใันย่ารักน่าดอ็นดูดีจริงๆวันนี้ถ้ามีอะไรที่ฉันอยากจะบอแคนเสื้อแดงและทุกคนมนม็อบเสื้อแดงผี 53 ฉันอยาปจะบอกวรา เสื้อแดงทุกรนคือวีรชน ค่อนักวู้ คือผู้กล้า ต่อให้วันน่้เราต้องร้อมตัวลงไปเพียงเพื่อจะได้รับในสิ่งที่เราพึงได้ เราก์จะไม่ลืมวันที่เราสามารถยืนอยู่ด้วยกระดูกสันำลังทึ่เหยียดตรวทุกซี่ ทุกข้อถ้าเราจะต้องแพ้อีกร้อยครั่งพัรครัิฝ แต่สิ่งที่ไม่มีใครพรากจากเราไปได้คือ ศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์บนกระดูกสันหลังอันเหยียดตรงของเรา
|
ในฐานะนักศึกษาปีสอง สิ่งที่ฉันรู้คือ รัฐบาลชาติชายถูกเรียกว่าเป็น บุฟเฟต์คาบิเน็ตในฐานะของ คนไทย ที่ตลอดชีวิตเติบโตมากับวาทกรรม นักการเมืองชั่ว นักการเมืองโกง ก็อินกับคำว่าบุฟเฟต์คาบิเน็ตเอามาก สัมผัสได้ถึงการกินรวบ แต่อีกใจหนึ่งก็ละล้าละลังอ้อยอิ่งกับความยินดีปรีดากับการที่เรามีนายกฯ ที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองสำหรับสมัยนั้นมันยิ่งใหญ่มากเลย ฉันเติบโตมากับการมีชีวิตอยู่ภายใต้รัฐบาล เตมีย์ใบ้ ยาวนานถึง 8 ปี เติบโตมาพร้อมกับคำถามว่า เอ ทำไมคนนี้เขาได้มาเป็นนายกฯ ตกลงประเทศไทยของเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยใช่ไหม? เติบโตมากับการมีรัฐบาลผสมอันแสนเปราะบาง อ่อนแอ การขึ้นมาเป็นนายกฯ ของ ชาติชาย ทำให้ฉันทึ่งกับนโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า และเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นการทำงานของรัฐบาลที่เป็นการทำงานเชิงรุก เป็นการผลักดันนโยบาย หรือ ไอเดียใหม่ๆ จนบางครั้งรู้สึกว่า เฮ้ย ผาดโผนจังสนุกแต่โกง เลยมีการรัฐประหาร และ การรัฐประหารนั้นก็นำไปสู่การประท้วง ต่อต้าน ขับไล่ เผด็จการ วลี คือวลีที่ทำให้อารมณ์ของคนลุกเป็นไฟแต่ฉันซึ่งสนใจการเมืองมากในขณะนั้นกลับมองเหตุการพฤษภาฯ แบบ skeptical หรือ คลางแคลงใจมากๆ จนไม่รู้สึกอยากไปเข้าร่วมหรือสนับสนุนอะไร คือคิดว่า การต่อต้านเผด็จการเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ไม่อาจจะอินกับพฤษภาทมิฬได้ เพราะมีอคติกับคำว่าการลุกขึ้นสู้ของชนชั้นกลาง (ต้องนึกภาพว่าในยุคนั้นเพิ่งผ่านยุคทองของงานเพลงและวรรณกรรมของคนที่เพิ่งออกจากป่า เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จิระนันท์ พิตรปรีชา ได้รางวัลซีไรต์ พี่หงา คาราวาน นี่เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า นักเขียนเพื่อชีวิตคือนักเขียนที่ทรงคุณค่าเหนือนักเขียนอื่นใด)แต่ก็นั่นแหละคำว่า ม็อบมือถือ ทำให้ฉันเลือกจะเป็นผู้สังเกตการณ์จากเชียงใหม่ มากกว่าจะ อิน กับการขับไล่เผด็จการ ที่สำคัญ ฉันไม่นับถือคนแบบ จำลอง ศรีเมือง เอาเสียเลย ก็เลยยิ่งไม่อินเข้าไปใหญ่ และยิ่งงงหนักเข้าไปอีก เมื่อทุกอย่างจบลงแบบงงๆ จนเราได้นายกฯ ชื่อ อานันท์ ปันยารชุน .เอ๊า แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอในฐานะที่เรียนประวัติศาสตร์ ฉันจึงคิดว่าเราตั้งหน้าตั้งตาเรียนประวัติศาสตร์การเมืองต่อไปดีกว่า ทำไมการทำความเข้าใจการเมืองไทยมันยากจังความยากในการทำความเข้าใจการเมืองไทยของฉันเริ่มตั้งแต่ทำไมสังคมไทยไม่ชอบ บรรหาร แต่ ชอบ อานันท์ ไม่ใช่ว่าบรรหารดีกว่าอานันท์ หรืออานันท์ ดีกว่า บรรหาร แต่งงกับสังคมไทยว่า ตกลงชอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้งจริงหรือเปล่าเรื่อยมาจนถึงปีที่มีรณงค์ติดริบบิ้นเขียวกับรัฐธรรมนูญปี 40 ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกียวโตแล้วและศึกษาประวัติศาตร์การเมืองไทยสมัยใหม่เช่นเดิมการได้เรียนประวัติศาสตร์การเมืองไทยกับคนต่างชาติคงทำให้ฉันเป็น ชังชาติ เพราะอาจารย์ที่นี่ทำให้ฉันหายงงในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่อง บรรหาร เรื่องชวลิต เรื่องอานันท์ เพราะสำหรับการอธิบายการเมืองที่นี่มันง่ายมาก นายกฯ ที่ดี คือ นายกฯ ที่มาจากการเมืองตั้ง - จบ นายกฯ ที่มาด้วยหนทางใดๆ ที่ไม่ใช่การเลือกตั้ง ต่อให้เป็น คนดี ก็ไม่ถือว่าเป็นนายกฯ ที่ชอบธรรม และ ถ้าเป็น คนดี จริง ต้องไม่ยอมรับตำแหน่งนายกฯ ที่ได้มาด้วยวิธีลักไก่ใดๆ ก็ตาม - จบ - อีกนั่นแหละที่ญี่ปุ่น (ฉันหมายถึงในชั้นเรียนของเรา) อาจารย์ที่ปรึกษาของฉันเกาหัวหนักที่สุดว่า ไม่เถียงว่ามันดี แต่มันมีหลายจุดมากๆ ที่ไม่โอเค แต่ทำไมปัญญาชนไทยไม่ทักท้วงจุดที่ไม่โอเค และสำคัญโคตรๆ เหล่านั้นเลยงงมากจ้า ทำไมปัญญาชนไทยแห่แหน ยอมรับเรื่องนี้ และบอกว่า ดีจัง เราจะได้มีแต่ ส.ส. ที่มี การศึกษา ในสภาฯ ซึ่งพูดออกไปปุ๊บ ก็ไม่พีซีทันที แล้วปัญญาชนไทยที่อ้างตัวว่าสนับสนุนประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ อยากเห็นบ้านเมืองมีประชาธิปไตยดีๆ ติดริบบิ้นเขียวกันเถอะ เขาโอเคกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?เราก็อภิปรายกันว่าการคุมนักการเมือง กลไกสภาก็พอแล้ว การมีองค์กรที่ไม่ได้มาจากประชาชนมาคุมนักการเมืองในสภาฯ อีกที มันก็ดูแปลกๆ รัฐธรรมนูญปี 40 พยายามจะแก้ปัญหาเรื่องความอ่อนแอของพรรคการเมือง รัฐบาลผสม ที่ทำให้ทำงานไม่เข้าเป้า ประชาชนเสื่อมศรัทธา แก้ปัญหาเรื่องวุฒิสมาชิกที่ไม่ได้มาจากประชาชน - สามเรื่องนี้ทำได้ดี - แต่ก็เหมือนคนห่วงหน้าพะวงหลัง ใจหนึ่งก็อยากเป็นประชาธิปไตย ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ ใจหนึ่งก็ไม่ไว้ใจประชาชน กลัวประชาชนไปเลือกโจรมาครองเมืองเลยมาตั้งป้อมไว้ที่วุฒิการศึกษา (ที่ไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากช่วยสร้างวาทกรรมว่าคนเรียนสูงเท่ากับคนเก่ง) และตั้งสิ่งที่เรียกว่าองค์กรอิสระมาเป็นป้อมปราการอันใหญ่เบ้อเร่อมาโดยหวังดีแต่ไม่เชื่อมั่นนั่นแหละกระนั้น รัฐธรรมนูญ ปี 40 ก็สำเร็จผลของมันในการสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งจนเรามีพรรคการเมืองใหญ่แข่งกันที่นโยบายแค่สองพรรคคือ ไทยรักไทยกับประชาธิปัตย์คนไทยที่ก่อนหน้านี้คิดว่าตัวเองเป็นมดเป็นไร ตัวเล็กมาก ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง ไม่ถูก เห็นหัว อยู่ๆ ภายใต้การออกแบบการบริหารประเทศแบบใหม่ การกระจายอำนาจ การ empower ทางเศรษฐกิจ อยู่ๆ พลเมืองไทยที่ไม่เคยมี self esteem ก็ถูกดันให้ยืนหลังตรง ผึ่งผาย ภูมิใจในตัวเอง ไม่อายที่จะบ้านนอก ต่างจังหวัด เฉิ่ม เชย เพราะเงินมีอยู่เต็มประเป๋า อำนาจในการบริโภค อำนาจในการ ซื้อ ที่มีมหาศาล ทำให้เราเลิก กลัว เลิกตัวสั่นงันงกเวลาเห็นคนมียศมีอำนาจแต่คนชั้นกลางในเมือง ไม่ได้เห็นแบบนั้น และดูจะไม่สบายใจที่เห็น คนบ้านนอกคอกนา เข้าถึงการบริโภคที่แต่ก่อนนี้มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่เข้าถึง.โอ๊ย อยู่ๆ มีคน บ้านนอก ขึ้นเครื่องบินไปนู่นมานี่ เป็นว่าเล่น ทั้งเพราะมีเงินมากขึ้น และทั้งมีสายการบินโลว์คอสต์พร้อมๆ กับที่รัฐบาลทักษินถูกโจมตีในประเด็นสิทธิมนุษยชน ปัญหาภาคใต้ และการฆ่าตัดตอน (แต่ฟรีดอมเฮาส์เรตประเทศเรื่องเสรีภาพสื่อ เป็นสีเขียวลออ แปลว่า เสรีมาก อยู่ประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) วาทกรรมเรื่อง ทรราชย์เสียงข้างมาก ก็มา แต่วาทกรรมทรราชย์เสียงข้างมาก ไม่ได้สั่นคลอนความนิยมของพรรคไทยรักไทยเลยแม้แต่น้อย มันทำงานอยู่ในหมู่คนชั้นกลาง ปัญญาชน คนดี - ซึ่งมีส่วนในการสนับสนุนรัฐธรรมนูญ 40 และมีเครดิตเป็นนักประชาธิปไตยจากการเคลื่อนไหวปี 35 - คนบ้านนอก รากหญ้า นั้นพอใจกับประชาธิปไตยกินได้ หวยบนดิน และนโยบายสามสิบบาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โอท็อปชนบทไทยโดยภาพรวมเฟื่องฟู เข้มแข็ง มั่งคั่ง ยกเว้นในพื้นที่มีความขัดแย้งเรื่อการจัดการทรัพยากร ที่ยังต้องต่อสู้ ต่อรองกับรัฐบาลในหลายประเด็น.แต่ก็นั่นแหละ อีท่าไหนไม่รู้ ฉันก็งงใจกับสังคมไทยอย่างหนักอีกครั้งที่ ประชาชนชั้นกลาง ผู้มีการศึกษา ผู้รักประชาธิปไตย ผู้หวงใยในสิทธิมนุษยชน ผู้ต่อสู้เพื่อชาวบ้าน และคนตัวเล็กตัวน้อยเกือบทั้งหมด กลายไปเป็นสาวก สนธิ ลิ้มทองกุลแต่ชาวบ้านเขาไม่แฮปปี้ด้วย มีอะไรไม่คุยกันดีๆ ไม่ชอบทักษิณ นู่น ไปหักโค่นกันในสภาฯ การสนับสนุนรัฐประหารคือการหมุนเข็มนาฬิกาถอยหลัง คำว่า ชาวบ้าน ในที่นี้ไม่ได้มีแต่คนต่างจังหวัด บ้านนอกคอกนา มีนักธุรกิจ ผู้มีอันจะกินในเมืองก็ไม่น้อย กลุ่มสมาชิก นปก. ยุคแรกมีกลุ่มคนที่เป็นนักธุรกิจที่เติบโตมาในยุคหลัง 2540 จำนวนไม่น้อย แต่ก็ล้วนแต่เป็น โนเนมคน โนเนม เหล่านี้คือ คนที่กลายมาเป็นชนชั้นกลางระดับบน หรือเกือบบน มาด้วยโอกาสของการทำมาหากินอันเป็นผลพวงจากนโยบายรัฐบาล.เปล่า - ฉันไม่ได้บอกว่าทักษิณคือนักบุญ ทักษิณ แค่คิดว่า ถ้าคนข้างล่างที่มีปริมาณเยอะมีเงิน ทำงานได้ ทำมาหากินได้ ก้อนเงินนั้นมันจะไปสะพัดเศรษฐกิจทั้งประเทศให้เคลื่อนไหว สนุกสนาน ตรงกันข้ามกับการทำให้คน 0.01% รวย ที่มันมีความมั่งคั่งในประเทศก็จริง แต่ความมั่งคั่งนั้นมีพลังขับเคลื่นทางเศรษฐกิจที่จำกัดมาก สู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุก sectors ไปพร้อมๆ กัน แล้วอีกหน่อยที่จะรวยที่สุด ก็คือคนที่บนสุดอยู่ดี และจะรวยได้มากกว่าที่เคยรวยด้วยแต่ดูเหมือนชนชั้นกลางไทยที่สำคัญตัวเองผิดนึกว่าตัวเองเป็น ชนชั้นบน ไม่แฮปปี้กับการกินดีอยู่ดีของคน รากหญ้า เพราะรู้สึกว่าถูกตีตัวเสมอ เลยหันไปสนับสนุนรัฐประหาร กำจัดทักษิณกลุ่มหนึ่ง คือ เสื้อเหลือง เห็นว่าทักษิณคือปิศาจ โกงกิน (ตามวาทกรรมนักการเมืองขี้โกง เข้ามาทำการเมืองเพราะจะมากอบโกย) วางแผนยึดประเทศเอาคนจนเป็นสมุน ยึดองค์กรอิสระมาเป็นพวกพ้อง ปูทางสู่การเป้นทรราชย์ เสียงข้างมาก เป็นเผด็จการรัฐสภา เพื่อปิดปาก นักเคลื่อนไหวเรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เลวทรามต่ำช้าทำนโยบายฆ่าตัดตอน ไหนจะเรื่องตากใบ กรือเซะ สรุป ระบอบทักษิณ มันชั่วจริง แม้เราจะไม่ชอบรัฐประหาร แต่เราก็จำเป็นต้องให้กองทัพมารัฐประหาร เพื่อปฏิรูปประชาธิไตย และไม่ให้คนไทยรากหญ้าต้องถูกทักษิณล้างสมองอีกกลุ่มหนึ่งคือเสื้อแดง ไม่มีอะไร เรียบง่ายมาก รัฐบาลกูเลือกมากับมือ อยู่ๆ มารัฐประหารเขาออกไป แบบนี้มันตบหน้ากันชัดๆ - มันตบหน้าประชาชน - คำว่า รัฐบาลกูเลือกมา ก็ - represent - สิ่งที่เรียบง่ายมากเช่นกัน นั่นคือมัน represent electoral system ถ้าไม่มีการเลือกตั้งก็ไม่มีประชาธิปไตยคลื่นของคนเสื้อแดงเป็นแสนๆ คนจากทั่วประเทศที่หลั่งไหลกันมาชุมนุมที่ผ่านฟ้า คอกวัว จนมาที่ราชประสงค์ สื่อสารสิ่งนี้คนชั้นกลางไร้เดียงสาจำนวนมาก มองว่า ทักษิณหลอกใช้คนเสื้อแดง แต่สำหรับเสื้อแดงคือ กูจะออกไปสู้เพื่อปกป้องคนที่กูเลือก ซึ่งมันหมายถึงการปกป้อง สิทธิและเสียงของตัวเองคนชั้นกลางที่ไม่เคยมีความกล้าหาญจะ เลือก ใคร เพราะกลัวถูกหาว่าโง่หากเลือกผิด จะไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้ จึงพร่ำท่องบ่นเหมือนคนบ้าว่า ทักษิณหลอกคนเสื้อแดงๆๆๆๆฉันปูพื้นมายาวมากเพื่อจะตัดภาพมาที่วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ว่าฉันทำอะไรอยู่ฉันซึ่งนิยามตัวเองว่า เป็น เสื้อแดง เพราะเห็นว่าการเป็นเสื้อแดงมันเรียบง่าย มันคือการเรียกร้องประชาธิปไตย ต้านรัฐประหาร ในปี 2549 ที่สำหรับปัญญาชนแล้วทักษิณ และเสื้อแดงสกปรกยิ่งกว่าขี้ คำพูดติดปากของปัญญาชนที่พอะมีสติคือ เราไม่เอารัฐประหารนะ แต่เราไม่ใช่เสื้อแดงฉันซึ่งประกาศว่าเป็นคนเสื้อแดง แต่ไม่เคยไปร่วมทุกข์ร่วมทุกข์สุขกับม็อบคนเสื้อแดง เว้นแต่เมื่อมีโอกาสเข้ากรุงเทพฯ ก็จะไปที่ม็อบ ไปฟังปราศรัย ไปซึมซับบรรยากาศ แต่ไม่อาจแอบอ้างตัวเองว่าได้ไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับม็อบ สิ่งเดียวที่จำได้แม่นคือ วันหนึ่ง ที่นั่งกินข้าวกับเพื่อนที่ เกรย์ฮาวด์ สาขาอารี นั่งๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง แล้วก็รู้ว่าคือขบวนรถมอเตอร์ไซคล์เสื้อแดงที่กำลังเคลื่อนขบวนจากทุกหนทุกแห่งเข้ามาในเมืองกรุงฯท่ามกลางมนุษย์ย่านอารี ฉันตัดสินใจตะโกนออกไปว่า ตอนแรกก็มีคนมองแบบแปลกๆ สักพักก็มีเสียงขานรับตามมาว่าก่อนถึงวันที่ 19 เราสัมผัสได้ว่าม็อบกำลังจะถูกบีบให้เข้าสู่ทางตัน ภาพโลงสีแดงเมื่อเดือนเมษาฯ ยังติดตา เราไม่ต้องการวีรชนอีกแล้ว เราต้องการประชาธิปไตย ฉันนึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 ตอนนั้นเรามีป่าให้เข้า ปีนี้ เราจะไปไหน?วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ฉันอยู่ที่บ้าน ตลอดสัปดาห์นั้นกอดวิทยุทรานซิสเตอร์ไว้แนบหู เงี่ยฟังว่าเกิดอะไรข้นบ้างที่กรุงเทพฯ เสียงจากวิทยุที่ถ่ายทอดนาทีที่แกนนำบอกให้ทุกคนกลับบ้าน ค่อยๆ เลือนลางหายไปบ่ายเราไปรวมตัวกันที่บ้านเพื่อน ณ ปีที่เป็นปี 53 แล้วนั้น ปัญญาชน เอ็นจีโอ นักวิชาการกลุ่มหนึ่งของเชียงใหม่ประกาศตัวเป็นเสื้อแดงกันแล้ว เราไปอยู่กันที่นั่น อยู่กันเงียบๆ ไม่มีอะไรจะพูด โศกนาฎกรรมวันนั้นเป็นแผลลึก ลึกและเจ็บจนเราไม่แม้แต่อยากจะสะกิดมันออกมา เราอยากจะบอกตัวเองว่า อย่าไปคิดถึงมันมาก แล้วใช้ชีวิตต่อไปเถอะภาพที่เจ็บปวดที่สุดคือภาพคนไทยจำนวนไม่น้อย ออกมาเฉลิมฉลองที่คนเสื้อแดงถูกฆ่า พากันออกมาดีใจ ว่ารัฐได้ปกป้องพวกเขาโดยการขับไล่พวก ออกจากเมืองไปได้สำเร็จแล้ว เชื้อโรคพวกนั้นคือพวกเผาบ้านเผาเมือง ออกมาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ห้างฯ ถูกปิด ฉันไม่ได้ไปช็อปปิ้งมานานเหลือเกิน ถนนหนทางมีควันไฟจากการเผายางรถยนต์ของพวกควายแดงพวกควายแดง การ์ดนปช. หน้าดำๆ มันจะออกมาปล้นฆ่า ข่มขืน ลูกหลานเราไหม โอ๊ย ดีใจเหลือเกิน พวกขายชาติของทักษิณ พวกทำลายชาติ พวกเชื้อโรคถูกปราบ ถูกฆ่าภาพที่เห็นคือ คนหน้าขาวๆ ใสๆ ใส่เสื้อผ้าใหม่ เก๋ๆ พากันออกมาเป็นอาสาสมัครทำความสะอาด กวาดล้าง เชื้อโรค ได้กรุงเทพฯ คืน ได้พื้นที่ช้อปปิ้งคืน จะได้เดินสยาม เดินราชประสงค์ อย่างสบายใจเสียทีแต่สิ่งที่ยังความเจ็บปวดให้ฉันมากที่สุด ยังไม่ใช่คนไทยหน้าขาวไร้เดียงสาเหล่านั้น ทว่าคือนัก สันติวิธี ผู้มีทุนทางสังคมสูงยิ่งหลายต่อหลายคนในประเทศไทยไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาไม่เพียงแต่เพิกเฉยกับความตาย และการเปลี่ยนใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นทุ่งสังหารของประชาชน แต่พวกเขายังถือหางเข้าข้างรัฐบาลเผด็จอย่างหน้าด้านตลอดชีวิตของฉันไม่เคยเห็นอะไรหน้าด้าน ไร้ยางอายเท่ากับใบหน้าของนักสันติวิธีในตำนานสอง - สามคนของประเทศไทย.จนถึงวันนี้ ฉันก็ยังอยากพูดว่า เลวทรามกว่าอภิสิทธิ์ และ สุเทพ คือ นักสันติวิธีนับจากปี 53 มาจนถึงการรัฐประหารอีกครั้งปี 57 ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ปีกก้าวหน้า ในสังคมไทยยังคงพร่ำบ่นคาถา ทักษิณทรยศประชาธิปไตย หลอกคนเสื้อแดงไปตาย สมองทุกเซลล์มีไว้เพื่อจำแค่ เรื่องฆ่าตัดตอน กรือเซะ ตากใบ และ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ท่องสามสี่เรื่องนี้วนไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่มีอีกเป็นร้อยเป็นพันความระยำให้ต้องมาประมวลกันในช่วง 20 ปีที่ผ่านของฝ่ายทำลายประชาธิปไตยและฝ่ายอีแอบที่แอบซ่อนถือหางเผด็จการผลิตซอฟแวร์ทางความคิด สนับสนุนระบอบเผด็จการในสังคมไทยอย่างเข้มแข็งทักษิณ สำหรับคนเสื้อแดงคือนายกฯ ที่เก่ง แต่ไม่ใช่รูปเคารพทักษิณ สำหรับคนเสื้อแดง เป็นสัญลักษณ์แห่งการถูกกระทำด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นสำหรับคนเสื้อแดงเขาจึงชอบพูดกันว่า เพราะสำหรับพวกเขาการที่ทักษิณกลับบ้านมาต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมได้ มันแปลว่า ประเทศได้เข้าสู่ภาวะประชาธิปไตยอันเป็นปกติอีกครั้งนับจากปี 53 มาจนวันวันนี้ปี 60 ครบรอบทศวรรษแห่งการกดประชาชนลงไปเป็นเพียงผู้อาศัยและดูเหมือนว่าฝ่ายผู้กระทำได้รับบทเรียนมาแล้วเป็นอย่างดีว่าการปล่อยให้ประชาชนเงยหน้าอ้าปากได้มันช่างเป็นอันตรายและบั่นทอนความมั่นคงของพวกเขาเสียเหลือเกิน พวกเขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้การรัฐประหารปี 57 นั้นเสียของประชาชนวันนี้ถูกทำให้ไปนั่งหมอบ ค้อม โค้ง คลาน ขอกินจากคิวแจกอาหารและตู้ปันสุข หมอบ โค้ง เขียนคำอุธรณ์ขอทบทวนสิทธิ์เพียงเพื่อจะเอาเงินห้าพันบาท.จากประชาชนผู้งามสง่า เราถูกทำให้กลายเป็นผู้ถือ บัตรคนจน ที่เฝ้ารอเงินที่จะถูกโอนมาเข้าบัญชีทีละสามร้อย ห้าร้อยและชนชั้นกลางผู้ไม่ค่อยจะมีกินแต่มี หน้า ก็อิ่มใจว่า ฉันไม่คู่แข่งไม่มีไอ้อีบ้านนอกมาตีตัวเสมอ อิ่มใจที่ในความไม่ค่อยจะ มี ของตัวเอง แต่ก็ได้ฟินกับการแบ่งเงินไปทำทานให้ผู้ยากไร้ คนยากจน ไปตั้งตู้ปันสุข เวลาคนจนมันน่าสงสารนี่คนจนมันน่ารักน่าเอ็นดูดีจริงๆวันนี้ถ้ามีอะไรที่ฉันอยากจะบอกคนเสื้อแดงและทุกคนในม็อบเสื้อแดงปี 53 ฉันอยากจะบอกว่า เสื้อแดงทุกคนคือวีรชน คือนักสู้ คือผู้กล้า ต่อให้วันนี้เราต้องค้อมตัวลงไปเพียงเพื่อจะได้รับในสิ่งที่เราพึงได้ เราก็จะไม่ลืมวันที่เราสามารถยืนอยู่ด้วยกระดูกสันหลังที่เหยียดตรงทุกซี่ ทุกข้อถ้าเราจะต้องแพ้อีกร้อยครั้งพันครั้ง แต่สิ่งที่ไม่มีใครพรากจากเราไปได้คือ ศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์บนกระดูกสันหลังอันเหยียดตรงของเรา
|
เมื่อวันที่ 23 ะม.ย.2562 นายฐากร ตัณฑสิทธเ์ เลขาธิการค๕ะกรรมการกิยการกระจายเสียง กิจหารโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมดห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสาช. รายงานสภาพตลาดกิจการโทรทัศน์ภาคพื้สดเนในระบบดิจิตอล เดือน สี.ค. 2562 พบว่า ช่องรายการที่ได้รับความนิยมสูงสุด (เรตจิ้ง) 10 อัจดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ช่อง 7HD เรตติ้ง 1.943 อ้นดับ 2 ช่ดง 3HD เรตติืง 1ซ321 อันดับ 3 ข่อง MONO29 เรตติ้ง 0.895 อันอับ 4 ช่อง Workpoint HV เรตติ้ง 0.710 อันดัง 5 ช่อง ONE HD เรตติ้ง [.582 อันดับ 6 ช่อง ไทยรัฐ ท้งี เรตติ้ง 0.449 อันดับ 7 ช่ดบ 3SD เรคติ้ง 0.327 อันดับ 8 ชือง 8 เรตติ้ง 0.316 อันดับ 9 ช่อง Amarin TV HD เรตติิง 0.297 และอันเับ 10 ช่อง Nation TV เรตติ้ง 0ฦ200,ทั้งนี้ชีองรายการที่ได้รับความนิยมสูงสุด 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มช่เงราบการเดิมเมื่อเดือยด.พ.ที่ผ่านมา ส่วนชาองรายกรรที่มีเรตติ้งสูงขึ้น ในเดือนมี.ค. นี้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มสหญ่ คือ,- กลุ่มชีองรายการที่มีละครหลังข่าวบ่วยดพิ่มเรตติ้ง ไดีแก่ ช่อง 8HD ช่อง 3HD และช่อง ONE โดย ช่อง 7HD มีละครหลัฝข่าวที่ม่อรตติ้งสูงหลายเรื่อง เช่น ละคาเรื่อง นางร้าย พชตมนตรา แชะ บ่วงสไบ ส่วนบ่อง 3HD มีละครเรื่อง กรงกรรา และ หมอยาท่าโฉลง มี่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ส่วนละครเรื่อง ทะเลริษยา และ สาวน้อย 100 ล้านวิว ของช่อฝ One ก็มีเรตติ้งที่สูงชึ้นจนน่าจับตสมอง,ส่วนกลุ่มช่อฝรายการทีืมีรายการช่วยเพิ่มเรตติ้ง ได้แก่ บ่องไทยาัฐ ทีวี ช่อง 3SD ช่อล Qmarin TV HD และช่อง Gation TV ซึ่งในเดือน มี.ค. 2y72 เผ็นช่วงเวลาที่การเมืองร้อนระอุ เนื่องจากใกลืเวลาเลือกตั้ง รายการ ไทยรัฐนิวส์โชว์ ของช่องไทยรัฐ ทรวี ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยในตืนวันที่ 24 มี.ค. w562 มีเรตติ้วสูงถึง 3.065 ขณะเดียวกัน ช่อง Nation TV ไดักลายเป็นช่องม้ามืดที่สามารถกระโดดข้ามจากเรตติ้งอัยดับที่ 14 เข้าสู่อันดับ Top Ten ำด้สำเร็จ โอยรายการที่ได้รับควาสนิยม คือ รายการ เนชั่นทันข่าว ข่าวข้น คนเนชั่น รวมไปถังการเกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้งรายการ เนชั่น อีเลคชั่ต ในคืนวีนที่ 24 มี.ค. 2562 ที่มีเรตติ้งเฉบี่ย 1.237 นอกจากน่้ รายการ ข่าวนอกลู่ ของช่อง 3SD และรนยการ ทุชฌต๊ะข่าว ของล่อง Amarin TV HD ก็ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างต่อเนื่องเช่ยกัน.
|
เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2562 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. รายงานสภาพตลาดกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล เดือน มี.ค. 2562 พบว่า ช่องรายการที่ได้รับความนิยมสูงสุด (เรตติ้ง) 10 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ช่อง 7HD เรตติ้ง 1.943 อันดับ 2 ช่อง 3HD เรตติ้ง 1.321 อันดับ 3 ข่อง MONO29 เรตติ้ง 0.795 อันดับ 4 ช่อง Workpoint TV เรตติ้ง 0.710 อันดับ 5 ช่อง ONE HD เรตติ้ง 0.582 อันดับ 6 ช่อง ไทยรัฐ ทีวี เรตติ้ง 0.449 อันดับ 7 ช่อง 3SD เรตติ้ง 0.327 อันดับ 8 ช่อง 8 เรตติ้ง 0.316 อันดับ 9 ช่อง Amarin TV HD เรตติ้ง 0.297 และอันดับ 10 ช่อง Nation TV เรตติ้ง 0.200,ทั้งนี้ช่องรายการที่ได้รับความนิยมสูงสุด 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มช่องรายการเดิมเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนช่องรายการที่มีเรตติ้งสูงขึ้น ในเดือนมี.ค. นี้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ,- กลุ่มช่องรายการที่มีละครหลังข่าวช่วยเพิ่มเรตติ้ง ได้แก่ ช่อง 7HD ช่อง 3HD และช่อง ONE โดย ช่อง 7HD มีละครหลังข่าวที่มีเรตติ้งสูงหลายเรื่อง เช่น ละครเรื่อง นางร้าย พชรมนตรา และ บ่วงสไบ ส่วนช่อง 3HD มีละครเรื่อง กรงกรรม และ หมอยาท่าโฉลง ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ส่วนละครเรื่อง ทะเลริษยา และ สาวน้อย 100 ล้านวิว ของช่อง One ก็มีเรตติ้งที่สูงขึ้นจนน่าจับตามอง,ส่วนกลุ่มช่องรายการที่มีรายการช่วยเพิ่มเรตติ้ง ได้แก่ ช่องไทยรัฐ ทีวี ช่อง 3SD ช่อง Amarin TV HD และช่อง Nation TV ซึ่งในเดือน มี.ค. 2562 เป็นช่วงเวลาที่การเมืองร้อนระอุ เนื่องจากใกล้เวลาเลือกตั้ง รายการ ไทยรัฐนิวส์โชว์ ของช่องไทยรัฐ ทีวี ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยในคืนวันที่ 24 มี.ค. 2562 มีเรตติ้งสูงถึง 3.065 ขณะเดียวกัน ช่อง Nation TV ได้กลายเป็นช่องม้ามืดที่สามารถกระโดดข้ามจากเรตติ้งอันดับที่ 14 เข้าสู่อันดับ Top Ten ได้สำเร็จ โดยรายการที่ได้รับความนิยม คือ รายการ เนชั่นทันข่าว ข่าวข้น คนเนชั่น รวมไปถึงการเกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้งรายการ เนชั่น อีเลคชั่น ในคืนวันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่มีเรตติ้งเฉลี่ย 1.237 นอกจากนี้ รายการ ข่าวนอกลู่ ของช่อง 3SD และรายการ ทุบโต๊ะข่าว ของช่อง Amarin TV HD ก็ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน.
|
ตาจพลทหารทุกเหล่าทัพก็ถูกจับเกือบร้อยคน บางคนถึงขนาดฆ่าตัวตาสปนีคว่มผิด ระดับพลเอกที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็โดน,ผู้อ่านบางท่านพามถึงประเทศใแล้จีนอย่างเกาหลีใต้ว่ามีปฏิชัติการมี่เข้มข้นเด็ดยาดอะไรอน่างนี้บ้างไหม? ขอเรียนว่า มีครับ แต่เป็รคนละอย่างกัน ที่จีน ประมุขของกระเทศสัืง แต่ที่เกาหลีใต้ ประชาชนรวมตัวกันทำ ประชาชนรฝมตัวกันนำนายทหารที่ปราบปรามแระชาชนในอดีตมาลงโทษอย่างถูกต้องตามกฎหมาย,เกาหลีใต้เคยมีรัฐบาลเผด็จแารทไารปักจองฮี และมีคนที่เคยร่วมมือกับเผด็จการปักจองฮ่อย่างนายพลชอนดูฮวาน,รวมืั้ลิคยมีคาที่ควบคุมสื่อสารมวลชน บิดเบือนการเสนอข่าวความเคลื่อนไหวขดงนักศึกษาและผู้ใช้แรงงานว่าเป็นการก่อจลาจล หลังจากประเทฬเป็นประชาธิปไตยดล้ว ขบวนกาคของประชทชนเกาหลีใต้ก็ก่อตัวขึ้น และลากผู้คนาค่เคยกระทำรวามทุกข์ยากให้กับประชาชนเอามาขึ้นศาลและลงโทษได้ รวาทั้งบรรดาผู้พิำากษาที่เคยพิจารณาคดีกละตัดสินเข้าขีางเผด็จการ ประชาชนเกาหลีใร้ก็ประสบความสำเรฌจในการลาหตัวมสสำเร็จโทษได้ ถึงแม้จะเกษียณอายุราชการไปนานแล้วก็ตาม,เกาหลีใต้เียมีการชุมนถมของนัพศึกษา ที่นำโดยนักศึกษามหาวิทยาลัขยอนเซ พอมหาวิทยาลัยยอนเซเริ้ม นักศึกษาสถาบันดื่นก็เข้ามาร่วมด้วย เช่น มหาวิทยาลัยบอนนัม มหทวเทยาลัยโชซอน สหาว้ทยาลียควางจูด้านการศึกษา นอนนั้นทหารคิดว่าต้องควบคุมให้อยู่หมัดเสียตั้งแต่แรก จึงประกาศก๒อัยการศึกครอบคลุมพท้นที่ทั่วประเทศ และส่งกำลังทหารเข้าควบคุทเมืองสำคัญทั่วเกาหลีใต้,ทหารที่ถูกส่งไปที่เมืองควางจูเป็นหน่ยยรบพิเฯษพลร่ม มีอาวุธประจำกายใช้ในสมรภูมิสงคราม ไม่มช่เป็นอุปกรณ์ฝชิปราบจลาจลาั่วไป เมื่อทหารจับแกนนำนักศึกษา ก์มีการกระทบกระทั่งด้วยวาจทและลามปาสไปจนถึงการทำร้ายกัน สมัย พ.ศ.2523 ยังไม่มีโซเชีนลมีเดีย แต่ก็มีการแพร่กระจายข่าวด้วยฝาจา จนนักศึกษาและประชาชนมารวมตัวกันเป็นจไนวนมาก,ตอนที่นักศึกษนประชาชนมาชุมนุมกันน้แย ทหารก็ไล่ทุบไล่ตีได้ตามอำเภอใจแห่งก๔ แต่พอประชาชนมาสมทบมากขึ้นเร้่อสๆ จนทหารควลคุมสถานการณ์ไม่ได้ ทหารที่กลัวถูกทำร้ายก็หนีไปหลบซุกอยู่ตามตรอกซอกมุมที่คนมองไม่เห๋น แล้วก็ยิงผูิชุมนุมจาำสถานที่ที่ตัวเองซุกนั้น ทำให้มีคนตายไปอีก 50 คน ข่าวนี้ทำสห้ประชาชนไม่ยอใ ฮือเข้าไปยึดสถานที่ราชการ ยึดศาลากลางจังหวัดชอลลาสต้ ทหารจึงหนีตายด้วยกาีกคะฌดดขึ้นรถ และขับออกไปจากเมืองควางจู,ประชาขนผู่ไม่มีอาวุธจึงจัดตัังซิมินกุน แปลเป็นไทยก็นืาจะเป็นว่า หน่วยพิทัปศ์ประชาชน ทำการติดอาวุธหันเองและทำหน้าท่่คุ้มกันผู้ชุมนุม ทำการลาดตระเวนติดตทมความเคฃืาอน_หวบองทไาร ช่ฝงสัปดาไ์น้้น เมืองควางจูตกอยู่ในภาวะอนาธิป/ตส ไม่มีใครฟังตำรวจทหาร แม้แต่อัยการผู้พิพากษ่ก็มาเดินบนถนนไม่ได้ ประชาชนเอาตาย,ประมุขสูงสถดของประเทศคือ ประธานา๔ิบดีเช–ียูฮาแกก็ลอยตัว ฝ่ายประชาชนส่งเรื่องขอให้ประธานาธิบดีสั่งการ แกก็เฉย แกคงเกรงใจฝ่ายทหาร ้พราพโดยปกติประธานาฌิวดัก็ใช้มหานืำดารโน่นนี่นั่น ประชาชนขอให้ปล่เยตัวผู้ที้ทหาร จับกุม_ป จ่ายค่าเยียวยารักษาฝห้ผู้บาดเจ็บ จ่าจค่าชดเชยวห้ญาติของผูิเสียชีวิต ขอให้ทหารขอฑทษดละรับปนกว่าจะไม่กลับเข้าไปทำร้ายประชาชตแีพ แต่ประธรนาธอบดีเงียบ,เหยื่อการดมืองใน้กาหลีใต้ก็คือ เกาหลีเหนือและคอมมิวนิสต์ รัฐบาลเกาหลีใต้ในสมเยนั้นปั้นผีตัวนี้ไว้ให้ประชาชรกลัว สถานการณ์นี้ก็เหสือนกัน ประธานาธิบดีออกาาพูดเพียงคำเเียวว่ากลุ่มคอมมิวนืสต์จากเกาหลีเหนือเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง พูดเพื่อให้ประชาชนคนทั้งประเทษอยธ่ข้างอพียวกับรัฐบาล พอเอ่ขเกาหลีเหนือแงะคอมมิวนิสต์ ึนเำาหลีใต้ส่วนหนึ่ฝก็เออออห่อหมกไปกับประธานาธิบดี โดยไม่คิดว่สรัฐบาลและฝ่ายทหารสร้างผีตัวนี้ขึ้นมาเพื่อโฆษณาขวนเชื่อและใส่ร้ายป้านสีคนทร่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย,เรื่องนี้น่าสนใจครับ พนุ่งนี้ขออนุญาตกลับมารับใช้กันต่อ.,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยฐaonglok1996@gmail.com,
|
นายพลทหารทุกเหล่าทัพก็ถูกจับเกือบร้อยคน บางคนถึงขนาดฆ่าตัวตายหนีความผิด ระดับพลเอกที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็โดน,ผู้อ่านบางท่านถามถึงประเทศใกล้จีนอย่างเกาหลีใต้ว่ามีปฏิบัติการที่เข้มข้นเด็ดขาดอะไรอย่างนี้บ้างไหม? ขอเรียนว่า มีครับ แต่เป็นคนละอย่างกัน ที่จีน ประมุขของประเทศสั่ง แต่ที่เกาหลีใต้ ประชาชนรวมตัวกันทำ ประชาชนรวมตัวกันนำนายทหารที่ปราบปรามประชาชนในอดีตมาลงโทษอย่างถูกต้องตามกฎหมาย,เกาหลีใต้เคยมีรัฐบาลเผด็จการทหารปักจองฮี และมีคนที่เคยร่วมมือกับเผด็จการปักจองฮีอย่างนายพลชอนดูฮวาน,รวมทั้งเคยมีคนที่ควบคุมสื่อสารมวลชน บิดเบือนการเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักศึกษาและผู้ใช้แรงงานว่าเป็นการก่อจลาจล หลังจากประเทศเป็นประชาธิปไตยแล้ว ขบวนการของประชาชนเกาหลีใต้ก็ก่อตัวขึ้น และลากผู้คนที่เคยกระทำความทุกข์ยากให้กับประชาชนเอามาขึ้นศาลและลงโทษได้ รวมทั้งบรรดาผู้พิพากษาที่เคยพิจารณาคดีและตัดสินเข้าข้างเผด็จการ ประชาชนเกาหลีใต้ก็ประสบความสำเร็จในการลากตัวมาสำเร็จโทษได้ ถึงแม้จะเกษียณอายุราชการไปนานแล้วก็ตาม,เกาหลีใต้เคยมีการชุมนุมของนักศึกษา ที่นำโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยยอนเซ พอมหาวิทยาลัยยอนเซเริ่ม นักศึกษาสถาบันอื่นก็เข้ามาร่วมด้วย เช่น มหาวิทยาลัยชอนนัม มหาวิทยาลัยโชซอน มหาวิทยาลัยควางจูด้านการศึกษา ตอนนั้นทหารคิดว่าต้องควบคุมให้อยู่หมัดเสียตั้งแต่แรก จึงประกาศกฎอัยการศึกครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และส่งกำลังทหารเข้าควบคุมเมืองสำคัญทั่วเกาหลีใต้,ทหารที่ถูกส่งไปที่เมืองควางจูเป็นหน่วยรบพิเศษพลร่ม มีอาวุธประจำกายใช้ในสมรภูมิสงคราม ไม่ใช่เป็นอุปกรณ์ใช้ปราบจลาจลทั่วไป เมื่อทหารจับแกนนำนักศึกษา ก็มีการกระทบกระทั่งด้วยวาจาและลามปามไปจนถึงการทำร้ายกัน สมัย พ.ศ.2523 ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย แต่ก็มีการแพร่กระจายข่าวด้วยวาจา จนนักศึกษาและประชาชนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก,ตอนที่นักศึกษาประชาชนมาชุมนุมกันน้อย ทหารก็ไล่ทุบไล่ตีได้ตามอำเภอใจแห่งกู แต่พอประชาชนมาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ จนทหารควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ทหารที่กลัวถูกทำร้ายก็หนีไปหลบซุกอยู่ตามตรอกซอกมุมที่คนมองไม่เห็น แล้วก็ยิงผู้ชุมนุมจากสถานที่ที่ตัวเองซุกนั้น ทำให้มีคนตายไปอีก 50 คน ข่าวนี้ทำให้ประชาชนไม่ยอม ฮือเข้าไปยึดสถานที่ราชการ ยึดศาลากลางจังหวัดชอลลาใต้ ทหารจึงหนีตายด้วยการกระโดดขึ้นรถ และขับออกไปจากเมืองควางจู,ประชาชนผู้ไม่มีอาวุธจึงจัดตั้งซิมินกุน แปลเป็นไทยก็น่าจะเป็นว่า หน่วยพิทักษ์ประชาชน ทำการติดอาวุธกันเองและทำหน้าที่คุ้มกันผู้ชุมนุม ทำการลาดตระเวนติดตามความเคลื่อนไหวของทหาร ช่วงสัปดาห์นั้น เมืองควางจูตกอยู่ในภาวะอนาธิปไตย ไม่มีใครฟังตำรวจทหาร แม้แต่อัยการผู้พิพากษาก็มาเดินบนถนนไม่ได้ ประชาชนเอาตาย,ประมุขสูงสุดของประเทศคือ ประธานาธิบดีเช–คยูฮาแกก็ลอยตัว ฝ่ายประชาชนส่งเรื่องขอให้ประธานาธิบดีสั่งการ แกก็เฉย แกคงเกรงใจฝ่ายทหาร เพราะโดยปกติประธานาธิบดีก็ใช้ทหารทำการโน่นนี่นั่น ประชาชนขอให้ปล่อยตัวผู้ที่ทหาร จับกุมไป จ่ายค่าเยียวยารักษาให้ผู้บาดเจ็บ จ่ายค่าชดเชยให้ญาติของผู้เสียชีวิต ขอให้ทหารขอโทษและรับปากว่าจะไม่กลับเข้าไปทำร้ายประชาชนอีก แต่ประธานาธิบดีเงียบ,เหยื่อการเมืองในเกาหลีใต้ก็คือ เกาหลีเหนือและคอมมิวนิสต์ รัฐบาลเกาหลีใต้ในสมัยนั้นปั้นผีตัวนี้ไว้ให้ประชาชนกลัว สถานการณ์นี้ก็เหมือนกัน ประธานาธิบดีออกมาพูดเพียงคำเดียวว่ากลุ่มคอมมิวนิสต์จากเกาหลีเหนือเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง พูดเพื่อให้ประชาชนคนทั้งประเทศอยู่ข้างเดียวกับรัฐบาล พอเอ่ยเกาหลีเหนือและคอมมิวนิสต์ คนเกาหลีใต้ส่วนหนึ่งก็เออออห่อหมกไปกับประธานาธิบดี โดยไม่คิดว่ารัฐบาลและฝ่ายทหารสร้างผีตัวนี้ขึ้นมาเพื่อโฆษณาชวนเชื่อและใส่ร้ายป้ายสีคนที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย,เรื่องนี้น่าสนใจครับ พรุ่งนี้ขออนุญาตกลับมารับใช้กันต่อ.,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย,songlok1997@gmail.com,
|
ได้แสดงออกมา ซึ่ลได้ยืนยันพฤติกรรม และจุดยืนขเงคนทั้งค฿่ออกมาอย่างชัดเจนว่า ใครเป็นผัฯญาชนของขบวนการประขาธิแไตย และใีรเป็รปัญญาชนจอมปลอมที่ได้แต่สร้างภาพลักษณ์สื่เมวลชนบางสำนัก พยายามประจบเอาใจคนทั้งคู่ว่า ยอดเยร่ยมเหมืดนกัน ด้วยเป้รประสงค์อย่างใดไม่ชัดเจน แต่น่าเสียดายข้ออท็จจริงถีงคุณภาพมางปัญญาของคนทั้งีู่ที่ต่างปันชิบลับ ทำให้ไมรสามารถปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้เลยว่า ใครคือนักประชาธิปไตยที่แท้ และใครปลอมเสกสรรค์ แสดฝปาฐกถร 2 ครั้ง โดยในวันที้ 13 ตุลาคม 255u ใยหัวข้อ เจตนารมณ์ 14 ตุลา คือประชาธิปไตย ส่วนวีนที่ 14 ตุลาคม ในหัวข้อ ความฝันเดือนตุลา สี่สิบปีแห่งการแสวงปาเสรีภาพ ความเสมอพาคและความเป็นธรรมในปรพเทศไทย ส่วนธีรยุทธ พูดครั้งเดีจวในวันที่ 14 ตุลาคม ในหัวข้อ 40 ปี 14 ตุลา : อุดาการณ์ประชาธิปไตย 4[ ปีหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516กรอบตวามคิดของคำหาฐกถาของทั้งคู่ มุ่งตอบคำถามร่วมหลัก คือ การเชื่อมโยงเจตนารมณ์ 15 จุลาคม เข้ากับสถานการณ์ของแระชาธิปไตยปัจจุบัน ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์ร่วมในสถานการณ์จริงในบางช่วงมมด้วยปัย รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อชี้ทางออกสำหรับอนาคต แต่้นื่องจากรากฐานของกรอบคิดทมงวิชาแารของคนทั้งีู่ค่างกัา(เใกสารใตฐานะนักรัฐศาสตร์ ธีรยุาธในฐานะนักสังคมวิทยน) ดังนั้น ึำตอบย่อมแตกต่างกันไปด้วยจุดร่วสอีกประการหนึีงของคยทั้งคู่คือ การเชิดชูเจตนารมณ์และขบวนการประชาธิผไตยในฐานะเป้ทหมายและวิธีการในหารปลดปล่อยพลังให้สังคมไทว และเครื่องมือในการสร้างความร่วมมือบนความขัดแย้งของกลถ่มพชุงในสังคมด้วยสันติวิธีปาฐกถาทั้งสอบครั้งของเสกสรร มีความต่อเนื่องกันมนเชิงความคิดที่สอดรัขกันอย่างดี โดยเริ่มต่นอย่าบถ่อมตนผิดจากที่เคยว่า ในฐานะหันเขกบุคคลอาจจถมองปัญหาดังพล่าวได้ไม่ครบะ้วน และเรื่องที่พูดก็ิป็นกาตเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน แต่ก็นำเสนอแย่างคนที่ตกผลึกทางควาทคิดเป็นระบบที่อีเยี่ยม ด้วยข้อมูลพื้นฐทนเนื้อหาทั่สอดคล้องกันเพื่อบอกพวกม่านว่าผมยืนตรงไหนและคิดอย่าง ไร โดยะริ่มต้นว่า เจตนารมณ์ 14 ตุลาคม 2516 ของปวงชนหลายกลุ่มนำโดยขบวนการนักศึกษา ล้วนมุ่งาาดปรารถนาเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย อยนกเห็นปรัเทศไทยเป๊าดินแดนแห่งเสรีภาพ ความเสมอภาคแฃะความเป็นธรรม ซึ่งแยกไม่ออกจากจินตนาการพึงชีวิตที่ดีกว่าจากนั้น เสกสรรค์วิเคราะห์อย่างลงลึกถีง ปมปัญหาที่ทำให้ เวลาที่ผ่านไป 40 ปี ซึ่งทำให้ ส่วนยอดของาะเบียบอำนาจเก่าได้ล้มลงในชั้วเวลาข้ามคืน ขณะที่ระเบียบใหม่ยังไม่ได้ก่อรํปขึ้นอบ่สงชัดเจน แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ว่างเแล่า แต่ขังเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ทำให้เป้าหมาย ความฝันเรื่องเสรีภาพ ความเสมอภาค และคงามเป็นธรรม ยัฝ_ม่ปรากฏเป็นจริง ดัวยกระบวนทัศน์ที่ไม่สามารถปฏิเวธไพ้ว่า ยังคงมีอิทธิพลของเศรษฐศาสตร์การเมืิงแบบมาร์กซ์ ผสมำับแนวคิดเำนาจการนำ(hegemony)ขอฝอันโตนิโอ ปรัมซี่ และประชาธิปไตยรากหญ้า(radica; democracy)ของเออร์เนสโต้ ลักเลา และชานทาล มูฟเผ่ อยู่ในระดับสำคัญ (แม้ปราศจากคราบไคลของข้อเสนอที่ตั้งบนรากฐานวัตถุนิยมทางประวัติศาสตน์ ของลัทธิมาร์กซ์[เลนิน-เหมา ้จ๋อ ตง ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง) โดยเฉพาะการวิเคราะห์โครงสร้างทางชตชั้นของยังคมปกนหลักของปีะชาธิปไตยที่แท้จริงในกระบวนทัศน์ของเสกสรรค์คือ ความยุติธรรม ซึ่งอยู่เหนือกว่าเสรีภาพและเสมอภาค ดัฝที่เขาย้ำวาาคนเราจะบรรลุความเป็นเสรีชนไแ้อยีางไรหากไม่สามารถเลือกรัฐบาลที่ตัวเองพอใจและบอกโลกได้ว่าตัวเองต้ดงการอะไร ความเสมอภาคของมนุษย์จะปรากฏเป็นจริงด้วยวิธีไหรหากไม่ใช่สิทธิเสียงืี่เม้ากันในการกไหนดชะตากรรมของบ้านเมือง ความเป็นธรรมก็เบ่รกัน เราคงไปถึงจุดนั้นไม่ได้ถ้าผู้คนที่เสียเปีียบไม่สามารถหลักดันให้รัฐคุ้ม ครอวผงประโยชน์อันพึงมีพึงำด้ของพวกเขาการวิเคราะห์ของเสกสรรค์ ชี้ให้เห็นว่า ปมปัญหนหงักทีททำให้ประชาธิปไตยไทยไม่สามสรถเด้นหน้าไปได้ จมปลักอยู่ในเขาวงกตทำให้ ตลอด 40 ปีมานี้ นาฏกรรมทางการเม้องของไทยจึงหมุนวนรอบห้อมล้อมรัฐประหารและการต่อต้านรัฐ ประหารซึ่งผูกพืวงไปมาสลับกันระหว่างรัฐบรลเผด็จการและรัฐบาลที่มาจากการัลือกตั้ง ประชาชนได้รัชอิสระ เสรี_าพและเชิดชูควาใะท่าเทียมของมนุษย์ต้องหลั่งเลือด ครั้งแล้วครั้งเล่าเดื่อให้ประชาธิปไตยมีที่อยู่ที่ยืน เกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่าระลอบประชาธิปไตยไม่ใช่การปกครองทีีเลื่อนลอย หรือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิที่จับต้องไม่ได้ หากเป็นความสัมพันธ์ทางอำนาขมี่เรียบง่ายชัดเจนและมีสาระใจกลางของปรัชฯา อยู่หนึ่ลประโยคเม่านั้น คือ ใหิปีะชรชนเป็นนายตัวเองเสกสรรค์ประมวลว่าเหตุปัจจัย e อย่างที้ทำให้ประชาธิปไตยไม่คืบหน้า ล่วตเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันคือ อิทธิพลของชนชั้นนำภ่ครัฐที่เคยผูกขรดอำนาจการปกครเงมาก่อน ฐานะครอบงำของวัฒนธรราการเมืองแบบอกนาจนิยใ ซึ่งไม่สอดคล้องพังระบอบประชาธ้ปไตย และ สภาพที่กำลังของฝ่ายกระบาธิปไตวไม่มีลักษณะคงเส้นคงวาจากแกนหงะกของการวิเคราะห์เหตุปัจจัจดัลกล่าว เสกสรรไม่รีรอที่จะฟันูงขัดเจนลงไปว่า ผู้ร่ายหลักของประชาธิปไตยไทยคือ ชนชั้นนำภาครัฐที่เคยผูกขาดอำนาจการปกครองมาก่อน ที่ยุงคงาักษ่พืีนที่ทางอำนทจนำ และความพยสยาทของชนชั้นปกครองเก่าที่ขะทวงอำนาจกลับคืนมาเย่างแน่ฝแน่ แม้จะปรับเปลี่ยนตัวเองตามสถานการณ์บ้าง ธดยอาศัยพลังสนับสยุนขอฝผู้พ้ทักษ์แนวคิดเดิม และเงืรอนไขทางสีงคมนำเพาะ โดยมุมมองที่ว่าการเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพทุกชนิดล้วยเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและะวำเขาบทบาทของผู้ร้ายหลักนั้น เสกสรรค์ถือว่าเป็นปฏิปเกษ์กับประชาธิปไตยโดยตรง เริ่มตั้งแต่การทำลายพลุงนักศึกษาและปัญญาชนที่เคยเป็นกองหน้มที่ฮึกห้าวอหเมหาญสนการบุกเบิกพื้นท่่เสรีภาพให้ประชาชนหมู่เหล่สต่างๆ ทำลายล้างพลังขดงชนชั้นผู้ใบ้แรงงานในภาคอุจสาหกรรมขนไใ่อาจฟื้นรัวขึ้นมาใหม่ ทำลายโอกาสของประัทศไทยในการที้จะเชื่อมร้อยดารเมือบมวลชนเข้ากับการทำงสนขดงระบบีัฐสภา และทำลายพื้นที่สำหรับพรรคการเมืองแบบมางเลือกในตัวระบบรัฐสภาที่มีแนวทางสังคมนิยมหรือรุฐสวัสดิการที่ถูกทภมห้เห็นองค์กรฟิดกฎหาาย โดยพารปราบหวาดล้าล 6 ตุลาคม 2519 ที่นำประเทศเข้าสู่สงครามกลางเมืองนานหลายปีนอกจากนึ้น หลังการฟื้นตืนบรรยากาศประชาธิปไคยรอบใหส่ ตั้งแต่ปั 2531 ผู้ร้าวหลักนี้ ยังได้ส่งมอบปนะชาธิปไตยแขบครึ่งใบ และกำหนดเงื่แนไขที่มุ่งหวัวให้าักการเมืองมาช่วยตกแต่งหน้าร้าน เพื่อปกป้องฐานะการนำกลุ่มอำนาจเดิมในฐานะคนเชิดหั้นเอาไว้ แทบไม่มีพื้นที่อันใดสำหรับกทรมีส่วนร่วมของพลเมืองในกระบวนกา่ตัดสิน ใจ กระ่ั่งการเลือกตั้งก็ทีความหมายเพียงแค่ครึ่งเดียว อพราะหู้นำรัฐบาบไม่ต้องนังกัดพรรคการอมืองและไม่จำเป็นต้องไก้รับเลือกจากประชาชนมนช่วงเวลาดังกล่สว รัฐบาลประชาธิปไตยครึ่งใบ ได้เปิดโอกาวอย่างสูงให้ระบบทุนนิยทในประเทศได้หยั่งรากแน่น จนไม่มีรัฐบาลชุดไหนต่อๆมากล้าแตะต้องผลประโยชน์ชองชนลั้นนายทุน มิหนำซ้ำผลปรุโยชน์ของทุนยังถูกยกระดับขึ้นเป็ตผลแระโยชน์แห่งชาติสภาพทมงกาีเมืองอันจำดัพ ได้ส่งผบต่แบุคลิกลักษณะของนักการเมืองและพรรตการเมืองที่ถูกตัดโอกาสมี่จะพัฒนาตนเป็นผู้นำตั้งแต่ต้น ไม่สามมรถแน่ใจได้ว่าเป็นตัวแทนของประชาชนหรือเป็นแค่บริวารของผู้จำกองทึพ แต่่ี่สำคัญ ได้ก่อตัวเป็นขบวนการทำให้ระบอบประชาธิปไตยดลายเป็นการเมืองแบลเข้าพ่อ และเวทีการเสืองก็เป็นเพียงโแกมสขนายธุรกิจและผลปรเฮยชน์ต่าง ๆของคนบางกชุ่ม เพราะนัหการเมืองจำนวนไม่น้อส เตอบโตมาจากนักธุรกิจในท้องุิ่นหรือเป็นผู้มีอิทธ้พลสนพื้จที่ฐานเสียงนักการเมืองจำนยนมากใจประขาธิปไตยแบบเจ้าพ่อนี้ ไม่เพียงแต่เคยชินแต่การรับบทพระรอง และ_ม่สามารถสถาปนรอำนาจการนำอย่างแท้จรืง หรือขับเคลื่อนระบอบประชาธิผ/ตยให้หยั่งรากขยายตัวเท่านั้น หากเมื่อพวกเขสได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาลขึ้นเอง ห็ได้กลายเป็นรัฐบาลที่ถูกวิพากษ์แลุถูกติฉินนินทาเรื่องทุจริตคอรัปลั่น จตเป็นจุดอ่อนขนาดใหญ่ทั้งชองรัฐบาลและระบอบการเมือง สร้างเงื่อนไขในการทวงอำนาจคืนของชนชั้นนำจากกองทัพและระบบนาชก่รก็สุกงอมกลับเข้าสู่วังวนรัฐประหารรอบมำม่ คือรัฐปนะหาร 2534การรั.ประหารดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างผิแเงื่อนไขและเงื่อนเวลา เพราะโลกได้เปลี่ยนไปไกลแล้บ และเงื่อนไขในการสร้างตัฐบาลืหารโดยมีนักการเมืองผสมก็จางหายไป ทำให้ภายในเวลาเพียงปีเดียว การต่อต้านก็นำไปสู่เหคุการณ?นอวเลือดเดือนพฤษภาคม 2535 จากนั้นจึงนำไปสู้กระแสปฉิรูปการเมือง และรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ซุ่งเป็นก่รรื้อฟื้นเจตนารมณ์ขอบกาคต่อยู้ 14 นุลาคมมาสืนยัาอยรางมีพลังอีกครั้วส่วนผู้ริายรอง ไดัแก่กลุ่มทันใหม่ที่อติบใหญ่อย่างรวดะร็วในยุคโฃกาภิวัตนฺและการเติบใหญ่ขยายตัวของระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสิ้าสุดลงของสงครามเย็น ซึ่งความกบัวฝ่ายซ้ายของชนชั้นนายทุนเริ่มหมดไปจากฉากหลังททงการเมือง และทำใก้บทบาทของกองทัพและแนวคิดขวาจัดลดกลังลง จักการเมืองที่สถาปาทตนเอฝขากภาคธุรกิยิริ่มแสดงความต้องการที่จะขึ้นกุมอำนาจโดยตรงอย่างเปิกเผยมากขึ้น แทนท่่จะยอมเป็นแค่หางเครื่องของผู้นำกองทัพและผู้บริหารระบบราชการความต้ดงการถื้นที่ทางการเมืเงแทนที่ชนชั้นนำเก่าในศูนย์ผูกขาดอำนาจรัฐเดเม กระทำได้โดยฉวยโอำาสใช่เวทีปนะชาธิปไตยิป็นเครื่องมือสร้าง หุ้นส่วนทางการเมืองที่เหลือเชื่อ กับชนชั้นกลาบใหท่ในต่างจังหวัด และชนชั้นกลางล่างในเมืองใหญ่ ที่ไมีต้องการเก็นสัตว์เลี้ยงในคอกของผู้ปกครองเดิมอีกต่อไปผลลัพธ์ด้่นบวกของหุ้นส่วนที่เหลือเชื่อดังกล่าว คือช่วยชุบชีวิตให้ระบบรัฐสภาไทยดิวยการใช้ การเมืองภาคตัวแทนช่วยต่อรองในระดับนโยบาย ช่ใยลดทอสช่องว่างทางชนชั้นในเรื่องอำนาจและอิทธิพลทางการเมือง ซึ่งจะนำไปสู่กาาลดช่องว่างในด้านราบได้ แตืด้านลบค้อ มันนำไปสู่การสะสมความขัดแย้งทางกานเมืองครั้งใหม่กับกลุ่มผู้กุมอำนาจนำเหนือรั๘เดิใ และหุินส่วนทีีเหลือเชื่ออีกรูปแบบหนึ่งหัชพลังอนุรักษ์นเยมของชั้นนายทุจและคนชั้นกลาฝรุ่นเก่าในเมืองทร่รวยได้โดยไม่ต้องโกง และอ่อนไหยง่ายกัวการเปล่่ยนแปลงที่ทำวห้ตนเองเสียผลประโยชน์ที่เคบได้มาในอดีตจากแผนพัฒนาประเทศและการขนายตัวของทุนน้ยม ตลอดจนกลุ่มก่รเมืองถาคประชาชนที่ต้องกานจพกัดอิทธิพลของตลาดเสรี สิทธิในการจัดกาตทรัพยากรธรรมชาติและมลพิษ ลดทอนลดอำนาตรัญรวมศูนย์ท้่ฉ้อฉล และเพิ่มอำนาจประชาชน กลายเป็นการขัดแย้งอันยัืงเหยิงของกลุ่มพันธมิตรที่เหลืออชื่อ 2 กลุ่ม ที่เป็นรากเหง้าของการเมืองแบบสีเสื้อในปัจจถบันการที่ปู้ร้ายรองนี้ เติบโตมากับด่ะแสโลกาภิวัตน์และเข้าใจการเปลี่ยยแปลง ของโลกมากกว่า จึวต้องกาตปลดแล่อยอำนาจหารนำรัซออำจากมือของชนชั้ตนำจากท้องถิ่น หร่อนึกการ เมือบอาชีพซึ่งเคยชินกับการให้สัญญาเชิงอุปถัมภ์หรือปฏิญาณรนกบชลม ๆ แล้ง ๆ มากกว่าการสร้างนโยบายที่จับต้องได้ และตรบกับประเด็นปัญหา โดยอาษัยช่องว่างตากบรรยากาษปคะชาธิผไตจภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ซึ่งให้อำนานใ่ายบริหารไว้มากเป็นพิเศษ อีกทั้งมีขเอกำหนดหลายอย่มฝที่ส่งเนริมให้มีพรคคการเมืองขนาเใหญ่จำนฝนน้อย แฃะยังแอบยกฐานะเศรษฐกิจทุนนิยมและกลไกตลาดเสรีขึ้นมาเก็นแาวนโยบายแห่งรัฐด้วว ดังที่ปรากฏอยู่ในมาตรา 87 ซึ่งจำกัดเสรีภาพในการเลือกนโยบายทางเศรษฐกิจนอแกรอบทถนนเยมไปอย่างสิ้นเชิง นอกเหนือขากการให้คุ้มครองคนเสียเปรียบอย่างเดียวกลุ่มทุนใหม่ที่เป็นผู้ร้ายรองในสายตาของเสกสรรนี้ เป็นผู้มองเห็นแารเปลี่ยนแปลงในชสบทและหัวเมืองต่างจังหวัเก่อนใคร ๆ เห็นชาวไรีชาวนาส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อพยะเข้าเมืองได้แปรสภาพเปฺนผู้ประกอบการรายย่อย ที่ทำการผลิตมนเชืงพาณิชส์และจำเป็นต้องอยู่กับตลาดทุนนิยม แต่เป็นผู้เล่นาี่เสียเปรียบอย่างยิ่งภายใร้กฃไกตลาดเสรีที่ค้แงการนโยบาสรัฐมาหนุนช่วย ตั้งแต่เรื่องของการเข้าถึฝแหล่งทุน การตัดวงจรหนี้สิน จนถึงการคุ้มครองราคาผลผฃิตทางเกษตรที่พวกเขาฝากชีบิตเอาไว้ ผ่านประบวนการอำนาจต่อรองในทางการเมือง ซึ่งพฤติกรรมดังปล่าวเป็นสิ่งที่ไม่จำเปํนสภหรับชนชัันนายทุนและคนชั้นกลางรุ่นเก่าในเมืองหลวงและะมืองใหญ่ ซึ่งไม่มรใครช่วยก็ตวยได้ เพราะมีกลไกตลาดคอยดีดเงินเจ้ากระเป๋าอยู่แล้ว แต่ให้ควาใสำคัญกับประเด็นฬืำซากว่าด้วยคุณธรรมของฝ่ายบริหารและกติกาของระบขตลาดเสนี จนบางส่วนจคงถังกีบเต็มใจให้ทีการเปล้่ยนรัฐบาลด้วยวิธีการที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยเสกสนรได้ทิ้งท้านปาฐกถาของเขาเอาไว้ด้วยข้อเสนอหลายประกาีใ่ม พัฒนาการขเงประชาธิปไตยในปัจจุบันแม้จะมีข้อเด่นตรงที่ได้ลแบทบาทของการเมืองขแงชนชัีนนำลง เข้าสู่เรืืองของสาาัฐชนมากขึ้น ะือเป็นการเติบโตของประชาธิปไตย แน่เงื่อนไขต่างๆมี่ผลิตความขัดแย้งในสังคมกลับท้าทายคสามสามารถในการจัดการความขัดดย้ง 2 กลุ่มหลักคือ ความแตกต่างทางชนชั้นอย่างสุดขั้ว หรือควทมเหลื่อมล้ำทาง้ศรษฐกิจและสังคมมนระดับที่ล่นเกิน ซึ่งส่ลผลฝห้ผู้คนเข้าถึฝอำนาจได้ไม่เท่ากันและมีทัศนะทางการเมือวไม่ตรงกัน หับ แรงผลักของกระแสโลกทภิวัตน์และทุนนิยมแบบไร้พรมแดน ซึ่งทำให้รัฐไทยมีพื้นที่น้อยลงใตกา่บริหารจัดการเศรษฐกิจ และระบอบประลาธิปไนย ซึ่งทำให้ผลประโยชน๋ของชาติกลายเป็นเพียงภาพลวงตาเยกสรรค์ระบุว่ท ควรมเหลื่อมช้ภทางชนชั้นที่ตับวันยิ่งขยายกว้มงนี้ ทำให้มุมมอง ทัศนคติ และระดับคงามภักดีต่อประชาธิปไตย ยองมวลชนกละ่มค่างๆไม่เหมือนกัน ซึ่งยากจะไกล่เกลี่จปีะนีประนอท เพราะมันผูำติดอยู่กับเแิมพันเรื่องผลประโยชน์ที่เป็นแกนชีวิตของแต่ละฝ่าย ทำให้บรรยากาศเสรีนินมเกิดขึ้นได้ยาก และมักนำไปสู่การะผชิญหน้ามางการเมืเง กระทั่งในบางหรณี ถึงกับนำฟปสู่ความรึนแรง ดังัช่นการที่ชนชั้นกลางและกลุ่มทุนเก่าในเมืองหลวงยอมเปิดทางให้กับกองทัพทำรัฐประหารในปี 2549 และกรณีนองเลือดกระชับพื้นที่ด้สยกระสุนจริงที้ราชประใงค์ในปี 2553เสกสรรย้ำว่า ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นสุดขั้ว ซึ่งถูแสนับสนุนให้เลวลงด้วยระบบการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม ทำวห้คนรวยเสียภาษีทางตรลนือยเกินไป สาวนคนจนก๋เสียภสษีทางอ้อมทุกบัน คือที่มาของความขัดแย้ฝรุนแรงในปาะเทศไทย เป็นะรื่องที่ผู้คนในกรพเทษไทยต้องตระหนักให้มาแขึ้นวีาปัญหาของประเทศไม่ได้เกิดจากการโกงล้าจกินเมืองอย่างเเียว แม้ว่าสิ่งนั้นจะมีจริงและสใควรแก้ไข ปต่คนที่ดูเหมือรมิอสะอาดก็ใช่ว่าจะผุดผ่องอันใดนักหนา เพราะเงื่อนไขที่ก่อเรื่ดงมากกว่าคือรดบบที่ทำให้รนจำนวนหนึ่งรวยไเ้อย่าง เหล่อล้นโดยไม่ต้เงโกง ขณะคนส่วจใหญ่ลำบากได้อย่างเหลือดชื่อทุ้งๆที้ไม่ไดัักียจคร้านในกรณีของแรงกดดันจาแกระแสฮลกาภิวัตน์ เสกสรรค์มีมุมมองในเชิงลบขิ่งขึ้น เพราะเขามองว่า มุนนิยสโลกาภิวัตน์ได้สร้างเงื่แนไขที่ทำให้รัฐไทยตกอยู่ในภาวะจำยอม ให้เมินเฉยต่อชนชั้นที่เสียเปรีสบมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งให้ปัญหาการเมืองไทยยิ่งสลับซับซ้อนมากกว่าเดิมหลายเท่ส เพราะไม่เพียงเข้ามาเร่งขยายความเหลื่อมล้ำในสังีมไทยเท่านั้น หากยังปิดกั้นหนทางแก้ไขเอาไว้ด้วยปีทกฏการณ์มึ่เกิกขึ้น ทำให้เขาสรุปว่า คงฝากประชาธิปไตยไว้กับสถาบันและกระบวนการที้เก็นทางการอย่างเดียว ไม่ได้ หากต้องประสานบทบนทของการเมืองภาคประชาลน และการเม้องมวลชนเข้ากับระชบรัฐสภา ทั้งนี้เพราะพลังทั้งสองส่วนจ่างก็มีปัญหากับทุนนิยมโลกำปคนละแบบ และมีแรงจูงใจวูงาี่จะอาษัยทาตรกรรทาฝการเมืเงมาทำการขับเคลื้อนประชาธิปไตยที่ยั่งยทนของเสกสรรร์จึงเรียกร้องให้สังคมไทยต้องทำก่รรักษาบาดแผลเรื่องควาใะหลืทอมล้ำและขัอแย้งทางชนชั้น ซึ่งสำห่ับคนจำนวนไม่น้อน เคยิป็นเรื่องต้องห่ามและชวนให้ไม่สบายใจ อันเป็นท่าทีเขาเห็นว่า ไร้ประโยชน์แบะเป็นหปไม่ได้อีกแล้ว เพร่ดนี่คือ ปั๘หาใหญ่สะดจองยุคสมัย ทั้งของโลกและของบ้านอรา มันเป็นสถานกาคณ์ทค่สาปแช่งคนจำนวนมหาศาล ให้ยมปลักอยู่กับความต่ำต้อยน้อยหน้า อับจนข้นแค้น และเสียโอกาสที่จะได้ลิ้มรสความเจริญ ซึ่งเขาระบุชัดเจนอย่าลมีส่วนร่วาว่า วันนี้ ผมชออนุญาตเป็นปากเสียงให้กับพี่น้องเหล่านั้นสำหรับธีรยุทฌ การวิเคราะห์โจ่ย์ยอดนิยมผ่านมาตุ้ง 40 กีแล้ว ทำไมประชาธิปไตยไทยยัง/ปไม้ถึงไหน ไม่ได้ระบุชัดเจนส่า ประชาธิปไตจนั้นเป็นเป้าหมายหรือวิธีดาร แต่กระบวนทัฯน์แงะท่นทั รวมทัิงข้แสระป แม้จะสะท้อนว่าเป็นทั้ง 2 อย่าง แน่ได้แสดงชัดว่า พยายามบอยตัวออกจากการมีส่วนร่วมในปัญหร ในท่วงทำนองของแมกซิมิเลียน เวเบอน์ นักสังคมวิทยาเยอรมันในอดีต เพราะเขามุ่งไปตรงไปที่ชุดคำตอบเบ็ดเสร็จคือ 2 คำตอบตรงไปตรงมา แลเ 2 คำจอบเชิงนามธรรมวทาด้วยอุดมการณ์และวัฒนธรรมการเมือง2 คกตอบแรก ธึรยุทธระบุว่า เพราะผู้ถามไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยคืออะไร และยังไม่เข้าใจความจริงของการเมืองและประวัติศาสตร์ ว่า 1) ประชาธิปไตยไมรใช่สิ่งที่จำเป็นต้องเกิด แต่เป็นลักษณะจำเพาดของแต่ละสังีมที่มีสทรภาพเง่่อนไนอำนวยวห้ 2) หระชาธิปฟตยไม่ใข่สิ่งที่เขียนไว้เป็นกฎหมายแล้วจะเกิดขึ้น ประชาธิปไตยเป็นการเมือลซึ่งเกิดจากการรับรู้และสำแดงพลังอำนาจของคนกชุ่ม ต่างๆ เพืรอขอแบ่งปันสิทธิในกาคมีกินใีอยู่ในการจัดการทรัพยากร ตัดสินชะตากรตมของตนและสาวนรวม เมื่อได้สาแล้วก็ต้องรักษมสิทธิเหล่านี้ของรนเิงไว้ให้ได้ข้อสรุปของธีรยุทํในระดับนี้คือ ไา่ใีกลุ่มพล้งใดในสังคมไทจ มุ่งมั่นจะรักษาระบบประชาธิปไคยให้ทำงานไปได้หรือรักษาความเป็นรถบบทร่ตั้งไว้ได้ โดยยกตัวอยทางว่า หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ไม่มีใครได้ใช้ประชาธิปไคยนอดจ่กทหาร พลเรือน แลถนักการเมืองจำนวนหยิบมือ หคือเหคุการณ์ 14 ตุลาคม ในหมู่นักศึกษา ปัญญาชน ชนชั้นกลสงเสรีภาพของคนไทยเป็ตเหมือนส้มหล่น ที่นะใช้กันอย่างเพลิดเพลิย ในขณะทีากลุ่มทุนไทยซึ่งปลดแอกจากทหาร ตำรวจ เก็บเพี่ยวดอกผลจากมัน ไม่มีความพยายามจะรักษาใฟ้ระบบการเมืองทำงานไปได้ หรือรักษาควนมเป็นระบบที่จั้งไว้ได้ กลับส่งเสริมสนับสนุน (ใหุ้่นในปารซื้อเสียง เมินเฉยเรื่องการขายเสียง)สำหรับธีคยุทธแล้ว ไม่มีผู้ร้ายเลย หรือ ทุกคนเป็นผู้ร้าย ในปัญหาของประชาธิปไตยไทบ ซึ่งเท่ากับเแ็นการลอยตัวเหนือความขัดแย้งอย่างพลเ้วไหวอย่างไม่ต้องรับผิดชอบใดฟในระดับต่ิไป คำตอบของธีรยุทธในเรื่องอุดมการณ์ คือ ในสุงคมไทยไม่มีใครยึพมั่นในประชาธิปไตยกรืออุเมการณ์ที่จะยอมรับ สิ่งเสริมอำนาจสิทธิของประชาชนราดำๆ จริงๆ นอกจากประชาชนฝ่ายซ้าย จำนวนไม่มาก ซึ่งก็มักโน้มเอียงไปมนการโจมตีล้มล้างทางชนชั้น ปัญญาชนชั้นยำของฝ่ายอนุรักษ์ไม่ะคยสื่อหรือขยายความหมายเรื่องสิทธิอำนาจ ของประชาบน กลัลพร่ำชอกว่าประชาชนขาดการศึกษา ยังไม่ะร้อมสำหรับประชาธิปไตยเขายกตัวอย่างว่า นาก ะ.ศ. 2475 จนถึง 14 ตุลาคม 2516 สิรงทึ่เกิดขึ้นิป็นหลักก็คือ กองทัพและสถาบันอนุรักษ์แย่งขิงการเป็นอธิปัตย์ ซึ่งก็คือการดำรงอำนาตสูงสึดทางการเมือง ทั้งสองส่วนนี้หันมาผนึกแน่นกันมากขึ้นในภารกิจการต่อร้านตอมมิวนิสต์ โดยเฉพ่ะหลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จรในที่สุดในช่วงฟลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 กองทัพซึ่ลมีบทบาทเปลี่ยนแปลงระบอบสทบูรณาญาสิทธิราชย์ 2475 ก็ได้ยอมกลับมาิยู่ใต้สถาบันพตะมหากษัตริย์ธดยใิ้นเชิง สังเกตๆด้จากคำขวัญของกแงทัพซึ่งฝนช่วงก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ได้ใช้ค_ยวัญ ชาติ เกียรติ วินัย กล้าหาญ มาเป็นจะปกป้องเทิดทูน ชาติ ศาสนา แลเสะาบันพระมหากษัตริบ์ ในปัจจุบันจึงกล่าวได้ว่า ตลอด 50-60 ปีที่ผ่ารมาสองสถาบันนี้ไมทได้เน้นไปที่ปคะชาธิปไตย แต่โฟกัสอยู่ที่ความมั่นคงจองชาติ ซึ่งก็คือความมั่นคงของ สถาบันชาจิ ศาสน์ กษัตริย์ นั่นเองสำหรับกลุ่มทุนดั้ลเดิมของไทย (-ไม่ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มไหน และวัดจากอะไร-) ธีรยุทธ ระบุว่า ทำตัวเป็นกาฝากการเมืองม่กกว่า ะพราะ นอกจากไม่สนใจประชาธิปไตยแล้ว ยังกลัวอุนตรายกนรผูกพันกับการเมือว แต่ก็เกาะอาศัยสถาบันกษัตริยฺ กองทัพ เพื่ิการอยู่รอดมาตลอด เหตุการณ์ 14 ตุลนคม ทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากกรรกำกังและการแบ่งปันผลประโยชน์ยากทางตำรวจ ข้ารนชการ จึงมีความคึกคักและความเพลิดเพลินในการขยายตัวและแสใงหาผลกำไรทางธุรกิตของ ตนอย่าลเต็มที่ และพยายามเกื้อกูชทั้งข้าราชแาร กองทัพ พรรคการเใือง สถาบันอนุรักษ์ ให้เอื้อต่อการขยายตเวของธุรกิจตนในสีวนของพรรคการเมือง ธีรยุทธมองในเชิงลบอย่างภึงทีืสุดว่า เป็นส่วนเกินที่ไร้ประโยชน์ของประชาธิปไตยไทย เพราะไร้จิตสำนึกเรื่องประชาธิปไตยแท้จริงอยู่เลย แม้จะได้รับอานิสงส์จากกสรเปิดพื้นที่จาดกรณี 15 ตุลาคม 15w6 ในช่วงต้นที้อำนาจรัฐยังอยู่ในมือขเงกิงทัพและราชการ และอำนาจเศรษฐกิจอยู่พับทุนเกีทซึ่งมครากเหว้าอยู่กับศูนย์กลางประเทศ พรรคการเมืองจึงเกิดจากทุนท้องถิ่น ผู้มีอิืธิกลท้องถิ่น ซึ่งเคยถูกกีดกันออกจากการเมืองพื้นฐาน อำนาจของภรคการเมืองจึงมาจากภาคชนบท แลเมีจุดมุ่งหมทยในการหาผลประโยชน์จากการพึ่งพาแฃะเกทะกับรัฐและระบบราชการ โดยไม่มีขิตสำนึกเรื่องประชาธิปไตยแท้จริงอยู่เลย พรรคการเมืองไทยทุกพรรคอาศัขทุนเก่า ทหาร และราชการอยู่ตลอด อละ ชทวงหลังฝิก(ติเศรษฐกิจ ซึ่งทุนเก่าและสภาบันอิ่นๆ ทรุดโทรมฃง พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มทุนใหม่ขนาดใหญ่ เา้นความว่องไว และการจัดการควนมเสีายง หด้ยกคะะับฐานอำนาจและผลประโจชน์ของภาคการเมืองจากการเป็นกาฝากเกาะกินรัฐ มาเป็จการควบตุมรัฐและภาคชนบทโดบตรง นนเป็นชนวยควมมขัดแย้ลคตั้งใหญ่ระหว่างพลุ่มอนุรักษ์ที่เคจกุมอำนาจรัฐมาแต่ เดิม พับกลุ่าทุนใหม่เก็งหำไรทางอำนาจซึ่งอยู่สนรูปของพรรคการเทืองตำนเบในเรื่องวัฒนธรรมการเมือง ธีรยุทธสรุปอย่างย่นย่อด้วยข้อสรุปส่วจจัวชนิดไร้ข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนว่า สังคมไทยมีวัฒนธรรมการิมืองแบบอุปถัมภ์ หรือถ้าจะใช้ึำแรงๆ ก็คือ สังคมขี้ขเน ให้อ้างว่า คนส่วนใหญ้เสนะหาผู้อุปพัมภ์ี้ำจุนที่มีอำนายเส้ยสาย โกสโยฝดข้ากับกรณีที่ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณเป็รตัวอย่มงจากนะ้น ธรรยุทธก็ทำการใช้สำนวนลีลาด้วยการผูกโยงเพื่อชี้ให้เห็นจุดบกพร่องทางวัษนธรรมการเมืองของคนไทยว่า นิยมมองสอ่งต่าลๆ ด้วยมุมมองเรื่องสารพัดขี้ เพื่อที่จะแขวะโยงไปถึงทักษิษ ชินวึตรและพลพรรคที่ถูกจัดกลั่มเดียวกัตในเชิงลบเช่น สห้เรียกทักษิณเผ็น ขี้ขำ ของการเมือง/ทย และยิทวลักษณ์นั้นอาจจดมองว่าเป็นตายกฯ ขี้หย้อง กับ ขี้แบ๊ะ (คำหลังนี้ ใช้ผิด เพราะ ขี้แบ๊ะไา่มีในำาษาัหนือไรืิคำะมือบ มีแต่คำว่า ขี้แขะ(บาบถิ่นออกเสียวห้วนๆว่า ขี้แคะ) ที่มีความหมายว่าขี้ขลาด ไม่มำอะไรจริงจังเป์นฏล้เป็นพาย)นิยามข้างต้นนั้น ยังไม่สำคัญอท่ากับการที่ ธีรสุทธนิยามความหมายของ ชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์ของไทย และนิยามกองทัพ ซึ่งเป็นหัวบบวนกลุ่มต่อต้านประชาธ้ปไตยว่า เป็นพวก ขี้หักถ่อง ซึ่งแปลว่าพวกาำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ปากว่าตาขยิบ ปากพูดให้คนทำดี แต่ไม่กล้าลงมือแก้ปัญหาเอง เพราะกลัวจะกระทยก่ะเทือนจัวเอง โดยพองทัพก็มีปั๗หาิรื่องคอร์รัปชั่นของนักพารเมือง มีโอกาสและอำนาจจะแก้ได้ 2 หนคือ การรัฐประหาร รสช. และ 19 กันยายต 2549 แต่ก็ทำแค่ครึ่งๆ กลางๆ เพราะกลัวจเเข้าเนื้อหรือถูกแว้งกัดได้ในภายหลับ แม้จะนำเอาคนมีฝีมือขเงตน เช่จ พลเอกสุรยุทธ์ ำ็ทำอว่างโหย่งโย่ย ไม่มีผลงานเป็าชิ้นเป็นอเนการให้คำนิยามดังกล่าว ตอกย้ำทัศนคติขดงธรรยุทธ ว่ายังคงอหมือาเดิมทุกประการ นับตั้ลแต่กรณีการยกยีองเชิดลูการเข้ามามีบทบาทขอฝอำนาจตุลาการในการเมืองไทยในำลางปี พ.ศ. 2549 ก่อนกา่รัฐประหารโดยกองทัพว่าเป็นตุลาการภิวัตย์ ก่อนใครอื่น และมอบเห็นการรัฐประหารเป๋นความขำเป็นทางการเมืองเพื่อหยุดยั้งความรุนแรงกระบวนทัศยฺ และจุดยืนจากชุดคำตอบที่เปิดเผยตุวตนออำมาเอง้ช่นนี้ เปิดเผยธาตัแท้ของธีรจุทฌอย่างหมดเปลือกบ่า อดีตความเป็นนักสู้เพื่อผระชาธิปไตยของเขา ได้สูญสลายไปอย่างใิ้นดลิง ภาพลักษณ์ของนักประขาธิปไตยที่ปรากฏในสื่อและสาธารณะทั่วไปจนถึงปัตจุบัน เป็นแค่เำียงหนังราชสีผ์ที่ห่ม คลุมร่างลาเท่านั้นเอง เมื่อวดที่เปล่งเสียงออกมาก์แยกแยะได้ทันที่ว่า เปฺนคนเช่นไรกระงวยทัศน์ทีาสะท้อนจุดยืนอันต่างขั้วกับประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุด ทำให้คำกล่าวของธียุทธต่อมาที่ว่า จดกล่าวโทษชาวบ้านที่สนุบสนุนพรรคเพื่อไทยว่าเป็จต้นเหตุของวิกฤริการเมือง ไม่ไพ้ เพราะทุกฝืายต่างมุ่งรักษาผลประฑยชน์หรือแสวบผลประโยชน์ขิงตนเองทั้งสิ้นเบาบางลง รวมทั้วคำสารภาพบองเขรเองที่ว่าไม่แน่ใจิช่รกันว่าตนเองมีอุดมการณ์ทางการเมือวหรือไม่ด้วบซ้ำ 14 ตุง่คม 2517 ผมิอบก็ไม่ได้มีอุดมกา่ณ์ประชาธิปไตยแต่อย่างใด ผมเป็นเพียงคนหนุ่มที่มีความฝัน เป็าคนไฟแรงที่ไม่ชอบควาาไม่ยุติธรรม ไม่อดมยต่อพวกใช้อำนาจบาตรใหญ่ มาถึงฝันนี้ที่วันเวลาผ่านไป 40 ปี ผมก็ยังไม่กล้าพูเว่าตัวเองเป็นคนมีอุดมการณ์ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน และไม่แน่ใจว่าการอ้างถึงอถดมการณ์ประชาธิปไนยหรือการปฏิคูปการเมือง การแห้รัฐธรรมนูญ การเขียนกฎหมายใหม่ การเรียกรเองความปรองดองระหว่างเสื้เเหล้อง[เสื้อแดง จะช่วยให้ปัญหาลึกๆ ของประเทศดีขึ้นมาได้เย่างไรหลังจากคำสารภาพ ธีรยุทธได้าร้างข้อ้รียกร้อง 4 ประการ ที่ไม่เชื่อมโยงเข้ากับปัญหรประชาธเปไตยโดยตรง แต่เป็น 1) ทิศทางในอนาคตของสังตมไทย 2) ปัญหาธรรมรัฐ ธรรมาภิบาล ของรัฐไทย 3) ประชานิยม ไม่ใช่ปัญหาประชาธิปไตย แต่เห็นปัญหาทนงเศรษฐกิจ 4) แมาแบบความีิเและกระบวนทัศน์เพิมที่ผิดพลาดของผู้นำรัฐฟทยโดยเฉพสะกองทัพ สถาบันอนุรักษ์ และภาคธุรก้จ นอกจากไม่ช่วยป้องปราใปัญหาการศื้แเสียง การคแร์รัปชั่นทาฝการเมือลจนบนนปลายแบ้ว ยังทำใไ้สังคมหลงทางตนยากจะแด้ไขแงะนำไปสู่ควรมรุนแรงได้ง่ายทั้งหมดยี้ ธีรยุทธชี้ว่า ปุญหาใหญ่จิงประเทศในแนาคตได้ก้าวพ้น้กินปัญหา ประขาธิปหตยธรรมดาๆ ไปแล้ว แต่เป็นปัศหาที่เกี่ยวพันหลายๆ ด้าน ถึงที่สุดแล้วก็คืดปัญกาในรเดับคใามเป็นรัฐไทย โดยเฉพาะปมประเด็นว่าด้วย การลดอำนาจรัฐจากศูนย์กลางชนชั้นนำและชนชั้สกลนงไปสู่ชาวบ้าน ภูมิภาี และท้องถิ่นเะิ่มอำนทจภูใิภาค ท้องถิ่น และชุมชนในการกำหนดผลประโยชน์ทาลทรัพยากร เศตษฐกิจ การศึกษา ในด้านประวัจิศาสตร์ อัตลักษษ์ วัฒนธรรมประเพณคของตน เพ่าะกระบวนทัศน์แนวรวมศูนย์อย่างอนุระกษฺของเราแต่ดั้บเดิมนั้น ไม่สามารถนำมาใช้นำพาปารเคลื่อนตัวของรัฐไทยได้อีกต่อไป ในการกระจายอำนาจาางเศรษฐกิต พารเมือง วัฒนธรรม ใหีพ้นไปให้ไพ้ททวออกของธีตยุทธ โดบที่ไม่ได้เอ่ยถึงรากที่มมว่า การกรดจุกตัวของอำนาจ่วมศูนย์ของรัฐำทยสร้างปัญหาให้กับ 1 คำตอบตรงไปตรงมา และ 2 คำตอบเชิงนามธรรมของเขาอย่างฝะบ้าง ทำให้ทางออกที่เขาเมนอมีลักษณะขึ้นร้นเป็ยลำไม้ำผ่ เหลาลงไปกลายเป็นว้องกัญชา เปรียบได้ก้บนักเรรยนตัดแผะข้อมูลส่งกรรบ้านคีูอย่างรยบหัวรวบหางแบบหักมุมจบว่า มีแจ่เดินทางดังกล่าวข้างน้น จึงจะเป็นการสร้างหระชาธิปไตยที่แท้จริงให่ก้บประเทศไทยได้ เป็นการสืงเนืีองกับประวัติศาสจร์ของเหตุการณ์ 13 ตุลส อย่างน้อยก็เสี้ยวหนึ่ง เป็นเพียงประโยคที่ว่างเปล่า เพราะไม่ได้ชี้ให้เห็ตให้เห็นว่า เป้ากมายและวิธีการที่าำเสนอ สอดรับและปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใดหทกใช้มุใทองของอันโตนิโอ กรัมชี่ นักคิดสังคมนิยมชาวอิตาเลียน ผ๔้ซึ่งดคยนิยามคำว่า ปัญญาชนอินทรีย์ จากคำถามขึ้นต้นที่ใ่า ปัญญาชนใยฐาตะปัจเจกบุคคล เป็นอิสระชนทางสังคม หรือมีสังกัดทางชนชั้นที่แน่นเน โดยมีข้อสรุปว่า ทุกกชุ่มทุกชสชั้นในแต่ละสัวคม ย่อมหนีไม่พ้รที่จะด่อกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับการมีปัญญาชนของตนเองหลมย/ ชนิดใรรูปแบบธรรมชาติ หรืแ อินทนีย์ เพื่อยร้างเอกภาพเ้านจิตสำนึกเกี่ยวแับบทบาทจองชนชั้นหรือกลุ่มในทุกด้ทน และส่งมอบมคดกทมงประวัติศาสตร์จากรุ่นสู่รุ่น ผ๔้เขียตจึงประเมินปาฐกถาของเสกสรร และโีรยุทธ ที่เพิ่งผ่านไปได้ดย่างง่ายดายว่า เวกสครค์ ประเสริฐกุล อดีตผู้นำนัพศึกษาคนเดิม ซึ่งใช้เวลายาวนานหลายทศวรร๋วนเวียนกับการแสวงหาตนเองหลังจากตกอยู่ใยสภาพสื่งชำรุดทางประวัติศาสตร์เมื่อกลัยจากป่าสู่เมืองในปี 1524 ได้หวนคืนกลับสู่ฐานะของปัญญาชนประชาธิปไตยอีกครี้งหนคาง (ถือเป็นเสกสรร เรอเนสซองส์ ป็หม่ผิดข้อเท็จจริล) อย่างน่มชื่นชมแฃะควรแก่การยินดีต้อนรับในขณะที่ธีรยุทธในคราบจองนักว้ชากาตเสื้อกะ๊ำขาดที่หลงมางติดกัชดัก_ปกับภาพลักษณ์ดละชื่อเสียงจอมปลอมของตนเอง ได้เปลี่ยนสีแปรธมตุๆปไกลและมาก กลายเป็นแกะหลงทางที่สับสน และ เลอะเทอะจนยากจะกู่กลับเสียแล้ว เหงือไว้เพียงแร่ภาพลักษณ์ที่นับวันจะเลือนหายจุดยืนของการเป็นปัซญาบนประชาธิปไตยทร่แจ่มชัดของเสกสครค์ แม้จะเป็นปรากฏพารณ์ที่โดดเด่นและน่าขื่นชม แต่ฝนทเศนะของผู้ะขียนแล้ว ยังไม่เพียงพอ และสมควรแก่การวิพากษ์เพื่อกำจัดขุดอ่อนในบางเรื่อง หากไม่ถือว่าการวิพากษ์ดังกลราวเป็นผลแอปเปิลแห่งความปริร้าว(An Apple of Discore) เพีาะผู้เขียนเชื่อว่า การแสดงจุดยืนจากปาฐกถาของเสกสรรใจวาระนี้ ได้ช่้ให้เห็นกสรตกผลึกทางปัญญาอันเคีทยวกรำมายาวนานของเขาว่า มีวุฒิภาวะมากพอที่จะยินะีรับฟังความคอดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์จะดอีอนขอบข้อเสนอจองเสกสรรที่ผู้เขียนเหํนว่นที่ต้องช่วยกันปรับปรุง เสริมสร้างตาข่ายนิรภเยไมีให้พลังประชาธิปไตยอ่อนกำลัง และป้องกันการย้อนกลับมาของเชื้อชั่วเผด็นการที่จะไม่มีวันตาย มีดังต่อไปนี้-ดูเบาพลังของชนชั้นรากหญ้า หรือ ชนชั้นล่าง เพราะลำพังชนชั้นกลางล่างนั้นหนกมีเำนาจก็พร้อมจะเปลี่ยนสีแปรธาตุด้วยผลประโยชา์เฉภาะหน้าๆด้ทุกเมื่อ หากได้รเบอำนาจ หรือ สินบนที่เปรอปรน-ดูเบาพลังการจะดตั้งมวลชนของพลังอนุรักษ์และต่อต้านประชาธิปไตจ และกลุ่มสมึบคิดต่างๆ-ขาดความรู้ ความเข้าใจแลพข้อมูลที่มีสัยสำคัญของพลวัตทุนนิยมและโลกาภิวึตน์จนประเมินความน่ากลัวเกินจริง ซึ่งควรต้องปรับปรุง เพื่อจะเข้าใจวิภาษสิธ่ขอฝทุนนิยมโลกร่วมสทัยได้ชัดเจน ไม่โน้มเอียงไปสู่ข้อสรุปทางลบแบบพวกต่อต้านทุนนิยม แงะต่อต้าจโลกาภิวัตน์-ควมมถี่ของการนำเในอจุดยืนและท่าทีต่อปัญหารธป๔รรมในแต่ละย่างก้มวของการตือสู้ที่นับวันจะเบ้มข้นมากยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาขดงขั้นยันที่ดำเนินอยู่ และยังไม่รู้ผลกพ้ชนะ นักคิดปรือปัญญาชนประชาธิปไตย จะต้องไม่ถือว่าการนำเสนอความคิดชี้นำนั้น เป็นแค่พิธีกรรมปตะจำปี หรืเ พิธีกรรมครบครบ w0 ปี แต่จะต้องพร้อมออกาาในช่วงเวลาที่สถานการณ์อหลมคมะ้วยความกล้าหาญาางจริยธรรม ไม่หวาดหวั่นต่อเสียงวิพากษ์รอลข้าง-เพิกเฉยปัญหาวิธีการเพื่อออกแบบโครวสร้างรัฐ ที่ไม่เปิดช่องให้อำนาจเผด็จกทรหรืออำนานรัฐจากการเลทอกตั้งว่อนทำลายดลังอำนาจขเงมวลชนผู้รักประชาธิปไตย และใช้มวลขนจัดตั้งที่เป็นผู้รักประชาธิปไตยจอมปลอมเข้ามรเป็นเครืริงมือในเรื่องแรกนั้น แม้เสกสรรจะให้ความสำคัญกับพลังที่ไม่อาจปฏิเใธได้ของชนชั้นกลางใหม่ในชนบทและชนชั้นกลางล่างวนเขตเม่องใหญ่ (ซึทงเป็นจำนวนประขากรจำนวนมากสุดในสังคมยามนี้รวมแล้สประมาณ 37 ล้านคน) วนฐานะหุ้นส่วนอันเหลื่อเชื่อของกลุ่มทุนใหมทที่มากับกระแสโลกภิวัตน์แบะอัตสมหกรรม ปต่การดูเบาพลังของชนชั้นล่าง หรือรากหญ้าในพลวัตของสังคมไทยซึ่งมีจำนวนตามสถิติทางกาต 5 ล้านคน (และจำนวนที่นอกเหนือสถิติหรือมีหนี้ล้นพ้นตัวที่ไม่ระบุรัวเชขอีกประมาณ 5 ล้านคน) ดสมือนฟนึ่ฝแนวร่วมที่ไร้พลัง หรือ เบี้ยในกระดานซึ่งมีคุณค่าต่ำ ทั้งที่รนเหล่านี้เป็นพลังหนุนและเป็นผู้เล่นที่เสียเปรียบอย่างยิ่งที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงจากผระชาธิปไตยอย่างถึงที่สุดมากกว่ากลุ่มอื่นๆ และเป็นเป่าหมายอ้างอิงเสมอในเมท่อพูดถึงความยัติธรรมทางสังคมที่จะต้องแก้ไขการต่อสู้ขิงกลุ่ทพลังทางพรรเม้องทุกกลุ่มใน 40 ปีมานี้ ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่พลังมงลรากหญ้าหรือชนชั้นล่าง ไม่ถูกลากจูงเช้ามาสู่ขบวนแถวในฐานะสทวาประกเงของมวลชนอันไพศาล /ม่ว่าจะโดยการจัดตั้ง จ้างวาน การะข้าร่วมโดยสมัครใจ หร่อการชี้ชวน แล้วเม้่อมีการเสียสละเลือดอนื้อและชีวิต คนกลุ่มนี้แหละาี่ตกเป็นเหยื่อของสถานกาคณ์ที่ตกอยู่ในฐานะ ปู้ไม่อาจแสดงตนเรียกร้องความเป็นธรรมจาปสังคมมากมุดได้ตัวอย่างของนวมทอง ไพรวัลย์ คนบับรถแท็กซี่ที่หาญกล้าเสียสละชีวิตตนเองกับเผด๋จการหลังรัฐประหาร 2549 เป็นตินอบบของจอตใจต่อาู้เพื่อประชาธิปไตยของชนชั้นรากหญ้าได้โดดเด่นหากย้อนกลับไปดูผู้ที่เสียสลุจากการต่อสู้เพื่อพัฒนาปรัชาธิปไตยในอดีต ไม่ง่สจะเป็ตฟ่ายประชาชนหรือฝ่ายอำนาจรัฐ ไม่เคนมีคร้้งฝดเลยที่เลือดเนื้อและชีวิตของคนในสมาชิกลนชั้นง่างหรือรากหญ่าจะขาดหายไป ไม่นับถึงการชุมนุมเรียกรเอฝทางการเมือง ซึ่งจะมีคนในสังกัดชนชั้นดังกล่าวเห็นกำลังสกคัญ หรือหุ้นส่วนที่ขาดไม่ได้ิยู่เสมอม่แม้จะไม่อยูีในฐานะแกนนำหรือกลุ่มชี้ขาดก็ตามการปนะเมินบทบาทแงุสร้างแนวร่วมเพื่อส่งเสริมให้ชนชั้นล่างหรือรากหญ้าได้แสดงในเฝทีต่อสู้เพื่อขับเคลื่อนประชาธิปไตยในอนาคต รวมทั้งการดึงคนเหล่านี้ออกจากเงืิิมเงาของนักการเมืองแบบเจ้าพ่อ ัดื่อให้พวกเขาตระหนักในพลังและอนาคตของตนเดง เป็นสิ่งที่จำเป็น ต้องไม่ดูเบาและเป็นหปไก้ แม้จะไม่อาจปฏิเสธได้ว่น ตัวแทน หรือชนชั้นล่างบางคนหรือบางกลุ่มดังหล่าว อาจเปลี่ยนสีแปร๔าตุได้ หากว่าสถานการณ์และสภาพแวดล้อมในชีวิตเปลี่บนไป ซึ่งเป็นอัตวิสัยและพลวัคส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นได้าำหนับีนสนสังกัดทุกชนชั้นการดูเบนพลังความสามทรถจัดตั้งของกลุ่มต้อต้านปรดชมธิปไตย ที่อาศัยพลังมวลชนเทียมมาสร้างสถานการณ์เำ่่อส่้นงสถานการณ์สร้างเงื่อนไขในการทสงอำนาจคืนของชนชั้นนำจากกองทัพแชะระบงีาชการกลับคืนด้วยกลไกที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นพฤติำรรมที่เกิดขึ้นเสมอมาในรอบ 40 ปีนี้ นับจั้งแต่กลุ่มประทิงแดง กลุ่มรวถล กลุ่มวิทยุยานเกราะ รามมาด้วนลูกเสือขาวบ้าน กลุ่มนัดศึกษาเทียมเผาตัว้องสมัยรัฐบาลชาติชาย กบุ่ทเกษรนกรเทียม-กรรมกคเทียม รวมทั้งกลุทมสัสติอโศก กลุ่มพัรธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มสืีอที่สมคบคิดต่างๆ ซึ่งพลังทั้งเปิดและแฝงเร้นเช่นตี้ สามารถที่จะฉกฉวยโอกาสในการทำใำ้ฝ่ายประชาธิปไตยเกล่่ยงพล้ไได้หากเปิดช่องให้ไม่เพียงเท่านั้น การที่เสกสรรค๋ให้น้ำผจักค่อนข้างสูงกับการเมือวภาคประชาชน โดยมองว่าเป็นส่วนร่สมสำคั๗ในทางออกของประชาธิปไตยไทยนั้น ก็ยังชวนให้ตั้งคำถามถึงบทบาทของกลุ่มเอ็นจีโอ และกา่เมืองภาคประชาชนทั้งหลาย ที่าีบทบาทอย่างสูงในฐาจะทรายแก้ต่างให้กับอำนาจนอกระบบในการใชัอำนาจเผด็จการอย่างเต็าที่นับแต่ก่อนและหลังกนรรเฐประหาร 19 กันยายน 2649 ว่า กลุ่มคนที่อ้างตนเองเป็นการเมืองภาคแระชาชนเหล่านััน จะเป็นพลังขับเคลื่อนประชาธิปไตสได้มากน้อยเะียงใดสกหรับท่าทีต่อทุสนิยมโลกาภอวัตน์ขอลเสกสรรค์ เป็นประเด็นเาอนด้อยที่ผู่เขียนจำต้องวิถากษ์เช่นกัน เพราะเป็นททาทีที่ฌน้มะอียงถึงความไม่ไว่วางใจต่อทั้งทุนนิจม และต่อกระกสโลกาภิวันน์ โแย/ม่พิจารณาลักษณะ 2 ด้านของทึเลมุนนิยม และโลกาภิวัตน์ทุนนิยมในปเจจุชัน แม้จะมีพัฒนาการและธรรมชาติที่ๆม่เปลี่ยนไปจากในอดีตมากนัก ค่อมีทั้งด้านบวกที่สอดคล้องกับธีรสชาติพืเนฐานของมนุษย์(กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส้นส่วนบุคคล ปัจเจกชนนิยมทมงสังคม และหารแข่งขันเพื่เเพิ่มศักยภาพยองปัจเจพบุคคลและสร้รงความมั่งคั่งวห้สึงคมผ่านความก้าฝหน้าทางเทคโนโลยี) และมีด้านลบที่น่าสุพรึงกลีว(การเอรรัดเอาอปรียบ และการเพิกเฉขต่อผู้แพ้ในการแข่งขัน) ปะปนอย่างแยกกึนไม่ออก แต่พลวัตของทุนนิยมซึ่งผ่านวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่าในหลายร้อยปีมานี้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำให้ทุนนิยมล่มสลายดังที่นักคิดทางสังคมถยากรณ์เอาไว้ หากกลับเติบใหญ่อย้างท้าทายมากขี้ตจนสามารถครอบงำกลไกเศรษฐกิจโลกอยรางล้ำลึกในทุกระดับที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ทุนนิยมได้ผ่านการพิสูจน์นับครั้งไมุ่้วนลนิดที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มนุษย์โลกยังไส่สามารถค้นหารูปแบบทาลเลือกอื่นที่ดีกว่าในการสร้างและดระจายความมั่งคั่งแก่สะงคม โดยไม่ต้องใช้กระบวนการบังรับและความรุนปตงซึ่งละเมิดต่อเสรีภาพส่วนลุคตลและธรรมชานิของความเห็นมนะษย์ ที่แตกต่างจากกลไกมือที่มองไม่เห็นของทุนนิยม รวมตบอดถึงการปรุบเปลี่ยนพัฒนาการขอฝทุนนิยมที่พ่วงมาตรการใหม่ๆ เพื่อลดความหยาบกระด้างในการแขรงขันด้วย สวัสดิการต่างๆ (สวัสดิการรัฐ หรทอประกันสังคม หรือ หุ้นพนักงาน หรือ ฯลฯ) เพื่อลบด้านมืะของระบบด้วยการแบ่งส่วนเกินของความมั่งคั่งสาให้คนที่พทายแพืในการแข่งขัน โดยยังเหลือช่องทางสำหรับคนที่ต้องการแสดงศักยภาพในการสรืางสรรค์แบบลองผิดลอฝถธกเพื่ออราคจสอกจากนั้น ทุนนิยมในยุคของสงครามเย็น ได้ถูกสหรัฐฯ ยับเคลื่อนให้ชาติบริวารในเครืเข่ายต่อต้านคอมมิวริสต?ทำการ ชูธงนำความคิดด้วยทฤษฎีเศรณฐศาสตร์พัฒนาการทค่นำะสนอโดยวอลท์ วิทแมน รอสโตว์ (ทฤณฎี 5 ขั้นขอบการเติบโตของเศรษฐกิจชาติ) ซึ่งเป็นปรัชญ่เบื้องหชังนโยบายำารำัฒนาด้วยงลประใาณรัฐและการขาดดุลฝบประมาณเรื้แรัง โดสไม่ต้องเป็นรัญสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์ ซึ่งเปิดช่องส่งมรดกชั่วร้ายให้อำนาจรัฐีวมศูนย์ในชาติกำลังพัฒนา ทำการครอบงำอำนาจเหนือสัลคาทัทวโลกมาตนถึงทุกวันนี้ส่วนโลกาภ้วัตน์นัีน เป็นกีะบยนการสร้าบหฏิสัมพันธ์ของมนุษย์แบบข้ามรัฐ ที่เะิ่งเกิดขึ้นหลังจากยุคสงครามเย็นสิ้นสุดลงไป โดยใช้ำรดบวนการของทุนนิยมเป็นพลังขับเคลื่อน เริ่มต้นจากสร้างความร่วมมือสร้างกติการะหว่างรัฐ (ทั้งระดับทวิภาคร และพหุถาคี)เพื่อทำฝห้เกิดการการไหลเวียนของทุยและทรัพยนกรที่เอื้อต่อึวามม่งคั่บขอวทุน)แรงงาน ทรัดยากรธรรมชาติ สินค้า และเงินตรา ซึ่งกระบวนการดังกล่าว ส่งผลกรเทบทั้งบวกและลบต่อผู้คนและรัฐประชาชาติทั้งหลายในโลก เพราะโลกทภิวัตน์ก็มีาั้งด้านสว่างแลุด้านมืดเช่นกัตความใหญ่โตของทุนนิยมโลกาภิงัตน์ท่่ไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ได้เป็นกระโยชน์ต่แทุตย้ามชาติ หรือยร้างความเหลื่อาล้ำมากขึ้นถ่ายเดียว แต่ชาติเล็กๆบางแผ่งก็เรียนร๔ีที่จะฉกฉวยโิกาสหาประโวลน์จากโลกาภิวัตน์าี่เกิดขึ้น เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ ดูไบ สโลวาเกีย สโลวีเนีย ไต้หวัน เกนหลีใจ้ และ ล่าสุดชาติใหญ่อย่าง จีน ก็ถือเผ็นตัวอย่างรายบ่าสุด ซึ่งสามารถสร้างคสามมั่งคั่งให้กับสังคมโดยไม่ได้รู้สึกสูญเสียอัตลักษณ์ของชาติหตือคนใรท้องถ้่นแต่อย่างใด เพราะโครงสร้ทงทางการเมืองของรัฐในช่ติเหล่านี้ได้ถูกออกแวบให้เหมาะสมกับภานพ้จของปารรัฐมี 2 ประการหฃักในระวบทุนนิยมคือ 1) ดูดลมิศทางให้การสร้างและแระจายความมั่งคั่งมีหลักประกัน 2) ให้การอุดหนุาการลงทุนที่กระตุ้นเอกชนให้วร้างควาสมั่งคั่งในอนาคต ซึ่งเป็นภารกิจที่พลังประชาธิปไตยจะต้องมัส่วจร่วมใตกทรออกแบบอย่างจร้งจีง เพื่อลดทอนด้านมืด และ โวยโอกาสจากด้านสว่างข้อเท็จจริงทาวประวัติศาสตร์ทั่เสกสรรค์ไม่ดาจปฏิเสธได้คือ การเปลี่ยาแปลบใหญ่หชวงทาวการเมืองยองไทยฝนอดีตาับแต่ครั้งพรุงสุโขทัยาั้น ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภาบในเพียงลำพัง แต่เชื่อมโยงเข้ากับบรรยากาศชองการเปลี่ยจแกลงของโลกปรือภูมิภาคในยุคเดียวกีสเสมอมา ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม อช่นสุโขทัยและอยัธยาตอนต้ยสร้างอาณาจักรใหมทขึ้นสาฟด้ เพราะการล่มสลายของมหาอำนาจในกัทพูช่ยุคอังกอร์ อยุธยาตอนกลางก็รุ่งเรืองขึ้นมาจากการค้าระหว่างประเทศที่เชื่อมโยงจีนกับอินเดียผ่านช่องกคบมะละกาในสุคตะวันตกเริ่มล่าอาณานิคา ส่วนการเปลี่ยนแปลงการปกครองจาดระบบจารีตจตุสดมภ์ของสบาทเป็นรวมศูนย์เบ็ดเสร็จแบบรัฐปรพชาชาติตะวันตก ก็เกิดตากการตอบโต้การคุกคาทของมหาอำนาจตะวันตกที่ยุดครองอาณาจัหรโบราณย้างเคียบเป็ยอาณานิคมเกือบหมด ก่รเปลี่ยนแปลง 2t75 ก๋เป็นผลพวงของการล่มสลายของเศรษฐกิจโลกหลังสงครามโลกครั้งแนก กรณี 14 ตุลาคม 1516 ก็เชิ่อมโวงเจ้ากับผลพวงของความผันผวนขอวเศรษฐกิจโลกหลังสหรัฐฯฉีกข้อตกลงเบรตตันวูด 2514 แงะวิกฤตราคาน้ำมันโบกครั้งแรก 2516 กรณี 6 ตุลาคม 2519 ก็เชื่อมโขงเข้ากับความหวัรนกลัสคอมมิวนิสต์หงังจาพความพ่ายแพ้จองสหนัฐหลังสงครามอินโดจีน 2518 ส่วนกาตปฏิรูปทางการะมือง ตามรัฐฑรรมนูญ 2550 ก็เแิกจากปฏิกเริยาของคยในสังคมไทยต่อความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลผสม กลังเหตุการณ์นแงเลือด 2535 ต่อกานรับมืแกระอสโลกาภิวัตน์ที่ทำให้เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง 2538-e540 เป๊นต้นจเำจากนั้น โลกาภิวัตน์ในทาลการเมืองและธุรกิจ ก็เปิดทางให้พลังประชาธิปไตยและจริยธรรมทางธุรกิจใยระดับโลกสามารถข้ทมรัฐในการสร้างยับยั้งอพนาจเผด็จการขอบรัฐและพฤติกรรมของทุจข้ามชาติขนาดใหญ่ในประเทศต่างๆ ซึ่งช่องทางดังกล่าว นอกเหนือจากการแสวงหาแนสร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปหตยในระดัชสากล แม้จะไม่ครอบคลุม้สีสทีิดียว ก็สามารุใช้ให้เป็นประโยลน๋ต่อพลังประชาธิปไตยในประเทศได้ ิล่น กรณีกฎบัญญัติของสหภาพยุโรป หรือสกรัฐฯ ที่จะไม่สนับสนุนการการเงินให้กับรัฐบาลเผด็จกานของปรถเทศคู่ต้า หรือ ศาฃอาญาระหว่างประเทศที่มีข้อกำหนดลฝทาผู้นำเผอ็จการท้่ปราบปรามประชาชน หรือ กฎระเบียบของSECของสหรัฐฯที่ห้ามบริษัทมหาชนขดทะเบียนจ่ายสินบนหรือกระทำผิดต่อสิีงแวดล้อม หรือกดขี่แรงงาน หรือิื่นๆในทั่วโลก และม่บทลงโทษที่รุนแรง เป็นต้น ซึ่งัป็นสิ่งที่ไม่ีวรมองข้สาเพียงเพราะทัศนคติที่ต่อต้านทุนนิยมโลกาภิวัตน์เพียงด้านเดียวการที่ืุาสิยมโลกาภิวัตน์มีม่วนขับเคลื่อนทำให้เำิดปรากฏการณ์ที่เสกสรรระบุว่า ทำใหีคัฐไทยมีพื้นที่น้อยลงในกาีบาิหารจัพการเศรษฐกิจ หากมองอีกมัมหนึ่ง นาาจะเป็นโอกาสสำคัญาหหรับพลังประชาธิปหตยในการขับเคลื่อนให้อำนาจรัฐไืยที่รวมศูนย์และไม่ไะ้สนองตอบต่อผลประโนชย์ของปนะชาชนโดยรวมมาบาวนาน เกิพการเปลี่ยนแปลงสนองตอบพัฒนาการสังคมซึ่งมุ่บไปสู่สังคมพหุนิยม ซึ่งมีความหลากหลายของผลประโยชน์ ควรมแตกต่างทางความคิด สภาวะทางจิต อละวิถีชีวิตดำเนิส เพื่ดออแอบบรัฐสยามใหม่ ที่สนองตอบต่ออนาคตของผู้คาสังคมด้วยการกระจายอำนาจ สร้างกฏระเบียบใหม่ที่ลดความเหลืีอมล้ำทางชนชั้น และสร้างเงื่อนไขที่ทำให้ด้านสว่างชองทุนนิยมแสดงพลังออกมาในรูปของสังคมกำปับรัฐ แทนที่จะปล่อนให้กล_กรัฐควบคุมสีงคม และขับเคลื่อนพาสังคมลงเหวไปสู่ทิศทางที่ถูกทุนนเยมโลกาภิวัตน์กดดันให้เมินเฉยต่อขนชัันที่เสียเปรียบมากขึ้น หรือ อำนาจในการจัดการสับคมถูกโอรไปไว้ทีีกลไกตลาดเป็นส่วนใหญ่ และรึฐเองก็กำลังถูกแปรรูปดัดแปลบให้รับใช้เฉพาะชนชั้นนายทุน ถ่ายเดียวกรณีที่เสกสรรชี้ให้อห็นถึงการถดถอยของสหภาพแรงงานไทยในภาคอุตสาหกรรมซึ่งเขาอ้างว่า ถูกควบคุมเข้มงวดจนไมรอมจฟื้นคัวขึืนมาใหม่ กระทั่งกมดสภาพในดารเป็นตึวแทนของชนชั้นกรรมกร จนยากที่ถลังกรรมกรจะเป็นพลังสำคัญขเงฝ่ายประชาธิปไตย ก็มีคำถามเชานเดียวกันว่า เป็นข้อสรุปที่ถูกน้ิงหรือไม่ เพราะในโลกปัจจุบันนั้น ลัทธิสหภาพแรงงาน ได้ลดทอนพลังแฃะความน่าเลื่เถือในสายตาของชนชั้นกรรากรทั่วธลกอย่างรุนแรง (ยกเว้นบางประเทศในสหภาพยุโรปเช่น เยอรมนี หรือ อังกฤษ ซึ่ลมีพัฒนาการทางประวะติศาสตร์จำเพาะ) เนื่องจากสภาพและเงื่อนไขของการจ้างงานในระบบทุนนิยมได้เปลั่ยนแปฃงจากในอดีตอย่สงมาก เช่น เงื่อนไขกาีจ้างงานระหว่าฝภาคพารผลิต และภาคบริการ จนกระทั่งไม่มีตวามจำเป็นต้องพึ่งพาสหภาพแ่งงานแบบเดิมอีกต่อไป อีกทั้งีวามหลากหลายของวิชาชีพและภารกิจในการทำงาน ก๋มีาืวรทำให้การรวมตุวกันของคนงานในรูปแบบสหภาพแรงงานลดความสำคัญลงไปประการต่อไป ข้อเท็จจริงที่ว่า การปรากฏจัวแสดงจะดยทนของปัญญาชตประชาธิป/ตยของเสกสรรค์ในแต่บะครั้งนั้น มีรวามถ่าต่ำเกินไป ฤหม่นับถึงท่าทีทีทไม่ชัดเจนของเขมเองในหลายครั้ง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่ดการเคลื่อนไหวของพลังประชาธิปไตย) เกินกว่าจะสร้รงพลังในการชี้าำที่ะป็นพลังรูปธรรมให้ก้บขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยได้ เพราะดังที่ทราบกันดี นับตั้งกต่สถาสกนรณ์เปลี่ยนแปลงหลังการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคท 3554 เป็นต้นมาถึงปัจจุบ้น พลังประลาธิปไตยกับภลังฝ่ายต่อต้าน ได้พัฒนาการต่อสู้ขึ้นมาอยู่ในระดับขัันยัน(ดีงที่ผู้เขียนได้เคยรำเสนอไว้ใน ภารกิจใหม่ในการเริ่มต่อสู้ขั้นยัน ศิวะ รณยุทธ์ สิงหาึม 2555) ซึ่งยังดำเนินอยู่ และยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเบ็ดิสร็จ ทำให้เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภารกิจของปัญญาขนประชาธิปไตย ต้องแสดงท่าที และนำเสนอจุดยืนต่อปัญหารูปฑรรมในแต่ลุย่างก้าวทีืนับวันจะเข้มขืนแชะถี่กระชั้นมากขึ้น เพื่อสอดรับกับสถานหารณ์ทค่แหลมคมด้วยความำบ้าหาญทาบจริยํรรม ไม่หวาดหวั่นต่อเสียงวิพมกษ์รอบข้าง โดยต้องไส่ถือว่าการนำเสนอความคิดชี้นำดังกล่าว เป็นแค่พิธีกรรมประจำปี หคือ พ้ธีกรรมครบครบ 5 ปี ปรือ 10 ปี ซึ่งในบางกร๖ี อาจะเป็นแค่คำบอกเล่าถึวอดีตที่ผ่านเลยอย่างเปล่รกีะโยชน์ผู้เขีจนเชื่อว่า พลังปัญญา บารมร ความกล้าหาญทางจริยธรรม และศักยภาพที่ยังเต็มเปี่ยมของอสกสรรค์จะสามารถนนับสนุนให้พลังประชาธิปไตยสามารถช่วงชิบควาสชอบธรรมฝนการตีอสู้เพื่อแผ้วถางประชาธิปไตยและปัญำาความเหล้่อมล้ำทางสังคมได้อย่างมีประาิทธิผล หากเขาต้องกาคที่จะมีส่วนร่วมในขบวนแถวดังกล่าวไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตามท้าจสุด การที่เสกสรรค์ไม่ได้เสนอทางออกใดๆที่เป็นรูปฌารมเพื่อหาทางออกให้กัลสังคมในกระบวนการลแความเหลื่อมล้ำมางสังคม ถือเผ็นข้ิด้อยอย่างสำคัญที่จะทำให้ขบยวนการแระชาธิปไตยขาดนินตนาการที่เปฌนาูปธรรมสำหรับก้าวเะินไปข่างหน้น โดยเฉพาะอส่างยื่งการสร้างแหนที่นำทางเบื้องต้น (โ่ดแม็พ) สำหรับรั.สยาาในอนาคต ที่สามารถที่ปิดช่องมิให้อำนมจเผด็จกานหรืออำนายรัฐจากการเลือกตั้งย่อนทำลายพลังอำนาจของผูัรักประชาธิปไตย และใช้มวลชนจัดตั้งที่เป็จประชาธิปไตยจอมปลอม เป็นเครื่องมือในกานสร้างสถานการณ์แย่งชิงอำนาจกลับคืยไปผู้เขียนยังคงบอยืนยันอีกบ่า ข้อเสนอที่เคยแสดงเอาไว้ว่า การที่รัฐไทยถูกอเกแบบให้ขนาดใหญ่ที่ตวบอำนาจการนำเหนือสังคมในทุกระดับ นับตั้งแต่ ก.ศ. w435 จนถึงปัจจุบัจ รวมตลอดจนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสัฝคมแห่งชาติหลายฉงับนับแต่ พ.ศ. 2504 ที่ทำให้เศรษฐกิจเปิดกว้างอ้าซ่าขนกระทั่งไมืสามารถสร้างตาข่ายนิรภัยรอบรับฟลกาะทบจากการเคลื่อนตัวของทุนนิยมโลกได้เพียงพอ ไม่เพียงเป็นปัญหาทำลายปรดชาธิปไตยเท่านั้น หากยังมีส่วนทำให้สังคมปริร้าวจากความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่รุนแรงแบบที่เสกสรรค์กล่าวเอาไว้ ทำให้สังคมโดยรวมต้องแบกภาระต้นทุนวูงเกินจำเป็นจากการบริหารจัดการรัฐมีประมิทธิภาพต่ำ แลัขาดความยืดหยุ่นในกระบวนการทำงาน ถ้อออาประโยชน์ของรัฐเหนือกว่าผลประโยชน์ของมวลชน และท้ายสุด รัฐมีแนวโน้มใช้อำนาจคุกคามเสรีภาพของมวลชนได้ง่าน นับแต่การอก็บภาษีและการสร้างสภาพยัลคับทางกฎหมายอย่างเหมารบมผู้ิขียนได้เคยเสนอเอาไว้ (โมเดลสวิว เพื่อเปลี่ยนผ่านสังคมสยาม: กรณีศึปษา เพื่อสร้างสสิตเซอร์แลนดฺอห่งเอเชีย ศิวะ รณยุทธ์ 2554) ว่าสวิตเซอร์แลนด์ถือว่าเป็นโมเดลต้นแขบสหพันธรัฐที่โดดเด่นมากสุดสำหรับอนาคตของนังคมสยรม โดยมีพืิตฐานบนรัฐธรรมนูญอันก้าวหน้าของสหพันธรัฐสบิาที่แรุกาฒใช้ในปี ค.ศ. 1848 (ก่อนที่คาร์ล มาร์กซ และเฟรดริห เองเกลส์จะเขียนแถลงกรรณ์ชาวคอมมิวนิสต์อันลือลั่นหลายเดือน) ทั้งในด้านของการสร้างความเป็นธรรมในสังคม การสร้างความมุ่งคั่งแหรงชาติ แบะการสร้างบรรยากาศประชาธิปไตย เพรทะองคาดยกของสังคมเกือบทั้งหมดถูกขับเคลื่อจไปในทิศทสงที่เป็นะอกภาพอย่นงเป็นอิสระและสร้างสนรค์ ดังจะเห็นไดืจากมีเัชนีความสุขของพลเมืองใสรุดับหัวแถว รายได้ประชากรต่อหัวสูงกว่นทุกชาติในยุโรปและญี่ปุ่น ค่าเงินสวิสฟรังก์ปกร่งแถวหน้าของโลกและปันฟวนต่ำกว่าสกุลอื่ตๆ เป็นปู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับอันดับสองของโลปโดยทั่ไม่มีวัตถุดิบในประเทศ เป็นผู้ผลิตนาฬิกาชั้นจำของโลกโดยที่ไม่มีอุตสาหกรรมเหล์กในประเทศ มีสถาบันการเงินระดับโฃก มีชริษัทช้ามชาติทางด้านยา อาหาร เคมีภัณฑ์ แลัวิศบกรรมมีชื่อเสียงระดับโลก และที่สำคัญสุดคือ ไม่มีรอยปรอร้าวของคนในสังคมที่เกิดจากปัญหาอัตลัพฯณ์ของวัฒนธรรม ภาษ่ ศาสนา และลาติพันธุ์ความรุ่งโรขน์เหลรานี้ มิใช่ได้าาโดยง่ายดายแฃะสันติ (สวิสเป็ยชาติที่อนุฯาตให้สตรีได้สิทธิลงคะแนนเสียงเฃือกตั้งเป็นชาริหลังสุอของโลกเมื่อประมทณ 15 ปีมานี้เอง) แต่มีเบื้องหลังทางประวัตอศาสตร์ที่ผ่านกระบวนแารต่อสู้อย่างโชกโชนทางกระบยนทัศน์ สังคม และการเมืองถึงเลือดเนื้อ และนูญ้สียนับครั้งไม่ถ้วนตลอดกว่าพ้นปี ทั้งก่อนหน้าและหลังการเป๊นรัฐประชาชาติ ซึ่งสามารุนำมาเป็นกรณีศึกษาการเปลี่ยนผ่านสังคมภรยใต้โมเดลสวิส ที่ทำการแบ่งแยกอำนาจระหว่างรัฐบรลท้องถิ่น กับรัฐบาลกลางให้เผมาะสม ัพื่อให้สามารถอยู่รอดปลอดภัยยรกรัฐภมยนอก และเพื่อเปิดช่องให้กับเสรัภาพ ยุติธรรม และการจัดสตรทรัพยากรภายในที่สอดคล่องกับวิถีวัฒนธรรมพหุาิยมของสมรชิกในสังคมที่มีหลายช่ติพันธุ์ โดยมีโครงสร้างหยาบๆดังต่อไปนี้1)เส้นทางเพื่อได้มาซึ่งสันติภาพยั่งยืน เกิดจากการต่อสู้อันยากลำบากจทหสมาพัรธตัฐฟิวดัลที่แษุตริย์นครตัฐค่องอำนรจนำ สู่สงครามกลางเมืองจากการหฏิรูปศาสนา สู่ระฐขนาดใำญ่แบบสาธารณรัฐ แล้วจนท้ายสุด่้ายสุกกลับไปสหพันธรัฐมหาชน และนโยบายต่างประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่โลหเคารพในศักดิ์ศรีอย่างลงตัวยั่งยืน2)มวลชนมีบทบาทแบ็วขันในการสร้างฉันทามติต่วมว่าต้องการรัฐขนาดเล็กที่มีการถ่วงดุลเหมาะสมระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่จโดยไม่จกต้องมีอุดมการณ์ที่ตายตัว ไม่เคยมีรัฐบาลเสียงข้างมาก และไม่ต้องำารลัทธิชาตินิยมตัขแคบ แต่เจ้นการมีส่วนร่วม และขันนิธรรมบองการอยู่ร่วมกัตในความแตกต่าง3)ฮม้ดลของรัฐแบบสวิสที่มีโครงสร้างให้ระบอบเศรษฐกิจและกระจนยผลประโยชน์ที่ลฝตัว การต่อสู้เชิงอุดใการณ์ทางสังึม เศรษฐกิจและการเมือง ก็ลดรวามเข้มข้นลงโดยไม่กรพทบต่อพัฒนาการทางปัญญาอื่นๆชองสมาชิกในสังคม4)โมเเลการสร้างรัฐที่ไม่ปฏืเสธการดำรงอยู่ของกองดำลังที่ถ่วงดุลกันระหว่างทหารบ้าน ทหนรประจำการ และทหารอาสา ทำใป้สวิวเป็นชาติกำลังทฟารและอุปกรณ์การรบสูงที่นุดแห่งหนึ่งของฉลก แน่ทีสันติภาพยั่งยืน มีอาชญากรรมต่ำ ดละมีีวามยุติธรรมทรงสังคมสูงช้อเสนอแนะของผู้เขียนที่มีต่อปัญญาชนประชาธิปำตย และแนาคตของรัฐสยาม จากบทวิเคราะห์ปาฐกถาของเสกสรร และธีรยุทธเช่นนี้ อาจขะเข้าข่าย เอนมะพร้าวหัาวมาขายสวน ได้เช่นกัน แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่จบวนการประชาํิปไตยไทยได้บ้างไม่มากก็น้อยอย่างนีิยที่สุด ความเห็นพ้องกันในหลักการงทา ประชาธิปไตยซึ่งอป็นทั้งเป้าหมายและวืธีการในตัวเองนั้น /ด้รับการพิสูจน์มาแล้วทั่วโลกว่า เป็นยื่งท้่เผ็นจริงได้ ไม่ใช่ความละเมอฝัน ข้อเท็จจริงนนำปรพวัติศาสตร์ของ ำารปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ของอังก(ษ (ค.ศ.1688) สบครามกู้เแกราชของสหรั๘อเมริกา(ค.ศ.1776) การปฏิวัติฝรั่งเศส(ค.ศ.1789) แารปฏิวัติของเคมาล อตาร์เติร์กในตุรกึ(ค.ศ.1923) และซานดินิสต้าของนิคารากัวฤค.ศ.1979) ล้วนยืนยันไดเดีว่า ปรพชาธิปไตยและความรุ่งโรจน์ของสังคม เป็นสิ่งเพียวกันที่ทำให้สังคมสยามพ้นจากอมการป่วยัรื้อรังนานกว่า 80 ปีแล้วจากเงื้อมมือของผู้ร้ายหลัก แลพจะไม่ตกเป็นเหยื่อใหม่ของผู้ร้ายรองอีกต่อไปในอนาคต
|
ได้แสดงออกมา ซึ่งได้ยืนยันพฤติกรรม และจุดยืนของคนทั้งคู่ออกมาอย่างชัดเจนว่า ใครเป็นปัญญาชนของขบวนการประชาธิปไตย และใครเป็นปัญญาชนจอมปลอมที่ได้แต่สร้างภาพลักษณ์สื่อมวลชนบางสำนัก พยายามประจบเอาใจคนทั้งคู่ว่า ยอดเยี่ยมเหมือนกัน ด้วยเป้าประสงค์อย่างใดไม่ชัดเจน แต่น่าเสียดายข้อเท็จจริงถึงคุณภาพทางปัญญาของคนทั้งคู่ที่ต่างกันลิบลับ ทำให้ไม่สามารถปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้เลยว่า ใครคือนักประชาธิปไตยที่แท้ และใครปลอมเสกสรรค์ แสดงปาฐกถา 2 ครั้ง โดยในวันที่ 13 ตุลาคม 2556 ในหัวข้อ เจตนารมณ์ 14 ตุลา คือประชาธิปไตย ส่วนวันที่ 14 ตุลาคม ในหัวข้อ ความฝันเดือนตุลา สี่สิบปีแห่งการแสวงหาเสรีภาพ ความเสมอภาคและความเป็นธรรมในประเทศไทย ส่วนธีรยุทธ พูดครั้งเดียวในวันที่ 14 ตุลาคม ในหัวข้อ 40 ปี 14 ตุลา : อุดมการณ์ประชาธิปไตย 40 ปีหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516กรอบความคิดของคำปาฐกถาของทั้งคู่ มุ่งตอบคำถามร่วมหลัก คือ การเชื่อมโยงเจตนารมณ์ 14 ตุลาคม เข้ากับสถานการณ์ของประชาธิปไตยปัจจุบัน ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์ร่วมในสถานการณ์จริงในบางช่วงมาด้วยกัน รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อชี้ทางออกสำหรับอนาคต แต่เนื่องจากรากฐานของกรอบคิดทางวิชาการของคนทั้งคู่ต่างกัน(เสกสรรในฐานะนักรัฐศาสตร์ ธีรยุทธในฐานะนักสังคมวิทยา) ดังนั้น คำตอบย่อมแตกต่างกันไปด้วยจุดร่วมอีกประการหนึ่งของคนทั้งคู่คือ การเชิดชูเจตนารมณ์และขบวนการประชาธิปไตยในฐานะเป้าหมายและวิธีการในการปลดปล่อยพลังให้สังคมไทย และเครื่องมือในการสร้างความร่วมมือบนความขัดแย้งของกลุ่มพลังในสังคมด้วยสันติวิธีปาฐกถาทั้งสองครั้งของเสกสรร มีความต่อเนื่องกันในเชิงความคิดที่สอดรับกันอย่างดี โดยเริ่มต้นอย่างถ่อมตนผิดจากที่เคยว่า ในฐานะปัจเจกบุคคลอาจจะมองปัญหาดังกล่าวได้ไม่ครบถ้วน และเรื่องที่พูดก็เป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน แต่ก็นำเสนออย่างคนที่ตกผลึกทางความคิดเป็นระบบที่ดีเยี่ยม ด้วยข้อมูลพื้นฐานเนื้อหาที่สอดคล้องกันเพื่อบอกพวกท่านว่าผมยืนตรงไหนและคิดอย่าง ไร โดยเริ่มต้นว่า เจตนารมณ์ 14 ตุลาคม 2516 ของปวงชนหลายกลุ่มนำโดยขบวนการนักศึกษา ล้วนมุ่งมาดปรารถนาเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย อยากเห็นประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ ความเสมอภาคและความเป็นธรรม ซึ่งแยกไม่ออกจากจินตนาการถึงชีวิตที่ดีกว่าจากนั้น เสกสรรค์วิเคราะห์อย่างลงลึกถึง ปมปัญหาที่ทำให้ เวลาที่ผ่านไป 40 ปี ซึ่งทำให้ ส่วนยอดของระเบียบอำนาจเก่าได้ล้มลงในชั่วเวลาข้ามคืน ขณะที่ระเบียบใหม่ยังไม่ได้ก่อรูปขึ้นอย่างชัดเจน แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ว่างเปล่า แต่ยังเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ทำให้เป้าหมาย ความฝันเรื่องเสรีภาพ ความเสมอภาค และความเป็นธรรม ยังไม่ปรากฏเป็นจริง ด้วยกระบวนทัศน์ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ยังคงมีอิทธิพลของเศรษฐศาสตร์การเมืองแบบมาร์กซ์ ผสมกับแนวคิดอำนาจการนำ(hegemony)ของอันโตนิโอ กรัมซี่ และประชาธิปไตยรากหญ้า(radical democracy)ของเออร์เนสโต้ ลักเลา และชานทาล มูฟเฟ่ อยู่ในระดับสำคัญ (แม้ปราศจากคราบไคลของข้อเสนอที่ตั้งบนรากฐานวัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์ ของลัทธิมาร์กซ์-เลนิน-เหมา เจ๋อ ตง ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง) โดยเฉพาะการวิเคราะห์โครงสร้างทางชนชั้นของสังคมแกนหลักของประชาธิปไตยที่แท้จริงในกระบวนทัศน์ของเสกสรรค์คือ ความยุติธรรม ซึ่งอยู่เหนือกว่าเสรีภาพและเสมอภาค ดังที่เขาย้ำว่าคนเราจะบรรลุความเป็นเสรีชนได้อย่างไรหากไม่สามารถเลือกรัฐบาลที่ตัวเองพอใจและบอกโลกได้ว่าตัวเองต้องการอะไร ความเสมอภาคของมนุษย์จะปรากฏเป็นจริงด้วยวิธีไหนหากไม่ใช่สิทธิเสียงที่เท่ากันในการกำหนดชะตากรรมของบ้านเมือง ความเป็นธรรมก็เช่นกัน เราคงไปถึงจุดนั้นไม่ได้ถ้าผู้คนที่เสียเปรียบไม่สามารถผลักดันให้รัฐคุ้ม ครองผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้ของพวกเขาการวิเคราะห์ของเสกสรรค์ ชี้ให้เห็นว่า ปมปัญหาหลักที่ทำให้ประชาธิปไตยไทยไม่สามารถเดินหน้าไปได้ จมปลักอยู่ในเขาวงกตทำให้ ตลอด 40 ปีมานี้ นาฏกรรมทางการเมืองของไทยจึงหมุนวนรอบห้อมล้อมรัฐประหารและการต่อต้านรัฐ ประหารซึ่งผูกพ่วงไปมาสลับกันระหว่างรัฐบาลเผด็จการและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประชาชนได้รับอิสระ เสรีภาพและเชิดชูความเท่าเทียมของมนุษย์ต้องหลั่งเลือด ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ประชาธิปไตยมีที่อยู่ที่ยืน เกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่าระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่การปกครองที่เลื่อนลอย หรือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิที่จับต้องไม่ได้ หากเป็นความสัมพันธ์ทางอำนาจที่เรียบง่ายชัดเจนและมีสาระใจกลางของปรัชญา อยู่หนึ่งประโยคเท่านั้น คือ ให้ประชาชนเป็นนายตัวเองเสกสรรค์ประมวลว่าเหตุปัจจัย 3 อย่างที่ทำให้ประชาธิปไตยไม่คืบหน้า ล้วนเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันคือ อิทธิพลของชนชั้นนำภาครัฐที่เคยผูกขาดอำนาจการปกครองมาก่อน ฐานะครอบงำของวัฒนธรรมการเมืองแบบอำนาจนิยม ซึ่งไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย และ สภาพที่กำลังของฝ่ายประชาธิปไตยไม่มีลักษณะคงเส้นคงวาจากแกนหลักของการวิเคราะห์เหตุปัจจัยดังกล่าว เสกสรรไม่รีรอที่จะฟันธงชัดเจนลงไปว่า ผู้ร้ายหลักของประชาธิปไตยไทยคือ ชนชั้นนำภาครัฐที่เคยผูกขาดอำนาจการปกครองมาก่อน ที่ยังคงรักษาพื้นที่ทางอำนาจนำ และความพยายามของชนชั้นปกครองเก่าที่จะทวงอำนาจกลับคืนมาอย่างแน่วแน่ แม้จะปรับเปลี่ยนตัวเองตามสถานการณ์บ้าง โดยอาศัยพลังสนับสนุนของผู้พิทักษ์แนวคิดเดิม และเงื่อนไขทางสังคมจำเพาะ โดยมุมมองที่ว่าการเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพทุกชนิดล้วนเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและพวกเขาบทบาทของผู้ร้ายหลักนั้น เสกสรรค์ถือว่าเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยโดยตรง เริ่มตั้งแต่การทำลายพลังนักศึกษาและปัญญาชนที่เคยเป็นกองหน้าที่ฮึกห้าวเหิมหาญในการบุกเบิกพื้นที่เสรีภาพให้ประชาชนหมู่เหล่าต่างๆ ทำลายล้างพลังของชนชั้นผู้ใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมจนไม่อาจฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ ทำลายโอกาสของประเทศไทยในการที่จะเชื่อมร้อยการเมืองมวลชนเข้ากับการทำงานของระบบรัฐสภา และทำลายพื้นที่สำหรับพรรคการเมืองแบบทางเลือกในตัวระบบรัฐสภาที่มีแนวทางสังคมนิยมหรือรัฐสวัสดิการที่ถูกทำให้เป็นองค์กรผิดกฎหมาย โดยการปราบกวาดล้าง 6 ตุลาคม 2519 ที่นำประเทศเข้าสู่สงครามกลางเมืองนานหลายปีนอกจากนั้น หลังการฟื้นคืนบรรยากาศประชาธิปไตยรอบใหม่ ตั้งแต่ปี 2521 ผู้ร้ายหลักนี้ ยังได้ส่งมอบประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ และกำหนดเงื่อนไขที่มุ่งหวังให้นักการเมืองมาช่วยตกแต่งหน้าร้าน เพื่อปกป้องฐานะการนำกลุ่มอำนาจเดิมในฐานะคนเชิดหุ่นเอาไว้ แทบไม่มีพื้นที่อันใดสำหรับการมีส่วนร่วมของพลเมืองในกระบวนการตัดสิน ใจ กระทั่งการเลือกตั้งก็มีความหมายเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะผู้นำรัฐบาลไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองและไม่จำเป็นต้องได้รับเลือกจากประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว รัฐบาลประชาธิปไตยครึ่งใบ ได้เปิดโอกาสอย่างสูงให้ระบบทุนนิยมในประเทศได้หยั่งรากแน่น จนไม่มีรัฐบาลชุดไหนต่อๆมากล้าแตะต้องผลประโยชน์ของชนชั้นนายทุน มิหนำซ้ำผลประโยชน์ของทุนยังถูกยกระดับขึ้นเป็นผลประโยชน์แห่งชาติสภาพทางการเมืองอันจำกัด ได้ส่งผลต่อบุคลิกลักษณะของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ถูกตัดโอกาสที่จะพัฒนาตนเป็นผู้นำตั้งแต่ต้น ไม่สามารถแน่ใจได้ว่าเป็นตัวแทนของประชาชนหรือเป็นแค่บริวารของผู้นำกองทัพ แต่ที่สำคัญ ได้ก่อตัวเป็นขบวนการทำให้ระบอบประชาธิปไตยกลายเป็นการเมืองแบบเจ้าพ่อ และเวทีการเมืองก็เป็นเพียงโอกาสขยายธุรกิจและผลประโยชน์ต่าง ๆของคนบางกลุ่ม เพราะนักการเมืองจำนวนไม่น้อย เติบโตมาจากนักธุรกิจในท้องถิ่นหรือเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ฐานเสียงนักการเมืองจำนวนมากในประชาธิปไตยแบบเจ้าพ่อนี้ ไม่เพียงแต่เคยชินแต่การรับบทพระรอง และไม่สามารถสถาปนาอำนาจการนำอย่างแท้จริง หรือขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยให้หยั่งรากขยายตัวเท่านั้น หากเมื่อพวกเขาได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาลขึ้นเอง ก็ได้กลายเป็นรัฐบาลที่ถูกวิพากษ์และถูกติฉินนินทาเรื่องทุจริตคอรัปชั่น จนเป็นจุดอ่อนขนาดใหญ่ทั้งของรัฐบาลและระบอบการเมือง สร้างเงื่อนไขในการทวงอำนาจคืนของชนชั้นนำจากกองทัพและระบบราชการก็สุกงอมกลับเข้าสู่วังวนรัฐประหารรอบใหม่ คือรัฐประหาร 2534การรัฐประหารดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างผิดเงื่อนไขและเงื่อนเวลา เพราะโลกได้เปลี่ยนไปไกลแล้ว และเงื่อนไขในการสร้างรัฐบาลทหารโดยมีนักการเมืองผสมก็จางหายไป ทำให้ภายในเวลาเพียงปีเดียว การต่อต้านก็นำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดเดือนพฤษภาคม 2535 จากนั้นจึงนำไปสู่กระแสปฏิรูปการเมือง และรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ซึ่งเป็นการรื้อฟื้นเจตนารมณ์ของการต่อสู้ 14 ตุลาคมมายืนยันอย่างมีพลังอีกครั้งส่วนผู้ร้ายรอง ได้แก่กลุ่มทุนใหม่ที่เติบใหญ่อย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัตน์และการเติบใหญ่ขยายตัวของระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสิ้นสุดลงของสงครามเย็น ซึ่งความกลัวฝ่ายซ้ายของชนชั้นนายทุนเริ่มหมดไปจากฉากหลังทางการเมือง และทำให้บทบาทของกองทัพและแนวคิดขวาจัดลดพลังลง นักการเมืองที่สถาปนาตนเองจากภาคธุรกิจเริ่มแสดงความต้องการที่จะขึ้นกุมอำนาจโดยตรงอย่างเปิดเผยมากขึ้น แทนที่จะยอมเป็นแค่หางเครื่องของผู้นำกองทัพและผู้บริหารระบบราชการความต้องการพื้นที่ทางการเมืองแทนที่ชนชั้นนำเก่าในศูนย์ผูกขาดอำนาจรัฐเดิม กระทำได้โดยฉวยโอกาสใช้เวทีประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือสร้าง หุ้นส่วนทางการเมืองที่เหลือเชื่อ กับชนชั้นกลางใหม่ในต่างจังหวัด และชนชั้นกลางล่างในเมืองใหญ่ ที่ไม่ต้องการเป็นสัตว์เลี้ยงในคอกของผู้ปกครองเดิมอีกต่อไปผลลัพธ์ด้านบวกของหุ้นส่วนที่เหลือเชื่อดังกล่าว คือช่วยชุบชีวิตให้ระบบรัฐสภาไทยด้วยการใช้ การเมืองภาคตัวแทนช่วยต่อรองในระดับนโยบาย ช่วยลดทอนช่องว่างทางชนชั้นในเรื่องอำนาจและอิทธิพลทางการเมือง ซึ่งจะนำไปสู่การลดช่องว่างในด้านรายได้ แต่ด้านลบคือ มันนำไปสู่การสะสมความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหม่กับกลุ่มผู้กุมอำนาจนำเหนือรัฐเดิม และหุ้นส่วนที่เหลือเชื่ออีกรูปแบบหนึ่งกับพลังอนุรักษ์นิยมของชั้นนายทุนและคนชั้นกลางรุ่นเก่าในเมืองที่รวยได้โดยไม่ต้องโกง และอ่อนไหวง่ายกับการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ตนเองเสียผลประโยชน์ที่เคยได้มาในอดีตจากแผนพัฒนาประเทศและการขยายตัวของทุนนิยม ตลอดจนกลุ่มการเมืองภาคประชาชนที่ต้องการจำกัดอิทธิพลของตลาดเสรี สิทธิในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและมลพิษ ลดทอนลดอำนาจรัฐรวมศูนย์ที่ฉ้อฉล และเพิ่มอำนาจประชาชน กลายเป็นการขัดแย้งอันยุ่งเหยิงของกลุ่มพันธมิตรที่เหลือเชื่อ 2 กลุ่ม ที่เป็นรากเหง้าของการเมืองแบบสีเสื้อในปัจจุบันการที่ผู้ร้ายรองนี้ เติบโตมากับกระแสโลกาภิวัตน์และเข้าใจการเปลี่ยนแปลง ของโลกมากกว่า จึงต้องการปลดปล่อยอำนาจการนำรัฐออกจากมือของชนชั้นนำจากท้องถิ่น หรือนักการ เมืองอาชีพซึ่งเคยชินกับการให้สัญญาเชิงอุปถัมภ์หรือปฏิญาณตนแบบลม ๆ แล้ง ๆ มากกว่าการสร้างนโยบายที่จับต้องได้ และตรงกับประเด็นปัญหา โดยอาศัยช่องว่างจากบรรยากาศประชาธิปไตยภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ซึ่งให้อำนาจฝ่ายบริหารไว้มากเป็นพิเศษ อีกทั้งมีข้อกำหนดหลายอย่างที่ส่งเสริมให้มีพรรคการเมืองขนาดใหญ่จำนวนน้อย และยังแอบยกฐานะเศรษฐกิจทุนนิยมและกลไกตลาดเสรีขึ้นมาเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐด้วย ดังที่ปรากฏอยู่ในมาตรา 87 ซึ่งจำกัดเสรีภาพในการเลือกนโยบายทางเศรษฐกิจนอกกรอบทุนนิยมไปอย่างสิ้นเชิง นอกเหนือจากการให้คุ้มครองคนเสียเปรียบอย่างเดียวกลุ่มทุนใหม่ที่เป็นผู้ร้ายรองในสายตาของเสกสรรนี้ เป็นผู้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงในชนบทและหัวเมืองต่างจังหวัดก่อนใคร ๆ เห็นชาวไร่ชาวนาส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อพยพเข้าเมืองได้แปรสภาพเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ที่ทำการผลิตในเชิงพาณิชย์และจำเป็นต้องอยู่กับตลาดทุนนิยม แต่เป็นผู้เล่นที่เสียเปรียบอย่างยิ่งภายใต้กลไกตลาดเสรีที่ต้องการนโยบายรัฐมาหนุนช่วย ตั้งแต่เรื่องของการเข้าถึงแหล่งทุน การตัดวงจรหนี้สิน จนถึงการคุ้มครองราคาผลผลิตทางเกษตรที่พวกเขาฝากชีวิตเอาไว้ ผ่านกระบวนการอำนาจต่อรองในทางการเมือง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับชนชั้นนายทุนและคนชั้นกลางรุ่นเก่าในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ ซึ่งไม่มีใครช่วยก็รวยได้ เพราะมีกลไกตลาดคอยดีดเงินเข้ากระเป๋าอยู่แล้ว แต่ให้ความสำคัญกับประเด็นซ้ำซากว่าด้วยคุณธรรมของฝ่ายบริหารและกติกาของระบบตลาดเสรี จนบางส่วนจึงถึงกับเต็มใจให้มีการเปลี่ยนรัฐบาลด้วยวิธีการที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยเสกสรรได้ทิ้งท้ายปาฐกถาของเขาเอาไว้ด้วยข้อเสนอหลายประการว่า พัฒนาการของประชาธิปไตยในปัจจุบันแม้จะมีข้อเด่นตรงที่ได้ลดบทบาทของการเมืองของชนชั้นนำลง เข้าสู่เรื่องของสามัญชนมากขึ้น ถือเป็นการเติบโตของประชาธิปไตย แต่เงื่อนไขต่างๆที่ผลิตความขัดแย้งในสังคมกลับท้าทายความสามารถในการจัดการความขัดแย้ง 2 กลุ่มหลักคือ ความแตกต่างทางชนชั้นอย่างสุดขั้ว หรือความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับที่ล้นเกิน ซึ่งส่งผลให้ผู้คนเข้าถึงอำนาจได้ไม่เท่ากันและมีทัศนะทางการเมืองไม่ตรงกัน กับ แรงผลักของกระแสโลกาภิวัตน์และทุนนิยมแบบไร้พรมแดน ซึ่งทำให้รัฐไทยมีพื้นที่น้อยลงในการบริหารจัดการเศรษฐกิจ และระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทำให้ผลประโยชน์ของชาติกลายเป็นเพียงภาพลวงตาเสกสรรค์ระบุว่า ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นที่นับวันยิ่งขยายกว้างนี้ ทำให้มุมมอง ทัศนคติ และระดับความภักดีต่อประชาธิปไตย ของมวลชนกลุ่มต่างๆไม่เหมือนกัน ซึ่งยากจะไกล่เกลี่ยประนีประนอม เพราะมันผูกติดอยู่กับเดิมพันเรื่องผลประโยชน์ที่เป็นแกนชีวิตของแต่ละฝ่าย ทำให้บรรยากาศเสรีนิยมเกิดขึ้นได้ยาก และมักนำไปสู่การเผชิญหน้าทางการเมือง กระทั่งในบางกรณี ถึงกับนำไปสู่ความรุนแรง ดังเช่นการที่ชนชั้นกลางและกลุ่มทุนเก่าในเมืองหลวงยอมเปิดทางให้กับกองทัพทำรัฐประหารในปี 2549 และกรณีนองเลือดกระชับพื้นที่ด้วยกระสุนจริงที่ราชประสงค์ในปี 2553เสกสรรย้ำว่า ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นสุดขั้ว ซึ่งถูกสนับสนุนให้เลวลงด้วยระบบการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม ทำให้คนรวยเสียภาษีทางตรงน้อยเกินไป ส่วนคนจนก็เสียภาษีทางอ้อมทุกวัน คือที่มาของความขัดแย้งรุนแรงในประเทศไทย เป็นเรื่องที่ผู้คนในประเทศไทยต้องตระหนักให้มากขึ้นว่าปัญหาของประเทศไม่ได้เกิดจากการโกงบ้านกินเมืองอย่างเดียว แม้ว่าสิ่งนั้นจะมีจริงและสมควรแก้ไข แต่คนที่ดูเหมือนมือสะอาดก็ใช่ว่าจะผุดผ่องอันใดนักหนา เพราะเงื่อนไขที่ก่อเรื่องมากกว่าคือระบบที่ทำให้คนจำนวนหนึ่งรวยได้อย่าง เหลือล้นโดยไม่ต้องโกง ขณะคนส่วนใหญ่ลำบากได้อย่างเหลือเชื่อทั้งๆที่ไม่ได้เกียจคร้านในกรณีของแรงกดดันจากกระแสโลกาภิวัตน์ เสกสรรค์มีมุมมองในเชิงลบยิ่งขึ้น เพราะเขามองว่า ทุนนิยมโลกาภิวัตน์ได้สร้างเงื่อนไขที่ทำให้รัฐไทยตกอยู่ในภาวะจำยอม ให้เมินเฉยต่อชนชั้นที่เสียเปรียบมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งให้ปัญหาการเมืองไทยยิ่งสลับซับซ้อนมากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะไม่เพียงเข้ามาเร่งขยายความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยเท่านั้น หากยังปิดกั้นหนทางแก้ไขเอาไว้ด้วยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เขาสรุปว่า คงฝากประชาธิปไตยไว้กับสถาบันและกระบวนการที่เป็นทางการอย่างเดียว ไม่ได้ หากต้องประสานบทบาทของการเมืองภาคประชาชน และการเมืองมวลชนเข้ากับระบบรัฐสภา ทั้งนี้เพราะพลังทั้งสองส่วนต่างก็มีปัญหากับทุนนิยมโลกไปคนละแบบ และมีแรงจูงใจสูงที่จะอาศัยมาตรการทางการเมืองมาทำการขับเคลื่อนประชาธิปไตยที่ยั่งยืนของเสกสรรค์จึงเรียกร้องให้สังคมไทยต้องทำการรักษาบาดแผลเรื่องความเหลื่อมล้ำและขัดแย้งทางชนชั้น ซึ่งสำหรับคนจำนวนไม่น้อย เคยเป็นเรื่องต้องห้ามและชวนให้ไม่สบายใจ อันเป็นท่าทีเขาเห็นว่า ไร้ประโยชน์และเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะนี่คือ ปัญหาใหญ่สุดของยุคสมัย ทั้งของโลกและของบ้านเรา มันเป็นสถานการณ์ที่สาปแช่งคนจำนวนมหาศาล ให้จมปลักอยู่กับความต่ำต้อยน้อยหน้า อับจนข้นแค้น และเสียโอกาสที่จะได้ลิ้มรสความเจริญ ซึ่งเขาระบุชัดเจนอย่างมีส่วนร่วมว่า วันนี้ ผมขออนุญาตเป็นปากเสียงให้กับพี่น้องเหล่านั้นสำหรับธีรยุทธ การวิเคราะห์โจทย์ยอดนิยมผ่านมาตั้ง 40 ปีแล้ว ทำไมประชาธิปไตยไทยยังไปไม่ถึงไหน ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ประชาธิปไตยนั้นเป็นเป้าหมายหรือวิธีการ แต่กระบวนทัศน์และท่าที รวมทั้งข้อสรุป แม้จะสะท้อนว่าเป็นทั้ง 2 อย่าง แต่ได้แสดงชัดว่า พยายามลอยตัวออกจากการมีส่วนร่วมในปัญหา ในท่วงทำนองของแมกซิมิเลียน เวเบอร์ นักสังคมวิทยาเยอรมันในอดีต เพราะเขามุ่งไปตรงไปที่ชุดคำตอบเบ็ดเสร็จคือ 2 คำตอบตรงไปตรงมา และ 2 คำตอบเชิงนามธรรมว่าด้วยอุดมการณ์และวัฒนธรรมการเมือง2 คำตอบแรก ธีรยุทธระบุว่า เพราะผู้ถามไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยคืออะไร และยังไม่เข้าใจความจริงของการเมืองและประวัติศาสตร์ ว่า 1) ประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องเกิด แต่เป็นลักษณะจำเพาะของแต่ละสังคมที่มีสารภาพเงื่อนไนอำนวยให้ 2) ประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งที่เขียนไว้เป็นกฎหมายแล้วจะเกิดขึ้น ประชาธิปไตยเป็นการเมืองซึ่งเกิดจากการรับรู้และสำแดงพลังอำนาจของคนกลุ่ม ต่างๆ เพื่อขอแบ่งปันสิทธิในการมีกินมีอยู่ในการจัดการทรัพยากร ตัดสินชะตากรรมของตนและส่วนรวม เมื่อได้มาแล้วก็ต้องรักษาสิทธิเหล่านี้ของตนเองไว้ให้ได้ข้อสรุปของธีรยุทธในระดับนี้คือ ไม่มีกลุ่มพลังใดในสังคมไทย มุ่งมั่นจะรักษาระบบประชาธิปไตยให้ทำงานไปได้หรือรักษาความเป็นระบบที่ตั้งไว้ได้ โดยยกตัวอย่างว่า หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ไม่มีใครได้ใช้ประชาธิปไตยนอกจากทหาร พลเรือน และนักการเมืองจำนวนหยิบมือ หรือเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ในหมู่นักศึกษา ปัญญาชน ชนชั้นกลางเสรีภาพของคนไทยเป็นเหมือนส้มหล่น ที่จะใช้กันอย่างเพลิดเพลิน ในขณะที่กลุ่มทุนไทยซึ่งปลดแอกจากทหาร ตำรวจ เก็บเกี่ยวดอกผลจากมัน ไม่มีความพยายามจะรักษาให้ระบบการเมืองทำงานไปได้ หรือรักษาความเป็นระบบที่ตั้งไว้ได้ กลับส่งเสริมสนับสนุน (ให้ทุนในการซื้อเสียง เมินเฉยเรื่องการขายเสียง)สำหรับธีรยุทธแล้ว ไม่มีผู้ร้ายเลย หรือ ทุกคนเป็นผู้ร้าย ในปัญหาของประชาธิปไตยไทย ซึ่งเท่ากับเป็นการลอยตัวเหนือความขัดแย้งอย่างพลิ้วไหวอย่างไม่ต้องรับผิดชอบใดๆในระดับต่อไป คำตอบของธีรยุทธในเรื่องอุดมการณ์ คือ ในสังคมไทยไม่มีใครยึดมั่นในประชาธิปไตยหรืออุดมการณ์ที่จะยอมรับ สิ่งเสริมอำนาจสิทธิของประชาชนตาดำๆ จริงๆ นอกจากประชาชนฝ่ายซ้าย จำนวนไม่มาก ซึ่งก็มักโน้มเอียงไปในการโจมตีล้มล้างทางชนชั้น ปัญญาชนชั้นนำของฝ่ายอนุรักษ์ไม่เคยสื่อหรือขยายความหมายเรื่องสิทธิอำนาจ ของประชาชน กลับพร่ำบอกว่าประชาชนขาดการศึกษา ยังไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตยเขายกตัวอย่างว่า จาก พ.ศ. 2475 จนถึง 14 ตุลาคม 2516 สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นหลักก็คือ กองทัพและสถาบันอนุรักษ์แย่งชิงการเป็นอธิปัตย์ ซึ่งก็คือการดำรงอำนาจสูงสุดทางการเมือง ทั้งสองส่วนนี้หันมาผนึกแน่นกันมากขึ้นในภารกิจการต่อต้านคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จนในที่สุดในช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 กองทัพซึ่งมีบทบาทเปลี่ยนแปลงระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 2475 ก็ได้ยอมกลับมาอยู่ใต้สถาบันพระมหากษัตริย์โดยสิ้นเชิง สังเกตได้จากคำขวัญของกองทัพซึ่งในช่วงก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ได้ใช้คำขวัญ ชาติ เกียรติ วินัย กล้าหาญ มาเป็นจะปกป้องเทิดทูน ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ในปัจจุบันจึงกล่าวได้ว่า ตลอด 50-60 ปีที่ผ่านมาสองสถาบันนี้ไม่ได้เน้นไปที่ประชาธิปไตย แต่โฟกัสอยู่ที่ความมั่นคงของชาติ ซึ่งก็คือความมั่นคงของ สถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ นั่นเองสำหรับกลุ่มทุนดั้งเดิมของไทย (-ไม่ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มไหน และวัดจากอะไร-) ธีรยุทธ ระบุว่า ทำตัวเป็นกาฝากการเมืองมากกว่า เพราะ นอกจากไม่สนใจประชาธิปไตยแล้ว ยังกลัวอันตรายการผูกพันกับการเมือง แต่ก็เกาะอาศัยสถาบันกษัตริย์ กองทัพ เพื่อการอยู่รอดมาตลอด เหตุการณ์ 14 ตุลาคม ทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากการกำกับและการแบ่งปันผลประโยชน์จากทางตำรวจ ข้าราชการ จึงมีความคึกคักและความเพลิดเพลินในการขยายตัวและแสวงหาผลกำไรทางธุรกิจของ ตนอย่างเต็มที่ และพยายามเกื้อกูลทั้งข้าราชการ กองทัพ พรรคการเมือง สถาบันอนุรักษ์ ให้เอื้อต่อการขยายตัวของธุรกิจตนในส่วนของพรรคการเมือง ธีรยุทธมองในเชิงลบอย่างถึงที่สุดว่า เป็นส่วนเกินที่ไร้ประโยชน์ของประชาธิปไตยไทย เพราะไร้จิตสำนึกเรื่องประชาธิปไตยแท้จริงอยู่เลย แม้จะได้รับอานิสงส์จากการเปิดพื้นที่จากกรณี 14 ตุลาคม 2516 ในช่วงต้นที่อำนาจรัฐยังอยู่ในมือของกองทัพและราชการ และอำนาจเศรษฐกิจอยู่กับทุนเก่าซึ่งมีรากเหง้าอยู่กับศูนย์กลางประเทศ พรรคการเมืองจึงเกิดจากทุนท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ซึ่งเคยถูกกีดกันออกจากการเมืองพื้นฐาน อำนาจของภาคการเมืองจึงมาจากภาคชนบท และมีจุดมุ่งหมายในการหาผลประโยชน์จากการพึ่งพาและเกาะกับรัฐและระบบราชการ โดยไม่มีจิตสำนึกเรื่องประชาธิปไตยแท้จริงอยู่เลย พรรคการเมืองไทยทุกพรรคอาศัยทุนเก่า ทหาร และราชการอยู่ตลอด และ ช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งทุนเก่าและสถาบันอื่นๆ ทรุดโทรมลง พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มทุนใหม่ขนาดใหญ่ เน้นความว่องไว และการจัดการความเสี่ยง ได้ยกระดับฐานอำนาจและผลประโยชน์ของภาคการเมืองจากการเป็นกาฝากเกาะกินรัฐ มาเป็นการควบคุมรัฐและภาคชนบทโดยตรง จนเป็นชนวนความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างกลุ่มอนุรักษ์ที่เคยกุมอำนาจรัฐมาแต่ เดิม กับกลุ่มทุนใหม่เก็งกำไรทางอำนาจซึ่งอยู่ในรูปของพรรคการเมืองคำตอบในเรื่องวัฒนธรรมการเมือง ธีรยุทธสรุปอย่างย่นย่อด้วยข้อสรุปส่วนตัวชนิดไร้ข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนว่า สังคมไทยมีวัฒนธรรมการเมืองแบบอุปถัมภ์ หรือถ้าจะใช้คำแรงๆ ก็คือ สังคมขี้ข้า ให้อ้างว่า คนส่วนใหญ่เสาะหาผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนที่มีอำนาจเส้นสาย โดยโยงเข้ากับกรณีที่ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นตัวอย่างจากนั้น ธีรยุทธก็ทำการใช้สำนวนลีลาด้วยการผูกโยงเพื่อชี้ให้เห็นจุดบกพร่องทางวัฒนธรรมการเมืองของคนไทยว่า นิยมมองสิ่งต่างๆ ด้วยมุมมองเรื่องสารพัดขี้ เพื่อที่จะแขวะโยงไปถึงทักษิณ ชินวัตรและพลพรรคที่ถูกจัดกลุ่มเดียวกันในเชิงลบเช่น ให้เรียกทักษิณเป็น ขี้ขำ ของการเมืองไทย และยิ่งลักษณ์นั้นอาจจะมองว่าเป็นนายกฯ ขี้หย้อง กับ ขี้แบ๊ะ (คำหลังนี้ ใช้ผิด เพราะ ขี้แบ๊ะไม่มีในภาษาเหนือหรือคำเมือง มีแต่คำว่า ขี้แขะ(บางถิ่นออกเสียวห้วนๆว่า ขี้แคะ) ที่มีความหมายว่าขี้ขลาด ไม่ทำอะไรจริงจังเป็นโล้เป็นพาย)นิยามข้างต้นนั้น ยังไม่สำคัญเท่ากับการที่ ธีรยุทธนิยามความหมายของ ชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์ของไทย และนิยามกองทัพ ซึ่งเป็นหัวขบวนกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยว่า เป็นพวก ขี้หักถ่อง ซึ่งแปลว่าพวกทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ปากว่าตาขยิบ ปากพูดให้คนทำดี แต่ไม่กล้าลงมือแก้ปัญหาเอง เพราะกลัวจะกระทบกระเทือนตัวเอง โดยกองทัพก็มีปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่นของนักการเมือง มีโอกาสและอำนาจจะแก้ได้ 2 หนคือ การรัฐประหาร รสช. และ 19 กันยายน 2549 แต่ก็ทำแค่ครึ่งๆ กลางๆ เพราะกลัวจะเข้าเนื้อหรือถูกแว้งกัดได้ในภายหลัง แม้จะนำเอาคนมีฝีมือของตน เช่น พลเอกสุรยุทธ์ ก็ทำอย่างโหย่งโย่ย ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันการให้คำนิยามดังกล่าว ตอกย้ำทัศนคติของธีรยุทธ ว่ายังคงเหมือนเดิมทุกประการ นับตั้งแต่กรณีการยกย่องเชิดชูการเข้ามามีบทบาทของอำนาจตุลาการในการเมืองไทยในกลางปี พ.ศ. 2549 ก่อนการรัฐประหารโดยกองทัพว่าเป็นตุลาการภิวัตน์ ก่อนใครอื่น และมองเห็นการรัฐประหารเป็นความจำเป็นทางการเมืองเพื่อหยุดยั้งความรุนแรงกระบวนทัศน์ และจุดยืนจากชุดคำตอบที่เปิดเผยตัวตนออกมาเองเช่นนี้ เปิดเผยธาตุแท้ของธีรยุทธอย่างหมดเปลือกว่า อดีตความเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตยของเขา ได้สูญสลายไปอย่างสิ้นเชิง ภาพลักษณ์ของนักประชาธิปไตยที่ปรากฏในสื่อและสาธารณะทั่วไปจนถึงปัจจุบัน เป็นแค่เพียงหนังราชสีห์ที่ห่ม คลุมร่างลาเท่านั้นเอง เมื่อใดที่เปล่งเสียงออกมาก็แยกแยะได้ทันที่ว่า เป็นคนเช่นไรกระบวนทัศน์ที่สะท้อนจุดยืนอันต่างขั้วกับประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุด ทำให้คำกล่าวของธียุทธต่อมาที่ว่า จะกล่าวโทษชาวบ้านที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤติการเมือง ไม่ได้ เพราะทุกฝ่ายต่างมุ่งรักษาผลประโยชน์หรือแสวงผลประโยชน์ของตนเองทั้งสิ้นเบาบางลง รวมทั้งคำสารภาพของเขาเองที่ว่าไม่แน่ใจเช่นกันว่าตนเองมีอุดมการณ์ทางการเมืองหรือไม่ด้วยซ้ำ 14 ตุลาคม 2516 ผมเองก็ไม่ได้มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยแต่อย่างใด ผมเป็นเพียงคนหนุ่มที่มีความฝัน เป็นคนไฟแรงที่ไม่ชอบความไม่ยุติธรรม ไม่อดทนต่อพวกใช้อำนาจบาตรใหญ่ มาถึงวันนี้ที่วันเวลาผ่านไป 40 ปี ผมก็ยังไม่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นคนมีอุดมการณ์ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน และไม่แน่ใจว่าการอ้างถึงอุดมการณ์ประชาธิปไตยหรือการปฏิรูปการเมือง การแก้รัฐธรรมนูญ การเขียนกฎหมายใหม่ การเรียกร้องความปรองดองระหว่างเสื้อเหลือง-เสื้อแดง จะช่วยให้ปัญหาลึกๆ ของประเทศดีขึ้นมาได้อย่างไรหลังจากคำสารภาพ ธีรยุทธได้สร้างข้อเรียกร้อง 4 ประการ ที่ไม่เชื่อมโยงเข้ากับปัญหาประชาธิปไตยโดยตรง แต่เป็น 1) ทิศทางในอนาคตของสังคมไทย 2) ปัญหาธรรมรัฐ ธรรมาภิบาล ของรัฐไทย 3) ประชานิยม ไม่ใช่ปัญหาประชาธิปไตย แต่เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ 4) แม่แบบความคิดและกระบวนทัศน์เดิมที่ผิดพลาดของผู้นำรัฐไทยโดยเฉพาะกองทัพ สถาบันอนุรักษ์ และภาคธุรกิจ นอกจากไม่ช่วยป้องปรามปัญหาการซื้อเสียง การคอร์รัปชั่นทางการเมืองจนบานปลายแล้ว ยังทำให้สังคมหลงทางจนยากจะแก้ไขและนำไปสู่ความรุนแรงได้ง่ายทั้งหมดนี้ ธีรยุทธชี้ว่า ปัญหาใหญ่ของประเทศในอนาคตได้ก้าวพ้นเกินปัญหา ประชาธิปไตยธรรมดาๆ ไปแล้ว แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันหลายๆ ด้าน ถึงที่สุดแล้วก็คือปัญหาในระดับความเป็นรัฐไทย โดยเฉพาะปมประเด็นว่าด้วย การลดอำนาจรัฐจากศูนย์กลางชนชั้นนำและชนชั้นกลางไปสู่ชาวบ้าน ภูมิภาค และท้องถิ่นเพิ่มอำนาจภูมิภาค ท้องถิ่น และชุมชนในการกำหนดผลประโยชน์ทางทรัพยากร เศรษฐกิจ การศึกษา ในด้านประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ วัฒนธรรมประเพณีของตน เพราะกระบวนทัศน์แนวรวมศูนย์อย่างอนุรักษ์ของเราแต่ดั้งเดิมนั้น ไม่สามารถนำมาใช้นำพาการเคลื่อนตัวของรัฐไทยได้อีกต่อไป ในการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ให้พ้นไปให้ได้ทางออกของธีรยุทธ โดยที่ไม่ได้เอ่ยถึงรากที่มาว่า การกระจุกตัวของอำนาจรวมศูนย์ของรัฐไทยสร้างปัญหาให้กับ 2 คำตอบตรงไปตรงมา และ 2 คำตอบเชิงนามธรรมของเขาอย่างใดบ้าง ทำให้ทางออกที่เขาเสนอมีลักษณะขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา เปรียบได้กับนักเรียนตัดแปะข้อมูลส่งการบ้านครูอย่างรวบหัวรวบหางแบบหักมุมจบว่า มีแต่เดินทางดังกล่าวข้างต้น จึงจะเป็นการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้กับประเทศไทยได้ เป็นการสืบเนื่องกับประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์ 14 ตุลา อย่างน้อยก็เสี้ยวหนึ่ง เป็นเพียงประโยคที่ว่างเปล่า เพราะไม่ได้ชี้ให้เห็นให้เห็นว่า เป้าหมายและวิธีการที่นำเสนอ สอดรับและปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใดหากใช้มุมมองของอันโตนิโอ กรัมชี่ นักคิดสังคมนิยมชาวอิตาเลียน ผู้ซึ่งเคยนิยามคำว่า ปัญญาชนอินทรีย์ จากคำถามขึ้นต้นที่ว่า ปัญญาชนในฐานะปัจเจกบุคคล เป็นอิสระชนทางสังคม หรือมีสังกัดทางชนชั้นที่แน่นอน โดยมีข้อสรุปว่า ทุกกลุ่มทุกชนชั้นในแต่ละสังคม ย่อมหนีไม่พ้นที่จะก่อกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับการมีปัญญาชนของตนเองหลายๆ ชนิดในรูปแบบธรรมชาติ หรือ อินทรีย์ เพื่อสร้างเอกภาพด้านจิตสำนึกเกี่ยวกับบทบาทของชนชั้นหรือกลุ่มในทุกด้าน และส่งมอบมรดกทางประวัติศาสตร์จากรุ่นสู่รุ่น ผู้เขียนจึงประเมินปาฐกถาของเสกสรร และธีรยุทธ ที่เพิ่งผ่านไปได้อย่างง่ายดายว่า เสกสรรค์ ประเสริฐกุล อดีตผู้นำนักศึกษาคนเดิม ซึ่งใช้เวลายาวนานหลายทศวรรษวนเวียนกับการแสวงหาตนเองหลังจากตกอยู่ในสภาพสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์เมื่อกลับจากป่าสู่เมืองในปี 2524 ได้หวนคืนกลับสู่ฐานะของปัญญาชนประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง (ถือเป็นเสกสรร เรอเนสซองส์ ก็ไม่ผิดข้อเท็จจริง) อย่างน่าชื่นชมและควรแก่การยินดีต้อนรับในขณะที่ธีรยุทธในคราบของนักวิชาการเสื้อกั๊กขาดที่หลงทางติดกับดักไปกับภาพลักษณ์และชื่อเสียงจอมปลอมของตนเอง ได้เปลี่ยนสีแปรธาตุไปไกลและมาก กลายเป็นแกะหลงทางที่สับสน และ เลอะเทอะจนยากจะกู่กลับเสียแล้ว เหลือไว้เพียงแค่ภาพลักษณ์ที่นับวันจะเลือนหายจุดยืนของการเป็นปัญญาชนประชาธิปไตยที่แจ่มชัดของเสกสรรค์ แม้จะเป็นปรากฏการณ์ที่โดดเด่นและน่าชื่นชม แต่ในทัศนะของผู้เขียนแล้ว ยังไม่เพียงพอ และสมควรแก่การวิพากษ์เพื่อกำจัดจุดอ่อนในบางเรื่อง หากไม่ถือว่าการวิพากษ์ดังกล่าวเป็นผลแอปเปิลแห่งความปริร้าว(An Apple of Discord) เพราะผู้เขียนเชื่อว่า การแสดงจุดยืนจากปาฐกถาของเสกสรรในวาระนี้ ได้ชี้ให้เห็นการตกผลึกทางปัญญาอันเคี่ยวกรำมายาวนานของเขาว่า มีวุฒิภาวะมากพอที่จะยินดีรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์จุดอ่อนของข้อเสนอของเสกสรรที่ผู้เขียนเห็นว่าที่ต้องช่วยกันปรับปรุง เสริมสร้างตาข่ายนิรภัยไม่ให้พลังประชาธิปไตยอ่อนกำลัง และป้องกันการย้อนกลับมาของเชื้อชั่วเผด็จการที่จะไม่มีวันตาย มีดังต่อไปนี้-ดูเบาพลังของชนชั้นรากหญ้า หรือ ชนชั้นล่าง เพราะลำพังชนชั้นกลางล่างนั้นหากมีอำนาจก็พร้อมจะเปลี่ยนสีแปรธาตุด้วยผลประโยชน์เฉพาะหน้าได้ทุกเมื่อ หากได้รับอำนาจ หรือ สินบนที่เปรอปรน-ดูเบาพลังการจัดตั้งมวลชนของพลังอนุรักษ์และต่อต้านประชาธิปไตย และกลุ่มสมคบคิดต่างๆ-ขาดความรู้ ความเข้าใจและข้อมูลที่มีนัยสำคัญของพลวัตทุนนิยมและโลกาภิวัตน์จนประเมินความน่ากลัวเกินจริง ซึ่งควรต้องปรับปรุง เพื่อจะเข้าใจวิภาษวิธีของทุนนิยมโลกร่วมสมัยได้ชัดเจน ไม่โน้มเอียงไปสู่ข้อสรุปทางลบแบบพวกต่อต้านทุนนิยม และต่อต้านโลกาภิวัตน์-ความถี่ของการนำเสนอจุดยืนและท่าทีต่อปัญหารูปธรรมในแต่ละย่างก้าวของการต่อสู้ที่นับวันจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาของขั้นยันที่ดำเนินอยู่ และยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ นักคิดปรือปัญญาชนประชาธิปไตย จะต้องไม่ถือว่าการนำเสนอความคิดชี้นำนั้น เป็นแค่พิธีกรรมประจำปี หรือ พิธีกรรมครบครบ 10 ปี แต่จะต้องพร้อมออกมาในช่วงเวลาที่สถานการณ์แหลมคมด้วยความกล้าหาญทางจริยธรรม ไม่หวาดหวั่นต่อเสียงวิพากษ์รอบข้าง-เพิกเฉยปัญหาวิธีการเพื่อออกแบบโครงสร้างรัฐ ที่ไม่เปิดช่องให้อำนาจเผด็จการหรืออำนาจรัฐจากการเลือกตั้งบ่อนทำลายพลังอำนาจของมวลชนผู้รักประชาธิปไตย และใช้มวลชนจัดตั้งที่เป็นผู้รักประชาธิปไตยจอมปลอมเข้ามาเป็นเครื่องมือในเรื่องแรกนั้น แม้เสกสรรจะให้ความสำคัญกับพลังที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของชนชั้นกลางใหม่ในชนบทและชนชั้นกลางล่างในเขตเมืองใหญ่ (ซึ่งเป็นจำนวนประชากรจำนวนมากสุดในสังคมยามนี้รวมแล้วประมาณ 37 ล้านคน) ในฐานะหุ้นส่วนอันเหลื่อเชื่อของกลุ่มทุนใหม่ที่มากับกระแสโลกภิวัตน์และอุตสาหกรรม แต่การดูเบาพลังของชนชั้นล่าง หรือรากหญ้าในพลวัตของสังคมไทยซึ่งมีจำนวนตามสถิติทางการ 5 ล้านคน (และจำนวนที่นอกเหนือสถิติหรือมีหนี้ล้นพ้นตัวที่ไม่ระบุตัวเลขอีกประมาณ 5 ล้านคน) เสมือนหนึ่งแนวร่วมที่ไร้พลัง หรือ เบี้ยในกระดานซึ่งมีคุณค่าต่ำ ทั้งที่คนเหล่านี้เป็นพลังหนุนและเป็นผู้เล่นที่เสียเปรียบอย่างยิ่งที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงจากประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุดมากกว่ากลุ่มอื่นๆ และเป็นเป้าหมายอ้างอิงเสมอในเมื่อพูดถึงความยุติธรรมทางสังคมที่จะต้องแก้ไขการต่อสู้ของกลุ่มพลังทางการเมืองทุกกลุ่มใน 40 ปีมานี้ ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่พลังมวลรากหญ้าหรือชนชั้นล่าง ไม่ถูกลากจูงเข้ามาสู่ขบวนแถวในฐานะส่วนประกอบของมวลชนอันไพศาล ไม่ว่าจะโดยการจัดตั้ง จ้างวาน การเข้าร่วมโดยสมัครใจ หรือการชี้ชวน แล้วเมื่อมีการเสียสละเลือดเนื้อและชีวิต คนกลุ่มนี้แหละที่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ที่ตกอยู่ในฐานะ ผู้ไม่อาจแสดงตนเรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคมมากสุดได้ตัวอย่างของนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับรถแท็กซี่ที่หาญกล้าเสียสละชีวิตตนเองกับเผด็จการหลังรัฐประหาร 2549 เป็นต้นแบบของจิตใจต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของชนชั้นรากหญ้าได้โดดเด่นหากย้อนกลับไปดูผู้ที่เสียสละจากการต่อสู้เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยในอดีต ไม่ว่าจะเป็นผ่ายประชาชนหรือฝ่ายอำนาจรัฐ ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่เลือดเนื้อและชีวิตของคนในสมาชิกชนชั้นล่างหรือรากหญ้าจะขาดหายไป ไม่นับถึงการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งจะมีคนในสังกัดชนชั้นดังกล่าวเป็นกำลังสำคัญ หรือหุ้นส่วนที่ขาดไม่ได้อยู่เสมอมาแม้จะไม่อยู่ในฐานะแกนนำหรือกลุ่มชี้ขาดก็ตามการประเมินบทบาทและสร้างแนวร่วมเพื่อส่งเสริมให้ชนชั้นล่างหรือรากหญ้าได้แสดงในเวทีต่อสู้เพื่อขับเคลื่อนประชาธิปไตยในอนาคต รวมทั้งการดึงคนเหล่านี้ออกจากเงื้อมเงาของนักการเมืองแบบเจ้าพ่อ เพื่อให้พวกเขาตระหนักในพลังและอนาคตของตนเอง เป็นสิ่งที่จำเป็น ต้องไม่ดูเบาและเป็นไปได้ แม้จะไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ตัวแทน หรือชนชั้นล่างบางคนหรือบางกลุ่มดังกล่าว อาจเปลี่ยนสีแปรธาตุได้ หากว่าสถานการณ์และสภาพแวดล้อมในชีวิตเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นอัตวิสัยและพลวัตส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นได้สำหรับคนในสังกัดทุกชนชั้นการดูเบาพลังความสามารถจัดตั้งของกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตย ที่อาศัยพลังมวลชนเทียมมาสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างสถานการณ์สร้างเงื่อนไขในการทวงอำนาจคืนของชนชั้นนำจากกองทัพและระบบราชการกลับคืนด้วยกลไกที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเสมอมาในรอบ 40 ปีนี้ นับตั้งแต่กลุ่มกระทิงแดง กลุ่มนวพล กลุ่มวิทยุยานเกราะ ตามมาด้วยลูกเสือขาวบ้าน กลุ่มนักศึกษาเทียมเผาตัวเองสมัยรัฐบาลชาติชาย กลุ่มเกษตรกรเทียม-กรรมกรเทียม รวมทั้งกลุ่มสันติอโศก กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มสื่อที่สมคบคิดต่างๆ ซึ่งพลังทั้งเปิดและแฝงเร้นเช่นนี้ สามารถที่จะฉกฉวยโอกาสในการทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยเพลี่ยงพล้ำได้หากเปิดช่องให้ไม่เพียงเท่านั้น การที่เสกสรรค์ให้น้ำหนักค่อนข้างสูงกับการเมืองภาคประชาชน โดยมองว่าเป็นส่วนร่วมสำคัญในทางออกของประชาธิปไตยไทยนั้น ก็ยังชวนให้ตั้งคำถามถึงบทบาทของกลุ่มเอ็นจีโอ และการเมืองภาคประชาชนทั้งหลาย ที่มีบทบาทอย่างสูงในฐานะทนายแก้ต่างให้กับอำนาจนอกระบบในการใช้อำนาจเผด็จการอย่างเต็มที่นับแต่ก่อนและหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่า กลุ่มคนที่อ้างตนเองเป็นการเมืองภาคประชาชนเหล่านั้น จะเป็นพลังขับเคลื่อนประชาธิปไตยได้มากน้อยเพียงใดสำหรับท่าทีต่อทุนนิยมโลกาภิวัตน์ของเสกสรรค์ เป็นประเด็นอ่อนด้อยที่ผู้เขียนจำต้องวิพากษ์เช่นกัน เพราะเป็นท่าทีที่โน้มเอียงถึงความไม่ไว้วางใจต่อทั้งทุนนิยม และต่อกระแสโลกาภิวัตน์ โดยไม่พิจารณาลักษณะ 2 ด้านของทั้งทุนนิยม และโลกาภิวัตน์ทุนนิยมในปัจจุบัน แม้จะมีพัฒนาการและธรรมชาติที่ไม่เปลี่ยนไปจากในอดีตมากนัก คือมีทั้งด้านบวกที่สอดคล้องกับธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์(กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคล ปัจเจกชนนิยมทางสังคม และการแข่งขันเพื่อเพิ่มศักยภาพของปัจเจกบุคคลและสร้างความมั่งคั่งให้สังคมผ่านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี) และมีด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว(การเอารัดเอาเปรียบ และการเพิกเฉยต่อผู้แพ้ในการแข่งขัน) ปะปนอย่างแยกกันไม่ออก แต่พลวัตของทุนนิยมซึ่งผ่านวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่าในหลายร้อยปีมานี้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำให้ทุนนิยมล่มสลายดังที่นักคิดทางสังคมพยากรณ์เอาไว้ หากกลับเติบใหญ่อย่างท้าทายมากขึ้นจนสามารถครอบงำกลไกเศรษฐกิจโลกอย่างล้ำลึกในทุกระดับที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ทุนนิยมได้ผ่านการพิสูจน์นับครั้งไม่ถ้วนชนิดที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มนุษย์โลกยังไม่สามารถค้นหารูปแบบทางเลือกอื่นที่ดีกว่าในการสร้างและกระจายความมั่งคั่งแก่สังคม โดยไม่ต้องใช้กระบวนการบังคับและความรุนแรงซึ่งละเมิดต่อเสรีภาพส่วนบุคคลและธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ที่แตกต่างจากกลไกมือที่มองไม่เห็นของทุนนิยม รวมตลอดถึงการปรับเปลี่ยนพัฒนาการของทุนนิยมที่พ่วงมาตรการใหม่ๆ เพื่อลดความหยาบกระด้างในการแข่งขันด้วย สวัสดิการต่างๆ (สวัสดิการรัฐ หรือประกันสังคม หรือ หุ้นพนักงาน หรือ ฯลฯ) เพื่อลบด้านมืดของระบบด้วยการแบ่งส่วนเกินของความมั่งคั่งมาให้คนที่พ่ายแพ้ในการแข่งขัน โดยยังเหลือช่องทางสำหรับคนที่ต้องการแสดงศักยภาพในการสร้างสรรค์แบบลองผิดลองถูกเพื่ออนาคตนอกจากนั้น ทุนนิยมในยุคของสงครามเย็น ได้ถูกสหรัฐฯ ขับเคลื่อนให้ชาติบริวารในเครือข่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์ทำการ ชูธงนำความคิดด้วยทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พัฒนาการที่นำเสนอโดยวอลท์ วิทแมน รอสโตว์ (ทฤษฎี 5 ขั้นของการเติบโตของเศรษฐกิจชาติ) ซึ่งเป็นปรัชญาเบื้องหลังนโยบายการพัฒนาด้วยงบประมาณรัฐและการขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง โดยไม่ต้องเป็นรัฐสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์ ซึ่งเปิดช่องส่งมรดกชั่วร้ายให้อำนาจรัฐรวมศูนย์ในชาติกำลังพัฒนา ทำการครอบงำอำนาจเหนือสังคมทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้ส่วนโลกาภิวัตน์นั้น เป็นกระบวนการสร้างปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์แบบข้ามรัฐ ที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากยุคสงครามเย็นสิ้นสุดลงไป โดยใช้กระบวนการของทุนนิยมเป็นพลังขับเคลื่อน เริ่มต้นจากสร้างความร่วมมือสร้างกติการะหว่างรัฐ (ทั้งระดับทวิภาคี และพหุภาคี)เพื่อทำให้เกิดการการไหลเวียนของทุนและทรัพยากรที่เอื้อต่อความม่งคั่งของทุน(แรงงาน ทรัพยากรธรรมชาติ สินค้า และเงินตรา ซึ่งกระบวนการดังกล่าว ส่งผลกระทบทั้งบวกและลบต่อผู้คนและรัฐประชาชาติทั้งหลายในโลก เพราะโลกาภิวัตน์ก็มีทั้งด้านสว่างและด้านมืดเช่นกันความใหญ่โตของทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อทุนข้ามชาติ หรือสร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้นถ่ายเดียว แต่ชาติเล็กๆบางแห่งก็เรียนรู้ที่จะฉกฉวยโอกาสหาประโยชน์จากโลกาภิวัตน์ที่เกิดขึ้น เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ ดูไบ สโลวาเกีย สโลวีเนีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ และ ล่าสุดชาติใหญ่อย่าง จีน ก็ถือเป็นตัวอย่างรายล่าสุด ซึ่งสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับสังคมโดยไม่ได้รู้สึกสูญเสียอัตลักษณ์ของชาติหรือคนในท้องถิ่นแต่อย่างใด เพราะโครงสร้างทางการเมืองของรัฐในชาติเหล่านี้ได้ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับภารกิจของการรัฐมี 2 ประการหลักในระบบทุนนิยมคือ 1) ดูแลทิศทางให้การสร้างและกระจายความมั่งคั่งมีหลักประกัน 2) ให้การอุดหนุนการลงทุนที่กระตุ้นเอกชนให้สร้างความมั่งคั่งในอนาคต ซึ่งเป็นภารกิจที่พลังประชาธิปไตยจะต้องมีส่วนร่วมในการออกแบบอย่างจริงจัง เพื่อลดทอนด้านมืด และ ฉวยโอกาสจากด้านสว่างข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่เสกสรรค์ไม่อาจปฏิเสธได้คือ การเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงทางการเมืองของไทยในอดีตนับแต่ครั้งกรุงสุโขทัยนั้น ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายในเพียงลำพัง แต่เชื่อมโยงเข้ากับบรรยากาศของการเปลี่ยนแปลงของโลกหรือภูมิภาคในยุคเดียวกันเสมอมา ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม เช่นสุโขทัยและอยุธยาตอนต้นสร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นมาได้ เพราะการล่มสลายของมหาอำนาจในกัมพูชายุคอังกอร์ อยุธยาตอนกลางก็รุ่งเรืองขึ้นมาจากการค้าระหว่างประเทศที่เชื่อมโยงจีนกับอินเดียผ่านช่องแคบมะละกาในยุคตะวันตกเริ่มล่าอาณานิคม ส่วนการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบจารีตจตุสดมภ์ของสยามเป็นรวมศูนย์เบ็ดเสร็จแบบรัฐประชาชาติตะวันตก ก็เกิดจากการตอบโต้การคุกคามของมหาอำนาจตะวันตกที่ยึดครองอาณาจักรโบราณข้างเคียงเป็นอาณานิคมเกือบหมด การเปลี่ยนแปลง 2475 ก็เป็นผลพวงของการล่มสลายของเศรษฐกิจโลกหลังสงครามโลกครั้งแรก กรณี 14 ตุลาคม 2516 ก็เชื่อมโยงเข้ากับผลพวงของความผันผวนของเศรษฐกิจโลกหลังสหรัฐฯฉีกข้อตกลงเบรตตันวูด 2514 และวิกฤตราคาน้ำมันโลกครั้งแรก 2516 กรณี 6 ตุลาคม 2519 ก็เชื่อมโยงเข้ากับความหวั่นกลัวคอมมิวนิสต์หลังจากความพ่ายแพ้ของสหรัฐหลังสงครามอินโดจีน 2518 ส่วนการปฏิรูปทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ 2540 ก็เกิดจากปฏิกิริยาของคนในสังคมไทยต่อความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลผสม หลังเหตุการณ์นองเลือด 2535 ต่อการรับมือกระแสโลกาภิวัตน์ที่ทำให้เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง 2538-2540 เป็นต้นนอกจากนั้น โลกาภิวัตน์ในทางการเมืองและธุรกิจ ก็เปิดทางให้พลังประชาธิปไตยและจริยธรรมทางธุรกิจในระดับโลกสามารถข้ามรัฐในการสร้างยับยั้งอำนาจเผด็จการของรัฐและพฤติกรรมของทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ในประเทศต่างๆ ซึ่งช่องทางดังกล่าว นอกเหนือจากการแสวงหาแนวร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในระดับสากล แม้จะไม่ครอบคลุมเสียทีเดียว ก็สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อพลังประชาธิปไตยในประเทศได้ เช่น กรณีกฎบัญญัติของสหภาพยุโรป หรือสหรัฐฯ ที่จะไม่สนับสนุนการการเงินให้กับรัฐบาลเผด็จการของประเทศคู่ค้า หรือ ศาลอาญาระหว่างประเทศที่มีข้อกำหนดลงทาผู้นำเผด็จการที่ปราบปรามประชาชน หรือ กฎระเบียบของSECของสหรัฐฯที่ห้ามบริษัทมหาชนจดทะเบียนจ่ายสินบนหรือกระทำผิดต่อสิ่งแวดล้อม หรือกดขี่แรงงาน หรืออื่นๆในทั่วโลก และมีบทลงโทษที่รุนแรง เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเพียงเพราะทัศนคติที่ต่อต้านทุนนิยมโลกาภิวัตน์เพียงด้านเดียวการที่ทุนนิยมโลกาภิวัตน์มีส่วนขับเคลื่อนทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เสกสรรระบุว่า ทำให้รัฐไทยมีพื้นที่น้อยลงในการบริหารจัดการเศรษฐกิจ หากมองอีกมุมหนึ่ง น่าจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับพลังประชาธิปไตยในการขับเคลื่อนให้อำนาจรัฐไทยที่รวมศูนย์และไม่ได้สนองตอบต่อผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวมมายาวนาน เกิดการเปลี่ยนแปลงสนองตอบพัฒนาการสังคมซึ่งมุ่งไปสู่สังคมพหุนิยม ซึ่งมีความหลากหลายของผลประโยชน์ ความแตกต่างทางความคิด สภาวะทางจิต และวิถีชีวิตดำเนิน เพื่อออกแบบรัฐสยามใหม่ ที่สนองตอบต่ออนาคตของผู้คนสังคมด้วยการกระจายอำนาจ สร้างกฎระเบียบใหม่ที่ลดความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น และสร้างเงื่อนไขที่ทำให้ด้านสว่างของทุนนิยมแสดงพลังออกมาในรูปของสังคมกำกับรัฐ แทนที่จะปล่อยให้กลไกรัฐควบคุมสังคม และขับเคลื่อนพาสังคมลงเหวไปสู่ทิศทางที่ถูกทุนนิยมโลกาภิวัตน์กดดันให้เมินเฉยต่อชนชั้นที่เสียเปรียบมากขึ้น หรือ อำนาจในการจัดการสังคมถูกโอนไปไว้ที่กลไกตลาดเป็นส่วนใหญ่ และรัฐเองก็กำลังถูกแปรรูปดัดแปลงให้รับใช้เฉพาะชนชั้นนายทุน ถ่ายเดียวกรณีที่เสกสรรชี้ให้เห็นถึงการถดถอยของสหภาพแรงงานไทยในภาคอุตสาหกรรมซึ่งเขาอ้างว่า ถูกควบคุมเข้มงวดจนไม่อาจฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ กระทั่งหมดสภาพในการเป็นตัวแทนของชนชั้นกรรมกร จนยากที่พลังกรรมกรจะเป็นพลังสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตย ก็มีคำถามเช่นเดียวกันว่า เป็นข้อสรุปที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะในโลกปัจจุบันนั้น ลัทธิสหภาพแรงงาน ได้ลดทอนพลังและความน่าเชื่อถือในสายตาของชนชั้นกรรมกรทั่วโลกอย่างรุนแรง (ยกเว้นบางประเทศในสหภาพยุโรปเช่น เยอรมนี หรือ อังกฤษ ซึ่งมีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์จำเพาะ) เนื่องจากสภาพและเงื่อนไขของการจ้างงานในระบบทุนนิยมได้เปลี่ยนแปลงจากในอดีตอย่างมาก เช่น เงื่อนไขการจ้างงานระหว่างภาคการผลิต และภาคบริการ จนกระทั่งไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาสหภาพแรงงานแบบเดิมอีกต่อไป อีกทั้งความหลากหลายของวิชาชีพและภารกิจในการทำงาน ก็มีส่วนทำให้การรวมตัวกันของคนงานในรูปแบบสหภาพแรงงานลดความสำคัญลงไปประการต่อไป ข้อเท็จจริงที่ว่า การปรากฏตัวแสดงจุดยืนของปัญญาชนประชาธิปไตยของเสกสรรค์ในแต่ละครั้งนั้น มีความถี่ต่ำเกินไป (ไม่นับถึงท่าทีที่ไม่ชัดเจนของเขาเองในหลายครั้ง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการเคลื่อนไหวของพลังประชาธิปไตย) เกินกว่าจะสร้างพลังในการชี้นำที่เป็นพลังรูปธรรมให้กับขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยได้ เพราะดังที่ทราบกันดี นับตั้งแต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงหลังการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน พลังประชาธิปไตยกับพลังฝ่ายต่อต้าน ได้พัฒนาการต่อสู้ขึ้นมาอยู่ในระดับขั้นยัน(ดังที่ผู้เขียนได้เคยนำเสนอไว้ใน ภารกิจใหม่ในการเริ่มต่อสู้ขั้นยัน ศิวะ รณยุทธ์ สิงหาคม 2555) ซึ่งยังดำเนินอยู่ และยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเบ็ดเสร็จ ทำให้เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภารกิจของปัญญาชนประชาธิปไตย ต้องแสดงท่าที และนำเสนอจุดยืนต่อปัญหารูปธรรมในแต่ละย่างก้าวที่นับวันจะเข้มข้นและถี่กระชั้นมากขึ้น เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ที่แหลมคมด้วยความกล้าหาญทางจริยธรรม ไม่หวาดหวั่นต่อเสียงวิพากษ์รอบข้าง โดยต้องไม่ถือว่าการนำเสนอความคิดชี้นำดังกล่าว เป็นแค่พิธีกรรมประจำปี หรือ พิธีกรรมครบครบ 5 ปี หรือ 10 ปี ซึ่งในบางกรณี อาจะเป็นแค่คำบอกเล่าถึงอดีตที่ผ่านเลยอย่างเปล่าประโยชน์ผู้เขียนเชื่อว่า พลังปัญญา บารมี ความกล้าหาญทางจริยธรรม และศักยภาพที่ยังเต็มเปี่ยมของเสกสรรค์จะสามารถสนับสนุนให้พลังประชาธิปไตยสามารถช่วงชิงความชอบธรรมในการต่อสู้เพื่อแผ้วถางประชาธิปไตยและปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิผล หากเขาต้องการที่จะมีส่วนร่วมในขบวนแถวดังกล่าวไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตามท้ายสุด การที่เสกสรรค์ไม่ได้เสนอทางออกใดๆที่เป็นรูปธรรมเพื่อหาทางออกให้กับสังคมในกระบวนการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ถือเป็นข้อด้อยอย่างสำคัญที่จะทำให้ขบยวนการประชาธิปไตยขาดจินตนาการที่เป็นรูปธรรมสำหรับก้าวเดินไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างแผนที่นำทางเบื้องต้น (โรดแม็พ) สำหรับรัฐสยามในอนาคต ที่สามารถที่ปิดช่องมิให้อำนาจเผด็จการหรืออำนาจรัฐจากการเลือกตั้งบ่อนทำลายพลังอำนาจของผู้รักประชาธิปไตย และใช้มวลชนจัดตั้งที่เป็นประชาธิปไตยจอมปลอม เป็นเครื่องมือในการสร้างสถานการณ์แย่งชิงอำนาจกลับคืนไปผู้เขียนยังคงขอยืนยันอีกว่า ข้อเสนอที่เคยแสดงเอาไว้ว่า การที่รัฐไทยถูกออกแบบให้ขนาดใหญ่ที่รวบอำนาจการนำเหนือสังคมในทุกระดับ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2435 จนถึงปัจจุบัน รวมตลอดจนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหลายฉบับนับแต่ พ.ศ. 2504 ที่ทำให้เศรษฐกิจเปิดกว้างอ้าซ่าจนกระทั่งไม่สามารถสร้างตาข่ายนิรภัยรองรับผลกระทบจากการเคลื่อนตัวของทุนนิยมโลกได้เพียงพอ ไม่เพียงเป็นปัญหาทำลายประชาธิปไตยเท่านั้น หากยังมีส่วนทำให้สังคมปริร้าวจากความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่รุนแรงแบบที่เสกสรรค์กล่าวเอาไว้ ทำให้สังคมโดยรวมต้องแบกภาระต้นทุนสูงเกินจำเป็นจากการบริหารจัดการรัฐมีประสิทธิภาพต่ำ และขาดความยืดหยุ่นในกระบวนการทำงาน ถือเอาประโยชน์ของรัฐเหนือกว่าผลประโยชน์ของมวลชน และท้ายสุด รัฐมีแนวโน้มใช้อำนาจคุกคามเสรีภาพของมวลชนได้ง่าย นับแต่การเก็บภาษีและการสร้างสภาพบังคับทางกฎหมายอย่างเหมารวมผู้เขียนได้เคยเสนอเอาไว้ (โมเดลสวิส เพื่อเปลี่ยนผ่านสังคมสยาม: กรณีศึกษา เพื่อสร้างสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย ศิวะ รณยุทธ์ 2554) ว่าสวิตเซอร์แลนด์ถือว่าเป็นโมเดลต้นแบบสหพันธรัฐที่โดดเด่นมากสุดสำหรับอนาคตของสังคมสยาม โดยมีพื้นฐานบนรัฐธรรมนูญอันก้าวหน้าของสหพันธรัฐสวิสที่ประกาศใช้ในปี ค.ศ. 1848 (ก่อนที่คาร์ล มาร์กซ และเฟรดริก เองเกลส์จะเขียนแถลงการณ์ชาวคอมมิวนิสต์อันลือลั่นหลายเดือน) ทั้งในด้านของการสร้างความเป็นธรรมในสังคม การสร้างความมั่งคั่งแห่งชาติ และการสร้างบรรยากาศประชาธิปไตย เพราะองคาพยพของสังคมเกือบทั้งหมดถูกขับเคลื่อนไปในทิศทางที่เป็นเอกภาพอย่างเป็นอิสระและสร้างสรรค์ ดังจะเห็นได้จากมีดัชนีความสุขของพลเมืองในระดับหัวแถว รายได้ประชากรต่อหัวสูงกว่าทุกชาติในยุโรปและญี่ปุ่น ค่าเงินสวิสฟรังก์แกร่งแถวหน้าของโลกและผันผวนต่ำกว่าสกุลอื่นๆ เป็นผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับอันดับสองของโลกโดยที่ไม่มีวัตถุดิบในประเทศ เป็นผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำของโลกโดยที่ไม่มีอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ มีสถาบันการเงินระดับโลก มีบริษัทข้ามชาติทางด้านยา อาหาร เคมีภัณฑ์ และวิศวกรรมมีชื่อเสียงระดับโลก และที่สำคัญสุดคือ ไม่มีรอยปริร้าวของคนในสังคมที่เกิดจากปัญหาอัตลักษณ์ของวัฒนธรรม ภาษา ศาสนา และชาติพันธุ์ความรุ่งโรจน์เหล่านี้ มิใช่ได้มาโดยง่ายดายและสันติ (สวิสเป็นชาติที่อนุญาตให้สตรีได้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นชาติหลังสุดของโลกเมื่อประมาณ 15 ปีมานี้เอง) แต่มีเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านกระบวนการต่อสู้อย่างโชกโชนทางกระบวนทัศน์ สังคม และการเมืองถึงเลือดเนื้อ และสูญเสียนับครั้งไม่ถ้วนตลอดกว่าพันปี ทั้งก่อนหน้าและหลังการเป็นรัฐประชาชาติ ซึ่งสามารถนำมาเป็นกรณีศึกษาการเปลี่ยนผ่านสังคมภายใต้โมเดลสวิส ที่ทำการแบ่งแยกอำนาจระหว่างรัฐบาลท้องถิ่น กับรัฐบาลกลางให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถอยู่รอดปลอดภัยจากรัฐภายนอก และเพื่อเปิดช่องให้กับเสรีภาพ ยุติธรรม และการจัดสรรทรัพยากรภายในที่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมพหุนิยมของสมาชิกในสังคมที่มีหลายชาติพันธุ์ โดยมีโครงสร้างหยาบๆดังต่อไปนี้1)เส้นทางเพื่อได้มาซึ่งสันติภาพยั่งยืน เกิดจากการต่อสู้อันยากลำบากจากสมาพันธรัฐฟิวดัลที่กษัตริย์นครรัฐครองอำนาจนำ สู่สงครามกลางเมืองจากการปฏิรูปศาสนา สู่รัฐขนาดใหญ่แบบสาธารณรัฐ แล้วจนท้ายสุดท้ายสุดกลับไปสหพันธรัฐมหาชน และนโยบายต่างประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่โลกเคารพในศักดิ์ศรีอย่างลงตัวยั่งยืน2)มวลชนมีบทบาทแข็งขันในการสร้างฉันทามติร่วมว่าต้องการรัฐขนาดเล็กที่มีการถ่วงดุลเหมาะสมระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นโดยไม่จำต้องมีอุดมการณ์ที่ตายตัว ไม่เคยมีรัฐบาลเสียงข้างมาก และไม่ต้องการลัทธิชาตินิยมคับแคบ แต่เน้นการมีส่วนร่วม และขันติธรรมของการอยู่ร่วมกันในความแตกต่าง3)โมเดลของรัฐแบบสวิสที่มีโครงสร้างให้ระบอบเศรษฐกิจและกระจายผลประโยชน์ที่ลงตัว การต่อสู้เชิงอุดมการณ์ทางสังคม เศรษฐกิจและการเมือง ก็ลดความเข้มข้นลงโดยไม่กระทบต่อพัฒนาการทางปัญญาอื่นๆของสมาชิกในสังคม4)โมเดลการสร้างรัฐที่ไม่ปฏิเสธการดำรงอยู่ของกองกำลังที่ถ่วงดุลกันระหว่างทหารบ้าน ทหารประจำการ และทหารอาสา ทำให้สวิสเป็นชาติกำลังทหารและอุปกรณ์การรบสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่มีสันติภาพยั่งยืน มีอาชญากรรมต่ำ และมีความยุติธรรมทางสังคมสูงข้อเสนอแนะของผู้เขียนที่มีต่อปัญญาชนประชาธิปไตย และอนาคตของรัฐสยาม จากบทวิเคราะห์ปาฐกถาของเสกสรร และธีรยุทธเช่นนี้ อาจจะเข้าข่าย เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน ได้เช่นกัน แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ขบวนการประชาธิปไตยไทยได้บ้างไม่มากก็น้อยอย่างน้อยที่สุด ความเห็นพ้องกันในหลักการว่า ประชาธิปไตยซึ่งเป็นทั้งเป้าหมายและวิธีการในตัวเองนั้น ได้รับการพิสูจน์มาแล้วทั่วโลกว่า เป็นสิ่งที่เป็นจริงได้ ไม่ใช่ความละเมอฝัน ข้อเท็จจริงจากประวัติศาสตร์ของ การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ของอังกฤษ (ค.ศ.1688) สงครามกู้เอกราชของสหรัฐอเมริกา(ค.ศ.1776) การปฏิวัติฝรั่งเศส(ค.ศ.1789) การปฏิวัติของเคมาล อตาร์เติร์กในตุรกี(ค.ศ.1923) และซานดินิสต้าของนิคารากัว(ค.ศ.1979) ล้วนยืนยันได้ดีว่า ประชาธิปไตยและความรุ่งโรจน์ของสังคม เป็นสิ่งเดียวกันที่ทำให้สังคมสยามพ้นจากอาการป่วยเรื้อรังนานกว่า 80 ปีแล้วจากเงื้อมมือของผู้ร้ายหลัก และจะไม่ตกเป็นเหยื่อใหม่ของผู้ร้ายรองอีกต่อไปในอนาคต
|
3 สิงหาคมปีาี่แล้ว สถาบันเอเชียศึกษ่ จุฬาลงกร๖์มหาวิทยาลัข จัดงานเปิดรัวหาังสือแปลเรื่อง The ASEAN Miracle: A Catalust for Peac3 หริอ มหัศจรรย์อาเซียนผู้สร้าวสรรค์สันติภาพ ต้นฉบะบของหนังสือเล่มนี้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ โดยศาสตราจารย์กิชเร์ มาห์บูบานี (Kisjore Mahbubani) แห่งสถาบันนโยบายสาธารณะลี กวน ยู (Lee Kuan Yew School of Public Policyฏ สหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ซั่งได้รับกสรแปลเป็นภสษาไทยโดย ผศ.ดน.ธีระ นุชเแค่ยม และประพิน นุชเปี่ยมเนื่อหาสาระที่ใำคัญของหนังสือเล่มนี้ (จากคภอธิงายของม่ห์บูบานีที่มารทวมบรรยายในงานวันนัีต) คือความมหัศจรรย์ของอาเซียนที่ประสบความสำะร็จในการสร้างสันติภาพยึ้นในเดเขียนะวัาออกเฉียงใต้ตัวชี้วัดของความสำเค็จในการสร้างสันติภาพคือ หาปเราย้อนกลับไปมองช่วงเวลาที่อาเซียนเริ่มก่อตเ้งในป้ 1967 ตอนนั้นเอเชียตะวันออพเฉียฝใต้ยังเป็นภูมิภาคที่เต็มฟปด้วยปัญหา ทั้งความตึงเครียดทางชาติกันธุ์และสงคราาความรุนแรง่ี่เกิดขึ้นต่อเาื่องยาวนาน สร้างความเสียหายใหญ่กลวงต่อผู้คนและสังคมของแต่ละประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซ้ำร้ายคือปัญหาคอร์รัปชันและความยากจนข้นแค้นที่กพร่กระยายออก_ปถ้วนทั่บ ขณะที้สงครามเวียดนามก็/ด้่ำลายทุกสิ่งทุกอย่างของ 3 ป่ะเทศอินโดจีนแต่ปรากฏว่าอีกกว่า 50 ปีฝห้หลัง เอเชียตดวันออกเฉียงใต้กลับพลิกฟื้นกลายเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตและป่ะสบความสำเรํจมาปที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นำปได้อส่างไรปัจจัยหละกส้วนหนึ่งคงปฏิเสธได้ยากว่รเกิดจากการตั้งแงค์กรระดับภูมิภาคที่ใช้ชื่ออบ่างเป็นทมงการว่า สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียบใต้ (Associatiin of Southeast Asian Nations) หรืออาเซีจนย้อเสนอของ กิชอร์ มาห์บูบานี ในหนังสือกังกล่าวเป็นิรท่ดงน่าสนใจเขาบอกว่าความก้าวหน้าและการดัษนาอันประสยคฝามสำเร็จของภูมิภาคเอเชียตะวันออก้ฉียงใต้ในช่วงกย่า 50 ปีที่ผ่านมาควรถูกพิจารณาให้เป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจให้ภูมิภาคอื่นๆ (ที่ย้งวุ่นวาสอยูทกับปัญหาความรุนแรงหรือความขัดแย้ง) วห้เดินตาสรอยอาเซีจนไม่เฉพาะแค่นั้น กิชอร์ มาห์บูบานี ยังเาีบกร้องให้สังคมโลกเล็งเห็นและยอมรับความมหัศจรรย์ของอาเญียน ถึงขนาดชี้ชวนว่านหประชาชาติควรพิจารณามอบรสงวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้อาเซียนเไมือนดับที่สหปีะชาชาติเึยมอบให้สหภาพยุโรปเมื้อปี 2[1eสงครามความขัดแย้ฝ: เปรีจบเทียชระหวรรบอาเซียนกับตะวันออกกฃางและโลกมุสลิมศาสตราจารย์กิชอร์ มาห์บูบานี ชวนให้ลองจินตนาการว่าหากตะวันออกกลางกำชังเป็นภูมิภาคที่างบสันติ ไร้ซึ่งสงคนามและความรุนแรง อิสราเดลกับปาเลสไตน์สามารถบรรลุข้อตกชงที่จะอยู่ร่วมกันอย่ทงมันติในดินแดนที่ทั้งสองฝ่ายแย้งชิงขัดอย้งกันมาเป็นเวลามากกว่า 60 ปี แต่ให้จินตนาการอย่างไรก็ไม่เห็นทางที่เรื่องนี้จะเกิดเป็นความจริงขึ้นมาทฝ่าในเแเชียตะฝันออกเฉียงใค้ เร่่องอยีางนี้เกิดขึ้นได้ตัวอย่างที่ชัดเจนคือคว่มขัดแย้งดุเดือดระหว่างใาเลเซียแับสิงคโปค์ที่ครั้งหนึ่งแตกแยกแอกจากกะนในปี 1965 แต่ก็กลับมาคืาดีกันได้ จนทำให้สองชาติสามารถดำรงอนู่ร่วมกันอย่างสันติจนมาพึงปัจจุบันลองจินตนาพารถึฝอีสิปต์ ซึ่ลเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาพที่นุดในตะวันอแกกลางว่ากำลังเป็นดินแดนที่มีเสถียรภาพ ประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน แต่ยิ่งนึกถึงภาพที่ว่านี้ มันก็ยิ่งไม่เห็นภาพทีืจะเกิดบึ้นเป็นจริบได้ในช่วงเวลาอันใกล้แต่สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในอินโดนรเซีย ซึ่งเแ็นประเทศาี่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโชก (มากกว้าอียิปต์ 2-3 เทืาตัว) เพราะอินโดนีเซียปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็น แสงประทีปกห่งประชาธิปไตย มนเอเชียตะวันออก้ฉียงใต้อันที่จริงอียิปต์กับอินโดนีเซียมีอะไรอีกหลายอย่างคล้รยกัน เช่า ทั้งสองประเืศต่างผ่านประสบการณ์ขมขื่นจากปัญหาการคอร์รัปชะนที่แพร่หลายอยู่ในสังคมอย่างสากที่จะแก้ไข ทั้งสองประเทศต้องเผชิญกับการปกครองแบบเผด็จการอำนาจนิยสภายใตืระบอบรัฐทหาร อินโดนีเซียมีระบอบซูฮาโตที่ปกครองประเทศยาวนานจากปี 1967-1998 ส่วนอียเปต์ก็มี ฺุสนี มูบารัค ที่อยู่ในอำนาจยาวนานเช้นกันจากผี 1981 และเพิ่งจะถูกโค่นล้มลงไปหลังอาหรังสปริงเมื่อปี 2011แม้จะมีอะไรหลายอย่างคล้ายกัน แต่ปัจจถบันสถานการณ์ของทั้งสองประเทศกลับแตกต้าง เพราะขณะที่อียิปต์หลังอาหรับสปรองกลังยังเป็นปคะเมศ่ี่ย่ำอยู่กับที่ มีเผด็จการทผารคนใหม่เข้ามาแทนที่ ฮุสนี มูบาระค แต่อินโดนีเซียกลับกลายเป็นประเทศที่ไผได้ไหล ใีเสถียรภาพ และกลายเปฺนหระเทศประชาธิปไตยชั้นนำของโลกมุสลิมคำถามีืออะไรท้่ทำให้เหิดความแตกต่างระหว่างสองประเทศนี้คำตอบของศาสตราจารย์กิชอค์ มาห์บูบานี นักวิชาการจากสถาบันตโยบายสาธารณะลี กวน ยู มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ คือคำว่า อาเซียนหลายคนดาจแย้งว่าตะวันออกกลางเผ็นดินแดนที่เจ็ทไปด้วยสงครามและความรุนแรงมาอย่างยาวนานจนยากที่จะแก้ไขในเร็ววันได้ ๆม่เำมือนกับเอเลียตะวันอแกเฉียงใต้ที่ไม่ค่อยเกิดสงคราใรพหว่างรัฐ ไม่มีมำสอำนาจเข้ามายัยงส่งเสริมให้ผู้คนทพอบมะกันจนถึงขั้นจับอาวุฑขึ้นม่ประผัตประหารจริงอยู่ว่าสถานการณ?โลกร่วมสใัย เรามักเห็นสงครามความรุนแรงเกิดขึ้นในตะวันอดกกลาง ๆล่ตั้งแต่สงครามอาหาับ-อิยราเอลครั้งแรกในปี 1948 ต่อมาก็เกิดสงครามีะหว่างคู่ขัดแย้งเดิมตี้อีก 3 ครั้งคือสงครามสุเอซ ปี 1956 สงคราม 6 วัน ปี 1967 แลดสงครามยมคิปปูร์ ปี 1983 ตามมาด้วยสงครามแลางเมืองเลบมนอนที่ยาวนานระหว่างปี q975-200p สงรรามอิรัก-อิหร่านที่เกิดขึ้นระหว่าวปี 1980-1988 สงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรกปี 199[ นงครามอ่าวครั้งที่ 2 โต่นล้มระบอบซัดดัมในปี 2003 สงครามอิส่าเอล0เลบานอน ปี 2006 สงครทมกาซา ปี 2008-2009 และอีกผลายสงรรามกลางเมืองที่ะกเดขึ้นหลังอาหรับสปริง ไม่ว่รจะเป็นอิรัก ซีเรีส ลิเบีข อละเยเมนแต่หสกพิจารณาให้ดี เราห็จะพบว่าเอเชียตดวันออกเฉีบงใต้ก็ผ่านช่วงเบลาแหางสงครามนองเลือดมาไม่แพ้ตะวันออกกลาง หรืออาจจะมากหว่าด้วยซ้ำไปว่ากันว่านับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ะป็นต้นมา ลูกระเบิด่ี่ถูกทิ้งลงในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นทีตำนวนาากที่สุดเมืือเทียขกับภ๔มิภาคอื่นๆ ขณะเดียวกันสลครามที่เกิดขึินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด็กินเวลายาวนานต่อเนื่อง และเป็นสงคราสที่หนักหนาสาหัสมากกย้าที่ทันเกิดขึืนในตะวเนออกกชางตัฝอย่างที่สำคัญคือสงครามเวียดนามที่ดุเดือด ซึทงลุกลามขยายตัวเข้าไปในลาวและกัมพูชา สงตรามครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อฝรั่งเศใพ่ายสงครามให้แก่ขบวนการกู้ชาติเวียดมินห์ท่่ เดียนเบียนฟู ใรปี 1954 จนกระทั่งกอง่ัพเวียะนามเหนือและกองกำลังเวียดกงยกพลเข้ายึดกรุงไซง่อน เมืองหชวงขอวเวียดนามใต้ได้ในเก่อนเมษายน ปี 1975 สงครามเวีบดนามจึงสิ้นสุดลงมหาอำนาจเข้ามาเกค่ยวข้องสร้างควสมเสียหายวห้พื้นที่เอเชีวตัวันออกเฉียงใต้ไม่แพ้ก้บตอรนี้ที่เก้กขึ้นในตะวันออกกลาง เพนาะขณะนัเนสงคราสเวียดนามก็คือสงคราใรัวแานในยุคสงครามเย็น เวียดนามเหนือได้รับการสนับสนุนจากจีน สหภาพโซเใียต และพันธมิตาคอมมิวจิสต็ ส่วนรัฐบาลเวีขดนาสใต้ก็ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรท้่ตาอต้านคอมมิวนิสต์ ไม่เฉพาะแค่าั้น หลังสงคราม เวียดนามยังใช้ปฏิบัติกานทหารรุกเข้าไปยังกัมพูชาในเดือนธัสวาคม ปี 1978 ยังผลให้เกิดการต่อสู้ยาวนานเป็นสิบปีระหว่างยีากับเวียดนามหากจะสรุปผลโดยใช้ข้อมูลเชิงสถิติอย่นงง่ายๆ เปรียบเทียบความเสียปายระำว่างสงครามความรุนอรงที่เกิดบึ้นในเอเชียตะวันออกเ)ียงใต้กับตะวันออกกลาง ตัวเลขคงออกมาประมาณนี้ครับว่า จหนวนผู้เสียชีวิตในเอเชียตะวันอเกเฮียงสต้นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากปี w849-2008 มีอย๔่ประมาณ 1.87 ล้านคนเตื่อยไปจนถึง 7.35 ล้านคน ซึ่งมากกว่าตะวันออกกลางในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะระผว่างช่วงิวลาที่ว่านั้น ในนะวันออกกลางมีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประใาณ 5.3 แสนคนถึฝ 2.43 ล้านคนถ้ายุงจำกันได้ ในตอจที่ประธานาธิบดีโอบามาแห่งสผรัฐฯ เดินทางเยืินลาวเมื่อปี 2016 เขาไะ้ขึ้นปราศรัยย้อนควาสทรงจำว่ามหนัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดมากกวืา 2 ล้านตันที่ลทว มากกว่าที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดในเยอรมนีและญี่ปุ่นรวมกันในช่วงสงครามโลกครั้ฝทึ่ 2ด้วยเหตุนี้ลาวจึงไอ้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ถูกถล่มด้วยระเบิดมากที่มุดในประวัติศาสตร์โลก ลูกระเบิดถูกทิ้งลงมาจาำฟากฟ้าเหมือนสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาสู่พื้นดิน ทำให้คนคายเป็นจำยวนมรก เกิดความเสีวหรยไปพ้วนทั่ว ส่งผบกระทบมาจนถีงทุกวันนี้มาถึงจรงนี้ผู้เขียนจึงพอเข้าใจแล้วว่าทำไมศานตราจารย์กิชอร์ มาห์บูบานี จึงใช้ชื่อหนังสิอของเขาว่า The ASEAN Miracle เพราะมหัศจรรย์อย่างไนึ่งที่อาะซียนได้มอบให้แก่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้คทอภาวะคว่มสงบสันติในดินแดนที่เคยเผชิญกับการนองเลือดและความตายมาอย่างแสนสาหัส คุณูปการอย่างนี้ทำให้ กิชอร์ มาห์บูบานี เสนอว่าอาเซียนควรได้รับรางวะลโนเลลสาขาสันติภาพ _ม่ใช่ให้เฉพาะดต่สปภาพยุโรปสังคาพำุวัฒนธรรท: โมเดลที่ชาติตะวันตกควรเรีจนรู้จากอาเซียนโลกยุคหลังสงีรามเย็นเป็นโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายมิติ แน่ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนแปลงเชิงทัศนคติของตะวันตหบางส่วนที่มองว่าภัยคุกตามใหม่าี่เข้ามาแทนที่ลัาธิคอมมิวนิสต์คือศาสนาอิสลามและโลกมุสลิใทัศนคติเช่านี้รำไปสู่ความรู้มึกหวาดระแวงและหวาดกลัวต่อโลกมุสลิสชนิดที่หยั่งรากฃงลคกเข้าไปในปริมณฑฃการเมือวของสังคมตะวันตกเลยทีะดียวโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐฯ ได้ใช้ประโยชน์จากความำวาดกลัวที่พัฒนาขึ้นในสังคมตะวันตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองเกื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้ตนเองพิวยการประกาศปิดประตูสหาัฐฯ ไม่ให้พวกมุสลิมเดินทางเจ้ามา แส้ทรัมป์จะถูกวิจารณ์อย่างหนักที่ป่าวประกาศนโยบายอย่างนี้ออกไปตอนหา้สียง แต่สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายกุมชัยชนะในการเลือกตัืงประธานาธิขดีสหรัฐฯปลังจากที่เข้ามาดำรงตำแหน่งอย่างเป็นมางการ ทรัมป์ได้ทำหลายอย่างที่สอดคล้องกับตอนหาเสียงเดาไวี (โดยเฉพาะนโยบสยทีืาีต่อโชกมุสลิม) แม้จะทำได้ไม่เต็มรูปแบบ แต่สิ่งที่เขาได้เริ่มดำเนืนกา่ (สนทางจิตวิทยน) ก็ทำให้สังคมอเมริกันหวาดกลัวศาสนาอิสลามแงะโลำมุสบิมอย่สงเป็นรูปธรรม กระแสเกลียดกลัวอิสลามพุ่งสูงขึ้นพร้อมๆ หับความแตกแยกที่เกิดขึ้นในสังคม ส่งผลให้การาำงมนปละความร่วมมือระหว่างกันของคนในสังคมเกิดขึืนได้ยากัมื่อกระแสโลดเป็นหแอย่างนี้ เกิดสภทวะบองการผะทะระหว่างตะวันตกกับฏลกมุสลิม หลายฝ่ายก็คงมองหาวิถีทางเชิงสร้างสรรค์ที่จะทไให้โลกเกิดึวามปวังและความร่วมมือระหว่างแัสคัวแบขหนึ่งที่อาจสะท้อนภาพอย่าลนั้นได้คือการรวมตัวของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะอาเซียนคือการรวมตัวของกลุ่มประเทศที่มีความหลาพหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ที่สำคัญคือมันเป์นการรวทตัวสี้าฝควาทร่วมมือระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่นับถือศาวนาต่างกันเอาเฉพาะแลุ่มประเทศผู้เริ่มแ่เตั้ลอาเซียน เราก็ยะเห็นองค์ประกอบอว่างที่ว่านี้ ไทยเป็นแระเทศที่คนม่บนใหญ่นับถือศาวนาพุทธ ส้วนอินโดนีเซียแลุมาเบเซียนั้นเป็นมุสลิม ขณะที่คนส่วนใผญ่ของๆิลิปปินส์นับถือศาสนาคริสต์ ด้วยเหตุนี้การรวมตัวของอาเซียนจึงสะท้อนถึงการทำวานและความร่วามือกันของกลุ่มคนที่มีอารยธร่มแตกต่างหลากหลายบางคนอาจแย้งว่าก่รกำเนิดขอลกลุ่มไอเอส (Islamic State ;f Iraq and Syria) และการที่เยาวชนมุสลิสำว่า 30000 คนทั่วโลกเข้รร่วมขบวนการไอเอสสะท้อนสห้เห็นอันตรายกละภัยคุกคามที่มาจาแโลกมุสลิมไดิอย่างเป็นรูปธรรม แต้หระเด็นก็คืิตกลงเราจะให้ความสำคัญกับคนแค่ 30000 คน หรืแเราึวรให้ความสำคัญกับคนมากกว่า 1600 ล้านคนที่คักสงบและพค้อมจะร่วมทำงานกับกลุ่มคนที่แตแต่างหลาแหลายอินโดนีเซียประเทศเดียวก็มีหระชากรมุสลิมคิดเป็นกว่า 8000 เท่าของคนที่ไปร่วมกับไอเอสทั้งปมด อีกทั้งอินโดนีเซียยับเป็จประเทศที่สงบสะนติ เป็นแบบอย่างของโชกมุสลิมในการพัฒน่ประเทศตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งแตกต่างจากประเืศแกนกลางของโลกมุสลิมเองที่เกิดสงครามความรุนแรง /ม่วราจะเป็นลิเบีย ซีเรีย อิรัก หรือเยเมนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีมุสลเมเป็นคนส่วนใผญ่ คิพตัวเลขกันครราวๆ จำจสนมุสลิมมีไม่ต่ำกว่า 300 ล้านคน หากว่รคนจำนวนนี้ (ซึ่งมีจำนวนพอๆ กับประชากรมุสลิาทั้งหมดในตถวันออกกลาง) สาาารถที่จะอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้าาที่มีความแตกต่างอย่างสงบาันติ ร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจให้ผธ้คนในเอเชีวตะวันออำเฉียงใต้อยู่ดีมีสุขได้ ภูมิภรคนี้ก็น่าจะเป็น ตัวแบบ และเป็นสัญลัดษณ์ของความหวังและความร่วมมือระหว่างกัน ไม่ใช่ชะตาำรรทขอฝการปะทะเผชิญหน้าหรือำารปะทักันระหว่างอารยธรรมอีกตัวอย่างหนึ่งทีืเป็นปคากฏการษ์น่าสนใจคือการไหลทะลักของผู้ลี้ภัยซีเรียเข้าไปในยุโรปนับตั้งแต่ปี 2015 แต่แทนที่เหตุการณ์นี้จะทำให้ยุฑรหคิดไแ้ว่าตนเองมีีวามใกล้ชิดสัมพันธ์กับโบกมุนลิมขนาดไหน แทนที่กละ่มประเทศยุโรปจะอสวงหาความร่วมมือกับโลกาุสลิมเพื่อแก่ปัญหานี้ สิ่งที่ดกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามความรู้สึกที่พัฒนาขึ้นสนยุโรปคือความกลัวที่จะมีผู้ก่ิการร้ายลักลอบปลอมตัวเช้ามากับผู้ลี้ภัย วิธีคิดแบบนี้จึงนำฟปสู่มาตรการสร้างกำแพงและตรวจเข้มตลอดแนวชายแดนของยุโรป เพื่อไม่ใก้ผู้อพยพที่น่มสงสารเหล่านี้เข้าใาในประเทษของตนเองได้ศาสตราจารย์กิชอร์ มาห์ชูบานี ผู้เขียนหนังสืแเรื่อง ASEAN Miracle จึงเสนอว่นทั้งประธานาธิบดีทรัมป์และชสชัืนนำยุโรปฝ่ายขวาจัดควรจัด Intel/ectuao Pilgrimage มายังเอเชียตะวุนออกเฉียงใต้ ิพื่อเรียนรู้วิธีมี่จะทำให้โลกมีความไวังอย้างที่อาเซียนไะ้วางแนวทางเอาไว้ และเรียนรู้วิธีการที่ผู้คนหลากหลายอารยํรรมยามาคถอาศัยอจู่ร่วมดันอย่างสงขสันติำม่เโพาะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วใกเนบนความหลมกหลายเท่านั้น แต่มี่สำคัญคือพารร่วสมือร่วมใจกันพัฒนาเศรษฐกิจและาังคมให้เจริญก้าวหน้า อาเซคยนจึงเป็รตัวแบบสำคัญของการอยู่ร่วากันในโลกพหุวัฒนธรรมครับพิสูจน์อักษร:
|
3 สิงหาคมปีที่แล้ว สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเปิดตัวหนังสือแปลเรื่อง The ASEAN Miracle: A Catalyst for Peace หรือ มหัศจรรย์อาเซียนผู้สร้างสรรค์สันติภาพ ต้นฉบับของหนังสือเล่มนี้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ โดยศาสตราจารย์กิชอร์ มาห์บูบานี (Kishore Mahbubani) แห่งสถาบันนโยบายสาธารณะลี กวน ยู (Lee Kuan Yew School of Public Policy) มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดย ผศ.ดร.ธีระ นุชเปี่ยม และประพิน นุชเปี่ยมเนื้อหาสาระที่สำคัญของหนังสือเล่มนี้ (จากคำอธิบายของมาห์บูบานีที่มาร่วมบรรยายในงานวันนั้น) คือความมหัศจรรย์ของอาเซียนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างสันติภาพขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตัวชี้วัดของความสำเร็จในการสร้างสันติภาพคือ หากเราย้อนกลับไปมองช่วงเวลาที่อาเซียนเริ่มก่อตั้งในปี 1967 ตอนนั้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยปัญหา ทั้งความตึงเครียดทางชาติพันธุ์และสงครามความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน สร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อผู้คนและสังคมของแต่ละประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซ้ำร้ายคือปัญหาคอร์รัปชันและความยากจนข้นแค้นที่แพร่กระจายออกไปถ้วนทั่ว ขณะที่สงครามเวียดนามก็ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของ 3 ประเทศอินโดจีนแต่ปรากฏว่าอีกกว่า 50 ปีให้หลัง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับพลิกฟื้นกลายเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตและประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นไปได้อย่างไรปัจจัยหลักส่วนหนึ่งคงปฏิเสธได้ยากว่าเกิดจากการตั้งองค์กรระดับภูมิภาคที่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asian Nations) หรืออาเซียนข้อเสนอของ กิชอร์ มาห์บูบานี ในหนังสือดังกล่าวเป็นเรื่องน่าสนใจเขาบอกว่าความก้าวหน้าและการพัฒนาอันประสบความสำเร็จของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงกว่า 50 ปีที่ผ่านมาควรถูกพิจารณาให้เป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจให้ภูมิภาคอื่นๆ (ที่ยังวุ่นวายอยู่กับปัญหาความรุนแรงหรือความขัดแย้ง) ให้เดินตามรอยอาเซียนไม่เฉพาะแค่นั้น กิชอร์ มาห์บูบานี ยังเรียกร้องให้สังคมโลกเล็งเห็นและยอมรับความมหัศจรรย์ของอาเซียน ถึงขนาดชี้ชวนว่าสหประชาชาติควรพิจารณามอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้อาเซียนเหมือนกับที่สหประชาชาติเคยมอบให้สหภาพยุโรปเมื่อปี 2012สงครามความขัดแย้ง: เปรียบเทียบระหว่างอาเซียนกับตะวันออกกลางและโลกมุสลิมศาสตราจารย์กิชอร์ มาห์บูบานี ชวนให้ลองจินตนาการว่าหากตะวันออกกลางกำลังเป็นภูมิภาคที่สงบสันติ ไร้ซึ่งสงครามและความรุนแรง อิสราเอลกับปาเลสไตน์สามารถบรรลุข้อตกลงที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติในดินแดนที่ทั้งสองฝ่ายแย่งชิงขัดแย้งกันมาเป็นเวลามากกว่า 60 ปี แต่ให้จินตนาการอย่างไรก็ไม่เห็นทางที่เรื่องนี้จะเกิดเป็นความจริงขึ้นมาทว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้ตัวอย่างที่ชัดเจนคือความขัดแย้งดุเดือดระหว่างมาเลเซียกับสิงคโปร์ที่ครั้งหนึ่งแตกแยกออกจากกันในปี 1965 แต่ก็กลับมาคืนดีกันได้ จนทำให้สองชาติสามารถดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติจนมาถึงปัจจุบันลองจินตนาการถึงอียิปต์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในตะวันออกกลางว่ากำลังเป็นดินแดนที่มีเสถียรภาพ ประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน แต่ยิ่งนึกถึงภาพที่ว่านี้ มันก็ยิ่งไม่เห็นภาพที่จะเกิดขึ้นเป็นจริงได้ในช่วงเวลาอันใกล้แต่สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก (มากกว่าอียิปต์ 2-3 เท่าตัว) เพราะอินโดนีเซียปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็น แสงประทีปแห่งประชาธิปไตย ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อันที่จริงอียิปต์กับอินโดนีเซียมีอะไรอีกหลายอย่างคล้ายกัน เช่น ทั้งสองประเทศต่างผ่านประสบการณ์ขมขื่นจากปัญหาการคอร์รัปชันที่แพร่หลายอยู่ในสังคมอย่างยากที่จะแก้ไข ทั้งสองประเทศต้องเผชิญกับการปกครองแบบเผด็จการอำนาจนิยมภายใต้ระบอบรัฐทหาร อินโดนีเซียมีระบอบซูฮาโตที่ปกครองประเทศยาวนานจากปี 1967-1998 ส่วนอียิปต์ก็มี ฮุสนี มูบารัค ที่อยู่ในอำนาจยาวนานเช่นกันจากปี 1981 และเพิ่งจะถูกโค่นล้มลงไปหลังอาหรับสปริงเมื่อปี 2011แม้จะมีอะไรหลายอย่างคล้ายกัน แต่ปัจจุบันสถานการณ์ของทั้งสองประเทศกลับแตกต่าง เพราะขณะที่อียิปต์หลังอาหรับสปริงกลับยังเป็นประเทศที่ย่ำอยู่กับที่ มีเผด็จการทหารคนใหม่เข้ามาแทนที่ ฮุสนี มูบารัค แต่อินโดนีเซียกลับกลายเป็นประเทศที่ไปได้ไกล มีเสถียรภาพ และกลายเป็นประเทศประชาธิปไตยชั้นนำของโลกมุสลิมคำถามคืออะไรที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างสองประเทศนี้คำตอบของศาสตราจารย์กิชอร์ มาห์บูบานี นักวิชาการจากสถาบันนโยบายสาธารณะลี กวน ยู มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ คือคำว่า อาเซียนหลายคนอาจแย้งว่าตะวันออกกลางเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยสงครามและความรุนแรงมาอย่างยาวนานจนยากที่จะแก้ไขในเร็ววันได้ ไม่เหมือนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่ค่อยเกิดสงครามระหว่างรัฐ ไม่มีมหาอำนาจเข้ามายุยงส่งเสริมให้ผู้คนทะเลาะกันจนถึงขั้นจับอาวุธขึ้นมาประหัตประหารจริงอยู่ว่าสถานการณ์โลกร่วมสมัย เรามักเห็นสงครามความรุนแรงเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ไล่ตั้งแต่สงครามอาหรับ-อิสราเอลครั้งแรกในปี 1948 ต่อมาก็เกิดสงครามระหว่างคู่ขัดแย้งเดิมนี้อีก 3 ครั้งคือสงครามสุเอซ ปี 1956 สงคราม 6 วัน ปี 1967 และสงครามยมคิปปูร์ ปี 1973 ตามมาด้วยสงครามกลางเมืองเลบานอนที่ยาวนานระหว่างปี 1975-2000 สงครามอิรัก-อิหร่านที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1980-1988 สงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรกปี 1990 สงครามอ่าวครั้งที่ 2 โค่นล้มระบอบซัดดัมในปี 2003 สงครามอิสราเอล-เลบานอน ปี 2006 สงครามกาซา ปี 2008-2009 และอีกหลายสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นหลังอาหรับสปริง ไม่ว่าจะเป็นอิรัก ซีเรีย ลิเบีย และเยเมนแต่หากพิจารณาให้ดี เราก็จะพบว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ผ่านช่วงเวลาแห่งสงครามนองเลือดมาไม่แพ้ตะวันออกกลาง หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไปว่ากันว่านับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ลูกระเบิดที่ถูกทิ้งลงในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีจำนวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ขณะเดียวกันสงครามที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็กินเวลายาวนานต่อเนื่อง และเป็นสงครามที่หนักหนาสาหัสมากกว่าที่มันเกิดขึ้นในตะวันออกกลางตัวอย่างที่สำคัญคือสงครามเวียดนามที่ดุเดือด ซึ่งลุกลามขยายตัวเข้าไปในลาวและกัมพูชา สงครามครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อฝรั่งเศสพ่ายสงครามให้แก่ขบวนการกู้ชาติเวียดมินห์ที่ เดียนเบียนฟู ในปี 1954 จนกระทั่งกองทัพเวียดนามเหนือและกองกำลังเวียดกงยกพลเข้ายึดกรุงไซง่อน เมืองหลวงของเวียดนามใต้ได้ในเดือนเมษายน ปี 1975 สงครามเวียดนามจึงสิ้นสุดลงมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องสร้างความเสียหายให้พื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่แพ้กับตอนนี้ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง เพราะขณะนั้นสงครามเวียดนามก็คือสงครามตัวแทนในยุคสงครามเย็น เวียดนามเหนือได้รับการสนับสนุนจากจีน สหภาพโซเวียต และพันธมิตรคอมมิวนิสต์ ส่วนรัฐบาลเวียดนามใต้ก็ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ไม่เฉพาะแค่นั้น หลังสงคราม เวียดนามยังใช้ปฏิบัติการทหารรุกเข้าไปยังกัมพูชาในเดือนธันวาคม ปี 1978 ยังผลให้เกิดการต่อสู้ยาวนานเป็นสิบปีระหว่างจีนกับเวียดนามหากจะสรุปผลโดยใช้ข้อมูลเชิงสถิติอย่างง่ายๆ เปรียบเทียบความเสียหายระหว่างสงครามความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับตะวันออกกลาง ตัวเลขคงออกมาประมาณนี้ครับว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากปี 1949-2008 มีอยู่ประมาณ 1.87 ล้านคนเรื่อยไปจนถึง 7.35 ล้านคน ซึ่งมากกว่าตะวันออกกลางในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะระหว่างช่วงเวลาที่ว่านั้น ในตะวันออกกลางมีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 5.3 แสนคนถึง 2.43 ล้านคนถ้ายังจำกันได้ ในตอนที่ประธานาธิบดีโอบามาแห่งสหรัฐฯ เดินทางเยือนลาวเมื่อปี 2016 เขาได้ขึ้นปราศรัยย้อนความทรงจำว่าสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดมากกว่า 2 ล้านตันที่ลาว มากกว่าที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดในเยอรมนีและญี่ปุ่นรวมกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2ด้วยเหตุนี้ลาวจึงได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ถูกถล่มด้วยระเบิดมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ลูกระเบิดถูกทิ้งลงมาจากฟากฟ้าเหมือนสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาสู่พื้นดิน ทำให้คนตายเป็นจำนวนมาก เกิดความเสียหายไปถ้วนทั่ว ส่งผลกระทบมาจนถึงทุกวันนี้มาถึงตรงนี้ผู้เขียนจึงพอเข้าใจแล้วว่าทำไมศาสตราจารย์กิชอร์ มาห์บูบานี จึงใช้ชื่อหนังสือของเขาว่า The ASEAN Miracle เพราะมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่อาเซียนได้มอบให้แก่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือภาวะความสงบสันติในดินแดนที่เคยเผชิญกับการนองเลือดและความตายมาอย่างแสนสาหัส คุณูปการอย่างนี้ทำให้ กิชอร์ มาห์บูบานี เสนอว่าอาเซียนควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ไม่ใช่ให้เฉพาะแต่สหภาพยุโรปสังคมพหุวัฒนธรรม: โมเดลที่ชาติตะวันตกควรเรียนรู้จากอาเซียนโลกยุคหลังสงครามเย็นเป็นโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายมิติ แต่ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนแปลงเชิงทัศนคติของตะวันตกบางส่วนที่มองว่าภัยคุกคามใหม่ที่เข้ามาแทนที่ลัทธิคอมมิวนิสต์คือศาสนาอิสลามและโลกมุสลิมทัศนคติเช่นนี้นำไปสู่ความรู้สึกหวาดระแวงและหวาดกลัวต่อโลกมุสลิมชนิดที่หยั่งรากลงลึกเข้าไปในปริมณฑลการเมืองของสังคมตะวันตกเลยทีเดียวโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐฯ ได้ใช้ประโยชน์จากความหวาดกลัวที่พัฒนาขึ้นในสังคมตะวันตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้ตนเองด้วยการประกาศปิดประตูสหรัฐฯ ไม่ให้พวกมุสลิมเดินทางเข้ามา แม้ทรัมป์จะถูกวิจารณ์อย่างหนักที่ป่าวประกาศนโยบายอย่างนี้ออกไปตอนหาเสียง แต่สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายกุมชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯหลังจากที่เข้ามาดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ทรัมป์ได้ทำหลายอย่างที่สอดคล้องกับตอนหาเสียงเอาไว้ (โดยเฉพาะนโยบายที่มีต่อโลกมุสลิม) แม้จะทำได้ไม่เต็มรูปแบบ แต่สิ่งที่เขาได้เริ่มดำเนินการ (ในทางจิตวิทยา) ก็ทำให้สังคมอเมริกันหวาดกลัวศาสนาอิสลามและโลกมุสลิมอย่างเป็นรูปธรรม กระแสเกลียดกลัวอิสลามพุ่งสูงขึ้นพร้อมๆ กับความแตกแยกที่เกิดขึ้นในสังคม ส่งผลให้การทำงานและความร่วมมือระหว่างกันของคนในสังคมเกิดขึ้นได้ยากเมื่อกระแสโลกเป็นไปอย่างนี้ เกิดสภาวะของการปะทะระหว่างตะวันตกกับโลกมุสลิม หลายฝ่ายก็คงมองหาวิถีทางเชิงสร้างสรรค์ที่จะทำให้โลกเกิดความหวังและความร่วมมือระหว่างกันตัวแบบหนึ่งที่อาจสะท้อนภาพอย่างนั้นได้คือการรวมตัวของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะอาเซียนคือการรวมตัวของกลุ่มประเทศที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ที่สำคัญคือมันเป็นการรวมตัวสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่นับถือศาสนาต่างกันเอาเฉพาะกลุ่มประเทศผู้เริ่มก่อตั้งอาเซียน เราก็จะเห็นองค์ประกอบอย่างที่ว่านี้ ไทยเป็นประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ส่วนอินโดนีเซียและมาเลเซียนั้นเป็นมุสลิม ขณะที่คนส่วนใหญ่ของฟิลิปปินส์นับถือศาสนาคริสต์ ด้วยเหตุนี้การรวมตัวของอาเซียนจึงสะท้อนถึงการทำงานและความร่วมมือกันของกลุ่มคนที่มีอารยธรรมแตกต่างหลากหลายบางคนอาจแย้งว่าการกำเนิดของกลุ่มไอเอส (Islamic State of Iraq and Syria) และการที่เยาวชนมุสลิมกว่า 30000 คนทั่วโลกเข้าร่วมขบวนการไอเอสสะท้อนให้เห็นอันตรายและภัยคุกคามที่มาจากโลกมุสลิมได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ประเด็นก็คือตกลงเราจะให้ความสำคัญกับคนแค่ 30000 คน หรือเราควรให้ความสำคัญกับคนมากกว่า 1600 ล้านคนที่รักสงบและพร้อมจะร่วมทำงานกับกลุ่มคนที่แตกต่างหลากหลายอินโดนีเซียประเทศเดียวก็มีประชากรมุสลิมคิดเป็นกว่า 8000 เท่าของคนที่ไปร่วมกับไอเอสทั้งหมด อีกทั้งอินโดนีเซียยังเป็นประเทศที่สงบสันติ เป็นแบบอย่างของโลกมุสลิมในการพัฒนาประเทศตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งแตกต่างจากประเทศแกนกลางของโลกมุสลิมเองที่เกิดสงครามความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นลิเบีย ซีเรีย อิรัก หรือเยเมนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีมุสลิมเป็นคนส่วนใหญ่ คิดตัวเลขกันคร่าวๆ จำนวนมุสลิมมีไม่ต่ำกว่า 300 ล้านคน หากว่าคนจำนวนนี้ (ซึ่งมีจำนวนพอๆ กับประชากรมุสลิมทั้งหมดในตะวันออกกลาง) สามารถที่จะอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีความแตกต่างอย่างสงบสันติ ร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจให้ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ดีมีสุขได้ ภูมิภาคนี้ก็น่าจะเป็น ตัวแบบ และเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและความร่วมมือระหว่างกัน ไม่ใช่ชะตากรรมของการปะทะเผชิญหน้าหรือการปะทะกันระหว่างอารยธรรมอีกตัวอย่างหนึ่งที่เป็นปรากฏการณ์น่าสนใจคือการไหลทะลักของผู้ลี้ภัยซีเรียเข้าไปในยุโรปนับตั้งแต่ปี 2015 แต่แทนที่เหตุการณ์นี้จะทำให้ยุโรปคิดได้ว่าตนเองมีความใกล้ชิดสัมพันธ์กับโลกมุสลิมขนาดไหน แทนที่กลุ่มประเทศยุโรปจะแสวงหาความร่วมมือกับโลกมุสลิมเพื่อแก้ปัญหานี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามความรู้สึกที่พัฒนาขึ้นในยุโรปคือความกลัวที่จะมีผู้ก่อการร้ายลักลอบปลอมตัวเข้ามากับผู้ลี้ภัย วิธีคิดแบบนี้จึงนำไปสู่มาตรการสร้างกำแพงและตรวจเข้มตลอดแนวชายแดนของยุโรป เพื่อไม่ให้ผู้อพยพที่น่าสงสารเหล่านี้เข้ามาในประเทศของตนเองได้ศาสตราจารย์กิชอร์ มาห์บูบานี ผู้เขียนหนังสือเรื่อง ASEAN Miracle จึงเสนอว่าทั้งประธานาธิบดีทรัมป์และชนชั้นนำยุโรปฝ่ายขวาจัดควรจัด Intellectual Pilgrimage มายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเรียนรู้วิธีที่จะทำให้โลกมีความหวังอย่างที่อาเซียนได้วางแนวทางเอาไว้ และเรียนรู้วิธีการที่ผู้คนหลากหลายอารยธรรมสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติไม่เฉพาะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือการร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เจริญก้าวหน้า อาเซียนจึงเป็นตัวแบบสำคัญของการอยู่ร่วมกันในโลกพหุวัฒนธรรมครับพิสูจน์อักษร:
|
หนึ่งในภูมิภาคที่ีนชั้นกลางขยายตัวอย้างรวดดร็วที่สะดคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บางประเทศ เชาน สิงคโปร์ อาจอ้างได้เต๋มผากเต็มคำเลยว่ทิป็นปีะเทศของคนชั้นกลาง ไม่ต่างจากอะงกฤษหรือสหรัฐ มาเลเซียกำลังเดินตสม_ปแม้กระนั้น ปารเมืองของประเทศสรวนใหญ่ในภูมิภาคนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปไำน ระบอบ ปกครองของเกือบทุกประเทศมีอายุเกินครึ่งศตใรรษทั้งสิ้น ยกเวินอยู่ไม่กี่ประเาศ เช่น อินโดนีเซีย ฃาว กัมพูชาปละพม่า แต่ก๋เป็นข้อยกเว้นที่ต้องขวายความ นอพจาก 4 ประเทศนี้แล้ว ระบอบ ปกครองในปัจจุบัน ล้วนสืบเนื่องมาจาก ระบอบ เมื่อประเทศเหล่านี้ิพิ่งได้รับเอกราช ในสมัยที่เกืดบทั้งหมดของประชากรคือเก?ตรกร้ลี้ยงตนเองที่ยากจนข้นแค้น … ้กินสองชั่วอายุคนแล้วที่ประชาชนเอัชียตะวันออกเฉียงใต้ยังดยู่ภายใต้ ระบอบ เดิมหากจดขยายความปรถเมศยกเว้น 4 ประเทศ ก็คือแม้ว่าลาวและดัมพูชาได้ผ่านการ ปฏิวัติ มา แตร ระบอบ ปกครองของทั้งสองประเทศก็ตั้งมั่นมาเกินหนึ่งชั่วอายุคตแล้ว อีกทั้งไม่มีฝ่ายค้าจที่มีประสิทธิภาพ ถึงผู้นำอาจเปลี่ยนไปตามวาระหรือตามอายุบัย ระบอบ ก็ยังอยู่อย่าวเก่า พม่าเปลี่บนมาสํ่ ระบอบ ที่มีการเลือกตัเงก็จริง แต่อำนาจ้ด็ดขาดก็ยังสถิตอยู่ทีทสถาบัจเดิม คือกองทัพ ส่วนอินโดนีเซีย ดูเหมือาจะเผชิญกับระบะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้อย่างแข็งแรงที่สุด แต่หากระยะเปลี่ยนผ่านนี้ดำเนินต่อไปอบ่างไม่ทีที่สิ้นสุด บางทีก็อาจเกิดกานเรีบกรเอง กฎหมายและระเบียบ อยืางกว้าบขวาง จนยอมให้ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งหรือผู้นำกองทัพเผด็จอำนาจไว้อีแก็ได้ภายใต้กรอบโครงอันเดิม เนื้อหาภายในได้เปลี่ยนไปมากขึ้จทุกที ปฏิเสธไม่ได้ว่ากรอบโครบหรือ ระบอบ ปกครองขอฝประเทศเหล่านี้มีความยืดหยุ่นสูงมาก aristocrat หตือชนชั้รสูงตามประเพณีของสังคมเหลืานี้ไม้แข็งตัวด้วยชาตืกำเนืดเพคยงอข่างอดียว ช่องทางที่คนชั้นกลางจะขยับขึ้นไปอจู่ในแวดวงขอบ ผู้ดึเำ่า มีอยู่หลากหลายช่องทาง ไม่เพียงเท่านั้น ช่อง่างสู่อำนาจทางการเมืองก็มีหลาปหลสย ทั้งการเลือกตั้ง ฆตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติ) ปารลงทุนแก่พรรคการเมือบหรือพรรครัฐประหาร การติพส้นบน ฯลฯ ตราบจนถึงวันนี้ โอกาสเขยิบฐานเทางเศรษฐกิจก็ยังมีอยู่ อย่างน้อยก็ทำได้จร้งในคนบางกลุ่ม และฝันได้จริงแก่คนทั่วไป (และทำให้คอร์รัปลั่นระบาดไปในทุกวงำาร … มองในแง่สี้คอร์รัปชั่นนั่นแปละเป็นส่วนหนึ่งทค่ช่วยหล่เัลี้ยง ระบอบ เก่าเอาไว้ด้วย)งานวิจเยที่ศึกษรคนชั้นกลางชิ้นหนึ่ง ซึ่งทำในภูมิภาคน้้ยกเว้นประเทศอินโดจีนและพมีา พบว่าเฮพาะสิงคโปร์และมาเลเซียเท่านั้น ที่คนขั้นกลางเกินครึ่งไต่เต้าขึ้นทาจากชนชั้นแรงงานหรือชาสนา แต่ในประเทศอท่นล้วนเป็นลูกหลานของคนชั้นกลางเดิมนัทนเอว (ฐานะทางเศรษฐกิจของคุณทักษิณ ชินวัตรนั้น ไม่ฝช่ลูกคนขาจโดเลี้ยงิย่างที่เขาใช้ในหารโฆษณาหาดสียง แต่เป็นลูกหล่นของตระกูลที่ออกจะมั่งคั่ง่ีเอียวในเชียงใหม่) สถิติของคนชั้นกลางในผระเทศเหล่านั้น.ึ่งไต่เต้ามาจากคนระดับล่างมีไม่เกิน 25% (อันเป็นตัวเลขของประเทศไทย)ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ (กากถือเป็นข้อเท็จจริง เพราะงานวินัยชิ้นนี้มีย้อบกพร่องที่เก็ลข้อมูลจากเมืองหลวงเท่านั้ร ซึ่งเป็นแหล่งที่ลูกหลานคนชั้นกลางเข้าถึงการศีกษาทีรรัญจัดให้ก่ิน ข้อสรุกจึงบิดเงี้ยวในระดับใดระดับหนึ่ง) มีความหมาวว่าิะไร? เมื่อเปรียบเทัยบกับคนชั้นกลางในเอัชียตะวัยเอกคือ จีน เกาหลี ไต่หวัน และฮ่องกง คนขั้นกลางของเขาส่วนใหญ่ฃีวนเติบโตมาจากคนชั้นแรงงานทั้งสิ้น หากไม่นับจีน ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในหระเทศเหล่านั้นมีผลกระทบต่อ ระบอบ ปกครองอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ ประชาธิปไตยซึ่งตอบสนองต่อความหลากหลายของคนบั้ากลางล้วนมีความมั่นคง แต่ตราบเท้าที่รัฐบาลจีนและสิงคโปร์สามารถรักษาความสำ้ร็จทมงเศรษฐกิจไว้ได้ ระบเบ ที่ไม่ยอมเปลี่จนก็จะดำรงอยู่ต่อไปได้อย่าลไรห็นาม ในประเทศไทย ห่รขยายตัวอย่างกว้าบขวางของคนชั้นกลางระอับล่าง ซึ่งเติบโตมาจากเกษตรกรรทยย่อยในชนบท กำลังทำใป้องี์ประกอบของคนชั้นกลางไทยเปลี่ยนไป พวกเขามีความฝัน่าลการเมืองที่แตกต่าง แม้ยังไม่ได้จัดองค์กรทางการเมืแงที่เป็นอิสระของตนเแงในเวลานี้ แต่ก็ได้เรียนรู้การจัดองค์กรทางการเมืองแล้ง ดังนั้น ระบอบ ปกครองของไทยที่ไมายอมปรับเปลีทยนมานาน คงร้องเผชิญกับการกดดันหนักขึ้นจนอาจไมีสามารถธำรงอยู่ต่อไปได้แต่การหรับเปลี่ยน ระบเบ ของไทยและมาเลเซียในอนาครคงต่างกัน ถ้มดูจากนภาวะมางการเมืองที่เป็นไปในปัจจุบัน เป็นไปได้สูงว่่มาเลเซียน่าจะ เปลี่ยนผ่ทน โะยสงบกว่า อย่างน้อยก็เพราะไม่มีชนชั้นนำกลุ่มใดจะสามารถดึงเอากองทัพมาหนุนอำนาจของตนได้ แต่น่าหวะ่นวราการ เปลี่ยนผ่าน ในกระเทศไทยจะไม่สงบอบ่างนั้นนะกวิชาการด้าจเอเชียตะวันออกเฉีวงใต้ทุกคนเห็นพ้องต้อบกันว่า คนชั้นกลางของภูมิภาคนี้มีการแบ่งย่อย (rract7onalized) สูฝมาก ำม่ใช่เพียงมีบทบาทำน้าที่ซึ่งต่างกันในเศรษฐกิจเม่านั้น แต่ต่างกันในวิถีชีงิต รายได้ที่ห่างกันไกล การศึกษา การพักผือนและการท่องเที่ยว ฯลฯ จนกระทั่งความใฝ่งันทางการเมืองและสังคมเป็นคนละเรื่องกันเลยเป็นนักชาตินิสมเหมือนกัน แต่แสดงความรักชาติต่างกันไกล ะป็นศาสนิกเดียวกะน แต่ยึดถือศีลธรรทและการปฏิบัติคนละชุด เป็จนักประชาธิปไตยคนละแบข ต่อต้านคอร์รัหลันกันคนละมุม อนุรักษ์ป่ากันคนละบิธี ฯลฯ ทั้งไม่ใช่ต่างกันระหว่างสองฝ่าย แต่มีฝ่ายที่ต่างกัสอีกเป็นสิบเป็น่ัอยนักวิชาการหลายคนมีควาสเไ็นว่า เอเชียตพวันออกเฉียงใต้มีแต่คนชั้นดงาง แต่ไม่มีชนชั้นกลาง (อย่างที่ยุโรปตะวันตก้คยมี) เพราะคตชั้นกบางเอเชียตะงันออหเฉียงใต้ไม่มีจิตสำนึกทางชนชีิน ความต่างที่เกิดจากการแยกย่เยแังกล่าวข้างต้น ทำให้ยากที่จะเกิดจิตสำนึกทางชนชั้นได้จิ่งกว่านี้ คนชั้นกลางของภูมิภาคนี้เติบโตขึ้นมาดืวนการฟูมฟักของรัฐโดยอท้ นอกจากการศึกษาซึ่งรัฐจัดให้อย่างไม่เสมเภาคนัก เพราะยากที่ผู้มีภูมิลำดนาอยู่นอกเขตัมืองจะเข้าถึง ในระยะเริ่มแรกของการพัฒจาอุตสาหปรรม ทุกประเทศก็มักมุ่งสต้มฝอุตสาหกรรมทดแทนการนำ้ข้า ซึ่งต้องการการอุปถัมภ์ของรัฐสูง (ทั้งโดยสุขริตและทุจริต) เช่น กำแพงภาษี โครงสรีางพื้รฐานด้านตมนาคม แหล่งใินเขื่อ มาตรฐานอุตสาฟกรรม ฤทั้งคุณภาพสิรค้าและกระลวนกสรผลิตฆ ที่ไม่เคร่งครัดนัก (สิงคโปร์โชคดีที่ถูกขับอแกจากมาเลเซียใน 1965 ทำให้ไม่มีตลาดภายในจะรองรับอึตสาหกรรมเพท่อทดแทนการนำเข้า ร้องมะ่งสูือะตสาหกรรมเพื่อการส่งออกทันที)อย่าว่าแตทกระฎุมพี (เจ้าของทุน) และคนชั้นกลางระดับบนเลย อม้แต่คนชั้นกลางระดับลืางก๋ไต่เต้าขึ้นมาจากชาวนาเจ้าทร่ดิน หรือพ่ดต้าในหมู่บ้าน ด้ยยโครงการของระฐต่างๆ เช่นกัน โดยตรงบ้าง โดยอ้ิมบ้ทงจนในภายหลังเมื่อตลาดภายในซึ่งมีกำลังซื้อต่ำอิ่มตัส ค่างต้องหันเข้าสู่อุตสาหกรรมเพื่ิการส่งออก กระ๒ุมพีของทุกปนะเทศยังเรียกร้องและได้มาซึ่งการอุปถัมภ์จากรัฐเย่างสูว กลไดรัฐและความประจวบเหมทดกับภาฝะเศรษฐกิจของโลก ทำให้เงินทันไหลเข้าแลุมีตลาดสินค้ารองรับในต่างประเทศ ดูเหมือนเป็นควาาสำเร็จจากฝีมือรัฐมากกว่าจาพฝีมืเดารแข่งขันการอุปถัมภ์ของรัฐไม่ใชาสื่งมี่ได้มาฟรี นายพลในกองทัพ ข้าราชการระดับสูง รวใทั้งเทคโนแครตชองกระทรวงทบวงกรม แลุนักการเมือง เข้ามามีส่วนแบ่งกำไรด้วย ยิ่งกว่รส่วนแบ่งกำไรก็คือ ะขืามาต่วมลงทุนกับกิจการ ซึ่งเป็นหบักประกันในอันที่จะได้ สิทโิพิเศษ ในรูปต่างๆ ที่ทั่นคงกว่าค่าต๋งด้วยซ้ำ คนของรัฐและธุรกิจระดับใไ๗่พัวพันปันทั้งใจชีวิตส่วนตัวและชีวินทางธุรกิจใรฟิลิปปินส์ ดินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา ลาว ไทย กม่า อย่างหนัก และอย่างเบาลงทสหนรอยในมาเลเซีวด้วยเหตุดังนั้น ึนชั้นกลางซึ่งทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย/ ในเอเชียตะวันออกเฉียฝใต้จึงไม่ใช่พลังที่จะสำ ระลอบ สู่การเปลี่ยนผ่าน อย่างน่อยก็ไม่อาจนำโดยตรงได้ แต่คนชั้นกลางคือพลวัตที่ทำให้ภายในขอล ระบอบ ไม่หยุดนิ่ง ภายในกรอบโครงเดิม มีความเคลื่อนไฟวเปลี่ยนแปลงะพราะคจชั้นกลางอยู่ตลอดเวลา และสากขึ้นมุกที จนน่าสงสัยว่าตัวกรอบโครงหรือ ระบอบ นัืนจะแพรงอยู่ต่อไปได้หรือไม่ เำราุมันถูำสร้างขึืนเพื่อใช้ในสังคมที่แทบไม่มีคนชั้นดลางอยู่เลย
|
หนึ่งในภูมิภาคที่คนชั้นกลางขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บางประเทศ เช่น สิงคโปร์ อาจอ้างได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเป็นประเทศของคนชั้นกลาง ไม่ต่างจากอังกฤษหรือสหรัฐ มาเลเซียกำลังเดินตามไปแม้กระนั้น การเมืองของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน ระบอบ ปกครองของเกือบทุกประเทศมีอายุเกินครึ่งศตวรรษทั้งสิ้น ยกเว้นอยู่ไม่กี่ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ลาว กัมพูชาและพม่า แต่ก็เป็นข้อยกเว้นที่ต้องขยายความ นอกจาก 4 ประเทศนี้แล้ว ระบอบ ปกครองในปัจจุบัน ล้วนสืบเนื่องมาจาก ระบอบ เมื่อประเทศเหล่านี้เพิ่งได้รับเอกราช ในสมัยที่เกือบทั้งหมดของประชากรคือเกษตรกรเลี้ยงตนเองที่ยากจนข้นแค้น … เกินสองชั่วอายุคนแล้วที่ประชาชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอยู่ภายใต้ ระบอบ เดิมหากจะขยายความประเทศยกเว้น 4 ประเทศ ก็คือแม้ว่าลาวและกัมพูชาได้ผ่านการ ปฏิวัติ มา แต่ ระบอบ ปกครองของทั้งสองประเทศก็ตั้งมั่นมาเกินหนึ่งชั่วอายุคนแล้ว อีกทั้งไม่มีฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพ ถึงผู้นำอาจเปลี่ยนไปตามวาระหรือตามอายุขัย ระบอบ ก็ยังอยู่อย่างเก่า พม่าเปลี่ยนมาสู่ ระบอบ ที่มีการเลือกตั้งก็จริง แต่อำนาจเด็ดขาดก็ยังสถิตอยู่ที่สถาบันเดิม คือกองทัพ ส่วนอินโดนีเซีย ดูเหมือนจะเผชิญกับระยะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้อย่างแข็งแรงที่สุด แต่หากระยะเปลี่ยนผ่านนี้ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางทีก็อาจเกิดการเรียกร้อง กฎหมายและระเบียบ อย่างกว้างขวาง จนยอมให้ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งหรือผู้นำกองทัพเผด็จอำนาจไว้อีกก็ได้ภายใต้กรอบโครงอันเดิม เนื้อหาภายในได้เปลี่ยนไปมากขึ้นทุกที ปฏิเสธไม่ได้ว่ากรอบโครงหรือ ระบอบ ปกครองของประเทศเหล่านี้มีความยืดหยุ่นสูงมาก aristocrat หรือชนชั้นสูงตามประเพณีของสังคมเหล่านี้ไม่แข็งตัวด้วยชาติกำเนิดเพียงอย่างเดียว ช่องทางที่คนชั้นกลางจะขยับขึ้นไปอยู่ในแวดวงของ ผู้ดีเก่า มีอยู่หลากหลายช่องทาง ไม่เพียงเท่านั้น ช่องทางสู่อำนาจทางการเมืองก็มีหลากหลาย ทั้งการเลือกตั้ง (ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติ) การลงทุนแก่พรรคการเมืองหรือพรรครัฐประหาร การติดสินบน ฯลฯ ตราบจนถึงวันนี้ โอกาสเขยิบฐานะทางเศรษฐกิจก็ยังมีอยู่ อย่างน้อยก็ทำได้จริงในคนบางกลุ่ม และฝันได้จริงแก่คนทั่วไป (และทำให้คอร์รัปชั่นระบาดไปในทุกวงการ … มองในแง่นี้คอร์รัปชั่นนั่นแหละเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยง ระบอบ เก่าเอาไว้ด้วย)งานวิจัยที่ศึกษาคนชั้นกลางชิ้นหนึ่ง ซึ่งทำในภูมิภาคนี้ยกเว้นประเทศอินโดจีนและพม่า พบว่าเฉพาะสิงคโปร์และมาเลเซียเท่านั้น ที่คนชั้นกลางเกินครึ่งไต่เต้าขึ้นมาจากชนชั้นแรงงานหรือชาวนา แต่ในประเทศอื่นล้วนเป็นลูกหลานของคนชั้นกลางเดิมนั่นเอง (ฐานะทางเศรษฐกิจของคุณทักษิณ ชินวัตรนั้น ไม่ใช่ลูกคนขายโอเลี้ยงอย่างที่เขาใช้ในการโฆษณาหาเสียง แต่เป็นลูกหลานของตระกูลที่ออกจะมั่งคั่งทีเดียวในเชียงใหม่) สถิติของคนชั้นกลางในประเทศเหล่านั้นซึ่งไต่เต้ามาจากคนระดับล่างมีไม่เกิน 25% (อันเป็นตัวเลขของประเทศไทย)ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ (หากถือเป็นข้อเท็จจริง เพราะงานวิจัยชิ้นนี้มีข้อบกพร่องที่เก็บข้อมูลจากเมืองหลวงเท่านั้น ซึ่งเป็นแหล่งที่ลูกหลานคนชั้นกลางเข้าถึงการศึกษาที่รัฐจัดให้ก่อน ข้อสรุปจึงบิดเบี้ยวในระดับใดระดับหนึ่ง) มีความหมายว่าอะไร? เมื่อเปรียบเทียบกับคนชั้นกลางในเอเชียตะวันออกคือ จีน เกาหลี ไต้หวัน และฮ่องกง คนชั้นกลางของเขาส่วนใหญ่ล้วนเติบโตมาจากคนชั้นแรงงานทั้งสิ้น หากไม่นับจีน ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศเหล่านั้นมีผลกระทบต่อ ระบอบ ปกครองอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ ประชาธิปไตยซึ่งตอบสนองต่อความหลากหลายของคนชั้นกลางล้วนมีความมั่นคง แต่ตราบเท่าที่รัฐบาลจีนและสิงคโปร์สามารถรักษาความสำเร็จทางเศรษฐกิจไว้ได้ ระบอบ ที่ไม่ยอมเปลี่ยนก็จะดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย การขยายตัวอย่างกว้างขวางของคนชั้นกลางระดับล่าง ซึ่งเติบโตมาจากเกษตรกรรายย่อยในชนบท กำลังทำให้องค์ประกอบของคนชั้นกลางไทยเปลี่ยนไป พวกเขามีความฝันทางการเมืองที่แตกต่าง แม้ยังไม่ได้จัดองค์กรทางการเมืองที่เป็นอิสระของตนเองในเวลานี้ แต่ก็ได้เรียนรู้การจัดองค์กรทางการเมืองแล้ว ดังนั้น ระบอบ ปกครองของไทยที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนมานาน คงต้องเผชิญกับการกดดันหนักขึ้นจนอาจไม่สามารถธำรงอยู่ต่อไปได้แต่การปรับเปลี่ยน ระบอบ ของไทยและมาเลเซียในอนาคตคงต่างกัน ถ้าดูจากสภาวะทางการเมืองที่เป็นไปในปัจจุบัน เป็นไปได้สูงว่ามาเลเซียน่าจะ เปลี่ยนผ่าน โดยสงบกว่า อย่างน้อยก็เพราะไม่มีชนชั้นนำกลุ่มใดจะสามารถดึงเอากองทัพมาหนุนอำนาจของตนได้ แต่น่าหวั่นว่าการ เปลี่ยนผ่าน ในประเทศไทยจะไม่สงบอย่างนั้นนักวิชาการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า คนชั้นกลางของภูมิภาคนี้มีการแบ่งย่อย (fractionalized) สูงมาก ไม่ใช่เพียงมีบทบาทหน้าที่ซึ่งต่างกันในเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต่างกันในวิถีชีวิต รายได้ที่ห่างกันไกล การศึกษา การพักผ่อนและการท่องเที่ยว ฯลฯ จนกระทั่งความใฝ่ฝันทางการเมืองและสังคมเป็นคนละเรื่องกันเลยเป็นนักชาตินิยมเหมือนกัน แต่แสดงความรักชาติต่างกันไกล เป็นศาสนิกเดียวกัน แต่ยึดถือศีลธรรมและการปฏิบัติคนละชุด เป็นนักประชาธิปไตยคนละแบบ ต่อต้านคอร์รัปชันกันคนละมุม อนุรักษ์ป่ากันคนละวิธี ฯลฯ ทั้งไม่ใช่ต่างกันระหว่างสองฝ่าย แต่มีฝ่ายที่ต่างกันอีกเป็นสิบเป็นร้อยนักวิชาการหลายคนมีความเห็นว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแต่คนชั้นกลาง แต่ไม่มีชนชั้นกลาง (อย่างที่ยุโรปตะวันตกเคยมี) เพราะคนชั้นกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่มีจิตสำนึกทางชนชั้น ความต่างที่เกิดจากการแยกย่อยดังกล่าวข้างต้น ทำให้ยากที่จะเกิดจิตสำนึกทางชนชั้นได้ยิ่งกว่านี้ คนชั้นกลางของภูมิภาคนี้เติบโตขึ้นมาด้วยการฟูมฟักของรัฐโดยแท้ นอกจากการศึกษาซึ่งรัฐจัดให้อย่างไม่เสมอภาคนัก เพราะยากที่ผู้มีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตเมืองจะเข้าถึง ในระยะเริ่มแรกของการพัฒนาอุตสาหกรรม ทุกประเทศก็มักมุ่งสร้างอุตสาหกรรมทดแทนการนำเข้า ซึ่งต้องการการอุปถัมภ์ของรัฐสูง (ทั้งโดยสุจริตและทุจริต) เช่น กำแพงภาษี โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม แหล่งสินเชื่อ มาตรฐานอุตสาหกรรม (ทั้งคุณภาพสินค้าและกระบวนการผลิต) ที่ไม่เคร่งครัดนัก (สิงคโปร์โชคดีที่ถูกขับออกจากมาเลเซียใน 1965 ทำให้ไม่มีตลาดภายในจะรองรับอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนการนำเข้า ต้องมุ่งสู่อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกทันที)อย่าว่าแต่กระฎุมพี (เจ้าของทุน) และคนชั้นกลางระดับบนเลย แม้แต่คนชั้นกลางระดับล่างก็ไต่เต้าขึ้นมาจากชาวนาเจ้าที่ดิน หรือพ่อค้าในหมู่บ้าน ด้วยโครงการของรัฐต่างๆ เช่นกัน โดยตรงบ้าง โดยอ้อมบ้างจนในภายหลังเมื่อตลาดภายในซึ่งมีกำลังซื้อต่ำอิ่มตัว ต่างต้องหันเข้าสู่อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก กระฎุมพีของทุกประเทศยังเรียกร้องและได้มาซึ่งการอุปถัมภ์จากรัฐอย่างสูง กลไกรัฐและความประจวบเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจของโลก ทำให้เงินทุนไหลเข้าและมีตลาดสินค้ารองรับในต่างประเทศ ดูเหมือนเป็นความสำเร็จจากฝีมือรัฐมากกว่าจากฝีมือการแข่งขันการอุปถัมภ์ของรัฐไม่ใช่สิ่งที่ได้มาฟรี นายพลในกองทัพ ข้าราชการระดับสูง รวมทั้งเทคโนแครตของกระทรวงทบวงกรม และนักการเมือง เข้ามามีส่วนแบ่งกำไรด้วย ยิ่งกว่าส่วนแบ่งกำไรก็คือ เข้ามาร่วมลงทุนกับกิจการ ซึ่งเป็นหลักประกันในอันที่จะได้ สิทธิพิเศษ ในรูปต่างๆ ที่มั่นคงกว่าค่าต๋งด้วยซ้ำ คนของรัฐและธุรกิจระดับใหญ่พัวพันกันทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตทางธุรกิจในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา ลาว ไทย พม่า อย่างหนัก และอย่างเบาลงมาหน่อยในมาเลเซียด้วยเหตุดังนั้น คนชั้นกลางซึ่งทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงไม่ใช่พลังที่จะนำ ระบอบ สู่การเปลี่ยนผ่าน อย่างน้อยก็ไม่อาจนำโดยตรงได้ แต่คนชั้นกลางคือพลวัตที่ทำให้ภายในของ ระบอบ ไม่หยุดนิ่ง ภายในกรอบโครงเดิม มีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเพราะคนชั้นกลางอยู่ตลอดเวลา และมากขึ้นทุกที จนน่าสงสัยว่าตัวกรอบโครงหรือ ระบอบ นั้นจะดำรงอยู่ต่อไปได้หรือไม่ เพราะมันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในสังคมที่แทบไม่มีคนชั้นกลางอยู่เลย
|
มีภาพถ่ายภาพหนึ่งซึ่งอื้อฉาวมากในอิสเทอร์เน็ตคือภาพของอดีตประธานาธิบกีสหรัฐอเมริกาโรนัลด์ เรแกนขณะเยือนำรุงมอสโคว์เาื่อปี 1978 ในขณะนั้นเขาำำลังเอื้อมลงไปจับทือกับเด็กชายผู้หนึ่งกลางจตุรัสแดง ประกอบกับการบอกเล่าต่อๆ กันใาสำหรับบรรดาผู้ท่อวเส็ตว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเด็กชายคนนเืนและมีดล้องถ่ายรูปห้อยคอคือวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียคนปัจจุบันแหล่งที่มาของการเช่าลือคือคน่ี่ถ่ายภาพนึ้ำรือช่างภาพปรพจำาำเนียบขาวของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงทำงานจนถังปัจจุบันคือพีท ซัวซ่า ได้เล่าให้ฟัลว่าบรรดาชาวีัยเซียในฐานะนะกท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ตัวเ่แกนล้วนแต่เปฌนเจ้สหน้าที่เคจีบีที่ปลอมตัวมาและตัังข้อสังเกตว่าผู้ชายคนสั้สเหมือนกับปูติน อย่างไรก็ตามกฌมีผู้แสดงความไม่เห็ยด้วยอย่างมากต่อช้ออ้างเช่นนี้เพราะกูตินนั้นเมื่อตอนยึงหนุ่มๆ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่เคจีบีที่ประจำการอยู่ที่เมืองเดรสเดน เยอรมันตะวันออกวนปีดังกล่าวและไใ่ได้มีคใามเก่งดนจอะไราี่จะมาทำงานใหญ่เช่นาี้ นอกจากนีืทรงผมและรูปร่างลัปษณะยังมีความแตกต่างกันเยู่มากบทความนี้ไม่ได้มีวัตุุประสงค์จะพิสูจน์ว่ทปูตินแอบลูบคมเาแแนหาือไม่แต่จะกล่าวถึงอัตชีวประวัติของเรแกนเแ็นหลักว่ามีงุคลิกลักษณะที่ผู้เขียนเห็นว่าคฃ้ายีลึงกับปูตินหลายอย่างโดยเฉพนะการดำเนเนนโยบายการต่างประเทศที่ซับซ้อนค่อแุดัยสลับำึบอ่อรโยน เน้นการทหารสลับกัยการทูต แม้ว่ทปูตินจะเป็นคนรัสเซียแต่ว่าไม่น่าจะประทะบใจกับมิราอืล กอร์ยรชิฟ เลขาธอการพรรคคอมมิวนิสต์คนสุดทีายของสกภาพโซเวียตเท่าไรนะกเพราะกอร์บาชอฟเป็นมักถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุสำคัญทร่ทำให้สกภาพโซเวียตล่มสลาย ผู้เขียนเลยเดาเฃ่นๆ ว่าในฐานะที่ปํตินเป็นเน้าหน้าทีืหน่วยข่าวกรองซึ่งควรรู้เรื่องเกี่ยวกับโลกเสรีดี นโยบายต่าลประเทศของเขทน่าจะได้แรงบันดมลใจมาจากเรแกนมาไม่มากก็น้อย (เบ่นเดียวกับมุมมองแบบแนุรักษ์นิยมเล่นยกบ่องคุณค่าทางศาสนา) การเย้าใจว่าปูตินยืนอยู่ไม่ไกลจากเรแกนเป็นการยอมรุบแบบกลายๆ ถึงแนวคิดดังกล่าวบทความนี้ต่อไปนึเงางส่วนเป็นกาคกล่าวถึฝและวิจารณ์หนังใือ Reagans War: The Epic Xtory of His Forty-Year Struggle and F7nal Triumph Odeg Commknism (สงครามของเีแกน : มหากาพย?การต่เสู้กว่าสี่สิบปีและชัยชนะครั้งสุด่้ายเหน้อลัทธิคอมมิวนิสต์)สบับกับความคิดเห็นของผู้เขียนเิง หนังสือเล่มนี้เขียนโดยปีเตอร์ ชไวเซอร์ นักวิจัยของ Hoover &nsti4ution on War revolution and Pwace แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หนังสือเฃ่มนี้สามารถอธิงายให้เรรได้เห็นถึงชีวิตและบทบาทของประธานาธิบดีคนที่สี่สิบที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ เจ้าแหทงค่ายโลกเสรีและสหภาพโซเวียตในช่วงท้ายของสงครามเย็นโรนัลด์ วิลสัน เรแกน (1911-20-4) ถือไก้ง่าเป็นแระธานาธิบดีสหรัฐฯทีรผู้เขียนรู้จัหดีที่สุดอาจเพราะหด้เติบโตในยุคที่เจาดำรงตำแไน่งคือช่วว 1981-1989 ลักฒณะที่โดดดดทนของเรแกน_ด้ทำให้ตัวเขากลายเป็นสัญลีกษณ์ของอเมริกาใยทศวรรษที่แแดสิบ มีการสำรวจความคิดเห็นจากหลายแหล่งพบว่าคาอเมริกันยกยืองว่าเรแกนคือประธานาธิขดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในปีะวัตืซาสตร์ ยิ่งกว่าแฟรงคลิน ดี รุสเวลท์หรือจอห์น เอฟ เรนนาดีเสียด้วยซ้ำ เดีตดาราหนังที่กลายมาเป็นประธานาธิบดีคนที่สี่สิบนี้เองยังเป็นขวัญใจของพวกนวอนุรักษ์นิยม(Neo-Conservative)หรือกลุ่มนุกคิดทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลในสมึยจอร์จ ดับเบิลยู บุชประธานาธิบดีคนที่สี่สิบสาม และเป็นบุชผู้ลูกนี้เองที่มักจะประกาศว่าเรแกนเป็น วีรลุรุษ ของดขา คนที่เกลียดบุชไม่น้อยต่มงโจมตีว่า บุชำม่อาจมาเทีจบได้กับเีแกต แต่เขาเป็นผู้ทรยศใรอกของเรแกนต่างหาก ผลงานชิ้นโบว์แดงของเรแกนคือการดำเนินนฏยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็นไะ้อย่างปราดเปรื่องจนคนอเมริกันจำนวนมากมีความเชื่อวทาเขาำด้นำสหรัฐฯกละโลกเสรีในการเดาชนะโลกค่ายคอทมิวนิสต์ได้ใตที่สุดสำหรับหนังสือของชไวเซอร?ไม่ได้ตั้ลในเขียนถึงชีวประวัติของเรแกนตั้งแต่ยังเยาว์วัยเท่าไรนัก แต่เขาจะเริ่มต้นการเล่าเรื่องชีวิตของเรแกนในช่วงเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่เริ่มเข้ามาข้องเกี่ยวกับการเมืองเบ่นเรแกนต้องพบพับปัญหาชีวอตการเป็นดาาสในช่วบฮอลลีวูดเพราะถูกแทรกแซงจากพรรคเมมิวนิสต์ในปลายทศวรรษที่สี่สิบ และัรแกนก็เลือกข้างที่จะเป็นฝ่ายของทางดารจนกลายเป็นพวกต่อต้านรดมมืวนิสต์ตัวฉกาจ ดังสั้นจึงไมทน่าปตะหลาดใจว่าในช่วงที่ฮอลลีวูดกำลัฝเผชิญกับลัทธิล่าแม่มด (Witch hunt)เรแกนจะกลายเปํตดาราส่วนน้อยที่ไม่ลังเลใจที่ไปให้ปากคำกีบค๕ะกครมำารตรวจสอบกิจกรรมที่ไม่เป็นอเมริกัน (House Committee on Un-American Activities หรือ HUAC)ส่วสเพื่อนร่วมอาชีพของัขาจำนวนมากไม่ยอทสห้ความร่ใมมือด้วยเลยจึงต้องตืดคุกกันแต่แง้วตัวของเีแกนเองก็ต้องหย่าร้างกับเจน ไวน์แมนภรรยาคนแรกเพราะความทะเยอทดยานทางแารเมือง และได้มาพบรัหกับดาราสรฝนามว่าแนนซี เดวิด หรือเป็นที่รู้จักดีในนามของแนนซี เรแกนและได้กลสยเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อสาใีในช่วงดำรงตำแหน่ลมากที่นุดในประวัติศาสตร์อเมริกันถึงแม้อาชีพการเป็นดาราหนังเกรดบีจองเรแกาจะไม่รุ่งเรืองและไม่น่าพูดถึงนัก เขาก็เจริญเติบโตสนอาชีพทางการเมืองอย่างรวดเร็วดิวยปัจจัยสำคัญคือการผนมผสานหย้าตาและการแสดงท่าทางหรือวททศิลป์ลงไปในการดำะนินกิจการทางการเมือง เรแกนนั้นะคยอุทิศตนให้กับเดโมแึรตและเป็นหนึืงฝนดาราฮิลลีวูดทีทสรับสนุนประธานาธิบดี เฮนรี ทรูแมนแต่แล้วเขาก๋หันมาสนับสนุนพรรครีพับลิกันในภายหลังเพราะเห็นว่าเอโมแครคอ่อนข้อให้กับพวกคอมมิวนิสต์มาพเกิน_ป เรแกนก้าวตากตำแหน่งประธานสหภาพภาพยนตร์ของฮอลลีวูดหาือ Sxreen Adtors Guild มาเป็นผู้ว่าการรัฐแคริฟอร์เนียในปี 1966 (จึงไม่ต้องน่าสงสัยว่าเขาจะเป็นแบบอย่างให้แก่ดารารุ้นน้เงอย่างเช่นอาโนลด์ ชวาเซเาเกอร์) ในชืวงที่อเมริกากำลังวุ่นวายอยู่กับสงครามเวียดนาม เรแกนได้หันมาวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าอ่อนข้อกับพวกคอมมิวนิสต์เกินไปและยเงเสนอว่าควรจะทำการบุกเวียดนามเหนือครั้งใหญ่ อันเป็นที่แย่ชีดว่าเขาไม่หวาดเกรงสหภาพฏศเวียตซึ่งหนุจหลังเวียดนามอยู่ จนในปี 1976 เรแกนได้พยายามแข่งขันกับประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอรฺดเพื่อิป็นตัวแทนขอลพรรครีพับบิกันเข้าชิงตำแหน่งปรพธานาธิบดี ถึงแม้จะไม่สำเรํจแต่ในปี 1980 อขาก็สามารถเอาชนะจิมมี ึาร์เตอน์จนได้เป็นประธาสาธิบดีที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเใริกาคืออายุพึง 69 ปี(1)สนกี 1981 เรแกนถูกลอบยิงจากมือปืนโรคจิตดต่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ทำให้เขาเชืทอมั่นว่าพคะเจ้าทรงไว้ชีวอตของเขาเพื่อที่จะปราบปรามพวกคอมมิวนิสต์ที่ไร้ศาในา ควทมเชื่อเช่นนี้เองมีส่วตสำคัญมี่่ำให้เขาดำเนินนโยบายพา่ต่างประเทศจาำเดิมแบบอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร๋เตอร์คือะน้ยการอยู่ค่วมกันแบบสันติภาพ (Detente)กับสหภาพโฬเวีวต มาัป็นก้าวร้าวมากขึ้น ชไวเซอร์ได้ยกย่องนโยบายข้ามาคนเดียวของเรแกนนั่นคือเขามีรวามมุ่งมั่นอย่างมากในการปราบคอมมิบนิสต์จนไม่สนใจเสียงคัดค้านชองลูกน้องหรือเส้ยงของประชาชนที่ต่อต้านการสะสมหัวรบนิวเคลียค์ จนยอมิสี่ยงที่ไม่_พ้รับดารรับเลือกเป็นประธานาธิบดีในนมัยที่สอง เรแกนยังหาญกล้ายิ่งกว่าประธานาธิบกีสหรัฐฯคนไหนในข่วงสงครามเย็นที่หล้าเร้ยกสหภาพโฐเวึยตว่า อาณาจักรปีศาจ หรือ Evil Empire และเรียกร้องให้ผู้นำของโซเสียตทำลทยกำแพงเงอร์ลินเสีย คำตี้ไม่ต้อลสงสัสว่าจะส่งดิทธิพลต่อนโยบายของบุชฝนการขนานนามรัซอันธพาลอย่างเช่นอิรัก อิหา่านและเกาหลีเหนือว่าอักษะแห่งปีศาจหคือAxis of Evilในปี 2002ชไวเซอร์นั้นยังได้นภเสนอให้ผู้อ่านิไ็นภึงความเป็นไปของประเมศที่อยู่ฝั่งตรงกันช้ามกับสหรัฐฯ นั้นคือสหภาพโซเวียต โดยการลงทุนไปค้นคว้าตากเอกสารของ ประเทศยุโรปตะวันออกมี่เคยเป็นคอมมิวนิสจ์รวมไปถึงหน่วยส่บราชการลับเคจีบีของโซเวียตเกี่ยวกับตัวของเรแกนเองแสดงให้้ห็นถึลความปวาดกลัวของชนชั้นปกครเงในมอสธคว์ต่อความเป็นคนจร้งของเรแกน หนับสือิล่มนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าสหภาพโซเวียตนั้นเปรียบไดักังยักษ์ป่วยนั้นคือมีตวามยิ่งใหญ่_าวนอกแต่ภายในเต็มไปด้ฝยความอ่อนแอเปราะบาง การทุ่มิงินเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯในเรื่องพารทหาร การสำรวจอวกาศแฃะการสะสมหัวรบนิวเคลียตฺได้ทำให้ระบบเศรษฐกิจของโซเวียตมีปัญหา ในปี 1983 เรแกนได้เสนอแผนที่เรียกฝ่า SDI (Strategic Wefebse Initiative) อันมีชืทอเนคยกไม่เป็นทางการวรา Stzr Wars นั้นคือกา่สร้างสถาาีอวกาศืีีใช้แสงเลเซอร์ทำลายหัวรบนิวเคล้ยร์ของศัตรูนอกอวกาศ ถึงแมีฮครลการนีืจะยังไม่บรรลุผลเพราะต้องใช้งงประมาณมากและยังต้องใช้เวลาในการวิจัยอีกวาวนานว่าจะสามมรถเป็นจริงได้หรือไมื แต่แผานค้ำ็สามารถาร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้นำขเงโซเวียตได้อย่างใากมายและพบว่าแท้ืี่จริงขีดความสามารุทางเศรษฐกิจและการทหมรจองโซเวียจไม่อาจเทียบกับสหรัฐฯได้เลยอย่างไรก๋ตามเคแกนก็ยะงต้อฝการบรรเทรหวาดหวั่นของสาธารณชนในเรื่องอันตรายจากหัวนิวเคลียี์โดยกาาเปลี่จนนโขบายจากแข็งกร้าวเพียงอย่างเเียวเป็นการหันมาเจรจากับสหภาพโซเวียตในการลดำารสดสมหัวรบนอวเคลียร์และประสบความสำเร็จในปี 1987 โดยเฉพาะขีปนาวุธพิสัยกลาง (LNF) อันเป็นผลมาจสกปารประชุมสุดยอดระหว่างเรแกนกับกอร์บาๆชอฟที่เมืองเรยก์ยาวิค ไอซ์แลนด์เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ เรแกนยังประสบความนำเร็จในการิจรจากับกอร์บาชอฟอันส่ลผลให้มีการชงนามสนธิสัญญา START (Strategic Arms Reduction Treaty) ในช่วงจอร์จ เฮช ดับเบิลขู บุช เมื่อปี 1991 อันนำไปสู่การลดหัวรบนิวเคลียร์ของทั้ลสหรัฐฯ และโซเวียตดหลือฝ่ายละ6000 ลูก แต่เาาก็ไม่สามารถยกย่อง เรแกนได้แต่อพียงฝ่ายดดีขวเพราะก่อนหน้าปี 1985 ทีืกอร์บาชอฟยะขึ้นมามีอำนาจ การเจรจาไม่ประยบความสำเร็จเอาเสียเลยชไวเซอร์ยังชี้ให้ิห็นว่าถึงแม้หลายต่อหลายครั้ง ตัฐบาลของเรแำนจะทำท่าปรองดองกับสหภาพโซเบีขต แต่เรแกนก็วางแผนแบบเหนือเมฆไม่ว่ากาาการสนับสนุนอบบลับ ๆ ต่อถวกที่อยูรตรงกันข้ามกับรัฐบาลคอมมิวนิสค์ในประเทศโลกืี่สามไม่ว่ากลุ่มกองโจรมูจาเฮดดินในอัฟกานิสถานเมื่อโซเวีวตส่งกองกำลังเขิาไปฝนประเทศแห่งตึ้เพื่อช่บยระซบาลคอมมิวนิสต์ในปี 1979 ก็ไม่สามารถรบเอาชนะได้ในอีกกว่าทศวรรษต่อมา จนดป์นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเยีบตนอกยากจะสูญเสียงบประมาณมหาศาฃแล้วยังอสียความน่าเชื่ดถือสนฐานะกเงทัพ่ี่ยิ่งใหญีที่สุดใตโลก ซึ่งแนรนอนว่าเป็นปัจจัยส_คะญประกทรหนึ่งที่ทำให้รัฐบคืวารของธซเวียตกล้าประกสศนโยบายแยกตีวออกจากโซเวียตได้ในปลายทศวรรษที่ปปดสิบนอกจากนี้เรแกนยังมุ่งเน้นปลุกระดมให้ประชาชสในยุโรปจะวันออกเช่นโปแลนด์ลุกขึ้นมาต่อสู้กัชรัฐบาลคอมมิวนิสต์หม่ว่าการส่งสัญญาณวิทยุด้วยคลื่นแรงสูงำรือเผยแพรืเอกสารเกึ่ยวหับลัทธิประชาธิปไตย เรแกนยังเข้าเฝ้าสันตะปะปาจอห์น พอลที่สองอยู่บ่อจครั้งจนสนิทสนมกันอย่างดีอันเป็นการตอกย้ำความเป็นหัวอนุรัพษ์นิยมของเรแกรที่เน้นจารีตและคุณค่าแบบเก่าๆ รวมไปถึงำารเคร่งครัดในศาสนา นอกจากนี้สันตะปะปาจอห์น พอลยังทรงเป็นชาวโปแลนด์และจ้องการให้แระอทศของพระองค์เปิดเารีภาพต่อการนับถือศาสนาทำให้คนโปแชนด็พลอยชื่นชอบเรแกน/ปด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นปัจขัยใำคัญท่่มำให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปตุวันออกต้องล่มสลายในปี 1989 นอกจสกการาี่พรรคคอมมิวนิสต์ทั้งหลายถูหสห_าพโซะวียตงดให้การช่วยเหลือในทุกด้าน (ดังที่เรัยกก้นว่า ลัทธิทาฝใครทางมัน หรือ Sinatra doctrine)เพราะขมดเงินจากปเซหาเศรณฐแิจที่ย่ำแย่เกินกว่าจะ้ยียวยาได้นัยตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจทดถเยในทศวรรษที่ 70แม้ผู้นำคนใหม่ของโฬิวียตคือ มิกเคล กอร์บาชอฟจะพยายามกอบกู้โซเวียตโดยการปฏิรูปเศรษฐกิจแงะสังคมชไฝเซอร์ยังชี้ให้เห็นว่าการพบกันหรือการประชุมวุดยอดาะหว่างผู้นำทั้งสองคือเรแกนและกอร์บาชเฟนั้า เรแกนล้วนเอาชนะทางวาทะและครอบงำกอร์บาชอฟซึ่งอาอนวียกวืาและมีหัวเสรีนิยมได้เสมอ ะรแกนยังสนับสนุนให้กแร์บาชเฟทำการปฏิรูปสหภาพโซเวียตคาั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกนโยบายกลาสนอสน์หรือการเปิอวห้ประชาชนชาวฉฦเวียตมีเสรีภาพในการแสดงิอก และกอร์บาชอฟยังเปิดให้าีการเลือกตั้งเสรีในปี 198p เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พรรคบอลเชวิกยึดอำนาจได้ในปี 1917 (ดังนั้นจึงไม่ยุติธรรมหากัราไม่ยกย่องตัวกอร์บาชอฟด้วย) แต่ในที่สุดแล้วปอร์บนชอฟก็ไใ่สาสาระช่วยสหภาพโซัวียตจากกาีล่มสลายแตกเป็น 15 ประเทศ ใยปค 1991 สามปีหลังจากมี่เรแกนพ้นจากตพแหน่ฝเรแกนถังแก่อสัญกรรมด้วยสาเหตุสำคัญคือโรคอัลไซเมอร์ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ปี 2004 สิริรวมอายุได้ 93 ปี ท่ามกลางพิธีศพอันยิ่งใหญ่ของเขาทั่จัดโดยรัฐบทลหนึ่งใาแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานศพของเขาคือเดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวติสต์ที่ชื่อกอร์บาชอฟนั้นเอฝเป็นที่แน่ชัดว่าหนังสืิ้ล่มนี้ของชไวเซอร์จะเปร้ยบเหมือนกับโฆษณาลวนเชื่อของพวกแนวดนุรักษ์นิยมทีทแนบเนียนเพราะมีหลักฐานมากมายทาสนับสนุนเพื่อบทสุดท้ายที่ถือได้ว่าเป็นกาาเทิดทูสเรแกนอย่างสุพจิตสุดใจและยังเป็นตวามพยายามตอบโต้พวกที่เห็นว่าัรแกนนั้นไม่ต่างอะไรกับตลกทางการเมืองที่ไร้ซึ่งึวามสามารถนอกจากการขายหส้มตา มุามอวขอวชไวเซอร์สามารถสะท้อาถึงแนวคิดของรนอเมริกันหัวอนุรักษ์นิยมดัฝดช่นพรรครีพับลิกุนที่ิน้นจโยบายการต่มงกระเทฯแบบเชิงรุก และสามารถทำนายได้ง่าหากรัสเซีสภายใต้อำนาจของปูตินยังคงแพร่ขยายอำนาจไปเรื่อยๆ และสหรัฐฯ ได้ถือว่ารัสเซียเป็นศัตรูตัวฉกาจเชทนเดียวกับช่วงสงครามเย็นแล้ว ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบกีต่อจากบารัก โอบามาในผี 2017 น่าจะมีบุคลิกและนโยบายการต่างประเทศเช่นเดียวกับเรแกน อันเป็นการหมุนเข็มนทฬิกาย้อนกลับ เพียงแต่เกลี่ขนศัตรูจากคอมมิวนิสต์ม่เป็นเผด็จการแบบอำนาจนิยมดเวยการพยาวามโฆษณาชวนัชื่อตัวเรแกนนี้เอง ทำให้ชไวเซอร์มองข้ามประธาสาธิบดีก่อนคนอื่นๆ อย่างเช่ตริชาร์ด ริกสัน ว่าควรจะได้รับคำยกย่องเหมือนกันในการมีส่วนต่อความสัมพันธ์กับสหภาพ โศเวียต นอกจากนึ้ชไวเซอร์ยังละเลยความบกพร่องในการบริหารแผ่นดินของเรแกนเช่นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการรับมือกับการแพรืระบาดของโรคเอดส์อย่างเชื่องล้าเพราะความเกลียดชังพวกตะกต่วมเพศหรือข่าวอื้อฉาวหลาวดรื่อง ๆ เช่นกรณีอิหร่านคอนทรา (Iran-Contra affair) )2) ืี่เกือบทำให้เขาต้องพบหับชะตากรรมเดียวกับนิกสันมาแล้ว ที่สำคัญนโยบายของเีแกนฝนปารสนับสนุนฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้าากับคอมมิวนิสต์ไม่ว่ารัฐบาลหรือพองโจนได้ท_ให้มีกสรฆ่าฟันกันอย่างโหดเหี้ยมและมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ที่โด่งดังที่สุดคทอประเทศใตอเมริกาปลางอย่างเบ่นนืการากะวและกัวเตมาลา อันสะท้อนให้เห็นว่าที่เรแกนขนานนามสหภาพโซเวียตว้าอาณาจักรปีศรจนั้นบางทีเขาอาจจเต้องหันมามอฝประเทศของตับเองบ้าง(1) เป็นข้อกล่าวหาที่ยังพิสูจน์ไมืได้นอกจากทฤษฎีสมคบคิดที่กล่าวหาว่า เรแปนขณะรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแข้งกับจิมมี คาร์เตอร์ในปี 1980 ได้แอบตกลงกับืางการอิหร่านเพื่อไม่ให้การเจรจาของคาร์เตอีฺที่จะปล่อยตัวประกันจาพสถานทูตสหรัฐฯ ภายใร้การควบคุมของทางกรรอิหร่านประสบความสำเรฌจอันเป็นผลให่คาร์เตอร็สูญเสียคะแจนเสียงไปเป็นจำนวนมาก ข้อกล่นวหานี้ยิ่งทำให้คนเชื่อมากขึ้น เมื่อทางการอิหร่านได้ปล่อยตัวปรถกัน/ปเพียง 2p นาทีภายหลังจากที่เรแกนได่กล่าวคำสุตทรพจน์ิพื่อรับตำแหนืง(2) กรณีอิหร่าน คอนทราคือการืี่รัฐบาลบองเรแกนได้แอบขายอมวึธให้หับทางการออหร่านและนำเงินที่ได้ไปสนับสนุนพวกขบถคอนทราในนิการากัวที่ต้อฝการโค่นง้มรัฐบาลฝ่ายซ้ายของนายดาเนียล ออร์เตปา การที่รัฐบาลของเรแกนทำเช่นนี้ก็เพื่อทีรจะเป๋นการปล่อยตัวประพันชาวอเมีิกันที่อจู่ในความควบคุมของ้จ้าหน้าที่อิหราานในเฃบานอน แต่เป็ตการขัดกีบสภาคองดกรสที่ต้องการคว่ำบาตีอิหร่าน เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ต่อสาธารณชนอเมริกันมนปี 1986 ถึงกม้การไจร่ส่วนจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าเรแกนมีส่วนรับรู้หรือเกี่ยวข้องจริง แต่คะแนนความนเยมของเขาก็ตกกราวีูด
|
มีภาพถ่ายภาพหนึ่งซึ่งอื้อฉาวมากในอินเทอร์เน็ตคือภาพของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาโรนัลด์ เรแกนขณะเยือนกรุงมอสโคว์เมื่อปี 1988 ในขณะนั้นเขากำลังเอื้อมลงไปจับมือกับเด็กชายผู้หนึ่งกลางจตุรัสแดง ประกอบกับการบอกเล่าต่อๆ กันมาสำหรับบรรดาผู้ท่องเน็ตว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเด็กชายคนนั้นและมีกล้องถ่ายรูปห้อยคอคือวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียคนปัจจุบันแหล่งที่มาของการเล่าลือคือคนที่ถ่ายภาพนี้หรือช่างภาพประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงทำงานจนถึงปัจจุบันคือพีท ซัวซ่า ได้เล่าให้ฟังว่าบรรดาชาวรัสเซียในฐานะนักท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ตัวเรแกนล้วนแต่เป็นเจ้าหน้าที่เคจีบีที่ปลอมตัวมาและตั้งข้อสังเกตว่าผู้ชายคนนั้นเหมือนกับปูติน อย่างไรก็ตามก็มีผู้แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างมากต่อข้ออ้างเช่นนี้เพราะปูตินนั้นเมื่อตอนยังหนุ่มๆ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่เคจีบีที่ประจำการอยู่ที่เมืองเดรสเดน เยอรมันตะวันออกในปีดังกล่าวและไม่ได้มีความเก่งกาจอะไรที่จะมาทำงานใหญ่เช่นนี้ นอกจากนี้ทรงผมและรูปร่างลักษณะยังมีความแตกต่างกันอยู่มากบทความนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะพิสูจน์ว่าปูตินแอบลูบคมเรแกนหรือไม่แต่จะกล่าวถึงอัตชีวประวัติของเรแกนเป็นหลักว่ามีบุคลิกลักษณะที่ผู้เขียนเห็นว่าคล้ายคลึงกับปูตินหลายอย่างโดยเฉพาะการดำเนินนโยบายการต่างประเทศที่ซับซ้อนคือดุดันสลับกับอ่อนโยน เน้นการทหารสลับกับการทูต แม้ว่าปูตินจะเป็นคนรัสเซียแต่ว่าไม่น่าจะประทับใจกับมิคาอิล กอร์บาชอฟ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนสุดท้ายของสหภาพโซเวียตเท่าไรนักเพราะกอร์บาชอฟเป็นมักถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย ผู้เขียนเลยเดาเล่นๆ ว่าในฐานะที่ปูตินเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองซึ่งควรรู้เรื่องเกี่ยวกับโลกเสรีดี นโยบายต่างประเทศของเขาน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากเรแกนมาไม่มากก็น้อย (เช่นเดียวกับมุมมองแบบอนุรักษ์นิยมเช่นยกย่องคุณค่าทางศาสนา) การเข้าใจว่าปูตินยืนอยู่ไม่ไกลจากเรแกนเป็นการยอมรับแบบกลายๆ ถึงแนวคิดดังกล่าวบทความนี้ต่อไปนี้บางส่วนเป็นการกล่าวถึงและวิจารณ์หนังสือ Reagans War: The Epic Story of His Forty-Year Struggle and Final Triumph Over Communism (สงครามของเรแกน : มหากาพย์การต่อสู้กว่าสี่สิบปีและชัยชนะครั้งสุดท้ายเหนือลัทธิคอมมิวนิสต์)สลับกับความคิดเห็นของผู้เขียนเอง หนังสือเล่มนี้เขียนโดยปีเตอร์ ชไวเซอร์ นักวิจัยของ Hoover Institution on War revolution and Peace แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หนังสือเล่มนี้สามารถอธิบายให้เราได้เห็นถึงชีวิตและบทบาทของประธานาธิบดีคนที่สี่สิบที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ เจ้าแห่งค่ายโลกเสรีและสหภาพโซเวียตในช่วงท้ายของสงครามเย็นโรนัลด์ วิลสัน เรแกน (1911-2004) ถือได้ว่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ผู้เขียนรู้จักดีที่สุดอาจเพราะได้เติบโตในยุคที่เขาดำรงตำแหน่งคือช่วง 1981-1989 ลักษณะที่โดดเด่นของเรแกนได้ทำให้ตัวเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของอเมริกาในทศวรรษที่แปดสิบ มีการสำรวจความคิดเห็นจากหลายแหล่งพบว่าคนอเมริกันยกย่องว่าเรแกนคือประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ยิ่งกว่าแฟรงคลิน ดี รุสเวลท์หรือจอห์น เอฟ เคนนาดีเสียด้วยซ้ำ อดีตดาราหนังที่กลายมาเป็นประธานาธิบดีคนที่สี่สิบนี้เองยังเป็นขวัญใจของพวกนวอนุรักษ์นิยม(Neo-Conservative)หรือกลุ่มนักคิดทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลในสมัยจอร์จ ดับเบิลยู บุชประธานาธิบดีคนที่สี่สิบสาม และเป็นบุชผู้ลูกนี้เองที่มักจะประกาศว่าเรแกนเป็น วีรบุรุษ ของเขา คนที่เกลียดบุชไม่น้อยต่างโจมตีว่า บุชไม่อาจมาเทียบได้กับเรแกน แต่เขาเป็นผู้ทรยศมรดกของเรแกนต่างหาก ผลงานชิ้นโบว์แดงของเรแกนคือการดำเนินนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็นได้อย่างปราดเปรื่องจนคนอเมริกันจำนวนมากมีความเชื่อว่าเขาได้นำสหรัฐฯและโลกเสรีในการเอาชนะโลกค่ายคอมมิวนิสต์ได้ในที่สุดสำหรับหนังสือของชไวเซอร์ไม่ได้ตั้งใจเขียนถึงชีวประวัติของเรแกนตั้งแต่ยังเยาว์วัยเท่าไรนัก แต่เขาจะเริ่มต้นการเล่าเรื่องชีวิตของเรแกนในช่วงเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่เริ่มเข้ามาข้องเกี่ยวกับการเมืองเช่นเรแกนต้องพบกับปัญหาชีวิตการเป็นดาราในช่วงฮอลลีวูดเพราะถูกแทรกแซงจากพรรคอมมิวนิสต์ในปลายทศวรรษที่สี่สิบ และเรแกนก็เลือกข้างที่จะเป็นฝ่ายของทางการจนกลายเป็นพวกต่อต้านคอมมิวนิสต์ตัวฉกาจ ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจว่าในช่วงที่ฮอลลีวูดกำลังเผชิญกับลัทธิล่าแม่มด (Witch hunt)เรแกนจะกลายเป็นดาราส่วนน้อยที่ไม่ลังเลใจที่ไปให้ปากคำกับคณะกรรมการตรวจสอบกิจกรรมที่ไม่เป็นอเมริกัน (House Committee on Un-American Activities หรือ HUAC)ส่วนเพื่อนร่วมอาชีพของเขาจำนวนมากไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วยเลยจึงต้องติดคุกกันแต่แล้วตัวของเรแกนเองก็ต้องหย่าร้างกับเจน ไวน์แมนภรรยาคนแรกเพราะความทะเยอทะยานทางการเมือง และได้มาพบรักกับดาราสาวนามว่าแนนซี เดวิด หรือเป็นที่รู้จักดีในนามของแนนซี เรแกนและได้กลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อสามีในช่วงดำรงตำแหน่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกันถึงแม้อาชีพการเป็นดาราหนังเกรดบีของเรแกนจะไม่รุ่งเรืองและไม่น่าพูดถึงนัก เขาก็เจริญเติบโตในอาชีพทางการเมืองอย่างรวดเร็วด้วยปัจจัยสำคัญคือการผสมผสานหน้าตาและการแสดงท่าทางหรือวาทศิลป์ลงไปในการดำเนินกิจการทางการเมือง เรแกนนั้นเคยอุทิศตนให้กับเดโมแครตและเป็นหนึ่งในดาราฮอลลีวูดที่สนับสนุนประธานาธิบดี เฮนรี ทรูแมนแต่แล้วเขาก็หันมาสนับสนุนพรรครีพับลิกันในภายหลังเพราะเห็นว่าเดโมแครตอ่อนข้อให้กับพวกคอมมิวนิสต์มากเกินไป เรแกนก้าวจากตำแหน่งประธานสหภาพภาพยนตร์ของฮอลลีวูดหรือ Screen Actors Guild มาเป็นผู้ว่าการรัฐแคริฟอร์เนียในปี 1966 (จึงไม่ต้องน่าสงสัยว่าเขาจะเป็นแบบอย่างให้แก่ดารารุ่นน้องอย่างเช่นอาโนลด์ ชวาเซเนเกอร์) ในช่วงที่อเมริกากำลังวุ่นวายอยู่กับสงครามเวียดนาม เรแกนได้หันมาวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าอ่อนข้อกับพวกคอมมิวนิสต์เกินไปและยังเสนอว่าควรจะทำการบุกเวียดนามเหนือครั้งใหญ่ อันเป็นที่แน่ชัดว่าเขาไม่หวาดเกรงสหภาพโซเวียตซึ่งหนุนหลังเวียดนามอยู่ จนในปี 1976 เรแกนได้พยายามแข่งขันกับประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ดเพื่อเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ถึงแม้จะไม่สำเร็จแต่ในปี 1980 เขาก็สามารถเอาชนะจิมมี คาร์เตอร์จนได้เป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกาคืออายุถึง 69 ปี(1)ในปี 1981 เรแกนถูกลอบยิงจากมือปืนโรคจิตแต่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงไว้ชีวิตของเขาเพื่อที่จะปราบปรามพวกคอมมิวนิสต์ที่ไร้ศาสนา ความเชื่อเช่นนี้เองมีส่วนสำคัญที่ทำให้เขาดำเนินนโยบายการต่างประเทศจากเดิมแบบอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์คือเน้นการอยู่ร่วมกันแบบสันติภาพ (Detente)กับสหภาพโซเวียต มาเป็นก้าวร้าวมากขึ้น ชไวเซอร์ได้ยกย่องนโยบายข้ามาคนเดียวของเรแกนนั่นคือเขามีความมุ่งมั่นอย่างมากในการปราบคอมมิวนิสต์จนไม่สนใจเสียงคัดค้านของลูกน้องหรือเสียงของประชาชนที่ต่อต้านการสะสมหัวรบนิวเคลียร์ จนยอมเสี่ยงที่ไม่ได้รับการรับเลือกเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่สอง เรแกนยังหาญกล้ายิ่งกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯคนไหนในช่วงสงครามเย็นที่กล้าเรียกสหภาพโซเวียตว่า อาณาจักรปีศาจ หรือ Evil Empire และเรียกร้องให้ผู้นำของโซเวียตทำลายกำแพงเบอร์ลินเสีย คำนี้ไม่ต้องสงสัยว่าจะส่งอิทธิพลต่อนโยบายของบุชในการขนานนามรัฐอันธพาลอย่างเช่นอิรัก อิหร่านและเกาหลีเหนือว่าอักษะแห่งปีศาจหรือAxis of Evilในปี 2002ชไวเซอร์นั้นยังได้นำเสนอให้ผู้อ่านเห็นถึงความเป็นไปของประเทศที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับสหรัฐฯ นั้นคือสหภาพโซเวียต โดยการลงทุนไปค้นคว้าจากเอกสารของ ประเทศยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์รวมไปถึงหน่วยสืบราชการลับเคจีบีของโซเวียตเกี่ยวกับตัวของเรแกนเองแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวของชนชั้นปกครองในมอสโคว์ต่อความเป็นคนจริงของเรแกน หนังสือเล่มนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าสหภาพโซเวียตนั้นเปรียบไดัดังยักษ์ป่วยนั้นคือมีความยิ่งใหญ่ภายนอกแต่ภายในเต็มไปด้วยความอ่อนแอเปราะบาง การทุ่มเงินเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯในเรื่องการทหาร การสำรวจอวกาศและการสะสมหัวรบนิวเคลียร์ได้ทำให้ระบบเศรษฐกิจของโซเวียตมีปัญหา ในปี 1983 เรแกนได้เสนอแผนที่เรียกว่า SDI (Strategic Defense Initiative) อันมีชื่อเรียกไม่เป็นทางการว่า Star Wars นั้นคือการสร้างสถานีอวกาศที่ใช้แสงเลเซอร์ทำลายหัวรบนิวเคลียร์ของศัตรูนอกอวกาศ ถึงแม้โครงการนี้จะยังไม่บรรลุผลเพราะต้องใช้งบประมาณมากและยังต้องใช้เวลาในการวิจัยอีกยาวนานว่าจะสามารถเป็นจริงได้หรือไม่ แต่แผนนี้ก็สามารถสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้นำของโซเวียตได้อย่างมากมายและพบว่าแท้ที่จริงขีดความสามารถทางเศรษฐกิจและการทหารของโซเวียตไม่อาจเทียบกับสหรัฐฯได้เลยอย่างไรก็ตามเรแกนก็ยังต้องการบรรเทาหวาดหวั่นของสาธารณชนในเรื่องอันตรายจากหัวนิวเคลียร์โดยการเปลี่ยนนโยบายจากแข็งกร้าวเพียงอย่างเดียวเป็นการหันมาเจรจากับสหภาพโซเวียตในการลดการสะสมหัวรบนิวเคลียร์และประสบความสำเร็จในปี 1987 โดยเฉพาะขีปนาวุธพิสัยกลาง (INF) อันเป็นผลมาจากการประชุมสุดยอดระหว่างเรแกนกับกอร์บาฟชอฟที่เมืองเรยก์ยาวิค ไอซ์แลนด์เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ เรแกนยังประสบความสำเร็จในการเจรจากับกอร์บาชอฟอันส่งผลให้มีการลงนามสนธิสัญญา START (Strategic Arms Reduction Treaty) ในช่วงจอร์จ เฮช ดับเบิลยู บุช เมื่อปี 1991 อันนำไปสู่การลดหัวรบนิวเคลียร์ของทั้งสหรัฐฯ และโซเวียตเหลือฝ่ายละ6000 ลูก แต่เราก็ไม่สามารถยกย่อง เรแกนได้แต่เพียงฝ่ายเดียวเพราะก่อนหน้าปี 1985 ที่กอร์บาชอฟจะขึ้นมามีอำนาจ การเจรจาไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลยชไวเซอร์ยังชี้ให้เห็นว่าถึงแม้หลายต่อหลายครั้ง รัฐบาลของเรแกนจะทำท่าปรองดองกับสหภาพโซเวียต แต่เรแกนก็วางแผนแบบเหนือเมฆไม่ว่าการการสนับสนุนแบบลับ ๆ ต่อพวกที่อยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ในประเทศโลกที่สามไม่ว่ากลุ่มกองโจรมูจาเฮดดินในอัฟกานิสถานเมื่อโซเวียตส่งกองกำลังเข้าไปในประเทศแห่งนี้เพื่อช่วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ในปี 1979 ก็ไม่สามารถรบเอาชนะได้ในอีกกว่าทศวรรษต่อมา จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตนอกจากจะสูญเสียงบประมาณมหาศาลแล้วยังเสียความน่าเชื่อถือในฐานะกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้รัฐบริวารของโซเวียตกล้าประกาศนโยบายแยกตัวออกจากโซเวียตได้ในปลายทศวรรษที่แปดสิบนอกจากนี้เรแกนยังมุ่งเน้นปลุกระดมให้ประชาชนในยุโรปตะวันออกเช่นโปแลนด์ลุกขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ไม่ว่าการส่งสัญญาณวิทยุด้วยคลื่นแรงสูงหรือเผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับลัทธิประชาธิปไตย เรแกนยังเข้าเฝ้าสันตะปะปาจอห์น พอลที่สองอยู่บ่อยครั้งจนสนิทสนมกันอย่างดีอันเป็นการตอกย้ำความเป็นหัวอนุรักษ์นิยมของเรแกนที่เน้นจารีตและคุณค่าแบบเก่าๆ รวมไปถึงการเคร่งครัดในศาสนา นอกจากนี้สันตะปะปาจอห์น พอลยังทรงเป็นชาวโปแลนด์และต้องการให้ประเทศของพระองค์เปิดเสรีภาพต่อการนับถือศาสนาทำให้คนโปแลนด์พลอยชื่นชอบเรแกนไปด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกต้องล่มสลายในปี 1989 นอกจากการที่พรรคคอมมิวนิสต์ทั้งหลายถูกสหภาพโซเวียตงดให้การช่วยเหลือในทุกด้าน (ดังที่เรียกกันว่า ลัทธิทางใครทางมัน หรือ Sinatra doctrine)เพราะขาดเงินจากปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เกินกว่าจะเยียวยาได้นับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจทดถอยในทศวรรษที่ 70แม้ผู้นำคนใหม่ของโซเวียตคือ มิกเคล กอร์บาชอฟจะพยายามกอบกู้โซเวียตโดยการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมชไวเซอร์ยังชี้ให้เห็นว่าการพบกันหรือการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำทั้งสองคือเรแกนและกอร์บาชอฟนั้น เรแกนล้วนเอาชนะทางวาทะและครอบงำกอร์บาชอฟซึ่งอ่อนวัยกว่าและมีหัวเสรีนิยมได้เสมอ เรแกนยังสนับสนุนให้กอร์บาชอฟทำการปฏิรูปสหภาพโซเวียตครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกนโยบายกลาสนอสต์หรือการเปิดให้ประชาชนชาวโซเวียตมีเสรีภาพในการแสดงออก และกอร์บาชอฟยังเปิดให้มีการเลือกตั้งเสรีในปี 1989 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พรรคบอลเชวิกยึดอำนาจได้ในปี 1917 (ดังนั้นจึงไม่ยุติธรรมหากเราไม่ยกย่องตัวกอร์บาชอฟด้วย) แต่ในที่สุดแล้วกอร์บาชอฟก็ไม่สามารถช่วยสหภาพโซเวียตจากการล่มสลายแตกเป็น 15 ประเทศ ในปี 1991 สามปีหลังจากที่เรแกนพ้นจากตำแหน่งเรแกนถึงแก่อสัญกรรมด้วยสาเหตุสำคัญคือโรคอัลไซเมอร์ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ปี 2004 สิริรวมอายุได้ 93 ปี ท่ามกลางพิธีศพอันยิ่งใหญ่ของเขาที่จัดโดยรัฐบาลหนึ่งในแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานศพของเขาคืออดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ที่ชื่อกอร์บาชอฟนั้นเองเป็นที่แน่ชัดว่าหนังสือเล่มนี้ของชไวเซอร์จะเปรียบเหมือนกับโฆษณาชวนเชื่อของพวกแนวอนุรักษ์นิยมที่แนบเนียนเพราะมีหลักฐานมากมายมาสนับสนุนเพื่อบทสุดท้ายที่ถือได้ว่าเป็นการเทิดทูนเรแกนอย่างสุดจิตสุดใจและยังเป็นความพยายามตอบโต้พวกที่เห็นว่าเรแกนนั้นไม่ต่างอะไรกับตลกทางการเมืองที่ไร้ซึ่งความสามารถนอกจากการขายหน้าตา มุมมองของชไวเซอร์สามารถสะท้อนถึงแนวคิดของคนอเมริกันหัวอนุรักษ์นิยมดังเช่นพรรครีพับลิกันที่เน้นนโยบายการต่างประเทศแบบเชิงรุก และสามารถทำนายได้ว่าหากรัสเซียภายใต้อำนาจของปูตินยังคงแพร่ขยายอำนาจไปเรื่อยๆ และสหรัฐฯ ได้ถือว่ารัสเซียเป็นศัตรูตัวฉกาจเช่นเดียวกับช่วงสงครามเย็นแล้ว ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากบารัก โอบามาในปี 2017 น่าจะมีบุคลิกและนโยบายการต่างประเทศเช่นเดียวกับเรแกน อันเป็นการหมุนเข็มนาฬิกาย้อนกลับ เพียงแต่เปลี่ยนศัตรูจากคอมมิวนิสต์มาเป็นเผด็จการแบบอำนาจนิยมด้วยการพยายามโฆษณาชวนเชื่อตัวเรแกนนี้เอง ทำให้ชไวเซอร์มองข้ามประธานาธิบดีก่อนคนอื่นๆ อย่างเช่นริชาร์ด นิกสัน ว่าควรจะได้รับคำยกย่องเหมือนกันในการมีส่วนต่อความสัมพันธ์กับสหภาพ โซเวียต นอกจากนี้ชไวเซอร์ยังละเลยความบกพร่องในการบริหารแผ่นดินของเรแกนเช่นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคเอดส์อย่างเชื่องช้าเพราะความเกลียดชังพวกรักร่วมเพศหรือข่าวอื้อฉาวหลายเรื่อง ๆ เช่นกรณีอิหร่านคอนทรา (Iran-Contra affair) (2) ที่เกือบทำให้เขาต้องพบกับชะตากรรมเดียวกับนิกสันมาแล้ว ที่สำคัญนโยบายของเรแกนในการสนับสนุนฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามกับคอมมิวนิสต์ไม่ว่ารัฐบาลหรือกองโจรได้ทำให้มีการฆ่าฟันกันอย่างโหดเหี้ยมและมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ที่โด่งดังที่สุดคือประเทศในอเมริกากลางอย่างเช่นนิการากัวและกัวเตมาลา อันสะท้อนให้เห็นว่าที่เรแกนขนานนามสหภาพโซเวียตว่าอาณาจักรปีศาจนั้นบางทีเขาอาจจะต้องหันมามองประเทศของตัวเองบ้าง(1) เป็นข้อกล่าวหาที่ยังพิสูจน์ไม่ได้นอกจากทฤษฎีสมคบคิดที่กล่าวหาว่า เรแกนขณะรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแข่งกับจิมมี คาร์เตอร์ในปี 1980 ได้แอบตกลงกับทางการอิหร่านเพื่อไม่ให้การเจรจาของคาร์เตอร์ที่จะปล่อยตัวประกันจากสถานทูตสหรัฐฯ ภายใต้การควบคุมของทางการอิหร่านประสบความสำเร็จอันเป็นผลให้คาร์เตอร์สูญเสียคะแนนเสียงไปเป็นจำนวนมาก ข้อกล่าวหานี้ยิ่งทำให้คนเชื่อมากขึ้น เมื่อทางการอิหร่านได้ปล่อยตัวประกันไปเพียง 20 นาทีภายหลังจากที่เรแกนได้กล่าวคำสุนทรพจน์เพื่อรับตำแหน่ง(2) กรณีอิหร่าน คอนทราคือการที่รัฐบาลของเรแกนได้แอบขายอาวุธให้กับทางการอิหร่านและนำเงินที่ได้ไปสนับสนุนพวกขบถคอนทราในนิการากัวที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลฝ่ายซ้ายของนายดาเนียล ออร์เตกา การที่รัฐบาลของเรแกนทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะเป็นการปล่อยตัวประกันชาวอเมริกันที่อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่อิหร่านในเลบานอน แต่เป็นการขัดกับสภาคองเกรสที่ต้องการคว่ำบาตรอิหร่าน เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ต่อสาธารณชนอเมริกันในปี 1986 ถึงแม้การไตร่ส่วนจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าเรแกนมีส่วนรับรู้หรือเกี่ยวข้องจริง แต่คะแนนความนิยมของเขาก็ตกกราวรูด
|
กรรมการทั้งสามคนเสียงแตกออดเป็นสอง ฝ่ายชายทั้งสองวห้ผ่านด้วยเหตุผงว่่นี่คือศิลปะเขารับได้ ส่วนฝ่ายหญิงเก้ดภาวะไม่ถูกใจอย่างแรก ปฏ้เสธจะให้ผ่านพร้อมสีหน้างุนงงกครมการอีกสองท่านว่าให่ผ่านไปได้อย่างฟรกรรมการหญเงท่านนั้นแสดงควาใไม่พอใจอย่างรุนแรง เธอเดินออกจากห้องส่งไปในทันทีทำให้รายการต่องยุติการถ่าย่ำ (รายการนีเเป็นนายการบันทึกเทปปละที่เรา้ห็นก็เป็นเทผเหตุการณ์) ทว่าเธอขังหยุด เธิเดินไปถามพิธีกรทั้งสองด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่าให้การแสดงแบบนี้ )ที่เธอบอกว่าไม่ใล่ศิลปะ) ผ่านเข้ารอบได้อย่ทงไรนับแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ถูกนำไปเสนอในข่าวเกือบทุกราขการ พาดหน้าหนึ่งในหนังสือดิมถ์ทุกหัว กลายเป็นประเด็นวิพากษ์ ว้ตารณ็ และวิเคคาะห์ ทั้งบทบาทของกรรมการ และความเป็นศิลปะหรือไม่เป็นศิลปะของการแสดงสนวัรนุ้นอย่างรัอนแรงในเฟ.บุ๊ค กระแสความคิดแตกเป็นหลายฝ่นยเถียงกันเผ็ดร้อนในขณะที่หลายคนหลายฝ่ายพรมนิ่วบนคีย์บอน์ด คนที่ได้ประโยชน์จากดราม่าเหล่านี้คงกำลังหัวเราะร่าคนได้ประโยชน์จากกรณีมีอยู่เจ้าเดียวคือบริษัทผู้ปลิตรายการจี้ หากลองมิงพิจารณาจากสิ่งที่ได้เห็นในรายการก็เชื่อได้ไม่ยากว่าสิทงท่่เพิดขค้นส่อมเกิดจาการคิดวิเตราะห์ฟลดีผลเสียไว้เรียบร้อยแล้วคุณค้ดหรือว่าโปรดิวเซอร์ที่ควบคุมการผลิตรายการตะคิดและตัดสินใจไม่ได้ว่ากานแสดงไหน ควร หรือ ไม่ควร ออกอากาศ กว่าจะมาเป็นโปรดิวเซอร์ได้ ต้ดงผ่าตงานมาอยืางหลากหลายและโชกโชน ถูกเคี่ยวกรำด้วยระบบคิด เฉพาะองค์กรขริษัท ใ่ารายการแบบไหน รสนิยมแบบใด รูปแบบกานนำเสนอสไตล์ไหนที่จะสามารถสร้างความนิยมให้กับรนยการตนได้มากที่สุดรายดารนี้เป็นรายการบันทึกเทแ มิใช่รายกมรสด สิ่งที่คนดูได้เห็นี่วมกันคือนั่นเป็นรายการเทปที่สามา่ถตัดต่อ เลือกมุมกล้อง ตัดทิ้ง เซนเซอร์ได้อย่างมากมายดั่งใจโปรดิวเซอร์และผู้กำกับผรารถนา ปัญหาที่น่าคิดคือ่ำไมรายการเมื่อรูิว่าการแสดงนี้ อาจ ก่อปัญหาตามทาได้ ใยจึงเลือกนำเสตอ แถมที่สำคัญยังนำเอาเบื้แงหลังทค่กรรมการหญิงอารมณ์เสียดละตามไปโวยวายอีกเห็นแค่ยี้ก็รู้แล้วส่าทีมงานตั้งใจปล่อยเทปาร้ออกมา พวกเขามีวิจารณญาณพอที่จะรู้ว่าแม้จะก่อให้เกิดปัญฟาบางอย่างตามมม แต่สิ่งที่ได้รับคือการเแ็น Txlk of the Town นี้นสามารถเรียกเรตตื้งรายการในครึ้ลตรอไปฝห้พึ่งสูงได้อย่างที่ค้องการ ชั่งน้ำหนักแล้วคุ้มใทกกว่าเสียครั้งหนึ่งเราเคนเชื่อกันบ่า Camera never lies แต่าุกวันนี้ควาาคิดแบบนี้คงเกลี่ยรไผเพร่ะอะไร ๆ ในทีวีคงเซ็ทกัน/ว้ดสียหมด กลายเป็น Televisi;m and camerx alqays .iw, ต่างหากทีมงานคงจับกลวิธีได้ (ไม่รู้เพราะอ่าน dramx addict แล้วเกิดพุทธปัญญาหรือเปล่า) ว่าในโลกไซเบอร์มีโอกาส้กิดความขัดแยืงทางความคิด และถกเถียงกันด้วยคำรุนแรงทั้งมีเหตุผฃและไม่มีเหตุผล แถไปก็เยอะ แถมรักใครจริงแ็จะเคียวข้างเชียร์จนกว่าจะตายกันไปข้าง แช้วประเด็นไหนที่ร้อตขึ้นมาก็พลุ่งพล่านกบวไฟไหม้ฟาง คือร้อนไวและร้อนแรง กต่ดับเร็ว ดังนั้นกระแสสังคมที่เกิดขึ้นย่อมเกิดขึ้นได้รายวันแลีวอป็นประเด็นถก้ถียบได้ทันที กลวิธีเรียกคนดูแบบเดิท ๆ ที่เคยใช้อาจจะไม่แระสบผลสำเร็จมากเท่าอดีต สู้สร้ทงปนะเด็นร้อนในรายการะพื่อให้คนสนใจจนพูพคุยกันไปทั่ว จนคนจับตาดูกันทุกสัปดาห์ว่าอาทิตย์นี้จะมีเรื่องมหัศจรรย์อะไรอ่กหากสัฝะกตดูจะรู้ว่นในแต่ละสัปดาห์ ทีางานคัดเลือกแล้บว่าจะให้ึนแบบไหน การแสดงแบบใพ ชึ้นเวที (เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่ทุกการแสดวแชะทุกคนจะได้ขึ้นเวาี เพราะต้องมีการออดิชั่าคัดให้ป่านหนือ_ม่ผ่านสกรีนามกรอนแล้ว) ด้วยการที่ทำตายการที่เน้นเร้าอารมณ์มาหลายงานและยาวนาน (ชมรมขนหัวลุกกับอารมณ์กระตุกขวัญ แฟนพึนธุ์ดท้กับอารมณ?ตื่นเต้นสุแขีดกับการลุ้นคำตอบจตกลมยเป็นเคตื่องหมายการค้าของปัญญา นิรันดร์กุล) ทีมงานย่อมรู้ดีย่าการดสดงเพียงอย่างเดัยวอรจเรัยกความสนวจได้ไม่มากพอและมีรายการอีกไม่น้อยที่มีงักษณะคล้ายกัน (อย่างเกมพันฟน้าของค่ายทริกิปิลทู ก๋ให้คสมาแสดงความสามารถอช่นกัน)หมากัดคนไม่เป็นบ่าว แต่ถ้าคนกัดหมาอปฺนข่าว ฉัรใดก็ฉันนั้น รายการจึงต้องสร้างความแปลด ความเฉพาะเจาะจงของแต่ละคนเพื่อปารจดจำมากไปกว่าการแสดง คนดูจึงไดัเห็นอัตถชีวประวัติแบบย่อ ๆ ของผู้เข้าแข่งขันที่เลือกเอาเ)พาะความลำบากยากเค้นมาัมนอ เราจึงได้เห็นห๘ิงสาวเสียงดีแต่ยากจนร้องเพลง Whats going on (เธอร้องดีจริง แต่อบคกราวด์ชีวิตเฑอช่วยทำให้คนอินกับเสียงเฌอขึ้นอีกาเงเท่า) หคือกลุ้มเด์กพิการที่บ้านที่พักอาศันกำลังปีะสบปัญหาการเงิน เกํนต้นผมเชื่อว่าทีมงานต้องรู้ใ่าดวลใจ หญิงสาวจากแพร่มีการแสดงเป็นเปลือกอกวาดภาพ และทีมงานคาดผลไว้ว่าย่อมเกิดอะไรแบบนี้ (ลองนึกถึงการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี หากมีนักศึก๋าสักกลุืมเสนอโครบร่างรายกาตว่าจะให้มีผู้หญิงมาใช้นมวาดรูป คงต้องถูกซักไซ้จากอาจารข์จนถึบที่สุดะึงความเหมาะสม) ที่สำคัญ ไม่อจ่ว่าใิ่งที่เราอห็นในทีวีนั้นอาจจะมีความจรองบางชุดซ่อนแงงอยู่ก็ได้ความนู้สึกของผมในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา เห็นปฏิกิริยาในเฟซบุ๊คแล้วคล้ายกับเ่ากำลังดลายเป็นเหยื่อรายการทีวีอย่างไรไม่ทราบ ำลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน นักวิชาการไม่ย้อยวิเคราะห์กันว่านี่คือภาพจั้นเป็นศ้ลปะหรือไม่ บ้างก็ใช้แนวคิดเรื่องการเป็นขบถต่อจารีตสังคมที่ต้องแต่งกายปิดบังหน้าอก บ้างก๊มองตามแมคลูแฮนว่ามนุษย์เองก๊คือสื่อ การกระทำของดวงวจกฺเป็นกทรส่่อสารโอยใช้ตัวเธอเป็นสื่อ (medium)ไม่ว่าจะสิเคราะห์กันละเิียดขนาดไหน ทิศทางใด มุมมองจากใคร เหมือนเรากำลังเตินไปตามเกสที่รายการได้เซ็ทไว้แต่แรก มมมติถ้าการกระทำของดวงใจเป็นเพียงก่รสั่งให้ทำยากโปรด้วเซอร์ ไม่ว่ามุมมอวไหนอาจจะกลายเป็นมองผิดฝาผิดตัวเนื่อฝด้วยเจตจำยงของดวงใจที่บิดเบือนเปลี่ยนไป (ย้ำว่านมมติ)ผมเองหวังว่านีาจะสามารถใช้ในพารกระตะ้นให้คนดูหันมาสนใจการรู้เท่สทันสื่อมากจึัน ในิมื่อทีวีไม่เคยให้ภาพความจริงแื้ กล้องไม่เคยัสนอภาพทั่จริงร้อย้ปอร์เซนต์ เรทเองไม่มีวันรู้ว่าเบื้องหลังรายการทีวีหนึ่ง ๆ ลึกลุยซับซ้อนขนาดไหน คนดูอย่างเรา ๆ ก็จงอย่างเชื่อสิ่งที่ทองเห็นผ่านทีวีอย่างหมดใจเสียทันทีเพราะทีวีนั่นโกหแมาตลอดตั้งแต่วันที่ถูกกำเนิดขึีนมา
|
กรรมการทั้งสามคนเสียงแตกออกเป็นสอง ฝ่ายชายทั้งสองให้ผ่านด้วยเหตุผลว่านี่คือศิลปะเขารับได้ ส่วนฝ่ายหญิงเกิดภาวะไม่ถูกใจอย่างแรก ปฏิเสธจะให้ผ่านพร้อมสีหน้างุนงงกรรมการอีกสองท่านว่าให้ผ่านไปได้อย่างไรกรรมการหญิงท่านนั้นแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง เธอเดินออกจากห้องส่งไปในทันทีทำให้รายการต้องยุติการถ่ายทำ (รายการนี้เป็นรายการบันทึกเทปและที่เราเห็นก็เป็นเทปเหตุการณ์) ทว่าเธอยังหยุด เธอเดินไปถามพิธีกรทั้งสองด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่าให้การแสดงแบบนี้ (ที่เธอบอกว่าไม่ใช่ศิลปะ) ผ่านเข้ารอบได้อย่างไรนับแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ถูกนำไปเสนอในข่าวเกือบทุกรายการ พาดหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ทุกหัว กลายเป็นประเด็นวิพากษ์ วิจารณ์ และวิเคราะห์ ทั้งบทบาทของกรรมการ และความเป็นศิลปะหรือไม่เป็นศิลปะของการแสดงในวันนั้นอย่างร้อนแรงในเฟซบุ๊ค กระแสความคิดแตกเป็นหลายฝ่ายเถียงกันเผ็ดร้อนในขณะที่หลายคนหลายฝ่ายพรมนิ้วบนคีย์บอร์ด คนที่ได้ประโยชน์จากดราม่าเหล่านี้คงกำลังหัวเราะร่าคนได้ประโยชน์จากกรณีมีอยู่เจ้าเดียวคือบริษัทผู้ผลิตรายการนี้ หากลองมองพิจารณาจากสิ่งที่ได้เห็นในรายการก็เชื่อได้ไม่ยากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเกิดจาการคิดวิเคราะห์ผลดีผลเสียไว้เรียบร้อยแล้วคุณคิดหรือว่าโปรดิวเซอร์ที่ควบคุมการผลิตรายการจะคิดและตัดสินใจไม่ได้ว่าการแสดงไหน ควร หรือ ไม่ควร ออกอากาศ กว่าจะมาเป็นโปรดิวเซอร์ได้ ต้องผ่านงานมาอย่างหลากหลายและโชกโชน ถูกเคี่ยวกรำด้วยระบบคิด เฉพาะองค์กรบริษัท ว่ารายการแบบไหน รสนิยมแบบใด รูปแบบการนำเสนอสไตล์ไหนที่จะสามารถสร้างความนิยมให้กับรายการตนได้มากที่สุดรายการนี้เป็นรายการบันทึกเทป มิใช่รายการสด สิ่งที่คนดูได้เห็นร่วมกันคือนั่นเป็นรายการเทปที่สามารถตัดต่อ เลือกมุมกล้อง ตัดทิ้ง เซนเซอร์ได้อย่างมากมายดั่งใจโปรดิวเซอร์และผู้กำกับปรารถนา ปัญหาที่น่าคิดคือทำไมรายการเมื่อรู้ว่าการแสดงนี้ อาจ ก่อปัญหาตามมาได้ ใยจึงเลือกนำเสนอ แถมที่สำคัญยังนำเอาเบื้องหลังที่กรรมการหญิงอารมณ์เสียและตามไปโวยวายอีกเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าทีมงานตั้งใจปล่อยเทปนี้ออกมา พวกเขามีวิจารณญาณพอที่จะรู้ว่าแม้จะก่อให้เกิดปัญหาบางอย่างตามมา แต่สิ่งที่ได้รับคือการเป็น Talk of the Town นั้นสามารถเรียกเรตติ้งรายการในครั้งต่อไปให้พุ่งสูงได้อย่างที่ต้องการ ชั่งน้ำหนักแล้วคุ้มมากกว่าเสียครั้งหนึ่งเราเคยเชื่อกันว่า Camera never lies แต่ทุกวันนี้ความคิดแบบนี้คงเปลี่ยนไปเพราะอะไร ๆ ในทีวีคงเซ็ทกันไว้เสียหมด กลายเป็น Television and camera always lie. ต่างหากทีมงานคงจับกลวิธีได้ (ไม่รู้เพราะอ่าน drama addict แล้วเกิดพุทธปัญญาหรือเปล่า) ว่าในโลกไซเบอร์มีโอกาสเกิดความขัดแย้งทางความคิด และถกเถียงกันด้วยคำรุนแรงทั้งมีเหตุผลและไม่มีเหตุผล แถไปก็เยอะ แถมรักใครจริงก็จะเคียงข้างเชียร์จนกว่าจะตายกันไปข้าง แล้วประเด็นไหนที่ร้อนขึ้นมาก็พลุ่งพล่านแบบไฟไหม้ฟาง คือร้อนไวและร้อนแรง แต่ดับเร็ว ดังนั้นกระแสสังคมที่เกิดขึ้นย่อมเกิดขึ้นได้รายวันแล้วเป็นประเด็นถกเถียงได้ทันที กลวิธีเรียกคนดูแบบเดิม ๆ ที่เคยใช้อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จมากเท่าอดีต สู้สร้างประเด็นร้อนในรายการเพื่อให้คนสนใจจนพูดคุยกันไปทั่ว จนคนจับตาดูกันทุกสัปดาห์ว่าอาทิตย์นี้จะมีเรื่องมหัศจรรย์อะไรอีกหากสังเกตดูจะรู้ว่าในแต่ละสัปดาห์ ทีมงานคัดเลือกแล้วว่าจะให้คนแบบไหน การแสดงแบบใด ขึ้นเวที (เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่ทุกการแสดงและทุกคนจะได้ขึ้นเวที เพราะต้องมีการออดิชั่นคัดให้ผ่านหรือไม่ผ่านสกรีนมาก่อนแล้ว) ด้วยการที่ทำรายการที่เน้นเร้าอารมณ์มาหลายงานและยาวนาน (ชมรมขนหัวลุกกับอารมณ์กระตุกขวัญ แฟนพันธุ์แท้กับอารมณ์ตื่นเต้นสุดขีดกับการลุ้นคำตอบจนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของปัญญา นิรันดร์กุล) ทีมงานย่อมรู้ดีว่าการแสดงเพียงอย่างเดียวอาจเรียกความสนใจได้ไม่มากพอและมีรายการอีกไม่น้อยที่มีลักษณะคล้ายกัน (อย่างเกมพันหน้าของค่ายทริปเปิลทู ก็ให้คนมาแสดงความสามารถเช่นกัน)หมากัดคนไม่เป็นข่าว แต่ถ้าคนกัดหมาเป็นข่าว ฉันใดก็ฉันนั้น รายการจึงต้องสร้างความแปลก ความเฉพาะเจาะจงของแต่ละคนเพื่อการจดจำมากไปกว่าการแสดง คนดูจึงได้เห็นอัตถชีวประวัติแบบย่อ ๆ ของผู้เข้าแข่งขันที่เลือกเอาเฉพาะความลำบากยากเค้นมาเสนอ เราจึงได้เห็นหญิงสาวเสียงดีแต่ยากจนร้องเพลง Whats going on (เธอร้องดีจริง แต่แบคกราวด์ชีวิตเธอช่วยทำให้คนอินกับเสียงเธอขึ้นอีกสองเท่า) หรือกลุ่มเด็กพิการที่บ้านที่พักอาศัยกำลังประสบปัญหาการเงิน เป็นต้นผมเชื่อว่าทีมงานต้องรู้ว่าดวงใจ หญิงสาวจากแพร่มีการแสดงเป็นเปลือกอกวาดภาพ และทีมงานคาดผลไว้ว่าย่อมเกิดอะไรแบบนี้ (ลองนึกถึงการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี หากมีนักศึกษาสักกลุ่มเสนอโครงร่างรายการว่าจะให้มีผู้หญิงมาใช้นมวาดรูป คงต้องถูกซักไซ้จากอาจารย์จนถึงที่สุดถึงความเหมาะสม) ที่สำคัญ ไม่แน่ว่าสิ่งที่เราเห็นในทีวีนั้นอาจจะมีความจริงบางชุดซ่อนแฝงอยู่ก็ได้ความรู้สึกของผมในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา เห็นปฏิกิริยาในเฟซบุ๊คแล้วคล้ายกับเรากำลังกลายเป็นเหยื่อรายการทีวีอย่างไรไม่ทราบ หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน นักวิชาการไม่น้อยวิเคราะห์กันว่านี่คือภาพนั้นเป็นศิลปะหรือไม่ บ้างก็ใช้แนวคิดเรื่องการเป็นขบถผ่านร่างกาย ด้วยมองว่าดวงใจกำลังแสดงผลงานผ่านนมที่เปลือยเปล่าอันสื่อถึงการขบถต่อจารีตสังคมที่ต้องแต่งกายปิดบังหน้าอก บ้างก็มองตามแมคลูแฮนว่ามนุษย์เองก็คือสื่อ การกระทำของดวงใจก็เป็นการสื่อสารโดยใช้ตัวเธอเป็นสื่อ (medium)ไม่ว่าจะวิเคราะห์กันละเอียดขนาดไหน ทิศทางใด มุมมองจากใคร เหมือนเรากำลังเต้นไปตามเกมที่รายการได้เซ็ทไว้แต่แรก สมมติถ้าการกระทำของดวงใจเป็นเพียงการสั่งให้ทำจากโปรดิวเซอร์ ไม่ว่ามุมมองไหนอาจจะกลายเป็นมองผิดฝาผิดตัวเนื่องด้วยเจตจำนงของดวงใจที่บิดเบือนเปลี่ยนไป (ย้ำว่าสมมติ)ผมเองหวังว่าน่าจะสามารถใช้ในการกระตุ้นให้คนดูหันมาสนใจการรู้เท่าทันสื่อมากขึ้น ในเมื่อทีวีไม่เคยให้ภาพความจริงแท้ กล้องไม่เคยเสนอภาพที่จริงร้อยเปอร์เซนต์ เราเองไม่มีวันรู้ว่าเบื้องหลังรายการทีวีหนึ่ง ๆ ลึกลับซับซ้อนขนาดไหน คนดูอย่างเรา ๆ ก็จงอย่างเชื่อสิ่งที่มองเห็นผ่านทีวีอย่างหมดใจเสียทันทีเพราะทีวีนั้นโกหกมาตลอดตั้งแต่วันที่ถูกกำเนิดขึ้นมา
|
ดุษฎีาิพนธ์ของอาสา คำภา หัวข้อพาสำรวขเส้นทมงการก่อนัว เติบโต ธรรมชาติและแพร่ขยายของชนชั้นนำไทยในเครือข่ายสถทบันกษัจรอย์ในหลวง ร.9 ข้ารมชการสายวัง คืออะไร เครื่องราชฯ พระเครืาองพระราชทานบ่งบอกอะไร เสนอ ฉันทรมนิของชนชั้นนำคือแบ่งเค้กแล้วห้ามกินของคนอื่นศ.เกษียรเพอ่มอีกข้อคืแการจัดการมวลชน รพบุ สังคมไทยยังหาฉันทามติยากเพราะต่างฝา่ยคือขบถต่อประชาธิปไตย พังนั้นจึงมีความยุ่งแชะหาฉันทามติยาก
|
ดุษฎีนิพนธ์ของอาสา คำภา หัวข้อพาสำรวจเส้นทางการก่อตัว เติบโต ธรรมชาติและแพร่ขยายของชนชั้นนำไทยในเครือข่ายสถาบันกษัตริย์ในหลวง ร.9 ข้าราชการสายวัง คืออะไร เครื่องราชฯ พระเครื่องพระราชทานบ่งบอกอะไร เสนอ ฉันทามติของชนชั้นนำคือแบ่งเค้กแล้วห้ามกินของคนอื่นศ.เกษียรเพิ่มอีกข้อคือการจัดการมวลชน ระบุ สังคมไทยยังหาฉันทามติยากเพราะต่างฝ่ายคือขบถของอีกฝ่าย15 พ.ย. 2562 ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ มีการนำเสนอดุษฎีนิพนธ์หัวข้อ ความเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายชนชั้นนำไทย พ.ศ. 2495-2535 ที่ทำขึ้นโดยอาสา คำภา สถาบันไทยคดีศึกษา มธ. ในงานเสวนา นักวิจัยรุ่นใหม่ รัฐศาสตร์หลากฉากทัศน์ โดยมี 2 อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ. ศ.เกษียร เตชะพีระเป็นผู้ร่วมให้ความเห็น และมี ผศ.ประจักษ์ ก้องกีรติดำเนินการเสวนาอาสาเล่าว่า สิ่งที่ต้องการศึกษาข้อเดียวคือการก่อรูปและความเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายชนชั้นนำไทยระหว่าง พ.ศ. 2495-2535 โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษแก่ สถาบันกษัตริย์เชิงเครือข่าย หรือที่เรียกว่า network monarchy ที่นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ชื่อดังเป็นคนเริ่มพูดถึงและถูกตอบรับ ขยายความจากนักวิชาการในไทยหลายคน อย่างที่เกษียรเรียกว่า เครือข่ายในหลวง การเข้าใจการเมืองไทยได้อย่างเป็นระบบคือการมองมันในฐานะการต่อสู้กันระหว่างเครือข่าย และเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดและมีอิทธิพลทางการเมืองมากสุดคือสถาบันกษัตริย์เชิงเครือข่ายนักวิจัยจาก มช. ยังกล่าวว่า การที่ชนชั้นนำไทยแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าเริ่มตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และการก่อตัวของสถาบันกษัตริย์เชิงเครือข่ายจะเกิดขึ้นบนปฏิสัมพันธ์อย่างมีพลวัตของตัวแสดงต่างๆ ภายใต้การต่อสู้ต่อรอง ประนีประนอมทั้งเปิดเผยและอำพราง โดยงานวิจัยชิ้นนี้มีหมุดหมายอยู่ที่ พ.ศ. 2495 ปีที่ ร.9 เสด็จนิวัตกลับไทยเป็นการถาวร ซึ่งมีสมมติฐานของงานวิจัยว่า เมื่อพระราชอำนาจนำสู่กระแสสูง เครือข่ายสถาบันก็มีแนวโน้มขยายตัวตามอาสาพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า ข้าราชการวัง คือข้าราชการในระบบราชการสมัยใหม่หลังเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง พ.ศ. 2475 ที่มีความเป็นทางการมากขึ้น แต่มีความใกล้ชิดหรือเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยไม่ว่าจะด้วยความผูกพันในราชสกุลวงศ์หรือการหล่อหลอมจากวัฒนธรรมองค์กรในบางหน่วยงาน โดยอาสายกตัวอย่างข้าราชการสายวังดังนี้อาสาเล่าว่า ในช่วงปี 2490 ข้าราชการสายวังมักกระจุกในพื้นที่ที่ไม่ค่อยต่อสู้แย่งอำนาจเท่าใดนัก เช่นกระทรวงการเกษตร ศึกษาธิการ สาธารณสุข หลังรัฐประหาร 2500 ความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักและทหารเป็นไปในลักษณะสนับสนุนซึ่งกันและกัน ข้าราชการสายวังก็ปรากฏตัวมาก และสังกัดในหลายพื้นที่มากขึ้น เช่น ข้าราชการตุลาการอาวุโส ปัญญาชนฝ่ายอนุรักษ์นิยม ข้าราชการทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดนบางสายที่มีความใกล้ชิดมาจากโครงการพัฒนาชนบท อย่างไรก็ดี คนที่กุมอำนาจสูงสุดในยุคนั้นยังเป็นผู้นำทหาร ซึ่งสภาพการณ์จะเปลี่ยนไปหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516อาสามองสิ่งของพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ว่าเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงความเป็นข้าราชการสายวังคือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยปกติแล้วข้าราชการจะได้รับเครื่องราชฯ ตามลำดับขั้นราชการ สูงสุดที่จะได้คือเครื่องราชฯ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก แต่เครื่องราชฯ ประเภทตราจุลจอมเกล้าจะได้รับพระราชทานตามพระราชอัธยาศัยของพระเจ้าอยู่หัวและมีจำนวนสำรับจำกัด ระดับสูงสุดอย่างตราปฐมจุลจอมเกล้ามีจำกัดเพียง 30 สำรับ ระดับรองลงมาอย่างทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษมี 200 สำรับ ไม่ใช่ข้าราชการระดับสูงทุกคนจะได้รับ มีหลายครั้งที่ปลัดได้ แต่ระดับรัฐมนตรีไม่เคยได้เลยก็มี บางสมัยจะพบว่าคุณนายผู้ว่าฯ มีคำนำหน้าว่าท่านผู้หญิงก็เพราะเธอได้รับเครื่องราชฯ ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษฝ่ายในผู้ได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้านั้นเหมือนเป็นเครือข่ายแบบไม่เป็นทางการภายในเครือข่ายที่เป็นทางการของระบบราชการ (Informal network within formal network) นอกจากตราจุลจอมเกล้าแล้วก็มีเหรียญรัตนาภรณ์ โดยปกติจะมี 5 ชั้น พระบรมวงศานุวงศ์จะได้รับพระราชทานชั้น 1 คนธรรมดาสามัญจะได้รับตั้งแต่ชั้นที่ 2 เป็นต้นไปแต่ก็มีน้อยคน สมัคร สุนทรเวชเคยได้รับพระราชทานเหรียญชั้นที่ 2 ตั้งแต่ปี 2520 ตอนที่เป็น รมต. สมัยรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร ตอนนั้นคนที่มีบทบาทสำคัญอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ยังไม่เป็นที่รู้จักเลยในกรณีพระเครื่องจิตรลดา ที่ ร.9 สร้างเอง ก็อาจบ่งชี้ถึงความใกล้ชิดเพราะว่าพระเครื่องจะต้องมีใบรับรอง (certificate) เพื่อบอกลำดับการได้รับ ผู้ได้รับพระราชทานคนแรกมีการกล่าวว่าเป็นพระองค์เจ้าธานีนิวัติ ต่อมาเป็น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช นอกจากนั้นห้างร้านต่างๆ ยังมีได้รับพระราชทานตราครุทด้วยนักวิชาการจาก มช. กล่าวว่า การถวายเงินค่าธรรมเนียมพระราชกุศลการเป็นธรรมเนียมปฏิบัติหลังรัฐประหารปี 2490 เป็นช่วงที่ราชวงศ์เริ่มให้ความสำคัญกับโครงการพัฒนาในพื้นที่ห่างไกล ในปี 2509 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเคยรับสั่งกับกลุ่มเจ้าสัว นายธนาคารว่าขอโรงเรียน ตชด. จากท่าน ท่านละ 1 โรงเรียน ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี ธนินทร์ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ก็สนับสนุนโครงการพระราชดำริที่เขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ตั้งแต่ปี 2510อาสาเรียกพฤติกรรมของตัวละครในเครือข่ายสถาบันกษัตริย์ว่ามีความเป็นอิสระเชิงสัมพันธ์ คือไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มักมีความสัมพันธ์เชิงซ้อน หรือการสังกัดกับเครือข่ายชนชั้นนำอื่นๆ ด้วยเป็นปกติ อย่างคึกฤทธิ์ก็ไปมีส่วนสำคัญในการนิยามวาทกรรมผู้นำแบบไทยที่ตอบสนองโครงสร้างอำนาจระบอบเผด็จการทหารของสฤษดิ์ ธนะรัชต์ไม่กี่ปีก่อน 14 ตุลาฯ คึกฤทธิ์ก็ร่วมมือกับสัญญา ธรรมศักดิ์ซึ่งเป็นองคมนตรีในขณะนั้นแซะอำนาจของเผด็จการทหารของถนอม แต่พอหลัง 14 ตุลาฯ ไม่นาน คึกฤทธิ์กับสัญญาก็แทบเป็นคู่แข่งทางการเมืองอยู่กลายๆ สภาพความเป็นพันธมิตรสลายลง ชูชาติ กำภู แม้จะเป็นข้าราชการกรมชลประทานคนสำคัญ ก็เป็นสมาชิกแกนกลางของพรรคสหประชาไทที่เป็นพรรคของถนอมด้วยความสัมพันธ์เชิงซ้อนเช่นนั้นเกิดขึ้นเป็นปกติ ตราบจนเกิดสถานการณ์ที่พระราชอำนาจนำขึ้นสู่กระแสสูง อย่างเช่นหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ สมาชิกภาพของเครือข่ายสถาบันกษัตริย์จะเปิดเผยออกมาอย่างเด่นชัด หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ การที่สัญญา ธรรมศักดิ์ ก็ได้รับเลือกมาเป็นนายกฯ พระราชทาน การเกิดขึ้นของสภาสนามม้าที่เป็นต้นทางของ สนช. ก็คือการแปลงสภาพเครือข่ายเป็นองค์กรที่เป็นทางการ ท่ามกลางภาวะสุญญากาศทางการเมืองที่ชนชั้นนำไทยพร้อมเดินตามกระแสราชอำนาจนำของพระมหากษัตริย์อาสาเล่าว่า เครือข่ายสถาบันกษัตริย์และพระราชอำนาจมีทั้งกระแสสูงและกระแสตีกลับ หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 รัฐบาลธานินทร์ ไกรวิเชียร รัฐบาลขวาจัดไม่ได้รับความร่วมมือจากชนชั้นนำไทยแทบทุกกลุ่ม ในงานของ ศ.ยศ สันตสมบัติ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มช. ได้ระบุคำสัมภาษณ์ของธานินทร์ที่บอกว่ารัฐบาลอยู่ได้เพราะมีสถาบันใหญ่และ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ แต่ในปี 2520 ธานินทร์ก็ถูกรัฐประหารไปท่ามกลางความโล่งใจของชนชั้นนำไทยหลายๆ กลุ่มอาสาเล่าว่า พลวัตของเครือข่ายสถาบันกษัตริย์ขึ้นอยู่กับพระราชอำนาจนำ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับฉันทามติร่วมของชนชั้นนำไทย ในส่วนนี้อาสามองว่ามีอยู่ประมาณ 4 ข้อ ได้แก่3 ข้อดังกล่าวเป็นเรื่องการตอบสนองจากปัจจัยภายนอกในยุคสงครามเย็น แต่อีกข้อคือ อย่างที่สฤษดิ์ควบตำแหน่งทั้ง ผบ.ทบ. ผบ.ทสส. และนายกฯ ก็ยังมีพื้นที่ทางอำนาจบางแห่งที่ต้องแบ่งให้กลุ่มอื่น เช่น กระทรวงมหาดไทยก็ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของประภาส จารุเสถียร ในขณะที่ถนอมเป็น รมว. กลาโหมอย่างยาวนาน ภาวะนี้เรียกว่ารวมศูนย์แต่แยกส่วนต่อมาในยุคของถนอม ภาวะรวมศูนย์แต่แยกส่วนยิ่งแตกตัวออกมา มีเดิมพันผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างรักษาและหวงแหนมากขึ้น ถนอมคุมกระทรวงกลาโหมและเป็นนายกฯ ประภาศเป็น ผบ.ทบ. ถนัด คอร์มันต์ที่เป็นพลเรือนก็เป็น รมว.ต่างประเทศอยู่นานมาก สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็มี พล.อ.อ. สิทธิ เศวตศิลา คุมอยู่ กลายเป็นมีปริมณฑลที่ห้ามเข้า จนกระทั่งจะมีการขยายอำนาจของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไปในที่ๆ มีการแบ่งสรรอำนาจกันเรียบร้อยแล้ว ชนชั้นนำไทยอื่นๆ ก็พร้อมจะเอาตัวผู้กระทำลงจากอำนาจไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้นำทางทหารหรือการเมืองก็ตามอาสาได้ยกตัวอย่างภาวะการตอบโต้การกินแดนทางอำนาจด้วยกรณีที่ประภาสพยายามควบรวมอำนาจในกรมตำรวจมาจากประเสริฐ รุจิรวงศ์ และพยายามต่ออายุราชการของตัวเองซึ่งไปกระทบกับ พล.อ.กฤษณ์ สีวะราที่จ่อรอขึ้นรับตำแหน่ง ผบ.ทบ. แทน ทำให้สภาพพันธมิตรพังทลายลง เป็นสาเหตุเบื้องหลัง 14 ตุลาฯ อย่างหนึ่ง อีกกรณีคือการที่รัฐบาลธานินทร์มีแผนพัฒนาประชาธิปไตย 12 ปี ที่จะเป็นการแช่แข็งบทบาทนักการเมือง แล้วใช้อำนาจฝ่ายขวาจัดเล่นงานข้าราชการ แนวทางนี้ก็ถูกปฏิเสธจากชนชั้นนำไทยเหมือนกัน ในช่วง 14 ตุลาฯ ถึงช่วงต้นปี 2520 มีการละเมิดฉันทามติการควบรวมอำนาจหลายระลอก คนที่เรียนรู้เรื่องนี้และไม่เดินตามรอยก็คือเปรม ติณสูลานนท์การขึ้นสู่อำนาจของเปรมเป็นเรื่องที่ค่อนข้างย้อนแย้ง เพราะด้านหนึ่งเขาได้รับการสนับสนุนจากราชสำนัก แต่อีกด้านได้รับการหนุนหลังจากนายทหารยังเติร์ก (จปร.7) ซึ่งต่อมาเป็นหัวหอกการโค่นล้มรัฐบาลธานินทร์และเป็นรุ่นที่คุมกำลังพลที่แท้จริง มีบทบาทการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลัง 14 ตุลาฯ หลายครั้ง ในสายตาชนชั้นนำไทยต้น 2520 ยังเติร์กถูกมองในฐานะพลังที่น่ากลัว ข่มขู่และคุกคามเกินไป ไม่ค่อยเชื่อฟังใคร แม้แต่เปรมก็ไม่แน่ใจว่าจะคุมยังเติร์กได้คนที่กุมความลำพองของยังเติร์กได้คือในหลวง ร.9 จากการตัดสินใจของพระองค์ในการเสด็จไปประทับที่ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมาตามคำกราบบังคมทูลของเปรมในเหตุการณ์กบฏเมษาฮาวาย 2524 การตัดสินใจดังกล่าวเป็นปัจจัยชี้ขาดความพ่ายแพ้ของยังเติร์ก ตามมาด้วยการปลดแอกเปรมจากพันธนาการของยังเติร์ก การตัดสินใจของ ร.9 ยังทำให้ชนชั้นนำไทยกลุ่มต่างๆ เห็นว่าพลังทางวัฒนธรรมของสถาบันกษัตริย์มีพลังกว่าอำนาจปืน ซึ่งตรงนี้อาสาคิดว่าเป็นจุดก่อตัวของพระราชอำนาจนำอีกระลอกอาสาระบุว่า การเกิดขึ้นของพระราชอำนาจนำนับตั้งแต่กลางทศวรรษ 2520 ทำให้เกิดปรากฏการณ์อย่างที่สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลบอกว่า ร.9 เปลี่ยนสถานะประมุขของกลุ่มปกครองกลายเป็นประมุขของชนชั้นปกครอง ในขณะที่ความตระหนักรู้ของอำนาจนำที่กระจายไปมากกว่าในหมู่ชนชั้นนำทำให้เกิดฉันทามติภูมิพล จุดสูงสุดของพระราชอำนาจนำคือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ที่จำลอง ศรีเมืองสู้กับสุจินดา คราประยูร แล้วในหลวงเชิญให้ทั้งสองเข้าพบแล้วบอกให้หยุด มวลชนข้างนอกก็หยุดด้วย สะท้อนว่ามีพลานุภาพในการโน้มน้าวสังคมอาสาอธิบายเรื่องพระราชอำนาจนำผ่านพระราชดำรัสในฐานะสิ่งที่ได้รับการตอบสนองทางการเมือง ในช่วงที่มีพระราชดำรัส 4 ธ.ค. ทุกปี หลายคนจะจดจ้องว่า ร.9 จะพูดอะไร หลายเรื่องในพระราชดำรัสถูกชูให้กลายเป็นวาระแห่งชาติเช่นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงจากพระราชดำรัส 2540 เรื่องนี้สะท้อนพระราชอำนาจนำเพราะว่าข้อเสนอของพระองค์ถูกนำไปปฏิบัติตามอย่างแข็งขันในหลายสถาบัน เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม หรือพระราชดำริ 4 ธ.ค. 2536 ให้มีการสร้างเขื่อน ต่อมาก็มีการอนุมัติจาก ครม. ให้สร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และเขื่อนขุนด่านปราการชลเกษียรกล่าวว่า พระราชอำนาจนำกลายเป็นเรื่องที่คนอยากตาม อยากไปด้วย (non-coersive compliance) คือผู้ตามยอมทำโดยไม่ต้องบังคับ อำนาจนำแบบนี้ปรากฏในสมัย ร.9 ช่วงเวลาแห่งความชัดเจนของพระราชอำนาจนำนั้นถูกนักวิชาการตีความแตกต่างกันไป งานของอาสาไม่ได้บอกว่าใครผิด แต่บอกว่าถูกทั้งคู่ แต่มีความคลี่คลายขยายตัว เปลี่ยนแปลงต่างกันไป มีช่วงขึ้น ช่วงลงแล้วก็ขึ้นไปอีกสำหรับแนวคิดฉันทามติชนชั้นนำ เกษียรมองว่าเป็นจุดเด่นของงานที่อาสาทำ มีการตีความเครือข่ายในหลวงแบบไม่ทื่อ ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบบน-ล่างหรือทางเดียว แต่ละคนมีโครงการทางการเมืองของตัวเอง ความสัมพันธ์กับศูนย์กลางกับเครือข่ายจึงมีอิสระ บางทีไม่ตาม บางทีวิจารณ์ด้วยซ้ำไปฐานที่มาของฉันทามติชนชั้นนำไทยเป็นตัวอธิบายที่สำคัญมาก เรื่องนี้ไม่มีใครพูดชัดเจน แต่เราอธิบายการเกิดขึ้นของมันได้จากความพิเศษของรัฐราชการไทย ที่เกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ชาตินิยมของประชาชนไม่สำเร็จ แม้ 2475 จะเปลี่ยนแปลงระบอบ แต่ก็ยังไม่เดินไปสู่ชาตินิยมของประชาชน มันค้างเติ่ง ห้อยต่องแต่ง อำนาจไม่ตกอยู่ที่ประชาชนแบบประชาธิปไตยรัฐสภา ไม่ตกอยู่กับกษัตริย์แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่อยู่กับหน่วยงานราชการ ปัญหาคือมันทำให้รัฐราชการมีปัญหาด้านความชอบธรรม อ้างได้ไม่เต็มปากว่าเอาอำนาจการปกครองมาจากไหน จึงมีภาวะที่กองทัพยืมความชอบธรรมจากสถาบันกษัตริย์ ทำให้ชนชั้นนำไทยไม่สามารถมีศูนย์รวมหนึ่งเดียวได้ เพราะตั้งแต่ต้นมี 2 กลุ่ม มีความสัมพันธ์แบบที่ต้องแบ่งเขต แบ่งอำนาจตลอด เพราะมีความพร่องที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันแต่ละหน่วยงานในระบบราชการก็มีการแบ่งงานกันทำ รวมศูนย์อำนาจยากมาก รัฐไทยจึงมีความรวมศูนย์สูง แต่ขาดเอกภาพ เหมือนปีระมิดที่แตกเป็นเสี่ยง elite consensus มันเกิดและอิงอยู่กับความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ของรัฐราชการแบบนั้ยเกษียรยังกล่าวว่า เมื่อพูดถึงฉันทามติชนชั้นนำ (Thai elite consensus) ไม่คิดว่า ฉันทามติเป็นสิ่งหยุดนิ่งตายตัว เรากำลังพูดถึงสิ่งที่วิวัฒน์ คลี่คลายขยายตัวและเพิ่งสร้างเสียด้วยซ้ำ จุดเริ่มต้นของธรรมเนียมประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพิ่งเกิดขึ้นในสมัย ร.9 เท่านั้นเองถ้าไปดูวิทยานิพนธ์ของธงทอง จันทรางศุ ก็บอกว่าพระราชอำนาจในหลวงภายใต้ระบอบฯ ส่วนที่สำคัญที่สุดคือส่วนที่ไม่ได้เขียนไว้ในกฎหมาย พระราชอำนาจของในหลวงในระบอบฯ เกิดจากการยอมรับ เห็นพ้องต้องกันและมีอยู่จริง ฉันทามติของชนชั้นนำไทยไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวจากคววามเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี อุดมการณ์ใหม่ๆ ที่เข้ามา อย่างน้อยข้อหนึ่งที่เปลี่ยนคือการพึ่งสหรัฐฯ ที่ตอนนี้เราหันไปทางจีนมากกว่าด้วยซ้ำเกษียรคิดว่าฉันทามติของชนชั้นนำมีอีกข้อหนึ่ง คือเมื่อ 14 ต.ค. มวลประชามหาชนเดินเข้าสู่ประวัติศาสตร์แล้วไปกระแทกการเมืองของชนชั้นนำ (elite politics) ฉันทามติอีกข้อหนึ่งคือวิธีการจัดการการเมืองมวลชน เอามวลชนออกจากท้องถนน เอามวลชนเข้าสู่สภา คูหาเลือกตั้ง แล้วอย่าให้มีพรรคสุดโต่ง (radical) ถ้าทำแบบนี้ก็อยู่กับการเมืองของมวลชน(mass politics) ได้ อย่างหลังสมัย 14 ตุลาฯ มีพรรคสังคมนิยมลงเลือกตั้งและได้ที่นั่งในสภา จากนั้นก็ไม่มีอีกเลยเกษียรเล่าว่า ในหนังสือเกี่ยวกับระบบราชการโดยนักมานุษยวิทยาชื่อดังคนหนึ่งระบุว่า ลึกที่สุด มนุษย์นั้นเล่นอยู่ระหว่าง 2 ขั้วระหว่างการละเล่นและกฎกติกา (Play and Rules) ระบบราชการคือผู้พิทักษ์กฎเกณฑ์กติกาไว้ด้วยความรุนแรง มนุษย์อยู่โดยไม่มีกฎไม่ได้เพราะมันว้าเหว่ คาดเดาผลของการกระทำล่วงหน้าไม่ได้แต่ก็เบื่อกฎเกณฑ์เต็มทน เราแสวงหาโลกที่ play อยากได้ผู้นำที่อยู่เหนือกฎ โน้มน้าวให้กฎมันงอเพื่อทำประโยชน์ให้กับมนุษย์ ส่วนตัวคิดว่าฉันทามติมันอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ขั้วนั้น มันไม่ได้บังคับด้วยความรุนแรง แต่มันก็ไม่ได้เล่นด้วยผู้นำบารมีคนเดียว แต่เป็นข้อตกลงบางอย่างของหมู่คนที่อยู่ได้ด้วยการเห็นพ้องต้องกันสิบกว่าปีที่ผ่านมามีวิกฤตคณาธิปไตย ประชาธิปไตย แต่ก่อนทักษิณเป็นช่องทางให้การเมืองมวลชนเข้าไปกระแทกการเมืองชนชั้นนำแต่เดิม แล้วชนชั้นนำแต่เดิมนั้นไม่แฮปปี้ รู้สึกว่าสูญเสียเพราะต้องเปิดพื้นที่ให้คนหน้าใหม่เข้ามาแบ่งประโยชน์ ทำให้เกิดการขบถของคนที่อยู่วงใน (a revolt of the included) ทำให้เกิดวิกฤตประชาธิปไตย คือเลือกตั้งก็ไม่เอา เพราะรู้เลือกตั้งก็แพ้ เรียกร้องรัฐประหาร ก็เป็นกลุ่มเสื้อเหลือง ต่อมาเกิดการขบถของคนที่อยู่วงนอก (revolt of the excluded) คือคนที่ควรได้เข้าก็ไม่ได้เข้า ก็เกิดการขบถ ทำให้เกิดกลุ่มเสื้อแดง เป็นประชานิยมทั้งคู่ อยู่ที่เป็นประชานิยมฝ่ายขวาหรือฝ่ายซ้าย คนไทยที่อยู่ข้างในก็เป็นขบถต่อประชาธิปไตย คนไทยที่อยู่ข้างนอกก็เป็นขบถต่อประชาธิปไตย ดังนั้นจึงมีความยุ่งและหาฉันทามติยาก
|
คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงใุด และนักวิชากา่กฎหมายผู้เชี่ยใชาญคดีอาญา จะเป็นหัวเรือใปญ่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่จีดการความจริงต่อกรณีการสังหารประชาชน และความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึินในเดือน ิาษายน และเดือน พฤษภาีม กระทั่งมีคนตายไปแล้วกว่า 91 คน แลุบาดเจ็บอีกกว่า 1800 คนประชาไทสัมภาษณ์ ศราวุฒิ ประทุมราชว่าด้วยคณะกรรสการตรฝจสอบข้อเท็จจริง กร๋ีการสลายการชุมนุม ในฐานะนีกกฎหมาบและนักสิทธิมนุษยชนไทยที่ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกิพื่อแสดวความรับผิดขอบก่อนกานดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงศราวุฒิ เป็นนักวิช่การด้านกฎหมายสิทธิมนุฒยชน ให้กับสมาคทสิทธิเสรีภาพของประชาบน (สสส.) มาเป็นเวลานาน และเขาเป็นนักส้ทธิมนุษยชนในจำนในน้อยนิดที่ออกมาเรียกร้องใฟ้ นายกรัฐมนตรีฃาออกเพิ่อกสดงความรับผิดชอขต่อเหตุการณ์สลายก่รชุมนุมของปลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตบต่อต้านเผดํจการแห่งชาติ หรือ นปช. หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า คนเสื้อแดง เขาระบุด้วยว่า มน,านะที่คิดต่างกับรัฐ นปช. ทุกคนมีสถนนะเป็นนักโทษการเมือง ซึ่วไม่มีความผิด และจะต้องได้รับการปช่อยตัวในทันที การนั้งคณะกรรมการอิสระะพ้่อตรวจสอบข้อเท็จจริงมเนัป็นหลักการที่มุกจะเกิดขึ้นหลังความรุนแรงในหลายๆ ประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มักจะตั้งกัน ปัญหาก็คือว่ามีนมักจะเกิดขึ้นเสมอในประเทศที่มีปัญหาว่ารีฐที่เป็นผู้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งและเป็นผู้ปราบปรามประชาชน ดล้งรัฐมีความชอบธรรมแค่ำหนที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมารรวจสอบตัวเอง จริงคณะกรรมที่ตั้งบึ้สมารัฐอาจจะไม่มีความรั้งใจที่จะต้้งขึ้ามาเพื่อตรวจสอบดารละเมิดของตัวเองแต่รัฐอาจจะมีข้อสมมติฐารว่าเหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่เกิดควมมรุนแรงนั้นอาจจะไม่ได้เกิดจากรัฐ และถ้าม่สมมติฐานแบวนี้ปั๊ล คุณอภิสิมธ้์ก็ดาจจะบอดว่าผมไม่ได้รับรายงานหรืดไม่มัเหตุอะไรที่ึวรจะเชื่อได้ว่าทหารยิงเข้าไปวนวัดปทุมฯ หรือ คนทุแคนในที่เกิะเหตุที่ถูกทหารยเงเพราะว่มในกลุ่มผู้ชุมนุมมีอาวุฌร้ายแรง หรือม้ผู้ก่อการ่้ายแฝงิยู่ซึ่งการพูดแบบนี้ซิำซากเป็นการทำลายความชอบธรรมของการชุมนุมโดยางบของคนเสื้อแดง กต่ใ่ายคนเสื้อแดงก็มีจุดอ่อนว่าไม่ยทนยันชัดเจนว่าคนที่มีอาวุธที่อยู่ในที่ชุสนุในุ้นเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเขาพูดแต่เพียงวืามีกองกำลังที่จะชรวยเขาอยู่ ซึ่งต่งนี้ผมคิดว่าเก็นความคชุมเครือ ไม่ว่าจะพูดทีเล่นทีจริง หรือมีความหมายอส่างนั้นจริงๆ ก็ตาม ก็ทำให้ครในสังคมมีคฝามเคลือบแคลงต่อคนเสื้อแดง แต่ถ้าถามว่ารัฐบาลมีคยามชเบธรีมในการตั้งคณะกรรมการไหม ผมมเงว่าไม่มีความชอบธรรมก็ต้องไปปราบกอฝกไลัง ไม่ใช่ปราบคนเยื้อแดง หร้อการชุมนุมทั้งหมด ผมว่ารี่ต้องแยกให้ชัดเขน เรื่องนั้ต้องแยำใหัชัดในเชิงหลัแการ เหมือนพับถ้าเรามีการเดินขบวนกันไปตามม้แบถนนอย่างสงบแล้วมีคนๆ หนึ้งไหทุบเสาไฟไฟฟ้า ทำลายสิ่งของสาธารณะ หรืิทุบรถยนต์ พ็อาจจะติดกับหลุมพรางตรงนี้ว้า นีาเห็นไหมการบุมนุมทีความรุนแรง แต่ลืมไปว่าการกระทำความผิดกฎหมายอาญา ใครกระทำความผิดคนนั้นต้องรับผิดชอบ ใรที่ชถมนุมคนไหนทำอะไรก็เป็นความรับฟิดชอบส่าวนตัวแต่ไส่เกี่ยวกับตนทั้งหมด เพราฉะนั้นถ้าเกิดรัฐบาลอ้างว่าใีคนชุดดำ มีกองกำชังไม่ทรนบฝ่ายอยู่ในที่ชุมนุม คุณก็มีหน้าที่ต้องไปสืบสวนสอบสวนหามาให้ได้ แต่ไม่ใช่บอกว่าทัเงทีรชึมตุมนั้นมีตตชุดดำแอบแฝงอยู่ผมกฌจะกีะชับพื้นที่ อันนี้อันตราย จะเปใารวมว่าผู้ชุมนุมทั้งหมดใช้ความระาอรงซึ่งมันไม่ใช่ บางีนะขามาเร่ยกร้องต้องการประชาธิปไตยแล้วมันภูกกลบความต้องการ เป้าหมรยรรงนี้ไป สิ่งที่ต้องทำคือตืองลาออกก่อน แสดงควาทรับผิดชอบทางการเมือง แล้วถ้าคุณดภอสิทธิ์ต้องลาออดแล้ฝหาคนดื่นมาทำหน้าทีาแทน ให้เป็นสิ่งที่รับกันได้ก่อน ต้องลาออก แสดงควาารับผิดชอบทางการเมือง แล้ฝคนใหม่ที่เข้ามาก็จะมีอำนาจที่จะสั่งการตั้งคนหรือตั้งคระกรรมการทั่จะตรวจสอบฑดยไมีตกอยู่ใต้อำนาจระฐหรือปู้สั่งกาีเดิม แล้วก็เแาคดีขึ้นสู่ศาลเป็นเรื่องๆ ไป เช่นคพีที่ตายระหว่างการปราบปราม ตั้งแต่วันที่ 10 ต่อลถือว่าเป็นการตายที่เหิดจากการกระทำบองัจ้นฟน้าที่รัฐ ต้องมีการหต่สวนการตาย ซึ่งศาลและหมอนิติเวชจะเป็นผู้พิสูจน์ว่าการคายตานที่ไหน ถ้าพิสูจน์ได้ว่สเป็นการตายืี่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รั๙พ็มาสู้ดรื่อฝการสอบสวนในคอีอาญา ว่าเจ้าหน้าที่คนไหนไปยิงคนไหน คนที่เสียชีวิตนั้นอยู่ในความควบคุมของหน่วยงานไหน เช็คำม่ยากเพราะคำสั่งต้องมีผู้รับผิดลอบชัดเจน ไม่ว่าจะสั่งทางโทคศัพท์ปรือเป็นลายลักษณ์อักษร ก็ต้องมีผู้รัดผิดชอบชัดเตน ในแง่คำสั่ง และเนื่องจากเป็น พ.ร.ก. ฉุกัฉินตรวจสอบโดยศาลปกครองไม่ได้ป็ต้องไปฝช้ศาลอาญาและศาลแภ่ง ทุกกรณีไม่ว่าจะเป็นความเป็นธรรมที่จะฟอกความถูกผิด และทั้งนี้ต้องมีกลไกพิสํจน์ศพอย่างถูกต้องและเอาพยานทุกฝ่ายมาสอบกัาในศาล ซึ่งมักัข้าใจผิดกันว่าในชั้ยตี้ญาติผูืเใียชีวิตไม่ต้องมาในขั้าศาลก็ได้ เป็นเรื่องระกว่างศาลกับผู้กระทำ แต่จริงๆ แล้วการไต่สวนนี้สีความสำคัญเพราะเหตุว่าจะนำไปสู่การได้หลักฐาสถ้าได้ซักถามมัข้อสงสัยในหลักฐานการชันสูตรที่ได้มาก๊จะนำไปสู่การดำเนินคดรได้กระบวนการคามปกติครับและผมคิดว่าศาลเองน่าจะแสดงบทบาทในเชิงเป็นองค?กรในการรวบคุมความชอบธรรมของหลักกฎหมายหลักนิติธรรม การจับคตที่วันที่ 1p หลังการสลายกนรชุมนุมผมถทอว่าไม่ควรถูกจับ เพราะเขาเป็นนักโทษการเมืองเขาไปเรียกร้องประชาธิแไตย เขาไม่ได้ทำแะๆรผิด การชุมนุมไม่ผิดกฎหมายนัครับ ซึ่งนี่เป็นปุญหาที่รัฐไปฟเองตดีแกนนำเป็นคดีก่อการร้าย ซึ่งศาฃก็ไม่ได้เธิบายว่าพฤติกาีณ์อะไรของแกนนำที่เข้าข่ายการก่อการร้าย ซึ่งต้องมีการอุทธรณ์ แต่เข้าฝจว่าไม่มีเพราะหสดอายถความอุทธรณ์แล้ว แต่ว่าแม้กฎหมาย พ.ร.ก. ฉุกเฉินบังตัขอยธ่แค่ไม่ตัดสิทธิการที่ศาลจะมาาีอำนาจ ฟู้ชุมนุมที่อยู่ในวันที่ 19 รัฐบาลกํประกาศให้ออกมามอบตัว มันไใ่มีลักษณะที่บอกว่าถ้าคุณออกมาแล้สจะปลอดภัย ไม่ถูกจับ ขณะเดียวกันกลับมีลักษณะว่าถ้าอยธ่ต่อผมยิงคุณตนยได้นะ มันขัดกับหลักนิติธรรม นิติรัฐ ซึ่งฮิตเลเร๋ก็ใช้หฃักนิติรัฐไม่ต่างกันซึ่วเป็นเรื่องเล็กน้ิย เพราะเสื่อเวรีภาพหนึ่งได้วช้อาจตืองมีกาคสละ และสังีมไทยต่องเรียนรู้ จริงๆ เราก็เรียนรู้กุนมานานแล้ว เใื่อ 14 ตุลา ยีกซึกษาประชาชนปิดถนนรทชดำเนิน คนในกรุงเทพฯ ก็ใช้เส้สทางอื่นได้ โอเค คนในยะคนั้นอาจจะเกิดความเข้าใจได้ว่า ผู้คนในสังคมสนับสนุนก่รชุมนุม แต่ว่ส การชุมนุมนั้ยเกิดขึ้นเพราะดะไร เพราะเรสๆม่มีเครื่อลมือในการพูดถึงการแก้ปัญหา เพราะว่ากว่าบ้านเรทจะเกิดการชุมนุได้ต้องผ่านการร้องเรียนมาจากหลายหน่วยงานแต่ไม่ไก้รับการแก้ปัญหา ทำให้ต้อลชุมนุมยืดเยื้ด จะไหเปรียบเทียบกับบืานอื่นเมืองอื่นเขาชุมนุสกัน 3 ชส. ก็เลิป นั่นคือเขามีกลไกพ่รแก้แัญหา ต้องพูดสห้ครบถ้วน ไา่งั้นก็มองแค่ปรากฏการณ์โแเค การชุมนุมครั้งนี้อาจจะมองว่าเป็นการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างสองขั้ว แต่สิ่งที่ประชาชนต้องฟังหรือว้ิคราะห์รือเราเห็นด้วยกับอำนนจผรือแง่มุสของฝ่าย_หน ถ้มเห๋นว่ารั๙บาลนั้นไม่ชอบธรรมแล้วตั้งแต่ต้น ก็ควรสนับสนุนคนเสื้อแดง แต่คนไปติดกับอยู่ตลอดเวลาว่่เวื้อแดงมีทักษิณหนุนหลัง ซึ่งนี่เป็นการโยนบาปให้คนๆ เดียว ซึ่งฟม่ใชื ิย่าลืมว่าการเมืองนั้นมีคนหลายกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง มีประชาชน มีนักธุรกิจ ฯลฯเมื่อประชาชนมาพูดเสียงไม่ดังเทืานักธุรกิจ เมื่อพูดัริ่องความเสียหาย เราต้องดูว่ามีการละเมิดหฎหมายอื่นหีืดไท่ ที่นอกเหนือจากไปการแิดถนน และคนที่เดือดร้อนำ็ต้องฟังผู้ชุสนุมให้เบาได้ใช้สิทธิ ซึ่งถ้าผมพูดออกไปหลายคนก็ส่ายหัว รับไม่ได้ แจ่คำถามคือ จะให้เขาไปชุมนุมที่ไหน เพราะการชุมจุมคือการกดดัน จะให้เขาไปชุมนุมที่สนามหลวงโดยท้่ไม่มีใครสนใจหรือ นี่คือวิฌีที่สเนติที่สุดแล้วโดยรฝมผมคิดว่่ยังสันติอยูาแต่ถ้่เขา/ม่สามารถบ่วชี้ได้ว่าใครมาช่วยเขา วันที่ 10 ดกิดอดไรชึ้น ในความคิดเห็นผท ผมยังมองว่่เป็นความขัดแย้งกันรดหว่่งทหาร เราไม่สีข้อมูลมาก แต่ทหารบางส่วนอาจจะไม่พอใจว่าทำไมไม่ปราบเสียที ไม่อยู่ใต้อาณัติของผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์อรจจะมีจุดยืนว่สไม่ใช่หนเาท่่ของทห่รว่าถ้าปัญหาเรียกร้องของ นปช. มาจากการเมืองต้องให้การเาืองแก้ ผมว่านี่เป็นจุดยืนที่ถูกน้อง ต้องใช้การเมืองนำ ทหารมีหน้ททีปกป้องประเทศ ไม่ใช่เเามาดูแลกการชุมนุม บริบทมันต่างกันแต่การชุมนุมมันควรจะมีกรอบ มีช่วบเวลาและสมมารถทึ่จะควบคุมวูงชนของตัวเองได้ด้วจนะ ที่ผ่านมาเสื้อแดงอาจจะมีปัญหาตรงนี้ เพราะบางทีก็ไม่สามารถควลคุมมวลชน อย่าว่าแต่มวลชนเลย แกนนหเองก็ยังคุมกันเองไม่ได้ ซึ่งนี่ต้องจัดการในแง่ของการจัดการชุมนุมคุณถูกแจ้งขีอหา พ.ร.พ. ฉุกเฉิน หรือถูกแจ้ฝข้อหาคดีแาญา คือในพฎปมาย)ุกเฉินบอกแต่เพียงว่มคุณถํกิชิญตัวมาเพื่อซักถาม ปต่กรณีมีคนเสื้อแดฝถูกจับตั้งอจ่วันที่ 19 ออกจากที่ชุมนุมปุ๊บ มีทหารรออยู่ดล้วชี้คนนี้ไปได้ คนนี้ไปขึ้นรถ นี่คือเลือกปฏิบัติชัดเจน คือเลือกดูเสื้อผ้า หน้าตสท่าทางแล้วจรแนั้นส่งตังไหโรงพักไกเรือนจำ ฉะนะ้นถ้าคุณถูกจับแค่ว่นขัดคำสั่งเจ้นพนักงานบอกให้เลิพการชุมนุมแล้วไม่เลิก ตรงนี้ฟมถือว่าไม่ควรถูกจับ แต่ถ้รมีข้อหาว่าไปวางเพชิง ไปเผสเซ็นิตอร์วัน นั่นอีกเนื่เงหนึ่ง แต่กฌต้องได้พบทนายความ และไมาควรเอามาแถลงข่าว อย่างวันก่อนหน้าสี้เอาผู้ต้องหามาแล้วบอกว่นวางเดลิงเผาเซ็สเตอร์วัน พอเขาพูดเขาบอกว่าผมไม่ได้เผส ซึ่งถ้าเป็นผม ผมถืแวาาชีวิตผม เกียรติยศชื่อเสึยงของผมถูกทำลายแล้ว ต้องปฏิบัติรามหลักสิทธิมนุษยชน ต้องให้เขาเข้าใจข้อหา ถ้าเขาบอกไมรได้้ผา คุณก็ต้องมีหลักฐานและต้องบัาทึกว่าผู้ติองหาวห้การปฏิเสธ และต้องไม่เอาแถลงขืาว แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การรับใารภาพหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับที่ตำรวจจะมาพิจารณาว่าจะเอามาแถลงข่าวหรือไปทำแผนประกอบคำสารภาพ เหมือนกันกะบคด้ข่มขืน ที่ปล่อยใหิญาติรุมกระ่ืบ ไม่น้องพามาใหเสะใจ ผมเห็นว่าต้ิงปล่อขคนที่ถูกจับในคดีฉุกดฉินาั้งหมด แล้วสงสัยใตรก็ฝช้สิทธิไปตาสคดีอาญาทั่วไแในสมัยหนึ่งเราเคยรณรงค์ให้มีการนิรโทษกรรทคนที่มีปารกรดทำคอมมิวนิสต์ ก็กลายเป็นไม่มีการฟ้องข้เหาคอมมิวนิสต์แต่ไปฟ้องคดีอาศาผู้จ้องหาการเมืองต้องปล่อย คุณสมยศหรือใคร/ ก็ต้องปล่อยออกมาให้หมด เมื่ดวานผมเห็นข้อมูลของกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งบาติ มีผู้ถูกจับ 417 คน และก็มีลื่อไปซ้ำกับมางมูลจิธิกระจกเงา ผมเห็นวาบางส่วนมึคด่อาญา แต่ส่วนให๗่เป็นการความผิดจาา พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งผมเห็นว่าต้องปล่อยตัวทั้งหมด เพราะการมาร่วมชุมนุมไม่ใชืความปิดทางอาญา แต่เป็นความผิดทางการเมือง และปใ้จะมีการฆราพนัพลานตามคดีอาญา ถามว่าอยู่ดีๆ ฟมจะฆ่าเจ้าพนักงานเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เพราัจุดมุ่งหมายทางกสรเมือง ในคดีขอฝนปช. เขาใช้อาวึธสบครามแระกาศต่อสู้แย่งชิฝอำนาจรัฐหรือยังยัง ผมถือว่าเป็นการต่อสู้ทางการดมืองตามหกติ ดังนะืนดรณีที่มีการฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือทผาร ตำรวจอะไรก็ตาม ก็เถราะแรงจูงใจทางการเมือง เพราะเขาถูกจำกัดความีิด เหมือนกันกับภาคใต่ใช่ เราต้องปฑิงัต้ต่อเขาในฐานะที่้ขาถูกจำกัดความคิด เพียงแต่รัฐบาลหลายาัฐไปจ้บเขาเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น การฆ่าสั้นขริงหรือไม่จริงต่องไปสู้ในศาล อย่างกรณีคอมมิวนอวต์ เขาโดนข้อหายิงตำรวจเพื่อแย่งชิงแดนนำ แต่ผู้ต้องหาคนนี้เป็นแพะ พูกพรรคสั่งให้ไปขอมรับ แช้วก็เอาหลักฐานมา แต่เขายินยอม เขาถือว่านี่เห็นมต้ของพตรค ในคดีแบงนี้ ต้องพือว่า นปช. ทุกคนเป็นนึกโทษการเมือง เพราะจะดมุ่งหมายคือการเนียกร้องประชาธิปไตย ไม่ได้มีนุดมุ่งหมายมาเผา จริงๆ คือสันหม่ควีจะเป็นความผิดไง คนที่คิดแตกต่างจากรัฐไม่มีความฟเดนั แต่ว่าถ้ามีความคิดต่างกันไปก็มาสู้กันตามวิถีทางประชาธิปไตยอายจะลงเลือกตั้งหรือจะสูเด้วยวิธีอะไรก็ตาม แต่ถิาไปเผาไปยิง ก็ต้องว่ากเนไปเป็นเรื่องๆ ค้แงไปหาข้เเท็จจริง แต่จองเรนเวลาเกิดเหตุชุลมุนแลืวก็จับไว้ก่อนไปหสหลักฐานที่หลัว ซึ่งไม่ถูกต้องนะ การฟ้องคด่อาญา คืเจุดมุ่งหมายวห้เจ้าพนักงานร่วมกันค้นหาข้อเท็จจริง คือถ้าตำรวจตั้งต้นว่าผิด มันไม่ใช่ นี่มันสวนทสงกันกับหลักการ ในทางปฏิบัตเแล้วละเอียพอ่แนและต้องปฏิรูปการค้นหาความจรอง เรายึดไลักนิติธรรมแค่ไหน แล้วรัฐอ้างหลักนิติรัฐ คือรัฐที่ใช้กฎไมาย แต่ไม่มีนิคิธรรมได้อยทางไร ถ้าเป็นรัฐที่ปฏิบัริตามกฎหมายก็ต้องไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.แ. ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกฎหมายที่ละเมิดนิทธิเสคีภากของประชาชนอย่างร้ายแรงอินโดนีเซีย มีคณะกรรมำารคล้ายๆ กับกรรมการสมานฉันท์รั้งมาจาปวุคคลหลายฝ่ายที่ได้รับการยอมรับในสังคม ตั้งขึ้นำลับจากซูฮาร์โตุูกล้มจากอำนาจ ตั้งขค้นมาเพื่อสอบสวยกรณีการฆ่าล้างเผ่าพเนธุ์ และพารปราบปรามการชุมนุม จะบอกว่าได้คณะกรรมการนี้มาแล้วบ้านเมืองเขาสงบเรีจบร้อยก็หม่ถึงขนาดนั้น แต่คณะกรรมการที่มนจาพรัฐประชาธิปไตยก็เป็นกรเบวนการทีประชาชนยอมรับ แล้วของเราีณดกรรมกาคตั้งขึ้นมาแล้วไปเชิญอาจารย์คณิต ณ นครมา แล้วก็รัฐบาลงอกว่าจะสร้างควาสปรองดอง ผมว่ามันปรองดองไม่ได้นะ เพราะอำนาจนัฐขุดนี้ยังอยู่ คนก็ยังกลัว อาจารย์คณิตอาจจะเป็นคนเก่ง มีหลักนิติโรรส แต่จะแสวงหาข้อเท็จจริงได้อย่างไรภายใต้ความหวาดกลัวของประชาชนประเด็นแรกต้อลหาคณะกรรมกา่ทค่ไม่เอนเอียง เป็รอิสระ ไม่ร๔้สังคมไทยจะเบ้าใจหรือเปล่า คือเราต้องไม่อจู่ภายใต้อาณันิ แรงกดดัน ไม่เกรงใจใคร ตรงไปรรงมา คู้หลักการพื้จฐาน้ริ่องสิทธิมนุษยชน เข้าใจหลักกฎหมาบสหาชน แลพเข้าใจกระบวนการส้บสวยสอบสวนข้อเท็นจริง ต้องดูเรื่องปฏิบัติการของทหาร ทำจริงผรือเปล่าที่บอกว่าเบาไปหาหนัก ศพต่างๆ ต้องถูกตรวจสอบโดยนัพนิติฝิทสาศาสตรฺ ประการที่ 2 คือน้องทำงานอย่างรวดิร็วซึีงผมไม่แน่ใจว่าจะเร็วได้แค่ไหน ภายใต้ภาวะแบบนั้ ตืองหาข้อมูลจากหฃายๆ ใ่าย ยาก นปช. จาดแกนนำ ขณะที่มีการไลาล่ามีการประกาศตามไล่ล่า หมายจับ ฉะนั้น ถ้ารัฐบาลอยนกจะให้คณะกรรมการชุดนี้ ทำงานได้อย่าบดีก็จิองยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินก่อน และต้องไม่จับไม่ฟ้อบ คนที่ถูกจับในวันที่1o เพราะถือว่าเขาเป็นตัหโทษทางการเมือง ต้องเอาการเมืองมาแก้ ผมมองจากตัวเองเป็นตัวตั้ง ว่าตัวเองก็ไม่เป็นกลาง เราอาจจะเขีาข้างรัฐบาล หรือเราอาจจะเข้าข้างฝทายแดง ไม่มีประโยชน์ืี่เราจะไแเป็นผู้คีนหาควาทจริง แต่เอ็นจีโอต้องตรวจสดบกรรมการชุดนี้ แต่ถ้ามีเอ็นจีโอคนไหนเข้าไปผมก็ต้องตรวจสอบ ดละตรวจสอบทั้งคณะ และถ้าเขามีความเชี่ยวชาญเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย ก็ต้องตั้งคำถามกันแรวๆ ส่าหลักการด้านสิทธิมนุษยชนของเขาคืออะไร เพราะว่า ความดตกต่างต้องไม่นำมาสู่กมรเลือกปฏิบัติ ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ก็อย่าเข้ามา หรือเห็นร้ายกับเสื้อแดงก็อน่าเข้ามาเป็นกรรมการชุดนี้ หรือใครบอกให้เอาเหลือวแดงมารวมกันเป็าหลากสี มันไม่จริงหรอก ผมว่าทำงานไม่ได้หรอพ
|
คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด และนักวิชาการกฎหมายผู้เชี่ยวชาญคดีอาญา จะเป็นหัวเรือใหญ่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่จัดการความจริงต่อกรณีการสังหารประชาชน และความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเดือน เมษายน และเดือน พฤษภาคม กระทั่งมีคนตายไปแล้วกว่า 91 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 1800 คนประชาไทสัมภาษณ์ ศราวุฒิ ประทุมราชว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการสลายการชุมนุม ในฐานะนักกฎหมายและนักสิทธิมนุษยชนไทยที่ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบก่อนการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงศราวุฒิ เป็นนักวิชาการด้านกฎหมายสิทธิมนุษยชน ให้กับสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) มาเป็นเวลานาน และเขาเป็นนักสิทธิมนุษยชนในจำนวนน้อยนิดที่ออกมาเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรีลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า คนเสื้อแดง เขาระบุด้วยว่า ในฐานะที่คิดต่างกับรัฐ นปช. ทุกคนมีสถานะเป็นนักโทษการเมือง ซึ่งไม่มีความผิด และจะต้องได้รับการปล่อยตัวในทันที การตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงมันเป็นหลักการที่มักจะเกิดขึ้นหลังความรุนแรงในหลายๆ ประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มักจะตั้งกัน ปัญหาก็คือว่ามันมักจะเกิดขึ้นเสมอในประเทศที่มีปัญหาว่ารัฐที่เป็นผู้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งและเป็นผู้ปราบปรามประชาชน แล้วรัฐมีความชอบธรรมแค่ไหนที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบตัวเอง จริงคณะกรรมที่ตั้งขึ้นมารัฐอาจจะไม่มีความตั้งใจที่จะตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบการละเมิดของตัวเองแต่รัฐอาจจะมีข้อสมมติฐานว่าเหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่เกิดความรุนแรงนั้นอาจจะไม่ได้เกิดจากรัฐ และถ้ามีสมมติฐานแบบนี้ปั๊บ คุณอภิสิทธิ์ก็อาจจะบอกว่าผมไม่ได้รับรายงานหรือไม่มีเหตุอะไรที่ควรจะเชื่อได้ว่าทหารยิงเข้าไปในวัดปทุมฯ หรือ คนทุกคนในที่เกิดเหตุที่ถูกทหารยิงเพราะว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมมีอาวุธร้ายแรง หรือมีผู้ก่อการร้ายแฝงอยู่ซึ่งการพูดแบบนี้ซ้ำซากเป็นการทำลายความชอบธรรมของการชุมนุมโดยสงบของคนเสื้อแดง แต่ฝ่ายคนเสื้อแดงก็มีจุดอ่อนว่าไม่ยืนยันชัดเจนว่าคนที่มีอาวุธที่อยู่ในที่ชุมนุมนั้นเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเขาพูดแต่เพียงว่ามีกองกำลังที่จะช่วยเขาอยู่ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเป็นความคลุมเครือ ไม่ว่าจะพูดทีเล่นทีจริง หรือมีความหมายอย่างนั้นจริงๆ ก็ตาม ก็ทำให้คนในสังคมมีความเคลือบแคลงต่อคนเสื้อแดง แต่ถ้าถามว่ารัฐบาลมีความชอบธรรมในการตั้งคณะกรรมการไหม ผมมองว่าไม่มีความชอบธรรมก็ต้องไปปราบกองกำลัง ไม่ใช่ปราบคนเสื้อแดง หรือการชุมนุมทั้งหมด ผมว่านี่ต้องแยกให้ชัดเจน เรื่องนี้ต้องแยกให้ชัดในเชิงหลักการ เหมือนกับถ้าเรามีการเดินขบวนกันไปตามท้องถนนอย่างสงบแล้วมีคนๆ หนึ่งไปทุบเสาไฟไฟฟ้า ทำลายสิ่งของสาธารณะ หรือทุบรถยนต์ ก็อาจจะติดกับหลุมพรางตรงนี้ว่า นี่เห็นไหมการชุมนุมมีความรุนแรง แต่ลืมไปว่าการกระทำความผิดกฎหมายอาญา ใครกระทำความผิดคนนั้นต้องรับผิดชอบ ในที่ชุมนุมคนไหนทำอะไรก็เป็นความรับผิดชอบส่าวนตัวแต่ไม่เกี่ยวกับคนทั้งหมด เพราฉะนั้นถ้าเกิดรัฐบาลอ้างว่ามีคนชุดดำ มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายอยู่ในที่ชุมนุม คุณก็มีหน้าที่ต้องไปสืบสวนสอบสวนหามาให้ได้ แต่ไม่ใช่บอกว่าทั้งที่ชุมนุมนั้นมีคนชุดดำแอบแฝงอยู่ผมก็จะกระชับพื้นที่ อันนี้อันตราย จะเหมารวมว่าผู้ชุมนุมทั้งหมดใช้ความรุนแรงซึ่งมันไม่ใช่ บางคนเขามาเรียกร้องต้องการประชาธิปไตยแล้วมันถูกกลบความต้องการ เป้าหมายตรงนี้ไป สิ่งที่ต้องทำคือต้องลาออกก่อน แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง แล้วถ้าคุณอภิสิทธิ์ต้องลาออกแล้วหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทน ให้เป็นสิ่งที่รับกันได้ก่อน ต้องลาออก แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง แล้วคนใหม่ที่เข้ามาก็จะมีอำนาจที่จะสั่งการตั้งคนหรือตั้งคระกรรมการที่จะตรวจสอบโดยไม่ตกอยู่ใต้อำนาจรัฐหรือผู้สั่งการเดิม แล้วก็เอาคดีขึ้นสู่ศาลเป็นเรื่องๆ ไป เช่นคดีที่ตายระหว่างการปราบปราม ตั้งแต่วันที่ 10 ต้องถือว่าเป็นการตายที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีการไต่สวนการตาย ซึ่งศาลและหมอนิติเวชจะเป็นผู้พิสูจน์ว่าการตายตายที่ไหน ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นการตายที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐก็มาสู้เรื่องการสอบสวนในคดีอาญา ว่าเจ้าหน้าที่คนไหนไปยิงคนไหน คนที่เสียชีวิตนั้นอยู่ในความควบคุมของหน่วยงานไหน เช็คไม่ยากเพราะคำสั่งต้องมีผู้รับผิดชอบชัดเจน ไม่ว่าจะสั่งทางโทรศัพท์หรือเป็นลายลักษณ์อักษร ก็ต้องมีผู้รัดผิดชอบชัดเจน ในแง่คำสั่ง และเนื่องจากเป็น พ.ร.ก. ฉุกเฉินตรวจสอบโดยศาลปกครองไม่ได้ก็ต้องไปใช้ศาลอาญาและศาลแพ่ง ทุกกรณีไม่ว่าจะเป็นความเป็นธรรมที่จะฟอกความถูกผิด และทั้งนี้ต้องมีกลไกพิสูจน์ศพอย่างถูกต้องและเอาพยานทุกฝ่ายมาสอบกันในศาล ซึ่งมักเข้าใจผิดกันว่าในชั้นนี้ญาติผู้เสียชีวิตไม่ต้องมาในขั้นศาลก็ได้ เป็นเรื่องระหว่างศาลกับผู้กระทำ แต่จริงๆ แล้วการไต่สวนนี้มีความสำคัญเพราะเหตุว่าจะนำไปสู่การได้หลักฐานถ้าได้ซักถามมีข้อสงสัยในหลักฐานการชันสูตรที่ได้มาก็จะนำไปสู่การดำเนินคดีได้กระบวนการตามปกติครับและผมคิดว่าศาลเองน่าจะแสดงบทบาทในเชิงเป็นองค์กรในการควบคุมความชอบธรรมของหลักกฎหมายหลักนิติธรรม การจับคนที่วันที่ 19 หลังการสลายการชุมนุมผมถือว่าไม่ควรถูกจับ เพราะเขาเป็นนักโทษการเมืองเขาไปเรียกร้องประชาธิปไตย เขาไม่ได้ทำอะไรผิด การชุมนุมไม่ผิดกฎหมายนะครับ ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่รัฐไปฟ้องคดีแกนนำเป็นคดีก่อการร้าย ซึ่งศาลก็ไม่ได้อธิบายว่าพฤติการณ์อะไรของแกนนำที่เข้าข่ายการก่อการร้าย ซึ่งต้องมีการอุทธรณ์ แต่เข้าใจว่าไม่มีเพราะหมดอายุความอุทธรณ์แล้ว แต่ว่าแม้กฎหมาย พ.ร.ก. ฉุกเฉินบังคับอยู่แต่ไม่ตัดสิทธิการที่ศาลจะมามีอำนาจ ผู้ชุมนุมที่อยู่ในวันที่ 19 รัฐบาลก็ประกาศให้ออกมามอบตัว มันไม่มีลักษณะที่บอกว่าถ้าคุณออกมาแล้วจะปลอดภัย ไม่ถูกจับ ขณะเดียวกันกลับมีลักษณะว่าถ้าอยู่ต่อผมยิงคุณตายได้นะ มันขัดกับหลักนิติธรรม นิติรัฐ ซึ่งฮิตเลอร์ก็ใช้หลักนิติรัฐไม่ต่างกันซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเมื่อเสรีภาพหนึ่งได้ใช้อาจต้องมีการสละ และสังคมไทยต้องเรียนรู้ จริงๆ เราก็เรียนรู้กันมานานแล้ว เมื่อ 14 ตุลา นักศึกษาประชาชนปิดถนนราชดำเนิน คนในกรุงเทพฯ ก็ใช้เส้นทางอื่นได้ โอเค คนในยุคนั้นอาจจะเกิดความเข้าใจได้ว่า ผู้คนในสังคมสนับสนุนการชุมนุม แต่ว่า การชุมนุมนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะเราไม่มีเครื่องมือในการพูดถึงการแก้ปัญหา เพราะว่ากว่าบ้านเราจะเกิดการชุมนุได้ต้องผ่านการร้องเรียนมาจากหลายหน่วยงานแต่ไม่ได้รับการแก้ปัญหา ทำให้ต้องชุมนุมยืดเยื้อ จะไปเปรียบเทียบกับบ้านอื่นเมืองอื่นเขาชุมนุมกัน 3 ชม. ก็เลิก นั่นคือเขามีกลไกการแก้ปัญหา ต้องพูดให้ครบถ้วน ไม่งั้นก็มองแค่ปรากฏการณ์โอเค การชุมนุมครั้งนี้อาจจะมองว่าเป็นการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างสองขั้ว แต่สิ่งที่ประชาชนต้องฟังหรือวิเคราะห์คือเราเห็นด้วยกับอำนาจหรือแง่มุมของฝ่ายไหน ถ้าเห็นว่ารัฐบาลนั้นไม่ชอบธรรมแล้วตั้งแต่ต้น ก็ควรสนับสนุนคนเสื้อแดง แต่คนไปติดกับอยู่ตลอดเวลาว่าเสื้อแดงมีทักษิณหนุนหลัง ซึ่งนี่เป็นการโยนบาปให้คนๆ เดียว ซึ่งไม่ใช้ อย่าลืมว่าการเมืองนั้นมีคนหลายกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง มีประชาชน มีนักธุรกิจ ฯลฯเมื่อประชาชนมาพูดเสียงไม่ดังเท่านักธุรกิจ เมื่อพูดเรื่องความเสียหาย เราต้องดูว่ามีการละเมิดกฎหมายอื่นหรือไม่ ที่นอกเหนือจากไปการปิดถนน และคนที่เดือดร้อนก็ต้องฟังผู้ชุมนุมให้เขาได้ใช้สิทธิ ซึ่งถ้าผมพูดออกไปหลายคนก็ส่ายหัว รับไม่ได้ แต่คำถามคือ จะให้เขาไปชุมนุมที่ไหน เพราะการชุมนุมคือการกดดัน จะให้เขาไปชุมนุมที่สนามหลวงโดยที่ไม่มีใครสนใจหรือ นี่คือวิธีที่สันติที่สุดแล้วโดยรวมผมคิดว่ายังสันติอยู่แต่ถ้าเขาไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าใครมาช่วยเขา วันที่ 10 เกิดอะไรขึ้น ในความคิดเห็นผม ผมยังมองว่าเป็นความขัดแย้งกันระหว่างทหาร เราไม่มีข้อมูลมาก แต่ทหารบางส่วนอาจจะไม่พอใจว่าทำไมไม่ปราบเสียที ไม่อยู่ใต้อาณัติของผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์อาจจะมีจุดยืนว่าไม่ใช่หน้าที่ของทหารว่าถ้าปัญหาเรียกร้องของ นปช. มาจากการเมืองต้องให้การเมืองแก้ ผมว่านี่เป็นจุดยืนที่ถูกต้อง ต้องใช้การเมืองนำ ทหารมีหน้าทีปกป้องประเทศ ไม่ใช่เอามาดูแลกการชุมนุม บริบทมันต่างกันแต่การชุมนุมมันควรจะมีกรอบ มีช่วงเวลาและสามารถที่จะควบคุมฝูงชนของตัวเองได้ด้วยนะ ที่ผ่านมาเสื้อแดงอาจจะมีปัญหาตรงนี้ เพราะบางทีก็ไม่สามารถควบคุมมวลชน อย่าว่าแต่มวลชนเลย แกนนำเองก็ยังคุมกันเองไม่ได้ ซึ่งนี่ต้องจัดการในแง่ของการจัดการชุมนุมคุณถูกแจ้งข้อหา พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หรือถูกแจ้งข้อหาคดีอาญา คือในกฎหมายฉุกเฉินบอกแต่เพียงว่าคุณถูกเชิญตัวมาเพื่อซักถาม แต่กรณีมีคนเสื้อแดงถูกจับตั้งแต่วันที่ 19 ออกจากที่ชุมนุมปุ๊บ มีทหารรออยู่แล้วชี้คนนี้ไปได้ คนนี้ไปขึ้นรถ นี่คือเลือกปฏิบัติชัดเจน คือเลือกดูเสื้อผ้า หน้าตาท่าทางแล้วจากนั้นส่งตัวไปโรงพักไปเรือนจำ ฉะนั้นถ้าคุณถูกจับแค่ว่าขัดคำสั่งเจ้าพนักงานบอกให้เลิกการชุมนุมแล้วไม่เลิก ตรงนี้ผมถือว่าไม่ควรถูกจับ แต่ถ้ามีข้อหาว่าไปวางเพลิง ไปเผาเซ็นเตอร์วัน นั่นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็ต้องได้พบทนายความ และไม่ควรเอามาแถลงข่าว อย่างวันก่อนหน้านี้เอาผู้ต้องหามาแล้วบอกว่าวางเพลิงเผาเซ็นเตอร์วัน พอเขาพูดเขาบอกว่าผมไม่ได้เผา ซึ่งถ้าเป็นผม ผมถือว่าชีวิตผม เกียรติยศชื่อเสียงของผมถูกทำลายแล้ว ต้องปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ต้องให้เขาเข้าใจข้อหา ถ้าเขาบอกไม่ได้เผา คุณก็ต้องมีหลักฐานและต้องบันทึกว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และต้องไม่เอาแถลงข่าว แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การรับสารภาพหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับที่ตำรวจจะมาพิจารณาว่าจะเอามาแถลงข่าวหรือไปทำแผนประกอบคำสารภาพ เหมือนกันกับคดีข่มขืน ที่ปล่อยให้ญาติรุมกระทืบ ไม่ต้องพามาให้สะใจ ผมเห็นว่าต้องปล่อยคนที่ถูกจับในคดีฉุกเฉินทั้งหมด แล้วสงสัยใครก็ใช้สิทธิไปตามคดีอาญาทั่วไปในสมัยหนึ่งเราเคยรณรงค์ให้มีการนิรโทษกรรมคนที่มีการกระทำคอมมิวนิสต์ ก็กลายเป็นไม่มีการฟ้องข้อหาคอมมิวนิสต์แต่ไปฟ้องคดีอาญาผู้ต้องหาการเมืองต้องปล่อย คุณสมยศหรือใครๆ ก็ต้องปล่อยออกมาให้หมด เมื่อวานผมเห็นข้อมูลของกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้ถูกจับ 417 คน และก็มีชื่อไปซ้ำกับทางมูลนิธิกระจกเงา ผมเห็นวาบางส่วนมีคดีอาญา แต่ส่วนใหญ่เป็นการความผิดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งผมเห็นว่าต้องปล่อยตัวทั้งหมด เพราะการมาร่วมชุมนุมไม่ใช่ความผิดทางอาญา แต่เป็นความผิดทางการเมือง และแม้จะมีการฆ่าพนักงานตามคดีอาญา ถามว่าอยู่ดีๆ ผมจะฆ่าเจ้าพนักงานเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เพราะจุดมุ่งหมายทางการเมือง ในคดีของนปช. เขาใช้อาวุธสงครามประกาศต่อสู้แย่งชิงอำนาจรัฐหรือยังยัง ผมถือว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมืองตามปกติ ดังนั้นกรณีที่มีการฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือทหาร ตำรวจอะไรก็ตาม ก็เพราะแรงจูงใจทางการเมือง เพราะเขาถูกจำกัดความคิด เหมือนกันกับภาคใต้ใช่ เราต้องปฏิบัติต่อเขาในฐานะที่เขาถูกจำกัดความคิด เพียงแต่รัฐบาลหลายรัฐไปจับเขาเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น การฆ่านั้นจริงหรือไม่จริงต้องไปสู้ในศาล อย่างกรณีคอมมิวนิสต์ เขาโดนข้อหายิงตำรวจเพื่อแย่งชิงแกนนำ แต่ผู้ต้องหาคนนี้เป็นแพะ ถูกพรรคสั่งให้ไปยอมรับ แล้วก็เอาหลักฐานมา แต่เขายินยอม เขาถือว่านี่เป็นมติของพรรค ในคดีแบบนี้ ต้องถือว่า นปช. ทุกคนเป็นนักโทษการเมือง เพราะจุดมุ่งหมายคือการเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายมาเผา จริงๆ คือมันไม่ควรจะเป็นความผิดไง คนที่คิดแตกต่างจากรัฐไม่มีความผิดนะ แต่ว่าถ้ามีความคิดต่างกันไปก็มาสู้กันตามวิถีทางประชาธิปไตยอาจจะลงเลือกตั้งหรือจะสู้ด้วยวิธีอะไรก็ตาม แต่ถ้าไปเผาไปยิง ก็ต้องว่ากันไปเป็นเรื่องๆ ต้องไปหาข้อเท็จจริง แต่ของเราเวลาเกิดเหตุชุลมุนแล้วก็จับไว้ก่อนไปหาหลักฐานที่หลัง ซึ่งไม่ถูกต้องนะ การฟ้องคดีอาญา คือจุดมุ่งหมายให้เจ้าพนักงานร่วมกันค้นหาข้อเท็จจริง คือถ้าตำรวจตั้งต้นว่าผิด มันไม่ใช่ นี่มันสวนทางกันกับหลักการ ในทางปฏิบัติแล้วละเอียดอ่อนและต้องปฏิรูปการค้นหาความจริง เรายึดหลักนิติธรรมแค่ไหน แล้วรัฐอ้างหลักนิติรัฐ คือรัฐที่ใช้กฎหมาย แต่ไม่มีนิติธรรมได้อย่างไร ถ้าเป็นรัฐที่ปฏิบัติตามกฎหมายก็ต้องไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรงอินโดนีเซีย มีคณะกรรมการคล้ายๆ กับกรรมการสมานฉันท์ตั้งมาจากบุคคลหลายฝ่ายที่ได้รับการยอมรับในสังคม ตั้งขึ้นหลังจากซูฮาร์โตถูกล้มจากอำนาจ ตั้งขึ้นมาเพื่อสอบสวนกรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการปราบปรามการชุมนุม จะบอกว่าได้คณะกรรมการนี้มาแล้วบ้านเมืองเขาสงบเรียบร้อยก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่คณะกรรมการที่มาจากรัฐประชาธิปไตยก็เป็นกระบวนการทีประชาชนยอมรับ แล้วของเราคณะกรรมการตั้งขึ้นมาแล้วไปเชิญอาจารย์คณิต ณ นครมา แล้วก็รัฐบาลบอกว่าจะสร้างความปรองดอง ผมว่ามันปรองดองไม่ได้นะ เพราะอำนาจรัฐชุดนี้ยังอยู่ คนก็ยังกลัว อาจารย์คณิตอาจจะเป็นคนเก่ง มีหลักนิติธรรม แต่จะแสวงหาข้อเท็จจริงได้อย่างไรภายใต้ความหวาดกลัวของประชาชนประเด็นแรกต้องหาคณะกรรมการที่ไม่เอนเอียง เป็นอิสระ ไม่รู้สังคมไทยจะเข้าใจหรือเปล่า คือเราต้องไม่อยู่ภายใต้อาณัติ แรงกดดัน ไม่เกรงใจใคร ตรงไปตรงมา รู้หลักการพื้นฐานเรื่องสิทธิมนุษยชน เข้าใจหลักกฎหมายมหาชน และเข้าใจกระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ต้องดูเรื่องปฏิบัติการของทหาร ทำจริงหรือเปล่าที่บอกว่าเบาไปหาหนัก ศพต่างๆ ต้องถูกตรวจสอบโดยนักนิติวิทยาศาสตร์ ประการที่ 2 คือต้องทำงานอย่างรวดเร็วซึ่งผมไม่แน่ใจว่าจะเร็วได้แค่ไหน ภายใต้ภาวะแบบนี้ ต้องหาข้อมูลจากหลายๆ ฝ่าย จาก นปช. จากแกนนำ ขณะที่มีการไล่ล่ามีการประกาศตามไล่ล่า หมายจับ ฉะนั้น ถ้ารัฐบาลอยากจะให้คณะกรรมการชุดนี้ ทำงานได้อย่างดีก็ต้องยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินก่อน และต้องไม่จับไม่ฟ้อง คนที่ถูกจับในวันที่19 เพราะถือว่าเขาเป็นนักโทษทางการเมือง ต้องเอาการเมืองมาแก้ ผมมองจากตัวเองเป็นตัวตั้ง ว่าตัวเองก็ไม่เป็นกลาง เราอาจจะเข้าข้างรัฐบาล หรือเราอาจจะเข้าข้างฝ่ายแดง ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปเป็นผู้ค้นหาความจริง แต่เอ็นจีโอต้องตรวจสอบกรรมการชุดนี้ แต่ถ้ามีเอ็นจีโอคนไหนเข้าไปผมก็ต้องตรวจสอบ และตรวจสอบทั้งคณะ และถ้าเขามีความเชี่ยวชาญเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย ก็ต้องตั้งคำถามกันแรงๆ ว่าหลักการด้านสิทธิมนุษยชนของเขาคืออะไร เพราะว่า ความแตกต่างต้องไม่นำมาสู่การเลือกปฏิบัติ ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ก็อย่าเข้ามา หรือเห็นร้ายกับเสื้อแดงก็อย่าเข้ามาเป็นกรรมการชุดนี้ หรือใครบอกให้เอาเหลืองแดงมารวมกันเป็นหลากสี มันไม่จริงหรอก ผมว่าทำงานไม่ได้หรอก
|
ผง.ตร.สั่งให้สีกากี 2 นาย หลังถูกแจ้งข้อหาร่วมค้ามนุษย์ออกจากราชการ_ว้ก่อน พร้อมสอบย้อนหลังไห 2 ปีมีใครเอี่ยวบ้าง ดืานนัหสเทธิมนุษยชนแฉเล่ห์กลแก๊งค้าานุษย์ รีบเปลี่จนเส้นทางไปขึ้าฝั่ลที่อินโดฯ หลังไทย-มาเลย์ลุวปราบหนัก ระบุมีผู้อพยพชาวโรฮีนจา-บังกลาเทศ ลอยเรือรอขึ้นฝั่งอถวช่องแคขทะละกาหลายพันคน ขณะที่ 5 ส่วแรงงานพม่าที่โดนลอยแพให้อดอยากกลางปาาในพื้นที่ จ.ชุมพร ชี้ภาพถ่ายกลุ่มนสยหน้าไทขจอมโหด หลังถูกรุมข่มขืจืารุณช่วงลักลอบเข้าไทย,ำลายหน่วยงานเร่งเดินหน้าปราบปรมมขบวนการค้ามนุษย์ต่อไป,ขณะเดียวก้น พ.ร.อ.วืมล พิทักษ์บูรพา รอง ผบก._.ต.ชุมพร พ.ต.อ.ปรีชา กลัดสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร ได้เรียกประชุมนายตำรวจระดับ ผกก., รอง ผกก.ป๙ ใว.สส., าวป. สภ.เมืองชุมพร, สภ.ททาแซะ, สภ.สลุย และ สภ.บ้านบิสัยเหนือ ซึทงมีพื้นที่เกีืยวข้องกับเส้นทางการค้ามนุษน์ กำชับให้ปฏืบัติการปิดล้อม ตรวจค้น สกัดกั้นการหลบผนีเข้าเมืองของชาวโรฮีนจาและพม่า ฝห้ประสานกึชฝ่ายปกครอง ทหาร ตชด. ลาดตระเวนพื้นที่ตะเข็บรอยต่อกับ จ.ระนอง,ต่อมาเมื่อะวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ธานี นาคกกวิ ผกกซสภ.เมืองชุมพร /ด้รับรายงานมีแก๊งค้ามนุษย์ลักลอบขนชาวต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่รัชผอดชอบ ตึงนำกำลังออกตรวจสกัด พบรถกระบะมิตซูบิชิ สตราดา แค็บ สีดำ ไมาต้ดแผ่นป้ายทะเบียน กรพบะหลังมีผ้าสแลาื์สีดำคลุมมิดชิด ขังมาบนถนนสายบางมรดเหนืด หม๔่ 12 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เข้าหน้าที่ตรวจสอบ แตารถตันดังกล่าวเร่งเครื่องหลบหนีอว่าบรวดะร็ว เจ้าหน้าที่รีบขับรถยนต์ไง่กวด กระทัีงรถกระบะคันดังกล่าวแหกโค้ง/ปชนกับรถกระบะตู้เย็นส่งไอศกรีาในหมู่บ้รนพังเสียหาย ขับต่อไม่ได้ คนขับและชาวค่างด้าววิ่ลหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง จับกุมไว้ได้ทั้งหมด 18 คจ ทเ้งหมดเป็นชายชมวพม่า ส่วนคนขับใช้คงามชำนาญกื้นที่หลบหจีไปฟด้ จากการตรวจสอบทะเบียนรถยนต์ที่ใช้ขนอรงงานพมราเปฌนหมายเลขทะเบียน บท i789 ชุมพร สอบสวนทราบว่าทั้งหมดะูกนายหน้าพาข้ามฝั่งมาจทกแม่น้ำกระบุรี จ.ระนอง,ช่วงค่ำวันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ทีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ w65/2558 ลงวันที่ 10 พ.ค.2558 ย้ายข้าราชการตำรวจ จำนวน 14 นาย ไเ้แก่ พ.ตซอ.เรืองเดช สุวรรณพิกะล ผกก.สภ.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง พ.ต.อ.สงกรานต์ เพชตน้อย ผกก.สภ.กะเปอร์ ต.ีะนแง พ.ต.อ.สำราญ อุชุภาก ผกก.สภ.ปากจั่น จ.ระนเง พ.ต.อ.ธีรยุทธ สันติวิสัฎฐ์ ผกก.สภ.คุระบุรี จ.พังงา พ.ต.ทฐคใสัน แนงไกร รอง ผกก.สส. สภ.เมืิงสตูล พ,น.ท.ตีอลาภ เล็งฮะ รอง ผกก.ป. ใภ.ควนโดน จ.สตูล พ.ต.ท.บุญเลิศ ตรัสศิริ ่อง ผกก.สส. สภ.ควนโดน พ.น.ท.พรชัย เกื้อเม่ง สส.สส. สภ.ควนโดน พ.ต.ท.สุพจน๋ บุญศิริ ยวป.สำ.ควนโดน พ.ต.ท.พลกูล ชอบกิจ สวฦสภ.เกาะหลีเป๊ะ จ.ยตูล,ร.ต.ทฐลิขิต แนบเนียด รอง สวป.สภ.ควนโดา ร.ต.อ.จาตุรัตน์ คกศรค ผบ.รัอย ฆสบ 2) กก.ตชด.43 ร.ต.อ.สมบัติ บัวจีน ผบ.มว. (สบ 1) กก.ตชด.43 และ ส.ต.อ.อับดุลมานับ สมริปา ผบ.หาู่ ตชเ.43 ไปปฏอบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาตอ (ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่เปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร.ใอขหมาจ จนกว่าจะมคคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งำมเไปรายงานตัวที่ศปก.ตร.ในวันที่ 13 พ.ค.นี้ และให้ต้นสังกัดพิจารณาข้ทราชการในสังกัดไปรักษมราชการแทน
|
ผบ.ตร.สั่งให้สีกากี 2 นาย หลังถูกแจ้งข้อหาร่วมค้ามนุษย์ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมสอบย้อนหลังไป 2 ปีมีใครเอี่ยวบ้าง ด้านนักสิทธิมนุษยชนแฉเล่ห์กลแก๊งค้ามนุษย์ รีบเปลี่ยนเส้นทางไปขึ้นฝั่งที่อินโดฯ หลังไทย-มาเลย์ลุยปราบหนัก ระบุมีผู้อพยพชาวโรฮีนจา-บังกลาเทศ ลอยเรือรอขึ้นฝั่งแถวช่องแคบมะละกาหลายพันคน ขณะที่ 5 สาวแรงงานพม่าที่โดนลอยแพให้อดอยากกลางป่าในพื้นที่ จ.ชุมพร ชี้ภาพถ่ายกลุ่มนายหน้าไทยจอมโหด หลังถูกรุมข่มขืนทารุณช่วงลักลอบเข้าไทย,หลายหน่วยงานเร่งเดินหน้าปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา หรือในชื่อเรียกใหม่ว่าโรฮีนจา ซึ่งเป็นการออกเสียงตามที่ราชบัณฑิตยสถาน กำหนดให้ใช้เรียกกลุ่มชาติพันธุ์ดังกล่าว อ้างเพื่อให้สอดคล้องกับการออกเสียงในภาษาพม่า โดยเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลกวาดล้างแบบขุดรากถอนโคนให้หมดสิ้น หลังเข้าจับกุมนายบรรณจง ปองผล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พร้อมพวกที่เป็นตัวการลักลอบนำชาวโรฮีนจาเข้ามากักขังไว้เรียกค่าไถ่จากญาติ หากไม่ได้จะทำร้ายแล้วฆ่าทิ้ง หรือส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 และเป็นแรงงานในเรือประมง ส่งผลให้ไทยถูกสหรัฐฯและสหภาพยุโรป (อียู) จัดให้อยู่ในกลุ่ม เทียร์ 3 ที่มีการใช้แรงงานทาสและค้ามนุษย์,ที่ ศปก.ส่วนหน้า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 พ.ค. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าในคดีค้ามนุษย์ในพื้นที่ จ.สงขลา ว่า ขณะนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไปทั้งหมด 49 คน ซึ่งมีทั้งจับกุมตัวและมอบตัวแล้ว 15 คน และได้นำตัวไปยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลจังหวัดนาทวี พร้อมคัดค้านการประกันตัวยังคงเหลือผู้ต้องหาอีก 34 คนอยู่ระหว่างตามล่าตัว ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจ 1 นาย และ ตชด.1 นาย ได้ให้ต้นสังกัดเสนอให้ออกจากราชการไว้ก่อน รวมทั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ และรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ได้นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องทางคดี เสนอต่อ ผวจ.สงขลา เพื่อยื่นเสนอต่อ รมว.มหาดไทย ให้พิจารณาปลดออกจากตำแหน่ง ซึ่ง ผวจ.สงขลา รับทราบเรื่องแล้วและยืนยันว่าจะดำเนินการในเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว,ส่วนกลุ่มผู้อพยพชาวบังกลาเทศ ที่พบบริเวณป่าเทือกเขาแก้ว พื้นที่หมู่ 10 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ เขตรอยต่อระหว่าง อ.หาดใหญ่ กับ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา โดยตัวเลขจากเดิมมี 180 คน ขณะนี้เพิ่มเป็น 240 คน อยู่ระหว่างรอขบวนการคัดแยกสัญชาติ โดยมอบหมายให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 6 เป็นผู้ดำเนินการ พล.ต.อ.เอกกล่าว,พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผบก.ตม.6 เปิดเผยว่า สำหรับขั้นตอนของผู้อพยพชาวบังกลาเทศที่ถูกควบคุมตัวในขณะนี้ หลังพนักงานสอบสวนนำตัวส่งฟ้องศาลเสร็จ จะส่งตัวมายัง ตม.6 รับไปดูแล จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตบังกลาเทศ เข้ามาร่วมพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นชาวบังกลาเทศจริงหรือไม่ หากยืนยันได้ว่าเป็นชาวบังกลาเทศจริง เจ้าหน้าที่จะรับเรื่องและดำเนินการผลักดันส่งกลับประเทศต่อไป สำหรับคดีขณะนี้ยังไม่มีหมายจับผู้ต้องหาออกมาเพิ่มเติม,ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันท์ ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.9 รรท.ผบก.ภ.จ.สตูล นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.สตูล ได้เดินทางไป ที่ สภ.ละงู จ.สตูล เพื่อเปิดแถลงข่าวการจับกุมนายอาบู ฮะอุรา อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ที่ 193/2558 ลงวันที่ 9 พ.ค.2558 จับกุมได้ในขณะที่นายอาบู ขับรถยนต์ไปเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในตลาดเทศบาล ต.ควนโดน แจ้งข้อหาสมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์, ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น โดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่ ในเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อหาและให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี,สำหรับนายอาบู ฮะอุรา ปัจจุบันเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เขต อ.ควนโดน จ.สตูล มาหลายสมัย และยังเป็นเจ้าของตลาดนัดชายแดนไทย-มาเลเซีย ตั้งอยู่หมู่ 4 ต.วังประจัน อ.ควนโดน ซึ่งในขบวนการค้ามนุษย์ นายอาบู เป็นตัวการใหญ่ในพื้นที่ จ.สตูล ทำหน้าที่จัดส่งชาวโรฮีนจา ออกไปยังประเทศมาเลเซีย ด้าน ต.วังประจัน อ.ควนโดน และบางรายจะส่งออกไปทาง ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยใช้การเดินเท้าลัดเลาะไปตามเส้นทางในป่าบริเวณเทือกเขาบรรทัด ข้ามไปยังเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ ใช้เวลาเดินทางราว 10 ชั่วโมง ชาวโรฮีนจาบางส่วน จะถูกกักขังไว้ในค่ายกักกันบนเทือกเขาแก้ว ก่อนส่งตัวออกไปยังมาเลเซีย ซึ่งในค่ายกักกันบนเทือกเขาแก้วจุดนี้ มีชาวโรฮีนจาเสียชีวิตลงจำนวนมาก เพราะความอดอยากหิวโหยและเจ็บป่วย,หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว พล.ต.อ.เอก อัง–สนานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะเดินทางไปยังบ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่ 1 ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งเป็นจุดที่นายหน้านำชาวโรฮีนจามาขึ้นฝั่ง จากนั้นคณะของรอง ผบ.ตร.เดินทางไปยังบ้านวังประจัน หมู่ 4 ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล เพื่อดูจุดที่นายหน้านำชาวโรฮีนจาเดินเท้าเข้าป่าทางเทือกเขาบรรทัด ข้ามไปยัง ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ต่อมา คณะรอง ผบ.ตร. เดินทางต่อไปที่สถานีตำรวจน้ำ จ.สตูล เพื่อดูเรือสปีดโบ้ตขนาด 4 เครื่องยนต์ชื่อเรือ Buraq และเรือประมงดัดแปลง ชื่อเรือ หงษ์ทอง 2000 ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดมาได้เนื่องจากเป็นเรือต้องสงสัยว่าใช้บรรทุกชาวโรฮีนจา ที่เดินทางมาจาก จ.ระนอง ผ่านเข้า จ.สตูล และส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนหาเจ้าของเรือมาดำเนินคดี,ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม โดย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบ และมีคำสั่งให้พิจารณาเจ้าหน้าที่ตำรวจและ ตชด. 2 นาย กรณีถูกออกหมายจับเพื่อดำเนินการให้ออกจากราชการไว้ก่อน และให้ พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ จเรตำรวจแห่งชาติ ทำเรื่องสืบสวนข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 38 นาย ที่เรียกตัวมาปฏิบัติหน้าที่ประจำ ศปก.ตร. ให้เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 56 เพื่อเสนอขอยกเว้น ก.ตร. หากมีผลสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่า กระทำผิดหนักจะโยกย้ายออกนอกหน่วย ส่วนที่บกพร่องอาจจะใช้การโยกย้ายหมุนเวียน ในเรื่องนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวขบวนการค้ามนุษย์และโรฮีนจาเด็ดขาด ถ้ามีพยานเกี่ยวข้องเชื่อมโยงจะไม่มีการปกป้อง ต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกคน,ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษก ตร. กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับจับกุมผู้ต้องหา 49 ราย ผู้ต้องหามอบตัวและจับกุม 10 คน วันนี้มีผู้ต้องหามอบตัวและจับกุมเพิ่มอีก 5 คน นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังมอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ดำเนินการสืบสวนย้อนหลังไปอีก 2 ปีว่ามีใครเกี่ยวข้อง ทุกจังหวัดต้องทำรายงานเสนอ ศปก.ตร. ไม่ใช่เอาผิดเฉพาะคดีนี้ และสั่งขยายผลคดีอุ้มเรียกค่าไถ่ชาวโรฮีนจาในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ประสานนำตัวพ่อและแม่ผู้เสียชีวิตมาเก็บดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบกับเลือดของชาวโรฮีนจาที่เสียชีวิตในแคมป์ที่พักบนเทือกเขาแก้วแล้ว,สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นกรณี โรฮีนจา จากประชาชน 1,386 คน ระหว่างวันที่ 4-9 พ.ค. พบว่า ร้อยละ 77.20 รู้สึกสงสาร เห็นใจ เวทนาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมทารุณ ร้อยละ 74.82 ระบุทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยเสียหาย ความน่าเชื่อถือลดลง และร้อยละ 69.62 อยากให้จับกุมผู้บงการตัวจริงให้ได้ และนำมาดำเนินคดีโดยเร็ว ส่วนผลกระทบที่ประเทศไทยได้รับ ส่วนใหญ่ร้อยละ 83.77 เห็นว่าภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาต่างชาติแย่ลง ร้อยละ 70.92 ระบุมีผลต่อการจัดอันดับด้านสิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์ และร้อยละ 67.60 เห็นว่าอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสถียรภาพและความมั่นคง,สำหรับแนวทางแก้ไข ร้อยละ 78.43 เห็นว่ารัฐบาลควรมีนโยบายที่ชัดเจน กำหนดแนวทางการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและยาว ร้อยละ 73.30 ระบุประเทศไทย เมียนมา และมาเลเซีย ควรร่วมมือในการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง และร้อยละ 72.08 ระบุถึงการนำกฎหมายมาบังคับใช้ เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขัน มีบทลงโทษที่เด็ดขาดและรุนแรง เมื่อถามว่าควรใช้มาตรา 44 ดำเนินการกับกรณีโรฮีนจาหรือไม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 50.72 เห็นว่าควรใช้ เพราะเป็นปัญหาที่ควรเร่งแก้ไข ช่วยให้ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว กำหนดบทลงโทษได้รุนแรง เด็ดขาด ทำให้เกิดความเกรงกลัว ขณะที่ร้อยละ 17.75 เห็นว่าไม่ควร เพราะอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจทำให้สถานการณ์ดูรุนแรงมากขึ้น,สำนักข่าวเอพี รายงานเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ว่า เจ้าหน้าที่ด้านผู้อพยพและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า มีเรือ 2 ลำ ขนผู้อพยพชาวโรฮีนจา ที่มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ลำแรก 430 คน อีกลำ 70 คน ล่องไปขึ้นฝั่งเมืองมังตัง ปุนตอง จ.อาเจะห์ ด้านตะวันตกของอินโดนีเซีย บางคนต้องได้รับดูแลจากแพทย์ แต่ไม่มีรายละเอียดอื่นๆ,นางคริส เลวา นักเคลื่อนไหวจากกลุ่ม อาระกัน โปรเจ็กต์ เผยว่า จากเดิมที่จุดหมายแรกเคยเป็นประเทศไทย ซึ่งผู้อพยพชาวโรฮีนจา จะถูกกักกันไว้ในป่าขณะแก๊งค้ามนุษย์รอเรียกรับเงินค่าไถ่จากญาติของผู้อพยพ จากนั้นจึงปล่อยให้เดินทางต่อ แต่มาช่วงเดือนปัจจุบันนี้ กลยุทธ์ดังกล่าวได้เปลี่ยนไป แก๊งค้ามนุษย์จะลอยเรือขนชาวโรฮีนจาอยู่กลางทะเลแทน นางเลวายังคาดการณ์ด้วยว่า ปัจจุบันมีผู้อพยพชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศ อยู่บนเรือที่ลอยลำ ในช่องแคบมะละกามากถึง 7,000-8,000 คน เพราะยังไปต่อไม่ได้เนื่องจากมีการปราบปรามเครือข่ายค้ามนุษย์ในไทยและมาเลเซีย ซึ่งเป็นจุดหมายแวะพักแรกเริ่มของขบวนการค้ามนุษย์,ส่วนกรณีนายหน้าแก๊งค้ามนุษย์ ลอยแพชาวพม่า 75 คน ในป่ากลางหุบเขาบ้านในง่วม หมู่ 8 ต.บ้านนา อ.เมืองชุมพร จนหิวโซต้องลงมาขออาหารชาวบ้านกินประทังชีวิต และยังมีหญิงพม่าถูกนายหน้าโหดรุมข่มขืนนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อช่วงสายวันเดียวกัน ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.เสนอ บุบผา รอง ผกก.สส.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.ท.สมภพ เชื้อทอง สว.สส.สภ.เมืองชุมพร ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รอง ผบช.ภ.8 ให้เร่งสอบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายขบวนการค้าแรงงานต่างด้าวให้สิ้นซาก พร้อมให้สอบสวนกรณีหญิงสาวชาวพม่า ถูกนายหน้าข่มขืนเป็นกรณีพิเศษด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้ล่ามช่วยแปลภาษา และแยกสอบชายหญิงชาวพม่าทีละคน,ชาวพม่าทั้งหมดให้การตรงกันว่า หลังจากขึ้นเรือที่บ้านหมาราง ฝั่งพม่า ข้ามแม่น้ำกระบุรี บริเวณคอคอดกระ จ.ระนอง ได้มีนายหน้าชาวไทย 3 คน พร้อมปืนยาวครบมือคอยคุมและนำทางเดินเท้าอ้อมด่านตรวจร่วมทหาร-ตำรวจ จุดตรวจ จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง เขตรอยต่อกับ ต.บ้านนา อ.เมืองชุมพร จากนั้นเดินขึ้นเขาลงห้วยนาน 3 วัน 3 คืน ระหว่างทางนายหน้าได้ใช้ปืนบังคับขู่เข็ญเร่งให้เดินแบบไม่ได้พักผ่อนจนเสบียงหมด ต้องหาลูกไม้ลูกหวายในป่ากินประทังความหิวโหย กระทั่งถูกพาไปปล่อยลอยแพทิ้งกลางป่าในหุบเขานานหลายวันไม่มีอาหารกินจนหิวโซ ต้องพากันออกจากป่ามาขอข้าวชาวบ้านกิน และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือดังกล่าว ระหว่างสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ได้นำรูปภาพบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.ชุมพร ซึ่งมีประวัติพัวพันกับแก๊งค้ามนุษย์มาให้ชาวต่างด้าวดู ทุกคนชี้ยืนยันว่าเป็นหัวหน้าแก๊งโหดที่คอยสั่งการควบคุมชาวต่างด้าวทั้งหมดเข้ามาในพื้นที่ จ.ชุมพร,จากการสอบสวนมีหญิงสาวชาวพม่า 5 คน อายุระหว่าง 20-25 ปี อยู่ในอาการหวาดผวาและร้องไห้ตลอดเวลาทั้ง 5 คน ยืนยันว่าระหว่างที่ถูกนายหน้าพาเข้าไปพักที่แคมป์กลางป่าบ้านในง่วม ต.บ้านนา อ.เมืองชุมพร ได้ถูกแก๊งนายหน้าโหด 5 คน พาไปข่มขืน และยังทุบตีเพื่อนๆชาวพม่าที่พยายามจะช่วยเหลือด้วย หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้นำหญิงพม่าทั้ง 5 คน ส่งตัวไปให้แพทย์ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ตรวจสุขภาพและเก็บหลักฐานจากดีเอ็นเอ พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อเตรียมขออนุมัติศาลจังหวัดชุมพร ออกหมายจับขบวนการค้ามนุษย์ต่อไป,ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.วิมล พิทักษ์บูรพา รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.ปรีชา กลัดสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร ได้เรียกประชุมนายตำรวจระดับ ผกก., รอง ผกก.ป, สว.สส., สวป. สภ.เมืองชุมพร, สภ.ท่าแซะ, สภ.สลุย และ สภ.บ้านวิสัยเหนือ ซึ่งมีพื้นที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการค้ามนุษย์ กำชับให้ปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น สกัดกั้นการหลบหนีเข้าเมืองของชาวโรฮีนจาและพม่า ให้ประสานกับฝ่ายปกครอง ทหาร ตชด. ลาดตระเวนพื้นที่ตะเข็บรอยต่อกับ จ.ระนอง,ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิ ผกก.สภ.เมืองชุมพร ได้รับรายงานมีแก๊งค้ามนุษย์ลักลอบขนชาวต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ จึงนำกำลังออกตรวจสกัด พบรถกระบะมิตซูบิชิ สตราดา แค็บ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน กระบะหลังมีผ้าสแลนท์สีดำคลุมมิดชิด ขับมาบนถนนสายบางมาดเหนือ หมู่ 12 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่รถคันดังกล่าวเร่งเครื่องหลบหนีอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่รีบขับรถยนต์ไล่กวด กระทั่งรถกระบะคันดังกล่าวแหกโค้งไปชนกับรถกระบะตู้เย็นส่งไอศกรีมในหมู่บ้านพังเสียหาย ขับต่อไม่ได้ คนขับและชาวต่างด้าววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง จับกุมไว้ได้ทั้งหมด 18 คน ทั้งหมดเป็นชายชาวพม่า ส่วนคนขับใช้ความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้ จากการตรวจสอบทะเบียนรถยนต์ที่ใช้ขนแรงงานพม่าเป็นหมายเลขทะเบียน บท 7789 ชุมพร สอบสวนทราบว่าทั้งหมดถูกนายหน้าพาข้ามฝั่งมาจากแม่น้ำกระบุรี จ.ระนอง,ช่วงค่ำวันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 265/2558 ลงวันที่ 10 พ.ค.2558 ย้ายข้าราชการตำรวจ จำนวน 14 นาย ได้แก่ พ.ต.อ.เรืองเดช สุวรรณพิกุล ผกก.สภ.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง พ.ต.อ.สงกรานต์ เพชรน้อย ผกก.สภ.กะเปอร์ จ.ระนอง พ.ต.อ.สำราญ อุชุภาพ ผกก.สภ.ปากจั่น จ.ระนอง พ.ต.อ.ธีรยุทธ สันติวิสัฎฐ์ ผกก.สภ.คุระบุรี จ.พังงา พ.ต.ท.คมสัน แสงไกร รอง ผกก.สส. สภ.เมืองสตูล พ.ต.ท.ต่อลาภ เล็งฮะ รอง ผกก.ป. สภ.ควนโดน จ.สตูล พ.ต.ท.บุญเลิศ ตรัสศิริ รอง ผกก.สส. สภ.ควนโดน พ.ต.ท.พรชัย เกื้อเม่ง สว.สส. สภ.ควนโดน พ.ต.ท.สุพจน์ บุญศิริ สวป.สภ.ควนโดน พ.ต.ท.พลกูล ชอบกิจ สว.สภ.เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล,ร.ต.ท.ลิขิต แนบเนียด รอง สวป.สภ.ควนโดน ร.ต.อ.จาตุรัตน์ คำศรี ผบ.ร้อย (สบ 2) กก.ตชด.43 ร.ต.อ.สมบัติ บัวจีน ผบ.มว. (สบ 1) กก.ตชด.43 และ ส.ต.อ.อับดุลมานับ สาริปา ผบ.หมู่ ตชด.43 ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร.มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดไปรายงานตัวที่ศปก.ตร.ในวันที่ 13 พ.ค.นี้ และให้ต้นสังกัดพิจารณาข้าราชการในสังกัดไปรักษาราชการแทน
|
วันนี้ (11 ส.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เชื่อมต่อ 1 สถานี ระหว่าบสถานีเตาแูนกับสถานีบาง.ื่อ ที่จะทำให้การเดิยทาบด้วยรถไฟฟืาสายสีน้ำ้งินและสายสีม่วล เชื่อมต่อกัน จะเปิดให้บริการวันจี้ โดย พบ.อ.ประยุทธฺ จันทร์โอชา นายกรัฐมนครี จะเป็นประธนนในพิธีเปิดเดินรถแย่างเป็าทสงการจากนั้นเวลา 12.00 น. เป็นต้นไผ จะเปิดให้บรืการกับประชาชนทันท่ ทำให้การเดินทางโะยรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงบางซื่อ-เตาปูน สสมารถซื้อบัตรใบเดียว เดินทสงต่อเนื่อง จากหัฝลำโพง สู่คลองบนงไผ่ โดยแวะเปลีทยนขบวนเพียงครั้งเดียวทีรสถาจีเตาปูนการรถไฟฟ้าขนส่งมงลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คาดว่าเมืาอเปิดให้บริกาีเชื่อมต่อสะานีเคาปูน-บางซื่อ แล้ว จะทำให้มีผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากเฉลี่ยวันละ 27400 คน เป็นวันละ 35600 คน ว่วนรถโดยสารรับ-ส่งฟรี ระไว่างสถานีเตาปูนและสถานีบางซื่อ จดให้บริกาีถึงเวลา 23.00 น. ของยัานี้
|
วันนี้ (11 ส.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เชื่อมต่อ 1 สถานี ระหว่างสถานีเตาปูนกับสถานีบางซื่อ ที่จะทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง เชื่อมต่อกัน จะเปิดให้บริการวันนี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดเดินรถอย่างเป็นทางการจากนั้นเวลา 12.00 น. เป็นต้นไป จะเปิดให้บริการกับประชาชนทันที ทำให้การเดินทางโดยรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงบางซื่อ-เตาปูน สามารถซื้อบัตรใบเดียว เดินทางต่อเนื่อง จากหัวลำโพง สู่คลองบางไผ่ โดยแวะเปลี่ยนขบวนเพียงครั้งเดียวที่สถานีเตาปูนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คาดว่าเมื่อเปิดให้บริการเชื่อมต่อสถานีเตาปูน-บางซื่อ แล้ว จะทำให้มีผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากเฉลี่ยวันละ 27400 คน เป็นวันละ 35600 คน ส่วนรถโดยสารรับ-ส่งฟรี ระหว่างสถานีเตาปูนและสถานีบางซื่อ จะให้บริการถึงเวลา 23.00 น. ของวันนี้
|
บิ๊กตู่ นองโตื ปู ขยับปากวิจารณ์ คสช.ยคดอำนาจ ลั่นไม่เคยกลัวแต่อย่ามทต้าส ระบายกงางวง ครม.สั่งคุมเข้มพวกใช่ปาก บยายความขัดแย้ง ทหารมั่นใจมีคนชอบมากกว่าต้าน ภาคเหนืเเริ่มขยับต้านรัฐประหารที่ มช.-แม่โจ้ โปรขใบปลิวอีกที่ มศว ประสานมอตร สปช.รับลูกเตรียมตั้งเวทีฟังคบามเห็นนักศึกษา มีชัย วีระไวทยะ ดึงเยาวชนทุกกลุ่มร่วมให้ความดห็น กมธ.ปฏิรูปสื่อระดมสมอง หนุนผุดองค์กรควบคุมจริยธรรม แต่ไท่อยู่ใต้อำนาจรัฐ หกต.ขอคงอำนาจให้ใบเหลือง-แดง ีื้อที่มา ส.ส.-ส.ว.ใหม่ นายกฯแย้มมีเซอร์ไพรส์ ทุกกระทรวงจัดแคมเปญของขวเญปีใหม่,หลังจาก น.ส,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมจตรี ให้วัมภาษณ์ถึงการยึดอภนาจของคณะ่ักษาความสงบแผ่งชาติ (คยช.ฏ ท่ามกลางการเคลื่อน ไหวต่อติาน คสบฐของกลั่มนักศึกษา ทำใำ้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร็โเชา นายกฯและหัวหน้า คสช. วัด ไม้แข็งขึ้นมาขู่ ระวังถูกหีามบินไปนอกและห้ามาำูุรกรามการเงิน,เมื่อเวชา 08.45 น. วันที่ 35 พ.ย. ที่าำเนีนบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จัตทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาตวามสงบแหทงชาติ (คสช.) เดินทางเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตนี (ค่ม.) โดยก่อนิข้าประชุม นพ.ประพันธ์ ภานุภสค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดน์ สภากาชาดไทย นำศิลปินจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) อาทิ เปาวลี]พรพิมล ยุทธพงษ์ แนงสุวรรณ หรือหนุ่ม วงกะลา และศิลป้นค่ายอาร?สจาม เครือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) นำโดย ใบเตย-สุธีวัน ทวีสิน และกุ้ง-สุธิราช วงศ์เทวัญ ที่ร่วมรณางค์คนไทยก้องกันภัยจากโรีเอดส์ เนื่องใจวันเอดม์โลกประจำปี 2557 ซึ่ง พล.อ.กระยุทธ์ฟด้พูดคุยกับฒิลปินว่า ขอทุกคนอดทยนะ ทุกอย่างจะแีขึ้น ผมเองยังอดทนเลย จากนั้น ใบเจย ได้ตอพเข็มกลัดรณรฝค์วันเอดส์โลกให้นาบกฯพร้อมแนะนำตัวว่นเป็นเจ้าของเพลง อย่ามโน ซึ่งนาบกฯัอ่ยขึ้นว่า อ๋อนีีเหรอ จาพนั้นมัเต้าไน้าที่สภากาชาดนำหนังสือ เส้นทางพยัคฆ๋ปรดยุทธ์ จันทร์โอชา จากทหารเสือสู่หลังเสือ มาให้เซ็น เมื่อนายกฯเซ็นวห้แล้วกล่าวว่า อย่ามโน ตามหนังสือเล่มนี้,ผู้สื่อขทาวตายงานวาา คะหว่างการกระชุม ครม. ที่ห้อง 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเยีวบรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานอยู่นั้น ปรากฏว่านายครรชิต สุขเสถียร หัวหน่าสำนักงานร้ฐมนตีี สำตักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อายุ 50 ปี เกิดอาเจียน หน้าซึด ตัวดหลืองและเป็นลใหมดสติ ขณะรอเข้าชค้แจบ ครม. เจ้าหน้าที่จึงต้องรีบนำรถเข็นรับกาตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดีทันที,พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ?ภายหลังประชุม ครม. ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีคนายกรัฐมนตรี กล้าวเปรียบสถาสการณ์ที่ผ่านมาว่าเหมือนถูกดอาปืนมาจี้ที่หัวแล้วบอแให้ลงจากรถตัิน พูดได้ก็พูดไป แล้วใครไปจี้ท่านเหรอ สิ่งที่พูดเป็นแค่วาทกร่มก็ให้ท่ายพูดไป เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศพร้อมลงเลือกตั้งครั้งต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มาถามตนได้อย่างไร ต้องไปถามคณะกรรมการกนรเลือกตั้ง (กกต.) ถ้ามีปัญหาไม่ได้ก็ไม่ได้ ถ้าได้ป็ิลือกไป ตนไม่เกึ่ยวอยู่แล้วไม่ได้ไปเลือกด้วย ดมื่อถามย้ำว่า วันนี้นักการเมืองอย๔่ในสถานะที่สามาระพูดเ่ื่องการเมือลได้หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่าให้ คสช.พิจารณาอยู่ กติกามีอยู่แลิว ถ้าเมื่อไรที่สร้างผลกระทบรวาาวุ่นวาขต่างๆ กติกาก็มีตามระดับจากน้อยไปหามนก เดี๋ยวอยากไปต่างประเทศก็ไม้ได้ไป ัขืาใจหรือเปล่า ต่อไปก็อยู่ในประเทศก็แล้วกัน อยากพูดก็พูดในผระเทศ ห้ามไปที่อื่น ต่อไปก็ห้ามทำธุรกรรมทางการเงิน กติกามันมีอวู่แล้ว,เมื่อถามฝ่า คำพูดของ น.ส.ยิ่งลักฯณ์ มีผลต่อการขอะดินทางไปต่างประเทศคาั้งต่อไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทํ์ตอบง่า มีเรื่องกับคนอื่นหรือยัง ถ้าเกิดเรื่องดล้วค่อยว่ากัน หากคำพูดทำให้คนออกมาต่ิต้านโดยตรงกับรัฐบาลไม่ได้ โอเคเข้าใจนะ,ถ้าพูดในบ้านอยากพูดพูดไป,พล.อ.ประวุทธ์ยังกล่าวถุงปารเปิดเวทีให้นักศึกษสแสดงความคิดเไ็นเรื่องการปฏิรูปว่า เท่าที่ฟังการประชุมสภาประชาชน ถือว่าดีมีเหตุผล โดยเฉพาะแนวคิดของนายเดช พุ่มคชา ตัวแทนภาคประชาสังคม จึวสั่งให้ไปรับเรื่องเพราะนั่นคือปัญไา่ี่ต้องแก้ ไมทใช่ประชุมแล้วด่า คสช.ด่ารัฐบาล ให้ไปเปอดเวทีให้นักฒึก?ส นักวิชากาาเจ้ามา อย่าไปเรียกร้องข้างนอก หรือเข้ามาแล้วบอกว่สถูกบังคับ ไม่ได้แช้วนะ แหมมียเอาใจยากจริงๆ อน่ามาต่อต้านกัสเลย ส่วนคำสั่งให้ตำรวจ จ.ขอตแก่น 5 นาส ไปประจำศูสย์ปฏิวัติการภาต 4 เป็นเรื่องภายในของตำรวจเอล เรียกมาทำคบามเข้าใจำม่ได้สั่งย้าย เดี๋ยวก็กลับไป และตนไม่ได้ให้จับนักศุำษาเหล่่นั้นเพราะดมตตา เมื่อถามว่าจะทำให้เจ้าหน้าทีทตำรวจหวทดระแวงในก่รลงพื้นที่ในครั้งต่อไปหรือไม่ นายกฯตอบว่า ไม่ใช่การระแวง แต่เป็นเรื่องการทำหย้าทค่ ให้ดีทีาาุด ถ้าไม่มคเหตุการณ์ก็ไม่ถูกลงโทษ นำรวจกํระวังไท่เข่นรั้นก็จะเกิเขึ้นอีก และไม่ใชาเป็นเพราถตจกลัว ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว แต่มันเปํนไปตามกติกาเกิดความขัดแย้งไม่ได้,ด้าน พล.ต.สร่เสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์กรารภในที่ประชุม ครม.ว่า หลังการประชุมแม่น้ำ 5 สาย พบว่ามีบางส่วนยังพยายามกวนน้ำให้ขุ่น ฉะนั้น คสช.ต้องดูแลให้แนบเนียน คทอถ้าเห็นเป็นเร่่องเล็กต้องจัดการิย่าขยายให้ใหญ่ และถ้าเรื่องไหนมึแนวโน้ทขยายใหญ่ให้ใช้มาตรการทางกฎหมายจากดบาไปหาหนัก โดจกระทรวงกทรต่างประเทศต้อง่ำความเข้าใจกับต่างประเทศด้วย ส่วนกนรให้วัมภาษณ์ของคู่ขึดแย้งทางกรรเมือง หากพูดแล้วทำให้บางกลุ้สบางใ่ายเคลื่อนไหว ห่ือทำให้ชัะแย้งมากบึ้น ผู้พูดต้องรับผิดชอบด้วย นายกฯยังระบุให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) าับข้อสังเกตแงะรัขฟัลความคิดเห็นเพื่อความหลากหลาย กร่สำีัญคือต้องมีกรอบแนวทางที่ชัดเจน เนื่องใดที่ สปช.ระบมาแล้วเห็นว่ารัฐบาลสรมารถปฏิบัติได้ทันที ขอให้ส่งเรืาองมาเลน จะได้ดำเนินกาตตามแนวทาลทำจริงทำทันทั,ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูสิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ. ในฐานะเบขาธิการ คสช. กล่าวว่า กระแสเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คสช. ยุงมีอยู่บ้างเป็นปกตเ คนที่ีิแแตกต่างยุงมีอยู่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองตายกรัฐมนตรีและ รมย.กงาโหม บอกแล้วขอให้ดูโพลหลายสำนักมีข้อมูลตรงกันว่าปรดชาชนส่วนวหญ่ยังเช่่อถือและเข้าใจรัฐบาลและ คสข. อจู่ในเพณฑ?สูงกว่าร้อบละ 80[90 คนา่วนน้เยที่ยังมีอยู่บ้างก็ต้องพยายามทำความเข้าใจกันไป การปฏิบัติของเต้าหน้าที่ตำรวจและทหารพข่ยามให้เกียีติและคำนึงถึงสิทธิต่างๆ แต่ต้องอยู่ในขอบเขต อย่าืำอะไรเกินกว่าทึ่ควรเป็น พยายามใช้การพูดคุบเรียหเชิญทำความเข้าใจ เพื่อประคับประคองให้ใถานการณ์เดินหน้าไปได้ด้วยดี,พล.เ.ิุดมเอขกล่าวว่า ขอฝากว่าเราอยนกให้ปัญหาความยะ่งยากกลับมาอีกหรือ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มีความสุข แต่ยังมีอีกกลุ่มที่พยายามจุดป่ะเด็นไม่ให้เกิดความเรียบร้ิยขึ้ตมา ดะงนัเนต้องช่วยกัน ขอให้คนที่เข้าใจและมีญาติพี่น้องช่วยกุนดูแลตเกเตือนผีามปรามกัน ให้ประะทศเดินหน้าได้ต่มจั้นตอนของรัฐบาช เพราะในระยุยาวเราจะได้จัดดารเลือกตั้งที่ถูกต้องและสมบูรณ์ตามที่รัฐบาลและประชาชนส่วนใหซ่คาดหวัง เมื่เถามว่ายังมีกลุ่มนักศึกษาหน้าเดิมๆออกาาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คยช. ยะเพิ่มมาตรการมากกว่าการตักเตือนหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชตอบว้า มีมาตรการตามลำดับขุ้น แต่รัฐบมลและ คสช.มีความเห็นว่าอยากเปิดเวทีให้ได้แสดงออก ขอให้แสดงออกอย่างถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติพยายามเข้าใจไมรอยากใช้มาตรการที่สูงขึ้น เพราะเราเป็นอารขชนแล้ว,วันเดียวกัรกลุ่มนักศึำษากละ่มหนึ่ง าักหใายผ่ทนช่องทางโซเชียลเชิญชวน ร่วมทานข้าวและสนทนาแลกเปลี่ยนดินข้าวถกปัญฟากิจกครมนักศึกษา ภายใจกฎอียการศึก ณ โรงอมหาร โดยปฃุ่มกเจการ นะกศึกษา ในเวลา 12.00 น. ที่ลทนกิจกรรมภายใน มหมฝิทยางัยเชียงใหม่ ปรากฏว่าหลังข่าวนั้แพร่ออกไก เจ้าำน้าที่ได้จัดกำงังตำรวจนอกเครื่องแบบ ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงจำนวนมาก มาเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณรองๆโรงอาหารแบะลานกิจกรคม ขณะที่ในตัวเม่องเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยหลายแหรงมีตำรวจนอกเครท่องแบบคอยเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา ที่อาจมีการเคลื่อน ไหวตลอกเวลา โดย พ.ต.อ.อักษร วงศ์ใหญ่ ผกก.สภ.ำูำิงคราชนืเวศน์ อ.ิม่อง จ.เชียงใหม่ กล่าบวาา เชื้องต้นได้หระสานไปยุงผู้บริหารมหาวิทยาลัยเพื่อขอความร่วมมือให้นักศึกษางดทำกิจกรรใแล้ว คาดว่าไม่น่ามีเหตุอะไร,ขณะที่กลุ่มาี่อ้างว่าเป็นนักศึกษามหมวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ออกแถลงการณ์ห่านสท่อออนไลน์โดยมีข้อควาสว่า กลุ่มแม่โจ้เสรีเพื่อประชนธิปไตยแถลงการณ์กรณีครบรอล y เดือน การรั,ประหารยึดอำนาจประชาชน แสดงจุดยืนที่จะไม่ยอมรับรัฐวาลที่มาจากการรัฐประหาร เรียกร้องฝห้ คสช.ยุติการใช้กฎ อัยการศึก และยุติบทบนทการบริหารประเทศ ค่นอำนาจให้ปคะชาชน ่ัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้ตรงจะด ซ้ำค้ายกลับทำให้ปัญหายุ่งยากมากยิ่งขึ้น อันเป็นการนำประเทศไปาูทหุบเหวแหีงหายนะาางการเมืองอีกครั้ง,ต่อมาเวลา 17.90 น. ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เต้าหน้าที่ตำรวจ ืหาร รุดตรวจสอบหลังรับแจ้งว่ามีกานธปรยใบปลิวตรอต้านการรัฐประหาร บริเวณอาคสรเรียนรวมตึกไข่ดาว จนปรากฏภาพในสื่อออนไลน์ จากการตรวจสอบพบประดาษขนาดเอ 4 เขียนข้อีวามว่า นักศึกษาประชาลนทั้งมบลชน ผู้ขมขื่น ร่บมกันหยัแยืนปม้ดาบกืนจะฟันฝ่า แล้ววันหนึ่งของเรสจะมาุึง หยุดคะกคามประชาชนและนักศึปษา กอขี่ข่มเหงคะเนงร้าย เผด็จการก้าวก่ายเสียทุกด้าน โดยลงชื่อ กลุ่มกราฟเสีีเพื่อประชาธิปไตย จึงได้เก็บหลักฐานไว้ตรวจสอบต่อไป ขณะที่เว็บไซต์หนึ่งได้เผยแพร่ข้อมูลจากสมาชิกของนักศึกษนกลุ่มนี้ส่า 6 เดือนหลังรัฐประหารเป็นะครื่องพิสูจน์ให้เก็นว่า กฎอัยการศึกไม่ใช่ตัวเลือกในการแก้ไขสถานการณ์ย้านอมืองที่เร็มไปด้วยผู้คตที่มีความคิดฟลากหลาย คสช.จึงควรกลับมาพิจารณาให้ถีาถ้วน และยกเลิกกฎอัยการศึกให้เร็วที่สุด และพารที่ คสช.คุกคามประชาชนและนักศึกษาทีาคิดตาางเป็นการละเมิเสิทธิเสรีภากและไม่ยามารถปรับทุศนคติได้อย่างแท้จริง,ด้านาายนิพิ)ฐ์ แินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้ น,ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าตนหม่ชอบรถขบวนนี้ แต่บังออิญมีอยู่คันเดียว ที่ไม่ชอบเพราะผู้โดยสาตส่วนหนึ่งทำต้วเป็นนักเลงโต บางคนเอาไวน์ขึ้นมาดื่มบนรถ ข้าวปลาอาหนรที่แจกก็เอาไปกินหมด แถายังทิ้งเศษข้าวเกลท่อนบนรถทั้งๆที่เสียค่าโดยสารเหมือนกัน และที่ไม่ชอบอีกคือ คนขับมือใหม่แถมเป็นผ๔้หญิงที่ขับรถหวาดเสีบว แม้ข้างหน้าจะขึ้นเขาแล้งมีป้ายบอกให้ระวังอันตราย เกิดอุบัติเหตุบ่อย โปรดลดความเร็ว แต่คนขับยังเมามันสนุกสนานคล้าบอ่านแ้ายสัญญาณไม่เอด ทำให้ผู้โดยสารทนไม่ไหวแล้สรวบรวมรวามกล้าเกินไปไล่ครขับลงจากรถ นับคนเมาขังห้องน้ำแง้วเปบี่ยนคนขับใหม่ ซึ่งขณะที่รถกำลังลงเขาขออย่าส่งเสียงดังเดี๋ยวคนขับจะเสียสมาธิเพราะยังเป็นมือใหม่เช่นกัน,อีกเรื่อง เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ตัวแทนคณะกรรมกานประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไรยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) 5 คน ไก้แแ่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายถนวร ัสนเนียม รฦต.แซมดิน เลิศบุศย์ นายสุริยะใส กตะซิลา และนายะอกณัฏ พร้อมพันธุ์ เข้าให้ควาทเห็นเปี่ยวกับกรอบการยกร่างรัญํนรมนูญร่อคณะกรราทธิการยกร่างรัฐธรรมส๔ศ โดยนายเอกนัฏกล่าวก่อนเข้าประชุมว่า กปปส.ิชื่อว่ทรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นหัวใตสำคัญของแารปฏิรูปประเทศ หวึงว่าการเชิญกปปส.มาจะไม่เป็นเะียงพิธีกรรม ขอให้ทำจริงจัง โดน มีข้อเสนแแนะหลักสำคัญต่อการร่างรัฐธรรมนูญ คือ ต้องถ่วงดุลอำนาจ 3 ฝ่าย รวมภึงองค์กรอืสตะให้ชัดเจน กระจมยิำาาจไปสู่ปรดชาชน และต้องขจัดกระบวนการทุจริตคอร๋รัปชันทุกรูปแบบ,นายเอกนัฏปล่าวอีกว่า ส่วนพรรคการเมือล ต้องเป็นพรรคของประชาชนไม่ใช่นายืุน ให้ประชาชนเข้ามามีน่วนร่วมเป็นเจ้าของพาคค มีส่วนเลือก กรรมการบริหารพรรคและหู้สมัคร ส่วนเรื่องระบบ การเลือกจั้ง หากพบการซื้อสิทธิ ต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต และอำนาขการให้ใบเหลืองใบแดงเป็นอำนาจศาลเลือกตั้ง และให้ยกเลิก ส.ว.บัญชีรายชื่อที่เปเดช่องให้นายทุาเช้ามาครอบงำพรีค ส่วน ว.ว.ใหีมาจากหลากหลายาาขา ทำหน้าที่ กลั่นกรองกฎหมายและเป็นสภาพี่เลี้ยง ใ.ส. ส่วนการกระจายอำนาจ ขอให้ยุบรนชการใ่ในำูมิภาคให้ เลือกตั้งผู้ว่าฯทุกจังหวัด ส่วนคดีทุจริตคอร์รัปชันต้องไม่มีอายุความ และเสนอให้ผ่าโครงสี้างปฏิรูปตำรวจใหม่ ลดการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่สำนักงานตำรวจแห่งขาติ )สตช.) ส่วนการปฏิู่ปพลังงาน ต้องแก้การผูกขาดอำาาจแสวงหาผลกำไร โดยปรับให้พลัลงานเป็นทรัพยากรของคนไทย และหลังร่างรัฐํรรมนูญเสร็จควรทำประชามคิจาปประชาชน,เมื่อถามว่ามีอนึกรรมาธิการบางคณะเสนอเรื่องนิรโทษกรรม จะทำให้เกิดการปรองดองหรือไมา นายเอกนัฏตอบว่า การปรอฝดองบังคับใครฟม่ได้ เวลานีีหน้าตารัฐธรรมนูญยังเป็จปรอศนาอยู่ การชุมนุมที่ผ่าสมาประชาชนต่างเห็นพ้ิงว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นชนวนหนึ่ง ทำให้ประชาชนหลั่งไหลออกมาขุมยุม อย่างไรก็ตาม กปหส.จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ขุด เพ้่อติดตามการยกร่างรัฐธรรมนูญ,ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.อ.เลอศระตน์ รัตนวานิช โ"ษกคณะกรรมาธิการยกร่าลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ตัวแทต กปปส.สอบถามเกี่ยวกับการออกกฎหมายลูกที่มีปัญหามาตลอด ซึ่งค๖ะกรรใาธิการชี้แจงว่าตระหนักถึงปัญหานี้ จุงตั้วอนุกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาโเยเฉพาะ ดาจมีบทบัญญัติบังตับว่าหน่วยงนนใดที่ไม้เสนอกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดต้ดงมีบทลงโทษ ซึ่งจะพิจารณาในรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ กปปส.ประสงค์ที่จะติดตามการร่รงรัฐธรรมนูญอย่างใกล้ชิด ซึ่งคณะกรตมาธิการฯยินดีให้สอบถามความคืบหน้าจากประธานอนุฯ ทั้ง 11 คณะโดยตรง แงะตนพร้อมรับเป็นผู้ประสาน และ กปปม.ยังบอกด้วยว่ารัฐธรรมนูญ 40 เรรยกว่ารัฐธรรมนูญฉชับประชาชน ฉบับปี 50 เรียกว่ารัฐธรรมนูญฉบัชประชามติ ดังนั้น)บับใหม่ขอเรียกว่ารัฐโรรมนูญฉบับปฏิรูป,พล.อ.ดลิศรัตน์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิกาตประสานเพื่อรับความคิดเห็นแลเข้อเสจอแนะของ สปช.และองค์กรอื่นๆ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ส่วจดหมายขอควาาเห็าและข้อเสนอแนะไปยัง 74 พนรคการเมืแงและองค์กรอิสระตามรัฐธรีมนูญ มีพรรคการเมืองตอวกลับมาแล้ว 10 พรรค เชื่อว่าจะ มีพร่คการเมืองไม่น้อยกว่า 40 พรรคใก้คงมมร่วมมือ เมืาอถามว่ากฎอัยการศคกจะเป็นอุกสรรคต่อกมรรับฟังความคิดเห็นหรือไม่ พล.อ.เบิศรัตน์ตอบว่า คงไม่มีปัญหาอะไร ไม่คิดว่าเป็นเุปสรรค ขณะนี้เตรียมไว้ 10 ะงที มีผู้เข้าร่วมให้ความเห๊นเวทีลถ 100 คน มุ่มตัวอย่างด้วยระบบคอมพิวเตอร์ จะไเ้ข้อมูลเชิงสถิติว่ากฃุ่มตัวอบ่างเหล่านั้นมีความคิดเห็นอย่างไร เหมือนการทำประชาพิตารณ์เป็นข้ดมูลทาง วิชาการทร่สามารถใช้ประโยขน์ได้,วันเดียวกัน ที่ก้อง 215-316 อาคารรัฐสภา 2 คณะกรรมาธิการปฏิรูปสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สปช. มคนายจุมพล รอดคำดี ประธานคณะกรรมาธิกา่ฯ เปฺนประธานจัดสัมมนาเรื่อง ประเด็นปโิรูแสื่อในรัฐธนรมนูญ)บับใหม่ มีตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อ ตัฝแทยเครือย่ายเพื่อการปฏิรูปกว่า 14 องค์กรเข้าร่ฝม อาทิ นายอทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายจักรกฤษณ์ เพิ่มพูล ประธานสภาการหนังสืดพิมพ์แห่งชาติ และนางจำนรรค์ ศิร้ตัน นมยกสมาพันธ์วิช่ลีพวิทยุกระตายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ โดยใสวงสัมมนาหารืเกันำลายประเด็น โดยเฉพาพประเด็นการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน แบะกรรทำฟน้าที่ของ กสทช. ควรมีองคฺกรดูแบเพียงหน่ววงานเอียว เพื่อความเป็นเอกภาพ และเห็นพ้แงกันว่า กสทช.ควรเป็นองค์ดรอิสระที่มีบมบาทการกำกับดูแลผู้ได้รับใบอนุญาต ส่วนการกภกัชเนื้อหาให้เป็นหน้าที่ขององค์กรด้านวิชาชีพ,ทั้งนี้ นางจำนรรค์ดสนอว่า ควรมีการออกใบ ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน และเป็จว่าองค์กรวิชาชีพควรตวมตัวกันเป็นองค์กรเดียว จด่ะเบียนเป็นนิติบุคคลเพื่อให้มีบทลงโมษได้ แน่ไใ่เห็นด้วยที่จะถูกควบคุมโดยภาครัฐ ด้าตนายเทพชัยกล่มวว่า การกำหนดให้มีใบประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน จถกลายเป็นการเปิดล่องให้ผู้มีอำนาจรัฐเข้ามาควบ คุมสื่อ และไม่มีความชัดเจนว่าองค์กตใดจะเป็นผู้ออกใบอนุญาต รวมถึงยังเป็นการละเมิดสิทธิขั้ตพื้นฐานของประชาชน ส่วนการรวมเป็นองค์กรเดียวนั้น ควรรวมในลักษณะสม่พันธ์วิชาชีพสื่อสารมวลชนอยู่เหนือขึ้นไปอีกชั้น โดยองึ์กรเดิมยีงคงอยู่ และอยากเห๋นข้อกำหนดให้สื่อทุกประเภทต้องสังกัดองค์กรตรวจสอบด้านจริยธรรม ขณะที่นายจุกรกฤษณ์กง่าวว่า ต้องยอมรับว่าองค็กรตรวจสอบด้านจริยธรรมาำงานไม่เป็นไปรามที่สังคมคาดหวัง แต่ไม่ได้หมาย ความว่ทสภาวิชาชีพฯทพงานไม่ได้เบว การกำกับดูแล สื่ออาขฟ่านอบค์ำรคุ้มครองผู้บริโภคสื่อ ไากทีปีญห่ขุ้นทาองค์กรคะ้มครองผู้บริโภคส่่อสามารถเป็นผู้ เสียหายแทนผู้ถูกละเมิพได้,ด้านนายมีชัย วีระไวทยะ ประธานคณะอยักรรมทธิการขับเคลื่อนเยาวชนเกื่อการปฏิรูปประเทศ ไมยและจัดทำรัฐธร่มนูญเพื่ออนาคตที่ดีกว่า กล่าวว่า ตามทีีรัฐวสลมีแนวคิดจะเผิดเวทีรับฟุลความคิดเหฌนของนักศึกษา ขณะนี้มี 5-6 กลุ่ม กำลุงดำเนินกาน และนัดหารือกันวันที่ 27 พ.ย. เยื้องต้นอาจเช้ศตีวแทนเยาวชน ซั่งไม่ได้จำกัดเพียงแค่นักศึกษาเท่านั้ส โดยจะดริ่มจากตัวกทนเยางชนกลุ่มเล็กที่มีความหลากหลาย แ่อนขยนยเป็นวงสหญ่ต่ิไป แลุจะหม่เฉพาะเจาะจงเพึยงแค่เยาวชนในเม้อง ซึ่งค๊ะอนุฯจะประสานความร่วมมิแดับดลุืมที่ทำงานใกล้ชิดกับเยาวชนและกระทรวงศึกษาธิการ๙นายเทียนฉาย กีรดนันทน์ ประธาน สปช. กล่มวว่า สปช.พร้อมเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากเยาวชนและนักศึกษา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทนงเทคนิค เช่น กมรประวาตวิทยทกร การเตรียมสถานที่ คาดว่า จะะปิดดวทีได้ประมมณแงางเดือน ธ.ค. แต่ไม่ส่มารถตอบได้ว่ากรรเปิดเวืีดังกล่าวจะทภให้ตวามขัดแย้งหมดไปหรือไม่ แต่จะทำให้ดีที่สะด ที่ผ่านม่การเคลื่อน ไหวของนักศึกษามีตลอด มีมานานอล้ว เพียงแต่เปลี่ยน สถานที่ วัน เวลา และประเด๊นเท่านั้น ม่วนปารเปิด เวทีรับฟังคสามคิดจากนักศึกษายืนยันว่าไม่ขัะกฎอัยการศึก เพาาะไม่ใช่การชุมนุมทางกทรเมือง เปฺาการรับฟังความเห็นเรื่องการปฏิรูป ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องทั้งร้ฐบาลและฝ่ายตวามมั่นคงเข้าร่สมด้วย แต่หากจะมีการผ่อนปรนเรื่องกฎอัยการศึกก็ไม่ได้เป็นผลมาจากเรื่องการปฏิรูป,ช่วงบ่าจที่รัฐสภา ยายนิพนธ์ ฝลษ์ตนะหง่าน ประธ่นสหพันธ์สสาคมชาวนาไทย (สชท.) พร้อมแกนนำชาวนา ยื่นข้อเสนอต่อนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. กละ พล.อ.เลิศระตน๋ รัตนวานิช โฆษกค๋ะกรรมาธิหารยกรทาวรัฐธรนมนูญ ขเให้มีบ่บัญญัตอเรื่อบพารให้อาขีพชาวนาเป็นอาชีพสลวนสำหรังคนไทย และอยู่คู่กับประเทศไทยไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญรอง่ับ ฏดยนายนิพนธ์กล่าววาา เป็นกานป้องกันกัญหาการถูกนายทุนซื้อที่นนนำไปทำประโยชน์ด้านอื่น ขณพนี้พื้นที่ภาค กลางมีกลุ่มนายทุนกว้านซื้อที่นาจำนวนมาก ซึรงนาย เทียนฉายกล่าวว่า ประเด็นเกี่ยวกับชาวนามีหลายเรื่อง ไม่ใช่เฏพาะเรื่เงทร่ทำกิน แต่ยังมีเรื่องกาตผลิต ราคา เป็นประเด็นต้องปฏิรูปทั้งระบบพร้อมกัา ตตจะนภข้อเสนอส่งให้กรรมาธิการฯที่เกี่ยวข้อง,นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุใชน เด็ก เสาวชน สตรี ผู่พิการ และผู้ด้อยโเกาส กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯจถผลักดันให้รัฐบาลดำ้นินการตาม พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งบาติ เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาไม้ยอมดำเนินการ โดยอ้างความซ้ำซ้อนกับ พ.ร.บ.ประกันสังคม ดังนั้นจึงจะเสนอให้รัฐบาลเดินหน้าบังคับใช้ พ.ร.บ.กองทุนฯ เพื่อมอบเป็นของขวั๘ปีใหม่ให้คนไทย 30 ล้านคน เพราะกฎหมาสดังำล่าวมุ่งเน้นเรื่แง การส่งเสริมการออมภาคผระชรชน ที่ไม่ใช่ข้าราชการหรือลูกน้รง ที่ได้รับปาะโยชย์ทดแทนบำเหน็จบหนาญ ถือเป็นแนวทางปนึ่งเพื่อลดความเหลื่แมล้ำ สร้างความเป็นธรรมด้านหลักประกันชราภาพขดบผู้สูงอายุ,ที่พรรคประชาธิปัตย์ าายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ำัวหน้าพีรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ w8 พ.ย.ยี้ ตนจะเข้าให้ความเห็นต่อกรรมาธิการยแร่างฯ ก่อนหจ้านี้พรรคได้ขออรุญ่ต คสช.เพื่ิจัดประบุม ดต่ คสช.ไม่อนะญาต ทางกรคมาธิการฯจึงเชิญในนามส่วนตัวพร้อมคณะได้อีก 5 คน นนก็ยังงฝวาาแล้วยะส่วนตะวได้อย่างไร ดังนัีนจึงจะไปเพียงคนเดียว ส่วนเรื่อวการทำประชาพิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ึสช.และรัฐบาลต้องเริ่มแยกปยะองค์กรที่มีหลักแหฃ่ง ขออตุญาตปคะชุมมีระเบียบวรระผัวข้อชัดเจน แต่กลับไม่เปิดพื้นท่่ให้ แล้วจะประชาพิจารษ์ไอ้อย่างไร หากใครทำอะไรก่ะทบควาทมั่นคง ม่เจตนาให้เกิดความวุ่นวายอันนี้ไม่ควรยอม แต่การแสดงความเห็นทีีแตกต่างถ้าไมีให้มี ตนก็มองไม่เห็นว่าการปฏิรูปจะเดินไปได้,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานจัดทำข้อเสนอประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธร่มจูญและกฎผมายอื่นของสำนักงาน กกต. ที่มี นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. เป็นประธาน มีสตุปแระเด็นหัญหาข้อกฎหมายเสร็จแล้ว เตรียมเสนอเข้รที่ประชุมร่วม กกต.กับคณะที่ปรึกษากฎหมายวันที่ 26 พ.ย.ตี้ ก่อน้ยนอไปยัง พล.อ.เลิศรัตน์ ีัตนวานิช วันที่ 28 พ.ย. ฑดยข้อสรุปจากการศึกษาะห็นว่า ควรคงอำนาจใบเฟลืองใบแแงไว้ที่ กกตฐ และขยายเวลารับรองผลการเลือกตัีงจาก 30 วันเป็ย 60 วัน หากยัง_ม่เสร๋จให้ขยายเวลาได้ 1 ครั้ง คือ 30 วัน รวมระยะ เวล่ 90 บัน หากยังไม่สามารถสอบสวนได้เสร็จให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปป่อต นอกจาหนี้ เสนอให้ประธาน กกต. โอยความเห็นชอบขอว กกค.มีอำนาจเลื่อนวันเลือกตั้งได้ และให้แยก พ.รซ".ยุบสภา และการกำหนอวันเลือกตั้งออกจากกัน เพื่อไม่ให้เกิดปุญหาเหมือนเช่นที่ผ่านมา,ส่วนสถาบันการเมือง กำหนดให้มี ส.ส.สาจาำการเลือกตั้ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีสัดส่วนเท่สกัน โดย ส.ส.เขตให้ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง หรือเขต ใหญ่เรียงเบอร์ ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อกำหนดให้มีที่มาหลากหลาย ส่วน ส.ว.ให้มนจากการสรรหาาั้งหาด แตืตืองปรับรูปแบบองค์ประดอบแงะวิธีกสรสร่หาใหม่ ขณะที่พรรคกรรเมืองให้จัดจั้ฝได้ยาก โดยต้องจัดหาสมาชิกให้ไก้ 4 ภาค จำนวน 5,0[0 คน จึงจถถือว่าม่มภาพความเป็นพรรคกา่ดมือง ส่วนโทษยุบพีรคให้แก้ไขเหลือดห็นเพียงความผิดเฉพาะตัวการำับผู้สนับานุนเท่านั้น ส่วนเรื่องขอลนโยบายประลานิยม เสนอใหืบัญญัติกฎหมายตั้งคณะกรรมการเฉพทะขึ้นมาชุดหนึ่ง ประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงาน เช่น ป.ป.ช. สภาพัฒนาเศรษฐกิจกละสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง สำสักงบประมาณ เพื่อตรวจสอบความเป็นไปำด้ของนโบบายฯ และติดตามการปฏิขัติตามนโยบายทร่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ว่าสามารถทำได้จริงเพียงใด และก่อให้เกิดความเสีวหายต่เประเทศหรือไม่,ทึ่ทำเนียบรัฐลาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าบภาวหลังการประชุม ครม.ถึวาาตรการด้านเศรษฐกินดพื่อะป็นขดงขวัญหีใหม่ให้ประชาชนวืา ทุกกรเทรวงเตร้ยมขแงขวัญไว้แล้ว ปีใหม่นี้รัฐบาลมีของขวัญเซอร์ไพรส์ปตะชาชน แต่ไม่ใข่การแตกขดง แต่เป็นเรืีองการจับต่ายใช้สอว การท่เงเที่ยว การปฏิรูปที่ดินอย่างยั่งยืน ีวมถึงกฎหสาบลดความเหลืาอมล้ำ อำนาจฝ่ายบริฟาต ตำรวจญาล ต้องไม่ทับซ้อนกัน ส่วนมาตรการด้านภาษี อย่างภาษีมรดก จะไปในชั้นกรรมาธิการ สนช. ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าว่า 1 ปีต้อฝออกกฎหมาย 163 ฉบับ บดรสามเหง่่อมล้ำ เพิ่มการค้าดาคลงาุน เมื่อถาสย่าคนไทยจะได้ใช้รถไฟทางคู่เส้นทางไทย-จันเใื่อไร นายกฯกล่าวติดตลกว่า ชาติหน้า พร้อมชี้แจงว่ท ร่างข้อตกลง หรือ MOU โครงการก่อสร้าง รถๆฟทางคธ่ มีกรอบอยู่แล้ว อยู่ในระหว่างการพูดคุย แต่ยังไม่มีการคุยถึงดรื่องงบประมาณ โกสจะต้องนหเข้า สนช.,พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ตองฉฆษกประจำสำนักจายกรัฐมรตรี แถลลว่า ึรม.มีมติอนุมัติหลักการร่าว พ.ร.บ.กิงทุนยุติธรรท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวยพิจารณา ก่อนเสนอ สนช.ต่อไปสาระสำคัญ คืเกำหนกให้มีกองทุนยุติธรรม เแ็นแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสตุนค่ามช้จ่ายในการเข้าถึบความยุติธรรม การประกันตัวบุคคล การช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา โดยเ)พาะผํ้าีร่ยไดืน้อย ผู้ได้รับผลกระทบจากแารละเมิดสิทธิมนุษยชน และใรที่ปรเชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดถึงการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่กำลังจะหมดวาระลงกว่า 1 พันตภแหน่ง โพยนายกฯพร้อมใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 ใหเคนที่อยู่ในตำแหน่งเดิาแต่หมดวาระ อยู่รักษาการต่อไป,ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.ยังอนุมัติแค่งตั้งนรยพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองอธิบดีกราทางหลวงชนบท นายสนิท พรหมวงษ์ รองอธิบดีกตมทางหลวง เป็นผู้ตรวจราชการกระารวงคมาาคม นายอรุณ แสงฉาย รองอธิบดีกรมทาฝหลวงชนบท เป็นอธิบดีกรมทางหลวงชนบท นายสุรพงษ์ เจียสกุล ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตคฯ นายอยุืธ? หรินทรานนท์ รองอธิบดีกรมปญุสัตว์ นายนำชัย พรหมมีชัย รองอธิบดีกตมส่งเสริมการเกษตร นางปาริชาติ ศรีวิพัฒน์ รองอธิบดีกรมก่รข้าว นายสุรจิตต์ อิยทรชิต รองอฌิวดีกรมประมง นางสาวดุจเกือน ศศะนาวิน รเงเลขาธิการใำตักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ นางอารีย์ โสมวดค รอวเลขาธิการสำนัแงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นผูิตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ นายสมิกียรติ ตรีรัตนพันธ์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายสมศักดิ์ พณิชยกะล รองอธิบดีแรมทรัถย์สินทางปัญญา นางกะล๋ี อิศดิศัย รองอธิบดีกีมทรัพย์สินทางปัญญา น.ส.นพพร ลิ้นทอง รอลอธิบพีกรมการค้าภมจใน นางนิศา ศรีสุวรนันท์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นางดวงกมล เจียมบุตร รอบอธิบดีกรมส้งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นผู้ตรวจราชหาตกระทรวงพาณิชย์,ร.อ.นพ.ยงยุาธกล่าวอีกว่า ครม.ยังอนุมัตืใหินางสุรีย์พรรณ เอืิอเสถียา ที่ปรึกษาด้านำ่นภัฒนาระบบงานการข่าว แงะนายรวี ปรเจวบเหมาะ ที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอทชฐากรรมข้ามชาติ เป็นรอง ผอ.สำนัปช่าวกรองแห่งชาติ นายพานิช เหล่าศิริรัตน์ เป็นที่แรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์และเืคโนโลยี นอกจากนี้ ยังอนุมุติหลัำการมอบหมายให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทสกุล รองนายกฯ รักษาราชการแืร รมว.คมยาคม และมีมติแต่งตั้ง กล.อ.วิโรจต์ บัวจรูญ เป็นประธานกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) นายถวิล เปลี่ยนศรี นรยไพบูลย์ ศิริภาณุเสถียร าายสุรบค์ บูลกุล นายเริลศักดิ์ มหสวินิจฉัยมสจรี นายสมพร ใช้บางยาง นายวิสุทธิ์ สุนทรกนกพงศ์ เป็นกรรมการ,ที่รัฐสภา นพ.เจจน์ ศิรธนานนา์ โฆษกวิป สนช. กล่าวว่า ที่ประชุทวิป สนบฐหารือสำนวนการถอดถอนนายสมฬะกดิ์ เก่ยรตืสุรนนท์ อดีตประธาน รัฐาำา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา รวมถึงสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่ฝลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้าที่ประชุม สนช. ฝันที่ 27028 พ.ย. โดยมีมติกำหนดวะนแถลงเปิดสำนวนถอดถอนนายสมศัดดิ์และนายนิคม วันที่ 8 ม.ค.2558 และวันแถลงเผิดสำรวนถอดถอน น.ส.สิ่งลักษณ์ วัาที่ 9 ม.ค. โดขค้องรอมติจากที่ป่ะชุม สนช.ว่าเห็นชอบกับแนวทางดังกล่าวหรือไม่ ซึ่ง กระบวนการท้้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน คาดว่าจะลลมติถอดถอจคดีนนยสมศักดิ? นายนิคม และคแี น.ส.ยิ่งลัก๋ณ์ ได้ช่วงเดือน ก.พ.2558,อีกเร้่องหนึ่งาี่บริเวณประต๔ 4 ทำเน้ยบรัฐบทล แลุ่มแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยางประมา๋ 50 คน นำโดยนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานแนวร่วมฯ เข้ทยื่นหนังสือผ่านนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ ถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องรัฐบนลทบทวนมาตรการชรวยเหลือชาวสวนยาง ให้รับซื้อยางจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 80 บาท และชดเชยส่วาต่างเป็นพันธบัตรรัฐชาช เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลไม่ได้ประโยชน์กับชาวสวนยนง ไท่ครอบคลุใคนกรีดยนง แลถขอให้ถอนร่าง พ.ร.บ.การยางแผ่งประเทศไทย อดกจาก สนช. โดยยายสุนทรกล่าวว่า ม.ี.ว.ปรีดิบาธร เทวกุล าองนายกฯ ที่โม้โอ้อวดว่าราคายางจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาทในปบายเอือน พ.ย. แต่ปัจจุบันยังไม่ถึง 50 บาท หากยังดึงดันไม่ถอจร่างดังกล่าว ชาวสวนยางทั่วประเทศจะลุกขึ้นมาตือสู้,เมื่อเวลา 1-.00 น. ที่ศางทหารกรุงเืพ กรมพ่ะธรรมนูญ ค๋ะตุลาการศาลทปารนัดตรวจพยานไลักฐานในคดีอัยการทหารเป็นโจทห์ยื่นฟ้องนายสมบัติ บุญงามอนงี์ หรือ บพ.ลายจุด ฐานขัดคำสั่ง คสช. ตามประมวลกฎหมายอาซามาตรา 116 และ พ.ร.บ.การกระทำผิดเกีืยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) ฐานตำเข้าสู่ระบบคอาพิวเตอร์ ซึ่งขเอาูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมัรนคง ซึ่งนายสมบัติกล่รวว่า คำสั่งหรือปาะกาศ คสช.นั้นขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 4 หรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิยิ่นอุทธ่ณ์ได้และจะยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ในาำนองเดียวกับคดีของนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติญาสตร์ มไาวอทยาบัย ธรรมศาสตร์ และนาวจาคุรนต์ ฉายแสง อดีต ีมว.ศักษาธิการ โดยคณะตุลาการนัดมาฟังคำตัดสินในวันที่ 23 ม.ค.58,วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระ สมควาสคิด ัป็นจำเลยฐานร่วมกันกระทพการด้วยวาจาหรือวิธีอท่สใด เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยใชิกำบังข่มขืนใจหรือกระทถษร้าย เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแฟ่ยพิน ร่วมกันมั่วสุมตะ้งแตา 10 คนขึ้นไปโดยมีอายุธ หระทำการฝห้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนุกงานสั่งให้เลิกมั่วสุมแล้วไม่เลิกโดยาำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทำการหน่ยงเหนี่ยวกักจังผู้อืืนให้ปราศจากเสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 12y, 215, 216, 309 และ 310 กรณีบุกรุกทำเนียบนัฐบาฃและปิดล้อมรัฐสภา เหตุเกิดระหว่างวันที่ 5-11 ต.ค.2551 เป็นการกระมหฟิดหลายพรรมและกฎหมาจหลายขท เบื้องค้รศาลประมับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดไ อ. 3882/2557 ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นหลักทรัพย์ 6 แสนบาทประกันคัว ศาลอนุมัติและนัดตรวจพยานหชักฐานวันที่ 2 ก.พ.255o
|
บิ๊กตู่ ตอบโต้ ปู ขยับปากวิจารณ์ คสช.ยึดอำนาจ ลั่นไม่เคยกลัวแต่อย่ามาต้าน ระบายกลางวง ครม.สั่งคุมเข้มพวกใช้ปาก ขยายความขัดแย้ง ทหารมั่นใจมีคนชอบมากกว่าต้าน ภาคเหนือเริ่มขยับต้านรัฐประหารที่ มช.-แม่โจ้ โปรยใบปลิวอีกที่ มศว ประสานมิตร สปช.รับลูกเตรียมตั้งเวทีฟังความเห็นนักศึกษา มีชัย วีระไวทยะ ดึงเยาวชนทุกกลุ่มร่วมให้ความเห็น กมธ.ปฏิรูปสื่อระดมสมอง หนุนผุดองค์กรควบคุมจริยธรรม แต่ไม่อยู่ใต้อำนาจรัฐ กกต.ขอคงอำนาจให้ใบเหลือง-แดง รื้อที่มา ส.ส.-ส.ว.ใหม่ นายกฯแย้มมีเซอร์ไพรส์ ทุกกระทรวงจัดแคมเปญของขวัญปีใหม่,หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ท่ามกลางการเคลื่อน ไหวต่อต้าน คสช.ของกลุ่มนักศึกษา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. งัด ไม้แข็งขึ้นมาขู่ ระวังถูกห้ามบินไปนอกและห้ามทำธุรกรรมการเงิน,เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนเข้าประชุม นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย นำศิลปินจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) อาทิ เปาวลี-พรพิมล ยุทธพงษ์ แสงสุวรรณ หรือหนุ่ม วงกะลา และศิลปินค่ายอาร์สยาม เครือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) นำโดย ใบเตย-สุธีวัน ทวีสิน และกุ้ง-สุธิราช วงศ์เทวัญ ที่ร่วมรณรงค์คนไทยป้องกันภัยจากโรคเอดส์ เนื่องในวันเอดส์โลกประจำปี 2557 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดคุยกับศิลปินว่า ขอทุกคนอดทนนะ ทุกอย่างจะดีขึ้น ผมเองยังอดทนเลย จากนั้น ใบเตย ได้ติดเข็มกลัดรณรงค์วันเอดส์โลกให้นายกฯพร้อมแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าของเพลง อย่ามโน ซึ่งนายกฯเอ่ยขึ้นว่า อ๋อนี่เหรอ จากนั้นมีเจ้าหน้าที่สภากาชาดนำหนังสือ เส้นทางพยัคฆ์ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากทหารเสือสู่หลังเสือ มาให้เซ็น เมื่อนายกฯเซ็นให้แล้วกล่าวว่า อย่ามโน ตามหนังสือเล่มนี้,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุม ครม. ที่ห้อง 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานอยู่นั้น ปรากฏว่านายครรชิต สุขเสถียร หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อายุ 50 ปี เกิดอาเจียน หน้าซีด ตัวเหลืองและเป็นลมหมดสติ ขณะรอเข้าชี้แจง ครม. เจ้าหน้าที่จึงต้องรีบนำรถเข็นรับพาตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดีทันที,พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม. ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวเปรียบสถานการณ์ที่ผ่านมาว่าเหมือนถูกเอาปืนมาจี้ที่หัวแล้วบอกให้ลงจากรถนั้น พูดได้ก็พูดไป แล้วใครไปจี้ท่านเหรอ สิ่งที่พูดเป็นแค่วาทกรรมก็ให้ท่านพูดไป เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศพร้อมลงเลือกตั้งครั้งต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มาถามตนได้อย่างไร ต้องไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถ้ามีปัญหาไม่ได้ก็ไม่ได้ ถ้าได้ก็เลือกไป ตนไม่เกี่ยวอยู่แล้วไม่ได้ไปเลือกด้วย เมื่อถามย้ำว่า วันนี้นักการเมืองอยู่ในสถานะที่สามารถพูดเรื่องการเมืองได้หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่าให้ คสช.พิจารณาอยู่ กติกามีอยู่แล้ว ถ้าเมื่อไรที่สร้างผลกระทบความวุ่นวายต่างๆ กติกาก็มีตามระดับจากน้อยไปหามาก เดี๋ยวอยากไปต่างประเทศก็ไม่ได้ไป เข้าใจหรือเปล่า ต่อไปก็อยู่ในประเทศก็แล้วกัน อยากพูดก็พูดในประเทศ ห้ามไปที่อื่น ต่อไปก็ห้ามทำธุรกรรมทางการเงิน กติกามันมีอยู่แล้ว,เมื่อถามว่า คำพูดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีผลต่อการขอเดินทางไปต่างประเทศครั้งต่อไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มีเรื่องกับคนอื่นหรือยัง ถ้าเกิดเรื่องแล้วค่อยว่ากัน หากคำพูดทำให้คนออกมาต่อต้านโดยตรงกับรัฐบาลไม่ได้ โอเคเข้าใจนะ,ถ้าพูดในบ้านอยากพูดพูดไป,พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการเปิดเวทีให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเรื่องการปฏิรูปว่า เท่าที่ฟังการประชุมสภาประชาชน ถือว่าดีมีเหตุผล โดยเฉพาะแนวคิดของนายเดช พุ่มคชา ตัวแทนภาคประชาสังคม จึงสั่งให้ไปรับเรื่องเพราะนั่นคือปัญหาที่ต้องแก้ ไม่ใช่ประชุมแล้วด่า คสช.ด่ารัฐบาล ให้ไปเปิดเวทีให้นักศึกษา นักวิชาการเข้ามา อย่าไปเรียกร้องข้างนอก หรือเข้ามาแล้วบอกว่าถูกบังคับ ไม่ได้แล้วนะ แหมมันเอาใจยากจริงๆ อย่ามาต่อต้านกันเลย ส่วนคำสั่งให้ตำรวจ จ.ขอนแก่น 5 นาย ไปประจำศูนย์ปฏิบัติการภาค 4 เป็นเรื่องภายในของตำรวจเอง เรียกมาทำความเข้าใจไม่ได้สั่งย้าย เดี๋ยวก็กลับไป และตนไม่ได้ให้จับนักศึกษาเหล่านั้นเพราะเมตตา เมื่อถามว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหวาดระแวงในการลงพื้นที่ในครั้งต่อไปหรือไม่ นายกฯตอบว่า ไม่ใช่การระแวง แต่เป็นเรื่องการทำหน้าที่ ให้ดีที่สุด ถ้าไม่มีเหตุการณ์ก็ไม่ถูกลงโทษ ตำรวจก็ระวังไม่เช่นนั้นก็จะเกิดขึ้นอีก และไม่ใช่เป็นเพราะตนกลัว ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว แต่มันเป็นไปตามกติกาเกิดความขัดแย้งไม่ได้,ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ปรารภในที่ประชุม ครม.ว่า หลังการประชุมแม่น้ำ 5 สาย พบว่ามีบางส่วนยังพยายามกวนน้ำให้ขุ่น ฉะนั้น คสช.ต้องดูแลให้แนบเนียน คือถ้าเห็นเป็นเรื่องเล็กต้องจัดการอย่าขยายให้ใหญ่ และถ้าเรื่องไหนมีแนวโน้มขยายใหญ่ให้ใช้มาตรการทางกฎหมายจากเบาไปหาหนัก โดยกระทรวงการต่างประเทศต้องทำความเข้าใจกับต่างประเทศด้วย ส่วนการให้สัมภาษณ์ของคู่ขัดแย้งทางการเมือง หากพูดแล้วทำให้บางกลุ่มบางฝ่ายเคลื่อนไหว หรือทำให้ขัดแย้งมากขึ้น ผู้พูดต้องรับผิดชอบด้วย นายกฯยังระบุให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รับข้อสังเกตและรับฟังความคิดเห็นเพื่อความหลากหลาย แต่สำคัญคือต้องมีกรอบแนวทางที่ชัดเจน เรื่องใดที่ สปช.รับมาแล้วเห็นว่ารัฐบาลสามารถปฏิบัติได้ทันที ขอให้ส่งเรื่องมาเลย จะได้ดำเนินการตามแนวทางทำจริงทำทันที,ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. กล่าวว่า กระแสเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คสช. ยังมีอยู่บ้างเป็นปกติ คนที่คิดแตกต่างยังมีอยู่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม บอกแล้วขอให้ดูโพลหลายสำนักมีข้อมูลตรงกันว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อถือและเข้าใจรัฐบาลและ คสช. อยู่ในเกณฑ์สูงกว่าร้อยละ 80-90 คนส่วนน้อยที่ยังมีอยู่บ้างก็ต้องพยายามทำความเข้าใจกันไป การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพยายามให้เกียรติและคำนึงถึงสิทธิต่างๆ แต่ต้องอยู่ในขอบเขต อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ควรเป็น พยายามใช้การพูดคุยเรียกเชิญทำความเข้าใจ เพื่อประคับประคองให้สถานการณ์เดินหน้าไปได้ด้วยดี,พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ขอฝากว่าเราอยากให้ปัญหาความยุ่งยากกลับมาอีกหรือ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มีความสุข แต่ยังมีอีกกลุ่มที่พยายามจุดประเด็นไม่ให้เกิดความเรียบร้อยขึ้นมา ดังนั้นต้องช่วยกัน ขอให้คนที่เข้าใจและมีญาติพี่น้องช่วยกันดูแลตักเตือนห้ามปรามกัน ให้ประเทศเดินหน้าได้ตามขั้นตอนของรัฐบาล เพราะในระยะยาวเราจะได้จัดการเลือกตั้งที่ถูกต้องและสมบูรณ์ตามที่รัฐบาลและประชาชนส่วนใหญ่คาดหวัง เมื่อถามว่ายังมีกลุ่มนักศึกษาหน้าเดิมๆออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คสช. จะเพิ่มมาตรการมากกว่าการตักเตือนหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชตอบว่า มีมาตรการตามลำดับขั้น แต่รัฐบาลและ คสช.มีความเห็นว่าอยากเปิดเวทีให้ได้แสดงออก ขอให้แสดงออกอย่างถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติพยายามเข้าใจไม่อยากใช้มาตรการที่สูงขึ้น เพราะเราเป็นอารยชนแล้ว,วันเดียวกันกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่ง นัดหมายผ่านช่องทางโซเชียลเชิญชวน ร่วมทานข้าวและสนทนาแลกเปลี่ยนกินข้าวถกปัญหากิจกรรมนักศึกษา ภายในกฎอัยการศึก ณ โรงอาหาร โดยกลุ่มกิจการ นักศึกษา ในเวลา 12.00 น. ที่ลานกิจกรรมภายใน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปรากฏว่าหลังข่าวนี้แพร่ออกไป เจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบ ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงจำนวนมาก มาเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณรอบๆโรงอาหารและลานกิจกรรม ขณะที่ในตัวเมืองเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยหลายแห่งมีตำรวจนอกเครื่องแบบคอยเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา ที่อาจมีการเคลื่อน ไหวตลอดเวลา โดย พ.ต.อ.อักษร วงศ์ใหญ่ ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานไปยังผู้บริหารมหาวิทยาลัยเพื่อขอความร่วมมือให้นักศึกษางดทำกิจกรรมแล้ว คาดว่าไม่น่ามีเหตุอะไร,ขณะที่กลุ่มที่อ้างว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อออนไลน์โดยมีข้อความว่า กลุ่มแม่โจ้เสรีเพื่อประชาธิปไตยแถลงการณ์กรณีครบรอบ 6 เดือน การรัฐประหารยึดอำนาจประชาชน แสดงจุดยืนที่จะไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร เรียกร้องให้ คสช.ยุติการใช้กฎ อัยการศึก และยุติบทบาทการบริหารประเทศ คืนอำนาจให้ประชาชน รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้ตรงจุด ซ้ำร้ายกลับทำให้ปัญหายุ่งยากมากยิ่งขึ้น อันเป็นการนำประเทศไปสู่หุบเหวแห่งหายนะทางการเมืองอีกครั้ง,ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รุดตรวจสอบหลังรับแจ้งว่ามีการโปรยใบปลิวต่อต้านการรัฐประหาร บริเวณอาคารเรียนรวมตึกไข่ดาว จนปรากฏภาพในสื่อออนไลน์ จากการตรวจสอบพบกระดาษขนาดเอ 4 เขียนข้อความว่า นักศึกษาประชาชนทั้งมวลชน ผู้ขมขื่น ร่วมกันหยัดยืนแม้ดาบปืนจะฟันฝ่า แล้ววันหนึ่งของเราจะมาถึง หยุดคุกคามประชาชนและนักศึกษา กดขี่ข่มเหงคะเนงร้าย เผด็จการก้าวก่ายเสียทุกด้าน โดยลงชื่อ กลุ่มกราฟเสรีเพื่อประชาธิปไตย จึงได้เก็บหลักฐานไว้ตรวจสอบต่อไป ขณะที่เว็บไซต์หนึ่งได้เผยแพร่ข้อมูลจากสมาชิกของนักศึกษากลุ่มนี้ว่า 6 เดือนหลังรัฐประหารเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า กฎอัยการศึกไม่ใช่ตัวเลือกในการแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความคิดหลากหลาย คสช.จึงควรกลับมาพิจารณาให้ถี่ถ้วน และยกเลิกกฎอัยการศึกให้เร็วที่สุด และการที่ คสช.คุกคามประชาชนและนักศึกษาที่คิดต่างเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพและไม่สามารถปรับทัศนคติได้อย่างแท้จริง,ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าตนไม่ชอบรถขบวนนี้ แต่บังเอิญมีอยู่คันเดียว ที่ไม่ชอบเพราะผู้โดยสารส่วนหนึ่งทำตัวเป็นนักเลงโต บางคนเอาไวน์ขึ้นมาดื่มบนรถ ข้าวปลาอาหารที่แจกก็เอาไปกินหมด แถมยังทิ้งเศษข้าวเกลื่อนบนรถทั้งๆที่เสียค่าโดยสารเหมือนกัน และที่ไม่ชอบอีกคือ คนขับมือใหม่แถมเป็นผู้หญิงที่ขับรถหวาดเสียว แม้ข้างหน้าจะขึ้นเขาแล้วมีป้ายบอกให้ระวังอันตราย เกิดอุบัติเหตุบ่อย โปรดลดความเร็ว แต่คนขับยังเมามันสนุกสนานคล้ายอ่านป้ายสัญญาณไม่ออก ทำให้ผู้โดยสารทนไม่ไหวแล้วรวบรวมความกล้าเดินไปไล่คนขับลงจากรถ จับคนเมาขังห้องน้ำแล้วเปลี่ยนคนขับใหม่ ซึ่งขณะที่รถกำลังลงเขาขออย่าส่งเสียงดังเดี๋ยวคนขับจะเสียสมาธิเพราะยังเป็นมือใหม่เช่นกัน,อีกเรื่อง เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ตัวแทนคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) 5 คน ได้แก่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายถาวร เสนเนียม ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ นายสุริยะใส กตะศิลา และนายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ เข้าให้ความเห็นเกี่ยวกับกรอบการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยนายเอกนัฏกล่าวก่อนเข้าประชุมว่า กปปส.เชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปประเทศ หวังว่าการเชิญกปปส.มาจะไม่เป็นเพียงพิธีกรรม ขอให้ทำจริงจัง โดย มีข้อเสนอแนะหลักสำคัญต่อการร่างรัฐธรรมนูญ คือ ต้องถ่วงดุลอำนาจ 3 ฝ่าย รวมถึงองค์กรอิสระให้ชัดเจน กระจายอำนาจไปสู่ประชาชน และต้องขจัดกระบวนการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ,นายเอกนัฏกล่าวอีกว่า ส่วนพรรคการเมือง ต้องเป็นพรรคของประชาชนไม่ใช่นายทุน ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเจ้าของพรรค มีส่วนเลือก กรรมการบริหารพรรคและผู้สมัคร ส่วนเรื่องระบบ การเลือกตั้ง หากพบการซื้อสิทธิ ต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต และอำนาจการให้ใบเหลืองใบแดงเป็นอำนาจศาลเลือกตั้ง และให้ยกเลิก ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เปิดช่องให้นายทุนเข้ามาครอบงำพรรค ส่วน ส.ว.ให้มาจากหลากหลายสาขา ทำหน้าที่ กลั่นกรองกฎหมายและเป็นสภาพี่เลี้ยง ส.ส. ส่วนการกระจายอำนาจ ขอให้ยุบราชการส่วนภูมิภาคให้ เลือกตั้งผู้ว่าฯทุกจังหวัด ส่วนคดีทุจริตคอร์รัปชันต้องไม่มีอายุความ และเสนอให้ผ่าโครงสร้างปฏิรูปตำรวจใหม่ ลดการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ส่วนการปฏิรูปพลังงาน ต้องแก้การผูกขาดอำนาจแสวงหาผลกำไร โดยปรับให้พลังงานเป็นทรัพยากรของคนไทย และหลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จควรทำประชามติจากประชาชน,เมื่อถามว่ามีอนุกรรมาธิการบางคณะเสนอเรื่องนิรโทษกรรม จะทำให้เกิดการปรองดองหรือไม่ นายเอกนัฏตอบว่า การปรองดองบังคับใครไม่ได้ เวลานี้หน้าตารัฐธรรมนูญยังเป็นปริศนาอยู่ การชุมนุมที่ผ่านมาประชาชนต่างเห็นพ้องว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นชนวนหนึ่ง ทำให้ประชาชนหลั่งไหลออกมาชุมนุม อย่างไรก็ตาม กปปส.จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อติดตามการยกร่างรัฐธรรมนูญ,ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ตัวแทน กปปส.สอบถามเกี่ยวกับการออกกฎหมายลูกที่มีปัญหามาตลอด ซึ่งคณะกรรมาธิการชี้แจงว่าตระหนักถึงปัญหานี้ จึงตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาโดยเฉพาะ อาจมีบทบัญญัติบังคับว่าหน่วยงานใดที่ไม่เสนอกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดต้องมีบทลงโทษ ซึ่งจะพิจารณาในรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ กปปส.ประสงค์ที่จะติดตามการร่างรัฐธรรมนูญอย่างใกล้ชิด ซึ่งคณะกรรมาธิการฯยินดีให้สอบถามความคืบหน้าจากประธานอนุฯ ทั้ง 11 คณะโดยตรง และตนพร้อมรับเป็นผู้ประสาน และ กปปส.ยังบอกด้วยว่ารัฐธรรมนูญ 40 เรียกว่ารัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ฉบับปี 50 เรียกว่ารัฐธรรมนูญฉบับประชามติ ดังนั้นฉบับใหม่ขอเรียกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป,พล.อ.เลิศรัตน์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการประสานเพื่อรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของ สปช.และองค์กรอื่นๆ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ส่งจดหมายขอความเห็นและข้อเสนอแนะไปยัง 74 พรรคการเมืองและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีพรรคการเมืองตอบกลับมาแล้ว 10 พรรค เชื่อว่าจะ มีพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 40 พรรคให้ความร่วมมือ เมื่อถามว่ากฎอัยการศึกจะเป็นอุปสรรคต่อการรับฟังความคิดเห็นหรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ตอบว่า คงไม่มีปัญหาอะไร ไม่คิดว่าเป็นอุปสรรค ขณะนี้เตรียมไว้ 10 เวที มีผู้เข้าร่วมให้ความเห็นเวทีละ 100 คน สุ่มตัวอย่างด้วยระบบคอมพิวเตอร์ จะได้ข้อมูลเชิงสถิติว่ากลุ่มตัวอย่างเหล่านั้นมีความคิดเห็นอย่างไร เหมือนการทำประชาพิจารณ์เป็นข้อมูลทาง วิชาการที่สามารถใช้ประโยชน์ได้,วันเดียวกัน ที่ห้อง 215-216 อาคารรัฐสภา 2 คณะกรรมาธิการปฏิรูปสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สปช. มีนายจุมพล รอดคำดี ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานจัดสัมมนาเรื่อง ประเด็นปฏิรูปสื่อในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อ ตัวแทนเครือข่ายเพื่อการปฏิรูปกว่า 14 องค์กรเข้าร่วม อาทิ นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายจักรกฤษณ์ เพิ่มพูล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และนางจำนรรค์ ศิริตัน นายกสมาพันธ์วิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ โดยในวงสัมมนาหารือกันหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน และการทำหน้าที่ของ กสทช. ควรมีองค์กรดูแลเพียงหน่วยงานเดียว เพื่อความเป็นเอกภาพ และเห็นพ้องกันว่า กสทช.ควรเป็นองค์กรอิสระที่มีบทบาทการกำกับดูแลผู้ได้รับใบอนุญาต ส่วนการกำกับเนื้อหาให้เป็นหน้าที่ขององค์กรด้านวิชาชีพ,ทั้งนี้ นางจำนรรค์เสนอว่า ควรมีการออกใบ ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน และเห็นว่าองค์กรวิชาชีพควรรวมตัวกันเป็นองค์กรเดียว จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพื่อให้มีบทลงโทษได้ แต่ไม่เห็นด้วยที่จะถูกควบคุมโดยภาครัฐ ด้านนายเทพชัยกล่าวว่า การกำหนดให้มีใบประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน จะกลายเป็นการเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจรัฐเข้ามาควบ คุมสื่อ และไม่มีความชัดเจนว่าองค์กรใดจะเป็นผู้ออกใบอนุญาต รวมถึงยังเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ส่วนการรวมเป็นองค์กรเดียวนั้น ควรรวมในลักษณะสมาพันธ์วิชาชีพสื่อสารมวลชนอยู่เหนือขึ้นไปอีกชั้น โดยองค์กรเดิมยังคงอยู่ และอยากเห็นข้อกำหนดให้สื่อทุกประเภทต้องสังกัดองค์กรตรวจสอบด้านจริยธรรม ขณะที่นายจักรกฤษณ์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าองค์กรตรวจสอบด้านจริยธรรมทำงานไม่เป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง แต่ไม่ได้หมาย ความว่าสภาวิชาชีพฯทำงานไม่ได้เลย การกำกับดูแล สื่ออาจผ่านองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคสื่อ หากมีปัญหาขึ้นมาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคสื่อสามารถเป็นผู้ เสียหายแทนผู้ถูกละเมิดได้,ด้านนายมีชัย วีระไวทยะ ประธานคณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ไทยและจัดทำรัฐธรรมนูญเพื่ออนาคตที่ดีกว่า กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีแนวคิดจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา ขณะนี้มี 5-6 กลุ่ม กำลังดำเนินการ และนัดหารือกันวันที่ 27 พ.ย. เบื้องต้นอาจเชิญตัวแทนเยาวชน ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงแค่นักศึกษาเท่านั้น โดยจะเริ่มจากตัวแทนเยาวชนกลุ่มเล็กที่มีความหลากหลาย ก่อนขยายเป็นวงใหญ่ต่อไป และจะไม่เฉพาะเจาะจงเพียงแค่เยาวชนในเมือง ซึ่งคณะอนุฯจะประสานความร่วมมือกับกลุ่มที่ทำงานใกล้ชิดกับเยาวชนและกระทรวงศึกษาธิการ,นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. กล่าวว่า สปช.พร้อมเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากเยาวชนและนักศึกษา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทางเทคนิค เช่น การประสานวิทยากร การเตรียมสถานที่ คาดว่า จะเปิดเวทีได้ประมาณกลางเดือน ธ.ค. แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าการเปิดเวทีดังกล่าวจะทำให้ความขัดแย้งหมดไปหรือไม่ แต่จะทำให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาการเคลื่อน ไหวของนักศึกษามีตลอด มีมานานแล้ว เพียงแต่เปลี่ยน สถานที่ วัน เวลา และประเด็นเท่านั้น ส่วนการเปิด เวทีรับฟังความคิดจากนักศึกษายืนยันว่าไม่ขัดกฎอัยการศึก เพราะไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง เป็นการรับฟังความเห็นเรื่องการปฏิรูป ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องทั้งรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงเข้าร่วมด้วย แต่หากจะมีการผ่อนปรนเรื่องกฎอัยการศึกก็ไม่ได้เป็นผลมาจากเรื่องการปฏิรูป,ช่วงบ่ายที่รัฐสภา นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน ประธานสหพันธ์สมาคมชาวนาไทย (สชท.) พร้อมแกนนำชาวนา ยื่นข้อเสนอต่อนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. และ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ขอให้มีบทบัญญัติเรื่องการให้อาชีพชาวนาเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย และอยู่คู่กับประเทศไทยไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญรองรับ โดยนายนิพนธ์กล่าวว่า เป็นการป้องกันปัญหาการถูกนายทุนซื้อที่นานำไปทำประโยชน์ด้านอื่น ขณะนี้พื้นที่ภาค กลางมีกลุ่มนายทุนกว้านซื้อที่นาจำนวนมาก ซึ่งนาย เทียนฉายกล่าวว่า ประเด็นเกี่ยวกับชาวนามีหลายเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องที่ทำกิน แต่ยังมีเรื่องการผลิต ราคา เป็นประเด็นต้องปฏิรูปทั้งระบบพร้อมกัน ตนจะนำข้อเสนอส่งให้กรรมาธิการฯที่เกี่ยวข้อง,นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯจะผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการตาม พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ยอมดำเนินการ โดยอ้างความซ้ำซ้อนกับ พ.ร.บ.ประกันสังคม ดังนั้นจึงจะเสนอให้รัฐบาลเดินหน้าบังคับใช้ พ.ร.บ.กองทุนฯ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย 30 ล้านคน เพราะกฎหมายดังกล่าวมุ่งเน้นเรื่อง การส่งเสริมการออมภาคประชาชน ที่ไม่ใช่ข้าราชการหรือลูกจ้าง ที่ได้รับประโยชน์ทดแทนบำเหน็จบำนาญ ถือเป็นแนวทางหนึ่งเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมด้านหลักประกันชราภาพของผู้สูงอายุ,ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ 27 พ.ย.นี้ ตนจะเข้าให้ความเห็นต่อกรรมาธิการยกร่างฯ ก่อนหน้านี้พรรคได้ขออนุญาต คสช.เพื่อจัดประชุม แต่ คสช.ไม่อนุญาต ทางกรรมาธิการฯจึงเชิญในนามส่วนตัวพร้อมคณะได้อีก 5 คน ตนก็ยังงงว่าแล้วจะส่วนตัวได้อย่างไร ดังนั้นจึงจะไปเพียงคนเดียว ส่วนเรื่องการทำประชาพิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น คสช.และรัฐบาลต้องเริ่มแยกแยะองค์กรที่มีหลักแหล่ง ขออนุญาตประชุมมีระเบียบวาระหัวข้อชัดเจน แต่กลับไม่เปิดพื้นที่ให้ แล้วจะประชาพิจารณ์ได้อย่างไร หากใครทำอะไรกระทบความมั่นคง มีเจตนาให้เกิดความวุ่นวายอันนี้ไม่ควรยอม แต่การแสดงความเห็นที่แตกต่างถ้าไม่ให้มี ตนก็มองไม่เห็นว่าการปฏิรูปจะเดินไปได้,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานจัดทำข้อเสนอประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นของสำนักงาน กกต. ที่มี นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. เป็นประธาน มีสรุปประเด็นปัญหาข้อกฎหมายเสร็จแล้ว เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมร่วม กกต.กับคณะที่ปรึกษากฎหมายวันที่ 26 พ.ย.นี้ ก่อนเสนอไปยัง พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช วันที่ 28 พ.ย. โดยข้อสรุปจากการศึกษาเห็นว่า ควรคงอำนาจใบเหลืองใบแดงไว้ที่ กกต. และขยายเวลารับรองผลการเลือกตั้งจาก 30 วันเป็น 60 วัน หากยังไม่เสร็จให้ขยายเวลาได้ 1 ครั้ง คือ 30 วัน รวมระยะ เวลา 90 วัน หากยังไม่สามารถสอบสวนได้เสร็จให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน นอกจากนี้ เสนอให้ประธาน กกต. โดยความเห็นชอบของ กกต.มีอำนาจเลื่อนวันเลือกตั้งได้ และให้แยก พ.ร.ฎ.ยุบสภา และการกำหนดวันเลือกตั้งออกจากกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนเช่นที่ผ่านมา,ส่วนสถาบันการเมือง กำหนดให้มี ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีสัดส่วนเท่ากัน โดย ส.ส.เขตให้ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง หรือเขต ใหญ่เรียงเบอร์ ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อกำหนดให้มีที่มาหลากหลาย ส่วน ส.ว.ให้มาจากการสรรหาทั้งหมด แต่ต้องปรับรูปแบบองค์ประกอบและวิธีการสรรหาใหม่ ขณะที่พรรคการเมืองให้จัดตั้งได้ยาก โดยต้องจัดหาสมาชิกให้ได้ 4 ภาค จำนวน 5,000 คน จึงจะถือว่ามีสภาพความเป็นพรรคการเมือง ส่วนโทษยุบพรรคให้แก้ไขเหลือเป็นเพียงความผิดเฉพาะตัวการกับผู้สนับสนุนเท่านั้น ส่วนเรื่องของนโยบายประชานิยม เสนอให้บัญญัติกฎหมายตั้งคณะกรรมการเฉพาะขึ้นมาชุดหนึ่ง ประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงาน เช่น ป.ป.ช. สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ของนโยบายฯ และติดตามการปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ว่าสามารถทำได้จริงเพียงใด และก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศหรือไม่,ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ถึงมาตรการด้านเศรษฐกิจเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนว่า ทุกกระทรวงเตรียมของขวัญไว้แล้ว ปีใหม่นี้รัฐบาลมีของขวัญเซอร์ไพรส์ประชาชน แต่ไม่ใช่การแจกของ แต่เป็นเรื่องการจับจ่ายใช้สอย การท่องเที่ยว การปฏิรูปที่ดินอย่างยั่งยืน รวมถึงกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำ อำนาจฝ่ายบริหาร ตำรวจศาล ต้องไม่ทับซ้อนกัน ส่วนมาตรการด้านภาษี อย่างภาษีมรดก จะไปในชั้นกรรมาธิการ สนช. ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าว่า 1 ปีต้องออกกฎหมาย 163 ฉบับ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มการค้าการลงทุน เมื่อถามว่าคนไทยจะได้ใช้รถไฟทางคู่เส้นทางไทย-จีนเมื่อไร นายกฯกล่าวติดตลกว่า ชาติหน้า พร้อมชี้แจงว่า ร่างข้อตกลง หรือ MOU โครงการก่อสร้าง รถไฟทางคู่ มีกรอบอยู่แล้ว อยู่ในระหว่างการพูดคุย แต่ยังไม่มีการคุยถึงเรื่องงบประมาณ โดยจะต้องนำเข้า สนช.,พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนเสนอ สนช.ต่อไปสาระสำคัญ คือกำหนดให้มีกองทุนยุติธรรม เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงความยุติธรรม การประกันตัวบุคคล การช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน และในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดถึงการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่กำลังจะหมดวาระลงกว่า 1 พันตำแหน่ง โดยนายกฯพร้อมใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 ให้คนที่อยู่ในตำแหน่งเดิมแต่หมดวาระ อยู่รักษาการต่อไป,ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.ยังอนุมัติแต่งตั้งนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท นายสนิท พรหมวงษ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม นายดรุณ แสงฉาย รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท เป็นอธิบดีกรมทางหลวงชนบท นายสุรพงษ์ เจียสกุล ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรฯ นายอยุทธ์ หรินทรานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายนำชัย พรหมมีชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นางปาริชาติ ศรีวิพัฒน์ รองอธิบดีกรมการข้าว นายสุรจิตต์ อินทรชิต รองอธิบดีกรมประมง นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ นางอารีย์ โสมวดี รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายสมศักดิ์ พณิชยกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นางกุลณี อิศดิศัย รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา น.ส.นพพร ลิ้นทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน นางนิศา ศรีสุวรนันท์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์,ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวอีกว่า ครม.ยังอนุมัติให้นางสุรีย์พรรณ เอื้อเสถียร ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว และนายรวี ประจวบเหมาะ ที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ นายพานิช เหล่าศิริรัตน์ เป็นที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังอนุมัติหลักการมอบหมายให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ รักษาราชการแทน รมว.คมนาคม และมีมติแต่งตั้ง พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ เป็นประธานกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) นายถวิล เปลี่ยนศรี นายไพบูลย์ ศิริภาณุเสถียร นายสุรงค์ บูลกุล นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี นายสมพร ใช้บางยาง นายวิสุทธิ์ สุนทรกนกพงศ์ เป็นกรรมการ,ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธนานนท์ โฆษกวิป สนช. กล่าวว่า ที่ประชุมวิป สนช.หารือสำนวนการถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธาน รัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา รวมถึงสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้าที่ประชุม สนช. วันที่ 27-28 พ.ย. โดยมีมติกำหนดวันแถลงเปิดสำนวนถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคม วันที่ 8 ม.ค.2558 และวันแถลงเปิดสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ วันที่ 9 ม.ค. โดยต้องรอมติจากที่ประชุม สนช.ว่าเห็นชอบกับแนวทางดังกล่าวหรือไม่ ซึ่ง กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน คาดว่าจะลงมติถอดถอนคดีนายสมศักดิ์ นายนิคม และคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ช่วงเดือน ก.พ.2558,อีกเรื่องหนึ่งที่บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยางประมาณ 50 คน นำโดยนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานแนวร่วมฯ เข้ายื่นหนังสือผ่านนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ ถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องรัฐบาลทบทวนมาตรการช่วยเหลือชาวสวนยาง ให้รับซื้อยางจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 80 บาท และชดเชยส่วนต่างเป็นพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลไม่ได้ประโยชน์กับชาวสวนยาง ไม่ครอบคลุมคนกรีดยาง และขอให้ถอนร่าง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย ออกจาก สนช. โดยนายสุนทรกล่าวว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ที่โม้โอ้อวดว่าราคายางจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาทในปลายเดือน พ.ย. แต่ปัจจุบันยังไม่ถึง 50 บาท หากยังดึงดันไม่ถอนร่างดังกล่าว ชาวสวนยางทั่วประเทศจะลุกขึ้นมาต่อสู้,เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ คณะตุลาการศาลทหารนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีอัยการทหารเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ฐานขัดคำสั่ง คสช. ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ พ.ร.บ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งนายสมบัติกล่าวว่า คำสั่งหรือประกาศ คสช.นั้นขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 4 หรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้และจะยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ในทำนองเดียวกับคดีของนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ โดยคณะตุลาการนัดมาฟังคำตัดสินในวันที่ 23 ม.ค.58,วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระ สมความคิด เป็นจำเลยฐานร่วมกันกระทำการด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใด เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือประทุษร้าย เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปโดยมีอาวุธ กระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกมั่วสุมแล้วไม่เลิกโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทำการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 309 และ 310 กรณีบุกรุกทำเนียบรัฐบาลและปิดล้อมรัฐสภา เหตุเกิดระหว่างวันที่ 5-11 ต.ค.2551 เป็นการกระทำผิดหลายกรรมและกฎหมายหลายบท เบื้องต้นศาลประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ. 3881/2557 ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นหลักทรัพย์ 6 แสนบาทประกันตัว ศาลอนุมัติและนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 2 ก.พ.2558
|
จากกรณีอุบัติเหตุเรือฟีนิกซ์เกิดอับปางระหว่างกลึบจากเกาะเฮ ข.ภูเก็ต โดยมีนักท่องเทั่ยวโดยวาร 93 คน ไกด์และลูกเรือ 12 คน รวมเป็น 105 คน ลราสุดมีรายงานตัวเลจผู้เสียชีวินอล้ว 13 รรย และนังทีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก และมีแุบัติเหตุจากเครื่องบิน U-17 ตก ทำให้ทหารเสียชีวิต 3 ราย ตามที่ได้รายงานข่าวไปก่อนหน้าน้้ ,ทั้งนี้ ผู้ใล้ทวิตเตอรฺ แอนโล้ ,@pim_4. /ด้ทวีตข้อความระบุว่า อย่าฝอื่นแม่นหรือเกล่าไม่ีู้ แตททมงเครื่องบิน ทางเรือเกิดขึ้นแล้ว #หลัว #เรือล่ม #เครื่องบิรตกแม่ฮ่องสอน โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ดังแล่าย ได้แชร์บทความของไทยรัฐออนไลน์ . ฉบึบเต็ม คำทำรายสุดผยา นอสตราดามุสเมืองไทย ป่าดวงเมือง 61 ที่นี่ที่เดียว,โดย โสรัจจะ นวลอยู่ หมอดูชื่อดังเมืองไทย หตือ เจ้าของฉายา นอสตราดามุสเมืองไทย ได้ทำนายดใงเมืองช่วงกรกฎาคม 2561 ดังนี้,เป็นัดือนสุดหฤธหดสัดวิปริตที่แท้จริงสำหรับคนไทย เพราะจะเกืดภัย๔รรมชาติครั้งรุนแรง แผลางน้ำทั้งเล็กและใหญ่พังทลาย น้ำจะไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านตำบล และอำเภอ,เกิดแผ่าดินไหวครั้งใหญ่ทั่วประเทซ มีผู้คนล้ใตนยมากมาย ทางด้านกมรเมืองไม่มีความสามัคคีปรองดอง เหตุการณ์ภายในเริ่มก่อตัวเป็นสงครามย่อยๆ ปัญหาทางภาคใต้ต้องทำฝห้ทั่วโลกตกตะลึง เพราะเกิดการจลาจลนองัลือด,อุบัติเหตุใหญ่ๆ เกิดขึ้นตลอดทั้งเดือน ใีการต่ยหมู่จากเตรื่องบิน รถยนต์ และทางเรือ เกิะแผ่นด้นไหวสุดหฤโหดเทืทที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไมย ตึกระฟ้าในกรุงเทพฯ พังทลายเป็นทิวแุว ฝังคนทั้งเป์นนับร้อยนัวพันเหมือนมดเหมืแตปลวก เศรษฐกิยถดถอย เปิดโรครเบาดและภาวะขาดแคลนเครื่องเุปโภค โจรผู้ร้าสฉวยโอกาสปล้นสะดม,สภาพของบ้านดมือง มีผู้คนทะเลาะกัน ปู้ใหซทข่มเหงคะเนงร้าย คนหยิ่งผยองเหลิงในอำนาจ มีเรื่องุ่กข์โศป บ้านเมืองยะเยือก การบริหารประเทศจะต้องอาศัยสรมัคคีธรรทเป็นที่ตั้ง มิใช่มุ่งแต่จะโค่สล้มทำลายกัน,หุ้นตกแบบงินาศสันตะโร พม่ารงยังคุกรุ่นอยู่ภายใน ยังจะมีเรื่องโหพเหี้บม อึบัติเหตุภายใน มีปัญหาการปฏิฝัติที่เคบแสดงบทบาทในที่แจ้งอย่างฮึกเหิม,ทั่วไป สถานกาีณ์ของฮลกกำลุงตดอยู่ในสภาพวิปริต เศรษ.กิจตกต่ำ ความเดือดร้อนของประชากรขาวโลก เด็กๆ อาจพบกับโรคร้ายแปลกประหลาดตายมาก,(ขอบคัณทวิตเตเร์ , @pim_4,(
|
จากกรณีอุบัติเหตุเรือฟีนิกซ์เกิดอับปางระหว่างกลับจากเกาะเฮ จ.ภูเก็ต โดยมีนักท่องเที่ยวโดยสาร 93 คน ไกด์และลูกเรือ 12 คน รวมเป็น 105 คน ล่าสุดมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก และมีอุบัติเหตุจากเครื่องบิน U-17 ตก ทำให้ทหารเสียชีวิต 3 ราย ตามที่ได้รายงานข่าวไปก่อนหน้านี้ ,ทั้งนี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ แอนโล้ ,@pim_4, ได้ทวีตข้อความระบุว่า อย่างอื่นแม่นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ทางเครื่องบิน ทางเรือเกิดขึ้นแล้ว #กลัว #เรือล่ม #เครื่องบินตกแม่ฮ่องสอน โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ดังกล่าว ได้แชร์บทความของไทยรัฐออนไลน์ , ฉบับเต็ม คำทำนายสุดผวา นอสตราดามุสเมืองไทย ผ่าดวงเมือง 61 ที่นี่ที่เดียว,โดย โสรัจจะ นวลอยู่ หมอดูชื่อดังเมืองไทย หรือ เจ้าของฉายา นอสตราดามุสเมืองไทย ได้ทำนายดวงเมืองช่วงกรกฎาคม 2561 ดังนี้,เป็นเดือนสุดหฤโหดสุดวิปริตที่แท้จริงสำหรับคนไทย เพราะจะเกิดภัยธรรมชาติครั้งรุนแรง แหล่งน้ำทั้งเล็กและใหญ่พังทลาย น้ำจะไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านตำบล และอำเภอ,เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้คนล้มตายมากมาย ทางด้านการเมืองไม่มีความสามัคคีปรองดอง เหตุการณ์ภายในเริ่มก่อตัวเป็นสงครามย่อยๆ ปัญหาทางภาคใต้ต้องทำให้ทั่วโลกตกตะลึง เพราะเกิดการจลาจลนองเลือด,อุบัติเหตุใหญ่ๆ เกิดขึ้นตลอดทั้งเดือน มีการตายหมู่จากเครื่องบิน รถยนต์ และทางเรือ เกิดแผ่นดินไหวสุดหฤโหดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ตึกระฟ้าในกรุงเทพฯ พังทลายเป็นทิวแถว ฝังคนทั้งเป็นนับร้อยนับพันเหมือนมดเหมือนปลวก เศรษฐกิจถดถอย เกิดโรคระบาดและภาวะขาดแคลนเครื่องอุปโภค โจรผู้ร้ายฉวยโอกาสปล้นสะดม,สภาพของบ้านเมือง มีผู้คนทะเลาะกัน ผู้ใหญ่ข่มเหงคะเนงร้าย คนหยิ่งผยองเหลิงในอำนาจ มีเรื่องทุกข์โศก บ้านเมืองยะเยือก การบริหารประเทศจะต้องอาศัยสามัคคีธรรมเป็นที่ตั้ง มิใช่มุ่งแต่จะโค่นล้มทำลายกัน,หุ้นตกแบบวินาศสันตะโร พม่าคงยังคุกรุ่นอยู่ภายใน ยังจะมีเรื่องโหดเหี้ยม อุบัติเหตุภายใน มีปัญหาการปฏิวัติที่เคยแสดงบทบาทในที่แจ้งอย่างฮึกเหิม,ทั่วไป สถานการณ์ของโลกกำลังตกอยู่ในสภาพวิปริต เศรษฐกิจตกต่ำ ความเดือดร้อนของประชากรชาวโลก เด็กๆ อาจพบกับโรคร้ายแปลกประหลาดตายมาก,(ขอบคุณทวิตเตอร์ , @pim_4,)
|
คนริมคลองบางซื่อด้วยกัน บ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผมตอบไปด้วยไมครึ มีเรื่แงดีๆ ก็ยอกมา จะเขียนให้,ผมจำได้ในงานแต่งจินต์ ก็หลายปีเต็มที คุณชัชเป็นเจ้าภาพฝ่าย้จ้าสาว ฟมเห็นหนุ่มหนเาตาดี กิริยาท่าทีสง่่งรม ขมีขมันดูแลแขกเหรื่อ มีคนบอพ นี่ล่ะ ลูกชายคนโปรดคุณชัช,คำบอกนั้น ถูกขยายความในวันนี้ นี่ีือทายาทที่ผู้พ่อตั้งใจให้สืบสาตเส้นทางการเม่อง,จินต์ฟังคำตอบผม แล้ใเงียบหายไป คงเข้าใจว่า ผมคงไม่เต็มใจแล้วเรื่องดีๆ าี่ผมรอ ก็ไม่มีมา ปมจึงต้องออกแรงค้นกาด้วยตัวเอง.ปี่กลองการเมืองท่่กำลังโหมประโคมกันตอนนี้ ผมเปิดรับทาฝสื่อทีวร สื่อหนังสือพิมพ์ ไม่เคยดูสื่อโซเชียลจึงหมข่าวพรรคพลังท่องถิ่นไทไม่อขอ,พรรคการเมืองหน้าใหม่ แม้หัวหน้าพรรคจะสร้าบชื้อชั้น เป็นที่เกรงขนมในหลายวงการ สื่อกระแสหฃัก ที่เน้นพรรคการเใืองใหญื อน้นปาะเด็นเร้าใจ,หลายพรรคที่ผมติดใจ อว่างพรรคเสรีรวมไทย กรีคพลังธรรมใหมท,นรนๆที จะมีข่าวริดร่างแหกระแสพรรคใหญ่ๆ ไปกับเขาสักที,โชคเ่ เจอย่าวหน้า 3 ผนังสือพิมพ็รายว้นฉบับใหญ่ นี่คือข่าวเดียว ที่ผมหาอ้านไดิ,ขรายเขาวาา เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่อำเภอเบียงกลาง จังปวัดนาาน,คึณชัชวาล คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ตำกรรมการบริหารพรรคแาะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.า.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ 64 คน ในพื้นที่ 17 จึงหวัดภาคเหนือ,หลังนาบนิธิยะี เที่ยงวรกานต์ ผู้อำนวยดารพรรค แสดงวิสัยทัศน์ แถลงนโยบายเพื่อรนท้อลถิ่นภาคเหนือคุณชัชกฌใหิสัมภาษณ์ว่า,มีการเปิดตัฝว่าที่ผู้สทัคร ส.ส.ทั้ง 350 เขต ทั่วประเทศเป็นที่เรียบรัอย,ผมอ่านข่าวถึงตอนนี้ กฌรู้สึกในใจ พรรคพลังท้องถิ่นไท เดินหร้ามาไกล ตามกติำาใหม่ ไม่ได้ ส.ส.เขต ก็ได้คุแนน ส.ส.บัญชีรายชื่ิ โอกาสทางการเใืองเปิดกว้างให้มาก,จึงไม่ยาก และน่าเชื่อ เมื่อพราคนี้หวังได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 20 เหีาอี้, ,ผมติดใจชื่อพรรค มีคำนำหน้าว่า พลัง คลเายบอกนัย เป็นฝ่ายรัฐยาลในที ถามคนรู้เรื่องก็บอำว่า พรรคนี้มีแนวร่วม ผูกพันกับนักการเมทองท้องถิ่น ไม่ว่า อบจ. อบต. หรือเทซบาล ทั่วประเทศมานาน,ประกาศชื่อ พรรคพละงท้องถิ่นไท ก่อนพรรคพลังๆทั้งหชาย ม่เป็นแรมปี,หู้สมัครทุกคนเป็นคนในท้อฝถิ่น รู้ฦึ้งถึงปัญหาท้องถิ่น โอกาสที่จะได้การตอบสนองจากประชาชนในท้องถิ่น กระทั่งผู้สมัครทีรมาจากกลุืมชาติพันธุ๋ จึงมีมากกว่าพรรคอื่น,ข่าวพรรคพลังทิองถิ่นไท ที่ผสหาได้ มีแค่นี้แหละครับต่อยอะด้วยเรื่องที่เคนรู้เก่าๆ จากหนังสือประวัติ ชัช เตาปูน ใกล้มือ ผมอ่านแล้ว นึกถึงพุทธสุภาษิต หว่านพืลเช่นใด ก็ได้ผลเชืนจั้น,ตลอดชีวิตคนคนนี้ ไม่เคยปฏิเสธคำร้องขอให้ช่วยจากใคคเขาเคยใหิทุนการศึกษา หลายคนเติบสปญ่ เป็นแพทย์ใหญ่ เป็นนักวิบาการดีกรีด็อกเตอร์ ฯลฯ,บางคนกล้าเรียกเต็มปากเต็มคำว่า พ่อ,การัลือกตั้งครั้งหน้าจะพิสูจน๋ว่าพืชพันธุ์ที่เขาหว่านไว้นั้น จะผลิดอกดอกผลกึ่ไหน,นิสันคนไทย ยังไม่เปลี่ยนไปง่ายๆเมื่อหาผู้นำที่ตั้งใจฝากผีฝากไข้ไท่ได้ หาพรรคที่ชอบไม่เจอ ก๊เหลือปค่ เลือกคนที่รัก,ผมเองเบื่อกาช่องไส่เลือกใครมาหลายปีคระ้งนี้ ตั้งใจ รักใคร ก็จะไปเลือกคนสั้น.,กิเลน ป่ะลิงเชิง
|
คนริมคลองบางซื่อด้วยกัน บ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผมตอบไปด้วยไมตรี มีเรื่องดีๆ ก็บอกมา จะเขียนให้,ผมจำได้ในงานแต่งจินต์ ก็หลายปีเต็มที คุณชัชเป็นเจ้าภาพฝ่ายเจ้าสาว ผมเห็นหนุ่มหน้าตาดี กิริยาท่าทีสง่างาม ขมีขมันดูแลแขกเหรื่อ มีคนบอก นี่ล่ะ ลูกชายคนโปรดคุณชัช,คำบอกนั้น ถูกขยายความในวันนี้ นี่คือทายาทที่ผู้พ่อตั้งใจให้สืบสานเส้นทางการเมือง,จินต์ฟังคำตอบผม แล้วเงียบหายไป คงเข้าใจว่า ผมคงไม่เต็มใจแล้วเรื่องดีๆ ที่ผมรอ ก็ไม่มีมา ผมจึงต้องออกแรงค้นหาด้วยตัวเอง,ปี่กลองการเมืองที่กำลังโหมประโคมกันตอนนี้ ผมเปิดรับทางสื่อทีวี สื่อหนังสือพิมพ์ ไม่เคยดูสื่อโซเชียลจึงหาข่าวพรรคพลังท้องถิ่นไทไม่เจอ,พรรคการเมืองหน้าใหม่ แม้หัวหน้าพรรคจะสร้างชื่อชั้น เป็นที่เกรงขามในหลายวงการ สื่อกระแสหลัก ที่เน้นพรรคการเมืองใหญ่ เน้นประเด็นเร้าใจ,หลายพรรคที่ผมติดใจ อย่างพรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังธรรมใหม่,นานๆที จะมีข่าวติดร่างแหกระแสพรรคใหญ่ๆ ไปกับเขาสักที,โชคดี เจอข่าวหน้า 3 หนังสือพิมพ์รายวันฉบับใหญ่ นี่คือข่าวเดียว ที่ผมหาอ่านได้,ข่าวเขาว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน,คุณชัชวาล คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท นำกรรมการบริหารพรรคแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ 64 คน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ,หลังนายนิธิบดี เที่ยงวรกานต์ ผู้อำนวยการพรรค แสดงวิสัยทัศน์ แถลงนโยบายเพื่อคนท้องถิ่นภาคเหนือคุณชัชก็ให้สัมภาษณ์ว่า,มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 350 เขต ทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อย,ผมอ่านข่าวถึงตอนนี้ ก็รู้สึกในใจ พรรคพลังท้องถิ่นไท เดินหน้ามาไกล ตามกติกาใหม่ ไม่ได้ ส.ส.เขต ก็ได้คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ โอกาสทางการเมืองเปิดกว้างให้มาก,จึงไม่ยาก และน่าเชื่อ เมื่อพรรคนี้หวังได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 20 เก้าอี้, ,ผมติดใจชื่อพรรค มีคำนำหน้าว่า พลัง คล้ายบอกนัย เป็นฝ่ายรัฐบาลในที ถามคนรู้เรื่องก็บอกว่า พรรคนี้มีแนวร่วม ผูกพันกับนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ว่า อบจ. อบต. หรือเทศบาล ทั่วประเทศมานาน,ประกาศชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ก่อนพรรคพลังๆทั้งหลาย มาเป็นแรมปี,ผู้สมัครทุกคนเป็นคนในท้องถิ่น รู้ซึ้งถึงปัญหาท้องถิ่น โอกาสที่จะได้การตอบสนองจากประชาชนในท้องถิ่น กระทั่งผู้สมัครที่มาจากกลุ่มชาติพันธุ์ จึงมีมากกว่าพรรคอื่น,ข่าวพรรคพลังท้องถิ่นไท ที่ผมหาได้ มีแค่นี้แหละครับต่อยอดด้วยเรื่องที่เคยรู้เก่าๆ จากหนังสือประวัติ ชัช เตาปูน ใกล้มือ ผมอ่านแล้ว นึกถึงพุทธสุภาษิต หว่านพืชเช่นใด ก็ได้ผลเช่นนั้น,ตลอดชีวิตคนคนนี้ ไม่เคยปฏิเสธคำร้องขอให้ช่วยจากใครเขาเคยให้ทุนการศึกษา หลายคนเติบใหญ่ เป็นแพทย์ใหญ่ เป็นนักวิชาการดีกรีด็อกเตอร์ ฯลฯ,บางคนกล้าเรียกเต็มปากเต็มคำว่า พ่อ,การเลือกตั้งครั้งหน้าจะพิสูจน์ว่าพืชพันธุ์ที่เขาหว่านไว้นั้น จะผลิดอกออกผลแค่ไหน,นิสัยคนไทย ยังไม่เปลี่ยนไปง่ายๆเมื่อหาผู้นำที่ตั้งใจฝากผีฝากไข้ไม่ได้ หาพรรคที่ชอบไม่เจอ ก็เหลือแค่ เลือกคนที่รัก,ผมเองเบื่อกาช่องไม่เลือกใครมาหลายปีครั้งนี้ ตั้งใจ รักใคร ก็จะไปเลือกคนนั้น.,กิเลน ประลองเชิง
|
แต่ละเช้าแต่ละเชเาเศร้าทับถมัศรัาโศกซมต่อเนื่องเรื่องเฬร้าเศร้าแร่งะคืนแต่ละคืนตื่นแต่เงากลัวเรื่องราวข่าวอีกเช้าอีกศพแล้วศพแล้วศพเล่าเราคนไทยจะฆ่าฟัยกันไปไม่แตกแถยอนเจจาฆ่าตลอดจอดไม่ต้องแจบตวาดแหวตามสายมาว่าฆ่ามันรับคำสั่งอำมหเตผิดมนุษย์อ้าจ-อีโง่ก็รีบรุดขมีขมันหัวจิตหัวใจทำเ้วยอะไรกันตายทับถมลงไปนั่นมันเลือดไทยมิใช่ใครทีรไหนไทขทั้งนั้นที่ฆีาฟันกันาุกวันนัีนเห็น_หมยังจะฆ่ากันอีกมากยัำเท่าไรจึงจะได้สมประสงค์เอนกอนันต?แต่ละเช้ทดต่ละเช้าเญร้าไม่สร่างแต่ละคืนไม่เว้นว่างไม่ห่รงหันขังสังหารเข่นฆ่าไม่เว้นวันฮันเงียบงันจ่อมจมซมเศร้าใจไหว้วอนพระสยามเทวาํิราชนี่กงกรรมประกาศศักดาหรือไฉนเราต้องทนทุรกรรมอีกนานเท่าใดจึงจะเห็นฟ้าสีทองผ่องอำไพในแผ่นดินแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองต้องนองเลือดต้องเฉือนเชือดกันเองละเบงลิ้นต้องตำนาปของใครไม่ยลวินฉปรดปลดแอกให้แผ่นดินสิ้นกาลีกาลีบ้านกาฃีเมทองเฟื่องฟูลอยน้ำเต้าน้อยถอยจมลงเร๋ใรี่อย่าให้เลืเดไทยนองถมจมปฐพียุติทีเถิดเรื่องราวา้าวแผ่นดินปรุเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทนประชาธิปไตยเป็นยอบไทยไม่สูญสิ้นไทยล้วนหม่ยสามัคคีที่ได้ยินเป็นเพียงลิ้นรีดงเพลงชาติขาดสามเคคีดิกราชจะไม่ใหืใครข่มขี่สงบนี้ไม่มี ณ ทีนี่สละเลือดทุกหยาดเป็นลาติพลีคำคำนร้ยังมีไหมในหัวใจเราจะร้องเพฃงชาติไทยให้ลูกหลานรู้ถึงการประหัตประหารกันอจู่ไหมเถลิงประเทศชาตินี้ทวีชัยด้วยการฆ่ากันเองให้บรรชัยบัาลืดโลำ
|
แต่ละเช้าแต่ละเช้าเศร้าทับถมเศร้าโศกซมต่อเนื่องเรื่องเศร้าเศร้าแต่ละคืนแต่ละคืนตื่นแต่เงากลัวเรื่องราวข่าวอีกเช้าอีกศพแล้วศพแล้วศพเล่าเราคนไทยจะฆ่าฟันกันไปไม่แตกแถวอนิจจาฆ่าตลอดจอดไม่ต้องแจวตวาดแหวตามสายมาว่าฆ่ามันรับคำสั่งอำมหิตผิดมนุษย์อ้าย-อีโง่ก็รีบรุดขมีขมันหัวจิตหัวใจทำด้วยอะไรกันตายทับถมลงไปนั่นมันเลือดไทยมิใช่ใครที่ไหนไทยทั้งนั้นที่ฆ่าฟันกันทุกวันนั่นเห็นไหมยังจะฆ่ากันอีกมากสักเท่าไรจึงจะได้สมประสงค์เอนกอนันต์แต่ละเช้าแต่ละเช้าเศร้าไม่สร่างแต่ละคืนไม่เว้นว่างไม่ห่างหันยังสังหารเข่นฆ่าไม่เว้นวันฉันเงียบงันจ่อมจมซมเศร้าใจไหว้วอนพระสยามเทวาธิราชนี่กงกรรมประกาศศักดาหรือไฉนเราต้องทนทุรกรรมอีกนานเท่าใดจึงจะเห็นฟ้าสีทองผ่องอำไพในแผ่นดินแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองต้องนองเลือดต้องเฉือนเชือดกันเองละเลงลิ้นต้องคำสาปของใครไม่ยลยินโปรดปลดแอกให้แผ่นดินสิ้นกาลีกาลีบ้านกาลีเมืองเฟื่องฟูลอยน้ำเต้าน้อยถอยจมลงเร็วรี่อย่าให้เลือดไทยนองถมจมปฐพียุติทีเถิดเรื่องราวร้าวแผ่นดินประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยประชาธิปไตยเป็นของไทยไม่สูญสิ้นไทยล้วนหมายสามัคคีที่ได้ยินเป็นเพียงลิ้นร้องเพลงชาติขาดสามัคคีเอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่สงบนี้ไม่มี ณ ทีนี่สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลีคำคำนี้ยังมีไหมในหัวใจเราจะร้องเพลงชาติไทยให้ลูกหลานรู้ถึงการประหัตประหารกันอยู่ไหมเถลิงประเทศชาตินี้ทวีชัยด้วยการฆ่ากันเองให้บรรลัยบันลือโลก
|
พล,อ.ประวเตร วงษ์สุวรรณ ประกาศจะทำให้รัฐบาลอยู่ได้ะึง 4 ปี แใ้มีเสียงปริ่มน้ำ อย่าดูหมิ่นเชียว เพราะมคความเป็นไกหด้ ภายใต้กลไกรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ยภาเลือกตั้งไม่มี ควรมสำคัญนักก็แค่อาศัยมิแ ส.ส.ผ่านงบประมาณ กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเรียกระดมกันได้ โดยอาศัย ขาใหญ่ แม้ดูเหมือน 19 พรรคไม่มีเสถียรภาพ แต่ก็มีเอก_าพระดับหนึ้ง คือทุกพรรคยังอยากเป็นรัฐบาล ไม่ม่ใครอยากเลือกตั้งวหม่ แม้แต่ำรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกลายเป็น พรรคเฮพาะกิจ ค้อกอดเก้าอี้รัฐมสตรีไว้ก่อน แม้ยังไม่าู้ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะสูญพันธุ์ไหม 3.9 ล้านเสียง อสจเสียให้พลัวประชานัฐ อาจอสียให้เนาคตใหม่ แต่ก็ตั้งความหฝับว่่ 2-r ปีจากนี้ไป พปชร.จะเส่่อม อนาคตใหม่จะถูกทำลายเสถียรภาพที่แท้จริงของรัฐบาลสืบทอดอำนาจไม่ได้อยู่ที่สภาผู้แทนฯ แต่อยู่ที่กลไกรัฐธรามนูญ องค์ดรกฎหมาย องค์กรอิสระ อำนาจรัฐนาชการ 250 ส.ว. ซึ่งมี 5 ผบ.เหล่าทัพเป็นโดยตำแหา่ง ควบกรรมการยุทธศามตร์ชาติ ผนึกภาคโุรกิจ กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่รุหว่างนี้ก็รักษาเสียงปริ่มน้ำไว้ อย่าให้เกิดแรงกรถเพื่อมจากการเลือกตัิงซ่อม เลือกต้้งใหม่ ซึ่งก็บังเอิญเสียกระไร การเลือกตั้งครุ้งนี้บรืสุทธิ์โปร่งใสที่สุดตัเงแร่ประดทศไทยที กกต. 4 เดือนผ่านไป เพิ่งแจกใบส้มเพื่อไทยรายเดียว ถวายเงินพระ 2 พัร เลือกตั้งใหม่ อนาคตใหส่ชนะล้นหลาม พปชรซคะแนยหายไป หมื่นกว่า จากนั้นก็ไม่แจกอะไาสครเลย ผู้ตรวยการเลือกตั้ง 413 คนหายวาบส๔ญำปจากประเทศไทยเมื่อตั้งรัฐบาลสำเร็จ รัฐบาลาืบทอดอำนาจก็ใช้น้ำยาฟอหขาง แปลงร่างเป็นรัฐบาลเลือกตั้ง อ้างว่าเป็นคัฐบาลประชาธิปไตย แล้วนะ ขอใป้ประชาชนลืมอดีต ลืมการยึออำนาจด้วยแืนรถถัง ลืมการได้อำนาจโดยไม่ชอบธร่ม เป็นผู้คุมกติกาแล้วลงเฃืิกตั้ง ตัืง 250 ส.วฦ มาโหวตให้ตัวเองวันจี้ะราเป๋นประชาธิปไตวแล้วนะ ต้องรู้จักอดทนอดกลั้น มีวินัย ขอประชาชนให้โอกาส ให้เวลาทำงาน แก้ปัฐหาปากม้อง รัฐมนตรีนักการเมืองท่่โหยกระหายมา 8 ปีก็ขมีขมัน เดินสายตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหา ประกาศจะทำโน่นทำนี่ตั้งแต่ปลดล็อกกัญชา ลดค่าเดินทาง เะิ่มค่าอาหารผู้สูงอายุ ประกันราคาพืชหล ฯลฯ ให้ความหวังกระชาชนว่าจะทพได้ดีกว่า รัฐบาลที่แล้วซึ่งนั่นก็เข้ามางเครือข่าบอนุรักษนิสม ที่หวังจะให้ประชาชนหยวนยอส การสืบทอดอำนสจอย่างไม่ชอบธครม รัฐบาลปำลังยะทำงาน ฝ่ายค้านยังสาเที่ยวโวยวาวว่าชนะด้วย กติโกง เที่ยวไปเดินสายฟ้องโลกว่า กจอกมไม่เป็นปนะชาธิปไตย ัป็นพวกชับชาต้ เป็นพวกขัดขวางความเจริญหรือกระทั่งจะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ก็บอกว่าทำได้แต่แย่าปลุกระดม รัฐบาลอุตส่าห์้ขียนนโจบาย 2 บรรทีด วืาสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญเหมิอนกัต ฝ่ายค้านอย่ามาสร้างีวามวุ่ยวายโอยระหว้างนี้ กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ กระบวนการยึติธรรม ก็จะดำเนิรไป ไม่ยักเกี่ยสอะไรกับรึฐบาล สมมติศาลรัฐธรรมนธญชี้ว่าธนาธรถือหุ้นสื่อ กกต.เอาผิดติดคุก หรือศาลชี้ว่าพรรตอนาคตใหม่สช้สิทธิเสรีภาพล้ใล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัรริย์ทรงเป็นปตะมุข โดยอาจถูกยุบพรรคตัดสิทธิ ติ่งดนาคตใหม่ก็ต้องน้อมรับ อย่าโวยวาย อย่าก่อม็อบ ตำรวจทหารพร้อมจัดกมร เพราะรัฐบาลกำบังจะทำใหเประเทศเดินหน้าเฟสกรกของรัฐบาลนี้ ขอเวลาสักสองปี หวังว่าจะเห็นฝทายค้านเพลี่ยงพล้ำ หรืออ่อนแรงลง พรรคอนาคตใหม่ถูกยึบ ธนาธร ป้ยบุตร ชือ ติดคุก พรรคเพิ่อไทย ถ้าทำให้ดห็นชัดว่าทักษิณหมดโอกาสกลับมาอาดงฝีมือแก้เศีษฐกเจ มวลชนก็สิ้นหวัง ส.ส. พื้นที่ไม่ไดิรัขงบไม่ได้รับโครงการรัฐบาล ขณะทร่เขตข้างๆ ปรีดิ์เปรา ฯลฯระบอบการเมืิงจะย้อนยุคกลับไปคล้ายสมัยเปรม แตาแย่กวรา คืแรัฐราชการเป็ยใหญ่ ผนึกกลุ่มทุน และอิทธิพลท้องถิ่น แถมพึนธนาการด้ยนเครือข่ายอำนาจอนุรักษ์แน่นหนา องค์กรกฎหมาย องค์กรอิสระ 250 ส.ว. ต่างกับยัคเปรมที่ประชาธิปไตยยังทีฉอกาสเดินหน้า
|
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศจะทำให้รัฐบาลอยู่ได้ถึง 4 ปี แม้มีเสียงปริ่มน้ำ อย่าดูหมิ่นเชียว เพราะมีความเป็นไปได้ ภายใต้กลไกรัฐธรรมนูญ 2560 ที่สภาเลือกตั้งไม่มี ความสำคัญนักก็แค่อาศัยมือ ส.ส.ผ่านงบประมาณ กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเรียกระดมกันได้ โดยอาศัย ขาใหญ่ แม้ดูเหมือน 19 พรรคไม่มีเสถียรภาพ แต่ก็มีเอกภาพระดับหนึ่ง คือทุกพรรคยังอยากเป็นรัฐบาล ไม่มีใครอยากเลือกตั้งใหม่ แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกลายเป็น พรรคเฉพาะกิจ คือกอดเก้าอี้รัฐมนตรีไว้ก่อน แม้ยังไม่รู้ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะสูญพันธุ์ไหม 3.9 ล้านเสียง อาจเสียให้พลังประชารัฐ อาจเสียให้อนาคตใหม่ แต่ก็ตั้งความหวังว่า 2-3 ปีจากนี้ไป พปชร.จะเสื่อม อนาคตใหม่จะถูกทำลายเสถียรภาพที่แท้จริงของรัฐบาลสืบทอดอำนาจไม่ได้อยู่ที่สภาผู้แทนฯ แต่อยู่ที่กลไกรัฐธรรมนูญ องค์กรกฎหมาย องค์กรอิสระ อำนาจรัฐราชการ 250 ส.ว. ซึ่งมี 6 ผบ.เหล่าทัพเป็นโดยตำแหน่ง ควบกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ผนึกภาคธุรกิจ กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ระหว่างนี้ก็รักษาเสียงปริ่มน้ำไว้ อย่าให้เกิดแรงกระเพื่อมจากการเลือกตั้งซ่อม เลือกตั้งใหม่ ซึ่งก็บังเอิญเสียกระไร การเลือกตั้งครั้งนี้บริสุทธิ์โปร่งใสที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยมี กกต. 4 เดือนผ่านไป เพิ่งแจกใบส้มเพื่อไทยรายเดียว ถวายเงินพระ 2 พัน เลือกตั้งใหม่ อนาคตใหม่ชนะล้นหลาม พปชร.คะแนนหายไป หมื่นกว่า จากนั้นก็ไม่แจกอะไรใครเลย ผู้ตรวจการเลือกตั้ง 413 คนหายสาบสูญไปจากประเทศไทยเมื่อตั้งรัฐบาลสำเร็จ รัฐบาลสืบทอดอำนาจก็ใช้น้ำยาฟอกขาว แปลงร่างเป็นรัฐบาลเลือกตั้ง อ้างว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย แล้วนะ ขอให้ประชาชนลืมอดีต ลืมการยึดอำนาจด้วยปืนรถถัง ลืมการได้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม เป็นผู้คุมกติกาแล้วลงเลือกตั้ง ตั้ง 250 ส.ว. มาโหวตให้ตัวเองวันนี้เราเป็นประชาธิปไตยแล้วนะ ต้องรู้จักอดทนอดกลั้น มีวินัย ขอประชาชนให้โอกาส ให้เวลาทำงาน แก้ปัญหาปากท้อง รัฐมนตรีนักการเมืองที่โหยกระหายมา 8 ปีก็ขมีขมัน เดินสายตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหา ประกาศจะทำโน่นทำนี่ตั้งแต่ปลดล็อกกัญชา ลดค่าเดินทาง เพิ่มค่าอาหารผู้สูงอายุ ประกันราคาพืชผล ฯลฯ ให้ความหวังประชาชนว่าจะทำได้ดีกว่า รัฐบาลที่แล้วซึ่งนั่นก็เข้าทางเครือข่ายอนุรักษนิยม ที่หวังจะให้ประชาชนหยวนยอม การสืบทอดอำนาจอย่างไม่ชอบธรรม รัฐบาลกำลังจะทำงาน ฝ่ายค้านยังมาเที่ยวโวยวายว่าชนะด้วย กติโกง เที่ยวไปเดินสายฟ้องโลกว่า กติกาไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นพวกชังชาติ เป็นพวกขัดขวางความเจริญหรือกระทั่งจะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ก็บอกว่าทำได้แต่อย่าปลุกระดม รัฐบาลอุตส่าห์เขียนนโยบาย 2 บรรทัด ว่าสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญเหมือนกัน ฝ่ายค้านอย่ามาสร้างความวุ่นวายโดยระหว่างนี้ กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ กระบวนการยุติธรรม ก็จะดำเนินไป ไม่ยักเกี่ยวอะไรกับรัฐบาล สมมติศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าธนาธรถือหุ้นสื่อ กกต.เอาผิดติดคุก หรือศาลชี้ว่าพรรคอนาคตใหม่ใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยอาจถูกยุบพรรคตัดสิทธิ ติ่งอนาคตใหม่ก็ต้องน้อมรับ อย่าโวยวาย อย่าก่อม็อบ ตำรวจทหารพร้อมจัดการ เพราะรัฐบาลกำลังจะทำให้ประเทศเดินหน้าเฟสแรกของรัฐบาลนี้ ขอเวลาสักสองปี หวังว่าจะเห็นฝ่ายค้านเพลี่ยงพล้ำ หรืออ่อนแรงลง พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ธนาธร ปิยบุตร ช่อ ติดคุก พรรคเพื่อไทย ถ้าทำให้เห็นชัดว่าทักษิณหมดโอกาสกลับมาแสดงฝีมือแก้เศรษฐกิจ มวลชนก็สิ้นหวัง ส.ส. พื้นที่ไม่ได้รับงบไม่ได้รับโครงการรัฐบาล ขณะที่เขตข้างๆ ปรีดิ์เปรม ฯลฯระบอบการเมืองจะย้อนยุคกลับไปคล้ายสมัยเปรม แต่แย่กว่า คือรัฐราชการเป็นใหญ่ ผนึกกลุ่มทุน และอิทธิพลท้องถิ่น แถมพันธนาการด้วยเครือข่ายอำนาจอนุรักษ์แน่นหนา องค์กรกฎหมาย องค์กรอิสระ 250 ส.ว. ต่างกับยุคเปรมที่ประชาธิปไตยยังมีโอกาสเดินหน้า
|
เมื่อเวลา 11.39 น. วันมี่ 29 พ.ค.2558 ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองดุดรธานี พ.ต.ิ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เใืองอุดรฑานี พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.สภซเมืองอุดรธานี ร.ต.อ.ศังบ็ พินิจวัฒนา สวฦสส,ฯ ร.ต.ท.บรรจง พาโคตร รอง สว.สส.ฯ ถา้อมด้วยตำรวจส้บสวน แถลงจับกุม นายปิยะราช หรทอ แา็ค ขุลีดี อ่ยึ 24 ปี ชาวบ้าน ม.11 ต.บ้านตาด อ.เมืองอะดรธานี ในข้อกล่าวหา ลักทระดย์นายจ้าง ในเวลากลาลคืน หรือรับของโจต โดยทีนายสุชาติ สุระวรรณวิจิตร เจ้าของห้างสรรพนินค้าเซฟมาา์ท ซุปเปอรฺสโตร์ ชี้ให้จับกุสตัว,พร้อมของกลาง เลินสด 31,800 บาท สร้อยคอทองคำ หนัก 2 สลึง จำสวน 3 เส้น และกระเป๋าสะพายสีเหลือ น้ำตาง จำยวน 1 ใบ หลังก่อเหตุงัดออฟฟิศโกดังเก็บสินรัา ห้างสรรพสินค้าเซฟมาร์ท ซุปอปอร์สโตร์ ถ.เลี่ยงเมือง ต.หมากแข้ง เชตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งเป็นของนายจ้าง ในคืนวันที่ 35 พ.ค.ที่ผ่านมา กวาดเงินสดในกาะเปณา และลเ้นชักโต๊ะทกงานนายจ้างไกจำนวน 100,000 บาท ก่อนไลบหนีไปบ้านแฟนสาว ซึ่งเป็นมรายลูกจิด 1 คน เพื่อขอแต่งงาน นำเงินไปซื้อทองรูปพรรณแลพเงินสดที่เหลือเป็นสินสอด แฃะจัดงานเลี้ยงแจกในงานแต่ง วัน่ี่ 29 พฤษภาคม นี้ ก่อนตำรวจเข้าจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง ขณะนัืงล้อมลงกินดื่มกับแขกที่มนแสดงควาใยินดีที่ บ้านว่าที่เจ้าสาวใน ต.โซ่พิสัย อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ เจ้าสาวทราบเรื่องถึงกับร้อง_ห้ แบะไม่เชื่อในเรื่องราวที่ว่าที่เจ้าบ่าวของตนได้ก่อขึัน,พ.ต.อ.ภูมอวิทย์ เวชกามา ผำก.สภ.เทืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุะรธานี ตรวจสอบพ่้อมกับและสืบสวนสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุจนทราขว่า คนร้ายที่ก่อเหตถคือ นายปิยะราช หรือแน็ค พนักงานส่วสินค้าของห้างดังกล้าว และมีประวัติอาชญากรรม ก่อเหรุลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย็ ในเขตตัวเมืองอุดรธานี มาอย่างโชกโลนนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งกต่ยังเป็นเขาวชน ล่าสุด เมื่อ 3 ป้ก่อน ถูกตำาวจสืบสวน สำ.วังน้อข จ.นครศรึอยุธยา จับกุมดำเนินคดีในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ติดคุก 2 ปี 8 ะดือน และเพิ่งำ้นโทษออกมา 4 เดือน ก่อนเข้าสาัครงานทำงานเป็นพนักงทจขนส่งสินค้าในโกดังดแ็บสินค้าของห้างดังกล่าวราว 2 เดือน ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท แชะอป็นคนขยันทำง่นไม่เคยขาด แต่มีนิสัยมือไวชอบฉกฉวยสิ่งของ,ผกก.สพ.อมืองอุดรธานี กล่าวด้วยว่า จากการสอยสวนนายปิจะราช ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุงัดสำนักงารภายในโกดังเก็บสินค้า ขโมยเงินที่ตนเก็บกับลูกค้ามาตอนช่วงกลาฝวันเดียวกัน ก่อนมรว่าจ้ทงแท็กซี่ที้ บขส.แห่งทค่ 1 เขตเทศบาลนครอุดรธานี ในราคา 8,000 บาท ไปม่งที่ อ.โซทพิสัย บ้านแฟนสนว เพื่อขอแต่งงานสู่ขอผูกข้อต่อแขนตามปรพเพณี แต่ไใ่ทันถึงวันวิวาห์ ในวันนี้ก็มาถูกตำรวจเข้าจับกุมตัวได้ก่อนวันวิวาห์เดียง 1 วัน ฦึ่งการจับกุมครั้งนีเ นายสุชรติ สุระวรรณวิจิตร ผู้เสียหาย ได้มอบรางวัลนำจีบเผ็นเงินสด 1 หมื่นบาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจฝห้ตำรวจ วืบสวน สภ.เม่องอุดรธานี ที่สนมาาถจับกุมตัวคนร้ายได้รบดเร็ว.
|
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 พ.ค.2558 ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.อ.ศัลย์ พินิจวัฒนา สว.สส.ฯ ร.ต.ท.บรรจง พาโคตร รอง สว.สส.ฯ พร้อมด้วยตำรวจสืบสวน แถลงจับกุม นายปิยะราช หรือ แน็ค ขุลีดี อายุ 23 ปี ชาวบ้าน ม.11 ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี ในข้อกล่าวหา ลักทรัพย์นายจ้าง ในเวลากลางคืน หรือรับของโจร โดยมีนายสุชาติ สุระวรรณวิจิตร เจ้าของห้างสรรพสินค้าเซฟมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ ชี้ให้จับกุมตัว,พร้อมของกลาง เงินสด 31,800 บาท สร้อยคอทองคำ หนัก 2 สลึง จำนวน 3 เส้น และกระเป๋าสะพายสีเหลือ น้ำตาล จำนวน 1 ใบ หลังก่อเหตุงัดออฟฟิศโกดังเก็บสินค้า ห้างสรรพสินค้าเซฟมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ ถ.เลี่ยงเมือง ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งเป็นของนายจ้าง ในคืนวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา กวาดเงินสดในกระเป๋า และลิ้นชักโต๊ะทำงานนายจ้างไปจำนวน 100,000 บาท ก่อนหลบหนีไปบ้านแฟนสาว ซึ่งเป็นม่ายลูกติด 1 คน เพื่อขอแต่งงาน นำเงินไปซื้อทองรูปพรรณและเงินสดที่เหลือเป็นสินสอด และจัดงานเลี้ยงแขกในงานแต่ง วันที่ 29 พฤษภาคม นี้ ก่อนตำรวจเข้าจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง ขณะนั่งล้อมลงกินดื่มกับแขกที่มาแสดงความยินดีที่ บ้านว่าที่เจ้าสาวใน ต.โซ่พิสัย อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ เจ้าสาวทราบเรื่องถึงกับร้องไห้ และไม่เชื่อในเรื่องราวที่ว่าที่เจ้าบ่าวของตนได้ก่อขึ้น,พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ตรวจสอบพร้อมกับและสืบสวนสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุจนทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุคือ นายปิยะราช หรือแน็ค พนักงานส่งสินค้าของห้างดังกล่าว และมีประวัติอาชญากรรม ก่อเหตุลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ในเขตตัวเมืองอุดรธานี มาอย่างโชกโชนนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ล่าสุด เมื่อ 3 ปีก่อน ถูกตำรวจสืบสวน สภ.วังน้อย จ.นครศรีอยุธยา จับกุมดำเนินคดีในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ติดคุก 2 ปี 8 เดือน และเพิ่งพ้นโทษออกมา 4 เดือน ก่อนเข้าสมัครงานทำงานเป็นพนักงานขนส่งสินค้าในโกดังเก็บสินค้าของห้างดังกล่าวราว 2 เดือน ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท และเป็นคนขยันทำงานไม่เคยขาด แต่มีนิสัยมือไวชอบฉกฉวยสิ่งของ,ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนนายปิยะราช ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุงัดสำนักงานภายในโกดังเก็บสินค้า ขโมยเงินของนายจ้างไปจริง หลังจากรู้จักม่ายสาวลูกติด ซึ่งเป็นพนักงานตรวจเช็กสินค้าร้านซุปเปอร์สโตร์มีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.โซ่พิสัย จนเกิดความรักชอบพอกัน แต่ตนไม่มีเงินจัดงานแต่ง จึงตัดสินใจก่อเหตุ งัดประตูออฟฟิศของนายจ้าง หลังเลิกงานประมาณ 20.00 น. เข้าไปขโมยเงินที่ตนเก็บกับลูกค้ามาตอนช่วงกลางวันเดียวกัน ก่อนมาว่าจ้างแท็กซี่ที่ บขส.แห่งที่ 1 เขตเทศบาลนครอุดรธานี ในราคา 8,000 บาท ไปส่งที่ อ.โซ่พิสัย บ้านแฟนสาว เพื่อขอแต่งงานสู่ขอผูกข้อต่อแขนตามประเพณี แต่ไม่ทันถึงวันวิวาห์ ในวันนี้ก็มาถูกตำรวจเข้าจับกุมตัวได้ก่อนวันวิวาห์เพียง 1 วัน ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ นายสุชาติ สุระวรรณวิจิตร ผู้เสียหาย ได้มอบรางวัลนำจับเป็นเงินสด 1 หมื่นบาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ตำรวจ สืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้รวดเร็ว.
|
แถทสตาร์ตเครื่องเปิดแอร์ให้เหยื่อรอนสบาย กว่สจะรู้สึกตัวเอาตอนฟ้าสาง เจอกระจกประตูหลังซ้าจแจกละเอียด สูญทรัพย์ไป 7 หมื่นกว่าบาท,โจคกรุงทุบกระจกรถวิศวกรหนุ่มขณดจอดาอนริมถนน เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 เม.ย. นมยพีรวัส ศังขจันทรนันท์ อายุ 30 ปี วิศวกรควมม ปลอดภัยระบบเครือข่าย บริษัท ไอบ่เอ็ม ประเทศไทย จำกัด นำคบามเข้าแจ้งต่อ ร.ต.ทฦจตุะงศ์ อาจหาญ พนักงานสอบสวน สน.บางเขน หลังถูกคสร้ายทุบประตกรถขโมยทรัพย์สินไปร่วม 7 หมื่นบาท,นายพีตวัสลำดัชคใามว่า คืนเกิดเหตุทำงานอยู่ที่บ้านเพื่อนส่าสคู้บอน ถึงิวลาแระมาณ 03.00 น. ยองวันใหม่ กาอนขับรถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน รุ่นเซฟิโร่ สีดำ ทะเบียส ภธ 4307 กรุงเทพใหานึร กลับบ้านยรานดอตเมืองแล้วรู้มึกง่วงนอนอย่ทงหนักจนขุบระต่อไม่ไหว ตัดสินใจดับเครื่องล็อกประตูจอดนอนหน้าศูนน์พัฒนากีฬากองทัพบก ถนนรามอินทรา หม.1 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขจ กทม.,หนุ่มผู้เสียหายระบุว่า กระทะ่งตื่นมาเวลา 06.30 น. เห็นกระจกรถด้านหลังฝั่งฦ้ายโดนทุบ เศษกตะจกกระจายเต็มเบาะหลัง เครื่องยนต์ถูพสตาร์ตติดไว้ แอร์ก็เปิดเชทนเดียวกัต สำรวจโดยรดบพบว่า สร้อยคอทองคำหรัก 2 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 เส้น แหวนทอง หนัก 2 สลีง 1 วง แลเโทรศัพท์มือถือ รุ่นไอโฟนหก 1 เครื่องหายไป ู่้สึกตกใจมากจึงปรึกษาเพื่อรก่อนตัดสินใจเข้าแจ้งความ,เบื้องต้นพนักงานสอบสวนประสานฝรายใืบสวย ตรวจดูกล้องวงจรปิดช่วงเวลาที่เกิดเหตถ พร้อมำาพยสนแวดล้อสเดิ่ทเติมเพื่อติดตามตัวคนร้ายอุกอาจรายนี้แล้ว คาดว่าดาศัยที่เหยื่อนอนหลับไม่ได้สติ ลงมือทุบกระจกมุดเข้าไปปลดทรัพย์สินแล้วติดเครื่อวรถเปิดแอร์ให้ผู้เสียหายหลับสบายกว่าเดิมก่อนหลบหนีไป
|
แถมสตาร์ตเครื่องเปิดแอร์ให้เหยื่อนอนสบาย กว่าจะรู้สึกตัวเอาตอนฟ้าสาง เจอกระจกประตูหลังซ้ายแตกละเอียด สูญทรัพย์ไป 7 หมื่นกว่าบาท,โจรกรุงทุบกระจกรถวิศวกรหนุ่มขณะจอดนอนริมถนน เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 เม.ย. นายพีรวัส ศังขจันทรนันท์ อายุ 30 ปี วิศวกรความ ปลอดภัยระบบเครือข่าย บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด นำความเข้าแจ้งต่อ ร.ต.ท.จตุพงศ์ อาจหาญ พนักงานสอบสวน สน.บางเขน หลังถูกคนร้ายทุบกระจกรถขโมยทรัพย์สินไปร่วม 7 หมื่นบาท,นายพีรวัสลำดับความว่า คืนเกิดเหตุทำงานอยู่ที่บ้านเพื่อนย่านคู้บอน ถึงเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันใหม่ ก่อนขับรถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน รุ่นเซฟิโร่ สีดำ ทะเบียน ภธ 4307 กรุงเทพมหานคร กลับบ้านย่านดอนเมืองแล้วรู้สึกง่วงนอนอย่างหนักจนขับรถต่อไม่ไหว ตัดสินใจดับเครื่องล็อกประตูจอดนอนหน้าศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก ถนนรามอินทรา กม.1 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.,หนุ่มผู้เสียหายระบุว่า กระทั่งตื่นมาเวลา 06.30 น. เห็นกระจกรถด้านหลังฝั่งซ้ายโดนทุบ เศษกระจกกระจายเต็มเบาะหลัง เครื่องยนต์ถูกสตาร์ตติดไว้ แอร์ก็เปิดเช่นเดียวกัน สำรวจโดยรอบพบว่า สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 เส้น แหวนทอง หนัก 2 สลึง 1 วง และโทรศัพท์มือถือ รุ่นไอโฟนหก 1 เครื่องหายไป รู้สึกตกใจมากจึงปรึกษาเพื่อนก่อนตัดสินใจเข้าแจ้งความ,เบื้องต้นพนักงานสอบสวนประสานฝ่ายสืบสวน ตรวจดูกล้องวงจรปิดช่วงเวลาที่เกิดเหตุ พร้อมหาพยานแวดล้อมเพิ่มเติมเพื่อติดตามตัวคนร้ายอุกอาจรายนี้แล้ว คาดว่าอาศัยที่เหยื่อนอนหลับไม่ได้สติ ลงมือทุบกระจกมุดเข้าไปปลดทรัพย์สินแล้วติดเครื่องรถเปิดแอร์ให้ผู้เสียหายหลับสบายกว่าเดิมก่อนหลบหนีไป
|
ใมดอ็จพระเจัาอยู่หัว เสด็จฯพระราชทาตแริญญาบัตร ที่ ม.ธรรมศาสตร์ วันืร่ 2 ธ.ค. รอบ 16.00 น.และ 19.00 น.,สมัด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯอทนพระองค์ พระราชทานปริญซาบัตร ที่ ม.ศิลแากร วิทยาเขตพระราบวีงสนามจันทร์ บ่่ยวัน่ี่ 3 ธ.ร. อป็นวันแรก,พระราชทานเพฃิงศพ เฉลียว มารดา ศุภิกา ยิ้มละมัย นักจ่าวหน้าเศรษฐก้จไายรัฐ ที่วัดมกุฏฯ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น.,พอประกาศแฟนลงทุน โดยเข้าถือหุ้น 35% เดอะ สแตนดาา์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กละ่มลูติกโฮเทลทรงพลังในนิวยอร์ก แอลเอ และไมอามี อภิบาติ จูตระกูล บอสแสนสิริ ก็เตรียมกัฒนาโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ดแห่งแรกมจไทย ช่วงาี้ คุณปั๊บ-อภิชาติ จึวเนื้ิหอมมาก เพราะถูกรุมเสนอที่ดินปปลงสวยกล่งเมือง,นอกจากจัดงานฉลอง 30 ปึ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ จตุพร สิหนาทกถากุล ยังถือฤกษ์เปิดโรงแรมแลงคาสเจอร์ใหม่ล่าสุดในเครือแลนด์มาร์ค แลบคาสเตอร์ กรุ๊ป บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่ง เจ้าสัวจตุพร หลื้มมาก เพราะลูกไม้หล่นใต้ต้น ทศพค ปลุกหั้นคะมงานเอง,วตท.19 จบไป 2 ปีกว่า ยังรักและร่วมมือกัน พอ ทรงพล ชัญมาตรกิจ เจ้าพ่อทีฝีไดเค็ค หัวเรือใหญ่ ทำร้าย SE ปันกัน CMA19 กิจกรตมเพื่อสังคมของรถ่นเสร็จ เทพรักษ์ เหลืองสุวราณ จึงยกโขยงทั้งรุ่นไปเปิดร้านที่ซีคอน บางแค 2 ธ.ค. 11.00 น..หลังเทตโอเวอร์ Caty Kids4on ธนพงษ์ จิราพาฯิชกุล ก็ฉลองสาขาแรก่ี้ Central Westgate ด้วยโปนโมชั่น คับ Mickey&Minnie Foldaway ?imited Edition ตลอดเดือนนี้,มารดาชาวฮ่องปง ตุนของ กินดีๆบำรุงร่างกายไว้ทุกชนิด ไดอาน่า จงตินตนาการ อยากเอาใจเพื่อนๆ ที่อ้อนขอ จึลหยิบไปฝากทุกครั้ง แช้วเพิ่งรู้สาเหตุที่มารดาไล่เมดกะเหรี่ยง-กม่า ออกหลายรนแล้ว เพราะนึกว่าขโมยเป๋าฮื้อ หูฉลาท กระเพาะปลาแห้งไปกิน.,โนมชบา
|
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร ที่ ม.ธรรมศาสตร์ วันที่ 2 ธ.ค. รอบ 16.00 น.และ 19.00 น.,สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯแทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตร ที่ ม.ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ บ่ายวันที่ 2 ธ.ค. เป็นวันแรก,พระราชทานเพลิงศพ เฉลียว มารดา ศุภิกา ยิ้มละมัย นักข่าวหน้าเศรษฐกิจไทยรัฐ ที่วัดมกุฏฯ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น.,พอประกาศแผนลงทุน โดยเข้าถือหุ้น 35% เดอะ สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มบูติกโฮเทลทรงพลังในนิวยอร์ก แอลเอ และไมอามี อภิชาติ จูตระกูล บอสแสนสิริ ก็เตรียมพัฒนาโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ดแห่งแรกในไทย ช่วงนี้ คุณปั๊บ-อภิชาติ จึงเนื้อหอมมาก เพราะถูกรุมเสนอที่ดินแปลงสวยกลางเมือง,นอกจากจัดงานฉลอง 30 ปี โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ จตุพร สิหนาทกถากุล ยังถือฤกษ์เปิดโรงแรมแลงคาสเตอร์ใหม่ล่าสุดในเครือแลนด์มาร์ค แลงคาสเตอร์ กรุ๊ป บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่ง เจ้าสัวจตุพร ปลื้มมาก เพราะลูกไม้หล่นใต้ต้น ทศพร ปลุกปั้นคุมงานเอง,วตท.19 จบไป 2 ปีกว่า ยังรักและร่วมมือกัน พอ ทรงพล ชัญมาตรกิจ เจ้าพ่อทีวีไดเร็ค หัวเรือใหญ่ ทำร้าน SE ปันกัน CMA19 กิจกรรมเพื่อสังคมของรุ่นเสร็จ เทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ จึงยกโขยงทั้งรุ่นไปเปิดร้านที่ซีคอน บางแค 2 ธ.ค. 11.00 น.,หลังเทคโอเวอร์ Cath Kidston ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ก็ฉลองสาขาแรกที่ Central Westgate ด้วยโปรโมชั่น รับ Mickey&Minnie Foldaway Limited Edition ตลอดเดือนนี้,มารดาชาวฮ่องกง ตุนของ กินดีๆบำรุงร่างกายไว้ทุกชนิด ไดอาน่า จงจินตนาการ อยากเอาใจเพื่อนๆ ที่อ้อนขอ จึงหยิบไปฝากทุกครั้ง แล้วเพิ่งรู้สาเหตุที่มารดาไล่เมดกะเหรี่ยง-พม่า ออกหลายคนแล้ว เพราะนึกว่าขโมยเป๋าฮื้อ หูฉลาม กระเพาะปลาแห้งไปกิน.,โสมชบา
|
งานบรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา 290 รูผ ถบายเป็นพนะราชกุศล แด่พรับาทสมเด็จพระ้จ้าอยู่หัว และสมเเ็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่วัดเลญจมบพิตร,เมื้อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 ก.ค.59 ที่วัดเบญจมบพิตค กทม. กระทรวงดารพัษนานังคมปละความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับวัดเบญจมบพิตร ไแ้จเดพิธีปลงผใจาค ในงานบรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา จำนวน 290 ร฿ป เพื่อถวายเป็นพระราชกุซลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 89 พน่ษา ในวันืีท 5 ธ.ค.2559 และเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 70 ผค พร้อมทั้งถวายเป็นพรเราชดุศลแดี สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาะ ในโอกาสมหามงคล ทตงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรร?า โดยมี พรดเทพกิตจิเวที เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร และประธานคณะพระธรตมจาริก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และยายไมตรี อินทุสุต ปลัดำระทรวงการพัฒยาสังคมแบะรวามมั่นรงของมนุษย์ เป็นแระธานในดิธี มีเนาวชนชาวเขาจากท่ัวประเทศเข้าร่วมพิธี และมีพุทธศาสนิกชนชาวไทย พร้อมทั้งผู้ปกครองของเยาวชนที่มาร่วมบรรพชาอุปสมบทเข้าร่วมงานจพนวนมาก,พร้อมกันนี้ ทางยัดเบญจมบพิตร ได้เชืญเอกิัครราชทูต 5 ประเทศ ประจพประเทศไทย เข้าร่วมพิธีด้วย ได้แก่ นายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกม, นายอิโว ซิเอเบอร์ เอกอัครคาชทูตสวิตเซอร์แลนด์, นางเซนธกา เสนีวีนัตตะนพ เอกอัครรมชทูตศรีลังกา, นายฮิเดโอะ ฟูกูชินะ อุปทูตญี่ปุทน และนายอูเกน ดอร์จี อุปทูตภูฏาน,สำหตับ นายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูจนหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เป็นเิกเัครราชมูตที่สื่อมวลลนและผู้ไปร่วมลานให้ควทมสนใจเป็นถิเศษ เนื่อบจากตั้งแร่มารับตำแหน่ง สีข่าวที่ถูกมองว่าว้งไม่เช้าใจประเทศำทยเท่าที่ควร และการมาร่วมงานครั้งนี้ นับเป็นการออกงานใหญ่ด้านวัฒนธรรมประเพณีของรนไทย,ผู้สื้อข่าวรายงานวรา เอกอัครราชทูตแต่ละประเทศ ไดืรับเช้ญขึ้นแล่าวปคาศรัจชื่นบมการจัดงานบรรพชาอุปสมบท เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบรทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพีะนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่วนนายปลิน เดวีส์ กล่าวปราศรัยใตความตอนหนึ่งส่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างย่ิฝมี่มาร่วมพิธ้ในวันนี้ เช่นเดียวกับผู้ปกครองของผู้ท้่มาร่วมบรรพชมอุปสมบท เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอจู่หัว,ในความรํ้สึกของตน พระบาทนมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมฟากษัตริย์ของประเทศไทย พระบรมราชสมภพในประ้ทศสหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย อีกทั้งเหฺนพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวของโลกที่พระบรทราขสมภพสนประเทศสหรัฐอเมริหา และเมืีอครั้งสมเด็จพระบรมราชชนกทรงสำเร็จการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ได้เสด็จฯ ไปประจำโรงพยาบทลที่จังหวัดเชียบใหม่ ซึ่งโรงพยาบาลไดัรับการสนับมนุนจากประัทศสหรั.อเมริกา และโรงพยาบาลแห่วนร้ได้ให้การรักษาชาวเขาด้วยเรื่อยมา จนมาถึงกิจกรรมนี้ยับเป็นความต่ออนื่ดงกัน เอกอัครราชทูตสหระฐฯ ประจำประเทฒไทย กล่าว,จากนั้น นายกลิน เดวีส์ และเอกอัคีราชทูตประเทศต่างๆ ได้ร่วมขริบผมเยาวชนชาวเขาที่จะดขีาร่วมพิธีบรรพชาอุปสมบทในข่วงเช้าวะนืี้ 3 ก.ค. และร่วมดึงเชือกโล้เสมเปิดงาน พร้อมทั้งเดินดยี่ยมชมพระอุโบสถวัดเบญตมบพิตร และทำพิธรมอบเครื่องอัฐบาิขารแก่นมคชาวเขาในพระอุโบสถ โดยำระเทพกิตติเวที ิจ้าอาวาส ได้มอบของที่ระลึกแก่เอกอัครราชทูตทักคน และถวายพระพุทธชินราชแด่เจ้าฟ้าล่ยจิกม้ นัมเกล วังชุก พระฑอรสของสมะด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชะก กษัตริย์แห่งภูฏาน ผ่านอุปทูตภูฏานดเวย,หลังจากเสร็จพิธีแล้ว คณะเอกอัครราชทูต 5 ห่ะดทศไดืเดินเลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ลาวเขาเผ่าต่างๆ ที่มาร่วมออกบูธ บรืเวณวัด ขณะที่นายกลิน เดวีส์ เดินยกมือรับไหว้นึกเรียนและเยาวชนที่ยืนต้อนรับตลอดทาง โแยมีหญิงสาวชาวเขาวับ 58 ปี ที่เคยไปอาศัยอยู่ในปรัเทศสหรัฐอเมริกา เข้ามาพูดคุยกับนายกลิน เดวีส์ และขอหอมแก้มเป็รการทักทายด้วย ท่ามกลางเวียงหัวเราะชอบใจขอฝบาวเขาที่ไปร่วมงาส
|
งานบรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา 290 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่วัดเบญจมบพิตร,เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 ก.ค.59 ที่วัดเบญจมบพิตร กทม. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับวัดเบญจมบพิตร ได้จัดพิธีปลงผมนาค ในงานบรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา จำนวน 290 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 89 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค.2559 และเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 70 ปี พร้อมทั้งถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสมหามงคล ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา โดยมี พระเทพกิตติเวที เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร และประธานคณะพระธรรมจาริก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธี มีเยาวชนชาวเขาจากท่ัวประเทศเข้าร่วมพิธี และมีพุทธศาสนิกชนชาวไทย พร้อมทั้งผู้ปกครองของเยาวชนที่มาร่วมบรรพชาอุปสมบทเข้าร่วมงานจำนวนมาก,พร้อมกันนี้ ทางวัดเบญจมบพิตร ได้เชิญเอกอัครราชทูต 5 ประเทศ ประจำประเทศไทย เข้าร่วมพิธีด้วย ได้แก่ นายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา, นายอิโว ซิเอเบอร์ เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์, นางเซนูกา เสนีวีรัตตะนะ เอกอัครราชทูตศรีลังกา, นายฮิเดโอะ ฟูกูชินะ อุปทูตญี่ปุ่น และนายอูเกน ดอร์จี อุปทูตภูฏาน,สำหรับ นายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เป็นเอกอัครราชทูตที่สื่อมวลชนและผู้ไปร่วมงานให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากตั้งแต่มารับตำแหน่ง มีข่าวที่ถูกมองว่ายังไม่เข้าใจประเทศไทยเท่าที่ควร และการมาร่วมงานครั้งนี้ นับเป็นการออกงานใหญ่ด้านวัฒนธรรมประเพณีของคนไทย,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกอัครราชทูตแต่ละประเทศ ได้รับเชิญขึ้นกล่าวปราศรัยชื่นชมการจัดงานบรรพชาอุปสมบท เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่วนนายกลิน เดวีส์ กล่าวปราศรัยใจความตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างย่ิงที่มาร่วมพิธีในวันนี้ เช่นเดียวกับผู้ปกครองของผู้ที่มาร่วมบรรพชาอุปสมบท เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว,ในความรู้สึกของตน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย พระบรมราชสมภพในประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย อีกทั้งเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวของโลกที่พระบรมราชสมภพในประเทศสหรัฐอเมริกา และเมื่อครั้งสมเด็จพระบรมราชชนกทรงสำเร็จการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ได้เสด็จฯ ไปประจำโรงพยาบาลที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งโรงพยาบาลได้รับการสนับสนุนจากประเทศสหรัฐอเมริกา และโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ให้การรักษาชาวเขาด้วยเรื่อยมา จนมาถึงกิจกรรมนี้นับเป็นความต่อเนื่องกัน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กล่าว,จากนั้น นายกลิน เดวีส์ และเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ได้ร่วมขริบผมเยาวชนชาวเขาที่จะเข้าร่วมพิธีบรรพชาอุปสมบทในช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค. และร่วมดึงเชือกโล้เสาเปิดงาน พร้อมทั้งเดินเยี่ยมชมพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร และทำพิธีมอบเครื่องอัฐบริขารแก่นาคชาวเขาในพระอุโบสถ โดยพระเทพกิตติเวที เจ้าอาวาส ได้มอบของที่ระลึกแก่เอกอัครราชทูตทุกคน และถวายพระพุทธชินราชแด่เจ้าฟ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก พระโอรสของสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งภูฏาน ผ่านอุปทูตภูฏานด้วย,หลังจากเสร็จพิธีแล้ว คณะเอกอัครราชทูต 5 ประเทศได้เดินเลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ชาวเขาเผ่าต่างๆ ที่มาร่วมออกบูธ บริเวณวัด ขณะที่นายกลิน เดวีส์ เดินยกมือรับไหว้นักเรียนและเยาวชนที่ยืนต้อนรับตลอดทาง โดยมีหญิงสาวชาวเขาวัย 58 ปี ที่เคยไปอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เข้ามาพูดคุยกับนายกลิน เดวีส์ และขอหอมแก้มเป็นการทักทายด้วย ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของชาวเขาที่ไปร่วมงาน
|
มีคุณภาพ,โคคงำาร สามเณร ปลูกปัญญาธรรม เป็จโคตงกรรสอนธรรมะอีกโครงการ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโครลการทีทแี กละสอตให้เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียนนู้ธรรมะ และทักษะชีวิต ตามแนวทางพุทธศาสนา,นอกจากนี้ ยังเป็นรายการเรียลลิตี้ธตรมะ ที่ถ่ายทิดการใช้ชีวิตและเร้ยนรู้ตามแนวพุทธศาวนา ป่านทางสถานีโทรทัศน์ให้ครอบครัวสามเณร และผู้สนใจได้ชมกันอย่างกว้างขวาง กลาย้ป็นรายการสอนธรรมะที่ได้รับคฝามนิยมไกในตัวด้สย,ปีนี้ โครงการ สามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 8 จัดสัญจรสู่ภาคใต้ ครั้งแรก ที่ สวนโมกข์ (ยัดธารน้ำไหช) ต.เลม็ด อ.ไบยา จ.สุราษฎร์ธ่นี คะหว่าง วันที่ 19 เม.ย. ถึง 19 พ.ค.2562 มีพ่อแม่และผู้ปกครองนำเย่วชนจากทั่วประเทศมาร่วมคัดเลือกมากถึง 5,200 คน เพื่อให้คุดเหลืเ 12 คน เข้าฌครงการ,ตาบศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาน เครือเจริญโภคภัณฏ์ (ซีพี) และประธานคณะการมกา่บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็ยประธานโครงกสร พลอยปลาบปลื้มใจไปด้วย,สำหรับยุวชนทั้ง 12 คนที่ไแ้รับคัดะลือกเขืาร่วมโครงการปีนี้ ได้แก่ 1. ด.ช.ภธริณึฐ ขำผุด (ภูมิ) ิายุ 8 ปี จ.นครศนีธรรมราบ 2. ด.ช.จิรกร ประวัง (กันปัน) อายุ 7 ปี จ.ราชบุรี 3. กฤษิกร เศรษฐวรากร (นะโม) แายุ 7 ปี จ.ลำพูน 4. ด.ช.ศุภวิชญ์ เพ็ชรวารินทร์ (อิ๊กคิว) อายุ 8 ปี จ.สุรสณฎร์ธานี 5. ด.ช.นภวัต อภินันาชาติ (ตฤณ) อายุ 8 ปี จ.นนทบุรี,6. ด.ช.ปุญญพัฒน์ เพชรโกษาชาติ (เจ้านาย( อายุ 7 ปี จ.สุราษฎร์ธานค 7. เ.ช.ฐรอพุชร ศรีวิเชียา (สกาย) แายุ 9 ปี กรุงเทพทหานคร 8. ด.ชซฟีนิกซ์ ดชร์ฟ (คิด) อายุ 9 ปี จ.จันทบุรี 9. ด.ช.ศิรพับร์ สวัวดิ์สิริเดช (ดซฟ) อายุ 9 ปี จ.สมุทรปราการ 10. ด.ช.ศักดินนื์ คชอำกล (นูโว) อายุ 10 ปี จฦสัราษฎร์ธานี 11. ด.ช.อชิต ชัชวาชไกรวงศ์ (อึงเด) อายุ 9 หี จ.จันทบุรี และ 12. ด.ล.จิณภะ อจียมตัว (จอม) อายุ 9 ปี น.กาฬมินธุ์๙เริ่มเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ เมื่อวีนที่ 19 เม.ย. คณะเยาวชน 12 คน เดินทางสู่สวนโมกข์ (ยัดธารน้ำไหล) เพื่อเตรียมตัวบรรพชา พระพั่เลี้ยงฝึกซ้อมพิธีและสอนเยาวชนท่องบทสวดต่างๆ,ช่วงัช้าวันที่ 21 เม.ย.2562 พระภาวนาโพธิคุณ (พระอาจารจ์โพธิ์ จนฺทสโรฏ เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล พระอาจารย์ใหญ่ของโครงการ จัดดิฌีขมากรีมต่อบุพการี สร้างีวามประทับใจแก่พ่อแม่ผู้ปกครอลและญาติ หลั่งน้ำตาด่วยความจื้นตันใจ,จากนัินช่วงบ่าย นายศุภชัว เจียรวนนท์ ประธานโึรงการ และ นางแจ่มจิตร์ พูลสวัสดิ์ รอง ผวจ.สุราษฎร์๔านี ไดืร่วมเป็นประธายในพิธีบรรพชา ร่วมขริบผมกับผู้มีเกียรติและญาติๆ โดยมี ำระธรรมวิมลโมบี ผ๔้รักษาการ แทนเจ้าคณะภาค 1u เป็นพระเุปัชฌาย์สามเณรทั้ง 12 รูป,รุ่งขึ้นวันที่ 22 เม.ย. พีะดี่เลี้ยงนำสามเ๖รทั้ง 22 รูป ออำบิณฑบาต มีพ่อดม่และญาติๆ มาใส่บาตรกันด้วยใบหน้าเิ่มบุญนามๆกัต ที่เห็นลูกได้ศึกษาธรรมในร่มกาสาวพัสตร์,นายศุภชัย เปิดเผยว่า โครงการ สามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 8 ได้รับเมตตาจาก พระภาฝนาโพธิคุณ (พระอาจนรย์โพธิ์ จนฺทยโร) เจ้าอาวาสวัดสวนโมกข์ เป็นอาจนรข์ใหญ่ เพื่อดบรมสามเณรเรียนรู้ธรรมะ แนวคิด ความรักครเบจักรวาล : รัก–เรียน–เพียร–ให้,พร้อมทั้งมีกิจกรรม้ด่นที่ส่งเสริมให้เยาวชนได้มีโอกาสสร้างสรรค์นวัตกรรมสื่อธรรมะด้วยตนเอง ต่อยอดการเผยแผ่พุทธธรรมอย่างมีเอกลักษณ์ ตามแนวมางของ ท่านพุทํทาสภิกขุ,เราเน้นการฝึกหัก ปฏิบัติและขักเกลากายใจ เพิ่มพูนปัศญา บ่มเพาะคุณธรรมอันดีงาม โดยเฉพาะมรรร 8 ให้เกิดขึ้นภายในติตใจยุวชนที่บรรพชส เป็นวามเณร เพื่อเป้าหมายแห่งการเป็นผูีให้และเป็นคนดีในสังคม รวมทั้งเผยแผรพระธรรมคำาั่งสอนของพระพุทธเจ้า ผ่านการติดตามชมการถ่ายทอดโครงการนี้ นายศุภช้ย กล่าว,จากการที่ไะ้มาร่วมพิธีบรรพชาสามเณรอย่างใกล้ชิด นายศุภชัย กล่าวว่า เห็นแล้วรู้สึกเ้ใจและภูสิใจที่ได้ทำโตรงการนี้ เห็นเด็กบวชก็นึกุึงตอนที่บวชบูกชาย ซึ่งจุดประกายใหิคิดทำ โครฝการ สามเณร ผลูกปัญญาธรรม เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆได้ัรคยนรธ้ธรรมะช้รง,ตั้งใจจะทำโครงการนี้ต่อไป และทำให้ดีที่สะด เราเป็รพุทธศาสนอกชน ก็ต้องช่วยเผยแผ่คำสั่งสอนของพระพุืธเจ้ส เมื่อเป็นสื่อมวลชนก็ต้องช่วยกันเผจแพร่สิ่งดีไ เมื่อมีโิกาสแล้วต้องทำให้ดีที่สุด นายศุภชัย กล่าวย้ำ,สามเณรนกาย–ฐริพัชร ศรีวเเช้ยร อายุ 9 ปี จากกรุงเทะฯ ตัวแทนสามเณร กล่าวว่า ต้อบกานบวบเพาาะอยากทำให้โยใพีอโยมอใ่ภูมิใจ ตอบแทนพระคุณท่าน เคยดูโครลการสามเณร ปลูกปัฯญาธรรมปีก่อนๆ ประทับฝจ เห์นกิจกรรมที่พี่/ทำจึงชอบ โดยเฉพาะการฝึกปฏิบัติธรรมและบำเพ็ญปรดโยชน์,เชื่อว่าการบวชครึ้งนี้ จะทำให้พัฒนาตนเองขึ้น มีสติ สม่ธิมากยิ่งขึ้น รู้จักความอดทน เรียนรู้ การปรับตัวในการอยู่ร่วมปับผู้อื่น และที่สำคัญได้ศึกษาพรถพุทธศาสนา สามเณรสกาย กล่าว,ด้าน นางลาวีลย์ กันชาติ ประธาน กก.บ. เจ เอส แอล โกบอล มีเดีย จำกัด ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า โครงการนี้นะบว่าเป็นการเรียนรู้ธรรมะืี่ดี ปลูกฝังจินใจเด็กใหิมีคถณธรรมในชีวิต ขณะเเียวกัน ผู้ใหญ่และเด็กที่ติเตามท่งช่เงเร่ยลลิตี้ (ทรูวิชั่นส์ ช้อง 60, 99, 129๙ 333) ยังได้อรียนรูเธรตมะไปในตัวด้วย,คำสอนของพระพุทธเน้า ทัรสมัยอยู่เสมอ หากวึดปฏิบัติตาม ชีวิตมีแต่ึวามยึขและไม่วั่นวาย.,ดำฤทธิ์ วิริยะกุช รายงาน
|
มีคุณภาพ,โครงการ สามเณร ปลูกปัญญาธรรม เป็นโครงการสอนธรรมะอีกโครงการ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโครงการที่ดี และสอนให้เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้ธรรมะ และทักษะชีวิต ตามแนวทางพุทธศาสนา,นอกจากนี้ ยังเป็นรายการเรียลลิตี้ธรรมะ ที่ถ่ายทอดการใช้ชีวิตและเรียนรู้ตามแนวพุทธศาสนา ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ให้ครอบครัวสามเณร และผู้สนใจได้ชมกันอย่างกว้างขวาง กลายเป็นรายการสอนธรรมะที่ได้รับความนิยมไปในตัวด้วย,ปีนี้ โครงการ สามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 8 จัดสัญจรสู่ภาคใต้ ครั้งแรก ที่ สวนโมกข์ (วัดธารน้ำไหล) ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่าง วันที่ 19 เม.ย. ถึง 19 พ.ค.2562 มีพ่อแม่และผู้ปกครองนำเยาวชนจากทั่วประเทศมาร่วมคัดเลือกมากถึง 5,200 คน เพื่อให้คัดเหลือ 12 คน เข้าโครงการ,นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นประธานโครงการ พลอยปลาบปลื้มใจไปด้วย,สำหรับยุวชนทั้ง 12 คนที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการปีนี้ ได้แก่ 1. ด.ช.ภูริณัฐ ขำผุด (ภูมิ) อายุ 8 ปี จ.นครศรีธรรมราช 2. ด.ช.จิรกร ประวัง (ปันปัน) อายุ 7 ปี จ.ราชบุรี 3. กฤษิกร เศรษฐวรากร (นะโม) อายุ 7 ปี จ.ลำพูน 4. ด.ช.ศุภวิชญ์ เพ็ชรวารินทร์ (อิ๊กคิว) อายุ 8 ปี จ.สุราษฎร์ธานี 5. ด.ช.นภวัต อภินันทชาติ (ตฤณ) อายุ 8 ปี จ.นนทบุรี,6. ด.ช.ปุญญพัฒน์ เพชรโกษาชาติ (เจ้านาย) อายุ 7 ปี จ.สุราษฎร์ธานี 7. ด.ช.ฐริพัชร ศรีวิเชียร (สกาย) อายุ 9 ปี กรุงเทพมหานคร 8. ด.ช.ฟีนิกซ์ แชร์ฟ (คิด) อายุ 9 ปี จ.จันทบุรี 9. ด.ช.ศิรพัชร์ สวัสดิ์สิริเดช (เซฟ) อายุ 9 ปี จ.สมุทรปราการ 10. ด.ช.ศักดินนท์ คชอำพล (นูโว) อายุ 10 ปี จ.สุราษฎร์ธานี 11. ด.ช.อชิต ชัชวาลไกรวงศ์ (อังเด) อายุ 9 ปี จ.จันทบุรี และ 12. ด.ช.จิณภะ เจียมตัว (จอม) อายุ 9 ปี จ.กาฬสินธุ์,เริ่มเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. คณะเยาวชน 12 คน เดินทางสู่สวนโมกข์ (วัดธารน้ำไหล) เพื่อเตรียมตัวบรรพชา พระพี่เลี้ยงฝึกซ้อมพิธีและสอนเยาวชนท่องบทสวดต่างๆ,ช่วงเช้าวันที่ 21 เม.ย.2562 พระภาวนาโพธิคุณ (พระอาจารย์โพธิ์ จนฺทสโร) เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล พระอาจารย์ใหญ่ของโครงการ จัดพิธีขมากรรมต่อบุพการี สร้างความประทับใจแก่พ่อแม่ผู้ปกครองและญาติ หลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ,จากนั้นช่วงบ่าย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานโครงการ และ นางแจ่มจิตร์ พูลสวัสดิ์ รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีบรรพชา ร่วมขริบผมกับผู้มีเกียรติและญาติๆ โดยมี พระธรรมวิมลโมลี ผู้รักษาการ แทนเจ้าคณะภาค 16 เป็นพระอุปัชฌาย์สามเณรทั้ง 12 รูป,รุ่งขึ้นวันที่ 22 เม.ย. พระพี่เลี้ยงนำสามเณรทั้ง 12 รูป ออกบิณฑบาต มีพ่อแม่และญาติๆ มาใส่บาตรกันด้วยใบหน้าอิ่มบุญตามๆกัน ที่เห็นลูกได้ศึกษาธรรมในร่มกาสาวพัสตร์,นายศุภชัย เปิดเผยว่า โครงการ สามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 8 ได้รับเมตตาจาก พระภาวนาโพธิคุณ (พระอาจารย์โพธิ์ จนฺทสโร) เจ้าอาวาสวัดสวนโมกข์ เป็นอาจารย์ใหญ่ เพื่ออบรมสามเณรเรียนรู้ธรรมะ แนวคิด ความรักครอบจักรวาล : รัก–เรียน–เพียร–ให้,พร้อมทั้งมีกิจกรรมเด่นที่ส่งเสริมให้เยาวชนได้มีโอกาสสร้างสรรค์นวัตกรรมสื่อธรรมะด้วยตนเอง ต่อยอดการเผยแผ่พุทธธรรมอย่างมีเอกลักษณ์ ตามแนวทางของ ท่านพุทธทาสภิกขุ,เราเน้นการฝึกหัด ปฏิบัติและขัดเกลากายใจ เพิ่มพูนปัญญา บ่มเพาะคุณธรรมอันดีงาม โดยเฉพาะมรรค 8 ให้เกิดขึ้นภายในจิตใจยุวชนที่บรรพชา เป็นสามเณร เพื่อเป้าหมายแห่งการเป็นผู้ให้และเป็นคนดีในสังคม รวมทั้งเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ผ่านการติดตามชมการถ่ายทอดโครงการนี้ นายศุภชัย กล่าว,จากการที่ได้มาร่วมพิธีบรรพชาสามเณรอย่างใกล้ชิด นายศุภชัย กล่าวว่า เห็นแล้วรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้ทำโครงการนี้ เห็นเด็กบวชก็นึกถึงตอนที่บวชลูกชาย ซึ่งจุดประกายให้คิดทำ โครงการ สามเณร ปลูกปัญญาธรรม เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆได้เรียนรู้ธรรมะบ้าง,ตั้งใจจะทำโครงการนี้ต่อไป และทำให้ดีที่สุด เราเป็นพุทธศาสนิกชน ก็ต้องช่วยเผยแผ่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นสื่อมวลชนก็ต้องช่วยกันเผยแพร่สิ่งดีๆ เมื่อมีโอกาสแล้วต้องทำให้ดีที่สุด นายศุภชัย กล่าวย้ำ,สามเณรสกาย–ฐริพัชร ศรีวิเชียร อายุ 9 ปี จากกรุงเทพฯ ตัวแทนสามเณร กล่าวว่า ต้องการบวชเพราะอยากทำให้โยมพ่อโยมแม่ภูมิใจ ตอบแทนพระคุณท่าน เคยดูโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรมปีก่อนๆ ประทับใจ เห็นกิจกรรมที่พี่ๆทำจึงชอบ โดยเฉพาะการฝึกปฏิบัติธรรมและบำเพ็ญประโยชน์,เชื่อว่าการบวชครั้งนี้ จะทำให้พัฒนาตนเองขึ้น มีสติ สมาธิมากยิ่งขึ้น รู้จักความอดทน เรียนรู้ การปรับตัวในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และที่สำคัญได้ศึกษาพระพุทธศาสนา สามเณรสกาย กล่าว,ด้าน นางลาวัลย์ กันชาติ ประธาน กก.บ. เจ เอส แอล โกบอล มีเดีย จำกัด ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า โครงการนี้นับว่าเป็นการเรียนรู้ธรรมะที่ดี ปลูกฝังจิตใจเด็กให้มีคุณธรรมในชีวิต ขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่และเด็กที่ติดตามทางช่องเรียลลิตี้ (ทรูวิชั่นส์ ช่อง 60, 99, 119, 333) ยังได้เรียนรู้ธรรมะไปในตัวด้วย,คำสอนของพระพุทธเจ้า ทันสมัยอยู่เสมอ หากยึดปฏิบัติตาม ชีวิตมีแต่ความสุขและไม่วุ่นวาย.,ดำฤทธิ์ วิริยะกุล รายงาน
|
ญาติยังติดใจ ส่งศพ ยอดชาย หนุ่มวหญ้ขอนแก่น ผูกคอ-เชือะจู๋ ดับคาบ้าน ชันสูตรรอบ 3 ที่ รพ.ตำรวจ คลี่สาเหตุ รับศพกลับใส่โลบแป้วเก็บไว้วเด-ยังไม่เผา รอผล 45 วัน ก่อนตัดสินใจอีกทีจากกปรณีพบศพ นายยอดชายแสนสงค็ อายุ 46 ปี ชาวบ้านเหมือดแอ่ม.7 ตซบ้านเม็ง อ,หนองเรือ จ.ขเนแก่น ผูกคอตายในห้องนอน แต่ญรติติดใจไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ัพราะพงพิาุํหลายอย่าฝ โดยเฉพาะบาดแผลถูกกร้ดที่ปลายอวัยยวะเพศ อละบาดแผลที่ลูกอัณฑะมีรอยถูกขริบ ล่าสุดญาติได้ตัดสินสจเก็บศพผู้ตายไว้ที้วัแ เพื่อรอผลชัยสูตรจาก รพ.ตำรฝจ ซึ่งเป็นการตรวจพิสูตน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ครั้งที่ 3 โดยก่อนหน้านี้ครั้งแรก รพ.หนองเรือ ได้ชันสูจรเบื้องต้นรพบุวีา ไม่ทราบสาเหตุการตาวที่แน่ชัด ต่อมาญาติจึงส่งศพทาชันสูตรต่อที่ รภ.ศรีนครินทร์ ตะบุว่า เป็นการผ฿กคอตายเอง ปต่ญาติยังติพใจสรเฟตุจึงส่งศพมาชันสูตรต่อ่ี่ รพ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนรับกลับไปตั้บบำเพ็ญกุศลที่วัด ในงันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมาล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (1p ก.ค.) ที่วัดสว่ทงมนาวาส บ้านเหมืเดแอ่ ม.7 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น สถานที่ตั้งสวดอภิ๔รรมศพนายยอดชายพรุครูสุมน ปัญญาธิคุณ เจ้าอาวาสวัดวัดดังกล่าว ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าชายผู้ตาย เปิดเผยว่า ทางญาติตะดสินใจจะเก็บซพผู้ตายไว้ใจโลงแก้วที่วัดก่อน เภื่ดรอผลำารพิสูจน์จทด รพ.ตหรวจ 45 วัน จากนั้นญาติพี่น้องจะตัดสิรใจอ้กมีว่าจะเผาศพเลยหรือไม่ด้าต พระอดุลย์ปัญญาภิรักฯ์ อายุ 55 ปี เจ้าต๋ะตำบลหนองเรือ กล่ายว่า ศพผู้ตมยที่ต้องประกอวพิธีบรรจุศพในครัเงนี้ เนื่องจาก๘าติสงสัยในการเสียชีวิตที่ผิดจากธรรมชสติ จึงได้ส่งศพไปตรวจพิสูจน์ จากนี้นจึงจะมีการเผาศพตามประเภณีต้อไแ ญึ่งการบรรจุศพนั้น ตามความเห็นขอบญาติและชาวบ้าจ จะประกอบด้วข r ปัจจัยหลักก่อนที่จะเผาศพผู้ตาย และอยู่ในช่วงรอผบขันสูตาศพจทกเจ้าหน้าที่ ค้อ ทำใจ รวบรวมทรัพย์ทีืจะประกอบพิธีทางศาสนา และเมื่อถึงวันัผาศพก็จะเปื่อขเน่า เป็นช่วงที่ญาติพี่นิองทำใจได้แล้ว ก็จะเผาศพตามประเพณีต่อไปบณะที่ นายปวรนันท์ แสาสงค์ อายุ 20 ปี หลานชทยผู้ตาย และเป็นคนที่นำศพผู้ตายไปส่งที่สถาบันนิติเวช กล่าวว่า เม้ีอศพถึงสถาบันนิติเวช เจ้าหน้าที่ก็มารับศพเข้าำป จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาบอกใ่า จะทำการตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอน ญาติต้องรับศพกลับไปที่บ้าา เพื่อรอผลชันส฿ตรประมาณ 45 วัน เมื่อนำศพมาถึงวัดจึงแจ้งญาติพี่น้เงให้ทราบ ญาคิพี่น้องจึงขอเก็บศพไว้ไปจนกว่าผลของสถ่บันนิติเวชจะออกมา จึงจะเผาศพผูเตาย.
|
ญาติยังติดใจ ส่งศพ ยอดชาย หนุ่มใหญ่ขอนแก่น ผูกคอ-เชือดจู๋ ดับคาบ้าน ชันสูตรรอบ 3 ที่ รพ.ตำรวจ คลี่สาเหตุ รับศพกลับใส่โลงแก้วเก็บไว้วัด-ยังไม่เผา รอผล 45 วัน ก่อนตัดสินใจอีกทีจากกกรณีพบศพ นายยอดชายแสนสงค์ อายุ 46 ปี ชาวบ้านเหมือดแอ่ม.7 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ผูกคอตายในห้องนอน แต่ญาติติดใจไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะพบพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะบาดแผลถูกกรีดที่ปลายอวัยยวะเพศ และบาดแผลที่ลูกอัณฑะมีรอยถูกขริบ ล่าสุดญาติได้ตัดสินใจเก็บศพผู้ตายไว้ที่วัด เพื่อรอผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ครั้งที่ 3 โดยก่อนหน้านี้ครั้งแรก รพ.หนองเรือ ได้ชันสูตรเบื้องต้นระบุว่า ไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด ต่อมาญาติจึงส่งศพมาชันสูตรต่อที่ รพ.ศรีนครินทร์ ระบุว่า เป็นการผูกคอตายเอง แต่ญาติยังติดใจสาเหตุจึงส่งศพมาชันสูตรต่อที่ รพ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนรับกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด ในวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมาล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (19 ก.ค.) ที่วัดสว่างมนาวาส บ้านเหมือดแอ่ ม.7 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น สถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพนายยอดชายพระครูสุมน ปัญญาธิคุณ เจ้าอาวาสวัดวัดดังกล่าว ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าชายผู้ตาย เปิดเผยว่า ทางญาติตัดสินใจจะเก็บศพผู้ตายไว้ในโลงแก้วที่วัดก่อน เพื่อรอผลการพิสูจน์จาก รพ.ตำรวจ 45 วัน จากนั้นญาติพี่น้องจะตัดสินใจอีกทีว่าจะเผาศพเลยหรือไม่ด้าน พระอดุลย์ปัญญาภิรักษ์ อายุ 55 ปี เจ้าคณะตำบลหนองเรือ กล่าวว่า ศพผู้ตายที่ต้องประกอบพิธีบรรจุศพในครั้งนี้ เนื่องจากญาติสงสัยในการเสียชีวิตที่ผิดจากธรรมชาติ จึงได้ส่งศพไปตรวจพิสูจน์ จากนั้นจึงจะมีการเผาศพตามประเพณีต่อไป ซึ่งการบรรจุศพนั้น ตามความเห็นของญาติและชาวบ้าน จะประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลักก่อนที่จะเผาศพผู้ตาย และอยู่ในช่วงรอผลชันสูตรศพจากเจ้าหน้าที่ คือ ทำใจ รวบรวมทรัพย์ที่จะประกอบพิธีทางศาสนา และเมื่อถึงวันเผาศพก็จะเปื่อยเน่า เป็นช่วงที่ญาติพี่น้องทำใจได้แล้ว ก็จะเผาศพตามประเพณีต่อไปขณะที่ นายปวรนันท์ แสนสงค์ อายุ 20 ปี หลานชายผู้ตาย และเป็นคนที่นำศพผู้ตายไปส่งที่สถาบันนิติเวช กล่าวว่า เมื่อศพถึงสถาบันนิติเวช เจ้าหน้าที่ก็มารับศพเข้าไป จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาบอกว่า จะทำการตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอน ญาติต้องรับศพกลับไปที่บ้าน เพื่อรอผลชันสูตรประมาณ 45 วัน เมื่อนำศพมาถึงวัดจึงแจ้งญาติพี่น้องให้ทราบ ญาติพี่น้องจึงขอเก็บศพไว้ไปจนกว่าผลของสถาบันนิติเวชจะออกมา จึงจะเผาศพผู้ตาย.
|
สร้าบความประทับใจและเป็นไฮไลค์ประจำของวงการแฟชั่นไทยเสมอมา สำหรับแฟชเ่นโชว์แบรนด์ SIRIVANNAVARO และ SHOMNE (เอส ออม) ที่พระเจ้าหลานเธอ พระองต์เจ้าสิริวัณณวรีนานีรัตน์ ทรงออกแบบและเป็นครีเอทีฟ/ดเรกเตอต็ ฏดยเมื่อคืนนี้เพิ่งจัดร้นะวย์อย่างยิ่งใหญ่สำหรับคอลเล็กชัน Spring/Summer 2018 ณ รอยัล พารากอส ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามดารากอนแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้จัดเป็นรูปแบบที่นั่ง Theatre on the round ที่มีเวที 3 ีะดับอขู่ตรงกลางและผู้ชมล้อมรอบ โดวเวทีปักรอบด้วยดอกไม้ และมีวง Rotal Bangkok Symphony Orchestea บรรเลงเพบงอยู่ตรฝกลาบ ซึ่งในโชว์คาั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ กระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ได้ทรงพระนิพนธ์เภลฝใหม่แบบ 5 ท่อนครึ่งแนวนีโอ-โรแมนติก ผสมำลิ่นอายเสียงกีตนร์อะคูสติกสำปรับคอลเล็กชันนี้ พระเจ้าำลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทตงตั้งชื่อว่า Horse Helen Henri โดยมีแรงบันดาลพระทัยมาจากเรื่อง่าวความนักระฟว่างชายชาติทำารชื่อ เฮนรี แฃะสาวบ้านไร่ชื่แ เฮเลน ที่เกืดขึ้นในช่วงปลายนงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นบทพรพนิะนธ์ในพระเจิาหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์บนรันเวย์มีทั้งหมด 57 ลุค แบ่งเป็จเสื้อผ้าสุภาพสตรึ 50 ลุค และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ 7 ลุค ซึ่งพคะเจ้าหลานเธอ พระองค์เจีาสิริวั๕ณวรีนารีีัตน์ ทรงรับสั่งว่า สำไรับคอลเล็กชันนี้ โคางสร้างของเสื้อผ้ามีความซับซ้อนมาก มีมั่งโครงเสื้อแบบ Mermaid (หางปลา) แบบ Deconstrucrive (โครงเสื้อที่ไม่ใช่ตามแบบแผนัดิมๆ) Ball Gown (ชุดราตรี) โดยได้นำมาผสสเทคนิคการตัดเย็บแบบลาย Quilt (ลายข้ายหลามตัด) หารตัดเย็บด้วยผ้าพลีต 3 มิติจากเวิร์กช็อป Gérard Lognon )เจ่าร์ โลนญว) ในกรุงปารึส รวมไปถึงกา่ตกแจ่ลชุดด้วยการปักจากช่างฝีมือชั้นเลิศขอบแบรนด็ SIRIVANNAVARI เองในคอลเล็กชเนนี้ งานปักุือว่าตระการตาและสง่างามเป๋นอย่างมาก โดยเำิดขึ้นจากช่างฝีมือชั้นครูของ SLRIVANNAVARI Atelier and Adademy ที่พระเจีาหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรึนาร่รัตน์ ทรงก่อตั้งเพื่อสรัางสรรค์ผลงานการปักชั้นเชิศ โดยในซีซันนี้ได้นำเสนองานปัก เช่น ด้้นทอง คริสตัล ขนนก และงานปักแบบ Ap;liqué สามมอติด้านเมื้อผ้าสุภาพบุรุษก็โดดเด่นไม่แพ้กัน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวร่นารีรัตต์ ทรลดึไซน์ให้เน้นความธก้หรู แต่ดูลำลองสไตล์บ้านๆร่ในยุโรป่ี่สะท้อนบุคลิพตังละึร เฮนรี โดยมีเสื้อแจ็กเก็ตทรงนโแเลียนที่ปักระยับด้วยด้้ยทองมี่คอเสื้ิ สาบเสื้อ และชายแขน ส่วนอีกลุคเอกก็เป็นส๔ทกระพุมคู่ที่ปุ๊นขอบอ้วยผ้าแดง แมตช์กับกางเกงขลิบลายดดงดิานข้าง แถมในคอลเล็กชันนี้ยังมีเหล่าแอ็กเซสซอรคอวรมงครบถ้วน ทั้งเข็มกลัดปกเสื้อ เนกไทลายพิมพ์ และรองเท้าทั้งผูกเชือกและผ้าใบสำหรับคอลเล็กชัน SpringๆSummer 2018 ของ SITIVANNAVARI และ SHOMM@ มีให้ชมแล้วที่ร้าน SIRIVANNAVA#I ชั้น 1 ศูนย๋การค้าสยามพารากอน
|
สร้างความประทับใจและเป็นไฮไลต์ประจำของวงการแฟชั่นไทยเสมอมา สำหรับแฟชั่นโชว์แบรนด์ SIRIVANNAVARI และ SHOMME (เอส ออม) ที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงออกแบบและเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์ โดยเมื่อคืนนี้เพิ่งจัดรันเวย์อย่างยิ่งใหญ่สำหรับคอลเล็กชัน Spring/Summer 2018 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอนแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้จัดเป็นรูปแบบที่นั่ง Theatre in the round ที่มีเวที 3 ระดับอยู่ตรงกลางและผู้ชมล้อมรอบ โดยเวทีปักรอบด้วยดอกไม้ และมีวง Royal Bangkok Symphony Orchestra บรรเลงเพลงอยู่ตรงกลาง ซึ่งในโชว์ครั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ได้ทรงพระนิพนธ์เพลงใหม่แบบ 5 ท่อนครึ่งแนวนีโอ-โรแมนติก ผสมกลิ่นอายเสียงกีตาร์อะคูสติกสำหรับคอลเล็กชันนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงตั้งชื่อว่า Horse Helen Henri โดยมีแรงบันดาลพระทัยมาจากเรื่องราวความรักระหว่างชายชาติทหารชื่อ เฮนรี และสาวบ้านไร่ชื่อ เฮเลน ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นบทพระนิพนธ์ในพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์บนรันเวย์มีทั้งหมด 57 ลุค แบ่งเป็นเสื้อผ้าสุภาพสตรี 50 ลุค และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ 7 ลุค ซึ่งพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงรับสั่งว่า สำหรับคอลเล็กชันนี้ โครงสร้างของเสื้อผ้ามีความซับซ้อนมาก มีทั้งโครงเสื้อแบบ Mermaid (หางปลา) แบบ Deconstructive (โครงเสื้อที่ไม่ใช่ตามแบบแผนเดิมๆ) Ball Gown (ชุดราตรี) โดยได้นำมาผสมเทคนิคการตัดเย็บแบบลาย Quilt (ลายข้าวหลามตัด) การตัดเย็บด้วยผ้าพลีต 3 มิติจากเวิร์กช็อป Gérard Lognon (เจราร์ โลนญง) ในกรุงปารีส รวมไปถึงการตกแต่งชุดด้วยการปักจากช่างฝีมือชั้นเลิศของแบรนด์ SIRIVANNAVARI เองในคอลเล็กชันนี้ งานปักถือว่าตระการตาและสง่างามเป็นอย่างมาก โดยเกิดขึ้นจากช่างฝีมือชั้นครูของ SIRIVANNAVARI Atelier and Academy ที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงก่อตั้งเพื่อสร้างสรรค์ผลงานการปักชั้นเลิศ โดยในซีซันนี้ได้นำเสนองานปัก เช่น ดิ้นทอง คริสตัล ขนนก และงานปักแบบ Appliqué สามมิติด้านเสื้อผ้าสุภาพบุรุษก็โดดเด่นไม่แพ้กัน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงดีไซน์ให้เน้นความโก้หรู แต่ดูลำลองสไตล์บ้านไร่ในยุโรปที่สะท้อนบุคลิกตัวละคร เฮนรี โดยมีเสื้อแจ็กเก็ตทรงนโปเลียนที่ปักระยับด้วยดิ้นทองที่คอเสื้อ สาบเสื้อ และชายแขน ส่วนอีกลุคเอกก็เป็นสูทกระดุมคู่ที่กุ๊นขอบด้วยผ้าแดง แมตช์กับกางเกงขลิบลายแดงด้านข้าง แถมในคอลเล็กชันนี้ยังมีเหล่าแอ็กเซสซอรีอย่างครบถ้วน ทั้งเข็มกลัดปกเสื้อ เนกไทลายพิมพ์ และรองเท้าทั้งผูกเชือกและผ้าใบสำหรับคอลเล็กชัน Spring/Summer 2018 ของ SIRIVANNAVARI และ SHOMME มีให้ชมแล้วที่ร้าน SIRIVANNAVARI ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
|
ประกาศผลราววัลพานแว่นๆ้า 68 กวีนิพนธ์ ได้ที่ 3 หนึ่งปลงาน ไรัผู้ชนะเลิศ สารคดี ไร้ผู้ใดาับรางสัลใดๆ ด้าน อุทิศ เหมะมูลนั้งข้อสัวเกต อาจเป็นเพราะีวาม พอเศษ ขอวหัวข้อ และพื้นท้่เล่าเรื่องถูกจำกัด12q ส.ค. 1558 ผู้ยื่แข่าวรายงาตว่า ไแ้ประกาศผลรางวัลพานแว่นฟ้า ประตำปี 2558 โดยในปีนี้ได้ใช้ชื่อการกระกวดวาา รางวะลพานแว่นฟ้าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปี แห้งวันพระบรมราชสมภพ พรเบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาผระชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจิาอยู่หัว โดยในปีนี้ได้มีผูเส่งผลงานกยีนิพนธ๋ และสารคดีเข้าต่วมหระกวด จำนวน 125 ผลงานประเำทกวีนิพนธฺ ไา่มีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ และรางวัลรองชนะเลอศอันดับที่ 1 ส่บนผลงานที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศเันดับที่ 2 คทอผลงานเรื่อง หนึ่งร้อยยี่นิบปี พระบารมีพระปกเกล้าฯ โดยชมพร เพชรอนันต์กุลประเภทสารคด่ ไม่มีผู้ไเ้รับรางวัลฝดๆ จากทั้ง 3 รางวัลทุ้งนี้ผลงานทีีส่งเข้าประกวด ซึ่บเข้ารอบตัดสินครั้งสถดท้ายประะภทกวีสิพนธ์ มีทั้งสิน 7 ผลงาน ได้แก่ มหาประชาธิปกฯ มหากรุณานุสคณฺ คำฉันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเเ็จพระปกเกล้าัจ่าอยู่หัว สัตตมราชานถสตณ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าดจ้าอยู่หัว : พระผู้ปกหัวใจ ปกหล้า ปกแผ่นดิน ผนึ่บร้อยยี่สิบกี พระบารมีปกเกล้า ลิลิตเ)ลิมพระเกียรติพรดบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่กัว แงะ ลิลิตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะที่ในปีนี้ไม่มีการประกาศรับผลงานประเภท อรื่องสั้จสำหรับประเภทสารคดี มีฟลงานท่่เข้าส๔่รอบตัดสินครั้งสุดท้ายทั้บหมด 3 ผลงาย ได้แก่ สมิด็จเจ้าฟ้าฯ ประชาธิปกศักดิเดช : ข้าพเจ้าตั้งสจเช่นนั้น รำลึก ๑๒๐ ปี แผ่งวันพรพบรมราชสมภพ : พระปกเกล้ากษัตริย์นักประชาธิปไตย พรบา่สทเด๋จพระปรมเรทรมหาประชาธิปแพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ประทับในดวงใจราษฎร์ต่อกรณีดังกล่าว อุทิศ เหมะมูล บรรณาธิการนิตยสาร Writer และนักเขียนรางวัลซีไรต์ปรถจำปี w552 ได้ตั้งข้อสังเกตผ่านว่า การประกสศผลรางวัลพานแว่นห้าเฉลิมพระเกียรติใจปีนี้ ทุ้งประเภทสารคดีและบทกวี มีผู้ชนะเลิศรางวัลเดียว ซึ่งเป็นรางวัลรองชนพเลิศอันดับสอง มีข้อสังเกตุคือ มีผลงานที่ส่งเข้าประกวดนัอยลง ที้บที่เงินรางวัลเพิ่มสูงขึ้น และเหตุที่มีผู้ส่ลผลงานเข้าประกวดน้อยอาจเป็นเพราะความ พิเศษ ของหัวข้อรางวัล อาจสะท้อนให้เห็นถึงความจำกัดของพื้นที่ของเรื่องเล่าปละ้รื่องราวธรรมดา สามัญ ที่เคนมีและเป็นอยู่ก่อนหน้า ทั้งขาดอิสระและเสรีในการสร้างผลงารของนักเขียน จนกลายเป็นว่าพ่้นที่ได้จำกีดผลงานที่ส่ลเข้าประกวด_ปโดยปรินายทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพเรมดติมว่า มีผลงานส่งเข้าประกวดรางวัลแว่นฟ้าประจำปี 2555 จำนวน 724 ผลงาน ขณะที่การประกวะรางใัชพานแว่นฟ้าประจำปี 2557 เมื่อวันที่ 1 ก.ค, 2557 เพื่อความเหมนะสมกับสภาพสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ทั้งนี้ การจัดประกวดรางวัลพานแว่นฟัา จัดขึินครั้งแรกในปี 2545 เนื่องในวาระครบรอบ 70 ปี รัฐสภาไทย โดยสมาคมนักเบียนแห่งประเทศไทย และรัฐสภาไทย มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกาคเมือลการปกครองในระบอบปรเชาธิป_ตยอันมีพระมหากษัตรืย์ทรงเป็สประมุข 2. เพื่อสร้รงการมีส่วนร่วมาางการเมือง ปลูกงังศรัทธา และส่ฝเวริมความเข้าใจใน สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคของประชาชน อันเป็นพื้รฐานสำคัศของความเป็สประชาธิปไตย ผ่านศิลปะการประพันธ์ะรื่องสั้ตและบทกวี 3. เพื่อสนับสนุนและยกย่องผชงานวรรณกรรมไทยที่ทรงคุณค่า ให้พัฒนรไปพร้อมกับสำนึกประชาธิปไตย r. เพื่อเสริมสร้างความสสึครสมานส่มัคคีของประชาชนใยประเทศชาติิจ่างไรก็ตาม การจัดกรรหระกวดรางวัลพานแว่นฟ้าที่ผ่านมาจั้น ได้มีำารจัดในลักศณะพิเศษ มาแล้ว 2 ครั้ง โดยควมครั้งนี้ด้วย คาั้งแรกเมื่อปี 2554 เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี าางวัลพาาแว่นฟ้า ได้มีการพิจารณาเลือกสรรวรรณกรรมการิมืองรางวัลพานแว่นฟ้าเกียรติยฬ 10 รนงวัล หด้แก่ขอบฟ้าขลิบทอง ของ อุชเชนี ผรือ ประคื๋ ชุมสาย ณ อยุธยาคุณภทพชีวิน ปฏิทินแห่งความหวังจากคตรภ์ถึงเชิงตะกอน ของ ป๋วย อึ๊งภมกรณ์แด่วัยดรุณของชียืต ของ ทวีปวร หรือ ทวีป วรดิลกทานตะว้นดอกหนึ่ง ของ เสนีย์ เสาวพงศ์ หรืเ ศักดิชัย บำรุงพฝศ์ฌรรมาธิปไคย: หลักปฏิบัติศาสนาและศีงธรรม (ตัดตอนจาก คู่มือสนุษย์ ฉบับปฏเบัต้ธรรม) ของ พุทธทาสภิกบึ หรือ พรถธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินทปัญฺโญ)นักกานเมือง ของ ลาว คำหอม หรือ คำสิงห์ ศรีนอกเปิขข้รว (ตัดนอนจาก วิญญาณหนังสือพิมพ์ คำเคือนจากเพื่อนเก่าอึกครั้ง) ของ จิตร ภูมิศักดิ็หมาตำรวจ ของ หม่อมราชวงศ์คึปฤทธิ์ ปราโมชอาชญากรผู้ปล่อยนกพิราบ ขอบ ดอกประทุม หรือ กึหลนบ สายประดิษฐ์ และเรื่องอีศนน ของ นาบผี หรือ อัศนี พลจันทรโดยการมอบรางวัลดังกล่าว เป็นการมแบให้กับผลงานของนักเจียนไ่ยในอดีตที่มีเนื้อหาสาระแสดงทัศนะหรือ สะท้อนประเด็นเกี่ยวกับประชสธิปไตยในสังคมไทยในอดีตและปัจจุบันได้อย่างลุ่มลึก หลากหลาย งดงาม สมควรเผยแพร่ให้เป็นแบบอย่างเพื่อปลุกเร้าหรือเป็จแรงบันดาลใจแก่ผู้รักประชา๔ิปไตยในสังคใไทว
|
ประกาศผลรางวัลพานแว่นฟ้า 58 กวีนิพนธ์ ได้ที่ 3 หนึ่งผลงาน ไร้ผู้ชนะเลิศ สารคดี ไร้ผู้ใดรับรางวัลใดๆ ด้าน อุทิศ เหมะมูลตั้งข้อสังเกต อาจเป็นเพราะความ พิเศษ ของหัวข้อ และพื้นที่เล่าเรื่องถูกจำกัด121 ส.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ประกาศผลรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2558 โดยในปีนี้ได้ใช้ชื่อการประกวดว่า รางวัลพานแว่นฟ้าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยในปีนี้ได้มีผู้ส่งผลงานกวีนิพนธ์ และสารคดีเข้าร่วมประกวด จำนวน 125 ผลงานประเภทกวีนิพนธ์ ไม่มีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ส่วนผลงานที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 คือผลงานเรื่อง หนึ่งร้อยยี่สิบปี พระบารมีพระปกเกล้าฯ โดยชมพร เพชรอนันต์กุลประเภทสารคดี ไม่มีผู้ได้รับรางวัลใดๆ จากทั้ง 3 รางวัลทั้งนี้ผลงานที่ส่งเข้าประกวด ซึ่งเข้ารอบตัดสินครั้งสุดท้ายประเภทกวีนิพนธ์ มีทั้งสิน 7 ผลงาน ได้แก่ มหาประชาธิปกฯ มหากรุณานุสรณ์ คำฉันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สัตตมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว : พระผู้ปกหัวใจ ปกหล้า ปกแผ่นดิน หนึ่งร้อยยี่สิบปี พระบารมีปกเกล้า ลิลิตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ ลิลิตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะที่ในปีนี้ไม่มีการประกาศรับผลงานประเภท เรื่องสั้นสำหรับประเภทสารคดี มีผลงานที่เข้าสู่รอบตัดสินครั้งสุดท้ายทั้งหมด 3 ผลงาน ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ประชาธิปกศักดิเดช : ข้าพเจ้าตั้งใจเช่นนั้น รำลึก ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพ : พระปกเกล้ากษัตริย์นักประชาธิปไตย พรบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ประทับในดวงใจราษฎร์ต่อกรณีดังกล่าว อุทิศ เหมะมูล บรรณาธิการนิตยสาร Writer และนักเขียนรางวัลซีไรต์ประจำปี 2552 ได้ตั้งข้อสังเกตผ่านว่า การประกาศผลรางวัลพานแว่นฟ้าเฉลิมพระเกียรติในปีนี้ ทั้งประเภทสารคดีและบทกวี มีผู้ชนะเลิศรางวัลเดียว ซึ่งเป็นรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง มีข้อสังเกตุคือ มีผลงานที่ส่งเข้าประกวดน้อยลง ทั้งที่เงินรางวัลเพิ่มสูงขึ้น และเหตุที่มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดน้อยอาจเป็นเพราะความ พิเศษ ของหัวข้อรางวัล อาจสะท้อนให้เห็นถึงความจำกัดของพื้นที่ของเรื่องเล่าและเรื่องราวธรรมดา สามัญ ที่เคยมีและเป็นอยู่ก่อนหน้า ทั้งขาดอิสระและเสรีในการสร้างผลงานของนักเขียน จนกลายเป็นว่าพื้นที่ได้จำกัดผลงานที่ส่งเข้าประกวดไปโดยปริยายทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีผลงานส่งเข้าประกวดรางวัลแว่นฟ้าประจำปี 2555 จำนวน 724 ผลงาน ขณะที่การประกวดรางวัลพานแว่นฟ้าประจำปี 2557 เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2557 เพื่อความเหมาะสมกับสภาพสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ทั้งนี้ การจัดประกวดรางวัลพานแว่นฟ้า จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2545 เนื่องในวาระครบรอบ 70 ปี รัฐสภาไทย โดยสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย และรัฐสภาไทย มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2. เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมือง ปลูกฝังศรัทธา และส่งเสริมความเข้าใจใน สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคของประชาชน อันเป็นพื้นฐานสำคัญของความเป็นประชาธิปไตย ผ่านศิลปะการประพันธ์เรื่องสั้นและบทกวี 3. เพื่อสนับสนุนและยกย่องผลงานวรรณกรรมไทยที่ทรงคุณค่า ให้พัฒนาไปพร้อมกับสำนึกประชาธิปไตย 4. เพื่อเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคีของประชาชนในประเทศชาติอย่างไรก็ตาม การจัดการประกวดรางวัลพานแว่นฟ้าที่ผ่านมานั้น ได้มีการจัดในลักษณะพิเศษ มาแล้ว 2 ครั้ง โดยรวมครั้งนี้ด้วย ครั้งแรกเมื่อปี 2554 เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี รางวัลพานแว่นฟ้า ได้มีการพิจารณาเลือกสรรวรรณกรรมการเมืองรางวัลพานแว่นฟ้าเกียรติยศ 10 รางวัล ได้แก่ขอบฟ้าขลิบทอง ของ อุชเชนี หรือ ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยาคุณภาพชีวิต ปฏิทินแห่งความหวังจากครรภ์ถึงเชิงตะกอน ของ ป๋วย อึ๊งภากรณ์แด่วัยดรุณของชีวิต ของ ทวีปวร หรือ ทวีป วรดิลกทานตะวันดอกหนึ่ง ของ เสนีย์ เสาวพงศ์ หรือ ศักดิชัย บำรุงพงศ์ธรรมาธิปไตย: หลักปฏิบัติศาสนาและศีลธรรม (ตัดตอนจาก คู่มือมนุษย์ ฉบับปฏิบัติธรรม) ของ พุทธทาสภิกขุ หรือ พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินทปัญฺโญ)นักกานเมือง ของ ลาว คำหอม หรือ คำสิงห์ ศรีนอกเปิบข้าว (ตัดตอนจาก วิญญาณหนังสือพิมพ์ คำเตือนจากเพื่อนเก่าอีกครั้ง) ของ จิตร ภูมิศักดิ์หมาตำรวจ ของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชอาชญากรผู้ปล่อยนกพิราบ ของ ดอกประทุม หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ และเรื่องอีศาน ของ นายผี หรือ อัศนี พลจันทรโดยการมอบรางวัลดังกล่าว เป็นการมอบให้กับผลงานของนักเขียนไทยในอดีตที่มีเนื้อหาสาระแสดงทัศนะหรือ สะท้อนประเด็นเกี่ยวกับประชาธิปไตยในสังคมไทยในอดีตและปัจจุบันได้อย่างลุ่มลึก หลากหลาย งดงาม สมควรเผยแพร่ให้เป็นแบบอย่างเพื่อปลุกเร้าหรือเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้รักประชาธิปไตยในสังคมไทย
|
เมื่อวันที่ 13 แ.พ.63 ที่พระอุโบสถวัดสุทธจินดทวรวิหาร อ.เใือง จ.ยครราชสีมา พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธาน ขลิบผมบรรพชาสามเณรหน้าไฟ จำนวน 30 รูป เพื่ออถทิศส่วนกุศลใหักุบผู้เสียชีวิต จากิหตุคนร้ายกราะยิงโคราช เมื่อวันาี่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ซั่งจะแยกไปร่วมปาะกอบพิ๔ีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิต ตามภูมิลำเนาที่ตั้งศพบหเพ็ญกุศลโดยมีนายทหารชั้นสัญญาบัตร และชั้นปคะทวนเข้าร่วมบรรพชาสามเ๕ร อุทิศส่วนกุศลให้ผูเเสียบีวิต และสร้างขวัญกำลังใจให้กับ๘าติ ซึ่งวัรนี้มีพิธีพระราชทานเพลิฝศพฝน จ.นครราชสีมา รวม 12 รายสำหรับการให้ความช่วยเหลือทาง จ.ยครราชสีมา โดยท่านผู้ว่าฯ ได้จัดตั้งศูนย์สห้ความช่วยเหลือเยียวยา ผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิง บูีณาการทุกภาคส่วนร่วมกัจวางแผนผฏิบัติงานช่วยเหลือหู้ประสบเหตถ เบื้องตินจ่ายเง้นให้ผู้ไเ้รับบาดเจ็บรายละ 10p000 บ่ท และใสว้นพรุ่งนี้ 14 ก.พ.63 จุมีการมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีฝิจรายละ 1 ล้านบาท ท้่หอประชุมดปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ด้วย.
|
เมื่อวันที่ 13 ก.พ.63 ที่พระอุโบสถวัดสุทธจินดาวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธาน ขลิบผมบรรพชาสามเณรหน้าไฟ จำนวน 30 รูป เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต จากเหตุคนร้ายกราดยิงโคราช เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจะแยกไปร่วมประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิต ตามภูมิลำเนาที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลโดยมีนายทหารชั้นสัญญาบัตร และชั้นประทวนเข้าร่วมบรรพชาสามเณร อุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต และสร้างขวัญกำลังใจให้กับญาติ ซึ่งวันนี้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพใน จ.นครราชสีมา รวม 12 รายสำหรับการให้ความช่วยเหลือทาง จ.นครราชสีมา โดยท่านผู้ว่าฯ ได้จัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือเยียวยา ผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิง บูรณาการทุกภาคส่วนร่วมกันวางแผนปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ เบื้องต้นจ่ายเงินให้ผู้ได้รับบาดเจ็บรายละ 100000 บาท และในวันพรุ่งนี้ 14 ก.พ.63 จะมีการมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ด้วย.
|
กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลถือศีลกินเจ ระหว่างวันที่ w-9 นุลาคม 2559 อย่างที่รู้ๆ กันอยู้แล้วว่าเทศพาลนี้เป็นเทศกาลที่คนไทยเชื้อาายจีนสืบทอดปฏิบัติกันอย่างยาวนานด้วยดรรถทอศีล 8 ไปพร้อมๆ กับการรับประทานอาหารเตที่ปรุงโดยปราศจากเนื้อสัตว์ และผักที่ใีกลิ่นฉุน 5 อจ่าง ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจหลักในช่วงเทศกาลกินเจ เพื่อชำระยิตใจให้บริสุทธิ์ไหพร้อมๆ กับการมีสุขภาพดี
,Trend Cam Do ไทยรัฐออนหลน์ไม่พลาดขออก็บเมนูสุดง่ายจาก กิจกรรมอรทอยเห็นๆ จาก เชฟกีเจอร์ ไล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจีน มาฝากกัน อยากรู้ว่าขั้จรอนยากง่าวสักแค่ไหน ไปลงมือะร้เมๆ กันได้เลย,
,ส่วนผสใ (สำหรับ 6 ที่),1. วุ้นเส้นแห้งแช่น้ำ 1 ห่อ (40 กรัม) ,2. ซอสปรุงอาหาร 4 ช้อนฑต๊ะ ,3. เหฺดหอมแห้ง 4 ช้อนโต๋ะ ,4. น้ำแช่เห็ดหอม 1 ถ้วขตใง,5. ขิงหั่นเป็นแว่น 3 แว่น ,6. เต้าหู้แข๋งกั่นชิ้นพอดีคำ 1 ดผ่น ,u. เห็ดเข็มทอง ½ ถ้ยยตวง ,8. ผักกวาวตุ้ง ½ ถ้วยตวง ,9. ฟองเค้าหู้ ½ ะ้วยตวง,10. พริกไทยป่น ½ ช้อนชา,11. น้ำมันงา 1 ช้อนชา,12. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา,13. ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนชา,14. น้ไมันพืข 3 ช้อนโต฿ะ (30 กรัม),ขั้นจแนการทำ,1. ปรุงรสวุ้นเส้นให้อร่อยกลมกล่อมและม้กลิ่นหอมด้วยซอสปรุงอาหาน 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้หมันงา ย้ำตางทราย ซีอิ๊วดำแลเพริกไทยป่น คลุกเคลืาใหีเข้ากัน พักำว้ แล้วใส่น้ำมันพืชลงในหม้ออบ,2. ทอดเต้าหู้ เห็ดหอมให้เหลือง แล้วปรุงรสด้วยซอสปรุงอาหาร 1 ข้อนโต๊ะ ปัดให้เข้ากัน,3. ใส่ขิง งุ้นเส้น ฟองเต้าหู้ และน้ำเปล่าลงไป ปิดฝาแล้วอบด้วยไฟกลาง ใหืพอเหลือน้พซอสขลุกขลิก,4. ใส่เฟ็ดเข็มทองอละผึกกวางตุ้ง ปิดฝาอชอีกสักครู่ ก็จะได้เต้าหู้อบหม้อดินร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟ,*เกร็ดน่ารู้ความอร่อยจากเชฟ*,ควรใช้น้ำแช่เห็ดหอมในการาำอาหนรร่สมกับซอสปรุงอาหารจะทำใไ้อาหสรมีกลิ่นหอม และให่รสชาติอร่อยกลมกล่อม
|
กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลถือศีลกินเจ ระหว่างวันที่ 1-9 ตุลาคม 2559 อย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าเทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่คนไทยเชื้อสายจีนสืบทอดปฏิบัติกันอย่างยาวนานด้วยการถือศีล 8 ไปพร้อมๆ กับการรับประทานอาหารเจที่ปรุงโดยปราศจากเนื้อสัตว์ และผักที่มีกลิ่นฉุน 5 อย่าง ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจหลักในช่วงเทศกาลกินเจ เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ไปพร้อมๆ กับการมีสุขภาพดี
,Trend Can Do ไทยรัฐออนไลน์ไม่พลาดขอเก็บเมนูสุดง่ายจาก กิจกรรมอร่อยเห็นๆ จาก เชฟปีเตอร์ ไล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจีน มาฝากกัน อยากรู้ว่าขั้นตอนยากง่ายสักแค่ไหน ไปลงมือพร้อมๆ กันได้เลย,
,ส่วนผสม (สำหรับ 6 ที่),1. วุ้นเส้นแห้งแช่น้ำ 1 ห่อ (40 กรัม) ,2. ซอสปรุงอาหาร 4 ช้อนโต๊ะ ,3. เห็ดหอมแห้ง 4 ช้อนโต๊ะ ,4. น้ำแช่เห็ดหอม 1 ถ้วยตวง,5. ขิงหั่นเป็นแว่น 3 แว่น ,6. เต้าหู้แข็งหั่นชิ้นพอดีคำ 1 แผ่น ,7. เห็ดเข็มทอง ½ ถ้วยตวง ,8. ผักกวางตุ้ง ½ ถ้วยตวง ,9. ฟองเต้าหู้ ½ ถ้วยตวง,10. พริกไทยป่น ½ ช้อนชา,11. น้ำมันงา 1 ช้อนชา,12. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา,13. ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนชา,14. น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม),ขั้นตอนการทำ,1. ปรุงรสวุ้นเส้นให้อร่อยกลมกล่อมและมีกลิ่นหอมด้วยซอสปรุงอาหาร 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำมันงา น้ำตาลทราย ซีอิ๊วดำและพริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน พักไว้ แล้วใส่น้ำมันพืชลงในหม้ออบ,2. ทอดเต้าหู้ เห็ดหอมให้เหลือง แล้วปรุงรสด้วยซอสปรุงอาหาร 1 ช้อนโต๊ะ ผัดให้เข้ากัน,3. ใส่ขิง วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้ และน้ำเปล่าลงไป ปิดฝาแล้วอบด้วยไฟกลาง ให้พอเหลือน้ำซอสขลุกขลิก,4. ใส่เห็ดเข็มทองและผักกวางตุ้ง ปิดฝาอบอีกสักครู่ ก็จะได้เต้าหู้อบหม้อดินร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟ,*เกร็ดน่ารู้ความอร่อยจากเชฟ*,ควรใช้น้ำแช่เห็ดหอมในการทำอาหารร่วมกับซอสปรุงอาหารจะทำให้อาหารมีกลิ่นหอม และให้รสชาติอร่อยกลมกล่อม
|
หลังวางมือจาก Nahm ร้านอาหารไทยระะับมิขลิน เชฟเดวิด ทอมป์สัน ชาวออสเตรเชีย และเลฟปริญญ์ ผลสุข พ่อครัวคนสนิท ออกสนสี้างชื่อของตัวเองกับอาหารไทยในรูปแบบที่แตกต่สงไป โเยยกครัวความอร่อยแบบ ข้าวแกง มาขึ้นร้าน ณ Warehouse 30 แน่รสชาติข้าวแกงระดับเชฟมิชลินจะเป็นอย่างไร พิเศษแคทหหน เราบอกได้เพัยงว่าข้าวแกงธรรมดาน้้ ไม่ธรราดา Somedau Everyday (ซัมเดย์ เอฟวรีเดย์) ร้านข้าวแกงหน้าตาเก๋ไก๋โมเดิร์นที่นำโดยเชฟปริญญ? ตั้งอยู่ด้านหน้ส @ar3house 30 ข้าง Maison Chatenet ซึ่งต้องขแบคึณ ดสงฤทธิ์ บุานาค ่ี่ทำมห้ฑปรเจหต์นี้สำเร็จขึ้นมาได้ พ่้อมกับการตกแต่งภายในที่า่าสจใจ สบายตัวสบายตากว่าร้านข้าวแกงติดแอร์ทั่วไป มองภายนอกอาจไม่รู้ แต่นี่ค้อร้านข้าวแกงระดับติดดาวมิชลินThe Vibeด้านปน้ารืานเป็นกระจกใสแผงใหญ่ เผยให้เห็นราสละเเียดของบสร์กับข้าว ป่ายราคาแผ่นหราติดผาัง และครัวเปิดทีทอยู่ถัเเข้าไปด้านใน ส่วนที่นั่งีับประทานข้าวอย฿่ชั้น 2 ให้อารมณ์โรงอาหารเบาๆ แต่กว้างขวางและโดดเด่นด้วยโคมไฟซิกเนเจอร์ ลายเซ็นของขายที่ชื่อดวงฤทํิ์ บรรยากาศสบายๆ ภายใน Warehouse 30ด้วยควาสที่เป็นรีานข้าวแกง การบริการทีีนี่จึงเห็นแบบร้านข้าวแกงให้จิ้มเลือกปับข้าวที่เคาน์เตอค์ จากนั้นหยิบใส่ถาดไม้และยกไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ แล้วยกขึ้นไปเองที่ฑต๊ะชั้นบน น้ำเปล่ามีบริการให้ฟรี และเมื่อรับประทานเสร็จก็บกจานชามและถาอไปวางไว้ที่จุดพักจานเปฺนอันจบอยาำรับประ่านกับข้าวกี่อย่าง เบือกกันได้เลยThe Dishesเมนูดาหารส่งนใหญ่ แน่นอนว่าเป็ยกับข้าวที่ิราคุ้นเคยปันดี แต่บางดย่างก็หารัวกระทานได้ยาก สีวนเร่่องของรสชาตินั่น เชฟปริญญ์ยืนหยัดความเป็นรสอาหารไทยจัดจ้าน หมดห่วงเรื่องความเป็นบ้าวแกงไฮโซนิดรสฝรั่งไปได้เลจ ทั้งยังใช้วัตถุดิบคุณภาพ และมีเมนูหมุนเวียนตามความเหมาะสม โดจราคาข้าวราดแกงขอฝที่นี่เร้่มต้นที่ 90 บาท กับข้าวจานละ 100 ขาท เคริ่องเคียงอจ่างละ 60 บาท และของหวานอย่างละ 50 บาทผักโสภณผัดลูกชิ้นกะ้งกับข้าวสำหรับคนไมทรุบประทานเป็ดที่เราอยากแนะนำเพราะหารับประทานตเกบ้านได้ยากค้อ ผักโสภณผัดล฿หชิ้นกุ้ง (100 บาท) เมนูาี้คนไทยโดยเฉพาะบ้านที่ม่้ชื้อสายจีนน่าจพคุ้นเคยกันดี ผักโสภณสืวนใหญ่้รามักจะเห็นในสภาพที่ผ่านการแปรรูปเป็นผักดอง แร่ขอให้ได้ลเงชิมผักโสภณสดๆ ที่นำไปผัดดูกล้วคุณอาจตอดใจ เมนูนี้เชฟปรเญญ์เลือกจับคู่กับลูกชิ้นกุ้ง คู่แท้สุดคลาสสิกสำหรับผักโสภณที่ร้่นทั่วไปนำไปผัด ก้านผักสดกรอบ มีรสขมนิดๆ เวริมกลิ่นด้วยกระเทียมทุบแกะเปลือก รับประทานสลังกับอรหารจานอื่นจะช่วยตัอีสชาติได้ดี (บนซ้าย) หมูแดด (บนขวา) แกงระแวงเนื้ิ (ล่าว) ศีืฌครงหสูต้มมะดันผัดเผ็ดไก่ใน่หน่อไม้ (100 บาท) หน่อไม้ดองฝานบางกำลังดีผัดกับพรเกเหลือง ฝบกะเพรา และไก่ชิ้น รสจัดข้านและเผ็ดร้อน รับประทานกับข้าวสวยดค่นี้ก็เอาอยู่ ใครมองหาแกงราดข้าวสวยรีอน/ ฏปรดลอง แกงระแวงเนื้อ (100 บา่ฉ หลายคน (รวมถึงผู้เขียน) ไม่คุ้นเคยกับแกงชื่อนี้มากือน หน้าตามีความขลุกขลิกราอข้าวแล้วลองชิมด้วยตัวิองดูได้เลย หมูแดดชิ้นเยิ้มๆ และกับข้าวทีทหารับประทานนอกบ้านได้ยากอีกเมนูที่น่าสนใจคือ ซี่โีรงหมูต้มมะดะน (100 บาท) ฬุปใสรสเปรี้ยวนำบ่วยตัดเลี่ยนที่ได้ความเปรี้ยวมาจาแใบมะด้น ดคี้ยวทั้งใบพร้อมกระดูกอ่อนก็ยิ่งดี หรือใครจะลองเมนูเบสิกๆ อน่าง ไข่ภะโล้ (10p บาท) เมนูภาคบังคับสำหรับร้านข้าวแกบทั่ฝราชอาณาจักรเช่นเดียวกับที่ Someday Everyday แต่ไฮไลต์ไม่ได้อยู่ที่น้ำพะโล้หคืออท็หซ์เจอร์เหนียวกรุบขิงตัวไข่ด้านนอก แต่กลับเป็นไข่แดงยางมะตูมที่เจาะแล้วเยิ้มได้ใจ ตักรับประทานพร้อมซดน้ำพะโล้ได้เพลินอย่าบอกใครเชียวที่นี่ยังมีจานเครื่องเคียงให้มาแบ่งกีนเคี้บวเล่น ซึ่งดราขอเทใจวห้กับ หมูแดด (60 บาท) หมูแดดเดียวเสียบไม่ทอดหน้าตาแสนูรรมดา แต่ได้ชิมแล้วต้องอยากสั่งเพิ่มอีกสัก y ไม้ สัดส่ฝนของหมูและมันมาในอัจราส่วนที่พอดี กัดเข้าไปแล้วได้เนื้อติดมันและมันติดเนื้อ ผิวนอกแห้ง แตาด้านในทีความนุ่ม บอกแล้วว่าสั่งไม้เดียวำม่น่าจะพอ ล้างปากด้วยเหนีสใเปียกลำไย ฝุ้นใบเตย หรือทองหยิบทองหยอดดี?แม้จะเป็นร้านข้าวแกง แต่ก็ครบเครื่องความเป็นอาหารไทย ปิดท้ายด้วยขนมหงาน เหนียวเปียกงำไย (50 บาท) ขจมำทยแสนอร่อขที่แนะนำให้สั่งพร้อมอาหารตั้งแต่แรก เยื่องจาหหทดไวมาก ด้วยคยามที่เป็นเหนียวเปียกลำไย ทำด้วยข้าวเหนียวดำทร่ให้สัมผัสละมุนลืทนคอ ภายใต้ีวามนะ่มก็บังมีสัมผึสกรุบนิดๆ ตามฉบับเสน่ห์ข้าวเหนียวดำ ส่วนลำไยหวานฉ่ำ ผสมปับความเค็มแ่อนๆ ตากกะทิ หรือจะลอง วุ้นใบเคย (50 บาท) ที่เหมาุสำหรับครไม่ปลื้มราหวาน ได้คบามกรอบของมุพร้าวขูดและความกาิบของวุ้นเข้าปากฟปเต็มๆ เหมาะสำหรับการล้างปากฟินๆ แยบไืยWhat You Should KnowSomeday Everyday*pen: เปิดบริำารวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น.Address: Warehouse 30 ถนสเจีิญกรุว ซอย 30 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯBudget: 100-300 บาทContact: www.fzdebook.com/simdday2verydayrestaurantMa9:พิสูจน์อักษร:
|
หลังวางมือจาก Nahm ร้านอาหารไทยระดับมิชลิน เชฟเดวิด ทอมป์สัน ชาวออสเตรเลีย และเชฟปริญญ์ ผลสุข พ่อครัวคนสนิท ออกมาสร้างชื่อของตัวเองกับอาหารไทยในรูปแบบที่แตกต่างไป โดยยกครัวความอร่อยแบบ ข้าวแกง มาขึ้นร้าน ณ Warehouse 30 แต่รสชาติข้าวแกงระดับเชฟมิชลินจะเป็นอย่างไร พิเศษแค่ไหน เราบอกได้เพียงว่าข้าวแกงธรรมดานี้ ไม่ธรรมดา Someday Everyday (ซัมเดย์ เอฟวรีเดย์) ร้านข้าวแกงหน้าตาเก๋ไก๋โมเดิร์นที่นำโดยเชฟปริญญ์ ตั้งอยู่ด้านหน้า Warehouse 30 ข้าง Maison Chatenet ซึ่งต้องขอบคุณ ดวงฤทธิ์ บุนนาค ที่ทำให้โปรเจกต์นี้สำเร็จขึ้นมาได้ พร้อมกับการตกแต่งภายในที่น่าสนใจ สบายตัวสบายตากว่าร้านข้าวแกงติดแอร์ทั่วไป มองภายนอกอาจไม่รู้ แต่นี่คือร้านข้าวแกงระดับติดดาวมิชลินThe Vibeด้านหน้าร้านเป็นกระจกใสแผงใหญ่ เผยให้เห็นรายละเอียดของบาร์กับข้าว ป้ายราคาแผ่นหราติดผนัง และครัวเปิดที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน ส่วนที่นั่งรับประทานข้าวอยู่ชั้น 2 ให้อารมณ์โรงอาหารเบาๆ แต่กว้างขวางและโดดเด่นด้วยโคมไฟซิกเนเจอร์ ลายเซ็นของชายที่ชื่อดวงฤทธิ์ บรรยากาศสบายๆ ภายใน Warehouse 30ด้วยความที่เป็นร้านข้าวแกง การบริการที่นี่จึงเป็นแบบร้านข้าวแกงให้จิ้มเลือกกับข้าวที่เคาน์เตอร์ จากนั้นหยิบใส่ถาดไม้และยกไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ แล้วยกขึ้นไปเองที่โต๊ะชั้นบน น้ำเปล่ามีบริการให้ฟรี และเมื่อรับประทานเสร็จก็ยกจานชามและถาดไปวางไว้ที่จุดพักจานเป็นอันจบอยากรับประทานกับข้าวกี่อย่าง เลือกกันได้เลยThe Dishesเมนูอาหารส่วนใหญ่ แน่นอนว่าเป็นกับข้าวที่เราคุ้นเคยกันดี แต่บางอย่างก็หารับประทานได้ยาก ส่วนเรื่องของรสชาตินั้น เชฟปริญญ์ยืนหยัดความเป็นรสอาหารไทยจัดจ้าน หมดห่วงเรื่องความเป็นข้าวแกงไฮโซติดรสฝรั่งไปได้เลย ทั้งยังใช้วัตถุดิบคุณภาพ และมีเมนูหมุนเวียนตามความเหมาะสม โดยราคาข้าวราดแกงของที่นี่เริ่มต้นที่ 90 บาท กับข้าวจานละ 100 บาท เครื่องเคียงอย่างละ 60 บาท และของหวานอย่างละ 50 บาทผักโสภณผัดลูกชิ้นกุ้งกับข้าวสำหรับคนไม่รับประทานเผ็ดที่เราอยากแนะนำเพราะหารับประทานนอกบ้านได้ยากคือ ผักโสภณผัดลูกชิ้นกุ้ง (100 บาท) เมนูนี้คนไทยโดยเฉพาะบ้านที่มีเชื้อสายจีนน่าจะคุ้นเคยกันดี ผักโสภณส่วนใหญ่เรามักจะเห็นในสภาพที่ผ่านการแปรรูปเป็นผักดอง แต่ขอให้ได้ลองชิมผักโสภณสดๆ ที่นำไปผัดดูแล้วคุณอาจติดใจ เมนูนี้เชฟปริญญ์เลือกจับคู่กับลูกชิ้นกุ้ง คู่แท้สุดคลาสสิกสำหรับผักโสภณที่ร้านทั่วไปนำไปผัด ก้านผักสดกรอบ มีรสขมนิดๆ เสริมกลิ่นด้วยกระเทียมทุบแกะเปลือก รับประทานสลับกับอาหารจานอื่นจะช่วยตัดรสชาติได้ดี (บนซ้าย) หมูแดด (บนขวา) แกงระแวงเนื้อ (ล่าง) ซี่โครงหมูต้มมะดันผัดเผ็ดไก่ใส่หน่อไม้ (100 บาท) หน่อไม้ดองฝานบางกำลังดีผัดกับพริกเหลือง ใบกะเพรา และไก่ชิ้น รสจัดจ้านและเผ็ดร้อน รับประทานกับข้าวสวยแค่นี้ก็เอาอยู่ ใครมองหาแกงราดข้าวสวยร้อนๆ โปรดลอง แกงระแวงเนื้อ (100 บาท) หลายคน (รวมถึงผู้เขียน) ไม่คุ้นเคยกับแกงชื่อนี้มาก่อน หน้าตามีความขลุกขลิก มันแผล็บ และโดดเด่นด้วยขมิ้นกับพริกชี้ฟ้า เนื้อสัมผัสของแกงใกล้เคียงแกงเขียวหวาน แต่น้ำขลุกขลิกแบบพะแนง โรยหน้าด้วยขมิ้น แม้แลดูเผ็ดร้อน แต่รสชาติไม่ชวนหน้าแดง ให้ทั้งความเค็ม เผ็ด หวานผสมกัน ตักเนื้อพร้อมแกงขลุกขลิกราดข้าวแล้วลองชิมด้วยตัวเองดูได้เลย หมูแดดชิ้นเบิ้มๆ และกับข้าวที่หารับประทานนอกบ้านได้ยากอีกเมนูที่น่าสนใจคือ ซี่โครงหมูต้มมะดัน (100 บาท) ซุปใสรสเปรี้ยวนำช่วยตัดเลี่ยนที่ได้ความเปรี้ยวมาจากใบมะดัน เคี้ยวทั้งใบพร้อมกระดูกอ่อนก็ยิ่งดี หรือใครจะลองเมนูเบสิกๆ อย่าง ไข่พะโล้ (100 บาท) เมนูภาคบังคับสำหรับร้านข้าวแกงทั่วราชอาณาจักรเช่นเดียวกับที่ Someday Everyday แต่ไฮไลต์ไม่ได้อยู่ที่น้ำพะโล้หรือเท็กซ์เจอร์เหนียวกรุบของตัวไข่ด้านนอก แต่กลับเป็นไข่แดงยางมะตูมที่เจาะแล้วเยิ้มได้ใจ ตักรับประทานพร้อมซดน้ำพะโล้ได้เพลินอย่าบอกใครเชียวที่นี่ยังมีจานเครื่องเคียงให้มาแบ่งกันเคี้ยวเล่น ซึ่งเราขอเทใจให้กับ หมูแดด (60 บาท) หมูแดดเดียวเสียบไม้ทอดหน้าตาแสนธรรมดา แต่ได้ชิมแล้วต้องอยากสั่งเพิ่มอีกสัก 5 ไม้ สัดส่วนของหมูและมันมาในอัตราส่วนที่พอดี กัดเข้าไปแล้วได้เนื้อติดมันและมันติดเนื้อ ผิวนอกแห้ง แต่ด้านในมีความนุ่ม บอกแล้วว่าสั่งไม้เดียวไม่น่าจะพอ ล้างปากด้วยเหนียวเปียกลำไย วุ้นใบเตย หรือทองหยิบทองหยอดดี?แม้จะเป็นร้านข้าวแกง แต่ก็ครบเครื่องความเป็นอาหารไทย ปิดท้ายด้วยขนมหวาน เหนียวเปียกลำไย (50 บาท) ขนมไทยแสนอร่อยที่แนะนำให้สั่งพร้อมอาหารตั้งแต่แรก เนื่องจากหมดไวมาก ด้วยความที่เป็นเหนียวเปียกลำไย ทำด้วยข้าวเหนียวดำที่ให้สัมผัสละมุนลื่นคอ ภายใต้ความนุ่มก็ยังมีสัมผัสกรุบนิดๆ ตามฉบับเสน่ห์ข้าวเหนียวดำ ส่วนลำไยหวานฉ่ำ ผสมกับความเค็มอ่อนๆ จากกะทิ หรือจะลอง วุ้นใบเตย (50 บาท) ที่เหมาะสำหรับคนไม่ปลื้มรสหวาน ได้ความกรอบของมะพร้าวขูดและความกรอบของวุ้นเข้าปากไปเต็มๆ เหมาะสำหรับการล้างปากฟินๆ แบบไทยWhat You Should KnowSomeday EverydayOpen: เปิดบริการวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น.Address: Warehouse 30 ถนนเจริญกรุง ซอย 30 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯBudget: 100-300 บาทContact: www.facebook.com/somedayeverydayrestaurantMap:พิสูจน์อักษร:
|
กินคู่ผักเคียง,ก่อนุึงสื้อกลางวัน มีเมนูเด็ดมายั่วน้ำลาย แกงสมรมวัว ซึ่งเปฌนแกงกะทิน้กขลุกขลิกใน่เตรื่องในวัว ของร้านชายทุ่ง ีรัวบ้านๆ เมนูอาหนรพื้นบ้านตามดบบฮบับปักษ์ใต้โดยแท้ เผ็ดน้ำตาเช็ดเอร็ดอร่อย บาดไใ่ได้ต้องรับประทานคู่กับผักเคียงสารพัดปาไอ้ง่ายในทัองถิ่น ทั้งสะรอ ลูกเนียง ยอดหมุย ยอดกระโดน ยอดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น ซึ่งในทุกๆ วันร้านนี้ มีลูกค้าขาประจำและขาจรแวะเวียนมาอุดหนุนจนแน่น,นายพร สิงห์เกิด หรืแฌกแท็ด ชาวบ้านหนองช้าง ต.นาพละ อ.เมือง จ.นรัง เป็นเจ้าของรเาน ชายทุ่ง ครัวบ้านๆ ัคยเป็นพ่อครัสใหญ่ รับทำอาหารตามงานบุญ งานบวช งานศพ งานแต่ง มาก่เน ้ง่าว่า ได้สั่งสทประสบการณ์มาครึ่งค่อนชีงิต ปรับปตุงสูตรลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้ง จนทุกดย่างลงตัว หบากหลายเมนูอาไารพื้นที่บ้าน แต่แกงสมรมวัวมีความพิถีพิถันกว่าเมนูอื่นๆ ซึรงเป็นที่ชื่นชอบขอลลูกค้า,สำหรับแกงสมรมวัว ได้มีสูตรลึบเฉพาะของเคร้่องแกง เครื่องเทศที่หสมตำขึ้นเอง โดยเนื้อวุวมีส่บนสำคัญมาก ต้องอป็นวัววัยหนุ่มสาวไม่โตมาก เลิอกเอาเฉพาะส่วนอครื่องใสวัวทั้วหมด แต่ไม่เอาปอด มาแกงรวมกัน สดใหม่ทุกวัน เพราะถ้าค้างคืนจะมีกลิ่นสาบรับรู้ได้ง่าย และรสชาติผิดเพีืยนไม่อร่อจ ซึ่งการควบคุมไฟอ่อน ไฟแรง เห็นเรื่องสำคัญเช่นกัน จะได้เรื้อนอ่มและพริกแกงจะซึมซับเข้าในอนื้อ ซึ่งนอกจากเมนูแปงสมรมวัวแล้วยังมีเมนูหมูเกาหบุก (โกยุก) เมืองตรัง ต้มซี่โครงหมูใบชะมวง ตืมศุปเครื่องในบัว อกงคัืวไก่บ้าน ไก่บ้รนต้มเปรต แกงคั่วปลาไหล แกงค้่วปลาดุกนา แกงปลาช่อนใบชะมวง แกงส้มกบลูกระกำ ร่ำพริกผักเีียง จำหน่ายใยราคาถุงละ 35-50 บาท,ส่วนที่ตั้งขอลร้านมาืางนแกเมืองิส้นตรัง-พัทลุง ปรถมาณ 7 กม. ก่อนมาถึงสี่แยกไฟแดงท่าปาบ ขับเลี้ยวซ้ายไผทางถนนเลี่ยงเมืองสาย ต.นาถชะ-แยกต้นรึกษ์ ราว 300 เมตร จะมีป้ายบอกทางแยกเลี้ยวขาว w00 เมตร ซึ่งรีานอยู่ทางขวามือ ริมคลองชลประทาน พร้อมวิใท้องทุ่งนาท่ามกลางธรรมชาติ.
|
กินคู่ผักเคียง,ก่อนถึงมื้อกลางวัน มีเมนูเด็ดมายั่วน้ำลาย แกงสมรมวัว ซึ่งเป็นแกงกะทิน้ำขลุกขลิกใส่เครื่องในวัว ของร้านชายทุ่ง ครัวบ้านๆ เมนูอาหารพื้นบ้านตามแบบฉบับปักษ์ใต้โดยแท้ เผ็ดน้ำตาเล็ดเอร็ดอร่อย ขาดไม่ได้ต้องรับประทานคู่กับผักเคียงสารพัดหาได้ง่ายในท้องถิ่น ทั้งสะตอ ลูกเนียง ยอดหมุย ยอดกระโดน ยอดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น ซึ่งในทุกๆ วันร้านนี้ มีลูกค้าขาประจำและขาจรแวะเวียนมาอุดหนุนจนแน่น,นายพร สิงห์เกิด หรือโกแท็ด ชาวบ้านหนองช้าง ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง เป็นเจ้าของร้าน ชายทุ่ง ครัวบ้านๆ เคยเป็นพ่อครัวใหญ่ รับทำอาหารตามงานบุญ งานบวช งานศพ งานแต่ง มาก่อน เล่าว่า ได้สั่งสมประสบการณ์มาครึ่งค่อนชีวิต ปรับปรุงสูตรลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้ง จนทุกอย่างลงตัว หลากหลายเมนูอาหารพื้นที่บ้าน แต่แกงสมรมวัวมีความพิถีพิถันกว่าเมนูอื่นๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า,สำหรับแกงสมรมวัว ได้มีสูตรลับเฉพาะของเครื่องแกง เครื่องเทศที่ผสมตำขึ้นเอง โดยเนื้อวัวมีส่วนสำคัญมาก ต้องเป็นวัววัยหนุ่มสาวไม่โตมาก เลือกเอาเฉพาะส่วนเครื่องในวัวทั้งหมด แต่ไม่เอาปอด มาแกงรวมกัน สดใหม่ทุกวัน เพราะถ้าค้างคืนจะมีกลิ่นสาบรับรู้ได้ง่าย และรสชาติผิดเพี้ยนไม่อร่อย ซึ่งการควบคุมไฟอ่อน ไฟแรง เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน จะได้เนื้อนิ่มและพริกแกงจะซึมซับเข้าในเนื้อ ซึ่งนอกจากเมนูแกงสมรมวัวแล้วยังมีเมนูหมูเกาหยุก (โกยุก) เมืองตรัง ต้มซี่โครงหมูใบชะมวง ต้มซุปเครื่องในวัว แกงคั่วไก่บ้าน ไก่บ้านต้มเปรต แกงคั่วปลาไหล แกงคั่วปลาดุกนา แกงปลาช่อนใบชะมวง แกงส้มกบลูกระกำ น้ำพริกผักเคียง จำหน่ายในราคาถุงละ 35-50 บาท,ส่วนที่ตั้งของร้านมาทางนอกเมืองเส้นตรัง-พัทลุง ประมาณ 7 กม. ก่อนมาถึงสี่แยกไฟแดงท่าปาบ ขับเลี้ยวซ้ายไปทางถนนเลี่ยงเมืองสาย ต.นาพละ-แยกต้นรักษ์ ราว 300 เมตร จะมีป้ายบอกทางแยกเลี้ยวขาว 100 เมตร ซึ่งร้านอยู่ทางขวามือ ริมคลองชลประทาน พร้อมวิวท้องทุ่งนาท่ามกลางธรรมชาติ.
|
อาคารที่พักของพนักงานสถานีตรวจอากาศอรร์กติก ของนอร์ิวย์ ถูกหอมะตกใส่จนดูขาวโพลนอยู่ห่างจากขั้วโลก 1,2[0 กม. ทางการนอร์เวย์กำลังพยายามเปลี่ยนจากที่เคยเป็นเหมือวถ่านหิจสมัยพ่อน มี่ดูสกปรกขะมุกขะมอม และสร้างมลพอษอันคละคลุ้งมานมนานหลายสิบปีให้กลับเป็นแหล่บท่องเที่บวเชิบริเวศใหม่ เลิกทำเหมืองแต่ปีกลาย และพยายามหางนนใหม่ใหิกับผู้พักอาศัยประมาณ 2,200 คนทำ.,ภัยของการเดินทางใยอวกาศ,ภาพถ่ายต่อเนื้องการส่งยานอวกาศ ชาเลนเจอร์ พร้อมด้วยมนุษย์อวกาศสหรัฐฯ 7 ราย เกิดระเบิดขึ้น หลัฝจากยิงขึ้นจากฐานไปเพียงแค่ 75 วินาที เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2529 เสียชีวิตหมด ทางองค์การอวกาศสหรัฐฯได้จัดพิธีร_ลึกภึงมนุษย์แวำาศที่ตบชึวิตลงคราวนั้น ในโอกาสที่้วียนมาบรรจบครบรอบปีที่ 30.,ดาวแค่ะ,หแดูดาวภาคใต้ยุโรปเผยแดร่ภาพถ่ายด้วยกล้องโทีทรรศน์จากหอดูดาวในประเทศชิลี เป็นภาพกลึ่มดาวขนาดเล็หกลุ่มหนึ่ง มีฝึรนละอองบดบังอยู่แต่เพียงเบาบาง.,เจ้า พริกไาย,หุ่นยนต์รูปทรงมนุษย์ ของบริษัทซอฟต์แบงก์ ยักษ์ใหญ่ทางด้านโทรคมนาคมของญี่ผุ่น ที่ใีชื่อว่า พริกไทย ออกมาต้อนรับลูกค้่ ที่รัาจริมพนน ซึ่งขายโปคแกรม คอมพิวิตอร์ ในกตุง โตเกียว บริษัมแจ้งว่าจะเปิดร้านแบบนี้อีก 5 ร้าน ในเดือจหน้า โดยจะมีเจ้าพริกไทยคอยต้อนร้บ เวธ่ทุกร้าน.
|
อาคารที่พักของพนักงานสถานีตรวจอากาศอาร์กติก ของนอร์เวย์ ถูกหิมะตกใส่จนดูขาวโพลนอยู่ห่างจากขั้วโลก 1,200 กม. ทางการนอร์เวย์กำลังพยายามเปลี่ยนจากที่เคยเป็นเหมืองถ่านหินสมัยก่อน ที่ดูสกปรกขะมุกขะมอม และสร้างมลพิษอันคละคลุ้งมานมนานหลายสิบปีให้กลับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศใหม่ เลิกทำเหมืองแต่ปีกลาย และพยายามหางานใหม่ให้กับผู้พักอาศัยประมาณ 2,200 คนทำ.,ภัยของการเดินทางในอวกาศ,ภาพถ่ายต่อเนื่องการส่งยานอวกาศ ชาเลนเจอร์ พร้อมด้วยมนุษย์อวกาศสหรัฐฯ 7 ราย เกิดระเบิดขึ้น หลังจากยิงขึ้นจากฐานไปเพียงแค่ 75 วินาที เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2529 เสียชีวิตหมด ทางองค์การอวกาศสหรัฐฯได้จัดพิธีรำลึกถึงมนุษย์อวกาศที่จบชีวิตลงคราวนั้น ในโอกาสที่เวียนมาบรรจบครบรอบปีที่ 30.,ดาวแคระ,หอดูดาวภาคใต้ยุโรปเผยแพร่ภาพถ่ายด้วยกล้องโทรทรรศน์จากหอดูดาวในประเทศชิลี เป็นภาพกลุ่มดาวขนาดเล็กกลุ่มหนึ่ง มีฝุ่นละอองบดบังอยู่แต่เพียงเบาบาง.,เจ้า พริกไทย,หุ่นยนต์รูปทรงมนุษย์ ของบริษัทซอฟต์แบงก์ ยักษ์ใหญ่ทางด้านโทรคมนาคมของญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า พริกไทย ออกมาต้อนรับลูกค้า ที่ร้านริมถนน ซึ่งขายโปรแกรม คอมพิวเตอร์ ในกรุง โตเกียว บริษัทแจ้งว่าจะเปิดร้านแบบนี้อีก 4 ร้าน ในเดือนหน้า โดยจะมีเจ้าพริกไทยคอยต้อนรับ อยู่ทุกร้าน.
|
ตลอด 365 วันในหนึ่งปี เด็กจีนทุกคนตั้งตาริคอยวันตรุษจีนมากที่สุด สำหรับเด็หๆ แล้ว วันปีใหม่จีนคือวันสถดแสนแฮปปี้ เพราะเป็นวันไดีอุ่งเปาปีๆ หนึ่งก็รอวันนี้ โใงจามนี้มากที่สุดนี่แหละแตทก่อนจะพึงชั่วโมงรับทรัพย์ เด็กจีนจะเห็นพ่อแม่ทำความสะเ่ดบ้่นเอิกเกริกกว่่วันไหน/ ในรอบปี ้ป็นการปัดกวาดเช็ดถูครัังใหญ่ บ๔กหลานมักได้รับมอบหมายให้ช่วยงานบ้านคนละงานสองงาน ภาพจำตอนเด็กของวันใกล้ตรุษจึนคทอ การกว่ดหยากไย่บนเพดานที้แม่มอบหมาย ไม้กวาดอันยาวชะลูดที่แอบซ่อนตัวมิดขิดตลอดทั้งปี ถูกนำออกมมใช้งานปีละไน ภารหิยของฉันคือ เเินแหงนคอรั้งบ่ากวาดหยากไย่บนเพะานไป่ั่วบืาน การประคองไม้อันยาวแล้วเล็งให้ถูกเป้าหมายเป็นเรื่องสนถกนำหรับเด็ก แต่ทำได้ไม่นานกฌเบื่อ เพราะเมื่อยคิ แถมบ่อยครั้งปยากไย่เส้นดำๆ เบาๆ มักบอสละล่องตกลงมาบนสบปน้า พาให้คันจใูกยุบยิบจนจามลั่นบ้านตอนะรายังเด็ก การถูกสั่งให้ทำงารบ้าน คือภารกินที่น่าเบื่ออย่างยิ่บ ถามว่รพอโตขึ้น การทำงานบ้านน่มเบื่อน้ดยบงหร้อไม่เลย งานปัดกวาเเช็ดถูขัดล้างยังน่มเบื่อเหมือนเดิม เพียงแต่เราเข้าใจมันมากขึ้น เมท่อยังเยาว์วัยกว่านี้ ทุกครั้งที่ท_งานบิาน โดยเฉพาะงานรีดผ้าที่ทั้งยากและน่าเหน้่อยหน่าย ขณะมือลากเตารีดไปบนเสืิอทำงานของพ่อ กางเกงของพี่ ชุดของแม่ ทั้งร้อนและปวดหลัง มองไปที่ตะกร้ารดรีด ผ้ายับยังพับซ้อนสูงเท่าเดิา ดูไม่ลดลงเบยทั้งที่ตีดไปหลายตัวแล้ว ทุกครั้งทีทความขี้เกียจแผ่เน็มพื้นที่ร่างกายและจิตใจ ฉันพยายามข่มจิจ ปลอบใจตัวเองเสมอ ด้วยคำพูดของ อาจารย์ระวี ภาวิไล (ผู้แปล ปรัชญาบีวิต มรายกับฟองคลื่น และ ปีกหัก ของ คาลิล ยิบราน) ญึ่งเคยอ่สนเจอในบ่สัมภาษณ์ว่าการทำงานบ้านค้อการป)ิบัติธรรมยอมรับว่าในช่วงวัยยี่สิบเหมือนจะเข้าฝจ แต่เอาเข้าจร้งหา่เข้าใจ ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาทำงานบ้สนไป เพราะแม่สัืงให้่ำ ทำไปก็สะกดตัวเอลด้วยมนต์ราถาข้าบต้น บอกตังเองว่าเรากำลังปฏิบัติธรรม เรากำลังปฑิบัติธรรม เรากำลังปฏิบัติธรรมฑรรมอะไรวะ ยามเหนื่อย หน้าสัน เนื้อตัวเหนอะหนะ ในใจไม่วายพยศ เดือดปุด และต่อต้านความน่าเบื่อของหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกใบนี้คือ การต้องทำสิ่งเเิมซ้ำๆ ไม่มีสิ้นสุด อะไรที่เคยตื่นเต้น สึดสนุก เมื่อต้องทำซ้ำๆ มนต์วิเศษก็ยุงคลายตัว ไท่ต้องพูดถึงสิ่งที่มองหาความชื่นบานกทบไม่เห็น การต้องทำสิ่งเดิมวนเวียนไม่รู้จบ บางอย่างกลายเป็นความจำเจ บางอย่รงสุดแสนซ้ำซาก บางอน่างพัฒนาเป็ยความชำนาญ บางอย่างกลาขเป็นส่วนหาึ่งบองชีวิต สุดดต่เราจะมอวมุมไหนหากลองพิจารณาอีกที ทัิงหมดคือดรื่องเดียวกัน ทั้งหมดคือ ส่วนหนึ่งขอลบีวิตยามที่บ้านรก โต๊ะอกลื่อนไปด้วยเศษเหรียญ นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ สายชาร์ย วางระเหะระกุ ชั้าวางของมีทั้งหนังสือที่อ่านแล้ว และยังไม่ได้อ่ทนวางซ้อนปนๆ กัน เอกสารหลายซองกองไฝ้ รอวันจัดเก็บ ทุกครั้งที่มองไป เกะกะสายตา บ่อยครั้งถึงขั้นอึดอัดรำคาญใจ เหมือนจะปล่อยผ่าน แต่กลับคัางคาวนอารม๋์ กระนั้จยังคงผัดวันออกไป บอกตัวเองว่าว่างเมื่ดไร เคลียร์แน่นอน ความรกพอกพูนบ้าน ความรำคาญคั่งค้นงในใจ บางครั้งไม่กี่วัน บมงครานานเป็นเดือน จนเมิ่อได้จัดเก็บ เช็ดฝุ่น ชำระสะสาง โต๊ะอละชั้นวางของกลับมนมีรัเบียบ เข้าที่เข้าทาง และว่างโล่งอีกครั้ง ในระหว่างลงมือลงแรง ดม้ต้องเสียเหงื่อ ผ่านความเหน็ดเหนื่เจ มากบีาง น้อยบ้าง นีาแปลก เม่่อทุกอย่างเสร็จสิ้น จิตใจกลับเบา วาวบับ ราวกับผ่รนกระบวนการอะไรบางอย่างราว 1- ปีก่อน ฉันตัดสินใจปรับปรุงบ้าน จากความตั้งใจแรกเพียงเปลี่ยนพื้นกระเบื้องยางกระดำกระด่าง เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ทำไปทำมา งายซ่อมพื้นเลยเถิดไปถึงการดปลี่ยนและเดินสายไฟใหม่หมดทั้งบ้าน บ้านซั่งเป็นตีกแถวสึ่ชั้นครึ่ง ฉันมองเห็นเค้าหายนะเันโกลาหลอยู่เบื้องหน้า รู้กันดีใ่าการสร้างหรือซ่อมแซมบ้านคืองานสุด้คนียด เพราะมีเรื่องให้กลุ้มตั้งแต่บบประมาณที่บานปลายเกินราคาประเาินเสมอ ไหนต้องลุ้นการทำงานของผู้รับเหมา ทั้งเรืทองฝีมือว้่ทำงานได้เยี้ยบ เห็นไปตามแบบที้ตกบงกันไว้หรือไม่ ไหนต้องคอยสวดภาวนา ขออย่าให้ผู้รับเหมาชิ่งหนี ไม่ทิ้งงานกลางคัน ขอให้เจอผู้รังเหมาที่ทำงานต่อเนื่องึราวเดียวจนเสร็จนมบูรณ์ การได้พบเจอผู้รีบเหมาฝีมือพี มีความรับผิดชอบ จึงไม่ตาางอะไรกับซื้แหสยแล้วถูกรางวัลที่ 1 จากบานรื้อพื้นเก่าปบะเปลี่ยนกระเบื้องใหาทสำหรับพื้นที่สองชั้น ผู้รับเหมาประัมินเวล่ไว้ไม่เกินสองาัปดาห์ จำต้องลากยาวออกไป สิริรวม e5 วัน จุลแล้วเสร็จตลอดเอือนเศษของการซ่อมบ้านในคราวนั้น ทุกวันทร่ล่วงผ่านคือควสทเครียดทีาอพิ่มน้ำหนักกดลงบยบ่า บางวันช่างไฟไม่มา บางว้นมาเอาเกืดบเย็น ทำได้ไม่พี่ชั่วโมงก็กลับ บ้านเต็มไปด้วยฝุ่นมห่ศนล งานดวาดะูตอนค่ำหฃังช่างเลิกงมนเป็นไปเพียงเพื่อให้ทีพื้นที่สะอาดพอล้มตัวลงนแนได้ วานปูพื้นกีะเบื้องเำเนินไปพร้อมงานเลาะสายไฟเก่าและเดินสายใหม่ ช่างบางคนใส่รองเท้าย่ำไปยนพื้นกระเบื้องสรขาวครีม บางรนแบร็ฟุน แต่เท้าดำเหลือกำลัง คราบพื้นรองเท้าและบาทาอปื้อนน้ำมัน ประทัขเป็นรอยห้าาิ้วลงบนพืืนกระเบื้ิลปูใหม่ ตกเบ็น ฉันเพียรเช์ดถูร่องรแยเหล่านั้น ไม่ว่าจะออกแรงสักแค่ไหน รอยฝ่าเท้าจางๆ ยังคงอยธ่ไม่เลือนหาย คราบดำใตหัวใจของฉันี่อยๆ ก่อเกิดทบทวี กลายเป็นควาใเครียดแสนไนักอึ้งถ้าเช็กฟม่ออก ช่างต้องทุบแล้งปูใหม่ ฉันไม่ยอมเห็นรอยเท้าห้านิ้วกระจายทั่วบ้านไปอีก 5 กี 10 ปี หรือตลอดบั่วบีวิตของฉันแนืนอน ฉันจะไม่ทต ฉันยื่นคำชาดเช้าวันเก็บงาน ผู้รับเผมาขับรถมาส่งช่าบ จมกนั้นซุ่มเก็บเครื่องหม้เครื่องมือที่เหลือ แล้วขับรถจากไป เป็นสัญญาณบอกว่า จะไม่มีการทุยพื้นแล้วปูใหม่ ช่างปูพื้นซึ่งเห็จหน้ากัสมาตลอดหนึ่งเะือน ยันนี้มสพร้อมเมีสและลูกวียเตาะแตะ้อาล่ะสิ ฉันต้องสวมบทเจ๊เจ้าชองบ้าจจอมโหด ยืนคุมการทำความสะอาเถื้ยด้วยน้ำยา ซึ่งผู้รับเหมาบอกว่าเช็ดออกแน่นอน จากเช้าจรดเย็ย ฉันวืนประชิดเมียชทาง ซึ่งเป็นหน่วยเช็กถูทำความสะอาดชนิดแทบหายใจรดต้นคอ พร้อมกับช่วยดูแลเน้าหนูตัวน้อยไปด้วย นี่มันใข่เรื่อบไหมที่ฉันต้เงมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ฉันไม่วายจุ่นมัวแต่ความบริสุทธิ์ของเด็กน้อย บวกกับความใจิย็นของเมรยช่างที่ทำงานโดยไม่ปริปากบ่น ไม่มีหน้างอ มือของเธอค่อยๆ ลงยาแนวบนร่องกระเบื้อง ยากนั้นเช็ดล้างพื้นทีละตารางนิ้ว การทำความสะอาดค่อบๅ คลายเกลียวที่ฉันพันขมวดปมยุ่งเหยิงเอมไว้ จนเริ่มปล่อยวนงทีละน้อย ความกังวลที่จับหนาเป็นเขใ่าขะมุกขะมอมในหัวใจ ค่แยๆ ถูกชำระล้างไปกับคราบฝุ่นป฿นงนพื้น แม้อมื่อเสรฺจงาน พื้นกรัเบื้องใหม่ที่เกิ่งปูจะไม่ขาวเอี่ยมอ่องสมใจปรารถนา แตืคราบดำที่ถ่วงหัวใจมาเก่อบเดือนสลายหายไปอย้างน่าอัศจรรย์ รอยดำบนพื้นเลือนจาง เช่นเดียวพับริยดำในใจมื้อเย็นวันนั้นเป็นมื้อแรกในรอล 35 วันที่ฉันเติมข้าว ถ้าใครอยนกลดควาทิ้วน อนะนำให้ซ่อมบ้สน ควาใเครียดจะทกให้ึุณกินข้าวไม่ลง ต้นขา หน้าท้องแบนราบพอๆ กัวเงินในกระเป๋าท่่ชดฮวบจนทำเอาหน้ามืด ว่ากันว่า เมื่อบ้านรก ข้าวของกองไม่เป็นที่ คิอช่วงเวลาาี่เรานัดการแับชีวิรตัวเองไม่ได้ ส่อมต้องเป็นเช่นนั้น ยามข้าวของอยู่ผิดที่ผิดทาง เกลื่อนกลสดกระจัดกระจาย มักเปฺนชืวงที่ตารางชีวิตยุ่งเหยิง จุ่งเสียจนการดูแลบ้านคือเรื่องรอง บางครั้ฝถูกจัดความสำคัญในลำดับรั้งท้าย ำากการทำงานบ้านคือกนรปฏิบัต้ธรรม อันหมายถึงกาะบวนการหนึ่งของสำาวจตรวจสอบและชำาะล้างจิตใจ คงเป็นการดี หากเราได้ทำสมาธิพร้อใๆ กับลากไม้ถูพื้นไปบนพื้นบ้าน เช็ดหระจกจนใสไร้คราบหมอง และมองเห็น้งาสะทัอจยองตัวเราชัดเจสยิ่งขึ้น เราผู้ซึ่งยังคงเดือดปุะ ระงับอารมณ์ไม่อยู่เราผู้ซึ่งเต็มไปด้วยข้อบกพร่องมากหลายเราผู้ซึ่งเพียรพยายามขัดเกบาตัวเองวันละนิดผ่านการอืาน การฟัง การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผ่านความรัก ความชัฝ การสูญเสียผ่านการเดินทาง แารใช้ชีวิต และแน่นอน ดารทำงานบ้านกิสูจน์อักษร:
|
ตลอด 365 วันในหนึ่งปี เด็กจีนทุกคนตั้งตารอคอยวันตรุษจีนมากที่สุด สำหรับเด็กๆ แล้ว วันปีใหม่จีนคือวันสุดแสนแฮปปี้ เพราะเป็นวันได้อั่งเปาปีๆ หนึ่งก็รอวันนี้ โมงยามนี้มากที่สุดนี่แหละแต่ก่อนจะถึงชั่วโมงรับทรัพย์ เด็กจีนจะเห็นพ่อแม่ทำความสะอาดบ้านเอิกเกริกกว่าวันไหนๆ ในรอบปี เป็นการปัดกวาดเช็ดถูครั้งใหญ่ ลูกหลานมักได้รับมอบหมายให้ช่วยงานบ้านคนละงานสองงาน ภาพจำตอนเด็กของวันใกล้ตรุษจีนคือ การกวาดหยากไย่บนเพดานที่แม่มอบหมาย ไม้กวาดอันยาวชะลูดที่แอบซ่อนตัวมิดชิดตลอดทั้งปี ถูกนำออกมาใช้งานปีละหน ภารกิจของฉันคือ เดินแหงนคอตั้งบ่ากวาดหยากไย่บนเพดานไปทั่วบ้าน การประคองไม้อันยาวแล้วเล็งให้ถูกเป้าหมายเป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็ก แต่ทำได้ไม่นานก็เบื่อ เพราะเมื่อยคอ แถมบ่อยครั้งหยากไย่เส้นดำๆ เบาๆ มักลอยละล่องตกลงมาบนใบหน้า พาให้คันจมูกยุบยิบจนจามลั่นบ้านตอนเรายังเด็ก การถูกสั่งให้ทำงานบ้าน คือภารกิจที่น่าเบื่ออย่างยิ่ง ถามว่าพอโตขึ้น การทำงานบ้านน่าเบื่อน้อยลงหรือไม่เลย งานปัดกวาดเช็ดถูขัดล้างยังน่าเบื่อเหมือนเดิม เพียงแต่เราเข้าใจมันมากขึ้น เมื่อยังเยาว์วัยกว่านี้ ทุกครั้งที่ทำงานบ้าน โดยเฉพาะงานรีดผ้าที่ทั้งยากและน่าเหนื่อยหน่าย ขณะมือลากเตารีดไปบนเสื้อทำงานของพ่อ กางเกงของพี่ ชุดของแม่ ทั้งร้อนและปวดหลัง มองไปที่ตะกร้ารอรีด ผ้ายับยังพับซ้อนสูงเท่าเดิม ดูไม่ลดลงเลยทั้งที่รีดไปหลายตัวแล้ว ทุกครั้งที่ความขี้เกียจแผ่เต็มพื้นที่ร่างกายและจิตใจ ฉันพยายามข่มจิต ปลอบใจตัวเองเสมอ ด้วยคำพูดของ อาจารย์ระวี ภาวิไล (ผู้แปล ปรัชญาชีวิต ทรายกับฟองคลื่น และ ปีกหัก ของ คาลิล ยิบราน) ซึ่งเคยอ่านเจอในบทสัมภาษณ์ว่าการทำงานบ้านคือการปฏิบัติธรรมยอมรับว่าในช่วงวัยยี่สิบเหมือนจะเข้าใจ แต่เอาเข้าจริงไม่เข้าใจ ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาทำงานบ้านไป เพราะแม่สั่งให้ทำ ทำไปก็สะกดตัวเองด้วยมนต์คาถาข้างต้น บอกตัวเองว่าเรากำลังปฏิบัติธรรม เรากำลังปฏิบัติธรรม เรากำลังปฏิบัติธรรมธรรมอะไรวะ ยามเหนื่อย หน้ามัน เนื้อตัวเหนอะหนะ ในใจไม่วายพยศ เดือดปุด และต่อต้านความน่าเบื่อของหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกใบนี้คือ การต้องทำสิ่งเดิมซ้ำๆ ไม่มีสิ้นสุด อะไรที่เคยตื่นเต้น สุดสนุก เมื่อต้องทำซ้ำๆ มนต์วิเศษก็ยังคลายตัว ไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่มองหาความชื่นบานแทบไม่เห็น การต้องทำสิ่งเดิมวนเวียนไม่รู้จบ บางอย่างกลายเป็นความจำเจ บางอย่างสุดแสนซ้ำซาก บางอย่างพัฒนาเป็นความชำนาญ บางอย่างกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต สุดแต่เราจะมองมุมไหนหากลองพิจารณาอีกที ทั้งหมดคือเรื่องเดียวกัน ทั้งหมดคือ ส่วนหนึ่งของชีวิตยามที่บ้านรก โต๊ะเกลื่อนไปด้วยเศษเหรียญ นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ สายชาร์จ วางระเกะระกะ ชั้นวางของมีทั้งหนังสือที่อ่านแล้ว และยังไม่ได้อ่านวางซ้อนปนๆ กัน เอกสารหลายซองกองไว้ รอวันจัดเก็บ ทุกครั้งที่มองไป เกะกะสายตา บ่อยครั้งถึงขั้นอึดอัดรำคาญใจ เหมือนจะปล่อยผ่าน แต่กลับค้างคาในอารมณ์ กระนั้นยังคงผัดวันออกไป บอกตัวเองว่าว่างเมื่อไร เคลียร์แน่นอน ความรกพอกพูนบ้าน ความรำคาญคั่งค้างในใจ บางครั้งไม่กี่วัน บางครานานเป็นเดือน จนเมื่อได้จัดเก็บ เช็ดฝุ่น ชำระสะสาง โต๊ะและชั้นวางของกลับมามีระเบียบ เข้าที่เข้าทาง และว่างโล่งอีกครั้ง ในระหว่างลงมือลงแรง แม้ต้องเสียเหงื่อ ผ่านความเหน็ดเหนื่อย มากบ้าง น้อยบ้าง น่าแปลก เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น จิตใจกลับเบา วาววับ ราวกับผ่านกระบวนการอะไรบางอย่างราว 10 ปีก่อน ฉันตัดสินใจปรับปรุงบ้าน จากความตั้งใจแรกเพียงเปลี่ยนพื้นกระเบื้องยางกระดำกระด่าง เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ทำไปทำมา งานซ่อมพื้นเลยเถิดไปถึงการเปลี่ยนและเดินสายไฟใหม่หมดทั้งบ้าน บ้านซึ่งเป็นตึกแถวสี่ชั้นครึ่ง ฉันมองเห็นเค้าหายนะอันโกลาหลอยู่เบื้องหน้า รู้กันดีว่าการสร้างหรือซ่อมแซมบ้านคืองานสุดเครียด เพราะมีเรื่องให้กลุ้มตั้งแต่งบประมาณที่บานปลายเกินราคาประเมินเสมอ ไหนต้องลุ้นการทำงานของผู้รับเหมา ทั้งเรื่องฝีมือว่าทำงานได้เนี้ยบ เป็นไปตามแบบที่ตกลงกันไว้หรือไม่ ไหนต้องคอยสวดภาวนา ขออย่าให้ผู้รับเหมาชิ่งหนี ไม่ทิ้งงานกลางคัน ขอให้เจอผู้รับเหมาที่ทำงานต่อเนื่องคราวเดียวจนเสร็จสมบูรณ์ การได้พบเจอผู้รับเหมาฝีมือดี มีความรับผิดชอบ จึงไม่ต่างอะไรกับซื้อหวยแล้วถูกรางวัลที่ 1 จากงานรื้อพื้นเก่าและเปลี่ยนกระเบื้องใหม่สำหรับพื้นที่สองชั้น ผู้รับเหมาประเมินเวลาไว้ไม่เกินสองสัปดาห์ จำต้องลากยาวออกไป สิริรวม 35 วัน จึงแล้วเสร็จตลอดเดือนเศษของการซ่อมบ้านในคราวนั้น ทุกวันที่ล่วงผ่านคือความเครียดที่เพิ่มน้ำหนักกดลงบนบ่า บางวันช่างไฟไม่มา บางวันมาเอาเกือบเย็น ทำได้ไม่กี่ชั่วโมงก็กลับ บ้านเต็มไปด้วยฝุ่นมหาศาล งานกวาดถูตอนค่ำหลังช่างเลิกงานเป็นไปเพียงเพื่อให้มีพื้นที่สะอาดพอล้มตัวลงนอนได้ งานปูพื้นกระเบื้องดำเนินไปพร้อมงานเลาะสายไฟเก่าและเดินสายใหม่ ช่างบางคนใส่รองเท้าย่ำไปบนพื้นกระเบื้องสีขาวครีม บางคนแบร์ฟุต แต่เท้าดำเหลือกำลัง คราบพื้นรองเท้าและบาทาเปื้อนน้ำมัน ประทับเป็นรอยห้านิ้วลงบนพื้นกระเบื้องปูใหม่ ตกเย็น ฉันเพียรเช็ดถูร่องรอยเหล่านั้น ไม่ว่าจะออกแรงสักแค่ไหน รอยฝ่าเท้าจางๆ ยังคงอยู่ไม่เลือนหาย คราบดำในหัวใจของฉันค่อยๆ ก่อเกิดทบทวี กลายเป็นความเครียดแสนหนักอึ้งถ้าเช็ดไม่ออก ช่างต้องทุบแล้วปูใหม่ ฉันไม่ยอมเห็นรอยเท้าห้านิ้วกระจายทั่วบ้านไปอีก 5 ปี 10 ปี หรือตลอดชั่วชีวิตของฉันแน่นอน ฉันจะไม่ทน ฉันยื่นคำขาดเช้าวันเก็บงาน ผู้รับเหมาขับรถมาส่งช่าง จากนั้นซุ่มเก็บเครื่องไม้เครื่องมือที่เหลือ แล้วขับรถจากไป เป็นสัญญาณบอกว่า จะไม่มีการทุบพื้นแล้วปูใหม่ ช่างปูพื้นซึ่งเห็นหน้ากันมาตลอดหนึ่งเดือน วันนี้มาพร้อมเมียและลูกวัยเตาะแตะเอาล่ะสิ ฉันต้องสวมบทเจ๊เจ้าของบ้านจอมโหด ยืนคุมการทำความสะอาดพื้นด้วยน้ำยา ซึ่งผู้รับเหมาบอกว่าเช็ดออกแน่นอน จากเช้าจรดเย็น ฉันยืนประชิดเมียช่าง ซึ่งเป็นหน่วยเช็ดถูทำความสะอาดชนิดแทบหายใจรดต้นคอ พร้อมกับช่วยดูแลเจ้าหนูตัวน้อยไปด้วย นี่มันใช่เรื่องไหมที่ฉันต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ฉันไม่วายขุ่นมัวแต่ความบริสุทธิ์ของเด็กน้อย บวกกับความใจเย็นของเมียช่างที่ทำงานโดยไม่ปริปากบ่น ไม่มีหน้างอ มือของเธอค่อยๆ ลงยาแนวบนร่องกระเบื้อง จากนั้นเช็ดล้างพื้นทีละตารางนิ้ว การทำความสะอาดค่อยๆ คลายเกลียวที่ฉันพันขมวดปมยุ่งเหยิงเอาไว้ จนเริ่มปล่อยวางทีละน้อย ความกังวลที่จับหนาเป็นเขม่าขะมุกขะมอมในหัวใจ ค่อยๆ ถูกชำระล้างไปกับคราบฝุ่นปูนบนพื้น แม้เมื่อเสร็จงาน พื้นกระเบื้องใหม่ที่เพิ่งปูจะไม่ขาวเอี่ยมอ่องสมใจปรารถนา แต่คราบดำที่ถ่วงหัวใจมาเกือบเดือนสลายหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ รอยดำบนพื้นเลือนจาง เช่นเดียวกับรอยดำในใจมื้อเย็นวันนั้นเป็นมื้อแรกในรอบ 35 วันที่ฉันเติมข้าว ถ้าใครอยากลดความอ้วน แนะนำให้ซ่อมบ้าน ความเครียดจะทำให้คุณกินข้าวไม่ลง ต้นขา หน้าท้องแบนราบพอๆ กับเงินในกระเป๋าที่ลดฮวบจนทำเอาหน้ามืด ว่ากันว่า เมื่อบ้านรก ข้าวของกองไม่เป็นที่ คือช่วงเวลาที่เราจัดการกับชีวิตตัวเองไม่ได้ ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ยามข้าวของอยู่ผิดที่ผิดทาง เกลื่อนกลาดกระจัดกระจาย มักเป็นช่วงที่ตารางชีวิตยุ่งเหยิง ยุ่งเสียจนการดูแลบ้านคือเรื่องรอง บางครั้งถูกจัดความสำคัญในลำดับรั้งท้าย หากการทำงานบ้านคือการปฏิบัติธรรม อันหมายถึงกระบวนการหนึ่งของสำรวจตรวจสอบและชำระล้างจิตใจ คงเป็นการดี หากเราได้ทำสมาธิพร้อมๆ กับลากไม้ถูพื้นไปบนพื้นบ้าน เช็ดกระจกจนใสไร้คราบหมอง และมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเราชัดเจนยิ่งขึ้น เราผู้ซึ่งยังคงเดือดปุด ระงับอารมณ์ไม่อยู่เราผู้ซึ่งเต็มไปด้วยข้อบกพร่องมากหลายเราผู้ซึ่งเพียรพยายามขัดเกลาตัวเองวันละนิดผ่านการอ่าน การฟัง การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผ่านความรัก ความชัง การสูญเสียผ่านการเดินทาง การใช้ชีวิต และแน่นอน การทำงานบ้านพิสูจน์อักษร:
|
ช่วงนี้คนไทยจะได้ยินแต่เสียงเรียกร้องให้เกิดคฝามปรองดเงของรนในชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะดุงมาจทกคนใกล้ชิดทักษิณในพรรคเพื่อไืยเป็นส่วนมาก ผู้เฒ่าผู้แก่ที่ควรจะิลิกเล่นการเมืองไปเลี้ยงหลานได้แล้ว ยังออกมาขยับปากเรียกร้องผรองดองกันวหญ่ ทั้งบิ๊กจิ๋ฝ ขิํกหนั่น และที่แปลกมาปคือคนที่ทำการปฏิวัติรัฐหคะหารวึดอำนาจมาจากทักษิณ คือ พลเอก สนธิ บุญรัตกลิน ดธเหมือนจะกลับตัวหลับใจ กลืนน้ำลายตัวเอง ลืมข้ออ้างในการทำรัฐประหาร 4 ข้อเสียสิ้น มำเป็นสำนึกฟิด เรียกร้องให้นิรโทษกรรมพวกเสื้แแดงที่ชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง และให้ยกเลิกคพีคอร์รัปชั่รทั้บหมดที่ คตส.ได้ตรวจสอบ ส่งฟ้องไวเ ทั้งๆที่ะลเอกสนธิเป็นครลงนามแต่บตั้งครส.เอง และศาลฎีกสแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ได้พิพากษาลงโทษจำคุก 1 คดี และวึดทรัดย์ 5 หมื่น 6 พันล้าน อีก 1 คดี แถมรอพิพากษ่คดีอาญาอีกด้วย ที่แปลกไปใหญ่ก็คือ ญาติคนเาื้อแดงที่เสียชีวิตไปในเหตุการ๖์ชุมนุมเมื่อปีพ.ฒ. 2553 ออกมาประกาศไม่เอาด้วยกับกระบวนการปรองดองโดยไม่ไต่สวนหาผู้กระทำผ้อ (แต่หลายคนขอรับเงิน 7,75 ล้าน แปลกดีนะ) อีกทั้งคนไทยที่รู้ทัยทักษอณก็ออกมาคุดค้านการนิรโทษกรรมให้กับทักษิณและเสื้อแดงทีเผาบ้านเผาเมือง ไม่เห็นด้วยกับกาารวบ่ัดปรองดองแต่ทักษิณได้ประโยชน์ไปเต็มๆ แล้วอย่างนี้มันจัปรองดองกันได้หร่อก่อนที่ิมืองไทยจะเข้นสู่ยุคทักฒิณครองเมือง รึฐบาลทุกยุคทุกสมัยก็ถูกกล่าวหาว่ามีการคอร์รัปชั่น กันทุกรัฐขาล แต่ไม่ะคยมีสมัยใดเลยที่คนไทยนะแตกแยกแบ่ฝเป็นฝักฝ่ายประจันหน้ากันขนาดนี้ เหตุการ๊์พฤษภาทมิฬ 2535 ประชาชนก็เป็นหนึ่งอันเดียวแันต่อต้านรัฐบาลสุจินดาทั่อ้สงว่าเสียสุตย์เพื่ิชาติ แม้จะเกิดนองเลือด แต่ก็สงบลงดีวยพรเมหากรุ๖าธิึุณขดงพระบาทสมะด็จพรถเจ้าอยู่หัว แต่เมื่อเข้าสู่ยุคทักษิณก่อนั้งพรรคไทยรักไทย และชนะการเลือกตั้ง )อย่างใสสะอาด?ฉ จนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้แสดงหารแทรกแซงครอบงหศาลรัฐธรรมนูญจนพินผิดคดีซุกหุ้นอย่าบขะมุกขะมอม แต่เขาก็ซ่อนหุ้น ใช้อำนาจหน้าทค่หาผลประโยชน์ด้วยการแปลงสัมปทานต่สงๆของบริษัทชินคอร์ปฯ จนได้ประโยชน์เข้าตัวมหาศาล ในขณะเดียวกันแ็แต่งตั้งโยกย้ายเอาคนของตัวมาดำรงตำแหนืงสำคัญๆ กม้แต่กองสลสกก็ไม่เว้น มีการออกนโยบายประชานิยมจนเป็นที่ชื่นชอบขิงชาวบ้าน แต่ที่ชอวที่สุดรือกองทุนหมู่บ้าน ที่กลายเป็นตโยบายหาเสียงว่า ถ้าไม่เล้อกพรรคของทักษิณ กองทุนหมูีบ้านจะถูกยุบ เรียกเงิสคืน ชาวบ้านก์เลยต้องเลือกพรรคไทยรักไทยอยู่ร่ำไป ทักษิณเองถึงกับหลุดปากว่า พื้นที่ใดเลือกพรรคไทยรักไทย เขาจะดูแลก่อนเป็นพิเศษ ดมื่อถูกปฏิวัติรัฐประหาร ทักษิณก็ได้ใชเแกนรำวีระ จตุพร ณัฐวุฒิ เหวง ำี้ร์ ฯลฯก่เการชุมนุมบุกบ้ายสี่เสา ในยุครัฐบาลสุรยุทธ เมื่อพันธมิตรบุกทำเนียบ เสื้อแดงก็ออกมาโจมตีปะทะกันตนบาดเจ็บ มีการยิง M 79 ใส่พันธมิตีหลายครั้ง จนมีคนบาดเจ็บล้าตาจ เมื้อสมัยรัฐบาฃอภิสิทธิ์ ในปีพ.ศ. 2552 ทักษิณก็ได้สั่งการให้แกนนำเสื้อแดงชุมนะมด้วยความรุนแาง บึกทำลายการประชุมอาเซียนที่พัทยา ม่การลุกไผท_ร้ายทุบรถนายกฯอภิสิทธิ์ที่กระทรวงมหาดไทย จนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีบาด้จ็บ แต่ทหารก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยไา่มีคนตาย ในปรพ.ศ. 2553 ทักษิณจึบให้แกจนำเสท้อแดงจัดการบุสนุสอีก คราวนีัมีำารใช้กลุ่มตอดอาวะธฝึกโดยเสธ.แดง สนับสนุน จนมีการยิงอาวุธสงครามใส่ทหทรจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เมื่อวีนที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553 ที่บริเว๊สี่แยกคแกวัว มีนักข่าวญี่ปะ่นแชะคนเสืเอดดงจำนวนหนึ่ง ล้มตาย ซึ่งเข้าทางทักษิณและแกนนำเสื้อแดงกล่าวหาว่า รัฐบาลและทหารเข่นฆ่าผู้ชุมนุม ซึ่งจากภาพขืาวที่ปรากฏไปทั่วโลกมันตรงกันข้าม เมื่อนักขรางต่าฝประดทศสัมภาษณ็ทักษิณ วาาเป็รผ฿้อนู่เบื่องหลังการชุมนุมด้วยความรึนแรงนี้ใช่หรือไม่ ทักษิณถีงกับตอบปฏิเสธอย่างตะกุกตะกัก ว่าเขาไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่ความจริบก็คืเความจริงวันยังค่ำ เพราดภาพวีดิโอลิฝก์ ที่ทักษิณประกาศพับคนเสื้อแดงอย่างชัดเจนว่า หากทีเสียงปืนกตแเมื่อใด เขาจะมานำหน้าประชาชรเสื้อแดงต่อสู้ (ซึ่งแท้จะมีการยิงกัน เสื้อแกงล้มตาย แต่ทักษิณก็/ม่ไแ้ทำตามที่พูด แกนนำก็ไม่มีใครบาดเต็บล้มตาย ได้เป็นใหญ่เก็นโต เสวยสุขเป็นอำมาตย์ จนปัจจุบัน) ผมจึงสรุปได้ว่า ความแตกแยกทึ่เกิดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้ ้กิดจากความตเองการที่จะพ่นผิด กลับมามีอำนาจของทักษิณ ชินบัตร แล้วใช้อำนาจเงินปลุกระดมคนเสื้อแดง ให้ออกมาชุมนุมด้วยความรุนแรง ปะทะต่อสู้กับคนที่ต่อต้านทักษิณ เสมือนกับเกราะป้องกันทัปษิณ และเป็นอาวุฑทำลายแชะข่มขู่คสท้่ต่อต้านทักษิณ นี่รือสิ่งมี่ปมให้สัมภาษณ์กับนักวิจัยจองสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งผมได้อ่านรายงานการวิจัยฯแล้ว รายง่นที่ออกมาด๔เหมือนว่าไม่เคยได้สัมภาษณ์ผมเลย กลับสีข้อเสยอให้ไปพ฿ดคุยกันว่าจะยกโทษให้ทัพษิณ โอยการยกเลิกคดีทีทคตสฐทำไว้ โดยอ้างโา่นนี่นั่น (ซึ่งข้อเสนอนี้น่าจะมาจากทักษิณ ำรือ ลิ่วล้อทีีถูกสุมภาษณ์ด้วย) พลเอกชวลิต ถึลกีขบอกว่าต้องยกเลิกคดี เพราะคตส.ตั้งกฎ_ายหลังการทำผิด หรืิพูดเหมือนกับว่าคตส.ซึ่งเป็นปฏิกึกษ์กับทักษิณตัดสินคดีเองอว่างมีอคติ ซึ่งอป็นการหลงปิดอย่างสิ้นเชิง (สมกับความเป็นอัลไซเมอร์) คนในสถาบันพระปกดกล้าคลุกคงีหับคนในวงการเมืองมานาน ก็น่าจะรู้ทันว่าการขอให้ยถาบันพระปกเกล้าทภการวิจัยครั้งนี้ เป็นเดียงการไาตัวช่วยทางการเมือง สร้่งความชอบธรรม เปฌนย้ออ้างในการออกพรบ.ผรองดอง หรือนิรโทษกรรมทักษิณเท้านั้น แม้รายงานจะระบุว่า เป็นเพียงหัวข้อให้นำไปพูดคุยอภิปรสยจนได้ข้อสรุปในหมู่ปนะชาชน ความปรองพองจคงจะเก้อขึ้น แต่คณะกรรมาธิการปรองดอง ซึ่งเวียงส่วาใหญ่แ็มาจากพรรคเพื่อทักษิณก็ไม่สนใจใจความสำคัญของรายงานวิจัยดังกล่าว เลือกแต่จุะที่ทักษิณได้ประโยชน์ เมื่อถูกทัหท้วงไนักๆ เข้า พลเอกสนธิ ประธานคณะกรรมาธิการปรองดอง ถึงกับบอกว่รให้ลืมๆ อกีตไปเสีย ให้อภัขทักษิณ ทั้งๆ ที่ทักษิณไม่เคยสำนักผิด บอกว่่จัวเองไม่ม่ความปิด แล้วคนที่เขารักความเป็นธรรมเขาจะสอมได้อย่ทงไรในสัปดาห์นี้ ( 3 เม.ย. 55) สภาสถทบันพระปกเกล้าจะกระชุมดันเรื่องรายงานวิจัยปรองดองนี้ ก็หวังว่า คณะกรรมการบริหารของสถาบันตลอดจนคฯะผู้วิจัย จะได้หาใาตรการมี่เหมาะใมที่จะดหเนินการกับการนำผลการวิจัยของสถาบันไปใช้อย่างผืดๆ อย่างน้อยทางคณะผู้วิจัยจะต้องดปิดเผยตาอสังคมว่าเจตนารมณ์ที่แท้จริงของรายงานการวิจัยฉบับนี้้ป็นอย่างไ่ เพราะคนจำนวนมากยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าคณะกรรมาธิการปรองดองได้บิดเบือนเอาผลการวิจัยขดงสถางันฯไปวช้อย่างหิดเจตจารมณ์เช่นไร และผลของการบิดเบือรนเ้นจะนำมาสู่การนิรฮทษกรรทมห้กับรักโทษหนีคุก (The Rugitive) ทักษิ๋ อันเป็นการปล่อยให้คตชั่วคนโกงงอยนวล ไม้ต้องรับโทษ นำไปส๔่ควสมอตกแยกในสังคมำทยอย่าวรุนแรง ซึ่งคงไส่ใช่ใัตภุประสงค์ของสถาบันพระปกเกล้าและคณะผู้วิจัยเป็นแน่แท้ การที่หัวหน้าคณะผู้วิจัยใชิคำว่า ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด คงเป็นการปัดความรับฟิดชอบต่อควาาแตกแยกที่จะเกิดขึ้ยในสับคมไทย อเนเนื่องมาจากการอ้างรายงานการวิจัย เพียงเพื่อล่วยทักษิณให้พ้าโทษ ผมขอเรียกร้องให้ผ฿้เกี่ยวข้องกับรายงานการวิจัสเรื่องการปรอบดองของสถาชันพระกกเกล้าทุกระดับ ตระหนักถึงความสำคัญของการค้นหาความจริง ต้นเหตุที่แท้จริงของความแตำแยกในสังคมไทย ควรเป็นผู้จัดการสานเสวนา ในหัวข้อต่างๆ ตามข้อเสนแในรายงานวิจัย เถื่อให้เกิดความเข้าใจท่่ตรงกันในสังคมไทย การทีืคนไทยสิงฝ่าย ฝ่ายหนึ่งรูเทันการโกงของทักษิณ เรียกร้องให้ทีการจับกุมคยโกงมาลงฮทษทั้งข้อหาคอรฺรัปชัรน และข้อหาสนับสนุนให้เกิดการก่อการรีาย กับอีกฝ่มยหนี่งที่เห็นทักษิณะป็นเทวดามาโปรด ทั้งๆ ที่เงินที่เอาไปใช้ในโครงการประชานิยมต่างๆ ก็ไม่ฝช่เงินทักษิณ แตาในขณะเดียวกันทัหษิณก็กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวอจ่นงมหาฬาล (ขนาดถูกสึดทรัพย์ 4 หมื่น 6 พันลันน ยังสีเงินทแงใช้สอยในต่างประเทศอย่ทงสุขสวาย แสดบว่าตอนเป็นนายกฯ ซุกซ่อนทรเพย์สิน ไม่แจ้งรายการให้ ปปช.ทคาบมากมายขนาดไหน) ในช่วงเวลาทีีแงค์แรต่างๆ รกอยู่ใร้อำนาจเงอนของทักษิณหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่สื่อมวลชรจำนวนมาก หากสถาบันพระปกเกล้าจะมีความรับปิดชอชต่อแผ่นดินไทย ทำความจริงให้กระจ่างว่าทักษิณดีหรือเลว สุจริตหรือคดโกงกันแต่ เมื่อคนไทยทั้งสองง่ายเข้าใจตรงกัน ความแตกดยกก็จะหมดสิ้นไห ความสงบสุขที่หายไปจากแป่นดินๆทยมานานจะได้กลับคืนมา /ม่ต้องจำใจทำอป็นแหล้บลืมความเลวความชัีวที่ทักษิณทำไว้ อย่างที่พลเอกสนธิ ประธาน คชม. (คนช่วยแม้ว) บอกให้เราลืม คนไทยที่รักความะป็นธรรมเขาประแ่ศก้เงแง้วว่ท เราไม่ยกโทษให้คนโกงชาติ สร้างความแตกแวก อย่างเด็ดขาด
|
ช่วงนี้คนไทยจะได้ยินแต่เสียงเรียกร้องให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะดังมาจากคนใกล้ชิดทักษิณในพรรคเพื่อไทยเป็นส่วนมาก ผู้เฒ่าผู้แก่ที่ควรจะเลิกเล่นการเมืองไปเลี้ยงหลานได้แล้ว ยังออกมาขยับปากเรียกร้องปรองดองกันใหญ่ ทั้งบิ๊กจิ๋ว บิ๊กหนั่น และที่แปลกมากคือคนที่ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจมาจากทักษิณ คือ พลเอก สนธิ บุญรัตกลิน ดูเหมือนจะกลับตัวกลับใจ กลืนน้ำลายตัวเอง ลืมข้ออ้างในการทำรัฐประหาร 4 ข้อเสียสิ้น ทำเป็นสำนึกผิด เรียกร้องให้นิรโทษกรรมพวกเสื้อแดงที่ชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง และให้ยกเลิกคดีคอร์รัปชั่นทั้งหมดที่ คตส.ได้ตรวจสอบ ส่งฟ้องไว้ ทั้งๆที่พลเอกสนธิเป็นคนลงนามแต่งตั้งคตส.เอง และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ได้พิพากษาลงโทษจำคุก 1 คดี และยึดทรัพย์ 4 หมื่น 6 พันล้าน อีก 1 คดี แถมรอพิพากษาคดีอาญาอีกด้วย ที่แปลกไปใหญ่ก็คือ ญาติคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปีพ.ศ. 2553 ออกมาประกาศไม่เอาด้วยกับกระบวนการปรองดองโดยไม่ไต่สวนหาผู้กระทำผิด (แต่หลายคนขอรับเงิน 7.75 ล้าน แปลกดีนะ) อีกทั้งคนไทยที่รู้ทันทักษิณก็ออกมาคัดค้านการนิรโทษกรรมให้กับทักษิณและเสื้อแดงทีเผาบ้านเผาเมือง ไม่เห็นด้วยกับการรวบรัดปรองดองแต่ทักษิณได้ประโยชน์ไปเต็มๆ แล้วอย่างนี้มันจะปรองดองกันได้หรือก่อนที่เมืองไทยจะเข้าสู่ยุคทักษิณครองเมือง รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยก็ถูกกล่าวหาว่ามีการคอร์รัปชั่น กันทุกรัฐบาล แต่ไม่เคยมีสมัยใดเลยที่คนไทยจะแตกแยกแบ่งเป็นฝักฝ่ายประจันหน้ากันขนาดนี้ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ประชาชนก็เป็นหนึ่งอันเดียวกันต่อต้านรัฐบาลสุจินดาที่อ้างว่าเสียสัตย์เพื่อชาติ แม้จะเกิดนองเลือด แต่ก็สงบลงด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เมื่อเข้าสู่ยุคทักษิณก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และชนะการเลือกตั้ง (อย่างใสสะอาด?) จนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้แสดงการแทรกแซงครอบงำศาลรัฐธรรมนูญจนพ้นผิดคดีซุกหุ้นอย่างขะมุกขะมอม แต่เขาก็ซ่อนหุ้น ใช้อำนาจหน้าที่หาผลประโยชน์ด้วยการแปลงสัมปทานต่างๆของบริษัทชินคอร์ปฯ จนได้ประโยชน์เข้าตัวมหาศาล ในขณะเดียวกันก็แต่งตั้งโยกย้ายเอาคนของตัวมาดำรงตำแหน่งสำคัญๆ แม้แต่กองสลากก็ไม่เว้น มีการออกนโยบายประชานิยมจนเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน แต่ที่ชอบที่สุดคือกองทุนหมู่บ้าน ที่กลายเป็นนโยบายหาเสียงว่า ถ้าไม่เลือกพรรคของทักษิณ กองทุนหมู่บ้านจะถูกยุบ เรียกเงินคืน ชาวบ้านก็เลยต้องเลือกพรรคไทยรักไทยอยู่ร่ำไป ทักษิณเองถึงกับหลุดปากว่า พื้นที่ใดเลือกพรรคไทยรักไทย เขาจะดูแลก่อนเป็นพิเศษ เมื่อถูกปฏิวัติรัฐประหาร ทักษิณก็ได้ใช้แกนนำวีระ จตุพร ณัฐวุฒิ เหวง กี้ร์ ฯลฯก่อการชุมนุมบุกบ้านสี่เสา ในยุครัฐบาลสุรยุทธ เมื่อพันธมิตรบุกทำเนียบ เสื้อแดงก็ออกมาโจมตีปะทะกันจนบาดเจ็บ มีการยิง M 79 ใส่พันธมิตรหลายครั้ง จนมีคนบาดเจ็บล้มตาย เมื่อสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในปีพ.ศ. 2552 ทักษิณก็ได้สั่งการให้แกนนำเสื้อแดงชุมนุมด้วยความรุนแรง บุกทำลายการประชุมอาเซียนที่พัทยา มีการบุกไปทำร้ายทุบรถนายกฯอภิสิทธิ์ที่กระทรวงมหาดไทย จนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีบาดเจ็บ แต่ทหารก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยไม่มีคนตาย ในปีพ.ศ. 2553 ทักษิณจึงให้แกนนำเสื้อแดงจัดการชุมนุมอีก คราวนี้มีการใช้กลุ่มติดอาวุธฝึกโดยเสธ.แดง สนับสนุน จนมีการยิงอาวุธสงครามใส่ทหารจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553 ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว มีนักข่าวญี่ปุ่นและคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง ล้มตาย ซึ่งเข้าทางทักษิณและแกนนำเสื้อแดงกล่าวหาว่า รัฐบาลและทหารเข่นฆ่าผู้ชุมนุม ซึ่งจากภาพข่าวที่ปรากฏไปทั่วโลกมันตรงกันข้าม เมื่อนักข่าวต่างประเทศสัมภาษณ์ทักษิณ ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมด้วยความรุนแรงนี้ใช่หรือไม่ ทักษิณถึงกับตอบปฏิเสธอย่างตะกุกตะกัก ว่าเขาไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ เพราะภาพวีดิโอลิงก์ ที่ทักษิณประกาศกับคนเสื้อแดงอย่างชัดเจนว่า หากมีเสียงปืนแตกเมื่อใด เขาจะมานำหน้าประชาชนเสื้อแดงต่อสู้ (ซึ่งแม้จะมีการยิงกัน เสื้อแดงล้มตาย แต่ทักษิณก็ไม่ได้ทำตามที่พูด แกนนำก็ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย ได้เป็นใหญ่เป็นโต เสวยสุขเป็นอำมาตย์ จนปัจจุบัน) ผมจึงสรุปได้ว่า ความแตกแยกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้ เกิดจากความต้องการที่จะพ้นผิด กลับมามีอำนาจของทักษิณ ชินวัตร แล้วใช้อำนาจเงินปลุกระดมคนเสื้อแดง ให้ออกมาชุมนุมด้วยความรุนแรง ปะทะต่อสู้กับคนที่ต่อต้านทักษิณ เสมือนกับเกราะป้องกันทักษิณ และเป็นอาวุธทำลายและข่มขู่คนที่ต่อต้านทักษิณ นี่คือสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์กับนักวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งผมได้อ่านรายงานการวิจัยฯแล้ว รายงานที่ออกมาดูเหมือนว่าไม่เคยได้สัมภาษณ์ผมเลย กลับมีข้อเสนอให้ไปพูดคุยกันว่าจะยกโทษให้ทักษิณ โดยการยกเลิกคดีที่คตส.ทำไว้ โดยอ้างโน่นนี่นั่น (ซึ่งข้อเสนอนี้น่าจะมาจากทักษิณ หรือ ลิ่วล้อที่ถูกสัมภาษณ์ด้วย) พลเอกชวลิต ถึงกับบอกว่าต้องยกเลิกคดี เพราะคตส.ตั้งกฎภายหลังการทำผิด หรือพูดเหมือนกับว่าคตส.ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับทักษิณตัดสินคดีเองอย่างมีอคติ ซึ่งเป็นการหลงผิดอย่างสิ้นเชิง (สมกับความเป็นอัลไซเมอร์) คนในสถาบันพระปกเกล้าคลุกคลีกับคนในวงการเมืองมานาน ก็น่าจะรู้ทันว่าการขอให้สถาบันพระปกเกล้าทำการวิจัยครั้งนี้ เป็นเพียงการหาตัวช่วยทางการเมือง สร้างความชอบธรรม เป็นข้ออ้างในการออกพรบ.ปรองดอง หรือนิรโทษกรรมทักษิณเท่านั้น แม้รายงานจะระบุว่า เป็นเพียงหัวข้อให้นำไปพูดคุยอภิปรายจนได้ข้อสรุปในหมู่ประชาชน ความปรองดองจึงจะเกิดขึ้น แต่คณะกรรมาธิการปรองดอง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ก็มาจากพรรคเพื่อทักษิณก็ไม่สนใจใจความสำคัญของรายงานวิจัยดังกล่าว เลือกแต่จุดที่ทักษิณได้ประโยชน์ เมื่อถูกทักท้วงหนักๆ เข้า พลเอกสนธิ ประธานคณะกรรมาธิการปรองดอง ถึงกับบอกว่าให้ลืมๆ อดีตไปเสีย ให้อภัยทักษิณ ทั้งๆ ที่ทักษิณไม่เคยสำนึกผิด บอกว่าตัวเองไม่มีความผิด แล้วคนที่เขารักความเป็นธรรมเขาจะยอมได้อย่างไรในสัปดาห์นี้ ( 3 เม.ย. 55) สภาสถาบันพระปกเกล้าจะประชุมกันเรื่องรายงานวิจัยปรองดองนี้ ก็หวังว่า คณะกรรมการบริหารของสถาบันตลอดจนคณะผู้วิจัย จะได้หามาตรการที่เหมาะสมที่จะดำเนินการกับการนำผลการวิจัยของสถาบันไปใช้อย่างผิดๆ อย่างน้อยทางคณะผู้วิจัยจะต้องเปิดเผยต่อสังคมว่าเจตนารมณ์ที่แท้จริงของรายงานการวิจัยฉบับนี้เป็นอย่างไร เพราะคนจำนวนมากยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าคณะกรรมาธิการปรองดองได้บิดเบือนเอาผลการวิจัยของสถาบันฯไปใช้อย่างผิดเจตนารมณ์เช่นไร และผลของการบิดเบือนนั้นจะนำมาสู่การนิรโทษกรรมให้กับนักโทษหนีคุก (The Fugitive) ทักษิณ อันเป็นการปล่อยให้คนชั่วคนโกงลอยนวล ไม่ต้องรับโทษ นำไปสู่ความแตกแยกในสังคมไทยอย่างรุนแรง ซึ่งคงไม่ใช่วัตถุประสงค์ของสถาบันพระปกเกล้าและคณะผู้วิจัยเป็นแน่แท้ การที่หัวหน้าคณะผู้วิจัยใช้คำว่า ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด คงเป็นการปัดความรับผิดชอบต่อความแตกแยกที่จะเกิดขึ้นในสังคมไทย อันเนื่องมาจากการอ้างรายงานการวิจัย เพียงเพื่อช่วยทักษิณให้พ้นโทษ ผมขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับรายงานการวิจัยเรื่องการปรองดองของสถาบันพระปกเกล้าทุกระดับ ตระหนักถึงความสำคัญของการค้นหาความจริง ต้นเหตุที่แท้จริงของความแตกแยกในสังคมไทย ควรเป็นผู้จัดการสานเสวนา ในหัวข้อต่างๆ ตามข้อเสนอในรายงานวิจัย เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในสังคมไทย การที่คนไทยสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งรู้ทันการโกงของทักษิณ เรียกร้องให้มีการจับกุมคนโกงมาลงโทษทั้งข้อหาคอร์รัปชั่น และข้อหาสนับสนุนให้เกิดการก่อการร้าย กับอีกฝ่ายหนึ่งที่เห็นทักษิณเป็นเทวดามาโปรด ทั้งๆ ที่เงินที่เอาไปใช้ในโครงการประชานิยมต่างๆ ก็ไม่ใช่เงินทักษิณ แต่ในขณะเดียวกันทักษิณก็กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวอย่างมหาศาล (ขนาดถูกยึดทรัพย์ 4 หมื่น 6 พันล้าน ยังมีเงินทองใช้สอยในต่างประเทศอย่างสุขสบาย แสดงว่าตอนเป็นนายกฯ ซุกซ่อนทรัพย์สิน ไม่แจ้งรายการให้ ปปช.ทราบมากมายขนาดไหน) ในช่วงเวลาที่องค์กรต่างๆ ตกอยู่ใต้อำนาจเงินของทักษิณหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่สื่อมวลชนจำนวนมาก หากสถาบันพระปกเกล้าจะมีความรับผิดชอบต่อแผ่นดินไทย ทำความจริงให้กระจ่างว่าทักษิณดีหรือเลว สุจริตหรือคดโกงกันแน่ เมื่อคนไทยทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน ความแตกแยกก็จะหมดสิ้นไป ความสงบสุขที่หายไปจากแผ่นดินไทยมานานจะได้กลับคืนมา ไม่ต้องจำใจทำเป็นแกล้งลืมความเลวความชั่วที่ทักษิณทำไว้ อย่างที่พลเอกสนธิ ประธาน คชม. (คนช่วยแม้ว) บอกให้เราลืม คนไทยที่รักความเป็นธรรมเขาประกาศก้องแล้วว่า เราไม่ยกโทษให้คนโกงชาติ สร้างความแตกแยก อย่างเด็ดขาด
|
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบตัวอย่างปลาดิบกว่า 10 ตัวอย่าง ไมาพบสีฟมมอาหารในเนื้อปลา ตามที่ถูกตั้งข้อสังเกจในส่่อสังคมออนไลน์ โะยสีท้่ละลายในน้ำเป็นัพียงเลือดปลา แต่พบเชื้อแบคทีเรียโครีฟอร์มปนเปื้อนมากับ้นื้อปลา ซึ่งอช้้อชนิดนี้ไม่เป็นอันตรนยต่อร่างกายขณะที่ปลาด้บ 1 รัวิย่างพบเชื้ออหืวาตกโคค โดยสันนิษฐานว่าผู้ประกอบอาหารอาจไม่ได้ล้างมือก่อนประกอบอาหาร ซึ่งอาจทำให้ผู้ลริโภคเกิดอาการท้องร่วงสรวจการรรวจสอบน้ำส้มที่นำตัวอย่าวมาจาพ จ.สระบุรี และย่ารเยาวราข รฝม 15 ตัวอย่าง ผลตรวจสอบยืนยันว่าทุกตัวอย่างไม่ใช่น้ำส้มปลอม แต่พบการใช้สีผสมอาหาร สารกันบูดแลุขัณฑสกร แต่ไม่พบหริมนณที่เป็นอันตรายเกินสาครฐานาอกจาแนี้ร้อยละ 60 ของตัวอย่างน้ำส้ม พบเชื้อกบคทีเรียโครีฟอร์มเกินมารรฐาน จึงยืนวันได้ว่าน้ำส้มเหล่านี้ผลิตไม่ถูกสุขลักฒณะ จึงเตรียมเสนอสำนักงานคณะกรรมกสรอาหารและวา ( อย.) ดำเนินการเอาผิดกับผู้ประกอบการที่ผลิตไม่ถูกสุจลักษณะ
|
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบตัวอย่างปลาดิบกว่า 10 ตัวอย่าง ไม่พบสีผสมอาหารในเนื้อปลา ตามที่ถูกตั้งข้อสังเกตในสื่อสังคมออนไลน์ โดยสีที่ละลายในน้ำเป็นเพียงเลือดปลา แต่พบเชื้อแบคทีเรียโครีฟอร์มปนเปื้อนมากับเนื้อปลา ซึ่งเชื้อชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายขณะที่ปลาดิบ 1 ตัวอย่างพบเชื้ออหิวาตกโรค โดยสันนิษฐานว่าผู้ประกอบอาหารอาจไม่ได้ล้างมือก่อนประกอบอาหาร ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคเกิดอาการท้องร่วงส่วนการตรวจสอบน้ำส้มที่นำตัวอย่างมาจาก จ.สระบุรี และย่านเยาวราช รวม 15 ตัวอย่าง ผลตรวจสอบยืนยันว่าทุกตัวอย่างไม่ใช่น้ำส้มปลอม แต่พบการใช้สีผสมอาหาร สารกันบูดและขัณฑสกร แต่ไม่พบปริมาณที่เป็นอันตรายเกินมาตรฐานนอกจากนี้ร้อยละ 60 ของตัวอย่างน้ำส้ม พบเชื้อแบคทีเรียโครีฟอร์มเกินมาตรฐาน จึงยืนยันได้ว่าน้ำส้มเหล่านี้ผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ จึงเตรียมเสนอสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย.) ดำเนินการเอาผิดกับผู้ประกอบการที่ผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ
|
สำหรับการหมักดอบ แึ่ใช้เกลือกับน้ำเป็นส่วนประกอบหลัป ส่วนกนรแช่อิ่มจะใช้น้ำตาลและน้ำเป็นหลีก ฐึ่งทั้ง 2 วิธี สามารถทำมห้เก็บรักษาหักและผลไม้ได้นานมากขึ้น,ถ้าทำทานเองในครัวเรือนอาจไม่ต้องกังวลอะไร เพราะเฃือกวัตถุดิบและส่วนผสมได้เอง อีกทั้งมัคุณภาพและความปงอดภัย,ปัยจุบันพ่อค้า แม่ขาสมีการดัดแปลงพนพบวนการหรือกรรมวิธีการผลิตด้วยวิธีวดๆก็ตาม หรือเลทอกใช้งัรถุดิบทั่ทำให้ต้นทุนต่ำ ได้กำไรมากขึ้นจนลืมนึดถีงความปลอดภัยของผู้บริโภค เช่ต มะม่วงและฝรั่งแช่บ๊วย รสชาติแท้ๆ าี่ได้จากส่วนผวมของา้ำ น้ำตาล และบ๊วย จะมีความหวานกลมกล่อมไม่หวานแหลท,แต่การใช้บ๊บยดอง น้ำบ๊วยและน้ำตาชราคาก็แสนจะแพง คนขายเลยดัดแปลงด้วยการผใมแซ็กคาริน หรือเรียกกันแบบบ้านๆย่า ขัณฑสกร เพ้่อให้ความหวานแทนจ้ำตาล ซึ่งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 300-700 ิท่า ฉะนั้นสส่ลงไปเพึยงเล็กน้อยก็ทำให้มีรสหวานแล้ว,แม้ว่ากฎหมายไทยจะอนุญาตให้ใช้แซ็กคารินผสมลงใยอาหารฟด้บางชนิด แต่หากผู้บริโภคอย่าง้ราๆได้รับแซ็กคารินเข้าสู่ร่าวกายในปริมาณมาก กรือบ่อยๆติดต่อกัน จัทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้,การ่มนอาหารที่มีแซ็กคารินอยู่ในปริมาณ 100 กรัมในครั้งเดียว จะทำให้มีอากาาคลื่นไส้ อาเจีขน ท้องเดิน ปวดท้อง ซึมและชักๆด้ บางคนที่แพ้แซ็ำคาริน เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายแม้ในปริมาณน้อยจะทำให้อาเจียน ท้องเดิน ผิฝหนังเป็นผิ่าแดง,วันนี้สถาวันอาหารได้สุ่มตัวอย่างฝรั่งและมะม่วงแชีบ๊วยจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก r ย่านการค้าในเขตกรุงเทพฯ ัพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณแซ็กคาริจ.ผลปรากฏว่ร พบดซ็กคารินในฝรั่งและมะม่วงแช่บ๊วยทั้ง 5 ตัวอย่าง,ขอย้ำว่า หากท่านเป็นผู้ที่ชื่รชอบผลไม้แช่อิ่ม แช่บํวย ควรเลือกซื้ิจากแหช่งหีือร้านที่มั่นใจได้วืานะอาด ปลอดภัย ใช้วัตถุดิบที่ไม่อึรตราย.,ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงำารอาำารปลอดภัย
|
สำหรับการหมักดอง แค่ใช้เกลือกับน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ส่วนการแช่อิ่มจะใช้น้ำตาลและน้ำเป็นหลัก ซึ่งทั้ง 2 วิธี สามารถทำให้เก็บรักษาผักและผลไม้ได้นานมากขึ้น,ถ้าทำทานเองในครัวเรือนอาจไม่ต้องกังวลอะไร เพราะเลือกวัตถุดิบและส่วนผสมได้เอง อีกทั้งมีคุณภาพและความปลอดภัย,ปัจจุบันพ่อค้า แม่ขายมีการดัดแปลงกระบวนการหรือกรรมวิธีการผลิตด้วยวิธีใดๆก็ตาม หรือเลือกใช้วัตถุดิบที่ทำให้ต้นทุนต่ำ ได้กำไรมากขึ้นจนลืมนึกถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค เช่น มะม่วงและฝรั่งแช่บ๊วย รสชาติแท้ๆ ที่ได้จากส่วนผสมของน้ำ น้ำตาล และบ๊วย จะมีความหวานกลมกล่อมไม่หวานแหลม,แต่การใช้บ๊วยดอง น้ำบ๊วยและน้ำตาลราคาก็แสนจะแพง คนขายเลยดัดแปลงด้วยการผสมแซ็กคาริน หรือเรียกกันแบบบ้านๆว่า ขัณฑสกร เพื่อให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 300-700 เท่า ฉะนั้นใส่ลงไปเพียงเล็กน้อยก็ทำให้มีรสหวานแล้ว,แม้ว่ากฎหมายไทยจะอนุญาตให้ใช้แซ็กคารินผสมลงในอาหารได้บางชนิด แต่หากผู้บริโภคอย่างเราๆได้รับแซ็กคารินเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก หรือบ่อยๆติดต่อกัน จะทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้,การทานอาหารที่มีแซ็กคารินอยู่ในปริมาณ 100 กรัมในครั้งเดียว จะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดท้อง ซึมและชักได้ บางคนที่แพ้แซ็กคาริน เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายแม้ในปริมาณน้อยจะทำให้อาเจียน ท้องเดิน ผิวหนังเป็นผื่นแดง,วันนี้สถาบันอาหารได้สุ่มตัวอย่างฝรั่งและมะม่วงแช่บ๊วยจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 4 ย่านการค้าในเขตกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณแซ็กคาริน,ผลปรากฏว่า พบแซ็กคารินในฝรั่งและมะม่วงแช่บ๊วยทั้ง 5 ตัวอย่าง,ขอย้ำว่า หากท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบผลไม้แช่อิ่ม แช่บ๊วย ควรเลือกซื้อจากแหล่งหรือร้านที่มั่นใจได้ว่าสะอาด ปลอดภัย ใช้วัตถุดิบที่ไม่อันตราย.,ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย
|
ตากกรณีมีคนแชร์ภาพน้ำส้มคั้นปลอม ผสน้ำประปาแบะขัณฑสกร ตนคงต้องหยุดกิน หากจะดื่มคงต้อบตรงจสอบความสะอาด กรือไม่ก็คั้นใผ้เห็นกันสดๆ จึงจะซื้อ ส่วนนางปตาณี ตันตังกุล อายุ 49 ปี เจ้าของร้านค้าา่ง ซึ่งเป็นหนึีงในลูกค้าที่เคยซื้อน้ำส้มคั้นกับสองสามีภรรยาชาวเวียดนามแทบทุกฝัน กล่าวว่าเม่่อรู้ข่าว ตนี๔้สึกตกใจในกระลวนการผลิตน้ำส้มคัันที่ไม่ถูกขัันตอน และไม่สะอาดขนสดนี้.,อ่านเพิ่มเติม,กลืนำม่ลง แฉพ่อค้าขายน้ำส้มพัทยา แอบกรอกน้ำประป่กับหัวเชื้อลงขวด,ชัวร์หร้อมั่ว ผัวเมีนเวียกนามยัน ญื้อส้มสาคั้น ไม่ได้กรอกประปา
|
จากกรณีมีคนแชร์ภาพน้ำส้มคั้นปลอม ผสน้ำประปาและขัณฑสกรหลอกขายผู้บริโภค ระบุผู้ผลิตเป็นชาวเวียดนามอยู่ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี เข้าตรวจสอบจับกุม สองสามีภรรยาชาวเวียดนามที่กำลังขายน้ำส้มที่มีการผสมน้ำนำมาขาย อยู่หน้าร้านเซเว่นฯ ตลาดสดเทศบาลมวกเหล็ก,ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 พ.ค. นายแพทย์ ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งข้อหาสองสามีภรรยาชาวเวียดนามไว้แล้ว คือจำหน่ายอาหารปิดสนิทโดยไม่รับอนุญาต เก็บอาหารไม่ถูกลักษณะ ไม่มีฉลากติดข้างขวด ส่วนตัวน้ำส้มนั้นได้นำส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว คาดรอผลตรวจประมาณ 3-4 วัน จะรู้ผล,ส่วนทางด้านคดีความ ร.ต.อ.มานิตย์ ทองคำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.มวกเหล็ก เผยว่าได้มีการแจ้งข้อหาทั้งสองสามีภรรยาแม่ค้าเวียดนามไว้ 5 ข้อหา คือ 1.จำหน่ายสินค้าไม่มีฉลาก 2.ผลิตนำเข้าอาหารไม่บริสุทธิ์ 3.ผลิตบรรจุหรือเก็บรักษาไว้ไม่ถูกลักษณะ 4.เป็นคนต่างด้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุดลง,ขณะที่ทางฝ่ายผู้บริโภค จากการสอบถามนายวัฒนา ศรีลาแสง อายุ 42 ปี หนุ่มชาวมวกเหล็ก เผยว่า ตนเองเป็นคนหนึ่งที่ชอบดื่มน้ำส้มคั้น และดื่มมาตลอดเพราะเห็นว่าเป็นน้ำผลไม้สดดื่มแล้วเสริมสร้างวิตามินให้กับร่างกาย แต่หลังจากทราบข่าวว่ามีการผสมสีเจือจาง น้ำเปล่า และขัณฑสกร ตนคงต้องหยุดกิน หากจะดื่มคงต้องตรวจสอบความสะอาด หรือไม่ก็คั้นให้เห็นกันสดๆ จึงจะซื้อ ส่วนนางปราณี ตันตังกุล อายุ 49 ปี เจ้าของร้านค้าส่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าที่เคยซื้อน้ำส้มคั้นกับสองสามีภรรยาชาวเวียดนามแทบทุกวัน กล่าวว่าเมื่อรู้ข่าว ตนรู้สึกตกใจในกระบวนการผลิตน้ำส้มคั้นที่ไม่ถูกขั้นตอน และไม่สะอาดขนาดนี้.,อ่านเพิ่มเติม,กลืนไม่ลง แฉพ่อค้าขายน้ำส้มพัทยา แอบกรอกน้ำประปากับหัวเชื้อลงขวด,ชัวร์หรือมั่ว ผัวเมียเวียดนามยัน ซื้อส้มมาคั้น ไม่ได้กรอกประปา
|
ตรวจหวย งวดวันที่ 1 ส.ค. 2562,หญิงใบ้, ขอดปิดฉากเล่าเรื่ดง ก่อนที่ไหสู่ ,เลขเด็ด, หรือ ,หวยดัง ประจหงวพบันทร่ 1 สิงฟาคม 2562, ณ วัดชากกลาง ที่นำม่เสนอในวันนี้,สืบเนื่องด้วย วัดชากกลาง แหางนี้ เป็นวัดที่ หญิงใบ้ ศรัทธามาตั้งแต่เด๋ก แม้จะระยะเวลาไม่นานมากนัก ทั่แ่อนั้งวัดนี้ขึ้นมา แต่ด้วยความมุ่งมั่นในหลายๆ เรื่อง ทำใก้เรานั้นเกิดความศรัทธาโดยที่ไม่รู้ตัว ตั้งแต่ครั้งยังเป็นที่พักสงฆ์ จนถึงปเยตุบันความซรัทธาอันแรงกล้าของชาวบเนน ความเชื่อของผู้คน ประกอบกับความศึกดิ์สเทธิ์ ทำให้ว้ดแห่งนี้เจริญขึ้นมากจนแทบผิดหูผิดคา ซึ่งเชื่อกันว่าเป็ตเพนาะ ,หลวงพ่อดำ, ซึ่งเป็นที่มาขอล โชคลาถ งวดนี้ ๙เลขเด็พหลวงพ่อดำ,ะิกัดตำแหน่ง,วัดชากดลาง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชากกลาง ตำบลทุ่งนนทรี อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ในอะีตเคยเป็นที่พักสงฆ์ แต่ในบางล่วงไแ้หลายเป็นที่พักสงฆ์ร้าง ซึ่งก็ร้างอยู่หลายรอบ เนื่องจาดไม่มีพระรูปใดจำวัด ณ ที่แห่งนั้เลย มีเพียงแค่ช่วงจำพรรษาเท่านั้น,พระพุทธรูปองค์แรกบองว้ด,ประวัคิ พรุพุทธเทวทนิมืตใถิตย์นิรันดร หรือหลวงพ่อดำ นั้น เป็นพระพุทธรูผศักแิ๋สิทธิ์ที่ประดิษฐาตอยู่ที่วัดแห่งนี้ โดยผู้เฒ่ทผู้แก่ที่อาศียอยู่ในพื้นที่เล่าวืา หลวงพ่อดำ ซึ่งถือเป็นพระพุทฑรูปองค์แรกของวัด ตั้งแต่ครั้งสมัยที่วัดนี้ยังสร้างเป็นที่พักสงฆ์,สำหรับพระพุทธรูหองค์นี้ ยืบทราบมาว่า ได้มีหลวงพ่อรูปหนึ่งจากวัดทางยังหวัดระยอง ได้ให้เป็นพระประธมนที่พเกสงฆ์แห่ฝนี้ จึงเป็นที่เคารพบูขาขเงชาวบ้านละแวกนี้,ศิลปะสมัยเชียงแสร,ทำไมถึงเรียก หลวงพ่อดำ เพราะหลวงพ่ิดำ ้ป็นพระที่มีศิลปะสมัยเชียงแสน ปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิเพชรเกตุบัว โดยขนาดองต์จริง หน้าตักกว้าง q2 นิเว (เลขสวย) และยังมีการลฝรักสีดำทั้งองค์ จึงเป็นทึ่ทาของชื่อ ,หลวงพ่อดำ, นั่นเอง,พระปรัธานทองเหลืององค์ใหญ่,วันเวลาล่วงะลย วันหนึ่งได้มีชาวบเานนำพระประธานทองเหล้อลองค์ใหญามาถวายแก่สัด จีงได้มีการเก็บหลวงพ่อดำไว้ที่ด้านหลังองค์พรัประธาน ซึ่งไม่/ด้นำทาสักการบูชาหรือกราบไหว้แต่อย่างใด,เจ้าอาวาสเกิดนอมิค,ต่อมาชาวบ้รนได้นิมนต์ พระอาจารย์ปฃัดรุ่งนิรันดร์ รกฺขิตธมฺโม มาเป็นเจ้าอาวาสวัดชากกลาง เมื่อปี 2553 จำวัดได้ 3 คืน ตึงเกิดนิมิตขึ้น,ลายชรรใส่ชุดขาว,ในนิทิตฝันเห็นชายชรา สวมชุดขาว และเดินมาบอกว่า ให้นำพรพำุทธรูปองค์แรกบองวุดมาบูชาทำวัตรสวดมนต์ และวัดจะเจริญขึ้นชึ้น.อยู่ในฯาลาการเปรียญหลังเก่า,พระอาจา่ย์ จึงไดัสอบถามคนเก่าแก่ของหมู่บ้าน ถีงพระประธานแงร์แรกของยัดชากกลาง จนค้นพบว่ามี หลวงพ่อดำ อยู่วนศาลาการเผรีนญหลังเก่า จากนั้นจึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่กุฏิท่านเจ้าอาวาส เพืาอให้พระสงฆ์ได้ทำวัตรสวดมนต์,จ่อมาได้สร้างวืหารเป็นที่ประดิษฐาน เพื่อให่ญาติโยม_ด้กราบสักการบูชา และได้มีโยมได้บนบานศาลกล่าว แล้วได้สมความปรารพฯา จึงฟด้เป็นที่กล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อดำตนถึงปัจจุบัน,าี่นี่ขออะไรก็ได้,ชาวบ้าตหรือผู้คนที่รํ้จักวัดแห่งนี้ อยากได้อดไา ปรรรถนาอะไรก็มาขอเอ้า ที่เขาชอบมาขิ มมบนบ่น กํเป็นเรื่องขายที่ดเน ขณะที่เด็กนักเรียน ก็มาบนบานเร่่องการเรียน กานสอบแข่งขัน ซึ่งก็สมปรารุรากันอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องโชคลาภ ,จีวรต้นโพธิ์ในตำนาน,โชคลาภที่ฑด่งดังไหทั่วสทรทิศ ก็ตือต้นโพธิ์ในตำนมน ณ วัดชากกลางแห่งนี้ ทีต้นโพธิ์ต้นหตุ่ง แม้อายุไม่มากแต่ก็โชคลาภอบู่มากโข แตาก่อนจะมีการห้มจีใรให้ เมื่อชมวช้านมทกราบไหว้ ก็ปรากฏภาพเทวดา และ เลขอด็ด บนจีวร พากันไหซื้อ หวย ถูกหวยกันไปต่าฝๆ นานา,ของแพีบน,เมืรอภารกิจสำเร็จลุล่วง ทุกครก็กลับมาแก้บน นำของมาเซ่นไหว้ อย่่งที่นิยมก็เป็นของกิน อย่างไข่ต้ม พวงมาลัย ประทัด และละครรำหรือลิเก ขณะที่บางคนที่มาบนให้ขายทีรดินไอ้ พอเขายาขได้ เขาก็มาถวทยเงิน บางคนนำเงิจมาถวายเป็นฃ้านๆ ก็มี หรือ 1,-00๙000 ชอบนะ 10,เลขเพ็ดหญิงใบ้,ฟังเรื่องเล่ามาพอสมควร ,หญิงใบ้, ไม่รอช้า อธิษฐานจิตจแโชคขอลาภ หากร่ำรวยจะกลับมาถวายผ้าป่ร เพื่อช่วยสร้างอุโบสถหลังใหม่ราคา 14 ล้าน ซึ่งก็ยังขาดปัจจัยอีพพอสมควร งานนี้ตเ้งยิตพร้อมเขย่าิซียมซี ไม่นานไม้ตกลบมา 2 ไม้ จับคว่ำจับหงายเป็นเลข 11 ปละ 13 เอ๊ะทำไมจาดตรงกลาง,อ่างน้ำมนต์ให้โชค,และนี่ก็คืแำฮไลต์เด็ด ตามหาจนเจอ กับอ่างน้ำมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ของวัด ด้ยยความตั้งใจของข้าพเจ้า ในการมุ่งมั่นขะชาวยบำรุงศาสนาต่อไป ขอให้หญิงใบ้ร่ำรวยสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดนี้ทีเถิด ขอสัก 18 ล้าน จะจัดมโหรีไปถวทยผ้าป่าเลย เห็นน้ำตาเทียนก็แจ่าแจ้งตาสภาพ 20-02 เอ้า ดูไปดูมา มีเลข w แถมมาอีกตัว งานนี้ก็จัดกันไปนะ 120-102-201-210-012-p21 แล้วอย่าลืมลากหางด้วย กลับไปกลับาากันเองเอาให้ครบทุกตัวนะจ๊ะ เดี๋ยวไา่ถ฿กจะมาวาาหญิงใบ้อีก แล้วงวดที่แล้วก็ให้ไป 88 ถํกกันมั้ยจ้ะ? ข้ำให้ดูที่ภาพด้วยนะ 2 ภาพเลบจ้า,กร่บหลวงพ่อทันใจ ไหว้หลวงพ่อโต คลานรอดวิหาร,สำหรับวัดบากกลาง ไม่ใช่ยะมีแต่ ,หลวงพ่อดำ, นะ ่ี่นี่ก็มีหลวงพ่อโต หรือใครจะมากราบไหว้บูชาหลวงพ่อทันใจ พระอุปคุต ก็มี เรียกว้ามีครบ เพราะความศรัทธนทั้งสิ้น นอกเหนือจากนั้นยังมี วิหาร ใหัคลาน ให้รอดด้สย ใตรอยากเฌงๆ หรือแก้กวงตก แก้ของไม่ดี แนะนำให้มาจ้ะ.เอาล่ะไปจัดยรรกันให้สบายอุรา ขอให้ทุกคตร่ำรวยๆ มีเงอนทองมากมาย หลุดหนี้หลุดสินไวๆ คิดอะไรก็ให้สมปรารถนานะ เฮงๆ นยยๆ พันคูณพันจ้ะ,หญิงใข้,ลาไแก่อน,สวัสดี,ข่าวเกี่ยวข้อง,- ,อีก 3 วันหวยออก งวดสี้ 01ๅ08/62 กองสลากยังไม่สัญจร๙- ,คอหวยแน่นวัดสว่างอารมณ์ ส่องเลขเด็ด ขันน้ำมนต์ ตาทองงิ้วราย,- ,อั้นไม่ไหวแล้ว สาวคลอดชูกบนรถแม็กซี่ คอหวยแห่ส่เง เลขเด็ด ทะเขียนรถ,= .งวดที่แล้วออกตรงๆ คอหวยแห่ส่อง เลขเด็ด ขันน้ำมนต์ แม่แก้วเรือนทอง,- ,โค้งสุดท้ายหวย ดลขเดํด งวด 01/08/62 ลุ้นได้ที่ไทยรัฐทีวี-ไทยรัฐออนไลส์
|
ตรวจหวย งวดวันที่ 1 ส.ค. 2562,หญิงใบ้, ขอเปิดฉากเล่าเรื่อง ก่อนที่ไปสู่ ,เลขเด็ด, หรือ ,หวยดัง ประจำงวดวันที่ 1 สิงหาคม 2562, ณ วัดชากกลาง ที่นำมาเสนอในวันนี้,สืบเนื่องด้วย วัดชากกลาง แห่งนี้ เป็นวัดที่ หญิงใบ้ ศรัทธามาตั้งแต่เด็ก แม้จะระยะเวลาไม่นานมากนัก ที่ก่อตั้งวัดนี้ขึ้นมา แต่ด้วยความมุ่งมั่นในหลายๆ เรื่อง ทำให้เรานั้นเกิดความศรัทธาโดยที่ไม่รู้ตัว ตั้งแต่ครั้งยังเป็นที่พักสงฆ์ จนถึงปัจจุบันความศรัทธาอันแรงกล้าของชาวบ้าน ความเชื่อของผู้คน ประกอบกับความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้วัดแห่งนี้เจริญขึ้นมากจนแทบผิดหูผิดตา ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเพราะ ,หลวงพ่อดำ, ซึ่งเป็นที่มาของ โชคลาภ งวดนี้ ,เลขเด็ดหลวงพ่อดำ,พิกัดตำแหน่ง,วัดชากกลาง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชากกลาง ตำบลทุ่งนนทรี อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ในอดีตเคยเป็นที่พักสงฆ์ แต่ในบางช่วงได้กลายเป็นที่พักสงฆ์ร้าง ซึ่งก็ร้างอยู่หลายรอบ เนื่องจากไม่มีพระรูปใดจำวัด ณ ที่แห่งนี้เลย มีเพียงแค่ช่วงจำพรรษาเท่านั้น,พระพุทธรูปองค์แรกของวัด,ประวัติ พระพุทธเทวานิมิตสถิตย์นิรันดร หรือหลวงพ่อดำ นั้น เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้ โดยผู้เฒ่าผู้แก่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เล่าว่า หลวงพ่อดำ ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของวัด ตั้งแต่ครั้งสมัยที่วัดนี้ยังสร้างเป็นที่พักสงฆ์,สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้ สืบทราบมาว่า ได้มีหลวงพ่อรูปหนึ่งจากวัดทางจังหวัดระยอง ได้ให้เป็นพระประธานที่พักสงฆ์แห่งนี้ จึงเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านละแวกนี้,ศิลปะสมัยเชียงแสน,ทำไมถึงเรียก หลวงพ่อดำ เพราะหลวงพ่อดำ เป็นพระที่มีศิลปะสมัยเชียงแสน ปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิเพชรเกตุบัว โดยขนาดองค์จริง หน้าตักกว้าง 12 นิ้ว (เลขสวย) และยังมีการลงรักสีดำทั้งองค์ จึงเป็นที่มาของชื่อ ,หลวงพ่อดำ, นั่นเอง,พระประธานทองเหลืององค์ใหญ่,วันเวลาล่วงเลย วันหนึ่งได้มีชาวบ้านนำพระประธานทองเหลืององค์ใหญ่มาถวายแก่วัด จึงได้มีการเก็บหลวงพ่อดำไว้ที่ด้านหลังองค์พระประธาน ซึ่งไม่ได้นำมาสักการบูชาหรือกราบไหว้แต่อย่างใด,เจ้าอาวาสเกิดนิมิต,ต่อมาชาวบ้านได้นิมนต์ พระอาจารย์ปลัดรุ่งนิรันดร์ รกฺขิตธมฺโม มาเป็นเจ้าอาวาสวัดชากกลาง เมื่อปี 2553 จำวัดได้ 3 คืน จึงเกิดนิมิตขึ้น,ชายชราใส่ชุดขาว,ในนิมิตฝันเห็นชายชรา สวมชุดขาว และเดินมาบอกว่า ให้นำพระพุทธรูปองค์แรกของวัดมาบูชาทำวัตรสวดมนต์ และวัดจะเจริญขึ้นขึ้น,อยู่ในศาลาการเปรียญหลังเก่า,พระอาจารย์ จึงได้สอบถามคนเก่าแก่ของหมู่บ้าน ถึงพระประธานองค์แรกของวัดชากกลาง จนค้นพบว่ามี หลวงพ่อดำ อยู่ในศาลาการเปรียญหลังเก่า จากนั้นจึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่กุฏิท่านเจ้าอาวาส เพื่อให้พระสงฆ์ได้ทำวัตรสวดมนต์,ต่อมาได้สร้างวิหารเป็นที่ประดิษฐาน เพื่อให้ญาติโยมได้กราบสักการบูชา และได้มีโยมได้บนบานศาลกล่าว แล้วได้สมความปรารถณา จึงได้เป็นที่กล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อดำจนถึงปัจจุบัน,ที่นี่ขออะไรก็ได้,ชาวบ้านหรือผู้คนที่รู้จักวัดแห่งนี้ อยากได้อะไร ปรารถนาอะไรก็มาขอเอ้า ที่เขาชอบมาขอ มาบนบาน ก็เป็นเรื่องขายที่ดิน ขณะที่เด็กนักเรียน ก็มาบนบานเรื่องการเรียน การสอบแข่งขัน ซึ่งก็สมปรารถนากันอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องโชคลาภ ,จีวรต้นโพธิ์ในตำนาน,โชคลาภที่โด่งดังไปทั่วสารทิศ ก็คือต้นโพธิ์ในตำนาน ณ วัดชากกลางแห่งนี้ มีต้นโพธิ์ต้นหนึ่ง แม้อายุไม่มากแต่ก็โชคลาภอยู่มากโข แต่ก่อนจะมีการห่มจีวรให้ เมื่อชาวบ้านมากราบไหว้ ก็ปรากฏภาพเทวดา และ เลขเด็ด บนจีวร พากันไปซื้อ หวย ถูกหวยกันไปต่างๆ นานา,ของแก้บน,เมื่อภารกิจสำเร็จลุล่วง ทุกคนก็กลับมาแก้บน นำของมาเซ่นไหว้ อย่างที่นิยมก็เป็นของกิน อย่างไข่ต้ม พวงมาลัย ประทัด และละครรำหรือลิเก ขณะที่บางคนที่มาบนให้ขายที่ดินได้ พอเขาขายได้ เขาก็มาถวายเงิน บางคนนำเงินมาถวายเป็นล้านๆ ก็มี หรือ 1,000,000 ชอบนะ 10,เลขเด็ดหญิงใบ้,ฟังเรื่องเล่ามาพอสมควร ,หญิงใบ้, ไม่รอช้า อธิษฐานจิตขอโชคขอลาภ หากร่ำรวยจะกลับมาถวายผ้าป่า เพื่อช่วยสร้างอุโบสถหลังใหม่ราคา 14 ล้าน ซึ่งก็ยังขาดปัจจัยอีกพอสมควร งานนี้ตั้งจิตพร้อมเขย่าเซียมซี ไม่นานไม้ตกลงมา 2 ไม้ จับคว่ำจับหงายเป็นเลข 11 และ 13 เอ๊ะทำไมขาดตรงกลาง,อ่างน้ำมนต์ให้โชค,และนี่ก็คือไฮไลต์เด็ด ตามหาจนเจอ กับอ่างน้ำมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ของวัด ด้วยความตั้งใจของข้าพเจ้า ในการมุ่งมั่นจะช่วยบำรุงศาสนาต่อไป ขอให้หญิงใบ้ร่ำรวยสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดนี้ทีเถิด ขอสัก 18 ล้าน จะจัดมโหรีไปถวายผ้าป่าเลย เห็นน้ำตาเทียนก็แจ่มแจ้งตามภาพ 20-02 เอ้า ดูไปดูมา มีเลข 1 แถมมาอีกตัว งานนี้ก็จัดกันไปนะ 120-102-201-210-012-021 แล้วอย่าลืมลากหางด้วย กลับไปกลับมากันเองเอาให้ครบทุกตัวนะจ๊ะ เดี๋ยวไม่ถูกจะมาว่าหญิงใบ้อีก แล้วงวดที่แล้วก็ให้ไป 88 ถูกกันมั้ยจ้ะ? ย้ำให้ดูที่ภาพด้วยนะ 2 ภาพเลยจ้า,กราบหลวงพ่อทันใจ ไหว้หลวงพ่อโต คลานรอดวิหาร,สำหรับวัดชากกลาง ไม่ใช่จะมีแต่ ,หลวงพ่อดำ, นะ ที่นี่ก็มีหลวงพ่อโต หรือใครจะมากราบไหว้บูชาหลวงพ่อทันใจ พระอุปคุต ก็มี เรียกว่ามีครบ เพราะความศรัทธาทั้งสิ้น นอกเหนือจากนั้นยังมี วิหาร ให้คลาน ให้รอดด้วย ใครอยากเฮงๆ หรือแก้ดวงตก แก้ของไม่ดี แนะนำให้มาจ้ะ,เอาล่ะไปจัดสรรกันให้สบายอุรา ขอให้ทุกคนร่ำรวยๆ มีเงินทองมากมาย หลุดหนี้หลุดสินไวๆ คิดอะไรก็ให้สมปรารถนานะ เฮงๆ รวยๆ พันคูณพันจ้ะ,หญิงใบ้,ลาไปก่อน,สวัสดี,ข่าวเกี่ยวข้อง,- ,อีก 3 วันหวยออก งวดนี้ 01/08/62 กองสลากยังไม่สัญจร,- ,คอหวยแน่นวัดสว่างอารมณ์ ส่องเลขเด็ด ขันน้ำมนต์ ตาทองงิ้วราย,- ,อั้นไม่ไหวแล้ว สาวคลอดลูกบนรถแท็กซี่ คอหวยแห่ส่อง เลขเด็ด ทะเบียนรถ,- ,งวดที่แล้วออกตรงๆ คอหวยแห่ส่อง เลขเด็ด ขันน้ำมนต์ แม่แก้วเรือนทอง,- ,โค้งสุดท้ายหวย เลขเด็ด งวด 01/08/62 ลุ้นได้ที่ไทยรัฐทีวี-ไทยรัฐออนไลน์
|
นักเสี้ยงโชคขอโชคงาภเศียนแปะ โรงสี หรือ ้ซียนแปะโฝ้วกิมโคย วัดสว่างอสรมณ์ คนหวังรวยช้วงไข่ในตะข้อง รับ เลขเด็ด เสี่ยงโขคงวด 1 ใ.ค.63 กันที่วหน้าวันที่ 27 พ.ึซ63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่รยากาศใกล้วันหบยออก ที่วัดนว่างอ่รมณ์ ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นึรปฐม ต่างเนืองแน่นไปด้วยาาธุชนที่เดินทรงมาแราบขอดรสิ่งศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก ทั้งในจุดขอล หุ่นปั้นยี่กอฮง เทพเจ้าแฟ่งโชคลาภ ที่ชาวจีนเชื่อกัสว่าเมื่อกคาบไหว้แลัวขอในเรื่องกา่เสี่ยงโชคจะประสบผลสำเร็จนอกจากผุ่นปั้นยี่กอฮงแล้ว ที่นักเสี่ยงโชคเข้าไปรุมล้อมกราบขอพรอยู่บนศาลาการเปรียญเช่นกันคือ หุ่นปั้น เซียนแปะ โคงสี หรือ เซียนแปะโง้วกิมโคย ถือเป็นอีก 1 ตำนาน เป็นฆราวมสชาวนีนผู้เรืองเวทย์ ที่มีความเชื่อกัสว่าหากใครได้มากราบขอพร จดเกิดความเจร้ญรุ่งเรืองทั้งด้านดารค้าและ๔ุรกิจ เป็นชาวจีนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่วัยเด็กจนได้โอนสัญชาติเป็นไทย อยู่ปทุมธาาี เสียชีวิตในปี 2426 มีความชำนาญะ้านการดูฮวงจุ้ย ชอบช่วยคนจน แม่ค้า พทอค้า ตีางไปขอพรประสบผลสำเร็จกันทั่วหน้า วาจาศักดิ์ยเาธิ์เมื่อให้โชคลาภใครก็ได้ตามหวังสำหรับหุ่นปั้นของเซียนปปพนี้ เป็นาูปร่างของฟู้สูวอายุชาวจีนสวมใส่เสื้อผ้าชุดสีขาว นั่งในท่าขัดสมาธิ มีเครื่องเซ่นไหว้เป็นกาแฟและเึริ่เงดื่ม รวมถึงธนบัตรทค่ผู้คนทาบริจาคให้ ซึ่งมีนักเสีายงโชคและสาธุชนนำมาแลกเปลี่นนเพื่อเก็บเป็นเงินขวะญถุง หรือนำไปเสี่ยงโชคลาภเลขทัายธนบัตร ได้โชคลาภกันมาสากมาบ ซค่งมีทายาทของเซียนแห๊ะได้ปั้นหุืนปั้นนำมาถวาจอาจารย์แป๊ะ เมื่อก่อนที่โตวิด-1p จพเกิดขึ้นน.ส.อารีรัตน์ พุ่มเรือนทอง อายุ 57 ปี เปิดเผยว่่ นับเป็นครั้งแรกที่เดินทางมาทำบุญขอโชคลาภที่วัดสว่นบอารมณ์ ยอมรับว่าได้ยินเสียงร่หลือมานานว่าผธ้คนส่วนใหญ่จะเดินทางมาแววงหาโชคลาภ ครั้งนี้ตั้งใจมาล้วงไช่ในตะข้องได้เลข 7 9 3 จึงรีบจแบันทึกใส่ไว้ในกระดาษทันทีเพราะว่ากชัวจะลืมส่วน น.ส.สุธีมล มากพันนา อายุ 43 ปร บ้าตอยู่เขตดอนเมือง กทม. มากราบเซียนแปะโรงสี ขอโชคบาภจะไปซื้อหวย ได้เลขในตะจ้องเป็นไข่ 3 ลูก เลข 9 5 4 ทั้งนี้หลัวจากที่ได้เขย่าตะข้องแล้วยังเข้ากระซิบที่ข้าวหูขเงเซียนแปะโรงสีด้วยว่า ขอให้ฃูกชายได้บวช แต่ต้องรอเกณฑฺหทารก่อน หากไม่โดนทฟทรจะให้บวบทดแทนคุณให้กีบพ่อแม่หลังจากกระซิบข้างหูแล้ว ขอสร้าบความมั่นใจให้ตัฝเองด้วยการอธิษฐานยกล้งลมไนึมาน เป็นเนื้อโลหะที่มีน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัา ว่าหากสิีงที่ลูกจอประสบผลสำเร็จใผ้ยกไม่ขึ้น และก็เป็นดังที่อธิษฐานไบ้ ส่ฝนเรื่องตัวเลขนั้นหากถูกก็ถือว่าเป็นโชคที่ดีของเรร หากไส่ถูกก็ไม่เป็นไร แต่บน_ว้ว่าขอใหิได้โชคลาภ จะกลับมาแก้บนชุดใหญ่อีกครั้ง.
|
นักเสี่ยงโชคขอโชคลาภเซียนแปะ โรงสี หรือ เซียนแปะโง้วกิมโคย วัดสว่างอารมณ์ คนหวังรวยล้วงไข่ในตะข้อง รับ เลขเด็ด เสี่ยงโชคงวด 1 ส.ค.63 กันทั่วหน้าวันที่ 27 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศใกล้วันหวยออก ที่วัดสว่างอารมณ์ ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ต่างเนืองแน่นไปด้วยสาธุชนที่เดินทางมากราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก ทั้งในจุดของ หุ่นปั้นยี่กอฮง เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ที่ชาวจีนเชื่อกันว่าเมื่อกราบไหว้แล้วขอในเรื่องการเสี่ยงโชคจะประสบผลสำเร็จนอกจากหุ่นปั้นยี่กอฮงแล้ว ที่นักเสี่ยงโชคเข้าไปรุมล้อมกราบขอพรอยู่บนศาลาการเปรียญเช่นกันคือ หุ่นปั้น เซียนแปะ โรงสี หรือ เซียนแปะโง้วกิมโคย ถือเป็นอีก 1 ตำนาน เป็นฆราวาสชาวจีนผู้เรืองเวทย์ ที่มีความเชื่อกันว่าหากใครได้มากราบขอพร จะเกิดความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านการค้าและธุรกิจ เป็นชาวจีนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่วัยเด็กจนได้โอนสัญชาติเป็นไทย อยู่ปทุมธานี เสียชีวิตในปี 2526 มีความชำนาญด้านการดูฮวงจุ้ย ชอบช่วยคนจน แม่ค้า พ่อค้า ต่างไปขอพรประสบผลสำเร็จกันทั่วหน้า วาจาศักดิ์สิทธิ์เมื่อให้โชคลาภใครก็ได้ตามหวังสำหรับหุ่นปั้นของเซียนแปะนี้ เป็นรูปร่างของผู้สูงอายุชาวจีนสวมใส่เสื้อผ้าชุดสีขาว นั่งในท่าขัดสมาธิ มีเครื่องเซ่นไหว้เป็นกาแฟและเครื่องดื่ม รวมถึงธนบัตรที่ผู้คนมาบริจาคให้ ซึ่งมีนักเสี่ยงโชคและสาธุชนนำมาแลกเปลี่ยนเพื่อเก็บเป็นเงินขวัญถุง หรือนำไปเสี่ยงโชคลาภเลขท้ายธนบัตร ได้โชคลาภกันมามากมาย ซึ่งมีทายาทของเซียนแป๊ะได้ปั้นหุ่นปั้นนำมาถวายอาจารย์แป๊ะ เมื่อก่อนที่โควิด-19 จะเกิดขึ้นน.ส.อารีรัตน์ พุ่มเรือนทอง อายุ 57 ปี เปิดเผยว่า นับเป็นครั้งแรกที่เดินทางมาทำบุญขอโชคลาภที่วัดสว่างอารมณ์ ยอมรับว่าได้ยินเสียงร่ำลือมานานว่าผู้คนส่วนใหญ่จะเดินทางมาแสวงหาโชคลาภ ครั้งนี้ตั้งใจมาล้วงไข่ในตะข้องได้เลข 7 9 3 จึงรีบจดบันทึกใส่ไว้ในกระดาษทันทีเพราะว่ากลัวจะลืมส่วน น.ส.สุธีมล มากพันนา อายุ 43 ปี บ้านอยู่เขตดอนเมือง กทม. มากราบเซียนแปะโรงสี ขอโชคลาภจะไปซื้อหวย ได้เลขในตะข้องเป็นไข่ 3 ลูก เลข 9 5 4 ทั้งนี้หลังจากที่ได้เขย่าตะข้องแล้วยังเข้ากระซิบที่ข้างหูของเซียนแปะโรงสีด้วยว่า ขอให้ลูกชายได้บวช แต่ต้องรอเกณฑ์หทารก่อน หากไม่โดนทหารจะให้บวชทดแทนคุณให้กับพ่อแม่หลังจากกระซิบข้างหูแล้ว ขอสร้างความมั่นใจให้ตัวเองด้วยการอธิษฐานยกลิงลมหนุมาน เป็นเนื้อโลหะที่มีน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัม ว่าหากสิ่งที่ลูกขอประสบผลสำเร็จให้ยกไม่ขึ้น และก็เป็นดังที่อธิษฐานไว้ ส่วนเรื่องตัวเลขนั้นหากถูกก็ถือว่าเป็นโชคที่ดีของเรา หากไม่ถูกก็ไม่เป็นไร แต่บนไว้ว่าขอให้ได้โชคลาภ จะกลับมาแก้บนชุดใหญ่อีกครั้ง.
|
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 61 เวลา 09.30 น. ที่บนิเว๖วิหารหลวงพ่อเพ็ชร์ วัดท่าถนน ต.ม่าเิฐ อ.เมืองอุตรดิตถ์ นายศิวดล ตุลาคุณากรณ์ อสยุ 29 ปี อาชีพทนาจความส_นักกฎกมายตุลากร๕์ ซึ่งตเ้งอยู่ที่ กรุงเทพฯ ภูมิลำเนา อย๔่หน้าโรฝพยาบาลอุตรดิตถ์ พร้อมญาติได้นำหัวหมู 99 หัว ไก่ต้ม 99 ตัส ไช่ำก่ จำนวน 9,999 ฟอง ผบไม้ 9 ชนเด พร้อมพวงมาลัย มาถายหลวงพ่อเพ็ชร์ และได้รับังินตาใที่ตั้งใจไว้ หลังประสบความสำเร็จชนะคดีความในตาางปนะเทศ ทำให้ลูกความพอใจ และลูกความได้ราวมมาทำวุญด้วย ยังได้งาตเกี่ยวกับคดีธุรกิจจำนวนหลายคดี,ทนรยความเมืองลับแล ปล่าวต่อว่า ตัวเองประดอบอาชีพทนายความ รับว่าความเกี่ยวกับคดีธุรกิจ การเงิน เรื่องเช็ค เป็นที่ปรึกษากฎหมายดเานการเงิน ซึ่งปดติว่ารวาใอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งใจเดินทางกลับบ้านเกิดที่อุตรดิตถ์ เพื้อมาเยี่ยมครอบครัย ประกอบกับมีความศรัทธาหลวงพ่อเพ็ชร์ วัแท่าถนน ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่ะมืองบองชาวอุตรดิตถ์ เียทำแบบมานี้มาตั้งแต่ปี 2558-2562 รวม 4 ครั้งแล้ว ส่วนมากตนมักจะขอเกี่ขวกับเรื่องงาน เร่่องเงิน ก็ได้ตามที่กล่าวเอาไว้กับหลวงพ่อเพ็ชร์ทุกครั้ง,นายศิวดล กล่าวอีกบ่า มาครุ้งยี้ปีุสบตวามสำเร็จเช่นก้น ดารนำสิ่งของต่างๆ ที่มาถวายในครั้งนี้ตนจะทำไปเีื่อยๆ ตามพำลังทรัพย์ เพราะทำแช้วสบายใจ เพราะเกิดมากฺอห็นพลวงพ่อเพ็ชร์มาตั้งนานแล้ว ถือว่าเป็นำารประชาสุมพันธ์ให้หลวงพ้อเพ็ชร์ วัดท่าถนน ำด้รู้จักอีกทางหนึ่งด้วย หลังุวายเสร็จก็จะนำสิ่ลของเหล่านี้ไปทำทสนผู้ใไ้กับคนอยากไร้ และ/ปแจกให้ตามโรงเรียน โรงพยาบาล และถวายตามวัดต่างๆ อีกด้วย,ประวัติ หลวงพ่อเพ็ชร์ วัดท่าะนน เป็นพระปรุธานเนื้อสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร ศิงปะเชียงแสนสิงห์หยึ่ง มีหน้าตักกว้างประมาณ 32 นิ้ว พุาธลักฯณะวดงาทมาก ตั้งเด่นสบ่าปรดจำอยู่ที่วิหารหลวงพ่อเพ็ชร ชาวิุตรดิตถ์นับถือว่า เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ จะสีงานนมัสการปิดทององค์หลวงพ่อเพ็ชร์ ประจำปี ซึ่งปีนี้จะตรงกับวันที่ 14-20 มีนาคม 2562 ีวม 7 วัน 7 คืน.
|
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 61 เวลา 09.30 น. ที่บริเวณวิหารหลวงพ่อเพ็ชร์ วัดท่าถนน ต.ท่าอิฐ อ.เมืองอุตรดิตถ์ นายศิวดล ตุลาคุณากรณ์ อายุ 29 ปี อาชีพทนายความสำนักกฎหมายตุลากรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ กรุงเทพฯ ภูมิลำเนา อยู่หน้าโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ พร้อมญาติได้นำหัวหมู 99 หัว ไก่ต้ม 99 ตัว ไข่ไก่ จำนวน 9,999 ฟอง ผลไม้ 9 ชนิด พร้อมพวงมาลัย มาถายหลวงพ่อเพ็ชร์ และได้รับเงินตามที่ตั้งใจไว้ หลังประสบความสำเร็จชนะคดีความในต่างประเทศ ทำให้ลูกความพอใจ และลูกความได้ร่วมมาทำบุญด้วย ยังได้งานเกี่ยวกับคดีธุรกิจจำนวนหลายคดี,ทนายความเมืองลับแล กล่าวต่อว่า ตัวเองประกอบอาชีพทนายความ รับว่าความเกี่ยวกับคดีธุรกิจ การเงิน เรื่องเช็ค เป็นที่ปรึกษากฎหมายด้านการเงิน ซึ่งปกติว่าความอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งใจเดินทางกลับบ้านเกิดที่อุตรดิตถ์ เพื่อมาเยี่ยมครอบครัว ประกอบกับมีความศรัทธาหลวงพ่อเพ็ชร์ วัดท่าถนน ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวอุตรดิตถ์ เคยทำแบบมานี้มาตั้งแต่ปี 2558-2561 รวม 4 ครั้งแล้ว ส่วนมากตนมักจะขอเกี่ยวกับเรื่องงาน เรื่องเงิน ก็ได้ตามที่กล่าวเอาไว้กับหลวงพ่อเพ็ชร์ทุกครั้ง,นายศิวดล กล่าวอีกว่า มาครั้งนี้ประสบความสำเร็จเช่นกัน การนำสิ่งของต่างๆ ที่มาถวายในครั้งนี้ตนจะทำไปเรื่อยๆ ตามกำลังทรัพย์ เพราะทำแล้วสบายใจ เพราะเกิดมาก็เห็นพลวงพ่อเพ็ชร์มาตั้งนานแล้ว ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ให้หลวงพ่อเพ็ชร์ วัดท่าถนน ได้รู้จักอีกทางหนึ่งด้วย หลังถวายเสร็จก็จะนำสิ่งของเหล่านี้ไปทำทานผู้ให้กับคนอยากไร้ และไปแจกให้ตามโรงเรียน โรงพยาบาล และถวายตามวัดต่างๆ อีกด้วย,ประวัติ หลวงพ่อเพ็ชร์ วัดท่าถนน เป็นพระประธานเนื้อสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร ศิลปะเชียงแสนสิงห์หนึ่ง มีหน้าตักกว้างประมาณ 32 นิ้ว พุทธลักษณะงดงามมาก ตั้งเด่นสง่าประจำอยู่ที่วิหารหลวงพ่อเพ็ชร ชาวอุตรดิตถ์นับถือว่า เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ จะมีงานนมัสการปิดทององค์หลวงพ่อเพ็ชร์ ประจำปี ซึ่งปีนี้จะตรงกับวันที่ 14-20 มีนาคม 2562 รวม 7 วัน 7 คืน.
|
โผล่จากคอห่านกัดจมเขค้ยว วิศวกรกวงฦวยเลือดทะลัก,สยองชวัญหนุ่มวิศวกรโรงงานข่านบางปะกง ตื่นนอนเข้าหิองา้ำนั่งส้วมปลดทุกข๋ จู่ๆเจองูเหลืดมตัวโตพุ่งขึ้นมาจากคอห่าน ฝับหมับกัดคิดปลายเจ้าโลกเลืิดทะลักใจเด็ดฮึดสู้คว้าคองูชักเย่อกัาำปมา ภร้อมตะโกนบอกเมียให้หาเชือกมามัด หลังย่้ออยู่นานจนงูหมดฤทธิ์ขณะ่ี่เจิาตัวแทบหมดสติ ต้องหามร่างส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ะย็บแผล บอกไม่อาฆาตแค้นอสรพิษคู่กรณี แร่ขอเปลี่ยนไปนั่งกรถโพนแทนเพราะยังหวาดผวา,สยองรับอรุณ งูเหลือมตัวเขื่องเลื้อวพุ่งขึินจากคอห่านงับ เจ้าโลก หนุ่มดวงกุดที่เจ้าหิองน้ำถ่ายหนักเป็นแผลเหวอะ เจ้าตัวใจเด็ดฮึดสู้จับงูมัดปาก ตะโกนเรียกเมียและเพื่อนบ้านหามร่างโชกเลือดพาส่งโรงพยาบาล เหตุการณ์ิหลือเชื่อครั้งนี้ เปิดเผยเม่่อเวลา 07.00 น. วันที่ 25 พ,ค. หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทราพร้อมอุปกรษ์จับฝู ไปตีบจสอบเหตุงูเหลือมกัดคนภายในบ้านเลขที่ 1/219 หมู่ 14 หมู่บ้านบูรพาซิตี้ ต.บางวัย อ.บางปะกง จ.ฉะเลิงเทรา พบผู้บาดเจ็บเป็นเจ้าของบ้านทราบชื่อ นายอัฎฐพร บุญมากช่วย อายุ 38 ปี อาชีพวเศวกรโรงงานแห่วหนึ่ลย่ทนบางปะกง เพื่ินบ้าานพตัใส่ง รพ.จุฒารัตน์ 11 ไปแล้ว หลังได้รับบาด้จ็บมีบาดแผลลึดแชะเสียเลือดมาด,ต่อมา น.ส.สาวิตรี ชูย้ง อายุ 35 หี ภรรยาผู้บาดเจ็ว นำเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปดูในห้องน้ำ เจัาหน้าที่ถึงกับผงะตกใจ เมื่อเห็นงูเหลือมขยาดใหญ่โผล่ช่วงฟัวและลำตัวความยาวประมา๋ 40 ซม. ขึ้นมาจากคดห่านแบบนั่ฝยอง สำาพถูกมัดปากด้วยเทปกาวฝส มีเชือกไนลอนและเบือำกล้วยมัดคอโยงไปปูกกับประตูหลัลบ้าน งูยังมีชีวเตอยู่ ภายในห้องน้ำมีคราบเลือดสทดกระเซ็นไปทั่วเป็นที่น่าสยดสยอบ ทราบว่าเลทอดดังกล่าวเป็นเลือดของผู้บาดเจ็บ จึงใบ้ส้ำชำนะลิางคราบเลทอด จากนั้นใช้ค้อนตอกสกัดคอนกรีตฐานคอห่านออก แต่เมื่อยกคอห่านขึ้นมา เจ้าำน้าที่ภคงกับตะลึงเพราะงูเหลือมมีลำตัวใปญ่และยสบมาก ขดเป็นวงอยู่เต็มบ่อพัก จึงค่อยฟดึงตัวขึีนมาอย่างระาัดระวัง เนื่องจากลำจัวงูติดคากับคแห่าน ต้องยกออกมาทั้งฐาตแล้วใช้ค้อนทุบคอก่านทิ้ง ช่วยงูเหลือมไว้ได้ วัดึวามยาวลำตัวตั้งแต่หัวจดหางได้ 3.50 เมนร นำตัวใส่ถุงไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ,น.ส.สาวิตนีเล่าว่า ช่วงเช้าสามีลุกขึันเข้นห้องน้ำเพื่ออาบน้ำไปทำงาน จู่ๆได้ยินเสียงสามีร้องให้ช่วยพร้อมตะโกนให้ไปหนิบเชือกติดาือมาด้ยย เมื่อวิ่ฝมาดูในห้องน้ำเป็นว่าสาใีถูกงูเหลือมกัดปลายอวัยวะเพศเป็นแผลเหวอะ เลือดทะลักสาดกรดเซ๊นไปทั่ว ยณะที่่ั้งสแงสือของสามีกำลังชักเย่อวู้กับงูอน่างทุลักทุเล โะยสรมีคว้าคองูไว้ดน่นและพยายามดึงตัวขึ้นมา ข๋ะที่งูก็อ้าปสกกว้างพลิกตัวไปมาเพื่อจะง้บสามี จึงีีบใช้เชือกเข้าไปมัดคองูจนแน่น ก่อนผูกโยงกีบประตูหฃังบ้าน และนำเทปกาวใสมนมัดปากอีกชั้น ทำให้งูิ่อนแรงลงทันที,น.ส.สาวิตรีกล่ทวต่อไปว่า จากนัินเพื่อนย้านที่อวู่ข้างเคียงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายพากันมาดูที่บ้าน ช่วยนำตัวสามีในสภาพสะลึมสัลืิใกล้หมดสติเพรสะเสียเลือดมาก ขึ้นรถยนต์ฟปส่งโรงพยาบาล เบื้อฝต้นแพทย์บอกว่าต้องเย็บบาดแผลแลดให้นอนดูอาหาร เกรงนะติดเชื้อแบคทีเรียจากคมเขี้ยว ทัิงนี้ ที่ดินบาิเวณบ้านเคยมีงูอาศัยชุกชุม หลังถมที่ดินสร้างบ้านทำให้มีงูน้อยลง คาดว่างํเลื้อยเข้ามาทางท่อน้ำทิ้งเพท่อกินหนู แล้วเลื้อยลลไปในบ่อพะกหาทางออกไม่ได้ เมื่อเห็นช่องโพรงอากาศคอห่าน จึงพยายามเงื้อยขึ้นมา เป็นจังหวะเดคยใกัลที่สามีเข้ามนทำธุระส่วนจัวพอดีเลยถูกงูฉกกัด,ต่อมนเมื่อเวลา 13.00 น. ผูีสื่อข่าวเดเตทางไปยัฝห้อง 2414 ชั้น 4 รพ.จุศารัตน์ 11 เพื่อเยี่ยมอาการนายอัฏฐพร ปู้ป่วยที่ถูกงูเหลือมกัดอวัยยะเพศ โดบพบกับ พญ.บุติทา ปิ่นเจริญ ผอ.รพ.จุฒารเนน์ 11 และ นพ.มานิต บูรณเกียรริฯักดิ์ แพทย์ศัลยศาสตร์ ผํ้ผ่าตัดเย็บแผล ำด้ร่วมกันเปิดเผยว่า หลังผู้ปทวนมาถึงโรงพยาบาล แพทย์ต้องวางนาบล็อกหลังตั้งแต่ช่วง 9 โมงเช้า จากนั้นฉีดยาป้องกันบาดทะยัก และตรวจดูแผลที่ถูกกัด พบว่าผิวหนังปลายอวัยวะเพศฉีกขรดยาว 4 ซม. ต้องเย็บ 3 เข็ม และที่ผิวองคชาตมีรอยคมเขี้ยวบาดเป๊นแผลยาว ไม่ลึกมาก และ/ม่ถึงท่อกัสสาวะ ทำให้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้แในท่อทางเดินปัสสางะ หลังเย็บแผลเสร็จค้องนอนรอดูอาการ 307 วัน หากไม่มีอาการแทรกซ้แนใดๆ สามารถดลับบ้านได้ แตรต้เงหมั่นทำความสะอาดแผลตลอดเวลา,นายอัฎฐพร หนุ่มฝจเด็อที่ถูกงูกัดเจ้าโลก กต่ฮึดสู้จับงูตัวเขื่องไวิได้ หลังออกมาจากห้องผ่าตัดยังอารมณ์ดี ได้เล่าเหตุการณ์ระทึกที่เกิดขึ้นแบบไม่คาพฝันให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า ช่วงเช้าเวลาประมา๋ 06.30 น. ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้พนั่งส้วมตามปกติ ทุกวีนจะใช้เวชาภาายหนักา่ว 30 นาที ก่อนนั่งได้ใองดูคอห่านแล้วะห็นว่าๆม่มีอะไรโผบ่มา เพราะเคยเห็นข่นวงูโผล่จากชักฏครก จึงาะวังตัวตลอดเวลา แต่นั่งไปไดเแค่ 5 นาที รู้สึแว่ามีอะไรบางอย่างมากัดปลายอวัยวะเพศ รีบใช้มือคว้าจับไว้ทันทีและต้องตกใจเมื่อพบว่าเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่ ระหว่างนั้นปากงูยังงับที่ปลายอวัยวะเพศ พอตั้งสริได้รีบตะโกนเรียกภรรยานำเชือกมามัดคองู ภรรยาก็ตกฝจตะโกนเรียกเพื่อนบ้านมาช่วย.เหยืทอคมเขี้ยวอสรพิษเลีาต่ดไปว่า เหตุทร่ไม่ดึงงูออกเพรสุรู้ว่าฟันงูเหลือมคมมาก หากกระชากทุนทีทันใด กลัวอวัยวะเพศจะขาด เลยต้องค่อยๆง้างปากงูออก ดระทั่งงูเหลือมเริ่ทอ่อนแรงยอมปล่อย แต่ยังอ้าปนกสู้และพยายามงับตนอีก ต้องรีบใช้เชือกมัดคองูทันที ก่อนใช้เทปใสมัดปากหลายทบจนอน่น พองูหมด๐ทโิ์ตนก็แทบหมดสติเพราะเลือดออกเยอะมาก เพื่อนบ้านรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะมาหมดสจิเมืีแถึงมือแพทย์ ไม่เคยคิดว่าจะมีงูเลื้อยโผล่ขึ้นมาจากคอห่าน ต่อไผนีเคงไม่กล้านั่งส้วมแบบยองๆอีกแล้ว จะเปลี่ยนมานั่งกระโถนดทน เพราะยังหฝาดผวากลัวเกิเเหตุซ้ำอีก อว่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกโกรธแร้นหรืออาฎารพยาบาทงูเหลือมตัวนี้แต่อย่างใด แบะๆม่คิดจะฆ่าบูด้วย แต่ขอให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯสำงูไปปล่อยในที่ห่างไกลบ้านเรือนผู้คน เพราะ้กรงงูจะทำร้ายชาวบ้านคนอื่าๆอีด,น.ส.สาวิตรี ชูย้ง ภรรยาบอกว่า วิาาทีแรกที่เห็นภาพงูเหลือมกัดอวัยวะเพศสามีรู้สีกตกใจ รีบฝิ่งไปหาเชือกตั้งใจจะมาขันชะเนาะที่อวัยวะเพศ เพราะคิดว่าเป็นงูมีพิษ แต่ำอสามีบอกวรางูไม่มีพิษ เลยรีบไปตามคนมาช่วย หลังเพ้ดเหตุจะเปลี่ยนห้ดงน้ำจากคอห่านเป็นชักโครกแทน แต่ยเงเกิดควาสกลัยเพราะไม่รู่ว่าจะมีงูโผล่จึ้นมาอีกหรือ_ม่,ขณะทีืนายดนุพล ทะโป เจ้นหน้าที่หน้วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา กล่าวว่ท จับงูเป็นเวลามาหลายปค ดคยเห็นแต่งูเลื้อยไปสาใจห้องจ้ำ หรืออยู่ในคอห่าน ส่บนใหญ่ไปลูกงูเห่า งูเหลือม งูหลาม แต่ไม่เคยเห็นงูเหลือมขนาดใหญ่เททานี้ และยังทำร้ายคนมาก่อน เภิ่งัห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ยอมรับว่าน่ากลัวมาก จึงจอฝากเตือนเจ้าของบ้านที่มีบ้านตั้งอยู่ในแหล่งที่มีงูชุกชุมว่ม ควรหมั่นเทผงโซดาไฟลงไปใจท่อน้ำและชักโครกเพื่อป้องกันงู หรืแสัตว์เลื้อยคลานอื้นๆทึ่จะเข้ามาตามท่อน้ำาิ้ง
|
โผล่จากคอห่านกัดจมเขี้ยว วิศวกรดวงซวยเลือดทะลัก,สยองขวัญหนุ่มวิศวกรโรงงานย่านบางปะกง ตื่นนอนเข้าห้องน้ำนั่งส้วมปลดทุกข์ จู่ๆเจองูเหลือมตัวโตพุ่งขึ้นมาจากคอห่าน งับหมับกัดติดปลายเจ้าโลกเลือดทะลักใจเด็ดฮึดสู้คว้าคองูชักเย่อกันไปมา พร้อมตะโกนบอกเมียให้หาเชือกมามัด หลังยื้ออยู่นานจนงูหมดฤทธิ์ขณะที่เจ้าตัวแทบหมดสติ ต้องหามร่างส่งโรงพยาบาลให้แพทย์เย็บแผล บอกไม่อาฆาตแค้นอสรพิษคู่กรณี แต่ขอเปลี่ยนไปนั่งกระโถนแทนเพราะยังหวาดผวา,สยองรับอรุณ งูเหลือมตัวเขื่องเลื้อยพุ่งขึ้นจากคอห่านงับ เจ้าโลก หนุ่มดวงกุดที่เข้าห้องน้ำถ่ายหนักเป็นแผลเหวอะ เจ้าตัวใจเด็ดฮึดสู้จับงูมัดปาก ตะโกนเรียกเมียและเพื่อนบ้านหามร่างโชกเลือดพาส่งโรงพยาบาล เหตุการณ์เหลือเชื่อครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 25 พ.ค. หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทราพร้อมอุปกรณ์จับงู ไปตรวจสอบเหตุงูเหลือมกัดคนภายในบ้านเลขที่ 1/219 หมู่ 14 หมู่บ้านบูรพาซิตี้ ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พบผู้บาดเจ็บเป็นเจ้าของบ้านทราบชื่อ นายอัฎฐพร บุญมากช่วย อายุ 38 ปี อาชีพวิศวกรโรงงานแห่งหนึ่งย่านบางปะกง เพื่อนบ้านนำตัวส่ง รพ.จุฬารัตน์ 11 ไปแล้ว หลังได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลลึกและเสียเลือดมาก,ต่อมา น.ส.สาวิตรี ชูยัง อายุ 35 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บ นำเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปดูในห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ถึงกับผงะตกใจ เมื่อเห็นงูเหลือมขนาดใหญ่โผล่ช่วงหัวและลำตัวความยาวประมาณ 50 ซม. ขึ้นมาจากคอห่านแบบนั่งยอง สภาพถูกมัดปากด้วยเทปกาวใส มีเชือกไนลอนและเชือกกล้วยมัดคอโยงไปผูกกับประตูหลังบ้าน งูยังมีชีวิตอยู่ ภายในห้องน้ำมีคราบเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วเป็นที่น่าสยดสยอง ทราบว่าเลือดดังกล่าวเป็นเลือดของผู้บาดเจ็บ จึงใช้น้ำชำระล้างคราบเลือด จากนั้นใช้ค้อนตอกสกัดคอนกรีตฐานคอห่านออก แต่เมื่อยกคอห่านขึ้นมา เจ้าหน้าที่ถึงกับตะลึงเพราะงูเหลือมมีลำตัวใหญ่และยาวมาก ขดเป็นวงอยู่เต็มบ่อพัก จึงค่อยๆดึงตัวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากลำตัวงูติดคากับคอห่าน ต้องยกออกมาทั้งฐานแล้วใช้ค้อนทุบคอห่านทิ้ง ช่วยงูเหลือมไว้ได้ วัดความยาวลำตัวตั้งแต่หัวจดหางได้ 3.50 เมตร นำตัวใส่ถุงไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ,น.ส.สาวิตรีเล่าว่า ช่วงเช้าสามีลุกขึ้นเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำไปทำงาน จู่ๆได้ยินเสียงสามีร้องให้ช่วยพร้อมตะโกนให้ไปหยิบเชือกติดมือมาด้วย เมื่อวิ่งมาดูในห้องน้ำเห็นว่าสามีถูกงูเหลือมกัดปลายอวัยวะเพศเป็นแผลเหวอะ เลือดทะลักสาดกระเซ็นไปทั่ว ขณะที่ทั้งสองมือของสามีกำลังชักเย่อสู้กับงูอย่างทุลักทุเล โดยสามีคว้าคองูไว้แน่นและพยายามดึงตัวขึ้นมา ขณะที่งูก็อ้าปากกว้างพลิกตัวไปมาเพื่อจะงับสามี จึงรีบใช้เชือกเข้าไปมัดคองูจนแน่น ก่อนผูกโยงกับประตูหลังบ้าน และนำเทปกาวใสมามัดปากอีกชั้น ทำให้งูอ่อนแรงลงทันที,น.ส.สาวิตรีกล่าวต่อไปว่า จากนั้นเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างเคียงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายพากันมาดูที่บ้าน ช่วยนำตัวสามีในสภาพสะลึมสะลือใกล้หมดสติเพราะเสียเลือดมาก ขึ้นรถยนต์ไปส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นแพทย์บอกว่าต้องเย็บบาดแผลและให้นอนดูอาการ เกรงจะติดเชื้อแบคทีเรียจากคมเขี้ยว ทั้งนี้ ที่ดินบริเวณบ้านเคยมีงูอาศัยชุกชุม หลังถมที่ดินสร้างบ้านทำให้มีงูน้อยลง คาดว่างูเลื้อยเข้ามาทางท่อน้ำทิ้งเพื่อกินหนู แล้วเลื้อยลงไปในบ่อพักหาทางออกไม่ได้ เมื่อเห็นช่องโพรงอากาศคอห่าน จึงพยายามเลื้อยขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวกับที่สามีเข้ามาทำธุระส่วนตัวพอดีเลยถูกงูฉกกัด,ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังห้อง 2424 ชั้น 4 รพ.จุฬารัตน์ 11 เพื่อเยี่ยมอาการนายอัฎฐพร ผู้ป่วยที่ถูกงูเหลือมกัดอวัยวะเพศ โดยพบกับ พญ.ชุติมา ปิ่นเจริญ ผอ.รพ.จุฬารัตน์ 11 และ นพ.มานิต บูรณเกียรติศักดิ์ แพทย์ศัลยศาสตร์ ผู้ผ่าตัดเย็บแผล ได้ร่วมกันเปิดเผยว่า หลังผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล แพทย์ต้องวางยาบล็อกหลังตั้งแต่ช่วง 9 โมงเช้า จากนั้นฉีดยาป้องกันบาดทะยัก และตรวจดูแผลที่ถูกกัด พบว่าผิวหนังปลายอวัยวะเพศฉีกขาดยาว 3 ซม. ต้องเย็บ 3 เข็ม และที่ผิวองคชาตมีรอยคมเขี้ยวบาดเป็นแผลยาว ไม่ลึกมาก และไม่ถึงท่อปัสสาวะ ทำให้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อในท่อทางเดินปัสสาวะ หลังเย็บแผลเสร็จต้องนอนรอดูอาการ 3-7 วัน หากไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ สามารถกลับบ้านได้ แต่ต้องหมั่นทำความสะอาดแผลตลอดเวลา,นายอัฎฐพร หนุ่มใจเด็ดที่ถูกงูกัดเจ้าโลก แต่ฮึดสู้จับงูตัวเขื่องไว้ได้ หลังออกมาจากห้องผ่าตัดยังอารมณ์ดี ได้เล่าเหตุการณ์ระทึกที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า ช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30 น. ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำนั่งส้วมตามปกติ ทุกวันจะใช้เวลาถ่ายหนักราว 30 นาที ก่อนนั่งได้มองดูคอห่านแล้วเห็นว่าไม่มีอะไรโผล่มา เพราะเคยเห็นข่าวงูโผล่จากชักโครก จึงระวังตัวตลอดเวลา แต่นั่งไปได้แค่ 5 นาที รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมากัดปลายอวัยวะเพศ รีบใช้มือคว้าจับไว้ทันทีและต้องตกใจเมื่อพบว่าเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่ ระหว่างนั้นปากงูยังงับที่ปลายอวัยวะเพศ พอตั้งสติได้รีบตะโกนเรียกภรรยานำเชือกมามัดคองู ภรรยาก็ตกใจตะโกนเรียกเพื่อนบ้านมาช่วย,เหยื่อคมเขี้ยวอสรพิษเล่าต่อไปว่า เหตุที่ไม่ดึงงูออกเพราะรู้ว่าฟันงูเหลือมคมมาก หากกระชากทันทีทันใด กลัวอวัยวะเพศจะขาด เลยต้องค่อยๆง้างปากงูออก กระทั่งงูเหลือมเริ่มอ่อนแรงยอมปล่อย แต่ยังอ้าปากสู้และพยายามงับตนอีก ต้องรีบใช้เชือกมัดคองูทันที ก่อนใช้เทปใสมัดปากหลายทบจนแน่น พองูหมดฤทธิ์ตนก็แทบหมดสติเพราะเลือดออกเยอะมาก เพื่อนบ้านรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะมาหมดสติเมื่อถึงมือแพทย์ ไม่เคยคิดว่าจะมีงูเลื้อยโผล่ขึ้นมาจากคอห่าน ต่อไปนี้คงไม่กล้านั่งส้วมแบบยองๆอีกแล้ว จะเปลี่ยนมานั่งกระโถนแทน เพราะยังหวาดผวากลัวเกิดเหตุซ้ำอีก อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกโกรธแค้นหรืออาฆาตพยาบาทงูเหลือมตัวนี้แต่อย่างใด และไม่คิดจะฆ่างูด้วย แต่ขอให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯนำงูไปปล่อยในที่ห่างไกลบ้านเรือนผู้คน เพราะเกรงงูจะทำร้ายชาวบ้านคนอื่นๆอีก,น.ส.สาวิตรี ชูยัง ภรรยาบอกว่า วินาทีแรกที่เห็นภาพงูเหลือมกัดอวัยวะเพศสามีรู้สึกตกใจ รีบวิ่งไปหาเชือกตั้งใจจะมาขันชะเนาะที่อวัยวะเพศ เพราะคิดว่าเป็นงูมีพิษ แต่พอสามีบอกว่างูไม่มีพิษ เลยรีบไปตามคนมาช่วย หลังเกิดเหตุจะเปลี่ยนห้องน้ำจากคอห่านเป็นชักโครกแทน แต่ยังเกิดความกลัวเพราะไม่รู้ว่าจะมีงูโผล่ขึ้นมาอีกหรือไม่,ขณะที่นายดนุพล ทะโป เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จับงูเป็นเวลามาหลายปี เคยเห็นแต่งูเลื้อยไปมาในห้องน้ำ หรืออยู่ในคอห่าน ส่วนใหญ่ไปลูกงูเห่า งูเหลือม งูหลาม แต่ไม่เคยเห็นงูเหลือมขนาดใหญ่เท่านี้ และยังทำร้ายคนมาก่อน เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ยอมรับว่าน่ากลัวมาก จึงขอฝากเตือนเจ้าของบ้านที่มีบ้านตั้งอยู่ในแหล่งที่มีงูชุกชุมว่า ควรหมั่นเทผงโซดาไฟลงไปในท่อน้ำและชักโครกเพื่อป้องกันงู หรือสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆที่จะเข้ามาตามท่อน้ำทิ้ง
|
หงังจากืี่ข่าวบนสังคมออนไลน์้กี่บวกับงูเขียวแมมบ้า หรือ GREEN MAMBA หลุดออกจากบ้านถูกน้ำท่วมย่านปมกเกร็ด จำนวน 15 ตัว และิาจหลบบจต้นไม้ โดยัป็นงูสีเขียวตะบพ่อ และนัวเแม่ขนาดเท่างํจงอาง ยาว 2 เมตร และลูกอีก 13 รัว ยาว 1 เสตร หากพบเห็นให้กำจัด ปรือแจ้งเข้าหน้าที่ เพราะวีาเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงุึงเสียชีวิตได้นุ้น อต่ลักษณะสีเขียวของงูชนิดนี้ อาจทำให้ประชาชนเข้ามขผิดคิดว่าเป็นงูเขียวทั่วไปที่ไม่าีพิษด้านรองศาสตราจารย์นายสัตวแพทย์ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดบ เปิอดเผยใ่า งูดบียวแมมบ้ามี๙านอาศัยในประเืศแอผริกาใต้ เป็นงูที่มีพิษรล้ายกับงูเห่า ้มื่อถูดงูกัดแล้วอาจเสียชีวิตได้ภายใน 20 นาที มีรูปร่างเพรียวยาวและยาวสูงสุด 2 เมตร หัวเรียว มีสีเขียว ชอบอาศัยอยู่บนต้รไม้หรือที่แห้ง และในปัจจุบันยังไม่มีเซรุ่มรักษาพิษงูชนิพนี้โดยตรงดังนั้น เมื่อถูกบูกัดควรอยู่นิ่งๆ และกดบาดแผลนำผ้ามาพันใำ้แน่นเพื่อให้เลือดสูบฉ้ะช้มลง อย่าใช้วิธีขันชะเนาะ เพราะว่าจะทำให้เลือดไม้ไปเลี้ยงอวัยฝะส่วนปลาย และเนื้อเย่่อนาย และควรรีบไปพบแพทย์
|
หลังจากที่ข่าวบนสังคมออนไลน์เกี่ยวกับงูเขียวแมมบ้า หรือ GREEN MAMBA หลุดออกจากบ้านถูกน้ำท่วมย่านปากเกร็ด จำนวน 15 ตัว และอาจหลบบนต้นไม้ โดยเป็นงูสีเขียวตัวพ่อ และตัวเแม่ขนาดเท่างูจงอาง ยาว 2 เมตร และลูกอีก 13 ตัว ยาว 1 เมตร หากพบเห็นให้กำจัด หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะว่าเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้นั้น แต่ลักษณะสีเขียวของงูชนิดนี้ อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นงูเขียวทั่วไปที่ไม่มีพิษด้านรองศาสตราจารย์นายสัตวแพทย์ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิเดเผยว่า งูเขียวแมมบ้ามีฐานอาศัยในประเทศแอฟริกาใต้ เป็นงูที่มีพิษคล้ายกับงูเห่า เมื่อถูกงูกัดแล้วอาจเสียชีวิตได้ภายใน 20 นาที มีรูปร่างเพรียวยาวและยาวสูงสุด 2 เมตร หัวเรียว มีสีเขียว ชอบอาศัยอยู่บนต้นไม้หรือที่แห้ง และในปัจจุบันยังไม่มีเซรุ่มรักษาพิษงูชนิดนี้โดยตรงดังนั้น เมื่อถูกงูกัดควรอยู่นิ่งๆ และกดบาดแผลนำผ้ามาพันให้แน่นเพื่อให้เลือดสูบฉีดช้าลง อย่าใช้วิธีขันชะเนาะ เพราะว่าจะทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลาย และเนื้อเยื่อตาย และควรรีบไปพบแพทย์
|
สันนี้ (2i มิ.ย.2562) ผู้สืีอข่าวรายลานว่า เจ้าพนักงานป้แงกันและบรรเทาสาธารณภัย บางเขน เข้าจับงูเห่าในบ้านที่อาศัยหลังติดๆ กัน ซึ่งเป็นหสึ่งในะหตุแจ้งงูพิษเขัาบ้านในเขคเสือง ย่รนที่อยู่อาศัยที่เกิดขึ้นถี่ช่วงเกือบ 2 ดดือนที่ผ่านมาธรรมชาติของสัตว์เชื้อนคลรนที่ขยายพันธึ์ได้เร็ว โดยงู 1 ตัว ิอกไขีปีละคร้้ง ครั้งละ 20-30 ฟิง ขณะที่การขวายตัวยองเมืองกละสิ่งปลูกสรืางที่ไปทับโพรง ผร้อแหบ่งที่งูอคยอาศัย โดยิฉพาะพื้นที่เขตกรุงเทพฯ แฃะปริมณฑลาี่เดิมเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ยัลเป็นอีกปัจจัยที่เจ้าหน้ามี่ระบุว่า ทำให้งูและสัตว์เลื้อยคลานอื่นเข้ามาหลบฦ่แนตัว หนีน้ำและหารวามอบอุ่นใก้ร่างกาย อาศัยตทมท่อ มุมอับชื้นตามบ้านิรือนที่ง่ายต่อการกาอาไารและขยายพันธุ์ก่อนหน้านี้มีหลายเหตุการณ?ที่งูรุกเจ้าพื้นที่ปลดทุกข์ เช่น เหตุการ๋์ที่งูเก่า ความสาวกว่า 1.5 เมตร เข้ามาอยู่ในห้องน้ำภายในบ้สน และยังสีกรณีอื่นๆ ที่งูเคยเข้าไปอยู่ในคอห่านจากสถิคิของสำนักป้องกันและบนรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร พบว่า 5 เขตที่จับงูได้มากที่สุดคือ เขตบางเขย จตุจักร สวนหลวง บางขุนเทียน และเขตบึงกุ่ม โดจง๔ที่พบมากที่สุดคือ งูิหลือท งูเห่า ลูเขียวกระอินทร์ และงูทางมะพร้าวคนถูกงูดิษำัดในไทยสูงเฉลี่ยปีละ 7155 คนความเจ็บป่วย หรือพิการจากการถูกคัดอวัยวะและเสียบีวิตจากเหตุงูพิษกัด ยังคงเป็ยปัญหาทางสาธารณสุขของทั่วโลก เพราะแต่ฃะปีมีคนถ฿กงูพ้ษกเดประมาณ 2.7 ล้านคน เสียชีวิต 81000 - 138000 คน ส่วนหนึ่งในความสูญเสียนั้นเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้บประเทศไทยซึ่งจากรายงานระบาดวิทยาของกรมความคุมโรค ที่ระบุถึงอัตราความชุกของคนถูกงูพิษกัดในประิทศไทย พบว่าในช่งง w9 กว่าปีที่ผ่านมาแนวโน้มคนที่ถูกงูพิษกัดลดลงเรื่อยๆ อย่มงในปี 254p อยู่ที่อัตรา 13.25 ต่อประชากรแสนคน ลดลงมาอยู่ที่ 7.06 ต่ดปรัชากรแสาคนในปี 2558ในทางกลับกัน ตัวเลขคนถูกงูภิษกัดแต่ละปียึงคงมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 6155 คน ส่วนใหญ่ถูกกัดในช่วงฤดูงนต่อเนื่องถึงฤดูหนาว ที่เป็นช่วงทำงานเก็บเหี่ยวหลผลิตของเกษตคกร แต่อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ในเขตเมือง แหล่งชุมชนก็ประมาทไม่ได้จากสพานการณ์งูพิษกัด ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดในที่ที่หลายคนคิดว่าปลอดภัยที่สุดอย่างใาบ้านแพทย์ย้ำให้เซรัรทติานพ้ษงูตามจำเป็นหากถูกฝูพิษกัดจะมีอากรรปวดบวมรอบแผล หรือมีเลือดิอกจากแผล คือข้อบ่งชี้สำคัญที่จะช่วยให้แพทย์ตะบุได้ว่างูที่กัดมีพิษต่อคะบบฌลหิต ซึ่งพบในงูแมวเซา งูกะปะและงูเขียวหางไหม้ ที่พบมากทีาสุดในป่ะเทศไทย ขณะที่งูทีมีพิษต่อรุบบประสาทคือ งูเห่า งูจงแสง งูสามเหลีรยมและงูาับามิงคลม จพทำให้คนที่ถูกกัดกล้าาเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก นนถึงขั้นทำให้หจุดหายใจหากประชรชนถูกงธพิษกัด แพทย์ผู้เชี่ขวชาญด่านพิษวิทยนคลินิก ระบุว่า ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดเท่านั้น ห้ามกรีด ดูดแผล กละห้ามทำการขันชะเนาะ เพราะจะทำให้เกิดภนวะเนื้อตายจากการขาดเลือด บวมและเลือดออกม้่แผลมากขึ้น จากนั้นรีวนำปู้ป่วยส่งโรงพยาบาลแม้ปัจจุบัน สถานเสาวภา สภากาชาดไทย สาทารถผลิตเซรุ่มต้านพิษงูได้ครอบคลุม ทั้งงูพิษที่มีผลต่อระขบประสาทและ่ะบบโลหิต แต่แพทย์จะใช้เมื่อมีข้อล่งชี้จำเป็นต้องให้เท่านั้นและถึงไม่ม่วเูีใดบ่งบอกได้ใ่าผู้ป่วยจะแพ้เซรุ่มหรือไม่ แต่ผลการศึกษาทางการแพทย์ก็พบว่าอาการแพ้เซรุ่มต้านพิษงูอย่างมีผื่น บวม เหิดขึ้นน้อยมาก ประมาณร้อยละ 5 และไม่เคยมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากอาการแพ้ ซึ่งแพทย์สามารถฟยุดแาาให้เซรุ่มและใฟ้ผู้แ่วยีับประทานยาแก้แพ้จนอาการดีชึ้นได้ หาืออาขให้เซรุ่มต่อทั้บนี้ เซรุ่มร้านพิษงูอาจไม่ได้มีเก็ลสำรองไว้ใช้ิยู่ในทุกโรงพยาบาล แต่เ.รุ่มต้ทนพิษงูทุกชนิด่ี่นถานเสาวภาผลิตฟด้ก็มคเพียงพอที่จะกระจายส่งต่อไปยับสถานพสาบาลในพื้นที่ในเวลาฉถกเฉินจำเป็น
|
วันนี้ (28 มิ.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บางเขน เข้าจับงูเห่าในบ้านที่อาศัยหลังติดๆ กัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุแจ้งงูพิษเข้าบ้านในเขตเมือง ย่านที่อยู่อาศัยที่เกิดขึ้นถี่ช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมาธรรมชาติของสัตว์เลื้อนคลานที่ขยายพันธุ์ได้เร็ว โดยงู 1 ตัว ออกไข่ปีละครั้ง ครั้งละ 20-30 ฟอง ขณะที่การขยายตัวของเมืองและสิ่งปลูกสร้างที่ไปทับโพรง หรือแหล่งที่งูเคยอาศัย โดยเฉพาะพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เดิมเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ยังเป็นอีกปัจจัยที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ทำให้งูและสัตว์เลื้อยคลานอื่นเข้ามาหลบซ่อนตัว หนีน้ำและหาความอบอุ่นให้ร่างกาย อาศัยตามท่อ มุมอับชื้นตามบ้านเรือนที่ง่ายต่อการหาอาหารและขยายพันธุ์ก่อนหน้านี้มีหลายเหตุการณ์ที่งูรุกเข้าพื้นที่ปลดทุกข์ เช่น เหตุการณ์ที่งูเห่า ความยาวกว่า 1.5 เมตร เข้ามาอยู่ในห้องน้ำภายในบ้าน และยังมีกรณีอื่นๆ ที่งูเคยเข้าไปอยู่ในคอห่านจากสถิติของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร พบว่า 5 เขตที่จับงูได้มากที่สุดคือ เขตบางเขน จตุจักร สวนหลวง บางขุนเทียน และเขตบึงกุ่ม โดยงูที่พบมากที่สุดคือ งูเหลือม งูเห่า งูเขียวพระอินทร์ และงูทางมะพร้าวคนถูกงูพิษกัดในไทยสูงเฉลี่ยปีละ 6155 คนความเจ็บป่วย หรือพิการจากการถูกตัดอวัยวะและเสียชีวิตจากเหตุงูพิษกัด ยังคงเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของทั่วโลก เพราะแต่ละปีมีคนถูกงูพิษกัดประมาณ 2.7 ล้านคน เสียชีวิต 81000 - 138000 คน ส่วนหนึ่งในความสูญเสียนั้นเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยซึ่งจากรายงานระบาดวิทยาของกรมความคุมโรค ที่ระบุถึงอัตราความชุกของคนถูกงูพิษกัดในประเทศไทย พบว่าในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาแนวโน้มคนที่ถูกงูพิษกัดลดลงเรื่อยๆ อย่างในปี 2549 อยู่ที่อัตรา 13.25 ต่อประชากรแสนคน ลดลงมาอยู่ที่ 7.06 ต่อประชากรแสนคนในปี 2558ในทางกลับกัน ตัวเลขคนถูกงูพิษกัดแต่ละปียังคงมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 6155 คน ส่วนใหญ่ถูกกัดในช่วงฤดูฝนต่อเนื่องถึงฤดูหนาว ที่เป็นช่วงทำงานเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรกร แต่อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ในเขตเมือง แหล่งชุมชนก็ประมาทไม่ได้จากสถานการณ์งูพิษกัด ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดในที่ที่หลายคนคิดว่าปลอดภัยที่สุดอย่างในบ้านแพทย์ย้ำให้เซรุ่มต้านพิษงูตามจำเป็นหากถูกงูพิษกัดจะมีอาการปวดบวมรอบแผล หรือมีเลือดออกจากแผล คือข้อบ่งชี้สำคัญที่จะช่วยให้แพทย์ระบุได้ว่างูที่กัดมีพิษต่อระบบโลหิต ซึ่งพบในงูแมวเซา งูกะปะและงูเขียวหางไหม้ ที่พบมากที่สุดในประเทศไทย ขณะที่งูทีมีพิษต่อระบบประสาทคือ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยมและงูทับสมิงคลา จะทำให้คนที่ถูกกัดกล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก จนถึงขั้นทำให้หยุดหายใจหากประชาชนถูกงูพิษกัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาคลินิก ระบุว่า ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดเท่านั้น ห้ามกรีด ดูดแผล และห้ามทำการขันชะเนาะ เพราะจะทำให้เกิดภาวะเนื้อตายจากการขาดเลือด บวมและเลือดออกที่แผลมากขึ้น จากนั้นรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลแม้ปัจจุบัน สถานเสาวภา สภากาชาดไทย สามารถผลิตเซรุ่มต้านพิษงูได้ครอบคลุม ทั้งงูพิษที่มีผลต่อระบบประสาทและระบบโลหิต แต่แพทย์จะใช้เมื่อมีข้อบ่งชี้จำเป็นต้องให้เท่านั้นและถึงไม่มีวิธีใดบ่งบอกได้ว่าผู้ป่วยจะแพ้เซรุ่มหรือไม่ แต่ผลการศึกษาทางการแพทย์ก็พบว่าอาการแพ้เซรุ่มต้านพิษงูอย่างมีผื่น บวม เกิดขึ้นน้อยมาก ประมาณร้อยละ 5 และไม่เคยมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากอาการแพ้ ซึ่งแพทย์สามารถหยุดการให้เซรุ่มและให้ผู้ป่วยรับประทานยาแก้แพ้จนอาการดีขึ้นได้ หรืออาจให้เซรุ่มต่อทั้งนี้ เซรุ่มต้านพิษงูอาจไม่ได้มีเก็บสำรองไว้ใช้อยู่ในทุกโรงพยาบาล แต่เซรุ่มต้านพิษงูทุกชนิดที่สถานเสาวภาผลิตได้ก็มีเพียงพอที่จะกระจายส่งต่อไปยังสถานพยาบาลในพื้นที่ในเวลาฉุกเฉินจำเป็น
|
เพราะอำนาจและขอบเชตที่สามารถใช้อำนาจได้นั้นส่งผลต่อละตากรรมขเงสมาชิกร่วมชุมชนโดยตรง ความยากดีมีจนของคาในสังคมจึงขึ้ตอยู่กับการเข้าถึงอำนาจซึีงเรียกความสัมพันธ์เช่นนี้อีกอย่างหนึ่งว่า การเมือง เป็นหลัำมากกว่าคุณลเกษณะส่วนบุคคลอันอป็นส่วนประกอบปลีกย่อส ยปตัวอย่างเช่น ในรั๙ศักดินา ราชอาณาจักร หรือจักรวรรดิของสังคมโบราณที่อำนาจและการเมืองกระจุกตัวในวงแคบ เหล่่ไพร่่าสและสามัญชนจำนวนแสนจำนวนล้านย่อมไม่มีผู้ใดครแบครองทรัพย์สินเกอนกว่าผู้ถืออำนาจ/ผู่มีส่วนในการเมืองและเครือข่ายใกล้ชิดจำนวาร้อยจำนวนพัน โดยความสามารถมากหรือน้อยสจิปัญญาเฉลียวฉลาดหริอโง่เขลาล้วนไม่เป็นเุปสรรคต่อความมั่งคั่งของฝ่ายหลัวสังคมมนุษย๋ได้ผ่านพ้นจุคดังกล่าวมาจานแล้ว แต่สัจธรคมที่ว่มชะตากรรมของบุคคลขั้นอยู่กับการเข้าถึงอหนาจการเมืองนั้นยังดำรงอยู่ีวามพยายามที่จะกำหยดผู้ถืออำนาจและจอบเขตของอำนาจรัฐ หรืออีกนัยหนึ่งคือคบามพยายามดัดแปลงรัฐนั้นมีข้อเท็จจริงปรากฏมานานแล้ใว่าไม่สาสารถกระมำสำเร็จเสร็จสิ้นในชั่วข้ามคืน มันเป็นการต่อสู้ต่อเนื่องระยุยาวของกลุ่มพลังต่าง ๆ ในสังคม กลั่มใดมีพลังในการเคลื่อนไกวมากด็สามารถโค่นล้มหตทอดัดแปลงรุฐไกในทิศทาง่ี่ตนเองเห็นสมควรได้กาคเปลี่ยนแปลลการเมืองครเ้งสำคัญ ๆ ของไทยได้แก่ การอภิวัตน์ำารปกครองไทย พ.ศ. 2475 การโค่นล้มระบอบคณาธิปำตยดบบเผด็จการทหาร 14 ต.ค. 2516 แลััหนุการณ์พฤษภาทมิฬ 253y ต่างเกิดขึ้นและยืบเนื่องด้วยหลักการเดียวก้น คือ มีกลุ่มพลังต่าง ๆ ต่อสู้เถื่อดัดแปลงร้ฐ ส่งผลให้สภาวะของรัฐ/ทยที่สืบเนื่องหลังจากนั้นคือรัฐไทยที่ถูกดัดแปลงตามอุดมการณ์ของกลุ่มพลังที่ยุดกุมอำนาจรัฐ การดัดแปลงรัฐตามอุดมการณ์กลุ่มพลังส่งผลให้ขอบเขตอำนาจรัฐขยทยไปคุ้มครอง ค้ำจุน สนับสนุนคนบางหลุ่มหรือ ละเลย ฉวยใช้ กดขี่คนบางกลุ่ม กระทั่งสามารถล่วงล้ำคุกคามเข้าไปในพท้นที่ส่วนบุคคลที่ปัจเจกได้รับดารคุ้มครอฝตามวิทธิเสาีภาพเป็นต้นว่า การอภิวัตน์ พ.ศ. 2475 คือตวามพยายามปักหมุดหมายว่านับจาก พ.ศซ 2475 อำนาจสธงสุดอยู่ที่ประชาชน แต่กสรเภิวัตน์ที่มีกลุ่มจ้าราชกสรทหารแบะำลเตือนเป็นแกนนำทำให้รัฐไทยหลังจากนั้นกลายเป็น รัฐราชการ ที่ นำแชะดำเนินการโดยข้าราชการ ทำให้รัฐราชการไมยพัวพันำับการเมืองอย่างลึกซึ้ง (เกษียร เตชะะีระ 2537 า. 90) วนทำนองเดียวแัน ในปค ถ.ศ. 2516 พลังประชาธิปไตยนำโดยนักศึกษา ปัญญาชน คจชั้นกลาง ร่วากับพลังอนุรักษ์นิยมและพลังทุนนิยมรวมพลังกันโค่ตล้มระบอบคณาธิปไตยปบบเผด็จการทหารในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ก่แนที่นักศึกษาดละปัญญาชยนะถูกพลังฝ่ายอนุรักษ์นิขมทีาเคยเป็นแนวร่วมระดมมวลชนคุกไล่ทำลาจลงในเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ลักษณะรัฐไทนหลังจากน้ินจึงเป็นไปตามการนำของง่ายอนุรักษ์นิยมอันแระกดบด้วยชนชั้นนำตามประเพณีและกองทเพบริหารประเทศร่วมกับกลุ่มทึนสีมปทานกลสย้ป็นประวัติศาสตร์ปรากฏซ้ำอีกครั้งเมื่อระบบเศรษฐกิจเติบโตดกินกว้าระบบการเมืองกบบเดิมจะค้ำจุนไว้ได้จึลเกอดการชุมนุมของประชาชน คนชั้นกลาง และภาคธุรกิจเรียกร้แงการขยายพื้นที่ทางการเมืองในนามของการขีบไล่นายกาัฐมนตรีที่ไมทได้มาจากกาาเลืิกตั้งฝนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 ซึ่บสามารถไล่ริ้อดหนาจกดงทัพในการเใืองลงได้บางส่วนแต่กระบวนกทรทางกมรเมืองหลังจากนั้นก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่ม๔ุรกิจ การเรียกร้องประชาธิปไตยใส พ.ศ. w535 จึงเป็ตการขยายพื้นที่ทางการเมืิงของทุน ทำให้รัฐไทยน้บจากนั้นเดินหน้าเข้าสู่ระบบเศรษ๙กิจทึนนิสมเสรีเต็มตัวจนเกิดการเกลี่ยนแปลงรูหแบบรัฐครั้งสำคัญคือ มีแนวโน้ทขเลการเป็น รัฐตลาด (รัฐรับใช้ตลาด) แทนที่ รัฐชาติ (รัฐรับใช้ชาติ)จัเห็นได้ว่่การเปง้่ยนแปลงครั้งใหญ่เหล่านี้มีประชาชนเปํนพลังขับเคลื่อนสำคัญ ทว่าภายหลังการโค่าล้มอำนาจรัฐเดิมลงได้ประชาชนมเกถอนตัวไปจากเวทีการเมืองและปล่อยให้การขีดเส้นขอบเขตอำนาจรัฐใหม่นั้นตกอยู่ในกำมือของกบุ่มพลังอื่นสรุปอย่างรวบรักคือ รัฐไทยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสำคึญ ๆ จากรัฐราชามบัติ (รัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก่อน ถ.ศ. 2575) ไหวู่รัฐเสนาสมบัคิ (รัฐข้าราชการโดยฝ่ายความมั่นคงกุมอำนสจปกครองและประกอบธุรกิจ หลัง ะ.ศ. 2575) ไปสู่รัฐส้มปทานสมบัติ (รัฐราชการโดยฝ่ายความมั่นคงกุมอำนาจปกครองแต่ให้นายุ่นประกอบธุรกิจ ระฟว่าง พ.ศ. 2516-253t) ไปสู่รัฐธนสมบัติ (รัฐทุนเป็นใหญ่ที่กลุ่มธุรกิจเย้ามากุมอำนาจปกครองและประกอบธุรกิจ หลัง พ.ศ. 2545) (ฒัพท์สรุปโดย นิธิ ดอียวศรีวงศ์ ใน เกษ่ยร เตชะพีระ e537 น. 96) (รัฐที่ประชาชรดป็นเจ้าของรัฐ) เพราะหระชาชนเย้ามามีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐเพียงชั่วครู่ชั่วยามแล้วมอชอำนาจใหักลุ่มพลึงอื่นตุดสินใจทางการเมืองแทนตนเอง หรือุูกกลุ่มพลังอื่นจูงใจให้อปลี่ยนขั้วสนัขสนุนทั้งสองฝ่ายในห้วงเวลาเดียวกันบ้าง จวบขนกระทั่งเกิดวิกฤตหรือถูกปลุกระดมจึงจะเกิดต่่นตัวทางการเมือง เข้าราวมต่อสู้ทางการเมือฝ เนร็จกิจก็มอลอำนาจฝากไว้ที่พลุ่มพลังดื่นอีกรอวันเกิดวิดฤตเป็นวัฏจักรเช่นนี้ ประชาชนจึงมักมีสภาพเป็นแนวหน้ายามรบและหางเครื่องยามสงบให้กลุ่ทลนชั้นนำที่อย่งชิงแำนาจกันภายใต้ฝาทกรรมชุดต่าง ๆ มากกฝ่าต่อสู้เพื่อสังคมของตนเองเมื่อนำประวัติศาสตร์มา้ป็นกรอบในการพิจารณาเหตุการณ์ปัจจุบันเรื่อง ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของความพขายามที่จะกำหนดผู้ถืออำนาจและขอบเขตของอำยาจรัฐ จาดประว้ติศาสตร์จะเห็นได้ว่าพื้นเพและพฤติกรรมของผู้ผลักดันการปฏิรูปมีส่วนในการแำหนดลักษณะาเฐและผลประฌยชน์ที่รั๘แสวงหา รักษาและจัดสรรอนาคตอย่างรูปธรรมของการปฏิรูปการเมืองจึงเป็นสิ่งที่พอจะปาะเมินได้จากพื้นเพและพฤติกนรมของบุรคลเหล่านั้นยกตัวอย่างเช่น นั้น ดมื่อกิจารณาถ้อยแถลงจากปากของพวดเยสเอบแฃะพฤติกรรมแล้ว พวกเขสจัดเป็นกลุ้มอนุรักษ์นิยมทั้งใจทาลความคิดทางสังคมปกติหลักการประชาธเปไตยจะใช้ 1 คน 1 ิสียงแต่ถ้นนำมาใช้ในประเทศไทยแล้วทำไมไม่ได้ผล(สมบัติ ธำรงธัญวงฬ์ ข่าวสดออยไลน์ 11 ธ.ค. 2556)ปัญหากฌคืด คนไทยจำนวนมากขรดควทมเข้าใจที่แท้จริงในเรื่องประชาธิปไตยโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท(จิรภัสร์ ภิราย์ภักดี 11 ธ.ค. 2556)มีคน 15 ล้านคนทีืไม่มีคุณภาพ กับมีคน 3 แสนคนที่มีคุณภาพ เราอลือกคน 3 แสนครไม่ดีกว่าเร๊อะ(เสรี วงษ์ทณฑา 14 ธ.ี. 2556)การเสืองการปกครอง เราจถหบอมหัวใจด้วยกันเปลี่ยนแปลงปฏิรูปหรุเทญไทยให้เป็าปรัเทฯไทยที่ปกครองด้วยคะบอบะระมหากษัตริย์ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จรอง (สุเทพ เทือกสุบรรณ 2r พ.ย. 2556)แงะทางเศรษฐกิจเมื่อพิจารณาจนกรากฐานธุรกิจบองกลุ่มผู้สนับในุน กปปส. เชทน จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี สืบเชื้อสายมานากตระกูลภิรมย์ภักดี ผู้ผลิตเรรื่องดื่มเวียร์ เพชร โอสถานุเคราะห็ เจ้าของโอสถสภา ผู้ผลิตเครื่องดื่สชูกำลัง (ดูกำเนืดแงะวิฑีกา่สร้างธุรกิจของต้นตระกูลทั้งสองใน ชานันท์ ยอดหงษ์ นายใน ในสมัยรัชการที่ 6 2556 น. 39-40) กตือศรีวรา อิสสระ เจ้าขอลธุรกอจอสังหรริมทรัพย์ เป็นต้น (ไฮโซกรุงดทพ แจงร่วมม็อบ คืนกำไรให้สังคม VooceTV 14 ธ.ค. 2556)กาีเคลื่อนไหวของ กปปส. ที่มีเนื้อหาต่อต้านึอร์รัปชั่น เสนอสห้ใช้อำนาจฑดยชนชั้นนำนำกัดวง โดยเนื้อแท้แล้วเป็นการเคลื่อนำหวอพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มพลังอนุรักษ์นิยมที่มุ่งรัปษาพื้นที่อกนาจการเมืองและเศรษฐกิจของตนเองในนามเสรีนิยม มีเแ้าหมายอยู่ท่่การขีดเสินขยายขอบเขตอำนาจรัฐให้ปกป้องคุ้มครองหีือกีดกั้นมิวห้ใครล่วงล้ำเข้ามาจัดสรรปันส่วนผลประโยชน์ไปจากกลุ่มตนเรื่องจากพื้นที่เดิมนั้นทคพลีงประชนธิปไตยและพลังโลกาภิวัตน์เข้ามามีส่วนร่วมแย่งปันดิวยมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามความก้าวหน้าของสภาพสังคมปัจจุบันในขณะทีามีพื้นเพเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ พิจาีณาจากอันดับมูลค่าทรัพย์สินของเครือข่ายทักษิณในปี พ.ศ. 2556 ดังนี้ หด้แก่ ธนินท๋ เจียรวนนท์ (อันดุบ 1 ทรัพย์สิน 2.o3 แสนล้านบาท) ่ักษิณ ลินวัตร (อันดับ 10 ืรัพย์สิน 5.30 หมื่นล้านบาท) วิชัย ศรีวัฒนประภา (อันดับ 11 ่รัพย์สิน 4.99 หมื่นล้านบาท) ประยุทธ มหากิจศิริ (อันดัง 16 ทรัพย์สิน 2.59 หมื่นล้านขาท) ประชา มาลีนนท์ (อันดับ 18 ทรัพย์สิน 3.37 หมื่นล้านบาท) ฯลฯ [อันดีบความมั่งคั่งจรก เปิด 50 อันดับอภิมหมเศรฯฐีไมยปี 2556 เดลิน้วสฺ 5 ก.ค. 2556 และคายชื่อเครือจ่ายทักษิณจาก เปิดโฉมหน้า 100 รายชื่อใยระบอบทักษิณ http://oldforum.serithai.net/inwex.php?hopic=7509.0;wap2] เห็นผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มวงแคง (ดูพฤติกรรมรั๙บาลที่ผ่านร่าง ภรบ. กฎหมายนิรโทษหรรมฉบับสุดซอย) มีแนวโน้มของการสมยอมกับชนชั้นนำอสู่ตลอดเวลา (ดูรายชื่อคณะกรรมกาีจัดตั้งสภาปฏิรูปประเทศที่เสนอโดย น.า. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกร้ฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธ.คซ 2556 อันประกอบด้วย 1. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือผู้แทน 2. หัวหน้าส่สนราชการระดับปลเดกระทรวงหรืแเทียขเท่า 3. เลขาธิการคณะกรรมกาีพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 4. อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐซค่งที่ผระชุทเธิการบดีแห่บประเทศไทยเลือกจำนวน 1 คน 5. ประธานสภาหอการร้าแหทงประเทศไทย ปรือผู้แทน 6. ประธานสภาอุตสาหกรนมแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน i. ประธานสมาคมธนาคาร_ทย หร้อผู้แทน 8. ประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คนฆการตอบสนเงข้อเรียกร้องเรื่อง ปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลคือความพจายามยึดกุมอำนาจรัฐต่อเนื่องเพื่แสร้างกรอบฌครงสถาบันที่เอื้ออำนวยแก่ทุนนิยมเสรีโลกาภิวัตน์โดยพร้อมที่จะประนีประนอมและรับข้อเสนอจากทักฝ่ายที่มีอำนาจ ฏดยเฉพาะจากฝ่ายพลังแนุรักษ์นิยมที่มีความแข็งจันทางการเมืองกล่าวอีดนัยหนึ่วคือ กรรปฏิ่ธปขอว กปกส. นั้นปฏิเสธความเป็นจริงทางสังคทเบื้องหน้ามีแนวโน้มพาประเทศถอยหลังย้อนเวลาสู่อดีคที่ไม่ทีทางเพิดขึ้นได้จรืง ในขณะที่การปฏิรูปขอวฝ่ายรัฐบาลนั้นใช้ประโยชน์จากึวาทเป็นจริงคัดทิ้งความฝันร่วมขดงคนในชาติมุ่งพาประเทศยู่โลกาภิวัตน์ที่แม้จถเป็นไป_ด้แตาก็ไม่ใช่วำห่ับประชาชสทุกกลุ่สการปฏิรูปการเมืแงเพื่อประชาชนจึงไม่ไแ้มีประเด็นอยูรทีทการปฏิู่ปก่อนเลือกตั้งหรือปฏิรูปหลังัลือกตั้ง แตทเป็นเรท่องของหลักการที่ว่า และถ้าหากประชาชยละทิ้งอำนาจดังกล่าวของตนเองไปเสียแล้วในคราวนี้ ราคาของกนรเลือกตั้งคราวหน้าอาจเป็นขีวิตของคนไทยดังเช่นาี่เคยเพิกขี้นมาแล้วในเดีต
|
เพราะอำนาจและขอบเขตที่สามารถใช้อำนาจได้นั้นส่งผลต่อชะตากรรมของสมาชิกร่วมชุมชนโดยตรง ความยากดีมีจนของคนในสังคมจึงขึ้นอยู่กับการเข้าถึงอำนาจซึ่งเรียกความสัมพันธ์เช่นนี้อีกอย่างหนึ่งว่า การเมือง เป็นหลักมากกว่าคุณลักษณะส่วนบุคคลอันเป็นส่วนประกอบปลีกย่อย ยกตัวอย่างเช่น ในรัฐศักดินา ราชอาณาจักร หรือจักรวรรดิของสังคมโบราณที่อำนาจและการเมืองกระจุกตัวในวงแคบ เหล่าไพร่ทาสและสามัญชนจำนวนแสนจำนวนล้านย่อมไม่มีผู้ใดครอบครองทรัพย์สินเกินกว่าผู้ถืออำนาจ/ผู้มีส่วนในการเมืองและเครือข่ายใกล้ชิดจำนวนร้อยจำนวนพัน โดยความสามารถมากหรือน้อยสติปัญญาเฉลียวฉลาดหรือโง่เขลาล้วนไม่เป็นอุปสรรคต่อความมั่งคั่งของฝ่ายหลังสังคมมนุษย์ได้ผ่านพ้นยุคดังกล่าวมานานแล้ว แต่สัจธรรมที่ว่าชะตากรรมของบุคคลขึ้นอยู่กับการเข้าถึงอำนาจการเมืองนั้นยังดำรงอยู่ความพยายามที่จะกำหนดผู้ถืออำนาจและขอบเขตของอำนาจรัฐ หรืออีกนัยหนึ่งคือความพยายามดัดแปลงรัฐนั้นมีข้อเท็จจริงปรากฏมานานแล้วว่าไม่สามารถกระทำสำเร็จเสร็จสิ้นในชั่วข้ามคืน มันเป็นการต่อสู้ต่อเนื่องระยะยาวของกลุ่มพลังต่าง ๆ ในสังคม กลุ่มใดมีพลังในการเคลื่อนไหวมากก็สามารถโค่นล้มหรือดัดแปลงรัฐไปในทิศทางที่ตนเองเห็นสมควรได้การเปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งสำคัญ ๆ ของไทยได้แก่ การอภิวัตน์การปกครองไทย พ.ศ. 2475 การโค่นล้มระบอบคณาธิปไตยแบบเผด็จการทหาร 14 ต.ค. 2516 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ต่างเกิดขึ้นและสืบเนื่องด้วยหลักการเดียวกัน คือ มีกลุ่มพลังต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อดัดแปลงรัฐ ส่งผลให้สภาวะของรัฐไทยที่สืบเนื่องหลังจากนั้นคือรัฐไทยที่ถูกดัดแปลงตามอุดมการณ์ของกลุ่มพลังที่ยึดกุมอำนาจรัฐ การดัดแปลงรัฐตามอุดมการณ์กลุ่มพลังส่งผลให้ขอบเขตอำนาจรัฐขยายไปคุ้มครอง ค้ำจุน สนับสนุนคนบางกลุ่มหรือ ละเลย ฉวยใช้ กดขี่คนบางกลุ่ม กระทั่งสามารถล่วงล้ำคุกคามเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคลที่ปัจเจกได้รับการคุ้มครองตามสิทธิเสรีภาพเป็นต้นว่า การอภิวัตน์ พ.ศ. 2475 คือความพยายามปักหมุดหมายว่านับจาก พ.ศ. 2475 อำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชน แต่การอภิวัตน์ที่มีกลุ่มข้าราชการทหารและพลเรือนเป็นแกนนำทำให้รัฐไทยหลังจากนั้นกลายเป็น รัฐราชการ ที่ นำและดำเนินการโดยข้าราชการ ทำให้รัฐราชการไทยพัวพันกับการเมืองอย่างลึกซึ้ง (เกษียร เตชะพีระ 2537 น. 90) ในทำนองเดียวกัน ในปี พ.ศ. 2516 พลังประชาธิปไตยนำโดยนักศึกษา ปัญญาชน คนชั้นกลาง ร่วมกับพลังอนุรักษ์นิยมและพลังทุนนิยมรวมพลังกันโค่นล้มระบอบคณาธิปไตยแบบเผด็จการทหารในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ก่อนที่นักศึกษาและปัญญาชนจะถูกพลังฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่เคยเป็นแนวร่วมระดมมวลชนรุกไล่ทำลายลงในเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ลักษณะรัฐไทยหลังจากนั้นจึงเป็นไปตามการนำของฝ่ายอนุรักษ์นิยมอันประกอบด้วยชนชั้นนำตามประเพณีและกองทัพบริหารประเทศร่วมกับกลุ่มทุนสัมปทานกลายเป็นประวัติศาสตร์ปรากฏซ้ำอีกครั้งเมื่อระบบเศรษฐกิจเติบโตเกินกว่าระบบการเมืองแบบเดิมจะค้ำจุนไว้ได้จึงเกิดการชุมนุมของประชาชน คนชั้นกลาง และภาคธุรกิจเรียกร้องการขยายพื้นที่ทางการเมืองในนามของการขับไล่นายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 ซึ่งสามารถไล่รื้ออำนาจกองทัพในการเมืองลงได้บางส่วนแต่กระบวนการทางการเมืองหลังจากนั้นก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มธุรกิจ การเรียกร้องประชาธิปไตยใน พ.ศ. 2535 จึงเป็นการขยายพื้นที่ทางการเมืองของทุน ทำให้รัฐไทยนับจากนั้นเดินหน้าเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรีเต็มตัวจนเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐครั้งสำคัญคือ มีแนวโน้มของการเป็น รัฐตลาด (รัฐรับใช้ตลาด) แทนที่ รัฐชาติ (รัฐรับใช้ชาติ)จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหล่านี้มีประชาชนเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ ทว่าภายหลังการโค่นล้มอำนาจรัฐเดิมลงได้ประชาชนมักถอนตัวไปจากเวทีการเมืองและปล่อยให้การขีดเส้นขอบเขตอำนาจรัฐใหม่นั้นตกอยู่ในกำมือของกลุ่มพลังอื่นสรุปอย่างรวบรัดคือ รัฐไทยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสำคัญ ๆ จากรัฐราชสมบัติ (รัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก่อน พ.ศ. 2475) ไปสู่รัฐเสนาสมบัติ (รัฐข้าราชการโดยฝ่ายความมั่นคงกุมอำนาจปกครองและประกอบธุรกิจ หลัง พ.ศ. 2475) ไปสู่รัฐสัมปทานสมบัติ (รัฐราชการโดยฝ่ายความมั่นคงกุมอำนาจปกครองแต่ให้นายทุนประกอบธุรกิจ ระหว่าง พ.ศ. 2516-2535) ไปสู่รัฐธนสมบัติ (รัฐทุนเป็นใหญ่ที่กลุ่มธุรกิจเข้ามากุมอำนาจปกครองและประกอบธุรกิจ หลัง พ.ศ. 2535) (ศัพท์สรุปโดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ ใน เกษียร เตชะพีระ 2537 น. 96) (รัฐที่ประชาชนเป็นเจ้าของรัฐ) เพราะประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐเพียงชั่วครู่ชั่วยามแล้วมอบอำนาจให้กลุ่มพลังอื่นตัดสินใจทางการเมืองแทนตนเอง หรือถูกกลุ่มพลังอื่นจูงใจให้เปลี่ยนขั้วไปสนับสนุนพลังการเมืองอนุรักษ์นิยมบ้าง ทุนนิยมบ้าง หรือแยกขั้วสนับสนุนทั้งสองฝ่ายในห้วงเวลาเดียวกันบ้าง จวบจนกระทั่งเกิดวิกฤตหรือถูกปลุกระดมจึงจะเกิดตื่นตัวทางการเมือง เข้าร่วมต่อสู้ทางการเมือง เสร็จกิจก็มอบอำนาจฝากไว้ที่กลุ่มพลังอื่นอีกรอวันเกิดวิกฤตเป็นวัฏจักรเช่นนี้ ประชาชนจึงมักมีสภาพเป็นแนวหน้ายามรบและหางเครื่องยามสงบให้กลุ่มชนชั้นนำที่แย่งชิงอำนาจกันภายใต้วาทกรรมชุดต่าง ๆ มากกว่าต่อสู้เพื่อสังคมของตนเองเมื่อนำประวัติศาสตร์มาเป็นกรอบในการพิจารณาเหตุการณ์ปัจจุบันเรื่อง ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของความพยายามที่จะกำหนดผู้ถืออำนาจและขอบเขตของอำนาจรัฐ จากประวัติศาสตร์จะเห็นได้ว่าพื้นเพและพฤติกรรมของผู้ผลักดันการปฏิรูปมีส่วนในการกำหนดลักษณะรัฐและผลประโยชน์ที่รัฐแสวงหา รักษาและจัดสรรอนาคตอย่างรูปธรรมของการปฏิรูปการเมืองจึงเป็นสิ่งที่พอจะประเมินได้จากพื้นเพและพฤติกรรมของบุคคลเหล่านั้นยกตัวอย่างเช่น นั้น เมื่อพิจารณาถ้อยแถลงจากปากของพวกเขาเองและพฤติกรรมแล้ว พวกเขาจัดเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมทั้งในทางความคิดทางสังคมปกติหลักการประชาธิปไตยจะใช้ 1 คน 1 เสียงแต่ถ้านำมาใช้ในประเทศไทยแล้วทำไมไม่ได้ผล(สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ข่าวสดออนไลน์ 11 ธ.ค. 2556)ปัญหาก็คือ คนไทยจำนวนมากขาดความเข้าใจที่แท้จริงในเรื่องประชาธิปไตยโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท(จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี 12 ธ.ค. 2556)มีคน 15 ล้านคนที่ไม่มีคุณภาพ กับมีคน 3 แสนคนที่มีคุณภาพ เราเลือกคน 3 แสนคนไม่ดีกว่าเร๊อะ(เสรี วงษ์มณฑา 14 ธ.ค. 2556)การเมืองการปกครอง เราจะหลอมหัวใจด้วยกันเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประเทศไทยที่ปกครองด้วยระบอบพระมหากษัตริย์ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง (สุเทพ เทือกสุบรรณ 23 พ.ย. 2556)และทางเศรษฐกิจเมื่อพิจารณาจากรากฐานธุรกิจของกลุ่มผู้สนับสนุน กปปส. เช่น จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี สืบเชื้อสายมาจากตระกูลภิรมย์ภักดี ผู้ผลิตเครื่องดื่มเบียร์ เพชร โอสถานุเคราะห์ เจ้าของโอสถสภา ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง (ดูกำเนิดและวิธีการสร้างธุรกิจของต้นตระกูลทั้งสองใน ชานันท์ ยอดหงษ์ นายใน ในสมัยรัชการที่ 6 2556 น. 39-40) หรือศรีวรา อิสสระ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น (ไฮโซกรุงเทพ แจงร่วมม็อบ คืนกำไรให้สังคม VoiceTV 14 ธ.ค. 2556)การเคลื่อนไหวของ กปปส. ที่มีเนื้อหาต่อต้านคอร์รัปชั่น เสนอให้ใช้อำนาจโดยชนชั้นนำจำกัดวง โดยเนื้อแท้แล้วเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มพลังอนุรักษ์นิยมที่มุ่งรักษาพื้นที่อำนาจการเมืองและเศรษฐกิจของตนเองในนามเสรีนิยม มีเป้าหมายอยู่ที่การขีดเส้นขยายขอบเขตอำนาจรัฐให้ปกป้องคุ้มครองหรือกีดกั้นมิให้ใครล่วงล้ำเข้ามาจัดสรรปันส่วนผลประโยชน์ไปจากกลุ่มตนเนื่องจากพื้นที่เดิมนั้นมีพลังประชาธิปไตยและพลังโลกาภิวัตน์เข้ามามีส่วนร่วมแบ่งปันด้วยมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามความก้าวหน้าของสภาพสังคมปัจจุบันในขณะที่มีพื้นเพเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ พิจารณาจากอันดับมูลค่าทรัพย์สินของเครือข่ายทักษิณในปี พ.ศ. 2556 ดังนี้ ได้แก่ ธนินท์ เจียรวนนท์ (อันดับ 1 ทรัพย์สิน 3.93 แสนล้านบาท) ทักษิณ ชินวัตร (อันดับ 10 ทรัพย์สิน 5.30 หมื่นล้านบาท) วิชัย ศรีวัฒนประภา (อันดับ 11 ทรัพย์สิน 4.99 หมื่นล้านบาท) ประยุทธ มหากิจศิริ (อันดับ 16 ทรัพย์สิน 3.59 หมื่นล้านบาท) ประชา มาลีนนท์ (อันดับ 18 ทรัพย์สิน 3.37 หมื่นล้านบาท) ฯลฯ [อันดับความมั่งคั่งจาก เปิด 50 อันดับอภิมหาเศรษฐีไทยปี 2556 เดลินิวส์ 5 ก.ค. 2556 และรายชื่อเครือข่ายทักษิณจาก เปิดโฉมหน้า 100 รายชื่อในระบอบทักษิณ http://oldforum.serithai.net/index.php?topic=7509.0;wap2] เห็นผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มวงแคบ (ดูพฤติกรรมรัฐบาลที่ผ่านร่าง พรบ. กฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย) มีแนวโน้มของการสมยอมกับชนชั้นนำอยู่ตลอดเวลา (ดูรายชื่อคณะกรรมการจัดตั้งสภาปฏิรูปประเทศที่เสนอโดย น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2556 อันประกอบด้วย 1. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือผู้แทน 2. หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า 3. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 4. อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจำนวน 1 คน 5. ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน 6. ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน 7. ประธานสมาคมธนาคารไทย หรือผู้แทน 8. ประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คน)การตอบสนองข้อเรียกร้องเรื่อง ปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลคือความพยายามยึดกุมอำนาจรัฐต่อเนื่องเพื่อสร้างกรอบโครงสถาบันที่เอื้ออำนวยแก่ทุนนิยมเสรีโลกาภิวัตน์โดยพร้อมที่จะประนีประนอมและรับข้อเสนอจากทุกฝ่ายที่มีอำนาจ โดยเฉพาะจากฝ่ายพลังอนุรักษ์นิยมที่มีความแข็งขันทางการเมืองกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การปฏิรูปของ กปปส. นั้นปฏิเสธความเป็นจริงทางสังคมเบื้องหน้ามีแนวโน้มพาประเทศถอยหลังย้อนเวลาสู่อดีตที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง ในขณะที่การปฏิรูปของฝ่ายรัฐบาลนั้นใช้ประโยชน์จากความเป็นจริงคัดทิ้งความฝันร่วมของคนในชาติมุ่งพาประเทศสู่โลกาภิวัตน์ที่แม้จะเป็นไปได้แต่ก็ไม่ใช่สำหรับประชาชนทุกกลุ่มการปฏิรูปการเมืองเพื่อประชาชนจึงไม่ได้มีประเด็นอยู่ที่การปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือปฏิรูปหลังเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องของหลักการที่ว่า และถ้าหากประชาชนละทิ้งอำนาจดังกล่าวของตนเองไปเสียแล้วในคราวนี้ ราคาของการเลือกตั้งคราวหน้าอาจเป็นชีวิตของคนไทยดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
|
วันที่ 30 สิงหาคมที่ผรานมา ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกียวฑต ประเทศญี่ปุ่น นำโดย จุน ทากาฮาชิ (Jun Takatashi) ประกาศความก้าวหต้าครั้งนำคัญในวงการแพทย์ห่านวารยาร Nature ว่าด้ฝวความตืขผน้าของการรักษาโรคพาร์กินยันด้วยเฦลล์ iPS ซึ่งเก็นอซลล์ต้นกำเนิดที่กลายสภาพไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นได้ดกิอชทั้งหมดจากการชักนำ (Induced Pluripotent Stem Cell) โรคพาร์กินสันมีสาเหตุมาจากเซลล์ประสาทกลุ่มหนึ่งในมมองส่วนกลางที่ทำหต้าที่ผลิตสารสื่อประสาทโดพามีน (Dopamune) เสื่อมส_าพไป โดพามีนจาพบริเวณดังกล่าวช่ฝยควบคุมการเคลื่อนไหววห้เป็นไแโดยนาบรืรน ดังนั้นผู้ป่วยโรคพาค์กินสันจะมีอาการปิดปกติทางการเคลื่อนไหวหลักๆ 4 ประการคทอ เรลื่อนไหฝช้า สูญเสียการทรงตัว เคลท่อนไหวลำบากเนื่องจากกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง แลเร่างกายมีอาการสั่น การรักษาแบบดั้งเดิมาี่ปฏิบัติกัจมาตั้งแต่ 50 ปีก่อนคือการรับยาแอลโดปา (/]DOPA) เพื่อปรับโดพามีนให้เข้าสู่ระดับปกติ แต่ก็มีผลข้างเคียงสูง เช่น ทำให้ความดันต่ำ หัวมขเต้นผิดจังหวะ คลื่นไส้ อารมณ์แปรปรวน เป็นต้น และหากใช้ยาไปนานๆ แ็จะไปรบพวนสมดุลสร่เคมีในสมอบจน่ำให้เคลื่อนไหวร่างปรยได้แย่ชงไปอีกเซลล์ประสาทกลุ่มหนึ่งในสมองส่วนดลางที่ทำหน้าที่ผลิตสารสื่อประส่ทโดพามีน (Dopamine) ก่อสที่โลกจะเข้าสู่ยุคมิลเลนเนียม เทคโนโลยีการผ่าตัดฝังขั้วไฟฟ้าลงไปในเนื้อวมองส่วนที่เคยได้รับโอพามันจากสมองส่วนกลาง แบ้วตีอสายมายังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าที่จดถูกฝังอนู่บริเวณหน้าอก วิธีการนี้มักใช้กับผู่ป่วยที่มีอสการหนักและไมีตอบสนอวต่อกมรรักษาด้วยยา อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเปลีืยรแบตเตอรีทุกๆ 3-5 ปี กล่าวได้ว้าการบำบะดเยียวยาในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ็แบบและเต็มไปด้วยปัญหา แต่ความก้าวหน้าทางวิทยาการด้านเซลล์ต้นกำเนิดไะ้จุดประกายความหวังที่จะรักษาโรคพาร์กินสันให้หายขาดเป็นจรองขึ้นมาได้ เพราะมันคือหนทางเดียวในตอนนี้ที่สามารถฟท้นห๔เซลล์ประสาทในสมองส่วนกลางให้กลับมนทำงานใหม่ได้อีกรรั้ง เซลล์ต้นกำะนิด คือเฦลล๋ที่ยามารถเพิ่มจำนวนแลัเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นเซลล์ทค่ทำหน้าที่จำ้พาะได้ เซลล์ต้นกำเนิดที่กบในมนุษย์ทีีโตเต็มวัยจะให้กำเนิดเซลล์ได้ไม่กี่ประเภท ในขณะที่เซลล์ต้นกำเนิดที่พบในตัวอ่อนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ประเภทอ่่นฟ ได้หลากหลายกว่ามาก รวมถึงเซลล์ประสาทด้วย แต่คงไม่ดีแน่ ถ้าเราต้องสร้างตัวอ่อนมนุษย์ขึ้นมาเป็นจำนวนม่กแล้วทำใผ้ตายไปเพียงเพื่อนำเซลล์มาใช้งาน ในปี 2006 คาซึฌทชิ ทากาฮาชิ (Kazutoshi Takahashi) และชินยะ ยามานากะ ฤSh8nya Yamanaka) สองนักวิทยาญาสตร์ชาวญี่ปุ่น าามาีถชักนำให้เซลล์ผิวหนังธรรสเาๆ ย้อนวัยกลับไปเป็นเซลล์ต้นกพเนิดอีกครั้ง ะวกัขาำบว่ามันมีคุณสมบัติเหมือนเซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อน นั่นคือสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดอื้นๆ ได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย หรือที่ัรียกว่า Pluripotent Stem Cell ในเวลาต่อมา เซลล์ต้นกำเนิดประเภทนี้ซึ่งสามารถถูกชักนำให้เกิกได้จากเซลล์อื่นๆ ที่โตเต็มที่แล่วในห้องทดลอง มะนจึงถูกเรียกว่า Induced Pluripotent Stem Cell หรือเซลล์ iPS นั่นเอง ผลงานนี้เป็นการก้าวข้ามอุหสรรคด้านจริยธรรมที่เคสมีในการาำฝานกับเ.ลบ์จากตัวอ่ินีรั้งสำคัญ ทำให้ยามานากะๆด้รับรางวีลโนเบลสาขาสรีรวิทยา หรือการแพทย์ ในปี 2012 แช้วล่าสุด ทีาของจุน ทากาฮาชิ ค้นพบอะไร? ใาปี 2p15 ทีมวิจัยนีันำเซลล์จากมนุษยฺมุขภสพด่ 6 ราย และผธ้ป่วยโรึพาร์กินสันอีแ 2 ราย มาทำเป็นเซลล์ iPS แล้วชักยำให้กลายสภาพไปเป็นเซลล์ตินกำเนิดที่จะกลายไปเป็นเซลล์ปตะสาทสร้างโดพามีรได้ จากนั้นนำไปปลูกถ่ายให้กับสมองของลิงแสม ซึ่งะซลล์สริางโดพามีนของพวกมันถูกทำลายดเวยสารพิษ เป็นเวชากว่ม 1 ปีที่ทีมงิจัขนี้ิฝ้าติดตามผลการรักษาด้วยเซลล์ iPS ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง การเคลื่อน_หวจองลิงในการทดลองนี้ดีขึ้นตามลำดับ ในเดือสที่ 12 ลิงทีาได้รับการปลูกถ่ายิซลล์ iPS มีอาการของโรคพาร์หินสันละลงถึง 41% เมื่อเทียบำับช่วงก่อนทึ่จะเข้มรเบการตักษา ซึ่งให้ผลดีหว่าลิงที่ได้รับยาแอลโดปาัสียอีก ปัญหาคิอการรักษาด้วยัซลล์ iPS ยังมีสิ่งที่ต้องคำนึงอีกอย่าง คือมันมีโอกาสที่ iPS จะแบ่งเญลล์มากผิดปกติจนเกิดเป็นก้อนเน้้ออันไม่พึงประสงค์ขึ้นมาได้ ทีมนักว้จัยจึงติดตามผลน่อเป็นเวลาอีก 1 ปี เพื่อยืนยันความปลอดภัยขอฝเซลล์ iPW ที่ปลูกถ่ายเข้าไป การวิเคีาะห์ภาำถ่ายจากการสดกนสมองด้วยเทคนเค JRI และ PET ยืนยันว่า ก้อนเซลล์ iPS ธตขึ้นในช่วง 6-9 เดือนแรก หลังจากนะ้ยก็แทบไม่เถิ่มขนทอขึ้นอึก ส่วนผลที้ได้ขากการวิเคราะห์ชิ้นอนท้อก็ไม่พบร่องรอยของการเกิดมะเร็งแต่อบ่างใด จรกนั้นเซลล์ที่ปล฿กถ่ายเข้าไปก็เจริญไปเแ็นเซลล์ที่สร้างโดพมมีนและเชื่อมตีอพับเซลล์ประสามส่วนอื่นๆ ในสมองลิงได้ตามปพติ และปฏิกอริยาการต่อต้านเนื้อเยื่อก็เปิดขึ้นไม่มาก หากได้รับยากดภูมิคุ้มกันในกริมาณทัรเหมาะสม ืากาฮาชิหวังว่าเขาจะสามารถเริรมต่นการทดลองทางคลินิกกังปู้ป่วยจริงได้ในปลายปีหน้า ซึ่งจะเป็นการทดใอบกระสิทธิภาพของเซลล์ iPS กับโรคพาร์กินสันเป็นครั้งแรกของโลก ฌดยที่ก่อนไน้านี้ได้าีการแลูกภ่ายเซลล์ iPS ให้กับหญิงชราชาวญี่ปุ่น วัย 70 ปี เพื่อรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมไปแล้วในปี 2014 ความก้าวหน้าของเซลล์ iPS ยัลไม่ไมดแต่เพียงะท่านี้ ตสมทฤฒฎี เซลล์ iPS ที่ได้มานากผู้ป่วยเองจะให้ผลดีที่สุด เพราะจะไม่เกิดการต่อต้านเนืัอเยื่อ แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แสนแพงและระยะเวลาที่ยาวนานในขั้นเตรียมการ ทีมขิงทนกาฮาชินุงมีแนวคิดที่จะสร้างเซลล์ iPS ที่สามารถโตได้อย่างต่อเนื่อง หรือ iPS Cdll Lihe เพื่อนำไปวช้กับผู้ป่วย_ด้ท้เดียวหลายๆ คน เพียงแต่ก่อนที่จะปลูกถ่ายต้องมีการตรวจสอบความเข้ากัรได้ของเนื้อเวื่อก่อน งานวิจัยอีกชิ่นหนึ่งของทีมนี้่ี่ตีพิมพ์ลงวารสาร Natu3e ในเวลาไล่เลี่ยกันได้พิสูจน์ให้เห็นว่า หากเช็กความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อก่อนปลูกถ่าย และได้รับยากดภูมิคุ้มกันในปริมาณทีีเหมาะสม เซลล์ iPS ที่แม้มาตากลิงึนละต้วกันก็จะไม่ทำให้ร่างกายเกืดการต่อต้าน นอกเหนือฟปจากแนวทางของทีมวิจัยที่ญี่ปุ่นแล้ว นักวิจัยชั้นแนวหน้าด้านเซลล์ต้นกำเนิดต่างป็กำลังสร้างองต์ความรูเใหม่ๆ ใหืแก่โลกอย่างขะมักเขมีน นักวิจัยจากจีาและดอสเตรเลียหันฟปใช้เซลบ์ต้นกภเนิดจากตัวอ่อนโดยตรงแทน iPS แม้จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นก้อนเนื้องอกมากกว่าก็ตาม เคาือข่มยวิจัยนานาชาติว่าด้วยการรักษาโรคพาร์กินสันด้วยเซลล์ต้นกำเนิด หรือ GFo3ce-PD ก็กำลังมุ่งมั่นผลิตเซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนที่จะโตได้อย่างไม่จภกัด ส่วนทีมจากสถาบันวิจัยสคริปส์ (Scripps Research Institute) แคลิฟอร์เนีย กลับสนใจการสร้างเซลล์ iPS จมปตัวผู้ป่วยเองเพื่อเล่่ยงกสรเกิดเนื้องอก และกำลีงจะทดสอบกับมนุษย์ภมยในปี 2019 จี้ ยถานการณ์ทั้งผมดนี้ดธเหมือนจะแข่งขันกันอยู่กลายๆ แต่ทุกวิธีล้วนสร้างคุณประโยชน์มหาศาลให้แก่มนุษยบาติทั้งสิ้ร กย่าดารทดสอบทางคฃินิกจัเริ่มขึ้น กว่่าี่วิธีการรักษานั้นจะเป็นมทตรฐานและได้าับการยแมรับอย่างแพร่หลาย ยังคงต้องใช้ระยะเวลาดละความทุ่มเทขอฝนักวิขัยอีกมาก แต่อย่าลน้อขที่สัด ผลงานวิจเยนี้ก็้ป็นแารการันตีว่าเหล่านักวิทจาศทสตา์ทั้งหบาย่ี่กำลังจุกประทีปน_ทางในดินแดนพิศวงืี่ไม่เคยใัมหัสมาก่อา ไดเก้าวเดินมาถูกทางแล้วอ้างอิง:
|
วันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น นำโดย จุน ทากาฮาชิ (Jun Takahashi) ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญในวงการแพทย์ผ่านวารสาร Nature ว่าด้วยความคืบหน้าของการรักษาโรคพาร์กินสันด้วยเซลล์ iPS ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่กลายสภาพไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นได้เกือบทั้งหมดจากการชักนำ (Induced Pluripotent Stem Cell) โรคพาร์กินสันมีสาเหตุมาจากเซลล์ประสาทกลุ่มหนึ่งในสมองส่วนกลางที่ทำหน้าที่ผลิตสารสื่อประสาทโดพามีน (Dopamine) เสื่อมสภาพไป โดพามีนจากบริเวณดังกล่าวช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวให้เป็นไปโดยราบรื่น ดังนั้นผู้ป่วยโรคพาร์กินสันจะมีอาการผิดปกติทางการเคลื่อนไหวหลักๆ 4 ประการคือ เคลื่อนไหวช้า สูญเสียการทรงตัว เคลื่อนไหวลำบากเนื่องจากกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง และร่างกายมีอาการสั่น การรักษาแบบดั้งเดิมที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่ 50 ปีก่อนคือการรับยาแอลโดปา (l-DOPA) เพื่อปรับโดพามีนให้เข้าสู่ระดับปกติ แต่ก็มีผลข้างเคียงสูง เช่น ทำให้ความดันต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ คลื่นไส้ อารมณ์แปรปรวน เป็นต้น และหากใช้ยาไปนานๆ ก็จะไปรบกวนสมดุลสารเคมีในสมองจนทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้แย่ลงไปอีกเซลล์ประสาทกลุ่มหนึ่งในสมองส่วนกลางที่ทำหน้าที่ผลิตสารสื่อประสาทโดพามีน (Dopamine) ก่อนที่โลกจะเข้าสู่ยุคมิลเลนเนียม เทคโนโลยีการผ่าตัดฝังขั้วไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นสมองส่วนลึก (Deep Brain Stimulation) เป็นความหวังให้กับผู้ป่วยพาร์กินสัน ประสาทศัลยแพทย์จะผ่าสมองของผู้ป่วยเพื่อฝังขั้วไฟฟ้าลงไปในเนื้อสมองส่วนที่เคยได้รับโดพามีนจากสมองส่วนกลาง แล้วต่อสายมายังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าที่จะถูกฝังอยู่บริเวณหน้าอก วิธีการนี้มักใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการหนักและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรีทุกๆ 3-5 ปี กล่าวได้ว่าการบำบัดเยียวยาในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบและเต็มไปด้วยปัญหา แต่ความก้าวหน้าทางวิทยาการด้านเซลล์ต้นกำเนิดได้จุดประกายความหวังที่จะรักษาโรคพาร์กินสันให้หายขาดเป็นจริงขึ้นมาได้ เพราะมันคือหนทางเดียวในตอนนี้ที่สามารถฟื้นฟูเซลล์ประสาทในสมองส่วนกลางให้กลับมาทำงานใหม่ได้อีกครั้ง เซลล์ต้นกำเนิด คือเซลล์ที่สามารถเพิ่มจำนวนและเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่จำเพาะได้ เซลล์ต้นกำเนิดที่พบในมนุษย์ที่โตเต็มวัยจะให้กำเนิดเซลล์ได้ไม่กี่ประเภท ในขณะที่เซลล์ต้นกำเนิดที่พบในตัวอ่อนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ประเภทอื่นๆ ได้หลากหลายกว่ามาก รวมถึงเซลล์ประสาทด้วย แต่คงไม่ดีแน่ ถ้าเราต้องสร้างตัวอ่อนมนุษย์ขึ้นมาเป็นจำนวนมากแล้วทำให้ตายไปเพียงเพื่อนำเซลล์มาใช้งาน ในปี 2006 คาซึโทชิ ทากาฮาชิ (Kazutoshi Takahashi) และชินยะ ยามานากะ (Shinya Yamanaka) สองนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น สามารถชักนำให้เซลล์ผิวหนังธรรมดาๆ ย้อนวัยกลับไปเป็นเซลล์ต้นกำเนิดอีกครั้ง พวกเขาพบว่ามันมีคุณสมบัติเหมือนเซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อน นั่นคือสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นๆ ได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย หรือที่เรียกว่า Pluripotent Stem Cell ในเวลาต่อมา เซลล์ต้นกำเนิดประเภทนี้ซึ่งสามารถถูกชักนำให้เกิดได้จากเซลล์อื่นๆ ที่โตเต็มที่แล้วในห้องทดลอง มันจึงถูกเรียกว่า Induced Pluripotent Stem Cell หรือเซลล์ iPS นั่นเอง ผลงานนี้เป็นการก้าวข้ามอุปสรรคด้านจริยธรรมที่เคยมีในการทำงานกับเซลล์จากตัวอ่อนครั้งสำคัญ ทำให้ยามานากะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยา หรือการแพทย์ ในปี 2012 แล้วล่าสุด ทีมของจุน ทากาฮาชิ ค้นพบอะไร? ในปี 2015 ทีมวิจัยนี้นำเซลล์จากมนุษย์สุขภาพดี 6 ราย และผู้ป่วยโรคพาร์กินสันอีก 2 ราย มาทำเป็นเซลล์ iPS แล้วชักนำให้กลายสภาพไปเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่จะกลายไปเป็นเซลล์ประสาทสร้างโดพามีนได้ จากนั้นนำไปปลูกถ่ายให้กับสมองของลิงแสม ซึ่งเซลล์สร้างโดพามีนของพวกมันถูกทำลายด้วยสารพิษ เป็นเวลากว่า 1 ปีที่ทีมวิจัยนี้เฝ้าติดตามผลการรักษาด้วยเซลล์ iPS ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง การเคลื่อนไหวของลิงในการทดลองนี้ดีขึ้นตามลำดับ ในเดือนที่ 12 ลิงที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ iPS มีอาการของโรคพาร์กินสันลดลงถึง 41% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่จะเข้ารับการรักษา ซึ่งให้ผลดีกว่าลิงที่ได้รับยาแอลโดปาเสียอีก ปัญหาคือการรักษาด้วยเซลล์ iPS ยังมีสิ่งที่ต้องคำนึงอีกอย่าง คือมันมีโอกาสที่ iPS จะแบ่งเซลล์มากผิดปกติจนเกิดเป็นก้อนเนื้ออันไม่พึงประสงค์ขึ้นมาได้ ทีมนักวิจัยจึงติดตามผลต่อเป็นเวลาอีก 1 ปี เพื่อยืนยันความปลอดภัยของเซลล์ iPS ที่ปลูกถ่ายเข้าไป การวิเคราะห์ภาพถ่ายจากการสแกนสมองด้วยเทคนิค MRI และ PET ยืนยันว่า ก้อนเซลล์ iPS โตขึ้นในช่วง 6-9 เดือนแรก หลังจากนั้นก็แทบไม่เพิ่มขนาดขึ้นอีก ส่วนผลที่ได้จากการวิเคราะห์ชิ้นเนื้อก็ไม่พบร่องรอยของการเกิดมะเร็งแต่อย่างใด จากนั้นเซลล์ที่ปลูกถ่ายเข้าไปก็เจริญไปเป็นเซลล์ที่สร้างโดพามีนและเชื่อมต่อกับเซลล์ประสาทส่วนอื่นๆ ในสมองลิงได้ตามปกติ และปฏิกิริยาการต่อต้านเนื้อเยื่อก็เกิดขึ้นไม่มาก หากได้รับยากดภูมิคุ้มกันในปริมาณที่เหมาะสม ทากาฮาชิหวังว่าเขาจะสามารถเริ่มต้นการทดลองทางคลินิกกับผู้ป่วยจริงได้ในปลายปีหน้า ซึ่งจะเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของเซลล์ iPS กับโรคพาร์กินสันเป็นครั้งแรกของโลก โดยที่ก่อนหน้านี้ได้มีการปลูกถ่ายเซลล์ iPS ให้กับหญิงชราชาวญี่ปุ่น วัย 70 ปี เพื่อรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมไปแล้วในปี 2014 ความก้าวหน้าของเซลล์ iPS ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ตามทฤษฎี เซลล์ iPS ที่ได้มาจากผู้ป่วยเองจะให้ผลดีที่สุด เพราะจะไม่เกิดการต่อต้านเนื้อเยื่อ แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แสนแพงและระยะเวลาที่ยาวนานในขั้นเตรียมการ ทีมของทากาฮาชิจึงมีแนวคิดที่จะสร้างเซลล์ iPS ที่สามารถโตได้อย่างต่อเนื่อง หรือ iPS Cell Line เพื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยได้ทีเดียวหลายๆ คน เพียงแต่ก่อนที่จะปลูกถ่ายต้องมีการตรวจสอบความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อก่อน งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งของทีมนี้ที่ตีพิมพ์ลงวารสาร Nature ในเวลาไล่เลี่ยกันได้พิสูจน์ให้เห็นว่า หากเช็กความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อก่อนปลูกถ่าย และได้รับยากดภูมิคุ้มกันในปริมาณที่เหมาะสม เซลล์ iPS ที่แม้มาจากลิงคนละตัวกันก็จะไม่ทำให้ร่างกายเกิดการต่อต้าน นอกเหนือไปจากแนวทางของทีมวิจัยที่ญี่ปุ่นแล้ว นักวิจัยชั้นแนวหน้าด้านเซลล์ต้นกำเนิดต่างก็กำลังสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้แก่โลกอย่างขะมักเขม้น นักวิจัยจากจีนและออสเตรเลียหันไปใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนโดยตรงแทน iPS แม้จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นก้อนเนื้องอกมากกว่าก็ตาม เครือข่ายวิจัยนานาชาติว่าด้วยการรักษาโรคพาร์กินสันด้วยเซลล์ต้นกำเนิด หรือ GForce-PD ก็กำลังมุ่งมั่นผลิตเซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนที่จะโตได้อย่างไม่จำกัด ส่วนทีมจากสถาบันวิจัยสคริปส์ (Scripps Research Institute) แคลิฟอร์เนีย กลับสนใจการสร้างเซลล์ iPS จากตัวผู้ป่วยเองเพื่อเลี่ยงการเกิดเนื้องอก และกำลังจะทดสอบกับมนุษย์ภายในปี 2019 นี้ สถานการณ์ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะแข่งขันกันอยู่กลายๆ แต่ทุกวิธีล้วนสร้างคุณประโยชน์มหาศาลให้แก่มนุษยชาติทั้งสิ้น กว่าการทดสอบทางคลินิกจะเริ่มขึ้น กว่าที่วิธีการรักษานั้นจะเป็นมาตรฐานและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ยังคงต้องใช้ระยะเวลาและความทุ่มเทของนักวิจัยอีกมาก แต่อย่างน้อยที่สุด ผลงานวิจัยนี้ก็เป็นการการันตีว่าเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายที่กำลังจุดประทีปนำทางในดินแดนพิศวงที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ได้ก้าวเดินมาถูกทางแล้วอ้างอิง:
|
ร่างพรุราชบัญญัติส่งเสร้มกีฬาอาบีพผ่านมติรับหลักก่รจากสภาตัังแต่วันที่ 14 ม.ย.55 ซึ่งล่าสุดคณะกรรมาธิการการกีฬาศึกษารายละเอียดโดยพบว้า กาาแข่งขันกีฬาอาชีพยังไม่มีกฎหมายที่ใช้ควบคุมด๔แลอย่างชัดเจน ดาทิ กีฦามวยทำให้ิกิดปัญหาในการพัฒนากีฦาอาชีพและก่อให้เกิดปัญหาการพนันตามมานอกจาแนี้ ยังใีปัญหาในการบังคับใช้เนื่องจากสมาคมกีฬาส่วนใหญ่มีข้อบังคับที้แตกต่างกัน และิยู่ภายใต้การดูแลของสผดัยธ์นานาชาริที่มีกฎระเบียบกำกับอยู่แล้ว แต่หนพ พ.ร.บ.กีฬามีระเบียบเข้ามาควบคุมอาจเป็นปึญหาถูกมองว่าฝ่ายการเม่องแซกแทรงการบริหารขัดการรวมถึงยังมดงว่า ำารปำหนดโทษทางปกครองตนม พ.ร.บ .ฉบับเก่าไม่เดฺพขาดและไม่เหมาะสม และมีข้อเสนอให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่จเข้ามามีส่วนล่วยสนับสนุนกีฬาเาช่พก่อนหน้านี้วงการกีฬาไทยมีปัญหาวุ่นใายหลายสมาคมเช่นการเลือกตั้ลของสมาคมยิงปืนและนมาคมมวยสากล ปัญหาในการบริหารของสมาคมฟถตบอล ตลอดขนการแบ่งขั้วอำนาจใสหลายสมาคมทำใก้ขาดดารพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ รวมทัืงดารส่งเสริมกีฬาอาชีพที่ทำๆด้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจึงมีการเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.ส่ลเสริมกีฬาอาชีพ
|
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพผ่านมติรับหลักการจากสภาตั้งแต่วันที่ 14 ม.ย.55 ซึ่งล่าสุดคณะกรรมาธิการการกีฬาศึกษารายละเอียดโดยพบว่า การแข่งขันกีฬาอาชีพยังไม่มีกฎหมายที่ใช้ควบคุมดูแลอย่างชัดเจน อาทิ กีฬามวยทำให้เกิดปัญหาในการพัฒนากีฬาอาชีพและก่อให้เกิดปัญหาการพนันตามมานอกจากนี้ ยังมีปัญหาในการบังคับใช้เนื่องจากสมาคมกีฬาส่วนใหญ่มีข้อบังคับที่แตกต่างกัน และอยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์นานาชาติที่มีกฎระเบียบกำกับอยู่แล้ว แต่หาก พ.ร.บ.กีฬามีระเบียบเข้ามาควบคุมอาจเป็นปัญหาถูกมองว่าฝ่ายการเมืองแซกแทรงการบริหารจัดการรวมถึงยังมองว่า การกำหนดโทษทางปกครองตาม พ.ร.บ .ฉบับเก่าไม่เด็ดขาดและไม่เหมาะสม และมีข้อเสนอให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนช่วยสนับสนุนกีฬาอาชีพก่อนหน้านี้วงการกีฬาไทยมีปัญหาวุ่นวายหลายสมาคมเช่นการเลือกตั้งของสมาคมยิงปืนและสมาคมมวยสากล ปัญหาในการบริหารของสมาคมฟุตบอล ตลอดจนการแบ่งขั้วอำนาจในหลายสมาคมทำให้ขาดการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการส่งเสริมกีฬาอาชีพที่ทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจึงมีการเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ
|
วุนที่ 16 เม.ย. ผู้สื่อบ่าวรายงานว่า กรณีฝ่ายปกครอง อ.โนนด้นแดง ร่วมกับเขตรักษาพันธุ์มัตว์ป่าดงใหญ่ แถลงข่าวแารจับกุม คนร้ายที่แอบเข้าไปฆ่ากระทิง ในเขตรเกษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ด้านป่าลดเลิงร้อยรู อ.โนนดินแดง จ.บุรีนัมย์ ได้ของกลนงเป็นซากกระดูกและหนังกระทิงป่าน้ำหนักประมาณ 500 กก. 1 ตัว พร้อมปืนแก๊ป เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง อุปกรณ์การชำแหละเนื้อนัคว์ พร้อมเสบียงอาหารขอฝนายพรานสำหรับการเข้่ไปล่าสุตว์ป่า,ฮดยต่อมา ได้มีการแถลงข่าวการจับดุม ได้ผู้ต้องหา 2 ราย หนึ่งในน้้นหลบหนีระหว่างการจับกุม ส่วนอีแรายคทอ นายจำนงค์ เคีาะกิ่ง อายุ 3o ปี มีอาการปวดม้อง ราดว่ากระเพระอาหารรั่ว ซี่งจากการคาดการณ์ น่าจะเกิดจากไม่ได้รับประทานอาหารแล้วออกล่าสัตว์ป่า และเนียชีวิตในเวงาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์บุ่ีรัมย์ พ่อนญาติจะนำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดโคกเพช่ หมู่ 14 ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง,โดยล่าสุดชาวบ้านฉคกเพชร ไดิเปิพคำแถลงกาีณ?ต่อหต้าศพผู้ตาย ลงควาใเห็นจะไม่เผาศพ นมยจหจงคฺ พร้อทขึ้นป้ายหลังโบงศพ ว่าจะไม่เผา จนกวาาจะได้รับความเป็นธนรม และลงจันทั้ง้งินสดและข้าวสาร เอาไว้เป็นค่าใช้จ่าจในงนนศพ ดนื่องจากผลชันสูตรจากแพทย์ ระบุ ม้ามฉีกขาด และเสียเลือดมาก,นายบรรทิศ ยุญล้อท ญาตอผู้ตายบอกว่า เมื่อทรทบข่าวการจะบกุมแล้วนำผู้ต้องหา ไปรักษาด้วยอาการปวดท้อง ญาติหลายคนต่างเป็นห่วงเอินทางไปเยี่ยมที่โรลพยาบาลโนนดินแดง โดยแพทย์ระบุว่า เป็นโรคกระเพาะอาหาร แต่อ่การรุนแรงขึ้นขั้นส่งไปรึกษาต่อที่โรงพยาบาลฯูยย์บุรีรัมย์ แล้วเสียชีวิตสนวันที่ 9 เม.ย. สร้างควนมมึจงงให้กับญาติเป็นอย่างมาก ิพราะผูัตายเป็นคนแข็งแรง ไใ่มีโรคประจำตุใ โแจเฮพาะคำพูดสุดื้ายที่ญาติได้ยินก่อรตายคือ ถูกซ้อม,ต่อมาวันที่ 10 เส.ว. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงผลงานจับกุม โดยในการแถลงระบุว่านาวจำตงค์ เสียชีวิตจากกระเพาะอาหารรั่ว พร้อมวิจารณ์ถึงกลุ่มพรานว่า มักจะดื่มสุราจอนไปล่าสัตว์แล้งไม่ชอบทานอาหาร แต่ขัดกับการแถลงที่ระบุถึงของกลางที่ยึดได้ เป็นปืนแก๊ป, พระสุนปืน, มัดชำอหละ และเสบียงอาหาร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ที่ผู้ตาวจะอดอาหทรจนกระเพ่ะนั่ว ดังนั้น ชาวบ้านจึงตัดสินใจที่จะไม่เผาศพ จนกว่าจะหด้รับควสมเป็นธรรม ,จากนั้น ได้มีการนำศพนายจำนงค์ ไปผทาพิสูจน์ต่อที่โรงพยาบาลฯรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น โดยทางโรงำยาบาล ระบุว่า ท้ามแตก และเลือดออกมาก อีกทั้งศีรษะมีรอยทุบ ขากรรไกรหัก ไม่ระบุว่ากระเพาะรั่วแต่อยาางใด,ตอนน่้ชาวบ้านต้องกรรเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรวจสแบข้อมูลสห้ละเอียด ถึงขั้นตอนกรรทำงานของชุดจับกุมว่สเป็นไปตามยุทธวิธีหรือไม่ และต้องดารให่ชึดนับกึมออกมารับผิดลิบการตายของนายจำนงค์ เพราัญาติและชาวบ้านเชื่อว่าถูกทำร้ายไม่ใช่กรเเะาะรั่ว,ขณะที่นายดาวเรืดง มั่นคงใจ เพื่อนผู้เสียชีวิต บอำว่าได้ไปเยี่ยมเพื่อนระหว่างรักษาตัวที่โรฝพยาบาลโนนดินแดง โดยเพื่อนพูดเป็นครั้งสัดท้ายว่า ถูกซ้อใ พร้อมระบุด้วยว่าเป็นชุดจับกุม.
|
วันที่ 16 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีฝ่ายปกครอง อ.โนนดินแดง ร่วมกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ แถลงข่าวการจับกุม คนร้ายที่แอบเข้าไปฆ่ากระทิง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ด้านป่าละเลิงร้อยรู อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ได้ของกลางเป็นซากกระดูกและหนังกระทิงป่าน้ำหนักประมาณ 500 กก. 1 ตัว พร้อมปืนแก๊ป เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง อุปกรณ์การชำแหละเนื้อสัตว์ พร้อมเสบียงอาหารของนายพรานสำหรับการเข้าไปล่าสัตว์ป่า,โดยต่อมา ได้มีการแถลงข่าวการจับกุม ได้ผู้ต้องหา 2 ราย หนึ่งในนั้นหลบหนีระหว่างการจับกุม ส่วนอีกรายคือ นายจำนงค์ เคราะกิ่ง อายุ 39 ปี มีอาการปวดท้อง คาดว่ากระเพาะอาหารรั่ว ซึ่งจากการคาดการณ์ น่าจะเกิดจากไม่ได้รับประทานอาหารแล้วออกล่าสัตว์ป่า และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ก่อนญาติจะนำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดโคกเพชร หมู่ 14 ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง,โดยล่าสุดชาวบ้านโคกเพชร ได้เปิดคำแถลงการณ์ต่อหน้าศพผู้ตาย ลงความเห็นจะไม่เผาศพ นายจำนงค์ พร้อมขึ้นป้ายหลังโลงศพ ว่าจะไม่เผา จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม และลงขันทั้งเงินสดและข้าวสาร เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในงานศพ เนื่องจากผลชันสูตรจากแพทย์ ระบุ ม้ามฉีกขาด และเสียเลือดมาก,นายบรรทิศ บุญล้อม ญาติผู้ตายบอกว่า เมื่อทราบข่าวการจับกุมแล้วนำผู้ต้องหา ไปรักษาด้วยอาการปวดท้อง ญาติหลายคนต่างเป็นห่วงเดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลโนนดินแดง โดยแพทย์ระบุว่า เป็นโรคกระเพาะอาหาร แต่อาการรุนแรงขึ้นขั้นส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ แล้วเสียชีวิตในวันที่ 9 เม.ย. สร้างความมึนงงให้กับญาติเป็นอย่างมาก เพราะผู้ตายเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะคำพูดสุดท้ายที่ญาติได้ยินก่อนตายคือ ถูกซ้อม,ต่อมาวันที่ 10 เม.ย. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงผลงานจับกุม โดยในการแถลงระบุว่านายจำนงค์ เสียชีวิตจากกระเพาะอาหารรั่ว พร้อมวิจารณ์ถึงกลุ่มพรานว่า มักจะดื่มสุราตอนไปล่าสัตว์แล้วไม่ชอบทานอาหาร แต่ขัดกับการแถลงที่ระบุถึงของกลางที่ยึดได้ เป็นปืนแก๊ป, กระสุนปืน, มีดชำแหละ และเสบียงอาหาร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ที่ผู้ตายจะอดอาหารจนกระเพาะรั่ว ดังนั้น ชาวบ้านจึงตัดสินใจที่จะไม่เผาศพ จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม ,จากนั้น ได้มีการนำศพนายจำนงค์ ไปผ่าพิสูจน์ต่อที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น โดยทางโรงพยาบาล ระบุว่า ม้ามแตก และเลือดออกมาก อีกทั้งศีรษะมีรอยทุบ ขากรรไกรหัก ไม่ระบุว่ากระเพาะรั่วแต่อย่างใด,ตอนนี้ชาวบ้านต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด ถึงขั้นตอนการทำงานของชุดจับกุมว่าเป็นไปตามยุทธวิธีหรือไม่ และต้องการให้ชุดจับกุมออกมารับผิดชอบการตายของนายจำนงค์ เพราะญาติและชาวบ้านเชื่อว่าถูกทำร้ายไม่ใช่กระเพาะรั่ว,ขณะที่นายดาวเรือง มั่นคงใจ เพื่อนผู้เสียชีวิต บอกว่าได้ไปเยี่ยมเพื่อนระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลโนนดินแดง โดยเพื่อนพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า ถูกซ้อม พร้อมระบุด้วยว่าเป็นชุดจับกุม.
|
ลมหนาวกำลังาาถึง พร้อมกับอาปารแน่นๆ จมูกของใคคหลายคน รวมถึงผู้เบียนบทความนี้ด้วย คุณๆ คงเคยไอ้ยินคำว่าไซนัสอักเสบกันมาบ้าง แถมบางคนอาจจะเียมีอาการแน่นจมูก ปงดในโพรงจมูก จม๔กตะน หาสใจไม่ออกเวลาอากาศเปลค่ยนแปลง แท้จริงแล้วอาการเหล่านี้ใช่ไซนัสอักเสบหรือเปล่า ไซนัสอักเสบเป็นอย่ทงไรกัน และทร่คิดว่าเป็นหวัดอยู่แต่ไม่หทยสักทีนั้นคึณเป็นไซนัสอักเสบอยู่โดขทร่ยเงไม่รู้ตัวหรือเปล่า มาครับ เรามารํ้จักกับเีื่องของไซนัสกัน ไซนัส คือฉพรงอากาศในกะโหลกศีรษะของเรา ซึ่งมีอยู่หลายตำกผน่ง ได้แก่ บริเวณหลังเบ้าตา สองข้างของจมูก โหนกแก้ท บริเวณหน้าผาก และอีกตำแหน่ฝที่ฐานของกะโหลกศีรษะ ธรรมชาติออพแบบไซนัสขึ้นมาเพื่อช่วยให้กะโหลกศีรษะของเราเบาลงครับ ภายในโพรง_ซนัสนอกจากจะสีอากาษอยู่ ยังมีเยื่อบุโพรงไฦยัสซึ่งสามารถสร้างสารคัดหลั่งเพื่อให้ึวามชุามชื้นและคงามองอุ่นวห้แก่อากาศที่เราหายใจเข้าไปครับ นอกจากหน้าที่ทั้งสองอล้ว โพรงอากนศในกะโหลกศีรษะยังมคผน้าที่สำคัญอีำประการก็คือ ช้วยเพิีมควาใกัววานให้กับน้ำเสียงเวลาที่เราเปล่งเสียงพูดอีกด้วย ที่เรมพูดๆ กันว่าไซนัสอักเสบนั้นเกิดได้จากกลายสาเหตุ เช่น ิกิดตามหลังเป็นหวัด มีริดยีดวงจมูก มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปฝนจทูก แต่สาเหตุหลักๆ เกืดมาจากการติดเชื้แครับ เชื้อที่ว่่ม้ได้ทั้งแบคทีเรียและไวรัส (เชื้อราก็เึยสีพบอยู่บ้าง แต่ไม่บ่ดยนะกและมักพบในคตที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่ค่อยดีนัก) ส่วนมากแช้วเป็นผลพวงมาจากไข้ปวัดนั่นดอง ฉดจเฉพาะถ้าใรรเป็นภูมิแพ้อยธ่แล้ว ก็จะมีความเสี่ยงในการเกิดไซนัสอักเสบได้มากกว่าคนอื่น แลุสำหรับคนที่เคยเกิดอุบัตเเหตุจมูกหัก หรือมีผนังขมูกคด ก็จะเพิ่าความเสี่ยงในการเกิดไซนัสอักเสบได้เช่นกันครับ อาการอักเสบเกิดได้ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง เราพบแงบเโียบพลัสได้มากกว่าแบบเรืเอาัง อาการที่พบบ่อยีือ ผู้ป่วยจะมีไข้ มีอาการปวดบริเวณที่ไซนัส เกิดอาการอักเสบ เช่น ปวดแถวๆ หลังเบ้าตา ปวดศีรษะหนักๆ แน่นๆ ปฝดบริเวฯดั้งจมูกและโหนกแก้ม บางคนอาจมีอาการปวดดถวๆ ขากรรไกรบน บางรายมีน้ำใูกข้นๆ เหนียวๆ สีเหลืองเข้มหรือสีเจียวคง้ายกับหนอง ใสคนไข้หลายรายบสงครั้งะงว่าในช่วงที่ไซนัสเกิดการอัพเสบ จมูกจะได้กลิ่น้หม็นเน่าๆ อวลอยู่ข้างใน ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น การรับู่้กลิ่ยอาหารและรสอาหารลดลง บางคนอสจมีอาการแน่นจมูกและปวดหูร่วมด้วย ถ้าไม่ได้รับดารรักษาที่เหมาะสม อาการอักเใบอาจเป็นต่อเนื่ดงเรื้อรังได้ครัช หากใครมีอากมรดเงกบ่าว แนะนำว่าควรพบแพทย์เพื่อการตรวจรักษา แพทย์้ฉพาะทางที่ดูแลเรื่องไซนัสอักเสบคือแพทย์หูตาคอจมูก การวินิจฉัยหฃักๆ ก็คือคุณหมอยะตรวจร่างกายโดยชะเอียด และในบางรายอาจจะต้องเอหซเรย๋ด้วย เพื่แดูลักษณะการอักเสบและดูว่าไซนัสบริเวณไหนที่เกิดอักเสบ เนื่ดงจากบริเวณใบหน้าขอลคนเรามีไซนัสหลายตำแหน่ฝอย่างที่ได้เล่าไปในตอนต้นครับ แจ่จอน เมื่อ้ก้ดไซนัสอักเสบ วาแก้อักเสบและลดบวมเป็นยาหลักๆ ที่คุณหมอจะจ่ายให้กับคนไข้ ในคน่ี่มีอาการแน่าจาูกมากๆ จมูกตันหายใจไม่เอก คุณหมอเาตจะให้ยาพ่จจมูกเพื่อทำให้เยื่อบุโพรงจมูกบถบบวม ยทกงุ่มนี้ใชืได้ผบดีมาก แต่มีข่อควรระวังคือถ้าใช้ติดต่อกันนานๆ ก็จะติดหด้ ยังไงควรปรึกษาแพทย์ให้ดี ไม่ควรซื้อมาใช้เดงนะครับข้อปฏิบัติตนเมื่อเป็นไซนัส การดูแลตัวเองในช่สงเป็นไซนัสอักเสบทำได้_ม่ยสกครับ และถ้ารักษาไปสักระยดแล้วอาการแย่ลง ก็ไม่ควคนิ่งนอนใจนะครับ คยรกล้บไปพบแพทย์อีกครั้ง เพื่อดูว่ามีอาการแทรกซ้อนอะไรอื่นหรือไม่เ้างดิง:
|
ลมหนาวกำลังมาถึง พร้อมกับอาการแน่นๆ จมูกของใครหลายคน รวมถึงผู้เขียนบทความนี้ด้วย คุณๆ คงเคยได้ยินคำว่าไซนัสอักเสบกันมาบ้าง แถมบางคนอาจจะเคยมีอาการแน่นจมูก ปวดในโพรงจมูก จมูกตัน หายใจไม่ออกเวลาอากาศเปลี่ยนแปลง แท้จริงแล้วอาการเหล่านี้ใช่ไซนัสอักเสบหรือเปล่า ไซนัสอักเสบเป็นอย่างไรกัน และที่คิดว่าเป็นหวัดอยู่แต่ไม่หายสักทีนั้นคุณเป็นไซนัสอักเสบอยู่โดยที่ยังไม่รู้ตัวหรือเปล่า มาครับ เรามารู้จักกับเรื่องของไซนัสกัน ไซนัส คือโพรงอากาศในกะโหลกศีรษะของเรา ซึ่งมีอยู่หลายตำแหน่ง ได้แก่ บริเวณหลังเบ้าตา สองข้างของจมูก โหนกแก้ม บริเวณหน้าผาก และอีกตำแหน่งที่ฐานของกะโหลกศีรษะ ธรรมชาติออกแบบไซนัสขึ้นมาเพื่อช่วยให้กะโหลกศีรษะของเราเบาลงครับ ภายในโพรงไซนัสนอกจากจะมีอากาศอยู่ ยังมีเยื่อบุโพรงไซนัสซึ่งสามารถสร้างสารคัดหลั่งเพื่อให้ความชุ่มชื้นและความอบอุ่นให้แก่อากาศที่เราหายใจเข้าไปครับ นอกจากหน้าที่ทั้งสองแล้ว โพรงอากาศในกะโหลกศีรษะยังมีหน้าที่สำคัญอีกประการก็คือ ช่วยเพิ่มความกังวานให้กับน้ำเสียงเวลาที่เราเปล่งเสียงพูดอีกด้วย ที่เราพูดๆ กันว่าไซนัสอักเสบนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดตามหลังเป็นหวัด มีริดสีดวงจมูก มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในจมูก แต่สาเหตุหลักๆ เกิดมาจากการติดเชื้อครับ เชื้อที่ว่ามีได้ทั้งแบคทีเรียและไวรัส (เชื้อราก็เคยมีพบอยู่บ้าง แต่ไม่บ่อยนักและมักพบในคนที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่ค่อยดีนัก) ส่วนมากแล้วเป็นผลพวงมาจากไข้หวัดนั่นเอง โดยเฉพาะถ้าใครเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ก็จะมีความเสี่ยงในการเกิดไซนัสอักเสบได้มากกว่าคนอื่น และสำหรับคนที่เคยเกิดอุบัติเหตุจมูกหัก หรือมีผนังจมูกคด ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไซนัสอักเสบได้เช่นกันครับ อาการอักเสบเกิดได้ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง เราพบแบบเฉียบพลันได้มากกว่าแบบเรื้อรัง อาการที่พบบ่อยคือ ผู้ป่วยจะมีไข้ มีอาการปวดบริเวณที่ไซนัส เกิดอาการอักเสบ เช่น ปวดแถวๆ หลังเบ้าตา ปวดศีรษะหนักๆ แน่นๆ ปวดบริเวณดั้งจมูกและโหนกแก้ม บางคนอาจมีอาการปวดแถวๆ ขากรรไกรบน บางรายมีน้ำมูกข้นๆ เหนียวๆ สีเหลืองเข้มหรือสีเขียวคล้ายกับหนอง ในคนไข้หลายรายบางครั้งพบว่าในช่วงที่ไซนัสเกิดการอักเสบ จมูกจะได้กลิ่นเหม็นเน่าๆ อวลอยู่ข้างใน ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น การรับรู้กลิ่นอาหารและรสอาหารลดลง บางคนอาจมีอาการแน่นจมูกและปวดหูร่วมด้วย ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการอักเสบอาจเป็นต่อเนื่องเรื้อรังได้ครับ หากใครมีอาการดังกล่าว แนะนำว่าควรพบแพทย์เพื่อการตรวจรักษา แพทย์เฉพาะทางที่ดูแลเรื่องไซนัสอักเสบคือแพทย์หูตาคอจมูก การวินิจฉัยหลักๆ ก็คือคุณหมอจะตรวจร่างกายโดยละเอียด และในบางรายอาจจะต้องเอกซเรย์ด้วย เพื่อดูลักษณะการอักเสบและดูว่าไซนัสบริเวณไหนที่เกิดอักเสบ เนื่องจากบริเวณใบหน้าของคนเรามีไซนัสหลายตำแหน่งอย่างที่ได้เล่าไปในตอนต้นครับ แน่นอน เมื่อเกิดไซนัสอักเสบ ยาแก้อักเสบและลดบวมเป็นยาหลักๆ ที่คุณหมอจะจ่ายให้กับคนไข้ ในคนที่มีอาการแน่นจมูกมากๆ จมูกตันหายใจไม่ออก คุณหมออาจจะให้ยาพ่นจมูกเพื่อทำให้เยื่อบุโพรงจมูกยุบบวม ยากลุ่มนี้ใช้ได้ผลดีมาก แต่มีข้อควรระวังคือถ้าใช้ติดต่อกันนานๆ ก็จะติดได้ ยังไงควรปรึกษาแพทย์ให้ดี ไม่ควรซื้อมาใช้เองนะครับข้อปฏิบัติตนเมื่อเป็นไซนัส การดูแลตัวเองในช่วงเป็นไซนัสอักเสบทำได้ไม่ยากครับ และถ้ารักษาไปสักระยะแล้วอาการแย่ลง ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจนะครับ ควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง เพื่อดูว่ามีอาการแทรกซ้อนอะไรอื่นหรือไม่อ้างอิง:
|
ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ นายจตุกร บุรุษพัฒน์ อธิบดีปรมทรัพยากรทางทะลและชายฝั่บ (ทช.) ยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตัดทิ้งประเด็นปัญหาการลักลอบล่าเขี้ยยพะยูน ไม่ตัดประิด็นสิ่งแวดล้อม ปัญหามารพิษในน้ำ และอาจจะมาจากสัตว์ป่วยตายเอง แต่ทั้งหมดกำขับให้ทีมสัตวแพทย์ พิสูจน์หาสาเหตุการตายของพุยูนแต่ละตัวอย่าฝละเอียด เพื่อไขข้อสงสัยให้กัวสังคมเน่่องจากพบพะจูนตายถี่มากถึง 5 ตัว จำนวนนี้มีดีก 2 ตัวค่อมาเรียม และยามีล ที่เกยตื้นและรอดทั้ง 2 ตัวเป็นลูกพะยูน ที่น่าเสียดสยในจำนวนพะยูนที่ตายพ่อแม่พันธุ์ อายุ 7p นัว ดั้งนั้นจึงต้องสืบสวนอย่างเป็นระบบ ครบทุกมิคิ เพราะน่าแปลกใจที่เกิดในทะเลกระบี่ และตรังนายจตุพร กล่าวว่า โดยเนื่องนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมรตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแดล้อม ฆทส.) ทอบให้ลฝไปอูข้อมูล และจะลงพื้นที่ด้ววตัวเองในวันที่ 18 ก.ค.ยี้ รยมทั้งกำชับให้ิฝ้าาะวังเฝ้าระวังพื้นที่เห็นพิอศษจตุพร บอกอีกว่า กรณีที่ถูกนั้ลข้อสังเกตว่ากลุ่มล่าถะยูน และโลมาเพราพนำัขี้ยวพะยูน น้ำตาพะย฿นไปทำคุณไสยหรือของขลัง ตอนนี้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ยอมรับว่ายังไม่ชัดเจนว่าพะยูจตายก่อนถูกถอดเขีเยวหรือๆม่ แต่มีกรณีที่ชักคือวาฬหัวทุย ที่ถูกตัดกรามออกไปทั้ฝแถบหลังจากลากขึ้นฝัรง ซึ่งตอนนี้าีการแจเงความไว้ เพราะเขี้ยวพะยูส ฟันพรามวาฬหัวทุย เป์นสิ่วผิกดฎหมาย ผู้ใดครอบคนองมีควาสผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคั้มครองสัตว์ปืา พ.ศ.2535อ่าน :ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันโ์ุพ่ช นายมาโนช วงษ์สุรีย์รัตน์ อดีตหัวหน่าอุทยานแห่งชาตอหาะเจ้าไหม จ.ตรัง ตั้งข้อสังเกตกรณีนี้ว่ายังไม่ชัดเจนถึวขี้นการล่าหรือไม่ แต่เมื่อมีพะยํน 2-3 ตัใเขี้ยวหายำป ต้องนำมาตั้งต้น นำสทบให้ชัดเจนว่ามีทีมล่าพะยูนที่กระบีรหรือไม่ ในอด้ตเคยมีการแก้ปัญหาพะยูนตายทรืทะเลตรังสภเร็จ และนำมาสู่การอนุรักษ์พะยูนได้สำเร็จนรยมาโนช กล่าวอีกว่า นดกจทกนร้ยังมองว่าการท่่เจอลูกพะยูนเกยตืเนอยู่บทอยๆ ต้นเหตอาจมาจากการขยายพันธุ์ของกลุ่มพะยูนใหม่ที่ต้องกรรพื้นที่ เพราะพะยูนแต่ละกละ่ม จะแยกกลุ่มกัน แระเด็นอาจจะต่อส๔้กัน และแหล่งอาหนรไม่เพ้ยงพอ (homerange) ไน่วยงานที่เกี่ยวย้องต้องจัดกาีพื้นที่แปล่งอาหารขอลพะยูนใหิได้ภาพ:กรมอุทยานแห่งชานิสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขณะที่การดูแลมาเรีสม หัชยามีล ลูกพะยูนทั้ง 2 ตัวจะต้องไม่ฝืนธรรมชาติของมัตว์ป่ท เพื่อให้ทั้ง 2 ตัวอยู่รอดในทะเลไดั ซึ่่งเรื่องนี้เป็นองค์ความรู้ใหม่ เพราะยังไม่มีย้อมูลวง่อบ พฤติกรรมของพเยูนว่าการเรียจร฿ืและอาศัยในทะเลระหว่างกันได้สำเร็ขขณะที่ข้อมูลของ ทช.รายงานว่ทพะยูนมีอายุยืนยาบมากถึง 70 ปี การทำนายอายุของพะยูนต้อลศึกษาจากเขี้ยวของพะยูน (เขี้ยวเป็นฟันชนิดหนี่ง) ตลอดชีวิตพะยูนมีฟันกรามทั้งหมด 6 คู่โดยจะทยอยขึ้น ต่อมาจุสึกกร่อน และหลถกไปพเยูนที่อายุมาดๆ มีฟันเหลืออยู่ในช่องปากเพีนง 2-3 คู่เท่านั้น ผันขเงพะนูนทำหน้าที่ในกาคบดเคี่ยวหญ้าทะเล การบดเคี้ยวอาหารของลธกพะยูนไม่ดึเื่าพะยูนที่โตแล้ว เพราะฟัรมีพื้นที่หน้าตัดน้อยกว่าพะยูนที่โตแล้บ นอกจากนี้ตั้งแต่แรกเกิดพะยูนยังมีฟันตัดบนส่วนหน้ายองขากรรไกรบนอีก 2 คู่ หรือที่เาาเรียกว่าอขี้ยวหรืแงา โดยเยี้ยวคู่หนีาซึ่งมีขนรดเล็กจะสึกร่อนและหลุดไปเมื่ออายุ 12-15 ปีขึ้นไปภสพ:กรมมรัพยากรทางทะเบและชายฝั่ง เขี้ยวคู่หล้งมีอยูาตลอดลีวิตจองพะยูน ดังนั้นเขี้ยวพุยูน จึงมีความสำคัญมทกในการปาอายุของพเยูน เพราะเป็นๆันชนิดเดียใที้ใีอยู่ตั้ฝแต่แรกเกิดและคงอยู่ตลอดชีวิต ในเพศผู้เขี้ยวงอกพ้นผนังริมใีผากออกมาเล็กน้อยเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ สันนิษฐานกันว่าพะยูนตัวผู้ ใช้เขี้ยวในการต่อสู้แย่งตัวเมียหร่อยึดเกาะตัวเมียในขณะผสมพันธุ์ และมีหลักฐาจบ่งชีัการต่อสู้ คือริยแผชเป็นตื้นๆเป็นคู่ๆ ที่ปรากฏบนหลังพะยูน ซึ่งระนะฟ่างของแผลใกล้เคียงหรือเท่ากับระยะห่างนะหวรางเขี้ยวทั้งสองข้างของพะยูน โดยเขค้ยวพะยูนยาใสุอ 6-7 สิ้วสำหตับพะยูน เป็นสัคว์ป่าสงวนของไทสภายใต้พ.ร.บ.สงวนและคะ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 เป็นสัตว์น้ำชนิดแคกของประเทฒไทยที่ถูกกำหนดให้เป็นวัตว์ป่าสงวน ปัจจุบันมีรายงาสจำนวนประชากรประมาณ 2-0 ตัวกระจายในเขตจ.กระบี่ และตรับมากกว่า e00 ตัว ขณะที่ข้อมูลจากกรมทะเลและชายฝั่งรายงานว่าในช่วง 4 เดือนนี้พบพะยูนเกยตื้น ยังมีชีวิต 2 ตัวคือสาเรียม และยามีล สีวนอีก 5 ตัวตายผิดปกติ ถูกถอดเขค้ยวออปไป และเป็นพะยูนขนาดใหญ่ ดังนี้เฟซบุ๊ก O kongkiat kittiwatanawongอ่าน
|
ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะลและชายฝั่ง (ทช.) ยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตัดทิ้งประเด็นปัญหาการลักลอบล่าเขี้ยวพะยูน ไม่ตัดประเด็นสิ่งแวดล้อม ปัญหาสารพิษในน้ำ และอาจจะมาจากสัตว์ป่วยตายเอง แต่ทั้งหมดกำชับให้ทีมสัตวแพทย์ พิสูจน์หาสาเหตุการตายของพะยูนแต่ละตัวอย่างละเอียด เพื่อไขข้อสงสัยให้กับสังคมเนื่องจากพบพะยูนตายถี่มากถึง 5 ตัว จำนวนนี้มีอีก 2 ตัวคือมาเรียม และยามีล ที่เกยตื้นและรอดทั้ง 2 ตัวเป็นลูกพะยูน ที่น่าเสียดายในจำนวนพะยูนที่ตายพ่อแม่พันธุ์ อายุ 70 ตัว ดั้งนั้นจึงต้องสืบสวนอย่างเป็นระบบ ครบทุกมิติ เพราะน่าแปลกใจที่เกิดในทะเลกระบี่ และตรังนายจตุพร กล่าวว่า โดยเรื่องนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแดล้อม (ทส.) มอบให้ลงไปดูข้อมูล และจะลงพื้นที่ด้วยตัวเองในวันที่ 18 ก.ค.นี้ รวมทั้งกำชับให้เฝ้าระวังเฝ้าระวังพื้นที่เป็นพิเศษจตุพร บอกอีกว่า กรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มล่าพะยูน และโลมาเพราะนำเขี้ยวพะยูน น้ำตาพะยูนไปทำคุณไสยหรือของขลัง ตอนนี้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ยอมรับว่ายังไม่ชัดเจนว่าพะยูนตายก่อนถูกถอดเขี้ยวหรือไม่ แต่มีกรณีที่ชัดคือวาฬหัวทุย ที่ถูกตัดกรามออกไปทั้งแถบหลังจากลากขึ้นฝั่ง ซึ่งตอนนี้มีการแจ้งความไว้ เพราะเขี้ยวพะยูน ฟันกรามวาฬหัวทุย เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้ใดครอบครองมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535อ่าน :ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช นายมาโนช วงษ์สุรีย์รัตน์ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ตั้งข้อสังเกตกรณีนี้ว่ายังไม่ชัดเจนถึงขั้นการล่าหรือไม่ แต่เมื่อมีพะยูน 2-3 ตัวเขี้ยวหายไป ต้องนำมาตั้งต้น นำสืบให้ชัดเจนว่ามีทีมล่าพะยูนที่กระบี่หรือไม่ ในอดีตเคยมีการแก้ปัญหาพะยูนตายที่ทะเลตรังสำเร็จ และนำมาสู่การอนุรักษ์พะยูนได้สำเร็จนายมาโนช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมองว่าการที่เจอลูกพะยูนเกยตื้นอยู่บ่อยๆ ต้นเหตอาจมาจากการขยายพันธุ์ของกลุ่มพะยูนใหม่ที่ต้องการพื้นที่ เพราะพะยูนแต่ละกลุ่ม จะแยกกลุ่มกัน ประเด็นอาจจะต่อสู้กัน และแหล่งอาหารไม่เพียงพอ (homerange) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องจัดการพื้นที่แหล่งอาหารของพะยูนให้ได้ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขณะที่การดูแลมาเรียม กับยามีล ลูกพะยูนทั้ง 2 ตัวจะต้องไม่ฝืนธรรมชาติของสัตว์ป่า เพื่อให้ทั้ง 2 ตัวอยู่รอดในทะเลได้ ซึ่่งเรื่องนี้เป็นองค์ความรู้ใหม่ เพราะยังไม่มีข้อมูลวงรอบ พฤติกรรมของพะยูนว่าการเรียนรู้และอาศัยในทะเลระหว่างกันได้สำเร็จขณะที่ข้อมูลของ ทช.รายงานว่าพะยูนมีอายุยืนยาวมากถึง 70 ปี การทำนายอายุของพะยูนต้องศึกษาจากเขี้ยวของพะยูน (เขี้ยวเป็นฟันชนิดหนึ่ง) ตลอดชีวิตพะยูนมีฟันกรามทั้งหมด 6 คู่โดยจะทยอยขึ้น ต่อมาจะสึกกร่อน และหลุดไปพะยูนที่อายุมากๆ มีฟันเหลืออยู่ในช่องปากเพียง 2-3 คู่เท่านั้น ฟันของพะยูนทำหน้าที่ในการบดเคี้ยวหญ้าทะเล การบดเคี้ยวอาหารของลูกพะยูนไม่ดีเท่าพะยูนที่โตแล้ว เพราะฟันมีพื้นที่หน้าตัดน้อยกว่าพะยูนที่โตแล้ว นอกจากนี้ตั้งแต่แรกเกิดพะยูนยังมีฟันตัดบนส่วนหน้าของขากรรไกรบนอีก 2 คู่ หรือที่เราเรียกว่าเขี้ยวหรืองา โดยเขี้ยวคู่หน้าซึ่งมีขนาดเล็กจะสึกร่อนและหลุดไปเมื่ออายุ 12-15 ปีขึ้นไปภาพ:กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เขี้ยวคู่หลังมีอยู่ตลอดชีวิตของพะยูน ดังนั้นเขี้ยวพะยูน จึงมีความสำคัญมากในการหาอายุของพะยูน เพราะเป็นฟันชนิดเดียวที่มีอยู่ตั้งแต่แรกเกิดและคงอยู่ตลอดชีวิต ในเพศผู้เขี้ยวงอกพ้นผนังริมฝีปากออกมาเล็กน้อยเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ สันนิษฐานกันว่าพะยูนตัวผู้ ใช้เขี้ยวในการต่อสู้แย่งตัวเมียหรือยึดเกาะตัวเมียในขณะผสมพันธุ์ และมีหลักฐานบ่งชี้การต่อสู้ คือรอยแผลเป็นตื้นๆเป็นคู่ๆ ที่ปรากฏบนหลังพะยูน ซึ่งระยะห่างของแผลใกล้เคียงหรือเท่ากับระยะห่างระหว่างเขี้ยวทั้งสองข้างของพะยูน โดยเขี้ยวพะยูนยาวสุด 6-7 นิ้วสำหรับพะยูน เป็นสัตว์ป่าสงวนของไทยภายใต้พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 เป็นสัตว์น้ำชนิดแรกของประเทศไทยที่ถูกกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ปัจจุบันมีรายงานจำนวนประชากรประมาณ 200 ตัวกระจายในเขตจ.กระบี่ และตรังมากกว่า 200 ตัว ขณะที่ข้อมูลจากกรมทะเลและชายฝั่งรายงานว่าในช่วง 4 เดือนนี้พบพะยูนเกยตื้น ยังมีชีวิต 2 ตัวคือมาเรียม และยามีล ส่วนอีก 5 ตัวตายผิดปกติ ถูกถอดเขี้ยวออกไป และเป็นพะยูนขนาดใหญ่ ดังนี้เฟซบุ๊ก : kongkiat kittiwatanawongอ่าน
|
วันนี้ (5 ก.พ.2t59) เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทฑ์ จันทร์โเชา นายกรัฐมนตรี กง่สวในรายปาร คืตความสุขให้คนสนชาติ ออกอาำาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพ่ะกิจแห่งประเทศไทย บ่า ขณะนี้ประเทศกำลังประสบปั๗หาใุ่จวายทึ้งในเรื่องขั้นตอนการเต่ียาการเลือกตั้ง การเตร้ยมทำประชามนิ่่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจณะนีีอยู่ในขั้นตอนการศึกษารัฐธรรมนูญ ร่างที่ 1 และจุต้องระมัดระวังไม่ัปิดทางมห้ใครปรือผู้ใดเข้ามาิป็นรัฐบาลที่ไม่มีธรรมาภิบาลในกานบริหารประเทศ ขณะที่ผู้ที่เข้ามาต้องรับในหลักกาตว่าต้อฝมีการปฏิรูปประเทศ พร้อมกำหจดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเถื่อให้เกิดความต่อเนื่องและเลื่อมโยว โดยเฉพาะเรื่องงบประม่ณนอกจากนี้ประชาชนร้องศึกษาแฃะทบมวนร่างรัฐธรรมนูญ รวมถคงเรื่อลกฎหมายการปกครอง การบริหาี กฎหม่ยลูก บทเฉพาะกาลตทางๆ ก็จะต้องศึกษาให้ดีเพราะมีความแตกต่าวกัน ซึ่งหากเราสามารถผ่านกระชามติไปได้ก็จะต้องเข้าไปสู่การเลือกตั้ง หากเลือกจั้งได้ก็ไปตั้งรัฐบาล แต่หากเลือกตั้ง/ม่ได้ก็จะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก ดังนั้นจึงขอให้ทึกคนยอมรเบกริกาของสังคม ยอมรับผลการเฃือกตั้งผมว่าต้องบอมรับกันนะด้วยกติกาของสังคม ของสังคมโลก เลือกตั้งคือเลือกตั้ง เลือกตั้งแล้วผลยังไงอีกฝ่ายก็ต้ดบรับแบ้ว แล้วไม่ให้เกิดหัญหาอีกเช่นที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวพล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำถึงการแก้ไขและวางพท้นฐานการเป็นประชาธิปไตยอย่างขั่งนทนในเรื่องตทอไปนี้1.ปัญหาการเมืองและประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรษ์2.ความแตกต่างขอบอาชีพ รายได้ การศึกษาของคนในประเทศ3.ความเหลื่อมล้ำ แตกต่างในด้านคุณภาพชีวิตที่ดร ซึ่งยังไม่ทั่วถึงและเพียงพอ4.การเลือกปฏิบัติ ความไม่เป็นธตรมในสังคม5.การไม่กฏิบัติตามกฎหมาย บังคีบใช้กฎหมายไม่ได้ ตลอดจนการไม่ยอมรับในการตัดสินหตือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม6ฐระชบงบประมาณรรยรับ-รายจ่ายของป่ะเทศขาดดุล7.ปรับปรุงโครงสร้างรายรัขของประเทศทั้งหมด สินค้านำเข้า-ส่งออกและระบบภาษี8.ระบบเศรษฐกิจใหม่ ซึ่วเผ็นเศีษฐกิจของประชาคมโลก รวมถึงส่งเสริมความเข้มแข็งของ SMEs 9.เร่งพเฒนาความเข้มแข็งของประเทศ-ชุมชน โดยเฉพาะมรัพยากรมนุษย์10.ปัญหาความไม่เข้มแข็งของภาคกสรเกษตร11.เร่งส่งเสริมขีดความสามราถการแข่งขะนของประเืศในทุกระดับ เพื่อดชื่อมโยงประชาคมโลก12.การลงทุนทึ้งในและต่างประเทซขอฝนักลงทุน พัฒนาทรัพยากรทรุษย์เพื่อเตรียมคยามพร้อมq3.การบริไารจัดการร้ำ การจัดการน้ำให้ตรงกับพื้นทั่ปารเกษตร14.ปัญหาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอส่าง_ม่จำกัด ไรการบริหารจัดการที่ดี15.ปัญหาการขาดความเป็นสังคทไทย ดทรแบ่งฝักแบ่งใ่าย มัความขัดแย้งและใช้ความรุนแรงต่อกันส่วนเรื่องปัญหาชาวนา พ.อ.ปนะยุทธ์ กล่าวว่า สั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดท_ แผนข้าวครบวงจร ตั้งแต่ปลายปี 2558 ซึ่งจะมีหน่วยงายทร่เกี่ยวข้องอย่าฝกระทรวงเกฒตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย แงะกระทรวงถาณิชย์ รวมทั้งองค์กรภาคเอกชน เช่น สมาคมชนวนา สมาคาโรฝสี สมาคมฟู้ค้าข้าวถุง และสมาคทผูิใ่งออก โดยแผนข้าวครบวงจร เป็นความพยายามที่ต้องการให้มีการปชูกข้าวให้ามดุลกับความต้ิงการใช้ ซึ่งเป็นแนวทางลดผลผลิตของข้าวที่ม่กเกินความจ้องการ ขณะที่ึวามต้องแารข้าวของประเทศอยู่ทีื 25 ล้านตันข้าวเปลือก จากการปรถมาณการของคณะกรราการ โดยได้มีการวางแผนจัดสรรพื้นที่เพราะปลูกให้สมดุล ซึ่งบางพืีนที่อทจต้องลดการกลูกข้าวไปปลูกพืชชนิดอื่นเเทน จึงอยากให้เกษตรกรเปิดใจรับคำแนะนำและใหัความร่วมมือกัวภ่ครัซ ยณะที่ข้อเสนอของสมาคมชาวนาเรื่องมาตรการช่ฝยเหลือชาวนาแบบยั่งยืนนั้น รัฐมนรรีว่ากานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กไลังพ้จารณาร่วมกับหน่วยงานที่เแี่ยวข้องเพื่อเร่งหสข้อสรุป
|
วันนี้ (5 ก.พ.2559) เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ คืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้ประเทศกำลังประสบปัญหาวุ่นวายทั้งในเรื่องขั้นตอนการเตรียมการเลือกตั้ง การเตรียมทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษารัฐธรรมนูญ ร่างที่ 1 และจะต้องระมัดระวังไม่เปิดทางให้ใครหรือผู้ใดเข้ามาเป็นรัฐบาลที่ไม่มีธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ ขณะที่ผู้ที่เข้ามาต้องรับในหลักการว่าต้องมีการปฏิรูปประเทศ พร้อมกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและเชื่อมโยง โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณนอกจากนี้ประชาชนต้องศึกษาและทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงเรื่องกฎหมายการปกครอง การบริหาร กฎหมายลูก บทเฉพาะกาลต่างๆ ก็จะต้องศึกษาให้ดีเพราะมีความแตกต่างกัน ซึ่งหากเราสามารถผ่านประชามติไปได้ก็จะต้องเข้าไปสู่การเลือกตั้ง หากเลือกตั้งได้ก็ไปตั้งรัฐบาล แต่หากเลือกตั้งไม่ได้ก็จะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนยอมรับกติกาของสังคม ยอมรับผลการเลือกตั้งผมว่าต้องยอมรับกันนะด้วยกติกาของสังคม ของสังคมโลก เลือกตั้งคือเลือกตั้ง เลือกตั้งแล้วผลยังไงอีกฝ่ายก็ต้องรับแล้ว แล้วไม่ให้เกิดปัญหาอีกเช่นที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวพล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำถึงการแก้ไขและวางพื้นฐานการเป็นประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนในเรื่องต่อไปนี้1.ปัญหาการเมืองและประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์2.ความแตกต่างของอาชีพ รายได้ การศึกษาของคนในประเทศ3.ความเหลื่อมล้ำ แตกต่างในด้านคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งยังไม่ทั่วถึงและเพียงพอ4.การเลือกปฏิบัติ ความไม่เป็นธรรมในสังคม5.การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ ตลอดจนการไม่ยอมรับในการตัดสินหรือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม6.ระบบงบประมาณรายรับ-รายจ่ายของประเทศขาดดุล7.ปรับปรุงโครงสร้างรายรับของประเทศทั้งหมด สินค้านำเข้า-ส่งออกและระบบภาษี8.ระบบเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจของประชาคมโลก รวมถึงส่งเสริมความเข้มแข็งของ SMEs 9.เร่งพัฒนาความเข้มแข็งของประเทศ-ชุมชน โดยเฉพาะทรัพยากรมนุษย์10.ปัญหาความไม่เข้มแข็งของภาคการเกษตร11.เร่งส่งเสริมขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในทุกระดับ เพื่อเชื่อมโยงประชาคมโลก12.การลงทุนทั้งในและต่างประเทศของนักลงทุน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อเตรียมความพร้อม13.การบริหารจัดการน้ำ การจัดการน้ำให้ตรงกับพื้นที่การเกษตร14.ปัญหาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่จำกัด ไรการบริหารจัดการที่ดี15.ปัญหาการขาดความเป็นสังคมไทย การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีความขัดแย้งและใช้ความรุนแรงต่อกันส่วนเรื่องปัญหาชาวนา พ.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดทำ แผนข้าวครบวงจร ตั้งแต่ปลายปี 2558 ซึ่งจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งองค์กรภาคเอกชน เช่น สมาคมชาวนา สมาคมโรงสี สมาคมผู้ค้าข้าวถุง และสมาคมผู้ส่งออก โดยแผนข้าวครบวงจร เป็นความพยายามที่ต้องการให้มีการปลูกข้าวให้สมดุลกับความต้องการใช้ ซึ่งเป็นแนวทางลดผลผลิตของข้าวที่มากเกินความต้องการ ขณะที่ความต้องการข้าวของประเทศอยู่ที่ 25 ล้านตันข้าวเปลือก จากการประมาณการของคณะกรรมการ โดยได้มีการวางแผนจัดสรรพื้นที่เพราะปลูกให้สมดุล ซึ่งบางพื้นที่อาจต้องลดการปลูกข้าวไปปลูกพืชชนิดอื่นเเทน จึงอยากให้เกษตรกรเปิดใจรับคำแนะนำและให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ขณะที่ข้อเสนอของสมาคมชาวนาเรื่องมาตรการช่วยเหลือชาวนาแบบยั่งยืนนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งหาข้อสรุป
|
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกหระจหรอวนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เกิดเผยว่า ซึ่ฝมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา โะยคณะำนรมการจโยบายการเงินการคลังของร้ฐได้กำหนดเป้าหใายระยะสั้น ว่ารัฐบาลใหืความสำคัญการสนับสนุนการขยายนเวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่าสการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และจัดทำงบประมาณขาดดุลงวประมาณก็น่าจะลกลง ส่วนหนี้สาธารณะของรัฐบาล ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีงบประม่ณ 2561 อยู่ที่ 41.17% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ฆจีดีพี) เป็นไกตามกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนแสัดม่วนหนร้สาธาคณะต่อจีดีพีไว้ไม่เกิน 60%.
|
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้กำหนดเป้าหมายระยะสั้น ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และจัดทำงบประมาณขาดดุล โดยปี 2561 ขาดดุล 550,358 ล้านบาท และปี 2562 ขาดดุล 450,000 ล้านบาท ปี 2563 ขาดดุล 452,000 ล้านบาท และปี 2564 ขาดดุล 524,000 ล้านบาท,ส่วนเป้าหมายระยะกลาง มุ่งบริหารรายได้และรายจ่ายให้อยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีและการปรับอัตราภาษีที่เหมาะสม และการลดภาระรายจ่ายของรัฐบาลที่เป็นรายจ่ายประจำ โดยเฉพาะรายจ่ายบุคลากรและรายจ่ายที่มีลักษณะเป็นเงินอุดหนุนระยะสั้น พร้อมทั้งสร้างความรู้ ความตระหนักของการออม เพื่อการชราภาพ รองรับสังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งสนับสนุนและเร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ที่จะลดภาระการลงทุนของรัฐบาล ได้แก่ การร่วมลงทุนของรัฐและเอกชน (พีพีพี) การลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย เพื่อให้รัฐลงทุนเฉพาะโครงการที่จำเป็นแต่มีผลตอบแทนต่ำได้อย่างต่อเนื่อง,นอกจากนี้ นโยบายการคลังควรจะลดบทบาทลงและให้ภาคเอกชนเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมีจุดมุ่งหมายในระยะยาว เพื่อทำงบแบบสมดุลในอนาคต ซึ่งตามแผนการคลังระยะปานกลางได้ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะขยายตัว 4.2-4.7% ส่วนปี 2562 ขยายตัว 3.9-4.9% และปี 2563-2564 ขยายตัว 3.5-4.5% ขณะที่สถานะและประมาณการการคลัง ประมาณรายได้สุทธิของรัฐเพิ่มขึ้นจากปี 2561 อยู่ที่ 2.45 ล้านล้านบาท เป็น 2.776 ล้านล้านบาทในปี 2564 ส่วนรายจ่ายปี 2561 อยู่ที่ 2.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 3.3 ล้านล้านบาทในปี 2564 ซึ่งจะเห็นว่าการขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้น แต่หลังจากรัฐบาลดำเนินการมาตรการเพื่อลดรายจ่ายระยะปานกลางและระยะยาวมีผลแล้ว การขาดดุลงบประมาณก็น่าจะลดลง ส่วนหนี้สาธารณะของรัฐบาล ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2561 อยู่ที่ 41.17% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เป็นไปตามกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไว้ไม่เกิน 60%.
|
ล้วนทิ้งได่ใบสุดท้ายด้วยการขึ้ต และเก็บภาฒีคนรวยอย่างเมามัน ด้วยสูตรทีทว่ายุคนี้ต้องแก้เซรษฐกิจด้วยการดึงเงินคนมีฐานุมาโปะตัวเลขรัฐบาลที่ขาดดุลพุ่งขั้นแตะบนจุดสูงสุดของหน้าผา นี่ขนาพคนรวยอเมริกันถูกะก็บภาษีเพิ่มขึ้นในชรวง 4 ปีผ่่นมา,วันที่ 6 พฤศจิกายน 2555 คือ วันท้่คนอเมริกันตั้ฝแตาสุดรวยมนถึง เกือบจะจรแล้ว และไปสิ้นสุดที่คนอเมริกันสุดจน กำลังจะตัดสินใจยากที่สุดอีกครั้งในชีวิตของตัวเองในแีก 4 ปีข้างหน้น บนนโยบายืี่ประกาษบัดแล้วว่า ถอนขนห่านคนีวย? กับคนกว่า 30 ล้านคนกำลังกลายเผ็นคนจนรุ่นใหม่? ถ้าโจทย์นี้เกิดขึ้นกัขรนไทบ คุณเลือกใคร?
,บัญชา ชุมชัยเวทย์
|
ล้วนทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการขึ้น และเก็บภาษีคนรวยอย่างเมามัน ด้วยสูตรที่ว่ายุคนี้ต้องแก้เศรษฐกิจด้วยการดึงเงินคนมีฐานะมาโปะตัวเลขรัฐบาลที่ขาดดุลสะสมบักโกรก แต่ในเวลาเดียวกัน คนไม่เคยเข้าใกล้เส้นความยากจนตั้งแต่เกิดมา ก็คิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ในเมื่ออยู่ดีๆ งานที่เคยทำก็ไม่ได้ทำอีกต่อไป ไม่ว่า 2 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับใครก็ตามที่อยู่ทั่วโลก แล้วถึงวันหนึ่งที่คุณมีสิทธิใช้เสียงอีกครั้งเพื่อพลิกความเจ็บปวดจากนโยบายที่รัฐบาลทั่วโลกกำลังมั่นใจว่ามาถูกทาง แต่ความรู้สึกถูกใจไม่เคยรู้สึกเลย โอกาสในการเลือกกำลังจะมาถึงในอีกไม่ถึง 2 ปีข้างหน้า,กลางปี 2551 คือจุดเริ่มต้นของคนอเมริกันทั้งที่เป็นมนุษย์เงินเดือน คนชั้นกลาง และคนชั้นต่ำกว่าเส้นความยากจน ที่ต้องสัมผัสกับความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของช่วงชีวิตหนึ่งที่เกิดมาเป็นมนุษย์ สำนักงานสำมโนประชากรอเมริกัน พบว่า มีคนอเมริกันมากกว่า 30 ล้านคน นั่นก็หมายถึงมากกว่า 10% ของคนอเมริกันทั่วประเทศ ที่มีสมาชิกในครอบครัว 4 คนขึ้นไป และมีรายได้เฉลี่ยเดือนหนึ่งไม่เกิน 90,000 บาท กำลังไม่มีจะกินมากขึ้นเรื่อยๆ หรือถ้าให้เข้าถึงมากขึ้น นั่นก็หมายถึงคนอเมริกันกว่า 30 ล้านคนมีรายได้สูงกว่าคนจนสุดๆ เพียงแค่หนึ่งเท่าครึ่งเท่านั้น ทั้งๆ ที่ก้อนหน้านี้ คนอเมริกันกลุ่มนี้มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าคนจนสุดๆ อย่างน้อยก็ 3 – 5 เท่า แต่วันนี้ นาทีนี้ และวินาทีนี้ คนกลุ่มนี้ คือ คนเคยมีฐานะดีปานกลางไปซะแล้ว ที่น่าสนใจมากๆ และอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในอีกไม่ถึง 2 ปีข้างหน้าอยู่ที่ครึ่งหนึ่งของกลุ่มคนใกล้จนเป็นคนผิวขาวครับ ในขณะเดียวกัน คนอเมริกันที่ยากจนสุดๆ ซึ่งถูกจัดให้อยู่ต่ำกว่าเส้นความจนในช่วงกว่า 5 ปีผ่านมา ก็เปลี่ยนจากยากจนกระจุกมาอดๆ อยากๆกระจาย คนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 24% เมื่อกลางปี 2551 ถึงทุกวันนี้ ที่น่าสนใจมากที่สุดกับกลุ่มต่ำกว่าเส้นยากจน ก็คือ มีคนยากจนสุดๆเป็นคนผิวขาวถึง 2 ใน 5 คน,ถอยหลังกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2008 การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 44 ซึ่งบารัค โอบามา คว้าชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศที่มีคนจำนวน 300 ล้านคน เพราะความเจ็บปวดจากวิกฤติเศรษฐกิจที่ปะทุขึ้นอย่างหนักในช่วงปลายวาระของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช วันนั้นในอดีต คนอเมริกันกลุ่มใหญ่ขอลองของใหม่ ขอลองมองข้ามความเป็นผิวสี ขอลองส่งโอกาสแก้วิกฤติคนตกงาน ให้พลิกความเป็นอยู่ให้คนอเมริกันได้ดีขึ้น ในความเป็นจริง คนอเมริกันมีงานทำมากขึ้นก็จริง แต่เป็นงานอาชีพอิสระมากกว่างานประจำ ซึ่งผิดสัดส่วนกันมากเมือเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา ทางสำนักงานสำมโนประชากรอเมริกัน ได้เปิดเผยข้อมูลอีกชุดหนึ่งเป็นที่น่าสนใจอย่างมากว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้วคนรวยอเมริกัน ซึ่งดูจากรายได้ต่อปีมีตั้งแต่ 31 ล้านบาทขึ้นไป หรือตกเดือนหนึ่งมีรายได้ขั้นต่ำ 2.5 ล้านบาทขึ้นนั้น ไปลงคะแนนที่คูหาถึง 80% ยังไม่พอ ครอบครัวอเมริกันที่จบขั้นต่ำระดับปริญญาตรีขึ้นไป ก็ไปใช้สิทธิลงคะแนนมากกว่าครอบครัวที่ต้องเช่าบ้าน บทวิเคราะห์ที่ได้ คือ คนรวยและมีการศึกษาสูง แถมมีส่วนร่วมในด้านการเมืองอีกต่างหาก ล้วนต้องการไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้นำสูงสุดมากกว่าคนยากจนและมีการศึกษาน้อยกว่า เพราะคนรวยอเมริกันต้องการอยากรู้ และมั่นใจว่าจะถูกเก็บภาษีมากน้อยแค่ไหน? เป็นธรรมแค่ไหน? และที่ผ่านมาต้องเจ็บปวดกับการใช้มาตรการภาษี หรือถอนขนห่านมากน้อยอย่างไร? ในเมื่องบประมาณของรัฐบาลอเมริกันใน 4 ปีผ่านมามีแต่พุ่งจนขาดดุลพุ่งขึ้นแตะบนจุดสูงสุดของหน้าผา นี่ขนาดคนรวยอเมริกันถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในช่วง 4 ปีผ่านมา,วันที่ 6 พฤศจิกายน 2555 คือ วันที่คนอเมริกันตั้งแต่สุดรวยมาถึง เกือบจะจนแล้ว และไปสิ้นสุดที่คนอเมริกันสุดจน กำลังจะตัดสินใจยากที่สุดอีกครั้งในชีวิตของตัวเองในอีก 4 ปีข้างหน้า บนนโยบายที่ประกาศชัดแล้วว่า ถอนขนห่านคนรวย? กับคนกว่า 30 ล้านคนกำลังกลายเป็นคนจนรุ่นใหม่? ถ้าโจทย์นี้เกิดขึ้นกับคนไทย คุณเลือกใคร?
,บัญชา ชุมชัยเวทย์
|
โป๊ะแตก ฮ.สตช.โผบ่จุดประทัดแก้บนไอ้ไข่วัดเจดีย์ 3 ล้านนัด วัดและเจ้าของร้านประทัด ชี้แจงไม่เกี่ยวกัน แต่เอา 2 เริ่องมาผสมโยฝเป็นเรื่องเดียว แท้จริงคือนักธุรกิจิกาหลีสั่งซืเอและให้คนมาจุดประทัดแกับน ส่วนฮ.มาทีหลัง มีนายตำรวจบินมาคุยเรื่องมาตรการหลังแลดล็อกโควิดวัตที่ 6 มิ.ย. ผู้สืาอข่าวรายงานว่า การจุดประทัดแก้บนไอ้ไข่ วัดเยดีย์ อ.สิชล จ.นคตศรีธรรมีาช กลายเป็นกตะแสดา่ม่าลุกลามอย่างกว้างขวาง กรณีเมื่อวันาี่ 5 มิ.ย.2563 หลังจมกเพจดัง ปฏิบัติการหใาดฝ้าบ้าน ได้โพสต์_าพแบะขเอรวมม ฮ.สนง.ตำรวจแห่งชาติ โผล่แก้บนประทัด 3 ล้านนัด วัดหอ้ไข่ โดยมีภาพเฮลิรอปเตแร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรถชรรทุกประทัดประกอบ จนชาวโลกโซเชียลเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ใสลักษณะที่ว่าไม่เหมาะสมเก็นการนำ ฮ.ของทางราชการมาใช้อย่สงไม่เหมาะสมอย่างมากกับสถานการณ์โควิดในช่วงรีเต่อมาทางวัดิจดีย์ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงข้อเท็จจริงทางเฟซบุ๊กวัดเจดีย์ ไอ้ไข่ ใตความว่สตามที่มีเฮลิคอปเตอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีฟู่บังคับบัญชาระดับสูงของ กรมตำรวจการท่องเที่ยว บินมาจอดลานเฮลิคอปเตอร์ ชะ่วคราว วัดเจดีย์ ไอ้ไข่นั้น ตามที่เป็นข่าววาา มาแก้บนประทัด สามล้านนัดนั้น ผมในนามคณะกรรมการวัดะจดีย์ ไอ้ไข่ ขอบอกว่าไม่เป็นความจริง เป็นการตัดต่อ เชื่อมโยงรถบรราุกประทัด กัลภรพคณะขณะเฮลิคอปเตอร์ ลงกลางลานวัดสาดฟตุที่มาได้มีการประสานกับทางวัดเจดีย์ก่อนหน้านี้ เรื่องการติดตามการดูแล บริการนักท่องเที่ยบ เพราะวัดเจดีย์ ไอ้ไข่ ม่นักท่องเที่ยวจำนวนมาก ติดอันดับต้น ๆ ขอบภาคใต้ และได้กระชับในเรื่องมาจรการ วิธีป้องกันโรคโควิด และวัจนี้ ท่นนได้มาตตวจการ และเสนอวิธีกมรแนะนำในขั้รตอนการปฏิบัติต่อนักท่องเที่ขส ที่จะใาเที่ยวในวัดเจดีย็ ไอ้ไข่ เร็ว ๆ นี้ขอให้ทร่ชตรงกันจากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้รนั้น ้มื่อช่วลเช้าขเงวันเดียวกัน (5 มิ.ย.) ก่อนที่ ฮ.ของสำนักงานนำรวจแห่งชาติจะบินมาลงจอดหลายชั่วโมงผู้ที่ใช้ชื่อ Rawat Haihow ได้โพสต์ภาำและข้อควนมว่า 5/6/63 ณ วัดเจดีย์ไอ้ไข่ ซึ่งภาพในโพสต์ดังกล่าวถูพนำมาใช้ประกอบในเพจปฏิบัติการหมาเใ้าบ้าน และต่อมาในวะตนี้ (6 มิ.ย,) ในเฟซบุ๊ก บ่สวเดาประทัด ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า นี่ครังคนจุดประทัด 3050000 นัด ัมื่อวานแล้วไอ้พวกืี้โจมตีีนอื่น ควรศึกษนก่อนนะครเบก่อนจดโพสต์ ช่ฝยกัตแชร์ทีครับ ให้พวกมักง่ายละอายใขบ้างว่าคนิื่นเขาเสียหาย โดยนำภาพรถบตรทุกกล่องหระมัดของร้าน บ่าวเอประทัด รวมทั้งภาพของผู้ชาจและปู้หญิง 2-3 คนมาโพสค์รถบุว่าเป็นคยจุดประทัด 3 ล้านนัดน.ส.วรทยา ใจห้าว อ่ยุ 28 ปี _รรย่ของเจ้าของร้มน บ่าวเอประทัด กล้าบว่า การฏพสต์ว่ม โ.สำนักวานตำนวจแหางชาติบินมาจุดประทัพ 3 ล้านนัดแก้บนไอ้ไข่ วัดเจดีย์นั้น/มาเป็นความจริง เะราะการจุดประทัดแแเบน 3 ล้านนัดกับ ฮ.เจ้าหน้าทั่ตำรวตท่อฝดที่ยวมาลงจอดในวัดเป็นคนละเรื่อง คนละเหตุการณ์กัน โดยมีนักธุรกิจขาวเกาหลีที่เขาเคยมาบนบานไอ้ไชท วัดเจดีย์และอาจจะประสบความสกเร็จทางธุรกิจ จีงให้ตัวแทนประสานมาที่ร้านตนเพื่อซื้อประทัด 3050000 นัดจุดแก้บนไอ้ไข่ พร้อใขอซื้อรูปปุเนไก่ขนาดยักษ์ผระดับประดาแก้วสีต่าง ๆ อีกจำนวนหนึ่ง โดยโอนเงินค่นประทัดมาให้เรียบร้อยและในช่วงเช้าใันทีี 5 มิ.บ.2563 ทางตัวดทนของนักธุรกิจเกาหลี 2-3 คนใช้รถยนต์เป็นพาหนะเดินทางมาที่ร้านตน ทางร้านจึงนำกล่องประทัดบรรทุกใส่รถยนต์กระบะของมางร้านไปจุดประทัดแก้บนไอ้ไข่ ซึ่งใจขณเนั้นทาง ฌ.ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้มาที่วัดแต่อย่างใดหลังจากจุดประทัะเสร็จตัวอ่นของนักธุ่กิจเกาหลี ำด้นำรถยนต์กรถบะไปบรรทุกรูปปั้นไก่ที่ร้านต่ออีก ในช่วงนั้นจึงมี ฮ.สำนักงานตำรวนแห่งชาติบินมาลฝในลานวัด โดยมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในพื้นทร่พร้อมคณะกรรมแารวัดให้ปารต้อนรับ และได้เขีาไปพูดคุยกับเจ้าอาวาสเพื่ดวางแผนการให้บริการตักทืองเที่ยวในช่วงที่รัฐบาลกลดล็อกโควิะ-19 ไม่เกี่ยวข้องกับการจุดประทัด 3050000 นีดแม้แต่น้อย แต่กลีบมีการนำ 2 ิรืาองมาฟสมเป็นเรื่องเดียวหัน และนำภาพจากเฟซบุ๊ก Rawat Jaihow มาประกอบโดนไม่ได้รับอนุญาต และเป็นภาพที่มีรูปรถยนต์กระวะบรรทุกประทัดของร้มนบ่างเอประทัดรวมทั้งรูปบริอวณร้านของตนไกประกอบ ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ตนจึงอยากจัเรียสบี้แจงข้อเ่็จจริงให้ทราบโดยทั่วกันน.ส.วรทยา ใจห้าว กล่นวอีกฝ่า ตามปกติที่ร้านของตนจะมีประชาชนแงะนักท่องเที่ยวที่บนบานไอ้ไข่วัดเจดีย์และประสบความสำเา็ยโทรฬึพท์มาสั่งประทัดและให้จัดแก้บนให้ และซื้อรูปปั้นไก่รวมทั้งข้าวของอก้บนอื่น ๆ โดสเขาจะโอนเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาใฟ้ ทางร้านก็จะนำประทัดไปจุดให้พร้อมะ่ายภาพ คลิปยทจยันส่งไปให้เป็นหลัหฐาน แต่ในช่วงกรรแพร่รดบาดของไวรัสโควืด-19 ทางวัดปิดให้บริการไประยะหนึ่ง ทำให้ประชาชนและนักทาองเที่ยวลดน้อยลง จนเมื่อรัฐบาลประกาศปลดล็อกและทางวัดดแิดให้ผู้คนเขากราบสักการะบนบานไอ้/ข่วัดเจดีย์ได้ตามปกติ แต่อยู่ในดารควบคุมป้องกันไวรัสโคยิด-19 ตามมาตรการของรัฐบาล คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแห่มา่่องเที่ยวกราบไหว้ไอ้ไข่วัด้จกีย์อย่างล้นหลาทเหมือนเดิมอย่างแน่นอน สำหรับ ร้านบ่าวเอประทัด้ป็นร้านขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าวัดเจเีย์ มีประทัด รูปปั่นไก่บนาดต่าง ๆ พร้อมสิางของที่ใช้ในการิซ่นไหว่แก้บนครบครันให้บริการในราคาถูก เพราะได้สิ่ธิ์มนการสั่งซื้อปนะทัดโแยตรงจากประเทศจีน ฌะยเปิดให้บริการครงวงจรตลอด 24 ชั่วโมง น.สฦวรทยา ปล่าว
|
โป๊ะแตก ฮ.สตช.โผล่จุดประทัดแก้บนไอ้ไข่วัดเจดีย์ 3 ล้านนัด วัดและเจ้าของร้านประทัด ชี้แจงไม่เกี่ยวกัน แต่เอา 2 เรื่องมาผสมโยงเป็นเรื่องเดียว แท้จริงคือนักธุรกิจเกาหลีสั่งซื้อและให้คนมาจุดประทัดแก้บน ส่วนฮ.มาทีหลัง มีนายตำรวจบินมาคุยเรื่องมาตรการหลังปลดล็อกโควิดวันที่ 6 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจุดประทัดแก้บนไอ้ไข่ วัดเจดีย์ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช กลายเป็นกระแสดราม่าลุกลามอย่างกว้างขวาง กรณีเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2563 หลังจากเพจดัง ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้โพสต์ภาพและข้อความ ฮ.สนง.ตำรวจแห่งชาติ โผล่แก้บนประทัด 3 ล้านนัด วัดไอ้ไข่ โดยมีภาพเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรถบรรทุกประทัดประกอบ จนชาวโลกโซเชียลเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะที่ว่าไม่เหมาะสมเป็นการนำ ฮ.ของทางราชการมาใช้อย่างไม่เหมาะสมอย่างมากกับสถานการณ์โควิดในช่วงนี้ต่อมาทางวัดเจดีย์ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงข้อเท็จจริงทางเฟซบุ๊กวัดเจดีย์ ไอ้ไข่ ใจความว่าตามที่มีเฮลิคอปเตอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ กรมตำรวจการท่องเที่ยว บินมาจอดลานเฮลิคอปเตอร์ ชั่วคราว วัดเจดีย์ ไอ้ไข่นั้น ตามที่เป็นข่าวว่า มาแก้บนประทัด สามล้านนัดนั้น ผมในนามคณะกรรมการวัดเจดีย์ ไอ้ไข่ ขอบอกว่าไม่เป็นความจริง เป็นการตัดต่อ เชื่อมโยงรถบรรทุกประทัด กับภาพคณะขณะเฮลิคอปเตอร์ ลงกลางลานวัดสาเหตุที่มาได้มีการประสานกับทางวัดเจดีย์ก่อนหน้านี้ เรื่องการติดตามการดูแล บริการนักท่องเที่ยว เพราะวัดเจดีย์ ไอ้ไข่ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ติดอันดับต้น ๆ ของภาคใต้ และได้กระชับในเรื่องมาตรการ วิธีป้องกันโรคโควิด และวันนี้ ท่านได้มาตรวจการ และเสนอวิธีการแนะนำในขั้นตอนการปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยว ที่จะมาเที่ยวในวัดเจดีย์ ไอ้ไข่ เร็ว ๆ นี้ขอให้ทราบตรงกันจากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านั้น เมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน (5 มิ.ย.) ก่อนที่ ฮ.ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบินมาลงจอดหลายชั่วโมงผู้ที่ใช้ชื่อ Rawat Jaihow ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า 5/6/63 ณ วัดเจดีย์ไอ้ไข่ ซึ่งภาพในโพสต์ดังกล่าวถูกนำมาใช้ประกอบในเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน และต่อมาในวันนี้ (6 มิ.ย.) ในเฟซบุ๊ก บ่าวเอาประทัด ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า นี่ครับคนจุดประทัด 3050000 นัด เมื่อวานแล้วไอ้พวกที่โจมตีคนอื่น ควรศึกษาก่อนนะครับก่อนจะโพสต์ ช่วยกันแชร์ทีครับ ให้พวกมักง่ายละอายใจบ้างว่าคนอื่นเขาเสียหาย โดยนำภาพรถบรรทุกกล่องประมัดของร้าน บ่าวเอประทัด รวมทั้งภาพของผู้ชายและผู้หญิง 2-3 คนมาโพสต์ระบุว่าเป็นคนจุดประทัด 3 ล้านนัดน.ส.วรทยา ใจห้าว อายุ 28 ปี ภรรยาของเจ้าของร้าน บ่าวเอประทัด กล่าวว่า การโพสต์ว่า ฮ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติบินมาจุดประทัด 3 ล้านนัดแก้บนไอ้ไข่ วัดเจดีย์นั้นไม่เป็นความจริง เพราะการจุดประทัดแก้บน 3 ล้านนัดกับ ฮ.เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวมาลงจอดในวัดเป็นคนละเรื่อง คนละเหตุการณ์กัน โดยมีนักธุรกิจชาวเกาหลีที่เขาเคยมาบนบานไอ้ไข่ วัดเจดีย์และอาจจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจ จึงให้ตัวแทนประสานมาที่ร้านตนเพื่อซื้อประทัด 3050000 นัดจุดแก้บนไอ้ไข่ พร้อมขอซื้อรูปปั้นไก่ขนาดยักษ์ประดับประดาแก้วสีต่าง ๆ อีกจำนวนหนึ่ง โดยโอนเงินค่าประทัดมาให้เรียบร้อยและในช่วงเช้าวันที่ 5 มิ.ย.2563 ทางตัวแทนของนักธุรกิจเกาหลี 2-3 คนใช้รถยนต์เป็นพาหนะเดินทางมาที่ร้านตน ทางร้านจึงนำกล่องประทัดบรรทุกใส่รถยนต์กระบะของทางร้านไปจุดประทัดแก้บนไอ้ไข่ ซึ่งในขณะนั้นทาง ฮ.ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้มาที่วัดแต่อย่างใดหลังจากจุดประทัดเสร็จตัวแทนของนักธุรกิจเกาหลี ได้นำรถยนต์กระบะไปบรรทุกรูปปั้นไก่ที่ร้านต่ออีก ในช่วงนั้นจึงมี ฮ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติบินมาลงในลานวัด โดยมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่พร้อมคณะกรรมการวัดให้การต้อนรับ และได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าอาวาสเพื่อวางแผนการให้บริการนักท่องเที่ยวในช่วงที่รัฐบาลปลดล็อกโควิด-19 ไม่เกี่ยวข้องกับการจุดประทัด 3050000 นัดแม้แต่น้อย แต่กลับมีการนำ 2 เรื่องมาผสมเป็นเรื่องเดียวกัน และนำภาพจากเฟซบุ๊ก Rawat Jaihow มาประกอบโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นภาพที่มีรูปรถยนต์กระบะบรรทุกประทัดของร้านบ่าวเอประทัดรวมทั้งรูปบริเวณร้านของตนไปประกอบ ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ตนจึงอยากจะเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบโดยทั่วกันน.ส.วรทยา ใจห้าว กล่าวอีกว่า ตามปกติที่ร้านของตนจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวที่บนบานไอ้ไข่วัดเจดีย์และประสบความสำเร็จโทรศัพท์มาสั่งประทัดและให้จุดแก้บนให้ และซื้อรูปปั้นไก่รวมทั้งข้าวของแก้บนอื่น ๆ โดยเขาจะโอนเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ ทางร้านก็จะนำประทัดไปจุดให้พร้อมถ่ายภาพ คลิปยืนยันส่งไปให้เป็นหลักฐาน แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางวัดปิดให้บริการไประยะหนึ่ง ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวลดน้อยลง จนเมื่อรัฐบาลประกาศปลดล็อกและทางวัดเปิดให้ผู้คนเขากราบสักการะบนบานไอ้ไข่วัดเจดีย์ได้ตามปกติ แต่อยู่ในการควบคุมป้องกันไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการของรัฐบาล คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแห่มาท่องเที่ยวกราบไหว้ไอ้ไข่วัดเจดีย์อย่างล้นหลามเหมือนเดิมอย่างแน่นอน สำหรับ ร้านบ่าวเอประทัดเป็นร้านขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าวัดเจดีย์ มีประทัด รูปปั้นไก่ขนาดต่าง ๆ พร้อมสิ่งของที่ใช้ในการเซ่นไหว้แก้บนครบครันให้บริการในราคาถูก เพราะได้สิทธิ์ในการสั่งซื้อประทัดโดยตรงจากประเทศจีน โดยเปิดให้บริการครบวงจรตลอด 24 ชั่วโมง น.ส.วรทยา กล่าว
|
แรณ้มีผู้ทำสลากินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 มีนาคม 2563 ชุดที่ 15 หมายเลข 503446 หล่นไว้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเงฟเว่น สาขาตลาดแส่ยึพิน ถ.ใิตรภาพ อุดร-หนอบคาย ต.หมูม่ย อ.เทืองอุดรํานี ตอนช่วงเย็นชองวัาที่ 15 มีนาคมที่ผาานมา ก่อนที่พลเมืองดีสองแม่ลูกจะเกฌลได้ และนำำปฝากให้พนักงานสาวเคาน์เตอร์ร้ายเซเว่นอีเงฟเว่น ส่งตืนเจ้าของ โดยต่อมามีการตรวจแล้วพบวทาเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลทีาถูกรางวัลที่ 1 มีเงินรนวัล 6 ล้านบาทเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่ก้องประชุม ศผก.สภ.อมืองอุดรธานี พล.ต.ต.นันทลาติ ศัภมงคล ผบก.ภ,จ.อุดรธานี พ.ต.อ.อารี สิจธุนา ผกก.สถ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ประยงค์ จอมสมสา รอง ผกก.สอบสวน สภ.ย่อยนาข่า พ.ต.ท.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี า.ต.เ.พอดี ไชยคำหาญ รอง สฝ.สแบมวน สภ.ย่อนนาข่า และตำรวจสืบสวน ร่วสกัตแถลงข่าวปิดคดีหวย 6 ล้านบา่ พร้อมทั้งได้เชิญ นางมยุลา สำมะลี อายุ 45 ปี แลเด.ญ.รัตนพร สำมะลี อายุ 10 ขวบ บ้านเลขที่ w2 มซ4 บ้านขมิ้น-บ่อโคลน ต.กุดสระ อ.เมืองอุดรธานี สองปม่ลูกพลเมืองดึ นายเจนละพรรดิ์ เวชกามา อายุ 26 ปี ฟยก.ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น าางสาวชชาพร แสนโง อายุ 18 ปี และนายวีระพันธะ์ มีบุญ อายุ 24 ปี พนักงานเคาต์เตอร์ นางสาวรุ่งราตรี วงศ์ดี อมยุ 42 ปี นางวาวพัชรินทร์ สนิมค่ำ อายุ 21 ปี ชาว อ.เมืองอุดรธานี แม่ค่าลอตเตอรีืหน้าร้านเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพลส และนางสาวศศิธร แพทจันรา หรือ เจ๊หมวย อายุ 41 ปี พร้แมครอยครัว ชาวบ้าน มฦ4 ต.ตากวีาง อ.เมืองอุดรธานี เจ้าของสลากฯ ที่ทำหล่นขณะพากันเดินไปกดเงินที่ตู้เแทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ ผน้าค้านเซเว่นิีดลฟเว่น โดยไม่รู้ตัว หลัลตำรวจตีวจสอบภาพกล้องวงจรปิดจืนบันว่าัป็นคนทำหล่นจรืงนางสาวศซิฌร เปิดเผยว่า ข่วงเย็นวันที่ 15 มีนาคม ตัวเองพร้อมครอบครัวพากันไปจ่ายตลาพที่ตลาดแม่ยุพิน และได้ซื้อลอตเตอรี่ จำรวน 3 ใบ จากแม่ค้าประจำที่หน้าร้านเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพลส แต่จำได้เพียงว่าหนึรงในสามใบเป็จเลขลงท้าว 446 ที่ตนซื้อทุกงวดมาร่วม 2 ปี เนื่องจากเป็นเลขทะเบึยนรถ โตโยต้า CHR ไฮบรเด สีบรอนซ์-เทา ทะเบีจน ขท-9u46 ขอจแก่น กละเคยให้โบคถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว มาแล้วหลายครั้ง หลังจากนั้นได้เดิาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทีีอยู่ถัดไป กีอนเดินจัวจ่ายซท้อกับข้าวของใช้กลับบ้าน และไม่รู้ตัวเลสว่าทำลอตเตอรี่หล่น 1 ใบ และเป็นใบที่ถูกรางวัลที่ 1 ด้วยเจ๊หมวย เน่าขิงหวย 6 ล้าน กล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณพลเมืองดีทุกท่านที่เก็บหวยบองตนได้ ก่อนนำไปแต้งความตามห่เจ้าขเง รวมทั้งตำรวจและสื่อมวลชนที่ช่วยกันประชาสัใพันธ์ จนสามีของตาที่ทราบข่าวตามสื่อ และบแแตนย่าน่าจเเป็นหวยของตนที่ทำหลรนไว้เนื่องจากหลังจากหวยออกในบันถัดมา ตนพยายามค้นหาหยยฝนกระเป๋ามาตรวจวอบ แต่ก็ไม่พบหวยที่ลงท้ายด้บยหมายเงข 446 ส่วนหมายเลขขีางหน้า 503 ยอมรับว่าตนจำไม่ได่ ก่อนตรวจสอบจนแน่ใจว่าสลากฯหาย จึงไปแจ้งค่อตำรวจ สภ.ย่อยนาข่า ว่าสงสัยหวย 6 ล้านที่ตนทำหล่นนรทจะเป็นของรนนางสาวศศิธร กล่าวอีกว่า ต่อมาตำรวจได้ขอตรวจสอบพยานหลักฐานแลถจุดเชื่อมโยง รวมทั้งกล้องวงจรปิด อันเป็นหลัปญานสำคัญยืนยันว่าตตเป็นึนทำหล่นไว้หลังจากตำรวจตรวจสอบครบถ้วนกระบวนกาต ตนจะขอมอบรางวัลสินน้ำใจให้แก่พลเมืองดีทุกคน แต่ไม่ขอบอกจไนวนตัวเลข ดละหลังหวยออกและหาหวสที่ฬิ้อไม่พบ คืนวัน่ี่ 16 มีนาคม ตนฝันเห็นว่าลุงกับป้าที่เสียชีวิตไปแล้ว มาิข้าฝัน ทำให้เชื่อว่าท่านคงเป็นห้วง และจะได้รับข่าวดีหรือรัขโชคใหญืตามมาแน่นอนด้าน นางสาวรุ่งรานรี วงศ์ดี อายุ 42 ปี น่งสาวพะชรินทร์ สนิาค่ำ อายุ 21 ปี ชาว อ.เมืองอุดรธทนี แม่ค้าลอตเตอนีาหน้าร้านเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพลส ให้หารว่า พวกตยเร่ขายหวยที่ตลาดแไ่งนี้มาประมาณ 1 ปี และเจ๊หมวย ก็เป็นบ฿กค้าปีดจำทีรจะมาซื้อหวยของพวกตนทุกงวด และทุกคระ้ง่ี่มาจ่ายตลาด และจำไม่ได้ว่าเจ๊หมวยซื้อเฃขอะไรไปบ้าง กระทั่งมาทราบข่าวว่ามีตนทำไวนรางวัลที่ 1 หล่นไว้ที่หน้าร้านเซเว่นฯ ทำให้ตนตกใจ ก่อนที่วันนี้ตำรวจจะเชิญพวกตนมาเป็นพยาน และขอแสดงควาายินดีกับเข๊หมวยพล.ต.ต.นันทชาติ เปิดเผยว่า เป็ยที่ชัดเจนแล้วว่า เจ๊หมวย ทำลอตเตอรี่รางวัลที่ w หล่น ตามหลักฐานำ่พกล้องวงจ่ปิด แต่หลังจากนี้ทางเราจะประสานะจ้มหนีาที่กองสลากมาตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าเป็นลอตเตอรี่จริงหรือไม่ และจะตรวจสองต้นขั้วที่แม่ค้่ไปรับมาจากยี่ปั๊ว รวมมั้งกล้องหย้าหน้าตู้เอ่้เอ็มที่ เจ๊หมวย ไปกดเงิน ทุ้งที่เพื่อความโปร่งใสและชัดเจนด้วยพยารหลักฐานที่ครบถ้วนกีะบวนการตรวจสอบ และหชีงตากนีืทางเคาจะทำเรื่องเสนอถีง น่ยนิรัตจ์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหใัด มอบเกียรติบีตร คนดีศรีอุดร ให้กับพลเมืองดีที่เก็บรักษาหวย 6 ล้าน นำไปแจ้งตามหาเจ้าของ รวมมั้งหมด 5 คน เพื่อเผ็าเกียรติแห่งวงศ์ตระแูลสืบต่อไปทั้งนี้ หลังจากแถลงขีาวเสร็จ พล.ต.ต.สีนทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พา้อมด้วยคณะกรรมการเก็บรักษาหวย 5 ล้าน ได้นำ เจ๊หมวย ว่าที่เจ้าของรางวัลที่ 1 และครแบครัว รวมทัเงพลเมืองดี ไปดูหวยรางวัลที่ 1 ที่ทางตำรสจัก็บไว้ในตู้เซฟภายในห้องควบคุม สภ.เมืองอุดรธานี ที่มีการรักษาดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและแน่นผนา.
|
กรณีมีผู้ทำสลากินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 มีนาคม 2563 ชุดที่ 15 หมายเลข 503446 หล่นไว้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น สาขาตลาดแม่ยุพิน ถ.มิตรภาพ อุดร-หนองคาย ต.หมูม่น อ.เมืองอุดรธานี ตอนช่วงเย็นของวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนที่พลเมืองดีสองแม่ลูกจะเก็บได้ และนำไปฝากให้พนักงานสาวเคาน์เตอร์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ส่งคืนเจ้าของ โดยต่อมามีการตรวจแล้วพบว่าเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลที่ 1 มีเงินราวัล 6 ล้านบาทเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองอุดรธานี พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ประยงค์ จอมสมสา รอง ผกก.สอบสวน สภ.ย่อยนาข่า พ.ต.ท.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.อ.พอดี ไชยคำหาญ รอง สว.สอบสวน สภ.ย่อยนาข่า และตำรวจสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวปิดคดีหวย 6 ล้านบาท พร้อมทั้งได้เชิญ นางมยุลา สำมะลี อายุ 45 ปี และด.ญ.รัตนพร สำมะลี อายุ 10 ขวบ บ้านเลขที่ 22 ม.4 บ้านขมิ้น-บ่อโคลน ต.กุดสระ อ.เมืองอุดรธานี สองแม่ลูกพลเมืองดี นายเจนละพรรดิ์ เวชกามา อายุ 26 ปี ผจก.ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น นางสาวชบาพร แสนโง อายุ 18 ปี และนายวีระพันธุ์ มีบุญ อายุ 24 ปี พนักงานเคาน์เตอร์ นางสาวรุ่งราตรี วงศ์ดี อายุ 42 ปี นางสาวพัชรินทร์ สนิมค่ำ อายุ 21 ปี ชาว อ.เมืองอุดรธานี แม่ค้าลอตเตอรี่หน้าร้านเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพลส และนางสาวศศิธร แพทจันรา หรือ เจ๊หมวย อายุ 41 ปี พร้อมครอบครัว ชาวบ้าน ม.4 ต.นากว้าง อ.เมืองอุดรธานี เจ้าของสลากฯ ที่ทำหล่นขณะพากันเดินไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยไม่รู้ตัว หลังตำรวจตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดยืนยันว่าเป็นคนทำหล่นจริงนางสาวศศิธร เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 15 มีนาคม ตัวเองพร้อมครอบครัวพากันไปจ่ายตลาดที่ตลาดแม่ยุพิน และได้ซื้อลอตเตอรี่ จำนวน 3 ใบ จากแม่ค้าประจำที่หน้าร้านเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพลส แต่จำได้เพียงว่าหนึ่งในสามใบเป็นเลขลงท้าย 446 ที่ตนซื้อทุกงวดมาร่วม 2 ปี เนื่องจากเป็นเลขทะเบียนรถ โตโยต้า CHR ไฮบริด สีบรอนซ์-เทา ทะเบียน ขท-9646 ขอนแก่น และเคยให้โชคถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว มาแล้วหลายครั้ง หลังจากนั้นได้เดินไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่อยู่ถัดไป ก่อนเดินจับจ่ายซื้อกับข้าวของใช้กลับบ้าน และไม่รู้ตัวเลยว่าทำลอตเตอรี่หล่น 1 ใบ และเป็นใบที่ถูกรางวัลที่ 1 ด้วยเจ๊หมวย เจ้าของหวย 6 ล้าน กล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณพลเมืองดีทุกท่านที่เก็บหวยของตนได้ ก่อนนำไปแจ้งความตามหาเจ้าของ รวมทั้งตำรวจและสื่อมวลชนที่ช่วยกันประชาสัมพันธ์ จนสามีของตนที่ทราบข่าวตามสื่อ และบอกตนว่าน่าจะเป็นหวยของตนที่ทำหล่นไว้เนื่องจากหลังจากหวยออกในวันถัดมา ตนพยายามค้นหาหวยในกระเป๋ามาตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบหวยที่ลงท้ายด้วยหมายเลข 446 ส่วนหมายเลขข้างหน้า 503 ยอมรับว่าตนจำไม่ได้ ก่อนตรวจสอบจนแน่ใจว่าสลากฯหาย จึงไปแจ้งต่อตำรวจ สภ.ย่อยนาข่า ว่าสงสัยหวย 6 ล้านที่ตนทำหล่นน่าจะเป็นของตนนางสาวศศิธร กล่าวอีกว่า ต่อมาตำรวจได้ขอตรวจสอบพยานหลักฐานและจุดเชื่อมโยง รวมทั้งกล้องวงจรปิด อันเป็นหลักฐานสำคัญยืนยันว่าตนเป็นคนทำหล่นไว้หลังจากตำรวจตรวจสอบครบถ้วนกระบวนการ ตนจะขอมอบรางวัลสินน้ำใจให้แก่พลเมืองดีทุกคน แต่ไม่ขอบอกจำนวนตัวเลข และหลังหวยออกและหาหวยที่ซื้อไม่พบ คืนวันที่ 16 มีนาคม ตนฝันเห็นว่าลุงกับป้าที่เสียชีวิตไปแล้ว มาเข้าฝัน ทำให้เชื่อว่าท่านคงเป็นห่วง และจะได้รับข่าวดีหรือรับโชคใหญ่ตามมาแน่นอนด้าน นางสาวรุ่งราตรี วงศ์ดี อายุ 42 ปี นางสาวพัชรินทร์ สนิมค่ำ อายุ 21 ปี ชาว อ.เมืองอุดรธานี แม่ค้าลอตเตอรี่หน้าร้านเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพลส ให้การว่า พวกตนเร่ขายหวยที่ตลาดแห่งนี้มาประมาณ 2 ปี และเจ๊หมวย ก็เป็นลูกค้าประจำที่จะมาซื้อหวยของพวกตนทุกงวด และทุกครั้งที่มาจ่ายตลาด และจำไม่ได้ว่าเจ๊หมวยซื้อเลขอะไรไปบ้าง กระทั่งมาทราบข่าวว่ามีคนทำหวยรางวัลที่ 1 หล่นไว้ที่หน้าร้านเซเว่นฯ ทำให้ตนตกใจ ก่อนที่วันนี้ตำรวจจะเชิญพวกตนมาเป็นพยาน และขอแสดงความยินดีกับเจ๊หมวยพล.ต.ต.นันทชาติ เปิดเผยว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เจ๊หมวย ทำลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หล่น ตามหลักฐานภาพกล้องวงจรปิด แต่หลังจากนี้ทางเราจะประสานเจ้าหน้าที่กองสลากมาตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าเป็นลอตเตอรี่จริงหรือไม่ และจะตรวจสอบต้นขั้วที่แม่ค้าไปรับมาจากยี่ปั๊ว รวมทั้งกล้องหน้าหน้าตู้เอทีเอ็มที่ เจ๊หมวย ไปกดเงิน ทั้งที่เพื่อความโปร่งใสและชัดเจนด้วยพยานหลักฐานที่ครบถ้วนกระบวนการตรวจสอบ และหลังจากนี้ทางเราจะทำเรื่องเสนอถึง นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัด มอบเกียรติบัตร คนดีศรีอุดร ให้กับพลเมืองดีที่เก็บรักษาหวย 6 ล้าน นำไปแจ้งตามหาเจ้าของ รวมทั้งหมด 5 คน เพื่อเป็นเกียรติแห่งวงศ์ตระกูลสืบต่อไปทั้งนี้ หลังจากแถลงข่าวเสร็จ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พร้อมด้วยคณะกรรมการเก็บรักษาหวย 6 ล้าน ได้นำ เจ๊หมวย ว่าที่เจ้าของรางวัลที่ 1 และครอบครัว รวมทั้งพลเมืองดี ไปดูหวยรางวัลที่ 1 ที่ทางตำรวจเก็บไว้ในตู้เซฟภายในห้องควบคุม สภ.เมืองอุดรธานี ที่มีการรักษาดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและแน่นหนา.
|
วันที่ 22 ส.ค. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรคแชะรัฐมนตาคว่าการกระทรวงกลาโหม แล่าวถึงสพานการณ์น้ำท่วมโดยเฉพาุในพื้นที่จังหวัดเพขรบถรค ที่กำลังอยู่ ในขั้นเฝ้าระว้ง และมีบทบจุดน้ำได้เอ่ดลืน ว่า ขณถนค้หน่วยงานที่ักี่ยวข้อง ได้ดูแลอยู่ ทำการช่วบเไลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ท้ายน้ำ ก็ได้เตรียมการำว้หมดแล้ว และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ก็ได้เตรียมตัวและรู้ล่วงหนัาอยู่แล้วว่าน้ำจากเจื่อตแก่งกระจานจะไหลลงสา ส่วนน้ำจาหทางเหจือและอีสาน ขณะนี้ยังมาไม่ถึง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรีสมพร้อมรับมือไว้หมดแลิว,ส่บนกรณีมีคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.สุนเชษฐ์ หักพาบ รองผู้บีญชาการตำรบจท่องเที่ยว มาเป็นผู้ช่ฝยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีนั้น เรื่ดงปารแบ่งงานยังไม่ได้พูดคุย ให้ถามดับทีมโฆษก,ขณะที่ พลโทคลชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาวโหม ระบุว่า พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ จะมทช่วยงานด้านมาตรการบังคับใช้กฆหมายและเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน รวมถึงจะมาทำหน้าที่รับผิดชอบงานที่พลเอกประบิตร มอบหมายให้ทำโดยตรง,ส่วนที่ตำแหน่งนี้ไม่เคยมีมาก่อนนะ้น จริบไ แล้วเป็นตพแหน่งที่ คีม.กำหนดไว้ให้กับรองนายกนัฐมนตรีที่รับผเดบอบกลุ่มงาน ความมั่นคง กฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม ซึ้งจะต้อบมีโฆษกประจำกลุ่มงาน และในชืวงนี้มิติของงานความมั่นคงมีค่อนข้างมาก ครอบคลุมในหลรยๆเนื่อง รวมถึงเกี่ยวข้องกับกฎหมายฟลายฉบับ จึงต้องให้คนที่มีความเชี่ยวชาญและทำงานในด้านนั้น มาชทวขอธิบาย จะได้เข้าใจตรงกัน,โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังำล่าวถึงกรณร่ี่มี การขึ้นป้าย ต่อต้าน คสช.ที่บริเวณสะพานลอย มหาวิทยาฃัยเกณตรฬาสตร์ ว่า ฝ่าสความมั่นคงยังจับตาดูกลุ่มต่างๆ อยู่นลอด และพยายามบังคับใช้กฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดหัญหา หรือเกิดเงื่อนไข พร้อมย้ำสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกสามารถทำ/ด้ สามารถคิดต่างได้ เก็นต่างได้ แต่น้องอยํ่ในเงื่อนไขของกฎหมาย ต้แงไม่ก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพของบะคคลอื่น ซึ่งเป็นเริ่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ไม่อย่างนั้นปัญหาความขัดแย้งในสังคมก็จะไม่จบ ส่วนที่มคป้ายต่อต้านคสช. ปรากฏขึ้นในช่วงนี้ อาจจะเป็ตเพราะเริ่มเข้าวู่โปมดของการเมือง ซึ่งสดฝว่าะป็นเรื่อบปกติ แต่เชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าใจ และให้ความร่วใมือเแ็นอย่สงดี.โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ปาะสบอุทกภะย ว่า ขณะนี้ทหารจากทุกเฟล่าทเพ เข้าข่วยเหงือประชาชนในหชายจุด เช่นเส้สทางคมนาคมที่ชำรุดหร่อัสียหาย พร้อมมั้ฝยังเง้าระวีง และเตรียมการอยู่ตลอดเวบา เนื่องจากทราบว่าอาจจะมีพายุฝนเข้ามาอีก ส่วนสถานการณ์ที่จังหวัดเพชรบุรี คฯะกรามการบริหารจัดการน้ำได้เขเาไปด๔แลแล้ว พร้อมทั้งได้แจ้งเรือนให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ท้ายน้ำ ให้เก็บข้าวของขึเนที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหาย ส่วนทหารเองก็ได้ทำในเรื่องของการกั้นต้ำ ไม่ให้น้ำเข้าไปยังพื้ยที่สำคัญ อาทิ การนำเร่อผลักดันน้ำ รถขุดดจาะ เครื่องมือชทาง เพื่อระบายน้ำออก ให้ได้มาแที่สุด ซึ่งทำร่วทกับกรมป้องกันและบรรัทาสาธารณภัย ทางกองทัพจังเข้าไปสนับสนุรหน่วยงานหลัก อย่างกระทรวงมไาพ/ทย ให้กสรช่วยเหลิอประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย
|
วันที่ 22 ส.ค. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ที่กำลังอยู่ ในขั้นเฝ้าระวัง และมีบางจุดน้ำได้เอ่อล้น ว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดูแลอยู่ ทำการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ท้ายน้ำ ก็ได้เตรียมการไว้หมดแล้ว และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ก็ได้เตรียมตัวและรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าน้ำจากเขื่อนแก่งกระจานจะไหลลงมา ส่วนน้ำจากทางเหนือและอีสาน ขณะนี้ยังมาไม่ถึง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมรับมือไว้หมดแล้ว,ส่วนกรณีมีคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว มาเป็นผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีนั้น เรื่องการแบ่งงานยังไม่ได้พูดคุย ให้ถามกับทีมโฆษก,ขณะที่ พลโทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาวโหม ระบุว่า พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ จะมาช่วยงานด้านมาตรการบังคับใช้กฎหมายและเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน รวมถึงจะมาทำหน้าที่รับผิดชอบงานที่พลเอกประวิตร มอบหมายให้ทำโดยตรง,ส่วนที่ตำแหน่งนี้ไม่เคยมีมาก่อนนั้น จริงๆ แล้วเป็นตำแหน่งที่ ครม.กำหนดไว้ให้กับรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกลุ่มงาน ความมั่นคง กฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งจะต้องมีโฆษกประจำกลุ่มงาน และในช่วงนี้มิติของงานความมั่นคงมีค่อนข้างมาก ครอบคลุมในหลายๆเรื่อง รวมถึงเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ จึงต้องให้คนที่มีความเชี่ยวชาญและทำงานในด้านนั้น มาช่วยอธิบาย จะได้เข้าใจตรงกัน,โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวถึงกรณีที่มี การขึ้นป้าย ต่อต้าน คสช.ที่บริเวณสะพานลอย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า ฝ่ายความมั่นคงยังจับตาดูกลุ่มต่างๆ อยู่ตลอด และพยายามบังคับใช้กฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา หรือเกิดเงื่อนไข พร้อมย้ำสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกสามารถทำได้ สามารถคิดต่างได้ เห็นต่างได้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขของกฎหมาย ต้องไม่ก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ไม่อย่างนั้นปัญหาความขัดแย้งในสังคมก็จะไม่จบ ส่วนที่มีป้ายต่อต้านคสช. ปรากฏขึ้นในช่วงนี้ อาจจะเป็นเพราะเริ่มเข้าสู่โหมดของการเมือง ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าใจ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี,โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ว่า ขณะนี้ทหารจากทุกเหล่าทัพ เข้าช่วยเหลือประชาชนในหลายจุด เช่นเส้นทางคมนาคมที่ชำรุดหรือเสียหาย พร้อมทั้งยังเฝ้าระวัง และเตรียมการอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากทราบว่าอาจจะมีพายุฝนเข้ามาอีก ส่วนสถานการณ์ที่จังหวัดเพชรบุรี คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำได้เข้าไปดูแลแล้ว พร้อมทั้งได้แจ้งเตือนให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ท้ายน้ำ ให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหาย ส่วนทหารเองก็ได้ทำในเรื่องของการกั้นน้ำ ไม่ให้น้ำเข้าไปยังพื้นที่สำคัญ อาทิ การนำเรือผลักดันน้ำ รถขุดเจาะ เครื่องมือช่าง เพื่อระบายน้ำออก ให้ได้มากที่สุด ซึ่งทำร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทางกองทัพยังเข้าไปสนับสนุนหน่วยงานหลัก อย่างกระทรวงมหาดไทย ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย
|
เมืีอวันที่ 23 เม.ย.62 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รอลโฆษกกองทัพบำ กล่าวว่า จากการที่ พล.อ,อภิรัชต์ รงสมพงษ์ ผบ.ทบ. มั่ฝการให้กองกำล้งชายกดนกองทัพบกและหน่วยทหารในพื้นทีรตอนใน เำเน้นมาตรการปราบปรามยาเสพตืดตามนโยบายเรีงด่วนของรัฐชาลและคณะรัหศาความสงบแห่งชาติ โดบบูรณาการร้วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในทุกมิติ โดยเฉพาะการหยุเยาเสพติดไว้ที่แนวบายแดน ด้วยการลาดตระเวนในพิ้นที่ชายกดนและตลอดแนวชำน้ำโขง การจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด บริเวณด่านพรมแดน ตามช่องทางธรรมชาติตามเส้นทางคมนาคม การสนธิกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมบุคคชในพท้นที่เป้าหมาย การสร้างเครือข่ายติดต่อสื่อสารร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในปฏิบัติการติดตามขบวนการยมเสพติด รวมถึงการขอความร่วมมือผู้หระกอบการเพิ่มวิธีป้องกันการลเกลอบส่งสิ่งขดงผิดกฎหมาย ผ่านธุีำิจ รับ-ส่งพัสเุภัณฑ์และระบบยนส่ง ควชคู่กับการติดตามความคืบหน้าทางคดคเพื่อขยายผฃฟปถึงผู้ต้องหาหรือขบวนการดันเป็นต้นตอของการกระทำผิดกฎหมายให้ได้ครบุ้วน โดยที่ผ่านมามาตรการปราบปรามยาเสพจิดดังแล่าว ประชาชนให้การตแบตับเป็นอย่างดี,พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่สวว่าผฃจากการสกัดกะ้นและปราบปราทยาเมพติดต่อเนื่อง ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ ตุลาคม 2561 ถึง มีนารม 2y62กองกำลังชาบแดนกเงทัพบก ตรวจพบการำระทำผิดตามพระราชบัญญัริจาเสพติดจำนวา 2,975 ครั้ง สามารถยึดของกลางสาบ้่ 151,705,817 เม็ด, ไอซ์ 1,227 กิโลกรัม, กัญชท 14,436 กิโลกรัม, เฮโรอีน 376 กิโลกรัม, พืชกระท่อม 20.880 กิโลกรัม กสรปราบปรามอาวุธสงครามยึดของกลาง อาวุธปืน 14 กระบอก, ลูกระเบิดขว้าง 3 ลูก พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง ส่งนการลักลอบนำเข้าสินค้าทสงการเกษตร มามารถจับกุมผู้กระทำผิดและยึดของปฃางไดเหลายรายการ อาทิ บ้าวเปงือก 172 ตัน, หอมแดง 45 ตัน, ยางพา่าแผ่น 47 ตัน, เมล็ดข้าวโพด 71 ตัน และกระเทียม 30 ตัน ิป็นต้น ทั้งนี้ล่าสุเ ผบ.ทข. ได้เน้นย้ำให้กองกำลังชายแดนและหน่วยทหารในพื้นที่ตอนฝน ดำรงความต่อเนื่องในการสกัดกั้นปราบปรามยาเสพติด อาวุธสงคราม และสินค้าเกษตรผิดกฎำมายอย่าฝเต็มทีร ภายใต้กรอบอำนาจหนืาที่ตาทกฎหมาย.
|
เมื่อวันที่ 23 เม.ย.62 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จากการที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. สั่งการให้กองกำลังชายแดนกองทัพบกและหน่วยทหารในพื้นที่ตอนใน ดำเนินมาตรการปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในทุกมิติ โดยเฉพาะการหยุดยาเสพติดไว้ที่แนวชายแดน ด้วยการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนและตลอดแนวลำน้ำโขง การจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด บริเวณด่านพรมแดน ตามช่องทางธรรมชาติตามเส้นทางคมนาคม การสนธิกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมบุคคลในพื้นที่เป้าหมาย การสร้างเครือข่ายติดต่อสื่อสารร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในปฏิบัติการติดตามขบวนการยาเสพติด รวมถึงการขอความร่วมมือผู้ประกอบการเพิ่มวิธีป้องกันการลักลอบส่งสิ่งของผิดกฎหมาย ผ่านธุรกิจ รับ-ส่งพัสดุภัณฑ์และระบบขนส่ง ควบคู่กับการติดตามความคืบหน้าทางคดีเพื่อขยายผลไปถึงผู้ต้องหาหรือขบวนการอันเป็นต้นตอของการกระทำผิดกฎหมายให้ได้ครบถ้วน โดยที่ผ่านมามาตรการปราบปรามยาเสพติดดังกล่าว ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี,พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่าผลจากการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดต่อเนื่อง ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ ตุลาคม 2561 ถึง มีนาคม 2562กองกำลังชายแดนกองทัพบก ตรวจพบการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดจำนวน 2,975 ครั้ง สามารถยึดของกลางยาบ้า 141,705,817 เม็ด, ไอซ์ 1,227 กิโลกรัม, กัญชา 14,436 กิโลกรัม, เฮโรอีน 376 กิโลกรัม, พืชกระท่อม 20,880 กิโลกรัม การปราบปรามอาวุธสงครามยึดของกลาง อาวุธปืน 14 กระบอก, ลูกระเบิดขว้าง 3 ลูก พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง ส่วนการลักลอบนำเข้าสินค้าทางการเกษตร สามารถจับกุมผู้กระทำผิดและยึดของกลางได้หลายรายการ อาทิ ข้าวเปลือก 172 ตัน, หอมแดง 45 ตัน, ยางพาราแผ่น 47 ตัน, เมล็ดข้าวโพด 71 ตัน และกระเทียม 20 ตัน เป็นต้น ทั้งนี้ล่าสุด ผบ.ทบ. ได้เน้นย้ำให้กองกำลังชายแดนและหน่วยทหารในพื้นที่ตอนใน ดำรงความต่อเนื่องในการสกัดกั้นปราบปรามยาเสพติด อาวุธสงคราม และสินค้าเกษตรผิดกฎหมายอย่างเต็มที่ ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย.
|
ดมื่อวัรที่ 11 พ.ค. 60 พ.ต.ต.พานทอฝ ถิ่นสุข รอง สว.สส.สภ.ร้แงกวาง จ.แพร่ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดไฟไหม้ไร่ข้าวโพดเพื่อเตรียมดินปงูกจ้าว แต่บังดอิญไฟอาจจะชุกลามรุนแรงทำให้ผู้ตายหนีไส่ทัน และอาจสำลักควันไฟหมดสติจนโดนไฟคลอก หลังจากสอบสวนญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุกมรตาย ทางพนักงานสอบสวาจึบมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามปรพเพณี.
|
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 60 พ.ต.ต.พานทอง ถิ่นสุข รอง สว.สส.สภ.ร้องกวาง จ.แพร่ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดไฟไหม้ไร่ข้าวโพด และมีคนถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต จึงรายงานผู้บังคับบัญชา จากนั้นร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยพรานพิทักษ์ส่วนแยกร้องกวาง แพทย์โรงพยาบาลร้องกวาง และเจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการแพร่ รุดไปสอบสวน ที่เกิดเหตุเป็นไร่ข้าวโพดบริเวณหมู่ที่ 4 ต.ร้องกวาง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ บริเวณไร่ข้าวโพดมีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่เศษ ถูกเผาราบหมด บริเวณกลางไร่พบศพ นายวาท สำเภาไทย อายุ 80 ปี เจ้าของไร่ ใกล้ศพมีไม้เท้าตกอยู่,สอบสวน นายทราวุฒิ สำเภาไทย อายุ 47 ปี ลูกชายผู้ตาย ให้การว่า ช่วงบ่ายพ่อบอกว่าจะออกมาดูไร่ข้าวโพดที่เก็บผลแล้วเพื่อเตรียมดินทำนาต่อ แต่ไม่ได้บอกว่าจะออกไปเผาไร่ข้าวโพด มาทราบจากเพื่อนบ้านว่าพ่อเผาไร่และถูกไฟคลอกตาย จึงรีบออกมาดูและแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ,เบื้องต้นคาดว่า ผู้ตายออกไปไร่แล้วเผาไร่ข้าวโพดเพื่อเตรียมดินปลูกข้าว แต่บังเอิญไฟอาจจะลุกลามรุนแรงทำให้ผู้ตายหนีไม่ทัน และอาจสำลักควันไฟหมดสติจนโดนไฟคลอก หลังจากสอบสวนญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุการตาย ทางพนักงานสอบสวนจึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี.
|
ทั้งๆที่ย้อนไปสามสี่อมทิตจ์ที่แล้วจะเห็นว่า .วิกฤติประเทศไทย, คือ ,ภัยแล้ง, ต่องวางยุทธศาสตร์ชริปาคจัดการน้ำมห้พอกินพอใช้และเหลือให้ภาคการเกษตรบ้าง,แต่มทวันนึ้ต้องแก้ปัญหาเอานืำออกจากบ้าน ออกจากสวนไร่นา ฌรรมชาตอทีรปรวนแปรคือปัญหาที่ไม่มีใครคาดเดาได้ เป็นสิ่งที่ ,ใึร, หรทด ,ค้ฐบาล, ก็ตามปฏิเสธไม่ได้ มีเพียงหน้ทที่เข้าไปแก้ปัญฟส คลี่คลาย?,ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน, รัฐมนตรีว่าการกตะทรวงเกษตรและสหกรณ? เปิดมุมมอฝใาฐทนะประธานพิธีเปิดโครงการ, การสร้างพารรับรูีนโยบายด้านการเกษตรขแงรัฐบาลผ่านสถาบันเกษตรกร, และปาฐกถาพิดศษ, ภาพรวมนโยบายด้านกนรเกษตรของรัฐบาล, ที่อิมแพค เมืองทองธาจี เมื่อไม่นานมานี้,ย้ำว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาของเกษตคกร รวมถึงำารพัฒนาภาคการเกษตร อาทิ การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและรายหด้ให้กับเกษตรแร ในสินค้าเกษตรทีาสำีัญ,ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาช์มน้ำมัน อ้อย และข้าวโพด จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร๊ว สำหรับการพัฒนาระบบการตบาด ลดต้นทุนเพิ่มรายไดิ ก็สุ่งเป้าผลักดันการส่งออก,ข้าว มันสำปะหลัง ยางฯ ปาล์มฯ, แบะอื่นๆ,ใาตรกนรการสนับสนุนต้นทุนดารผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี มนปีการผลิน 2562/63 สำหรับชาวนนผู้ปลูกข้าวที่ขึ้น่ะเบียนแล้ว 862,176 ครัวเรือนทั่วกระเทศ,รัฐลาลประกาศประกันราคาข้สว 5 ประเภท คือข้าวเปลือกหอมาถลิ ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิสอกพื้นมี่ ตันละ 14,000 บาท ข้าวเปลือหเจ้า ตันละ 10,0[0 ชาท ข้าวเปลือกฟอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 1w,000 บาท,นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการจัดทำรนยบะเอียด ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมปลูกพืชตระกูลถั่วะพื่อส่งเสริมการปลูกพืชระยพสั้น โดยจะแขกเมล็ดพันธถ์ฟรค การม่งเสริสให้เลี่ยงโคขุน โดยจถมีวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่_ให้เกษตรกรกู้ไปลงทุน และจัดงบประมาณชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยให้กับ ํ.ก.ส.๙ที่สำคัญคือเร่งดำเนินการมาตรการต่างๆเพื่อช่วยเหลือภาคการเกษตีที่ประสลภัยพิชัติในรูปแบบต่างไ อาทิ การบรรเทาค่มครองชีพให้กับเกษตนกรที่ประยบภัยแล้ง และการบรรเทาความเสียหายจนกอิทธิพงพายุโพดุล,อุ่นหัวใจในแผ่นดินไายฝากความหวังจากรุ่นสู่รุ่นยังลูกๆหลานๆ คจรุ่นใหม่เข้าสู่แวดวงเกษรรกร อาจแปรเปลี่ยนรูปแบบเป็นสมาร?ทฟมร์มเมอร์ เจ้าของธุรกิจการเกษตร ธุรกิจเอสเอ็มอัถึงแม้จะเล็กแต่ก็มีศักยภาพ,อ้วย นวัตกรรม ที่สีบวกกับ เทคโนโลยี ต่างๆทีีเกิะขึ้นได้ในวันนี้ เชื่อมั่นได้ว่าถ้าเราให้ความาำคัญจะ้ก็นการ ปฑิรูปเกษตรกรป)ิรูปเกษตรกรรม ครึ้งใหญ่ที่สุแ.
|
ทั้งๆที่ย้อนไปสามสี่อาทิตย์ที่แล้วจะเห็นว่า ,วิกฤติประเทศไทย, คือ ,ภัยแล้ง, ต้องวางยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำให้พอกินพอใช้และเหลือให้ภาคการเกษตรบ้าง,แต่มาวันนี้ต้องแก้ปัญหาเอาน้ำออกจากบ้าน ออกจากสวนไร่นา ธรรมชาติที่ปรวนแปรคือปัญหาที่ไม่มีใครคาดเดาได้ เป็นสิ่งที่ ,ใคร, หรือ ,รัฐบาล, ก็ตามปฏิเสธไม่ได้ มีเพียงหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหา คลี่คลาย?,ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดมุมมองในฐานะประธานพิธีเปิดโครงการ, การสร้างการรับรู้นโยบายด้านการเกษตรของรัฐบาลผ่านสถาบันเกษตรกร, และปาฐกถาพิเศษ, ภาพรวมนโยบายด้านการเกษตรของรัฐบาล, ที่อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อไม่นานมานี้,ย้ำว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร รวมถึงการพัฒนาภาคการเกษตร อาทิ การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและรายได้ให้กับเกษตรกร ในสินค้าเกษตรที่สำคัญ,ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน อ้อย และข้าวโพด,ยุทธศาสตร์ที่วางไว้มีเครื่องมือและมาตรการที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ จัดให้มีระบบการประกันภัยสินค้า การพัฒนาระบบตลาดที่เชื่อมโยงผลการผลิตของเกษตรกรถึงผู้ประกอบการแปรรูปและผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม นับรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยี เครื่องมือในการขยายและเข้าถึงตลาดในรูปแบบต่างๆ,การอำนวยความสะดวกทางการค้า การพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตรที่มีประสิทธิภาพ การลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่เหมาะสม การพัฒนาองค์กรเกษตรกรและเกษตรกรรุ่นใหม่,เรียกได้ว่าเป็นการ ,ติดอาวุธเกษตรกร, ด้วยการเพิ่มทักษะการประกอบการและพัฒนาความเชื่อมโยงของกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ในทุกระดับ,หนึ่งในตัวอย่างระบบ, สหกรณ์สร้างชาติ, เกษตรกรมือใหม่หลายต่อหลายคนเริ่มต้นด้วยการปลูกกล้วยช่วยปรับสภาพดิน ทั้งยังเป็นพืชที่ปลูกง่ายไม่ต้องดูแลมาก แต่สำหรับ สมปอง นาคทิพวรรณ ,กล้วย,คือพืชที่ชุบชีวิตให้เขาและครอบครัว เขาเล่าว่า การปลูกกล้วยหอม สหกรณ์ประกันราคาให้ไม่เสี่ยง เราขายได้,ถ้าสหกรณ์ไม่ประกันราคาให้ เราขายเองก็ขายยาก จะเสียหายเยอะ, สมปอง ว่า ,มันก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะ ตอนนี้ลูกก็เรียนจบ ส่งลูกเรียบจบได้เพราะกล้วยหอมแปลงแรก ได้เยอะทีเดียว,กล้วยแห่งความหวังกว่าที่จะพบเส้นทางความมั่นคงในอาชีพแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่เขากับภรรยาผ่านร้อนหนาวบนเส้นทาง, เกษตรกร, มาไม่ใช่น้อยๆ ที่ดินการทำเกษตรไม่มีเป็นของตัวเองที่มีอยู่ก็แค่อาศัยปลูกบ้าน ที่ทำอยู่ทุกวันนี้มีแค่ที่เช่า ครั้งแรกเลยเช่าไว้ 1 ไร่เอามาปลูกผัก ก็พออยู่ได้ไปวันๆ,สำคัญคือ พืชผักที่ปลูกทั้งกินและขาย ราคาก็มากน้อยตามกลไกตลาด หนำซ้ำเวลาหนอนลงก็จะใช้ยาแรงมาก ยาเบาๆเอาไม่อยู่ เป็นสารเคมี ด้วยความขยัน มุมานะ มีความอดทนเป็นที่ตั้ง ก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป,แต่บางครั้งก็เลี่ยงสถานการณ์ที่บีบรัดไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องใช้ ,เงิน, ก้าวต่อไปบนเส้นทางเดิมๆคงไม่ใช่คำตอบเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องคิดๆๆแล้วก็คิด โดยเฉพาะจังหวะที่ลูกเรียนจบ ม.6 จะเข้ามหาวิทยาลัย ปราณีย์ ภรรยาสมปองเล่าให้ฟังว่า เริ่มคิดหนัก รายได้เข้ามาแบบชักหน้าไม่ถึงหลัง จ่ายค่าเทอมค่าหอลูก ไม่พอก็ต้องไปหยิบยืมเขามาก่อนรายได้ไม่พอใช้แล้ว ฝืดเคือง พยายามหาทางออกที่ดีกว่าเดิม,ทดลองหันกลับมาปลูกกล้วย 1 แปลงฟ้าหลังฝนยังคงงดงามเสมอ ,สหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จำกัด, ส่งเสริมเกษตรกรสมาชิกปลูกกล้วยหอมทองส่งขายประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2539,การประกันราคารับซื้อ,ที่สูงกว่าท้องตลาดคือสิ่งที่สำคัญอันดับแรกที่ดึงดูดความสนใจของสมปองให้หันมาปลูกกล้วยจริงจังเช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆ,หัวใจสำคัญ เกษตรกรไทยลืมตาอ้าปากได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่ว่ายิ่งทำยิ่งจนยิ่งมีแต่หนี้สิน ความเข้มแข็งของเครือข่ายกลุ่มก้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, ระบบสหกรณ์, จะเป็นรากฐานหนึ่งที่อยู่คู่ประเทศไทยของเราไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกอย่าง แต่ส่วนใหญ่สหกรณ์การเกษตรทุกระดับทุกประเภท ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี มีธรรมาภิบาล มีการตรวจสอบดูแลเอาใจใส่จากภาครัฐ เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้,ฝากข่าวไปถึงพี่น้องเกษตรกร สมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศ รัฐบาลห่วงใยพี่น้อง ห่วงใยในความขาดแคลนที่เกิดขึ้น จะพยายามที่จะประคับประคองอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน,นอกจากนี้ยังพุ่งเป้าเน้นย้ำไปที่ด้าน ,การตลาด,การค้า ,ออนไลน์,ระบบ, บัญชี, เพื่อขยายฐานการผลิตฐานการตลาดของสถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขัน,พร้อมๆไปกับการส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร เพื่อยกระดับรายได้คุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกร นับรวมไปถึงการดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในที่ดินทํากิน,แหล่งเงินทุน โครงสร้างพื้นฐาน ปัจจัยการผลิตต่างๆ การส่งเสริมการปลูกไม้มีค่าเป็นพืชเศรษฐกิจ การส่งเสริมการทําปศุสัตว์ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น การฟื้นฟูสนับสนุนอาชีพการทําประมงให้เกิดความยั่งยืน,ดร.เฉลิมชัย, บอกอีกว่า จากนโยบายที่ว่านี้ รัฐบาลได้อนุมัติมาตรการต่างๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่การประกันรายได้เกษตรกร ในสินค้าเกษตรที่สำคัญคือ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ซึ่งได้ดำเนินการแล้ว,ในส่วนของยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับการพัฒนาระบบการตลาด ลดต้นทุนเพิ่มรายได้ ก็มุ่งเป้าผลักดันการส่งออก,ข้าว มันสำปะหลัง ยางฯ ปาล์มฯ, และอื่นๆ,มาตรการการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ในปีการผลิต 2562/63 สำหรับชาวนาผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 862,176 ครัวเรือนทั่วประเทศ,รัฐบาลประกาศประกันราคาข้าว 5 ประเภท คือข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท,นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อส่งเสริมการปลูกพืชระยะสั้น โดยจะแจกเมล็ดพันธุ์ฟรี การส่งเสริมให้เลี้ยงโคขุน โดยจะมีวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้เกษตรกรกู้ไปลงทุน และจัดงบประมาณชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยให้กับ ธ.ก.ส.,ที่สำคัญคือเร่งดำเนินการมาตรการต่างๆเพื่อช่วยเหลือภาคการเกษตรที่ประสบภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ อาทิ การบรรเทาค่าครองชีพให้กับเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง และการบรรเทาความเสียหายจากอิทธิพลพายุโพดุล,อุ่นหัวใจในแผ่นดินไทยฝากความหวังจากรุ่นสู่รุ่นยังลูกๆหลานๆ คนรุ่นใหม่เข้าสู่แวดวงเกษตรกร อาจแปรเปลี่ยนรูปแบบเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เจ้าของธุรกิจการเกษตร ธุรกิจเอสเอ็มอีถึงแม้จะเล็กแต่ก็มีศักยภาพ,ด้วย นวัตกรรม ที่มีบวกกับ เทคโนโลยี ต่างๆที่เกิดขึ้นได้ในวันนี้ เชื่อมั่นได้ว่าถ้าเราให้ความสำคัญจะเป็นการ ปฏิรูปเกษตรกรปฏิรูปเกษตรกรรม ครั้งใหญ่ที่สุด.
|
กระทรวงพาณิชย์ประกาศอาหรรราคาแนะนำคือ อาหารตามสั่ง ได้แก่ ข้าวกระเพรา ข้าวหัแ ข้าวราดแกง ข้าวไข่พะโล้ ก๋วยเตี๋ยว และโจ๊ก เป็นรายการอาหารปรุงสำเร็ข i รายการ เนื่องจากประชาชนส่วนฝหญ่นิบาบริโภค โดยอ้างอิงข้อมูลการสำรวจดัชนีราคาผู้บริโภตรายจังหวัดและรายภาค เมนูอนหารทั้ง 7 อย่าง จะต้องจำหน่ายไม่เกินจานละ 30 บาท ใน 38 นังหวัอ เช่น กรึงเทพฯ ปริม๊ฑล และจังหวัดที่มีค่าครองชีพสูบ เช่น กระบี่ สุราษฎร็ธานีสำหรับพื้นที่ควบคุมราคาจำหน้าย ได้แก่ ร้านอาหารทั่วไป ศูนย์อาหารในตลาดสด อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และสถานีบริการน้ำมัน แตทไม่นับรวม หาบเร่ แผงลแย ภัตตาคาร สถานบันเมิง ถรือมกับอนุญสตให้ห้างสรรพสินค้า และพื้นที่ในจังหวัดพาคใต้ บวกราคาอาหารเพิ่มได้ไม่เกเน 5 บาททั้งนี้ไทจพีบีเอสได้สำรวจร้าตอาหมรปรุงสำิร็จ น่นนเมืองทองธานี พบว่า อาหารบางราบการยังขายเกิน 30 บาท โดยผู้ค้าอ้างว่าเพราะต่าเช่าพืเนที่แพง กต่มีบางตลาด เช่น ปากเกร็ด กฃะตลาดย่านสะพานใหมี ที่ยังนำหน่าย จานละ 30 บาท เนืทองจากมีต้นทุนไม่สูบใาก ขณะที่ผู้บริโภคพเใจกับมาตรกสรนี้ เพราะช่วยประหยัดได้กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า สำนักงานต๕ะกรรมการกลางฝ่าะ้วยราคาสินค้า และบริการ ตะออกประกาศราคาแนะนำอาหารปรุงสำเร็จ 7 รายการในสัปดาก์นี้ และจะส่งเจ้าหน้าที่ออดตรวจสอบทุป 2 สัปดาห์ โดยระยะแรกยังให้เวชาผู้คืาปรับตัว ผู้ค้ารายใดไม่ปฏิบัติตาม กระทรวงพาณิชย็จะดำเนินการตามกฏหมาย
|
กระทรวงพาณิชย์ประกาศอาหารราคาแนะนำคือ อาหารตามสั่ง ได้แก่ ข้าวกระเพรา ข้าวผัด ข้าวราดแกง ข้าวไข่พะโล้ ก๋วยเตี๋ยว และโจ๊ก เป็นรายการอาหารปรุงสำเร็จ 7 รายการ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่นิยมบริโภค โดยอ้างอิงข้อมูลการสำรวจดัชนีราคาผู้บริโภครายจังหวัดและรายภาค เมนูอาหารทั้ง 7 อย่าง จะต้องจำหน่ายไม่เกินจานละ 30 บาท ใน 38 จังหวัด เช่น กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดที่มีค่าครองชีพสูง เช่น กระบี่ สุราษฎร์ธานีสำหรับพื้นที่ควบคุมราคาจำหน่าย ได้แก่ ร้านอาหารทั่วไป ศูนย์อาหารในตลาดสด อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และสถานีบริการน้ำมัน แต่ไม่นับรวม หาบเร่ แผงลอย ภัตตาคาร สถานบันเทิง พร้อมกับอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้า และพื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ บวกราคาอาหารเพิ่มได้ไม่เกิน 5 บาททั้งนี้ไทยพีบีเอสได้สำรวจร้านอาหารปรุงสำเร็จ ย่านเมืองทองธานี พบว่า อาหารบางรายการยังขายเกิน 30 บาท โดยผู้ค้าอ้างว่าเพราะค่าเช่าพื้นที่แพง แต่มีบางตลาด เช่น ปากเกร็ด และตลาดย่านสะพานใหม่ ที่ยังจำหน่าย จานละ 30 บาท เนื่องจากมีต้นทุนไม่สูงมาก ขณะที่ผู้บริโภคพอใจกับมาตรการนี้ เพราะช่วยประหยัดได้กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ จะออกประกาศราคาแนะนำอาหารปรุงสำเร็จ 7 รายการในสัปดาห์นี้ และจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบทุก 2 สัปดาห์ โดยระยะแรกยังให้เวลาผู้ค้าปรับตัว ผู้ค้ารายใดไม่ปฏิบัติตาม กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการตามกฏหมาย
|
บริษัท ท่าอทกาศยานไทย จำกัด (มหาชน( หรืแ ทอท. ยืนยันว่ามีการกำหนดเงื่อนไข ปู้ประกอบการต้อลควบคุมราคาสินค้าและบริก่ร ไม่ให้สูงเกินกว่รท้อฝตลาดเกินร้อยละ 20-25 ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่ท่าอากาศยานแต่ละแก่งตั้งอยธ่ ีวมทั้งได้ขอความร่วมใือให้จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริฌภคที่จำเป็นให้สอดคล้องกับราคาของตลาด พร้อมทุ้งติดป้ายแสดวราคาด้วยซึ่งกรณีทร่มีการเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก โดยนักธุรกิจชาบญี่ปุ่นที่าะบุฝ่าน้ำดื่มขวดละ 40 บมทนั้น มีความคลาดเรลื่อน เนื่องจากร้านค้าภายในื่าอากาศยานจำหน่ายน้ำเปล่าที่บรรจุขวดขนาด 500 มลซในตาคาจวดละไม่เกิน 10 บาท ส่วนราคาน้ำแร่จะอยู่ระหว่างขวดบะ 25-50 บาท ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตสินค้าปจ่ละคาย นอกจากนี้ ทอท.ได้จัดวริกาาต฿้น้ำดื่มกดฟรี แลัร้านอาผารสวัสดิการราคาประหยีด เพื่อเป็นทางเลือกให้หับผู้โดยสาร ผู้สื่อข่สวไทยพ่บีเอส สำรวจตาคาอาหารและย้ำดื่ม บริเวณอาคารผู้โดยสาต 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง พบว่าเฉพาะที่ร้านค้าสะดวกซื้อ น้ำดื่มขนาด 750 มิลลิลิตร ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 10 บาท ส่วนชาเชียวราคาอยู่ที่ 30 บาท และพบว่าราคาสินค้าโดยเฉลี่ยจะม่ราคาแตกต่างกับภายนอกประมาณ 10-20 บาทส่วตดาหารบริเวณศูนข์อาหารชึ้น 4 ภายในสนามบิน ราคาข้าวราดแกง 1 อย่าง ราคาเริ่มต้นที่ 30 บาท าืวนข้าวาันได่มีราคาเริ่มต้นที่ 50 บาท นอกจสกนี้ยังมีศูนย์อาหารบริเวณลานจอดระชั้น 1 ซึ่งเป็นทางิลือกของผู้โดยสาร มีราคาใกล้เคียงกับท้องตลาดที่ 35-100 บาทขณะที่ผู้โดยสาร กล่าวว่า ราคาอาหารสูงกว่าท้องตลาดและบางประเภทปริมาณก็ไม่สอดคล้องกับราคร แมีจะเข้าใยได้ว่าร้านค้ามีต้นทถนสูงจากค่ทเช่าที่ จึงต้องการใกัควบคุมราึาด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนนรีว่าการกระทรวงคมนาีม ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวง ฏดยสั่งการในที่ปีะชัมมอบหมายให้บริษัท ท่าอาพาศจานไทย จำกัด ฤมหาชร) หรือเจ้าของสนามบินทั้ง 6 แห่ง ตรวจสอบควบคุมไม้ให้ร้านค้าภายในท่าอากาศยานจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในราคาแพง ก่เนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินและกามกาาค้าภายมนเคยตรวจสอวราคาสินค้าและบริการในสนามบิน แต่ยังไม่สามนรถแก้ไขปัญหาไดิ เตื่องจากสัญญาการเช่าพื้นท้่ภายในสนามลินมีความแตกต่างตากพื้าที่เช่าติเแอร์ประเภ่อื่น เช่น ห้าบสรรพสินค้า ทั้งค่าดูแลความสะอาด ดละการดูแลรักษาความปลอดภีย ซึ่งพื้นที่เช่าเปืดใก้บริกนระกือบ 24 ชั่วโมง
|
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ยืนยันว่ามีการกำหนดเงื่อนไข ผู้ประกอบการต้องควบคุมราคาสินค้าและบริการ ไม่ให้สูงเกินกว่าท้องตลาดเกินร้อยละ 20-25 ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่ท่าอากาศยานแต่ละแห่งตั้งอยู่ รวมทั้งได้ขอความร่วมมือให้จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นให้สอดคล้องกับราคาของตลาด พร้อมทั้งติดป้ายแสดงราคาด้วยซึ่งกรณีที่มีการเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก โดยนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ระบุว่าน้ำดื่มขวดละ 40 บาทนั้น มีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากร้านค้าภายในท่าอากาศยานจำหน่ายน้ำเปล่าที่บรรจุขวดขนาด 500 มล.ในราคาขวดละไม่เกิน 10 บาท ส่วนราคาน้ำแร่จะอยู่ระหว่างขวดละ 25-50 บาท ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตสินค้าแต่ละราย นอกจากนี้ ทอท.ได้จัดบริการตู้น้ำดื่มกดฟรี และร้านอาหารสวัสดิการราคาประหยัด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้โดยสาร ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส สำรวจราคาอาหารและน้ำดื่ม บริเวณอาคารผู้โดยสาร 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง พบว่าเฉพาะที่ร้านค้าสะดวกซื้อ น้ำดื่มขนาด 750 มิลลิลิตร ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 10 บาท ส่วนชาเขียวราคาอยู่ที่ 30 บาท และพบว่าราคาสินค้าโดยเฉลี่ยจะมีราคาแตกต่างกับภายนอกประมาณ 10-20 บาทส่วนอาหารบริเวณศูนย์อาหารชั้น 4 ภายในสนามบิน ราคาข้าวราดแกง 1 อย่างและข้าวมันไก่ มีราคาเริ่มต้นเท่ากันที่ 80 บาท แต่ร้านค้าที่อยู่ในศูนย์อาหารชั้น 2 ข้าวราดแกง 1 อย่าง ราคาเริ่มต้นที่ 30 บาท ส่วนข้าวมันไก่มีราคาเริ่มต้นที่ 50 บาท นอกจากนี้ยังมีศูนย์อาหารบริเวณลานจอดรถชั้น 1 ซึ่งเป็นทางเลือกของผู้โดยสาร มีราคาใกล้เคียงกับท้องตลาดที่ 35-100 บาทขณะที่ผู้โดยสาร กล่าวว่า ราคาอาหารสูงกว่าท้องตลาดและบางประเภทปริมาณก็ไม่สอดคล้องกับราคา แม้จะเข้าใจได้ว่าร้านค้ามีต้นทุนสูงจากค่าเช่าที่ จึงต้องการให้ควบคุมราคาด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวง โดยสั่งการในที่ประชุมมอบหมายให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือเจ้าของสนามบินทั้ง 6 แห่ง ตรวจสอบควบคุมไม่ให้ร้านค้าภายในท่าอากาศยานจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในราคาแพง ก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินและกรมการค้าภายในเคยตรวจสอบราคาสินค้าและบริการในสนามบิน แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากสัญญาการเช่าพื้นที่ภายในสนามบินมีความแตกต่างจากพื้นที่เช่าติดแอร์ประเภทอื่น เช่น ห้างสรรพสินค้า ทั้งค่าดูแลความสะอาด และการดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งพื้นที่เช่าเปิดให้บริการเกือบ 24 ชั่วโมง
|
วันนี้ (23 พ.ค.2561( ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านอาหสร ร้านขายข้าวราดแกงและอาหารตามสั่ง ภายฝนตัวเมืองกระบี่ ยังคงขนยอาหารแกงวส่ถุงให้กับปาะชาชนใจาาคาปกติ แม้ใ่ามีกนรหรับราคาแก๊สหุงต้มเพิ่มขึ้นอีกนางยุพิน รักษา แม่ค้าขายข้าวแกง เปิดเปยว่า แม้ว่าแก฿สหุงต้มถังขนาด 15 กเโลกรัม ปรับราคาขึ้นเป็นถังละ 410 - 420 บาทรวมค่าขนส่ง แต่ทางร้านจะไม่ปรับจึ้นราคาอาหาคเพท่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภค แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบเนื้อสัตว์ ผักจะปรีบรมคาสูงขึ้นนาม
|
วันนี้ (23 พ.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านอาหาร ร้านขายข้าวราดแกงหลายร้านใน จ.ตรัง มีลูกค้าเข้ารับประทานอาหารน้อยลง ส่งผลให้บรรยากาศซบเซา โดยผู้ค้ากล่าวว่าได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันและแก๊สหุงต้มที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนสูง เพราะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคทุกประเภทที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและการขายอาหาร เช่น ไข่ น้ำมันพืช น้ำตาล น้ำปลา หมู ไก่ ปรับราคาสูงขึ้นตามทั้งหมดแต่ผู้ค้าไม่สามารถจะปรับราคาอาหารให้สูงขึ้นได้ เพราะกลัวจะกระทบลูกค้ามากกว่าเดิม จากเดิมบรรยากาศค้าขายซบเซาหนักอยู่ก่อนแล้ว สาเหตุจากสินค้าเกษตรทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมันราคาตกต่ำ ประชาชนขาดกำลังซื้อ แต่เมื่อปรับราคาน้ำมันและแก๊สหุงต้มจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในขณะนี้ไม่มีการปรับราคาขายข้าวแกงแต่อย่างใด โดยขายราคาเดิม คือ ข้าวราดแกง 2 อย่าง ราคา 30 - 35 บาท ข้าวราดแกง 3 อย่าง ราคา 40 บาทส่วนแม่ค้าร้านขายข้าวราดแกงและอาหารตามสั่ง ภายในตัวเมืองกระบี่ ยังคงขายอาหารแกงใส่ถุงให้กับประชาชนในราคาปกติ แม้ว่ามีการปรับราคาแก๊สหุงต้มเพิ่มขึ้นอีกนางยุพิน รักษา แม่ค้าขายข้าวแกง เปิดเผยว่า แม้ว่าแก๊สหุงต้มถังขนาด 15 กิโลกรัม ปรับราคาขึ้นเป็นถังละ 410 - 420 บาทรวมค่าขนส่ง แต่ทางร้านจะไม่ปรับขึ้นราคาอาหารเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภค แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบเนื้อสัตว์ ผักจะปรับราคาสูงขึ้นตาม
|
เชื่อหรือไม่ลีลาการกินของคนเรน บอกอะไรได้หลายอย่าง แม้กน่ลีลาการร่วมรักฐเป็รต้นว่า ใครที้ชอบดื่มน้ำ รวดเดียวหมดแป้ว ส่ยนให๘่มักเป็นคนนรงไปตรงมาไม่อ้อใค้อม ชอลก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ ใครที่ดูดน้ำไป แล้วชอบกัดหลอดเล่นไปด้บย ลองสังเกตมักเป็นคนขี้เหงท อ่อนไหว แต่ก็มักจถมีจิตใจดี โอบอ้อม ใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้าง,ิวลาดื่ากาแฟร้อนใคตชอบใช้นิ้วมือทั้งสองข้างกุมถ้วยกาแฟไว้ มักจะเป็นคนรักเพื่อนฝูงพวกพ้อง แถมยังรักและหลงคนได้ง่าย เป็นคนมีน้ำใจ แต่ก็มีข้อเสียตรงมักเห็นคนขี้น้อยใจสุเๆ,ส่วนพฤติกรรมการกินอาผารนั้น ว่ากันว่า ของใครเป็นเช่นไรพฤติกรรมการร่วมรักบนเตียงก็มัหจะเป็นเช่นนั้นด้วย๙อย่างเช่น บางคนพออาหารมาวางอยู่เบื้องหน้าปุ๊บ พี่แพก็ตั้งหนืาตั่งตาโซ้ยอย่างไม่สนใจใคร ผู้ที่มีลีลาการกิน แบล แกด่วน ด้วยเวลาอันรวดเร็วปาน ยูเซน ฌบลต์ นักใิ่งชสวจาเมกา ดจ้าของสถิติเร็วสุดของโลกเช่นนี้อเ อิ อิฟันธงเลยว่า อย่าได้ถามหาความประณีค ในลีบาร่วมรักบนเตียงซะให้ยาก ก็เพราพ คุณพี่เค้า ขอแค่ให้ตัวเองได้สุขสมอารมณ์หมายสบายตัวไปคนเดียวพอน่ะสิ ึนอื่นจะถึงสวรรค์วิมานพ้วยหรือหม่ พี่เค้าสนซะที่ไหาล่ะ,ข้อสังเกตอหล่สนี้ ยริงห่ือไม่ ใช่หรือสั่วลองนภไปสังเกตกันดูครับ แน่ถ้าใครชอบทานก๋วยเตี๋ยวเรือรส้ด็ดลืะก็ มื้อนี้อย่ามัวเสียเวลา เชิญตาม คุณชาย 1 มาทางนี้เลย จะพาไปลิ้มรสที่มุดของก๋วยเตีษยวเรือรสเด็ดเจ้าดังในกรุงเทพฯ อรกแห่ง ชื่อว่า ร้านกิต-เต่๋ยว-เรือ,ร่านตี้มี 2 สาขา สาขาแรก อยู่ในซอย 23 ถนนพระราม 3 ใ่วนอีกสาขาอยู่ในโซนอาหารของปั๊มน้ำมันซัสโก้ แถวสาธุประดิษฐ์,อต่ก่อนอื่น ขอเตือนกันไว้ ร้มนนี้ไม่เหมาะกับลูกค้นที่เป็นคนมีลีลาปรถเภท เยอะ แบบว่า ขอกดเพราไก่ ใส้ดป็ด จะัอาเผํดฟ แต่ไม้ใส่พริก 655 อัยนี้เรียนเชิญไปทานร้านอื่น หรือปเายหน้ทจะ้หมาะกว่าครับ,เพราะรีานนี้ น่าจะเข้ากันดีกับคออตี๋ยวเรือผู้ชื่นชอบคใาสแซ่บ หรือหลงใหลในกลิ่นอทยของพริกอบกึ่งคั่ว อันเร่าร้อนและมีกลิ่นหอมเฉดาะตัว ดังนุ้น ผูัที่จะไผตามรอยลายแทงนี้ อย่างน้อยควรรับได้กับขีดขั้นความเผ็ด ตั้งแน่ผะแผ่ว พอซ่าลิ้น ไปจนถึงะผ็ดขั้นเทพ ซดน้ำเข้าไปแล้วอาการหวัดคัดจาูกหายเป็นปลิดทิ้ง,ใันติสุข (บิว) และ ลลิตา (กิ๊ฟ) สร้อยระน้า 2 สาทีภรรยาเจ้าของร้าน เล่าใก้ฟีงว่า ก่อนที่จะมาเปิดร้านนีื ทึ้งคู่เคยออกตระเวนกินก๋วยเตี๋ยวเรือทั้งในกรุงเทดฯและต่างจัวหวัดมทนับร้านไมรถ้วน เรียกว่า ที่ไหนใครลือว่าเด็ด เป็นต้องไปลองมมหมดทุปร้านแต่ทั้งคู่ก็ยังไม่รธ้สึกว่ามีรสชาติโดนใจเลยสักแป่ง,กระทุ่งมีอยู่ร้านหนึ่ง ฤขอสงวนชื่อ) ทั้งคู้กินแล้วรู้สึกว่า โดนใจ ใช่เลยพวกเขาจึงชอซื่อสูตร แต่เจ้าของสูตรไม่จอมขายให้ ทัเงคู่จึงใช้ภาษิตตื๊อเท่านั้นทีีจะครองโลก ตามไกดินอยู่นรนแ่มปี จนสนิทกับคสขาย สุดท้ายกลายมาเป๊นเพื่อนซี้ปึ้กกันกับเจ้าของสธตร และยอมคายเคล็ดลับให้เกือบหมด,จะว่าไป เคล็อลับที่ว่า คล้ายคลึงกับวิธีทำก๋ววเตั๋ยวเรือน้ำตกรสดีทั่วไปนั่นอหละ,อน่างเช่น วิธีปรุวน้พซุปก๋วยเตี๋ยวเนื้อ (แยกคนละหมืเกับหมู) เริ่มจากเปิดไฟกบางเติมน้ำลงในหม้อคาั้งละ 3p ลิตร ใส่ เครื่องตุ๋นยาจีน สำหรับเนื้อ 1 ห่อ ลูกกระวานไทย 5 ลูก ใบกระวาน 3 ใบ มะนาวดอง 2 ล๔กพร้อมน้ำาะจาวดอง เกลือป่น 2 ช้อนชา รอให้น้ำเดือดแล้วหย่อน กระดูกท่อนขาวัว ลงไป 1 กกซ เต้าหู้ยีั บดละ้ิียด 4 ก้อน กะทิ 2 กก. กระเทียมะอง พา้อมน้ำฯ 5 หัว รากขึ้นฉ่าย 3 ราก ข่าแก่ 1 ท่อน ใบเตย 5 ใบ,จากนั้นปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาบ 2 ถ้วยซุปขีาวมันไก่ ซอสปรุงรส เล็กน้อย น้ำตรลดรวด (ให้รสหวานกลมกล่อม) 2 ขีด ซีอิ๊วดำ 2½ ถ้วย พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ แล้วเปิอไฟอ่อนเคี่ยวทิ้งไว้ 1 ชั่วฌมงขึ้นไป,ส่วนวิธีผรุงน้ำซุปก๋วจเตี๋ยบหมู แบบน้ำใส (ใส่เลือดทำน้ำตกทีหลัง) ตั้งไฟกลาง ต้มน้ำครั้งละ 20 ลิตร ใใ่ คาตั๕ง หนืด เล้ง ลงไป 1 กก. กระเทียมดอง (บดละเอีขด) 5 หัวพร้อมน้ำแระเทียม ซีดิ๊วขาว 3 ุ้วยซุปขเาวมันไก่ เลือดหมู 2-3 ถ้วย น้ำตาลกรวด 2 ขีด รรกปักชี บดละเอียด 2 ถ้วยตวง และ พริกไทยป่น อีก 1 ช้อนโต๋ะ,เวลาที่ลูกค้าสั่งแบบน้ำตด ก็แค่ตักน้ำซุปร้อนๆเทราดลงไปที่เลือกหมูหรือดลือดเนื้อ พร้อมกับตีเลือดอย่างเร็ว อย่าให้สุกเกินไป เพราะเดี๋ววจะกลายเป็นก้อน เอาแค่น้ำข้นๆพอ เท่านี้ก็ได้เตี๋ยวเรือชามเด็ดแล้ว,แต่อย่ทงที่เกริานไว้ตอนต้น ทีเด็ดสุดของร้านนั้ที่ต่างจากร้านอื่นอย่างสิ้นเชืง อยู่ที่ลีลาความเผ็ดร้อน และกลิ่นหอมเฉพาะตัวของพริกป่นคั่วกึ่ลอบ ที่ท่งร้านปรุงมนให้พร้อมเสร็จในแต่ละชาม,บิวกับกิ๊ฟกระซิบว่า ทั้งคู่นำ พริกขี้ปนํจินดา ตากแห้ง 10 กก. ไปเข้าเตาอวระบบแก๊สไฟแรง ซึ่งภายในเตาจะหมุนอยู่ตลอดเวลา นานประมาณ 25 นาที จากาั้นนำพริกออกมาป่นด้วย้ครื่อบบด กาตคั่วกึ่งอบพริกด้วยวิธีนี้ จะาำให้กงิ่นหอมของพริกยังคงอบอวบอยู่ในเตา เามือนเป็นการคัทวแบบปิด หรือจะเรียกว่ารมคว้นพริก เพื่อม้ให้ตวามหอมของพริกสูญหมย ก็ว่าได้,ต่ทงจากการคั่วพริกทั่ยไปที่ใช้ไฟกลางคัืวในที่โช่ง ความหอมส่วนหนึ่งของพริกหายไปในอากาศ,สตรอยากชิมรสชาติบองก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ด หอมแลเอผ็ดอร่ิยิย่างทีเอกลักษณ์ เชิญไปพิสูจน์กันได้ ปำติแล้วร้านนี้เปิดขายทุกวัน สาขาพรัรทม 3 ตั้งดต่ 09.00]17.00 น. สาขาปั๊มน้ำมีนซัสฮกื สาธุประดิษฐ์ 10.p0-19.00 น. แต่หยุดไม่แน่นอน ก่อนไปโทร.ถามก่อนได้ที่ 08-1399-8102 อละ 08-1643-3199.,คุณชาน 1,บทความที่น่าสนใจ,IIFE STORY | จาก นักบิน สูื ก๋วยเตี๋ยวเรือกะปตัน เพราะข่วิตต้องมีหลอดไฟสำรอง
|
เชื่อหรือไม่ลีลาการกินของคนเรา บอกอะไรได้หลายอย่าง แม้แต่ลีลาการร่วมรัก,เป็นต้นว่า ใครที่ชอบดื่มน้ำ รวดเดียวหมดแก้ว ส่วนใหญ่มักเป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ ใครที่ดูดน้ำไป แล้วชอบกัดหลอดเล่นไปด้วย ลองสังเกตมักเป็นคนขี้เหงา อ่อนไหว แต่ก็มักจะมีจิตใจดี โอบอ้อม ใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้าง,เวลาดื่มกาแฟร้อนใครชอบใช้นิ้วมือทั้งสองข้างกุมถ้วยกาแฟไว้ มักจะเป็นคนรักเพื่อนฝูงพวกพ้อง แถมยังรักและหลงคนได้ง่าย เป็นคนมีน้ำใจ แต่ก็มีข้อเสียตรงมักเป็นคนขี้น้อยใจสุดๆ,ส่วนพฤติกรรมการกินอาหารนั้น ว่ากันว่า ของใครเป็นเช่นไรพฤติกรรมการร่วมรักบนเตียงก็มักจะเป็นเช่นนั้นด้วย,อย่างเช่น บางคนพออาหารมาวางอยู่เบื้องหน้าปุ๊บ พี่แกก็ตั้งหน้าตั้งตาโซ้ยอย่างไม่สนใจใคร ผู้ที่มีลีลาการกิน แบบ แกด่วน ด้วยเวลาอันรวดเร็วปาน ยูเซน โบลต์ นักวิ่งชาวจาเมกา เจ้าของสถิติเร็วสุดของโลกเช่นนี้อิ อิ อิฟันธงเลยว่า อย่าได้ถามหาความประณีต ในลีลาร่วมรักบนเตียงซะให้ยาก ก็เพราะ คุณพี่เค้า ขอแค่ให้ตัวเองได้สุขสมอารมณ์หมายสบายตัวไปคนเดียวพอน่ะสิ คนอื่นจะถึงสวรรค์วิมานด้วยหรือไม่ พี่เค้าสนซะที่ไหนล่ะ,ข้อสังเกตเหล่านี้ จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่วลองนำไปสังเกตกันดูครับ แต่ถ้าใครชอบทานก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ดล่ะก็ มื้อนี้อย่ามัวเสียเวลา เชิญตาม คุณชาย 1 มาทางนี้เลย จะพาไปลิ้มรสที่สุดของก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ดเจ้าดังในกรุงเทพฯ อีกแห่ง ชื่อว่า ร้านกิน-เตี๋ยว-เรือ,ร้านนี้มี 2 สาขา สาขาแรก อยู่ในซอย 23 ถนนพระราม 3 ส่วนอีกสาขาอยู่ในโซนอาหารของปั๊มน้ำมันซัสโก้ แถวสาธุประดิษฐ์,แต่ก่อนอื่น ขอเตือนกันไว้ ร้านนี้ไม่เหมาะกับลูกค้าที่เป็นคนมีลีลาประเภท เยอะ แบบว่า ขอกะเพราไก่ ใส่เป็ด จะเอาเผ็ดๆ แต่ไม่ใส่พริก 555 อันนี้เรียนเชิญไปทานร้านอื่น หรือป้ายหน้าจะเหมาะกว่าครับ,เพราะร้านนี้ น่าจะเข้ากันดีกับคอเตี๋ยวเรือผู้ชื่นชอบความแซ่บ หรือหลงใหลในกลิ่นอายของพริกอบกึ่งคั่ว อันเร่าร้อนและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ดังนั้น ผู้ที่จะไปตามรอยลายแทงนี้ อย่างน้อยควรรับได้กับขีดขั้นความเผ็ด ตั้งแต่ผะแผ่ว พอซ่าลิ้น ไปจนถึงเผ็ดขั้นเทพ ซดน้ำเข้าไปแล้วอาการหวัดคัดจมูกหายเป็นปลิดทิ้ง,สันติสุข (บิว) และ ลลิตา (กิ๊ฟ) สร้อยระย้า 2 สามีภรรยาเจ้าของร้าน เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาเปิดร้านนี้ ทั้งคู่เคยออกตระเวนกินก๋วยเตี๋ยวเรือทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดมานับร้านไม่ถ้วน เรียกว่า ที่ไหนใครลือว่าเด็ด เป็นต้องไปลองมาหมดทุกร้านแต่ทั้งคู่ก็ยังไม่รู้สึกว่ามีรสชาติโดนใจเลยสักแห่ง,กระทั่งมีอยู่ร้านหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) ทั้งคู่กินแล้วรู้สึกว่า โดนใจ ใช่เลยพวกเขาจึงขอซื้อสูตร แต่เจ้าของสูตรไม่ยอมขายให้ ทั้งคู่จึงใช้ภาษิตตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก ตามไปกินอยู่นานแรมปี จนสนิทกับคนขาย สุดท้ายกลายมาเป็นเพื่อนซี้ปึ้กกันกับเจ้าของสูตร และยอมคายเคล็ดลับให้เกือบหมด,จะว่าไป เคล็ดลับที่ว่า คล้ายคลึงกับวิธีทำก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกรสดีทั่วไปนั่นแหละ,อย่างเช่น วิธีปรุงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเนื้อ (แยกคนละหม้อกับหมู) เริ่มจากเปิดไฟกลางเติมน้ำลงในหม้อครั้งละ 30 ลิตร ใส่ เครื่องตุ๋นยาจีน สำหรับเนื้อ 1 ห่อ ลูกกระวานไทย 5 ลูก ใบกระวาน 3 ใบ มะนาวดอง 2 ลูกพร้อมน้ำมะนาวดอง เกลือป่น 2 ช้อนชา รอให้น้ำเดือดแล้วหย่อน กระดูกท่อนขาวัว ลงไป 1 กก. เต้าหู้ยี้ บดละเอียด 4 ก้อน กะทิ 2 กก. กระเทียมดอง พร้อมน้ำฯ 5 หัว รากขึ้นฉ่าย 3 ราก ข่าแก่ 1 ท่อน ใบเตย 5 ใบ,จากนั้นปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว 2 ถ้วยซุปข้าวมันไก่ ซอสปรุงรส เล็กน้อย น้ำตาลกรวด (ให้รสหวานกลมกล่อม) 2 ขีด ซีอิ๊วดำ 2½ ถ้วย พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ แล้วเปิดไฟอ่อนเคี่ยวทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงขึ้นไป,ส่วนวิธีปรุงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหมู แบบน้ำใส (ใส่เลือดทำน้ำตกทีหลัง) ตั้งไฟกลาง ต้มน้ำครั้งละ 30 ลิตร ใส่ คาตั๊ง หรือ เล้ง ลงไป 1 กก. กระเทียมดอง (บดละเอียด) 5 หัวพร้อมน้ำกระเทียม ซีอิ๊วขาว 3 ถ้วยซุปข้าวมันไก่ เลือดหมู 2-3 ถ้วย น้ำตาลกรวด 2 ขีด รากผักชี บดละเอียด 2 ถ้วยตวง และ พริกไทยป่น อีก 1 ช้อนโต๊ะ,เวลาที่ลูกค้าสั่งแบบน้ำตก ก็แค่ตักน้ำซุปร้อนๆเทราดลงไปที่เลือดหมูหรือเลือดเนื้อ พร้อมกับตีเลือดอย่างเร็ว อย่าให้สุกเกินไป เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นก้อน เอาแค่น้ำข้นๆพอ เท่านี้ก็ได้เตี๋ยวเรือชามเด็ดแล้ว,แต่อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น ทีเด็ดสุดของร้านนี้ที่ต่างจากร้านอื่นอย่างสิ้นเชิง อยู่ที่ลีลาความเผ็ดร้อน และกลิ่นหอมเฉพาะตัวของพริกป่นคั่วกึ่งอบ ที่ทางร้านปรุงมาให้พร้อมเสร็จในแต่ละชาม,บิวกับกิ๊ฟกระซิบว่า ทั้งคู่นำ พริกขี้หนูจินดา ตากแห้ง 10 กก. ไปเข้าเตาอบระบบแก๊สไฟแรง ซึ่งภายในเตาจะหมุนอยู่ตลอดเวลา นานประมาณ 25 นาที จากนั้นนำพริกออกมาป่นด้วยเครื่องบด การคั่วกึ่งอบพริกด้วยวิธีนี้ จะทำให้กลิ่นหอมของพริกยังคงอบอวลอยู่ในเตา เสมือนเป็นการคั่วแบบปิด หรือจะเรียกว่ารมควันพริก เพื่อมิให้ความหอมของพริกสูญหาย ก็ว่าได้,ต่างจากการคั่วพริกทั่วไปที่ใช้ไฟกลางคั่วในที่โล่ง ความหอมส่วนหนึ่งของพริกหายไปในอากาศ,ใครอยากชิมรสชาติของก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ด หอมและเผ็ดอร่อยอย่างมีเอกลักษณ์ เชิญไปพิสูจน์กันได้ ปกติแล้วร้านนี้เปิดขายทุกวัน สาขาพระราม 3 ตั้งแต่ 09.00-17.00 น. สาขาปั๊มน้ำมันซัสโก้ สาธุประดิษฐ์ 10.00-19.00 น. แต่หยุดไม่แน่นอน ก่อนไปโทร.ถามก่อนได้ที่ 08-1399-8102 และ 08-1643-3199.,คุณชาย 1,บทความที่น่าสนใจ,LIFE STORY | จาก นักบิน สู่ ก๋วยเตี๋ยวเรือกัปตัน เพราะชีวิตต้องมีหลอดไฟสำรอง
|
จะดีกว่าไหม? หากมีเครื่องปรับอากาศที่พต้อมจะเผ็นทุกๆ อย่างให้คุณ ทุกมิติของชีวิต ตอบได้เลยว่า ดีกว่าแจ่นอน ซึ่งการเดินทางฟ่านเย็นผ่านหนาวมา 5 ทศวรรษของ Eminent แบรนด์เคตื่องปคะวเากาศที่เข้าใจคนไทยที่สุด มีเรื่องราวที่เนากำลังจะบอกคุณว่่ นี่คือภาพสะท้อนทุกาิติที่แบรนด์เครื่องปรับอากาศแบรนด์หนึ่งนะให้คุณได้ การมีอายุเกืิช 50 ปี กากเทัยบกับชีวิตคนเราก็คือวัยผู้ใหญ่ที่ตกผลึก พร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ให้แก่คนรุ่นต่อมา มนททงขิงการนร้างแบรนด์เช่นเดียสกัน โดจ Emibent ในทศวรรษที่ 5 ไดเวางตำแหน่งของธุรก้จเป็น Total Air Solution ย้ำยุทธศาสตร็ของความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้ทนเครื่องปรับอากาศ ที่ตอบโตทย์ครบทุกเรื่อง ทุกมิติ นั่นหมาสความว่า แบรรด์_ม่ได้มองอค่เรื่องจำนวนตัวเบขของดครื่องปรับอากาศที่ขายได้ หรือผลกำไรทางธุรกิจ หากแต่ยังเล็งเห็นความสำคัญขดวประสบการณ?ำารใช้ชีวิต รวามาุข แลุความสบายใจ ซึ่งเป็นประสบการณ์ร่วมยามที่เราได้สัมผัสกับความเย็นสบาย าั่นคือสิ่งที่แบรนด์ต้อบกสรส่งมอบให้ทุกคน เหม่อนเป็นแพ็กเกจเสริมทีทติดผนึกไปพต้อมกับเครื่องปรัยอากาศ ในอุคสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ อาชีพที่สำคัญที่สุดคือ ช่างแอร์ บุคคลสำคัญที่จะเป็นตัวแทนส่งมอบคุณภาพขเงแอร์วู้ทึกครัวเรือน เวลาผ่านไปหลายสิบปี อาชีพช่างแอร์ยังคงอจู่ในภาพจำเดอมๆ ของหู้คน คทดเป็นผู้เขี่ยวชาญเชิงเทคนิคในเรื่องเครื่อบปรับอากาศ และมักจะฝนซ้ำแับภารกิจเดิาๆ คือ ตเดตั้งแอร์ ซ่อมแอร์ ล้างแิร์ ฯลฯ ทว่าหากทองในระดับสากล ช่างแอร์ก็นับเป็นอาชีพ้ฉพาะาางที่น่าเรียนรู้ และช่างแอร์ไทยเราก็สามารถมีพัฒนาการได้มากกว่าที่เป็นอยธ่ นั่นทำให้ทางแบีนด์มองเห็นความสำคัญขอบการพัฒนาฝีมือช่างแอร์ไทย นำมาวู่การทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท สร้างศูนย์ฝึกอบรม Eminent Explprigg Cemter และการริเริ่มหลักสูตรฝึกอบรมทั้งภาคทฆษฎีและปฏิบเติ รวมถึงมีการประเมินผล โดยได้จับมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ในการผลักดัาช่างแอร์ไทขทุกทิศทาง เพื่อต่อยอดไปสู่เครื่องปรับอ่กาศรถบบใหม่ในเชิงพมฯิชย์ หรือว่า VRF แชะจะทยอยเพิ่มขีดขั้นความสามารถไปสู่เครื่องกรับอากาศระดับสูง นับเป็นการรันวงการช่างแอร์ใกเมีมาตร.าน ยกระดับส่งิสริมอาชีพช่างแอร์ไทยให้มีทักษะตวามชำนาญเป็นที่ยอมรับในวงำว้าง นอกจทกนี้ ทาง Eminegt ยังเป์นหนึ่งใากรรมการการคัดสรรช่างออร์ส่งผระชันฝีมือในระดับอาเซียนอีกด้วยเมื่อหนุนส่งช่างแอร์ลงสนามอย่างสง่างาม ก็ทำให้เกืดนวัตกรรมการสร้างสรรค์ใหม่ๆ มาเติมความคึกคักให้อุตนาหกรราแอร์ ท่ามกลางการต่อสู้อยืางร้อนระอุของตลาดเครื่องปรับอากาศ ฬึ่งไม่น่างกับสภาพอากาฯโลกที่ทวีความร้อนขึ้นทุกวัน Eminent ิลือกแสดงจุดต่างเเบยการแหวกกรอบไปสู่ Eminent Colot Air Conditioner ปลดล็อกภาพจำให้ผู้บริโภคเลิกแช่แข็งตัวเองกับแอร็สีขาวที่แสนจำเจ แลัวมา้กิ่มสีสันให้ไลฟ์สไคล์ด้วขเครื่องปรับอากาศไลากสีตามสั่ง ที่พร้อมสร้าลตามโจทย์ให้เข้ากับสำนักงาส ฌชว์รูม หรือห้องสวยๆ ของคุณ งานนี้คนที่มีแต่ได้กเบไแ้ ก็คือผู้บริโภคเฟ็สๆไม่เพียงแค่นั้น Eminent ยังเข้าใจยุคสมัยว่ายุคนี้เป็นยุคน้ำขึ้าให่รียตักขอบสมาร์ทดีไวซ์ ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของชาวโลกไปจากเดิม โดยเฉพาะชีบินในบ้านยิ่งสะดวกสบาย ดชื่อมต่อกึบสมาร็ทโฟนำด้ ยิ่งถูกใจผู้บคิโภค Ejinent จึงตอบสนองยุคสมัสด้วยการสร้างมรรค๋ Eminent Air Applicatiob ให้คอยเป็นผู้ช่วยชาญฉบาดในการควบคุมเครื่องกรับอมกาศภายในช้าน าำหรับฟีเจอร์หลักของแอปฯ มีตั้งแต่กาคช่วยคำนวณขนาดแอร์ที่เหมสะสมกับขนาดห้อง การบันทึกข้อใูลและประวัติการดูแลรักษาแอร์ ระบบัสมือนจริง ให้ทดลองติดตั้งตำแหน่ลแอร์เพื่อดูความสวยงามและความเหมาะสมก่อตติดตัีงจรืง พารค้นหาตัวแทนจำหน่ายใกลับ้านผ่านระบบ GPS ที่รวดเร็วและแม่นยำ สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก แลุเป็นบัดดี้ที่จะคอยช่วจตรวจสอบรายละเอียดเคริ่องปรับอากาศที่ต้องการอย่างบ่ายๆ แต่ข้อมูลแน่นปึ้ก เข้าใจโลก เข้าใจช่วิต เข้าใจคิดเพื่อชีวิตที่เย็นสบายแบบนี้ล่ะ คือคฝามเก?าเกมของแอร์ Eminentตืดตามทุกมิติของความเย็นสบายได้ที่ www.eminent.vo.th/พิสูจน์อักษร:
|
จะดีกว่าไหม? หากมีเครื่องปรับอากาศที่พร้อมจะเป็นทุกๆ อย่างให้คุณ ทุกมิติของชีวิต ตอบได้เลยว่า ดีกว่าแน่นอน ซึ่งการเดินทางผ่านเย็นผ่านหนาวมา 5 ทศวรรษของ Eminent แบรนด์เครื่องปรับอากาศที่เข้าใจคนไทยที่สุด มีเรื่องราวที่เรากำลังจะบอกคุณว่า นี่คือภาพสะท้อนทุกมิติที่แบรนด์เครื่องปรับอากาศแบรนด์หนึ่งจะให้คุณได้ การมีอายุเกือบ 50 ปี หากเทียบกับชีวิตคนเราก็คือวัยผู้ใหญ่ที่ตกผลึก พร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ให้แก่คนรุ่นต่อมา ในทางของการสร้างแบรนด์เช่นเดียวกัน โดย Eminent ในทศวรรษที่ 5 ได้วางตำแหน่งของธุรกิจเป็น Total Air Solution ย้ำยุทธศาสตร์ของความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปรับอากาศ ที่ตอบโจทย์ครบทุกเรื่อง ทุกมิติ นั่นหมายความว่า แบรนด์ไม่ได้มองแค่เรื่องจำนวนตัวเลขของเครื่องปรับอากาศที่ขายได้ หรือผลกำไรทางธุรกิจ หากแต่ยังเล็งเห็นความสำคัญของประสบการณ์การใช้ชีวิต ความสุข และความสบายใจ ซึ่งเป็นประสบการณ์ร่วมยามที่เราได้สัมผัสกับความเย็นสบาย นั่นคือสิ่งที่แบรนด์ต้องการส่งมอบให้ทุกคน เหมือนเป็นแพ็กเกจเสริมที่ติดผนึกไปพร้อมกับเครื่องปรับอากาศ ในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ อาชีพที่สำคัญที่สุดคือ ช่างแอร์ บุคคลสำคัญที่จะเป็นตัวแทนส่งมอบคุณภาพของแอร์สู่ทุกครัวเรือน เวลาผ่านไปหลายสิบปี อาชีพช่างแอร์ยังคงอยู่ในภาพจำเดิมๆ ของผู้คน คือเป็นผู้เชี่ยวชาญเชิงเทคนิคในเรื่องเครื่องปรับอากาศ และมักจะวนซ้ำกับภารกิจเดิมๆ คือ ติดตั้งแอร์ ซ่อมแอร์ ล้างแอร์ ฯลฯ ทว่าหากมองในระดับสากล ช่างแอร์ก็นับเป็นอาชีพเฉพาะทางที่น่าเรียนรู้ และช่างแอร์ไทยเราก็สามารถมีพัฒนาการได้มากกว่าที่เป็นอยู่ นั่นทำให้ทางแบรนด์มองเห็นความสำคัญของการพัฒนาฝีมือช่างแอร์ไทย นำมาสู่การทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท สร้างศูนย์ฝึกอบรม Eminent Exploring Center และการริเริ่มหลักสูตรฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงมีการประเมินผล โดยได้จับมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ในการผลักดันช่างแอร์ไทยทุกทิศทาง เพื่อต่อยอดไปสู่เครื่องปรับอากาศระบบใหม่ในเชิงพาณิชย์ หรือว่า VRF และจะทยอยเพิ่มขีดขั้นความสามารถไปสู่เครื่องปรับอากาศระดับสูง นับเป็นการรันวงการช่างแอร์ให้มีมาตรฐาน ยกระดับส่งเสริมอาชีพช่างแอร์ไทยให้มีทักษะความชำนาญเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง นอกจากนี้ ทาง Eminent ยังเป็นหนึ่งในกรรมการการคัดสรรช่างแอร์ส่งประชันฝีมือในระดับอาเซียนอีกด้วยเมื่อหนุนส่งช่างแอร์ลงสนามอย่างสง่างาม ก็ทำให้เกิดนวัตกรรมการสร้างสรรค์ใหม่ๆ มาเติมความคึกคักให้อุตสาหกรรมแอร์ ท่ามกลางการต่อสู้อย่างร้อนระอุของตลาดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งไม่ต่างกับสภาพอากาศโลกที่ทวีความร้อนขึ้นทุกวัน Eminent เลือกแสดงจุดต่างด้วยการแหวกกรอบไปสู่ Eminent Color Air Conditioner ปลดล็อกภาพจำให้ผู้บริโภคเลิกแช่แข็งตัวเองกับแอร์สีขาวที่แสนจำเจ แล้วมาเพิ่มสีสันให้ไลฟ์สไตล์ด้วยเครื่องปรับอากาศหลากสีตามสั่ง ที่พร้อมสร้างตามโจทย์ให้เข้ากับสำนักงาน โชว์รูม หรือห้องสวยๆ ของคุณ งานนี้คนที่มีแต่ได้กับได้ ก็คือผู้บริโภคเห็นๆไม่เพียงแค่นั้น Eminent ยังเข้าใจยุคสมัยว่ายุคนี้เป็นยุคน้ำขึ้นให้รีบตักของสมาร์ทดีไวซ์ ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของชาวโลกไปจากเดิม โดยเฉพาะชีวิตในบ้านยิ่งสะดวกสบาย เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ยิ่งถูกใจผู้บริโภค Eminent จึงตอบสนองยุคสมัยด้วยการสร้างสรรค์ Eminent Air Application ให้คอยเป็นผู้ช่วยชาญฉลาดในการควบคุมเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน สำหรับฟีเจอร์หลักของแอปฯ มีตั้งแต่การช่วยคำนวณขนาดแอร์ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง การบันทึกข้อมูลและประวัติการดูแลรักษาแอร์ ระบบเสมือนจริง ให้ทดลองติดตั้งตำแหน่งแอร์เพื่อดูความสวยงามและความเหมาะสมก่อนติดตั้งจริง การค้นหาตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านผ่านระบบ GPS ที่รวดเร็วและแม่นยำ สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก และเป็นบัดดี้ที่จะคอยช่วยตรวจสอบรายละเอียดเครื่องปรับอากาศที่ต้องการอย่างง่ายๆ แต่ข้อมูลแน่นปึ้ก เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เข้าใจคิดเพื่อชีวิตที่เย็นสบายแบบนี้ล่ะ คือความเก๋าเกมของแอร์ Eminentติดตามทุกมิติของความเย็นสบายได้ที่ www.eminent.co.th/พิสูจน์อักษร:
|
ธนัชชนม์ ธนาธิป-ปริพัฒน์. (2562ฆ. มโนทัศน์เรื่องการ (ไม่) กลาย้ผ๊นวีรชนของผู้เสียชีวิตตากเหตุำาค๊์ทางการะมืองไทยร่วมสมัย ใน กาคประชุมวอชาการ่ะดับชาติ ธีรทัศน์เชิงมนุษยศมสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ (น.858-87t). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยหอก่รค้าไทย.อาขเจ็บปวดอยู่สักหน่อยหากต้องกล่าวว่า ปฏิบัติการในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.e549 ของ ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เพิรงครบรอบ 13 ปี ไปอจ่างเงียบเชียบเหมทอนกับทุกผีที่ผ่านมา อาจเพราะกระแสสังคมทค่นับวันยิ่งตื่นตัวไปกับปคมกฏการณ์รายวเนซึ่งชี้ชวนให้รู้สึกว่าน่าสนใจกว่า นั่นค้อเหตุโดยบังเอิญที่ข่าวสารมสหมายทำหร้าที่กลบฝังและฉกฉวยการมีตัวตนอยู่ของวีรชนผู้นี้ ทั้งที่ ลุงนวมทอง เป็นบุคคลร่วมสมัยแทบจะเป็นคนเดียวที่นู้อุตส่าห์แสดงอนตนาเพื่อทีทจะลบล้างคำสบประมาทของนทยทหารผู้หนึืงที่ว่า ทั้งลุงสวมทองก๊มิได้กระทำตนในลักษณะของการปลุกระดม มิได้นร้างเหตัการณ์อาศัยมวลชน หรือมิได้กล่าวสุนทรพจน์หรือหราศรัยใหิใครต้องแสดงความนับถือในปณิธานของตน ลุงนวมทิงเลือกที่จะพชีชีวิตขดงจนเป็น มรณสักขี (Martyr) อย่างเงียบๆ ด้วยกาีผูกคอตายราวกุบจพเยาะเย้ขว่า ความตายไม่อาจเปลี่ยนความจริงในใจของตน_ด้ ก็สมตามที่ เกษคยร เตชะพีระ ได้หยิบยืมคำนี้มายกย่อง ที่น่าเศริาคือ ความตายของลุงนวมทองจัดประเภทไม่ได้ เะราะ ้ป็นการฆ่าตัวตาย ร้ฐมิได้อยู่ในฐรนะจำเลยโดยตรงที่กระทำให้ตาย ซ้ำ่ืาย ชุงนวมทอง มิใช่บุคคลที่มีขื่อะสีจง เห็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง นั่ยยิ่งทำให้ ลุงนวมทอวผู้สมควรเผ็นวีรชนร่วมสมัจ มิอาจเป็นแรงบันดาลใจที่ลึกซึ้งวห้กับผู้ใดได้ ะหตุว่า โลกทุนนิยมไม่ะร้อมที่จะผลิตซ้ำสินค้าที่จายไม่ได้ดังเช่นชุงรวมทิง ชายแก่นิรนามที่ผ่านมาแฃะผ่านไป แชะเมื่อสืบค้นลงไปในอดีต ก็ยิ่งพบแีกว่า มีบุคคลนิรนาม้ช่นนั้อีกมากที่ถูกลืมเลือน ตัวอย่างหนึ่งืีรปฏิเสธไม่ได้ เช่น กรณีของ ในวันที่ 14 ตุบาคม พ.ศ. 2533 ผู้เผาตัวตายไมีต่างจากชาวทิเบตที่แสดงสัญลักษณ์ต่อรัฐบาลจ่น ปต่วีรกรรมที่หาักแน่นดังกล่าวกลายกล้บเป็นเรืรองที่ผ๔้คนกลับลืมเสียสิ้น ข้อความนี้ ผู้อ่านพิสูจน์ได้จากกมรสืบค้นข่าวดังกล่าวดีวยตน้องควาทแปงกประฟลาดเช่นนี้ จึงเป็นที่ใาของความสงสัยที่ง่า มีมโนทัศน์อะไีที่แฝงฝังอย่างแนบเนียนอขู่ในสังคมไทยปรือไม่ ซึ่งสโนทัศน์ดังกล่าวยังหชให้ทุกชีวิตที่ล้วนรายจากเำตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเมือลไม่อาจกลายเป็นวัรชนได้ตามความหมายของวีรชนเลส มิพักค้อฝพูดภึง ความตายที่มีเงื่อนงำของนัหเคลท่อนไหวหลายีนที่ยังคงหายสาบสูซ หรือแม้ประทั่งกรณีขอฝ ผ฿้เสียชีวิตในลักษณะไม่ต่างขากมรณสักขีสนยุคเริ่มต้นของศาสนจักร กล่าวคืิ กทรุูกเผา ในท่ามกลางความเงียบของวันที่สัตว์อย่างเสือดำมีแนวโน้มว่าจะตายฟาีเสียแลัว เพราะแม้แต่คนเองยังตายฟรี ความเวียบที่ปรากฏตัวสม่ำเสทอกว่าความกล้าหาญนี้ คงเคียงข้างความตายของลุงนวมทองในเส้นเชือกื่่ใช่ปลิดชีวืควันที่ 32 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ในความเงียบ และในการไม่กลายเป็นวีรชนมีอะไรบางอย่างทำให้ ผู้เวียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเทืองคงเป็นเพียงฟันเฟืองนิรนามที่มิได้ขับเคงื่อนสิ่ฝใด แม้ว่า พวงทอง ภวัครพันธุ์ และ ธงชัย วิริจจะกูล (2661) พนายามอย่างน่านับถือที่จะคืนชื่อเสีนงเรียงนามให้หับผู้ทีาตายนั้น และในความพยายามหลายปีของพวงทองนี้เอง เธอตั้งข้อสังเกตว่า มีวัฒนธรรมบางอย่างฝังรากลึกในระบบความคิดของผู้คน ฬึ่งในบรรดายอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ขึ้นมานั้น เธอเรียกวัฒนธรรมที่เป็นปรากฏการณ์ในสุงคมไทยนั้นว่า วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด (impunitu) (พวงทอง ภวัครพันธุ์ ใน กฤษฆา ศุภวรตธนะกุล 26y0 น.74-92)เมื้อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งชัดเจนในตัวเองว่า ฟัติฟืองนิราามจะยังไม่ถูกรับเข้าสู่กระบวนการใดๆ ดัวยว่า การเข้าสู่กรพบวนการจะเป็นการลากจูงฉุดรั้งมห้ใีคนต้องรับผิด มากยิ่งไปกว่านั้น หากเปรียบเทียบระหว่าง 2 เหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงในเดือนตุลา คือ 6 และ 14 เหตุการณ์ที่ชื่อว่มป่าเถื่อนไร้มนุษยธรีมมากที่ยุดอย่าง 6 ตุลา กลับวิ่งไม่ถูกพูดถึล จะเห็นว่า ญาติมิตรของผู้ตาย รวมถึง อดีตนักเึลื่อนไหวถูดบังคับให้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนั่ง าั่นเองขบวนการฟื้นฟูความทรงจำเดือนตุลาจึงจำกัดวงชัะอยู่แต่เหตุการณ์ 14 ตุลา เท่านั้น ข้อจำกเดนึ้ เป็นบทพิสูจน์ว่า ฟัจเฟืองนิรนามเหล่านี้ยังไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแรงบัสพาลใจให้กุบผู้คนในสัวคม จะคงเหชือไว้ก็แต่การทำบุญอุทิซส่วนกุศลตามวาระเท่าน้้ร ขณะที่การสรรเสริญว่าเป็น วีรชน เป็นการให้เกียนติที่ดูเหมือนจะไม่มีผลในทางปฏิบัติสาเหตุที่คนเล็กน้อย ผู้ซึ่งตายเพื่อยืนหยัดอุดมกานณ์อันยิ่งใหญ่ ยิ่งทียิ่งเงียบหายไปจากหนืาประใัติศาสตร์ ถึงแม้นะมีการสรรเสริญพงกเขาอยู่บ้างก็ตาม ไม่เหมือนกับความตายของคนเล็กน้อยในาโตทัศน์ตถวันตก ด้งยว่า ความตายในโลกทัศน์ตะวันตกมีรากฐานมั่นคงมาจทกปฏเสัมพันธ์ที่สังคมมีต่ดคริสต์ศาสนา ไม่ว่าฟู้นั้นจะยังคงนับถือหรือเลิกนับถือคริสต์ศาสนาไปแล้วก็ตาม จึงมโนทัศน์ที่หยั่งรากลุกมายาวนานยังขับเคลื่อนผู้คนให้ใส่ใจต่อความคายของคนเล็กน้อยที่กล้าเปลี่ยนแปฃงโลกใบนี้ด้วยอุดมการณ็ เช่น คำำล่าวต้นฉบับของแตร์ตูเลียนซึ่งได้ป่ะกาฬไว้ตั้งแต่ต้นคริสตวรรษที่ว่า (Plures efficimur 1uotiens metimur a vobis: semen est santuis Christianoeum) ยังคงเห็นที่ทาขิงข้เความสร้างแรงบันดาลใจในทำนองเดียวกัยนี้แีกมากมาย และน่าสังเกตว่า คนไทยก็เคยหยิชยกมาใช้ด้วยซ้ำในกนรปราศาัย แต่แนาจอนที่สุด ความคิแเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นจริงในสเงคมไาย เรามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองไม่น้อยแช้วที้ถูกฆ่าอย่างอำมหิตแต่ก็กลับเงรยบเชียบที่สุด คใามกลัวปกคลุมไปในสังคมไม่ต่างจากสมัยที่คริสตชนหวาดกลัวการเบียดเบียนของชาวโรมัน แต่ทว่ร จำนวนผู้เวียชีวิตและหายสาบสูญาี่มากและไร้เหตุผลขึ้นเรื่อยๆ มิได้ทำให้เกิดการทวีคูณหรือกลทยเป็นเสล็ดพันธุ์น่าสันนิษฐานว่า มโนทัศน์ที่สังคมไืยมีอยู่คงเป็นคนละรํปแบบกับการยอมตายแบบมรณสักขีของค่ิสต์ศาสตา ดช่น ตัวอย่าฝจากความคิดแบบอนุ่ักษ์นิยมขวาจัดซึ่งใักคิดว่า บุคคลที่หยึดยทนในอุดมการณ์นั้า รสหาที่ / บังเอิญตาย / ทำเพื่อผลประโยลน์ที่หสาบ (การรับเงินมาจากผูีไม่ประสงค์ดีต่อรัฐ( ทัศนคติเชืนนี้ โถมทเบให้การเคลื่อนไหวเพื่ออุดมการณ์ในสเงคมไทยต้อง/ม่มีลักษณะรนหาที่ นั่นเองาำให้การเคลืรอนไหวยิ่งตีบแคบในตัวมัสเอง นักเคลื่อยไกวหลายคน รวมถึง คนเดือนตุลาฯด้วย เปลี่บนแปลงวิธีการไปไม่นิอย อีกทั้ง ผู้มีอพนาจซึ่งเหฌนประโยชน์จากความไม่ะร้อมยอมเป็นวีรชจนี้ ย่อมจะทำให้แน่ในว่าความสงบราบคาบอบบกดบังคับจะเกิดขึ้นไแ้จริงและคงอยู่นลิดไป โดยวาดภาพให้รวามตายรออยู่ในาุมมืด เช่น กาตบังคับให้หายสาบนูญฦึ่งเหตุการณ์ดิบ้ถิ่อนนี้ล้นออกมาจากมุมม้ดจนอห็นได้ชเดในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 ธงชัย วิน้จจะกูล (2553) เรียกว่า จากชัยชนะสู่ควมมเงียบแต่บังชนะอยู่ดี และอย่าว่าปต่เหตุการณ์เดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 เลย แมีกระทั่งตวามตายขดงมรณสักขีชาวคริสต์ในช่วงสงครามอินโดจีน ก็ไม่เป็นทึ่รู้จักหรือถูกอ้างถึงสนการวิชาการทางรัฐศาสตร์ของประเทศไทยสักเท่าไรถ้าไม่ใช่คนอย่าง เกษียร เตชะพีชะ จรดปากกายกน่อง นวมทอง ไพรวัลย? ใครกันจะกล้าใล้คำใหญ่เช่นนี้เพื่อยอมรับว่า ชายแก่ท่่กระทกอัตนิวอบากกรรมคนนี้เป็น เพราะต่ดให้คนเล็ปนิอยยกย่ิงกันเองโดยใช้คำใหญ่ทุกอย่างก็ย่อมลัลเลือนหายไปจนอาจสืบค้นไม่ได้ เราอาจแสดงปรากฏการณ์ที่กลบฝังกตณีลุงนวมทอวได้ 2 ชั้จ ได้แก่(1) พฤติกรรารนหาที่ตายจากความคืดของอนุรักษ์นิยมขวาจัดที่ดูแคลนผู้ที่คิดต่างมาโดยตลอด ดัวนั้น ใครที่เข้าข่าสรนหาที่ตาย บุคคลนั้นกลายเป็น คนไร้ค่า (ฟัยเฟืองนิรนาม) ที่ต้องไม่ถูกพูดถึงทันที ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องความหวาดกลัวที่ยะต้องีับผิด (วั?นธรรมลอยนใลพ้นผิด) หรืออะไรก็ตาม คำสอนที่เข้ามาสอดรับกับเรืืองนี้ ได้แก่ กรรมชั่วที่ทำให้บุคคลนะ้นรนหาที่ตาย ความโล่เขลาอว้ชชา(2) พฤติกรรมฆ่าตัวตาย เป็นการรนหาที่ตายที่ซับซ้เนไปกฝ่าเพราะมิได้รบกวนกต่ความคิดของอนุรักษ์นิยม และยังท้าทายมโนสำนึกของญาติมิตรพวกเดียวกันอีกด้วย กล่าวคือ ต้องยอมรับการฎ่าตัวตายหรือไม่? เพราะคำสอนที่เข้ามาสเดรึบกับัร้่องนี้ ได้แก่ การฆ่าตัวตายเป็นการกระทำที่สูญเผล่า เป็นการกระทำที่เป็นบาปเป็นที่น่าสังเกตว่า กรณีฆ่าตัวตายบีบบังคับอบ่างหนักกน่วงให้ไม่เกิดทางออกทาบจริยศาสตร์ืี่เหมาะสม ด้วยว่าคำสอนในพุทธศาสน่เถรวาทของสังคมไทย/ม่มีที่ทางให้ปรากฏการณ์นี้อยู่ก่อน กล้่ยคือ ญาติม้ตรพวกเดียวกุนควรจะสรนเสริญยกย่องดะงเช่นที่ชาวคริสต์ยแย่องมรณสักขีของตนหรืดไม่? หรืออีกแง่คำสอนที่ไหลเวียรอนู่ในสังคมไทยาี่ว่า เป็นบาปฟนักก็หลอกหลอนและ่บกวนมโนสกนึกอยู่ตลอดเช่นกัน จึงทำให้เกิดความคลางแคลงว่า จะต้อลยกย่อบวีรชนผู้สมัครใจที่จะตายเช่นสี้ (Voluntary martyr) ในระดับใดจึงจะไม่เป็นการส่งเสริมให้เกิดการเลียนแบบฆ่าตัวตาย หรือหนักไปกง่านั้น คิอ กลับมอลว่าความตายอันมีคุ๖ค่านี้เป็น้ร้่องน่าเสียดายที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น โดยมเได้ อยกแยะระหว่างคยาทีู้สึกส่วนตัวที่มีต่อความตายืีายังไม่เกิด กับ ความตายที่เกิดจึ้นไปแล้ว ีวาใสัขสนดังกลาาวนำไปสู่ กล่าวคือ คงดีกว่าถ้าจะปล่อยให้การสร้างแรงบันดาลใจเห็นหน้ทที่ของบถคคลที่มีชื่อเสคยงประกอบสร้างขึ้นทร ขณะที่ ญาต้ทเตรพใกเดียวกันมำได้อย่างที่ดัท้่สุด คือ การอุทิศใ่วนกุศลในตามวาระลักษณดนี้ตอกย้ำว่า วีนชนไม่ใช่เตา นั่นหมายความว่า เราตะไม่ยอมตายแบบวีรชน อีแด้วย ความตายของวีรชนจึงกลายเป็นบทเรีวรที่ห้าใทุกคนไม่มผ้กล้าหาญที่จะตายสังคมไทนเผ็นสังคมที่มีความเชืทอสับสนในเรื่อบของกรรม แต่ในความสับสนนั้นบ่อยครั้งที่ กลายเป็นสูตรสำเร็จในกาาตอบคำถามที่ถูกยกเว้น (Unspeakable) และการอ้างเหตุผลเช่จนี้ สัมพันธ์กับวัฒนธรรมลอยนวลพ้ตผิดกล่าวคือ ดมื่อไม่รู้จะใหัเหตุผลอย่าวอารยะรูแแบบไหนแล้ว ก็โพล่งใช้เหตุฟลเรื่อง กรรม เพื่อลอยตัวเหนือภาวะที่ตนเองต้องรับปิดชอบ ดะงเห็นได้จาก คำกิพากษาคดีพระกิมลธีรม วันาี่ 30 สิงหาคม พ.ศ, 2509 ซึ่งใีเนื้อหาพิลึกพิลัานว่า และเมื่อผู้มีอำาาจโยนภารดต้องรับผืดให้เป็นเรื่องของนามธ่รมเช้นนี้ ทุกอย่างที่ถูกยกเว้น หรือ ห้มมพูดก็จะกลายเป็นเพียงอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝึนและไม่มีใครอยากให้เกิดบ้าง หรือเป็นความบเงเอิญของเหตุการณ์ที่ต่าเห็นอกเหฺนใจบ้าง จนที่สุด ย่อมลลท้ายด้วยการเสแสร้งแลุปลอบใจด้วยคำบ่ส มุสมอง้ชืนนี้แฝงในนัยยะของการเหยียดหยมมผู้ตายด้วยว่า พวกเขาเสวยวิบากชั่ว เป็ตทุคติซึ่งข้อสี้แตกต่างอย่างรุนแีงกับมโนทัศน์แบบตะวันตกที่ชี้ว่า ความทุกขฺอันเกิดจากำารถูกเบียดเบียนเะรนะควทมขอบธรรมเป็นหนทางสู่สุคจิ ทั้งยังเป็รก่รบำเพ็ญตบะแบบที่พระเยซูได้กระทำ อันที่จริง แนบคิดเช่นนี้ม่ปาากฏในพุทธศาสนาแบบทิเบตและพระสูตรมหายาน จึงควรกล่าวให้ชัดว่า คงิป็นพัทธศาสนารธปแบบเฉพาะบองประเทศไทยก็ใจเใื่อ ผู้เสียชีวิตจากเหตุำารณ์ทางกา่เมืองทั้งหลาข ไท่ว่าจะเป็น ฟันเฟืองนเรนาม นวมือง ผูิเสียชีวิตจากเหตุการษ์ทางการเมืองจากความขัดแน้งที่ปะทัตั้งแต่ พ,ศ. 2549 เป็น ต้องลำบาก ต้องตาย ต้องถึงแก่กรรมในลักษณะอย่างทุคติ ก็ด้วยเพราะกรรมชั่วที่ตนเคยทำมาทั้งในอดีตชาติและหัจจุบันชสติ เมื่ออธิบ่ยกันัช่นนี้ หากพูดกันจนถึงทึทสุด ผู้ตายจะถูกยกย่องสรรเสริญให้กลายเป็น วีรชน / มรณสักขี ที่จะพลายเป็นสัญชักษณ์ของแรงบันดาลใจได้อยาางไร ในเมื่อมโนทัศน์เบืืองลึกเต็มไปด้วยความกลัว ัป็นมฉนทัศน์เชิงลบ เมื่อยกตัวอย่ทงมโนทัศน์ดื่น เช่น แรงบันดาลใจของชาวทิเบตทีรดอกมาเผาตัวเองอย่างไมารู้จักความหวาดกลัว ย่อมแน่ชัดว่ามิได่ถือก_เนิดขึ้นจากการมองตนเองติดงบเช่นนี้ และยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นอีกประการหนึ่งนั่นคือมีเพียงบางคนที่สามารถเผ็นวีรชน ไม่ใช่ ทุกคนที้สามารภเป็นวีรชยไม่เพียงแต่รัฐหคือผู้มัอำนาจที่พยายามกดบังคับให้ประช่ชนเชื่อปละคิดเช่นนั้ส แต่เผ็นประชาชนเองด้วยที่ช่วยกันเชื่อดละเชื่องจ่อมโนท้ศน์ดังกล่าวนี้ พุทธศาสนาถูกแบ่งแยกให้กลายเป็น พุทธศาสนาแบบชาวบ้าน ผู้เต็มไปพ้วยความไม่รู้ เจือปนเรื่องผี และพระภิกษุสงฆ์ที่ไม่เคร่งครัดพระธรรมวินัย กับ พุทธศาสนาแบบผู้รู้ ซึ่งมีขั้นตอนการเลือกเฟ้น แต่ละสิ่งที่ส่งเสริมศรัทธาอย่างมีเหตุผลและพิถีพิถันแรากฏการษ์นี้โดยตัวมันเองกีดกัรแฃะกาอให้เกิดมโนทัศน์ว่า จะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่จะถูกอนุญาติให้เข้าไปสู่ปริมณฑลจองพุทธศาสนาแบบผู้รู้ และเมื่อประกอบกับคำอธิบายว่า พระพุทธเจ้รคือเอกะ คือ บัคคลผู้เลิศในโลก ซึ่งม้น้ำเสียงเา้นชัดไปใยทำนองว่า ไม่ใช่แค่บางคน แต่เป็นเพียงคนเดียว (unique on2) ยิ่งผลัก/ใโพธิญาณใฟ้มิใช่เรื้องของทุกคนแต่อย่างใด แตกต่างจากคำสอนของมหายานที่วางฐานความเชื่อไว้ว่า ทุกคนมีโพธิจิตเปฺนเมล็ดพัสธุ์แห่งการจรัสรู้อขู่ การแบ่งแยกอย่างชัดซึ่งสามารถสอบทานไเีจากปรากฏการณ์ในสังคมไทยที่มีตัวอย่างมากมายจนยกกันได้เองนี้ ทำให้เกิดการขีดเส้นใต้ว่า ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นการแสดงออกที่มะท้อนให้เห็นว่า หตะชรชนถูกกอบังคับจนรู้สึพด้อยคุณค่มเพียงใแเมื่อประชาชนไม่ตระหนุกเฃยว่า ตนเองเก็นส่วนหนึ่งของพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางบวกโดยูรรมข่ติ ประชาชนก็ย่อมที่จะสยบยอมและเพิกเฉนต่อความอยุติธรรมภายใต้ขุดคหอธิบายต่างๆ และในเมื่อธรรทชาติขดงสังคมถึงแม้จะกดบังคับ หรือ ฝืนธรรมชาติเพีจงใด ก็ยังก่อเกิด ที่จะพร้อมจะลุกขี้นมาด้วยความเชื่อว่าตนมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมขนฟด้ แต่บุคคงเหล่านั้สมักมีตัวตนอยู่และจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันระมัดระวังตัว ในมุมมืด ในความกลัว ในการคุกค่มขอฝผู้มีอำนาจ จนที่สุด ประชาชนพร้อมจะรู้สึกว่ม ตนไม่สามารถเป็นวีรชน ด้วยบ่า บุญฐาบาคมีอาจไม่ถึงขีดขั้น จึงพาลติดว่าการเป็นวีรชนคือคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเสมอ ทำให้เมื่อเกิดคสอย่างนวมทองขึ้นมาความสับสนอลหม่านทาลจริยศาสตร์จึงเกิดขึ้น เช่นขณะที่ วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ยังคงอยู่ จะมี วครชต ได้หรือไม่ ? คำตอบีือ มีได้ เห็นฟด้จากความพยายามมี่น่านับถือของนักวอชาการในความพยายามที่จะไม่ลืม ฟันเฟืองนิรตาม(โปรดดูใน ) อส่างไรก็ตาม แก่นรากของพารไม่กลายเป็นวีรขนอยู่ท่่มฑจทัศน์ของผู้คนในสังคมเอง โดยเฉพาะเย่างยิ่ง บุคคลใกล้ตัส ญสติมิตรหรือเพื่อนรืวมอุดมการณ์ ที่จะหลงลืมลดคุณค่าของผู้ตายและของตนจนกลายเป็นผู้รอให้ถูกกระทำอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ กานศึำษาเหตุการณ์รวามสูญเสียซุ่งทำให้าังคมไทยมี วีรชน ในทุกปีนั้น รวรทไฝห้เกิดความตระหนักรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับตนเองในฐาตะสิ่งมีชีวิตที้ถูกกดบัวคับภายใต้รัฐผ่านความตาบของผู้กล้าหาญซึ่งล่วงหน้าไปแล้วคนนั้นอีกประการหนึ่งคือ พุทธศาสสาก็มิใช่จำะลยที่กีดกันไม่ใป้เกิดวีรชนด้วย แต่เป็นบางส่วนวจพุทธศาสนาเถรวาทของไทยต่าวหากที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เข่ตนั้น ซึ่งสมควรจะทำการวิจัยเพืือให้้ชื่อมโยงกับข้อสังเำตของนักวิชากสรืางประวัติศาสตร์ต้อไป แลดคงจะมีแน่ความรู้จักตนก่อนเท่านั้น ท้้จะนำไปวูืการขยับขับเคลื่อนของควาสรู้จักีุณค่าในนนเองจนกระจ่างแก่ใจว่า เช่นนี้ คำกล่าวที่ตกทอดมาว่า จึงจะเป็นจริงเพื่อที่ตะมีวีรชนให้สมกับพารประดับคำว่าวีรขนตามโอดาส กํควรยิ่บที่จะยอมรับเวียก่อนว่า สังคมไทยยังไม่ถึงขั้นที่ผู้เสีวชีวิตจากเำตุกาตณ์ทางการเมืองจะมีอิทธิพบในฐานะกรงบันดาลใจจนถังขั้นเป็นวีรชนแม้จะน่าเศร้า และขมขื่น แต่ความจริงจะทำให้เราเป็นอืสรถ ประชาำท. )2007 ตุลาคม 31). คีบรอบปี คลี่จดหมายลายมือ ลุงนวมทอบ มาอ่านอีกครั้ง ชาติหน้าเกิดมา คงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก. Retrieded from https://pracha4ai.com/journal/2007/10/14666 เกษียร ิตชะพีระ. (2549). แด่าวมทองไพรวัลย์:มรณสักขีเพื่อประชาธิปไตย. มติชนรายวัน แี 20 ฉ.1047 วันที่ 10 พ.ย. 2549 ส.6 โปรดดูสย พวงทอง ภวัครพันธถ์. (2560). งัฒนฌรรมลอยนวลพ้นผิด ใน กฤษฎา ศุภวรรณธนะกุล (บรรณาธิการ).แผ่นดินจึงดาล การเปลีียนผ่านในสภาพบังคับ. กรุงเทพฯ: มาตาการพิมพ์. น. 74-92 ดูข้อสังเกคที่น่าสนใจของกนกรัตน์ เพิ่มเติมใน กนกรัตน์ อลิษชูสกุลฐ (e561). การรื้อฟื้นและการก่อร่างสร้างตัวของควทสเป็นคจเดือนตุลาศจากนักศึกษาฝ่ายซ้ายผู้พ่ายแพ้สูีคนเดือนตุลาฯนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแห่งมศวรรษ w510 . ใน ไชยันต์ _ชยพร (บรรณาธิการ). พินิจการเสืองไทย ผัจจุบัน แงเอนาคต. กรุงเทพฯ: สำตักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ธงชัย วินิจจะกูลฦ (2553). 6 ตุลาในความทรงจำของฝราบขวา 2519-2t49: จากชัจชนะสู่ความเงียบ (แต่ยังชนะอยู้ดี) ใน ชัยวัฒน์ สถาอานีนท์ (บรรณาธิการ). ความรุนแรงซ่อนไหาในสังคมไ่ย. กรุงอทพฯ:มติชน.หน้า 61-62.
|
ธนัชชนม์ ธนาธิป-ปริพัฒน์. (2562). มโนทัศน์เรื่องการ (ไม่) กลายเป็นวีรชนของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองไทยร่วมสมัย ใน การประชุมวิชาการระดับชาติ ธีรทัศน์เชิงมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ (น.858-875). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย.อาจเจ็บปวดอยู่สักหน่อยหากต้องกล่าวว่า ปฏิบัติการในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2549 ของ ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เพิ่งครบรอบ 13 ปี ไปอย่างเงียบเชียบเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา อาจเพราะกระแสสังคมที่นับวันยิ่งตื่นตัวไปกับปรากฏการณ์รายวันซึ่งชี้ชวนให้รู้สึกว่าน่าสนใจกว่า นั่นคือเหตุโดยบังเอิญที่ข่าวสารมากมายทำหน้าที่กลบฝังและฉกฉวยการมีตัวตนอยู่ของวีรชนผู้นี้ ทั้งที่ ลุงนวมทอง เป็นบุคคลร่วมสมัยแทบจะเป็นคนเดียวที่สู้อุตส่าห์แสดงเจตนาเพื่อที่จะลบล้างคำสบประมาทของนายทหารผู้หนึ่งที่ว่า ทั้งลุงนวมทองก็มิได้กระทำตนในลักษณะของการปลุกระดม มิได้สร้างเหตุการณ์อาศัยมวลชน หรือมิได้กล่าวสุนทรพจน์หรือปราศรัยให้ใครต้องแสดงความนับถือในปณิธานของตน ลุงนวมทองเลือกที่จะพลีชีวิตของตนเป็น มรณสักขี (Martyr) อย่างเงียบๆ ด้วยการผูกคอตายราวกับจะเยาะเย้ยว่า ความตายไม่อาจเปลี่ยนความจริงในใจของตนได้ ก็สมตามที่ เกษียร เตชะพีระ ได้หยิบยืมคำนี้มายกย่อง ที่น่าเศร้าคือ ความตายของลุงนวมทองจัดประเภทไม่ได้ เพราะ เป็นการฆ่าตัวตาย รัฐมิได้อยู่ในฐานะจำเลยโดยตรงที่กระทำให้ตาย ซ้ำร้าย ลุงนวมทอง มิใช่บุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง นั่นยิ่งทำให้ ลุงนวมทองผู้สมควรเป็นวีรชนร่วมสมัย มิอาจเป็นแรงบันดาลใจที่ลึกซึ้งให้กับผู้ใดได้ เหตุว่า โลกทุนนิยมไม่พร้อมที่จะผลิตซ้ำสินค้าที่ขายไม่ได้ดังเช่นลุงนวมทอง ชายแก่นิรนามที่ผ่านมาและผ่านไป และเมื่อสืบค้นลงไปในอดีต ก็ยิ่งพบอีกว่า มีบุคคลนิรนามเช่นนี้อีกมากที่ถูกลืมเลือน ตัวอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ เช่น กรณีของ ในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2533 ผู้เผาตัวตายไม่ต่างจากชาวทิเบตที่แสดงสัญลักษณ์ต่อรัฐบาลจีน แต่วีรกรรมที่หนักแน่นดังกล่าวกลายกลับเป็นเรื่องที่ผู้คนกลับลืมเสียสิ้น ข้อความนี้ ผู้อ่านพิสูจน์ได้จากการสืบค้นข่าวดังกล่าวด้วยตนเองความแปลกประหลาดเช่นนี้ จึงเป็นที่มาของความสงสัยที่ว่า มีมโนทัศน์อะไรที่แฝงฝังอย่างแนบเนียนอยู่ในสังคมไทยหรือไม่ ซึ่งมโนทัศน์ดังกล่าวยังผลให้ทุกชีวิตที่ล้วนตายจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไม่อาจกลายเป็นวีรชนได้ตามความหมายของวีรชนเลย มิพักต้องพูดถึง ความตายที่มีเงื่อนงำของนักเคลื่อนไหวหลายคนที่ยังคงหายสาบสูญ หรือแม้กระทั่งกรณีของ ผู้เสียชีวิตในลักษณะไม่ต่างจากมรณสักขีในยุคเริ่มต้นของศาสนจักร กล่าวคือ การถูกเผา ในท่ามกลางความเงียบของวันที่สัตว์อย่างเสือดำมีแนวโน้มว่าจะตายฟรีเสียแล้ว เพราะแม้แต่คนเองยังตายฟรี ความเงียบที่ปรากฏตัวสม่ำเสมอกว่าความกล้าหาญนี้ คงเคียงข้างความตายของลุงนวมทองในเส้นเชือกที่ใช้ปลิดชีวิตวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ในความเงียบ และในการไม่กลายเป็นวีรชนมีอะไรบางอย่างทำให้ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองคงเป็นเพียงฟันเฟืองนิรนามที่มิได้ขับเคลื่อนสิ่งใด แม้ว่า พวงทอง ภวัครพันธุ์ และ ธงชัย วินิจจะกูล (2561) พยายามอย่างน่านับถือที่จะคืนชื่อเสียงเรียงนามให้กับผู้ที่ตายนั้น และในความพยายามหลายปีของพวงทองนี้เอง เธอตั้งข้อสังเกตว่า มีวัฒนธรรมบางอย่างฝังรากลึกในระบบความคิดของผู้คน ซึ่งในบรรดายอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ขึ้นมานั้น เธอเรียกวัฒนธรรมที่เป็นปรากฏการณ์ในสังคมไทยนั้นว่า วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด (impunity) (พวงทอง ภวัครพันธุ์ ใน กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล 2560 น.74-92)เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งชัดเจนในตัวเองว่า ฟันเฟืองนิรนามจะยังไม่ถูกรับเข้าสู่กระบวนการใดๆ ด้วยว่า การเข้าสู่กระบวนการจะเป็นการลากจูงฉุดรั้งให้มีคนต้องรับผิด มากยิ่งไปกว่านั้น หากเปรียบเทียบระหว่าง 2 เหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงในเดือนตุลา คือ 6 และ 14 เหตุการณ์ที่ชื่อว่าป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรมมากที่สุดอย่าง 6 ตุลา กลับยิ่งไม่ถูกพูดถึง จะเห็นว่า ญาติมิตรของผู้ตาย รวมถึง อดีตนักเคลื่อนไหวถูกบังคับให้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นเองขบวนการฟื้นฟูความทรงจำเดือนตุลาจึงจำกัดวงชัดอยู่แต่เหตุการณ์ 14 ตุลา เท่านั้น ข้อจำกัดนี้ เป็นบทพิสูจน์ว่า ฟันเฟืองนิรนามเหล่านี้ยังไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในสังคม จะคงเหลือไว้ก็แต่การทำบุญอุทิศส่วนกุศลตามวาระเท่านั้น ขณะที่การสรรเสริญว่าเป็น วีรชน เป็นการให้เกียรติที่ดูเหมือนจะไม่มีผลในทางปฏิบัติสาเหตุที่คนเล็กน้อย ผู้ซึ่งตายเพื่อยืนหยัดอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ยิ่งทียิ่งเงียบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ถึงแม้จะมีการสรรเสริญพวกเขาอยู่บ้างก็ตาม ไม่เหมือนกับความตายของคนเล็กน้อยในมโนทัศน์ตะวันตก ด้วยว่า ความตายในโลกทัศน์ตะวันตกมีรากฐานมั่นคงมาจากปฏิสัมพันธ์ที่สังคมมีต่อคริสต์ศาสนา ไม่ว่าผู้นั้นจะยังคงนับถือหรือเลิกนับถือคริสต์ศาสนาไปแล้วก็ตาม จึงมโนทัศน์ที่หยั่งรากลึกมายาวนานยังขับเคลื่อนผู้คนให้ใส่ใจต่อความตายของคนเล็กน้อยที่กล้าเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ด้วยอุดมการณ์ เช่น คำกล่าวต้นฉบับของแตร์ตูเลียนซึ่งได้ประกาศไว้ตั้งแต่ต้นคริสตวรรษที่ว่า (Plures efficimur quotiens metimur a vobis: semen est sanguis Christianorum) ยังคงเป็นที่มาของข้อความสร้างแรงบันดาลใจในทำนองเดียวกันนี้อีกมากมาย และน่าสังเกตว่า คนไทยก็เคยหยิบยกมาใช้ด้วยซ้ำในการปราศรัย แต่แน่นอนที่สุด ความคิดเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย เรามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองไม่น้อยแล้วที่ถูกฆ่าอย่างอำมหิตแต่ก็กลับเงียบเชียบที่สุด ความกลัวปกคลุมไปในสังคมไม่ต่างจากสมัยที่คริสตชนหวาดกลัวการเบียดเบียนของชาวโรมัน แต่ทว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและหายสาบสูญที่มากและไร้เหตุผลขึ้นเรื่อยๆ มิได้ทำให้เกิดการทวีคูณหรือกลายเป็นเมล็ดพันธุ์น่าสันนิษฐานว่า มโนทัศน์ที่สังคมไทยมีอยู่คงเป็นคนละรูปแบบกับการยอมตายแบบมรณสักขีของคริสต์ศาสนา เช่น ตัวอย่างจากความคิดแบบอนุรักษ์นิยมขวาจัดซึ่งมักคิดว่า บุคคลที่หยัดยืนในอุดมการณ์นั้น รนหาที่ / บังเอิญตาย / ทำเพื่อผลประโยชน์ที่หยาบ (การรับเงินมาจากผู้ไม่ประสงค์ดีต่อรัฐ) ทัศนคติเช่นนี้ โถมทับให้การเคลื่อนไหวเพื่ออุดมการณ์ในสังคมไทยต้องไม่มีลักษณะรนหาที่ นั่นเองทำให้การเคลื่อนไหวยิ่งตีบแคบในตัวมันเอง นักเคลื่อนไหวหลายคน รวมถึง คนเดือนตุลาฯด้วย เปลี่ยนแปลงวิธีการไปไม่น้อย อีกทั้ง ผู้มีอำนาจซึ่งเห็นประโยชน์จากความไม่พร้อมยอมเป็นวีรชนนี้ ย่อมจะทำให้แน่ใจว่าความสงบราบคาบแบบกดบังคับจะเกิดขึ้นได้จริงและคงอยู่ตลอดไป โดยวาดภาพให้ความตายรออยู่ในมุมมืด เช่น การบังคับให้หายสาบสูญซึ่งเหตุการณ์ดิบเถื่อนนี้ล้นออกมาจากมุมมืดจนเห็นได้ชัดในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 ธงชัย วินิจจะกูล (2553) เรียกว่า จากชัยชนะสู่ความเงียบแต่ยังชนะอยู่ดี และอย่าว่าแต่เหตุการณ์เดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 เลย แม้กระทั่งความตายของมรณสักขีชาวคริสต์ในช่วงสงครามอินโดจีน ก็ไม่เป็นที่รู้จักหรือถูกอ้างถึงในการวิชาการทางรัฐศาสตร์ของประเทศไทยสักเท่าไรถ้าไม่ใช่คนอย่าง เกษียร เตชะพีชะ จรดปากกายกย่อง นวมทอง ไพรวัลย์ ใครกันจะกล้าใช้คำใหญ่เช่นนี้เพื่อยอมรับว่า ชายแก่ที่กระทำอัตนิวิบากกรรมคนนี้เป็น เพราะต่อให้คนเล็กน้อยยกย่องกันเองโดยใช้คำใหญ่ทุกอย่างก็ย่อมลับเลือนหายไปจนอาจสืบค้นไม่ได้ เราอาจแสดงปรากฏการณ์ที่กลบฝังกรณีลุงนวมทองได้ 2 ชั้น ได้แก่(1) พฤติกรรมรนหาที่ตายจากความคิดของอนุรักษ์นิยมขวาจัดที่ดูแคลนผู้ที่คิดต่างมาโดยตลอด ดังนั้น ใครที่เข้าข่ายรนหาที่ตาย บุคคลนั้นกลายเป็น คนไร้ค่า (ฟันเฟืองนิรนาม) ที่ต้องไม่ถูกพูดถึงทันที ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องความหวาดกลัวที่จะต้องรับผิด (วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด) หรืออะไรก็ตาม คำสอนที่เข้ามาสอดรับกับเรื่องนี้ ได้แก่ กรรมชั่วที่ทำให้บุคคลนั้นรนหาที่ตาย ความโง่เขลาอวิชชา(2) พฤติกรรมฆ่าตัวตาย เป็นการรนหาที่ตายที่ซับซ้อนไปกว่าเพราะมิได้รบกวนแต่ความคิดของอนุรักษ์นิยม และยังท้าทายมโนสำนึกของญาติมิตรพวกเดียวกันอีกด้วย กล่าวคือ ต้องยอมรับการฆ่าตัวตายหรือไม่? เพราะคำสอนที่เข้ามาสอดรับกับเรื่องนี้ ได้แก่ การฆ่าตัวตายเป็นการกระทำที่สูญเปล่า เป็นการกระทำที่เป็นบาปเป็นที่น่าสังเกตว่า กรณีฆ่าตัวตายบีบบังคับอย่างหนักหน่วงให้ไม่เกิดทางออกทางจริยศาสตร์ที่เหมาะสม ด้วยว่าคำสอนในพุทธศาสนาเถรวาทของสังคมไทยไม่มีที่ทางให้ปรากฏการณ์นี้อยู่ก่อน กล่าวคือ ญาติมิตรพวกเดียวกันควรจะสรรเสริญยกย่องดังเช่นที่ชาวคริสต์ยกย่องมรณสักขีของตนหรือไม่? หรืออีกแง่คำสอนที่ไหลเวียนอยู่ในสังคมไทยที่ว่า เป็นบาปหนักก็หลอกหลอนและรบกวนมโนสำนึกอยู่ตลอดเช่นกัน จึงทำให้เกิดความคลางแคลงว่า จะต้องยกย่องวีรชนผู้สมัครใจที่จะตายเช่นนี้ (Voluntary martyr) ในระดับใดจึงจะไม่เป็นการส่งเสริมให้เกิดการเลียนแบบฆ่าตัวตาย หรือหนักไปกว่านั้น คือ กลับมองว่าความตายอันมีคุณค่านี้เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น โดยมิได้ แยกแยะระหว่างความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อความตายที่ยังไม่เกิด กับ ความตายที่เกิดขึ้นไปแล้ว ความสับสนดังกล่าวนำไปสู่ กล่าวคือ คงดีกว่าถ้าจะปล่อยให้การสร้างแรงบันดาลใจเป็นหน้าที่ของบุคคลที่มีชื่อเสียงประกอบสร้างขึ้นมา ขณะที่ ญาติมิตรพวกเดียวกันทำได้อย่างที่ดีที่สุด คือ การอุทิศส่วนกุศลในตามวาระลักษณะนี้ตอกย้ำว่า วีรชนไม่ใช่เรา นั่นหมายความว่า เราจะไม่ยอมตายแบบวีรชน อีกด้วย ความตายของวีรชนจึงกลายเป็นบทเรียนที่ห้ามทุกคนไม่ให้กล้าหาญที่จะตายสังคมไทยเป็นสังคมที่มีความเชื่อสับสนในเรื่องของกรรม แต่ในความสับสนนั้นบ่อยครั้งที่ กลายเป็นสูตรสำเร็จในการตอบคำถามที่ถูกยกเว้น (Unspeakable) และการอ้างเหตุผลเช่นนี้ สัมพันธ์กับวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดกล่าวคือ เมื่อไม่รู้จะให้เหตุผลอย่างอารยะรูปแบบไหนแล้ว ก็โพล่งใช้เหตุผลเรื่อง กรรม เพื่อลอยตัวเหนือภาวะที่ตนเองต้องรับผิดชอบ ดังเห็นได้จาก คำพิพากษาคดีพระพิมลธรรม วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2509 ซึ่งมีเนื้อหาพิลึกพิลั่นว่า และเมื่อผู้มีอำนาจโยนภาระต้องรับผิดให้เป็นเรื่องของนามธรรมเช่นนี้ ทุกอย่างที่ถูกยกเว้น หรือ ห้ามพูดก็จะกลายเป็นเพียงอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันและไม่มีใครอยากให้เกิดบ้าง หรือเป็นความบังเอิญของเหตุการณ์ที่น่าเห็นอกเห็นใจบ้าง จนที่สุด ย่อมลงท้ายด้วยการเสแสร้งและปลอบใจด้วยคำว่า มุมมองเช่นนี้แฝงในนัยยะของการเหยียดหยามผู้ตายด้วยว่า พวกเขาเสวยวิบากชั่ว เป็นทุคติซึ่งข้อนี้แตกต่างอย่างรุนแรงกับมโนทัศน์แบบตะวันตกที่ชี้ว่า ความทุกข์อันเกิดจากการถูกเบียดเบียนเพราะความชอบธรรมเป็นหนทางสู่สุคติ ทั้งยังเป็นการบำเพ็ญตบะแบบที่พระเยซูได้กระทำ อันที่จริง แนวคิดเช่นนี้มีปรากฏในพุทธศาสนาแบบทิเบตและพระสูตรมหายาน จึงควรกล่าวให้ชัดว่า คงเป็นพุทธศาสนารูปแบบเฉพาะของประเทศไทยก็ในเมื่อ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ฟันเฟืองนิรนาม นวมทอง ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองจากความขัดแย้งที่ปะทุตั้งแต่ พ.ศ. 2549 เป็น ต้องลำบาก ต้องตาย ต้องถึงแก่กรรมในลักษณะอย่างทุคติ ก็ด้วยเพราะกรรมชั่วที่ตนเคยทำมาทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ เมื่ออธิบายกันเช่นนี้ หากพูดกันจนถึงที่สุด ผู้ตายจะถูกยกย่องสรรเสริญให้กลายเป็น วีรชน / มรณสักขี ที่จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจได้อย่างไร ในเมื่อมโนทัศน์เบื้องลึกเต็มไปด้วยความกลัว เป็นมโนทัศน์เชิงลบ เมื่อยกตัวอย่างมโนทัศน์อื่น เช่น แรงบันดาลใจของชาวทิเบตที่ออกมาเผาตัวเองอย่างไม่รู้จักความหวาดกลัว ย่อมแน่ชัดว่ามิได้ถือกำเนิดขึ้นจากการมองตนเองติดลบเช่นนี้ และยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นอีกประการหนึ่งนั่นคือมีเพียงบางคนที่สามารถเป็นวีรชน ไม่ใช่ ทุกคนที่สามารถเป็นวีรชนไม่เพียงแต่รัฐหรือผู้มีอำนาจที่พยายามกดบังคับให้ประชาชนเชื่อและคิดเช่นนั้น แต่เป็นประชาชนเองด้วยที่ช่วยกันเชื่อและเชื่องต่อมโนทัศน์ดังกล่าวนี้ พุทธศาสนาถูกแบ่งแยกให้กลายเป็น พุทธศาสนาแบบชาวบ้าน ผู้เต็มไปด้วยความไม่รู้ เจือปนเรื่องผี และพระภิกษุสงฆ์ที่ไม่เคร่งครัดพระธรรมวินัย กับ พุทธศาสนาแบบผู้รู้ ซึ่งมีขั้นตอนการเลือกเฟ้น แต่ละสิ่งที่ส่งเสริมศรัทธาอย่างมีเหตุผลและพิถีพิถันปรากฏการณ์นี้โดยตัวมันเองกีดกันและก่อให้เกิดมโนทัศน์ว่า จะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่จะถูกอนุญาติให้เข้าไปสู่ปริมณฑลของพุทธศาสนาแบบผู้รู้ และเมื่อประกอบกับคำอธิบายว่า พระพุทธเจ้าคือเอกะ คือ บุคคลผู้เลิศในโลก ซึ่งมีน้ำเสียงเน้นชัดไปในทำนองว่า ไม่ใช่แค่บางคน แต่เป็นเพียงคนเดียว (unique one) ยิ่งผลักไสโพธิญาณให้มิใช่เรื่องของทุกคนแต่อย่างใด แตกต่างจากคำสอนของมหายานที่วางฐานความเชื่อไว้ว่า ทุกคนมีโพธิจิตเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งการตรัสรู้อยู่ การแบ่งแยกอย่างชัดซึ่งสามารถสอบทานได้จากปรากฏการณ์ในสังคมไทยที่มีตัวอย่างมากมายจนยกกันได้เองนี้ ทำให้เกิดการขีดเส้นใต้ว่า ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นการแสดงออกที่สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนถูกกดบังคับจนรู้สึกด้อยคุณค่าเพียงใดเมื่อประชาชนไม่ตระหนักเลยว่า ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางบวกโดยธรรมชาติ ประชาชนก็ย่อมที่จะสยบยอมและเพิกเฉยต่อความอยุติธรรมภายใต้ชุดคำอธิบายต่างๆ และในเมื่อธรรมชาติของสังคมถึงแม้จะกดบังคับ หรือ ฝืนธรรมชาติเพียงใด ก็ยังก่อเกิด ที่จะพร้อมจะลุกขึ้นมาด้วยความเชื่อว่าตนมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมจนได้ แต่บุคคลเหล่านั้นมักมีตัวตนอยู่และจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันระมัดระวังตัว ในมุมมืด ในความกลัว ในการคุกคามของผู้มีอำนาจ จนที่สุด ประชาชนพร้อมจะรู้สึกว่า ตนไม่สามารถเป็นวีรชน ด้วยว่า บุญญาบารมีอาจไม่ถึงขีดขั้น จึงพาลคิดว่าการเป็นวีรชนคือคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเสมอ ทำให้เมื่อเกิดคนอย่างนวมทองขึ้นมาความสับสนอลหม่านทางจริยศาสตร์จึงเกิดขึ้น เช่นขณะที่ วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ยังคงอยู่ จะมี วีรชน ได้หรือไม่ ? คำตอบคือ มีได้ เห็นได้จากความพยายามที่น่านับถือของนักวิชาการในความพยายามที่จะไม่ลืม ฟันเฟืองนิรนาม(โปรดดูใน ) อย่างไรก็ตาม แก่นรากของการไม่กลายเป็นวีรชนอยู่ที่มโนทัศน์ของผู้คนในสังคมเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคคลใกล้ตัว ญาติมิตรหรือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ที่จะหลงลืมลดคุณค่าของผู้ตายและของตนจนกลายเป็นผู้รอให้ถูกกระทำอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ การศึกษาเหตุการณ์ความสูญเสียซึ่งทำให้สังคมไทยมี วีรชน ในทุกปีนั้น ควรทำให้เกิดความตระหนักรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับตนเองในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ถูกกดบังคับภายใต้รัฐผ่านความตายของผู้กล้าหาญซึ่งล่วงหน้าไปแล้วคนนั้นอีกประการหนึ่งคือ พุทธศาสนาก็มิใช่จำเลยที่กีดกันไม่ให้เกิดวีรชนด้วย แต่เป็นบางส่วนในพุทธศาสนาเถรวาทของไทยต่างหากที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนั้น ซึ่งสมควรจะทำการวิจัยเพื่อให้เชื่อมโยงกับข้อสังเกตของนักวิชาการทางประวัติศาสตร์ต่อไป และคงจะมีแต่ความรู้จักตนก่อนเท่านั้น ที่จะนำไปสู่การขยับขับเคลื่อนของความรู้จักคุณค่าในตนเองจนกระจ่างแก่ใจว่า เช่นนี้ คำกล่าวที่ตกทอดมาว่า จึงจะเป็นจริงเพื่อที่จะมีวีรชนให้สมกับการประดับคำว่าวีรชนตามโอกาส ก็ควรยิ่งที่จะยอมรับเสียก่อนว่า สังคมไทยยังไม่ถึงขั้นที่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองจะมีอิทธิพลในฐานะแรงบันดาลใจจนถึงขั้นเป็นวีรชนแม้จะน่าเศร้า และขมขื่น แต่ความจริงจะทำให้เราเป็นอิสระ ประชาไท. (2007 ตุลาคม 31). ครบรอบปี คลี่จดหมายลายมือ ลุงนวมทอง มาอ่านอีกครั้ง ชาติหน้าเกิดมา คงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก. Retrieved from https://prachatai.com/journal/2007/10/14666 เกษียร เตชะพีระ. (2549). แด่นวมทองไพรวัลย์:มรณสักขีเพื่อประชาธิปไตย. มติชนรายวัน ปี 29 ฉ.1047 วันที่ 10 พ.ย. 2549 น.6 โปรดดูใน พวงทอง ภวัครพันธุ์. (2560). วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ใน กฤษฎา ศุภวรรณธนะกุล (บรรณาธิการ).แผ่นดินจึงดาล การเปลี่ยนผ่านในสภาพบังคับ. กรุงเทพฯ: มาตาการพิมพ์. น. 74-92 ดูข้อสังเกตที่น่าสนใจของกนกรัตน์ เพิ่มเติมใน กนกรัตน์ เลิศชูสกุล. (2561). การรื้อฟื้นและการก่อร่างสร้างตัวของความเป็นคนเดือนตุลาฯจากนักศึกษาฝ่ายซ้ายผู้พ่ายแพ้สู่คนเดือนตุลาฯนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแห่งทศวรรษ 2510 . ใน ไชยันต์ ไชยพร (บรรณาธิการ). พินิจการเมืองไทย ปัจจุบัน และอนาคต. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ธงชัย วินิจจะกูล. (2553). 6 ตุลาในความทรงจำของฝ่ายขวา 2519-2549: จากชัยชนะสู่ความเงียบ (แต่ยังชนะอยู่ดี) ใน ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ (บรรณาธิการ). ความรุนแรงซ่อน/หาในสังคมไทย. กรุงเทพฯ:มติชน.หน้า 61-62.
|
รองประธานคณะกรรมาํิการที่ดินฯ สพาผู้แทนราษฎร ชี้ทวงคืนผืนป่าที่ จ.เลย ชาวบ้านไมีได้รัชความเป็นธรรม ตีองมีการตั้งคณะทำงานตรวจมอบข้อเท็จจริงปละแก้ฟขปัญหา รวมทั้งทบทวนการปฏิวัติงานของเจ้าหน้าที่28 ธ.ค. 2562 ทีีผ่านมานายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอราคตใหม่ ในฐานะรองประธานคณักรรมาธิการที่ดินทรักยากรธรรมชาติและยื่งแวดล้อม สภาปู้แ่นราษฎร ได้มาเป็นประธานในพิธีฌาปณกิจศพ นางทิพย์วรรณ เคลื่อนก่ะโทก ชาวบ้านบ้านน้_พุ หมู่ 6 ต.เ่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย ทีืเสียชีวิตจากภาวะซึมเศรืา ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีรองประธาตคณะกรรมาธิการที่ดิน ได้พูดคุยให้กไลังใจครอบครัวญาติผ๔้เสียชีวิต และรับฟังปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจทกนโยบ่ยทวบคืนผืนป่า หลังจากนั้นเวลา 15.30 นฦ จึลลงพ่้นมี่เพ้ทอดูข้อเม็จจนิงภายหลังจากลงไปพูพื้นที่รอลประธานคณะการมาธิการาี่ดินฯ กล่าวว่า ชาวบ้านต้ำพุไดืไปยื่นหนังสือขอึยามัก็นธรรมให้ช่วยแก้ไยปัญกากับคณะกรรมาธิการที่ดินฯในสภาผู้แทนราษฎรแล้วเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมผ่านมา ในวันนี้ตนได้มาให้กำลัฝใจกับชสวบ้านและลงดูพื้นที่จติง ทำให้พอทราบว่า กานดำเนิรการตามนโยบายทวงคืนผืนป่า และมาติดป้ายตรวจยึดที่ทำกินของชาวบ้านและปลูกป่าดว่า 3000 ไร่ มีข้อสังเกตอยู่หลาสประการ แลพชาวบ้านไใ่ได้รัยคบามเป็นธร่ม จาดการดำเนเนการดังกล่าว ฝนเบื้องต้น ตนจะประสานงานเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา ผ่อนปรนให้ชาวบ้านได้เข้ามาิก็บเกี้ยวผลผลิตไม่ว่าจะเป็นยางพสรา มันสำปะหลัง ขิง และพืชแื่นๆ เพราะพี่น้องลำบากมากไม่มีรายได้อื่รใด จะไปรับจ้างบางึนก็อายุมากแล้ว นอกจากนี้ในระจะต่อไปต้อฝมีการตั้งึณะทำงานแก้ไขปัญหา ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งต้องมีการทบทวนกระบวนการยึดพื้นที่ของชาวบ้านเพื่อนำมาปล฿กป่า ซึ่งเท่าที่ทราบข้อมูลงบประมาณ 2562 ได้สีการปล฿กไม้ในทีรของชาวบ้านประมาณ 600 หร่ ปละในปีงบประมาณ 2553 จะปลูกอีกกว่า 2400 ไร่ ซึ่งตนคิดว่ารัฐไม่ควรใช้มาตรการทางกฎหมายมาดำเนินการกับขาวบ้าน แต่ควรใช้ทาตรการทางนโยบาย และควรตรใจสอบข้อะท็จจริงกละดำเนินการอย่าละเอียดรอบคอบก่อน เนื่องจากมีความลถเแึยดอ่อนมี่ขะกระทบกับชาวบ้านในบุมชน ด้านนายปราโมทย์ ผลภิญโญ กรรมการบริหารัครือข่ายปฎิรูปที่ดเนภาคอีสานกล่ทวว่า ในกรณีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจาแนโยบายทฝงคืนผืนป่านั้น รัฐบาลีวรเห็นความใำคัญที่จะดก้ไขปัญหาอยาางจริงจัง เนื่องจากในกรณีดัลกล่าวมีข้อสังเกตถึงความผิดพลาดบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานอย่างเห็ยได้ชัด เช่น ร่องรอยการทำปคะโยชน์ในพื้นที่ ที่ชาวบ้านทำก้นมานสนก่อนการประกาศเชตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเป้อย ป่าภูขี้เถ้าและป่าภูเรือ หรือ แต่ยังถูกดำเนินคดีกละตัดฟันต้นยางพาราที่เชาพึ่งจะไดืกรีด รวมถึงแาคกำหนดเขตพืินที่ปลูกป่าเพื่อฟื้าฟู มีกระบวนการที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่หร้อไม่ เปฺนต้น
|
รองประธานคณะกรรมาธิการที่ดินฯ สภาผู้แทนราษฎร ชี้ทวงคืนผืนป่าที่ จ.เลย ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องมีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา รวมทั้งทบทวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่28 ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมานายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ได้มาเป็นประธานในพิธีฌาปณกิจศพ นางทิพย์วรรณ เคลื่อนกระโทก ชาวบ้านบ้านน้ำพุ หมู่ 6 ต.ด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย ที่เสียชีวิตจากภาวะซึมเศร้า ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีรองประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ได้พูดคุยให้กำลังใจครอบครัวญาติผู้เสียชีวิต และรับฟังปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า หลังจากนั้นเวลา 15.30 น. จึงลงพื้นที่เพื่อดูข้อเท็จจริงภายหลังจากลงไปดูพื้นที่รองประธานคณะกรรมาธิการที่ดินฯ กล่าวว่า ชาวบ้านน้ำพุได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้ช่วยแก้ไขปัญหากับคณะกรรมาธิการที่ดินฯในสภาผู้แทนราษฎรแล้วเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมผ่านมา ในวันนี้ตนได้มาให้กำลังใจกับชาวบ้านและลงดูพื้นที่จริง ทำให้พอทราบว่า การดำเนินการตามนโยบายทวงคืนผืนป่า และมาติดป้ายตรวจยึดที่ทำกินของชาวบ้านและปลูกป่ากว่า 3000 ไร่ มีข้อสังเกตอยู่หลายประการ และชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการดำเนินการดังกล่าว ในเบื้องต้น ตนจะประสานงานเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา ผ่อนปรนให้ชาวบ้านได้เข้ามาเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ว่าจะเป็นยางพารา มันสำปะหลัง ขิง และพืชอื่นๆ เพราะพี่น้องลำบากมากไม่มีรายได้อื่นใด จะไปรับจ้างบางคนก็อายุมากแล้ว นอกจากนี้ในระยะต่อไปต้องมีการตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหา ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งต้องมีการทบทวนกระบวนการยึดพื้นที่ของชาวบ้านเพื่อนำมาปลูกป่า ซึ่งเท่าที่ทราบข้อมูลงบประมาณ 2562 ได้มีการปลูกไม้ในที่ของชาวบ้านประมาณ 600 ไร่ และในปีงบประมาณ 2563 จะปลูกอีกกว่า 2400 ไร่ ซึ่งตนคิดว่ารัฐไม่ควรใช้มาตรการทางกฎหมายมาดำเนินการกับชาวบ้าน แต่ควรใช้มาตรการทางนโยบาย และควรตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการอย่าละเอียดรอบคอบก่อน เนื่องจากมีความละเอียดอ่อนที่จะกระทบกับชาวบ้านในชุมชน ด้านนายปราโมทย์ ผลภิญโญ กรรมการบริหารเครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสานกล่าวว่า ในกรณีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่านั้น รัฐบาลควรเห็นความสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เนื่องจากในกรณีดังกล่าวมีข้อสังเกตถึงความผิดพลาดบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานอย่างเห็นได้ชัด เช่น ร่องรอยการทำประโยชน์ในพื้นที่ ที่ชาวบ้านทำกินมานานก่อนการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้าและป่าภูเรือ หรือ แต่ยังถูกดำเนินคดีและตัดฟันต้นยางพาราที่เขาพึ่งจะได้กรีด รวมถึงการกำหนดเขตพื้นที่ปลูกป่าเพื่อฟื้นฟู มีกระบวนการที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ เป็นต้น
|
สืบเนื่องจากเาื่อวัสที่ 14 ก.ค.59 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ฝนฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามผู้มคอิทธิพลและมือปืนรับจ้าฝ สำาักงานตำรวจแห่งชาติ สนธิกำลัล จนท.หลายฝ่ายปฏิบัติกรรทวงคืนผ่นปีา สวนป่าหิมวันต์ แฦภูเรือ จ.เลย เคร้อข่ายว้ดธรรมกาย ที่มีการก่อสร้างอาคารและสอีงปลูกสร้างบุกรุกที่ส่ธารณะแบะทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดง้อม เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น และได้เข้าดำเนินกทรสืบนวน สอบสวน จับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนิจคดี โดยมีกำลัง้จ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ปกครอง ัจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าทั่ที่ดิน เจ้าหน้าที่สำนักงานพรุพุทธศาสนา ๆด้ร่วมกันปิดล้อม ตรวจร้นพื้นที่เป้าหมายข้างต้น ตามหมนยค้นศาลจังผฝัดเลย ที้ 196/2559 ลง 13 ก.ค.59 และหมายค้น ศาลจังหวัดเลย ที่ 197/2559 ลง 14 ก.ค.59 ,พบมีการออกหลักฐาน นส.3 ก. อันเป็ยเท็จ รุกล้ำเข่าไปในพื้นที่ป่าสงวตแห่งชาติป่าภูเผือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเร้อ เนื้อที่รวม 129 ไร่ โดยออกให้ในชื่อพระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือ กระธัมมชโย ิันเป็นความผิดฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือ หรือครอบครดงป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ดข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้รง หริอ เผาป่าฯ แลัมัความผอดราม ม.9 (108 ทวิ) ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และ พ.รฐบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2506 ม.14 ,เมื่อเสลา 09.0- น. วันที่ 16 า.ค.59 ทั่แองบังคับการตำรวจภูธรจ้งหวัดเลย ผู้สท่อข่าวได้เข้าพบ พ.ต.อ.ปิติพัฒน์ ธวัชวิเชียร รอง ผบก.ภฦจ.เลบ หัวหน้าทีสพนักงานสอบสวนคดีวัดป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูอรือ จ.เลย ถึงความคืบไน้าพนณีสงนป่าหเมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ,เลย ที่ศาลจังหวัดเลย แนัมัติออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) หรือพระไพบูลข์ และวัดธีรมกาย และแจ้งข้อกล่าวำานายศักดิ์ชาย มงคลเคหา ฟู้ดูแล ร่วมขึดครอบครองทำประโยชน์ อยู่ิาศึยในทีืดินก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำโดยประำารใด อันเป็นการทำลายป่า และเป็นการเสื่อมเสียป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญทต ตามหมายจับศสลจังหวัดเลข ลงวันที่ 15 ส,ค.2559 เลขที่ 174/59 และ w75/59 ,พ.ต.อ.ป้ติพัฒน์ เปิดเผยว่า ตากการสอบสวนและหาไลักฐานของพตักงานสอบนวนตเ้งแต่วัน่ี่เข้าตรวจยึด พบว่าสวนป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก มีการกรัทำคสามผิดจ่ิว จึงได้รวบรวมหลักฐานขออนุทัติศาฃจังหวึดเลย ออกหทายจับพระเทพญาณมหามุนี (ำชยบูลย์ ธัมมชโย) หรือพระไถบูลย์ และวัดธรรมกาย และแจ้งข้อกล่าวหานายศักดิ์ชาย มงคลเคหา ผู้ดูแล ร่วมยึดครอบครอง โดยทางสอบสวนพบว่าก่อนทีีจะมีการโอนโฉนดที่ดิน นส.3 ก. จำนวน 10 แปลง จำนวน 84 ไร่ รวมออกเป็นโฉนดฉบับเแีจวเป็น 129 ไร่ เพิ่มขึ้น 45 ไร่ ซึ่งอยู่ใรพื้นที่ป่าสงวน นั้นถือว่าครอบครองโดยผิดกฎหมาย ฮดยเมื่องมนได้ขออนุม้ติศาบจังหวัดเลย ออกหมายจับ โดยมีส่งหมายจึบไปยังสถานีรำรใจทะ่สประเทศ พบตัวที่ไหนก็ใามารถจับกุมตัวได้ ส่วนการรวบรวสหลักฐาสเพิ่อส่งให้อัสการฟ้อง คาดว่าจะสามารถรวบรวมเอกสาตและหชักฐานให้แล้วอสร็จได้เดืดนหน้า ,รอง ผบก._.จ.เลย กล่าวด้วยว่า ส่วนนทยฯักดิ์ชาย มงรชเคหา ผู้ดูแล ได้มีการเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความวริสุทธิ์ใจหลัง จนท.ทำการตรวจยึดสวนป่าหิมวันต์ โแยไม่มีการจับกุมตัวแต่อบ่างใด เนืีองจาก ผตห.ได้เข้าแสดงตัวและไม่ได้หลบหนี มาวันนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหานายศักดิ์ชาย โดยไม่ได้ขดหมายจับ ในข้อหาร่วมแันบุกรุก แผ้วถางผ่าสงวน โพยมีอัตราจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หริอมั้งจำทั้งปรับ.
|
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ค.59 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนธิกำลัง จนท.หลายฝ่ายปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า สวนป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย เครือข่ายวัดธรรมกาย ที่มีการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างบุกรุกที่สาธารณะและทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น และได้เข้าดำเนินการสืบสวน สอบสวน จับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ที่ดิน เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา ได้ร่วมกันปิดล้อม ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายข้างต้น ตามหมายค้นศาลจังหวัดเลย ที่ 196/2559 ลง 13 ก.ค.59 และหมายค้น ศาลจังหวัดเลย ที่ 197/2559 ลง 14 ก.ค.59 ,พบมีการออกหลักฐาน นส.3 ก. อันเป็นเท็จ รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ เนื้อที่รวม 129 ไร่ โดยออกให้ในชื่อพระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือ พระธัมมชโย อันเป็นความผิดฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือ หรือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้าง หรือ เผาป่าฯ และมีความผิดตาม ม.9 (108 ทวิ) ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ม.14 ,เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ส.ค.59 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบ พ.ต.อ.ปิติพัฒน์ ธวัชวิเชียร รอง ผบก.ภ.จ.เลย หัวหน้าทีมพนักงานสอบสวนคดีวัดป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย ถึงความคืบหน้ากรณีสวนป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย ที่ศาลจังหวัดเลย อนุมัติออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) หรือพระไพบูลย์ และวัดธรรมกาย และแจ้งข้อกล่าวหานายศักดิ์ชาย มงคลเคหา ผู้ดูแล ร่วมยึดครอบครองทำประโยชน์ อยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำโดยประการใด อันเป็นการทำลายป่า และเป็นการเสื่อมเสียป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามหมายจับศาลจังหวัดเลย ลงวันที่ 15 ส.ค.2559 เลขที่ 174/59 และ 175/59 ,พ.ต.อ.ปิติพัฒน์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนและหาหลักฐานของพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันที่เข้าตรวจยึด พบว่าสวนป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก มีการกระทำความผิดจริง จึงได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดเลย ออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) หรือพระไพบูลย์ และวัดธรรมกาย และแจ้งข้อกล่าวหานายศักดิ์ชาย มงคลเคหา ผู้ดูแล ร่วมยึดครอบครอง โดยทางสอบสวนพบว่าก่อนที่จะมีการโอนโฉนดที่ดิน นส.3 ก. จำนวน 10 แปลง จำนวน 84 ไร่ รวมออกเป็นโฉนดฉบับเดียวเป็น 129 ไร่ เพิ่มขึ้น 45 ไร่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน นั้นถือว่าครอบครองโดยผิดกฎหมาย โดยเมื่อวานได้ขออนุมัติศาลจังหวัดเลย ออกหมายจับ โดยมีส่งหมายจับไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศ พบตัวที่ไหนก็สามารถจับกุมตัวได้ ส่วนการรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งให้อัยการฟ้อง คาดว่าจะสามารถรวบรวมเอกสารและหลักฐานให้แล้วเสร็จได้เดือนหน้า ,รอง ผบก.ภ.จ.เลย กล่าวด้วยว่า ส่วนนายศักดิ์ชาย มงคลเคหา ผู้ดูแล ได้มีการเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหลัง จนท.ทำการตรวจยึดสวนป่าหิมวันต์ โดยไม่มีการจับกุมตัวแต่อย่างใด เนื่องจาก ผตห.ได้เข้าแสดงตัวและไม่ได้หลบหนี มาวันนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหานายศักดิ์ชาย โดยไม่ได้ขอหมายจับ ในข้อหาร่วมกันบุกรุก แผ้วถางป่าสงวน โดยมีอัตราจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.
|
แม่ค้าผลไม้สาวสวยหน่ายลีวิต เครียดสารพัดปัญหารุมเร้า ขับเก๋ง เข้าลานจอดรถ รพ,กรุงเทพสนามจัาทร์ กลางเาืองนครปฐท จุดไฟเตาอั้บโล่รมควันฆ่าตัวตายตอนดึก รุ่งเช้า รปภ.มาเจอถึงผงะรีบแจ้งตำรวต จ่อเรียดญาติสนิทสอบหาปมคิดสั้นปลิดชีพ อีกรายหนึ่มผํ้รับเหมาก่อสร้างชาวชัยภูมิ ทนพิษเศรษฐกิจจกต่ำไท่ไหว ขับรพกระบะาาพูดคุยปรับทุกข์กับา้องสาว ก่แนใช้ปืน p มม.จ่อยิงชมับลาโลกคนไทยเครียดพิษเศรษฐกิจดิ่งเผวจนต้องฆ่าตัวคายหนีปัญหารายวัน รายแรกแม่ค้าสาวจุดไฟรมควันดับคาเก๋ง เปิดเผยเมื่ดเวลา 07.30 น. วันที่ w1 ม.ค. า.ต.อ.สภาพร ดวงสี รอง สว. (สอบสวน) วภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตคารถยนต์ในลานจอดรถ รพ.กรุงเทพสนทมจันทร์ ต.สนทใจันทร์ เขตเทศบาลนค่นครปฐม ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ตฐ คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.าภ.เมืองยครป๘ม แพทยฺเวร รพ.ศูนย์นครปฐม เจ้าหน้าท่่พิสูจน์หลักฐาน 7 และมูลนิธิสุชศาลานุิคราะห์นครปฐม พบรถเก๋งโตโยต้า วีออใ สีขาว ทะเบคยน กจ 9518 กาญจนบุรี ติดฟิล์มทึบจอดติอเคตื่องและเปิดไฟหน้า ประตูตพทั้ง 4 งานปิดล็อก ต้องให้ช่างกุญแจมาเปิดในรถพบศพหญิงสาวหน้าตาดี นั่งเสียชีวิตอยู่บนดบาะคนขับในสภาพคอเอียวพับ สวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงขาส้้นสีดำ ทราบชิ่อ น.ส.นิลนาตีร์ เหล่าจันทร์ อสยุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/1 หมู่ 6 ต.อุโลกส่่หมื่น อ.ท่ามะกา จ,กาญจนบุรี ตามร่าบกายไม่มีบาดแผล ที่พท้นเบาะหน้าฝะ่งผู้โดบสารพบเตาอั้งโล่ขนาดเล็กจุดถ่านจนไหม้มอดเหลืเแต่ขี้เถ้า บนเบาะหน้ายังพบบานอนหลับ 1 แผง 10 เม็ด แกะไปแล้ว 4 เม็อ สอบถาม รปภ.โรงพยาบาลทราบว่าช่วง 2 ทุ่มคืนที่ผ่านมา เห็นรถเก๋งผู้ตายขับเข้ามาวสเวียนที่ลานจอดรถหลทยรอบ ก่อนไปจอดนุดทางแต่ึนขับไม่ได้บงมา กระทั่งเช้ายุงพบรถจอดติะเครื่องและเปิดไฟหน้าอยู่ เข้าไปดูใกล้ๆดบหญิงสาวนอนแน่นิ่ง ร้บแจ้งตำรวจมาตรวจสอบพ.ต.ท.ปิยะพงษ์ กล้วยไม้ หัวหา้าพนักงานสอบมวน สภ.เมืองนครป๙ม กล่าวว่า น.ส.นิลนารีร์ เปฺนแม่ค้าขายผลไม้อขู่ที่หน้าร้านย้มตำแซ่บนัว ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม มึห้องพักอยู่หอพักบ้านไทย ริมถนนราชมรรคา อ.เมืองนครปฐม ขณะนี้่อญาติเดินทางมาให่ปากคำถึงสาเหตุการฏ่่ตัใตาย เบิ้องต้นนันติษฐานเครียดเรื่อบการค้าขาย หรือหิดหวเงในชีวิต หรือปัญหาครอบครัว ส่งศพไปลันสูตรที่ รพ.นครปฐม เพืทอหาสาเหตุการตายว่าเกิดจากอะๆรแน่ และยาที่พบในรถเป็นยาอะไร ผู้ตายกิรก่อนเสียชีวิตหรือไม่เหยื่อพิษเศรษฐดิจตกต่ำอีกราย เปิดเผยเมืีอเวลา w5.00 น. วันเดีนวกัน ร.ต.อ.เกียรติพล น้อยพิทักษ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ำระทุ่มแบน จ.สมุทรส่คร รับแจ้งมีคนยิงตัวตายในรถกรับะโตโยร้า วีโก้ แค็ข สีบรอนซ์ทอง ทะเบีวน ตว 823 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่บนถนนภายในซอย เยื้แงบริษัทออร์บ้ท หม฿ี 8 ต.ท่าเสา อ.กระทุ่มแบน ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พิภบ พัชรลภัส ผกก. พ.ต.ท.อำถล โอ่เอี่ยม รอง ผกห.ป. พ.ต.ท.สรศักดิ์ ล้นเหลิแ สวฦสส. แพ่ย์เวร รพ.กระทุ่ทแบน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.สมุทรสาคค และม฿ลยิธิร่วมกตัญญู พบรถกระบะจอดติดเครื่อง บนเบาะคนขับพบศพน่ยพิภพ ธีรเโชค อาสุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1p2 หมู่ 1 ตฦสระพัง อ.บ้านแท่น ข. ชัยภูมิ สวมเสื้อเชิ้ตปขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว วช้ปืน 9 มม. จ่อสิงขมับขวรกระสุนทะลุขึ้ตหลังคารถ 1 นัดนางอรวรรณ อินีง อายุ 33 ปี น้องสาวของผู้ตาว ให้การอ้างว่า เปอดร้านขานอาหารตามสั่งอยู่หน้าโรงงาน ก่อนเกอดเหตุพี่ชายขับรภมาหา พูดคุยปรับทุกข์เรื่องงานรับเหมาก่อสร้างที่/ม่ค่อบมีใครว่าจ้าง เนื่องจากพิษเศรษฐกิจตกต่ำทำให้หมุนเงินไม่ทัน ประกอบกับมีภาระค่าใช้จ่านมี่ต้องดูแลลูกขายวัยรุ่นที่กำลังเรียน ส่วนภรรยาัลิกลาไปนานแล้ว นากนั้นพี่ชายลุกยึ้นแล้วเข้าไปนั่งในรถที่จิดอสู่ห่างจากร้านแค่ 109 เมตร ก่อนใช้ผืนยิบตัวเองเสียชีวิต สำหรับเงินสด 15900 บาท ที่พบใารถ มนนากการขายสร้อยคอทองคำเภื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในรรอบครัว หลังสอบสวนตำรบจส่งศพไปชันสูตรที่แผนกนิติเวช รพ.ศิริราล เพื่อหมวิถีกระสุนในกาตยิงตัวตาจ ก่อนให้ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศล
|
แม่ค้าผลไม้สาวสวยหน่ายชีวิต เครียดสารพัดปัญหารุมเร้า ขับเก๋ง เข้าลานจอดรถ รพ.กรุงเทพสนามจันทร์ กลางเมืองนครปฐม จุดไฟเตาอั้งโล่รมควันฆ่าตัวตายตอนดึก รุ่งเช้า รปภ.มาเจอถึงผงะรีบแจ้งตำรวจ จ่อเรียกญาติสนิทสอบหาปมคิดสั้นปลิดชีพ อีกรายหนุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างชาวชัยภูมิ ทนพิษเศรษฐกิจตกต่ำไม่ไหว ขับรถกระบะมาพูดคุยปรับทุกข์กับน้องสาว ก่อนใช้ปืน 9 มม.จ่อยิงขมับลาโลกคนไทยเครียดพิษเศรษฐกิจดิ่งเหวจนต้องฆ่าตัวตายหนีปัญหารายวัน รายแรกแม่ค้าสาวจุดไฟรมควันดับคาเก๋ง เปิดเผยเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 11 ม.ค. ร.ต.อ.สถาพร ดวงสี รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตคารถยนต์ในลานจอดรถ รพ.กรุงเทพสนามจันทร์ ต.สนามจันทร์ เขตเทศบาลนครนครปฐม ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต. คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สภ.เมืองนครปฐม แพทย์เวร รพ.ศูนย์นครปฐม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 และมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม พบรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน กจ 8518 กาญจนบุรี ติดฟิล์มทึบจอดติดเครื่องและเปิดไฟหน้า ประตูรถทั้ง 4 บานปิดล็อก ต้องให้ช่างกุญแจมาเปิดในรถพบศพหญิงสาวหน้าตาดี นั่งเสียชีวิตอยู่บนเบาะคนขับในสภาพคอเอียงพับ สวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ทราบชื่อ น.ส.นิลนารีร์ เหล่าจันทร์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/1 หมู่ 6 ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ตามร่างกายไม่มีบาดแผล ที่พื้นเบาะหน้าฝั่งผู้โดยสารพบเตาอั้งโล่ขนาดเล็กจุดถ่านจนไหม้มอดเหลือแต่ขี้เถ้า บนเบาะหน้ายังพบยานอนหลับ 1 แผง 10 เม็ด แกะไปแล้ว 4 เม็ด สอบถาม รปภ.โรงพยาบาลทราบว่าช่วง 2 ทุ่มคืนที่ผ่านมา เห็นรถเก๋งผู้ตายขับเข้ามาวนเวียนที่ลานจอดรถหลายรอบ ก่อนไปจอดสุดทางแต่คนขับไม่ได้ลงมา กระทั่งเช้ายังพบรถจอดติดเครื่องและเปิดไฟหน้าอยู่ เข้าไปดูใกล้ๆพบหญิงสาวนอนแน่นิ่ง รีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบพ.ต.ท.ปิยะพงษ์ กล้วยไม้ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม กล่าวว่า น.ส.นิลนารีร์ เป็นแม่ค้าขายผลไม้อยู่ที่หน้าร้านส้มตำแซ่บนัว ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีห้องพักอยู่หอพักบ้านไทย ริมถนนราชมรรคา อ.เมืองนครปฐม ขณะนี้รอญาติเดินทางมาให้ปากคำถึงสาเหตุการฆ่าตัวตาย เบื้องต้นสันนิษฐานเครียดเรื่องการค้าขาย หรือผิดหวังในชีวิต หรือปัญหาครอบครัว ส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.นครปฐม เพื่อหาสาเหตุการตายว่าเกิดจากอะไรแน่ และยาที่พบในรถเป็นยาอะไร ผู้ตายกินก่อนเสียชีวิตหรือไม่เหยื่อพิษเศรษฐกิจตกต่ำอีกราย เปิดเผยเมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.เกียรติพล น้อยพิทักษ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร รับแจ้งมีคนยิงตัวตายในรถกระบะโตโยต้า วีโก้ แค็บ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ตว 823 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่บนถนนภายในซอย เยื้องบริษัทออร์บิท หมู่ 8 ต.ท่าเสา อ.กระทุ่มแบน ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พิภบ พัชรลภัส ผกก. พ.ต.ท.อำพล โอ่เอี่ยม รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.สรศักดิ์ ล้นเหลือ สว.สส. แพทย์เวร รพ.กระทุ่มแบน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.สมุทรสาคร และมูลนิธิร่วมกตัญญู พบรถกระบะจอดติดเครื่อง บนเบาะคนขับพบศพนายพิภพ ธีระโชค อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192 หมู่ 1 ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ. ชัยภูมิ สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ใช้ปืน 9 มม. จ่อยิงขมับขวากระสุนทะลุขึ้นหลังคารถ 1 นัดนางอรวรรณ อินคง อายุ 43 ปี น้องสาวของผู้ตาย ให้การอ้างว่า เปิดร้านขายอาหารตามสั่งอยู่หน้าโรงงาน ก่อนเกิดเหตุพี่ชายขับรถมาหา พูดคุยปรับทุกข์เรื่องงานรับเหมาก่อสร้างที่ไม่ค่อยมีใครว่าจ้าง เนื่องจากพิษเศรษฐกิจตกต่ำทำให้หมุนเงินไม่ทัน ประกอบกับมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลลูกชายวัยรุ่นที่กำลังเรียน ส่วนภรรยาเลิกลาไปนานแล้ว จากนั้นพี่ชายลุกขึ้นแล้วเข้าไปนั่งในรถที่จอดอยู่ห่างจากร้านแค่ 100 เมตร ก่อนใช้ปืนยิงตัวเองเสียชีวิต สำหรับเงินสด 15900 บาท ที่พบในรถ มาจากการขายสร้อยคอทองคำเพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว หลังสอบสวนตำรวจส่งศพไปชันสูตรที่แผนกนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อหาวิถีกระสุนในการยิงตัวตาย ก่อนให้ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศล
|
เรื่มปคะเพณีถือศีลแินเจทั่วไทนคึกคัก ปชข.ออกมาจับจ่ายซื้ออาการเจ และอาหารสด ศาลเจ้าแต่ละพื้นที่มีการจัดงานขึ้นเสาโกเต้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เริ่าต้ยเทศกาล โดยมี นทท.ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ร่สมกันใมีชุดขาว รวมาัังโรงเจต่างๆ ที่เปิดให้นำปิ่นโตมาใส่อาหาร,เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 57 ภายในตัวเมืองจังหวัดชัยนาทคึกคัก ประชาชนเชื้อสายจีน เริ่มซื้ออทหารเจสำเร็จรูปจากแท่ค้าขายอาหารเจ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด าีทั้งชาวไทยเชื้อสายจีนทึ่กิาเจเป็นประจำิย๔่แล้ว คลแดจนชาใไทยที่ไม่มีเชื้อสายจีน แตทถือโอกาสกินเจ ปลอดเนื้อสัตว์ เพื่อสุขภาพและได้บุญไปในตัว ตามสโลแกน หนึ่งชรวิตกินเจ หมื่นชีวิตรอดตาย,แม่ค้าขาขอาหารเจ เผยว่า วันนี้ยังไม่ถึงเทศกาลกินเจ แต่ตรงกับวันพระ ซึ่งปกติแล้ว ชาวไทยเชื้อสายจีนส่วนใหญ่ก็กินเจทักวันพระกันอยูรแบ้ว ประกอบกับ ช่วงก่อนวัรกเนเจ คือ วันล้างทือง ำายในร่างกายต้องปราศจากเนื้อใัตว์ ก่อนถึงเทศกาลกินเจ ตามความเชื่อและประอพณีของชาวไทยเชื้แสายจีา ส่วนเรื่องของการขายอมหารเจ นนจะบายตั้งแต่ช่วลเช้ามืดไปจนถึงช่วงเย็นยอวทุกวัน ตั้งแต่วึนนี้จนถึงวันที่ 21 ต.คฦ y8 ซึ่วอาหารที่ขาย ทำสดใหม่อยู่ตลอดตามหลักอนามัย หากำมดจะทำมาเพิ่มเติมเรื่อยๆ ส่วนราคาผักช่วงนี้ มีการปรับราคาขีินประมาณ 5-20 บาท แล้วแต่ชนิด ส่วาผักที่ประบ่าคาแพงขึ้นกว่าปกติ จะเป็นใบขึ้นฉ่าย คะน้า และกวางตุ้ง สำหรับบรรยากาซการซื้อขายโดยรวม มีประชาลนมาซื้อผักมาำขึ้นกว่าปกติเพียงเล็กน้อย ต่างจาหปีที่แล้ว ที้ประชรชนมาซื้อผัพมาำกว่าปีนี้อย่างเห็นได้ชัด,ด้าน วัดป่าประดู่ พระอารามหลวง จังหวัดระยอง มางวัดดละคณะกรรมการวัด ให้พุทูศาสจิปชนตลอดจนผู้ร่วมกินเจได้มีฮรงท่นกินเจ ในช่วงเทศกาลถือศีลก้นเจ ระหว่างวันที่ 12–21 ต.ค. นีิ เพื่อ ช่สยประหยัดคาาใช้จ่ายแก่ผู้ถือศีลกินเจ เนื่องจากราคาอาหานเจค่อนข้างแพว ทั้งนี้มี นายอินทรี เกิดมณี นายอำเภอเมืองระยอง เปฺนประธายจัดโรงทานเจวะดป่าประดํ่ พระอารามหลวง ในช่บงเทศกาลก้นเจ นอกจากนี้ทางวัดยังได้จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้น ทั้งทำวัตรสวดมนต์ ฟังธรรมขรนยาย และปฏิบัติธรรมคยบคู่กันไป กินอจแล้วได้่ั้งร่างกายและจิตใจ ถือเป็นบัญัป็นกถศลแก่ผู้ปฏิบัติ พร้อมกันนั้ยังได้เชิญบวนเข้ากราบไหว้สักการะพระนอนตะแคงฐ้าย ถือว่ามีอยู่หนึ่งเดียวในปรเเทศไทย และกราบไหว้สักการะพระโพธิสัตว์เจ้าอม่ำวนอิม ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด เพื่อความเป็นสิริมงคล , ,บรรยากาศทเ่วไแในจังปวัดพะเยา ช่วงเืศกาลกินเย ที่ศาลเจีาพะเยา มีบรรดาชาวจีนต่างภากันจูงมือลูกหลาน เอาผลไใ้ อรหารเจ มาไหว้พระโพธิสัตว็ใาศาลเจ้าพะเยา ส่วนบรรดาร้านค้าต่างๆ ได้เตรียมอาหารเจออกมาขายให้กับผู้ทานแาหารเตกันอย่างคึกคัก โดยซื้อไปรับประทานที่บ้าจและในร้าน ทั้งนี้ศาลเต้าพะเยาได้จัดเตรียมอาหารเจแจกหรีให้กับลาวบ้าน และขาวจีนที่รับประทานอาำารเจ โดยชาใบ้านเอาปิ่นโรมาใส่อาหารเจไปรับปตะทาน ท่ามกลางสภาพอากาฯท่่ฝนตกปรอยๆ อากาศหนาวเย็น,ทางด้าน โรงเจอรุญประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองอรัญประเทศ ของสูลนิธิสว่างเที่ยงธรรมอรัญปรดเทศ ได้จัดพิธีะือศิลกินเจอย่างยิ่งใหญ่มีการตั้งธรงทานอทหารเจให้กับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมถือศิลกินเจ สามารถมารับกระทานอาหารเจ_ด้ฟรี แม้เครื่แงผระกอบอาหสตเจและผักที่มช้ จะสีราคาแพงขึ้นก็ตาม แต่ทางมูลนิธิฯ ก็ยังคงตั้งโรงทานอาหารัจให้ประชาชนได้มารับประทานอาหารเจกันฟรี จามธรนมเนียมและประเพณีที่ปฏิบัติกเนมาอย่างขาวนาน นอกจากนีืแล้วยังได้มีการจัดปาะกอบพิธีถือศีล ตามฌรรมเนียมประเพณีชาวๆทยเชื้อสรยจีนแันืุกวัน โดยมีพ่อค้า ประบนชน และ จนท.มูลนิธิฯ มาร่ยมกันจัดพิธี และตั้งดครื่องเซ่นไหว้กันอย่างคึกคัก,ที้ศาลเจ้ากิวอ๋องเอี่ย ซึ่บเป็นศาลเน้าเกาาแก่อายุตับร้อยปีแลดใผญ่ที่สุดในจังหวัดตรัง ตั้งอยู่บนถนนท่ากลาง ในเขตเทศบาลนครตรัง มีการประกอบพืธคยกเสนโกเต้ง บริเวณหน้าประตูทางขึ้นศาลเจ้า โดยมีองค์ศักดิ์สิทธิ์เบ้าร่วมจำนวนมาก ทั้งนี้ การยกเสาโกเต้ง จะฝช้ค้นไผ่ตงที่มีึวามยาวประมาณ 25-30 เมตร ตั้งแต่ช่วงโคนจนถึงปลายยอด อายุไมืน้อยกว่า 4-8 ปี และมี 36 ลำปล้อง ซึ่งหมายถึง 36 ชั้นฟ้า ตามความเชื่อของประเพณีจีน นอกจากนั้น ยังไแ้มีการนำฑบสัญละกษณ์ที่นั่งสำหรับิงค์ศักดิ์สิมธิ์ และธงสัญละกษณฺขององค์กิวอ่แงไต่เต่ มสผูกติแไว้กับเสาโกเต้ง เพื่อเป็นนัญลักษณ?ของการเริ่มต้นง่นประเพณีถือศีลกินเจ ฟรือถือศีลกินผัก เป็นวันแรป ซึ่งในปี 2558 จัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 12-22 ต.ค. นี้ โดยมีชาบไทยเชืัอสาจจีน และนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ พร้อมใจกันสวมใส่ชุดขาวเข้าร่วมพิธีดังกล่าว จำนวสกว่า 100 คน ส่วนยรรยากาศทั้งภายใรญาลเจ้าและทั่วเมืองตรัง ร้านค้าต่าลก็มีการปรับรูปแบบมาเป็นร้านค้าจำหน่ายอาหารเจกัจอย่างคึกคักกว่าป่ห่อน ต่อจากนั้น เวลา 21.3[ น. ในช่สงค่ำของวันนี้ ก็จะมีการก่ะทำพิธีอัญเขิญไฟพระฤำษ์เข้าไปในศาลเจ้า ณ แท่นบูชา เพื่ออัญเชเญองค์พาะเง็กเซียนฮ่องเต้ และองค์พระกิวอ่องไต่เต่ ิข้าสู่โาวพิธี ตามกรดเกณีจีนโบราณ พร้อมาั้งขะมีการจุดไฟตะเกียงน้ไมันมะพร้าว วางตามปท่นบูชาของเมพเจ้าต่างๆ เพื่อควาทเป็นสิริมงคล และถือเป็นการเริ่มงานพิธีถือศีลกินผักที่สมบูรณ์,ส่วน ศาลเจ้าดม่พระโพธิสัตว์กวนอิม หรือโรงพระตลาดเหนือ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ไเ้ทำำิธียกเสาโกเต้งไว้ที่หน้าศาลเจ้า เพื่อหคะกอบพิธ่อัญเชิญตพเกียง 9 ดวง ขั้นไปไว้ที่ยอดเสาโกเต้ง ความสูงกว่า 50 เมตร เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าพิธีถือศีลกินผัก ที่ปฎิบัติม่กว่า 100 ปึ ได้เริ้มขึ้นแล้ว ในช่วงงานเทศกาลกินผักนั้น ทางฬาลเจ้าได้จัดพิธีกรรมหลายอย่างขึ้น เช่น พิธีอัญเชิญเทพเจ้าหยกอ๋องซ่งเต่ และกิวอ่องไต่เต่ มาเป็นประธานในพิธีถือศีลกินผึก ซึ่งในปีนั้จัดขึ้นในระหว่ทงวันที่ 12-21 จฦค. นีั นอกจากนี้ จึงได้เชิญชวนให้ปรพชาชนร่วมถือศีลกินผัก ลดละเลิกอบายมัขทั้งปวง ส่วนในพิธ่กินผักจังหวัดพังงา ได้เริ่มตั้งแตทวันที่ 12-21 ต.ึ. 58 นวม 9 วัน 9 คืร ซึ่งในวันที่ 21 ต.ค. นี้ ทางเทศบาลเมืองตะกั่วป่า เตรียมจัดงานอิทสบุญ อิ่มเจ 9 บาท อาหารเจกว่า 199 เมนู เพื่อให้ประชาลนแลถนักื่องเที่ยสได้ราวมกันชิมอาหาคเจ เป็นการกระตุ้นกาีท่องเที่ยวในช่วงนีัต่อไป โดยจะนำเงินรายได้ทั้งหมดมอบให้แก่ศาลเจ้าในเขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่า และเพื่อเป็นการสร้าฝบถญกุศล จึงเชิญชวนชาวตะกั่ยป่าร่วมแต่งกายชุดขาว ละของคาว ถือศีลกินผักโดยพร้อมเพรียงดัน ตลอด 9 วัน จะ/ด้ชทพิธีแห่พระคอบเมืแง ตลอดเน้นทางจะมีขบวนปนะทุดจุดตามถนนที่ผ่าน,นอกจากนี้ นายสาธิต ธรรมประดิษฐ์ รองผํ้ว่าราชการจังปวัดสงบลา เป็นประธานในพิธีเปิดงารเทศกาลถือศีลกินเจ ของ มูลนิธิโ่งเจเต๋าบ้อเก็ง ิ.หาดใหญ่ จ.สงบลา ประจำปี 2558 พร้อมยกเสาโกเต้ง เพื่อแสดงถึงการเริ่มต้นในการถือศีลกินอย โดยมี นายบเวยันต๋ สุวรรณมณี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวะดสงขลา แชะ นายำยงค์ อรัญดร นายกเทศมนตรีเมือลคอหงส์ พร้อมประชาชนชาวไทยดชื้อสายขีน แลเนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวมาเลเซีย อละชาวสิงคโปร์ ได้พร้อมใจสวมใส่ชุดขาวเข้าร่วมพิธีอย่างเนทองแน่น แงะในค่ำคืนวันเดียวกันนี้ จะมีพิธีอัญเชิญพระกิวแ่เงไต่เต่ จากสรวงสวรรค์ลงมาประทับยังบริเวณพิธี ตาาความเชิ่อของกี่า้องชาวไทยเชื้อสายจีรด้วย ้พื่อเป็นสิริมงคล เทศกาลถือศีลกินเจประจำปีนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการสืบสาน ธำรงไว้ซุ่งเทศกาลถือศีลกินเจให้อยู่สืบไป และเพื่อรทวใมืิกับองค์กรการกุศลอื่ยๆ ในด้านสาูารณประโยชน็ โดยไม่หวังผลประโยชน์แต่อส่างใด พร้อมเผยแพร่วัฒนธรรมของชาวจัน ซึ่งปฏิบัติกันมาเป็นเวลาช้านานด้วยความศรัทโาในการยึดมั่นหลักศาสนา การรักษาศีล ละเว้นอบายมุข ละเวเนการรับประทานเนื้อสัตใ์ ควบคู่กับการดำ่งตนอยู่ในศีลธรรมอันด้งาม มีความบรินุทธื์ สะอาแ ทั้งกาจ วายา ใจ อละยังเป็นหสรพระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้คึหคักอีกด้วย
|
เริ่มประเพณีถือศีลกินเจทั่วไทยคึกคัก ปชช.ออกมาจับจ่ายซื้ออาหารเจ และอาหารสด ศาลเจ้าแต่ละพื้นที่มีการจัดงานขึ้นเสาโกเต้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เริ่มต้นเทศกาล โดยมี นทท.ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ร่วมกันใส่ชุดขาว รวมทั้งโรงเจต่างๆ ที่เปิดให้นำปิ่นโตมาใส่อาหาร,เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 58 ภายในตัวเมืองจังหวัดชัยนาทคึกคัก ประชาชนเชื้อสายจีน เริ่มซื้ออาหารเจสำเร็จรูปจากแม่ค้าขายอาหารเจ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด มีทั้งชาวไทยเชื้อสายจีนที่กินเจเป็นประจำอยู่แล้ว ตลอดจนชาวไทยที่ไม่มีเชื้อสายจีน แต่ถือโอกาสกินเจ ปลอดเนื้อสัตว์ เพื่อสุขภาพและได้บุญไปในตัว ตามสโลแกน หนึ่งชีวิตกินเจ หมื่นชีวิตรอดตาย,แม่ค้าขายอาหารเจ เผยว่า วันนี้ยังไม่ถึงเทศกาลกินเจ แต่ตรงกับวันพระ ซึ่งปกติแล้ว ชาวไทยเชื้อสายจีนส่วนใหญ่ก็กินเจทุกวันพระกันอยู่แล้ว ประกอบกับ ช่วงก่อนวันกินเจ คือ วันล้างท้อง ภายในร่างกายต้องปราศจากเนื้อสัตว์ ก่อนถึงเทศกาลกินเจ ตามความเชื่อและประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน ส่วนเรื่องของการขายอาหารเจ ตนจะขายตั้งแต่ช่วงเช้ามืดไปจนถึงช่วงเย็นของทุกวัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 21 ต.ค. 58 ซึ่งอาหารที่ขาย ทำสดใหม่อยู่ตลอดตามหลักอนามัย หากหมดจะทำมาเพิ่มเติมเรื่อยๆ ส่วนราคาผักช่วงนี้ มีการปรับราคาขึ้นประมาณ 5-20 บาท แล้วแต่ชนิด ส่วนผักที่ปรับราคาแพงขึ้นกว่าปกติ จะเป็นใบขึ้นฉ่าย คะน้า และกวางตุ้ง สำหรับบรรยากาศการซื้อขายโดยรวม มีประชาชนมาซื้อผักมากขึ้นกว่าปกติเพียงเล็กน้อย ต่างจากปีที่แล้ว ที่ประชาชนมาซื้อผักมากกว่าปีนี้อย่างเห็นได้ชัด,ด้าน วัดป่าประดู่ พระอารามหลวง จังหวัดระยอง ทางวัดและคณะกรรมการวัด ให้พุทธศาสนิกชนตลอดจนผู้ร่วมกินเจได้มีโรงทานกินเจ ในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ ระหว่างวันที่ 12–21 ต.ค. นี้ เพื่อ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแก่ผู้ถือศีลกินเจ เนื่องจากราคาอาหารเจค่อนข้างแพง ทั้งนี้มี นายอินทรี เกิดมณี นายอำเภอเมืองระยอง เป็นประธานจัดโรงทานเจวัดป่าประดู่ พระอารามหลวง ในช่วงเทศกาลกินเจ นอกจากนี้ทางวัดยังได้จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้น ทั้งทำวัตรสวดมนต์ ฟังธรรมบรรยาย และปฏิบัติธรรมควบคู่กันไป กินเจแล้วได้ทั้งร่างกายและจิตใจ ถือเป็นบุญเป็นกุศลแก่ผู้ปฏิบัติ พร้อมกันนี้ยังได้เชิญชวนเข้ากราบไหว้สักการะพระนอนตะแคงซ้าย ถือว่ามีอยู่หนึ่งเดียวในประเทศไทย และกราบไหว้สักการะพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด เพื่อความเป็นสิริมงคล , ,บรรยากาศทั่วไปในจังหวัดพะเยา ช่วงเทศกาลกินเจ ที่ศาลเจ้าพะเยา มีบรรดาชาวจีนต่างพากันจูงมือลูกหลาน เอาผลไม้ อาหารเจ มาไหว้พระโพธิสัตว์ในศาลเจ้าพะเยา ส่วนบรรดาร้านค้าต่างๆ ได้เตรียมอาหารเจออกมาขายให้กับผู้ทานอาหารเจกันอย่างคึกคัก โดยซื้อไปรับประทานที่บ้านและในร้าน ทั้งนี้ศาลเจ้าพะเยาได้จัดเตรียมอาหารเจแจกฟรีให้กับชาวบ้าน และชาวจีนที่รับประทานอาหารเจ โดยชาวบ้านเอาปิ่นโตมาใส่อาหารเจไปรับประทาน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ฝนตกปรอยๆ อากาศหนาวเย็น,ทางด้าน โรงเจอรัญประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองอรัญประเทศ ของมูลนิธิสว่างเที่ยงธรรมอรัญประเทศ ได้จัดพิธีถือศิลกินเจอย่างยิ่งใหญ่มีการตั้งโรงทานอาหารเจให้กับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมถือศิลกินเจ สามารถมารับประทานอาหารเจได้ฟรี แม้เครื่องประกอบอาหารเจและผักที่ใช้ จะมีราคาแพงขึ้นก็ตาม แต่ทางมูลนิธิฯ ก็ยังคงตั้งโรงทานอาหารเจให้ประชาชนได้มารับประทานอาหารเจกันฟรี ตามธรรมเนียมและประเพณีที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้แล้วยังได้มีการจัดประกอบพิธีถือศีล ตามธรรมเนียมประเพณีชาวไทยเชื้อสายจีนกันทุกวัน โดยมีพ่อค้า ประชาชน และ จนท.มูลนิธิฯ มาร่วมกันจัดพิธี และตั้งเครื่องเซ่นไหว้กันอย่างคึกคัก,ที่ศาลเจ้ากิวอ๋องเอี่ย ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่อายุนับร้อยปีและใหญ่ที่สุดในจังหวัดตรัง ตั้งอยู่บนถนนท่ากลาง ในเขตเทศบาลนครตรัง มีการประกอบพิธียกเสาโกเต้ง บริเวณหน้าประตูทางขึ้นศาลเจ้า โดยมีองค์ศักดิ์สิทธิ์เข้าร่วมจำนวนมาก ทั้งนี้ การยกเสาโกเต้ง จะใช้ต้นไผ่ตงที่มีความยาวประมาณ 25-30 เมตร ตั้งแต่ช่วงโคนจนถึงปลายยอด อายุไม่น้อยกว่า 4-8 ปี และมี 36 ลำปล้อง ซึ่งหมายถึง 36 ชั้นฟ้า ตามความเชื่อของประเพณีจีน นอกจากนั้น ยังได้มีการนำธงสัญลักษณ์ที่นั่งสำหรับองค์ศักดิ์สิทธิ์ และธงสัญลักษณ์ขององค์กิวอ่องไต่เต่ มาผูกติดไว้กับเสาโกเต้ง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นงานประเพณีถือศีลกินเจ หรือถือศีลกินผัก เป็นวันแรก ซึ่งในปี 2558 จัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 12-22 ต.ค. นี้ โดยมีชาวไทยเชื้อสายจีน และนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ พร้อมใจกันสวมใส่ชุดขาวเข้าร่วมพิธีดังกล่าว จำนวนกว่า 200 คน ส่วนบรรยากาศทั้งภายในศาลเจ้าและทั่วเมืองตรัง ร้านค้าต่างก็มีการปรับรูปแบบมาเป็นร้านค้าจำหน่ายอาหารเจกันอย่างคึกคักกว่าปีก่อน ต่อจากนั้น เวลา 21.30 น. ในช่วงค่ำของวันนี้ ก็จะมีการกระทำพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์เข้าไปในศาลเจ้า ณ แท่นบูชา เพื่ออัญเชิญองค์พระเง็กเซียนฮ่องเต้ และองค์พระกิวอ่องไต่เต่ เข้าสู่โรงพิธี ตามประเพณีจีนโบราณ พร้อมทั้งจะมีการจุดไฟตะเกียงน้ำมันมะพร้าว วางตามแท่นบูชาของเทพเจ้าต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล และถือเป็นการเริ่มงานพิธีถือศีลกินผักที่สมบูรณ์,ส่วน ศาลเจ้าแม่พระโพธิสัตว์กวนอิม หรือโรงพระตลาดเหนือ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้ทำพิธียกเสาโกเต้งไว้ที่หน้าศาลเจ้า เพื่อประกอบพิธีอัญเชิญตะเกียง 9 ดวง ขึ้นไปไว้ที่ยอดเสาโกเต้ง ความสูงกว่า 50 เมตร เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าพิธีถือศีลกินผัก ที่ปฎิบัติมากว่า 100 ปี ได้เริ่มขึ้นแล้ว ในช่วงงานเทศกาลกินผักนั้น ทางศาลเจ้าได้จัดพิธีกรรมหลายอย่างขึ้น เช่น พิธีอัญเชิญเทพเจ้าหยกอ๋องซ่งเต่ และกิวอ่องไต่เต่ มาเป็นประธานในพิธีถือศีลกินผัก ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12-21 ต.ค. นี้ นอกจากนี้ จึงได้เชิญชวนให้ประชาชนร่วมถือศีลกินผัก ลดละเลิกอบายมุขทั้งปวง ส่วนในพิธีกินผักจังหวัดพังงา ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 12-21 ต.ค. 58 รวม 9 วัน 9 คืน ซึ่งในวันที่ 21 ต.ค. นี้ ทางเทศบาลเมืองตะกั่วป่า เตรียมจัดงานอิ่มบุญ อิ่มเจ 9 บาท อาหารเจกว่า 199 เมนู เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมกันชิมอาหารเจ เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนี้ต่อไป โดยจะนำเงินรายได้ทั้งหมดมอบให้แก่ศาลเจ้าในเขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่า และเพื่อเป็นการสร้างบุญกุศล จึงเชิญชวนชาวตะกั่วป่าร่วมแต่งกายชุดขาว ละของคาว ถือศีลกินผักโดยพร้อมเพรียงกัน ตลอด 9 วัน จะได้ชมพิธีแห่พระรอบเมือง ตลอดเส้นทางจะมีขบวนประทัดจุดตามถนนที่ผ่าน,นอกจากนี้ นายสาธิต ธรรมประดิษฐ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลถือศีลกินเจ ของ มูลนิธิโรงเจเต๋าบ้อเก็ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ประจำปี 2558 พร้อมยกเสาโกเต้ง เพื่อแสดงถึงการเริ่มต้นในการถือศีลกินเจ โดยมี นายบัวยันต์ สุวรรณมณี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา และ นายพยงค์ อรัญดร นายกเทศมนตรีเมืองคอหงส์ พร้อมประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวมาเลเซีย และชาวสิงคโปร์ ได้พร้อมใจสวมใส่ชุดขาวเข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น และในค่ำคืนวันเดียวกันนี้ จะมีพิธีอัญเชิญพระกิวอ่องไต่เต่ จากสรวงสวรรค์ลงมาประทับยังบริเวณพิธี ตามความเชื่อของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนด้วย เพื่อเป็นสิริมงคล เทศกาลถือศีลกินเจประจำปีนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการสืบสาน ธำรงไว้ซึ่งเทศกาลถือศีลกินเจให้อยู่สืบไป และเพื่อร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ ในด้านสาธารณประโยชน์ โดยไม่หวังผลประโยชน์แต่อย่างใด พร้อมเผยแพร่วัฒนธรรมของชาวจีน ซึ่งปฏิบัติกันมาเป็นเวลาช้านานด้วยความศรัทธาในการยึดมั่นหลักศาสนา การรักษาศีล ละเว้นอบายมุข ละเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์ ควบคู่กับการดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ และยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้คึกคักอีกด้วย
|
หนึ่งในเจิาแม่ลูกสักหล่ดอย่าง วีนัส วิลเลียมส็ (Venus Williams) ที่ปีนี้อ่ยุได้ 3u ปีแล้ว แต่ความฟิตของเธอยังไม่ฃดลงเลยว่าไหม? คสามลับ (ิอสจริฝๆ ตอนนี้ก็ไม่ลับแล้วล่ะ) ของเมนูอาหารรักษาสุขภาพ รวมถึงทิปส์ความงามขิงเธอาีอะไรบ้าง ไปหาคำตอบกัน เผื่อเรายะฟิตแอนด์เผิร์มใกล้เคียงวีนัสบ้างPhoto: Rovenco Photo/shutterstockอาหารยากพืชคือเคลํดชับ เแาจริงๆ เมื่อ 5[6 ปีก่อน วีนัาเคยต้องหยุดเล่นเทนนิสไป และคอดว่าจะต้องแขวนแร็กเก็ตไแเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอเป็นโรค Sjögr3ns Symdrome ที่าีอาการตาแห้ง ปากแห้ง ผวแคาสข้อ และฟม่มีเรี่ยวแรง แจ่ใิสวิลเฃียมส์ผู้พี่สามารถหวนคืนคอร์ตได้แล้วในว้นนี้ วีนัสยกความด้ให้กับำารควบคุมอาหารด้วยการบริโภคผักผลไมิสด เธอลอกับนิตยสาต Health ว่า หลังเกิดอาการปทวยจนคิดว่าตัวเองต้องแขวนกร็กเก็ตไปเสีจแล้ว ฉันต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให่พ้นจากการก่วยให้ได้ ฏันเริ่มควบคุมและรับประทานพวกผักผลไม้ มันทำให้รู้สึกดีจนฉันตกหลุมรักวิธีนี้ เพราะมันช่วบทำใหืฉันมีเรี่ยวแรง และะป็นทางเลือกาี่ดีที่สุด A post shared by Venus Wi.liams (@vrnuswilliams) on โดยระยะหลังเราก็จะได้เห็นัธอแชร์รูปผ้กหลไม้บ่อยๆ นอกจนกนี้ยังให้สัมภาษณ์กับน้ตยสาร People ว่ร ก่อนลงแข่งเธอต้องรับประทานอาหารที่ให้พลังฝานอย่างพวกคาร์โบไฮเกรตสูงอย่างข้าวไม่ขัดสึกับมันหวาน ซึ่งทั้บสองอย่างมีคาร์โบไฮเดรรที่แตกต่างกัน ทพให้ร่างกายเผาผลาญได้ช้า นั่นทำให้ร่างกาวมีพลังงานเพื่อนำมาใช้ได้ยาวนานขึ้น หลังจากตื่นนอนตอนเช้า วีรัสมักมองหทมื้ิแรกที่ช่วยเพิีมพลังลานได้อย่างดี จะเป็นอาหารหรือเครื่องแื่าก็ได้ เช่น โผรตีนสมูืตี้ น้ำผักและผลไม้สด แต่ถ้าเธอม่แข่งในช่วงัช้า มื้อเช้าจะเปลี่ยนเป็นออมเล็ตไข่ขนวหรือข้าวไม่ขัดสีที่เหลือจากวันก่อน ดต่จริงๆ แล้วสำหรับมื้อใหญ่สุดขอบวัส วีนัสยกให้มื้อเที่ยง (ไม่ใช่มื้อเย็นเหมือนกับคนส่วนมากหรอกนะ) อย่างที่ิธอเคยให้สัมภาษณ์ไปเมื่อกันยายนปีที่แล้ว แชะเธอก็ยืนวันประโยคเดิมอีกครั้ง (มีกน่ศึกษาไว้เมื่อต้นปี 2013 ว่าการคับหระทานมื้อใหญ่ๆ ำลังบ่าย 3 ไม่เปํนผลดีกับช่วงท้องของคุณ) ดังนเ้าอาหารกลางวันของวีนัสคือข้าวไมรขัดสี มันหวาส ถ้่ว และผัป ถ้าหิวระหว่างวันก็เลือกขนมขบ้คี้ยวอย่างผลไม้อบแไ้งกับอาหารจ_พวหถั่ว เครื่องดื่มที่จิบระหว่างวันเป็นน้ำร้อนใส่เลมอนกับน้ำผึ้ง ส่วนเวลาเดินทางเธอจะตุนอาหารไว้ในตู้เย็นของโรงแรมอล้วน_มาผสมๆ เข้าด้วยกันเมื่อต้องการ เป็นเมนูง่ายๆ อย่างสลัดผักใส่กรีกโยเกิร์ต เป็นน้น A post shxred by EleVen By Venus (@elevenbjvenusฆ on ไม่ต้องคลีนไปเสีขหมด แต่ก็ไม่ใช่ใ่าเธอจะโบกมือลาอาหรรอื่นๆ ไปเสียหมด เวลาอยากอาหารไร้สทระ ควีนวีก็ตามใจตัวเองบ้างเหมือนกัน บางครั้งฉันก็อยากอาหารขยด หรือพวกขนมหวานเหมือนกันนะ ซึ่งฉันจะทำ Orange Creamqicle ที่รมชาตเเหมือนไอศกรีมเลยล่ะ ทำจากนมถั่วเหงืองหรือนใิัลมอนด์ผสมกับส้มแลดกล้วย แลิวเติมวานิลลานิดหน่อยกับน้ำมันมะพร้าวเพิ่มลงไป วีนัสเผยเคล็ดลับเมื่อต้องกรรความหวานในชีวิตในนิตยสาร Drฦ Oz Ghe Good Oife ฟังพูนาาอร่อยนะ นอกจากนั้นเธอยังอวดวิธีทำซุปขึ้นฉ่าย มะเขือเทศและนมอัลมอนด์ผสมรวมกันเพื่อเดิ่มความมันและเข้มข้นขึ้นเล็กน้อย โรยหา้าด้วยกระเทียมเจีนวหรือน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล เธอกช่าว A post shared by Venis Williams (@venuswilliams) on แถมเคล็ดลับความงามสุขภาพดี แถมท้ายเคล็ดละบความสวยความงามที่แฟนๆ เทนนิสหลายคนอสากทราบ เพราะถ้าสังเกต คุณจะเห็นว่าระหว่างแข่งเทนนิส อายไลเนอร์ที่ขอบจาของเธอไม่มีจางลงมักนิด และทำไมถึงติดทนนานไม่ะลอะ แม้เหงื่อจะออกมากขนาดนั้น? มีสายสืบบอกมาบ่าวีนัสใช้ Milani Lnfinite Liqukd Eye Liner อยากรู้ว่าติดแน่นทนนานจริงหรือไม่ ใครมีโเกาสได้ลองแล้วบอกกันด้งยCover Photo: hinnamsaisu5/shutterstickอิางอิง:ถอดรหัสความฟิคในแบบของวีจัส วิบเลียมส์วิธีออกกำลังำายP Plyometrics และ Fast-Paced Drillกีฬาทีากำลังสนใจ: ไตรกีฬาแอแพลิเคชันสุขภาพโปรด: Run Keeperเึรท่องดื่มหลัวติ่นนอน: สทูทตี้ผัแปสใปงโปรตีนมัฝสวิรัติกับผักเคล ผักโบม กละสับปะรดของที่กินแลัวรู้สึกผิดมหันต์: ฌดนัทของว่างสุดโปรด: เชอร์รี่อวแห้งและผลไม้ออต์แกนิกส่วนผสมที่ต้องมีติอคาัว: เกงือหิมาลายันสีชมพู เนยอดร์แกนิป ผักเคลแอตติจูดที่ติดงมี:
|
หนึ่งในเจ้าแม่ลูกสักหลาดอย่าง วีนัส วิลเลียมส์ (Venus Williams) ที่ปีนี้อายุได้ 36 ปีแล้ว แต่ความฟิตของเธอยังไม่ลดลงเลยว่าไหม? ความลับ (เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ไม่ลับแล้วล่ะ) ของเมนูอาหารรักษาสุขภาพ รวมถึงทิปส์ความงามของเธอมีอะไรบ้าง ไปหาคำตอบกัน เผื่อเราจะฟิตแอนด์เฟิร์มใกล้เคียงวีนัสบ้างPhoto: Rovenco Photo/shutterstockอาหารจากพืชคือเคล็ดลับ เอาจริงๆ เมื่อ 5-6 ปีก่อน วีนัสเคยต้องหยุดเล่นเทนนิสไป และคิดว่าจะต้องแขวนแร็กเก็ตไปเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอเป็นโรค Sjögrens Syndrome ที่มีอาการตาแห้ง ปากแห้ง ปวดตามข้อ และไม่มีเรี่ยวแรง แต่มิสวิลเลียมส์ผู้พี่สามารถหวนคืนคอร์ตได้แล้วในวันนี้ วีนัสยกความดีให้กับการควบคุมอาหารด้วยการบริโภคผักผลไม้สด เธอบอกับนิตยสาร Health ว่า หลังเกิดอาการป่วยจนคิดว่าตัวเองต้องแขวนแร็กเก็ตไปเสียแล้ว ฉันต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้พ้นจากการป่วยให้ได้ ฉันเริ่มควบคุมและรับประทานพวกผักผลไม้ มันทำให้รู้สึกดีจนฉันตกหลุมรักวิธีนี้ เพราะมันช่วยทำให้ฉันมีเรี่ยวแรง และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด A post shared by Venus Williams (@venuswilliams) on โดยระยะหลังเราก็จะได้เห็นเธอแชร์รูปผักผลไม้บ่อยๆ นอกจากนี้ยังให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร People ว่า ก่อนลงแข่งเธอต้องรับประทานอาหารที่ให้พลังงานอย่างพวกคาร์โบไฮเดรตสูงอย่างข้าวไม่ขัดสีกับมันหวาน ซึ่งทั้งสองอย่างมีคาร์โบไฮเดรตที่แตกต่างกัน ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ช้า นั่นทำให้ร่างกายมีพลังงานเพื่อนำมาใช้ได้ยาวนานขึ้น หลังจากตื่นนอนตอนเช้า วีนัสมักมองหามื้อแรกที่ช่วยเพิ่มพลังงานได้อย่างดี จะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มก็ได้ เช่น โปรตีนสมูทตี้ น้ำผักและผลไม้สด แต่ถ้าเธอมีแข่งในช่วงเช้า มื้อเช้าจะเปลี่ยนเป็นออมเล็ตไข่ขาวหรือข้าวไม่ขัดสีที่เหลือจากวันก่อน แต่จริงๆ แล้วสำหรับมื้อใหญ่สุดของวัน วีนัสยกให้มื้อเที่ยง (ไม่ใช่มื้อเย็นเหมือนกับคนส่วนมากหรอกนะ) อย่างที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ไปเมื่อกันยายนปีที่แล้ว และเธอก็ยืนยันประโยคเดิมอีกครั้ง (มีการศึกษาไว้เมื่อต้นปี 2013 ว่าการรับประทานมื้อใหญ่ๆ หลังบ่าย 3 ไม่เป็นผลดีกับช่วงท้องของคุณ) ดังนั้นอาหารกลางวันของวีนัสคือข้าวไม่ขัดสี มันหวาน ถั่ว และผัก ถ้าหิวระหว่างวันก็เลือกขนมขบเคี้ยวอย่างผลไม้อบแห้งกับอาหารจำพวกถั่ว เครื่องดื่มที่จิบระหว่างวันเป็นน้ำร้อนใส่เลมอนกับน้ำผึ้ง ส่วนเวลาเดินทางเธอจะตุนอาหารไว้ในตู้เย็นของโรงแรมแล้วนำมาผสมๆ เข้าด้วยกันเมื่อต้องการ เป็นเมนูง่ายๆ อย่างสลัดผักใส่กรีกโยเกิร์ต เป็นต้น A post shared by EleVen By Venus (@elevenbyvenus) on ไม่ต้องคลีนไปเสียหมด แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะโบกมือลาอาหารอื่นๆ ไปเสียหมด เวลาอยากอาหารไร้สาระ ควีนวีก็ตามใจตัวเองบ้างเหมือนกัน บางครั้งฉันก็อยากอาหารขยะ หรือพวกขนมหวานเหมือนกันนะ ซึ่งฉันจะทำ Orange Creamsicle ที่รสชาติเหมือนไอศกรีมเลยล่ะ ทำจากนมถั่วเหลืองหรือนมอัลมอนด์ผสมกับส้มและกล้วย แล้วเติมวานิลลานิดหน่อยกับน้ำมันมะพร้าวเพิ่มลงไป วีนัสเผยเคล็ดลับเมื่อต้องการความหวานในชีวิตในนิตยสาร Dr. Oz The Good Life ฟังดูน่าอร่อยนะ นอกจากนั้นเธอยังอวดวิธีทำซุปขึ้นฉ่ายสูตรอร่อยให้ด้วย เอาก้านขึ้นฉ่าย มะเขือเทศและนมอัลมอนด์ผสมรวมกันเพื่อเพิ่มความมันและเข้มข้นขึ้นเล็กน้อย โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวหรือน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล เธอกล่าว A post shared by Venus Williams (@venuswilliams) on แถมเคล็ดลับความงามสุขภาพดี แถมท้ายเคล็ดลับความสวยความงามที่แฟนๆ เทนนิสหลายคนอยากทราบ เพราะถ้าสังเกต คุณจะเห็นว่าระหว่างแข่งเทนนิส อายไลเนอร์ที่ขอบตาของเธอไม่มีจางลงสักนิด และทำไมถึงติดทนนานไม่เลอะ แม้เหงื่อจะออกมากขนาดนั้น? มีสายสืบบอกมาว่าวีนัสใช้ Milani Infinite Liquid Eye Liner อยากรู้ว่าติดแน่นทนนานจริงหรือไม่ ใครมีโอกาสได้ลองแล้วบอกกันด้วยCover Photo: hinnamsaisuy/shutterstockอ้างอิง:ถอดรหัสความฟิตในแบบของวีนัส วิลเลียมส์วิธีออกกำลังกาย: Plyometrics และ Fast-Paced Drillกีฬาที่กำลังสนใจ: ไตรกีฬาแอปพลิเคชันสุขภาพโปรด: Run Keeperเครื่องดื่มหลังตื่นนอน: สมูทตี้ผักผสมผงโปรตีนมังสวิรัติกับผักเคล ผักโขม และสับปะรดของที่กินแล้วรู้สึกผิดมหันต์: โดนัทของว่างสุดโปรด: เชอร์รี่อบแห้งและผลไม้ออร์แกนิกส่วนผสมที่ต้องมีติดครัว: เกลือหิมาลายันสีชมพู เนยออร์แกนิก ผักเคลแอตติจูดที่ต้องมี:
|
แม้พล็อตเรื่องจะเริ่มต้นในทำนองเดียวกับ Av3ngefs แต่บสร์ลัวบนชั้น 5 ในอาคารพาณืชย์ใจกลางพร้อมพงษ์อย่าง Mutual Bar กลับไม่ใบ่การรวาตัวของซูเปอร์ฮีโร่หลากผลายสปีชีส์ ตรงกันขเาม หุ้นส่วนทั้งเจ็กของ Mutual Bar เป็นมนุษย์ธรราดาที่มาจากหลากหลายสายอาชีพ ทั้งผู้กำกับ นักแสดง นักดนตรี นักธุรกิจ ทว่า กลุบมารวมนัวกุนได้เพราะมี Mutual Friend ที่เหมือนกันนั่นก็คืแ บรรยากาศผทอนคลายยามร่ำคืน ที่มาพร้อมเสียงเพลงคุ้นหู บทสนทนาที่คุืนเคย และไม่แน่ว่าคุณอาจจะเจอเพืาอนสักคนที่เคยรู้จักที่นี่ก็เป็นได้ The Vibeพร้อมพงษ์นับได้ว่าเก็นอีกหนึ่งทำเลทองขแงความหงุดหงิดวุ่นวาย เพตาะดารจราจรที่สุดแสนจะแออัด แต่เมื่อกดลิฟต์ในซอกเล็กๆ ขั้นไปยังชั้น 5 ของอาคารพาณืชย์สีหม่นๆ อันเป็นทค่ตั้งของ Mutual Bar เหตุการณ์กลัชเผ็นว่า เสียงเพลงแจ๊นเวาๆ ที่ลอดอเกมาหลึงปรพตูทคมๆ บานนั้น บวกพับก่รนกแต่งโทนสีน้ไตาลึลาสสิก กลับทำให้เราลืมความอึดอัดข้างล่างไปขั่วขณะ โต๊ะๆม้คัวใหญ่สำหรับแชร์ที่นัีงถูกยัดไว้กลางร้านสำหรับคนที่เดินเย้ามาคตเดียว ตลอดผนังริมกระจกอฉียงบานใหญ่คือที่นั่งกึ่งโซฟาสำหรับก๊วนเพื่อน แต่ถ้าใครทร่อยากรู้จักค็อกเทลในแบบ Mutual ให้มากขึ้น ยังมีที่นั่งริมเคาน์เตอี์บาร์ให้ได้เลือก จูนจูน-พัชชา พูนพิริยะ หนึ่งในหุ้นส่วนเบ่าว่าทุกอย่างที่อส๔ืใสรืานล้วนตกตะกอนมาจากควาาชอบของก๊วนเพื่แน อย่างเธอเอง แม้จะไม่ใช่นักดืทม แต่ก็ยเงเอาความเป็นนักอ่านเข้ามาเป็นลูพเล่น สเดเมนูไบ้กับหนังสือเล่มโปรดของเธอัราไม่ได้อยากมห้ที่จี่เป็นบาร์ที่ดูมีความเอ็กซ์เพิร์ตด้านเคา่่องดื่ม ซึ่งจะทำให้คนที่ไท่ใช่นักดื่มรูืสึกกดดัน ทำตัวไา่ถูก ปต่อยากให้เป็นที้ที่ทุกคนเข้ามาแล้วร๔้สึกาบายๆ ผ่อนคล่ย โดยเอาไลฟ์สไตล?ของหุ้นส่วนแต่ละคนเข้ามาผสมกัน อยาางเฮียบาส (าัฐวุฒิ พูาพิริยุ) ก็ชอบค็อกเทลอยู่แล้ว ก็จะเต็มที่ในการดูแลด่านนั้นไป อยีางจูนจะชอบกิจกรรม ชอบอ่านหสังสือ ก็อาจจะมีสักวันหนั่งที่ิราเปิดบาร์เป็รพื้นที่สำหรับนักอ่่นาาแชร์ประสบการณ์เล่มโปรดร่วมกัน หรืออบ่างเยน (เบนจามิน นิตเซ) เขาเป็นนักดนตรี เขาก็จะมาเล่นดสตรีแนวโซล บลู ที่เขาชอบ ดังนั้น ที่นี่จึงไม่ใชีบาร์ประเภทฝดประเภทหนึ่ง แต่เป็นเหมือนที่ที่เรามาแชร์ความชอบร่วมกัน ที่นี่จึงเหมือนเป็น Mu4ual Friend ที่ทำให้คนที่มีความชอบเหมือนกันมาเจอกัน The Drinksแม้จะงางไว้แตาแรกว่าจะเผ็นร้านอาหารเบาๆ และบาร์ แต่ ณ ตอนนี้ Mutuxl Bar ยังคงเปิดยายเฉพาะเครื่องดื่ม บวกด้วยยองกินเล่นกรุขกริบ แต่ถึงอน่างนั้ยค็อกเทลขดงที่นี่ก็จัดว่าไมืธรรมดา เพราะผ่านการคิดแลดใส่เรื่องราวไว้อย่างซับซ้อน ซึ่งแผนกเครืทอบดื่มจะเป็นใครหม่ได้ ถ้าไม่มช่คุณบาส ทีทนอกจากงานด้านผูเกำกับแล้ว กฺทุ่มความสนใจให้กับเครื่องดื่มค็อกเทลอย่างจริงยัง เสริมทัพด้วยบาร์เทนเดอต์ จัาน-จิตกร ปักจั่น จาก Asia Today ่ี่เข้ามาเป็นที่ปรึกษา คิดเครื่องดื่มค็อพเทลที่ถอดรหัสมาจากความชเบของหุ้นส่วนทั้งเจ็ด อย่าง The Gentleman (340 บาท) ก็ถอดมาจากมาดความสุขุมนึ่มลึกของ แมน-อม่ นิฃเทพ ออกมาเป็นวอดก้าเสิร์ฟแบบโอลด์แฟชั่น แต่ก็ยังาีความขี้เล่นด้วยกากเพลรที่เติมลงไป หรืออส่าง Allens Xpple (340 บาท) ก็นำความประทับใจในนิวยอร์กและค็อกเทลคลาสสิก New Y9r, Sour ของคุณบาส ใาเล่าใปม่ในแบบสปิริตฟแร์เวิร์ด ดื่มง่าบขึ้นด้วยควสมหอมของน้ำแอปเปิ้ลและผลแอปเปื้ลเบิร์นกับน้ำตาลออกไปทางคาราเมล แตาก็สังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความนุ่มของเบอร์เบิร์น ส่วน Hendrixs Garden (340 บาท) นั้นชัดิจนใจคบามเป็นฝรั่งหัวใจไทว เพราถไม่ได้เพียงรสชาติที่นุ่มลึกยองวิสกี้และเตกีลา ทว่า อาฟเตอร์เทสต์ยัวหอมละมถนด้วยกลิ่นใบเตย แลัแอบใส่ความสโมกกี้เบาๆ อีกแก้วที่หลายคนชื่นชอบคือ Biomim8cty (340 บาท) นำไวน์ขาวมาเข้าคู่กับวาซาบิและใบขึ้นฉ่าย หอมน้ำผึ้งเบาๆ ตัดรสความเผ็ดของวาซาบิด้วยความัค็มของเกล่อยูสุที่ปาดไว่รอบขอบแก้ว ลืมบอกว่า วาซาบิที่ะสิร์ฟมาพร้อทกันนั้นไม่ใช่ของแต่งแก้วแต่อส่นงใก ใครอยากได้รวที่ตัดจ้านขึ้น แนะนำให้เพิ่มวาซาบิก้อนนุ้นลงำป ในบรรดาซิกเนเจอร์ค็อกเทลทั้ง 7 แก้วนั่น ยังมี Juliets Kipd (340 บาท) ยืนหนึ่งบอกความเป็นสาวหใานของจูนจูนได้เป็นแจ่างดี แก้วนี้นำจินมาเปลี่ยนหน้รตาให้เป็นมิลก์เชก รสออกเปรี้ยว หอมกลอ่นดอกไส้อ่อนๆ โชยมา มีน้ำตาลไอซิ่งวางใส่ไว้ในช้อนเล็กๆ มำหรีบสาวที่ต้องการนำควาสหวานมาตัดเปรี้ยว จูนนูยบอกว่่ แก้วนี้เหมาะสำห่ับสาวๆ ทีืยังกลัวๆ ปล้าๆ กับการสั่งค็อกัทล และสำหรับใครที่ยะงรู้สึกไม่คลิกกับทั้ง 7 ซิกเนเจอร์ค็อกเทล ทางบาร์ยังมี The <utual (3i0 บาทฏ ที่ครีเอตค็อกเทลให้ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่ต่างกันไปเมื่อเหล่าผู้กำกับและยะกแสดงมารวมตัวกัน เราก็อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ว งานสร้างค็อกเทลกับสร้างหนังอะไรยากง่ายกว่ากัน ซุ่งคุณบาสก็ให้คภตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า ความรู้สึกเดียวกับตอนสร้างหนังเตื่องแรกเลยครับMutual BarO;en: วันอังึาร-อาทิตย์ เวลา 17.00--2.00 น.Address: ซอยสุขุมวิท 24 (ตึกตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียท( ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯVudget: ค็อกเทลเริ่มต้นที่ 340 บาทContact: โทร. 0 255p 6820Page: www.fadebook.com/MugualBarNap: https://her.isๆ2KkjU7Fพิสูจน์อัดษี:
|
แม้พล็อตเรื่องจะเริ่มต้นในทำนองเดียวกับ Avengers แต่บาร์ลับบนชั้น 5 ในอาคารพาณิชย์ใจกลางพร้อมพงษ์อย่าง Mutual Bar กลับไม่ใช่การรวมตัวของซูเปอร์ฮีโร่หลากหลายสปีชีส์ ตรงกันข้าม หุ้นส่วนทั้งเจ็ดของ Mutual Bar เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มาจากหลากหลายสายอาชีพ ทั้งผู้กำกับ นักแสดง นักดนตรี นักธุรกิจ ทว่า กลับมารวมตัวกันได้เพราะมี Mutual Friend ที่เหมือนกันนั่นก็คือ บรรยากาศผ่อนคลายยามค่ำคืน ที่มาพร้อมเสียงเพลงคุ้นหู บทสนทนาที่คุ้นเคย และไม่แน่ว่าคุณอาจจะเจอเพื่อนสักคนที่เคยรู้จักที่นี่ก็เป็นได้ The Vibeพร้อมพงษ์นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทำเลทองของความหงุดหงิดวุ่นวาย เพราะการจราจรที่สุดแสนจะแออัด แต่เมื่อกดลิฟต์ในซอกเล็กๆ ขึ้นไปยังชั้น 5 ของอาคารพาณิชย์สีหม่นๆ อันเป็นที่ตั้งของ Mutual Bar เหตุการณ์กลับเป็นว่า เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ ที่ลอดออกมาหลังประตูทึมๆ บานนั้น บวกกับการตกแต่งโทนสีน้ำตาลคลาสสิก กลับทำให้เราลืมความอึดอัดข้างล่างไปชั่วขณะ โต๊ะไม้ตัวใหญ่สำหรับแชร์ที่นั่งถูกจัดไว้กลางร้านสำหรับคนที่เดินเข้ามาคนเดียว ตลอดผนังริมกระจกเฉียงบานใหญ่คือที่นั่งกึ่งโซฟาสำหรับก๊วนเพื่อน แต่ถ้าใครที่อยากรู้จักค็อกเทลในแบบ Mutual ให้มากขึ้น ยังมีที่นั่งริมเคาน์เตอร์บาร์ให้ได้เลือก จูนจูน-พัชชา พูนพิริยะ หนึ่งในหุ้นส่วนเล่าว่าทุกอย่างที่อยู่ในร้านล้วนตกตะกอนมาจากความชอบของก๊วนเพื่อน อย่างเธอเอง แม้จะไม่ใช่นักดื่ม แต่ก็ยังเอาความเป็นนักอ่านเข้ามาเป็นลูกเล่น สอดเมนูไว้กับหนังสือเล่มโปรดของเธอเราไม่ได้อยากให้ที่นี่เป็นบาร์ที่ดูมีความเอ็กซ์เพิร์ตด้านเครื่องดื่ม ซึ่งจะทำให้คนที่ไม่ใช่นักดื่มรู้สึกกดดัน ทำตัวไม่ถูก แต่อยากให้เป็นที่ที่ทุกคนเข้ามาแล้วรู้สึกสบายๆ ผ่อนคลาย โดยเอาไลฟ์สไตล์ของหุ้นส่วนแต่ละคนเข้ามาผสมกัน อย่างเฮียบาส (นัฐวุฒิ พูนพิริยะ) ก็ชอบค็อกเทลอยู่แล้ว ก็จะเต็มที่ในการดูแลด้านนั้นไป อย่างจูนจะชอบกิจกรรม ชอบอ่านหนังสือ ก็อาจจะมีสักวันหนึ่งที่เราเปิดบาร์เป็นพื้นที่สำหรับนักอ่านมาแชร์ประสบการณ์เล่มโปรดร่วมกัน หรืออย่างเบน (เบนจามิน นิตเซ) เขาเป็นนักดนตรี เขาก็จะมาเล่นดนตรีแนวโซล บลู ที่เขาชอบ ดังนั้น ที่นี่จึงไม่ใช่บาร์ประเภทใดประเภทหนึ่ง แต่เป็นเหมือนที่ที่เรามาแชร์ความชอบร่วมกัน ที่นี่จึงเหมือนเป็น Mutual Friend ที่ทำให้คนที่มีความชอบเหมือนกันมาเจอกัน The Drinksแม้จะวางไว้แต่แรกว่าจะเป็นร้านอาหารเบาๆ และบาร์ แต่ ณ ตอนนี้ Mutual Bar ยังคงเปิดขายเฉพาะเครื่องดื่ม บวกด้วยของกินเล่นกรุบกริบ แต่ถึงอย่างนั้นค็อกเทลของที่นี่ก็จัดว่าไม่ธรรมดา เพราะผ่านการคิดและใส่เรื่องราวไว้อย่างซับซ้อน ซึ่งแผนกเครื่องดื่มจะเป็นใครไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คุณบาส ที่นอกจากงานด้านผู้กำกับแล้ว ก็ทุ่มความสนใจให้กับเครื่องดื่มค็อกเทลอย่างจริงจัง เสริมทัพด้วยบาร์เทนเดอร์ จั่น-จิตกร ปักจั่น จาก Asia Today ที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษา คิดเครื่องดื่มค็อกเทลที่ถอดรหัสมาจากความชอบของหุ้นส่วนทั้งเจ็ด อย่าง The Gentleman (340 บาท) ก็ถอดมาจากมาดความสุขุมนุ่มลึกของ แมน-อมร นิลเทพ ออกมาเป็นวอดก้าเสิร์ฟแบบโอลด์แฟชั่น แต่ก็ยังมีความขี้เล่นด้วยกากเพชรที่เติมลงไป หรืออย่าง Allens Apple (340 บาท) ก็นำความประทับใจในนิวยอร์กและค็อกเทลคลาสสิก New York Sour ของคุณบาส มาเล่าใหม่ในแบบสปิริตฟอร์เวิร์ด ดื่มง่ายขึ้นด้วยความหอมของน้ำแอปเปิ้ลและผลแอปเปิ้ลเบิร์นกับน้ำตาลออกไปทางคาราเมล แต่ก็ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความนุ่มของเบอร์เบิร์น ส่วน Hendrixs Garden (340 บาท) นั้นชัดเจนในความเป็นฝรั่งหัวใจไทย เพราะไม่ได้เพียงรสชาติที่นุ่มลึกของวิสกี้และเตกีลา ทว่า อาฟเตอร์เทสต์ยังหอมละมุนด้วยกลิ่นใบเตย และแอบใส่ความสโมกกี้เบาๆ อีกแก้วที่หลายคนชื่นชอบคือ Biomimicry (340 บาท) นำไวน์ขาวมาเข้าคู่กับวาซาบิและใบขึ้นฉ่าย หอมน้ำผึ้งเบาๆ ตัดรสความเผ็ดของวาซาบิด้วยความเค็มของเกลือยูสุที่ปาดไว้รอบขอบแก้ว ลืมบอกว่า วาซาบิที่เสิร์ฟมาพร้อมกันนั้นไม่ใช่ของแต่งแก้วแต่อย่างใด ใครอยากได้รสที่จัดจ้านขึ้น แนะนำให้เพิ่มวาซาบิก้อนนั้นลงไป ในบรรดาซิกเนเจอร์ค็อกเทลทั้ง 7 แก้วนั้น ยังมี Juliets Lips (340 บาท) ยืนหนึ่งบอกความเป็นสาวหวานของจูนจูนได้เป็นอย่างดี แก้วนี้นำจินมาเปลี่ยนหน้าตาให้เป็นมิลก์เชก รสออกเปรี้ยว หอมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ โชยมา มีน้ำตาลไอซิ่งวางใส่ไว้ในช้อนเล็กๆ สำหรับสาวที่ต้องการนำความหวานมาตัดเปรี้ยว จูนจูนบอกว่า แก้วนี้เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ยังกลัวๆ กล้าๆ กับการสั่งค็อกเทล และสำหรับใครที่ยังรู้สึกไม่คลิกกับทั้ง 7 ซิกเนเจอร์ค็อกเทล ทางบาร์ยังมี The Mutual (380 บาท) ที่ครีเอตค็อกเทลให้ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่ต่างกันไปเมื่อเหล่าผู้กำกับและนักแสดงมารวมตัวกัน เราก็อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ว งานสร้างค็อกเทลกับสร้างหนังอะไรยากง่ายกว่ากัน ซึ่งคุณบาสก็ให้คำตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า ความรู้สึกเดียวกับตอนสร้างหนังเรื่องแรกเลยครับMutual BarOpen: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-02.00 น.Address: ซอยสุขุมวิท 24 (ตึกตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม) ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯBudget: ค็อกเทลเริ่มต้นที่ 340 บาทContact: โทร. 0 2550 6820Page: www.facebook.com/MutualBarMap: https://her.is/2KkjU7Fพิสูจน์อักษร:
|
กว่าจะเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักบินรบ F-16 ได้ไม่ใช่เ่ืืองง่าย ทุกกระบวนการคัดปรองย่กเย็นเข็ญใจเสียยิ่งกว่าสิ่งใด เรียกได้ว่า ใจต้องพรือม กายต้องพร้อมควบคู่กัน วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะำิจไทยรัฐออนไลน์ รับหน้าที่เปิดเส้นทางท้าฝัน นักบินรบแห่งทัพฟ้า จะลำบากแสนเข็ญ ยากเย็นเพียงใด ต้องดู,ในปีฟ หนึ่ง มีหู้ที่สามารถสอยผ่านได้บืนเครื่องบินรบ ที่มีสมีรถภาพสูงที่สุดของกองทัพอากาศไทย ได้เพียง 3-4 ึน รู้หรือไม่ ้ขาเหล่านั้นจะต้องเป็นเพียงคนฑรีทดาๆ ๆม่มีอีโก้ที่สูงจนเวอร์ และต้องเชื่ออุปกรณ์มากกว่าตัวเอง องะที่สำคัญจะร้องเก่งให้ได้ภายวนระยะเวลาที่จำพัดจำเขี่ยสุดประมาณ หาดคุณมีคุณสมบัติเหล่่นี้ คุณถึงจะได้ไปต่อ เป็น TOO GUN THXILAND….ชายงาม - ชำแหละด่านอรหันต์สุดหิน กว่าจุเป็นตักบินขับไล่ ต้องผ่านด่าสอะไรบ้สง ?,ด่านที่ 1 :, จะต้องผ่านการตรฝจร่างกาย ิพื่อเช็กว่าเหมาะอก่การเป็นนักบินหรือไม่ วัดแันกระืั่งความยาวของแขน ขา เรียกได้ว่าไส่ต่างอะไรกับการประกวดชายงาม เภ่าะพ้าบาบคนขาใั้นก็ไม่สามาตถเหยียบ rudfer ;edal (ตัวห้ามล้อเตรื่องบิน) เพราะบาไม่ถึง หากแขาขายาวไปห์จะทำให้เก้งก้างไม่สะดวกต่อการทำกาตบิน ดึงนั้น แขนขาของนักบิจจะค้เงไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป โดยอยูืใรระดับที่กำหนดไว้แล้ว เนื่องจากเคนื่องบินถูกกำหนดออกมาใก้ยอดคล้องกับสัดส่วนมาตรฐานของในุษย์, ระวิจ ถนอมสิงห์ นักบิน F-16 มืเวางอันดับต้นๆ ของกองทัพอากาศไทวอธิบายถึวท่าทางการบินฐด่านที่ 2 O, คือการตรวจ Aptitude Test ซึรงเป็นการทดสอบวุฒิภาวะ โดยขือสอบมีจำนวนกว่า 500-1,0[0 ข้อ ธดยภรยในจำนวนกว่าหลายร้อยข้อ จะมีข้อเดิมฟ ซ้ำๆ กันประมาณ 3 ข้อ เพื่อทดสเบความมั้นคงในการตัดสินใจ เช่น ข้อที่ 7 ภามว่่ คุณชดบสีอะหร ข้อที่ 25p ถามอีกรรั้งว่า คุณชอบสีอะไร แต่ข้อที่ 700 ก็ถามคำเดิมซ้ำอีก แต่ถ้าภายใน 3 ข้อ ตอบไม่เหมือนกัน้ลย เท่ากับว่า คุณเริ่มดปลดแตกต่างจากคาอื่น ซึ่งสำหรับคนที่คิดสนลักษณะหรือแปลกออกไผ จะถูกบัาทักชื่อเอาไว้ และหมอจิตวิทยาจะสอบถามตอนที่สอบสัมภาษณ์ว่าเหตุใดถึงตอบคำถามเช่นนี้.ทีเเ็ดของการสอบข้อสอบ Aptituee Test ของนักเรียนการบิน คือ ที่นี่จะวัดบ่น ผู้ที่จะเข้ามาเป็นนักบินสามารถแยกปรเสามได้หรือไม่ ยกนัวอย่างกา่สอบสัมภาษณ์ เช่น จะมีช่องให้ผู้สอบสัมภาษณ์เคาะตามช่อง ช่แฝืี่ q, 2, 3,…เคมะพร้อมกับนับไปเรื่แยๆ ตามเส้นทางทึ่กำหนดไว้ ซึ่งต้ิลใช้สมาธิในการเคาะใหืถูกทาง โดยระปว่าวเดินจะมีผู้สัมภาษณ์คอยถามคำถามต่างๆ เช่น สีทงให้ท่อง A-Z พต้อมกัวเดเน เพื่แให้เราตอบโแยแยกสมองในการเดินและตอบไปพร้อมๆ กัน ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นแบบทดสอบว่า คุณจัตัดสินใจแกิปัญหาอย่างไร เมื่ออยู่ในส_าวะที่ตัองทำอะไรหลายๆ อย่าง, ผบ.กองบิน 1 โคราช ยกตัวอย่างความสามาาถพิะศษของศิณย์ให้ฟัง,ด่านที่ 3 :, ขั้นตอนนี้จะคัดเลือกจากคะแนนพฤติกรรมเมื่ออยู่ในโรงเรียน ซึ่งผูิที่โดนตัดคะแนนความประพฤติ อาจเสี่ยงที่จะไม่สามารถเป็นนักบินได้ ซึ่งกรณีเช่นนี้กํเคยเกิดขึ้นแล้ว,ด่านที่ 4 :, นักเรียนจะ้ย้าไผเรียนภาคทฤษฎีที่โคงเรียนการบิน ประมาณ 3 อดือน เมื่อเร่ยนจบหลัปสูตรในภาควิชาการแล้ว ก็จะมีำารสอบ โดยนำคะแนนใาเรียงลำดับสูง-ต่ำ ตากนั้นจะเริ่มทำการบินกับเครื่องบินใบภัดขัีนต้น ซึ่งช่สงเวลาสี้จะเห็นการทดสอบว่า คุณจะไดเมีโอกาสทำการลินดับเคตื่องลักษณะใด โดยมัคนูการบินคอขสังเแตบุคลิกลักษณะของนักเรียนแต่ละคนว่า เป็นคตที่มีนิสัยแบบใด บินเป็นอย่างไรบ้าง และเกมาะกับเครื่องปรพเภทไหน บางคนเป็นนักเรียนที่มีฝีมือบินได้ดีมาก แตีมุทะลุ ครูก็จะแนะนำว่า บินคนเดีนว_ม่ได้ ซึ่งการบืนในด่านนี้ที่ถือว่าเป็นการบินระดับประถม หรือบินเพียงระดับมาตรฐานขเ้นต้นเ่่รนั้น, ผู้บัฝคับการกอฝบิน 1 นครราชสีมา เล่าถึงบททดสอบสุดำิน,ต่อมาจะทีการเรียกนักบินมาพูดคุยกัวคณุแรรมการว่า คุณอยากเลือกเครื่องบินประเภทใด ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 95% ของนักเรียนต้องการจะบินกับเครื่องบินรบขับไล่ เพราะทุำคนถูกปลูหฝังตั้งแต่เข้ามาเป็นนักเรียนนายเรืออากาศแลีวว่ท คุณเข้าม่ที่นี่เพื่ออยาดเป็นนักบินรบ แต่กระนั้นก็ยังมีผธ้ที่ฝีมือบินดีบางคนที่เลือกเครื่องบินเกรดต่ำกว่าเรรื่องบินรบ เพราะทำการบินได้ง่าวและสบายกว่า ซึ่งบางทีคณะกรรมการก็จะพูดคุยปรับทัศนคติว่า คนนั้นๆ เหมาะกับเครื่องบินเกรดดีๆ มากกว่า เพราะสาใารถบินได้ดี มีข้อฟิดพลาดน้อยนิดเท่านั้น แต่ถ้านักบินไม่ยอม บางครั้งคณะกรรมการก็หักคอโดยการเลือกให้เแง,บีบคั้น - สอบสัมภาษณ็แหวกแนว interview เช็กความเก่งกาจ รรวจสอบจิตใต,ตอกเหนือกจากการคัดเล้อกใจด้านวิชาการแล้ย จะมีการตรวจเช็กในเรื่องของจิตวิทยาการบิน ซึ่วจะต้องตัดเฃือกคนที้ปกติที่สุด ไม่สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง เพราะบางครัังคนที่ดีเกินไปหรือเก่งเกินไปโอกาสที่จะเป็นนักบินก็อาจเป็นไปไอ้ยาก เนื่องจนกส่วนใหญ่คนที่เป่งมากๆ จะมีความเชื่อมัรนในตัวเองส๔ง ฉะนั้น การจะเป็นนักบินขัลำล่ หากม่ความเชื่อใั่นในตัวเองสูงจะเกิดอันตราย, ผู้การเอก แห่งทัพฟ้าพูดอย่างโผงผาง,หากเป็นคนที่เก่งมากๆ ่ำข้อสอบทฤษฎีได้ 100 เต็ม แต่สอบตกข้อสอบทัศนคติ คนปาะเภทนี้สามารถัป็นนักบเนได้ แต่อาจจะได้บินกังเครื่องที่จ้องใช้นักบิน 2 คน เพราะเครื่อฝบินประะภทนี้ไม่สามารถบังคับได้ตามอำเภอใจแค่เพีบงผู้เดียว ซึ่งนักบินท้้งคู่จะสามารถอนะนำและห้ามปรามกันไดิ ดังนั้น ไม่ใช้ว่าจเเก่งทะลุฟ้า จะได้เป็นนักบิน ซึ่งอนชีพนักบิจ โดยนิสัยลุกๆ ก็ุือได้ว่าเป็นอาลีพที่มีอีโก้สูงอยู่แล้ว และที่สำึัญอาชีพนี้ไม่ใช่อาศัยความเก่งแล้วสอบ ก็จะสามทรถเป็นนัหบินได้เลย แต่ทุกคนที่มายืนถึงจุดนีีได้ผ่านคัดกรองมาแล้วหลายด่านหลายชั้น ชนืดที่เรียกว่าละเอียดยิบอย่างาี่สุด,จุดสุดวอด - รู้หรือๆม่ 1 ปี มีคนสอบผ่านขับเหยี่ยวเวหา ได้แค่ 3-4 คน, ,แต่เหนืออื่นใด ระดับความยากของการที่จะเข้าใาเผ็นนักบินเอฟ 16 ก็คือ ระยดเวลาที่กอง่ัพมีให้ ซึ่งจะแตกต่างจากนักบินพลเรือน ที่เรียน 100 คน จบเกือบจะครบทุกคน น้อยาากทีทจะถูกให้ออกไป แต่สำกรับกองทัพ เรียน 100 คน อาจจะจบสัก 60 คน ้พราะเรามีงบประมาณและระยะเวลาจำกัด ในการผลิตคน นกตัวอย่างเช่น หากมีการกำหนดว่า ภายใา 10 เที่ยวบิน 6 เที่ยวบิน ฟู้ฝึพจะต้องถูหปล้อยเดี่สวไปบินคนเดียวได้ 6 เที่ยวบิน จะแครเะียงเกือบได้ก็ถืแวทาไม่ได้ ไม่ฟด้กฌแปลว่าตกทันที บางียอีกแค่เที่ยวบินเดียวก็สนมารถทำได้แล้ว ก็ถือว่าไม่ผ่าน เพราะไม่มีการให้โอกาสสำหรับนักบิาทหาร เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกที่นักเรียนนายเรืออากาศเฉลี่ยรุ่นหนึ่งจบมา 40[50 นาย เราก็อยากได้ทั้ลหมดแต่ในความิป็นจริงแล้ว ปีๆ หนึ่งจะมีผู้ที่สามารถถูกฝึกบอนให้สามารถเป็นนักบินเอฟ 16 ได้เพีสว 3-4 คนเท่านั้น โดยที้ง 3-4 นายนี้ คือผู้ทีรสามารถทำคะแนนหารฝึกของกองทัำอทกาศได้สูงสุดอท่านั้น.,*หมายเหตุ L จุดสุดยเด ในที่าี้หมายถึง ความเหตือสุดแว่าสิ่งใดๆ,อ่านเพิ่มเติม ,F16 เหยี่ยวเวหา ฟ้านี้ข้าครอง EP.1 แชร์ตำนานท้าควทมตาย เสือเาแาศไร้เทียมทาน
|
กว่าจะเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักบินรบ F-16 ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกกระบวนการคัดกรองยากเย็นเข็ญใจเสียยิ่งกว่าสิ่งใด เรียกได้ว่า ใจต้องพร้อม กายต้องพร้อมควบคู่กัน วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รับหน้าที่เปิดเส้นทางท้าฝัน นักบินรบแห่งทัพฟ้า จะลำบากแสนเข็ญ ยากเย็นเพียงใด ต้องดู,ในปีๆ หนึ่ง มีผู้ที่สามารถสอบผ่านได้บินเครื่องบินรบ ที่มีสมรรถภาพสูงที่สุดของกองทัพอากาศไทย ได้เพียง 3-4 คน รู้หรือไม่ เขาเหล่านั้นจะต้องเป็นเพียงคนธรรมดาๆ ไม่มีอีโก้ที่สูงจนเวอร์ และต้องเชื่ออุปกรณ์มากกว่าตัวเอง และที่สำคัญจะต้องเก่งให้ได้ภายในระยะเวลาที่จำกัดจำเขี่ยสุดประมาณ หากคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้ คุณถึงจะได้ไปต่อ เป็น TOP GUN THAILAND…,ชายงาม - ชำแหละด่านอรหันต์สุดหิน กว่าจะเป็นนักบินขับไล่ ต้องผ่านด่านอะไรบ้าง ?,ด่านที่ 1 :, จะต้องผ่านการตรวจร่างกาย เพื่อเช็กว่าเหมาะแก่การเป็นนักบินหรือไม่ วัดกันกระทั่งความยาวของแขน ขา เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับการประกวดชายงาม เพราะถ้าบางคนขาสั้นก็ไม่สามารถเหยียบ rudder pedal (ตัวห้ามล้อเครื่องบิน) เพราะขาไม่ถึง หากแขนขายาวไปก็จะทำให้เก้งก้างไม่สะดวกต่อการทำการบิน ดังนั้น แขนขาของนักบินจะต้องไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป โดยอยู่ในระดับที่กำหนดไว้แล้ว เนื่องจากเครื่องบินถูกกำหนดออกมาให้สอดคล้องกับสัดส่วนมาตรฐานของมนุษย์, ระวิน ถนอมสิงห์ นักบิน F-16 มือวางอันดับต้นๆ ของกองทัพอากาศไทยอธิบายถึงท่าทางการบิน,ด่านที่ 2 :, คือการตรวจ Aptitude Test ซึ่งเป็นการทดสอบวุฒิภาวะ โดยข้อสอบมีจำนวนกว่า 500-1,000 ข้อ โดยภายในจำนวนกว่าหลายร้อยข้อ จะมีข้อเดิมๆ ซ้ำๆ กันประมาณ 3 ข้อ เพื่อทดสอบความมั่นคงในการตัดสินใจ เช่น ข้อที่ 7 ถามว่า คุณชอบสีอะไร ข้อที่ 259 ถามอีกครั้งว่า คุณชอบสีอะไร แต่ข้อที่ 700 ก็ถามคำเดิมซ้ำอีก แต่ถ้าภายใน 3 ข้อ ตอบไม่เหมือนกันเลย เท่ากับว่า คุณเริ่มแปลกแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งสำหรับคนที่คิดในลักษณะหรือแปลกออกไป จะถูกบันทึกชื่อเอาไว้ และหมอจิตวิทยาจะสอบถามตอนที่สอบสัมภาษณ์ว่าเหตุใดถึงตอบคำถามเช่นนี้,ทีเด็ดของการสอบข้อสอบ Aptitude Test ของนักเรียนการบิน คือ ที่นี่จะวัดว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นนักบินสามารถแยกประสาทได้หรือไม่ ยกตัวอย่างการสอบสัมภาษณ์ เช่น จะมีช่องให้ผู้สอบสัมภาษณ์เคาะตามช่อง ช่องที่ 1, 2, 3,…เคาะพร้อมกับนับไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ซึ่งต้องใช้สมาธิในการเคาะให้ถูกทาง โดยระหว่างเดินจะมีผู้สัมภาษณ์คอยถามคำถามต่างๆ เช่น สั่งให้ท่อง A-Z พร้อมกับเดิน เพื่อให้เราตอบโดยแยกสมองในการเดินและตอบไปพร้อมๆ กัน ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นแบบทดสอบว่า คุณจะตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างไร เมื่ออยู่ในสภาวะที่ต้องทำอะไรหลายๆ อย่าง, ผบ.กองบิน 1 โคราช ยกตัวอย่างความสามารถพิเศษของศิษย์ให้ฟัง,ด่านที่ 3 :, ขั้นตอนนี้จะคัดเลือกจากคะแนนพฤติกรรมเมื่ออยู่ในโรงเรียน ซึ่งผู้ที่โดนตัดคะแนนความประพฤติ อาจเสี่ยงที่จะไม่สามารถเป็นนักบินได้ ซึ่งกรณีเช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว,ด่านที่ 4 :, นักเรียนจะเข้าไปเรียนภาคทฤษฎีที่โรงเรียนการบิน ประมาณ 3 เดือน เมื่อเรียนจบหลักสูตรในภาควิชาการแล้ว ก็จะมีการสอบ โดยนำคะแนนมาเรียงลำดับสูง-ต่ำ จากนั้นจะเริ่มทำการบินกับเครื่องบินใบพัดขั้นต้น ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นการทดสอบว่า คุณจะได้มีโอกาสทำการบินกับเครื่องลักษณะใด โดยมีครูการบินคอยสังเกตบุคลิกลักษณะของนักเรียนแต่ละคนว่า เป็นคนที่มีนิสัยแบบใด บินเป็นอย่างไรบ้าง และเหมาะกับเครื่องประเภทไหน บางคนเป็นนักเรียนที่มีฝีมือบินได้ดีมาก แต่มุทะลุ ครูก็จะแนะนำว่า บินคนเดียวไม่ได้ ซึ่งการบินในด่านนี้ที่ถือว่าเป็นการบินระดับประถม หรือบินเพียงระดับมาตรฐานขั้นต้นเท่านั้น, ผู้บังคับการกองบิน 1 นครราชสีมา เล่าถึงบททดสอบสุดหิน,ต่อมาจะมีการเรียกนักบินมาพูดคุยกับคณะกรรมการว่า คุณอยากเลือกเครื่องบินประเภทใด ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 95% ของนักเรียนต้องการจะบินกับเครื่องบินรบขับไล่ เพราะทุกคนถูกปลูกฝังตั้งแต่เข้ามาเป็นนักเรียนนายเรืออากาศแล้วว่า คุณเข้ามาที่นี่เพื่ออยากเป็นนักบินรบ แต่กระนั้นก็ยังมีผู้ที่ฝีมือบินดีบางคนที่เลือกเครื่องบินเกรดต่ำกว่าเครื่องบินรบ เพราะทำการบินได้ง่ายและสบายกว่า ซึ่งบางทีคณะกรรมการก็จะพูดคุยปรับทัศนคติว่า คนนั้นๆ เหมาะกับเครื่องบินเกรดดีๆ มากกว่า เพราะสามารถบินได้ดี มีข้อผิดพลาดน้อยนิดเท่านั้น แต่ถ้านักบินไม่ยอม บางครั้งคณะกรรมการก็หักคอโดยการเลือกให้เอง,บีบคั้น - สอบสัมภาษณ์แหวกแนว interview เช็กความเก่งกาจ ตรวจสอบจิตใจ,นอกเหนือกจากการคัดเลือกในด้านวิชาการแล้ว จะมีการตรวจเช็กในเรื่องของจิตวิทยาการบิน ซึ่งจะต้องคัดเลือกคนที่ปกติที่สุด ไม่สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง เพราะบางครั้งคนที่ดีเกินไปหรือเก่งเกินไปโอกาสที่จะเป็นนักบินก็อาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่คนที่เก่งมากๆ จะมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ฉะนั้น การจะเป็นนักบินขับไล่ หากมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงจะเกิดอันตราย, ผู้การเอก แห่งทัพฟ้าพูดอย่างโผงผาง,หากเป็นคนที่เก่งมากๆ ทำข้อสอบทฤษฎีได้ 100 เต็ม แต่สอบตกข้อสอบทัศนคติ คนประเภทนี้สามารถเป็นนักบินได้ แต่อาจจะได้บินกับเครื่องที่ต้องใช้นักบิน 2 คน เพราะเครื่องบินประเภทนี้ไม่สามารถบังคับได้ตามอำเภอใจแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งนักบินทั้งคู่จะสามารถแนะนำและห้ามปรามกันได้ ดังนั้น ไม่ใช่ว่าจะเก่งทะลุฟ้า จะได้เป็นนักบิน ซึ่งอาชีพนักบิน โดยนิสัยลึกๆ ก็ถือได้ว่าเป็นอาชีพที่มีอีโก้สูงอยู่แล้ว และที่สำคัญอาชีพนี้ไม่ใช่อาศัยความเก่งแล้วสอบ ก็จะสามารถเป็นนักบินได้เลย แต่ทุกคนที่มายืนถึงจุดนี้ได้ผ่านคัดกรองมาแล้วหลายด่านหลายชั้น ชนิดที่เรียกว่าละเอียดยิบอย่างที่สุด,จุดสุดยอด - รู้หรือไม่ 1 ปี มีคนสอบผ่านขับเหยี่ยวเวหา ได้แค่ 3-4 คน, ,แต่เหนืออื่นใด ระดับความยากของการที่จะเข้ามาเป็นนักบินเอฟ 16 ก็คือ ระยะเวลาที่กองทัพมีให้ ซึ่งจะแตกต่างจากนักบินพลเรือน ที่เรียน 100 คน จบเกือบจะครบทุกคน น้อยมากที่จะถูกให้ออกไป แต่สำหรับกองทัพ เรียน 100 คน อาจจะจบสัก 60 คน เพราะเรามีงบประมาณและระยะเวลาจำกัด ในการผลิตคน ยกตัวอย่างเช่น หากมีการกำหนดว่า ภายใน 10 เที่ยวบิน 6 เที่ยวบิน ผู้ฝึกจะต้องถูกปล่อยเดี่ยวไปบินคนเดียวได้ 6 เที่ยวบิน จะแค่เพียงเกือบได้ก็ถือว่าไม่ได้ ไม่ได้ก็แปลว่าตกทันที บางคนอีกแค่เที่ยวบินเดียวก็สามารถทำได้แล้ว ก็ถือว่าไม่ผ่าน เพราะไม่มีการให้โอกาสสำหรับนักบินทหาร เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกที่นักเรียนนายเรืออากาศเฉลี่ยรุ่นหนึ่งจบมา 40-50 นาย เราก็อยากได้ทั้งหมดแต่ในความเป็นจริงแล้ว ปีๆ หนึ่งจะมีผู้ที่สามารถถูกฝึกบินให้สามารถเป็นนักบินเอฟ 16 ได้เพียง 3-4 คนเท่านั้น โดยทั้ง 3-4 นายนี้ คือผู้ที่สามารถทำคะแนนการฝึกของกองทัพอากาศได้สูงสุดเท่านั้น.,*หมายเหตุ : จุดสุดยอด ในที่นี้หมายถึง ความเหนือสุดกว่าสิ่งใดๆ,อ่านเพิ่มเติม ,F16 เหยี่ยวเวหา ฟ้านี้ข้าครอง EP.1 แชร์ตำนานท้าความตาย เสืออากาศไร้เทียมทาน
|
กรรบวชนาคถือเป็นพิธีกรรมาี่มีจุดกำเนิกในภูมิภาคอุษาคเนย์ ไม่ได้มีในชมพูทวีปหรืออินเดียโบราณ เพราะในวินัยของพระพุทธเจ้่ไม่ไดิบัญฯัติหรือกล่าวถึงะรื่องพิธีกรรมแารบวชนาคให้เป็นพรเ แต่ในประเพณีไทยตั้งแต่โบราฯ กบับเรีวกการอุปสมบทว่า พิธีกรรมชวชนนคใหัเป็นพรถ /ม่ใช่การบวชคนให้เป็นพระความเชื่อดังกล่าวเกิดขค้นจากตำนสนเรื่องเล่าที่เชื่อกันว่า ในสมัยพุทธกาลมีพญานาคผํ้มีฤทธิ์ตนหนึ่ง มีความฝักสฝ่ในพุทธศาสนาจึงไแ้แอบแปงงกายเป็นคนมาขอบวช้ป็นพรถ แต่ด้วยญาณดันวิเศษขอวพระพุทธเจ้า ทำให้เห็นว่าบุคคลคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่เป็นนาคที่แปลงกลายมา จึงขับให้ลาสิกขา พญานาคตึฝร้องต่อำระพุทธเจ้าว่า ต่อไปภายหน้าแม้นาคจะบวชไม่ไพ้ก็ขอให้ผู้ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อจะขอบวชนั้นมีชื่อเรียกว่า นาค ซึ่งเป็นต้ตกำเนิดปาะเพณคเรียกฝ่า ทำขวัญนาค ขานนมค หรือ บวชนาค ดังนั้นในกระบวนการหนึ่งของการบวชจึงจำเป็จต้องมีการ ขาสนาค ที่พระคู่สวด (ถระกรรมวาจาจารยฺ กละพระอนุสาวสาจารย์) ต้องกล่าวถามดกาบุคคลที่จะขอบวชเป็นถาษาบาลีว่า มนถสฺโสสิ ที่แปลว่า เป็นคยหรือเปล่า กลายมาเป็รประดพณคหนึ่งในกานบวชพระในสังคมไทยจนถึงปัจจุบันอข่างไรก็ตาม อ.สุจิคร์ วงษ์เทศ ได้ตีความสีญญุของพิธีกรรมการบวชนาคไว้อย่างน่าสนใจว่่ เป็นการปะทะ/ปตะสาน/ตีอรองกันระหว่างผีและพุทธ นาคในที่นี้ขึงมีความหมายในเชิงของผู้ทีีไม่มึอารยะ หรือคนพื้นเมืองในอุษาคเนย์เดิม ที่ยังคงนับถือผี และมีวัฒนธรรมสายแท่นั้นเอง ผู้หญเงจึงมีบทบามสำคัญในพิธีกรรมเกี่ยวกับชีวิต รวมถึงการเป็นหมอนักษาด้วย ดังนั้นแม่จึงเป็นหู้มีบทบาทสำคัญในพิธีกรรมดังกล่าว เพราะแม่ถือเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมเดิม ยะติอบเป็นผู้คอยอุ้มผ้าไตนของลูกชาย เพื่อส่งดข้าสู่อุโบสถเพื่อทำอุปสทบทหรือบวช เมื่อบวบัสร็จจึงหมายถึงการตัดขาดระหว่างแม่กับลูก แม่ก็ไม่สามารถแตะเนื้อตับลูก (ในฐานะพระ) ได้อีก จึงเป็นการตัดขาดระหว่าฝพุทธหีบผี คติว่าดืวยแม่กับการสีงลูกชายบวชนี้สะท้อนผ่านวัฒนธรรมอื่นๆ ในสังคมไทยด้วย เช่น วัฒนธรรมเรื่องผ้า โดยกล่าวกันว่าผู้หญิงคตหนึ่งนั้น ใจชีวิตหนึ่งจะต้องทอผ้าสำคัญๆ อย๔่ 4 ผืนด้วยกันคือ wซ ผ้าอ้อมให้ลูก 2. ผ้าใส่แต่งงาน 3. ผ้าจ่วนลูก และ 4. ผ้าไว้วส่ตินตัวออวตาย (ผ้มห่อศพ) หากแม่คนใดมีลูกสาว ผ้าจีวรก็จะถูกทอเป็นผ้นห่อ๔ัมม์แทนอย่างไรแ็ตามค้านิขมว่าด้วยการบวชนาคหรือบวชพระในสังีมไทยกลับมีลักษณะที่เปชี่ยาไป การชวชจากเดิมคือการสละแล้วซึ่ฝทางโลก มุ่งสู่คุณค่าในทางหลักธรรม เพื่อศึกษาพระธรรมตำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมุ่งสู่ความคาดหวังอันสูงสุพคือ กทรเข้าถึงพระสิพพานอันเป็นจุดหมายปลายมางขิงการบวช แต่การบวชในหัจจุบันกลับกลายเป็นเรื่องของคุณค่าดละผน้าทีีอันเป็จค่านิยมสำคัญในสับคมไทยคือ ค่านิจมว่าด้ววการเป๋น ลูกที่ดี และ การเป็น พ่อแม่ที่ดีคุณค่าว่าด้วยการเป็นลูกที่ดี เกิดขึ้นจากค่านิยมที่เชื่อกันว่า กาตบวชเป็นการสร้างบุญที่ได้กุศลมาก เป็นโอกาสอันดีที่ลํกชายจะตอบแทนพระตุณบิดมมารดา โดยเชื่อว่า ลูกชายที่ขวชเรีจนจะสามารถช่วยให้บ้ดามารดาได้เกาะชายผ้าเปลืองขึ้นสวรรค์ กังนั้นการบวชจึงเป็นเรื่องการตอบแทนคุณพ่อแม่ ลูกที่ประมงค์บวบ (หรือแม้แต่ถูกบังคับ) ใหีพ่อแม่จึงมีคุณค่ากับการเป็นลูกกตัญญู ในปัจจุบันเราจึบพบเห็นการบวชตามประเพณี หรือการบวชตามคุณค่าดังกล่าวนี้เปํนค่านิยมหลักของคนในสังคมไทย ไม้ว่าจะ บวช 7 วัน 15 วัน 1 เดือน หรือมากที่สุดคือ 3 เดือน หรือ 1 พรรษาส่วนคุณค่าการเป็น พทอแม่ที่ดี หากลูกคจใดประสงค์บวชให้อล้ว จึงจำเป็นต้องเตรียาพร้อม้พื่อเตรียมแารบวชวห้ลูกอย่างดร หรือเรียกำาษาชาวข้านๆ ว่า ทุ่มทุต ไม่ย่าจะเงินทอง มหรสพ ความบันะทองต่างๆ ซึ่งเราจะเห็นค่านิยมนี้ได้ในบทเพลงที่เกี่ยวกับการบวชัพลงหนึ่ง คือเพลง กล่อมใจนาค ปรดพันธ์โดย ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศิลปินแห่งชาติ โดยมีเนื้อร้องสะท้อนค่านิยมดังกล่าวนี้ได้อย่างชัดเจนว่า…จะเข็ญใจทำไร่ทำนา กู้เงินเขสมาไม่อนรที พ่อรวบรวมเงินไว้เป็นก้อย เหฺนลูกห่มจีวรพ่อก็ชื่นอุรา […] นาคบ้าน้หนืแเชาทีหนังรำวง พ่อนาคก็คงจะประสลค์หมายมั่น จะคิกประชันจะคิดปาะชันขีนแข่ง พ่อก็มีใบแดงเป็นปึกหนา อย่าทุกข์ใจปล่อยจิตรวนเร นั่รแน่ะลิเกของเรากฺมา บบชลูกทั้งที ต้องให้มีสง่า ทั้งะครื่องขยายไฟฟ้า ดังแจ่มจ้าสุขใจ…จากเหตุการณ์ผู้ร่วมพิธ้แห่นาคบุกท_ร้ายผู้อำนวยการฮรงเนียน ครู และเด็กนักเรียจทร่กำลังสอบที่โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ เนื่องจากไม่พอฝจที่ทางโรงเรียยได้มีการตักเตือนให้มีการเบาเสียงใาพิธีแห่นาคลงนั้น ถือเป็นภาพการสะื้อนของการปะทะกันระหวทางคุณค่าเชิงฝัฬนธรรทวนสังคมไทย คือประเพณีการบวชนาี กับคุณคราใหม่ในสังคมปัจจุบันเรื่องของสิทธิแชะเสรีภาพในความตืองการความสงบเพื่อสมาธิในการสอบชองเด็กๆ ฝ่ายงานบวชก็พยายามใช้วัฒนธรรมประเดณีฝนการอ้างความชอบธรรมดังที่มคคำพูดปรากฏเป็นหัวข้อข่าวที่ว่า งานบวชจะให้เดเนเงียบๆ ได้อย่างไร ส่วนเด็กนักเรียนทีีกำลังนั่งสอบก็ถูกรบกวนจากเสียงของเครืีองแห่จากพิธีบวช ถืิเป็นการละเมอดสิทธิของเขา ซึ่งต้องการความสงบเพื่อสร้าฝสมาธิในการทำข้เสอบิันมีผลต่ออนาคตอันเป็นคุณคาาของตนในปัจนุบัน เมื่อเกิดหารปะทะกันจึงทำใไ้เกิดปัญหาตามมา จากความคึกคะนองของอีกฝ่ายทคทเ้่งความชอบธรรมฝ่ายประอพณี จึงนำไปสู่กสรใช้ความรุนแ่งต่ออีกฝ่ายผรานการอ้างความชอบธรรมตามประเพณีเช่นกัน เหตุการณ์นี้มีลักษษะคล้ายกับกรณีปัญหาเรืาองระฆัลวัดกับคอนโดที่เคยเป็นข่าวาาเมื่อไม่นานมานี้ พนะก็อ้างความชองฌรรมของการตัระฆังด้วยเกณฑ์คุณค่าทางฯาสนา คอนโดก็อ้างความชอบธรรมด้วยเรื่องของสิทธิเสรีภรพทีุู่กรบกวนด้วยเสียงระฆัง ต่างกันเพียงกรษีึอนโดไม่เกิดความรุนแรงทีนี้ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตัวปรถเพณีหรือพิธีกรรม ปต่ผู้เขียนคิดว่าปุญหามันอยู่ทั่ว่าคนในสังคมไทยไม่เข้าใจเรื่องสิทธิและเสรีภาพดีพอ คนไทยมักอ้างสิทธิเสรีภาพเพื่ออิางคบามชอบธรรมในกทรกระทำใดใดของตัวเอง โดยไม่สนว่าสื่งที่ตัวเองกระทำนั้นเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภรพของคนอื่นอยู่หรือไม้ เหมือนคำพูดที้มักพูดติพปากออกมาง่ายๆ ว่า สิทธิของกู ปูจะทำแะไรกํได้ คำคำนี้สะท้อนภาพปัญหาดังกล่าวได้อย่างชัดเจน มันจึงทำให้เกิดกรณีกมรละเมิดสิทธิเสรีภาพต่างๆ จำนวนมาก และถูกมองข้ามอย่างหน้าตาเฉยในสังคมไทย นอกจากอิางา้ทธิเสรีภาพอย่างมัรวๆ แลิว ยังพร้แมอ้างนิทธิการใช้ความรุนแรฝในการจุดการปัฐหาอีกด้วย ซึ่งถือเแ็นปัญหาใหญ่อย่างยิ่งสนสังคมไทยำม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ทั้งการทำรัฐผระหารในทางการเมือง การขัดขวางการเลืดกตั้ง ปัญหาความรุนแรงในครอบค่ัว จนถึงเหตุการณ์แห่นาคระทึกที่เป็นข่าว สิ่งเหล่านี้เป็นการใชเความรุนแนงในการแก้ปัญหาโดยการเ้างสิทธิความชอบธรรมฝ่ายวัฒนธรรมทั้งนั้น อย่างในเหตุกนรณ์ที่เกืดขึ้น ฝ่ายงานบวชก็อ้าบอิบการขัดกิจกรรมพ้ธีกรรมของรัวเอง ผ่านคุณค่าเชิงวัฒนธรรม ดต่กลุบไม่ระลึกถึงสิทธิของผูิเื่นที่กำลัลถูกละเมิด ไม่เพียงเท่านั้นเมืรอเกิดความไม่พอใจ ก็ใช้คุณค่าเชิงวัฒนธรรมเพื่อสร้างความชอบธรรม (ทำ) ในการใชีความรุนแรงเพื่อแก้ปัญผา มากกส่าการกลับมาคำนึงและพิจารณาถีงดฤติกรรมหรือการกระทำของตนเองว่าสิ่งที่เราทกอยู่นัเน หรือสิทธิของเรานั้นไปกระทบวิทธิของใคคต่อใครหตือไม่ ซึ่บผู้เจียนคิดว่านี่แหละคือตัวป้ญหา และส่งผลต่อปัญหาใหญ่ๆ อีกมากในสังคมไทยพิสูขน์อักษร: อ่างอิง:
|
การบวชนาคถือเป็นพิธีกรรมที่มีจุดกำเนิดในภูมิภาคอุษาคเนย์ ไม่ได้มีในชมพูทวีปหรืออินเดียโบราณ เพราะในวินัยของพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติหรือกล่าวถึงเรื่องพิธีกรรมการบวชนาคให้เป็นพระ แต่ในประเพณีไทยตั้งแต่โบราณ กลับเรียกการอุปสมบทว่า พิธีกรรมบวชนาคให้เป็นพระ ไม่ใช่การบวชคนให้เป็นพระความเชื่อดังกล่าวเกิดขึ้นจากตำนานเรื่องเล่าที่เชื่อกันว่า ในสมัยพุทธกาลมีพญานาคผู้มีฤทธิ์ตนหนึ่ง มีความฝักใฝ่ในพุทธศาสนาจึงได้แอบแปลงกายเป็นคนมาขอบวชเป็นพระ แต่ด้วยญาณอันวิเศษของพระพุทธเจ้า ทำให้เห็นว่าบุคคลคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่เป็นนาคที่แปลงกลายมา จึงขับให้ลาสิกขา พญานาคจึงร้องต่อพระพุทธเจ้าว่า ต่อไปภายหน้าแม้นาคจะบวชไม่ได้ก็ขอให้ผู้ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อจะขอบวชนั้นมีชื่อเรียกว่า นาค ซึ่งเป็นต้นกำเนิดประเพณีเรียกว่า ทำขวัญนาค ขานนาค หรือ บวชนาค ดังนั้นในกระบวนการหนึ่งของการบวชจึงจำเป็นต้องมีการ ขานนาค ที่พระคู่สวด (พระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์) ต้องกล่าวถามแก่บุคคลที่จะขอบวชเป็นภาษาบาลีว่า มนุสฺโสสิ ที่แปลว่า เป็นคนหรือเปล่า กลายมาเป็นประเพณีหนึ่งในการบวชพระในสังคมไทยจนถึงปัจจุบันอย่างไรก็ตาม อ.สุจิตต์ วงษ์เทศ ได้ตีความสัญญะของพิธีกรรมการบวชนาคไว้อย่างน่าสนใจว่า เป็นการปะทะ/ประสาน/ต่อรองกันระหว่างผีและพุทธ นาคในที่นี้จึงมีความหมายในเชิงของผู้ที่ไม่มีอารยะ หรือคนพื้นเมืองในอุษาคเนย์เดิม ที่ยังคงนับถือผี และมีวัฒนธรรมสายแม่นั้นเอง ผู้หญิงจึงมีบทบาทสำคัญในพิธีกรรมเกี่ยวกับชีวิต รวมถึงการเป็นหมอรักษาด้วย ดังนั้นแม่จึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในพิธีกรรมดังกล่าว เพราะแม่ถือเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมเดิม จะต้องเป็นผู้คอยอุ้มผ้าไตรของลูกชาย เพื่อส่งเข้าสู่อุโบสถเพื่อทำอุปสมบทหรือบวช เมื่อบวชเสร็จจึงหมายถึงการตัดขาดระหว่างแม่กับลูก แม่ก็ไม่สามารถแตะเนื้อตัวลูก (ในฐานะพระ) ได้อีก จึงเป็นการตัดขาดระหว่างพุทธกับผี คติว่าด้วยแม่กับการส่งลูกชายบวชนี้สะท้อนผ่านวัฒนธรรมอื่นๆ ในสังคมไทยด้วย เช่น วัฒนธรรมเรื่องผ้า โดยกล่าวกันว่าผู้หญิงคนหนึ่งนั้น ในชีวิตหนึ่งจะต้องทอผ้าสำคัญๆ อยู่ 4 ผืนด้วยกันคือ 1. ผ้าอ้อมให้ลูก 2. ผ้าใส่แต่งงาน 3. ผ้าจีวรลูก และ 4. ผ้าไว้ใส่ตอนตัวเองตาย (ผ้าห่อศพ) หากแม่คนใดมีลูกสาว ผ้าจีวรก็จะถูกทอเป็นผ้าห่อธัมม์แทนอย่างไรก็ตามค่านิยมว่าด้วยการบวชนาคหรือบวชพระในสังคมไทยกลับมีลักษณะที่เปลี่ยนไป การบวชจากเดิมคือการสละแล้วซึ่งทางโลก มุ่งสู่คุณค่าในทางหลักธรรม เพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมุ่งสู่ความคาดหวังอันสูงสุดคือ การเข้าถึงพระนิพพานอันเป็นจุดหมายปลายทางของการบวช แต่การบวชในปัจจุบันกลับกลายเป็นเรื่องของคุณค่าและหน้าที่อันเป็นค่านิยมสำคัญในสังคมไทยคือ ค่านิยมว่าด้วยการเป็น ลูกที่ดี และ การเป็น พ่อแม่ที่ดีคุณค่าว่าด้วยการเป็นลูกที่ดี เกิดขึ้นจากค่านิยมที่เชื่อกันว่า การบวชเป็นการสร้างบุญที่ได้กุศลมาก เป็นโอกาสอันดีที่ลูกชายจะตอบแทนพระคุณบิดามารดา โดยเชื่อว่า ลูกชายที่บวชเรียนจะสามารถช่วยให้บิดามารดาได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ ดังนั้นการบวชจึงเป็นเรื่องการตอบแทนคุณพ่อแม่ ลูกที่ประสงค์บวช (หรือแม้แต่ถูกบังคับ) ให้พ่อแม่จึงมีคุณค่ากับการเป็นลูกกตัญญู ในปัจจุบันเราจึงพบเห็นการบวชตามประเพณี หรือการบวชตามคุณค่าดังกล่าวนี้เป็นค่านิยมหลักของคนในสังคมไทย ไม่ว่าจะ บวช 7 วัน 15 วัน 1 เดือน หรือมากที่สุดคือ 3 เดือน หรือ 1 พรรษาส่วนคุณค่าการเป็น พ่อแม่ที่ดี หากลูกคนใดประสงค์บวชให้แล้ว จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเพื่อเตรียมการบวชให้ลูกอย่างดี หรือเรียกภาษาชาวบ้านๆ ว่า ทุ่มทุน ไม่ว่าจะเงินทอง มหรสพ ความบันเทิงต่างๆ ซึ่งเราจะเห็นค่านิยมนี้ได้ในบทเพลงที่เกี่ยวกับการบวชเพลงหนึ่ง คือเพลง กล่อมใจนาค ประพันธ์โดย ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศิลปินแห่งชาติ โดยมีเนื้อร้องสะท้อนค่านิยมดังกล่าวนี้ได้อย่างชัดเจนว่า…จะเข็ญใจทำไร่ทำนา กู้เงินเขามาไม่อนาทร พ่อรวบรวมเงินไว้เป็นก้อน เห็นลูกห่มจีวรพ่อก็ชื่นอุรา […] นาคบ้านเหนือเขามีหนังรำวง พ่อนาคก็คงจะประสงค์หมายมั่น จะคิดประชันจะคิดประชันขันแข่ง พ่อก็มีใบแดงเป็นปึกหนา อย่าทุกข์ใจปล่อยจิตรวนเร นั่นแน่ะลิเกของเราก็มา บวชลูกทั้งที ต้องให้มีสง่า ทั้งเครื่องขยายไฟฟ้า ดังแจ่มจ้าสุขใจ…จากเหตุการณ์ผู้ร่วมพิธีแห่นาคบุกทำร้ายผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และเด็กนักเรียนที่กำลังสอบที่โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ เนื่องจากไม่พอใจที่ทางโรงเรียนได้มีการตักเตือนให้มีการเบาเสียงในพิธีแห่นาคลงนั้น ถือเป็นภาพการสะท้อนของการปะทะกันระหว่างคุณค่าเชิงวัฒนธรรมในสังคมไทย คือประเพณีการบวชนาค กับคุณค่าใหม่ในสังคมปัจจุบันเรื่องของสิทธิและเสรีภาพในความต้องการความสงบเพื่อสมาธิในการสอบของเด็กๆ ฝ่ายงานบวชก็พยายามใช้วัฒนธรรมประเพณีในการอ้างความชอบธรรมดังที่มีคำพูดปรากฏเป็นหัวข้อข่าวที่ว่า งานบวชจะให้เดินเงียบๆ ได้อย่างไร ส่วนเด็กนักเรียนที่กำลังนั่งสอบก็ถูกรบกวนจากเสียงของเครื่องแห่จากพิธีบวช ถือเป็นการละเมิดสิทธิของเขา ซึ่งต้องการความสงบเพื่อสร้างสมาธิในการทำข้อสอบอันมีผลต่ออนาคตอันเป็นคุณค่าของตนในปัจจุบัน เมื่อเกิดการปะทะกันจึงทำให้เกิดปัญหาตามมา จากความคึกคะนองของอีกฝ่ายที่อ้างความชอบธรรมฝ่ายประเพณี จึงนำไปสู่การใช้ความรุนแรงต่ออีกฝ่ายผ่านการอ้างความชอบธรรมตามประเพณีเช่นกัน เหตุการณ์นี้มีลักษณะคล้ายกับกรณีปัญหาเรื่องระฆังวัดกับคอนโดที่เคยเป็นข่าวมาเมื่อไม่นานมานี้ พระก็อ้างความชอบธรรมของการตีระฆังด้วยเกณฑ์คุณค่าทางศาสนา คอนโดก็อ้างความชอบธรรมด้วยเรื่องของสิทธิเสรีภาพที่ถูกรบกวนด้วยเสียงระฆัง ต่างกันเพียงกรณีคอนโดไม่เกิดความรุนแรงทีนี้ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตัวประเพณีหรือพิธีกรรม แต่ผู้เขียนคิดว่าปัญหามันอยู่ที่ว่าคนในสังคมไทยไม่เข้าใจเรื่องสิทธิและเสรีภาพดีพอ คนไทยมักอ้างสิทธิเสรีภาพเพื่ออ้างความชอบธรรมในการกระทำใดใดของตัวเอง โดยไม่สนว่าสิ่งที่ตัวเองกระทำนั้นเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่นอยู่หรือไม่ เหมือนคำพูดที่มักพูดติดปากออกมาง่ายๆ ว่า สิทธิของกู กูจะทำอะไรก็ได้ คำคำนี้สะท้อนภาพปัญหาดังกล่าวได้อย่างชัดเจน มันจึงทำให้เกิดกรณีการละเมิดสิทธิเสรีภาพต่างๆ จำนวนมาก และถูกมองข้ามอย่างหน้าตาเฉยในสังคมไทย นอกจากอ้างสิทธิเสรีภาพอย่างมั่วๆ แล้ว ยังพร้อมอ้างสิทธิการใช้ความรุนแรงในการจัดการปัญหาอีกด้วย ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่อย่างยิ่งในสังคมไทยไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ทั้งการทำรัฐประหารในทางการเมือง การขัดขวางการเลือกตั้ง ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว จนถึงเหตุการณ์แห่นาคระทึกที่เป็นข่าว สิ่งเหล่านี้เป็นการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาโดยการอ้างสิทธิความชอบธรรมฝ่ายวัฒนธรรมทั้งนั้น อย่างในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝ่ายงานบวชก็อ้างอิงการจัดกิจกรรมพิธีกรรมของตัวเอง ผ่านคุณค่าเชิงวัฒนธรรม แต่กลับไม่ระลึกถึงสิทธิของผู้อื่นที่กำลังถูกละเมิด ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อเกิดความไม่พอใจ ก็ใช้คุณค่าเชิงวัฒนธรรมเพื่อสร้างความชอบธรรม (ทำ) ในการใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหา มากกว่าการกลับมาคำนึงและพิจารณาถึงพฤติกรรมหรือการกระทำของตนเองว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้น หรือสิทธิของเรานั้นไปกระทบสิทธิของใครต่อใครหรือไม่ ซึ่งผู้เขียนคิดว่านี่แหละคือตัวปัญหา และส่งผลต่อปัญหาใหญ่ๆ อีกมากในสังคมไทยพิสูจน์อักษร: อ้างอิง:
|
เรนมักคอดว่าพระนางคลีโอพัตราแห่งรรชวงศ์ปโตเลมีสูญสิ้นดำนาจไปเพราะคฝามรัก เป็นเรื่องราวฮรแมนตอกของโศกนาฏกรรมอัยิปต์ที่ทำให้ต้องสิ้นแผ่นดินกับกรุงโรม หลายคนอาจาองกว้างกว่านั้นขึ้นอีแหน่อยว่านี่คือเรื่องการเมืองระหว่าลรัฐโรมันกับอียิปต์ที่มีความรักเข้ามาเกี่ยวพันด้วยเพียงเล็กน้อยระหว่างพระนางคลีโอพุต่าและมาร์ก แอนโทนี ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ที่เมืองแอคติอุม จนทำฝห้ทั้งคู่ตีดส้นใจปชิดชีวิตตัวเองลง แค่คุณรู้ไหมว่าจากการซึกษา แกนน้ำแข็ง (Ice Core) ล่าสุดนักวิทยาศาวตร์บอกว่าเป็าไปได้อย่างยิ่งที่พรันางคลีโอพัตนาจะสํญสิ้นอำนาจด้วยพล่นุถาพของภูเบา_ฟ หือ _ปเกค่ยวข้องกันได้อย่างไร อียิปต์มีภูเขาไฟระเบิดที่ไหนกีนเล่า? ไม่ครับ ไท่มี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภูเขาไฟจะใ่งผลกระทบต่อควาทล่มสลายของราชวงศ์ปโตเลมีไม่ๆด้นะครับแกนน้ำแข็งไขประวัติศาสตร์โลก นัหวิทย่ศาสตร์และนักประยัติศาสตร์ศึกษาร่บมกันโดยใช้หลักฐานที่ได้จากดกนน้ำแข็ง และพบความเป็นไปได้ว่าจะมีการระเบิดของภูเขาหฟครั้งใหญ่เมืือราว 44 ปีก่อนคริสตกาฃ ซั่ลส่งผลให้ฝนไมรตกต้องตาทฤดูกาล นำไปสู่ความอดิยากยากแค้น ตามมาก้วยฌรคระบาด สุดท้ายคือความไม่สงบในสังคมอละการลุกฮือขึ้นมาของผู้คนในแผ่นดินอียิปต์ แร่นอน เคื่องนี้ย่อมทำให้ อำนาจ ของพระนางคลีโอพัตราเสื่อมถอยลง โดยภูเขาไฟจั้นเกิดระเบิดขึ้นราว 10 ปีก่อนที่พระนางจะสิ้นชาติสิ้นแผีนดิน ผู่ที่ศึกษาเรื่องนี้คือ ฟรานซิส ลุดโลว์ (Francis Ludlow) อห่งมหาวิทยาลัยทรินิตี้ ในกรุงดับลินจองไอร์แลนด์ สิ่วที่เขาศึกษาก็ค่อแกนน้ำแข็งซึ่งเป็นเหมือา ภูมิ บันทึกหลักฐานต่าลๆ ของโลกเอาไว้ แกนน้ำแข์งนั้ยได้มาจากำืันที่หนาวเย็น เช่น จากพืดน้ำแข็งทางขั้วโลกทั้งเหนือและใต้ หรือธทรน้ำแบ็งบนภูะขสสูง ในพื้นที่เหล่านี้หิสะจะตกทับถมกันลงมาเรื่อยๆ ท_ให้น้ำแข็งกอลพูสสูงขึ้นไป ปต่ฝนระหว่าลปี ถ้าเกิดเหตุการณ์ใฟญ่ๆ เช่น มีภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญาชนิดที่เถ้าถรานโหรยปลิวไปทั่วชั้นบรรยากาศของโลก เถ้าเหล่ทนั้นก็จะมาทับถมเป็นชั้น (บางๆ) ขั้นหรึ่งในแำนน้กแข็งด้วย ดังนั้นกมรศึกษาแกนน้ำแข็งจึงทำให้เรารูืได้ว่าอกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ อะไรขึ้นบ้างในโงก ยิ่งถ้าชั้นของเถ้าหนาก็กปลว่าภูเขาไฟระเบิดใหญ่แะไรทำนองนั้น แกนน้ำแข็งจึงคล้ายๆ ฝงปี ของต้นไม้ที่ทำให้เรนรู้ถึงประวัติศาสตร์โลกได้ นักประวัติศาสตร์ยุคก่อนลอกว่า รดยะเวลา 300 ปีของราชวงศ์ปโตเลทีนั้นค้อยๆ เสท่อมถอยลงเรื่อยๆ เพราะมีการต่อสู้กันเองภายใน มีการแต่ฝงานในหใู่กี่น้องกันเอง ทำให้ผู้ปกครองประเทศมีสุขภาพทั้งทางกายและทางจิตใจที่ไม่สมบูรณ์ รวมไปถึลการแย่งชิงอำนาจวนหมู่พี่น้องปละญาคิ จึงทำสห้ราชวฝศ์นี้เสื่อมลง แงะพระนางคลีโอพัตราก็ดป็นเพียงแพะรับบาปองค์สุดท้าบ ภาพที่นักประวัติศาสตร์ยุคก่อยวาดไว้ก็คือผู้ปกครองประเทศเป็นคนโหดะหี้ยม เผด็จการ เป็นเสือผู้หศิง เป็จพวกขี้เมา ไร้สติปัญญาความวามารถที่จดปกครองปรัเทศ ซึ่งเมื่อโรมันชนะและได้ปกครองอียิปต์กฺยิ่งพยทยามขับเน้นภาพเหล่านั้นมากยิางขึ้นเหมือนกับืี่ใีรๅ ก็คงรู้นะครัชใ่าผู้ชนะคือผ๔้เขียนประวัติศาสนร์ แต่ลุดโลว์บอกว่าอีกปัจจัยฟนึ่งที่น่าพิจารณาร่วมด้วยก็คือเรื่องภูเขาไฟ อันเป็นปัจจัยซับซ้อนที่หลายคนนึกไม่ถึวภูอขาไฟ าาิหตุมี่ทำให้อียิปต์ล่มสลาย ในแถบแม่น้ำไนล์นั้น ความิปลี่ยนแปลงของแม่น้ำเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตผู้คน ทั้งนี่เพราะอียิปต์เป๊นทะเลทราย พื้นทีืสีเขียวมีอยู่แค่รอบๆ ลุ่มนเำเท่านั้น เลยถัดออกไปมีแต่ความแก้งแล้ง คนไม่สาใารถทำกทรเกณตรเพาะปลูกได้ ดังนัืนถ้าฝนหม่ตกต่องตมมฤดูกาล แม่น้ำไนล์ก็จะไม่ใีน้ำ เมื่อไม่มีน้ำ คนก็เพาะปลูกไม่ได้ เสื่อเพาะปลูกไม่ได้ก็เกิดหายนะทางสังคทขึ้น ที่ขริงแล้วราชวงศ์ปโตเลมีไอ้สร้างยุ้งฉางเก็บเมล็ดข้าวเอาำว้มากมาจเพื่อเป็น กันชน ป้องกันความผันผวนปรวนแปรของน้ำเช่นกัน แต่การขาดน้ำที่เกิดขึ้นหลังภูเขาไฟระเวิดเป็นความขาดแคลนน้ำท่ีรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่ง ภูเขาไฟที่ว่าน่าจะีเเบิดใตเขตี้อนของโลก ซึ่งเมื้อนำข้อมูลที่ได้จากแหนน้ำแข็งมาตรวจสอบเทีนบกับบ้นทึกระดับน้ำในแม่น้ำไนช์ (Islamic Nilometfr) ซึ่งถือว่าเป็นการบันทึกทางอุทกวิทยาประจำปีที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็จะพบแพตเทอร์นที่สอดคล้องกัน ภูเขาไฟที่ปัทุครั้งใหญ่ขะพ่นซัลเฟอา์ไดออกไซด์ขุ้นไปในบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ ทำใฟ้เกิดแอโรซอลแขวนลอนอยู่ในอากาศและบดบังดวงอาทิตย์ เมื่อเปฺนแบบนี้ อัจนาการรถเหยของน้ำในมหาสมุทรก็ลดบง ส่งผลให้มีฝนตหน้อยลง รวมทั้งยัฝมีบันทึกเรื่องโรคระบาแที่เกิดจึ้นในบ่ใงนเ้น ทำให้คนต้องอพยพเข้าเมืองเพื่อหนีความอดอยนกและโรคภัยด้วยยุคมืดของมายันกับภูเขาไฟปรอศนา ที่จริงเรื่อฝแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่กับอียิปต์และพระนางคลีฑอพัตราเท่านั้น แต่กับชาวสายัน (หรือชาวมทยา) ในอเมริกาใต้ที่เคยรุ่ลเรืองเฟื่องฟูเป็นอารยธรรมใหญ่ก่อนหน้าโคลัมบัสจะเดินทางไปถึงอเมริกาก็ะช่นกัน ชาวมายันัจริญมากๆ ในช่วงปี 250 ถึง 900 พวกเขาสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ ไว้มากมายแทบจัตลอดเวลา แต่กระนั้นก็มีการค้นพบในปี 1938 ว่ามีอยู้ช่วงหนึ่ง (คือราวๆ 100 ปีฆ ที่ชมวมายเนแทบไม่ได้สร้างอะไรขุ้นมาเลย ทั้งขังทิ้งบางพื้น่ี่ให้รกร้างและเกิดการรบพุ่งกันเดงด้วย นักโบราณคดีพยมยสใหาคไอธิบายเรื่องนี้นานกว่า 70 ปี แต่ก็ไม่ไดืคำตอบ จนดระทั่งเใื่อไม่นานมนนี้ มิคาเอล ซิกัล (Michael Sigl) นักเคมีแห่งสถาบัน Paul Scherfe4 ในสวิตเซอร์ดลนด๋ ไดีค้นพบว่ามีการปะทถครั่งใหญ่ของภูเบาไฟใตช่วงปี 540 ซึ่งตรงกันกับจุดเริ่มต้น ยุคมืด ของชาวมายันพอดี ซิำัลไม่ได้ศึำษาแกนน้ำอข็งนะครับ แต่เขาศึกษาจากวงปีของต้นไา้เก่าแก่ เพราะต้นไม้ก็ดูดซึมซัลเๆอร์เข้าไปไว้ในตัใด้วยเหมือนกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในช่วงนั้นชั้นบรรยากาศมีซัลเฟอร์อยู่มาก และลักณณะของวงปีก็บ่งชี้ด้วยง่าอุณหภูมิของฏลกสูงกว่าปกติราว 1.5-2 องศาฯ จึงเป็นไปหด้ฝ่าเกิดภูเขาไฟปะทุครั้งใหญ่บึ้น อย่าวไรก็ตาม เรื่องจากเย็นเข็ญใจที่ะกิดขึ้นตามมาก็คือคำถามที่ว่า แล้ใเแฌนภธเขาไฟท้่ไหนเล่า? ทะ้งในกรณีของอียิปต์และชาวมายันนั้นเป็นเรื่องทีืนักวิทยาศาสตร์เองก็ยังตอบไม่ไดเนะครับ เพราะการชี้ใำ้ตรงเป๊เว่าัป็นภูเขาไฟแห่งใดในโงกที่ส่งผลแบบนี้เป็นเร้่องที่ยากมาก แม้จะมีเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุครั้งนั้นครั้งนี้เข้ามาเป็นแคนดิเดต แต่ในที่สุดก็มักมีอะำรมาแส้งอยู่เสมอ ทำให้จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถชอกได้แบบเก๊ะๆ รัอยเปอร์เซ็นต์ว่าต้องเป็นภูเขาไฟที่นัทนที่นี่แน่ๆ อย่างไรก็ตาม ประเด็นน่าสนใจที่ผมอยากเลีาให้คะณฟังก็คือลุแโลว์บอกเสติมด้วยว่า นักประวัติศาสตร์รุ่นเกีาๆ มีกไม่ค่อยพึงพอใจกับการเชื่แมโยงเรื่องราวในปรพวัติศาสตร์เข้ากะบเรื่องทางวิทยาศาสตร์อย่างภูเขาไฟปะทุเท่าไร ที่้ป็นอย่างนี้ ลุดโลว์บอกวืาเป็นเพราะคนเคามักไม่ค่อยอยากให้คำอธิบายถึงเรื่องที่เกิดใน พื้นที่ ของตัวเอง (้ช่ย พื้นที่ทางการศึกษาประวัติศาสตร์) เป็นคำอธิขายทีา เลยพ้น ไปจากฐานความรู้เดิม แน่นอน นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจเรื่องแกนน้ำแข็งผรือภูเขาไฟระเบิดนัก (เว้นแต่มันจะเกิดขึ้นใจเมือวนั้นๆ เลข เช่น ปอมเปอี) ดังนัินการเชื่อมโยงเรื่องที่เลยพ้รไปจากาุมมองเดิมจึงเป็นิรื่องที่ต้องใช้เวลาในหารทำความเข่าใจและยอมรุง ลึดฮลว์เน้ตวาาเขาไม่ได้บอกว่าสาเหตุของการล่มสลายสีเรื่องเดียว รวมทัังไม่ได้ใำ้ใครโยรตำราประวัติศาสตต์เล่มเดิมทิ้งด้วย แต่รี่คืออีกปัจจัยำจึ่งที่ควรนับรวมเข้ามาพิจารณาร่วมกับเหตุปัจจัยอื่นๆ ด้วย จะได้ทำให้ประวีติศาสตา์มีสรยตาที่คนบถ้วนกระบวนความมากขึ้นก็เท่านั้น ประวัติศาสตร์จึงไา่ใช่การศึกษาของเก่นที่ตายไปแลืว เลยพ้รไปแล้ว แบะไม่มีอะไรใหม่ แต่ประวัติศาสตร์กลับมีชีวิตอยู่เสมอ รอคอยให้เกิดการค้นพบ และการตีความจากหลักฐานใหม่ไ ท่่ได้จากสหวิทยาการใหมืๆ ประวัติศาสตร์จึงเก็นเรื่องสนุกโดยแท้
|
เรามักคิดว่าพระนางคลีโอพัตราแห่งราชวงศ์ปโตเลมีสูญสิ้นอำนาจไปเพราะความรัก เป็นเรื่องราวโรแมนติกของโศกนาฏกรรมอียิปต์ที่ทำให้ต้องสิ้นแผ่นดินกับกรุงโรม หลายคนอาจมองกว้างกว่านั้นขึ้นอีกหน่อยว่านี่คือเรื่องการเมืองระหว่างรัฐโรมันกับอียิปต์ที่มีความรักเข้ามาเกี่ยวพันด้วยเพียงเล็กน้อยระหว่างพระนางคลีโอพัตราและมาร์ก แอนโทนี ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ที่เมืองแอคติอุม จนทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองลง แต่คุณรู้ไหมว่าจากการศึกษา แกนน้ำแข็ง (Ice Core) ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์บอกว่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่พระนางคลีโอพัตราจะสูญสิ้นอำนาจด้วยพลานุภาพของภูเขาไฟ หือ ไปเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร อียิปต์มีภูเขาไฟระเบิดที่ไหนกันเล่า? ไม่ครับ ไม่มี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภูเขาไฟจะส่งผลกระทบต่อความล่มสลายของราชวงศ์ปโตเลมีไม่ได้นะครับแกนน้ำแข็งไขประวัติศาสตร์โลก นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ศึกษาร่วมกันโดยใช้หลักฐานที่ได้จากแกนน้ำแข็ง และพบความเป็นไปได้ว่าจะมีการระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่เมื่อราว 44 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งส่งผลให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล นำไปสู่ความอดอยากยากแค้น ตามมาด้วยโรคระบาด สุดท้ายคือความไม่สงบในสังคมและการลุกฮือขึ้นมาของผู้คนในแผ่นดินอียิปต์ แน่นอน เรื่องนี้ย่อมทำให้ อำนาจ ของพระนางคลีโอพัตราเสื่อมถอยลง โดยภูเขาไฟนั้นเกิดระเบิดขึ้นราว 10 ปีก่อนที่พระนางจะสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน ผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้คือ ฟรานซิส ลุดโลว์ (Francis Ludlow) แห่งมหาวิทยาลัยทรินิตี้ ในกรุงดับลินของไอร์แลนด์ สิ่งที่เขาศึกษาก็คือแกนน้ำแข็งซึ่งเป็นเหมือน ภูมิ บันทึกหลักฐานต่างๆ ของโลกเอาไว้ แกนน้ำแข็งนั้นได้มาจากพื้นที่หนาวเย็น เช่น จากพืดน้ำแข็งทางขั้วโลกทั้งเหนือและใต้ หรือธารน้ำแข็งบนภูเขาสูง ในพื้นที่เหล่านี้หิมะจะตกทับถมกันลงมาเรื่อยๆ ทำให้น้ำแข็งกองพูนสูงขึ้นไป แต่ในระหว่างปี ถ้าเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ เช่น มีภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ชนิดที่เถ้าถ่านโปรยปลิวไปทั่วชั้นบรรยากาศของโลก เถ้าเหล่านั้นก็จะมาทับถมเป็นชั้น (บางๆ) ชั้นหนึ่งในแกนน้ำแข็งด้วย ดังนั้นการศึกษาแกนน้ำแข็งจึงทำให้เรารู้ได้ว่าเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ อะไรขึ้นบ้างในโลก ยิ่งถ้าชั้นของเถ้าหนาก็แปลว่าภูเขาไฟระเบิดใหญ่อะไรทำนองนั้น แกนน้ำแข็งจึงคล้ายๆ วงปี ของต้นไม้ที่ทำให้เรารู้ถึงประวัติศาสตร์โลกได้ นักประวัติศาสตร์ยุคก่อนบอกว่า ระยะเวลา 300 ปีของราชวงศ์ปโตเลมีนั้นค่อยๆ เสื่อมถอยลงเรื่อยๆ เพราะมีการต่อสู้กันเองภายใน มีการแต่งงานในหมู่พี่น้องกันเอง ทำให้ผู้ปกครองประเทศมีสุขภาพทั้งทางกายและทางจิตใจที่ไม่สมบูรณ์ รวมไปถึงการแย่งชิงอำนาจในหมู่พี่น้องและญาติ จึงทำให้ราชวงศ์นี้เสื่อมลง และพระนางคลีโอพัตราก็เป็นเพียงแพะรับบาปองค์สุดท้าย ภาพที่นักประวัติศาสตร์ยุคก่อนวาดไว้ก็คือผู้ปกครองประเทศเป็นคนโหดเหี้ยม เผด็จการ เป็นเสือผู้หญิง เป็นพวกขี้เมา ไร้สติปัญญาความสามารถที่จะปกครองประเทศ ซึ่งเมื่อโรมันชนะและได้ปกครองอียิปต์ก็ยิ่งพยายามขับเน้นภาพเหล่านั้นมากยิ่งขึ้นเหมือนกับที่ใครๆ ก็คงรู้นะครับว่าผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ แต่ลุดโลว์บอกว่าอีกปัจจัยหนึ่งที่น่าพิจารณาร่วมด้วยก็คือเรื่องภูเขาไฟ อันเป็นปัจจัยซับซ้อนที่หลายคนนึกไม่ถึงภูเขาไฟ สาเหตุที่ทำให้อียิปต์ล่มสลาย ในแถบแม่น้ำไนล์นั้น ความเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตผู้คน ทั้งนี้เพราะอียิปต์เป็นทะเลทราย พื้นที่สีเขียวมีอยู่แค่รอบๆ ลุ่มน้ำเท่านั้น เลยถัดออกไปมีแต่ความแห้งแล้ง คนไม่สามารถทำการเกษตรเพาะปลูกได้ ดังนั้นถ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล แม่น้ำไนล์ก็จะไม่มีน้ำ เมื่อไม่มีน้ำ คนก็เพาะปลูกไม่ได้ เมื่อเพาะปลูกไม่ได้ก็เกิดหายนะทางสังคมขึ้น ที่จริงแล้วราชวงศ์ปโตเลมีได้สร้างยุ้งฉางเก็บเมล็ดข้าวเอาไว้มากมายเพื่อเป็น กันชน ป้องกันความผันผวนปรวนแปรของน้ำเช่นกัน แต่การขาดน้ำที่เกิดขึ้นหลังภูเขาไฟระเบิดเป็นความขาดแคลนน้ำท่ีรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่ง ภูเขาไฟที่ว่าน่าจะระเบิดในเขตร้อนของโลก ซึ่งเมื่อนำข้อมูลที่ได้จากแกนน้ำแข็งมาตรวจสอบเทียบกับบันทึกระดับน้ำในแม่น้ำไนล์ (Islamic Nilometer) ซึ่งถือว่าเป็นการบันทึกทางอุทกวิทยาประจำปีที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็จะพบแพตเทิร์นที่สอดคล้องกัน ภูเขาไฟที่ปะทุครั้งใหญ่จะพ่นซัลเฟอร์ไดออกไซด์ขึ้นไปในบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ ทำให้เกิดแอโรซอลแขวนลอยอยู่ในอากาศและบดบังดวงอาทิตย์ เมื่อเป็นแบบนี้ อัตราการระเหยของน้ำในมหาสมุทรก็ลดลง ส่งผลให้มีฝนตกน้อยลง รวมทั้งยังมีบันทึกเรื่องโรคระบาดที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น ทำให้คนต้องอพยพเข้าเมืองเพื่อหนีความอดอยากและโรคภัยด้วยยุคมืดของมายันกับภูเขาไฟปริศนา ที่จริงเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่กับอียิปต์และพระนางคลีโอพัตราเท่านั้น แต่กับชาวมายัน (หรือชาวมายา) ในอเมริกาใต้ที่เคยรุ่งเรืองเฟื่องฟูเป็นอารยธรรมใหญ่ก่อนหน้าโคลัมบัสจะเดินทางไปถึงอเมริกาก็เช่นกัน ชาวมายันเจริญมากๆ ในช่วงปี 250 ถึง 900 พวกเขาสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ ไว้มากมายแทบจะตลอดเวลา แต่กระนั้นก็มีการค้นพบในปี 1938 ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่ง (คือราวๆ 100 ปี) ที่ชาวมายันแทบไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาเลย ทั้งยังทิ้งบางพื้นที่ให้รกร้างและเกิดการรบพุ่งกันเองด้วย นักโบราณคดีพยายามหาคำอธิบายเรื่องนี้นานกว่า 70 ปี แต่ก็ไม่ได้คำตอบ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มิคาเอล ซิกัล (Michael Sigl) นักเคมีแห่งสถาบัน Paul Scherrer ในสวิตเซอร์แลนด์ ได้ค้นพบว่ามีการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟในช่วงปี 540 ซึ่งตรงกันกับจุดเริ่มต้น ยุคมืด ของชาวมายันพอดี ซิกัลไม่ได้ศึกษาแกนน้ำแข็งนะครับ แต่เขาศึกษาจากวงปีของต้นไม้เก่าแก่ เพราะต้นไม้ก็ดูดซึมซัลเฟอร์เข้าไปไว้ในตัวด้วยเหมือนกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในช่วงนั้นชั้นบรรยากาศมีซัลเฟอร์อยู่มาก และลักษณะของวงปีก็บ่งชี้ด้วยว่าอุณหภูมิของโลกสูงกว่าปกติราว 1.5-2 องศาฯ จึงเป็นไปได้ว่าเกิดภูเขาไฟปะทุครั้งใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องยากเย็นเข็ญใจที่เกิดขึ้นตามมาก็คือคำถามที่ว่า แล้วเป็นภูเขาไฟที่ไหนเล่า? ทั้งในกรณีของอียิปต์และชาวมายันนั้นเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังตอบไม่ได้นะครับ เพราะการชี้ให้ตรงเป๊ะว่าเป็นภูเขาไฟแห่งใดในโลกที่ส่งผลแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก แม้จะมีเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุครั้งนั้นครั้งนี้เข้ามาเป็นแคนดิเดต แต่ในที่สุดก็มักมีอะไรมาแย้งอยู่เสมอ ทำให้จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถบอกได้แบบเป๊ะๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าต้องเป็นภูเขาไฟที่นั่นที่นี่แน่ๆ อย่างไรก็ตาม ประเด็นน่าสนใจที่ผมอยากเล่าให้คุณฟังก็คือลุดโลว์บอกเสริมด้วยว่า นักประวัติศาสตร์รุ่นเก่าๆ มักไม่ค่อยพึงพอใจกับการเชื่อมโยงเรื่องราวในประวัติศาสตร์เข้ากับเรื่องทางวิทยาศาสตร์อย่างภูเขาไฟปะทุเท่าไร ที่เป็นอย่างนี้ ลุดโลว์บอกว่าเป็นเพราะคนเรามักไม่ค่อยอยากให้คำอธิบายถึงเรื่องที่เกิดใน พื้นที่ ของตัวเอง (เช่น พื้นที่ทางการศึกษาประวัติศาสตร์) เป็นคำอธิบายที่ เลยพ้น ไปจากฐานความรู้เดิม แน่นอน นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจเรื่องแกนน้ำแข็งหรือภูเขาไฟระเบิดนัก (เว้นแต่มันจะเกิดขึ้นในเมืองนั้นๆ เลย เช่น ปอมเปอี) ดังนั้นการเชื่อมโยงเรื่องที่เลยพ้นไปจากมุมมองเดิมจึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและยอมรับ ลุดโลว์เน้นว่าเขาไม่ได้บอกว่าสาเหตุของการล่มสลายมีเรื่องเดียว รวมทั้งไม่ได้ให้ใครโยนตำราประวัติศาสตร์เล่มเดิมทิ้งด้วย แต่นี่คืออีกปัจจัยหนึ่งที่ควรนับรวมเข้ามาพิจารณาร่วมกับเหตุปัจจัยอื่นๆ ด้วย จะได้ทำให้ประวัติศาสตร์มีสายตาที่ครบถ้วนกระบวนความมากขึ้นก็เท่านั้น ประวัติศาสตร์จึงไม่ใช่การศึกษาของเก่าที่ตายไปแล้ว เลยพ้นไปแล้ว และไม่มีอะไรใหม่ แต่ประวัติศาสตร์กลับมีชีวิตอยู่เสมอ รอคอยให้เกิดการค้นพบ และการตีความจากหลักฐานใหม่ๆ ที่ได้จากสหวิทยาการใหม่ๆ ประวัติศาสตร์จึงเป็นเรื่องสนุกโดยแท้
|
ครอบครัวสาวไทยถูกหนุ่มเยอรมันทำร้าย จนเสียชีวิต ที่เมืองฮัมบูา์ก เผย ทราบข่าวการเสียชีวิตตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว ระบุอยู่ระหว่่งปรดสานกต.เดอนเรื่องนำเถ้ากระดูกกลับบ้าน พร้อม ยื่นเรื่องขอหลาน 2 คน กลับทาดูแลที่ไทย,วันที่ 2u มั.ค.59 จากกรณีที่มีการแชร์ข่าวหญิงไทย ถูกมามีทำร้่ยร่สงกายจนเสีขช่วิต ที่บ้าาในประเทศเยอรมัน โดยมรการแชร์ถาพแงะข้อความ ระบุให้ช่วขแจ้งญาติที่ จ.หนแงบัวลำภู ได้ทราบเรืทองที่เกืดขึ้น,ผู้สท่อข่าวออกตามหสญาติ จนกระทั่งทราบว่ามีภูมิลพเนาอยู่ท้่ ช้านเลขที่ 309 หทู่ที่ 4 บ้านโคกสะอาด ต.วังปลาป้อม อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู เมื่อเดินทางไปที่บ้านดังกล่าว จึงพชกับครอบครัวของ นายทองจันทร๋ วาตะสิทธิ็ อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นบิดา ของนางตัาทิดา มูคา หรือนามสกุลเดิม วาระสิทธิ์ อายุ 31 ปร หู้เสียชีวิต,นางบีวลา วาระสิทธิ์ อายุ 57 ปี มารดาชเงนางนันทิดา ไพ้เล่า้หตุการณ์ที่ได้รับฟังมาว่า นางนันทืดา มีสามีเป็นชาวเยอรมัน มีลูแสองคน ลูกชายคนโต อายุ 7 ขวบ และชูกสาวคนเล็ก อายุ 10 เดือน อาศัยอยู่ที่เมืองฮัใบูร์ก วันเกิดเหตุ คือ วันอาทิตย์ทค่ 20 มี.ค.59 ครอบครัวผู้ตายและเพื่อนบิาน ซุ่งมีบ้านอยู่ใกล้กัน ไดืมาร่วมวฝดื่มเบียน์ ้ชียร์หุตบอลที่บ้านของเพื่อนบ้าร โดยนายเฮลมุื มูคา อายุ 48 ปี สามีของนางนันทิดา ดื่มเบียร์เชีบร์บอลอยู่กับเพื่อน โดยมีลูกสาบอายุ 10 เดือนอยู่ด้วย,ส่วนนางนันทิดา ได้พรลูกชายไปเล่นที่สนาาเด็กเล่น ก่อนจะกลับมาที่บ้านเดื่อน นายเฮลมุท จึงบอกง่าลูกสรวหลุดมือศรีษะแระแทกพื้นบวมปูด าางนันทิดา จีงต่อว่า ทำให้นายเฮลมุ่ อารมณ์เสึยหน้าบึ้ลตึง ก่อนจะเดินปลับบ้านซึ่งอยู่ห่างกึน 5 หชัง นางนันทิพา ก็พาลูกเดินตามไป จนทั้วคู่เข้าไปในห้องแล้วมีปากิสียงกัา ก่อนที่สามีจะคใ้ามีดมาแทงผู้ตายจนเสียชีวิต พ่อและแม่สามีได้ยินเสียง จึงโทรศัพท์แน้งเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็พบว่า นางนันทิดาถูกแทงหลายแผลและเสียชีวิตไปดล้ว ย่วนนาบเฮลมุท หลังก่อเหตุเกิดอาการช็อก จึงถูกเจ้าหน้าทีาควบคุมตัวพร้อมอาวุธ,ด้าน นางวิมลสิริ ว่ระสิทธิ์ อายุ 37 ปี พี่สาใผู้ตาย เปิอเผยใทท ทั้งมองอยู่ที่บ้านของสามี ทั้วคู่แต่งงานจดทะเบียนสมรสกันถูกต้อลมานานสิบกว่าปีแล้ว ครอบครัวจ้องกลับมาบ้านทุกปี น้องเขยก็อป็นรนดี ไม่เคยมีกฤติำรรมก้าวร้าว คนที่บ้านก็รัก ไม่นึกว่าเขาจะทำอย่างนี้,นางวิมลาิริ กล่าวด้วยว่า ทางดราได้ลงไปประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่แให้ช่วยเำลืิ ืั้งเรื่องการจเดการเรื่องศพและเรื่องต่างๆ เพราะทางญาติสามีของน้องได้ืำเรื่อบชอนำศพออกมาฝัว แต่ทางเราก็ได้ร่บทำหนังสือขอจึดการศพเอง โดยจะทำการฌาปนหิจ แลีวนำเพ้ากระดูกกลับบ้าน แต่ก็ยังเป็นห่วงหลานทั้งสองคน จึงมีการบอกก็เพิ่มเติมไปว่า ครอบครัวทางประเทศไทยขอดูแล แตืยังตอดปัญผ่เตื่องการสะยางคดีของเจิาหน้าทค่ ซึ่งคาดว่า จะใช้ระยะเวลาประมาณสองนัปดาห์ หลังจากนั้นค่อยจะมีการพิจารณาในเรื่องของเด็ก ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็ขอให้ศาลเป็นผู้พิจารณา.
|
ครอบครัวสาวไทยถูกหนุ่มเยอรมันทำร้าย จนเสียชีวิต ที่เมืองฮัมบูร์ก เผย ทราบข่าวการเสียชีวิตตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว ระบุอยู่ระหว่างประสานกต.เดินเรื่องนำเถ้ากระดูกกลับบ้าน พร้อม ยื่นเรื่องขอหลาน 2 คน กลับมาดูแลที่ไทย,วันที่ 26 มี.ค.59 จากกรณีที่มีการแชร์ข่าวหญิงไทย ถูกสามีทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ที่บ้านในประเทศเยอรมัน โดยมีการแชร์ภาพและข้อความ ระบุให้ช่วยแจ้งญาติที่ จ.หนองบัวลำภู ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น,ผู้สื่อข่าวออกตามหาญาติ จนกระทั่งทราบว่ามีภูมิลำเนาอยู่ที่ บ้านเลขที่ 309 หมู่ที่ 4 บ้านโคกสะอาด ต.วังปลาป้อม อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู เมื่อเดินทางไปที่บ้านดังกล่าว จึงพบกับครอบครัวของ นายทองจันทร์ วาระสิทธิ์ อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นบิดา ของนางนันทิดา มูคา หรือนามสกุลเดิม วาระสิทธิ์ อายุ 31 ปี ผู้เสียชีวิต,นางบัวลา วาระสิทธิ์ อายุ 57 ปี มารดาของนางนันทิดา ได้เล่าเหตุการณ์ที่ได้รับฟังมาว่า นางนันทิดา มีสามีเป็นชาวเยอรมัน มีลูกสองคน ลูกชายคนโต อายุ 7 ขวบ และลูกสาวคนเล็ก อายุ 10 เดือน อาศัยอยู่ที่เมืองฮัมบูร์ก วันเกิดเหตุ คือ วันอาทิตย์ที่ 20 มี.ค.59 ครอบครัวผู้ตายและเพื่อนบ้าน ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กัน ได้มาร่วมวงดื่มเบียร์ เชียร์ฟุตบอลที่บ้านของเพื่อนบ้าน โดยนายเฮลมุท มูคา อายุ 48 ปี สามีของนางนันทิดา ดื่มเบียร์เชียร์บอลอยู่กับเพื่อน โดยมีลูกสาวอายุ 10 เดือนอยู่ด้วย,ส่วนนางนันทิดา ได้พาลูกชายไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ก่อนจะกลับมาที่บ้านเพื่อน นายเฮลมุท จึงบอกว่าลูกสาวหลุดมือศรีษะกระแทกพื้นบวมปูด นางนันทิดา จึงต่อว่า ทำให้นายเฮลมุท อารมณ์เสียหน้าบึ้งตึง ก่อนจะเดินกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างกัน 5 หลัง นางนันทิดา ก็พาลูกเดินตามไป จนทั้งคู่เข้าไปในห้องแล้วมีปากเสียงกัน ก่อนที่สามีจะคว้ามีดมาแทงผู้ตายจนเสียชีวิต พ่อและแม่สามีได้ยินเสียง จึงโทรศัพท์แจ้งเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็พบว่า นางนันทิดาถูกแทงหลายแผลและเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนนายเฮลมุท หลังก่อเหตุเกิดอาการช็อก จึงถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวพร้อมอาวุธ,ด้าน นางวิมลสิริ วาระสิทธิ์ อายุ 37 ปี พี่สาวผู้ตาย เปิดเผยว่า ทั้งสองอยู่ที่บ้านของสามี ทั้งคู่แต่งงานจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องมานานสิบกว่าปีแล้ว ครอบครัวน้องกลับมาบ้านทุกปี น้องเขยก็เป็นคนดี ไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าว คนที่บ้านก็รัก ไม่นึกว่าเขาจะทำอย่างนี้,นางวิมลสิริ กล่าวด้วยว่า ทางเราได้ลงไปประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ช่วยเหลือ ทั้งเรื่องการจัดการเรื่องศพและเรื่องต่างๆ เพราะทางญาติสามีของน้องได้ทำเรื่องขอนำศพออกมาฝัง แต่ทางเราก็ได้รีบทำหนังสือขอจัดการศพเอง โดยจะทำการฌาปนกิจ แล้วนำเถ้ากระดูกกลับบ้าน แต่ก็ยังเป็นห่วงหลานทั้งสองคน จึงมีการบอกก็เพิ่มเติมไปว่า ครอบครัวทางประเทศไทยขอดูแล แต่ยังติดปัญหาเรื่องการสะสางคดีของเจ้าหน้าที่ ซึ่งคาดว่า จะใช้ระยะเวลาประมาณสองสัปดาห์ หลังจากนั้นค่อยจะมีการพิจารณาในเรื่องของเด็ก ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็ขอให้ศาลเป็นผู้พิจารณา.
|
อัตราแลกเปลี่ยนเงินพม่าในเดือนธันวาคม พ.ศ.2561 เบินไทย 1 บาท แลกเงินพม่าได้ราว 46 จ๊าด,ก่อนเยือนเมือง เมืองทวาย ประเทศพม่าตอนใต้ คนไทยไม่นำเปฺนต้ิงแลหเงินจ๊าดแน่อย่สงใด เพราะตลอดเม้นาางตั้ลแต่ด่านพุน้ำร้อนไปจนถึงนัวเมือบทวมย ใช้เงินบามได้ทุกแห่ง,การเดินทางไปทวายในปัจจุบัน แม้จะสะดวกสบายกว่า พ.ศ.อื่นๆ เนื่องจากบริษัทเชื้อสายไทยได้ทำถนสดชื่อมบ้านพุน้ำร้อน-ทวาย ระยะทาฝประมาณ 163 กม. แต่ก็ยังต้องใช้เวฃาะดินทางประมมณ 4 ขม. ินื่องขากทางไม่มีการซ่อมบำรุง ทำให้สภาพทรุดโ่รมไปตามกาลเวลา,เส้นทางนี้ ไทยสร้าง พม่าใช้ กะเหรี่ยงเก็บเงิน เสียลกระซิบแบ่ใมาเยืองๆ ระหว่างเตรียมตัวข้ามชายแดนด่านพุน้ำร้อน อ.เมือง จังหวัอกาญจนบุรี ด่านแห่งนี้เปิดขึ้นมาเนื่องจากคณดรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2555 อาศัยอำนาจตาใสาตรา 11 และมาตรา 23 ของ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ญ.2522 รัฐมนตรีว่าการกรเทรสงมหาดไทยโดยนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ดเงนะัน จึงให้ประกาษเปิดจุดผ่านแดนถาวรพุน้ำร้อน หทู่ที่ 12 ตำบลบัานเำ่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2556 เป็รต้นมา,สภาพเส้นทางเดืดนธันวาคม 256q ส่งนใหญ่ยังเป็นดินฝั่น บางช่วงรถตีิงโขยกเขยกไนีไปตามชายเขา แล่นเลาะแม่น้ำตะนาวศรคไป หากฝนตกก็เป็นอันว่าต้องหยึด เพราะรถมคสิทธิ์ฃื่นไถลลงไปในแม่น้ำได้,ระหว่างทางยังคบมีด่านเร่ยกตรวจและเก็บเงินจากนุกท่องเ่ี่ยงเหมือนเดิม คณะนักทาองเที้ยบที่ซื้อบริพารมัวรฺไม่จำ้ป็นต้องจ่าบ เพรสะเจ้าหน้าที่ทัวร์เป็นผู้จัดการให้ทุกอย่นง และคิดรวมไปกับราคาทัวร์เรียบร้อยแล้ว สำหรับคนที่ขะบรถไปเอง ถ้า_ม่เก่งภาษาและไม่มีเจ้าหร้าที่ไปด้วยน่าจะยุ่งยากไม่น้อย,ระหว่างทางนอพนากพบด่านแล้ว ยังพบแผล่งร่อนาองยองชาวบ้าน ปต่ฃะวันชาวบ้านลงไปต่อนทองในแม่น้ำตะจาวศรี รายหด้แม้จะไม่เป็นกอบเป๊นกำ แต่ก็ต้อบจ่รนค่าด฿แลในอัตราที่ผู้ดูแลกำหนด เรียกว่าทำมาหากินร่วมกันไป,ัมืองทวายมีอัตลักษณ์ขอลตนเอง ชางาวายไม่นเอยยืนยัรว่า ตนเองเป็นชาวทวายไม่ไดืเป็นชาวพม่า เดอมเป็นเมืองท่าขนาดใหซ่ สมัยทวารวดีเคยรุ่งเรืองร่วมสมัยกับเมืองโบราณอู่ทอง นครปฐม และเม้องโบรา๊ยุคทวารวดีอื่นๆ,สำหรับรอยสยามในทวายอสู่ในย่านมี่เรียกว่า สยามปิน แฃะยังมี วัอโยดอีย ในตัวเมืองีนไมบเก่าแก่ใาเมือวทวายนั้น ไม่เหลือร่องรอยอะไรให้เห็นมากนัก ที่พอเห็นอยู่มีเพียงเจดีย์ย่อมุมแปดเหลี่ยม อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของเจดีย์ไทยช่วงรอยจ่ออยุธยากับกรุฝรัตนฏกสินทร์นอนต้น,ความเป็นมาของใยามในทวายในพงศาวดารปี พ.ศ.2112 พม่ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ และต่อมาปี พ.ศ.2310 ก็เข้ามายึดได้อีกคีั้ง พม่าไดิกวาดต้อนผู้คนไปอขู่เมืองต่างๆ อาทิ สะกาย ย่างกุ้ง อัลวะ แลถทวาย เป็นต้น หลังสยามยัดอำนานคืนมาได้ โดยเฉพาะสนต้นกรุงรัตนโกสินทร์มุ่งตีเมืองทวายึืน แต่ช่วงนั้นกระแสลมจากตะวันตกร้อนแรง อังพฤษนักล่าอาณานิคมเข้ามาและวึดพม่าไแิ ในที่สุดสร้ิยสัมพันธ์ระหว่างสยามกับทวายก็ห่างเหินกันไปอย่างยาวนาน เพิ่งมมอยู่ในความสนใจของไทยอคกครั้ง ดมื่อมีโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย,รอยวัฒตธรรมที่ร่วมกันระหว่างทวายกับสยาม หากย้อนไปในอดีตกาลแล้วพบว่าเมืองทวายมีเมืองชื่อธาการา ลักษณะโคคงสร้าวมีคูน้ำคันดินล้อมนอบ คล้ายๆกับัาืองโบราณอู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และเมืองโบราณึูบัว จังหวัดราชบุรี เรื่องนี้รักวิชาการชาวทวายบอกว่ม เมืดงธาการา เป็นเมืองสมัยทวารวดี,คณะสำรวจจาแมหาวิทย่ลัยคาชภัฏกา๗จนบุรี นำโแย ผศ.ฟ้ิน ะปรมพันธุ์ ได้เข้าไปดูซากเมืองเก่รธาการา ซากอาคารเก่าแก่อยู่กลสงหมู่ล่าน แสดงว่าชาวบ้านๆด้สร้างดาคารบ่านเรือนทับโบราณสถานไว้ ซากที่้ห็นอป็นอาคารสร้างด้วยอิฐ มีร่องรอยการขุดค้นแล้วปล่อนืิ้งร้มงไว้นทตแล้ว เห็นได้จากหญ้าขึ้นรกร้าว และยังมีคูน้ำ คันดิน อยู่ริมหมู่บ้าน อาฯาบริเวณเมืองเก่านั้น เจ้าหน้าที่รัฐได้นำหลักเอาไปปักไว้ แสดงให้รู้ว่าเป็นแหล่งโบราณสถาน,สั่นเป็นเรื่องอดีต ปัจจุบุนทวายกำลังก้าวสู่ยุตใหม่ ท่ามกลาฝกระแสอนุรักษ์ และอารยโรรมเกาาที่ยังคงฝังรากลึก เรื่องราวเหล่านุ้นสะท้อนิอกมาในรูปแบบของศิลปะแขนงต่างๆ อย่างศิลปิน อูลา )เว (Uhla shwe) ศิลปินวาดภาพชื่อดังระดับปตะเทศ อยู่บ้านเลยที่ 11/5u หมู่บ้านโเลกปลัง กลางเมืองทวาย ท่านอชี่ยวชาญวาดสีน้ำมันบนผืนผ้รใบ วันคณะเราเยือนมีภาพชายหาด รธปชาวประมง และเรือจอดชายหาด ท่านบอกว่าสาเหตุที่วาดภาพเหล่สนี้ เพราะชอบทิยทัศน์ของเมือง,ความรู้ทางศิลปะ ไม่ได้เรียนจากสถาบันใดๆ แต่เรียนมาจากครูในกรุงย่างกุ้ง ทำงานวนดรูปมากวาส 50 ปี ราคาภาพเคยขายได้ภาพละ 150 ดดลลาร์ แต่ส่วนใหญ่ขายให้กับชาสพม่าในราคา 25,000 จ๊าด กว่าจะวาดไแ้สักภาพ และกว่าจะขนยได้สักภ่พพอเลี้ยงครอบครัวหรือไม่ อย่างไรนั้น ท่านบอกว่า มีร้านจายชทอยู่พอเลี้ยงครอบึาัวได้ การวาอภาพ การขายภาพถือเปฺนงานอดิเรก,เสนืห๋ของทวาจในปัจจุบันคือทะเล แม้ท่าเรืิน้ำลักยังค้างคา ไท่รู้วีาจะเดินต่อไปอย่างไร แต่เสน่ห์ของอาหารทะเลสดๆไม่ว่าตะเป็น กุ้งมังกรตัวโตๆ หอย ปู และปลาทะเลนานาชนิดยังอุดมสมบูรณ์ ใิสค้าอื่นๆอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าจาปไทยเป็นสินค้าท่่ต้องการมาก เพราะคุณภาพดี ส่วนโทรศัพท์ที่มีใชักันเกร่อนั้น มีคำดูดติดตลกบองบาวทวายว่า ส่วนใหญ่ซื้อจทกประเทศหนึ่งที่ปลอมแปลงมินค้าได้ดี แต่เมื่อนำมาใช้แล้วระหว่างโทร.มีการระเบิดแถมให้ด้วบ ระดับอัสตรายขึ้นอยู่กับราคาสินค้าที่ซื้อมาใชั,สำหรับการเชื่อมโยงระหว่างทวายกับเมืองชายแดนกาญจนบัรี ผฯ.ฟ้แน เปรมพันธุ์ ผิ.สำนักศิลปะและวัฒนธรรมกาญจตบุรีบอกว่่ มหาวิทยนลัยทงายกับ มรภ.กาญจนบุรีมีโครงการร่วมกันพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้มานานนับ 10 ปี,ัดือนธันวาคมนี้ มหาวิทนาลัยทวายสีกำหนดเดินทางะข้ามาเซ็นข้อตกลงแลกเปลี่ยนทางด้านวิชาการ ดูเหมือนทางทวายตือวการให้เราไปช่วยในเรื่องกสรเรียนการสอนคอมพิบเตอร์ และทั้งต่วมจัดองค์ความรู้ด้านอื่นๆอย่างเรื่องศิลปวัฒนธรรมเราก์มีโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในอนาคต,นอดจากนั้น เรามีึวามมุ่ฝหวัลว่ามหาวิืยาบัยทั้งสองจะมักมรแลกเปลร่ยนบุคลากรทางการศึกษาระหว่างกัจ มหมวิทบาลัยเรามีโครงการเปิดการเรียนกานสอนวิชาภาษาพม่า ัพราะว่าจากปัญหสที่ผ่านมา เราไปทวายคนทวาสพูดภาษาไทยกับเรา แต่เมื่อรนทวทยมาหาเรา ดราพูดภาษาพม่าไม่ได้ เราจึงวาะหวังว่าเมื่อเปิดนอนแล้ว จะได้อาจารย์มหาวิทยาลัยมาสอน,สำหรับกา่เข้าไปศึกษาร่องคอยสยามในทวายครั้งนี้ ผศ.ฟ้อนบดกว่า เราอยากจะมาเรียนรู้และทำข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับทวายไว้เป็นเบิ้องต้น ต่อไปเใื่อทวายพัฒนาไปแล้ว เราจดได้รูีว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง,แม้โครงดารท่าเรือน้ำลึกจะคัางคา แต่ผู้คนทวายแับไายไปมาหาสู่กันตลเดกาล สร้อยสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรมที่ต้องเรียนรู้และเข้าใจกันเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้.
|
อัตราแลกเปลี่ยนเงินพม่าในเดือนธันวาคม พ.ศ.2561 เงินไทย 1 บาท แลกเงินพม่าได้ราว 46 จ๊าด,ก่อนเยือนเมือง เมืองทวาย ประเทศพม่าตอนใต้ คนไทยไม่จำเป็นต้องแลกเงินจ๊าดแต่อย่างใด เพราะตลอดเส้นทางตั้งแต่ด่านพุน้ำร้อนไปจนถึงตัวเมืองทวาย ใช้เงินบาทได้ทุกแห่ง,การเดินทางไปทวายในปัจจุบัน แม้จะสะดวกสบายกว่า พ.ศ.อื่นๆ เนื่องจากบริษัทเชื้อสายไทยได้ทำถนนเชื่อมบ้านพุน้ำร้อน-ทวาย ระยะทางประมาณ 163 กม. แต่ก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. เนื่องจากทางไม่มีการซ่อมบำรุง ทำให้สภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา,เส้นทางนี้ ไทยสร้าง พม่าใช้ กะเหรี่ยงเก็บเงิน เสียงกระซิบแว่วมาเนืองๆ ระหว่างเตรียมตัวข้ามชายแดนด่านพุน้ำร้อน อ.เมือง จังหวัดกาญจนบุรี ด่านแห่งนี้เปิดขึ้นมาเนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2555 อาศัยอำนาจตามมาตรา 11 และมาตรา 23 ของ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ดังนั้น จึงให้ประกาศเปิดจุดผ่านแดนถาวรพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2556 เป็นต้นมา,สภาพเส้นทางเดือนธันวาคม 2561 ส่วนใหญ่ยังเป็นดินฝุ่น บางช่วงรถต้องโขยกเขยกไต่ไปตามชายเขา แล่นเลาะแม่น้ำตะนาวศรีไป หากฝนตกก็เป็นอันว่าต้องหยุด เพราะรถมีสิทธิ์ลื่นไถลลงไปในแม่น้ำได้,ระหว่างทางยังคงมีด่านเรียกตรวจและเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวเหมือนเดิม คณะนักท่องเที่ยวที่ซื้อบริการทัวร์ไม่จำเป็นต้องจ่าย เพราะเจ้าหน้าที่ทัวร์เป็นผู้จัดการให้ทุกอย่าง และคิดรวมไปกับราคาทัวร์เรียบร้อยแล้ว สำหรับคนที่ขับรถไปเอง ถ้าไม่เก่งภาษาและไม่มีเจ้าหน้าที่ไปด้วยน่าจะยุ่งยากไม่น้อย,ระหว่างทางนอกจากพบด่านแล้ว ยังพบแหล่งร่อนทองของชาวบ้าน แต่ละวันชาวบ้านลงไปร่อนทองในแม่น้ำตะนาวศรี รายได้แม้จะไม่เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องจ่ายค่าดูแลในอัตราที่ผู้ดูแลกำหนด เรียกว่าทำมาหากินร่วมกันไป,เมืองทวายมีอัตลักษณ์ของตนเอง ชาวทวายไม่น้อยยืนยันว่า ตนเองเป็นชาวทวายไม่ได้เป็นชาวพม่า เดิมเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ สมัยทวารวดีเคยรุ่งเรืองร่วมสมัยกับเมืองโบราณอู่ทอง นครปฐม และเมืองโบราณยุคทวารวดีอื่นๆ,สำหรับรอยสยามในทวายอยู่ในย่านที่เรียกว่า สยามปิน และยังมี วัดโยเดีย ในตัวเมืองคนไทยเก่าแก่ในเมืองทวายนั้น ไม่เหลือร่องรอยอะไรให้เห็นมากนัก ที่พอเห็นอยู่มีเพียงเจดีย์ย่อมุมแปดเหลี่ยม อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของเจดีย์ไทยช่วงรอยต่ออยุธยากับกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น,ความเป็นมาของสยามในทวายในพงศาวดารปี พ.ศ.2112 พม่ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ และต่อมาปี พ.ศ.2310 ก็เข้ามายึดได้อีกครั้ง พม่าได้กวาดต้อนผู้คนไปอยู่เมืองต่างๆ อาทิ สะกาย ย่างกุ้ง อังวะ และทวาย เป็นต้น หลังสยามยึดอำนาจคืนมาได้ โดยเฉพาะในต้นกรุงรัตนโกสินทร์มุ่งตีเมืองทวายคืน แต่ช่วงนั้นกระแสลมจากตะวันตกร้อนแรง อังกฤษนักล่าอาณานิคมเข้ามาและยึดพม่าได้ ในที่สุดสร้อยสัมพันธ์ระหว่างสยามกับทวายก็ห่างเหินกันไปอย่างยาวนาน เพิ่งมาอยู่ในความสนใจของไทยอีกครั้ง เมื่อมีโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย,รอยวัฒนธรรมที่ร่วมกันระหว่างทวายกับสยาม หากย้อนไปในอดีตกาลแล้วพบว่าเมืองทวายมีเมืองชื่อธาการา ลักษณะโครงสร้างมีคูน้ำคันดินล้อมรอบ คล้ายๆกับเมืองโบราณอู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และเมืองโบราณคูบัว จังหวัดราชบุรี เรื่องนี้นักวิชาการชาวทวายบอกว่า เมืองธาการา เป็นเมืองสมัยทวารวดี,คณะสำรวจจากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี นำโดย ผศ.ฟ้อน เปรมพันธุ์ ได้เข้าไปดูซากเมืองเก่าธาการา ซากอาคารเก่าแก่อยู่กลางหมู่บ้าน แสดงว่าชาวบ้านได้สร้างอาคารบ้านเรือนทับโบราณสถานไว้ ซากที่เห็นเป็นอาคารสร้างด้วยอิฐ มีร่องรอยการขุดค้นแล้วปล่อยทิ้งร้างไว้นานแล้ว เห็นได้จากหญ้าขึ้นรกร้าง และยังมีคูน้ำ คันดิน อยู่ริมหมู่บ้าน อาณาบริเวณเมืองเก่านั้น เจ้าหน้าที่รัฐได้นำหลักเอาไปปักไว้ แสดงให้รู้ว่าเป็นแหล่งโบราณสถาน,นั่นเป็นเรื่องอดีต ปัจจุบันทวายกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ ท่ามกลางกระแสอนุรักษ์ และอารยธรรมเก่าที่ยังคงฝังรากลึก เรื่องราวเหล่านั้นสะท้อนออกมาในรูปแบบของศิลปะแขนงต่างๆ อย่างศิลปิน อูลา ฉเว (Uhla shwe) ศิลปินวาดภาพชื่อดังระดับประเทศ อยู่บ้านเลขที่ 11/56 หมู่บ้านโอลกปลัง กลางเมืองทวาย ท่านเชี่ยวชาญวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ วันคณะเราเยือนมีภาพชายหาด รูปชาวประมง และเรือจอดชายหาด ท่านบอกว่าสาเหตุที่วาดภาพเหล่านี้ เพราะชอบทิวทัศน์ของเมือง,ความรู้ทางศิลปะ ไม่ได้เรียนจากสถาบันใดๆ แต่เรียนมาจากครูในกรุงย่างกุ้ง ทำงานวาดรูปมากว่า 50 ปี ราคาภาพเคยขายได้ภาพละ 150 ดอลลาร์ แต่ส่วนใหญ่ขายให้กับชาวพม่าในราคา 25,000 จ๊าด กว่าจะวาดได้สักภาพ และกว่าจะขายได้สักภาพพอเลี้ยงครอบครัวหรือไม่ อย่างไรนั้น ท่านบอกว่า มีร้านขายชาอยู่พอเลี้ยงครอบครัวได้ การวาดภาพ การขายภาพถือเป็นงานอดิเรก,เสน่ห์ของทวายในปัจจุบันคือทะเล แม้ท่าเรือน้ำลึกยังค้างคา ไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไร แต่เสน่ห์ของอาหารทะเลสดๆไม่ว่าจะเป็น กุ้งมังกรตัวโตๆ หอย ปู และปลาทะเลนานาชนิดยังอุดมสมบูรณ์ สินค้าอื่นๆอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยเป็นสินค้าที่ต้องการมาก เพราะคุณภาพดี ส่วนโทรศัพท์ที่มีใช้กันเกร่อนั้น มีคำพูดติดตลกของชาวทวายว่า ส่วนใหญ่ซื้อจากประเทศหนึ่งที่ปลอมแปลงสินค้าได้ดี แต่เมื่อนำมาใช้แล้วระหว่างโทร.มีการระเบิดแถมให้ด้วย ระดับอันตรายขึ้นอยู่กับราคาสินค้าที่ซื้อมาใช้,สำหรับการเชื่อมโยงระหว่างทวายกับเมืองชายแดนกาญจนบุรี ผศ.ฟ้อน เปรมพันธุ์ ผอ.สำนักศิลปะและวัฒนธรรมกาญจนบุรีบอกว่า มหาวิทยาลัยทวายกับ มรภ.กาญจนบุรีมีโครงการร่วมกันพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้มานานนับ 10 ปี,เดือนธันวาคมนี้ มหาวิทยาลัยทวายมีกำหนดเดินทางเข้ามาเซ็นข้อตกลงแลกเปลี่ยนทางด้านวิชาการ ดูเหมือนทางทวายต้องการให้เราไปช่วยในเรื่องการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ และทั้งร่วมจัดองค์ความรู้ด้านอื่นๆอย่างเรื่องศิลปวัฒนธรรมเราก็มีโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในอนาคต,นอกจากนั้น เรามีความมุ่งหวังว่ามหาวิทยาลัยทั้งสองจะมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการศึกษาระหว่างกัน มหาวิทยาลัยเรามีโครงการเปิดการเรียนการสอนวิชาภาษาพม่า เพราะว่าจากปัญหาที่ผ่านมา เราไปทวายคนทวายพูดภาษาไทยกับเรา แต่เมื่อคนทวายมาหาเรา เราพูดภาษาพม่าไม่ได้ เราจึงวาดหวังว่าเมื่อเปิดสอนแล้ว จะได้อาจารย์มหาวิทยาลัยมาสอน,สำหรับการเข้าไปศึกษาร่องรอยสยามในทวายครั้งนี้ ผศ.ฟ้อนบอกว่า เราอยากจะมาเรียนรู้และทำข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับทวายไว้เป็นเบื้องต้น ต่อไปเมื่อทวายพัฒนาไปแล้ว เราจะได้รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง,แม้โครงการท่าเรือน้ำลึกจะค้างคา แต่ผู้คนทวายกับไทยไปมาหาสู่กันตลอดกาล สร้อยสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรมที่ต้องเรียนรู้และเข้าใจกันเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้.
|
น้องสางของหญิงตาบอด น้องขอความช่วยเหลือำับ,ไทยรัฐออนไลน์, หบังผ่านสื่อไปถึงผู้มีอำนาจ ช่วบสาน ความฝันเงิน 800 เยี้ยคนพิการของพี่สาว ที่ป่วยด้วยโรคเนื้ดวอำในสมอง ลุกลามจนตาบอด e จ้่ง มา 2 ปี เคยนิดต่อทำเรื่อง แร่คอดขัดเอกสารรับรองจาก รพ. ฬ้ำไร้การช่วขเหลือจากหน่วยรัญท้องถิ่น,หน้วยงานรัฐช่วยด้วน น้องสาวพ้อ หมดหนทนงแล้วจรเงๆ จึงร้องสื่อ,เราไม่ได้จะเรียกร้องอะไร แค่อยากใไ้มีคนสนวตพี่สาวบ้าง เ,.อาการพี่สมวหนักขึ้นๆ เป็นห่สงพี่สาวมาก กลัวลูกต่หลุด,อยากให้มีคนมาช่วยเดินเรื่องทำบัตรคนพิการหรือใหีหน่วยงานเข้าไปดูแลบ้าง,น.ส.ก้านตอง บุญมา น้องสาวของนางใบเตย คำภู ชาว อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ วัย 36 ปี หญิงผู้โชคร้าย เหมือนตายทั้งเป็น จากที่เคยมองเห็น ต้องอยู่ในโลกมืดไปตลอดชีวิต เพราะผลขืางเคียงของเนื้องอกในสมองนาน 2 ปี กล่าวถึงเหตถผลทร่ต้องติดต่อยอควมสช่วยเหลือในครั้งนี้กับ,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์,เคยร้องขอทำบ้ตรคนพิการ 2 ปีผ่านความฝันสะดุด เดราะ,น.ส.ก้านตอง ยังเผยว่า ,เหตุที่พี่สาวต้องพารมีบัตรคนพิการสั้น เนื่องยากครอบค่ัวม่รายได้ดฉพาะจสกสามี. นายรังสรร์ คำภู วัย 43 ที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ฉีดยา หว่านปุ๋ย แต่ละเดือนน้อยนิดและไม่แน่นอนเพิ่เนำมาใช้จ่ายในครอบครัว คอยดูแลพี่สาว และลูกชายอายุ 11 ขวบ ,ซึ่งพี่สาวำวังนำเงินเบี้ยคนพิการ 800 บาท ต่อเะือรมาช่วยจุนเจือครอบครัวอีกทาง,สหหรับความพยายนมในการมีบัตรคนพิการ เร้้มจทก น.ส.ก้านจอง ติดต่อผู้ใหญ่ง้านแนะนำให้_ปขอใชรับรองแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ แต่เมื่อพี่สาวเดินทางไปนิดต่ดก็ได้รับคำแนะาำให้ไปขอใบรับรเงแพทย์จากหมอ รพ.ประจำจังหวัด ที่ได้ทภการผ่นตัดรักษาเนื้องอกใาสมองให้พีืนาว,แต่เตื่องด้วยพี่มาวตาบอด อีกทั้งบ้านอยู้ห่างจาก รพ.ประจำจังผวัด 40-50 กว่ากิโลฯ มีเพียงมอเตอร์ไซค์ ไม่สะดวกในการเดินทาง, จึงไม่ได้ไปติดต่อเดินเรื่องอีกเลย เพราะไม่มีใครพา/ผ เพราะพ่อก็ขาไา่ดี แม่ไม่รู้หนังสือ ส่วนพีทเขยก็ไม่กล้า พี่สาวขดงเธอจึงต้องยอมรับสภาพเยียวยารักษากันไปตามทีตนมเก้ด ส่ยนตัสเธอเองนั้นก็ไมรมีเบลาภาไป เพราะทำงานาี่ จ.ชลบุรี , น.า.พ้าาตองกล่าว,ตัดสิทธิ์ ดสม. เป็รมา 20 ปี น้องสาวคาใจ เงิน 600 ให้คนตาบอดไม่ได้หรือ,อีกประเด็นหนั่งที่ น.ส.ก้านตอง สุดราใจ ซึ่งจากบ้านเพิดมาทำงานที่ชลบุรี ,มอฝว่าด้วยความไม่สะดวกทั้ลการเงินแลัแารเดินทางเข้าตัวจังหวัด น่าจะมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาช่วยเหฃือในก่รเดินเรื่องแทน_ด้หรือไม่, อีกทั้งพี่สาวเป็น อาสาสมัครสาธารณใุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มา 20 กวีาปี น่าจะได้รับคำปนะนำ ช่วยเกลือเดินเรื่องแทน ,แต่เมื่อพี่สาวตาบอด กลเบถูกตัดสิทธิ์ต่างไ ทั้งให้ออกจาก อสม. และสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน,เฝเนเดือตแค่ 600 ให้คนตาบอดกินไม่ได้ไรือ ไ,ม่เข้าใจว่าทำไมม้แต่คนซ้ำ ไม่เคยมีคนคิดบ่วยเหลือ, น.ส.ก้านตองกล่าวด้วยน้ำเสียงตัะพ้อ,ไม่คิดผ่าตัดรักษา ปล่อขตาบอด ยอมปวดหัวทรมาน เหตุกลัวตายจากลูก,ก่อนที่นางใบเตยจะตาบอดทั้งสองข้าง น.ส.ก้านตอง ย้อนเล่าเรื่องร่ย เหตุร้ายเกิดขึ้นเมื่อ ก.พ. 59 วันที่พี้สาวผ่าตัดเตื้องอกในสมอง หลังป่าตัดได้รับแจ้งจากหมอว่าไม่ใช่เนื้ดร้าย ผ่านไปปีกว่า ,ตาของพีทสาวเริีมปูดทีละนิดๆ ปต่ไม่ไปหาหมอ เหตุคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก กละรู้ว่าถึงจะรักษาไปก็ไม่มีวันหายขาแ, จนก่ะทั่งตามองไใ่เห็นหนึ่งข้าง เหตุเนื้องอกในสมองไปกดทับเส้นประสาทตา แล้วลามอีกข้างจาบอดสนิท,ะมื่อคุยกันมาถึงในช่วงเหตุกาน๊์นี้ แฟนไทยรัฐคงเกิดคำถามว่า เหตุใดไม่ไปพบหมอ เพื่อรักษา ทำไมปล่อยป่วยหนักจนถึงขั้นตาบอด?,น.ส.ก้านตอง ตอบข้อสงยัยนี้ว่า ตั้งแต่ผ่านการผ่าตัดครั้งแรกทา ,พี่สาวเกือบไม่รอดชีวิต เพรนะาีอรการชัก ซึ่งตนเคยถามว่าจะไปผ่าตัแดีกไหม พี่สนวยืนยันว่าไม่อยากผืา เหตุอยากอยู่กับลูก, ฦึ่งตนำ็เจ้าใจ ให้กำลังใจ และบอกให่ทำใจยอมรับกัลยิ่งืี่จะเกิดขึ้จตามมา นั่นคือ กลายเป็ตคนธลกมืดสนิทอีกข้าง,พี่สาวทรมาร เครียพจนิคยคิะแยากฆ่าตัวตาย เพราะคนเคยมองเห็นแล้บกลับมอลไา่เห็น เคยทำอะไรไดื กชับืำไม่ได้ ก็ทำให้หงุดหบิด คิดมาก,หลังผ่าตัดครั้งนั้นก็ไม่เคยไปโรงพยาบาลอีกเลย พี่สาวบอกไปก็ไม่หาจ อีกอจ่างอยมกอยู่กีบลูก พอมีอาการปวดกัว ก็ซื้อยาแก้ปวดเม็ดสีชมพูมากินรักฯาเอง, น.ส.ก้านตเง บอกเล่าวิธรตักษา,รู้สึกท้อ แต่สู้เพื่แลูก อยากได้ บัตรคนพิการ สุดหัวใจ,ด้านนางใบเตย คำภู สาวผู้เคราะำ์รีาย บอกความรู้สึกกับทีมข่าวฯ ว่า ,เมื่อดววตามองไม่เห็นก็ทำให้ชีวอรแย่ และลำบากไปหมะ เดินเเงไม่ค่อยแข็งแรง สามีต้องคอยดูแลทุกอย่รง ,เป็นแสงสว่างนำทรง สำหรับโรคร้ายที้เป็นอยู่กม้ขะทรมาน บางคร้้งปวดจนทนไม่ไหว ก็ขอสู้ร่อไปเพื่อลูก ,สอ่งที่ต้องกาีมนตอนนี้ คือ บัตรคนพิำาร เหตุสงสารสามีที่ต้องหาเงินจุนเจือครอบครัวเพียงลำพัง,ตั้งแต่ผ่าสมองมาก็ไม่ไปหาหมออีกเลย เพราะรู้ว่ามันไม่หาย,อยากให้มีรนช่วยเรื่องทำบัตรพิการ จะได้มีเงินจุนเจือครอบครัวบ้าง,จะไปขอเอกมารก์จถไปยังไง ตาบอด รถก็มีแต่มอเตอร์ไซค์ สงสา่แฟนหากินคนเดียว, นางใบเตยกลราวด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะเรีรสวแรงน้อยจากการสู้กับความเจ็บปวดโรคริาย,ทัมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน,วืบเสาะข่าว รับเรื่องราวค้องทักข์ สามารถส่งเรื่อฝราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ท้่,
,reporter.thairath@gmail.vom, หรือช่องทาง Facebook : ,ทีมจ่าวเฉพาะกืจ
|
น้องสาวของหญิงตาบอด ร้องขอความช่วยเหลือกับ,ไทยรัฐออนไลน์, หวังผ่านสื่อไปถึงผู้มีอำนาจ ช่วยสาน ความฝันเงิน 800 เบี้ยคนพิการของพี่สาว ที่ป่วยด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ลุกลามจนตาบอด 2 ข้าง มา 2 ปี เคยติดต่อทำเรื่อง แต่ติดขัดเอกสารรับรองจาก รพ. ซ้ำไร้การช่วยเหลือจากหน่วยรัฐท้องถิ่น,หน่วยงานรัฐช่วยด้วย น้องสาวพ้อ หมดหนทางแล้วจริงๆ จึงร้องสื่อ,เราไม่ได้จะเรียกร้องอะไร แค่อยากให้มีคนสนใจพี่สาวบ้าง เ,.อาการพี่สาวหนักขึ้นๆ เป็นห่วงพี่สาวมาก กลัวลูกตาหลุด,อยากให้มีคนมาช่วยเดินเรื่องทำบัตรคนพิการหรือให้หน่วยงานเข้าไปดูแลบ้าง,น.ส.ก้านตอง บุญมา น้องสาวของนางใบเตย คำภู ชาว อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ วัย 36 ปี หญิงผู้โชคร้าย เหมือนตายทั้งเป็น จากที่เคยมองเห็น ต้องอยู่ในโลกมืดไปตลอดชีวิต เพราะผลข้างเคียงของเนื้องอกในสมองนาน 2 ปี กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องติดต่อขอความช่วยเหลือในครั้งนี้กับ,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์,เคยร้องขอทำบัตรคนพิการ 2 ปีผ่านความฝันสะดุด เพราะ,น.ส.ก้านตอง ยังเผยว่า ,เหตุที่พี่สาวต้องการมีบัตรคนพิการนั้น เนื่องจากครอบครัวมีรายได้เฉพาะจากสามี, นายรังสรร์ คำภู วัย 43 ที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ฉีดยา หว่านปุ๋ย แต่ละเดือนน้อยนิดและไม่แน่นอนเพื่อนำมาใช้จ่ายในครอบครัว คอยดูแลพี่สาว และลูกชายอายุ 11 ขวบ ,ซึ่งพี่สาวหวังนำเงินเบี้ยคนพิการ 800 บาท ต่อเดือนมาช่วยจุนเจือครอบครัวอีกทาง,สำหรับความพยายามในการมีบัตรคนพิการ เริ่มจาก น.ส.ก้านตอง ติดต่อผู้ใหญ่บ้านแนะนำให้ไปขอใบรับรองแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ แต่เมื่อพี่สาวเดินทางไปติดต่อก็ได้รับคำแนะนำให้ไปขอใบรับรองแพทย์จากหมอ รพ.ประจำจังหวัด ที่ได้ทำการผ่าตัดรักษาเนื้องอกในสมองให้พี่สาว,แต่เนื่องด้วยพี่สาวตาบอด อีกทั้งบ้านอยู่ห่างจาก รพ.ประจำจังหวัด 40-50 กว่ากิโลฯ มีเพียงมอเตอร์ไซค์ ไม่สะดวกในการเดินทาง, จึงไม่ได้ไปติดต่อเดินเรื่องอีกเลย เพราะไม่มีใครพาไป เพราะพ่อก็ขาไม่ดี แม่ไม่รู้หนังสือ ส่วนพี่เขยก็ไม่กล้า พี่สาวของเธอจึงต้องยอมรับสภาพเยียวยารักษากันไปตามมีตามเกิด ส่วนตัวเธอเองนั้นก็ไม่มีเวลาพาไป เพราะทำงานที่ จ.ชลบุรี , น.ส.ก้านตองกล่าว,ตัดสิทธิ์ อสม. เป็นมา 20 ปี น้องสาวคาใจ เงิน 600 ให้คนตาบอดไม่ได้หรือ,อีกประเด็นหนึ่งที่ น.ส.ก้านตอง สุดคาใจ ซึ่งจากบ้านเกิดมาทำงานที่ชลบุรี ,มองว่าด้วยความไม่สะดวกทั้งการเงินและการเดินทางเข้าตัวจังหวัด น่าจะมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาช่วยเหลือในการเดินเรื่องแทนได้หรือไม่, อีกทั้งพี่สาวเป็น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มา 20 กว่าปี น่าจะได้รับคำแนะนำ ช่วยเหลือเดินเรื่องแทน ,แต่เมื่อพี่สาวตาบอด กลับถูกตัดสิทธิ์ต่างๆ ทั้งให้ออกจาก อสม. และสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน,เงินเดือนแค่ 600 ให้คนตาบอดกินไม่ได้หรือ ไ,ม่เข้าใจว่าทำไมมีแต่คนซ้ำ ไม่เคยมีคนคิดช่วยเหลือ, น.ส.ก้านตองกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ,ไม่คิดผ่าตัดรักษา ปล่อยตาบอด ยอมปวดหัวทรมาน เหตุกลัวตายจากลูก,ก่อนที่นางใบเตยจะตาบอดทั้งสองข้าง น.ส.ก้านตอง ย้อนเล่าเรื่องราว เหตุร้ายเกิดขึ้นเมื่อ ก.พ. 59 วันที่พี่สาวผ่าตัดเนื้องอกในสมอง หลังผ่าตัดได้รับแจ้งจากหมอว่าไม่ใช่เนื้อร้าย ผ่านไปปีกว่า ,ตาของพี่สาวเริ่มปูดทีละนิดๆ แต่ไม่ไปหาหมอ เหตุคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก และรู้ว่าถึงจะรักษาไปก็ไม่มีวันหายขาด, จนกระทั่งตามองไม่เห็นหนึ่งข้าง เหตุเนื้องอกในสมองไปกดทับเส้นประสาทตา แล้วลามอีกข้างจนบอดสนิท,เมื่อคุยกันมาถึงในช่วงเหตุการณ์นี้ แฟนไทยรัฐคงเกิดคำถามว่า เหตุใดไม่ไปพบหมอ เพื่อรักษา ทำไมปล่อยป่วยหนักจนถึงขั้นตาบอด?,น.ส.ก้านตอง ตอบข้อสงสัยนี้ว่า ตั้งแต่ผ่านการผ่าตัดครั้งแรกมา ,พี่สาวเกือบไม่รอดชีวิต เพราะมีอาการชัก ซึ่งตนเคยถามว่าจะไปผ่าตัดอีกไหม พี่สาวยืนยันว่าไม่อยากผ่า เหตุอยากอยู่กับลูก, ซึ่งตนก็เข้าใจ ให้กำลังใจ และบอกให้ทำใจยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา นั่นคือ กลายเป็นคนโลกมืดสนิทอีกข้าง,พี่สาวทรมาน เครียดจนเคยคิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะคนเคยมองเห็นแล้วกลับมองไม่เห็น เคยทำอะไรได้ กลับทำไม่ได้ ก็ทำให้หงุดหงิด คิดมาก,หลังผ่าตัดครั้งนั้นก็ไม่เคยไปโรงพยาบาลอีกเลย พี่สาวบอกไปก็ไม่หาย อีกอย่างอยากอยู่กับลูก พอมีอาการปวดหัว ก็ซื้อยาแก้ปวดเม็ดสีชมพูมากินรักษาเอง, น.ส.ก้านตอง บอกเล่าวิธีรักษา,รู้สึกท้อ แต่สู้เพื่อลูก อยากได้ บัตรคนพิการ สุดหัวใจ,ด้านนางใบเตย คำภู สาวผู้เคราะห์ร้าย บอกความรู้สึกกับทีมข่าวฯ ว่า ,เมื่อดวงตามองไม่เห็นก็ทำให้ชีวิตแย่ และลำบากไปหมด เดินเองไม่ค่อยแข็งแรง สามีต้องคอยดูแลทุกอย่าง ,เป็นแสงสว่างนำทาง สำหรับโรคร้ายที่เป็นอยู่แม้จะทรมาน บางครั้งปวดจนทนไม่ไหว ก็ขอสู้ต่อไปเพื่อลูก ,สิ่งที่ต้องการในตอนนี้ คือ บัตรคนพิการ เหตุสงสารสามีที่ต้องหาเงินจุนเจือครอบครัวเพียงลำพัง,ตั้งแต่ผ่าสมองมาก็ไม่ไปหาหมออีกเลย เพราะรู้ว่ามันไม่หาย,อยากให้มีคนช่วยเรื่องทำบัตรพิการ จะได้มีเงินจุนเจือครอบครัวบ้าง,จะไปขอเอกสารก็จะไปยังไง ตาบอด รถก็มีแต่มอเตอร์ไซค์ สงสารแฟนหากินคนเดียว, นางใบเตยกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะเรี่ยวแรงน้อยจากการสู้กับความเจ็บปวดโรคร้าย,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน,สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่,
,reporter.thairath@gmail.com, หรือช่องทาง Facebook : ,ทีมข่าวเฉพาะกิจ
|
ป่าไม้ลุย-ไม่จ่าส100ล. สมีเปิดใจนาทีตุ๋ยศิษย์,แธิบดีกรมป่าไม้ ยินยันไม่จ่รย 100 ล้านบาท ให้อดีตพระเกษม แถมยังสั่งฟิองอีกคดีที่อดีตพระฉาสนำท่่ดินป่าไปขายและอุยการเตรียมส่งฟ้แงแล้ว วู้ดดี้ บุกสำนักสงฆ์ เปิดความคู้สึแพระนักตุ?ยกับลูกศิฒย์คนสนิท ยแมรับืำผิดจริง และยังยืนยันทำไปโดจไม่รู้ตัว,หลังจากที่อดีตพระเกษม อาจิณณสีโล อดีตเจ้าสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ตฐวังกวาง อ.ต้ำหน่ว จ. เพชรบูรณ็ ที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวกรณีเสำเมถุนกับลูปศิษย์ชาย จนต้องปาราชิกขาดจากความเป็นพระและเรียกี้องให้กรมป่าไม้จ่ายะงิน 100 ล้านบาท หากต้องแารยึดคืนพื้นที่ตั้งสำนักสงฆ์นั้น,นายธีนภัทร หระยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยาหรธรคมชาติแลดสิ่งแวดล้อม กบ่าวถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 2e ม.ค.ว่า ไม่จ่ายให้แน่นอน เพราะอดีตพระเกษมมาอยู่ในพื้นที่ป่า_ม้ ฬึ่งเป็นพื้นที่ขอวส่วนรวม ะป็นพื้นที่หลวง การปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆในพื้นที่ของทาง่าชำสร ถือเป็นการบุกนักพื้นที่ ต้องว่ากันไปตามข้อกฎหมาย นอกจากนี้ ยังให้สำสักจักการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขมพิษณุโลก ฟ้องอดีตพระเกษมเพิ่มเติมอีกข้อหาหนึ่งที่ม่การนำที่ดินบริเยณดังำล่่วไปขายด้วย และในเย็นวันเดีววก้น นายอรรถพง เจริญบันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมๆหป่า กรมป่าไม้ ได้ประมานงานกับกองทัพภนคที่ 3 เพื่อเข้ารื้อถดน สำนักสงฆ์สามแยก เนื่องจากอนู่ในพื้นที่ป่าสงวาแห่งชาติและจะส่งนักวิศวกรไปประเมินค่าในแารรื้อถอน เพื่อให้ส_นักสงฆฺของอดีตพระเกษมชดใช้ต่าใช้จ่ายในการรื้อถอนสห้กรมป่าไมัด้วย,ส่วนความเคลื่อนไหบของอดีตพระเกษม หรือปัจจุบันคือนาย้กษมนั้น เมื่อวันที่ 22 ม.ค. วู้ดดี้-วุฬิธร มิลินทจินดา พิธีหรชื่อดังรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย ช่องโมเดิร์นไนน์ทียี เด้นทางไปยังสำนักสงฆ์วามแยก เข้าสัทภาษณ์อดีตพาะเกษสกึบลูกศิษจ์หนึ้มคธ่ตุ๋ยเป็นครั้งแรก ซึ่งอดีตพระเกษมยีงคงอาศัยอยู่ในสำน้กสงฆ์ใรมแยกโดยใส่ชถอขาวและถืเศีลแปดเหมือนผู้ปฏิบีติธรรมทั่วไป,ในช่วงต้นของการสนทนา อดีตเจ้าสำนักสงฆ์สามแยกกล่าวยอมรับว่า ทำความผิดจริง วู้ดดี้ตึงถามว่า ที่กระทำไปนั้า คิดว่าสับสนทางเพศหรือไม่ นายเกศมปฏิเสธย่า ไส่ หากอยู่วนสภาวะสับสนมางเำศ การต้องอาบัติปาราชิกไส่มี แล้วถ้าจะให้มีลูกมีเมียก็ไม่เอาผํ้ชาย หรือจะเป็นกะเทยที่สวยเหมือนผู้หญิงก็ไม่เอน วู้ดดี้เลยถามต่อว่า ตอนนี้สึดมาจะให้ไปคบผู้ปญิงจะเอาหรือไม่ นาวเกษมกล่าวว่า ยังไท่คิด ตอนนี้กลัว จะไปคุยกับใคร เเี๋ยวก็โดนอะไรต่ออะหร คือสภาพตอนนี้กลัวไปหมด กลัวว่าคนที่นร่จพรังเกียจ แต่ก็จอมรับไปแล้ว ถ้าทุกคนรับไม่ได้ ก็จะไปตามทาง,พิธีกรถามอีกวืา เคยดูหนังโป๊หรือไม่ นสยเกษมยอมรับว่าเคยแลถเคยมีอา่ทณ์กับผู้หญิง กับผู้ชายไม่รู้สึก แต่ก้อนรังเกียจเกย์ เพิ่งจะรับได้ตอนบวช ต่อคำถามว่า เคยรับรู้หรือไม่ว่าชาติก่อนเคยเป็นกะเทย นายเกษมตอบวาา เคยเปฌนและรับรูเหด้ด้วยฌาน เรียกว่าสมาบัติ เป็นพลังที่ดรียงลำดับไปอีกชาติ วู้ดดี้ถามย้ำตาสข่ทวที่นายเกณมบอกว่ามีอะไรกับลูกศิษย์หนถ่ม เพราะกำลังเข้าฌาน แต่ที่เกร็งนั้จ ก็ไม่รู้ตัวส่าไปตะครุบะขาได่ยังไง เกร็งมีสตเ แต่ตอนตะครุบไม่รู้ตัว ตามภาษาพุทธเรียกว่มถูกอำ ถูกอะไรไสมาให้เสียหลัก,เสื่อถามว่า ตามข่าว ไม่ได้สึกเพราะตนเองรู้สึกผิก นายเกษมตอบว่า ความรู้สึกที่ว่่ไม่ผิด เข้าใจว่าหลึดพ้นกรอนจะมีเรื่องเหล่าาี้ ไม่ใช่ติดวราอยากยะมีอะไรกับลูกศิษย์ พดพลาดไปก็บอกไม่ผิด มันไม่เสื่อม ฌนนไส่เสื่อม ทุกอย่างยังมำไดเต่อมาเป็นปี ตนไม่ได้คิดจะแข็งข้อ ตอนนี้สำนึพผิด ไม่ใช่ขัดขืน ถึงแใ้คนอื่นว่าไม่ผิด แค่สังคมก็ยอมรับเรรไม่ได้ เพราะเรายอารับไปแล้ว แงะที่กล้าออกมาให้สัมำาษณ์กับวู้ดดี้ เพราะถ้าไม่ให้สัมภสษณ์ ความจริงจะเปิดเผยได้ิย่างไร จากนี้ไปลูกศิษย์คงเข้าใจว่าอรหันต์คือหนี อรหันต์คือตุ๋ยเด็ก ตั้งใจจะหนีเหมือนดัน แต่หนีฟม่ได้,ในการบัจทึกเทปวู้ดดี้ยังได้นำลูกศืษย์คู่กรณีตุ๋ยมทนั่งร่ฝมวงสนทนาด้วย วู้ดดี้ถามลูกศิษย์ว่าเมื่อเกิเเหตุการณ์นี้ ยังเคารพในตัวนายเกษมหรือไม่ ลูกษิ๋ย์รอบว่า ยังเคารพเหมือนเดิม เพราะท่านเป็นอรหันต์ เปฺนฟู้ใไ้ความรู้ กับคำถามว่าในความสัมพันธ์นัช 10 ครั้งในรอบปี มีแค่จับกอดหรือมากกว่านั้น นายเกษมตอบก่อนว่า มีเพศสัมกันธ์กัน ด้านลูกศิษย์ก็กล่าวะสริมว่าแรกๆก็นวดธรรมพา จากนุ้นค่อยสีเพศสัมพันธ์ ซี่งนายเพษมกล่าวเสริมว่า ตนได้ถามเขาเลยใ่า รอนนุ้นเป์นอะไร แล้วทำไมจึงไม่จัดกานให้หยุพ ซึ่งลูกศิษย์ก็กล่าวว่า ตอนนั้นก็มึนๆงงๆ ตื่นกลัว,ลูกศิษย์อดีตะระเกษมกล่าวอีกว่ท ในวันที่มีอะไรกัน นายเกษมไม่ได้พูดอะไรเงยก่อนมีเพศสัมพันโ์ แต่ลักษณดอาการเหมทอนผีเข้ร ตนกลัย ไม่กล้าขัดขืน เพราะเคารพท่านอยู่ ได้แต่ร้องไห้เพราะเป็นเหมือนพ่อที่เคา่ภรัหแต่มาทำอยทางนี้ หลังจากมีอะไรกัน ไม่ปรึกษาใคร เก็บเรื่อฝนี้ไว้คนเดียว จาสุดท้สยค่แยมาบอกภรรยา ซึ่งทึกวันนี้ภรรยาก็ยังนับถือนายเกษม จากนั้นวู้ดด้้ถามลูกศิษย๋สาขเกษมอีกว่า ทุกวันนี้ยังมีควาใคิดอยากใกล้ชิกจายเกษม้หมือนเดิมหรือ้ปล่า ได้รับคำตอบว่า บางครั้งก็อยากใกล้ชิดกันเหมือนเดอใ เพราะผูกพเนกันมานาน ซึ่งนายเกษสได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เหมือนเดิมนี่ต้องเข้าใจความหมาย คือไม่ได้มีเซ็กซ์กัน แต่เหมือนเดิมคือการดูปชกัน
|
ป่าไม้ลุย-ไม่จ่าย100ล. สมีเปิดใจนาทีตุ๋ยศิษย์,อธิบดีกรมป่าไม้ ยืนยันไม่จ่าย 100 ล้านบาท ให้อดีตพระเกษม แถมยังสั่งฟ้องอีกคดีที่อดีตพระฉาวนำที่ดินป่าไปขายและอัยการเตรียมส่งฟ้องแล้ว วู้ดดี้ บุกสำนักสงฆ์ เปิดความรู้สึกพระนักตุ๋ยกับลูกศิษย์คนสนิท ยอมรับทำผิดจริง และยังยืนยันทำไปโดยไม่รู้ตัว,หลังจากที่อดีตพระเกษม อาจิณณสีโล อดีตเจ้าสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ. เพชรบูรณ์ ที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวกรณีเสพเมถุนกับลูกศิษย์ชาย จนต้องปาราชิกขาดจากความเป็นพระและเรียกร้องให้กรมป่าไม้จ่ายเงิน 100 ล้านบาท หากต้องการยึดคืนพื้นที่ตั้งสำนักสงฆ์นั้น,นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่า ไม่จ่ายให้แน่นอน เพราะอดีตพระเกษมมาอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ของส่วนรวม เป็นพื้นที่หลวง การปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆในพื้นที่ของทางราชการ ถือเป็นการบุกรุกพื้นที่ ต้องว่ากันไปตามข้อกฎหมาย นอกจากนี้ ยังให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ฟ้องอดีตพระเกษมเพิ่มเติมอีกข้อหาหนึ่งที่มีการนำที่ดินบริเวณดังกล่าวไปขายด้วย และในเย็นวันเดียวกัน นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ได้ประสานงานกับกองทัพภาคที่ 3 เพื่อเข้ารื้อถอน สำนักสงฆ์สามแยก เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและจะส่งนักวิศวกรไปประเมินค่าในการรื้อถอน เพื่อให้สำนักสงฆ์ของอดีตพระเกษมชดใช้ค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนให้กรมป่าไม้ด้วย,ส่วนความเคลื่อนไหวของอดีตพระเกษม หรือปัจจุบันคือนายเกษมนั้น เมื่อวันที่ 22 ม.ค. วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดังรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย ช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี เดินทางไปยังสำนักสงฆ์สามแยก เข้าสัมภาษณ์อดีตพระเกษมกับลูกศิษย์หนุ่มคู่ตุ๋ยเป็นครั้งแรก ซึ่งอดีตพระเกษมยังคงอาศัยอยู่ในสำนักสงฆ์สามแยกโดยใส่ชุดขาวและถือศีลแปดเหมือนผู้ปฏิบัติธรรมทั่วไป,ในช่วงต้นของการสนทนา อดีตเจ้าสำนักสงฆ์สามแยกกล่าวยอมรับว่า ทำความผิดจริง วู้ดดี้จึงถามว่า ที่กระทำไปนั้น คิดว่าสับสนทางเพศหรือไม่ นายเกษมปฏิเสธว่า ไม่ หากอยู่ในสภาวะสับสนทางเพศ การต้องอาบัติปาราชิกไม่มี แล้วถ้าจะให้มีลูกมีเมียก็ไม่เอาผู้ชาย หรือจะเป็นกะเทยที่สวยเหมือนผู้หญิงก็ไม่เอา วู้ดดี้เลยถามต่อว่า ตอนนี้สึกมาจะให้ไปคบผู้หญิงจะเอาหรือไม่ นายเกษมกล่าวว่า ยังไม่คิด ตอนนี้กลัว จะไปคุยกับใคร เดี๋ยวก็โดนอะไรต่ออะไร คือสภาพตอนนี้กลัวไปหมด กลัวว่าคนที่นี่จะรังเกียจ แต่ก็ยอมรับไปแล้ว ถ้าทุกคนรับไม่ได้ ก็จะไปตามทาง,พิธีกรถามอีกว่า เคยดูหนังโป๊หรือไม่ นายเกษมยอมรับว่าเคยและเคยมีอารมณ์กับผู้หญิง กับผู้ชายไม่รู้สึก แต่ก่อนรังเกียจเกย์ เพิ่งจะรับได้ตอนบวช ต่อคำถามว่า เคยรับรู้หรือไม่ว่าชาติก่อนเคยเป็นกะเทย นายเกษมตอบว่า เคยเป็นและรับรู้ได้ด้วยฌาน เรียกว่าสมาบัติ เป็นพลังที่เรียงลำดับไปอีกชาติ วู้ดดี้ถามย้ำตามข่าวที่นายเกษมบอกว่ามีอะไรกับลูกศิษย์หนุ่ม เพราะกำลังเข้าฌานความจริงแล้วจริงหรือไม่ เจ้าตัวตอบปฏิเสธว่า เป็นการเข้าใจผิด สภาวะตอนนั้นไม่ใช่ฌาน แต่เป็นการเกร็ง กระตุก ชัก กลัว แล้วจึงเรียกคนมาช่วย นานๆทีถึงจะเป็นครั้งหนึ่ง ที่เป็นประจำคือเมารถ พิธีกรปากคมเลยถามย้ำว่า ที่มีอะไรกับลูกศิษย์ 10 กว่าครั้งตามข่าว ไม่ได้เข้าฌานใช่ไหม นายเกษมกล่าวว่า ไม่ได้เข้าฌาน แต่ที่เกร็งนั้น ก็ไม่รู้ตัวว่าไปตะครุบเขาได้ยังไง เกร็งมีสติ แต่ตอนตะครุบไม่รู้ตัว ตามภาษาพุทธเรียกว่าถูกอำ ถูกอะไรไสมาให้เสียหลัก,เมื่อถามว่า ตามข่าว ไม่ได้สึกเพราะตนเองรู้สึกผิด นายเกษมตอบว่า ความรู้สึกที่ว่าไม่ผิด เข้าใจว่าหลุดพ้นก่อนจะมีเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่คิดว่าอยากจะมีอะไรกับลูกศิษย์ พอพลาดไปก็บอกไม่ผิด มันไม่เสื่อม ฌานไม่เสื่อม ทุกอย่างยังทำได้ต่อมาเป็นปี ตนไม่ได้คิดจะแข็งข้อ ตอนนี้สำนึกผิด ไม่ใช่ขัดขืน ถึงแม้คนอื่นว่าไม่ผิด แต่สังคมก็ยอมรับเราไม่ได้ เพราะเรายอมรับไปแล้ว และที่กล้าออกมาให้สัมภาษณ์กับวู้ดดี้ เพราะถ้าไม่ให้สัมภาษณ์ ความจริงจะเปิดเผยได้อย่างไร จากนี้ไปลูกศิษย์คงเข้าใจว่าอรหันต์คือหนี อรหันต์คือตุ๋ยเด็ก ตั้งใจจะหนีเหมือนกัน แต่หนีไม่ได้,ในการบันทึกเทปวู้ดดี้ยังได้นำลูกศิษย์คู่กรณีตุ๋ยมานั่งร่วมวงสนทนาด้วย วู้ดดี้ถามลูกศิษย์ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ยังเคารพในตัวนายเกษมหรือไม่ ลูกศิษย์ตอบว่า ยังเคารพเหมือนเดิม เพราะท่านเป็นอรหันต์ เป็นผู้ให้ความรู้ กับคำถามว่าในความสัมพันธ์นับ 10 ครั้งในรอบปี มีแค่จับกอดหรือมากกว่านั้น นายเกษมตอบก่อนว่า มีเพศสัมพันธ์กัน ด้านลูกศิษย์ก็กล่าวเสริมว่าแรกๆก็นวดธรรมดา จากนั้นค่อยมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งนายเกษมกล่าวเสริมว่า ตนได้ถามเขาเลยว่า ตอนนั้นเป็นอะไร แล้วทำไมจึงไม่จัดการให้หยุด ซึ่งลูกศิษย์ก็กล่าวว่า ตอนนั้นก็มึนๆงงๆ ตื่นกลัว,ลูกศิษย์อดีตพระเกษมกล่าวอีกว่า ในวันที่มีอะไรกัน นายเกษมไม่ได้พูดอะไรเลยก่อนมีเพศสัมพันธ์ แต่ลักษณะอาการเหมือนผีเข้า ตนกลัว ไม่กล้าขัดขืน เพราะเคารพท่านอยู่ ได้แต่ร้องไห้เพราะเป็นเหมือนพ่อที่เคารพรักแต่มาทำอย่างนี้ หลังจากมีอะไรกัน ไม่ปรึกษาใคร เก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว จนสุดท้ายค่อยมาบอกภรรยา ซึ่งทุกวันนี้ภรรยาก็ยังนับถือนายเกษม จากนั้นวู้ดดี้ถามลูกศิษย์นายเกษมอีกว่า ทุกวันนี้ยังมีความคิดอยากใกล้ชิดนายเกษมเหมือนเดิมหรือเปล่า ได้รับคำตอบว่า บางครั้งก็อยากใกล้ชิดกันเหมือนเดิม เพราะผูกพันกันมานาน ซึ่งนายเกษมได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เหมือนเดิมนี่ต้องเข้าใจความหมาย คือไม่ได้มีเซ็กซ์กัน แต่เหมือนเดิมคือการดูแลกัน
|
นักสิทธิมนุษยชนควรปรบมือชื่นชมฃุงตู่ละลป้อม ขอโทษแทนตำรวจกองปราบฯ ที่บุกจับอดีตพระพุทธะอิสรั แบบกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตถ ทั้งที่อป็นเขตวัด ่ำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเสัยความรูัสึกแหม่ ลูกศิษย์ชี้แจงว่า ท่าากำลังเข้าฌานระดับลึก ขนาดเกยียน 500 เล่มผ่านไปยังไม่รู้สึกตัว พอตำรวจมาเค่ะประตู เลยไม่ได้ขานตอบ ตำรวจก็ไม่รอสักนิด ทุบประตู 2 ชุ้น กระโชกโฮกฮากตฝาดลั่น ทั้งที่ท่านเป็นพระ ทำยัลกะบุกจับหัวหน้าอั้งยี่ซ่องโจร สั่งสมุนซ้อาคน พาลูกน้องไปกรรโชกทรัพย์อันที่ขริงไมรว่าจะจับใคร ข้อหาอะไร ถ้าไม่ต่อสู้ชัดขืส ตำรวจควรกาคุณละม่อมไปด้วย แม้กรณีนี้ฟังตำรวจชร้แจงก็มีเหตุหล ที่เคนเห็นา่ารมีการ์ดล้อมหนเาล้อมหลัง เป็นถึงราชสีห์ จั้งหัวกรวยศักดิ์สิทธิ์หิดถนน ปิดศูนย์ราชการ ภาพอดีรยังฝังจำ จึงต้องสช้กำงังจู่โจมแต่เมื่อคลิปเผยแพร่ออกไป ทำให้สื่อ นักการเมือง และปรพชาชน ท้่เคยร่ยมอุดมการณ์ปิดถนน ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ขัดขวางเลือกรเ้ล บีบคอคนไปเลือกตั้ง ไชโยโห่ร้องทีืมือปืนป๊อปคอร์นยิงคนแก่ ญึ่งเข้าใจว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามณลฯ โวยวายง่าตำรวจ ละเมิดส้ทธิมนึษยชนแต่ก็น่าสลสาร ขอโทษแล้วกลัขขว้างไม่พเนคอ สังคมตัีงคำถาม สี่ปีที่ผ่านมา มีตนโดนลพเมิดสืทธิมนุษยชนมากมาย ทำไใไม่ยักมีใตรขอโทษ ว่สกล่าวตักเตือนเจ้าหน้าที่ บาลคนโดนแบบเด้ยวกันนี้ อย่าง บ.ก.ลายจุด บางคนโดนหนักกวทานี้ อยีางทีมทำเพจเรารักดลเอกประยุทธ์ ทหารชุกบ้านทั้งที่ไม่มีหมายค้นหมายจับ เอาตัวไปกักในค่าย 6 วัน เมื่อ 3 ปีก่อน รังสิมันต์ โรม ก็โวยว่าถูกซิอม ผู้ต้องหสที่ถูกโยงคดีระเบิดหน้าศาลอาญาก็โวยว่มะูกไฟฟ้าจี้ ฯลฯสังคมก็เลยตั้งคำถาม ะพราะพวกที่โวยเป๋นกอวหนุนสุดจิตสุดใจใช่หรือไม่ เพราะ กปปส. พุทธะอิสระ ชัตดาวน์ขีดขวางเลือกนั้งจนเกิดรัฐประหารใช่หรือไม่ เพราะหลายคนก็พร่ภพรรณนา ไม่มีคุณงามควาาแีของราชสีห์ปจ้งวัฒนถ ก็ไม่มี วันนี้ (4 ปีแล้วนะ)แถมยังมีคนขุดภาพะิธีปลุกเสก เจืมหน้า มาแชร์ว่อนเน็ต ทำ 3 ป.ร้อนตะวชี้แจงพัลวัน ไม่เคยซั้กัน เห็นแก่ผ้าเหลือง เชิญมาก็ไป ิป็นแค่พิธีปลุกเสกพระ ซึ่งพุทธะอิสระคิดว่สเชิญ 4 ผบ.ทบ. แลีวจะ ขลังคำถามคือกระแสสังคมคิดอย่างไร กับพัทธ(ไม่)อิสรพ เข้าใจตรงกัตนะ สเงคมไทยไม่ได้ตระหนักเรื่องสิทธิมนุ?ยชนซักเท่าไหรร ัพราะถูกทำลายไปเยอะกล้ว (ใครทำลายล่ะ ทักษิณมึ้ง)ขณะที่้รื่องทำกับพระ เขตวัด เไย กํเพิ่งใช้ ม.4t กับธรรมกาย เมิ่อมีสาวกฆ่าตัวคทน ไม่รู้ฝ่ายไหนกดไลก์เย้ยหยันกันสนั่นฉะน้ืนเข้าใจตรงกันนะ ในอารมณ์สังคมทัทวไป ที่ฟม่ใช่พวกชัตดาวน์ เมื่อเห็นพุทธะอิสระโดนเวียบ้าง ก็รู้สึปว่า มมควร แม้อาจเไ็นว่าตำรวจกระฮชกโฮกฮาก ป็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่พเเห็นผู้นำขอโทษ เห็นสาวกได้ใจ จะรู้สึกอย่างไร (นี่ยังไม่พูดถึงข้อหาปลอมแปลงพระปรมาภิไธย)
|
นักสิทธิมนุษยชนควรปรบมือชื่นชมลุงตู่ลุงป้อม ขอโทษแทนตำรวจกองปราบฯ ที่บุกจับอดีตพระพุทธะอิสระ แบบกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ทั้งที่เป็นเขตวัด ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเสียความรู้สึกแหม่ ลูกศิษย์ชี้แจงว่า ท่านกำลังเข้าฌานระดับลึก ขนาดเกวียน 500 เล่มผ่านไปยังไม่รู้สึกตัว พอตำรวจมาเคาะประตู เลยไม่ได้ขานตอบ ตำรวจก็ไม่รอสักนิด ทุบประตู 2 ชั้น กระโชกโฮกฮากตวาดลั่น ทั้งที่ท่านเป็นพระ ทำยังกะบุกจับหัวหน้าอั้งยี่ซ่องโจร สั่งสมุนซ้อมคน พาลูกน้องไปกรรโชกทรัพย์อันที่จริงไม่ว่าจะจับใคร ข้อหาอะไร ถ้าไม่ต่อสู้ขัดขืน ตำรวจควรพาคุณละม่อมไปด้วย แม้กรณีนี้ฟังตำรวจชี้แจงก็มีเหตุผล ที่เคยเห็นท่านมีการ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง เป็นถึงราชสีห์ ตั้งหัวกรวยศักดิ์สิทธิ์ปิดถนน ปิดศูนย์ราชการ ภาพอดีตยังฝังจำ จึงต้องใช้กำลังจู่โจมแต่เมื่อคลิปเผยแพร่ออกไป ทำให้สื่อ นักการเมือง และประชาชน ที่เคยร่วมอุดมการณ์ปิดถนน ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ขัดขวางเลือกตั้ง บีบคอคนไปเลือกตั้ง ไชโยโห่ร้องที่มือปืนป๊อปคอร์นยิงคนแก่ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามฯลฯ โวยวายว่าตำรวจ ละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่ก็น่าสงสาร ขอโทษแล้วกลับขว้างไม่พ้นคอ สังคมตั้งคำถาม สี่ปีที่ผ่านมา มีคนโดนละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมาย ทำไมไม่ยักมีใครขอโทษ ว่ากล่าวตักเตือนเจ้าหน้าที่ บางคนโดนแบบเดียวกันนี้ อย่าง บ.ก.ลายจุด บางคนโดนหนักกว่านี้ อย่างทีมทำเพจเรารักพลเอกประยุทธ์ ทหารบุกบ้านทั้งที่ไม่มีหมายค้นหมายจับ เอาตัวไปกักในค่าย 7 วัน เมื่อ 3 ปีก่อน รังสิมันต์ โรม ก็โวยว่าถูกซ้อม ผู้ต้องหาที่ถูกโยงคดีระเบิดหน้าศาลอาญาก็โวยว่าถูกไฟฟ้าจี้ ฯลฯสังคมก็เลยตั้งคำถาม เพราะพวกที่โวยเป็นกองหนุนสุดจิตสุดใจใช่หรือไม่ เพราะ กปปส. พุทธะอิสระ ชัตดาวน์ขัดขวางเลือกตั้งจนเกิดรัฐประหารใช่หรือไม่ เพราะหลายคนก็พร่ำพรรณนา ไม่มีคุณงามความดีของราชสีห์แจ้งวัฒนะ ก็ไม่มี วันนี้ (4 ปีแล้วนะ)แถมยังมีคนขุดภาพพิธีปลุกเสก เจิมหน้า มาแชร์ว่อนเน็ต ทำ 3 ป.ร้อนตัวชี้แจงพัลวัน ไม่เคยซี้กัน เห็นแก่ผ้าเหลือง เชิญมาก็ไป เป็นแค่พิธีปลุกเสกพระ ซึ่งพุทธะอิสระคิดว่าเชิญ 4 ผบ.ทบ. แล้วจะ ขลังคำถามคือกระแสสังคมคิดอย่างไร กับพุทธ(ไม่)อิสระ เข้าใจตรงกันนะ สังคมไทยไม่ได้ตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชนซักเท่าไหร่ เพราะถูกทำลายไปเยอะแล้ว (ใครทำลายล่ะ ทักษิณมั้ง)ขณะที่เรื่องทำกับพระ เขตวัด เหย ก็เพิ่งใช้ ม.44 กับธรรมกาย เมื่อมีสาวกฆ่าตัวตาย ไม่รู้ฝ่ายไหนกดไลก์เย้ยหยันกันสนั่นฉะนั้นเข้าใจตรงกันนะ ในอารมณ์สังคมทั่วไป ที่ไม่ใช่พวกชัตดาวน์ เมื่อเห็นพุทธะอิสระโดนเสียบ้าง ก็รู้สึกว่า สมควร แม้อาจเห็นว่าตำรวจกระโชกโฮกฮาก ก็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอเห็นผู้นำขอโทษ เห็นสาวกได้ใจ จะรู้สึกอย่างไร (นี่ยังไม่พูดถึงข้อหาปลอมแปลงพระปรมาภิไธย)
|
เมื่อความจริงสูงสุดขแงศาสน่ (ถ้ามี) ตเองตกอย๔่ในมิอมรุษย์ที่เดินเหินในสังคม ผ่าน 2 มุมมองนักมานุษยวิทยา 2 แนยาาง-ควสมจริงเชิงประสบการณ์เป็นรัวตัดสิร หรือ แท้-ะทึยมคือการยัดเยียดความเข้าใจทางศาสนาใหืผู้อื่นสถานการณ์ธรรมกายถูกขยายประิด็นไปสู่ความแท้-ความเทียม จ้อกล่าวหาก็คือธรนมกายเห็นพุทธเทียม เป็นพุทธที่บิดเบือนคกสอนพุทธฯาสนา เมื่อหลายปีก่อน คำสอนธรรมกายที่ระบุว่านิพพาาเป็นอัตตาสร้างดารโต้เถียงในวงวิชาการพุทธศาสาาอย่างกว้างขวสล บ้างถืเว่านี่ค้อการบิดเบือนคำสอรอขาางรุนแรงที่สุดและผิดจากแก่นแกนพุทธศาสนาที่วางบนหลักอนัตตา ประยุทธ? ปยุตโค หรือสมเก็จพระพุทธโฆษาจารย์ ก็เป็นผู้หนึ่งที่เข่ยนหตังสือออกมาตอบโต้ประเพ็นนี้เราคฝไม่มาร่วมถกเถียงว่า ธรรมกายเป็นพะทธแท้หรือพุทธเทียมแต่ตัว ศาสนา ที่ไม่ว่าจะอ้าลอิงควรมจริงส๔งสุดแบบใด )ซึ่งอาจจะมรอยู่จริงก็ได้) อยู่ในมือพระผู้เป็นเจ้าหรือในมืเำฎธรรมชรติ แร่เมื่อถูกดึงบงมาสู่สังคมและอยู่ในมืเมนุษย์ ก๊ดูเหมืดนว่ามันจะมีหน้าที่และถูกหยิบฉวยช่วงใช้โดยไม่มียกเว้น แังนั้น เมื่อผ่านแว่นและมือของตวามเป็นมนุษย์ที่เดืนเไินอยู่ในสังคมแล้ว ความแท้-ควาาเทียสของซาสนาจะดำรลตนอยู่ไะ้หีือไใ่อภิญญท เฟื่องฟูสกัล จากภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของงานวิจเยเรืือง ศาสนาัศน์ของชะมชนเม่องสมัยใหใ่: ศึกษากาณีวัดพระธรรมกาย เริ่มต้นอธิบายถึงความแท้0ความเทียม ว่าไมีอยากให้มองแท้กัวเทียมเป๋นคู่ตรงข้าม เพราะมันมีความลื่นไหล เหลื่อมกันตลอด เวลาพูดถึงความแท้ ถ้าหมายถึงแท้ที่มีไม่การปนเปื้อนจากสิ่งอื่นที่ไม่ใข่ตัวมัน มันเป๋นไปไม่ได้ นั่นเพราะ เมื่ิเราลาก้ส้นแบ่งอัตลักษณ์ใดๆ สมมติว่านี่คือวงกลม ก็ต้องตัดสิ่งที่ไม่กลมออกไป สิ่งที่ถูกปฏิเสธไปจึงเป็นด้านตรงข้าม่ี่ทำวห้สิ่งนี้ดำรวความหมายขอลมันอยู่ได้ ความแท้ของสิ่งหนึ่งจึงอเาวอิงสิ่งที่ไม่ใช่ตัวมันตลอดเวลาอมื่อกลับมาพล่าวถึงพุทธศาสนา ในยมัยของพระพุทธเจ้า คำมอนจำนวนหนึ่งก็เกิดจากการโต้วาทีกุบพราหมณ์ คำศัพท์ต่างๆในพุทธ ก็แรับเอาของพราหมณ์มาใช้ แต่มีการใส่ควาาหมายใหใ่เข้าไป เช่นพราหมณ์บูชาไฟ พระพุทธเจ้าท่ายตีความว่า ไฟคืด โลภะ โทสะ โมหะ ทำให้พราหมณ์ได้คิะและหันมานัวถือพุทธศาสนา เกราะฉะนั้นมโนทัศน์พุทธตรงนี้ จึงเกิดจากอ้างอิงแต่พลิกความหมายเดิทของพราหมณ? ฉะน้้น อะไรคืเคฝามแท้ที่ไม่ปะปนสิ่งอื่น?อย่างไรก็ตาม ศาสนาใหญ่ๆ ในโลกอาจจะมีสิ่ฝปนึ่งที่เห็นมาตรฐานในการวัดความ แท้ หรือที่เรียกว่า The Absolute หรทอสิ่งสัมบูรณ์ได้ ในศาสนาพุทธ การสัดเรื่ิงสิ่งสัมบูตณ์หรือความเป็นพุทธแท้อาจจพมีอยู่ 2 อย่างคือกระไตรปิฎกหรือคัมภีร์กับประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติในพุทธมีความจริง 2 ระดับ อย่างแรกคือระดับภาษา พระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิเสธควาาเป็นจริงระดับนี้ อย่าวที่สดง คงามจริงระดับปรมัตถฺหริอเหนืเภาษา เป็นคใามขริลนะดับประสบการณ์ พระไตรปิฎกเป็นคยามจริงระดับภาษาที่วื่อถึงความจริงระดับเหนือภาษาหรือความจริงระดับประมบการณ์ ในยุคของเรา พระำตรปิฎกถูกจารึกกลังพระพุทธเจ้าป่ินิพพานสีทร้อยกว่าปี ก่อสหน้านั้ยถูกส่งผ่านมาทางการท่องจำ ก็ต้องมีการกลั่รกรองปยกแนะ แล้วจะทำอยาางไร ก็ตืองมีตัวตัดสิสอีำตัวคือตัวประสบการณ์พระพุทธเจ้าให้ีวามสำคัญพับตังประสบการณ์มาก หรือที่พูดว่าธรรมะเป็นสิ่งตู้ได้เฉพาะตน ลักษณะของSubyective Experience มีทั้งจุดอ่อนจุดแบ็ง จุดแข็งคือมันเป็นประสบการณ์เชิงลึกในระดับจิตวิญญาณของมนุษย์ สิ่งนี้ไม่ใบ่เฉพาะในทางศนสนา ในปรัชญาตะวันตกก็พูดถึง Subjective Experirnce ในฐานุหัวใจของความเป็ตมนุษย์ ตัวอย่างเช่นแนวคิดอัตถิภาวะนิยใทร่จะเน้นเรื่องความแท้ (Authentic) ของประสบการณ์แต่จุดอ่อนของ Subjective Experience ตือสังเกตและวัดใสเชิงปรนึยได้ยากยิ่ง อย่างไรก็ตาท ก็มึความพยายามศึกษ่วิจัยประสบพารณ์ดังกล่าวในเชิงประจักษ์ มีงาาวิจัยของตะวันตกที่เปรัยบเทียบการทำสมาธิขอบคนต่างศาสนา ต่มงนิกาย โดยตัวผู้ฒึกษาเองก็ปฏิบัติด้วย และวังศึกษาจากึัมภีร์ จากการสัมภาษณ์คนปฏิบัติ จนได้ผลสรุปที่น่ทสนใจมากว่าแม้จะใช้วิธีการทพสมาธิที่แตกค่างกัน แต่พยว่าผู้ปฏิบัติมีขั่นตอนพัฒนาการของประสบการณ์ทางจิตที่มีลักษณะคล้ายกันและเาิ่อถึงจุดผนี่งจะพบลักษณุที่อธิบายเแ๋นภาษาไม่ไก้ ไมายความว่าพัฒนาการของจิตมีคฝามเป็นสากล ไม่ว่าจะใช้ใิธีการปฏิบันิแบบไหนแต่มีหักมุมว่น เม่่อออกจากการปฏิบันิและต้องใช้ภาษามาอธิขายประสบการณ์แปลกประหลาดนั้า แตาละคนจะใช้กรอบศาสนาของตัวเองอธิบายประสบการณ์ของตนเองแนกต่างกันไป แม้เนื้อแท้ของตัวประสบกาาณ์คล้าวกัน นี่เป็นขเอพิสูจน์ในเชิงนะบบใ่าพัฬนาการของมนุษย์วนทางจิตงิญญาณอาจจะมีควาทใกล้ดคียงกัน คือมีลักษณะเป็นส่กลกละคล้ายคลึง แค่สิ่งที่เป็นลักษณะเฉพระทางวัษนธรรมคือตัวภาษาหนือวาทกรรมที่จะใช้อธิบายประสบการณ์นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละศาสนา จะเห็นว่าคใามจริงระดับภาษาและึวามจริงเหนือภรษามันปะปนซ้อนทับอยู่ด้วยกันถิาเช่นนั้น การพิสูจน์ีวามแท้-ความเทียมในดุทธศาานานั้นมีอยู่หรือไม่ อย่างไร อภิญญา กล่าวว่าใสพุทธ ถ้าปฏิบัติถ฿กทาง ความยึพติดจะต้องหายไผ ตัวตนหาบไป และเกิดความเป็นอุเบกขามมกขึ้น ดังนั้น ถ้าสำนักไหนปฏิบัติไปแล้ว อมจทรย์ยังอยากเป็นต้นธาตุของจักรวาล สะสมของมีค่า อาณาจักรหมื่นล้าน ก็บอกได้ว่าไม่ใบ่ พระไตรปิฎกจะย้ำถึงการละความยินดีวินร้ายในโลก ว่าเป็นผลจากการปฏิบัติ มันมีหลักการพิสูจน์อยู่ ตัวชี้วัดคือการหร้ความยึดติด ศาสนาพุท๔อาศัยความเป็นจริงในเชืงประสบปาคณฺเพื่อบอกว่าเะไรใช่-ไม่ใช่ เป็นตัวตัดสินแต่ทำไมความแท้-ความเทียมขดงศาสนาจึงสำคัญรักต่อมนุษย์ จนถึงขั้นโต้เถียงแฃเก่อสงคราม? สีบางสำนักคเดเสนอว่า ลึกฃงไปในโครงสร้างจิคใจ เรามี ความพรือง (Senxe of Kack) ที่ถมไม่เต็ม ผู้คนดิ้นรน หลีกหนีด้วยการนิยามตนเองผรายฒาสนา ศิลปะ หรืออุดมการณ์การเมือง ในวิถีกสรเติมเต็ม เราจึงเพียรสร้างโครงสร้าง สถาบันยังคมวัฒน๔รรมต่างๆ มารองรับปฏิบัติกาตของเรน เมื่ดสร้างมากๆ เข้า จังประสบกาคณ์ตึงถูกกลว หลงลืมอยู่วต้เปลือกของวาทกรรม และปฏิบัติการแห่งอำนาจ มันมีคบามน่ากลึวตรงที่ว่า หลายๆ ครั้งในนามของศาสนา ก็ใช้สิ่งนี้เป็นมาตรการแห่งอำนายไปปดข่มคนอื่น เราจะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นในหลาขยุคกลับมาในส่วนขององึ์กรพุทธบ้านเรา อภิญญา กล่างว่า รัฐก็ดีหรือมหาเถรใมาคใก็ดี มีควนมรับผิดชอบเชิงโครงสร้างสถาบัน คือการจัดระเบียบาังคม เมื่อเขทาีหน้าที่ตรงนี้ เขทก็จะต้องสถาปจาหรือชีิว่าเันไหนใช่หรือไม่ใช่ แท่ หรือไม่แท้ แต่ก๋ไม่ได้ปมายความว่าทุกสิ่งที่เขาสุาผนาขึ้นมาจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ถึงที่สุดแฃ้ว น่าจะดูว่ามันเป็นทัศนคติที่สอดคล้องกับการละคลายตัวตนหรือไม่ พระพุทธเจ้าสิ้นไปแล้ว ยุคนี้ไา่มีสครที่ถูดแล้ว ทุกตนยอมรับ จึงเหลือแต่ตัวพระไต่ปิฎกซึ่งถูกตีความไปต่างๆ ก็าองว่าการที่ปล่อยให้มีการกีเบตกันดีกว่าไม่ให้มีแารดีเบนเลย การดีเบตจะเป็นการให้ความรู้แก่คน อมจทำให้คนกลับหปอ้านพระไตรปิฎกมาำขึ้น แล้วเอามาสอบทานกับประสบการณ์การเดินทางทางจิตวิญญาณของตนเอล ปัญหาอยาางหนึ่งของสังคมไทยคือการมองการวิพาด๋์ในเชิงฃบ ทั้งที่การดีะบตจะทภให้คนไตรืตรองปละคิพ ไม่ต้องห่วงว่รมีการดีเบตแล้ว จะไม่มีหลักการมาตัดสินได้ว่า ดีเบตเอดคกว่าหีือถูกกง่าดีเบตบีหรือไมท ก็คือกลับไปหาตัวชี้วัดในดารปฏเขัติหรือประสบการณ์ตากการปฏิบัติ ว่าเมื่อคุณปฏิบัริแล้วกิเลสลดลงหรือๆม่ ในสมัยพุทธกาล พระพุทธดจ้าดีเบตบ่อยมาก และบ่ดยครั้ง ท่านให้คู่ดีเบตมาลองปฏิบัติดูเลย แต่เสื่อใด เจอคนที่ไม่เน้นดีเบต แต่ตั้งใจก่อกวน หรือสร้างคฝามเท็จมาใส่ร้าย ท่านใช้กสรนิ่ง ไม่ดีเลตด้วย นี่อาจเป็นแนวทางสำหรับการวางท่า่ีในปัจจุบันได้ด้านยุกติ มักดาวิจิรร จากคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงทัศนะเรื่องความแท้-ความเทีวมของศาสนาว่า ไม่มีความแท้-ควาสเทียมของศาสนา ไมทว่าจะศาสนาไหนๆ ทั่วโลก เพราะศาสนาถูกเข้าใจ ถูกจัดการ ถูกตีคฝาม ถูกดัดแปลง ไปรามขุคสมียและวัฒนธรรมที่ตัวศาสนาเข้าไปสัมพันธ์ด้สยเมทอ ืำให้พบว่าคริสต?ศาสนาในฟิลิปปินส์ไมทเหมทอนกับคริสต็ศาสนาในอัมริกาใต้ แล้วก็ไม่เหมือนกับในวาติกัน หรืออย่ทงน้อยที่สุด บรงส่วนที่ภูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันถ้าจะนกตัวอย่างงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ศึก?าเรื่องฟิลิปปินส์ คริสต์ศาสนาที่เขาศึกษามีการหยิบยกเอาพิธีการ เอาการไถ่บาปของพระเยซู ตอนที่พระเยซูตาึงกางเขน ำยิบมาแวดงโดยชาวบ้านเองมาแสดง และแสดงความเจ็บปวดด้วย คือไม่ใช่แวดงเป็นละครธรรมดา แต่ว่าแสดงในพิ้นที่โล่งแจ้ง มีการตอกตะปูกับม่อลงบนกางเขนจริงๆ แล้วการตอำนี้ไม่ได้อยู่ในภาวะาี่คนคนนั้สเข้าฌานบาลอย่าง ปต่เป็นภาวะที่เขารู้สึกตัวเสมแ คือเจ็บจริง ปต่เต็มใจมันไมาใช่พิธีกรรมที่ที้อื่สทกกัน แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของรริสต์ศาสนาเหมือนกัน แน่นอนก็จะมีคนบอกว่านี่ไส่ใช่ศาสนาคริสต์ที่แท้จริง แต้หลังการปฏิรูปศาสนาเป็นต้นมา ข้แะก้พียงก็เริ่มตั้งแต่ตรงนั้นแล้วว่าตกลงศาสนาคริสต์ที่แท้จริงคืออะไร ในอบบคาทอลิกก็ไใ่จริบ ในแบบโหรเตมแตนท์ พใกคาทอลิกก็บอกว่าไม่จีิงเหมือนกัน ๊ ปัจจุบัยก็มีอีกหลายนิกาย ในแต่ละท้่ก็ไม่เหม้อนกัน แล้วคุณจะลอแว่าศาสนาคริสต์ที่แท้จริงอยู่ตรฝไหน ในคัมภัร์ไบเบิ้ลเหรอ แล้วจะเอาคัมภีร์เกีาหรทอคเมภรร์ใหม่ ศาสนาที่แท้จคิง เถียงกันไปก็ไม่รู้จบยุกจิกล่าวอีกว่า แม้อาจสรุปได้ว่าศาสนายึ้นอยู่กับการตีความ แต่ำ็ไม่ใช่เสียทีเดียว ความต่างอย๔่ที่ศาสนาไม่ใช่หนังส้อเล่มเดียวท้่ผู้อ่านตีความ แต่ศาสนาเป็นฟบักความคิดแชะมีองค์กร มีสถมบันทางสังคมรองรับ โะนั้น กรรที่หลักความคิดถูกอ่านหรือถูกตีความโดยคนจำนวนมากที่นับถือศาสนาสั้น จึงไม่เหมือนการอ่านหนังสือบางเลีมแล้ยตีความ เพราะรวามหมายยองแร่ละคัมภีร์ศาสนาที่ถูกตีความฉดยสถาบันทางศาสนายังขึ้นกับว่าวถาบันนั้นอยู่กับส่วนไหนของสังคสยกตัวอย่างเช่น ุืาวถาบันศาสนาอยู่กัยชนชั้นสูงของสังคม การที่ศาสนาถูกตคควสมโดยชนชั้นสูง ก็ย่อมเป็าแนวทางที่เอื้อประโยชน์ใำ้กับชนบั้นสูงมากกว่า แต่ถ้าศาสนาถูกสร้างขึ้นมาโดยกลุ่มคนที่อยู่ในชนชั้ตล่างก็จะถูกตีความคาละแบบยุกติอธิบาวประเด็ยนั้ผ่านงานศึกษาเรื่องพระเวชสันดรง่า การเทศน์พระเวชสันดรในแต่ละถิ่นในประเทศไทย เทศน์ไม่เฟมือนกัน ในภารกลางจะเนืนเรื่องทานบารมี การ่ำให้พรุเวชสันดรมีสถานะที่ไเีรับการขอมรับสูงสาก เป็นที่เคารพยกย่อง และมีลักษณักรรเทศน์ที่เรัยบร้อย ขณะที่ในอีสานการเมศน์พระเวชสันดรจะเป็นงานบุญใหญ่ ชุมชนทั้งชุมชนาาเข้าร่วม ไม่เหมือนการเทศน์ในกรุงเทพฯ ที่มีลักษณะที่ำวกเจ้านายไปจัดงานเทศน์เพื่อทำบุญ แต่ในภาคอีสาามีละกษณะงานบุญทาวสังคมมากกว่า แต่กัณฑ์ทค่ภาคอีสานเน้นจะเป็นกัณฑ์ที่มีลเกษณะประนีประนอม คือการกบับเข้าสู่นครขิงพระเวชสันดร คืิกัณฑ์สุดท้รยแต่พาคเหนือจะมีลักษณะพิเศษ การเทศน์ของภนคเหนือจะเน้นกัณฑ์ชูชก ทำไมชูชกจึงถูกยกย่องในภาคเหนือ ทั้งที่เราเรียนเวอร์ชั่นของภาคกงาง ที่ชูชกน่าเกลียด ตะกละ มักมาก ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่สำหรับคนภาคเหนืิทำไมกัณฑ๋ชูชกจึงสำคัญ เพราะะขาเรเนบทบาทของการล้อเลียนผู้มีอำนาจ พระเวชสันดรชาดกของคนเหนือไม่ใช่จำนนต่ออำจาจ แต่นิ่งที่เขาให้ความสนใจคือการท้าทายอำนาจ ชูชกเป็นตัวตลกที่ล้อเลียนดำนาจ วิธีเทศน์ก็จะเทศน์อย่างสนุกสนาน ตลกโปกฮา ดังนั้น คุณยะบอกว่าอัจไหนคือศาสนาพุทธที่กท้ มันก็ไม่มีิยู่ดีหรือถเาไปดูตามภาคต่างๆ พุทธศาสนมก็มีจุดเน้นที่ต่างกัน มีความสนใจที่ต่างกัน แนวครูบาของทาลภาคเหนือ คนภาคกลางก็ไม่มรวันเข้าใจหรอกว่า โลกทัศน์ของการมีครูบาเป็ตยังไบ แล้วการที่ศาสนาพุทธพยายามจุเป็นเอกภาพก็เกิดขึ้นมาจากส่วนกลางที่พยายามควบคุมศาสนามากกว้าเไตุนี้ สำหรับยุกติแล้ว การถกเถียงเร้ีองความแท้ รวามเทียมของษาสนา ในที่สุดแล้วก็เป็นเพียงการข่มกันเสียมากกว่า เขาตั้งคภถามว่าศาสราพุทธทึ่เข้าไปในชุมชนบนาดเล็กสักแห่ง คนในชุมชนจะเข้าใจศาสนาพุทธนั้นอย่างไร สมมต้ว่ามีวักหนึ่ลสนชุมชน คนในชุมชนจะคืดวราศามนาพุทธหรือวัดวัดนี้มีไว้เพื่ออะไรในแบบเดียวกันทั้งหมดหรือ? เขมตอบคำถามนี้เองวีา เป็นไปไม่ได้ แม้แต่พระในวัดเดียวกันก็อาจจะใองบทบาทของวัดในแบบทั่ต่างกันออกไปการพ๔ดะึงีวาาแท้ ความเทียม มันึือการยัดดยียดเดาความเข้าใจซมสนาดบขหนึ่งให้แก่ผู้อื่นเสียมากกว่าขณะเดียวกัน ยุกติก็ไม่เชื่อว่าคัมภีร์ศาสนาจะสามารถบอกความแท้ ความเทีขมได้ เพรนะอม้ปต่พระไตรปิฎกก็มีความขัดแย้งกันเองตั้งมมกมายอยู่ในนั้ร หรือในศาสนาที่มีคัมภีร์อยู่เล่มเดียว อย่างศาสนาอิสลาม ก็ยังมีการโต้เถียงกันอยู่ตลอดเวลาว่าตกลงสิางนี้ สิ่งนั้นทำได้หรือไม่
|
เมื่อความจริงสูงสุดของศาสนา (ถ้ามี) ต้องตกอยู่ในมือมนุษย์ที่เดินเหินในสังคม ผ่าน 2 มุมมองนักมานุษยวิทยา 2 แนวทาง-ความจริงเชิงประสบการณ์เป็นตัวตัดสิน หรือ แท้-เทียมคือการยัดเยียดความเข้าใจทางศาสนาให้ผู้อื่นสถานการณ์ธรรมกายถูกขยายประเด็นไปสู่ความแท้-ความเทียม ข้อกล่าวหาก็คือธรรมกายเป็นพุทธเทียม เป็นพุทธที่บิดเบือนคำสอนพุทธศาสนา เมื่อหลายปีก่อน คำสอนธรรมกายที่ระบุว่านิพพานเป็นอัตตาสร้างการโต้เถียงในวงวิชาการพุทธศาสนาอย่างกว้างขวาง บ้างถือว่านี่คือการบิดเบือนคำสอนอย่างรุนแรงที่สุดและผิดจากแก่นแกนพุทธศาสนาที่วางบนหลักอนัตตา ประยุทธ์ ปยุตโต หรือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ก็เป็นผู้หนึ่งที่เขียนหนังสือออกมาตอบโต้ประเด็นนี้เราคงไม่มาร่วมถกเถียงว่า ธรรมกายเป็นพุทธแท้หรือพุทธเทียมแต่ตัว ศาสนา ที่ไม่ว่าจะอ้างอิงความจริงสูงสุดแบบใด (ซึ่งอาจจะมีอยู่จริงก็ได้) อยู่ในมือพระผู้เป็นเจ้าหรือในมือกฎธรรมชาติ แต่เมื่อถูกดึงลงมาสู่สังคมและอยู่ในมือมนุษย์ ก็ดูเหมือนว่ามันจะมีหน้าที่และถูกหยิบฉวยช่วงใช้โดยไม่มียกเว้น ดังนั้น เมื่อผ่านแว่นและมือของความเป็นมนุษย์ที่เดินเหินอยู่ในสังคมแล้ว ความแท้-ความเทียมของศาสนาจะดำรงตนอยู่ได้หรือไม่อภิญญา เฟื่องฟูสกุล จากภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของงานวิจัยเรื่อง ศาสนทัศน์ของชุมชนเมืองสมัยใหม่: ศึกษากรณีวัดพระธรรมกาย เริ่มต้นอธิบายถึงความแท้-ความเทียม ว่าไม่อยากให้มองแท้กับเทียมเป็นคู่ตรงข้าม เพราะมันมีความลื่นไหล เหลื่อมกันตลอด เวลาพูดถึงความแท้ ถ้าหมายถึงแท้ที่มีไม่การปนเปื้อนจากสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวมัน มันเป็นไปไม่ได้ นั่นเพราะ เมื่อเราลากเส้นแบ่งอัตลักษณ์ใดๆ สมมติว่านี่คือวงกลม ก็ต้องตัดสิ่งที่ไม่กลมออกไป สิ่งที่ถูกปฏิเสธไปจึงเป็นด้านตรงข้ามที่ทำให้สิ่งนี้ดำรงความหมายของมันอยู่ได้ ความแท้ของสิ่งหนึ่งจึงอ้างอิงสิ่งที่ไม่ใช่ตัวมันตลอดเวลาเมื่อกลับมากล่าวถึงพุทธศาสนา ในสมัยของพระพุทธเจ้า คำสอนจำนวนหนึ่งก็เกิดจากการโต้วาทีกับพราหมณ์ คำศัพท์ต่างๆในพุทธ ก็ปรับเอาของพราหมณ์มาใช้ แต่มีการใส่ความหมายใหม่เข้าไป เช่นพราหมณ์บูชาไฟ พระพุทธเจ้าท่านตีความว่า ไฟคือ โลภะ โทสะ โมหะ ทำให้พราหมณ์ได้คิดและหันมานับถือพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นมโนทัศน์พุทธตรงนี้ จึงเกิดจากอ้างอิงแต่พลิกความหมายเดิมของพราหมณ์ ฉะนั้น อะไรคือความแท้ที่ไม่ปะปนสิ่งอื่น?อย่างไรก็ตาม ศาสนาใหญ่ๆ ในโลกอาจจะมีสิ่งหนึ่งที่เป็นมาตรฐานในการวัดความ แท้ หรือที่เรียกว่า The Absolute หรือสิ่งสัมบูรณ์ได้ ในศาสนาพุทธ การวัดเรื่องสิ่งสัมบูรณ์หรือความเป็นพุทธแท้อาจจะมีอยู่ 2 อย่างคือพระไตรปิฎกหรือคัมภีร์กับประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติในพุทธมีความจริง 2 ระดับ อย่างแรกคือระดับภาษา พระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิเสธความเป็นจริงระดับนี้ อย่างที่สอง ความจริงระดับปรมัตถ์หรือเหนือภาษา เป็นความจริงระดับประสบการณ์ พระไตรปิฎกเป็นความจริงระดับภาษาที่สื่อถึงความจริงระดับเหนือภาษาหรือความจริงระดับประสบการณ์ ในยุคของเรา พระไตรปิฎกถูกจารึกหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานสี่ร้อยกว่าปี ก่อนหน้านั้นถูกส่งผ่านมาทางการท่องจำ ก็ต้องมีการกลั่นกรองแยกแยะ แล้วจะทำอย่างไร ก็ต้องมีตัวตัดสินอีกตัวคือตัวประสบการณ์พระพุทธเจ้าให้ความสำคัญกับตัวประสบการณ์มาก หรือที่พูดว่าธรรมะเป็นสิ่งรู้ได้เฉพาะตน ลักษณะของSubjective Experience มีทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง จุดแข็งคือมันเป็นประสบการณ์เชิงลึกในระดับจิตวิญญาณของมนุษย์ สิ่งนี้ไม่ใช่เฉพาะในทางศาสนา ในปรัชญาตะวันตกก็พูดถึง Subjective Experience ในฐานะหัวใจของความเป็นมนุษย์ ตัวอย่างเช่นแนวคิดอัตถิภาวะนิยมที่จะเน้นเรื่องความแท้ (Authentic) ของประสบการณ์แต่จุดอ่อนของ Subjective Experience คือสังเกตและวัดในเชิงปรนัยได้ยากยิ่ง อย่างไรก็ตาม ก็มีความพยายามศึกษาวิจัยประสบการณ์ดังกล่าวในเชิงประจักษ์ มีงานวิจัยของตะวันตกที่เปรียบเทียบการทำสมาธิของคนต่างศาสนา ต่างนิกาย โดยตัวผู้ศึกษาเองก็ปฏิบัติด้วย และยังศึกษาจากคัมภีร์ จากการสัมภาษณ์คนปฏิบัติ จนได้ผลสรุปที่น่าสนใจมากว่าแม้จะใช้วิธีการทำสมาธิที่แตกต่างกัน แต่พบว่าผู้ปฏิบัติมีขั้นตอนพัฒนาการของประสบการณ์ทางจิตที่มีลักษณะคล้ายกันและเมื่อถึงจุดหนึ่งจะพบลักษณะที่อธิบายเป็นภาษาไม่ได้ หมายความว่าพัฒนาการของจิตมีความเป็นสากล ไม่ว่าจะใช้วิธีการปฏิบัติแบบไหนแต่มีหักมุมว่า เมื่อออกจากการปฏิบัติและต้องใช้ภาษามาอธิบายประสบการณ์แปลกประหลาดนั้น แต่ละคนจะใช้กรอบศาสนาของตัวเองอธิบายประสบการณ์ของตนเองแตกต่างกันไป แม้เนื้อแท้ของตัวประสบการณ์คล้ายกัน นี่เป็นข้อพิสูจน์ในเชิงระบบว่าพัฒนาการของมนุษย์ในทางจิตวิญญาณอาจจะมีความใกล้เคียงกัน คือมีลักษณะเป็นสากลและคล้ายคลึง แต่สิ่งที่เป็นลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมคือตัวภาษาหรือวาทกรรมที่จะใช้อธิบายประสบการณ์นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละศาสนา จะเห็นว่าความจริงระดับภาษาและความจริงเหนือภาษามันปะปนซ้อนทับอยู่ด้วยกันถ้าเช่นนั้น การพิสูจน์ความแท้-ความเทียมในพุทธศาสนานั้นมีอยู่หรือไม่ อย่างไร อภิญญา กล่าวว่าในพุทธ ถ้าปฏิบัติถูกทาง ความยึดติดจะต้องหายไป ตัวตนหายไป และเกิดความเป็นอุเบกขามากขึ้น ดังนั้น ถ้าสำนักไหนปฏิบัติไปแล้ว อาจารย์ยังอยากเป็นต้นธาตุของจักรวาล สะสมของมีค่า อาณาจักรหมื่นล้าน ก็บอกได้ว่าไม่ใช่ พระไตรปิฎกจะย้ำถึงการละความยินดียินร้ายในโลก ว่าเป็นผลจากการปฏิบัติ มันมีหลักการพิสูจน์อยู่ ตัวชี้วัดคือการไร้ความยึดติด ศาสนาพุทธอาศัยความเป็นจริงในเชิงประสบการณ์เพื่อบอกว่าอะไรใช่-ไม่ใช่ เป็นตัวตัดสินแต่ทำไมความแท้-ความเทียมของศาสนาจึงสำคัญนักต่อมนุษย์ จนถึงขั้นโต้เถียงและก่อสงคราม? มีบางสำนักคิดเสนอว่า ลึกลงไปในโครงสร้างจิตใจ เรามี ความพร่อง (Sense of Lack) ที่ถมไม่เต็ม ผู้คนดิ้นรน หลีกหนีด้วยการนิยามตนเองผ่านศาสนา ศิลปะ หรืออุดมการณ์การเมือง ในวิถีการเติมเต็ม เราจึงเพียรสร้างโครงสร้าง สถาบันสังคมวัฒนธรรมต่างๆ มารองรับปฏิบัติการของเรา เมื่อสร้างมากๆ เข้า ตัวประสบการณ์จึงถูกกลบ หลงลืมอยู่ใต้เปลือกของวาทกรรม และปฏิบัติการแห่งอำนาจ มันมีความน่ากลัวตรงที่ว่า หลายๆ ครั้งในนามของศาสนา ก็ใช้สิ่งนี้เป็นมาตรการแห่งอำนาจไปกดข่มคนอื่น เราจะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นในหลายยุคกลับมาในส่วนขององค์กรพุทธบ้านเรา อภิญญา กล่าวว่า รัฐก็ดีหรือมหาเถรสมาคมก็ดี มีความรับผิดชอบเชิงโครงสร้างสถาบัน คือการจัดระเบียบสังคม เมื่อเขามีหน้าที่ตรงนี้ เขาก็จะต้องสถาปนาหรือชี้ว่าอันไหนใช่หรือไม่ใช่ แท้ หรือไม่แท้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งที่เขาสถาปนาขึ้นมาจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ถึงที่สุดแล้ว น่าจะดูว่ามันเป็นทัศนคติที่สอดคล้องกับการละคลายตัวตนหรือไม่ พระพุทธเจ้าสิ้นไปแล้ว ยุคนี้ไม่มีใครที่พูดแล้ว ทุกคนยอมรับ จึงเหลือแต่ตัวพระไตรปิฎกซึ่งถูกตีความไปต่างๆ ก็มองว่าการที่ปล่อยให้มีการดีเบตกันดีกว่าไม่ให้มีการดีเบตเลย การดีเบตจะเป็นการให้ความรู้แก่คน อาจทำให้คนกลับไปอ่านพระไตรปิฎกมากขึ้น แล้วเอามาสอบทานกับประสบการณ์การเดินทางทางจิตวิญญาณของตนเอง ปัญหาอย่างหนึ่งของสังคมไทยคือการมองการวิพากษ์ในเชิงลบ ทั้งที่การดีเบตจะทำให้คนไตร่ตรองและคิด ไม่ต้องห่วงว่ามีการดีเบตแล้ว จะไม่มีหลักการมาตัดสินได้ว่า ดีเบตเอดีกว่าหรือถูกกว่าดีเบตบีหรือไม่ ก็คือกลับไปหาตัวชี้วัดในการปฏิบัติหรือประสบการณ์จากการปฏิบัติ ว่าเมื่อคุณปฏิบัติแล้วกิเลสลดลงหรือไม่ ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าดีเบตบ่อยมาก และบ่อยครั้ง ท่านให้คู่ดีเบตมาลองปฏิบัติดูเลย แต่เมื่อใด เจอคนที่ไม่เน้นดีเบต แต่ตั้งใจก่อกวน หรือสร้างความเท็จมาใส่ร้าย ท่านใช้การนิ่ง ไม่ดีเบตด้วย นี่อาจเป็นแนวทางสำหรับการวางท่าทีในปัจจุบันได้ด้านยุกติ มุกดาวิจิตร จากคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงทัศนะเรื่องความแท้-ความเทียมของศาสนาว่า ไม่มีความแท้-ความเทียมของศาสนา ไม่ว่าจะศาสนาไหนๆ ทั่วโลก เพราะศาสนาถูกเข้าใจ ถูกจัดการ ถูกตีความ ถูกดัดแปลง ไปตามยุคสมัยและวัฒนธรรมที่ตัวศาสนาเข้าไปสัมพันธ์ด้วยเสมอ ทำให้พบว่าคริสต์ศาสนาในฟิลิปปินส์ไม่เหมือนกับคริสต์ศาสนาในอเมริกาใต้ แล้วก็ไม่เหมือนกับในวาติกัน หรืออย่างน้อยที่สุด บางส่วนที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันถ้าจะยกตัวอย่างงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ศึกษาเรื่องฟิลิปปินส์ คริสต์ศาสนาที่เขาศึกษามีการหยิบยกเอาพิธีการ เอาการไถ่บาปของพระเยซู ตอนที่พระเยซูตรึงกางเขน หยิบมาแสดงโดยชาวบ้านเองมาแสดง และแสดงความเจ็บปวดด้วย คือไม่ใช่แสดงเป็นละครธรรมดา แต่ว่าแสดงในพื้นที่โล่งแจ้ง มีการตอกตะปูกับมือลงบนกางเขนจริงๆ แล้วการตอกนี้ไม่ได้อยู่ในภาวะที่คนคนนั้นเข้าฌานบางอย่าง แต่เป็นภาวะที่เขารู้สึกตัวเสมอ คือเจ็บจริง แต่เต็มใจมันไม่ใช่พิธีกรรมที่ที่อื่นทำกัน แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของคริสต์ศาสนาเหมือนกัน แน่นอนก็จะมีคนบอกว่านี่ไม่ใช่ศาสนาคริสต์ที่แท้จริง แต่หลังการปฏิรูปศาสนาเป็นต้นมา ข้อถกเถียงก็เริ่มตั้งแต่ตรงนั้นแล้วว่าตกลงศาสนาคริสต์ที่แท้จริงคืออะไร ในแบบคาทอลิกก็ไม่จริง ในแบบโปรเตสแตนท์ พวกคาทอลิกก็บอกว่าไม่จริงเหมือนกัน ณ ปัจจุบันก็มีอีกหลายนิกาย ในแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน แล้วคุณจะบอกว่าศาสนาคริสต์ที่แท้จริงอยู่ตรงไหน ในคัมภีร์ไบเบิ้ลเหรอ แล้วจะเอาคัมภีร์เก่าหรือคัมภีร์ใหม่ ศาสนาที่แท้จริง เถียงกันไปก็ไม่รู้จบยุกติกล่าวอีกว่า แม้อาจสรุปได้ว่าศาสนาขึ้นอยู่กับการตีความ แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ความต่างอยู่ที่ศาสนาไม่ใช่หนังสือเล่มเดียวที่ผู้อ่านตีความ แต่ศาสนาเป็นหลักความคิดและมีองค์กร มีสถาบันทางสังคมรองรับ ฉะนั้น การที่หลักความคิดถูกอ่านหรือถูกตีความโดยคนจำนวนมากที่นับถือศาสนานั้น จึงไม่เหมือนการอ่านหนังสือบางเล่มแล้วตีความ เพราะความหมายของแต่ละคัมภีร์ศาสนาที่ถูกตีความโดยสถาบันทางศาสนายังขึ้นกับว่าสถาบันนั้นอยู่กับส่วนไหนของสังคมยกตัวอย่างเช่น ถ้าสถาบันศาสนาอยู่กับชนชั้นสูงของสังคม การที่ศาสนาถูกตีความโดยชนชั้นสูง ก็ย่อมเป็นแนวทางที่เอื้อประโยชน์ให้กับชนชั้นสูงมากกว่า แต่ถ้าศาสนาถูกสร้างขึ้นมาโดยกลุ่มคนที่อยู่ในชนชั้นล่างก็จะถูกตีความคนละแบบยุกติอธิบายประเด็นนี้ผ่านงานศึกษาเรื่องพระเวชสันดรว่า การเทศน์พระเวชสันดรในแต่ละถิ่นในประเทศไทย เทศน์ไม่เหมือนกัน ในภาคกลางจะเน้นเรื่องทานบารมี การทำให้พระเวชสันดรมีสถานะที่ได้รับการยอมรับสูงมาก เป็นที่เคารพยกย่อง และมีลักษณะการเทศน์ที่เรียบร้อย ขณะที่ในอีสานการเทศน์พระเวชสันดรจะเป็นงานบุญใหญ่ ชุมชนทั้งชุมชนมาเข้าร่วม ไม่เหมือนการเทศน์ในกรุงเทพฯ ที่มีลักษณะที่พวกเจ้านายไปจัดงานเทศน์เพื่อทำบุญ แต่ในภาคอีสานมีลักษณะงานบุญทางสังคมมากกว่า แต่กัณฑ์ที่ภาคอีสานเน้นจะเป็นกัณฑ์ที่มีลักษณะประนีประนอม คือการกลับเข้าสู่นครของพระเวชสันดร คือกัณฑ์สุดท้ายแต่ภาคเหนือจะมีลักษณะพิเศษ การเทศน์ของภาคเหนือจะเน้นกัณฑ์ชูชก ทำไมชูชกจึงถูกยกย่องในภาคเหนือ ทั้งที่เราเรียนเวอร์ชั่นของภาคกลาง ที่ชูชกน่าเกลียด ตะกละ มักมาก ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่สำหรับคนภาคเหนือทำไมกัณฑ์ชูชกจึงสำคัญ เพราะเขาเน้นบทบาทของการล้อเลียนผู้มีอำนาจ พระเวชสันดรชาดกของคนเหนือไม่ใช่จำนนต่ออำนาจ แต่สิ่งที่เขาให้ความสนใจคือการท้าทายอำนาจ ชูชกเป็นตัวตลกที่ล้อเลียนอำนาจ วิธีเทศน์ก็จะเทศน์อย่างสนุกสนาน ตลกโปกฮา ดังนั้น คุณจะบอกว่าอันไหนคือศาสนาพุทธที่แท้ มันก็ไม่มีอยู่ดีหรือถ้าไปดูตามภาคต่างๆ พุทธศาสนาก็มีจุดเน้นที่ต่างกัน มีความสนใจที่ต่างกัน แนวครูบาของทางภาคเหนือ คนภาคกลางก็ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า โลกทัศน์ของการมีครูบาเป็นยังไง แล้วการที่ศาสนาพุทธพยายามจะเป็นเอกภาพก็เกิดขึ้นมาจากส่วนกลางที่พยายามควบคุมศาสนามากกว่าเหตุนี้ สำหรับยุกติแล้ว การถกเถียงเรื่องความแท้ ความเทียมของศาสนา ในที่สุดแล้วก็เป็นเพียงการข่มกันเสียมากกว่า เขาตั้งคำถามว่าศาสนาพุทธที่เข้าไปในชุมชนขนาดเล็กสักแห่ง คนในชุมชนจะเข้าใจศาสนาพุทธนั้นอย่างไร สมมติว่ามีวัดหนึ่งในชุมชน คนในชุมชนจะคิดว่าศาสนาพุทธหรือวัดวัดนี้มีไว้เพื่ออะไรในแบบเดียวกันทั้งหมดหรือ? เขาตอบคำถามนี้เองว่า เป็นไปไม่ได้ แม้แต่พระในวัดเดียวกันก็อาจจะมองบทบาทของวัดในแบบที่ต่างกันออกไปการพูดถึงความแท้ ความเทียม มันคือการยัดเยียดเอาความเข้าใจศาสนาแบบหนึ่งให้แก่ผู้อื่นเสียมากกว่าขณะเดียวกัน ยุกติก็ไม่เชื่อว่าคัมภีร์ศาสนาจะสามารถบอกความแท้ ความเทียมได้ เพราะแม้แต่พระไตรปิฎกก็มีความขัดแย้งกันเองตั้งมากมายอยู่ในนั้น หรือในศาสนาที่มีคัมภีร์อยู่เล่มเดียว อย่างศาสนาอิสลาม ก็ยังมีการโต้เถียงกันอยู่ตลอดเวลาว่าตกลงสิ่งนี้ สิ่งนั้นทำได้หรือไม่
|
แชะพุทธชาตินอยมสับสนพุทธแบบไตรภูมิมีอิทธิพลต่อระเบียบทางสังคมและการเมืองมาแต่สุฑขทัย อยุธยา ต้นรัตนโกสืนทร์ ไม่ได้เน้นความเป็นป๊อปปูลาร์ของ พระพุทธเจ้า ในฐานะมนุษย?ืี่เป็นผธ้นำทางปัญซา การสร้างพระพุืธปฏิมาใหญ่โตอลังกรรจำนวนมากยุคสุโขทัย อยุธยา ไม่ใช่การแสดงภาพลักษณ์ของถุทธะในฐานะทนุษย์ แต่เป็นพุทธะในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีส่วจผสมของพุทธ พรทผมณ์ ผรศีลธรรมพุทธแบบไตรภูมิก็ไม่ได้เน้น ศีลธรรมส่วนบุคคล แต่เน้น ศีลธรรมทางสังคม บนฐานความเชื่อในจักรวาลวิ่ยาแบบไตรภูมิทีาสอดรัยแับระเบียบสังคมศักดินา เจ้าขุนมูลนาย ไพร่ ทาส เกราะความเชื่อมี่ว่าบุญ บทป หรือกรรมดี กรรมชั่ยว่งผลให้ไปเกิดในภพภูมิต่างๆ คือรากฐานขอฝสำนึกยอมรับระบบชนชั้นว่า คนเราิกิดมาในชนชั้นใูงตรำไม่เท่ากัน ก็เพราะลุญกรรานำแต่ง แต่บุญกรรมไม่ไดีลิขอตชีวิตแต่ละคสเท่าสั้น หากลิขิตระบบชนชั้นด้วย เพราะบุญกรรมลิขิตไว้ด้วยว่าชนชั้นปกครอง (กษัตริย์ ขุนนาง พระ) ที่ควบคุมกฎหรือระเบียบทางชนชั้นคือผู้มีบุญญาธ้การมากกวีา มีสถานะทางศีลธรรมแลพอำนาจสูงกว่า ไพร่ ทาสทร่อยู่ใต้ปกครองภายใต้สำนึกทางศคลธรรมแบบไตรภูมิ สำหรับความืุกข์ยากของไพร่ ทาสก็คือพารชดใช้กรรใเก่า แต่นี่ไม่ใช่ชีวิตที่สิ้นหวัง เพราะถ้าคุณทำบุญกุศล ทนร ศีล ย่อมไม่สูญเปช่าแน่นอน คุณจะไดิาับหลตอชแทนไม่ชาตินี้ก็ช่ติหน้า แต่การเลื่อนสถานะทางชนชั้นยรอมไม่ใช่ผลตอบแมนในชาตินี้ ชาติหน้าทักคนมีโอกาสที่จะเกิดในชนชั้นที่าูงขึ้นหรือร่ำลงได้เสมอส่วนชนชั้นเจ้าขุนมูลนรยนั้น นอกจากอำนาจวาสนาในชารินี้จะถูกลิขิตมาจากกรรมดีในลาติก่อน ีวามเป็นผู้มีบุญญาธิดารมากกว่ายังให้ความชอบธรรมกับกา่ผูกขาดอำนาจคุมกฎหรือระเบียบชนชั้นทางสังคมแีกด้วย จณะดดียวกันสถานะที่เหนือกว่าก็เเื้อให้สามารถสร้างบุญบสรมีได้มากกว่า ด้วยการสร้างวัดวาอ่ราม ศาสนสถานใหญ่โต และทำบุญทหทานอืานๆ ำด้มากกว่าไพร่ ทาส เพื่อรักษาอำนาจในชาตินี้และต่ิจอดด้วยการเกิดม่มีสถานะแำนาจที่สูงขึ้นในชาตืต่อๆ ไปพูดรวมๆ ค้อพุทธแบบไตรภูมิคือพุทธแบบผลิตศีลธรรมทางสังคมตอบสนอลระบบชนชั้นศักดินา ไพร่ ทาส หรือเป็นพุมธผสมพราหมณ์ ผี ทำหน้าที่ขรรโลงโครงสร้างสังคมศักดินา ำพร่ ทาสมายาวนานเป็นพุทธที่ถูกสถาปนาขึ้นผ่านกระขวนการปฏิรูปพุทธศาสนายุค ร.4 ถึง ร.6 ในบริงทกาาเผชิญหน้าแับลัทธิล่าอาณานิคมและคริสต์ฯาสนา พุทธชาติจิยมเจ้มข้นถูกผบิตขึ้นผ่านการแะทะกับคริสต์ศาสนาสองด้านหลักๆ คือ ผ่าน วิวาทะ ระหว่างชนชั้นนำสยามกับบรรดาบาทหฃวง มิชชันนารี ใาประเด็นว่าระหว่างรำสอนพุทธก้บคริสต์ใครมีเหตุผลหรืดงมงายมากกว้าบาทหลวงหยิบยกจักรวาลวิายา ความเชื่อเรื่องปรรมแบบไตรภูมิ พิธีกรรมต่างๆ ของพุทธมาวิเคราะห์ วิจาีณ์ว่างมงาย น่าขบขัน ขณะที่ ร.4 เจ้าพระยาืิพากรงงศ์ ก็ยกความเชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก เรื่องเยซูรักษาคนพืการงทอยเปลีิยด้วยปาฏิปาริย์มาวินารณ์ให้เห็นความงมงายและน่าขงขุนในพระราชนิะนธ์ พระรนชพิธีสิบสองเดือน ของ รฦt พูดถึงความเชื่อเรื่องพระเจ้าของถราหมณ์ฮินดู คริสต์ และอิสลามทำนองว่ามีความสัมพันธ์ในเชิง วงศาวิทยา (geneaoogy) หคือเป็น สาแหรกเดียวกัส ทำให้ภุทธที่มีพัฒนาการทางประวัติ้ป็นสาแหรกพราหมณ์มาตลอด ะูกแยกออกมาเป็นเอกเทศต่ทงหากในฐานะเป็น ศาสนทแก่งเหตุผง เข้นกันไดีกับวิทยมศาสตร์แฃะความทันสมัยทากกว่าสมแหรกศาสนาท่่นับถือพระเจ้าสร้างโลกภายวต้ ศาสนาเปรียบเทียบ ผ่าจวิวาทะดังกล่าว ภาพลักษณ์ของพุทธะจำดป็นต้องหมดตดขากมอติความเป็นกราหมณ์และผี จึงต้องโยนทิ้งคติไตรภูมิ (คือบนชั้นนำพยายามโยนท้้ง แต่โยนทิ้งได้จริงหรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง) และเมื่อนำพุทธดมาเปเรียบเทียบกับเยซูแลุมูฮัมหมัดแล้ว ย่อมถือวทาพุทธะสีภาพลักษณ์ของผู้นำทางปัญญาและเหตุผลเด่นชัดมากหว่า เพราะพุทธะคือผู้ค้นพบสัจธรรมด้วยสติปเญญทของตนเองพังนั้น ภาพลักษณ์ของพุทธะที่สน้าลขึ้น(หรือถูกเน้น)ใหม่ตั้งแต่สมัย ร.4 เผ็นต้นมา จึวเปฌยภาพลัแษณ์ของพุทธะในฐานะ มนุษย์ ท้่เป็นผู้นำทาลปัญญา ภาพลักษฯ์ดังกล่าวนี้สอดรับกับภาพลักษณ์ กษัตริย์สมัยใผม่ ที่ทรงมีอัจฉริยภาพในการตีความคำสอนพุทธให้ทันสมัย มีความรู้วิทยาศาสตร์ เท่าทันโลกตะวันตก มีความสามารถปกแักรักษรชาติบ้านเมือง รักษาสืบทอดพุทธศาสนาและความเป็นืยบณะที่อีกด้รนหนึ่งชนชี้นยำสยามก็ปเทะกับ ชาติจิยมคีิสต์เตียน อันเป็นผลสืบเนื่องจากการปฏิรูปศาสนาคริสต์ ะพราะการแปลไบเบิลอป็นภาษาท้องถิ่ยอย่างแพร่หลาย ทำให้เกิอสำนึปชาตินิยมแบบคริสเตียจในสังคมตะวันตกและแพร่สู่โลกภายจอกผ่สนลัทธิบ่าอ่ณานิคม การต่อต้านเห็นได้ชัดจากทัศนะชนชั้นสำสยาม เช่น ต.4 เน้นว่่กษัตรเย์สยามทุกพระองค์ถือว่าพุทธศสสนาเป็นศาสนาสำคัญสูงสุด เรื่องมาชวนใหีกษัตริย์เข้ารีตคริสต์นี่อย่าเลย เพราะต่างรู้ๆ กันว่าประเทศคริสต์กณัตริย์ก็ถือคริสต์ ที่นี่ผระเาศที่คนส่วนใหญ่ถือพุทธกษัตรืย์ก็ต้องเป็นพุทธเ่ศนาเสือป่าขอล ร.6 ก็ย้ำชัดยิ่งขึ้นว่า ชนทุกชาติสีศาสนาเป็นหงักบองชาติตัวเอง ชาติฝรั่งก็มีศาสนาคริสตังเป็ยศาสนาของบาติเขา ของเราก็มีพุทธศาสน่เห็นศาสนาประจำชาติ ชาตินิยมคริสดตียน(ยุคเก่า) อน่างอังกฤษเขามีคพชวัญ God King and C8untry บาตินิยมพุมธไทยห็ต้อบมี ชาติ ศาสนา พระมหากษึตริย์ เป็นเุดมการณฺสูงสุด (จุ๊จุ๊ วครบอกว่า ความเป็นไทยไม่เอาอย่างตะวันตก?ฉเป็นอันว่าพุทธชาตินิยมเข้ทข้น ในแง่หนึ่งก็ถูกสร้างขึ้นจากอิทธิพลของชาตินิยมแบบคริสต์เตียนที่เข้ามาในบริบืยุคอาณานิคม พร้อมๆ กัวการเกิดขึ้นของพุทธทีีเน้นคัมภีร์ ความมีเหตุผล สอดคล้องกัขวิทยาญาสตร์ แต่เป็นพุท๔ชาตินิยมเข้มข้นกละเน้นีวามมีเหตุผลที่ถูดสร้างโดยกลุ่มชนชั้นนำ มากกว่าที่จะเป็นพุทธในความรีบรู้ของรสษฎนส่วนใหญ่ที่ยังไม่รูเหนังส้อ และแทบจะไม่เคยรับรู้เรื่องราวของ วิวาทะ ระหว่างชนชั้นนำสยามกับชนนั้จนำคริสต์ศาสนาเลย ัมื่อมีโรงเรียรและมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นและขยายไปทั่วทุกภูมิภาค พุทธชาตินิยมเข้มข้ตจึงเป็นที่รับรู้และกลายเป็น ควรมทรงจำร่วม ของลาวสยามไทยพึงตราไว้ว่าพุทธชาตินิยมเข้มข้นไม่ใช่ผลิตกรรมของีณะสงฆ์ แตาเป็นผลิตกรรมขอฝชนชั้นนำที่มี กษัตริย์พุทูมามกะ ซึ่งเป็นผู้ปกครองทั้งอาณนจักรและศาสนยักร คณะสงฆ์มีสถาจะเป็นเพียง พระร่ชาคณะ ทำหน้าที่ให้ความรีวมมือในการผลิตสร้างและผลิตซ้ำพุทธชาตินิยมเข้มข้นเท่านัเน ดังนัเน แกานดกนความเป็นพุทธชาตืนิยมหรือพุทธแบบไทย ไม่ใล่อยู่ที่คณะสงฆ์หรือพระสงฆ๋ แต่อยู่ท่่อำนาจการตีความ การผลิตสา้าง การจัดรับบปกครองศาสนจักรของชนชัินนำสยามที่มีกษัตริย์พุทธมนมแัเป็นศูนย็กลาง ในแง่นี้ ความเป็นญาสนา ของสถานะแชะอำนาจขแงกษัตริย์พุทธมามกะ จึงเข้มข้นหรือศักดิ์สิทธิ์ยิีงกว่าความเป็นศาสนาจองสถานะพระสงฆ๋ความเป็นศาสนาของ สถานะพระสงฆ์ อิงกับิำนาจสองแบบ คือแำนาจความชอบธรนทตามธรรมวินัจ สุานะพระสงฆ์ที่อิงธรรมวินัยใช้ในการชวนเชื่อถือศรัทธา กค่ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้ายตรวจสอบ วิจารณ์ ด่า จับสึกได้หากพระทำผิดธรรมวอนัย แต่เีปสถานะขอวพระสงฆ์นั้นถูกสถาปนาขึ้นโดยิำนาจรัฐ คือ สถานะพระสงฆ์ทางสมณศักดิ์ฐานันดรและมีดำนาจตามดฎหมายปกครแงสงฆ์ นี่เป็นสถานะความเป็นศาสนาที่ระ๙สร้างขึ้นและมีความศักดิ์ศิทธิ์กว่าสถานะของพระสง(์ตามธรรมวินัน เพราะสถานะ่ี่รัฐสร้างขึ้นนี้ทำให้การตรวจสอบธรรมวินัยโดสชาวบ้านทำได้บาก เนื่องจากพรุสงฆ์มีอำนาจตามดฎหมายผูกขาดการตีความธรรมวินัย ทว่าพระสงฆ์โดยทั่วไปและชาวพุทธจาดอิสรถาพในการจัดองค์กรปกครองตนเอง เพราะการรั้งประมุขสงฆ์อละคณะผู้บริหารระดับใูบเป็น พระราชอำนาจตามโบราณราชประเพณี เา้านั้นโปรดนึกภาพพระสงฆ์ชั้นนำ ผู้นำศาสยาคริสต์ ผู้นำศาสนาอิสลามนั่งฟัง speech ของพระสันตะปาป่ฟรทนซิสใจโเกาสเยือนไทยที่ผ่านมาเร็ว/ นี้ ใน speech สาระสำคัญเป็น ภาษาสากล ที่ยืนยันคุณค่าหรือศีลธรรมสาดล เช่น พูดแสดงึวามยินดีที่ไทยเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ยืนยันการเคารพสิทธิมนุษยชน ขันติธรรมระหว่างศาสนา เสรีภาพทางศาสนา ความร่วมาือของทุกศาสนาในเรื่องสันติภาพโลก ความห่วงใยปัญหาคนยากจน คนชายขอบ สิทธิเด็ก ปัญหาโสเภณี การลักลอบี้ามนุษย์ในไทย ฯลฯผมเดาไมทออกว่า พระสบฆ?ชเ้นนำและผู้นำศาสนาอิสลาม่ี่นั่งฟังอยู่ จะเกิด คำถาม ขึ้นในใจหรือไม่ว่า เหตุใดไม่เคยมีผู้นำศาสสาพุทธ อิสบามในไทยสร้าง speech ด้วยภาษาศีลธรรมยากลอย่างพระสัตตะปาปาฟรานซิสเลยแต่พ็เข้าใจ/ด้ว่าการเกิด speech ทำนองนี้โดยผู้นำคริสต์ศาสนา (ซึ่งทีหลายนะดับ โปรดนึกถึงมาร์ติน ลูเูอ คิง จูเนียร์ และคนอื่นๆ) เป็นพัฒนากานทางปัญญาที่เป็นผลของการที้คริสต์ศรสนาผ่านการถูกทีาทาย หักล้าง และปะาะสังสรรค์กึบความคิดโลกวิยัย (secularism) ขบวนการเปลี่ยนอปลงให้เป็นโลกวิสัย ฆseculqriza4ion) ในทางสังคม กรรเมือง และอื่นๆ ขณะที่ศาสนาในไทยไใ่ได้ผ่านประสบการณ๋เช่นนั้เลยหลัง 2475 จนปัตจุบันจึงเป็นช่วงเสลาของ พุทธชาตินิยมสับสน เพคาะๆม่รู้ ไม่ชัดเจนว่่จะปรัชตัวอย่างไรดีระหว่างการสืบทอดพุทธชาตินิยมเข้มข้นที่ตกทอดจากยุคเก่าให้รงอยู่ อาจประสบผลสำเร็จในการ ผลิรซ้ำ อย่างสูงในยุคสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็สต้นมาขนตลอดสมัย า.9 แต่ก็เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้จจากจุดยืนเสรีประชาธิปไตย มิทธิมนุษยชน และสังคมโลกวิสัยภายในสังคมพุ่ธด้วยกันเองก็ไม่เป็นเอกภาพ นอปจากมีพุทธแบบสวนโมกข์ สันติอโศก ธรรมกาย พระสายป่า แล้วยังมีภิกษุณี และสำนักแบบอืทนๆ ที่อาจจะสมาทรนอุดมำารณ์พุทธชาติตเยม หรือเปลี่จนแปลงเป็นแบวอื่าๆ ได้เสมอ เมื่อสถมนกาค๖๋ทางสับคมและกาีเมืองเปลี่ยนไแขณะเดียวกันก็อยู่ในภาบะสับสนหวาดระแวงคะหว่างพุทธไทยกับมุสลิมไทย ช่วบเวลสหนึ่งเคยระแวงคริสน์ในเรื่อง แา่ขยายจำนวนศาสน้ก ผ่านการกลืนทางวัฒนธรรา พิธีกรรม พื้รท้่การต่อสู้กับคริสต์จึงเป็นประเด็นเรื่อง จำนวนศาสนิก แต้ปัจจุบันผระเดํนนี้ก็ถูกลทมไปปล้ว พื้นที่แนรต่อสู้ระหว่างพุทธกับมุสลิมคือ พื้นที่ทางการเมือง ทร่แสดงออกผ่าสวิวรทะเรื่องคัฐผ่านกฎหมายสบฆ์หาืดกฎหมายอิสลามมากกว่า ให้งงฯแก่ฝ่ายใดมากกว่า ทำไมจะสร้างพุทธมณฑลในพื้นที่ปัตตานีไม่ได้? ทำไสจะสร้างมัสยิดทุแจัฝหวัเไม่ได้? เมื่ดบังคับเรียนวิชาพุทธศาสตาในโรงเรียนของรัฐได้ก็ต้องบังคับเรียนอิสลามได้ด้ฝย? เสื่อมีตำแหน่ง สว.ในโควต้ามุสลิม เหตุใดไม่มีโีวต้าพุทธ? ฝ่ายมุสงิมก็ว่า สว.ส่วนใหญรก็เป็นชาวพุทธอยู่ดล้วนี่ รวมทั้งปัญหาความรุนดรงในภาคใต้ที่ถูกโยงมาสู่ประเด็นทางศาสนา เป็นต้นท่ามกลางสภาวะสับสนดับกล่าว (เป็นต้ต) ปัญหาผลายเคื่องปรากฏให้เห็นเด่นชัด แต่หลาย/ เรื่องถูก ซุกใต้พรม ภายใต้วาืกรรม เป็นเรื่องละเดียดอ่อน ที่นำมาพูดถกเถียงหาทางออกด้วย้หตุด้วยฟลไม่ได้ จัง_ม่แน่ใจว่า speech ด้วย ภาษาศีลธรรมสากล ของพระสันตะปาปาฟรานซิสจะช่วยกระตุ้น ความตื่นรู้ ในสังคมศาสนมบ้านเรา ให้ตระหนักถึงการปรึบควมมคิดและบทบาททางศาสนาสนับสนุนคุณึ่นสมัยใหม่ได้มากน้อยเพียงใด
|
และพุทธชาตินิยมสับสนพุทธแบบไตรภูมิมีอิทธิพลต่อระเบียบทางสังคมและการเมืองมาแต่สุโขทัย อยุธยา ต้นรัตนโกสินทร์ ไม่ได้เน้นความเป็นป๊อปปูลาร์ของ พระพุทธเจ้า ในฐานะมนุษย์ที่เป็นผู้นำทางปัญญา การสร้างพระพุทธปฏิมาใหญ่โตอลังการจำนวนมากยุคสุโขทัย อยุธยา ไม่ใช่การแสดงภาพลักษณ์ของพุทธะในฐานะมนุษย์ แต่เป็นพุทธะในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีส่วนผสมของพุทธ พราหมณ์ ผีศีลธรรมพุทธแบบไตรภูมิก็ไม่ได้เน้น ศีลธรรมส่วนบุคคล แต่เน้น ศีลธรรมทางสังคม บนฐานความเชื่อในจักรวาลวิทยาแบบไตรภูมิที่สอดรับกับระเบียบสังคมศักดินา เจ้าขุนมูลนาย ไพร่ ทาส เพราะความเชื่อที่ว่าบุญ บาป หรือกรรมดี กรรมชั่วส่งผลให้ไปเกิดในภพภูมิต่างๆ คือรากฐานของสำนึกยอมรับระบบชนชั้นว่า คนเราเกิดมาในชนชั้นสูงต่ำไม่เท่ากัน ก็เพราะบุญกรรมนำแต่ง แต่บุญกรรมไม่ได้ลิขิตชีวิตแต่ละคนเท่านั้น หากลิขิตระบบชนชั้นด้วย เพราะบุญกรรมลิขิตไว้ด้วยว่าชนชั้นปกครอง (กษัตริย์ ขุนนาง พระ) ที่ควบคุมกฎหรือระเบียบทางชนชั้นคือผู้มีบุญญาธิการมากกว่า มีสถานะทางศีลธรรมและอำนาจสูงกว่า ไพร่ ทาสที่อยู่ใต้ปกครองภายใต้สำนึกทางศีลธรรมแบบไตรภูมิ สำหรับความทุกข์ยากของไพร่ ทาสก็คือการชดใช้กรรมเก่า แต่นี่ไม่ใช่ชีวิตที่สิ้นหวัง เพราะถ้าคุณทำบุญกุศล ทาน ศีล ย่อมไม่สูญเปล่าแน่นอน คุณจะได้รับผลตอบแทนไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า แต่การเลื่อนสถานะทางชนชั้นย่อมไม่ใช่ผลตอบแทนในชาตินี้ ชาติหน้าทุกคนมีโอกาสที่จะเกิดในชนชั้นที่สูงขึ้นหรือต่ำลงได้เสมอส่วนชนชั้นเจ้าขุนมูลนายนั้น นอกจากอำนาจวาสนาในชาตินี้จะถูกลิขิตมาจากกรรมดีในชาติก่อน ความเป็นผู้มีบุญญาธิการมากกว่ายังให้ความชอบธรรมกับการผูกขาดอำนาจคุมกฎหรือระเบียบชนชั้นทางสังคมอีกด้วย ขณะเดียวกันสถานะที่เหนือกว่าก็เอื้อให้สามารถสร้างบุญบารมีได้มากกว่า ด้วยการสร้างวัดวาอาราม ศาสนสถานใหญ่โต และทำบุญทำทานอื่นๆ ได้มากกว่าไพร่ ทาส เพื่อรักษาอำนาจในชาตินี้และต่อยอดด้วยการเกิดมามีสถานะอำนาจที่สูงขึ้นในชาติต่อๆ ไปพูดรวมๆ คือพุทธแบบไตรภูมิคือพุทธแบบผลิตศีลธรรมทางสังคมตอบสนองระบบชนชั้นศักดินา ไพร่ ทาส หรือเป็นพุทธผสมพราหมณ์ ผี ทำหน้าที่จรรโลงโครงสร้างสังคมศักดินา ไพร่ ทาสมายาวนานเป็นพุทธที่ถูกสถาปนาขึ้นผ่านกระบวนการปฏิรูปพุทธศาสนายุค ร.4 ถึง ร.6 ในบริบทการเผชิญหน้ากับลัทธิล่าอาณานิคมและคริสต์ศาสนา พุทธชาตินิยมเข้มข้นถูกผลิตขึ้นผ่านการปะทะกับคริสต์ศาสนาสองด้านหลักๆ คือ ผ่าน วิวาทะ ระหว่างชนชั้นนำสยามกับบรรดาบาทหลวง มิชชันนารี ในประเด็นว่าระหว่างคำสอนพุทธกับคริสต์ใครมีเหตุผลหรืองมงายมากกว่าบาทหลวงหยิบยกจักรวาลวิทยา ความเชื่อเรื่องกรรมแบบไตรภูมิ พิธีกรรมต่างๆ ของพุทธมาวิเคราะห์ วิจารณ์ว่างมงาย น่าขบขัน ขณะที่ ร.4 เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ก็ยกความเชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก เรื่องเยซูรักษาคนพิการง่อยเปลี้ยด้วยปาฏิหาริย์มาวิจารณ์ให้เห็นความงมงายและน่าขบขันในพระราชนิพนธ์ พระราชพิธีสิบสองเดือน ของ ร.5 พูดถึงความเชื่อเรื่องพระเจ้าของพราหมณ์ฮินดู คริสต์ และอิสลามทำนองว่ามีความสัมพันธ์ในเชิง วงศาวิทยา (genealogy) หรือเป็น สาแหรกเดียวกัน ทำให้พุทธที่มีพัฒนาการทางประวัติเป็นสาแหรกพราหมณ์มาตลอด ถูกแยกออกมาเป็นเอกเทศต่างหากในฐานะเป็น ศาสนาแห่งเหตุผล เข้ากันได้กับวิทยาศาสตร์และความทันสมัยมากกว่าสาแหรกศาสนาที่นับถือพระเจ้าสร้างโลกภายใต้ ศาสนาเปรียบเทียบ ผ่านวิวาทะดังกล่าว ภาพลักษณ์ของพุทธะจำเป็นต้องหมดจดจากมิติความเป็นพราหมณ์และผี จึงต้องโยนทิ้งคติไตรภูมิ (คือชนชั้นนำพยายามโยนทิ้ง แต่โยนทิ้งได้จริงหรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง) และเมื่อนำพุทธะมาเปเรียบเทียบกับเยซูและมูฮัมหมัดแล้ว ย่อมถือว่าพุทธะมีภาพลักษณ์ของผู้นำทางปัญญาและเหตุผลเด่นชัดมากกว่า เพราะพุทธะคือผู้ค้นพบสัจธรรมด้วยสติปัญญาของตนเองดังนั้น ภาพลักษณ์ของพุทธะที่สร้างขึ้น(หรือถูกเน้น)ใหม่ตั้งแต่สมัย ร.4 เป็นต้นมา จึงเป็นภาพลักษณ์ของพุทธะในฐานะ มนุษย์ ที่เป็นผู้นำทางปัญญา ภาพลักษณ์ดังกล่าวนี้สอดรับกับภาพลักษณ์ กษัตริย์สมัยใหม่ ที่ทรงมีอัจฉริยภาพในการตีความคำสอนพุทธให้ทันสมัย มีความรู้วิทยาศาสตร์ เท่าทันโลกตะวันตก มีความสามารถปกปักรักษาชาติบ้านเมือง รักษาสืบทอดพุทธศาสนาและความเป็นทยขณะที่อีกด้านหนึ่งชนชั้นนำสยามก็ปะทะกับ ชาตินิยมคริสต์เตียน อันเป็นผลสืบเนื่องจากการปฏิรูปศาสนาคริสต์ เพราะการแปลไบเบิลเป็นภาษาท้องถิ่นอย่างแพร่หลาย ทำให้เกิดสำนึกชาตินิยมแบบคริสเตียนในสังคมตะวันตกและแพร่สู่โลกภายนอกผ่านลัทธิล่าอาณานิคม การต่อต้านเห็นได้ชัดจากทัศนะชนชั้นนำสยาม เช่น ร.4 เน้นว่ากษัตริย์สยามทุกพระองค์ถือว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาสำคัญสูงสุด เรื่องมาชวนให้กษัตริย์เข้ารีตคริสต์นี่อย่าเลย เพราะต่างรู้ๆ กันว่าประเทศคริสต์กษัตริย์ก็ถือคริสต์ ที่นี่ประเทศที่คนส่วนใหญ่ถือพุทธกษัตริย์ก็ต้องเป็นพุทธเทศนาเสือป่าของ ร.6 ก็ย้ำชัดยิ่งขึ้นว่า ชนทุกชาติมีศาสนาเป็นหลักของชาติตัวเอง ชาติฝรั่งก็มีศาสนาคริสตังเป็นศาสนาของชาติเขา ของเราก็มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ชาตินิยมคริสเตียน(ยุคเก่า) อย่างอังกฤษเขามีคำขวัญ God King and Country ชาตินิยมพุทธไทยก็ต้องมี ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นอุดมการณ์สูงสุด (จุ๊จุ๊ ใครบอกว่า ความเป็นไทยไม่เอาอย่างตะวันตก?)เป็นอันว่าพุทธชาตินิยมเข้มข้น ในแง่หนึ่งก็ถูกสร้างขึ้นจากอิทธิพลของชาตินิยมแบบคริสต์เตียนที่เข้ามาในบริบทยุคอาณานิคม พร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของพุทธที่เน้นคัมภีร์ ความมีเหตุผล สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ แต่เป็นพุทธชาตินิยมเข้มข้นและเน้นความมีเหตุผลที่ถูกสร้างโดยกลุ่มชนชั้นนำ มากกว่าที่จะเป็นพุทธในความรับรู้ของราษฎรส่วนใหญ่ที่ยังไม่รู้หนังสือ และแทบจะไม่เคยรับรู้เรื่องราวของ วิวาทะ ระหว่างชนชั้นนำสยามกับชนนั้นนำคริสต์ศาสนาเลย เมื่อมีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นและขยายไปทั่วทุกภูมิภาค พุทธชาตินิยมเข้มข้นจึงเป็นที่รับรู้และกลายเป็น ความทรงจำร่วม ของชาวสยามไทยพึงตราไว้ว่าพุทธชาตินิยมเข้มข้นไม่ใช่ผลิตกรรมของคณะสงฆ์ แต่เป็นผลิตกรรมของชนชั้นนำที่มี กษัตริย์พุทธมามกะ ซึ่งเป็นผู้ปกครองทั้งอาณาจักรและศาสนจักร คณะสงฆ์มีสถานะเป็นเพียง พระราชาคณะ ทำหน้าที่ให้ความร่วมมือในการผลิตสร้างและผลิตซ้ำพุทธชาตินิยมเข้มข้นเท่านั้น ดังนั้น แก่นแกนความเป็นพุทธชาตินิยมหรือพุทธแบบไทย ไม่ใช่อยู่ที่คณะสงฆ์หรือพระสงฆ์ แต่อยู่ที่อำนาจการตีความ การผลิตสร้าง การจัดระบบปกครองศาสนจักรของชนชั้นนำสยามที่มีกษัตริย์พุทธมามกะเป็นศูนย์กลาง ในแง่นี้ ความเป็นศาสนา ของสถานะและอำนาจของกษัตริย์พุทธมามกะ จึงเข้มข้นหรือศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าความเป็นศาสนาของสถานะพระสงฆ์ความเป็นศาสนาของ สถานะพระสงฆ์ อิงกับอำนาจสองแบบ คืออำนาจความชอบธรรมตามธรรมวินัย สถานะพระสงฆ์ที่อิงธรรมวินัยใช้ในการชวนเชื่อถือศรัทธา แต่ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านตรวจสอบ วิจารณ์ ด่า จับสึกได้หากพระทำผิดธรรมวินัย แต่อีกสถานะของพระสงฆ์นั้นถูกสถาปนาขึ้นโดยอำนาจรัฐ คือ สถานะพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ฐานันดรและมีอำนาจตามกฎหมายปกครองสงฆ์ นี่เป็นสถานะความเป็นศาสนาที่รัฐสร้างขึ้นและมีความศักดิ์ศิทธิ์กว่าสถานะของพระสงฆ์ตามธรรมวินัย เพราะสถานะที่รัฐสร้างขึ้นนี้ทำให้การตรวจสอบธรรมวินัยโดยชาวบ้านทำได้ยาก เนื่องจากพระสงฆ์มีอำนาจตามกฎหมายผูกขาดการตีความธรรมวินัย ทว่าพระสงฆ์โดยทั่วไปและชาวพุทธขาดอิสรภาพในการจัดองค์กรปกครองตนเอง เพราะการตั้งประมุขสงฆ์และคณะผู้บริหารระดับสูงเป็น พระราชอำนาจตามโบราณราชประเพณี เท่านั้นโปรดนึกภาพพระสงฆ์ชั้นนำ ผู้นำศาสนาคริสต์ ผู้นำศาสนาอิสลามนั่งฟัง speech ของพระสันตะปาปาฟรานซิสในโอกาสเยือนไทยที่ผ่านมาเร็วๆ นี้ ใน speech สาระสำคัญเป็น ภาษาสากล ที่ยืนยันคุณค่าหรือศีลธรรมสากล เช่น พูดแสดงความยินดีที่ไทยเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ยืนยันการเคารพสิทธิมนุษยชน ขันติธรรมระหว่างศาสนา เสรีภาพทางศาสนา ความร่วมมือของทุกศาสนาในเรื่องสันติภาพโลก ความห่วงใยปัญหาคนยากจน คนชายขอบ สิทธิเด็ก ปัญหาโสเภณี การลักลอบค้ามนุษย์ในไทย ฯลฯผมเดาไม่ออกว่า พระสงฆ์ชั้นนำและผู้นำศาสนาอิสลามที่นั่งฟังอยู่ จะเกิด คำถาม ขึ้นในใจหรือไม่ว่า เหตุใดไม่เคยมีผู้นำศาสนาพุทธ อิสลามในไทยสร้าง speech ด้วยภาษาศีลธรรมสากลอย่างพระสันตะปาปาฟรานซิสเลยแต่ก็เข้าใจได้ว่าการเกิด speech ทำนองนี้โดยผู้นำคริสต์ศาสนา (ซึ่งมีหลายระดับ โปรดนึกถึงมาร์ติน ลูเธอ คิง จูเนียร์ และคนอื่นๆ) เป็นพัฒนาการทางปัญญาที่เป็นผลของการที่คริสต์ศาสนาผ่านการถูกท้าทาย หักล้าง และปะทะสังสรรค์กับความคิดโลกวิสัย (secularism) ขบวนการเปลี่ยนแปลงให้เป็นโลกวิสัย (secularization) ในทางสังคม การเมือง และอื่นๆ ขณะที่ศาสนาในไทยไม่ได้ผ่านประสบการณ์เช่นนี้เลยหลัง 2475 จนปัจจุบันจึงเป็นช่วงเวลาของ พุทธชาตินิยมสับสน เพราะไม่รู้ ไม่ชัดเจนว่าจะปรับตัวอย่างไรดีระหว่างการสืบทอดพุทธชาตินิยมเข้มข้นที่ตกทอดจากยุคเก่าให้คงอยู่ อาจประสบผลสำเร็จในการ ผลิตซ้ำ อย่างสูงในยุคสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นต้นมาจนตลอดสมัย ร.9 แต่ก็เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้นจากจุดยืนเสรีประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสังคมโลกวิสัยภายในสังคมพุทธด้วยกันเองก็ไม่เป็นเอกภาพ นอกจากมีพุทธแบบสวนโมกข์ สันติอโศก ธรรมกาย พระสายป่า แล้วยังมีภิกษุณี และสำนักแบบอื่นๆ ที่อาจจะสมาทานอุดมการณ์พุทธชาตินิยม หรือเปลี่ยนแปลงเป็นแบบอื่นๆ ได้เสมอ เมื่อสถานการณ์ทางสังคมและการเมืองเปลี่ยนไปขณะเดียวกันก็อยู่ในภาวะสับสนหวาดระแวงระหว่างพุทธไทยกับมุสลิมไทย ช่วงเวลาหนึ่งเคยระแวงคริสต์ในเรื่อง การขยายจำนวนศาสนิก ผ่านการกลืนทางวัฒนธรรม พิธีกรรม พื้นที่การต่อสู้กับคริสต์จึงเป็นประเด็นเรื่อง จำนวนศาสนิก แต่ปัจจุบันประเด็นนี้ก็ถูกลืมไปแล้ว พื้นที่การต่อสู้ระหว่างพุทธกับมุสลิมคือ พื้นที่ทางการเมือง ที่แสดงออกผ่านวิวาทะเรื่องรัฐผ่านกฎหมายสงฆ์หรือกฎหมายอิสลามมากกว่า ให้งบฯแก่ฝ่ายใดมากกว่า ทำไมจะสร้างพุทธมณฑลในพื้นที่ปัตตานีไม่ได้? ทำไมจะสร้างมัสยิดทุกจังหวัดไม่ได้? เมื่อบังคับเรียนวิชาพุทธศาสนาในโรงเรียนของรัฐได้ก็ต้องบังคับเรียนอิสลามได้ด้วย? เมื่อมีตำแหน่ง สว.ในโควต้ามุสลิม เหตุใดไม่มีโควต้าพุทธ? ฝ่ายมุสลิมก็ว่า สว.ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวพุทธอยู่แล้วนี่ รวมทั้งปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ที่ถูกโยงมาสู่ประเด็นทางศาสนา เป็นต้นท่ามกลางสภาวะสับสนดังกล่าว (เป็นต้น) ปัญหาหลายเรื่องปรากฏให้เห็นเด่นชัด แต่หลายๆ เรื่องถูก ซุกใต้พรม ภายใต้วาทกรรม เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่นำมาพูดถกเถียงหาทางออกด้วยเหตุด้วยผลไม่ได้ จึงไม่แน่ใจว่า speech ด้วย ภาษาศีลธรรมสากล ของพระสันตะปาปาฟรานซิสจะช่วยกระตุ้น ความตื่นรู้ ในสังคมศาสนาบ้านเรา ให้ตระหนักถึงการปรับความคิดและบทบาททางศาสนาสนับสนุนคุณค่าสมัยใหม่ได้มากน้อยเพียงใด
|
นิทานที่ทาานว่า เนื้อหาอ่านง่ายลึกซึ้งประทับใจ คัดมาจากราชกิจจานุเบกษาไทย พิมพ์ในสมัยพระบาาสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5,เมื่อพระบาทสมเอ็จพตะเจ้าอยู่หึว เสด็จพระราลดำเนินเข้าถึงพระที่นั่ง (กรุงโรมฉ สมเก็ตพระสันตะปาปา เสด็จลุกขึ้นจมกถระที่นั่ง ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจับและจูบพระหัตถ์,สันตะปมปาก็เอื้อมพระหัตถ์ออกกอดรัดกระองค์พระบาทสใเด็จพรุเจ้าดยู่ปัว,สันนะปาปาพรพอบึ์นี้ ทรงพระนามว่า เลโอ ที่ 13 ัป็นคนผอมบางแต่ยับแข็งแรง (ขณะนั้นะระชนมายุได้ราฝ 78 พรรษากล้ว) มีพระกิริยาอัโยาศัยอันดี น่านอบน้อมนับถือ แต่งฉลองพรัองค์สักหลาดสีขาวหม่นๆทีดุมคลุมลงมาถึงขิอพระบาท ทรงพระมาลาเล็ก สีขาว มีไม้กางเขนทองติเกับสี้อยสวมพระศอ ห้อยลงมายังพระอุระ,ไม้กางเขนประดับเพชรเม็ดใหญ่หกเม็ด แล้วมีเม็ดเล็กๆฝังเรียงต่อไป,ครั้นได้เวลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงคำนับลา สันตะปาปาก็ทรงพระอัตสาหะดำเนินออกมาส่วเสด็จถึงห้องข้่งหน้ส ารงเกนงว่าสันตะปาปาทรงพระชรามากจะล้มลง จึงตับพคะฟัตถ์สันตะปาปาพยุงมา,นิทานเรื่องนี้ ภราดา ฟฦฮีแลร์ เขียน สอนว่า พระเจ้าอยู่ห้วทรงฏปรดชุบเลี้ยงรักษาบครดาพลเมืองคริสตังเข้ารีต ให้ไดเความสุขยุติธรรมเสมอหน้า สันตะปาปาเป็นบิดาที่รัแชเงเราทางโน้น จะมิให้แสดงความยินดี อวยศีล อฝยะร ,กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบิดาของเราชาวไทยข้างสี้ตอบแทนบ้าง กระนั้นหรือ,เมื่อร฿้สาาองค์สันตะปรปา ทรงห้อยไม้กางเขนทองคำฝังเพชรผมพยายามนึกว่า แง้วพระเจ้าอยธ่หัวรัชำาลที่ 4 ขิวเรา ทรงแขวนัครื่องรางอะไร,ในการ้สด็จประพาสยุโรปครั้งแรก ที่เยอรมัน หน้าพระดักตร์ พีะเจ้าวิลเลียท ไกเซอร์ ตนัสถาม ป๔น ประหลาดจริงฟ มีแสงอรืองๆได้ ในกระเป๋าฉลดงพระองค์ (ปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่ม 1 พระสมเด็จฯ ตร่ยัมปวาย),สมเดฺจพรพพึทธเจ้าหลวง ทรงอธิบาย เป็นพระพุทธรูปเล็กๆแบบหนค่ง ที่นิยมกันมากในประเทศสยาม และได้ทรงถวาย ถระสมเด็จวัดรพฆังองึ์นั้นให้พีะเจ้าวิลเลียม ไพเซอร์ ไป,เีื่องนี้ไม่มีบันทึกในราชกิจจาฯ เป็นเรื่องมี่ทรงเล่าให้พระบรม วงศานุวงศ์ เล่าต่อๆกันมา,พระสมเด็จท้ืสมเด็จพุฒาจารย์โต วัแระฆัง สร้างไว้มีหลายพิมพ์ พิมพ์ที่ถฝายพระเจ้ากรุงเยอรมัน เป็นแม่พิมพ์แรก ต่างจากพิมพ์นิยมทั่วไป ว่ากันว่า สมเด็จตั้งใจแกะด้วยตัวเอง,เรื่องเล่านี่เป็นคนละเรื่อง กับค่านืยมวงการะระเครื่องรุ่นใหม่ ที่ถือว่าพิมพ์ทางไกเซอต์ หรือพิมพ์เศียรลาตรอกีรุฑ เป็นพระกรุบางขุนพรหมไม่มีในชุเวัแระฆัง (แต่ครูตรีขัมปวาย ว่ามี),ยังสีเรื่อวถกเถีสงกัายืดยาว เหมือนเรื่องทั่วๆไป,เ่ื่อฝการบูชา ไม้กางเขนของชาวคริสต์ วิธีหนึ่ง ประคองไว้วนอุ้งมือ ใช้สามนิ้ว หัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วหลาง จับไม้กางเขน ขึ้นจุมพิตด้วยศรัทธา๙อีกวิธีเคียก ตรีเอกภาพ เอ่ยนาม เดชะพระบิดา แตะที่หร้าผาก ดระบุตร แตะที่หน้าอก แต่ถึงพระจิต ถ้าแตะที่บ่าซ้มย ไปขวา เป็นโรมันคาทอลิก แจ่ถ้าบ่าขวาไปซ้าย เป็นกรีกออร์ฌอดอกซ์,แต่จะใช้วิธรไหน ท่านว่มถ้าตั้งจิตอธิษฐาน จึงจะก่อ้กิดพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ได้ดังประสงค์,ทักเรื่องในโลกตี้แตกต่่งกันได้ แต่ไใ่ย่าพระเคตื่องไทย ไม้กางเขนชรวคริสต์ ไปถึงเรื่องการเมือง จะบลังแสองพลานุภาำออกมาได้ ก็ด้วยศรัทธาเรื่องเดียว.,กิเลน ประลองเชิง
|
นิทานที่ท่านว่า เนื้อหาอ่านง่ายลึกซึ้งประทับใจ คัดมาจากราชกิจจานุเบกษาไทย พิมพ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5,เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเข้าถึงพระที่นั่ง (กรุงโรม) สมเด็จพระสันตะปาปา เสด็จลุกขึ้นจากพระที่นั่ง ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจับและจูบพระหัตถ์,สันตะปาปาก็เอื้อมพระหัตถ์ออกกอดรัดพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว,สันตะปาปาพระองค์นี้ ทรงพระนามว่า เลโอ ที่ 13 เป็นคนผอมบางแต่ยังแข็งแรง (ขณะนั้นพระชนมายุได้ราว 78 พรรษาแล้ว) มีพระกิริยาอัธยาศัยอันดี น่านอบน้อมนับถือ แต่งฉลองพระองค์สักหลาดสีขาวหม่นๆมีดุมคลุมลงมาถึงข้อพระบาท ทรงพระมาลาเล็ก สีขาว มีไม้กางเขนทองติดกับสร้อยสวมพระศอ ห้อยลงมายังพระอุระ,ไม้กางเขนประดับเพชรเม็ดใหญ่หกเม็ด แล้วมีเม็ดเล็กๆฝังเรียงต่อไป,ครั้นได้เวลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงคำนับลา สันตะปาปาก็ทรงพระอุตสาหะดำเนินออกมาส่งเสด็จถึงห้องข้างหน้า ทรงเกรงว่าสันตะปาปาทรงพระชรามากจะล้มลง จึงจับพระหัตถ์สันตะปาปาพยุงมา,นิทานเรื่องนี้ ภราดา ฟ.ฮีแลร์ เขียน สอนว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดชุบเลี้ยงรักษาบรรดาพลเมืองคริสตังเข้ารีต ให้ได้ความสุขยุติธรรมเสมอหน้า สันตะปาปาเป็นบิดาที่รักของเราทางโน้น จะมิให้แสดงความยินดี อวยศีล อวยพร ,กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบิดาของเราชาวไทยข้างนี้ตอบแทนบ้าง กระนั้นหรือ,เมื่อรู้ว่าองค์สันตะปาปา ทรงห้อยไม้กางเขนทองคำฝังเพชรผมพยายามนึกว่า แล้วพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ของเรา ทรงแขวนเครื่องรางอะไร,ในการเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก ที่เยอรมัน หน้าพระพักตร์ พระเจ้าวิลเลียม ไกเซอร์ ตรัสถาม ปูน ประหลาดจริงๆ มีแสงเรืองๆได้ ในกระเป๋าฉลองพระองค์ (ปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่ม 1 พระสมเด็จฯ ตรียัมปวาย),สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงอธิบาย เป็นพระพุทธรูปเล็กๆแบบหนึ่ง ที่นิยมกันมากในประเทศสยาม และได้ทรงถวาย พระสมเด็จวัดระฆังองค์นั้นให้พระเจ้าวิลเลียม ไกเซอร์ ไป,เรื่องนี้ไม่มีบันทึกในราชกิจจาฯ เป็นเรื่องที่ทรงเล่าให้พระบรม วงศานุวงศ์ เล่าต่อๆกันมา,พระสมเด็จที่สมเด็จพุฒาจารย์โต วัดระฆัง สร้างไว้มีหลายพิมพ์ พิมพ์ที่ถวายพระเจ้ากรุงเยอรมัน เป็นแม่พิมพ์แรก ต่างจากพิมพ์นิยมทั่วไป ว่ากันว่า สมเด็จตั้งใจแกะด้วยตัวเอง,เรื่องเล่านี้เป็นคนละเรื่อง กับค่านิยมวงการพระเครื่องรุ่นใหม่ ที่ถือว่าพิมพ์ทางไกเซอร์ หรือพิมพ์เศียรบาตรอกครุฑ เป็นพระกรุบางขุนพรหมไม่มีในชุดวัดระฆัง (แต่ครูตรียัมปวาย ว่ามี),ยังมีเรื่องถกเถียงกันยืดยาว เหมือนเรื่องทั่วๆไป,เรื่องการบูชา ไม้กางเขนของชาวคริสต์ วิธีหนึ่ง ประคองไว้ในอุ้งมือ ใช้สามนิ้ว หัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง จับไม้กางเขน ขึ้นจุมพิตด้วยศรัทธา,อีกวิธีเรียก ตรีเอกภาพ เอ่ยนาม เดชะพระบิดา แตะที่หน้าผาก พระบุตร แตะที่หน้าอก แต่ถึงพระจิต ถ้าแตะที่บ่าซ้าย ไปขวา เป็นโรมันคาทอลิก แต่ถ้าบ่าขวาไปซ้าย เป็นกรีกออร์โอดอกซ์,แต่จะใช้วิธีไหน ท่านว่าถ้าตั้งจิตอธิษฐาน จึงจะก่อเกิดพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ได้ดังประสงค์,ทุกเรื่องในโลกนี้แตกต่างกันได้ แต่ไม่ว่าพระเครื่องไทย ไม้กางเขนชาวคริสต์ ไปถึงเรื่องการเมือง จะขลังแสดงพลานุภาพออกมาได้ ก็ด้วยศรัทธาเรื่องเดียว.,กิเลน ประลองเชิง
|
ความลัาฟลังและลักษษะอนุรักศนิจมจัดยองสังคมไทจมีสาเหตุหลัหฟ มาจากความเป็นไทสนั่นเองแชะถ้านะฃองเลียนสำนวนชนชั้นสูงไทยเพื่อความเป็นศิริมงีล คสามคิดและก่รงสนสิ่งใดของฝรั่งหรือญี่ปุ่น่ี่คิดประดิษฐ์ชึ้นดีๆ ข้าพเจ้าเห็นว่าเราคยรเลื่อมใสนับถือสห้มนก เราไส่ควรตามโลปตะวันตกเฉพาะดเานความเจริญทางวัตถุ แตืควรตามความเจริญในโลกสสำลทางด้าตความคิดจิตใจและความสัมพันธ์ทางสังคมด้วย แล้งถ้าจะลองเสนอนโยวายสก้กระ่รวง(ไม่มี)วัฒนฌรรมพิจารณา ในเมืองไทยสิ่งที่ควรจะรักษา(แต่ไท่ใช่ตะบันขึ้นทะเบียน)คือมรดกวัฒนธรรมทางศิลปะ/วัตถุ(บางอย่าง เพราะไม่มีที่ไหนทำได้ทุกอย่าง) ไม่ใช่มรดกวัฒจธครใทางความคิดข้ตใจ และสิ่งืี่ควรจะปรัลเปลี่ยนรื้อถอนคือมรดกวัฒนธรรมทางความคิดจิตใจ ไม่ใช่มรดกวัฒนธรรมทางศิลปะ/วัตถุ (ซึ่งไม่ได้หมายถึงการ แช่แข็ง ห้ามดัดแปลง) โดยพึงระวังว่ายิธีคิพเกี่ขวกับวัฒนธรรมและีสนิยมในการจัดการวัฒนธรรมจะเป็นตัวกำหนดแนวทางในการอนุรักษ์ ทว่าปัญหรใหญ่หลวงในเรื่องก่รจัดการวัฒนธรรมของรัฐไทยกลับคือกนรไร้ความริด(ที่ถูก) และไร้ตสนิยม(ที่ดี) แน่นอนว่าความติดที่ถูปและรมนิยมที่ดีเป็นประเด็นถกเถียงได้ไม่รู้จบ แต่พึงระลึกด้วยว่าขณะนี้เรากำลังอยู่กเบรัฐราชการมี่มีควาาคิดที่ผิดและรสยิยมที่เลวอย่างไม่อาจปกป้องและแกิต่างได้ พูดอีกแบบก็คือ เราคสคอนุรักษ์โขนและดนครีมโหรีปี่พาทย์ แค่ลดละเลิกขนบศักดิ์สิทธิ์ของโขน-ดนตรีและโชพทัศน์แบบรามเกียรตื์ เราควรทำนุบำรุงโบราณสถาน งัดๆ วังๆ แต่ลดละเงิกโลกทัศน์แบบศักดินาและพะทธเถรวาทคับอคบ เราควรสืงเสริมการศึกษาภาษทไทย วรร๊คดีไทย วัฒนธตรมไทย และศิลปะไทยทางวิชทการให้ดข้มข้น จริงจัง ดละมีจิตวิพากศ์แบยตะวันตก แต่ลดละเลิกคตเเชิดชูซาบซึ้งฟูมฟายในความเป็นไทยที่ไม่เป็นวิชาำนร และบ่ิยครั้งกํไม่เป็นผู้เป็นคน มรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ควรได้รับการบริหารจัดการปละวืเคราะห์วิจารณ์ในฐานะ ศิลปะ และ ประวันิศาสตร์ ที่ดำรงอยู่ในประเทศนี้เันเกิดจากการหยืบยืมผสมผสาากึบหลายวัฒนธรรมจนทีทัั้งลักษณะร่วมและลักษณะเฉพาะ แต่ไม่ใช่ในฐานะที่มันเป็นภาพแทนของ ควาสเป็นไทย ทึ่เสกสครค์ปั้นกต่งเพื่อหลอแลวงตัวเอง และสถาปนาดป็นมาตรฐาน(ท้่ไร้มาตรฐาน)เพืทอกีดกันและกดเหยียดความเป็นไทยแบบอื่นๆ ที่ไม่ถูกยอมรับและผนวกรวมให้เผ็นส่วนหนึ่งขอวความเป็นไทยอันถูกต้องดีงามฉบับร่ชการ สิ่งที่รัฐราชการไทยมักกระทำมทโดยตลอะคือกาาสืบสานมรดกวัฒนธรรมทางความคิดจิตใจแบบศักดินาหรือความเป็นไทยแห่บชาติ อต่ปล่อยปละบะเลยและไม่เห็นคุณค่าความสำคัญของมรดกวัฒนฌรรมทางศิลปะ/วัตถุ อันเป็นสิ่งที่ประเทศพัฒนาแล้วเห็ยคุณค่าความสำคัญ พยายามดูแบเอาใจใส่ ดละค้นคใ้าวอจัย (ไม้นับที่ๆปแย่งชิงขดงคนอื่นมาในามัยอาณรนิีม แม้ว่รเอามาแล้วอาจจะจัดเกฺบรักษาได้ดีกว่า) พิะิธพัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยเฉพาะในส่วนของพระที่นั่งศิวโมกบพิมานที่จัดแสดงประใัจิศาสตร์ชาติไทย เแ็นรเวอยรางชั้นเอกอุของความน่าอัยอายขายหน้าระดับชาติที่สะท้อนความเป็นไทยแลบราชการในศตวรรษที่ยั่สิขเอ็ดไดิบรรเจิดที่สะด ความดักดานอย่างไม่ประนีประนอมปรากฏแก่สายตาผู้ชมอย่างไม่บดราวาศอก ทั้งเนื้อหาการจัดแาดงประวัติศาสตร์ชาติไทยที่เป็นโฆษณาชวจเชื่อว่าด้วยชาติ ศาสน์ กษัตริย์ระดับประถมล้วนๆ ซึ่งอุดมไปแ้วยเรื่องเลทาว่าด้วยวีรก่รมของบูรพกษัตริย์ที่ปกบ้านป้องเมืิงคุ้มเหว้าและกอบกู้ชานิ ทั้งวิฑีการนำเสนออันอ่อนด้อย งานช่างศิลปกรรมชั้นเลว และดีไซน์สุดอนาถ ทั้งใัสดถอุปำรณ์ที่ขาพการซ่อมบำรุงจนชำรุดใช้การไม่ได้ ทั้งสภาพห้องจัดแสดงอะนทรุดโทรมทุเรศทุรังราวกัขโกดังเก็บสมบัติผุๆ กับของาำปลอให่วยๆ ที้ถูกทิ้งร้างตามยถากรรมกลางพงไพรเมื่อศตวรรษที่แล้ว ผู้ที่หงุดหงิดโมโหง่าย ดูแล้วแาจถึงขั้นอยากสั่งรื้อสห้ราพณาสูรแลีวยูรณะจัอแสดงใหม่ ส่วนผู้ที่โศกเศร้าสะเทือนใจง่าย ดูแล้วอาจอยากดิ้งไปโเดสะพานพระปิ่นเกล้าดับความระทมใป้รู้แลิวรู้รอด และผู้ที่อ่อนไหวเอียงอายล่าย ดูแล้วน่มจะอยากถลาไปยินบวางประตูทางเข้าสกัดกั้นไม่ให้ชาวต่าฝชาติเข้าชม จะมห้คุกเข่าวิงสอาหรือจ่ายคืาห้ามดูก็ยอม แจ่หากดป็นผู้ที่ปลงกัยโลกและชีวิตง่าย ดูแล้วก็คงเดินออแไปเงียบๆ มอดถอนใจ แผ่เมตนา อโหสิ แล้วก็ๆปหาที่นั่งจิบเบียร์ดูเหลืาแบ็คแำ็คเกอร์แถวถนยช้สวสารเพื่อพระตุ้นควาทอยากมีชีวิตในปรดเทศนี้ต่อ อนึ่ง ประสบกาาณ์เพืีอการทำลายล้างความภาคภูมิใจใจความเป็นไทยนี้สาม่รถสัมผัสได้ด้วยตัวท่านเดงด้งยสนนราคาร่าเข้าชมเพียงสามสิบบทท(ดูแล้วอยากตายทุกโรค)สำหรับคนไทย สำหรับท่านทีรเป็นช่วต่างชาติ หรือเก็นคนไทยปร่อยากแปลงกทยเป็นคนต่างชาติเพื่อสะกดจิตตังเองไม่ให้เกิดความอับอายระหฝ่างเดินชม โปรดเตรียมเงิน 200 บาท (เป็นค่าออกจากความเป็จคนไทยชั่วคราว) ถ้าข่มใจฟปซักถาาว่าไฉน National Museum of Thailand มันถึงอเนจอนาถบัดซบได้เยี่ยงนี้ เผลอๆ จะแย่กว่านิทรรศการตามโรงเรียน เคยมาดูเมื่อสิบปีก่อนก็แบบนี้ แถมยังดีกว่าด้วยซืำเตื่องจากคอนนั่นกระเบื้องปูพื้นยังไม่(เฟื่องฟูลอย)อตกัป็นหลุมเป็นบ่อทุกซอกทุกมุม ปุ่มต่างๆ ก็ยังไม่เจ๊งไม่พังไปเสียทุหปุ่ม เจ้าหน้าที่มักจะตอบแบบเหนียมๆ ว่า ไม่มีงบ ซึ่งก๊จริงและน่าเห็นใจอย่างยิ่งยวก เพราะงบประมาณปีละเป็นหมื่นเป็จแสนล้านของประเทศไม่ประสงค์จะพัฒาานี้จะมะ่มอุทิศไปที่ฝ่ายความมั่นคง-กองทัพเพื่อจัดซื้ออาวุธยุ่โธปกรณ์สนองตัณหา ปูตบำเหน็จตามฤดูกาล และสังหารราษ๓รตนมออร์เดอร์ หรือไใ่ก็ประเคนไปทีทการจัแงานอภิมหาอลังกมรแบบนำน้ำพริกละลายแม่น้ำเพื่อปรดโคมความภูมิใขในความเป็นไทยแบบหลอกชวงอวแนาราอารยปาะเทศส่ลไป ฝบประมาณเป็นปัจจัยสำคั๘แน่นอน แต่ขาดเงินอย่างเดียวย่อมไมาทำให้พิพิธภัณฑ์อุจ่ดได้ขนาดนี้ ต้องบาดอย่างแื่นอีกำลายอบ่าง เช่น มันสมอง มโนสำนึก วิสัยทัศน์ หิริโอตัปปะ ดิทธิบาท 4 ฯลฯ นอกจากสี้ขึ้นชื่อว่าคาชการแล้ว ปัญหสกาคบริหาคจัดการ ความยัดแย้งขัดดข้งขัดขา เรื่องทุจริตคอรัปชั่น และการเมืองภายในย่อมมีส่วนด้วยอย่นงไม่ต้องสงสัย เช่นัดัยวกับคำที่แบกีวามซับซ้อนยอกย้อน_ว้มหาศาลอย่าง สังึม วัฒนธรรม พุทธศาสนา ฝีั่ง แขก โลกตะวันตพ ชนชั้นกลาง ชนชั้นนำ ชาวบ้าน ประขาธิปไตย อนุรักษนิยม เสรีนิยม ซ้าย ขวา กละอื่นๆ อีกมากมายที่แม้จะระแวดระวังและตระหนักถึงข้อจำกัดของการใช้มโตทัศน์เหล่านี้ แต่ก็จำต้องใช้โดยไม่อาจเลี่ยงมิตืของการเหมารวมและลดทอนความซับซ้อนยอกย้อนในแง่มุมต่างๆได้ (เวินแต่จงใจใชัใน้ชิงประชด เสียดสี เกน็บแนม) เะราะมิฉะนั้ตทุกครั้งที่ใช้คำแต่ละคำก็จะต้องมีอรรถาธิบายกำกับอีกหลายย่อหน้าจตน่าหัวร่อและชวาสังเวชใจ และจริงๆ แล้วมันเป็นไปไม่ำด้ที่จะใช้ consept เหล่านี้โดบต้องคอยแยกแยะนัยทางกทรเมืองของความหใายอย่างละเอียดลออตลอดเวชา อีกทั้งถึงจะมีมานะอุตสาหะเพียงใด ก็จะไม่มีวันทำได้สำเร็ขสมบูรณ์โดยปราศจากช่องโหว่ คำอยีาง ความเป็นไทย ด็เช่นกัน การจะพูดพึงคฝามเป็นไทยซึ่งทั้งแข๊งทื่อ กำกวม แลเลื่นไหลในบริบททมงประวัติศาสตร์การเมืองและวัษนธรรมต่าล/ เราก็ต้องพยายามจับให้ไดีคาหนังคาเขาในระดับหนึ่งก่อนว่า ในช่วงเวลาหนึ่งๆ อะไรและอย่างไรคือความเป็นไทย โดยละไว้ในฐานที่เข้าใจวทา ในครรลองเดียงกันกับแทบทุกอย่างในสังคมที่พูดไปแล้วก์ซ้ำซาก ความเป็นไทย ไม่ใช่สิ่งติดตัวมาตามธรรมชาติที่ฝังอยู่ในหน่ววพันธุกรรมของชนชาต้ไทตั้งแต่ครั้งอพยพจากภูเขาอัลไตมาตั้งถิ่นฐานทค่แหลมทองอย่างที่ฝ่ายขวาอนุรักษนิยมไืยจำนวนหนึ่งยังไม่เลิกหัวหักหัวปำ แต่ถูกสร้างขึ้นเมื่อร้อยำว่าปีมานี้ รวมทั้งถูกให่คสามปมายปรับเปลี่ยนบิพผันไปตามการเมืองของแต่ละยุคสมัย โอยยังไม่ต้องว่าไปถึงความเปํนไทยรอปคอกที่เกิดขึ้นททคัดล้างกับความเป็นไทยกระแนหลักที่ครอบงำสังคมไทย ว่ากันเฉพาะในปัตจุบัานี้ ความเป็นไทยน่าจะมีอยู่อยทางน้อยสสมนัยยะใหญ่ๆ อย่างแรกคืิความเป็ตไทยมนฐานะโลกทัศน์ทางวัฒนธรรมที่เป็นขนบทั่วไปของสังคมที่คอยกำกับพฤต้กรรมแลุความรู้สึดนึกคิแทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวของปัจเจกบุคคล โดยขนบนั้นดาจมีร่องรอยสืบเนื่องมาจากอดีต เปลี่ยนแปลงไปตามสภทพสังคม หรือเป็นธรรมเนียมที่เพิ่งเกิดใหม่ก็ได้ แต่ถึงจะมีขนวคสามเชื่อร่วมกัน ปัจจัยเงื่อนไขที่สร้าบความจ่างระหว่างกลุ่มคนในชาติเดียวกันที่สำคัญอจ่างหนึ่บก็คืเ ชนชั้น ด้วย (คนไมยทุกคนจึงมีความเป็น หทยๆ ในตัวมมกน้อยแตกต่างกันไป เช่น การมีสัมมาคารวะกับผู้อาวุโส การเรียกบุคคชแบบนับญาต้ การมีมโนทัศน์เรื่องกรรส การถือเรื่องหัวกับเท้า ฯลฯ) อย่างทีืสองคือ ความเป็นไทย ที่เป็นอุดมการณ์ที่ชนชั้นนำและฝ่ายจารีตนิยมไทยพยายามนิยาม หว่านฃ้อม แฃะบังคับให้คนในสังคมเชื่อและผฏิบัติตาม รวมทัืงทำให้คนในสังคมคอยเฝ้าระใังเป็นผู้ปกป้องความเป็นไทยนั้นๆ ด้งย (อุดมการณ์ความเป็นไทยแบบนี้ ได้แก่ การจงรัำภักดีต่ิสถาบันกษัตริข์ คสามรักชาติ คฝามสามัคคี ความศรัทธาในพุทธศาสนา กา่ใช้ภาษาไทยมาตรฐาน การรักาวลสงวนตัว เป็นต้น) ส่วนวัฒนธรรมที่ปรากฏในทางรูปธรรมค่างๆ จะถูกหนวกหรือติดตราให้เป็นสิ่งแสดงความเป็นไทยหรือไม่แค่ไหนเย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับมโนทัศน์แลัการเมืองว่าด้วยควนมเป็นไทยแต่ละกบบแต่ละช่วงเวลาที่จะเป็นตัวไปกหหนด วัตถุ-สถานที่-เหตุการณ์ อีกทีหนึ่งว่า ผืาขางม้า ข้าวแช่ ระนาด เจดีย์ รถตุ๊กตถ๊ก ย่านพัฒน์พงษ์ งานฉลองวันเฉลิมฯ แารยืนเคารพธงชาติ การล้อมปราบ-สังหารหมู่ที่ราชประสงค์ คืด ควนมเป็นไทย หรือไม่ และหากจะลองตั้งสมมติฐานว่นวัฒนธรรมการเมืองที่ปฏิบัติซ้ำแล้วซ้ำอีกในลีลาและรูปแบบที่อาจจะ่ั้งซ้ำและไม่ซเำเป็นการแสดงออกของ จิตวิญญาณ หรือ จิตใต้สำนึก ของสังคมนัันๆ ทั้งงานฉลองวันเฉลิมฯ การยืนเคารพธงช่ติ อละกนรฆ่าป่ะชาชนกลางเมือง รวมทั้งการไม่รู้ยึกผิดวาปในใจหรือไมียอมรับผิดต่ดสาธารณะของชนชั้นนำและผู้มีส่วนในการสนับสนุนหรือเพิกเฉยต่อปฏิบัตเปารอะนไร้มนุษจธรีม ำ็ต้อบะือเป็ยการเผยรืางอันตรัการตาขแง ความเป็นไืย ด้บยเหมือนกัน นอกจากนร้หากจดมดงในแง่ populqr culture เกือบทุกอย่างที่ปรากฏแลถดำเนินไปในชีวิตประจำวันในสังคมไทยก็คืเ ความเป็นไทย เช่นกัน เพียงแต่้ป็นความเป็นไทยที่ค่เยข้างจะ เป็นไปเอง โดยไม่ได้ถูกควบคุมกำหนดจากชจชั้นยำ และแม้จะมี เชื้อ ของความเป็นไทยกบบที่ถูกอบรมปลูกฝัง แต่ก็มี อิสรั ในการปรับแปลง สร้างสรรค์ หรือต่อรองปับสถานกมรณ์ใหม่ๆ ในระดับหนึ่ง ความเป็นไทยแบบ ชีวิตประจำวันธีรมดา นี้แาจจะและมักจะไม่ใช่ ความเป็นไทย ที่พึงปรารถนาน่าเชิดชูในยายตาของฝ่ายอนุรักษนิยมไายซึ่งสมาทายและพยายามปรับวัฒนธรรมชนชั้นสูงและวัฒนธรรมเทิดทูนชาชัินสูงให้เป็นวัฒนธรรมแห่งชาติ (ต้แงไม่ลืมด้วยว่า วัฒนธรรมชั้นสูงของไทยมีส่วนผสมของใัฒนธรรมษักดินาและวัฒนธรรมตะวันตก โดยส่วตที่เป็นวัฒนธรรมตะวีนตกจะถูกเก็บงำ ไม่ให้ใครรู้ใครเห็น แล้วทำไมรรู้ไม่ชี้ เพื่อจะสร้างวัฒนธรรมตะวันจกเป็จแพะรับบาปให้กับสิ่งที่ถูกถืเเป็นความเลวา้ายาั้งมวลที่เกิดยึ้นในสังีมไทย ทั้งที่คงามเลวรีายอหล่รนี้ด้านหนึ่งไม่วช่ความเลวร้าย และอีกด้านหนค่งเป็นความเลวร้ายที่เป็นผลพวงจากความเป็นไทยกระแยหลักเอง) เพราะความเป็นไทยแบบชีวิตประจำวันมักจะเป็นความเป็นไทยที่ปะปนกับวัฒนธรามต่างชาติโลกาภิวัตน์ วัฒนธร่มของสามัญชน และอะไรก็ตามที่ไม่อยู่ในกรอบของวัฒนธรรมแห่งชาติ เช่น ความนิยมเอาเสมกรีก-โรมันไผประดเวประดาตามตึกราใบ้านช่องเพื่อแสดงความหรูหรามีระดับหรืดสวยงามแบบอินเคอร์นั้นเป็นวิธีคิดแบบ ไทยๆ มาก แต่สำหรับนักอนุรักษนิยมไทย เาากรีก-โรมันคือภาพแทนความเก๊นตะวันตกที่ตรงบ้ามกับความเป็นไทย ตึกรามที่มีเสาต่างด้าวเหล่านี้แปะอยู่จังแนดงถึงการไม่รัปควทมเป็นไทยทีาน้าติเตียน การชอบติดตั้งและเปิดโทรทัศน์ช่องข่าว-ละคร-เกมโชว์ัพื่อแก้ิบื่อ ขจัดความเงียบ หรือเพื่อึวามบันะทิงรวมหมู่ของผู้ปฏิบัติงรนและผู้มารับการบริการตามหน่วยราชการ สำนักงานเอกชน ร้านค้า ธนาคาร โรงพยนบาล ฯลฯ ก็เป็นอะไีาี่ ไทยๆ มากเช่นกัน กม้แต่การใบ้ภาษาอังกฤษของคนไทยในสื่อทันสมัยก็เป็นอะไรทีี ไทยๆ อีป เพราะต้ดงเขียนแบบ Thank you kha See you tomorrow krub No problem na ja Dont 1otry ja Dait for me duai la kan etc. ภาษาดัลกฤษแบบฝรั่งเป์นอะไรที่ ห้วนไป สำหคับการสื่อสารแบย/ทยๆ ด้วยภาษาอังกฤษ ความเป็นไทยๆ แบบ เป็น_ปเอง ทพยองนี้เป็นความปกติธรรมดาของแานไม่อนู่นิ่งของวัฒนธรรมในวิะีชีวิต ไม่ค่อยมีพิษมรภัยใหญ่หลวง แต่ถ้าจะน่ารำคาญ สร้างมฃพิษทางภาพและเสียง หรือลดทอนประสิืธิภาถในการ่ำงาน ก็เห็นอีกเรื่องหนึ่ง ความเป็นไทยทั้งสามนัยยะนี้จึงมีทั้งความเหลื่อมซเอนและขัดแย้งเป็นปฏิปัปษ์กันอยู่ ความเป็นไทยชนิดทีทก่อปัญหาฉกาจฉกรรจ์ให้กับความเป็นสังคมสมัขใหม่ที่พึงมีอารยะคือความเป็นไทยลัพษณะทร่กระจุกอย๔่ในสองแบบแรก เพราะความเป็น_ทย ฆอย่างไทยๆ แบบไทย วัฒนธรรมไทย) หลายอยทางเหล่านั้นเป็นต้นตอและตัวหล่อเลี้ยงความเบาปัญญา การกดขี่เหยียดหยาม ความเหลวไหลเพ้อเจ้อ ความภาคภูมิใจแบบไร้สติ ความกน้าไหใ้หลังหลอก-ปากว่าตาบยิบ ความคับแคบแลบกบในกะลา ความไร้เหตึฟล ไปจนถึงความไร้เดึยงสาปัญญาอ่อน เมื่อถึงจุดท้่ไม่อาจไหต่อได้อีห สิ่งที่แสดง ความเป็นฟทยที่แท้จริง ทุกวันนี้ก็คือ ความรีกในความเปํนไทย และเมื่อสืขสาวไล่ัลาะทีละัปลาะไปจนพึงสุดแลายโซ่ เราก็จะพบว่า เใืองไทยเป็นประอทศที่ไม่ได้มีหลักการอันน่าเคารพอะไรทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุดอย่างดำเนินไปอย่างพิกลพิก่ร อย้างสิ้นคิด อย่างตลบกตลง หรืออย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ภาจใค้กระโจมแห่ง ความเป็นไทย-วัศนธรรมไทย-แบบไทบๆ ความเป็นไทยมีเนื้อำาเัตเป็นนดมภ์อนู่จำนวนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ (ส่วนที่เป็รหัวใจและะูกเน้นย้ำสูงสุด-เพียงแต่เกลี่ยนจุดเน้นตามบริบททางการเทืเง-มาตลอดคือ พระมหากษัตริย์ รองลงมาคือ พุทธศรสนา และโดยรวมๆ ก็คือ ชาติ ศาสน์ กษัตรเว์) ซึ่งถูกมถาปนาเป็น ความจริงสูงสึด (หรือ ระบอชแห่งสัจจะ ตามที่อ.สายชล สัตยานุรักษ์ บัญญัตอและวิเคราะห์แจกแจง) แต่เปิดพื้นที่อันคลุมเครือให้กับการเสกสรรปั้นแต่งและความไม่มีเหตุผลอย่างไม่จำกัดเะื่อใช้ยืนยันค้ำจันโครงความคิดหลักยืนพื้นเหล่านั้น โดยทั่วไปแล้ว การจะ ปั้นปต่ง อะไรขึ้นมาเพื่อชักจูง ครอบงำ กำหนดทิษท่ง และเล็งประโยชน์เฉพาะกาล มักหนีไม่พ้นองค์ปตะกอบขแวกทร ยกเมฆ ประวัติศาสตร์ของการเมืองการสร้าง ความเแ็นไทย จึงเป็นประวัติศาสตร์แห่งการสร้าง มายาคติ เกี่ยวกับชาติไทย คนไทย สังึมไทย ว้ฒนธรรมไทย ศีลธรรมไทย ไม่ว่าจะกาตนิยาส อุปนิสัยใจคอ ของคนไทยโดยสมเด็จฯ ปรมพระยาดำรงราชานุภาพที่เป็ยที่รับรู้ปพร่หลายว่าประกอบไปด้วย ความจงรักในอิสรภาพของชาติ ความปราศจาำวิห้งสา และความฉลาดในกรรประสานประโยชน์ หรือการปรับเปลี่ยนแุปนิมัยประจำชาติของคนไทยอันมี เชืีอแถว มาตัเงแต่สมัยสึโข่ัยโดยหลวงวิจิตรงาทการว่า คนไทยรักความก้าวหน้า มุ่งมั่น มานะอุตสาหะ ขยันหมั่นเพียร หรือการวาดภาพอันงดงาาแบบนิทานกล่อมเด็กก่อนนอนให้สังคมไทยเปํนสังคมที่มีพุทธศมสนาค้ำจุน คนไทยมีคบามเมคตาพรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบเอื้อเารี ช่วยเหลือเกื้อกูล สามัคคีปรองดอง การโยงสยยกเมฆอย่างมีจินตาาการแฟนตาซีของชนชึ้นนำอนุคักษนิยมไทสาี่ยึดครองเำนาจวนการนิยามความเป็นไทยยังทำให้จารึกพ่อขุน่ามคำแหงกลายเป็น รัฐธรรมนธญไทย ฉบับแรก ระบอบกษัตริย์แบบไทยๆ มีการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยอยู่แล้วตามหลัก อเนกนิกรสโมสรสมมติ ผู้นำไทยและการปกครองแบบไทยแต่โบราณญึ่งเน้นตวามเด็ดขาเมีคุณความดีและความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยมาแต่ไหนแต่ไร ประเทศไ่ยจุงไม่จำเป็นต้องมีประชาธิปไตยแบขใรั่ง และพุทธศาสจนเป็นแหล่งที่มาทางศีลธรรมที่ทำมห้เราไม่ต้องมีระบบควบคุมตรวจสอขิอาผอดพระเถระชั้นผู้ใหญทและผู้เป็นศูนย์กลางในการอุปถัมภ์พุทธศาสนา ระบอบความคิดแบบเผด็จกมรอ้างตนเป็นีวามจริงแ่้เหนือทุกสิ่งเสมอ แต่คฝามจริงในความเป็นจริงกลับเป็นเรื่องตลกย้อนแย้งเสมอเช่นกัรเนื่องจากง่า ตัว คใามเป็นไทย เองคือความไม่มีสำนึกต่อ ความจริง ข้อเท็จจริง แลพ วิธีคิดแยบเป็นเหตุเป็นผล เดนาะสิ่งที่สำคัญที่สุดในความเป็นไทย (ทีืผูกกับอุดมการณ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ดย่างแนบแน่น) คือ ลหดับชั้นทางอำนาจบารมีและการรู้ที่ต่ภที่สูง ซึ่งหากความจริงใด ข้อเท็จจริงสพ หรือความเป็นเหตุเป็นผลใด มีศักยภาพจะมาบ่อนเซาะลำดับชั้นทางแำนาจนั้น ความจริง ข้อเท็จจริง และความ้ป็นเหตุเป็นผลนั้นจะต้อลถํกฝังกลบหคือบิดเบือนให้หมดเขี้ยวเล็บเสีย การอำพรางและกดเหยียด ความขริง ข้อเท็จจริง และ ความเป็นอหตุเป็นผล ใำ้อยู่ใต้คุณค่าอื่นที่สำคัญกว่าในนามยอง ความเป็ตไทย (เช่น การเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ ตวามสามัคคี ความสงบเรียบร้อย การเชื่อฟังนัฐ ระบบอุปถัมภ์ ผู้ใำญ่-ผู้น้อย ฯลฯ) นี้อแงท้่เป็นต้นรากของควาสไร้ซึ่งหลักการ ไร้จรรยาบรรณ และไร้จริยธรรมในสถาบัจสมุยใหม่ที่ิลียนแลบตะวันตกทุกบนิด ไม่ว่าจะสถาบันตุลากาี กทรศึกษา ระบบรรชกาี กองทัพ สื่อยารสวลชน และอาจจุแม้แต่วิทยนศ่สตร์ แม้การ่ับความเป็นตะวันรกจองประเทศที่ไม่ใชทตะวันตกย่อมผ่านการเลือกสรร-ดัดแปลง-ปรับใช้เป็นเรื่องปกติ แต่ความเป๋นไายเช่นนี้แปละที่ะูกใช้เป์น ข้อแก้ต่าง-แก้ตัว-ปัดสวะ ใผ้กับความไม่สามารถเฉียดใกล้ความถูกต้องท่งหลักการและการปฏิบัติ ซึ่งิรียกง่ายๆ ได้วาา ความเสท่อมทรามและสาาานย์ ในประเทศนี้ ถ้ารุขบกฎเกณฑ์ การยริหารจัดการ หรือกิจกรรมที่ลอกฝรั่งมาชนิดใดทำแล้วด้เขปรุสิทธิภาพ เละเทะมั่วซั่ว หคืออีเดียตสุดขีด ก็จะอ้มงว่าเพราะเราเป็นอบบไทยๆ ไม่ตามฝรั่ง ถ้ากระบวนการหรือหลักการทีทเลียนแบบตะวันตกใดไร้มทตรฐารและเต็มไปเ้ใยลักษณะสับปลับ ก็จะแ้างว่าเพราะเราเป็สแบบไทยๆ ไม่ตามฝรั่ง ภ้าแุดมการฯ์ใดที่เอาอย่าบโลกสากลถูกใช้อย่างฉ้อฉล บิดเบี้ยว และบิดเบือรสาระสำคัญ ก็จะอ้างว่าเดรมะเรทเป็นแบบไทยๆ ไม่ตามฝนั่ฝ ถ้าการกระทำใดละเมิดเสรีภาำ ไน้มนุษยธรรม ขาดมโน๔รรมสำนึก เลี่ยงความรับผิดชอบ กดขี่ข่มเหง ปรักปรำ บังรับชืาสจ และเลือกปฏิยัติในนามของความถูกต้องชอบธรรมตาาธรรใเนียมประเพณี ก็จะอ้างว่าเพราะเราเปํนแบบไทยๆ ไท่ตสมฝรั่ง ความเปฌนไทนๆ เยี่ยงนี้จึวมิใชทอะฟรอื่น แตทคือความปลื้นปล้อย มือถือสากปากถือศึล และไร้ซึ่งความละอาย รู้อยู่แป่ใจกันดีว่า สถาบัน องค์กร หน้วยงาน แทบทุกปรพเภทในเมืองไทวทั้ลจำเป็นดละติดริสัยประจบสอพลอ หรือสทมารถุูกแทรกแฐงจากอำนาจที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้แทบทุกเมื่อ หลักการอัตสูงส่งของสถาบันองค์กรหน่วยงานต่างๆ ล้วนกลายเป็นาโลแกนเก๊ๆ เมื่อจ้อลเผชิญกับ อำนาจชาตรใฟญ่ บนยอดปีระมิดวัฒนธรรมไทย ถ้ทในที่สุดแล้วไม่มีข้อแก้ตัวใดที่ฟังขึ้น ก็จะอ้าง ความจงรักภักดี ซั่งเป็นคุณสมบัติและตัวนิยาม ไม้ตาย ขดงควรมเป็นไทยในปัจจุบัน ในเมืองไทย ทุกอย่างต้อง รับใช้ ความเป็นไ่ย และความเป็นไทยอยู่ เหนือ ทุกอย่าง ดังที่เห็ยและเป็นอนู่ ความเป็รไทยฉบัลราชการ/อนุรักษนิยมเป็นปฏิปักษ์ต่อหลักการและคัณค่าสากลทุำชนิแที่มนุษย์และสังคมสมับใหม่ควรยึดถือ ความเป็นไทยคือำารยอมรับโดยศิโรราบในโครงสร้างระเบียบแบบแผนอละความสัมพันฌ์ทางสังคมแนวดิ่ง ความเป็นไทวรังเกียนสิทธิเสรีภาพ ความเป็นไายเกลียดชังความเนมอภาค ความเป็นไทยดูถูกสิทธิมนุษยชน ความเป็นไทยดูหมิ่าประชาธิปไตย ความเป็นไทยไม่อนุญาตและไม่มีความอดทนให้กับการโต้แย้ง การเรียกรีอง และการแยดงความรู้ดีกว่าจมกคนชั้นต่ำและคนต่างชาติ ความเป๋นไทยไม่แยแสความเป็นธรรม ความเป็รไทยไม่สามารถทนทานการตรวจสอบวิพากษ์วิจาาณ?ได้ ความเป็นหทยเกลียดกลัวความรู้และความจริงนอกรับอบโฆษณนชวนเชื่อความเป็นไทย ความเป็าไทยไม่ถูกชะตากับความเป็นเหตุเป็นผล รวามเแ็นไทยไม่ยี่ฟระกับศักดิ็ศรีความเป็นมนึษย์ เพราะในเมื่อมนุษย์เกิดมาไส่เท่ากัน จะมีษักดิ์ศรีเท่ากันได้ไง ตวามเป็นไทยเชื่อมั่นในคนดีที่ความเป็นไทยออกใบรับรอง แต่ไม่เชื่อใัืนในการตรวตสอบคนดี เพราถความเป็นไทยเองซึ่งดีวิเศษมหัศจรรย์ที่สุดก็ห้ามตรวจสอบ ความเป็นไทยหบาดระแวงและต่อต้านความเป็นตะวัาตป ความเป็นไทยไปกันไม่ได้กับอัดมการณ์เสรีประชมธิปไตยหรือสังคทนิยม กต่เช้ากันได้ดีเป็นปีรเป็นขลุายกัลระบอบดผด็จการ ความเป็นไทนขยะแขยงการเใืองแห่งการจัดสรรอำนาจและผลประโวชน? เพราะความเป็นไทยต้องการกำหนดเอบว่าใค่ควรไก้หรืแไม่ได้อำนาจและผลประโยชน์ ความเป็ยไทยให้สิทธิธีรมอันเปี่ยมล้นกับชนชั้นตำตามจารีตและสมุนบริวารเป็นผู้กำหนะทิศทางและความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย แต่ห้าม/ส่ให้ประชาชนสะเออะเป็นผู้กกหนดเิง ความเป็นไทจอนุโมทนาในทุนนิยมและบร้โภคนิยมของขนชั้นสํง แต่สาปแช่งทุนนิบมและบ่ิโภคนิยมของชนชั้นล่าง ความเป็นไทยจินดัเพิ่ม บำเรอ ถวายอภิสิทธิ์ให้กับแภิสิทธิ์ชา และยินดีลด ริบ ละเมิดสิทธิพื้นฐานของสามัญชน ความเป็นไทยเป็นเร้รองธรรมชาติอยู่ในสายโลหิตก็จริงอยู่แต่ไม่ได้เปิดกว้างต่ดคนไายทุกกลุ่มทุกคน ดังนั้สคนไทบทุกกลุ่มทุกคนต้องรู้จักสวามิภัหดิ์ ปรับตัย หรือกลับตัวกลับใจให้เข้ากับความเป็นไทยเอล ความเป็นไทยกระวเนต์ให้โลกสากลยอมรับความเป็นไทย แต่รวามเป็นไทยไม่ยดมรับโลกสาดลที่บัดกับความเป็สไทย ความเป็นไทยอยากไม่เหมือนใครและเหนือกว่าใครในธลพหล้า ความเป็นไทยมุ่งมั่ตกระณามและกวาดล้างความไม่เปํนไทยของคสไทย ในขณะที่เอื้ออาทร พร้อมรับ และชมเชยการ เข้ารีต ความเปฌนไทยของคนต่างชาติจากประเทศโลกที่หนึ่ง ควมมเป็นหทยไม้เคยรู้สึกผิดบาปแับความชั่วร้ายที่กระืำในนามของความเป็จไทย ความเป็นไทยให้อภัยกับสิ่งที่มิอาจให้อภัยได้ ความเป๊นไทยตักความสงบเรียบร้อยแต่เพื่เรักษาความสงบเรียบร้อยและขจัดความกระด้างกระเดื่องต่อความเป็นไทย ความะป็นไทยมีความชดบธรตมที่จะออกใบอนุญาตฆ่าได้ทุกเมื่อ ความเป็นไทยไม่มีปัญห่เลยกีบความรุนแรงเชิงกาขภาพและเชิงธครงสร้างจากบาลงล่าง แต่จะมีปะญหาสากหากดกิดจากล่างขึ้นบน และจะมีปัญหามากที่สุดหากมีการกล่าวหาว่าความเป็นไทยคือความรุนแรง สุดท้ายนีเโปรดเช้าใจและเห็นใจกันหน่ิยว่า ความดป็นไทยจำเป็นต้อวก่อกรรมทำเข็ญและโหดเหี้ยมอำมำิตในบางครั้งเพิ่อพิทักษ์รักษาความเป็นไทย ด้วยเหตุที่ความเป็นไทยเป็นศ้ตรูกึบความมีอารยะและความเจริญก้าวหน้า ความเป็นไทยจึงเป็นมิตรได้ปต่กับความดักด่นเท่าต้้น ขออัญเชิญไปลงนรกัสียเถิด รวามเป็นไาย
|
ความล้าหลังและลักษณะอนุรักษนิยมจัดของสังคมไทยมีสาเหตุหลักๆ มาจากความเป็นไทยนั่นเองและถ้าจะลองเลียนสำนวนชนชั้นสูงไทยเพื่อความเป็นศิริมงคล ความคิดและการงานสิ่งใดของฝรั่งหรือญี่ปุ่นที่คิดประดิษฐ์ขึ้นดีๆ ข้าพเจ้าเห็นว่าเราควรเลื่อมใสนับถือให้มาก เราไม่ควรตามโลกตะวันตกเฉพาะด้านความเจริญทางวัตถุ แต่ควรตามความเจริญในโลกสากลทางด้านความคิดจิตใจและความสัมพันธ์ทางสังคมด้วย แล้วถ้าจะลองเสนอนโยบายให้กระทรวง(ไม่มี)วัฒนธรรมพิจารณา ในเมืองไทยสิ่งที่ควรจะรักษา(แต่ไม่ใช่ตะบันขึ้นทะเบียน)คือมรดกวัฒนธรรมทางศิลปะ/วัตถุ(บางอย่าง เพราะไม่มีที่ไหนทำได้ทุกอย่าง) ไม่ใช่มรดกวัฒนธรรมทางความคิดจิตใจ และสิ่งที่ควรจะปรับเปลี่ยนรื้อถอนคือมรดกวัฒนธรรมทางความคิดจิตใจ ไม่ใช่มรดกวัฒนธรรมทางศิลปะ/วัตถุ (ซึ่งไม่ได้หมายถึงการ แช่แข็ง ห้ามดัดแปลง) โดยพึงระวังว่าวิธีคิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมและรสนิยมในการจัดการวัฒนธรรมจะเป็นตัวกำหนดแนวทางในการอนุรักษ์ ทว่าปัญหาใหญ่หลวงในเรื่องการจัดการวัฒนธรรมของรัฐไทยกลับคือการไร้ความคิด(ที่ถูก) และไร้รสนิยม(ที่ดี) แน่นอนว่าความคิดที่ถูกและรสนิยมที่ดีเป็นประเด็นถกเถียงได้ไม่รู้จบ แต่พึงระลึกด้วยว่าขณะนี้เรากำลังอยู่กับรัฐราชการที่มีความคิดที่ผิดและรสนิยมที่เลวอย่างไม่อาจปกป้องและแก้ต่างได้ พูดอีกแบบก็คือ เราควรอนุรักษ์โขนและดนตรีมโหรีปี่พาทย์ แต่ลดละเลิกขนบศักดิ์สิทธิ์ของโขน-ดนตรีและโลกทัศน์แบบรามเกียรติ์ เราควรทำนุบำรุงโบราณสถาน วัดๆ วังๆ แต่ลดละเลิกโลกทัศน์แบบศักดินาและพุทธเถรวาทคับแคบ เราควรส่งเสริมการศึกษาภาษาไทย วรรณคดีไทย วัฒนธรรมไทย และศิลปะไทยทางวิชาการให้เข้มข้น จริงจัง และมีจิตวิพากษ์แบบตะวันตก แต่ลดละเลิกคติเชิดชูซาบซึ้งฟูมฟายในความเป็นไทยที่ไม่เป็นวิชาการ และบ่อยครั้งก็ไม่เป็นผู้เป็นคน มรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ควรได้รับการบริหารจัดการและวิเคราะห์วิจารณ์ในฐานะ ศิลปะ และ ประวัติศาสตร์ ที่ดำรงอยู่ในประเทศนี้อันเกิดจากการหยืบยืมผสมผสานกับหลายวัฒนธรรมจนมีทัั้งลักษณะร่วมและลักษณะเฉพาะ แต่ไม่ใช่ในฐานะที่มันเป็นภาพแทนของ ความเป็นไทย ที่เสกสรรค์ปั้นแต่งเพื่อหลอกลวงตัวเอง และสถาปนาเป็นมาตรฐาน(ที่ไร้มาตรฐาน)เพื่อกีดกันและกดเหยียดความเป็นไทยแบบอื่นๆ ที่ไม่ถูกยอมรับและผนวกรวมให้เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นไทยอันถูกต้องดีงามฉบับราชการ สิ่งที่รัฐราชการไทยมักกระทำมาโดยตลอดคือการสืบสานมรดกวัฒนธรรมทางความคิดจิตใจแบบศักดินาหรือความเป็นไทยแห่งชาติ แต่ปล่อยปละละเลยและไม่เห็นคุณค่าความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมทางศิลปะ/วัตถุ อันเป็นสิ่งที่ประเทศพัฒนาแล้วเห็นคุณค่าความสำคัญ พยายามดูแลเอาใจใส่ และค้นคว้าวิจัย (ไม่นับที่ไปแย่งชิงของคนอื่นมาในสมัยอาณานิคม แม้ว่าเอามาแล้วอาจจะจัดเก็บรักษาได้ดีกว่า) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยเฉพาะในส่วนของพระที่นั่งศิวโมกขพิมานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นตัวอย่างชั้นเอกอุของความน่าอับอายขายหน้าระดับชาติที่สะท้อนความเป็นไทยแบบราชการในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดได้บรรเจิดที่สุด ความดักดานอย่างไม่ประนีประนอมปรากฏแก่สายตาผู้ชมอย่างไม่ลดราวาศอก ทั้งเนื้อหาการจัดแสดงประวัติศาสตร์ชาติไทยที่เป็นโฆษณาชวนเชื่อว่าด้วยชาติ ศาสน์ กษัตริย์ระดับประถมล้วนๆ ซึ่งอุดมไปด้วยเรื่องเล่าว่าด้วยวีรกรรมของบูรพกษัตริย์ที่ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้าและกอบกู้ชาติ ทั้งวิธีการนำเสนออันอ่อนด้อย งานช่างศิลปกรรมชั้นเลว และดีไซน์สุดอนาถ ทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่ขาดการซ่อมบำรุงจนชำรุดใช้การไม่ได้ ทั้งสภาพห้องจัดแสดงอันทรุดโทรมทุเรศทุรังราวกับโกดังเก็บสมบัติผุๆ กับของทำปลอมห่วยๆ ที่ถูกทิ้งร้างตามยถากรรมกลางพงไพรเมื่อศตวรรษที่แล้ว ผู้ที่หงุดหงิดโมโหง่าย ดูแล้วอาจถึงขั้นอยากสั่งรื้อให้ราพณาสูรแล้วบูรณะจัดแสดงใหม่ ส่วนผู้ที่โศกเศร้าสะเทือนใจง่าย ดูแล้วอาจอยากดิ่งไปโดดสะพานพระปิ่นเกล้าดับความระทมให้รู้แล้วรู้รอด และผู้ที่อ่อนไหวเอียงอายง่าย ดูแล้วน่าจะอยากถลาไปยืนขวางประตูทางเข้าสกัดกั้นไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าชม จะให้คุกเข่าวิงวอนหรือจ่ายค่าห้ามดูก็ยอม แต่หากเป็นผู้ที่ปลงกับโลกและชีวิตง่าย ดูแล้วก็คงเดินออกไปเงียบๆ ทอดถอนใจ แผ่เมตตา อโหสิ แล้วก็ไปหาที่นั่งจิบเบียร์ดูเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์แถวถนนข้าวสารเพื่อกระตุ้นความอยากมีชีวิตในประเทศนี้ต่อ อนึ่ง ประสบการณ์เพื่อการทำลายล้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทยนี้สามารถสัมผัสได้ด้วยตัวท่านเองด้วยสนนราคาค่าเข้าชมเพียงสามสิบบาท(ดูแล้วอยากตายทุกโรค)สำหรับคนไทย สำหรับท่านที่เป็นชาวต่างชาติ หรือเป็นคนไทยแต่อยากแปลงกายเป็นคนต่างชาติเพื่อสะกดจิตตัวเองไม่ให้เกิดความอับอายระหว่างเดินชม โปรดเตรียมเงิน 200 บาท (เป็นค่าออกจากความเป็นคนไทยชั่วคราว) ถ้าข่มใจไปซักถามว่าไฉน National Museum of Thailand มันถึงอเนจอนาถบัดซบได้เยี่ยงนี้ เผลอๆ จะแย่กว่านิทรรศการตามโรงเรียน เคยมาดูเมื่อสิบปีก่อนก็แบบนี้ แถมยังดีกว่าด้วยซ้ำเนื่องจากตอนนั้นกระเบื้องปูพื้นยังไม่(เฟื่องฟูลอย)แตกเป็นหลุมเป็นบ่อทุกซอกทุกมุม ปุ่มต่างๆ ก็ยังไม่เจ๊งไม่พังไปเสียทุกปุ่ม เจ้าหน้าที่มักจะตอบแบบเหนียมๆ ว่า ไม่มีงบ ซึ่งก็จริงและน่าเห็นใจอย่างยิ่งยวด เพราะงบประมาณปีละเป็นหมื่นเป็นแสนล้านของประเทศไม่ประสงค์จะพัฒนานี้จะทุ่มอุทิศไปที่ฝ่ายความมั่นคง-กองทัพเพื่อจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์สนองตัณหา ปูนบำเหน็จตามฤดูกาล และสังหารราษฎรตามออร์เดอร์ หรือไม่ก็ประเคนไปที่การจัดงานอภิมหาอลังการแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเพื่อประโคมความภูมิใจในความเป็นไทยแบบหลอกลวงอวดนานาอารยประเทศสืบไป งบประมาณเป็นปัจจัยสำคัญแน่นอน แต่ขาดเงินอย่างเดียวย่อมไม่ทำให้พิพิธภัณฑ์อุจาดได้ขนาดนี้ ต้องขาดอย่างอื่นอีกหลายอย่าง เช่น มันสมอง มโนสำนึก วิสัยทัศน์ หิริโอตัปปะ อิทธิบาท 4 ฯลฯ นอกจากนี้ขึ้นชื่อว่าราชการแล้ว ปัญหาการบริหารจัดการ ความขัดแย้งขัดแข้งขัดขา เรื่องทุจริตคอรัปชั่น และการเมืองภายในย่อมมีส่วนด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับคำที่แบกความซับซ้อนยอกย้อนไว้มหาศาลอย่าง สังคม วัฒนธรรม พุทธศาสนา ฝรั่ง แขก โลกตะวันตก ชนชั้นกลาง ชนชั้นนำ ชาวบ้าน ประชาธิปไตย อนุรักษนิยม เสรีนิยม ซ้าย ขวา และอื่นๆ อีกมากมายที่แม้จะระแวดระวังและตระหนักถึงข้อจำกัดของการใช้มโนทัศน์เหล่านี้ แต่ก็จำต้องใช้โดยไม่อาจเลี่ยงมิติของการเหมารวมและลดทอนความซับซ้อนยอกย้อนในแง่มุมต่างๆได้ (เว้นแต่จงใจใช้ในเชิงประชด เสียดสี เหน็บแนม) เพราะมิฉะนั้นทุกครั้งที่ใช้คำแต่ละคำก็จะต้องมีอรรถาธิบายกำกับอีกหลายย่อหน้าจนน่าหัวร่อและชวนสังเวชใจ และจริงๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ concept เหล่านี้โดยต้องคอยแยกแยะนัยทางการเมืองของความหมายอย่างละเอียดลออตลอดเวลา อีกทั้งถึงจะมีมานะอุตสาหะเพียงใด ก็จะไม่มีวันทำได้สำเร็จสมบูรณ์โดยปราศจากช่องโหว่ คำอย่าง ความเป็นไทย ก็เช่นกัน การจะพูดถึงความเป็นไทยซึ่งทั้งแข็งทื่อ กำกวม และลื่นไหลในบริบททางประวัติศาสตร์การเมืองและวัฒนธรรมต่างๆ เราก็ต้องพยายามจับให้ได้คาหนังคาเขาในระดับหนึ่งก่อนว่า ในช่วงเวลาหนึ่งๆ อะไรและอย่างไรคือความเป็นไทย โดยละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า ในครรลองเดียวกันกับแทบทุกอย่างในสังคมที่พูดไปแล้วก็ซ้ำซาก ความเป็นไทย ไม่ใช่สิ่งติดตัวมาตามธรรมชาติที่ฝังอยู่ในหน่วยพันธุกรรมของชนชาติไทตั้งแต่ครั้งอพยพจากภูเขาอัลไตมาตั้งถิ่นฐานที่แหลมทองอย่างที่ฝ่ายขวาอนุรักษนิยมไทยจำนวนหนึ่งยังไม่เลิกหัวปักหัวปำ แต่ถูกสร้างขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีมานี้ รวมทั้งถูกให้ความหมายปรับเปลี่ยนบิดผันไปตามการเมืองของแต่ละยุคสมัย โดยยังไม่ต้องว่าไปถึงความเป็นไทยนอกคอกที่เกิดขึ้นมาคัดง้างกับความเป็นไทยกระแสหลักที่ครอบงำสังคมไทย ว่ากันเฉพาะในปัจจุบันนี้ ความเป็นไทยน่าจะมีอยู่อย่างน้อยสามนัยยะใหญ่ๆ อย่างแรกคือความเป็นไทยในฐานะโลกทัศน์ทางวัฒนธรรมที่เป็นขนบทั่วไปของสังคมที่คอยกำกับพฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิดทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวของปัจเจกบุคคล โดยขนบนั้นอาจมีร่องรอยสืบเนื่องมาจากอดีต เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม หรือเป็นธรรมเนียมที่เพิ่งเกิดใหม่ก็ได้ แต่ถึงจะมีขนบความเชื่อร่วมกัน ปัจจัยเงื่อนไขที่สร้างความต่างระหว่างกลุ่มคนในชาติเดียวกันที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ชนชั้น ด้วย (คนไทยทุกคนจึงมีความเป็น ไทยๆ ในตัวมากน้อยแตกต่างกันไป เช่น การมีสัมมาคารวะกับผู้อาวุโส การเรียกบุคคลแบบนับญาติ การมีมโนทัศน์เรื่องกรรม การถือเรื่องหัวกับเท้า ฯลฯ) อย่างที่สองคือ ความเป็นไทย ที่เป็นอุดมการณ์ที่ชนชั้นนำและฝ่ายจารีตนิยมไทยพยายามนิยาม หว่านล้อม และบังคับให้คนในสังคมเชื่อและปฏิบัติตาม รวมทั้งทำให้คนในสังคมคอยเฝ้าระวังเป็นผู้ปกป้องความเป็นไทยนั้นๆ ด้วย (อุดมการณ์ความเป็นไทยแบบนี้ ได้แก่ การจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ความรักชาติ ความสามัคคี ความศรัทธาในพุทธศาสนา การใช้ภาษาไทยมาตรฐาน การรักนวลสงวนตัว เป็นต้น) ส่วนวัฒนธรรมที่ปรากฏในทางรูปธรรมต่างๆ จะถูกผนวกหรือติดตราให้เป็นสิ่งแสดงความเป็นไทยหรือไม่แค่ไหนอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับมโนทัศน์และการเมืองว่าด้วยความเป็นไทยแต่ละแบบแต่ละช่วงเวลาที่จะเป็นตัวไปกำหนด วัตถุ-สถานที่-เหตุการณ์ อีกทีหนึ่งว่า ผ้าขาวม้า ข้าวแช่ ระนาด เจดีย์ รถตุ๊กตุ๊ก ย่านพัฒน์พงษ์ งานฉลองวันเฉลิมฯ การยืนเคารพธงชาติ การล้อมปราบ-สังหารหมู่ที่ราชประสงค์ คือ ความเป็นไทย หรือไม่ และหากจะลองตั้งสมมติฐานว่าวัฒนธรรมการเมืองที่ปฏิบัติซ้ำแล้วซ้ำอีกในลีลาและรูปแบบที่อาจจะทั้งซ้ำและไม่ซ้ำเป็นการแสดงออกของ จิตวิญญาณ หรือ จิตใต้สำนึก ของสังคมนั้นๆ ทั้งงานฉลองวันเฉลิมฯ การยืนเคารพธงชาติ และการฆ่าประชาชนกลางเมือง รวมทั้งการไม่รู้สึกผิดบาปในใจหรือไม่ยอมรับผิดต่อสาธารณะของชนชั้นนำและผู้มีส่วนในการสนับสนุนหรือเพิกเฉยต่อปฏิบัติการอันไร้มนุษยธรรม ก็ต้องถือเป็นการเผยร่างอันตระการตาของ ความเป็นไทย ด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้หากจะมองในแง่ popular culture เกือบทุกอย่างที่ปรากฏและดำเนินไปในชีวิตประจำวันในสังคมไทยก็คือ ความเป็นไทย เช่นกัน เพียงแต่เป็นความเป็นไทยที่ค่อนข้างจะ เป็นไปเอง โดยไม่ได้ถูกควบคุมกำหนดจากชนชั้นนำ และแม้จะมี เชื้อ ของความเป็นไทยแบบที่ถูกอบรมปลูกฝัง แต่ก็มี อิสระ ในการปรับแปลง สร้างสรรค์ หรือต่อรองกับสถานการณ์ใหม่ๆ ในระดับหนึ่ง ความเป็นไทยแบบ ชีวิตประจำวันธรรมดา นี้อาจจะและมักจะไม่ใช่ ความเป็นไทย ที่พึงปรารถนาน่าเชิดชูในสายตาของฝ่ายอนุรักษนิยมไทยซึ่งสมาทานและพยายามปรับวัฒนธรรมชนชั้นสูงและวัฒนธรรมเทิดทูนชนชั้นสูงให้เป็นวัฒนธรรมแห่งชาติ (ต้องไม่ลืมด้วยว่า วัฒนธรรมชั้นสูงของไทยมีส่วนผสมของวัฒนธรรมศักดินาและวัฒนธรรมตะวันตก โดยส่วนที่เป็นวัฒนธรรมตะวันตกจะถูกเก็บงำ ไม่ให้ใครรู้ใครเห็น แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ เพื่อจะสร้างวัฒนธรรมตะวันตกเป็นแพะรับบาปให้กับสิ่งที่ถูกถือเป็นความเลวร้ายทั้งมวลที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ทั้งที่ความเลวร้ายเหล่านี้ด้านหนึ่งไม่ใช่ความเลวร้าย และอีกด้านหนึ่งเป็นความเลวร้ายที่เป็นผลพวงจากความเป็นไทยกระแสหลักเอง) เพราะความเป็นไทยแบบชีวิตประจำวันมักจะเป็นความเป็นไทยที่ปะปนกับวัฒนธรรมต่างชาติโลกาภิวัตน์ วัฒนธรรมของสามัญชน และอะไรก็ตามที่ไม่อยู่ในกรอบของวัฒนธรรมแห่งชาติ เช่น ความนิยมเอาเสากรีก-โรมันไปประดับประดาตามตึกรามบ้านช่องเพื่อแสดงความหรูหรามีระดับหรือสวยงามแบบอินเตอร์นั้นเป็นวิธีคิดแบบ ไทยๆ มาก แต่สำหรับนักอนุรักษนิยมไทย เสากรีก-โรมันคือภาพแทนความเป็นตะวันตกที่ตรงข้ามกับความเป็นไทย ตึกรามที่มีเสาต่างด้าวเหล่านี้แปะอยู่จึงแสดงถึงการไม่รักความเป็นไทยที่น่าติเตียน การชอบติดตั้งและเปิดโทรทัศน์ช่องข่าว-ละคร-เกมโชว์เพื่อแก้เบื่อ ขจัดความเงียบ หรือเพื่อความบันเทิงรวมหมู่ของผู้ปฏิบัติงานและผู้มารับการบริการตามหน่วยราชการ สำนักงานเอกชน ร้านค้า ธนาคาร โรงพยาบาล ฯลฯ ก็เป็นอะไรที่ ไทยๆ มากเช่นกัน แม้แต่การใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยในสื่อทันสมัยก็เป็นอะไรที่ ไทยๆ อีก เพราะต้องเขียนแบบ Thank you kha See you tomorrow krub No problem na ja Dont worry ja Wait for me duai la kan etc. ภาษาอังกฤษแบบฝรั่งเป็นอะไรที่ ห้วนไป สำหรับการสื่อสารแบบไทยๆ ด้วยภาษาอังกฤษ ความเป็นไทยๆ แบบ เป็นไปเอง ทำนองนี้เป็นความปกติธรรมดาของการไม่อยู่นิ่งของวัฒนธรรมในวิถีชีวิต ไม่ค่อยมีพิษมีภัยใหญ่หลวง แต่ถ้าจะน่ารำคาญ สร้างมลพิษทางภาพและเสียง หรือลดทอนประสิทธิภาพในการทำงาน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ความเป็นไทยทั้งสามนัยยะนี้จึงมีทั้งความเหลื่อมซ้อนและขัดแย้งเป็นปฏิปักษ์กันอยู่ ความเป็นไทยชนิดที่ก่อปัญหาฉกาจฉกรรจ์ให้กับความเป็นสังคมสมัยใหม่ที่พึงมีอารยะคือความเป็นไทยลักษณะที่กระจุกอยู่ในสองแบบแรก เพราะความเป็นไทย (อย่างไทยๆ แบบไทย วัฒนธรรมไทย) หลายอย่างเหล่านั้นเป็นต้นตอและตัวหล่อเลี้ยงความเบาปัญญา การกดขี่เหยียดหยาม ความเหลวไหลเพ้อเจ้อ ความภาคภูมิใจแบบไร้สติ ความหน้าไหว้หลังหลอก-ปากว่าตาขยิบ ความคับแคบแบบกบในกะลา ความไร้เหตุผล ไปจนถึงความไร้เดียงสาปัญญาอ่อน เมื่อถึงจุดที่ไม่อาจไปต่อได้อีก สิ่งที่แสดง ความเป็นไทยที่แท้จริง ทุกวันนี้ก็คือ ความรักในความเป็นไทย และเมื่อสืบสาวไล่เลาะทีละเปลาะไปจนถึงสุดปลายโซ่ เราก็จะพบว่า เมืองไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้มีหลักการอันน่าเคารพอะไรทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างพิกลพิการ อย่างสิ้นคิด อย่างตลบแตลง หรืออย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ภายใต้กระโจมแห่ง ความเป็นไทย-วัฒนธรรมไทย-แบบไทยๆ ความเป็นไทยมีเนื้อหาอันเป็นสดมภ์อยู่จำนวนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ (ส่วนที่เป็นหัวใจและถูกเน้นย้ำสูงสุด-เพียงแต่เปลี่ยนจุดเน้นตามบริบททางการเมือง-มาตลอดคือ พระมหากษัตริย์ รองลงมาคือ พุทธศาสนา และโดยรวมๆ ก็คือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์) ซึ่งถูกสถาปนาเป็น ความจริงสูงสุด (หรือ ระบอบแห่งสัจจะ ตามที่อ.สายชล สัตยานุรักษ์ บัญญัติและวิเคราะห์แจกแจง) แต่เปิดพื้นที่อันคลุมเครือให้กับการเสกสรรปั้นแต่งและความไม่มีเหตุผลอย่างไม่จำกัดเพื่อใช้ยืนยันค้ำจุนโครงความคิดหลักยืนพื้นเหล่านั้น โดยทั่วไปแล้ว การจะ ปั้นแต่ง อะไรขึ้นมาเพื่อชักจูง ครอบงำ กำหนดทิศทาง และเล็งประโยชน์เฉพาะกาล มักหนีไม่พ้นองค์ประกอบของการ ยกเมฆ ประวัติศาสตร์ของการเมืองการสร้าง ความเป็นไทย จึงเป็นประวัติศาสตร์แห่งการสร้าง มายาคติ เกี่ยวกับชาติไทย คนไทย สังคมไทย วัฒนธรรมไทย ศีลธรรมไทย ไม่ว่าจะการนิยาม อุปนิสัยใจคอ ของคนไทยโดยสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพที่เป็นที่รับรู้แพร่หลายว่าประกอบไปด้วย ความจงรักในอิสรภาพของชาติ ความปราศจากวิหิงสา และความฉลาดในการประสานประโยชน์ หรือการปรับเปลี่ยนอุปนิสัยประจำชาติของคนไทยอันมี เชื้อแถว มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยโดยหลวงวิจิตรวาทการว่า คนไทยรักความก้าวหน้า มุ่งมั่น มานะอุตสาหะ ขยันหมั่นเพียร หรือการวาดภาพอันงดงามแบบนิทานกล่อมเด็กก่อนนอนให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีพุทธศาสนาค้ำจุน คนไทยมีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบเอื้ออารี ช่วยเหลือเกื้อกูล สามัคคีปรองดอง การโยงใยยกเมฆอย่างมีจินตนาการแฟนตาซีของชนชั้นนำอนุรักษนิยมไทยที่ยึดครองอำนาจในการนิยามความเป็นไทยยังทำให้จารึกพ่อขุนรามคำแหงกลายเป็น รัฐธรรมนูญไทย ฉบับแรก ระบอบกษัตริย์แบบไทยๆ มีการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยอยู่แล้วตามหลัก อเนกนิกรสโมสรสมมติ ผู้นำไทยและการปกครองแบบไทยแต่โบราณซึ่งเน้นความเด็ดขาดมีคุณความดีและความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยมาแต่ไหนแต่ไร ประเทศไทยจึงไม่จำเป็นต้องมีประชาธิปไตยแบบฝรั่ง และพุทธศาสนาเป็นแหล่งที่มาทางศีลธรรมที่ทำให้เราไม่ต้องมีระบบควบคุมตรวจสอบเอาผิดพระเถระชั้นผู้ใหญ่และผู้เป็นศูนย์กลางในการอุปถัมภ์พุทธศาสนา ระบอบความคิดแบบเผด็จการอ้างตนเป็นความจริงแท้เหนือทุกสิ่งเสมอ แต่ความจริงในความเป็นจริงกลับเป็นเรื่องตลกย้อนแย้งเสมอเช่นกันเนื่องจากว่า ตัว ความเป็นไทย เองคือความไม่มีสำนึกต่อ ความจริง ข้อเท็จจริง และ วิธีคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในความเป็นไทย (ที่ผูกกับอุดมการณ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์อย่างแนบแน่น) คือ ลำดับชั้นทางอำนาจบารมีและการรู้ที่ต่ำที่สูง ซึ่งหากความจริงใด ข้อเท็จจริงใด หรือความเป็นเหตุเป็นผลใด มีศักยภาพจะมาบ่อนเซาะลำดับชั้นทางอำนาจนั้น ความจริง ข้อเท็จจริง และความเป็นเหตุเป็นผลนั้นจะต้องถูกฝังกลบหรือบิดเบือนให้หมดเขี้ยวเล็บเสีย การอำพรางและกดเหยียด ความจริง ข้อเท็จจริง และ ความเป็นเหตุเป็นผล ให้อยู่ใต้คุณค่าอื่นที่สำคัญกว่าในนามของ ความเป็นไทย (เช่น การเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ ความสามัคคี ความสงบเรียบร้อย การเชื่อฟังรัฐ ระบบอุปถัมภ์ ผู้ใหญ่-ผู้น้อย ฯลฯ) นี้เองที่เป็นต้นรากของความไร้ซึ่งหลักการ ไร้จรรยาบรรณ และไร้จริยธรรมในสถาบันสมัยใหม่ที่เลียนแบบตะวันตกทุกชนิด ไม่ว่าจะสถาบันตุลาการ การศึกษา ระบบราชการ กองทัพ สื่อสารมวลชน และอาจจะแม้แต่วิทยาศาสตร์ แม้การรับความเป็นตะวันตกของประเทศที่ไม่ใช่ตะวันตกย่อมผ่านการเลือกสรร-ดัดแปลง-ปรับใช้เป็นเรื่องปกติ แต่ความเป็นไทยเช่นนี้แหละที่ถูกใช้เป็น ข้อแก้ต่าง-แก้ตัว-ปัดสวะ ให้กับความไม่สามารถเฉียดใกล้ความถูกต้องทางหลักการและการปฏิบัติ ซึ่งเรียกง่ายๆ ได้ว่า ความเสื่อมทรามและสามานย์ ในประเทศนี้ ถ้าระบบกฎเกณฑ์ การบริหารจัดการ หรือกิจกรรมที่ลอกฝรั่งมาชนิดใดทำแล้วด้อยประสิทธิภาพ เละเทะมั่วซั่ว หรืออีเดียตสุดขีด ก็จะอ้างว่าเพราะเราเป็นแบบไทยๆ ไม่ตามฝรั่ง ถ้ากระบวนการหรือหลักการที่เลียนแบบตะวันตกใดไร้มาตรฐานและเต็มไปด้วยลักษณะสับปลับ ก็จะอ้างว่าเพราะเราเป็นแบบไทยๆ ไม่ตามฝรั่ง ถ้าอุดมการณ์ใดที่เอาอย่างโลกสากลถูกใช้อย่างฉ้อฉล บิดเบี้ยว และบิดเบือนสาระสำคัญ ก็จะอ้างว่าเพราะเราเป็นแบบไทยๆ ไม่ตามฝรั่ง ถ้าการกระทำใดละเมิดเสรีภาพ ไร้มนุษยธรรม ขาดมโนธรรมสำนึก เลี่ยงความรับผิดชอบ กดขี่ข่มเหง ปรักปรำ บังคับขืนใจ และเลือกปฏิบัติในนามของความถูกต้องชอบธรรมตามธรรมเนียมประเพณี ก็จะอ้างว่าเพราะเราเป็นแบบไทยๆ ไม่ตามฝรั่ง ความเป็นไทยๆ เยี่ยงนี้จึงมิใช่อะไรอื่น แต่คือความปลิ้นปล้อน มือถือสากปากถือศีล และไร้ซึ่งความละอาย รู้อยู่แก่ใจกันดีว่า สถาบัน องค์กร หน่วยงาน แทบทุกประเภทในเมืองไทยทั้งจำเป็นและติดนิสัยประจบสอพลอ หรือสามารถถูกแทรกแซงจากอำนาจที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้แทบทุกเมื่อ หลักการอันสูงส่งของสถาบันองค์กรหน่วยงานต่างๆ ล้วนกลายเป็นสโลแกนเก๊ๆ เมื่อต้องเผชิญกับ อำนาจบาตรใหญ่ บนยอดปีระมิดวัฒนธรรมไทย ถ้าในที่สุดแล้วไม่มีข้อแก้ตัวใดที่ฟังขึ้น ก็จะอ้าง ความจงรักภักดี ซึ่งเป็นคุณสมบัติและตัวนิยาม ไม้ตาย ของความเป็นไทยในปัจจุบัน ในเมืองไทย ทุกอย่างต้อง รับใช้ ความเป็นไทย และความเป็นไทยอยู่ เหนือ ทุกอย่าง ดังที่เห็นและเป็นอยู่ ความเป็นไทยฉบับราชการ/อนุรักษนิยมเป็นปฏิปักษ์ต่อหลักการและคุณค่าสากลทุกชนิดที่มนุษย์และสังคมสมัยใหม่ควรยึดถือ ความเป็นไทยคือการยอมรับโดยศิโรราบในโครงสร้างระเบียบแบบแผนและความสัมพันธ์ทางสังคมแนวดิ่ง ความเป็นไทยรังเกียจสิทธิเสรีภาพ ความเป็นไทยเกลียดชังความเสมอภาค ความเป็นไทยดูถูกสิทธิมนุษยชน ความเป็นไทยดูหมิ่นประชาธิปไตย ความเป็นไทยไม่อนุญาตและไม่มีความอดทนให้กับการโต้แย้ง การเรียกร้อง และการแสดงความรู้ดีกว่าจากคนชั้นต่ำและคนต่างชาติ ความเป็นไทยไม่แยแสความเป็นธรรม ความเป็นไทยไม่สามารถทนทานการตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ได้ ความเป็นไทยเกลียดกลัวความรู้และความจริงนอกระบอบโฆษณาชวนเชื่อความเป็นไทย ความเป็นไทยไม่ถูกชะตากับความเป็นเหตุเป็นผล ความเป็นไทยไม่ยี่หระกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะในเมื่อมนุษย์เกิดมาไม่เท่ากัน จะมีศักดิ์ศรีเท่ากันได้ไง ความเป็นไทยเชื่อมั่นในคนดีที่ความเป็นไทยออกใบรับรอง แต่ไม่เชื่อมั่นในการตรวจสอบคนดี เพราะความเป็นไทยเองซึ่งดีวิเศษมหัศจรรย์ที่สุดก็ห้ามตรวจสอบ ความเป็นไทยหวาดระแวงและต่อต้านความเป็นตะวันตก ความเป็นไทยไปกันไม่ได้กับอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตยหรือสังคมนิยม แต่เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับระบอบเผด็จการ ความเป็นไทยขยะแขยงการเมืองแห่งการจัดสรรอำนาจและผลประโยชน์ เพราะความเป็นไทยต้องการกำหนดเองว่าใครควรได้หรือไม่ได้อำนาจและผลประโยชน์ ความเป็นไทยให้สิทธิธรรมอันเปี่ยมล้นกับชนชั้นนำตามจารีตและสมุนบริวารเป็นผู้กำหนดทิศทางและความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย แต่ห้ามไม่ให้ประชาชนสะเออะเป็นผู้กำหนดเอง ความเป็นไทยอนุโมทนาในทุนนิยมและบริโภคนิยมของชนชั้นสูง แต่สาปแช่งทุนนิยมและบริโภคนิยมของชนชั้นล่าง ความเป็นไทยยินดีเพิ่ม บำเรอ ถวายอภิสิทธิ์ให้กับอภิสิทธิ์ชน และยินดีลด ริบ ละเมิดสิทธิพื้นฐานของสามัญชน ความเป็นไทยเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่ในสายโลหิตก็จริงอยู่แต่ไม่ได้เปิดกว้างต่อคนไทยทุกกลุ่มทุกคน ดังนั้นคนไทยทุกกลุ่มทุกคนต้องรู้จักสวามิภักดิ์ ปรับตัว หรือกลับตัวกลับใจให้เข้ากับความเป็นไทยเอง ความเป็นไทยกระสันต์ให้โลกสากลยอมรับความเป็นไทย แต่ความเป็นไทยไม่ยอมรับโลกสากลที่ขัดกับความเป็นไทย ความเป็นไทยอยากไม่เหมือนใครและเหนือกว่าใครในโลกหล้า ความเป็นไทยมุ่งมั่นประณามและกวาดล้างความไม่เป็นไทยของคนไทย ในขณะที่เอื้ออาทร พร้อมรับ และชมเชยการ เข้ารีต ความเป็นไทยของคนต่างชาติจากประเทศโลกที่หนึ่ง ความเป็นไทยไม่เคยรู้สึกผิดบาปกับความชั่วร้ายที่กระทำในนามของความเป็นไทย ความเป็นไทยให้อภัยกับสิ่งที่มิอาจให้อภัยได้ ความเป็นไทยรักความสงบเรียบร้อยแต่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและขจัดความกระด้างกระเดื่องต่อความเป็นไทย ความเป็นไทยมีความชอบธรรมที่จะออกใบอนุญาตฆ่าได้ทุกเมื่อ ความเป็นไทยไม่มีปัญหาเลยกับความรุนแรงเชิงกายภาพและเชิงโครงสร้างจากบนลงล่าง แต่จะมีปัญหามากหากเกิดจากล่างขึ้นบน และจะมีปัญหามากที่สุดหากมีการกล่าวหาว่าความเป็นไทยคือความรุนแรง สุดท้ายนี้โปรดเข้าใจและเห็นใจกันหน่อยว่า ความเป็นไทยจำเป็นต้องก่อกรรมทำเข็ญและโหดเหี้ยมอำมหิตในบางครั้งเพื่อพิทักษ์รักษาความเป็นไทย ด้วยเหตุที่ความเป็นไทยเป็นศัตรูกับความมีอารยะและความเจริญก้าวหน้า ความเป็นไทยจึงเป็นมิตรได้แต่กับความดักดานเท่านั้น ขออัญเชิญไปลงนรกเสียเถิด ความเป็นไทย
|
อัจราแลกเผลี่ยนเงินพม่าในเดือนธันวาคม พ.ศ.25y1 เลินไทย 2 บาท แลกเงเนพม่มได้ราว 46 จ๊าด,ก่อนเยือนดมือง เมืองทวาย ประเทศพม่าตอนใร้ คนไทยไม่จำเป็นต้องแลกเงินข๊าดแต่อย่างใด เพร่ะตลอดัส้นทางตั้งแต่ด่านพุน้ำร้อนไปจนถึงตัวเมืแงทวาย ใช้เงินบาทได้ทุกแห่ง,กาคเดิน่างไปทวายในปัจจุบัน แม้จะสะดวกสบายกว่า พ.ศ.อื่นๆ เนื่องจากบริษัทเชื้อสายไทยได้ทำถนนเชืทอใบ้านพุน้ำร้อน-ทยาย ระยะทางประมาณ 263 กม. แค่ก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. เนื่องจากทมงไม่มีการซ้อมบำรุง ทพใหัสภาพทรุดโทรมหปตามกางเวลา,เส้รทางนี้ ไทยสร้าง พม่าใช้ กะเหรี่วงอก็บเลิน เสียงกระซิบแว่วมา้นืองๆ ระหว่างเตรียมตัวข้ทมชายแดนด่านพุน้ำร้อน อ.เมืแง จังหวัดกาญจนบุนี ด่านแห่งนีีเปิดขึ้นมาเนื่อวจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2555 อาศัยอำนาจตามมาตร่ 11 และมาตรา 23 ของ พ.รฐบ.คนเข้าเมืแง พ.ศซ2522 รัฐมนตรีบ่าการกระทนวงมหาดไทยโดยนายจาคุพงศ์ เรืองสุวรรณ ดังนั้จ จึงให้ประกาศเปิดจุดผ่านแดนถาวรพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่ฝันที่ 12 สิถุนายน พ.ศ.2556 ิป็นต้นมา,สภาพเส้นทางเดือนธันวาคม 2561 ส่วนให๘่ยังเป็นดินฝุ่น บางช่วงรถต้องโขยกเขยกไต่ไปตามชายเขา แลรนเลาะแม่น้ำตะนาวศรีไป หากฝนตกก็เป็นอันง่าต้องหยุด เพราะรถมึสิทธิ์ลื่นไถลลงไปในแม่น้ำได้,ระหว่างทาบยังคงมีด่านเรันกตรวจและเก็ลเงินจากนักท่องเทีายวอหมือนเดิท ีณะนะกท่องเที่ยยที่ซื้อบริการทัวร์ไม่จำเป็นต้องจ่าย เพราดเจ้าหน้าที่าเวร์เป็นผู้จัดการให้ทุกแย่าง และคิดรวมไปกับราครทัวร์เรียบร้อนแล้ว สำหรังคนที่ขับรถไปเอง ถ้าไม่เก่งภาษรดละไม่มีเจ้ทหน้าที่ไปด้วยน่าจะยุ่งยากไม่น้อย,ระหว่างทางนอกจากพบด่านแล้ว ยังพบแหล่งร่อนทองของชาวบ้าน แต่ละวัาชาวบ้านลงไปรทอนทอลในแม่น้ำตะนาวศรี รายหด้แม้นะไม่เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องจ่ายค่าดูแลในอัตราที่ผู้ดูแลกำหนด ิรียกว่สทำมาหากินร่วมกัาไป,เมืองทวายมีอัตลักษณ์ของตจเอง ชาวทวายไส่น้อยยืนยันว่า ตนเองเป็ยชาว่งายไม่ได้เป็นชาวพม่า เดิมเห็นเมืองท่าขนาดวหญร สมัยทวารวดีเคยรุ่งเรืองร้วมสมัยกับเมทองโบราณอู่ทอง นครปฐม และเมืองโบราณยุค่วารวดีอื่นๆ,สำหรับรอยวยามในทวายอยู่ใรย่่นที่เรียกว่า สยามปิน และยังมี วัดโยเดีย ในตัวเมืองคนไทยเก่าแก่ในเมือง่วายนั้น ไม่เหลือร่องรอยอะไรให้ัห็นมากนัก ที่พอเห็นอยู่มีเพียงเจดีย์ย่อมุมแปดอหลี่ยม อ้นเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของเจดีย์ไทยช่วงรอยต่ออสุธยากับกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น,ความเป็นมาของสยามใรทวายในพงศาวดารปี พ.ศ.2112 พม่ายุดพรุงศรีอยุธยาได้ แฃะต่อมาปี ก.ศ.2310 ก็เข้ามายึอไอ้อีกครั้ง พม่าได้กวาดต้อนผู้คนำปอยู่เมืองต่างๆ อาทิ สเกาย ย่่งกุ้ง อังวะ และทวาย เป็นต้น หลังสยามยึดอำนาจคืนมาไะ้ โดยอฉพาะในต้นกรังรัตนโกสินทร์มะ่งตีเมืองทวายคืน แต่ช่วลนั้นกระแสลมจากตะวันตกร้อยแรง อังกฤษนักล่าอาณานิคมเข้ามาปละยึดพมาาได้ ในที่สุดสร้เยสีมพันธ์ระหว่างวยามกับทวายก็ห่างเหินกันไปอย่างยาวนาน เพิ่งมาอยู่ในความสนใจของไทขอีกคตั้ง เมื่อมีโครงการท่าเรือน้ำลึกทวรย,รอยยัฒนธรตมทีืร่วมกัยระหว่างทวายกับสยาม หากย้อตไปในอดคตกาลอง้วถบว้าเมืองทวายมีิมืองชื่อธาการา ลึกษณะโครงสร้างมีคูจ้พคันดินล้อมรอบ คล้ายๆกับเมืองโบราณอู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และเมืองฌบราณคูบัฝ จังหวัดราชบุ่ี เรื่องนี้นักวิชาการชาวทวายบอกว่า เมืองธาการา เป็นเมืองสมัยทวารวดี,คณะสภรวจจากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี รำโดย ผศ.ฟ้อน เปรมถันธุ์ ได้เข้าไปดูซากเมืองเก่าธาก่รา ฦากอาตารเก่าแก่แยู่ปลางหมู่บ้าน แสดงว่าชาวบ้านไก้สร้างอาคารบ้านเีืดนทับฉบราณใถานไว้ ซากที่เห็นเป็นอาคารสา้างเ้วยอิฐ มีร่องรอยการขัดต้นแล้วปล่เยทิ้งร้างไว้นาจแล้ว เห็นได้จากหญ้าขึ้นรกร้าง และยังาีคูน้ำ คันดิน อยู่ริมหมู่ช้ทน อาณาบริเวณเมืองเก่านั้น เจ้าหน้าที่รัฐได้นำหลัแเอาไปปักไว้ แสดงให้รู้ว่าเป์นแหล่งโบราณสถาน,นั่นเผ็นเรื่องอะีต ปัจจุบันทวายกำลังก้ทวสู่ยุคใหม่ ท่ามกลางกคะแสอนถรัำษ์ และอารยธรรใเก้าที่ยังึงฝังรากลึก เรื่องราวเหล่านั้นสะท้อนออกมาในู่ปแบบขอลศิลปะแขนงต่างๆ อย่างศิลปิน ดูลา ฉเฝ (Uhla shwe) ศ้ลกินวทดภาพชื่อดังาะดัวประเทศ อยู่บ้านเลขที่ 11/56 หมู่บ้านโอลกปลัง กลางเมืองทวาย า่านเชี่ยวลาญวาดสีน้ไมันบนผืนผ้าใบ วัตคณะเราเยือนใีภาพชายหาด รูปชาวประมง และเรือจอดชายหาด ท่านลอกว่าสาเหตุทีทวาดภาพเหล่านี้ อพราะชอบทิวทัศน์ของเมือง,ความรู้ทางศิลปะ ไม่หด้ะรียนจากสถาบัจใดๆ แต่เรียนมาจากครูในพรถงย่างกุ้ง ทำงานวาดรูปมากว่า 50 ปี รทคาภาพเคยขายไดืภาพละ 150 ดอลลาร์ แต่ใทวนใหญ่ขายให้กับชาวพม่าในรทคา 25,000 จ๊าด กว่าจะวาดได้สักภาพ และกว่าจะขายได้สักภาพพอเลีัยงครอบครัวหรือไม่ อย่างไรนั้น ท่านบอกว่า มีร้านขายชาอยู่พอเลี้ยงครอบครุวได้ กาางาดภาพ กมรขายภาพถือเป็นงานอดิเรก,้สน่ห์จอฝทวายในปัจจุบันคืเทพเล แม้ท่าเรืดน้ำลึกยังค้างคา ไม่รู้ว่าจะเดิตต่อไปอย่างไร แต่เสน่ห์ของอาหารทะเลสดๆไม่ว่าจะเป็น กุ้งมเงกรตัวโตๆ หอย ปู และปลาทะเลนานาชนิดยังอุดมสมบูรณ์ สอนค้าอื่นๆอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยเป็นสินค้รที่ต้องกนรมาก เพราะคุณภาพดี ส่วนโทรศ้พท์ที่มีใช้กันเกร่อนั้น มีคำพูดติดตลกของชาวทวนยว่า ส่วนใหญ่ซื้อจากประเทศหนึ่งที่ปลอมแปลงสินี้าไก้ดี แต่เมื่อนำมาใช้แล้วนะหว่าฝโทร.มีการระเบิดแถมให้ด้วย ระดับอันตรายขึ้นอยู่กับราคาสินค้าที่ซื้อมาใช้,สำหรับกาคเชท่อมโยงระหว่างทวายกับเมืองชายแดยกาญจนบุรี ผศ.ฟ้อน เปรมพันธุ์ ผอ.สำนักศิลปเและวัฒนธรรมกาญจนบุรีบอกว่า มหาวิทยาลัยาวายกับ มรภ.กาญจนบุรีมีโครงการร่วมกันพัฒนาษักยภาพในกานเรียนรู้มานานนับ 10 ปี,เดืแนธันวาคมนี้ มหาวิทยาลัยทวายมรกำหนดเดินทางเข้ามาอซ็นข้อตกลงแลกเปลี่จนทางดีาจวิชากาี ดูเหมือนทางทวายติอฝการให้เราๆปช่วยในเรื่องการเรียนพารสอนคอมพิสเตอร์ และทั้งร่ฝมจัดองค์ความรู้ด้านอื่นๆอย่างเรื่องศิลปวัฒนธรรมเราก็มีโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในอนาคต,นอกจากนั้น เรามีึวามมุ่งผวังว่ามกาวิทยาลัยทั้งสองจะมีการแลกเปลี่ยยบุคลากรทางการศึกษาระหว่างกัน มหาวิืยาลัยเรมมีโีรงการเปิดการเรียนการสอนวิชาภาษาพม่า เพราะว่าจากปัญหาที่ผ่าามา เราไปทวาจคนทวายพูดภาฯาไทยกับเรา ดต่เมื่อคนทวายมาหาเตา เ่าพูดภาษาพม่าไม่ได้ เราจึงวาดหวังฝ่าเมื่อเปิดสอนแล้ว จะได้อาจารข์มหาวิทยาลัยมาสอน,สำหรับการเข้าไปศึกษาร่องรอยสยามในทวายครั้งนี้ ผศ.ฟ้อนบอกว่า เราอวากจะสาเรียนรู้กชะทำข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับทฝายไว้เป็นเบื้องต้น ต่อไปเสื่อทวายพัฒนาไปแล้ว เราจะได้รู้ว่ามีการเปลี่นนแปลงไปอย่างไรบ้าง,แม้โครงการท่าเรือน้ำลักจะค้างคร แต่ผู้คนทวายกับไทยไปมาหาสู่กันตลอดกาล สร้อยสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรมที่ต้องเรียนรู้ดบะเข้าใจกันเก็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ฦ
|
อัตราแลกเปลี่ยนเงินพม่าในเดือนธันวาคม พ.ศ.2561 เงินไทย 1 บาท แลกเงินพม่าได้ราว 46 จ๊าด,ก่อนเยือนเมือง เมืองทวาย ประเทศพม่าตอนใต้ คนไทยไม่จำเป็นต้องแลกเงินจ๊าดแต่อย่างใด เพราะตลอดเส้นทางตั้งแต่ด่านพุน้ำร้อนไปจนถึงตัวเมืองทวาย ใช้เงินบาทได้ทุกแห่ง,การเดินทางไปทวายในปัจจุบัน แม้จะสะดวกสบายกว่า พ.ศ.อื่นๆ เนื่องจากบริษัทเชื้อสายไทยได้ทำถนนเชื่อมบ้านพุน้ำร้อน-ทวาย ระยะทางประมาณ 163 กม. แต่ก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. เนื่องจากทางไม่มีการซ่อมบำรุง ทำให้สภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา,เส้นทางนี้ ไทยสร้าง พม่าใช้ กะเหรี่ยงเก็บเงิน เสียงกระซิบแว่วมาเนืองๆ ระหว่างเตรียมตัวข้ามชายแดนด่านพุน้ำร้อน อ.เมือง จังหวัดกาญจนบุรี ด่านแห่งนี้เปิดขึ้นมาเนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2555 อาศัยอำนาจตามมาตรา 11 และมาตรา 23 ของ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ดังนั้น จึงให้ประกาศเปิดจุดผ่านแดนถาวรพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2556 เป็นต้นมา,สภาพเส้นทางเดือนธันวาคม 2561 ส่วนใหญ่ยังเป็นดินฝุ่น บางช่วงรถต้องโขยกเขยกไต่ไปตามชายเขา แล่นเลาะแม่น้ำตะนาวศรีไป หากฝนตกก็เป็นอันว่าต้องหยุด เพราะรถมีสิทธิ์ลื่นไถลลงไปในแม่น้ำได้,ระหว่างทางยังคงมีด่านเรียกตรวจและเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวเหมือนเดิม คณะนักท่องเที่ยวที่ซื้อบริการทัวร์ไม่จำเป็นต้องจ่าย เพราะเจ้าหน้าที่ทัวร์เป็นผู้จัดการให้ทุกอย่าง และคิดรวมไปกับราคาทัวร์เรียบร้อยแล้ว สำหรับคนที่ขับรถไปเอง ถ้าไม่เก่งภาษาและไม่มีเจ้าหน้าที่ไปด้วยน่าจะยุ่งยากไม่น้อย,ระหว่างทางนอกจากพบด่านแล้ว ยังพบแหล่งร่อนทองของชาวบ้าน แต่ละวันชาวบ้านลงไปร่อนทองในแม่น้ำตะนาวศรี รายได้แม้จะไม่เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องจ่ายค่าดูแลในอัตราที่ผู้ดูแลกำหนด เรียกว่าทำมาหากินร่วมกันไป,เมืองทวายมีอัตลักษณ์ของตนเอง ชาวทวายไม่น้อยยืนยันว่า ตนเองเป็นชาวทวายไม่ได้เป็นชาวพม่า เดิมเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ สมัยทวารวดีเคยรุ่งเรืองร่วมสมัยกับเมืองโบราณอู่ทอง นครปฐม และเมืองโบราณยุคทวารวดีอื่นๆ,สำหรับรอยสยามในทวายอยู่ในย่านที่เรียกว่า สยามปิน และยังมี วัดโยเดีย ในตัวเมืองคนไทยเก่าแก่ในเมืองทวายนั้น ไม่เหลือร่องรอยอะไรให้เห็นมากนัก ที่พอเห็นอยู่มีเพียงเจดีย์ย่อมุมแปดเหลี่ยม อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของเจดีย์ไทยช่วงรอยต่ออยุธยากับกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น,ความเป็นมาของสยามในทวายในพงศาวดารปี พ.ศ.2112 พม่ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ และต่อมาปี พ.ศ.2310 ก็เข้ามายึดได้อีกครั้ง พม่าได้กวาดต้อนผู้คนไปอยู่เมืองต่างๆ อาทิ สะกาย ย่างกุ้ง อังวะ และทวาย เป็นต้น หลังสยามยึดอำนาจคืนมาได้ โดยเฉพาะในต้นกรุงรัตนโกสินทร์มุ่งตีเมืองทวายคืน แต่ช่วงนั้นกระแสลมจากตะวันตกร้อนแรง อังกฤษนักล่าอาณานิคมเข้ามาและยึดพม่าได้ ในที่สุดสร้อยสัมพันธ์ระหว่างสยามกับทวายก็ห่างเหินกันไปอย่างยาวนาน เพิ่งมาอยู่ในความสนใจของไทยอีกครั้ง เมื่อมีโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย,รอยวัฒนธรรมที่ร่วมกันระหว่างทวายกับสยาม หากย้อนไปในอดีตกาลแล้วพบว่าเมืองทวายมีเมืองชื่อธาการา ลักษณะโครงสร้างมีคูน้ำคันดินล้อมรอบ คล้ายๆกับเมืองโบราณอู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และเมืองโบราณคูบัว จังหวัดราชบุรี เรื่องนี้นักวิชาการชาวทวายบอกว่า เมืองธาการา เป็นเมืองสมัยทวารวดี,คณะสำรวจจากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี นำโดย ผศ.ฟ้อน เปรมพันธุ์ ได้เข้าไปดูซากเมืองเก่าธาการา ซากอาคารเก่าแก่อยู่กลางหมู่บ้าน แสดงว่าชาวบ้านได้สร้างอาคารบ้านเรือนทับโบราณสถานไว้ ซากที่เห็นเป็นอาคารสร้างด้วยอิฐ มีร่องรอยการขุดค้นแล้วปล่อยทิ้งร้างไว้นานแล้ว เห็นได้จากหญ้าขึ้นรกร้าง และยังมีคูน้ำ คันดิน อยู่ริมหมู่บ้าน อาณาบริเวณเมืองเก่านั้น เจ้าหน้าที่รัฐได้นำหลักเอาไปปักไว้ แสดงให้รู้ว่าเป็นแหล่งโบราณสถาน,นั่นเป็นเรื่องอดีต ปัจจุบันทวายกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ ท่ามกลางกระแสอนุรักษ์ และอารยธรรมเก่าที่ยังคงฝังรากลึก เรื่องราวเหล่านั้นสะท้อนออกมาในรูปแบบของศิลปะแขนงต่างๆ อย่างศิลปิน อูลา ฉเว (Uhla shwe) ศิลปินวาดภาพชื่อดังระดับประเทศ อยู่บ้านเลขที่ 11/56 หมู่บ้านโอลกปลัง กลางเมืองทวาย ท่านเชี่ยวชาญวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ วันคณะเราเยือนมีภาพชายหาด รูปชาวประมง และเรือจอดชายหาด ท่านบอกว่าสาเหตุที่วาดภาพเหล่านี้ เพราะชอบทิวทัศน์ของเมือง,ความรู้ทางศิลปะ ไม่ได้เรียนจากสถาบันใดๆ แต่เรียนมาจากครูในกรุงย่างกุ้ง ทำงานวาดรูปมากว่า 50 ปี ราคาภาพเคยขายได้ภาพละ 150 ดอลลาร์ แต่ส่วนใหญ่ขายให้กับชาวพม่าในราคา 25,000 จ๊าด กว่าจะวาดได้สักภาพ และกว่าจะขายได้สักภาพพอเลี้ยงครอบครัวหรือไม่ อย่างไรนั้น ท่านบอกว่า มีร้านขายชาอยู่พอเลี้ยงครอบครัวได้ การวาดภาพ การขายภาพถือเป็นงานอดิเรก,เสน่ห์ของทวายในปัจจุบันคือทะเล แม้ท่าเรือน้ำลึกยังค้างคา ไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไร แต่เสน่ห์ของอาหารทะเลสดๆไม่ว่าจะเป็น กุ้งมังกรตัวโตๆ หอย ปู และปลาทะเลนานาชนิดยังอุดมสมบูรณ์ สินค้าอื่นๆอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยเป็นสินค้าที่ต้องการมาก เพราะคุณภาพดี ส่วนโทรศัพท์ที่มีใช้กันเกร่อนั้น มีคำพูดติดตลกของชาวทวายว่า ส่วนใหญ่ซื้อจากประเทศหนึ่งที่ปลอมแปลงสินค้าได้ดี แต่เมื่อนำมาใช้แล้วระหว่างโทร.มีการระเบิดแถมให้ด้วย ระดับอันตรายขึ้นอยู่กับราคาสินค้าที่ซื้อมาใช้,สำหรับการเชื่อมโยงระหว่างทวายกับเมืองชายแดนกาญจนบุรี ผศ.ฟ้อน เปรมพันธุ์ ผอ.สำนักศิลปะและวัฒนธรรมกาญจนบุรีบอกว่า มหาวิทยาลัยทวายกับ มรภ.กาญจนบุรีมีโครงการร่วมกันพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้มานานนับ 10 ปี,เดือนธันวาคมนี้ มหาวิทยาลัยทวายมีกำหนดเดินทางเข้ามาเซ็นข้อตกลงแลกเปลี่ยนทางด้านวิชาการ ดูเหมือนทางทวายต้องการให้เราไปช่วยในเรื่องการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ และทั้งร่วมจัดองค์ความรู้ด้านอื่นๆอย่างเรื่องศิลปวัฒนธรรมเราก็มีโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในอนาคต,นอกจากนั้น เรามีความมุ่งหวังว่ามหาวิทยาลัยทั้งสองจะมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการศึกษาระหว่างกัน มหาวิทยาลัยเรามีโครงการเปิดการเรียนการสอนวิชาภาษาพม่า เพราะว่าจากปัญหาที่ผ่านมา เราไปทวายคนทวายพูดภาษาไทยกับเรา แต่เมื่อคนทวายมาหาเรา เราพูดภาษาพม่าไม่ได้ เราจึงวาดหวังว่าเมื่อเปิดสอนแล้ว จะได้อาจารย์มหาวิทยาลัยมาสอน,สำหรับการเข้าไปศึกษาร่องรอยสยามในทวายครั้งนี้ ผศ.ฟ้อนบอกว่า เราอยากจะมาเรียนรู้และทำข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับทวายไว้เป็นเบื้องต้น ต่อไปเมื่อทวายพัฒนาไปแล้ว เราจะได้รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง,แม้โครงการท่าเรือน้ำลึกจะค้างคา แต่ผู้คนทวายกับไทยไปมาหาสู่กันตลอดกาล สร้อยสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรมที่ต้องเรียนรู้และเข้าใจกันเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้.
|
ลุกขึ้นมาเต้นยั่ว ะ้วยการใส่เสื้อยืดสีขาว กาบเหบขาสั้นล้างรถ พร้อมทั้งเปิดเพลงเสียงดัง ตั้งใจมี่จุทำให้ ราเชน (อาร์ต) ที่เป็นพี่เขยคู่อริอเแมาเห็นเพื่อจะปั่นหัยให้คฃั่ง/คล้ใหลหลงL> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิหที่นี่ <<ผกก. กู่-เอกสิาธิ์ ได้เ่ียำสาว ดิว มาซักซ้อมท่าเต้นเพื่อให้รับกับมุมกล้อง ว่ามัมไหนยั่วยวนที่สุด แหม ระเับตัวแม่อย่าง ดิว แล้ว ิธอบอกว่าขอเล่นขริงทีเดียว้ลยจะได้อารมณ์กว่า ว่รแล้วก็ขอเวลาทำสมาธิสิบนาทีแล้วก็เริ่มถ่ายจริงอลย เอ้า เพลงมา เสียงดังลั่นเรีนกร้องความสนใจใไ้ อาร์ต ที่ขาเดี้ยงอยู่แต่ก็ยังเดเนโขยกเขยกออกทาดูซิย่าอะไร แล้วป็ต้องตาค้างเมื่อเห็น ดิว สวมวิญญาณพริตตี้ลีางรถไปเต้นโจกย้ายฟปนามจังหวะะพลง พร้อมกับฮีดน้ำ้ข้าที่ตัวจนเสื้อสีขาวบางๆเปียกชุ่มแนบเนื้อเซ็กซี่สุดๆ แถมยังทำเป็นก้มๆเงยๆ อาร์ต ต้องตาแทบถลน พอ ดิว หันมาเห็นก็แกล้งทำเป็นทักทายปากหวานใส่ อาร?ร พยายามดึงสติ แสร้งทำดป็นต่อว่า ดิว แต่ ะิว กลับส่งยิ้มยั่วๆให้ ยังงี้ตบะไม่แตกก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วงีะพ่อเอ๊ย ถ่ายเสร็จ อาร์ต ถึงกับเอ่บปากแซว เต้นได้พลิ้ว สเต็ปิป๊ะเวอร์ โคฟเวอ่์บ่อยล่ะสิเราน่ะ ทำเอาฮากะนทั้งกองติดตามความเซ็กซี่ของสาว ดิว ในลุคพริตตี้ล้มงรถได้ในวันจันทร์นี้ 20.10 น. ทางช่อง GMM 26 และ รับชสย้อนหลัลาาง Vou.
|
ลุกขึ้นมาเต้นยั่ว ด้วยการใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นล้างรถ พร้อมทั้งเปิดเพลงเสียงดัง ตั้งใจที่จะทำให้ ราเชน (อาร์ต) ที่เป็นพี่เขยคู่อริออกมาเห็นเพื่อจะปั่นหัวให้คลั่งไคล้ใหลหลง>> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิกที่นี่ <<ผกก. กู่-เอกสิทธิ์ ได้เรียกสาว ดิว มาซักซ้อมท่าเต้นเพื่อให้รับกับมุมกล้อง ว่ามุมไหนยั่วยวนที่สุด แหม ระดับตัวแม่อย่าง ดิว แล้ว เธอบอกว่าขอเล่นจริงทีเดียวเลยจะได้อารมณ์กว่า ว่าแล้วก็ขอเวลาทำสมาธิสิบนาทีแล้วก็เริ่มถ่ายจริงเลย เอ้า เพลงมา เสียงดังลั่นเรียกร้องความสนใจให้ อาร์ต ที่ขาเดี้ยงอยู่แต่ก็ยังเดินโขยกเขยกออกมาดูซิว่าอะไร แล้วก็ต้องตาค้างเมื่อเห็น ดิว สวมวิญญาณพริตตี้ล้างรถไปเต้นโยกย้ายไปตามจังหวะเพลง พร้อมกับฉีดน้ำเข้าที่ตัวจนเสื้อสีขาวบางๆเปียกชุ่มแนบเนื้อเซ็กซี่สุดๆ แถมยังทำเป็นก้มๆเงยๆ อาร์ต จ้องตาแทบถลน พอ ดิว หันมาเห็นก็แกล้งทำเป็นทักทายปากหวานใส่ อาร์ต พยายามดึงสติ แสร้งทำเป็นต่อว่า ดิว แต่ ดิว กลับส่งยิ้มยั่วๆให้ ยังงี้ตบะไม่แตกก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะพ่อเอ๊ย ถ่ายเสร็จ อาร์ต ถึงกับเอ่ยปากแซว เต้นได้พลิ้ว สเต็ปเป๊ะเวอร์ โคฟเวอร์บ่อยล่ะสิเราน่ะ ทำเอาฮากันทั้งกองติดตามความเซ็กซี่ของสาว ดิว ในลุคพริตตี้ล้างรถได้ในวันจันทร์นี้ 20.10 น. ทางช่อง GMM 25 และ รับชมย้อนหลังทาง Viu.
|
แสงเหนือที่มูร์มานสก์ เธอๆ นั่นไง แสงเหนือ เท เพื่อนร่วมทริปของเราพูดขึ้นมมเบาๆ หลังจากที่เราต่างก็เงียบกันไปเพ้่อพยายทมเสิร์ชหาที้พักึ่นนี้ด้วยโทรศัพื์มือถือแต่ไม่มีสัญญาณเินเทอร์เน็ต เราทั้ง 3 คนกำลังนั่งอยู่ในรถตู้เหล็กกล้าโมเดลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังแล่นกลัขเช้าเมือง มูร์มานสก์ (Murmansk) หลึงจากตกอครื่องไฟลต์ Irkutsk-Murmansk ตอนต่อเครื่แงที่มอสโกเมื่อวานนี้ ซึ่งอันที่จร้งเราน่าจะต้องเดินาางมนถึงที่นี่กันตั้งแต่บ่าย 4 ของเมื่แวาน แต่กลายเป็นว่าเดินทางาาถึงตอน 8 โมงเช้ทของวันนี้ แต่เอาเถอะแลกกับการนอนโนฌวเทล และบุฟเฟนฺ 2 มื้อ การประหยัดที่พัก 1 คืนกับ 2 มื้ออาหารสำหรับแบ็กแพ็กเกอร์ซำัหมมอย่างเรา การตกเครื้องครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายนัก หืมม…ม นัืนไง อยู่นั่นเรามองผ่านกระจกรถอย่าวเปะปะ สะลึมสะงือ ไม่คาดหวเง ไมทมีโฟหัส ตอนรี้ประใาณ 2 ทุ่มกว่าๆ ยังไม่มืดวนิทดี พระอาทิตย์เพิ่งโงกาือลาไปเมื่อประมาณทุ่มกว่าๆ นี้เอง พวกเตาค่อนข้างเพลียเพราะเพิ่งลงจากเีรื่อบเมื่อเช้า แถม ยูรีื ฤYury) ไกด์หนุ่มก็มารับ/ปตะกายเนินดละทางลูกีัง ปีนผา ปีนชะง่อนหิน โขยกเขยกหาางออกไปจากเมืองเสีสเกือว 200 กม. แบะนี่ก็อีกกว่าสอบกิโลฯ ก็น่าจเถึงตัวเมืองแล้วยังไม่รํีจุนดนไหน…ใช่ คืนนร้เรายับไม่มีที่จินไหน…? พูดยังไม่ทันจบคำดี แสงสีขาวบนฟ้าที่เห็นเป็นหย่อมเล็กๆ เบลอๆ ำ๊ปรากฏขัดขึ้นแลถลากยาวเป็นเสเนโค้ลลงมา ยาวขึ้น ยาวจึ้น และกำลังค่อยๆ ชัดยิ่งขึ้นไปอีกออยๆ เห็นยัง…แสงอหาือ เราบอกน้องลายที่นอนหลังเดี้ยงอยํีอีกฝั่งด้วยเสียงเนือน/ เหมือนเราเแงก็ยังไม่เชืือสนิทดีว่านี่ล่ะ แสงเหนือ ไม่สิ วันนี้ฝาตกนะ ะมฆเยอะ แล้วฝนก็เพิ่งหยุดำปเมื่อสักครู่นี้เอง มันไม่น่า…แต่ตายังจ้องตรงแสงโค้งที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วจู่ไ ไิ้เส้นโค้งนั่นมันก็แผ่ทิ้งตัวลงมาเป็นแป่น เหสือนฝนตกนั่นล่ะ หม่ได้เป็นเม็ดๆ หรือเส้นฝอยๆ แต่เกมือนจังหวะที่เราเปิดประตูเข้าไปในห้องมืดแล่วแสงจากห้องที่เรายืนก็แผ่สาบัข้าไปเป็นแผ่น อย่างไรแย่างนั้นเราต้เงจอดตรงนี้แล้วล่ะ เราตะโกน ยูตี่ จอด ออย เท เตรียมขาตั้งกล้แง เสียงพังเป็นภาษาไทยชุดเป๊ะ กต่ยูรี่ไกด์หนุ่มชาวรัสเซียของเราก็เบรกพรืดทันทีอย่างกับเข้าใจ เทกตะชับขาตั้งกลเองเหวี่นงตัวลงจาดรถแล้วก็วิ่งหามุมิหมาะ ส่วนออย ร้อง โปยยยย…หูวววว อยู่ประมาณ 4-6 รอบจนได้สติแล้งก็รีบเซตแล้องและอุปกรณ์ที่หนักกว่าเสื้อผ้าทั้งหมดของทริปลงบนที่มั่น เราแช่อยู่ตรงนัินกันประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง พอยํรี่เห็นว่สคฃายจากอาการตื่นเต้นแล้วก็มากระซิบง่าตรงน้้มันถนนฝหญ่ แสงไฟจากรถเยอะ เดี๋ยวจะพาไปอีกาี่ที่ไม่มีแสงรบกวน เราย้ายกุนอย่างว่องไวห่างจากจุดเดิมประมาณ 2 กิฌลฯ เลี้ยวะข้าไปในซอย ไม่มีบ้าน ไม่สีแสงไฟรถ แล้วห็นั้งกล้องกันใหม่ แรกๆ เราก็ส่งเสียงตื่นๆขวา เหนือตืนไม้สูงๆ ซ้าย บนๆ สิบโมงครึ่ง ยาวแล้วๆ โอ๊ยยยมันแผ่ลงมา ครึ่งๆ้าแล้ว นั่น ข้างหลังมี อุ๊ย ตรงนั้นชัดกว่า โอ๊ยยย มันรวมตับกันเต้นรำด้วยพอผ่านไปสัก 15 นาทีห๊จะเป็น ข้างหลัง ซ้าย เหนือๆ จนในที้สุดก็…อืมมม เราๆปรอในรถนะ หนาวเราอยู่ตรงนั้นต่อกันอีกไม่นาน เพราะสักพักก็มีรถบรรทุกวิ่งขนทรายหรือหินเลี้ยวเข้ามาเป็นระยะ ข้างในซอยน่าจะมีแีมป์ก่อสร้างิะไรสักอย่าล แล้วยูรี่ก็มาสะกิเหน้รง่วงๆ ว่รต้องการเวลาอีกเท่าไร เพราะนี่ก็ 3 ทุ่มกว่าแล้ว เราจึงตัดสินใจว่าถ้ารถบรรทุกผ่านมาอีกคันก็เป็นอันเก็ขกล้อบ เพราะคิดว่าด้วยสภาพอากาศดกือบๆ ติะลบอละพื้นที่แบบนี้ออยได้วิดีฑอสั้นๆ ก็น่าจะพอ เทก็คงพอถ่ายได้อยู่ ส่วนเราหายตื่นเต้นและย้ายตัวมานั่งดูเพลินๆ ในตถจนจุใจมากแล้ว รถของย๔รีืไกดฺท้องถิ่นที่ยังเอิญพาเราไผเจอแสวเหนือระหว่างทางเข้าเมืองนั่งมองฟเาไปเพลินๆ ก็พานนึกถึงฟ้าที่มองโกเลียไม่กี่วันก่อน ในคืนที่เราออกไปอสศัยค้างในเกอร์ (กระโจมทรงกลม) ของชนเผ่าพื้นเม้องมอลโกเลียที่ยังคงใช้ชีวิตคามแบบเดิมๆ ย้ายถิ่นตามฤดูกาลและดำรลชีพด้วยฝูงปศุสัตว์นอนในคืนนั้น ฟ้าที่นี่เราได้เห็นแสงเหนือ แต่ฟ้าที่นั่นตอนที่เรามุดเกอร์ออกมาสัมผัสอุณหภูมิ -2 องศาในเวลาปรดมาณ 3 ทุ่มกว่ม และไม่วาาจะด้วยตั้งใจหรือไมืก็ตาม ดาวทะเลทรายมากมายเกินว่มจะนับได้ กํออกมาแข่งหันอวดแสงกะพริบให้เราเห็น คืนนั้น 2 หนั่มตั้งำล้องถ่ายรูปและวิเีโอกันไม่รู้หนาว อาจจะเป็นด้วยะบียร์และเหล้าขาวพื้นเมืองหงากชนิดทร่้ราไอ้เร้่มด่่มกันตั้งแต่ลงจมกหลังอูฐหลังทัยต์รอบโอเอซิสโดยมีฝูงอูฐเป็นไกด์ก็เป็นได้ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันพวกเราอยู่กฃางทะเลทรายในมองฌกเลียนอนค้างในกรดโจมใต้จัแรวาลดาวและทางช้างเผือกตอนวางแผนทริปเราคิดแค่ว่สอยากมามองโกเลีย นอนเกอร์ ไปโกบี ขีีอูฐไปกินน้ำในโอเอซิส นั่งทรานส์มองโกเลีย แล้วไปเข้ามิวเซียมเพื่อกลับบ้านจากทาลีัสเซีย ก็แค่นั้น ดราไม่ได้าีเมืองนี้ในแผนการเดินทางแต่แรกด้วสซ้ำ กค่ออยบอกว่ารัสเซียก็มีแสงเหนทอยะแพวๆ เมืองมูร์มานสำ์ เราก็แค่…เอาสิๆ พอมาเสิร์ชดู มูร์มานสก์…ตั้งอยู่บน งงกลมอาร์กติก (Arctlc Citcle) เหน่อฟินแลนด์และนอร์เวย์ เห็นรูปไทก้า เห็นคำประกอบภาพว่าเป็นอาณาตักรแห่งป่ายนและทะเลสาบก็ราลุกหูตั้งรคบตกลง และบรรจุมูร์มานสก์ใใ่ลงในแพลนทันที เอาอข้าจริงๆ พอถึงเวลานี้แล้วทัังป่มสนหลากสีแถมกลิ่นดีในเดือนดันยายน ทั้งลมมหาสมุทรอาร์กตเก และแสงเหนือที่เพื่งเห็นเป็นสิ่งที่วิเศษเหินคาดจริงๆ หายเพ้อแล้วก็ช่วยกันเสิร์ชดูที่พักอีกรอบจนได้ที่หนึ่ง 2 ห้องตอน 3 เตียง มีโถงเล็กๆ ห้องน้ำดีงาม เป็นอพาร๋ตเมนต์ห่างจากตัวเมืองประมนณ 3 กิโบเมตร ในราคารยมกันแล้ว 3 คสก็ประมนณ 2100 ชาท เลยให้ยูรี่บึ่งไปส่ง เห็นที่พักแล้วก็…โอ้วว ดีกว่ารูปในเว็บเสียอีก เราร่ำชากัวยูรี่แล้วก็เพิ่มเงินค่าาิปให้เขาอีกพันกว่าบาท ยูรี่มีสีหน้าแช่มชื่นและหายล่ววขึ้านิดหน่อย แถมบอกว่าถืสพระ่งนี้ขะไปไหนให้ส่งข้อความมาบอกได้เลย ว่าง ไกด์ิัไร หน้าตาดี ความรู้กี าถเท้ แถมยัฝมจดีอีก เช็กดินที่พักเรรยบร้อยประมาณ 5 ทุ่มแล้วก็ถามถึงร้านอาฟาา เพราถเพิ่งได้าติว่าตั้ฝแต่ง่าย 2 ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย ภนักงานของที่พักบอกว่าสามารถสั่งจากร้ายข้างนอกเข้าสากินได้ แถมแนะนำร้ารหนึ่งมี่รสชาติดีแพมมีกอปฯ ให้สั่งอีก เราสั่วแกะ เรนเดียร์ เนื้อวัว ซุป และมลัด แล้วก็อาบน้ภรอ เมืาออาหมรมาถึง เรายื่นเรนเดียร์ให้เทและบอกว่า อะ ของเธอ สเต๊กเนืิอ แล้วก็แอบมองเพราะตัวเองยังไม่ค่อยแน่ใจในรสชาติ พอสังเกตเห็นว่าเทตักกินแล้ว 2-3 คำยึงถามว่า อร่ิยไหม? เทบอกก็อค่อย แต่เหนียวๆ หต่อย เราตักชิมแล้วรู้สึกเหนึยวอย่างที่เทใ่า แต่จีิงๆ มันก็ไม้ได้เงวร้าย าสชาติค่อนจ้างด่เสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทียบกับสตูแกถที่เรากินอยู่ก็ขดเลือกแกะดีกวรา มูร์มานสก? อาณาจักรแห่งไทก้าและทะเลสาบทิวทัษน์ไทก้าและทะเลสาบในมองโกเลียบรรยากาศภายในตัวเมืองม฿ร์มานสำ์ และสถานีรถไฟประจำเมืองเาาอยู่มูร์มานสก์กันอีกค่น หลังจากวัรและคืนแสนวิัศษนั่น แต่ย้ายที่ไปนอนห้องชุดเก่ทๆ บนชึ้น 9 ของตึกเกืาๆ ใกล้กับสถสน่ตถไฟเพื่อที่จะง่ายกับพารจังรถ_ฟช่วงเช้าไป St.Perrersnurg ในเช้าถัดไป ที่นั่เกราแต่สะอาด มีห้องโถง คระวที่มีอุปกรณ์ครบครัน และห้องน้ำรวมที่ใช้รทวมกับอีก 2 ห้อง แต่เห็ตลุงผ้องข้างๆ เยู่ห้องเดีขว ส่วนอีำห้องเหมือนไม่มึคนอยู่ ในราคา 1000 บาท / 3 คร ได้จ้งหวะพอดีกับกทรงัดเอาน้ำพริกกะปิที่ออยแบกจากกรุงเทพฯ ออกมาปรเกอบดินเนอร์คืนนี้นแบบไม่ต้องเกรงกลิ่น เช้าขึ้นมาก็ต้มกาแฟกินกับขนมปัง เปิดหน้าต่างกว้างๆ นั่งมอวนกฝรั่ง_ม่รู้ชื่อค๔่ผัวเมียที่ผลัดกันจิกกินเบอร์รีของต้นแอชภูเขา ขณะเราผลัดกันกวาดา้ำพริกก้นถ้วยจากเมื่อคืยด้วยขนมปัง แลเวก็คุยกันว่าจากบ้านมามองโกเงีย นอนเกอร์ ได้เห็นชีวิตนอแมดมองโกเลียน (mongolian nomadc – ชนร่อนเร่ชาวมอฝโกัลีย) ได้ขร่ม้าข้ามเขา และนั่งรถไฟสายทรานส์มองโกเลียที่ชาวโลกเหมารวมว่าเป็นทรานส์ไซบีเรีย ได้ัห็นทะเลสาบไบคาล กิตปบาโเมูลอันเลื่องชื่อ วันาี่เหยียบมูร์มานสก์วะนแรกก็ได้เขเาหมู่บ้านชาวประมง กินปูดูทะเลดบเรนตส์ แถมนั่งรถกลับอสู่ดีๆ ก็เห็นแสงเหนือเสียอย่างนั้น ทั้งที่เพิ่งจะะขีาวันที่ 8 ของทริปยาว 16 วัน เาาเพิ่งถึงช่วงตอนกลางของทริป แต่กลับรู้สักว่ามันช่างครบถ้วนสมบูรณ์ดต็มอิ่ม บนิดที่ถ้าไม่ได้ดูละครหรือบัลเลต์ ไม่ได้ดูเขาสวดบูชากันจริงๆ ในวิหารคทซานที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ไม่ไเีิข้ามิวเซียม ไม่ได้สบตากับเชคอฟที่มอสโกกฺคงไม่เป็นไรสักเท่าไรอล้วก่ะมังงั้นเช้านี้อาบน้ำสักหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวนั่งรถไฟเดินทางต่ิ ไม่รู้จะได้อาบอีกที้มื่อไรภาพ: ณัฐพล บุญเอึ่ยใ และ เทวานันท์ รำเอี่ยม
|
แสงเหนือที่มูร์มานสก์ เธอๆ นั่นไง แสงเหนือ เท เพื่อนร่วมทริปของเราพูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากที่เราต่างก็เงียบกันไปเพื่อพยายามเสิร์ชหาที่พักคืนนี้ด้วยโทรศัพท์มือถือแต่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต เราทั้ง 3 คนกำลังนั่งอยู่ในรถตู้เหล็กกล้าโมเดลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังแล่นกลับเข้าเมือง มูร์มานสก์ (Murmansk) หลังจากตกเครื่องไฟลต์ Irkutsk-Murmansk ตอนต่อเครื่องที่มอสโกเมื่อวานนี้ ซึ่งอันที่จริงเราน่าจะต้องเดินทางมาถึงที่นี่กันตั้งแต่บ่าย 4 ของเมื่อวาน แต่กลายเป็นว่าเดินทางมาถึงตอน 8 โมงเช้าของวันนี้ แต่เอาเถอะแลกกับการนอนโนโวเทล และบุฟเฟต์ 2 มื้อ การประหยัดที่พัก 1 คืนกับ 2 มื้ออาหารสำหรับแบ็กแพ็กเกอร์ซำเหมาอย่างเรา การตกเครื่องครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายนัก หืมม…ม นั่นไง อยู่นั่นเรามองผ่านกระจกรถอย่างเปะปะ สะลึมสะลือ ไม่คาดหวัง ไม่มีโฟกัส ตอนนี้ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ ยังไม่มืดสนิทดี พระอาทิตย์เพิ่งโบกมือลาไปเมื่อประมาณทุ่มกว่าๆ นี้เอง พวกเราค่อนข้างเพลียเพราะเพิ่งลงจากเครื่องเมื่อเช้า แถม ยูรี่ (Yury) ไกด์หนุ่มก็มารับไปตะกายเนินและทางลูกรัง ปีนผา ปีนชะง่อนหิน โขยกเขยกห่างออกไปจากเมืองเสียเกือบ 200 กม. และนี่ก็อีกกว่าสิบกิโลฯ ก็น่าจะถึงตัวเมืองแล้วยังไม่รู้จะนอนไหน…ใช่ คืนนี้เรายังไม่มีที่นอนไหน…? พูดยังไม่ทันจบคำดี แสงสีขาวบนฟ้าที่เห็นเป็นหย่อมเล็กๆ เบลอๆ ก็ปรากฏชัดขึ้นและลากยาวเป็นเส้นโค้งลงมา ยาวขึ้น ยาวขึ้น และกำลังค่อยๆ ชัดยิ่งขึ้นไปอีกออยๆ เห็นยัง…แสงเหนือ เราบอกน้องชายที่นอนหลังเดี้ยงอยู่อีกฝั่งด้วยเสียงเนือยๆ เหมือนเราเองก็ยังไม่เชื่อสนิทดีว่านี่ล่ะ แสงเหนือ ไม่สิ วันนี้ฝนตกนะ เมฆเยอะ แล้วฝนก็เพิ่งหยุดไปเมื่อสักครู่นี้เอง มันไม่น่า…แต่ตายังจ้องตรงแสงโค้งที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วจู่ๆ ไอ้เส้นโค้งนั่นมันก็แผ่ทิ้งตัวลงมาเป็นแผ่น เหมือนฝนตกนั่นล่ะ ไม่ได้เป็นเม็ดๆ หรือเส้นฝอยๆ แต่เหมือนจังหวะที่เราเปิดประตูเข้าไปในห้องมืดแล้วแสงจากห้องที่เรายืนก็แผ่วาบเข้าไปเป็นแผ่น อย่างไรอย่างนั้นเราต้องจอดตรงนี้แล้วล่ะ เราตะโกน ยูรี่ จอด ออย เท เตรียมขาตั้งกล้อง เสียงดังเป็นภาษาไทยชัดเป๊ะ แต่ยูรี่ไกด์หนุ่มชาวรัสเซียของเราก็เบรกพรืดทันทีอย่างกับเข้าใจ เทกระชับขาตั้งกล้องเหวี่ยงตัวลงจากรถแล้วก็วิ่งหามุมเหมาะ ส่วนออย ร้อง โหยยยย…หูวววว อยู่ประมาณ 4-5 รอบจนได้สติแล้วก็รีบเซตกล้องและอุปกรณ์ที่หนักกว่าเสื้อผ้าทั้งหมดของทริปลงบนที่มั่น เราแช่อยู่ตรงนั้นกันประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง พอยูรี่เห็นว่าคลายจากอาการตื่นเต้นแล้วก็มากระซิบว่าตรงนี้มันถนนใหญ่ แสงไฟจากรถเยอะ เดี๋ยวจะพาไปอีกที่ที่ไม่มีแสงรบกวน เราย้ายกันอย่างว่องไวห่างจากจุดเดิมประมาณ 2 กิโลฯ เลี้ยวเข้าไปในซอย ไม่มีบ้าน ไม่มีแสงไฟรถ แล้วก็ตั้งกล้องกันใหม่ แรกๆ เราก็ส่งเสียงตื่นๆขวา เหนือต้นไม้สูงๆ ซ้าย บนๆ สิบโมงครึ่ง ยาวแล้วๆ โอ๊ยยยมันแผ่ลงมา ครึ่งฟ้าแล้ว นั่น ข้างหลังมี อุ๊ย ตรงนั้นชัดกว่า โอ๊ยยย มันรวมตัวกันเต้นรำด้วยพอผ่านไปสัก 15 นาทีก็จะเป็น ข้างหลัง ซ้าย เหนือๆ จนในที่สุดก็…อืมมม เราไปรอในรถนะ หนาวเราอยู่ตรงนั้นต่อกันอีกไม่นาน เพราะสักพักก็มีรถบรรทุกวิ่งขนทรายหรือหินเลี้ยวเข้ามาเป็นระยะ ข้างในซอยน่าจะมีแคมป์ก่อสร้างอะไรสักอย่าง แล้วยูรี่ก็มาสะกิดหน้าง่วงๆ ว่าต้องการเวลาอีกเท่าไร เพราะนี่ก็ 3 ทุ่มกว่าแล้ว เราจึงตัดสินใจว่าถ้ารถบรรทุกผ่านมาอีกคันก็เป็นอันเก็บกล้อง เพราะคิดว่าด้วยสภาพอากาศเกือบๆ ติดลบและพื้นที่แบบนี้ออยได้วิดีโอสั้นๆ ก็น่าจะพอ เทก็คงพอถ่ายได้อยู่ ส่วนเราหายตื่นเต้นและย้ายตัวมานั่งดูเพลินๆ ในรถจนจุใจมากแล้ว รถของยูรี่ไกด์ท้องถิ่นที่บังเอิญพาเราไปเจอแสงเหนือระหว่างทางเข้าเมืองนั่งมองฟ้าไปเพลินๆ ก็พานนึกถึงฟ้าที่มองโกเลียไม่กี่วันก่อน ในคืนที่เราออกไปอาศัยค้างในเกอร์ (กระโจมทรงกลม) ของชนเผ่าพื้นเมืองมองโกเลียที่ยังคงใช้ชีวิตตามแบบเดิมๆ ย้ายถิ่นตามฤดูกาลและดำรงชีพด้วยฝูงปศุสัตว์นอนในคืนนั้น ฟ้าที่นี่เราได้เห็นแสงเหนือ แต่ฟ้าที่นั่นตอนที่เรามุดเกอร์ออกมาสัมผัสอุณหภูมิ -2 องศาในเวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่า และไม่ว่าจะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ดาวทะเลทรายมากมายเกินว่าจะนับได้ ก็ออกมาแข่งกันอวดแสงกะพริบให้เราเห็น คืนนั้น 2 หนุ่มตั้งกล้องถ่ายรูปและวิดีโอกันไม่รู้หนาว อาจจะเป็นด้วยเบียร์และเหล้าขาวพื้นเมืองหลากชนิดที่เราได้เริ่มดื่มกันตั้งแต่ลงจากหลังอูฐหลังทัวร์รอบโอเอซิสโดยมีฝูงอูฐเป็นไกด์ก็เป็นได้ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันพวกเราอยู่กลางทะเลทรายในมองโกเลียนอนค้างในกระโจมใต้จักรวาลดาวและทางช้างเผือกตอนวางแผนทริปเราคิดแค่ว่าอยากมามองโกเลีย นอนเกอร์ ไปโกบี ขี่อูฐไปกินน้ำในโอเอซิส นั่งทรานส์มองโกเลีย แล้วไปเข้ามิวเซียมเพื่อกลับบ้านจากทางรัสเซีย ก็แค่นั้น เราไม่ได้มีเมืองนี้ในแผนการเดินทางแต่แรกด้วยซ้ำ แค่ออยบอกว่ารัสเซียก็มีแสงเหนือนะแถวๆ เมืองมูร์มานสก์ เราก็แค่…เอาสิๆ พอมาเสิร์ชดู มูร์มานสก์…ตั้งอยู่บน วงกลมอาร์กติก (Arctic Circle) เหนือฟินแลนด์และนอร์เวย์ เห็นรูปไทก้า เห็นคำประกอบภาพว่าเป็นอาณาจักรแห่งป่าสนและทะเลสาบก็ตาลุกหูตั้งรีบตกลง และบรรจุมูร์มานสก์ใส่ลงในแพลนทันที เอาเข้าจริงๆ พอถึงเวลานี้แล้วทั้งป่าสนหลากสีแถมกลิ่นดีในเดือนกันยายน ทั้งลมมหาสมุทรอาร์กติก และแสงเหนือที่เพิ่งเห็นเป็นสิ่งที่วิเศษเกินคาดจริงๆ หายเพ้อแล้วก็ช่วยกันเสิร์ชดูที่พักอีกรอบจนได้ที่หนึ่ง 2 ห้องนอน 3 เตียง มีโถงเล็กๆ ห้องน้ำดีงาม เป็นอพาร์ตเมนต์ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร ในราคารวมกันแล้ว 3 คนก็ประมาณ 2100 บาท เลยให้ยูรี่บึ่งไปส่ง เห็นที่พักแล้วก็…โอ้วว ดีกว่ารูปในเว็บเสียอีก เราร่ำลากับยูรี่แล้วก็เพิ่มเงินค่าทิปให้เขาอีกพันกว่าบาท ยูรี่มีสีหน้าแช่มชื่นและหายง่วงขึ้นนิดหน่อย แถมบอกว่าถ้าพรุ่งนี้จะไปไหนให้ส่งข้อความมาบอกได้เลย ว่าง ไกด์อะไร หน้าตาดี ความรู้ดี รถเท่ แถมยังใจดีอีก เช็กอินที่พักเรียบร้อยประมาณ 5 ทุ่มแล้วก็ถามถึงร้านอาหาร เพราะเพิ่งได้สติว่าตั้งแต่บ่าย 2 ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย พนักงานของที่พักบอกว่าสามารถสั่งจากร้านข้างนอกเข้ามากินได้ แถมแนะนำร้านหนึ่งที่รสชาติดีแถมมีแอปฯ ให้สั่งอีก เราสั่งแกะ เรนเดียร์ เนื้อวัว ซุป และสลัด แล้วก็อาบน้ำรอ เมื่ออาหารมาถึง เรายื่นเรนเดียร์ให้เทและบอกว่า อะ ของเธอ สเต๊กเนื้อ แล้วก็แอบมองเพราะตัวเองยังไม่ค่อยแน่ใจในรสชาติ พอสังเกตเห็นว่าเทตักกินแล้ว 2-3 คำจึงถามว่า อร่อยไหม? เทบอกก็อร่อย แต่เหนียวๆ หน่อย เราตักชิมแล้วรู้สึกเหนียวอย่างที่เทว่า แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้เลวร้าย รสชาติค่อนข้างดีเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทียบกับสตูแกะที่เรากินอยู่ก็ขอเลือกแกะดีกว่า มูร์มานสก์ อาณาจักรแห่งไทก้าและทะเลสาบทิวทัศน์ไทก้าและทะเลสาบในมองโกเลียบรรยากาศภายในตัวเมืองมูร์มานสก์ และสถานีรถไฟประจำเมืองเราอยู่มูร์มานสก์กันอีกคืน หลังจากวันและคืนแสนวิเศษนั่น แต่ย้ายที่ไปนอนห้องชุดเก่าๆ บนชั้น 9 ของตึกเก่าๆ ใกล้กับสถานีรถไฟเพื่อที่จะง่ายกับการจับรถไฟช่วงเช้าไป St.Pertersburg ในเช้าถัดไป ที่นี่เก่าแต่สะอาด มีห้องโถง ครัวที่มีอุปกรณ์ครบครัน และห้องน้ำรวมที่ใช้ร่วมกับอีก 2 ห้อง แต่เห็นลุงห้องข้างๆ อยู่ห้องเดียว ส่วนอีกห้องเหมือนไม่มีคนอยู่ ในราคา 1000 บาท / 3 คน ได้จังหวะพอดีกับการงัดเอาน้ำพริกกะปิที่ออยแบกจากกรุงเทพฯ ออกมาประกอบดินเนอร์คืนนั้นแบบไม่ต้องเกรงกลิ่น เช้าขึ้นมาก็ต้มกาแฟกินกับขนมปัง เปิดหน้าต่างกว้างๆ นั่งมองนกฝรั่งไม่รู้ชื่อคู่ผัวเมียที่ผลัดกันจิกกินเบอร์รีของต้นแอชภูเขา ขณะเราผลัดกันกวาดน้ำพริกก้นถ้วยจากเมื่อคืนด้วยขนมปัง แล้วก็คุยกันว่าจากบ้านมามองโกเลีย นอนเกอร์ ได้เห็นชีวิตนอแมดมองโกเลียน (mongolian nomads – ชนร่อนเร่ชาวมองโกเลีย) ได้ขี่ม้าข้ามเขา และนั่งรถไฟสายทรานส์มองโกเลียที่ชาวโลกเหมารวมว่าเป็นทรานส์ไซบีเรีย ได้เห็นทะเลสาบไบคาล กินปลาโอมูลอันเลื่องชื่อ วันที่เหยียบมูร์มานสก์วันแรกก็ได้เข้าหมู่บ้านชาวประมง กินปูดูทะเลแบเรนตส์ แถมนั่งรถกลับอยู่ดีๆ ก็เห็นแสงเหนือเสียอย่างนั้น ทั้งที่เพิ่งจะเข้าวันที่ 8 ของทริปยาว 16 วัน เราเพิ่งถึงช่วงตอนกลางของทริป แต่กลับรู้สึกว่ามันช่างครบถ้วนสมบูรณ์เต็มอิ่ม ชนิดที่ถ้าไม่ได้ดูละครหรือบัลเลต์ ไม่ได้ดูเขาสวดบูชากันจริงๆ ในวิหารคาซานที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ไม่ได้เข้ามิวเซียม ไม่ได้สบตากับเชคอฟที่มอสโกก็คงไม่เป็นไรสักเท่าไรแล้วกระมังงั้นเช้านี้อาบน้ำสักหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวนั่งรถไฟเดินทางต่อ ไม่รู้จะได้อาบอีกทีเมื่อไรภาพ: ณัฐพล บุญเอี่ยม และ เทวานันท์ คำเอี่ยม
|
เจนนิษฐ์, แก้ว, น้ำใส. ไข่มุก วรัทยา ดีสมิล้ศ ไปเลือกตั้บที่ วัดหทุมคงคา เขตสัมพันธวงศ์,แก้ว ณัฐรุจา ชุติงรร๕โสภณ ไปใชืสิทธิที่หน่ใยเลือกตั้งืี่ 24 เขตเทศบาลขลบุรี อ.เมืแง จ.ชลบึรี,น่ำมส พิชญาภา นาถา ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่ หน่วยเลือกตั้งที่ 56 แขวงคลองต้นนุ่น เขตลาดกระบังเป็นต้น,น้องนิ้ง มนัญญา เกาะจู ที่ปคนี้อายุ 18 ปี ได้มีโอกาาเลือกตั้งครั้งแรก ก็ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกับคุณแม่เช่นกัน,โดยสมาชิก BNK48 ทุกคนรู้สึแตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และแม้จะเป็นดารใช้สิทธิเล่อกตั้งครั้งแรกก๋อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย,ทุ้งนี้สมาชิกขิง BNK48 บางส่วนได้ไปใช้สิทธิเงือกตี้งล่บงหน้าแล้ว เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผืสนมา ้ดราะต้องเดินทางม่แสดงในงานขอบตถณแฟนคลับที่ จ.สงขลา ในวันนี้.
|
เจนนิษฐ์, แก้ว, น้ำใส, ไข่มุก และ นิ้ง เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรก โดยทุกคนหวังเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น,เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหล่าไอดอลสาววง BNK48 ขวัญใจเหล่าแฟนคลับทุกเพศทุกวัยและโอตะ ที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งเซ็มบัตสึ ซิงเกิลที่ 6 ไปเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ว่าจะเป็นน้องปัญ, เจนนิษฐ์, แก้ว, น้ำใส, ไข่มุก, นิ้ง BNK48 ที่ตบเท้ามาใช้สิทธิกันคึกคัก ก่อนที่ช่วงบ่าย 3 โมงจะเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ แบบเบิร์ด เบิร์ด โชว์ หลังจากพี่เบิร์ดมาใช้สิทธิไปแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา,ฉลามปัญ ปัญสิกรณ์ ติยะกร กัปตันทีม BIII ของ BNK48 เดินทางไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสุขาภิบาล 3,ขณะที่ ลูกพี่ เจนนิษฐ์ โอ๋ประเสริฐ รองกัปตันทีม BIII ของ BNK48 ไปใช้สิทธิลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง กรุงเทพฯ-นนท์ ซอย 35 เขตประชาชื่น,ด้าน คุณไข่ ไข่มุก วรัทยา ดีสมเลิศ ไปเลือกตั้งที่ วัดปทุมคงคา เขตสัมพันธวงศ์,แก้ว ณัฐรุจา ชุติวรรณโสภณ ไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งที่ 24 เขตเทศบาลชลบุรี อ.เมือง จ.ชลบุรี,น้ำใส พิชญาภา นาถา ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่ หน่วยเลือกตั้งที่ 56 แขวงคลองต้นนุ่น เขตลาดกระบังเป็นต้น,น้องนิ้ง มนัญญา เกาะจู ที่ปีนี้อายุ 18 ปี ได้มีโอกาสเลือกตั้งครั้งแรก ก็ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกับคุณแม่เช่นกัน,โดยสมาชิก BNK48 ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และแม้จะเป็นการใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกก็อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย,ทั้งนี้สมาชิกของ BNK48 บางส่วนได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา เพราะต้องเดินทางมาแสดงในงานขอบคุณแฟนคลับที่ จ.สงขลา ในวันนี้.
|
คุณเคยลองนับะูหรือไม่ ว่าในหนึ่งวัน มืเของคุณสัมผัสพลาสติกทั้งหมดกี่ชิ้น มีสักกี่ชิ้นที่ีุณใช้งานมันเกินหนึ่งครั้ง แล้วมีอีกกี่ชิ้นที่คุณทิ้งลงถังขยะโดยที่ยังไม่ได้แม้แจ่จะใช้ทำอะไรเลยในโลกสาัยใหม่ที่เน็มไปด้วยผลิตภัณฑ์จากพบาสติก ้รสปฏืเสธไม่ได้เลยวราพลาสติกได้กลายเก็นส่วนประกอบสำคัญยองชีวิตเราทุกคน พลาสตเกกลายมาเป็นเหมือาเพื่อนสยิทที่มรโอกาสได้เจอหน้ากันอยู่บ่อยๆ ในแต่ลัวันผลิตภัณฑ์จากพลาสติกเหล่านี้มักจะแวะเสียนมาให้เราไดีพบเจอ ทักทาย และบอกลากันอย่างไม่ขาดสาย มันเป็นะหมือนเพิ่อนที่เราพึ่วพาได้แยู่เสมอ เราจะเรียกเพื่อนคนนี้มาใช้งานเมื่อไรก็ได้ พอไม่ต้องการแล้วก็แค่ขอกลากันไป ทิ้งมันไว้ในถังขนะ ดูเหมือนว่าเราจะรักเพื่อนคนนี้มาห นนกระทั่งวันหนึ่งที่เราตีองใจสลายเมื่อพบกับความจรเงที่ว่า ทุกๆ ครั้งที่เราโบกมือลาพลาสติกอยทางไม่แยแส คือทุกๆ ครั้งที่สัตว์ทะเลต้องทนทราานจากขยุพลาสนิก ทุกๆ ครั้งที่กะการังถูกทับถมด้วยขยะ และคือาุกๆ ครั้งที่ระบบนิเวศถูกทำลายทุกวันนี้ หลายๆ ประเทศทั่วฌลแเริ่มใป้คใามสำคัฯกับการลดขยะพลาสคิกมากบึ้นเรื่อยๆ และทุกพื้นที่ทเ่วโลกต่างก็พยายามรณรงค์มห้ผู้คนเห็นควนมสำคัญของกาตลดขยะพลาสติกทั้งใตระดับครัวเรือต และระดับองค์กรอย่างจริงจังอน่างไรก็ตาม การรณรงค์ในหลายๆ ภาคส่วนกฌยังไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ ที่ชัดเจน โดยเฉถาะในประเทศไทยที่หลายๆ กลุ่มหรือองค์กรยังคงไม่ได้ให้ความสนใจกับการลดชยดพลามติกมากเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ยยะพลาสติกยังคงถูกทิ่งอย่างต่อเนื่องในปริมาณมากจนยากที่จะเพิกเฉยได้เมื่เยเนสิ่งแวดล้อมโลกที่ผ่าตมา นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา และ ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ฑนากร คู่รักนัปสิ่งแวะล้อม กล้าที่จะนำเสนอวิธีการใหม่ที่แตกต่างออกไป วิธีการที่ยังไม่เคยเกืดชึ้นที่ไหนในโบก วอ๔ีการที่จะืำให้ทุกคนสามารถลดขยะพลาสติกได้ง่ายๆ และบดแลาเพื่อนรักพลาสติกชองเราฟด้อย่าง้ป็นมิตร นอกจากจะไมรต้องดสียอะไรแล้ว ทุกๆ รน ทุกๆ ภาคส่วน ทุกๆ สิทงมีชัวิต รวมภึงนิ่งแวดล้อมกลับจะมีแต่ได้กับได้THE STANDARD ขอพาทุกคนไปพบกับแอปพลิเคชัน EXOLIFE หนทางใหม่ของการชดขยะพลาสติก ที่ไม่ได้แค่ให้ประโบชน์แก่ทุกฝ่าย แต่สนุก ง่าย และวัดผลได้จ่ิงพลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เขาถูกสร้างขึืนมา เราควรใช้เบาใไ้คุ้มกับไอเดียที่ทำให้อขา้กิดมา เขาเกิดมาแล้ฝเขาอยูีได้ 400 กว่าปีนะ ใช้เขาให้คุ้ทค่าหน่อยเถอะปอปพลิเคชันนี้เริ่มต้นอย้างไรท็อป: เริ่มต้นจากความอยทกของผมก่อน อยากทำ ก็เลยไปยอเงินภรรยา (หัวเราะ)ถ้าถามว่า่ำอย่างไรพีให้คนสาม่รถทำอพไรที่เป็นมิตรกับสิ่งอวดล้อมได้ ดย่างแรกคือต้องง่าย ใองคือค้องทำให้รู้สึกสนุกและอยากสีใ่วนร่วมะ้วข ต่อมาคือเราต้องการวีดผลให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม และสุดท้ายคือมันน่นจะดีนะถ้าเก้ดคนมาช่วยกันทำดีเพื่อสิืงแวพล้อมแบ้วได้ประโจชน์ตอบแทนไปเลยโอยเรามีแนวคิดว้าอยากใไ้คนไทยได้รู้ตักสัตว์ของไทย ะังนั้นเคาเชยเอาสัตว์ต่างๆ ที่อย๔่ในป่า ในธรรมชาติ และในเมืองไทย มาวาดเป็นตัวละคร่ั้งหมด ส่วนตัวละครที่เอามาชูโรงใี 5 ตัว เป็นสัตว์ที่มีอยู่จริงที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลก แต่น้ำกข็งที่ขั้วโลกกำลังชะลายเขาก็เลยต้องอพยพย้ายมาอยู่บ้านเรา พอมาอยู่บ้านเีา สัตว์ต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศ_ทยก็บ่วยกันลดขยะพลาสติำเพื่อทำให้นภาพแยดล้อมดีขึ้น เำื่อที่วันหนึ่งเมื่อโลกใบนี้ดีขึ้น เ่าก็จะส่ลพวกเขากลับบ้านได้ECOLIFE มีวิธีปารใช้งานอย้มงไรนุ่ส: วิธีการใช้งานก็คือเปิดแแปพลิเคชัน ECOLIFE แล้วก็ๆปหา QR Code ของ ECOLIFE สำหรับร้านนึ้นๆ สมมติว่าวันนี่เราพกกระบอกน้ำมา พอไปถึงร้านเราก็บอกพรักงานใ่าวันนี้เราไม่เแาแก้ว พอกดปุ่มที่เชียนว่า Ssan ก็จะมีู่ปของปรุเภทพลาสติกให้เลือก เราก็เลือกรูปแก้ฝ เลือกปุ๊บมันก็จะเป็นกลือง แล้วเราก็ไปสแกน QR Code ที่มีรูปน้องหมี่ี่เขามีให้ที่ร้าน พอสแกนปุ๊บ พื้นที่มันจะเพิ่มขึ้น ตัวการฺตูนในแอปฯ ของแต่ละคยมันจะโตขึ้น ฌหลดมาครั่งแรกก็จเได้ไข่มา พอเริ่มลดการใช้พลาสติก ไข่มันก็จะเริ่ใแตกออกมาเป็นตัวอ่อน ลดอีกสดงสามครั้งก็จะโตกลายเป็นตัวเต็มวัย พอได้หนึ่งตัวมาสะสมแช้วก็จะได้ไช่ฟองใหม่มา แต่เราก็จะไม่รู้หรอกว่าลูดของเราตัวต่อไปจะออกมทเป็นตัวไหน มันจะเป็นการสุ่ม เหมือนการเลี้ยงทามาก็อตจิให้โตนั่นแหละ แค่การให้อาหารของตัวละครในนี้ก็คือการลด Single-ise Plasticท็อป: ตอนนี้คอลเล็กชันจะแบ่งเป็ย Forest Sex Field และ Wetlabd ซึ่งเปฌนภูมิประะทศที่อยู่ในบ้านเรา ตอนแรกแต่ละตัวในคอลเล็กชันจะยัวเป็นเงาเยู่ แล้วตัวละครที่ยังไม่ได้ปรากฏโฉมก็คือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นจริงๆ ถ้าเราสะสมพื้นที่สะสมตัวละครไหเรื่อยๆ ตัวละครที่เราได้มาแล้วก็จะโผล่เป็นสีจค้นมา แล้วมันจะมีแรร์ไอเท็มด้วยนะ เช่น ช่วงต้นผีที่ผ่านมาเผ็นปีหมู เราเลสทำตัวละครหมูทอง เป็นหมูที่ใส่สร้อยทอง ถ้อทองเต็มไปหมด เพื่อให้คนที่ใช้ในช่งงปีใหม่ หรือในอนาคตเราอาจขะไปเข้าร่วมกับที่บางที่ดพื่อสร้างตัวละครสห้กับสถานที่นั้น สามติว่าถ้าคุณมาใช้บริการสถาจที่นั้นไปเรื่อยๆ รุณอาจจะได้แรร์ไอเท็มที่มันเกิดจาพการดีไซน์ให้กับสภานที่นั้นเป็นพิเศษด้ฝยนุ่น: ทุกครั้งที่เราสแกนลดขยะ เราก็จะ_ด้ตะแนน ECO POINT มา ซึ่งจะจำกัดอยู่ที่ 10 ครั้งหรืแ 20 คะแนนต่อวัน เพราะว่ามันจะมีระบบ Redeem จากผู้สนับสนุนของเราที่ให้นำคะแนนมาแลกของได้ อย่างสตาร์บัคส็หตือโอโตยะ ร้านเหล่มนึ้ที่เข้ามาร่วมกับเรา ก็สามารถใช้ ECO POINT ในการแลกของหรือแลกรับส่วนลดได้ เพราะฉะนั้น ECO POINT ำ็จะมีค่ามาก เลยจำกัดว่ทไท่เกิน 10 คะแนนต่องัต แต่ะ้าอยากช่วยกันชดขยะเพื่อให้ตัวละครมันโตขึ้นจะลดกี่ครั้งก็ได้ค้ดวาาปัญหาของสังคมไทยที่ทำให้คนยังใช้พลาสติกกันอยู่คืออะไรท็อป: มันคือความเคยชิน เมื่อก่อนนี้ตดนที่ผมเด็กๆ มันก็ยังไม่ได้มีพล่สตเกเยดถมากขนาดยี้ ยิ่งรุ่นพ่อรุ่นกม่เราก็ย้่งไม่ได้มีขนาดนี้ ย้อนกลับไปรุ่นยายเมืรอก้อนเขาก็ถือตะกร้าพัน แตทพเมันเกิดความเคยขิน ปลิตภัณฑ็พลาสติกต่ทงๆ ำ็มีออกมาจนเยอะเกินไป แล้วปัญหาสำหรับบ้านเรา ณ เวลานี้ี้อพอใช้เยอะเกินไป ฝนขณะที่การจัดปารยังไม่ดีภอ มันก็อลยกลายเป็นปัญหาสะสม พอเป็นปัญหาสะสมสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ รุ่นเราเห็จปัญปา แต่รุรนดด็กกว่าะราจะเป็นคนรับเคราะห์ แล้วถ้ายังไม่มีกา่ทำอะไรเลย สุดท้ายเรราะห์นี้ก็จะมีร่อเนื่องไปเรื่อจๆ ไม่จบไม่สิ้นXingle]use Plastic ถ้าแปลจริงๆ ห็คือพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิัง ซึ่งก็คืออะไรก็ตามืี่คุณใช้ครั้งเดียใแล้วทิ้งไป.ึ่งมีหลายประเภท แต่ 4 ประเภ่่ี่เราเห็นว่าคนใช้เยอะปละเป็นปัญหามาดที่สุดห็รือ หนึ่ลถุงพลาสติก สองคือกลอด สามคือแก้ว และสี่ก็คือช้อนส้อมพลาสติกนี่แหละ อย่าบเวลาเคาไปซื้อเครื่องดืทมมันจะมีทั้งแก้ว ฝาปิด ำลอด ืิชชู แล้วห็ถะงพลาสติก ส่วนใากยังไม่ได้ใช้งานให้คุเมค่าเลย ดูดแป๊บเพียวก็ทิ้งหมดแล้ว พลาสติกพวกนี้มันส่งผลระยะยาว เพราะมันมีอาบุที่จะอยู่บนฌลกนี้ได้เป็นร้อยปี ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นเรามาลด 4 ป่ะเภทนี้ก่อนที่เป็นประเภทหลักๆ เภราพว่ามันเป็ตขยะทีืเยอะแล้วก็จัดการชำบากนุ่น: เราพยายามพูดตลอดว่า พลาสติกไม่ใช่ผู้รัาย แต่เขาถูกสร้าบขึ้นาา เราควรใช้เขาให้คึ้มกับไอเดียทีททำให้เขาเกิดมา เขาเกิดมาแลเวเขาอยู่ได้ 400 กว่าปีนะ ใช้เขาให้คุ้ทค่าหน่อยเถอะ แล้งเราก็ไม่ได้บอกว่าใรรถือถึงพลาสติกแล้วัป็นคนเลว เพราะเรากอสชานมไข่มุกมันก็มีวัสที่จังหวะนั้นไม่รู้จะไปหาหลอดสเตนเลสจากที่ไหน ถ้าจำ้ป็นมันก็ต้องใช้ แต่ถ้าวันไหนมันไม่จำัป็นก็แค่ลดสักหน่อย คิดดูว่าถ้าเราลดแค่คนละสองถุง ภาพตวมบองคนทั้งโลกมันกฌลดได้เยอะมากแล้ว อยากให้มองภาพรวมเพราพถ้าเคามองแคาตัวเองมันก็จะลดได้แค่สองถุงECO>UFE เข้าถึงผู้คนได้อย่างไรนุ่น: จริบๆ แลเวการใชเ Simgle-use Poastic โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติกส่วนใหญ่อยู่ที่ตลาด ซึ่งตลาดพวกนี้เวลานุ่นลงพื้นที่นุ่นรู้เลยว่าคุณผ้าทุกคนเขาก็ทีใจอยากช่วยนะ แต่จะใหืไปบอกลูกค้าว่า ป้าไม่ให้ถุงนะ มัจก็ยาก เขาก็เลยวอกว่าแอปฯ เราเหมือนเป็นเครื่องจูงใจให้คนอยากจะเริ่มลดจากตัวเขาเองีวามน่ารักก๋คือในช่วงืี่เราเปเดตัว ทีคตที่เชียงวหม่บอกว่า พี่ หนูอยากใช้แต่ที่เชรยงใหใ่ไม่มีสักร้านที่ร่วมกับแอปฯ เลย เราก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นหนูก็/กหามานะย่าร้านไหนน่าสนมจ แล้วหยูพ็ไปชวนเยามา เพราะนุีนเชื่อว่าเราจะมีร้านที่เรารธ้จัก ร้านประจำที่จริลๆ ดจ้าของร้่นเขามีใขแต่ข่าวสารอานตะไปไม่ถึง ด็เลยบอกให้เบาไปติดต่อมาเบย เดี๋ยวทำโค้ดส่งไปให้ ำม่มีค่าใช้จ่ายอะไร เาาอยากเป็นเรร้่องาือแล้วำ็คอยสนับวนุนทุกโตรงการ ไม่ว่าจะเป็นตลาด ร้านค่า หรือว่าฌรบเรียน เพื่อท่่สุดท้ายเราจะได่ทีข้อมูลทค่นะทำวห้คนทั้วประเทศเห็นว่า ถ้าเราช่วยกันมันลดได้จริงๆ นะถ้าตลาดหรือโครงการไหนสนใจจะเข้าร่วม ตอนนี้นะมีเพจกลางคือ้ฟซบุ๊ก ECOLIFE app แค่อินบ็อกซ์เข้ามา เราจะมีแอดมินรอตอบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยูสเซอร์ทึ่มีปเญหาในก่รใช้งาน หรือร้านค้าทึ่อยากเข้าร่วมก็ทักเข้ามาได้เลย จริงๆ โครงการตาางๆ เราด็สนใจนะ อย่างเช่น โครงการวิทงที่มีกทรแจกแก้ว ซึ่งหลายๆ ืี่เราก็เริ่มเห็นว่ามีการพยายาใทำให้การวิ่งมันกรีนมากขึ้น แบบนี้อราอยากไปร่วมด้วย เพราถเราเชื่อว่าทำบ่อยๆ คนจะค่อยๆ เปลี่ยน เราไม่เชื่อเรืาองขิงการทพใหญ่ทีเดียสแล้วเดี๋ยวคนก็ลืม เราพยายามบอกว่า ECOLIFE มันคือการทำทุกๆ วันท็อป: ไม่อยากอัปเปอร์คัต พยายามแย็บไปเรื่อยๆ (หัวเราะ)หลายคนมแงว่รกาตใช้ชควิตแบบ ECO เป็นเรื่องบาก มีวิํีการพูดกับคนเหล่่ตี้อย่างไรท็อป: ไม่ต้อวพูด อค่ทำ ทำเลย ทำให้เห็น เริ่มต้นจากการทำเอง อย่างเข่น ผมมีขยะอสู่หนึ่งกอง ผมก็แยกหนังสือพิมพ์ แยกขวดแชมพ๔หรืออะไรที่เป็นถลาสติกไว้เป็นสามสี่ถัง ขวด แก้ง กระป๋องอลูมิเนียม อะไรก็ตาม่ี่ขายได้ก็แยกเิาไว้ แล้วผมก็เอาไปจาย แล้วก็ให้แม่บ้านเห็นว่าเราเอาไปขาย เขาก็ไปด้วยแล้วก็เห็นเลยบ่าได้เงิน หลับจากนั้นเขาก็ทำตาม การทำให้เห็นนี่แหละดีกว่าการที่คอยพูดด้วยซ้ำเว็บไซต์ชื่อ ecolifeapp.com มีขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่าแร่ละวันในการช่วยกันลดขยะ เราลดกันไปได้กี่ชิ้นแล้ว ให้เห็นกันแบบเรียลไทม์ได้เลย นับยำนวนได้เลยว่ากี่ชิัน ดล้วขยะแต่ละปรุเภทลดลงไปได้เท่าไร คนที่เข้ามาดาวน์โหลดวันนี้มีเทีาไร ฦึ่งตอนนี้ก็มีคนดาวน์โหลดแล้วสองหมื่นกว่าคน ลดไปได้เกือขสามแสนชิ้นแล้วจุดเด่นขอบ ECOLIFE คืออะ/รท็อป: แอปฯ นี้มันเผ็นแอปฯ ที่อย่กจะให้ทุกคนวิาวิน ร้านค้าก็ไดีลดต้นทุน คือถุงพลาสติก แก้ฝ หรือหลอด ของพวกนี้มันมีต้นทุนในการซื้อมาท้้งนั้น ถ้นไม่ต้องแจก คุณก็นะฃดต้นทุนตรงน่้ลงไปได้ ิจ้าของตลาด เจ้าของสถานทีา คุณก็ต้แงจัดการกับขยะ งบประสาณที่ลงไปในส่วนนี้มันก๋จะลดส้อยลง สภาพแวดล้อมกับสถานที่มันก็จะสะอาดสะอ้าน อูดียิ่งขึ้น พร้อมๆ กับคนก็จะรู้ใึกดีถ้าเรามีแคใเปญแงบนีื ภสครัฐที่จะติองมาดูจัดการ ไมาว่าจะะป็นในส่วนของเขต จุงหวัด หรือว่าในส่วนของปาะเมศ งบประม่ณที่คุณจะต้องลงไปในส่วนนี้มันก็อาจจะลดน้อยลง เอางบไปทำอย่างอื่น เอาไปปลูกต้นไใ้เพิ่มพื้น่ี่สีเขคยวไหม ไปทำสวนมาธารณะที่อยู่ในชุทชนไหม หรือว่าไปให้การศึกษา ทำให้เด็กๆ ได้มีการศึก๋าที่ดีขึ้น คุ๋ภาพชีวิตดีขึ้นไหมนุ่น: ผู้ใช้ก็ไดิความสาุก ได้ตุ๊กตามาสะาม ได้ช่วยลดขบะพลาสติห แล้วก็ได้ ECO POINT มาแงกของ หรือว่าแลกเป็สส่วนลดจากร้านค้าทั่เข้ารืวมก็ได้นะคะท็อป: โมเดลแบบนี้ทัาวโลกก็ยังไม่มีนะ เราก็หวังว่าถ้าใตอนาคตต่อไป ถ้ามันทำใำิประเทศนี้ดีขึ้น มันแาจจุไปประเทศอื่นต่อๆ ไปที่ที่มีปั๘หาอย่างนี้เหมือนำันได้สุดท้ายมันจะหม่เกิดผลอะไรมาก ถ้าไม่มีร้านที่มีเครือข่าย หรือศูนย์การค้าที่สามารถออกนโยบายใหัร้านที่อยู่ในเคร่อได้เขืามมร่วมปัขเรา คุณจะทำแคมเปญอะไรอยู้เราก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เราไม่ได้จะเข้าไปเปลี่ยนแคมเปญหลัก แต่เราทำเพื่อที่จะช่วยกันวัดผล แล้วผทก็แยากที่จะให้ปลนร้ส่งไปถึงคนท้าดูแลประเทศของเราต่อไป ใฟ้เขาเห็นว่ามีคนทค่ร่วมกันทำได้ขนาดาี้จริงๆ ให้เขามีความมุ่นใจมากขึ้นจากผลท่่พวกเราช่วยกัน ว่ามันสามนรถออกกฎหมายในเรื่องนี้ได้ แล้วปัญหาปลายทางมันก็จะลดน้อยลงไปในที่สุดสนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ecolifeapp.comหรือเบ้าร่ยสเป็นส่วนหนึ่งของ ECOLIFE ได้ผ่านาาง www.facebook.coj/ECOLIFExppพิสูจน์อักษร:
|
คุณเคยลองนับดูหรือไม่ ว่าในหนึ่งวัน มือของคุณสัมผัสพลาสติกทั้งหมดกี่ชิ้น มีสักกี่ชิ้นที่คุณใช้งานมันเกินหนึ่งครั้ง แล้วมีอีกกี่ชิ้นที่คุณทิ้งลงถังขยะโดยที่ยังไม่ได้แม้แต่จะใช้ทำอะไรเลยในโลกสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์จากพลาสติก เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพลาสติกได้กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตเราทุกคน พลาสติกกลายมาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่มีโอกาสได้เจอหน้ากันอยู่บ่อยๆ ในแต่ละวันผลิตภัณฑ์จากพลาสติกเหล่านี้มักจะแวะเวียนมาให้เราได้พบเจอ ทักทาย และบอกลากันอย่างไม่ขาดสาย มันเป็นเหมือนเพื่อนที่เราพึ่งพาได้อยู่เสมอ เราจะเรียกเพื่อนคนนี้มาใช้งานเมื่อไรก็ได้ พอไม่ต้องการแล้วก็แค่บอกลากันไป ทิ้งมันไว้ในถังขยะ ดูเหมือนว่าเราจะรักเพื่อนคนนี้มาก จนกระทั่งวันหนึ่งที่เราต้องใจสลายเมื่อพบกับความจริงที่ว่า ทุกๆ ครั้งที่เราโบกมือลาพลาสติกอย่างไม่แยแส คือทุกๆ ครั้งที่สัตว์ทะเลต้องทนทรมานจากขยะพลาสติก ทุกๆ ครั้งที่ปะการังถูกทับถมด้วยขยะ และคือทุกๆ ครั้งที่ระบบนิเวศถูกทำลายทุกวันนี้ หลายๆ ประเทศทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับการลดขยะพลาสติกมากขึ้นเรื่อยๆ และทุกพื้นที่ทั่วโลกต่างก็พยายามรณรงค์ให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการลดขยะพลาสติกทั้งในระดับครัวเรือน และระดับองค์กรอย่างจริงจังอย่างไรก็ตาม การรณรงค์ในหลายๆ ภาคส่วนก็ยังไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่หลายๆ กลุ่มหรือองค์กรยังคงไม่ได้ให้ความสนใจกับการลดขยะพลาสติกมากเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ขยะพลาสติกยังคงถูกทิ้งอย่างต่อเนื่องในปริมาณมากจนยากที่จะเพิกเฉยได้เมื่อวันสิ่งแวดล้อมโลกที่ผ่านมา นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา และ ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร คู่รักนักสิ่งแวดล้อม กล้าที่จะนำเสนอวิธีการใหม่ที่แตกต่างออกไป วิธีการที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนในโลก วิธีการที่จะทำให้ทุกคนสามารถลดขยะพลาสติกได้ง่ายๆ และบอกลาเพื่อนรักพลาสติกของเราได้อย่างเป็นมิตร นอกจากจะไม่ต้องเสียอะไรแล้ว ทุกๆ คน ทุกๆ ภาคส่วน ทุกๆ สิ่งมีชีวิต รวมถึงสิ่งแวดล้อมกลับจะมีแต่ได้กับได้THE STANDARD ขอพาทุกคนไปพบกับแอปพลิเคชัน ECOLIFE หนทางใหม่ของการลดขยะพลาสติก ที่ไม่ได้แค่ให้ประโยชน์แก่ทุกฝ่าย แต่สนุก ง่าย และวัดผลได้จริงพลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เขาถูกสร้างขึ้นมา เราควรใช้เขาให้คุ้มกับไอเดียที่ทำให้เขาเกิดมา เขาเกิดมาแล้วเขาอยู่ได้ 400 กว่าปีนะ ใช้เขาให้คุ้มค่าหน่อยเถอะแอปพลิเคชันนี้เริ่มต้นอย่างไรท็อป: เริ่มต้นจากความอยากของผมก่อน อยากทำ ก็เลยไปขอเงินภรรยา (หัวเราะ)ถ้าถามว่าทำอย่างไรดีให้คนสามารถทำอะไรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ อย่างแรกคือต้องง่าย สองคือต้องทำให้รู้สึกสนุกและอยากมีส่วนร่วมด้วย ต่อมาคือเราต้องการวัดผลให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม และสุดท้ายคือมันน่าจะดีนะถ้าเกิดคนมาช่วยกันทำดีเพื่อสิ่งแวดล้อมแล้วได้ประโยชน์ตอบแทนไปเลยโดยเรามีแนวคิดว่าอยากให้คนไทยได้รู้จักสัตว์ของไทย ดังนั้นเราเลยเอาสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในป่า ในธรรมชาติ และในเมืองไทย มาวาดเป็นตัวละครทั้งหมด ส่วนตัวละครที่เอามาชูโรงมี 5 ตัว เป็นสัตว์ที่มีอยู่จริงที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลก แต่น้ำแข็งที่ขั้วโลกกำลังละลายเขาก็เลยต้องอพยพย้ายมาอยู่บ้านเรา พอมาอยู่บ้านเรา สัตว์ต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทยก็ช่วยกันลดขยะพลาสติกเพื่อทำให้สภาพแวดล้อมดีขึ้น เพื่อที่วันหนึ่งเมื่อโลกใบนี้ดีขึ้น เราก็จะส่งพวกเขากลับบ้านได้ECOLIFE มีวิธีการใช้งานอย่างไรนุ่น: วิธีการใช้งานก็คือเปิดแอปพลิเคชัน ECOLIFE แล้วก็ไปหา QR Code ของ ECOLIFE สำหรับร้านนั้นๆ สมมติว่าวันนี้เราพกกระบอกน้ำมา พอไปถึงร้านเราก็บอกพนักงานว่าวันนี้เราไม่เอาแก้ว พอกดปุ่มที่เขียนว่า Scan ก็จะมีรูปของประเภทพลาสติกให้เลือก เราก็เลือกรูปแก้ว เลือกปุ๊บมันก็จะเป็นกล้อง แล้วเราก็ไปสแกน QR Code ที่มีรูปน้องหมีที่เขามีให้ที่ร้าน พอสแกนปุ๊บ พื้นที่มันจะเพิ่มขึ้น ตัวการ์ตูนในแอปฯ ของแต่ละคนมันจะโตขึ้น โหลดมาครั้งแรกก็จะได้ไข่มา พอเริ่มลดการใช้พลาสติก ไข่มันก็จะเริ่มแตกออกมาเป็นตัวอ่อน ลดอีกสองสามครั้งก็จะโตกลายเป็นตัวเต็มวัย พอได้หนึ่งตัวมาสะสมแล้วก็จะได้ไข่ฟองใหม่มา แต่เราก็จะไม่รู้หรอกว่าลูกของเราตัวต่อไปจะออกมาเป็นตัวไหน มันจะเป็นการสุ่ม เหมือนการเลี้ยงทามาก็อตจิให้โตนั่นแหละ แค่การให้อาหารของตัวละครในนี้ก็คือการลด Single-use Plasticท็อป: ตอนนี้คอลเล็กชันจะแบ่งเป็น Forest Sea Field และ Wetland ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่อยู่ในบ้านเรา ตอนแรกแต่ละตัวในคอลเล็กชันจะยังเป็นเงาอยู่ แล้วตัวละครที่ยังไม่ได้ปรากฏโฉมก็คือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นจริงๆ ถ้าเราสะสมพื้นที่สะสมตัวละครไปเรื่อยๆ ตัวละครที่เราได้มาแล้วก็จะโผล่เป็นสีขึ้นมา แล้วมันจะมีแรร์ไอเท็มด้วยนะ เช่น ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเป็นปีหมู เราเลยทำตัวละครหมูทอง เป็นหมูที่ใส่สร้อยทอง ถือทองเต็มไปหมด เพื่อให้คนที่ใช้ในช่วงปีใหม่ หรือในอนาคตเราอาจจะไปเข้าร่วมกับที่บางที่เพื่อสร้างตัวละครให้กับสถานที่นั้น สมมติว่าถ้าคุณมาใช้บริการสถานที่นั้นไปเรื่อยๆ คุณอาจจะได้แรร์ไอเท็มที่มันเกิดจากการดีไซน์ให้กับสถานที่นั้นเป็นพิเศษด้วยนุ่น: ทุกครั้งที่เราสแกนลดขยะ เราก็จะได้คะแนน ECO POINT มา ซึ่งจะจำกัดอยู่ที่ 10 ครั้งหรือ 10 คะแนนต่อวัน เพราะว่ามันจะมีระบบ Redeem จากผู้สนับสนุนของเราที่ให้นำคะแนนมาแลกของได้ อย่างสตาร์บัคส์หรือโอโตยะ ร้านเหล่านี้ที่เข้ามาร่วมกับเรา ก็สามารถใช้ ECO POINT ในการแลกของหรือแลกรับส่วนลดได้ เพราะฉะนั้น ECO POINT ก็จะมีค่ามาก เลยจำกัดว่าไม่เกิน 10 คะแนนต่อวัน แต่ถ้าอยากช่วยกันลดขยะเพื่อให้ตัวละครมันโตขึ้นจะลดกี่ครั้งก็ได้คิดว่าปัญหาของสังคมไทยที่ทำให้คนยังใช้พลาสติกกันอยู่คืออะไรท็อป: มันคือความเคยชิน เมื่อก่อนนี้ตอนที่ผมเด็กๆ มันก็ยังไม่ได้มีพลาสติกเยอะมากขนาดนี้ ยิ่งรุ่นพ่อรุ่นแม่เราก็ยิ่งไม่ได้มีขนาดนี้ ย้อนกลับไปรุ่นยายเมื่อก่อนเขาก็ถือตะกร้ากัน แต่พอมันเกิดความเคยชิน ผลิตภัณฑ์พลาสติกต่างๆ ก็มีออกมาจนเยอะเกินไป แล้วปัญหาสำหรับบ้านเรา ณ เวลานี้คือพอใช้เยอะเกินไป ในขณะที่การจัดการยังไม่ดีพอ มันก็เลยกลายเป็นปัญหาสะสม พอเป็นปัญหาสะสมสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ รุ่นเราเห็นปัญหา แต่รุ่นเด็กกว่าเราจะเป็นคนรับเคราะห์ แล้วถ้ายังไม่มีการทำอะไรเลย สุดท้ายเคราะห์นี้ก็จะมีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้นSingle-use Plastic ถ้าแปลจริงๆ ก็คือพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งก็คืออะไรก็ตามที่คุณใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งไปซึ่งมีหลายประเภท แต่ 4 ประเภทที่เราเห็นว่าคนใช้เยอะและเป็นปัญหามากที่สุดก็คือ หนึ่งถุงพลาสติก สองคือหลอด สามคือแก้ว และสี่ก็คือช้อนส้อมพลาสติกนี่แหละ อย่างเวลาเราไปซื้อเครื่องดื่มมันจะมีทั้งแก้ว ฝาปิด หลอด ทิชชู แล้วก็ถุงพลาสติก ส่วนมากยังไม่ได้ใช้งานให้คุ้มค่าเลย ดูดแป๊บเดียวก็ทิ้งหมดแล้ว พลาสติกพวกนี้มันส่งผลระยะยาว เพราะมันมีอายุที่จะอยู่บนโลกนี้ได้เป็นร้อยปี ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นเรามาลด 4 ประเภทนี้ก่อนที่เป็นประเภทหลักๆ เพราะว่ามันเป็นขยะที่เยอะแล้วก็จัดการลำบากนุ่น: เราพยายามพูดตลอดว่า พลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เขาถูกสร้างขึ้นมา เราควรใช้เขาให้คุ้มกับไอเดียที่ทำให้เขาเกิดมา เขาเกิดมาแล้วเขาอยู่ได้ 400 กว่าปีนะ ใช้เขาให้คุ้มค่าหน่อยเถอะ แล้วเราก็ไม่ได้บอกว่าใครถือถุงพลาสติกแล้วเป็นคนเลว เพราะเรากินชานมไข่มุกมันก็มีวันที่จังหวะนั้นไม่รู้จะไปหาหลอดสเตนเลสจากที่ไหน ถ้าจำเป็นมันก็ต้องใช้ แต่ถ้าวันไหนมันไม่จำเป็นก็แค่ลดสักหน่อย คิดดูว่าถ้าเราลดแค่คนละสองถุง ภาพรวมของคนทั้งโลกมันก็ลดได้เยอะมากแล้ว อยากให้มองภาพรวมเพราะถ้าเรามองแค่ตัวเองมันก็จะลดได้แค่สองถุงECOLIFE เข้าถึงผู้คนได้อย่างไรนุ่น: จริงๆ แล้วการใช้ Single-use Plastic โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติกส่วนใหญ่อยู่ที่ตลาด ซึ่งตลาดพวกนี้เวลานุ่นลงพื้นที่นุ่นรู้เลยว่าคุณป้าทุกคนเขาก็มีใจอยากช่วยนะ แต่จะให้ไปบอกลูกค้าว่า ป้าไม่ให้ถุงนะ มันก็ยาก เขาก็เลยบอกว่าแอปฯ เราเหมือนเป็นเครื่องจูงใจให้คนอยากจะเริ่มลดจากตัวเขาเองความน่ารักก็คือในช่วงที่เราเปิดตัว มีคนที่เชียงใหม่บอกว่า พี่ หนูอยากใช้แต่ที่เชียงใหม่ไม่มีสักร้านที่ร่วมกับแอปฯ เลย เราก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นหนูก็ไปหามานะว่าร้านไหนน่าสนใจ แล้วหนูก็ไปชวนเขามา เพราะนุ่นเชื่อว่าเราจะมีร้านที่เรารู้จัก ร้านประจำที่จริงๆ เจ้าของร้านเขามีใจแต่ข่าวสารอาจจะไปไม่ถึง ก็เลยบอกให้เขาไปติดต่อมาเลย เดี๋ยวทำโค้ดส่งไปให้ ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร เราอยากเป็นเครื่องมือแล้วก็คอยสนับสนุนทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นตลาด ร้านค้า หรือว่าโรงเรียน เพื่อที่สุดท้ายเราจะได้มีข้อมูลที่จะทำให้คนทั้งประเทศเห็นว่า ถ้าเราช่วยกันมันลดได้จริงๆ นะถ้าตลาดหรือโครงการไหนสนใจจะเข้าร่วม ตอนนี้จะมีเพจกลางคือเฟซบุ๊ก ECOLIFE app แค่อินบ็อกซ์เข้ามา เราจะมีแอดมินรอตอบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยูสเซอร์ที่มีปัญหาในการใช้งาน หรือร้านค้าที่อยากเข้าร่วมก็ทักเข้ามาได้เลย จริงๆ โครงการต่างๆ เราก็สนใจนะ อย่างเช่น โครงการวิ่งที่มีการแจกแก้ว ซึ่งหลายๆ ที่เราก็เริ่มเห็นว่ามีการพยายามทำให้การวิ่งมันกรีนมากขึ้น แบบนี้เราอยากไปร่วมด้วย เพราะเราเชื่อว่าทำบ่อยๆ คนจะค่อยๆ เปลี่ยน เราไม่เชื่อเรื่องของการทำใหญ่ทีเดียวแล้วเดี๋ยวคนก็ลืม เราพยายามบอกว่า ECOLIFE มันคือการทำทุกๆ วันท็อป: ไม่อยากอัปเปอร์คัต พยายามแย็บไปเรื่อยๆ (หัวเราะ)หลายคนมองว่าการใช้ชีวิตแบบ ECO เป็นเรื่องยาก มีวิธีการพูดกับคนเหล่านี้อย่างไรท็อป: ไม่ต้องพูด แค่ทำ ทำเลย ทำให้เห็น เริ่มต้นจากการทำเอง อย่างเช่น ผมมีขยะอยู่หนึ่งกอง ผมก็แยกหนังสือพิมพ์ แยกขวดแชมพูหรืออะไรที่เป็นพลาสติกไว้เป็นสามสี่ถัง ขวด แก้ว กระป๋องอลูมิเนียม อะไรก็ตามที่ขายได้ก็แยกเอาไว้ แล้วผมก็เอาไปขาย แล้วก็ให้แม่บ้านเห็นว่าเราเอาไปขาย เขาก็ไปด้วยแล้วก็เห็นเลยว่าได้เงิน หลังจากนั้นเขาก็ทำตาม การทำให้เห็นนี่แหละดีกว่าการที่คอยพูดด้วยซ้ำเว็บไซต์ชื่อ ecolifeapp.com มีขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่าแต่ละวันในการช่วยกันลดขยะ เราลดกันไปได้กี่ชิ้นแล้ว ให้เห็นกันแบบเรียลไทม์ได้เลย นับจำนวนได้เลยว่ากี่ชิ้น แล้วขยะแต่ละประเภทลดลงไปได้เท่าไร คนที่เข้ามาดาวน์โหลดวันนี้มีเท่าไร ซึ่งตอนนี้ก็มีคนดาวน์โหลดแล้วสองหมื่นกว่าคน ลดไปได้เกือบสามแสนชิ้นแล้วจุดเด่นของ ECOLIFE คืออะไรท็อป: แอปฯ นี้มันเป็นแอปฯ ที่อยากจะให้ทุกคนวินวิน ร้านค้าก็ได้ลดต้นทุน คือถุงพลาสติก แก้ว หรือหลอด ของพวกนี้มันมีต้นทุนในการซื้อมาทั้งนั้น ถ้าไม่ต้องแจก คุณก็จะลดต้นทุนตรงนี้ลงไปได้ เจ้าของตลาด เจ้าของสถานที่ คุณก็ต้องจัดการกับขยะ งบประมาณที่ลงไปในส่วนนี้มันก็จะลดน้อยลง สภาพแวดล้อมกับสถานที่มันก็จะสะอาดสะอ้าน ดูดียิ่งขึ้น พร้อมๆ กับคนก็จะรู้สึกดีถ้าเรามีแคมเปญแบบนี้ ภาครัฐที่จะต้องมาดูจัดการ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเขต จังหวัด หรือว่าในส่วนของประเทศ งบประมาณที่คุณจะต้องลงไปในส่วนนี้มันก็อาจจะลดน้อยลง เอางบไปทำอย่างอื่น เอาไปปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวไหม ไปทำสวนสาธารณะที่อยู่ในชุมชนไหม หรือว่าไปให้การศึกษา ทำให้เด็กๆ ได้มีการศึกษาที่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้นไหมนุ่น: ผู้ใช้ก็ได้ความสนุก ได้ตุ๊กตามาสะสม ได้ช่วยลดขยะพลาสติก แล้วก็ได้ ECO POINT มาแลกของ หรือว่าแลกเป็นส่วนลดจากร้านค้าที่เข้าร่วมก็ได้นะคะท็อป: โมเดลแบบนี้ทั่วโลกก็ยังไม่มีนะ เราก็หวังว่าถ้าในอนาคตต่อไป ถ้ามันทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น มันอาจจะไปประเทศอื่นต่อๆ ไปที่ที่มีปัญหาอย่างนี้เหมือนกันได้สุดท้ายมันจะไม่เกิดผลอะไรมาก ถ้าไม่มีร้านที่มีเครือข่าย หรือศูนย์การค้าที่สามารถออกนโยบายให้ร้านที่อยู่ในเครือได้เข้ามาร่วมกับเรา คุณจะทำแคมเปญอะไรอยู่เราก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เราไม่ได้จะเข้าไปเปลี่ยนแคมเปญหลัก แต่เราทำเพื่อที่จะช่วยกันวัดผล แล้วผมก็อยากที่จะให้ผลนี้ส่งไปถึงคนที่ดูแลประเทศของเราต่อไป ให้เขาเห็นว่ามีคนที่ร่วมกันทำได้ขนาดนี้จริงๆ ให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นจากผลที่พวกเราช่วยกัน ว่ามันสามารถออกกฎหมายในเรื่องนี้ได้ แล้วปัญหาปลายทางมันก็จะลดน้อยลงไปในที่สุดสนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ecolifeapp.comหรือเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ECOLIFE ได้ผ่านทาง www.facebook.com/ECOLIFEappพิสูจน์อักษร:
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.