pdf_id,text 100.pdf,"หน้า ๘ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๙๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ พระราชกฤษฎ ีกา ออกตามความในประมวลร ัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๖๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางก ูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางก ูร มีพระราชโองการโปรดเกล ้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว ้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบร ิษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล บางกรณี อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบ ัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎ ีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎ ีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎ ีกาออกตามความในประมวลร ัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๖๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎ ีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชก ิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎ ีกานี้ หน้า ๙ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๙๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ “ค่าจ้างรายวัน” หมายความว่า เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนใน การทํางานตามสัญญาจ้างสําหรับระยะเวลาการท ํางานปกติเป็นรายวัน หรือจ่ายให้โดยคํานวณตามผลงาน ที่ลูกจ้างทําได้ในเวลาทํางานปกติของวันทํางาน และให้หมายความรวมถ ึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง ในวันหยุดและวันลาที่ลูกจ้างมิได้ทํางาน แต่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามกฎหมายว ่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน “ขาย” หมายความว่า จําหน่าย จ่าย หรือโอนสินค้า โดยมีหรือไม่มีประโยชน์ หรือค่าตอบแทน และให้หมายความรวมถ ึงสัญญาให้เช่าซื้อสินค้า สัญญาซื้อขายผ่อนชําระที่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอน ไปยังผู้ซื้อเมื่อมีการส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อแล้ว และการส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจ ักร “สินค้า” หมายความว่า ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ที่มีไว้ เพื่อขายเท่านั้น “บริการ” หมายความว่า การกระทําใด ๆ อันอาจหาประโยชน ์อันมีมูลค่าซึ่งมิใช่เป็นการขายสินค้า มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๒ และส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเงินได้เป็นจํานวนร้อยละสิบห้าของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าจ้างรายวัน ให้แก่ลูกจ้าง ให้แก่ (๑) บุคคลธรรมดา ซึ่งมีการจ้างแรงงานไม่เกินสองร้อยคน และมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๕) (๖) (๗) หรือ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔๘ (๑) แห่งประมวล รัษฎากร รวมกันไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาทต่อปีก่อนหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ทั้งนี้ ในปีภาษีที่ได้ใช้สิทธิ ยกเว้นภาษีเงินได้ (๒) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีการจ้างแรงงานไม่เกินสองร้อยคน และมีรายได้จาก การขายสินค้าและให้บริการรวมกันไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ในรอบระยะเวลาบ ัญชีที่ได้ใช้สิทธิ ยกเว้นภาษีเงินได้ รายจ่ายตามวรรคหน ึ่ง ให้คํานวณจากรายจ ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าจ้างรายวันให้แก่ลูกจ้าง ระหว่าง วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ในอัตราค่าจ้างรายวันเท่าที่จ่ายจริง เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินสี่ร้อยบาท การยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกําหนด หน้า ๑๐ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๙๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มาตรา ๕ บุคคลธรรมดาหร ือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ตามมาตรา ๔ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) มีการจ่ายค่าจ้างรายวันให้แก่ลูกจ้างในอัตราไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ําที่คณะกรรมการ ค่าจ้างประกาศกําหนด ซึ่งให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป (๒) มีการจ่ายค่าจ้างรายวันให้แก่ลูกจ้างในอัตราสูงกว่าอัตราค่าจ้างรายวันเดิมที่ได้จ่ายให้แก่ ลูกจ้างก่อนวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ (๓) ไม่มีการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เนื่องจากรายจ่ายในการจ้างงานตามพระราชกฤษฎ ีกาอื่น ที่ออกตามความในประมวลร ัษฎากรอีก ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคล ังรักษาการตามพระราชกฤษฎ ีกานี้ ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หน้า ๑๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๙๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช ้พระราชกฤษฎ ีกาฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นต่ํา ตามกฎหมายว ่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ อันเป็น อัตราค่าจ้างขั้นต่ําที่สูงกว่าอัตราที่ใช้บังคับอยู่เดิม ทําให้ผู้ประกอบการม ีค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการบรรเทาภาระรายจ ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ สมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีการจ้างแรงงานไม่เกินสองร้อยคน และมีเงินได้พึงประเมินตามที่กําหนด หรือมีรายได้รวมกันไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาทต่อปี สําหรับเงินได้เป็นจํานวนร้อยละสิบห้าของรายจ่ายที่ได้จ่าย เป็นค่าจ้างรายวันให้แก่ลูกจ้าง ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎ ีกานี้ " 1000.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 36) เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ส าหรับการบริจาคให้แก่ส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 723) พ.ศ. 2564 อธิบดีกรมสรรพากร ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ส าหรับการบริจาค ให้แก่ส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุ คคลธรรมดา ส าหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาค อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 4 ( ๑) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 723) พ.ศ. ๒๕64 จะต้องบริจาค เป็นเงินเท่านั้น โดยบริจาคผ่านบัญชีธ นาคารกรุงไทย จ ากัด (มหาชน) สาขาท าเนียบรัฐบาล ชื่อบัญชี “ส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” เลขที่บัญชี 067 -0-13829-0 ข้อ 2 การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ บุคคล ส าหรับการบริจาค ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 4 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 723) พ.ศ. 2564 จะบริจาคเป็นเงิน ทรัพย์สินหรือสินค้าก็ได้ โดยต้องเป็ นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (1) กรณีที่บริจาคเป็นเงินต้องเป็นการบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จ ากัด (มหาชน) สาขาท าเนียบรัฐบาล ชื่อบัญชี “ส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหา โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” เลขที่บัญชี 067 -0-13829-0 (2) กรณีที่บริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ประเภทและชนิด ตามที่ส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรีก าหนด (3) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐาน การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจ านวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าว เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค ้หนา ๙๕ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔(4) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลน าทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามู ลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการค านวณหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (5) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลน าสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่มีเ อกสารหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้เป็นมูลค่า ของรายจ่ายที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมา ตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร (6) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจ านวนไม่เกินราคาที่พึงซื้อได้ โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ตรี (15) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ 3 การบริจาคให้แก่ส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรีให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏ ในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 723) พ.ศ. 2564 โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐาน การบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ข้อ 4 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้ นไป ประกาศ ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕64 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๙๖ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔" 1001.pdf,"ประกาศสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กําหนดประเภทและชน ิด ของทรัพย์สินหรือสินค้า สําหรับการบริจาค ให้แก่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามประกาศอธ ิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๓๖) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้น ภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม สําหรับการบริจาคให้แก่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยที่พระราชกฤษฎ ีกาออกตามความในประมวลร ัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ มาตรา ๕ กําหนดว่า “ให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่ผู้ประกอบการเฉพาะการบร ิจาคสินค้าให้แก่สํานักงานปลัด สํานักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ได้กระทําตั้งแต่ วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกําหนด ” และประกาศอธ ิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๓๖) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม สําหรับการบริจาคให้แก่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ (๒) กําหนดว่า “กรณีที่บริจาค เป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ประเภทและชน ิดตามที่สํานักงานปลัด สํานักนายกรัฐมนตรีกําหนด” อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการแผ ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๓๖) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม สําหรับการบริจาคให้แก่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบมติคณะกรรมการบร ิหารจัดการ เงินบริจาคและทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการดําเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคต ิดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี จึงมีประกาศกําหนดประเภทและชน ิดของทรัพย์สินหรือสินค้าสําหรับการบริจาคให้แก่สํานักงานปลัด สํานักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามประกาศอธ ิบดี กรมสรรพากร (ฉบับที่ ๓๖) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม สําหรับการบริจาคให้แก่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไข ปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังต่อไปนี้ ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ข้อ ๑ ประเภทและชน ิดของทรัพย์สินหรือสินค้า (๑) วัสดุ อุปกรณ์ทางการแพทย ์ ยา เวชภัณฑ์อื่น ๆ อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการคัดกรอง การแยกกัก การกักกัน การคุมไว้สังเกต การป้องกัน การรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพ อันเกี่ยวเนื่อง กับปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (๒) เครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุต่าง ๆ เครื่องอุปโภค บริโภค เช่น อาหาร เครื่องดื่ม เป็นต้น ที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาหรือสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอันเกี่ยวเนื่องกับปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกาศ ณ วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖4 ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1002.pdf,"ประกาศคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตให้กระท าการใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปลูกสร้างอาคาร โรงเรือน ต้นไม้หรือสิ่งอื่นใด ติดตั้งสิ่งใด เจาะหรือขุดพื้นดิน ถมดิน ทิ้งสิ่งของ หรือกระท าด้วยประการใด ๆ ที่อาจท าให้เกิดอันตราย หรือเป็นอุปสรรคในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ ให้มีความเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการพลังงาน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๑๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับมติคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงานในการประชุมครั้งที่ ๓๙/๒๕๖๔ (ครั้งที่ ๗๔๘) เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๔ คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงานออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตให้กระท าการใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปลูกสร้างอาคาร โรงเรือน ต้นไม้หรือสิ่งอื่นใด ติดตั้งสิ่งใด เจาะหรือขุดพื้นดิน ถมดิน ทิ้งสิ่งของ หรือกระท าด้วย ประการใด ๆ ที่อาจท าให้เกิดอันตราย หรือเป็นอุปสรรคในเขตระบบโครงข่าย ก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๔ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตตามที่ก าหนดในข้อ ๖ ห้ามมิให้ผู้ใดกระท าด้วยประการใด ๆ ที่อาจท าให้เกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรคแก่ระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ ดังต่อไปนี้ (๑) น าวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักรกลหนักที่โดยสภาพ หรือโดยความมุ่งหมายแห่งการใช้งาน อาจเป็นอันตรายหรือเป็นอุปสรรคแก่เขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ เช่น รถเครน รถยก รถตัก รถขุด หรือรถบรรทุก เป็นต้น เคลื่อนที่ผ่านเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ เว้นแต่ ในกรณีที่ท่อก๊าซธรรมชาติ วางอยู่ใต้ทางหลวง ทางหลวงชนบท หรือทางสาธารณประโยชน์อื่น ซึ่งผู้รับใบอนุญาตได้ออกแบบ โดยค านึงถึงความปลอดภัยไว้แล้ว (๒) ท าให้เกิดความร้อน ประกายไฟ หรือการเผาไหม้ หรือกระท าการด้วยวิธีใด ๆ ในลักษณะ เดียวกัน เช่น เผาอ้อย ป่าพง พืช หรือสิ่งของใด ๆ รวมทั้งการระเบิด การยิงปืน ในเขตระบบโครงข่าย ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น (๓) ปลูกสร้าง ท าขึ้น หรือติดตั้งซึ่งอาคาร โรงเรือน บ้านพักอาศัย หรือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเป็น การถาวรหรือชั่วคราวในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ (๔) กระท าการใด ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ เช่น การท าเหมืองแร่ การระเบิดหิน การทิ้งสิ่งของ ทิ้งขยะ ทิ้งสารเคมี การก่อสร้างหรือท าถนน การถมดิน ้หนา ๔๕ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔การปรับสภาพพื้นที่ให้สูงขึ้น การขุด การตอก การเจาะพื้นที่ซึ่งมีความลึกมากกว่ายี่สิบเซนติ เมตร รวมทั้งการบดอัดพื้นที่โดยใช้เครื่องบดอัดชนิดสั่นสะเทือน ( Dynamic Compactor ) การขุดบ่อ และการดูดทราย เป็นต้น (๕) ปลูกต้นไม้ยืนต้นหรืออ้อยในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ ข้อ ๕ หากมีความจ าเป็นต้องกระท าการที่ห้ามตามข้อ ๔ ให้ผู้ขออนุญาตยื่นเอกสารต่ อ ผู้รับใบอนุญาต โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) ค าขออนุญาตกระท าการใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ (๒) หลักฐานที่แสดงว่าผู้ขออนุญาตเป็นเจ้าของ หรือผู้มีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในเขต ระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ หรือได้รับมอบอ านาจจากเจ้าของ หรือผู้มีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติให้ขออนุญาตกระท าการดังกล่าว (๓) รายละเอียดของกิจกรรมที่จะด าเนินการ และแผนด าเนินการในเขตระบบโครงข่าย ก๊าซธรรมชาติ (๔) หลักฐานอื่นเพิ่มเติมตามที่ผู้รับใบอนุญาตร้องขอ ข้อ ๖ ให้ผู้รับใบอนุญาตต รวจสอบผลกระทบที่อาจท าให้เกิดอันตราย หรือเป็นอุปสรรคในเขต ระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติตามค าขอ พร้อมทั้งให้ความเห็นประกอบการขออนุญาตกระท าการใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ แล้วส่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับค าขอ และเอกสารประกอบครบถ้ วนจากผู้ขออนุญาต เว้นแต่ ในกรณีที่มีเหตุผลความจ าเป็นทางด้านวิศวกรรม ให้ขยายระยะเวลาออกไปได้อีกคราวละไม่เกิน ๓๐ วัน ทั้งนี้ ไม่เกิน ๒ ครั้ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นจาก ผู้รับใบอนุญาต ในกรณีที่มีการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานของผู้รับใบอนุญาตบุคคลใดเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้หน้าที่ ในการพิจารณาค าขออนุญาตกระท าการใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ เป็นของผู้ปฏิบัติงาน ของผู้รับใบอนุญาตบุคคลนั้น ผลการพิจารณาของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ถือเป็นที่สุด ข้อ ๗ ในกรณีที่ผู้ประสงค์จะปลูกสร้างอาคาร โรงเรือน ต้นไม้หรือสิ่งอื่นใด ติดตั้งสิ่งใด เจาะหรือขุดพื้นดิน ถมดิน ทิ้งสิ่งของ หรือกระท าการใด ๆ ที่อาจท าให้เกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรคแก่ ระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ เป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้อนุญาตให้ผู้รั บใบอนุญาตวางระบบโครงข่าย ก๊าซธรรมชาติ ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐนั้น ให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าวแจ้งความประสงค์ พร้อมรายละเอียดการก่อสร้าง และระบุเหตุผลความจ าเป็นที่จะกระท าการใด ๆ ในเขตระบบโครงข่าย ก๊าซธรรมชาติ ให้ผู้รับใบอนุญาตทราบ ก่อนกระท ากา ร ให้ผู้รับใบอนุญาตเข้าตรวจสอบบริเวณที่หน่วยงานรัฐตามวรรคหนึ่งเข้าด าเนินการ และบั นทึก รายละเอียดการด าเนินการไว้ อย่างสม่ าเสมอด้วย ้หนา ๔๖ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ประสงค์จะปลูกสร้างอาคาร โรงเรือน ต้นไม้หรือสิ่งอื่นใด ติดตั้งสิ่งใด เจาะหรือขุดพื้นดิน ถมดิน ทิ้งสิ่ง ของ หรือกระท าการใด ๆ ที่อาจท าให้เกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรค แก่ระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ เป็นการนิคมอุตสาหกรรมหรือผู้ร่วมด าเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรม หรือผู้ประกอบกิจการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ซึ่งเป็น ผู้อนุญาตให้ผู้รับใบอนุญาตวางระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ผู้ประสงค์จะกระท าการ ดังกล่าว แจ้งความประสงค์พร้อมรายละเอียดการก่อสร้าง และระบุเหตุผลความจ าเป็นที่จะกระท าการใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติให้ผู้รับใบอนุญาตทราบ ก่อนกระท าการ ให้ผู้รับใบอนุญาตเข้าตรวจสอบบริเวณที่นิติบุคคลตามวรรคหนึ่งเข้าด าเนินการ และบั นทึก รายละเอียดการด าเนินการไว้ อย่างสม่ าเสมอด้วย ข้อ ๙ ในกรณีเร่งด่วน หรือกรณีเกิดหรืออาจจะเกิดอุบัติเหตุต่อทรัพย์สินหรือสิ่งปลูกสร้าง ของหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ประกอบการอื่นในเข ตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ของนิติบุคคลตามข้อ ๗ หรือ ข้อ ๘ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน สิ่งแวดล้อม และ มีความจ าเป็นต้องป้องกันเข้าระงับเหตุ หรือซ่อมแซม เป็นการเร่งด่วน ให้หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ประกอบการอื่น ดังกล่าวแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตทราบก่อนกระท าการซ่อมแซม ข้อ ๑๐ การแจ้งความประสงค์ต่อผู้รับใบอนุญาต ตามข้อ ๗ ข้อ ๘ หรือข้อ ๙ ให้แจ้ง ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้ (๑) ท าเป็นหนังสือ (๒) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (๓) ในกรณีตามข้อ ๙ อาจแจ้งด้วยวาจาก่อนเข้าระงับเหตุ หรือซ่อมแซม ก็ได้ และให้มี หนังสือแจ้งเหตุผลความจ าเป็นให้ผู้รับใบอนุญาตทราบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยเร็ว ข้อ ๑๑ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะปลูกสร้างอาคาร โรงเรือน ต้นไม้หรือสิ่งอื่นใด ติดตั้งสิ่งใด เจาะหรือขุดพื้นดิน ถมดิน ทิ้งสิ่งของ หรือกระท าก ารใด ๆ ที่อาจท าให้เกิดอันตรายหรือ เป็นอุปสรรคแก่ระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ ซึ่งผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบระบบโครงข่าย ก๊าซธรรมชาติดังกล่าว ให้ผู้รับใบอนุญาตมีหนังสือแจ้งความประสงค์พร้อมรายละเอียดการก่อสร้าง และ ระบุเหตุผลความจ าเป็นที่จะกระท าการใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ทราบก่อนกระท าการ ข้อ ๑๒ ให้ผู้รับใบอนุญาตสรุปผลการด าเนินการ พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และ เอกสารที่แสดงให้เห็นว่าผู้รับใบอนุญาตรับทราบการด าเนินการ และรับรองความปลอดภัยตามมาตรฐาน ที่เกี่ยวข้อง ตามข้อ ๗ ข้อ ๘ หรือ ข้อ ๙ แล้วแต่กรณี และรายงานให้ส านักงาน กกพ. ทราบอย่างน้อย ปีละหนึ่งครั้ง ข้อ ๑๓ ให้ค าร้องกระท าการใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้อนุญาตไว้ ตามประกาศคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ้หนา ๔๗ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔การปลูกสร้างอาคาร โรงเรือน ต้นไม้หรือสิ่งอื่นใด ติดตั้งสิ่งใด เจาะหรือขุดพื้นดิน ถมดิน ทิ้งสิ่งของ หรือกระท าด้วยประการใด ๆ ที่อาจท าให้เกิดอันตราย หรือเป็นอุปสรรคในเขตระบบโครงข่าย ก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ ก่อนวันที่ประกาศนี้ ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นการอนุญาตโดยชอบตามประกาศนี้ ข้อ ๑๔ ให้ประธานกรรมการก ากับกิจการพลังงาน เป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ และให้ กกพ. เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ค าวินิจฉัยของ กกพ. ให้เป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕64 เสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ้หนา ๔๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1005.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจ าพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ โดยที่ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นชอบมาตรการบรรเทา ผลกระทบของประชาชนในการติดต่อราชการเพื่อขออนุญาตกับหน่วยงานของรัฐจากสถานการณ์แพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่ส านักงาน ก.พ.ร. เสนอ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศทวีความรุนแรงจนท าให้ภาครัฐต้องยกระดับความเข้มข้น ของมาตรการและการบังคับใช้อย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขและบรรเทาสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในเขต พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่สะดวกในการติดต่อขอรับบริการ จากหน่วยงานของรัฐ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามประเภทการตรวจลงตรา (รวมทั้งการตรวจลงตรา Visa on Arrival) คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวตามสิทธิการยกเว้นการตรวจลงตราตามกฎกระทรวงก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้นและการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. ๒๕๔๕ และ ฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑๓ ซึ่งก าหนดระยะเวลาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรจะสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับเป็นต้นไป ข้อ ๑ ให้ขยายระยะเวลาอนุญาตให้อยู่ในรา ชอาณาจักร ตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ (รวมทั้งภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม) หรือตามประกาศ กระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องไปพลางก่อน ตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ให้ขยายระยะเวลาการแจ้งที่พักอาศัยตามมาตรา ๓๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ หรือตามประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้อง ส าหรับคนต่างด้าว ที่ครบก าหนดระยะเวลาการแจ้งที่พักอาศัย ตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ข้อ ๓ ให้ส านักงานตรวจคนเข้าเมืองประกาศก าหนดระยะเวลาให้คนต่างด้าวด าเนินการ ตามมาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ รวมทั้งกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้น ระหว่างวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1006.pdf,"ประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่อง การท าลายหรือการด าเนินการอื่นใดกับยาเส พติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๔๕ (๘) และ (๙) ข้อ ๔๗ (๕) และข้อ ๕๕ (๓) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต น าเข้า ส่งออก จ าหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบมติคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ในการประชุมครั้งที่ ๔๓๔-๑๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ คณะกรรมการควบคุม ยาเสพติดให้โทษ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในระหว่างการปลูก หากผู้รับอนุญาตผลิตโดยการปลูกหรือผู้รับอนุญาตซึ่งเป็นผู้รับผลผลิต จากผู้รับอนุญาตผลิตโดยการปลูกตรวจพบว่ากัญชาที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตโดยการปลูก มีปริมาณสารปนเปื้อน โลหะหนัก หรือสารอื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายเกินมาตรฐานที่ก าหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการ ควบคุมยาเสพติดให้โทษว่าด้วยการวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบปริมาณสารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) หรือสารส าคัญอื่น และปริมาณสารปนเปื้อน โลหะหนัก หรือสารอื่น หรือสิ่งปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายในกั ญชา ที่ได้จากการผลิตโดยการปลูก ให้แจ้งต่อส านักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดแห่งท้องที่ที่สถานที่ผลิตตั้งอยู่ แล้วแต่กรณี ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับทราบ ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์เป็นหนังสื อเพื่อด าเนินการ ท าลายภายใต้การควบคุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) การฝังกลบ (๒) การท าปุ๋ยหมัก (๓) การเผาในเตาเผา ข้อ ๓ ก่อนน ากัญชาออกจากสถานที่ปลูกทุกครั้ง หากตรวจสอบแล้วพบว่ากัญชาที่ได้รับอนุญาต ให้ผลิตโดยการปลูกมีปริมา ณสิ่งปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายเกินมาตรฐานที่ก าหนดไว้ใน ประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษว่าด้วยการวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบปริมาณสารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD ) สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล ( Tetrahydrocannabinol, THC ) หรือสารส าคัญอื่น และปริมาณสารปนเปื้อน โลหะหนัก หรือสารอื่น หรือสิ่งปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ในกัญชาที่ได้จากการผลิตโดยการปลูก ให้ผู้รับอนุญาตผลิตโดยการปลูกแจ้งต่อส านักงานคณะกรรมการอาหาร และยาหรือส านักงานสาธารณสุขจังหวัดแห่งท้องที่ที่สถานที่ผลิตตั้งอยู่ แล้วแต่กรณี ภายในเจ็ดวัน ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ธันวาคม ๒๕๖๔นับแต่วันที่ได้รับทราบผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์ เป็นหนังสือเพื่อขอด าเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) ท าลายภายใต้การควบคุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ ๒ (๒) จ าหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ให้กับผู้รับอนุญาตผลิตที่มิใช่การปลูกหรือการปรุงยา ส าหรับคนไข้เฉพาะราย เพื่อด าเนินการผลิตสารสกัดกัญชา ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ว่าด้วยการด าเนินการผลิตและการควบคุมความปลอดภัยของสถานที่ผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา ที่มิใช่การปลูกหรือการปรุงยาส าหรับคนไข้เฉพาะราย โดยผู้รับอนุญาตผลิตโดยการปลูก ต้องได้รับอนุญาตให้จ าหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชาด้วย (๓) ผลิตสารสกัดกัญชา ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตผลิตโดยการปลูกได้รับอนุญาตให้ผลิตที่ไม่ใช่ การปลูกหรือการปรุงยาส าหรับคนไข้เฉพาะ รายด้วย ให้แจ้งความประสงค์ในการผลิตสารสกัดกัญชา และผลิตให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษว่าด้วยการด าเนินการผลิตและการควบคุม ความปลอดภัยของสถานที่ผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา ที่มิใช่การปลูกหรือการปรุงยา ส าหรับคนไข้เฉพาะราย ทั้งนี้ ให้ส่งตัวอย่างสารสกัดไปตรวจวิเคราะห์เพื่อยืนยันผลที่ห้องปฏิบัติการ ตรวจวิเคราะห์ ข้อ ๔ ก่อนน ายาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ไปจ าหน่าย หากตรวจวิเคราะห์พบว่าไม่ได้มาตรฐาน ให้ผู้รับอนุญาตผลิตกัญชาที่มิใช่การปลูกหรือการปรุงยาส าหรับคนไข้เฉพาะรายแจ้งต่อส านักงาน คณะกรรมการอาหารและยาหรือส านักงานสาธารณสุขจังหวัดแห่งท้องที่ที่สถานที่ผลิตตั้งอยู่ แล้วแต่กรณี ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับทราบผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์ เป็นหนังสือเพื่อขอด าเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) ท าลายภายใต้การควบคุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ ๒ (๒) แก้ไขให้สารสกัดกัญชาหรือต ารับยาผ่านมาตรฐานตามที่ได้รับอนุญาตจากส านักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ทั้งนี้ ให้ส่งตัวอย่างที่ด าเนินการแก้ไขแล้วไปตรวจวิเคราะห์เพื่อยืนยันผล ที่ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ ข้อ ๕ ในกรณีโครงการวิจัยเสร็จสมบูรณ์แล้วหรือยุติโครงการวิจัยแล้ว และมีกัญชาหรือยา ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่คงเหลือ ให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือน าเข้าแจ้งต่อส านักงานคณะกรรมการอาหาร และยาหรือส านักงานสาธารณสุขจังหวัดแห่งท้องที่ที่โครงการวิจัยตั้งอยู่ แล้วแต่กรณี ภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่โครงการวิจัยเสร็จสมบูรณ์หรือยุติโครงการวิจัยนั้น พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือ เพื่อขอด าเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) ท าลายภายใต้การควบคุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ ๒ (๒) ใช้เพื่อการศึกษา วิจัย หรือใช้ส าหรับห้ องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ ทั้งนี้ ผู้รับอนุญาตผลิต หรือน าเข้าต้องได้รับอนุญาตตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องก่อน ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ข้อ ๖ เมื่อผู้รับอนุญาตด าเนินการท าลายหรือด าเนินการอื่นแล้วเสร็จ ให้บันทึกไว้ในบัญชีรับจ่าย ยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษว่าด้วยการก าหนด แบบการจัดท าบัญชีรับจ่ายและรายงานเกี่ยวกับการผลิต การน าเข้า การส่งออก การจ าหน่าย และการมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชาและกัญชง ประกาศ ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕64 ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสนับสนุนงานบริการสุขภาพ ประธานกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ธันวาคม ๒๕๖๔" 101.pdf,"หน้า ๗๗ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๑๐๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ประกาศคณะกรรมการป ้องกันและปราบปรามการท ุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา ๑๐๒ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เป็นการสมควรแก ้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการป ้องกันและปราบปรามการท ุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา ๑๐๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ เพื่อให้การประกาศกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าวสอดคล้องกับการบริหารงานภายในหน ่วยงานของรัฐบางแห่ง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ มาตรา 28 (3) ประกอบมาตรา ๑๐๒ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการท ุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการป ้องกัน และปราบปรามการท ุจริตแห่งชาติจึงออกประกาศไว ้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการป ้องกันและปราบปรามการท ุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา ๑๐๒ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชก ิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ แห่งประกาศคณะกรรมการป ้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา ๑๐๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เว้นแต่ผู้ดํารงตําแหน่ง ดังต่อไปนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เป็นต้นไป (๑) กรรมการของหน ่วยงานอื่นของรัฐ ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๘ ดังต่อไปนี้ ๑.1 ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ ในกองทุน ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๘.๑ 1.๒ ประธานกรรมการและกรรมการสถาบ ันคุ้มครองเงินฝาก ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๘.๕.๑ 1.3 ประธานสภาสถาบ ัน รองประธานสภาสถาบ ัน และกรรมการสภาสถาบ ันพระปกเกล้า ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๘.๖.๑ 1.4 นายกสภาและกรรมการสภามหาว ิทยาลัย ราชวิทยาลัย และสถาบัน ในสถาบันอุดมศึกษา ในกํากับของรัฐ ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๘.๗ 1.5 ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ ในองค์การมหาชน ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๘.๘ (๒) ผู้ซึ่งดํารงตําแหน่งเทียบเท่าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๑๐ ดังต่อไปนี้ หน้า ๗๘ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๑๐๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ 2.1 นายกสภาและกรรมการสภาในสถาบ ันอุดมศึกษาในสังกัดของรัฐ ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๑๐.๖ 2.2 ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการกองท ุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๑๐.๗ 2.3 ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการนโยบายว ิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๑๐.๘ 2.4 ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการส ุขภาพแห่งชาติ ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๑๐.๙ 2.5 ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการส ่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๑๐.๑๐ 2.6 ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการด ิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ตามข้อ ๔ (๗) ๗.๑๐.๑๑ (๓) กรรมการและผ ู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานอื่นของรัฐ ตามข้อ ๕” ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ พลตํารวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป ้องกันและปราบปรามการท ุจริตแห่งชาติ " 1011.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดความหยาบผิว ระดับ 2 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่า งอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดความหยาบผิว ระดับ 2 ไว้ ดังนี้ ข้อ 1 วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุม เครื่องมือวัดความหยาบผิว ระดับ 2 ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (1) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ที่จ าเป็นจะต้องน ามาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จ านวน 50 ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ 1 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 30 คะแนน คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบห้าของคะแนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ (2) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิดความช านาญเพียงพอ ที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่ก าหนด ลักษณะ แบบทดสอบเป็นการทดสอบปฏิบัติงานโดยการวัดชิ้นงานและบันทึกผลการวัดชิ้นงานตามที่ก าหนด ใช้เวลาในการทดสอบ 1 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 70 คะแนน คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ 2 การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดความหยาบผิว ระดับ 2 จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ และต้องทดสอบได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดความหยาบผิว ระดับ 2 ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๐๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ข้อ 3 ให้หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดความหยาบผิว ระดับ 2 มีอายุห้าปีนับตั้งแต่วันที่ออก หนังสือรับรอง ประกาศ ณ วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕64 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๐๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1012.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัด CNC - CMM อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน แห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัด CNC - CMM ไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัด CNC - CMM ระดับ ๑ ต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัคร เข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) มีประสบการณ์การท างานเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องมือวัด CNC - CMM ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๑๘ ชั่วโมง (2) จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์ ในการท างานที่เกี่ยวกับสาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัด CNC - CMM ไม่น้อยกว่า ๑ ปี ข้อ ๒ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัด CNC - CMM ระดับ ๒ ต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัคร เข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) มีประสบการณ์การท า งานเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องมือวัด CNC - CMM ไม่น้อยกว่า 1 ปี และผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๑๘ ชั่วโมง นับตั้งแต่ได้รับหนังสือรับรองว่า เป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุม เครื่องมือวัด CNC - CMM ระดับ ๑ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัด CNC - CMM ระดับ ๑ ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ ประกาศ ณ วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕64 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๐๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1015.pdf,"ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการศึกษาอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจ ารถ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 256๔ ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการศึกษาอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาต ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจ ารถ พ.ศ. 25๔๗ ลงวันที่ 1๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ไว้แล้ว นั้น โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อยู่ในระดับ ค่อนข้างทรงตัวและมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้พิจารณาปรับปรุงบังคับใช้มาตรการ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยยังคงมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน การลด และจ ากัดการเคลื่อนย้ายการเดินทาง และก าหนดให้ส่วนราชการที่ตั้งอยู่ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งขั้นสูงสุดเต็มจ านวน มุ่งเน้นการปฏิบัติงานโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด ส่งผลท าให้การด าเนินการด้านใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามระเบียบที่ก าหนดไว้ในปัจจุบันเกิดความไม่สะดวก กับประชาชนและไม่สอดคล้องกับมาตร การของรัฐบาล ฉะนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการศึกษาอบรมและทดสอบ ผู้ขอรับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจ ารถ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 256๔” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. 256๔ เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้เพิ่มบทเฉพาะกาลข้อ ๓๔ ของระเบียบกรมการขนส่งทา งบกว่าด้วยการศึกษาอบรม และทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจ ารถ พ.ศ. 25๔๗ “บทเฉพาะกาล “ข้อ ๓๔ การทดสอบสมรรถภาพของร่างกายส าหรับผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถใหม่ และผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถทุกประเภทและทุกชนิด ที่มาด าเนินการตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 ให้ท าการทดสอบความสามารถในการใช้เบรกเท้า และทดสอบสายตาบอดสี ” ประกาศ ณ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕64 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๐๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1018.pdf,"ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ ์โควิด - 19 ขอแก้ไขข้อความคลาดเคล ื่อน คําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ ์การแพร่ระบาดของโรคต ิดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 24/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนด การบริหารราชการในสถานการณ ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 19) ซึ่งประกาศในราชก ิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานท ั่วไป เล่ม ๑๓8 ตอนพิเศษ 307 ง วันที่ ๑๕ ธันวาคม 2564 เอกสารแนบท้าย หน้า ๕ ความในตาราง ข้อ ๒.๔) จาก “๒.๔) หลักฐานการชําระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการ กําหนดเมื่อผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจ ักร อย่างน้อย ๑ วัน และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR รวมถึงค่าชุดตรวจและน้ํายา ที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS - CoV - 2 ( เชื้อก่อโรค COVID - 19) แบบตรวจหาแอนต ิเจนด้วยตนเอง (Antigen Self - test Kit หรือ ATK) ทั้งนี้ ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พัก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท ่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก ําหนด หรือสถานที่ซึ่ง ผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกําหนด ได้แก่ สถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อ กระทรวงสาธารณส ุข หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกัน ตามที่คณะกรรมการโรคต ิดต่อกรุงเทพมหานครหร ือคณะกรรมการ โรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี อนุมัติและตรวจสอบ ” ให้แก้เป็น “๒.๔) หลักฐานการชําระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการ กําหนดเมื่อผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจ ักร อย่างน้อย ๗ วัน และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR รวมถึงค่าชุดตรวจและน้ํายา ที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS - CoV - 2 ( เชื้อก่อโรค COVID - 19) แบบตรวจหาแอนต ิเจนด้วยตนเอง (Antigen Self - test Kit หรือ ATK) ทั้งนี้ ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พัก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท ่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก ําหนด หรือสถานที่ซึ่ง ผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกําหนด ได้แก่ สถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อ ้หนา ๓๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๔ กระทรวงสาธารณส ุข หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกัน ตามที่คณะกรรมการโรคต ิดต่อกรุงเทพมหานครหร ือคณะกรรมการ โรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี อนุมัติและตรวจสอบ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีผู้เดินทางซึ่งมีสถานที่พํานักอยู่ในพื้นที่นําร่อง ด้านการท่องเที่ยวและประสงค์เข้าที่พักในสถานที่พํานักของตนเอง ให้มีหลักฐานการชําระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการ กําหนดเมื่อผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจ ักร อย่างน้อย ๑ วัน พร้อมหลักฐานแสดงสถานท ี่พํานักที่ชัดเจนของผู้เดินทาง และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR รวมถึงค่าชุดตรวจและ น้ํายาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS - CoV - 2 ( เชื้อก่อโรค COVID - 19) แบบตรวจหาแอนต ิเจนด้วยตนเอง (Antigen Self - test Kit หรือ ATK)” ้หนา ๓๙ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1019.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ และอัตราส าหรับค่าบริการทางการแพทย์โดยการฟอกเลือด ด้วยเครื่องไตเทียมแก่ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการการแพทย์ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (ค) ของ (๑) ข้อ ๖ ของหลักเกณฑ์ และอัตราการบริการ ทางการแพทย์โดยการบ าบัดทดแทนไต ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย อันมิใช่เนื่องจากการท างาน ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ คณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทน ในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน ลงวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ “(ค) กรณีผู้ประกันตนที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ยื่นขอใช้สิทธิ การบ าบัดทดแทนไต ส านักงานประกันสังคมจะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์กรณีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ให้แก่สถานพยาบาลที่ส านักงานประกันสังคมก าหนดในอัตราเท่า ที่จ่ายจริงไม่เกิน ๔,๐๐๐ บาทต่อครั้ง และไม่เกิน ๑๒,๐๐๐ บาทต่อสัปดาห์ ส าหรับค่าบริการทางการแพทย์ส่วนเกินอยู่ในความรับผิดชอบ ของผู้ประกันตน ” ประกาศ ณ วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕64 ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณเหลือพร ปุณณกันต์ ประธานกรรมการการแพทย์ ้หนา ๗๕ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๐๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1026.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นขอความเห็นชอบสถานที่ที่ใช้เก็บส้ารองน้้ามันเชื้อเพลิง และเงื่อนไขที่ผู้ได้รับความเห็นชอบต้องปฏิบัติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ อนุสนธิประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นขอ ความเห็นชอบสถานที่ที่ใช้เก็บส้ารองน้้ามันเชื้อเพลิงและเงื่อนไขที่ผู้ได้รับความเห็นชอบต้องปฏิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้การก้าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นขอความเห็นชอบสถานที่ ที่ใช้เก็บส้ารองน้้ามันเชื้อเพลิง และเงื่อนไขที่ผู้ได้รับความเห็นชอบต้องปฏิบัติ สอดคล้องกับสถานการณ์ ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๒๐ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้้ามันเ ชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ สถานที่ที่ใช้เก็บส้ารองน้้ามันเชื้อเพลิง ต้องเป็นสถานที่ที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงานว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นขอความเห็นชอบ สถานที่ที่ใช้เก็บส้ารองน้้ามันเชื้อเพลิง และเงื่อนไขที่ผู้ได้รับความเห็นชอบต้องปฏิบัติที่ใช้บังคับ อยู่ในขณะนั้น และให้รวมถึงเรือบรรทุกก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่อยู่ระหว่างเดินทางในน่านน้้าไทย เพื่อล้าเลียงก๊าซปิโตรเลียมเหลวไปเก็บในคลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยต้องระบุท่าเรือที่จะท้าการ สูบถ่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวด้วย ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ ประกาศ ณ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ้หนา ๙๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1028.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๒๓/๒๕๖๔ เรื่อง การปรับปรุงมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการปรับปรุงกระบวนการผลิตหรือให้บริการเพื่อลดปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ วรรคสอง มาตรา ๑๘ มาตรา ๒๘ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๒.๕.๔ ของข้อ ๒.๕ ของประกาศคณะกรรมการส่ งเสริมการลงทุน ที่ ๑/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๔ เรื่อง มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ “๒.๕.๔ ต้องมีการลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามสัดส่วนที่ก าหนด โดยจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนแ ละ รับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1030.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการน าเข้าเพื่อขายอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อประโยชน์แก่การควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ที่น าเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ถูกสุขลักษณะ และปราศจากอันตรายแก่สัตว์หรือมนุษย์ผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพ อาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยค าแนะน าของคณะกรรมการ ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการน าเข้าเพื่อขายอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “อาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ” หมายความว่า อาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ ควบคุมเฉพาะซึ่งรัฐมนตรีประกาศก าหนดโดยอาศัยอ านา จตามมาตรา ๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๔ ผู้ประสงค์จะน าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะเข้ามาในราชอาณาจักร ให้แจ้งการน าเข้าโดยยื่นค าขอพร้อมเอกสารหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบค าขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง ที่จะน าเข้า การยื่นค าขอตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่น ณ กรมปศุสัตว์ หรือหน่วยงานที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ ประกาศก าหนด ข้อ ๕ การยื่นค าขอตามข้อ ๔ อาจยื่นค าขอผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมปศุสัตว์ หรือวิธีการอื่นใดตามอธิบดีกรมปศุสัตว์ประกาศก าหนด โดยค านึงถึงการอ านวยค วามสะดวกและการลดภาระ แก่ประชาชน ข้อ ๖ เมื่อได้รับค าขอพร้อมเอกสารหลักฐานตามข้อ ๔ หรือข้อ ๕ แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบค าขอและเอกสารหลักฐาน หากถูกต้องครบถ้วน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งอธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบหมาย พิจารณาออกเอกสารรับแจ้งการน าเข้าอ าหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ หากพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าเอกสารหรือหลักฐานไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ แจ้งผู้ยื่นค าขอทราบพร้อมด้วยเหตุผล เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องและครบถ้วน ภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หากผู้ยื่นค าขอไม่แก้ไขเพิ่มเติมค าขอหรือไม่จัดส่งเอกสาร้หนา ๗ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔หรือหลักฐานให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ก าหนดดังกล่าว ให้ถือว่าผู้ยื่นค าขอไม่ประสงค์ จะด าเนินการต่อไป และให้พนักงานเจ้าหน้าที่จ าหน่ายเรื่องออกจากสารบ บ ในกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งอธิบดีกรมปศุสัตว์มอบหมายไม่ออกเอกสารรับแจ้งการน าเข้าอาหารสัตว์ ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ให้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ยื่นค าขอทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พิจารณา ไม่ออกเอกสารรับแจ้งการน าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเ ฉพาะ ทั้งนี้ หนังสือแจ้งต้องระบุเหตุผล และสิทธิอุทธรณ์ด้วย ข้อ ๗ เมื่อผู้น าเข้าได้รับเอกสารรับแจ้งการน าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ให้น าเอกสารรับแจ้งดังกล่าวพร้อมด้วยอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะไปยังด่านตรวจสอบ อาหารสัตว์ที่น าเข้ านั้น เพื่อด าเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศก าหนด ตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสอบอาหารสัตว์ ตรวจสอบและได้ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้ผู้น าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะด าเนินการตามพิธีการ ทางศุลกากรต่อไป หากพนักงานเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสอบอาหารสัตว์ ตรวจสอบพบว่าอาหารสัตว์ ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะไม่ตรงตามเอกสารรับแจ้งการน าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ หรือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศก าหนดตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสอบอาหารสัตว์ แจ้งผู้ออกเอกสารรับแจ้งการน าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะทราบ เพื่อเสนออธิบดีกรมปศุสัตว์ พิจารณาระงับการน าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร และด าเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ต่อไป ข้อ ๘ ค าขอแจ้งการน าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะและเอกสารรับแจ้ ง การน าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ประกาศก าหนด ข้อ ๙ เพื่อเป็นการป้องกันการน าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะที่อาจเป็นอันตราย ต่อสัตว์หรือส่งผลต่อผู้บริโภค การน าเข้าอาหารสัตว์ดังกล่าวต้องปฏิบัติ ตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ ประกาศก าหนด ข้อ ๑๐ เอกสารรับแจ้งการน าเข้าอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะที่ออกให้ก่อนวันที่ ประกาศนี้ใช้บังคับให้ยังใช้ต่อไปได้ ประกาศ ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕64 ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1033.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการติดตั้งเครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว ส าหรับสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทสถานที่ใช้ ลักษณะที่สาม พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๒๗ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลว ประเภทสถานที่ใช้ พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมน้ ามันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๒ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ สถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทสถานที่ใช้ ลักษณะที่สาม ที่มีการติดตั้ง เครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่วจะต้องมีลักษณะและวิธีการติดตั้ง ดังต่อไปนี้ (๑) เครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซรั่วต้องเป็นชนิดที่ใช้ในบริเวณอันตรายที่ใช้กับก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยเฉพาะ ตามกฎกระทรวงว่าด้วยระบบไฟฟ้าและระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าของสถานที่ประกอบกิจการ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (๒) การติดตั้งต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่ง ประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่าด้วยการติดตั้งทางไฟฟ้าส าหรับประเทศไทยและต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมธุรกิจพลังงาน อุปกรณ์วัดปริมาณก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว ของเครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว จะต้องติดตั้งสูงจากระดับพื้นไม่เกิน ๓๐ เซนติเมตร (๓) การติดตั้งเครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว จะต้องสามารถแสดงผลแจ้งเตือน ให้รับรู้ได้เมื่อมีก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว ข้อ ๓ การติดตั้งอุปกรณ์วัดปริมาณก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่วของเครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซ ปิโตรเลียมเหลวรั่ว ตามข้อ ๒ (๒) ให้ติดตั้งในบริเวณ ดังต่อไปนี้ (๑) บริเวณกลุ่มถังเก็บและจ่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว ต้องติดตั้งให้ใกล้กับศูนย์กลางของกลุ่มถังเก็บ และจ่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวและให้ครอบคลุมถึงหัวท่อรับก๊าซจากถังขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (๒) บริเวณกลุ่มถังก๊าซปิโตรเลียมเหลวหุงต้มต้องติดตั้งให้ใกล้กับศูนย์กลางของกลุ่มถังก๊าซ ปิโตรเลียมเหลวหุงต้ม ประกาศ ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕64 นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๓๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔" 1034.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 430) พ.ศ. 2564 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2564 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง ก าหนดอาหารที่ห้ามผลิต น าเข้า หรือจ าหน่าย โดยที่ได้มีการยกเลิกการก าหนดให้พืชกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ ๕ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (8) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในล าดับที่ ๕๒ ของบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2564 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง ก าหนดอาหาร ที่ห้ามผลิต น าเข้า หรือจ าหน่าย ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ และใช้ความต่อไปนี้แทน ล ำดับ ชื่อพืช สัตว์ หรือส่วนของพืชหรือสัตว์ ส่วนของพืชหรือสัตว์ ชื่อวิทยำศำสตร์ ชื่อสำมัญ 52. Mitragyna speciosa (Korth.) Havil. กระท่อม ทั้งต้น (Whole plant) และสารสกัด (Extracts) ยกเว้น ได้ผ่านการประเมิน ความปลอดภัยของอาหาร และส่งมอบ ฉลากให้ส านักงานคณะกรรมการ อาหารและยาตรวจอนุมัติก่อน น าไปใช้ ตามเงื่อนไขของประกาศ กระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย อาหารใหม่ ( Novel food) หรือที่ผลิต เพื่อการส่งออกเท่านั้น ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ มกราคม ๒๕๖๕" 1035.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการท างาน โดยที่เป็นการสมควรอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการท างานตามโครงการ Flexible Plus Program เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ประกาศกระทรวงมหาดไทย ” หมายความว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวบางจ าพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ “คนต่างด้าว” หมายความว่า คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษตามประกาศ กระทรวงมหาดไทย “บัตรสมาชิกพิเศษ ” หมายความว่า บัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย “ผู้ติดตาม” หมายความว่า ผู้ติดตามของคนต่างด้าวซึ่งเป็นคู่สมรสหรือบุตรที่ชอบ ด้วยกฎหมาย ซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบปี “โครงการ” หมายความว่า โครงการ Flexible Plus Program “พนักงานเจ้าหน้าที่ ” หมายความว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ข้อ ๒ นอกจากที่ก าหนดไว้ในประกาศนี้ การด าเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ข้อ ๓ คนต่างด้าวซึ่งมีคุณสมบัติตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประกาศก าหนด และประสงค์จะท างาน ให้ยื่นค าขอรับรองคุณสมบัติต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก าหนด ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๕ข้อ ๔ เมื่อได้รับการรับรองคุณสมบัติตามข้อ ๓ แล้ว ให้คนต่างด้าวขอเปลี่ยนประเภท การตรวจลงตราเป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษเพื่อการท างาน (Non-Immigrant Visa) ที่ส านักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจอนุญาตให้ใช้ได้คราวละไม่เกินห้าปี เมื่อคนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราแล้วให้ผู้ติดตาม ขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราเป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ( Non-Immigrant Visa ) ได้ โดยให้ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้เป็นเวลาเท่ากับคนต่างด้าว ให้คนต่างด้าวและผู้ติดตามเสียค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราในอัตราปีละห้าพันบาท เศษของปีให้คิดเป็นหนึ่งปี ข้อ ๕ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประทับตราอนุญาตให้คนต่างด้าวและผู้ติดตามอยู่ใน ราชอาณาจักรได้เป็นเวลาหนึ่งปีทุกครั้งที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่จ ากัดจ านว นครั้ง แต่ต้องไม่เกินระยะเวลาตามสิทธิของบัตรสมาชิกพิเศษตามโครงการ ข้อ ๖ เมื่อคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและได้เปลี่ยนประเภทการตรวจ ลงตราแล้ว ให้ขอรับใบอนุญาตท างานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว ข้อ ๗ ในกรณีที่คนต่างด้ าวและผู้ติดตามประสงค์จะขออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ต่อไปภายหลังจากที่ครบก าหนดเวลาอนุญาตตามข้อ ๕ แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจอนุญาต ให้อยู่ต่อไปได้ครั้งละหนึ่งปี แต่ต้องไม่เกินระยะเวลาตามสิทธิของบัตรสมาชิกพิเศษภายใต้โครงการ โดยให้คนต่างด้า วยื่นค าขอตามแบบและเสียค่าธรรมเนียมตามที่ก าหนดในกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๘ ให้คนต่างด้าวและผู้ติดตามแจ้งที่พักอาศัยตามมาตรา ๓๗ (๕) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อพ านักในราชอาณาจักรครบทุกหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับอนุญาต ข้อ ๙ การอนุญาตให้คนต่างด้าวและผู้ ติดตามอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามประกาศนี้ สิ้นสุดลงเมื่อมีกรณีอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) ขาดคุณสมบัติหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกาศก าหนดตามข้อ ๓ หรือการอนุญาตให้ท างานสิ้นสุดลงตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว (๒) มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมหรือถูกรัฐบาลต่างประเทศ ออกหมายจับ หรือถูกรัฐบาลไทยหรือรัฐบาลต่างประเทศเนรเทศ หรือเพิกถอนสิทธิการอยู่ในราชอาณาจั กร ในกรณีที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงตาม (๑) และระยะเวลาตามสิทธิของบัตรสมาชิกพิเศษภายใต้โครงการยังเหลืออยู่ ให้คนต่างด้าวยื่นค าขอรับรอง การพ้นคุณสมบัติต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ ชั่วคราว้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๕เป็นพิเศษ (Privilege Entry Visa) ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย จากสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ของประเทศไทย หรือส านักงานตรวจคนเข้าเมือง แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๐ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๕" 1037.pdf,"ประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง ก าหนดสถานที่ในการยื่นค าขอและแจ้งเกี่ยวกับการท างานของคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ซึ่งถือเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๓ (๓) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตท างาน การออก ใบอนุญาตท างาน และการแจ้งการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๔ (๓) ของประกาศ กระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับ คนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๗ (๓) ของประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และข้อ ๔ (๓) ของระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยการแจ้งและการรับแจ้งการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมการจัดหางาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง ก าหนดสถานที่ในการยื่นค าขอและ แจ้งเกี่ยวกับการท างานของคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาซึ่งถือหนังสือรับรองสถานะบุคคล (Certificate of Identity : CI) ลงวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ ข้อ ๓ ก าหนดให้สถานที่ดังต่อไปนี้ เป็นสถานที่ในการยื่นค าขอและแจ้งเกี่ยวกับการท างาน ของคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาซึ่งถือเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) ที่ได้ด าเนินการออกหรือต่ออายุหนังสือรับรองดังกล่าว ณ ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจั กร อนุญาตให้ท างาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) (๑) ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ท างาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) จังหวัดชลบุรี (๒) ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ท างาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) จังหวัดเชียงใหม่ (๓) ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ท างาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) จังหวัดระนอง (๔) ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ท างาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) จังหวัดสมุทรปราการ ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๕(๕) ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ท างาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) จังหวัดสมุทรสาคร ประกาศ ณ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๕" 1038.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดให้ผู้น ำของเข้ำเพื่อกำรผ่ำนแดนหรือกำรถ่ำยล ำได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติ ตำมกฎหมำยว่ำด้วยศุลกำกรทั้งหมดหรือแต่บำงส่วน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. ๒๕๖๔ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติศุลกำกร พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กรณีที่มีพฤติกำรณ์พิเศษอันเนื่องมำจำกกำรระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ จนเป็นเหตุให้ผู้น ำของเข้ำเพื่อกำรผ่ำนแดนหรือกำรถ่ำยล ำไม่สำมำรถ ส่งของที่น ำเข้ำมำเพื่อกำรผ่ำนแดน หรือกำรถ่ำยล ำออกไปนอกรำชอำณำจักรได้ภำยในระยะเวลำที่กฎหมำยก ำหนด ให้ผู้น ำของเข้ำ เพื่อกำรผ่ำนแดนหรือกำรถ่ำยล ำ ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตำมมำตรำ ๑๐๒ วรรคสอง และมำตรำ ๑๐๓ ทั้งนี้ ส ำหรับของที่น ำเข้ำมำเพื่อกำรผ่ำนแดนหรื อกำรถ่ำยล ำหรือของที่ตกเป็นของแผ่นดินตำมมำตรำ ๑๐๓ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกรำคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๒ ให้ผู้น ำของเข้ำเพื่อกำรผ่ำนแดนหรือกำรถ่ำยล ำแสดงหลักฐำนและเอกสำร ที่เกี่ยวข้องที่เป็นเหตุให้ไม่อำจปฏิบัติตำมระยะเวลำที่ก ำหนดไ ว้ในมำตรำ ๑๐๒ วรรคสอง และ มำตรำ ๑๐๓ ต่ออธิบดี เพื่อพิจำรณำขยำยระยะเวลำกำรด ำเนินกำรดังกล่ำวได้ตำมควำมจ ำเป็นแก่กรณี ให้ไว้ ณ วันที่ 31 ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖4 อำคม เติมพิทยำไพสิฐ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๕หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ ยังคงระบำดอย่ำงกว้ำงขวำง ซึ่งเป็น พฤติกำรณ์พิเศษ ท ำให้ผู้น ำของเข้ำไม่อำจด ำเนินกำรน ำของ ออกนอกรำชอำณำจักรตำมหลักเกณฑ์ที่กฎหมำยว่ำด้วยศุลกำกรก ำหนด สมควรก ำหนดให้ผู้น ำของเข้ำ เพื่อกำรผ่ำนแดนหรือกำรถ่ำยล ำซึ่งได้รับผลกระทบอันเนื่องมำจำกกำรระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตำมกฎหมำยว่ำด้วยศุลกำกรในบำงกรณีต่อไปอีกช่วงระ ยะเวลำหนึ่ง จึงจ ำเป็น ต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๕" 1045.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๒๕/๒๕๖๔ เรื่อง มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่ด าเนินการอยู่เดิมปรับปรุงประสิทธิภาพโดยการยกระดับ ไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศมาตรการปรับปรุง ประสิทธิภาพด้านการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรการนี้บังคับใช้กับกิจการที่ด าเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะได้รับการส่งเสริมหรือไม่ก็ตาม โดยต้องเป็นประเภทกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการล งทุนประกาศให้การส่งเสริมการลงทุน อยู่ในขณะที่ยื่นขอรับการส่งเสริมตามมาตรการนี้ ยกเว้นประเภทกิจการที่มีนโยบายเฉพาะที่จะไม่ให้สิทธิ และประโยชน์ตามที่ส านักงานก าหนด ข้อ ๒ โครงการที่ได้รับการส่งเสริมอยู่เดิมสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมภายใต้มาตรการนี้ได้ เมื่อสิทธิและประโยชน์การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลงแล้ว หรือเป็นโครงการ ที่ไม่ได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ข้อ ๓ ต้องมีขนาดการลงทุนไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยไม่รวมค่าที่ดินและ ทุนหมุนเวียน ยกเว้นโครงการลงทุนของ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ต้องมีขนาดการลงทุนไม่น้อยกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ข้อ ๔ ผู้ประกอบการที่จะเข้าข่ายเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( SMEs) ตามข้อ ๓ ต้องมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๔.๑ เมื่อรวมกิจการทั้งหมดทั้งที่ได้รับการส่งเสริมและไม่ได้รับการส่งเสริมแล้ว ผู้ขอรับการส่งเสริมต้องมีรายได้ของกิจการรวมกันแล้วไม่เกิน ๕๐๐ ล้านบาทต่อปี ในช่วง ๓ ปีแรก นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริม ๔.๒ ต้องมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๑ ของทุน จดทะเบียน ข้อ ๕ ต้องเสนอแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ ที่ได้รับ ความเห็นชอบจากส านักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และต้องด าเนินการตามแผน ที่ได้รับอนุมัติ ข้อ ๖ ต้องมีการลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ ตามเกณฑ์ที่ก าหนดในด้านต่าง ๆ เช่น ระบบอัตโนมัติและการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ (Automation and Network Technology ) การวิเคราะห์ข้อมูลและการปฏิบัติการที่ชาญฉลาด ( Smart Operation) ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มกราคม ๒๕๖๕หรือการน าเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้บริหารจัดการในกระบวนการผลิตและการบริหารองค์กร (Digital Technology in Production and Enterprise Processes ) เป็นต้น ในสายการผลิตหรือการให้บริการ ที่มีอยู่เดิมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ข้อ ๗ ให้นับมูลค่าเงินลง ทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ เฉพาะมูลค่าเงินลงทุนเครื่องจักรอุปกรณ์และเทคโนโลยีดิจิทัลในด้านระบบอัตโนมัติและการเชื่อมต่อ ระหว่างอุปกรณ์ ( Automation and Network Technology ) ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและการปฏิบัติการ ที่ชาญฉลาด ( Smart Operation ) และด้านการน าเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้บริหารจัดการในกระบวนการผลิต และการบริหารองค์กร ( Digital Technology in Production and Enterprise Processes ) เท่านั้น ๗.๑ ให้นับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายส าหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์เต็มจ านวน ๗.๒ ให้นับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายส าหรับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบสารสนเทศ และการเช่า/ใช้บริการ Cloud หรือ Data Center ดังต่อไปนี้ ๗.๒.๑ ให้นับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายเต็มจ านวนส าหรับรายการ ดังนี้ (๑) เงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบ สารสนเทศ ที่ต้องท างานร่วมกับเครื่องจักรหรือ อุปกรณ์ เพื่อการสั่งงานและควบคุมการท างาน ตลอดจนการสนับสนุนระบบการผลิต (๒) เงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) Machine Learning การน า Big Data มาใช้หรือการวิเคราะห์ ข้อมูล (Data Analytics) (๓) เงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบ สารสนเทศ ในการบริหารจัดการองค์กร เฉพาะส่วนที่พัฒนาหรือปรับปรุง โดยผู้ประกอบการ ในประเทศไทยซึ่งได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๔) ค่าใช้จ่ายในการเช่า/ใช้บริการ Cloud หรือ Data Center ในประเทศไทย ๗.๒.๒ ให้นับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายกึ่งหนึ่งส าหรับรายการ ดังนี้ (๑) เงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบ สารสนเทศ ในการบริหารจัดการองค์กร เฉพาะส่วนที่พัฒนาหรือปรับปรุงโดยผู้ประกอบการ ในประเทศไทยที่ไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือโดยผู้ประกอบการในต่างประเทศ (๒) ค่าใช้จ่ายในการเช่า/ใช้บริการ Cloud หรือ Data Center ในต่างประเทศ ข้อ ๘ สิทธิและประโยชน์ ๘.๑ ให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มกราคม ๒๕๖๕ ๘.๒ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา ๓ ปี เป็นสัดส่วนร้อยละ ๑๐๐ ของเงินลงทุน โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการปรับปรุง ส าหรับรายได้จากกิจการ ที่ด าเนินการอยู่เดิม ๘.๓ ระยะเวลาการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้นับจากวันที่มีรายได้ภายหลัง ได้รับบัตรส่งเสริม ข้อ ๙ ต้องยื่นค าขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายในวันท าการสุดท้ายของปี ๒๕๖๕ และต้องด าเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓ ปี นับจากวันที่ออกบัตรส่ งเสริม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มกราคม ๒๕๖๕" 1048.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 242) เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจ าหน่ายหนี้สูญ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการค านวณส่วนของหนี้สูญ เพื่อน ามาหักออกจากภาษีขายตามมาตรา 82/11 แห่งประมวลรัษฎากร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 82/11 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 อธิบดีกรมสรรพาก ร ก าหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งขายสินค้าหรือให้บริการ และได้น าภาษีขายไปรวมค านวณ เพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ต่อมาหากมีหนี้สูญเกิดขึ้นจาก การขายสินค้าหรือการให้บริการ และการจ าหน่ายหนี้สูญดังกล่าวได้เป็นไปตามจ านวน หลั กเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีก าหนด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนน าภาษีขายที่ค านวณจากส่วนของ หนี้สูญดังกล่าว มาหักออกจากภาษีขายของตนในเดือนภาษีที่ได้มีการจ าหน่ายหนี้สูญได้ การจ าหน่าย หนี้สูญและการค านวณส่วนของหนี้สูญเพื่อน ามาหักออกจากภาษีขายให้เป็นไปตา มหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 85) เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจ าหน่ายหนี้สูญ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการค านวณส่วนของหนี้สูญ เพื่อน ามาหักออกจากภาษีขาย ตามมาตรา 82/11 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “ข้อ 3 ในกรณีหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายมีจ านวนเกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท หนี้สูญที่จะ จ าหน่ายนอกจากต้องมีลักษณะตามข้อ 2 แล้ว ต้องมีการด าเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ด้วย (๑) ได้ติดตามทวงถามให้ ช าระหนี้ตามสมควรแก่กรณี โดยมีหลักฐานการติดตามทวงถาม อย่างชัดแจ้ง แต่ไม่ได้รับ ช าระหนี้ โดยปรากฏว่า (ก) ลูกหนี้ถึงแก่ความตาย เป็นคนสาบสูญ หรือมีหลักฐานว่าหายสาบสูญไป และไม่มี ทรัพย์สินใด ๆ จะ ช าระหนี้ได้ หรือ (ข) ลูกหนี้เลิกกิจการ และมีหนี้ของเจ้าหนี้รายอื่นมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินทั้งหมด ของลูกหนี้อยู่ในล าดับก่อนเป็นจ านวนมากกว่าทรัพย์สินของลูกหนี้ (๒) ได้ด าเนินการฟ้องลูกห นี้ในคดีแพ่งหรือได้ยื่น ค าขอเฉลี่ยหนี้ในคดีที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่น ฟ้องในคดีแพ่ง โดยได้มีหมายบังคับคดีของศาลแล้วและมีรายงานการบังคับคดีครั้งแรกของเจ้าพนักงาน บังคับคดีอันสามารถแสดงได้ว่าได้มีการด าเนินการบังคับคดีแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใดจะ ช าระหนี้ได้ ้หนา ๗๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มกราคม ๒๕๖๕(๓) ได้ด าเนินการฟ้องลูกหนี้ในคดีล้มละลายหรือได้ยื่น ค าขอรับช าระหนี้ในคดีที่ลูกหนี้ ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องในคดีล้มละลาย หรือในคดีที่ผู้ ช าระบัญชีร้องขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคล ล้มละลาย โดยได้มีการประนอมหนี้กับลูกหนี้โดยศาลมีค าสั่งเห็นชอบด้วยกับก ารประนอมหนี้นั้น หรือ ลูกหนี้ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายและได้มีการแบ่งทรัพย์สินของลูกหนี้ครั้งแรกหรือ ศาลได้มีค าสั่งปิดคดีแล้ว การด าเนินการตาม (๒) หรือ (๓) ที่ได้กระท าในต่างประเทศหรือการด าเนินการอื่น ในลักษณะท านองเดียวกันที่ได้กระท าในต่างประเทศ ต้องมีเอกสารหลักฐานแห่งการด าเนินการ ที่ผู้มีอ านาจตามกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ออกให้ และหลักฐานดังกล่าวต้องได้รับการรับรอง ค าแปล จากภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการรับรองเอกสาร ข้อ 4 ในกรณีหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายมีจ านวนไม่ เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท หนี้สูญที่จะ จ าหน่ายนอกจากต้องมีลักษณะตามข้อ 2 แล้ว ต้องมีการด าเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ด้วย (๑) ได้ด าเนินการตามข้อ 3 ( ๑) แล้ว (๒) ได้ด าเนินการฟ้องลูกหนี้ในคดีแพ่งและศาลได้มีค าสั่งรับ ค าฟ้องนั้นแล้ว หรือได้ยื่น ค าขอ เฉลี่ยหนี้ในคดีที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องในคดีแพ่งและศาลได้มีค าสั่งรับ ค าขอนั้นแล้ว (๓) ได้ด าเนินการฟ้องลูกหนี้ในคดีล้มละลายและศาลได้มีค าสั่งรับ ค าฟ้องนั้นแล้ว หรือในคดี ที่ผู้ช าระบัญชีร้องขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายและศาลได้มีค าสั่งรับ ค าฟ้องนั้นแล้ว หรือได้ยื่นค าขอรับช าระหนี้ในคดีที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องในคดีล้มละลาย และเจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์หรือศาล แล้วแต่กรณี ได้มีค าสั่งรับ ค าขอรับช าระหนี้นั้นแล้ว ในกรณีตาม (๒) หรือ (๓) กรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลผู้เป็นเจ้าหนี้ ต้องมีค าสั่งอนุมัติให้ จ าหน่ายหนี้นั้นเป็นหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ ภายในสามสิบวัน นับแต่วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ให้น าความในข้อ 3 วรรคสอง มาใช้บังคับแก่การด าเนินการตาม (๒) หรือ (๓) หรือ การด าเนินการอื่นในลักษณะ ท านองเดียวกันที่ได้กระท าในต่างประเทศ ด้วยโดยอนุโลม ข้อ 5 ในกรณีหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายมีจ านวนไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท และมีลักษณะ ตามข้อ 2 การ จ าหน่ายหนี้สูญให้กระท าได้โดยไม่ต้องด าเนินการตามหลักเกณฑ์ในข้อ 3 หรือข้อ 4 ถ้าปรากฏว่าได้มีหลักฐานการติดตามทวงถามให้ ช าระหนี้ตามสมควรแก่กรณีแล้ว แต่ไม่ได้รับ ช าระหนี้ และหากจะฟ้องลูกหนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่คุ้มกับหนี้ที่จะได้รับ ช าระ” ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ 7 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 85) เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจ าหน่ายหนี้สูญ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการค านวณส่วนของหนี้สูญ เพื่อน ามาหักออกจากภาษีขาย ตามมาตรา 82/11 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 และให้ใช้ควา ม ต่อไปนี้แทน ้หนา ๗๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มกราคม ๒๕๖๕“ข้อ 7 เมื่อด าเนินการครบถ้วนตามข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 หรือข้อ 6 แล้วในเดือนภาษีใด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร น าภาษีขาย ที่ค านวณจากส่วนของหนี้สูญดังกล่าวมาหักออกจากภาษีขายของตนในเดือนภ าษีที่ได้มีการจ าหน่ายหนี้สูญ เว้นแต่กรณีตามข้อ 4 (2) (3) และข้อ 6 วรรคหนึ่ง ให้น าภาษีขายที่ค านวณจากส่วนของหนี้สูญ ดังกล่าวมาหักออกจากภาษีขายของตนในเดือนภาษีที่ศาลได้มี ค าสั่งรับค าฟ้อง ค าขอเฉลี่ยหนี้ หรือ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาล แล้วแต่กรณี ได้มีค าสั่งรับค าขอรับช าระหนี้ หรือศาลได้มีค าสั่ง เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ” ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับส าหรับการด าเนินการที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ของเดือนภาษี ถัดจากวันที่ประกาศในประกาศนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕64 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๗๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มกราคม ๒๕๖๕" 1049.pdf,"ค ำสั่งกรมสรรพำกร ที่ ท.ป. 340/2564 เรื่อง มอบหมำยให้สั่งและด ำเนินกำรเกี่ยวกับกำรพิจำรณำงดเบี้ยปรับภำษีมูลค่ำเพิ่ม และภำษีธุรกิจเฉพำะ บำงกรณี เพื่อให้กำรสั่งงดเบี้ยปรับภำษีมูลค่ำเพิ่ม และภำษีธุรกิจเฉพำะบำงกรณี เป็นไปโดยสะดวก และรวดเร็ว อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ 38 แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 มำตรำ 2 แห่งประมวลรัษฎำกร ข้อ 11 และข้อ 13 ของค ำสั่งกรมสรรพำกร ที่ ท.ป. 81/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์กำรงดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภำษีเงินได้ ภำษีมูลค่ำเพิ่ม และภำษีธุรกิจเฉพำะ ตำมมำตรำ 22 มำตรำ 26 มำตรำ 67 ตรี มำตรำ 89 และมำตรำ 91/21 (6) แห่งประมวลรัษฎำกร ลงวันที่ 9 กรกฎำคม พ.ศ. 2542 อธิบดีกรมสรรพำกรจึงมีค ำสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 มอบหมำยให้ผู้อ ำนวยกำรกองบริหำรกำรเสียภำษีทำงอิเล็กทรอนิกส์ สั่งงดเบี้ยปรับ ภำษีมูลค่ำเพิ่ม และภำษีธุรกิจเฉพำะ ตำมมำตรำ 89 (2) มำตรำ 89 (3) มำตรำ 89 (4) และมำตรำ 91/21 (6) แห่งประมวลรัษฎำกร ส ำหรับเดือนภำษีสิงหำคม 2564 ถึงเดือนภำษี พฤศจิกำยน 2564 โดยไม่จ ำกัดจ ำนวนเบี้ยปรับ กำรงดเบี้ยปรับตำมวรรคหนึ่ง เฉพำะกรณีผู้ประกอบกำรจดทะเบียนที่เสียภำษีมูลค่ำเพิ่ม ตำมมำตรำ 82/3 มำตรำ 83 และมำตรำ 83/4 แห่งประมวลรัษฎำกร หรือกรณีผู้ประกอบกิจกำร ที่มีหน้ำที่เสียภำษีธุรกิจเฉพำะ ตำมมำตรำ 91/8 และมำตรำ 91/10 แห่งประมวลรัษฎำกร ที่ได้ยื่นแบบแสดงรำยกำรและช ำระภำษีด้วยวิธีกำรทำงอิเล็กทรอนิกส์ โดยช ำระภำษีพร้อมทั้งเงินเพิ่ม ตำมแบบแสดงรำยกำรทั้งจ ำนวนให้ครบถ้วนในแต่ละครำวภำยในก ำหนดเวลำสำมเดือนนับแต่ วันพ้นก ำหนดเวลำกำรยื่นแบบแสดงรำยกำรภำษีหรือก ำหนดเวลำที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง หรืออธิบดีกรมสรรพำกรขยำยหรือเลื่อนออกไป แล้วแต่กรณี โดยให้ถือว่ำแบบแสดงรำยกำรดังกล่ำว เป็นค ำร้องของดเบี้ยปรับ ข้อ 2 ค ำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกำยน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 24 พฤศจิกำยน พ.ศ. ๒๕๖4 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภำศ อธิบดีกรมสรรพำกร ้หนา ๘๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มกราคม ๒๕๖๕" 1054.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายก าหนดเวลาการจัดท าบัตรประจ าตัวประชาชนจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (เพิ่มเติม ครั้งที่ 3) ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศ เรื่อง ขยายก าหนดเวลาการจัดท าบัตรประจ าตัวประชาชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (เพิ่มเติม ครั้งที่ 2) ลงวันที่ 16 เมษายน 2564 เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่ประชาชนจะต้องเดินทางไปข อมีบัตร ขอมีบัตรใหม่ หรือขอเปลี่ยนบัตร ในทุกท้องที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร จากภายในก าหนดหกสิบวัน นับตั้งแต่วันที่ต้องมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตร เป็นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 นั้น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในปัจจุบันยังคงมี การแพร่ระบาดของโรคกระจายไปทุกท้องที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร และการตรวจพบผู้ป่วยยืนยัน ติดเชื้อรายใหม่โดยเฉพาะกรณีที่เป็นการติดเชื้อภายในประเทศยังมีจ านวนมากในแต่ละวัน จึงมีความจ าเป็น ที่ต้องก าหนดแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อร่วมแก้ไขและระงับยับยั้ง สถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 6 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจ าตัวประชาชน พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบัตรประจ าตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงออกประกาศให้ขยายก าหนดเวลาการขอมีบัตร การขอมีบัตรใหม่ หรือการขอเปลี่ยนบัตรในทุกท้องที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพิ่มเติม จากภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ประกาศ ณ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕64 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มกราคม ๒๕๖๕" 1055.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ข้อก าหนด ประกาศ และค าสั่งที่นายกรัฐมนตรีก าหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๖) ลงวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านาจต ามความในมาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดาข้อก าหนด ประกาศ และค าสั่งที่นายกรัฐมนตรีก าหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามประกาศขยายระยะเวลาการประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๕๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕" 1056.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีก าหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๖) ลงวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศที่คณะรัฐมนตรีก าหนดขึ้น ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และค าสั่งนายกรัฐม นตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่ แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๕๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕" 1057.pdf,"ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑6) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ ๑๕ ออกไป จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้น โดยที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ระบาดอย่างรุนแรงอีกรอบหนึ่งอันเป็นผลจากการที่ ไวรัสดังกล่าวได้เกิดกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์โอมิ ครอน (Omicron) ที่มีการกลายพันธุ์ของโปรตีน บนส่วนหนามของไวรัสหลายต าแหน่ง ท าให้สามารถจับยึดเซลล์ของมนุษย์ได้มากขึ้น ท าให้เกิด การระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ถึงแม้ประชากรส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนเบื้องต้นโดยครอบคลุมกลุ่มประชากร ในประเทศตามเป้าหมายที่รัฐบาลก าห นดแล้ว แต่ผู้ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) ที่สามารถ ป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ยังมีจ านวนไม่มากแม้รัฐบาลจะได้ด าเนินการอย่างเข้มข้น เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนดังกล่าวแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของระบบสาธารณสุข และต่อสุขภาพอนามัยและชีวิตของประชาชนหากเกิดการระบาดรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ ปรากฏปัญหา การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในบริเวณพื้นที่ชายแดนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากสถานการณ์ ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านและสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ยังเป็นปัจจัยที่ เพิ่มความเสี่ยง ต่อการแพร่ระบาดของโรคในประเทศอีกด้วย กรณีจึงจ าเป็นที่จะต้องคงไว้ซึ่งมาตรการในการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเพื่อธ ารงไว้ซึ่งสุขภาพอนามัย ชีวิตประชาชน และความมั่นคง ทางสาธารณสุขของชาติ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชก าห นดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ จึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีกคราวหนึ่ง ส าหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกาศ ณ วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๕๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕" 1058.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔10) เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ส าหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนในระบบการจัดท าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการน าส่งภาษี และค่าบริการที่ได้จ่ายให้แก่ ผู้ให้บริการจัดท าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการน าส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือผู้ให้บริการน าส่งเงินภาษี อาศัยอ านาจตามมาตรา ๔ มาตรา ๕ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๑๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสรรพากร ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ส าหรับเงินได้เท่ากับรายจ่าย ที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนในระบบการจัดท าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการน าส่งภาษี และค่าบริการที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ให้บริการจัดท าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการ น าส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือผู้ให้บริการน าส่งเงินภาษี ค่าบริการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือค่าบริการใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ 3 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 406) เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลส าหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนในระบบการจัดท าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการน าส่งภาษี และค่าบริการที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ให้บริการจัดท า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการน าส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือผู้ให้บริการน าส่งเงินภาษี ลงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2564 “การแจ้งรายละเอียดการลงทุนและการจ่ายเงินตามวรรคหนึ่ง ให้บริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 2 มกราคม 2562 แต่ไม่เกินวันที่ 4 สิงหาคม 2563 แจ้งรายละเอียดการลงทุนและการจ่ายเงินหลังการยื่นแบบแสดงรายการภาษีได้ แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564” ข้อ 2 ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕64 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๗๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕" 1059.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564 ก าหนดสินค้าควบคุม 4 รายการ และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าแ ละบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕64 ก าหนดสินค้าควบคุม 46 รายการ และบริการควบคุม 5 รายการ ไปแล้ว นั้น โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564 มีผลใช้บังคับเพียงหนึ่งปี และคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงรายการสินค้าควบคุม จ านวน 4 รายการ ประกอบกับเห็นว่าสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจ ในขณะนี้จ าเป็นต้องก าหนดให้ไก่ เนื้อไก่ เป็นสินค้าควบคุมเพิ่มเติม เพื่อดูแลป้องกันการก าหนดราคาซื้อ ราคาจ าหน่าย หรือการก าหนดเงื่อนไขและวิธีปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๑) และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการด้วยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564 ข้อ 3 ให้สินค้าดังต่อไปนี้ เป็นสินค้าควบคุม (1) หน้ากากอนามัย (2) ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย ้หนา ๕๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕(3) ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ (4) เศษกระดาษ และกระดาษที่น ากลับมาใช้ได้อีก (5) ไก่ เนื้อไก่ ประกาศ ณ วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๕๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕" 106.pdf,"ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง การบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกแก่หน่วยรับบริจาคในการบันทึกข้อมูลการรับบริจาคโดยไม่ต้อง ออกเอกสารหลักฐานการรับบริจาคให้ผู้บริจาค และผู้บริจาคสามารถน าเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค ให้แก่หน่วยรับบริจาคไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ตามมาตรา 47 (7) แห่งประมวลรัษฎากร หรือหักเป็นรายจ่ายของบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร หรือยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร หรือกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากรได้ โดยไม่ต้องมีเอกสาร หลักฐานการบริจาคให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กรมสรรพากรจึงออกประกาศเกี่ยวกับการบริจาค ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในประกาศนี้ “หน่วยรับบริจาค ” หมายความว่า หน่วยรับบริจาคที่ผู้บริจาคได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร “ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation)” หมายความว่า ระบบที่ใช้สร้างและเก็บรักษา ข้อมูลการบริจาคในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร “ธนาคาร” หมายความว่า ธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และธนาคาร ที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ซึ่งได้ท าบันทึกข้อตกลงการรับส่งข้อมูลการรับบริจาคของหน่วยรับบริจาค ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) กับกรมสรรพากร ข้อ 2 ให้หน่วยรับบริจาคมีและใช้เลขประจ าตัวหน่วยรับ บริจาค ส าหรับการเปิดบัญชี เงินฝากธนาคารเพื่อรับบริจาค หรือการลงทะเบียนเป็นผู้ใช้งานระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ดังนี้ (1) หน่วยรับบริจาคที่มีเลขประจ าตัวผู้เสียภาษีอากร ให้ใช้เลขประจ าตัวผู้เสียภาษีอากรนั้น เป็นเลขประจ าตัวหน่วยรับบริจาค (2) หน่วยรับบริจาคที่เป็นหน่วยงานในสังกัดของทางราชการ องค์การของรัฐบาล สภากาชาดไทย หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งมีและใช้เลขประจ าตัวผู้เสียภาษีอากรหมายเลขเดียวกับ หน่วยงานต้นสังกัด ให้หน่วยรับบริจาคดังกล่ าวยื่นค าขอมีและใช้เลขประจ าตัวหน่วยรับบริจาค ณ ส านักงานสรรพากรพื้นที่หรือส านักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ที่หน่วยรับบริจาคตั้งอยู่ (3) หน่วยรับบริจาคอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) และ (2) ให้ยื่นค าขอมีและใช้เลขประจ าตัว หน่วยรับบริจาค ณ ส านักงานสรรพากรพื้นที่หรือส านักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ที่หน่วยรับ บริจาคตั้งอยู่ ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๑๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ธันวาคม ๒๕๖๑เลขประจ าตัวหน่วยรับบริจาคตาม (2) และ (3) มิใช่เลขประจ าตัวผู้เสียภาษีอากร ข้อ 3 หน่วยรับบริจาคที่รับบริจาคผ่านธนาคารโดย QR Code หรือ Bar Code ให้ปฏิบัติ ดังนี้ (1) เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารโดยผู้มีอ านาจกระท าการแทนหน่วยรับบริจาค และใช้ชื่อ บัญชีหน่วยรับบริจาคเพื่อรับบริจาคโดย QR Code หรือ Bar Code (2) ท าสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรตั้งตัวแทนและมอบอ านาจให้ธนาคารส่งข้อมูลการรับ บริจาคของหน่วยรับบริจาคให้กรมสรร พากร โดยก าหนดให้ธนาคารส่งข้อมูลการรับบริจาคให้กรมสรรพากร ภายในสองวันท าการนับแต่วันที่หน่วยรับบริจาคได้รับบริจาค ตามรูปแบบและวิธีการส่งข้อมูล การรับบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ที่ธนาคารได้ท าไว้กับกรมสรรพากร ข้อ 4 หน่วยรับบริจาคที่รับบริจาคโดยวิธีอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในข้อ 3 ให้ปฏิบัติ ดังนี้ (1) ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้งานระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th โดยต้องกรอกข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง (2) หน่วยรับบริจาคโดยผู้มีอ านาจกระท าการแทนหน่วยรับบริจาคหรือผู้รับมอบอ านาจ ต้องมาแสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร ณ ส านักงานสรรพากรพื้นที่หรือส านักงาน สรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ที่หน่วยรับบริจ าคตั้งอยู่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้ (ก) ใบลงทะเบียนระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ตาม (1) พร้อมลง ลายมือชื่อของผู้มีอ านาจกระท าการแทนหน่วยรับบริจาค (ข) ส าเนาหนังสือรับรองการจัดตั้งหน่วยรับบริจาค พร้อมลงลายมือชื่อรับรองส าเนาถูกต้อง (ค) ส าเนาหนังสือการแต่งตั้งผู้มีอ านาจกระท าการแทนหน่วยรับบริจาค พร้อมลงลายมือชื่อ รับรองส าเนาถูกต้อง (ง) หนังสือมอบอ านาจ และส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนของผู้มีอ านาจกระท าการแทน หน่วยรับบริจาคพร้อมลงลายมือชื่อรับรองส าเนาถูกต้อง กรณีมอบอ านาจให้บุคคลอื่นมาแสดงตัว และยื่นเอกสารหลักฐานแทน (3) เมื่อหน่วยรับบริจาคได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ใช้งานระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) แล้ว หน่วยรับบริจาคจะได้รับชื่อผู้ใช้งาน (Username) ผ่านที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Email Address) ของหน่วยรับบริจาคที่ระบุไว้ในใบลงท ะเบียนระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) และให้หน่วย รับบริจาคเป็นผู้ก าหนดรหัสผ่าน (Password) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th เพื่อเข้าใช้งานระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๑๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ธันวาคม ๒๕๖๑(4) ชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เป็นหลักฐานแสดงการลงลายมือชื่อ ของหน่วยรับบริจาคในการใช้งานระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th หน่วยรับบริจาคต้องเก็บรักษาชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) ไว้เป็นความลับ การระบุชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เข้าใช้งานระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ถือเป็นการยืนยันหน่วยรับบริจาค และรับรองข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (5) กรณีหน่วยรับบริจาคต้อง การแก้ไขข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้เพื่อใช้ในการอ้างอิงหรือยืนยัน หน่วยรับบริจาค เช่น ชื่อ-นามสกุล และเลขประจ าตัวประชาชนของผู้มีอ านาจกระท าการแทน หน่วยรับบริจาค ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Email Address) หมายเลขโทรศัพท์ ให้หน่วยรับบริจาค ท าการแก้ไขข้อมูลดังกล่าวผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th การติดต่อหน่วยรับบริจาคไปยังที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หรือที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Email Address) ที่กรมสรรพากรได้รับแจ้งไว้ ถือว่าเป็นการติดต่อโดยชอบจนกว่าจะได้มีการเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ตามวรรคหนึ่ง (6) ให้หน่วยรับบริจาคท าการบันทึกและส่งข้อมูลการรับบริจาค ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ในวันที่รับบริจาค หรือภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป โดยไม่ต้องออกเอกสารหลักฐานการรับบริจาคให้ผู้บริจาค เว้นแต่ผู้บริจาคจะร้องขอให้ออกเอกสารหลักฐานการรับบริจาค ข้อ 5 ผู้บริจาคที่มีความประสงค์จะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามประม วลรัษฎากร ให้ปฏิบัติ ดังนี้ (1) กรณีบริจาคให้หน่วยรับบริจาคที่รับบริจาคผ่านธนาคารโดย QR Code หรือ Bar Code ตามข้อ 3 ให้ผู้บริจาคท าการสแกน QR Code หรือ Bar Code ผ่าน Mobile Banking ซึ่งจะต้องปรากฏข้อความว่า “e-Donation ชื่อและเลขประจ าตัวหน่วยรับบริจาค ” และระบุจ านวนเงินบริจาค พร้อมแจ้งความประสงค์ให้ธนาคารส่งข้อมูลการบริจาคให้กรมสรรพากร (2) กรณีบริจาคให้หน่วยรับบริจาคที่รับบริจาคโดยวิธีอื่นตามข้อ 4 ให้ผู้บริจาคแจ้งหน่วยรับ บริจาคท าการบันทึก ชื่อ เลขประจ าตัวผู้เสียภาษี อากร จ านวนเงินหรือมูลค่าของทรัพย์สินที่บริจาค และวันเดือนปีที่บริจาค บนระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๑๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ธันวาคม ๒๕๖๑(3) ตรวจสอบรายชื่อหน่วยรับบริจาคและข้อมูลการบริจาคของตน ผ่านระบบบริจาค อิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ข้อ 6 ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ถือเป็น หลักฐานประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรของผู้บริจาค โดยไม่ต้อง แสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคนั้นต่อเจ้าพนักงานประเมิน ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับส าหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๔๓ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๑๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ธันวาคม ๒๕๖๑" 1069.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำร จัดกำร และด ำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำนเกี่ยวกับกำรป้องกันและระงับอัคคีภัย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหนึ่ง และมำตรำ ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติ ควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่ำกำร กระทรวงแรงงำนจึงออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกควำมใน (๑) ของข้อ ๑๑ แห่งกฎกระทรวงก ำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำร จัดกำร และด ำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภ ำพแวดล้อมในกำรท ำงำนเกี่ยวกับกำรป้องกัน และระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้ควำมต่อไปนี้แทน “(๑) ตัวอักษรต้องมีขนำดไม่เล็กกว่ำสิบเซนติเมตร และมองเห็นได้อย่ำงชัดเจน ” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกควำมในข้อ ๒๑ แห่งกฎกระทรวงก ำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำร จัดกำร และด ำเนินกำร ด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำนเกี่ยวกับกำรป้องกัน และระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้ควำมต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๑ กำรป้องกันอันตรำยจำกถ่ำนหินที่กองเก็บในที่โล่งแจ้ง ให้นำยจ้ำงปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องพรมน้ ำเพื่อลดกำรฟุ้งกระจำ ยของฝุ่นถ่ำนหิน (๒) ต้องอัดทับให้มีโพรงอำกำศในกองถ่ำนหินน้อยที่สุด เพื่อป้องกันกำรลุกไหม้ที่เกิดได้เอง (๓) ในบริเวณที่มีฝุ่นถ่ำนหินฟุ้งกระจำยและมีควำมเสี่ยงต่อกำรเกิดระเบิดฝุ่นต้องจัดให้มี มำตรกำรป้องกันและลดควำมรุนแรงของผลกระทบจำกกำรเกิดระเบิดฝุ่น (๔) กำรกองเก็บถ่ำนหินสูงเกินสำมเมตร ต้องติดตำมตรวจวัดอุณหภูมิของกองถ่ำนหินอย่ำงน้อย สัปดำห์ละหนึ่งครั้ง และจัดเก็บรำยงำนผลกำรบันทึกไว้ที่สถำนประกอบกิจกำรอย่ำงน้อยหนึ่งปี (๕) ในกรณีที่มีกำรตรวจวัดอุณหภูมิของกองถ่ำนหินตำม (๔) หำกกองถ่ำนหินมีอุณหภูมิ ตั้งแต่หกสิบห้ำองศำเซลเซียสขึ้นไป ต้องคัดแยกถ่ำนหินออกจำกกองหรือใช้มำตรกำรอื่นเพื่อป้องกันกำรลุกไหม้ ที่เกิดได้เอง” ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๖๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ข้อ ๓ ให้เพิ่มควำมต่อไปนี้เป็นข้อ ๒๑/๑ แห่งกฎกระทรวงก ำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำร จัดกำร และด ำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำนเกี่ยวกับ กำรป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ “ข้อ ๒๑/๑ กำรป้องกันอันตรำยจำกกำรเก็บถ่ำนหิน ผงแร่ที่ลุกไหม้ได้ง่ำย เซลลูลอยด์ หรือของแข็งที่ติดไฟได้ง่ำยที่เก็บในไซโล ถัง หรือภำชนะ ให้นำยจ้ำงปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) กำรเก็บถ่ำนหินหรือผงแร่ที่ลุกไหม้ได้ง่ำย ไซโล ถัง หรือภำชนะที่เก็บนั้น ต้องสร้ำง ด้วยวัสดุทนไฟที่มีฝำปิดมิดชิด และเก็บไว้ให้ห่ำงไกลจำกแหล่งควำมร้อน (๒) กำรเก็บเซลลูลอยด์หรือของแข็งที่ติดไฟได้ง่ำย ต้องจัดให้มีมำตรกำรป้องกันกำรลุกไหม้ จำกแหล่งควำมร้อนหรือกำ รผสมกับอำกำศที่จะก่อให้เกิดกำรลุกไหม้ได้ ในกำรเก็บถ่ำนหิน ผงแร่ที่ลุกไหม้ได้ง่ำย เซลลูลอยด์ หรือของแข็งที่ติดไฟได้ง่ำยตำม (๑) และ (๒) หำกมีควำมเสี่ยงต่อกำรเกิดระเบิดฝุ่น ต้องจัดให้มีมำตรกำรป้องกันและลดควำมรุนแรง ของผลกระทบจำกกำรเกิดระเบิดฝุ่นด้วย ” ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พลต ำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแรงงำน ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๖๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจำกกฎกระทรวงก ำหนดมำตรฐำน ในกำรบริหำร จัดกำร และด ำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย แ ละสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำน เกี่ยวกับกำรป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ ในส่วนที่เกี่ยวกับกำรก ำหนดขนำดของตัวอักษรของ ป้ำยบอกทำงหนีไฟและมำตรกำรป้องกันอันตรำยจำกถ่ำนหิน ผงแร่ที่ลุกไหม้ได้ง่ำย เซลลูลอยด์ หรือของแข็ง ที่ติดไฟได้ง่ำย ยังไม่มีควำมเหมำะสม สม ควรแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่ำว เพื่อให้นำยจ้ำงสำมำรถ บริหำร จัดกำร และด ำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำนเกี่ยวกับ กำรป้องกันและระงับอัคคีภัยได้อย่ำงมีประสิทธิภำพยิ่งขึ้น จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๖๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑" 1072.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบปรับ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ ในการเปรียบเทียบปรับ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๔๐ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ และมติคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ในการประชุมครั้งที่ ๕๘/๒๕๖๕ (ครั้งที่ ๗๖๗) เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ ในการเปรียบเทียบปรับ พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบ พ.ศ. ๒๕๕๘ (๒) ระเบียบคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้กระท าความผิด ” หมายความว่า ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระท าความผิดตามมาตรา ๑๓๑ มาตรา ๑๓๒ มาตรา ๑๓๔ หรือมาตรา ๑๓๘ วรรคหนึ่ง “คณะกรรมการ ” หมายความว่า คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน “คณะอนุกรรมการ ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการเปรียบ เทียบปรับ ที่คณะกรรมการแต่งตั้ง “ส านักงาน กกพ. ” หมายความว่า ส านักงานคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน “พนักงานเจ้าหน้าที่ ” หมายความว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการประกอบ กิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งให้มีอ านาจหน้าที่ปฏิบัติตา มระเบียบนี้ ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการก ากับกิจการพลังงานเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้ คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงานเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ การรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อ ๖ เมื่อส านักงาน กกพ. พบหรือได้รับแจ้งว่ามีการกระท าความผิด ให้ด าเนินการ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕(๑) กรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ารู้ตัวผู้กระท าความผิด ให้ส านักงาน กกพ. ส่งเรื่อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ (๒) กรณีที่พนักงานสอบสวนได้ส่งส านวนที่ผู้กระท าความผิดยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ มายังส านักงาน กกพ. ให้ส านักงาน กกพ. ส่งเรื่องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ด าเนินการเพื่อเสนอ คณะอนุกรรมการตามข้อ ๑๑ โดยเร็ว ข้อ ๗ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบนี้ มีอ านาจหน้าที่ ดังนี้ (๑) มีหนังสือเรียกบุคคลผู้กระท าความผิดหรือบุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยค า หรือให้ส่งเอกสาร หรือวัตถุใดมาเพื่อประกอบการพิจารณา (๒) ตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐานการกระท าที่เป็นความผิด ข้อ ๘ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องจากส านักงาน กกพ. ถ้าผู้กระท าความผิด ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่บันทึกถ้อยค ารับสารภาพและความยินยอม ให้เปรียบเทียบปรับไว้ในบันทึกค าให้การ โดยผู้กระท าความผิดลงลายมือชื่อตามแบบที่ก าหนด การบันทึกค าให้การของผู้กระท าความผิด ให้กระท าต่อหน้าผู้กระท าความผิด โดยให้ผู้กระท า ความผิดได้อ่าน และท าความเข้าใจ แล้วลงลายมือชื่อไว้ เว้นแต่ผู้กระท าความผิดเป็นผู้จัดท าบันทึก ค าให้การนั้นเองและได้ลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน ข้อ ๙ แบบบันทึกค าให้การตามข้อ ๘ แบบรายงานการตรวจสอบตามข้อ ๑๐ บันทึกถ้อยค า ตามข้อ ๑๖ (๒) บันทึกการเปรียบเทียบปรับตามข้อ ๑๗ ตลอดจนบันทึกประวัติผู้กระท าความผิด และหนังสือแจ้งการเปรียบเทียบปรับ ให้เป็นไ ปตามแบบที่คณะกรรมการประกาศก าหนด ข้อ ๑๐ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จั ดท ารายงานการตรวจสอบตามแบบที่ก าหนด ซึ่งประกอบด้วย ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พร้อมความเห็นเสนอคณะอนุกรรมการเพื่อด าเนินการเปรียบเทียบปรับต่อไป หมวด ๒ คณะอนุกรรมการเปรียบเทียบปรับ ข้อ ๑๑ ให้มีคณะอนุกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะอนุกรรมการเปรียบเทียบปรับ ” ประกอบด้วยพนักงานของส านักงาน กกพ. หรือบุคคลภายนอก จ านวนสามคน อนุกรรมการตามวรรคหนึ่ง ต้องมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป และอย่างน้อยหนึ่งคน ต้องเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฎ หมาย ให้พนักงานฝ่ายกฎหมายเป็นเลขานุการคณะอนุกรรมการ ข้อ ๑๒ ให้อนุกรรมการ มีวาระการด ารงต าแหน่งคราวละสามปี ในกรณีที่ครบก าหนดตามวาระแล้ว ยังไม่มีการแต่งตั้งอนุกรรมการแทน ให้อนุกรรมการ ที่ครบก าหนดตามวาระท าหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นใหม่ เว้นแต่เป็นการพ้น จากต าแหน่งตามข้อ ๑๓ อนุกรรมการซึ่งพ้นจากต าแหน่งแล้วอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ข้อ ๑๓ นอกจากการพ้นจากต าแหน่งตามวาระที่ก าหนดในข้อ ๑๒ แล้ว อนุกรรมการ พ้นจากต าแหน่งก่อนครบวาระเมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๕) ได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ า คุก เว้นแต่โทษส าหรับความผิดที่ได้กระท า โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๖) คณะกรรมการให้พ้นจากต า แหน่ง ให้อนุกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งแทนอนุกรรมการซึ่งพ้นจากต าแหน่งก่อนครบ วาระ อยู่ในต าแหน่ง เท่ากับวาระที่เหลือ อยู่ของอนุกรรมการผู้ที่พ้นจากต า แหน่งนั้น ข้อ ๑๔ คณะอนุกรรมการมีอ านาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) พิจารณาการกระท าความผิดตามมาตรา ๑๓๑ มาตรา ๑๓๒ มาตรา ๑๓๔ หรือ มาตรา ๑๓๘ วรรคหนึ่ง (๒) มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อเรียกพยานบุคคลหรือพยานเอกสารจากบุคคลใด ๆ เพื่อประกอบการพิจารณา (๓) พิจารณาเปรียบเทียบก าหนดค่าปรับ สั่งไม่รับเปรียบเทียบปรับ หรือส่งเรื่องคืน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ (๔) สรุปส านวนและรายงานค าวินิจฉัยพร้อมทั้งความเห็นเสนอต่ อคณะกรรมการ หมวด ๓ หลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบปรับ ข้อ ๑๕ คณะอนุกรรมการจะเปรียบเทียบปรับเฉพาะกรณีที่ผู้กระท าความผิดรับสารภาพ และยินยอมให้เปรียบเทียบปรับเท่านั้น ข้อ ๑๖ ให้คณะอนุกรรมการพิจารณาเปรียบเทียบปรับจากพยานหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) รายงานการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือรายงานการสอบสวนของพนักงานสอบสวน (๒) บันทึกถ้อยค าของผู้กล่าวหา (๓) บันทึกค าให้การของผู้กระท าความผิด ข้อ ๑๗ ในการเปรียบเทียบปรับ ให้ท าเป็นบันทึกการเปรียบเทียบปรับตามแบบที่ก าหนด ข้อ ๑๘ กรณีใดที่คณะอนุกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีอ านาจเปรียบเทียบปรับ หรือผู้กระท าความผิดควรถูกฟ้องร้อง หรือได้รับโทษถึงจ าคุก หรือการกระท านั้นไม่เป็นความผิด ตามข้อกล่าวหา ให้ส่งเรื่องคืนพนักงานเจ้าหน้าที่ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ข้อ ๑๙ คณะอนุกรรมการสามารถท าการเปรียบเทียบปรับผู้กระท าความผิดได้ตามที่เห็นสมควร โดยค านึงถึงวัตถุประสงค์ในการลงโทษทางอาญา การก าหนดค่าปรับและระยะเวลาช าระค่าปรับ ให้ค านึงถึงความหนักเบาแห่งข้อหาและ พฤติการณ์แห่งการกระท าความผิด ความเสียหายที่ได้รับหรือผลกระทบต่อสังค มและผู้ใช้บริการ ตลอดจนอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ อาชีพ ขนาดการลงทุน ของการประกอบกิจการและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ของผู้กระท าความผิดประกอบด้วย โดยให้ใช้บัญชีอัตรา การเปรียบเทียบปรับที่คณะกรรมการประกาศก าหนด หมวด ๔ การช าระค่าปรับ ข้อ ๒๐ เมื่อคณะอนุกรรมการด าเนินการเปรียบเทียบปรับแล้ว ให้ส านักงาน กกพ. แจ้งให้ผู้กระท าความผิดช าระค่าปรับภายในระยะเวลาและสถานที่ที่ก าหนด ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน ๑๕ วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง หากผู้กระท าความผิดไม่ช าระค่าปรับ ให้ส านักงาน กกพ. ร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือส่งเรื่องคืน พนักงานสอบสวนเพื่อด าเนินการต่อไป บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๑ บรรดาความผิดที่เกิดขึ้นหรือถูกจับกุมก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ หากยังอยู่ ในขั้นตอนที่สามารถเปรียบเทียบปรับได้และผู้กระท าความผิดประสงค์จะใช้วิธีการเปรียบเทียบปรับ ให้คณะอนุกรรมการใช้ดุลพินิจในการรับเปรียบเทียบปรับ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ในระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 เสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1074.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 64) เรื่อง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 และมาตรา 123 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลัง ก าหนดวิธีการช าระอากร เป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ 10 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 58) เรื่อง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 61) เรื่อง ก าหนด วิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 10 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ 2 ที่ได้จัดท าขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ผู้มีหน้าที่เสียอากรจะเลือกยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงิน และช าระอากร ณ ส านักงานสรรพากรพื้นที่สาขา โดยใช้แบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินก็ได้ และเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกใบรับเงินและหลักฐานตามมาตรา 116 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ให้ถือว่าตราสารอิเล็กทรอนิกส์นั้น ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ” ประกาศ ณ วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1076.pdf," กฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2565 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 17 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2514 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกั บการจดทะเบียนเครื่องจักรตามกฎกระทรวงก าหนด ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2560 ดังต่อไปนี้ ให้แก่เจ้าของเครื่องจักร เป็นระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ (1) ค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร (2) ค่าเครื่องหมายการจดทะ เบียนซึ่งเจ้าพนักงานได้ประทับหรือท าไว้ที่เครื่องจักร (3) ค่าคัดส าเนาเอกสารพร้อมด้วยค ารับรองว่าถูกต้อง เฉพาะในคราวเดียวกับ การจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ให้ไว้ ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ ในประเทศไทย ซึ่งยังคงก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ รวมทั้ง ส่งผลต่อภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ท าให้ผู้ประกอบกิจการประสบกับภาวะรายได้ตกต่ า และต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น แม้ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จะลดลงบ้าง แล้วก็ตาม แต่ยังคงจ าเป็นต้องลดภาระและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ป ระกอบกิจการไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงสมควรยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร ในส่วนของค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ค่าเครื่องหมายการจดทะเบียนซึ่งเจ้าพนักงานได้ประทับหรือ ท าไว้ที่เครื่องจักร และค่าคัดส าเนาเอกสารพร้อมด้วยค ารับรองว่าถูกต้อง ต่อไปอีกหนึ่งปี ตั้งแต่วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1079.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจ ตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและ ความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงข องการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ ดังนี้ บาท/ตู้ ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐' ตู้มีสินค้า ๕๒ ๑๐๔ ๑๑๗ ตู้สินค้าเปล่า ๓๓ ๖๖ ๗๔ ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซล ของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับ ราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียม มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยล ะ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 เรือโท ยุทธนา โมกขาว รองผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารการเงินและกลยุทธ์องค์กร รักษาการแทน ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๕๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1081.pdf,"ประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง ยกเลิกการเรียกส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนและส าเนาทะเบียนบ้าน ตามข้อ 17 ของค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 21/2560 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายเพื่ออ านวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ 4 เมษายน 2560 ประกอบกับมติ ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบาย Thailand 4.0 ครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ยกเลิกการใ ช้ส าเนา บัตรประจ าตัวประชาชนและส าเนาทะเบียนบ้าน เพื่อรองรับการเป็นรัฐบาลดิจิทัล และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 ที่มีมติเห็นชอบมาตรการอ านวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน (การไม่เรียกส าเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้จากประชาชน) นั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการตามกฎหมายที่อยู่ในอ านาจของกรมควบคุมโรคเป็นไปตามค าสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกอบกับมติคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเพื่อรองรับ การปรับเปลี่ยนตามนโยบาย Thailand 4.0 และมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นการอ านวยความสะดวก และลดภาระแก่ ประชาชน ฉะนั้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร ราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ อธิบดีกรมควบคุมโรค จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกการเรียกส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนและส าเนาทะเบียนบ้าน จากผู้ยื่น ค าขออนุมัติ อนุญาต จดทะเบียน จดแจ้ง แจ้ง หรือการด าเนินการใด ๆ ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ค าสั่ง ข้อบังคับ หรือประกาศ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมควบคุมโรค ข้อ 2 กรณีจ าเป็นและต้องใช้ส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนหรือส าเนาทะเบียนบ้าน เพื่อประกอบการพิจารณาด าเนินการ ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับค าขอเป็นผู้จัดท าส าเนาเอกสารดังกล่าวขึ้นเอง โดยห้ามมิให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากการจัดท าส าเนาเอกสารดังกล่าว ข้อ 3 กรณีมอบอ านาจให้บุคคลอื่นด าเนินการแทน ให้ผู้รับมอบอ านาจยื่นส าเนาบัตร ประจ าตัวประชาชนของผู้มอบอ านาจที่ลงนามรับรองส าเนาถูกต้องเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖4 โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1084.pdf,"ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดให้ผู้รับอนุญาตท าไม้หรือเก็บหาของป่า หรือผู้รับอนุญาตท าประโยชน์ในเขตป่า ออกค่าใช้จ่ายเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ท าการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าให้แทน และก าหนดอัตรา ค่าใช้จ่ายในการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่า พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดให้ผู้รับอนุญาตท าไม้หรือเก็บหาของป่า หรือผู้รับอนุญาต ท าประโยชน์ในเขตป่า ออกค่าใช้จ่ายเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ท าการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่า ให้แทน พร้อมทั้งก าหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่า เพื่อถือปฏิบัติต่อไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดให้ผู้รับอนุญาตท าไม้หรือเก็บหาของป่ า หรือผู้รับอนุญาตท าประโยชน์ในเขตป่า ออกค่าใช้จ่ายเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ท าการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าให้แทน และก าหนด อัตราค่าใช้จ่ายในการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่า พ.ศ. 2564” ข้อ ๒ ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการบ ารุงป่า หรือปลูกสร้างสวนป่า ส าหรับผู้รับใบอนุญาตแผ้วถางป่า เพื่อท าเหมืองแร่หรือระเบิดย่อยหิน ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๖ (๒) ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดให้ผู้รับสัมปทานหรือผู้รับอนุญาต ท าการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่า หรือออกค่าใช้จ่ายเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ท าการบ ารุงป่า หรือปลูกสร้างสวนป่าให้แทน และก าหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่า ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ ข้อ ๔ ในประกาศฉบับนี้ “กรม” หมายความว่า กรมป่าไม้ หรือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเฉพาะพื้นที่ ที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง “ส านักแห่งท้องที่ ” หมายความว่า ส านักจัดการทรัพยากรป่าไม้ หรือ ส านักงานทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่ง แล้วแต่กรณี ข้อ ๕ การอนุญาตท าไม้หวงห้าม หรือเก็บหาของป่าหวงห้ามเพื่อการค้าในเขตป่าสงวน แห่งชาติ หรือป่าที่ได้เตรียมการก าหนดเป็นป่าสงวนแห่งชาติ หรือป่าที่ได้ก าหนดโครงการท าไม้หรือ เก็บหาของป่าไว้แล้ว หรือการอนุญาตตามมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕พุทธศักราช ๒๔๘๔ ให้ผู้รับอนุญาตออกค่าใช้จ่ายเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ท าการบ ารุงป่าหรือ ปลูกสร้างสวนป่าให้แทน เงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ค านวณโดยถือเกณฑ์ค่าภาคหลวงไม้หรือของป่า ที่ท าออก หรือถือเกณฑ์วัตถุประสงค์แห่งการท าประโยชน์ในพื้นที่ป่าที่ได้รับอนุญาตในอัตราดังต่อไปนี้ (๑) ไม้สักชั้น ก. หกเท่าของค่าภาคหลวง (๒) ไม้สักชั้น ข. หรือ ค. สี่เท่าของค่าภาคหลวง (๓) ไม้สักชั้น ง. สองเท่าของค่าภาคหลวง (๔) ไม้กระยาเลยที่เรียกเก็บค่าภาคหลวง ลูกบาศก์เมตรละหนึ่งร้อยบาทถึงหนึ่งร้อยยี่สิบบาท สี่เท่าของค่าภาคหลวง (๕) ไม้กระยาเลยที่เรียกเก็บค่าภาคหลวงลูกบาศก์เมตรละหกสิบบาทถึงแปดสิบบาท สามเท่าของค่าภาคหลวง (๖) ไม้กระยาเลยที่เรียกเก็บค่าภาคหลวงลูกบาศก์เมตรละสามสิบบาทถึงสี่สิบบาท สองเท่าของค่าภาค หลวง (๗) ไม้ฟืนหรือไม้เผาถ่านที่ท าออกจากป่าชายเลนที่เรียกเก็บค่าภาคหลวงลูกบาศก์เมตรละ ยี่สิบบาทหรือต่ ากว่าหรือเก็บค่าภาคหลวงโดยวิธีอื่น สามเท่าของค่าภาคหลวง (๘) ไม้กระยาเลยที่เรียกเก็บค่าภาคหลวงลูกบาศก์เมตรละยี่สิบบาทหรือต่ ากว่า หรือ เก็บค่าภาคหลวงโดยวิธี อื่น หนึ่งเท่าของค่าภาคหลวง (๙) ของป่าหวงห้ามที่อนุญาตเพื่อการค้า สองเท่าของค่าภาคหลวง (๑๐) ไม้ที่ท าออกตามมาตรา ๑๓ เพื่อการค้า หรือมาตรา ๑๘ เพื่อการค้า หนึ่งเท่าของ ค่าภาคหลวง (๑๑) การอนุญาตท าประโยชน์ในเขตป่า ตามมาตรา ๕๔ กรณี (ก) เพื่อการท าเหมืองแร่ การขุดหาแร่รายย่อยและการร่อนแร่ การสร้างทางขนแร่ ออกจากพื้นที่ประทานบัตร หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการเหมืองแร่ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ ไร่ละ ๑,๒๐๐ บาท (ข) เพื่อการผลิตปิโตรเลียม การเก็บรักษาการขนส่ง หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับ ปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ไร่ละ ๑,๒๐๐ บาท (ค) เพื่อการศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการ การส ารวจแร่ การส ารวจปิโตรเลียม และกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการส ารวจ ไร่ละ ๑๐๐ บาท (ง) เพื่อการขุด เก็บ ซึ่งทราย ลูกรัง ห รือดิน และกิจการอันเกี่ยวเนื่องที่มิใช่ การท าเหมืองแร่หรือการขุดหาแร่รายย่อย และการร่อนแร่ ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ ไร่ละ ๑,๒๐๐ บาท (จ) เพื่อจัดเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ไร่ละ ๑,๒๐๐ บาท (ฉ) เพื่อการสร้างศาสนสถาน ไร่ละ ๒๐๐ บาท (ช) เพื่อการปลูกป่าหรือการท าสวนป่า ไร่ละ ๒๐๐ บาท ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ (ซ) เพื่อการอยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพเกษตรกรรม ไร่ละ ๕๐๐ บาท (ฌ) เพื่อการเพาะเลี้ยงหรือขยายพันธุ์สัตว์ป่า ไร่ละ ๒๐๐ บาท และ (ญ) เพื่อประโยชน์ในทางราชการ ไร่ละ ๒๐๐ บาท ส าหรับการอนุญาตท าไม้หวงห้ามที่ปลูกขึ้น ได้รับยกเว้นไม่ต้องช าระค่าใช้จ่ายเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ท าการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าให้แทนตาม (๑) - (๑๐) ข้อ ๖ ให้ผู้รับอนุญาตช าระค่าใช้จ่ายในการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าตาม ข้อ ๕ (๑) - (๑๐) พร้อมค่าภาคหลวงไม้หรือของป่า หรือกรณีการอนุญาตตามข้อ ๕ (๑๑) (ก) - (ญ) ให้ช าระพร้อมค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ณ ส านักแห่งท้องที่แล้วให้ส านักแห่งท้องที่น าเงินเข้าบัญชี ที่กรมก าหนด ส าหรับเงินค่าใช้จ่ายในการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าตามวรรคหนึ่ง ให้ กรมน าไปใช้จ่าย ในการบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าตามหลักวิชาการและแผนงานที่ก าหนด ข้อ ๗ บรรดาไม้หวงห้ามหรือของป่าหวงห้ามที่ยังมิได้ตรวจวัดเพื่อเก็บค่าภาคหลวงในวันที่ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฉบับนี้ทั้งสิ้น ประกาศ ณ วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕64 วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1088.pdf," กฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบแทนใบอนุญาตและใบแทนใบส าคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. ๒๕๖๕ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพ อาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดสิบห้าวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบแทนใบอนุญาตและใบแทนใบส าคัญการขึ้นทะเบียน อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะตามกฎกระทรวงก าหนดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพ อาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ไว้ ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖5 เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นค่าธรรมเนียม ใบแทนใบอนุญาตและใบแทนใบส าคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ เพื่อเป็นการลดภาระ ให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ ที่ก าหนดให้ส่วนราชการพิจารณายกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่จ าเป็น จึงจ าเป็น ต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1090.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 39) เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม ส าหรับการบริจาคเพื่อการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรส าหรับอุตสาหกรรม 4.0 ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษา ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 737) พ.ศ. 2564 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 4 และมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 737) พ.ศ. 2564 อธิบดีกรมสรรพากร ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม ส าหรับ การบริจาคทรัพย์สินให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลา กรส าหรับอุตสาหกรรม 4.0 ที่จัดตั้งโดย สถานศึกษา ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลส าหรับการบริจาค ทรัพย์สินให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรส าหรับอุตสาหกรรม 4.0 ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษา ที่ได้กระท าตั้งแต่วั นที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 737) พ.ศ. 2564 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (1) ทรัพย์สินที่บริจาคต้องเป็นทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์ เครื่องมือ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรเพื่อระบบอัตโนมัติส าหรับอุตสาหกรรม 4.0 ที่ได้รับการรับรองจากส านักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (2) ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรส าหรับอุตสาหกรรม 4.0 ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษา ต้องได้รับการรับรองจากส านักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ข้อ 2 การค านวณมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลตามข้อ 1 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (1) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐาน การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจ านวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าว เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่ มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ (๒) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลน าทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการค านวณหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินเป็นมูลค่าของ รายจ่ายที่มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ้หนา ๕๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕(3) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลน าทรัพย์สินมาบริจาคไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ที่ผลิตเองหรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินดังกล่าวที่มีเอกสารหลักฐานสามารถ พิสูจน์ได้เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่มีสิ ทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้า คงเหลือยกมาตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร (4) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาบริจาคนั้น จะต้องมีจ านวนไม่เกินราคาที่พึงซื้อได้ โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ตรี (15) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ 3 การยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม ส าหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า อันเนื่องมาจากการบริจาคทรัพย์สินให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรส าหรับ อุตสาหกรรม 4.0 ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษาตามมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 737) พ.ศ. 2564 ผู้ใช้สิทธิยกเว้นภาษี ดังกล่าวต้องมีหลักฐานดังต่อไปนี้เก็บไว้ ณ สถานประกอบการพร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมิน ตรวจสอบได้ (1) หลักฐานการรับบริจาคที่ออกโดยศูนย์ส่ งเสริมการพัฒนาบุคลากรส าหรับอุตสาหกรรม 4.0 ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษา ซึ่งได้ระบุมูลค่าของทรัพย์สินที่บริจาค เช่น หนังสือขอบคุณ ใบประกาศเกียรติคุณ (2) หลักฐานการรับรองทรัพย์สินที่บริจาคตามข้อ 1 (1) (3) หลักฐานการรับรองศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรส าหรับอุตสาหกรรม 4.0 ตามข้อ 1 (2) ข้อ 4 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๕๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1091.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๓๘) เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีอากร ส าหรับกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคมและบุคคลซึ่งสนับสนุนกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๖ วรรคสองและวรรคสาม มาตรา ๗ มาตรา ๘ วรรคสอง มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๕) พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสรรพากร ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีอากร ส าหรับกิจการของวิสาหกิจ เพื่อสังคมและบุคคลซึ่งสนับสนุนกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคม ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิสาหกิจเพื่อสังคมที่ประสงค์จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ประสงค์จะให้บุคคลซึ่งสนับสนุนกิจการของตนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ต้องด าเนินการจดแจ้ง ความประสงค์ ต่ออธิบดีกรมสรรพากร และต้องเป็นหน่วยรับบริจาคตามประกาศกรมสรรพากร เรื่อง การบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ( e-Donation) ลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยยื่นค าขอจดแจ้ง/เลิกการเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม (ว.ส. ๑) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทางเว็บไซต์ ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ดังนี้ (๑) กรณีที่วิสาหกิจเพื่อสังคมได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจ เพื่อสังคมตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้จดแจ้งความประสงค์ภายในวันสุดท้ายของ รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับการจดทะเบียนต ามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (๒) กรณีที่วิสาหกิจเพื่อสังคมได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจ เพื่อสังคมก่อนวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้จดแจ้งความประสงค์ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ วิสาหกิจเพื่อสังคมประเภทไม่แบ่งปันก าไรที่ได้จดแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรตามข้อ ๑ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ส าหรับก าไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีที่วิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อสังคมเป็นเป้าหมายหลักของกิจการตั้งแต่ วันที่ได้จดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ได้รับยกเว้นตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรก ที่ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น แต่ต้องไม่ก่อนวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ (๒) กรณีที่วิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อสังคมเป็นเป้าหมายหลักของกิจการ ตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสังคมเป็นเป้าหมายหลักของกิจการในภายหลัง ให้ได้รับยกเว้นตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่มี วัตถุประสงค์เพื่อสังคมเป็นเป้าหมายหลักของกิจการ แต่ต้องไม่ก่อนวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ้หนา ๕๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕(๓) กรณีที่วิสาหกิจเพื่อสังคมเปลี่ยนแปลงประเภทของวิสาหกิจ จากวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ประสงค์จะแบ่งปันก าไรให้แก่ผู้เป็นหุ้ นส่วนหรือผู้ถือหุ้นเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมประเภทไม่แบ่งปันก าไร ให้ได้รับยกเว้นตั้งแต่วันที่ได้รับการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงประเภทของวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ข้อ ๓ วิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ ๒ ต้องไม่มีการจ าหน่ายจ่ายโอน ทรัพย์สินที่ใช้ในกิจการ เว้นแต่กรณี ดังต่อไปนี้ (๑) การโอนทรัพย์สินให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจ เพื่อสังคมอื่นโดยไม่มีค่าตอบแทน (๒) การโอนทรัพย์สินให้แก่สถานพยาบาลหรือสถานศึกษาของทางราชการ หรือองค์การหรือ สถานสาธารณกุศลหรือสถานพยาบาลหรือสถานศึกษาอื่นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศ ก าหนดตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร โดยไม่มีค่าตอบแทน (๓) การโอนทรัพย์สินเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์โดยไม่มี ค่าตอบแทน ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร (๔) การโอนทรัพย์สินขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย หรือถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย หรือพระกุศลตามพระอัธยาศัย (๕) การโอนทรัพย์สินโดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐ ดังต่อไปนี้ (ก) ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ข) รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งโดยกฎหมายเฉพาะ หรือจัดตั้งโดยพระราชกฤษฎีกาตามกฎหมาย ว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล แต่ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (ค) องค์การมหาชนที่จัดตั้งโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา (ง) หน่วยงานของรัฐที่มีกฎหมายจัดตั้งโดยเฉพาะ ข้อ ๔ วิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ ๒ ต้องไม่เป็นคู่สัญญากับผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วน และไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ ให้แก่ผู้ถื อหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วน รวมถึงบุคคลที่มี ความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วน เว้นแต่กรณี ดังต่อไปนี้ (๑) การขายสินค้าหรือการให้บริการแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วน หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์ กับผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนนั้น (๒) การซื้อสินค้าหรือการรับบริการจากผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วน หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์ กับผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนนั้น โดยค่าสินค้าหรือค่าบริการไม่สูงกว่าราคาตลาด ค าว่า “สินค้า” ตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่าง ที่อาจ มีราคา และถือเอาได้ที่มีไว้เพื่อขายเท่านั้น ค าว่า “บริการ” ตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า การกระท าใด ๆ อันอาจหาประโยชน์อันมีมูลค่า ซึ่งมิใช่เป็นการขายสินค้า ้หนา ๕๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ข้อ ๕ ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ได้ลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการจัดตั้งหรือ การเพิ่มทุนของวิสาหกิจเพื่อสังคมในขณะที่วิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อสังคมเป็นเป้าหมายหลัก ของกิจการ และได้จดแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรตามข้อ ๑ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ส าหรับ เงินได้พึงประเมินเท่าที่ได้จ่ายไปเพื่อการลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้ นส่วนเพื่อการจัดตั้งหรือการเพิ่มทุน แล้วแต่กรณี ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในวิสาหกิจเพื่อสังคมแห่งเดียวหรือหลายแห่ง แต่เมื่อรวมเงินลงทุน ทั้งหมดแล้ว ต้องไม่เกินกรณีละหนึ่งแสนบาท ส าหรับปีภาษีนั้น การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีเงินได้น าเงินไ ด้ที่ได้รับยกเว้นภาษีไปค านวณ หักจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อได้หักตามมาตรา ๔๒ ทวิ ถึงมาตรา ๔๖ แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ในปีภาษี ดังต่อไปนี้ (๑) การลงทุนเพื่อการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสังคมเป็นเป้าหม ายหลัก ของกิจการตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ผู้มีเงินได้ใช้สิทธิยกเว้นในปีภาษี ที่วิสาหกิจเพื่อสังคมได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (๒) การลงทุนเพื่อการเพิ่มทุนของวิสาหกิจเพื่อสังคม (ก) กรณีที่มีการเพิ่มทุนก่อนวันที่ได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม วิสาหกิจเพื่อสังคม ให้ผู้มีเงินได้ใช้สิทธิยกเว้นในปีภาษีที่วิสาหกิจเพื่อสังคมได้รับการจดทะเบียน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (ข) กรณีที่มีการเพิ่มทุนภายหลังจากวันที่ได้ รับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ให้ผู้มีเงินได้ใช้สิทธิยกเว้นในปีภาษีที่ลงทุน ข้อ ๖ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้ลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการจัดตั้ง หรือการเพิ่มทุนของวิสาหกิจเพื่อสังคมในขณะที่วิสาหกิจเพื่อสั งคมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อสังคม เป็นเป้าหมายหลักของกิจการ และได้จดแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรตามข้อ ๑ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ส าหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายไปเพื่อการลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการจัดตั้งหรือการเพิ่มทุน ในรอบระยะเวลาบัญชี ดังต่อไปนี้ (๑) การลงทุนเพื่อการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสังคมเป็นเป้าหมายหลัก ของกิจการตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ใช้สิทธิยกเว้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่วิสาหกิจเพื่อสังคม ได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (๒) การลงทุนเพื่อการเพิ่มทุนของวิสาหกิจเพื่อสังคม (ก) กรณีที่มีการเพิ่มทุนก่อนวันที่ได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม วิสาหกิจเพื่อสังคม ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้สิทธิ ยกเว้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่วิสาหกิจ เพื่อสังคมได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ้หนา ๕๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ (ข) กรณีที่มีการเพิ่มทุนภายหลังจากวันที่ได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้สิ ทธิยกเว้นในรอบระยะเวลาบัญชี ที่ลงทุน การลงทุนเพื่อการจัดตั้งหรือการเพิ่มทุนของวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ใช่การลงทุนเพื่อการจัดตั้งหรือการเพิ่มทุนของวิสาหกิจเพื่อสังคมตามมาตรา ๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๒๑) พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ได้กระท าก่อนวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๗ ผู้ลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ ๕ หรือข้อ ๖ ต้องถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในวิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นจนกว่าวิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นเลิกกัน เว้นแต่กรณี ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาทุพพลภาพหรือตาย (๒) ผู้ลงทุนที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกัน (๓) ผู้ลงทุนขายหรือโอนหุ้นหรือการเป็นหุ้น ส่วนเพื่อการเพิ่มทุนของวิสาหกิจเพื่อสังคม ข้อ ๘ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้โอนเงินหรือทรัพย์สินให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ได้จดแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรตามข้อ ๑ โดยไม่มีค่าตอบแทนผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ส าหรับเงิ นได้เท่าจ านวนเงินหรือเท่ากับราคาทรัพย์สินนั้นในรอบระยะเวลา บัญชีที่ได้โอนเงินหรือทรัพย์สินนั้นให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคม ข้อ ๙ ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สิน ผ่านระบบบริจาคอิเล็กท รอนิกส์ให้แก่กองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้บริจาคเงินหรือทรัพย์สินนั้น แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๐ การโอนทรัพย์สินให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมตามข้อ ๘ หรือการบริจาคทรัพย์สินให้แก่ กองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมตามข้อ ๙ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะโอนหรือบริจาค เป็นทรัพย์สินหรือสินค้าก็ได้ โดยการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าว ให้ค านวณมูลค่าของทรัพย์สิน หรือสินค้าที่โอนหรือบริจาคตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐาน การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจ านวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าว เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (๒) กรณีที่บริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลน าทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการค านวณหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (๓) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิ ติบุคคลน าสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่มีเอกสารหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้เป็น้หนา ๕๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕มูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมา ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร (๔) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจ านวนไม่เกินราคา ที่พึงซื้อได้โดยปกติ ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑๕) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ ๑๑ ให้วิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ค านวณก าไรสุทธิและขาดทุนสุทธิ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในมาตรา ๖๕ มาตรา ๖๕ ทวิ และมาตรา ๖๕ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร และมีหน้าที่ยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรก าหนด บัญชีท าการ บัญชีก าไรขาดทุน และ บัญชีงบดุล ตามมาตรา ๖๘ และมาตรา ๖๙ แห่งประมวลรัษฎากร โดยไม่ต้องช าระภาษี พร้อมทั้ ง ยื่นรายงานผลการด าเนินงานประจ าปีต่อกรมสรรพากร วิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้จัดท ารายงานผลการประกอบกิจการประจ าปีและรายงานผลลัพธ์ จากการด าเนินกิจการเพื่อสังคมยื่นต่อส านักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และได้ยินยอมให้ส านักงานส่งเสริม วิสาหกิจเพื่อสังคมเปิดเผยรายงานดังกล่าวต่อกรมสรรพากร ถือว่าวิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นได้จัดท ารายงาน ผลการด าเนินงานประจ าปียื่นต่อกรมสรรพากรตามวรรคหนึ่งแล้ว ข้อ ๑๒ กรณีที่วิสาหกิจเพื่อสังคมเลิกการเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามกฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม หรือกรณีที่วิสาหกิจเพื่อสังคมเลิกกัน ให้วิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นยื่นค าขอ จดแจ้ง/เลิกการเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม (ว.ส. ๑) เพื่อแจ้งการเลิกการเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือการเลิกกัน ต่ออธิบดีกรมสรรพากร ผ่านระบบอิเล็ กทรอนิกส์ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ข้อ ๑๓ วิสาหกิจเพื่อสังคมหรือผู้ลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนในวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้แล้ว ต่อมาปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการได้รับ ยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ในรอบระยะเวลาบัญชีใดหรือในปีภาษีใด ให้การยกเว้นภาษีเงินได้สิ้นสุดลง ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๕) พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๑๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕64 สมศักดิ์ อนันทวัฒน์ รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๕๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1092.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ 223/2564 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกรมศุลกากร ที่ 16/2561 เพื่อให้การก าหนดราคาศุลกากร ในการน าของเข้าทางไปรษณีย์ มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน กรณีที่ไม่มีค่าขนส่งของ (Freight) หรือไม่มีเอกสารหลักฐานการจ่ายค่าขนส่งของ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 อธิบดีกรมศุลกากร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 2.3 แห่งประกาศกรมศุลกากร ที่ 16/2561 เรื่อง การก าหนด มูลค่าของรายการค่าประกันภัย ค่าขนส่งของ ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น หรือค่าจัดการต่าง ๆ ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “2.3 การน าเข้าทางไปรษณีย์ให้บวกค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 ของราคา FOB” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1095.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๕ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยค าแนะน าของคณะกรรมการ เครื่องส าอาง ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในล าดับที่ ๒๒๑ แห่งบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในกา รผลิตเครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ล าดับ วัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง ๒๒๑. Mercury (CAS No. 7439-97-6) and its compounds ยกเว้น การปนเปื้อนใน ผลิตภัณฑ์ส าเร็จรูปได้ไม่เกิน ๑ ส่วนในล้านส่วนโดยน้ าหนัก (๑ ppm หรือ ๑ mg/kg) ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในล าดับที่ ๒๘๙ แห่งบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ล าดับ วัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง ๒๘๙. Lead (CAS No. 7439-92-1) and its compounds ยกเว้น การปนเปื้อน ในผลิตภัณฑ์ส าเร็จรูปได้ไม่เกิน ๒๐ ส่วนในล้านส่วนโดยน้ าหนัก (๒๐ ppm หรือ ๒๐ mg/kg) ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นล าดับที่ ๑๓๙๔ ล าดับที่ ๑๓๙๕ ล าดับที่ ๑๓๙๖ ล าดับที่ ๑๓๙๗ ล าดับที่ ๑๓๙๘ ล าดับที่ ๑๓๙๙ และล าดับที่ ๑๔๐๐ แห่งบัญชีแนบท้ายประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ล าดับ วัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง ๑๓๙๔. Dibutyltin hydrogen borate (CAS No. 75113-37-0) ๑๓๙๕. Paraformaldehyde (CAS No. 30525-89-4) ๑๓๙๖. Methanediol; methylene glycol (CAS No. 463-57-0) ๑๓๙๗. 1,2,4-Trihydroxybenzene (CAS No. 533-73-3), when used as a substance in hair dye products ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ล าดับ วัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง ๑๓๙๘. 4-Amino-3-hydroxytoluene (CAS No. 2835-98-5) when used as a substance in hair dye products ๑๓๙๙. 2-[(4-Amino-2-nitrophenyl)-amino]-benzoic acid (CAS No. 117907-43-4) when used as a substance in hair dye products ๑๔๐๐. Formaldehyde (CAS No. 50-00-0) ข้อ ๔ ให้ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้น าเข้าเพื่อขาย หรือผู้รับจ้างผลิตเครื่องส าอางที่มีส่วนผสมของ สารห้ามใช้ล าดับที่ ๒๒๑ ล าดับที่ ๒๘๙ ล าดับที่ ๑๓๙๔ ล าดับที่ ๑๓๙๕ ล าดับที่ ๑๓๙๖ ล าดับที่ ๑๓๙๗ ล าดับที่ ๑๓๙๘ ล าดับที่ ๑๓๙๙ และล าดับที่ ๑๔๐๐ ที่มีการผลิตหรือน าเข้า อยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องด าเนินการให้เป็นไปตามประกาศนี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖5 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕" 1098.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๑๕) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม อาศัยอํานาจตามความในวรรคหนึ่งของขอ ๒ (๑๐๒) แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎาก ร วาดวยการยกเวนรัษฎากร ซึ่งแกไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๕๗ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินได เทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ใหยกเลิกความในขอ ๕ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๓๖๙) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินได เทาที่ไดจายเปนคาซื้อห นวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และใหใชความตอไปนี้แทน “ขอ ๕ การไดรับยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุน ในกองทุนรวมเพื่อการออมตามประกาศนี้ ตองเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการ ดังตอไป นี้ (๑) กรณีการซื้อหนวยลงทุนตั้งแตวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เปนตนไป ผูมีเงินไดตองแจงความประสงคที่จะใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดตอบริษัทหลักทรัพยจัดการกองทุนรวม ที่ตนไดซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (๒) กรณีการซื้อหนวยลงทุนกอนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ผูมีเงินได ตองมีหนังสือรับรองการซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมจากบริษัทหลักทรัพยจัดการกองทุนรวม ที่แสดงไดวามีการจายเงินเขากองทุนรวมเพื่อการออมดังกลาว ” ขอ ๒ ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนขอ ๕/๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๓๖๙) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินได เทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ้หนา ๑๒๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ “ขอ ๕/๑ บริษัทหลักทรัพยจัดการกองทุนรวมที่ไดรับแจงความประสงคตามขอ ๕ (๑) ตองสงขอมูลของผูมีเงินไดตอกองเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมสรรพากร โดยจัดทําขึ้นเปนขอมูลอิเล็กทรอนิกส ตามรูปแบบและนําสงตามวิธีการที่กําหนดบนเว็บไซตของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th การแจงและการสงขอมูลตามวรรค หนึ่ง ใหแจงภายในวันที่ ๑๕ มกราคมของปถัดไป เวนแตอธิบดีจะกําหนดเปนอยางอื่น กรณีบริษัทหลักทรัพยจัดการกองทุนรวมไดแจงและสงขอมูลตามวรรคสองแลว แตมีความประสงคจะขอแกไข ยกเลิก หรือเพิ่มเติมขอมูลดังกลาวนั้น ใหบริษัทหลักทรัพยจัดการ กองทุนรวมดังกลาวแจงและสงขอมูลผานระบบรับขอมูลคาซื้อหนวยลงทุนเกินกําหนดเวลาบนเว็บไซต ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th” ขอ ๓ ใหยกเลิกความในวรรคหนึ่งของขอ ๗ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๓๖๙) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินได เทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และใหใชความตอไปนี้แทน “หนังสือรับรองการซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมตามขอ ๕ (๒) และหนังสือรับ รองการโอนหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมตามขอ ๖ ตองจัดทําเปนภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ แตถาทําเปนภาษาตางประเทศอื่นตองมีคําแปลภาษาไทยกํากับดวย สวนตัวเลขใหใชเลขไทย หรือเลขอารบิค โดยมีขอความอยางนอยตามแบบที่แนบทายประกาศนี้” ขอ ๔ ประกาศนี้ใหใชบั งคับสําหรับเงินไดพึงประเมินประจําป พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่จะตองยื่นรายการใ น พ.ศ. ๒๕๖๖ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สมศักดิ์ อนันทวัฒน รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๒๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕" 1099.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๑๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินไดเทาที่ไดจาย เปนคาซื้อหนวยลงทุนและการถือหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ อาศัยอํานาจตามความในขอ ๒ (๕๕) แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๕๗ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินได เทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และการถือหนวยลงทุนในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ใหยกเลิกความในขอ ๘ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๐๑) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินได เทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุนและการถือหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และใหใชความตอไปนี้แทน “ขอ ๘ การไดรับยกเวนภาษีเงินไ ด สําหรับเงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุน ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามประกาศนี้ ตองเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการ ดังตอไปนี้ (๑) กรณีการซื้อหนวยลงทุนตั้งแตวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เปนตนไป ผูมีเงินไดตองแจงความประสงคที่จะใชสิท ธิยกเวนภาษีเงินไดตอบริษัทหลักทรัพยจัดการกองทุนรวม ที่ตนไดซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (๒) กรณีการซื้อหนวยลงทุนกอนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ผูมีเงินได ตองมีหนังสือรับรองการซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจากบริษัทหลักทรั พยจัดการกองทุนรวม ที่แสดงไดวามีการจายเงินเขากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพดังกลาว ” ขอ ๒ ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนขอ ๘/๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๐๑) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงิ นได สําหรับเงินได เทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุนและการถือหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ้หนา ๑๒๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ “ขอ ๘/๑ บริษัทหลักทรัพยจัดการกองทุนรวมที่ไดรับแจงความประสงคตามขอ ๘ (๑) ตองสงขอมูลของผูมีเงินไดตอกองเทค โนโลยีสารสนเทศ กรมสรรพากร โดยจัดทําขึ้นเปนขอมูลอิเล็กทรอนิกส ตามรูปแบบและนําสงตามวิธีการที่กําหนดบนเว็บไซตของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th การแจงและการสงขอมูลตามวรรคหนึ่ง ใหแจงภายในวันที่ ๑๕ มกราคมของปถัดไป เวนแตอธิบดีจะกําหนดเปนอยางอื่น กรณีบริษัทหลักทรัพยจัดการกองทุนรวมไดแจงและสงขอมูลตามวรรคสองแลว แตมีความประสงคจะขอแกไข ยกเลิก หรือเพิ่มเติมขอมูลดังกลาวนั้น ใหบริษัทหลักทรัพยจัดการ กองทุนรวมดังกลาวแจงและสงขอมูลผานระบบรับขอมูลคาซื้อหนวยลงทุนเกินกําหนดเวลาบนเว็บไซต ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th” ขอ ๓ ใหยกเลิกความในวรรคสองของขอ ๙ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๐๑) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินไดสําหรับเงินได เทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุนและการถือหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และใหใชความตอไปนี้แทน “การโอนการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามวรรคหนึ่ง ใหกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพที่ไดรับคําสั่งโอนจากผูมีเงินไดจัดทําหนังสือรับรองการโอนหนวยลงทุนในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ แนบพรอมหนังสือรับรองการซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และสงมอบใหแกกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่รับโอนเก็บไวเปนหลักฐานพรอมที่จะใหเจาพนักงาน ประเมินตรวจสอบได เวนแตกรณีการโอนหนวยลงทุนที่ซื้อตั้งแต วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เปนตนไป และผูมีเงินไดไดแจงความประสงคที่จะใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดตามขอ ๘ (๑) แลว กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่ไดรับคําสั่งโอน ไมตองแนบและสงมอบหนังสือรับรองการซื้อหนวยลงทุน ใหแกกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่รับโอน ” ขอ ๔ ใหยกเลิกความในวรรคหนึ่งของขอ ๑๐ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๐๑) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวยลงทุนและการถือหนวยลงทุน ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และใหใชความตอไปนี้แทน ้หนา ๑๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ “หนังสือรับรองการซื้อหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามขอ ๘ (๒) และหนังสือรับรองการโอนหนวยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามขอ ๙ ตองจัดทําเปนภาษาไท ย หรือภาษาอังกฤษ แตถาทําเปนภาษาตางประเทศอื่นตองมีคําแปลภาษาไทยกํากับดวย สวนตัวเลขใหใชเลขไทย หรือเลขอารบิค โดยมีขอความอยางนอยตามแบบที่แนบทายประกาศนี้” ขอ ๖ ประกาศนี้ใหใชบังคับสําหรับเงินไดพึงประเมินประจําป พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่จะตองยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๖๖ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สมศักดิ์ อนันทวัฒน รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕" 110.pdf,"ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ 8) โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือในกลุ่มสาขาอาชีพช่างเครื่องกล กลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ กลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ รวม 19 สาขาอาชีพ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบัน คณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 20 จึงได้มีการประชุมศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับตามมาตรฐานฝีมือ และมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ให้ปรับปรุงอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือดังกล่าว รวม 19 สาขาอาชีพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 79 (4) และ มาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 25๕1 คณะกรรมการค่าจ้างจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ข้อ 2 ในประกาศนี้ “มาตรฐานฝีมือ ” หมายความว่า มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ข้อ 3 ให้ยกเลิกความใน (1) (2) (3) (19) (20) (21) และ (22) ของข้อ 3 ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1) สาขาอาชีพช่างสีรถยนต์ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยสี่สิบบาท ระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยสิบห้าบาท และระดับ 3 เป็นเงินไม่ น้อยกว่าวันละห้าร้อยแปดสิบห้าบาท (2) สาขาอาชีพช่างเคาะตัวถังรถยนต์ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยหกสิบห้าบาท ระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยหกสิบบาท และระดับ 3 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละ หกร้อยห้าสิบบาท (3) สาขาอาชีพช่างซ่อมรถยนต์ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยบาท ระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยเก้าสิบบาท และระดับ 3 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยแปดสิบห้าบาท (19) สาขาอาชีพช่างเย็บ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยสี่สิบห้าบาท ระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยสิบบาท และระดับ 3 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยห้าสิบบาท (20) สาขาอาชีพช่างเครื่องประดับ (ประดับอัญมณี) ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละ สี่ร้อยสี่สิบบาท ระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละหกร้อยห้าบาท และระดับ 3 เป็นเงินไม่น้อยกว่า วันละแปดร้อยยี่สิบห้าบาท ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๓๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๑(21) สาขาอาชีพช่างเครื่องเรือนไม้ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยเจ็ดสิบบาท ระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยยี่สิบห้าบาท และระดับ 3 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละ สี่ร้อยแปดสิบบาท (22) สาขาอาชีพช่างบุครุภัณฑ์ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยห้าสิบห้าบาท ระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยสิบบาท และระดับ 3 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยหกสิบห้าบาท ” ข้อ 4 ให้ยกเลิกความใน (4) (8) (9) และ (10) ของข้อ 3 ตามประกาศคณะกรรมการ ค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “(4) สาขาอาชีพช่างสีเครื่องเรือน ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยแปดสิบห้าบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยเก้าสิบห้าบาท (8) สาขาอาชีพช่างบ ารุงรักษารถยนต์ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยเจ็ดสิบห้าบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยสี่สิบบาท (9) สาขาอาชีพช่างซ่อมเครื่องยนต์ดีเซล ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อย กว่าวันละสี่ร้อยบาท ระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยเก้าสิบบาท และระดับ 3 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละ ห้าร้อยแปดสิบห้าบาท (10) สาขาอาชีพช่างเครื่องปรับอากาศรถยนต์ขนาดเล็ก ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละ สี่ร้อยบาท ระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยก ว่าวันละสี่ร้อยเก้าสิบบาท และระดับ 3 เป็นเงินไม่น้อยกว่า วันละห้าร้อยแปดสิบห้าบาท ” ข้อ 5 ให้ยกเลิกความใน (17) (18) (19) และ (20) ของข้อ 3 ตามประกาศ คณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(17) สาขาอาชีพนักบริหารการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละ สี่ร้อยหกสิบบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยห้าสิบบาท (18) สาขาอาชีพผู้ควบคุมรถยกสินค้าขนาดไม่เกิน 10 ตัน ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่า วันละสี่ร้อยบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยเจ็ดสิบห้าบาท (19) สาขาอาชีพผู้ควบคุมสินค้าคงคลัง ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยแปดสิบห้าบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยหกสิบห้าบาท (20) สาขาอาชีพผู้ปฏิบัติการคลังสินค้า ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยเจ็ดสิบห้าบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยห้าสิบห้าบาท ” ข้อ 6 ให้ยกเลิกความใน (9) (10) (11) และ (12) ของข้อ 3 ตามประกาศ คณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ 7) ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๓๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๑“(9) สาขาอาชีพพนักงานเตรียมวัตถุดิบส าหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยห้าสิบบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยแปดสิบบาท (10) สาขาอาชีพพนักงานผลิตชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ไม้จริงด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยเก้าสิบห้าบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยห้าสิบห้าบาท (11) สาขาอาชีพพนักงา นประกอบเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละ สามร้อยหกสิบห้าบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยสิบห้าบาท (12) สาขาอาชีพช่างท าสีเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยเจ็ดสิบห้าบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยสิบห้าบาท ” ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการค่าจ้าง ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๓๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๑" 1100.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๑๒) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑและเงื่อนไขเพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับการบริจาค เงินหรือทรัพยสินใหแกกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๖ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสรรพากร กําหนดหลักเกณฑและเงื่อนไขเพื่อการยกเวน ภาษีเงินได สําหรับการบริจาคเงินหรือทรัพยสินใหแกกองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ในประกาศนี้ “กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา” หมายความวา กองทุนเพื่อความเสมอภาค ทางการศึกษา ตามกฎหมายวาดวยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ขอ ๒ การไดรับยกเวนภาษีเงินไดของบุคคลธรรมดา สําหรับการบริจาคผานระบบบริจาค อิเล็กทรอนิกสใหแกกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ตามมาตรา ๔ (๑) แหงพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ จะตองบริจาคเปนเงินเทานั้น ขอ ๓ การไดรับยกเวนภาษีเงินไดของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล สําหรับการบริจาค ผานระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกสใหแกกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ตามมาตรา ๔ (๒) แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ จะบริจาคเปนเงิน ทรัพยสินหรือสินคาก็ได ในกรณีที่บริจาคเปนทรัพยสินหรือสินคา ตองเปนไปตามหลักเกณฑและเงื่อนไขดังนี้ (๑) กรณีที่บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลซื้อทรัพยสินมาเพื่อการบริจาค ตองมีหลักฐานการไดมาซึ่งทรัพย สินที่ระบุจํานวนและมูลคาของทรัพยสินนั้น โดยใหถือวามูลคา ตามหลักฐานดังกลาวเปนมูลคาของรายจายที่บริจาค ้หนา ๑๑๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ (๒) กรณีที่บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลนําทรัพยสินที่ไดบันทึกบัญชีทรัพยสินของบริษัท หรือหางหุนสวนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ใหถือเอามูลคาตนทุ นสวนที่เหลือจากการคํานวณหักคาสึกหรอ และคาเสื่อมราคาของทรัพยสินเปนมูลคาของรายจายที่บริจาค (๓) กรณีที่บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลนําสินคามาบริจาค ไมวาจะเปนสินคาที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ใหถือเอามูลคาตนทุนของสินคาดังกลาวที่มีเอกสารหลักฐานสามารถพิสูจนไดเปนมูลคา ของรายจายที่บริจาค แตมูลคาดังกลาวตองไมเกินราคาสินคาคงเหลือยกมา ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) แหงประมวลรัษฎากร (๔) มูลคาของทรัพยสินหรือสินคาที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะตองมีจํานวนไมเกินราคา ที่พึงซื้อไดโดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑๕) แหงประมวลรัษฎากร ขอ ๔ การบริจาคใหแกกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาใหใชขอมูลการบริจาค ที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกสเปนหลักฐานประกอบการใชสิทธิยกเวนภาษีเงินได ตามมาตรา ๔ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎาก ร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยผูที่ใชสิทธิยกเวนภาษีอากรไมตองแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคตอเจาพนักงานประเมิน ขอ ๕ ประกาศนี้ใหใชบังคับตั้งแตวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สมศักดิ์ อนันทวัฒน รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๒๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕" 1101.pdf,"ประกาศส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง โครงสร้างและการจัดองค์กรในการด าเนินงาน สรุปหน้าที่และอ านาจที่ส าคัญ และวิธีการด าเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อรับข้อมูลข่าวสารหรือค าแนะน าในการติดต่อกับ ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๗ (๑) (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ที่จะให้ประชาชนมีโอกาสได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการด าเนินงานต่าง ๆ ของหน่วยงานของรัฐ จึงสมควรประกาศโครงสร้างและการจัดองค์กรในการด าเนินงาน สรุปหน้าที่และ อ านาจที่ส าคัญและวิธีการด าเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือค าแนะน า ในการติดต่อกับส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้ ข้อ ๑ ตามพระราชบัญญัติส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ก าหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมีอ านาจก ากับดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการ ของส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ใ ห้เป็นไปตามหน้าที่และอ านาจ โดยมีคณะกรรมการ ก ากับส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ อันประกอบด้วยประธานกรรมการซึ่งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแต่งตั้ง ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนส านักงบประมาณ ผู้อ านวยการส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแต่งตั้งอีกหกคน เป็นผู้ก ากับดูแลโดยทั่วไป ซึ่งกิจการและการด าเนินการของส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และมีผู้อ านวยการส านักงาน พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นผู้บริหารงานของส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๒ ตามพระราชบัญญัติส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ก าหนดให้ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการส่งเสริมและสนับสนุน การพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิด การพัฒนามาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้ระบบงานเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ เชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นคงปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ และก าหนดหน้าที่ และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) จัดท าแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เสนอต่อคณะกรรมการธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ (๒) จัดท าแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐานที่สอดคล้องกับนโยบาย และแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๕๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕(๓) ส่งเสริมและสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ให้มีการด าเนินการ ด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิ เล็กทรอนิกส์เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ทั้งทางการเงิน การค้า การลงทุน และการน าเข้าส่งออก รวมทั้งการให้บริการประชาชนของภาครัฐ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (๔) ศึกษา วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อรองรับก ารท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งส่งเสริมการออกแบบ สถาปัตยกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเสนอแนะต่อคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในการก าหนดมาตรฐานเรื่อง ดังกล่าว (๕) จัดท าข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรฐาน และมาตรการหรือกลไกการก ากับดูแลที่เกี่ยวข้อง กับการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกันอย่างมีความมั่นคงปลอ ดภัยและ มีความน่าเชื่อถือ (๖) ก ากับดูแลการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตามพระราชกฤษฎีกา ที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการให้การสนับสนุนการประกอบธุรกิจบริการ เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว (๗) วิเคราะห์และรับรองความสอดคล้องและความถูกต้องตามมาตรฐานหรือตามมาตรการ หรือกลไกการก ากับดูแลที่เกี่ยวข้องกับการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (๘) เป็นศูนย์กลางในการให้บริการทางวิชาการหรือให้บริการที่เกี่ยวกับการพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนการ ท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แก่หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานเอกชน และประชาชน รวมทั้งเผยแพร่และให้ความรู้ความเข้าใจในการท าธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (๙) ท าความตกลงและร่วมมือกับองค์การหรือหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างปร ะเทศ ในกิจการที่เกี่ยวกับการด าเนินการตามหน้าที่และอ านาจของส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (๑๐) ฝึกอบรมเพื่อยกระดับของบุคลากรของส านักงานและบุคคลภายนอกให้มีทักษะเกี่ยวกับ มาตรฐาน ความมั่นคงปลอดภัย และการสร้างความน่าเชื่อถือในระบบและการให้บริการทางธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (๑๑) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมาย ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือคณะกรรมการก ากับส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอ นิกส์ มอบหมาย หรือตามที่กฎหมายก าหนด ข้อ ๓ ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มีโครงสร้างและการจัดองค์กร ดังต่อไปนี้ (๑) สายนโยบาย มาตรฐานและก ากับดูแล ประกอบด้วย ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๕๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ (ก) ศูนย์นโยบาย พัฒนามาตรฐานและหลักเกณฑ์การก ากับดูแล ด าเนินงานด้าน การก าหนดนโยบายและแผ น การก าหนดมาตรฐานและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการก ากับดูแลธุรกิจบริการ เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การศึกษา วิจัยและส ารวจข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานและหลักเกณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จัดท าวิธีปฏิบัติการ คู่มือและการก าหนดมาตรการ ทางกฎหมาย (ข) ศูนย์ก ากับดูแลและตรวจสอบธุรกิจ ด าเนินงานด้านการก ากับและตรวจสอบธุรกิจ บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การวิเคราะห์และรับรองความสอดคล้องและความถูกต้อง ตามมาตรฐาน มาตรการ หรือกลไกการดูแลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ค) ศูนย์พัฒนากฎหมาย ด าเนินการด้านการพัฒนากฎหมายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง กับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นแหล่งข้อมูลความรู้ด้านกฎหมายดิจิทัล ด าเนินงานด้านนิติกรรมสัญญา ข้อบังคับและระเบียบ งานสอบสวนคดีของส านักงานหรือที่เกี่ยวข้องกับ การด าเนินงาน รวมทั้งการอุทธรณ์ค าสั่ง ค าวินิจฉัย (๒) สายพัฒนาและส่งเสริมความเป็นเลิศด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย (ก) ศูนย์ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศและความมั่นคงปลอดภัย ด าเนินงาน ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศและความมั่นคงปลอดภั ย พัฒนาและปรับปรุงระบบ สารสนเทศเพื่อให้บริการภายในและบริการที่เกี่ยวข้องกับภายนอก จัดท าแผนและด าเนินงาน ตามสถาปัตยกรรมระบบสารสนเทศของส านักงาน ดูแลระบบเครือข่ายและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สารสนเทศ รวมทั้งสนับสนุนการดูแลรักษาความปลอดภัยให้สามารถรองรับบริการภาย ในและภายนอก (ข) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรม ด าเนินงานด้านการพัฒนาธุรกิจดิจิทัล ศึกษานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล วิเคราะห์ และประเมินโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ ถ่ายทอด และส่งเสริมการประยุกต์ใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดการท าธุ รกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ให้กับหน่วยงานรัฐและเอกชน (ค) ฝ่ายให้ค าปรึกษาและพัฒนาทักษะ ด าเนินงานด้านการให้ค าปรึกษา ถ่ายทอดและ ส่งเสริมความรู้ด้านการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่หน่วยงานของรัฐ เอกชน และประชาชน ทั้งด้านกฎหมายและมาตรฐาน ด้านการบริการโครงสร้างพื้นฐานและสารสนเทศ รวมทั้งการให้ค าปรึกษา และอ านวยความสะดวกในการใช้งานระบบสารสนเทศ การดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัย การสร้าง นวัตกรรมหรือบริการด้านดิจิทัล และการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล (ง) ฝ่ายดูแลบริการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด าเนินงานด้านการบริการลูกค้า รับเรื่อง ร้องเรียน และให้ค าปรึกษา เรื่องการใช้งานระบบที่มีการให้บริการโดยส านักงาน ภัยคุกคามไซเบอร์ หรือประสานส่งต่อเรื่องร้องเรียนที่มีความซับซ้อนให้ฝ่ายให้ค าปรึกษาและพัฒนาทักษะหรือผู้เชี่ยวชาญ ทางเทคนิคเฉพาะด้านในศูนย์หรือฝ่ายอื่ น ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๕๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕(๓) สายยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย (ก) ฝ่ายยุทธศาสตร์ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด าเนินงานด้านการจัดท ายุทธศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ วิจัยเชิงนโยบายและการคาดการณ์อนาคต (Policy and Foresight Research) ส่งเสริมและสร้างความร่วมมือติดตามผลการด าเนินงาน และวิเคราะห์และ ปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์ให้มีความเหมาะสม สนับสนุน บริหารจัดการและอ านวยความสะดวก ในการประชุมของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง (ข) ฝ่ายนโยบายและแผน ด าเนินงานด้านการจัดท าแผนงานงบประมาณและแผนปฏิบัติ การประจ าปี ติดตามและประเมินผลการด าเนินงานตามนโยบายและแผนที่เกี่ยวข้อง เป็นศูนย์กลาง การติดต่อประสานงานและสนับสนุนการสร้างความร่วมมือที่สอดคล้องกับนโยบายและพันธกิจของ ส านักงาน พัฒนาระบบประกันคุณภาพขององค์กร บริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน (ค) ฝ่ายบริหารจัดการโครงการ ด าเนินงานด้านการบริหารจัดการโครงการของส านักงาน ที่มีการท างานร่วมกันระหว่างสายงาน ตลอดจนจัดท าแผนการด าเนินงาน บริหาร ก ากับติดตามและ ประเมินผลโครงการและกิจกรรมของส านักงาน (ง) ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูล ด าเนินงานด้านการพัฒนาและดูแลระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics and Modelling) รวบรวมข้อมูลเชิงสถิติที่เกี่ยวข้องกับการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพ เสนอแนะแนวทางหรือช่องทางการสนับสนุนการใช้งานธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ (๔) สายบริหารองค์กร ประกอบด้วย (ก) ฝ่ายบริหารกลาง ด าเนินงานด้านการเงิน การบัญชี การพัสดุ งานสารบรรณ อาคารสถานที่ และยานพาหนะ งานประสานและอ านวยการ (ข) ฝ่ายสื่อสารองค์กร ด าเนินงานด้านการสื่อสารทั้งในด้านความรู้ การรับรู้ ภาพลักษณ์ และสร้างความสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอก ออกแบบสื่อสร้างสรรค์ เผยแพร่และประชาสัมพันธ์สื่อ และผลงานของส านักงานต่อสาธารณชน รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคม ผ่านองค์ความรู้ของบุคลา กรและเทคโนโลยีที่เหมาะสม (ค) ฝ่ายอ านวยการและทรัพยากรบุคคล ด าเนินงานด้านการบริหารจัดการและ พัฒนาทรัพยากรบุคคลของส านักงาน บริหารจัดการและรวบรวมองค์ความรู้ขององค์กร สนับสนุน การด าเนินงานและบริหารจัดการการประชุมของคณะกรรมการและผู้บริหาร ก ากับการปฏิบัติง าน ให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อก าหนด ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ ค าสั่ง หรือมติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (๕) ฝ่ายตรวจสอบภายใน ซึ่งขึ้นตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ด าเนินงานด้าน การตรวจสอบภายใน ทั้งด้านการด าเนินงานและด้านระบบสารสนเทศ รวมทั้งด าเนินงานด้าน การเสริมสร้างความมั่นใจต่อความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของระบบการบริหารความเสี่ยง ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๕๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ระบบควบคุมภายใน และความถูกต้องเชื่อถือได้ของข้อมูลด้านการเงิน ตลอดจนการปฏิบัติตาม กฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ ค าสั่ง และนโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนวทางก ากับ ดูแลที่ดี ข้อ ๔ สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ติดต่อได้ที่ ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เลขที่ ๓๓/๔ อาคารเดอะไนน์ ทาวเวอร์ แกรนด์ พระรามเก้า อาคารบี ชั้น ๒๐ - ๒๒ ถนนพระรามเก้า แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ๑๐๓๑๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๑๒๓ ๑๒๓๔ โทรสาร ๐ ๒๑๒๓ ๑๒๐๐ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ info@etda.or.th เว็บไซต์ http://www.etda.or.th ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖4 ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อ านวยการ ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๕๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๕" 1103.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ๒) ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการท างานของคนต่ างด้าวสัญชาติดังกล่าวนั้น เนื่องจากมีคนต่างด้าวจ านวนมากยังค้างการด าเนินการในขั้นตอนการช าระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตท างาน สมควรขยายระยะเวลาการด าเนินการดังกล่าวเพื่อให้คนต่างด้าวสามารถท างานได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓/๒ แห่งพระราชก าหนดการบริหาร จัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนดการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความใน (๒) ของข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้ าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒) ให้นายจ้างยื่นค าขออนุญาตท างานแทนคนต่างด้าว พร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐาน ตามที่ระบุไว้ในแบบค าขอที่อธิบดีก าหนดต่อนายทะเบียนภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ ได้จัดท าข้อมูล ตาม (๑) โดยให้ช าระค่าธรรมเนียมค่ายื่นค าขอฉบับละ ๑๐๐ บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ท างานฉบับละ ๑,๓๕๐ บาท ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้ยื่นค าขอ แต่ต้องไม่เกินวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ณ ท้องที่อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ท างานขอ งคนต่างด้าว ดังต่อไปนี้ (ก) ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ ส านักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ กรมการจัดหางาน (ข) ในจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ ส านักงานจัดหางานจังหวัด (ค) สถานที่อื่นตามที่อธิบดีก าหนด ” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕6๕ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๕๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ มีนาคม ๒๕๖๕" 1106.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) มีแนวโน้มลดลง และอัตราการครองเตียงในสถานพยาบาล ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติลดลงอย่างมีนัยส าคัญ ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับส านักงานหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาความจ าเป็นเหมาะสมและกรอบเวลาในการให้การใช้สิทธิ UCEP กลับเข้าสู่ระบบปกติ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ดังนั้น เพื่อเป็นการ ยกเลิกกฎหมายที่หมด ความจ าเป็นและไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ จึงสมควรยกเลิกประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) และที่แก้ไขเพิ่มเติม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และมาตรา ๓๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสา ธารณสุข โดยค าแนะน าของคณะกรรมการสถานพยาบาล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19))” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ลงวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2563 (๒) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕(๓) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ประกาศ ณ วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖5 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕" 1107.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ จ านวน หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของผู้มีหน้าที่ ปฏิบัติการในสถานที่ผลิต น าเข้า ขาย และเก็บรักษาผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2565 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (13) แห่งพระราชบัญญัติ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยค าแนะน าของคณะกรรมการ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ จ านวน หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการในสถานที่ผลิต น าเข้า ขาย และเก็บรักษาผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2565” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามความใน (๒) ของบทนิยามค าว่า “ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ “วัตถุดิบ” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามความใน (3) ของบทนิยามค าว่า “ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ “ยาแผนจีน” หมายความว่า ยาที่ได้จากสมุนไพรโดยตรง หรือที่ได้จากการผสม ปรุง หรือแปรสภาพสมุนไพร ที่มุ่งหมายส าหรับใช้ตามศาสตร์องค์ความรู้การแพทย์แผนจีนหรือยาตามที่ รัฐมนตรีประกาศก าหนดให้เป็นยาแผนจีน ข้อ ๔ ให้สถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตหรือน าเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพรแต่ละประเภทต้องมี ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการประจ าสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตหรือน าเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่มีคุณสมบัติ และจ านวน ดังนี้ (๑) ยาแผนไทย (ก) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยด้านเภสัชกรรมไทยหรือด้านเวชกรรมไทย ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (ข) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์ แผนไทย อย่างน้อยหนึ่งคน (๒) ยาแผนจีน ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ อย่างน้อยหนึ่งคน (๓) ยาพัฒนาจากสมุนไพร ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเภสัชกรรม อย่างน้อยหนึ่งคน กรณีสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิต หรือน าเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพร ประเภทยาแผนไทย มีการผลิตหรือน าเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพร ประเภทยาพัฒนาจากสมุนไพรตามรายการและเงื่อนไข ที่เลขาธิการประกาศก า หนด ให้มีผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการที่มีคุณสมบัติตาม (๑) ก็ได้ (๔) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ (ก) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยด้านเภสัชกรรมไทยหรือด้านเวชกรรมไทย ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (ข) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์ แผนไทย อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (ค) ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (ง) ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเภสัช กรรม อย่างน้อยหนึ่งคน กรณีสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตหรือน าเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพร ประเภทผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อสุขภาพส าหรับรับประทาน ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการอาจเป็นนักวิทยาศาสตร์สาขาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีการอาหาร สาขาเทคโนโลยีการอาหาร หรือสาขาอื่นที่มีคุ ณสมบัติเทียบเท่าโดยความเห็นชอบ ของส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา อย่างน้อยหนึ่งคน นอกเหนือจาก (ก) (ข) (ค) หรือ (ง) ก็ได้ กรณีสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตหรือน าเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพร ประเภทผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อสุขภาพส าหรับใช้ภายนอก ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการตามวรรคหนึ่งอาจเป็นนักวิทยาศาสตร์สาขา วิทยาศาสตร์เครื่องส าอาง หรือสาขาอื่นที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าโดยความเห็นชอบของส านักงาน คณะกรรมการอาหารและยา อย่างน้อยหนึ่งคน นอกเหนือจาก (ก) (ข) (ค) หรือ (ง) ก็ได้ (๕) วัตถุดิบ (ก) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยด้านเภสัชกรรมไทยหรือด้านเวชกรรมไทย ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (ข) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์ แผนไทย อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (ค) ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ (ง) ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเภสัชกรรม อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (จ) นักวิทยาศาสตร์สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร สาขาเทคโนโลยีการอาหาร สาขาวิทยาศาสตร์เครื่องส าอาง หรือสาขาอื่นที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันโดยความเห็นชอบของส านักงาน คณะกรรมการอาหารและยา อย่างน้อยหนึ่งคน ทั้งนี้ ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการประจ าสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิต หรือน าเข้าวัตถุดิบต้องมี คุณสมบัติที่สอดคล้องกับลักษณะ หรือประเภทของวัตถุดิบอย่างน้อยหนึ่งคน โดยให้เป็นไปตามที่ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาประกาศก าหนด กรณีที่สถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิต หรือน าเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพรตั้งอยู่ในสถานที่เดียวกัน ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการสามารถเป็นบุคคลเดียวกันไ ด้ โดยผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการจะต้องมีคุณสมบัติ ตามประเภทของผลิตภัณฑ์สมุนไพรนั้น ข้อ ๕ ให้สถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรแต่ละประเภทต้องมีผู้มีหน้าที่ ปฏิบัติการประจ าสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่มีคุณสมบัติและจ านวน ดังนี้ (๑) ยาแผนไทย ยาแผนจีน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ และวัตถุดิบ (ก) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยด้านเภสัชกรรมไทยหรือด้านเวชกรรมไทย ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (ข) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์ แผนไทย อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (ค) ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ อย่างน้อยหนึ่งคน หรือ (ง) ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเภสัชกรรม อย่างน้อยหนึ่งคน (๒) ยาพัฒนาจากสมุนไพร ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเภสัชกรรม อย่างน้อยหนึ่งคน กรณีสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร ประเภทยาแผนไทย มีการขาย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ประเภทยาพัฒนาจากสมุนไพรตามรายการที่เลขาธิการประกาศก าหนดร่วมด้วย ให้มีผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการที่มีคุณสมบัติตาม (๑) ก็ได้ ข้อ 6 กรณีที่สถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิต น าเข้า หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร มีการผลิต น าเข้า หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาก กว่าหนึ่งประเภทในสถานที่เดียวกัน ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ ในสถานที่ดังกล่าวจะเป็นบุคคลเดียวกันก็ได้ โดยต้องมีคุณสมบัติครบทุกประเภทผลิตภัณฑ์สมุนไพร ตามข้อ ๔ และหรือ ข้อ ๕ แล้วแต่กรณี ยกเว้นกรณีที่สถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตยาแผนไทยและ ยาแผนจีนเป็นสถานที่แห่งเดียวกัน ให้ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการเป็นผู้มีคุณสมบัติและจ านวนตามข้อ ๔ (๑) หรือข้อ ๔ (๒) ก็ได้ ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ข้อ ๗ ให้ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการประจ าสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิต น าเข้า หรือขาย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยาแผนไทย ยาแผนจีน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ และยาพัฒนาจากสมุนไพร ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรที่ได้รับการรับรองตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ส านักงานคณะกรรมการอาหาร และยาก าหนด ข้อ ๘ ความในข้อ ๗ มิให้น ามาใช้บังคับแก่ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการที่ปฏิ บัติหน้าที่อยู่ก่อน ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ แต่เมื่อพ้นก าหนดระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการดังกล่าว ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ส านักงาน คณะกรรมการอาหารและยาก าหนด ข้อ ๙ ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการตามข้อ ๔ และข้อ ๕ จะต้องอยู่ประจ า ณ สถานที่ที่ตนเป็น ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการตลอดเวลาที่ปฏิบัติการ และไม่เป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการหลายแห่งในเวลาเดียวกัน ข้อ ๑๐ ภายในระยะเวลา ๕ ปี นับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ มิให้น าความในข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 และข้อ 8 มาใช้บังคับแก่สถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตผลิต น าเข้า หรือขาย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ได้รับใบอนุญาตอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ประกาศ ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฎิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕" 1111.pdf," กฎกระทรวง ฉบับที่ 380 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. ๒๕13 และมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระท รวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (104) ของข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร “(104) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล เฉพาะ ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เ กินกว่าที่ลงทุน เป็นจ านวนเท่ากับผลขาดทุนจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิทัลที่เกิดขึ้นในปีภาษีเดียวกัน ทั้งนี้ เฉพาะผลประโยชน์และผลขาดทุนจากการโอนคริปโท เคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลซึ่งกระท าในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศก าหนด ” ให้ไว้ ณ วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖5 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 40 (4) (ฌ) แห่งประมวล รัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561 ก าหนดให้ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้ เกินกว่าที่ลงทุน เป็นเงินได้พึงประเมิน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการจัดเก็บภาษี และเพื่อสนับสนุน ให้มีการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทั ลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบ ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล อันจะเป็นประโยชน์แก่การก ากับดูแลการท าธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล สมควรก าหนดให้ ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน เป็นจ านวนเท่ากับผลขาดทุนจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลที่เกิดขึ้นในปีภาษีเดียวกัน ซึ่งกระท าในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมค านวณเพื่อเสียภาษีเงิ นได้ จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๑๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๕" 1114.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ และการติดตั้งเข็มขัดนิรภัย และก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองแบบการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กรมการขนส่งทางบกได้มีประกาศ เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ และการติดตั้ง เข็มขัดนิรภัย และก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองแบบการติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ของรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ไว้แล้ว นั้น โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) และภัยธรรมชาติ ได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เซมิคอนดักเตอร์ ท าให้เกิดการขาดแคลน ชิ้นส่วนดังกล่าว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ส าคัญในชิ้นส่วนต่าง ๆ ของระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ อันท าให้ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เกิดความล่าช้าทั้งในส่วนการผลิตรถตัวอย่างและการส่งรถไป ท าการทดสอบเพื่อน าผลมาใช้ในการรับรองแบบ ประกอบกับทิศทางการพัฒนาข้อก าหนดทางเทคนิค ด้านความปลอดภัยในระดับสากล มีแนวโน้มที่จะยอมรับการใช้ข้อก าหนดทางเทคนิคเดิมกับรถ รุ่นปัจจุบัน (Existing Model) ที่มีอยู่ก่อนการออกข้อก าหนดทางเทคนิคดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้ การปฏิบัติเกี่ยวกับการรับรองแบบการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยสอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ สมควรผ่อนคลายมาตรการ ตามประกาศดังกล่าวส าหรับรถยนต์ที่ผลิตไว้ก่อนวันที่ประกาศดังกล่าว มีผลใช้บังคับ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ แห่งกฎกระทรวงก าหนดส่วนควบ และเครื่องอุปกรณ์ส าหรับรถ พ.ศ. ๒๕๕๑ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๑ ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ และการติดตั้งเข็มขัดนิรภัย และก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองแบบ การติดตั้งเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับผู้ผลิตรถยนต์นั่ง ( M๑) และรถบรรทุก ( N๑) แบบใหม่ที่ผลิต ประกอบ น าเข้าตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕" 1115.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ และก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การรับรองแบบจุดยึดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กรมการขนส่งทางบกได้มีประกาศ เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ และก าหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองแบบจุดยึดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ไว้แล้ว นั้น โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรั สโคโรนา 2019 (COVID - 19) และภัยธรรมชาติ ได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เซมิคอนดักเตอร์ ท าให้เกิดการขาดแคลน ชิ้นส่วนดังกล่าว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ส าคัญในชิ้นส่วนต่าง ๆ ของระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ อันท าให้ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ เกิดความล่าช้าทั้งในส่วนการผลิตรถตัวอย่างและการส่งรถไป ท าการทดสอบเพื่อน าผลมาใช้ในการรับรองแบบ ประกอบกับทิศทางการพัฒนาข้อก าหนดทางเทคนิค ด้านความปลอดภัยในระดับสากล มีแนวโน้มที่จะยอมรับการใช้ข้อก าหนดทางเทคนิคเดิมกับ รถรุ่นปัจจุบัน (Existing Model) ที่มีอยู่ก่อนการออกข้อก าหนดทางเทคนิคดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้ การปฏิบัติเกี่ยวกับการรับรองแบบจุดยึดเข็มขัดนิรภัยสอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ สมควรผ่อนคลายมาตรการตามประกาศดังกล่าวส าหรับรถยนต์ที่ผลิตไว้ก่อนวันที่ประกาศดังกล่าว มีผลใช้บังคับ อาศัยอ านาจตามความใ นข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ แห่งกฎกระทรวงก าหนดส่วนควบ และเครื่องอุปกรณ์ส าหรับรถ พ.ศ. ๒๕๕๑ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๓ ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ และก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองแบบจุดยึดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับผู้ผลิตรถยนต์นั่ง ( M๑) และรถบรรทุก ( N๑) แบบใหม่ที่ผลิต ประกอบ น าเข้าตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕" 1117.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ข้อก าหนด ประกาศ และค าสั่งที่นายกรัฐมนตรีก าหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๗) ลงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือ ประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านาจตา มความในมาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีจึงให้ บรรดาข้อก าหนด ประกาศ และค าสั่งที่นายกรัฐมนตรีก าหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ ตามประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่า นายกรัฐมนตรีจะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๕๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๕" 1118.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีก าหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๗) ลงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือ ประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชก าหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศที่คณะรัฐมนตรี ก าหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และค าสั่งนายกรัฐม นตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๕๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๖๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๕" 112.pdf,"ประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์การเป็นผู้ทุพพลภาพของกองทุนเงินทดแทน โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์ในกรณีทุพพลภาพให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ เงินทดแทน พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ซึ่งบัญญัติให้กรณีทุพพลภาพเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เลขาธิการประกาศก าหนดโดยค าแนะน าของ คณะกรรมการการแพทย์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 เลขาธิการส านักงานประกันสังคม โดยค าแนะน าของคณะกรรมการการแพทย์จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “คณะกรรมการการแพทย์ ” หมายถึง คณะกรรมการการแพทย์ตามกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน “คณะอนุกรรมการ ” หมายถึง คณะอนุกรรมการในคณะกรรมการการแพทย์กองทุนเงินทดแทน หรือคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนซึ่งได้รับมอบหมายให้ตรวจประเมินการสูญเสีย สมรรถภาพร่างกายของลูกจ้าง “แพทย์” หมายถึง แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งที่ขึ้นทะเบียนเป็นแพทย์ผู้ประเมินการสูญเสีย สมรรถภาพไว้กับส านักงานประกันสังคมหรือผู้ที่คณะกรรมการการแพท ย์กองทุนเงินทดแทนมอบหมาย เพื่อตรวจประเมินการสูญเสียสมรรถภาพ ข้อ 3 หลักเกณฑ์ทุพพลภาพที่มีสิทธิได้รับค่าทดแทนกรณีทุพพลภาพตามมาตรา 18 (3) แห่งพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 (ก) ลูกจ้างสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกาย หรือสูญเสีย สภาวะปกติของจิตใจ จนท าให้ความสามารถในการท างานลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติได้ เกินกว่าร้อยละหกสิบของสมรรถภาพทั้งร่างกายตามคู่มือแนวทางการประเมินการสูญเสียสมรรถภาพ ทางกายและจิตที่ส านักงานประกันสังคมก าหนด ในกรณีที่วิธีการประเมินและอัตราการสูญเสียสมรรถภาพมิได้ก าหนดไว้ในคู่มือตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการการแพทย์เป็นผู้ประเมินและก าหนดอัตราการสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะนั้น ๆ (ข) ลูกจ้างมีการสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกาย ดังต่อไปนี้ (๑) ขาทั้งสองข้างขาด (๒) มือหนึ่งข้างกับเท้าหนึ่งข้างขาด (๓) มือทั้งสองข้างขาด ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๓๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ (๔) สูญเสียลูกตาทั้งสองข้างหรือสูญเสียลูกตาข้างหนึ่งกับสูญเสียสมรรถภาพ ในการมองเห็นร้อยละเ ก้าสิบขึ้นไปหรือเสียความสามารถในการมองเห็นตั้งแต่ ๓/๖๐ หรือมากกว่า ของตาอีกข้างหนึ่งหรือสูญเสียสมรรถภาพในการมองเห็นร้อยละเก้าสิบขึ้นไปหรือเสียความสามารถ ในการมองเห็นตั้งแต่ ๓/๖๐ หรือมากกว่าของตาทั้งสองข้าง (๕) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่ศีรษะและหรือกระดูกสันหลังเป็นเหตุให้สูญเสีย สมรรถภาพในการท างานโดยสิ้นเชิงของ (๕.๑) ขาทั้งสองข้างหรือ (๕.๒) มือหนึ่งข้างกับเท้าหนึ่งข้างหรือ (๕.๓) มือทั้งสองข้าง (๖) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่ศีรษะอันเป็นเหตุให้เกิดความผิดป กติของความรู้สึกตัว และหรือจิตฟั่นเฟือนเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติงานได้และไม่สามารถรักษาให้หายได้หรือวิกลจริต ประกาศ ณ วันที่ 1๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ อนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการส านักงานประกันสังคม ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๓๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑" 1124.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๑๗) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคล สําหรับเงินไดที่ไดจายเปนคาซื้อหรือจางทําโปรแกรมคอมพิวเตอรหรือคาใชบริการโปรแกรมคอมพิวเตอร อาศัยอํานาจตามความในมาต รา ๔ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๕) พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคล สําหรับเงินไดที่ไดจายเปนคาซื้อหรือจางทําโปรแกรมคอมพิวเตอร หรือคาใชบริการโปรแกรมคอมพิวเตอร ดังตอไปนี้ ขอ ๑ การยกเวนภาษีเงินไดสําหรับเงินไดที่ไดจายเปนคาซื้อหรือคาจางทําโปรแกรมคอมพิวเตอร หรือคาใชบริการโปรแกรมคอมพิวเตอร ตามมาตรา ๔ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบั บที่ ๗๒๕) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตองเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) เปนการจายคาซื้อหรือคาจางทําโปรแกรมคอมพิวเตอร หรือคาใชบริการ โปรแกรมคอมพิวเตอร ซึ่งไมรวมคาบํารุงรักษารายป และคาใชจายที่ไมเกี่ยวของโดยตรงกับการใช โปรแกรมคอมพิวเตอร ใหแกผูขาย หรือผูรับจางทํา หรือผูใหบริการโปรแกรมคอมพิวเตอรที่ไดรับการขึ้นทะเบียน จากสํานักงานสงเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (๒) เปนโปรแกรมคอมพิวเตอร ที่ใชในการบริหารจัดการธุรกิจดานตาง ๆ และเปน โปรแกรมคอมพิวเตอรที่ถูกสรางและพัฒนาขึ้นในประ เทศไทย (๓) ใหบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลไดรับสิทธิยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคลสําหรับเงินได เทากับรายจายที่ไดจายเปนคาซื้อหรือจางทํา หรือคาใชบริการโปรแกรมคอมพิวเตอรเปนจํานวนรอยละหนึ่งรอยของรายจายตามจํานวนที่ไดจายไปจริงแตไมเกินหนึ่งแสนบาทในแตละรอบระยะเวลาบัญชี (๔) โปรแกรมคอมพิวเตอรที่ซื้อหรือจางทํา ตองนํามาหักคาสึกหรอและคาเสื่อมราคา ของทรัพยสินได ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๒) แหงประมวลรัษฎากร และตองไดมาและอยูในสภาพพรอมใชงาน ตามประสงคภายในวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการจายคาซื้อหรือคาจางทํา ้หนา ๑๖๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕ (๕) โปรแกรมคอมพิวเตอรที่บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลไดซื้อ จางทํา หรือใชบริการ จะตองไมเปนโปรแกรมคอมพิวเตอรประเภทเดียวกันตามรายงานแสดงรายละเอียดประเภทและลักษณะ ของโปรแกรมคอมพิว เตอรที่ไดซื้อ จางทํา หรือใชบริการในรอบระยะเวลาบัญชีกอนหนานั้น ทั้งนี้ เฉพาะภายใน รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ แตไมเกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ขอ ๒ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคลตองจัดทํารายงาน แสดงรายละเอียดของโปรแกรมคอมพิวเตอรที่ใชสิทธิยกเวนนั้น โดยตองมีรายการและขอความอยางนอย ตามแบบที่แนบทายประกาศนี้ และเก็บรักษารายงานดังกลาว รวมทั้งเอกสารประกอบการลงรายการในรายงานไว ณ สถานประกอบการพรอมใหเจาพนักงานประเมินตรวจสอบได ขอ ๓ ประกาศนี้ใหใชบังคับตั้งแตวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สมศักดิ์ อนันทวัฒน รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๖๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕รายงานแสดงรายละเอียด ประเภทและลักษณะของโปรแกรมคอมพิวเตอรที่จะใชสิทธิตามมาตรา ๔ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๕) พ.ศ. ๒๕๖๔ ชื่อผูมีหนาที่เสียภาษี ........................................................ .................................................... เลขประจําตัวผูเสียภาษี ................. ................................................... ลําดับที่ ประเภทของโปรแกรมคอมพิวเตอร เลือกไดมากกวา ๑ หัวขอ ลักษณะการใชงาน ของโปรแกรมคอมพิวเตอร วันที่โปรแกรม คอมพิวเตอรพรอมใช งานไดตามประสงค หมายเหตุ ERP (ระบบบริหารจัดการทรัพยากรองคกร) CRM (ระบบบริหารความสัมพันธกับลูกคา) POS (ระบบบริการ ณ จุดขาย) MRP (ระบบบริหารจัดการและวางแผนการผลิต ) Account (ระบบบัญชี) Personnel (ระบบบริหารงานบุคคล) Logistics (ระบบบริหารการขนสง) Inventory (ระบบบริหารงานคลังสินคา) อื่นๆ ระบุ..... หมายเหตุ โปรแกรมคอมพิวเตอร ใหระบุชื่อ ยี่หอ รุน ขนาด หรือคุณลักษณะจําเพาะ ( Specification ) ดวย (ถามี) " 1125.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๑๙) เรื่อง กําหนดใหผูยื่นรายการแจงขอความ ตามรายงานขอมูลรายประเทศ ( Countr y-by-Country Report) เพื่อประโยชนในการจัดเก็บภาษีอากร อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๗ วรรคสาม (๒) แหงประมวลรัษฎากร ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๕) พ.ศ. ๒๕๒๕ อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดใหบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลแจงขอความตาม ประกาศนี้ ตอเจาพนักงานประเมินพรอมกับการยื่นแบบแสดงรายการ ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนขอ ๒/๑ ขอ ๒/๒ และขอ ๒/๓ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๐๘) เรื่อง กําหนดใหผูยื่นรายการแจงขอความตามรายงานขอมู ลรายประเทศ (Country -by-Country Report) ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ “ขอ ๒/๑ ใหบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่มีหนาที่แจงขอความตามขอ ๒ แจงขอความ ดังกลาวผานระบบเครือขายอินเทอรเน็ตทางเว็บไซต (Website) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ดังนี้ (๑) เขาสูระบบรายงานขอมูลรายประเทศ ( Country -by-Country Report) ทางเว็บไซต ( Website) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยตรง โดยใชชื่อผูใช ( Username) และรหัสผาน ( Password) ที่ไดรับจากการลงทะเบียนเขาใชระบบดัง กลาวของกรมสรรพากร (๒) เขาสูระบบรายงานขอมูลรายประเทศ ( Country -by-Country Report) ทางเว็บไซต (Website) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ผานระบบบริการ Tax Single Sign On ทางเว็บไซต (Website) ของกระทรวงการคลัง https://etax.mof.go.th โดยใชชื่อผูใช (Username) และรหัสผาน ( Password) ที่ไดรับจากการลงทะเบียนเขาใชระบบบริการ Tax Single Sign On ของกระทรวงการคลัง ขอ ๒/๒ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ประสงคจะแจงขอความตามขอ ๒/๑ จะตองยื่นคําขอ เพื่อลงทะเบียนการใชระบบรายงานขอมู ลรายประเทศ ( Country -by-Country Report) ผานระบบ้หนา ๑๖๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕เครือขายอินเทอรเน็ตของกรมสรรพากรตามขอ ๒/๑ (๑) หรือระบบบริการ Tax Single Sign On ของกระทรวงการคลังตามขอ ๒/๑ (๒) และเมื่อไดรับอนุมัติแลวจึงจะมีสิทธิแจงขอความตามรายงาน ขอมูลรายประเทศ ( Count ry-by-Country Report) ผานระบบเครือขายอินเทอรเน็ตทางเว็บไซต (Website) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ขอ ๒/๓ การแจงขอความตามรายงานขอมูลรายประเทศ ( Country -by-Country Report) ตามขอ ๒/๑ ใหถือวาบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลไดแจงขอความดังกลาวแลวเมื่อบริษัทหรือหางหุนสวน นิติบุคคลนั้นไดรับใบรับการแจงขอความตามรายงานขอมูลรายประเทศ ( Country -by-Country Report) จากระบบรายงานขอมูลรายประเทศ ( Country -by-Country Report)” ขอ ๒ ใหยกเลิกความในขอ ๔ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๐๘) เรื่อง กําหนดใหผูยื่นรายการแจงขอความตามรายงานขอมูลรายประเทศ ( Country -by-Country Report) ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ และใหใชความตอไปนี้แทน “ขอ ๔ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลลําดับสูงสุดของกลุมบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล ขามชาติที่เปนผูมีถิ่นที่อยูทางภาษีในตางประเทศหรือเขตเศรษฐกิจอื่นอาจแตงตั้งตัวแทนของบริษัท หรือหางหุนสวนนิติบุคคลลําดับสูงสุดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และใหตัวแทนขอ งบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล ลําดับสูงสุดดังกลาวแจงขอความตามรายงานขอมูลรายประเทศ ( Country -by-Country Report) ตอเจาพนักงานประเมินพรอมกับแบบ ภ.ง.ด. ๕๐ ตามขอ ๒ และขอ ๒/๑ ก็ไดหากปรากฏขอเท็จจริง ดังตอไปนี้ (๑) ประเทศหรือเขตเศรษฐกิจที่บริษั ทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลลําดับสูงสุด เปนผูมีถิ่นที่อยูทางภาษีไมมีกฎหมายกําหนดใหบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลลําดับสูงสุดดังกลาว มีหนาที่แจงขอความตามรายงานขอมูลรายประเทศ ( Country -by-Country Report) (๒) บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลลําดับสูงสุดต าม (๑) ไดแตงตั้งบริษัท หรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยเปนตัวแทนของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล ลําดับสูงสุดเปนหนังสือ พรอมทั้งแจงการแตงตั้งดังกลาวตอเจาหนาที่ผูมีอํานาจของประเทศไทย และ (๓) รอบระยะเวลาบัญชีของตัวแทนของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลลําดับสูงสุด ตาม (๒) ตรงกันกับรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลลําดับสูงสุด ” ้หนา ๑๖๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕ขอ ๓ ประกาศนี้มีผลใชบังคับสําหรับการแจงขอความสําหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลัง วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เอกนิติ นิติทัณฑประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๖๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕" 1126.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ 245/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปฏิบัติพิธีการศุลกากรในการยกเว้นอากรศุลกากร ส าหรับของที่น าเข้ามาเพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ในการยกเว้นอากรศุลกากรส าหรับของที่น าเข้ามาเพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรส าหรับของที่น าเข้ามา เพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒560 ประกอบกับ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรส าหรับของที่น าเข้ามาเพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564 อธิบดีกรมศุลกากร ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกรมศุลกากร ที่ 68/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปฏิบัติพิธีการศุลกากรในการยกเว้นอากรศุลกากรส าหรับของที่น าเข้ามาเพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564 ข้อ 2 ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรส าหรับของที่น าเข้ามา เพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ก าหนดให้ยกเว้นอากรส าหรับของในภาค 2 แห่งพิกัดอัตราศุลกากรท้ายพระราชก าหนด พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2564 ที่น าเข้ามาเพื่อรักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ว่าจะอยู่ในพิกัด ประเภทใด ทั้งนี้ ตามรายการที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศก าหนด ข้อ 3 ให้ผู้น าของเข้าปฏิบัติพิธีการตามประกาศกรมศุลกากรที่เกี่ยวข้อง ข้อ 4 ให้ผู้น าของเข้าจัดท าข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรก าหนด โดยบันทึกในช่องสิทธิพิเศษของแต่ละรายการ ระบุเป็น “CV3” ข้อ 5 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕64 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๓๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕" 1128.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์การขอรับบริการทางการแพทย์โดยการบ าบัด ทดแทนไตเพื่ออ านวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้ประกันตน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 15 (2) และมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติ มโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 คณะกรรมการการแพทย์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 3/1 ของหลักเกณฑ์ และอัตราการบริการทางการแพทย์ โดยการบ าบัดทดแทนไต ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจาก การท างาน ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการแพทย์ ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณี ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน ลงวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 “3/1 ผู้ประกันตนที่ประสงค์จะขอรับบริการ ทางการแพทย์โดยการบ าบัดทดแทนไตกรณี การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม อาจยื่นค าขอด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยแนบหลักฐานเอกสาร ประกอบค าขอตามข้อ 3 และให้ส านักงานพิจารณาวินิจฉัยอนุมัติสิทธิบ าบัดทดแทนไตให้แก่ผู้ประกันตน ” ประกาศ ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕65 ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณเหลือพร ปุณณกันต์ ประธานกรรมการการแพทย์ ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๕" 1129.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงข้อก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซลให้เหมาะสม ยิ่งขึ น อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 25 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการค้าน ้ามันเชื อเพลิง พ.ศ. 2543 อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ข้อ 1 ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในรายการ 17 ในตารางหมายเลข 1 ลักษณะและคุณภาพ ของน ้ามันดีเซล แนบท้ายประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามั นดีเซล (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี แทน รายการ ข้อก้าหนด อัตราสูงต่้า น ้ามันดีเซล วิธีทดสอบ1/ หมุนเร็ว หมุนช้า ธรรมดา บี 7 บี 20 17 ไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ ร้อยละโดยปริมาตร ของกรดไขมัน (Methyl ester of fatty acids) % vol. ไม่ต่้ากว่า และ ไม่สูงกว่า 5.0 10 5.0 7 5.0 20 - EN 14078 ตั งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ไม่ต่้ากว่า และ ไม่สูงกว่า 9 10 6.6 7 19 20 - ประกาศ ณ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖5 นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๕" 1134.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑/๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการกระตุ้นการลงทุน อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๒/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ เรื่อง นโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน เพื่อกระตุ้นให้โครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายเร่งการลงทุนโดยเร็ว อาศัยอ านาจ ตามความในมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังนี้ ข้อ ๑ ก าหนดให้พื้นที่ทุกจังหวัดเป็นเขตส่งเสริมการลงทุน ข้อ ๒ เงื่อนไข ๒.๑ ต้องเป็นกิจการในกลุ่ม A๑ A๒ และ A๓ ยกเว้น (๑) ประเภทกิจการที่ไม่มีที่ตั้งสถานประกอบการ เช่น กิจการขนส่งทางอากาศ กิจการขนส่งทางเรือ เป็นต้น (๒) ประเภทกิจการที่ก าหนดเงื่อนไขให้ตั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษเท่านั้น ๒.๒ ต้องเป็นโครงการที่ได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่าง ๆ รวมกันแล้วไม่เกิน ๘ ปี ๒.๓ ต้องมีการลงทุนจริง (โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) ไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท ภายใน ๑๒ เดือน นับจากวันที่ออกบัตรส่งเสริม ๒.๔ จะไม่อนุญาตให้ขยายเวลาตอบรับการส่งเสริมและส่งหลักฐานการออกบัตรส่งเสริม ทั้งนี้ จะพิจารณาขยายเวลาน าเข้าเครื่องจักรและเปิดด าเนินการตาม ความเหมาะสม ๒.๕ ต้องยื่นหลักฐานการลงทุนจริงเพื่อขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามแบบ ที่ส านักงานก าหนดภายใน ๑๘ เดือน นับจากวันที่ออกบัตรส่งเสริม ทั้งนี้ จะพิจารณาขยายเวลา ยื่นหลักฐานการลงทุนจริงเพื่อขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม โดยในวันที่ยื่นขอรับสิทธิ และประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการนี้ จะต้องมีสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลืออยู่ ทั้งระยะเวลาและวงเงินที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ข้อ ๓ สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติม ให้ได้รับสิทธิและประโยชน์การลดหย่อนภาษีเ งินได้นิติบุคคลส าหรับก าไรสุทธิที่ได้จาก การลงทุนในอัตราร้อยละ ๕๐ ของอัตราปกติเป็นระยะเวลา ๕ ปี นับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕ข้อ ๔ ประกาศฉบับนี้ใช้กับโครงการที่ยื่นค าขอรับการส่งเสริมตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๕ ถึงวันท าการสุดท้ายของปี ๒๕๖๕ ข้อ ๕ มอบอ านาจให้ส านักงานกระท าการแทนในการพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้แก้ไข โครงการ เพื่อขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมส าหรับโครงการทุกขนาดการลงทุนตามมาตรการนี้ รวมถึงการพิจารณาขยายเวลายื่นหลักฐานการลงทุนจริง เพื่อขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕" 1135.pdf,"ประกาศส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๑/๒๕๖๕ เรื่อง ประเภทกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๔/๒๕๖๔ อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๔/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๔ เรื่อง มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม การลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศก าหนดประเภทกิจการ ที่ไม่ให้ได้รับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติม ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๔/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๔ เรื่อง มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ ประเภท ๑.๒๓ กิจการผลิตหรือให้บริการระบบเกษตรสมัยใหม่ เช่น ระบบตรวจจับหรือ ติดตามสภาพต่าง ๆ ระบบควบคุมการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง เช่น น า ปุ๋ย เวชภัณฑ์ และระบบโรงเรือนอัจฉริยะ เป็นต้น ประเภท ๔.๑๑.๖ กิจการระบบปฏิบัติการเกี่ยวกับอวกาศ เช่น ระบบค้นหา ระบบสถานี ภาคพื น ระบบตรวจวัด ระบบประเมินผล และระบบน าทางในอวกาศ เป็นต้น ประเภท ๔.๒๒.๒ ระบบจ าลองยุทธ์และการฝึกเสมือนจริง เช่น ระบบเครื่องช่วยฝึกยานรบ เสมือนจริง ระบบเครื่องช่วยฝึกใช้อาวุธเสมือนจริง และระบบสนามฝึกยิง อาวุธประจ ากายและอาวุธประ จ าหน่วยระบบจ าลองยุทธ์ปฏิบัติการร่วม (JTLS) เป็นต้น ประเภท ๕.๗ กิจการซอฟต์แวร์ ประเภท ๕.๙ กิจการให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล (DIGITAL SERVICES) ประเภท ๕.๑๐ กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล หรือดิจิทัล คอนเทนต์ ประเภท ๗.๙.๒.๓ กิจการนิคมหรือเขต DATA CENTER ประเภท ๗.๙.๓ กิจการนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ประเภท ๗.๑๐ กิจการ CLOUD SERVICE ประเภท ๗.๓๑ กิจการพัฒนาพื นที่เมืองอัจฉริยะ ประเภท ๗.๓๒ กิจการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕ประเภท ๗.๓๓ กิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยร ะบบอัจฉริยะ ประเภท ๘.๑.๔ กิจการพัฒนา DIGITAL TECHNOLOGY ประกาศ ณ วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕" 1136.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๔/๒๕๖๔ เรื่อง มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อส่งเสริมให้เกิดการน าเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการองค์กรและการผลิต หรือการให้บริการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และเป็นการกระตุ้นอุปสงค์ซึ่งจะน าไปสู่การขยายตัว และการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลในประเทศ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศมาตรการปรับปรุง ประสิทธิภาพด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ดังนี้ ข้อ ๑ มาตรการนี้บังคับใช้กับกิจการที่ด าเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะได้รับส่งเสริมหรือไม่ก็ตาม โดยต้องเป็นประเภทกิจการที่ได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่คณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุนประกาศให้การส่งเสริมการลงทุนในขณะยื่นขอรับการส่งเสริม ยกเว้นประเภทกิจการ ที่มีนโยบายเฉพาะที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามที่ส านักงานก าหนด ข้อ ๒ โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนอยู่เดิมสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมภายใต้ มาตรการนี้ได้ เมื่อสิทธิและประโยชน์การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นสิ้นสุดลงแล้ว ข้อ ๓ ต้องมีขนาดการลงทุนไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยไม่รวมค่าที่ดินและ ทุนหมุนเวียน ยกเว้นโครงการลงทุนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ต้องมีขนาดการลงทุนไม่น้อยกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ข้อ ๔ ผู้ประกอบการที่จะเข้าข่ายเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( SMEs) ตามข้อ ๓ ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ ๔.๑ เมื่อรวมกิจการทั้งหมด ทั้งที่ได้รับการส่งเสริมและไม่ได้รับการส่งเสริมแล้ว ผู้ขอรับการส่งเสริมต้องมีรายได้ของกิจการรวมกันแล้วไม่เกิน ๕๐๐ ล้านบาท ต่อปี ในช่วง ๓ ปีแรก นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริม ๔.๒ ต้องมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๑ ของทุนจดทะเบียน ข้อ ๕ ต้องเสนอแผนการลงทุนการน าเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ยกระดับกระบวนการท างาน ตามเกณฑ์ที่ก าหนด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหรือการให้บริการ ในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้ ๕.๑ การน าซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบสารสนเทศมาใช้ในระดับที่มีการเชื่อมโยง ภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ (INTEGRATED) และเชื่อมโยงภายนอกองค์กร (CONNECTED) บางส่วน หรือมีการเชื่อมโยงทั้งภายในและภายนอก โดยต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลอย่างน้อย ๓ ฟังก์ชั่น มาใช้บริหารจัดการทรัพยากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหรือการให้บริการ ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ๕.๒ การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (ARTIFICIAL INTELLIGENCE หรือ AI) MACHINE LEARNING การน า BIG DATA มาใช้หรือการวิเคราะห์ข้อมูล (DATA ANALYTICS) ๕.๓ การน าซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบสารสนเทศมาใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูล ระหว่างระบบของบริษัทกับระบบออนไลน์ของภาครัฐ เช่น เชื่อมโยงกับระบบ NATIONAL E-PAYMENT เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ ข้อ ๖ ส าหรับกรณี ๕.๑ และ ๕.๓ จะต้องมีการลงทุนหรือมีค่าใช้จ่ายในการใช้ซอฟต์ แวร์ โปรแกรมหรือระบบสารสนเทศที่พัฒนาหรือปรับปรุง โดยผู้ประกอบการในประเทศไทยซึ่งได้รับ การรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๗ ให้นับมูลค่าเงินลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ๗.๑ ให้นับเงินลงทุนหรือ ค่าใช้จ่ายเต็มจ านวนส าหรับรายการ ดังนี้ ๗.๑.๑ เงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบสารสนเทศ ตามข้อ ๕.๑ และ ๕.๓ เฉพาะส่วนที่พัฒนาหรือปรับปรุง โดยผู้ประกอบการในประเทศไทย ซึ่งได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๗.๑.๒ เงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ ( ARTIFICIAL INTELLIGENCE หรือ AI) MACHINE LEARNING การน า BIG DATA มาใช้หรือการวิเคราะห์ข้อมูล (DATA ANALYTICS) ตามข้อ ๕.๒ ๗.๑.๓ ค่าใช้จ่ายในการเช่า/ใช้บริการ CLOUD หรือ DATA CENTER ในประเทศไทย ๗.๒ ให้นับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายกึ่งหนึ่งส าหรับรายการ ดังนี้ ๗.๒.๑ เงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบ สารสนเทศตามข้อ ๕.๑ และ ๕.๓ ที่พัฒนาหรือปรับปรุง โดยผู้ประกอบการในประเทศไทยที่ไม่ได้รับ การรับรองจากหน่วยงา นที่เกี่ยวข้องหรือผู้ประกอบการในต่างประเทศ ๗.๒.๒ ค่าใช้จ่ายในการเช่า/ใช้บริการ CLOUD หรือ DATA CENTER ในต่างประเทศ ข้อ ๘ สิทธิและประโยชน์ มีดังนี้ ๘.๑ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา ๓ ปี เป็นสัดส่วนร้อยละ ๕๐ ของเงินลงทุนโดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการปรับปรุง ทั้งนี้ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จากรายได้ของกิจการที่ด าเนินการอยู่เดิม ๘.๒ ระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้นับจากวันที่มีรายได้ภายหลังได้รับ บัตรส่งเสริม ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ข้อ ๙ ต้องยื่นค าขอรับ การส่งเสริมภายในวันท าการสุดท้ายของปี ๒๕๖๕ และต้องด าเนินการ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ ปี นับจากวันที่ออกบัตรส่งเสริม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔" 1138.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ 25/๒๕๖5 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกรมศุลกากร ที่ ๒๓๗/๒๕๖๔ เพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) และเพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพันตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ระดับภูมิภาค ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๒๕ มาตรา ๕๑ และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ อธิบดีกรมศุลกากร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ แห่งประกาศกรมศุลกากร ที่ ๒๓๗/๒๕๖๔ เรื่อง หลักเกณฑ์และพิธีการการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพันตามความตกลง หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศกรมศุลกากร ที่ 12/2565 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกรมศุลกากร ที่ 237/2564 ลงวันที่ 24 มกราคม 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 2 รายชื่อภาคีที่ได้รับการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพัน ตามความตกลง RCEP (๑) เนการาบรูไน ดารุซซาลาม (๒) ประเทศออสเตรเลีย (๓) ประเทศนิวซีแลนด์ (๔) ประเทศญี่ปุ่น (๕) ราชอาณาจักรกัมพูชา (๖) สาธารณรัฐสิงคโปร์ (๗) สาธารณรัฐประชาชนจีน (๘) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (๙) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (๑๐) สาธารณรัฐเกาหลี (๑๑) ประเทศมาเลเซีย ” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕" 1147.pdf,"ประกาศคณะกรรมการผังเมือง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการวางและจัดท าผังเมืองรวม พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับการวางและจัดท าผังเมืองรวม เพื่อให้ประชาชนเข้ามา มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในการวางและจัดท าผังเมืองรวม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการผังเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ จึงก าหนด ประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการผังเมือง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการ รับฟังความคิดเห็น ก ารปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการวางและจัดท าผังเมืองรวม พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในกรณีที่จะมีการวางและจัดท าผังเมืองรวมในท้องที่ใด ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีการที่หลากหลาย และทั่วถึงเพื่อให้ประชาชนในท้องที่ที่จะมีการวางและจัดท าผังเมืองรวมทราบถึงการที่จะวางและจัดท า ผังเมืองรวมดังกล่าว โดยค านึงถึงผู้ที่จะได้รับผ ลกระทบ และมีข้อมูลเพียงพอต่อการที่ประชาชน จะเข้าใจถึงผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน สิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ และแนวทาง การเยียวยาความเดือดร้อน หรือความเสียหายแก่ประชาชนหรือชุมชน โดยจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบก่อนวันที่ก าหนดให้มี การรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชน ไม่น้อยกว่าเจ็ดวันผ่านทางเว็บไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ส าหรับในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีเว็บไซต์ให้ประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว็บไซต์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และให้ประชาสัมพันธ์ด้วยช่องทางป้ายประชาสัมพันธ์ และด าเนินการ ด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้ (๑) สื่อวิทยุ (๒) วิทยุกระจายเสียงชุมชน (๓) หนังสือราชการ (๔) หนังสือพิมพ์ หรือหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น (๕) สิ่งพิมพ์ประชาสัมพันธ์ เช่น แผ่นประกาศ แผ่นพับ ใบปลิว (๖) สื่อสังคมออนไลน์ ้หนา ๔๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ เมษายน ๒๕๖๕(๗) ป้ายประชาสัมพันธ์เคลื่อนไหว (๘) รถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ การประชาสัมพันธ์ตามวรรคหนึ่งต้องแสดงหรือระบุเขตท้องที่ที่จะวางและจัดท าผังเมืองรวม แนวคิด วัตถุประสงค์ในการรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารื อกับประชาชน วัน เวลา สถานที่ที่จะ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชน และช่องทางในการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ข้อ ๔ เมื่อได้ประชาสัมพันธ์ตามข้อ ๓ แล้ว ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ด าเนินการรับฟัง ความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชน ไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้ (๑) การสนทนากลุ่มย่อย (๒) การประชุมเชิงปฏิบัติการ (๓) การประชุมระดับตัวแทนของกลุ่มบุคคล (๔) การประชุมสัมมนา (๕) การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนให้จัดขึ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้มี การประชาสัมพันธ์ตามข้อ ๓ ทั้งนี้ เพื่อจะได้น าความคิดเห็นนั้นไปประกอบการพิจารณาจัดท า ร่างผังเมืองรวม ข้อ ๕ เมื่อกรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ได้จัดท าร่างผังเมืองรวมแล้ว ต้องจัดให้มีการประชาสัมพันธ์เป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ด้วยวิธีการตามข้อ ๓ วรรคหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและ ปรึกษาหารือ ทั้งนี้ จะต้องแสดงหรือระบุเขตท้องที่ที่จะวางแล ะจัดท าผังเมืองรวม วัน เวลา สถานที่ ที่จะปิดประกาศแสดงรายการต่าง ๆ วัน เวลา สถานที่ที่จะจัดให้มีการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็น และปรึกษาหารือ และสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียที่จะยื่นค าร้องแสดงความเห็นไว้เมื่อได้มีการรับฟัง ความคิดเห็นนี้ตามข้อ ๖ ด้วย ข้อ ๖ เมื่อได้ประชาสัมพันธ์ตามข้อ ๕ แล้ว ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี จัดให้มีการปิดประกาศแสดงรายการเกี่ยวกับการวางและ จัดท าผังเมืองรวม ดังต่อไปนี้ (๑) องค์ประกอบของผังเมืองรวมตามมาตรา ๒๒ (๒) ข้อความเกี่ยวกับวั น เวลา และสถานที่ที่จะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและ ปรึกษาหารือกับประชาชนในท้องที่ที่จะวางและจัดท าผังเมืองรวม (๓) ข้อความเชิญชวนให้ประชาชนในท้องที่ที่จะวางและจัดท าผังเมืองรวมแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการวางและจัดท าผังเมืองรวมภายในระยะเวลาและสถานที่ที่ก าห นด ้หนา ๔๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ เมษายน ๒๕๖๕(๔) ข้อความแสดงสิทธิของประชาชนเพื่อประกอบการพิจารณาสิทธิตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง ภายในระยะเวลาและสถานที่ที่ก าหนด การปิดประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้ปิดไว้ในที่เปิดเผยเป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ก่อนวันรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชน ณ สถานที่ ดังต่อไปนี้ (๑) กรมโยธาธิการและผังเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และส านักงานเขตของ กรุงเทพมหานคร ส าหรับการวางและจัดท าผังเมืองรวมในเขตกรุงเทพมหานคร (๒) กรมโยธาธิการและผังเมือง ศาลากลางจังหวัด ส านักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ส านักงานที่ดินจังหวัด ส านักงานที่ดินจังหวัดสาขา ที่ว่าการอ าเภอ ส านักงานที่ดินอ าเภอ และที่ท าการ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตท้องที่ที่จะวางและจัดท าผังเมืองรวม ส าหรับการวางและจัดท า ผังเมืองรวมในเขตจังหวัดอื่น ทั้งนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี เผยแพร่ ประกาศตามวรรคหนึ่ง ทางเว็บไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี เป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือ กับประชาชน ข้อ ๗ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี จัดให้มี การรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งด้วยวิธีการประชุมตามวัน เวลา และสถานที่ที่ระบุไว้ในประกาศตามข้อ ๖ เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่ วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น โดยการรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือให้จัดขึ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันปิดประกาศตามข้อ ๖ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุจ าเป็นไม่อาจจะจัดประชุมดังกล่าวได้ให้จัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ในกรณีที่มีการรับฟังความคิดเห็นและปรึ กษาหารือกับประชาชนตามวรรคหนึ่งมากกว่าหนึ่งครั้ง ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ก าหนดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนครั้งต่อไป ทั้งนี้ ก่อนวันรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือ กับประชาชนดังกล่าวให้ด าเนินการตามข้อ ๖ โดยอนุโลม ในการรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มีหนังสือเชิญคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมเข้าร่วม รับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนเกี่ยวกับการวางและจัดท าผังเมืองรวมดังกล่าวด้วย ข้อ ๘ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี จัดให้มี การประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมเพื่อปรึกษาหารือและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกั บผังเมืองรวม ในเขตท้องที่ที่ได้มีการวางและจัดท าผังเมืองรวมนั้น ทั้งนี้ องค์ประชุมและการประชุมคณะกรรมการ ที่ปรึกษาผังเมืองรวม ให้น าหมวด ๕ คณะกรรมการที่มีอ านาจด าเนินการพิจารณาทางปกครอง ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม ้หนา ๔๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ เมษายน ๒๕๖๕ข้อ ๙ การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการวางและจัดท าผังเมืองรวมตามข้อ ๗ สามารถ กระท าได้สามวิธี ดังต่อไปนี้ (๑) ด้วยวาจาในระหว่างการประชุมรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชน (๒) เป็นลายลักษณ์อักษร (๓) ทางเว็บไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ตามที่ก าหนดไว้ในประกาศตามข้อ ๖ การแสดงความคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรให้ยื่นต่อกรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี หรือส่งทางไปรษณีย์โดยให้ถือว่าวั นที่ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทาง ประทับตรารับไปรษณียภัณฑ์ที่บรรจุความคิดเห็นนั้นเป็นวันที่กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี รับความคิดเห็น หรือจะยื่นต่อเจ้าหน้าที่ในวันที่มีการประชุม เพื่อรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนก็ ได้ ในการแสดงความคิดเห็นของบุคคล ตามวรรคหนึ่ง (๒) และ (๓) จะต้องยื่นภายในระยะเวลาที่ก าหนดไว้ในประกาศตามข้อ ๖ วรรคหนึ่ง (๓) ทั้งนี้ จะต้องก าหนดระยะเวลาดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันถัดจากวันรับฟัง ความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชน ข้อ ๑๐ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี เผยแพร่สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนตามข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๙ ทางเว็บไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี เพื่อให้ประชาชนทราบ ข้อ ๑๑ เมื่อมีการปิดประกาศตามข้อ ๖ และได้มีการรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือ กับประชาชนตามข้อ ๗ แล้ว ในกรณีที่มีการยื่นแสดงความคิดเห็นไว้เมื่อได้มีการรับฟังความคิดเห็น ของประชาชนเพื่อให้มีผลเกี่ยวกับสิทธิของประชาชนเพื่อประกอบการพิจารณาสิทธิตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง ในการยื่นค าร้องขอให้แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกข้อก าหนดตามมาตรา ๒๒ (๕) ในกรณีดังกล่าวให้กระท าเป็นลายลักษณ์อักษรหรือทางเว็บไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมืองหรื อ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ส าหรับกรณีกระท าเป็นลายลักษณ์อักษรให้ยื่นต่อกรมโยธาธิการ และผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี หรือส่งทางไปรษณีย์โดยให้ถือว่าวันที่ที่ท าการ ไปรษณีย์ต้นทางประทับตรารับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่บรรจุความคิดเห็นนั้ นเป็นวันที่กรมโยธาธิการและผังเมือง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี รับเรื่องดังกล่าว หรือจะยื่นต่อเจ้าหน้าที่ในวันที่มี การรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนก็ได้ และจะต้องยื่นภายในระยะเวลาที่ก าหนดไว้ใน ประกาศตามข้อ ๖ วรรคหนึ่ง (๔) ทั้งนี้ จะต้องก าหนดระยะเวลาดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน นับแต่วันถัดจากวันรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชน ้หนา ๔๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ เมษายน ๒๕๖๕ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ลงทะเบียนรับเรื่อง ตามวรรคหนึ่งในทะเบียนหนังสือรับและจัดท าส าเนาเอกสารเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะได้ใช้ ประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๓๐ ต่อไป ข้อ ๑๒ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี น าความคิดเห็นของประชาชนพร้อมทั้งเหตุผลไปประกอบการพิจารณาวาง และจัดท าผังเมืองรวม หรือทบทวนผังเมืองรวมที่ได้วางและจัดท าขึ้นไว้แล้วก่อนที่จะน าเสนอคณะกรรมการผังเมืองหรือ คณะกรรมการผังเมืองจังหวัด แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณา ข้อ ๑๓ กระบวนการที่กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ได้รับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนที่ได้ด าเนินการในวันก่อนที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นกระบวนการตามที่ก าหนดไว้ในประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการผังเมือง ้หนา ๔๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๗๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ เมษายน ๒๕๖๕" 1152.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้พลำสติก ส ำหรับอำหำรต้องเป็นไปตำมมำตรฐำน พ.ศ. ๒๕๖๕ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติมำตรฐำน ผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติมำตรฐำน ผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมำตรำ ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติ มำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบั ญญัติมำตรฐำน ผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรม ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก ำหนดสองร้อยเจ็ดสิบวันนับแต่วันประกำศ ในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป ข้อ ๒ ผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้พลำสติกส ำหรับอำหำรต้องเป็นไป ตำมมำตรฐำนใดมำตรฐำนหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มำตรฐำนเลขที่ มอก. 655 เล่ม 1 - 2553 ตำมประกำศกระทรวงอุตสำหกรรม ฉบับที่ ๔๒๒๕ (พ.ศ. 255๓) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกร รม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้พลำสติกส ำหรับอำหำร และก ำหนดมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้พลำสติกส ำหรับอำหำร เล่ม 1 พอลิเอทิลีน พอลิพรอพิลีน พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต พอลิไวนิลแอลกอฮอล์ และ พอลิเมทิลเพนทีน ลงวันที่ 20 สิงหำคม พ.ศ. ๒๕5๓ (๒) มำตรฐำนเลขที่ มอก. 655 เล่ม 2 - 2554 ตำมประกำศกระทรวงอุตสำหกรรม ฉบับที่ ๔๓๖๖ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ก ำหนดมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้พลำสติกส ำหรับ อำหำร เล่ม 2 พอลิไวนิลคลอไรด์ พอลิคำร์บอเนต พอลิแอไมด์ และพอลิเมทิลเมทำคริเลต ลงวันที่ 7 กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕5๔ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๘ เมษายน ๒๕๖๕(๓) มำตรฐำนเลขที่ มอก. 655 เล่ม 3 - 2554 ตำมประกำศกระทรวงอุตสำหกรรม ฉบับที่ ๔๓๖๗ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ก ำหนดมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้พลำสติก ส ำหรับอำหำร เล่ม 3 อะคริโลไนไทรล์ - บิวทะไดอีน - สไตรีน และสไตรีน - อะคริโลไนไทรล์ ลงวันที่ 7 กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕5๔ ให้ไว้ ณ วันที่ 22 มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖5 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรม ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๘ เมษายน ๒๕๖๕หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจำกผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะ และเครื่องใช้พลำสติกส ำหรับอำหำรที่วำงจ ำหน่ำยในท้องตลำดมีปริมำณสำรตกค้ำงที่เป็นอันตรำยต่อผู้บริโภค จึงจ ำเป็นต้องควบคุมผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมดังกล่ำว เพื่อควำมปลอดภัยและป้องกันควำมเสียหำยอันอำจจะ เกิดแก่ประชำชน กิจกำรอุตสำหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศ ในกำรนี้ ได้มีประกำศกระทรวงอุตสำหกรรม ฉบับที่ ๔๒๒๕ (พ.ศ. 255๓) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้พลำสติกส ำหรับอำหำร และก ำหนดมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่ องใช้พลำสติกส ำหรับอำหำร เล่ม 1 พอลิเอทิลีน พอลิพรอพิลีน พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต พอลิไวนิลแอลกอฮอล์ และพอลิเมทิลเพนทีน ลงวันที่ 20 สิงหำคม พ.ศ. ๒๕5๓ ประกำศกระทรวงอุตสำหกรรม ฉบับที่ ๔๓๖๖ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตำมควำม ในพระรำชบัญญัติมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ก ำหนดมำตรฐำน ผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้พลำสติกส ำหรับอำหำร เล่ม 2 พอลิไวนิลคลอไรด์ พอลิคำร์บอเนต พอลิแอไมด์ และพอลิเมทิลเมทำคริเลต ลงวันที่ 7 กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕5๔ และประกำศ กระทรวงอุตสำหกรรม ฉบับที่ ๔๓๖๗ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติมำตรฐำน ผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ก ำหนดมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้ พลำสติกส ำหรับอำหำร เล่ม 3 อะคริโลไนไทรล์ - บิวทะไดอีน - สไตรีน และสไตรีน - อะคริโลไนไทรล์ ลงวันที่ 7 กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕5๔ และได้มีกำรด ำเนินกำรจัดให้มีกำรรับฟังควำมคิดเห็นของตัวแทน ของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องครบถ้วนตำมควำมในมำตรำ ๑๘ แห่งพระรำชบัญญัติ มำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้ว สมควรก ำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมภำชนะและเครื่องใช้พลำสติก ส ำหรับอำหำรต้องเป็นไปตำมมำตรฐำน จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๘ เมษายน ๒๕๖๕" 116.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือหุ้น เพื่อควบคุมนโยบาย การบริหารธุรกิจ การอ านวยการ หรือการจัดการที่เป็นการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561 โดยที่มาตรา 51 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ก าหนดให้การรวมธุรกิจหมายความรวมถึงลักษณะธุรกรรมตามมาตรา 51 วรรคสี่ (1) (2) และ (3) และมาตรา 51 วรรคสี่ (๒) ก าหนดให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าประกาศก าหนดหลักเกณฑ์ การเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วนของธุรกิจอื่น เพื่อควบคุมนโยบายการบริหารธุรกิจ การอ านวยการ หรือการจัดการ และมาตรา 51 วรรคสี่ (3) ก าหนดให้คณะกรรมการ ประกาศก าหนดหลักเกณฑ์การเข้าซื้อหุ้นทั้ งหมดหรือบางส่วนของธุรกิจอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อควบคุมนโยบายการบริหารธุรกิจ การอ านวยการ หรือการจัดการ อาศัยอ านาจตามมาตรา 17 (2) และมาตรา 51 วรรคสี่ (2) และ (3) แห่งพระราชบัญญัติ การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 คณะกรรมการการแข่งขั นทางการค้า จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ การพิจารณาการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือหุ้น เพื่อควบคุมนโยบายการบริหารธุรกิจ การอ านวยการ หรือการจัดการที่เป็นการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้การเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจตามปกติของผู้ประกอบธุรกิจอื่น ที่เกินกว่าร้อยละห้าสิบขึ้นไปของมูลค่าสินทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจตามปกติทั้งหมดตามรอบปีบัญ ชี ที่ผ่านมาของผู้ประกอบธุรกิจอื่นรายนั้น เป็นการเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วนของธุรกิจอื่น เพื่อควบคุมนโยบายการบริหารธุรกิจ การอ านวยการ หรือการจัดการ และเป็นการรวมธุรกิจ ตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ทั้งนี้ มูลค่าของสินทรัพย์ที่เข้าซื้อจะพิจา รณาจากมูลค่าทางบัญชี ณ วันที่ตกลงซื้อหรือเข้าซื้อ แล้วแต่กรณี ข้อ 4 ให้การเข้าซื้อหุ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อมที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ เป็นการซื้อหุ้นทั้งหมดหรือบางส่วนของธุรกิจอื่น เพื่อควบคุมนโยบายการบริหารธุรกิจ การอ านวยการ หรือการจัดการ และเป็นการรวมธุรกิจตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้า (1) การเข้าซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้น ใบส าคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือหลักทรัพย์อื่นที่อาจแปลงสภาพ แห่งสิทธิเป็นหุ้นได้ ณ สิ้นวันใดวันหนึ่ง เพิ่มขึ้นถึงหรือเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าขึ้นไปของจ านว นสิทธิ ออกเสียงทั้งหมดของผู้ประกอบธุรกิจอื่น ที่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๓๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑(2) การเข้าซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง ณ สิ้นวันใดวันหนึ่ง เพิ่มขึ้นเกินกว่า ร้อยละห้าสิบขึ้นไปของจ านวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้ประ กอบธุรกิจอื่น ในการนับหุ้นตามวรรคหนึ่ง กรณีผู้เข้าซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้นเป็นบุคคลธรรมดาให้นับรวมการเข้าซื้อ หรือได้มาโดยคู่สมรสด้วย กรณีผู้เข้าซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้นเป็นนิติบุคคล ให้นับรวมการเข้าซื้อโดยบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่ถือหุ้นในนิติบุคคลผู้ซื้อเกินร้อยละสามสิบของจ านวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของนิติบุคคลนั้น และโดยผู้ประกอบธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กันทางนโยบายหรืออ านาจสั่งการด้วย ข้อ 5 ให้ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้ารักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่ ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๓๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑" 1160.pdf,"ประกาศส านักทะเบียนกลาง เรื่อง ประเภทงานทะเบียนราษฎรที่ให้บริการด้วยระบบดิจิทัล โดยที่กฎกระทรวงก าหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัล พ.ศ. 2565 ก าหนดให้มีการปฏิบัติงานและการให้บริการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัล เพื่อให้การบริการ ประชาชนเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในข้อ 5 ของกฎกระทรวงก าหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎร ด้วยระบบดิจิทัล พ.ศ. 2565 ผู้อ านวยการทะเ บียนกลางออกประกาศก าหนดประเภทงานทะเบียนราษฎร ที่ให้บริการด้วยระบบดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล จากส านักทะเบียนสามารถขอรับบริการผ่านระบบดิจิทัลได้ด้วยตนเอง ไว้ดังนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศส านักทะเบียนกลาง เรื่อง ประเภทงานทะเบียนราษฎร ที่ให้บริการด้วยระบบดิจิทัล ” ข้อ 2 ประเภทงานทะเบียนราษฎรที่ให้บริการด้วยระบบดิจิทัลตามประกาศนี้ ได้แก่ (1) การแจ้งการย้ายที่อยู่ในส านักทะเบียนเดียวกัน และการแจ้งการย้ายที่อยู่ปลายทาง (2) การมอบหมายหรือมอบอ านาจให้แจ้งหรือยื่นค าร้องเพื่อด าเนินการตามพระราชบัญญัติ การทะเบียนราษฎร หรือระเบียบส านักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดท าทะเบียนราษฎร (3) การคัด หรือคัดและรับรองรายการทะเบียนบ้าน ทะเบียนประวัติ และทะเบียนคนเกิด เฉพาะกรณีรายการที่ผู้ขอเป็นเ จ้าของข้อมูล ข้อ ๓ ประเภทงานทะเบียนราษฎร ตามข้อ ๒ (๑) และ (๒) ก าหนดให้บริการเมื่อ กฎกระทรวงก าหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัล พ.ศ. 2565 มีผลใช้บังคับ ส่วนประเภทงานทะเบียนราษฎร ตามข้อ ๒ (๓) ก าหนดให้บริการเมื่อพ้นก าหนดเวลาหนึ่งร้อย แปดสิบวัน นับแต่กฎกระทรวงก าหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัล พ.ศ. 2565 มีผลใช้บังคับ ข้อ 4 ให้ส านักทะเบียนอ าเภอและส านักทะเบียนท้องถิ่นถือปฏิบัติในการให้บริการ งานทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัลตามข้อ 2 ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงก าหนดการปฏิบัติงาน การทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัล พ.ศ. 2565 โดยเคร่งครัด ประกาศ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖5 ธนาคม จงจิระ ผู้อ านวยการทะเบียนกลาง ้หนา ๓๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๘๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ เมษายน ๒๕๖๕" 1162.pdf,"ระเบียบกรมเจ้าท่า ว่าด้วยการปฏิบัติราชการส าหรับการช าระค่าธรรมเนียมพิเศษ พ.ศ. 2565 เพื่อให้การปฏิบัติราชการส าหรับการช าระค่าธรรมเนียมพิเศษของกรมเจ้าท่า ในการอ านวย ความสะดวกแก่ประชาชน ลดระยะเวลาและขั้นตอนการปฏิบัติราชการ โดยให้การรับเงินช าระ ค่าธรรมเนียมพิเศษผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) รวมตลอดถึงสอดคล้องกับข้อ 78 ของระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการน าเงินส่ง คลัง พ.ศ. ๒๕๖๒ และสอดคล้องกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2524) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการพาณิชยนาวี พ.ศ. 2521 กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการพาณิชยนาวี พ.ศ. 2521 กฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2531) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการพาณิชยนาวี พ.ศ. 2521 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2531) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการพาณิชยนาวี พ.ศ. 2521 อธิบดีกรมเจ้าท่าจึงออกระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติราชการส าหรับการช าระค่าธรรมเนียมพิเศษไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมเจ้าท่า ว่าด้วยการปฏิบัติราชการส าหรับการช าระ ค่าธรรมเนียมพิเศษ พ.ศ. 2565” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบกรมการขนส่งทางน้ าและการพาณิชยนาวี ว่าด้วยการปฏิบัติราชกา ร ส าหรับการช าระค่าธรรมเนียมพิเศษ พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2547 บรรดาระเบียบ ประกาศ ค าสั่งหรือข้อสั่งการใดซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ การขอช าระค่าธรรมเนียมพิเศษให้ท าเป็นหนังสือยื่นต่อเจ้าหน้าที่กองก ากับ การพาณิชยนาวี กรมเจ้าท่า พร้อมเอกสารหลักฐานซึ่งผ่านพิธีการศุลกากรและได้รับรองความถูกต้อง โดยผู้มีอ านาจแล้ว ดังต่อไปนี้ (1) ส าเนาใบขนสินค้าขาเข้าตามกฎหมายศุลกากร (2) ส าเนาใบตราส่ง (Bill of Lading) (3) ส าเนาบัญชีสินค้า (Invoice) (4) ส าเนาบัญชีรายละเอียดบรรจุหีบห่อ ( Packing List) เฉพาะกรณีขอช าระค่าธรรมเนียมพิเศษ ส าหรับของบางส่วน (5) ส าเนาสัญญาซื้อขาย หรือหนังสือแจ้งการท าสัญญา เฉพาะกรณีขอช าระค่าธรรมเนียมพิเศษ ส าหรับของบางส่วน ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๘๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ เมษายน ๒๕๖๕(6) หลักฐานอย่างอื่น (ถ้ามี) ข้อ 5 เมื่อได้รับค าขอตามข้อ 4 พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้องแล้ว ให้กองก ากับการพาณิชยนาวี กรมเจ้าท่า ด าเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จและแจ้งเป็นหนังสือไปยัง ผู้ขอช าระค่าธรรมเนียมพิเศษภายใน 7 วันท าการ ข้อ ๖ ให้ผู้ขอช าระค่าธรรมเนียมพิเศษที่ได้รับแจ้งตามข้อ ๕ ติดต่อขอช าระเงิน ค่าธรรมเนียมพิเศษ ณ กรมเจ้าท่า โดยช าระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ข้อ 7 ให้อธิบดีกรมเจ้าท่ารักษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. ๒๕65 อานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมเจ้าท่า ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๘๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ เมษายน ๒๕๖๕" 1164.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนวิศวกรวิชาชีพอาเซียน (ASEAN Chartered Professional Engineer) (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการขึ้นทะเบียน วิศวกรวิชาชีพอาเซียน (ASEAN Chartered Professional Engineer) พ.ศ. ๒๕๕๗ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมติที่ประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และมติ ที่ประชุมคณะกรรมการสภาวิศวกรครั้งที่ ๔๗-๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ คณะกรรมการสภาวิศวกร ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการขึ้นทะเบียน วิศวกรวิชาชีพอาเซียน (ASEAN Chartered Professional Engineer) (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการขึ้นทะเบียน วิศวกรวิชาชีพอาเซียน (ASEAN Chartered Professional Engineer) พ.ศ. ๒๕๕๗ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗ การขึ้นทะเบียนวิศวกรวิชาชีพอาเซียน ( ASEAN Chartered Professional Engineer ) ให้มีผลนับแต่วันที่อนุมัติการขึ้นทะเบียน ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการขึ้นทะเบียน วิศวกรวิชาชีพอาเซียน ( ASEAN Chartered Professional Engineer ) พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนวิศวกรวิชาชีพอาเซียน ( ASEAN Chartered Professional Engineer) (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๐ ให้การขึ้นทะเบียนสิ้นสุดลง เมื่อเกิดกรณีดังต่อไปนี้กับผู้ขึ้นทะเบียน (๑) ตาย (๒) ถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (๓) คณะกรรมการสภาวิศวกรมีมติเพิกถอนการขึ้นทะเบียน ห้ามมิให้ผู้ที่ทะเบียนสิ้นสุดลง ตาม (๒) ยื่นค าขอขึ้นทะเบียนเป็นวิศวกรวิชาชีพอาเซียน ( ASEAN Chartered Professional Engineer) อีก” ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๘๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕ข้อ ๕ ใบรับรองการขึ้นทะเบียนวิศวกรวิชาชีพอาเซียนและใบรับรองการต่ออายุทะเบียน วิศวกรวิชาชีพอาเซียน ซึ่งได้รับใบรับรองก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้ได้ต่อไปจนกว่า ใบรับรองจะหมดอายุ ประกาศ ณ วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. ๒๕65 รองศาสตราจารย์ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ นายกสภาวิศวกร ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๘๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕" 1166.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร เรื่อง ก าหนดราคาศุลกากรส าหรับสินค้าไม้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ อธิบดีกรมศุลกากรเห็นควรก าหนดราคาศุลกากรส าหรับสินค้าไม้ดังต่อไปนี้ และให้ถือราคาที่ประกาศนี้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ไม้สัก ๑.) ไม้ซุง 1. ยาว ๘ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 28,384.00 บาท 2. ยาว ๖ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๘ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 9,270.00 บาท 3. ยาวต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 16,230.00 บาท ราคาตาม ๑, ๒ และ ๓ ข้างต้นมิให้ใช้กับไม้สักสวนป่าที่เป็นไม้ซุงที่ท าออกจากสวนป่า ทั้งของรัฐและเอกชน โดยมีหนังสือรับรองจากกรมป่าไม้ หรือผู้ที่กรมป่าไม้มอบหมาย และไม้เสื่อม คุณภาพ ตามที่คณะรัฐมนตรีให้ส่งออกได้เป็นกรณีพิเศษ และกระทรวงพาณิชย์อนุญาตโดยมีหนังสือ รับรองคุณภาพจากกร มป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๒.) ไม้เหลี่ยม 1. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 32,580.00 บาท ยาว ๑๐ ฟุตขึ้นไป 2. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 31,250.00 บาท ยาว ๖ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๑๐ ฟุต 3. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยม ลูกบาศก์เมตรละ 25,080.00 บาท ถึงต่ ากว่า ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยม ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป 4. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 22,250.00 บาท ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ๓.) ไม้ตับ 1. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 55,830.00 บาท 2. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 47,250.00 บาท ๔.) ไม้กระดาน 1. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 54,750.00 บาท 2. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 44,130.00 บาท ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๕๕.) ไม้ดาดฟ้าเรือ 1. ยาว ๑๕ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 71,550.00 บาท 2. ยาว ๑๐ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๑๕ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 63,150.00 บาท ๖.) ไม้บางวีเนียร์ 1. ขนาดกว้างตั้งแต่ ๔ นิ้วขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 349,750.00 บาท 2. ขนาดกว้างต่ ากว่า ๔ นิ้ว ลูกบาศก์เมตรละ 72,850.00 บาท ราคาตาม ๑ และ ๒ มิให้ใช้กับเศษไม้บางวีเนียร์ที่ขนาดกว้างต่ ากว่ามาตรฐาน โดยมีหนังสือรับรองคุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๗.) ไม้แปรรูปอย่างอื่น 1. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 40,๑๗๐.00 บาท 2. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 33,240.00 บาท ๘.) หัวไม้แปรรูปชนิดต่าง ๆ 1. ยาว ๑ ๑/๒ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๓ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 32,550.00 บาท 2. ยาว ๖ นิ้ว ถึงต่ ากว่า ๑ ๑/๒ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 31,200.00 บาท 3. ยาวต่ ากว่า ๖ นิ้ว ลูกบาศก์เมตรละ 13,900.00 บาท ไม้ชนิดอื่น ๆ ๑.) ไม้ซุง 1. ไม้มะเกลือ , ไม้พะยูงหรือพยุง ลูกบาศก์เมตรละ 17,430.00 บาท 2. ไม้ชิงชัน ลูกบาศก์เมตรละ 20,630.00 บาท 3. ไม้ประดู่ , ไม้มะค่าโมง , ไม้แดง , ลูกบาศก์เมตรละ 1๗,๐๓๕.00 บาท ไม้ตะเคียนทอง , ไม้เต็ง, ไม้พุด, ไม้รัง, ไม้หลุมพอ 4. ไม้กะพี้เขาควายหรือเก็ดด า , ไม้สาธร , ลูกบาศก์เมตรละ 12,200.00 บาท ไม้รกฟ้า , ไม้ขี้เหล็กป่า , ไม้เชล็ง 5. ไม้ตะแบก , ไม้ชุมแพรก , ไม้ชัน, ลูกบาศก์เมตรละ 11,560.00 บาท ไม้ตาเสือ , ไม้ยมหอม , ไม้ยมหิน , ไม้จ าปา , ไม้แอ๊ก , ไม้พนองหรือเคี่ยมคนอง , ไม้มะค่าแต้ , ไม้ตีนนก , ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง , ไม้ตะคร้อ , ไม้แดงน้ า , ไม้ชัยพฤกษ์ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๕ 6. ไม้ยาง , ไม้เกว้าหรือเขว้า , ลูกบาศก์เมตรละ 8,๗๙๓.00 บาท ไม้ยวนหรือทองบึ้ง , ไม้สยา , ไม้กะท้อน , ไม้ก้านเหลือง , ไม้มังตาล , ไม้กะบาก , ไม้ไข่เขียว , ไม้พลวง , ไม้เหียง , ไม้เสียดช่อ , ไม้ทุเรียนนก 7. ไม้สมพงหรือกะพง , ไม้สองสลึง , ไม้ปอ, ลูกบาศก์เมตรละ 3,010.00 บาท ไม้นุ่น, ไม้งิ้ว, ไม้จามจุรี , ไม้ยางพารา ๒.) ไม้บางวีเนียร์ 1. ไม้ชิงชัน ลูกบาศก์เมตรละ 442,250.00 บาท 2. ไม้ประดู่ , ไม้สะเดาดงหรือยมหอม , ลูกบาศก์เมตรละ 200,750.00 บาท ไม้พยุง 3. ไม้ตองจิง , ไม้จ าปาป่า , ไม้ชุมแพรก , ลูกบาศก์เมตรละ 64,300.00 บาท ไม้มะรุมป่า 4. ไม้ทัง, ไม้ขมิ้นด าหรือโคแหลม , ไม้กะบาก , ลูกบาศก์เมตรละ 45,550.00 บาท ไม้สยา , ไม้ยาง , ไม้ตะเคียนทราย ราคาตาม ๑, ๒, ๓ และ ๔ มิให้ใช้กับไม้บางวีเนียร์ช ารุดไม่ได้มาตรฐาน โดยมี หนังสือรับรองคุณภาพ จากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๓.) ไม้แปรรูป 1. ไม้มะเกลือ , ไม้พะยูงหรือพยุง ลูกบาศก์เมตรละ 140,376.00 บาท 2. ไม้ชิงชัน ลูกบาศก์เมตรละ 47,730.00 บาท 3. ไม้ประดู่ , ไม้มะค่าโมง , ไม้แดง , ลูกบาศก์เมตรละ 8๘,๐๔๗.00 บาท ไม้ตะเคียนทอง , ไม้เต็ง, ไม้พุด, ไม้รัง, ไม้หลุมพอ 4. ไม้กะพี้เขาควายหรือเก็ดด า , ลูกบาศก์เมตรละ 125,809.00 บาท ไม้สาธร , ไม้รกฟ้า , ไม้ขี้เหล็กป่า , ไม้เชล็ง 5. ไม้ตะแบก , ไม้ชุมแพรก , ไม้ชัน, ไม้ตาเสือ , ลูกบาศก์เมตรละ ๓8,405.00 บาท ไม้ยมหอม , ไม้ยมหิน , ไม้จ าปา , ไม้แอ๊ก , ไม้พนองหรือเคี่ยมคนอง , ไม้มะค่าแต้ , ไม้ตีนนก , ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง , ไม้ตะคร้อ , ไม้แดงน้ า , ไม้ชัยพฤกษ์ ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๕ 6. ไม้ยาง , ไม้เกว้าหรือเขว้า , ลูกบาศก์เมตรละ 21,189.00 บาท ไม้ยวนหรือทองบึ้ง , ไม้สยา , ไม้กะท้อน , ไม้ก้านเหลือง , ไม้มังตาล , ไม้กะบาก , ไม้ไข่เขียว , ไม้พลวง , ไม้เหียง , ไม้เสียดช่อ , ไม้ทุเรียนนก 7. ไม้สมพงหรือกะพง , ไม้สองสลึง , ไม้ปอ, ลูกบาศก์เมตรละ 1๓,๑๒๕.00 บาท ไม้นุ่น, ไม้งิ้ว, ไม้จามจุรี , ไม้ยางพารา 8. ไม้หมอนรถไฟทุกชนิดนอกจากไม้สัก ลูกบาศก์เมตรละ 13,400.00 บาท และไม้ที่ระบุไว้ข้างต้น 9. ปุ่มไม้มะค่าโมง ลูกบาศก์เมตรละ 46,750.00 บาท 10. ยูคาลิปตัส ลูกบาศก์เมตรละ 11,301.00 บาท ประกาศ ณ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖5 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๕" 1171.pdf,"ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การออกหนังสือรับรองถิ่นก าเนิดสินค้าตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การออกหนังสือรับรองถิ่นก าเนิดสินค้า ตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก าหนดหลักเกณฑ์การออกหนังสือรับรองถิ่นก าเนิดสินค้า ( Certificate of Origin - Form RCEP) และรายชื่อประเทศสมาชิกภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่สามารถใช้หนังสือรับรองถิ่นก าเนิดสินค้า (Form RCEP) ประกอบการส่งออกเพื่อใช้สิทธิพิเศษ ทางภาษีศุลกากร นั้น เนื่องจากส านักเลขาธิการอาเซียนได้แจ้งต่อประเทศสมาชิกภายใต้ความตกลง หุ้นส่วน ทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ว่าสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้ด าเนินการตามกระบวนการ ภายในประเทศที่จ าเป็นส าหรับการมีผลใช้บังคับของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เรียบร้อยแล้ว และเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ของอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Foreign Ministers Retreat) ราชอาณาจักรไทยได้ยืนยัน ความเห็นว่าการมีผลบังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ส าหรับสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมานั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาขอ งแต่ละประเทศสมาชิกภายใต้ความตกลงหุ้นส่วน เศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งส่งผลให้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมามีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป เพื่อให้การออก หลักฐานการรับรองถิ่นก าเนิดสินค้า (Proof of Origin) ในส่วนของการออก หนังสือรับรองถิ่นก าเนิดสินค้า (Certificate of Origin - Form RCEP) ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วน ทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เป็นไปด้วยความถูกต้องสอดคล้องกับประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การออกหนังสือรับรองถิ่นก าเนิดสินค้าตามความตกลงทางการค้าระหว่างประเทศหรือการปฏิบัติ ทางการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ และประกาศ กรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขอรับหนังสือส าคั ญการส่งออก - น าเข้าสินค้า โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕ก าหนดให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเป็นประเทศที่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรและลดอัตรา อากรศุลกากรภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership Agreement: RCEP) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. ๒๕65 พิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕" 1174.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากร ลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากร ตามข้อผูกพันในความตกลงมาร์ราเกชจัดตั้งองค์การการค้าโลก (ฉบับที่ 2) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมอัตราอากรศุลกากรส าหรับการน าเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์ไม่เพียงพอ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกการลดและเพิ่มอัตราอากรส าหรับของตามประเภท ๑๐.๐๕ ประเภทย่อย ๑๐๐๕.๙๐.๙๙ รหัสย่อย ๗๑ ตามบัญชีอัตราอากร ๒ ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากร ลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพันในความตกลงมาร์ราเกชจัดตั้งองค์การ การค้าโลก ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ภาค ๒ พิกัดอัตราอากรขาเข้า และให้ใช้อัตราอากร ส าหรับของตามบัญชีท้ายประกาศนี้แทน ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕65 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๐๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ตาม ตาม ราคา ร้อยละหน่วยหน่วยละ บาทราคา ร้อยละหน่วยหน่วยละ บาท 10.05 1005.90.99 71- - - เฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ - - - น าเข้าจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 0 - - 73 - - - - - น าเข้าตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป 20 - - 73 - -เรื่อง การยกเว้นอากร ลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากร อัตรานอกโควตา ตามสภาพ ตามสภาพบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง ตามข้อผูกพันในความตกลงมาร์ราเกชจัดตั้งองค์การการค้าโลก (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ภาค 2 พิกัดอัตราอากรขาเข้า ประเภทประเภทย่อยรหัส ย่อยรายการอัตราในโควตา หน้า 1 จาก 1" 1175.pdf," กฎกระทรวง ฉบับที่ 382 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ และมาตรา ๔๒ (๑๗) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระท รวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ก าหนดให้เงินได้ที่ผู้มีเงินได้ได้รับเป็นเงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดจากภาครัฐ ดังต่อไปนี้ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมค านวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ (๑) เงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ค่าสินค้าหนึ่งต าบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ค่าสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ค่ารถเช่าหรือเรือเช่าเพื่อการท่องเที่ยว หรือค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน ตามโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (๒) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าซื้อแพ็กเกจทัวร์จากผู้ประ กอบการน าเที่ยวตามโครงการก าลังใจ (๓) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าเดินทางและค่าซื้อแพ็กเกจทัวร์จากผู้ประกอบการน าเที่ยว ตามโครงการทัวร์เที่ยวไทย (๔) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ตามโครงการเพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ ๒ และค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้า ราคาประหยัด พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วม โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๓ ตามโครงการเพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้ มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ ๓ (๕) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๓ ตามโครงการเพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕(๖) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม และค่าซื้อสินค้าหรือบริการที่ได้ใช้จ่าย ผ่านระบบการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ ตามโครงการคนละครึ่ง โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๒ และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๓ (๗) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับในรูปของบัตรก านัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) เป็นค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม และค่าซื้อสินค้าหรือบริการที่ได้ใช้จ่ายผ่านระบบการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ ตามโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ (๘) เงินสนับสนุนที่ได้รับเป็นค่าครองชีพตามโครงการเราชนะ (๙) เงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการ ม๓๓ เรารักกัน (๑๐) เงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ ในกิจการ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (๑๑) เงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (๑๒) เงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิง และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ท างานเกี่ยวข้ องกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ (๑๓) เงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs ทั้งนี้ ผู้มีเงินได้ต้องไม่น าค่าใช้จ่ายที่จ่ายจากเงินได้ที่ได้รับตามโครงการดังกล่าวมาหักเป็นค่าใช้จ่าย ในการค านวณภาษีเงิ นได้บุคคลธรรมดา (๑๔) เงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน ๖๕ ปี ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) (๑๕) เงินสนับสนุนที่ได้รับตา มโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด -๑๙ (๑๖) เงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการมาตรการการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนิสิต นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน ข้อ ๒ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับส าหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ไว้ ณ วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖5 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลได้จัดให้มีเงินสนับสนุนหรือ ประโยชน์อื่นใดจากภาครัฐอันเนื่องมาจากการบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการก าลังใจ โครงการทัวร์เที่ยวไทย โครงการเพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ ๒ โครงการเพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ ๓ โครงการ เพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โครงการคนละครึ่ง โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๒ และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๓ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โครงการเราชนะ โครงการ ม๓๓ เรารักกัน โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ ที่ได้รับผลกระทบ จากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิง และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ท างานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ โครงการ ช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยาน ยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน ๖๕ ปี ที่ได้รับ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) โครงการให้ความช่วยเหลือ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด -๑๙ โครงการมาตรการการลดภาระ ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนิสิต นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน และโครงการส่งเสริมและ รักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs สมควรก าหนดให้เงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ผู้มีเงินได้ได้รับ จากโครงการดังกล่าวในปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมค านวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้ จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕" 1176.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก าหนดชนิดและอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการค านวณ ปริมาณส ารองน้ ามันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๕ อนุสนธิประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก าหนดชนิดและอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการค านวณปริมาณส ารองน้ ามันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้การก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการค านวณปริมาณส ารองน้ ามันเชื้อเพลิง สอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ปี ๒๕๖๕ ตามมติคณะอนุกรรมการบริหาร สถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานและคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน อาศัยอ านาจตามความ ในมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ ามันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติการค้าน้ ามันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๔) ของข้อ ๖ แห่งประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก าหนดชนิดและอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการค านวณปริมาณส ารองน้ ามันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ “(๔) ปริมาณน้ ามันส าเร็จรูปที่จ าหน่ายเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้า ทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และจะยกเลิกต่อเมื่อ สิ้นสุดแผนการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ปี ๒๕๖๕ หรือมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายสถานการณ์ ฉุกเฉินโดยจะออกเป็นประกาศกรมธุรกิจพลังงานเพื่อยกเลิกในภายหลัง ประกาศ ณ วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖5 นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๑๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๕" 1178.pdf," พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มส าหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล รัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๕” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕มาตรา ๓ ให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มส าหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ที่กระท าในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรส่งเสริม และสนับสนุนการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลซึ่งกระท าในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ของประเทศไทย อันจะเป็นประโยชน์แก่การก ากับดูแลการท าธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล สมควรยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่มส าหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโท เคนดิจิทัลที่กระท าในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕" 1180.pdf," พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการก าหนดให้กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ (ฉบับที่ ๗๔๖) พ.ศ. ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรก าหนดให้กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๘๑/๓ (๓) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกา ขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการก าหนดให้กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ (ฉบับที่ ๗๔๖) พ.ศ. ๒๕๖๕” ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๕) ของมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการก าหนดให้กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ (ฉบับที่ ๒๔๑) พ.ศ. ๒๕๓๔ “(๕) การให้บริการหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือต าราเรียน ที่อยู่ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต” ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรก าหนด ให้การให้บริการหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือต าราเรียน ที่อยู่ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีสิทธิแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่มได้ เช่นเดียวกับการขายหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือต าราเรียน ที่อยู่ในรูปของกระดาษ จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕" 1186.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีก าหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๘) ลงวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือ ประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชก าหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศที่คณะรัฐมนตรี ก าหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และค าสั่งนายกรัฐม นตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕" 1187.pdf," กฎกระทรวง อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นเครื่องก ำเนิดรังสีเป็นเครื่องก ำเนิดรังสี พ.ศ. ๒๕๖๕ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติพลังงำนนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติพลังงำนนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบกับบทนิยำมค ำว่ำ “เครื่องก ำเนิดรังสี ” ในมำตรำ ๔ และมำตรำ ๘ (๑) แห่งพระรำชบัญญัติ พลังงำนนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรอุดม ศึกษำ วิทยำศำสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยค ำแนะน ำของคณะกรรมกำรพลังงำนนิวเคลียร์เพื่อสันติออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นเครื่องก ำเนิดรังสี ดังต่อไปนี้ เป็นเครื่องก ำเนิดรังสี (๑) หลอดเอกซเรย์หรือหลอดเอกซเรย์พร้อมเรือนหลอด (๒) อุปกรณ์ผลิตคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำที่ใช้ในเครื่องเร่งอนุภำค ให้ไว้ ณ วันที่ 10 พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖5 เอนก เหล่ำธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรอุดมศึกษำ วิทยำศำสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่บทนิยำมค ำว่ำ “เครื่องก ำเนิดรังสี ” ตำมมำตรำ ๔ และมำตรำ ๘ (๑) แห่งพระรำชบัญญัติพลังงำนนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ บัญญัติ ให้รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรอุดมศึกษำ วิทยำศำสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยค ำแนะน ำของคณะกรรมกำร พลังงำนนิวเคลียร์เพื่อสั นติมีอ ำนำจออกกฎกระทรวงก ำหนดอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นเครื่องก ำเนิดรังสี เป็นเครื่องก ำเนิดรังสี เพื่อควบคุมอุปกรณ์ดังกล่ำวเช่นเดียวกับเครื่องก ำเนิดรังสี จึงจ ำเป็นต้องออก กฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๓๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕" 1188.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๓๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 365) พ.ศ. 2556 เรื่อง การแสดงข้อความ “พรีเมียม” บนฉลากอาหาร โดยที่เป็นการสมควรยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการแสดงข้อความ “พรีเมียม” บนฉลากอาหาร เพื่อเป็นการลดภาระการขออนุญาตของประชาชน โดยให้การแสดงข้อความบนฉลาก อาหารเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 365) พ.ศ. 2556 เรื่อง การแสดง ข้อความ “พรีเมียม” บนฉลากอาหาร ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. ๒๕6๕ สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕" 119.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ก าหนดพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและมาตรการสนับสนุนการประกอบกิจการโรงงาน ในพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พ.ศ. 2561 ด้วยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 เห็นชอบให้ปรับปรุงและพัฒนากฎหมาย ที่มีอยู่ให้เอื้อต่อการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและได้น าเรื่องการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ มาก าหนดเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความสามารถในการแข่งขัน และยุทธศาสตร์ที่ 5 การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ได้ก าหนดเรื่องนี้ในยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการเติบโต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแว ดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศ าสตร์กระทรวงอุตสาหกรรมที่ 3 การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เพื่อให้ยุทธศาสตร์ที่ก าหนดไว้เป็นรูปธรรม และบรรลุเป้าหมายในการพัฒนา อุตสาหกรรมให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน โดยให้ภาคอุตสาหกรรมเป็นตัวขับเคลื่ อน การพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน พร้อมกับยกระดับคุณภาพชีวิต ของประชาชนควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงออกประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม ก าหนดพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและมาตรการสนับสนุนการประกอบกิ จการโรงงาน ในพื้นที่ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในประกาศนี้ “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ” หมายความว่า พื้นที่ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมเหนี่ยวน าให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตไปด้วยกันภายใต้สภาวะแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กายภาพ และการบริหารจัดการในพื้นที่ ให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ ข้อ 2 ก าหนดให้พื้นที่ตามที่คณะกรรมการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศระดับจังหวัด เห็นชอบดังต่อไปนี้ เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 2.1 เทศบาลต าบลบางปู จังหวัดสมุทรปราการ 2.2 เทศบาลนครอ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร 2.3 ต าบลวังดาล ต าบลนนทรี ต าบลนาแขม และต าบลกบินทร์ อ าเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี 2.4 เขตผังเมืองรวมอ้อมใหญ่ ประกอบด้วย ต าบลบางกระทึก ต าบลกระทุ่มล้ม ต าบลไร่ขิง ต าบลท่าตลาด ต าบลยายชา ต าบลท่าข้าม ต าบลอ้อมใหญ่ และต าบลบ้านใหม่ อ าเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ มกราคม ๒๕๖๒ 2.5 ต าบลบางกะดี อ าเภอเมือง และ ต าบลคูบางหลวง ต าบลลาดหลุมแก้ว ต าบลคูขวาง ต าบลระแหง และต าบลหน้าไม้ อ าเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี 2.6 ต าบลตะพง ต าบลบ้านแลง และต าบลเชิงเนิน อ าเภอเมืองระยอง และเขตควบคุม มลพิษมาบตาพุด จังหวัดระยอง ประกอบด้วย ต าบลมาบตาพุด ต าบลเนินพระ ต าบลห้วยโป่ง ต าบลทับมา อ าเภอเมือง ต าบลมาบข่า อ าเภอนิคมพัฒนา ต าบลบ้านฉาง อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง 2.7 ต าบลแปลงยาว และต าบลหัวส าโรง อ าเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา 2.8 เทศบาลนครแหลมฉบัง และเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ อ าเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 2.9 อ าเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2.10 ต าบลหน้าพระลาน อ าเภอเฉลิมพระเกียรติ และต าบลเขาวง อ าเภอพร ะพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 2.11 ต าบลสีคิ้ว ต าบลลาดบัวขาว ต าบลมิตรภาพ ต าบลกุดน้อย และต าบลหนองหญ้าขาว อ าเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 2.12 เทศบาลต าบลน้ าพอง เทศบาลต าบลล าน้ าพอง เทศบาลต าบลม่วงหวาน และเทศบาลต าบลกุดน้ าใส อ าเภอน้ าพอง จังหวัดขอนแก่น 2.13 เทศบาลเมืองบ้านโป่ง เทศบาลเมืองท่าผา เทศบาลต าบลเบิกไพร และต าบลปากแรต อ าเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 2.14 ต าบลท่าโรงช้าง ต าบลท่าสะท้อน ต าบลเขาหัวควาย และต าบลบางมะเดื่อ อ าเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2.15 ต าบลสะเดา ต าบลปริก ต าบลพังลา ต าบลส านักแต้ว ต าบลส านักขาม ต าบลปาดังเบซาร์ อ าเภอสะเดา และต าบลบ้านพรุ ต าบลพะตง ต าบลฉลุง อ าเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ข้อ 3 กระทรวงอุตสาหกรรมจะส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบกิจการโรงงาน อุตสาหกรรมในพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเป็นล าดับต้น เมื่อโรงงานในพื้นที่เมืองอุตสาหกรรม เชิงนิเวศปฏิบัติตามตัวชี้วัดการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ หรือมาตรฐานอื่นที่กระทรวง อุตสาหกรรมเห็นชอบโดยมีมาตรการ ดังต่อไปนี้ 3.1 ทบทวนปรับปรุงและพัฒนากฎหมายที่มีอยู่ให้เอื้อต่อการพัฒนาเมือง อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และจะเป็นหน่วยง านหลักในการหารือและขับเคลื่อนร่วมกับกระทรวงต่าง ๆ ในการออกมาตรการสนับสนุนในเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากมาตรการสนับสนุนการประกอบกิจการ โรงงานของกระทรวงอุตสาหกรรม 3.2 ส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบกิจการโรงงานในมาตรการต่าง ๆ ภายใต้ กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ก) มาตรการด้านภาษีหรือการเงิน เช่น ยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียม การประกอบกิจการโรงงาน ข) มาตรการด้านการอ านวยความสะดวกในการประกอบกิจการ เช่น อ านวยความสะดวกในการขอรับการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (fast track) ค) มาตรการด้านการทางสังคม เช่น การเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดี ทางสังคมประชาสัมพันธ์ ง) มาตรการด้านงานวิชาการ เช่น ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนงานวิชาการ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จ) มาตรการอื่น ๆ ประกาศ ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ มกราคม ๒๕๖๒" 1190.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของก ารให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๕ ดังนี้ บาท/ตู้ ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐' ตู้มีสินค้า ๕๒ ๑๐๔ ๑๑๗ ตู้สินค้าเปล่า ๓๑ ๖๒ ๗๐ ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซลของ บริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับ ราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียม มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖5 เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๒๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1191.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อก าหนดในการขอใช้เรือลากจูงที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้การบริการเรือลากจูงของท่าเรือแหลมฉบัง ในการน าเรือเข้าเทียบท่า หรือออกจาก ท่าเทียบเรือ หรือย้ายท่าเทียบเรือ เป็นไปด้วยความปลอดภัยและถูกต้องตามข้อ 16 ของข้อบังคับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยความปลอดภัย การใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. 2562 อาศัยอ านาจตามข้อ 4 ของข้อบังคับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยความปลอดภัย การใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. 2562 จึงให้ด าเนินการ ดังนี้ ข้อ 1 ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อก าหนดในการขอใช้เรือลากจูง ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ 6 มกราคม 2560 ข้อ 2 ให้ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับภายหลังจาก 90 วัน นับถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ 3 ก าหนด ข้อก าหนด (PORT REGULATION) ในการขอใช้เรือลากจูงที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อบังคับใช้แก่การปฏิบัติงานน าเรือเข้าออกอาณาบริเวณของท่าเรือแหลมฉบัง โดยให้เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ หรือผู้เช่าเรือ ขอใช้เรือลากจูงในการน าเรือสินค้าหรือเรือโดยสาร เข้าเทียบท่า หรือออกจากท่าเรือ เลื่อนเรือทุกครั้ง ดังนี้ 3.1 เรือขนาดความยาวตลอดล า (L.O.A.) ตั้งแต่ 250 ฟุตขึ้นไป (76.21 เมตรขึ้นไป) ในสภาพอากาศปกติ ให้ขอใช้เรือลากจูงขนาดไม่น้อยกว่า 7๐๐ แรงม้า และมีขนาดก าลังฉุด (BOLLARD PULL) ไม่น้อยกว่า 1๐ เมตริกตัน อย่างน้อย ๑ ล า ช่วยในการน าเรือเข้าเทียบท่า หรือออกจากท่า 3.2 เรือขนาดความยาวตลอดล า (L.O.A.) ตั้งแต่ 400 - 820 ฟุต (๑๒1.92 - 249.94 เมตร) ในสภาพอากาศปกติ ให้ขอใช้เรือลากจูงขนาดไม่น้อยกว่า 3,๐๐๐ แรงม้า และมีขนาดก าลังฉุด (BOLLARD PULL) ไม่น้อยกว่า ๔๐ เมตริกตัน อย่างน้อย ๒ ล า ช่วยในการ น าเรือเข้าเทียบท่า หรือออกจากท่า 3.3 เรือขนาดความยาวตลอดล า (L.O.A.) ตั้งแต่ 820 - 1,181 ฟุต (249.94 - 359.97 เมตร) ในสภาพอากาศปกติ ให้ขอใช้เรือลากจูงขนาดไม่น้อยกว่า 3,๐๐๐ แรงม้า และมีขนาดก าลังฉุด (BOLLARD PULL) ไม่น้อยกว่า ๔๐ เมตริกตัน อย่างน้อย ๓ ล า ช่วยในการ น าเรือเขาเทียบท่า และอย่างน้อย ๒ ล า ช่วยในการน าเรือออกจากท่า 3.4 เรือขนาดความยาวตลอดล า (L.O.A.) ตั้งแต่ 1,181 ฟุตขึ้นไป (359.97 เมตรขึ้นไป) ในสภาพอากาศปกติ ให้ขอใช้เรือลากจูงขนาดไม่น้อยกว่า 3,๐๐๐ แรงม้า และมีขนาด ก าลังฉุด (BOLLARD PULL) ไม่น้อยกว่า ๔๐ เมตริกตัน อย่างน้อย 4 ล า ช่วยในการน าเรือ เข้าเทียบท่า และอย่างน้อย 3 ล า ช่วยในการน าเรือออกจากท่า ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๒๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ 3.5 เรือขนาดความยาวเรือตลอดล า (L.O.A.) ไม่เกิน 250 ฟุต (76.21 เมตร) ที่เป็นเรือสัญชาติไทย (เรือสินค้าชายฝั่งภายในประเทศ) ให้ ผู้น าเรือ/ผู้ควบคุมเรือ/นายเรือ สามารถใช้ ดุลพินิจในการขอใช้เรือลากจูงในการเข้าเทียบและออกจากท่าเทียบ ทั้งนี้ การน าเรือเข้าเทียบและออกจากท่าเทียบเรือดังกล่าว ต้องไม่กีดขวางการเดินเรือ ของเรือสินค้าล า อื่น และหากเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือท่าเทียบเรือ ของผู้ประกอบการท่าเทียบเรือของท่าเรือแหลมฉบัง บริษัทเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือ หรือผู้เช่าเรือ ต้องรับผิดชอบ และชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ ทุกประการ ข้อ 4 ในกรณีที่มีสภาพอากาศไม่ปกติ หรือเรือสินค้าอยู่ในสภาพไม่ปกติ หรือเจ้าพนักงาน น าร่องเห็นว่าเรือลากจูงมีขนาดก าลังเครื่องยนต์และขนาดก าลังฉุด หรือจ านวน หรือลักษณะโครงสร้าง ไม่เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน ให้อยู่ในดุลพินิจของเจ้าพนักงานน าร่อง ที่จะขอเพิ่มเติมเรือลากจูง ให้มีขนาดก าลังแ ละจ านวนที่มากขึ้นตามความเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยต่อการปฏิบัติงาน ข้อ 5 ในกรณีเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ หรือผู้เช่าเรือ ไม่ด าเนินการให้เป็นไป ตามข้อก าหนดในการขอใช้เรือลากจูงที่ท่าเรือแหลมฉบัง ในข้อ 3 ไม่ว่าการกระท าดังกล่าวจะน าไปสู่ การเกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่อทรัพย์สินของท่าเรือแหลมฉบัง และ/หรือ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ ของท่าเรือแหลมฉบังหรือไม่ก็ตาม ท่าเรือแหลมฉบังขอสงวนสิทธิ์ที่จะพิจารณาเรียกร้องค่าเสียหาย และ/หรือ พิจารณาด าเนินการตามกฎหมายต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖5 ร้อยต ารวจตรี มนตรี ฤกษ์จ าเนียร ผู้อ านวยการท่าเรือแหลมฉบัง ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๒๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1194.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดพืช จากแหล่งที่ก าหนดเป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไข ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. ๒๕๖๕ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ โดยค าแนะน าของคณะกรรมการกักพืช ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดพืช จากแหล่งที่ก าหนดเป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “อาหารส าเร็จรูป ” หมายความว่า อาหารที่ได้มาจากส่วนของพืช ซึ่งยังคงลักษณะเป็นพืช และได้ผ่านกระบวนการที่สามารถท าลายเชื้อโรคและศัตรูพืชและเป็นไปตามที่กรมวิชาการเกษตรก าหนด ข้อ ๔ ให้พืชดังต่อไปนี้จากทุกแหล่งเป็นสิ่งต้องห้าม ๔.๑ ส่วนหนึ่งส่วนใดของพืชกระท่อม Mitragyna speciosa (Korth.) Havil. ๔.๒ ส่วนหนึ่งส่วนใดของพืชในสกุลแคนนาบิส (Cannabis L.) ข้อ ๕ ข้อยกเว้นหรือเงื่อนไข 5.1 อาหารส าเร็จรูป 5.๒ พืชกระท่อมที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหาร สัตว์ หรืออาหาร ส าหรับมนุษย์ หรือใช้เพื่อการอุตสาหกรรม ต้องมีใบรับรองปลอดศัตรูพืชจากประเทศผู้ส่งออกก ากับมาด้วย 5.3 พืชในสกุลแคนนาบิสที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหาร สัตว์ หรืออาหาร ส าหรับมนุษย์ หรือใช้เพื่อการอุตสาหกรรม ต้องมีใบรับรองปลอดศัตรูพืชจากประเทศผู้ส่งออกก ากับมาด้วย ประกาศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๒๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1195.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อ ประเภท ชนิด หรือลักษณะของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ห้ามน าเข้า พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดชื่อ ประเภท ชนิด หรือลักษณะของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ห้ามน าเข้าตามพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีส่วนประกอบจากกัญชาหรือกัญชงอย่างยั่งยืน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๔) แห่งพระราชบัญญัติ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ . ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยค าแนะน าของ คณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อ ประเภท ชนิด หรือลักษณะของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ห้ามน าเข้า พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “พืชกัญชาหรือกัญชง ” หมายความว่า พืชกัญชาหรือกัญชงซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis และวัตถุหรือสารต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพืชกัญชาหรือกัญชง ข้อ ๔ ห้ามน าเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่เป็นพืชกัญชาหรือกัญชง หรือที่มีส่วนประกอบของ พืชกัญชาหรือกัญชง หรือที่มีสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงเป็นส่วนประกอบ ยกเว้น (๑) กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีภารกิจด้านป้องกั นหรือบ าบัดโรค ตามที่รัฐมนตรีประกาศก าหนดตามความในมาตรา ๑๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ และสภากาชาดไทย (๒) สถาบันอุดมศึกษาของรัฐเพื่อการศึกษาด้านเภสัชศาสตร์ ด้านการแพทย์แผนไทย หรือด้านการแพทย์แผนไทยประยุกต์ (๓) ผู้ประสงค์จะน าเข้าเพื่อการศึกษาวิจัยทางคลินิกตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต และการผลิตหรือน าเข้าผลิตภัณฑ์ สมุนไพร เพื่อการศึกษาวิจัย แห่งพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศ ณ วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๒๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1200.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๒๓) เรื่อง หลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคล สําหรับการสงลูกจางเขารับการศึกษาหรือฝกอบรมหรือการจัดฝกอบรมใหแกลูกจาง เพื่อพัฒนาบุคลา กรดานวิทยาศาสตร เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร หรือคณิตศาสตร อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๔๐) พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคล สําหรับการสงลูกจางเขารับการศึกษาหรือฝกอบร ม หรือการจัดฝกอบรมใหแกลูกจาง เพื่อพัฒนาบุคลากรดานวิทยาศาสตร เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร หรือคณิตศาสตร ดังตอไปนี้ ขอ ๑ การยกเวนภาษีเงินไดใหแกบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล สําหรับเงินไดเปนจํานวน รอยละหนึ่งรอยหาสิบของรายจายที่ไดจายเปนคา ใชจายในการสงลูกจางเขารับการศึกษาหรือฝกอบรม หรือในการจัดฝกอบรมใหแกลูกจาง ตั้งแตวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตองเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข ดังตอไปนี้ (๑) ตองเปนการสงลูกจางเขารับการศึกษาห รือฝกอบรมหรือในการจัดฝกอบรม ใหแกลูกจาง ในหลักสูตรที่ไดรับการรับรองจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร วิจัยและนวัตกรรม หรือสํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือสํานักงานสงเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (๒) ตองเริ่มการศึกษาหรือฝกอบรมหลักสูตรตาม (๑) ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ขอ ๒ การศึกษาหรือการฝกอบรมในหลักสูตรตามขอ ๑ ตองเปนไปเพื่อประโยชน ของกิจการของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่เปนนายจางนั้น ้หนา ๑๐๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๔๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ขอ ๓ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ไดใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดตาม พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๔๐) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตองไมใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรอื่นอีก ไมวาทั้งหมดหรือบางสวน ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เอกนิติ นิติทัณฑประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๐๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๔๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1201.pdf,"หนา ๒๒ เลม ๑๒๔ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กันยายน ๒๕๕๐ พระราชบัญญัติ สถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไว ณ วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เปนปที่ ๖๒ ในรัชกาลปจจุบัน พระบาทสมเด ็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล า ฯ ใหประกาศวา โดยที่เปนการสมควรปร ับปรุงกฎหมายวาดวยสถิติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ ใหตราพระราชบ ัญญัติขึ้นไวโดยคําแนะนําและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแหงชาติ ดังตอไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกวา “พระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ใหใชบังคับตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชก ิจจานุเบกษา เปนตนไป มาตรา ๓ ใหยกเลิกพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “สถิติ” หมายความวา ขอความหรือตัวเลขที่แสดงผลที่ประมวลจากขอมูลที่เก็บรวบรวมได “การสํารวจ ” หมายความวา การเก็บรวบรวมขอมูลที่เปนอยูจริงเพื่อใหไดมาซึ่งสถิติ “สํามะโน ” หมายความวา การสํารวจโดยการแจงน ับจากทุกหนวยที่เกี่ยวกับขอมูลนั้น ๆ หนา ๒๓ เลม ๑๒๔ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กันยายน ๒๕๕๐ “การสํารวจตัวอยาง” หมายความวา การสํารวจโดยการแจงน ับจากหนวยที่เกี่ยวกับขอมูลนั้น ๆ เพียงบางหนวยที่เลือกเปนตัวอยาง “หนวยงาน ” หมายความวา สวนราชการ รัฐวิสาหกิจ องคการมหาชน องคกรปกครองสวนทองถิ่น และหนวยงานอื่นของรัฐ “ผูอํานวยการ ” หมายความวา ผูอํานวยการสํานักงานสถิติแหงชาติ “พนักงานเจาหนาที่” หมายความวา ผูซึ่งผูอํานวยการแตงตั้งใหปฏิบัติการตามพระราชบ ัญญัตินี้ มาตรา ๕ ใหสํานักงานสถิติแหงชาติ เปนหนวยงานกลางของร ัฐ ในการดําเนินการ เกี่ยวกับสถิติตามหลักวิชาการ มาตรา ๖ สํานักงานสถิติแหงชาติมีอํานาจหนาที่ ดังตอไปนี้ (๑) จัดทําแผนแมบทเกี่ยวกับการดําเนินงานทางสถิติของรัฐ (๒) จัดทํามาตรฐานสถิติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อใหความเห็นชอบ (๓) สงเสริมและพัฒนางานสถิติของรัฐและเอกชน (๔) จัดทําสํามะโนหรือการสํารวจตัวอยาง หรืออํานวยการใหมีการสํารวจดานตาง ๆ ของประเทศ (๕) ประสานงานและหาร ือรวมกับหนวยงานเพื่อจัดทําแผนกําหนดความรับผิดชอบในการ ดําเนินงานทางสถิติตามแผนแมบทตาม (๑) (๖) แนะนํา ใหคําปรึกษา หรือความชวยเหลือแกหนวยงานเกี่ยวกับการจัดทําแผนงาน และ ระเบียบวิธีในการจัดเก็บขอมูล ตลอดจนการประมวลผล และการวิเคราะหผลสถิติ (๗) ประสานกับหนวยงานในการสร างเครือขายสถิติ เพื่อใหไดมาซึ่งฐานขอมูลสถิติที่สําคัญ และเปนปจจุบันของประเทศ (๘) ใหบริการสถิติแกหนวยงาน องคกรเอกชน และบุคคลทั่วไป (๙) เผยแพรสถิติและจัดใหมีการศึกษาอบรมวิชาความรูเกี่ยวกับสถิติ (๑๐) รวมมือและประสานงานก ับตางประเทศและองค การระหวางประเทศในงานเก ี่ยวกับสถิติ (๑๑) ปฏิบัติการอื่นตามที่มีกฎหมายกําหนด และตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย มาตรา ๗ ในการจัดทําแผนแมบทตามมาตรา ๖ (๑) ใหสํานักงานสถิติแหงชาติประสานกับ หนวยงานที่เกี่ยวของและจัดทําใหสอดคลองกับนโยบายและแผนการพ ัฒนาประเทศและ เมื่อคณะรัฐมนตรีใหความเห็นชอบแลว ใหหนวยงานที่เกี่ยวของปฏิบัติใหเปนไปตามแผนแม บทนั้น หนา ๒๔ เลม ๑๒๔ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กันยายน ๒๕๕๐ มาตรา ๘ หนวยงานตองจัดทําสถิติใหเปนไปตามแผนกําหนดความรับผิดชอบตามมาตรา ๖ (๕) และดําเนินการใหถูกตองตามมาตรฐานสถ ิติ หนวยงานใดไมปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ใหสํานักงานสถิติแหงชาติรายงานคณะร ัฐมนตรี เพื่อสั่ง การตามที่เห็นสมควร มาตรา ๙ เมื่อหนวยงานจะมีการจัดทําสํามะโนหรือการสํารวจตัวอยางที่ประสงคจะ กําหนดใหเปนหนาที่ของประชาชนท ี่จะตองใหขอมูล ใหกําหนดโดยกฎกระทรวง กฎกระทรวงน ั้น อยางนอยตองมีสาระสําคัญ ดังตอไปนี้ (๑) วัตถุประสงค (๒) ระยะเวลา (๓) เขตทองที่ (๔) บุคคลซึ่งจะตองใหขอมูลและวิธีการใหขอมูล (๕) หนวยงานที่รับผิดชอบ มาตรา ๑๐ เมื่อไดมีกฎกระทรวงตามมาตรา ๙ แลว ใหผูอํานวยการประกาศรายละเอ ียด เกี่ยวกับวิธีดําเนินการในการจัดทําสํามะโนหรือการสํารวจตัวอยางในเรื่องดังตอไปนี้ (๑) วิธีการเก็บรวบรวมขอมูล (๒) คําถามที่บุคคลจะตองใหขอมูลหรือรายละเอียดของแบบสอบถามท ี่บุคคลจะตองกรอกขอมูล และวิธีการกรอกขอมูลในแบบสอบถาม (๓) ระยะเวลาที่พนักงานเจาหนาที่จะออกสอบถามหร ือสงแบบสอบถาม (๔) ระยะเวลาที่บุคคลซึ่งตองกรอกแบบสอบถามจะต องสงคืนแบบสอบถามท ี่ไดกรอก รายการแลวแกพนักงานเจาหนาที่ (๕) ขอมูลอื่นที่ประชาชนสมควรทราบ ประกาศตามวรรคหน ึ่ง ใหประกาศในราชก ิจจานุเบกษา และระบบเครือขายอิเล็กทรอนิกสหรือ สื่อประเภทอื่น มาตรา ๑๑ เมื่อมีประกาศตามมาตรา ๑๐ แลว บุคคลซึ่งจะตองใหขอมูลตามที่กําหนดไว ในมาตรา ๙ (๔) มีหนาที่ใหขอมูลหรือกรอกแบบสอบถามตามท ี่กําหนดไวในมาตรา ๑๐ (๒) ใหถูกตองตามความเป นจริง หนา ๒๕ เลม ๑๒๔ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กันยายน ๒๕๕๐ มาตรา ๑๒ เมื่อมีประกาศตามมาตรา ๑๐ แลว พนักงานเจาหนาที่มีอํานาจเขาไปในอาคาร หรือที่ทําการของบุคคลซึ่งจะตองใหขอมูลหรือกรอกแบบสอบถาม ในระหวางเวลาพระอาท ิตยขึ้นถึง พระอาทิตยตก หรือในเวลาอื่นใดที่บุคคลนั้นไดแจงใหทราบ เพื่อสอบถามขอมูล หรือดําเนินการกรอก แบบสอบถาม หรือเพื่อตรวจสอบความถ ูกตองของขอมูล ในการนี้บุคคลดังกลาวตองอํานวยความสะดวก แกพนักงานเจาหนาที่ตามสมควร ในการปฏิบัติหนาที่ตามวรรคหนึ่ง ใหพนักงานเจาหนาที่แสดงบัตรประจําตัวตอบุคคลซึ่งเกี่ยวของ บัตรประจําตัวพนักงานเจาหนาที่ใหเปนไปตามแบบท ี่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๓ ในกรณีที่พนักงานเจาหนาที่ไมพบบุคคลผูซึ่งจะใหขอมูลหรือกรอกแบบสอบถาม ใหดําเนินการตามหลักเกณฑ วิธีการ และระยะเวลาท ี่กําหนดในกฎกระทรวง เพื่อใหไดมาซึ่งขอมูล มาตรา ๑๔ ใหหนวยงานมีหนาที่ใหความรวมมือแกสํานักงานสถิติแหงชาติเพื่อประโยชน ในการจัดสรางเครือขายสถิติและพัฒนาฐานขอมูลที่สําคัญและเปนปจจุบันของประเทศ ในกรณีที่สํานักงานสถิติแหงชาติจําเปนตองใชขอมูลจากการสํารวจ หรือขอมูลจากบันทึก ทะเบียน รายงาน หรือเอกสารอื่นใดที่อยูในความครอบครองของหน วยงานใด เพื่อการจัดทําสถิติ ที่สําคัญและจําเปนตอการพัฒนาประเทศ ใหหนวยงานนั้นจัดสงขอมูลดังกลาวใหสํานักงานสถิติ แหงชาติภายในสามสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจงจากสํานักงานสถิติแหงชาติ ขอมูลที่หนวยงานตองจัดสงใหตามวรรคหนึ่ง หรือวรรคสองตองไมระบุหรือเปดเผยวาเปนขอมูล ของบุคคลใด เวนแตบุคคลนั้นจะใหความยินยอมเปนหนังสือหรือเปนขอมูลที่เปดเผยตอประชาชน หรือประชาชนสามารถเข าตรวจสอบไดอยูแลว มาตรา ๑๕ บรรดาขอมูลเฉพาะบุคคลหรือเฉพาะรายที่ไดมาตามพระราชบ ัญญัตินี้ ตองถือเปน ความลับโดยเครงครัด หามมิใหผูซึ่งปฏิบัติหนาที่ตามพระราชบัญญัตินี้หรือผูมีหนาที่เก็บรักษา เปดเผย ขอมูลนั้นแกบุคคลใดซึ่งไมมีหนาที่ตามพระราชบัญญัตินี้ เวนแต (๑) เปนการเปดเผยเพื่อประโยชนแกการสอบสวนหร ือการพิจารณาคดีที่ตองหาวากระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ (๒) เปนการเปดเผยตอหนวยงานเพื่อใชประโยชนในการจัดทําสถิติ วิเคราะหหรือวิจัย ทั้งนี้ เทาที่ไมกอใหเกิดความเสียหายแกเจาของขอมูล และตองไมระบุหรือเปดเผยถึงเจาของขอมูล หนา ๒๖ เลม ๑๒๔ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กันยายน ๒๕๕๐ มาตรา ๑๖ ภายใตบังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ ผูซึ่งปฏิบัติหนาที่ในหนวยงานหรือ สํานักงานสถิติแหงชาติตองไมนําบรรดาขอมูลเฉพาะบุคคลหรือเฉพาะรายที่เจาของขอมูลไดใหไว หรือกรอกแบบสอบถามไปใช ในกิจการอื่นนอกเหนือจากการจัดทําสถิติ วิเคราะหหรือวิจัย มาตรา ๑๗ บรรดาขอมูลที่อาจเปดเผยได สํานักงานสถิติแหงชาติอาจใหบริการขอมูลนั้น ตอบุคคลทั่วไปได โดยอาจเรียกเก็บคาใชจายเทาที่จําเปนในการใหบริการขอมูลนั้น ตามหลักเกณฑ และอัตราที่สํานักงานสถิติแหงชาติกําหนด มาตรา ๑๘ ผูใดไมใหขอมูล หรือไมกรอกแบบสอบถามตามว ิธีการที่กําหนดในประกาศ ตามมาตรา ๑๐ หรือไมสงคืนแบบสอบถามท ี่ไดกรอกรายการแล วแกพนักงานเจาหนาที่ หรือหนวยงาน ภายในระยะเวลาท ี่กําหนดในประกาศตามมาตรา ๑๐ (๔) หรือไมใหความสะดวกแก พนักงานเจาหนาที่ ในการปฏิบัติหนาที่ตามมาตรา ๑๒ ตองระวางโทษปร ับไมเกินสามพันบาท มาตรา ๑๙ ผูใดซึ่งมีหนาที่ใหขอมูลตามมาตรา ๑๑ แตจงใจใหขอมูลเปนเท็จตองระวางโทษ จําคุกไมเกินสามเดือน หรือปรับไมเกินหาพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ มาตรา ๒๐ ผูใดฝาฝนมาตรา ๑๕ หรือมาตรา ๑๖ ตองระวางโทษจ ําคุกไมเกินหนึ่งป หรือปรับ ไมเกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ มาตรา ๒๑ บรรดาพระราชกฤษฎ ีกา กฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบ ัญญัติ สถิติ พ.ศ. ๒๕๐๘ และมีผลใชบังคับอยูในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชก ิจจานุเบกษา ใหคงมีผล ใชบังคับไดตอไปเทาที่ไมขัดหรือแยงกับบทบัญญัติแหงพระราชบัญญัตินี้ จนกวาจะมีกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบตามพระราชบ ัญญัตินี้ มาตรา ๒๒ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงเทคโนโลย ีสารสนเทศและการส ื่อสารรักษาการ ตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอํานาจออกกฎกระทรวงเพ ื่อปฏิบัติการตามพระราชบ ัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อไดประกาศในราชก ิจจานุเบกษาแลวใหใชบังคับได ผูรับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ จุลานนท นายกรัฐมนตรี หนา ๒๗ เลม ๑๒๔ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กันยายน ๒๕๕๐ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๐๘ ไดใชบังคับมานาน และมีบทบัญญัติบางประการไม สอดคลองกับสภาวการณปจจุบันอันมีผลทําใหการ ดําเนินการของสํานักงานสถิติแหงชาติในฐานะหนวยงานกลางดานงานสถิติของรัฐไมมีความชัดเจน รวมทั้ง หลักเกณฑและวิธีดําเนินการเก็บรวบรวมขอมูลเพื่อใหไดมาซึ่งสถิติไมมีความคลองตัวเพราะขั้นตอนกอนเริ่ม ดําเนินการใชระยะเวลานาน ทําใหไดขอมูลที่ไมทันตอเหตุการณปจจุบัน ประกอบกับขอมูลทางสถิติที่จัดทํา ขึ้นนั้นมีประโยชนตอการนําไปใชในการพัฒนาหรือแกไขปญหาในการบริหารงานของรัฐดานตาง ๆ ซึ่งควรจะมีการ กําหนดวิธีการดําเนินการดานสถิติใหเปนไปในแนวทางเด ียวกันเพื่อความเปนเอกภาพของสถ ิติ นอกจากนี้ เพื่อใหได ขอมูลที่ถูกตองตามความเป นจริงและเปนหลักประกันมิใหเกิดความเสียหายแกผูซึ่งตองใหขอมูลจึงตองกําหนด มาตรการคุมครองขอมูลสวนบุคคลที่ไดจากการเก็บรวบรวมขอมูล โดยตองถือเปนความลับอยางเครงครัด และกําหนดโทษสําหรับผูซึ่งฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามบทบัญญัติแหงพระราชบัญญัตินี้ใหสอดคลองกับสภาวการณ ปจจุบันดวย จึงจําเปนตองตราพระราชบ ัญญัตินี้ " 1205.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่พิจารณาเห็นว่า กัญชา เป็นสมุนไพรที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย มีความส าคัญ ทางเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ (๓) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๔๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยค าแนะน าของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้กัญชา หรือสารสกัดจากกัญชา ซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis เป็นสมุนไพรควบคุม ข้อ ๒ อนุญาตให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปสามารถครอบครอง ใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา ขนย้าย จ าหน่ายสมุนไพรควบคุมตามข้อ ๑ ได้ ยกเว้นการกระท า ดังต่อไปนี้ (๑) การใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะโดยการสูบ (๒) การใช้ประโยชน์กับสตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร (๓) การจ าหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ ากว่ายี่สิบปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุต ร ข้อ ๓ อนุญาตให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน และ หมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย สามารถใช้ประโยชน์จากสมุนไพรควบคุม ตามข้อ ๑ ให้กับผู้ป่วยของตน ข้อ ๔ อนุญาตให้ผู้ป่วยตามข้อ ๓ สามารถครอบครอง ขนย้าย ดูแล เก็บรักษา ใช้ประโยชน์ ในปริมาณที่จ่ายให้ส าหรับการใช้ประโยชน์เป็นเวลาสามสิบวัน ข้อ ๕ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1208.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดท าและเก็บรักษาบันทึกรายการ ของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลส าหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดท าและเก็บรักษาบันทึกรายการ ของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลส าหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๔๐ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ. ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดท าและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลส าหรับผู้ประมวลผ ลข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องจัดท าและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรม การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละประเภทกิจกรรมไว้ โดยมีรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อและข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และตัวแทนของผู้ประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลในกรณีที่มีการแต่งตั้งตัวแทน (๒) ชื่อและข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วน บุคคลที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด าเนินการ ตามค าสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และตัวแทนของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่มีการแต่งตั้งตัวแทน (๓) ชื่อและข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสถานที่ติดต่อและวิธีการ ติดต่อ ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (๔) ประเภทหรือลักษณะของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด าเนินการตามค าสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ได้รับ มอบหมายจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (๕) ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่มีการส่งหรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ (๖) ค าอธิบายเกี่ยวกับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรา ๔๐ วรรคหนึ่ง (๒) ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องจัดท าและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรม การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจะจัดท าเป็นหนังสือหรือ ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้ บันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จะต้องเข้าถึงได้ง่าย และสามารถแสดงให้ส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล หรือบุคคลที่ส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคลมอบหมายตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีการร้องขอ ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 เธียรชัย ณ นคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1209.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การยกเว้นการบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์การยกเว้นการบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๓๙ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การยกเว้น การบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุ เบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องด าเนินการ ตามมาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) และ (๘) จะต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นวิสาหกิจขนาดย่อมหรือวิสาหกิจขนาดกลางตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (๒) เป็นวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจ ชุมชน (๓) เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือกลุ่มกิจการเพื่อสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการส่ งเสริมวิสาหกิจ เพื่อสังคม (๔) เป็นสหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกรตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ (๕) เป็นมูลนิธิ สมาคม องค์กรศาสนา หรือองค์กรที่ไม่แสวงหาก าไร (๖) เป็นกิจการในครัวเรือนหรือกิจการอื่นในลักษณะเดียวกัน ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็กที่ได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง จะต้องไม่เป็น ผู้ให้บริการที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการกระท าความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ เว้นแต่จะเป็นผู้ให้บริการประเภทผู้ให้บริการร้านอินเทอร์เน็ต ให้ได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการ ขนาดเล็กที่ได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงกรณีที่มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิแ ละเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือมิใช่้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๕กิจการที่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นครั้งคราว หรือมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๖ ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 เธียรชัย ณ นคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๕" 121.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 11/๒๕๖๑ เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๒/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เรื่อง นโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้การส่งเสริมการลงทุนในระดับท้องถิ่นและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจการขององค์กรท้องถิ่นในกิจการด้านการเกษตรและเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมเบา และกิจการท่องเที่ยวชุม ชน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ วรรคสอง มาตรา ๑๘ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังนี้ ข้อ ๑ คุณสมบัติโครงการที่ขอรับการส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก 1.1 มาตรการนี้บังคับใช้กับโครงการที่ได้รับการส่งเสริมอยู่เดิม โดยต้องเป็น ประเภทกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประกาศให้การส่งเสริมอยู่ในขณะที่ยื่นขอรับ การส่งเสริมตามมาตรการนี้ และระยะเวลาการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลงแล้ว หรือเป็นโครงการที่ ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 1.2 ต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ าของแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) โดยจะต้องสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สหกรณ์ หรือวิสาหกิจชุมชนในท้องถิ่นไม่น้อยกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาทต่อราย 1.3 ต้องเสนอแผนความร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นในการสนับสนุนเพื่อยกระดับ ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตหรือให้บริการ โดยจะต้องด าเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓ ปี นับตั้งแต่วันออกบัตรส่งเสริม 1.4 องค์กรท้องถิ่นผู้รับการสนับสนุน หมายถึง สหกรณ์ หรือวิสาหกิจชุมชน ในท้องถิ่น ที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งด าเนินกิจการ อย่างน้อยด้านใดด้านหนึ่งตามขอบข่าย ได้แก่ กิจการด้านการเกษตรและเกษตรแปรรูป กิจการในอุตสาหกรรมเบา กิจการท่องเที่ยวชุมชน ข้อ 2 สิทธิและประโยชน์ 2.1 ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา ๓ ปี เป็นสัดส่วนไม่เกิน ร้อยละ ๑๒๐ ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) ส าหรับรายได้จากกิจการที่ด าเนินการอยู่เดิม โดยจะค านวณมูลค่ายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) ที่จ่ายจริงในการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นตามที่ส านักงานก าหนด เช่น ค่าก่อสร้างโรงงาน ค่าเครื่องจักร้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ มกราคม ๒๕๖๒และอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม เป็นต้น ทั้งนี้ ระยะเวลาการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้นับจากวันที่มีรายได้ภา ยหลังได้รับบัตรส่งเสริม 2.2 สิทธิและประโยชน์ที่มิใช่ภาษีอากรให้ได้รับตามหลักเกณฑ์ประกาศคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน ที่ ๒/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๓ โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการนี้ จะไม่สามารถขอรับสิทธิ และประโยชน์ตามมาตรการอื่นได้ ข้อ ๔ จะต้องยื่นค าขอรับการส่งเสริมการลงทุนระหว่างวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ มกราคม ๒๕๖๒" 1211.pdf,"ระเบียบส ำนักงำนประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบที่น าส่งไว้เกินจ านวนที่ต้องช าระคืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. ๒๕๖5 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบส านักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบ ที่น าส่งไว้เกินจ านวนที่ต้องช าระคืน เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19) ตามประกาศของ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการแพร่ระบาดมากขึ้น อาจส่งผลกระทบ ต่อการยื่นค าขอรับเงินสมทบส่วนที่เกินจ านวนที่ต้องช าระคืน และเพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกัน การแพร่ระบาด อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔๗ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๗ เลขาธิการส านักงาน ประกันสังคม จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบส านักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบ ที่น าส่งไว้เกินจ านวนที่ต้องช าระคืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2565” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2566 ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เ ป็นข้อ 4/1 แห่งระเบียบส านักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับ เงินสมทบที่น าส่งไว้เกินจ านวนที่ต้องช าระคืน พ.ศ. 2560 “ข้อ 4/1 นอกจากการยื่นค าร้องขอรับเงินคืนตามที่ก าหนดไว้ในข้อ 4 แห่งระเบียบ ส านักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบที่น าส่งไว้เกินจ านวนที่ต้องช าระคืน พ.ศ. 2560 นายจ้างหรือผู้ประกันตนที่น าส่งเงินสมทบเกินจ านวนที่ต้องช าระ อาจยื่นค าร้องขอรับเงินคืนพร้อม แนบส าเนาเอกสารประกอบการยื่นค าร้องขอรับเงินคืนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ส านักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพื้นที่ ส านักงานประกันสังคมจังหวัด หรือส านักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา ด้วยวิธีการทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ โทรสาร ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือ แอปพลิเคชั่นไลน์ ในกรณียื่นค าร้องขอรับเงินสมทบส่วนที่เกินจ านวนคืนตามวรรคหนึ่งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับ จะถือวันประทับตราไปรษณีย์ต้นทางเป็นส าคัญ หรือกรณียื่นค าร้องขอรับเงินสมทบส่วนที่เกินจ านวนคืน ทางโทรสาร ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือแอปพลิเคชั่นไลน์ ให้ผู้ยื่นค าร้องขอรับเงินคืน เก็บหลักฐานการส่งเพื่อการตรวจสอบ ” ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. ๒๕65 บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการส านักงานประกันสังคม ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1212.pdf,"ค ำสั่งศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ 12/๒๕๖๕ เรื่อง พื้นที่สถำนกำรณ์ที่ก ำหนดเป็นพื้นที่เฝ้ำระวัง ตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ตำมที่ได้มีกำรประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรำชอำณำจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมำได้ขยำยระยะเวลำกำรบังคับใช้ประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินดังกล่ำว ออกไปอย่ำงต่อเนื่องเป็นระยะ นั้น เพื่อให้กำรบริหำรจัดกำรและเตรียมควำมพร้อมในกำรป้องกันกำรระบำดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนำ 2019 ตำมแนวทำงกำรจัดเขตพื้นที่สถำนกำรณ์ตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในข้อ ๔ (๒) ของค ำสั่งนำยกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้ก ำกับ กำรปฏิบัติงำน หัวหน้ำผู้รับผิดชอบและพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ในกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๒๕ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม นำยกรัฐมนตรีในฐำนะผู้อ ำนวยกำรศูนย์บริหำร สถำนกำรณ์โควิด - 19 โดยค ำแนะน ำของศูนย์ปฏิบัติกำรฉุกเฉินด้ำนกำรแพทย์และสำธำรณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด - 19 และศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 กระทรวงมหำดไทย จึงมีค ำสั่งให้หัวหน้ำผู้รับผิดชอบในกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินและพนักงำน เจ้ำหน้ำที่ปฏิบัติกำรให้เป็นไปตำมมำตรกำรตำมข้อก ำหนดฯ ส ำหรับเขตพื้นที่สถำนกำรณ์ ให้ทุกเขตพื้นที่จังหวัด ทั่วรำชอำณำจักร เป็นพื้นที่เฝ้ำระวัง ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่ำจะมีค ำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่ำงอื่น สั่ง ณ วันที่ 23 มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕65 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ผู้อ ำนวยกำรศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์โควิด - 19 ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1214.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงข้อก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซลให้เหมาะสม ยิ่งขึ น อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 25 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการค้าน ้ามันเชื อเพลิง พ.ศ. 2543 อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ข้อ 1 ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในรายการ 17 ในตารางหมายเลข 1 ลักษณะและคุณภาพของ น ้ามันดีเซล แนบท้ายประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดี เซล (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี แทน รายการ ข้อก้าหนด อัตราสูง ต่้า น ้ามันดีเซล วิธีทดสอบ1/ หมุนเร็ว หมุนช้า ธรรมดา บี 7 บี 20 17 ไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ ร้อยละโดยปริมาตร ของกรดไขมัน (Methyl ester of fatty acids ) % vol. ไม่ต่้ากว่า และ ไม่สูงกว่า 5.0 10 5.0 7 5.0 20 - EN 14078 ตั งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ไม่ต่้ากว่า และ ไม่สูงกว่า 9 10 6.6 7 19 20 - ประกาศ ณ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕" 122.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ส. ๖/๒๕๖๑ เรื่อง การให้การส่งเสริมกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางธุรกิจระหว่าง ประเทศในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เพื่อประกอบกิจการให้บริการด้านบริหารและด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือจ าเป็นแก่วิสาหกิจในเครือ หรือประกอบกิจการการค้าระหว่างประเทศ อันจะท าให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการลงทุนทางธุรกิจในระดับภูมิภาคและในระดับโลก และเพื่อเป็นการเพิ่มแรงจูงใจ และสนับสนุนให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศให้เพิ่มความในหมวด ๗ ของบัญชีท้าย ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๒/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยก าหนด ประเภท เงื่อนไข สิทธิและประโยชน์ ดังนี้ ประเภทกิจการ เงื่อนไข สิทธิและ ประโยชน์ ๗.๓๔ กิจการศูนย์กลาง ธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center : IBC) 1. ต้องมีแผนการด าเนินการให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือโดยมีขอบข่าย ธุรกิจ ดังนี้ 1.1 การบริหารงานทั่วไป การวางแผนทางธุรกิจ และการ ประสานงานทางธุรกิจ 1.2 การจัดหาวัตถุดิบและชิ้นส่วน 1.3 การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 1.4 การสนับสนุนด้านเทคนิค 1.5 การส่งเสริมด้านการตลาดและการขาย 1.6 การบริหารด้านงานบุคคลและการฝึกอบรม 1.7 การให้ค าปรึกษาด้านการเงิน 1.8 การวิเคราะห์และวิจัยด้านเศรษฐกิจและการลงทุน 1.9 การจัดการและควบคุมสินเชื่อ 1.10 การให้บริการด้านการบริหารเงินของศูนย์บริหารเงิน ( Treasury Center) 1.11 กิจการการค้าระหว่างประเทศ 1.12 การให้บริการสนับสนุนอื่น ๆ ตามที่กรมสรรพากรประกาศก าหนด B 1 (เฉพาะ เครื่องจักร ที่ใช้วิจัย และพัฒนา และ ฝึกอบรม) ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ มกราคม ๒๕๖๒ประเภทกิจการ เงื่อนไข สิทธิและ ประโยชน์ 2. ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ช าระแล้วไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท 3. ต้องมีการจ้างพนักงานประจ าที่มีความรู้และทักษะที่จ าเป็นส าหรับ IBC ไม่น้อยกว่า 10 คน เว้นแต่กรณี IBC ที่มีเฉพาะการให้บริการด้านการ บริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ ต้องมีการจ้างพนักงานประจ าที่มีความ รู้ และทักษะไม่น้อยกว่า 5 คน 4. กรณีเป็นการด าเนินกิจการการค้าระหว่างประเทศ จะต้องมีขอบข่ายธุรกิจ ในข้อ 1.1 - 1.10 ร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 1 ข้อ 5. ไม่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบและวัสดุจ าเป็นส าหรับส่วนที่ผลิต เพื่อการส่งออก 6. ไม่สามารถขอรับสิทธิและป ระประโยชน์เพิ่มเติมตามคุณค่าของโครงการได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ มกราคม ๒๕๖๒" 1222.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการช าระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างานว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือ และเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการช าระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวด ล้อม ในการท างาน พ.ศ. ๒๕๕๙ เกี่ยวกับการยื่นขอรับเงินกองทุน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้การบริหารกองทุน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕๐ (๔) แห่งพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน จึงวางระเบียบไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๑ แห่งระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างานว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือ และเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการช าระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการท างาน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๑ การยื่นค าขอรับเงินกองทุนตามข้อ ๙ และ ๑๐ ให้ยื่น ณ กองความปลอดภัยแรงงาน ส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด หรือศูนย์ความปลอดภัยในการท างานเขต ” ประกาศ ณ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖5 นิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประธานกรรมการบริหาร กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1224.pdf,"ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกกรณีที่มีเหตุสมควรเกี่ยวกับโรคโควิด 19 เพื่อรองรับการเป็นโรคประจ าถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๕ ด้วยคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๕ เห็นชอบมาตรการรองรับการเปลี่ยนผ่านการระบาดของโรคโควิด 19 สู่การเป็นโรคประจ าถิ่น ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดท าแผนและมาตรการการบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด 19 สู่โรคประจ าถิ่น ( Endemic Approach to COVID -19) เพื่อให้ประชาชนจะกลับมาด าเนินชีวิตภายใต้ การใช้ชีวิตวิถีปกติใหม่ จึงสมควรยกเลิกกรณีที่มีเหตุสมควรในการเข้ารับบริการของ ผู้มีสิทธิตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการเข้ารับบริการตรวจคัดกรอง บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยืนยันการติดเชื้อโรคโควิด 19 ส าหรับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตามดุลยพินิจของแพทย์ และการเข้ารับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคอื่นที่ เกี่ยวกับโรคโควิด 19 ตามความจ าเป็นของผู้มีสิทธิ ในสถานบริการอื่น อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๑๐ วรรคสอง แห่งข้อบังคับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุข กรณีที่มีเหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุ หรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ ส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกกรณีที่มีเหตุสมควรเกี่ยวกับโรคโควิด 19 เพื่อรองรับการเป็นโรคประจ าถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ก าหนดกรณี ที่มีเหตุสมควรและอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๔ ให้ยกเลิกประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ก าหนดกรณี ที่มีเหตุสมควรและอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศ ณ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ้หนา ๕๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1226.pdf,"ประกาศส านักทะเบียนกลาง เรื่อง ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร กรณีภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศไทย ในห้วงเวลาที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นล าดับ มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อบ้างแต่มีจ านวนน้อย และสามารถควบคุมได้ ไม่มีปัจจัยท าให้การติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ ดังนั้น เพื่อเป็น การบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระของประชาชนอย่า งต่อเนื่อง อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๔ แห่งกฎกระทรวงก าหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงก าหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อ ๑๒ แห่งกฎกระทรวงก าหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยปฏิบัติเกี่ยวกับ การทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย กฎกระทรวงก าหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ ผู้อ านวยการทะเบียนกลางประกาศ พื้นที่ภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เขตพื้นที่ภัยที่เกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ถูกก าหนดให้เป็นพื้นที่ เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่น าร่องด้านการท่องเที่ยว ตามค าสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ ๑๐/๒๕๖๕ หรือข้อก าหนดออกตามความ ในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นพื้นที่ ประสบภัยที่จะได้รับการยก เว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร ตามประกาศนี้ ข้อ ๒ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎรในเรื่องต่อไปนี้ ในเขตพื้นที่ ตามข้อ ๑ นับตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 3๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ (๑) การขอคัดส าเนา หรือคัดและรับรอง ส าเนารายการทะเบียน ตามมาตรา ๖ (๒) การขอคัดส าเนา หรือคัดและรับรองส าเนารายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร ตามมาตรา ๑๔ (๑) (๓) การแจ้งการเกิดต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่อื่น ตามมาตรา ๑๘ วรรคสาม (๔) การแจ้งการตายต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่อื่น ตามมาตรา ๒๑ วรรคสี่ (๕) การแจ้งการย้ายที่อยู่ ตามมาตรา ๓๐/๒ (๖) การออกบัตรประจ าตัวให้กับคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ตามมาตรา ๓๘/๑ ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕(๗) การขอรับส าเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านใหม่แทนฉบับเดิมที่ช ารุดหรือสูญหาย ตามมาตรา ๓๙ วรรคสอง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 ธนาคม จงจิระ ผู้อ านวยการทะเบียนกลาง ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1227.pdf,"ประกาศกรมการปกครอง เรื่อง ให้ลดค่าธรรมเนียมการออกหนังสือส าคัญเกี่ยวกับชื่อบุคคล กรณีภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศไทย ในห้วงเวลาที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นล าดับ มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อบ้างแต่มีจ านวนน้อยและ สามารถควบคุมได้ ไม่มีปัจจัยท าให้การติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ ดังนั้น เพื่อเป็น การบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระของประชาชนอย่างต่อเนื่อง อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๕/๑ แห่งกฎกระทรวงก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนชื่อสกุลและค่าธรรมเนียมการออกหนังสือส าคัญ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวงก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะ เบียนชื่อสกุลและ ค่าธรรมเนียมการออกหนังสือส าคัญ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ อธิบดีกรมการปกครองประกาศพื้นที่ภัย ที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และก าหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการออกหนังสือส าคัญเกี่ยวกับ ชื่อบุคคล ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เขตพื้นที่ภัยที่เกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ถูกก าหนดให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่น าร่องด้านการท่องเที่ยว ตามค าสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ ๑๐/๒๕๖๕ หรือข้อก าหนดออกตามความ ในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นพื้นที่ประสบภัย ที่จะได้รับการก าหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการออกหนังสือส าคัญเกี่ยวกับชื่อบุคคล ตามประกาศนี้ ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการออกหนังสือส าคัญเกี่ยวกับชื่อบุคคล ฉบับละ หนึ่งบาท ในเรื่องต่อไปนี้ ในเขตพื้นที่ตามข้อ ๑ นับตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ (๑) การออกหนังสือส าคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อรอง (๒) การออกหนังสือส าคัญแสดงการรับจดทะเบียนตั้งชื่อสกุล (๓) การออกหนังสือส าคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล (๔) การออกใบแทนหนังสือส าคัญตาม (๑) (๒) หรือ (๓) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 ธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1229.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายก าหนดเวลาการจัดท าบัตรประจ าตัวประชาชนจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (เพิ่มเติม ครั้งที่ 4) ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศ เรื่อง ขยายก าหนดเวลาการจัดท าบัตรประจ าตัวประชาชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (เพิ่มเติม ครั้งที่ 3) ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2564 เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่ประชาชนจะต้องเดินทางไป ขอมีบัตร ขอมีบัตรใหม่ หรือขอเปลี่ยนบัตร ในทุกท้องที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร จากภายในก าหนดหกสิบวัน นับตั้งแต่วันที่ต้องมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตร เป็นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 นั้น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในปัจจุบันยังคงมี การแพร่ระบาดของโรคกระจายไปทุกท้องที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร และการตรวจพบผู้ป่วยยืนยัน ติดเชื้อรายใหม่โดยเฉพาะกรณีที่เป็นการติดเชื้อภายในประเทศยังมีจ านวนมากในแต่ละวัน จึงมีความจ าเป็นที่ต้องก าหนดแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกับสถานกา รณ์ในปัจจุบัน เพื่อร่วมแก้ไขและ ระงับยับยั้งสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 6 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจ าตัวประชาชน พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบัตรประจ าตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงม หาดไทย จึงออกประกาศให้ขยายก าหนดเวลาการขอมีบัตร การขอมีบัตรใหม่ หรือการขอเปลี่ยนบัตรในทุกท้องที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพิ่มเติม จากภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 เป็นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ประกาศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1230.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕64 ก าหนดสินค้าควบคุม 46 รายการ บริการควบคุม 5 รายการ และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2565 ก าหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม 5 รายการ ไปแล้ว นั้น โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564 มีผลใช้บังคับ เพียงหนึ่งปี และคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงรายการสินค้าควบคุม 46 รายการ และบริการควบคุม 5 รายการต่อไป เพื่อดูแลป้องกันการก าหนดราคาซื้อ ราคาจ าหน่ายหรือการก าหนดเงื่อนไข และวิธีปฏิบัติทางการค้า อันไม่เป็นธรรม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๑) และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ให้สินค้าและบริการ ดังต่อไปนี้เป็นสินค้าและบริการควบคุม หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ (1) กระดาษท าลูกฟูก กระดาษเหนียว (2) กระดาษพิมพ์และเขียน หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง (3) ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ (4) รถจักรยานยนต์ รถยนต์บรรทุก หมวดปัจจัยทางการเกษตร (5) กากดีดีจีเอส (6) เครื่องสูบน้ า (7) ปุ๋ย ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕(8) ยาป้องกันหรือก าจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช (9) รถเกี่ยวข้าว (10) รถไถนา (11) หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (12) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (13) น้ ามันเชื้อเพลิง หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ (14) ยารักษาโรค (15) เวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรค หมวดวัสดุก่อสร้าง (16) ท่อพีวีซี (17) ปูนซีเมนต์ (18) สายไฟฟ้า (19) เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น เหล็กเส้น หมวดสินค้าเกษตรที่ส าคัญ (20) ข้าวเปลือก ข้าวสาร (21) ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ (22) ข้าวโพด (23) ต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ มันส าปะหลังและผลิตภัณฑ์ (24) ผลปาล์มน้ ามัน (25) มะพร้าวผลแก่ และผลิตภัณฑ์ (26) ยางพารา ได้แก่ น้ ายางสด ยางก้อน เศษยาง น้ ายางข้น ยางแผ่น ยางแท่ง ยางเครพ หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค (27) กระดาษช าระ กระดาษเช็ดหน้า (28) แชมพู (29) ผงซักฟอก น้ ายาซักฟอก (30) ผลิตภัณฑ์ล้างจาน (31) ผ้าอนามัย (32) ผ้าอ้อมส าเร็จรูปเด็กและผู้ใหญ่ (33) สบู่ก้อน สบู่เหลว ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕หมวดอาหาร (34) กระเทียม (35) ไข่ไก่ (36) ทุเรียน (37) นมผง ผลิตภัณฑ์นมพร้อมบริโภคชนิดเหลว ไม่รวมถึงนมเปรี้ยว (38) น้ ามัน และไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ทั้งที่บริโภคได้หรือไม่ได้ (39) แป้งสาลี (40) มังคุด (41) ล าไย (42) สุกร เนื้อสุกร (43) หอมหัวใหญ่ (44) อาหารกึ่งส าเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึก (45) อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท หมวดอื่น ๆ (46) เครื่องแบบนักเรียน หมวดบริการ (47) การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า (48) บริการซื้อขาย และหรือบริการขนส่งสินค้าส าหรับธุรกิจออนไลน์ (49) บริการทางการเกษตร (50) บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาลเกี่ยวกับ การรักษาโรค (51) บริการรับช าระเงิน ณ จุดบริการ ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕" 1232.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขานักดูแลและบริหารระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระดับ ๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขานักดูแลและบริหารระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระดับ ๒ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขานักดูแลและบริหารระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระดับ ๒ ให้เป็นดังต่อไปนี้ (1) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามหลัก วิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๖๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๖๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิดความช านาญ เพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบการปฏิบัติงานตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ในรายละเอียดวิธีการ ทดสอบ ใช้เวลาในการทดสอบทั้งหมด ๒ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๒๐๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนทั้งห มด โดยแบ่งออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ แบบทดสอบที่ ๑ ประกอบและติดตั้งอุปกรณ์ระบบเครือข่าย เชื่อมต่ออุปกรณ์เครือข่าย กระจายสัญญาณด้วยแอคเซสพอยต์ (Access Point) และทดสอบการท างานของอุปกรณ์ แบบทดสอบที่ ๒ ติดตั้งระบบปฏิบัติการในเครื่องแม่ข่ายและเครื่องลูกข่ายติดตั้งระบบ วีพีเอ็น (VPN) ทดสอบการท างานของระบบเครือข่าย แก้ปัญหางานระบบเครือข่ายเนื่องจากเน็ตเวิร์คการ์ด ก าหนดค่าเลขที่อยู่ไอพี (IP Address) และก าหนดสิทธิ์ผู้ใช้งาน ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ แบบทดสอบที่ ๓ ติดตั้งอุปกรณ์เราเตอร์ (Router) และแอคเซสพอยต์ (Access Point) ก าหนดค่าและสร้างวงแลน (LAN) และก าหนดค่าความปลอดภัยของอุปกรณ์ให้สามารถ กระจายสัญญาณไร้สาย (Wireless) แก่ลูกข่าย ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ และต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบในแต่ละแบบทดสอบ (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขานักดูแลและบริหารระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระดับ ๒ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ โดยผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องทดสอบทั้งภาคความรู้ และภาคความสามารถ และต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการทดสอ บมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขานักดูแลและบริหารระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระดับ ๒ ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖5 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕" 1235.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจ าพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ โดยได้รับยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าว ซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (ตม.6) ด้วยสมควรยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองบางประการ เพื่อเป็นการอ านวย ความสะดวกแก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยพาหนะทางอากาศ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของ เจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณ าจักรโดยพาหนะ ทางอากาศได้รับยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไป นอกราชอาณาจักร (ตม.6) แนบท้ายกฎกระทรวงก าหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีกและการขอกลับ เข้ามา มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ข้อ 2 ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕" 1238.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนดอัตราค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนด อัตราค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นมาตรการชั่วคราวในระหว่างการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. 2527 รวมถึงศึกษาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ นจากการด้าเนินการที่ผ่านมา และน้าข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงแก้ไข หลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 17 (24) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. 2527 คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี ข้อ 1 ระเบียบนี เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนด อัตราค่าบ้ารุงและวิธี การช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2565” ข้อ 2 ระเบียบนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเว้นการใช้บังคับระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนด อัตราค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไ ร่อ้อย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 และระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนดอัตราค่าบ้ารุง และวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 จนกว่าจะถึงเริ่มฤดูการผลิตปี 2566/2567 ข้อ 4 ในระหว่างที่มีการยกเว้นการใช้บังคับระเบียบตามข้อ 3 ให้ด้าเนินการก้าหนดอัตรา ค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย ดังนี (1) ในระเบียบนี “สถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ ” หมายความว่า สถาบั นชาวไร่อ้อยที่มีสมาชิกของตนส่งอ้อย เข้าหีบในโรงงานใดโรงงานหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๕ ของปริมาณอ้อยทั งหมดที่ส่งเข้าหีบในโรงงานนั น ในฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา เว้นแต่ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย จ้ากัด โดยมี สมาชิกประกอบไปด้วยสหกรณ์การเกษตรช าวไร่อ้อยขอนแก่น จ้ากัด สหกรณ์กลุ่มชาวไร่อ้อยล้าน ้าพรม จ้ากัด สหกรณ์ชาวไร่อ้อยสระแก้ว จ้ากัด และสหกรณ์ชาวไร่อ้อยขาณุวรลักษบุรี จ้ากัด ซึ่งมีสถานะ เป็นสถาบันชาวไร่อ้อยไม่จ้ากัดปริมาณอ้อยของสมาชิกที่ส่งเข้าหีบในโรงงาน (2) ภายในเดือนตุลาคมของแต่ละปี ให้สถาบั นชาวไร่อ้อยส่งบัญชีรายชื่อสมาชิกพร้อมที่อยู่ ที่จดทะเบียนไว้ และปริมาณอ้อยโดยประมาณการของสมาชิกให้แก่โรงงานที่สมาชิกรายนั น ๆ จะส่ง อ้อยเข้าหีบให้เสร็จสิ นก่อนวันเปิดหีบของแต่ละโรงงาน พร้อมทั งเสนออัตราการเก็บอัตราค่าบ้ารุงสถาบัน ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ชาวไร่อ้อยในอัตราไม่เกิ นร้อยละหนึ่งของราคาอ้อยขั นต้นต่อเลขาธิการ เพื่อน้าเสนอคณะกรรมการบริหาร พิจารณาต่อไป (3) ให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาและเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการอ้อย และน ้าตาลทราย เพื่อประกาศก้าหนดอัตราค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (4) ให้ชาวไร่อ้อยช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยตามอัตราที่คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ประกาศก้าหนด (5) เมื่อโรงงานปิดหีบอ้อยในแต่ละฤดูการผลิตแล้ว ให้โรงงานส่งบัญชีรายชื่อชาวไร่อ้อย พร้อมปริมาณอ้อยที่ส่งเข้าหีบในโรงงานให้ส้านักงานภายในเดือนมิถุนายนของทุกปี (6) ให้ส้านักงานตรวจสอบปริมาณอ้อยของแต่ละสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสมาชิกส่งอ้อยเข้าหีบ แยกแต่ละโรงงาน ตามบัญชีรายชื่อชาวไร่อ้อยที่ได้รับจากโรงงานตามข้อ 4 (5) กรณีชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงานใดโรงงานหนึ่งมีสถานภาพการเป็นสมาชิกสถาบัน ชาวไร่อ้อยมากกว่าหนึ่งสถา บัน ให้เฉลี่ยปริมาณอ้อยให้แก่ทุกสถาบันที่ชาวไร่อ้อยรายนั นเป็นสมาชิก ในปริมาณเท่า ๆ กัน สถานภาพการเป็นสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อยของชาวไร่อ้อยให้เป็นไปตามฐานข้อมูลของส้านักงาน ให้ส้านักงานเสนอรายชื่อสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิแยกเป็นแต่ละโรงงานต่อคณะกรรมการบริหา ร เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายให้ความเห็นชอบต่อไป (7) เมื่อคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายให้ความเห็นชอบสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ ในแต่ละฤดูการผลิตแล้ว ให้ส้านักงานประกาศและแจ้งให้โรงงานและสถาบันชาวไร่อ้อยทราบ (8) ให้โรงงานหักเงิน ค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยของชาวไร่อ้อยแต่ละรายที่ส่งอ้อยเข้าหีบ ตามอัตราที่ประกาศก้าหนดคูณด้วยปริมาณอ้อยของชาวไร่อ้อยรายนั น ๆ จากเงินค่าอ้อยของชาวไร่อ้อย ในแต่ละงวดของการจ่ายเงินค่าอ้อย เมื่อโรงงานได้หักเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ถื อว่าชาวไร่อ้อย แต่ละรายที่ส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงานนั น ๆ ได้ช้าระเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยในส่วนของตน ในฤดูการผลิตนั นให้แก่สถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ หรือกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายในกรณีชาวไร่อ้อย มิได้เป็นสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อย ในกรณีโรงงานใดไม่มีสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิให้โรงงานหักเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย ของชาวไร่อ้อยแต่ละรายที่ส่งอ้อยเข้าหีบ ในอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศของฤดูการผลิตปีปัจจุบันที่ประกาศ ก้าหนดและส่งเงินให้กับกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายเพื่อเฉลี่ยส่งให้กับสถาบันชาวไร่ อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าหีบ ในโรงงานดังกล่าว ในฤดูการผลิตนั นตามปริมาณอ้อยของแต่ละสถาบันชาวไร่อ้อย (9) การส่งเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยให้แก่สถาบันชาวไร่อ้อย ให้โรงงานปฏิบัติ ดังนี (ก) ให้โรงงานส่งเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยซึ่งหักจากค่าอ้อยของชาวไร่อ้อย ทุกราย ที่ส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงาน ให้กับสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิตามที่ส้านักงานประกาศก้าหนด ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ในกรณีโรงงานใดมีชาวไร่อ้อยที่เป็นสมาชิกของชุมนุมสหกรณ์การเกษตรชาวไร่อ้อย แห่งประเทศไทย จ้ากัด และชาวไร่อ้อยรายนั นเป็นสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อยอื่นด้วย ให้ชาวไร่อ้อ ยรายนั น ท้าหนังสือแจ้งความประสงค์ต่อโรงงานว่าจะให้โรงงานหักเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยของตนให้กับ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย จ้ากัด หรือสถาบันชาวไร่อ้อยใดที่ตนเป็นสมาชิก กรณีชาวไร่อ้อยรายนั นมิได้ท้าหนังสือแจ้งความประสงค์ต่อโรงงาน ให้เฉ ลี่ยเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย ของชาวไร่อ้อยรายนั นให้แก่ทุกสถาบันชาวไร่อ้อยที่ชาวไร่อ้อยนั นเป็นสมาชิกทุกสถาบันในอัตราเท่า ๆ กัน (ข) กรณีสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิมีความประสงค์ให้กองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย เป็นผู้รับหรือเก็บเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยแทน ตามที่มีหนังสือแจ้งให้โรงงานและกองทุนอ้อย และน ้าตาลทรายทราบก่อนวันเปิดหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทรายตามที่ส้านักงานคณะกรรมการอ้อย และน ้าตาลทรายประกาศก้าหนด ให้โรงงานส่งเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยให้กับกองทุนอ้อยและ น ้าตาลทราย ตามความประสงค์ของสถาบันชาวไร่อ้อยนั น (ค) ในกรณีที่โรงงานใดไม่มีสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิให้โรงงานน้าเงินค่าบ้ารุงสถาบัน ชาวไร่อ้อยที่หักจากค่าอ้อยของชาวไร่อ้อยทุกรายที่ส่งอ้อยเข้าหีบให้กับกองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย เพื่อเฉลี่ยเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไ ร่อ้อยดังกล่าวให้กับสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสมาชิกส่งอ้อยเข้าหีบ ในโรงงานนั น ตามสัดส่วนปริมาณอ้อย (ง) กรณีมีข้อโต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยระหว่างสถาบันชาวไร่อ้อย หรือมีเหตุอื่นใด อันเป็นเหตุให้โรงงานไม่อาจทราบได้ว่าสถาบันชาวไร่อ้อยใ ดมีสิทธิได้รับเงินค่าบ้ารุง สถาบันชาวไร่อ้อยดังกล่าว ให้โรงงานส่งเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยดังกล่าวแก่กองทุนอ้อยและ น ้าตาลทราย เพื่อส่งให้แก่สถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิต่อไป ทั งนี สถาบันชาวไร่อ้อยใดจะมีสิทธิได้รับเงิน ดังกล่าวให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการบริ หารสั่งภายใต้ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อยและระเบียบนี (10) ให้โรงงานรวบรวมเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยที่หักไว้ตามข้อ 4 (8) แล้วส่งให้แก่ สถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิหรือกองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย ตามวิธีการที่ก้า หนดไว้ในข้อ 4 (9) แล้วแต่กรณีภายในวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดจากเดือนที่ได้หักเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (11) ในกรณีกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายเป็นผู้รับหรือเก็บเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย แทนสถาบันชาวไร่อ้อย ให้กองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายด้าเนินการ ดังนี (ก) กรณีรับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยตามข้อ 4 (8) วรรคท้าย ให้กองทุนอ้อย และน ้าตาลทรายส่งเงินดังกล่าวให้แก่สถาบันชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงานนั นตามสัดส่วนปริมาณอ้อย ของแต่ละสถาบันโดยไม่ชักช้า (ข) กรณีรับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยแทนสถาบันช าวไร่อ้อยที่แจ้งความประสงค์ ตามข้อ 4 (9) (ข) ให้สถาบันชาวไร่อ้อยขอรับเงินดังกล่าวจากกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายโดยตรง้หนา ๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕หรือตามแต่จะตกลงกัน ทั งนี การรับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยล่าช้าไม่เป็นเหตุให้สถาบันชาวไร่อ้อย มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายหรือค่าอื่นใด นอกจากดอกผลที่อาจเกิดขึ นตามปกติ (ค) กรณีรับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยจากโรงงานอันเนื่องมาจากไม่มีสถาบันชาวไร่อ้อย ที่มีสิทธิตามข้อ 4 (8) วรรคสาม ให้กองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายเฉลี่ยเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย ดังกล่าวให้กับสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสมาชิก ส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงานนั นตามสัดส่วนปริมาณอ้อย ส่วนเงิน ที่หักจากชาวไร่อ้อยที่มิได้เป็นสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อยให้ตกเป็นของกองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย และให้ใช้ได้เฉพาะ เพื่อประโยชน์ของสถาบันชาวไร่อ้อยโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร (ง) กรณีรับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยจากโรงงานอันเนื่องมาจากมีข้อโต้แย้ง ตามข้อ 4 (9) (ง) ให้กองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายเสนอให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาสั่งภายใต้ กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยไม่ชักช้า ประกาศ ณ วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕" 124.pdf,"ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๓๔/256๑ เรื่อง ยกเลิกการเรียกส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนและส าเนาทะเบียนบ้าน ตามที่ได้มีค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายเพื่ออ านวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลง วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยข้อ ๑๗ ของค าสั่งนี้ก าหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้มีอ านาจอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต รับจดทะเบียน รับจดแจ้ง หรือรับแจ้ง จะต้องอ านวยความสะดวกด้านเอกสารราชการแก่ผู้มายื่นค าขออนุมัติ อนุญาต หรือ ใบอนุญาต หรือผู้ยื่นขอจดทะเ บียนหรือจดแจ้ง หรือผู้แจ้ง ซึ่งเป็นเอกสารเพื่อใช้ประกอบการยื่นค าขอ ดังกล่าว ประกอบกับการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑ มีมติให้ยกเลิกการใช้ส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนและส าเนาทะเบียนบ้าน เพื่อรองรับการเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) นั้น เพื่อให้การอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต รับจดทะเบียน รับจดแจ้ง รับแจ้ง หรือ การด าเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกฎหมายอื่น ที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ของการนิ คมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นไปตามค าสั่งหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ และมติคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลดังกล่าวข้างต้น การนิคม อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๓๔/๒๕๖๑ เรื่อง ยกเลิกการเรียกส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนและส าเนาทะเบียนบ้าน ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกการเรียกส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนและหรือส าเนาทะเบียนบ้าน ในการอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต รับจดทะเบียน รับจดแจ้ง รับแจ้ง หรือการด าเนินการอื่นใด ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกฎหมายอื่นที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ข้อ ๔ กรณีจ าเป็นและต้องการส าเนาเอกส ารตามข้อ ๓ ให้พนักงานการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดท าส าเนาเอกสารดังกล่าวขึ้นเอง และห้ามมิให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดจาก การท าส าเนาเอกสารนั้น ข้อ ๕ กรณีมีการมอบอ านาจให้บุคคลอื่นมาด าเนินการแทน ให้ใช้ส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชน ของผู้มอบอ านาจ พร้อมลงนามรับรองส าเนาถูกต้อง ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒" 1242.pdf,"ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง ก าหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการก าหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป เพื่อเป็นเกณฑ์ทั่วไปส าหรับการส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๒ (๔) และมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและ รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ และตามค าสั่งส านักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๙/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายและมอบอ านาจให้รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีประจ าส านักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกร รมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบส านักนายกรัฐมนตรี และมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๖ (พ.ศ. ๒๕๕๓) เรื่อง ก าหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป ลงวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๒ ก าหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป ค่าเฉลี่ยในเวลา ๒๔ ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน ๕๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยให้มีผลจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ให้ค่าเฉลี่ย ในเวลา ๒๔ ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน ๓๗.๕ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ข้อ ๓ ก าหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป ค่ามัชฌิมเลขคณิต ( Arithmetic Mean ) ในเวลา ๑ ปี จะต้องไม่เกิน ๑๕ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ข้อ ๔ วิธีตรวจวัดค่าเฉลี่ยของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ตามข้อ ๒ และข้อ ๓ ให้ใช้วิธีตรวจวัด ดังนี้ ๔.๑ วิธีตรวจวัดอ้างอิง คือ วิธีกราวิเมตริก (Gravimetric) ๔.๒ วิธีตรวจวัดเทียบเท่า (๑) วิธีเบต้า เรดิเอชัน แอทเทนนูเอชัน (Beta Radiation Attenuation หรือ Beta Ray Attenuation) (๒) วิธีเทปเปอร์ อิลิเมนต์ ออสซิเลติง ไมโครบาลานซ์ (Tapered Element Oscillating Microbalance; TEOM) (๓) วิธีการกระเจิงของแสง (Light Scattering) (๔) วิธีเก็บตัวอย่างด้วยเครื่องเก็บตัวอย่างอากาศแบบไดโคโตมัส (Dichotomous Air Sampler) และวิเคราะห์ด้วยวิธีกราวิเมตริก ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ (๕) วิธีอื่น ตามที่กรมควบคุมมลพิษประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๕ วิธีตรวจวัดค่าเฉลี่ยของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ตามข้อ ๔.๑ ให้ใช้ วิธีตรวจวัดมาตรฐาน Federal Reference Method (FRM) และข้อ ๔.๒ ให้ใช้วิธีตรวจวัดเทียบเท่า Federal Equivalent Method (FEM) ตามที่องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (United States Environmental Protection Agency หรือ US EPA) ก าหนด ข้อ ๖ การตรวจวัดค่าเฉลี่ยของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ตามข้อ ๔ ให้ท าใน บรรยากาศ ไปที่อุณหภูมิและความดันบรรยากาศ สภาวะจริง (Actual conditions) และต้องสูง จากพื้นดินอย่างน้อย ๑.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๑๕ เมตร ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕" 1243.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. ๒๕๖๕ ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ทั่วโลกมีแนวโน้มลดลง และความเสี่ยงที่ท้องที่ นอกราชอาณาจักรจะเป็นแหล่งแพร่ของโรคมีน้อยลงและมีความใกล้เคียงกัน ประกอบกับการได้รับวัคซีน ป้องกันโรคโควิด 19 ของประชาชนในราชอาณาจักรมีความครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ประชาชน มีภูมิคุ้มกันโรคเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรส่วนใหญ่ล้วนได้รับวัคซีน ป้องกันโรคโควิด 19 แล้ว ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้ องกับมาตรการของประเทศไทยในการเปิดรับ ผู้เดินทางจากทั่วโลก และเพื่อให้การป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 ที่อาจจะเข้ามาในราชอาณาจักร มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยค าแนะน า ของคณะกรรมการด้านวิชาการ จึงเห็นสมควรให้มีการประกาศยกเลิกสาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (Islamic Republic of Iran) มาเลเซีย (Malaysia) ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao People's Democratic Republic) สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia) และสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า (Republic of the Union of Myanmar) จากการเป็นท้องที่ นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยค าแนะน าของคณะกรรมการด้านวิชาการ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกท้องที่นอกราชอาณาจักร ที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่อ อันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕(๒) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่อ อันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ (๓) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่อ อันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕" 1245.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการส าคัญของโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรให้มีการประกาศให้โรคฝีดาษวานรหรือโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง การป้องกันและการควบคุมโรคติดต่อ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุ ขโดยค าแนะน าของคณะกรรมการ โรคติดต่อแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการส าคัญของ โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๕๖) ของข้อ ๔ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการส าคัญของโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง พ.ศ. ๒๕๖๒ “(๕๖) โรคฝีดาษวานรหรือโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) มีอาการไข้ ปวดศีรษะ ต่อมน้ าเหลือง บวมโต เจ็บคอ มีผื่นหรือตุ่มที่ผิวหนังลักษณะเป็นตุ่มน้ าหรือตุ่มหนอง ซึ่งอาจเกิดขึ้นที่ศีรษะ ล าตัว อวัยวะเพศและรอบทวารหนัก แขน หรือขา บางตุ่มอาจเกิดขึ้นที่ฝ่ามือหรือฝ่าเท้า ” ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕" 1248.pdf,"ข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยค่าธรรมเนียมการตรวจ และการออกใบส าคัญรับรองของสถาบันการตรวจเรือ พ.ศ. 2565 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน าไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๖๓ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน าไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ เจ้าท่า โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกข้อบังคับกรมเจ้าท่าไว้ ดังต่อไปนี ข้อ 1 ข้อบังคับนี ให้เรียกว่า “ข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยค่าธรรมเนียมการตรวจ และ การออกใบส าคัญรับรองของสถาบันการตรวจเรือ พ.ศ. 2565” ข้อ 2 ข้อบังคับนี ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ 3 ให้ยกเลิกกฎข้อบังคับส าหรับการตรวจเรือ (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ 4 บรรดากฎข้อบังคับ ข้อบังคับ ระเบียบและประกาศในส่วนที่บัญญัติไว้แล้ว ซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี ให้ใช้ข้อบังคับนี แทน ข้อ 5 เจ้าของเรือ ผู้ครอบครองเรือ หรือบริษัทที่ได้ให้สถาบันการตรวจเรือที่เจ้าท่าก าหนดตรวจ และออกใบส าคัญรับรองของสถาบันการตรวจเรือ ต้องช าระค่าธรรมเนียมต่อกรมเจ้าท่าในอัตรา ครั งละ 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) ข้อ 6 ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเรือบางชนิด ตามประกาศกระทรวงคมนาคม ว่าด้วยการงดเว้น ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการตรวจเรือส าหรับเรือบางชนิด ข้อ 7 ให้อธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. ๒๕65 อานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมเจ้าท่า ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๖๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕" 125.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติ การท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงข องการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ - เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๖๕๐ บาท / ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๗๓๓ บาท / ชั่วโมง ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซล ของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับ ราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียม มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑2 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ร้อยต้ารวจตรี มนตรี ฤกษ์จ้าเนียร ผู้อ้านวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการแทน ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มกราคม ๒๕๖๒" 1252.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการทดสอบความรู้ความช านาญระดับสามัญวิศวกรและระดับวุฒิวิศวกร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการทดสอบ ความรู้ความช านาญระดับสามัญวิศวกรและระดับวุฒิวิศวกร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับข้อ ๔ (๓) และข้อ ๕ (๓) ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการออกใบอนุญาต เป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมร ะดับสามัญวิศวกรและระดับวุฒิวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๗ และโดยมติที่ประชุมคณะกรรมการสภาวิศวกร ครั้งที่ ๕๓-๑๐/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ คณะกรรมการสภาวิศวกร ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการทดสอบความรู้ ความช านาญระดับสามัญวิศวกรและระดับวุฒิวิศวกร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการทดสอบ ความรู้ความช านาญระดับสามัญวิศวกรและระดับวุฒิวิศวกร พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ คณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการทดสอบความรู้ความช านาญระดับสามัญวิศวกรและระดับวุฒิ วิศวกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ ในการสอบสัมภาษณ์ ให้คณะอนุกรรมการที่สภาวิศวกรแต่งตั้งตามข้อ ๔ (๒) ของข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยการออกใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมระดับสามัญ วิศวกรและระดับวุฒิวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๗ วินิจฉัยเพียงว่าผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ควบคุมผ่านหรือไม่ผ่านการสอบสัมภาษณ์ ผู้ขอรับใบอนุญาตที่ไม่เข้าสอบภายในระยะเวลาที่ก าหนดถือว่าสอบไม่ผ่าน หลักเกณฑ์และวิธีการสอบสัมภาษณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการสภาวิศวกร ประกาศก าหนด ” ข้อ ๔ ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ระดับสามัญวิศวกร ซึ่งได้ยื่น ค าขอไว้ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ด าเนินการต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จตามระเบียบคณะกรรมการ สภาวิศวกร ว่าด้วยการทดสอบความรู้ความช านาญระดับสามัญวิศวกรและระดับวุฒิวิศวกร พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการทดสอบความรู้ความช านาญ ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ระดับสามัญวิศวกรและระดับวุฒิวิศวกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยการทดสอบความรู้ความช านาญระดับสามัญวิศวกรและระดับวุฒิวิศวกร พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 รองศาสตราจารย์ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ นายกสภาวิศวกร ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕" 1254.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีก าหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๙) ลงวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือ ประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชก าหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศที่คณะรัฐมนตรี ก าหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และค าสั่งนายกรัฐม นตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๑๔๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕" 1260.pdf,"ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ให้ผลิตภัณฑ์สารเพิ่มประสิทธิภาพพืชและผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงดินเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก โดยที่ปรากฏว่ามีการจ าหน่ายสินค้าที่ใช้ในทางการเกษตรที่ไม่จัดเป็นปุ๋ยตามกฎหมายว่าด้วยปุ๋ย และไม่จัดเป็นวัตถุอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย โดยมีการใช้ข้อความบนฉลากสินค้าที่แสดง สรรพคุณของสินค้า ในลักษณะข้อความที่อวดอ้างว่ามีคุณสมบัติหรือมีสารออกฤทธิ์ใน การปรับปรุง คุณภาพดินหรือส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช เช่น สารจับใบ สารเพิ่มประสิทธิภาพพืช อาหารเสริม ประสิทธิภาพพืช สารไคโตซาน สารสกัดจากสาหร่าย และกรดอะมิโนส าหรับพืช สารปรับปรุงดิน อาหารเสริมประสิทธิภาพดิน ซึ่งเป็นสินค้าที่เกษตรกรใช้แพร่หลาย โดยไม่สามารถทดสอบพิสูจน์ได้ว่า สินค้าดังกล่าว มีคุณสมบัติหรือมีสารออกฤทธิ์ตามที่ระบุไว้ในฉลากสินค้า ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิ ของผู้บริโภค จึงเห็นสมควรก าหนดให้ผลิตภัณฑ์สารเพิ่มประสิทธิภาพพืชและผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงดิน เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก อาศัยอ านาจตามมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ผลิตภัณฑ์สารเพิ่มประสิทธิภาพพืช ” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ สรรพคุณ คุณประโยชน์ และวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตของพืช รวมถึงสารไคโตซาน สารสกัดจากสาหร่าย กรดอะมิโนส าหรับพืช และสารอื่นที่มีลักษณะเดียวกันกับสารดังกล่าวข้ างต้น ที่ไม่จัดเป็นปุ๋ยตามกฎหมายว่าด้วยปุ๋ย และวัตถุอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย “ผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงดิน ” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ สรรพคุณ คุณประโยชน์ และวัตถุประสงค์ในการใช้เพื่อการปรับปรุงและบ ารุงดิน ที่ไม่จัดเป็นปุ๋ยตามกฎหมา ยว่าด้วยปุ๋ย และ วัตถุอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ข้อ ๒ ให้ผลิตภัณฑ์สารเพิ่มประสิทธิภาพพืชและผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงดินเป็นสินค้า ที่ควบคุมฉลาก ข้อ ๓ ฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากตามข้อ ๒ จะต้องระบุข้อความ รูป รอยประดิษฐ์ หรือภาพตามความเหมาะสม แล้วแต่กรณี แต่ข้อความนั้นจะต้องตรงต่อความเป็นจริง ไม่ก่อให้เกิด ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาระส าคัญของสินค้านั้น และต้องเป็นภาษาไทยหรือภาษาไทยก ากับ ภาษาต่างประเทศ เพื่ออธิบายให้เข้าใจความหมายของรูป รอยประดิษฐ์ หรือภาพที่สามารถเห็น และอ่านได้ชัดเจน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อ ๔ ความในวรรคหนึ่ง ไม่ใช้บังคับกับฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากที่ผลิตขึ้นเพื่อการส่งออก และไม่ขายในประเทศไทย ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ สิงหาคม ๒๕๖๕ข้อ ๔ ฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลาก จะต้องระบุ ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อประเภทหรือชนิดของสินค้าที่แสดงให้เข้าใจได้ว่าสินค้านั้นคืออะไร (๒) ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้ผลิตเพื่อขายในประเทศไทย (๓) ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้สั่งหรือน าเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อขาย (๔) ชื่อทางเคมีหรือชื่อสามัญ (ถ้ามี) (๕) กรณีผลิตภัณฑ์สารเพิ่มประสิทธิภาพพืช ให้ระบุข้อความเกี่ยวกับคุณสมบัติ สรรพคุณ คุณประโยชน์ของสารหรือผลิตภัณฑ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเติบโตของพืช (๖) กรณีผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงดิน ให้ระบุข้อความเกี่ยวกับคุณสมบัติ สรรพคุณ คุณประโยชน์ของสารหรือผลิตภัณฑ์ในการปรับปรุงบ ารุงดิน (๗) ผลิตภัณฑ์ที่มิใช่ของเหลว ให้ระบุเป็นร้อยละของสารส าคัญอันเป็นส่วนประกอบของ ผลิตภัณฑ์ (๘) ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว ให้ระบุความเข้มข้นของสาร ส าคัญเป็นปริมาณน้ าหนัก ต่อปริมาตร (๙) อัตราส่วนการใช้ ขั้นตอน และวิธีการใช้ (๑๐) วิธีการเก็บรักษา (๑๑) อาการเกิดพิษและวิธีแก้พิษเบื้องต้น (๑๒) ต้องระบุข้อความว่า “ผลิตภัณฑ์นี้ไม่จัดเป็นปุ๋ยตามกฎหมายว่าด้วยปุ๋ย และวัตถุอันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตรายทางการเกษตร หรือสารป้องกันก าจัดศัตรูพืช ” ทั้งนี้ ข้อความดังกล่าว ต้องใช้ตัวอักษรขนาดไม่ต่ ากว่า ๕ มิลลิเมตร และสีของข้อความต้องตัดกับสีพื้นด้วย (๑๓) ชื่อประเทศที่ผลิตสินค้า (๑๔) สถานที่ตั้งของผู้ผลิตเพื่อขายหรือของผู้สั่งหรือน าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย (๑๕) ต้องแสดงขนาดหรือมิติ หรือปริมาณหรือปริมาตร หรือน้ าหนักของสินค้านั้น แล้วแต่กรณี ส าหรับหน่วยที่จะใช้ชื่อเต็มหรือชื่อย่อ หรือสัญลักษณ์แทนก็ได้ (๑๖) ต้องแสดงวิธีใช้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใจวัตถุประสงค์ในการใช้งานได้อย่างถูกต้อง (๑๗) ข้อแนะน าในการ ใช้หรือการเก็บรักษาเพื่อให้ผู้บริโภคใช้สินค้านั้นได้อย่างถูกต้อง (๑๘) ค าเตือน ข้อห้ามใช้ หรือข้อควรระวัง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้สินค้าได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ข้อความดังกล่าวต้องใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่กว่าตัวอักษรอื่น และต้องใช้สีตัดกับสีพื้น โดยต้อง สามารถเห็นและอ่านได้อย่างชัดเจนแตกต่างจากข้อความอื่น (๑๙) วัน เดือน ปีที่ผลิต เว้นแต่ไม่สามารถระบุวันที่ผลิตที่ชัดเจนได้ ให้ระบุเฉพาะสัปดาห์ และปีที่ผลิต หรือเดือนและปีที่ผลิตได้ เพื่อให้เข้าใจในประโยชน์ของคุณภาพหรือคุณสมบัติของสินค้านั้น ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ สิงหาคม ๒๕๖๕(๒๐) วัน เดือน ปีที่หมดอายุ หรือวัน เดือน ปีที่ควรใช้ก่อน วัน เดือน ปีที่ระบุนั้น ให้ระบุเฉพาะ ในกรณีที่เป็นสินค้าที่มีอายุการใช้งาน เพื่อให้เข้าใจในประโยชน์ของคุณภาพหรือคุณสมบัติ ของสินค้านั้น (๒๑) ราคา โดยระบุหน่วยเป็นบาท และจะระบุหน่วยเป็นเงินสกุลอื่นไ ว้ด้วยก็ได้ การแสดงข้อความใน (๑๙) และ (๒๐) ให้แสดงโดยเรียงล าดับ วัน เดือน ปี ทั้งนี้ อาจแสดง “เดือน” เป็นตัวเลขหรือตัวอักษรก็ได้ ส าหรับ “ปี” ให้ระบุเป็น “พ.ศ.” หรือ “ค.ศ.” ก็ได้ กรณีที่มีการแสดง วัน เดือน ปี ไม่เรียงตามล าดับ ต้องมีข้อความหรือตัวอักษรที่สื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจ อย่างชัดเจนถึงวิธีการแสดงข้อความดังกล่าวก ากับไว้ด้วย เช่น ปี เดือน วัน ที่ผลิต ๒๐๒๑/๐๘/๑๗ หมายความว่า ผลิตวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ หรือผลิต ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ หรือ ปี เดือน วัน ที่หมดอายุ ๒๐๒๑/๐๘/๑๗ หมายความว่า หมดอายุวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ การแสดงข้อความในฉลากสินค้าต้องให้เห็นและอ่านได้ชัดเจน ขนาดของตัวอักษรที่ใช้จะต้อง สัมพันธ์กับขนาดของพื้นที่ฉลาก และขนาดความสูงของตัวอักษรจะต้องไม่น้อยกว่า ๒ มิลลิเมตร เว้นแต่กรณีที่ฉลากที่มีเนื้อที่น้อยกว่า ๓๕ ตารางเซนติเมตร ขนาดความสูงของตัวอักษรจะต้อง ไม่น้อยกว่า ๑.๕ มิลลิเมตร ข้อ ๕ ในกรณีที่ไม่อาจแสดงฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากอย่างถูกต้องตามที่ระบุไว้ในข้อ ๓ และข้อ ๔ รวมไว้ในต าแหน่งที่เดียวกัน เช่น ไม่อาจแสดงไว้ที่สินค้าได้ทั้งหมด ก็ให้แสดงข้อความ รูป รอยประดิษฐ์หรือภาพ อย่างหนึ่งอย่างใด ไว้ในส่วนหนึ่งส่วนใดที่สินค้าหรือภาชนะบรรจุ หรือหีบห่อ บรรจุสินค้า หรือสอดแทรก หรือรวมไว้กับสินค้า หรือภาชนะบรรจุ หรือหีบห่อบรรจุสินค้า หรือ ในเอกสาร หรือคู่มือส าหรับใช้ประกอบกับสินค้าหรือป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่สินค้าหรือภาชนะบรรจุ หรือหีบห่อบรรจุสินค้านั้น แต่เมื่อรวมการแสดงฉลากไว้ทุกแห่งแล้ว ต้องสามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน ข้อ ๖ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประ กาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 ธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ ประธานกรรมการว่าด้วยฉลาก ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1261.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ด่านตรวจสอบยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่น าเข้า ส่งออก หรือน าผ่าน พ.ศ. ๒๕๖๕ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๔ และมาตรา ๒๒ (๕) และมาตรา ๒๓ (๑๒) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยการเสนอแนะของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ก าหนดให้สถานที่ดังต่อไปนี้ เป็นด่านตรวจสอบยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ที่น าเข้า ส่งออก หรือน าผ่าน ล าดับที่ ชื่อสถานที่ ๑. กรุงเทพมหานคร ๑.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานดอนเมือง ๑.๒ ด่านอาหารและยา ท่าเรือกรุงเทพ ๑.๓ ด่านอาหารและยา ไปรษณีย์กรุงเทพ ๑.๔ ด่านอาหารและยา ลาดกระบัง ๒. จังหวัดกระบี่ ๒.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานกระบี่ ๓. จังหวัดกาญจนบุรี ๓.๑ ด่านอาหารและยา บ้านน้ าพุร้อน ๔. จังหวัดชลบุรี ๔.๑ ด่านอาหารและยา ท่าเรือแหลมฉบัง ๕. จังหวัดชุมพร ๕.๑ ด่านอาหารและยา ชุมพร ๖. จังหวัดเชียงราย ๖.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ๖.๒ ด่านอาหารและยา เชียงของ ๖.๓ ด่านอาหารและยา เชียงแสน ๖.๔ ด่านอาหารและยา แม่สาย ๗. จังหวัดเชียงใหม่ ๗.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๕๘. จังหวัดตรัง ๘.๑ ด่านอาหารและยา กันตัง ๙. จังหวัดตาก ๙.๑ ด่านอาหารและยา แม่สอด ๑๐. จังหวัดนครพนม ๑๐.๑ ด่านอาหารและยา นครพนม ๑๑. จังหวัดนราธิวาส ๑๑.๑ ด่านอาหารและยา ตากใบ ๑๑.๒ ด่านอาหารและยา สุไหงโก-ลก ๑๒. จังหวัดน่าน ๑๒.๑ ด่านอาหารและยา ทุ่งช้าง ๑๓. จังหวัดบึงกาฬ ๑๓.๑ ด่านอาหารและยา บึงกาฬ ๑๔. จังหวัดภูเก็ต ๑๔.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานภูเก็ต ๑๕. จังหวัดมุกดาหาร ๑๕.๑ ด่านอาหารและยา มุกดาหาร ๑๖. จังหวัดยะลา ๑๖.๑ ด่านอาหารและยา เบตง ๑๗. จังหวัดระนอง ๑๗.๑ ด่านอาหารและยา ระนอง ๑๘. จังหวัดระยอง ๑๘.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ๑๙. จังหวัดล าพูน ๑๙.๑ ด่านอาหารและยา ล าพูน ๒๐. จังหวัดเลย ๒๐.๑ ด่านอาหารและยา ท่าลี่ ๒๑. จังหวัดสงขลา ๒๑.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ๒๑.๒ ด่านอาหารและยา ท่าเรือน้ าลึกสงขลา ๒๑.๓ ด่านอาหารและยา บ้านประกอบ ๒๑.๔ ด่านอาหารและยา ปาดังเบซาร์ ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๕๒๑.๕ ด่านอาหารและยา สะเดา ๒๒. จังหวัดสตูล ๒๒.๑ ด่านอาหารและยา วังประจัน ๒๓. จังหวัดสมุทรปราการ ๒๓.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (คลังสินค้า) ๒๓.๒ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ผู้โดยสารขาเข้า) ๒๓.๓ ด่านอาหารและยา ท่าเรือเอกชน บริษัท ทีเอสขนส่งและโลจิสติกส์ จ ากัด ๒๓.๔ ด่านอาหารและยา ท่าเรือเอกชน บริษัท บางกอก บาร์จ เทอร์มินอล จ ากัด ๒๓.๕ ด่านอาหารและยา ท่าเรือเอกชน บริษัท สยามแก๊สแอนด์ปิโตรเคมีคัลส์ จ ากัด (มหาชน) ๒๓.๖ ด่านอาหารและยา ท่าเรือเอกชน บริษัท แอคทู - ลั่ม จ ากัด ๒๓.๗ ด่านอาหารและยา ท่าเรือเอกชน ปท. ๑๐ ๒๓.๘ ด่านอาหารและยา บางเสาธง ๒๓.๙ ด่านอาหารและยา พระสมุทรเจดีย์ ๒๓.๑๐ ด่านอาหารและยา สมุทรปราการ ๒๔. จังหวัดสมุทรสาคร ๒๔.๑ ด่านอาหารและยา สมุทรสาคร ๒๕. จังหวัดสระแก้ว ๒๕.๑ ด่านอาหารและยา อรัญประเทศ ๒๖. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๒๖.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานสมุย ๒๗. จังหวัดหนองคาย ๒๗.๑ ด่านอาหารและยา หนองคาย ๒๘. จังหวัดอุดรธานี ๒๘.๑ ด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานอุดรธานี ๒๙. จังหวัดอุบลราชธานี ๒๙.๑ ด่านอาหารและยา ช่องเม็ก ประกาศ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกร ะทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1262.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจ ตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๕ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ - เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๔๖ บาท/ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๒,๓๕๖ บาท/ชั่วโมง ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซลของ บริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคา เฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลง เกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1265.pdf," กฎกระทรวง การออกหนังสือเตือน การสั่งพักใช้และการเพิกถอนใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรอง พ.ศ. 2565 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง มาตรา ๙/๕ วรรคสาม และมาตรา ๙/๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ เมื่อปรากฏว่าผู้ตรวจสอบเอกชนผู้ใดมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงงาน ให้ผู้อนุญาตแจ้งเตือนเป็นหนังสือให้ผู้ตรวจสอบเอกชนปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลา ที่ก าหนด ข้อ ๒ หนังสือเตือนตามข้อ ๑ อย่างน้อยต้องระบุวัน เดือน และปีที่ท าหนังสือเตือน ชื่อและต าแหน่ง พร้อมลงลายมือชื่อของผู้ออกหนังสือเตือน เหตุผลแห่งการออกหนังสือเตือนที่เป็น ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระส าคัญ ข้อกฎหมายที่อ้างอิง ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ ข้อปฏิบัติ และก าหนดระยะเวลาที่ผู้ตรวจสอบเอกชนต้องปฏิบัติให้ถูกต้องนับแต่วันที่ได้รับหนังสือเตือน ดังกล่าว ข้อ ๓ การส่งหนังสือเตื อนตามข้อ ๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่น าส่ง ณ ที่อยู่ของผู้ตรวจสอบ เอกชนที่แจ้งไว้ในค าขอรับใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรอง ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาท าการของบุคคลนั้น หรือจะส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับก็ได้ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้า ที่น าส่งแล้วบุคคลซึ่งระบุไว้ในหนังสือเตือนปฏิเสธไม่ยอมรับ หนังสือเตือน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ขอให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือต ารวจไปเป็นพยานเพื่อวางหนังสือเตือนไว้ ณ ที่นั้น แต่ถ้าไม่พบบุคคลซึ่งระบุไว้ในหนังสือเตือน ณ ที่อยู่ของผู้ตรวจสอบเอกชนที่แจ้งไว้ ในค าขอรับใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองนั้นจะส่งให้กับบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วซึ่งอยู่หรือท างาน ณ ที่นั้นก็ได้ และถ้าไม่พบบุคคลใดหรือพบแต่ไม่มีบุคคลใดยอมรับไว้แทน ให้ปิดหนังสือเตือนนั้นไว้ ในที่ที่เห็นได้ง่าย ณ ที่อยู่ของผู้ตรวจสอบเอกชนที่แจ้งไว้ในค าขอ รับใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองนั้น ต่อหน้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือต ารวจที่ไปเป็นพยาน ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๘ สิงหาคม ๒๕๖๕เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ด าเนินการตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองแล้ว ให้ถือว่าบุคคลซึ่งระบุไว้ ในหนังสือเตือนได้รับหนังสือเตือนนั้นแล้ว แต่ถ้าเป็นการส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือ โดยการปิดหนังสือเตือน ให้ถือว่าได้รับหนังสือเตือนนั้นเมื่อครบก าหนดห้าวันท าการนับแต่วันที่พนักงาน ไปรษณีย์ได้ส่งหรือวันที่ได้ปิดหนังสือเตือนนั้นไว้ แล้วแต่กรณี ข้อ ๔ ระยะเวลาที่ก าหนดให้ต้องปฏิบัติที่ระบุไว้ ในหนังสือเตือน ผู้อนุญาตอาจขยาย ระยะเวลาออกไปอีกได้ ผู้ตรวจสอบเอกชนที่ประสงค์จะขอขยายระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นขอขยายระยะเวลาเป็น หนังสือต่อผู้อนุญาตก่อนระยะเวลาตามที่ระบุไว้ในหนังสือเตือนฉบับเดิมจะสิ้นสุด พร้อมระบุเหตุผล และข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถปฏิบั ติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่ก าหนดได้ ข้อ ๕ การสั่งพักใช้ใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองตามมาตรา ๙/๕ ให้มีก าหนดระยะเวลา ในการพักใช้ใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองครั้งละไม่เกินเก้าสิบวันและในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต ตรวจสอบหรือรับรอง ผู้ตรวจสอบเอกชนซึ่งถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองจะขอรับ ใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองอีกไม่ได้ ระยะเวลาที่ก าหนดตามวรรคหนึ่ง ให้พิจารณาถึงพฤติการณ์ตามความร้ายแรงของการที่ผู้ตรวจสอบ เอกชนไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๙/๕ (๑) หรือ (๒) แล้วแต่กรณี ในกรณีที่อายุใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองเหลือไม่เกินเก้าสิบวัน การสั่งพักใช้ใบอนุญาต ตรวจสอบหรือรับรองตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้มีก าหนดระยะเวลาไม่เกินอายุใบอนุญาตตรวจสอบ หรือรับรองที่เหลืออยู่ ข้อ ๖ ผู้ตรวจสอบเอกชนซึ่งถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองจะปฏิบัติหน้า ที่ใน ฐานะผู้ตรวจสอบเอกชนในระหว่างที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองไม่ได้ ข้อ ๗ ในกรณีที่มีการเพิกถอนใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองตามมาตรา ๙/๖ ให้ผู้อนุญาตแจ้งผู้ตรวจสอบเอกชนส่งคืนใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองด้วย ให้ไว้ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๘ สิงหาคม ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๙/๕ และมาตรา ๙/๖ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติให้ผู้อนุญาตมีอ านาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองเมื่อปรากฏว่าผู้ตรวจสอบเอกชนผู้ใด มีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กฎหมายก าหนด และมีอ านาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรอง ซึ่งมาตรา ๙/๕ วรรคสาม และมาตรา ๙/๖ วรรคสาม บัญญัติให้การอ อกหนังสือเตือน การสั่งพักใช้ ใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรอง และการเพิกถอนใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรอง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนดในกฎกระทรวง จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๘ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1269.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ๓) ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการท างานของคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมานั้น เนื่องจากได้มีการปรับปรุงระยะเวลาด าเนินการตามมาตรการ ในการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศภายหลังการผ่อนคลาย มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเ ชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงจ าเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓/๒ แห่งพระราชก าหนด การบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนด การบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ เมื่อนายทะเบียนตรวจสอบค าขออนุญาตท างานแทนคนต่างด้าว รวมทั้งเอกสารและ หลักฐานแล้ว เห็นว่าถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนออกใบอนุญาตท างานให้คนต่างด้าว มีสิทธิท างานได้ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ แต่ต้องก าหนดเงื่อนไขไว้ด้วยว่า ผู้ได้รับอนุญาต ต้องจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลและตรวจสุขภาพภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ และต้องได้รับ การตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวด้วยภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ มิเช่นนั้น การอนุญาตให้ท างานและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรจะสิ้นสุดลง ” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) ขอตรวจลงตร าประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราว หรือขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปที่กองบังคับการ ตรวจคนเข้าเมือง ๑ ส านักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่ส านักงาน ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ตรวจคนเข้าเมืองก าหนด และเมื่อคนต่างด้าวด าเนินการดังกล่าวแล้ว ให้นายจ้างยื่นหลักฐานการอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อนายทะเบียนภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖” ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๐/๑ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุ ญาต ให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ “ข้อ ๑๐/๑ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานตามประกาศนี้ เพิ่มนายจ้างได้เฉพาะ คนต่างด้าวซึ่งท างานในเรื อประมง ทั้งนี้ ให้น าบทบัญญัติเกี่ยวกับการเพิ่มนายจ้างในประกาศ ส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการออกหนังสือคนประจ าเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง มาใช้บังคับ แก่การเพิ่มนายจ้างของคนต่างด้าวดังกล่าวด้วยโดยอนุโลม ” ข้อ ๔ ในระหว่างที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานยังไม่ได้รับการตรวจอนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ตามเงื่อนไขที่ก าหนดในใบอนุญาตท างานตามข้อ ๖ แห่งประกาศ กระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับ คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ ให้ใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าวดังกล่าวยังคงใช้ได้ต่อไปจนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เพื่อให้ คนต่างด้าวไปด าเนินการขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามประ กาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1270.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งใบอนุญาตท างาน ของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ๒) ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าว สิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการท างานของคนต่างด้าวสัญชาติ กัมพูชา ลาว และเมียนมานั้น เนื่องจากได้มีการปรับปรุงระยะเวลาด าเนินการตามมาตรการในการ บริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศภายหลังการผ่อนคลายมาตรการ ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงจ าเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมประกาศดังกล่ าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓/๒ แห่งพระราชก าหนด การบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนด การบริหารจัดการการ ท างานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่ อไปนี้แทน “ข้อ ๕ เมื่อนายทะเบียนตรวจสอบค าขออนุญาตท างานแทนคนต่างด้าวรวมทั้งเอกสารและ หลักฐานแล้ว เห็นว่าถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนออกใบอนุญาตท างานให้คนต่างด้าวมีสิทธิ ท างานได้ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ แต่ต้องก าหนดเงื่อนไขไว้ด้วยว่าผู้ได้รั บอนุญาตต้องได้รับ การตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวด้วยภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ มิเช่นนั้น การอนุญาตให้ท างานและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรจะสิ้นสุดลง ” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๖ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมายว่าด้วยการบริหาร จัดการการท างานของคนต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕“เมื่อคนต่างด้าวด าเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้นายจ้างยื่นใบรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพ เวชกรรมซึ่งรับรองว่าคนต่างด้าวไม่เป็นโรคต้องห้ามตามกฎกระทรวงว่าด้วยการก าหนดคุณสมบัติและ ลักษณะต้องห้ามของคนต่างด้าวที่จะขอรับใบอนุญาตท างาน และหลักฐานการ อนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อนายทะเบียน ภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๙ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนม า ซึ่งใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานตามประกาศนี้ เพิ่มนายจ้างได้เฉพา ะ คนต่างด้าวซึ่งท างานในเรือประมง ทั้งนี้ ให้น าบทบัญญัติเกี่ยวกับการเพิ่มนายจ้างในประกาศ ส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการออกหนังสือคนประจ าเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง มาใช้บังคับ แก่การเพิ่มนายจ้างของคนต่างด้าวดังกล่าวด้วยโดยอนุโลม ” ข้อ ๔ ในระหว่างที่คนต่างด้ าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานยังไม่ได้รับการตรวจอนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ตามเงื่อนไขที่ก าหนดในใบอนุญาตท างานตามข้อ ๕ แห่งประกาศ กระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับ คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผล ของกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ให้ใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าวดังกล่าวยังคงใช้ได้ต่อไปจนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เพื่อให้คนต่างด้าวไปด าเนินการขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าว สิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมาย ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1271.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ๒) ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการท างานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมานั้น เนื่องจากได้มีการปรับปรุงระยะเวลาด าเนินการตามมาตรการในการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงจ าเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมประกาศดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓/๒ แห่งพระราชก าหนด การบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนด การบริหารจัดการการท าง านของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ ให้คนต่างด้าวซึ่งด าเนินการตามข้อ ๔ แล้ว ไปขอจัดท าหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และรับบัตรประจ าตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่ส านักงานเขต กรุงเทพมหานคร ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่กรมการปกครองก าหนด ” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ เมื่อนายทะเบียนตรวจสอบค าขอ รวมทั้งเอกสารและหลักฐานตามข้อ ๖ แล้ว เห็นว่าถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตท างานหรืออนุญาตให้ท างานได้ไม่เกิน วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ แต่ต้องก าหนดเงื่อนไขไว้ด้วยว่า ผู้ได้รับอนุญาตต้องได้รับการตรวจอนุญาต ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวด้วยภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ มิเช่นนั้น การอนุญาต ให้ท างานและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรจะสิ้นสุดลง ” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๙ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตตามข้อ ๘ ไปขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวต่อไป ภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๑ ส านักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่ส านักงานตรวจคนเข้าเมืองก าหนด ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานตามประกาศนี้ เพิ่มนายจ้างได้เฉพาะ คนต่างด้าวซึ่งท างานในเรือประมง ทั้งนี้ ให้น าบทบัญญัติเกี่ยวกับการเพิ่มนายจ้างในประกาศ ส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการออกหนังสือคนประจ าเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง มาใช้บังคับ แก่การเพิ่มนายจ้างของคนต่างด้าวดังกล่าวด้วยโดยอนุโลม ” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน (๒) ของข้อ ๑๖ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒) การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวเป็นอันสิ้นสุดลงตามประกาศ กระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับ คนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ” ข้อ ๖ ในระหว่างที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ยังไม่ได้ขอจัดท าหรือปรั บปรุงทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และรับบัตร ประจ าตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยตามข้อ ๕ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ให้ใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าวดังกล่าวยังคง ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ใช้ได้ต่อไปจนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เพื่อให้คนต่างด้าวดังกล่าวด าเนินการตามประกาศ กระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับ คนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ ในระหว่างที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ยังไม่ได้รับการตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามเงื่อนไขที่ก าหนดในใบอนุญาต ท างานตามข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างาน ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ให้ใบอนุญาตท างานของคนต่างด้ าวดังกล่าวยังคงใช้ได้ต่อไปจนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เพื่อให้คนต่างด้าวดังกล่าวด าเนินการตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1272.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การยกเว้นการแจ้งข้อมูลการเข้าท างานของคนต่างด้าวตามมาตรา ๖๔/๒ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นการแจ้งข้อมูลการเข้าท างานของคนต่างด้าวตามมาตรา ๖๔/๒ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระให้แก่คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างาน และ เป็นมาตรการหนึ่งในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจากผลกระทบของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนดการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานตามมาตรา ๕๙ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๓/๑ มาตรา ๖๓/๒ และมาตรา ๖๔ ได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งข้อมูลการเข้าท างานของคนต่างด้าวตามมาตรา ๖๔/๒ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการแจ้งข้อมูลการเข้าท างานที่เป็นการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้าง ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1274.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ๒) ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างาน ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการท างานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมานั้น เนื่องจากได้มีการปรับปรุงระยะเวลาด าเนินการตามมาตรการในการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงจ าเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมประกาศดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการ การท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓/๒ แห่งพระราชก าหนด การบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนด การบริหารจัดการการท าง านของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๕ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ เมื่อนายทะเบียนตรวจสอบค าขอ รวมทั้งเอกสารและหลักฐานตามข้อ ๓ แล้ว เห็นว่าถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตท างานหรืออนุญาตให้ท างานได้ไม่เกิน วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ แต่ต้องก าหนดเงื่อนไขไว้ด้วยว่า ผู้ได้รับอนุญาตต้องได้รับการตร วจ อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวด้วยภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ มิเช่นนั้น การอนุญาตให้ท างานและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรจะสิ้นสุดลง ” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕“ข้อ ๗ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตตามข้อ ๕ ไปขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวต่อไป ภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๑ ส านักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่ส านักงานตรวจคนเข้าเมือง ก าหนด” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้ คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๐ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานตามประกาศนี้ เพิ่มนายจ้างได้เฉพาะ คนต่างด้าวซึ่งท างานในเรือประมง ทั้งนี้ ให้น าบทบัญญัติเกี่ยวกับการเพิ่มนายจ้างในประกาศ ส านักนายกรัฐ มนตรีว่าด้วยการออกหนังสือคนประจ าเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง มาใช้บังคับ แก่การเพิ่มนายจ้างของคนต่างด้าวดังกล่าวด้วยโดยอนุโลม ” ข้อ ๔ ในระหว่างที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานยังไม่ได้รับการตรวจอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามเงื่อนไขที่ก า หนดในใบอนุญาตท างานตามข้อ ๕ แห่งประกาศ กระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับ คนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ให้ใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าวดังกล่าวยังคงใช้ได้ต่อไปจนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เพื่อให้ คนต่างด้าวไปด าเนินการขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1279.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ตามที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการในการควบคุมและจ ากัดการเดินทางเข้าออกประเทศ ให้คนต่างด้าวสามารถเดินทางเข้ามาท างานในประเทศตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจ ที่รัฐบาลไทยท าไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ แต่ด้วยปัญหาจากสภาพทางเศรษฐกิจและปัญหาความมั่นคง ภายในของประเทศต้นทาง ท าให้จ านวนคนต่างด้าวซึ่งจะเดินทางเข้ามาท างานไม่สอดคล้องกับความต้องการ แรงงานภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจ าเป็นต้องก าหนดให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุดลง ซึ่งประสงค์จะท างานอย่างถูกต้อง สามารถอยู่และท างานในราชอาณาจักรได้เป็นกรณีพิเศษ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “คนต่างด้าว” หมายความว่า (๑) บุคคลสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งมีอายุไม่ต่ ากว่าสิบแปดปี ที่เข้ามา ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงหรือ การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสิ้นสุดลง และท างานอยู่กับนายจ้างก่อนวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ (๒) บุคคลสัญชาติเวี ยดนามซึ่งมีอายุไม่ต่ ากว่าสิบแปดปี ที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสาร ใช้แทนหนังสือเดินทางที่มีรอยตราประทับตรวจหนังสือเดินทางขาเข้าซึ่งระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง และท างานอยู่กับนายจ้างก่อนวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ (๓) บุคคลสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรและได้รับอนุญาตให้ท างานตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการบริหาร จัดการการท างานของคนต่างด้าว แต่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและการอนุญาตให้ท างานสิ้นสุดลง้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ตามมาตรา ๕๐ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๕ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และท างานอยู่กับนายจ้างก่อนวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ “ประกาศกระทรวงแรงงาน ” หมายความว่า ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเ ป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ข้อ ๒ นอกจากที่ก าหนดไว้ในประกาศนี้ การด าเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ข้อ ๓ ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ดังต่อไปนี้ (๑) ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษได้จนถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ เพื่อด าเนินการตามข้อ ๔ (๑) แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน (๒) ให้คนต่างด้าวซึ่งนายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแ รงงานต่างด้าวต่อ กรมการจัดหางานตามข้อ ๔ (๑) แห่งประกาศกระทรวงแรงงานแล้ว อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ได้จนถึงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ เพื่อด าเนินการตามข้อ ๔ (๒) แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน (๓) ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับใบรับค าขออนุญาตท างานแทนคนต่างด้าว พร้อมกับใบเสร็จรับเงิน ค่าธรรมเนียมตามข้อ ๕ หรือได้รับใบอนุญาตท างานตามข้อ ๗ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อท างานได้แต่ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เพื่อด าเนินการ ดังต่อไปนี้ (ก) ด าเนินการตามข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน (ข) ด าเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางเพื่อขอ ตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หรือ ขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๑ ส านักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่ส านักงานตรวจคนเข้าเมืองก าหนด ข้อ ๔ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองตรวจลงตราประเภท คนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หรือตรวจอนุญาตให้คนต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป เพื่อท างานเท่ากับเวลาที่คนต่างด้าวผู้นั้นได้รับอนุญาต ให้ท างานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว ทั้งนี้ ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ข้อ ๕ เมื่อคนต่างด้าวได้ด าเนินการตามข้อ ๗ และข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงแรงงานแล้ว ให้นายจ้างน าคนต่างด้าวไปยื่นค าร้องขอจัดท าหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วย การทะเบียนราษฎร และขอรับบัตรประจ าตัวคนซึ่งไม่ มีสัญชาติไทย ที่ส านักงานเขตกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่กรมการปกครองก าหนด ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ข้อ ๖ ให้ผู้ติดตามคนต่างด้าวซึ่งมีอายุไม่เกินสิบแปดปีอยู่ในราชอาณาจักรได้ตามระยะเวลา ที่บิดาหรือมารดาของผู้นั้นได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณ าจักร โดยให้ผู้ติดตามคนต่างด้าวนั้นด าเนินการ หรือบิดาหรือมารดาของผู้นั้นด าเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) แจ้งชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ เพศ หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง ต่อกระทรวงแรงงาน ณ สถานที่ที่ก าหนดไว้ในข้อ ๓ (๑) (๒) หรือ (๓) แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน (๒) ยื่นค าร้องขอจัดท าทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ณ สถานที่ ที่ก าหนดไว้ในข้อ ๕ ผู้ติดตามคนต่างด้าวซึ่งมีอายุสิบแปดปีตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ หากประสงค์ จะอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปจะต้องท างานกับนายจ้าง โดยต้องยื่นค าขออนุญาตท างานและแก้ไข ทะเบียนประวัติตามข้อ ๑๕ วรรคหนึ่ง แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน ข้อ ๗ นอกจากการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ให้การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวสิ้นสุดลง เมื่อ (๑) คนต่างด้าวไม่ด าเนินการตามประกาศนี้ (๒) การอนุญาตให้ท างานสิ้นสุดลงตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของ คนต่างด้าว (๓) คนต่างด้าวไม่ด าเนินการตามประกาศกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1284.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นค าขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรยกเลิกการก าหนดระยะเวลาการยกเว้นค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นค าขอ ในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๔ (๓) แห่งค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๗/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณา อนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยค าแนะน าของคณะกรรมการอาหาร ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ในการประชุมครั้งที่ ๘-๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๒ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ค่าใช้จ่าย ที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นค าขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒ ให้ผู้ยื่นค าขอในกระบวนการพิ จารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหารในกรณีดังต่อไปนี้ ได้รับยกเว้นค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บ (๑) กรณีที่ได้รับยกเว้นค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บทั้งหมด มีดังต่อไปนี้ (๑.๑) ไม่จัดเก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ ตามบัญชีที่แนบท้ายประกาศนี้ (ก) เป็นโครงการพระราชด าริ หรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด าริ (ข) เป็นสถานประกอบการที่มีเครื่องจักรไม่เกิน ๕ แรงม้า และคนงานไม่ถึง ๗ คน ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และกฎหมายว่าด้วยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง แห่งชาติ (๑.๒) ไม่จัดเก็บค่าใช้จ่ายที่จะจั ดเก็บในรายการใดรายการหนึ่ง ของแต่ละบัญชี ที่แนบท้ายประกาศนี้ มีดังต่อไปนี้ (ก) เป็นค าขออนุญาตผลิตอาหารหรือส่งออกซึ่งอาหารเพื่อเป็นตัวอย่าง ส าหรับการขึ้นทะเบียนต ารับอาหารหรือเพื่อพิจารณาในการสั่งซื้อ ตามข้อ ๑.๑ (๘) ในบัญชี ๑ ที่แนบท้ายประกาศนี้ (ข) เป็นค าขออนุญาตน าเข้าซึ่งอาหารเพื่อเป็นตัวอย่างส าหรับการขึ้นทะเบียน ต ารับอาหาร หรือเพื่อพิจารณาในการสั่งซื้อ ตามข้อ ๑.๒ (๖) ในบัญชี ๑ ที่แนบท้ายประกาศนี้ (ค) เป็นหนังสือชี้แจงการขอเพิ่มฉลากอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออกจ าหน่าย นอกราชอาณาจักร ตามข้อ ๑.๓ (๘) ในบัญชี ๑ ที่แนบท้ายประกาศนี้ ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕(๒) กรณีที่ได้รับยกเว้นค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บบางส่วน โดยการจัดเก็บไม่เต็มอัตราค่าใช้จ่าย ที่จะจัดเก็บในรายการหนึ่งรายการใดของแต่ละบัญชีที่แนบท้ายประกาศนี้ มีดังต่อไปนี้ และหากค่าใช้จ่าย ที่จะจัดเก็บนั้น เมื่อได้ค านวณค่าใช้จ่ายสุทธิที่จะจัดเก็บดังกล่าวแล้วมีเศษสตางค์ให้ปัดเศษลงเป็นจ านวน เต็มหลักสิบ (ก) เป็นการพิจารณาค าขอและการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารค าขออนุญาต ผลิตภัณฑ์อาหาร โดยมีการอ้างอิงสูตรและกรรมวิธีการผลิตที่ได้รับอนุญาตอยู่เดิมของผู้รับอนุญาต ที่เป็นบุคคลหรือนิติบุคคลเดียวกัน ในกรณีนี้ให้จัดเก็บค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งค าขอ ในอัตราหนึ่งในสาม ของอัตราค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บ ตามข้อ ๑.๓ ในบัญชี ๑ ที่แนบท้ายประกาศนี้ (ข) เป็นการพิจารณาค าขอและการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารค าขออนุญาต โฆษณาอาหาร โดยมีการอ้างอิงการโฆษณาอาหารที่ได้รับอนุญาตอยู่เดิมและไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติม การโฆษณาอาหารที่น ามาอ้างอิงนั้น ในกรณีนี้ให้จัดเก็บค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งค าขอ ในอัตราหนึ่งในสาม ของอัตราค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บ ตามข้อ ๑.๔ ในบัญชี ๑ ที่แนบท้ายประกาศนี้ (ค) เป็นการยื่นค าขอ โดยน าค าขอเดิมซึ่งมีการยื่นข้อมูลหรือหลักฐานเพิ่มเติม ตามที่ได้ มีการประเมินเอกสารทางวิชาการในคราวก่อน ในกรณีนี้ให้จัดเก็บค่าใช้จ่ายในอัตรากึ่งหนึ่งของอัตรา ค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บตามข้อ ๒.๑ ข้อ ๒.๒ ข้อ ๒.๓ หรือข้อ ๒.๔ ในบัญชี ๒ ที่แนบท้ายประกาศนี้ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ให้มีการจัดเก็บค่าใช้จ่ายตามข้อ ๒ (๒) (ค) ทุกครั้งจนกว่าจะผ่านการพิจารณาอนุญาต (ง) เป็นการพิจารณาและตรวจสถานประกอบการอาหาร เพื่อติดตามการแก้ไขข้อบกพร่อง ณ สถานประกอบการ ( Follow-up Audit) ในกรณีนี้ให้จั ดเก็บค่าใช้จ่ายในอัตรากึ่งหนึ่งของอัตราค่าใช้จ่าย ที่จะจัดเก็บ ตามข้อ ๒.๕ ในบัญชี ๒ ที่แนบท้ายประกาศนี้ ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1287.pdf,"ประกาศคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็นก่อนออกกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานบังคับ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ (๖) และมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบมติคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ในการประชุม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ จึงประกาศกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ รับฟังความคิดเห็นก่อนออกกฎกระทรวงกําหนดให้สินค้าเกษตรเป็นมาตรฐานบัง คับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการรับฟังความคิดเห็นก่อนออกกฎกระทรวงกําหนดให้สินค้าเกษตรเป็นมาตรฐานบังคับ ลงวันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๒ ให้สํานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งช าติดําเนินการจัดทําประกาศ โดยระบุว่าจะให้มีการกําหนดสินค้าเกษตรใดเป็นมาตรฐานบังคับ และให้ดูรายละเอียดของมาตรฐานได้ ณ ที่ใดพร้อมทั้งกําหนดเวลาให้ผู้ที่จะแสดงความคิดเห็นเสนอความเห็นต่อสํานักงานมาตรฐาน สินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ โดยมีกําหนดระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน นับแต่วันประกาศ และ ให้ดําเนินการเผยแพร่ประกาศทางเว็บไซต์ของสํานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (www.acfs.go.th) และเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย ( www.law.go.th) หรือผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ หรือช่องทางอื่น ตามที่สํานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติเห็นสมควร รวมทั้งข้อมูล ประกอบการรับฟังความคิดเห็นอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (๑) สภาพปัญหา สาเหตุของปัญหา และความจําเป็นที่ต้องกําหนดสินค้าเกษตรนั้น เป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนั้น รวมทั้งความมุ่งหมายและผลสัมฤทธิ์ที่พึงประสงค์ (๒) คําอธิบายหลักการหรือประเด็นสําคัญของร่างกฎกระทรวงกําหนดให้สินค้าเกษตร เป็นมาตรฐานบังคับโดยใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่าย (๓) บุคคลซึ่งได้รับหรืออาจได้รับผลกระทบ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎกระทรวง ในด้านการประกอบอาชีพ หรือผลกระทบในทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม หรือผลกระทบอื่น ที่สําคัญ ข้อ ๓ ให้สํานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เผยแพร่ประกาศตามข้อ ๒ ไปยังกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคม กลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้อง หรือตามที่สํานักงาน มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติเห็นสมควร ข้อ ๔ กรณีมีผู้คัดค้าน ให้สํานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติรายงานผล การแสดงความคิดเห็นหรือข้อคัดค้านนั้น เสนอคณะกรรมการมาตรฐา นสินค้าเกษตรเพื่อประกอบการพิจารณา แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบต่อไป ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ข้อ ๕ กรณีไม่มีผู้คัดค้าน ให้สํานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติรายงาน ให้คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรทราบ แล้วจัดทําร่างกฎกระทรวงเสนอรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อดําเนินการออกกฎกระทรวงต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1289.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๑ ต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า 18 ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัคร เข้ารับการทดสอบ โดยมีใบอนุญาตขับรถถูกต้องตามประเภทที่กฎหมายก าหนด และต้องมีคุณสมบัติ อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) มีประสบการณ์การท างาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงาน ขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ไม่น้อยกว่า ๑ ปี (2) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานในสาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมง และมีประสบการณ์การฝึกงานหรือการปฏิบัติงานในสาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ไม่น้อยกว่า 600 ชั่วโมง (3) จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่าในสาขาที่เกี่ยวกับ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ข้อ ๒ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๒ ต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า 22 ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัคร เข้ารับการทดสอบ โดยมีใบอนุญาตขับรถถูกต้องตามประเภทที่กฎหมายก าหนด และต้องมีคุณสมบัติ อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) มีประสบการณ์การท างาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงาน ขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๑ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริกา ร สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๑ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ้หนา ๔๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๙๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕ข้อ ๓ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน ขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๓ ต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า 25 ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ โดยมีใบอนุญาตขับรถถูกต้องตามประเภทที่กฎหมายก าหนด และต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) มีประสบการณ์การท างาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงาน ขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ไม่น้อยกว่า 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรั บรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ 2 (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ 2 ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ข้อ ๔ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ 4 ต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า 28 ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัคร เข้ารับการทดสอบ โดยมีใบอนุญาตขับรถถูกต้องตามประเภทที่กฎหมายก าหน ด และต้องมีคุณสมบัติ อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) มีประสบการณ์การท างาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงาน ขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ไม่น้อยกว่า 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งช าติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ 3 (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ 3 ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ข้อ ๕ ภายในระยะเวลา ๓ ปีนับแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็น ผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุก ขนส่งสินค้า ระดับ ๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้ที่ปฏิบัติงานในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุก ขนส่งสินค้า ระดับ ๒ โดยมีใบรับรองการท างานที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๒ ได้ ข้อ ๖ ภายในระยะเวลา ๓ ปีนับแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็ นผู้ผ่าน การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๓ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้ที่ปฏิบัติงานในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่า ข้อก าหนดของมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๓ โดยมีใบรับรองการท างานที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๓ ได้ ้หนา ๔๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๙๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕ข้อ ๗ ภายในระยะเวลา ๓ ปีนับแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่าน การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๔ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้ที่ปฏิบัติงานในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่า ข้อก าหนดของมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุก ขนส่งสินค้า ระดับ ๔ โดยมีใบรับรองการท างานที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ ๔ ได้ ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๙๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕" 129.pdf,"ประกาศการทาเรือแหงประเทศไทย เรื่อง กําหนดอัตราคาภาระของเรือชายฝง (ทาเทียบเรือ A) ทาเรือแหลมฉบัง ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ อนุมัติใหการทาเรือแหงประเทศไทย ดําเนินโครงการพัฒนาทาเทียบเรือชายฝง (ทาเทียบเรือ A) โดยไดกําหนดกรอบอัตราคาภาระยกขน ตูสินคา และคาธรรมเนียมเคลื่อนยายตูสินคา ในอัตราคาภาระขั้นต่ํา ๑,๕๔๕ บาท ประกอบดวย อัตราคาภาระยกขนตูสินคา ในอัตราขั้นต่ําจํานวน ๗๑๕ บาทตอตูสินคาทุกขนาดและทุกสถานภาพ อัตราคาธรรมเนียมเคลื่อนยายตูสินคา ระหวางทา ในอัตราขั้นต่ําจํานวน ๘๓๐ บาทตอตูสินคาทุกขนาด และทุกสถานภาพ และอัตราคาภาระขั้นสูงจํานวน ๓,๑๘๐ บาท ประกอบดวย อัตราคาภาระยกขน ตูสินคา ในอัตราขั้นสูงจํานวน ๒,๐๑๐ บาทตอตูสินคาทุกขนาดและทุกสถานภาพ อัตราคาธรรมเนียม เคลื่อนยายตูสินคาระหวางทา ในอัตราขั้นสูงจํานวน ๑,๑๗๐ บาทตอตูสินคาทุกขนาดและทุก สถานภาพ โดยใหใชอัตราคาภาระขั้นต่ําที่ ๑,๕๔๕ บาทตอตูสินคาทุกขนาดและทุกสถานภาพ เปนอัตราคาภาระเมื่อเริ่มดําเนินการ นั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ (๑) และวรรคสอง แหงพระราชบัญญัติ การทาเรือแหงประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผูอํานวยการการทาเรือแหงประเทศไทย ซึ่งไดรับมอบ อํานาจจากคณะกรรมการการทาเรือแหงประเทศไทย จึงใหดําเนินการ ดังนี้ ขอ ๑ ยกเลิกความใน ๑ .๑ คาภาระยกขนตูสินคา ( LIFT ON/ LIFT OFF CHARGES) ที่นําเขาหรือออก นอกเขตศุลกากรทางน้ํา ลําดับที่ ๓๐๖.๑.๒ และ ๓๐๖.๒.๒ ซึ่งลดลงถึงอัตรา ต่ําสุดที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไวแลว ของประกาศการทาเรือแหงประเทศไทย เรื่อง ลดอัตราคาภาระ และคาธรรมเนียมของทาเรือพาณิชยแหลมฉบัง เปนการชั่วคราว ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๓๘ ขอ ๒ กําหนดอัตราคาภาระยกขนตูสินคาและคาธรรมเนียมเคลื่อนยายตูสินคา สําหรับ การใชบริการ ณ โครงการพัฒนาทาเทียบเรือชายฝง (ทาเทียบเรือ A) ทาเรือแหลมฉบัง ดังนี้ “คาภาระยกขนตูสินคาและคาธรรมเนียมเคลื่อนยายตูสินคา อัตรา ๑,๕๔๕ บาท ตอตูสินคาทุกขนาดและทุกสถานภาพ ประกอบดวย คาภาระยกขนตูสินคาในอัตรา ๗๑๕ บาทตอตูสินคา ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มกราคม ๒๕๖๒ทุกขนาดและทุกสถานภาพและคาธรรมเนียมเคลื่อนยายตูสินคาในอัตรา ๘๓๐ บาทตอตูสินคา ทุกขนาดและทุกสถานภาพ ” ขอ ๓ อัตราคาภาระอื่น ๆ นอกเหนือจากประกาศนี้ ใหเปนไปตามประกาศการทาเรือ แหงประเทศไทย เรื่อง กําหนดอัตราคาภาระของทาเรือพาณิชยแหลมฉบัง ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ ๒๕๓๕ ทั้งนี้ ใหมีผลใชบังคับตั้งแตวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ รอยตํารวจตรี มนตรี ฤกษจําเนียร ผูอํานวยการทาเรือแหลมฉบัง รักษาการแทน ผูอํานวยการการทาเรือแหงประเทศไทย ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มกราคม ๒๕๖๒" 1290.pdf,"ประกาศกรมอนามัย เรื่อง ก าหนดหัวข้อวิชา การใช้กัญชา หรือกัญชง ในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหารที่ปลอดภัย ในการจัดการอบรมผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรก าหนดให้การใช้กัญชา หรือกัญชง ในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหาร ที่ปลอดภัย เป็นหัวข้อวิชาหนึ่งในหลักสูตรการอบรมผู้ประกอบกิจการและหลักสูตรการอบรม ผู้สัมผัสอาหารแห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการอบรมผู้ประกอบ กิจการและผู้สัมผัสอาหาร พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร มีความรู้ ความเข้าใจ ในการน ากัญชา หรือกัญชง มาใช้เป็นส่วนประกอบในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหาร เพื่อการจ าหน่าย ให้มีความเหมาะสมและปลอดภัย อาศัยอ านาจตามความในข้อ 15 (7) และข้อ 16 (5) แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการอบรมผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร พ.ศ. ๒๕๖๑ กรมอนามัย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมอนามัย เรื่อง ก าหนดหัวข้อวิชา การใช้กัญชา หรือกัญชง ในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหารที่ปลอดภัย ในการจัดการอบรมผู้ประกอบกิจการและ ผู้สัมผัสอาหาร พ.ศ. 2565” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ก าหนดให้การใช้กัญชา หรือกัญชง ในการท า ประกอบ หรือป รุงอาหารที่ปลอดภัย เป็นหัวข้อวิชาเพิ่มเติม ในหลักสูตรการอบรมผู้ประกอบกิจการ และหลักสูตรการอบรมผู้สัมผัสอาหาร ตามเอกสารแนบท้ายแห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการอบรม ผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร พ.ศ. ๒๕๖๑ (1) หลักสูตรการอบรมผู้ประกอบกิจการ 1. รายละเอียดหลักสูตร หัวข้อวิชา วัตถุประสงค์ ประเด็นส าคัญ/เนื้อหา เวลา (น.) 1. การใช้กัญชา หรือกัญชง ในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหาร ที่ปลอดภัย เพื่อให้ผู้เข้ารับกา รอบรม มีความรู้เรื่องการใช้กัญชา หรือกัญชง ในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหาร ที่ปลอดภัยและสามารถ ควบคุม ก ากับดูแล การใช้กัญชา หรือกัญชง 1.1 คุณค่าทางโภชนาการ ของกัญชา หรือกัญชง และโทษในกรณีที่บริโภคไม่เหมาะสม 1.2 การน ากัญชา หรือกัญชง มาใช้เป็น ส่วนประกอบในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหาร ที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อผู้บริโภค 1.3 ข้อปฏิบัติ ในการน า กัญชา หรือกัญชง มาใช้ในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหาร 30 นาที ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕(2) หลักสูตรการอบรมผู้สัมผัสอาหาร 1. รายละเอียดหลักสูตร หัวข้อวิชา วัตถุประสงค์ ประเด็นส าคัญ/เนื้อหา เวลา (น.) 1. การใช้กัญชา หรือกัญชง ในการท า ประกอบ หรือปรุง อาหารที่ปลอดภัย เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม มีความรู้เรื่องการใช้กัญชา หรือกัญชง ในการท า ประกอบ หรือปรุง อาหารที่ปลอดภัย 1.1 คุณค่าทางโภชนาการ ของกัญชา หรือ กัญชง และโทษในกรณีที่บริโภค ไม่เหมาะสม 1.2 การน ากัญชา หรือกัญชง มาใช้เป็น ส่วนประกอบในการท า ประกอบ หรือ ปรุงอาหารที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อ ผู้บริโภค 1.3 ข้อปฏิบัติ ในการน า กัญชา หรือกัญชง มาใช้ในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหาร 30 นาที ประกาศ ณ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย หัวข้อวิชา วัตถุประสงค์ ประเด็นส าคัญ/เนื้อหา เวลา (น.) ในสถานที่จ าหน่าย อาหารได้ 1.4 บทบาท หน้าที่ของผู้ประกอบกิจการ ในการควบคุม ก ากับ ดูแลการใช้ กัญชา หรือกัญชง ในสถานที่จ าหน่ายอาหาร ้หนา ๓๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1291.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ การควบคุมคุณภาพและการจัดการ สุขลักษณะของการจ าหน่ายอาหารประเภทปรุงส าเร็จ ในสถานที่จ าหน่ายอาหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕๖5 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ การควบคุมคุณภาพและการจัดการสุขลักษณะของการจ าหน่ายอาหารประเภทปรุงส าเร็จที่เกี่ยวกับ การน ากัญชา หรือกัญชง มาใช้เป็นส่วนประกอบในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหารเพื่อการจ าหน่าย ให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากการบริโภคอาหารจากสถานที่จ าหน่ายอาหารประเภท ปรุงส าเร็จ อาศัยอ านาจตามความในข้อ 11 (2) แห่งกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จ าหน่ายอาหาร พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยค าแนะน าของคณะกรรมการสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ การควบคุมคุณภาพและการจัดการสุขลักษณะของการจ าหน่ายอาหารประเภทปรุงส าเร็จ ในสถานที่ จ าหน่ายอาหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็นข้อ 6/1 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ การควบคุมคุณภาพและการจัดการสุขลักษณะของการจ าหน่ายอาหารประเภทปรุงส าเร็จ ในสถานที่จ าหน่ายอาหาร พ.ศ. 2565 “ข้อ 6/1 อาหารประเภทปรุงส าเร็จ ตามข้อ 5 และข้อ 6 ที่มีการน ากัญชา หรือกัญชง มาใช้เป็นส่วนประกอบในการท า ประกอบ หรือปรุงอาหาร ให้ด าเนินการเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ (1) แสดงข้อความหรือป้ายสัญลักษณ์ว่าเป็นสถานที่จ าหน่ายอาหาร ที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบในอาหารประเภทปรุงส าเร็จ (2) แสดงรายการอาหารที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบในอาหารประเภท ปรุงส าเร็จ ทั้งหมด (3) แสดงข้อแนะน าความปลอดภัยในการ บริโภคอาหารที่มีกัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบ โดยแสดงข้อความ ดังต่อไปนี้ (ก) บุคคลที่มีอายุต่ ากว่ายี่สิบปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ควรงดเว้นรับประทาน (ข) ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที และถ้ามีอาการรุนแรงให้ปรึกษาหรือ พบแพทย์โดยเร็ว (ค) ผู้ที่แพ้กัญชา หรือกัญชง ควรงดเว้นรับประทาน ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ (ง) รับประทานแล้วเกิดอาการง่วง ซึม ให้หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือท างาน เกี่ยวกับเครื่องจักรกล (จ) ข้อความอื่นที่กฎหมาย หรือทางราชการก าหนด ” ประกาศ ณ วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1293.pdf,"ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 172/2565 เรื่อง ให้ยกเลิกประกาศกรมเจ้าท่าว่าด้วยการอ านวยความสะดวกแก่ประชาชนและมิให้ประชาชน ต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมายตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตามที่ได้มีประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 56/2563 เรื่อง การอ านวยความสะดวกแก่ประชาชน และมิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมายตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ และประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 26/2564 เรื่อง การอ านวยความสะดวกแก่ประชาชนและมิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมาย ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพิ่มเติม ครั้งที่ 2 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 และประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 111/๒๕๖4 เรื่อง การอ านวยความสะดวก แก่ประชาชนและมิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมาย ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพิ่มเติม ครั้งที่ 3 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ไปแล้วนั้น ต่อมาตามค าสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 9/๒๕๖๕ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อก าหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๕) ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้ผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรค และเปิดประเทศควบคู่ไปกับการส่งเสริมกิจกรรม ทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีการท่องเที่ยวทางน้ าของประชาชนและนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) เริ่มคลี่คลายและไม่เป็นอุปสรรคต่อ การเดินทางของประชาชน เพื่อความปลอดภัยและการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางหรือ ท่องเที่ยวทางน้ าของประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงสมควรยกเลิกมาตรการเดิมของกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับ การอ านวยความสะดวกแก่ประชาชนและมิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมาย ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรและให้เจ้าของเรือและผู้ท าการในเรือ มาด าเนินการต่ออายุของใบส าคัญรับรอง ใบอนุญาต ประกาศนียบัตร สัญญา และหนังสือส าคัญ นั้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๓๒ และมาตรา ๒๙๑ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม อธิบดี กรมเจ้าท่า จึงออกประกาศให้ยกเลิกประกาศกรมเจ้าท่าว่าด้วยการอ านวยความสะดวกแก่ประชาชน และมิให้ประชา ชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมายตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิก ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕(1) ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 56/2563 เรื่อง การอ านวยความสะดวกแก่ประชาชนและ มิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมายตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ (2) ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 26/2564 เรื่อง การอ านวยความสะดวกแก่ประชาชนและ มิให้ประชาชนต้อ งเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมาย ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร เพิ่มเติม ครั้งที่ 2 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 (3) ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 111/๒๕๖4 เรื่อง การอ านวยความสะดวกแก่ประชาชนและ มิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมาย ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร เพิ่มเติม ครั้งที่ 3 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ข้อ 3 ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้เจ้าของเรือและผู้ท าการในเรือ ที่ได้รับการขยายเวลาหรืออายุของใบส าคัญรับรอง ใบอนุญาต ประกาศนียบัตร สัญญา และหนังสือส าคัญ ตามข้อ 1 (1) - (7) ของประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 56/2563 เรื่อง การอ านวยความสะดวก แก่ประชาชนและมิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมายตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาด าเนินการ ออกใบส าคัญรับรอง ใบอนุญาต ประกาศนียบัตร สัญญา และหนังสือส าคัญ ให้แล้วเสร็จ ดังต่อไปนี้ (๑) ใบส าคัญรับรองการตรวจเรือ ใบส าคัญแสดงการตรวจเรือ ใบส าคัญรับรอง และ ใบส าคัญรับรองการตรวจ ออกตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๒) ใบอนุญาตใช้เรือ ออกตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ าไทย (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๘๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๓) ประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ ออกตามพระราชบัญญัติการเดินเรือ ในน่านน้ าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๔) ใบอนุญาตท าการงานในเรือ ออกตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๕) สัญญาคนประจ าเรือ ออกตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๖) หนังสือคนประจ าเรือ และหนังสือคนประจ าเรือประมง ออกตามพระราชบัญญัติ การเดินเรือในน่านน้ าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (7) ใบรับรองด้านแรงงานทางทะเล ออกตามพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. 2558 กรณีเจ้าของเรือหรือผู้ท าการในเรือตามวรรคหนึ่งยังคงท างานอยู่บนเรือต่างประเทศ หรือ มีถิ่นพ านักในต่างประเทศและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ ให้ส่งเอกสารและหลักฐาน โดยวิธีการทางอิเล็ กทรอนิกส์ที่ Email Address : seafarers@md .go.th ดังต่อไปนี้ (๑) ข้อมูลบัตรประจ าตัวประชาชน (๒) ใบรับรองแพทย์ (Medical Certificates ) ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕(3) สัญญาการจ้างงาน (4) หนังสือรับรองว่าอยู่ในเรือซึ่งออกโดยนายเรือ ที่สามารถแสดงเมืองท่าที่อยู่ ณ ปัจจุบัน หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงว่ามีถิ่นพ านักในต่างประเทศ ข้อ 4 ให้ใบส าคัญรับรอง ใบอนุญาต ประกาศนียบัตร สัญญา และหนังสือส าคัญ ที่ได้รับ การขยายเวลาหรืออายุตามข้อ 1 (1) - (7) ของประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 56/2563 เรื่อง การอ านวย ความสะดวกแก่ประช าชนและมิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมายตามประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ขยายเวลาหรืออายุออกไปอีก 60 วันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลบังคับใช้ ข้อ 5 หากเจ้าของเรือหรือผู้ท าการในเรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานหรือ แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ หรือใช้เอกสารอันเกิดจากการกระท าความผิดดังกล่าว อาจมี ความผิดและต้องระวางโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 มาตรา 267 และมาตรา 268 ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 อานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมเจ้าท่า ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕" 1294.pdf," กฎกระทรวง ว่าด้วยการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระท าความผิด ฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระท าความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๕ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๑/๗ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การขออนุมัติแจ้งข้อหาในกรณีที่ศาลออกหมายจับแก่ผู้กระท าความผิดตามมาตรา ๑๒๕ หรือมาตรา ๑๒๗ แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบรายงานหัวหน้า พนักงานสอบสวนและให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนยื่นค าขออนุมัติแจ้งข้อหาแก่ผู้กระท าความผิดดังกล่าว ต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ซึ่งเลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายโดยเร็ว ข้อ ๒ ค าขอตามข้อ ๑ ต้องระบุชื่อผู้กระท าความผิดซึ่งประสงค์จะขอแจ้งข้อหาให้ชัดแจ้ง พร้อมแนบเอกสารหรือหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) สถานภาพส่วนบุคคลของผู้กระท าความผิด เช่น ประวัติบุคคลหรือประวัติอาชญากร (๒) รายงานการสืบสวนพฤติการณ์ส าคัญที่เป็นมูลเหตุให้ท าการสืบสวน ข่าวสาร แหล่งที่มา วันเวลาเริ่มสืบสวนพฤติการณ์ที่ผ่านมา และพฤติการณ์การกระท าความผิดในคดีนี้ (๓) พยานหลักฐานที่ยืนยันการกระท าความผิดในข้อหาที่จะขออนุมัติ (๔) รายละเอียดในคดีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เช่น ข้อหาผลิต น าเข้า ส่งออก จ าหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติด (๕) ส าเนาหมายจับ ข้อ ๓ ในกรณีที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฐานอื่น หากพนักงาน สอบสวนผู้รับผิดชอบในการสอบสวนเห็นว่าการ กระท าของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีนั้นเป็นความผิด ตามมาตรา ๑๒๕ หรือมาตรา ๑๒๗ แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดด้วย ให้พนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบรายงานหัวหน้าพนักงานสอบสวนและให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนยื่นค าขออนุมัติแจ้งข้อหา แก่ผู้กระท าความผิดดังกล่าวต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายโดยเร็ว ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑ กันยายน ๒๕๖๕ให้น าความในข้อ ๒ มาใช้บังคับแก่การยื่นค าขออนุมัติแจ้งข้อหาตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม ข้อ ๔ ในกรณีที่พนักงานสอบสวนส่งส านวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดีแล้ว ถ้าพนักงานอัยการเห็นควรแจ้งข้อหาแก่ผู้กระท าค วามผิดตามมาตรา ๑๒๕ หรือมาตรา ๑๒๗ แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดเพิ่มเติม ให้หัวหน้าพนักงานอัยการ หัวหน้าองค์คณะหรือหัวหน้าคณะท างาน ซึ่งมีต าแหน่งไม่ต่ ากว่าหัวหน้าพนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ผู้กระท า ความผิดดังกล่าว ค าสั่งของพนักงานอัยการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการอนุมัติให้แจ้งข้อหาเพื่อด าเนินคดี ตามมาตรา ๑๑/๗ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๕ ในการพิจารณาค าขออนุมัติแจ้งข้อหาเพื่อด าเนินคดีนั้น เลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ที่ เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายอาจเรียกให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือต ารวจผู้ท าการสืบสวน พนักงาน สอบสวน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยค าหรือส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม หรือแต่งตั้งบุคคลหรือ คณะบุคคล หรืออาจเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคล เพื่อพิจารณา ตรวจสอบกลั่นกรองพยานหลักฐานในค าขออนุมัติแจ้งข้อหาแก่ผู้กระท าความผิดตามมาตรา ๑๒๕ หรือ มาตรา ๑๒๗ แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อประกอบการพิจารณาได้ ข้อ ๖ ให้เลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายพิจารณาค าขออนุมัติ แจ้งข้อหาให้แล้วเสร็จภายในห้าวันท าการนับแต่วันที่ได้รับค าขอ เว้นแต่มีเหตุจ าเป็นจะขยายเวลาออกไป อีกได้ไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินห้าวันท าการ โดยต้องบันทึกเหตุจ าเป็นดังกล่าวไว้ด้วย เมื่อเลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายได้มีค าสั่งประการใดแล้ว ให้มี หนังสือแจ้งค าสั่งให้ผู้ขออนุมัติทราบโดยเร็วหรือจะให้ผู้ขออนุมัติลงลายมือชื่อรับทราบในค าสั่งนั้นก็ได้ ข้อ ๗ ในกรณีที่ได้รับอนุมัติให้แจ้งข้อหาจากเลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมาย ให้พนักงานสอบสวนรีบด าเนินการตามที่ได้รับอนุมัติ แล้วรายงานการแจ้งข้อหาให้เลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายทราบโดยเร็ว ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสามวันนับแต่วันที่ ได้ด าเนินการตามที่ได้รับอนุมัตินั้น ในกรณีไม่สามารถด าเนินการตามที่ได้รับอนุมัติได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งค าสั่ง อนุมัติ ให้รายงานคดีตามค าสั่งอนุมัติให้แจ้งข้อหาให้เลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายทราบโดยเร็ว ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสามวันนับแต่วันที่ครบก าหนดดัง กล่าว ในกรณีได้รับอนุมัติให้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมจากพนักงานอัยการ ให้พนักงานสอบสวนรายงาน การแจ้งข้อหาพร้อมทั้งส่งส าเนาส านวนคดีดังกล่าวให้เลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายทราบทันที ข้อ ๘ ในการรายงานตามข้อ ๗ ให้รายงานด้วยว่ามีหรือได้รับข้อมูลหรือหลักฐานเกี่ยวกับ ทรัพย์สินของผู้กระท าความผิดตามมาตรา ๑๒๕ หรือมาตรา ๑๒๗ แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑ กันยายน ๒๕๖๕ที่ถูกจับกุม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระท าความผิดของผู้กระท าความผิดดังกล่าวด้วยหรือไม่ อย่างใด การรายงานข้อมู ลหรือหลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง ให้กระท าได้ทุกครั้งที่ได้รับ ข้อมูลหรือหลักฐาน ข้อ ๙ ค าขออนุมัติ หนังสือแจ้งค าสั่งอนุมัติ และการรายงานตามกฎกระทรวงนี้ ให้เป็นไป ตามแบบที่ส านักงาน ป.ป.ส. ก าหนด การขออนุมัติ การอนุมัติ และการรายงานตามกฎกระทรวง นี้อาจด าเนินการโดยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ได้ตามที่เลขาธิการ ป.ป.ส. ประกาศก าหนด ให้ไว้ ณ วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑ กันยายน ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๑/๗ แห่งพระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ บัญญัติให้การขออนุมัติ การอนุมัติ และการรายงานการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระท าความผิด ในความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระท าความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา ๑๒๕ หรือมาตรา ๑๒๗ แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนด ในกฎกระทรวง จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑ กันยายน ๒๕๖๕" 1296.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาผู้บังคับโดรนถ่ายภาพแบบปีกหมุนทั่วไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงานก าหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และ คอมพิวเตอร์ สาขาผู้บังคับโดรนถ่ายภาพแบบปีกหมุนทั่วไป ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาผู้บังคับโดรนถ่ายภาพ แบบปีกหมุนทั่วไป ” หมายความว่า ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการประกอบชิ้นส่วนเข้ากับตัวล าโดรน เพื่อเตรียมขึ้นบิน การตรวจสอบแผนการบินและสภาพแวดล้อมการบินก่อนท าการบิน การควบคุม การน าเครื่องขึ้น (Take off) การบิน การน าเครื่องลง (Landing) การตรวจสอบสภาพโดรน การจัดการ หน่วยความจ า การตรวจสอบชุดควบคุมการบินหลังท าการบิน การบันทึกข้อมูลการบิน การจัดเก็บ และบ ารุงรักษาโดรนได้อย่างถูกต้องตามคู่มือการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย ภายใต้ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง “อากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก ” หมายความว่า อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินที่ได้ขึ้นทะเบียนกับส านักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้บังคับหรือปล่อยอากาศยานนั้นได้ ขึ้นทะเบียนกับส านักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) “โดรนถ่ายภาพแบบปีกหมุนทั่วไป ” หมายความว่า อากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยาน ที่ควบคุมการบินจากภายนอก แบบปีกหมุนหลายใ บพัด โดยมีกล้องติดตั้งอยู่ มีวัตถุประสงค์ใช้ในการ ถ่ายภาพทั่วไปและเป็นการบินในระยะสายตา ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาผู้บังคับโดรนถ่ายภาพแบบปีกหมุนทั่วไป ระดับ ๑ หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการ ประกอบชิ้นส่วนเข้ากับตัวล าโดรนเพื่อเตรียมขึ้นบิน การตรวจสอบแผนการบินและสภาพแวดล้อม การบินก่อนท าการบิน การควบคุมการน าเครื่องขึ้น (Take off) การบิน การน าเครื่องลง (Landing) การตรวจสอบสภาพโดรน การจัดการหน่วยความจ า การตรวจสอบชุดควบคุมการบินหลังท าการบิน การบันทึกข้อมูลการบิน การจัดเก็บและบ ารุงรักษาโดรนได้อย่างถูกต้องตามคู่มือการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัยภายใต้ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ ๓ ข้อก าหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และทัศนคติ ในการท างานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาผู้บังคับโดรนถ่ายภาพแบบปีกหมุนทั่วไป ระดับ ๑ ได้แก่ ๓.๑ ความรู้ ประกอบด้วย ขอบเขตความรู้ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๑.๑ ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ๓.๑.1.1 ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายความปลอดภัยในการบิน ๓.1.1.2 ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการเดินอากาศ ๓.1.1.3 ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไข ในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมก ารบินจากภายนอก ๓.1.1.๔ ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ๓.1.1.5 การคุ้มครองความปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สิน ๓.1.1.๖ การป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า ๓.1.1.๗ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ๓.1.1.๘ สัญลักษณ์ความปลอดภัย ๓.1.2 การเตรียมบิน ๓.1.2.1 การประกอบชิ้นส่วนเข้ากับตัวล าโดรนเพื่อเตรียมขึ้นบิน (1) การตรวจสอบใบพัด มอเตอร์ ตัวล า และชุดขาลงจอด (2) การตรวจสอบชุดกล้อง (3) การตรวจสอบแบตเตอรี่ (4) การตรวจสอบอุปกรณ์บันทึกความจ า (5) การตรวจสอบชุดรีโมทควบคุม (6) การตรวจสอบชุดอุปกรณ์ควบคุมอื่น ๆ (7) การอัปเดตเฟิร์มแวร์ (8) การบันทึกแบบฟอร์มตรวจสอบ (9) การประกอบใบพัด (10) การประกอบแบตเตอรี่ (11) การประกอบกล้อง (12) การประกอบชุดควบคุม (13) ภาษาอังกฤษส าหรับผู้ใช้โดรน (14) คณิตศาสตร์เบื้องต้น (15) การใช้เครื่องมือช่าง ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๕ ๓.1.2.๒ การตรวจแผนการบินและสภาพแวดล้อมการบิน (1) การใช้สัญลักษณ์ในการสื่อสาร (2) ภูมิศาสตร์และการพยากรณ์อากาศ (3) การอ่านกระแสลม (4) การอ่านแผนที่ (5) การอ่านเข็มทิศ (6) การใช้กล้องส่องทางไกล (7) การถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว (8) ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (9) การใช้คลื่นความถี่ (10) การใช้งานแบตเตอรี่ (11) ความรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบิน (12) การตรวจสอบพื้นที่ห้ามบิน ๓.1.๓ การควบคุมการบิน ๓.1.3.1 การควบคุมน าเครื่องขึ้น (1) การประเมินความเสี่ยง (2) การเปิดและปิดโดรน (3) การอ่านค่าแบตเตอรี่ (4) การควบคุมตามคู่มือ (5) อุปกรณ์สื่อสาร (6) ระบบน าร่องด้วยดาวเทียม (7) ระบบเซ็นเซอร์ ๓.1.3.๒ การควบคุมเครื่องระหว่างท าการบิน (1) การประเมินความเสี่ยง (2) รูปแบบการบินพื้นฐาน (3) การแก้ไขปัญหาระหว่างการบิน (4) การใช้งานคันโยกควบคุม (5) การถ่ายภาพพื้นฐาน (6) ภูมิศาสตร์และสภาพอากาศขณะท าการบิน (7) เรขาคณิต (8) การใช้แอปพลิเคชัน ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๕ ๓.1.3.๓ การควบคุมน าเครื่องลง (1) การประเมินความเสี่ยง (2) การปิดโดรน (3) การอ่านค่าแบตเตอรี่ (4) เทคนิคการควบคุมตามคู่มือ (5) อุปกรณ์สื่อสาร ๓.1.4 การจัดการหลังการบิน ๓.1.4.1 การจัดเก็บโดรน (1) การตรวจสอบใบพัด มอเตอร์ ตัวล า และชุดขาลงจอด (2) การตรวจสอบชุดกล้อง (3) การตรวจสอบแบตเตอรี่ (4) การตรวจสอบอุปกรณ์บันทึกความจ า (5) การตรวจสอบชุดรีโมทควบคุม (6) การตรวจสอบชุดอุปกรณ์ควบคุมอื่น ๆ (7) การอัปเดตเฟิร์มแวร์ (8) การบันทึกแบบฟอร์มตรวจสอบ (9) การถอดประกอบใบพัด (10) การถอดประกอบแบตเตอรี่ (11) การถอดประกอบกล้อง (12) การถอดประกอบชุดควบคุม (13) การดูแลรักษาโดรน (14) การเก็บโดรน ๓.1.4.2 การบันทึกข้อมูลการบิน (1) แบบฟอร์มบันทึกข้อมูล (2) การเรียกดูข้อมูลในแอปพลิเคชัน (3) การบันทึกข้อมูล (4) การจัดเก็บเอกสาร ๓.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน ดังต่อไปนี้ ๓.๒.1 การเตรียมบิน ๓.2.1.1 ประกอบชิ้นส่วนเข้ากับตัวล าโดรนเพื่อเตรียมขึ้นบิน ๓.2.1.2 ตรวจแผนการบิน ๓.2.1.3 ตรวจสภาพแวดล้อมการบิน ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๕ ๓.๒.๒ การควบคุมการบิน ๓.2.2.1 ควบคุมน าเครื่องขึ้น ๓.2.2.2 ควบคุมเครื่องระหว่างท าการบิน ๓.2.2.3 ถ่ายภาพระหว่างท าการบิน ๓.2.2.4 ควบคุมน าเครื่องลง 3.๒.๓ การจัดการหลังการบิน ๓.2.3.1 จัดเก็บโดรน ๓.2.3.2 บันทึกข้อมูลการบิน ๓.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย ความรับผิดชอบต่องาน ปฏิบัติงานที่ตรงต่อเวลา รักษาวินัยในการปฏิบัติงาน ความปลอดภัยในการท างาน ความซื่อสัตย์ ความละเอียดรอบคอบ ช่างสังเกต และมีการวางแผนล่วงหน้า ประกาศ ณ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๕" 1299.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ 1 โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบ อาหารไทย ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน แห่งชาติ สาขาอาชีพผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ 1 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๒ ก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ 1 ให้เป็นดังต่อไปนี้ (1) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน 50 ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ 1 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 50 คะแนน คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับ การทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบ ภาคความสามารถ (2) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิดความช านาญ เพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบปฏิบัติงานตามรูปแบบและกฎเกณฑ์ในรายละเอียดวิธีการทดสอบ ใช้เวลาในการทดสอบ 3 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 100 คะแนน คิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนน ทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแ นนภาคความสามารถ จึงถือว่าผ่านการทดสอบภาคความสามารถ โดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบ ประกอบอาหารไทย 1 ชุด จ านวน 4 รายการ ได้แก่ อาหารจานเดียว ย าหรือเครื่องจิ้ม แกง และอาหารหวาน ตามต ารับ อาหารมาตรฐาน (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ ๓ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ 1 จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้แ ละภาคความสามารถ และต้องทดสอบได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ 1 ประกาศ ณ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๕" 1300.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติ ของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพผู้ประกอบอาหารไทย ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ 2 ก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ไว้ดังต่อไปนี้ 2.1 ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ ๑ ต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) มีประสบการณ์การท างาน การปฏิบัติงาน หรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพจาก สถานประกอบกิจการหรือสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง (2) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือฝึกอบรมอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้ อง กับสาขาผู้ประกอบอาหารไทย ไม่น้อยกว่า 90 ชั่วโมง โดยได้รับใบรับรองหรือวุฒิบัตรการฝึกอบรม ฝีมือแรงงานหรือฝึกอบรมอาชีพจากหน่วยงานฝึกอบรมหรือหน่วยงานการศึกษาหรือสมาคมวิชาชีพ (3) จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสาขาผู้ประกอบอาหารไทย 2.2 ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ ๒ ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) มีประสบการณ์การท างาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพ เกี่ยวกับสาขาผู้ ประกอบอาหารไทย ไม่น้อยกว่า 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็น ผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ ๑ โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพจากสถานประกอบกิจการหรือสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้อง ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๕ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ภาคบริการ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ ๑ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ และมีประสบการณ์ การท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาผู้ประกอบอาหารไทย ไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยมีใบรับรอง การท างานหรือประกอบอาชีพจากสถานประกอบกิจการหรือสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ประกาศ ณ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๕" 1302.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ มีความชัดเจนและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๗๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์ เกี่ยวกับคุณสมบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “คณะกรรมการ ” หมายความว่า คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล “พนักงานเจ้าหน้าที่ ” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่ วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ข้อ ๔ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐซึ่งด ารงต าแหน่งไม่ต่ ากว่าข้าราชการพลเรือน ระดับปฏิบัติการหรือเทียบเท่า (๒) ส าเร็จการศึกษาไม่น้อยกว่าระดับปริญญาตรี (๓) ผ่านการอบรมทางด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ (๔) มีคุณสมบัติอื่นอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ก. ปฏิบัติงานหรือเคยปฏิบัติงานที่ส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่น้อยกว่าสองปี ข. ส าเร็จการศึกษาตาม (๒) ในระดับปริญญาตรี และมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ ต่อ การปฏิบัติงานตาม กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นับแต่ส าเร็จการศึกษาดังกล่าว ไม่น้อยกว่าสี่ปี ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กันยายน ๒๕๖๕ ค. ส าเร็จการศึกษาตาม (๒) ในระดับปริญญาโท หรือสอบไล่ได้เป็นบัณฑิตตาม หลักสูตรของวิชาชีพ และมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานตาม กฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นับแต่ส าเร็จการศึกษาดังกล่าวไม่น้อยกว่าสามปี ง. ส าเร็จการศึกษาตาม (๒) ในระดับปริญญาเอก หรือมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ ต่อการปฏิบัติงานตาม กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นับแต่ส าเร็จการศึกษาดังกล่าว ไม่น้อยกว่าสองปี จ. เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ท างานเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่น้อยกว่าสองปี ข้อ ๕ ในกรณีที่มีความจ าเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการสืบสวนและสอบสวน การกระท าความผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จ าเป็นต้องมีบุคลากรซึ่งมีความรู้ ความช านาญ หรือประสบการณ์สูง เพื่อด าเนินการสืบสวนและสอบสวนการกระท าผิดเช่นว่านั้น หรือเป็นบุคลากรในสาขาที่ขาดแคลน คณะกรรมการอาจยกเว้นคุณสมบัติตามข้อ ๔ ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนส าหรับการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลใดเป็นการเฉพาะก็ได้ ข้อ ๖ การแต่งตั้งบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ให้แต่งตั้งจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติ ตามข้อ ๔ หรือข้อ ๕ โดยบุคคลดังกล่าวต้องผ่านการประเมินความรู้ความสามารถหรือทดสอบ ตามหลักสูตรและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศก าหนด การแต่งตั้งบุคคลใดเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ ตามวาระที่คณะกรรมการก าหนดแต่ไม่เกินคราวละสี่ปี และให้ประกาศรายชื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๗ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นบุคคลล้มละลาย บุคคลไร้ความสามารถ หรือบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ (๒) เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ด ารงต าแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษา พรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง (๓) เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกสั่งให้พักราชการหรือถูกสั่งให้ออกจากราชการไ ว้ก่อน (๔) ถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เพราะท าผิดวินัย หรือถูกให้ออกจากการเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ เพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียบกพร่อง หรือไม่สุจริตต่อหน้าที่หรือหย่อนความสามารถ (๕) ได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่ สุดให้จ าคุก เว้นแต่เป็นโทษ ส าหรับความผิด ที่กระท าโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๖) ต้องค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ ารวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ ๘ นอกจากการพ้นจากต าแหน่งตามวาระตามข้อ ๖ พนักงานเจ้าหน้าที่พ้นจากต าแหน่ง เมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบัติตามข้อ ๔ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๗ (๔) รัฐมนตรีให้ออกโดยข้อเสนอของส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่พ้นจากต าแหน่ง ให้ส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้ อมูลส่วนบุคคล ประกาศรายชื่อพนักงานเจ้าหน้าที่พ้นจากต าแหน่งดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๙ ในระหว่างสองปีแรกนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ มิให้น าความในข้อ ๔ (๓) และ (๔) และข้อ ๖ มาใช้บังคับกับการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประกาศนี้ ข้อ ๑๐ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖5 เธียรชัย ณ นคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กันยายน ๒๕๖๕" 1303.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 23 พ.ศ. 2565 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕64 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 18 พ.ศ. 2564 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายสินค้าเกษตร เพิ่มเติม ลงวัน ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวน การใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้ เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศต่อไป โดยยกเว้น กรณีถ่ายล าสินค้าดังกล่าว เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ และเกิดความเป็นธรรมในด้านราคา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรจะได้รับ รวมทั้งอ านวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ในการถ่ายล า อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ในประกาศนี้ “ข้าวบาร์เลย์” หมายความว่า ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย 1003.90.00 ข้อ 3 ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายข้าวบาร์เลย์ ซึ่งมีปริ มาณครั้งละตั้งแต่หนึ่งหมื่นกิโลกรัมขึ้นไป เข้ามาหรือออกจากท้องที่ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเลขาธิการ หรือผู้ซึ่ง เลขาธิการมอบหมาย หรือประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่ง ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด ส าหรับ ท้องที่ที่ท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (1) เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (2) อ าเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ้หนา ๑๙๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการขนย้ายข้ าวบาร์เลย์ โดยถ่ายสินค้าดังกล่าวจาก ยานพาหนะหนึ่งที่ขนส่งเข้ามาในราชอาณาจักรในท้องที่ตามวรรคหนึ่งไปยังอีกยานพาหนะหนึ่งที่ขนส่ง ออกไปนอกราชอาณาจักร ภายใต้การควบคุมของศุลกากรในด่านศุลกากรเดียวกัน โดยมีจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดของการขนส่งอยู่นอกราชอาณาจักร ข้อ 4 กรณีที่บุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่ ตามข้อ 3 แล้ว ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่อื่นตามข้อ 3 อีก ข้อ 5 การขออนุญาตตามข้อ 3 ให้ยื่นค าขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (1) ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กรณีท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่กรุงเทพมหานคร (2) ส านักงานพาณิชย์จังหวัดแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (3) ที่ท าการปกครองอ าเภ อแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ ส าหรับกรณีที่ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมายให้นายอ าเภอ เป็นผู้อนุญาตขนย้าย การยื่นค าขอตามวรรคหนึ่ง จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุม ทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบการขออนุญาตขนย้าย สินค้าควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันยื่นค าขอ บุคคลที่ประสงค์จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ ายสินค้าควบคุม ทางอิเล็กทรอนิกส์ ต้องลงนามในบันทึกแสดงความตกลงกับส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ก่อน ตามระเบียบที่เลขาธิการก าหนด หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้าย ให้เป็นไปตามที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายข้าวบาร์เลย์ ต้องขนย้ายให้ตรงตามชนิด ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่และใช้ยานพาหนะที่มีหมายเลขทะเบียนตามที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้าย รวมทั้งจะต้องน าหนังสืออนุญาตก ากับการขน ย้ายไปด้วยทุกครั้ง หนังสืออนุญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ 5 วรรคสี่ ให้ถือว่า เป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ ข้อ 7 กรณีบุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายข้าวบาร์ เลย์เข้ามาหรือออกจากท้องที่ ที่ก าหนดตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 18 พ.ศ. 2564 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ ้หนา ๑๙๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 และระยะเวลาที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้ายยังไม่สิ้นสุดลง ในวันที่ ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับอนุญาตขนย้ายข้าวบาร์เลย์ตามประกาศฉบับนี้และให้ใช้ได้ จนกว่าระยะเวลาตามหนังสืออนุญาตขนย้ายดังกล่าวสิ้นสุดลง ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๙๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕" 1308.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 24 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคา ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕64 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 19 พ.ศ. 2564 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคาข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้า จากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 สิ้นผลใช้บังคับ ป ระกอบกับคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ แจ้งข้อมูลปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้าและราคาต่อไป เพื่อประโยชน์ในการก ากับดูแลและ รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ในภาพรวม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (3) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ในประกาศนี้ “ข้าวบาร์เลย์” หมายความว่า ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย 1003.90.00 ข้อ 3 ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (1) ปริมาณการน าเข้าและราคาต่อหน่วยข้าวบาร์เลย์เป็นประจ าทุกเดือนภายในวันที่สิบ ของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นไป (2) แผนการน าเข้ามาในราชอาณาจักรทุก 3 เดือน ดังนี้ (ก) แผนการน าเข้าเดือนสิงหาคม 2565 กันยายน 2565 และตุลาคม 2565 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 (ข) แผนการน าเข้าเดือนพฤศจิกายน 2565 ธันวาคม 2565 และมกราคม 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2565 (ค) แผนการน าเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีนาคม 2566 และเมษายน 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 มกราคม 2566 ้หนา ๑๙๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ (ง) แผนการน าเข้าเดือนพฤษภาคม 2566 มิถุนายน 2566 และกรกฎาคม 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 เมษายน 2566 (3) ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือน เป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ที่ได้แจ้งข้อมูลตาม (1) และ (3) แล้ว ต้องด าเนินการแจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปเป็นประจ าทุกเดือนไม่ว่าจะมีการน าเข้า ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือหรือไม่ก็ตาม ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ที่ได้แจ้งแผนการน าเข้าตาม (2) แล้ว หากประสงค์ จะเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าดังกล่าว ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าได้ 1 ครั้ง ภายใน เดือนแรกของแต่ละรอบการแจ้งแผนการน าเข้า ข้อ 4 กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ 3 (3) ให้แจ้ง การเปลี่ยนแปลงให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ 5 การแจ้งตามข้อ 3 และข้อ 4 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่เลขาธิการ ก าหนด ณ ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดง เจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทาง ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักร ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ตามข้อ 3 ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 เมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยาย ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่ง ขยายระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้้หนา ๑๙๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรได้มีค าร้องขอหรือเลขาธิการ ได้มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๙๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕" 1309.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 22 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคา ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕64 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 17 พ.ศ. 2564 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคาข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้า จากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอ บกับคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ แจ้งข้อมูลปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้าและราคาต่อไป เพื่อประโยชน์ ในการก ากับดูแล และรักษาเสถียรภาพ ราคาสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในภาพรวม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (3) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ในประกาศนี้ “ข้าวสาลี” หมายความว่า ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย 1001.99.99 ข้อ 3 ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลี แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (1) ปริมาณการน าเข้าและราคาต่อหน่วยข้าวสาลีเป็นประจ าทุกเดือนภายในวันที่สิบ ของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นไป (2) แผนการน าเข้ามาในราชอาณาจักรทุก 3 เดือน ดังนี้ (ก) แผนการน าเข้าเดือนสิงหาคม 2565 กันยายน 2565 และตุลาคม 2565 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 (ข) แผนการน าเข้าเดือนพฤศจิกายน 2565 ธันวาคม 2565 และมกราคม 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2565 (ค) แผนการน าเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีนาคม 2566 และเมษายน 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 มกราคม 2566 ้หนา ๑๘๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ (ง) แผนการน าเข้าเดือนพฤษภาคม 2566 มิถุนายน 2566 และกรกฎาคม 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 เมษายน 2566 (3) ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือน เป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวส าลีที่ได้แจ้งข้อมูลตาม (1) และ (3) แล้ว ต้องด าเนินการ แจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปเป็นประจ าทุกเดือนไม่ว่าจะมีการน าเข้า ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือหรือไม่ก็ตาม ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีที่ได้แจ้งแผนการน าเข้าตาม (2) แล้ว หากประสงค์ จะเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าดังกล่าว ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าได้ 1 ครั้ง ภายใน เดือนแรกของแต่ละรอบการแจ้งแผนการน าเข้า ข้อ 4 กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ 3 (3) ให้แจ้ง การเปลี่ยนแปลงให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ 5 การแจ้งตามข้อ 3 และข้อ 4 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่เลขาธิการ ก าหนด ณ ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบ รับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวัน แสดงเจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้ า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักร หรือผู้ครอบครอง ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีต ามข้อ 3 ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 เมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลี ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยาย ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในประก าศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่งขยาย ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ต่อเมื่อ ้หนา ๑๙๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕มีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรได้มีค าร้องขอหรือเลขาธิการได้มี ค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๙๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕" 1310.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 20 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดท าบัญชีคุมสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕64 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 15 พ.ศ. 2564 เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดท าบัญชีคุมสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕64 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการใ ห้ผู้รับซื้อ และผู้ครอบครอง แจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดท าบัญชีคุมสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต่อไป เพื่อให้ปริมาณสินค้าและราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายโดยเฉพาะเกษตรกร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (3) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ให้ผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผู้ครอบครองข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะมี ไว้ครอบครองในฐานะผู้มีกรรมสิทธิ์หรือครอบครองแทนผู้อื่น ที่มีปริมาณการรับซื้อหรือ ปริมาณ การครอบครอง ตั้งแต่เดือนละ ห้าสิบเมตริกตันขึ้นไป แจ้งชื่อ ชนิด ราคาซื้อ ราคาจ าหน่าย ปริมาณที่มีอยู่ ปริมาณการซื้อ ปริมาณที่ได้มา ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณการใช้ ปริมาณการขาย ปริมาณ คงเหลือ สถานที่เก็บ ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อหรือผู้รับ ณ วันสิ้นเดือนเป็นประจ าทุกเดือน ภายใน วันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ในกรณีมีการรับซื้อ การครอบครอง ภายหลังวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ให้แจ้งชื่อ ชนิด ราคาซื้อ ราคาจ าหน่าย ปริมาณที่มีอยู่ ปริมาณการซื้อ ปริมาณที่ได้มา ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณ การใช้ ปริมาณการขาย ปริมาณคงเหลือ สถานที่เก็บ ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อหรือผู้รับ ภายในสิบวัน ตั้งแต่วันที่มีการรับซื้อ หรือการครอบครองเกินปริมาณที่ก าหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ้หนา ๑๘๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผู้ครอบครองข้าวโพดเลี้ยงสั ตว์ ที่ได้แจ้งข้อมูล ตามวรรคหนึ่ง หรือวรรคสองแล้ว ต้องด าเนินการแจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปไม่ว่าจะรับซื้อหรือครอบครอง เกินปริมาณที่ก าหนดหรือไม่ก็ตาม ข้อ 3 ให้ผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผู้ครอบครองข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามข้อ 2 จัดท าบัญชีคุมสินค้า แสดงชื่อ ชนิด ราคาซื้อ ราคาจ าหน่าย ปริมาณที่มีอยู่ ปริมาณการซื้อ ปริมาณที่ได้มา ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณการใช้ ปริมาณการขาย ปริมาณคงเหลือ สถานที่เก็บ ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อหรือผู้รับ เป็นรายวัน โดยต้องลงรายการในบัญชีดังกล่าวให้แล้วเสร็จภา ยใน สามวัน ตั้งแต่วันที่ได้ซื้อมา รับเข้ามา ใช้ไป จ าหน่ายไปแต่ละครั้ง และต้องเก็บบัญชีพร้อมหลักฐาน การได้มาและการจ าหน่ายไว้ ณ สถานที่เก็บ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกเวลา ข้อ 4 กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ 2 ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ 5 การแจ้งตามข้อ 2 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่เลขาธิการก าหนด ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ที่มีภูมิล าเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ให้แจ้ง ณ ส านักงานคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ (๒) ผู้ที่มีภูมิล าเนาอยู่ในจังหวัดอื่นนอกจาก (๑) ให้แจ้ง ณ ส านักงานพาณิชย์จังหวัด แห่งท้องที่นั้น การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดง เจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้ประกอบการรับซื้อ หรือผู้ครอบครอง ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้วกรณีเป็นการแจ้ง ตาม (1) หรือได้ส่งต้นฉบับให้พาณิชย์จังหวัดแห่งท้องที่นั้นแล้วกรณีเ ป็นการแจ้งตาม (2) ้หนา ๑๘๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ให้ผู้ประกอบการรับซื้อหรือผู้ครอบครองข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามข้อ 2 ที่ประสงค์จะแจ้ง ทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 เมื่อผู้ประกอบการรับซื้อหรื อผู้ครอบครอง ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยายระยะเวลา ตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่งขยายระยะเวลา ตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ หรือมีเหตุจ าเป็น และผู้ประกอบการรับซื้อหรือผู้ครอบครองได้มีค าร้องขอหรือเลขาธิการได้มีค าสั่ง ก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๘๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕" 1311.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 16 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคา กากดีดีจีเอสที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕64 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2564 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคากากดีดีจีเอสที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอสที่ใช้เป็นวัตถุดิบ อาหารสัตว์ แจ้งข้อมูล ปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้าและราคาต่อไป เพื่อประโยชน์ในการ ก ากับดูแล และรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในภาพรวม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (3) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ในประกาศนี้ “กากดีดีจีเอส” หมายความว่า ส่วนที่เหลือจากการผลิตเอทิลแอลกอฮอล์โดยการหมักเมล็ดธัญพืช ได้แก่ ข้าวโพด ข้าวไรย์ ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ โดยการกลั่นแยกเอาเอทิลแอลกอฮอล์ออกไป แล้วน ากากที่เหลือไปท าให้แห้ง หรือน ากากรวมกับของเหลวที่เหลือ ไปท าให้แห้ง ที่ใช้เป็นวัตถุดิบ อาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรย่อย 2303.30.00.000 ข้อ 3 ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอส แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (1) ปริมาณการน าเข้าและราคาต่อหน่วยกากดีดีจีเอสเป็นประจ าทุกเดือนภายในวันที่สิบ ของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นไป (2) แผนการน าเข้ามาในราชอาณาจักรทุก 3 เดือน ดังนี้ (ก) แผนการน าเข้าเดือนสิงหาคม 2565 กันยายน 2565 และตุลาคม 2565 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 (ข) แผนการน าเข้าเดือนพฤศจิกายน 2565 ธันวาคม 2565 และมกราคม 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ้หนา ๑๗๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ (ค) แผนการน าเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีนาคม 2566 และเมษายน 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 มกราคม 2566 (ง) แผนการน าเข้าเดือนพฤษภาคม 2566 มิถุนายน 2566 และกรกฎาคม 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 เมษายน 2566 (3) ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือน เป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดี จีเอสที่ได้แจ้งข้อมูลตาม (1) และ (3) แล้ว ต้องด าเนินการแจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปเป็นประจ าทุกเดือนไม่ว่าจะมีการน าเข้า ปริมาณการใช้ ปริมาณ การจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือหรือไม่ก็ตาม ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอสที่ได้แจ้งแผนการน าเข้าตาม (2) แล้ว หากประสงค์จะเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าดังกล่าว ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าได้ 1 ครั้ง ภายในเดือนแรกของแต่ละรอบการแจ้งแผนการน าเข้า ข้อ 4 กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ 3 (3) ให้แจ้ง การเปลี่ยนแปลงให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ 5 การแจ้งตามข้อ 3 และข้อ 4 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบ ที่เลขาธิการก าหนด ณ ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบี ยนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดง เจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือวันที่ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้ าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักร ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอส ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 เมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอส ร้องขอต่อเลขาธิการ เพื่อขยาย ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่ง ้หนา ๑๗๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ขยายระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรได้มีค าร้องขอหรือเลขาธิการ ได้มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้ น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๗๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕" 1314.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 67 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อ หัวมันส าปะหลังสดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕64 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 59 พ.ศ. 2564 เรื่อง การก าหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อหัวมันส าปะหลังสดตามเปอร์เซ็นต์ เชื้อแป้ง ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่ าวแล้ว เห็นควร คงมาตรการให้ผู้ประกอบการแสดงราคารับซื้อหัวมันส าปะหลังสดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง อัตราปรับเพิ่มลด ราคาตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง รวมทั้งมิให้ผู้ประกอบการรับซื้อหัวมันส าปะหลังสดคิดค่าชั่งน้ าหนักต่อไป เพื่อให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรมในการขายหั วมันส าปะหลังสด และให้การปรับเพิ่มลดราคารับซื้อ อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับในทางการค้าปกติ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 9 (2) (5) มาตรา 25 (3) (4) และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 การก าหนดราคารับซื้อหัวมันส าปะหลัง สด ผู้ประกอบการลานมัน โรงแป้ง หรือโรงงานเอทานอล ต้องระบุเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่รับซื้อให้ชัดเจน โดยก าหนดเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง ที่ร้อยละ 25 กรณีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งในหัวมันส าปะหลังสดที่รับซื้อมีเปอร์เซ็นต์ต่ ากว่าที่ก าหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้ปรับลดราคารับซื้อได้ไม่เกินกิโลกรัมละ 0.05 บาทต่อเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่ลดลงทุก 1% หรือ กรณีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งในหัวมันส าปะหลังสดที่รับซื้อมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าที่ก าหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้ปรับเพิ่มราคารับซื้อได้ไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 0.05 บาทต่อเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่เพิ่มขึ้นทุก 1% ข้อ 3 การแสดงราคารับซื้อ เปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง และอัตราปรับเพิ่มลดราคาตามเปอร์เซ็นต์ เชื้อแป้งตามข้อ 2 ให้แสดงไว้ ณ บริเวณหน้าสถานที่รับซื้อและจุดรับซื้อ โดยราคาที่แสดงไว้นั้น ต้องเป็นราคาและอัตราเดียวกัน และให้แสดงราคาต่อหน่วยเป็นกิโลกรัม ้หนา ๓๑๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕การแสดงรายการตามวรรคหนึ่ง จะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย ขนาดความสูงไม่ต่ ากว่าสิบเซนติเมตร ในลักษณะที่ชัดเจนและเปิดเผย สามารถอ่านได้ง่าย ส าหรับ ข้อความหรือรายการที่แสดงควบคู่ต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้ ข้อ 4 ในการรับซื้อหัวมันส าปะหลังสด ผู้ประกอบการลานมัน โรงแป้ง หรือโรงงาน เอทานอลต้องรับซื้อในราคาไม่ต่ ากว่าที่แสดงไว้ การค านวณราคาเพิ่มลดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง ต้องปฏิบัติให้ตรงกับรายการที่ได้แสดงไว้ตามข้อ 3 และห้ามมิให้คิดค่าชั่งน้ าหนักหัวมันส าปะหลังสด ที่รับซื้อ ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๓๑๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕" 1317.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 68 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการ ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 60 พ.ศ. 2564 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับ การจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสในการเปรียบเทียบราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า หรือใช้บริการ ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการแสดงราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระ บบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือออนไลน์แล้ว เห็นควรคงมาตรการแสดงราคาและรายละเอียดดังกล่าวต่อไป โดยเพิ่มให้การแสดง ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ต้องแสดงให้ตรงกับที่เรียกเก็บด้วย อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 9 (5) และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย ราคาสินค้าและบริ การ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 60 พ.ศ. 2564 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ข้อ 3 ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิ จ” ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าหรือบริการ ผ่านระบบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ข้อ 4 ให้ผู้ประกอบธุรกิจแสดงราคาจ าหน่ายปลีก ค่าบริการ รวมถึงประเภท ชนิด ลักษณะ ขนาด น้ าหนัก และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ โดยการเขียน พิมพ์ หรือกระท า ให้ปรากฏด้วยวิธีอื่นใดในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบออนไลน์ของผู้ประกอบธุรกิจนั้น ในลักษณะที่ชัดเจน ครบถ้วน เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย การแสดงราคาจ าหน่ายสินค้า ค่าบริการตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงราคาต่อหน่วย ราคาหรือ ค่าบริการนั้นจะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย ส าหรับข้อความหรือรายการที่แสดง ควบคู่กับราคาจ าหน่ายหรือค่าบริการต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้ ้หนา ๓๒๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ 5 กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาจ าหน่ายสินค้าหรื อค่าบริการ ที่ให้บริการที่แสดงไว้ตามข้อ 4 ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องแสดงค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ชัดเจนครบถ้วน และเปิดเผย โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคาจ าหน่ายสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการ ข้อ 6 การแสดงราคาจ าหน่ายปลีกสินค้า ค่าบริการที่ให้บริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เรียกเก็บตามข้อ 4 หรือข้อ 5 ต้องแสดงให้ตรงกับราคาที่จ าหน่าย หรือค่าบริการที่ให้บริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เรียกเก็บ ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการจ าหน่าย การให้บริการ หรือการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต่ ากว่าราคาจ าหน่าย ค่าบริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่แสดงไว้ ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๓๒๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕" 1318.pdf,"ประกาศส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับการเชื่อมโยงข้อมูลสินค้าเกษตร ภายใต้มาตรฐานบังคับตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานสินค้าเกษตร ด้วยส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติได้ร่วมกับกรมศุลกากร ก าหนดรหัส พิกัดศุลกากรและรหัสสถิติสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับที่ควบคุมการส่งออกหรือน าเข้าผ่านระบบ การเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ( National Single Window : NSW) ดังนั้น เพื่อให้ มีความถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน ในรายการพิกัดศุลกากรและรหัสสถิติของสินค้าควบคุมและมีผลบังคับ ตามกฎหมาย เป็นการลดภาระ และอ านวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการติดต่อหน่วยงานภาครัฐ หรือในขั้นตอนการผ่านพิธีการศุลกากรด้านการส่งออกหรือน าเข้า อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๕ ของระเบียบส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ส าหรับการน าเข้า การส่งออก การน าผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. ๒๕๕๗ เลขาธิการ ส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอ าหารแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “รหัสพิกัดศุลกากรและรหัสสถิติ ” หมายความว่า รหัสพิกัดศุลกากร ซึ่งประกอบด้วย ตอน ประเภท ประเภทย่อย จ านวน ๘ หลัก และรหัสสถิติ จ านวน ๓ หลัก ของสินค้า “รายการสินค้า ” หมายความว่า ชื่อหรือค าอธิบายของสินค้า ( Description) ตามพิกัด ศุลกากรและรหัสสถิติ “ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตส่งออกหรือน าเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ ที่หน่วยงานของรัฐออกให้ เพื่อกา รส่งออกหรือน าเข้า “ใบรับรอง” หมายความว่า ใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ ที่ผู้ประกอบการ ตรวจสอบมาตรฐานออกให้ เพื่อการส่งออกหรือน าเข้า “หนังสือรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า ” หมายความว่า หนังสือรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า สินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ ที่หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ออกให้เพื่อการส่งออกหรือน าเข้า “ผู้ส่งออก” ให้หมายความรวมถึง เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้มีส่วนได้เสียในของใด ๆ นับแต่เวลาที่น าของนั้นเข้ามาในอารักขาของพนักงานศุลก ากรจนถึงเวลาที่ได้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร “ผู้น าเข้า” ให้หมายความรวมถึง เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้มีส่วนได้เสียในของใด ๆ นับแต่เวลาที่น าของนั้นเข้ามาในราชอาณาจักรจนถึงเวลาที่พนักงานศุลกากรได้ส่งมอบให้ไปโดยถูกต้อง พ้นจากอารักขาของพนักงานศุลกากร ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕“การเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า การเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ แบบไร้เอกสาร ระหว่างระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานของรัฐ หรือระหว่างระบบข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานของรัฐกับเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการส่งออกหรือการน าเข้า โดยผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ( National Single Window : NSW) “สินค้าควบคุม ( Permission Goods )” หมายความว่า สินค้าเกษตรภายใต้มาตรฐานบังคับ ที่ต้องได้รับใบอนุญาต ใบรับรอง และหนังสือรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า ที่รวบรวมและจัดเก็ บ เป็นข้อมูลพิกัดศุลกากรและรหัสสถิติซึ่งหน่วยงานของรัฐได้มีการตกลงกับกรมศุลกากรเพื่อใช้ในการ ควบคุมเกี่ยวกับกระบวนการส่งออกหรือน าเข้า “หน่วยงานของรัฐ ” หมายความว่า ส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติมอบหมายที่มีอ านาจหน้าที่ ในการออกใบอนุญาต ใบรับรอง หนังสือรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า หรือเอกสารอื่นใดในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ ส าหรับการส่งออกหรือน าเข้า ข้อ ๓ ฐานข้อมูลรายการสินค้าควบคุมให้ เป็นไปตามที่กรมศุลกากรจัดท าและเผยแพร่ ทางเว็บไซต์ ( www.customs.go.th) หรือช่องทางอื่นตามสมควร ข้อ ๔ สินค้าที่จะต้องมีใบอนุญาต ใบรับรอง และหนังสือรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า เพื่อเชื่อมโยงผ่านระบบ NSW ไปยังระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร ให้เป็นไปตามที่ ระบุไว้ ในฐานข้อมูลรายการสินค้าควบคุมที่กรมศุลกากรเผยแพร่ไว้ตามข้อ ๓ เฉพาะส่วนที่อยู่ในการก ากับดูแล ของส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ข้อ ๕ ให้ผู้ส่งออกหรือผู้น าเข้าตรวจสอบรายการสินค้าควบคุมซึ่งก าหนดไว้ในฐานข้อมูล รายการสินค้าควบคุมของกรมศุล กากร และด าเนินการขอใบอนุญาต ใบรับรอง และหนังสือรับแจ้ง การส่งออกหรือน าเข้าตามที่กรมศุลกากรเผยแพร่ไว้ตามข้อ ๓ เพื่อใช้ประกอบในการผ่านพิธีการศุลกากร ทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร ข้อ ๖ กรณีที่หน่วยงานของรัฐให้ผู้ส่งออกหรือผู้น าเข้าแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับก ารส่งออกหรือ น าเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับผ่านระบบ NSW ก่อนการส่งข้อมูลใบขนสินค้า ให้บันทึก รายการที่ปรากฏในเอกสารก ากับสินค้า ( Invoice) ทุกรายการ ให้ถูกต้องและครบถ้วน ผู้ส่งออกหรือ ผู้น าเข้าจะได้เลขที่ใบรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า ส าหรับใช้บันทึกข้ อมูลในส่วนใบอนุญาต (Import/Export Declaration Detail (Permit)) ในช่องเลขที่ใบอนุญาตหรือใบรับรอง ( Permit Number) ของใบขนสินค้า ในการจัดส่งข้อมูลใบขนสินค้าเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร ข้อ ๗ หากระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานของรัฐขัดข้องไม่สามารถ ส่งข้อมูลใบอนุญาต ใบรับรอง และหนังสือรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ หน่วยงานจะก าหนด เงื่อนไขการผ่านพิธีการศุลกากรแบบกระดาษเป็นการเฉพาะคราว ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ ๘ ในกรณีพิกัดศุลกากรและรหัสสถิติที่อยู่ในข่ายการควบคุมแต่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องมีใบอนุญ าต ใบรับรอง และหนังสือรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า การส่งข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้า เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร ให้ผู้ส่งออกหรือผู้น าเข้าบันทึกข้อมูลในส่วนใบอนุญาต ดังนี้ (๑) EXEMPT3 ไม่ต้องมีใบอนุญาต ใบรับรอง และหนังสือรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า เนื่องจากมีกฎหมายอื่นควบคุมและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่ควบคุมแล้ว (๒) EXEMPT99 ไม่ต้องมีใบอนุญาต ใบรับรอง และหนังสือรับแจ้งการส่งออกหรือน าเข้า เนื่องจากกรณีอื่น ๆ ข้อ ๙ หากหน่วยงานของรัฐก าหนดให้ผู้ส่งออกหรือผู้น าเข้า ต้องด าเนินการตามขั้นตอน หรือวิธีการอื่นใด เพื่อให้การควบคุมสินค้าภายใต้รายการในฐานข้อมูลรายการสินค้าควบคุม มีความถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน และมีผลบังคับตามกฎหมาย ผู้ส่งออกหรือผู้น าเข้า จะต้องด าเนินการตามขั้นตอน หรือวิธีการดังกล่าวด้วย ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 พิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕" 1322.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๔๒๖) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการลดอัตราและยกเวนภาษีเงินได ของบริษัทซึ่งประกอบกิจการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ (๑) และ (๖) และมาตรา ๘ วรรคส องและวรรคสาม แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการลดอัตราและยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๑) พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการลดอัตรา และยกเวนภาษีเงินไดของบริษัทซึ่งประกอบกิจการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิ จ ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ผูมีเงินไดที่เปนแรงงานฝมือหรือผูเชี่ยวชาญที่จะไดรับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได ตามมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการลดอัตร า และยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๑) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตองมีคุณสมบัติ ดังตอไปนี้ (๑) กรณีเปนแรงงานฝมือ (ก) ตองสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) หรือเทียบเทาขึ้นไป (ข) ตองผานการทดสอบมาตรฐานฝมือแรงงานแหงชาติระดับ ๒ ในแตละสาขา ทั้งนี้ ตามกฎหมายวาดวยการสงเสริมการพัฒนาฝมือแรงงาน และ (ค) ตองมีประสบการณทํางานที่เกี่ยวของหรือเปนประโยชนแกการทํางาน ในตําแหนงที่ถูกวาจางไมนอยกวา ๕ ป โดยตองมีหนังสือรับรองการทํางานจากนายจางรายหนึ่งรายใด หรือหลายรายที่แสดงถึงระยะเวลาการทํางานรวมกันตามประสบการณการทํางานดังกลาว (๒) กรณีเปนผูเชี่ยวชาญ (ก) ตองสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเทาขึ้นไป (ข) ตองมีประสบการณทํางานที่เกี่ยวของหรือเปนประโยชนแกการทํางาน ในตําแหนงที่ถูกวาจางไมนอยกวา ๘ ป โดยตองมีหนังสือรับรองการทํา งานจากนายจางรายหนึ่งรายใด หรือหลายรายที่แสดงถึงระยะเวลาการทํางานรวมกันตามประสบการณการทํางานดังกลาว ้หนา ๗๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๗๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ กันยายน ๒๕๖๕ขอ ๒ ใหบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลซึ่งเปนนายจางของผูมีเงินไดตามขอ ๑ แจงชื่อผูมีเงินได ที่เปนลูกจางซึ่งจะใชสิทธิลดอัตราภาษีเงินไดตอสํานักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู ซึ่งมีขอความอยางนอยตามแบบที่แนบทายประกาศนี้ กอนที่จะมีการจายเงินไดใหแกลูกจางครั้งแรก และใหเก็บรักษาเอกสารหลักฐานประกอบนั้นไว ณ สถานประกอบกิ จการ พรอมที่จะใหเจาพนักงาน ประเมินตรวจสอบได ขอ ๓ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่จะไดรับยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคลเปนจํานวนสองเทา ของรายจายที่ไดจายจริงสําหรับเงินลงทุนในหุนหรือการเปนหุนสวนของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล ที่มีสถานประก อบกิจการตั้งอยูในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามมาตรา ๘ แหงพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการลดอัตราและยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๑) พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น ตองเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข ดังตอไปนี้ (๑) ตองไมมีสถานประกอบกิจการแหงใดตั้งอยูในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเปนเวลา ไมนอยกวา ๑ ปกอนการลงทุนนั้น (๒) ตองไมขายหรือโอนหุนหรือการเปนหุนสวนของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล ที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยูในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เวนแตกรณีที่มีเหตุอันสมควรซึ่งเปนกรณีที่ไ ดขาย หรือโอนหุนหรือความเปนหุนสวนนั้น เนื่องจากบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่มีสถานประกอบกิจการ ตั้งอยูในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจมีความประสงคที่จะเพิ่มทุน จึงจําตองขายหรือโอนหุนหรือการเปนหุนสวน ของบริษัทที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยูในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจนั้นบางสวน ใหแกบริษัท หรือหางหุนสวนนิติบุคคลอื่นที่ไมมีสถานประกอบกิจการอยูในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เพื่อบริษัท หรือหางหุนสวนนิติบุคคลอื่นจะเขาซื้อหุนหรือเขาเปนหุนสวนในบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล ที่ประกอบกิจการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจในสวนที่มีการเพิ่มทุนดังกลาวได ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๘๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๗๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ กันยายน ๒๕๖๕แบบแจงรายชื่อลูกจาง และคุณสมบัติเกี่ยวกับลูกจาง ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 731) พ.ศ. ๒๕๖4 วันที่........................................... ...................... เรียน สรรพากรพื้นที่.................. ......... 1. บริษัท/หางหุนสวนนิติบุคคล ...................................................... ................................................................................. . 2. เลขประจําตัวผูเสียภาษีอากร (13 หลัก) ขอแจงรายชื่อลูกจางและคุณสมบัติเกี่ยวกับลูกจางที่อยูในหลักเกณฑที่จะไดรับสิท ธิลดอัตราภาษีเงินไดตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 731) พ.ศ. 2564 ลําดับ ที่ ชื่อ-นามสกุล ตําแหนง วุฒิการศึกษา (สาขาวิชา) ระยะเวลา การจาง ตามสัญญา (ป) มาตรฐานฝมือแรงงาน แหงชาติ (ถามี) ภูมิลําเนากอน เขาทํางาน ประสบการณการทํางาน การทํางานในเขตพัฒนาพิเศษเฉพา ะกิจ ทํางานในเขตฯ ครั้งแรก เคยทํางานในเขตฯ แตพนมาเกิน 1 ป เคยทํางานในเขตฯ แตพนมาไมเกิน 1 ป และไมเคยไดรับสิทธิตามพรฎ. 628 โดยออกจากที่เดิม และเขาที่ใหมซึ่งมีระยะเวลาตอเนื่องกัน เคยไดรับสิทธิตามพรฎ. 628 และยังคงทํางานในเขตฯ ที่เดิมในวันกอนวันที่พรฎ. 731 ใชบังคับ เคยทํางานในเขตฯ แตพนมาไมเกิน 1 ป และเคยไดรับสิทธิ ตามพรฎ. 628 โดยออกจากที่เดิม และตอมาไดเขาทํางานที่เดิมหรือที่ใหม ระดับ หนังสือรับรอง ลงวันที่ เดือน ป ตําแหนง / สายงาน ที่ทํา จํานวนป ขอรับรองวาขอมูลขางตนถูกตองและเปนความจริง ลงชื่อ (..........................................................) ตําแหนง ....................................................... (กรรมการหรือผูเปนหุนสวนหรือผูจัดการ) ประทับตรา นิติบุคคล (ถามี) " 1323.pdf,"ประกาศคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่ก าหนด เพื่อประโยชน์ในการส่งออก พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่าง ไปจากมาตรฐานที่ก าหนดเพื่อประโยชน์ในการส่งออก ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน อันเป็น การส่งเสริม สนับสนุน และอ านวยความสะดวกแก่ผู้ท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้เกิดความคล่องตัว ในการประกอบธุรกิจยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๐ ตรี แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๓๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่ก าหนด เพื่อประโยชน์ในการส่งออก พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้ นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่ก าหนด เพื่อประโยชน์ ในการส่งออก พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔ ผู้ใดประสงค์จะท าผลิตภัณฑ์อุ ตสาหกรรมที่มีกฎกระทรวงก าหนดให้ต้องเป็นไป ตามมาตรฐานแตกต่างไปจากมาตรฐานที่ก าหนดเพื่อประโยชน์ในการส่งออก ให้แจ้งต่อส านักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยระบุเหตุผลความจ าเป็นที่ต้องท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่าง ไปจากมาตรฐานที่ก าหนด มาตรฐานที่ใช้อ้างอิงในการท า หรือข้อก าหนดของลูกค้าในต่างประเทศ จ านวนหรือปริมาณที่จะท า ระยะเวลาในการท า และประเทศที่จะส่งออกพร้อมแนบเอกสารหลักฐาน ค าสั่งซื้อจากต่างประเทศ แบบที่ใช้ในการท า และแผนการท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับ ปริมาณที่จะส่งออก ในกรณีที่ผู้ท ามิได้เป็นผู้ส่งออกโดยตรง ต้องแสดงหลักฐานที่แสดงถึงนิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ท า และผู้ส่งออก ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ ๕ ผู้แจ้งตามข้อ ๔ จะเริ่มท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่ก าหนดได้ ก็ต่อเมื่อได้รับใบรับแจ้งจากส านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) ต้องท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามมาตรฐานที่ใช้อ้างอิงในการท า หรือข้อก าหนดของลูกค้า ในต่างประเทศ โดยมีระยะเวลา และจ านวนหรือปริมาณ ไม่เกินกว่าที่ได้แจ้งไว้ต่อส านักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (๒) ต้องแสดงข้อความ “เพื่อส่งออกเท่านั้น ” หรือ “EXPORT ONLY” หรือข้อความที่มี ความหมายในลักษณะเดียวกัน ให้เห็นได้ง่ายและชัดเจน ไว้ที่ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือบนสิ่งบรรจุ หีบห่อ สิ่งห่อหุ้ม หรือสิ่งผูกมัด ก่อนน าออกจากสถานที่ผลิต (๓) ต้องแยกเก็บผลิตภั ณฑ์อุตสาหกรรมตาม (๑) มิให้ปะปนกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ได้รับ ใบอนุญาตหรือการอนุญาตอื่นที่ออกโดยส านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (๔) ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตาม (๑) ต้องส่งออกไปต่างประเทศ ตามที่แจ้งไว้และ ให้ผู้แจ้งรายงานปริมาณการผลิต รายงานปริมาณการส่งอ อก และรายงานปริมาณคงเหลือของ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ได้แจ้ง พร้อมส่งส าเนาเอกสารหลักฐานใบขนสินค้าขาออก Status 0409 หรือสถานะรับบรรทุกแล้ว (Goods Loaded) ซึ่งต้องระบุจ านวนผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ส่งออก ให้ส านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทราบ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่กรมศุลกากรออกเอกสาร หลักฐานให้ ข้อ ๖ ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามข้อ ๕ เมื่อส่งออกแล้วแต่ถูกส่งกลับเข้ามา ในราชอาณาจักรอีก ให้แจ้งต่อส านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมพร้อมแสดงหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังก ล่าวเป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเดียวกันกับที่ได้ส่งออก โดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลง รูปร่างและลักษณะใด ๆ การน าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกลับเข้ามาในราชอาณาจักรตามวรรคหนึ่ง ต้องด าเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ส่งออก เว้นแต่มีเหตุจ าเป็นสามารถแจ้งขอขยายระยะเวลาก่อนครบก าหนดได้ ต่อไปอีกไม่เกินสองปีนับแต่วันที่ได้ส่งออก ข้อ ๗ กรณีที่มีเหตุผลความจ าเป็นต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่แจ้งไว้ ต้องแจ้งต่อส านักงาน มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมก่อนด าเนินการในขั้นตอนดังกล่าว ข้อ ๘ การแจ้งตามประกาศนี้ ให้แจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ผ่านระบบ เครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ในกรณีที่ไม่สามารถด าเนินการได้ หรือมีเหตุอื่นใดท าให้ไม่สามารถด าเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้การด าเนินการดังกล่าวกระท าได้ ณ ส านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ ๙ บรรดาการแจ้งและใบรับแจ้งตามประกาศคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่ก าหนด เพื่อประโยชน์ในการส่งออก พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้แจ้งหรือได้ออก ใบรับแจ้งก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับและยังอยู่ในระหว่างการด าเนินการ ให้ถือว่าเป็นการแจ้งหรือ เป็นใบรับแจ้งที่ได้ออกตามประกาศนี้ โดยอนุโลม ประกาศ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖5 จุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านส่งเสริมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ ประธานกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ้หนา ๔๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕" 1326.pdf,"ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่่า (ฉบับที่ 11) ด้วยคณะกรรมการค่าจ้างได้มีการประชุมศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้าง ที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นตามที่กฎหมายก่าหนด เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2565 และมีมติเห็นชอบให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเพื่อใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างทุกคน อาศัยอ่านาจตามความในมาตรา ๗๙ (๓) และมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการค่าจ้าง จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่่า (ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ข้อ 2 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบสี่บาท ในท้องที่จังหวัด ชลบุรี ภูเก็ต และระยอง ข้อ 3 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบสามบาท ในท้องที่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ข้อ 4 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบห้าบาท ในท้องที่จังหวัด ฉะเชิงเทรา ข้อ 5 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบสามบาท ในท้องที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ข้อ 6 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบบาท ในท้องที่จังหวัดกระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา ปราจีนบุรี พังงา ลพบุรี สงขลา สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย และอุบลราชธานี ข้อ 7 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบแปดบาท ในท้องที่จังหวัด กาฬสินธุ์ จันทบุรี นครนายก มุกดาหาร สกลนคร และสมุทรสงคราม ข้อ 8 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบห้าบาท ในท้องที่จังหวัด กาญจนบุรี ชัยนาท นครพนม นครสวรรค์ บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา พัทลุง เพชรบุรี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว สุรินทร์ อ่างทอง และอุตรดิตถ์ ข้อ 9 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบสองบาท ในท้องที่จังหวัด ก่าแพงเพชร ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย ตรัง ตาก นครศรีธรรมราช พิจิตร แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ล่าปาง ล่าพูน ศรีสะเกษ สตูล สิงห์บุรี สุโขทัย หนองบัวล่าภู อ่านาจเจริญ และอุทัยธานี ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ 10 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยยี่สิบแปดบาท ในท้องที่จังหวัด นราธิวาส น่าน ปัตตานี ยะลา และอุดรธานี ข้อ 11 เพื่อประโยชน์ตามข้อ 2 ถึงข้อ 10 ค่าว่า “วัน” หมายถึง เวลาท่างานปกติ ของลูกจ้าง ซึ่งไม่เกินชั่วโมงท่างานดังต่อไปนี้ แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างท่างานน้อยกว่าเวลาท่างานปกติ เพียงใดก็ตาม (๑) เจ็ดชั่วโมง ส่าหรับงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (2) แปดชั่วโมง ส่าหรับงานอื่นซึ่งไม่ใช่งานตาม (1) ข้อ 12 ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินแก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่่า ข้อ 13 ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฉบับนี้ให้มีผล ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการค่าจ้าง ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕" 1334.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ ๒ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญ ญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 2 ลงวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ 2 ก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 2 ให้เป็นดังต่อไปนี้ (1) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามหลัก วิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๖๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๖๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิดความช านาญเพียงพอ ที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่ก าหนด ลักษณะ แบบทดสอบเป็นการทดสอบการปฏิบัติงานตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ในรายละเอียดวิธีการทดสอบ ใช้เวลาในการทดส อบทั้งหมด 6 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 5๐๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนน ทั้งหมด (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ 3 การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ ๒ จะออกให้แก่้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๒๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ กันยายน ๒๕๖๕ผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้และ ภาคความสามารถ และต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่า ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ ๒ ประกาศ ณ วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖5 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๒๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ กันยายน ๒๕๖๕" 1335.pdf,"ประกาศ เรื่อง ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ประกาศ ข้อก าหนด และค าสั่งที่เกี่ยวข้อง ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้มีการขยายระยะเวลาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมด ๑๙ คราว จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อใช้มาตรการต่าง ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เข้าด าเนินการควบคุม ระงับยับยั้ง ป้องกันและแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด - 19) นั้น โดยที่ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด - 19 ในภาพรวมของโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้รายงานว่า ผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวมีจ านวนลดลงอย่างมีนัยส าคัญและ มีจ านวนต่ าที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๖๓ สอดคล้องกับภาพรวมของสถานการณ์ในประเทศไทย สืบเนื่องมาจากการด าเนินมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องนับตั้งแต่ที่เกิดการระบาด ความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในการเข้ารับการฉีดวัคซีน การปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ที่จ าเป็นเพื่อการป้องกันและควบคุมโรค รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มแข็งและเป็นไป โดยบูรณาการการท างานของทุกภาคส่วน ท าให้สามารถผ่อนคลายการบังคับใช้บรรดาม าตรการ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อทั้งประชาชนและผู้ประกอบการให้สามารถด าเนินชีวิต ขับเคลื่อนกิจกรรม ทางเศรษฐกิจและกิจกรรมทางสังคมทั้งหลายให้เข้าสู่ภาวะปกติ สถานการณ์อันเป็นเหตุของการประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินจึงได้คลี่คลายลงอย่างมาก โดยหน่วยงานของรัฐทั้งฝ่ายสาธารณ สุข ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงสามารถน ามาตรการตามกฎหมายเข้าแก้ไขปัญหาได้ตามปกติแล้ว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสาม แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยค าแนะน าของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักรดังกล่าว ในส่วนของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป ้หนา ๔๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๓๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ ๒ ให้บรรดาข้อก าหนด ประกาศ และค าสั่ง ดังต่อไปนี้ เป็นอันสิ้นสุดลง (๑) ข้อก าหนด ประกาศ และค าสั่ง อันเนื่องมาจากได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตามข้อ ๑ (๒) ประกาศและค าสั่งที่ออกตามกฎหมายเฉพาะซึ่งให้ถือว่าเป็นประกาศหรือสั่งตามข้อก าหนด อันเนื่องมาจากได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตามข้อ ๑ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี ้หนา ๔๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๓๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ กันยายน ๒๕๖๕" 1337.pdf," กฎกระทรวง การอนุญาตขายสุรา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 155 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 4 ผู้ใดประสงค์จะขายสุรา ให้ยื่นค าขออนุญาตพร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐาน ตามแบบที่อธิบดีประกาศก าหนดต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิต การยื่นค าขออนุญาต ให้สามารถกระท าได้ ณ ส านักงานสรรพสามิตพื้นที่ หรือส านักงาน สรรพสามิตพื้นที่สาขาแห่งท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือสถานที่อื่นที่อธิบดีประกาศก าหนด หรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ” ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 6 แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 6 เมื่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตได้รับค าขออนุญาตแล้ว ให้ตรวจสอบรายละเอียดในค าขอ รวมทั้งเอกสารและหลักฐานว่ามีความถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ หากไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้แจ้ง ผู้ขออนุญาตทราบทันที ถ้าเป็นกรณีที่สามารถแก้ไขหรือเพิ่มเติมได้ในขณะนั้น ให้แจ้งให้ผู้ขออนุญาต ด าเนินการแก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วน เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่อาจด าเนินการได้ในขณะนั้น ให้บันทึก ความบกพร่องนั้นไว้และแจ้งให้ผู้ข ออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมค าขออนุญาตหรือยื่นเอกสารหรือหลักฐาน ให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานสรรพสามิตก าหนด โดยให้เจ้าพนักงานสรรพสามิต และผู้ขออนุญาตลงนามไว้ในแบบค าขอนั้นไว้ด้วย ในกรณีที่ผู้ขออนุญาตไม่แก้ไขเพิ่มเติมค าขอหรือไม่ยื่นเอกสารหรือหลักฐาน ให้ถูกต้องและ ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานสรรพสามิตก าหนด ให้ถือว่าผู้ขออนุญาตไม่ประสงค์จะขอรับ ใบอนุญาตต่อไป และให้เจ้าพนักงานสรรพสามิตจ าหน่ายเรื่องออกจากสารบบ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๖๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ในกรณีที่เจ้าพนักงานสรรพสามิตตรวจสอบแล้วเห็นว่า รายละเอียดในค าขอ เอกสารและ หลักฐานถูกต้อง และครบถ้วน ให้เจ้าพนักงานสรรพสามิตพิจารณาเพื่อออกใบอนุญาตต่อไป เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาออกใบอนุญาต เจ้าพนักงานสรรพสามิตอาจตรวจสอบ สถานที่ตั้งของสถานประกอบการที่ระบุไว้ในค าขออนุญาตก็ได้ ” ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 7 แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 7 ในกรณีที่เจ้าพนักงานสรรพสามิตมีค าสั่งอนุญาต ให้แจ้งค าสั่งดังกล่าวให้ผู้ขอ อนุญาตทราบ และเมื่อผู้ขออนุญาตช าระค่าธรรมเนียมแล้ว ให้เจ้าพนักงานสรรพสามิตมีหน้าที่ส่งใบอนุญาต ให้ผู้ขออนุญาตภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีค าสั่งอนุญาต ในกรณีที่เป็นการยื่นค าขออนุญาตทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าพนักงานสรรพสามิต แจ้งค าสั่งให้ผู้ขออนุญาตทราบโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และเมื่อผู้ขออนุญาตช าระค่าธรรมเนียมแล้ว ให้ส่งใบอนุญาตขายสุราให้ผู้ ขออนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ใบอนุญาตขายสุราที่ส่งทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคสอง ให้ผู้ได้รับอนุญาตสามารถแสดง โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ในกรณีที่เจ้าพนักงานสรรพสามิตมีค าสั่งไม่อนุญาต ให้แจ้งค าสั่งดังกล่าวให้ผู้ขออนุญาตทราบ ทั้งนี้ ให้ระบุเหตุผลของการไม่อนุญาต รวมทั้งแจ้งสิทธิอุทธรณ์ การยื่นอุทธรณ์ และระยะเวลาส าหรับ การอุทธรณ์ให้ผู้ขออนุญาตทราบด้วย ” ข้อ 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ 9 แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา พ.ศ. 2560 “ให้น าความในข้อ 4 ข้อ 6 และข้อ 7 มาใช้บังคับกับการขออนุญาตและการอนุญาต ขายสุราด้วยโดยอนุโลม ” ให้ไว้ ณ วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๖๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่กฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา พ.ศ. 2560 ไม่ได้ก าหนดวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ครอบคลุมทั้งกระบวนการพิจารณาออกใบอนุญาต จึงสมควรก าหนดรายละเอียดและขั้นตอนในการออกใบอนุญาตขายสุราให้สอดคล้องกับการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ อันจะเป็นการอ านวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการขอใบอนุญาตขายสุรา ลดภาระ ด้านเอกสาร และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อเพื่อขอรับบริการจากภาครัฐ ทั้งนี้ เพื่อให้ สอดคล้องกับแผนการยกระดับการพัฒนาระบบการให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๖๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕" 1338.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ 124/2565 เรื่อง การใช้หมายเลขใบอนุญาตเสมือนจริง (Dummy Permit Number) ภายใต้กระบวนการ ทางศุลกากรส าหรับระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Customs Transit System: ACTS) ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ ๓) เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ยังมีอยู่ อย่างต่อเนื่อง กรมศุลกากรจึงขยายระยะเวลาการใช้หมายเลขใบอนุญาตเสมือนจริง (Dummy Permit Number) เพื่อให้การขนส่งสินค้าผ่านแดนภายใต้ระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน ( ASEAN Customs Transit System: ACTS) สามารถด าเนินการได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 102 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 อธิบดีกรมศุลกากร ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ยานพาหนะ” หมายความว่า ยานพาหนะตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 169/2563 เรื่อง การด าเนินกระบวนการทางศุลกากรส าหรับระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Customs Transit System: ACTS) ลงวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้หมายความ รวมถึง รถขนส่งสินค้าที่ได้รับหมายเลขใบอนุญาตเสมือนจริง ( Dummy Permit Number) จากระบบ ศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Customs Transit System: ACTS) ข้อ 2 การขนส่งสินค้าผ่านแดนโดยใช้ระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ACTS) ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) นอกจากการด าเนินการตามประกาศ กรมศุลกากร ที่ 169/2563 เรื่อง การด าเนินกระบวนการทางศุลกากรส าหรับระบบศุลกากร ผ่านแดนอาเซียน ( ASEAN Customs Transit System: ACTS) ลงวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว กรณีรถขนส่งสินค้าที่ได้รับหมายเลขใบอนุญาตเสมือนจริง (Dummy Permit Number) จากระบบ ศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Customs Transit System: ACTS) ให้ด าเนินการขนถ่ายสินค้า เปลี่ยนยานพาหนะ ณ ด่านพรมแดนตามที่ก าหนดไว้ในพิธีสาร ๒ ของความตกลงอาเซียนว่าด้วย การอ านวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit: AFAFGIT) และท าการขนส่งสินค้าบนเส้นทางที่ก าหนดไว้ใน พิธีสาร 1 ของความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอ านวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (AFAFGIT) ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๓๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖5 ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ ณ วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๓๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕" 1345.pdf,"ประกาศส านักงานต ารวจแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่มาตรา ๔๓ (๙) แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะใช้ โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ตามที่ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติประกาศก าหนด เพื่อความปลอดภัยในกรณีผู้ขับขี่มีความจ าเป็นต้องใช้ โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔๓ (๙) แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติ จึงก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศส านักงานต ารวจแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และ วิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันปร ะกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ผู้ขับขี่” หมายความว่า ผู้ขับรถ ผู้ประจ าเครื่องอุปกรณ์การขนส่งตามกฎหมายว่าด้วย การขนส่งทางบก และให้หมายความรวมถึง เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถที่กฎหมายสันนิษฐาน ว่าเป็นผู้กระท าความผิดตามที่ระบุไว้ในใบสั่งตามมาตรา ๑๔๐/๑ ด้วย “ขับรถ” หมายความว่า การบังคับให้รถเคลื่อนที่ไปได้และให้หมายความรวมถึงการควบคุมรถ ที่อยู่ในทางเดินรถในขณะหยุดรถและพร้อมที่จะขับเคลื่อนต่อไป ข้อ ๔ ให้ผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้ (๑) ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย อุปกรณ์เสริมส าหรับการสนทนาหรือระบบกระจายเสียง จากเครื่องโทรศัพท์ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ (๒) ใช้อุปกรณ์เสริมพิเศษส าหรับยึดหรือติดโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้กับส่วนหน้าของตัวรถทุกครั้ง ก่อนการขับรถ ทั้งนี้ ต้องไม่บดบังทัศนวิสัยหรือเสียความสามารถในการขับรถ กรณีผู้ขับขี่มีความจ าเป็นต้องถือ จับ หรือสัมผัสโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อใช้งานโดยประการใด ๆ ให้ผู้ขับขี่หยุดหรือจอดรถในสถานที่ส าหรับจอดรถอย่างปลอดภัย ก่อนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๓๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ข้อ ๕ หลังจากประกาศฉบับนี้ใช้บังคับแล้วเป็นระยะเวลาห้าปีหรือเมื่อมีเหตุจ าเป็นอื่น ให้มีการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ โดยรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชนเพื่อประกอบการพิจารณา ประกาศ ณ วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 พลต ารวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติ ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๓๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ตุลาคม ๒๕๖๕" 135.pdf,"ค ำสั่งกรมสรรพำกร ที่ ท.ป. 307/๒๕62 เรื่อง ก ำหนดสถำนที่รับแบบแสดงรำยกำรและรับช ำระเงินภำษีอำกรตำมประมวลรัษฎำกร เพื่ออ ำนวยควำมสะดวกแก่ผู้เสียภำษีอำกรและให้กำรบริหำรกำรจัดเก็บภำษีอำกรตำมประมวลรัษฎำกร มีประสิทธิภำพ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๑ แห่งประมวลรัษฎำกร อธิบดีกรมสรรพำกร จึงมีค ำสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้สถำนที่ดังต่อไปนี้ เป็นสถำนที่รับแบบแสดงรำยกำรและรับช ำระเงินภำษีอำกร ตำมประมวลรัษฎำกรได้อีกแห่งหนึ่ง นอกจำกส ำนักงำนสรรพำกรพื้นที่สำขำ ส ำหรับผู้มีหน้ำที่เสียภำษี เงินได้บุคคลธรรมดำ ไม่ว่ำจะมีภูมิล ำเนำอยู่ในอ ำเภอหรือเขตท้องที่ใด (1) หน่วยบริกำรรับช ำระภำษีอำกรของส ำนักงำนสรรพำ กรพื้นที่สำขำพระนคร 2 ที่ตั้งอยู่ ณ กรมกำรปกครอง กระทรวงมหำดไทย ถนนอัษฎำงค์ แขวงวัดรำชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหำนคร (2) หน่วยบริกำรรับช ำระภำษีอำกรของส ำนักงำนสรรพำกรพื้นที่สำขำพระนคร 1 ที่ตั้งอยู่ ณ กองบัญชำกำรกองทัพบก เลขที่ 113 ถนนรำชด ำเนิ นนอก แขวงบำงขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหำนคร ข้อ ๒ ให้สรรพำกรพื้นที่กรุงเทพมหำนคร 1 ออกค ำสั่งเป็นหนังสือแต่งตั้งข้ำรำชกำร พลเรือนสำมัญในสังกัดเป็น “เจ้ำหน้ำที่รับช ำระเงินภำษีอำกร ” เพื่อรับช ำระเงินภำษีอำกรตำมประมวลรัษฎำกร ข้อ ๓ กำรเสียภำษีอำกรตำมค ำ สั่งนี้ ให้ถือว่ำเป็นกำรสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงิน ซึ่ง “เจ้ำหน้ำที่รับช ำระเงินภำษีอำกร ” ตำมข้อ ๒ ได้ลงลำยมือชื่อรับเงินแล้ว ข้อ ๔ ค ำสั่งนี้ให้ใช้บังคับส ำหรับกำรรับแบบแสดงรำยกำรและรับช ำระภำษีเงินได้บุคคลธรรมดำ ตำมประมวลรัษฎำกร ดังต่อไปนี้ (1) หน่วยบริกำรรับช ำระภำษีอำกรตำมข้อ 1 (1) ในวันที่ 28 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2562 ถึงวันที่ 1 มีนำคม พ.ศ. ๒๕62 (2) หน่วยบริกำรรับช ำระภำษีอำกรตำมข้อ ๑ (2) ในวันที่ 5 มีนำคม พ.ศ. ๒๕62 ถึงวันที่ 6 มีนำคม พ.ศ. ๒๕62 สั่ง ณ วันที่ 25 กุมภำพันธ์ พ.ศ. ๒๕62 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภำศ อธิบดีกรมสรรพำกร ้หนา ๕๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๕๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒" 1350.pdf,"ประกาศส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การแสดงใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือรูปแบบเอกสาร โดยที่เป็นการสมควร ก าหนดวิธีการแสดงใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือรูปแบบเอกสารเพื่อใช้เป็นแนวทางให้ผู้ได้รับใบอนุญาต แสดงใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือ เจ้าหน้าที่ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๑๔ แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๕ เลขาธิการส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ” หมายความว่า ใบอนุญาต เป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎกระทรวงการอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๕ หรือใบอนุญาตเป็นผู้มีสิทธิท ารายงานเกี่ยวกับ การศึกษาและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม แล้วแต่กรณี ข้อ ๒ การแสดงใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่ละประเภทด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารใบอนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของส านักงานนโย บายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (URL : https://eia.onep.go.th/) ข้อ ๓ การแสดงใบอนุญาตผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้วยรูปแบบ เอกสาร ให้ส าเนาเอกสารใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมแต่ละประเภท จากฉบับจริงในรูปแบบภาพขาวด าหรือภาพสี ก็ได้ การแสดงใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามข้อ ๒ และข้อ ๓ ต้องปรากฏข้อมูลใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมิ นผลกระทบสิ่งแวดล้อมแต่ละประเภท ทั้งด้านหน้าและด้านหลังอย่างครบถ้วนถูกต้องตามรูปแบบใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าหน้าที่สามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาต เป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวด ล้อมได้ ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๕" 1352.pdf,"หนา ๑๑ เลม ๑๒๓ ตอนที่ ๑๑๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ ประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือ หรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตอง ติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้ง เครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งกําหนดใหโรงงานติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม ใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาท ี่กําหนด นั้น ปรากฏวาผูประกอบกิจการโรงงานจ ํานวนมากที่เขาขายจะตองดําเนินการตามประกาศด ังกลาว ยังไมมีความพรอมในการดําเนินการใหแลวเสร็จตามระยะเวลาท ี่กําหนด เนื่องจากมีปญหาและอุปสรรค เกี่ยวกับเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษที่จะนํามาติดตั้งดังกลาว ยังมีราคาคอนขางสูงมากและจะต อง นําเขาจากตางประเทศ ดังนั้น เพื่อเปนการบรรเทาภาระของผ ูประกอบกิจการโรงงาน สมควรขยาย ระยะเวลาการต ิดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติมออกไปอีก อาศัยอํานาจตามความในข อ ๑๕ ทวิ และขอ ๑๕ ทวิ (๑) วรรคสอง แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕ ) ออกตามความในพระราชบ ัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแกไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๓๙ ) ออกตามความในพระราชบ ัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ อันเปนกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเก ี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ มาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยบัญญัติให กระทําได โดยอาศัยอํานาจตามบทบ ัญญัติแหงกฎหมาย รัฐมนตรีวาการกระทรวงอ ุตสาหกรรมออก ประกาศไว ดังตอไปนี้ ใหขยายระยะเวลาการต ิดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ เพิ่มเติมของโรงงานตามท ี่กําหนดในขอ ๑.๒ ของประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหหนา ๑๒ เลม ๑๒๓ ตอนที่ ๑๑๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ โรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือ เครื่องอุปกรณเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๗ และขอ ๑.๓ และขอ ๑.๔ ของประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและ เครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือหรือ เครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยขยาย ระยะเวลาการต ิดตั้งออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ สุริยะ จึงรุงเรืองกิจ รัฐมนตรีวาการกระทรวงอ ุตสาหกรรม " 1353.pdf,"หนา ๕๕ เลม ๑๒๖ ตอนพิเศษ ๑๕๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ ประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือ หรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสีย ตองติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้ง เครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งกําหนดใหโรงงานติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติม ใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาท ี่กําหนด รวมทั้งประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดให โรงงานที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือ เครื่องอุปกรณเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งขยายระยะเวลาให โรงงานติดตั้งเครื่องมือหรือ เครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติมใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาท ี่กําหนด นั้น ปรากฏวาผูประกอบกิจการโรงงานจ ํานวนมากที่เขาขายจะตองดําเนินการตามประกาศด ังกลาว ยังไมมีความพรอมในการดําเนินการใหแลวเสร็จตามระยะเวลาท ี่กําหนด เนื่องจากวิกฤติภาคการเงินโลก สงผลกระทบตอสภาพคลองกระแสเงินสดและวงเงินสินเชื่อของผูประกอบการอย างรุนแรง ทําใหมี ปญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ เพิ่มเติมที่จะดําเนินการติดตั้งดังกลาว ดังนั้น เพื่อเปนการบรรเทาภาระของผ ูประกอบกิจการโรงงาน สมควรขยายระยะเวลาการต ิดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ เพิ่มเติมออกไปอีก อาศัยอํานาจตามความในข อ ๑๕ ทวิ และขอ ๑๕ ทวิ (๑) วรรคสอง แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕ ) ออกตามความในพระราชบ ัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแกไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๓๙ ) ออกตามความในพระราชบ ัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ อันเปนกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเก ี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยบัญญัติ ใหกระทําได โดยอาศัยอํานาจตามบทบ ัญญัติแหงกฎหมาย รัฐมนตรีวาการกระทรวงอ ุตสาหกรรม ออกประกาศไว ดังตอไปนี้ หนา ๕๖ เลม ๑๒๖ ตอนพิเศษ ๑๕๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ ใหยกเลิกความในวรรค ๔ แหงประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงาน ที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๙ และใหใชความตอไปนี้แทน “ใหขยายระยะเวลาการต ิดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ เพิ่มเติมของโรงงานท ี่กําหนดในขอ ๑.๒ แหงประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงาน ที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๗ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ รวมถึงใหขยายระยะเวลา การติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณเพิ่มเติมของโรงงาน ที่กําหนดในขอ ๑.๓ และขอ ๑.๔ แหงประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงานที่ตอง มีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงอ ุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดใหโรงงาน ที่ตองมีระบบบําบัดน้ําเสียตองติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณพิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ” ทั้งนี้ ตั้งแตวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ชาญชัย ชัยรุงเรือง รัฐมนตรีวาการกระทรวงอ ุตสาหกรรม " 1356.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๓๘) พ.ศ. ๒๕๖๕ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง (ฉบับที่ ๒) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบ ของส่วนของกัญชาหรือกัญชง เพื่อปรับปรุงข้อก าหนดคุณภาพหรือมาตรฐานและการแสดงฉลากของ ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๒) (๔) (๙) และ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของ ส่วนของกัญชาหรือกัญชง ลงวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔ ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง ต้องมีคุณภาพ หรือมาตรฐาน ดังนี้ (๑) ตรวจพบสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล ไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๓๒ โดยน้ าหนัก และสาร แคนนาบิไดออล ไม่เกินร้อยละ 0.0028 โดยน้ าหนัก ส าหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่จ าหน่ายโดยตรง ต่อผู้บริโภค หรือผู้แบ่งบรรจุหรือผู้ปรุงหรือผู้จ าหน่ายอาหาร ดังนี้ (ก) ผลิตภัณฑ์ปรุงรสที่ได้จากการย่อยโปรตีนของถั่วเหลือง (ข) ซอสในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ค) น้ าปลาผสมชนิดเหลวและแห้ง (ง) น้ าเกลือปรุงอาหาร ทั้งนี้ เมื่อค านวณเป็นปริมาณที่แนะน าให้บริโภคต่อครั้ง ต้องไม่ท าให้มีสารเตตราไฮโดร แคนนาบินอล เกิน ๑.๖ มิลลิกรัมต่อ ๕๐ กรัม และสารแคนนาบิไดออล ไม่เกิน 1.41 มิลลิกรัม ต่อ ๕๐ กรัม (2) ตรวจพบสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล ไม่เกิน ๑.๖ มิลลิกรัมต่อหน่วยบรรจุ และสาร แคนนาบิไดออล ไม่เกิน 1.41 มิลลิกรัมต่อหน่วยบรรจุ ส าหรับผลิตภัณฑ์อาหารนอกเหนือจากที่ ก าหนดไว้ใน (๑) ที่จ าหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภคหรือผู้แบ่งบรรจุหรือผู้ปรุงหรือผู้จ าหน่ายอาหาร ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕(3) ตรวจพบสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล ไม่เกินร้อยละ ๐.๒ โดยน้ าหนัก ส าหรับ ผลิตภัณฑ์อาหารที่มิใช่จ าหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภคหรือผู้แบ่งบรรจุหรือผู้ปรุงหรือผู้จ าหน่ายอาหาร ทั้งนี้ เมื่อน าไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหารตาม (1) และ (2) ต้องมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล และสารแคนนาบิไดออล ไม่เกินที่ก าหนดไว้ แล้วแต่กรณี วิธีการตรวจวิเคราะห์สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอลให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจยืนยัน ที่ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือที่ใช้หลักการโครมาโตกราฟีแบบของเหลวสมรรถนะสูง (High Performance Liquid Chromatography, HPLC) หรือสูงกว่า (๔) สารพิษตกค้างให้ เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาหารที่มีสารพิษตกค้าง (๕) สารปนเปื้อนให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยมาตรฐานอาหาร ที่มีสารปนเปื้อน (๖) จุลินทรีย์ที่ท าให้เกิดโรคให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยก าหนด คุณภาพหรือมาตรฐาน หลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีการในการตรวจวิเคราะห์ของอาหารด้านจุลินทรีย์ ที่ท าให้เกิดโรค (๗) คุณภาพหรือมาตรฐานส าหรับอาหารชนิดนั้นให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (๖) และ (๗) ของข้อ ๙ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง ลงวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๖) ข้อความแสดงปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอลต่อหน่วยบรรจุ โดยแสดงข้อความ “มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๓๒ โดยน้ าหนัก” ส าหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของ ส่วนของกัญชาหรือกัญชงตามข้อ ๔ (๑) และแสดงข้อความ “มีสาร THC ไม่เกิน ๑.๖ มิลลิกรัม ต่อ........... (ความที่เว้นไว้ให้ระบุหน่วยบรรจุหรือภาชนะย่ อยสุดที่หุ้มห่อหรือบรรจุอาหารเพื่อจ าหน่าย เช่น ขวด กระป๋อง แผง ซอง) ” ส าหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง ตามข้อ ๔ (2) และข้อความ “มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ ๐.๒ โดยน้ าหนัก” ส าหรับผลิตภัณฑ์ อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชงตามข้อ ๔ (3) (๗) ข้อจ ากัดหรือข้อแนะน าส าหรับการบริโภค (ก) ข้อความ “ไม่ควรบริโภคเกินปริมาณที่แนะน าให้บริโภคต่อครั้ง ” และ “ไม่ควรใช้ ร่วมกับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีกัญชาหรือกัญชงเป็นส่วนประกอบ ” ส าหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มี ส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชงตามข้อ ๔ (๑) (ข) ข้อความแสดงปริมาณที่แนะน าให้บริโภคต่อครั้ง ส าหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มี ส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชงตามข้อ ๔ (๑) ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ (ค) ข้อความแสดงวิธีการใช้ ที่เข้าใจได้ง่ายและปฏิบัติได้ถูก ต้อง ส าหรับผลิตภัณฑ์ อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชงตามข้อ ๔ (๓) (ง) ข้อความ “ไม่ควรบริโภคเกินวันละ ๒ ............ (ความที่เว้นไว้ให้ระบุหน่วยบรรจุ หรือภาชนะย่อยสุดที่หุ้มห่อหรือบรรจุอาหารเพื่อจ าหน่าย เช่น ขวด กระป๋อง แผง ซอง)” ส าหรับ ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชงตามข้อ ๔ (๒) กรณีที่ผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวไม่มีการเติมสารอาหาร สารสกัด หรือสารอื่น ที่ต้องจ ากัดปริมาณการบริโภคต่อวัน ตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ (จ) ข้อความ “ไม่ควรบริโภคเกินวันละ ............ (ความที่เว้นไว้ให้ระบุปริมาณที่แนะน า ให้รับประทาน และระบุหน่วยบรรจุ เช่น เม็ด ช้อนชา หรือภาชนะย่อยสุดที่หุ้มห่อหรือบรรจุอาหาร เพื่อจ าหน่าย เช่น ขวด กระป๋อง แผง ซอง)” ส าหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของ กัญชาหรือกัญชง ตามข้อ ๔ (๒) กรณีที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการเติมสารอาหาร สารสกัด หรือสารอื่น ที่จ ากัดปริมาณการบริโภคต่อวันตามหลักเกณฑ์มาตรฐานเกี่ยวกับเติมสารอาหาร สารสกัด หรือสารอื่น ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ทั้งนี้ หากค านวณแล้วมีปริมาณมากกว่า ๒ หน่วยบรรจุให้ปฏิบัติตาม (ง) (ฉ) ข้อความ “ห้ามจ าหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค ” ส าหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มี ส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชงตามข้อ ๔ (๓)” ข้อ 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๑/๑ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มี ส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง ลงวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ “ข้อ ๑๑/๑ ประกาศนี้ไม่ใช้บังคับกับอาหารตามข้อ 3 (4) และ (5) ที่ผลิตเพื่อการส่งออก เท่านั้น” ข้อ 4 ให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง ซึ่งได้รับอนุญาต อยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามประกาศนี้ภายในสองปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ ใช้บังคับ ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบ กษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖5 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๓๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕" 1357.pdf,"ประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง ก าหนดแบบและเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบในการยื่นค าขอและการแจ้ง ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตท างาน การออกใบอนุญาตท างาน และการแจ้งการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ๒) ตามที่ได้ออกประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง ก าหนดแบบและเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องใช้ ประกอบในการยื่นค าขอและการแจ้ง ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตท างาน การออกใบอนุญาตท างาน และการแจ้งการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เนื่องจาก คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เห็นชอบตามที่ส านักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เสนอเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการถ่ายท า ภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยของส านักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) และ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเป็นการฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของประเทศไทยให้สามารถกลับมาขยายตัวได้อย่างต่ อเนื่องภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เริ่มผ่อนคลายลง นั้น อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๔ วรรคสอง ข้อ ๙ ข้อ ๑๒ ข้อ ๑๔ วรรคสอง ข้อ ๑๕ วรรคสาม ข้อ ๑๖ วรรคสาม ข้อ ๑๘ วรรคหนึ่งและวรรคสาม และข้อ ๒๐ ของกฎกระทรวง การขออนุญาตท างาน การออกใบอนุญาตท างาน และการแจ้งการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓ อธิบดีกรมการจัดหางานจึงให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๒ ของประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง ก าหนดแบบและเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบในการยื่นค าขอและการแจ้ง ตามกฎกระทรวง การขออนุญาตท างาน การออกใบอนุญาตท างาน และการแจ้งการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) ค าขออนุญาตท างานและต่ออายุใบอนุญาตท างานของคนต่างด้าวตามมาตรา ๕๙ ให้เป็นไปตามแบบ บต. ๒๕ ให้คนต่างด้าวที่ได้ รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วย คนเข้าเมือง เพื่อท างานเกี่ยวกับการถ่ายท าภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักรซึ่งได้รับอนุญาตจาก คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ โดยกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีหนังสือแจ้งการอนุญาตดังกล่าวต่อกรมการจัดหางาน ได้รับยกเว้น ไม่ต้องยื่นใบรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรมที่รับรองว่า ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕คนต่างด้าวไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบและไม่เป็นโรคตามที่ก าห นดไว้ใน กฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา ๖๔/๑ ที่ระบุไว้ในข้อ ๔.๖ ของแบบตามวรรคหนึ่ง ” ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕65 ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕" 1358.pdf,"ประกาศส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง แนวทางการจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยที่เป็นการสมควร ก าหนดแนวทางการจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมและผู้ที่เกี่ยวข้องมีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๑๑ แห่งประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ซึ่งต้องจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ซึ่งต้องจัดท ารายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๕ และข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งต้องจัดท า รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดท ารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดโครงการ กิจการ หรือการด าเนิน การ ที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งต้องจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๕ ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แบ่งออกเป็นสามประเภท ดังต่อไปนี้ (๑) รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นส าหรับโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ของหน่วยงานของรัฐ หรือที่รัฐจะอนุญาตตามที่รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศก าหนดตามมาตรา ๔๘ และโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ในเขตพื้นที่ให้ใช้มาตรการ คุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามประกาศของรัฐมนตรีซึ่งออกตามมาตรา ๔๕ (๒) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมส าหรับโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ของหน่วยงานของรัฐ หรือที่รัฐจะอนุญาตตามที่รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศก าหนดตามมาตรา ๔๘ และโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ในเขตพื้นที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามประกาศของรัฐมนตรีซึ่งออกตามมาตรา ๔๕ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (๓) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมส าหรับโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียส าคัญอื่นใด ของประชาชน หรือชุมชน หรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ตามที่รัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศก าหนดตามมาตรา ๔๘ ๒. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามข้อ ๑ (๑) ให้จัดท าหรือให้การรับรอง โดยผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา โดยต้องมีลายมือชื่อตนเอง ทั้งนี้ ไม่สามารถจัดท าหรือให้การรับรองโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ของหน่วยงานของรัฐได้ (๒) ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ประเภทสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันวิจัย โดยต้องมีลายมือชื่อผู้ จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอย่างน้อยหนึ่งคน พร้อมประทับตรา ของนิติบุคคล และต้องมีลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอย่างน้อยสี่คน (๓) ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท าร ายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ประเภทหน่วยงานของรัฐให้จัดท าหรือให้การรับรองได้เฉพาะรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ภายใต้ภารกิจของตนเองเท่านั้น โดยต้องมีลายมือชื่อผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม บุคคลธรรมดา ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ใน นิติบุคคลนั้นอย่างน้อยหนึ่งคน พร้อมประทับตราของนิติบุคคล และต้องมีลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอย่างน้อยสี่คน (๔) ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ประเภทบริษัทมหาชนจ ากัดหรือบริษัทจ ากัด โดยต้องมีลายมือชื่อผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นกรรมการบริหารของบริษัทมหาชน หรือเป็นกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการของบริษัทจ ากัด หรือต าแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อย่างน้อยหนึ่งคน และผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา (ถ้ามี) พร้อมประทับตราของนิติบุคคล และต้องมีลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้น อย่างน้อยสี่คน ๓. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามข้อ ๑ (๒) ให้จัดท าหรือให้การรับรองโดย ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ประเภทสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันวิจัย โดยต้องมีลายมือชื่อผู้จัดท ารายงานการป ระเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอย่างน้อยหนึ่งคน พร้อมประทับตรา ของนิติบุคคล และต้องมีลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอย่างน้อยสี่คน ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (๒) ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ประเภทหน่วยงานของรัฐให้จัดท าหรือให้การรับรองได้เฉพาะรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายใต้ภารกิจของตนเองเท่านั้น โดยต้องมีลายมือชื่อผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม บุคคลธรรมดา ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอ ย่างน้อยหนึ่งคน พร้อมประทับตราของนิติบุคคล และต้องมีลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอย่างน้อยสี่คน (๓) ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ประเภทบริษัทมหาชนจ ากัดหรือบริษัทจ ากัด โดยต้องมีลายมือชื่อผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นกรรมการบริหารของบริษัทมหาชน หรือเป็นกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการของบริษัทจ ากัด หรือต าแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อย่างน้อยหนึ่งคน และผู้ได้รับ ใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา (ถ้ามี) พร้อมประทับตรา ของนิติบุคคล และต้องมีลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอย่างน้อยสี่คน ๔. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามข้อ ๑ (๓) ให้จัดท าหรือให้การรับรอง โดยผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ประเภทสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันวิจัย โดยต้องมีลายมือชื่อผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอย่างน้อยหนึ่งคน พร้อมประทับตรา ของนิติบุคคล และต้องมีลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้นอย่างน้อยสี่คน ทั้งนี้ ไม่สามารถจัดท าหรือให้การรับรองโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการที่ เป็นของตนเองได้ (๒) ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ประเภทบริษัทมหาชนจ ากัดหรือบริษัทจ ากัด โดยต้องมีลายมือชื่อผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นกรรมการบริหารของบริษัทมหาชน หรือเป็นกรรม การผู้จัดการ หรือผู้จัดการของบริษัทจ ากัด หรือต าแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อย่างน้อยหนึ่งคน และผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา (ถ้ามี) พร้อมประทับตราของนิติบุคคล และต้องมีลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ซึ่ง ปฏิบัติงานประจ าอยู่ในนิติบุคคลนั้น อย่างน้อยสี่คน ๕. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖5 พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕" 136.pdf,"ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครองทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่มาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๖ และมาตรา ๖๐/๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ ก าหนดให้การด าเนินการทั้งปวงเกี่ยวกับการฟ้อง การร้องสอด การเรียกบุคคล หน่วยงานทาง ปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเป็นคู่กรณีในคดี การด าเนิน กระบวนพิจารณา การรับฟังพยานหลักฐาน และการพิพากษาคดีปกครอง รวมทั้งการยื่นค าฟ้อง โดยส่งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ สื่อดิจิทัลอื่นใด หรือโทรสาร และการด าเนินกระบวนพิจารณา โดยวิธีการทางอิเล็กทรอ นิกส์หรือระบบการประชุมทางจอภาพ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่ก าหนดโดยระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๖ และมาตรา ๖๐/๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครองทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ ถ้าข้อความมิได้แสดงให้เห็ นเป็นอย่างอื่น “กระบวนพิจารณาคดีปกครองโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า กระบวนพิจารณา ที่ใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และให้หมายความรวมถึงระบบ การประชุมทางจอภาพ “ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า ระบบงานที่ศ าลปกครองจัดให้มีขึ้น เพื่อการด าเนินกระบวนพิจารณาคดีปกครองโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การฟ้องคดี การยื่น ส่ง และรับ ค าให้การ ค าคัดค้านค าให้การ ค าให้การเพิ่มเติม ค าชี้แจง ค าแถลง ค าร้อง ค าขอ หรือพยานหลักฐาน รวมถึงค าสั่งศาล หมายเรียก หรื อเอกสารอื่นใด ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือ ประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น วิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อดิจิทัลอื่นใ ด ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ มีนาคม ๒๕๖๒“ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่นใด ที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งน ามาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแสดง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร ะบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับ ข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น “สิ่งพิมพ์ออก” หมายความว่า สิ่งพิมพ์ออกของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการน าเสนอหรือ เก็บรักษาไว้ในระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๔ วิธีพิจารณาคดีปกครองที่ระเบียบนี้มิได้ก าหนดไว้โดยเฉพาะ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง และระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๕ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอ านาจวินิจฉัยชี้ขาด ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ กับให้มีอ านาจออกประกาศหรือค าสั่งเพื่อประโยชน์ใน การปฏิบัติตามระเบียบนี้ ส่วนที่ ๑ บททั่วไป ข้อ ๖ ผู้ประสงค์จะฟ้องคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ตามส่วนที่ ๒ หรือด าเนินการโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ตามส่วนที่ ๓ จะต้องลงทะเบียนในระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ตามขั้นตอน และวิธีการที่ก าหนด การลงทะเบียนในระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ให้ระบุข้อมูลตามที่ก าหนดใ นระบบงาน คดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ และให้ถือว่าผู้ลงทะเบียนได้รับรองความถูกต้องของข้อมูลที่ให้ไว้ใน การลงทะเบียนนั้น การลงทะเบียนเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ เมื่อผู้ลงทะเบียนได้น าชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่ระบบงาน คดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ได้แจ้งไปยังที่อยู่ไปรษณีย์อิ เล็กทรอนิกส์ เข้ายืนยันการลงทะเบียน ข้อ ๗ ชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านส าหรับระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ลงทะเบียน จะต้องเก็บรักษาไว้เป็นความลับ การน าชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านเข้าใช้งานในระบบงานคดีปกครอง อิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้ระ บบ ข้อ ๘ ผู้ลงทะเบียนต้องยอมรับและปฏิบัติตามข้อก าหนดการใช้งานระบบงานคดีปกครอง อิเล็กทรอนิกส์ตามที่ส านักงานศาลปกครองประกาศก าหนด ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ มีนาคม ๒๕๖๒ผู้ลงทะเบียนที่ไม่ได้ปฏิบัติหรือฝ่าฝืนข้อก าหนดการใช้งาน ศาลอาจมีค าสั่งให้ระงับการใช้งาน ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ของผู้นั้น ได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีความจ าเป็นเร่งด่วนซึ่งอาจเป็นอันตราย ต่อระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าหน้าที่สามารถด าเนินการระงับการใช้งานของผู้นั้นไปก่อนได้ แล้วรายงานศาลเพื่อมีค าสั่งต่อไป ข้อ ๙ ค าฟ้อง ค าให้การ ค าคัดค้านค าให้การ ค าให้การเพิ่มเติม ค าชี้ แจง ค าแถลง ค าร้อง ค าขอ พยานหลักฐาน หรือเอกสารอื่นใดที่กฎหมายก าหนดให้ผู้ยื่นจะต้องลงลายมือชื่อ หรือรับรองข้อความในเอกสารดังกล่าว เมื่อผู้ยื่นได้ยื่นหรือส่งเอกสารดังกล่าวทางระบบงานคดีปกครอง อิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าผู้ยื่นได้ลงลายมือชื่อหรือรับรองข้อความในเอกสารนั้นแล้ว ข้อ ๑๐ ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้การใดต้องท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ มีเอกสารมาแสดง หรือแสดงพยานหลักฐานที่เป็นหนังสือ ถ้าได้มีการจัดท าข้อความขึ้นเป็นข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงและน ากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ให้ถือว่าข้อความนั้น ได้ท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ มีเอกสารมาแสดง หรือแสดงพยานหลักฐา นที่เป็นหนังสือแล้ว ข้อ ๑๑ ส านวนคดี เอกสารของคู่กรณี พยานหลักฐาน รายงานกระบวนพิจารณา ค าพิพากษา ค าสั่ง หรือเอกสารอื่นใดที่รวมไว้ในส านวนคดี ไม่ว่าจะเป็นเอกสารต้นฉบับหรือส าเนาคู่ฉบับ ถ้าศาลเห็นสมควร จะมีค าสั่งให้เก็บรักษาหรือน าเสนอในรูปข้อมูลอิเล็ กทรอนิกส์ก็ได้ และให้ถือว่า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวที่รับรองโดยวิธีการที่ก าหนดในประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นส าเนาเอกสารและให้ใช้แทนต้นฉบับได้ ข้อ ๑๒ รูปแบบหรือขนาดของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการยื่นหรือส่งเอกสาร ทางระบบงานคดีปกครองอิเล็กทร อนิกส์ ให้เป็นไปตามที่ส านักงานศาลปกครองประกาศก าหนด ข้อ ๑๓ รายงานกระบวนพิจารณาที่กระท าในกระบวนพิจารณาคดีปกครองโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ หากเป็นกรณีที่ได้กระท าต่อหน้าคู่กรณีหรือพยาน ให้ถือว่าคู่กรณีหรือพยานนั้น ได้ทราบและลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจ ารณานั้นแล้ว เมื่อศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณา ให้คู่กรณีหรือพยานได้รับฟัง ความในวรรคหนึ่งให้ใช้กับบันทึกถ้อยค าของคู่กรณีหรือพยานด้วย ข้อ ๑๔ การลงลายมือชื่อของตุลาการศาลปกครองในค าพิพากษา ค าสั่งศาล หมายเรียก หรือเอกสารอื่นใดที่กระท าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอ นิกส์ ให้ใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และให้ถือว่า เป็นต้นฉบับเอกสาร ข้อ ๑๕ การเริ่มเปิดใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ในศาลปกครองสูงสุด หรือศาลปกครองชั้นต้นใด ให้เป็นไปตามประกาศประธานศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แล้วแต่กรณี ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ มีนาคม ๒๕๖๒ส่วนที่ ๒ การฟ้องคดีทางอิเล็กทรอนิกส์หรือโทรสาร ข้อ ๑๖ การยื่นค าฟ้องโดยส่งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อดิจิทัลอื่นใด ให้ผู้ที่ประสงค์ ยื่นค าฟ้องซึ่งได้ลงทะเบียนในระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ระบุข้อมูลเกี่ยวกับค าฟ้อง ตามวิธีการที่ก าหนดในระบบงานคดีปกคร องอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๗ การยื่นค าฟ้องโดยส่งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อดิจิทัลอื่นใด ให้ถือว่าวันที่ ข้อมูลเข้าสู่ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์เสร็จสมบูรณ์ เป็นวันที่ส่งค าฟ้องต่อศาลปกครอง ข้อ ๑๘ ค าฟ้องอาจยื่นได้ในเวลาท าการหรือนอกเวลาท าการปกติของ ศาลปกครอง และในเวลาที่ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์เปิดใช้งาน ทั้งนี้ การยื่นค าฟ้องนอกเวลาท าการปกติ ให้ถือว่าเป็นการยื่นในวันท าการแรกที่ศาลเปิดท าการปกติถัดไป โดยให้ถือตามเวลาของระบบงานคดีปกครอง อิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๙ การยื่นค าฟ้องต่อศาลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าผู้ฟ้องคดีมีความประสงค์ ที่ให้มีการด าเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ในเวลาต่อไปด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่ผู้ฟ้องคดี ได้ยื่นค าร้องต่อศาลพร้อมแสดงเหตุผลความจ าเป็นที่ไม่อาจด าเนินกระบวนพิจารณาต่อไปด้ วยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ และศาลอนุญาต ข้อ ๒๐ การยื่นค าฟ้องโดยส่งทางโทรสาร ให้ผู้ยื่นค าฟ้องส่งไปยังหมายเลขโทรสารของศาล ตามที่ส านักงานศาลแต่ละแห่งประกาศก าหนด และจัดส่งต้นฉบับค าฟ้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาล ในโอกาสแรกที่จะกระท าได้ ทั้งนี้ ให้ถือว่าวันที่ปรากฏในหลักฐานการรับโทรสารของส านักงานศาล เป็นวันที่ส่งค าฟ้องต่อศาลปกครอง เว้นแต่จะมีการพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการได้รับหรือได้รับก่อนหรือหลังจากนั้น ต้นฉบับค าฟ้องและพยานหลักฐานที่ส่งพร้อมกับค าฟ้อง ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ผู้ยื่น ต้องมีการลงลายมือชื่อหรือรับรองข้อความในเอกสารดังกล่าว ผู้ยื่นต้องลงลายมือชื่ อหรือรับรองข้อความ ในเอกสารดังกล่าวด้วย ส่วนที่ ๓ การยื่น ส่ง และรับ ค าให้การ ค าคัดค้านค าให้การ ค าให้การเพิ่มเติม ค าชี้แจง ค าแถลง ค าร้อง ค าขอ พยานหลักฐาน ค าสั่งศาล หมายเรียก หรือเอกสารอื่นใด โดยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือโดยโทรสาร ข้อ ๒๑ คู่กรณี หน่วยงานทางปกครอง เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่ศาลมีค าสั่งให้ชี้แจง ข้อเท็จจริง ให้ความเห็นเป็นหนังสือ หรือให้ถ้อยค าประกอบการพิจารณา อาจยื่นค าให้การ ค าคัดค้าน ค าให้การ ค าให้การเพิ่มเติม ค าชี้แจง ค าแถลง ค าร้อง ค าขอ พยานหลักฐาน หรือเอกสา รอื่นใด ต่อศาลโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ มีนาคม ๒๕๖๒การยื่นเอกสารตามวรรคหนึ่ง ต้องกระท าในระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ และให้น าหลักเกณฑ์ และวิธีการในการฟ้องคดีทางอิเล็กทรอนิกส์มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๒๒ ในการยื่นค าให้การ ค าคัดค้านค าให้การ ค าให้การเพิ่มเติม ค าชี้แจง ค าแถลง ค าร้อง ค าขอ พยานหลักฐาน หรือเอกสารอื่นใดโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าวันที่มี การน าเข้าซึ่งข้อมูลมาถึงระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์เสร็จสมบูรณ์ เป็นวันที่ยื่นเอกสาร ต่อศาลปกครอง ข้อ ๒๓ ผู้ยื่นอาจยื่นเอกสารในเวลาท าการหรือนอกเวลาท าการปกติของศาลปกครอง และในเวลาที่ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์เปิดใช้งาน ทั้งนี้ การยื่นเอกสารนอกเวลาท าการปกติ ให้ถือว่าเป็นการยื่นในวันท าการแรกที่ศาลเปิดท าการปกติถัดไป โดยให้ถือตามเวลา ของระบบงาน คดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๒๔ การส่งหรือแจ้งค าให้การ ค าคัดค้านค าให้การ ค าให้การเพิ่มเติม ค าชี้แจง ค าแถลง ค าร้อง ค าขอ หรือพยานหลักฐาน รวมถึงค าสั่งศาล หมายเรียก หรือเอกสารอื่นใดแก่คู่กรณี หรือบุคคลที่ลงทะเบียนไว้แล้ว ให้ส่งหรือแจ้งทางร ะบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ และให้ถือว่าผู้รับ ได้รับแจ้งเมื่อมีการแจ้งสถานะการส่งหรือแจ้งดังกล่าวเข้าสู่ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ไปยัง ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ไว้ในการลงทะเบียน ข้อ ๒๕ การยื่นค าให้การ ค าคัดค้านค าให้การ ค าให้การเพิ่มเติ ม ค าชี้แจง ค าแถลง ค าร้อง ค าขอ พยานหลักฐาน หรือเอกสารอื่นใดโดยส่งทางโทรสาร ให้ผู้ยื่นส่งไปยังหมายเลขโทรสาร ของศาลตามที่ส านักงานศาลแต่ละแห่งประกาศก าหนด และให้จัดส่งต้นฉบับเอกสารต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ของศาลในโอกาสแรกที่จะกระท าได้ ทั้งนี้ ให้ถือว่าวั นที่ปรากฏในหลักฐานการรับโทรสารของ ส านักงานศาล เป็นวันที่ยื่นเอกสารต่อศาลปกครอง เว้นแต่จะมีการพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการได้รับหรือได้รับ ก่อนหรือหลังจากนั้น ต้นฉบับเอกสารตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ผู้ยื่นต้องมีการลงลายมือชื่อหรือ รับรองข้อความในเอกสารดั งกล่าว ผู้ยื่นต้องลงลายมือชื่อหรือรับรองข้อความในเอกสารดังกล่าวด้วย ข้อ ๒๖ กรณีที่ศาลมีค าสั่งให้ส่งหรือแจ้งค าให้การ ค าคัดค้านค าให้การ ค าให้การเพิ่มเติม ค าชี้แจง ค าแถลง ค าร้อง ค าขอ หรือพยานหลักฐาน รวมถึงค าสั่งศาล หมายเรียก หรือเอกสารอื่นใด แก่คู่กรณี ให้ส่งไปยังหมายเลขโทรสารที่คู่กรณีได้ให้ไว้ ในกรณีนี้ให้ถือว่าวันที่ปรากฏในหลักฐาน การส่งโทรสารของส านักงานศาล เป็นวันที่คู่กรณีได้รับเอกสาร ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ มีนาคม ๒๕๖๒ส่วนที่ ๔ การพิจารณาคดีโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบการประชุมทางจอภาพ ข้อ ๒๗ เมื่อศาลเห็นสมควร หรือเมื่อคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีค าขอและศาลเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ แก่ความยุติธรรมหรือเพื่ออ านวยความสะดวกแก่คู่กรณี ศาลอาจมีค าสั่งให้ด าเนินกระบวนพิจารณา โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบการประชุมทางจอภาพ ในกรณีที่คู่กรณีมีค าขอ ให้ยื่น ค าขอต่อศาลที่จะท าการพิจารณาคดีนั้น โดยระบุสถานที่ ที่ใช้เชื่อมโยงสัญญาณกับศาลและวิธีการที่จะใช้ ทั้งนี้ ให้ยื่นค าขอล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนที่จะมี การพิจารณาคดีเช่นว่านั้น เว้นแต่จะได้แสดงเหตุผลให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่ามีเหตุจ าเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจ ยื่นค าขอล่วงหน้าตามก าหนดดังกล่าวได้ ในกรณีที่เป็นคู่กรณีซึ่งได้ลงทะเบียนในระบบงานคดีปกครอง อิเล็กทรอนิกส์แล้ว การยื่นค าขอให้ยื่นในระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ สถานที่ที่ใช้เชื่อมโยงสัญญาณกับศาลและวิธีการที่จะใช้ตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามประกาศ ของส านักงานศา ลปกครอง ในการพิจารณามีค าสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลค านึงถึงมาตรฐานของวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบการประชุมทางจอภาพในการถ่ายทอดภาพและเสียงได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่องประกอบด้วย บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๘ ในวาระเริ่มแรก ในกรณีที่คู่กรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดประสงค์ที่จะด าเนินกระบวนพิจารณา โดยระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ แต่คู่กรณีอื่นไม่ได้ใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ บรรดาส าเนาเอกสารหรือส าเนาพยานหลักฐานที่ต้องส่งให้แก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งในรูปกระดาษหรือข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ ให้ส านักงานศาลปกครองเป็นผู้จัดท าสิ่งพิมพ์ออกของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นเอกสาร ในรูปกระดาษ หรือแปลงเอกสารในรูปกระดาษเป็นรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการจัดท าสิ่งพิมพ์ออกหรือแปลงเอกสารดังกล่าวให้เป็นไปตามประกาศของส านักงาน ศาลปกครอง ข้อ ๒๙ ในวาระเริ่มแรก การลงลายมือชื่อของตุลาการศาลปกครองในค าพิพากษา ค าสั่ง ศาล หมายเรียก หรือเอกสารอื่นใดที่กระท าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือลงลายมือชื่อในเอกสารรูปกระดาษแล้วน าเข้าในระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอ นิกส์ และให้ถือว่า เป็นต้นฉบับเอกสาร ประกาศ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖2 ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ มีนาคม ๒๕๖๒" 1360.pdf,"ระเบียบกรมการค้าภายใน ว่าด้วยการจัดการกับเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้าที่หีบห่อถูกท าลาย ที่ตกหรือจะตกเป็นของกรมการค้าภายใน พ.ศ. 2565 ตามที่กรมการค้าภายใน ได้ออกระเบียบกรมการค้าภายใน ว่าด้วยการจัดการกับเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้าที่หีบห่อถูกท าลายที่ตกหรือจะตกเป็นของกรมการค้าภายใน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกรมการค้าภายในว่าด้วย การจัดการกับเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้าที่หีบห่อถูกท าลายที่ตกหรือจะตกเป็นของกรมการค้า ภายใน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559 และระเบียบกรมการค้าภายใน ว่าด้วยการจัดการกับเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้าที่หีบ ห่อถูกท าลายที่ตกหรือจะตกเป็นของ กรมการค้าภายใน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เพื่อจัดการกับ เครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้าที่หีบห่อถูกท าลาย ซึ่งได้ยึด อายัด หรือไม่ปรากฏเจ้าของหรือ ผู้ครอบครอง ที่ตกหรือจะตกเป็นของกรมการค้าภายใน ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีระบบ ไปแล้ว นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับการก าหนดหน่วยงานภายในและหน้าที่ความรับผิดชอบของกรมการค้าภายใน ในปัจจุบัน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 6 (5) มาตรา 53 วรรคสอง มาตรา 54 วรรคสอง มาตรา 55 มาตรา 56 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 และมาตรา 57 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ มาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2557 อธิบดีกรมการค้าภายใน จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการค้าภายใน ว่าด้วยการจัดการกับเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้าที่หีบห่อถูกท าลายที่ตกหรือจะตกเป็นของกรมการค้าภายใน พ.ศ. 2565” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิก (1) ระเบียบกรมการค้าภายใน ว่าด้วยการจัดการกับเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและ สินค้าที่หีบห่อถูกท าลายที่ตกหรือจะตกเป็นของกรมการค้าภายใน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 (2) ระเบียบกรมการค้าภายในว่าด้วยการจัดการกับเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้า ที่หีบห่อถูกท าลายที่ตกหรือจะตกเป็นของกรมการค้าภายใน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559 ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๕(3) ระเบียบกรมการค้าภายในว่าด้วยก ารจัดการกับเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้า ที่หีบห่อถูกท าลายที่ตกหรือจะตกเป็นของกรมการค้าภายใน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ข้อ 4 ให้มีคณะกรรมการดูแลรักษาเครื่องชั่งตวงวัดและสินค้าหีบห่อ ดังต่อไปนี้ (1) ในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ประกอบด้วย ผู้อ านวยการกองชั่งตวงวัด เป็นประธานกรรมการ ผู้อ านวยการกลุ่มเครื่องตวงเครื่องวัด ผู้อ านวยการ กลุ่มสินค้าหีบห่อ ผู้อ านวยการกลุ่มการประกอบธุรกิจด้านชั่งตวงวัด ผู้แทนกองกฎหมาย และผู้แทน ส านักงานเลขานุการกรม เป็นกรรมการ และผู้อ านวยการกลุ่มเครื่องชั่งขนาดเล็ก เป็นกรรมการ และเลขานุการ (2) ในเขตจังหวัดอื่นนอกจาก (1) (2.1) ศูนย์ชั่งตวงวัด ประกอบด้วย ผู้อ านวยการศูนย์ชั่งตวงวัด เป็นประธานกรรมการ นายตรวจชั่งตวงวัดประจ าศูนย์ชั่งตวงวัด ต าแหน่งประเภทวิชาการ ระดับช านาญการ ผู้แทนส านักงาน พาณิชย์จังหวัดในจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของศูนย์ชั่งตวงวัดซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ต าแหน่งประเภท วิชาการ ระดับปฏิบัติการขึ้นไป เป็นกรรมการ และนายตรวจชั่งตวงวัดประจ าศูนย์ชั่งตวงวัด เป็นกรรมการและเลข านุการ (2.2) ส านักงานสาขาชั่งตวงวัด ประกอบด้วย หัวหน้าส านักงานสาขาชั่งตวงวัด เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนส านักงานพาณิชย์จังหวัดในจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของส านักงานสาขาชั่งตวงวัด ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ต าแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการขึ้นไป เป็นกรรมการ และนายตรวจชั่งตวงวัดประจ าส านักงานชั่งตวงวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ ข้อ 5 ให้คณะกรรมการตามข้อ 4 มีอ านาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) ดูแลรักษาและจัดการเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้าที่หีบห่อถูกท าลาย ที่นายตรวจชั่งตวงวัดได้ยึด อายัดหรือไม่ปรากฏเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ตกหรือจะตกเป็นของ กรมการค้าภายใน ตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (2) จัดท าบัญชีหรือทะเบียนเพื่อควบคุมเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อและสินค้าที่หีบห่อ ถูกท าลาย ซึ่งได้ยึด อายัดไว้หรือไม่ปรากฏเจ้าของหรือผู้ครอบครอง รวมทั้งจัดท าบัญชีควบคุมเงิน ที่ได้จากการขายสินค้าหีบห่อตามข้อ 8 และเก็บรักษาให้เป็นระเบียบเรียบร้อยปลอดภัยและ ให้ครบถ้วนถูกต้องตามบัญชีหรือทะเบียน รวมทั้งตรวจสอบรายงานและจัดท าบัญชีหรือทะเบียนทุกครั้ง ที่มีการรับ การจ าหน่ายหรือท าลาย (3) พิจารณาเสนอความเห็นต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย เพื่ออนุมัติให้จัดการจ าหน่าย หรือท าลายเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อหรือสินค้าที่หีบห่อถูกท าลายให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ข้อ 6 ให้จ าหน่ายหรือท าลายเครื่องชั่งตวงวัด สินค้าหีบห่อหรือ สินค้าที่หีบห่อถูกท าลาย ที่ตกเป็นของกรมการค้าภายใน โดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๕(1) ขาย ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ และประกาศ ระเบียบ ค าสั่ง มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียน ที่เกี่ยวข้อง (2) โอนให้แก่สถานศึกษาของทางราชการ องค์กรสาธารณกุศล หรือส่วนราชการ โดยให้มี หลักฐานการส่งมอบไว้ต่อกันด้วย (3) ท าลายให้สิ้นสภาพ หรือท าการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้เครื่องชั่งตวงวัดนั้นใช้ได้ต่อไป แล้วด าเนินการขายเครื่องชั่งตวงวัดที่สิ้นสภาพนั้นตาม (1) หรือขายโดยวิธีการอื่นตามที่เห็นสมควรหรือ จ าหน่ายเป็นสูญตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ และประกาศ ระเบียบ ค าสั่ง มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียน ที่เกี่ยวข้อง (4) ท าลายให้สิ้นสภาพ ส าหรับสินค้าหีบห่อหรือสินค้าที่หีบห่อถูกท าลาย แล้วขายสินค้า ที่สิ้นสภาพแล้วตาม (1) หรือขายโดยวิธีการอื่นตามที่เห็นสมควร หรือจ าหน่ายเป็นสูญตามกฎหมาย ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ และประกาศ ระเบียบ ค าสั่ง มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียน ที่เกี่ยวข้อง ข้อ 7 ในกรณีที่เครื่องชั่งตวงวัดที่ยึด หรือไม่ปรากฏเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่สามารถ แก้ไขให้ถูกต้องได้หรือมีสภาพไม่สมควรจะใช้เป็นเครื่องชั่งตวงวัดต่อไป ให้ด าเนินการตามข้อ 6 (3) ข้อ 8 กรณีสินค้าหีบห่อที่ยึดไว้อยู่ระหว่างการรอผู้มาแสดงตนเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอ ง ตามระยะเวลาที่กฎหมายก าหนดไว้ ก่อนจะตกเป็นของกรมการค้าภายใน ถ้าสินค้าหีบห่อนั้นเป็น ของเสียง่ายหรือถ้าเก็บรักษาไว้จะเป็นการเสี่ยงต่อความเสียหายหรือจะเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา เกินสมควร ให้ขายทอดตลาด ขายตามข้อ 6 (1) หรือขายโดยวิธีการอื่นตามที่เห็น สมควร การขายสินค้าหีบห่อตามวรรคหนึ่ง ได้เงินจ านวนสุทธิเท่าใดให้ยึดไว้แทนสินค้าจนกว่าจะถึง ระยะเวลาที่กฎหมายก าหนดให้ตกเป็นของกรมการค้าภายใน เงินที่ยึดไว้แทนสินค้าตามวรรคสอง ให้น าฝากที่บัญชีเงินฝากที่เปิดไว้กับกระทรวงการคลัง หรือคลังจังหวัด กรณีที่เป็นศูนย์ชั่งตวงวัดหรือส านักงานสาขาชั่งตวงวัด ให้น าเงินตามวรรคสองและดอกผลที่เกิดจากเงินฝากดังกล่าวน าส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เมื่อครบระยะเวลาที่กฎหมายก าหนดให้ตกเป็นของกรมการค้าภายใน ข้อ 9 เงินที่ได้จากการด าเนินงานตามข้อ 6 ให้น าส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ข้อ 10 วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงิน การเบิกเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงิน หรือวิธีปฏิบัติอื่นใดที่ไม่ได้ก าหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการนั้น ข้อ 11 ให้อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5 วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๕" 1362.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ให้แก่ผู้ประกันตน ที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 ( COVID-19)) (ฉบับที่ 2) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินช่วยเหลือ เบื้องต้นในกรณีที่ผู้ประกันตน ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ( Coronavirus Disease 2019 ( COVID-19)) เพื่อให้ผู้ประกันตนทุกคนได้รับเงิน ช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ( Coronavirus Disease 2019 ( COVID-19)) ตามประกาศคณะกรรมการ การแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่ อง หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ให้แก่ผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 ( Coronavirus Disease 2019 ( COVID-19)) ลงวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะก รรมการการแพทย์ ในการประชุมครั้งที่ 12/2565 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ๒๕๖5 โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม (ชุดที่ ๑๓) ในการประชุมครั้งที่ 14/2565 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ๒๕๖5 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญ ญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการ การแพทย์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕65 เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันตนที่ได้รับ ความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ( Coronavirus Disease 2019 ( COVID-19)) ลงวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔ เงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้จ่ายแก่ผู้ประกันตน กรณีที่ผู้ประกันตนตามวรรคหนึ่งเสียชีวิต ให้เฉลี่ยจ่ายให้แก่สามีหรือภริยา บิดามารดา บุตร” ประกาศ ณ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. ๒๕65 ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณเหลือพร ปุณณกันต์ ประธานกรรมการการแพทย์ ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕" 1363.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคส าหรับประโยชน์ทดแทน ในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน เพื่อเพิ่ม สิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการการแพทย์ ในการประชุมครั้งที่ 12/2565 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ๒๕๖5 โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม (ชุดที่ ๑๓) ในการประชุมครั้งที่ 14/2565 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ๒๕๖5 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการการแพทย์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (3/1) ของข้อ ๒/๒ แห่งประกาศคณะกรรมการการแพทย์ ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคส าหรับ ประโยชน์ทดแทน ในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน พ.ศ. ๒๕๖3 ลงวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖3 “(3/1) ให้ขยายระยะเวลาส าหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ประจ าปี 2565 ตาม (3) ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖5” ประกาศ ณ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. ๒๕65 ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณเหลือพร ปุณณกันต์ ประธานกรรมการการแพทย์ ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕" 1365.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือ แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของกา รให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ดังนี้ บาท/ตู้ ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐' ตู้มีสินค้า ๗๓ ๑๔๖ ๑๖๔ ตู้สินค้าเปล่า ๔๔ ๘๘ ๙๙ ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซล ของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับ ราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียม มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๓๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕" 1369.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การก าหนดให้กิจการอื่นเป็นเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๖๕ อาศัยอ านาจตามความในบทนิยามค าว่า “เกษตรกรรม” ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้กิจการต่อไปนี้เป็นเกษตรกรรมตามพระราชบัญญั ติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ (๑) การปลูกสร้างสวนป่า (๒) การเพาะเห็ด ประกาศ ณ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๕๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1371.pdf,"ประกาศส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง ก าหนดหลักฐานการขอต่ออายุใบอนุญาตผลิตอาหารแทนการตรวจประเมินว่าได้ปฏิบัติตามที่รัฐมนตรี ประกาศก าหนดวิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ตามมาตรา 6 (7) โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศส านักงานคณะกรรมการอาหารและยาว่าด้วยเรื่อง ก าหนดหลักฐานการขอต่ออายุใบอนุญาตผลิตอาหาร ที่รัฐมนตรีประกาศก าหนดวิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และอ านวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการผลิตอาหาร อาศัยอ านาจตามความในวรรคสาม ของข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2548) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง ก าหนดหลักฐาน การขอต่ออายุใบอนุญาตผลิตอาหารที่รัฐมนตรีประกาศก าหนดวิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ลงวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ข้อ 2 หลักฐานที่ต้องใช้ในการขอต่ออายุใบอนุญาตผลิตอาหารแทนการตรวจประเมิน ว่าได้ปฏิบัติตามที่รัฐมนตรีประกาศก าหนดวิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ตามมาตรา 6 (7) ให้ใช้หลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้ 2.1 หนังสือรับรองมาตรฐานระบบการผลิตอาหารที่ก าหนดไว้ในประกาศ กระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยวิธีการผลิต เครื่องมือ เครื่องใช้ในการผลิตและการเก็บรักษาอาหาร หรือมาตรฐาน ระบบการผลิตอาหารอื่นที่มีความเทียบเท่า หรือไม่ต่ ากว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ในบัญชีแนบท้าย ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับดังกล่าว หรือตามรายชื่อมาตรฐานที่เผยแพร่ไว้ในเว็บไซต์ https://www.fda.moph.go.th/sites/food/SitePages/gmplicense.aspx ซึ่งยังไม่หมดอายุ และมีขอบข่ายการรับรองครอบคลุมการผลิตอาหารตามที่ได้รับอนุญาต หนังสือรับรองมาตรฐานระบบการผลิตอาหารข้างต้น ต้องออกโดยหน่วยงาน ใดหน่วยงานหนึ่ง ดังนี้ (1) หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ (2) หน่วยงานอื่นที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ (3) หน่วยรับรอง (Certification Body; CB) ที่ได้รับการรับรองระบบงาน จากหน่วยรับรองระบบงาน (Accreditation Body; AB) ที่เป็นสมาชิกและได้รับการยอมรับจาก องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการรับรองระบบงาน ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ 2.2 ผลการตรวจประเมินสถานที่ผลิตอาหารที่ผ่านตามเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ในประกาศ กระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย วิธีการผลิต เครื่องมือ เครื่องใช้ในการผลิตและการเก็บรักษาอาหาร ซึ่งตรวจประเมินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 หรือตรวจประเมิน โดยหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ขึ้นบัญชีกับส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่มีผลตรวจมาแล้ว ไม่เกิน 1 ปี และมีขอบข่ายการตรวจครอบคลุมการผลิตอาหารตามที่ได้รับอนุญาต ข้อ 3 หลักฐานตามข้อ ๒ หากเป็นส าเนาเอกสาร ให้รับรองส าเนาโดยหน่วยงานที่ออก เอกสารนั้น ๆ ข้อ ๔ หลักฐานตามข้อ ๒ ที่เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือเอกสารลงนามด้วยลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ ต้องด าเนินการให้สอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1375.pdf," พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๕๘) พ.ศ. ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในบางกรณี อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล รัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๕๘) พ.ศ. ๒๕๖๕” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้ งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๖๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕มาตรา ๓ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวล รัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ส าหรับเงินได้เป็นจ านวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่าย ที่ได้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่หรือค่าบริ การในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ หรืองานแสดงสินค้า ภายในประเทศ ที่เริ่มจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ส าหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหนังสือรับรอง จากผู้จัดงานว่าได้เข้าร่วมงานจริง การยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศก าหนด มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาก ารตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๖๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรส่งเสริมอุตสาหกรรม การจัดงานนิทรรศการและงานแสดงสินค้า รวมทั้งส่งเสริมการจ้างงานในอุตสาหกรรมดังกล่าว สมควร ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ส าหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่หรือค่าบริการ ในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ หรืองานแสดงสินค้าภายในประเทศ ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๖๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1377.pdf,"ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง ก ำหนดแบบค ำขอ แบบใบอนุญำต และแบบอื่น ๆ ตำมพระรำชบัญญัติภำษีสรรพสำมิต พ.ศ. 2560 (ฉบับที่ ๕) เพื่อให้กำรบริหำรกำรจัดเก็บภำษีเป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ ประสิทธิผล อำศัยอ ำนำจ ตำมควำมในข้อ 4 และข้อ 8 ของกฎกระทรวงกำรอนุญำตขำยสุรำ พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวงกำรอนุญำตขำยสุรำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 อธิบดีกรมสรรพสำมิต จึงออกประกำศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกำศกรมสรรพสำมิต เรื่อง ก ำหนดแบบค ำขอ แบบใบอนุญำต และ แบบอื่น ๆ ตำมพระรำชบัญญัติภำษีสรรพสำมิต พ.ศ. 2560 (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 12 พฤศจิกำยน พ.ศ. 2562 ข้อ 2 ให้ยกเลิกแบบค ำขออนุญำตขำยสุรำ ตำมมำตรำ 155 แห่งพระรำชบัญญัติ ภำษีสรรพสำมิต พ.ศ. 2560 (แบบ ภส.08-05) ท้ำยประกำศกรมสรรพสำมิต เรื่อง ก ำหนด แบบค ำขอแบบใบอนุญำต และแบบอื่น ๆ ตำมพระรำชบัญญัติภำษีสรรพสำมิต พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 16 กันยำยน พ.ศ. 2560 ข้อ 3 ประกำศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันออกประกำศเป็นต้นไป ประกำศ ณ วันที่ 30 กันยำยน พ.ศ. ๒๕๖5 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภำศ อธิบดีกรมสรรพสำมิต ้หนา ๔๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1380.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การมอบหมายหน่วยงานท าการฝึกอบรมบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. 2565 โดยที่ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ หลักสูตร ระยะเวลาการฝึกอบรม และหน้าที่ของบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. ๒๕๖๔ ก าหนดให้ผู้ที่จะได้รับ การขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งต้องเข้ารับการฝึกอบรมและทดสอบ ตามที่กรมการขนส่งทางบกก าหนด โดยการฝึกอบรมในกรณีดังกล่าว กรมการขนส่งทางบก จะด าเนินการเองหรือมอบหมายให้หน่วยงานอื่นด าเนินการแทนก็ได้ ดังนั้น เพื่อให้การขึ้นทะเบียน เป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งเป็นไปด้วยความเหมาะสม เรียบร้อย อาศัยอ านาจ ตามความในข้อ 4 ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสม บัติ หลักสูตร ระยะเวลาการฝึกอบรม และหน้าที่ของบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “หน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ” หมายความว่า หน่วยงานที่กรมการขนส่งทางบกมอบหมายให้ ท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบกส าหรับการขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัย ในการขนส่ง “หลักฐานการผ่านการฝึกอบรม ” หมายความว่า หลักฐานที่แสดงว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรม จากหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายได้ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่กรมการขนส่งทางบกก าหนดเพื่ อน าไปใช้ ในการขอเข้ารับการทดสอบเพื่อขอขึ้นทะเบียนหรือขอต่ออายุการขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการ ด้านความปลอดภัยในการขนส่งกับกรมการขนส่งทางบก โดยบันทึกผ่านระบบงานที่กรมการขนส่งทางบก ก าหนด “การฝึกอบรม” หมายความว่า การฝึกอบรมภาคทฤษฎีเพื่อน าไปใช้ในการขอเข้ารับ การทดสอบเพื่อขอขึ้นทะเบียนหรือขอต่ออายุการขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัย ในการขนส่ง “คณะกรรมการ ” หมายความว่า คณะกรรมการพิจารณาการมอบหมายหน่วยงานให้ท าการ ฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบกส าหรับการขึ้นทะเบี ยนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัย ในการขนส่ง หมวด ๑ หลักเกณฑ์การพิจารณาหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ข้อ 2 หน่วยงานที่ประสงค์จะเป็นผู้ท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบก ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมาย (๒) มีความพร้อมในการจัดการฝึกอบรม โดยต้องมีองค์ประกอบ วิทยากร และอัตราค่าใช้จ่าย ในการฝึกอบรมเป็นไปตามข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5 (๓) มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า 5 ปี ข้อ 3 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายต้องมีความพร้อมในการจัดการฝึกอบ รม โดยมีองค์ประกอบ อย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (1) อาคารสถานที่ฝึกอบรมภาคทฤษฎี ซึ่งมีสภาพเหมาะสมแก่การจัดฝึกอบรม ประกอบด้วย อาคารส านักงาน ห้องสุขา พื้นที่จอดรถ ห้องฝึกอบรมภาคทฤษฎีที่มีแสงสว่างและการระบายอากาศที่ดี ไม่เป็นอุปสรรคต่อการฝึกอบรม (2) อุปกรณ์ส าหรับควบคุมก ากับดูแลการฝึกอบรม เพื่อให้สามารถด าเนินการฝึกอบรม ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างน้อยดังต่อไปนี้ (ก) เครื่องอ่านข้อมูลบัตรประจ าตัวประชาชนที่สามารถใช้งานกับระบบงานที่กรมการขนส่ง ทางบกก าหนดได้ (ข) เครื่องสแกนลายนิ้วมือที่สามารถใช้งานกับระบบงานที่กรมการขนส่งทางบกก าหนดได้ (ค) กล้องวงจรปิดในห้องฝึกอบรมภาคทฤษฎีที่สามารถมองเห็นได้อย่างทั่วถึง และสามารถ เก็บข้อมูลไว้ส าหรับการตรวจสอบได้อย่างน้อย ๑ ปี (3) เอกสารพร้อมสื่อประกอบส าหรับการฝึกอบรม ข้อ 4 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายต้องมีวิทยากรในการฝึกอบรมประจ าส าหรับการฝึกอบรม ของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย วิทยากรตามวรรคหนึ่งต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบก ข้อ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายต้องสามารถจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมในอัตรา ที่กรมการขนส่งทางบกให้ความเห็นชอบ หมวด ๒ วิทยากรในการฝึกอบรม ข้อ 6 ผู้ที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทย (2) เป็นผู้มีคุณสมบัติข้อหนึ่งข้อใด ดังต่อไปนี้ (ก) เป็นผู้ส าเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ขึ้นไป และมีประสบการณ์ในด้านการบริหาร จัดการด้านการขนส่งทางถนนหรือด้านความปลอดภัยในการท างานไม่น้อยกว่า 3 ปี ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ (ข) เป็นผู้มีประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการด้านการขนส่งทางถนนหรือ ด้านความปลอดภัยในการท างานไม่น้อยกว่า 5 ปี (ค) เป็นผู้มีประสบการณ์ในการสอนหรือการฝึกอบรมในด้านการบริหารจัดการด้านการขนส่ง ทางถนนหรือด้านความปลอดภัยในการท างานไม่น้อยกว่า 3 ปี (3) เป็นผู้ผ่านการทดสอบความรู้เกี่ยวกับการฝึกอบรมการเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมบุคลากร จัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งจากกรมการขนส่งทางบก โดยต้องได้คะแนนในการทดสอบตามที่ กรมการขนส่งทางบกก าหนดไม่น้อยกว่าร้อยละ 9 ๐ (4) เป็นผู้ผ่านการทดสอบการประเมินความสามารถในการถ่ายทอดความรู้จากกรมการขนส่งทางบก ข้อ 7 ผู้ที่ประสงค์จะขึ้นทะเบียนเป็นวิทยากรในการ ฝึกอบรม ให้ยื่นความประสงค์ ณ ส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1, 2, 3, 4 หรือส านักงานขนส่งจังหวัด พร้อมด้วยเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) บัตรประจ าตัวประชาชน (๒) รูปถ่ายขนาด 1.5 นิ้ว จ านวน 1 รูป ซึ่งถ่ายก่อนวันที่ยื่นขอขึ้นทะเบียนไม่เกิน 6 เดือน (๓) เอกสารหลักฐานการเป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อ 6 (2) แล้วแต่กรณี ข้อ 8 เมื่อกรมการขนส่งทางบกเห็นว่าผู้ยื่นความประสงค์จะขึ้นทะเบียนเป็นวิทยากรในการ ฝึกอบรมเป็นผู้มีคุณสมบัติและมีเอกสารหลักฐานครบถ้วน ถูกต้องตามที่ก าหนดในข้อ 6 และข้อ 7 ให้กรมการขนส่งทางบกขึ้นทะเบียนการเป็นวิทยากรให้กับบุคคลนั้น การขึ้นทะเบียนเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมให้มีอายุ ๓ ปีนับแต่วันขึ้นทะเบียน ข้อ 9 วิทยากรในการฝึกอบรมที่ประสงค์จะขอต่ออายุการขึ้นทะเบียน ให้ยื่นความประสงค์ ณ ส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1, 2, 3, 4 หรือส านักงานขนส่งจังหวัด ก่อนวันสิ้นอายุการขึ้นทะเบียนไม่น้อยกว่า 90 วัน โดยต้อง ผ่านการทดสอบความรู้เกี่ยวกับการฝึกอบรมการเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมบุคลากรจัดการ ด้านความปลอดภัยในการขนส่งจากกรมการขนส่งทางบก และต้องได้คะแนนในการทดสอบตามที่ กรมการขนส่งทางบกก าหนดไม่น้อยกว่าร้อยละ 9 ๐ ข้อ 10 การต่ออายุการขึ้นทะเบียนเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมให้ มีอายุ ๓ ปีนับแต่วันสิ้นอายุ ข้อ ๑1 วิทยากรในการฝึกอบรมผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อก าหนดดังต่อไปนี้ กรมการขนส่งทางบก จะพิจารณายกเลิกการขึ้นทะเบียนเป็นวิทยากร (๑) ด าเนินการฝึกอบรมในหน่วยงานที่ตนมิได้สังกัด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก (๒) ท าการฝึกอบรมไม่ตรงตามหลักสูตรที่กรมการขนส่งทางบกก าหนด (3) ไม่ท าการฝึกอบรมด้วยตนเอง (4) ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕วิทยากรผู้ถูกยกเลิกการขึ้นทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นวิทยากร ภายใน ๓ ปีนับแต่วันที่ถูกยกเลิกการขึ้ นทะเบียน ข้อ ๑2 ในกรณีวิทยากรในการฝึกอบรมที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกลาออก จากหน่วยงานที่ตนสังกัด ให้วิทยากรผู้ลาออกแจ้งกรมการขนส่งทางบกทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ลาออก หมวด ๓ คณะกรรมการพิจารณาการมอบหมายหน่วยงานให้ท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบก ส าหรับการขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง ข้อ ๑3 ให้มีคณะกรรมการพิจารณาการมอบหมายหน่วยงานให้ท าการฝึกอบรมแทน กรมการขนส่งทางบกส าหรับการขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้ านความปลอดภัยในการขนส่งคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ผู้อ านวยการส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบกเป็นประธาน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ด้านความปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการขนส่งผู้โดยสาร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการขนส่งสินค้า หัวหน้ากลุ่มกฎหมายและระเบียบ 2 เป็นกรรมการ โ ดยมีหัวหน้ากลุ่มส่งเสริมความปลอดภัย เป็นกรรมการและเลขานุการ และนักวิชาการขนส่งระดับปฏิบัติการขึ้นไปในส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ข้อ ๑๔ ให้คณะกรรมการมีอ านาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) พิจารณาการมอบหมายหน่วยงานให้ท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบกตามหลักเกณฑ์ ที่ก าหนดไว้ในหมวด ๑ (๒) น าเสนอหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการให้กรมการขนส่งทางบกออกประกาศ มอบหมายหน่วยงานให้ท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบก หมวด ๔ กระบวนการมอบหมายหน่วยงาน ข้อ ๑๕ กรมการขนส่งทางบกจะออกประกาศเชิญชวนหน่วยงานให้ยื่นความประสงค์เป็นผู้ท า การฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบก ตามวันเวลาที่กรมการขนส่งทางบกประกาศก าหนด ข้อ ๑๖ หน่วยงานที่ประสงค์จะเป็นผู้ท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบก ให้ยื่น ความประสงค์ขอเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ณ ส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 , 2, 3, 4 หรือส านักงานขนส่งจังหวัด พร้อมด้วยเอกสาร หลักฐาน ดังต่อไปนี้ ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕(๑) หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล พร้อมด้ วยภาพถ่ายบัตรประจ าตัวประชาชน ของผู้มีอ านาจลงนาม ในกรณีผู้มีอ านาจลงนามเป็นคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ให้ยื่นภาพถ่ายใบส าคัญประจ าตัวคนต่างด้าว พร้อมทั้งหลักฐานแสดงที่พักอาศัยในราชอาณาจักร ที่ทางราชการหรือหน่วยงานรัฐบาลต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างปร ะเทศออกให้ (๒) รายละเอียดข้อมูลที่ตั้งของอาคารสถานที่ฝึกอบรม พร้อมแผนที่ และภาพถ่ายอาคาร สถานที่ฝึกอบรม (๓) เอกสารแสดงสิทธิการใช้อาคารสถานที่ฝึกอบรม (๔) เอกสารหลักฐานแสดงประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า 5 ปี (๕) รายชื่อของวิทยากรในการฝึกอบรมประจ าส าหรับการฝึกอบรมของหน่วยงาน (๖) หนังสือยินยอมของวิทยากรในการประจ าหน่วยงานของตน (7) รายละเอียดอุปกรณ์ส าหรับควบคุมก ากับดูแลการฝึกอบรม (8) เอกสารพร้อมสื่อประกอบส าหรับการฝึกอบรม (9) รายละเอียดเกี่ยวกับอัตราค่าใช้จ่ายในการฝึ กอบรม ข้อ ๑๗ เมื่อส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก เห็นว่าผู้ยื่นความประสงค์ จะเป็นผู้ท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบกมีคุณสมบัติและมีเอกสารหลักฐานครบถ้วนถูกต้อง ตามที่ก าหนดในข้อ ๒ และข้อ ๑๖ ให้น าเสนอคณะกรรมการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ ในหมวด ๑ ในกรณีที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ กรมการขนส่งทางบกจะออกประกาศ มอบหมายหน่วยงานท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบก การมอบหมายหน่วยงานท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบกให้มีอายุ ๓ ปีนับแต่ วันออกประกาศมอบหมาย หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายมีสิทธิออกหลักฐานการผ่านการฝึกอบรมให้แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม เพื่อใช้ในการขอเข้ารับการทดสอบเพื่อขอขึ้นท ะเบียนหรือขอต่ออายุการขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการ ด้านความปลอดภัยในการขนส่งกับกรมการขนส่งทางบก หมวด ๕ การต่ออายุการมอบหมายหน่วยงาน ข้อ ๑๘ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายที่ประสงค์จะขอต่ออายุการมอบหมาย ให้ยื่นความประสงค์ ณ ส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรม การขนส่งทางบก ส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1, 2, 3, 4 หรือส านักงานขนส่งจังหวัด ก่อนวันสิ้นอายุประกาศมอบหมายไม่น้อยกว่า 9 ๐ วัน พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานตามที่ก าหนดในข้อ ๑๖ ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ข้อ ๑๙ เมื่อส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ได้รับเอกสารหลักฐาน ตามข้อ ๑๖ ครบถ้วนถูกต้องแล้ว ให้ด าเนินการตรวจสอบการจัดการฝึกอบรมของหน่วยงานที่ได้รับ มอบหมายและประวัติการด าเนินการ โดยกรมการขนส่งทางบกจะออกประกาศต่ออายุการมอบหมาย หน่วยงานได้ก็ต่อเมื่อ (๑) เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ในหมวด ๑ (๒) ไม่มีการฝ่าฝืนข้อปฏิบัติตามที่ก าหนดไว้ในหมวด ๘ หรืออยู่ระหว่างถูกระงับการฝึกอบรม เป็นการชั่วคราว เว้นแต่ได้มีการแก้ไขให้ถูกต้องหรือพ้นก าหนดการถูกสั่งระงับการฝึกอบรมเป็นการ ชั่วคราวแล้ว ข้อ ๒๐ การต่ออายุการมอบหมายหน่วยงานท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบกจะออกประกาศต่ออายุการมอบหมายหน่วยงานท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบก โดยให้มีอายุ ๓ ปี นับแต่วันสิ้นอายุ หมวด ๖ การขอเลิกเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ข้อ ๒๑ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายที่ประสงค์จะขอเลิกด าเนินการฝึกอบรมแทน กรมการขนส่งทางบก ให้แจ้งความประสงค์ ณ ส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน ก่อนวันเลิกด าเนินการ ให้ส านักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ตรวจสอบก ากับดูแลการเลิกด าเนินการ ของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย และสั่งการตามที่เห็นสมควรเพื่อไม่ ให้เกิดผลกระทบกับผู้เข้ารับ การฝึกอบรม หมวด ๗ การสิ้นสุดของการมอบหมายหน่วยงาน ข้อ ๒๒ การมอบหมายหน่วยงานท าการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบกสิ้นสุดลงในกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล (๒) หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายแจ้งเลิกด าเนินการและกรมการขนส่งทางบกให้เลิกด าเนินการ (๓) กรมการขนส่งทางบกยกเลิกการมอบหมายหน่วยงาน (๔) หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายไม่ได้รับการต่ออายุ ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕หมวด ๘ ข้อปฏิบัติของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ข้อ ๒๓ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายต้องปฏิ บัติ ดังนี้ (๑) จัดให้มีการฝึกอบรมตามที่ได้รับมอบหมายจากกรมการขนส่งทางบก (๒) ใช้ระบบงานที่กรมการขนส่งทางบกก าหนดในทุกกระบวนการด าเนินงาน (3) การจัดเก็บ การบันทึก หรือการน าไปใช้ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการด าเนินการฝึกอบรม หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายต้องใช้ข้อมู ลนั้นเพื่อประโยชน์ในการจัดการฝึกอบรมแทนกรมการขนส่งทางบก เท่านั้นและต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (4) จัดให้มีวิทยากรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบก ท าหน้าที่ฝึกอบรมภาคทฤษฎี ตามที่ได้รับมอบหมายจากกรมการขนส่งทางบก (5) ควบคุม ก ากับ ดูแล ให้วิทยากรฝึกอบรมตามที่ได้รับมอบหมายจากกรมการขนส่งทางบก (6) สอดส่อง ดูแลวิทยากรมิให้กระท าการในลักษณะไม่สมควร หรือไม่เหมาะสมกับผู้เข้ารับ การฝึกอบรมในขณะปฏิบัติหน้าที่ (7) ดูแลและปรับปรุงอาคารสถานที่และอุปกรณ์ในการฝึกอบรมให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้ การได้ดีอยู่เสมอ (8) ไม่ใช้ถ้อยค าชวนเชื่อหรือโฆษณาอันมีลักษณะชักชวนหรือจูงใจจนเกินความเป็นจริง (9) ปฏิบัติตามกฎระเบียบของกรมการขนส่งทางบก (10) อ านวยความสะดวกตามสมควรให้กับเจ้าหน้าที่ กรมการขนส่งทางบกในการเข้าตรวจสอบ ก ากับ ติดตามการปฏิบัติงานภายในสถานที่ฝึกอบร ม หรือส่งมอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่จ าเป็นและ เกี่ยวข้องกับการด าเนินการฝึกอบรมแก่เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกตามที่ได้รับการร้องขอ ข้อ ๒๔ ในกรณีที่หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายไม่สาม ารถจัดการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจนจบหลักสูตร หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการ ฝึกอบรม (ถ้ามี) เพื่อจัดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมนั้น เข้ารับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องกับหน่วยงานอื่น ที่ได้รับมอบหมายจากกรมการขนส่งทางบก โดยความยินยอมของผู้เข้ารับการฝึกอบรมภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ไม่สามารถจัดการฝึกอบรมได้ ข้อ ๒๕ กรณีหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมวิทยากร ให้แจ้ง กรมการขนส่งทางบกทราบภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่มีการ เปลี่ยนแปลง หมวด ๙ การตักเตือน การระงับการฝึกอบรม และการยกเลิกการมอบหมาย ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ข้อ ๒๖ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อ ๒๓ (๒) (๓) (๗) (๘) (๙) (๑๐) ข้อ ๒๔ และข้อ ๒๕ ให้กรมการขนส่งทางบกตักเตือน ในกรณีมีการตักเตือนครบ ๒ ครั้ง ภายในระหว่างอายุการมอบหมาย ให้กรมการขนส่งทางบกระงับการฝึกอบรมเป็นการชั่วคราวไม่เกิน ๓ เดือน และหากหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายกระท าการดังกล่าวซ้ าอีก ให้กรมการขนส่งทางบกยกเลิกการมอบหมาย ข้อ ๒๗ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อ ๒๓ (๑) (๔) (๕) (๖) ให้กรมการขนส่งทางบกระงับการฝึกอบรมเป็นการชั่วคราวไม่เกิน ๖ เดือน ในกรณีมีการระงับการฝึกอบรม เป็นการชั่วคราว ครบ ๒ ครั้ง ภายในระหว่างอายุการมอบหมาย ให้กรมการขนส่งทางบกยกเลิก การมอบหมาย ข้อ ๒๘ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจัดท าหลักฐานเกี่ยวกับการจัดการฝึกอบรมอันเป็นเท็จ หรือกระท าความผิดร้ายแรงที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงหรือภาพพจน์และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ กรมการขนส่งทางบก หรือสร้างความเสียหายแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ให้กรมการขนส่งทางบกยกเลิก การมอบหมาย ข้อ ๒๙ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายหยุดด าเนินการฝึกอบรมเกินกว่า ๙๐ วัน โดยไม่แจ้ง เลิกด าเนินการ ให้กรมการขนส่งทางบกยกเลิกการมอบหมาย ข้อ ๓๐ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจัดให้มีการฝึกอบรมในระหว่างถูกระงับการฝึกอบรม เป็นการชั่วคราว ให้กรมการขนส่งทางบกยกเลิกการมอบหมาย ข้อ ๓๑ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจัดให้มีการฝึกอบรมในระหว่างที่สิ้นอายุการมอบหมาย และมิได้อยู่ในระหว่างด าเนินการขอต่ออายุการมอบหมาย หรือถูกยกเลิกการมอบหมาย กรมการขนส่งทางบก จะตัดสิทธิการขอเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายเป็น ระยะเวลา ๕ ปีนับแต่วันที่สิ้นอายุการมอบหมาย หรือถูกยกเลิกการมอบหมาย แล้วแต่กรณี ข้อ ๓๒ การตักเตือน การระงับการฝึกอบรม และการยกเลิกการมอบหมาย กรมการขนส่งทางบก จะท าเป็นหนังสือแจ้งให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายทราบ หมวด ๑๐ การบังคับใช้ ข้อ ๓๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1381.pdf,"ประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง ก าหนดสถานที่ยื่นค าขอและแจ้งเกี่ยวกับการท างานของคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ซึ่งถือเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๓ (๓) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตท างาน การออกใบอนุญาตท างาน และการแจ้งการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๓ (๓) ของประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๓ (๓) ของประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ท างานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และข้อ ๔ (๓) ของระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยการแจ้งและการรับแจ้งการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมการจัดหางาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ข้อ ๒ ก าหนดให้สถานที่ดังต่อไปนี้ เป็นสถานที่ในการยื่นค าขอและแจ้งเกี่ยวกับการท างาน ของคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาซึ่ งถือหนังสือเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) ที่ได้ด าเนินการออกหรือต่ออายุหนังสือรับรองดังกล่าว ณ ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้ท างาน และออกเอกสาร รับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ (๑) ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้ท างาน และออกเอกสารรับรองบุคคล ( Certificate of Identity : CI) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ จังหวัดชลบุรี (๒) ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้ท างาน และออกเอกสารรับรองบุคคล ( Certificate of Identity : CI) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ จังหวัดระนอง (๓) ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้ท างาน และออกเอกสารรับรองบุคคล ( Certificate of Identity : CI) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ จังหวัดสมุทรปราการ (๔) ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้ท างาน และ ออกเอกสารรับรองบุคคล ( Certificate of Identity : CI) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ จังหวัดสมุทรสาคร ข้อ 3 บรรดาประกาศอื่นใดซึ่งขัดหรือแย้งกับประกาศฉบับนี้ ให้ใช้ประกาศฉบับนี้แทน ประกาศ ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖5 ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1382.pdf,"แก้ค ำผิด พระรำชก ำหนด พิกัดอัตรำศุลกำกร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2564 ซึ่งประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ ฉบับกฤษฎีกำ เล่ม ๑๓8 ตอนที่ 82 ก วันที่ 5 ธันวำคม ๒๕๖4 บัญชีท้ำยพระรำชก ำหนดพิกัดอัตรำศุลกำกร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2564 ภำค 2 พิกัดอัตรำอำกรขำเข้ำ (เล่มที่ 1) หน้ำ 186 ในตำรำงช่องประเภทย่อย 2908.99.00 ช่องอัตรำอำกร ค ำว่ำ ให้แก้เป็น (เล่มที่ 2) หน้ำ 498 (ง) บรรทัดที่ ๒ ให้ตัดค ำว่ำ “ตำมประเภท 80.01” ออก ประเภท ประเภทย่อย รายการ อัตราอากร ตาม ราคา ร้อยละ ตามสภาพ หน่วย หน่วยละ บาท “2908.99.00 - - อื่น ๆ ” ประเภท ประเภทย่อย รายการ อัตราอากร ตาม ราคา ร้อยละ ตามสภาพ หน่วย หน่วยละ บาท “2908.99.00 - - อื่น ๆ 30 - -” ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๗๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1383.pdf,"ประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง การมอบฉันทะในการประชุมผู้ถือหุ้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 โดยที่ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวก และเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้ถือหุ้นสามารถด าเนินการมอบฉันทะให้บุคคลอื่นเข้าประชุมผู้ถือหุ้น โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 102 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจ ากัด พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติ มโดยพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจ ากัด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2565 อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในฐานะนายทะเบียน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในการประชุมผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นอาจมอบฉันทะโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะต้อง ด าเนินการตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) การมอบฉันทะต้องจัดท าขึ้นในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีการที่เชื่อถือได้ โดยมีเทคโนโลยีและมาตรการป้องกันมิให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข เว้นแต่การรับรองหรือบันทึกเพิ่มเติม ซึ่งไม่ท าให้ความหมายเปลี่ยนแปลง (2) การมอบฉันทะที่จัดท าขึ้นอย่างน้อยต้องมีข้อความตามแบบหนังสือมอบฉันทะที่นายทะเบียน ประกาศก าหนด (๓) การมอบฉันทะต้องสามารถระบุตัวตนของผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้มอบฉันทะได้ กรณีการใช้ลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ การพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้มอบฉันทะต้องมีมาตรฐานอย่างน้ อยตามที่ก าหนด ในกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การมอบฉันทะโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงการจัดท าหรือแปลงเอกสาร ให้อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ 2 ผู้มอบฉันทะต้องส่งข้อมูลการมอบฉั นทะทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ประธานกรรมการ หรือผู้ที่ประธานกรรมการก าหนดก่อนผู้รับมอบฉันทะเข้าร่วมประชุม เมื่อข้อมูลการมอบฉันทะ ได้เข้าสู่ระบบเกี่ยวกับการมอบฉันทะทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทาง อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดตามที่คณะกรรมการก าหนด ให้ถือว่าผู้ถือหุ้นได้มอบฉันทะด้วยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ข้อ 3 ผู้ถือหุ้นที่จะมอบฉันทะโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมอบฉันทะให้ผู้รับมอบฉันทะ เพียงรายเดียวเป็นผู้เข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะ แนนแทน โดยไม่สามารถแบ่งแยกจ านวนหุ้น เพื่อมอบฉันทะให้ผู้รับมอบฉันทะหลายคนได้ แต่ผู้รับมอบฉันทะคนหนึ่งอาจรับมอบฉันทะจาก ผู้ถือหุ้นหลายรายได้ ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ข้อ 4 การช าระเงินค่าอากรแสตมป์ในการมอบฉันทะโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมสรรพากรประกาศก าหนด ข้อ 5 ให้น าหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ การจัดท าหรือ แปลงเอกสารให้อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การส่งหรือการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และการเก็บรักษา ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่ก าหนดในกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับโดยอนุโลม ประกาศ ณ วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖5 ทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายทะเบียน ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๖๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1386.pdf," ระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการชดใช้ค่าใช้จ่ายในการด าเนินการแทนของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรก าหนดให้มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการชดใช้ค่าใช้จ่ายในการด าเนินการแทน ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกค าสั่งให้นายจ้าง เจ้าของหรือผู้ครอบครอง แหล่งก าเนิดมลพิษด าเนินการตามมาตรา ๓๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมโรคจาก การประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้วผู้นั้นละเลยไม่ด าเนินการตามค าสั่งภายใน เวลาที่ก าหนด อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 34 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการชดใช้ค่าใช้จ่ายในการ ด าเนินการแทนของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและ โรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2565” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ในระเบียบนี้ “ผู้ที่ละเลยไม่ด าเนินการตามค าสั่ง ” หมายความว่า นายจ้าง เจ้าของหรือผู้ครอบครอง แหล่งก าเนิดมลพิษที่ละเลยไม่ด าเนินการตามค าสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 34 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 ภายใน เวลาที่ก าหนด ข้อ 4 เมื่ออธิบดีกรมควบคุมโรคหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคมอบหมายสั่งให้พนักงาน เจ้าหน้าที่เข้าด าเนินการแทน และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้เข้าด าเนินการแทนแล้ วมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ให้ผู้ที่ละเลยไม่ด าเนินการตามค าสั่งชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามจ านวนที่จ่ายจริง ทั้งนี้ ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่มีค าสั่งเป็นหนังสือพร้อมส าเนาหลักฐานค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไปยังผู้ที่ละเลยไม่ด าเนินการ ตามค าสั่งพร้อมกับแจ้งสิทธิการอุทธ รณ์ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองให้ผู้ที่ละเลย ไม่ด าเนินการตามค าสั่งทราบ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้เข้าด าเนินการแทน โดยให้ผู้นั้นมาชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ณ ที่ท าการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ ได้รับค าสั่งดังกล่าว ค าสั่งตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) วัน เดือน และปีที่ท าค าสั่ง ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ (๒) เหตุผลในการออกค าสั่ง โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระส าคัญ ข้อกฎหมายที่อ้างอิง และข้อพิจารณา พร้อมทั้งข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ (๓) ชื่อและต าแหน่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ท าค าสั่ง พร้อมทั้งมีลายมือชื่อของพนักงาน เจ้าหน้าที่ผู้ท าค าสั่งนั้น ข้อ 5 กรณีผู้ที่ละเลยไม่ด าเนินการตามค าสั่งมาชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามที่ก าหนดไว้ในข้อ 4 ให้พนักงานเจ้า หน้าที่หรือผู้ที่พนักงานเจ้าหน้าที่มอบหมายน าผู้นั้นไปช าระเงิน ณ งานการเงินหรือการคลัง ของหน่วยงานที่พนักงานเจ้าหน้าที่สังกัด เมื่อได้รับช าระเงินตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบงานการเงินหรือการคลัง แล้วแต่กรณี ออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้นั้ นด้วย ข้อ 6 กรณีผู้ที่ละเลยไม่ด าเนินการตามค าสั่งไม่ยินยอม หรือในกรณีผู้ที่ละเลยไม่ด าเนินการ ตามค าสั่งชดใช้ค่าใช้จ่ายไม่เต็มจ านวนที่เกิดขึ้น หรือไม่ด าเนินการตามค าสั่งภายในเวลาที่ก าหนด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ท าค าสั่งตามข้อ 4 มีหนังสือเตือนให้ผู้นั้นมาช ดใช้ค่าใช้จ่ายภายในเวลาที่ก าหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับค าสั่ง ถ้าผู้นั้นไม่ปฏิบัติตามหนังสือเตือน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ด าเนินการบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ข้อ 7 ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับ การด าเนินการตามระเบียบนี้ ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด และให้ค าสั่งหรือข้อวินิจฉัย ของปลัดกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖5 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1387.pdf,"ค ำสั่งกรมสรรพำกร ที่ ท.ป. 348/2565 เรื่อง มอบหมำยกำรสั่งงดหรือลดเบี้ยปรับภำษีมูลค่ำเพิ่มตำมประมวลรัษฎำกรกรณีกำรน ำเข้ำ เพื่อให้กำรสั่งงดหรือลดเบี้ยปรับภำษีมูลค่ำเพิ่ม ตำมระเบียบกำรงดหรือลดเบี้ยปรับภำษีมูลค่ำเพิ่ม ที่ออกตำมควำมในมำตรำ ๘๙ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎำกร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎำกร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว อำศัยอ ำนำจ ตำมควำมในมำตรำ ๓๘ (๗) แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ มำตรำ ๒ แห่งประมวลรัษฎำกร และข้อ ๑๑ ของค ำสั่งกรมสรรพำกร ที่ ท.ป. ๘๑/๒๕๔๒ เรื่อง หลักเกณฑ์ กำรงดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภำษีเงินได้ ภำษีมูลค่ำเพิ่ม และภำษีธุรกิจเฉพำะ ตำมมำตรำ ๒๒ มำตรำ ๒๖ มำตรำ ๖๗ ตรี มำตรำ ๘๙ และมำตรำ ๙๑/๒๑ (๖) แห่งประมวลรัษฎำกร ลงวันที่ ๙ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๔๒ อธิบดีกรมสรรพำกร จึงมีค ำสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกควำมในข้อ ๑ ของค ำสั่งกรมสรรพำกร ที่ ท.ป. 1๒0/254๕ เรื่อง มอบหมำย กำรสั่งงดหรือลดเบี้ยปรับภำษีมูลค่ำเพิ่มตำมประมวลรัษฎำกรกรณีกำรน ำเข้ำ ลงวันที่ 10 ตุลำคม พ.ศ. 254๕ และให้ใช้ควำมต่อไปนี้แทน “ข้อ 1 มอบหมำยให้เจ้ำพนักงำนประเมินสั่งงดหรือลดเบี้ยปรับภำษีมูลค่ำเพิ่มในกรณี ดังต่อไปนี้ โดยไม่ต้องมีค ำร้องของผู้น ำเข้ำ เฉพำะกรณีที่ผู้น ำเข้ำไม่มีเจตนำหลีกเลี่ยงภำษีอำกรและ ได้ให้ควำมร่วมมือในกำรตรวจสอบไต่สวนด้วยดี (๑) ในกรณีที่ผู้น ำเข้ำได้รับกำรงดค่ำปรับตำมกฎหมำยว่ำด้วยศุลกำกร หรือกรณีที่ไม่อำจ ด ำเนินกำรเปรียบเทียบงดกำรฟ้องร้องตำมกฎหมำยว่ำด้วยศุลกำกรได้ภำยในห้ำปีนับแต่วั นน ำเข้ำ ให้งดเบี้ยปรับภำษีมูลค่ำเพิ่ม (๒) ในกรณีที่มีกำรเรียกค่ำปรับตำมกฎหมำยว่ำด้วยศุลกำกรน้อยกว่ำหนึ่งเท่ำของเงินอำกรที่ขำด ให้ลดเบี้ยปรับลงคงเสียตำมอัตรำส่วนของค่ำปรับที่เรียกตำมกฎหมำยว่ำด้วยศุลกำกร (๓) ในกรณีที่ไม่มีควำมผิดตำมกฎหมำยว่ำด้วยศุลกำกร แต่เจ้ำพนักงำนตรวจพบว่ำผู้น ำเข้ำ ยื่นแบบแสดงรำยกำรภำษีมูลค่ำเพิ่มไว้ไม่ถูกต้อง หรือมีข้อผิดพลำดท ำให้จ ำนวนภำษีที่ต้องเสีย คลำดเคลื่อนไป ให้ลดเบี้ยปรับลงคงให้เสียร้อยละ ๕๐ ของเบี้ยปรับ (๔) ในกรณีที่ผู้น ำเข้ำต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับเต็มอัตรำตำมกฎหมำยมีจ ำนวนไม่เกิน ๑,๐๐๐ บำท ให้งดเบี้ยปรับภำษีมูลค่ำเพิ่ม ” ข้อ ๒ ค ำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในค ำสั่งนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 19 ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๖5 ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพำกร ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1390.pdf,"ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้าน เรื่อง ก าหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้รับงาน ไปท าที่บ้านภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยที่คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้านได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 8/2565 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 เห็นชอบให้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน เป็นร้อยละศูนย์ต่อปี จ านวนสิบสองงวด ให้แก่ผู้รับงานไปท าที่บ้านซึ่งประสงค์จะกู้ยืมเงินจากกองทุน เพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้รับงานไปท าที่บ้านภายหลังการผ่อนคลาย มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อาศัยอ านาจตามความในข้อ 23 และข้อ 24 ของระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วย การบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้าน พ.ศ. 2559 คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงาน ไปท าที่บ้าน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ก าหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินตามความในข้อ ๖ วรรคหนึ่ง ของประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้าน เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินและการช าระคืนเงินกู้ ลงวันที่ 1๗ มีนาคม พ.ศ. 256๓ เป็นร้อยละศูนย์ต่อปี ตั้งแต่งวดที่หนึ่งถึงงวดที่สิบสอง ส าหรับผู้รับงานไปท าที่บ้านที่ขึ้นทะเบียนไว้ กับกรมการจัดหางานซึ่งประสงค์จะกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้าน โดยยื่นค าขอกู้ พร้อมเอกสารหรือหลักฐานครบถ้วนตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 28 เมษายน 2566 ข้อ 2 ผู้รับงานไปท าที่บ้านตามข้อ 1 ที่ได้รับอนุมัติค าขอกู้ยืมเงินแล้วต้องท าสัญญากับ กรมการจัดหางานตามแบบท้ายประกาศนี้ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ข้อ 3 หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินและการช าระคืนเงินกู้ ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้านตามประกาศนี้ ให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุน เพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้าน เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินและ การช าระคืนเงินกู้ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. 256๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการ บริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้าน เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงิน และการช าระคืนเงิน กู้ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ ๑2 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 โดยอนุโลม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖5 ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปท าที่บ้าน ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๗๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1392.pdf," กฎกระทรวง ฉบับที่ 385 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 และมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระท รวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความใน (78) ของข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 371 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “(78) เงินได้ของวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเฉพาะที่เป็น ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งมีเงินได้ไม่เกินหนึ่งล้านแปดแสนบาท ส าหรับปีภาษีนั้น ทั้งนี้ ส าหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศก าหนด ” ให้ไว้ ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖5 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลัง ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๗๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากการก าหนดให้เงินได้ของวิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมค านวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้ตามที่ก าหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 371 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 แต่เพื่อส่งเสริมและส นับสนุนวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งท าให้เศรษฐกิจของชุมชนมีความเข้มแข็ง และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สมควรก าหนดให้การไม่น าเงินได้ดังกล่าวมารวมค านวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ มีผลใช้บังคับขยายไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนที่ ๗๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕" 1396.pdf,"ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การขอรับหนังสือส าคัญการส่งออกน าเข้าสินค้า โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การขอรับหนังสือส าคัญ การส่งออกน าเข้าสินค้าโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร พ.ศ. ๒๕๖๔ เนื่องจาก มีการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร ระหว่างระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมการค้าต่างประเทศกับกรมศุลกากร ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการการน าเข้า การส่งออก การน าผ่าน และโลจิสติกส์ โดยผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window) อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. 2556 และข้อ ๖ ของระเบียบ กระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการขออนุญาตส่งออกหรือน าเข้าซึ่งสินค้าโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทนิยามต่อจากบทนิยามค าว่า “ผู้ใช้ระบบ” ในข้อ ๒ ของประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การขอรับหนังสือส าคัญการส่งออกน าเข้าสินค้าโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร พ.ศ. ๒๕๖๔ ““ฐานข้อมูลรายการสินค้าควบคุม ” หมายความว่า ระบบที่รวบรวมและจัดเก็บข้อมูล รหัสพิกัดศุลกากรและรหัสสถิติ รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการการน าเข้า การส่งออก การน าผ่าน และโลจิสติกส์ โดยผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window) ที่กรมการค้าต่างประเทศและกรมศุลกากรได้ตกลงกันเพื่อใช้ในกระบวนการส่งออก น าเข้า หรือน าผ่านสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออกไปนอกและกา รน าเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้า” ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๔/๑ ของประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การขอรับหนังสือส าคัญการส่งออกน าเข้าสินค้าโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร พ.ศ. ๒๕๖๔ “ข้อ ๔/๑ เพื่อประโยชน์ในการเชื่อมโยงข้อมูลอิเ ล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร ระหว่าง ระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของกรมการค้าต่างประเทศกับกรมศุลกากร ให้ข้อมูลในหนังสือส าคัญ การส่งออกน าเข้าสินค้าตามบัญชีรายการสินค้าท้ายประกาศนี้ เป็นไปตามที่ระบุไว้ในฐานข้อมูลรายการ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๘๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๕สินค้าควบคุม ที่กรมศุลกากรเผยแพร่ทางเว็บไซต์ข องกรมศุลกากร (https://www.customs.go.th) หรือช่องทางอื่นที่ประกาศให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ” ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖5 รณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๘๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๕" 14.pdf,"หน้า ๕ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๔๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ กฎกระทรวง กําหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ ซึ่งสันนิษฐานว่าผลิต นําเข้า ส่งออก นําผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเพ ื่อขาย พ.ศ. ๒๕๖๑ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง มาตรา ๑๔ วรรคสาม มาตรา ๑๕ วรรคสี่ มาตรา ๒๐ วรรคสาม และมาตรา ๘๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณส ุขออกกฎกระทรวงไว ้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชก ิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ การผลิต นําเข้า ส่งออก นําผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซ ึ่งวัตถุออกฤทธิ์ คํานวณ เป็นสารบริสุทธิ์เกินปริมาณดังต่อไปนี้ ให้สันนิษฐานว่าผลิต นําเข้า ส่งออก นําผ่าน หรือมีไว้ ในครอบครองเพ ื่อขาย (๑) วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ (ก) คาทิโนน (cathinone) ๐.๕๐๐ กรัม (ข) ไซโลซีน (psilocine หรือ psilotsin) ๐.๑๐๐ กรัม (ค) ไซโลไซบีน (psilocybine) ๐.๑๐๐ กรัม (ง) ดีอีที (DET) ๐.๕๐๐ กรัม (จ) ดีเอ็มที (DMT) ๐.๕๐๐ กรัม (ฉ) ดีเอ็มเอชพี (DMHP) ๐.๕๐๐ กรัม (ช) เตตราไฮโดรแคนนาบ ินอล (tetrahydrocannabinol หรือ THC) ๐.๑๐๐ กรัม (ซ) ทีซีพี (TCP หรือ tenocyclidine) ๐.๑๐๐ กรัม (ฌ) พาราเฮกซิล (parahexyl) ๐.๕๐๐ กรัม (ญ) พีซีอี (PCE หรือ eticyclidine) ๐.๑๐๐ กรัม (ฎ) พีเอชพี หรือ พีซีพีวาย (PHP หรือ PCPY หรือ rolicyclidine) ๐.๑๐๐ กรัม (ฏ) ฟีนาซีแพม (phenazepam) ๐.๓๐๐ กรัม หน้า ๖ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๔๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ (ฐ) เมทคาทิโนน (methcathinone) ๐.๕๐๐ กรัม (ฑ) ๔-เมทิลอะมิโนเรกซ์ (4-methylaminorex) ๐.๕๐๐ กรัม (ฒ) เมสคาลีน (mescaline) ๐.๕๐๐ กรัม (ณ) อีทริพตามีน (etryptamine) ๐.๕๐๐ กรัม (๒) วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ (ก) คีตามีน (ketamine) ๐.๕๐๐ กรัม (ข) ซูโดอีเฟดรีน (pseudoephedrine) ๕.๐๐๐ กรัม (ค) ไนตราซีแพม (nitrazepam) ๐.๓๐๐ กรัม (ง) ไนเมตาซีแพม (nimetazepam) ๐.๓๐๐ กรัม (จ) เฟนเตอมีน (phentermine) ๐.๙๐๐ กรัม (ฉ) มิดาโซแลม (midazolam) ๐.๔๕๐ กรัม (ช) อัลปราโซแลม (alprazolam) ๐.๑๒๐ กรัม (ซ) อีเฟดรีน (ephedrine) ๕.๐๐๐ กรัม (๓) วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๔ (ก) โคลนาซีแพม (clonazepam) ๑.๘๐๐ กรัม (ข) ไดอาซีแพม (diazepam) ๕.๔๐๐ กรัม ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณส ุข หน้า ๗ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๔๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช ้กฎกระทรวงฉบ ับนี้ คือ เนื่องจากมาตรา ๑๔ วรรคสาม มาตรา ๑๕ วรรคสี่ และมาตรา ๒๐ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙ กําหนดว่า การผลิต นําเข้า ส่งออก หรือนําผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท คํานวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินปริมาณ ที่กําหนดในกฎกระทรวง ให้สันนิษฐานว่าผลิต นําเข้า ส่งออก หรือนําผ่านเพื่อขาย ประกอบกับมาตรา ๘๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวกําหนดว่า การมีวัตถุออกฤทธิ์ชื่อและประเภทใดไว ้ในครอบครอง ซึ่งคํานวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินปริมาณที่กําหนดในกฎกระทรวง ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพ ื่อขาย สมควรมีการกําหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งสันนิษฐานว่าผลิต นําเข้า ส่งออก นําผ่าน หรือมีไว้ใน ครอบครองเพื่อขาย จึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวงน ี้ " 1404.pdf,"ประกาศการประปานครหลวง เรื่อง ยกเลิกประกาศการประปานครหลวง เรื่อง ก้าหนดอัตราค่าน ้าประปา ประเภทอุตสาหกรรมรายใหญ่และอาคารชุด โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศการประปานครหลวง เรื่อง ก้าหนดอัตราค่าน ้าประปา ประเภทอุตสาหกรรมรายใหญ่และอาคารชุด ให้เหมาะสมกับการด้าเนินงานและสภาวการณ์ในปัจจุบัน โดยจะก้าหนดเป็นแนวทางการก้าหนดประเภทผู้ใช้น ้าเป็นค้าสั่งการประปานครหลวง อาศัยอ้านาจตามความในข้อ 33 (2) แห่งพระราชบัญญัติการประปานครหลวง พ.ศ. 2510 ประกอบกับความในข้อ 5 ของข้อบังคับการประปา นครหลวง ฉบับที่ 116 ว่าด้วย การบริการจัดส่ง จ้าหน่าย และการใช้น ้าประปา พ.ศ. 2558 ผู้ว่าการการประปานครหลวงจึงให้ยกเลิกประกาศ การประปานครหลวง เรื่อง ก้าหนดอัตราค่าน ้าประปาประเภทอุตสาหกรรมรายใหญ่และอาคารชุด ลงวันที่ 26 กรกฎาคม ๒๕42 ทั งนี ตั งแต่บัดนี เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖5 มานิต ปานเอม ผู้ว่าการการประปานครหลวง ้หนา ๖๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕" 1405.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอ านาจเหนือตลาด พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอ านาจเหนือตลาดเพื่อให้ การพิจารณาเกี่ยวกับการกระท าอันมีลักษณะเป็นการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจ ากัดการแข่งขัน การให้บริการพลังงานมีความชัดเจน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการประ กอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับมติคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ในการประชุมครั้งที่ ๔๙/๒๕๖๕ (ครั้งที่ ๘๑๖) เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๕ คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมก ากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ การเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอ านาจเหนือตลาด พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ และค าสั่งอื่นใดในส่วนที่มีก าห นดไว้แล้ว ในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ตลาดที่เกี่ยวข้อง ” หมายความว่า ตลาดการให้บริการพลังงานที่เกี่ยวข้องตามที่ คณะกรรมการประกาศก าหนด “ความสัมพันธ์กันทางนโยบาย ” หมายความว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ประกอบธุรกิจตั้งแต่ สองรายขึ้นไปที่มีแนวทาง นโยบาย หรือวิธีการในการบริหาร การอ านวยการ หรือการจัดการธุรกิจ ที่อยู่ภายใต้บุคคลที่มีอ านาจสั่งการรายเดียวกัน “อ านาจสั่งการ” หมายความว่า อ านาจควบคุมอันเนื่องมาจากเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้ (๑) การถือหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงในผู้ได้รับใบอนุญาตรายหนึ่งเกินกว่าร้อยละห้าสิบของจ านวน สิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้ได้รับใบอนุญาตนั้น (๒) การมีอ านาจควบคุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของผู้ได้รับใบอนุญาตรายหนึ่ง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม (๓) การมีอ านาจควบคุมการแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการในผู้ได้รับใบอนุญาตรายหนึ่ง ตั้งแต่กึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม (๔) การมีอ านาจสั่งการตาม (๑) หรือ (๒) ต่อไปเป็นทอดๆ ทุกทอด โดยเริ่มจากการมีอ านาจ สั่งการตาม (๑) หรือ (๒) ในผู้ประกอบธุรกิจในทอดแรก ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕“บริษัทย่อย” หมายความว่า บริษัทย่อยของผู้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานจาก คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงานตามระเบียบคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการรวมกิจการและการถือหุ้นไขว้ในกิจการพลังงาน “ผู้รับใบอนุญาต” หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานตามพระราชบัญญัติ การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ “คณะกรรมการ ” หมายความว่า คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน “ส านักงาน” หมายความว่า ส านักงานคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์แห่งการบังคั บให้เป็นไปตามระเบียบฉบับนี้ ให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาต ตั้งแต่สองรายขึ้นไปที่มีความสัมพันธ์กันทางนโยบายหรืออ านาจสั่งการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเดียวกัน ข้อ ๖ ให้ผู้รับใบอนุญาตที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการแข่งขันขึ้นในตลาด หรือสามารถ ก าหนดราคา ปริมาณ คุณลักษณะ หรือคุณภาพของสินค้าได้โดยเป็นอิสระจากผู้ประกอบธุรกิจอื่น หรือจากผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีอ านาจเหนือตลาดที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณา จากปัจจัย ดังต่อไปนี้ (๑) ส่วนแบ่งตลาด โดยให้ผู้รับใบอนุญาตในกรณีดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีอ า นาจเหนือตลาด (ก) ผู้รับใบอนุญาตรายใดรายหนึ่งที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไป และมียอดเงินขายในปีที่ผ่านมาตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป หรือ (ข) ผู้รับใบอนุญาตสามรายแรกที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมารวมกันตั้งแต่ร้อยละเจ็ดสิบห้า ขึ้นไปให้ถือว่าเป็นผู้มีอ านาจเหนือตลาด ทั้งนี้ ในกรณีดังกล่าวให้นับเฉพาะผู้รับใบอนุญาต (๒) การกระจุกตัวของตลาด โดยพิจารณาจากค่าดัชนี Herfindahl-Hirschman Index (HHI) โดยหากดัชนี HHI ของตลาดสูงกว่า ๑๘๐๐ จะถือว่าเป็นตลาดที่มีการกระจุกตัวมาก (๓) อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด ความคงทนของอุปสรรคดังกล่าว โดยอาจเป็นอุปสรรค ด้านโครงสร้าง ด้านกฎหมาย หรือด้านการก ากับดูแล (๔) แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงการแข่งขันในอนาคต และศักยภาพในการแข่งขันของคู่แข่ง ในตลาด (๕) ขนาดของกิจการโดยรวม (๖) การควบคุมโครงสร้างพื้ นฐานที่จ าเป็น (๗) ความได้เปรียบหรือเหนือกว่าทางเทคโนโลยีเมื่อเทียบกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นในตลาด ที่เกี่ยวข้อง (๘) อ านาจในการต่อรองของผู้ซื้อ (๙) ความง่ายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน (๑๐) ความหลากหลายของสินค้าหรือบริการ (๑๑) การประหยัดจากขนาด ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕(๑๒) การประหยัดจากขอบเขตการผลิต (๑๓) การรวมตัวในแนวตั้งของธุรกิจที่ให้บริการ (๑๔) ระดับหรือแนวโน้มการกระจายและขายสินค้า (๑๕) อุปสรรคในการขยายกิจการ (๑๖) ปัจจัยอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ทั้งนี้ ตามแนวปฏิบัติที่คณะกรรมการเห็นชอบตามระเบียบนี้ ข้อ ๗ เพื่อให้มีมาตรการก ากับดูแลล่วงหน้าในการส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม ในกิจการพลังงาน ให้คณะกรรมการมี อ านาจก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาดเป็นผู้มีอ านาจเหนือตลาด อย่างมีนัยส าคัญในแต่ละประเภทของใบอนุญาต หรือตามตลาดที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการก าหนด เพิ่มเติม ข้อ ๘ ในการพิจารณา ก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัย ส าคัญตามข้อ ๗ ให้ก าหนด ผู้มีอ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัย ส าคัญในตลาดที่เกี่ยวข้องตามระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยนิยามตลาด และขอบเขตตลาดการให้บริการพลังงานที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาจากปัจจัยในข้อ ๖ ทั้งนี้ การพิจารณาก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัยส าคัญตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตาม แนวปฏิบัติที่คณะกรรมการเห็นชอบตามระเบียบนี้ ข้อ ๙ ในแต่ละตลาดที่เกี่ยวข้องตามข้อ ๘ ให้คณะกรรมการพิจารณา ก าหนดผู้รับใบอนุญาต เพียงรายเดียวเป็นผู้มี อ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัย ส าคัญในแต่ละประเภทใบอนุญาต หรือตลาด ที่เกี่ยวข้องอื่น ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ไม่อาจ ก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัยส าคัญเพียงรายเดียว ตามข้อ ๙ ได้ ให้คณะกรรมการพิจารณา ก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัย ส าคัญแบบหลายรายร่วมกัน โดยค านึงถึงปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้ (๑) การกระจุกตัวของตลาด (๒) สินค้าและบริการที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน (๓) โครงสร้างต้นทุนที่คล้ายคลึงกัน (๔) ส่วนแบ่งตลาดที่ใกล้เคียงกัน ในการพิจารณา ก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัย ส าคัญแบบหลายรายร่วมกันตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจใช้เกณฑ์และปัจจัยอื่นที่ใช้ในทางวิชาการพิจารณาประกอบด้วยก็ได้ เช่น ความโปร่งใส ตลาดในสภาวะเติบโตเต็มที่หรืออิ่มตัว การเติบโตอย่างชะงักงันด้านอุปสงค์ อุปสงค์ของสินค้าหรือ บริการที่มีความยืดหยุ่นต่ า นวัตกรร มทางเทคนิคหรือเทคโนโลยีที่เติบโตเต็มที่หรืออิ่มตัว ก าลังการผลิต ส่วนเกิน อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดสูง อ านาจในการต่อรองของผู้ซื้อ การแข่งขันที่มีศักยภาพ กลไกของการโต้กลับ และขอบข่ายของการแข่งขันด้านราคา เป็นต้น ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ข้อ ๑๑ ให้คณะกรรมการพิจารณา ก าหนดมาตรการเ ฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ส าหรับผู้รับใบอนุญาตที่เป็นผู้มี อ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัย ส าคัญตามระเบียบนี้ โดยจะต้องสอดคล้อง กับสภาพอุปสรรคในการแข่งขันในตลาด และเป็นไปตามที่ก าหนดไว้ในหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณา ก าหนดมาตรการส าหรับพฤติกรรมผูกขาด ลดการแข่งขั น หรือจ ากัดการแข่งขันในกิจการพลังงาน ที่คณะกรรมการประกาศก าหนด กรณีที่มีผู้ได้รับใบอนุญาตเพียงรายเดียวในตลาดที่เกี่ยวข้องโดยชอบ ด้วยกฎหมาย คณะกรรมการอาจพิจารณาไม่ก าหนดมาตรการก ากับดูแลที่เหมาะสมก็ได้ ให้คณะกรรมการทบทวนความจ าเป็นของมาตรการเฉพาะเป็นประ จ าทุกสองปี หรือ ตามระยะเวลาที่คณะกรรมการเห็นสมควร โดย ค านึงถึงความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและ ความต้องการของตลาดตลอดจนสภาพการแข่งขัน ข้อ ๑๒ ให้ส านักงานจัดท ารายงานการวิเคราะห์เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ ในการก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัยส าคัญและมาต รการเฉพาะในการ ก ากับดูแลตามข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ และข้อ ๑๑ การจัดท ารายงานการวิเคราะห์ตามวรรคหนึ่งเพื่อก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัยส าคัญ ส านักงานอาจมอบหมายให้ผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจัดท ารายงาน การวิเคราะห์ ภายในระยะเวลาที่ส านักงานเห็นสมควร ข้อ ๑๓ ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่ต้องจัดส่งข้อมูลตามที่ ส านักงานร้องขอเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ และพิจารณาตามระเบียบนี้ ในกรณีที่ ส านักงานมีหรือได้รับข้อมูลไม่เพียงพอเพื่อประกอบการวิเคราะห์ หรือพิจารณา ส านักงานอาจใช้หลักเกณฑ์ตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์ในการ ก าหนดสมมติฐานหรือ ประมาณค่าที่เหมาะสมเพื่อใช้ประกอบการ ค านวณหรือการพิจารณาก็ได้ ข้อ ๑๔ ผู้รับใบอนุญาตรายใดที่เป็นผู้มี อ านาจเหนือตลาดตามระเบียบนี้ ให้ถือว่าเป็นผู้มี อ านาจ เหนือตลาดตามระเบียบคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงา น ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณา ก าหนดมาตรการส าหรับพฤติกรรมผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจ ากัดการแข่งขันในกิจการพลังงาน ข้อ ๑๕ ให้ส านักงานเสนอคณะกรรมการพิจารณาประกาศก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาด อย่างมีนัยส าคัญตามข้อ ๘ ข้อ ๙ หรือข้อ ๑๐ และมาตรการเฉพาะตามข้ อ ๑๑ และน าประกาศ ดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้เกี่ยวข้องเป็นเวลาอย่างน้อยสิบห้าวัน พร้อมทั้ง แจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตตามประกาศทราบ หากผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวมีข้อโต้แย้ง ให้ท าค าโต้แย้งเป็นหนังสือ ต่อคณะกรรมการภายในระยะเวลาไม่เกินสิบ ห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ให้ส านักงานเสนอค าโต้แย้งตามวรรคหนึ่งต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาไม่เกินสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับค าโต้แย้ง กรณีมิได้มีค าโต้แย้งตามวรรคหนึ่ง หรือด าเนินการตามวรรคสองแล้วเสร็จ ให้คณะกรรมการ มีค าสั่งก าหนดผู้มีอ านาจเหนือตลาดอย่างมีนัยส าคัญตามข้อ ๘ ข้อ ๙ หรือข้อ ๑๐ และมาตรการ เฉพาะตามข้อ ๑๑ โดยให้ส านักงานมีหนังสือแจ้งค าสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตที่ตกอยู่ภายใต้บังคับ ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕แห่งค าสั่งนั้นทราบ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตต้องเตรียมการเพื่อปฏิบัติตามค าสั่ง ให้ส านั กงานแจ้งให้ ผู้รับใบอนุญาตทราบเป็นเวลาล่วงหน้า ไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ข้อ ๑๖ ผู้รับใบอนุญาตที่ยื่นค าขออนุญาตที่ไม่พอใจค าสั่งของคณะกรรมการตามระเบียบนี้ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งค าสั่ง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามระเบียบ ของคณะกรรมการว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอุทธรณ์ และการพิจารณาอุทธรณ์ ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕65 เสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕" 1406.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การแจ้งและการรายงานในกรณีพบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็น โรคจากการประกอบอาชีพหรือโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งและการรายงานในกรณีพบผู้ซึ่งเป็น หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอาชีพหรือโรคจากสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ในการ เฝ้าระวังโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๓๐ วรรคสอง และมาตรา ๓๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยค าแนะน าของคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ และโรคจากสิ่งแวดล้อม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การแจ้งและการรายงาน ในกรณีพบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอาชีพหรือโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในกรณีที่พบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอาชีพหรือ โรคจากสิ่งแวดล้อม ให้บุคคลดังต่อไปนี้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนี้ (๑) นายจ้าง ในกรณีที่พบลูกจ้างซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอาชีพ ในสถานประกอบกิจการ (๒) ผู้รับผิดชอบในสถานพยาบาล ในกรณีที่พบลูกจ้าง แรงงานนอกระบบ หรือประชาชน ที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษตามมาตรา ๒๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ และโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประก อบอาชีพ หรือโรคจากสิ่งแวดล้อมในสถานพยาบาล การแจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดส านักงาน สาธารณสุขจังหวัด ในกรณีที่พบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอาชีพหรือ โรคจากสิ่งแวดล้อมในเขตจังหวัด หรือแจ้ง ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดส านักอนามัย กรุงเทพมหานคร ในกรณีที่พบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอาชีพหรือ โรคจากสิ่งแวดล้อมในเขตกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี ภายในสามวันนับแต่พบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุ อันควรสงสัยว่าเป็ นโรคจากการประกอบอาชีพหรือโรคจากสิ่งแวดล้อม กรณีมีเหตุจ าเป็นเร่งด่วนซึ่งหาก ปล่อยไว้อาจเกิดหรือก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ให้แจ้งภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่พบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการป ระกอบอาชีพหรือ โรคจากสิ่งแวดล้อม ข้อ ๔ การแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ ๓ อย่างน้อยให้มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีผู้แจ้งเป็นนายจ้าง ให้แจ้งชื่อ ที่อยู่ ประเภทกิจการ และสถานที่ท างานของตน และชื่อ อายุ เพศ สัญชาติ ต าแหน่งงาน อายุงาน ลักษณะการท างาน สิ่งคุกคามสุขภาพ ที่อยู่ปัจจุบัน หรือ สถานที่ที่พบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอาชีพในสถานประกอบกิจการ (๒) กรณีผู้แจ้งเป็นผู้รับผิดชอบในสถานพยาบาล (ก) กรณีพบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอา ชีพ ให้แจ้งชื่อ ที่อยู่ และสถานที่ท างานของตน และชื่อ อายุ เพศ สัญชาติ ต าแหน่งงาน อายุงาน ลักษณะการท างาน สิ่งคุกคามสุขภาพ ที่อยู่ปัจจุบันหรือสถานที่พักรักษาตัวอยู่ ประวัติการท างานและประวัติที่อยู่อาศัย อาการและอาการแสดง การวินิจฉัยโรคขั้นต้น และข้อมูลอื่นที่จ าเป็นของบุคคลดังกล่าว (ข) กรณีพบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากสิ่งแวดล้อม ให้แจ้งชื่อ ที่อยู่ และสถานที่ท างานของตน และชื่อ อายุ เพศ สัญชาติ ที่อยู่อาศัย อาชีพ ประวัติการท างาน และประวัติที่อยู่อาศัย แหล่งก าเนิ ดมลพิษหรือแหล่งที่สงสัยที่อาจก่อให้เกิดมลพิษ ชนิดของมลพิษ การวินิจฉัยโรคขั้นต้น อาการและอาการแสดง และข้อมูลอื่นที่จ าเป็นของบุคคลดังกล่าว ข้อ ๕ การแจ้งตามข้อ ๓ (๑) เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ บันทึกข้อมูลไว้ตามแบบที่อ ธิบดีกรมควบคุมโรคก าหนด การแจ้งตามข้อ ๓ (๒) ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่อธิบดีกรมควบคุมโรคก าหนด ข้อ ๖ กรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจาก การประกอบอาชีพหรือโรคจากสิ่งแวดล้อม หรือกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ ได้รับแจ้งตามข้อ ๓ ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่รายงานต่อกรมควบคุมโรค และคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรค จากสิ่งแวดล้อมจังหวัดหรือคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี ภายในสามวันนับแต่วันที่พบผู้ซึ่งเป็ นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรค จากการประกอบอาชีพหรือโรคจากสิ่งแวดล้อมหรือนับแต่ได้รับแจ้งตามข้อ 3 กรณีที่ผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอาชีพหรือโรคจากสิ่งแวดล้อม ที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบหรือได้รับแจ้งตามข้อ 3 เสียชีวิต ให้พนักง านเจ้าหน้าที่รายงานต่อกรมควบคุมโรค และคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมจังหวัดหรือคณะกรรมการ ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี ภายใน ยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่วันที่พบผู้ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคจากการประกอบอาชีพหรือ โรคจากสิ่งแวดล้อมหรือนับแต่ได้รับแจ้งตามข้อ 3 การรายงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดี กรมควบคุมโรคก าหนด ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ข้อ ๗ การแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ ๓ และการรายงานต่อกรมควบคุมโรคและ คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมจังหวัดหรือคณะกรรมการ ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานครตามข้อ ๖ ให้ด าเนินการ โดยวิธีการหนึ่งวิธีการใด ดังต่อไปนี้ (1) ทางโทรศัพท์ (๒) ทางโทรสาร (๓) เป็นหนังสือ (๔) ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (๕) วิธีการอื่นใดที่กรมควบคุมโรคก าหนดเพิ่มเติม ข้อ ๘ ให้อธิบดีกรมควบคุมโรครักษาการตามประกาศนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับ การด าเนินการตามประกาศนี้ ให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้วินิ จฉัยชี้ขาด และให้ค าสั่งหรือข้อวินิจฉัย ของอธิบดีกรมควบคุมโรคถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕65 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕" 1408.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความเห็นชอบหลักสูตร รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง และรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ (ฉบับที่ 3) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความเห็นชอบ หลักสูตร รายละเอียดที่เกี่ยวข้องและรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและ การฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบั ญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความใน (4) ของ ก. ของข้อ 3 ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความเห็นชอบหลักสูตร รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง และรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยน สาขาอาชีพ ลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความเห็นชอบหลักสูตร รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง และรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยน สาขาอาชีพ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(4) จ านวนผู้รับการฝึกอบรมให้เป็น ดังนี้ กรณีการฝึกอบรมโดยการบรรยาย ส าหรับการฝึกอบรมในห้องฝึกอบรม ให้มีจ านวน ผู้รับการฝึกอบรมรุ่นละไม่เกินหนึ่งร้อยคน ส าหรับการฝึกอบรมทางไกลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ให้มีจ านวนผู้รับการฝึกอบรมรุ่นละไม่เกินห้าสิบคน กรณีการฝึกอบรมโดยการจัดกิจกรรมกลุ่ม ให้มีจ านวนผู้รับการฝึกอบรมกลุ่มละไม่เกิน ห้าสิบคนต่อวิทยากรหนึ่งคน กรณีการฝึกอบรมทักษะฝีมือซึ่งต้องมีภาคปฏิบัติ ให้มีจ านวนผู้รับการฝึกอบรมกลุ่มละ ไม่เกินยี่สิบห้าคนต่อวิทยากรหนึ่งคน ” ข้อ 2 บรรดาค าขอและการพิจารณาค าขอตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความเห็นชอบหลักสูตร รายละเอียด ที่เกี่ยวข้อง และรายการค่า ใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ ลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความเห็นชอบหลักสูตร รายละเอียด ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๕ที่เกี่ยวข้อง และรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ให้ด าเนินการตามประกาศดังกล่าวจนเสร็จสิ้น ประกาศ ณ วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๓ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๕" 1412.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงข้อก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซลให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปริมาณและราคาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไบโอดีเซล อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 25 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการค้าน ้ามันเชื อเพลิง พ.ศ. 2543 อธิบดีกรมธุรกิ จพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ข้อ 1 ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในรายการ 17 ในตารางหมายเลข 1 ลักษณะและคุณภาพของ น ้ามันดีเซล แนบท้ายประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี แ ทน รายการ ข้อก้าหนด อัตราสูง ต่้า น ้ามันดีเซล วิธีทดสอบ1/ หมุนเร็ว หมุนช้า ธรรมดา บี 7 บี 20 17 ไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ ร้อยละโดยปริมาตร ของกรดไขมัน (Methyl ester of fatty acids ) % vol. ไม่ต่้ากว่า และ ไม่สูงกว่า 6.6 10 6.6 7 6.6 20 - EN 14078 ตั งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ไม่ต่้ากว่า และ ไม่สูงกว่า 9 10 6.6 7 19 20 - ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖5 นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕" 1414.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง ก าหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) โดยที่เป็นการสมควรก าหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติในสาขาอาชีพต่าง ๆ เพิ่มเติม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความใน (3) ของข้อ 2.4 ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน เรื่อง ก าหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(3) สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 1 ไม่เกินครั้งละ 1,000 บาท ระดับ 2 ไม่เกินครั้งละ 2,500 บาท” ข้อ 2 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (32) (33) (34) และ (35) ของข้อ 2.4 ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง ก าหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563 “(32) สาขาช่างควบคุมหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ 1 ไม่เกินครั้งละ 1,000 บาท (33) สาขานักดูแลและบริหารระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระดับ 2 ไม่เกินครั้งละ 1,000 บาท (34) สาขาผู้บังคับโดรนถ่ายภาพแบบปีกหมุนทั่วไป ระดับ 1 ไม่เกินครั้งละ 1,100 บาท (35) สาขานักออกแบบแอนิเมชันสามมิติ ระดับ 3 ไม่เกินครั้งละ 2,000 บาท” ข้อ 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (2) และ (3) ของข้อ 2.6 ของประกาศคณะกรรมการ ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง ก าหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563 “(2) สาขานักพัฒนาผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ระดับ 2 ไม่เกินครั้งละ 1,300 บาท (3) สาขาผู้ควบคุมคุณภาพการแปรรูปผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ระดับ 1 ไม่เกินครั้งละ 1,400 บาท” ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ข้อ 4 ให้ยกเลิกความใน (10) ของข้อ 2.7 ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน เรื่อง ก าหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(10) สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ 1 ไม่เกินครั้งละ 1,500 บาท” ข้อ 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (17) ของข้อ 2.7 ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง ก าหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563 “(17) สาขาพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ระดับ 1 ไม่เกินครั้งละ 2,500 บาท” ประกาศ ณ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖5 บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕" 1415.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ 151/๒๕๖5 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกรมศุลกากร ที่ 237/2564 เพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) และเพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพันตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๒๕ มาตรา ๕๑ และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ อธิบดีกรมศุลกากร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ 2 แห่งประกาศกรมศุลกากร ที่ 237/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ และพิธีการการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพันตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ระดับภูมิภาค ลงวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมศุลกากร ที่ 38/2565 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกรมศุลกากร ที่ 237/2564 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 2 รายชื่อภาคีที่ได้รับการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพันตามความตกลง RCEP (1) เนการาบรูไน ดารุซซาลาม (2) ประเทศออสเตรเลีย (3) ประเทศนิวซีแลนด์ (4) ประเทศญี่ปุ่น (5) ราชอาณาจักรกัมพูชา (6) สาธารณรัฐสิงคโปร์ (7) สาธารณรัฐประชาชนจีน (8) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (9) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (10) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (11) สาธารณรัฐเกาหลี (12) ประเทศมาเลเซีย (13) ประเทศอินโดนีเซีย ” ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖6 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖5 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๕" 142.pdf,"ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกัน ในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจ าเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจ าเลย ในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๘ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช ๒๔๗๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบมาตรา ๑๑๐ วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติ มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ ประธานศาลฎีกาออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจ าเลย ในคดีอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕.๓ แห่งข้อบังคับของประธา นศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจ าเลย ในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “คดีที่มีอัตราโทษจ าคุกอย่างสูงไม่เกิน ๑๐ ปี ให้ศาลใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ โดยไม่ต้องมีประกัน หากมีเหตุจ าเป็นต้องมีประกันให้ก าหนดวงเงินไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เว้นแต่ มีเหตุสมควรที่จะสั่งเป็นอย่างอื่น ก็ให้ระบุเหตุนั้นไว้โดยชัดแจ้ง ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๕.๔ แห่งข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาหรือจ าเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “คดีที่มีอัตราโทษจ าคุกอย่างสูงเกิน ๑๐ ปีขึ้นไป การอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ต้องมีประกัน และจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ได้ แต่วงเงินประกันต้องไม่สูงเกินควรแก่กรณี ” ข้อ ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๒/๑ แห่งข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้อง หา หรือจ าเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๘ ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๓๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒“ในกรณีผู้ต้องหาหรือจ าเลยเป็นชาวต่างประเทศขอปล่อยชั่วคราว ให้ศาลมีค าสั่งอนุญาต ให้ปล่อยชั่วคราวต่อเมื่อผู้ต้องหาหรือจ าเลยยินยอมส่งมอบหนังสือเดินทางไว้ต่อศาลด้วย และให้ศาล มีค าสั่งห้ามผู้ต้องหาหรือจ าเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ศาลเห็นสมควรเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจ าเลยยินยอมส่งมอบหนังสือเดินทางตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลมอบส าเนา หนังสือเดินทางให้แก่ผู้ต้องหาหรือจ าเลยดังกล่าวไว้แทน เมื่อศาลมีค าสั่งห้ามผู้ต้องหา หรือจ าเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้ศาลมีหนังสือ แจ้งค าสั่งไปยังส านักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อระงับการเดินทางออกนอกราชอาณาจักรจนกว่าศาล จะมีค าสั่งเป็นอย่างอื่น โดยให้ส่งส าเนาหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาหรือจ าเลยแนบไปพร้อมด้วย และเมื่อคดีถึงที่สุดหรือไม่มี เหตุจ าเป็นที่จะต้องเก็บรักษาหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาหรือจ าเลยไว้ ให้คืนหนังสือเดินทางแก่ผู้ต้องหาหรือจ าเลย พร้อมทั้งแจ้งยกเลิกค าสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไปยังส านักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยเร็ว ” ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖2 ชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๓๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒" 1420.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดค่ำธรรมเนียมกำรจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ส ำหรับกำรโอนและกำรจ ำนองจำกกำรซื้อขำยอสังหำริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนและบรรเทำภำระให้แก่ประชำชนที่ต้องกำรมีที่อยู่อำศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. ๒๕๖๕ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมำยที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และมำตรำ ๑๐๓ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมำยที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยที่ดิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่ำกำร กระทรวงมหำดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ก ำหนดค่ำธรรมเนียมกำรจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับกำรซื้อขำยอสังหำริมทรัพย์ ที่เป็นอำคำรที่อยู่อำศัยป ระเภทบ้ำนเดี่ยว บ้ำนแฝด หรือบ้ำนแถว หรืออำคำรพำณิชย์ หรือที่ดิน พร้อมอำคำรดังกล่ำว ซึ่งมีรำคำซื้อขำยและรำคำประเมินทุนทรัพย์ไม่เกินสำมล้ำนบำท และวงเงินจ ำนอง ไม่เกินสำมล้ำนบำท และผู้ซื้ออสังหำริมทรัพย์เป็นบุคคลธรรมดำซึ่งมีสัญชำติไทย ทั้งนี้ เฉพำะกำรจดทะเบียน ที่ด ำเนินกำรภำยในวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ดังนี้ (๑) ค่ำจดทะเบียนโอนอสังหำริมทรัพย์ ร้อยละ ๑ (๒) ค่ำจดทะเบียนกำรจ ำนองอสังหำริมทรัพย์อันเนื่องมำจำก กำรจดทะเบียนโอนอสังหำริมทรัพย์ตำม (๑) ในครำวเดียวกัน ร้อยละ ๐.๐๑ ให้ไว้ ณ วันที่ 26 ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก อนุพงษ์ เผ่ำจินดำ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ้หนา ๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๖๖หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบำลมีนโยบำยสนับสนุนให้ประชำชน มีที่อยู่อำศัยเป็นของตนเองและเสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจอสังหำริมทรัพย์ สมควรก ำหนดค่ำธรรมเนียม กำรจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับกำรซื้อขำยอสังหำริมทรัพย์ที่เป็นอำคำรที่อยู่อำศัยหรืออำคำรพำณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอำคำรดังกล่ำวเป็นกรณีพิเศษ จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๖๖" 1421.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดค่ำธรรมเนียมกำรจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ส ำหรับกำรโอนและกำรจ ำนองจำกกำรซื้อขำยห้องชุด เพื่อสนับสนุนและบรรเทำภำระให้แก่ประชำชนที่ต้องกำรมีที่อยู่อำศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. ๒๕๖๕ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหนึ่ง และมำตรำ ๖๑ แห่งพระรำชบัญญัติอำคำรชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ก ำหนดค่ำธรรมเนียมกำรจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับกำรซื้อขำยห้องชุดในอำคำรชุด ที่จดทะเบียนนิติบุคคลอำคำรชุดตำมกฎหมำยว่ำด้วยอำคำรชุด ซึ่งมีรำคำซื้อขำยและรำคำประเมิน ทุนทรัพย์ไม่เกินสำมล้ำนบำท และวงเงินจ ำนองไม่เกินสำมล้ำนบำท และผู้ซื้อห้องชุดเป็นบุคคลธรรมดำ ซึ่งมีสัญชำติไทย ทั้งนี้ เฉพำะกำรจดทะเบียนที่ด ำเนินกำรภำยในวันที่กฎกระทรว งนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ดังนี้ (๑) ค่ำจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ร้อยละ ๑ (๒) ค่ำจดทะเบียนกำรจ ำนองห้องชุดอันเนื่องมำจำก กำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดตำม (๑) ในครำวเดียวกัน ร้อยละ ๐.๐๑ ให้ไว้ ณ วันที่ 26 ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก อนุพงษ์ เผ่ำจินดำ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ้หนา ๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๖๖หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบำลมีนโยบำยสนับสนุนให้ประชำชน มีที่อยู่อำศัยเป็นของตนเองและเสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจอสังหำริมทรัพย์ สมควรก ำหนดค่ำธรรมเนียม กำรจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับกำรซื้อขำยห้องชุดเป็นกรณีพิเศษ จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๖๖" 1422.pdf,"ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการด าเนินการทางทะเบียนและภาษีส าหรับรถยนต์รับจ้าง ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการทางทะเบียนและภาษีส าหรับ รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมไว้แล้ว นั้น เพื่อให้การด าเนินการจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกิดความเรียบร้อยเหมาะสม และสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๐ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๕ อธิบดี กรมการขนส่งทางบก จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการทางทะเบียน และภาษีส าหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ ของระเบียบกรมการขนส่งทาง บกว่าด้วยการด าเนินการ ทางทะเบียนและภาษีส าหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔ การขอจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าของรถยื่นขอรับ ความเห็นชอบต่อนายทะเบียน ดังนี้ (๑) รถที่จดทะเบียนใน เขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ ส านักการขนส่งผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบก หรือส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ ๑ - ๔ แล้วแต่กรณี (๒) รถที่จดทะเบียนในเขตจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ ส านักงานขนส่งจังหวัดที่รถนั้นจดทะเบียน อยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ ” ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ ๙ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการด าเนินการทางทะเบียนและภาษีส าหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๔ “ในกรณีที่มีเหตุผลความจ าเป็น เพื่อประโยชน์ในการอ านวยความสะดวกแก่เจ้าของรถผู้ขอ จดทะเบียน ส านักการขนส่งผู้โดยสารโดยความเห็นชอบของอธิบดี อาจก าหนดให้การด าเนินการ ตามวรรคหนึ่ง ณ ส านักงานขนส่งที่รถนั้นไม่ได้จดทะเบียนอยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบก็ได้ ” ข้อ ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๕/๑ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วย การด าเนินการทางทะเบียน และภาษีส าหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ้หนา ๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๖๖“ข้อ ๑๕/๑ ในกรณีเจ้าของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประสงค์จะจดทะเบียน เปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ให้เจ้าของรถยื่นค าขอ ณ ส านักงานขนส่งที่รถนั้นจดทะเบียน อยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ ได้แก่ ส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ ๑ - ๕ ส านักงานขนส่ง จังหวัด ส านักงานขนส่งจังหวัดสาขา หรือส านักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอ าเภอเบตง แล้วแต่กรณี โดยยื่นค าขอพร้อมส าเนาใบคู่มือจดทะเบียน รถ หรือใบคู่มือจดทะเบียนรถ เว้นแต่กรณีที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ และผู้ครอบครองรถเป็นบุคคลเดียวกัน ให้ใช้เฉพาะใบคู่มือจดทะเบียนรถเป็นหลักฐานประกอบค าขอ เมื่อนายทะเบียนเห็นว่าเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน ให้สั่งผู้ยื่นค าขอน ารถเข้ารับการตรวจสภาพ ตามระเบียบกรมการขน ส่งทางบกว่าด้วยการตรวจสภาพรถ และเกณฑ์การวินิจฉัยผลการตรวจ สภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เว้นแต่กรณีเปลี่ยนประเภทรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลภายในระยะเวลาไม่เกินหกเดือนนับแต่จดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์ รับจ้างผ่านระบบอิเล็ กทรอนิกส์ให้ใช้ผลการตรวจสภาพเดิมโดยไม่ต้องน ารถเข้าตรวจสภาพใหม่ และให้นายทะเบียนน าเครื่องหมายรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ออก ในกรณีที่มีเหตุผลความจ าเป็น เพื่อประโยชน์ในการอ านวยความสะดวกแก่เจ้าของรถ ผู้ขอจดทะเบียน ส านักการขนส่งผู้โดยสารโดยความเห็นชอบของอธิบดี อาจก าหนดให้การด าเนินการ ตามวรรคหนึ่ง ณ ส านักงานขนส่งที่รถนั้นไม่ได้จดท ะเบียนอยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิด ชอบก็ได้” ประกาศ ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖5 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๖๖" 1430.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายก าหนดเวลาการช าระภาษีมูลค่าเพิ่มส าหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ของผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ โดยที่มาตรา ๘๒/๑๓ วรรคสองและวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ ก าหนดให้ ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ จากต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี และช าระภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๓ แห่งประมวลรัษฎากร โดยเริ่มมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีและช าระภาษีมูลค่าเพิ่ มในเดือนภาษีกันยายน ๒๕๖๔ เป็นเดือนภาษีแรก ซึ่งยังคงมีผู้ประกอบ การจ านวนมากช าระภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ส าเร็จหรือไม่ครบถ้วนภายในก าหนดเวลา เนื่องจากเหตุขัดข้อง ในการช าระภาษีมูลค่าเพิ่ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาศัยอ านาจตามมาตรา ๓ อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ขยายเวลาการช าระภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปอีก 8 วัน นับแต่วันสุดท้ายของก าหนดเวลาการยื่นแบบแสดง รายการภาษีและช าระภาษีมูลค่าเพิ่มหรือที่ได้รับการขยายก าหนดเวลาตามมาตรา ๓ อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่วันใดจะเป็นวันสุดท้าย ส าหรับผู้ ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ จากต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ เฉพาะกรณีที่ได้ยื่น แบบแสดงรายการภาษี (แบบ P.P.30.9) ภายในก าหนดเวลาดังกล่าวผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่การช าระภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ส าเร็จหรื อไม่ครบถ้วนภายในก าหนดเวลา ทั้งนี้ ส าหรับการยื่นแบบแสดง รายการภาษีและช าระภาษีมูลค่าเพิ่มส าหรับเดือนภาษีกันยายน ๒๕๖๔ ถึงเดือนภาษีสิงหาคม ๒๕๖๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖5 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ มกราคม ๒๕๖๖" 1431.pdf,"ระเบียบกรมปศุสัตว์ ว่าด้วยวิธีการเก็บตัวอย่างอาหารสัตว์เป็นตัวอย่างเพื่อทดสอบ ตรวจ หรือวิเคราะห์คุณภาพ และการด าเนินการเมื่อผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพอาหารสัตว์ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย การควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดวิธีการเก็บตัวอย่างอาหารสัตว์และการส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ตรวจ หรือวิเคราะห์คุณภาพไปยังห้องปฏิบัติการเป็นไปตามมาตรา 65 (3) แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 เป็นไปในแนวทางเดียวกันและก าหนดแนวทางการด าเนินการ เมื่อผลตรวจวิเคราะห์คุณภาพอาหารสัตว์ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญั ติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ อธิบดีกรมปศุสัตว์ จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมปศุสัตว์ว่าด้วยวิธีการเก็บตัวอย่างอาหารสัตว์ เป็นตัวอย่างเพื่อทดสอบ ตรวจ หรือวิเคราะห์คุณภาพ และการด าเนินการ เมื่อผลการตรวจวิเคราะห์ คุณภาพอาหารสัตว์ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็นวรรคสาม ของข้อ ๑๒ ของระเบียบกรมปศุสัตว์ ว่าด้วยวิธีการเก็บตัวอย่างอาหารสัตว์เป็นตัวอย่างเพื่อทดสอบ ตรวจ หรือวิเคราะห์คุณภาพ และ การด าเนินการเมื่อผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพอาหารสัตว์ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุม คุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๔ “กรณีที่ต้องด าเนินการตามกฎหมาย เมื่อผลการทดสอบ ตรวจ หรือวิเคราะห์คุณภาพอาหารสัตว์ ไม่เป็นไปตามที่ก าหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ผลการทดสอบ ตรวจ หรือวิเคราะห์นั้น ต้องเป็นผลการทดสอบ ตรวจ หรือวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการของกรมปศุสัตว์ เท่านั้น” ประกาศ ณ วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖5 สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ้หนา ๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มกราคม ๒๕๖๖" 1436.pdf,"ประกาศส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เรื่อง วิธีการแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 โดยที่มาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติว่าในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย ให้เป็นสิทธิของ ผู้รับอนุญาตที่จะแสดงใบอนุญาตนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการที่ผู้อนุญาตประกาศก าหนดก็ได้ โดยให้ถือว่าการแสดงเช่นว่านั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว สมควรก าหนดวิธีการแสดงใบอนุญาต ตามกฎหมายในความรับผิดชอบของส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน อาศัยอ านาจตามความในมาต รา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ เลขาธิการส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาต” หมายความว่า เอกสารหลักฐานที่กฎหมายก าหนดให้ต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผย ดังต่อไปนี้ (๑) ใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้น าเข้า ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานสินค้าเกษตร (๒) ใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานสินค้าเกษตร ข้อ ๓ ผู้รับอนุญาตสามารถเลือกแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๒ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) แสดงเป็นภาพผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (๒) แสดงเป็นคิวอาร์โคดที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถสแกนเพื่อเข้าถึงใบอนุญาตที่เป็น เอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือภาพท างอิเล็กทรอนิกส์ของใบอนุญาต หรือ (๓) แสดงข้อมูลผ่านระบบยื่นค าขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้น าเข้า และการแจ้งการน าเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ ( TAS-License) ที่เว็บไซต์ https://tas.acfs.go.th หรือ Mobile Application ของระบบ TAS-License หรือระบบการออกใบอนุญาต เป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานของระบบ CAB Services ที่เว็บไซต์ https://cabservices.acfs.go.th แล้วแต่กรณี ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มกราคม ๒๕๖๖ข้อ ๔ การแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๓ ต้องมีขนาดของภาพและความละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ รวมทั้งสามารถแสดงให้เห็นข้อมูลอันเป็นสาระส าคัญของใบอนุญาตได้ครบถ้วน ผู้รับอนุญาตอาจเลือกแสดงภาพใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่ประกอบกิจการ มากกว่าหนึ่งใบหรือภาพผ่านหน้าจอเดียวกันก็ได้ แต่ต้องมีระยะเวลาแสดงภาพใบอนุญาตแต่ละใบไม่น้อยกว่า ห้าวินาที ข้อ ๕ เมื่อผู้รับอนุญาตเลือกแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามข้อ ๓ แล้ว ผู้รับอนุญาตไม่ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยตลอดเวลา ณ สถานที่ประกอบกิจการ อีกต่อไป แต่ต้องสามารถแสดงต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตลอด เวลาเมื่อมีการตรวจสอบ หรือต่อประชาชนที่ขอตรวจดู ประกาศ ณ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖5 พิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มกราคม ๒๕๖๖" 1437.pdf,"ประกาศคณะกรรมการควบคุมอาคาร เรื่อง การน ากฎกระทรวงก าหนดประเภท หรือขนาดของอาคาร และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๖๓ มาใช้บังคับกับการควบคุมอาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. 2565 ด้วยกระทรวงพลังงานได้ออกกฎกระทรวงก าหนดประเภท หรือขนาดของอาคาร มาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยอาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคสอง และมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยที่มาตรา ๒๐ แห่งพระราชบั ญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ก าหนดให้การออกกฎกระทรวง ตามมาตรา ๑๙ ถ้าคณะกรรมการควบคุมอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารได้พิจารณา ให้ความเห็นชอบที่จะน ามาใช้บังคับกับการควบคุมอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารด้วยแล้ว ให้ถือว่ากฎหมา ยดังกล่าวมีผลเสมือนเป็นกฎหมายที่ออกตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยอาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๘ (๖) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๓ และมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ คณะกรรมการควบคุมอาคาร ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว และออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการควบคุมอาคาร เรื่อง การน ากฎกระทรวง ก าหนดประเภท หรือขนาดของอาคาร และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคาร เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๖๓ มาใช้บังคับกับการควบคุมอาคารตามกฎหมายว่าด้วย การควบคุมอาคาร พ.ศ. 2565” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “กฎกระทรวงฯ ” หมายความว่า กฎกระทรวงก าหนดประเภท หรือขนาดของอาคาร และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกตามความในมาตรา ๖ วรรคสอง และมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ “การตรวจประเมิน ” หมายความว่า การตรวจประเมินค่าอนุรักษ์พลังงานในการออกแบบอาคาร เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มกราคม ๒๕๖๖“ผู้ตรวจประเมิน ” หมายความว่า ผู้ท าหน้าที่ตรวจประเมินในการออกแบบก่อสร้างหรือ ดัดแปลงอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ที่มีคุณสมบัติตามที่กฎกระทรวงฯ ก าหนด โดยเป็นผู้ได้รับ ใบประกอบวิชาชี พให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม หรือผู้ได้รับใบประกอบวิชาชีพให้เป็น ผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม และได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและ อนุรักษ์พลังงานว่าเป็นผู้ส าเร็จการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์ พลังงานก าหนด ข้อ ๔ ให้ถือว่ากฎกระทรวงฯ มีผลเสมือนเป็นกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ทั้งนี้ ให้ผู้ซึ่งประสงค์จะก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร ตามประเภทและขนาดที่ก าหนดไว้ในข้อ ๔ และข้อ ๕ แห่งกฎกระทรวง ฯ ต้องมีการออกแบบอาคาร ให้เป็นไปตามมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ตามกฎกระทรวงฯ และให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอ านาจหน้าที่ควบคุมดูแลให้การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร ดังกล่าวเป็นไปตามกฎกระทรวง ฯ ข้อ ๕ ให้เจ้าของอาคารตามข้อ ๔ แห่งกฎกระทรวง ฯ มีหน้าที่จัดท ารายงานผลการตรวจ ประเมินในการออกแบบก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และจัดหาผู้ที่มีคุณสมบัติ ในการตรวจประเมินตามที่ก าหนดในข้อ ๑๔ แห่งกฎกระทรวง ฯ เป็นผู้รับรองผลการตรวจประเมิน ในการออกแบบก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ประกอบการยื่นค าขอรับใบอนุญาต หรือแจ้งก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร และการขอใบรับรองการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารตามกฎหมาย ว่าด้วยการควบคุมอาคาร ทั้งนี้ ให้ถือว่าแบบรายงานผลการตรวจประเมินซึ่งจัดท าโดยเ จ้าของอาคาร และแบบรับรอง ผลการตรวจประเมินซึ่งจัดท าโดยผู้ตรวจประเมินเป็นเอกสารที่ต้องแนบพร้อมกับค าขอรับใบอนุญาตหรือ แจ้งการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร และการขอใบรับรองการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารตามกฎหมาย ว่าด้วยการควบคุมอาคารด้วย ข้อ ๖ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรว จสอบเอกสารที่ต้องแนบตามข้อ ๕ วรรคสอง ในขั้นตอน ดังนี้ (๑) การยื่นค าขอรับใบอนุญาตหรือแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นและด าเนินการตามมาตรา ๓๙ ทวิ (๒) การยื่นขอใบรับรองการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร เมื่อได้มีการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร แล้วเสร็จ กรณีที่เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ ข้อ ๗ แบบรายงานผลการตรวจประเมิน และแบบรับรองผลการตรวจประเมินตามข้อ ๕ วรรคสอง ให้ใช้แบบรายงานผลการตรวจประเมินในการออกแบบก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (ออพ. ๐๑) และแบบรับรองผลการตรวจประเมินในการออก แบบก่อสร้างหรือ ดัดแปลงอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (ออพ. ๐๒) ตามที่กระทรวงพลังงานประกาศก าหนด ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มกราคม ๒๕๖๖ข้อ ๘ การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่ได้ยื่นค าขอรับใบอนุญาตหรือได้แจ้งตามกฎหมาย ว่าด้วยการควบคุมอาคาร หรือตามกฎหมายเฉพาะว่าด้วยการนั้น หรือได้ยื่นรายงานการวิ เคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติ ตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕65 พงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ประธานคณะกรรมการควบคุมอาคาร ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มกราคม ๒๕๖๖" 1438.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วย การใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติ การท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บ ริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖ ดังนี้ บาท/ตู้ ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐' ตู้มีสินค้า ๗๓ ๑๔๖ ๑๖๔ ตู้สินค้าเปล่า ๔๔ ๘๘ ๙๙ ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซล ของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับ ราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียม มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖5 เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๕๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ มกราคม ๒๕๖๖" 1445.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๐/๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๘/๒๕๖๕ เรื่อง นโยบายและหลักเกณฑ์ การส่งเสริมการลงทุน เพื่อการให้การส่งเสริมและจูงใจให้ภาคเอกชนมีการลงทุนหรือค่าใช้จ่ายด้านพัฒนา ความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งรวมถึงด้านวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์ ต่อประเทศหรืออุตสาหกรรมโดยรวมมากขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ มาตรา ๓๑ และมาตรา ๓๑/๑ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังนี้ ข้อ ๑ ผู้ประกอบการสามารถขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถ ในการแข่งขัน กรณีโครงการที่ได้ลงทุนหรือมีค่าใช้จ่าย ดังนี้ ๑.๑ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม - การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งการด าเนินการเอง หรือการว่าจ้างผู้อื่นในประเทศ หรือการร่วมวิจัยและพัฒนากับองค์กรในต่างประเทศ - ค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิเทคโนโลยีที่พัฒนาจากแหล่งในประเทศ - การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ทั้งการด าเนินการเอง หรือ การว่าจ้างผู้อื่นในประเทศ ตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ - การสนับสนุนองค์กรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น สถาบันการศึกษา ศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทาง สถาบันวิจัย หน่วยงานของภาครัฐ เป็นต้น รวมถึงกองทุนด้านต่าง ๆ เช่น ด้านพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านพัฒนาบุคลากร เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ ๑.๒ ด้านพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ - การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง - การจัดฝึกอบรมหรือฝึกการท างานเพื่อพัฒนาทักษะ เทคโนโลยี และ นวัตกรรม ให้กับนักศึกษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ การจัด ฝึกอบรมหรือฝึกการท างานตามโครงการ Work-integrated Learning (WiL) โครงการอาชีวศึกษา ระบบทวิภาคี หรือโครงการสหกิจศึกษา ตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ ๑.๓ ด้านพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มกราคม ๒๕๖๖ - การพัฒนาผู้ผลิตวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนในประเทศ (Local Supplier) ที่มี ผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๑ ของทุนจดทะเบียน ในส่วนที่เกี่ยวกับการฝึกอบรม ด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และการให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค ทั้งนี้ รายละเอียดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ส านักงานก าหนด โดยให้ได้รับวงเงิน ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมเป็นสัดส่วนร้อยละ ๒๐๐ ของการลงทุนหรือค่าใช้จ่าย และโครงการ ดังกล่าวจะได้รับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติม หากมีการลงทุนหรือค่าใช้จ่าย ดังนี้ (๑) หากมีการลงทุนหรือมีค่าใช้จ่ายรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑ ของยอดขายรวม ใน ๓ ปีแรก หรือไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ล้านบาท แล้วแต่มูลค่าใดต่ ากว่า ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงิน ได้ นิติบุคคลเพิ่มเติมอีกเป็นระยะเวลา ๑ ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน ๘ ปี (๒) หากมีการลงทุนหรือมีค่าใช้จ่ายรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒ ของยอดขายรวม ใน ๓ ปีแรก หรือไม่น้อยกว่า ๔๐๐ ล้านบาท แล้วแต่มูลค่าใดต่ ากว่า ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลเพิ่มเติมอีกเป็นระยะเวลา ๒ ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน ๘ ปี (๓) หากมีการลงทุนหรือมีค่าใช้จ่ายรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓ ของยอดขายรวม ใน ๓ ปีแรก หรือไม่น้อยกว่า ๖๐๐ ล้านบาท แล้วแต่มูลค่าใดต่ ากว่า ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลเพิ่มเติมอีกเป็นระยะเวลา ๓ ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน ๘ ปี (๔) หากมีการลงทุนหรือมีค่าใช้จ่ายรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ของยอดขายรวม ใน ๓ ปีแรก หรือไม่น้อยกว่า ๘๐๐ ล้านบาท แล้วแต่มูลค่าใดต่ ากว่า ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลเพิ่มเติ มอีกเป็นระยะเวลา ๔ ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน ๘ ปี (๕) หากมีการลงทุนหรือมีค่าใช้จ่ายรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ของยอดขายรวม ใน ๓ ปีแรก หรือไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท แล้วแต่มูลค่าใดต่ ากว่า ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลเพิ่มเติมอีกเป็นระยะเวลา ๕ ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน ๘ ปี ทั้งนี้ ก าหนดให้กิจการในกลุ่ม A1 และ A2 ได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมได้ แต่รวมแล้วไม่เกิน ๑๓ ปี ข้อ ๒ กรณีที่มีการลงทุนหรือมีค่าใช้จ่ายด้านการวิจั ยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งการด าเนินการเอง หรือการว่าจ้างผู้อื่นในประเทศ หรือการร่วมวิจัยและพัฒนากับองค์กร ในต่างประเทศ รวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑ ของยอดขายรวมใน ๓ ปีแรก หรือไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ล้านบาท แล้วแต่มูลค่าใดต่ ากว่า ให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลโดยไม่ก าหนดวงเงินภาษี เงินได้นิติบุคคลที่จะได้รับการยกเว้น ทั้งนี้ ให้กิจการตามบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุน ที่ขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ถือเป็นกิจการ ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง สามารถได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมได้ โดยมีระยะเวลารวมกันไม่เกิน ๑๓ ปี ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มกราคม ๒๕๖๖ข้อ ๓ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จึงให้ ผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนภายใต้หลัก เกณฑ์เดิม สามารถขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติม ตามมาตรการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ตามประกาศฉบับนี้ได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖5 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มกราคม ๒๕๖๖" 1447.pdf," หนา ๙ เลม ๑๒๔ ตอนพิเศษ ๙๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๐ ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กําหนดชนิดของโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหร ือเนื่องจากการทํางาน โดยที่พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๑๔ ใหกระทรวงแรงงานประกาศ กําหนดชนิดของโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหร ือเนื่องจากการทํางาน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๑๔ แหงพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ กระทรวงแรงงานจ ึงออกประกาศไว ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ใหยกเลิกประกาศกระทรวงแรงงานและสว ัสดิการสังคม เรื่อง กําหนดชนิดของ โรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหร ือเนื่องจากการทํางาน ลงวันที่ ๒ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๓๘ ขอ ๒ ประกาศฉบับนี้ใหใชบังคับตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชก ิจจานุเบกษาเปนตนไป ขอ ๓ กําหนดชนิดของโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหร ือเนื่องจากการ ทํางานไวดังตอไปนี้ (๑) โรคที่เกิดขึ้นจากสารเคมีดังตอไปนี้ ๑) เบริลเลียมหรือสารประกอบของเบร ิลเลียม ๒) แคดเมียม หรือสารประกอบของแคดเม ียม ๓) ฟอสฟอรัส หรือสารประกอบของฟอสฟอร ัส ๔) โครเมียม หรือสารประกอบของโครเม ียม ๕) แมงกานีส หรือสารประกอบของแมงกาน ีส ๖) สารหนู หรือสารประกอบของสารหน ู ๗) ปรอท หรือสารประกอบของปรอท ๘) ตะกั่ว หรือสารประกอบของตะก ั่ว ๙) ฟลูออรีน หรือสารประกอบของฟล ูออรีน ๑๐) คลอรีน หรือสารประกอบคลอร ีน ๑๑) แอมโมเนีย ๑๒) คารบอนไดซัลไฟด หนา ๑๐ เลม ๑๒๔ ตอนพิเศษ ๙๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๐ ๑๓) สารอนุพันธฮาโลเจนของสารไฮโดรคาร บอน ๑๔) เบนซีน หรือสารอนุพันธของเบนซีน ๑๕) อนุพันธไนโตรและอะม ิโนของเบนซีน ๑๖) ซัลเฟอรไดออกไซด หรือกรดซัลฟูริค ๑๗) ไนโตรกลีเซอรีน หรือกรดไนตริคอื่น ๆ ๑๘) แอลกอฮอล กลัยคอล หรือคีโตน ๑๙) คารบอนมอนนอกไซด  ไฮโดรเจนไซยาไนด  หรือสารประกอบของไฮโดรเจน ไซยาไนด ไฮโดรเจนซัลไฟด ๒๐) อะครัยโลไนไตรล ๒๑) ออกไซดของไนโตรเจน ๒๒) วาเนเดียม หรือสารประกอบของวาเนเด ียม ๒๓) พลวง หรือสารประกอบของพลวง ๒๔) เฮกเซน ๒๕) กรดแรที่เปนสาเหตุใหเกิดโรคฟน ๒๖) เภสัชภัณฑ ๒๗) ทัลเลียม หรือสารประกอบของท ัลเลียม ๒๘) ออสเมียม หรือสารประกอบของออสเม ียม ๒๙) เซลีเนียม หรือสารประกอบของเซล ีเนียม ๓๐) ทองแดง หรือสารประกอบของทองแดง ๓๑) ดีบุก หรือสารประกอบของด ีบุก ๓๒) สังกะสี หรือสารประกอบของส ังกะสี ๓๓) โอโซน ฟอสยีน ๓๔) สารทําใหระคายเคือง เชน เบนโซควินโนน หรือสารระคายเค ืองตอกระจกตา เปนตน ๓๕) สารกําจัดศัตรูพืช ๓๖) อัลดีไฮด ฟอรมาลดีไฮดและกลูตารัลดีไฮด ๓๗) สารกลุมไดออกซิน หนา ๑๑ เลม ๑๒๔ ตอนพิเศษ ๙๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๐ ๓๘) สารเคมี หรือสารประกอบของสารเคม ีอื่น ซึ่งพิสูจนไดวามีสาเหตุเนื่องจากการ ทํางาน (๒) โรคที่เกิดขึ้นจากสาเหตุทางกายภาพ ๑) โรคหูตึงจากเสียง ๒) โรคจากความส ั่นสะเทือน ๓) โรคจากความกดด ันอากาศ ๔) โรคจากรังสีแตกตัว ๕) โรคจากรังสีความรอน ๖) โรคจากแสงอัลตราไวโอเลต ๗) โรคจากรังสีไมแตกตัวอื่น ๆ ๘) โรคจากแสงหร ือคลื่นแมเหล็กไฟฟา ๙) โรคจากอุณหภูมิต่ํา หรือสูงผิดปกติมาก ๑๐) โรคที่เกิดขึ้นจากสาเหตุทางกายภาพอื่น ซึ่งพิสูจนไดวามีสาเหตุเนื่องจากการทํางาน (๓) โรคที่เกิดขึ้นจากสาเหตุทางชีวภาพ ไดแก โรคติดเชื้อ หรือโรคปรสิตเนื่องจากการ ทํางาน (๔) โรคระบบหายใจท ี่เกิดขึ้นเนื่องจากการทํางาน ๑) โรคกลุมนิวโมโคนิโอสิส เชน ซิลิโคสิส แอสเบสโทสิส ฯลฯ ๒) โรคปอดจากโลหะหน ัก ๓) โรคบิสสิโนสิส ๔) โรคหืดจากการทํางาน ๕) โรคปอดอักเสบภูมิไวเกิน ๖) โรคซิเดโรสิส ๗) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ๘) โรคปอดจากอะล ูมิเนียม หรือสารประกอบของอะล ูมิเนียม ๙) โรคทางเดินหายใจสวนบนเกิดจากสารภูมิแพหรือสารระคายเคืองในที่ทํางาน ๑๐) โรคระบบหายใจอ ื่น ซึ่งพิสูจนไดวามีสาเหตุเนื่องจากการทํางาน (๕) โรคผิวหนังที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทํางาน หนา ๑๒ เลม ๑๒๔ ตอนพิเศษ ๙๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๐ ๑) โรคผิวหนังที่เกิดจากสาเหตุทางกายภาพ เคมี หรือชีวภาพอื่น ซึ่งพิสูจนไดวามี สาเหตุเนื่องจากการทํางาน ๒) โรคดางขาวจากการท ํางาน ๓) โรคผิวหนังอื่น ซึ่งพิสูจนไดวามีสาเหตุเนื่องจากการทํางาน (๖) โรคระบบกลามเนื้อและโครงสร างกระดูกที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทํางานหรือสาเหตุจาก ลักษณะงานที่จําเพาะหรือมีปจจัยเสี่ยงสูงในสิ่งแวดลอมการทํางาน (๗) โรคมะเร็งที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทํางานโดยมีสาเหตุจาก ๑) แอสเบสตอส (ใยหิน) ๒) เบนซิดีน และเกลือของสารเบนซ ิดีน ๓) บิสโครโรเมทธิลอีเทอร ๔) โครเมียมและสารประกอบของโครเม ียม ๕) ถานหิน ๖) เบตา - เนพธีลามีน ๗) ไวนิลคลอไรด ๘) เบนซีนหรืออนุพันธของเบนซีน ๙) อนุพันธของไนโตรและอะม ิโนของเบนซีน ๑๐) รังสีแตกตัว ๑๑) น้ํามันดิน หรือผลิตภัณฑจากน้ํามันดิน เชน น้ํามันถานหิน น้ํามันเกลือแร รวมทั้งผลิตภัณฑจากการกลั่นน้ํามัน เชน ยางมะตอย พาราฟนเหลว ๑๒) ไอควันจากถานหิน ๑๓) สารประกอบของน ิกเกิล ๑๔) ฝุนไม ๑๕) ไอควันจากเผาไม ๑๖) โรคมะเร็งที่เกิดจากปจจัยอื่น ซึ่งพิสูจนไดวามีสาเหตุเนื่องจากการทํางาน (๘) โรคอื่น ๆ ซึ่งพิสูจนไดวาเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหร ือเนื่องจาก การทํางาน ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีวาการกระทรวงแรงงาน " 1448.pdf,"# ประกาศกรมป่าไม้ เรื่อง การให้ผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือโรงค้าไม้แปรรูป ออกหนังสือกำกับไม้แปรรูป (ฉบับที่ ๒) ด้วยกรมป่าไม้เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกรมป่าไม้ เรื่อง การให้ผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือโรงค้าไม้แปรรูป ออกหนังสือกำกับไม้แปรรูป ลงวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อความเหมาะสมและให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๕๕๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ อธิบดีกรมป่าไม้จึงให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของประกาศกรมป่าไม้ เรื่อง การให้ผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือโรงค้าไม้แปรรูป ออกหนังสือกำกับไม้แปรรูป ลงวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""๖. การกรอกข้อความในแบบฟอร์มหนังสือกำกับไม้แปรรูป ตามข้อ ๔ ให้พับตอนปลายด้านหน้าแบบหนังสือกำกับไม้แปรรูปอยู่ด้านบน ให้แบบหนังสือกำกับไม้แปรรูปทั้ง ๓ ตอนตรงกัน แล้วให้เขียนครั้งเดียวโดยใช้กระดาษคาร์บอนสอดแทรกให้ข้อความตรงกันทั้ง ๓ ตอน แล้วกลับด้านหลังเขียนรายการไม้แปรรูป โดยปฏิบัติตามเช่นเดียวกับการเขียนรายการด้านหน้า สำหรับผู้รับอนุญาตที่ประสงค์จะพิมพ์รายการไม้แปรรูป แทนการเขียนก็ให้ทำได้โดยพิมพ์รายการไม้แปรรูปให้ข้อความตรงกันทั้ง ๓ ฉบับ แล้วแนบกับหนังสือกำกับไม้แปรรูปให้ครบถ้วน ๓ ตอน ตามที่ระบุไว้ในข้อ ๔ โดยให้ใช้แบบรายการไม้แปรรูปตามแบบแนบท้ายประกาศนี้"" " 1449.pdf,"ระเบียบกรมทรัพยากรธรณี ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขระเบียบกรมทรัพยากรธรณีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือ ในการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อให้การปฏิบัติราชการเกี่ยวกับ การให้บริการทางวิชาการในการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่งมีความชัดเจนยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมทรัพยากรธรณีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือในการ ตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวัน ประกาศเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิก “ระเบียบกรมทรัพยากรธรณีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบ ทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง พ.ศ. ๒๕๕๕” บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ค าสั่ง หรือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการให้บริการทางวิชาการ ในการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่งอื่นใดที่ก าหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้ง กับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ 4 ในระเบียบนี้ “การตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง ” หมายถึง การตรวจสอบ สภาพที่ดินทางวิชาการด้านธรณีวิทยาเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการเกิดของพื้นที่ ที่ตรวจสอบนั้น ว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือเกิดจากการกระท าของมนุษย์ หมวด ๑ หลักเกณฑ์การขอและการให้ความช่วยเหลือ ข้อ ๕ ผู้ขอรับความช่วยเหลือต้องเป็นกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้ (๑) ตามค าสั่งศาลหรือการขอความช่วยเหลือจากศาล (๒) หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง ข้อ ๖ หลักเกณฑ์การพิจารณาให้ความช่วยเหลือในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้ (๑) ในเรื่องที่เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน หรือทรัพย์สินของแผ่นดิน (๒) ในเรื่องที่ได้รับการร้องขอจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรง ้หนา ๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๓๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ข้อ ๗ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี หรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณีมอบหมายเป็นผู้อนุมัติ ให้ความช่วยเหลือ และหรืออนุมัติการยกเว้นค่าใช้จ่ายในการด าเนินการให้ความช่วยเหลือต่อหน่วยงานของรัฐ โดยผู้ขอรับความช่วยเหลือต้องชี้แจงเหตุผลและความจ าเป็นในการขอยกเว้นค่าใช้จ่ายในการด าเนินการ ให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีไป หมวด ๒ เงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือ ข้อ ๘ ผู้ขอรับความช่วยเหลือยินยอมปฏิบัติตามระเบียบกรมทรัพยากรธรณีว่าด้วยการให้ ความช่วยเหลือในการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง กรณีหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ออกโฉนดที่งอกต้องเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะท างานระดับจังหวัดเกี่ยวกับการพิจารณาออกโฉนดที่งอกริมตลิ่งพิจารณาให้ความเห็นชอบ ให้ส่งเรื่องให้กรมทรัพยากร ธรณีพิจารณาให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง ข้อ ๙ ผู้ขอรับความช่วยเหลือต้องจัดเจ้าหน้าที่ และประสานแจ้งหน่วยงานหรือบุคคล ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการด าเนินการตรวจสอบด้วยทุกครั้ง และหรือต้องเป็นผู้มีอ านาจตามกฎหมาย ที่สามารถเข้าไป ในพื้นที่ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ข้อ ๑๐ การให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่งแต่ละราย ต้องได้รับอนุมัติตามข้อ ๗ ก่อน ข้อ ๑๑ ในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น หรือเป็นความผิดในทางอาญาเกิดขึ้น เพราะเหตุแห่งการให้ความช่วยเหลือตามที่ขอ เนื่องจากผู้ขอรับความช่วยเหลือหรือตัวแทนได้แจ้งข้อความ อันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ซึ่งหากได้ทราบความจริงดังกล่าวแล้วจะไม่ท าให้เกิด ความเสียหาย หรือความผิดในทางอาญา ผู้ขอรับความช่วยเหลือต้องเป็น ผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น และไม่ถือว่าการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวเป็นเหตุให้พ้นจากความผิดในทางอาญา หมวด ๓ ค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ข้อ ๑๒ ผู้ขอรับความช่วยเหลือต้องช าระค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือ ดังนี้ (๑) ค่าพาหนะเดินทาง ค่าที่พัก รวมทั้งค่าเบี้ยเลี้ยง ตามอัตราที่ทางราชการก าหนดส าหรับ เจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรธรณีที่ไปปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือ (๒) ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายเครื่องมือ เครื่องจักร รวมทั้งค่าวัสดุสิ่งของที่ใช้ในการปฏิบัติงาน (ถ้ามี) (๓) ค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) ้หนา ๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๓๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ทั้งนี้ เมื่อผู้ขอรับความช่วยเหลือช าระค่าใช้จ่ายให้ครบถ้วนตามที่กรมทรัพยากรธรณี ได้มีหนังสือแจ้งแล้ว กรมทรัพยากรธรณีจึงจะด าเนินการให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบทางธรณีวิทยา กรณีที่งอกริมตลิ่งตามขั้นตอนปฏิบัติงานต่อไป หมวด ๔ แนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณี ข้อ ๑๓ ให้แจ้งก าหนดนัดหมายในการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง โดยต้องมี เจ้าหน้าที่ของผู้ขอรับความช่วยเหลือหรือผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานร่วมตรวจสอบกับ เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีที่ไปปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือด้วยทุกครั้ง กรณีที่ต้องมีการตรวจสอบในพื้นที่ที่มีผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่ หรือเข้าไปในนามของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอ านาจเข้าพื้นที่ได้ตามกฎหมาย ข้อ ๑๔ ให้ด าเนินการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง และให้ความเห็นทางวิชาการ ว่าพื้นที่ที่ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือเกิดจากการกระท าของมนุษย์ ข้อ ๑๕ เมื่อเข้าด าเนินการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่งแล้ว ให้ท าบันทึก การตรวจสอบเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อผู้ร่วมตรวจสอบทางธรณีวิทยาไว้เป็นหลักฐานตามแบบที่ กรมทรัพยากรธรณีก าหนด ข้อ ๑๖ ให้ผู้ตรวจสอบจัดท ารายงานผลการตรวจสอบ พร้อมลงลายมือชื่อผู้ท าการตรวจสอบ ก ากับไว้ทุกหน้า โดยเก็บไว้ที่กรมทรัพยากรธรณี จ านวน ๑ ฉบับ และส่งให้ผู้ขอรับความช่วยเหลือ จ านวน ๑ ฉบับ ข้อ ๑๗ การปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบทางธรณีวิทยากรณีที่งอกริมตลิ่ง แก่ผู้ขอรับความช่วยเหลือจะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติราชการของกรมทรัพยากรธรณี ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖5 อรนุช หล่อเพ็ญศรี อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ้หนา ๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๓๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖" 1452.pdf,"ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดมาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซไฮโดรคาร์บอน จากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการก าหนดมาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซ ไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์ ปัจจุบันและมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยค าแนะน าของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนด มาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “รถจักรยานยนต์ ” หมายความว่า รถจักรยานยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ “เครื่องมือ” หมายความว่า เครื่องที่ท างานด้วยระบบนันดีสเปอร์ซีฟอินฟราเรด ( Non-dispersive Infrared, NDIR) ส าหรับใช้วัดปริมาณความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จากท่อไอเสีย ที่มีช่วงการวัดสูงสุดไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔.๕ โดยปริมาตร และวัดปริมาณความเข้มข้นของ ก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียที่มีช่วงการวัดไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ ส่วนในล้านส่วน (ppm) ของค่าเทียบเท่านอร์มัลเฮ็กเซน (N-Hexane) หรือเครื่องมือระบบอื่นที่มีมาตรฐานเทียบเท่ า “ทาง” หมายความว่า ทางตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับรถจักรยานยนต์ใช้ในทาง ข้อ ๔ ให้ก าหนดมาตรฐานไอเสียจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนก่อนวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๙ ไว้ ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ ๔.๕ โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ (๒) ค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ข้อ ๕ ให้ก าหนดมาตรฐานไอเสียจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ไว้ ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ ๓.๕ โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ (๒) ค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน ๒,๐๐๐ ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ้หนา ๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๔๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ข้อ ๖ ให้ก าหนดมาตรฐานไอเสียจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ไว้ ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ ๒.๕ โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ (๒) ค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน ๑,๐๐๐ ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ข้อ ๗ ให้ก าหนดมาตรฐานไอเสียจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ไว้ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ ๑.๕ โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ (๒) ค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน ๕๐๐ ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ข้อ ๘ วิธีการตรวจวัดค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสีย ของรถจักรยานยนต์ตามข้อ ๔ ข้อ ๕ ข้อ ๖ และข้อ ๗ ให้ท าตามขั้นตอน ดังนี้ (๑) ปรับเทียบ ( Calibrate) เครื่องมือด้วยก๊าซมาตรฐาน ( Standard Gas) ตามคู่มือการใช้งาน ของผู้ผลิตเครื่องมือ (๒) เดินเครื่องยนต์ให้อยู่ในอุณหภูมิใช้งานตามปกติ (๓) ขณะที่เครื่องยนต์เดินเบาให้สอดหัววัด (Probe) ของเครื่องมือเข้าไปในท่อไอเสีย ให้ลึกที่สุดตามค าแนะน าของผู้ผลิตเครื่องมือ ในกรณีที่ไม่สามารถสอดหัววัดของเครื่องมือเข้าไปในท่อไอเสียได้เพราะติดอุปกรณ์ระงับเสียง ให้ใช้ท่อพิเศษต่อที่ปลายท่อไอเสียแล้วจึงสอดหัววัดของเครื่องมือเข้าไปในท่อพิเศษที่เสริมต่อจาก ปลายท่อไอเสียนั้น (๔) ให้อ่านค่าปริมาณความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอน เมื่อเครื่องมือแสดงผลคงที่ ในกรณีที่เครื่องมือแสดงผลไม่คงที่ให้ใช้ค่าเฉลี่ยของค่าที่อ่านได้ระหว่างค่าสูงสุด และค่าต่ าสุดของการวัดครั้งนั้น (๕) ให้ปฏิบัติตาม (๓) และ (๔) ซ้ าอีกครั้งหนึ่ง แล้วใช้ค่าเฉลี่ยที่ได้จากการวัดสองครั้ง เป็นเกณฑ์ตัดสิน ข้อ ๙ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖6 วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ้หนา ๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๔๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖" 1456.pdf,"ประกาศการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เรื่อง โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ (การปรับลดอัตราค่าบริการรายเดือน ส าหรับผู้ใช้ไฟฟ้า ประเภทบ้านอยู่อาศัยอัตราปกติ ใช้พลังงานไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน บ้านอยู่อาศัยอัตรา TOU ในระดับแรงดันต่ ากว่า 22 กิโลโวลท์ กิจการขนาดเล็กในระดับแรงดันต่ ากว่า 22 กิโลโวลท์ และสูบน าเพื่อการเกษตรอัตรา TOU ทุกระดับแรงดัน) ด้วยคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ โดยให้ปรับลดอัตราค่าบริการรายเดือนตั งแต่ค่าไฟฟ้าประจ าเดือน มกราคม 2566 เป็นต้นไป เป็นผลให้อัตราค่าบริการรายเดือนตามประกาศการไฟฟ้าส่วนภูมิภ าค เรื่อง การทบทวนอัตราค่าไฟฟ้า ตามหลักเกณฑ์การก าหนดอัตราค่าไฟฟ้าปี 2558 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 ส าหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอัตราปกติ ใช้พลังงานไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน บ้านอยู่อาศัยอัตรา TOU ในระดับแรงดันต่ ากว่า 22 กิโลโ วลท์ กิจการขนาดเล็ก ในระดับแรงดันต่ ากว่า 22 กิโลโวลท์ และสูบน าเพื่อการเกษตรอัตรา TOU ทุกระดับแรงดัน ลดลง ส าหรับอัตราค่าความต้องการพลังไฟฟ้าและค่าพลังงานไฟฟ้าคงอัตราเท่าเดิม มีรายละเอียด ดังนี ประเภทผู้ใช้ไฟฟ้า ค่าบริการรายเดือน (บาท/เดือน) เดิม ใหม่ เปลี่ยนแปลง 1. บ้านอยู่อาศัย 1.1.2 อัตราปกติ ใช้พลังงานไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน 1.2.2 อัตรา TOU แรงดันต่ ากว่า 22 กิโลโวลท์ 2. กิจการขนาดเล็ก 2.1.2 อัตราปกติ แรงดันต่ ากว่า 22 กิโลโวลท์ 2.2.2 อัตรา TOU แรงดันต่ ากว่า 22 กิโลโวลท์ 7. กิจการสูบน ้าเพื่อการเกษตร 7.2 อัตรา TOU ทุกระดับแรงดัน 38.22 38.22 46.16 46.16 228.17 24.62 24.62 33.29 33.29 204.07 -13.60 -13.60 -12.87 -12.87 -24.10 หมายเหตุ: ส าหรับผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่น ๆ ให้คงอัตราค่าไฟฟ้าเท่ากับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าเดิม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงขอประกาศ เรื่อง โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ (การปรับลดอัตรา ค่าบริการรายเดือน ส าหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอัตราปกติ ใช้พลังงานไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน บ้านอยู่อาศัยอัตรา TOU ในระดับแรงดันต่ ากว่า 22 กิโลโวลท์ กิจการขนาดเล็ก ในระดับแรงดันต่ ากว่า 22 กิโลโวลท์ และสูบน าเพื่อการเกษตรอัตรา TOU ทุกระดับแรงดัน) โดยมีผลบังคับใช้ตั งแต่ค่าไฟฟ้าประจ าเดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป ส าหรั บอัตราค่าไฟฟ้าตามประกาศ ้หนา ๑๒๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๔๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ดาวน์โหลดได้ที่ www.pea.co.th และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1129 PEA Contact Center หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในท้องถิ่น หรือส านักงานใหญ่ การไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-9125 และ 0-2590-9127 ประกาศ ณ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖5 ศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ้หนา ๑๒๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๔๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖" 1457.pdf,"หน้า ๙ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ กฎกระทรวง กําหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบธ ุรกิจชั่งตวงวัดและ ค่าทําการตรวจสอบเคร ื่องชั่งตวงวัดนอกสถานที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๐ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบ ัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ และมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณ ิชย์ออกกฎกระทรวงไว ้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชก ิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิก (๑) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๔ ) ออกตามความในพระราชบ ัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ (๒) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๗ ) ออกตามความในพระราชบ ัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๓ ค่าธรรมเนียมในการออกหน ังสือรับรองการประกอบธ ุรกิจ ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) การผลิต (ก) เครื่องชั่ง ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท (ข) เครื่องตวง ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท (ค) เครื่องวัด ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท (๒) การนําเข้า (ก) เครื่องชั่ง ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท (ข) เครื่องตวง ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท (ค) เครื่องวัด ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท หน้า ๑๐ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ (๓) การขาย (ก) เครื่องชั่ง ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (ข) เครื่องตวง ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (ค) เครื่องวัด ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (๔) การซ่อม (ก) เครื่องชั่ง ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท (ข) เครื่องตวง ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท (ค) เครื่องวัด ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท (๕) การให้บริการชั่ง ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (๖) การให้บริการตวง ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (๗) การให้บริการวัด ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท ข้อ ๔ ค่าธรรมเนียมการประกอบธ ุรกิจ ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) การผลิต (ก) เครื่องชั่ง ปีละ ๑,๐๐๐ บาท (ข) เครื่องตวง ปีละ ๑,๐๐๐ บาท (ค) เครื่องวัด ปีละ ๑,๐๐๐ บาท (๒) การนําเข้า (ก) เครื่องชั่ง ปีละ ๒,๐๐๐ บาท (ข) เครื่องตวง ปีละ ๒,๐๐๐ บาท (ค) เครื่องวัด ปีละ ๒,๐๐๐ บาท (๓) การซ่อม (ก) เครื่องชั่ง ปีละ ๑,๐๐๐ บาท (ข) เครื่องตวง ปีละ ๑,๐๐๐ บาท (ค) เครื่องวัด ปีละ ๑,๐๐๐ บาท (๔) การให้บริการชั่ง ปีละ ๕๐๐ บาท (๕) การให้บริการตวง ปีละ ๕๐๐ บาท (๖) การให้บริการวัด ปีละ ๕๐๐ บาท ข้อ ๕ ค่าธรรมเนียมการออกใบอน ุญาตให้ผู้ผลิตเป็นผู้ตรวจสอบและให ้คํารับรองเครื่องชั่ง ตวงวัดที่ตนผลิต ปีละ ๕,๐๐๐ บาท ข้อ ๖ ค่าธรรมเนียมการออกใบอน ุญาตให้ผู้ซ่อมเป็นผู้ตรวจสอบและให ้คํารับรองเครื่องชั่ง ตวงวัดที่ตนซ่อม ปีละ ๑,๐๐๐ บาท หน้า ๑๑ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ข้อ ๗ ค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาต ให้เรียกเก็บเท่ากับค่าธรรมเนียมการออกใบอน ุญาต ข้อ ๘ ค่าธรรมเนียมการออกใบแทนหน ังสือรับรองการประกอบธ ุรกิจให้เรียกเก็บ ฉบับละ ๑๐๐ บาท ข้อ ๙ ค่าธรรมเนียมการออกใบแทนใบอน ุญาต ให้เรียกเก็บ ฉบับละ ๑๐๐ บาท ข้อ ๑๐ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับเครื่องชั่งไม่อัตโนมัติ ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) เครื่องชั่งที่แสดงค่าได้เองและกึ่งแสดงค่าได้เอง (ก) แสดงน้ําหนักไม่เกิน ๒๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑๐๐ บาท (ข) แสดงน้ําหนักเกิน ๒๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๒๐๐ บาท (ค) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๓๐๐ บาท (ง) แสดงน้ําหนักเกิน ๕๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๔๐๐ บาท (จ) แสดงน้ําหนักเกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๕๐๐ บาท (ฉ) แสดงน้ําหนักเกิน ๕,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท (ช) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (ซ) แสดงน้ําหนักเกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๕,๐๐๐ บาท (๒) เครื่องชั่งสปริง (ก) แสดงน้ําหนักไม่เกิน ๒๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๒๐ บาท (ข) แสดงน้ําหนักเกิน ๒๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๖๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๔๐ บาท (ค) แสดงน้ําหนักเกิน ๖๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๖๐ บาท (ง) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๘๐ บาท (๓) เครื่องชั่งที่แสดงค่าเองไม่ได้ (ก) แสดงน้ําหนักไม่เกิน ๒๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๒๐ บาท (ข) แสดงน้ําหนักเกิน ๒๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑๐๐ บาท หน้า ๑๒ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ (ค) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๒๐๐ บาท (ง) แสดงน้ําหนักเกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๕๐๐ บาท (จ) แสดงน้ําหนักเกิน ๕,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท (ฉ) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (ช) แสดงน้ําหนักเกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๕,๐๐๐ บาท (๔) เครื่องชั่งวัดอัตราส่วนร้อยละของแป้งในหัวมัน (ก) แสดงน้ําหนักไม่เกิน ๑๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑๐๐ บาท (ข) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๒๐๐ บาท ข้อ ๑๑ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับเครื่องชั่งอัตโนมัติ ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) แสดงน้ําหนักไม่เกิน ๑๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๕๐๐ บาท (๒) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท (๓) แสดงน้ําหนักเกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๒,๐๐๐ บาท (๔) แสดงน้ําหนักเกิน ๕,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (๕) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๔,๐๐๐ บาท (๖) แสดงน้ําหนักเกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๕,๐๐๐ บาท ข้อ ๑๒ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับตุ้มน้ําหนัก ให้เรียกเก็บ ตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) น้ําหนักไม่เกิน ๕๐๐ มิลลิกรัม ตุ้มละ ๕ บาท (๒) น้ําหนักตั้งแต่ ๑ กรัม ถึง ๕๐๐ กรัม ตุ้มละ ๑๐ บาท (๓) น้ําหนักตั้งแต่ ๑ กิโลกรัม ถึง ๑๐ กิโลกรัม ตุ้มละ ๒๐ บาท (๔) น้ําหนักตั้งแต่ ๒๐ กิโลกรัม ถึง ๕๐ กิโลกรัม ตุ้มละ ๕๐ บาท (๕) น้ําหนักเกิน ๕๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕๐๐ กิโลกรัม ตุ้มละ ๑๐๐ บาท (๖) น้ําหนักเกิน ๕๐๐ กิโลกรัม ตุ้มละ ๒๐๐ บาท หน้า ๑๓ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ข้อ ๑๓ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับเครื่องตวงของเหลว ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) เครื่องตวงของเหลวชน ิดที่ไม่มีขั้นหมายมาตรา (ก) แสดงปริมาตรไม่เกิน ๕ ลิตร เครื่องละ ๕ บาท (ข) แสดงปริมาตรเกิน ๕ ลิตร เครื่องละ ๑๐ บาท (๒) เครื่องตวงของเหลวชน ิดที่มีขั้นหมายมาตรา (ก) แสดงปริมาตรไม่เกิน ๑ ลิตร เครื่องละ ๕ บาท (ข) แสดงปริมาตรเกิน ๑ ลิตร เครื่องละ ๑๕ บาท (๓) เครื่องตวงน้ํามันเชื้อเพลิงและน้ํามันเครื่อง (ก) แสดงปริมาตรไม่เกิน ๑ ลิตร เครื่องละ ๕ บาท (ข) แสดงปริมาตรเกิน ๑ ลิตร เครื่องละ ๑๐ บาท (๔) เครื่องตวงน้ํามันเชื้อเพลิงชนิดสูบ เครื่องละ ๕๐ บาท ข้อ ๑๔ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับเครื่องตวงของแห้ง เครื่องละ ๕ บาท ข้อ ๑๕ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับเครื่องวัดความยาว ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) เครื่องวัดความยาวชน ิดสายแถบโลหะม ้วนกลับอัตโนมัติและเครื่องวัดความยาว ชนิดบรรทัดตรง (ก) แสดงความยาวไม ่เกิน ๕ เมตร เครื่องละ ๕ บาท (ข) แสดงความยาวเก ิน ๕ เมตร เครื่องละ ๑๐ บาท (๒) เครื่องวัดความยาวชนิดสายแถบโลหะและเคร ื่องวัดความยาวชนิดโซ่ (ก) แสดงความยาวไม ่เกิน ๑๐ เมตร เครื่องละ ๒๐ บาท (ข) แสดงความยาวเก ิน ๑๐ เมตร เครื่องละ ๕๐ บาท (๓) เครื่องวัดความยาวชนิดสายแถบโลหะท ี่ประกอบกับลูกดิ่ง (ก) แสดงความยาวไม ่เกิน ๑๐ เมตร เครื่องละ ๕๐ บาท (ข) แสดงความยาวเก ิน ๑๐ เมตร เครื่องละ ๑๐๐ บาท (๔) เครื่องวัดความยาวชน ิดสายแถบทําด้วยใยแก้วสังเคราะห์หรือวัสดุอื่นที่ไม่ใช่โลหะและ เครื่องวัดความยาวชนิดพับได้ (ก) แสดงความยาวไม ่เกิน ๕ เมตร เครื่องละ ๕ บาท (ข) แสดงความยาวเก ิน ๕ เมตร แต่ไม่เกิน ๕๐ เมตร เครื่องละ ๑๐ บาท (ค) แสดงความยาวเก ิน ๕๐ เมตร เครื่องละ ๕๐ บาท หน้า ๑๔ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ข้อ ๑๖ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับมาตรวัดความยาว ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) มาตรวัดความยาวผ้า เครื่องละ ๑๐๐ บาท (๒) มาตรวัดความยาวแบบอ ัตโนมัติสําหรับวัดความสูงของระดับของของเหลวในถ ังเก็บ (ก) แสดงความยาวไม ่เกิน ๑๐ เมตร เครื่องละ ๑๐๐ บาท (ข) แสดงความยาวเก ิน ๑๐ เมตร เครื่องละ ๕๐๐ บาท ข้อ ๑๗ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับมาตรวัดปริมาตรของเหลว ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) มาตรวัดปริมาตรน้ํามันเชื้อเพลิง และมาตรวัดปริมาตรก๊าซเหลวตามสถาน ีบริการ เครื่องละ ๕๐๐ บาท (๒) มาตรวัดปริมาตรน้ํามันเชื้อเพลิง มาตรวัดปริมาตรก๊าซเหลว และมาตรวัดปริมาตร ของเหลวอื่น ๆ (ก) อัตราการไหลสูงสุดไม่เกิน ๑๐๐ ลิตรต่อนาที เครื่องละ ๕๐๐ บาท (ข) อัตราการไหลสูงสุดเกิน ๑๐๐ ลิตรต่อนาที แต่ไม่เกิน ๕๐๐ ลิตรต่อนาที เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท (ค) อัตราการไหลสูงสุดเกิน ๕๐๐ ลิตรต่อนาที แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ลิตรต่อนาที เครื่องละ ๒,๐๐๐ บาท (ง) อัตราการไหลสูงสุดเกิน ๑,๐๐๐ ลิตรต่อนาที แต่ไม่เกิน ๕,๐๐๐ ลิตรต่อนาที เครื่องละ ๒,๕๐๐ บาท (จ) อัตราการไหลสูงสุดเกิน ๕,๐๐๐ ลิตรต่อนาที เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (๓) มาตรวัดปริมาตรน้ํามันหล่อลื่น (ก) อัตราการไหลสูงสุดไม่เกิน ๑๐๐ ลิตรต่อนาที เครื่องละ ๓๐๐ บาท (ข) อัตราการไหลสูงสุดเกิน ๑๐๐ ลิตรต่อนาที เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท ข้อ ๑๘ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับมาตรวัดปริมาตรน้ํา ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) อัตราการไหลระบ ุไม่เกิน ๑๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เครื่องละ ๑๐ บาท (๒) อัตราการไหลระบ ุเกิน ๑๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน ๕๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เครื่องละ ๑๐๐ บาท (๓) อัตราการไหลระบ ุเกิน ๕๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เครื่องละ ๒๐๐ บาท (๔) อัตราการไหลระบ ุเกิน ๑๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เครื่องละ ๔๐๐ บาท หน้า ๑๕ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ข้อ ๑๙ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับมาตรวัดมวลโดยตรง เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท ข้อ ๒๐ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับมาตรวัดปริมาตรก๊าซ ที่มีสถานะเป็นไอ ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) อัตราการไหลสูงสุดไม่เกิน ๔๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เครื่องละ ๒๐๐ บาท (๒) อัตราการไหลสูงสุดเกิน ๔๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน ๒๕๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท (๓) อัตราการไหลสูงสุดเกิน ๒๕๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เครื่องละ ๒,๐๐๐ บาท ข้อ ๒๑ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกสําหรับเครื่องวัดความชื้นข้าว เครื่องละ ๕๐๐ บาท ข้อ ๒๒ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นหลัง ให้เรียกเก็บในอัตรา ร้อยละห้าสิบของอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรก ข้อ ๒๓ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกที่เรียกเก็บจากผู้ผลิต ในกรณีผู้ผลิตเป็นผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๔๑ ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละห้าสิบของอัตรา ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกตามข้อ ๑๐ ข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ ข้อ ๑๔ ข้อ ๑๕ ข้อ ๑๖ ข้อ ๑๗ ข้อ ๑๘ ข้อ ๑๙ ข้อ ๒๐ และข้อ ๒๑ ข้อ ๒๔ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นหลังที่เรียกเก็บจากผู้ซ่อม ในกรณีผู้ซ่อมเป็นผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๔๑ ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละยี่สิบห้าของอัตรา ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและการให ้คํารับรองชั้นแรกตามข้อ ๑๐ ข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ ข้อ ๑๔ ข้อ ๑๕ ข้อ ๑๖ ข้อ ๑๗ ข้อ ๑๘ ข้อ ๑๙ ข้อ ๒๐ และข้อ ๒๑ ข้อ ๒๕ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบเพ ื่อให้คํารับรองแต่ไม่มีการออกคํารับรองให้ ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) การตรวจสอบเพ ื่อให้คํารับรองชั้นแรก ร้อยละห้าสิบของค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและ การให้คํารับรองชั้นแรก (๒) การตรวจสอบเพ ื่อให้คํารับรองชั้นหลัง ร้อยละห้าสิบของค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและ การให้คํารับรองชั้นหลัง ข้อ ๒๖ ค่าธรรมเนียมการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการตรวจสอบเพ ื่อให้คํารับรองเครื่องชั่งตวงวัด นอกสถานที่ ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) เครื่องชั่ง (ก) แสดงน้ําหนักไม่เกิน ๕๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑๐๐ บาท (ข) แสดงน้ําหนักเกิน ๕๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๒๐๐ บาท หน้า ๑๖ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ (ค) แสดงน้ําหนักเกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๕๐๐ บาท (ง) แสดงน้ําหนักเกิน ๕,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท (จ) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๒,๐๐๐ บาท (ฉ) แสดงน้ําหนักเกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (๒) เครื่องวัด (ก) มาตรวัดปริมาตรก๊าซเหลวตามสถาน ีบริการ เครื่องละ ๒๐๐ บาท (ข) มาตรวัดมวลโดยตรง เครื่องละ ๒๐๐ บาท (ค) มาตรวัดปริมาตรก๊าซที่มีสถานะเป็นไอ เครื่องละ ๒๐๐ บาท ข้อ ๒๗ ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบความเท ี่ยงของเครื่องชั่งตวงวัด ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) เครื่องชั่ง (ก) แสดงน้ําหนักไม่เกิน ๑๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท (ข) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๑,๕๐๐ บาท (ค) แสดงน้ําหนักเกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (ง) แสดงน้ําหนักเกิน ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๕,๐๐๐ บาท (จ) แสดงน้ําหนักเกิน ๕๐,๐๐๐ กิโลกรัม เครื่องละ ๖,๐๐๐ บาท (๒) ตุ้มน้ําหนัก (ก) น้ําหนักไม่เกิน ๑ กรัม ตุ้มละ ๒๐๐ บาท (ข) น้ําหนักตั้งแต่ ๒ กรัม ถึง ๕๐๐ กรัม ตุ้มละ ๓๐๐ บาท (ค) น้ําหนักตั้งแต่ ๑ กิโลกรัม ถึง ๑๐ กิโลกรัม ตุ้มละ ๔๐๐ บาท (ง) น้ําหนักตั้งแต่ ๒๐ กิโลกรัม ถึง ๕๐ กิโลกรัม ตุ้มละ ๕๐๐ บาท (จ) น้ําหนักเกิน ๕๐ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๕๐๐ กิโลกรัม ตุ้มละ ๖๐๐ บาท (ฉ) น้ําหนักเกิน ๕๐๐ กิโลกรัม ตุ้มละ ๗๐๐ บาท (๓) เครื่องตวง (ก) สําหรับบิวเรท เครื่องละ ๔๐๐ บาท หน้า ๑๗ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ (ข) สําหรับปิเปท ฟลาสค์ และเครื่องตวงอื่น ๆ ๑) แสดงปริมาตรไม่เกิน ๑ ลิตร เครื่องละ ๓๐๐ บาท ๒) แสดงปริมาตรเกิน ๑ ลิตร แต่ไม่เกิน ๕ ลิตร เครื่องละ ๔๐๐ บาท ๓) แสดงปริมาตรเกิน ๕ ลิตร แต่ไม่เกิน ๒๐ ลิตร เครื่องละ ๕๐๐ บาท ๔) แสดงปริมาตรเกิน ๒๐ ลิตร เครื่องละ ๗๐๐ บาท (ค) สําหรับถังตวงโลหะ ๑) แสดงปริมาตรไม่เกิน ๕ ลิตร เครื่องละ ๑๒๐ บาท ๒) แสดงปริมาตรเกิน ๕ ลิตร แต่ไม่เกิน ๒๐ ลิตร เครื่องละ ๒๐๐ บาท ๓) แสดงปริมาตรเกิน ๒๐ ลิตร แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ลิตร เครื่องละ ๓๐๐ บาท ๔) แสดงปริมาตรเกิน ๑๐๐ ลิตร แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ลิตร เครื่องละ ๕๐๐ บาท ๕) แสดงปริมาตรเกิน ๑,๐๐๐ ลิตร เรียกเก็บ ๑,๐๐๐ ลิตรแรก ๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ ลิตรต่อไป ให้เรียกเก็บ ๑,๐๐๐ ลิตรละ ๕๐๐ บาท เศษของ ๑,๐๐๐ ลิตร ให้คิดเท่ากับ ๑,๐๐๐ ลิตร แต่เมื่อรวมกันแล้วไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท (๔) เครื่องวัด (ก) สําหรับเครื่องวัดความยาวและมาตรว ัดความยาว ๑) แสดงความยาวไม ่เกิน ๐.๕ เมตร เครื่องละ ๒๐๐ บาท ๒) แสดงความยาวเก ิน ๐.๕ เมตร แต่ไม่เกิน ๑ เมตร เครื่องละ ๓๐๐ บาท ๓) แสดงความยาวเก ิน ๑ เมตร แต่ไม่เกิน ๒ เมตร เครื่องละ ๕๐๐ บาท ๔) แสดงความยาวเก ิน ๒ เมตร แต่ไม่เกิน ๕ เมตร เครื่องละ ๗๐๐ บาท ๕) แสดงความยาวเก ิน ๕ เมตร แต่ไม่เกิน ๑๐ เมตร เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท หน้า ๑๘ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๖) แสดงความยาวเก ิน ๑๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕๐ เมตร เครื่องละ ๑,๕๐๐ บาท ๗) แสดงความยาวเก ิน ๕๐ เมตร เครื่องละ ๒,๐๐๐ บาท (ข) สําหรับมาตรวัดปริมาตรของเหลว เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (ค) สําหรับมาตรวัดปริมาตรน้ํา เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท (ง) สําหรับมาตรวัดมวลโดยตรง เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (จ) สําหรับไปป์ปรูฟเวอร์ เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (ฉ) สําหรับคอมแพ็คท์ปรูฟเวอร์ เครื่องละ ๓,๐๐๐ บาท (ช) สําหรับเครื่องวัดความชื้นข้าว เครื่องละ ๑,๐๐๐ บาท ในกรณีการตรวจสอบความเท ี่ยงตาม (จ) (ฉ) หรือ (ช) โดยใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิด ให้คิดค่าธรรมเนียมเป็นจํานวนเท่ากับจํานวนผลิตภัณฑ์คูณด้วยอัตราค่าธรรมเนียมต่อเครื่อง แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินเครื่องละ ๔๐,๐๐๐ บาท ข้อ ๒๘ ค่าทําการที่ผู้ยื่นคําขอขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเพ ื่อให้คํารับรอง เครื่องชั่งตวงวัดนอกสถานที่สํานักงานกลางหรือสํานักงานสาขา ให้เรียกเก็บตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีปฏิบัติงานในวันและเวลาราชการ (ก) พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน หรือดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ คนละ ๓๐๐ บาทต่อวัน (ข) พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไประดับชํานาญงานขึ้นไป หรือดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการขึ้นไป คนละ ๕๐๐ บาทต่อวัน ถ้าปฏิบัติงานต่อเนื่องจนเลยเวลาราชการต ้องเสียค่าทําการเพิ่มอีกหนึ่งเท่า (๒) กรณีปฏิบัติงานในวันราชการแต่นอกเวลาราชการ (ก) พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน หรือดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ คนละ ๔๐๐ บาทต่อวัน (ข) พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไประดับชํานาญงานขึ้นไป หรือดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการขึ้นไป คนละ ๖๐๐ บาทต่อวัน หน้า ๑๙ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ (๓) กรณีปฏิบัติงานในวันหยุดราชการ (ก) พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน หรือดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ คนละ ๖๐๐ บาทต่อวัน (ข) พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไประดับชํานาญงานขึ้นไป หรือดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการขึ้นไป คนละ ๑,๐๐๐ บาทต่อวัน ให้ไว้ ณ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณ ิชย์ หน้า ๒๐ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช ้กฎกระทรวงฉบ ับนี้ คือ โดยที่ได้มีการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียม ท้ายพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ มาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบ ัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณ ิชย์มีอํานาจออกกฎกระทรวงก ําหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตรา ท้ายพระราชบัญญัติ และมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ค่าทําการ ตรวจสอบเครื่องชั่งตวงวัดนอกสถานที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นไปตามอัตราที่กําหนดในกฎกระทรวง สมควรปรับปรุงการกําหนดค่าธรรมเนียมให้สอดคล้องกับอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว จึงจําเป็นต้องออก กฎกระทรวงนี้ " 1460.pdf,"ประกาศศาลจังหวัดกําแพงเพชร เรื่อง ขอศาลมีคําสั่งให นายยงยุทธ ปวงเปน เปนคนสาบสูญ คดีแพงหมายเลขดําที่ พ ๘๐๘/๒๕๖๖ คดีแพง หมายเลขแดงที่ พ ๒/๒๕๖๗ ดวย นางบุญมี ปวงเปน ผูรอง อยูบานเลขที่ ๕๕ หมูที่ ๑๒ ตําบลคลองน้ําไหล อําเภอคลองลาน จังหวัดกําแพงเพชร ยื่นคํารองตอศาลนี้ความวา ผ ูรองเปนมารดาของ นายยงยุทธ ปวงเปน ซึ่งเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๙ นายยงยุทธ ป วงเปน ไดเดินทางออกจากบานเพื่อไปทํางาน ที่กรุงเทพมหานคร จากนั้นไมสามารถติดตอกับนายยงยุทธ ปวงเปน ได อีกเลย และนายยงยุทธ ปวงเปน ก็ไมเคยกลับมาบาน หรือสงขาวใหผูรองหรือบุคคลใดทราบ อีกเลย ปจจุบันไมมีผูใดทราบแนชัดวา นายยงยุทธ ปวงเปน ยังคงมีชีวิตอยูหรือไม ผูรองจึงไดไปลงบันทึกประจํ าวันไวเปนหลักฐาน ที่สถานีตํารวจภูธรคลองลาน จนกระทั่งถึงปจจุบันเปนระยะเวลาเก ินกวา ๑๗ ปแลว จึงขอใหศาลไตสวนคํารอง และมีคําสั่งให นายยงยุทธ ปวงเปน เปนคนสาบสูญ ศาลไตสวนแลวเห็นวา ผูรองเป นทายาทโดยธรรมผูมีสิทธิไดรับมรดกของ นายยงยุทธ ปวงเปน จึงเปนผูมีสวนไดเสียที่มีสิทธิยื่นคํารองขอใหศาล มีคําสั่งให นายยงยุทธ ปวงเปน เปนคนสาบสูญได เมื่อนายยงยุทธ ปวงเปน ไดไปจากภูมิลําเนาและไมมี ใครรูแนวา นายยงยุทธ ปวงเปน ยังมีชีวิตอยู หรือไม เปนเวลาเกินกวา ๕ ปแลว ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๖๑ จึงถือไดวา นายยงยุทธ ปวงเปน เปนคนสาบสูญ จึงมีคําสั่งวา นายยงยุทธ ป วงเปน เปนคนสาบสูญ ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๖๑ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เสาวภาคย บุญทอง ผูพิพากษา หนา ๑๐ เลม ๑๔๑ ตอนที่ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ Powered by TCPDF (www.tcpdf.org)" 1462.pdf," กฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 25๑๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. 25๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกั บการจดทะเบียนเครื่องจักรตามกฎกระทรวงก าหนด ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. ๒๕๖๐ ดังต่อไปนี้ ให้แก่เจ้าของเครื่องจักร เป็นระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ (๑) ค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร (๒) ค่าเครื่องหมายการจดทะเบียนซึ่งเจ้าพนักงานได้ประทับหรือท าไว้ที่เครื่องจักร (๓) ค่าคัดส าเนาเอกสารพร้อมด้วยค ารับรองว่าถูกต้อง เฉพาะในคราวเดียวกับ การจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ให้ไว้ ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖6 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นค่าธรรมเนียม เกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักรในส่วนค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ค่าเครื่องหมายการจดทะเบียน ซึ่งเจ้าพนักงานได้ประทับหรือท าไว้ที่เครื่องจักร และค่าคัดส าเนาเอกสารพร้อมด้วยค ารับรองว่าถูกต้อง ต่อไปอีกหนึ่งปี ตั้งแต่วันที่ ๒๒ มกราคม 2566 เป็นต้นไปเพื่อลดภาระแก่ผู้ประกอบกิจการ จึงจ าเป็น ต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖" 1463.pdf," กฎกระทรวง ฉบับที่ 388 (พ.ศ. 2566) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ และมาตรา ๔๒ (๑๗) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ก าหนดให้เงินได้ที่ผู้มีเงินได้ได้รับเป็นเงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใด และค่าตอบแทน จากภาครัฐ ดังต่อไปนี้ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมค านวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ (1) เงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ค่าสินค้าหนึ่งต าบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ค่าสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ค่ารถเช่าหรือเรือเช่าเพื่อการท่องเที่ยว หรือค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน ตามโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (2) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าเดินทางและค่าซื้อแพ็กเกจทัวร์จากผู้ ประกอบการน าเที่ยว ตามโครงการทัวร์เที่ยวไทย (3) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม และค่าซื้อสินค้าหรือบริการที่ได้ใช้จ่าย ผ่านระบบการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ ตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 และโครงการ คนละครึ่ง ระยะที่ 5 (4) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ตามโครงการเพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรส วัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 และโครงการเพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 (5) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ้หนา ๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๖และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ตามโครงการเพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และโครงการเพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 (6) ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าน้ ามันกลุ่มเบนซินที่ได้ใช้จ่ายผ่านระบบการช าระเงิน ทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ ตามโครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ ามันกลุ่มเบนซิน ส าหรับผู้ขับขี่ รถจักรยานยนต์สาธารณะ (7) ค่าตอบแทนเสี่ยงภัยในการเฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุม และรักษาผู้ป่วย โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทร วงการคลัง (8) ค่าตอบแทนในการให้ค าปรึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อรับมือกับสถานการณ์ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอก ซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่ได้ รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง (9) ค่าตอบแทนในการให้บริการฉีดวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานให้บริการฉีดวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นอกสถานพยาบาล ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ข้อ 2 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับส าหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปีภาษี พ.ศ. 2565 ให้ไว้ ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖6 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๖หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลได้จัดให้มีเงินสนับสนุน หรือประโยชน์อื่นใดจากภาครัฐเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แก่ประชาชนตามโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการทัวร์เที่ยวไทย โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 และระยะที่ 5 โครงการเพิ่มก า ลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 และระยะที่ 5 โครงการ เพิ่มก าลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 โครงการบรรเทาผลกระทบ ราคาน้ ามันกลุ่มเบนซิน ส าหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ รวมทั้งการจ่ายค่ าตอบแทนเพื่อเป็นขวัญ และก าลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกผู้ปฏิบัติงานด้านการสาธารณสุข ซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สมควรก าหนดให้เงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใด และค่าตอบแทนที่ผู้มีเงินได้ได้รั บในปีภาษี พ.ศ. 2565 เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมค านวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้ จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มีนาคม ๒๕๖๖" 1469.pdf,"ประกาศกรมปศุสัตว์ เรื่อง วิธีการแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่มาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติว่าในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย ให้เป็นสิทธิของผู้รับอนุญาตที่จะแสดงใบอนุญาตนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการที่ผู้อนุญาต ประกาศก าหนดก็ได้ โดยให้ถือว่าการแสดงเช่นว่านั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว สมควรก าหนด วิธีการแสดงใบอนุญาตตามกฎหมายในความรับผิดชอบของกรมปศุสัตว์โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ อธิบดีกรมปศุสัตว์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาต” หมายความว่า เอกสารหลักฐานที่กฎหมายก าหนดให้ต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผย ดังต่อไปนี้ (๑) ใบอนุญาตให้ตั้งสถานพยาบาลสัตว์ ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ พ.ศ. ๒๕๓๓ (๒) ใบอนุญาตให้ด าเนินการสถานพยาบาลสัตว์ ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ พ.ศ. ๒๕๓๓ (๓) ใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ (๔) ใบอนุญาตน าเข้าอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ (๕) ใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ (๖) ใบอนุญาตประกอบกิจการฆ่าสัตว์ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจ าหน่าย เนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ (๗) ใบอนุญาตขาย จ าหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน หรือมีไว้เพื่อขายซึ่งน้ าเชื้อส าหรับผสมพันธุ์ เอ็มบริโอ หรือมีพ่อพันธุ์ของสัตว์เพื่อให้บริการผสมพันธุ์แก่สัตว์ของบุคคลอื่นโดยวิธีธรรม ชาติ ตามประกาศกรมปศุสัตว์ เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการท าการค้าหรือหาก าไร ในลักษณะคนกลางซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ และการขาย จ าหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน หรือมีไว้ ้หนา ๖๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖เพื่อขายซึ่งน้ าเชื้อ ส าหรับผสมพันธุ์หรือเอ็มบริโอของสัตว์หรือมีพ่อพันธุ์ของสัตว์ เพื่อให้บริการผสมพันธุ์ แก่สัตว์ของบุคคลอื่นโดยวิธีธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๓ ผู้รับอนุญาตสามารถเลือกแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๒ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) แสดงเป็นภาพผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (๒) แสดงเป็นคิวอาร์โคดที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถสแกนเพื่อเข้าถึงใบอนุญาต ที่เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ของใบอนุญาต ข้อ ๔ การแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๓ ต้องมีขนาดของภาพและความละเอียดที่ชัดเจน เพียงพอ รวมทั้งสามารถแสดงให้เห็นข้อมูลอันเป็นสาระส าคัญของใบอนุญาตได้ครบถ้วน ผู้รับอนุญาตอาจเลือกแสดงภาพใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่ประกอบ กิจการมากกว่าหนึ่งใบหรือภาพผ่านหน้าจอเดียวกันก็ได้ แต่ต้องมีระยะเวลาแสดงภาพใบอนุญาต แต่ละใบไม่น้อยกว่าห้าวินาที ข้อ ๕ เมื่อผู้รับอนุญาตเลือกแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามข้อ ๓ แล้ว ผู้รับอนุญาตไม่ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยตลอดเวลา ณ สถานที่ประกอบ กิจการอีกต่อไป แต่ต้องสามารถแสดงต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา เมื่อมีการตรวจสอบ หรือต่อประชาชนที่ขอตรวจดู ประกาศ ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. ๒๕66 สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ้หนา ๖๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖" 1473.pdf," กฎกระทรวง ฉบับที่ 28 (พ.ศ. 2566) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๘ (๗) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความ ในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ “ข้อ ๘ โรงงานที่ก่อให้เกิดหรือมีสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน หรือโรงงานที่มีการก าจัด บ าบัด หรือจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ต้องจัดท ารายงานข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ” ให้ไว้ ณ วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖6 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๖หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดให้ผู้ประกอบ กิจการโรงงานต้องแจ้งข้อมูลที่จ าเป็นเกี่ยวกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในการประกอบกิจการโรงงาน เพื่อประโยชน์ในการก ากับดูแลและติดตามผลการบริหารจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ทางวิชาการ อันเป็นการป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่ อประชาชนและสิ่งแวดล้อม จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๑๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๖" 1478.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 66) เรื่อง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 และมาตรา 123 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงิน ส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในประกาศนี้ “ตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า ตราสารแห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ท้ายหมวด 6 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ที่จัดท าข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามกฎหมายว่าด้วย ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ “ผู้ให้ บริการ” หมายความว่า ผู้ให้ บริการจัดท าและยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตแทนผู้มีหน้าที่เสียอากรตามประกาศกรมสรรพากร เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การเป็นผู้ให้ บริการ ส าหรับการจัดท าและยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แทน ผู้มีหน้าที่เสียอากรตามประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 “รหัสรับรองการเสียอากรแสตมป์ ” หมายความว่า รหัสที่กรมสรรพากรออกให้แก่ผู้มีหน้าที่ เสียอากร เมื่อกรมสรรพากรได้รับช าระเงินค่าอากรแล้ว เพื่อใช้ ในการตรวจสอบรายการข้อมูลส าคัญ เกี่ยวกับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ที่ยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ข้อ 2 ให้ตราสารอิเล็กทรอนิกส์ดังต่อไป นี้ ต้องช าระอากรเป็นตัวเงินตามมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร (1) เช่าที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น หรือแพ ตามลักษณะแห่งตราสาร 1. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (2) โอนใบหุ้น ใบหุ้นกู้ พันธบัตร และใบรับรองหนี้ ซึ่งบริษัท สมาคม คณะบุคคลหรือ องค์การใด ๆ เป็นผู้ออก ตามลักษณะแห่งตราสาร 2. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (3) เช่าซื้อทรัพย์สิน ตามลักษณะแห่งตราสาร 3. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (4) จ้างท าของ ตามลักษณะแห่งตราสาร 4. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (5) กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ตามลักษณะแห่งตราสาร 5. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (6) กรมธรรม์ประกันภัย ตามลักษณะแห่งตราสาร 6. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๖(7) ใบมอบอ านาจ ตามลักษณะแห่งตราสาร 7. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (8) ใบมอบฉันทะส าหรับให้ลงมติในที่ประชุมของบริษัท ตามลักษณะแห่งตราสาร 8. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (9) ตั๋วแลกเงินหรือตราสารท านองเดียวกับที่ใช้อย่างตั๋วแลกเงิน และตั๋วสัญญาใช้เงินหรือ ตราสารท านองเดียวกับที่ใช้อย่างตั๋วสัญญาใช้เงิน ตามลักษณะแห่งตราสาร 9. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (10) บิลออฟเลดิง ตามลักษณะแห่งตราสาร 10. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (11) ใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้ หรือใบรับรองหนี้ ของบริษัท สมาคม คณะบุคคล หรือองค์การใด ๆ และพันธบัตรของรัฐบาลใด ๆ ที่ขายในประเทศไทย ตามลักษณะแห่งตราสาร 11. แห่งบัญชี อัตราอากรแสตมป์ (12) เช็ค หรือหนังสือค าสั่งใด ๆ ซึ่งใช้แทนเช็ค ตามลักษณะแห่งตราสาร 12. แห่งบัญชี อัตราอากรแสตมป์ (13) ใบรับฝากเงินประเภทประจ าของธนาคารโดยมีดอกเบี้ย ตามลักษณะแห่งตราสาร 13. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (14) เลตเตอร์ออฟเครดิต ตามลักษณะแห่งตราสาร 14. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (15) เช็คส าหรับผู้เดินทาง ตามลักษณะแห่งตราสาร 15. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (16) ใบรับของ ตามลักษณะแห่งตราสาร 16. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (17) ค้ าประกัน ตามลักษณะแห่งตราสาร 17. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (18) จ าน า ตามลักษณะแห่งตราสาร 18. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (19) ใบรับของคลังสินค้า ตามลักษณะแห่งตราสาร 19. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (20) ค าสั่งให้ส่งมอบของ ตามลักษณะแห่งตราสาร 20. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (21) ตัวแทน ตามลักษณะแห่งตราสาร 21. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (22) หนังสือสัญญาห้างหุ้นส่วน ตามลักษณะแห่งตราสาร 27. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (23) ใบรับส าหรับการขาย ขายฝาก ให้ เช่าซื้อ หรือโอนกรรมสิทธิ์ยานพาหนะ ทั้งนี้ เฉพาะ ยานพาหนะซึ่งมีการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยานพาหนะนั้น ๆ ตามลักษณะแห่งตราสาร 28. (ค) แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ข้อ 3 ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ตามข้อ 2 ตามแบบขอเสียอากรแสตมป์ เป็นตัวเงินส าหรับตรา สารอิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.9) ผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ดังต่อไปนี้ (1) ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร โดยใช้ชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) ที่ไดรับจากการลงทะเบียนเข้าใช้ งานระบบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๖(2) ทาง Application Programming Interface ของกรมสรรพากร (ก) กรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียอากรยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทาง Application Programming Interface ของกรมสรรพากรด้วยตนเอง ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากร แจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากร ตามแบบแจ้งขอจัดท าและยื่นรายการข้อมูลการเสียภาษีอากรผ่าน Application Programming Interface (API) (ภ.อ.01.2) พร้อมข้อตกลงในการจัดท าและ ยื่นรายการข้อมูลการเสียภาษีอากรผ่าน Application Programming Interface ณ กองบริหาร การเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมสรรพากร เมื่อได้รับชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) จากกรมสรรพากรแล้ ว ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface ของกรมสรรพากร โดยใช้ชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) ดังกล่าว (ข) กรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียอากรแต่งตั้งผู้ให้บริการเป็นตัวแทนยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงิน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface ของกรมสรรพากร ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรพิสูจน์ และยืนยันตัวตนต่อผู้ให้บริการตามวิธีการที่ผู้ให้บริการก าหนด ข้อ 4 การยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตามข้อ 3 ให้ผู้มีหน้าที่ เสียอากรยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและช าระเงิน ค่าอากร ก่อนกระท าตราสาร หรือภายในสิบห้าวัน นับแต่วันถัดจากวันกระท าตราสาร โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ กรณีวันสุดท้ายของ การยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินเป็นวันหยุดราชการ ให้ยื่นได้ภายในวันที่เริ่มท าการใหม่ต่อจากวันหยุดราชการนั้น ในกรณีผู้มีหน้าที่เสียอากรยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินเพิ่มเติม หรือยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงิน เกินก าหนดเวลา ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรช าระเงินเพิ่มอากร หรือค่าปรับอาญา (ถ้ามี) พร้อมกับการยื่น ขอเสียอากรเป็นตัวเงินเพิ่มเติมหรือการยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินเกิน ก าหนดเวลานั้น แล้วแต่กรณี ข้อ 5 เมื่อผู้มีหน้าที่เสียอากรได้ ยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้ว ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรช าระเงินค่าอากร หรือเงินเพิ่มอากร หรือค่าปรับอาญา (ถ้ามี) โดยใช้วิธีการโอนเงิน เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของกรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Payment) ข้อ 6 ให้ผู้อ านวยการกองบริหารการคลังและรายได้ กรมสรรพากร เป็น “เจ้าหน้าที่รับช าระ เงินภาษีอากร” เพื่อรับช าระเงินภาษีอากร เงินเพิ่มอากร และค่าปรับอาญา ข้อ 7 เมื่อผู้มีหน้าที่เสียอากรได้ ยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยได้โอนเงินค่าอากร หรือเงินเพิ่มอากร หรือค่าปรับอาญา (ถ้ามี) เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของ กรมสรรพากร และกรมสรรพากรได้ ออกรหัสรับรองการเสียอากรแสตมป์ พร อมใบเสร็จรับเงินตาม จ านวนเงินซึ่ง “เจ้าหน้าที่รับช าระเงินภาษีอากร ” ได้ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรแล้ ว ให้ถือว่าตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ตามรายการข้อมูลในแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินส าหรับตราสาร อิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.9) ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๖ข้อ 8 ผู้มีหน้าที่เสียอากรรับรหัสรับรองการเสียอากรแสตมป์และใบเสร็จรับเงินจาก กรมสรรพากรได้ โดยวิธีการ ดังต่อไปนี้ (1) กรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียอากรยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามข้อ 3 (1) ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรดาวน์ โหลด (Downl oad) ผ่านระบบการยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีทางเว็บไซต์ ของกรมสรรพากร (2) กรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียอากรยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามข้อ 3 (2) ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรขอรับผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface ของกรมสรรพากร ข้อ 9 ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรน ารหัสรับรองการเสียอากรแสตมป์ไปใช้อ้างอิงหรือผนวกกับ ตราสารอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแสดงว่าตราสารอิเล็กทรอนิกส์ นั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามข้อ 7 แล้ว ข้อ 10 ประกาศนี้ให้ใช้ บังคับตั้งแต่ วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ 2 ที่ได้จัดท าขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ผู้มีหน้าที่เสียอากรจะเลือกยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงิน และช าระอากร ณ ส านักงานสรรพากรพื้นที่สาขา โดยใช้ แบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินก็ ได้และเมื่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ได้ออกใบรับเงินและหลักฐานตามมาตรา 116 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ ว ให้ถือว่าตราสาร อิเล็กทรอนิกส์นั้น ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ แล้ว ประกาศ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖6 ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๖" 1481.pdf," พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๖๐) พ.ศ. ๒๕๖๖ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖6 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในบางกรณี อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล รัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๖๐) พ.ศ. ๒๕๖๖” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วั นถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ้หนา ๑๐๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๒๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๖มาตรา ๓ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวล รัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ส าหรับก าไรสุทธิที่เกิดจากการขายคาร์บอนเครดิต ในประเทศตามโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคส มัครใจที่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหาร จัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๗๐ เป็นเวลาสามรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีประกาศก าหนด การเริ่มนับรอบระยะเวลาบัญชีตามวรรคหนึ่ง ให้เริ่มนับรอบระยะเวลาบัญชีที่องค์การบริหาร จัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ได้ออกใบรับรองการขายคาร์บอนเครดิตให้แก่ผู้เข้าร่วม โครงการเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระ ราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๑๐๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๒๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๖หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ส าหรับก าไรสุทธิที่เกิดจากการขายคาร์บอนเครดิตในประเทศ ตามโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้ภาคเอกชน สามารถด าเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ้หนา ๑๐๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๒๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๖" 1484.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เรื่อง มาตรการคุ้มครองความปลอดภัยในการด าเนินงาน โดยที่เป็นการสมควรที่จะต้องมีการปรับปรุงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับมาตรการ คุ้มครองความปลอดภัยในการด าเนินงาน เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานสามารถชี้บ่งอันตราย ประเมินและวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานได้อย่างเหมาะสม ท าให้สามารถควบคุมความเสี่ยงดังกล่าวให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย รวมทั้งหากก าหนดให้มีการจัดท าขั้นตอน การด าเนินการเพื่อบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น (Management of Change) แล้ว จะท าให้ มั่นใจว่าผู้ประกอบกิจการโรงงานจะมีการทบทวนกระบวนงานเกี่ยวกับควา มปลอดภัยให้เป็นปัจจุบัน ตลอดเวลาที่มีการประกอบกิจการโรงงาน อาศัยอ านาจตามความในข้อ 18 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2535) ออกตามความใน พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เรื่อง มาตรการคุ้มครองความปลอดภัย ในการด าเนินงาน ” ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 1 ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 เรื่อง มาตรการคุ้มครอง ความปลอดภัยในการด าเนินงาน และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑ การประกอบกิจการโรงงานจ าพวกที่ ๓ ตามที่ระบุในบัญชีท้ายประกาศนี้ ต้องปฏิบัติตาม รายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานที่กรมโรงงาน อุตสาหกรรมเห็นชอบ การด าเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานจ าพวกที่ ๓ ตามที่ระบุ ในบัญชีท้ายประกาศนี้ต้องจัดท ารายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตร ายที่อาจเกิดจากการประกอบ กิจการโรงงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนดในข้อ ๒ ยื่นตามวรรคสาม วรรคสี่ วรรคห้า หรือวรรคหก แล้วแต่กรณี (๑) การขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (๒) การขอขยายโรงงาน (๓) การเริ่มประกอบกิจการโรงงานหรือการเริ่มประกอบกิจการโรงงานในส่ วนขยายโรงงาน ของโรงงานที่อยู่ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมตามมาตรา ๓๐ หรือนิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมาย ว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แล้วแต่กรณี ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๖(๔) การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในการประกอบกิจการโรงงานไปจากเดิมที่ท าให้เข้าข่ายเป็นการ ประกอบกิจการโรงงานจ าพวกที่ ๓ ตามที่ระบุในบัญชีท้ายประกาศนี้ การยื่นรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน ตามวรรคสอง ให้ยื่นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ก าหนดเป็นหลัก เว้นแต่มีเหตุจ าเป็นไม่อาจด าเนินการยื่น ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ให้ยื่นรายงาน การวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน ณ สถานที่ตามวรรคสี่ วรรคห้า หรือวรรคหก แล้วแต่กรณี กรณีที่โรงงานตามวรรคสองเป็นโรงงานในเขตกรุงเทพมหานครและไม่ได้เป็นโรงงานใน นิคมอุตสาหกรรมตามกฎหม ายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้ยื่นรายงานการวิเคราะห์ ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมจ านวน หนึ่งฉบับ กรณีที่โรงงานตามวรรคสองเป็นโรงงานในเขตจังหวัดอื่นและไม่ได้เป็นโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ตามกฎหมายว่าด้ วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้ยื่นรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยง จากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานจ านวนสองฉบับ โดยยื่นต่อส านักงานอุตสาหกรรม จังหวัดในเขตท้องที่ที่จะตั้งโรงงานหรือในเขตท้องที่ที่โรงงานตั้งอยู่จ านวนหนึ่งฉบับและยื่นต่อกรมโรงงาน อุตสาหกรรมจ านวนหนึ่งฉบับ กรณีโรงงานตามวรรคสองเป็นโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย ให้ยื่นรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน จ านวนสองฉบับ โดยยื่นต่อการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือหน่วยงานที่การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทยก าหนดจ านวนหนึ่งฉบับ และยื่นต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมจ านวนหนึ่งฉบับ ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมพิจารณารายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจาก การประกอบกิจการโรงงานที่ ได้ยื่นมาตามวรรคสาม วรรคสี่ วรรคห้า หรือวรรคหก แล้วแต่กรณี เพื่อให้ ความเห็นชอบให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตราย ที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน ระยะเวลาหกสิบวันดังกล่าวไม่รวมถึงระยะเวลาที่ผู้ประ กอบ กิจการโรงงานต้องแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลหรือเอกสารตามค าสั่งของกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรณีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมพิจารณารายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิด จากการประกอบกิจการโรงงานตามวรรคเจ็ดแล้วให้ความเห็นชอบ ให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานสามารถ เริ่มประกอบกิจการโรงงานหรือเริ่มประกอบกิจการโรงงานในส่วนขยายหรือประกอบกิจการโรงงานในส่วนที่ เปลี่ยนแปลงได้ โดยในการประกอบกิจการโรงงานให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยง จากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมเห็นชอบดังกล่าว โดยเคร่งครัด ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๖ทุก ๆ ระยะห้าปีนับถัดจากปีที่เริ่มประกอบกิจการโรงงานให้ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ทบทวนรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานโดยการ ยื่นรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานฉบั บใหม่ไม่เกิน เดือนสิงหาคมของปีที่ห้า โดยให้น าความในข้อ 2 และความในวรรคสาม วรรคสี่ วรรคห้า หรือวรรคหก มาใช้บังคับกับการทบทวนและการยื่นรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจาก การประกอบกิจการโรงงาน และให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมพิจารณาให้ความเ ห็นชอบในรายงาน การวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานที่ได้ยื่นดังกล่าวภายใน เก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบ กิจการโรงงาน ระยะเวลาเก้าสิบวันดังกล่าวไม่รวมถึงระยะเวลาที่ผู้ ประกอบกิจการโรงงานต้องแก้ไขเพิ่มเติม ข้อมูลหรือเอกสารตามค าสั่งของกรมโรงงานอุตสาหกรรม การประกอบกิจการโรงงาน การขยายโรงงานของโรงงานจ าพวกที่ 3 ตามที่ระบุในบัญชี ท้ายประกาศนี้ หรือการประกอบกิจการโรงงานในส่วนที่เปลี่ยนแปลงตามข้อ ๑ วรรคสอง (๔) โดยที่ไม่ได้มีการยื่นรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน หรือการประกอบกิจการโรงงาน การประกอบกิจการโรงงานในส่วนขยาย ที่ได้มีการขอรับใบอนุญาต ประกอบกิจการโรงงานหรือการขอขยายโรงงาน หรือการประกอบกิจการโรงงานในส่วนที่เปลี่ ยนแปลง ตามข้อ ๑ วรรคสอง (๔) ที่ได้มีการยื่นรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบ กิจการโรงงานแล้วแต่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามวรรคเจ็ด หรือการประกอบ กิจการโรงงานโดยที่รายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตราย ที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามวรรคเก้า หรือการประกอบกิจการโรงงาน โดยไม่ปฏิบัติตามรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมเห็นชอบ ให้ถือว่าเป็นการป ระกอบกิจการโรงงานที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ในกรณีนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องน าข้อเท็จจริงดังกล่าวไปพิจารณาเพื่อด าเนินการตามมาตรา 37 หรือมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แล้วแต่กรณี” ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับในวันที่พ้นก าหนดสามร้อยหกสิบห้าวันนับแต่วันถัดจาก วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๔ รายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน ของผู้ประกอบกิจการโรงงานจ าพวกที่ 3 ตามที่ระบุในบัญชีท้ายประกาศนี้ที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ก่อน วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ผู้ประกอบกิจกา รโรงงานปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศนี้ตั้งแต่ วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๖ข้อ ๕ รายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้กรมโรงงาน อุตสาหกรรมพิ จารณาตามประกาศนี้ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ระยะเวลาเก้าสิบวันดังกล่าวไม่รวมถึงระยะเวลาที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลหรือ เอกสารตามค าสั่งของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖6 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๖" 1487.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล (ฉบับที่ 15) พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงข้อก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซลให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปริมาณและราคาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไบโอดีเซล อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 25 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการค้าน ้ามันเชื อเพลิง พ.ศ. 2543 อธิบดีกรมธุรกิจ พลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ข้อ 1 ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในรายการ 17 ในตารางหมายเลข 1 ลักษณะและคุณภาพของ น ้ามันดีเซล แนบท้ายประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ก้าหนดลักษณะและคุณภาพของน ้ามันดีเซล (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี แ ทน รายการ ข้อก้าหนด อัตราสูงต่้า น ้ามันดีเซล วิธีทดสอบ1/ หมุนเร็ว หมุนช้า ธรรมดา บี 7 บี 20 17 ไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ ร้อยละโดยปริมาตร ของกรดไขมัน (Methyl ester of fatty acids ) % vol. ไม่ต่้ากว่า และ ไม่สูงกว่า 6.6 10 6.6 7 6.6 20 - EN 14078 ตั งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ไม่ต่้ากว่า และ ไม่สูงกว่า 9 10 6.6 7 19 20 - ประกาศ ณ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. ๒๕66 นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๖" 1488.pdf,"ประกาศส านักงานเศรษฐกิจการคลัง เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับติดต่อส านักงานเศรษฐกิจการคลัง พ.ศ. 2566 โดยที่มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้บรรดาค าขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศก าหนด ให้ถือว่า หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับตามวันและเวลาที่ค าขออนุญาตหรือการติดต่อนั้น เข้าสู่ระบบ ดังนั้น เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติราชการ จึงสมควรก าหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับประชาชนใช้ในการยื่นค าขอหรือ ติดต่อส านักงานเศรษฐกิจการคลังโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ผู้อ านวยการส านักงานเศรษฐกิจการคลัง ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ก าหนดให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้ เป็นช่องทางส าหรับประชาชนยื่นค าขอ หรือติดต่อส านักงานเศรษฐกิจการคลังหรือผู้อ านวยการส านักงานเศรษฐกิจการคลังโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ (๑) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) saraban@fpo .go.th (๒) เว็บไซต์ส านักงานเศ รษฐกิจการคลัง www.fpo.go.th ข้อ ๒ ในกรณีที่ผู้ยื่นค าขอหรือติดต่อมาทางช่องทางตามข้อ ๑ ประสงค์จะสอบถามหรือ ขอรับค ายืนยันจากส านักงานเศรษฐกิจการคลังว่าได้รับค าขอหรือการติดต่อแล้ว ให้สอบถามในวันและ เวลาราชการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2273 9020 ต่อ 3124 หรือ 3122 หรือ 3115 ข้อ ๓ ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นค าขอหรือติดต่อส านักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือผู้อ านวยการส านักงานเศรษฐกิจการคลังทางช่องทางตามข้อ ๑ แล้ว ก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. ๒๕66 พรชัย ฐีระเวช ผู้อ านวยการส านักงานเศรษฐกิจการคลัง ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๖" 1489.pdf,"ประกาศส านักงานเศรษฐกิจการคลัง เรื่อง การจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 อนุสนธิประกาศส านักงานเศรษฐกิจการคลัง เรื่อง การจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2543 นั้น เนื่องจากกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการส านักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 139 ตอนที่ 48 ก วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2565 โดยมีผลเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ ตลอดจนหน้าที่และอ านาจของส านักงานเศรษฐกิจการคลัง ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวง ดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 23 (3) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 จึงให้ยกเลิกประกาศส านักงานเศรษฐกิจการคลัง เรื่อง การจัดระบบข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประเภทของบุคคลที่มีการเก็บข้อมูลไว้ ดังนี้ 1.1 ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดส านักงานเศรษฐกิจการคลัง 1.2 ลูกจ้างประจ า สังกัดส านักงานเศรษฐกิจการคลัง 1.3 พนักงานราชการ สังกัดส านักงานเศรษฐกิจการคลัง 1.4 ลูกจ้างชั่วคราว สังกัดส านักงานเศรษฐกิจการคลัง 1.5 ผู้ปฏิบัติงานประจ าซึ่งเรียกชื่อเป็นอย่างอื่นที่ก าลังปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงาน เช่น พนักงานเงินทุนหมุนเวียนกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เป็นต้น 1.6 ผู้รับบ าเหน็จบ านาญ 1.7 อดีตบุคลากร สังกัดส านักงานเศรษฐกิจการคลัง ข้อ 2 ประเภทของระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ดังนี้ 2.1 ทะเบียนประวัติข้าราชการ (ก.พ. 7) 2.2 บัตรลูกจ้างประจ า 2.3 แฟ้มประวัติที่จัดเก็บข้อมูลข่าวสารของบุคคลในข้อ 1 2.4 ระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์จัดเก็บข้อมูลข่าวสารขอ งบุคคลในข้อ 1 ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๖ข้อ 3 ลักษณะการใช้ข้อมูลปกติ ดังนี้ ผู้ใช้ ส่วนบริหารทรัพยากรบุคคล ส านักงานเลขานุการกรม ใช้ในการบริหารงาน บุคคลของส านักงานเศรษฐกิจการคลัง เช่น การบรรจุ แต่งตั้ง เลื่อนต าแหน่ง การพิจารณาความดี ความชอบ การลงโทษ เป็นต้น ข้อ 4 วิธีการขอตรวจดูข้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล ดังนี้ 4.1 เจ้าของข้อมูลยื่นค าขอ (ตามแบบฟอร์มที่ก าหนด) ตรวจดูด้วยตนเอง หรือ มอบอ านาจเป็นหนังสือให้บุคคลอื่นยื่นค าขอตรวจดูข้อมูลของตน ต่อส่วนบริหารทรัพยากรบุคคล ส านักงานเลขานุการกรม ส านักงานเศรษฐกิจการคลัง 4.2 การขอตรวจดูข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของผู้อื่น ต้องได้รับความยินยอม เป็นหนังสือจากเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ของราชการ พ.ศ. 2540 4.3 เลขานุการกรม ผู้อ านวยการส่วนบริหารทรัพ ยากรบุคคล หรือผู้ที่ได้รับ มอบหมายเป็นผู้อนุญาต ให้ตรวจดูได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อ 4.2 4.4 สถานที่ยื่นแบบค าขอ คือ ส่วนบริหารทรัพยากรบุคคล ส านักงานเลขานุการกรม ส านักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ saraban@fpo .go.th ข้อ 5 วิธีการขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล ดังนี้ 5.1 การขอแก้ไขวัน เดือน ปีเกิด ให้ปฏิบัติตามระเบียบส านักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอแก้ไข วัน เดือน ปีเกิด ในทะเบียนประวัติข้าราชการ พ.ศ. 2548 และหนังสือ ส านักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๖/ว ๑๒ ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๙ 5.2 รายการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม ที่จะต้องแจ้งให้ส่วนบริหารทรัพยากร บุคคลทราบ เพื่อบันทึกในระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ของส านักงานเศรษฐกิจการคลัง ทะเบียนประวัติ ข้าราชการ (ก.พ. 7) แฟ้มประวัติที่จัดเก็บข้อมูลข่าวสารของบุคคลในข้อ 1 และบัตรลูกจ้างประจ า ดังนี้ (1) การศึกษา การอบรม สัมมนา ดูงาน และการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แจ้งการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มรายการดังกล่าว โดยแนบส าเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้ส่วนบริหารทรั พยากรบุคคล จ านวน 1 ชุด (2) การเพิ่มวุฒิบัตรการศึกษา ใช้หลักฐานส าเนาประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร และส าเนาใบแสดงผลการศึกษา (Transcript) จ านวน 1 ชุด (3) การเปลี่ยนค าน าหน้านาม ชื่อตัว - ชื่อสกุล การสมรส การหย่า ให้แจ้ง การเปลี่ยนแปลงโดยแนบส าเนาเอกสารหลักฐาน พร้อมแนบ แบบ ทร. 14 (ส าเนาทะเบียนบ้าน) จ านวน 1 ชุด ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๖ (4) การเพิ่มเติมรายการอื่น ๆ เช่น การได้รับการคัดเลือกให้เป็นข้าราชการดีเด่น เป็นต้น ให้ส่งส าเนาใบประกาศ หรือหลักฐานอื่น ๆ จ านวน 1 ชุด 5.3 เอกสารหลักฐานที่ส่งให้ส่วนบริหารทรัพยากรบุคคล ผู้ยื่นต้องรับรองส าเนาถูกต้อง ตามข้อ 31 ของระเบียบส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และที่แก้ไข เพิ่มเติม ทุกครั้ง 5.4 ข้าราชการที่เคยรับราชการทหาร และได้รับยศทางทหาร ซึ่งต่อมาไม่ประสงค์ ใช้ชื่อยศ น าหน้าชื่อตัว กรณีเช่นนี้สามารถกระท าได้ตามค าชี้แจงของกระทรวงกลาโหม เรื่อง การใช้ ยศทหารประกอบชื่อบุคคล ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2517 ข้อ 6 แหล่งที่มาของข้อมูล 6.1 เจ้าของข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล 6.2 ค าสั่ง หรือประกาศที่ เกี่ยวข้องด้านการบริหารงานบุคคล และเอกสารอื่นใด ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลที่อยู่ในการบริหารงานของส านักงานเศรษฐกิจการคลัง ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. ๒๕66 พรชัย ฐีระเวช ผู้อ านวยการส านักงานเศรษฐกิจการคลัง ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๖" 1491.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ 55/2566 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปฏิบัติพิธีการศุลกากรในการยกเว้นอากรศุลกากร ส าหรับเครื่องจักรกลการเกษตร โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปฏิบัติและพิธีการส าหรับ การยกเว้นอากรศุลกากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรส าหรับเครื่องจักรกล การเกษตร ลงวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒560 ประกอบกับประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรส าหรับเครื่องจักรกลการเกษตร ลงวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมศุลกากร ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรส าหรับเครื่องจักรกล การเกษตร ลงวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566 ก าหนดให้ยกเว้นอากรส าหรับรถตัดอ้อยที่มีขนาด 300 แรงม้าขึ้นไป เครื่องอัดใบอ้อย และเครื่องกวาดใบอ้อย ไม่ว่าจะอยู่ในพิกัดประเภทใดก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ข้อ 2 การยกเว้นอากรส าห รับของตามข้อ 1 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) ของที่ได้รับการยกเว้นอากรต้องเป็นของที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน (2) ผู้น าของเข้าต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้ (ก) เป็นชาวไร่อ้อย (ข) เป็นสถาบันชาวไร่อ้อย (ค) เป็นผู้ประกอบกิจการโรงงานน้ าตาล (ง) เป็นผู้แทนจ าหน่ายที่มีสัญญาซื้อขาย หรือสัญญาจะซื้อจะขายกับผู้มีคุณสมบัติ ตาม (ก) ถึง (ค) ข้อ 3 ให้ผู้น าของเข้ายื่นหนังสือรับรองจากส านักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ าตาลทราย ว่าผู้น าของเข้ามีคุณสมบัติตาม ข้อ 2 (2) และของที่น าเข้าเป็นรถตัดอ้อยที่มีขนาด 300 แรงม้าขึ้นไป เครื่องอัดใบอ้อย หรือเครื่องกวาดใบอ้อยที่น าเข้ามาเพื่อใช้ประกอบการเกษตรของผู้มีคุณสมบัติ ตาม ข้อ 2 (2) (ก) ถึง (ค) ข้อ 4 ให้ผู้น าของเข้าจัดท าข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรก า หนด โดยบันทึกในช่องสิทธิพิเศษของแต่ละรายการ ระบุเป็น “MCC” ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖ข้อ 5 กรณีที่ส านักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ าตาลทราย ได้แจ้งเพิกถอนหนังสือรับรอง การแสดงการได้รับสิทธิส าหรับของใด ของนั้นจะไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรส าหรับเครื่องจักรกลการเกษตร ลงวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันน าของเข้าและผู้น าของเข้ามีหน้าที่ต้องแจ้งต่อกรมศุลกากรเพื่อขอช าระอากรให้ครบถ้วน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนสิทธิ ข้อ 6 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖6 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๗๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖" 1492.pdf,"ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ยกเลิกประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเกี่ยวกับการก าหนดกรณีที่มีเหตุสมควร และอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ พ.ศ. ๒๕๖๖ ด้วยข้อบังคับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุข กรณีที่มีเหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุ หรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยข้อบังคับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุข กรณีที่มี เหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุ หรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้ก าหนดกรณีที่มี เหตุสมควรที่บุคคลผู้มีสิทธิเข้ารับบริการจากสถานบริการอื่นนอกจากหน่วยบริการประจ าของตน หรือหน่วย บริการปฐมภูมิในเ ครือข่าย หน่วยบริการที่เกี่ยวข้อง โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ดังนั้น เพื่อไม่ให้การก าหนดสิทธิในการเข้ารับบริการกรณีที่มีเหตุสมควรมีความซ้ าซ้อนกันจึงสมควร ยกเลิกประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเกี่ยวกับการก าหนดกรณีที่มีเหตุสมคว รและอัตรา ค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ เลขาธิการส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ยกเลิก ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเกี่ยวกับการก าหนดกรณีที่มีเหตุสมควรและอัตรา ค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ก าหนดกรณีที่มีเหตุสมควร และอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ก าหนดกรณีที่มีเหตุสมควร และอัตราค่าใช้ จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (๓) ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ก าหนดกรณีที่มีเหตุสมควร และอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (๔) ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ก าหนดกรณีที่มีเหตุสมควร และอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๘๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ เมษายน ๒๕๖๖(๕) ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ก าหนดกรณีที่มีเหตุสมควร และอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (๖) ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ก าหนดกรณีที่มีเหตุสมควร และอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศ ณ วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. ๒๕66 จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๘๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ เมษายน ๒๕๖๖" 1495.pdf,"ประกาศกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับติดต่อกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยที่มาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 บัญญัติให้บรรดาค าขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงานของรัฐหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศก าหนด ให้ถือว่า หน่วยงานของรัฐห รือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับตามวันและเวลาที่ค าขออนุญาตหรือการติดต่อนั้นเข้าสู่ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระ แก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ จึงสมควรก าหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ส าหรับประชาชนใช้ในการยื่นค าขอหรือติดต่อกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 10 วรรคหนึ่ง และมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติ การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 และมาตรา 33 (1) แห่งพระราชบัญญัติกองทุน เงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ก าหนดให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้ เป็นช่องทางส าหรับประชาชนยื่นค าขอ หรือติดต่อกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาห รือผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ (1) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) saraban@studentloan .or.th (2) เว็บไซต์กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา www.studentloan.or.th ข้อ 2 ในกรณีที่ผู้ยื่นค าขอหรือติดต่อมาทาง ช่องทางตามข้อ 1 ประสงค์จะสอบถามหรือ ขอรับค ายืนยันจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาว่าได้รับค าขอหรือการติดต่อแล้ว ให้สอบถามในวัน และเวลาราชการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2016 2600 ต่อ 109, 117 และ 517 ข้อ 3 ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นค าขอหรือติดต่อกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือผู้จัดการ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาทางช่องทางตามข้อ 1 แล้ว ก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕66 ชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๘๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ เมษายน ๒๕๖๖" 1499.pdf,"ค ำสั่งส ำนักงำนทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลำง ที่ 1/2566 เรื่อง ก ำหนดหลักเกณฑ์และเอกสำรประกอบค ำขอจดทะเบียนจัดตั้ง จดทะเบียนเพิ่มทุน ของห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำกัด และจดทะเบียนควบรวมบริษัทจ ำกัดที่มีกำรเพิ่มทุน เพื่อให้กำรจดทะเบียนจัดตั้ง กำรจดทะเบียนเพิ่มทุนของห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำกัดและ กำรจดทะเบียนควบรวมบริษัทจ ำกัดที่มีกำรเพิ่มทุน ซึ่งได้มีกำรช ำระเงินลงหุ้นหรือช ำระเงินค่ำหุ้น เป็นไปด้วยควำมถูกต้องตรงกับข้อเ ท็จจริงที่ขอจดทะเบียน อำศัยอ ำนำจตำมควำมในข้อ ๓ วรรคสำม แห่งกฎกระทรวงจัดตั้งส ำนักงำนทะเบียนหุ้นส่วน บริษัทแต่งตั้งนำยทะเบียน และก ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำรในกำรจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำกัด พ.ศ. ๒๕๔๙ ออกตำมควำมในประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ นำยทะ เบียนกลำงจึงมีค ำสั่ง ดังต่อไปนี้ ๑. ให้ยกเลิกค ำสั่งส ำนักงำนทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลำง ที่ ๖๖/๒๕๕๘ เรื่อง ก ำหนดหลักเกณฑ์ และเอกสำรประกอบค ำขอจดทะเบียนจัดตั้งและเพิ่มทุนจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำกัด ลงวันที่ ๒๔ มีนำคม ๒๕๕๘ 2. กำรจดทะเบียนจัดตั้งห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำกัด ซึ่งมีทุนที่ขอจดทะเบียนเกินกว่ำห้ำล้ำนบำท ให้จัดส่งเอกสำรประกอบค ำขอจดทะเบียนตำมระเบียบส ำนักงำนทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลำงว่ำด้วย กำรจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำกัด พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้ง จัดส่งเอกสำร เพิ่มเติม ดังนี้ (๑) กรณีช ำระด้วยเงิน ให้จัดส่งเอกสำรหลักฐำนที่ธนำคำรออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงว่ำ หุ้นส่วนผู้จัดกำรหรือกรรมกำรที่มีอ ำนำจลงนำมคนใดคนหนึ่งได้รับช ำระเงินลงหุ้นหรือเงินค่ำหุ้น ตำมจ ำนวนที่ช ำระไว้แล้ว พร้อมค ำขอจดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อนำยทะเบียนมีค ำสั่งรับจดทะเบียนแล้ว ให้จัดส่งเอกสำรหลักฐำนที่ธนำคำร ออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงว่ำห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำกัดได้รับเงินลงหุ้นหรือเงินค่ำหุ้นที่หุ้นส่วน ผู้จัดกำรหรือกรรมกำรเก็บรวบรวมไว้แล้ว ภำยใน ๑๕ วันนับแต่วันที่นำยทะเบียนมีค ำสั่งรั บจดทะเบียน (๒) กรณีช ำระด้วยทรัพย์สิน ให้จัดส่งหนังสือยืนยันของผู้เป็นเจ้ำของทรัพย์สินว่ำจะโอน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้แก่ห้ำงหุ้นส่วนหรือบริษัทจ ำกัด หรือหนังสือยืนยันว่ำจะให้ห้ำงหุ้นส่วน ใช้ทรัพย์สินพร้อมค ำขอจดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อนำยทะเบียนมีค ำสั่งรั บจดทะเบียนแล้ว ให้จัดส่งเอกสำรหลักฐำน ดังต่อไปนี้ ภำยใน ๙๐ วันนับแต่วันที่นำยทะเบียนมีค ำสั่งรับจดทะเบียน (ก) ทรัพย์สินประเภทอสังหำริมทรัพย์หรือทรัพย์สินที่มีทะเบียน ให้ส่งส ำเนำหลักฐำน ซึ่งแสดงว่ำห้ำงหุ้นส่วนหรือบริษัทจ ำกัดเป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ ้หนา ๔๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๘๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖ (ข) ทรัพย์สินประเภทอื่น ให้ส่งส ำเนำบัญชีแสดงรำยละเอียดและมูลค่ำทรัพย์สิน ที่น ำมำลงทุน (ค) ทรัพย์สินซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนน ำมำให้ห้ำงหุ้นส่วนใช้แทนกำรลงหุ้น ให้จัดส่งสัญญำ ให้ใช้ทรัพย์สิน 3. กำรจดทะเบียนเพิ่มทุนของห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำกัด ที่มีทุนจดท ะเบียนเดิมรวมกับ ทุนจดทะเบียนที่เพิ่มใหม่เกินกว่ำห้ำล้ำนบำท ให้จัดส่งเอกสำรประกอบค ำขอจดทะเบียนตำมระเบียบ ส ำนักงำนทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลำงว่ำด้วยกำรจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำกัด พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งจัดส่งเอกสำรเพิ่มเติม ดังนี้ (๑) กรณีช ำระด้วยเงิน ให้จัดส่งเอกสำรหลักฐำนที่ธนำคำรออกให้ เพื่อรับรองหรือ แสดงว่ำห้ำงหุ้นส่วนหรือบริษัทจ ำกัดได้รับช ำระเงินลงหุ้นหรือเงินค่ำหุ้นเฉพำะส่วนที่เพิ่มตำมที่เรียกช ำระ ไว้แล้ว พร้อมกับค ำขอจดทะเบียน (๒) กรณีช ำระด้วยทรัพย์สิน ให้จัดส่งหนังสือชี้แจงยืนยันกำรรับช ำระค่ำลงหุ้นหรือค่ำหุ้น ด้วยทรัพย์สินของห้ำงหุ้นส่วนหรือบริษัทจ ำกัด และเอกสำรหลักฐำนดังต่อไปนี้ พร้อมกับค ำขอจดทะเบียน (ก) ทรัพย์สินประเภทอสังหำริมทรัพย์หรือทรัพย์สินที่มีทะเบียน ให้ส่งส ำเนำหลั กฐำน ซึ่งแสดงว่ำห้ำงหุ้นส่วนหรือบริษัทจ ำกัดเป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ (ข) ทรัพย์สินประเภทอื่น ให้ส่งส ำเนำบัญชีแสดงรำยละเอียดและมูลค่ำทรัพย์สิน ที่น ำมำลงทุน (ค) ทรัพย์สินซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนน ำมำให้ห้ำงหุ้นส่วนใช้แทนกำรลงหุ้น ให้จัดส่งสัญญำ ให้ใช้ทรัพย์สิน 4. กำรจดทะเบียนควบรวมบริษัทจ ำกัดพร้อมเพิ่มทุนในครำวเดียวกันและได้เรียกช ำระค่ำหุ้น ด้วยแล้ว โดยมีทุนที่ขอจดทะเบียนเกินกว่ำห้ำล้ำนบำท ให้จัดส่งเอกสำรประกอบค ำขอจดทะเบียน ตำมระเบียบส ำนักงำนทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลำงว่ำด้วยกำรจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วนและบริษัทจ ำ กัด พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งจัดส่งเอกสำรเพิ่มเติม ดังนี้ (1) ควบรวมกันโดยเป็นบริษัทขึ้นใหม่ (1.1) กรณีช ำระด้วยเงิน ให้จัดส่งเอกสำรหลักฐำนที่ธนำคำรออกให้เพื่อรับรองหรือ แสดงว่ำกรรมกำรที่มีอ ำนำจลงนำมคนใดคนหนึ่งได้รับเงินค่ำหุ้นเฉพำ ะส่วนที่เพิ่มตำมจ ำนวนที่ช ำระไว้แล้ว พร้อมค ำขอจดทะเบียน เมื่อนำยทะเบียนมีค ำสั่งรับจดทะเบียนควบรวมแล้ว ให้จัดส่งเอกสำรหลักฐำน ที่ธนำคำรออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงว่ำบริษัทได้รับเงินค่ำหุ้นที่กรรมกำรเก็บรวบรวมไว้แล้ว ภำยใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่นำยทะเบียนมีค ำสั่งรับจดทะเบียน (๑.๒) กรณีช ำระด้วยทรัพย์สิน ให้จัดส่งหนังสือยืนยันของผู้เป็นเจ้ำของทรัพย์สิน ว่ำจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้แก่บริษัทจ ำกัด พร้อมค ำขอจดทะเบียน ้หนา ๔๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๘๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖ เมื่อนำยทะเบียนมีค ำสั่งรับจดทะเบียนควบรวมแล้ว ให้จัดส่งเอกสำรหลักฐำน ดังต่อไปนี้ภำยใน ๙๐ วันนับแต่วันที่นำยทะเบียนมีค ำสั่งรับจดทะเบียน (ก) ทรัพย์สินประเภทอสังหำริมทรัพย์หรือทรัพย์สินที่มีทะเบียน ให้ส่งส ำเนำ หลักฐำนซึ่งแสดงว่ำบริษัทจ ำกัดเป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ (ข) ทรัพย์สินประเภทอื่น ให้ส่ง ส ำเนำบัญชีแสดงรำยละเอียดและมูลค่ำ ทรัพย์สินที่น ำมำลงทุน (2) ควบรวมกันโดยบริษัทหนึ่งบริษัทใดยังคงมีสภำพเป็นนิติบุคคล (๒.๑) กรณีช ำระด้วยเงิน ให้จัดส่งเอกสำรหลักฐำนที่ธนำคำรออกให้ เพื่อรับรอง หรือแสดงว่ำบริษัทที่ยังคงมีสภำพเป็นนิติบุคคลได้รับช ำระเงินค่ ำหุ้นเฉพำะส่วนที่เพิ่มตำมจ ำนวน ที่ช ำระไว้แล้ว พร้อมกับค ำขอจดทะเบียน (๒.๒) กรณีช ำระด้วยทรัพย์สิน ให้จัดส่งหนังสือชี้แจงยืนยันกำรรับช ำระค่ำหุ้นด้วย ทรัพย์สินของบริษัทจ ำกัดที่ยังคงมีสภำพเป็นนิติบุคคล และเอกสำรหลักฐำนพร้อมกับค ำขอจดทะเบียน ดังต่อไปนี้ (ก) ทรัพย์สินประเภทอสังหำริมทรัพย์หรือทรัพย์สินที่มีทะเบียน ให้ส่งส ำเนำหลักฐำน ซึ่งแสดงว่ำบริษัทจ ำกัดที่ยังคงมีสภำพเป็นนิติบุคคลเป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ (ข) ทรัพย์สินประเภทอื่น ให้ส่งส ำเนำบัญชีแสดงรำยละเอียดและมูลค่ำทรัพย์สิน ที่น ำมำลงทุน 5. กรณีที่ห้ำงหุ้นส่วนหรือบริษัทจ ำกัดไม่จัดส่งเอกสำรหลักฐำนเพิ่มเติมต่อนำยทะเบียนภำยใน ระยะเวลำที่ก ำหนดตำม ๒ และ 4 (1) อำจเป็นเหตุให้นำยทะเบียนพิจำรณำเพิกถอนรำยกำร จดทะเบียนเกี่ยวกับทุนได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๗ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๖ เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 3 กุมภำพันธ์ พ.ศ. ๒๕66 ทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนำธุรกิจกำรค้ำ นำยทะเบียนกลำง ้หนา ๔๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๘๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖" 150.pdf,"ประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ในกรณีทุพพลภาพ (ฉบับที่ 2) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงการก าหนดหลักเกณฑ์ในกรณีทุพพลภาพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ เลขาธิการส านักงานประกันสังคม โดยค าแนะน าของคณะกรรมการการแพทย์จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน (1) และ (2) (ก) ของข้อ 3 แห่งประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ในกรณีทุพพลภาพ ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) ทุพพลภาพมีระดับความสูญเสียไม่ รุนแรง ได้แก่ การสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพ ของอวัยวะหรือของร่างกายหรือสูญเสียสภาวะปกติของจิตใจ จนท าให้ความสามารถในการท างานลดลง ถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติได้ เมื่อประเมินการสูญเสียสมรรถภาพตั้งแต่ร้อยละสามสิบห้าขึ้นไป แต่ไม่ถึงร้อยละห้าสิบ ของทั้งร่างกาย (๒) ทุพพลภาพมีระดับความสูญเสียรุนแรง ได้แก่ (ก) การสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกาย หรือสูญเสีย สภาวะปกติของจิตใจ จนท าให้ความสามารถในการท างานลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติ ได้ เมื่อประเมินการสูญเสียสมรรถภาพตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไปของทั้งร่างกาย ” ข้อ 3 ให้ยกเลิกความใน (1) และ (2) ของข้อ 4 แห่งประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ในกรณีทุพพลภาพ ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1) กรณีผลการประเมินการสูญเสียตั้งแต่ร้อยละสามสิบห้าขึ้นไปแต่ไม่ถึงร้อยละห้าสิบ ของทั้งร่างกาย ในส่วนกลางให้คณะอนุกรรมการพิจารณาประโยชน์ทดแทนในคณะกรรมการการแพทย์ เป็นผู้มีอ านาจวินิจฉัย ในส่วนภูมิภาคให้คณะอนุกรรมการประกันสังคมจังหวัดในคณะกรรมการ ประกันสังคมเป็นผู้มีอ านาจพิจารณาวินิจฉัย และรายงานผลให้คณะกรรมการการแพทย์ทราบ (2) กรณีผลการประเมินการสูญเสียตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไปของทั้งร่างกาย ในส่วนกลาง ให้คณะอนุกรรมการพิจารณาประโยชน์ทดแทนในคณะกรรมการการแพทย์เป็นผู้มีอ านาจพิจารณาวินิจฉัย ในส่วนภูมิภาคให้คณะอนุกรรมการประกันสังคมจังหวัดในคณะกรรมการประกันสังคมเป็นผู้มีอ านาจ พิจารณาวินิจฉัย และรายงานผลให้คณะกรรมการการแพทย์ทราบ เว้นแต่ กรณีทุพพลภาพตามข้อ 3 (2) (ข) ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๙๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒การพิจารณาวินิจฉัยให้เป็นอ านาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ของส านักงาน ทั้งนี้ โดยให้มี ใบรับรองของแพทย์ผู้รักษาและผ่านการประเมินความสูญเสียสมรรถภาพของร่างกายของแพทย์ ที่ขึ้นทะเบียนกับส านักงานประกันสังคม ” ประกาศ ณ วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖2 อนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการส านักงานประกันสังคม ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๙๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒" 1502.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย เรื่อง ก้าหนดวันเริ่มต้นการหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทรายฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๑๗ (๑๑) ประกอบกับมาตรา ๑๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ อ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ๑. ก้าหนดวันเริ่มต้นการหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทรายฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ของโรงงาน น ้าตาลทรายทุกโรงงาน ตั งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เว้นแต่โรงงานอุตสาหกรรมน ้าตาลชลบุรี ซึ่งหยุดประกอบกิจการชั่วคราว ๒. ให้โรงงานน ้าตาลทรายตามข้อ ๑ เริ่มต้นการหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทรายภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการก้าหนด ๓. กรณีมีเหตุจ้าเป็น หรือโรงงานน ้าตาลทรายใดประสงค์จะเปิดหีบอ้อยผลิ ตน ้าตาลทราย ภายหลังจากวันที่ก้าหนดเกินกว่า ๗ วัน ให้โรงงานน ้าตาลทรายแจ้งเป็นหนังสือให้ส้านักงานคณะกรรมการ อ้อยและน ้าตาลทรายทราบ ๔. ให้เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายรักษาการตามประกาศนี ทั งนี ตั งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖6 ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ เมษายน ๒๕๖๖" 1504.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดชื่อ ประเภท หรือชนิดของใบรับรองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ตลอดจนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบรับรอง การต่ออายุใบรับรอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดชื่อ ประเภท หรือชนิดของใบรับรองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ตลอ ดจน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบรับรอง การต่ออายุใบรับรอง ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๕๒ วรรคสอง และมาตรา ๕๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติค วบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดชื่อ ประเภท หรือชนิดของใบรับรองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ตลอดจน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบรับรอง การต่ออายุใบรับรอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๔ ของประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดชื่อ ประเภท หรือชนิดของใบรับรองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ตลอดจนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบรับรอง การต่ออายุใบรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) ใบรับรองระบบการประกันคุณภาพอาหารสัตว์ ดังนี้ (ก) ใบรับรองระบบการจัดการด้านสุขลักษณะที่ดีในสถานประกอบการ ( GHPs) ชื่อภาษาอังกฤษว่า Good Hygiene Practices (GHPs) หรือชื่อภาษาอังกฤษอื่นในลักษณะเดียวกัน (ข) ใบรับรองระบบการจัดการด้านการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (HACCP) ชื่อภาษาอังกฤษว่ า Hazard Analysis and Critical Control Point (HACCP) หรือ ชื่อภาษาอังกฤษอื่นในลักษณะเดียวกัน ” ้หนา ๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๙๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ เมษายน ๒๕๖๖ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ ของประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดชื่อ ประเภท หรือชนิดของใบรับรองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ตลอดจน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบรับรอง การต่ออายุใบรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ ผู้ผลิตอาหารสัตว์ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบรับรองระบบการประกันคุณภาพอาหารสัตว์ ให้ยื่นค าขอพร้อมด้วยหลักฐานตามที่ระบุไว้ใน ค าขอนั้น” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๕ ของประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดชื่อ ประเภท หรือชนิดของใบรับรองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ตลอดจน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบรับรอง การต่ออายุใบรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๕ ผู้รับใบรับรองระบบการประกันคุณภาพอาหารสัตว์ที่ประสงค์จะขอต่ออายุใบรับรอง ระบบการประกันคุณภาพอาหารสัตว์ ให้ยื่นค าขอก่อนใบรับรองระบบการประกันคุณภาพอาหารสัตว์เดิม สิ้นอายุไม่น้อยกว่าสามสิบวัน พร้อมด้วยหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบ ค าขอนั้น” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความใน (๒) ของข้อ ๒๐ ของประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดชื่อ ประเภท หรือชนิดของใบรับรองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ตลอดจนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบรับรอง การต่ออายุใบรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้ แทน “(๒) ใบรับรองระบบการประกันคุณภาพอาหารสัตว์ อย่างใดอย่างหนึ่งที่ออกให้โดย กรมปศุสัตว์หรือกรมประมง หากไม่มีใบรับรองดังกล่าวต้องได้รับการตรวจสอบสถานประกอบการผลิต อาหารสัตว์ กระบวนการผลิต และคุณภาพอาหารสัตว์นั้น โดยเจ้าหน้าที่ของผู้อนุญาต แล้วแต่กร ณี” ข้อ ๗ ใบรับรองระบบการจัดการด้านสุขลักษณะที่ดีในสถานประกอบการ ( GMP) ที่ออกให้ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดชื่อ ประเภท หรือชนิดของใบรับรอง ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ตลอดจนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอ ใบรับรอง การต่ออายุใบรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๐ ก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ยังใช้ได้จนกว่าจะสิ้นอายุ หากผู้รับใบรับรองระบบการจัดการด้านสุขลักษณะที่ดีในสถานประกอบการ ( GMP) ที่ใบรับรองยังไม่สิ้นอายุ ประสงค์ขอใบรับรองระบบการจัดการด้านสุขลักษณะที่ดีในสถานประกอบการ ( GHPs) ต้องได้รับ การตรวจประเมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อก าหนดดังกล่าว การออกใบรับรองให้น าความในข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ และข้อ ๑๓ ของประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดชื่อ ประเภท หรือชนิดของใบรับรอง ้หนา ๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๙๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ เมษายน ๒๕๖๖ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ตลอดจนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขอใบรับรอง การต่ออายุใบรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาใช้บังคับโดยอนุโลม การออกใบรับรอง ระบบการจัดการด้านสุขลักษณะที่ดีในสถานประก อบการ ( GHPs) แทนใบรับรองระบบ การจัดการด้านสุขลักษณะที่ดีในสถานประกอบการ ( GMP) ฉบับเดิม ให้ระบุวันสิ้นอายุการรับรอง ตามก าหนดวันสิ้นอายุในใบรับรองฉบับเดิม ประกาศ ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕66 ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ้หนา ๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๙๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ เมษายน ๒๕๖๖" 1506.pdf,"ประกาศส้านักงานคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย เรื่อง การก้าหนดราคาอ้อยขั นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขั นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเห็นชอบกับการก้าหนด ราคาอ้อยขั นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขั นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ส้านักงานคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย จึงขอประกาศราคาอ้อยขั นต้นและผลตอบแทน การผลิตและจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขั นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ทั ง ๙ เขตค้านวณราคาอ้อย เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ ในอัตราตันอ้อยละ ๑,๐๘๐ บาท (หนึ่งพันแปดสิบบาทถ้วน) ต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และก้าหนดอัตราขึ น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๔.๘๐ บาท (หกสิบสี่บาทแปดสิบสตางค์) ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจ้าหน่าย น ้าตาลทรายขั นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เท่ากับ ๔๖๒.๘๖ บาท (สี่ร้อยหกสิบสองบาท แปดสิบหกสตางค์) ต่อตันอ้อย และการ เปลี่ยนแปลงของราคาอ้อยขั นต้น ตามหน่วยคุณภาพ ความหวานตามตารางแสดงราคาแนบท้ายประกาศนี ทั งนี ตั งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. ๒๕66 ภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๙๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖ซี.ซี.เอส.ราคาอ้อย ซ ี.ซี.เอส.ราคาอ้อย ซ ี.ซี.เอส.ราคาอ้อย ซ ี.ซี.เอส.ราคาอ้อย 6.00 820.80 8.10 956.88 10.10 1,086.48 12.10 1,216.08 6.10 827.28 8.20 963.36 10.20 1,092.96 12.20 1,222.56 6.20 833.76 8.30 969.84 10.30 1,099.44 12.30 1,229.04 6.30 840.24 8.40 976.32 10.40 1,105.92 12.40 1,235.52 6.40 846.72 8.50 982.80 10.50 1,112.40 12.50 1,242.00 6.50 853.20 8.60 989.28 10.60 1,118.88 12.60 1,248.48 6.60 859.68 8.70 995.76 10.70 1,125.36 12.70 1,254.96 6.70 866.16 8.80 1,002.24 10.80 1,131.84 12.80 1,261.44 6.80 872.64 8.90 1,008.72 10.90 1,138.32 12.90 1,267.92 6.90 879.12 9.00 1,015.20 11.00 1,144.80 13.00 1,274.40 7.00 885.60 9.10 1,021.68 11.10 1,151.28 13.10 1,280.88 7.10 892.08 9.20 1,028.16 11.20 1,157.76 13.20 1,287.36 7.20 898.56 9.30 1,034.64 11.30 1,164.24 13.30 1,293.84 7.30 905.04 9.40 1,041.12 11.40 1,170.72 13.40 1,300.32 7.40 911.52 9.50 1,047.60 11.50 1,177.20 13.50 1,306.80 7.50 918.00 9.60 1,054.08 11.60 1,183.68 13.60 1,313.28 7.60 924.48 9.70 1,060.56 11.70 1,190.16 13.70 1,319.76 7.70 930.96 9.80 1,067.04 11.80 1,196.64 13.80 1,326.24 7.80 937.44 9.90 1,073.52 11.90 1,203.12 13.90 1,332.72 7.90 943.92 10.00 1,080.00 12.00 1,209.60 14.00 1,339.20 8.00 950.40 หมายเหตุ 91.79 = 432.00 บาท/ตัน 3. ส่วนที่ 2 = 64.80 เขต 1 462.86 2 462.863 462.864 462.865 462.866 462.867 462.869 462.86ของราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ บาท/ตัน/ซี.ซี.เอส. 2. ผลตอบแทนการผล ิตและจําหน่ายน้ําตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2565/2566 ตามรายเขตดังนี้ ผลตอบแทนการผล ิตฯ (บาท/ตันอ้อย) ที่ 10 ซี.ซี.เอส.ตารางแสดงราคาอ ้อยขั้นต้น และผลตอบแทนการผล ิตและจําหน่ายน้ําตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2565/2566 2. ส่วนที่ 1 รวมกากน้ําตาล 4. การขึ้นลงของราคาอ ้อยที่ 1 ซี.ซี.เอส. = ส่วนที่ 21. ตารางแสดงราคาอ ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2565/2566 ที่ระดับค่า ซี.ซี.เอส. ต่าง ๆ (บาท/ตันอ้อย) 1. ราคาอ้อยที่ร้อยละที่ 10 ซี.ซี.เอส.อัตราขึ้น/ลง ที่ ซี.ซี.เอส.เฉลี่ย 1 116.99 12.78 3,838,000.00 1,080.00 64.80 1,260.16 462.86 2 103.71 12.08 12,378,000.00 1,080.00 64.80 1,214.73 462.86 3 107.09 12.19 14,587,000.00 1,080.00 64.80 1,221.70 462.86 4 99.68 11.67 17,784,000.00 1,080.00 64.80 1,188.28 462.86 5 105.32 11.40 318,000.00 1,080.00 64.80 1,170.65 462.86 6 106.05 12.11 555,000.00 1,080.00 64.80 1,216.79 462.86 7 111.73 12.84 6,510,000.00 1,080.00 64.80 1,264.23 462.86 9 118.77 13.49 50,990,000.00 1,080.00 64.80 1,306.17 462.86 รวมทั่วประเทศ 111.66 12.77 106,960,000.00 1,080.00 64.80 1,259.40 462.86 หมายเหตุ 87.76 94.8391.6694.9989.3291.3391.20 - 90.4791.79เขต 7 คิดเป็นราคาร้อยละ เขต 8 คิดเป็นราคาร้อยละ เขต 9 คิดเป็นราคาร้อยละ เฉลี่ยทั่วประเทศคิดเป็นร้อยละ 2. เขต 8 ประกอบด้วยโรงงานอุตสาหกรรมน้ําตาลชลบุรี ในปีการผลิต 2565/2566 โรงงานหยุดประกอบการช ั่วคราวเขต 2 คิดเป็นราคาร้อยละราคาอ้อยขั้นต้น (บาท/ตันอ้อย) เขต 5 คิดเป็นราคาร้อยละ เขต 6 คิดเป็นราคาร้อยละ1. ราคาที่ปรากฎในแต่ละเขต คํานวณโดยคิดเป็นร้อยละของราคาประมาณการ ดังนี้ เขต 1 คิดเป็นราคาร้อยละเขต เขต 3 คิดเป็นราคาร้ อยละ เขต 4 คิดเป็นราคาร้อยละน้ําตาลเฉลี่ย (กก./ตันอ้อย) ปริมาณอ้อยเข้าหีบ (ตัน)ผลตอบแทนการผล ิตฯ ขั้นต้น (บาท/ตันอ้อย) ที่ 10 ซี.ซี.เอส.ซี.ซี.เอส." 1507.pdf,"ประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดการหนี้และการจ าแนกแยกประเภทหนี้ของเกษตรกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เรื่อง การจัดการหนี้ และการจ าแนกแยกประเภทหนี้ของเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้มีความสมบูรณ์ เพื่อให้กระบวนการ จัดการหนี้เป็นไปตามกฎหมาย เกิดความเป็นธรรมและสอดคล้องกับปัญหาความเดือดร้อนของเกษตร กร อย่างแท้จริง อันจะน ามาซึ่งการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้และรักษาที่ดินท ากิน ของเกษตรกร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๗/๓ (๔) มาตรา ๓๗/๖ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกอบกับมติคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรในคราวประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการจัดการหนี้และการจ าแนกแยกประเภทหนี้ของเกษตรกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บัง คับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๔ (๕) (ข) แห่งประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ ของเกษตรกร เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดการหนี้และการจ าแนกแยกประเภทหนี้ของเกษตรกร ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 14 (5) (ข) หนี้ที่ไม่มีหลักประกันที่ สถาบันเจ้าหนี้ยินยอมให้กองทุน ช าระหนี้แทน โดยสถาบันเจ้าหนี้ได้สืบทรัพย์ของเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ หรือของผู้ค้ าประกัน หรือของทายาท มาด าเนินการบังคับคดีแล้ว หากเจ้าของหลักทรัพย์ประสงค์จะโอนหลักทรัพย์มาเป็นของกองทุน ให้เจ้าของหลักทรัพย์ท าหนังสือยินยอมโอนหลักทรัพย์มาเป็นของกองทุน กรณีที่เกษตรกรไม่สามารถออกค่าใช้จ่ายอื่นใดอันเนื่องจากการบังคับช าระหนี้ กองทุนอาจจ่ายเงินตามวรรคแรกให้ เกษตรกรก่อน และให้น าจ านวนเงินดังกล่าวรวมกับจ านวนเงิน ที่กองทุนได้ช าระหนี้แทน เป็นค่าเช่าซื้อ หรือซื้อ ที่เกษตรกรจะต้องช าระให้กับกองทุน ทั้งนี้ ให้เป็นไป ตามที่ คณะกรรมการจัดการหนี้ก าหนด ” ประกาศ ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕66 จารึก บุญพิมพ์ ประธานกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๙๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖" 1508.pdf,"ประกาศจังหวัดอ านาจเจริญ เรื่อง วิธีการแสดงใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ ามันเชื้อเพลิง โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่มาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติว่าในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย ให้เป็นสิทธิของ ผู้รับอนุญาตที่จะแสดงใบอนุญาตนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการที่ผู้อนุญาตประกาศก าหนดก็ได้ โดยให้ถือว่าการแสดงเช่นว่านั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว สมควรก าหนดวิธีการแสดงใบอนุญาต ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ ามันเชื้อเพลิง โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวก และลดภาระแก่ประชาชน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญ ญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ านาจเจริญ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาต” หมายความว่า เอกสารหลักฐานที่กฎหมายก าหนดให้ต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผย ดังต่อไปนี้ (๑) ใบอนุญาตประกอบกิจการ สถานที่เก็บรักษาน้ ามัน ลักษณะที่สาม (2) ใบอนุญาตประกอบกิจการ ถังขนส่งน้ ามัน (3) ใบอนุญาตประกอบกิจการ สถานที่บรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทโรงบรรจุ (4) ใบอนุญาตประกอบกิจการ สถานีบริการก๊าซปิโต รเลียมเหลว (5) ใบอนุญาตประกอบกิจการ สถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทสถานที่ใช้ ลักษณะที่สาม (6) ใบอนุญาตประกอบกิจการ สถานที่เก็บรักษ าก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทร้านจ า หน่าย ลักษณะที่สอง (7) ใบอนุญาตประกอบกิจการ สถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทโรงเก็บ ลักษณะที่สอง (8) ใบอนุญาตประกอบกิจการ ถังขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว ข้อ ๓ ผู้รับอนุญาตสามารถเลือกแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๒ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยแสดงเป็นภาพผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ เมษายน ๒๕๖๖ข้อ ๔ การแสดงใบอนุญาต ตามข้อ ๓ ต้องมีขนาดของภาพและความละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ รวมทั้งสามารถแสดงให้เห็นข้อมูลอันเป็นสาระส าคัญของใบอนุญาตได้ครบถ้วน ผู้รับอนุญาตอาจเลือกแสดงภาพใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่ประกอบกิจการ มากกว่าหนึ่งใบหรือภาพผ่านหน้าจอเดียวกันก็ได้ แต่ต้องมีระยะเวลาแสดงภาพใบอนุญาตแต่ละใบ ไม่น้อยกว่าห้าวินาที ข้อ ๕ เมื่อผู้รับอนุญาตเลือกแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ ๓ แล้ว ผู้รับอนุญาตไม่ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยตลอดเวลา ณ สถานที่ประกอบกิจการอีกต่อไป แต่ต้องสามารถแสดงต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลาเมื่อมีการตรวจสอบ หรือต่อประชาชนที่ขอตรวจดู ข้อ 6 ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับ ณ บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖6 ฤทธิสรรค์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฎิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดอ านาจเจริญ ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ เมษายน ๒๕๖๖" 1509.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร เรื่อง ก าหนดราคาศุลกากรส าหรับสินค้าไม้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ อธิบดีกรมศุลกากรเห็นควรก าหนดราคาศุลกากรส าหรับสินค้าไม้ดังต่อไปนี้ และให้ถือราคาที่ประกาศนี้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ไม้สัก ๑.) ไม้ซุง 1. ยาว ๘ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ ๒๒,๑๘๘.00 บาท 2. ยาว ๖ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๘ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 9,270.00 บาท 3. ยาวต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 16,230.00 บาท ราคาตาม ๑, ๒ และ ๓ ข้างต้นมิให้ใช้กับไม้สักสวนป่าที่เป็นไม้ซุงที่ท าออกจากสวนป่า ทั้งของรัฐและเอกชน โดยมีหนังสือรับรองจากกรมป่าไม้ หรือผู้ที่กรมป่าไม้มอบหมาย และไม้เสื่อมคุณภาพ ตามที่คณะรัฐมนตรีให้ส่งออกได้เป็นกรณีพิเศษ และกระทรวงพาณิชย์อนุญาตโดยมีหนังสือรับรองคุณภาพ จากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๒.) ไม้เหลี่ยม 1. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 32,580.00 บาท ยาว ๑๐ ฟุตขึ้นไป 2. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 31,250.00 บาท ยาว ๖ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๑๐ ฟุต 3. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยม ลูกบาศก์เมตรละ 25,080.00 บาท ถึงต่ ากว่า ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยม ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป 4. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 22,250.00 บาท ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ๓.) ไม้ตับ 1. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 55,830.00 บาท 2. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 47,250.00 บาท ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖๔.) ไม้กระดาน 1. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 54,750.00 บาท 2. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 44,130.00 บาท ๕.) ไม้ดาดฟ้าเรือ 1. ยาว ๑๕ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 71,550.00 บาท 2. ยาว ๑๐ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๑๕ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 63,150.00 บาท ๖.) ไม้บางวีเนียร์ 1. ขนาดกว้างตั้งแต่ ๔ นิ้วขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 349,750.00 บาท 2. ขนาดกว้างต่ ากว่า ๔ นิ้ว ลูกบาศก์เมตรละ 72,850.00 บาท ราคาตาม ๑ และ ๒ มิให้ใช้กับเศษไม้บางวีเนียร์ที่ขนาดกว้างต่ ากว่ามาตรฐาน โดยมีหนังสือ รับรองคุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๗.) ไม้แปรรูปอย่างอื่น 1. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 40,๑๗๐.00 บาท 2. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 33,240.00 บาท ๘.) หัวไม้แปรรูปชนิดต่าง ๆ 1. ยาว ๑ ๑/๒ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๓ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 32,550.00 บาท 2. ยาว ๖ นิ้ว ถึงต่ ากว่า ๑ ๑/๒ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 31,200.00 บาท 3. ยาวต่ ากว่า ๖ นิ้ว ลูกบาศก์เมตรละ 13,900.00 บาท ไม้ชนิดอื่น ๆ ๑.) ไม้ซุง 1. ไม้มะเกลือ , ไม้พะยูงหรือพยุง ลูกบาศก์เมตรละ 17,430.00 บาท 2. ไม้ชิงชัน ลูกบาศก์เมตรละ 20,630.00 บาท 3. ไม้ประดู่ , ไม้มะค่าโมง , ไม้แดง , ลูกบาศก์เมตรละ 1๓,๓๗๕.00 บาท ไม้ตะเคียนทอง , ไม้เต็ง, ไม้พุด, ไม้รัง, ไม้หลุมพอ 4. ไม้กะพี้เขาควายหรือเก็ดด า , ไม้สาธร , ลูกบาศก์เมตรละ 12,200.00 บาท ไม้รกฟ้า , ไม้ขี้เหล็กป่า , ไม้เชล็ง 5. ไม้ตะแบก , ไม้ชุมแพรก , ไม้ชัน, ไม้ตาเสือ , ลูกบาศก์เมตรละ 11,560.00 บาท ไม้ยมหอม , ไม้ยมหิน , ไม้จ าปา , ไม้แอ๊ก , ไม้พนองหรือเคี่ยมคนอง , ไม้มะค่าแต้ , ไม้ตีนนก , ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง , ไม้ตะคร้อ , ไม้แดงน้ า , ไม้ชัยพฤกษ์ ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖ 6. ไม้ยาง, ไม้เกว้าหรือเขว้า , ไม้ยวนหรือทองบึ้ง , ลูกบาศก์เมตรละ ๙,๑๒๓.00 บาท ไม้สยา , ไม้กะท้อน , ไม้ก้านเหลือง , ไม้มังตาล , ไม้กะบาก , ไม้ไข่เขียว , ไม้พลวง , ไม้เหียง , ไม้เสียดช่อ , ไม้ทุเรียนนก 7. ไม้สมพงหรือกะพง , ไม้สองสลึง , ไม้ปอ, ไม้นุ่น, ลูกบาศก์เมตรละ ๑,๘๘๘.00 บาท ไม้งิ้ว, ไม้จามจุรี , ไม้ยางพารา ๒.) ไม้บางวีเนียร์ 1. ไม้ชิงชัน ลูกบาศก์เมตรละ 442,250.00 บาท 2. ไม้ประดู่ , ไม้สะเดาดงหรือยมหอม , ไม้พยุง ลูกบาศก์เมตรละ 200,750.00 บาท 3. ไม้ตองจิง , ไม้จ าปาป่า , ไม้ชุมแพรก , ลูกบาศก์เมตรละ 64,300.00 บาท ไม้มะรุมป่า 4. ไม้ทัง, ไม้ขมิ้นด าหรือโคแหลม , ไม้กะบาก , ลูกบาศก์เมตรละ 45,550.00 บาท ไม้สยา , ไม้ยาง , ไม้ตะเคียนทราย ราคาตาม ๑, ๒, ๓ และ ๔ มิให้ใช้กับไม้บางวีเนียร์ช ารุดไม่ได้มาตรฐาน โดยมีหนังสือ รับรองคุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๓.) ไม้แปรรูป 1. ไม้มะเกลือ , ไม้พะยูงหรือพยุง ลูกบาศก์เมตรละ 140,376.00 บาท 2. ไม้ชิงชัน ลูกบาศก์เมตรละ 47,730.00 บาท 3. ไม้ประดู่ , ไม้มะค่าโมง , ไม้แดง , ลูกบาศก์เมตรละ ๙๒,๙๘๒.00 บาท ไม้ตะเคียนทอง , ไม้เต็ง, ไม้พุด, ไม้รัง, ไม้หลุมพอ 4. ไม้กะพี้เขาควายหรือเก็ดด า , ไม้สาธร , ลูกบาศก์เมตรละ 125,809.00 บาท ไม้รกฟ้า , ไม้ขี้เหล็กป่า , ไม้เชล็ง 5. ไม้ตะแบก , ไม้ชุมแพรก , ไม้ชัน, ลูกบาศก์เมตรละ ๓8,405.00 บาท ไม้ตาเสือ , ไม้ยมหอม , ไม้ยมหิน , ไม้จ าปา , ไม้แอ๊ก , ไม้พนองหรือเคี่ยมคนอง , ไม้มะค่าแต้ , ไม้ตีนนก , ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง , ไม้ตะคร้อ , ไม้แดงน้ า , ไม้ชัยพฤกษ์ 6. ไม้ยาง, ไม้เกว้าหรือเขว้า , ไม้ยวนหรือทองบึ้ง , ลูกบาศก์เมตรละ 21,189.00 บาท ไม้สยา , ไม้กะท้อน , ไม้ก้านเหลือง , ไม้มังตาล , ไม้กะบาก , ไม้ไข่เขียว , ไม้พลวง , ไม้เหียง , ไม้เสียดช่อ , ไม้ทุเรียนนก ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖ 7. ไม้สมพงหรือกะพง , ไม้สองสลึง , ไม้ปอ, ลูกบาศก์เมตรละ 1๓,๕๙๒.00 บาท ไม้นุ่น, ไม้งิ้ว, ไม้จามจุรี , ไม้ยางพารา 8. ไม้หมอนรถไฟทุกชนิดนอกจากไม้สัก ลูกบาศก์เมตรละ 13,400.00 บาท และไม้ที่ระบุไว้ข้างต้น 9. ปุ่มไม้มะค่าโมง ลูกบาศก์เมตรละ 46,750.00 บาท 10. ยูคาลิปตัส ลูกบาศก์เมตรละ 11,301.00 บาท ประกาศ ณ วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖6 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖" 1510.pdf,"ประกาศส านักงานปลัดกระทรวงพลังงาน เรื่อง โครงสร้าง การจัดองค์กร สรุปอ านาจหน้าที่ วิธีการด าเนินงาน และสถานที่ติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสารของส านักงานปลัดกระทรวงพลังงาน เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา 7 (1) (2) และ (3) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ของราชการ พ.ศ. 2540 ที่จะให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการด าเนินการต่าง ๆ ของราชการ และสอดคล้องกับกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการส านักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2562 และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการส านักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 จึงสมควรประกาศโครงสร้าง การจัดองค์กร สรุปอ านาจหน้าที่ วิธีการด าเนินงาน และสถานที่ติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสารของส านักงานปลัดกระทรวงพลังงา น ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ส านักงานปลัดกระทรวงพลังงาน มีภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนายุทธศาสตร์ และ แปลงนโยบายของกระทรวงเป็นแผนการปฏิบัติงาน จัดสรรทรัพยากร และบริหารราชการทั่วไปของกระทรวง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามภารกิจของกระทรวง โดยให้มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (1) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดท าข้อมูล เพื่อใช้ในการก าหนดนโยบาย เป้าหมายและ ผลสัมฤทธิ์ของกระทรวง (2) พัฒนายุทธศาสตร์การบริหารของกระทรวง และแปลงนโยบายเป็นแนวทางและแผน การปฏิบัติงาน (3) จัดท ายุทธศาสตร์ ประสานการบริหารราชการ และปฏิบัติการเกี่ยวกับงานที่อยู่ใน อ านาจหน้าที่ของกระทรวงในต่างประเทศ (4) จัดสรรและบริหารทรัพยากรของกระทรวง เพื่อให้เกิดการประหยัด คุ้มค่า และสมประโยชน์ (5) ก ากับ เร่งรัด ติดตาม และประเมินผล รวมทั้งประสานการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวง (6) พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อใช้ในการบริหารงานและการบริการ ของส่วนราชการในสังกัดกระทรวง (7) ดูแลงานประชาสัมพันธ์และพัฒนาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย (8) ก ากับดูแลและส่งเสริมการด าเนินภารกิจด้านพลังงานในส่วนภูมิภ าคให้เป็นไปตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องภายในเขตอ านาจ (9) ส่งเสริมความรู้และความเข้าใจ รวมทั้งสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ ตลอดจนประสาน การมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน (10) ศึกษา ประสานงาน สนับสนุน และส่งเสริมเพื่อการพัฒนาโรงไฟฟ้าฐานและพลังงาน หมุนเวียนระดับชุมชน ตลอดจนพลังงานรูปแบบอื่น ๆ เพื่อสร้างสมดุลและความมั่นคงด้านพลังงาน ของประเทศ ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖(11) ประสาน บูรณาการ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และพัฒนาระบบบริหารจัดการ พลังงาน ในภูมิภาค (12) ปฏิบัติการอื่นใดต ามที่กฎหมายก าหนดให้เป็นหน้าที่และอ านาจของส านักงานปลัดกระทรวง หรือตามที่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ข้อ 2 ส านักงานปลัดกระทรวงพลังงาน แบ่งส่วนราชการ ดังต่อไปนี้ ก. ราชการบริหารส่วนกลาง (๑) กองกลาง (๒) กองการต่างประเทศ (๓) กองตรวจราชการ (๔) กองยุทธศาสตร์และแผนงาน (๕) กองส่งเสริมและพัฒนาพลังงานภูมิภาค (๖) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ข. ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ส านักงานพลังงานจังหวัด ข้อ 3 ส านักงานปลัดกระทรวงพลังงาน มีกลุ่มตรวจสอบภายในเพื่อท าหน้าที่หลักในการ ตรวจสอบการด าเนิน งานภายในส านักงานปลัดกระทรวงและกระทรวง และสนับสนุนการปฏิบัติงานของ ส านักงานปลัดกระทรวงและกระทรวง รับผิดชอบงานขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวง โดยมีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) ด าเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบด้านการบริหาร การเงิน และการบัญชีของส านักงาน ปลัดกระทรวงและกระทรวง (๒) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ 4 ส านักงานปลัดกระทรวงพลังงาน มีกลุ่มพัฒนาระบบบริหารเพื่อท าหน้าที่หลัก ในการพัฒนาการบริหารของส านักงานปลัดกระทรวงและกระทรวง ให้เกิดผลสัมฤทธิ์มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ารับผิดชอบงานขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวง โดยมีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอแนะและให้ค าปรึกษาแก่ปลัดกระทรวงเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ ภายในส านักงานปลัดกระทรวงและกระทรวง (2) ติดตาม ประเมินผล และจัดท ารายงานเกี่ ยวกับการพัฒนาระบบราชการภายในส านักงาน ปลัดกระทรวงและกระทรวง (๓) ประสานและด าเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการร่วมกับหน่วยงานกลางต่าง ๆ และหน่วยงานภายในส านักงานปลัดกระทรวงและกระทรวง ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖(๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ 5 ส านักงานปลัดกระทรวงพลังงาน มีศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตเพื่อท าหน้าที่หลัก เป็นศูนย์กลางในการบูรณาการและขับเคลื่อนแผนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและ การส่งเสริมคุ้มครองจริยธรรมในกระทรวง รับผิดชอบงานขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวง โดยมีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอแนะแก่ปลัดกระทรวงเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ของส่วนราชการในสังกัด รวมทั้งจัดท าแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุ จริตและประพฤติมิชอบ ของส่วนราชการ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ และนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง เสนอต่อปลัดกระทรวง (๒) ประสานงาน เร่งรัด และก ากับให้ส่วนราชการในสังกัดด าเนินการตามแผนปฏิบัติการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของส่วนราชการ (๓) รับข้อร้องเรียนเรื่องการทุจริต การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ของเจ้าหน้าที่ในส่วนราชการ และส่งต่อไปยังส่วนราชการและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง (๔) คุ้มครองจริยธรรมตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน (๕) ประสานงาน เร่งรัด และติดตามเกี่ยวกับการด าเนินการตาม (๓) และ (๔) และร่วมมือ ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๖) ติดตาม ประเมินผล และจัดท ารายงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบของส่วนราชการในสังกัดและการคุ้มครองจริยธรรม เสนอต่อปลัดกระทรวงและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๗) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ 6 กองกลาง มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) ด าเนินการเกี่ยวกับงานบริหารทั่วไปของส านักงานปลัดกระทรวง และงานช่วยอ านวยการ (๒) ด าเนินการเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี การงบประมาณ การพัสดุ อาคารสถานที่ และยานพาหนะของส านักงานปลัดกระทรวง (3) ด าเนินการเกี่ยวกับกา รจัดระบบงานและบริหารงานบุคคลของส านักงานปลัดกระทรวง และกระทรวง (๔) ด าเนินการเกี่ยวกับงานกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง งานนิติกรรมและสัญญา งานเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่งและอาญา งานคดีปกครอง และงานคดีอื่นที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ ของส านักงานปลัดกระทรวงและกระทร วง ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖(๕) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ 7 กองการต่างประเทศ มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) จัดท ายุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างประเทศทั้งในลักษณะความร่วมมือ ทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศที่มีศักยภาพด้านพลังงาน และในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ (๒) ก าหนดท่าทีด้านพลังงานในการประชุมระหว่างประเทศ (๓) เชื่อมโยงข้อมูลด้านพลังงานกับหน่วยงานของต่างประเทศ รวมทั้งประสาน จัดท า และพัฒนาฐานข้อมูล ตลอดจนเผยแพร่ข้อมูลด้านพลังงานระ หว่างประเทศแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๔) ติดตาม ประสานความร่วมมือ และส่งเสริมเครือข่ายด้านพลังงานระหว่างประเทศ กับองค์การหรือหน่วยงานต่างประเทศ (๕) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ 8 กองตรวจราชการ มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดท าแผนการตรวจราชการของกระทรวงและแผนการตรวจราชการ แบบบูรณาการ (๒) สนับสนุนการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการประจ าปีและแผนการตรวจราชการ แบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการกระทรวง (๓) ประสานการตรวจราชการกับหน่วยรับตรวจและจัดท าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจราชการ เพื่อสนับสนุนการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวง (๔) ร่วมติดตามและสนับสนุนผู้ตรวจราชการกระทรวงในการตรวจราชการ และการตรวจ ติดตามเรื่องร้องเรียนและเรื่องร้องทุกข์ (๕) จัดท ารายงานผลการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวง ประเมินผลแผนงา นและ โครงการในการตรวจราชการ (๖) รับเรื่องร้องเรียนและเรื่องร้องทุกข์ที่อยู่ในอ านาจหน้าที่กระทรวง ตรวจสอบข้อมูล เบื้องต้นและเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชา (๗) สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและจัดท ารายงานผลหรือความคืบหน้าพร้อมความเห็น เสนอต่อผู้บังคับบัญชา (8) ก ากับ เร่งรัด และติดตามการน าข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการตรวจราชการ รวมทั้ง เรื่องร้องเรียนและเรื่องร้องทุกข์ไปสู่การปฏิบัติ (๙) สนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมก ารตรวจสอบและประเมินผลประจ ากระทรวง (๑๐) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือ ที่ได้รับมอบหมาย ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖ข้อ 9 กองยุทธศาสตร์และแผนงาน มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดท าข้อมูล เพื่อเสนอแนะนโยบายและกลยุทธ์ในการจัดท า แผนงานโครงการ และแผนการปฏิบัติงานของกระทรวง (๒) จัดท าและพัฒนายุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติราชการ แผนปฏิบัติการ แผนงาน และโครงการ ของกระทรวงและส านักงานปลัดกระทรวง รวมทั้งเร่งรัด ก ากับ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติตามแผ น และโครงการดังกล่าว ตลอดจนติดตามและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและ ภาคประชาชน (๓) ประสาน บูรณาการ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และพัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงาน ระดับภูมิภาค โดยเน้นพื้นที่พิเศษและพื้นที่ยุทธศาสตร์ตามนโยบาย (๔) ด าเนินการเกี่ยวกั บการจัดท าแผนและบริหารงบประมาณของกระทรวงและส านักงาน ปลัดกระทรวง (๕) ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่กิจกรรมและการปฏิบัติราชการของกระทรวงและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง (๖) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ปลัดกระทรวงมอบหมาย ข้อ 10 กองส่งเสริมและพัฒนาพลังงานภูมิภาค มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) ศึกษา วิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ และจัดท ายุทธศาสตร์การขับเคลื่อนแผนพัฒนา โครงการโรงไฟฟ้าฐานและพลังงานหมุนเวียนระดับชุมชน ตลอดจนพลังงานรูปแบบอื่น ๆ และจัดท า แผนปฏิบัติการเพื่อใ ห้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ รวมทั้งติดตามและประเมินผลการด าเนินการตามยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการดังกล่าว (๒) เผยแพร่ ถ่ายทอด รณรงค์ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือของประชาชนเกี่ยวกับ การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าฐานและพลังงานหมุนเวียนระดับชุมชน ตลอดจนพลังงานรูปแบบอื่ น ๆ (๓) ประสาน บูรณาการ และขับเคลื่อนการปฏิบัติงานระหว่างราชการในส่วนกลางและ ส่วนภูมิภาค (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ปลัดกระทรวงมอบหมาย ข้อ 11 ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ (๑) จัดท าแผนปฏิบัติการดิจิทัลของส านักงานปลัดกระทรวงและกระทรวงให้สอดคล้อง กับแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (2) ด าเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวง ้หนา ๓๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖(๓) พัฒนาระบบงานคอมพิวเตอร์และ เครือข่าย รวมทั้งให้ค าปรึกษาแนะน าการใช้คอมพิวเตอร์ และการใช้โปรแกรม (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ 12 ส านักงานพลังงานจังหวัด มีหน้าที่และอ านาจในเขตพื้นที่จังหวัดที่รับผิดชอบ ดังต่อไปนี้ (๑) ประสานงานและปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนของกระทรวงในส่วนภูมิภาค รวมทั้งประสาน และสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านพลังงาน (๒) ก ากับดูแลและส่งเสริมการด าเนินงานด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมของกิจการ น้ ามันเชื้อเพลิง (๓) ก ากับดูแลคุณภาพ การค้า และการส ารองน้ ามันเชื้อเพลิง (๔) ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน (๕) ประสานและอ านวยความสะดวกในการส ารวจและผลิตเชื้อเพลิงธรรมชาติ (๖) จัดท า เสนอแนะ และประสานแผนพัฒนาพลังงานในระดับจังหวัด รวมทั้งประสาน การพัฒนาและประเมินผลการด าเนินงานตามแผนดังกล่าว (๗) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในงานด้านพลังงาน (๘) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ 13 สถานที่ติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสาร หรือค าแนะน าในการติ ดต่อกับหน่วยงานในสังกัด ส านักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ดังต่อไปนี้ (1) ส่วนกลาง ติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสาร ณ ศูนย์บริการร่วม กระทรวงพลังงาน ชั้น 3 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารบี เลขที่ 555/2 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ 02 140 7000 เว็บไซต์ https://ops.energy.go.th/ (2) ส่วนภูมิภาค ติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสาร ณ ส านักงานพลังงานจังหวัด ประกาศ ณ วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖6 กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖" 1514.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ประเภทวัตถุดิบ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอ านาจตามมาตรา ๕ และมาตรา ๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยค าแนะน าของคณะกรรมการควบคุม คุณภาพอาหารสัตว์ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดคุณภาพ หรือมาตรฐานของอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ประเภทวัตถุดิบ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหกสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มบทนิยามค าว่า “ข้าวโพดเมล็ด เกรด ๓” ต่อท้ายบทนิยามค าว่า “ข้าวโพดเมล็ด เกรด ๒” ในข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน ของอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ประเภทวัตถุดิบ พ.ศ. ๒๕๕๙ ““ข้าวโพดเมล็ด เกรด ๓” หมายความว่า เมล็ดของข้าวโพด ที่ได้จากก ระบวนการสีเมล็ด ออกจากฝักข้าวโพด มีปริมาณโปรตีนไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๖.๕” ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๕) ของข้อ ๔ แห่งประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ก าหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของอาหารสัตว์ที่มิใช่อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ประเภทวัตถุดิบ พ.ศ. ๒๕๕๙ “(๕) ข้าวโพดเมล็ด เกรด ๓ โปรตีน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖.๕ ไขมัน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒ กาก ไม่มากกว่าร้อยละ ๓ ความชื้น ไม่มากกว่าร้อยละ ๑๔.๕ เถ้า ไม่มากกว่าร้อยละ ๒” ประกาศ ณ วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. ๒๕66 ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖" 1518.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ 54/2566 เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับติดต่อกรมศุลกากร พ.ศ. 2566 โดยที่มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้บรรดาค าขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงานของรัฐ หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศก าหนดให้ถือว่า หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับตามวันและเวลาที่ค าขออนุญาต หรือการติดต่อนั้นเข้าสู่ระบบ สมควรก าหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับประชาชนใช้ในการยื่นค าขอหรือติดต่อกรมศุลกากร โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ อธิบดีกรมศุลกากร ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้ เป็นช่องทางส าหรับประชาชนยื่นค าขอหรือติดต่อ กรมศุลกากร หรืออธิบดี กรมศุลกากร โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (๑) เว็บไซต์กรมศุลกากร www.customs.go.th ส าหรับการใช้บริการระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมศุลกากร (2) เว็บไซต์ www.thainsw.net ส าหรับการใช้บริการระบบ National Single Window (NSW) ในการปฏิบัติพิธีการศุลกากรท างอิเล็กทรอนิกส์ (3) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) saraban@customs .go.th ส าหรับการส่งหนังสือราชการ และหนังสือทั่วไป (4) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) cform@customs .go.th ส าหรับการขอรับบริการอื่น นอกเหนือจากระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ของกรมศุลกากร ตาม (1) และ (2) กรณีที่มีกฎหมาย กฎ หรือระเบียบใดก าหนดให้ยื่นค าขอตามวรรคหนึ่งต่อส่วนราชการระดับกอง หรือหน่วยงานในสังกัด และส านักงานศุลกากรภาคหรือด่านศุลกากรในสังกัดส านักงานศุลกากรภาค ให้ใช้ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ดังต่อไปนี้ (4.๑) กองสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) 82000000 @customs.go.th (4.๒) กองมาตรฐานพิธีการและราคาศุลกากร ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) 81000000 @customs.go.th ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๑๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ (4.๓) กองบริหารจัดการและพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลการน าเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) nsw@customs .go.th (4.๔) ส านักงานศุลกากรภาคที่ ๑ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) 72000000 @customs.go.th (4.๕) ส านักงานศุลกากรภาคที่ ๒ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) 73000000 @customs.go.th (4.๖) ส านักงานศุลกากรภาคที่ ๓ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) 74000000 @customs.go.th (4.๗) ส านักงานศุลกากรภาคที่ ๔ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) 75000000 @customs.go.th (4.๘) ส านักงานศุลกากรภาคที่ ๕ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) 75160000 @customs.go.th ข้อ 2 ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นค าขอหรือติดต่อ กรมศุลกากรหรืออธิบดีกรมศุลกากร ทางช่องทาง ตามข้อ ๑ แล้ว ก็ได้ ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. ๒๕66 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๑๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖" 152.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 49 พ.ศ. 2562 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการ ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 49 พ.ศ. 2561 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับ การจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561 เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสในการเปรียบเทียบราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า หรือใช้บริการไปแล้วนั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการแสดงราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบพาณิ ชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือออนไลน์แล้ว เห็นควรคงมาตรการแสดงราคาและรายละเอียดดังกล่าวต่อไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 9 (5) มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 49 พ.ศ. 2561 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561 ข้อ 3 ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิจ ” ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าหรือบริการ ผ่านระบบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ข้อ 4 ให้ผู้ประกอบธุรกิจแสดงราคาจ าหน่าย ค่าบริการ รวมถึงประเภท ชนิด ลักษณะ ขนาด น้ าหนัก และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ โดยการเขียน พิมพ์ หรือกระท าให้ปรากฏ ด้วยวิธีอื่นใดในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือ ระบบออนไลน์ของผู้ประกอบธุรกิจนั้น ในลักษณะ ที่ชัดเจน ครบถ้วน เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย การแสดงราคาจ าหน่ายสินค้า ค่าบริการตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงราคาต่อหน่วย ราคา หรือค่าบริการนั้นจะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย ส าหรับข้อความหรือรายการ ที่แสดงควบคู่กับราคาจ าหน่ายหรือค่าบริการต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้ ้หนา ๑๙๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒ข้อ 5 กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาจ าหน่ายสินค้าหรือค่าบริการ ที่ให้บริการที่แสดงไว้ตามข้อ 4 ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องแสดงค่าใช้ จ่ายดังกล่าวให้ชัดเจนครบถ้วน และเปิดเผย โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคาจ าหน่ายสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการ ข้อ 6 การแสดงราคาจ าหน่ายปลีกสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการตามข้อ 4 ต้องแสดง ให้ตรงกับราคาที่จ าหน่าย หรือค่าบริการที่ให้บริการ ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจ าหน่ายหรือให้บริการแก่ผู้ซื้อต่ ากว่า ราคาจ าหน่ายหรือค่าบริการที่แสดงไว้ ประกาศ ณ วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๙๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒" 1522.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจตามความ ในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และ ความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงขอ งการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๖ ดังนี้ บาท / ตู้ ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐' ตู้มีสินค้า ๗๓ ๑๔๖ ๑๖๔ ตู้สินค้าเปล่า ๔๔ ๘๘ ๙๙ ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซลของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปี ของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแ ปลง เกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. ๒๕66 เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๖๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๑๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖" 1524.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ว่าด้วยการสอบสวนข้อเท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการสอบสวนข้อเท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออ านวยความสะดวกแก่คู่กรณี คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และผู้ที่เกี่ยวข้องอันจะท าให้ได้ ข้อเท็จจริงน าไปสู่การพิจารณาวินิจฉัยและชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน การพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดการกระท า อันไม่เป็นธรรมตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์เป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีความมั่นคงปลอดภัยสอดคล้องกับการให้บริการภาครัฐอันจะน าไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔๑ (๖) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ว่าด้วยการสอบสวน ข้อเท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “คณะกรรมการ ” หมายความว่า คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ “คณะอนุกรรมการ ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการแรงงานสัมพันธ์ “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการแรงงานสัมพันธ์ “อนุกรรมการ” หมายความว่า อนุกรรมการแรงงานสัมพันธ์ “ส านักงาน” หมายความว่า ส านักแรงงานสัมพันธ์ “ข้อพิพาทแรงงาน ” หมายความว่า ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ตามมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ “คู่กรณี” หมายความว่า ผู้กล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหา ผู้แจ้งข้อเรียกร้อง หรือผู้รับข้อเรียกร้อง “พยาน” หมายความว่า พยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญที่คู่กรณีหรือคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ น ามาอ้างหรือให้ความเห็นเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณา วินิจฉัยชี้ขาด “อิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอนไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน และให้หมายความรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธี การทางแสง วิธีการทางแม่เหล็ก หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์วิธีการต่าง ๆ เช่นว่านั้น “ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า ระบบรับส่งควบคุมการสอบสวนข้อเท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการแรงงานสัมพันธ์รักษาการตามระเบียบนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๕ กรณีคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการพิจารณาสภาพการณ์แล้วเห็นว่า มีเหตุ สมควรสอบสวนข้อเท็จจริงโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ แจ้งคู่กรณีทราบถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์การสื่อสาร และสถานที่ที่คู่กรณีหรือพยานจะใช้ ระบบด้วย ข้อ ๖ ในการด าเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้อ านวยการส านักแรงงาน สัมพันธ์จะก าหนดวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้คู่กรณีหรือพยานปฏิบัติเพิ่มเติมก็ได้ แต่ต้องเป็นไปเพื่อ อ านวยความสะดวกหรือเพื่อยืนยันตัวตน โดยให้คู่กรณีหรือพยานสามารถเข้ าถึงใช้ได้สะดวก และไม่เพิ่ม ภาระหรือเพิ่มค่าใช้จ่าย ข้อ ๗ ในกรณีระเบียบนี้มิได้ก าหนดไว้ ให้น าระเบียบคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ว่าด้วย การพิจารณาวินิจฉัยและชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน การพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดการกระท าอันไม่เป็นธรรม กฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ มาบังคับใช้โดยอนุโลม หมวด ๒ การสอบสวนข้อเท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๘ สถานที่ที่คู่กรณีหรือพยานใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์นอกส านักงานต้องเป็นสถานที่ ที่เหมาะสม ไม่มีเสียงรบกวน ไม่ใช่ที่สาธารณะ และเป็นพื้นที่ปิดที่ไม่มีบุคคลอื่นเข้าออกในบริเวณ ดังกล่าว ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ หากมีเหตุอันสมควรสงสัยว่า การด าเนินการสอบสวนไม่เป็นไปโดยสุจริต คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการอาจสั่งให้ท าการตรวจสอบ สภาพแวดล้อมของสถานที่ที่คู่กรณีหรือพยานใช้ระบบหรือมีค าสั่งอื่นใดตามที่เห็นสมควร ข้อ ๙ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการถ่ายทอดภาพและเสียงของคู่กรณีหรือพยานในระหว่าง การสอบสวนข้อเท็จจริงต้องมีสัญญาณถ่ายทอดภาพและเสียงได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่องตลอดระยะเวลา การสอบสวนข้อเท็จจริง หมวด ๓ การบันทึกภาพและเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ้หนา ๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ข้อ ๑๐ การแสดงตนของคู่กรณีหรือพยานในการสอบสวนข้อเท็จจริงให้ด าเนินการโดยให้ คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการหรือเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบบุคคลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ว่าตรงกับคู่กรณีหรือพยานหรือไม่ โดยให้บุคคลดังกล่าวแสดงบัตรประจ าตัวประชาชนหรือหนังสือ เดินทางให้ปรากฏทางจอภาพของระบบ และให้คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ บันทึกภาพใบหน้าบุคคลนั้นพร้อมบัตรประจ าตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางที่ปรากฏข้อมูล อย่างชัดเจนเพื่อเป็นหลักฐานรวมไว้ในส านวน ข้อ ๑๑ ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ คณะกรรมการหรือ คณะอนุกรรมการอาจใช้ระบบบันทึกภาพและเสียงระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดหรือบางส่วน ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และน าไปจัดเก็บไว้ในระบบการจัดท าสารบบและส านวนอิเล็กทรอนิกส์ ของส านักงาน ห้ามมิให้คู่กรณี พยาน หรือบุคคลใดบันทึก เผยแพร่ หรือแพร่เสียงแพร่ภาพ ภาพหรือเสียง การสอบสวนข้อเท็จจริงทางระบบอิเล็กทรอนิกส์เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการหรือ คณะอนุกรรมการ การขอตรวจดูภาพและเสียงของบันทึกการสอบสวนข้อเท็จจริงทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้สามารถกระท าได้ภายในการควบคุมดูแลของกรรมการหรืออนุกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ โดยมิให้มี การบันทึกภาพหรือเสียงหรือท าซ้ าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ในกรณีที่มีเหตุขัดข้องระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ ท าให้ไม่อาจด าเนินการ สอบสวนข้อเท็จจริงได้อย่างต่อเนื่อง กรรมการหรืออนุกรรมการหรือเจ้าหน้าที่อาจก าหนดวิธีการเท่าที่ ไม่ขัดกับระเบียบนี้เพื่อให้สามารถด าเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงคู่กรณีหรือพยานได้จนกว่าจะเสร็จสิ้น โดยให้บันทึกเหตุขัดข้องและวิธีการดังกล่าวไว้ในบันทึกการสอบสวนข้อ เท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้ด้วย ข้อ ๑๒ เมื่อการสอบสวนข้อเท็จจริงทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ของคู่กรณีหรือพยานสิ้นสุดลง ให้กรรมการหรืออนุกรรมการหรือเจ้าหน้าที่บันทึกการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยให้อนุกรรมการหรือ เจ้าหน้าที่อ่านบันทึกการสอบสวนข้อเท็จจริงให้คู่กรณีหรือพย านฟัง เมื่อคู่กรณีหรือพยานรับว่าถูกต้อง แล้วให้อนุกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ส่งไฟล์บันทึกการสอบสวนข้อเท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ให้คู่กรณี หรือพยานลงชื่อในบันทึกการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วก็ส่งบันทึกการสอบสวนข้อเท็จจริงทางไปรษณีย์ ให้กรรมการหรืออนุกรรมการหรือเจ้าหน้ าที่เก็บไว้ในส านวน กรณีไม่อาจส่งไฟล์บันทึกการสอบสวนข้อเท็จจริงทางอิเล็กทรอนิกส์ให้คู่กรณีหรือพยาน เพื่อลงลายมือชื่อในบันทึกได้ ให้บันทึกเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อนั้นไว้แทนการลงลายมือชื่อ ้หนา ๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ข้อ ๑๓ การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของคู่กรณีหรือพยานในบันทึกการสอบ สวนข้อเท็จจริง และเอกสารที่กรรมการหรืออนุกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ท าขึ้น อาจกระท าโดยให้บุคคลดังกล่าวพิมพ์ชื่อ เพื่อแสดงรับรู้หรือรับรองลงในเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เจ้าหน้าที่ส่งไปทางระบบ และให้ใช้ระบบบันทึกภาพต่อเนื่องของขั้นตอนการลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ประกาศ ณ วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖6 กิตติพงษ์ เหล่านิพนธ์ ประธานกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ้หนา ๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖" 1526.pdf,"ประกาศส านักงานขนส่งจังหวัดตาก เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดตาก พ.ศ. 2566 โดยที่มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้บรรดาค าขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศก าหนด ให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับตามวันและเวลาที่ค าขออนุญาตหรือการติดต่อนั้นเข้าสู่ระบบ สมควรก าหนด ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับประชาชนใช้ในการยื่นค าขอหรือติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดตาก โดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติราชการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ขนส่งจังหวัดตาก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ช่องทางอิเล็กทรอนิ กส์ดังต่อไปนี้ เป็นช่องทางส าหรับประชาชนยื่นค าขอหรือติดต่อ ส านักงานขนส่งจังหวัดตาก โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (๑) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ takdlt@dlt.mail.go.th (๒) เว็บไซต์ https://tak.dlt.go.th/th (๓) แอปพลิเคชัน Facebook : ส านักงานขนส่งจังหวัดตาก ข้อ ๒ ในกรณีที่ผู้ยื่นค าขอหรือติดต่อมาทางช่องทางตามข้อ ๑ ประสงค์จะสอบถามหรือขอรับ ค ายืนยันจากส านักงานขนส่งจังหวัดตากว่าได้รับค าขอหรือการติดต่อแล้วให้สอบถามในวันและเวลาราชการ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ดังต่อไปนี้ (๑) งานบริหารงานทั่วไป หมายเลขโทรศัพท์ 0 5551 2786 (2) กลุ่มวิชาการขนส่ง หมายเลขโทรศัพท์ 0 5551 1350 (3) ฝ่ายทะเบียนรถ หมายเลขโทรศัพท์ 0 5551 3394 (4) ฝ่ายตรวจสภาพรถ หมายเลขโทรศัพท์ 0 5551 2461 (5) ฝ่ายใบอนุญาตขับรถ หมายเลขโทรศัพท์ 0 5551 2462 (6) ส านักงานขนส่งสาขาอ าเภอแม่สอด หมายเลขโทรศัพท์ 0 5553 2864 ข้อ ๓ ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นค าขอหรือติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดตาก ทางช่องทางตามข้อ ๑ แล้ว ก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖6 พรพิศ มิ่งมาศ ขนส่งจังหวัดตาก ้หนา ๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖" 153.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 14 พ.ศ. 2562 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดและมันเส้น ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2561 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561 จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2561 เรื่อง การควบคุมการ ขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดและมันเส้น ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการควบคุมการขนย้าย หัวมันส าปะหลังสดและมันเส้นต่อไป โดยเพิ่มการขออนุญาตขนย้ายเข้ามาในท้องที่ที่ก าหนดและเพิ่ม ช่องทางการขออนุญาตขนย้าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในด้านราคา ปริมาณ รักษาเสถียรภาพระบบ ตลาดมันส าปะหลังสดและมันเส้นในประเทศ รวมทั้งเพื่อป้องกันการระบาดของโรคซึ่งอาจส่งผลให้ ผลผลิตของเกษตรกรเสียหายและอ านว ยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ 2 ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซึ่งมีปริมาณครั้งละตั้งแต่หนึ่งหมื่นกิโลกรัมขึ้ นไป เข้ามาหรือออกจากท้องที่ อ าเภอที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัด ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่งประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด ส าหรับท้องที่ที่จ ะท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (1) อ าเภอสอยดาว และอ าเภอโป่งน้ าร้อน จังหวัดจันทบุรี (2) อ าเภอตาพระยา อ าเภอโคกสูง อ าเภออรัญประเทศ และอ าเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว (3) อ าเภอกาบเชิง อ าเภอพนมดงรัก อ าเภอบัวเชด และอ าเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ (4) อ าเภอเชียงของ อ าเภอแม่สาย อ าเภอเวียงแก่น อ าเภอแม่ฟ้าหลวง อ าเภอแม่จัน และอ าเภอเทิง จังหวัดเชียงราย (5) อ าเภอเมือง อ าเภอธาตุพนม อ าเภอท่าอุเทน และอ าเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม (6) อ าเภอเมือง อ าเภอหว้านใหญ่ และอ าเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ้หนา ๑๐๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒(7) อ าเภอท่าลี่ อ าเภอเชียงคาน อ าเภอปากชม อ าเภอนาแห้ว อ าเภอด่านซ้าย และอ าเภอภูเรือ จังหวัดเลย (8) อ าเภอเมือง อ าเภอโพนพิสัย อ าเภอรัตนวาปี อ าเภอท่าบ่อ อ าเภอศรีเชียงใหม่ และอ าเภอสังคม จังหวัดหนองคาย (9) อ าเภอเขมราฐ อ าเภอสิรินธร อ าเภอโขงเจียม อ าเภอโพธิ์ไทร อ าเภอนาตาล อ าเภอบุณฑริก อ าเภอนาจะหลวย อ าเภอน้ ายืน และอ าเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี (10) อ าเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ (11) อ าเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ (12) อ าเภอคลองใหญ่ และอ าเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ข้อ 3 กรณีที่บุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่ ตามข้อ 2 แล้ว ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่อ าเภออื่นตามข้อ 2 อีก ข้อ 4 ความในข้อ 2 มิให้ใช้บังคับกับการขนย้ายหัวมันส าปะหลังสด มันเส้น ดังต่อไปนี้ (1) การขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดของเกษตรกร ซึ่งมีใบรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ผู้ปลูกมันส าปะหลังจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก ากับการขนย้าย (2) การขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้น จากท้องที่อื่นในราชอาณาจักร โดยใช้ท้องที่อ าเภอ ตามข้อ 2 เป็นทางผ่านเพื่อไปยังสถานที่ปลายทาง ข้อ 5 การขออนุญาตตามข้อ 2 ให้ยื่นค าขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (1) ส านักงานพาณิชย์จังหวัดแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (2) ที่ท าการปกครองอ าเภอแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้า ยเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ ส าหรับกรณีที่ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมา ยให้นายอ าเภอ เป็นผู้อนุญาตขนย้าย การยื่นค าขอตามวรรคหนึ่ง จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุม ทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ข้อมู ลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้า ควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานค ณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันยื่นค าขอ บุคคลที่ประสงค์จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ ต้องลงนามในบันทึกแสดงความตกลงกับส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ก่อน ตามระเบียบที่เลขาธิการก าหนด หลักเกณฑ์และวิธีการในการขอ อนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้าย ให้เป็นไปตามที่เลขาธิการก าหนด ้หนา ๑๐๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒ข้อ 6 ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายหัวมั นส าปะหลังสด มันเส้นต้องขนย้าย ให้ตรงตามชนิด ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่ และใช้ยานพาหนะที่มีหมายเลขทะเบียนตามที่ระบุไว้ในหนังสืออนุ ญาต ขนย้าย รวมทั้งจะต้องน าหนังสืออนุญาตก ากับการขนย้ายไปด้วยทุกครั้ง หนังสืออนุญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ 5 วรรคสี่ ให้ถือว่า เป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ ข้อ 7 กรณีบุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายหัวมันส าป ะหลังสดหรือมันเส้น ออกจากท้องที่ ที่ก าหนดตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2561 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดและมันเส้น ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561 และ ระยะเวลาที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้ายยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคล นั้นได้รับอนุญาตขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้นตามประกาศฉบับนี้และให้ใช้ได้จนกว่าระยะเวลา ตามหนังสืออนุญาตขนย้ายดังกล่าวสิ้นสุดลง ประกาศ ณ วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๐๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒" 1533.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน ในการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์กรณีการรักษาโรคมะเร็ง ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เนื่องจากตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่ อง บัญชียาหลัก แห่งชาติ พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2565 มีการปรับปรุงแก้ไขบัญชียาหลักแห่งชาติ ตามสภาพของปัญหาสุขภาพ วิทยาการ และข้อมูลเกี่ยวกับยาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องให้ทันสถานการณ์ โดยมีการปรับเปลี่ยนสถานะยา Docetaxel และยา Letrozole ออกจากบัญชียาหลักแห่งชาติ รายการยาบัญชี จ(2) เป็นรายการยาบัญชี ง ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงยาได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ รวมถึงการบริหารจัดการยาด าเนินการไปอย่างต่อเนื่อง ตามมติคณะกรรมการการแพทย์ ในการประชุมครั้ งที่ 17/2565 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการประกันสังคม (ชุดที่ 13) ในการประชุมครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 และครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการการแพทย์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖5 เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกรายการของยาราคายาเคมีบ าบัด หรือฮอร์โมน หรือรังสีรักษาส าหรับผู้ป่วย โรคมะเร็ง รายการล าดับที่ 29 ล าดับที่ 30 และล าดับที่ 50 ในแนวทางการรักษาโรคมะเร็งและ อัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แนบท้ายประกาศคณ ะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย อันมิใช่เนื่องจากการท างาน ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ คณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราส าหรับประโยชน์ ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการท างาน ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ล ำดับ ชื่อยำ ขนำดควำมแรง หน่วย รำคำ (บำท) 29. Docetaxel Sterile sol 20 mg vial จ่ำยค่ำยำในอัตรำเท่ำที่จ่ำยจริง ไม่เกินขวดละ 476.15 บำท 30. Docetaxel Sterile sol 80 mg vial จ่ำยค่ำยำในอัตรำเท่ำที่จ่ำยจริง ไม่เกินขวดละ 616.76 บำท ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๒๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖ล ำดับ ชื่อยำ ขนำดควำมแรง หน่วย รำคำ (บำท) 50. Letrozole 2.5 mg tab จ่ำยค่ำยำในอัตรำเท่ำที่จ่ำยจริง ไม่เกินเม็ดละ 22.75 บำท ทั้งนี้ ส านักงานจะจ่ายค่ายาทั้ง 3 รายการ นับตั้งแต่วันที่ยาคงคลังของส านักงานหมดลง ประกาศ ณ วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. ๒๕66 พลต ารวจโท ธนา ธุระเจน ประธานกรรมการการแพทย์ ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๒๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖" 1534.pdf,"ประกาศกรมอนามัย เรื่อง วิธีการแสดงใบอนุญาต และหนังสือรับรองการแจ้ง โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2566 กรมอนามัยในฐานะได้รับมอบจากกระทรวงสาธารณสุขให้ดูแลพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ที่มีลักษณะกระจายอ านาจให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่น ในการออกใบอนุญาตหรือหนังสือ รับรองการแจ้ง และก าหนดให้ผู้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้ง ต้องแสดงใบอนุญาตหรือ หนังสือรับรองการแจ้งไว้ในที่เปิดเผย ประกอบกับมาตรา 13 (1) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 บัญญัติว่าในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องแสดง ใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย ให้เป็นสิทธิของผู้รับอนุญาตที่จะแสดงใบอนุญาตนั้น โดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามวิธีการที่ผู้อนุญาตประกาศก าหนดก็ได้ โดยให้ถือว่าการแสดงเช่นว่านั้น เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว จึงสมควรก าหนดวิธีการแสดงใบอนุญาต และหนังสือรับรองการแจ้ง ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้ก าหนดเป็นวิธีการแสดงใบอนุญาต และหนังสือรับรองการแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ของราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการอ านวย ความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ อธิบดีกรมอนามัย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาต” หมายความว่า เอกสารหลักฐานที่กฎหมายว่าด้ วยการสาธารณสุขก าหนด ให้ต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ประกอบกิจการตลอดเวลาที่ประกอบกิจการ “หนังสือรับรองการแจ้ง ” หมายความว่า เอกสารหลักฐานที่กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ก าหนดให้ต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ที่ด าเนินกิ จการตลอดเวลาที่ด าเนินกิจการ “ผู้อนุญาต” หมายความว่า เจ้าพนักงานท้องถิ่นที่มีหน้าที่และอ านาจในการออกใบอนุญาต หรือหนังสือรับรองการแจ้ง ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข “ผู้รับอนุญาต” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคที่ได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรอง การแจ้ง ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ข้อ ๓ ผู้รับอนุญาต สามารถเลือกแสดงใบอนุญาต หรือหนังสือรับรองการแจ้งตามข้อ ๒ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) แสดงเป็นภาพผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖(๒) แสดงเป็นคิวอาร์โคดที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถสแกนเพื่อเข้าถึงใบอนุญาต ที่เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ของใบอนุญาต ข้อ ๔ การแสดงใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้งตามข้อ ๓ ต้องมีขนาดของภาพ และความละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ รวมทั้งสามารถ แสดงให้เห็นข้อมูลอันเป็นสาระส าคัญของใบอนุญาต ได้ครบถ้วน ผู้รับอนุญาต อาจเลือกแสดงภาพใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่ประกอบกิจการ มากกว่าหนึ่งใบหรือภาพผ่านหน้าจอเดียวกันก็ได้ แต่ต้องมีระยะเวลาแสดงภาพใบอนุญาต แต่ละใบไม่น้อยกว่าห้าวินาที ข้อ ๕ เมื่อผู้รับอนุญาต เลือกแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามข้อ ๓ แล้ว ผู้รับอนุญาตไม่ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยตลอดเวลา ณ สถานที่ประกอบกิจการ อีกต่อไป แต่ต้องสามารถแสดงต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลาเมื่อมี การตรวจสอบ หรือต่อประชาชนที่ขอตรวจดู ประกาศ ณ วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. ๒๕66 สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖" 1536.pdf," พระราชกฤษฎีกา ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาก าหนดเขตส ารวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ พ.ศ. ๒๕๖๖ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเลิกพระราชกฤษฎีกาก าหนดเขตส ารวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติส ารวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีก ายกเลิกพระราชกฤษฎีกา ก าหนดเขตส ารวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ พ.ศ. ๒๕๖๖” ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๓๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาก าหนดเขตส ารวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๓๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรยกเลิกพระราชกฤษฎีกา ก าหนดเขตส ารวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ เนื่องจากสภาพการณ์อันเป็นเหตุผลในการออกพระราชกฤษฎีกา ฉบับดังกล่าวได้สิ้นสุดลงแล้ว จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๓๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1538.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาควบคุมพิเศษ ฉบับที่ ๕๕ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗๖ (๔) แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๗๘ แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยค าแนะน าของคณะกรรมการยา ในการประชุม ครั้งที่ 4๑๑ - ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๖ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหนึ่ งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันถัดจากประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็น (๙๗) ของข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาควบคุมพิเศษ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๒๑ “(๙๗) ยาที่มีส่วนประกอบของ Aglepristone ที่ใช้ส าหรับสัตว์ ” ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖6 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๒๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1539.pdf,"ประกาศส านักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2566 โดยที่มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้บรรดาค าขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศก าหนด ให้ถือว่า หน่วยงานของ รัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับตามวันและเวลาที่ค าขออนุญาตหรือการติดต่อนั้น เข้าสู่ระบบ สมควรก าหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับประชาชนใช้ในการยื่นค าขอหรือติดต่อ ส านักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอ านวยคว ามสะดวก และลดภาระแก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ส านักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ดังต่อไปนี้ เป็นช่องทางส าหรับประชาชนยื่นค าขอหรือติดต่อ ส านักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (๑) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) prachuap@dlt .mail.go.th (๒) เว็บไซต์ ส านักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรี ขันธ์ https://pkn.dlt.go.th ข้อ ๒ ในกรณีที่ผู้ยื่นค าขอหรือติดต่อมาทางช่องทางตามข้อ ๑ ประสงค์จะสอบถาม หรือขอรับค ายืนยันจากส านักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ว่าได้รับค าขอหรือการติดต่อแล้ว ให้สอบถามในวันและเวลาราชการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ดังต่อไปนี้ 0 3260 2034 ข้อ ๓ ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นค าขอหรือติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทางช่องทางตามข้อ ๑ แล้ว ก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖6 กันต์คุณัชญ์ เทียมน้อย ขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๓๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1540.pdf,"ประกาศส านักงานขนส่งจังหวัดสงขลา เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดสงขลา พ.ศ. 2566 โดยที่มาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 บัญญัติให้บรรดาค าขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศก าหนด ให้ถือว่า หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น ได้รับตามวันและเวลาที่ค าขออนุญาตหรือการติดต่อนั้น เข้าสู่ระบบ สมควรก าหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับประชาชนใช้ในการยื่นค าขอหรือติดต่อส านักงาน ขนส่งจังหวัดสงขลา โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระ แก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ขนส่งจังหวัดสงขลา จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ดังต่อไปนี้ เป็นช่องทางส าหรับประชาชนยื่นค าขอหรือติดต่อ ส านักงานขนส่งจังหวัดสงขลา โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (1) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) : songkhla@dlt .mail.go.th (2) เว็บไซต์ : ska.dlt.go.th (3) Facebook Fanpage : ส านักงานขนส่งจังหวัดสงขลา ข้อ 2 ในกรณีที่ผู้ยื่นค าขอหรือติดต่อมาทางช่องทางตามข้อ 1 ประสงค์จะสอบถามหรือ ขอรับค ายืนยันจากส านักงานขนส่งจังหวัดสงขลา ว่าได้รับค าขอหรือการติดต่อแล้วให้สอบถามในวัน และเวลาราชการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ดังต่อไปนี้ (1) งานบริหารงานทั่วไป โทรศัพท์ 0-7433-0248 (2) กลุ่มวิชาการขนส่ง โทรศัพท์ 0-7433-0251 (3) ฝ่ายทะเบียนรถ โทรศัพท์ 0-7433-0250 (4) ฝ่ายใบอนุญาตขับรถ โทรศัพท์ 074-330253 ต่อ 26, 27 (5) ส านักงานขนส่งจังหวัดสงขลา แห่งที่ 2 (อ.หาดใหญ่) โทรศัพท์ 0-7423-6100-1 (6) ส านักงานขนส่งจังหวัดสงขลา สาขาอ าเภอนาทวี โทรศัพท์ 0-74371-688 ข้อ 3 ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นค าขอหรือติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดสงขลาทางช่องทา ง ตามข้อ 1 แล้ว ก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. ๒๕66 วสันต์ ยี่ตัน ขนส่งจังหวัดสงขลา ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๓๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1546.pdf,"ระเบียบกรมเจ้าท่า ว่าด้วยการขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ให้สามารถใช้เทียบเรือขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอสได้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือของ คณะกรรมการเป็นไปด้วยความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น อธิบดีกรมเจ้าท่า จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมเจ้าท่าว่าด้วยการขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์หรือ ประเภทการใช้ท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ให้สามารถใช้เทียบเรือขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอสได้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕๖6” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ 6 ของระเบียบกรมเจ้าท่าว่าด้วยการขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์ หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ให้สามารถใช้เทียบเรือขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอสได้ พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 6 ให้ผู้อ้านวยการส้านักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้้า หรือผู้อ้านวยการ ส้านักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาในพื้นที่รับผิดชอบ แล้วแต่กรณี พิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ การพิจารณาอนุญาตในเบื้องต้นและเสนอความเห็นมายังคณะกรรมการภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ เอกสารหลักฐานครบถ้วน คณะกรรมการดังกล่าวมีองค์ประกอบ ดังนี้ (1) รองอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ก้ากับดูแลส้านักความปลอดภัย ประธานกรรมการ และสิ่งแวดล้อมทางน้้า (2) ผู้อ้านวยการส้านักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้้า กรรมการ (3) ผู้อ้านวยการส้านักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา กรรมการ ในพื้นที่รับผิดชอบที่มีการยื่นค้าขออนุญาต (ถ้ามี) (4) ผู้อ้านวยการส้านักน้าร่อง หรือผู้แทน กรรมการ (5) ผู้อ้านวยการส้านักกฎหมาย หรือผู้แทน กรรมการ (6) ผู้อ้านวยการส้านักพัฒนาและบ้ารุงรักษาทางน้้า หรือผู้แทน กรรมการ (7) ผู้อ้านวยการกองวิศวกรรม หรือผู้แทน กรรมการ ้หนา ๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๖(8) ผู้อ้านวยการกองส้ารวจและแผนที่ หรือผู้แทน กรรมการ (9) หัวหน้ากลุ่มสิ่งแวดล้อม ส้านักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้้า กรรมการ (10) หัวหน้ากลุ่มตรวจท่า ส้านักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้้า กรรมการและ เลขานุการ” ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖6 กริชเพชร ชัยช่วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมเจ้าท่า ้หนา ๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1547.pdf,"ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง วิธีการแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2566 โดยที่มาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติว่าในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย ให้เป็นสิทธิของ ผู้รับอนุญาตที่จะแสดงใบอนุญาตนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการที่ผู้อนุญาตประกาศก าหนดก็ได้ โดยให้ถือว่าการแสดงเช่นว่านั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว สมควรก าหนดวิธีการแสดงใบอนุญาต ตามกฎหมายในความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตรโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการ อ านวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง วิธีการแสดงใบอนุญาต โดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาต” หมายความว่า เอกสารหลักฐานอื่นใดที่กฎหมายก าหนดให้ต้องแสดงไว้ ในที่เปิดเผย ดังต่อไปนี้ (๑) ใบอนุญาตขยายพันธุ์ต้นยางเพื่อการค้า ใบอนุญาตค้ายาง ใบอนุญาตตั้งโรงท ายาง ใบอนุญาตเป็นผู้น ายางเข้ามาในราชอาณาจักร ใบอนุญาตเป็นผู้ส่งออกยางไปนอกราชอา ณาจักร ใบอนุญาตเป็นผู้จัดให้มีการวิเคราะห์หรือทดสอบคุณภาพยาง ตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 (๒) ใบอนุญาตรวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ใบอนุญาตขายเมล็ดพันธุ์ควบคุม ใบอนุญาตน าเข้าซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ใบอนุญาตส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ใบอนุญาตน าผ่านซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๓) ใบอนุญาตผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้า ใบอนุญาตผลิตปุ๋ยชีวภาพเพื่อการค้า ใบอนุญาต ผลิตปุ๋ยอินทรีย์เ พื่อการค้า ใบอนุญาตขายปุ๋ย ใบอนุญาตน าเข้าปุ๋ย ใบอนุญาตส่งออกปุ๋ย ใบอนุญาต น าผ่านปุ๋ย ใบส าคัญการขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี ใบส าคัญการขึ้นทะเบียนปุ๋ยชีวภาพ ใบส าคัญการขึ้นทะเบียน ปุ๋ยอินทรีย์ หนังสือส าคัญรับแจ้งปุ๋ยเคมีธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม ตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (4) ใบอนุญาตน าเข้าวัตถุอันตราย ใบอนุญาตผลิตวัตถุอันตราย ใบอนุญาตมีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตราย ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๖ข้อ ๔ ผู้รับอนุญาตสามารถเลือกแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๓ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) แสดงเป็นภาพผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (๒) แสดงเป็นคิวอาร์โคดที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถสแกนเพื่อเข้าถึงใบอนุญาต ที่เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ของใบอนุญาต ข้อ ๕ การแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๓ ต้องมีขนาดของภาพและความละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ รวมทั้งสามารถแสดงให้เห็นข้อมูลอันเป็นสาระส าคัญของใบอนุญาตได้ครบถ้วน ผู้รับอนุญาตอาจเลือกแสดงภาพใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่ประกอบกิจการ มากกว่าหนึ่งใบหรือภาพผ่านห น้าจอเดียวกันก็ได้ แต่ต้องมีระยะเวลาแสดงภาพใบอนุญาตแต่ละใบ ไม่น้อยกว่าห้าวินาที ข้อ ๖ เมื่อผู้รับอนุญาตเลือกแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งอย่างใด ตามข้อ ๓ แล้ว ผู้รับอนุญาตไม่ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยตลอดเวลา ณ สถานที่ประกอบกิจการ อีกต่อไปก็ได้ แต่ต้องสามารถแสดงต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลาเมื่อมีการตรวจสอบ หรือต่อประชาชนที่ขอตรวจดู ประกาศ ณ วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. ๒๕66 ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1551.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง ก าหนดให้ส านักงานที่ดินเป็นส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 71 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2550 ประกอบกับมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 และข้อ 2 (1) (4) ข้อ 19 แห่งกฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2557 ประกอบกับข้อ 8 ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ ส านักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ต่างส านักงานแบบออนไลน์ และส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบ พ.ศ. 2564 จึงประกาศให้ส านักงานที่ดิน ดังต่อไปนี้ เป็นส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและ นิติกรรมในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินประเภทโฉนดที่ดิน 1. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ 2. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาจอมทอง 3. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาเชียงดาว 4. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาดอยสะเก็ด 5. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาฝาง 6. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาพร้าว 7. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชีย งใหม่ สาขาแม่แตง 8. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาแม่ริม 9. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาสันก าแพง 10. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาสันทราย 11. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาสันป่าตอง 12. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาสารภี 13. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาหางดง 14. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาจอมทอง ส่วนแยกฮอด 15. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาจอมทอง ส่วนแยกแม่แจ่ม 16. ส านักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาแม่ริม ส่วนแยกสะเมิง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 ชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1552.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดท าค าสั่งของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) ประกอบมาตรา ๗๔ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการจัดท าค าสั่งของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในการจัดท าค าสั่งตามมาตรา ๗๔ วรรคหนึ่ง วรรคสอง หรือวรรคสาม (๑) หรือ (๒) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ นอกจากที่ก าหนดไว้ในประกาศ หรือระเบียบตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้น ากฎหมายว่าด้วย วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๔ ค าสั่งของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามข้อ ๓ ต้องมีรายละเอียดอย่างน้อยประกอบด้วย (๑) ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระส าคัญ (๒) ข้อกฎหมายที่อ้างอิง (๓) ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ ทั้งนี้ ค าสั่งของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ให้ประธานกรรมการผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ลงนามแทน ข้อ ๕ การแจ้งค าสั่งของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามประกาศนี้ ให้ท าเป็นหนังสือหรือ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ ข้อ ๖ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖6 เธียรชัย ณ นคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1554.pdf,"ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละระดับ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๘ (๖) (ฉ) มาตรา ๔๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ วิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และกฎกระทรวงก าหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๖๕ สภาวิศวกรโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๕ และโดยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาวิศวกร ออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละระดับ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ควบคุมแต่ละระดับ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ พ.ศ. ๒๕๕๑ (๒) ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยหลั กเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ควบคุมแต่ละระดับ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๔ ให้งาน ประเภทและขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ เป็นไปตามที่ก าหนดไว้ในกฎกระทรวงก าหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพ วิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๕ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ระดับวุฒิวิศวกร ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ได้ทุกงาน ทุกประเภท และทุกขนาด ข้อ ๖ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิ ชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ระดับสามัญวิศวกร ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ได้เฉพาะงาน ประเภทและขนาด ดังนี้ (๑) งานให้ค าปรึกษา (ก) โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน เช่น การวางผังโรงงาน หรือการวางผัง การเคลื่อนย้ายเครื่องจักรในโรงงานที่มีการลงทุนไม่เกินห้าร้อยล้านบาท ้หนา ๕๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ (ข) ระบบการผลิต การสร้างหรือการประกอบสิ่งใด ๆ กระบวนการผลิตวัสดุส าเร็จรูป หรือกึ่งส าเร็จรูป การหลอม การหล่อ การรีด การเชื่อม การกลึง การเคลือบโลหะ การอบชุบ การชุบ หรือการแปรรู ปโลหะ ไม้ หรือวัสดุอื่น ๆ หรือสถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินห้าร้อยล้านบาท (ค) ระบบสนับสนุนการผลิต ระบบความปลอดภัย ระบบกึ่งอัตโนมัติ ระบบอัตโนมัติ หรือระบบอัจฉริยะ ส าหรับท า ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบ ารุง ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ล าเลียง เก็บรักษา หรือท าลายสิ่งใด ๆ หรือสถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินห้าร้อยล้านบาท (ง) การถลุงแร่และการท าโลหะให้บริสุทธิ์ที่มีปริมาณการผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนี้ ๑) ดีบุก ๒) ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง หรือพลวง ๓) เหล็กหรือเหล็กกล้า ๔) กากกัมมันตรังสีตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ทุกประเภทที่มีการลงทุนไม่เกินห้าร้อยล้านบาท (จ) ระบบการจัดการด้านวิศวกรรมอุตสาหการในอุตสาหกรรมการผลิตหรืออุตสาหกรรมบริการ ที่มีการประเมินความเสี่ยง การจัดการความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ การป ระกันคุณภาพ และการจัดการระบบโลจิสติกส์ ที่มีการลงทุนไม่เกินห้าร้อยล้านบาท (๒) งานวางโครงการ (ก) โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน เช่น การวางผังโรงงาน หรือการวางผัง การเคลื่อนย้ายเครื่องจักรในโรงงานที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ข) ระบบการผลิต การ สร้างหรือการประกอบสิ่งใด ๆ กระบวนการผลิตวัสดุส าเร็จรูป หรือกึ่งส าเร็จรูป การหลอม การหล่อ การรีด การเชื่อม การกลึง การเคลือบโลหะ การอบชุบ การชุบ หรือการแปรรูปโลหะ ไม้ หรือวัสดุอื่น ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ค) ระบบสนับสนุนการผลิต ระบบความปลอดภัย ระบบกึ่งอัตโนมัติ ระบบอัตโนมัติ หรือระบบอัจฉริยะ ส าหรับท า ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบ ารุง ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ล าเลียง เก็บรักษา หรือท าลายสิ่งใด ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ง) การถลุงแร่และการท าโลหะให้บริสุทธิ์ที่มีปริมาณการผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนี้ ๑) ดีบุก ๒) ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง หรือพลวง ๓) เหล็กหรือเหล็กกล้า ๔) กากกัมมันตรังสีตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ทุกประเภทที่มีการลงทุนไม่เกินแปด ร้อยล้านบาท ้หนา ๕๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ (จ) ระบบการจัดการด้านวิศวกรรมอุตสาหการในอุตสาหกรรมการผลิตหรืออุตสาหกรรมบริการ ที่มีการประเมินความเสี่ยง การจัดการความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ และการจัดการระบบโลจิสติกส์ ที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ฉ) ระบบดับเพลิงหรือป้องกันอัคคีภัยทุกขนาด (๓) งานออกแบบและค านวณ (ก) โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน เช่น การวางผังโรงงาน หรือการวางผัง การเคลื่อนย้ายเครื่องจักรในโรงงาน ที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ข) ระบบการผลิต การสร้างหรือการประกอบสิ่งใด ๆ กระบวนการผลิตวัสดุส าเร็จรูป หรือกึ่งส าเร็จรูป การหลอม การหล่อ การรีด การเชื่อม การกลึง การเคลือบโลหะ การอบชุบ การชุบ หรือการแปรรูปโลหะ ไม้ หรือวัสดุอื่น ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ค) ระบบสนับสนุนการผลิต ระบบความปลอดภัย ระ บบกึ่งอัตโนมัติ ระบบอัตโนมัติ หรือระบบอัจฉริยะ ส าหรับท า ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบ ารุง ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ล าเลียง เก็บรักษา หรือท าลายสิ่งใด ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ง) การถลุงแร่และการท าโลหะให้บริสุทธิ์ที่มีป ริมาณการผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนี้ ๑) ดีบุก ๒) ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง หรือพลวง ๓) เหล็กหรือเหล็กกล้า ๔) กากกัมมันตรังสีตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ทุกประเภทที่มีการลงทุนไม่เกินห้าร้อยล้านบาท (จ) ระบบการจัดการด้านวิศวกรรมอุตสาหการในอุตสาหกรรมการผลิตหรืออุตสาหกรรมบริการ ที่มีการประเมินความเสี่ยง การจัดการความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ และการจัดการระบบโลจิสติกส์ ที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ฉ) ระบบดับเพลิงหรือป้องกันอัคคีภั ยทุกขนาด (๔) งานควบคุมการสร้างหรือการผลิต (ก) โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน เช่น การวางผังโรงงาน หรือการวางผัง การเคลื่อนย้ายเครื่องจักรในโรงงาน ที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ข) ระบบการผลิต การสร้างหรือการประกอบสิ่งใด ๆ กระบวนการผลิตวัสดุ ส าเร็จรูป หรือกึ่งส าเร็จรูป การหลอม การหล่อ การรีด การเชื่อม การกลึง การเคลือบโลหะ การอบชุบ การชุบ หรือการแปรรูปโลหะ ไม้ หรือวัสดุอื่น ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท โดยไม่รวมค่าที่ดิน ้หนา ๕๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ (ค) ระบบสนับสนุนการผลิต ระบบความปลอดภัย ระบบกึ่งอัตโนมัติ ระบบอัตโนมัติ หรือระบบอัจฉริยะ ส าหรับท า ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบ ารุง ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ล าเลียง เก็บรักษา หรือท าลายสิ่งใด ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ง) การถลุงแร่และการท าโลหะให้บริสุทธิ์ที่มี ปริมาณการผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนี ๑) ดีบุกไม่เกิน ๓๐ เมตริกตันต่อวัน ๒) ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง หรือพลวง ไม่เกิน ๒๐๐ เมตริกตันต่อวัน ๓) เหล็กหรือเหล็กกล้าไม่เกิน ๒๐๐ เมตริกตันต่อวัน ๔) กากกัมมันตรังสีตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่ อสันติ จากกระบวนการ ผลิตดีบุกไม่เกิน ๓๐ เมตริกตันต่อวัน ตะกั่ว ทองแดงหรือพลวงไม่เกิน ๒๐๐ เมตริกตันต่อวัน เหล็กหรือเหล็กกล้าไม่เกิน ๒๐๐ เมตริกตันต่อวัน (จ) ระบบการจัดการด้านวิศวกรรมอุตสาหการในอุตสาหกรรมการผลิตหรืออุตสาหกรรมบริการ ที่มีการประเมินความเสี่ยง การจัดการความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ และการจัดการระบบโลจิสติกส์ที่มีการลงทุนไม่เกินแปดร้อยล้านบาท (ฉ) ระบบดับเพลิงหรือป้องกันอัคคีภัยทุกขนาด (๕) งานพิจารณาตรวจสอบและงานอ านวยการใช้ ทุกประเภททุกขนาด ข้อ ๗ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ระดับภาคีวิศวกร ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ได้เฉพาะงาน ประเภทและขนาด ดังนี้ (๑) งานวางโครงการ (ก) โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน เช่น การวางผังโรงงาน หรือการวางผัง การเคลื่อนย้ายเครื่องจักรในโรงงานที่มีการลงทุนไม่เกินสองร้อยล้านบาท (ข) ระบบการผลิต การสร้างหรือการประกอบสิ่งใด ๆ กระบวนการผลิตวัสดุส าเร็จรูป หรือกึ่งส าเร็จรูป การหลอม การหล่อ การรีด การเชื่อม การกลึง การเคลือบโลหะ การอบชุบ การชุบ หรือการแปรรูปโลหะ ไม้ หรือวัสดุอื่น ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินสองร้อยล้านบาท (ค) ระบบสนับสนุนการผลิต ระบบความปลอดภัย ระบบกึ่งอัตโนมัติ ระบบอัตโนมัติ หรือระบบอัจฉริยะ ส าหรับท า ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบ ารุง ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ล าเลียง เก็บรักษา หรือท าลายสิ่งใด ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินสองร้อยล้านบาท (ง) การถลุงแร่และการท าโลหะให้บริสุทธิ์ที่มีปริมาณการผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนี้ ๑) ดีบุก ๒) ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง หรือพลวง ๓) เหล็กหรือเหล็กกล้า ๔) กากกัมมันตรังสีตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ้หนา ๕๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ ทุกประเภทที่มีการลงทุนไม่เกินสองร้อยล้านบาท (จ) ระบบการจัดการด้านวิศวกรรมอุตสาหการในอุตสาหกรรมการผลิตหรืออุตสาหกรรมบริการ ที่มีการประเมินความเสี่ยง การจัดการความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ และการจัดการระบบโลจิสติกส์ ที่มีการลงทุนไม่เกินสองร้อยล้านบาท (ฉ) ระบบดับเพลิงด้วยน้ าหรือป้องกันอัคคีภัย ซึ่งไม่ใช่ระบบดับเพลิงแบบพิเศษ เช่น การใช้ก๊าซ โฟม หรือสารดั บเพลิงอื่น เป็นต้น ที่มีมูลค่ารวมกันไม่เกินสิบล้านบาท หรือมีพื้นที่ป้องกันอัคคีภัย ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ตารางเมตร (๒) งานออกแบบและค านวณ (ก) ระบบการจัดการด้านวิศวกรรมอุตสาหการในอุตสาหกรรมการผลิตหรืออุตสาหกรรมบริการ ที่มีการประเมินความเสี่ยง การจัดการควา มปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ และการจัดการระบบโลจิสติกส์ ที่มีการลงทุนไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท (ข) ระบบดับเพลิงด้วยน้ าหรือป้องกันอัคคีภัย ซึ่งไม่ใช่ระบบดับเพลิงแบบพิเศษ เช่น การใช้ก๊าซ โฟม หรือสารดับเพลิงอื่น เป็นต้น ที่มีมูลค่ารวมกั นไม่เกินห้าล้านบาท หรือมีพื้นที่ป้องกันอัคคีภัย ไม่เกิน ๕,๐๐๐ ตารางเมตร (๓) งานควบคุมการสร้างหรือการผลิต (ก) โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน เช่น การวางผังโรงงาน หรือการวางผัง การเคลื่อนย้ายเครื่องจักรในโรงงานที่มีการลงทุนไม่เกินสองร้อยล้านบาท (ข) ระบบการผลิต การสร้างหรือการประกอบสิ่งใด ๆ กระบวนการผลิตวัสดุส าเร็จรูป หรือกึ่งส าเร็จรูป การหลอม การหล่อ การรีด การเชื่อม การกลึง การเคลือบโลหะ การอบชุบ การชุบ หรือการแปรรูปโลหะ ไม้ หรือวัสดุอื่น ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินสองร้อยล้านบาท (ค) ระบบสนับสนุนการผลิต ระบบความปลอดภัย ระบบกึ่งอัตโนมัติ ระบบอัตโนมัติ หรือระบบอัจฉริยะ ส าหรับท า ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบ ารุง ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ล าเลียง เก็บรักษา หรือท าลายสิ่งใด ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินสองร้อยล้านบาท (ง) การถลุงแร่และการท าโลหะให้บริสุทธิ์ที่มีปริมาณการผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนี้ ๑) ดีบุกไม่เกิน ๑๐ เมตริกต่อวัน ๒) ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง หรือพลวง ไม่เกิน ๒๐ เมตริกต่อวัน ๓) เหล็กหรือเหล็กกล้า ไม่เกิน ๒๐ เมตริกต่อวัน ๔) กากกัมมันตรังสีต ามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ จากกระบวนการ ผลิตดีบุกไม่เกิน ๑๐ เมตริกตันต่อวัน ตะกั่ว ทองแดงหรือพลวงไม่เกิน ๒๐ เมตริกตันต่อวัน เหล็กหรือเหล็กกล้าไม่เกิน ๒๐ เมตริกตันต่อวัน ้หนา ๕๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ (จ) ระบบการจัดการด้านวิศวกรรมอุตสาหการในอุตสาหกรรมการผลิตหรื ออุตสาหกรรมบริการ ที่มีการประเมินความเสี่ยง การจัดการความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ และการจัดการระบบโลจิสติกส์ ที่มีการลงทุนไม่เกินสองร้อยล้านบาท (ฉ) ระบบดับเพลิงด้วยน้ าหรือป้องกันอัคคีภัย ซึ่งไม่ใช่ระบบดับเพลิงแบบพิเศษ เช่น การใช้ก๊าซ โฟม หรือสารดับเพลิงอื่น เป็นต้น ที่มีมูลค่ารวมกันไม่เกินสิบล้านบาท หรือมีพื้นที่ป้องกันอัคคีภัย ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ตารางเมตร (๔) งานพิจารณาตรวจสอบ (ก) โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน เช่น การวางผังโรงงาน หรือการวางผัง การเคลื่อนย้ายเครื่อง จักรในโรงงานที่มีการลงทุนไม่เกินสามร้อยล้านบาท (ข) ระบบการผลิต การสร้างหรือการประกอบสิ่งใด ๆ กระบวนการผลิตวัสดุส าเร็จรูป หรือกึ่งส าเร็จรูป การหลอม การหล่อ การรีด การเชื่อม การกลึง การเคลือบโลหะ การอบชุบ การชุบ หรือการแปรรูปโลหะ ไม้ หรือวัสดุอื่ น ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินสามร้อยล้านบาท (ค) ระบบสนับสนุนการผลิต ระบบความปลอดภัย ระบบกึ่งอัตโนมัติ ระบบอัตโนมัติ หรือระบบอัจฉริยะ ส าหรับท า ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบ ารุง ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ล าเลียง เก็บรักษา หรือท าลายสิ่ งใด ๆ สถานประกอบการที่มีการลงทุนไม่เกินสามร้อยล้านบาท (ง) การถลุงแร่และการท าโลหะให้บริสุทธิ์ที่มีปริมาณการผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนี้ ๑) ดีบุก ๒) ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง หรือพลวง ๓) เหล็กหรือเหล็กกล้า ๔) กากกัมมันตรังสีตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ทุกประเภทขนาดไม่เกินสามร้อยล้านบาท (จ) ระบบการจัดการด้านวิศวกรรมอุตสาหการในอุตสาหกรรมการผลิตหรืออุตสาหกรรมบริการ ที่มีการประเมินความเสี่ยง การจัดการความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภ าพ และการจัดการระบบโลจิสติกส์ ที่มีการลงทุนไม่เกินสามร้อยล้านบาท (ฉ) ระบบดับเพลิงด้วยน้ าหรือป้องกันอัคคีภัย ซึ่งไม่ใช่ระบบดับเพลิงแบบพิเศษ เช่น การใช้ก๊าซ โฟม หรือสารดับเพลิงอื่น เป็นต้น ที่มีมูลค่ารวมกันไม่เกินสิบล้านบาท หรือมีพื้นที่ป้องกันอั คคีภัย ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ตารางเมตร (๕) งานอ านวยการใช้ ทุกประเภทที่มีการลงทุนไม่เกินห้าร้อยล้านบาท ข้อ ๘ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ระดับภาคีวิศวกรพิเศษ ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ได้ตามงาน ประเภท และขนาดที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ้หนา ๕๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ข้อ ๙ การก าหนดขนาดเงินลงทุนตามข้อบังคับนี้ให้พิจารณาจากทรัพย์สินถาวร ได้แก่ อาคาร และเครื่องจักร โดยไม่รวมค่าที่ดิน ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ต้องมีการวินิจฉัยชี้ขาดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ ประกอบวิชาชีพ วิศวกรรมควบคุมแต่ละระดับ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ตามข้อบังคับนี้ ให้คณะกรรมการสภาวิศวกร เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ค าวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการสภาวิศวกรให้เป็นที่สุด ข้อ ๑๑ ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ซึ่งประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ควบคุมตามระดับ และสาขาที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ภายในข้อก าหนดและเงื่อนไขตามกฎกระทรวง ก าหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่ก่อนวันที่ข้อบังคับนี้ มีผลใช้บังคับให้ผู้นั้นประกอบการงานนั้นต่อไปได้จนกว่างานจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ ไม่เกินส ามปีนับแต่วันที่ ข้อบังคับนี้ใช้บังคับ ประกาศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕66 รองศาสตราจารย์ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ นายกสภาวิศวกร ้หนา ๕๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1559.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดวัตถุกันเสียที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยค าแนะน าของคณะกรรมการเครื่องส าอาง ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๕ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในช่องล าดับที่ 26 แห่งบัญชีแนบท้ายประ กาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดวัตถุกันเสียที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ล ำดับ ชื่อวัตถุกันเสีย ควำมเข้มข้นสูงสุด ในเครื่องส ำอำง พร้อมใช้ (w/w) เงื่อนไข Chemical Name/ Other Name Name of Common Ingredients Glossary CAS Number 26 Poly(1- hexamethylenebig uanide hydrochloride ) Poly(methylene),. alpha.,.omega.- bis[[[(aminoimino methyl)amino] iminomethyl]-amino], dihydrochloride Polyaminopropyl biguanide 32289-58-0/ 27083-27-8/ 28757-47-3/ 133029-32-0 0.1% ห้ำมใช้ในผลิตภัณฑ์ ที่อยู่ในรูปแบบหรือ กำรใช้ที่มีควำมเสี่ยง ที่สำมำรถสูดดมเข้ำสู่ ปอดได้ ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นช่องล าดับที่ 57 แห่งบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดวัตถุกันเสียที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ล ำดับ ชื่อวัตถุกันเสีย ควำมเข้มข้นสูงสุด ในเครื่องส ำอำง พร้อมใช้ (w/w) เงื่อนไข Chemical Name / Other Name Name of Common Ingredients Glossary CAS Number 57 4-(3-ethoxy-4- hydroxyphenyl )b utan-2-one Hydroxyethoxyphenyl Butanone 569646-79-3 0.7% - ้หนา ๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖ข้อ ๓ ให้ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้น าเข้าเพื่อขาย หรือผู้รับจ้างผลิต ที่ได้รับใบจดแจ้งเครื่องส าอาง ที่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสียที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิ ตเครื่องส าอางล าดับที่ 26 แห่งบัญชีแนบท้าย ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดวัตถุกันเสียที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ อยู่ก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องด าเนินการให้เป็นไปตาม ประกาศนี้ภายใน หนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่ประกาศนี้ใช้บังคับ ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1560.pdf,"ประกาศคณะกรรมการเครื่องส าอาง เรื่อง การแสดงค าเตือนที่ฉลากเครื่องส าอางที่มีวัตถุกันเสีย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการเครื่องส าอาง ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในช่องล าดับที่ 26 แห่งบัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการ เครื่องส าอาง เรื่อง การแสดงค าเตือนที่ฉลากเครื่องส าอางที่มีวัตถุกันเสีย พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ล ำดับ ชื่อวัตถุกันเสีย ค ำเตือนที่ฉลำก Chemical Name / Other Name Name of Common Ingredients Glossary CAS Number 26 Poly(1- hexamethylenebiguanide hydrochloride ) Poly(methylene),.alpha.,. omega.- bis[[[(aminoiminomethyl ) amino] iminomethyl ]- amino], dihydrochloride Polyaminopropyl biguanide 32289-58-0/ 27083-27-8/ 28757-47-3/ 133029-32-0 - ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นช่องล าดับที่ 57 แห่งบัญชีแนบท้าย ประกาศคณะกรรมการ เครื่องส าอาง เรื่อง การแสดงค าเตือนที่ฉลากเครื่องส าอางที่มีวัตถุกันเสีย พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ล ำดับ ชื่อวัตถุกันเสีย ค ำเตือนที่ฉลำก Chemical Name / Other Name Name of Common Ingredients Glossary CAS Number 57 4-(3-ethoxy-4- hydroxyphenyl )butan-2-one Hydroxyethoxy - phenyl Butanone 569646-79-3 - ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสนับสนุนงานบริการสุขภาพ ประธานกรรมการเครื่องส าอาง ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1562.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง วัตถุที่ได้รับยกเว้นไม่เป็นยา (ฉบับที่ 40) พ.ศ. 2566 ด้วยประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๓๔ (พ.ศ. ๒๕๔๘) เรื่อง วัตถุที่ได้รับยกเว้นไม่เป็นยา ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ ก าหนดวัตถุที่มุ่งหมายส าหรับใช้ในการเกษตรได้รับยกเว้นไม่เป็นยา ประกอบกับมีกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ซึ่งควบคุมก ากับดูแลอาหารสัตว์แล้ว สมควรก าหนดให้อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะส าหรับสัตว์เลี้ยง ที่มีกลูโคซามีน (Glucosa mine) และคอนดรอยติน (Chondroitin) รวมทั้งเกลือของสารดังกล่าวเป็นส่วนประกอบ รวมถึงสารกลูโคซามีน (Glucosamine) และคอนดรอยติน (Chondroitin) ที่มุ่งหมายเป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ส าหรับสัตว์เลี้ยง เป็นวัตถุที่มุ่งหมายส าหรับใช้ในการเกษตรที่ได้รับยกเว้นไม่เป็นยาด้วย อาศัยอ านาจตามความในวรรคสอง (ก) ของบทนิยามค าว่า “ยา” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้เพิ่มเติมข้อความต่อไปนี้เป็น (๖) ของข้อ ๒ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๓๔ (พ.ศ. ๒๕๔๘) เรื่อง วัตถุที่ได้รับยกเว้นไม่เป็นยา ลงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2548 “(๖) สารกลูโคซามีน (Glucosamine) และคอนดรอยติน (Chondroitin) รวมทั้งเกลือ ของสารดังกล่าวเป็นส่วนประกอบ ที่มุ่งหมายส าหรับใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ส าหรับสัตว์เลี้ยง ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ รวมถึงอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ส าหรับสัตว์เลี้ยงที่มีส่วนประกอบดังกล่าวเป็นส่วนประกอบ ” ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1563.pdf,"ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง ข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐาน ประกอบการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริการ เกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต โดยที่กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต ก าหนดให้ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการดังกล่าวต้องด าเนินการ ยื่นค าขอรับใบอนุญาตพร้อมด้วยข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐานตามที่คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศก าหนด อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการ เกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๕ คณะกรรมการ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง ข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐาน ประกอบการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และ ยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต ” ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ผู้ขอรับใบอนุญาต ” หมายความว่า ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ยื่นค าขอรับใบอนุญาต “ส านักงาน” หมายความว่า ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓ ให้ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ทางดิจิทัลยื่นค าขอรับใบอนุญาตต่อส านักงาน พร้อมด้วยข้อมูล ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อและเลขทะเบียนนิติบุคคล (๒) หนังสือมอบอ านาจ (ถ้ามี) (๓) รายชื่อกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งรับผิดชอบในการด าเนินงาน พร้อมทั้งหนังสือรับรอง คุณสมบัติ และเอกสารที่แสดงถึงการไม่มีลักษณะต้องห้ามของกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งรับผิดชอบ ในการด าเนินงานตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับ ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๕ (๔) ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขอรับใบอนุญาต (ก) เอกสารแสดงวัตถุประสงค์ของผู้ขอรับใบอนุญาตที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบริการ เกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (ข) ส าเนาข้อบังคับของผู้ขอรับใบอนุญาต (ถ้ามี) (ค) โครงสร้างธุรกิจบริการซึ่งแสดงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอื่น ๆ ของผู้ขอรับ ใบอนุญาต ้หนา ๙๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๖(๕) รายละเอียดเกี่ยวกับการให้บริการ ประกอบด้วย (ก) โครงสร้างองค์กรและการก ากับดูแลเพื่อรองรับการประกอบธุรกิจบริการ (ข) ชื่อและประเภทการให้บริการ (ค) แผนการประกอบธุรกิจ ประกอบด้วยสาระส าคัญ เงื่อนไข และรูปแบบการให้บริการ รวมทั้งรายละเอียดขอบเขตการให้บริการ เช่น กลุ่มผู้ใช้บริการ วิธีการและสถานที่ที่ให้บริการ พร้อมระบุถึง ค่าธรรมเนียมการให้บริการ (ง) นโยบายและแผนการประกอบธุรกิจบริการในระยะเวลาสองปี โดยรวมถึงปริมาณธุรกรรม บริการที่จะเพิ่มเติม และผลการศึกษาความเป็นไปได้ (feasibility study) เช่น การวิเคราะห์ตลาด สภาพแวดล้อมและปัจจัยที่ส่งผลต่อการประกอบธุรกิจบริการ (จ) แผนปฏิบัติการเตรียมการรองรับการประกอบธุรกิจบริการ โดยแสดงรายละเอียด การเตรียมการในแต่ละช่วงเวลา (timeline) (๖) ระบบและเทคโนโลยีที่ใช้ในการให้บริการ ประกอบด้วย (ก) แผนภาพระบบงาน (ข) ค าอธิบายรายละเอียดเทคโนโลยีที่ใช้ในการให้บริการและเทคโนโลยีที่ใช้เพื่อ การรักษา ความมั่นคงปลอดภัยของระบบการให้บริการ (ค) ขั้นตอนการให้บริการ ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามลักษณะของการให้บริการและ มาตรฐานการให้บริการส าหรับการประกอบธุรกิจบริการแต่ละลักษณะ (ง) แนวทางการเชื่อมโยงกับระบบงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (จ) บุคคลภายนอกที่เกี่ ยวข้องกับระบบการให้บริการ (ถ้ามี) (๗) นโยบายการบริหารความเสี่ยงและการประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงในการให้บริการ (๘) แผนการด าเนินธุรกิจในหัวข้อ ดังต่อไปนี้ (ก) แผนการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของระบบการให้บริการ ซึ่งครอบคลุม ๑) แผนและแนวทางการก าหนดมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ ๒) แผนและแนวทางการก าหนดมาตรการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ข) แผนและแนวทางการก าหนดมาตรการควบคุมดูแลและป้องกันการทุจริตหรือ การฉ้อโกงจากการใช้งานระบบ (ค) แผนและแนวทางการก าหนดมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการซึ่งครอบคลุมการก าหนด ข้อตกลงหรือสัญญาในการใช้บริการ แนวทางการก าหนดความรับผิดชอบของผู้ขอรับใบอนุญาต แนวทางการก าหนดมาตรการบรรเทาความเสียหายและการชดใช้หรือเยียวยา และการจัดการเรื่องร้องเรียน (๙) แนวทางและรายละ เอียดการใช้บริการจากผู้รับด าเนินการแทน ส าหรับการเก็บรวบรวม หรือเก็บรักษาข้อมูลในการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (ถ้ามี) ้หนา ๙๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๖ข้อ ๔ ข้อมูลประกอบการยื่นค าขอรับใบอนุญาตตามข้อ ๓ (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) ต้องมีรายละเอียดสอดคล้องกับมาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย การควบคุมดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๕ เพื่ออ านวยความสะดวกในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต ตามข้อ ๓ ให้ส านักงานจัดให้มีการขอความยินยอมจากผู้ขอรับใบอนุญาตในการเข้าถึงข้อมูล ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับผู้ขอรับใบอนุญาตเพื่อด าเนินการตรวจสอบดังกล่าว โดยในกรณีที่ผู้ขอรับ ใบอนุญาตได้ให้ความยินยอมแล้วส านักงานจะด าเนินการรับข้อมูลในส่วนดังกล่าวจากหน่วยงานของรัฐ แทนการยื่นเอกสารหลักฐานตามข้อ ๓ ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ้หนา ๙๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1564.pdf,"ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิดและลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง (ฉบับที่ 2) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์โดยค าแนะน าของคณะกรรมการชั่งตวงวัด ได้ออก ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิดและลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต เครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เพื่อก าหนดชนิด ลักษณะ รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผื่อเหลือ เผื่อขาด ห้ามการให้ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรองของเครื่องชั่ง ไปแล้ว นั้น ดังนั้น เพื่อให้การก ากับดูแลเครื่องชั่งเป็นไ ปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับ ชนิด ลักษณะ รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดของเครื่องชั่ง รวมทั้งการใช้เครื่องชั่ง ในการซื้อขายหรือจ าหน่ายสินค้าในปัจจุบัน อันจะส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม คณะกรรมการชั่งตวงวัด จึงมีมติในคราวประชุม ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 เห็นชอบการขยายการตรวจสอบให้ค ารับรองและอายุค ารับรองของเครื่องชั่งสปริงและตุ้มน้ าหนัก และแก้ไขอายุค ารับรองของเครื่องชั่งไม่อัตโนมัติ แบบแท่นชั่งที่ติดตรึงกับที่ซึ่งมีพิกัดก าลังตั้งแต่ 10 เมตริกตันขึ้นไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 5 มาตรา 16 มาตรา 26 และมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2557 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์โดยค าแนะน าของคณะกรรมการชั่งตวงวัด ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (4) ของข้อ 32 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิด และลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “(4) หน้าปัดแสดงขั้นหมายมาตรา ต้องมีสองหน้าปัดโดยตรึงติดแน่นกับตัวเครื่อง และหน้าปัดทั้งสองต้องหันหน้าออกในทิศทางตรงกันข้าม ยกเว้นเครื่องชั่งสปริงที่มีพิกัดก าลังไม่เกิน 1 กิโลกรัมและเครื่องชั่งสปริงที่มีพิกัดก าลังมากกว่า 60 กิโลกรัมขึ้นไป จะมีหน้าปัดเดียวโดยตรึงติดแน่น กับตัวเครื่องก็ได้” ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (14) ของข้อ 32 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิด และลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๕๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน (๑๕) ของข้อ 32 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิด และลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑๕) ให้เครื่องชั่งสปริงเป็นเครื่องชั่งซึ่งมีชั้นความเที่ยงชั้นสี่ และค่าขั้นหมายมาตรา ตรวจรับรอง (e) มีค่าเท่ากับค่าขั้นหมายมาตราของเครื่องชั่ง (d)” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกวรรคสองของข้อ 32 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิด และลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในข้อ 3๘ แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิด และลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓๘ ตุ้มน้ าหนักต้องมีดลภาคเกลี้ยงที่หล่อขึ้ นรูปมาพร้อมกันและตันทั้งตุ้ม โดยมีช่อง ส าหรับใส่วัสดุปรับน้ าหนักเท่านั้น ตุ้มน้ าหนักที่มีขนาดอัตราน้ าหนักต่ ากว่า ๑ กรัม จะท าเป็นแผ่นหรือเป็นเส้นลวดก็ได้ ตุ้มน้ าหนักที่มีขนาดอัตราน้ าหนักตั้งแต่ ๑ กรัมขึ้นไป จะท าเป็นรูปทรงกระบอก หรือเหลี่ยม หรือรูปทรงอื่นใดที่คล้ายคลึงกันก็ได้และต้องไม่มีแง่หรือมุมที่คม ” ข้อ ๗ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสามของข้อ ๔๐ แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิดและลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 “กรณีตุ้มน้ าหนักมีรูไว้ส าหรับใส่วัสดุปรับน้ าหนักตามวรรคหนึ่ง และมีที่ปิดรู ที่ปิดรูนั้น ต้องแนบสนิทโดยไม่ยื่นพ้นดลภาคของตุ้มน้ าหนักและต้องมีที่ส าหรับผนึกเพื่อประทับเครื่องหมายค ารั บรอง” ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔๓ แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิด และลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔๓ อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดส าหรับการให้ค ารับรองชั้นแรกและการให้ค ารับรองชั้นหลัง ของตุ้มน้ าหนักที่ไม่ได้ใช้ชั่งอัญมณีให้มีฝ่ายมากเท่านั้นตามตาราง ดังต่อไปนี้ ขนาดอัตราน้ าหนัก อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด 5,๐๐๐ 2,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๕๐๐ กิโลกรัม กิโลกรัม กิโลกรัม กิโลกรัม 2.5 1.0 ๕๐๐ ๒๕๐ กิโลกรัม กิโลกรัม กรัม กรัม ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๕๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ขนาดอัตราน้ าหนัก อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ๒๐๐ ๑๐๐ ๕๐ ๒๐ ๑๐ ๕ ๒ ๑ ๕๐๐ ๒๐๐ ๑๐๐ ๕๐ ๒๐ ๑๐ ๕ ๒ ๑ กิโลกรัม กิโลกรัม กิโลกรัม กิโลกรัม กิโลกรัม กิโลกรัม กิโลกรัม กิโลกรัม กรัม กรัม กรัม กรัม กรัม กรัม กรัม กรัม กรัม ๑๐๐ ๕๐ ๒๕ ๑๐ ๕ ๒.๕ ๑ ๕๐๐ ๒๕๐ ๑๐๐ ๕๐ ๓๐ ๒๕ ๒๐ ๑๕ ๑๒ ๑๐ กรัม กรัม กรัม กรัม กรัม กรัม กรัม มิลลิกรัม มิลลิกรัม มิลลิกรัม มิลลิกรัม มิลลิกรัม มิลลิกรัม มิลลิกรัม มิลลิกรัม มิลลิกรัม มิลลิกรัม” ข้อ 9 ให้ยกเลิกความใน 1 ของตารางอายุค ารับรองของเครื่องชั่งในข้อ 47 แห่งประกาศ กระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิดและลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน เครื่องชั่ง อายุค ารับรอง (นับตั้งแต่วันที่ให้ค ารับรอง) “๑. เครื่องชั่งไม่อัตโนมัติ แบบแท่นชั่งที่ติดตรึงกับที่ ซึ่งมีพิกัดก าลังตั้งแต่ 10 เมตริกตันขึ้นไป 2 ปี” ข้อ 10 ให้ยกเลิก 3 ของตารางอายุค ารับรองของเครื่องชั่งในข้อ 47 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดชนิดและลักษณะของเครื่องชั่ง รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องชั่ง อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้ค ารับรองชั้นหลัง และอายุของค ารับรอง ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๕๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ข้อ 11 บรรดาเครื่องชั่งสปริงที่มีพิกัดก าลังมากกว่า 60 กิโลกรัมขึ้นไปซึ่ งผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ขาย ผู้ซ่อม หรือผู้ครอบครองได้ครอบครองอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ขาย ผู้ซ่อม หรือผู้ครอบครองน าเครื่องชั่งดังกล่าวมาให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพื่อให้ค ารับรอง ตามประกาศนี้ ภายในสามสิบวันนับ แต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ กรณีเครื่องชั่งไม่อัตโนมัติ แบบแท่นชั่งที่ติดตรึงกับที่ซึ่งมีพิกัดก าลังตั้งแต่ 10 เมตริกตันขึ้นไป แต่ไม่ถึง 20 เมตริกตัน ซึ่งได้รับค ารับรองแล้วอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่า จะมีการให้ค ารับรองใหม่จึงจะมีอายุค ารับรองตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕66 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๕๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1565.pdf,"ประกาศส านักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. 2566 โดยที่มาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 บัญญัติให้บรรดาค าขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงาน ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศก าหนด ให้ถือว่าหน่วยงานของ รัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับตามวันและเวลาที่ค าขออนุญาตหรือการติดต่อนั้น เข้าสู่ระบบ สมควรก าหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับประชาชนใช้ในการยื่นค าขอหรือติดต่อ ส านักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดว ก และลดภาระแก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ดังต่อไปนี้ เป็นช่องทางส าหรับประชาชนยื่นค าขอหรือติดต่อ ส านักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (1) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) Saraban-ksn@dlt.mail.go.th (2) เว็บไชต์ https://ksn.dlt.go.th/th/ ข้อ 2 ในกรณีที่ผู้ยื่นค าขอหรือติดต่อมาทางช่องทางตามข้อ 1 ประสงค์จะสอบถามหรือ ขอรับค ายืนยันจากส านักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ว่าได้รับค าขอหรือการติดต่อแล้ว ให้สอบถาม ในวันและเวลาราชการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 4381 1941-2 ข้อ 3 ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพถ่ายจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นค าขอหรือติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ทางช่องทาง ตามข้อ 1 แล้ว ก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 อรสา ขาวเหมือนเดือน ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๕๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1566.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน ้าดับเพลิง ส้าหรับพื นที่เก็บถังก๊าซปิโตรเลียมเหลวหุงต้มหรือกระป๋องก๊าซปิโตรเลียมเหลว ในสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทร้านจ้าหน่าย ลักษณะที่สอง พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอ้านาจตามความในข้อ ๑๖ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลว ประเภทร้านจ้าหน่าย พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ประกาศนี ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก้าหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ ลักษณะ และการติดตั งระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน ้าดับเพลิง ต้องประกอบด้วยถังเก็บน ้าหรือสิ่งก่อสร้างส้าหรับเก็บน ้าดับเพลิง เครื่องสูบน ้าดับเพลิง ระบบท่อและ หัวกระจายน ้าดับเพลิง โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการอย่างน้อย ดังนี (๑) ระบบหัวกระจายน ้าดับเพลิงต้องสามารถฉีดน ้าด้วยแรงดันที่ใช้ในการออกแบบได้ต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า ๑๕ นาที และมีจ้านวนไม่น้อยกว่า ๒ หัว โดยมีระยะห่างระหว่างหัวกระจายน ้าดับเพลิง แต่ละหัวไม่เกิน ๓.๗ เมตร (๒) ถังเก็บน ้าหรือสิ่งก่อสร้างส้าหรับเก็บน ้าดับเพลิง ต้องมีขนาดเพียงพอส้าหรับการใช้น ้าสูงสุด ตาม (๑) และต้องมีน ้าพร้อมใช้ตลอดเวลา (๓) เครื่องสูบน ้าดับเพลิงต้องมีอัตราการไหลไม่น้อยกว่า ๘๒ ลิตรต่อนาที ต่อหัวกระจายน ้า ดับเพลิง ๑ หัว (๔) จ้านวนหัวกระจายน ้าดับเพลิง เส้นผ่าศูนย์กลางของท่อ อัตราการไหลของเครื่องสูบน ้า ดับเพลิง และปริมาณน ้าดับเพลิงที่พร้อมใช้งาน ให้เป็นไปตามที่ก้าหนดในตาราง ดังต่อไปนี หัวกระจายน ้า ดับเพลิง บนท่อย่อย (หัว) เส้นผ่าศูนย์กลาง ของท่อทางส่ง (มิลลิเมตร (นิ ว)) เส้นผ่าศูนย์กลาง ของท่อย่อย (มิลลิเมตร (นิ ว)) อัตราการไหล ของเครื่องสูบน ้า ดับเพลิงขั นต่้า (ลิตรต่อนาที) ปริมาณน ้าดับเพลิง ที่พร้อมใช้งานขั นต่้า (ลิตร) ๒ ๓ ๔ ๕ ๕๐ (๒) ๕๐ (๒) ๕๐ (๒) ๖๕ (๒ ๑/๒) ๒๕ (๑) ๓๒ (๑ ๑/๔) ๓๒ (๑ ๑/๔) ๔๐ (๑ ๑/๒) ๑๖๔ ๒๔๖ ๓๒๘ ๔๑๐ ๒,๔๖๐ ๓,๖๙๐ ๔,๙๒๐ ๖,๑๕๐ (๕) ระบบท่อต้องเป็นเหล็กหรือทองแดง และมีการจับยึดอย่างมั่นคงแข็งแรง ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๕๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๖ทั งนี ลักษณะและการติดตั งระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน ้าดับเพลิง ในส่วนอื่นนอกจากที่ก้าหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบป้องกันอัคคีภัยของสมาคม วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ข้อ ๓ ต้องท้าการทดสอบและตรวจสอบระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน ้า ดับเพลิงหลังจากมีการติดตั งระบบแล้วเสร็จ และการทดสอบและตรวจสอบประจ้าปี ดังนี (๑) ตรวจสอบระดับน ้าและสภาพทั่วไปของถังเก็บน ้าหรือสิ่งก่อสร้างส้าหรับเก็บน ้าดับเพลิง (๒) ทดสอบการท้างานของเครื่องสูบน ้าดับเพลิงและอุปกรณ์ประกอบ (๓) ทดสอบและตรวจสอบการรั่วหรือการอุดตันภายในระบบท่อน ้าดับเพลิง (๔) ตรวจสอบสภาพของหัวกระจายน ้าดับเพลิงต้องไม่ผุกร่อน ถูกทาสีทับ หรือช้ารุดเสียหาย การทดสอบและตรวจสอบประจ้าปีตามวรรคหนึ่งต้องจัดให้มีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั ง ประกาศ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕66 นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๕๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1577.pdf,"ประกาศคณะกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการ เรื่อง ก าหนดอัตราค่าบริการส าหรับการตรวจสอบหรือการประเมินผลให้แก่ห้องปฏิบัติการ พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศคณะกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในพระราชบัญญัติการมาตรฐานแห่งชาติ พ.ศ. 2551 เรื่อง ก าหนดอัตราค่าบริการ ส าหรับการตรวจสอบหรือการประเมินผลให้แก่ห้องปฏิบัติการ ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์การตรวจสอบหรือการประเมินผลห้องปฏิบัติการในปัจจุบัน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 13 (3) แห่งพระราชบัญญัติการมาตรฐานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕5๑ ประกอบมติคณะกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการ ในการประชุมครั้งที่ 11 - 1/256๖ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 256๖ คณะกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการจึงได้ออกประกาศก าหนดอัตราค่าบริการ ส าหรับการตรวจสอบหรือการประเมินผลให้แก่ห้องปฏิบัติการ ดังนี้ 1. ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการ เรื่อง ก าหนดอัตรา ค่าบริการส าหรับการตรวจสอบหรือ การประเมินผลให้แก่ห้องปฏิบัติการ พ.ศ. 256๖” 2. ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในพระราชบัญญัติการมาตรฐานแห่งชาติ พ.ศ. 2551 เรื่อง ก าหนดอัตราค่าบริการ ส าหรับการตรวจสอบหรือการประเมินผลให้แก่ห้องปฏิบัติการ ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 3. อัตราค่าบริการส าหรับการตรวจสอบหรือการประเมินผลให้แก่ห้องปฏิบัติการทดสอบหรือ สอบเทียบ ที่ขอรับใบรับรองตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการมาตรฐานแห่ง ชาติ พ.ศ. 2551 เป็นค่าบริการจ านวน 3,500 บาท ต่อวันต่อผู้ตรวจประเมิน ทั้งนี้ เศษของวันหากไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้เรียกเก็บได้กึ่งหนึ่งของอัตราค่าบริการ อัตราค่าบริการตามวรรคหนึ่งไม่รวมค่าเดินทางและค่าที่พักของคณะผู้ตรวจประเมิน ซึ่งผู้ประกอบการห้อ งปฏิบัติการเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕66 บรรจง สุกรีฑา เลขาธิการส านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ประธานกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการ ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๕๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๖" 1579.pdf,"ประกาศการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เรื่อง อัตราค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าส าหรับสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าของ กฟภ. เนื่องด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีความต้องการจะให้บริการอัดประจุไฟฟ้ากับผู้ใช้ ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จึงขอประกาศอัตราค่าบริการอัดประจุไฟฟ้า ส าหรับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ที่เข้ามาใช้บริการอัดประจุไฟฟ้าในสถานีอัดประจุไฟฟ้าของ กฟภ. โดยก าหนดอัตราค่าบริการอัดประจุไฟฟ้า ตามขนาดเครื่องอัดประจุไฟฟ้ าและช่วงเวลาของการใช้ ( Time of Use : TOU) โดยคิดค่าบริการ ตามหน่วยพลังงานที่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอัดประจุไฟฟ้าด้วยอัตราแบบส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิด การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ดังนี้ ขนาดเครื่องอัดประจุไฟฟ้า อัตราค่าบริการอัดประจุไฟฟ้า (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) (บาท/หน่วย) Peak Off Peak เครื่องอัดประจุไฟฟ้า ก าลังต่ ากว่า 300kW 6.9000 4.5000 เครื่องอัดประจุไฟฟ้า ก าลังตั้งแต่ 300kW ขึ้นไป 8.8000 5.5000 ก าหนดช่วงเวลาของการใช้ ( Time of Use : TOU) อ้างอิงตามประกาศการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เรื่อง การก าหนดช่วงเวลาส าหรับอัตราตามช่วงเวลาของการใช้ Time of Use (TOU) ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. ๒๕66 ศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖" 158.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 397) พ.ศ. 2562 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 221) พ.ศ. 2544 เรื่อง ก าหนดประเภทอาหารที่ต้องแสดงเลขสารบบอาหารที่ฉลาก โดยที่เป็นการสมควรยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 221) พ.ศ. 2544 เรื่อง ก าหนดประเภทอาหารที่ต้องแสดงเลขสารบบอาหารที่ฉลาก เนื่องจากปัจจุบันมีการก าหนดให้อาหาร ที่ต้องแสดงเลขสารบบอาหารที่ฉลากไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการแสดงฉลากของอาหาร ในภาชนะบรรจุแล้ว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 221) พ.ศ. 2544 เรื่อง ก าหนด ประเภทอาหารที่ต้องแสดงเลขสารบบอาหารที่ฉลาก ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖2 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๑๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒" 1581.pdf,"ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ ณ ส านักงานที่ดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประชาชน ในการท าสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ ณ ส านักงานที่ดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประชาชนในการท าสัญญาขายฝากที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สอดคล้องกับหลักการมาตรา ๑๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการท าสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่บัญญัติให้ทรัพย์สินที่ขายฝากตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขายฝากตั้งแต่เวลาที่ผู้ขายฝาก ได้ช าระสินไถ่หรือวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ เพื่อให้การปฏิบัติของพนักงานเจ้ าหน้าที่ถูกต้องเป็นไป ตามที่กฎหมายก าหนด ตลอดจนเป็นมาตรฐานเดียวกัน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๒ (๑) (๔) และข้อ ๒๐ (๑) แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมที่ดิน จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ ณ ส านักงานที่ดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประชาชนในการท าสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๙ วรรคสอง แห่งระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการวางทรัพย์ อันเป็นสินไถ่ ณ ส านักงานที่ดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประชาชนในการท าสัญญาขายฝากที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๖๒ “เมื่อผู้ขายฝากได้ช าระสินไถ่หรือวางสินไถ่ ณ ส านักงานที่ดิน โดยสละสิทธิถอนทรัพย์ที่ได้ วางไว้แล้ว ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินมีค าสั่งรับวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ และได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ซื้อฝากทราบ พร้อมกับให้มารับเงินอันเป็นสินไถ่และน าหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาจดทะเบียนไถ่จากขายฝาก ตามข้อ ๘ แล้ว หากพ้นก าหนดระยะ เวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หรือพ้นก าหนดระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ถือว่าได้รับแจ้งตามมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แต่ผู้ซื้อฝากไม่มาโดยไม่ติดต่อหรือแจ้งเหตุขัดข้อง หรือมาแต่ไม่ส่งมอบหนังสือแสดงสิทธิ้หนา ๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖ในที่ดินที่ขายฝาก ให้ถือว่าหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเดิมเป็นอันตราย อยู่ในหลักเกณฑ์ที่สามารถ ออกใบแทนเพื่อจดทะเบียนไถ่จากขายฝากให้ผู้ขายฝากได้ ตามนัยมาตรา ๖๓ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญั ติให้ใช้ประมวล กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ข้อ ๑๗ (๑) ทั้งนี้ การด าเนินการออกใบแทนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ” ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 ชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน ้หนา ๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖" 1583.pdf,"ประกาศกรมป่าไม้ เรื่อง วิธีการแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่มาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติว่าในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย ให้เป็นสิทธิของ ผู้รับอนุญาตที่จะแสดงใบอนุญาตนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการที่ผู้อนุญาตประกาศก าหนดก็ได้ โดยให้ถือว่าการแสดงเช่นว่านั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว สมควรก าหนดวิธีการแสดงใบอนุญาต ตามกฎหมายในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวก และลดภาระแก่ประชาชน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ อธิบดีกรมป่าไม้ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาต” หมายความว่า เอกสารหลักฐานที่กฎหมายก าหนดให้ต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผย ดังต่อไปนี้ (๑) ใบอนุญาตค้าของป่าหวงห้าม (ข.ป.หวงห้าม ๓) ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๑ (พ.ศ. ๒๕๑๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ (๒) ใบอนุญาตค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ท าด้วยไม้หวงห้าม ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๗ (พ.ศ. ๒๕๓๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ว่าด้วยการค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ท าด้วยไม้หวงห้าม (๓) ใบอนุญาตให้ผลิตเลื่อยโซ่ยนต์ (ลซ.๕) ตามกฎกระทรวงก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้มี ผลิต หรือน าเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ และการเปลี่ยนแปลง เลื่อยโซ่ยนต์ให้มีก า ลังเครื่องจักรกลเพิ่มขึ้น รวมทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๕๑ (๔) ใบอนุญาตให้ซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง (ลซ.๑๗) ตามกฎกระทรวงก าหนด คุณสมบัติของผู้ได้รับใบอนุญาต และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ให้ซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๓ ผู้รับอนุญาตสามารถเลือกแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๒ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) แสดงเป็นภาพผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๖๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖(๒) แสดงเป็นคิวอาร์โคดที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถสแกนเพื่อเข้าถึงใบอนุญาตที่เป็น เอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ของใบอนุญาต ในกรณีที่ผู้รับอ นุญาตประสงค์จะแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๒ (๒) โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้รับอนุญาตจะแสดงข้อมูลผ่านระบบการขออนุญาตอุตสาหกรรมไม้ (e - Permit) ก็ได้ ข้อ ๔ การแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๓ ต้องมีขนาดของภาพและความละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ รวมทั้งสามารถแสดงให้เห็นข้อมูลอันเป็นสาระส าคัญของใบอนุญาตได้ครบถ้วน ผู้รับอนุญาตอาจเลือกแสดงภาพใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่ประกอบกิจการ มากกว่าหนึ่งใบหรือภาพผ่านหน้าจอเดียวกันก็ได้ แต่ต้องมีระยะเวลาแสดงภาพใบอนุญาตแต่ละใบ ไม่น้อยกว่าห้าวิ นาที ข้อ ๕ เมื่อผู้รับอนุญาตเลือกแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามข้อ ๓ แล้ว ผู้รับอนุญาตไม่ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยตลอดเวลา ณ สถานที่ประกอบกิจการ อีกต่อไป แต่ต้องสามารถแสดงต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเ วลาเมื่อมีการตรวจสอบ หรือต่อประชาชนที่ขอตรวจดู ประกาศ ณ วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖6 สุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๖๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖" 1584.pdf,"ประกาศกรมการปกครอง เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตให้หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชนใช้บริการระบบพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง ตามที่กรมการปกครองได้จัดท าระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง เพื่อการปฏิบัติงานในภารกิจของกรมการปกครองนั้น ปรากฏว่ามีส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานเอกชน มีความประสงค์ขอใช้ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทั ลดังกล่าว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่และการบริการประชาชนให้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ นั้น เพื่อให้การขออนุญาตใช้บริการระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง เป็นไปตามมาตรา ๓๔/๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา ๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังนั้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมการปกครองจึงได้ก าหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต ใช้บริการระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง ดังต่อไปนี้ ๑. ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมการปกครอง เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตให้หน่วยงาน ของรัฐและหน่วยงานเอกชนใช้บริกา รระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง ” ๒. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 3. ในประกาศนี้ “หน่วยงานของรัฐ ” หมายความว่า (๑) ส่วนราชการ (๒) รัฐวิสาหกิจ (๓) หน่วยงานของรัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอัยการ (๔) หน่วยงานอื่นของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามที่กฎหมายก าหนด “หน่วยงานเอกชน ” หมายความว่า องค์กรเอกชนที่มีการจัดตั้งขึ้นและมีฐานะเป็นนิติบุคคล ตามกฎหมาย “ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID)” หมายความว่า ระบบซึ่ง กรมการปกครองได้จัดสร้างและพัฒนาขึ้น โดยมีกระบวนการพิสูจน์และยืนยันความถูกต้องของตัวบุคคล จากลักษณะเฉพาะของบุคคลซึ่งสามารถบ่งบอกหรือจ าแนกได้โดยคุณลักษณะหรือชุดของคุณลักษณะ ที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลนั้น เช่น เลขประจ าตัวประชาชน ชื่อบุคคล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด ภาพใบหน้า เป็นต้น ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๖๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖4. หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชนที่มีความประสงค์จะขอใช้บริการระบบพิสูจน์และ ยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง ให้ยื่นหนังสือขออนุญาตต่อ กรมการปกครองตามแบบที่กรมการปกครองก าหนด โดยระบุภารกิจหรือหน้าที่รับผิดชอบ เหตุผล ความจ าเป็นและวัตถุประสงค์ที่ต้องใช้ระบบดังกล่าว รวมถึงความยินยอมที่จะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กรมการปกครองก าหนดตามประกาศนี้ 5. หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชนจะใช้ร ะบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครองได้ ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากกรมการปกครองและ ต้องยอมรับและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กรมการปกครองก าหนดตลอดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต 6. หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชนที่ขอใช้บริการระบบพิสู จน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครองต้องจัดหาอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งต่อหน่วยงานของตนและกรมการปกครอง 7. หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้บริการระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตน ทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครองจะต้องน าระบบดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ให้เป็นไปตาม วัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น 8. หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชนที่ขอใช้ บริการระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง จะต้องไม่น าข้อมูลจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูลหรือ ผู้มีอ านาจปกครองเจ้าของข้อมูล แล้วแต่กรณี ไปเปิดเผยหรือเผยแพร่กับบุคคลอื่นใด เว้นแต่จะได้รับ ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลหรื อผู้มีอ านาจปกครองเจ้าของข้อมูล แล้วแต่กรณี อย่างไรก็ตามห้ามมิให้ น าข้อมูลไปใช้ในทางที่ท าให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูลโดยเด็ดขาด กรณีที่มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการน าข้อมูลของเจ้าของข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ หรือไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ต่อกรมการปกครอง ส่วนราชการหรือหน่วยงานเอกชนนั้น ต้องรับผิดชอบในผลของความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งในทางแพ่งและอาญา 9. หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชนที่ขอใช้ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง ต้องควบคุมและระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างเคร่งครัด โดยต้องมีค าสั่งแต่งตั้งหรือมอบหมายเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรให้ท าหน้าที่ควบคุมดูแล และติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรือพนักงานในการเข้าถึงและใช้ข้อมูลจากระบบพิสูจน์และ ยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง เพื่อป้องกันมิให้มีการเปิดเผยข้อมูล โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือเกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูล 10. กรมการปกครองขอสงวนสิทธิ์ในการอนุญาตให้ใช้บริการระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตน ทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครองกับระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานของรัฐหรือ หน่วยงานเอกชนที่ขอใช้ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง เฉพาะที่ก าหนดไว้เท่านั้น จะใช้ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนกับระบบคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมจากที่แจ้งไว้กั บ กรมการปกครองมิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากกรมการปกครองแล้ว ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๖๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖11. กรมการปกครองขอสงวนสิทธิ์ที่จะยกเลิกหรือระงับการอนุญาตให้ใช้ระบบพิสูจน์และ ยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) ของกรมการปกครอง กรณีหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชน ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อตกลงที่ก าหนดโดยจะแจ้งเป็นหนังสือให้ทราบก่อนหรือหลังการยกเลิกหรือ ระงับก็ได้ แล้วแต่เหตุจ าเป็น ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 แมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๖๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖" 1585.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองมาตรฐานการให้บริการวิชาชีพ และมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองมาตรฐานการให้บริการวิชาชีพและมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และข้อ ๕ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการสภาวิศวกร ครั้งที่ ๗๐-๗/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๖ คณะกรรมการสภาวิศวกร ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองมาตรฐานการให้บริการวิชาชีพและมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองมาตรฐานการให้บริการวิชาชีพและมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ““รับรองมาตรฐาน ” หมายความว่า รับรองมาตรฐาน ( Recognition of Professional Standard ) ของการให้บริการวิชาชีพ หรือมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ ที่ผู้ยื่นค าขอได้จัดให้มีคณะกรรมการประจ า มาตรฐาน กระบวนการจัดท ามาตรฐานและเอกสารหลักฐานตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ ในระเบียบนี้” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน (๓) ของข้อ ๕ ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองมาตรฐานการให้บริการวิชาชีพและมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๓) เป็นมาตรฐานที่จัดท าเสร็จสมบูรณ์และพิมพ์เผยแพร่แล้ว ” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๓ ของระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองมาตรฐานการให้บริการวิชาชีพและมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๓ มาตรฐานที่สภาวิศวกรรับรองแล้ว ให้หน่วยงานที่ได้รั บการรับรองมาตรฐานและ ส านักงานสภาวิศวกรประชาสัมพันธ์มาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากสภาวิศวกรและบันทึกรายการ เพื่อการสืบค้นในระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยระบุชื่อมาตรฐาน ปีที่พิมพ์ ระยะเวลาที่ได้รับ้หนา ๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๖๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖การรับรองตั้งแต่ ปี พ.ศ. .... ถึง ปี พ.ศ. .... เป็นภาษาไทย และให้มีข้อความภาษาอังกฤษว่า “Recognized by Council of Engineers, Thailand from year AD .... to AD …” รวมทั้ง ระบุรายละเอียดที่แสดงขอบเขตงานและประเภทงานที่สามารถน ามาตรฐานไปใช้ในการปฏิบัติวิชาชีพ วิศวกรรมให้สอดคล้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติวิชาชีพนั้น ” ข้อ ๕ ค าขอรับรองมาตรฐานที่ได้ยื่นค าขอไว้ตามระเบียบคณะกรรมการสภาวิศวกร ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองมาตรฐานการให้บริการวิชาชีพและมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๓ และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ด าเนินการตามระเบียบนี้ โดยอนุโลม ประกาศ ณ วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 รองศาสตราจารย์ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ นายกสภาวิศวกร ้หนา ๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๖๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖" 1588.pdf,"ระเบียบกรมการปกครอง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2566 โดยที่ข้อ 2/1 แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 ก าหนดให้สามารถน าวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับการด าเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามกฎ กระทรวง ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวก แก่ประชาชน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมการปกครองก าหนด อาศัยอ านาจตามความในข้อ 2/1 แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอม ข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอม ข้อพิพาททางแพ่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 อธิบดีกรมการปกครอง จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการปกครองว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการใน การไกล่เกลี่ย และประนอมข้อพิพาททางแพ่งด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2566” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 กรณีใดที่ไม่ได้ระบุไว้ในระเบียบนี้ ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ย และประนอมข้อพิ พาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 4 ให้ผู้อ านวยการส านักการสอบสวนและนิติการรักษาการตามระเบียบนี้ หมวด 1 บทนิยาม ข้อ 5 ในระเบียบนี้ “อิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอน ไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน และให้หมายความรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการทางแสง วิธีการ ทางแม่เหล็ก หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่าง ๆ เช่นว่านั้น “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า ข้อมูลที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษาหรือประมวลผล ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ “วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า วิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การประชุมทางจอภาพ แอปพลิเคชันส าหรับ การสื่อสารด้วยเสียง ภาพ หรือข้อความ โทรศัพท์หรือเทคโนโลยี สารสนเทศอื่นใด ้หนา ๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖“การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า กระบวนการไกล่เกลี่ย และประนอมข้อพิพาททางแพ่งตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ด าเนินการผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หมวด 2 การด าเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ข้อ 6 ในกรณีคู่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประสงค์จะให้มีการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท สามารถแจ้งความประสงค์เป็นค าร้องขอด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเว็บไซต์ของศูนย์ด ารงธรรม www.damrongdhama .dopa.go.th ระบบแอปพลิเคชัน DOPA Help หรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่กรมการปกครองประกาศก าหนดก็ได้ เมื่ออ าเภอได้รับค าร้องขอตามวรรคหนึ่งแล้ว การแจ้งและการสอบถามความประสงค์ ของคู่พิพาทให้กระท าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ในกรณีที่คู่พิพาททุกฝ่ายตกลงยินยอมที่จะเข้ าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท การแจ้งให้คู่พิพาททุกฝ่ายทราบพร้อมทั้งก าหนดวัน เวลา และช่องทางการติดต่อสื่อสาร เพื่อให้ คู่พิพาททุกฝ่ายมาพร้อมกันเพื่อเลือกผู้ไกล่เกลี่ยและประธานคณะผู้ไกล่เกลี่ย จะกระท าด้วยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ กรณีคู่พิพาททุกฝ่ายมาพร้อมกันตามช่องทางการติดต่อสื่อสารด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในการด าเนินการให้คู่พิพาทเลือกผู้ไกล่เกลี่ยของตน และประธานคณะผู้ไกล่เกลี่ย ให้คู่พิพาททุกฝ่าย ยืนยันตัวตนด้วยการแสดงบัตรประจ าตัวประชาชนหรือบัตรอื่นใดที่หน่วยงานราชการออกให้ แล ะให้มี การบันทึกการยืนยันตัวตนและความตกลงยินยอมไว้ในสารบบการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท หรือสารบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเป็นหลักฐาน ในกรณีที่คู่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท ให้จ าหน่ายค าร้องขอไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพ าทดังกล่าว และแจ้งคู่พิพาทอีกฝ่ายหนึ่งทราบด้วย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ข้อ 7 กรณีมีการเลือกหรือก าหนดผู้ไกล่เกลี่ยและประธานคณะผู้ไกล่เกลี่ยแล้ว และประธาน คณะผู้ไกล่เกลี่ยนัดประชุมคณะผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อพิจารณาค าร้องขอไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท การประชุมดังกล่าวอาจกระท าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ข้อ 8 การแจ้งให้คู่พิพาททราบล่วงหน้า กรณีก าหนดให้ด าเนินการไกล่เกลี่ยและประนอม ข้อพิพาท ณ สถานที่ราชการอื่น จะใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยก็ได้ การนัดหมายการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งแรก และการนัดหมายครั้งถัดไป จะใช้วิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยก็ได้ โดยในการนัดหมายครั้งแรก ให้อ าเภอแจ้งวัน เวลา และช่องทาง การติดต่อสื่อสารไปยังคณะผู้ไกล่เกลี่ยและคู่พิพาททุกฝ่ายทราบ และการนัดหมายในครั้งถัดไป ้หนา ๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖เมื่อประธานคณะผู้ไกล่เกลี่ยได้ก าหนดแล้ว ใ ห้แจ้งวัน เวลา และช่องทางการติดต่อสื่อสารไปยัง คณะผู้ไกล่เกลี่ยและคู่พิพาททุกฝ่ายทราบ และบันทึกการนัดหมายไว้ในสารบบการไกล่เกลี่ย และประนอมข้อพิพาทหรือสารบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ 9 ก่อนเริ่มด าเนินการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นการประชุ ม ทางจอภาพทุกครั้ง ให้คู่พิพาททุกฝ่ายรวมถึงผู้ไกล่เกลี่ยและประธานคณะผู้ไกล่เกลี่ยยืนยันตัวตน ด้วยการแสดงบัตรประจ าตัวประชาชนหรือบัตรอื่นใดที่หน่วยงานราชการออกให้ต่อคณะผู้ไกล่เกลี่ย และบันทึกการยืนยันตัวตนไว้ในสารบบการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทหรือสารบบอิเ ล็กทรอนิกส์ ข้อ 10 เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาการสะดุดหยุดลงของอายุความในการฟ้องร้องคดี ให้ถือวันที่ค าร้องขอเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามข้อ 6 วรรคหนึ่ง เป็นวันยื่นข้อพิพาท เว้นแต่วัน และเวลานั้นเป็นวันและเวลานอกท าการให้ถือว่าได้รับในวันและเวลาท าการถัด ไป ข้อ 11 การบอกเลิกการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท การเลือกผู้ไกล่เกลี่ยใหม่หรือ การขอเปลี่ยนตัวผู้ไกล่เกลี่ยจะใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ข้อ 12 กระบวนการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางอิเล็กทรอนิกส์ให้ด าเนินการ เป็นความลับ และไม่ให้มีการบันทึกภาพ และเสียงของกระบวนการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท ทางอิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าในรูปแบบใด หมวด 3 การรักษาความลับของข้อมูล ข้อ 13 ให้คณะผู้ไกล่เกลี่ยและคู่พิพาททุกฝ่ายรักษาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ย และประนอมข้อพิพาททางอิเล็กทรอนิกส์เป็นความลับ เว้นแต่เป็นการใช้เท่าที่จ าเป็นเพื่อปฏิบัติ หรือบังคับให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หมวด 4 การคุ้มครองความรับผิด ข้อ 14 คณะผู้ไกล่เกลี่ยหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ต้องรับผิดต่อบุคคลใดอันเนื่องมาจาก การบริหารจัดการการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพ าททางอิเล็กทรอนิกส์หรือการปฏิบัติตามระเบียบนี้ เว้นแต่จะกระท าโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หมวด 5 ระยะเวลาและการจัดท าสัญญาประนีประนอมยอมความ ้หนา ๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ข้อ 15 การด าเนินการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทต้องให้แล้วเสร็จตามระยะเวลา ที่ก าหนดไว้ในข้อ 21 แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้เริ่มนับระยะเวลานับแต่นายอ าเภอได้ลงเรื่องในสารบบ การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทหรือวันที่ค าร้องขอเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หากพ้นระยะ เวลา ดังกล่าวหากยังไม่ได้ข้อยุติให้คณะผู้ไกล่เกลี่ยสั่งจ าหน่ายข้อพิพาท ในกรณีมีการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางอิเล็กทรอนิกส์และคู่พิพาทสามารถตกลงกันได้ ให้คณะผู้ไกล่เกลี่ยและคู่พิพาทมาที่ว่าการอ าเภอหรือสถานที่ราชการอื่น เพื่อท าสัญญาประนีประนอม ยอมความให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาในวรรคหนึ่ง หมวด 6 ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ข้อ 16 คณะผู้ไกล่เกลี่ยมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนกรณีที่ท าหน้าที่ไกล่เกลี่ยและ ประนอม ข้อพิพาททางอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละครั้งที่ได้แสดงตนเข้าร่วมประชุมด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามอัตราที่ก าหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17 คณะผู้ไกล่เกลี่ยมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการ เดินทางกรณีท าหน้าที่ในการไกล่เกลี่ย และประนอมข้อพิพาททางอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะกรณีเดินทางมาที่ว่าการอ าเภอ หรือสถานที่ราชการอื่น ตามที่ก าหนดเพื่อการประชุมด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศ ณ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕66 แมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ้หนา ๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖" 159.pdf,"ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นผู้ให้บริการจัดเตรียมข้อมูล ตามแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface โดยที่การจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรอยู่ในอ านาจหน้าที่และการควบคุมของ กรมสรรพากรตามมาตรา 5 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกให้แก่ ผู้เสียภาษีอากรและเพื่อการควบคุมก ากับดูแลการจัดเก็บภาษีอากรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมสรรพากรจึงก าหนดให้ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ ที่กรมสรรพากรก าหนด สามารถแจ้งความประสงค์ต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอเป็นผู้ให้บริการจั ดเตรียม ข้อมูลตามแบบแสดงรายการภาษีของผู้เสียภาษีอากรเพื่อส่งให้กรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface กรมสรรพากรจึงก าหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในประกาศนี้ “ผู้เสียภาษีอากร ” หมายความว่า ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร “ผู้ให้บริการ” หมายความว่า ผู้ให้บริการจัดเตรียมข้อมูลตามแบบแสดงรายการภาษี ของผู้เสียภาษีอากรเพื่อส่งให้กรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface ตามรูปแบบและมี ความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่กรมสรรพากรก าหนด “หน่วยงานของรัฐ ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การของรัฐบาล ตามมาตรา ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ 2 ผู้ให้บริการต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (1) เป็นหน่วยงานของรัฐ หรือธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน หรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น หรือบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้น ตามกฎหมายเฉพาะ (2) มีวัตถุประสงค์ในการให้บริการซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันส าหรับก ารบริหารจัดการภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร (3) มีระบบซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบงานของกรมสรรพากรได้ ตามรูปแบบและมีความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่กรมสรรพากรก าหนด (4) มีใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Certificate ) ที่ออกโดยผู้ให้บริการออกใบรับรอง อิเล็กทรอนิกส์ ( Certification Authority ) ที่มีมาตรฐานหรือมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัย ตามที่ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ก าหนด ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒(5) มีแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศและ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการ ท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ พ.ศ. 2549 (6) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระบุชื่อไว้ในบัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงานของทางราชการตามกฎหมายว่าด้วย การจัดซื้อจัดจ้างและการบริการพัสดุภาครัฐ (7) ไม่ประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงซึ่งเป็นสาเหตุของความเสียหายต่อสาธารณะ หรือ ความมั่นคงของประเทศ ข้อ 3 ผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติตามข้อ 2 และมีความประสงค์จะให้บริการจัดเตรียมข้อมูล ตามแบบแสดงรายการภาษีของผู้เสียภาษีอากรเพื่อส่งให้กรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่า ยอินเทอร์เน็ต ทาง Application Programming Interface ให้แจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรตามแบบแจ้งขอจัดท า และยื่นรายการข้อมูลการเสียภาษีอากรผ่าน Application Programming Interface (API) ภ.อ.01.2 พร้อมข้อตกลงในการจัดท าและยื่นรายการเสียภาษีอากรผ่าน Application Programming Interface โดยให้ยื่น ณ กองบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมสรรพากร ข้อ 4 เมื่อผู้ให้บริการได้แจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรตามข้อ 3 แล้ว ผู้ให้บริการจะได้รับ ชื่อผู้ใช้งาน ( Username) และรหัสผ่าน ( Password) จากกรมสรรพากร เ พื่อใช้ในการจัดเตรียมข้อมูล ตามแบบแสดงรายการภาษีของผู้เสียภาษีอากรเพื่อส่งให้กรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทาง Application Programming Interface ตามรูปแบบและมีความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยี สารสนเทศที่กรมสรรพากรก าหนด ข้อ 5 เมื่อผู้ให้บริการได้จั ดเตรียมข้อมูลตามแบบแสดงรายการภาษีของผู้เสียภาษีอากร และส่งให้กรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface เรียบร้อยแล้ว ผู้ให้บริการต้องแจ้งให้ผู้เสียภาษีอากรยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตของกรมสรรพา กรภายในก าหนดเวลาตามประมวลรัษฎากร ข้อ 6 ผู้ให้บริการต้องจัดท าข้อตกลงในการให้บริการตามประกาศนี้ เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดระหว่างผู้ให้บริการและผู้เสียภาษีอากร ข้อ 7 ผู้ให้บริการต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียภาษีอากรหรือของบุคคลอื่น ที่เกี่ยวข้อง ที่ผู้ให้บริการได้รับและจัดเก็บจากการให้บริการจัดเตรียมข้อมูลตามแบบแสดงรายการภาษี ของผู้เสียภาษีอากรเพื่อส่งให้กรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface และต้องไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เว้นแต่ผู้เสียภาษีอ ากรหรือบุคคลอื่นดังกล่าวได้ให้ ความยินยอมเป็นหนังสือหรือด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใดตามที่ผู้ให้บริการก าหนด ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ข้อ 8 กรณีที่ผู้ให้บริการมีคุณสมบัติไม่เป็นตามข้อ 2 ให้ผู้ให้บริการนั้นไม่มีสิทธิให้บริการ จัดเตรียมข้อมูลตามแบบแสดงรายการภาษีของผู้เสียภาษีอ ากรเพื่อส่งให้กรมสรรพากรผ่านระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface ตามประกาศนี้ นับถัดจากวันที่ ได้รับหนังสือแจ้งจากกรมสรรพากร กรณีที่ผู้ให้บริการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ในประกาศนี้ หรือไม่ปฏิบัติ ให้ถูกต้องตามข้อตกลงที่ท าไว้กับกรมสรรพากร และมิได้ด าเนินการปรับปรุงแก้ไข หรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากกรมสรรพากร ให้ผู้ให้บริการนั้น ไม่มีสิทธิให้บริการจัดเตรียมข้อมูลตามแบบแสดงรายการภาษีของผู้เสียภาษีอากรเพื่อส่งให้ กรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface ตามประกาศนี้เมื่อพ้นหกสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากกรมสรรพากร ข้อ 9 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖2 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒" 1591.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง ก าหนดให้ส านักงานที่ดินเป็นส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 71 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2550 ประกอบกับ มาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 และข้อ 2 (1) (4) ข้อ 19 แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2557 ประกอบกับ ข้อ 8 ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในส านักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ ส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ต่างส านักงานแบบออนไลน์ แ ละส านักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบ พ.ศ. 2564 จึงประกาศให้ส านักงานที่ดิน ดังต่อไปนี้ เป็นส านักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินประเภทโฉนดที่ดิน 1. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา 2. ส านักงานที่ดินจังหวั ดสงขลา สาขาจะนะ 3. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาเทพา 4. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขานาทวี 5. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาระโนด 6. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขารัตภูมิ 7. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาสทิงพระ 8. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาสะเดา 9. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาสิงหนคร 10. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาหาดใหญ่ 11. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาบางกล่ า ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕66 ชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน ้หนา ๕๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖" 1592.pdf," หน้า ๙ เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ ประกาศกระทรวงพล ังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์การป้องกันการสะสมของประจ ุไฟฟ้าสถิต พ.ศ. ๒๕๕๙ อาศัยอํานาจตามความในข ้อ ๖ แห่งกฎกระทรวงระบบไฟฟ ้าและระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ของสถานที่ประกอบกิจการน้ํามัน พ.ศ. ๒๕๕๖ ออกตามความในพระราชบ ัญญัติควบคุมน้ํามันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบ ัญญัติควบคุมน้ํามันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพล ังงานออกประกาศไว ้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชก ิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ คลังน้ํามัน สถานที่เก็บรักษาน้ํามัน ลักษณะที่สาม สถานีบริการน้ํามันประเภท ก สถานีบริการน้ํามันประเภท ข สถานีบริการน้ํามันประเภท ค ลักษณะที่สอง สถานีบริการน้ํามันประเภท จ ลักษณะที่สอง และสถานีบริการน้ํามันประเภท ฉ ต้องจัดให้มีการป้องกันการสะสมของประจ ุไฟฟ้าสถิต ในบริเวณ ดังนี้ (๑) ระบบท่อรับนํ้ามัน ท่อจ่ายนํ้ามัน และท่อระบายไอนํ้ามัน (๒) บริเวณที่มีการบรรจุน้ํามันลงภาชนะบรรจ ุน้ํามัน (๓) ระบบท่อระบายไอน้ํามันของระบบควบค ุมไอน้ํามันเชื้อเพลิง ข้อ ๓ การป้องกันการสะสมของประจ ุไฟฟ้าสถิตในบริเวณตามข้อ ๒ ต้องมีลักษณะ ดังนี้ (๑) ต้องมีการเชื่อมต่อเพื่อถ่ายเทประจุไฟฟ้าอย่างเพียงพอและมีความต่อเนื่องทางไฟฟ้าโดยตลอด (๒) ตัวนําลงดินต้องทําด้วยทองแดงชนิดตีเกลียว มีขนาดพื้นที่หน้าตัดไม่น้อยกว่า ๑๖ ตารางมิลลิเมตร หรืออะลูมิเนียมชนิดตีเกลียว มีขนาดพื้นที่หน้าตัดไม่น้อยกว่า ๒๕ ตารางมิลลิเมตร เพื่อป้องกันความเสียหาย จากการหักงอ (๓) ตัวนําประสานต้องเป็นวัสดุชนิดที่นําไฟฟ้าและมีค่าความต้านทานไม่เกิน ๑๐ โอห์ม (๔) ค่าความต้านทานของรากสายด ิน ต้องมีค่าไม่เกิน ๑๐ โอห์ม (๕) ต้องมีจุดต่อลงดินเพื่อถ่ายเทไฟฟ้าสถิตจากรถขนส่งน้ํามัน หรือรถไฟขนส่งน้ํามัน (๖) ระบบท่อน้ํามัน และอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ ต้องทําการต่อตัวนําประสานและต ่อรากสายดิน (๗) ระบบท่อน้ํามัน และอุปกรณ์ที่เป็นอโลหะ ซึ่งใช้งานอยู่ในบริเวณที่มีการรับหรือจ่ายน้ํามัน ต้องออกแบบและใช ้งาน เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟจากไฟฟ ้าสถิต (๘) บริเวณที่ต่อตัวนําประสาน จุดต่อลงดินและที่คีบจุดต่อลงดิน ต้องมีความสะอาด และไม่มีการทาสี ข้อ ๔ ก่อนการถ่ายเทน้ํามันระหว่างรถขนส่งน้ํามันหรือรถไฟขนส่งน้ํามันกับถังเก็บน้ํามัน ต้องต่อตัวนําประสานเข้ากับจุดต่อลงดิน และปลดออกภายหล ังการถ่ายเทน้ํามันเสร็จสิ้น เว้นแต่รถไฟขนส่งน้ํามัน ที่มีการถ่ายเทประจุไฟฟ้าผ่านรางรถไฟที่ต่อรากสายดินไว้แล้ว หน้า ๑๐ เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ ข้อ ๕ ก่อนที่จะทําการบรรจุน้ํามันลงภาชนะบรรจ ุน้ํามัน ต้องต่อตัวนําประสานจากจ ุดต่อลงดิน เข้ากับภาชนะบรรจ ุน้ํามัน และปลดออกภายหล ังการบรรจุน้ํามันเสร็จสิ้น หรือทําการลดการสะสม ของประจุไฟฟ้าด้วยวิธีอื่นที่เหมาะสม ให้ไว้ ณ วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพล ังงาน " 1593.pdf,"ประกาศกรมป่าไม้ เรื่อง ให้เพิ่มชนิดไม้จากสวนผลไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินเข้ามาแปรรูป หรือผลิตชิ้นไม้สับในโรงงานแปรรูปไม้หรือผลิตชิ้นไม้สับจากไม้ยางพาราหรือไม้ที่ปลูกขึ้น โดยเฉพาะ 13 ชนิด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2537 โดยที่ปัจจุบันทางราชการอนุญาตให้ผู้ประสงค์จะขออนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักร เพื่อท าการแปรรูปไม้หรือผลิตชิ้นไม้สับจากไม้ยางพาราหรือไม้ที่ปลูกขึ้น โดยเฉพาะ 13 ชนิด ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2537 (ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์ กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี และไม้ตาล) ได้ตามที่ขอ ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565 เห็นชอบให้ เพิ่มไม้ผลจากสวนผลไม้ทุกชนิดที่ปลูกขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายที่ดินน าเข้ามาแปรรูป หรือผลิตชิ้นไม้สับในโรงงานแปรรูปไม้หรือผลิตชิ้นไม้สับในโรงงานดังกล่าวได้ อาศัยอ านาจตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 25 (พ.ศ. 2519) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ว่าด้วยการแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูป ข้อ 3 ประกอบข้อก าหนด ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ว่าด้วยการควบคุม การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ข้อ 5 อธิบดีกรมป่าไม้ จึงออกประกาศ ดังนี้ 1. ผู้ใดประสงค์จะขออนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผลิตชิ้นไม้สับจากไม้ยางพาราหรือ ไม้ที่ปลูกขึ้น โดยเฉพาะ 13 ชนิด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2537 (ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์ กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี และไม้ตาล) และไม้ผลจากสวนผลไม้ที่ปลูก ขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565 ให้ยื่นค าขอ ตามแบบค าขอ 1 ณ ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดท้องที่ ตามระเบียบ หลักเกณฑ์ที่ทางราชการก าหนด 2. ผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผลิตชิ้นไม้สับจากไม้ย างพาราหรือไม้ที่ปลูกขึ้น โดยเฉพาะ 13 ชนิด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2537 (ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์ กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี และไม้ตาล) อยู่ก่อน หากปร ะสงค์จะขออนุญาตเพิ่มวัตถุดิบไม้ผลจากสวนผลไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดิน กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินให้ยื่นค าขออนุญาตตามแบบค าขอ 1 ณ ส านักงานอุตสาหกรรม จังหวัดท้องที่ ตามระเบียบ หลักเกณฑ์ที่ทางราชการก าหนด 3. เพื่อเป็นการรับรองตนเองและยืนยันว่า ไม้ผลที่ตัดจากสวนผลไม้เป็นของตนเองและ ชอบด้วยกฎหมาย ผู้น าไม้ผลที่ตัดจากสวนผลไม้ทุกชนิดที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมาย ที่ดินมาจ าหน่ายให้แก่ผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปโดยใช้เครื่องจักรเพื่อท าการแปรรูปไม้หรือผลิตชิ้นไม้สับ จากไม้ยางพาราห รือไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ 13 ชนิด ควรมีเอกสารมอบให้ผู้รับซื้อไม้ฯ และแสดงต่อ เจ้าหน้าที่ ดังนี้ ้หนา ๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ 3.1 ส าเนาบัตรประชาชน และส าเนาทะเบียนบ้าน 3.2 ส าเนาเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน (หนังสือ สค. 1 , น.ส. 3 , น.ส. 3 ก. หรือโฉนดที่ดิน) 3.3 หนังสือรับรองจากฝ่ายปกครองท้องที่ที่สวนผลไม้นั้นตั้งอยู่พร้อมแสดงค่าพิกัด GPS. 3.4 ภาพถ่าย (สี) ของสวนผลไม้ที่ตัดโค่นไม้ลง 3.5 สัญญาซื้อขาย 4. ก่อนผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานฯ จะรับซื้อไม้จากสวนผลไม้ทุกชนิดที่ปลูกขึ้นในที่ดิน ที่มีเอกสารสิทธิเข้ามาแปรรูปห รือผลิตชิ้นไม้สับในโรงงานฯ ต้องตรวจสอบเอกสารที่มาของไม้ฯ ตามข้อ 3 และตรวจสอบไม้ตามชนิด ขนาด จ านวน ให้ถูกต้องครบถ้วน และเก็บเอกสารไว้เป็นหลักฐาน การได้มาของไม้ก่อนน าไม้เข้ามาแปรรูปหรือผลิตชิ้นไม้สับในโรงงานฯ ของตน และต้องจัดท าบัญชีตามข้อก าหนด ฉบับที่ 20 (พ.ศ. 2559) ออกตามความในตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ว่าด้วย การควบคุมการตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรเพื่อท าการแปรรูปไม้ยางพารา ส าหรับการท าบัญชีไม้ จากสวนผลไม้ทุกชนิดที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ ดิน การจัดท าบัญชีไม้ ดังกล่าวให้คิดเป็นน้ าหนัก ณ เครื่องชั่งหน้าโรงงาน 5. ประกาศนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖6 บรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมป่าไม้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖" 1599.pdf,"ประกาศส านักงานต ารวจแห่งชาติ เรื่อง การก าหนดวิธีการส าหรับผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ หรือรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารเพื่อสินจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ในการแจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือน เพื่อให้คนโดยสารในรถปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเข็มขัดนิรภัย พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดวิธีการส าหรับผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะหรือรถที่ใช้ในการขนส่ง ผู้โดยสารเพื่อสินจ้าง ในการแจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือน เพื่อให้คนโดยสารในรถดังกล่าว ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเข็มขัดนิรภัย และการปฏิบัติเรื่องความปลอดภัยในการยืนหรือนั่งโดยสาร ส าหรับรถบางประเภท เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่และการโดยสาร อาศัยอ านาจตามความในม าตรา 123/3 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศส านักงานต ารวจแห่งชาติ เรื่อง การก าหนดวิธีการ ส าหรับผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารเพื่อสินจ้าง ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ในการแจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือน เพื่อให้คนโดยสาร ในรถปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเข็มขัดนิรภัย พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร เพื่อสินจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ต้องแจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือน เพื่อให้ คนโดยสารในรถนั้นปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ 3.1 กรณีเป็นรถที่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งตามที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ประกาศก าหนด ต้องแจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือน เพื่อให้คนโดยสารในรถทุกคนต้องรัดร่างกาย ด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะโดยสารและปฏิบัติ ดังนี้ (1) ต้องนั่งโดยสารในที่นั่งที่ก าหนดส าหรับรถประเภทนั้น (2) ห้ามนั่งโดยสารเกินจ านวนที่นั่ง (3) ห้ามนั่งบนอุปกรณ์ที่เพิ่มเติม นอกเหนือที่นั่งที่ก าหนดไว้ (4) ห้ามยืนโดยสารไม่ว่าตอนใ ดของรถ เว้นแต่รถนั้นก าหนดให้มีที่ส าหรับ ผู้โดยสารยืน (5) ไม่ยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายออกนอกตัวรถในขณะนั่งโดยสาร ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ 3.2 กรณีเป็นรถที่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเฉพาะที่นั่งแถวตอนหน้าตามที่อธิบดี กรมการขนส่งทางบกประกาศก าหนด ต้องแจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้ งเตือน เพื่อให้คนโดยสารซึ่งนั่ง ในที่นั่งแถวตอนหน้าต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะโดยสาร และต้องแจ้ง เตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือน เพื่อให้คนโดยสารทุกคนปฏิบัติ ดังนี้ (1) ต้องนั่งโดยสารในที่นั่งที่ก าหนดส าหรับรถประเภทนั้น (2) ห้ามนั่งโดยสารเกินจ านวนที่นั่ง (3) ห้ามนั่งบนอุปกรณ์ที่เพิ่มเติม นอกเหนือที่นั่งที่ก าหนดไว้ (4) ห้ามยืนโดยสารไม่ว่าตอนใดของรถ เว้นแต่รถนั้นก าหนดให้มีที่ส าหรับ คนโดยสารยืน (5) ไม่ยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายออกนอกตัวรถในขณะนั่งโดยสาร 3.3 กรณีเป็นรถที่ไม่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยตามที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ประกาศก าหนดต้องแจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือน เพื่อให้คนโดยสารทุกคนปฏิบัติ ดังนี้ (1) ต้องนั่งโดยสารในที่นั่งที่ก าหนดส าหรับรถประเภทนั้น (2) ห้ามนั่งโดยสารเกินจ านวนที่นั่ง (3) ห้ามนั่งบนอุปกรณ์ที่เพิ่มเติม นอกเหนือที่นั่งที่ก าหนดไว้ (4) ห้ามยืนโดยสารไม่ว่าตอนใดของรถ เว้นแต่รถนั้นก าหนดให้มีที่ส าหรับ คนโดยสารยืน (5) ไม่ยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายออกนอกตัวรถในขณะนั่งโดยสาร ข้อ 4 การแจ้งเตือนต้องมีข้อความให้ครบถ้วนตามข้อ 3 โดยผู้ขับขี่สามารถแจ้งเตือนหรือ จัดให้มีการแจ้งเตือนด้วยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ทุกครั้งก่อนการออกรถ ดังต่อไปนี้ 4.1 แจ้งเตือนด้วยวาจา 4.2 จัดให้มีการแจ้งเตือนด้วยการติดประกาศภายในรถเป็นจ านวนที่เพียงพอ ในจุดที่คนโดยสารทุกคนสามารถเห็นได้อย่างทั่วถึ งในขณะโดยสาร 4.3 จัดให้มีการแจ้งเตือนด้วยวิธีการใช้อุปกรณ์ให้เสียงและประชาสัมพันธ์ 4.4 จัดให้มีการแจ้งเตือนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ที่คนโดยสารสามารถ เข้าถึงได้ในขณะโดยสาร ประกาศ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 พลต ารวจเอก ด ารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติ ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1600.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจ ตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของ การให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ - เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๒,๑๘๔ บาท/ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๒,๙๔๐ บาท/ชั่วโมง ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซลของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖6 เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1601.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจ ตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิ งของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ดังนี้ บาท/ตู้ ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐' ตู้มีสินค้า ๖๘ ๑๓๖ ๑๕๓ ตู้สินค้าเปล่า ๔๑ ๘๒ ๙๒ ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซลของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖6 เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1602.pdf,"ประกาศส านักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. 2566 โดยที่มาตรา ๑0 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้บรรดาค าขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศก าหนด ให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับตามวันและเวลาที่ค าขออนุญาตหรือการติดต่อนั้นเข้าสู่ระบบ สมควรก าหนด ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับประชาชนใช้ในการยื่นค าขอ หรือติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑0 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ดังต่อไปนี้ เป็นช่องทางส าหรับประชาชนยื่นค าขอหรือติดต่อ ส านักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (๑) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) : samutsakhon@dlt .mail.go.th (๒) เว็บไซต์ส านักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร : https://skn.dlt.go.th/th# (๓) แอปพลิเคชัน Facebook : Facebook.com/DLT.Samutsakhon ข้อ ๒ ในกรณีที่ผู้ยื่นค าขอหรือติดต่อมาทางช่องทางตามข้อ 1 ประสงค์จะสอบถามหรือ ขอรับค ายืนยันจากส านักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร ว่าได้รับค าขอหรือการติดต่อแล้ว ให้สอบถาม ในวันและเวลาราชการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ดังต่อไปนี้ (1) 0 3442 5112 (2) สายด่วน 1584 ข้อ ๓ ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นค าขอหรือติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร ทางช่องทาง ตามข้อ ๑ แล้ว ก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 สันติ สุรเจริญชัยกุล ขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๘๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1603.pdf,"ประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ ๓๔/๒๕๖๖ เรื่อง ยกเลิกประกาศสภาวิชาชีพบัญชี จ านวน ๓ ฉบับ อาศัยอ านาจตามมาตรา ๗ (๓) และมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ ที่ก าหนดให้สภาวิชาชีพบัญชีมีอ านาจหน้าที่ในการก าหนดและปรับปรุงมาตรฐานการบัญชี เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการจัดท าบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีและกฎหมายอื่น ทั้งนี้ มาตรฐาน การบัญชีนั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก ากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงจะใช้บังคับได้ สภาวิชาชีพบัญชี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการก ากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี ในการประชุมครั้งที่ ๗๒ (๒/๒๕๖๖) เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วั นประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ ๑๓/๒๕๕๕ เรื่อง ข้อก าหนดเพิ่มเติมส าหรับการปฏิบัติ ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (๒) ประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ ๑๔/๒๕๕๕ เรื่อง การปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลง ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (๓) ประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ ๔๒/๒๕๖๓ เรื่อง ข้อก าหนดเพิ่มเติมส าหรับมาตรฐาน การรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ เรื่อง ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕66 วรวิทย์ เจนธนากุล นายกสภาวิชาชีพบัญชี ้หนา ๒๒ (เล่มที่ ๓) ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1608.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือ วัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ โรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และ ความในข้อ 18 แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ความในข้อ 13 (3) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2535) ออกตามความใน พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ 22 (พ.ศ. 2556) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ประกอบความในข้อ 1 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ความในข้อ 7 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 27 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และความในข้อ 8 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2535) ออกตามความใน พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 28 (พ.ศ. 2566) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือ วัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566” ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 3 ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการ สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน “ข้อ 3 ประกาศนี้ให้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป เว้นแต่ ความในข้อ 2 (4) ข้อ 13 และข้อ 22 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป” ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 13 ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการ สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน “ข้อ 13 ผู้ก่อก าเนิดต้องรายงานการจัดเก็บที่ยังไม่มีการจัดการตามข้อ 7 และการจัดการ สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วภายในบริเวณโรงงานตามข้อ 8 ในรอบปีที่ผ่านมาต่อกรมโรงงาน อุตสาหกรรม ภายในวันที่ ๓๐ เมษายนของปีถัดไป การรายงานให้ด าเนินการโดยแบบและวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบการรายงานข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ส าหรับการรายงานตามวรรคหนึ่งของรอบปี พ.ศ. 2565 ให้รายงานภายในวันที่ 3 ๑ สิงหาคม พ.ศ. 2566” ข้อ ๔ การรายงานตามข้อ ๑๓ และข้อ ๒๒ ที่ได้กระท าก่อนวันที่ประกาศนี้ได้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา ให้ถือว่าเป็นการรายงานตามข้อ ๑๓ และข้อ ๒๒ ของประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศฉบับนี้ ข้อ 5 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๓1 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕66 อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจ าส านักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1609.pdf," พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 770) พ.ศ. ๒๕๖๖ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖6 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ส าหรับการบริจาคเงินให้แก่กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีก าขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๐) พ.ศ. ๒๕๖๖” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ้หนา ๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้ “ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า ระบบที่ใช้สร้างและเก็บรักษาข้อมูลการบริจาค ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๒ และส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ส าหรับการบริจาคเงินผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่กองทุนเพื่อการพัฒนา ระบบมาตรวิทยาตามกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ กองทุนเพื่อการพัฒนา ระบบสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีตามกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ที่ได้กระท าตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ดังต่อไปนี้ (๑) ส าหรับบุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นส าหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อน ตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจ านวนสองเท่า ของจ านวนเงินที่บริจาค (๒) ส าหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นส าหรับเงินได้เป็นจ านวนสองเท่า ของจ านวนเงินที่บริจาค มาตรา ๕ การยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ (๑) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องน าเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ (๑) มารวมค านวณกับเงินได้ ที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรก าหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจ านวนสองเท่า ของเงินที่ได้จ่ายตามกรณีที่ก าหนดไว้และไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่าย และหักลดหย่อนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร (๒) เมื่อรวมค านวณเงินได้ตาม (๑) แล้วต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจาก หักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร มาตรา ๖ การยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ (๒) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องน าเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ (๒) มารวมค านวณกับรายจ่าย ที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรก าหนดให้มีการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖เป็นจ านวนสองเท่าของรายจ่ายและไม่เกิ นร้อยละสิบของก าไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร (๒) เมื่อรวมค านวณรายจ่ายตาม (๑) แล้วต้องไม่เกินร้อยละสิบของก าไรสุทธิก่อนหักรายจ่าย เพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุน การบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม ตามที่ก าหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ ใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ แต่เพื่อส่งเสริมให้มีการบริจาคเงินแก่กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา กองทุน เพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรร ม ส าหรับใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศได้อย่างต่อเนื่อง สมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ส าหรับการบริจาคเงินผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แ ก่กองทุนดังกล่าว ที่ได้กระท าตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ จึงจ าเป็นต้องตรา พระราชกฤษฎีกานี้ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1610.pdf," พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 773) พ.ศ. ๒๕๖๖ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖6 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในบางกรณี อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๓) พ.ศ. ๒๕๖๖” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖มาตรา ๓ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ส าหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากภาครัฐตามมาตรก ารสนับสนุน การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ เฉพาะบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศก าหนด การยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับส าหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ รับเงินอุดหนุน มาตรา ๔ กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกานี้ และต่อมาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดในมาตรา ๓ ให้สิทธิที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ตามพระราชกฤษฎีกานี้สิ้นสุดลง และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุ คคลนั้นจะต้องน าเงินได้ที่ได้ใช้สิทธิ ยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้วไปรวมเป็นรายได้ในการค านวณก าไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ในรอบระยะเวลาบัญชี ที่ได้ใช้สิทธินั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศก าหนด มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรั กษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ส าหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากภาครัฐตามมาตรการสนับสนุน การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1614.pdf," พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗7) พ.ศ. ๒๕๖๖ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖6 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในบางกรณี อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๗) พ.ศ. ๒๕๖๖” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖มาตรา ๓ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายว่าด้วย การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศส าหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ส าหรับเงินได้ เป็นจ านวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นเงินเดือนตามสัญญาจ้างแรงงานให้แก่ลูกจ้างซึ่งมีทักษะสูง ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ตามจ านวนที่จ่ายจริง เฉพาะส่วน ที่ไม่เกินหนึ่งแสนบาทต่อคนต่อเดือน ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศก าหนด มาตรา ๔ ลูกจ้างตามมาตรา ๓ ต้อง (๑) ได้รับการรับรองว่าเป็ นผู้มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ และท างานในต าแหน่งหน้าที่งานดังกล่าว โดยหน่วยงานที่อธิบดีประกาศก าหนด (๒) เริ่มปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างแรงงานในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ (๓) ไม่เป็นลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๓ ในระยะเวลาหนึ่งปี ก่อนวันเริ่มปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างแรงงานตาม (๒) มาตรา ๕ ให้ถือว่าลูกจ้างซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๙) พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นลูกจ้างซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริม การจ้างบุคลากรซึ่งมีทักษะสูงตามที่ก าหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๙) พ.ศ. ๒๕๖๔ ใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้การส่งเสริมการจ้างบุคลากรซึ่งมีทักษะสูงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศส าหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย สมควรยกเว้นภาษีเงินได้ส าหรับเงินได้ที่ได้จ่าย เป็นเงินเดือนตามสัญญาจ้างแรงงานให้แก่ลูกจ้างซึ่งมีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในกรณีดังกล่าวต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1616.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และรูปแบบการส่งข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ ตามความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอ านาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูล บัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชก าหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตาม ความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรก าหนดให้ผู้มีหน้าที่ รายงานตามมาตรา 15 แห่งพระราชก าหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศ เกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. 2566 ด าเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และรูปแบบการส่งข้อมูล บัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติตามความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอ านาจในการแลกเปลี่ยนข้ อมูล บัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ข้อมูลดังต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่ผู้มีหน้าที่รายงานต้องส่งมายังอธิบดีกรมสรรพากร (1) ข้อมูลของเจ้าของบัญชี (ก) ในกรณีเจ้าของบัญชีเป็นบุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ถือบัญชี ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ รัฐหรือภาคี ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ หมายเลขประจ าตัวผู้เสียภาษี และวันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิด ของผู้ที่ต้องถูกรายงาน แต่ละรายซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี (ข) ในกรณีเจ้าของบัญชีเป็นนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือบัญชี ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ รัฐหรือภาคี ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ และหมายเลขประจ าตัวผู้เสียภาษีของนิติบุคคล (2) ข้อมูลของผู้มีอ านาจควบคุมในนิติบุคคลตาม (1) (ข) ซึ่งถูกบ่งชี้ว่าเป็นผู้ที่ต้องถูกรายงาน ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ รัฐหรือภาคีซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ หมายเลขประจ าตัวผู้เสียภาษี และวันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิดของผู้ที่ต้องถูกรายงานแต่ละราย (3) เลขบัญชี หรือในกรณีที่ไม่มีเลขบัญชี สิ่งอื่นใดที่สามารถใช้แทนเลขบัญชีได้ (4) ชื่อและหมายเลขที่ใช้ระบุตัวตนของผู้มีหน้าที่รายงาน (5) ยอดคงเหลือหรือมูลค่าในบัญชี รวมถึงในกรณีของสัญญาประกันภัยมูลค่าเงินส ดหรือ สัญญาประกันชีวิตแบบเงินรายปี ได้แก่ มูลค่าเงินสด หรือมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ ณ วันสุดท้าย ของปีปฏิทินที่เกี่ยวข้อง หรือวันที่มีการปิดบัญชีในกรณีที่บัญชีถูกปิดระหว่างปี ทั้งนี้ ในกรณีมีการ ปิดบัญชีระหว่างปีให้ผู้มีหน้าที่รายงานรายงานข้อมูลเป็นศูนย์ (6) ในกรณีของบัญชีดูแลสินทรัพย์ ได้แก่ (ก) ผลรวมของดอกเบี้ยทั้งหมด ผลรวมของเงินปันผลทั้งหมด และผลรวมของเงินได้อื่นใด ทั้งหมดที่เกิดจากสินทรัพย์ในบัญชี ซึ่งในแต่ละกรณี ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือเงินได้อื่นใดดังกล่าว ที่จ่ายหรือเครดิตเข้าบัญชี หรือเกี่ยวเนื่องกับบัญชี ระหว่างปีปฏิทิน และ ้หนา ๕๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ (ข) เงินได้รวมทั้งหมดจากการขายหรือไถ่ถอนทรัพย์สินที่จ่ายหรือเครดิตเข้าบัญชี ระหว่างปีปฏิทิน ซึ่งผู้มีหน้าที่รายงานด าเนินการในฐานะผู้รับฝาก นายหน้า ผู้ กระท าการแทน หรือตัวแทนอื่นใด ส าหรับเจ้าของบัญชี (7) ในกรณีของบัญชีเงินฝาก ได้แก่ จ านวนรวมของดอกเบี้ยทั้งหมดที่จ่ายหรือเครดิตเข้าบัญชี ในระหว่างปีปฏิทิน และ (8) ในกรณีของบัญชีใด ๆ นอกจากบัญชีตาม (6) และ (7) ได้แก่ จ านวนรวมทั้งหมด ที่จ่ายหรือเครดิตให้กับเจ้าของบัญชีซึ่งเกี่ยวเนื่องกับบัญชีดังกล่าวระหว่างปีปฏิทิน ซึ่งผู้มีหน้าที่รายงาน เป็นผู้มีภาระผูกพันหรือเป็นลูกหนี้ รวมถึงการจ่ายเงินค่าไถ่ถอนทั้งหมดที่ต้องจ่ายให้แก่เจ้าของบัญชี ในระหว่างปีปฏิทิน ข้อ 2 ให้ผู้มีหน้าที่รายงานระบุ สกุลเงินของบัญชี โดยให้รายงานตามหน่วยสกุลเงิน ซึ่งผู้มีหน้าที่รายงานจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของผู้มีหน้าที่รายงาน ทั้งนี้ ในกรณีที่บัญชีที่ต้องถูกรายงานมีสกุลเงิน ที่ได้จัดเก็บไว้มากกว่าหนึ่งสกุลเงิน ให้ระบุสกุลเงินใดสกุลหนึ่งตามที่ได้มีการบันทึกไว้เพียง สกุลเงินเดียว รวมทั้งระบุสกุลเงินที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงานด้วย ข้อ 3 ผู้มีหน้าที่รายงานอาจด าเนินการส่งข้อมูลตามข้อ 1 (1) บางรายการส าหรับกรณี ดังต่อไปนี้ (1) ส าหรับบัญชีที่มีอยู่ ผู้มีหน้าที่รายงานไม่จ าเป็นต้องรายงานข้อมูลหมายเลขประจ าตัว ผู้เสียภาษี วันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิด ก็ได้ หากผู้มีหน้าที่รายงานไม่ได้มีข้อมูลดังกล่าวอยู่ในบันทึก ของผู้มีหน้าที่รายงาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ไม่ได้ระบุให้มีข้อมูลดังกล่าวในความครอบครอง อย่างไรก็ตาม ผู้มีหน้าที่รายงานจ าเป็นต้องใช้ความ พยายามตามสมควรเพื่อให้ได้มาซึ่งหมายเลขประจ าตัว ผู้เสียภาษี วันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิด ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีที่มีอยู่ภายในช่วงเวลาปีปฏิทินที่สอง ถัดจากปีซึ่งบัญชีดังกล่าวถูกระบุเป็นบัญชีที่ต้องถูกรายงาน (2) ผู้มีหน้าที่รายงานไม่จ าเป็นต้องรายงานหมายเ ลขประจ าตัวผู้เสียภาษี หากคู่สัญญา ที่จะได้รับรายงานไม่มีการออกหมายเลขประจ าตัวผู้เสียภาษี หรือกฎหมายภายในของคู่สัญญาที่จะได้รับรายงาน ไม่บังคับให้ต้องมีการรวบรวมหมายเลขประจ าตัวผู้เสียภาษีที่ออกโดยคู่สัญญาที่จะได้รับรายงานดังกล่าว (3) ผู้มีหน้าที่รายงานไ ม่จ าเป็นต้องรายงานข้อมูลสถานที่เกิดก็ได้ เว้นแต่ผู้มีหน้าที่รายงาน ถูกก าหนดให้ต้องได้มาและรายงานซึ่งสถานที่เกิดตามกฎหมายภายใน และข้อมูลดังกล่าวสามารถสืบค้น ได้จากฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในความครอบครองของผู้ที่มีหน้าที่รายงาน ข้อ 4 ในกรณีผู้มีหน้าที่รายงานไม่มีบัญชีที่ต้องถูกรายงานในรอบระยะเวลารายงานใด ผู้มีหน้าที่ รายงานจะรายงานการไม่มีบัญชีที่ต้องถูกรายงานในรอบระยะเวลารายงานนั้นแก่กรมสรรพากรหรือไม่ก็ได้ ้หนา ๕๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ข้อ 5 ให้ผู้มีหน้าที่รายงานส่งข้อมูลตามข้อ 1 ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทา งเว็บไซต์ ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยมีวิธีการ ดังต่อไปนี้ (๑) เข้าสู่ระบบรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทั่วไป (Common Reporting Standard: CRS) ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยตรง โดยใช้ชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน ( Password) ที่ได้รับจากการลงทะเบียนเข้าใช้ระบบดังกล่าวของกรมสรรพากร (2) ส่งข้อมูลตาม CRS XML Schema ตามที่ก าหนดไว้ในมาตรฐานการรายงานข้อมูลทั่วไป (Common Reporting Standard: CRS) และสอดคล้องกับรูปแบบและวิธีการน าเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบ รายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทั่วไป (Common Reporting Standard: CRS) ตามแนวทางที่ก าหนดไว้บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยข้อมูลที่ผู้มีหน้าที่รายงาน ส่งมายังอธิบดีกรมสรรพากรต้องเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การส่งข้อมูลจะสมบูรณ์ เมื่อผู้มีหน้าที่รายงานนั้นได้รับการแจ้งข้อความจากระบบของ กรมสรรพากรในการยืนยันการส่งรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินดังกล่าวสมบูรณ์แล้ว ข้อ 6 ผู้มีหน้าที่รายงานอาจแต่งตั้งตัวแทนเพื่อส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีทางการเงินมายัง อธิบดีกรมสรรพากรก็ได้ โดยให้ผู้มีหน้าที่รายงานจัดท าเอกสารหลักฐานอันแสดงถึงการแต่งตั้งตัวแทนเช่นว่านั้น ให้น าความในข้อ 1 ถึงข้อ 5 มาใช้บังคับกับการรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินโดยตัวแทน ตามวรรคหนึ่ง โดยอนุโลม ทั้งนี้ ตัวแทนต้องแจ้งการแต่งตั้งตัวแทนตามวรรคหนึ่งต่ออธิบดีกรมสรรพากร โดยการน าเข้าเอกสารหลักฐานการแต่งตั้งตัวแทนนั้นสู่ระบบรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินตามมาตรฐาน การรายงานทั่วไป (Common Reporting Standard: CRS) และผู้มีหน้าที่รายงานต้องแจ้งการแต่งตั้ง ตัวแทนดังกล่าวบนระบบรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทั่วไป ( Common Reporting Standard: CRS) ด้วย เว้นแต่กรณีกองทุนซึ่งมีผู้จัดการเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ให้กองทุนซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รายงานไม่ต้องแจ้งการแต่งตั้งตัวแทนดังกล่าวต่ออธิบดีกรมสรรพากรก็ได้ ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖6 ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๕๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1617.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2566 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคา กากดีดีจีเอสที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 16 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคากากดีดีจีเอสที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอสที่ใช้เป็นวัตถุดิบ อาหารสัตว์ แจ้งข้อมูล ปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้าและราคาต่อไป เพื่อประโยชน์ในการ ก ากับดูแล และรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในภาพรวม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (3) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ในประกาศนี้ “กากดีดีจีเอส” หมายความว่า ส่วนที่เหลือจากการผลิตเอทิลแอลกอฮอล์โดยการหมักเมล็ดธัญพืช ได้แก่ ข้าวโพด ข้าวไรย์ ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ โดยการกลั่นแยกเอาเอทิลแอลกอฮอล์ออกไป แล้วน ากากที่เหลือไปท าให้แห้ง หรือน ากากรวมกับของเหลวที่เหลือไปท าให้แห้ง ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอ าหารสัตว์ ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรย่อย 2303.30.00.000 ข้อ 3 ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอส แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (1) ปริมาณการน าเข้าและราคาต่อหน่วยกากดีดีจีเอสเป็นประจ าทุกเดือนภายในวันที่สิบ ของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป (2) แผนการน าเข้ามาในราชอาณาจักรทุก 3 เดือน ดังนี้ (ก) แผนการน าเข้าเดือนสิงหาคม 2566 กันยายน 2566 และตุลาคม 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 (ข) แผนการน าเข้าเดือนพฤศจิกายน 2566 ธันวาคม 2566 และมกราคม 2567 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ้หนา ๑๗๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ (ค) แผนการน าเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีนาคม 2567 และเมษายน 2567 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 มกราคม 2567 (ง) แผนการน าเข้าเดือนพฤษภาคม 2567 มิถุนายน 2567 และกรกฎาคม 2567 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 เมษายน 2567 (3) ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือน เป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดี จีเอสที่ได้แจ้งข้อมูลตาม (1) และ (3) แล้ว ต้องด าเนินการแจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปเป็นประจ าทุกเดือนไม่ว่าจะมีการน าเข้า ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือหรือไม่ก็ตาม ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอสที่ได้แจ้งแผนการน าเข้าตาม (2) แล้ว หากประสงค์จะเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าดังกล่าว ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าได้ 1 ครั้ง ภายในเดือนแรกของแต่ละรอบการแจ้งแผนการน าเข้า ข้อ 4 กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ 3 (3) ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ 5 การแจ้งตามข้อ 3 และข้อ 4 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่เลขาธิการก าหนด ณ ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอ บรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดง เจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือวันที่ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้ าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักร ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอส ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 เมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งกากดีดีจีเอส ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยาย ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่งขยาย้หนา ๑๗๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ต่อเมื่อ มีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรได้มีค าร้องขอหรือเลขาธิการ ได้มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕66 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๗๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1619.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 18 พ.ศ. 2566 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคา ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 22 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคาข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้า จากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอ บกับคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ แจ้งข้อมูลปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้าและราคาต่อไป เพื่อประโยชน์ใ นการก ากับดูแลและรักษาเสถียรภาพ ราคาสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในภาพรวม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (3) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ในประกาศนี้ “ข้าวสาลี” หมายความว่า ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย 1001.99.99 ข้อ 3 ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลี แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (1) ปริมาณการน าเข้าและราคาต่อหน่วยข้าวสาลีเป็นประจ าทุกเดือนภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป (2) แผนการน าเข้ามาในราชอาณาจักรทุก 3 เดือน ดังนี้ (ก) แผนการน าเข้าเดือนสิงหาคม 2566 กันยายน 2566 และตุลาคม 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 (ข) แผนการน าเข้าเดือนพฤศจิกายน 2566 ธันวาคม 2566 และมกราคม 2567 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ้หนา ๑๘๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ (ค) แผนการน าเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีนาคม 2567 และเมษายน 2567 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 มกราคม 2567 (ง) แผนการน าเข้าเดือนพฤษภาคม 2567 มิถุนายน 2567 และกรกฎาคม 2567 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 เมษายน 2567 (3) ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือน เป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีที่ได้แจ้งข้อมูลตาม (1) และ (3) แล้ว ต้องด าเนินการ แจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปเป็นประจ าทุกเดือนไม่ว่าจะมีการน าเข้า ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือหรือไม่ก็ตาม ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีที่ได้แจ้ง แผนการน าเข้าตาม (2) แล้ว หากประสงค์ จะเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าดังกล่าว ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าได้ 1 ครั้ง ภายในเดือนแรก ของแต่ละรอบการแจ้งแผนการน าเข้า ข้อ 4 กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ 3 (3) ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ 5 การแจ้งตามข้อ 3 และข้อ 4 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่เลขาธิการก าหนด ณ ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการ ไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดงเจตนา ในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือวันที่ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักร หรือผู้ครอบครอง ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้ าวสาลีตามข้อ 3 ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ที่เลขาธิการก าหนด ้หนา ๑๘๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ข้อ 6 เมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลี ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยายระยะเวลา ตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่งขยายระยะเวลา ตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ หรือมีเหตุจ าเป็น และผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรได้มีค าร้องขอหรื อเลขาธิการได้มีค าสั่งก่อนสิ้น ระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕66 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๘๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1620.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 19 พ.ศ. 2566 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 23 พ.ศ. 2565 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการ ควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศต่อไป โดยยกเว้น กรณีถ่ายล าสินค้าดังกล่าว เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ และเกิดความ เป็นธรรมในด้านราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรจะได้รับ รวมทั้งอ านวยความสะดวกทางการค้าให้กับ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการถ่ายล า อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ในประกาศนี้ “ข้าวบาร์เลย์” หมายความว่า ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย 1003.90.00 ข้อ 3 ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายข้าวบาร์เลย์ ซึ่งมีปริมาณครั้งละตั้งแต่หนึ่งหมื่นกิโลกรัมขึ้นไป เข้ามาหรือออกจากท้องที่ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเลขาธิการ หรือผู้ซึ่ง เลขาธิการมอบหมาย หรือประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่ง ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด ส าหรับท้องที่ที่ท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (1) เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (2) อ าเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ โดยถ่ายสินค้าดังกล่าวจาก ยานพาหนะหนึ่งที่ขนส่งเข้ามาในราชอาณาจักรในท้องที่ตามวรรคหนึ่งไปยังอีกยานพาหนะหนึ่ง ้หนา ๑๙๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ที่ขนส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ภายใต้การควบคุมของศุลกากรในด่านศุลกากรเดียวกัน โดยมีจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดของการขนส่งอยู่นอกราชอาณาจักร ข้อ 4 กรณีที่บุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่ตามข้อ 3 แล้ว ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่อื่นตามข้อ 3 อีก ข้อ 5 การขออนุญาตตามข้อ 3 ให้ยื่นค าขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (1) ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กรณีท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่กรุงเทพมหานคร (2) ส านักงานพาณิชย์จังหวัดแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (3) ที่ท าการปกครองอ าเภอแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ ส าหรับกรณีที่ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมาย ให้นายอ าเภอ เป็นผู้อนุญาตขนย้าย การยื่นค าขอตามวรรคหนึ่ง จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุม ทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้า ควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริกา ร กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันยื่นค าขอ บุคคลที่ประสงค์จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ ต้องลงนามในบันทึกแสดงความตกลงกับส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ก่อน ตามระเบียบที่เลขาธิการก าหนด หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้าย ให้เป็นไปตามที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายข้าวบาร์เลย์ ต้องขนย้ายให้ตรงตามชนิด ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่และใช้ยานพาหนะที่ มีหมายเลขทะเบียนตามที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้าย รวมทั้งจะต้องน าหนังสืออนุญาตก ากับการขนย้ายไปด้วยทุกครั้ง หนังสืออนุญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ 5 วรรคสี่ ให้ถือว่า เป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ ข้อ 7 กรณีบุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายข้าวบาร์เลย์ เข้ามาหรือออกจากท้องที่ ที่ก าหนดตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 23 พ.ศ. 2565 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 และระยะเวลาที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้ายยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่ ้หนา ๑๙๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับอนุญาตขนย้ายข้าวบาร์เลย์ตา มประกาศฉบับนี้และให้ใช้ได้ จนกว่าระยะเวลาตามหนังสืออนุญาตขนย้ายดังกล่าวสิ้นสุดลง ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕66 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๙๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1621.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 20 พ.ศ. 2566 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคา ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 24 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้า และราคาข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ แจ้งข้อมูลปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการน าเข้าและราคาต่อไป เพื่อประโยชน์ในการก ากับดูแล และรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในภาพรวม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (3) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ในประกาศนี้ “ข้าวบาร์เลย์” หมายความว่า ข้าวบาร์ เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งน าเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย 1003.90.00 ข้อ 3 ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (1) ปริมาณการน าเข้าและราคาต่อหน่วยข้าวบาร์เลย์เป็นประจ าทุกเดือนภายในวันที่สิบ ของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป (2) แผนการน าเข้ามาในราชอาณาจักรทุก 3 เดือน ดังนี้ (ก) แผนการน าเข้าเดือนสิงหาคม 2566 กันยายน 2566 และตุลาคม 2566 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ้หนา ๑๙๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ (ข) แผนการน าเข้าเดือนพฤศจิกายน 2566 ธันวาคม 2566 และมกราคม 2567 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 (ค) แผนการน าเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีนาคม 2567 และเมษายน 2567 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 มกราคม 2567 (ง) แผนการน าเข้าเดือนพฤษภาคม 2567 มิถุนายน 2567 และกรกฎาคม 2567 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 เมษายน 2567 (3) ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือน เป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ที่ได้แจ้งข้อมูลตาม (1) และ (3) แล้ว ต้องด าเนินการ แจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปเป็นประจ าทุกเดือนไม่ว่าจะมีการน าเข้า ปริมาณการใช้ ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือหรือไม่ก็ตาม ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ที่ได้แจ้งแผนการน าเข้าตาม (2) แล้ว หากประสงค์ จะเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าดังกล่าว ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการน าเข้าได้ 1 ครั้ง ภายในเดือนแรก ของแต่ละรอบการแจ้งแผนการน าเข้า ข้อ 4 กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็ บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ 3 (3) ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ 5 การแจ้งตามข้อ 3 และข้อ 4 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่เลขาธิการก าหนด ณ ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภาย ใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดง เจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือวันที่ข้อมูลอิ เล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักร ได้ส่งต้นฉบับให้ เลขาธิการแล้ว ้หนา ๑๙๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ตามข้อ 3 ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 เมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์ เลย์ ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยาย ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่งขยาย ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ต่อเมื่อ มีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรได้มีค าร้องขอหรือเลขาธิการ ได้มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕66 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๙๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1622.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 26 พ.ศ. 2566 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดและมันเส้น โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 30 พ.ศ. 2565 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดและมันเส้น ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวน การใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรปรับมาตรการควบคุมการขนย้ายหัวมันส าปะหลั งสด และมันเส้น โดยเพิ่มท้องที่อ าเภอในจังหวัดตาก จังหวัดพะเยา จังหวัดน่าน และจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นท้องที่ที่ต้องขออนุญาตขนย้าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ในด้านราคา ปริมาณ รักษาเสถียรภาพระบบตลาดมันส าปะหลังสดและมันเ ส้นในประเทศ รวมทั้ง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคซึ่งอาจส่งผลให้ผลผลิตของเกษตรกรเสียหาย อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสอง อย่างรวมกัน ซึ่งมีปริมาณครั้งละตั้งแต่หนึ่งหมื่นกิโลกรัมขึ้นไป เข้ามาหรือออกจากท้องที่อ าเภอที่ระบุไว้ ดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่งประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบ ริการมอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด ส าหรับท้องที่ที่จะท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (1) อ าเภอสอยดาว และอ าเภอโป่งน้ าร้อน จังหวัดจันทบุรี (2) อ าเภอตาพระยา อ าเภอโคกสูง อ าเภออรัญประเทศ และอ าเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว (3) อ าเภอกาบเชิง อ าเภอพนมดงรัก อ าเภอบัวเชด และอ าเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ (4) อ าเภอเชียงของ อ าเภอแม่สาย อ าเภอเวียงแก่น อ าเภอแม่ฟ้าหลวง อ าเภอแม่จัน และอ าเภอเทิง จังหวัดเชียงราย (5) อ าเภอเมือง อ าเภอธาตุพนม อ าเภอท่าอุเทน และอ าเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม (6) อ าเภอเมือง อ าเภอหว้านใหญ่ และอ าเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ้หนา ๒๐๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖(7) อ าเภอท่าลี่ อ าเภอเชียงคาน อ าเภอปากชม อ าเภอนาแห้ว อ าเภอด่านซ้าย และอ าเภอภูเรือ จังหวัดเลย (8) อ าเภอเมือง อ าเภอโพนพิสัย อ าเภอรัตนวาปี อ าเภอท่าบ่อ อ าเภอศรีเชียงใหม่ และอ าเภอสังคม จังหวัดหนองคาย (9) อ าเภอเขมราฐ อ าเภอสิรินธร อ าเภอโขงเจียม อ าเภอโพธิ์ไทร อ าเภอนาตาล อ าเภอบุณฑริก อ าเภอนาจะหลวย อ าเภอน้ ายืน และอ าเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบล ราชธานี (10) อ าเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ (11) อ าเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ (12) อ าเภอคลองใหญ่ และอ าเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด (13) อ าเภอแม่สอด อ าเภอท่าสองยาง อ าเภอแม่ระมาด อ าเภออุ้มผาง และอ าเภอพบพระ จังหวัดตาก (14) อ าเภอภูซาง และอ าเภอเชียงค า จังหวัดพะเ ยา (15) อ าเภอเฉลิมพระเกียรติ อ าเภอสองแคว และอ าเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน (16) อ าเภอบ้านโคก และอ าเภอน้ าปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ข้อ 3 กรณีที่บุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่อ าเภอ ตามข้อ 2 แล้ว ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่อ าเภออื่นตามข้อ 2 อีก ข้อ 4 ความในข้อ 2 มิให้ใช้บังคับกับการขนย้ายหัวมันส าปะหลังสด มันเส้น ดังต่อไปนี้ (1) การขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดของเกษตรกร ซึ่งมีใบรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ผู้ปลูกมันส าปะหลังจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก ากับการขนย้าย (2) การขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้น จากท้องที่อื่นในราชอาณาจักร โดยใช้ท้องที่อ าเภอ ตามข้อ 2 เป็นทางผ่านเพื่อไปยังสถานที่ปลายทาง ข้อ 5 การขออนุญาตตามข้อ 2 ให้ยื่นค าขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ ราชการ ดังต่อไปนี้ (1) ส านักงานพาณิชย์จังหวัดแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (2) ที่ท าการปกครองอ าเภอแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ ส าหรับกรณีที่ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบ หมาย ให้นายอ าเภอ เป็นผู้อนุญาตขนย้าย การยื่นค าขอตามวรรคหนึ่ง จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุม ทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้า ควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันยื่นค าขอ ้หนา ๒๑๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖บุคคลที่ประสงค์จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ ต้องลงนามในบันทึกแสดงความตกลงกับส านักงานคณะกรรมก ารกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ก่อน ตามระเบียบที่เลขาธิการก าหนด หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้าย ให้เป็นไปตามที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายหัวมัน ส าปะหลังสด มันเส้นต้องขนย้ายให้ตรงตามชนิด ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่ และใช้ยานพาหนะที่มีหมายเลขทะเบียนตามที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้าย รวมทั้งจะต้องน าหนังสืออนุญาตก ากับการขนย้ายไปด้วยทุกครั้ง หนังสืออนุญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ 5 วรรคสี่ ให้ถือว่า เป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ ข้อ 7 กรณีบุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้น เข้ามาหรือออกจากท้องที่ที่ก าหนดตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 30 พ.ศ. 2565 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดและมันเส้น ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 และระยะเวลาที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้ายยังไม่สิ้นสุดลงในวั นที่ประกาศฉบับนี้ ใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับอนุญาตขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้นตามประกาศฉบับนี้ และให้ใช้ได้จนกว่าระยะเวลาตามหนังสืออนุญาตขนย้ายดังกล่าวสิ้นสุดลง ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๒๑๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1623.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 27 พ.ศ. 2566 เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดท าบัญชีคุมสินค้ามันเส้น โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 31 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดท าบัญชีคุมสินค้ามันเส้น ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณา ทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้ประกอบธุ รกิจแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดท าบัญชีคุมสินค้ามันเส้นต่อไป เพื่อให้ปริมาณสินค้าและราคาอยู่ในระดับ ที่เหมาะสม และเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายโดยเฉพาะเกษตรกร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (3) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการ ออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ให้ผู้ประกอบการรับซื้อหรือจ าหน่ายมันเส้น ผู้ครอบครองมันเส้นไม่ว่าจะมีไว้ ครอบครองในฐานะผู้มีกรรมสิทธิ์หรือครอบครองแทนผู้อื่น ที่มีปริมาณการรับซื้อ หรือปริมาณการจ าหน่าย หรือปริมาณการครอบครอง ตั้งแต่เดือนละสิบห้าเมตริกตันขึ้นไป แจ้งชื่อ ชนิด ราคาซื้อ ราคาจ าหน่าย ปริมาณที่มีอยู่ ปริมาณการซื้อ ปริมาณการได้มา ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณการใช้ ปริมาณคงเหลือ สถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือนเป็นประจ าทุกเดือนภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูล ของเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ในกรณีมีการรับซื้อหรือจ าหน่าย หรือมีการครอบครอง ภายหลังวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ให้แจ้งชื่อ ชนิด ราคาซื้อ ราคาจ าหน่าย ปริมาณที่มีอยู่ ปริมาณการซื้อ ปริมาณการได้มา ปริมาณ การจ าหน่าย ปริมาณการใช้ ปริมาณคงเหลือ สถานที่เก็บ ภายในสิบวันตั้งแต่วันที่มีการรับซื้อหรือ การจ าหน่าย หรือมีการครอบครองเกินปริมาณที่ก าหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ผู้ประกอบการรับซื้อหรือจ าหน่ายมันเส้น ผู้ครอบครองมันเส้น ที่ได้แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่ง หรือวรรคสองแล้ว ต้องด าเนินการแจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปไม่ว่าจะรับซื้อหรือจ าหน่าย หรือครอบครอง เกินปริมาณที่ก าหนดหรือไม่ก็ตาม ้หนา ๒๑๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ข้อ 3 ให้ผู้ประกอบการรับซื้อหรือจ าหน่ายมันเส้น ผู้ครอบครองมันเส้นตามข้อ 2 จัดท าบัญชีคุมสินค้า แสดงชื่อ ราคาซื้อ ราคาจ าหน่าย ปริมาณที่มีอยู่ ปริมาณการซื้อ ปริมาณที่ได้มา ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณการใช้ ปริมาณคงเหลือ สถานที่เก็บ เป็นรายวัน โดยต้องลงรายการ ในบัญชีดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในสามวัน ตั้งแต่วันที่ได้ซื้อมา รับเข้ามา ใช้ไป จ าหน่ายไปแต่ละครั้ง และต้องเก็บบัญชีพร้อมหลักฐานการไ ด้มาและการจ าหน่ายไว้ ณ สถานที่เก็บ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบได้ทุกเวลา ข้อ 4 กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ 2 ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ 5 การแจ้งตามข้อ 2 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่เลขาธิการก าหนด ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ที่มีภูมิล าเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ให้แจ้ง ณ ส านักงานคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ (๒) ผู้ที่มีภูมิล าเนาอยู่ ในจังหวัดอื่นนอกจาก (๑) ให้แจ้ง ณ ส านักงานพาณิชย์จังหวัด แห่งท้องที่นั้น การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดงเจตนา ในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือวันที่ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะ สมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้ประกอบการรับซื้อหรือจ าหน่ายมันเส้น ผู้ครอบครองมันเส้น ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว กรณีเป็นการแจ้งตาม (1) หรือได้ส่งต้นฉบับให้พาณิชย์จังหวัดแห่งท้องที่นั้นแล้ว กรณีเป็นการแจ้งตาม (2) ให้ผู้ประกอบการรับซื้อหรือจ าหน่ายมันเส้นและ ผู้ครอบครองมันเส้นตามข้อ 2 ที่ประสงค์จะแจ้ง ทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 เมื่อผู้ประกอบการรับซื้อหรือจ าหน่าย ผู้ครอบครอง ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยาย ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่ง ขยายระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ต่อเมื่อ ้หนา ๒๑๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖มีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้ประกอบการรับซื้อหรือจ าหน่าย ผู้ครอบครอง ได้มีค าร้องขอ หรือเลขาธิการได้มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๒๑๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1624.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 30 พ.ศ. 2566 เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 34 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ได้พิจารณทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาต รการ ให้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ เพื่อให้การก ากับดูแลหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการ รวมทั้งราคา มีความเหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะเกษตรกร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (3) มาตรา ๒๕ (3) (๔) (5) และมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราช อาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์” หมายความว่า หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ส าเร็จรูป ที่มุ่งหมาย เพื่อใช้เลี้ยงไก่ สุกร โค เป็ด กุ้ง ปลา ส าหรับการบริโภค ข้อ 3 ให้ผู้ผลิตหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์เพื่อจ าหน่าย ที่มีก าลังการผลิตเดือนละ ตั้งแต่ห้าพันตันขึ้นไป แจ้งชื่อ ชื่อทางการค้า (ตรา) รหัสสินค้า ก าลังการผลิต ปริมาณการผลิต ปริมาณ การจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือ ต้นทุน ราคาจ าหน่าย ณ โรงงาน ส่วนลดทางการค้า สถานที่เก็บ ชื่อและที่อยู่ของตัวแทนจ าหน่าย ณ วันสิ้นเดือนเป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ให้ผู้ผลิตหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ ที่ด าเนินกิจการภายหลังวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ก่อนน าสินค้าออกจ าหน่าย ผู้ผลิตหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ที่ได้แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งแล้ว ต้องด าเนินการแจ้งข้อมูล ดังกล่าวต่อไป ไม่ว่าจะมีก าลัง การผลิตเกินที่ก าหนดหรือไม่ก็ตาม ข้อ 4 กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ 3 ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ให้ทราบภายในเจ็ดวันตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ้หนา ๒๒๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ข้อ 5 ห้ามผู้ผลิตหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ จ าหน่ายหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ ในราคาที่สูงกว่าที่แจ้งไว้ตามข้อ 3 เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการว่าด้วยการก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการในการพิจารณาการตั้งราคาและ การเปลี่ยนแปลงรายการหรือราคาที่แ จ้งไว้ พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ 6 การแจ้งตามข้อ 3 ข้อ 4 และการขออนุญาตตามข้อ 5 ให้ยื่นต่อเลขาธิการ ตามแบบที่เลขาธิการก าหนด ณ ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทร สารเป็นวัน แสดงเจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักง านคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้ผลิตได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้ผลิตที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้ง ทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 7 เมื่อผู้ผลิตร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยายระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมค วร เลขาธิการอาจมีค าสั่งขยายระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้ผลิต ได้มีค าร้องขอหรือเลขาธิการได้มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิ สัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๒๒๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1628.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 51 พ.ศ. 2566 เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับยาป้องกัน หรือก าจัดศัตรูพืชหรือโรคพืชที่น าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 55 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับยาป้องกันหรือก าจัดศัตรูพืชหรือโรคพืชที่น าเข้ามาใน ราชอาณาจักร ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕65 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควร คงมาตรการให้ผู้น าเข้า แจ้งปริมาณ ราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับยาป้องกันหรือก าจัดศัตรูพืชหรือ โรคพืชที่น าเข้ามาในราชอาณาจักรต่อไป เพื่อให้การก ากับดูแลยาป้องกันหรือก าจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะแก่เกษตรกร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) มาตรา ๒๕ (๔) (๕) และมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสิ นค้า และบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่ายยาป้องกันหรือก าจัดศัตรู พืชหรือโรคพืช แจ้งชื่อ ชื่อทางการค้า ชื่อสามัญ ชื่อวัตถุอันตราย ชื่อและปริมาณวัตถุอันเป็นส่วนประกอบส าคัญ ปริมาณการน าเข้า ราคาซื้อ (ราคาน าเข้า) ทุกครั้งที่มีการน าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยให้แจ้งภายใน สามสิบวันตั้งแต่วันที่น าเข้ามาในราชอาณาจักร ข้อ ๓ การแจ้งตามข้อ ๒ ให้ยื่นต่อเลขาธิการตามแบบที่เลขาธิการก าหนด ณ ส านักงาน คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดง เจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมายอิเล็ก ทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือวันที่ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง ้หนา ๒๘๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อ ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ลงนาม ในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เลขาธิการก าหนด ข้อ ๔ เมื่อผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยายระยะเวลา ตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่ง ขยายระยะเวลา ตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์ พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย ได้มีค าร้องขอหรือเลขาธิการ ได้มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุ สุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๒๘๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1629.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 63 พ.ศ. 2566 เรื่อง การก าหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อ หัวมันส าปะหลังสดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65 สิ้นผลใช้บังคับ จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 67 พ.ศ. 2565 เรื่อง การก าหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อหัวมันส าปะหลังสด ตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้ประกอบการแสดงราคารับซื้อหัวมันส าปะหลังสดตามเปอร์เซ็นต์ เชื้อแป้ง อัตราปรับเพิ่มลดราคาตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง รวมทั้งมิให้ผู้ประกอบการรับซื้อหัวมันส าปะหลังสด คิดค่าชั่งน้ าหนักต่อไป เพื่อให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรมในการขายหั วมันส าปะหลังสด และให้ การปรับเพิ่มลดราคารับซื้ออยู่บนพื้นฐานเดียวกัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับในทางการค้าปกติ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 9 (2) (5) มาตรา 25 (3) (4) และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 การก าหนดราคารับซื้อหัวมันส าปะหลังสด ผู้ประกอบการลานมัน โรงแป้ง หรือโรงงานเอทานอล ต้องระบุเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่รับซื้อให้ชัดเจน โดยก าหนดเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง ที่ร้อยละ 25 กรณีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งในหัวมันส าปะหลังสดที่รับซื้อมีเปอร์เซ็นต์ต่ ากว่าที่ก าหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้ปรับลดราคารั บซื้อได้ไม่เกินกิโลกรัมละ 0.05 บาทต่อเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่ลดลงทุก 1% หรือ กรณีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งในหัวมันส าปะหลังสดที่รับซื้อมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าที่ก าหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้ปรับเพิ่มราคารับซื้อได้ไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 0.05 บาทต่อเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง ที่เพิ่มขึ้นทุก 1% ข้อ 3 การแสดงราคารับซื้อ เปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง และอัตราปรับเพิ่มลดราคา ตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งตามข้อ 2 ให้แสดงไว้ ณ บริเวณหน้าสถานที่รับซื้อและจุดรับซื้อ โดยราคา ที่แสดงไว้นั้นต้องเป็นราคาและอัตราเดีย วกัน และให้แสดงราคาต่อหน่วยเป็นกิโลกรัม ้หนา ๓๑๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖การแสดงรายการตามวรรคหนึ่ง จะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย ขนาดความสูงไม่ต่ ากว่าสิบเซนติเมตร ในลักษณะที่ชัดเจนและเปิดเผย สามารถอ่านได้ง่าย ส าหรับข้อความหรือรายการที่แสดงควบคู่ต้องเป็นภาษ าไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้ ข้อ 4 ในการรับซื้อหัวมันส าปะหลังสด ผู้ประกอบการลานมัน โรงแป้ง หรือโรงงาน เอทานอลต้องรับซื้อในราคาไม่ต่ ากว่าที่แสดงไว้ การค านวณราคาเพิ่มลดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง ต้องปฏิบัติให้ตรงกับรายการที่ได้แสดงไว้ตามข้อ 3 และห้ามมิให้คิดค่าชั่งน้ าหนักหัวมันส าปะหลังสด ที่รับซื้อ ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕66 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๓๑๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 163.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสำมิต และเครื่องหมำยแสดงกำรเสียภำษีของทำงรำชกำร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหนึ่ง และมำตรำ ๖๖ แห่งพระรำชบัญญัติ ภำษีสรรพสำมิต พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มควำมต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๔/๑ แห่งกฎกระทรวงก ำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสำมิต และเครื่องหมำย แสดงกำรเสียภำษีของทำงรำชกำร พ.ศ. ๒๕๖๐ “ข้อ ๑๔/๑ เครื่องหมำยแสดงกำรเสียภำษีของทำงรำชกำรส ำหรับสุรำที่ผลิตในรำชอำณำจักร เป็นภำพรหัสสองมิติ ขนำดไม่ต่ ำกว่ำ ๐.๓๕ x ๐.๗๕ เซนติเมตร แต่ไม่เกิน ๐.๔๕ x ๐.๙๐ เซนติเมตร พิมพ์ด้วยหมึกป้องกันกำรปลอมแปลงสีด ำ ทำงด้ำนขวำมีอักษร “TH” โดยมีรหัสที่ไม่ซ้ ำกัน เพื่อใช้ส ำหรับตรวจสอบสินค้ำสุรำ ” ให้ไว้ ณ วันที่ 31 พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖2 อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๗๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นกำรสมควรก ำหนดลักษณะ เครื่องหมำยแสดงกำรเสียภำษีของทำงรำชกำร ส ำหรับสุรำที่ผลิตในรำชอำณำจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภำพ ในกำรจัดเก็บภำษีสรรพสำมิตและกำรตรวจสอบปรำบปรำมกำรกระท ำควำมผิดที่เกี่ยวข้อง จึงจ ำเป็น ต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๗๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒" 1630.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 64 พ.ศ. 2566 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการ ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 68 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับ การจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการแสดง ราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือออนไลน์แล้ว เห็นควรคงมาตรการแสดงราคาและรายละเอียดดังกล่าวต่อไป เพื่อให้ผู้บริโภค ได้มีโอกาสในการเปรียบเทียบราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 9 (5) และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 68 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ข้อ 3 ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิจ ” ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าหรือบริการผ่านระบบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิก ส์หรือออนไลน์ ข้อ 4 ให้ผู้ประกอบธุรกิจแสดงราคาจ าหน่ายปลีก ค่าบริการ รวมถึงประเภท ชนิด ลักษณะ ขนาด น้ าหนัก และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ โดยการเขียน พิมพ์ หรือกระท า ให้ปรากฏด้วยวิธีอื่นใดในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบออนไลน์ของผู้ประกอ บธุรกิจนั้น ในลักษณะที่ชัดเจน ครบถ้วน เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย การแสดงราคาจ าหน่ายสินค้า ค่าบริการตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงราคาต่อหน่วย ราคาหรือ ค่าบริการนั้นจะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย ส าหรับข้อความหรือรายการที่แสดง ควบคู่กับราคาจ าหน่ายหรือค่าบริการต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้ ้หนา ๓๑๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ข้อ 5 กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาจ าหน่ายสินค้าหรือ ค่าบริการที่ให้บริการที่แสดงไว้ตามข้อ 4 ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องแสดงค่าใช้จ่ ายดังกล่าวให้ชัดเจน ครบถ้วนและเปิดเผย โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคาจ าหน่ายสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการ ข้อ 6 การแสดงราคาจ าหน่ายปลีกสินค้า ค่าบริการที่ให้บริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เรียกเก็บตามข้อ 4 หรือข้อ 5 ต้องแสดงให้ตรงกับราคาที่จ าหน่าย หรือค่าบริการที่ให้บริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เรียกเก็บ ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการจ าหน่าย การให้บริการ หรือการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต่ ากว่าราคาจ าหน่าย ค่าบริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่แสดงไว้ ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕66 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๓๑๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1633.pdf,"ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาแจ้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาแจ้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ผู้ใช้บริการทราบ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗ วรรคสาม และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชกฤษฎีกา การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบกับมติคณะกรรมการ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการธุรกร รมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาแจ้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิจ ” หมายความว่า ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะ ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ “ผู้ประกอบการ ” หมายความว่า บุคคลซึ่งเสนอสินค้าหรือบริการต่อผู้บริโภค ผ่านบริการ แพลตฟอร์มดิจิทัล “ผู้ให้บริการเว็บไซต์ ( corporate website user )” หมายความว่า บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์ โดยที่ตั้งของเว็บไซต์ ( URL) ดังกล่าวปรากฏในรายการค้นหาของบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลประเภท บริการสืบค้นแหล่งที่ตั้งของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ( search engine ) ตามมาตรา ๑๖ (๒) ทั้งนี้ ไม่ว่า จะคิดค่าบริการหรือไม่ก็ตาม “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล และให้หมายความรวมถึง ผู้ประกอบการและผู้บริโภคด้วย หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๔ ประกาศนี้ใช้บังคับกับผู้ประกอบธุรกิจที่ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๕ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการ ผู้ประกอบธุรกิจ ต้องแจ้งข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องทราบ ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ในกรณีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการตามวรรคหนึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลง แก้ไขในเรื่องที่ก าหนดไว้ตามประกาศส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ ธพด. ๔/๒๕๖๖ เรื่อง รายละเอียดการประกาศข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ผู้ใช้บริการทราบ ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข และผลจาก การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว รวมถึงวันที่มีผลบังคับใช้ให้ผู้ใช้บริการ ที่เกี่ยวข้องและส านักงานทราบ เว้นแต่ การเปลี่ยนแปลงแก้ไขในข้อ ๖ ข้อ ๙ (๑) และข้อ ๒๖ ตามประกาศส านักงานพัฒนาธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ ธพด. ๔/๒๕๖๖ เรื่อง รายละเอียดการประกาศข้อตกลงและเงื่อนไข การให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ผู้ใช้บริการทราบ ใ ห้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องทราบ โดยไม่ต้องแจ้งส านักงาน ข้อ ๖ ในกรณีตามข้อ ๕ วรรคสอง ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องไม่บังคับใช้ข้อตกลงและเงื่อนไข ในการให้บริการที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขให้มีผลย้อนหลังไปกระทบสิทธิใด ๆ ของผู้ใช้บริการ เว้นแต่เป็นไป ตามกฎหมาย ค าสั่งตามกฎหมาย หรือเป็นประโยชน์กับผู้ใช้บริการ หมวด ๒ แจ้งผู้ใช้บริการ ข้อ ๗ การแจ้งให้ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องทราบ ให้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งบนบริการแพลตฟอร์ม ดิจิทัลในต าแหน่งที่ผู้ใช้บริการทั่วไปสามารถอ่าน เห็น หรือทราบได้โดย ง่าย หรือแจ้งผ่านช่องทาง ที่เหมาะสมหรือช่องทางหลักในการติดต่อกับผู้ใช้บริการซึ่งได้ตกลงไว้กับผู้ประกอบธุรกิจ ข้อ ๘ ในกรณีตามข้อ ๕ วรรคสอง ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องทราบ เกี่ยวกับสิทธิที่จะยกเลิกการใช้บริการหรือสิทธิในการบอกเลิกสั ญญากับผู้ประกอบธุรกิจก่อนวันที่ ข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขมีผลใช้บังคับ รวมถึงกระบวนการและผลที่เกิดขึ้น จากการใช้สิทธิหรือไม่ใช้สิทธิดังกล่าว ข้อ ๙ การแจ้งให้ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องทราบ ตามข้อ ๘ ให้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งล่วงหน้า ไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขจะมีผลใช้บังคับ โดยให้พิจารณาถึงความเหมาะสมกับลักษณะ ขอบเขตของการเปลี่ยนแปลง และผลที่อาจเกิดขึ้นกับ ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องต้ องปรับปรุงทางเทคนิคหรือ ทางการค้าให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ถือเป็นกรณีไม่ปกติ ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งให้ ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้ามากกว่ากรณีปกติอีกเป็นเวลาตามสมควรให้ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องสามารถ ปรับปรุงทางเทคนิคหรือทางการค้าได้ หากผู้ประกอบธุรกิจแจ้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขล่วงหน้าน้อยกว่าสิบห้าวัน ให้ข้อตกลง และเงื่อนไขการให้บริการที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขมีผลเมื่อครบก าหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่แจ้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไข เว้นแต่กรณี ดังต่อไปนี้ ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๖(๑) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือค าสั่งตามกฎหมายที่ท าให้ไ ม่สามารถแจ้งผู้ใช้บริการได้ ภายในระยะเวลาที่ก าหนด (๒) เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการ (๓) เพื่อลดภาระ หรือเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ใช้บริการเพียงอย่างเดียว (๔) เพื่อให้ครอบคลุมบริการใหม่ หรือการปรับปรุงบริการเดิมให้ดีขึ้น (๕) เพื่อเป็นการจัดการกับอันตรายที่คาดไม่ถึงและใกล้จะถึงเกี่ยวกับการป้องกันบริการ แพลตฟอร์มดิจิทัลหรือผู้ใช้บริการจากการถูกฉ้อโกง การแพร่กระจายมัลแวร์หรือสแปม การละเมิดข้อมูล หรือความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศอื่น หมวด ๓ แจ้งส านักงาน ข้อ ๑๐ ในกรณีตามข้อ ๕ วรรคสอง ให้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อตกลง และเงื่อนไขการให้บริการ ตามมาตรา ๑๗ วรรคสาม แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการ แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ และข้อมูลวันที่ผู้ประกอบธุรกิจได้แจ้ง การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการให้ผู้ใช้บริการทราบ พร้อมการแจ้งข้อมูล การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลรายปีทุกปีผ่านระบบแจ้งการประกอบธุรกิจ โดยมีรายการ ข้อมูลตรงตามแบบที่ก าหนดในประกาศส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับแบบ รายงาน การด าเนินการเกี่ยวกับข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือยื่นแบบต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ ณ ที่ตั้งของส านักงาน ประกาศ ณ วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕66 อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1638.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง ก าหนดให้ส านักงานที่ดินจังหวัด ส านักงานที่ดินสาขา และส านักงานที่ดินส่วนแยก ในพื้นที่จังหวัดสงขลาเป็นส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ต่างส านักงานแบบออนไลน์ ตามที่กรมที่ดินได้ประกาศก าหนดให้ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลาและสาขา รวม 11 แห่ง เป็นส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ประเภทโฉนดที่ดิน ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2566 ไปแล้ว นั้น เพื่อให้ประชาชนที่มีที่ดินอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดสงขลา และมีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินประเภท โฉนดที่ดิน สามารถยื่นค าขอจดทะเบียนสิทธิและท านิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน ณ ส านักงานที่ดินแห่งใดแห่งหนึ่ง ของจังหวัดที่อธิบดีกรมที่ดินได้ประกาศก าหนดให้เป็นส านักงานที่ดิ นอิเล็กทรอนิกส์ต่างส านักงานแบบออนไลน์ ยกเว้นการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ต้องมีการประกาศหรือต้องมีการรังวัด โดยยื่นค าขอผ่านระบบ นัดจดทะเบียนล่วงหน้า (ระบบ e-QLands) และผู้ขอต้องไปด าเนินการที่ส านักงานที่ดินที่ต้องการท า นิติกรรมด้วยตนเอง (ไม่สามารถมอบอ านาจได้) อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 71 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2550 ประกอบกับมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 และข้อ 2 (1) (4) ข้อ 19 แห่งกฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2557 ประกอบกับข้อ 16 ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ ส านักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ต่างส านักงานแบบออนไลน์ และส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบ พ.ศ. 2564 จึงประกาศให้ส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ 1. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา 2. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาจะนะ 3. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาเทพา 4. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขานาทวี 5. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาระโนด 6. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขารัตภูมิ 7. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาสทิงพระ 8. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาสะเดา 9. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาสิงหนคร 10. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาหาดใหญ่ 11. ส านักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาบางกล่ า ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖เป็นส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ต่างส านักงาน แบบออนไลน์เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินประเภทโฉนดที่ดินที่ไม่มีการประกาศหรือการรังวัด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 ชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖" 164.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดกำรใช้แสตมป์สรรพสำมิตและเครื่องหมำยแสดงกำรเสียภำษี เพื่อให้ปรำกฏว่ำได้เสียภำษีแล้ว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหนึ่ง และมำตรำ ๖๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติภำษีสรรพสำมิต พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกควำมใน (๑) ของข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวงก ำหนดกำรใช้ แสตมป์สรรพสำมิต และเครื่องหมำยแสดงกำรเสียภำษีเพื่อให้ปรำกฏว่ำได้เสียภำษีแล้ว พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ควำมต่อไปนี้แทน “(๑) กรณีเครื่องหมำยแสดงกำรเสียภำษีของทำงรำชกำร ซึ่งกรมสรรพสำมิตท ำหรือ จัดให้มีขึ้น ให้ปิดหรือพิมพ์ตำมวิธีกำรที่อธิบดีประกำศก ำหนด ” ให้ไว้ ณ วันที่ 31 พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖2 อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๗๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มีกำรก ำหนดลักษณะของเครื่องหมำย แสดงกำรเสียภำษีของทำงรำชกำรส ำหรับสุรำที่ผลิตในรำชอำณำจักรขึ้นใหม่ ซึ่งมิได้ใช้วัสดุที่ท ำด้วยกระดำษ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมวิธีกำรใช้เครื่องหมำยแสดงกำรเสียภำษีของทำงรำชกำร ซึ่งกรมสรรพสำมิตท ำหรือ จัดให้มีขึ้นให้สอดคล้องกัน จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๗๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒" 1640.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ (ฉบับที่ ๒) ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เพื่อให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม สามารถอยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นกรณีพิเศษถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ นั้น เนื่องจากยังมี ความจ าเป็นที่จะต้องผ่อนผันให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษได้ต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานด าเนินการไปได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงจ าเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมประกาศดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาควา มสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๖ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสอง ของข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ “ให้คนต่างด้าวที่ด าเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อท างาน ต่อไปได้จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖6 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๐๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1641.pdf,"ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดให้โรงไฟฟ้าเป็นแหล่งก าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุม การปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการก าหนดให้โรงไฟฟ้าเป็นแหล่งก าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุม การปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยค าแนะน าของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกระทรวงวิ ทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดให้โรงไฟฟ้า เป็นแหล่งก าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ (๒) ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๒) เรื่อง ก าหนดให้โรงไฟฟ้าเก่าเป็นแหล่งก าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสีย ออกสู่สิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ (๓) ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๔) เรื่อง ก าหนดให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นแ หล่งก าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสีย ออกสู่บรรยากาศ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๔ (๔) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดให้โรงไฟฟ้าใหม่ เป็นแหล่งก าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “โรงไฟฟ้า” หมายความว่า โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน ล าดับที่ ๘๘ (๒) ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน หรือสถานประกอบกิจการไฟฟ้า ที่มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน “โรงไฟฟ้าเก่า” หมายความว่า โรงไฟฟ้า ดังต่อไปนี้ (๑) โรงไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ หรือขยายโรงงาน หรือเดินเครื่องจักร ก่อนวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๙ ดังนี้ (๑.๑) โรงไฟฟ้าบางปะกง (พลังงานความร้อน) หน่วยการผลิตที่ ๓ และหน่วยการผลิต ที่ ๔ ้หนา ๔๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๖ (๑.๒) โรงไฟฟ้าน้ าพอง ชุดที่ ๑ และชุดที่ ๒ (๑.๓) โรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยการผลิตที่ ๔ และหน่วยการผลิตที่ ๘ - ๑๓ (๒) โรงไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ผลิต หรือเปลี่ยนแปลงก าลังผลิตไฟฟ้า ตั้งแต่วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๙ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๓ (๓) โรงไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ผลิต หรือเปลี่ยนแปลงก าลังผลิตไฟฟ้า ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๓ ถึงก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ “โรงไฟฟ้าใหม่” หมายความว่า โรงไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตให้ประกอ บกิจการ ขยาย เปลี่ยนแปลง หรือสร้างทดแทนหน่วยผลิตเดิม ตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับเป็นต้นไป “โรงไฟฟ้าที่ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิง ” หมายความว่า โรงไฟฟ้าที่ใช้มูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วย การสาธารณสุข หรือสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอั นตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน มาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงเชื้อเพลิงที่ได้จากกระบวนการแปรรูปมูลฝอย หรือสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วดังกล่าวด้วย ข้อ ๓ ให้โรงไฟฟ้าเป็นแหล่งก าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสี ย ออกสู่บรรยากาศ ข้อ ๔ ห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโรงไฟฟ้าตามข้อ ๒ ปล่อยทิ้งอากาศเสีย ออกสู่บรรยากาศ เว้นแต่อากาศเสียจะมีลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสีย จากโรงไฟฟ้าที่ก าหนดไว้ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดมาตรฐาน ควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงไฟฟ้า แต่ทั้งนี้ ต้องไม่ใช้วิธีท าให้เจือจาง ( Dilution) ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ้หนา ๔๔ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1642.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ส าหรับผู้ขายรายย่อยซึ่งขายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสม ในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 18 (5) แห่งพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ส าหรับผู้ขายรายย่อยซึ่งขายวัตถุ ที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 18 (5) แห่งพระราชบัญญัติ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยค าแนะน าของคณะกรรมการ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ส าหรับผู้ขายรายย่อยซึ่งขายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ได้รับ ยกเว้นตามมาตรา 18 (5) แห่งพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ 3 ในประกาศนี้ “วัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ” หมายความว่า วัตถุดิบจากสมุนไพร ที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการผสมวัตถุดิบจากสมุนไพรหลายชนิด เข้าด้วยกัน ข้อ ๔ ให้ผู้ขายรายย่อยซึ่งขายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ปฏิบัติดังต่อไปนี้ (๑) จัดท าบันทึกการขายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเฉพาะรายการ ที่เลขาธิการประกาศก าหนด เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ณ สถานที่ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นเวลาหนึ่งปี นับแต่วันที่ลงรายการครั้งสุดท้ายในบันทึก โดยอย่างน้อยต้องมีข้อมูล ดังต่อไปนี้ (ก) ชื่อสมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ข) จ านวนหรือปริมาณที่ขายต่อเดือน (2) จัดให้มีพื้นที่เก็บวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรซึ่งต้องมีความสะอาด เป็นระเบียบ สภาวะที่เหมาะสมกับวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์ สมุนไพรชนิดนั้น ๆ ้หนา ๔๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๖(3) จัดให้มีฉลากที่ภาชนะบรรจุของวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยข้อความบนฉลากอย่างน้อยต้องมีชื่อสมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรนั้น ประกาศ ณ วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๔๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1643.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง ก าหนดให้ส านักงานที่ดินจังหวัด ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีเป็นส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 71 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2550 ประกอบกับมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ . 2545 และข้อ 2 (1) (4) ข้อ 19 แห่งกฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2557 ประกอบกับข้อ 8 ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ ส านักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ต่ างส านักงานแบบออนไลน์ และส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบ พ.ศ. 2564 จึงประกาศให้ส านักงานที่ดินจังหวัดสิงห์บุรีเป็นส านักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและ นิติกรรมในหนังสือแสดง สิทธิในที่ดินประเภทโฉนดที่ดิน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖6 ชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน ้หนา ๖๕ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1645.pdf,"ประกาศส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นค าขอในกระบวนการพิจารณาการอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นค าขอในกระบวนการพิจารณาการอนุญาต เป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เป็นไป ตามข้อ ๔ ของกฎกระทรวงการอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2565 ซึ่งก าหนดให้การยื่นค าขอ การแจ้ง และการอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องด าเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติ การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 และพระราชบัญญัติการอ านวยความสะดวก ในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ที่มุ่งอ านวยความสะดวกให้แก่ผู้ประสงค์จะยื่น ค าขออนุญาตให้สามารถขออนุญาตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อันสอดคล้องกับการพัฒนาระบบ การให้บริการประชาชนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 32 มาตรา 36 และมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เลขาธิการส านักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “กฎกระทรวง” หมายความว่า กฎกระทรวงการอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๕ “ค าขอ” หมายความว่า ค าขอรับใบอนุญาตเป็นผู้จั ดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม บุคคลธรรมดา ค าขอรับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ค าขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดา ค าขอต่ออายุ ใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระ ทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ค าขอเปลี่ยนแปลงผู้จัดท า รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมบุคคลธรรมดาและเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจ าของผู้จัดท า รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนิติบุคคล ค าขอรับใบแทนใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และค าขอผ่อนผันเพื่อให้ผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมนิติบุคคลสามารถจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อน าไปใช้ประกอบการจัดท าหรือการให้ การรับรองรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานนโยบายและ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าด้วยแบบค าขอ ใบอนุญาต และใบแทนใบอนุญาต “ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ” หมายความว่า ระบบฐานข้อมูลของส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติแ ละสิ่งแวดล้อม ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ส าหรับรองรับการด าเนินการในกระบวนการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ (URL : eia.onep.go.th) ซึ่งประกอบด้วย ระบบฐานข้อมูลรายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ระบบฐานข้อมูลรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้อ งกันและแก้ไขผลกระทบ สิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และระบบฐานข้อมูลผู้จัดท ารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ข้อ 2 เพื่อประโยชน์ในการยื่นค าขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ยื่นค าขอ ด าเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยระบุข้อมูลส าหรับลงทะเบียนตามประเภทบุคคลธรรมดาหรือประเภทนิติบุคคล แล้วแต่กรณี และแนบไฟล์หลักฐานยืนยันตัวตน ตามขั้นตอน วิธีการ และเงื่อนไขในคู่มือการใช้งาน ระบบฐานข้อมูลผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (2) เข้าใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม โดยระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับค า ขอให้ครบถ้วน พร้อมอัปโหลดไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ค าขอ รวมถึงบรรดาเอกสารหลักฐานหรือส าเนาเอกสารหลักฐานอันเป็นสาระส าคัญประกอบการพิจารณา ซึ่งก าหนดในกฎกระทรวง และในคู่มือการขอรับใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อม โดยด าเนินการตามขั้นตอนการท างาน ของระบบฐานข้อมูลผู้จัดท ารายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ข้อ 3 เมื่อผู้ยื่นค าขอได้ยื่นค าขอ ข้อมูล เอกสารหรือหลักฐาน ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามข้อ 2 แล้ว ให้เลขาธิการส านักงาน นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตรวจสอบค าขอและความถูกต้องครบถ้วนของเอกสาร หรือหลักฐานประกอบค าขอแต่ละประเภทตามที่กฎกระทรวงหรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอนุญาต เป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก าหนด กรณีค าขอไม่ถูกต้องตามแบบที่ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมว่าด้วยแบบค าขอ ใบอนุญาต และใบแทนใบอนุญาต หรือมีเอกสารหรือหลักฐาน ที่จ าเป็นต้องใช้ประกอบการพิจารณาไม่ครบถ้วนเพียงพอ ให้เลขาธิการส านักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมแจ้งผลการตรวจสอบค าขอและเอกสารหรือหลักฐานประกอบค าขอ ภายในเจ็ดวันท าการนับแต่วันที่ค าขอได้เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยผู้ยื่นค าขอต้องด าเนินการแก้ไขเพิ่มเติมค าขอ หรือจัดส่งเอกสาร หรือหลักฐานให้ถูกต้องและครบถ้วนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากผู้ยื่นค าขอไม่แก้ไขเพิ่มเติมค าขอ หรือไม่จัดส่งเอกสา รหรือหลักฐาน ให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในก าหนดระยะเวลา ให้ถือว่าผู้ยื่นค าขอไม่ประสงค์จะให้ด าเนินการต่อไป และให้จ าหน่ายเรื่องออกจากสารบบ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖กรณีการยื่นค าขอ ข้อมูล เอกสารหรือหลักฐานประกอบค าขอในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแว ดล้อมถูกต้องและครบถ้วนแล้ว ให้เลขาธิการ ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาค าขอ แจ้งผลการพิจารณาค าขอ รวมทั้งออกใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ในกฎกระทรวง การแจ้งผลการตรวจสอบค าขอและเอกสารหรือหลักฐานประกอบค าขอตามวรรคสอง การแจ้ง ผลการพิจารณาค าขอ และการออกใบอนุญาตเป็นผู้จัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามวรรคสาม ให้เลขาธิการส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแจ้ง ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือ ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประกาศก าหนด โดยให้ถือว่าการแจ้งดังกล่าวเป็นหลักฐานในการแจ้งผลการตรวจสอบค าขอ การแจ้งผลการพิจารณาค าขอ และการออกใบอนุญาต ข้อ 4 กรณีระบบอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เกิดปัญหาหรือมีเหตุขัดข้องจนไม่สามารถใช้งานระบบได้ ให้ผู้ยื่นค าขอยื่นค าขอและเอกสาร หรือหลักฐานประกอบค าขอในรูปแบบเอกสารและรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมหนังสือแจ้งเหตุขัดข้อง ที่ไม่สามารถยื่นค าขอในระบบได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมรับทราบและด าเนินการแก้ไขปัญหาหรือเหตุขัดข้องดังกล่าวโดยเร็วต่อไป โดยผู้ยื่นค าขอ จะส่งด้วยวิธีการทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือจะยื่นด้วยตนเอง ณ ส านักงานนโยบายแล ะแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ได้ บรรดาค าขอและเอกสารหรือหลักฐานประกอบค าขอที่ส่งด้วยวิธีการทางไปรษณีย์ตามวรรคหนึ่ง ให้มีผลนับแต่วันที่ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ประทับตราลงรับค าขอ และเอกสารหรือหลักฐานดังกล่าวไว้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้ผู้ยื่นค าขอหรือผู้ใช้งานระบบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่เมื่อพบปัญหาหรือเหตุขัดข้องในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของส านักงานนโยบายแล ะแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือพบเหตุที่อาจท าให้เกิดความไม่มั่นคง ปลอดภัยในการใช้งานระบบ ข้อ 5 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖6 พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖" 1646.pdf,"ประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อง การด าเนินการขึ้นทะเบียนลูกจ้างแรงงานต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นการสมควรเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การด าเนินการขึ้นทะเบียนลูกจ้างแรงงานต่างด้าว ให้นายจ้างสามารถน าลูกจ้างแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม มาขึ้นทะเบียน เป็นผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และขึ้นทะเบียน เป็นลูกจ้างตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวั นที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เพื่อให้การขึ้นทะเบียน แรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ท างานในประเทศไทยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญั ติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 เลขาธิการส านักงานประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 5/1 แห่งประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อง การด าเนินการ ขึ้นทะเบียนลูกจ้างแรงงานต่างด้าว ลงวันที่ 8 พฤ ศจิกายน พ.ศ. 2565 “ข้อ 5/1 ให้ลูกจ้างแรงงานต่างด้าวสัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ได้รับอนุญาตให้ท างานในราชอาณาจักร ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าว ท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพู ชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ลงวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ขึ้นทะเบียน ลูกจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นผู้ประกันตน ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 และที่แก้ไข เพิ่มเติม และขึ้นทะเบียนลูกจ้างแรงงานต่างด้าวเ ป็นลูกจ้างของนายจ้างตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยใช้เอกสารที่กรมการจัดหางานออกให้เป็นหลักฐานแสดงว่า คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้ท างานได้เป็นหลักฐานการขึ้นทะเบียน กรณีลูกจ้างแรงงานต่างด้าวตามวรรคหนึ่งเคยเป็นผู้ประกันต นหรือลูกจ้าง และมี เอกสารฉบับเดิมที่ใช้เป็นหลักฐานการขึ้นทะเบียนอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ หนังสือเดินทาง ( Passport) หรือเอกสารแสดงตัวแทนหนังสือเดินทาง หรือบัตรประจ าตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย หรือบัตรประกันสังคม หรือใบอนุญาตท างาน ( Work-Permit) หรือใบรับค าขออนุญาตท างานแทนคนต่างด้าว หรือเอกสาร ซึ่งแสดงว่าคนต่างด้าวได้รับอนุญาตท างานจากกรมการจัดหางาน ให้ใช้เอกสารฉบับเดิมดังกล่าว และแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน (สปส. 6 -10) ประกอบการยื่นขึ้นทะเบียน ตามวรรคหนึ่ง ในการยืนยันการเป็นตั วบุคคลต่อส านักงานประกันสังคม เพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ อย่างต่อเนื่อง ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ กันยายน ๒๕๖๖ การขึ้นทะเบียนลูกจ้างแรงงานต่างด้าวตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้นายจ้าง มีหน้าที่ด าเนินการแจ้งขึ้นทะเบียน ภายในระยะเวลาตามกรณี ดังต่อไปนี้ (1) กรณีลูกจ้างนั้นมีหลักฐานในกา รขึ้นทะเบียนครบถ้วน ก่อนวันที่ประกาศนี้ มีผลใช้บังคับ ให้ขึ้นทะเบียนภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ (2) กรณีลูกจ้างนั้นมีหลักฐานในการขึ้นทะเบียนครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ มีผลใช้บังคับ ให้ขึ้นทะเบียนภายใน 30 วันนับตั้งแต่วั นที่มีหลักฐานครบถ้วน ” ข้อ 2 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕66 บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการส านักงานประกันสังคม ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ กันยายน ๒๕๖๖" 1648.pdf,"ประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง ยกเว้นการแจ้งข้อมูลการออกจากงานของคนต่างด้าวให้แก่นายจ้างซึ่งยื่นบัญชีรายชื่อ ความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระให้แก่นายจ้างซึ่งจ้างคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว และคนต่างด้าวนั้น ได้รับการผ่อนผันให้ท างานไปพลางก่อนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ วรรคสอง แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ อธิบดีกรมการจัดหางานจึงก าหนดให้นายจ้าง ซึ่งจ้างคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว และคนต่างด้าวนั้น ได้รับการผ่อนผันให้ท างานไปพลางก่อนได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตท างานตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ลงวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างาน ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งข้อมูลการออกจากงานของคนต่างด้ าวดังกล่าวให้นายทะเบียนทราบตามมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ ณ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖6 ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๑๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กันยายน ๒๕๖๖" 1651.pdf,"ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ยกเลิกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการขึ้นทะเบียน การออกใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ และประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดอัตราความเข้มข้นในแต่ละสูตร ของวัตถุอันตรายที่รับขึ้นทะเบียน พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๓ ข้อ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ ข้อ ๑๔ (๑) (๒) ข้อ ๑๕ ข้อ ๑๙ และข้อ ๒0 ของประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบส าคัญ และการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบ พ .ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ยกเลิกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการขึ้นทะเบียน การออกใบส าคัญและการ ต่ออายุ ใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ และประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดอัตราความเข้มข้นในแต่ละสูตรของวัตถุอันตรายที่รับขึ้นทะเบียน พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไ ป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออกใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ (๒) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออกใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ (๓) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่ อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออกใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (๔) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอี ยด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออกใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ (๕) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออกใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ้หนา ๘ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖(๖) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออกใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๕ ลงวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ (๗) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออก ใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ (๘) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออกใบส าคัญและการต่อ อายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ (๙) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออกใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้ นทะเบียนวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (๑๐) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขึ้นทะเบียนการออกใบส าคัญและการต่ออายุใบส าคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอั นตรายที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ (๑๑) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดอัตราความเข้มข้นในแต่ละสูตรของวัตถุอันตราย ที่รับขึ้นทะเบียน พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (๑๒) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดอัตราความเข้มข้นในแต่ละสูตรของวัตถุอันตราย ที่รับขึ้นทะเบียน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ (๑๓) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดอัตราความเข้มข้นในแต่ละสูตรของวัตถุอันตราย ที่รับขึ้นทะเบียน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ (๑๔) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดอัตราความเข้มข้นในแต่ละสูตรของวัตถุอันตราย ที่รับขึ้นทะเบียน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ (๑๕) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดอัตราความเข้มข้นในแต่ละสูตรของวัตถุอันตรา ย ที่รับขึ้นทะเบียน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ (๑๖) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดอัตราความเข้มข้นในแต่ละสูตรของวัตถุอันตรา ย ที่รับขึ้นทะเบียน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศ ณ วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕66 ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ้หนา ๙ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖" 1656.pdf,"ประกาศส านักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2566 โดยที่มาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 บัญญัติให้บรรดาค าขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศก าหนดให้ถือว่า หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับตามวันและเวลาที่ค าขออนุญาตหรือการติดต่อนั้นเข้าสู่ระบบ สมควรก าหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับประชาชนใช้ในการยื่นค าข อหรือติดต่อส านักงานขนส่ง จังหวัดนครราชสีมา โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกและลดภาระ แก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ดังต่อไปนี้ เป็นช่องทางส าหรับประชาชนยื่นค าขอหรือติดต่อ ส านักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (1) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) : Korat1@dlt.mail.go.th (2) เว็บไซต์ : https://nma.dlt.go.th (3) แอปพลิเคชัน : Facebook fan page ส านักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ข้อ 2 ในกรณีที่ผู้ยื่นค าขอหรือติดต่อมาทางช่องทางตามข้อ 1 ประสงค์จะสอบถามหรือ ขอรับค ายืนยันจากส านักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ว่าได้รับค าขอหรือการติดต่อแล้วให้สอบถาม ในวันและเวลาราชการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ดังต่อไปนี้ (1) ส านักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 1 หมายเลขโทรศัพท์ 0 -4424-2777 (2) ส านักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 หมายเลขโทรศัพท์ 0 -4437-1332 ข้อ 3 ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นค าขอหรือติดต่อส านักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ทางช่องทาง ตามข้อ 1 แล้ว ก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖6 รังสฤษดิ์ วรสีหะ ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๓๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กันยายน ๒๕๖๖" 1657.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ หลักสูตร ระยะเวลาการฝึกอบรม และหน้าที่ของบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ หลักสูตร ระยะเวลา การฝึกอบรม และหน้าที่ของบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติมไว้แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรขยายระยะเวลาในการยื่นค าขอขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัย ในการขนส่งโดยไม่ต้องเข้ารับการฝึกอบรมให้กับผู้มีประสบการณ์การท างานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ ด้านการขนส่งทางถนนไปอีกระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากการรับขึ้นทะเบียนเป็นบุค ลากรจัดการด้านความปลอดภัย ในการขนส่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการขนส่ง อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๓ (๙/๒) และวรรคสอง และข้อ ๔ (๔) ของกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ อธิบดีกรมการ ขนส่งทางบกโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ 18 ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ หลักสูตร ระยะเวลาการฝึกอบรม และหน้าที่ของบุคลากรจัดการด้านความ ปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. 2564 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดคุณสมบัติ หลักสูตร ระยะเวลาการฝึกอบรมและหน้าที่ของบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 18 ผู้มีประสบการณ์การท างานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการด้านการขนส่งทางถนน มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ที่ได้ยื่นค าขอขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ให้ได้รับยกเว้นการฝึกอบรมตามหลักสูตรและระยะเวลาที่ก าหนด ในข้อ 2 และเมื่อผ่านการทดสอบความรู้ตามที่กรมการขนส่งทางบกก าหนดจึงจะได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง ผู้ยื่นค าขอขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งที่ประสงค์จะได้รับ ยกเว้นการฝึกอบรมตามหลักสูตรและระยะเวลาตามที่ก าหนดในข้ อ 2 ต้องด าเนินการทดสอบความรู้ ครั้งแรกภายใน 30 วันนับแต่วันที่กรมการขนส่งทางบกได้แจ้งว่าสามารถเข้ารับการทดสอบได้ หากผู้ยื่นค าขอขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งไม่ได้ด าเนินการ ทดสอบความรู้ครั้งแรกภายในระยะเวลาตามวรรค สอง ให้ค าขอขึ้นทะเบียนนั้นสิ้นผลไปและผู้ยื่นค าขอ ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๓๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ กันยายน ๒๕๖๖ขึ้นทะเบียนดังกล่าวไม่มีสิทธิยื่นค าขอขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง โดยได้รับยกเว้นการฝึกอบรมตามหลักสูตรและระยะเวลาที่ก าหนดในข้อ 2 ได้อีก” ประกาศ ณ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕66 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๓๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ กันยายน ๒๕๖๖" 1661.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง กำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๗) โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติในสาขาอาชีพต่าง ๆ เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๖) ของข้อ ๒.๒ ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง กำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๖) สาขาช่างเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ CAD | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๕๐๐ | | ระดับ ๒ | ไม่เกินครั้งละ | ๖๐๐ | | ระดับ ๓ | ไม่เกินครั้งละ | ๗๐๐ | ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๔๐) (๔๑) และ (๔๒) ของข้อ ๒.๒ ของประกาศ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง กำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ “(๔๐) สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๒,๑๐๐ | | ระดับ ๒ | ด้วยหุ่นยนต์ | - | | ระดับ ๓ | ไม่เกินครั้งละ | ๒,๑๐๐ | (๔๑) สาขาช่างเทคนิครบบนิวเมตริกส์ | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๒,๕๐๐ | | ระดับ ๒ | ไม่เกินครั้งละ | ๓,๐๐๐ | | ระดับ ๓ | ของข้อ ๒.๓ | - | ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๒๕) และ (๒๖) ของข้อ ๒.๓ ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง กำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ “(๒๕) สาขาช่างเครื่องปรับอากาศรถยนต์ขนาดเล็ก | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๑,๓๐๐ | (๒๖) สาขาช่างตั้งศูนย์และถ่วงสักรถยนต์ | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๗๐๐ | ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๒๔) (๒๕) (๒๖) (๒๗) (๒๘) (๒๙) (๓๐) (๓๑) (๓๒) และ (๓๓) ของข้อ ๒.๗ ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง กำหนด อัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ""(๒๔) สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๒ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๓ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๔ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | (๒๕) สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๒ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๓ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๔ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | (๒๖) สำนักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๒ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๓ | ไม่เกินครั้งละ | ๕๐๐ | | ระดับ ๔ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | (๒๗) สำนักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๒ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๓ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๔ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | (๒๘) สำนักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางราง | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๒ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๓ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๔ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | (๒๙) สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ระดับ ๑ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๒ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๓ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | | ระดับ ๔ | ไม่เกินครั้งละ | ๔๐๐ | (๓๐) สาขาพนักงานนำเข้าและส่งออก | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ๑ | ๔๐๐ | | | ๒ | ๔๐๐ | | | ๓ | ๔๐๐ | | | ๔ | ๔๐๐ | | (๓๑) สำนักปฏิบัติการจัดส่งสินค้าด้วยรถจักรยานยนต์ | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ๑ | ๕๐๐ | | | ๒ | ๔๐๐ | | | ๓ | ๔๐๐ | | | ๔ | ๔๐๐ | | (๓๒) สำนักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ๑ | ๔๐๐ | | | ๒ | ๔๐๐ | | | ๓ | ๔๐๐ | | | ๔ | ๔๐๐ | | (๓๓) สำนักปฏิบัติการลานกองตู้คอนเทนเนอร์สินค้า | ระดับ | ไม่เกินครั้งละ | บาท | | --- | --- | --- | | ๑ | ๑,๖๐๐ | | | ๒ | ๔๕๐ | | | ๓ | ๔๐๐ | | | ๔ | ๔๐๐ | "" | ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 1663.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงข้อกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซลให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปริมาณและราคาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไบโอดีเซล อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในรายการ ๑๗ ในตารางหมายเลข ๑ ลักษณะและคุณภาพของ น้ำมันดีเซล แนบท้ายประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
รายการ ช้อกำหนด อัตราสูงต่ำ น้ำมันดีเซล วิธีทดสอบ
หมุนเร็ว หมุนช้า
ธรรมดา ปี ๗ ปี ๒๐
๑๗ ไบโอดีเซลประเภทเมเทิลเอสเตอร์ ของกรดไขมัน (Methyl ester of fatty acids) % vol. ร้อยละโดยปริมาตร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ไม่ต่ำกว่า และ ไม่สูงกว่า ๑๐ ๖.๖ ๗ ๖.๖ ๒๐ - EN ๑๔๐๗
ไม่ต่ำกว่า และ ไม่สูงกว่า ๑๐ ๙ ๗ ๖.๖ ๑๙ -
ไม่ต่ำกว่า และ ไม่สูงกว่า ๑๐ ๑๐ ๗ ๒๐
ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ พัทธธีรา สายประทุมทิพย์ รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน" 1667.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช เรื่อง แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่คณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชเห็นสมควรกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับ ความสำคัญเพื่อให้คณะกรรมการกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุน อย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๗ (๓) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช เรื่อง แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “กองทุน” หมายความว่า กองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช “คณะกรรมการกองทุน” หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช “ชุมชน” หมายความว่า กลุ่มของประชาชนที่ตั้งถิ่นฐานและสืบทอดระบบนวัฒนธรรมร่วมกัน มาโดยต่อเนื่อง และได้ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๔๒ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่กฎหมายกำหนด ข้อ ๔ การบริหารกองทุนและการควบคุมการใช้จ่ายเงินกองทุนจะต้องปฏิบัติตามระเบียบ คณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชว่าด้วยการบริหารกองทุนและการใช้จ่ายเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช ข้อ ๕ ทุนใช้จ่ายในการช่วยเหลือและอุดหนุนกิจการที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ การวิจัยและ การพัฒนาพันธุ์พืช ประกอบด้วย เงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้ (๑) เงินรายได้จากข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ตามมาตรา ๕๒ (๒) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืช (๓) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล (๔) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ (๕) ดอกผลและผลประโยชน์อื่นใดที่เกิดจากกองทุน ข้อ ๖ การพิจารณากรอบวงเงินที่ขอรับเงินช่วยเหลือและอุดหนุน หรือเงินอุดหนุน และค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุนต้องเป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนพิจารณาจัดสรรในแต่ละปี ให้คณะกรรมการกองทุนจัดสรรเงินจำนวนร้อยละหกสิบของเงินรายได้ในส่วนที่ได้รับจาก การใช้ประโยชน์พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปตามข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ตามมาตรา ๕๒ ให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นแหล่งนำพันธุ์พืชฟื้นเมืองทั่วไปมาใช้ประโยชน์ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ข้อ ๗ เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุน ให้กองทุน ดำเนินการจัดสรรเงินกองทุน ให้ใช้ในกิจการ ต่อไปนี้ (๑) ช่วยเหลือและอุดหนุนกิจการใด ๆ ของชุมชนที่เกี่ยวข้องอนุรักษ์ การวิจัยและการพัฒนา พันธุ์พืชของชุมชน (๒) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้เพื่ออุดหนุนการอนุรักษ์ การวิจัยและการพัฒนาพันธุ์พืช ของชุมชน (๓) ใช้จ่ายในการบริหารกองทุน การพิจารณาการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือและอุดหนุนกิจการใด ๆ ของชุมชน และให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้เพื่ออุดหนุนเกี่ยวกับการอนุรักษ์ การวิจัย และการพัฒนาพันธุ์พืชของชุมชน ตาม (๑) และ (๒) ในวรรคแรก ให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญของโครงการ ดังนี้ (๑) โครงการอนุรักษ์พันธุ์พืชของชุมชน (๒) โครงการวิจัยเกี่ยวกับพืช หรือพัฒนาพันธุ์พืชของชุมชน ข้อ ๘ การขอรับเงินช่วยเหลือและอุดหนุน หรือเงินอุดหนุนให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการ กองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรร ของเงินช่วยเหลือ หรือของเงินอุดหนุน จากกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช ข้อ ๙ การขอรับเงินช่วยเหลือและอุดหนุน หรือเงินอุดหนุน ให้พิจารณาลักษณะของโครงการ ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นโครงการที่มีลักษณะของแผนงานอย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่กำหนดในระเบียบคณะกรรมการ กองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรร ของเงินช่วยเหลือ หรือของเงินอุดหนุน จากกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช (๒) เป็นโครงการที่ไม่ได้รับงบประมาณจากหน่วยงานรัฐหรือแหล่งทุนอื่น (๓) เป็นโครงการที่ไม่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาล (๔) เป็นโครงการที่มีความพร้อมที่จะดำเนินโครงการได้ทันทีที่ได้รับการอนุมัติจัดสรรเงิน จากกองทุน ประกาศ ณ วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช" 1668.pdf," หน้า ๕ เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดส่งและเก็บรักษาเอกสารสําหรับการชี้ชวนเกษตรกร ในระบบเกษตรพ ันธสัญญา อาศัยอํานาจความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 20 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพ ันธสัญญา พ.ศ. 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ จึงออกประกาศไว ้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และ วิธีการในการจัดส่งและเก็บรักษาเอกสารสําหรับการชี้ชวนเกษตรกรในระบบเกษตรพ ันธสัญญา” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชก ิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ในประกาศนี้ “เอกสารสําหรับการชี้ชวน” หมายความว่า เอกสารไม่ว่าจะเป็นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งได้ทําให้ปรากฏความหมายด ้วยตัวอักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย ่างอื่น จะเป็นโดยวิธีพิมพ์ ถ่ายภาพ หรือวิธีอื่นอันเป็นหลักฐานแห่งความหมายน ั้น ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรจ ัดทําขึ้น โดยมีเจตนาให้เกษตรกรผู้ที่จะเข้าทําสัญญาในระบบเกษตรพ ันธสัญญาทราบข้อมูลเกี่ยวกับการทําสัญญา เป็นการล่วงหน้าเพื่อประกอบการต ัดสินใจก่อนทําสัญญา ข้อ 4 ผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรต ้องจัดทําเอกสารสําหรับการชี้ชวนและร่างสัญญา ให้เกษตรกรรับทราบล่วงหน้าก่อนทําสัญญา และอาจจัดให้เกษตรกรลงลายม ือชื่อรับทราบเอกสารส ําหรับ การชี้ชวนไว้เพื่อเป็นหลักฐานก็ได้ ข้อ 5 ผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรต ้องจัดส่งสําเนาเอกสารสําหรับการชี้ชวนให้เกษตรกร เข้าทําสัญญาในระบบเกษตรพ ันธสัญญาต่อสํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์หรือสํานักงาน เกษตรและสหกรณ ์จังหวัด ภายใน 30 วันหลังจากที่มีการทําสัญญาครั้งแรกของเอกสารส ําหรับการชี้ชวน นั้น ๆ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (1) วิธีการจัดส่ง ก. ส่งด้วยตนเอง หรือมอบอํานาจให้ผู้อื่นส่งแทนโดยมีหนังสือมอบอํานาจ ข. ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน (2) สถานที่จัดส่ง ก. ในกรณีผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรม ีสํานักงานแห่งใหญ่ หรือมีภูมิลําเนาตั้งอยู่ ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้แจ้ง ณ สํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ ข. ในกรณีผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรม ีสํานักงานแห่งใหญ่ หรือมีภูมิลําเนาตั้งอยู่ ในเขตจังหวัดอื่น ให้แจ้ง ณ สํานักงานเกษตรและสหกรณ ์จังหวัดที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น หน้า ๖ เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เอกสารสําหรับการชี้ชวนตามวรรคหน ึ่งที่มีรายละเอียดอย่างเดียวกัน ให้ผู้ประกอบธุรกิจ ทางการเกษตรน ําส่งสํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์เพียงฉบับเดียว ในกรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาให้แตกต่างไปจากรายละเอ ียดในเอกสารสําหรับการชี้ชวน ที่ยื่นไว้แล้ว ให้คู่สัญญาระบุการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นไว้ในสัญญาที่แก้ไขเพิ่มเติมว่าให้มีผลเป็นการ เปลี่ยนแปลงเอกสารส ําหรับชี้ชวนดังกล่าวด้วย ข้อ 6 ให้สํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์และสํานักงานเกษตรและสหกรณ ์จังหวัด ออกหลักฐานแสดงการได ้รับสําเนาเอกสารส ําหรับการชี้ชวนตามข้อ 3 ให้กับผู้ประกอบธุรกิจ ทางการเกษตรในระบบเกษตรพ ันธสัญญาเพื่อเป็นหลักฐานทันที หรือไม่เกิน 7 วันนับแต่วันได้รับ เอกสารทางไปรษณ ีย์ลงทะเบียน ข้อ 7 ให้สํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์เก็บรักษาสําเนาเอกสารส ําหรับ การชี้ชวนไว้เป็นระยะเวลาไม ่น้อยกว่า 10 ปีนับแต่วันที่ได้รับเอกสาร โดยการเก็บรักษาให้เป็นไปตาม ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้จัดทํา เอกสารหรือข้อความให้อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศ ณ วันที่ ๑9 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ " 1671.pdf,"# ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ## (ฉบับที่ ๕๑) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ และมาตรา ๘ แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “หน่วยรับบริจาค” หมายความว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย และกรมพลศึกษา ข้อ ๒ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา สำหรับการบริจาคให้แก่หน่วยรับบริจาค ตามมาตรา ๔ (๑) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ข้อ ๓ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาค ให้แก่หน่วยรับบริจาค ตามมาตรา ๔ (๒) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ จะบริจาคเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าก็ได้ ในกรณีที่บริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐาน การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจำนวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าว เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (๒) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคำนวณ หักค่าเสียหาย และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (๓) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นมูลค่าของรายจ่าย ที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมา ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) แห่งประมวล รัษฎากร (๔) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจำนวนไม่เกินราคาที่พึงซื้อได้ โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑๕) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ ๔ การบริจาคให้แก่หน่วยรับบริจาค ให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาค อิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ตามมาตรา ๔ และมาตรา ๘ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดง เอกสารหลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ควรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร" 1673.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๓๗) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พันโทษ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๔) พ.ศ. ๒๕๖๖ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พันโทษ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ผู้พันโทษ” หมายความว่า นักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ ซึ่งมีสัญชาติไทย และได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเนื่องจากครบกำหนดโทษตามหมายศาล ลดวันต้องโทษจำคุก หรือพักการลงโทษ ข้อ ๒ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๔) พ.ศ. ๒๕๖๖ ต้องเป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) รับผู้พันโทษที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเป็นระยะเวลาไม่เกินสามปีนับแต่วันที่ ได้รับการปล่อยตัว เข้าทำงาน หรือเป็นการจ้างงานต่อเนื่องจากช่วงเวลาที่ได้สิทธิตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๔) พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) จัดทำรายงานเกี่ยวกับการรับผู้พันโทษเข้าทำงานที่จะนำมาใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พันโทษ เป็นรายปี ซึ่งมีรายการและข้อความอย่างน้อย ตามแบบที่แนบท้ายประกาศนี้ และเก็บรักษารายงานดังกล่าว รวมทั้งเอกสารประกอบการลงรายการ ในรายงานไว้ ณ สถานประกอบการ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ (๓) ต้องมีหลักฐานประกอบการปล่อยตัวของผู้พันโทษดังต่อไปนี้ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงาน ประเมินตรวจสอบได้ (a) หนังสือสำคัญการปล่อยตัว (ร.ท.๒๕) (b) หนังสือสำคัญปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุก (ล.ว.ท.๓) (c) หนังสือสำคัญพักการลงโทษ (พ.๗) (d) หนังสือสำคัญพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ (พ.๘) ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร" 1674.pdf,"คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.๑๖๑/๒๕๖๖ เรื่อง การเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔๑ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการตรวจและแนะนำผู้อยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว เนื่องจากหน้าที่งาน หรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือนำเงินจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ตามมาตรา ๔๑ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร กรมสรรพากรจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ บุคคลซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยตามมาตรา ๔๑ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ที่มีเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือนำเงินจากทรัพย์สินที่อยู่ ในต่างประเทศ ตามมาตรา ๔๑ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ในปีภาษีดังกล่าว และได้นำเงินได้ พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีใดก็ตาม ให้บุคคลนั้นมีหน้าที่ต้องนำเงินได้พึงประเมินนั้น มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา ๔๘ แห่งประมวลรัษฎากร ในปีภาษีที่ได้นำเงินได้ พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทย ข้อ ๒ บรรดาธระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือตอบข้อหารือ หรือทางปฏิบัติตามที่ชัดหรือแย้ง กับคำสั่งนี้ให้เป็นอันยกเลิก ข้อ ๓ คำสั่งนี้ให้เริ่มใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่นำเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ลวรรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร" 1676.pdf,"ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไว้แล้ว นั้น โดยที่ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลการจัดทำประกันภัยรถตามกฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวผ่านระบบฐานข้อมูลกรมการขนส่งทางบกได้สะดวก รวดเร็ว ลดการใช้ และการจัดเก็บเอกสารหลักฐานในรูปแบบกระดาษ ดังนั้น เพื่อปรับปรุงการดำเนินการ เกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับ ทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระบียบนี้ให้ใช้งบคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า “ระบบฐานข้อมูลกรมการขนส่งทางบก” ต่อจากบทนิยาม คำว่า “ตรวจสอบรถ” ในข้อ ๔ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับ ทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๕๔ “ระบบฐานข้อมูลกรมการขนส่งทางบก” หมายความว่า ระบบทะเบียนและภาษีรถ ระบบตรวจสภาพรถ และให้หมายเลขรวมถึงระบบอื่นที่เชื่อมโยงข้อมูลมาที่ระบบทะเบียนและภาษีรถ และระบบตรวจสภาพรถ ที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๘ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการ เกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ การจดทะเบียนรถ การต่ออายุทะเบียนและชำระภาษีรถ หรือการโอนรถที่มี การเปลี่ยนแปลงผู้ประกอบการขนส่ง ให้นายทะเบียนตรวจสอบการจัดทำประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจากระบบฐานข้อมูลกรมการขนส่งทางบก ในกรณีที่ไม่พบข้อมูล การจัดทำประกันภัยจากระบบฐานข้อมูลดังกล่าว ให้นายทะเบียนตรวจสอบจากข้อมูลหรือเอกสาร หลักฐานการจัดทำประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถที่เจ้าของรถแสดงต่อ นายทะเบียน สัญญาประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัยตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีความคุ้มครองอย่างน้อย ถึงวันสิ้นอายุภาษีรถในปีถัดไป"" ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๔ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการ เกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน ""ข้อ ๑๔ เมื่อได้รับเรื่องขอต่ออายุทะเบียนและชำระภาษีรถตามข้อ ๑๓ แล้ว ให้ดำเนินการ ดังนี้ (๑) ตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานประกอบการขอชำระภาษีรถจากระบบฐานข้อมูล กรมการขนส่งทางบก เช่น หลักฐานแสดงว่าผ่านการตรวจสภาพรถ หลักฐานการจัดทำประกันภัยตามกฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ในกรณีที่ไม่พบข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลดังกล่าว ให้ตรวจสอบ จากข้อมูลหรือเอกสารหลักฐานที่เจ้าของรถแสดงต่อนายทะเบียน ในกรณีกฎหมายกำหนดให้ต้องยื่นเอกสารหรือหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม ให้ตรวจสอบ เอกสารหรือหลักฐานดังกล่าวด้วย (๒) จัดเก็บภาษีรถประจำปี สำหรับการรับชำระภาษีรถประจำปีแทนนายทะเบียนสำนักงานขนส่งอื่น ให้บันทึกในระบบ ฐานข้อมูลกรมการขนส่งทางบกว่ารับชำระภาษีแทนนายทะเบียนสำนักงานขนส่งใด และจัดพิมพ์รายงาน การรับชำระภาษีรถคืนดังกล่าว เพื่อจัดเก็บไว้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบ"" ประกาศ ณ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ จิรัตน์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก" 1682.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง การกำหนดประเภทและอายุใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน (ฉบับที่ ๒) ว.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประเภทใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานเพื่อให้ สอดคล้องกับมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ที่เห็นชอบหลักการทบทวนแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการ ก๊าซธรรมชาติและให้มีผู้ทำหน้าที่บริหารจัดการก๊าซธรรมชาติของประเทศ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อ ประชาชน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และการลงทุน รวมถึงลักษณะการแข่งขันของกิจการ ก๊าซธรรมชาติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในการประชุมครั้งที่ ๔๑/๒๕๖๖ (ครั้งที่ ๘๖๙) เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง การกำหนด ประเภทและอายุใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ ของประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง การกำหนด ประเภทและอายุใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗ ใบอนุญาตการประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติมีห้าประเภท ดังต่อไปนี้ (๑) ใบอนุญาตขนส่งก๊าซธรรมชาติต่างที่อยู่ผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติ ออกให้แก่ผู้ประกอบกิจการ ขนส่งก๊าซธรรมชาติต่างที่อยู่ผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติ (๒) ใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ออกให้แก่ ผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ จากจุดซื้อขายก๊าซธรรมชาติผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติไปยังจุดจ่ายก๊าซธรรมชาติให้แก่ผู้ซื้อ (๓) ใบอนุญาตค้าปลีกก๊าซธรรมชาติผ่านระบบจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ ออกให้แก่ผู้จำหน่าย ก๊าซธรรมชาติจากจุดซื้อขายก๊าซธรรมชาติผ่านระบบจำหน่ายก๊าซธรรมชาติไปยังจุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ ให้แก่ผู้ซื้อ (๔) ใบอนุญาตก๊าบรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ ออกให้แก่ ผู้ประกอบกิจการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ (๕) ใบอนุญาตบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ออกให้แก่ผู้บริหารจัดการ Pool Gas ของประเทศ (Pool Manager) ในการดำเนินการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติกับผู้จัดหาและค้าส่ง ก๊าซธรรมชาติทุกรายในกลุ่มของตลาดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในด้านปริมาณ คุณภาพ และราคา (Regulated Market) โดยคำนวณราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยของกลุ่ม ให้เป็นราคาเดียวกัน (ราคา Pool Gas) เพื่อขายก๊าซธรรมชาติให้ผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ตามปริมาณที่ผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติจัดหาและนำเข้า Pool Gas” ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน" 169.pdf,"ประกาศส านักงานมาตรฐานสินค้า เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการยื่นค าร้องขอให้ออกใบรับรองมาตรฐานสินค้า พ.ศ. 2562 โดยที่เป็นการสมควรก าหนดแนวทางปฏิบัติในการยื่นค าร้องขอให้ออกใบรับรองมาตรฐานสินค้า เพื่อให้การออกใบรับรองมาตรฐานสินค้า เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง สามารถด าเนินการได้อย่าง มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อออกใบรับรองมาตรฐ านสินค้า ระหว่างส านักงานมาตรฐานสินค้ากับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและการออกใบรับรองมาตรฐานสินค้า พ.ศ. 2562 ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 หัวหน้าส านักงานมาตรฐานสินค้า จึงก าหนด แนวทางปฏิบัติในการยื่นค าร้องขอให้ออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ผู้ที่ประสงค์จะขอใบรับรองมาตรฐานสินค้า (มส.24) ยื่นค าร้องขอให้ออกใบรับรอง มาตรฐานสินค้า (มส.13) พร้อมแนบใบอนุญาตให้ส่งสินค้าออกไปนอก ราชอาณาจักร (อ.๒) ส าหรับสินค้าที่ต้องขออนุญาตส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือหลักฐานแสดงการซื้อขายส าหรับสินค้า ที่ไม่ต้องขออนุญาตส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ผ่านระบบบริการมาตรฐานสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ ของส านักงานมาตรฐานสินค้า หรือระบบการออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ของสภาหอการค้า แห่งประเทศไทย ข้อ 2 ใบอนุญาตให้ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักรหรือหลักฐานแสดงการซื้อขายตามข้อ 1 สามารถใช้ยื่นประกอบค าร้องขอให้ออกใบรับรองมาตรฐานสินค้า (มส.13) ต่อส านักงานมาตรฐาน สินค้าหรือสภา หอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เพียงแห่งใดแห่งหนึ่งเท่านั้น ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖2 ปวริศ หาญณรงค์ หัวหน้าส านักงานมาตรฐานสินค้า ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๒" 1690.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮึ่งอ อำเภอดรีสำคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และ อำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอบาง อำเภอกาบัง และอำเภอทรงปินัง ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดาประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรี กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑/๒๕๕๐ เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และตามประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ดังกล่าวเท่าที่ยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ในวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี" 1691.pdf,"ประกาศ ตามมาตรา ๑๑ ของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และ นั่น อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๑ วรรคสอง แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ร่วม กระทำหรือให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเป็นผู้ใช้ ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุนการกระทำเช่นว่านั้น หรือ ปกปิดข้อมูลที่เกี่ยวกับการกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ เท่าที่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันมิให้ บุคคลนั้นกระทำการหรือร่วมมือกระทำการใด ๆ อันจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง หรือเพื่อให้เกิด ความร่วมมือในการระงับเหตุการณ์ร้ายแรงและมิใช่เป็นการกล่าวหาว่าบุคคลนั้นกระทำผิดอาญา ซึ่งต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยปฏิบัติตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้ดำเนินการดังนี้ ข้อ ๑.๑ ก่อนจับกุมและควบคุมตัวบุคคลตามข้อนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องรองขอ ต่อศาลจังหวัดที่มีเขตอำนาจในพื้นที่ที่มีการจับกุมหรือควบคุมตัว หรือจะร้องขอต่อศาลอายาก็ได้ ทั้งนี้ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่อาจดำเนินการตามมาตรา ๕๙ ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้ ข้อ ๑.๒ เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมและ ควบคุมตัวบุคคลนั้นไว้ได้ไม่เกินเจ็ดวัน และให้นำตัวผู้ถูกจับกุมหรือควบคุมตัวไปศาลในกรณีที่ศาลมีคำสั่ง ในการจับกุมและควบคุมตัวบุคคล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำรายงาน เกี่ยวกับการจับกุมและควบคุมตัวโดยพลันเพื่อเสนอต่อศาลที่มีคำสั่งอนุญาตและจัดสำเนารายงานนั้นไว้ ณ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า หรือกองอำนวยการรักษาความมั่นคง ภายในจังหวัดที่มีการจับกุม และควบคุมตัวและที่ทำการของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ญาติของบุคคลนั้น สามารถขอคู่รายงานดังกล่าวได้โดยสะดวก รายงานตามข้อนี้ต้องประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ ก. ชื่อและตำแหน่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุม และผู้ควบคุมตัว ข. ชื่อบุคคลที่ถูกจับกุมและควบคุมตัว ค. เหตุอันเป็นที่มาของการจับกุมและควบคุมตัว โดยให้ระบุพฤติการณ์ ตามสมควร ง. สถานที่ที่จะนำไปควบคุมตัว จ. พยานผู้รู้เห็นในการจับกุมและควบคุมตัว อย่างน้อย ๒ คน ฉ. หากมีการย้ายที่ควบคุมด้วยก็ต้องดำเนินการตามข้อ ก. ข้อ ข. ข้อ ง. และข้อ จ. ข้อ ๑.๓ การควบคุมด้วยบุคคลจะต้องควบคุมด้วไว้ ณ สถานที่ที่ไม่ใช่สถานีตำรวจนี้ ที่คุมชั่ง ทัณฑสถาน หรือเรือนจำ และให้ควบคุมไว้ในสถานที่ที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ กำหนด ข้อ ๑.๔ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อบุคคลผู้ถูกควบคุมด้วยอย่างผู้กระทำผิด หรือผู้ต้องหา ทั้งนี้ จะล่ามโซ่ตรวน หรือขังในกรงขัง หรือกระทำการอื่นที่รุนแรงต่อบุคคล ผู้ถูกควบคุมด้วยมิได้ ข้อ ๑.๕ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องควบคุมด้วต่อ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ดำเนินการรองขอต่อศาลเพื่อขยายระยะเวลาการควบคุมด้วต่อได้อีกคราวละเจ็ดวัน และดำเนินการ ตามข้อ ๑.๑ ถึงข้อ ๑.๔ ในแต่ละคราว ที่มีการรองขอต่อศาล ทั้งนี้ รวมระยะเวลาควบคุมด้วทั้งหมดต้องไม่เกินกว่าสามสิบวัน และให้ยึดถือ กฎหมายและการคุมครองสิทธิเสรีภาพโดยเคร่งครัด ข้อ ๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งเรียกให้บุคคลใดมารายงานตัวต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือมาให้ถ้อยคำหรือส่งมอบเอกสารหรือหลักฐานใดที่เกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ในกรณีที่มีความจำเป็น ต้องจับกุมและควบคุมด้วยบุคคลที่เรียกมารายงานตัวนั้น ให้ดำเนินการตามข้อ ๑ โดยเคร่งครัด ข้อ ๓ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งยืดหรืออายัดอาวุธ สินค้า เครื่องอุปโภค บริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัตถุใด ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า ได้ใช้หรือจะใช้สิ่งนั้น เพื่อการกระทำ หรือสนับสนุนการกระทำให้เกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ ๔ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งตรวจค้นตามความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อระงับเหตุการณ์ร้ายแรงให้ยุติโดยเร็วและหากปล่อยเนินช้าจะทำให้ไม่อาจระงับเหตุการณ์ได้ทันท่วงที ข้อ ๕ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งการให้คนต่างด้าวออกไปนอกราชอาณาจักร ในกรณี ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ โดยให้นำกฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมืองมาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๖ ให้การซื้อ ขาย ใช้ หรือมีไว้ครอบครองซึ่งอาวุธ สินค้า เวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภค บริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัสดุอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งอาจใช้ในการก่อความไม่สงบหรือการก่อการร้าย ตามที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ประกาศกำหนด ต้องรายงานหรือได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือปฏิบัติตามเงื่อนไขที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ให้การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่จะต้องดำเนินการลงทะเบียนและจัดเก็บข้อมูล ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามประกาศหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกำหนด ทั้งนี้ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและระงับเหตุการณ์ร้ายแรง ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีหน้าที่ต้องงดการให้บริการและนำส่งข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ตามประกาศหลักเกณฑ์และระยะเวลา ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ กำหนด ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะต้องไม่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจนเกินสมควรแก่เหตุ หรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น ข้อ ๗ ให้กำลังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่อไป แม้ว่าจะมีการประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกแล้วก็ตาม โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ทั้งนี้ โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารปฏิบัติตามคำสั่งของรองนายกรัฐมนตรีผู้กำกับการปฏิบัติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ และให้การใช้กำลังทหารเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม กฎ ระเบียบหรือข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการใช้กำลังทหาร การเคลื่อนกำลังทหารและการเตรียมพร้อม พ.ศ. ๒๕๔๕ การดำเนินการตามประกาศนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำรายงานตามแบบที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ กำหนด เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี" 1692.pdf,"ประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่ได้มีประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่อำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตงและอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ลงวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยให้มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เนื่องจากยังคงปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งปรากฏเห็นชัดในรูปแบบของเหตุการณ์รุนแรง ทั้งนี้ ห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้มีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถแก้ไขและความคุมสถานการณ์ไว้ได้ระดับหนึ่ง โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เห็นชอบให้ยกเลิกการประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่อำเภอย่ง จังหวัดนราธิวาส อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี และอำเภอทรงปินัง จังหวัดยะลา และให้นำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบและความปลอดภัย ในเขตพื้นที่ดังกล่าวแทน ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ปรับพื้นที่อำเภอดรีสาคร จังหวัดนราธิวาส นอกจากพื้นที่ ปราฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เนื่องจากปรากฏเหตุการณ์ที่มีความจำเป็น ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการบริหารจัดการรักษาความสงบและ ความปลอดภัยให้มีเอกภาพและเกิดประสิทธิภาพย่างสูงสุด จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงต้องกำหนด มาตรการป้องกันไว้เช่นเดิม เพื่อมิให้สถานการณ์ขยายตัวลุกลาม หรือหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็วโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ประกอบกับเพื่อเป็นการปรับปรุงประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๒ ให้เขตพื้นที่อำเภอย่ง อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ข้อ ๓ ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมอบหมายให้เป็นศูนย์อำนวยการ เป็นผู้รับผิดชอบ ในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร และจัดทำแผนการดำเนินการในกรณีรบราการ การกำกับ ติดตาม และเร่งรัด หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด ข้อ ๔ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติ การป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ให้บรรดาประกาศ คำสั่ง หรือการดำเนินการใดที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรกำหนดขึ้น หรือการปฏิบัติตามใด ของศูนย์อำนวยการ หน่วยงาน พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ใดที่ได้รับมอบหมายจากกองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามประกาศดังต่อไปนี้ ยังคงมีผลใช้บังคับโดยต่อเนื่อง จนกว่า จะมีการกำหนดเป็นอย่างอื่น ยกเว้นในเขตพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส (๑) ประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลใช้บังคับในเขตพื้นที่อำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง อำเภอไม้แก่น และอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง และอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (๒) ประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งมีผลใช้บังคับในเขตพื้นที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี (๓) ประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งมีผลใช้บังคับในเขตพื้นที่อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี (๔) ประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งมีผลใช้บังคับในเขตพื้นที่อำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตงและอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี" 1693.pdf,"เล่ม ๑๔๐ ตอนที่ ๖๑ ก ## หน้า ๑ ### กฎกระทรวง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาต เพื่อยูในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป สำหรับคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๑๒ (๑) วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓ และมาตรา ๓๕ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี ข้อ ๓ ให้กำหนดค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเข้ามาเพื่อทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ ด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (๑) การตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทคนอยู่ชั่วคราว ใช้ได้ครั้งเดียว (๒) คำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวต่อไปตามมาตรา ๓๕ คนหนึ่ง | | | | --- | --- | | ๕๐๐ บาท | ครั้งละ ๕๐๐ บาท | ข้อ ๔ ให้กำหนดค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี อนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรตามมาตรา ๑๗ เพื่อการทำงานเป็นกรณีพิเศษหรือเป็นการเฉพาะ ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (๑) การตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทคนอยู่ชั่วคราว ใช้ได้ครั้งเดียว (๒) คำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวต่อไปตามมาตรา ๓๕ คนหนึ่ง ครั้งละ ๕๐๐ บาท ให้วั ณ วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับลดอัตราค่าธรรมเนียม การตรวจลงตรา และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชการชั่วคราวต่อไป สำหรับคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการจ้างงานคนต่างด้าวโดยชอบด้วยกฎหมายตามบันทึก ความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน และเป็นการแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง เพื่อการทำงานให้เข้าสู่ระบบการเป็นผู้เข้าเมืองเพื่อทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ และบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการและนายจ้างที่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวดังกล่าว เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจทั้งภาคการผลิตสินค้า ภาคการบริการ และภาคการส่งออก และการพัฒนาประเทศ ทางด้านเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 1701.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกแบบรองเท้าผู้ผลิต มาตราฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระดับ ๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาผู้บังคับรถปั้นจักรยาน ระดับ ๑ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาผู้บังคับ รถปั้นจักรยาน ระดับ ๑ ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการแสดงความรู้ที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๕๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการแสดงความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิดความชำนาญ เพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อกำหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่กำหนด ลักษณะ แบบทดสอบ เป็นการทดสอบปฏิบัติงานตามรูปแบบและกฎเกณฑ์ในรายละเอียดวิธีการทดสอบ ใช้เวลา ในการทดสอบ ๒ ชั่วโมง ๑๕ นาที คะแนนเต็ม ๕๖๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น ๗ แบบทดสอบ ดังนี้ | แบบทดสอบ | การอัดฉีดระบีและสารหล่อลื่น | | --- | --- | | แบบทดสอบที่ ๒ | การตรวจและทำความสะอาดใส่กรองอากาศแบบแห้ง | | แบบทดสอบที่ ๓ | ตรวจเติมน้ำกลิ่น และทำความสะอาดแบตเตอรี่ | | แบบทดสอบที่ ๔ | ตรวจสอบความดันลมยางอย่างเหมาะสมกับสภาพการใช้งาน | | แบบทดสอบที่ ๕ | แก๊สโซฮาระบบไฟฟ้าเบื้องต้น | | แบบทดสอบที่ ๖ | ตรวจเครื่องจักรรถปั้นจักรก่อนใช้งาน | | แบบทดสอบที่ ๗ | การเคลื่อนย้ายและใช้งานเครื่องจักรรถปั้นจั่น | (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาผู้บังคับรถปั่นจักรยาน ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้ และภาคความสามารถ และต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนรวมทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาผู้บังคับรถปั่นจักรยาน ระดับ ๑ (๒) ให้หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างเครื่องกล สาขาผู้บังคับรถปั่นจักรยาน ระดับ ๑ มีอายุห้าปีนับแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 1702.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๖๗ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนด สินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ กำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ๕ รายการ และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนด สินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ กำหนดสินค้าควบคุม ๔๖ รายการ และบริการควบคุม ๕ รายการ ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีพิจารณาเห็นว่าสถานการณ์ และภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้จำเป็นจะต้องเพิ่มเติมการกำหนดให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม เพื่อดูแลป้องกันการกำหนดราคาร้อย ราคาจำหน่าย หรือการกำหนดเงื่อนไขและวิธีการปฏิบัติตามการค้า อันไม่เป็นธรรม และกำกับดูแลสินค้าน้ำตาลทรายให้มีราคาที่เป็นธรรมและปริมาณที่เพียงพอ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๑) และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการด้วยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ให้น้ำตาลทราย เป็นสินค้าควบคุม ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ" 1707.pdf,"# ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งนายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฏาคม ๒๕๖๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ทำงานได้ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ นั้น เนื่องจากยังมีความจำเป็นที่จะต้องให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรได้ต่อไป เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกำหนดให้คนต่างด้าวดังกล่าวอยู่และทำงานในราชอาณาจักรได้เป็นกรณีพิเศษ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฏาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “คนต่างด้าว” หมายความว่า คนต่างด้าวตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฏาคม ๒๕๖๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่นายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฏาคม ๒๕๖๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม “ประกาศกระทรวงแรงงาน” หมายความว่า ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งนายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ ข้อ ๒ นอกจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ การดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวล้นสุดลง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ข้อ ๓ ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษได้จนถึงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๗ เพื่อดำเนินการตามข้อ ๔ และข้อ ๕ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน ข้อ ๔ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานตามข้อ ๖ แห่งประกาศกระทรวงแรงงานแล้ว อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงานได้จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เพื่อดำเนินการดังต่อไปนี้ (๑) จัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๑ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด (๒) จัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง เพื่อตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๑ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด (๓) จัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ที่สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่กรมการปกครองกำหนด ข้อ ๕ เมื่อคนต่างด้าวดำเนินการตามข้อ ๔ แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ตรวจสอบสภาพคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราว หรือตรวจอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ข้อ ๖ ให้ผู้ติดตามคนต่างด้าวซึ่งมีอายุไม่เกินสิบแปดปีอยู่ในราชอาณาจักรได้ตามระยะเวลาที่บิดาหรือมารดาของผู้นั้นได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร โดยให้ผู้ติดตามคนต่างด้านนั้นดำเนินการ หรือบิดาหรือมารดาของผู้นั้นดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) แจ้งชื่อ ที่อยู่ อาย สัญชาติ เพศ หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง ต่อกระทรวงแรงงาน ณ สถานที่ที่กำหนดไว้ในข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน (๒) ยื่นคำร้องขอจัดทำทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรที่สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่กรมการปกครองกำหนด ข้อ ๗ ผู้ติดตามคนต่างด้าวซึ่งมีอายุครบสิบแปดปีตั้งแต่วันที่ ๕ กรกฏาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป หากประสงค์จะอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปจะต้องทำงานกับนายจ้าง โดยต้องยื่นคำขออนุญาตทำงานตามข้อ ๑๒ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน และดำเนินการตามข้อ ๔ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่อายุครบสิบแปดปี แต่ถ้าผู้ติดตามคนต่างด้าวมีอายุครบสิบแปดปีก่อนวันที่ประกาศนี้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ให้ดำเนินการดังกล่าวภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้ติดตามคนต่างด้าวยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษในระหว่างเวลาที่กำหนดให้ดำเนินการ ตามวรรคหนึ่ง ข้อ ๘ นอกจากการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ให้การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวสิ้นสุดลง เมื่อ (๑) คนต่างด้าวไม่ดำเนินการตามประภาคนี้ (๒) การอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลงตามประกาศกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เศรษฐา ทรีสิน นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 1709.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งนายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการทำงาน ของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่นายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการ จ้างแรงงานต่างด้าวตามประกาศกระทรวงแรงงานดังกล่าว ให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและผ่อนผัน ให้ทำงานได้ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ นั้น เนื่องจากยังมีความจำเป็นที่จะต้องให้คนต่างด้าวทำงาน ในราชอาณาจักรได้ต่อไป เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกำหนดให้คนต่างด้าวดังกล่าวทำงานในราชอาณาจักรได้ เป็นกรณีพิเศษ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓/๒ แห่งพระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “คนต่างด้าว” หมายความว่า คนต่างด้าวตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่นายจ้าง ได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม “ประกาศกระทรวงมหาดไทย” หมายความว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งนายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ ""ประกาศกระทรวงแรงงาน"" หมายความว่า ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๒ ในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้านนอกจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ข้อ ๓ การยื่นคำขอ เอกสาร และหลักฐานตามประกาศนี้ให้ดำเนินการโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ในระหว่างที่ยังไม่สามารถดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้ยื่นที่ท้องที่อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ทำงานของนายจ้าง ดังต่อไปนี้ (๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน (๒) ในจังหวัดอื่น ให้ยื่นที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด (๓) สถานที่อื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนด ข้อ ๔ ให้คนต่างด้าวตามประกาศนี้สามารถทำงานกับนายจ้างไปพลางก่อนได้จนถึงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๗ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงาน ของคนต่างด้าว ให้คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งดำเนินการตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ภายในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๗ (๑) ตรวจโรคต้องห้ามตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของคนต่างด้าวที่จะขอรับใบอนุญาตทำงาน (๒) ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน หรือทำประกันสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว หรือทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัย ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย แล้วแต่กรณี โดยใช้หลักฐานการยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการ จ้างแรงงานต่างด้าวตามประกาศกระทรวงแรงงานแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการดังกล่าว (๓) ในกรณีที่คนต่างด้าวต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตาม (๒) แต่ยังไม่มีสิทธิได้รับ ประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม ให้คนต่างด้าว ทำประกันสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว หรือทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย (๔) ในกรณีที่คนต่างด้าวทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัยตาม (๒) หรือ (๓) สิทธิประโยชน์ ที่ได้รับต้องไม่น้อยกว่าสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลที่ได้รับจากการทำประกันสุขภาพ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งใช้หลักฐานการยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว ตามประกาศกระทรวงแรงงานเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าคนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้ทำงาน ตามประเภทงานที่คนต่างด้าวมีสิทธิจะทำได้ ข้อ ๕ เมื่อดำเนินการตามข้อ ๔ แล้ว ให้นายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าว มาทำงานที่ได้รับมอบอำนาจจากนายจ้าง ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว พร้อมเอกสาร และหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอที่อธิบดีกำหนดต่อนายทะเบียนภายในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๗ พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอฉบับละ ๑๐๐ บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน ฉบับละ ๑,๓๕๐ บาท ข้อ ๖ เมื่อนายทะเบียนตรวจสอบคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวร่วมทั้งเอกสาร และหลักฐานแล้ว เห็นว่าถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนอนุญาตให้คนต่างด้าวมีสิทธิทำงานได้ ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และให้นายทะเบียนออกเอกสารหรือหนังสือรับรองว่าได้รับอนุญาต ให้ทำงานพร้อมกับใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นหลักฐานแทนใบอนุญาตทำงานจนกว่าจะได้รับ ใบอนุญาตทำงาน ในกรณีที่คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งประสงค์จะทำงานในเรือประมง ให้นายทะเบียน ออกใบอนุญาตทำงานให้แก่คนต่างด้าวสำหรับทำงานในเรือประมง เพื่อให้คนต่างด้าวใช้เป็นหลักฐาน ในการขอหนังสือคนประจำเรือตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการออกหนังสือคนประจำเรือ ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง ในการรับใบอนุญาตทำงาน คนต่างด้าวอาจมอบอำนาจองให้บุคคลอื่นมารับแทนได้ ข้อ ๗ ให้คนต่างด้าวซึ่งทำงานไปพลางก่อนหรือได้รับอนุญาตให้ทำงานตามประกาศนี้ มีสิทธิทำงานกับนายจ้างได้ทุกประเภทงานที่มิได้มีประกาศห้ามคนต่างด้าวทำตามมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง เช่นเดียวกับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ โดยให้นำประกาศ กระทรวงแรงงานว่าด้วยการกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำและประกาศกรมการจัดหางานว่าด้วยเงื่อนไข การรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้านกับนายจ้าง มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม ข้อ ๘ คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานตามประกาศนี้ ถ้าออกจากงาน จะต้องทำงาน กับนายจ้างรายใหม่ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่เลิกทำงานกับนายจ้างรายเดิม ข้อ ๙ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานตามประกาศนี้ เพิ่มนายจ้างได้เฉพาะคนต่างด้าว ซึ่งทำงานในเรือประมง ทั้งนี้ ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการเพิ่มนายจ้างในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง มาใช้บังคับแก่การเพิ่มนายจ้าง ของคนต่างด้าวดังกล่าวด้วยโดยอนุโลม ข้อ ๑๐ ให้นายจ้างซึ่งจ้างคนต่างด้าวตามประกาศนี้ ได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งข้อมูล การจ้างคนต่างด้าวเข้าทำงานกับตนตามมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง เพราะการแจ้งข้อมูลการเข้าทำงาน ของคนต่างด้าวซึ่งตนเองยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวตามข้อ ๕ ข้อ ๑๑ ให้ถือว่าการยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวของนายจ้างตามประกาศนี้ เป็นการแจ้งข้อมูลการเข้าทำงานกับนายจ้างให้นายทะเบียนทราบตามมาตรา ๖๔/๒ ข้อ ๑๒ ผู้ติดตามคนต่างด้าวซึ่งมีอายุครบสิบแปดปี และได้ดำเนินการตามข้อ ๖ แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทยแล้ว หากประสงค์จะทำงานกับนายจ้างจนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ให้ยื่นคำขออนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่อายุครบสิบแปดปี แต่ถ้าผู้ติดตามคนต่างด้าวมีอายุครบสิบแปดปีก่อนวันที่ประกาศนี้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ให้ดำเนินการดังกล่าวภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้นำความในข้อ ๖ วรรคสาม ข้อ ๗ ข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ ข้อ ๑๑ และข้อ ๑๓ มาใช้บังคับแก่ผู้ติดตามคนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งด้วยโดยอนุโลม ข้อ ๑๓ นอกจากใบอนุญาตทำงานสิ้นอายุลง การให้คนต่างด้าวสามารถทำงานไปพลางก่อน และการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานเป็นอันสิ้นสุด เมื่อ (๑) คนต่างด้าวไม่ดำเนินการตามประกาศนี้ (๒) การอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลงตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (๓) การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวเป็นอันสิ้นสุดลงตามประกาศ กระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน" 171.pdf,"ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๕ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ ประกอบกับมาตรา ๓ มาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการก าหนดธุรกิจที่ ควบคุมสัญญาและลักษณะของสัญญา พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ธุรกิจการขายรถยนต์ใช้แล้ว ” หมายความว่า การประกอบธุรกิจการค้า โดยผู้ประกอบธุรกิจ น ารถยนต์ใช้แล้ว ออกขาย แลกเปลี่ยน หรือจ าหน่ายโดยประการอื่นอย่างทรัพย์ที่ใช้แล้วแก่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและน าไปใช้เพื่อการส่วนตัว แต่ไม่หมายความรวมถึงการประมูลขายหรือขายทอดตลาด รถยนต์ และการประกอบธุรกิจการค้าที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแยกขายเป็นชิ้นส่วน “รถยนต์ใช้แล้ว” หมายความว่า รถยนต์นั่ง ส่วนบุคคลหรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่จดทะเบียน ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์แล้ว ข้อ ๓ สัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจท ากับผู้บริโภคต้องมีข้อความเป็นภาษาไทยที่สามารถเห็นและ อ่านได้ชัดเจน มีขนาดของตัวอักษรไม่เล็กกว่าสองมิลลิเมตร โดยมีจ านวนไม่เกินสิบเอ็ดตัวอักษรในหนึ่งนิ้ว และต้องใช้ข้อสัญญาที่มีสาระส าคัญและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) รายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ ได้แก่ ยี่ห้อ รุ่น ปี สี หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถัง ขนาดก าลังเครื่องยนต์ หมายเลขทะเบียน และอุปกรณ์ที่ติดมากับรถยนต์ (ถ้ามี) ระยะทางที่ได้ใช้แล้ว โดยให้มีหน่วยเป็นกิโลเมตรหรือไมล์ ราคาซื้อขาย เงินจอง เงินมัดจ า เงินดาวน์ หรือเงินค่าใช้จ่ายอื่น ที่ได้รับจากผู้บริโภค (ถ้ามี) และวัน เดือน ปี ที่รับช าระเงินจากผู้บริโภค (๒) ก าหนด วัน เดือน ปี และสถานที่ที่ส่งมอบรถยนต์ (๓) ก าหนดเกี่ยวกับการส่งมอบสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ และเอกสารอื่นที่ใช้ส าหรับ ด าเนินการจดแจ้งการโอนทะเบียนรถยนต์ตามที่กรมการขนส่งทางบกก าหนด เมื่อมีการปฏิบัติตามสัญญา ครบถ้วนแล้ว (๔) ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้ประกอบธุรกิจกระท าการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๔.๑) มีการปรับเปลี่ยนราคารถยนต์สูงขึ้นจากที่ตกลงกันไว้ (๔.๒) ไม่ส่งมอบรถยนต์ให้กับผู้บริโภคภายในระยะเวลาที่ก าหนด ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ (๔.๓) ส่งมอบรถยนต์ที่มี ยี่ห้อ รุ่น ปี สี หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถัง ขนาด ก าลังเครื่องยนต์ หมายเลขทะเบียน และอุปกรณ์ที่ติดมากับรถยนต์ (ถ้ามี) รวมถึงระยะทางที่ได้ใช้แล้ว โดยให้มีหน่วยเป็นกิโลเมตรหรือไมล์ ไม่ถูกต้องตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา (๔.๔) ไม่สามารถด าเนินการจดทะเบียนรถยนต์ให้เป็นชื่อของผู้บริโภคตามสัญญา (๕) เมื่อผู้บริโภคมีการบอกเลิกสัญญาตาม (๔) แล้ว ผู้ประกอบธุรกิจต้องคืนเงินหรือสิ่งใด ที่ได้รับไว้ทั้งหมดแก่ผู้บริโภคภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้ประกอบธุรกิจได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาจาก ผู้บริโภค (๖) เงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาของผู้ประกอบธุรกิจจะต้องเป็นข้อที่ผู้ประกอบธุรกิจ ระบุไว้เป็นการเ ฉพาะด้วยตัวอักษรสีแดงหรือตัวสีด าหนาหรือตัวเอนและขีดเส้นใต้ หรือโดยประการอื่น ที่เห็นเด่นชัดกว่าข้อความทั่วไป (๗) การบอกเลิกสัญญากรณีผู้บริโภคไม่ช าระหนี้ตามก าหนดผู้ประกอบธุรกิจจะต้องมีหนังสือ บอกกล่าวให้ผู้บริโภคปฏิบัติตามสัญญาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน นับแต่วันที่ผู้บริโภคได้รับหนังสือ และผู้บริโภคละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามหนังสือบอกกล่าวนั้น ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ (๘) ข้อมูลเกี่ยวกับการประสบภัยของรถยนต์ (ถ้ามี) ข้อ ๔ สัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจท ากับผู้บริโภคต้องไม่ใช้ข้อสัญญาที่มีลักษณะหรือ มีความหมาย ท านองเดียวกัน ดังต่อไปนี้ (๑) ข้อสัญญาที่เป็นการยกเว้นหรือจ ากัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญาของผู้ประกอบธุรกิจ (๒) ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงก าหนดเวลาการส่งมอบรถยนต์หรือ เงื่อนไขต่าง ๆ ตามที่ก าหนดในสัญญา ท าให้ผู้บริโภคต้องรับภาระเพิ่มขึ้นมากกว่าภาระที่เป็นอยู่ในเวลา ท าสัญญา (๓) ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจบอกเลิกสัญญากับผู้บริโภคโดยไม่ต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือ หรือโดยผู้บริโภคมิได้ผิดสัญญาหรือผิดเงื่อนไขอันเป็นสาระส าคัญข้อใดข้อหนึ่งในสัญญา (๔) ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจริบเงินทั้งหมด หรือบางส่วน เว้นแต่ผู้บริโภคเป็น ฝ่ายผิดสัญญา ข้อ ๕ สัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจท ากับผู้บริโภคต้องจัดท าขึ้นสองฉบับ ที่มีข้อความถูกต้องตรงกัน และให้ผู้ประกอบธุรกิจส่งมอบสัญญาให้แก่ผู้บริโภคทันทีที่ได้ลงนามในสัญญา ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้าสิบวันนับถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖2 พลต ารวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ประธานกรรมการว่าด้วยสัญญา ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒" 1710.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาต ให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนผันให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรตามหลักการในบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานที่ได้อยู่ในราชอาณาจักรครบกำหนดระยะเวลา ๔ ปี ในระหว่างวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ สามารถทำงานในราชอาณาจักรได้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาการไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อให้เป็นไปตามหลักการในบันทึกความตกลง หรือบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน ในระหว่างที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นั้น เนื่องจากในปัจจุบันคนต่างด้าวดังกล่าว และคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรตามหลักการในบันทึก ความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานที่ได้อยู่ในราชอาณาจักรครบกำหนด ระยะเวลา ๔ ปี ในระหว่างวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ยังคงไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อให้เป็นไปตามหลักการในบันทึกความตกลงหรือบันทึก ความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานได้ ประกอบกับเป็นห้วงเวลาของการฟื้นฟูประเทศภายหลัง การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แรงงานจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ดังนั้น เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภายในประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องยกเว้นให้คนต่างด้าวดังกล่าวสามารถทำงานในราชอาณาจักรต่อไปได้เป็นกรณีพิเศษ ในระหว่างที่รอเดินทางกลับไปยังประเทศต้นทางเพื่อออกลับเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึก ความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓/๒ แห่งพระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “คนต่างด้าว” หมายความว่า คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้ กับรัฐบาลต่างประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ ข้อ ๒ ในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้านนอกจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ข้อ ๓ ในกรณีที่คนต่างด้าวประสงค์จะทำงานในราชอาณาจักรไปพลางก่อนโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงาน ให้นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานตามที่อธิบดีกำหนด ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมการจัดหางาน หรือยื่นที่ท้องที่อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ทำงานของนายจ้าง ดังต่อไปนี้ (๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ กรมการจัดหางานกระทรวงแรงงาน (๒) ในจังหวัดอื่น ให้ยื่นที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด (๓) สถานที่อื่นตามที่อธิบดีกำหนด ข้อ ๔ เมื่อนายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามข้อ ๓ แล้ว ให้คนต่างด้าวมีสิทธิ์ทำงานในราชอาณาจักรไปพลางก่อนได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงาน ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗ และให้ใช้หลักฐานการยื่นบัญชีรายชื่อดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรไปพลางก่อนได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงาน รวมถึงเป็นหลักฐานในการแสดงประเภทยางงานที่คนต่างด้าวมีสิทธิจะทำได้ ข้อ ๕ ในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานตามข้อ ๔ ประสงค์จะทำงานในราชอาณาจักรต่อไป ให้นายจ้างดำเนินการนำคนต่างด้าวกลับเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ ทั้งนี้ ในการนำคนต่างด้าวกลับเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนดไว้ ข้อ ๖ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานตามประกาศนี้ มีสิทธิ์ทำงานกับนายจ้างได้ทุกประเภทงานที่มิได้มีประกาศห้ามคนต่างด้าวทำตามมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง เช่นเดียวกับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ โดยให้นำประกาศกระทรวงแรงงานว่าด้วยการกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำและประกาศกรมการจัดหางานว่าด้วยเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้านกับนายจ้าง มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม ข้อ ๗ ให้การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานตามประกาศนี้เป็นอันสิ้นสุดลง เมื่อ (๑) คนต่างด้าวไม่ดำเนินการตามประกาศนี้ (๒) การอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลงตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (๓) การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวเป็นอันสิ้นสุดลงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน" 1711.pdf,"# ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เพื่อให้การดำเนินงานด้านบัญชีสอดคล้อง กับมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ และการดำเนินงานของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒๙ วรรคสาม (๓) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ วิธีปฏิบัติอื่นใดนอกเหนือจากที่กำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ ของทางราชการโดยอนุโลม ข้อ ๔ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๔๒ (๒) ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กองทุน” หมายความว่า กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๖ ให้อธิบดีรักษาการตามระเบียบนี้ หมวด ๑ การรับเงิน ข้อ ๗ ให้กองทุนรับเงินได้โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) รับเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) (๒) เงินสด เช็ค ตั๋วแลกเงิน หรือธนาคาร (๓) โดยวิธีการอื่นตามที่อธิบดีกำหนด ข้อ ๗/๑ กรณีการรับเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e - Payment) ตามข้อ ๗ (๑) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติของทางราชการโดยอนุโลม โดยผู้ชำระเงินจะได้รับเอกสารหลังจาก การทำธุรกรรมเป็นหลักฐานในการชำระเงิน กองทุนไม่ต้องออกใบเสร็จรับเงิน เว้นแต่กรณีผู้ชำระเงิน ต้องการใบเสร็จรับเงิน ให้แจ้งความประสงค์และแสดงหลักฐานการชำระเงินเพื่อออกใบเสร็จรับเงิน นับแต่วันที่ได้รับทราบหรือวันทำการถัดไป กรณีการรับเงินสด เช็ค ตั๋วแลกเงิน หรือธนาคารออมสิน ตามข้อ ๗ (๒) ให้กองทุนออก ใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้ชำระทุกครั้ง เว้นแต่รายรับซึ่งตามลักษณะไม่อยู่ในสภาพที่จะออกใบเสร็จรับเงินได้ ก็ให้ใช้หลักฐานการรับเงินแทน ข้อ ๘ เช็คที่จะรับทุกกรณีต้องมีลักษณะและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) มิใช่เช็คโอนสลักหลัง (๒) มีรายการครบถ้วนตามมาตรา ๙๘๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (๓) วันที่ออกเช็คจะต้องเป็นวันที่นำเช็คนั้นมาชำระหรือเป็นเช็คที่ลงวันที่ก่อนวันชำระ ไม่เกินเจ็ดวัน และมิใช่เช็คที่ลงวันที่ล่วงหน้า (๔) เป็นเช็คชิดเครื่อง สั่งจ่ายเงินแก่ “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๑” และชิดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ข้อ ๙ การรับเช็คเพื่อเป็นค่าปรับตามมาตรา ๑๕๙ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ และการรับเช็คเพื่อชดใช้เงินคืนตามมาตรา ๑๓๕ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ต้องเป็นเช็คที่ธนาคารเซ็นสั่งจ่ายแก่ “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๑” ข้อ ๑๐ เงินที่กองทุนได้รับให้นำส่งเข้า บัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๑” ภายในวันที่ได้รับเงินหรืออย่างช้าภายในวันทำการถัดไป หมวด ๒ การจ่ายเงิน ข้อ ๑๑ การจ่ายเงินจากกองทุนให้จ่ายได้ในกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) จ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด (๒) จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน (๓) จ่ายเป็นเงินทดรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน (๔) จ่ายเป็นเงินลงทุนเพื่อการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนตามระเบียบที่คณะกรรมการ กำหนด การจ่ายเงินตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔) ในส่วนกลางให้จ่ายจากบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๒” และการจ่ายเงินตาม (๑) (๒) และ (๓) ในส่วนภูมิภาค ให้จ่ายจากบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจังหวัด... บัญชีกระแสรายวัน” โดยผู้มีอำนาจอนุมัติจ่ายเงินตามข้อ ๑๒ แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๒ ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการจ่ายเงิน (๑) อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย สำหรับการจ่ายเงินตามข้อ ๑๑ (๑) (๒) (๓) และ (๔) ในพื้นที่ส่วนกลาง (๒) ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย สำหรับการจ่ายเงิน ตามข้อ ๑๑ (๑) (๒) และ (๓) ในส่วนภูมิภาค ห้ามมิให้ผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายหรือผู้ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายตามวรรคหนึ่ง มอบหมาย ให้บุคคลอื่นปฏิบัติหน้าที่แทน ข้อ ๑๓ วิธีการจ่ายเงินให้จ่ายได้โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) จ่ายโดยการโอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e - Payment) เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรับเงิน (๒) จ่ายเงินเป็นเช็ค หรือตั๋วแลกเงิน (๓) โดยวิธีการอื่นตามที่อธิบดีกำหนด การจ่ายเงินเป็นเช็ค หรือตั๋วแลกเงินตาม (๒) ให้กระทำได้เฉพาะในกรณีที่มีเหตุขัดข้อง หรือมีความจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e - Payment) ตาม (๑) ได้ หรือโดยความประสงค์ของผู้รับเงิน การจ่ายเงินตามข้อ ๑๑ (๑) (๒) (๓) และ (๔) ในพื้นที่ส่วนกลางให้จ่ายจากบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๒” และการจ่ายเงินตามข้อ ๑๑ (๑) (๒) และ (๓) ในส่วนภูมิภาคให้จ่ายจากบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจังหวัด... บัญชีกระแสรายวัน” โดยผู้มีอำนาจอนุมัติจ่ายเงินตามข้อ ๑๒ ข้อ ๑๔ การเขียนเช็คสั่งจ่ายให้เขียนเช็คสั่งจ่ายในนามเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน และชิดฆ่า คำว่า “หรือผู้ถือ” และจะขีดคร่อมหรือไม่ก็ได้ ข้อ ๑๕ การจ่ายเงินตามข้อ ๑๑ (๑) ด้วยวิธีการตามข้อ ๑๓ (๑) ให้ใช้รายงานการโอนเงิน เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ได้จากระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานการจ่ายและให้เก็บหลักฐานดังกล่าวไว้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ การจ่ายเงินตามข้อ ๑๑ (๑) ด้วยวิธีการตามข้อ ๑๓ (๒) ให้ใช้ใบรับเงินท้ายแบบคำขอรับ เงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างซึ่งผู้รับเงินลงลายมือชื่อรับเงินแล้วเป็นหลักฐานการจ่ายเงิน และให้เก็บหลักฐานดังกล่าวไว้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ข้อ ๑๖ ให้กองทุนสำรองแรงงานจัดทำประมาณการรายจ่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของกองทุนเสนอคณะกรรมการพิจารณาเห็นชอบในแต่ละปี และให้จัดสรรเงินกองทุนไม่เกินร้อยละสิบของดอกผลของกองทุนต่อปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของกองทุน โดยให้จ่ายเฉพาะรายจ่ายในลักษณะหมวดรายจ่าย ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าจ้างชั่วคราว (๒) ค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ (๓) ค่าสาธารณูปโภค (๔) ค่าครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง (๕) รายจ่ายอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ หมวด ๓ การเก็บรักษาเงิน ข้อ ๑๗ ให้กองทุนสำรองแรงงานเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารแห่งละ ๓ บัญชี ดังต่อไปนี้ (๑) บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ชื่อบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๑” เพื่อรับเงินและโอนเงินเข้าบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีออมทรัพย์” (๒) บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ชื่อบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๒” เพื่อจ่ายเงินตามข้อ ๑๑ (๑) (๒) (๓) และ (๔) หรือเพื่อการโอนเงินเข้าบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง จังหวัด... บัญชีออมทรัพย์” (๓) บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีออมทรัพย์” เพื่อรับเงินหรือเพื่อการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๒” ข้อ ๑๘ ให้สำนักงานสวัสดิการและกองทุนสำรองแรงงานจังหวัดเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารแห่งละ ๒ บัญชี (๑) บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจังหวัด... บัญชีออมทรัพย์” เพื่อรับเงินและเพื่อการโอนเงินเข้าบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจังหวัด บัญชีกระแสรายวัน” (๒) บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ชื่อบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจังหวัด... บัญชีกระแสรายวัน” เพื่อจ่ายเงินตามข้อ ๑๑ (๑) (๒) และ (๓) ข้อ ๑๙ บรรดารายรับทั้งปวงทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้นำส่งเข้าบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๑” จะหักไว้เพื่อการใดมิได้ ข้อ ๒๐ บัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจังหวัด... บัญชีออมทรัพย์” ให้มีวงเงินตามที่อธิบดีกำหนดโดยการโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ข้อ ๒๑ การโอนเงินเข้าบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๒” ไปยังบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจังหวัด... บัญชีออมทรัพย์” ต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ข้อ ๒๒ การสั่งจ่ายเงินจากบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง บัญชีกระแสรายวัน ๒” ให้มีผู้ลงลายมือชื่อในเช็คร่วมกันสองคน โดยผู้ลงลายมือชื่อจะต้องเป็นผู้ที่อธิบดีมอบหมาย ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนไม่ต่ำกว่าระดับชำนาญการพิเศษ และข้าราชการพลเรือนไม่ต่ำกว่าระดับชำนาญการ ที่ปฏิบัติงาน ณ กองคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๒๓ การสั่งจ่ายเงินจากบัญชี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจังหวัด... บัญชีกระแสรายวัน” ให้มีผู้ลงลายมือชื่อในเช็กร่วมกันสองคน โดยผู้ลงลายมือชื่อจะต้องเป็นผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนไม่ต่ำกว่าระดับชำนาญการ และข้าราชการพลเรือนไม่ต่ำกว่าระดับปฏิบัติการ ที่ปฏิบัติงาน ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด หมวด ๔ การจำหน่ายหนี้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ ข้อ ๒๔ การจำหน่ายหนี้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญของกองทุน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ข้อ ๒๕ ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานประกาศรายชื่อลูกหนี้ที่กระทรวงการคลัง หรือคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้จำหน่ายหนี้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่กระทรวงการคลังหรือคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ หมวด ๕ การบัญชี ข้อ ๒๖ ระบบบัญชีของกองทุนให้ปฏิบัติตามระบบบัญชีคู่ตามที่ได้รับความเห็นชอบ จากระหว่างการคลัง ข้อ ๒๗ ให้กองคุ้มครองแรงงานจัดทำรายงานการรับ - จ่ายเงินกองทุนประจำเดือนเสนอคณะกรรมการ เพื่อทราบภายในวันสิ้นเดือนของเดือนถัดไป ข้อ ๒๘ ให้กองคุ้มครองแรงงานจัดทำรายงานการเงินประจำปี และให้คณะกรรมการเสนอรายงาน การเงินประจำปีของกองทุนต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภายในกำหนดเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน ข้อ ๒๙ ให้คณะกรรมการรายงานการเงินประจำปีของกองทุนซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบรับรองแล้วต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และให้รัฐมนตรีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบและให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๓๐ ให้หน่วยงานตรวจสอบภายในของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานตรวจสอบ เกี่ยวกับการดำเนินงานการเงิน การบัญชี การพัสดุ และให้กองทุนรายงานผลการตรวจสอบ ให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละครั้ง เล่ม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๘๕ ง หน้า ๘ ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ หมวด ๖ บทเฉพาะกาล ข้อ ๓๑ กรณีคณะกรรมการยังมิได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการการจำหน่ายหนี้ออกจากบัญชี เป็นหนี้สูญตามข้อ ๒๔ ให้นำประกาศคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการจำหน่ายหนี้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ มาบังคับใช้โดยอนุโลม ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง" 1712.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง กำหนดให้สำนักงานที่ดินจังหวัด และสำนักงานที่ดินสาขา ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับ มาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และข้อ ๒ (๑) (๔) ข้อ ๑๙ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบกับ ข้อ ๘ ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ต่างสำนักงานแบบออนไลน์ และสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ท้องระบบ พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงประกาศให้สำนักงานที่ดิน ดังต่อไปนี้ เป็นสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินประเภทโฉนดที่ดิน ๑. สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ๒. สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี ๓. สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาพระประแดง ๔. สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาพระสมุทรเจดีย์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน" 1713.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบคำขอรับใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบคำขอรับใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร ลงวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกให้กับประชาชน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒ ของกฎกระทรวงการขอรับการตรวจสอบและรับรองและการตรวจสอบ และรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๓ ของประกาศสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบคำขอรับใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร ลงวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ “ข้อ ๓ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบและรับรองมาตรฐานตามกฎหมาย หากประสงค์จะใช้แบบคำขอรับใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร ตามแบบ มกษ. ๑๗ ท้ายประกาศนี้ ก็ได้” ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ พิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ" 1714.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบคำขอรับใบอนุญาต แบบใบรับคำขอรับใบอนุญาต แบบใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้า แบบหนังสือแจ้งการส่งออกหรือนำเข้า และแบบใบรับแจ้งการส่งออก หรือนำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบคำขอรับใบอนุญาต แบบใบรับคำขอรับใบอนุญาต แบบใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้า แบบหนังสือแจ้งการส่งออกหรือนำเข้า และแบบใบรับแจ้งการส่งออกหรือนำเข้าสินค้าเกษตร ตามมาตรฐานบังคับ ลงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวก ให้กับประชาชน ในกรณีที่มีการมอบหมายให้หน่วยงานอื่นของรัฐออกใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ รวมทั้งการดำเนินการตามกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต และการอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๘ ของกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๓ ของประกาศสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบคำขอรับใบอนุญาต แบบใบรับคำขอรับใบอนุญาต แบบใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้า แบบหนังสือแจ้งการส่งออกหรือนำเข้า และแบบใบรับแจ้งการส่งออกหรือนำเข้าสินค้าเกษตร ตามมาตรฐานบังคับ ลงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๖ “ข้อ ๓ ในกรณีที่มีการมอบหมายให้หน่วยงานอื่นของรัฐออกใบอนุญาตตามมาตรฐานบังคับ ให้ใช้แบบหนังสือแจ้งการส่งออกสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ ตามแบบ มกษ. ๗ แบบใบรับแจ้ง การส่งออกสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ ตามแบบ มกษ. ๗-๑ แบบหนังสือแจ้งการนำเข้าสินค้าเกษตร ตามมาตรฐานบังคับ ตามแบบ มกษ. ๘ และแบบใบรับแจ้งการนำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ ตามแบบ มกษ. ๘-๑ ตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๒ (๗) ถึง (๑๐) หรือเป็นไปตามที่หน่วยงานอื่นของรัฐ ที่ได้รับมอบหมายกำหนด แล้วแต่กรณี โดยอนุโลม” ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ พิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ" 1715.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เรื่อง สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ กำหนดให้ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๗ (๓) ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา นั้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จึงประกาศสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร หรือคำแนะนำในการให้บริการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นดังนี้ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ อาคารอารีย์ ฮิลส์ ชั้น ๑๙ เลขที่ ๔๒๘ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๖๕ ๕๔๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๖๕ ๕๔๐๑ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ saraban@onlb.go.th โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอ พิจารณาคำขอและบริการให้เป็นไปตามความในมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ร่วมรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ" 1718.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๗๐ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง ยกเลิกการควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งนำตาลทราย และคณะอนุกรรมการพิจารณาการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งนำตาลทราย ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๖๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การควบคุมการส่งออกไปนอกราชาณาจักร ซึ่งนำตาลทราย ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ กำหนดให้บุคคลที่ประสงค์จะส่งออกไป นอกราชอาณาจักรซึ่งนำตาลทรายที่มีปริมาณครั้งละตั้งแต่หนึ่งพันกิโลกรัมขึ้นไป ต้องได้รับหนังสือ อนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการ ที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการแต่งตั้ง และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาการส่งออกไปนอกราชาณาจักรซึ่งนำตาลทราย ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต และการอนุญาตส่งออกนำตาลทรายไปนอกราชาอาณาจักร และพิจารณาคำขอ เอกสารหลักฐาน พร้อมข้อเสนอประกอบการพิจารณาอนุญาตส่งออกนำตาลทรายไปนอกราชาอาณาจักรของเลขาธิการ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เห็นชอบให้ยกเลิกมาตรการการควบคุมการส่งออกไปนอกราชาอาณาจักรซึ่งนำตาลทรายและการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการพิจารณาการส่งออกไปนอกราชาอาณาจักรซึ่งนำตาลทราย เพื่อให้สอดคล้องกับ สภาว่างการค้าและเกิดความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจน้ำตาลทราย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) มาตรา ๑๕ และมาตรา ๒๕ (๓) (๔) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชาอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๖๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การควบคุมการส่งออกไปนอกราชาอาณาจักรซึ่งนำตาลทราย ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เล่ม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๒๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ (๒) ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ พิจารณาการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งนำตาลทราย ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ" 1719.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๗๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทราย ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๖๘ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทราย ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ กำหนดให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทราย ขาวบริสุทธิ์ในท้องที่ที่กำหนด จำหน่ายน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ในราคาไม่สูงกว่า ราคาที่กำหนด ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ทบทวนการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทราย โดยปรับราคาจำหน่าย ณ โรงงาน เพื่อให้ราคา จำหน่ายน้ำตาลทรายมีความเหมาะสม สอดคล้องกับโครงสร้างต้นทุนของสำนักงานคณะกรรมการ อ้อยและน้ำตาลทราย และเป็นธรรมต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) และมาตรา ๒๕ (๑) (๔) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วรัชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกแบบใหม่ ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๖๘ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทราย ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๓ การจำหน่ายน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ณ หน้าโรงงาน ให้จำหน่าย ในราคาไม่สูงกว่าราคาที่กำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) น้ำตาลทรายขาว กิโลกรัมละ ๒๑.๐๐ บาท (๒) น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กิโลกรัมละ ๒๒.๐๐ บาท ข้อ ๔ ประกาศฉบับนี้มิให้ใช้บังคับกับน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ชนิดก้อน ชนิดที่บรรจุในซองซึ่งมีปริมาณสุทธิไม่เกินซองละสิบกรัม และบรรจุในกล่องหรือภาชนะอื่นใด และชนิดบรรจุขวด กล่อง หรือภาชนะที่มีลักษณะพิเศษ ข้อ ๕ การจำหน่ายน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่มีปริมาณต่ำหรือสูงกว่า หน่วยที่กำหนดไว้ในข้อ ๓ ให้คิดเทียบราคาตามอัตราส่วน ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ" 1722.pdf,"ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายพันธุ์พืชไร่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายพันธุ์พืชไร่ พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ได้กำหนดราคาจำหน่ายพันธุ์พืชไร่ ไว้แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่าย พันธุ์พืชไร่ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปัจจุบันยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจ ตามความในมาตรา ๓๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๒ ของกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จึงออกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคา จำหน่ายพันธุ์พืชไร่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่าย พันธุ์พืชไร่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในลำดับที่ ๒๒ ๒๓ และ ๒๕ ของข้อ ๔ แห่งประกาศ กรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายพันธุ์พืชไร่ พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน | ""ลำดับ | ถั่วลิสงทั้งเปลือกชั้นพันธุ์ขาย | กิโลกรัมละ | | --- | --- | --- | | ๒๒. | ถั่วลิสงทั้งเปลือกชั้นพันธุ์ขาย | ๖๐ บาท | | ๒๓. | ถั่วลิสงทั้งเปลือกชั้นพันธุ์จำหน่าย | กิโลกรัมละ ๕๕ บาท | | ๒๕. | มันสำปะหลัง (ท่อนพันธุ์ปลอดภัยจากโรคใบดำ) ลำละ | ๘ บาท | ประกาศ ณ วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร" 1724.pdf,"# ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ## (ฉบับที่ ๕๒) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการโอนโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ออกเสนอขายต่อประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๙) พ.ศ. ๒๕๖๖ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการโอนโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน ที่ออกเสนอขายต่อประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับเงินได้หรือมูลค่าของฐานภาษี อันเนื่องมาจากการโอนโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ออกเสนอขาย ต่อประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องดำเนินการ ดังนี้ (๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงการจัดประเภทรายการทางบัญชี หรือวิธีการทางบัญชีที่ได้เลือกใช้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ได้ออกเสนอขาย ดังกล่าว (๒) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดประเภทรายการทางบัญชีสำหรับเงินได้ที่ได้จาก การออกเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนดังกล่าวเป็นทุน หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ซื้อ โทเคนดิจิทัลนั้นคืนจากหรือได้จ่ายเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันให้แก่ ผู้ถือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน จะต้องไม่นำส่วนที่ได้จ่ายเพื่อซื้อคืนหรือเงินส่วนแบ่งกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใด ในลักษณะเดียวกันนั้นมารวมเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล (๓) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดประเภทรายการทางบัญชีสำหรับเงินได้ที่ได้จาก การออกเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนดังกล่าวเป็นหนี้สิน หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้ไถ่ถอนโทเคนดิจิทัลนั้นจากผู้ถือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน จะต้องไม่นำส่วนที่จ่ายเพื่อการไถ่ถอนดังกล่าว มารวมเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล (๔) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ได้นำเงินได้ที่ได้จากการออกเสนอขายโทเคนดิจิทัล เพื่อการลงทุนดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินโครงการหรือกิจการตามที่กำหนดไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูล การเสนอขายหรือนับสิ้นสุดช่วง หรือถูกเพิกถอนการอนุญาตเสนอขายโทเคนดิจิทัลดตามกฎหมายว่าด้วย การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องนำเงินได้ที่ได้รับจากการออกเสนอขาย โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนนั้นหลังจากหักส่วนที่ได้จ่ายคืนแก่ผู้ถือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนดังกล่าวแล้ว มารวมคำนวณเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชี ถัดจากรอบระยะเวลาบัญชีที่ไม่ได้ดำเนินโครงการหรือกิจการตามที่กำหนดไว้ หรือในรอบระยะเวลาบัญชี ถัดจากรอบระยะเวลาบัญชีที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตเสนอขายโทเคนดิจิทัลนั้น แล้วแต่กรณี (๕) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องเก็บรักษาหนังสือนญาตเสนอขายโทเคนดิจิทัล ต่อประชาชนที่ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แบบคำขออนุญาต เสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน และเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวกับการออกเสนอขายโทเคนดิจิทัลดังกล่าว รวมทั้งข้อมูลที่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับโทเคนดิจิทัลนั้น พร้อมให้เจ้าพนักงานตรวจสอบได้ ข้อ ๒ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามข้อ ๑ ให้สิทธิในการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๙) พ.ศ. ๒๕๖๖ สิ้นสุดลง นับแต่วันที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ใช้สิทธิประโยชน์นั้น ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร" 1725.pdf,"ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักเกณฑ์การประเมินระดับผลกระทบของการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ กำหนดให้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินระดับ ผลกระทบของการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะอันเนื่องมาจากความเสี่ยง ต่อความมั่นคงทางการเงินและการพาณิชย์ ความน่าเชื่อถือและยอมรับในระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อสาธารณชน และมีผลกระทบทในระดับสูงที่อาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจ บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘ (๒) แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการ แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักเกณฑ์ การประเมินระดับผลกระทบของการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิจ” หมายความว่า บุคคลซึ่งประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้อง แจ้งให้ทราบ “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งเสนอขายสินค้าหรือบริการต่อผู้บริโภคผ่านบริการ แพลตฟอร์มดิจิทัล “ผู้บริโภค” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับสินค้าหรือบริการ หรือได้รับการเสนอหรือการชักชวน จากผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้ประกอบการ เพื่อให้ได้รับสินค้าหรือบริการ และให้หมายความรวมถึง ผู้ใช้สินค้าหรือผู้ได้รับบริการโดยชอบ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงผู้ประกอบการ “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล และให้หมายความรวมถึง ผู้ประกอบการและผู้บริโภคด้วย “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๔ ให้สำนักงานรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยใช้หลักเกณฑ์ การประเมินระดับผลกระทบดังต่อไปนี้ ในการประเมินบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะ โดยมีความเสี่ยงอันเนื่องมาจากความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินและการพาณิชย์ ความน่าเชื่อถือ และยอมรับในระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อสาธารณชน และมีผลกระทบในระดับสูงที่อาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจบบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลนั้น (๑) บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีมูลค่าการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล จากการให้บริการในราชอาณาจักรเกินหนึ่งร้อยล้านบาทต่อปี (๒) บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ผู้ประกอบธุรกิจมิได้จัดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจ การค้า และมีจำนวนผู้ประกอบการในราชอาณาจักรตั้งแต่หนึ่งร้อยราย (๓) บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ผู้ประกอบธุรกิจมิได้จัดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจ การค้า และมีจำนวนผู้ใช้บริการในราชอาณาจักรมากกว่าร้อยละห้า แต่ไม่เกินร้อยละสิบของจำนวน ราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามประกาศ เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วรัชอาณาจักรที่ผู้อำนวยการทะเบียนราษฎร ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร โดยคำแนะนำจากการใช้งาน เฉลี่ยต่อเดือนย้อนหลังตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกาศกำหนด (๔) บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะบริการที่ผู้ใช้บริการสามารถกระทำการใดโดยไม่มี มาตรการควบคุมดูแลและมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบท่อสาธารณะจนในรูปแบบของข้อความ หรือการกระทำ ดังต่อไปนี้ (ก) ข้อความหรือการกระทำที่ผิดกฎหมายผ่านบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (ข) ข้อความหรือการกระทำใดในประการที่น่าจะทำให้บุคคลใด ซึ่งรวมถึงผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ ได้รับผลกระทบทางลบต่อสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคล การเคารพต่อสิทธิความเป็นอยู่ส่วนตัวและชีวิตครอบครัว การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นความเป็นอิสระของสื่อทุกรูปแบบ การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล และ การให้ความสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภค (ค) ข้อความหรือการกระทำที่กระทบต่อสิทธิของเด็ก อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับผู้ใช้บริการหรือผู้อื่นโดยมิชอบ (ง) ข้อความหรือการกระทำใดที่ส่งผลกระทบทางลบ ต่อการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ของพลเมือง และการเลือกตั้งทั้งก่อนวันเลือกตั้งและในวันเลือกตั้ง (จ) ข้อความหรือการกระทำใดในประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบทางลบ ด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องเพศของบุคคล หรือความรุนแรงทางเพศ รวมถึงข้อความหรือการกระทำ เพื่อปลุกปั่น สร้างความรุนแรง ความเกลียดชัง ก่อให้เกิดอคติ หรือการดูหมิ่นหยียดหยามบุคคล ข้อ ๕ ให้สำนักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศประเภทหรือรายชื่อบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะ เป็นบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่มีลักษณะเฉพาะอันเนื่องมาจากความเสี่ยงและมีผลกระทบในระดับสูงตามข้อ ๔ โดยพิจารณาจาก ข้อมูลที่ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งต่อสำนักงานตามพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์ม ดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อร้องเรียน ข้อพิพาท มาตรการการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งพฤติการณ์หรือข้อมูลอื่นใดตามที่สำนักงานกำหนด ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ อธรชกา สืบัญเรือง ประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์" 1726.pdf,"ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักเกณฑ์การประเมินระดับผลกระทบของการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ กำหนดให้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินระดับ ผลกระทบของการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะอันเนื่องมาจากความเสี่ยง ต่อความมั่นคงทางการเงินและการพาณิชย์ ความน่าเชื่อถือและยอมรับในระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อสาธารณชน และมีผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจ บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘ (๒) แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการ แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักเกณฑ์ การประเมินระดับผลกระทบของการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิจ” หมายความว่า บุคคลซึ่งประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้อง แจ้งให้ทราบ “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งเสนอขายสินค้าหรือบริการต่อผู้บริโภคผ่านบริการ แพลตฟอร์มดิจิทัล “ผู้บริโภค” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับสินค้าหรือบริการ หรือได้รับการเสนอหรือการชักชวน จากผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้ประกอบการ เพื่อให้ได้รับสินค้าหรือบริการ และให้มายความรวมถึง ผู้ใช้สินค้าหรือผู้ได้รับบริการโดยชอบ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงผู้ประกอบการ “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล และให้มายความรวมถึง ผู้ประกอบการและผู้บริโภคด้วย “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๔ ให้สำนักงานรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยใช้หลักเกณฑ์ การประเมินระดับผลกระทบดังต่อไปนี้ ในการประเมินบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะ โดยมีความเสี่ยงอันเนื่องมาจากความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินและการพาณิชย์ ความน่าเชื่อถือ และยอมรับในระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อสาธารณชน และมีผลกระทบในระดับสูงที่อาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจบบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลนั้น (๑) บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีมูลค่าการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล จากการให้บริการในราชอาณาจักรเกินหนึ่งร้อยล้านบาทต่อปี (๒) บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ผู้ประกอบธุรกิจมิได้จัดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจ การค้า และมีจำนวนผู้ประกอบการในราชอาณาจักรตั้งแต่หนึ่งร้อยราย (๓) บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ผู้ประกอบธุรกิจมิได้จัดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจ การค้า และมีจำนวนผู้ใช้บริการในราชอาณาจักรมากกว่าร้อยละห้า แต่ไม่เกินร้อยละสิบของจำนวน ราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามประกาศ เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วรัชอาณาจักรที่ผู้อำนวยการทะเบียนราษฎร ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร โดยคำแนะนำจากการใช้งาน เฉลี่ยต่อเดือนย้อนหลังตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกาศกำหนด (๔) บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะบริการที่ผู้ใช้บริการสามารถกระทำการใดโดยไม่มี มาตรการควบคุมดูแลและมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบท่อสาธารณะเช่นในรูปแบบของข้อความ หรือการกระทำ ดังต่อไปนี้ (ก) ข้อความหรือการกระทำที่ผิดกฎหมายผ่านบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (ข) ข้อความหรือการกระทำใดในประการที่น่าจะทำให้บุคคลใด ซึ่งรวมถึงผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ ได้รับผลกระทบทางลบต่อสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคล การเคารพต่อสิทธิความเป็นอยู่ส่วนตัวและชีวิตครอบครัว การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นความเป็นอิสระของสื่อทุกรูปแบบ การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล และ การให้ความสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภค (ค) ข้อความหรือการกระทำที่กระทบต่อสิทธิของเด็ก อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับผู้ใช้บริการหรือผู้อื่นโดยมิชอบ (ง) ข้อความหรือการกระทำใดที่ส่งผลกระทบทางลบ ต่อการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ของพลเมือง และการเลือกตั้งทั้งก่อนวันเลือกตั้งและในวันเลือกตั้ง (จ) ข้อความหรือการกระทำใดในประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบทางลบ ด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องเพศของบุคคล หรือความรุนแรงทางเพศ รวมถึงข้อความหรือการกระทำ เพื่อปลุกปั่น สร้างความรุนแรง ความเกลียดชัง ก่อให้เกิดอคติ หรือการดูหมิ่นหยียดหยามบุคคล ข้อ ๕ ให้สำนักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศประเภทหรือรายชื่อบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะ เป็นบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่มีลักษณะเฉพาะอันเนื่องมาจากความเสี่ยงและมีผลกระทบในระดับสูงตามข้อ ๔ โดยพิจารณาจาก ข้อมูลที่ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งต่อสำนักงานตามพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์ม ดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อร้องเรียน ข้อพิพาท มาตรการการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งพฤติการณ์หรือข้อมูลอื่นใดตามที่สำนักงานกำหนด ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ อธรชกา สืบัญเรือง ประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์" 1727.pdf,"ประกาศนายทะเบียนทวาราชอาณาจักร เรื่อง ให้เจ้าของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์นำรถไปตรวจสภาพ ตามที่ได้มีกฎกระทรวงรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ประชาชนสามารถยื่นขอขบวนการขนส่งทางบกและวิธีการใช้ชีวิตของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันและการสารภาพสมรรถนะเข้ามาจัดระเบียบตรวจสอบการให้บริการรับจ้างดังกล่าวให้เกิดความเรียบร้อยและความปลอดภัยแก่คนโดยสาร อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและเพิ่มทางเลือกในการใช้บริการรถยนต์รับจ้าง จึงได้กำหนดให้มีรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเป็นการนำรถยนต์นั้นส่วนบุคคลมาจดทะเบียนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้าง นั้น เพื่อให้รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้บริการแก่ประชาชนมีความมั่นคงแข็งแรง สะอาดเรียบร้อยเหมาะสมในการให้บริการรับจ้าง และมีการตรวจสอบผลพิสดารทางอากาศและเสียงอย่างสม่ำเสมอ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๓๐ นายทะเบียนทวาราชอาณาจักรออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เจ้าของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์นำรถไปตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่ง ในเขตจังหวัดที่ถนนนั้นจุดทะเบียน ตามกำหนดเวลา ดังนี้ (๑) สำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน ๗ ปี นับแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก เมื่อถึงวันที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปี และวันครบกำหนด ๖ เดือนนับแต่วันที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปี (๒) สำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบที่มีอายุการใช้งานเกิน ๗ ปี นับแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก เมื่อถึงวันที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปี วันครบกำหนด ๔ เดือน และวันที่ครบกำหนด ๘ เดือน นับแต่วันที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปี ข้อ ๒ การนำรถไปตรวจสภาพตามข้อ ๑ ให้นำรถไปตรวจสภาพล่วงหน้าก่อนถึงวันครบกำหนดได้ไม่เกิน ๑ เดือน ข้อ ๓ รถที่ผ่านการตรวจสภาพ ให้ติดเครื่องหมายแสดงกำหนดเวลาที่จะต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพครั้งต่อไป ที่นายทะเบียนบอกให้ไว้ที่กระจกหน้ารถด้านใน โดยหันข้อความของเครื่องหมายออกนอกรถ ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ จิรัตน์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายทะเบียนทวาราชอาณาจักร" 1729.pdf,"# ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ฉบับที่ ๒) ## พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรเพิ่มชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามพระราชบัญญัติ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นการคุมครองผู้บริโภค อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๖) แห่งพระราชบัญญัติ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๖ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ข้อ ๖/๑ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุ ที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๖ “ข้อ ๖/๑ ให้แร่ตามบัญชี ๔ ท้ายประกาศนี้ เป็นวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร” ข้อ ๔ ให้เพิ่มบัญชีท้ายประกาศนี้เป็นบัญชี ๔ ท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุ ที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บัญชี ๔ ท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๖ รายชื่อแร่ที่เป็นวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร | ลำดับ | ชื่อแร่ | ชื่อสามัญ | |---------|------------------------|---------------| | ๑. | Basic lead carbonate [2PbCO₃ Pb(OH)₂] | ผุนจีน | | ๒. | Lead oxide (Pb₃O₄) | เสน |" 1731.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในรายละเอียดของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งการผลิตหรือนำเข้าเพื่อขาย ต้องได้รับใบรับแจ้งรายละเอียด พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ สมุนไพร ซึ่งการผลิตหรือนำเข้าเพื่อขายต้องได้รับใบรับแจ้งรายละเอียด เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๕ (๑) ถึง (๖) แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของผลิตภัณฑ์ สมุนไพรซึ่งการผลิตหรือนำเข้าเพื่อขาย ต้องได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับ ใบรับแจ้งรายละเอียด หรือใบรับจดแจ้ง และชื่อ ปริมาณ และเงื่อนไขของวัตถุที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ขอจดแจ้ง พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ วรรคสอง แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของผลิตภัณฑ์สมุนไพรซึ่งการผลิตหรือนำเข้าเพื่อขาย ต้องได้รับใบสำคัญ การขึ้นทะเบียนตำรับ ใบรับแจ้งรายละเอียด หรือใบรับจดแจ้ง และชื่อ ปริมาณ และเงื่อนไขของวัตถุ ที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ขอจดแจ้ง พ.ศ. ๒๕๖๔ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในรายละเอียดของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งการผลิตหรือนำเข้าเพื่อขายต้องได้รับ ใบรับแจ้งรายละเอียด พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ส่วนประกอบไม่สำคัญ” หมายความว่า วัตถุที่ไม่ใช่ส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์ สมุนไพรหรือสารในผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ใช้เพื่อบำบัด รักษา และบรรเทาความเจ็บป่วยของมนุษย์ หรือการป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ บำรุงร่างกาย หรือลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค ข้อ ๔ รายละเอียดของผลิตภัณฑ์สมุนไพรซึ่งการผลิต หรือการนำเข้าเพื่อขายต้องได้รับ ใบรับแจ้งรายละเอียดตามข้อ ๕ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อ ประเภท ชนิดหรือ ลักษณะของผลิตภัณฑ์สมุนไพรซึ่งการผลิตหรือนำเข้าเพื่อขาย ต้องได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับ ใบรับแจ้งรายละเอียดหรือใบรับจดแจ้ง และชื่อ ปริมาณ และเงื่อนไขของวัตถุที่อาจใช้เป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ขอจดแจ้ง พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อผลิตภัณฑ์สมุนไพร ต้องแสดงชื่อผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ออกตามความในมาตรา ๑๕ (๗) (๒) ส่วนประกอบไม่สำคัญ ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบไม่สำคัญ ดังต่อไปนี้ (ก) เป็นการเปลี่ยนชนิดหรือปริมาณส่วนประกอบไม่สำคัญ โดยยังคงนำที่เดิม (ข) เป็นการเพิ่มหรือตัดส่วนประกอบไม่สำคัญซึ่งมีหน้าที่แต่งกลิ่น แต่งรส และกลิ่น หรือ มีหน้าที่อื่น (๓) กรรมวิธีการผลิต ต้องไม่ทำให้รูปแบบ วิธีการใช้ และประเภทผลิตภัณฑ์สมุนไพร เปลี่ยนไป ยกเว้นผลิตภัณฑ์สมุนไพรรูปแบบใช้ภายนอกซึ่งการแก้ไขกรรมวิธีการผลิตนั้นอาจทำให้ รูปแบบแตกต่างไปจากเดิมได้ แต่ต้องไม่ทำให้วิธีการใช้และประเภทผลิตภัณฑ์สมุนไพรเปลี่ยนไป (๔) ขนาดและวิธีการใช้ ต้องเป็นการแก้ไขเฉพาะการเปลี่ยนปริมาณต่อหนึ่งหน่วยบรรจุ ทั้งนี้ ขนาดรับประทานต่อวันต้องไม่เกินปริมาณสูงสุด ตามที่กำหนดไว้ในบัญชี ๑ บัญชี ๒ และบัญชี ๓ ท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยชื่อ ประเภท ชนิด หรือลักษณะของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งการผลิตหรือนำเข้าเพื่อขาย ต้องได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับ ใบรับแจ้งรายละเอียด หรือ ใบรับจดแจ้ง และชื่อ ปริมาณ และเงื่อนไขของวัตถุที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ขอจดแจ้ง (๕) สรรพคุณ ข้อบ่งใช้ ข้อความกล่าวอ้างทางสุขภาพ ต้องไม่กระทบต่อการเปลี่ยนประเภท ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และยังอยู่ในกรอบสรรพคุณ ข้อบ่งใช้ ข้อความกล่าวอ้างทางสุขภาพ เดิม (๖) ขนาดบรรจุ ต้องเป็นการแก้ไขภาชนะบรรจุและขยายขนาดบรรจุสูงสุด ตามที่กำหนด ไว้ในบัญชี ๑ บัญชี ๒ และบัญชี ๓ ท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยชื่อ ประเภท ชนิด หรือลักษณะของผลิตภัณฑ์สมุนไพรซึ่งการผลิตหรือนำเข้าเพื่อขาย ต้องได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับ ใบรับแจ้งรายละเอียด หรือใบรับจดแจ้ง และชื่อ ปริมาณ และเงื่อนไขของวัตถุที่อาจใช้เป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ขอจดแจ้ง ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา" 1738.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยวิธีการไต่สวนสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วย การตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยวิธีการไต่สวนสาธารณะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง มาตรา ๒๗ (๕) มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ วรรคสอง มาตรา ๓๕ วรรคสาม มาตรา ๓๙ (๗) มาตรา ๔๘ วรรคสอง และ มาตรา ๔๙ (๙) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ และข้อ ๓๒ ของระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยการตรวจสอบ การละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยวิธีการไต่สวนสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ “เรื่องร้องเรียน” หมายความว่า เรื่องร้องเรียนตามระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน “ผู้ร้อง” หมายความว่า ผู้ร้องตามระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ ในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน “พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคำร้อง” หมายความว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคำร้อง ตามระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ข้อ ๔ ให้นำความในหมวด ๑ บาททั่วไป ของระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยหลักเกณฑ์และ วิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน มาใช้บังคับกับการดำเนินการตามระเบียบนี้โดยอนุโลม ข้อ ๕ เมื่อคณะกรรมการเห็นสมควรหรือเมื่อพิจารณาตามระเบียบคณะกรรมการว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้วเห็นว่าเรื่องร้องเรียนใดมีความจำเป็น ต้องได้ข้อมูลรอบด้านและดำเนินการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบหรือป้องกัน มิให้เกิดสถานการณ์อันมีผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนในวงกว้าง คณะกรรมการอาจมีมติให้รับเรื่อง ร้องเรียนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ไว้เป็นคำร้องเพื่อดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยวิธีการ ไต่สวนสาธารณะ (๑) กรณีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย นโยบาย หรือกฎ ที่ก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่มีผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนในวงกว้าง (๒) กรณีที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนรวม (๓) กรณีเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง (๔) กรณีที่มีผู้ร้องจำนวนมากครองเรียนในประเด็นเดียวกัน (๕) กรณีอื่นที่คณะกรรมการเห็นสมควร มติของคณะกรรมการตามข้อนี้ให้เป็นที่สุด ข้อ ๖ ให้สำนักงานแจ้งมติตามข้อ ๕ ให้ผู้ร้องทราบเป็นหนังสือภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ คณะกรรมการมีมติดังกล่าว เว้นแต่ผู้รองมิได้แจ้งสถานที่อยู่ที่จะติดต่อได้ ข้อ ๗ เมื่อคณะกรรมการมีมติให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยวิธีการใดสวนสาธารณะ ให้สำนักงานจัดทำขอบเขตการดำเนินการเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ โดยอย่างน้อย ต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) ความเป็นมา (๒) ประเด็นการตรวจสอบ (๓) ข้อกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง (๔) กลไกและวิธีดำเนินการ (๕) เป้าหมายการดำเนินการ (๖) ระยะเวลาดำเนินการ (๗) งบประมาณ (๘) พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคำร้องและเจ้าหน้าที่สำนักงานที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๘ เมื่อคณะกรรมการเห็นชอบขอบเขตการดำเนินการตามข้อ ๗ ให้สำนักงานเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการ ทั้งนี้ ตามระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้ง และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ ข้อ ๙ ในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยวิธีการใดสวนสาธารณะเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงให้ดำเนินการด้วยวิธีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ (๑) การแสวงหาข้อเท็จจริงจากบุคคลหรือนายงานที่เกี่ยวข้อง (๒) การรับฟังความเห็นจากพยานผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิ (๓) การลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง (๔) การจัดประชุมสาธารณะหรือประชุมวิชาการ (๕) การจ้างบุคคลหรือสถาบันรวบรวมข้อมูลหรือศึกษา (๖) การอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ นอกจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้นำความในหมวด ๓ การตรวจสอบการละเมิด สิทธิมนุษยชน ของระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิด สิทธิมนุษยชน มาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๑๐ ในระหว่างการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยวิธีการไต่สวนสาธารณะ คณะอนุกรรมการหรือสำนักงานอาจขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเผยแพร่ความก้าวหน้า ให้ประชาชนทราบเป็นระยะก็ได้ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย ข้อ ๑๑ ให้ดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยวิธีการไต่สวนสาธารณะให้แล้วเสร็จ ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามข้อ ๘ ข้อ ๑๒ เมื่อได้ดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยวิธีการไต่สวนสาธารณะเสร็จสิ้น ให้จัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตรวจสอบเสร็จสิ้น รายงานผลการตรวจสอบอย่างน้อยต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) ข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบ (๒) ข้อกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง (๓) ความเห็นพร้อมด้วยเหตุผลที่มีความเห็นดังกล่าว (๔) ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ให้สำนักงานจัดทำรายงานให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติเห็นชอบ รายงานในเรื่องนั้น รายงานผลการตรวจสอบตามข้อนี้ ให้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด มติของคณะกรรมการตามข้อนี้ให้เป็นที่สุด ข้อ ๑๓ ให้สำนักงานแจ้งผลการตรวจสอบพร้อมด้วยรายงานไปยังผู้เกี่ยวข้อง ดังนี้ (๑) บุคคลหรือนายงานที่เกี่ยวข้องตามข้อ ๑๒ วรรคสอง (๔) (๒) ผู้ร้อง เว้นแต่ผู้ร้องมิได้แจ้งสถานที่อยู่ที่จะติดต่อได้ การแจ้งผลตามวรรคหนึ่ง ให้ทำเป็นหนังสือภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้ดำเนินการตามข้อ ๑๒ วรรคสาม เสร็จสิ้น ข้อ ๑๔ ให้ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรักษาการตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัยชั้นหา คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ พรประไพ กฤษจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ" 1739.pdf,"# ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายกำหนดเวลาดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เร่งแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนผ่านนโยบายรัฐบาล ประกอบกับมีการขยายกำหนดเวลาดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อบรรเทาภาระภาษีให้กับประชาชน นั้น เพื่อให้การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบถ้วน รวมถึงบรรเทาภาระภาษีให้ผู้เสียภาษีมีเวลา ชำระภาษีมากขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นชอบให้ขยายกำหนดเวลาดำเนินการ ของผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ เฉพาะการจัดเก็บ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นการทั่วไป ออกไปอีก ๒ เดือน ดังนี้ ๑. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำบัญชีรายการที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างเพื่อประกาศ พร้อมทั้งจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผู้เสียภาษีแต่ละรายทราบ ตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อ ๒๓ ของระเบียบ กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖ เป็นภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๗ ๒. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษี ตามมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อ ๓ ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ อัตราภาษี และรายละเอียดอื่น ในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมก่อนวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เป็นก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗ ๓. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการแจ้งการประเมินภาษี โดยส่งแบบ ประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อ ๖ ของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เป็นภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๗ ๔. ขยายกำหนดเวลาของผู้เสียภาษีในการชำระภาษีตามแบบแจ้งการประเมินภาษี ตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือน เมษายน ๒๕๖๗ เป็นภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ ๕. ขยายกำหนดเวลาของผู้เสียภาษีในการผ่อนชำระภาษี ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อ ๓ ของกฎกระทรวง การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้ ๕.๑ งวดที่หนึ่ง จากเดิมชำระภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๗ เป็นชำระภายใน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ ๕.๒ งวดที่สอง จากเดิมชำระภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗ เป็นชำระภายใน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗ ๕.๓ งวดที่สาม จากเดิมชำระภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ เป็นชำระภายใน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ ๖. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการมีหนังสือแจ้งเตือนผู้เสียภาษี ที่มีภาษีค้างชำระ ตามมาตรา ๖๑ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗ เป็นภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗ ๗. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการแจ้งรายการภาษีค้างชำระ ให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา ตามมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ เป็นภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ ประกาศ ณ วันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 174.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 53 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. ๒๕62 ก าหนดสินค้าควบคุม 46 รายการ และบริการควบคุม 6 รายการ ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจ ในขณะนี้จ าเป็นจะต้องพิจารณาทบทวนการก าหนดสินค้าหรือบริการควบคุมให้สอดคล้องกับภาวะ เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อดูแลป้องกันการก าหนดราคาซื้อ ราคาจ าหน่ายหรือการก าหนดเงื่อนไข และวิธีปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๑) และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการด้วยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. ๒๕62 ข้อ ๓ ให้สินค้าและบริการ ดังต่อไปนี้เป็นสินค้าและบริการควบคุม หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ (1) กระดาษท าลูกฟูก กระดาษเหนียว (2) กระดาษพิมพ์และเขียน หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง (3) ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ (4) รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่ง รถยนต์บรรทุก หมวดปัจจัยทางการเกษตร (5) เครื่องสูบน้ า (6) ปุ๋ย (7) ยาป้องกันหรือก าจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช (8) รถเกี่ยวข้าว (9) รถไถนา (10) หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (11) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (12) น้ ามันเชื้อเพลิง หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ (13) ยารักษาโรค (14) เวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรค หมวดวัสดุก่อสร้าง (15) ท่อพีวีซี (16) ปูนซีเมนต์ (17) สายไฟฟ้า (18) เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น เหล็กเส้น หมวดสินค้าเกษตรที่ส าคัญ (19) ข้าวเปลือก ข้าวสาร (20) ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ (21) ข้าวโพด (22) ต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ มันส าปะหลังและผลิตภัณฑ์ (23) ผลปาล์มน้ ามัน (24) มะพร้าวผลแก่ และผลิตภัณฑ์ (25) ยางพารา ได้แก่ น้ ายางสด ยางก้อน เศษยาง น้ ายางข้น ยางแผ่น ยางแท่ง ยางเครพ หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค (26) กระดาษช าระ กระดาษเช็ดหน้า (27) แชมพู (28) น้ ายาปรับผ้านุ่ม (29) ผงซักฟอก น้ ายาซักฟอก (30) ผลิตภัณฑ์ล้างจาน (31) ผ้าอนามัย (32) ผ้าอ้อมส าเร็จรูปเด็กและผู้ใหญ่ (33) สบู่ก้อน สบู่เหลว หมวดอาหาร (34) กระเทียม (35) ไข่ไก่ (36) ทุเรียน ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒(37) นมผง ผลิตภัณฑ์นมพร้อมบริโภคชนิดเหลว ไม่รวมถึงนมเปรี้ยว (38) น้ ามัน และไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ทั้งที่บริโภคได้หรือไม่ได้ (39) แป้งสาลี (40) มังคุด (41) ล าไย (42) สุกร เนื้อสุกร (43) หอมหัวใหญ่ (44) อาหารกึ่งส าเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึก (45) อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท หมวดอื่น ๆ (46) เครื่องแบบนักเรียน หมวดบริการ (47) การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า (48) บริการขนส่งสินค้าส าหรับธุรกิจออนไลน์ (49) บริการทางการเกษตร (50) บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาลเกี่ยวกับ การรักษาโรค (51) บริการรับช าระเงิน ณ จุดบริการ (52) บริการให้เช่าสถานที่เก็บสินค้า ประกาศ ณ วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒" 1741.pdf,"ประกาศสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) และ (๓) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๓๔ วรรคหนึ่ง ด้วยศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ ๒๐/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) และ (๓) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๓๔ วรรคหนึ่ง จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ สุทธิรักษ์ ทรงศิวไล รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รักษาราชการแทน เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ" 1742.pdf,"# ประกาศสำนักงานปราณบุรีเพื่อสั่นติด เรื่อง การจัดการเครื่องกำเนิดรังสีที่ขอยกเลิกการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๗ แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. ๒๕๖๔ และข้อ ๑๙ กฎกระทรวงความปลอดภัยทางรางสีสำหรับเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องแจ้งการมีไว้ ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. ๒๕๖๖ เลขาธิการสำนักงานปราณบุรีเพื่อสั่นติด ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานปราณบุรีเพื่อสั่นติด” เรื่อง การจัดการเครื่องกำเนิดรังสี ที่ขอยกเลิกการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ผู้รับใบอนุญาตที่ประสงค์ยกเลิกการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี ต้องจัดการเครื่องกำเนิดรังสีตามวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (๒) จำหน่ายหรือโอนให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่น (๓) กรณีที่ไม่ประสงค์จะใช้งานเครื่องกำเนิดรังสีอีกต่อไป ให้ส่งหลักฐานที่แสดงว่าเครื่องกำเนิดรังสีนั้น จะไม่สามารถนำกลับมาใช้งานได้อีก เช่น ภาพถ่าย หนังสือรับรองจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย หรือหนังสือรับรองจากหน่วยงานหรือสถานประกอบการบริการจัดการซากผลิตภัณฑ์หรือซาก เครื่องกำเนิดรังสี เป็นต้น ข้อ ๔ กรณีมีผลผลิตจากการก่อก้มมันตรังสี (activation product) จากการทำ มีไว้ในครอบครอง หรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี ให้จัดการผลผลิตนั้นตามกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการก่อก้มมันตรังสี ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เพ็ญนภา กัญชนะ รองเลขาธิการ รักษาราชการแทน เลขาธิการสำนักงานปราณบุรีเพื่อสั่นติด" 1743.pdf,"# ระเบียบกรมธุรกิจพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินสินบน เงินรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบกรมธุรกิจพลังงานเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน สินบนรางวัลและวิธีปฏิบัติในการขอรับเงินสินบน เงินรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และข้อ ๕.๑ ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน พ.ศ. ๒๕๔๖ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมธุรกิจพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินสินบน เงินรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ บทนิยามคำว่า “ผู้แจ้งความนำจับ” แห่งระเบียบกรมธุรกิจพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินสินบน เงินรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความ ดังต่อไปนี้แทน “ผู้แจ้งความนำจับ” หมายความว่า บุคคลเดียวหรือหลายคน ซึ่งนำเบาะแสหรือเค้าเรื่อง แห่งการกระทำผิดมาแจ้งผู้รับแจ้งความนำจับ จนสามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้ แต่ต้องมิใช่เจ้าหน้าที่ ผู้จับหรือข้าราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่กรมธุรกิจพลังงาน หรือสำนักงานพลังงานจังหวัด หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายในเรื่องนั้น ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ นันธิกา ทั้งสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน" 1745.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดพืช และพาหะจากแหล่งที่กำหนดเป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไข ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ โดยคำแนะนำของคณะกรรมการกักพืช ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดพืช และพาหะจากแหล่งที่กำหนดเป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไข ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็น ๒.๓ ของข้อ ๒ แห่งประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดพืช และพาหะจากแหล่งที่กำหนดเป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไข ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ “๒.๓ “ดินอุตสาหกรรม” หมายความว่า ดินชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเซรามิก สิงทนไฟ กระดาษ ยาง สี ฟอกสี ก่อสร้าง คอนเจาะ ปิโตรเคมี ยา เครื่องสำอาง ได้แก่ เคอโลไลน์ (kaolin) และดินอื่นที่มีเคโอไลน์ปนอยู่ เบนโทไนต์ (bentonite ไฟร์เคลย์ (fire-clay) ฟูลเลอร์เอิร์ท (Fuller’s earth) บอลเคลย์ (ball clay) แอตตาพลูไกด์ (Attapulgite) ดินสำหรับฟอกสีแอนดาลูไซต์ (andalusite) โคยาไนต์ (kyanite) ซิลลิมาไนต์ (sillimanite) มูลโลต์ (Mullite) ชามอตต์เอิร์ท (Chamotte earth) และ ดินนาสเอิร์ท (Dinas earth)” ข้อ ๔ ให้ยกเลิก “๔.๕.๒ ดินสำหรับใช้ในการอุตสาหกรรม” ของข้อ ๔ แห่งประกาศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดพืช และพาหะจากแหล่งที่กำหนดเป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน ๗. ของรายชื่อพืช และพาหะ แนบท้ายประกาศกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดพืช และพาหะจากแหล่งที่กำหนดเป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “๗. ดิน (ไม่รวมถึง ดินอุตสาหกรรม)” ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์" 1746.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ให้นำพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ มาใช้บังคับ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่มาตรา ๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดลักษณะ กิจการ หรือหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้น ไม่ให้นำพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ บางส่วนมาใช้บังคับ พ.ศ. ๒๕๖๖ กำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ให้นำพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ มาใช้บังคับ ต้องจัดให้มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไป ตามมาตรฐานที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบมาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดลักษณะ กิจการ หรือหน่วยงาน ที่ได้รับการยกเว้นไม่ให้นำพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ บางส่วนมาใช้บังคับ พ.ศ. ๒๕๖๖ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง มาตรฐาน การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับการยกเว้น ไม่ให้นำพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ มาใช้บังคับ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ความมั่นคงปลอดภัย” หมายความว่า การดำรงไว้ซึ่งความลับ (confidentiality) ความถูกต้อง ครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เพื่อป้องกัน การสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือ โดยมิชอบ “การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า การละเมิดมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ที่ทำให้เกิดการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจาก อำนาจหรือโดยมิชอบ ไม่ว่าจะเกิดจากเจตนา ความจริงใจ ความประมาทเลินเล่อ การกระทำ โดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ การกระททำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ ข้อผิดพลาดบนเครือข่ายอุปกรณ์ใด หรือเหตุอื่นใด ""ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล"" หมายความว่า ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ให้นำ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ มาใช้บังคับตามมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง (๒) (๓) (๔) (๕) และ (๖) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ และผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนมาใช้บังคับตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ต้องจัดให้มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของ ข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ โดยจะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ที่เป็นไปตามมาตรฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว จะต้องครอบคลุมการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะอยู่ในรูปแบบเอกสารหรือในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ หรือรูปแบบอื่นใดก็ตาม (๒) มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว จะต้องประกอบด้วยมาตรการเชิงองค์กร (organizational measures) และมาตรการเชิงเทคนิค (technical measures) ที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึง มาตรการทางกายภาพ (physical measures) ที่จำเป็นด้วย โดยคำนึงถึงระดับความเสี่ยงตามลักษณะ และวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนโอกาสเกิด และผลกระทบทจากเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (๓) มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว จะต้องคำนึงถึงการดำเนินการเกี่ยวกับ การรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตั้งแต่การระบุความเสี่ยงที่สำคัญที่อาจจะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินสารสนเทศ (information assets) ที่สำคัญ การป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญที่อาจจะเกิดขึ้น การตรวจสอบและ เฝ้าระวังภัยคุกคามและเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การเผชิญเหตุเมื่อมีการตรวจพบภัยคุกคามและ เหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาและฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากภัยคุกคามหรือเหตุ การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลด้วย ทั้งนี้ เท่าที่จำเป็นเหมาะสม และเป็นไปได้ตามระดับความเสี่ยง (๔) มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว จะต้องคำนึงถึงความสามารถในการดำรงไว้ ซึ่งความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ได้อย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยง โดยคำนึงถึงปัจจัย ทางเทคโนโลยี บริบท สภาพแวดล้อม มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับสำหรับหน่วยงานหรือกิจการ ในประเภทหรือลักษณะเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ลักษณะและวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทรัพยากรที่ต้องใช้ และความเป็นไปได้ในการดำเนินการประกอบกัน (๕) สำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว จะต้องครอบคลุมส่วนประกอบต่าง ๆ ของระบบสารสนเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ระบบและอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ส่วนบุคคล เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (servers) เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (clients) และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ ระบบเครือข่าย ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน อย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยง โดยคำนึงถึง หลักการป้องกันเชิงลึก (defense in depth) ที่ควรประกอบด้วยมาตรการป้องกันหลายชั้น (multiple layers of security controls) เพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่มาตรการบางมาตรการ มีข้อจำกัดในการป้องกันความมั่นคงปลอดภัยในบางสถานการณ์ (๖) มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว ในส่วนที่เกี่ยวกับการเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข ลบ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล อย่างน้อยต้องประกอบด้วยการดำเนินการ ดังต่อไปนี้อย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยง โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการเข้าถึงและใช้งาน ตามลักษณะและวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การรักษา ความมั่นคงปลอดภัยตามระดับความเสี่ยง ทรัพยากรที่ต้องใช้ และความเป็นไปได้ในการดำเนินการ ประกอบกัน (ก) การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ ที่สำคัญ (access control) ที่มีการพิสูจน์และยืนยันตัวตน (identity proofing and authentication) และการอนุญาตหรือการทำหนดสิทธิในการเข้าถึงและใช้งาน (authorization) ที่เหมาะสม โดยคำนึงถึง หลักการให้สิทธิเท่าที่จำเป็น (need-to-know basis) ตามหลักการให้สิทธิที่น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น (principle of least privilege) (ข) การบริหารจัดการการเข้าถึงของผู้ใช้งาน (user access management) ที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการลงทะเบียนและการถอนสิทธิผู้ใช้งาน (user registration and de-registration) การจัดการสิทธิการเข้าถึงของผู้ใช้งาน (user access provisioning) การบริหารจัดการ สิทธิการเข้าถึงตามสิทธิ (management of privileged access rights) การบริหารจัดการข้อมูลความลับ สำหรับการพิสูจน์ตัวตนของผู้ใช้งาน (management of secret authentication information of users) การทบทวนสิทธิการเข้าถึงของผู้ใช้งาน (review of user access rights) และการถอดถอน หรือปรับปรุงสิทธิการเข้าถึง (removal or adjustment of access rights) (ค) การกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน (user responsibilities) เพื่อป้องกัน การเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข ลบ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ซึ่งรวมถึงกรณีที่เป็นการกระทำนอกเหนือบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ตลอดจนการลักลอบ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บ หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ง) การจัดให้มีวิธีการเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือลบข้อมูลส่วนบุคคล (audit trails) ที่เหมาะสมกับวิธีการและสื่อที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (๗) มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว จะต้องรวมถึงการสร้างเสริมความตระหนักรู้ ด้านความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัย (privacy and security awareness) และการแจ้งนโยบาย แนวปฏิบัติ และมาตรการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม ให้บุคลากร พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลอื่นที่เป็นผู้ใช้งาน (user) หรือเกี่ยวข้องกับการเข้าถึง เก็บรวบรวม ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข ลบ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทราบและถือปฏิบัติ รวมทั้งกรณีที่มีการปรับปรุงแก้ไขนโยบาย แนวปฏิบัติ และมาตรการดังกล่าวด้วย โดยคำนึงถึงลักษณะและวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ระดับความเสี่ยง ทรัพยากรที่ต้องใช้ และความเป็นไปได้ในการดำเนินการ ประกอบกัน (๘) มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว ควรรวมถึงมาตรการที่ทำให้ข้อมูลส่วน บุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือมีการแฝงข้อมูล (pseudonymization) เพื่อลดความเสี่ยงในการระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือมีการ เข้ารหัสข้อมูล (encryption) หรือมาตรการอื่นในลักษณะเดียวกัน อย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยง หากสามารถกระทำได้ โดยคำนึงถึงปัจจัยทางเทคโนโลยี บริบท สภาพแวดล้อม มาตรฐานที่เป็น ที่ยอมรับสำหรับหน่วยงานหรือกิจการในประเภทหรือลักษณะเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ลักษณะและ วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทรัพยากรที่ต้องใช้ และความ เป็นไปได้ในการดำเนินการประกอบกัน ข้อ ๕ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องทบทวนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามข้อ ๔ เมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงระดับความเสี่ยงตามปัจจัยทางเทคโนโลยี บริบท สภาพแวดล้อม มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับสำหรับหน่วยงานหรือกิจการในประเภทหรือลักษณะเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ลักษณะและวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทรัพยากรที่ต้องใช้ และความเป็นไปได้ในการดำเนินการประกอบกัน เมื่อมีเหตุการะเม็ดข้อมูลส่วนบุคคล ให้ถือว่าผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องทบทวน มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมี ผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ข้อ ๖ ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือบุคคลหรือ นิติบุคคลอื่นที่ไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล พิจารณากำหนดให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือนิติบุคคลนั้นจัดให้มีมาตรการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ รวมทั้งแจ้งให้ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคลทราบถึงเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นโดยไม่ชักซ้ำเท่าที่จะสามารถกระทำได้ โดยมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานตามข้อ ๔ โดยคำนึงถึง ระดับความเสี่ยงตามลักษณะและวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนโอกาสเกิดและผลกระทบทจากเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ข้อ ๗ ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ตามกฎหมายอื่นในการจัดให้มีมาตรการ รักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการ ตามกฎหมายนั้น แต่มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าวของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดในประกาศนี้ด้วย ข้อ ๘ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เยียรชัย ณนคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" 175.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การก าหนดลักษณะของสถานพยาบาลและมาตรฐานซึ่งได้รับ การยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล (ฉบับที่ 2) อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ และมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยค าแนะน า ของคณะกรรมการสถานพยาบาล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การก าหนดลักษณะ ของสถานพยาบาลและมาตรฐานซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล (ฉบับที่ 2)” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประ กาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (3) ในข้อ 6 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การก าหนดลักษณะของสถานพยาบาลและมาตรฐานซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับ ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล “(3) จัดให้มีมาตรฐานระบบบริการสุขภาพ ดังต่อไปนี้ (ก) ด้านการบริหารจัดการ (ข) ด้านการบริการสุขภาพ (ค) ด้านอาคาร สถานที่ และสิ่งอ านวยความสะดวก (ง) ด้านสิ่งแวดล้อม (จ) ด้านความปลอดภัย (ฉ) ด้านเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข (ช) ด้านระบบสนับสนุนบริการที่ส าคัญ (ซ) ด้านสุขศึกษาและพฤติกรรมสุขภาพ (ฌ) ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ” ข้อ 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสอง ในข้อ 6 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การก าหนดลักษณะของสถานพยาบาลและมาตรฐานซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับ ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพย าบาล “รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรฐานระบบบริการสุขภาพตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพประกาศก าหนด ” ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒ข้อ 5 สถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ซึ่งด าเนินการโดยกระทรวง ทบวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาของรัฐ หน่วยงานอื่นของรัฐ สภากาชาดไทย ต้องด าเนินการให้เป็นไปตามประกาศนี้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ มีผลใช้บังคับ ประกาศณ วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖2 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒" 1751.pdf,"ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเพื่อสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ แก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยที่คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านเห็นสมควรให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ หรือค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินให้แก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านซึ่งประสงค์จะกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงาน ไปทำที่บ้าน เพื่อสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพและเป็นการสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจของ ฐานรากให้สามารถสร้างรายได้กระจายสู่ชุมชน อันเป็นการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจตามมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๓ และข้อ ๒๔ ของระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วย การบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๙ และมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุน เพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ครั้งที่ ๙/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ คณะกรรมการบริหาร กองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินตามความในข้อ ๖ วรรคหนึ่ง ของประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินและการชำระคืนเงินกู้ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นร้อยละศูนย์ต่อปี ตั้งแต่วงวดที่หนึ่งถึงงวดที่สิบสอง สำหรับผู้รับงานไปทำที่บ้านที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางานซึ่งประสงค์ จะกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านโดยยื่นคำขอ กู้ยืมเงินพร้อมเอกสารหรือหลักฐาน ครบถ้วนตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗ ผู้รับงานไปทำที่บ้านตามวรรคหนึ่งที่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมแล้วต้องทำสัญญากู้ยืมเงินกับกรมการจัดหางาน ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ข้อ ๒ กรณีผู้รับงานไปทำที่บ้านตามข้อ ๑ ชำระบนี้ตั้งแต่วงวดที่หนึ่งถึงงวดที่สิบสองถูกต้อง ครบถ้วนโดยไม่ผิดนัดชำระหนี้ในงวดหนึ่งงวดใด หากประสงค์จะรับสิทธิลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือ ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินตั้งแต่วงวดที่สิบสามถึงงวดที่ยี่สิบสี่เป็นร้อยละศูนย์ต่อปี จะต้องทำบันทึก ต่อท้ายสัญญากู้ยืมเงินภายในวันที่ครบกำหนดชำระหนี้เงินกู้งวดที่สิบสาม และให้ถือว่าบันทึกต่อท้าย สัญญาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสัญญากู้ยืมเงิน ข้อ ๓ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินและการชำระคืนเงินกู้ ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านตามประกาศนี้ ให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุน เพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินและ การชำระคืนเงินกู้ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการบริหาร กองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินและการชำระคืนเงินกู้ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยอนุโลม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ สมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการจัดหางาน ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน" 1754.pdf,"เล่ม ๑๔๐ ตอนที่ ๗๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๖
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ พื้นผิวของครุฑมีรายละเอียดเป็นเส้นโค้งและวงกลม **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาล **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราสัญลักษณ์ครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๑ (พ.ศ. ๒๕๖๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ และมาตรา ๔๒ (๑๗) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ว่าดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กำหนดให้เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกำกับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร หรือผู้ขายสินค้า หรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบรับตามมาตรา ๑๐๕ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับการซื้อสินค้าหรือรับบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินห้าหมื่นบาท เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ ได้รับใบกำกับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร หรือใบรับตามมาตรา ๑๐๕ แห่งประมวลรัษฎากร ที่ได้จัดทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา ๓ โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร และให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ข้อ ๒ เงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามข้อ ๑ กรณีการจ่าย ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร (๒) ค่าบริการหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (๓) ค่าซื้อสินค้านี้งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนา ชุมชนแล้ว ข้อ ๓ คำชี้สินค้าหรือค่าบริการตามกฎกระทรวงนี้ ไม่รวมถึงคำชี้สินค้าหรือค่าบริการ ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ (๒) ค่าซื้อยำสูบ (๓) ค่าซื้อน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ (๔) ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ (๕) ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ และค่าบริการ สัญญาณอินเทอร์เน็ต (๖) ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจาก ระยะเวลาตามที่กำหนดในข้อ ๑ (๗) ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย ข้อ ๔ ผู้มีเงินได้ที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎกระทรวงนี้ต้องไม่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ จุลพันธ์ อัมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีมาตรการรักษาระดับ การบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๖๗ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม อันเป็นการขยายฐานภาษีรวมทั้งสนับสนุนการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เกิดประสิทธิภาพต่อ การจัดเก็บภาษีในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพ สมควรกำหนดให้เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการบางประเภทให้แก่ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการ ที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินห้าหมื่นบาท เป็นเงินได้ พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 1756.pdf,"# ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษี ตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับสินค้าน้ำตาลทราย ปี ๒๕๖๗ ถึงปี ๒๕๖๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรอง แสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับการนำเข้าสินค้าน้ำตาลทราย ปี ๒๕๖๗ ถึงปี ๒๕๖๙ ให้เป็นไปตามมิติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ และมิติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖ และเพื่อให้เป็นไปตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๔ วรรคสาม ของประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้า เข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๑๕) พ.ศ. ๒๕๓๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการออกหนังสือรับรองแสดง การได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับสินค้าน้ำตาลทราย ปี ๒๕๖๗ ถึงปี ๒๕๖๙ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “หนังสือรับรอง” หมายความว่า หนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณี ตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับการนำเข้าสินค้าน้ำตาลทราย ตามระเบียบนี้ “น้ำตาลทราย” หมายความว่า น้ำตาลที่ได้จากอ้อยหรือหัวบิต และซูโครสที่บริสุทธิ์ในทางเคมี ในลักษณะของแข็ง ตามพิกัดอัตราศุลกากร ประเภทย่อย ๑๗๐๑.๑๒.๐๐ ๑๗๐๑.๑๓.๐๐ ๑๗๐๑.๑๔.๐๐ ๑๗๐๑.๙๑.๐๐ ๑๗๐๑.๙๙.๑๐ และ ๑๗๐๑.๙๙.๙๐ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม ข้อ ๕ ผู้มีสิทธิขอหนังสือรับรองต้องมีคุณสมบัติดังนี้ (๑) หนังสือรับรองสำหรับภาษีในโค้วตา (ก) เป็นผู้ที่ได้รับจัดสรรปริมาณการนำเข้าตามข้อ ๖ (ข) ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกระงับการออกหนังสือรับรองตามข้อ ๑๐ วรรคสอง (๒) หนังสือรับรองสำหรับภาษีนอกโค้วตา (ก) เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล (ข) ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกระงับการออกหนังสือรับรองตามข้อ ๑๐ วรรคสอง ข้อ ๖ การจัดสรรปริมาณการนำเข้าน้ำตาลทรายสำหรับการออกหนังสือรับรองสำหรับภาษีในโค้วตา (๑) ปริมาณที่จะจัดสรร มีปริมาณรวมไม่เกินปีละ ๑๓,๗๖๐ เมตริกตัน (๒) ผู้ขอรับการจัดสรรต้องมีคุณสมบัติดังนี้ (ก) เป็นนิติบุคคล (ข) เป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้าน้ำตาลทรายไว้กับสำนักงาน (๓) ให้สำนักงานจัดสรรปริมาณการนำเข้าโดยวิธีการยื่นของก่อนได้รับสิทธิก่อน (First come, first served) จนกว่าจะครบปริมาณที่จะจัดสรรตาม (๑) โดยถือว่าสำนักงานได้รับคำขอตามลำดับวันและเวลาที่คำขอได้เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับการยื่นขอรับการจัดสรรของสำนักงาน ในกรณีที่คำขอเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่งในวันหรือเวลานอกทำการของสำนักงาน ให้ถือว่าสำนักงานได้รับคำขอในวันหรือเวลาทำการถัดไปตามลำดับวันและเวลาที่คำขอเข้าสู่ระบบ ข้อ ๗ ให้ผู้มีสิทธิขอหนังสือรับรองตามข้อ ๕ ยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองต่อสำนักงาน โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบที่รองรับการขอหนังสือรับรองของสำนักงาน พร้อมเอกสารหลักฐานดังนี้ (๑) สำเนาใบกำกับสินค้า (Invoice) (๒) สำเนาใบตราส่งสินค้าทางเรือ (Bill of Lading : B/L) หรือสำเนาใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Waybill) หรือเอกสารหลักฐานอื่นที่แสดงการขนส่งสินค้า (๓) สำเนาหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin : C/O) หรือเอกสารหลักฐานอื่นที่แสดงว่าน้ำตาลทรายที่นำเข้ามีถิ่นกำเนิดจากประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) (๔) สำเนาใบรายการบรรจุหีบห่อ (Packing list) (ถ้ามี) (๕) ภาพสินค้าและบรรจุภัณฑ์ (ถ้ามี) (๖) ใบริเคราะห์น้ำตาล (Sugar Analysis) (ถ้ามี) ข้อ ๘ ให้สำนักงานออกหนังสือรับรอง สำหรับปี ๒๕๖๗ ถึงปี ๒๕๖๙ ให้แก่ผู้มีสิทธิตามข้อ ๕ ที่ยื่นคำร้องครบทั้งหมดของตามข้อ ๗ โดยกรณีหนังสือรับรองสำหรับภาษีในโค้วตา ให้ออกหนังสือรับรองไม่เกินปริมาณที่ได้รับจัดสรร และกรณีหนังสือรับรองสำหรับภาษีนอกโค้วตา ให้ออกตามปริมาณที่ยื่นขอ ข้อ ๙ อายุของหนังสือรับรอง (ก) หนังสือรับรองสำหรับภาษีในโค้วตามอายุ ๓๐ วันนับตั้งแต่วันที่ออก แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ของปีที่ออกหนังสือรับรอง (ข) หนังสือรับรองสำหรับภาษีนอกโค้วตามอายุ ๓๐ วันนับตั้งแต่วันที่ออก ข้อ ๑๐ ผู้ได้รับหนังสือรับรองต้องรายงานการนำเข้าต่อสำนักงานภายใน ๓๐ วันนับตั้งแต่วันที่ นำเข้าสินค้าในแต่ละครั้ง กรณีที่ผู้ได้รับหนังสือรับรองไม่รายงานการนำเข้าตามวรรคหนึ่ง ให้สำนักงานระงับการออกหนังสือ รับรองสำหรับการนำเข้าในครั้งถัดไป จนกว่าจะรายงานการนำเข้าครบถ้วนถูกต้อง ข้อ ๑๑ ให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศศึกษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์" 1757.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปยังต่างประเทศ ตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ว.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และ (๕) ประกอบมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปยังต่างประเทศตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ (cloud computing service provider)” หมายความว่า ผู้ให้บริการ เก็บรักษาข้อมูลหรือเก็บพักข้อมูลแก่บุคคลอื่นในรูปแบบชั่วคราวหรือถาวร โดยมีระบบที่บริหารจัดการ ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยอาจให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหลัก (Infrastructure as a Service : laaS) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม (Platform as a Service : Paas) ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ (Software as a Service : SaaS) ผู้ให้บริการระบบจัดเก็บข้อมูล (Data Storage as a Service : DSaaS) และผู้ให้บริการระบบบริหารจัดการข้อมูลแบบ Serverless Computing หรือ ผู้ให้บริการฟังก์ชัน (Function as a Service: FaAS) เป็นต้น “ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลโดยผู้ส่งหรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการส่งหรือโอนข้อมูลโดยทางกายภาพ หรือผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่าย ให้แก่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคล แต่มิให้มายความรวมถึงการส่งและรับข้อมูลส่วนบุคคล ในลักษณะที่เป็นเพียงสื่อกลาง (intermediary) ในการส่งผ่านข้อมูล (data transit) ระหว่างระบบ คอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายหรือการเก็บพักข้อมูล (data storage) ในรูปแบบชั่วคราวหรือถาวร ที่ไม่มีบุคคลภายนอกเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว นอกจากนี้จากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นผู้ส่งข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือบุคลากร พนักงาน หรือลูกจ้างของ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เช่น กรณีการส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย ในต่างประเทศ หรือการส่งข้อมูลผ่านระบบของผู้ให้บริการระบบคลาวด์ (cloud computing service provider) ที่ไม่มีบุคคลใดนอกจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็น ผู้ส่งข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือบุคลากร พนักงาน หรือลูกจ้าง เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจาก มีมาตรการทางเทคนิคหรือเงื่อนไขทางกฎหมายรองรับ ""คณะกรรมการ"" หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ""สำนักงาน"" หมายถึง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ข้อ ๔ ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลที่เพียงพอ โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศนี้ เว้นแต่ (๑) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย (๒) ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศ ที่รับข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว (๓) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือ เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (๔) เป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (๕) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือบุคคลอื่น เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้ (๖) เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ ข้อ ๕ หลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประเทศปลายทางหรือองค์การ ระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามข้อ ๔ ให้พิจารณาจากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเพียงพอของปัจจัย ดังต่อไปนี้ (๑) มีมาตรการหรือกลไกทางกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย หรือองค์การระหว่างประเทศที่สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย โดยเฉพาะหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในการจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมและสามารถบังคับตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ และมาตรการเยียวยาทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพยิ่ง (๒) มีหน่วยงานหรือองค์กรที่มีหน้าที่และอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศ ข้อ ๖ ในการเสนอปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอของ ประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลต่อคณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัย ตามมาตรา ๒๘ วรรคสาม สำนักงานอาจรับเรื่องที่มีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเสนอให้มีการวินิจฉัย หรือสำนักงานอาจรวบรวมข้อมูลและเสนอโดยสำนักงานเองก็ได้ โดยคณะกรรมการอาจพิจารณาวินิจฉัย เป็นรายกรณี หรือพิจารณากำหนดรายชื่อประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูล ส่วนบุคคล ซึ่งถือว่ามีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ก็ได้ สำนักงานอาจขอให้คณะกรรมการทบทวนคำวินิจฉัยได้เมื่อมีหลักฐานใหม่ทำให้เชื่อได้ว่า ประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลมีการพัฒนาจนมีมาตรฐาน การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือกรณียื่นที่เห็นสมควร ข้อ ๗ ในการดำเนินการเพื่อเสนอเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยตามข้อ ๖ ให้สำนักงาน จัดทำเป็นรายงานมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศ โดยสำนักงานอาจจัดทำเองหรือเสนอรายงานของหน่วยงานอื่นก็ได้ ข้อ ๘ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เยียรชัย ณนคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" 176.pdf,"ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้การด าเนินการเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ยกขนตู้สินค้าเกินขนาด ( OVER HEIGHT FRAME) ส าหรับตู้สินค้าที่ขนถ่ายหรือบรรทุกขึ้น -ลงจากเรือ เป็นไปด้วยความสะดวก เรียบร้อย รวดเร็ว และเกิดความปลอดภัย ในการปฏิบัติงาน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ การท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความส ะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ๑.๙.๖ ของล าดับที่ ๑.๙ ในภาคผนวก ก. ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ แนบท้ายระเบียบการท่าเรือ แห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ล าดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑.๙ ค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรงอื่น ๆ (OTHER HANDING EQUIPMENT) ๑.๙.๖ อุปกรณ์ยกขนตู้สินค้าเกินขนาด (OVER HEIGHT FRAME) บาท/ตู้/ครั้ง ๓๐๐ ข้อ ๔ ให้ผู้อ านวยการท่าเรือกรุงเทพ และผู้อ านวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการ ให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอ านาจก าหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อ านวยการการท่าเรือ แห่งประเทศไทยเพื่อทราบ หรือพิจารณาสั่งการต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อ านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒" 1761.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ยกเลิกประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดชนิดและอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๕ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่ได้ออกประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดชนิดและอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้น บัดนี้ เห็นสมควรยกเลิกประกาศดังกล่าว เพื่อให้การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงสอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดชนิดและอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๕ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ นันธิกา ทั้งสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน" 1762.pdf,"ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลากร เรื่อง กำหนดประเภทของสินค้าให้เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลากร เรื่อง กำหนดประเภทของสินค้าให้เป็นสินค้า ที่ควบคุมฉลากร พ.ศ. ๒๕๖๕ และบัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลากร เรื่อง กำหนดประเภท ของสินค้าให้เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากร พ.ศ. ๒๕๖๕ พบว่า สินค้าประเภทกระดาษ ผลิตภัณฑ์กระดาษ และเครื่องเขียน ตาม ๙. แบบเรียน หนังสือ มีพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า แบบเรียน หนังสือ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภค ในการที่จะทราบข้อเท็จจริงในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้าแล้ว โดยเป็นกรณีมีกฎหมายบัญญัติเรื่องใด ไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงสมควรยกเลิกการกำหนดแบบเรียน หนังสือ ให้เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ คณะกรรมการว่าด้วยฉลากร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิก ๙. ของประเภทกระดาษ ผลิตภัณฑ์กระดาษ และเครื่องเขียน ตามบัญชี แนบท้ายประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลากร เรื่อง กำหนดประเภทของสินค้าให้เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากร พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกาศ ณ วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ธสรณ์อัทธ์ ธนิทริพันธ์ ประธานกรรมการว่าด้วยฉลากร" 1764.pdf,"เล่ม ๑๔๐ ตอนที่ ๗๔ ก หน้า ๓ ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๖
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ พื้นผิวของครุฑมีรายละเอียดเป็นเส้นสายโค้งและตรง **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาล **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราสัญลักษณ์ครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว
กฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพาสมิต (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพาสมิต พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน ๑) และ ๒) ของ (ฉ) ของ (๓) ในประเภทที่ ๐๖.๐๑ และ ๐๖.๐๒ รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน ๑๐ คน ตอนที่ ๖ สินค้ารถยนต์ ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพาสมิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษี สรรพาสมิต (ฉบับที่ ๒๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
ประเภทธี่ รายการ อัตราภาษี
ตามมูลค่า ร้อยละ ตามปริมาณ หน่วย หน่วยละ บาท
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘
"" ๑) เครื่องยนต์เบนซินที่มีความจุของ กระบอกสูบไม่เกิน ๑,๓๐๐ ลูกบาศก์ เช่นติเมตร ๒) เครื่องยนต์ดีเซลที่มีความจุของ กระบอกสูบไม่เกิน ๑,๔๐๐ ลูกบาศก์ เช่นติเมตร ๑๔
๑๔""
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เศรษฐา ทวีสิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่รถยนต์แบบประหยัดพลังงาน มาตรฐานสากล (Eco Car) เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานและเป็นรถยนต์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เมื่อเทียบเทียบกับรถยนต์ทั่วไป อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ที่มีศักยภาพในการพัฒนาไปสู่การเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าต่อไปได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ยานยนต์ดังกล่าว สมควรขยายระยะเวลาการใช้บังคับอัตราภาษีสรรพาสามิต สำหรับสินค้ารถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน ๑๐ คน ประเภทประหยัดพลังงาน แบบประหยัด พลังงานมาตรฐานสากลต่อไปอีกระยะหนึ่งจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 1765.pdf,"เล่ม ๑๔๐ ตอนที่ ๓๔ ก ## หน้า ๕ ### กฎกระทรวง #### ลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐๑๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๒๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ และมาตรา ๑๐๒๐/๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ๒๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกกฎกระทรวงไว้ว่าดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ลดอัตราค่าธรรมเนียมในกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ลดอัตราค่าธรรมเนียม และยกเว้นค่าธรรมเนียมจากการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสาร พร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงถึงหนึ่งสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในท้องที่จังหวัดราชบุรี จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอบางพลี อำเภอนาทวี และอำเภอมะขามย้อย และจังหวัดสตูล ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชชชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่การลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน และบริษัทจำกัดลงกึ่งหนึ่ง สำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในท้องที่ จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอบางพลี จังหวัดฉะเชิงเทรา และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล ตามกฎกระทรวงลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับ ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๖๓ จะสิ้นสุดลงในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเขตพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอบางพลี จังหวัดฉะเชิงเทรา และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล สมควรลดอัตราค่าธรรมเนียมในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 1771.pdf,"# ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตรายและหลักเกณฑ์การพิจารณา อนุญาตการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่ประเทศไทยในฐานะภาคีสมาชิกของพีธีสารมอบทรีออลวาด้วยสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ประเทศไทยจะต้องควบคุมปริมาณการใช้สารเอชเอฟซี (HFCs) ในประเทศ ไม่ให้เกินปริมาณการใช้ของประเทศที่สามารถใช้ได้ในแต่ละปี ตามรายละเอียดแนบท้ายประกาศ กรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง แนวทางการอนุญาตการใช้สารเอชเอฟซี (HFCs) ของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๖ ดังนั้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถควบคุมปริมาณการใช้สารดังกล่าวให้เป็นไปตามข้อผูกพัน ระหว่างประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๑๔ และข้อ ๑๗ แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และข้อ ๖ แห่งประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อ วัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๕๖ บัญญัติให้การดำเนินการต่อวัตถุอันตรายต้องคำนึงถึงสนธิสัญญาและ ข้อผูกพันระหว่างประเทศ กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงประกาศกำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต นำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ดังนี้ ข้อ ๑ คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ๑.๑ ต้องเป็นผู้ที่มีประวัติดำเนินการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) หรือสารผสมที่ประกอบด้วย สารเอชเอฟซี (HFCs) ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕ อย่างน้อย ๑ ปี ทั้งนี้ ปริมาณการนำเข้า ในแต่ละปีปฏิทินจะต้องสอดคล้องกับปริมาณความต้องการสารเอชเอฟซี (HFCs) ที่เป็นจริงภายในประเทศ ไม่รวมปริมาณการนำเข้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่น และเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ข้อกำหนดตามกฎกระทรวง และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมที่ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยจะได้รับสิทธิปริมาณการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ตามวิธีการจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้า ตามรายละเอียดและเงื่อนไขในข้อ ๓ ๑.๒ ผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าจะต้องจัดทำแผนการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) พร้อมวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ และส่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ของทุกปี เพื่อประกอบการพิจารณาการจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) แต่ละชนิด ในปีต่อไป หากพ้นกำหนดดังกล่าว จะถือว่าไม่ประสงค์จะนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ในปีต่อไป ๑.๓ กรณีที่ผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าไม่เคยมีประวัติดำเนินการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ตามข้อ ๑.๑ และมีความจำเป็นต้องใช้สารเอชเอฟซี (HFCs) จะต้องแจ้งเหตุผลความจำเป็นในการใช้ สารดังกล่าว พร้อมทั้งจัดทำรายละเอียดผู้ใช้ปลายทาง และแผนการลดการใช้สารเอชเอฟซี (HFCs) โดยให้กำหนดปริมาณความต้องการ และระยะเวลาการลดการใช้สารดังกล่าวให้ชัดเจน นำเสนอ กรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาต ข้อ ๒ หน่วยวัดปริมาณในการควบคุมและการจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ๒.๑ หน่วยวัดปริมาณในการควบคุมและการจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) คือเมตริกต้นกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งคำนวณจากปริมาณของสารเอชเอฟซี (HFCs) แต่ละชนิดในหน่วยเมตริกตันคูณด้วยค่าศักยภาพที่ทำให้โลกร้อนของสารเอชเอฟซี (HFCs) ชนิดนั้น ๆ ตามที่กำหนดในพิธีสารมอบทร้อยลา ๒.๒ หากสารที่นำเข้าเป็นสารผสมระหว่างสารเอชเอฟซี (HFCs) กับสารอื่น ๆ ที่ไม่ได้ควบคุมภายใต้พิธีสารมอบทร้อยลา การคำนวณค่าเมตริกต้นกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าให้นำเฉพาะน้ำหนักของสารเอชเอฟซี (HFCs) ที่ถูกควบคุมภายใต้พิธีสารมอบทร้อยลาในสารผสมมาคำนวณเท่านั้น ข้อ ๓ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ๓.๑ สิทธิปริมาณการนำเข้าหลัก ๓.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าหลักสูงสุด หมายถึง ค่าเฉลี่ยปริมาณการใช้สารเอชเอฟซี (HFCs) ของประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕ ๓.๑.๒ ปริมาณการนำเข้าหลักที่จะจัดสรรให้แก่ผู้นำเข้า กรมโรงงานอุตสาหกรรม จะจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าหลักให้ผู้นำเข้าตามข้อ ๑.๑ โดยผลรวมของสิทธิปริมาณการนำเข้าหลักของผู้นำเข้าทุกรายจะไม่เกินร้อยละ ๙๐ ของปริมาณการนำเข้าหลักสูงสุดในแต่ละปี ๓.๑.๓ สัดส่วนสิทธิปริมาณการนำเข้าหลักของผู้นำเข้าแต่ละราย ให้คำนวณจากค่าเฉลี่ยต่อปีของสารเอชเอฟซี (HFCs) ทุกชนิดของผู้นำเข้าแต่ละรายหารด้วยผลรวมของค่าเฉลี่ยต่อปีของสารเอชเอฟซี (HFCs) ทุกชนิดของผู้นำเข้าทุกรายตามข้อ ๑.๑ ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕ ๓.๑.๔ สิทธิปริมาณการนำเข้าหลักของผู้นำเข้าแต่ละราย ให้คำนวณจากสัดส่วนสิทธิปริมาณการนำเข้าหลักตามข้อ ๓.๑.๓ คูณด้วยปริมาณการนำเข้าหลักที่จะจัดสรรให้แก่ผู้นำเข้าตามข้อ ๓.๑.๒ ซึ่งผู้นำเข้าสามารถนำมาใช้ขอสิทธิปริมาณการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) หรือสารผสมที่มีสารเอชเอฟซี (HFCs) ชนิดใดก็ได้ที่ถูกควบคุมภายใต้พิธีสารมอบทร้อยลา ๓.๒ สิทธิปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติม ๓.๒.๑ ปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมสูงสุด หมายถึง ปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมจากปริมาณการนำเข้าหลักข้างต้น โดยคำนวณจากร้อยละ ๖๕ ของปริมาณการใช้เฉลี่ยต่อปีของสารเอชซีเอฟซี (HCFCs) ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๒ – ๒๕๕๓ ๓.๒.๒ ผู้มีสิทธิได้รับการจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติม คือ ผู้ที่ได้รับการจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าหลักที่นำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ที่มีค่าศักยภาพที่ทำให้โลกร้อนไม่เกิน ๒,๐๐๐ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕ ๓.๒.๓ ปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมที่จะจัดสรรให้แก่ผู้นำเข้า กรมโรงงาน อุตสาหกรรมจะจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมให้ผู้นำเข้าตามข้อ ๓.๒.๒ โดยผลรวมของสิทธิ ปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมของผู้นำเข้าตามข้อ ๓.๒.๒ ทุกรายจะไม่เกินร้อยละ ๙๐ ของปริมาณ การนำเข้าเพิ่มเติมสูงสุดในแต่ละปี ๓.๒.๔ สัดส่วนสิทธิปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมของผู้นำเข้าแต่ละราย ให้คำนวณ จากค่าเฉลี่ยต่อปีของสารเอชเอฟซี (HFCs) ที่มีค่าศักยภาพที่ทำให้โลกร้อนไม่เกิน ๒,๐๐๐ ของผู้นำเข้า แต่ละรายหารด้วยผลรวมของค่าเฉลี่ยต่อปีของสารเอชเอฟซี (HFCs) ที่มีค่าศักยภาพที่ทำให้โลกร้อน ไม่เกิน ๒,๐๐๐ ของผู้นำเข้าทุกรายตามข้อ ๓.๒.๒ ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕ ๓.๒.๕ สิทธิปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมของผู้นำเข้าแต่ละราย ให้คำนวณ จากสัดส่วนสิทธิปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมตามข้อ ๓.๒.๔ คูณด้วยปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมที่จะ จัดสรรให้แก่ผู้นำเข้าตามข้อ ๓.๒.๓ สิทธิปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมนี้สามารถนำมาใช้ขอสิทธิปริมาณ การนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) หรือสารผสมของสารเอชเอฟซี (HFCs) ชนิดใดก็ได้ แต่ต้องมี ค่าศักยภาพที่ทำให้โลกร้อนไม่เกิน ๒,๐๐๐ ข้อ ๔ การจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) กรมโรงงานอุตสาหกรรม จะจัดประชุมผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ที่มีคุณสมบัติตครบถ้วนตามข้อ ๑ อย่างน้อย ๑ ครั้ง ภายในเดือนกันยายนของทุกปี เพื่อจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ในปีถัดไปให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้า ข้อ ๕ กรมโรงงานอุตสาหกรรมขอสงวนสิทธิในการพิจารณาจัดสรรปริมาณการนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) ให้แก่ผู้รับใบอนุญาตตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๕.๑ ปริมาณการนำเข้าหลักสูงสุด/ปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมสูงสุด จะลดลงตาม กำหนดระยะเวลาการลดการใช้สารเอชเอฟซี (HFCs) ของพืธิสารมองหรืออล กล่าวคือ จะลดลงเหลือ ร้อยละ ๙๐ ๗๐ ๕๐ และ ๒๐ ของปริมาณการนำเข้าหลักสูงสุด/ปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมสูงสุด ของปี ๒๕๖๗ ในปี ๒๕๗๒ ๒๕๗๘ ๒๕๘๓ และ ๒๕๘๘ ตามลำดับ ๕.๒ กรมโรงงานอุตสาหกรรมสามารถปรับเปลี่ยนค่าศักยภาพที่ทำให้โลกร้อน สำหรับการจัดสรรปริมาณการนำเข้าเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเทคโนโลยีสารทดแทนที่เหมาะสมในประเทศ ๕.๓ สำหรับปริมาณสารเอชเอฟซี (HFCs) อีกร้อยละ ๑๐ ที่ยังมิได้จัดสรรนั้น กรมโรงงานอุตสาหกรรมขอสงวนสิทธิในการนำปริมาณดังกล่าว มาจัดสรรเพิ่มเติมในกรณีการเกิดปัญหา ที่อาจทำให้ประเทศไทยมีปริมาณการนำเข้าเกินจากที่กำหนด เช่น การลักลอบการนำเข้า เป็นต้น และอาจนำสิทธิดังกล่าวที่ยังไม่จัดสรรมาจัดสรรให้เฉพาะผู้นำเข้ารายใหม่ที่นำเข้าสารดังกล่าวในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ และจะนำปริมาณสุทธิที่ยังมิได้จัดสรรนั้นมาพิจารณาทบทวนจัดสรรใหม่ในการประชุม ผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) อย่างช้าที่สุดไม่เกินเดือนตุลาคมของทุกปี ๕.๔ กรณีที่มีผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าที่เป็นผู้ที่นำสารเอชเอฟซี (HFCs) ไปใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์โดยตรง เช่น โรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศ ประสงค์ที่จะนำเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต (ในส่วนที่มิได้เป็นส่วนขยายกำลังการผลิตนับตั้งแต่ประกาศนี้มีผลบังคับใช้) และแสดงหลักฐานได้ว่าการขอนำเข้าสารเอชเอฟซี (HFCs) เป็นการนำเข้าเพื่อใช้ทดแทนส่วนที่ซื้อจากผู้จำหน่ายรายใด กรมโรงงานอุตสาหกรรมของสงวนสิทธิในการพิจารณาปรับลดปริมาณนำเข้าจากผู้จำหน่ายรายนั้น ๆ เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าที่เป็นผู้ผลิตโดยตรง ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม" 1773.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีบัญชีพิเศษ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๕) พ.ศ. ๒๕๒๕ ประกอบกับข้อ ๖ และข้อ ๗ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๘๔ (พ.ศ. ๒๕๖๕) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำหนดให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ แพลตฟอร์มมีบัญชีพิเศษ โดยให้จัดทำและนำส่งข้อมูลบัญชีพิเศษผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมสรรพากร ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” หมายความว่า ผู้ให้บริการผ่านสื่อกลางทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันโดยใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่างผู้ประกอบการ กับผู้บริโภค เพื่อให้เกิดธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่รวมถึงกิจการของอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งเสนอสินค้าหรือบริการต่อผู้บริโภค ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม “ผู้ให้บริการจัดทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับมอบหมาย จากอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ให้จัดทำและนำส่งข้อมูลบัญชีพิเศษผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมสรรพากร “บัญชีพิเศษ” หมายความว่า บัญชีที่แสดงข้อมูลรายรับของอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ที่ได้รับจากผู้ประกอบการ ข้อ ๒ ให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย และมีรายได้ จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีเกินหนึ่งพ้นล้านบาท มีบัญชีพิเศษ อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มที่มีรอบระยะเวลาบัญชีเกินหนึ่งพ้นล้านบาทตามวรรคหนึ่งแล้ว และต่อมามีรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชีใดไม่เกินหนึ่งพ้นล้าน ให้ยังคงมีหน้าที่ จัดทำบัญชีพิเศษ ข้อ ๓ ให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจัดทำข้อมูลบัญชีพิเศษขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ตามมาตรฐานที่กรมสรรพากรประกาศไว้ บนเว็บไซต์กรมสรรพากร แนบท้ายรวมไปกับข้อมูลดังกล่าว เพื่อส่งให้แก่กรมสรรพากรโดยใช้ใบรับรอง อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) ในการสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) นั้น ต้องยังไม่หมดอายุในขณะสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ข้อ ๔ ให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มยื่นคำขออนุญาตเชื่อมต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์ของตน กับระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร เพื่อนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อกรมสรรพากร โดยอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มนั้นต้องมีระบบนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะตามข้อ ๖ (๑) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๘๔ (พ.ศ. ๒๕๖๕) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐาน หรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ และมีความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศตามที่อธิบดี ประกาศกำหนด ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มที่ได้เชื่อมต่อกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมสรรพากร ต้องมีลักษณะตามวรรคหนึ่งเสมอ ให้อธิบดีมีอำนาจไม่อนุญาตหรือยกเลิกการอนุญาตการเชื่อมต่อกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมสรรพากร ข้อ ๕ อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจะมอบหมายให้ผู้ให้บริการจัดทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ จัดทำและนำส่งข้อมูลบัญชีพิเศษแทนก็ได้ โดยอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ต้องแจ้งผ่านระบบนอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมสรรพากร ให้ผู้ให้บริการจัดทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับมอบหมายตามวรรคหนึ่งยื่นคำขออนุญาต เชื่อมระบบนอิเล็กทรอนิกส์ต่ออธิบดี โดยผู้นั้นต้องมีระบบนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะตามข้อ ๗ (๑) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๘๔ (พ.ศ. ๒๕๖๕) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการดำเนินการ เกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือนังสือด้วยกระบวนทางอิเล็กทรอนิกส์ และมีความมั่นคงปลอดภัย ด้านสารสนเทศตามที่สำนักงานพัฒนาธรรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ประกาศกำหนด ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ให้บริการจัดทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้เชื่อมต่อกับ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากรต้องมีลักษณะตามวรรคสองเสมอ ให้อธิบดีประกาศรายชื่อผู้ให้บริการจัดทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งได้รับอนุญาต ตามวรรคสอง ให้อธิบดีมีอำนาจไม่อนุญาตหรือยกเลิกการอนุญาตการเชื่อมต่อกับระบอบอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมสรรพากรและลบชื่อออกจากประกาศตามวรรคสี่ ข้อ ๖ ผู้ให้บริการจัดทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ ๕ รายใดมีระบบนอิเล็กทรอนิกส์ ไม่เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๘๔ (พ.ศ. ๒๕๖๕) ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับ เอกสารหลักฐานหรือนังสือด้วยกระบวนทางอิเล็กทรอนิกส์ และไม่ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้แล้วเสร็จ ภายในกำหนดเวลาที่กรมสรรพากรมีหนังสือแจ้งหรือที่ได้รับแจ้งผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมสรรพากรอาจยกเลิกการอนุญาตให้เชื่อมต่อระบบ และลบรายชื่อออกจากบัญชีผู้ให้บริการจัดทำ และนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามที่ได้ประกาศไว้ ข้อ ๗ ให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มตามข้อ ๒ หรือผู้ให้บริการจัดทำและนำส่งข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ ๕ นำส่งข้อมูลนั้นบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากรภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี เว้นแต่อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ข้อ ๘ กรณีอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม หรือผู้ให้บริการจัดทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ได้นำส่งข้อมูลบัญชีพิเศษตามข้อ ๗ แล้ว แต่มีความประสงค์จะขอแก้ไข ยกเลิก หรือเพิ่มเติมข้อมูล ดังกล่าวนั้น ให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม หรือผู้ให้บริการจัดทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว แจ้งและส่งข้อมูลบัญชีพิเศษเกินกำหนดเวลาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ข้อ ๙ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับสำหรับการส่งข้อมูลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่ม ในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ กุลยา ตันติตเมฆ อธิบดีกรมสรรพากร" 1779.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกแบบรองเท้าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักงานขับรถบรรทุก ระดับ ๑ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกแบบรองเท้าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ นังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สำนักงานขับรถบรรทุก ระดับ ๑ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกแบบรองเท้าเป็นผู้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน แห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สำนักงานขับรถบรรทุก ระดับ ๑ ลงวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒ กำหนดวิธีการทดสอบตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สำนักงานขับรถบรรทุก ระดับ ๑ ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามหลัก วิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๕๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้ คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิดความชำนาญเพียงพอ ที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อกำหนด ถูกขั้นตอนและเสร็จตามเวลาที่กำหนด ลักษณะแบบทดสอบ เป็นการทดสอบทักษะฝีมือ โดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติตามรูปแบบ และกฎเกณฑ์ในรายละเอียดวิธีการทดสอบ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๘๐๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น ๔ แบบทดสอบ ดังนี้ แบบทดสอบที่ ๑ การตรวจเช็คสภาพทั่วไปของรถยนต์ก่อนการใช้งาน แบบทดสอบที่ ๒ การตรวจสอบเส้นทางภารกิจ แบบทดสอบที่ ๓ การขับรถตามสถานการณ์ต่าง ๆ แบบทดสอบที่ ๔ การจัดการปัญหาฉุกเฉิน (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อ ๓ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุก ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้ และภาคความสามารถ และต้อง ได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนรวมทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุก ระดับ ๑ (๒) หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขับรถบรรทุก ระดับ ๑ ให้มีอายุห้าปีนับตั้งแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 178.pdf,"ประกาศคณะกรรมการก ากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กม. 19/2562 เรื่อง การยกเว้นค่าธรรมเนียมค าขออนุญาต เสนอขาย ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตราสารเพื่อพัฒนาสังคม และตราสารเพื่อความยั่งยืน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 14 (2) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้บริษัทที่ขออนุญาตเสนอขายตราสารดังต่อไปนี้ ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมค าขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ตามที่ก าหนดไว้ในประกาศ คณะกรรมการก ากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กม. 21/2560 เรื่อง การก าหนด ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ และการขออนุมัติโครงการ แปลงสินทรัพย์เป็นหลั กทรัพย์ ลงวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560 (1) ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (2) ตราสารเพื่อพัฒนาสังคม (3) ตราสารเพื่อความยั่งยืน ตราสารตามวรรคหนึ่ง หมายความถึง พันธบัตร หุ้นกู้ ตั๋วเงิน และศุกูก ที่เสนอขาย โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงินในประเทศไทย ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 วรวิทย์ จ าปีรัตน์ ประธานกรรมการ คณะกรรมการก ากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๘๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒" 1781.pdf,"ประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์การป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้าสถิตของสถานที่ประกอบกิจการก๊าซบีโตรเลียมเหลว พ.ศ. ๒๕๖๖ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 5 แห่งกฎกระทรวงระบบไฟฟ้าและระบบทวงคืนอัตโนมัติจากผู้ผลิต ของสถานที่ประกอบกิจการก๊าซบีโตรเลียมเหลว พ.ศ. ๒๕๖๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ คลังก๊าซบีโตรเลียมเหลว สถานที่บรรจุก๊าซบีโตรเลียมเหลว สถานบริการ ก๊าซบีโตรเลียมเหลว สถานที่ที่มีการรับหรือจำหน่ายก๊าซบีโตรเลียมเหลวด้วยระบบการขนส่งก๊าซบีโตรเลียมเหลว ทางท่อและสถานที่เก็บก๊าซบีโตรเลียมเหลว ประเภทสถานที่ใช้ ลักษณะที่สาม กรณีที่ได้ถังเก็บ และจ่ายก๊าซบีโตรเลียมเหลว ต้องจัดให้มีการป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้าสถิตในบริเวณ ดังต่อไปนี้ (๑) บริเวณหัวรับก๊าซบีโตรเลียมเหลว และหัวจ่ายก๊าซบีโตรเลียมเหลว (๒) บริเวณที่มีการบรรจุและถ่ายก๊าซบีโตรเลียมเหลวลงภาชนะบรรจุก๊าซบีโตรเลียมเหลว แต่ไม่รวมถังก๊าซบีโตรเลียมเหลวรถยนต์ ข้อ ๓ การป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้าสถิตในบริเวณตามข้อ ๒ ต้องมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องมีการเชื่อมต่อเพื่อถ่ายเทประจุไฟฟ้าอย่างเพียงพอและมีความต่อเนื่องทางไฟฟ้าโดยตลอด (๒) ขนาดของวัสดุที่ใช้เป็นตัวนำลงดินให้เป็นไปตามตาราง ดังต่อไปนี้ | ลักษณะ | ขนาด | ทองแดง | อะลูมิเนียม | | --- | --- | --- | --- | | ของตัวนำลงดิน | เส้นผ่านศูนย์กลางของลวด แต่ละเส้นที่ติดต่อกันไม่น้อยกว่า | (มิลลิเมตร) | ๑.๑๕ | ๑.๖๓ | | ลวดตีเกลียว | พื้นที่ภาคตัดขวางไม่น้อยกว่า | (ตารางมิลลิเมตร) | ๓๕ | ๕๐ | | แถบตัน | ความหนาไม่น้อยกว่า | (มิลลิเมตร) | ๑.๓๐ | ๑.๖๓ | | ความกว้างไม่น้อยกว่า | (มิลลิเมตร) | ๒๕.๔๐ | ๒๕.๔๐ | (๓) รากรายละเอียดต้องเป็นแท่งเหล็กหุ้มด้วยทองแดง (copper-clad steel) หรือแท่งทองแดง (solid copper) หรือแท่งเหล็กอาบน้ำสังกะสี (hot-dip galvanized steel) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ไม่น้อยกว่า ๕/๘ นิ้ว ยาวไม่น้อยกว่า ๒.๔๐ เมตรการต่อกรารายละเอียดินมากกว่า ๑ แห่ง ระยะระหว่างรากสายดินจะต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่าความยาวของแท่งรากสายดิน และอยู่ห่างจากผนังกำแพง หรือฐานรากของอาคารไม่น้อยกว่า ๐.๖๐ เมตร (๔) ค่าความต้านทานของรากสายดิน ต้องมีค่าไม่เกิน ๕ โอห์ม (๕) ต้องมีจุดต่อลดินเพื่อด่ายไฟฟ้าสถิตจากรถขนส่งก๊าซบิโตรเลียมเหลว หรือรถไฟขนส่งก๊าซบิโตรเลียมเหลว (๖) ระบบท่อ ก๊าซบิโตรเลียมเหลว และอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ ต้องทำการต่อตัวนำประสานและต่อรากสายดิน (๗) บริเวณที่ต่อตัวนำประสาน จุดต่อลดินและที่คืบจุดต่อลดิน ต้องมีความสะอาดและไม่มีการทาสี ข้อ ๔ ก่อนการรับหรือจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวระหว่างรถขนส่งก๊าซบิโตรเลียมเหลวหรือรถไฟขนส่งก๊าซบิโตรเลียมเหลวกับถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวด้องต่อตัวนำลงดินเข้ากับจุดต่อลดินและปลดออกภายหลังการรับหรือจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวเสร็จสิ้น เว้นแต่รถไฟขนส่งก๊าซบิโตรเลียมเหลวที่มีการถ่ายเทประจุไฟฟ้าผ่านรางรถไฟที่ต่อรากสายดินไว้แล้ว ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน" 1784.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ ๖๙) เรื่อง กำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินตามแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.๙) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับตราสารบางลักษณะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒๓ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ อธิบดีกรมสรรพากร ได้อนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินตามแบบขอเสียอากรแสตมป์ เป็นตัวเงินสำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.๙) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับตราสารบางลักษณะ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ ๖๗) เรื่อง กำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินตามแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินสำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.๙) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับตราสารบางลักษณะ ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๐ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับตราสารที่ได้จัดทำขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘” ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ กุลยา ตันติเมธิต อธิบดีกรมสรรพากร" 1787.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ (ฉบับที่ ๓) ว.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรระงะยุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแลยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมาย ยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๔ และมาตรา ๒๙ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ ในประเภท ๑ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความดังต่อไปนี้ เป็นลำดับที่ ๘๖ ๘๗ ๘๘ ๘๙ ๙๐ และ ๙๑ ในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ พ.ศ. ๒๕๖๕ ลงวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ | ลำดับที่ | ชื่อยาเสพติดให้โทษ | ชื่อทางเคมี | เงื่อนไข | | --- | --- | --- | --- | | ๘๖ | แอลฟา-ไพโรลิดินโอโซเฮกซานฟีโนน (alpha-pyrollidinoisohexanophenone หรือ alpha-PiHP) | 4-methyl-1-phenyl-2-pyrrolidin-1-ylpentan-1-one | - | | ๘๗ | เอตาซีน (etazene หรือ etodesnitazene) | 2-[2-(4 ethoxyphenyl) methyl]benzimidazol-1-yl]-N,N-diethyleneethanamine | - | | ๘๘ | เอโทนิตาซีฟีน (etoniatazepine) | 2-[(4 ethoxyphenyl)methyl]-5-nitro-1-(2-pyrrolidin-1-ylethyl) benzimidazole | - | | ๘๙ | ๒-เมทิล-เอฟี-๒๓๗ (2-methyl-AF-237) | 1-[2-methyl-4-[(E)-3 phenylprop-2-enyl] piperazine-1-yl] butan-1-one | - | | ๙๐ | ๓-เมทิลเมทาทิโนน (3-methylmethacathinone) | 2-(methylamino)-1-(3-methylphenyl) propan-1-one | - | | ๙๑ | โปรโทนิตาซีน (protonitazene) | N,N-dieethyl-2-[5-nitro-2-[4-propoxynphenyl)methyl]benzimidazol-1-yl]ethanamine | - | ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 179.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจำกกำรจัดเก็บภำษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำง พ.ศ. ๒๕๖๒ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๖ วรรคหนึ่ง และมำตรำ ๘ (๑๒) แห่งพระรำชบัญญัติ ภำษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำง พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำงที่เป็นทรัพย์สินดังต่อไปนี้ ได้รับยกเว้นจำกกำรจัดเก็บภำษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้ำง (๑) ทรัพย์สินพระมหำกษัตริย์ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดระเ บียบทรัพย์สินพระมหำกษัตริย์ และทรัพย์สินของบุคคลซึ่งได้รับเงินปีพระบรมวงศำนุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้ำขึ้นไปตำมกฎหมำยว่ำด้วย กำรจ่ำยเงินเดือน เงินปี บ ำเหน็จบ ำนำญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน เฉพำะส่วนที่ได้ใช้เพื่อกำร ดังต่อไปนี้ (ก) ใช้ในรำชกำร รำชกำรในพระองค์ หรือหน่วยงำนในพระมหำกษัตริย์ (ข) ใช้ในกิจกำรอื่นใดในพระมหำกษัตริย์และพระบรมวงศำนุวงศ์ หรือใช้เพื่อสำธำรณ ประโยชน์ (ค) ใช้เป็นศำสนสถำนไม่ว่ำของศำสนำใดที่ใช้เฉพำะเพื่อกำรประกอบศำสนกิจหรือกิจกำร สำธำรณะ หรือเป็นที่อยู่ของสงฆ์ นักพรต นักบวช หรือบำทหลวง ไม่ว่ำในศำสนำใด หรือเป็นศำลเจ้ำ ทั้งนี้ หำกเป็นทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้เพื่อกำรตำมวรรคหนึ่ง ให้ได้รับยกเว้นเฉพำะส่วนที่มิได้ ใช้หำผลประโยชน์ (๒) ทรัพย์สินของรัฐวิสำหกิจที่ยังมิได้ใช้ในกิจกำรของรัฐวิสำหกิจและยังมิได้ใช้หำผลประโยชน์ “รัฐวิสำหกิจ” หมำยควำมว่ำ (ก) องค์กำรของรัฐบำลตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดตั้งองค์กำรของรัฐบำล กิจกำรของรัฐ ตำมกฎหมำยที่จัดตั้งกิจกำรนั้น หรือหน่วยงำนธุรกิจที่รัฐบำลเป็นเจ้ำของ (ข) บริษัทจ ำกัดหรือบริษัทมหำชนจ ำกัดที่กระทรวงกำรคลังมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินกว่ำ ร้อยละห้ำสิบ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๘๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒(๓) ทรัพย์สินที่เป็นที่ดินว่ำงเปล่ำในสนำมบินรอบบริเวณทำงวิ่ง ทำงขับ หรือลำนจอดอำกำศยำน ที่กันไว้เพื่อควำมปลอดภัยตำมมำตรฐำนขั้นต่ ำของข้อก ำหนดว่ำด้วยมำตรฐำนสนำมบินที่ส ำนักงำน กำรบินพลเรือนแห่งประเทศไทยก ำหนด (๔) ที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำงที่ใช้เป็ นทำงรถไฟหรือทำงรถไฟฟ้ำซึ่งใช้ในกิจกำรของกำรรถไฟหรือ กำรรถไฟฟ้ำโดยตรง “ทำงรถไฟ” หมำยควำมว่ำ ถนนหรือทำงซึ่งได้วำงรำงเพื่อกำรเดินรถไฟ และให้หมำยควำม รวมถึง อุโมงค์ สะพำน ทำงยกระดับ ห้องระบบอำณัติสัญญำณประจ ำสถำนี ซุ้มเครื่องกั้นถนนผ่ำนเสมอ ระดับทำงรถไฟ ที่ท ำกำรหอสัญญำณ และชำนชำลำสถำนีเฉพำะพื้นที่บริเวณที่ผู้โดยสำรรอเพื่อขึ้นหรือ ลงจำกรถไฟ “ทำงรถไฟฟ้ำ” หมำยควำมว่ำ รำงหรือทำงส ำหรับรถไฟฟ้ำแล่นโดยเฉพำะ ไม่ว่ำจะจัดสร้ำง ในระดับพื้นดิน เหนือหรือใต้พื้นดินหรือพื้นน้ ำ หรือผ่ำนไปในอำคำรหรือสิ่งปลูกสร้ำงใด ๆ และ ให้หมำยควำมรวมถึงเขตทำง ไหล่ทำง ทำงเท้ำ ทำงออกฉุกเฉิน อุโมงค์ สะพำน ทำงยกระดับ เขื่อนกั้นน้ ำ ท่อหรือทำงระบำยน้ ำ ท่อหรือทำงระบำยอำกำศ ก ำแพงกันดิน รั้วเขต และหลักระยะ (๕) ทรัพย์สินที่ใช้ส ำหรับกำรสำธำรณูปโภคและทรัพย์สินที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันในโครงกำรของ กำรเคหะแห่งชำติตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรเคหะแห่งชำติ (๖) ทรัพย์สินของเอกชนที่ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ตำมที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังประกำศ ก ำหนด ทั้งนี้ เฉพำะส่วนที่ใช้เป็นแหล่งศึกษำเรี ยนรู้เพื่อสำธำรณประโยชน์ (๗) สิ่งปลูกสร้ำงที่เป็นบ่อส ำหรับใช้ในระบบบ ำบัดน้ ำเสียที่ใช้ประโยชน์ต่อเนื่องกับอำคำร (๘) สิ่งปลูกสร้ำงที่เป็นบ่อน้ ำที่ใช้ประโยชน์เพื่อสำธำรณะ (๙) สิ่งปลูกสร้ำงที่เป็นถนน ลำน และรั้ว (๑๐) ที่ดินที่มีกฎหมำยก ำหนดห้ำมมิให้ท ำประโ ยชน์ (๑๑) ทรัพย์สินที่เป็นที่ท ำกำรของส ำนักงำนเศรษฐกิจและกำรค้ำของต่ำงประเทศที่จัดตั้งขึ้น ในประเทศไทยตำมควำมตกลงระหว่ำงรัฐบำลไทยกับรัฐบำลต่ำงประเทศ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๖2 อุตตม สำวนำยน รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๘๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นกำรสมควรก ำหนดให้ทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้ำงบำงประเภทได้รับยกเว้นจำกกำรจัดเก็บภำษีตำมพระรำชบัญญัติภำษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำง พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๘๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒" 1790.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เรื่อง มาตรฐานการกำหนดคุณลักษณะความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ให้แก่ข้อมูลหรือระบบสารสนเทศ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนดให้ คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติตามที่และอำนาจสร้างมาตรฐานเกี่ยวกับ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จึงสมควรมีมาตรฐานการกำหนดคุณลักษณะความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ให้แก่ข้อมูลหรือระบบสารสนเทศ เพื่อประเมินและจัดระดับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแก่ ข้อมูลหรือระบบสารสนเทศอันจะนำไปสู่การเลือกมาตรการในการควบคุมความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ที่เหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ แห่งชาติ ในคราวการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ คณะกรรมการ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เรื่อง มาตรฐานการกำหนดคุณลักษณะความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แก่ข้อมูลหรือระบบสารสนเทศ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ประเภทข้อมูล” หมายความว่า หมวดหมู่ข้อมูลที่ถูกกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานตามแนวทาง ที่สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติประกาศกำหนด “ระบบสารสนเทศ” หมายความว่า ระบบหรือชุดทรัพยากรด้านสารสนเทศที่ถูกใช้สำหรับ การเก็บรวบรวม การประมวลผล การบำรุงรักษา การใช้ การเผยแพร่ หรือการทำลายข้อมูล “คุณลักษณะความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” (Security category) หมายความว่า ลักษณะเฉพาะ ของข้อมูลหรือระบบสารสนเทศในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ตามการประเมินและจัดระดับ ผลกระทบท่อการดำเนินงานของหน่วยงาน ทรัพย์สินของหน่วยงาน หรือความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ของหน่วยงาน บุคลากรของหน่วยงาน หรือประชาชน ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อข้อมูลลับของหน่วยงานรั่วไหล ข้อมูลของหน่วยงานถูกละเมิดเป็น หรือถูกทำลาย หรือข้อมูลหรือระบบสารสนเทศของหน่วยงาน ไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน “การรักษาความลับ” (Confidentiality) หมายความว่า การรักษาหรือสงวนไว้ ซึ่งการจำกัด การเข้าถึงหรือการเปิดเผยข้อมูลให้แก่บุคคล หน่วยงานอื่น หรือชุดคำสั่งที่ไม่ได้รับอนญาต “การรักษาความถูกต้องครบถ้วน” (Integrity) หมายความว่า การรักษาหรือสงวนไว้ ซึ่งความถูกต้อง และความครบถ้วนของข้อมูล ""การรักษาสภาพพร้อมใช้งาน"" (Availability) หมายความว่า การดำเนินการ เพื่อให้บุคคล หน่วยงาน หรือชุดคำสั่งที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลหรือระบบสารสนเทศได้ ตามต้องการและได้อย่างมีประสิทธิภาพ ""หน่วยงาน"" หมายความว่า หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานควบคุมหรือกำกับดูแล และหน่วยงาน โครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ ข้อ ๔ ให้หน่วยงานกำหนดคุณลักษณะความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แก่ข้อมูลหรือระบบ สารสนเทศ โดยพิจารณาวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Security objectives) ในเรื่อง ดังต่อไปนี้ (๑) การรักษาความลับ (Confidentiality) (๒) การรักษาความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) (๓) การรักษาสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ในกรณีที่ข้อมูลหรือระบบสารสนเทศได้เผยแพร่ต่อสาธารณะแล้ว หน่วยงานไม่ต้องพิจารณา วัตถุประสงค์ตามวรรคหนึ่ง (๑) ข้อ ๕ การพิจารณาวัตถุประสงค์ตามข้อ ๔ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) และ (๓) ให้ประเมินและ จัดระดับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเป็นสามระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง ข้อ ๖ การจัดระดับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละระดับตามข้อ ๕ ให้หน่วยงานพิจารณา การประเมินผลกระทบในแต่ละด้าน ดังต่อไปนี้ (๑) ผลกระทบต่อมูลค่าความเสียหายทางการเงินหรือทรัพย์สิน หรือต่อชื่อเสียงของหน่วยงาน (๒) ผลกระทบต่อจำนวนของผู้ใช้บริการของหน่วยงาน บุคลากรของหน่วยงาน หรือประชาชนที่อาจได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สิน หรือความเสียหายอื่นใด (๓) ผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินการตามหน้าที่ของหน่วยงาน (๔) ผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ในกรณีหน่วยงานที่จัดระดับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเป็นหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ทางสารสนเทศ ให้หน่วยงานควบคุมหรือกำกับดูแลกำหนดแนวทางการประเมินผลกระทบ ตามวรรคหนึ่งให้แก่หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ ทั้งนี้ ในกรณีที่สถานการณ์ ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เปลี่ยนแปลงไป หน่วยงานควบคุมหรือกำกับดูแลอาจกำหนดผลกระทบ เพิ่มเติม หรือยกเว้นหรือยกเลิกผลกระทบข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อก็ได้ ข้อ ๗ การประเมินและจัดระดับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นสำหรับการพิจารณาวัตถุประสงค์ ในการรักษาความลับตามข้อ ๔ (๑) ให้มีเกณฑ์การประเมินและจัดระดับ ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่การเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน อาจส่ง ผลกระทบต่อการดำเนินงาน ทรัพย์สิน หรือชื่อเสียงของหน่วยงานหรือบุคคลเพียงเล็กน้อยหรือ อย่างจำกัดให้จัดเป็นผลกระทบระดับต่ำ (๒) ในกรณีที่การเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน อาจส่ง ผลกระทบต่อการดำเนินงาน ทรัพย์สิน หรือชื่อเสียงของหน่วยงานหรือบุคคลอย่างร้ายแรง ให้จัดเป็น ผลกระทบระดับกลาง (๓) ในกรณีที่การเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน ทรัพย์สิน หรือชื่อเสียงของหน่วยงานหรือบุคคลอย่างร้ายแรงมากให้จัดเป็นผลกระทำระดับสูง ในกรณีที่การดำเนินการของหน่วยงานอาจเปิดเผยข้อมูลที่ถูกกำหนดชั้นความลับตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ให้มีเกณฑ์การประเมินและจัดระดับ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีที่อาจเปิดเผยข้อมูลลับที่ถูกกำหนดชั้นความลับเป็นชั้นลับ ให้จัดเป็นผลกระทบรดับต่ำเป็นอย่างน้อย (๒) กรณีที่อาจเปิดเผยข้อมูลลับที่ถูกกำหนดชั้นความลับเป็นชั้นลับมาก ให้จัดเป็นผลกระทบรดับกลางเป็นอย่างน้อย (๓) กรณีที่อาจเปิดเผยข้อมูลลับที่ถูกกำหนดชั้นความลับเป็นชั้นลับที่สุด ให้จัดเป็นผลกระทบรดับสูง ข้อ ๘ การประเมินและจัดระดับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นสำหรับการพิจารณาวัตถุประสงค์ในการรักษาความลูกต้องครบถ้วนตามข้อ ๔ (๒) ให้มีเกณฑ์การประเมินและจัดระดับ ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่การแก้ไขหรือทำลายข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือทรัพย์สินของหน่วยงานหรือนบุคคลเพียงเล็กน้อยหรืออย่างจำกัด ให้จัดเป็นผลกระทบรดับต่ำ (๒) ในกรณีที่การแก้ไขหรือทำลายข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือทรัพย์สินของหน่วยงานหรือนบุคคลอย่างร้ายแรง ให้จัดเป็นผลกระทบรดับกลาง (๓) ในกรณีที่การแก้ไขหรือทำลายข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือทรัพย์สินของหน่วยงานหรือนบุคคลอย่างร้ายแรงมาก ให้จัดเป็นผลกระทบรดับสูง ข้อ ๙ การประเมินและจัดระดับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นสำหรับการพิจารณาวัตถุประสงค์ในการรักษาสภาพพร้อมใช้งานตามข้อ ๔ (๓) ให้มีเกณฑ์การประเมินและจัดระดับ ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่หน่วยงานไม่สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลหรือระบบสารสนเทศได้ อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือทรัพย์สินของหน่วยงานหรือนบุคคลเพียงเล็กน้อยหรืออย่างจำกัด ให้จัดเป็นผลกระทบรดับต่ำ (๒) ในกรณีที่หน่วยงานไม่สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลหรือระบบสารสนเทศได้ อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือทรัพย์สินของหน่วยงานหรือนบุคคลอย่างร้ายแรงมาก ให้จัดเป็นผลกระทบรดับกลาง (๓) ในกรณีที่หน่วยงานไม่สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลหรือระบบสารสนเทศได้ อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือทรัพย์สินของหน่วยงานหรือนบุคคลอย่างร้ายแรงมาก ให้จัดเป็นผลกระทบรดับสูง ข้อ ๑๐ การกำหนดคุณลักษณะความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของระบบสารสนเทศ ในกรณีที่ระบบสารสนเทศมีข้อมูลหลายประเภทข้อมูล ให้หน่วยงานดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ประเมินและจัดระดับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นสำหรับการพิจารณาวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตามข้อ ๔ ให้แก่แต่ละประเภทข้อมูล (๒) พิจารณากำหนดคุณลักษณะความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของระบบสารสนเทศ โดยใช้ระดับผลกระทบของประเภทข้อมูลตามวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตามข้อ ๔ ในแต่ละเรื่องที่มีระดับผลกระทบที่สุด หน่วยงานอาจดำเนินการกำหนดประเภทข้อมูลตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงาน หรือตามแนวทางในประกาศสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ว่าด้วยแนวทางการกำหนดคุณลักษณะความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แก่ข้อมูลหรือระบบสารสนเทศ ข้อ ๑๑ ให้หน่วยงานพิจารณาทบทวนการกำหนดคุณลักษณะความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แก่ข้อมูลหรือระบบสารสนเทศทุก ๓ ปีเป็นอย่างน้อย หรือทบทวนเมื่อข้อมูล ระบบสารสนเทศหรือหน้าที่ของหน่วยงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และบันทึกผลการพิจารณาทบทวนพร้อมเหตุผลในการคงไว้ หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงระดับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ตามข้อ ๔ ในแต่ละเรื่องด้วย ข้อ ๑๒ ให้เลขาริการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ รักษาการตามประกาศนี้ และให้มีอำนาจออกประกาศ คำสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อปฏิบัติตามประกาศนี้ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ หรือประกาศนี้ไม่ได้กำหนดเรื่องใดไว้ให้ประธานกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจและความรับผิดชอบในเรื่องนี้ การติดตามและดำเนินการของประธานกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติให้เป็นไปตามที่กฎหมายและกฎเกณฑ์กำหนด ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ ประธานกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ" 1792.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เรื่อง มาตรฐานและแนวทางส่งเสริมพัฒนาระบบการให้บริการเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนดให้ คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ มีหน้าที่และอำนาจกำหนดมาตรฐาน และแนวทางส่งเสริมพัฒนาระบบการให้บริการเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ จึงสมควร กำหนดมาตรฐานและแนวทางส่งเสริมพัฒนาระบบการให้บริการเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์ เพื่อกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการรับรองคุณภาพ ของผู้ให้บริการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงกำหนดแนวทางส่งเสริมพัฒนา การให้บริการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ในคราวการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ คณะกรรมการการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์แห่งชาติ เรื่อง มาตรฐานและแนวทางส่งเสริมพัฒนาระบบการให้บริการเกี่ยวกับการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์แห่งชาติ “ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” หมายความว่า ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง กับการระบุ ป้องกัน ตรวจสอบ เฝ้าระวัง รับมือ ลดความเสี่ยง รักษาและฟื้นฟูความเสียหาย จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ “การรับรองคุณภาพ” หมายความว่า กระบวนการตรวจสอบและรับรองการดำเนินงาน ของผู้ให้บริการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการดำเนินงาน ระบบ หรือเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงาน หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน ว่ามีคุณภาพเป็นไปตาม มาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ “คณะทำงานตรวจประเมิน” หมายความว่า คณะทำงานที่สำนักงานแต่งตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ ตรวจสอบคุณภาพเกี่ยวกับการดำเนินงานของผู้ให้บริการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการดำเนินงาน ระบบหรือเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงาน หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินงาน ""องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพ"" หมายความว่า หน่วยงานที่ให้บริการตรวจสอบคุณภาพ เกี่ยวกับการดำเนินงานของผู้ให้บริการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการดำเนินงาน ระบบทะรีเครื่องมือ ที่ใช้ในการดำเนินงาน หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน ข้อ ๔ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และป้องกันความเสียหาย อันอาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานของผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์หรือจากภัยคุกคาม ทางไซเบอร์ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานเกี่ยวกับ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ต้องเป็นผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองคุณภาพตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศนี้ ทั้งนี้ การรับรองคุณภาพดังกล่าว ไม่ใช่การอนุญาตการเป็น ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ข้อ ๕ การรับรองคุณภาพของผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มี ๓ ระดับ ได้แก่ (๑) การรับรองคุณภาพชั้นต้น (๒) การรับรองคุณภาพขั้นกลาง (๓) การรับรองคุณภาพขั้นสูง การรับรองคุณภาพตามวรรคหนึ่ง (๑) หรือ (๒) สำนักงานอาจรับรองให้แก่บุคคลธรรมดา คณะบุคคล หรือนิติบุคคลก็ได้ แต่การรับรองคุณภาพตามวรรคหนึ่ง (๓) ให้สำนักงานรับรองให้แก่ นิติบุคคลเท่านั้น สำนักงานอาจจัดให้มีการรับรองคุณภาพของผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ตามวรรคหนึ่ง สำหรับประเภทบริการที่ขอรับการรับรองเฉพาะบางประเภทธุรกิจหรือบางระดับก็ได้ ทั้งนี้ แล้วแต่ความพร้อมของสำนักงานในการรับรองคุณภาพของผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ข้อ ๖ ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์รายใดประสงค์ได้รับการรับรองคุณภาพ ให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานตามแบบที่สำนักงานกำหนด พร้อมทั้งเอกสารหรือหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) เอกสารแสดงความเชี่ยวชาญของบุคลากรของผู้ยื่นคำขอที่สอดคล้องกับประเภทธุรกิจ ที่ขอรับการรับรอง ได้แก่ เอกสารแสดงวุฒิการศึกษา หนังสือรับรองประสบการณ์การทำงาน และเอกสารที่แสดงว่าได้รับการรับรองตามมาตรฐานสำหรับประเภทธุรกิจที่ขอรับการรับรอง ตามที่สำนักงานประกาศกำหนดในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอเป็นนิติบุคคล ผู้ยื่นคำขอต้องยื่นเอกสารแสดง ความเชี่ยวชาญของบุคลากรสำหรับการรับรองคุณภาพในแต่ละระดับ ตามจำนวนที่กำหนด โดยบุคลากรดังกล่าวต้องเป็นบุคลากรที่ทำงานเต็มเวลาตามจำนวนที่กำหนด ดังต่อไปนี้ | ระดับการรับรองคุณภาพ | จำนวนบุคลากรที่ต้องยื่นเอกสารแสดงความเชี่ยวชาญ | จำนวนบุคลากรที่ทำงานเต็มเวลา | | --- | --- | --- | | ขั้นต้น | อย่างน้อย ๑ คน | อย่างน้อย ๑ คน | | ขั้นกลาง | อย่างน้อย ๒ คน | อย่างน้อย ๒ คน | | ขั้นสูง | อย่างน้อย ๕ คน | อย่างน้อย ๓ คน | ทั้งนี้ บุคลากรที่ทำงานเต็มเวลาอย่างน้อยหนึ่งคนต้องมีเอกสารที่แสดงว่าได้รับการรับรอง ตามมาตรฐานสำหรับประเภทบริการที่ขอรับการรับรองคุณภาพตามที่สำนักงานประกาศกำหนด และหากขอรับการรับรองคุณภาพขั้นสูง ผู้ยื่นคำขอต้องแสดงเอกสารการรับรองด้านกระบวนการ ตามมาตรฐานสากลของหน่วยงานผู้ยื่นคำขอด้วย (๒) เอกสารแสดงประสบการณ์การทำงานในประเภทบริการที่ขอรับการรับรอง โดยอย่างน้อย ต้องมีเอกสารแสดงประสบการณ์ในโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จตามเป้าหมาย สำหรับการขอรับรอง คุณภาพขั้นต้น การรับรองคุณภาพขั้นก้าวหน้า และการรับรองคุณภาพขั้นสูง เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า หนึ่งโครงการ สามโครงการ และห้าโครงการ ตามลำดับ (๓) เอกสารการรับรองตนเองตามแบบที่สำนักงานกำหนดที่แสดงว่าผู้ยื่นคำขอเป็นผู้ให้บริการ ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับดูแล ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ว่าด้วยประมวลแนวทางปฏิบัติและกรอบมาตรฐานด้านการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สำหรับหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (เฉพาะในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอเป็นนิติบุคคล) การยื่นคำขอตามวรรคหนึ่งให้ดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก โดยต้องมีการ พิสูจน์ตัวตน (Identity Assurance Level) ไม่น้อยกว่าระดับ ๒ และใช้การเข้ารหัสด้วยวิธีการ Pretty Good Privacy (PGP) ในกรณีที่ยังไม่สามารถดำเนินการหรือมีเหตุอื่นใดทำให้ไม่สามารถ ดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้การดำเนินการดังกล่าวกระทำ ณ สำนักงาน ผู้ยื่นคำขอตามข้อนี้ต้องชำระค่าธรรมเนียมตามที่สำนักงานกำหนด ข้อ ๗ ประกาศสำนักงานตามข้อ ๖ (๑) ต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทธุรกิจ รายละเอียดการตรวจประเมินบริการแต่ละประเภท และรายชื่อมารตรฐานหรือประกาศนียบัตรที่สามารถ ใช้เป็นหลักฐานในการขอรับการรับรองคุณภาพการให้บริการเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ แต่ละประเภทธุรกิจการสำหรับการรับรองคุณภาพขั้นต้น การรับรองคุณภาพขั้นก้าวหน้า และการรับรอง คุณภาพขั้นสูง โดยให้พิจารณากำหนดรายชื่อมารตรฐานและประกาศนียบัตรในการรับรองคุณภาพ แต่ละระดับโดยคำนึงถึงปัจจัย ดังต่อไปนี้ (๑) ระดับความยากง่ายของมาตรฐานหรือประกาศนียบัตร (๒) การใช้ทักษะเฉพาะทาง (๓) การทดสอบแบบลงมือปฏิบัติจริง (๔) การได้รับการยอมรับ ทั้งนี้ มาตรฐานหรือประกาศนียบัตรที่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการขอรับการรับรองคุณภาพ ขั้นสูงต้องเป็นมาตรฐานหรือประกาศนียบัตรที่แสดงให้เห็นได้ว่าผู้ที่ได้รับจะต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ด้านที่เกี่ยวข้องกับประเภทธุรกิจนั้นเป็นที่ประจักษ์ ข้อ ๘ เมื่อได้รับคำขอรับการรับรองคุณภาพ ให้สำนักงานตรวจสอบคำขอรวมทั้งเอกสาร หรือหลักฐานว่าถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ หากไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้สำนักงานแจ้งให้ผู้ยื่น คำขอแก้ไขเพิ่มเติมคำขอ หรือจัดส่งเอกสารหรือหลักฐาน ให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลา ที่สำนักงานกำหนด ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่แก้ไขเพิ่มเติมคำขอ หรือไม่จัดส่งเอกสารหรือหลักฐานให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่สำนักงานกำหนด ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอไม่ประสงค์จะได้ดำเนินการต่อไป และให้สำนักงานจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบ ในกรณีที่คำขอรับการรับรองคุณภาพ รวมทั้งเอกสารหรือหลักฐานครบถ้วน ให้สำนักงานมอบหมายองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพที่คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ให้ความเห็นชอบ หรือแต่งตั้งคณะทำงานตรวจประเมิน เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูล ชั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานเพื่อการรับรองคุณภาพของผู้ยื่นคำขอ จำนวนอย่างน้อยสามคน ประกอบด้วยบุคคลที่ไม่มีผลประโยชน์ที่อาจทำให้การตรวจสอบไม่เป็นกลาง และเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ในด้าน ดังต่อไปนี้ (๑) การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (๒) การรับรองคุณภาพตามมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตามที่กำหนดสำหรับประเภทบริการที่ขอรับการรับรอง (๓) ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับบริการที่ขอรับการรับรอง การแต่งตั้งคณะทำงานตรวจประเมินตามวรรคสอง สำนักงานจะแต่งตั้งคณะทำงานตรวจประเมินโดยจำแนกตามประเภทธุรกิจที่ขอรับการรับรองก็ได้ โดยให้ทำหน้าที่คราวละสามปี ซึ่งคณะทำงานตรวจประเมินอย่างน้อยหนึ่งคนต้องเป็นผู้ที่มีประกาศนียบัตรแสดงถึงระดับความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับประเภทธุรกิจที่ทำการตรวจประเมิน ข้อ ๙ เมื่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินตามข้อ ๘ ได้รับคำขอรับการรับรองคุณภาพ พร้อมทั้งเอกสารหรือหลักฐานของผู้ยื่นคำขอจากสำนักงานแล้ว ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีขอรับการรับรองคุณภาพขั้นต้น ให้ตรวจสอบข้อมูลในคำขอรับการรับรองคุณภาพและเอกสารหรือหลักฐาน หากพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ยื่นคำขอเป็นผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เรื่อง ประมวลแนวทางปฏิบัติและกรอบมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สำหรับหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ และเอกสารหรือหลักฐานที่ผู้ยื่นคำขอเป็นเอกสารที่ถูกต้อง ให้แจ้งผลการตรวจสอบให้สำนักงานทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันตรวจสอบแล้วเสร็จ ทั้งนี้ องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอพร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐานครบถ้วนจากสำนักงาน (๒) กรณีขอรับการรับรองคุณภาพขั้นก้าวหน้า ให้ตรวจสอบข้อมูลในคำขอรับการรับรองคุณภาพและเอกสารหรือหลักฐาน หากพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ยื่นคำขอเป็นผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ว่าด้วยประมวลแนวทางปฏิบัติและกรอบมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สำหรับหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ และเอกสารหรือหลักฐานที่ผู้ยื่นคำขอเป็นเอกสารที่ถูกต้อง ให้องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินดำเนินการตรวจสอบข้อมูล ชั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานและการให้บริการด้วยวิธีการสัมภาษณ์ โดยให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้ไม่เกินสามวัน และองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินต้องดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอพร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐานครบถ้วนจากสำนักงาน ทั้งนี้ เมื่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินได้ตรวจสอบแล้วว่าข้อมูล ข้นตอนและกระบวนการดำเนินงานและการให้บริการของผู้ยื่นคำขอถูกต้องและได้มาตรฐานตามที่กำหนดสำหรับประเภทบริการที่ขอรับการรับรอง ให้แจ้งผลการตรวจสอบให้สำนักงานทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันตรวจสอบแล้วเสร็จ (๓) กรณีขอรับการรับรองคุณภาพขั้นสูงให้ดำเนินการตาม (๒) โดยองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินต้องตรวจสอบด้วยว่าผู้ขอรับการรับรองคุณภาพขั้นสูงเป็นผู้ที่ได้รับการรับรองด้านกระบวนการตามมาตรฐานสากล และให้องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินดำเนินการตรวจสอบข้อมูล ข้นตอนและกระบวนการดำเนินงานและการให้บริการ ณ สถานประกอบการหรือสถานที่ให้บริการของผู้ยื่นคำขอด้วย โดยผู้ยื่นคำขอต้องเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร เอกสารหรือหลักฐาน สถานที่และเครื่องมือที่จำเป็นในการตรวจสอบ รวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินในการเข้าถึงระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง โดยให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้ไม่เกินห้าวัน ทั้งนี้ เมื่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินได้ตรวจสอบแล้วว่าข้อมูล ข้นตอนและกระบวนการดำเนินงานและการให้บริการของผู้ยื่นคำขอถูกต้องและได้มาตรฐานตามที่กำหนดสำหรับประเภทบริการที่ขอรับการรับรอง ให้แจ้งผลการตรวจสอบให้สำนักงานทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันตรวจสอบแล้วเสร็จ ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง (๑) (๒) หรือ (๓) องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินอาจแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอส่งข้อมูลหรือเอกสารที่จำเป็นเพิ่มเติมก็ได้ ในกรณีนี้ มิให้นับระยะเวลาตั้งแต่วันที่แจ้งจนถึงวันที่ได้รับข้อมูลหรือเอกสารดังกล่าวจากผู้ยื่นคำขอรวมเข้าเป็นระยะเวลาที่องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินต้องดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จ ข้อ ๑๐ เมื่อสำนักงานได้รับแจ้งผลการตรวจสอบตามข้อ ๙ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) หรือ (๓) แล้วให้สำนักงานแต่งตั้งคณะทำงานรับรองคุณภาพของผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จำนวนอย่างน้อยสามคน เพื่อพิจารณาผลการตรวจสอบว่าข้อมูล ข้นตอนและกระบวนการทำงานดำเนินงานและการให้บริการของผู้ยื่นคำขอถูกต้องและได้มาตรฐานตามที่กำหนดสำหรับประเภทธุรกิจการให้บริการจริง และให้แจ้งให้สำนักงานออกใบรับรองคุณภาพชั้นต้น ใบรับรองคุณภาพชั้นก้าวหน้าหรือใบรับรองคุณภาพชั้นสูง แล้วแต่กรณี ให้แก่ผู้ยื่นคำขอ ข้อ ๑๑ ให้ใบรับรองคุณภาพมีอายุนับตั้งแต่วันที่ออกใบรับรองคุณภาพ ดังต่อไปนี้ | ระดับใบรับรองคุณภาพ | อายุใบรับรองคุณภาพ | | --- | --- | | ขั้นต้น | ๒ ปี | | ขั้นก้าวหน้า | ๓ ปี | | ขั้นสูง | ๓ ปี | นอกจากการสั่นอายุใบรับรองคุณภาพตามวรรคหนึ่ง ใบรับรองคุณภาพ จะสิ้นอายุเมื่อมีเหตุ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เลิกประกอบกิจการ (๒) ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตาย เลิกคณะบุคคล หรือสิ้นสภาพการเป็น นิติบุคคล (๓) สำนักงานเพิกถอนใบรับรองคุณภาพ ข้อ ๑๒ ภายหลังการออกแบบในรับรองคุณภาพชั้นต้น ใบรับรองคุณภาพชั้นก้าวหน้า หรือใบรองคุณภาพชั้นสูงตามข้อ ๑๐ เมื่อสำนักงานหรือคณะทำงานตรวจประเมินได้รับการร้องเรียนหรือ มีเหตุสงสัยว่า มีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามมาตรฐานตามที่กำหนดสำหรับประเภทบริการที่ขอรับการรับรอง ให้สำนักงานหรือคณะทำงานตรวจประเมินมีอำนาจเรียกให้ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ จัดส่งเอกสารหรือหลักฐานตามที่สำนักงานหรือคณะทำงานตรวจประเมินกำหนดเพื่อตรวจสอบรวมถึง มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบข้อมูลขั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานและการให้บริการของผู้ให้บริการ ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และหากปรากฏว่าการให้บริการของผู้ให้บริการด้านความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ไม่เป็นไปตามมาตรฐานตามที่กำหนดสำหรับประเภทบริการที่ขอรับการรับรอง ให้สำนักงานเพิกถอนใบรับรองคุณภาพชั้นต้น ใบรับรองคุณภาพชั้นก้าวหน้า หรือใบรองคุณภาพชั้นสูง แล้วแต่กรณี ในระหว่างใบรับรองคุณภาพยังไม่สิ้นอายุ ในกรณีที่ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์มีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนหรือกระบวนการ บุคลากร หรือเทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการ ของบริการที่ได้รับการรับรองคุณภาพแล้ว ให้ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ดังกล่าว มีหน้าที่แจ้งให้สำนักงานทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง และให้สำนักงาน แจ้งให้คณะทำงานตรวจประเมินเพื่อดำเนินการตรวจสอบว่าการให้บริการของผู้ให้บริการด้านความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานตามที่กำหนดสำหรับประเภทบริการที่ขอรับการรับรองหรือไม่ หากปรากฏว่าผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศนี้ สำหรับประเภทบริการที่ขอรับการรับรอง ให้สำนักงานเพิกถอน ใบรับรองคุณภาพชั้นต้น ใบรับรองคุณภาพชั้นก้าวหน้า หรือใบรองคุณภาพชั้นสูง แล้วแต่กรณี และลบรายชื่อผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ดังกล่าวออกจากรายชื่อที่ได้ประกาศ ตามข้อ ๑๐ วรรคสอง การเปลี่ยนแปลงขั้นตอนหรือกระบวนการ บุคลากร หรือเทคโนโลยีที่ต้องแจ้งตามวรรคสอง ให้รวมถึงกรณีที่ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ได้ควบรวมกิจการหรือรับโอนกิจการ จากบุคคลอื่นในส่วนที่เกี่ยวกับบริการที่ขอรับการรับรอง ข้อ ๑๓ ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ได้รับใบรับรองคุณภาพรายใดประสงค์ จะต่ออายุใบรับรองคุณภาพ ให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันก่อนใบรับรองคุณภาพสิ้นอายุ โดยให้ดำเนินการตามข้อ ๖ และให้สำนักงานดำเนินการตามข้อ ๘ ทั้งนี้ หากผู้ให้บริการด้านความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ไม่ยื่นขอต่ออายุใบรับรองคุณภาพภายในระยะเวลาที่กำหนดข้างต้น ให้ถือว่า ผู้ให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ไม่ประสงค์ต่ออายุใบรับรองคุณภาพ เมื่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจคุณภาพหรือคณะทำงานตรวจประเมินได้รับคำขอรับการรับรอง คุณภาพ พร้อมทั้งเอกสารหรือหลักฐานของผู้ยื่นคำขอจากสำนักงานแล้ว ให้ดำเนินการตามข้อ ๙ ทั้งนี้ ในกรณีขอรับการรับรองคุณภาพชั้นก้าวหน้าหรือใบรับรองคุณภาพชั้นสูงตามข้อ ๙ วรรคหนึ่ง (๒) หรือ (๓) คณะทำงานตรวจประเมินอาจตรวจสอบข้อมูล ขั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานของผู้ยื่น คำขอโดยใช้วิธีการสุ่มตรวจก็ได้ ข้อ ๑๔ ให้เลขาริการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ รักษาการ ตามประกาศนี้ และให้มีอำนาจออกประกาศ คำสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อปฏิบัติตามประกาศนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ หรือประกาศนี้ไม่ได้กำหนดเรื่องใดไว้ ให้เลขาริการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติมีอำนาจตีความและวินิจฉัยชั่วขาด แล้วรายงานให้คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติทราบ ทั้งนี้ การตีความ และความวินิจฉัยของเลขาริการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติให้เป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ ประธานกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ" 1798.pdf,"# กฏกระทรวง ## กำหนดลักษณะการใช้น้ำแต่ละประเภท พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๔๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะ ดังต่อไปนี้ เป็นการใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง (๑) การใช้เพื่อการดำรงชีพ การอุปโภคบริโภคในครัวเรือน ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะ เพื่อการดื่มกินของบุคคลหรือสัตว์เลี้ยง และการทำความสะอาดร่างกายของบุคคล ที่พักอาศัย สัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ในการดำรงชีพหรือเพื่อสนุนทรียภาพในการดำรงชีวิต ตลอดจนการรดน้ำต้นไม้ และพืชต่าง ๆ และกิจกรรมเพื่อการดำรงชีพอื่น (๒) การใช้เพื่อการเกษตรหรือการเลี้ยงสัตว์เพื่อยังชีพ ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะ เพื่อการเพาะปลูกหรือการเลี้ยงสัตว์ และกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อยังชีพ (๓) การใช้เพื่อการอุตสาหกรรมในครัวเรือน ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการผลิต หรือการบริการภายในครัวเรือน และให้มายความรวมถึงกิจกรรมของวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และกิจการภายในชุมชนซึ่งสมาชิกชุมชนเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน (๔) การใช้เพื่อการรักษาระบบนิเวศ ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการผลักดัน น้ำเค็มมิให้รุกล้ำไปยังระบบน้ำประปา หรือเพื่อการรักษาสภาพความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ หรือการรักษาแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ (๕) การใช้เพื่อการรักษาจารีตประเพณี ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อกิจกรรม ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาจากเป็นขนบธรรมเนียมของชาติหรือท้องถิ่น (๖) การใช้เพื่อการบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อระงับหรือบรรเทาสาธารณภัยตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนป้องกันภัยอันตรายจากภัยพิบัติต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคล (๗) การใช้เพื่อการคมนาคม ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการขนส่งและการสัญจร (๘) การใช้น้ำในปริมาณเล็กน้อย ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการประกอบกิจการการค้า การบริการ หรือกิจการอื่น ที่มีการใช้น้ำในปริมาณไม่เกินหนึ่งลูกบาศก์เมตรต่อวัน การใช้น้ำบาดาลในอัตราไม่เกินสองพันลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อบ่อ ให้ถือว่าเป็นการใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง ข้อ ๒ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะในลักษณะหนึ่งลักษณะใดหรือหลายลักษณะรวมกันซึ่งมีอัตราการใช้น้ำบาดาลเกินสองพันลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อบ่อ แต่ไม่เกินสามพันสองร้อยลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อบ่อ หรือมีอัตราการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะที่ไม่ใช่น้ำบาดาลไม่เกินสามหมื่นลูกบาศก์เมตรต่อวันดังต่อไปนี้ เป็นการใช้น้ำประเภทที่สอง (๑) การใช้เพื่อการอุตสาหกรรม ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะในกิจการโรงงานจำพวกที่สองและโรงงานจำพวกที่สามตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน การสำรวจแร่และการทำเหมืองตามกฎหมายว่าด้วยแร่ การขุดเจาะปิโตรเลียมดิบและก๊าซธรรมชาติตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม (๒) การใช้เพื่อการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะในกิจการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สวนน้ำ สนามกอล์ฟ หรือกิจการต่อเนื่องอื่น ตลอดจนการใช้น้ำเพื่อการบริหารจัดการหรือปรับภูมิทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยว (๓) การใช้เพื่อการผลิตไฟฟ้า ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะในกระบวนการผลิตไฟฟ้าเพื่อเปลี่ยนพลังงานรูปแบบหนึ่งรูปแบบใดจากแหล่งพลังงานให้เป็นพลังงานไฟฟ้าตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน ไม่ว่าจะทำให้น้ำมีปริมาณเปลี่ยนไปหรือไม่ก็ตาม และไม่ว่าจะดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน (๔) การใช้เพื่อการประปา ได้แก่ การนำทรัพยากรน้ำสาธารณะมาใช้เป็นน้ำดิบที่ระบบการผลิตน้ำประปา โดยการทำน้ำให้สะอาด หรือปรับปรุงคุณภาพน้ำดิบโดยวิธีการส่งผ่านด้วยเส้นท่อไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน (๕) การใช้น้ำเพื่อกิจการอื่น ได้แก่ การใช้น้ำของนิคมอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือพื้นที่อื่นในลักษณะเดียวกัน หรือการใช้น้ำบาดาลในอัตราเกินสองพันลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อบ่อแต่ไม่เกินสามพันสองร้อยลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อบ่อ เพื่อการอื่นที่ไม่มีลักษณะตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) ข้อ ๓ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะ ดังต่อไปนี้ เป็นการใช้น้ำประเภทที่สาม (๑) การใช้น้ำในปริมาณมาก ดังนี้ (ก) การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะที่ไม่ใช่น้ำบาดาลเกินสามหมื่นลูกบาศก์เมตรต่อวัน (ข) การใช้น้ำบาดาลเกินสามพันสองร้อยลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อบ่อ (๒) การใช้น้ำที่อาจส่งผลให้สมดุลของทรัพยากรน้ำสาธารณะเปลี่ยนแปลงไปจนส่งผลกระทบ ต่อการบริหารจัดการน้ำ คุณภาพของทรัพยากรน้ำสาธารณะนั้น ระบบนิเวศ หรือลุ่มน้ำอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มกราคม ๒๕๖๓ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๔๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนดให้ลักษณะหรือรายละเอียดการใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง ประเภทที่สอง และประเภทที่สาม เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกโดยนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 180.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ยกเลิกประกาศกรมทะเบียนการค้า เรื่อง ก าหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดระบบการค้า และการป้องกันการปลอมปนน้ ามันเชื้อเพลิงของผู้ค้าน้ ามัน ตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. 2562 โดยที่สถานการณ์น้ ามันเชื้อเพลิงได้เปลี่ยนแปลงไป เงื่อนไขความจ าเป็นในการก ากับดูแล การขนส่งน้ ามันเชื้อเพลิงบางประการหมดไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติ การค้าน้ ามันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ยกเลิกประกาศกรมทะเบียน การค้า เรื่อง ก าหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดระบบการค้า และการป้องกันการปลอมปนน้ ามันเชื้อเพลิง ของผู้ค้าน้ ามันตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. 2562 ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกรมทะเบียนการค้า เรื่อง ก าหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดระบบการค้า และการป้องกันการปลอมปนน้ ามันเชื้อเพลิงของผู้ค้าน้ ามันตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกาศ ณ วันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒" 1804.pdf,"# ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ## เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลาดกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลาดกรุงเทพ นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือ แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลาดกรุงเทพ ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๖ ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลาดกรุงเทพ ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ดังนี้ ### ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ | เรือลำ | ค่าธรรมเนียม | | --- | --- | | เรือลำกงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป | ๑,๘๖๘ บาท/ชั่วโมง | | ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง | ๒,๕๑๗ บาท/ชั่วโมง | ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ข้อ ๔ การทำเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลง เกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เครียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย" 1809.pdf,"# ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ ๗) เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีตามประมวลรัษฎากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วจึงอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓ อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชำระภาษี และการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคลรายปี บัญชีรายรับ รายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา ๓ สัตตสดแห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี และแบบรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของทรรศธรรมะระหว่างกัน ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ตามประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ออกไปอีก ๘ วันนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษี บัญชีซึ่งบุคคล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุน บัญชีรายรับ รายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา ๓ สัตสดแห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี และแบบรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของทรรศธรรมะระหว่างกัน ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ตามประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่ระบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรกำหนดให้ยื่นรายการในระหว่างวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๗๐ ดังนี้ ๑.๑ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดา ได้แก่ (๑) ภ.ง.ด.๙๐ ภ.ง.ด.๙๑ และ ภ.ง.ด.๙๕ ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ ๘ เมษายนของปีถัดไป (๒) ภ.ง.ด.๙๔ ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในเดือนกันยายนของทุกปี ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ ๘ ตุลาคมของทุกปี ๑.๒ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่ (๑) ภ.ง.ด.๕๐ ภ.ง.ด.๕๒ และ ภ.ง.ด.๕๕ และบัญชีซึ่งบุคคล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุน บัญชีรายรับ รายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา ๓ สัตสด แห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี ซึ่งต้องยื่นภายใน ๑๕๐ วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายใน ๑๕๘ วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี (๒) พ.ง.ด.๕๑ ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายใน ๒ เดือน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้ขยายกำหนดเวลา ดังกล่าวเป็นภายใน ๒ เดือน ๘ วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลา ๖ เดือน นับแต่วันแรก ของรอบระยะเวลาบัญชี (๓) พ.ง.ด.๕๔ ซึ่งต้องยื่นรายการและนำส่งภาษีภายใน ๗ วัน นับแต่วันสิ้นเดือน ของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน หรือจำหน่ายเงินกำไรออกใบจากประเทศไทย ให้ขยายกำหนดเวลา ออกไปเป็นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินหรือจำหน่ายเงินกำไร ออกใบจากประเทศไทย ๑.๓ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ได้แก่ พ.ง.ด.๑ พ.ง.ด.๒ พ.ง.ด.๓ และ พ.ง.ด.๕๓ ซึ่งต้องยื่นรายการและนำส่งภาษีภายใน ๗ วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงิน ได้พึงประเมิน ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือน ที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน ๑.๔ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ได้แก่ พ.ง.ด.๑ ก ซึ่งต้องยื่น รายการและนำส่งภาษีภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็น ภายในวันที่ ๘ มีนาคมของปีถัดไป ๑.๕ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ได้แก่ พ.ง.ด.๒ก พ.ง.ด.๓ก ซึ่งต้องยื่นรายการและนำส่งภาษีภายในเดือนมกราคมของปีถัดไป ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไป เป็นภายในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ของปีถัดไป ๑.๖ แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ (๑) พ.ศ.๓๐ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภายใน วันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไป ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ ๒๓ ของเดือนถัดไป (๒) พ.ศ.๓๖ ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายใน ๗ วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ (กรณีการชำระราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการตามมาตรา ๘๓/๖ แห่งประมวลรัษฎากร) ของเดือนที่ครบกำหนด ๓๐ วัน ที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น (กรณีผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการตามมาตรา ๘๓/๗ แห่งประมวลรัษฎากร) หรือของเดือนที่ขายทอดตลาด (กรณีผู้ทอดตลาดซึ่งขายทรัพย์สินของ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๓/๕ แห่งประมวลรัษฎากร) ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการของเดือนที่ครบกำหนด ๓๐ วันที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นหรือของเดือนที่ขายทอดตลาด แล้วแต่กรณี ๑.๗ แบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ ได้แก่ ภ.ธ.๔๐ ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไป ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ ๒๓ ของเดือนถัดไป ๑.๘ แบบรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของทรรศนะระหว่างกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งต้องยื่นภายใน ๑๕๐ วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายใน ๑๕๘ วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ข้อ ๒ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีที่จะได้รับสิทธิขยายกำหนดเวลาตามข้อ ๑ จะต้องเป็นการยื่นแบบแสดงรายการภาษีฉบับปกติและฉบับเพิ่มเติมผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเท่านั้น สำหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีฉบับปกติในรูปแบบของกระดาษ และต่อมาได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีจะไม่ได้รับสิทธิขยายกำหนดเวลาตามข้อ ๑ สำหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตดังกล่าว สำหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในกำหนดเวลาตามข้อ ๑ และต่อมาได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีในรูปแบบของกระดาษ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีจะไม่ได้รับสิทธิขยายกำหนดเวลาตามข้อ ๑ เฉพาะการยื่นแบบแสดงรายการภาษีในรูปแบบของกระดาษ ทั้งนี้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีที่ไม่ได้รับสิทธิขยายกำหนดเวลาตามข้อ ๑ ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร ข้อ ๓ กรณีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและได้รับสิทธิผ่อนชำระ ๓ งวด ตามมาตรา ๖๔ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร จะต้องผ่อนชำระภายในกำหนดเวลา ดังนี้ - งวดที่หนึ่ง ต้องชำระพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภายในกำหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ขยายออกไป - งวดที่สอง ต้องชำระภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่หนึ่ง งวดที่สาม ต้องชำระภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง หากไม่ชำระงวดใดงวดหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษี หมดสิทธิ์จะชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป และต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับงวดที่ไม่ชำระและงวดต่อ ๆ ไป โดยคำนวณเงินเพิ่มตั้งแต่พ้นกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดง รายการภาษีที่ได้รับอนุมัติให้ขยายออกไปจนถึงวันชำระ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เศรษฐา ทวีสิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 1810.pdf,"ประกาศสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เรื่อง โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ วิธีดำเนินงานและสถานที่ติดต่อ เพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศโครงสร้าง อำนาจหน้าที่ วิธีดำเนินงานและสถานที่ติดต่อ เพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เรื่อง โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ วิธีดำเนินงานและสถานที่ติดต่อ เพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ” เรื่อง โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ วิธีดำเนินงานและสถานที่ติดต่อ เพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เรื่อง โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ วิธีดำเนินงานและสถานที่ติดต่อ เพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๔ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ และวิธีการดำเนินงาน ดังนี้ ๔.๑ รับผิดชอบงานวิชาการและงานธุรการ รวมถึงสนับสนุนและอำนวยความสะดวก ให้การปฏิบัติหน้าที่ของสภานโยบาย คณะกรรมการ คณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง และคณะอนุกรรมการ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๔.๒ เสนอความเห็นต่อสภานโยบายเกี่ยวกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนด้านการอุดมศึกษา และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนอื่น รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล ๔.๓ เสนอความเห็นต่อสภานโยบายเกี่ยวกับกรอบวงเงินงบประมาณประจำปี ด้านการอุดมศึกษาและด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมทั้งระบบการจัดสรรและบริหาร งบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ให้สอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้าน การอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนอื่น รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล ๔.๔ เสนอความเห็นต่อสถานะนโยบายเกี่ยวกับการเร่งรัดและติดตามให้มีการเสนอ หรือการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๔.๕ สนับสนุนการดำเนินการ การติดตามและประเมินผลของคณะกรรมการพิเศษ เฉพาะเรื่อง ๔.๖ ประสานให้มีการจัดทำ บูรณาการ และเชื่อมโยงฐานข้อมูลการอุดมศึกษา ฐานข้อมูล มาตรฐานการอุดมศึกษา และฐานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้ง สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลดังกล่าวเพื่อใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล ประกอบ การพิจารณากำหนดนโยบาย ทิศทาง และการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาการอุดมศึกษา และการวิจัย และนวัตกรรมตลอดจนเปิดเผยข้อมูลและการวิเคราะห์ สังเคราะห์ต่อสาธารณะชน ๔.๗ ประสานงานและให้ความร่วมมือกับส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐ หน่วยงาน ภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๔.๘ จัดทำรายงานประจำปีของสถานะนโยบาย ๔.๙ ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือกฎหมายอื่น หรือตามที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สถานะนโยบาย หรือคณะกรรมการอำนวยการ มอบหมาย ข้อ ๕ โครงสร้างและการจัดการองค์กรของสำนักงานสถานะนโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ มีดังนี้ ๕.๑ กลุ่มระบบวิเวศการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา ประเทศอย่างก้าวกระโดด ประกอบด้วย ๕.๑.๑ ฝ่ายระบบนิเวศส่งเสริมศักยภาพนวัตกรรมของผู้ประกอบการ ๕.๑.๒ ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจนวัตกรรม ๕.๑.๓ ฝ่ายบริหารจัดการของภาครัฐด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๕.๑.๔ ฝ่ายศูนย์ข้อมูลนโยบายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม ๕.๑.๕ ฝ่ายเลขานุการสถานะนโยบาย ๕.๒ กลุ่มยุทธศาสตร์นวัตกรรมอุดมศึกษาและการพัฒนากำลังคน ประกอบด้วย ๕.๒.๑ ฝ่ายนโยบายกำลังคนตามความต้องการของประเทศ ๕.๒.๒ ฝ่ายนวัตกรรมอุดมศึกษาและการพัฒนาทักษะแห่งอนาคต นวัตกรรม ๕.๒.๓ ฝ่ายห้องปฏิบัติการนโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๕.๓ กลุ่มนโยบายเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ประกอบด้วย ๕.๓.๑ ฝ่ายนโยบายเพื่อความยั่งยืน ๕.๓.๒ ศูนย์คาดการณ์เทคโนโลยีเอเปค ๕.๓.๓ ฝ่ายนโยบายพัฒนาคลัสเตอร์ยุทธศาสตร์ ๕.๓.๔ ฝ่ายนโยบายความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการอุดมศึกษา ๕.๔ กลุ่มบริหารและพัฒนาองค์กร ประกอบด้วย ๕.๔.๑ ฝ่ายกลยุทธ์และการบประมาณองค์กร ๕.๔.๒ ฝ่ายพัฒนาองค์กร ทรัพยากรบุคคล และดิจิทัล ๕.๔.๓ ฝ่ายการเงินบัญชีและการจัดการธุรกรรม ๕.๔.๔ ฝ่ายพัฒนากฎหมายและบริหารความเสี่ยง ๕.๔.๕ ฝ่ายสื่อสารนโยบายและเลขานุการ ๕.๕ ฝ่ายตรวจสอบภายใน ข้อ ๖ สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ติดต่อได้ที่ ๖.๑ ฝ่ายสื่อสารนโยบายและเลขานุการ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เลขที่ ๓๑๙ อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น ๑๔ ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๑๐๙ ๕๔๓๒ โทรสาร ๐ ๒๑๖๐ ๕๔๓๘ ๖.๒ เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ของราชการ สำนักงานสภานโยบาย การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ http://www.oic.go.th/infcnter6/640/ ประกาศ ณ วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๖ กิติพงศ์ พร้อมวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ" 1813.pdf,"ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลากร เรื่อง ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่ปรากฏว่าประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๓๘ ง เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ และประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๖ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๖ โดยให้ผู้ผลิตเพื่อขายหรือผู้ส่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อขายที่ได้จัดทำฉลากตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก พ.ศ. ๒๕๔๑ ไว้ก่อนวันที่ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ใช้บังคับ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศ คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งพบว่าการปฏิบัติเพื่อให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ประกอบธุรกิจมีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการมากกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศ ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค โดยไม่เป็นการเพิ่มภาระเกินควรแก่การประกอบธุรกิจ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ แห่งประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓ ให้ผู้ผลิตเพื่อขายหรือผู้ส่งหรือนำเข้าสินค้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายก่อนวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๖ และสินค้าได้จัดทำฉลากตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก พ.ศ. ๒๕๔๑ สามารถจำหน่ายสินค้าที่ติดฉลากดังกล่าวต่อไปได้จนกว่า จะจำหน่ายหมด” ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ธรณ์ชัชติ ธนิทริพันธ์ ประธานกรรมการว่าด้วยฉลาก" 1814.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง ยกเลิกการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่ได้มีประกาศแต่งตั้งผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง ยกเลิก การแต่งตั้งผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามประกาศสำนักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๖๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังมีรายละเอียดแนบท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม # รายละเอียดท้ายประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## เรื่อง ยกเลิกการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑) ### พ.ศ. ๒๕๖๗ รายชื่อผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมซึ่งให้ยกเลิกจากประกาศสำนักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๖๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังต่อไปนี้
ลำดับ ที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผู้ตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หมายเหตุ
๑๙. หัวนมยางสำหรับขวดนม (มอก. 969-2562) อุตสาหกรรมพัฒนา มูลนิธิ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยกเลิกรายการทดสอบ ข้อ 4.3.1 การย้ายที่ของธาตุ บางส่วน
๒๐. หัวนมยางดูดเล่น (มอก. 1025-2562) อุตสาหกรรมพัฒนา มูลนิธิ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยกเลิกรายการทดสอบ ข้อ 6.3.1 การย้ายที่ของธาตุ บางส่วน
" 1819.pdf,"# ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดชนิด และลักษณะของมาตรฐานวัดปริมาตรของเหลว รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผือเหลือเผื่อขาด และอายุคำรับรอง (ฉบับที่ ๒) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์โดยคำแนะนำของคณะกรรมการซึ่งตวงวัด ได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดชนิด และลักษณะของมาตรฐานวัดปริมาตรของเหลว รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผือเหลือเผื่อขาด และอายุคำรับรอง ลงวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกการกำหนดอายุคำรับรอง เครื่องชั่งตวงวัดของผู้ซ่อมตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ กำหนดชนิด ลักษณะ รายละเอียดของวัสดุ ที่ใช้ผลิต อัตราเผือเหลือเผื่อขาด ห้ามการให้คำรับรองชั้นหลัง และอายุคำรับรองเครื่องชั่งตวงวัด ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อกำหนดชนิด ลักษณะ รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผือเหลือเผื่อขาด และอายุคำรับรองของมาตรฐานวัดปริมาตรของเหลว ไปแล้ว นั้น ดังนั้น เพื่อให้การกำกับดูแลมาตรฐานวัดปริมาตรของเหลวชนิดมาตรฐานวัดปริมาตรนำ้มันเชื้อเพลิง ตามสถานีบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสอดคล้องกับการใช้มาตรฐานวัดปริมาตรของเหลว ชนิดดังกล่าวในการซื้อขายหรือจำหน่ายสินค้าในปัจจุบัน อันส่งผลให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม คณะกรรมการซึ่งตวงวัด จึงมีมติเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๗ เห็นชอบการแก้ไขอัตราเผือเหลือเผื่อขาด สำหรับการตรวจสอบให้คำรับรองชั้นแรกและชั้นหลัง อัตราเผือเหลือเผื่อขาดสำหรับการตรวจสอบ มาตรฐานวัดปริมาตรนำ้มันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการที่ใช้งานแล้ว และอายุคำรับรองของระบบการวัดปริมาตร นำ้มันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์โดยคำแนะนำของคณะกรรมการซึ่งตวงวัด ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนด ชนิด และลักษณะของมาตรฐานวัดปริมาตรของเหลว รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผือเหลือเผื่อขาด และอายุคำรับรอง ลงวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""อัตราเผือเหลือเผื่อขาดสำหรับการตรวจสอบมาตรฐานวัดที่ใช้งานแล้ว ให้เป็นสองเท่าของอัตรา เผือเหลือเผื่อขาดสำหรับการให้คำรับรองชั้นแรก แต่ไม่รวมถึงมาตรฐานวัดปริมาตรนำ้มันเชื้อเพลิง ตามสถานีบริการ"" ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสี่ของข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดชนิด และลักษณะของมาตรฐานวัดปริมาตรของเหลว รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผือเหลือเผื่อขาด และอายุคำรับรอง ลงวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ""อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับการตรวจสอบมาตรฐานวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการที่ใช้งานแล้ว ให้เป็น ๐.๕%"" ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน (๑) และ (๒) ของข้อ ๒๐ แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่อง กำหนดชนิด และลักษณะของมาตรฐานวัดปริมาตรของเหลว รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิตอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด และอายุคำรับรอง ลงวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""(๑) เมื่อปริมาณทดสอบตั้งแต่ ๒ ลิตร หรือ ๒ กิโลกรัมขึ้นไป ให้อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด มีทั้งฝ่ายมากและฝ่ายน้อยของปริมาตรที่แสดงค่า ณ สภาวะขณะวัด หรือปริมาตรที่แสดงค่านี้ สภาวะพื้นฐาน ตามตาราง ดังต่อไปนี้ | | อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด | |-------------------------|----------------------------| | | ชั้นความเที่ยง ๐.๓ | | | ชั้นความเที่ยง ๐.๕ | | | ชั้นความเที่ยง ๑.๐ | | มาตรวัดที่ได้ติดตั้งเข้าระบบการวัด | | | ปริมาตรของเหลว (A) | ๐.๓ % | | มาตรวัดที่ยังไม่ได้ติดตั้งเข้าระบบการวัดปริมาตรของเหลว (B) | ๐.๒ % | (๒) เมื่อปริมาณทดสอบน้อยกว่า ๒ ลิตร หรือ ๒ กิโลกรัม ให้อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด มีทั้งฝ่ายมากและฝ่ายน้อยของปริมาตรที่แสดงค่า ณ สภาวะขณะวัด หรือปริมาตรที่แสดงค่านี้ สภาวะพื้นฐาน ตามตาราง ดังต่อไปนี้ | ปริมาณที่ทดสอบ (ลิตร หรือ กิโลกรัม) | อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดระบบการวัดปริมาตรของเหลว | |------------------------------------------|---------------------------------------------------------------| | | ชั้น ๐.๓ | ชั้น ๐.๕ | ชั้น ๑.๐ | | ๐.๐๒ ถึง ๐.๑ | A ๑.๒ มล. ก. B ๐.๘ มล. ก. | | ๐.๑ ถึง ๐.๒ | A ๐.๐๑๒ x MMQ กก. B ๐.๐๐๘ x MMQ กก. | | | มล. ๑.๒ ก. มล. ๑.๒ ก. | | | มล. ๔ มล. ๒.๔ | | | มล. ๐.๐๔ x MMQ กก. มล. ๐.๐๒๔ x MMQ กก. | เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ปริมาณที่ทดสอบ (ลิตร หรือ กิโลกรัม) อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดระบบการวัดปริมาตรของเหลว
ชั้น ๐.๓ ชั้น ๐.๕ ชั้น ๑.๐
๐.๒ ถึง ๐.๔ A ๒.๔ มล. ๒.๔ มล. มล.
B ๑.๖ ก. ๒.๔ มล. ๔.๘ ก.
๐.๔ ถึง ๑.๐ A ๐.๐๐๖ x MMQ ล. ๐.๐๐๖ x MMQ ล. ๐.๐๒ x MMQ ล.
B ๐.๐๐๔ x MMQ ล. ๐.๐๐๖ x MMQ ล. ๐.๐๑๒ x MMQ ล.
๑.๐ ถึง ๒.๐ A มล. มล. ๒๐ มล.
B ก. มล. ๑๒ ก.
ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๒๖ แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดชนิดและลักษณะของมาตรฐานวัดปริมาตรของเหลว รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด และอายุคำรับรอง ลงวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๖ ให้ระบบมาตรฐานวัดปริมาตรของเหลว มีอายุคำรับรองเป็นไปตามตาราง ดังต่อไปนี้ | มาตรวัดปริมาตรของเหลว | อายุคำรับรอง (นับแต่วันที่ให้คำรับรอง) | | --- | --- | | - ระบบมาตรวัดสำหรับการขนส่งทางท่อ | ๒ ปี | | - ระบบทารวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิง | ๒ ปี | | - ระบบทารวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในการขายส่ง | | | - ระบบทารวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน | | | - ระบบทารวัดประจาระยนต์บรรทุกถังบรรจุหรือระบบทารวัดประจำถังบรรจุที่สามารถเคลื่อนที่ได้ สำหรับของเหลวที่มีความหนืดพลศาสตร์ไม่เกิน ๒๐ mPa.s ที่ความดันบรรยากาศ | | | - ระบบทารวัดปริมาตรน้ำนม | | | - ระบบทารวัดปริมาตรน้ำมันพืช | | | - ระบบทารวัดปริมาตรน้ำหวานที่ได้จากพืช | | เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
มาตรการวัดปริมาณของเหลว อายุคำรับรอง (นับแต่วันที่ให้คำรับรอง)
- ระบบมาตรวัดปริมาตรก๊าซปิโตรเลียมเหลว - ระบบการวัดปริมาตรก๊าซปิโตรเลียมเหลวตามสถานีบริการหรือที่ใช้ในการขายส่ง - ระบบการวัดของเหลวที่ความหนืดพลศาสตร์มากกว่า ๑๐๐๐ mPa.s - ระบบการวัดของเหลวน้ำมันหล่อลื่น - ระบบการวัดที่มีอัตราการไหลสูงสุดไม่เกิน ๒๐ ลิตรต่อชั่วโมง หรือไม่เกิน ๒๐ กิโลกรัมต่อชั่วโมง - ระบบการวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ ๒ ปี
ข้อ ๖ บรรดามาตรวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการที่ได้รับการตรวจสอบและให้คำรับรองแล้วในวันก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ยังคงใช้ได้ต่อไปจนกว่าคำรับรองจะสิ้นอายุ
ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์" 1823.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สำหรับนักพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษาและสัญลักษณ์ในระบบอัตโนมัติและทุ่นยนต์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สำหรับนักพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษา และสัญลักษณ์ในระบบอัตโนมัติและทุ่นยนต์อุตสาหกรรม ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สำหรับนักพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษา และสัญลักษณ์ในระบบอัตโนมัติและทุ่นยนต์อุตสาหกรรม หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ ในการเขียนโครงสร้างโปรแกรมโดยการทำหนดชนิดของข้อมูล ใช้งานคำสั่งแบบวนรอบ เขียนโปรแกรม แบบมีทางเลือก ออกแบบเชิงลำดับ เขียนโปรแกรมย่อย ทำหนดตัวแปรและสร้างแอปพลิเคชัน สามารถจัดการไฟล์โดยการเขียนไฟล์และอ่านไฟล์ สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์รับเข้าและส่งออกข้อมูล แบบดิจิทัลและแบบแอนะล็อก รวมถึงประมวลผลภาพ โดยการปรับแต่งภาพและวิเคราะห์ภาพ ได้อย่างถูกต้องตามข้อกำหนด ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สำหรับนักพัฒนาโปรแกรม ด้วยภาพและสัญลักษณ์ในระบบอัตโนมัติและทุ่นยนต์อุตสาหกรรม มี ๑ ระดับ โดยระดับ ๒ หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในการเขียนโครงสร้างโปรแกรมโดยการทำหนดชนิดของข้อมูล ใช้งานคำสั่ง แบบวนรอบ เขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือก ออกแบบเชิงลำดับ เขียนโปรแกรมย่อย ทำหนดตัวแปร และสร้างแอปพลิเคชัน สามารถจัดการไฟล์โดยการเขียนไฟล์และอ่านไฟล์ สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ รับเข้าและส่งออกข้อมูลแบบดิจิทัลและแบบแอนะล็อก รวมถึงประมวลผลภาพ โดยการปรับแต่งภาพ และวิเคราะห์ภาพได้อย่างถูกต้องตามข้อกำหนด ข้อ ๓ ข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และทัศนคติ ในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สำหรับนักพัฒนาโปรแกรมด้วยภาพและ สัญลักษณ์ในระบบอัตโนมัติและทุ่นยนต์อุตสาหกรรม โดยมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๒ ได้แก่ ๓.๑ ความรู้ ประกอบด้วย ขอบเขตความรู้ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๑.๑ การเขียนโครงสร้างโปรแกรม ๓.๑.๑.๑ การกำหนดชนิดของข้อมูล (๑) ชนิดของข้อมูล (๒) การวิเคราะห์ขนาดของข้อมูล (๓) การเลือกชนิดของข้อมูลเพื่อใช้งาน ๓.๑.๑.๒ การใช้งานคำสั่งแบบวนรอบ (Loop) (๑) หลักการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น (๒) หลักการทำงานของการวนรอบ (Loop) แต่ละชนิด (๓) การเลือกชนิดของการวนรอบ (Loop) เพื่อใช้งาน ๓.๑.๑.๓ การเขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือก (Decision Making Structure) (๑) หลักการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น (๒) การเลือกรูปแบบของเงื่อนไขเพื่อใช้งาน การออกแบบเชิงลำดับ (Sequential and State Machine) (๑) การวิเคราะห์ลำดับการทำงานเพื่อเขียนโปรแกรม (๒) การเลือกชนิดลำดับการทำงาน ๓.๑.๑.๕ การเขียนโปรแกรมย่อย (๑) การวิเคราะห์โครงสร้างโปรแกรมเพื่อแบ่งเป็นโปรแกรมย่อย (๒) วิธีการกำหนดอินพุตและเอาต์พุทโปรแกรมย่อย (๓) หลักการทำงานของโปรแกรมย่อย และวิธีการใช้งาน ๓.๑.๑.๖ การกำหนดตัวแปร (๑) วิธีการส่งข้อมูลระหว่างการวนรอบ (Loop) และ (๒) การเลือกใช้ตัวแปรแต่ละชนิด ๓.๑.๑.๗ การสร้างแอปพลิเคชัน (๑) หลักการสร้างแอปพลิเคชัน (๒) คุณสมบัติของแอปพลิเคชันแต่ละชนิด (๓) วิธีการสร้าง ทดสอบ และแก้ไขแอปพลิเคชัน (๔) วิธีการสร้างชุดติดตั้งแอปพลิเคชัน ๓.๑.๒ การจัดการไฟล์ ๓.๑.๒.๑ การเขียนไฟล์ (๑) ชนิดและโครงสร้างของไฟล์ข้อมูล (๒) ขั้นตอนการสร้างไฟล์ข้อมูล (๓) วิธีการเขียนข้อมูล (๔) วิธีการบันทึกไฟล์ข้อมูล ๓.๑.๒.๒ การอ่านไฟล์ (๑) ชนิดและโครงสร้างของไฟล์ข้อมูล (๒) วิธีการเปิดไฟล์ข้อมูล (๓) วิธีการอ่านข้อมูล (๔) วิธีการแสดงผลข้อมูล ๓.๑.๓ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ ๓.๑.๓.๑ อุปกรณ์รับเข้าและส่งออกข้อมูลแบบดิจิทัล (๑) วิธีการเชื่อมต่อสัญญาณดิจิทัลกับอุปกรณ์ภายนอก (๒) รูปแบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์รับเข้าและส่งออกข้อมูล (๓) การเขียนโปรแกรมรับส่งข้อมูล ๓.๑.๓.๒ อุปกรณ์รับเข้าและส่งออกข้อมูลแบบแอนะล็อก (๑) วิธีการเชื่อมต่อสัญญาณแอนะล็อกกับอุปกรณ์ภายนอก (๒) รูปแบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์รับเข้าและส่งออกข้อมูล (๓) การเขียนโปรแกรมรับส่งข้อมูล ๓.๑.๔ การประมวลผลภาพ ๓.๑.๔.๑ การปรับแต่งภาพ (๑) วิธีการเชื่อมต่ออุปกรณ์รับภาพ (๒) การตรวจสอบและวิธีการปรับแต่งคุณภาพของข้อมูลภาพ เพื่อให้ได้ข้อมูลภาพตามที่ต้องการ ๓.๑.๔.๒ การวิเคราะห์ภาพ (๑) การเขียนโปรแกรมเพื่อประมวลผล (๒) วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลภาพ (๓) การนำผลวิเคราะห์ข้อมูลไปใช้งาน ๓.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน ดังต่อไปนี้ ๓.๒.๑ เขียนโครงสร้างโปรแกรม ๓.๒.๑.๑ กำหนดชนิดของข้อมูล ๓.๒.๑.๒ ใช้งานคำสั่งแบบวนรอบ (Loop) ๓.๒.๑.๓ เขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือก (Decision Making Structure) ๓.๒.๑.๔ ออกแบบเชิงลำดับ (Sequential and State Machine) เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๕๘ ง หน้า ๒๓ ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ๓.๒.๑.๕ เขียนโปรแกรมย่อย ๓.๒.๑.๖ กำหนดตัวแปร ๓.๒.๑.๗ สร้างแอปพลิเคชัน ๓.๒.๒ จัดการไฟล์ ๓.๒.๒.๑ เขียนไฟล์ ๓.๒.๒.๒ อ่านไฟล์ ๓.๒.๓ เชื่อมต่ออุปกรณ์ ๓.๒.๓.๑ เชื่อมต่ออุปกรณ์รับเข้าและส่งออกข้อมูลแบบดิจิทัล ๓.๒.๓.๒ เชื่อมต่ออุปกรณ์รับเข้าและส่งออกข้อมูลแบบแอนะล็อก ๓.๒.๔ ประมวลผลภาพ ๓.๒.๔.๑ ปรับแต่งภาพ ๓.๒.๔.๒ วิเคราะห์ภาพ ๓.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติด้วยความปลอดภัย การแต่งกายเหมาะสม การปฏิบัติงานมีการวางแผนที่ดี การคำนึงถึงการใช้วัสดุถูกต้องและประหยัด การรักษาเวลาในการ ปฏิบัติงาน ความมีวินัย ความซื่อสัตย์ ความละเอียดรอบคอบ การประสานงานที่ดี การรักษาความสะอาด เมื่อเสร็จงาน ประกาศ ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 1830.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๔) เรื่อง กำหนดรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ รายจ่ายเพื่อการศึกษา และรายจ่ายเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมสรรพากร โดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ รายจ่ายเพื่อการศึกษา และรายจ่ายเพื่อการกีฬาไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๑๐) ของข้อ ๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๔) เรื่อง กำหนดรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ รายจ่ายเพื่อการศึกษา และรายจ่ายเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๒๙) เรื่อง กำหนดรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ รายจ่ายเพื่อการศึกษา และรายจ่ายเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑๐) การบริจาคทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการให้แก่ ส่วนราชการ เพื่อบริจาคให้แก่สถานศึกษาของรัฐ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทางการชำนาญพิเศษแห่งสหประชาชาติ หรือสถาบันอุดมศึกษาซึ่งคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศอนุมัติโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๖๐ เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ หรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๒ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๔) เรื่อง กำหนดรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ รายจ่ายเพื่อการศึกษาและรายจ่ายเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) หอสมุดหรือห้องสมุด หรือสถาบันวิจัย ทั้งนี้ เฉพาะของทางราชการ” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (๔) ของข้อ ๒ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๔) เรื่อง กำหนดรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ รายจ่ายเพื่อการศึกษา และรายจ่ายเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๕๔) เรื่อง กำหนดรายจ่าย เพื่อการสาธารณประโยชน์ รายจ่ายเพื่อการศึกษา และรายจ่ายเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน (๔) สถานศึกษาของรัฐ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวง การชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ หรือสถาบันอุดมศึกษาซึ่งคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษา โดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศอนุมัติโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๖๐ เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษา โดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ หรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงเรียนเอกชน” ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ กุลยา ตันติตเมฆ อธิบดีกรมสรรพากร" 1832.pdf,"กฎกระทรวง การแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดิน ของผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๙ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้ “ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” หมายความว่า บุคคลผู้ได้รับโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม “หนี้ที่เกิดกับสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการกับ ส.ป.ก.” หมายความว่า หนี้ที่เกิดกับสถาบัน การเงินที่ร่วมโครงการกับ ส.ป.ก. เฉพาะกรณีที่สถาบันการเงินดังกล่าวได้รับหนังสือแสดงสิทธิ จากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมของผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้เป็นหลักประกัน และให้หมายความรวมถึงหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม “ส.ป.ก.” หมายความว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม “ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่” หมายความว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่อันเป็น ที่ตั้งของที่ดิน “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ข้อ ๒ การแจ้ง การยื่นเอกสารและหลักฐาน หรือการติดต่อใด ๆ และการออกเอกสาร หลักฐานต่าง ๆ ตามกฎกระทรวงนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในกรณีที่มีเหตุไม่สามารถดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการ ณ ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่ หมวด ๑ การตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม ข้อ ๓ เมื่อผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมถึงแก่ความตายหรือศาลมีคำสั่งให้เป็นคนสามัญ ให้สิทธิในที่ดินดังกล่าวตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิได้รับมรดกตามลำดับญาติที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยการแบ่งสิทธิในที่ดินให้แก่ทายาทโดยธรรมดังกล่าวให้อยู่ภายใต้บังคับบรรพ ๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีไม่มีทายาทโดยธรรมหรือมีทายาทโดยธรรมแต่ทายาทโดยธรรมทุกคนไม่ประสงค์จะรับสิทธิในที่ดิน ให้สิทธิในที่ดินตกเป็นของ ส.ป.ก. (๒) กรณีมีทายาทโดยธรรมเพียงคนเดียว ให้สิทธิในที่ดินตกเป็นของทายาทโดยธรรมผู้นั้นทั้งหมด (๓) กรณีมีทายาทโดยธรรมหลายคน ให้แบ่งสิทธิในที่ดินแก่ทายาทโดยธรรมทุกคนตามสิทธิที่พึงมีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เว้นแต่ทายาทโดยธรรมจะตกลงแบ่งกันเองเป็นอย่างอื่น คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ถือเป็นทายาทโดยธรรม ข้อ ๔ ทายาทโดยธรรมหรือผู้จัดการมรดกผู้ใดประสงค์จะแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินมรดกตามข้อ ๓ ให้มีหนังสือแจ้งให้ ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่ ทราบตามวิธีการที่เลขาธิการกำหนดเมื่อ ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่เห็นว่าการแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินถูกต้องตรงตามข้อ ๓ ให้มีหนังสือรับรองการโอนสิทธิในที่ดินไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการแบ่งแยกหรือโอนดังกล่าว ณ สำนักงานที่ดิน ข้อ ๕ ทายาทโดยธรรมที่ได้รับที่ดินมรดกตามข้อ ๓ ต้องใช้ที่ดินที่ได้มาจากการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม หากใช้ที่ดินโดยฝ่าฝืน ให้ ส.ป.ก. แจ้งเตือน เป็นหนังสือเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว หากไม่แก้ไขให้ถูกต้อง ให้ ส.ป.ก. มีคำสั่งให้ทายาทโดยธรรมผู้รับที่ดินมรดกนั้นโอนสิทธิในที่ดินคืนให้ ส.ป.ก. ข้อ ๖ สิทธิในการแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินของทายาทโดยธรรมที่ได้รับที่ดินมรดกตามข้อ ๓ ให้เป็นไปตามมาตรา ๓๙ หมวด ๒ การแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินไปยังสถาบันเกษตรกร ข้อ ๗ ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอาจแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่สถาบันเกษตรกรได้เฉพาะเพื่อชำระหนี้แก่สถาบันเกษตรกรตามที่ตกลงกัน ข้อ ๘ ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมผู้ใดประสงค์จะแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินตามข้อ ๗ ให้มีหนังสือแจ้งให้ ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่ ทราบตามวิธีการที่เลขาธิการกำหนด เมื่อ ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่เห็นว่าเป็นการชำระหนี้กันจริงตามข้อ ๗ ให้มีหนังสือรับรองการโอนสิทธิในที่ดินไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการแบ่งแยกหรือโอนดังกล่าว ณ สำนักงานที่ดิน ข้อ ๙ สถาบันเกษตรกรที่รับโอนสิทธิในที่ดินจากผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต้องใช้ที่ดินนั้นเพื่อดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ประกอบเกษตรกรรม (๒) จะทำการแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินไปยังผู้อื่นมิได้ เว้นแต่ให้เจ้าของเดิมหรือทยาทโดยธรรมของเจ้าของเดิมซื้อคืนเพื่อประกอบเกษตรกรรมตามที่ตกลงกันได้ แต่ทั้งนี้ ไม่เป็นการห้ามสถาบันเกษตรกรที่จะนำที่ดินไปให้เจ้าของเดิม ทายาทโดยธรรมของเจ้าของเดิม หรือเกษตรกรอื่นตามลำดับ เช่าเพื่อประกอบเกษตรกรรม (๓) โอนสิทธิในที่ดินคืนให้ ส.ป.ก. หากสถาบันเกษตรกรใช้ที่ดินโดยฝ่าฝืนตาม (๑) หรือ (๒) ให้ ส.ป.ก. แจ้งเตือนเป็นหนังสือ เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว หากไม่แก้ไขให้ถูกต้อง หรือสถาบันเกษตรกรเลิกกิจการ ให้ ส.ป.ก. มีคำสั่งให้สถาบันเกษตรกรหรือผู้ชำระบัญชีของสถาบันเกษตรกรณั้นโอนสิทธิในที่ดินคืนให้ ส.ป.ก. หมวด ๓ การแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินไปยัง ส.ป.ก. ข้อ ๑๐ ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมผู้ใดประสงค์จะแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินบางส่วนหรือทั้งหมด คืนให้ ส.ป.ก. ไม่ว่าจะขอรับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ให้ทำหนังสือแจ้ง ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่ พร้อมด้วยสำเนาหนังสือแสดงสิทธิหรือแผนที่แสดงที่ดินโดยสังเขป ข้อ ๑๑ เมื่อ ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่ได้รับเอกสารตามข้อ ๑๐ แล้ว ในกรณีที่ขอรับค่าตอบแทน ให้ ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่จัดส่งเอกสารดังกล่าวให้ ส.ป.ก. พร้อมทั้งความเห็นและรายงานผลการตรวจสอบ ดังนี้ (๑) สภาพความเหมาะสมทางการเกษตรของที่ดิน และลักษณะการทำประโยชน์ในที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง (๒) ภาระผูกพันเหนือที่ดิน รวมตลอดทั้งหนี้ที่เกิดกับสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการกับ ส.ป.ก. (๓) ราคาประเมินที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ สำหรับกรณีที่ไม่ขอรับคำตอบแทน ให้ ส.ป.ก. จังหวัดแห่งท้องที่ส่งเรื่องให้ ส.ป.ก. เพื่อรับโอนสิทธิในที่ดินดังกล่าว ข้อ ๑๒ ค่าตอบแทน ให้จ่ายเฉพาะค่าที่ดิน โดยให้คิดตามราคาประเมินที่ดินตามกฎหมาย ว่าด้วยการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ หากที่ดินที่จะคืน ส.ป.ก. นั้นมีภาระผูกพัน เหนือที่ดินหรือหนี้ที่เกิดกับสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการกับ ส.ป.ก. ให้หักค่าภาระผูกพันเหนือที่ดิน และหนี้ตั้งกล่าวออกจากการค่าที่ดิน ในกรณีที่ค่าภาระผูกพันเหนือที่ดินและหนี้ดังกล่าวสูงกว่าค่าที่ดิน ให้ ส.ป.ก. รับผิดชอบแต่เฉพาะส่วนที่ไม่เกินค่าที่ดิน ข้อ ๑๓ ทรัพย์สินที่ติดอยู่กับที่ดิน ให้ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมีสิทธิ รื้อถอนไปภายในระยะเวลาที่เขาธิการกำหนด โดยไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมที่จะละลายสิทธิในทรัพย์สินดังกล่าว ในกรณีที่ไม่รื้อถอนไปภายในเวลาที่กำหนด หรือเสียสิทธิ ให้ ส.ป.ก. มีอำนาจรื้อถอนหรือขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้นได้ การขายทอดตลาดอันมิใช่กรณีที่เกิดจากการสละสิทธิในทรัพย์สิน ให้ ส.ป.ก. เก็บเงินที่ได้จาก การขายทอดตลาดไว้แทน เงินดังกล่าวเมื่อใดหักค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาและการรื้อถอนแล้ว ให้แจ้ง ให้ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมารับคืนไป ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมของอนุสิทธิในที่ดินคืนให้ ส.ป.ก. โดยประสงค์จะขอรับค่าตอบแทน หากที่ดินมีสภาพไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นที่ดินเพื่อประกอบ เกษตรกรรมอันเนื่องมาจากการกระทำ หรือการงดเว้นการกระทำอันพึงต้องกระทำในการประกอบ อาชีพเกษตรกรรม ส.ป.ก. จะรับคืนได้ต่อเมื่อผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมยินยอม ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับที่ดินแล้ว แต่ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ส.ป.ก. จะคิดค่าเสียหาย เกินค่าตอบแทนที่กำหนดตามข้อ ๑๒ ไม่ได้ ข้อ ๑๕ เมื่อ ส.ป.ก. ได้พิจารณาหนังสือ ความเห็น และรายงานผลการตรวจสอบตามข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง แล้ว ผลการพิจารณาเป็นประการใด ให้ ส.ป.ก. มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาดังกล่าว ให้ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งขอแบ่งแยกหรืออนุสิทธิในที่ดินทราบ พร้อมทั้ง แจ้งให้ ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่ทราบด้วย ข้อ ๑๖ ในกรณีที่ ส.ป.ก. มีคำสั่งให้ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมออนไลน์ ในที่ดินคืนให้แก่ ส.ป.ก. ตามข้อ ๕ และข้อ ๙ วรรคสอง ให้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ได้รับสิทธิ โดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและ ส.ป.ก.จังหวัดแห่งท้องที่ เพื่อให้ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมมาทำการแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดิน ณ สำนักงานที่ดิน และรับค่าตอบแทน ค่าตอบแทนตามวรรคหนึ่ง ให้จ่ายในราคาค่าเช่าซื้อที่ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมได้เช่าซื้อจาก ส.ป.ก. โดยให้หักค่าภาระผูกพันเหนือที่ดินและหนี้ที่เกิดกับสถาบัน การเงินที่ร่วมโครงการกับ ส.ป.ก. และค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับที่ดินจากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๕ และข้อ ๙ วรรคสอง นอกจากราคาค่าตอบแทน ในกรณีที่ค่าภาระผูกพันเหนือที่ดินและหนี้ดังกล่าว สูงกว่าค่าตอบแทน ให้ ส.ป.ก. รับผิดชอบแต่เฉพาะส่วนที่ไม่เกินค่าตอบแทน สำหรับทรัพย์สินที่ติดอยู่กับที่ดิน ให้ดำเนินการตามข้อ ๑๓ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ ร้อยเอก ธรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติว่า ที่ดิน ที่บุคคลได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมจะทำการแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดก แก่ทายาทโดยธรรม หรือโอนไปยังสถาบันเกษตรกร หรือ ส.ป.ก. เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็น ต้องออกกฎกระทรวงนี้" 1833.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๘๑๓) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยรายการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยรายการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒ ให้กำหนดสภาภาคอาชีพไทย วัดวาอาราม สถานพยาบาลขององค์การของรัฐบาล หรือสถานศึกษาของรัฐแต่ไม่รวมถึงสถานศึกษาของทางราชการ เป็นองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ ทวิ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับ ภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๓๓) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๘ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒ ทวิ ให้สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวง การชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ หรือสถาบันอุดมศึกษาซึ่งคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษา โดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศอนุมัติตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๖๐ เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษา โดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ หรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เป็นองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕” ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 1836.pdf,"# ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ เป็นผู้ตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน ๔ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๑. เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน 3243
๒. ปัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรเซนซ์ : คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน 2337
๓. หลอดแอลอีดีชั่วคู่ที่ออกแบบเพื่อเปลี่ยนทดแทนหลอดฟลูออเรเซนซ์ชนิดตรง-คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย 2779
๔. หลอดแอลอีดีมีปัลลาสต์ในตัวสำหรับการให้แสงสว่างทั่วไป ด้วยแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 50 V - คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย 2780
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 1837.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง บริษัท อินเตอร์เทค เทสติ้ง เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน ๕๘ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๑. อุปกรณ์ช่วยสำหรับโหลด - ตัวเก็บประจุสำหรับใช้ในวงจรหลอดฟลูออเรสนซ์ และหลอดปล่อยประจุอื่น - คุณลักษณะที่ต้องการทั่วไปและด้านความปลอดภัย 191 เล่ม 1
๒. ตัวเก็บประจุสำหรับใช้ในวงจรหลอดฟลูออเรสนซ์และหลอดปล่อยประจุอื่น - คุณลักษณะที่ต้องการด้านสมรรถนะ 191 เล่ม 2
๓. ดวงโคมไฟฟ้าฉุกเฉิน 902 เล่ม 2(2)
๔. สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายืดกับที่ที่คล้ายกัน : ข้อกำหนด ทั่วไป 824
๕. สวิตซ์ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายืดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไป 824 เล่ม 1
๖. สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายืดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(1) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตซ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ 824 เล่ม 2(1)
๗. สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายืดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(2) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตซ์ไฟฟ้าควบคุมระยะไกล (RCS) แม่เหล็กไฟฟ้า 824 เล่ม 2(2)
๘. สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายืดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(3) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตซ์ไฟฟ้าหน่วงเวลา (TDS) 824 เล่ม 2(3)
เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๘ ง ราชกิจจานุเบกษา
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๙. สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายืดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(4) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตช์ไฟฟ้าแยกรถ 824 เล่ม 2(4)
๑๐. สวิตช์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายืดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(5) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตช์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบสำหรับใช้ในระบบ อิเล็กทรอนิกส์ของอาคารบ้านเรือน (HBES) 824 เล่ม 2(5)
๑๑. สวิตช์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายืดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(6) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตช์ไฟฟ้าของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสำหรับดวงโคม ไฟฟ้าและป้ายไฟฟ้าทั่วภายในอาคารและภายนอกอาคาร 824 เล่ม 2(6)
๑๒. สายไฟฟ้าหุ้มฉนวนยาง แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 โวลต์ เล่ม 5 สายไฟฟ้าสิ่งปลูกสร้าง 955 เล่ม 5
๑๓. สายไฟฟ้าหุ้มฉนวนยาง แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 โวลต์ เล่ม 6 สายอิเล็กโทรดของเครื่องเชื่อมอาร์ก 955 เล่ม 6
๑๔. สายไฟฟ้าหุ้มฉนวนยาง แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 โวลต์ เล่ม 7 สายไฟฟ้าทนความร้อนฉนวนยางเอทิลีนไวนิลแอซีเทต 955 เล่ม 7
๑๕. สายไฟฟ้าหุ้มฉนวนยาง แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 โวลต์ เล่ม 8 สายอ่อนสำหรับงานที่ต้องการความอ่อนตัวสูง 955 เล่ม 8
๑๖. พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม 2 คุณลักษณะ ที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับพิวส์ที่ใช้ โดยบุคคลที่ได้รับอนุญาต (พิวส์สำหรับใช้งานอุตสาหกรรมเป็นหลัก) - ตัวอย่างของระบบพิวส์มาตรฐาน A ถึง K 2109 เล่ม 2
๑๗. พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม 3 คุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับพิวส์ที่ใช้ โดยบุคคลทั่วไป (พิวส์สำหรับใช้งานในที่อยู่อาศัยและงานที่คล้ายคลึงกันเป็นหลัก) - ตัวอย่างของการมาตรฐานพิวส์ A ถึง F 2109 เล่ม 3
๑๘. พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม 4 คุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับตัวพิวส์ที่ใช้ ในการป้องกันอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ 2109 เล่ม 4
๑๙. พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม 6 คุณลักษณะเพิ่มเติมสำหรับตัวพิวส์ที่ใช้ป้องกัน ระบบพลังงานของแรงดันพลังแสงอาทิตย์ 2109 เล่ม 6
๒๐. ความปลอดภัยของตัวแปลงผู้กำลังไฟฟ้า สำหรับใช้ในระบบกำลังไฟฟ้าเซลล์ แสงอาทิตย์ เล่ม 1 คุณลักษณะที่ต้องการทั่วไป 2603 เล่ม 1
๒๑. ความปลอดภัยของตัวแปลงผู้กำลังไฟฟ้า สำหรับใช้ในระบบกำลังไฟฟ้าเซลล์ แสงอาทิตย์ เล่ม 2 คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะสำหรับตัวผกผัน 2603 เล่ม 2
๒๒. ลูกถ้วยไฟฟ้า เล่ม 3 ลูกถ้วยล้อ: พอร์เซเลน 2623 เล่ม 3
๒๓. ลูกถ้วยไฟฟ้า เล่ม 4 : ลูกถ้วยยึดโยง: พอร์เซเลน 2623 เล่ม 4
## ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | ลำดับที่ | ชื่อสินค้า | เล่ม | ราคา | | --- | --- | --- | --- | | ๒๔. | ลูกถ้วยไฟฟ้า เล่ม 7(1) ลูกถ้วยหลักรับสายไฟฟ้า : พอร์ซเลน | 7(1) | 2623 | | ๒๕. | ลูกถ้วยไฟฟ้า เล่ม 7(2) ลูกถ้วยหลักกา้นตรงรับสายไฟฟ้า : พอร์ซเลน | 7(2) | 2623 | | ๒๖. | ลูกถ้วยแยกสายไฟฟ้าพอร์ซเลนชนิดเคลือบเซรามิกพร้อมโพลิเมอร์ยึดสายไฟฟ้า | 1 | 2762 | | ๒๗. | สายไฟฟ้าหุ้มฉนวนและเปลือกเทอร์โมพลาสติกชนิดปราศจากฮาโลเจน และปลอดควันดำ ที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 V เล่ม 1 คุณลักษณะที่ต้องการทั่วไป | 1 | 3449 | | ๒๘. | ข้อกำหนดทั่วไปด้านความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ป้องกันชนิดตัดวงจรกระแสเหลือ | 1 | 3457 | | ๒๙. | อุปกรณ์ตรวจจับกระแสเหลือกระแสตรงที่ใช้สำหรับการประจุยานยนต์ไฟฟ้าโหมด 3 | 3 | 3462 | | ๓๐. | อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องตัดวงจรสำหรับป้องกันกระแสเกิน สำหรับการติดตั้งใช้งานในที่อยู่อาศัย และลักษณะที่คล้ายกัน เล่ม 1 เครื่องตัดวงจรสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ | 1 | 60898 | | ๓๑. | อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องตัดวงจรสำหรับป้องกันกระแสเกิน สำหรับการติดตั้งใช้งานในที่อยู่อาศัยและลักษณะที่คล้ายกัน เล่ม 2 เครื่องตัดวงจรสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับและกระแสตรง | 2 | 60898 | | ๓๒. | อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องเฝ้าระวังกระแสเหลือ (RCM) เล่ม 1 RCM สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและการใช้ในลักษณะที่คล้ายกัน | 1 | 62020 | | ๓๓. | ตู้แช่เย็นแสดงสินค้า การจำแนกประเภท คุณลักษณะที่ต้องการและภาวะทดสอบ | 1 | 1235 | | ๓๔. | ชั่วต่อสำหรับใยแก้วและสายเคเบิลใยแก้ว เล่ม 1 ข้อกำหนดร่วม | 1 | 1929 | | ๓๕. | เครื่องปรับอากาศสำหรับห้อง : ประสิทธิภาพพลังงาน | 1 | 2134 | | ๓๖. | ตู้น้ำเย็นบริโภค เฉพาะด้านความปลอดภัย | 1 | 2461 | | ๓๗. | หม้อหุงข้าวไฟฟ้า คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 1 | 2545 | | ๓๘. | เตารีดไฟฟ้า : คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 1 | 2590 | | ๓๙. | เครื่องสูบน้ำไฟฟ้าแบบหมุนเหวี่ยงดูดทางเดียว : คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 1 | 2618 | | ๔๐. | กระทะไฟฟ้า-คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 1 | 2673 | | ๔๑. | เตาอบไฟฟ้า-คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 1 | 2674 | ## ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | | ตู้แช่เย็นเชิงพาณิชย์ เฉพาะด้านความปลอดภัย | 2675 | | เครื่องทอดแบบน้ำมันท่วม | 2717 | | เครื่องแช่เย็นและเครื่องแช่แข็งอย่างรวดเร็ว | 2738 | | ตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำเย็นบริโภค ด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 2746 | | หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เฉพาะด้านสมรรถนะในการหุงข้าวและการอุ่นข้าว | 2767 | | เครื่องฟอกอากาศ เฉพาะด้านประสิทธิภาพการลด PM 2.5 | 3061 | | เครื่องดูดฝุ่นชนิดลากพื้น: ข้อกำหนดเฉพาะสมรรถนะพลังงาน | 3406 | | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(2) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับตัวดูดฝุ่นและความสะอาดนำดูด | 60335 เล่ม 2(2) | | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(13) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องทอดน้ำมันท่วม กระเทียม และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นที่คล้ายกัน | 60335 เล่ม 2(13) | | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(23) ข้อกำหนดเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับการดูแลผม ขน หรือผิว | 60335 เล่ม 2(23) | | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(48) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเตาปิ้งขนมปังและเตาย่างเชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2(48) | | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(55) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กับสถานที่เลี้ยงสัตว์น้ำและพืชน้ำ และสารสนเทศ | 60335 เล่ม 2(55) | | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(67) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องซักผ้าเชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2(67) | | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(85) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องรีดสิ่งทอผ่อนอน้า | 60335 เล่ม 2(85) | | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(119) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องบรรจุภัณฑ์สัญญาภาคศึกษาไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2(119) | เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๕๗. ขั้วต่อสำหรับใช้งานรับส่งคลื่นความถี่วิทยุ เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไปและวิธีวัด ตอนที่ 1 กระบวนการทดสอบและวัดทางไฟฟ้า : ตัวประกอบการสะท้อนกลับ 1612 เล่ม 1 ตอน 1
๕๘. บริภัณฑ์ระบบเสียง เล่ม 3 เครื่องขยายสัญญาณ 60268 เล่ม 3
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 1847.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๗/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุน ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๑/๑ และมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๗/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ กรณีคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้ออกประกาศกำหนด การให้สิทธิและประโยชน์ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษแห่งใดแล้ว ให้ผู้ประกอบการ ยังคงสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนได้ โดยจะต้อง ไม่ขอรับสิทธิและประโยชน์ซ้ำซ้อนภายใต้โครงการเดียวกัน” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๗/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ มอบอำนาจให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนดำเนินการออกประกาศและ แนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ ป่านปรีย์ พหิทรานุกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 1848.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๑๙ ก ## หน้า ๔ ### กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๒ (พ.ศ. ๒๕๖๗) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ และมาตรา ๔๒ (๑๗) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กำหนดให้เงินได้ ดังต่อไปนี้ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้ (๑) ค่าตอบแทนเสียงภัยในการเฝ้าระวัง สอดส่วน ป้องกัน ควบคุม และรักษาผู้ป่วย โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง (๒) ค่าตอบแทนในการให้คำปรึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อรับมือกับสถานการณ์ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ และบุคคลภายนอกซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามที่ได้รับอนุญาต จากกระทรวงการคลัง (๓) ค่าตอบแทนในการให้บริการฉีดวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ที่กระทรวงสาธารณสุข จ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานให้บริการฉีดวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ นอกสถานพยาบาล ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ข้อ ๒ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพันธ์ ออมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการกำหนดให้เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ได้รับเงินค่าตอบแทนจากทางราชการเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ สมควรกำหนดให้เงินได้ที่เป็นค่าตอบแทนที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 185.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรอง ว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วน เครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานและการออก หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๑ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิว ชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๑ ๑.๑ การทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เป็นการทดสอบความรู้ ความเข้าใจ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ 60 นาที คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบ ได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบ จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในการท างาน การเลือกและเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ในการขัดตกแต่งผิวชิ้นงาน การขัดแต่งผิวชิ้นงาน การถอด เปลี่ยนใบขัด สายพานขัด และลูกขัดตามขั้นตอน ใช้เวลาในการทดสอบ 90 นาที คิดเป็นร้อยละแปดสิบ ของคะแนนทั้งหมด โดยมีทั้งหมด ๔ งาน ดังนี้ (๑) การปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในการท างาน (๒) การเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ในการขัดตกแต่งผิวชิ้นงาน (๓) การถอด เปลี่ยนใบขัด สายพานขัด และลูกขัด (๔) การขัดแต่งผิวชิ้นงาน ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบภาคความสามารถทั้ง ๔ งาน ในแต่ละงาน ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกงานที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศก าหนด ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเก ษตร ระดับ ๑ จะออก ให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบได้คะแนนภาคความรู้ ความเข้าใจ และ ภาคความสามารถรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบสี่ของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงาน แห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกล การเกษตร ระดับ ๑ ๒.๒ กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนรวมผ่านการทดสอบร้อยละเจ็ดสิบสี่แต่ได้คะแนน ภาคความสามารถในงานใดงานหนึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ที่ก าหนด ให้สามารถเข้ารับการทดสอบใหม่ในงานนั้น ๆ ภายในระยะเวลา ๑๒ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผล ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 1851.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๑๙ ก หน้า ๑๔ ราชกิจจานุเบกษา ๕ เมษายน ๒๕๖๓
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาลไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
กฎกระทรวง ว่าด้วยการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๑/๗ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการแจ้งข้อหา แก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๕ ""การขออนุมัติแจ้งข้อหาตามวรรคหนึ่ง หากเป็นกรณีที่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เป็นผู้ดำเนินการ แสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานจนทราบรายละเอียดแห่งความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มีอำนาจยื่นคำขออนุมัติแจ้งข้อหาต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ซึ่งเลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมาย ก่อนร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนต่อไป"" ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดียาเสพติด ให้อำนาจเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. จำกัด สืบสวนสอบสวน หรือควบคุมตัวผู้ถูกจับ กรณีจึงสมควรกำหนด ให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มีอำนาจยื่นคำขออนุมัติแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๒๕ หรือมาตรา ๑๒๗ แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ชื่อเลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมาย ในกรณีที่ศาล ออกหมายจับแก่ผู้กระทำความผิดดังกล่าว ก่อนร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้การปฏิบัติงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ " 1855.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการพ่นที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 กก. พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการพ่น ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 กก. อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการพ่นที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 กก พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการพ่นที่มีมวลบิน ขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 กก มาตรฐานเลขที่ มอก. 3646 เล่ม 1 - 2566 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ พิมพ์ที่ โรงพิมพ์การศาสนา กรมการศาสนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # AGRICULTURAL DRONE FOR SPRAYING : THE MAXIMUM TAKE-OFF MASS NOT OVER 25 KG ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ชื่อมาตรฐาน : โดรนเกษตรสำหรับการพ่น ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 kg มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3646 เล่ม 1-2566 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการราษฎร์ คณะที่ 50/7 อากาศยานที่ควบคุมการบิน จากภายนอก สำหรับการเกษตร ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ครอบคลุมเฉพาะโดรนเกษตรใช้สำหรับการพ่น สารอินทรีย์และสารเคมีที่มี มวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 kg ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย บทนิยาม ระบบ และชนิด มิติและเกณฑ์ความคลาดเคลื่อน คุณลักษณะที่ต้องการ เครื่องหมายและฉลาก การซักตัวอย่างและเกณฑ์ตัดสิน การทดสอบ ภาคผนวก ก. จำนวนหน้า : ๑๗ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๙๕-๕๘๔-๓ ICS : ๔๙.๐๒๐; ๖๕.๐๖๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 1856.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยนเกษตรสำหรับการพ่นที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 กก. แต่ไม่เกิน 100 กก. พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยนเกษตรสำหรับการพ่น ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 กก. แต่ไม่เกิน 100 กก. อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยนเกษตรสำหรับการพ่นที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 กก. แต่ไม่เกิน 100 กก. พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยนเกษตรสำหรับการพ่นที่มีมวลบิน ขึ้นสูงสุดเกิน 25 กก. แต่ไม่เกิน 100 กก มาตรฐานเลขที่ มอก. 3646 เล่ม 2 - 2566 ไว้ ดังมีรายละเอียด ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # AGRICULTURAL DRONE FOR SPRAYING : THE MAXIMUM TAKE-OFF MASS GREATER THAN 25 KG BUT NOT OVER 100 KG ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ชื่อมาตรฐาน : โดรนเกษตรสำหรับการพ่น ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 kg แต่ไม่เกิน 100 kg มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3646 เล่ม 2-2566 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะอนุกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 50/7 อากาศยานที่ควบคุมการบิน จากภายนอก สำหรับการเกษตร ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ครอบคลุมเฉพาะโดรนเกษตรใช้สำหรับการพ่น สารอินทรีย์และสารเคมีที่มี มวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 kg แต่ไม่เกิน 100 kg ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย บทนิยาม ระบบ และชนิด มิติและเกณฑ์ความคลาดเคลื่อน คุณลักษณะที่ต้องการ เครื่องหมายและฉลาก การซักตัวอย่างและเกณฑ์ตัดสิน การทดสอบ ภาคผนวก ก. จำนวนหน้า : ๑๗ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๙๕-๕๘๕-๐ ICS : ๔๙.๐๒๐; ๖๕.๐๖๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 1858.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการหว่านโปรยที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 กก. พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการหว่านโปรย ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 กก. อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการหว่านโปรยที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 กก. พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการหว่านโปรย ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 กก มาตรฐานเลขที่ มอก. 3646 เล่ม 4 - 2566 ไว้ ดังมีรายละเอียด ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # AGRICULTURAL DRONE FOR GRANULES SPREADING : THE MAXIMUM TAKE-OFF MASS NOT OVER 25 KG มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3646 เล่ม 4-2566 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะอนุกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 50/7 อากาศยานที่ควบคุมการบิน จากภายนอก สำหรับการเกษตร ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ครอบคลุมเฉพาะโดรนเกษตรใช้สำหรับการหว่านโปรย สารอินทรีย์และสารเคมีที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดไม่เกิน 25 kg ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย บทนิยาม ระบบ และชนิด มิติและเกณฑ์ความคลาดเคลื่อน คุณลักษณะที่ต้องการ เครื่องหมายและฉลาก การซักตัวอย่างและเกณฑ์ตัดสิน การทดสอบ ภาคผนวก ก. จำนวนหน้า : ๑๕ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๙๕-๕๘๘-๑ ICS : ๔๙.๐๒๐; ๖๕.๐๖๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 1859.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการหว่านโปรยที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 กก แต่ไม่เกิน 100 กก พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการหว่านโปรย ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 กก แต่ไม่เกิน 100 กก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการหว่านโปรยที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 กก แต่ไม่เกิน 100 กก พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรนเกศตรสำหรับการหว่านโปรย ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 กก แต่ไม่เกิน 100 กก มาตรฐานเลขที่ มอก. 3646 เล่ม 5 - 2566 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ทัชรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # AGRICULTURAL DRONE FOR GRANULES SPREADING : THE MAXIMUM TAKE-OFF MASS GREATER THAN 25 KG BUT NOT OVER 100 KG ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ชื่อมาตรฐาน : โดรนเกษตรสำหรับการหว่านโปรย ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 kg แต่ไม่เกิน 100 kg มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3646 เล่ม 5-2566 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 50/7 อากาศยานที่ควบคุมการบิน จากภายนอก สำหรับการเกษตร ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ครอบคลุมเฉพาะโดรนเกษตรใช้สำหรับการหว่านโปรย สารอินทรีย์และ สารเคมีที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดเกิน 25 kg แต่ไม่เกิน 100 kg ขับเคลื่อน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย บทนิยาม ระบบ และชนิด มิติและเกณฑ์ความคลาดเคลื่อน คุณลักษณะที่ต้องการ เครื่องหมายและฉลาก การซักตัวอย่างและเกณฑ์ตัดสิน การทดสอบ ภาคผนวก ก. จำนวนหน้า : ๑๕ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๙๕-๕๘๗-๔ ICS : ๔๙.๐๒๐; ๖๕.๐๖๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 186.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างควบคุมงานเชื่อมอาร์ก ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออก หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่ องกล สาขาช่างควบคุมงานเชื่อมอาร์กด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๓ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างควบคุมงานเชื่อมอาร์กด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๓ ๑.๑ การทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เป็นการทดสอบความรู้ ความเข้าใจที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้ อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ 60 นาที คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ หกสิบ จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการปรับปรุงโปรแกรมการท างานหุ่นยนต์เชื่อม การวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดจากการท างานของหุ่นยนต์และอุปกรณ์ช่วยต่าง ๆ การวางแผนและจัดล าดับ การท างานของหุ่นยนต์ ใช้เวลาในการทดสอบ 180 นาที คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยมีทั้งหมด ๔ งาน ดังนี้ (๑) การวิเคราะห์ปัญหาและการปรับปรุงโปรแกรมการท างานของหุ่นยนต์ (๒) การจัดท าคู่มือการใช้งาน การบ ารุงรักษาหุ่นยนต์เชื่อม (๓) การวางแผนและจัดล าดับการท างานของหุ่นยนต์เชื่อม (๔) การถ่ายทอดความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบภาคความสามารถทั้ง ๔ งาน ในแต่ละงาน ต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกงานที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศก าหนด ้หนา ๓๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างควบคุมงานเชื่อมอาร์กด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๓ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบได้คะแนนภาคความรู้ ความเข้าใจ และ ภาคความสามารถรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบสี่ของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างควบคุมงานเชื่อมอาร์กด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๓ ๒.๒ กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนรวมผ่านเกณฑ์การทดสอบร้อยละเจ็ดสิบสี่ แต่ได้คะแนนภาคความสามารถในงานใดงานหนึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ที่ก าหนด ให้สามารถเข้ารับการทดสอบใหม่ ในงานนั้น ๆ ภายในระยะเวลา ๑๒ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผล ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 1867.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เชื้อเพลิงชีวมวล - การหาปริมาณถ้า พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เชื้อเพลิงชีวมวล - การหาปริมาณถ้า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ไว้วังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เชื้อเพลิงชีวมวล - การหาปริมาณถ้า พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เชื้อเพลิงชีวมวล - การหาปริมาณถ้า มาตรฐานเลขที่ มอก. 3665 - 2566 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : เซื้อเพลิงชีวมวล - การหาปริมาณเถ้า SOLID BIOFUELS - DETERMINATION OF ASH CONTENT มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3665-2566 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 28/5 มาตรฐานผลิตภัณฑ์ เซื้อเพลิงชีวมวล เซื้อเพลิงขยะ และก๊าซชีวภาพ ขอบค่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 18122:2022(E) Solid biofuels - Determination of ash content มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษ เป็นหลัก - กำหนดวิธีหาปริมาณเถ้าของเซื้อเพลิงชีวมวล เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 18122:2022(E) จำนวนหน้า : ๒๐ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๙๕-๕๙๙-๗ ICS : ๒๗.๑๙๐; ๗๕.๑๖๐.๔๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 1869.pdf,"ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุขศิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอบะหมี่ อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ตามที่ได้มีการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุขศิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอบะหมี่ อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ตามประกาศลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถขยายผลการปฏิบัติงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง รวมทั้งสามารถคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างชิ้น แต่ปรากฏว่ายังคงมีการก่อเหตุการณ์ร้ายแรงเพื่อสร้างสถานการณ์ อีกทั้งยังพบแหล่งหลบซ่อนและช่องสูมกำลังพลเพื่อเตรียมก่อเหตุอันเป็นผลเสียเนื่องมาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงยังมีศักยภาพในการปฏิบัติการและยังมีความประสงค์ที่จะ ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงด้วยการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยมุ่งหวังให้เกิดการเกรงกลัวอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนจนไม่อาจดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข จึงสมควรขยายระยะเวลาในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของรัฐและของบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องใช้มาตรการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ในการแก้ไขปัญหาให้ยุติลงได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาสยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุขศิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีกเป็นเวลาสามเดือน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เสรชชา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี" 1870.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอปะนาเระ อำเภออามายอ อำเภอไม่แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประภาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศ เรื่อง การให้หน่วยงานพิเศษที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ปฏิบัติหน้าที่ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เศรษฐาทรวิสิน นายกรัฐมนตรี" 1871.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภออวจาศ และอำเภอศรีสะเกษ จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอย อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอทรงเป็น ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดาประภาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรี กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑/๒๕๕๐ เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด มีหน้าที่และอำนาจในเขตท้องที่ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และตามประกาศขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ดังกล่าวเท่าที่ยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ในวันที่ ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เศรษฐาทรีย์ นายกรัฐมนตรี" 1872.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง กำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๑๐) โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติในสาขาอาชีพต่าง ๆ เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๔๓) ของข้อ ๒.๒ ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง กำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ “(๔๓) สำนักพัฒนาโปรแกรมด้วยภาพและสัญลักษณ์ในระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๒ ไม่เกินครั้งละ ๑,๐๐๐ บาท” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๒.๖ ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน เรื่อง กำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) สำนักออกแบบผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป (ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์) ระดับ ๒ ไม่เกินครั้งละ ๑,๘๐๐ บาท ระดับ ๓ ไม่เกินครั้งละ ๑,๘๐๐ บาท” ประกาศ ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 1873.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยที่เป็นการสมควรให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในด้านการลงทุนและการประกอบกิจการ และกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อันจะเป็นการสนับสนุน และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในเขตพื้นที่ดังกล่าว เพื่อประโยชน์สาธารณะและความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ ของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒ (๗) (ฎ) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ กำหนดหลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การโอนและจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์โดยการขาย แลกเปลี่ยน ให้ และการโอน โดยทางมรดกให้แก่ทายาท หรือการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอบรูณ์ อำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 1877.pdf,"# ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย และเพื่อการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย และวิธีการชำระค่าธรรมเนียม ## พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการกำหนด อัตราค่าธรรมเนียมการวิจัยและส่งเสริมการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย และวิธีการชำระค่าธรรมเนียม ที่ได้รับค้างใช้อู่ยืม ให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ นำมาซึ่งรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อใช้ในการสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้กับระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๒๔) และมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติอ้อย และน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี จึงกำหนดระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วย การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายและเพื่อการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย และวิธีการชำระค่าธรรมเนียม พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการวิจัยและส่งเสริมการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย และวิธีการชำระค่าธรรมเนียม พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ค่าธรรมเนียม” หมายความว่า ค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายและค่าธรรมเนียมเพื่อการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย “ค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการ” หมายความว่า เงินที่ชาวไร่อ้อยและโรงงานชำระให้แก่กองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย “ค่าธรรมเนียมเพื่อการวิจัยและพัฒนา” หมายความว่า เงินที่ชาวไร่อ้อยและโรงงานชำระให้แก่กองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ข้อ ๕ ให้ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ หมวด ๑ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและวิธีการคำนวณค่าธรรมเนียม ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการประกาศกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในแต่ละฤดูกาลผลิต ข้อ ๗ การคำนวณค่าธรรมเนียมที่ชาวไร่อ้อยต้องชำระ ให้คำนวณจากปริมาณอ้อย ที่ส่งให้แก่โรงงานในแต่ละฤดูการผลิตทุกเมตริกตัน ข้อ ๘ การคำนวณค่าธรรมเนียมที่โรงงานต้องชำระ ให้คำนวณจากปริมาณน้ำตาลทราย และผลพลอยได้ (เฉพาะกากน้ำตาล) ที่ผลิตได้ในแต่ละฤดูการผลิตทุกเมตริกตัน หมวด ๒ วิธีการชำระค่าธรรมเนียม ข้อ ๙ ให้ชาวไร่อ้อยชำระค่าธรรมเนียมในแต่ละฤดูกาลการผลิต โดยคำนวณตามอัตรา ที่คณะกรรมการประกาศกำหนดตามข้อ ๖ คูณกับปริมาณอ้อยที่ส่งให้แก่โรงงานตามข้อ ๗ ข้อ ๑๐ ให้โรงงานชำระค่าธรรมเนียมในแต่ละฤดูกาลการผลิต โดยคำนวณตามอัตราที่คณะกรรมการ ประกาศกำหนดตามข้อ ๖ คูณกับปริมาณน้ำตาลทรายและผลพลอยได้ (เฉพาะกากน้ำตาล) ตามข้อ ๘ # ส่วนที่ ๑ ## วิธีชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการ ข้อ ๑๑ ค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการของชาวไร่อ้อยในแต่ละฤดูกาลผลิตตามข้อ ๙ ให้ชาวไร่อ้อยชำระ โดยให้นำไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น ในกรณีที่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการ และไม่สามารถนำไปรวมเป็น ค่าใช้จ่ายในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น ให้คณะกรรมการกำหนดให้นำไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการ คำนวณราคาอ้อยขั้นสุดท้ายของแต่ละฤดูกาลผลิตเพิ่มเติมได้ การชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการของชาวไร่อ้อยตามข้อ ๙ ให้โรงงานเป็นผู้นำส่ง ต่อกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากกองทุนหรือนำส่งเป็นงวดตามที่ คณะกรรมการกำหนด โดยให้โรงงานนำส่งเป็นเงินสดหรือโดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของกองทุน ข้อ ๑๒ ให้โรงงานชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการของโรงงานตามข้อ ๑๐ ต่อกองทุน โดยให้นำส่งเงินเป็น ๔ งวด ๆ ละเท่า ๆ กัน ตามระยะเวลาบันแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง จากกองทุน ดังนี้ (๑) งวดที่ ๑ ภายในสามสิบวัน (๒) งวดที่ ๒ ภายในเก้าสิบวัน (๓) งวดที่ ๓ ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวัน (๔) งวดที่ ๔ ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวัน การชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการบริหารจัดการของโรงงานตามวรรคแรก ให้โรงงานชำระโดยนำส่งเป็นเงินสดหรือโดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของกองทุน ส่วนที่ ๒ วิธีชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการวิจัยและพัฒนา ข้อ ๑๓ ค่าธรรมเนียมเพื่อการวิจัยและพัฒนาของชาวไร่อ้อยในแต่ละฤดูการผลิตตามข้อ ๙ ให้ชาวไร่อ้อยชำระ โดยให้นำไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น ในกรณีที่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อการวิจัยและพัฒนา และไม่สามารถนำไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น ให้คณะกรรมการกำหนดให้นำไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณราคาอ้อยขั้นสุดท้ายของแต่ละฤดูกาลเพิ่มเติมได้ การชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการวิจัยและพัฒนาของชาวไร่อ้อยตามข้อ ๙ ให้โรงงานเป็นผู้นำส่งต่อกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากกองทุนหรือนำส่งเป็นงวดตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยให้โรงงานนำส่งเป็นเงินสดหรือโดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของกองทุน ข้อ ๑๔ ให้โรงงานชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการวิจัยและพัฒนาของโรงงานตามข้อ ๑๐ ต่อกองทุน โดยให้นำส่งเงินเป็น ๔ งวด ๆ ละเท่า ๆ กัน ตามระยะเวลาที่แน่นอนไว้ จากกองทุน ดังนี้ (๑) งวดที่ ๑ ภายในสามสิบวัน (๒) งวดที่ ๒ ภายในเก้าสิบวัน (๓) งวดที่ ๓ ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวัน (๔) งวดที่ ๔ ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวัน การชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการวิจัยและพัฒนาของโรงงานตามวรรคแรก ให้โรงงานชำระโดยนำส่งเป็นเงินสดหรือโดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของกองทุน หมวด ๓ ความรับผิดของโรงงาน ข้อ ๑๕ ในกรณีที่โรงงานไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายแจ้งเลขาธิการและคณะกรรมการบริหารเพื่อดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยเบี้ยปรับและเงินรางวัล พ.ศ. ๒๕๔๘ ต่อไป ข้อ ๑๖ ในกรณีที่โรงงานไม่นำส่งค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนหรือนำส่งไม่ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนดให้คิดดอกเบี้ยในอัตราตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดในเรื่องเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ยผิดนัดหนี้เงินที่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทินแล้ว โดยให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดชำระในแต่ละงวดจนกว่าจะได้ทำการชำระเสร็จสิ้น เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๑๑ ง หน้า ๔ ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๗ ให้ถือว่าการไม่ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วย การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการชำระค่าธรรมเนียมการวิจัยและส่งเสริมการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งได้กระทำก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ และยังไม่มีการดำเนินการตามระเบียบดังกล่าวเป็นการ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ และการดำเนินการต่อไปให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย" 1880.pdf,"ระเบียบส ำนักงำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำ ว่ำด้วยกำรด ำเนินกำร เกี่ยวกับเลขสารบบอาหาร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2567 โดยที่เป็นการสมควร แก้ไขเพิ่มเติมการด าเนินการเกี่ยวกับเลขสารบบอาหารให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อำศัยอ ำนำจตำมควำมใน มำตรำ ๔ แห่งพระรำชบัญญัติ อำหำร พ.ศ. ๒๕๒๒ และมำตรำ ๓๒ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติ ระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และมำตรำ ๓๖ แห่งพระรำชบัญญัติ ระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ประกอบกับควำมในข้อ ๗ ของประกำศกระทรวง สำธำรณสุข (ฉบับที่ ๓๖๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ เรื่อง กำรแสดงฉลำกของอำหำรในภำชนะบรรจุ ลงวันที่ ๘ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เลขำธิกำรคณะกรรมกำรอำหำรและยำ ผู้อนุญำต จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่ำ “ระเบียบส ำนักงำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำ ว่ำด้วย กำรด ำเนินกำร เกี่ยวกับเลขสำรบบอำหำร (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเ ป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มควำมต่อไปนี้เป็น ข้อ ๙.๑๘ ในข้อ 9 ของระเบียบส านักงานคณะกรรมการ อาหารและยา ว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับเลขสารบบอาหาร พ.ศ. 2562 ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ “9.18 เป็นอาหารที่ได้รับเลขสารบบอาหาร ไว้แล้ว หากภายหลังปรากฏว่ามีรายการ หรือรายละเอียดไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาตไว้ ” ประกำศ ณ วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. 2567 ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หนา ๑ เลม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๑๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ เมษายน ๒๕๖๗ Powered by TCPDF (www.tcpdf.org)" 1889.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร เรื่อง กำหนดราคาศุลกากรสำหรับสินค้าไม้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ อธิบดีกรมศุลกากรเห็นควรกำหนดราคาศุลกากรสำหรับสินค้าไม้ดังต่อไปนี้ และให้ถือราคาที่ประกาศนี้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ไม้สัก ๑. ยาว ๘ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ ๒๒,๑๘๘.๐๐ บาท ๒. ยาว ๖ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๘ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ ๙,๒๗๐.๐๐ บาท ๓. ยาวต่ำกว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ ๑๖,๒๓๐.๐๐ บาท ราคาตาม ๑, ๒ และ ๓ ข้างต้นมิให้ใช้กับไม้สักสวนป่าที่เป็นไม้ชุงที่ทำออกจากสวนป่า ทั้งของรัฐและเอกชน โดยมีหนังสือรับรองจากกรมป่าไม้ หรือผู้ที่กรมป่าไม้มอบหมาย และไม้เสื่อม คุณภาพ ตามที่คณะรัฐมนตรีให้ส่งออกได้เป็นกรณีพิเศษ และกระทรวงพาณิชย์อนุญาตโดยมีหนังสือ รับรองคุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๒) ไม้เหลียม ๑. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ ๓๒,๕๘๐.๐๐ บาท ยาว ๑๐ ฟุตขึ้นไป ๒. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ ๓๑,๒๕๐.๐๐ บาท ยาว ๖ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๑๐ ฟุต ๓. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยม ลูกบาศก์เมตรละ ๒๕,๐๘๐.๐๐ บาท ถึงต่ำกว่า ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยม ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ๔. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ ๒๒,๒๕๐.๐๐ บาท ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๖ ฟุต ๓) ไม้ตับ ๑. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ ๕๕,๘๓๐.๐๐ บาท ๒. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ ๔๗,๒๕๐.๐๐ บาท ๔) ไม้กระดาน ๑. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ ๕๔,๗๕๐.๐๐ บาท ๒. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ ๔๔,๑๓๐.๐๐ บาท ## 5) ไม้ดาดฟ้าเรือ | จำนวน | ราคา | | --- | --- | | ๑. ยาว ๑๕ ฟุตขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๗๑,๕๕๐.๐๐ บาท | | ๒. ยาว ๑๐ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๑๕ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๖๓,๑๕๐.๐๐ บาท | ## 6) ไม้บางวีเนียร์ | จำนวน | ราคา | | --- | --- | | ๑. ขนาดกว้างตั้งแต่ ๔ นิ้วขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๔๙,๗๕๐.๐๐ บาท | | ๒. ขนาดกว้างต่ำกว่า ๔ นิ้ว | ลูกบาศก์เมตรละ ๗๒,๘๕๐.๐๐ บาท | ราคาราว ๑ และ ๒ มิให้ใช้กับเศษไม้บางวีเนียร์ที่ขนาดกว้างต่ำกว่ามาตรฐาน โดยมีหนังสือรับรองคุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ## 7) ไม้แปรูปอย่างอื่น | จำนวน | ราคา | | --- | --- | | ๑. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๔๐,๑๗๐.๐๐ บาท | | ๒. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๖ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๓,๒๔๐.๐๐ บาท | ## 8) หัวไม้แปรูปชนิดต่าง ๆ | จำนวน | ราคา | | --- | --- | | ๑. ยาว ๑ ๑/๒ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๓ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๒,๕๕๐.๐๐ บาท | | ๒. ยาว ๖ นิ้ว ถึงต่ำกว่า ๑ ๑/๒ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๑,๒๐๐.๐๐ บาท | | ๓. ยาวต่ำกว่า ๖ นิ้ว | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๓,๙๐๐.๐๐ บาท | ### ไม้ชนิดอื่น ๆ | จำนวน | ราคา | | --- | --- | | ๑) ไม้ชุง | | | ๑. ไม้มะเกลือ, ไม้พะยูงหรือพยุง | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๗,๔๓๐.๐๐ บาท | | ๒. ไม้ชิงชัน | ลูกบาศก์เมตรละ ๒๐,๖๓๐.๐๐ บาท | | ๓. ไม้ประดู่, ไม้มะค่าโมง, ไ้แดง, ไ้ตะเคียนทอง, ไ้เต็ง, ไม้พุด, ไ้รัง, ไม้หลุมพอ | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๘,๒๖๑.๐๐ บาท | | ๔. ไม้กะพี้เขาควายหรือเก็ดดำ, ไม้สาธธ, ไม้รกฟ้า, ไม้ขี้เหล็กป่า, ไม้เชลิง | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๒,๒๐๐.๐๐ บาท | | ๕. ไม้ตะแบก, ไม้ชุมพริก, ไม้ชัน, ไม้ตาเสือ, ไม้ยมหอม, ไม้ยมหิน, ไม้จำปา, ไม้อัก, ไม้พนองหรือเครียมคนอง, ไม้มะค่าแต้, ไม้ตีนนก, ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง, ไม้ตะคร้อ, ไม้แดงน้ำ, ไม้ชัยพฤกษ์ | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๑,๕๖๐.๐๐ บาท | ### บ. | | | | --- | --- | | ไม้ยาง, ไม้เก้าหรือเข้าว่า, ไม้ยวน หรือทองปิง, ไม้สาย, ไม้กะท้อน, ไม้ก้านเหลือง, ไม้มังตาล, ไม้กะบาท, ไม้ไข่เชียว, ไม้พลวง, ไม้เหียง, ไม้เสียดช่อ, ไม้ทุเรียนนก | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๑,๒๗๑.๐๐ บาท | #### ๗. ไม้สมพงหรือกระพง, ไม้สองสีลึง, ไม้ป่อ, | ไม้นุ่น, ไม้งิ้ว, ไม้จามจูรี, ไม้ยางพารา | ลูกบาศก์เมตรละ ๒,๔๕๐.๐๐ บาท | ##### (๒) ไม้บางวิเนียร์ ๑. ไม้ซิงซัน | | ลูกบาศก์เมตรละ ๔๔๒,๒๕๐.๐๐ บาท | | --- | --- | | ๒. ไม้ประดู่, ไม้สะดาดงหรือยมหอม, ไม้พยุง | ลูกบาศก์เมตรละ ๒๐๐,๗๕๐.๐๐ บาท | | ๓. ไม้ตองจิง, ไม้จำปาป่า, ไม้ชุมพริก, ไม้มะระม่วงป่า | ลูกบาศก์เมตรละ ๖๔,๓๐๐.๐๐ บาท | | ๔. ไม้ทั้ง, ไม้ขมี้นดำหรือโคแหลม, ไม้กะบาท, ไม้สาย, ไม้ยาง, ไม้ตะเคียนทราย | ลูกบาศก์เมตรละ ๔๕,๕๕๐.๐๐ บาท | ราคาตาม ๑, ๒, ๓ และ ๔ มิให้ใช้กับไม้บางวิเนียร์ชำรุดไม่ได้มาตรฐาน โดยมีหนังสือรับรองคุณภาพ จากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ###### ๓) ไม้แปรรูป ๑. ไม้มะเกลือ, ไม้พะยุงหรือพยุง | | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๔๐,๓๗๖.๐๐ บาท | | --- | --- | | ๒. ไม้ซิงซัน | ลูกบาศก์เมตรละ ๔๗,๗๓๐.๐๐ บาท | | ๓. ไม้ประดู่, ไม้มะค่าโมง, ไม้แดง, ไม้ตะเคียนทอง, ไม้เต็ง, ไม้พุด, ไม้รัง, ไม้หลุมพอ | ลูกบาศก์เมตรละ ๙๔,๔๘๒.๐๐ บาท | | ๔. ไม้กะพี่เขาควายหรือเก็ดคำ, ไม้สารธ, ไม้รกฟ้า, ไม้ขี้เหล็กป่า, ไม้เซลิง | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๒๕,๘๐๙.๐๐ บาท | | ๕. ไม้ตะแบก, ไม้ชุมพริก, ไม้ชัน, ไม้ตาเสือ, ไม้ยมหอม, ไม้ยมหิน, ไม้จำปา, ไม้อัก, ไม้พนอง | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๘,๔๐๕.๐๐ บาท | หรือเดียมคนอง, ไม้มะค่าแต้, ไม้ตีนนก, ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง, ไม้ตะคร้อ, ไม้แดงน้ำ, ไม้ชัยพฤกษ์ ## บ. ไม้ยาง, ไม้เก้าหรือเข้า, | ลูกบาศก์เมตรละ | บาท | | --- | --- | | ไม้ยวนหรือทองปิง, ไม้สยา, ไม้กะท้อน, ไม้ก้านเหลือง, ไม้มังตาล, ไม้กะบาท, ไม่ไข่เชียว, ไม้พลวง, ไม้เหียง, ไม้เสียดช่อ, ไม้ทุเรียนนก | ๒๑,๘๑๗.๐๐ | | ไม้สมพงหรือกระพง, ไม้สองสลึง, ไม้ป่า, ไม้นุ่น, ไม้งิ้ว, ไม้จามจุรี, ไม้ยางพารา และไม้ที่ระบุไว้ข้างต้น | ๑๓,๕๓๙.๐๐ | | ปูมไม้มะคำโมง | ๑๓,๔๐๐.๐๐ | | ๑๐. ยูคาลิปตัส | ๑๑,๓๐๑.๐๐ | ### ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ จักถฤษ อุเทนสุด ผู้อำนวยการกองมาตรฐานพืชและการคุ้มครองพืช ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมศุลกากร" 189.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๔ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานและการออก หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่ องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๔ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๔ ๑.๑ การทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เป็นการทดสอบความรู้ ความเข้าใจ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ 60 นาที คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับ ปฏิบัติงานเจียระไนเครื่องมือตัดประเภท ดอกสว่านแบบหลายคมตัด ( Multi-Edge Drill) ดอกสว่านแบบเกลียวตรง ( Straight Drill or Burnishing Drill) ดอกสว่านแบบเก็บผิว ( V Drill) และเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเจียระไน เครื่องมือตัด ระดับ ๔ รวมถึงตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือตัดที่เจียระไน วิเคราะห์และแก้ไขปัญหา คุณภาพของ เครื่องตัดทุกประเภทและสอนงาน ใช้เวลาในการทดสอบ 180 นาที คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนน ทั้งหมด โดยมีทั้งหมด 6 งาน ดังนี้ (๑) สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (๒) เลือกและเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์การเจียระไนเครื่องมือตัดประเภทที่ 4 (๓) ปฏิบัติงานเจียระไนเครื่องมือตัดประเภทดอกคว้านรูเรียบ ( Reamer Drill) ดอกสว่านแบบเกลียวตรง ( Straight Drill or Burnishing Drill ) และดอกสว่านแบบเก็บผิว ( V Drill) (๔) ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือตัด ประเภท ๔ (๕) วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาคุณภาพของเครื่องมือตัด (6) การสอนงาน ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบภาคความสามารถทั้ง 6 งาน ในแต่ละงาน ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกงานที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๔ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบโดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบได้คะแนนภาคความรู้ ความเข้าใจ และ ภาคความสามารถ รวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบสี่ของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๔ ๒.๒ กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนรวมผ่านการทดสอบร้อยละเจ็ดสิบสี่ แต่ได้คะแนน ภาคความสามารถในงานใดงานหนึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ที่ก าหนด ให้สามารถเข้ารับการทดสอบใหม่ในงานนั้น ๆ ภายในระยะเวลา ๑๒ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผล ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 1892.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๒/๒๕๖๗ เรื่อง ประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๑/๒๕๖๕, ๑๕/๒๕๖๕, ๑๗/๒๕๖๕, ๒/๒๕๖๗, ๓/๒๕๖๗ และ ๔/๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศกำหนด ประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๑/๒๕๖๕, ๑๕/๒๕๖๕, ๑๗/๒๕๖๕, ๒/๒๕๖๗, ๓/๒๕๖๗ และ ๔/๒๕๖๗ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๔/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง ประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ที่ ๑๑/๒๕๖๕, ๑๒/๒๕๖๕, ๑๓/๒๕๖๕, ๑๔/๒๕๖๕, ๑๕/๒๕๖๕ และ ๑๗/๒๕๖๕ และประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๘/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน ที่ ป.๔/๒๕๖๕ ข้อ ๒ กำหนดประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ที่ ๑๑/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการสนับสนุนการจัดตั้งสถาบัน พัฒนาบุคลากรทักษะสูง ได้แก่ - ประเภท ๑๐.๑.๒ กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center:IBC) ข้อ ๓ กำหนดประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ที่ ๑๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) ดังนี้ ๓.๑ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ (กรณีมีการนำระบอบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์มาใช้) มาตรการยกระดับอุตสาหกรรมด้านการนำระบอบอัตโนมัติและ หุ่นยนต์มาใช้ในการผลิตหรือบริการ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ และมาตรการยกระดับอุตสาหกรรมด้านการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ ได้แก่ - ประเภท ๒.๒.๒ กิจการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ - ประเภท ๓.๖ กิจการผลิตยานยนต์ทั่วไป - ประเภท ๓.๗ กิจการผลิตรถจักรยานยนต์ (ยกเว้นที่มีความจุจำกัดมากกว่า ๒๔๘ ซีซี) ## ประเภท ๓.๘ - กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Battery Electric Vehicle (BEV), Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicle (HEV) และแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV Platform) (เฉพาะผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) และ Hybrid Electric Vehicle (HEV)) ## ประเภท ๕.๒.๔.๒ - กิจการผลิตปูนซีเมนต์ ## ประเภท ๕.๔.๐ - กิจการตัดโลหะ ## ประเภท ๘.๓.๓ - กิจการ Co-working Space ## ประเภท ๑๐.๑.๑ - กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office: TISO) ## ประเภท ๑๐.๑.๒ - กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center:IBC) ## ประเภท ๑๐.๑.๓ - กิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบระหว่างประเทศ (International Procurement Office: IPO) ## ๓.๒ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ (กรณีไม่ได้นำระบอบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์มาใช้) ได้แก่ ### - ประเภท ๓.๗ - กิจการผลิตรถจักรยานยนต์ (ยกเว้นที่มีความจุระบอกสูงต่ำกว่า ๒๔๘ ซีซี) ### - ประเภท ๓.๘ - กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Battery Electric Vehicle (BEV), Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicle (HEV) และแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV Platform) (เฉพาะผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) และ Hybrid Electric Vehicle (HEV)) - กิจการในกลุ่ม B ที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประกาศให้การส่งเสริมการลงทุนอยู่ในขณะที่ยืนขอรับการส่งเสริมตามมาตรการนี้ ### ๓.๓ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ ### - ประเภท ๑.๓.๒.๑ - กิจการผลิตหรือให้บริการเครื่องจักรกล อุปกรณ์ทางการเกษตรสมัยใหม่และระบบเกษตรสมัยใหม่ที่มีการ | ประเภท | รายละเอียด | | --- | --- | | ประเภท ๑.๓.๒.๒ | กิจการผลิตหรือให้บริการเครื่องจักรกล อุปกรณ์ในโครงการ การเกษตรสมัยใหม่และระบบเกษตรสมัยใหม่ที่มีการออกแบบระบบ หรือซอฟต์แวร์ หรือแพลตฟอร์ม แต่ไม่มีการผลิตเครื่องจักรกล อุปกรณ์ในโครงการ | | ประเภท ๑.๓.๒.๓ | กิจการให้บริการระบบเกษตรสมัยใหม่ | | ประเภท ๑.๔.๖ | กิจการศูนย์การค้าผลิตผลทางการเกษตรระบบดิจิทัล | | ประเภท ๒.๒.๒ | กิจการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ | | ประเภท ๓.๖ | กิจการผลิตยานยนต์ทั่วไป | | ประเภท ๓.๗ | กิจการผลิตรถจักรยานยนต์ (ยกเว้นที่มีความจุระบอกสูงต่ำกว่า ๒๔๘ ซีซี) | | ประเภท ๓.๘ | กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Battery Electric Vehicle (BEV), Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicle (HEV) และแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV Platform) (เฉพาะผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle PHEV) และ Hybrid Electric Vehicle (HEV)) | | ประเภท ๓.๑๘.๒.๓ | กิจการการออกแบบและพัฒนาระบบหรือซอฟต์แวร์ ที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมและสถานีภาคพื้นดิน | | ประเภท ๓.๒๑.๒ | กิจการผลิตรถยนต์ของยุทธ์และการฝึกเสมือนจริง และชิ้นส่วน และ/หรือการซ่อมรถของยุทธ์และการฝึกเสมือนจริง | | ประเภท ๕.๒.๔.๒ | กิจการผลิตปูนซีเมนต์ | | ประเภท ๕.๔.๑๐ | กิจการตัดโลหะ | | ประเภท ๗.๒.๒ | กิจการนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะ | | ประเภท ๘.๑.๑ | กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัลหรือดิจิทัลคอนเทนต์ | | ประเภท ๘.๑.๒ | กิจการปรับปรุงซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัลหรือดิจิทัลคอนเทนต์ | | ประเภท ๘.๒.๑ | กิจการ Data Center | **หมายเหตุ:** - เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง หน้า ๒๔ - วันที่เผยแพร่: ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ## Table | ประเภท | รายละเอียด | | --- | --- | | ๘.๒.๒ | กิจการ Cloud Service | | ๘.๓.๓ | กิจการ Co-working Space | | ๘.๔.๑ | กิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ | | ๘.๔.๒ | กิจการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ | | ๑๐.๑.๑ | กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office: TISO) | | ๑๐.๑.๒ | กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center:IBC) | | ๑๐.๑.๓ | กิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบระหว่างประเทศ (International Procurement Office: IPO) | | ๑๐.๑.๑๑ | กิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบอัจฉริยะ | ### ๓.๔ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยกเว้นกรณีการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้แก่ - ประเภท ๒.๒.๒ | กิจการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ | - ประเภท ๕.๒.๔.๒ | กิจการผลิตปูนซีเมนต์ | - ประเภท ๕.๔.๑๐ | กิจการตัดโลหะ | - ประเภท ๘.๓.๓ | กิจการ Co-working Space | - ประเภท ๑๐.๑.๑ | กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office: TISO) | - ประเภท ๑๐.๑.๒ | กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center:IBC) | - ประเภท ๑๐.๑.๓ | กิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบระหว่างประเทศ (International Procurement Office: IPO) | #### ๓.๕ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เฉพาะกรณีการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ - ประเภท ๒.๒.๒ | กิจการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ | - ประเภท ๕.๔.๑๐ | กิจการตัดโลหะ | - ประเภท ๘.๓.๓ | กิจการ Co-working Space | ## - ประเภท ๑๐.๑.๑ กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office: TISO) - ประเภท ๑๐.๑.๒ กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center:IBC) - ประเภท ๑๐.๑.๓ กิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบระหว่างประเทศ (International Procurement Office: IPO) ข้อ ๔ กำหนดประเภกกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๗/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEE) ได้แก่ - ประเภท ๑.๑.๔ กิจการประมงน้ำลึก - ประเภท ๘.๒.๓ กิจการบริหารวงจรสื่อสัญญาณความเร็วสูงระหว่างประเทศ ภาคพื้นน้ำ - ประเภท ๑๐.๘.๑ กิจการเรือเฟอร์รี่ หรือเดินเรือท่องเที่ยว หรือให้บริการเรือท่องเที่ยว - ประเภท ๑๐.๑๐.๒ กิจการขนส่งทางอากาศ - ประเภท ๑๐.๑๐.๓ กิจการขนส่งทางเรือ - ประเภท ๑๐.๑๐.๔ กิจการขนส่งทางราง ข้อ ๕ กำหนดประเภกกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เรื่อง มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเติม และประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๓/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เรื่องมาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร ได้แก่ - ประเภท ๓.๖ กิจการผลิตยานยนต์ทั่วไป - ประเภท ๓.๗ กิจการผลิตรถจักรยานยนต์ - ประเภท ๓.๘ (ยกเว้นที่มีความจุระบอกสูงกว่า ๒๔๘ ซีซี) กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Battery Electric Vehicle (BEV), Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicle (HEV) และแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV Platform) (เฉพาะผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) และ Hybrid Electric Vehicle (HEV)) ## Table | ประเภท | รายละเอียด | | --- | --- | | ประเภท ๕.๒.๔.๒ | กิจการผลิตปูนซีเมนต์ | | ประเภท ๗.๑.๑ | กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำจากขยะ หรือเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse Derived Fuel) | | ประเภท ๗.๑.๒ | กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ จากไฮโดรเจน | | ประเภท ๗.๑.๓ | กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ จากพลังงานอื่น ๆ | | ประเภท ๗.๑.๔ | กิจการผลิตน้ำประปา น้ำเพื่ออุตสาหกรรม หรือน้ำจากน้ำเสีย | | ประเภท ๗.๑.๕ | กิจการผลิตน้ำประปา น้ำเพื่ออุตสาหกรรม หรือน้ำจากน้ำเสีย | | ประเภท ๗.๑.๖ | กิจการบริการด้านจัดการพลังงาน | | ประเภท ๗.๑.๗ | Energy Service Company: ESCO | | ประเภท ๗.๑.๘ | กิจการแปรรูปวัสดุที่ไม่ใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ (Recycle) หรือนำกลับคืนมาใหม่ (Recovery) | | ประเภท ๗.๑.๙ | กิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (Sorting) กรองผ่านในนิกอมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริม | | ประเภท ๗.๑.๐ | กิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (Sorting) | | ประเภท ๗.๑.๑ | กิจการผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse Derived Fuel) | | ประเภท ๗.๑.๒ | กิจการบำบัดหรือกำจัดของเสีย | ### Footnotes - ข้อ ๖ กำหนดประเภทกิจการที่ไม่ให้สิทธิ์และประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๔/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เรื่อง มาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจได้แก่ - ประเภท ๑.๑.๔ | กิจการประมงน้ำลึก | - ประเภท ๕.๒.๕ | กิจการผลิตวัสดุก่อสร้างและกิจการผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสำหรับงานสาธารณูปโภค | ## Table | ประเภท | รายละเอียด | | --- | --- | | ๕.๔.๑๕ | กิจการผลิตโครงสร้างโลหะสำหรับงานก่อสร้างหรืองานอุตสาหกรรม (Fabrication Industry) | | ๖.๔.๒ | กิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น | | ๖.๖.๗ | กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อ หรือกระดาษ เช่น กล่องกระดาษ เป็นต้น | | ๗.๒.๔ | กิจการพัฒนาอาคารสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและ/หรือคลังสินค้า | | ๘.๒.๓ | กิจการบริการวงจรสื่อสัญญาณความเร็วสูงระหว่างประเทศภาคพื้นน้ำ | | ๑๐.๘.๑ | กิจการเรือเฟอร์รี่ หรือเดินเรือท้องเที่ยวหรือให้บริการเรือท่องเที่ยว | | ๑๐.๑๐.๒ | กิจการขนส่งทางอากาศ | | ๑๐.๑๐.๓ | กิจการขนส่งทางเรือ | | ๑๐.๑๐.๔ | กิจการขนส่งทางราง | ### Footnotes ข้อ ๗ โครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริม หรือเป็นผู้ได้รับการส่งเสริมภายใต้มาตรการตามประกาศคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๒/๒๕๖๕, ๑๓/๒๕๖๕ และ ๑๔/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ ให้ยังคงเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๔/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ #### Source ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 1897.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้ง ระบบไฮโดรโปนิกส์ หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานทำการติดตั้งระบบน้ำ การติดตั้งระบบให้ปูยางน้ำ การติดตั้งระบบรางปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผัก ในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) การติดตั้งระบบการปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหาร ไหลผ่านรากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) การทดสอบ ระบบการจัดการหลังการติดตั้ง และเสร็จภายในเวลาที่กำหนด ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ แบ่งออกเป็น ๒ ระดับ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ ระดับ ๑ หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในการอ่านแบบติดตั้งเบื้องต้น ติดตั้งระบบน้ำ ระบบให้ปูยางน้ำ ระบบรางปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) ระบบการปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผัก เป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) การทดสอบระบบ การจัดการ หลังการติดตั้ง รวมถึงสามารถใช้และดูแลรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ด้วยความชำนาญและปลอดภัย ภายใต้คำแนะนำของหัวหน้างาน ๒.๒ ระดับ ๒ หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถครอบคลุมขอบเขตความรู้ ความสามารถของช่าง ระดับ ๑ และมีความรู้ ความสามารถในการอ่านแบบ ถอดแบบเพื่อติดตั้ง ควบคุมงานติดตั้ง กำหนดค่าการทำงานที่ซับซ้อนของระบบ ตรวจสอบ แก้ไขการติดตั้ง ทดสอบระบบ แก้ไขข้อบกพร่องของบริภัณฑ์ ซ่อมแซม บำรุงรักษา ได้อย่างปลอดภัยและให้คำแนะนำช่างระดับ ๑ ข้อ ๓ ข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และ ทัศนคติในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ ให้เป็น ดังต่อไปนี้ ๓.๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ ได้แก่ ส่วนบุคคล (๒) ความปลอดภัยในการใช้สารเคมี (๓) การปฐมพยาบาลผู้ได้รับอุบัติเหตุ (๔) สัญลักษณ์ความปลอดภัย ๓.๑.๑.๒ การติดตั้งระบบน้ำ (๑) เตรียมการติดตั้งระบบน้ำ (ก) การออกแบบ (ข) คณิตศาสตร์เบื้องต้น (ค) วิทยาศาสตร์เบื้องต้น (ง) ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน (จ) วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือ (ฉ) คุณสมบัติท่อ (ช) การใช้เครื่องมือ วัสดุและอุปกรณ์ (๒) ติดตั้งระบบน้ำ (ก) คุณสมบัติท่อน้ำ (ข) น้ำหนักถังน้ำ (ค) ปริมาตรถังน้ำ (ง) พื้นที่รองรับน้ำหนัก (จ) วิธีการต่อท่อน้ำ (ฉ) คุณสมบัตลูกลอย (๓) การตรวจสอบก่อนเริ่มเดินระบบ (ก) การทดสอบลูกลอย (ข) การทดสอบรอยรั่วซึมของระบบท่อ (ค) ความปลอดภัยในการตรวจสอบ ๓.๑.๓ การติดตั้งระบบให้ป้ายทางน้ำ (๑) เตรียมการติดตั้งระบบให้ป้ายทางน้ำ (ก) การออกแบบ (ข) คณิตศาสตร์เบื้องต้น (ค) วิทยาศาสตร์เบื้องต้น (ง) ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน (จ) วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือ (ฉ) คุณสมบัติท่อ (ช) คุณสมบัติเครื่องผสมปุ๋ยอัตโนมัติ (ซ) การใช้เครื่องมือ (ฌ) วิธีผสมปุ๋ย (๒) ติดตั้งระบบให้ปุ๋ยทางน้ำ (ก) คุณสมบัติถังน้ำ (ข) น้ำหนักถังน้ำ (ค) ปริมาตรถังน้ำ (ง) พื้นที่รองรับน้ำหนัก (จ) วิธีการติดตั้ง (ฉ) คุณลักษณะปุ๋ย (ช) การอ่านแบบ (ซ) วิธีผสมปุ๋ย (ฌ) วิธีการใช้เครื่องผสมปุ๋ย (ญ) วิธีการติดตั้งมอเตอร์คนปุ๋ย (๓) การปรับตั้งค่าระบบให้ปุ๋ยทางน้ำ (ก) ระบบไฟฟ้า (ข) ระบบให้ปุ๋ยทางน้ำ (ค) หลักการทำงานเครื่องผสมปุ๋ย (ง) ความปลอดภัยการใช้เคมี (จ) การใช้ pH มิเตอร์ Ec มิเตอร์ TDS มิเตอร์ (ฉ) วิธีปรับตั้งค่า pH มิเตอร์ Ec มิเตอร์ TDS มิเตอร์ (ช) สัพท์ทางเทคนิค (ซ) การทำงานของระบบควบคุมการให้ปุ๋ย (ฌ) หลักการให้ปุ๋ย ประเภทปุ๋ย วิธีการผสมปุ๋ย ๓.๑.๑.๔ การติดตั้งระบบรางปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) (๑) เตรียมการติดตั้ง ระบบรางปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) (ก) การอ่านแบบ เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง หน้า ๕๙ ราชกิจจานุเบกษา ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ (ข) กรณิตศาสตร์เบื้องต้น (ค) วิทยาศาสตร์เบื้องต้น (ง) ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน (จ) การเตรียมพื้นที่ติดตั้ง (๒) ติดตั้ง ระบบรางปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหาร ไหลผ่านรากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) (ก) การอ่านแบบ (ข) การประกอบโต๊ะปลูก (ค) หลักการปลูกผักโดยให้สารละลายธาตุอาหาร ไหลผ่านรากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) เบื้องต้น (ง) การใช้เครื่องมือช่าง (จ) การใช้เครื่องมือวัดระยะ แนวระดับ (ฉ) การประกอบชุดให้ออกซิเจน ๓.๑.๑.๕ การติดตั้งระบบการปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหาร ไหลผ่านรากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) (๑) เตรียมการติดตั้งระบบการปลูกโดยให้สารละลาย ธาตุอาหารไหลผ่านรากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) (ก) การอ่านแบบ (ข) กรณิตศาสตร์เบื้องต้น (ค) วิทยาศาสตร์เบื้องต้น (ง) ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน (จ) การเตรียมพื้นที่ติดตั้ง (๒) ติดตั้งระบบการปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหาร ไหลผ่านรากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) (ก) การอ่านแบบ (ข) การประกอบโต๊ะปลูก (ค) หลักการปลูกผักโดยให้สารละลายธาตุอาหาร ไหลผ่านรากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) เบื้องต้น (ง) การใช้เครื่องมือช่าง (จ) การใช้เครื่องมือวัดระยะ แนวระดับ (ฉ) การประกอบชุดให้ออกซิเจน (ช) วิธีการปรับราง ## การทดสอบระบบ (๑) เตรียมการทดสอบระบบ (ก) คุณลักษณะปุ๋ย (ข) คุณลักษณะกรด (ค) เครื่องมือวัด pH Ec TDS (ง) การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (จ) การผสมสารละลาย (ฉ) ชนิดศาสตร์เบื้องต้น (ช) วิทยาศาสตร์เบื้องต้น (๒) ทดสอบระบบ (ก) การใช้เครื่องมือช่างพื้นฐาน (ข) การอ่านแบบ (ค) การวัดอัตราการไหล (ง) การใช้เครื่องมือวัด (จ) การปลูกพืชแบบระบบรางปลูกโดยให้สารละลาย ### ธาตุอาหารไหลผ่านรากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) (ฉ) การปลูกพืชแบบระบบรางปลูกให้สารละลาย ### ธาตุอาหารไหลผ่านรากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) (ช) การเขียนบันทึกและรายงานผล #### การจัดการหลังการติดตั้ง (๑) จัดการเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ พื้นที่ (ก) การทำความสะอาดเครื่องมือประเภทต่าง ๆ (ข) การเก็บเครื่องมือประเภทต่าง ๆ (ค) การเก็บวัสดุประเภทต่าง ๆ (ง) การอ่านแบบ (จ) การทำความสะอาดพื้นที่ (๒) ส่งมอบงาน (ก) การจัดทำรายงานการปฏิบัติงาน (ข) แผนการปฏิบัติงาน #### ๓.๑.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน (๑) การเตรียมติดตั้งระบบน้ำ (ก) เตรียมแบบติดตั้ง (ข) เตรียมพื้นที่ (ค) เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ (๒) การติดตั้งระบบน้ำ (ก) ติดตั้งถัง (ข) ติดตั้งท่อและลูกลอย (๓) การตรวจสอบก่อนเริ่มเดินระบบ (ก) เปิดวาล์วเพื่อจ่ายน้ำเข้าระบบ (ข) ตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำ ๓.๑.๒.๒ การติดตั้งระบบให้ป้ายทางน้ำ (๑) เตรียมการติดตั้งระบบให้ป้ายทางน้ำ (ก) การเตรียมแบบ (ข) การเตรียมพื้นที่ (ค) การเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ (๒) ติดตั้งระบบให้ป้ายทางน้ำ (ก) ติดตั้งถังน้ำปู้ย (ข) ติดตั้งระบบผสมปูย (๓) ปรับตั้งค่าระบบให้ป้ายทางน้ำ (ก) ตรวจสอบการติดตั้งตามแบบ (ข) ตรวจสอบการทำงานอุปกรณ์ (ค) ปรับตั้งค่า ๓.๑.๒.๓ การติดตั้งระบบรางปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่าน รากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) (๑) เตรียมการติดตั้งระบบรางปลูกโดยให้สารละลาย ธาตุอาหารไหลผ่านรากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) (ก) เตรียมแบบ (ข) เตรียมพื้นที่ (ค) เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ (๒) ติดตั้งระบบรางปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหาร ไหลผ่านรากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) (ก) ประกอบติดตั้งโต๊ะปลูกแบบรางปลูกโดยให้ สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผักในระดับลึก (Deep Flow Technique: DFT) (ข) ประกอบติดตั้งชุดให้ออกซิเจน (ค) ตรวจสอบการติดตั้ง ๓.๑.๒.๔ การติดตั้งระบบรางปลูกให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่าน รากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) (๑) เตรียมการติดตั้ง (ก) เตรียมแบบ (ข) เตรียมพื้นที่ (ค) เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ (๒) ติดตั้งระบบรางปลูกให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่าน รากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) (ก) ประกอบติดตั้งโต๊ะปลูกแบบให้สารละลายธาตุอาหาร ไหลผ่านรากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) (ข) ประกอบติดตั้งชุดให้ออกซิเจน (ค) ปรับอัตราการไหลของน้ำ (ง) ตรวจสอบการติดตั้ง ๓.๑.๒.๕ การทดสอบระบบ (๑) เตรียมการทดสอบ (ก) เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ (ข) ผสมสารละลาย (๒) ทดสอบระบบให้ปุ๋ยทางน้ำ (ก) ทดสอบการทำงานของปั้มน้ำ (ข) ทดสอบระบบให้ปุ๋ยทางน้ำ (ค) บันทึกและรายงานผล ๓.๑.๒.๖ การจัดการหลังการติดตั้ง (๑) จัดการหลังการติดตั้ง (ก) ทำความสะอาดเครื่องมือ (ข) จัดเก็บเครื่องมือ (ค) จัดเก็บวัสดุ อุปกรณ์ ที่สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ (ง) ทำความสะอาดพื้นที่ (๒) ส่งมอบงาน (ก) ทำรายงานการปฏิบัติงาน (ข) ส่งรายงานการปฏิบัติงาน ๓.๑.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย ความรับผิดชอบต่องาน มีความละเอียดรอบคอบให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผักเป็นแผนบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique: NFT) มีการวางแผนการล่วงหน้า มีความเชื่อสัตย์ รักษาความสะอาด มีความอดทน ช่างสังเกต มีความใฝ่รู้ ๓.๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๒ ได้แก่ ๓.๒.๑ ความรู้ ประกอบด้วย ขอบเขตความรู้ ในเรื่อง ดังต่อไปนี้ ๓.๒.๑.๑ ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน (๑) การใช้และดูแลรักษาอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย ส่วนบุคคล (๒) ความปลอดภัยในการใช้สารเคมี (๓) การปฐมพยาบาลผู้ได้รับอุบัติเหตุ (๔) สัญลักษณ์ความปลอดภัย ๓.๒.๑.๒ การเตรียมก่อนติดตั้ง (๑) การเตรียมพื้นที่ทำงาน (๒) การตรวจสอบและแก้ไขข้อขัดข้อง พื้นที่การติดตั้ง (๓) การอ่านแบบ ถอดแบบเพื่อติดตั้ง (๔) การรายงานผลการตรวจสอบพื้นที่การออกแบบไฮโดโรโปนิกส์ (๑) การตรวจสอบพื้นที่ก่อนออกแบบ (๒) การออกแบบระบบไฮโดโรโปนิกส์ (๓) การปรับแบบ ๓.๒.๑.๔ การตรวจสอบการติดตั้ง (๑) การตรวจสอบทางกายภาพ (๒) การตรวจสอบค่าระบบให้ปุ๋ยอัตโนมัติ ๓.๒.๑.๕ การตรวจสอบการติดตั้ง (๑) การตรวจสอบทางกายภาพ (๒) การตรวจสอบค่าระบบให้ปุ๋ยอัตโนมัติ ๓.๒.๑.๖ การวิเคราะห์แก้ไขปัญหา (๑) การวิเคราะห์แก้ไขปัญหาการเตรียมการ (๒) การวิเคราะห์แก้ไขปัญหาการติดตั้ง (๓) การวิเคราะห์แก้ไขปัญหาการจัดการทั่วไป ๓.๒.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน ๓.๒.๒.๑ การเตรียมก่อนติดตั้ง (๑) เตรียมพื้นที่หน้างาน (๒) ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาด พื้นที่การติดตั้ง (๓) อ่านแบบ ถอดแบบเพื่อติดตั้ง (๔) รายงานผลการตรวจสอบพื้นที่ ๓.๒.๒.๒ การออกแบบระบบไฮโดรโปนิกส์ (๑) ตรวจสอบพื้นที่ก่อนออกแบบ (๒) ออกแบบระบบไฮโดรโปนิกส์ (๓) ปรับแบบ ๓.๒.๒.๓ การควบคุมงานติดตั้ง (๑) ควบคุมงานระหว่างติดตั้ง (๒) จัดทำแบบตรวจสอบการติดตั้ง ๓.๒.๒.๔ การตรวจสอบการติดตั้ง (๑) ตรวจสอบทางกายภาพ (๒) ตรวจสอบความชัดเจนของให้ปู้ยอัตโนมัติ ๓.๒.๒.๕ การวิเคราะห์แก้ไขปัญหา (๑) วิเคราะห์แก้ไขปัญหาการเตรียมการ (๒) วิเคราะห์แก้ไขปัญหาการติดตั้ง (๓) วิเคราะห์แก้ไขปัญหาการจัดการทั่วไป ๓.๒.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย ความรับผิดชอบต่องาน มีความละเอียดรอบคอบ มีการวางแผนการล่วงหน้า มีความซื่อสัตย์ รักษาความสะอาด มีความอดทน ช่างสังเกต มีความใฝ่รู้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 1899.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกแบบรองเท้าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขางดิดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ ระดับ ๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ ระดับ ๑ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ ระดับ ๑ ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๖๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๖๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ (๒) การทดสอบภาคความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์จนเกิดความชำนาญเพียงพอ ที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อกำหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่กำหนด ลักษณะ แบบทดสอบเป็นการทดสอบปฏิบัติงานตามรูปแบบและกฎเกณฑ์ในรายละเอียดวิธีการทดสอบ คะแนนเต็ม ๒๐๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น ๒ แบบทดสอบ ดังนี้ แบบทดสอบที่ ๑ ให้ผู้เข้ารับการทดสอบประกอบติดตั้งราง ระบบน้ำ และระบบให้ปุ๋ย ทางน้ำ ใช้เวลาในการทดสอบ ๓ ชั่วโมง แบบทดสอบที่ ๒ ให้ผู้เข้ารับการทดสอบ ทดสอบระบบ ปรับตั้งอัตราการไหล และบันทึก การติดตั้ง ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ (๑) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้ และภาคความสามารถ โดยต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนรวมทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ ระดับ ๑ (๒) หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบไฮโดรโปนิกส์ ระดับ ๑ ให้มีอายุห้าปีนับตั้งแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 19.pdf," หน้า ๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ระเบียบสํานักงานประกันสังคม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ การรับเงิน และการจ่ายเงิน กองทุนเงินทดแทนผ่านธนาคาร หรือหน่วยบริการ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เป็นการสมควรปร ับปรุงระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ การรับเงิน และการจ่ายเงิน กองทุนเงินทดแทนทางธนาคาร เพื่อให้การปฏิบัติงานของสํานักงานประกันสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความคล่องตัว อาศัยอํานาจตามความในข ้อ ๑๐ (๒) และข้อ ๑๔ (๒) แห่งระเบียบคณะกรรมการกองท ุน เงินทดแทน ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุนเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๔๗ สํานักงานประกันสังคมจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสํานักงานประกันสังคมว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ การรับเงิน และการจ่ายเงินกองทุนเงินทดแทนผ่านธนาคาร หรือหน่วยบริการ พ.ศ. ๒๕๖๑ ” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบสํานักงานประกันสังคม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ การรับเงิน และการจ่ายเงินกองทุนเงินทดแทนทางธนาคาร พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “สํานักงาน” หมายถึง สํานักงานประกันสังคม “กองทุน” หมายถึง กองทุนเงินทดแทน “ธนาคาร ” หมายถึง ธนาคารที่สํานักงานประกันสังคมได้ตกลงรับเป็นธนาคาร เพื่อดําเนินการ รับและจ่ายเงินกองทุนตามระเบียบนี้ “ธนาคารสาขาหล ัก” หมายถึง ธนาคารสาขาที่สํานักงาน สํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สํานักงานประกันสังคมจังหวัด สํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา ได้เปิดบัญชีเงินฝาก ไว้เพื่อ ดําเนินการรับและจ่ายเงินกองทุนตามระเบียบนี้ “ธนาคารสาขา ” หมายถึง ธนาคารสาขาที่มีหน้าที่ในการรับเงินและจ่ายเงิน กองทุนตามระเบียบนี้ “หน่วยบริการ” หมายถึง หน่วยงานหรือองค์กรบริการทั้งภาครัฐและเอกชนท ี่สํานักงาน ได้ตกลงรับเป็นหน่วยบริการ เพื่อดําเนินการรับเงินและจ่ายเงินกองทุนตามระเบียบนี้ “แบบรายการ ” หมายถึง ใบแจ้งการประเมินเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนประจ ําปี (กท.26 ก) หรือใบแจ้งเงินสมทบจากการรายงานค ่าจ้างประจําปี (กท.25 ค) หรือใบแจ้งเงินสมทบจากการตรวจบ ัญชี ประจําปี (กท.25 ก) หรือใบแจ้งประเมินเงินฝาก (กท.23) หรือใบแจ้งเงินสมทบประจํางวดกองทุน เงินทดแทน (กท.26 ข) หรือแบบรายการทางอ ิเล็กทรอนิกส์ ตามที่เลขาธิการกําหนด หน้า ๒ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ “ระบบอิเล็กทรอนิกส์” หมายถึง การนําส่งเงินสมทบกองท ุน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของธนาคาร หรือหน่วยบริการที่ทําความตกลงกับสํานักงาน “บัญชีเงินฝากธนาคาร ” ตามระเบียบนี้ ได้แก่ บัญชีเงินฝาก “เงินกองทุนเงินทดแทนบัญชีที่ ๑” หมายถึง บัญชีเงินฝากกระแสรายว ัน ที่สํานักงานได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่สํานักงานกําหนด บัญชีเงินฝาก “เงินกองทุนเงินทดแทนบัญชีที่ ๒” หมายถึง บัญชีเงินฝากกระแสรายว ัน ที่สํานักงานได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่สํานักงานกําหนด บัญชีเงินฝาก “เงินออมทรัพย์กองทุนเงินทดแทน ” หมายถึง บัญชีเงินฝากออมทร ัพย์ ที่สํานักงานได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่สํานักงานกําหนด บัญชีเงินฝาก “เงินกองทุนเงินทดแทนกรุงเทพมหานครพ ื้นที่.....บัญชีที่ ๑” หมายถึง บัญชีเงินฝาก กระแสรายวันที่สํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ัก ที่สํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่กําหนด บัญชีเงินฝาก “เงินกองทุนเงินทดแทนกรุงเทพมหานครพ ื้นที่...บัญชีที่ ๒” หมายถึง บัญชีเงินฝาก กระแสรายวันที่สํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ัก ที่สํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่กําหนด บัญชีเงินฝาก “เงินออมทรัพย์กองทุนเงินทดแทนกรุงเทพมหานครพ ื้นที่...” หมายถึง บัญชีเงินฝาก ออมทรัพย์ที่สํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่สํานักงาน ประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่กําหนด บัญชีเงินฝาก “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด...บัญชีที่ ๑” หมายถึง บัญชีเงินฝากกระแสรายว ัน ที่สํานักงานประกันสังคมจังหวัดได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดนั้น บัญชีเงินฝาก “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด...บัญชีที่ ๒” หมายถึง บัญชีเงินฝากกระแสรายว ัน ที่สํานักงานประกันสังคมจังหวัดได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดนั้น บัญชีเงินฝาก “เงินออมทรัพย์กองทุนเงินทดแทนจังหวัด...” หมายถึง บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ที่สํานักงานประกันสังคมจังหวัดได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดนั้น บัญชีเงินฝาก “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด...สาขา...บัญชีที่ ๑” หมายถึง บัญชีเงินฝาก กระแสรายวันที่สํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขาได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ จังหวัดนั้น บัญชีเงินฝาก “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด...สาขา...บัญชีที่ ๒” หมายถึง บัญชีเงินฝาก กระแสรายวันที่สํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขาได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่ตั้งอยู่ในเขต ท้องที่จังหวัดนั้น หน้า ๓ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ บัญชีเงินฝาก “เงินออมทรัพย์กองทุนเงินทดแทนจังหวัด...สาขา...” หมายถึง บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ที่สํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขาได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารสาขาหล ักที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดนั้น ข้อ ๕ การรับเงินหรือการจ่ายเงินกองทุนของสํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา นายจ้าง หรือผู้มีสิทธิจะขอส่งเงินหรือขอรับเงินกองทุนผ่านธนาคาร หรือหน่วยบริการก็ได้ โดยให้ปฏิบัติ ตามระเบียบนี้ ในกรณีที่ระเบียบนี้มิได้กําหนดวิธีปฏิบัติไว้เป็นอย่างอื่นให้สํานักงาน ธนาคาร หรือหน่วยบริการ ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันเท่าที่ไม่ขัดกับระเบียบนี้ หมวด ๑ การรับเงิน ข้อ ๖ การรับเงินกองทุนผ่านธนาคาร ให้ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) เมื่อนายจ้างได้รับแบบรายการจากส ํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา และประสงค์จะจ่ายเงิน ผ่านธนาคาร ให้นายจ้างนําเงินสด หรือเช็ค พร้อมกับแบบรายการไปย ื่นต่อธนาคาร เช็คที่จะรับทุกกรณี ต้องมีลักษณะและเงื่อนไข ดังนี้ (ก) เป็นเช็คของธนาคารท ี่ตั้งอยู่ในท้องที่ที่ให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบกองทุนและต้องมิใช่ เช็คโอนสลักหลัง ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการเรียกเก็บเงินของธนาคารให ้ตกเป็นภาระแก่ผู้สั่งจ่าย (ข) มีรายการครบถ้วนตามมาตรา ๙๘๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ ่งและพาณิชย์ (ค) เป็นเช็คที่ออกในวันที่นําเช็คนั้นมาชําระหรือก่อนวันชําระไม่เกินเจ็ดวัน (ง) ไม่เป็นเช็คลงวันที่ล่วงหน้า (จ) เป็นเช็คขีดคร่อมสั่งจ่ายเงินแก่ “กองทุนเงินทดแทน ” หรือ “สํานักงานกองทุนเงินทดแทน ” หรือ “สํานักงานประกันสังคม” หรือ “สํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่..” หรือ “สํานักงานประกันสังคมจังหวัด...” หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด...สาขา...” และขีดคําว่า “ผู้ถือ” ออก (ฉ) เป็นเช็คที่ผู้ออกเช็คลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและใช้ชําระโดยตรง กรณีนายจ้างเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลต้องเป็นเช็คของนายจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดาหร ือนิติบุคคลซึ่งมีหน้าที่ชําระเงินสมทบโดยตรง (๒) ให้ธนาคารที่รับเงินกองทุนมีหน้าที่ ดังนี้ (ก) ตรวจสอบจํานวนเงินที่ชําระให้ถูกต้องตรงกับแบบรายการ (ข) ให้ธนาคารสาขาท ี่รับเงินกองทุนในเขตกรุงเทพมหานครและในเขตท ้องที่จังหวัดอื่น นําเงินเข้าบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทน บัญชีที่ ๑” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทน กรุงเทพมหานครพ ื้นที่... บัญชีที่ ๑” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด...บัญชีที่ ๑” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด...สาขา...บัญชีที่ ๑” แล้วแต่กรณี ภายในวันที่รับชําระเงิน และให้ หน้า ๔ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ธนาคารสาขาส ่งหลักฐานการรับเงินตามที่สํานักงานกําหนดให้ธนาคารสาขาหล ักของสํานักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา แล้วแต่กรณี ตามที่ธนาคารได้ทําความตกลงกับสํานักงาน (ค) ให้ธนาคารสาขาหล ักที่รับเงินกองทุนในเขตกรุงเทพมหานคร และในเขตท้องที่จังหวัดอื่น โอนเงินจากบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนกรุงเทพมหานครพ ื้นที่...บัญชีที่ ๑” หรือบัญชี “เงินกองทุน เงินทดแทนจังหวัด...บัญชีที่ ๑” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด...สาขา...บัญชีที่ ๑” แล้วแต่กรณี เข้าบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทน บัญชีที่ ๑” และธนาคารสาขาหล ักต้องโอนเงินจากบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทน บัญชีที่ ๑” เข้าบัญชี เงินออมทรัพย์กองทุนเงินทดแทน ” ทุกสิ้นวันทําการ ในวันเดียวกันพร้อมกับรวบรวมหลักฐานการรับเงินตามข้อ ๒ (ข) ใบแจ้งการหักบัญชี (Debit Note) และใบแจ้งเข้าบัญชี (Credit Note) ส่งให้สํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา แล้วแต่กรณีตามที่ธนาคาร ได้ทําความตกลงกับสํานักงาน (ง) ให้ธนาคารสาขาหล ักส่งรายงานการร ับจ่ายเงิน (Bank Statement) ทุกบัญชี ที่สํานักงานหรือสํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขาเปิดบัญชีไว้กับธนาคารให้แก่สํานักงาน หรือสํานักงาน ประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคม จังหวัดสาขา แล้วแต่กรณีตามที่ธนาคารได้ทําความตกลงกับสํานักงาน ข้อ ๗ การรับเงินกองทุนผ่านหน่วยบริการ ให้ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) เมื่อนายจ้างได้รับแบบรายการจากส ํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา และประสงค์ ชําระเงิน ผ่านหน่วยบริการ ให้นายจ้างนําเงินสด พร้อมแบบรายการไปย ื่นต่อหน่วยบริการ (๒) หน่วยบริการที่รับเงินกองทุนมีหน้าที่ ดังนี้ (ก) ตรวจสอบจํานวนเงินที่ชําระให้ตรงกับแบบรายการ (ข) จัดส่งรายงานและรวบรวมข ้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินให้กับสํานักงาน โดยทาง อิเล็กทรอนิกส์ตามรูปแบบและวัน เวลา ที่สํานักงานกําหนด (ค) นําเงินเข้าบัญชีเงินฝาก “เงินกองทุนเงินทดแทนบัญชีที่ ๑” พร้อมนําส่งหลักฐาน การนําฝากเงินเข้าบัญชีให้แก่สํานักงาน โดยทางอิเล็กทรอนิกส์ในวันทําการของธนาคารถ ัดจากวันที่ หน่วยบริการรับชําระเงิน ข้อ ๘ การรับเงินกองทุนผ่านธนาคารหรือหน่วยบริการโดยระบบอ ิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นใด นอกเหนือจากที่กําหนดไว้ตามข้อ ๖ และข้อ ๗ ให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันระหว่างธนาคารหรือ หน่วยบริการและสํานักงาน หน้า ๕ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ หมวด ๒ การจ่ายเงิน ข้อ ๙ การจ่ายเงินกองทุนผ่านธนาคารโดยว ิธีโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีสิทธิ ให้ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) ให้ผู้มีสิทธิรับเงินกองทุนยื่นแบบคําร้องขอรับเงินทดแทนผ่านธนาคารพร ้อมแนบสําเนา สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือหลักฐานอื่นใดของผู้มีสิทธิตามที่สํานักงานกําหนด ยื่นต่อสํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงาน ประกันสังคมจังหวัดสาขา แล้วแต่กรณี (๒) ให้สํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา มีหน้าที่ดังนี้ (ก) ตรวจสอบแบบค ําร้องขอรับเงินทดแทนผ่านธนาคาร และหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง และครบถ้วน (ข) จัดทํารายละเอียดการโอนเงิน พร้อมสั่งจ่ายเช็คในนามธนาคารสาขาหล ัก เพื่อให้ ธนาคารดําเนินการโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีสิทธิ (๓) ให้ธนาคารสาขาหล ักมีหน้าที่ ดังนี้ (ก) โอนเงินจากบัญชี “เงินออมทรัพย์กองทุนเงินทดแทน ” หรือบัญชี “เงินออมทรัพย์ กองทุนเงินทดแทนกรุงเทพมหานครพ ื้นที่...” หรือบัญชี “เงินออมทรัพย์กองทุนเงินทดแทนจังหวัด...” หรือบัญชี “เงินออมทรัพย์กองทุนเงินทดแทนจังหวัด...สาขา...” แล้วแต่กรณี เข้าบัญชี “เงินกองทุน เงินทดแทน บัญชีที่ ๒” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนกรุงเทพมหานครพ ื้นที่... บัญชีที่ ๒” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด...บัญชีที่ ๒” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด...สาขา...บัญชีที่ ๒” แล้วแต่กรณี ตามจํานวนเงินที่สั่งจ่ายเช็ค (ข) โอนเงินเข้าบัญชีของผู้มีสิทธิตามคําสั่ง ข้อ ๙ (๒) (ข) ในวันทําการถัดจากวันที่ ธนาคารสาขาหล ักได้รับหนังสือแสดงรายละเอ ียดการโอนเงินและเช็ค (ค) กรณีที่ธนาคารสาขาหล ัก ไม่สามารถโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีสิทธิได้ ให้ธนาคารนําเงินเข้าบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนบัญชีที่ ๑” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนกรุงเทพมหานครพ ื้นที่...บัญชีที่ ๑” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด....บัญชีที่ ๑” หรือบัญชี “เงินกองทุนเงินทดแทนจังหวัด... สาขา... บัญชีที่ ๑” ในวันทําการถัดไปหลังจากธนาคารโอนเง ิน และจัดทํารายละเอียดการโอนเงิน เข้าบัญชีไม่ได้ พร้อมใบแจ้งการเข้าบัญชี (Credit Note) ส่งให้สํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา แล้วแต่กรณี หน้า ๖ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (ง) กรณีที่ธนาคารสาขาหล ักไม่โอนเงินให้แก่ผู้มีสิทธิตามคําสั่งของสํานักงาน หรือ สํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงาน ประกันสังคมจังหวัดสาขา หรือโอนเงินดังกล่าวให้แก่ผู้มีสิทธิผิดพลาด เนื่องจากความบกพร ่องของธนาคาร หรือพนักงานธนาคารไม ่ว่าโดยเจตนาหร ือประมาทเลินเล่อ ธนาคารต้องรับผิดชดใช้เงินเต็มตามจํานวน ที่สํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขาสั่งให้ธนาคารสาขาหล ักโอนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่กองทุน หรือผู้มีสิทธิทันทีที่ธนาคารทราบ แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๐ การจ่ายเงินกองทุนผ่านหน่วยบริการ ให้ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) ให้ผู้มีสิทธิรับเงินกองทุนยื่นแบบคําร้องขอรับเงินทดแทนผ่านหน่วยบริการตามที่สํานักงาน กําหนด โดยยื่นต่อสํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคม จังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา แล้วแต่กรณี (๒) ให้สํานักงาน หรือสํานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ ื้นที่ หรือสํานักงานประกันสังคม จังหวัด หรือสํานักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา แล้วแต่กรณี มีหน้าที่ดังนี้ (ก) ตรวจสอบแบบค ําร้องขอรับเงินทดแทนผ่านหน่วยบริการ และหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องและครบถ้วน (ข) จัดทํารายละเอียดข้อมูลการสั่งจ่ายเงิน เพื่อให้หน่วยบริการดําเนินการจ่ายเงินให้แก่ ผู้มีสิทธิตามวิธีการที่หน่วยบริการได้ตกลงร่วมกันกับสํานักงาน (ค) จ่ายเงินคืนให้กับหน่วยบริการตามจํานวนเงินที่ได้รับแจ้งผลการจ่ายเงินกองทุน ซึ่งหน่วยบริการได้สํารองจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิ (๓) ให้หน่วยบริการมีหน้าที่ ดังนี้ (ก) ตรวจสอบเอกสารหล ักฐานของผู้มีสิทธิที่มาติดต่อขอรับเงินกองทุนให้ถูกต้องตรงกับ รายละเอียดข้อมูลการสั่งจ่ายเงินที่ได้รับจากสํานักงานโดยทางอ ิเล็กทรอนิกส์ (ข) จ่ายเงินกองทุนให้ผู้มีสิทธิตามรายละเอียดข้อมูลการสั่งจ่ายเงินที่ได้รับจากสํานักงาน โดยทางอิเล็กทรอนิกส์ (ค) แจ้งผลการจ่ายเงินกองทุนให้สํานักงานตามวิธีการที่หน่วยบริการได้ตกลงร่วมกันกับ สํานักงาน (๔) กรณีที่หน่วยบริการไม่จ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิตามคําสั่งจ่ายของสํานักงาน หรือจ่ายเงินดังกล่าว ให้แก่ผู้มีสิทธิผิดพลาด เนื่องจากความบกพร ่องของหน่วยบริการหรือพนักงานของหน่วยบริการ ไม่ว่าโดยเจตนา หรือประมาทเลินเล่อ หน่วยบริการต้องรับผิดชอบชดใช้เงินเต็มตามจํานวนที่สํานักงานมีคําสั่งจ่าย พร้อมดอกเบี้ยให้แก่กองทุนหรือผู้มีสิทธิทันทีที่หน่วยบริการทราบ แล้วแต่กรณี หน้า ๗ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ข้อ ๑๑ การจ่ายเงินกองทุนผ่านธนาคาร หรือหน่วยบริการโดยระบบอ ิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นใด นอกเหนือจากการจ่ายเงินตามข้อ ๙ และข้อ ๑๐ ให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันระหว่างธนาคาร หรือหน่วยบริการ และสํานักงาน หมวด ๓ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ข้อ ๑๒ ให้ธนาคาร หรือหน่วยบริการคิดค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการโอนเงิน และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จากสํานักงาน หรือตามข้อตกลงร่วมกันระหว่างธนาคารหรือหน่วยบริการ และสํานักงาน ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสํานักงานประกันสังคม " 1901.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกําหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็ค เตอร์ (Profile Projector) ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๑ ต้องมีอายุไม่ต่ํากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทํางาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพในสาขาผู้ควบคุม เครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) ไม่น้อยกว่า ๖ เดือน (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือฝึกอาชีพในสาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์ โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) ไม่น้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมง (๓) จบการศึกษาไม่ต่ํากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า ในสาขาที่เกี่ยวกับ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) ข้อ ๒ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๒ ต้องมีอายุไม่ต่ํากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทํางาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพในสาขาผู้ควบคุม เครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) ไม่น้อยกว่า ๖ เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้รับ หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทด สอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๑ (๒) ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๑ ไม่น้อยกว่า ร้อยละแปดสิบห้า ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน หนา ๗๓ เลม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ Powered by TCPDF (www.tcpdf.org)" 1902.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกแบบรองเท้าผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็กเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็กเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๑ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุม เครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็กเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๑ ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการแสดงความรู้ที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามหลัก วิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาค ความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการแสดงความสามารถซึ่งเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์จนเกิดความชำนาญเพียงพอ ที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อกำหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่กำหนด ลักษณะ แบบทดสอบเป็นการแสดงปฏิบัติงานวัดชิ้นงาน และบันทึกผลการวัดตามที่กำหนด ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๘๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็กเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ (๑) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ โดยต้องทดสอบ ได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็กเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๑ เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง หน้า ๗๕ (๒) ให้หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมเครื่องมือวัดโปรไฟล์โปรเจ็คเตอร์ (Profile Projector) ระดับ ๑ ให้มีอายุห้าปีนับตั้งแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 1906.pdf,"# ประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญญา เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำหรับการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคำขออื่น ๆ ผ่านทางระบบการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำหรับการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคำขออื่น ๆ ผ่านทางระบบการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ภาคธุรกิจเอกชนและประชาชนทั่วไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และข้อ ๒ วรรคสาม แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๓ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติ การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งให้สร้างระบบการสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๔๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญญา เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการสำหรับการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าผ่านทางระบบการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) และการแจ้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “เครื่องหมายการค้า” หมายความรวมถึง เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรองและเครื่องหมายอื่นๆ “ผู้ยื่นคำขอ” หมายความว่า บุคคลที่ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ ผ่านทางระบบ e-Filing “คำขออื่น ๆ” หมายความว่า (๑) คำคัดค้านการจดทะเบียน คำโต้แย้งคำคัดค้าน (๒) คำอุทธรณ์ (๓) คำขอโอนหรือรับมรดกสิทธิในคำขอที่ยื่นจดทะเบียน คำขอโอนหรือรับมรดกสิทธิ ในเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้ว (๔) คำขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า คำขอจดทะเบียนต่ออายุสัญญา อนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า (๕) คำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน (๖) คำขอต่ออายุการจดทะเบียน (๗) คำขอให้เพิกถอนการจดทะเบียน (๘) คำขอถือสิทธิวันที่ยื่นคำขออนุกราชอาณาจักรครั้งแรก หรือวันที่นำสินค้าที่ใช้เครื่องหมาย ออกแสดงในงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศเป็นวันยื่นคำขอในราชอาณาจักรตามมาตรา ๒๘ หรือมาตรา ๒๙ ทวิ (๙) หนังสือแสดงการปฏิเสธ (๑๐) หนังสือแจ้งฟ้องคดีต่อศาล คำพิพากษา และผลคดี (๑๑) คำขออื่น และหนังสือต่าง ๆ โดยไม่รวมถึงคำขอตรวจดูทะเบียนหรือสารบบ คำขอดัดสำเนาเอกสาร คำขอให้รับรองสำเนา เอกสารและรายการจดทะเบียน คำขอใบแทนหนังสือสำคัญและการจดทะเบียน ""ระบบ e-Filing” หมายความว่า ระบบการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) ข้อ ๓ ในการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ ผ่านทางระบบ e-Filing ให้ผู้ยื่นคำขอใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) ที่ได้รับจากกรมทรัพย์สิน ทางปัญญาแทนการลงลายมือชื่อในคำขอดังกล่าว ข้อ ๔ ในการยื่นเอกสารหลักฐานผ่านทางระบบ e-Filing ให้ถือว่าเป็นการรับรองความถูกต้อง ของสำเนาเอกสารหลักฐานทุกฉบับ ข้อ ๕ ผู้ยื่นคำขอต้องปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานตามที่ระบบ e-Filing กำหนด หมวด ๑ ข้อกำหนดในการยื่นคำขอ และการส่งเอกสารหลักฐาน ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่กรอกหรือกรอกข้อมูลในระบบไม่ถูกต้องครบถ้วน ให้นายทะเบียน มีอำนาจสั่งให้ผู้ยื่นคำขอแก้ไขข้อมูลโดยการยื่นคำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน ตามแบบฟิล์ม ก.๐๖ ข้อ ๗ ในกรณีที่ประกาศนี้มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้ผู้ยื่นคำขอแนบเอกสารหลักฐาน ตามที่คำขอจดทะเบียนและคำขออื่นในเรื่องนั้น ๆ กำหนดไว้ให้ครบถ้วน (ถ้ามี) เช่น (๑) หนังสือมอบอำนาจ (๒) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัวอื่น ๆ ที่ทางราชการออกให้ของบุคคล ที่เกี่ยวข้องซึ่งมิใช่ผู้ยื่นคำขอ (๓) รายชื่อและเอกสารหรือคำชี้แจงแสดงความสัมพันธ์ของผู้มีสิทธิใช้เครื่องหมายร่วม (กรณีคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายร่วม) (๔) ข้อบังคับหรือข้อกำหนดหลักเกณฑ์การใช้เครื่องหมายรับรอง (กรณีคำขอจดทะเบียน เครื่องหมายรับรอง) (๕) หนังสือยินยอมจากผู้โอนหรือผู้รับโอนตามมาตรา ๕๑/๑ (๖) หนังสืออนุญาตให้ใช้ลายมือชื่อหรือภาพของบุคคลอื่นเป็นเครื่องหมายการค้า (กรณีเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนเป็นลายมือชื่อหรือภาพของบุคคลอื่น) (๗) ภาพถ่ายใบรมณบัตร หนังสือยืนยันของทยาทผู้รับมรดก ภาพถ่ายพินัยกรรม หรือ สำเนาคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก พร้อมด้วยสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้เกี่ยวข้อง (กรณีการรับมรดก) (๘) หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อเครื่องหมายการค้าจากการขายทอดตลาด ของสำนักงานบังคับคดี (กรณีการโอนโดยการขายทอดตลาด) (๙) หนังสือแจ้งข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการบังคับหลักประกันหรือ คำพิพากษาบังคับหลักประกัน (กรณีการโอนโดยกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ) (๑๐) หนังสือรับรองนิติบุคคลหรือหลักฐานที่แสดงการควบรวมบริษัท (กรณีการโอนสิทธิ โดยการควบรวมบริษัท) (๑๑) หนังสือให้ความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ (กรณีการโอนสิทธิ เครื่องหมายการค้าซึ่งผู้เยาว์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือผู้รับโอน) (๑๒) หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล หรือเอกสารหลักฐานประกอบการแก้ไขเปลี่ยนแปลง (กรณีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน) (๑๓) หนังสือยินยอมของผู้ได้รับอนุญาตให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (กรณีขอเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า) (๑๔) สำเนาคำขอจดทะเบียนนอกราชาณาจักร หนังสือรับรองการจัดงานแสดงสินค้า ระหว่างประเทศ เอกสารแสดงว่าผู้ขอได้นำสินค้าที่ใช้เครื่องหมายออกแสดงในงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ เอกสารแสดงว่านิติบุคคลที่ยื่นคำขอจดทะเบียนครั้งแรกมีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในประเทศไทย เอกสารที่แสดงว่าผู้ขอมีภูมิลำเนาหรือประกอบอุตสาหกรรมหรือพาณิชย์กรรมอย่างจริงจังในประเทศไทย หนังสือรับรองที่แสดงว่าคำขอจดทะเบียนครั้งแรกไม่เคยถูกปฏิเสธหรือถอนคืนหรือละทิ้ง หรือถูกปฏิเสธ หรือถอนคืนหรือละทิ้งแต่ยังไม่เคยขอใช้สิทธิและไม่อาจดำเนินการใดตามกฎหมายของประเทศนั้น และไม่ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณะชน คำแปลเป็นภาษาไทย (กรณีข้อถือสิทธิวันที่ยื่นคำขอจากราชอาณาจักร เป็นครั้งแรกหรือวันที่นำสินค้าที่ใช้เครื่องหมายออกแสดงในงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศเป็นวันยื่นคำขอ ในราชอาณาจักร) (๑๕) สำเนาคำฟ้องหรือสำเนาคำพิพากษาฉบับที่ศาลรับรอง หรือสำเนาหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด (กรณีแจ้งการฟ้อง หรือคำพิพากษาและผลคดี) ข้อ ๘ ในกรณีที่เครื่องหมายการค้าที่ขอจดทะเบียนเป็นเสียงหรือประกอบด้วยเสียง ให้ผู้ยื่นคำขอแนบเครื่องหมายเสียงตามวิธีการ รูปแบบ และมาตรฐานที่ระบบ e-Filing กำหนดไว้ และให้ถือว่าได้ส่งสิ่งบันทึกเสียงที่ขอจดทะเบียนให้แก่นายทะเบียนแล้ว ข้อ ๙ ในกรณีการคัดค้านการจดทะเบียนและการโต้แย้งคำคัดค้าน ให้ถือว่าการยื่น คำคัดค้านการจดทะเบียน หรือคำโต้แย้งคำคัดค้านผ่านทางระบบ e-Filing เป็นการแนบสำเนาคำคัดค้าน หรือสำเนาคำโต้แย้งให้แก่นายทะเบียนแล้ว ข้อ ๑๐ ในกรณีการโอนสิทธิในคำขอจดทะเบียนหรือโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้า ให้ผู้ยื่น คำขอแนบสัญญาโอนในระบบ e-Filing พร้อมกับคำขอ และให้ถือว่าเป็นการส่งสัญญาโอนให้แก่ นายทะเบียนแล้ว ข้อ ๑๑ ในกรณีการโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้า ให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าส่งหนังสือ สำคัญแสดงการจดทะเบียนหรือใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียน ให้แก่นายทะเบียน ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ภายในสิบห้าวันนับถัดจากวันที่ได้ยื่นคำขอผ่านทาง ระบบ e-Filing ในกรณีการขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของตนเอง ให้เจ้าของ เครื่องหมายการค้าส่งหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียน ใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียน หรือหนังสือยืนยันจากเจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือตัวแทนว่าหนังสือสำคัญสูญหาย ให้แก่ นายทะเบียน ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ภายในสิบห้าวันนับถัดจากวันที่ได้ยื่น คำขอผ่านทางระบบ e-Filing หากเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ส่งเอกสารภายในระยะเวลาที่กำหนดในวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ถือว่าเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ประสงค์จะดำเนินการโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้าหรือให้ เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และให้นายทะเบียนมีคำสั่งไม่อนุญาตคำขอดังกล่าว ข้อ ๑๒ ในกรณีการขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า การแก้ไข เปลี่ยนแปลงรายการการจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า และการขอเพิกถอน การจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า ให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือผู้ขอจดทะเบียน เป็นผู้ได้รับอนุญาต แนบสัญญาอนุญาต สัญญาอนุญาตซึ่งมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือเอกสารที่แสดงว่า สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าสิ้นสุดแล้ว แล้วแต่กรณี มาพร้อมกับคำขอ และให้ถือว่า เป็นการส่งเอกสารดังกล่าวให้แก่นายทะเบียนแล้ว ข้อ ๑๓ ในกรณีการอุทธรณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของนายทะเบียน หรือการยื่นคำขอให้เพิกถอน การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น ให้ถือว่าการอุทธรณ์หรือการยื่นคำขอให้เพิกถอน การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าผ่านทางระบบ e-Filing เป็นการแนบสำเนาคำอุทธรณ์หรือคำขอ ให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าด้วยแล้ว การส่งเอกสารหลักฐานประกอบคำขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ยื่นต่อคณะกรรมการ เครื่องหมายการค้า ให้ส่งพร้อมคำขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนของบุคคลอื่น หากส่งในภายหลัง คณะกรรมการเครื่องหมายการค้าจะไม่รับพิจารณาเอกสารหลักฐานดังกล่าว ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอประสงค์ส่งเอกสารหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบ การพิจารณาของนายทะเบียน เช่น เอกสารหลักฐานการนำสืบลักษณะบ่งเฉพาะที่เกิดจากการใช้ เครื่องหมายการค้า เอกสารหลักฐานประกอบคำขอถือสิทธิวันที่ยื่นคำขออนกราชาอาณาจักรครั้งแรก หรือวันที่นำสินค้าที่ใช้เครื่องหมายออกแสดงในงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ เอกสารประกอบ คำคัดค้านหรือคำโต้แย้ง เอกสารหลักฐานประกอบอุทธรณ์หรือขอให้เพิกถอนการจดทะเบียน เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น ให้ส่งเอกสารหลักฐานดังกล่าวภายในสิบห้าวันนับถัดจากวันที่ได้ยื่น คำขอจดทะเบียนหรือคำขออื่น ๆ ผ่านทางระบบ e-Filing เว้นแต่ผู้ยื่นคำขอจะได้มีหนังสือขอผ่อนผัน การส่งเอกสารหลักฐานดังกล่าวไว้ ให้ผู้ยื่นคำขอส่งเอกสารหลักฐานดังกล่าวภายในระยะเวลา ที่ขอผ่อนผันไว้ ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่ส่งเอกสารหลักฐานภายในระยะเวลาที่กำหนดในวรรคหนึ่งและมิได้ มีหนังสือขอผ่อนผันไว้ ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอไม่ประสงค์จะส่งเอกสารหลักฐานนั้น และคำขอนั้นจะได้รับ การพิจารณาโดยไม่มีเอกสารหลักฐานดังกล่าว ข้อ ๑๕ ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอประสงค์ส่งเอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณา ของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า ให้ผู้ยื่นคำขอใช้แบบบัญชีเอกสารหรือหลักฐานประกอบอุทธรณ์ หรือคำร้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนตามระเบียบคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าว่าด้วย วิธีพิจารณาอุทธรณ์และคำร้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียน และการส่งเอกสารหลักฐานให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ระเบียบคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าว่าด้วยวิธีพิจารณาอุทธรณ์ และคำร้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนกำหนด ข้อ ๑๖ ให้ผู้ยื่นคำขอเก็บรักษาเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งได้ยื่นผ่านทางระบบ e-Filing ไว้ เพื่อตรวจสอบในกรณีนายทะเบียนหรือคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเห็นว่าเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ไม่ชัดเจน ไม่ครบถ้วน หรือไม่ถูกต้อง ข้อ ๑๗ การส่งเอกสารหลักฐานตามข้อ ๑๑ และข้อ ๑๔ ให้ใช้แบบหนังสือนำส่งเอกสาร หลักฐานและคำชี้แจง (แบบ ก. ๒๐) โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับถึงนายทะเบียน หรือนำส่ง ด้วยตนเอง ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ในกรณีส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ให้ถือวันที่ประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ ในกรณีการนำส่งด้วยตนเอง ให้ถือวันที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับเอกสารหลักฐาน เป็นสำคัญ หมวด ๒ การได้รับเลขที่คำขอและวันยื่นคำขอรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และการได้รับวันยื่นคำขออื่น ๆ ข้อ ๑๘ ผู้ยื่นคำขอจะได้รับเลขที่คำขอและวันยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในวันที่ ผู้ยื่นคำขอได้ส่งข้อมูลของคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเข้าสู่ระบบ e-Filing แล้ว ในกรณีคำขออื่น ๆ ผู้ยื่นคำขอจะได้รับวันยื่นคำขออื่น ๆ เมื่อผู้ยื่นคำขอได้ส่งข้อมูลของคำขออื่น ๆ เข้าสู่ระบบ e-Filing แล้ว หมวด ๓ การชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ และการชำระค่าธรรมเนียมตามการแจ้งหรือคำสั่งของนายทะเบียน ข้อ ๑๙ ผู้ยื่นคำขอสามารถเลือกชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ ในคราวเดียวกัน โดยวิธีการและระยะเวลาที่กำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีชำระค่าธรรมเนียมผ่านผู้ให้บริการรับชำระค่าธรรมเนียมที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ทำความตกลงไว้ ให้ชำระภายใน ๒๒.๐๐ นาฬิกา ของวันถัดไปของวันที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียน เครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ แล้วแต่กรณี (๒) กรณีชำระค่าธรรมเนียม ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ให้ชำระภายใน ๑๖.๓๐ นาฬิกา ของวันทำการถัดไปของวันที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่ชำระค่าธรรมเนียมภายในกำหนดเวลาตาม (๑) หรือ (๒) หรือชำระ ไม่ครบถ้วน ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอไม่ประสงค์จะดำเนินการกับคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ หรือละทิ้งคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ นายทะเบียนจะจำหน่ายคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ ออกจากกระบบ e-Filing ต่อไป การขอคืนค่าธรรมเนียมซึ่งชำระไม่ครบถ้วน สามารถดำเนินการได้ ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ แล้วแต่กรณี ข้อ ๒๐ กรณีที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้ผู้ยื่นคำขอชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน เครื่องหมายการค้า การจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า หรือชำระค่าธรรมเนียมอื่นใด เพิ่มเติม ผู้ยื่นคำขอสามารถเลือกชำระค่าธรรมเนียมภายในกำหนดเวลาตามคำสั่งของนายทะเบียน ในคราวเดียวกัน โดยวิธีการและระยะเวลาที่กำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีชำระค่าธรรมเนียมผ่านผู้ให้บริการรับชำระค่าธรรมเนียมที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ทำความตกลงไว้ หากชำระในวันสุดท้ายของวันครบกำหนดเวลาตามคำสั่งของนายทะเบียน ให้ชำระภายใน ๒๒.๐๐ นาฬิกา ของวันดังกล่าว (๒) กรณีชำระค่าธรรมเนียม ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด หากชำระในวันสุดท้ายของวันครบกำหนดเวลาตามคำสั่งของนายทะเบียน ให้ชำระภายใน ๑๖.๓๐ นาฬิกา ของวันดังกล่าว ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่ชำระค่าธรรมเนียมภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง หรือชำระ ไม่ครบถ้วน ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอไม่ประสงค์จะดำเนินการกับคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ ต่อไป และถือว่าเป็นการละทิ้งคำขนั้น ทั้งนี้ นายทะเบียนจะจำหน่ายคำขอ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ ออกจากระบบ e-Filing ต่อไป การขอคืนค่าธรรมเนียมซึ่งชำระไม่ครบถ้วน สามารถดำเนินการได้ ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้ชำระค่าธรรมเนียมตามวรรคหนึ่ง หมวด ๔ การแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของนายทะเบียนหรือเจ้าหน้าที่ ข้อ ๒๑ การแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของนายทะเบียนที่เกี่ยวกับการพิจารณาคำขอที่ได้ยื่น ตามประกาศฉบับนี้ ให้นายทะเบียนแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบหรือดำเนินการทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือหนังสือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ โดยให้แจ้งไปยังสถานที่ติดต่อที่ผู้ยื่นคำขอได้ให้ไว้ในคำขนั้น ทั้งนี้ ตามที่ผู้ยื่นคำขอได้ระบุไว้ กรณีส่งหนังสือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) เมื่อเวลาได้ล่วงพ้นไปเจ็ดวันนับจาก วันที่ข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบของผู้ยื่นคำขอ ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอได้รับแจ้งแล้ว กรณีส่งหนังสือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หากไม่สามารถส่งหนังสือตามวรรคหนึ่งได้ ให้ส่งหนังสือแจ้งคำสั่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังสถานที่ติดต่อที่ผู้ยื่นคำขอได้ให้ไว้ในคำขอ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหรือคำขออื่นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้ส่งหนังสือดังกล่าวและเวลาได้ล่วงพ้นไป เจ็ดวันแล้ว ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอผนั้นได้รับหนังสือนั้นแล้ว กรณีที่ไม่สามารถแจ้งคำสั่งตามวรรคสอง อันเนื่องมาจากความขัดข้องของระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเหตุอื่นใด ให้แจ้งไปยังผู้ยื่นคำขอทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแทนการแจ้งผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในแบบฟิล์มพ์คำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (แบบ ก.๐๑) หรือคำขออื่น แล้วแต่กรณี หมวด ๕ บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๒ ให้การดำเนินการเกี่ยวกับคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขออื่น ๆ ที่ได้ยื่นผ่านทางระบบ e-Filing ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ อยู่ภายใต้ประกาศฉบับนี้จนกว่าจะถึงที่สุด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา" 1909.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งก่อออกไซด์สำหรับอุตสาหกรรมทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซิงก์ออกไซด์สำหรับอุตสาหกรรมทั่วไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. ๒๕๔๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดอัตราค่าใช้จ่าย ในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซิงก์ออกไซด์สำหรับอุตสาหกรรมทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้
ผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม มาตรฐาน เลขที่ รายละเอียด อัตราค่าใช้จ่าย ต่อตัวอย่าง ๑ ชุด (บาท) หมายเหตุ
ซิงก์ออกไซด์ สำหรับ อุตสาหกรรม ทั่วไป มอก. 221-2558 คุณลักษณะ ที่ต้องการ ลักษณะทั่วไป ๑๐๐
คุณลักษณะทางฟิสิกส์และทางเคมี ๑,๐๐๐
ตะกั่ว ๖๐๐
แคดเมียม ๖๐๐
ความชื้น ๓๐๐
สารที่ค้างบนแร่ง ขนาด 45 มูตา ๕๐๐
สารที่ละลายในน้ำ ๕๐๐
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 1911.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กำมะถันสำหรับอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กำะถัน สำหรับอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดอัตราค่าใช้จ่าย ในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กำะถันสำหรับอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้
ผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม มาตรฐาน เลขที่ รายละเอียด อัตราค่าใช้จ่าย ต่อตัวอย่าง ๑ ชุด (บาท) หมายเหตุ
กำะถันสำหรับ อุตสาหกรรม มอก. 692-2560 คุณลักษณะ ที่ต้องการ ลักษณะทั่วไป ๑๐๐
ลักษณะทางฟิสิกส์และทางเคมี ๑,๐๐๐
ความชื้น (moisture content) ๓๐๐
เถ้า (ash) ๘๐๐
ความเป็นกรด (as H₂SO₄) ๑,๐๐๐
ความละเอียด (เฉพาะชนิดผง) ๕๐๐
เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๓๓ ง หน้า ๖๗ ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗
ผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม มาตรฐาน เลขที่ รายละเอียด อัตราค่าใช้จ่าย ต่อตัวอย่าง ๑ ชุด (บาท) หมายเหตุ
สารอินทรีย์ ๕๐๐
เหล็ก ๖๐๐
สารหนู ๖๐๐
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รักษมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 1913.pdf,"# ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร มาตรฐานเลขที่ มอก. 1027 - 2553 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อผ่านกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๒๒๘ (พ.ศ. ๒๕๕๓) ออกตามความ ในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๔ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร มาตรฐานเลขที่ มอก. 1027 - 2564 ขึ้นใหม่ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร **PLASTIC BAGS FOR FOOD** #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 1027-2564 #### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม #### กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 31 พลาสติก #### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - ครอบคลุมเฉพาะถุงพลาสติกที่ทำจากเรซินบริสุทธิ์ (virgin resin) เป็นฟิล์ม เพื่อใช้สำหรับบรรจุอาหาร ซึ่งต่อไปในมาตรฐานนี้จะเรียกว่า “ถุงพลาสติก” - ไม่ครอบคลุมถุงพลาสติกอื่นสำหรับบรรจุอาหาร ที่ประกาศกำหนดมาตรฐาน ขึ้นไว้แล้ว #### เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย บทนำ ประเภท แบบ และชนิด วัสดุ รูปร่างและมิติ คุณลักษณะ ที่ต้องการ การบรรจุ เครื่องหมายและฉลาก การชักตัวอย่างและเกณฑ์ตัดสิน การทดสอบ ภาคผนวก ก. และภาคผนวก ข. #### จำนวนหน้า : ๒๑ หน้า #### ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๘๐-๒๐๓-๑ #### ICS : ๕๕.๐๘๐; ๖๗.๒๕๐; ๔๓.๑๔๐.๙๙ #### สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๒๔๔๐-๒๔๔๑ #### สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 1914.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเก็บตัวอย่างวัตถุอันตรายเท่าที่จำเป็น เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี และการสั่งให้ส่งวัตถุอันตรายออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๒/๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยาโดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความใน มาตรา ๑๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒ เมื่อปรากฏต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาว่ามีการนำเข้าหรือนำผ่าน วัตถุอันตรายตามมาตรา ๕๒/๒ วรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างวัตถุอันตรายเพื่อเป็น พยานหลักฐานในการดำเนินคดี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) เก็บตัวอย่างวัตถุอันตรายเพื่อเป็นตัวแทนของวัตถุอันตรายทั้งหมด ในปริมาณเท่าที่จำเป็น และเพียงพอต่อการดำเนินคดี และการตรวจวิเคราะห์ช้ำทางห้องปฏิบัติการ (๒) วิธีการเก็บตัวอย่างต้องดำเนินการโดยมีส่วนร่วมระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งนี้ รายละเอียดวิธีการเก็บตัวอย่างให้เป็นไปตามสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด (๓) การเก็บรักษาตัวอย่างวัตถุอันตรายอาจเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา หรือสถานที่เก็บรักษาของผู้นำเข้าหรือนำผ่าน หรือสถานที่ที่เหมาะสมได้ตามความจำเป็น โดยต้องไม่เป็นอันตรายต่อบุคคล สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม และไม่ทำให้วัตถุอันตรายที่เก็บรักษาไว้ เสียหายหรือสูญหายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ข้อ ๓ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านส่งวัตถุอันตรายที่เหลือจากการ เก็บตัวอย่างตามข้อ ๒ ออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเร่งด่วน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) ให้ผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านส่งออกไปซึ่งวัตถุอันตรายเพื่อคืนให้แก่ผู้ผลิตหรือผู้จัดส่ง วัตถุอันตรายนั้น หรือเพื่อการอื่นตามความเหมาะสมก็ได้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รับคำสั่ง (๒) ให้ผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านแจ้งแผนการเก็บรักษาและการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร วิธีการและสถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายระหว่างรอการส่งออกไปนอกราชาณาจักรต่อสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ภายในเจ็ดวันนับแต่วันได้รับคำสั่ง (๓) การสั่งให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรมีให้ขยายระยะเวลา เว้นแต่กรณีมีเหตุสุดวิสัย และ เหตุดังกล่าวเป็นผลให้ไม่อาจส่งออกไปได้ ให้ผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านขออนุญาตขยายระยะเวลาส่งออก ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทั้งนี้ การอนุญาตให้ขยายระยะเวลากระทำได้ไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสิบห้าวัน (๔) เมื่อส่งวัตถุอันตรายออกไปแล้ว ให้ผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านรายงานผลการดำเนินการพร้อม ส่งหลักฐานการส่งออกไปสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ส่งออก แล้วเสร็จ ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา" 1915.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกำหนดค่าใช้จ่ายในการเก็บตัวอย่างวัตถุอันตรายเท่าที่จำเป็น เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี และการสั่งให้ส่งวัตถุอันตรายออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๒/๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความใน มาตรา ๑๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒ คำใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการสั่งการของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตามมาตรา ๕๒/๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) ให้ค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านวัตถุอันตราย (ก) ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาตัวอย่างวัตถุอันตรายเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน ในการดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และค่าใช้จ่ายในการจัดการกับตัวอย่างวัตถุอันตรายดังกล่าว เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว (ข) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการส่งวัตถุอันตรายที่เหลือจากการเก็บตัวอย่างออกไปนอกราชอาณาจักร (ค) ค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกิดขึ้นจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีคำสั่ง ให้ส่งวัตถุอันตรายออกไปนอกราชอาณาจักร นอกจากเหนือจาก (ก) และ (ข) ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไม่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ที่เกิดขึ้นจากการดังกล่าวนี้ (๒) วิธีการชำระค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านวัตถุอันตราย กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา" 1917.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๕๓) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา” หมายความว่า กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ข้อ ๒ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ตามมาตรา ๔ (๑) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ข้อ ๓ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาค ให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาผ่านระบบทบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ตามมาตรา ๔ (๒) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ จะต้องเป็นเงิน ทรัพย์สินหรือสินค้าก็ได้ ในกรณีที่บริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อการบริจาค ต้องมีหลักฐาน การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจำนวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าว เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (๒) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคำนวณหักค่าเสียหาย และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (๓) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่สามารถพิสูจน์ได้เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมา ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร (๔) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจำนวนไม่เกินราคา ที่พึงซื้อได้โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑๕) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ ๔ การบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาให้ใช้ข้อมูลการบริจาค ที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ตามมาตรา ๔ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยผู้ที่ใช้สิทธิ ยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ กุลยา ตันติติเมธิ อธิบดีกรมสรรพากร" 192.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุ ตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ ๑ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ท าสีเครื่องจักร ระดับ ๑ ๑.๑ การทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เป็นการทดสอบความรู้ ความเข้าใจ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ 60 นาที คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๙๐ นาที คิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยมีทั้งหมด ๔ งาน ดังนี้ (๑) ปฏิบัติตามข้อก าหนดและความปลอดภัยใ นการท างาน (๒) ปฏิบัติงานสีตามแบบสั่งผลิต (๓) ตรวจสอบคุณภาพงานสี (๔) จัดเก็บและท าความสะอาดอุปกรณ์พ่นสี ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบภาคความสามารถทั้ง ๔ งาน ในแต่ละงาน ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกงานที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศก าหนด ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบได้คะแนนภาคความรู้ ความเข้าใจ ไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านการเกณฑ์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ ๑ ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 1923.pdf,"# ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๐๒๙/๒๕๖๓ เรื่อง กำหนดมาตรฐานทั่วไปในการระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนด มาตรฐานทั่วไปในการระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ ข้อ ๑๗ และข้อ ๒๙ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ผู้ว่าการจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๗๖/๒๕๖๐ เรื่อง กำหนดมาตรฐานทั่วไปในการระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “นิคมอุตสาหกรรม” หมายความว่า นิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรี หรือทั้งสองเขต “น้ำเสีย” หมายความว่า น้ำที่ผ่านการใช้แล้วทุกชนิดที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการ หรือกิจกรรมอื่นในนิคมอุตสาหกรรม ยกเว้น น้ำที่เกิดขึ้นจากการล้างทำความสะอาดแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ที่ติดตั้งในสถานประกอบกิจการ ทั้งในรูปแบบการติดตั้งบนพื้นดิน บนหลังคา และแบบทุ่นลอยน้ำ ซึ่งต้องไม่มีการใช้สารละลายหรือการใช้สารเคมีในการทำความสะอาด “ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง” หมายความว่า สิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินงาน ของผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้จัดให้มีไว้สำหรับบำบัดน้ำเสียจากการประกอบกิจการ หรือกิจกรรมอื่นในนิคมอุตสาหกรรม “ระบบระบายน้ำเสีย” หมายความว่า ระบบของท่อ พร้อมทั้งส่วนประกอบต่าง ๆ สำหรับรวบรวม และระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม “ระบบระบายน้ำฝน” หมายความว่า ระบบของท่อหรือรางระบายน้ำ พร้อมทั้งส่วนประกอบต่าง ๆ สำหรับรวบรวมและระบายน้ำฝน “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมหรือการบริการ หรือพาณิชยกรรมในนิคมอุตสาหกรรม ข้อ ๓ ระบบระบายน้ำเสียที่จะระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม จะต้องดำเนินการออกแบบก่อสร้างระบบระบายน้ำตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ท่อระบายน้ำเสียต้องเป็นระบบท่อปิด (๒) ระบบระบายน้ำเสียต้องแยกออกจากกระบบน้ำฝืนโดยเด็ดขาด (๓) ต้องมีช่องตรวจคุณภาพน้ำ (Inspection Manhole) อย่างน้อย ๑ บ่อนภายในสถานประกอบกิจการ ก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงสู่ระบบระบายน้ำเสียส่วนกลาง (๔) ต้องมีช่องเก็บกักขนาดเหมาะสมเพียงพอที่จะปรับปรุงคุณลักษณะของน้ำเสียให้คงที่ ในกรณีที่น้ำเสียมีคุณลักษณะเปลี่ยนแปลงมากในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงสู่ระบบระบายน้ำเสียส่วนกลาง (๕) จะต้องมีประตูน้ำปิด – เปิด ก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงท่อระบายน้ำเสียส่วนกลาง (๖) การเชื่อมต่อท่อน้ำเสียเข้าท่อระบายน้ำเสียส่วนกลาง จะต้องต่อท่อจากบ่อตรวจคุณภาพน้ำ (Inspection Manhole) ของสถานประกอบกิจการ เชื่อมกับบ่อพักน้ำเสีย (Manhole) ที่ ถนนได้จัดเตรียมไว้ให้ โดยต้องเชื่อมรอยต่อให้สนิทเพื่อป้องกันน้ำซึมเข้า - ออก ข้อ ๔ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการระบายน้ำสารเคมีผลิตจากการรับรองและการบำบัดน้ำเสียลงสู่ ระบบน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม เช่น สารที่มีความหนืดสูง สารที่จับหรือตกตะกอนในท่อระบายน้ำแล้วทำให้อุดตัน หรือวัสดุที่ทำให้อุดตัน ตะกอนแคลเซียมคาร์บิด (Calcium carbide Sludge) หรือสารตัวทำละลาย (Solvent) เป็นต้น ข้อ ๕ กำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำเสียที่จะระบายน้ำลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง ในนิคมอุตสาหกรรมไว้ ดังต่อไปนี้ (๑) ความเป็นกรดและด่าง (pH) ตั้งแต่ ๕.๕ ถึง ๙.๐ (๒) อุณหภูมิ (Temperature) ไม่เกิน ๔๕ องศาเซลเซียส (๓) สี (Color) ไม่เกิน ๖๐๐ เอเดิมไอ (๔) ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (Total Dissolved Solids หรือ TDS) ไม่เกิน ๓,๐๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๕) ของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solids) ไม่เกิน ๒๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๖) บีโอดี (Biochemical Oxygen Demand) ที่อุณหภูมิ ๒๐ องศาเซลเซียส เวลากำจัด ๕ วัน ไม่เกิน ๕๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๗) ซีเอโดดี (Chemical Oxygen Demand) ไม่เกิน ๗๕๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๘) ซัลไฟด์ (Sulfide) ไม่เกิน ๑ มิลลิกรัมต่อลิตร (๙) ไซยาไนด์ (Cyanides HCN) ไม่เกิน ๐.๒ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๐) น้ำมันและไขมัน (Fat Oil and Grease) ไม่เกิน ๑๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๑) ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ไม่เกิน ๑ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๒) สารประกอบฟีนอล (Phenols Compound) ไม่เกิน ๑ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๓) คลอรี่อิสระ (Free Chlorine) ไม่เกิน ๑ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๔) สารฆ่าศัตรูพืชและสัตว์ (Pesticide) ต้องตรวจไม่พบ (๑๕) ทีเคเอ็น (Total Kjeldahl Nitrogen) ไม่เกิน ๑๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๖) ฟลูออไรด์ (Fluoride) ไม่เกิน ๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๗) สารซักฟอก (Surfactants) ไม่เกิน ๓๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘) โลหะหนัก มีค่าดังนี้ (๑๘.๑) สังกะสี (Zinc) ไม่เกิน ๕.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๒) โครเมียมเฮกซะวาเลนท์ (Hexavalent Chromium) ไม่เกิน ๐.๒๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๓) โครเมียมไตรวาเลนท์ (Trivalent Chromium) ไม่เกิน ๐.๗๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๔) สารหนู่ (Arsenic) ไม่เกิน ๐.๒๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๕) ทองแดง (Copper) ไม่เกิน ๒.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๖) ปรอท (Mercury) ไม่เกิน ๐.๐๐๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๗) แคดเมียม (Cadmium) ไม่เกิน ๐.๐๓ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๘) แบเรียม (Barium) ไม่เกิน ๑.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๙) ซีลียเนียม (Selenium) ไม่เกิน ๐.๐๒ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๑๐) ตะกั่ว (Lead) ไม่เกิน ๐.๒ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๑๑) นิกเกิล (Nickel) ไม่เกิน ๑.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๑๒) แมงกานีส (Manganese) ไม่เกิน ๕.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๑๓) เงิน (Silver) ไม่เกิน ๑.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘.๑๔) เหล็กทั้งหมด (Total Iron) ไม่เกิน ๑๐.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร ข้อ 5 การตรวจสอบค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำเสียที่จะระบายน้ำสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม ตามข้อ 5 ให้ใช้วิธี ดังต่อไปนี้ (a) ความเป็นกรดและด่าง ให้ใช้เครื่องวัดความเป็นกรดและด่างของน้ำ (pH Meter) ที่มีความละเอียดไม่ต่ำกว่า ๐.๑ หน่วย (b) อุณหภูมิ ให้ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิวัดขณะทำการเก็บตัวอย่าง (c) สี ให้ใช้วิธีเอดีเอ็มไอ (ADMI Method) (d) ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด ให้ใช้วิธีกระเทียมตัวอย่างที่กรองผ่านกระดาษกรองใยแก้ว (Glass Fiber Filter Disk) และอบแห้งที่อุณหภูมิ ๑๘๐ องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย ๑ ชั่วโมง (e) ของแข็งแหวนลอยทั้งหมด ให้ใช้วิธีกระเทียมผ่านกระดาษกรองใยแก้ว (Glass Fiber Filter Disk) และอบแห้งที่อุณหภูมิ ๑๐๓ - ๑๐๕ องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย ๑ ชั่วโมง (b) ปีโอดี ให้ใช้วิธีบ่มตัวอย่างที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน และหาค่าออกซิเจนละลายด้วยวิธีเอไซด์โมดิไฟเคชั่น (Azide Modification) หรือวิธีเมมเบรนอิเลคโทรด (Membrane Electrode) (c) ซีโอไดด์ ให้ใช้วิธีย่อยสลายนโดยใช้โพแทสเซียมไดโครเมต (Potassium Dichromate) (d) ซัลไฟต์ ให้ใช้วิธีไอโอโดเมตริก (Iodometric Method) หรือวิธีเมทิลีนบลู (Methylene Blue Method) (e) ไชยาในด์ ให้ใช้การกลั่น (Distillation) และตรวจวัดด้วยวิธีเทียบสี (Colorimetric Method) หรือวิธี Flow Injection Analysis (f) น้ำมันและไขมัน ให้ใช้วิธีสกัดด้วยเทคนิค Liquid-Liquid Extraction หรือ Soxhlet Extraction ด้วยตัวทำละลายแล้วแยกหาน้ำหนักของน้ำมันและไขมัน (g) ฟอร์มาลดีไฮด์ ให้ใช้วิธีเทียบสี (Colorimetric Method) (h) สารประกอบฟินอล ให้ใช้การกลั่น (Distillation) และตรวจวัดด้วยวิธีเทียบสี (Colorimetric Method) (i) คลอร์รินอิสระ ให้ใช้วิธีไทตริเมตริก (Titrimetric Method) หรือวิธีเทียบสี (Colorimetric Method) (j) สารฆ่าศัตรูพืชและสัตว์ ให้ใช้วิธีกำจัดโครมาโตกราฟิค (Gas-Chromatographic Method) หรือวิธีไฮเพอร์ฟอร์แมนซ์ ลิควิด โครมาโตกราฟิค (High-Performance Liquid Chromatographic Method) (k) ทีเคเอ็น ให้ใช้วิธีเจลดากัล (Kjeldahl) (l) ฟลูออไรด์ ให้ใช้วิธี SPADNS Coloric Method (m) สารซักฟอก ให้ใช้วิธีเอ็มบีเอส (Methylene Blue Active Substances: MBAS) (n) โลหะหนัก (๑๘.๑) สังกะสี ทองแดง แคดเมียม แบเรียม ตะกั่ว นิกเกิล และแมงกาเนียส ให้ใช้วิธีย่อยสลายนด้วยกรด (Acid Digestion) และวัดหาปริมาณโลหะด้วยวิธีอะตอมมิคแอบซอฟชั่น เสเปคโทรเมตตรี (Atomic Absorption Spectrometry: AAS) หรือวิธีอินดักท์ฟลีคัพเพิลลาสม่า (Inductively Coupled Plasma) (๑๘.๒) โครเมียม (ก) โครเมียมทั้งหมด ให้ใช้วิธีย่อยสลายนด้วยกรด (Acid Digestion) และวัดหาปริมาณโลหะด้วยวิธีอะตอมมิคแอบซอฟชั่นเสปกโทรเมตตรี (Atomic Absorption Spectrometry: AAS) หรือวิธีอินดักท์ฟลีคัพเพิลลาสม่า (Inductively Coupled Plasma) (ข) โครเมียมเอกชนวาเลนท์ ให้ใช้วิธีเทียบสี (Colorimetric Method) หรือวิธีสกัด และตรวจวัดด้วยวิธีอะตอมมิคแอบซอฟชั่นเสปกโทรเมตตรี (Atomic Absorption Spectrometry: AAS) หรือวิธีสกัดและตรวจวัดด้วยวิธีอินดักท์ฟลีคัพเพิลลาสม่า (Inductively Coupled Plasma) (ค) โครเมียมไตรวาเลนท์ ให้ใช้วิธีคำนวณจากค่าส่วนต่างของโครเมียมทั้งหมด กับโครเมียมเฮกซะวาเลนท์ (๑๘.๓) สารหนูและซีลีเนียม ให้ใช้วิธีอะตอมมิกแอบซอฟชั่นสเปคโทรเมตรี (Atomic Absorption Spectrometry: AAS) ชนิดไฮโดรเจนอเรเซ็น (Hydride Generation) หรือวิธีอินดักที่ไฟล์คัฟเพิลพลามะ (Inductively Coupled Plasma) (๑๘.๔) ปรอท ให้ใช้วิธีโคลด์เวเปอร์อะตอมมิกแอบซอฟชั่นสเปคโทรเมตรี (Cold Vapor Atomic Absorption Spectrometry) หรือวิธีโคลด์เวเปอร์อะตอมมิกฟลูออเรสน์สเปคโทรเมตรี (Cold Vapor Atomic Fluorescence Spectrometry) หรือวิธีอินดักที่ไฟล์คัฟเพิลพลามะ (Inductively Coupled Plasma) (๑๘.๕) เจน ให้ใช้วิธีอะตอมมิกแอบซอฟชั่นสเปคโทรเมตรี (Atomic Absorption Spectrometry: AAS) ชนิด Direct Air-Acethylene Flame หรือชนิด Extraction and Air-Acylene Flame หรือวิธี Inductively Coupled Plasma (ICP) Method (๑๘.๖) เหล็กทั้งหมด (Total Iron) ให้ใช้วิธีอะตอมมิกแอบซอฟชั่นสเปคโทรเมตรี (Atomic Absorption Spectrometry: AAS) ชนิด Direct Air-Acethylene Flame หรือชนิด Extraction and Air-Acylene Flame หรือวิธี Inductively Coupled Plasma (ICP) Method หรือวิธี Phenanthroline Method หรือวิธี Electrothermal Atomic Absorption Spectrometric Method ข้อ ๗ การตรวจสอบค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำเสียตามข้อ ๖ ให้เป็นไปตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด หรือให้เป็นไปตามคู่มือวิเคราะห์น้ำและน้ำเสีย ของสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย หรือ Standard Methods for the Examination of Water and Wastewater ซึ่ง American Public Health Association, American Water Work Association และ Water Environment Federation ของประเทศสหรัฐอเมริกากำหนด หรือตามที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้วแต่กรณีก็ได้ การตรวจวัดหรือตรวจวิเคราะห์ตามวรรคหนึ่ง ต้องดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ ที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของราชการว่า มีความสามารถในการตรวจวัดหรือตรวจวิเคราะห์ คุณลักษณะน้ำเสียในพารามิเตอร์นั้น ข้อ ๘ มาตรฐานคุณภาพน้ำเสียที่ผู้ประกอบกิจการจะระบายน้ำเสียสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง ในนิคมอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ เว้นแต่ในกรณีในรายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดไว้ แตกต่างกับประกาศนี้ ก็ให้ปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าวนั้น กรณีนิคมอุตสาหกรรมใดได้จัดทำบัญชีฐานข้อมูลการระบายน้ำเสียไว้ ให้กำหนดมาตรฐาน คุณภาพน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางให้แตกต่างจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ก็ได้ ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเห็นชอบ จากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสำนักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และได้รับอนุญาตจาก กนอ. ก่อน ข้อ ๙ กรณีมาตรฐานคุณภาพน้ำเสียที่ผู้ประกอบกิจการจะระบายน้ำเสียส่วนกลาง ในนิคมอุตสาหกรรมไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ หรือไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบกิจการจะต้องก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียเบื้องต้นที่มีขนาดและประสิทธิภาพเพียงพอ ที่จะปรับปรุงคุณภาพน้ำเสียของสถานประกอบการของตนให้มีคุณลักษณะตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ หรือตามที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าวก่อนระบายน้ำเสียทุกส่วน ลงสู่ระบบน้ำเสียส่วนกลาง ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ วิธิศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย" 1925.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๓๒ ก หน้า ๑ ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาลไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
# กฎกระทรวง ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช ๒๔๗๙ พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ (๓) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๘ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุม การก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช ๒๔๗๙ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช ๒๔๗๙ เพื่อลดภาระของประชาชนที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายหลายฉบับในท้องที่เดียวกัน เนื่องจากในท้องที่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สมุทรปราการ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแต่ละประเภทแล้ว จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 1927.pdf,"# ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๒ ของกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จึงออกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัย การผลิตทางการเกษตร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในลำดับที่ ๔.๖ ๔.๘ ๔.๒๖ ๔.๒๗ ๔.๒๘ และ ๔.๓๐ ของข้อ ๔ แห่งประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน | รายการ | ถุงละ | บาท | | --- | --- | --- | | ""๔.๖ หัวเชื้อไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย | ถุงละ | ๖๐ | | ๔.๘ ใส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย | กล่องละ | ๑๒๐ | | (ชนิดเจล) | | | | ๔.๒๖ ปุ๋ยชีวภาพฟิจิฟอร์ ๑ | ถุงละ | ๗๐ | | | (๕๐๐ กรัม) | | | ๔.๒๗ ปุ๋ยชีวภาพฟิจิฟอร์ ๒ | ถุงละ | ๗๐ | | | (๕๐๐ กรัม) | | | ๔.๒๘ ปุ๋ยชีวภาพฟิจิฟอร์ ๓ | ถุงละ | ๗๐ | | | (๕๐๐ กรัม) | | | ๔.๓๐ หัวเชื้อฉูดินทรีย์ย่อยสลายวัสดุอินทรีย์ | ถุงละ | ๕๐ | | | (๕๐๐ กรัม) | | ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นลำดับที่ ๔.๔๔ ของข้อ ๔ แห่งประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๖ “๔.๔๔ ถ่านชีวภาพ (Biochar) จากตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์/โคนทองใบปาล์มน้ำมัน ลิตรละ ๖๐ บาท” ประกาศ ณ วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ รพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร" 1929.pdf,"ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดสรรเงิน กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๗ วรรคสอง แห่งระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การของเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๖๗ คณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ การจัดสรรเงินกองทุนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ให้จัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุนตามข้อ ๗ (๔) จ่ายเป็นเงินให้กู้ยืมตามข้อ ๗ (๕) และจ่ายเป็นเงินทดรองจ่ายตามข้อ ๗ (๖) แห่งระเบียบคณะกรรมการ บริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติ เงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๖๗ ได้ไม่เห็นร้อยละแปดสิบของเงินกองทุน ในแต่ละปี (๒) ให้จัดสรรเงินดอกผลของกองทุนเพื่อจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุนตามข้อ ๗ (๑) (๒) และ (๓) แห่งระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือ และเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืน แก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๖๗ ได้ไม่เห็นร้อยละ เจ็ดสิบห้าของเงินดอกผลของกองทุนต่อปี ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ โสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประธานกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน" 193.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่าง เครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๒ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไน เครื่องมือตัด ระดับ ๒ ๑.๑ การทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เป็นการทดสอบความรู้ ความเข้าใจ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ 60 นาที คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบ จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการปฏิบัติงานเจียระไนเครื่องมือตัด ประเภท ดอกกัดข้าง (Side End Mill) และดอกกัดข้างและผิวหน้า (Keyway End Mill) เลือกและเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๒ รวมทั้งตรวจสอบ คุณภาพของเครื่องมือตัดที่เจียระไน ใช้เวลาในการทดสอบ 60 นาที คิดเป็นร้อยละแปดสิบ ของคะแนนทั้งหมด โดยมีทั้งหมด 4 งาน ดังนี้ (๑) สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (๒) เลือกและเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์การเจียระไนเครื่องมือตัดประเภทที่ 2 (๓) ปฏิบัติงานเจียระไนเครื่องมือตัดประเภทดอกสว่านแบบขั้นบันได ( Step Drill) (4) ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือตัด ประเภท 2 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบภาคความสามารถทั้ง 4 งาน ในแต่ละงาน ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกงานที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศก าหนด ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๒ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบได้คะแนนภาคความรู้ ความเข้าใจ และ ภาคความสามารถรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบสี่ของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๒ ๒.๒ กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนรวมผ่านการทดสอบร้อยละเจ็ดสิบสี่ แต่ได้คะแนนภาคความสามารถในงานใดงานหนึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ที่ก าหนด ให้สามารถเข้ารับการทดสอบ ใหม่ในงานนั้น ๆ ภายในระยะเวลา ๑๒ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผล ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 1935.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๖/๒๕๖๗ เรื่อง การปรับปรุงมาตรการส่งเสริมเพื่อฟื้นฟูชุมชนและสังคม เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 จากภาคการเกษตร อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๙/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และประกาศ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เรื่อง มาตรการ ส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูชุมชนและสังคม เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผลิตน้ำตาลทรายซึ่งเป็นผู้รับซื้ออ้อยที่เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิต สามารถสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนในเครือข่าย ในการลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ วรรคสอง มาตรา ๑๘ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังนี้ ข้อ ๑ กำหนดให้โครงการที่ขอรับการส่งเสริมในประเภทกิจการ ๑.๒.๗ กิจการผลิต น้ำตาลทราย สามารถขอรับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูชุมชน และสังคม ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เฉพาะกรณีการสนับสนุนการลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 จากภาคการเกษตร ตามที่สำนักงานเห็นชอบ เช่น การสนับสนุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการตัดต้นอ้อย หรืออัดใบอ้อยเพื่อส่งโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งจะช่วยลดการเผา เป็นต้น ข้อ ๒ ให้ได้รับวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ ๑๒๐ ของเงินลงทุน โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ข้อ ๓ ให้สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) ด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ ด้านการใช้พลังงานทดแทน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และด้านการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ ในโครงการเดียวกันได้ ข้อ ๔ ต้องยืนคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน ภายในวันทำการสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ปานประย์ พหิทรานุกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 1937.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๓๔ ก # หน้า ๕ ## พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ ## พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ ### พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้วิไว ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ ในบางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๔) พ.ศ. ๒๕๖๗” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้ “สถานประกอบกิจการ” หมายความว่า สถานที่ซึ่งผู้ประกอบกิจการใช้ประกอบกิจการ เป็นประจำหรือสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ผลิตสินค้าเป็นประจำ ""เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ"" หมายความว่า ท้องที่จังหวัดนครธิวาส จังหวัดปัตตานีและ จังหวัดยะลา มาตรา ๔ ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ในการหักภาษี ณ ที่จ่าย และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสามของเงินได้ สำหรับเงินได้เพิ่งประเมินที่ผู้มีเงินได้ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ซึ่งเมื่อคำนวณภาษีตามมาตรา ๕๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สูงกว่าร้อยละสามของเงินได้ ทั้งนี้ สำหรับเงินได้เพิ่งประเมิน ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ ในกรณีเงินได้เพิ่งประเมินตามวรรคหนึ่ง เมื่อคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย น้อยกว่าร้อยละสามของเงินได้ ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธิได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ เมื่อผู้มีเงินได้นั้น ยอมให้ผู้จ่ายเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละสามของเงินได้นั้น มาตรา ๕ ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แล้วในอัตราร้อยละสามของเงินได้ เพิ่งประเมินตามมาตรา ๔ เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้เพิ่งประเมิน ได้รับยกเว้นไม่ต้อง นำเงินได้เพิ่งประเมินนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่ขอรับเงินภาษี ที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ในกรณีที่ผู้มีเงินได้มีเงินได้เพิ่งประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) และ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๕๐ แห่งประมวลรัษฎากรไว้แล้ว และมีสิทธิเลือกเสียภาษี ตามมาตรา ๔๘ (๓) และ (๔) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้มีเงินได้จะมีสิทธิได้รับการยกเว้นตามวรรคหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าในการยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้เพิ่งประเมิน ผู้มีเงินได้มิได้นำเงินได้เพิ่งประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) และ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินได้เพิ่งประเมินที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๔ มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ โดยต้องไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืน หรือไม่ขอเครดิตเงินภาษี ที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ในการได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ผู้มีเงินได้ต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้เพิ่งประเมิน ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาตรวคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย มาตรา ๖ ผู้มีเงินได้ที่จะได้รับสิทธิตามมาตรา ๔ และมาตรา ๕ ต้องมีคุณสมบัติ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) เป็นแรงงานฝีมือหรือผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีประกาศกำหนด (๒) เป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานโดยมีระยะเวลาการทำงานไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ในบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจและปฏิบัติงาน ตามสัญญาจ้างแรงงานในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นได้แจ้ง การจ้างลูกจ้างดังกล่าวต่อสำนักงานสรรพากรฟื้นที่ที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจก่อนจ่ายเงินได้ให้ลูกจ้างครั้งแรกของการจ้างแรงงาน โดยผู้มีเงินได้ดังกล่าวจะได้รับสิทธิ ลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่สำนักงานสรรพากรฟื้นที่นั้น ได้รับแจ้งจากบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น (๓) ก่อนเข้าทำงานกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (๒) เป็นแห่งแรกนับตั้งแต่วันที่ พระราชกฤษฎีกาขี้นี้มีผลใช้บังคับ ผู้มีเงินได้ต้องมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจและไม่ได้ ทำงานอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ หรือกรณีผู้มีเงินได้ได้ทำงานในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจมาก่อน การเข้าทำงานกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (๒) จะต้องเป็นการเข้าทำงานเมื่อพ้นกำหนด หนึ่งปีนับแต่วันที่การจ้างงานในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจครั้งก่อนได้สิ้นสุดลง เว้นแต่ในกรณีที่เป็น การลาออกหรือมีเหตุให้สัญญาจ้างแรงงานสิ้นสุดลงและผู้มีเงินได้ได้เข้าทำงานกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลตาม (๒) รายใหม่ โดยมีระยะเวลาต่อเนื่องจากการจ้างงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตาม (๒) รายเดิม (๔) ในปีภาษีที่ผู้มีเงินได้ใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ ผู้มีเงินได้ต้องอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันในปีภาษีนั้น โดยต้องมีหลักฐานการอยู่อาศัยที่ได้รับการรับรองจากนายจ้าง หรือเจ้าของสถานที่ที่พักอาศัยและเก็บหลักฐานนั้นไว้เพื่อให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบ (๕) กรณีประสงค์จะยกเลิกการใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตาม (๒) แจ้งต่อสำนักงานสรรพากรฟื้นที่ที่ได้แจ้งการจ้างลูกจ้าง เพื่อขอใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ (๖) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด มาตรา ๗ ให้ผู้มีเงินได้ชื่อได้รับสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัฐฎากร (ฉบับที่ ๗๓๑) พ.ศ. ๒๕๖๔ กรณีดังต่อไปนี้ และมีคุณสมบัติ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามมาตรา ๖ (๑) (๒) (๔) (๕) และ (๖) ได้รับสิทธิ ตามมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกานี้ด้วย (๑) ผู้มีเงินได้ที่ยังคงทำงานกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจรายเดิมในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ (๒) ผู้มีเงินได้ที่ได้ลาออกจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจรายเดิม และต่อมาได้เข้าทำงานกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจไม่ว่ารายเดิมหรือรายใหม่ มาตรา ๘ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่มีสถานประกอบกิจการอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายจริง ดังนี้ (๑) สำหรับเงินลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนซึ่งเป็นการเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลอื่นที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเท่านั้น และบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องนำเงินลงทุนไปใช้ในการประกอบกิจการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเท่านั้น (๒) สำหรับเงินลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบกิจการ ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเท่านั้น และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นนั้น ต้องนำเงินลงทุนไปใช้ในการประกอบกิจการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเท่านั้น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับสิทธิยกเว้นตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ขายหรือโอนหุ้น หรือการเป็นหุ้นส่วนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ลงทุน เว้นแต่ได้ขายหรือโอนหุ้นหรือการเป็น หุ้นส่วนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ลงทุนโดยมีเหตุฉุกเฉินความจำเป็นที่ธิบดีประกาศกำหนด ทั้งนี้ ต้องเป็นการลงทุนตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด มาตรา ๙ กรณีที่มีการใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้หรือยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับ และต่อมาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ และมาตรา ๘ ในปีภาษีใดหรือรอบระยะเวลาบัญชีใด แล้วแต่กรณี ให้มีผลดังนี้ (๑) กรณีไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๖ และมาตรา ๗ ในปีภาษีใด ให้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้เป็นอันระงับไปเฉพาะปีภาษีนั้น (๒) กรณีไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๘ ให้สิทธิที่จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับ สิ้นสุดลง และให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำเงินได้ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้ว มารวมคำนวณเป็นรายได้ เพื่อเสียภาษีเงินได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธินั้น มาตรา ๑๐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกาฉบับ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เศรษฐาทรวิสิน นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรการส่งเสริมการร่วมกันระหว่างกิจการที่มีศักยภาพนอกเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจกับกิจการที่จัดตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร(ฉบับที่ ๗๓๑) พ.ศ. ๒๕๖๔ มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจอย่างต่อเนื่อง สมควรลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้ที่ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่อยู่นอกเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจที่ลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้" 1938.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๓๔ ก หน้า ๑๐ ราชกิจจานุเบกษา ๕ มิถุนายน ๒๕๖๗
**Observation:** ภาพแสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำและขาว ครุฑมีปีกกางออก และสวมเครื่องประดับ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นสีดำและขาวของครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย ครุฑมีปีกกางออกและสวมเครื่องประดับ
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๕) พ.ศ. ๒๕๖๗ # พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ## ให้วิไว้ ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า ""พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๕) พ.ศ. ๒๕๖๗"" มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้ ""สถานประกอบกิจการ"" หมายความว่า สถานที่ซึ่งผู้ประกอบกิจการใช้ประกอบกิจการเป็นประจำหรือสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ผลิตสินค้าเป็นประจำ ""เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ” หมายความว่า ท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภออเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อยและจังหวัดสตูล มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๒ และส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ณ สถานประกอบกิจการที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ดังต่อไปนี้ (๑) สำหรับบุคคลธรรมดา ซึ่งมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๕) (๖) (๗) และ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร และมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ที่ได้จ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ (๒) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ที่ได้จ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดดังกล่าว สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ การได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนดมาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกาฉบับ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุน ให้มีการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ มีผลใช้บังคับ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อเป็นการส่งเสริมและจูงใจให้เกิดการค้าและการลงทุนใน เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สร้างความเชื่อมั่นและช่วยรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และผู้ประกอบการ รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการดำเนินการของภาครัฐในการสร้างความสงบและความมั่นคง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ณ สถานประกอบกิจการ ที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้" 1940.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๓๔ ก หน้า ๑๗ ราชกิจจานุเบกษา ๕ มิถุนายน ๒๕๖๗
**Observation:** ภาพแสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑพ่าห์สีดำและขาว ครุฑมีปีกกางออก และยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ พื้นหลังเป็นลายไทยแบบดั้งเดิม **Context Analysis:** ครุฑพ่าห์เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดเส้นของครุฑพ่าห์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย โดยใช้ลายไทยแบบดั้งเดิมเป็นพื้นหลัง
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๗) พ.ศ. ๒๕๖๗ # พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้วิไว้ ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในบางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า ""พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๗) พ.ศ. ๒๕๖๗"" มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้ ""การขาย"" หมายความว่า จำหน่าย จ่าย หรือโอนสินค้า โดยมีหรือไม่มีประโยชน์หรือค่าตอบแทน และให้หมายความรวมถึงสัญญาให้เช่าซื้อสินค้า สัญญาซื้อขายผ่อนชำระที่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอนไปยังผู้ซื้อเมื่อมีการส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อแล้ว และการส่งสินค้าออกจากราชอาณาจักร ""สินค้า"" หมายความว่า ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ที่มีไว้เพื่อขายเท่านั้น ""บริการ"" หมายความว่า การกระทำใด ๆ อันอาจหาประโยชน์อันมีมูลค่าซึ่งมิใช่เป็นการขายสินค้า ""กิจการที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมาย"" หมายความว่า กิจการที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมายดังต่อไปนี้ซึ่งใช้เทคโนโลยีหลักเป็นฐานในการผลิตและการให้บริการตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติกำหนด และได้รับการรับรองจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (๑) อุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร (๒) อุตสาหกรรมเพื่อประหยัดพลังงาน ผลิตพลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด (๓) อุตสาหกรรมฐานเทคโนโลยีชีวภาพ (๔) อุตสาหกรรมการแพทย์และสาธารณสุข (๕) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมบริการ และอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (๖) อุตสาหกรรมวัสดุก้าวหน้า (๗) อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องประดับ (๘) อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน (๙) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และบริการสารสนเทศ (๑๐) อุตสาหกรรมฐานการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรืออุตสาหกรรมใหม่ ""รายได้เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการ"" หมายความรวมถึง (๑) รายได้จากการจำหน่ายผลพลอยได้และสินค้ากึ่งสำเร็จรูปในกิจการที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมาย (๒) รายได้จากการจำหน่ายเครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ และทรัพย์สินบรรดาที่ใช้ในกิจการที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมาย และหมดสภาพหรือไม่เหมาะสมที่จะใช้งานต่อไป (๓) รายได้อื่นของกิจการที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมายตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ""สถานประกอบกิจการ"" หมายความว่า สถานที่ซึ่งผู้ประกอบกิจการใช้ประกอบกิจการเป็นประจำ หรือสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ผลิตสินค้าเป็นประจำ ""เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ” หมายความว่า ท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากรสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องมีคุณสมบัติและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ (๒) มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเท่านั้น (๓) มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาทและมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสามสิบล้านบาท (๔) มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจของกิจการที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือรายได้เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของรายได้ทั้งหมดในรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น (๕) ยื่นคำร้องขอและได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีประกาศกำหนด (๖) ไม่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน (๗) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด การให้บริการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามวรรคหนึ่ง ให้หมายถึงบริการที่ทำในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยไม่คำนึงว่าการใช้บริการนั้นจะอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจหรือนอกเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ มาตรา ๕ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔ ให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิเป็นระยะเวลา ห้ารอบระยะเวลาบัญชีนับแต่วันถัดจากวันที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ยื่นคำร้องขอและได้รับอนุมัติจากอธิบดี ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก หรือ เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๓๔ ก หน้า ๒๐ ราชกิจจานุเบกษา ๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ (๒) ในกรณีที่มีการยื่นคำร้องขอและได้รับอนุมัติจากอธิบดีระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก แม้ว่ามีระยะเวลาน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ตาม ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขาดคุณสมบัติหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามมาตรา ๔ ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เป็นอันระงับ เฉพาะในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกาที่ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรายใหม่ที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรม เป้าหมายและตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัชฎากร (ฉบับที่ ๗๓๐) พ.ศ. ๒๕๖๔ มีผลใช้บังคับสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการประกอบอุตสาหกรรม เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง สมควรยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้" 1941.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๖๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุม คุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดแบบ บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัว พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๔ บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแนบท้ายนี้ ข้อ ๕ ให้อธิบดีกรมปศุสัตว์หรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมปศุสัตว์มอบหมาย เป็นผู้ออกบัตรประจำตัว พนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อ ๖ รูปถ่ายที่ติดบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ใช้รูปถ่ายที่ถ่ายไม่เกินหกเดือน ก่อนวันยื่นคำขอ มีบัตรประจำตัว ขนาด ๒.๕ x ๓.๐ เซนติเมตร ครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก และแว่นตาสีเข้ม แต่งเครื่องแบบปกติขาว หรือเครื่องแบบปฏิบัติราชการ ข้อ ๗ บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้มีกำหนดห้าปีนับแต่วันออกบัตร ข้อ ๘ บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ออกตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะหมดอายุหรือออกบัตรใหม่ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นี้ ประกาศ ณ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ร้อยเอ็ด ธรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ # แบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ๒๕๖๗ ## (ด้านหน้า)
**Observation:** The image shows a form with fields for personal and official information. There is a watermark indicating ""สำเนา"" (copy) at the top. **Text Recognition:** The text includes: * ""บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่"" (Card for identifying employees) * ""ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘"" (According to the Animal Food Quality Control Act B.E. 2558) * ""กรมปศุสัตว์"" (Department of Livestock Development) * ""กระทรวงเกษตรและสหกรณ์"" (Ministry of Agriculture and Cooperatives) * ""วันออกบัตร:/.../... บัตรหมดอายุ:/.../..."" (Date of Issue: _______________ Date of Expiry: _______________) * ""(ด้านหน้า)"" ((Front Side)) * ""๕.๕ ซ.ม."" (5.5 cm.) * ""๘.๕ ซ.ม."" (8.5 cm.) **Final Summary:** The image presents a card template for employee identification cards. It includes details about the card's purpose, the department responsible, the ministry that oversees it, and spaces for issue and expiry dates. The card is divided into two sections: a front section with smaller dimensions and a back section with larger dimensions.
## (ด้านหลัง)
**Observation:** The image shows a form with fields for personal and official information. A circular icon indicates a signature field. **Text Recognition:** The text includes: * ""เลขประจำตัวประชาชนผู้ถือบัตร"" (Identification Number of the National ID Card Holder) * ""รูปถ่าย"" (Photo) * ""ชื่อ"" (Name) * ""ตำแหน่ง"" (Position) * ""สังกัด"" (Affiliation) * ""เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘"" (As an employee according to the Animal Food Quality Control Act B.E. 2558) * ""ลายมือชื่อผู้มอบบัตร"" (Signature of the Issuer) * ""( )"" * ""ตำแหน่ง"" (Position) * ""ผู้ออกบัตร"" (Issuer) * ""(ด้านหลัง)"" ((Back Side)) * ""๕.๕ ซ.ม."" (5.5 cm.) * ""๘.๕ ซ.ม."" (8.5 cm.) **Final Summary:** The image is a form template for an identity card, likely for an employee. It requests personal information such as name, position, and affiliation, along with a photo and signature. The form also mentions the Animal Food Quality Control Act B.E. 2558, suggesting it complies with animal welfare regulations. The card is divided into two sections, with a front and back side, indicated by measurements in centimeters.
หมายเหตุ ประทับตรากรมปศุสัตว์ด้วยหมึกสีแดงที่มุมล่างด้านขวาของรูป" 1942.pdf,"ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง วิธีการแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่มาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติติว่าในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยให้เป็นสิทธิของผู้รับอนุญาต ที่จะแสดงใบอนุญาตนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการที่ผู้อนุญาตประกาศกำหนดก็ได้ โดยให้ถือว่าการแสดงเช่นว่านั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว สมควรกำหนดวิธีการแสดงใบอนุญาต ตามกฎหมายในความรับผิดชอบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาต” หมายความว่า เอกสารหลักฐานที่กฎหมายกำหนดให้ต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผย ดังต่อไปนี้ (๑) ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.๔) ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๒) ใบอนุญาตวัตถุอันตราย หรือใบแทน ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๓ ผู้รับอนุญาตสามารถเลือกแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๒ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) แสดงเป็นภาพผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (๒) แสดงเป็นคิวอาร์โค้ดที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถสแกนเพื่อเข้าถึงใบอนุญาต ที่เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือภาพอิเล็กทรอนิกส์ของใบอนุญาต ข้อ ๔ การแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๓ ต้องมีขนาดของภาพและความละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ รวมทั้งสามารถแสดงให้เห็นข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญของใบอนุญาตได้ครบถ้วน ผู้รับอนุญาตอาจเลือกแสดงภาพใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่ประกอบกิจการ มากกว่าหนึ่งใบหรือภาพผ่านหน้าจอเดียวกันก็ได้ แต่ต้องมีระยะเวลาแสดงภาพใบอนุญาตแต่ละใบ ไม่น้อยกว่าหัววินาที ข้อ ๕ เมื่อผู้รับอนุญาตเลือกแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามข้อ ๓ และ ผู้รับอนุญาตไม่ต้องแสดงใบอนุญาตไว้ โดยเปิดเผยตลอดเวลา ณ สถานที่ประกอบกิจการ อีกต่อไป แต่ต้องสามารถแสดงต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา เมื่อมีการตรวจสอบ หรือต่อประชาชนที่ขอตรวจดู ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม" 1943.pdf,"ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามหมวด ๔ การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ว.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกประกาศแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติหน้าที่และมีอำนาจตามหมวด ๔ การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ข้าราชการ และพนักงานราชการในสังกัดกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งดำรงตำแหน่ง ดังต่อไปนี้ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ มีหน้าที่และอำนาจปฏิบัติการตามหมวด ๔ แห่งพระราชบัญญัติ ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ (๑) อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ (๒) รองอธิบดี ผู้ตรวจราชการกรม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ ๑ - ๑๑ ผู้อำนวยการกองการจัดสรรน้ำ และผู้อำนวยการกลุ่มนิติการ ในสังกัดกรมทรัพยากรน้ำ (๓) วิศวกร วิศวกรโยธา นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นักอุทกวิทยา นักวิเคราะห์นโยบาย และแผน นายช่างโยธา นายช่างเทคนิค นายช่างเครื่องกล ซึ่งปฏิบัติราชการในกองการจัดสรรน้ำ กองวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำ และสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ ๑ - ๑๑ นิติกรซึ่งปฏิบัติราชการ ในสังกัดกรมทรัพยากรน้ำ ข้อ ๒ ให้ข้าราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มีหน้าที่และอำนาจปฏิบัติการ ตามหมวด ๔ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ เฉพาะในเขตท้องที่ของตน (๑) ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (๒) นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นักวิชาการทรัพยากรธรณี นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักวิชาการป่าไม้ เจ้าพนักงานป่าไม้ เจ้าพนักงานทรัพยากรธรณี นายช่างเทคนิค นายช่างรางวัล สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ข้อ ๓ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามประกาศนี้มีหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะของผู้รับใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม และมีหน้าที่และอำนาจตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๕๒ และมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" 1946.pdf,"# ประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง การทดสอบและตรวจสอบ ถังเก็บน้ำมัน ระบบท่อน้ำมัน และอุปกรณ์ ของสถานที่เก็บรักษาน้ำมัน ก่อนการใช้งาน ว.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๒ วรรคหนึ่ง ข้อ ๒๔ ข้อ ๗๐ วรรคหนึ่ง ข้อ ๗๔ ข้อ ๗๘ วรรคสอง และข้อ ๘๒ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาน้ำมัน พ.ศ. ๒๕๖๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ การทดสอบและตรวจสอบถังเก็บน้ำมันเหนือพื้นดินขนาดใหญ่ตามแนวตั้งที่อยู่ระหว่าง การก่อสร้างและติดตั้ง ต้องดำเนินการตามมาตรฐานการออกแบบกำหนดซึ่งมีรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (๑) แนวเชื่อมแบบต่อชน (butt weld) และแนวเชื่อมฉาก (fillet weld) ของถังต้องได้รับ การตรวจพิจารณา (๒) แนวเชื่อมของพื้นถัง (bottom plate) ต้องได้รับการทดสอบ ดังต่อไปนี้ (ก) แนวเชื่อมของพื้นถังต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบ โดยใช้กล่องสูญญากาศ (vacuum box) ที่มีแรงดูดไม่น้อยกว่า ๒๑ กิโลปาสกาล (๓ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) แต่ไม่เกิน ๓๕ กิโลปาสกาล (๕ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) และในกรณีที่ต้องการตรวจหารอยรั่วที่มีขนาดเล็กมาก ให้ทดสอบที่ความดันสูญญาอากาศ ที่ ๕๖ กิโลปาสกาล (๘ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ถึง ๗๐ กิโลปาสกาล (๑๐ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) (ข) แนวเชื่อมของบ่อรองรับน้ำหรือตะกอน (sump) ที่พื้นภายในถัง ต้องได้รับการทดสอบ ด้วยวิธีการตาม (ก) หรือการทดสอบด้วยวิธีสารแทรกซึม (liquid penetrant examination) (๓) แนวเชื่อมของผนังถัง (shell plate) แบบต่อชน (butt weld) ต้องได้รับการทดสอบ ด้วยวิธีถ่ายภาพด้วยรังสี (radiographic examination) หรือทดสอบด้วยวิธีคลื่นเสียงความถี่สูง ultrasonic examination) โดยมีรายละเอียดการทดสอบ ดังต่อไปนี้ (ก) แนวเชื่อมตั้ง ๑) แผ่นเหล็กที่มีความหนาไม่เกิน ๑๐ มิลลิเมตร ให้ตรวจสอบหนึ่งจุด ต่อระยะ ความยาวไม่เกิน ๓ เมตร ของแนวเชื่อมแรก หลังจากนั้นให้ตรวจสอบอีกหนึ่งจุด ต่อทุกระยะความยาว ไม่เกิน ๓๐ เมตร ในแต่ละชินิตรอยต่อและความหนา โดยจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ ของจุดที่เลือกนี้ ต้องอยู่ที่ตำแหน่งจุดเชื่อมต่อของแนวเชื่อมตั้งและแนวเชื่อมนอน (tee joint) และต้องไม่น้อยกว่า ๒ จุดต่อถัง นอกจากนั้นให้ตรวจสอบหนึ่งจุดในทุกแนวเชื่อมของผนังถังชั้นล่างสุดของถัง ๒) ในกรณีแผ่นเหล็กที่บางกว่าของรอยต่อนั้น ๆ มีความหนาเกิน ๑๐ มิลลิเมตร แต่ไม่เกิน ๒๕ มิลลิเมตร ให้ตรวจสอบตาม ๑) และให้เพิ่มการทดสอบทุกจุดเชื่อมต่อของแนวเชื่อมตั้ง และแนวเชื่อมนอน (tee joint) ของแนวเชื่อม โดยที่แต่ละตำแหน่งของจุดเชื่อมต่อของแนวเชื่อมตั้ง และแนวเชื่อมนอน (tee joint) ต้องแสดงภาพของรอยเชื่อมแนวตั้งไม่น้อยกว่า ๗๕ มิลลิเมตร และภาพแนวนอนไม่น้อยกว่า ๕๐ มิลลิเมตร ในแต่ละข้างของแนวเชื่อมตั้งด้วย นอกจากนี้แนวเชื่อมของเหล็กชั้นล่างสุดแต่ละแนวเชื่อมต้องตรวจสอบสองจุด โดยมีจุดที่ตรวจสอบอยู่ใกล้พื้นถังมากที่สุด เท่าที่จะกระทำได้อย่างน้อยหนึ่งจุด ๓) ในกรณีแผ่นเหล็กที่มีความหนาเกิน ๒๕ มิลลิเมตร ให้ทดสอบแนวเชื่อมตลอดความยาว และทุก ๆ จุดเชื่อมต่อของแนวเชื่อมตั้งและแนวเชื่อมนอน (tee joint) โดยที่แต่ละตำแหน่งของจุดเชื่อมต่อของแนวเชื่อมตั้งและแนวเชื่อมนอน (tee joint) ต้องแสดงภาพของรอยเชื่อมแนวตั้งไม่น้อยกว่า ๗๕ มิลลิเมตร และภาพรอยเชื่อมแนวนอนไม่น้อยกว่า ๕๐ มิลลิเมตร ในแต่ละข้างของแนวเชื่อมตั้ง (ข) แนวเชื่อมนอนทุกระยะความยาว ๓ เมตรแรกต้องได้รับการตรวจสอบหนึ่งจุดในแต่ละชนิดและความหนาของรอยต่อ หลังจากนั้นให้ตรวจสอบเพิ่มอีกหนึ่งจุด ทุกระยะความยาว ๖๐ เมตร ในแต่ละชนิดและความหนาของรอยต่อ (ค) การทดสอบแต่ละจุด จะต้องครอบคลุมความยาวของแนวเชื่อมอย่างน้อย ๑๕๐ มิลลิเมตร (ง) กรณีการทดสอบด้วยวิธีคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic examination) ให้ดำเนินการตามที่มาตรฐานการออกแบบกำหนด («) แนวเชื่อมของแผ่นรองผนังถัง (annular plate) ต้องได้รับการทดสอบด้วยวิธีย่อยภาพด้วยรังสี (radiographic examination) หรือทดสอบด้วยวิธีคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic examination) โดยมีรายละเอียดการทดสอบ ดังต่อไปนี้ (ก) แนวเชื่อมแบบต่อชนด้วยการเชื่อมสองด้าน (double weld) ให้ทำการทดสอบร้อยละ ๑๐ ของแนวเชื่อมแบบต่อชนระหว่างแผ่นด้วยกัน (ข) แนวเชื่อมแบบต่อชนด้วยการเชื่อมด้านเดียว (single weld) ให้ทำการทดสอบร้อยละ ๕๐ ของแนวเชื่อมแบบต่อชนระหว่างแผ่นด้วยกัน (ค) ทดสอบด้วยวิธีย่อยภาพด้วยรังสี (radiographic examination) หรือทดสอบด้วยวิธีคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic examination) แต่ละจุดจะต้องครอบคลุมความยาวของแนวเชื่อมอย่างน้อย ๑๕๐ มิลลิเมตร (ง) กรณีการทดสอบด้วยวิธีคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic examination) ให้ดำเนินการตามที่มาตรฐานการออกแบบกำหนด (๕) แนวเชื่อมระหว่างพื้นถังกับผนังถังแบบเชื่อมฉาก (fillet weld) ในแนวเชื่อมชั้นแรก (root pass) ด้านในถังต้องได้รับการทดสอบด้วยวิธีสารแทรกซึม (liquid penetrant examination) หรือวิธีฉีดน้ำผ่านแม่เหล็ก (magnetic particle examination) หรือวิธีอื่นที่มาตรฐานการออกแบนกำหนด (b) ตรวจสอบพิกัดขนาดของถังต้องเป็นไปตามค่ามาตรฐาน ดังต่อไปนี้ (ก) ความดึง (pluminess) ต้องไม่เกิน ๑ ใน ๒๐๐ ของความสูงของถัง โดยวัดที่ขอบบนสุดของถังเทียบกับขอบล่างสุด (ข) ความกลม (roundness) รัศมีของถังเมื่อวัดที่ระดับ ๐.๓ เมตร เหนือแนวเชื่อมพื้นถัง ต้องมีความคลาดเคลื่อนไม่เกินค่าตามที่กำหนดไว้ในตาราง ตารางค่าความกลม (roundness) | เส้นผ่านศูนย์กลางของถัง (เมตร) | ความคลาดเคลื่อนรัศมีของถังที่ยอมให้ (มิลลิเมตร) | | --- | --- | | น้อยกว่า ๑๒ | ± ๑๓ | | ตั้งแต่ ๑๒ แต่ไม่ถึง ๔๕ | ± ๑๙ | | ตั้งแต่ ๔๕ แต่ไม่ถึง ๗๕ | ± ๒๕ | | ตั้งแต่ ๗๕ ขึ้นไป | ± ๓๒ | (c) ค่าโก่งตัวหรือยุบตัวของผนังถังตามแนวเชื่อมตั้ง (peaking) ต้องไม่เกิน ๑๓ มิลลิเมตร เมื่อวัดเทียบกับแบบความโค้งของผนังถังที่ยาว ๙๐๐ มิลลิเมตร (d) ค่าโก่งตัวหรือยุบตัวของผนังถังตามแนวเชื่อมนอน (banding) ต้องไม่เกิน ๑๓ มิลลิเมตร เมื่อวัดเทียบกับแบบความตรงของผนังถังที่ยาว ๙๐๐ มิลลิเมตร ข้อ ๓ เมื่อก่อสร้างและติดตั้งเก็บน้ำมันเหนือพื้นดินขนาดใหญ่ตามแนวตั้งแล้วเสร็จก่อน การใช้งานต้องทำการทดสอบและตรวจสอบ ดังต่อไปนี้ (a) ตรวจพินิจลิ้นปิดเปิด อุปกรณ์นิรภัย และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งไว้กับถังเก็บน้ำมัน ว่าอยู่ในสภาพดีและได้มาตรฐาน (b) ถังจะต้องได้รับการทดสอบแรงดันด้วยน้ำที่ระดับความสูง ดังนี้ (ก) ที่ระดับสูงสุดของถัง (ข) สำหรับถังที่มีหลังคาติดตาย ให้บรรจุน้ำที่ระดับความสูง ๕๐ มิลลิเมตร เหนือรอยเชื่อมต่อระหว่างผนังถังกับหลังคาถัง (ค) กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตาม (ก) และ (ข) ได้ เนื่องจากถังมีการติดตั้ง ช่องระบายน้ำมันล้นถัง (overlay) หรือมีขีดจำกัดจากการทำงานของหลังคาลอย ให้ทดสอบที่ระดับสูงสุด เท่าที่จะสามารถทดสอบได้ (๓) ระหว่างที่กำลังทดสอบแรงดันด้วยน้ำตาม (๒) ต้องทำการตรวจวัดการทรุดตัวของถัง เมื่อบรรจุน้ำได้ร้อยละยี่สิบห้า ร้อยละห้าสิบ ร้อยละเจ็ดสิบห้า และร้อยละร้อย ของระดับที่จะทดสอบ ตาม (๒) โดยต้องรักษาระดับน้ำร้อยละร้อยให้คงที่ไว้อย่างน้อยยี่สิบสี่ชั่วโมงและทำการตรวจวัด การทรุดตัวอีกครั้ง การวัดการทรุดตัวของถังต้องวัดก่อนและหลังที่มีการบรรจุน้ำในแต่ละครั้ง การวัดต้องทำการวัดโดยรอบถัง ซึ่งจุดที่วัดแต่ละจุดต้องห่างเท่ากัน และมีจำนวนอย่างน้อย ๘ จุด แต่ละจุดให้มีระยะไม่เกิน ๑๐ เมตร ตามเส้นรอบวง (๔) ทดสอบรอยรั้วของแนวเชื่อมระหว่างแผ่นเหล็กเสริมความแข็งแรงกับผนังถัง โดยใช้แรงดันอากาศอัดด้วยแรงดันจนถึง ๑๐๐ กิโลปาสกาล (๑๕ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) (๕) ทดสอบความหนาของแผ่นเหล็กผนังถัง พื้นถัง และหลังคา อย่างน้อยแผ่นละหนึ่งจุด ด้วยวิธีคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic testing) แล้วนำค่าจากการวัดจริงที่ได้ ไปเปรียบเทียบกับค่าที่ได้จากรายการคำนวนออกแบบถังเก็บน้ำมัน (๖) กรณีถังเก็บน้ำมันชนิดหลังคาลอยหรือหลังคาลอยภายใน ให้มีการทดสอบหารอยรั่วที่ทุ่นลอย ข้อ ๔ เมื่อก่อสร้างและติดตั้งถังเก็บน้ำมันใต้พื้นดินและถังเก็บน้ำมันเหนือพื้นดิน ตามแนวนอนแล้วเสร็จก่อนการใช้งานต้องทำการทดสอบและตรวจสอบ ดังต่อไปนี้ (๑) ตรวจพินิจลิ้นปิดเปิด อุปกรณ์นิรภัย และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งไว้กับถังเก็บน้ำมัน ว่าอยู่ในสภาพดีและได้มาตรฐาน (๒) ให้ทำการทดสอบถังและข้อต่อต่าง ๆ โดยใช้น้ำหรืออากาศหรือก๊าซเฉื่อย ที่ความดันไม่น้อยกว่า ๒๐ กิโลปาสกาล (๓ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) แต่ไม่เกิน ๓๕ กิโลปาสกาล (๕ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) และรักษาความดันไว้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง และในกรณีที่พบการรั่วซึม ให้ตรวจสอบหารอยรั่วซึมแล้วทำการแก้ไข และทำการทดสอบซ้ำ จนกระทั่งไม่ปรากฏการรั่วซึม (๓) สำหรับถังเก็บน้ำมันที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ห้ามทำการทดสอบด้วยแรงดันอากาศ (๔) ในกรณีที่ถังเก็บน้ำมันใต้พื้นดินเป็นผนังสองชั้นที่มีการทดสอบจากโรงงานผลิตและรักษาความดันหรือความดันสุญญาการะหว่างผนังถังชั้นนอกและชั้นใน ให้ตรวจสอบมาตรการวัดความดันหรือความดันสุญญาการะหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงความดันเกินกว่าความดันที่ผู้ผลิตกำหนด ให้ถือว่าถังเก็บน้ำมันปราศจาก การรั่วซึมโดยไม่ต้องทำการทดสอบตาม (๒) (๕) ทดสอบความหนาของแผ่นเหล็กผนังถัง อย่างน้อยแผ่นละหนึ่งจุด ด้วยวิธีคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic testing) แล้วนำค่าจากการวัดจริงที่ได้ ไปเปรียบเทียบกับค่าที่ได้จากรายการคำนวนออกแบบถังเก็บน้ำมัน โดยค่าที่ได้จากการวัดจริงต้องไม่น้อยกว่าค่าที่ได้จากรายการคำนวนออกแบบถังเก็บน้ำมัน (๖) ถังเก็บน้ำมันที่แบ่งเป็นห้องต้องทำการทดสอบการรั่วซึมทุกห้อง โดยให้ห้องที่อยู่ติดกันว่างเปล่า ข้อ ๕ เมื่อติดตั้งระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์แล้วเสร็จ ก่อนการใช้งานต้องทำการทดสอบและตรวจสอบ ดังต่อไปนี้ (๑) ตรวจพินิจวัสดุ หรือชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ของระบบท่อน้ำมันว่าอยู่ในสภาพดีและได้มาตรฐาน (๒) ทดสอบการรั่วซึมด้วยแรงดันน้ำอย่างน้อย ๑.๕ เท่าของความต้นออกแบบ หรือทดสอบ ด้วยอากาศหรือก๊าซเฉี่ยหรือก๊าซไม่ติดไฟด้วยแรงดันอย่างน้อย ๑.๑ เท่าของความต้นออกแบบ และรักษาความดันไว้อย่างน้อยสิบนาที ในกรณีเป็นท่อที่มีผนังสองชั้นให้ทดสอบเฉพาะท่อชั้นใน และในกรณีที่พบการรั่วซึม ให้ตรวจสอบหารอยรั่วซึมแล้วทำการแก้ไขและทำการทดสอบซ้ำ จนกระทั่ง ไม่ปรากฏการรั่วซึม (๓) แนวเชื่อมของท่อที่ทำด้วยโลหะต้องได้รับการทดสอบด้วยวิธีถ่ายภาพด้วยรังสี (radiographic examination) รอบวงท่อ (circumferential welds) จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ของจำนวนแนวเชื่อมทั้งหมด หรือโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic examination) แนวเชื่อม ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบต้องได้รับการซ่อมและตรวจสอบอีกครั้งตามหลักเกณฑ์มาตรฐาน การออกแบบกำหนด ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน" 1947.pdf,"# ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๔๙) พ.ศ. ๒๕๖๗ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง (ฉบับที่ ๔) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาหารที่มีสารพิษตกค้าง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๖ (๒) (๓) (๘) และ (๙) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ ๓๘๗ พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ กระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""ข้อ ๔ อาหารที่มีสารพิษตกค้างต้องมีมาตรฐาน โดยไม่พบวัตถุอันตรายทางการเกษตร ชนิดที่ ๔ ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามบัญชีหมายเลข ๑ แนบท้ายประกาศนี้ เว้นแต่วัตถุอันตรายทางการเกษตรชนิดอื่นให้เป็น ดังนี้ (๑) พบปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit; MRL) ได้ไม่เกินที่ กำหนดไว้ในบัญชีหมายเลข ๒ แนบท้ายประกาศนี้ (๒) พบปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit; MRL) ที่ไม่ได้กำหนด ไว้ในบัญชีหมายเลข ๒ แนบท้ายประกาศนี้ ได้ไม่เกินข้อกำหนดของคณะกรรมการของโครงการ มาตรฐานอาหาร เอฟ เอ โอ/ดับบลิว เอช โอ (Codex Alimentarius Commission, Joint FAO/WHO Food Standards Programme) (๓) กรุณียกเว้นจาก (๑) และ (๒) พบได้ไม่เกินค่าดีฟอลต์ลิมิต (default limit) สำหรับพืชและสัตว์ ๐.๐๑ มิลลิกรัมสารพิษตกค้างต่อกิโลกรัมอาหาร เว้นแต่ค่าดีฟอลต์ลิมิต (default limit) สำหรับพืชที่กำหนดไว้ในบัญชีหมายเลข ๓ แนบท้ายประกาศนี้ (๔) ไม่พบปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุดที่ปนเปื้อนจากสาเหตุที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (Extraneous Maximum Residue Limit, EMRL) เว้นแต่ที่กำหนดไว้ในบัญชีหมายเลข ๔ แนบท้ายประกาศนี้ กรุณาอยู่ภายใต้บัญชีหมายเลข ๔ พบได้ไม่เกินข้อกำหนดของคณะกรรมการ ของโครงการมาตรฐานอาหาร เอฟ เอ โอ/ดับบลิว เอช โอ (Codex Alimentarius Commission, Joint FAO/WHO Food Standards Programme) (๕) พบปริมาณสารพิษตกค้างได้ไม่เกินค่าตามที่กำหนดไว้ตาม (๑) (๒) หรือ (๔) สำหรับ อาหารแปรรูป กรณีไม่มีการกำหนดไว้สำหรับอาหารแปรรูปเป็นการเฉพาะ ให้พบปริมาณสารพิษตกค้าง ไม่เกินค่าที่กำหนดไว้ในวัตถุดิบทางการเกษตรตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) ตามลำดับ เว้นแต่กรณี อาหารแปรรูปที่มีกรรมวิธีทำให้ปริมาณสารพิษตกค้างของอาหารแปรรูปสูงกว่าปริมาณสารพิษตกค้าง ของวัตถุดิบทางการเกษตร ให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าอาหารเพื่อจำหน่ายรับผิดชอบในการนำสืบพิสูจน์ ให้เห็นว่าปริมาณสารพิษตกค้างในวัตถุดิบทางการเกษตรเป็นไปตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) ข้อ ๒ ให้เพิ่มความดังต่อไปนี้ เป็นข้อ ๔/๑ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ ๓๘๗ พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ""ข้อ ๔/๑ ให้อาหารที่พบวัตถุอันตรายทางการเกษตรชนิดที่ ๔ ตามบัญชีหมายเลข ๑ แนบท้ายประกาศนี้ เป็นอาหารห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย"" ข้อ ๓ ให้ยกเลิกปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุดอันดับที่ ๓ ของคาร์บาริล (carbaryl) ในมังคุด ในบัญชีหมายเลข ๒ ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit, MRL) แนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ ๓๘๗ พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน | อันดับ | วัตถุอันตราย ทางการเกษตร | ชนิดสารพิษตกค้าง | ชนิดของอาหาร | ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) | | --- | --- | --- | --- | --- | | 3 | คาร์บาริล (carbaryl) | คาร์บาริล | มังคุด | 20 | ข้อ ๔ ให้เพิ่มชนิดของอาหารและกำหนดปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด สำหรับวัตถุอันตราย ทางการเกษตร อันดับที่ ๒๑ ไทอะมีโทกแซม (thiamethoxam) ในบัญชีหมายเลข ๒ ปริมาณ สารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit, MRL) แนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ ๓๘๗ พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ อันดับที่ ๔๗ อิมิดาโคลพริด (imidaclocprid) และอันดับที่ ๕๓ ไดโนเทฟูราน (dinoteffuran) ในบัญชีหมายเลข ๒ ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit, MRL) แนบท้าย ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ ๓๘๗ พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๓๙๓ (พ.ศ. ๒๕๖๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังนี้ ### Table 1 | อันดับ | วัตถุอันตรายทางการเกษตร | ชนิดสารพิษตกค้าง | ชนิดของอาหาร | ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) | | --- | --- | --- | --- | --- | | 21 | ไทอะมีโทกแซม (thiamethoxam) | ไทยะมีทอกแซม โคลไทอะนิดิน (clothianidin) | สับปะรด | 0.01 0.01 | | 47 | อิมิดาโคลพริด (imidacloprid) | ผลรวมของอิมิดาโคลพริดและเมตาบอลไซต์ที่ประกอบด้วย 6-คลอโรไพริดินิล ส่วนหนึ่ง (6-chloropyridinyl moiety), รายงานผลเป็นอิมิดาโคลพริด | สับปะรด | 0.15 | | 53 | ไดโนเทิฟูราณ (dinotefuran) | พืช: ไดโนเทิฟูราณ สัตว์: ผลรวมของไดโนเทิฟูราณ 1-เมทิล-3-(เตตราไฮโดร-3-ฟูริล เมทิล) ยูเรีย (1 methyl-3-tetrahydro-3-furylmethyl) urea) รายงานผลเป็นไดโนเทิฟูราณ | สับปะรด | 0.15 | **ข้อ 5** ให้เพิ่มวัตถุอันตรายทางการเกษตร ชนิดสารพิษตกค้าง ชนิดของอาหาร และกำหนดปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด อันดับที่ 54 ฟลูโอไพราม (fluopyram) และอันดับที่ 55 ไตรฟลอซีสโตรบิน (trifl oxysterabin) ในบัญชีหมายเลข 2 ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit, MRL) แนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ ๓๘๗ พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ดังนี้ ### Table | อันดับ | วัตถุอันตรายทางการเกษตร | ชนิดสารพิษตกค้าง | ชนิดของอาหาร | ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) | | --- | --- | --- | --- | --- | | 54 | พลูโอไพพราม (fluopyram) | พลูโอไพพราม | มะม่วง | 1 | | | | | ลำใย | 2 | | 55 | ไตรฟลอคซีสโตรบิน (trifloxystrobin) | ไตรฟลอคซีสโตรบิน | มะม่วง | 0.9 | | | | | ลำใย | 1.5 | **ข้อ 5** ให้ยกเลิกความ “ชนิดสารพิษตกค้างในอาหาร” ในหัวตารางของบัญชีหมายเลข 5 แนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 419) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “วัตถุอันตรายทางการเกษตร” ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 1949.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดระดับปริมาณสารสำคัญในวัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ที่ให้ถือว่าเป็นวัตถุอันตรายปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๔๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในการประชุมครั้งที่ ๗-๘/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วัตถุอันตรายในประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการ อาหารและยารับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความ ในมาตรา ๑๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒ วัตถุอันตรายที่มีสารสำคัญน้อยกว่าร้อยละยี่สิบจากเกณฑ์ต่ำสุดของเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อน หรือมากกว่าร้อยละยี่สิบจากเกณฑ์สูงสุดของเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนที่อนุญาตให้มีได้จากปริมาณที่กำหนดไว้ ของสารสำคัญในวัตถุอันตรายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการกำหนดเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อน จากปริมาณที่กำหนดไว้ของสารสำคัญในวัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ออกตามความในมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้ถือว่าเป็น วัตถุอันตรายปลอดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 195.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคขึ้นรูปโลหะแผ่น ระดับ ๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่าง อุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคขึ้นรูปโลหะแผ่น ระดับ ๒ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ขึ้นรูปโลหะแผ่น ระดับ ๒ ๑.๑ การทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เป็นการทดสอบความรู้ ความเข้าใจ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ 60 นาที คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับเทคนิคขึ้นรูปโลหะแผ่น ใช้เวลาในการทดสอบ 90 นาที คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยมีทั้งหมด ๔ งาน ดังนี้ (๑) สวมใส่อุปกรณ์ ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลได้ถูกต้องตามลักษณะงาน (๒) ปฏิบัติตามคู่มือการใช้เครื่องจักรก่อนเปิดเครื่อง (๓) ผลิตชิ้นงานตามแบบ (๔) บ ารุงรักษาเครื่องจักร เครื่องมือและอุปกรณ์ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบภาคความสามารถทั้ง ๔ งาน ในแต่ละงาน ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกงานที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศก าหนด ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคขึ้นรูปโ ลหะแผ่น ระดับ ๒ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบได้คะแนนภาคความรู้ ความเข้าใจไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ และภาคความสามารถไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแร งงานแห่งชาติ สาขาช่างเทคนิคขึ้นรูปโลหะแผ่น ระดับ ๒ ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 1950.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง กำหนดให้สำนักงานที่ดินจังหวัด และสำนักงานที่ดินสาขา ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับ มาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และข้อ ๒ (๑) (๔) ข้อ ๑๙ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบกับ ข้อ ๘ แห่งระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในสำนักงาน ที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ต่างสำนักงานแบบออนไลน์ และสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ท้องระบบ พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงประกาศให้สำนักงานที่ดิน ดังต่อไปนี้ เป็นสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินประเภทโฉนดที่ดิน ๑. สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร ๒. สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร สาขากระทุ่มแบน ๓. สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร สาขาบ้านแพ้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน" 1952.pdf,"กฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๔ และมาตรา ๑๐๗ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด วัฏจันทร์ว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (ก) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. ๒๕๖๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(ก) แอมเฟตามีน (amphetamine หรือ amfetamine) มีปริมาณไม่เกินหนึ่งหน่วยการใช้หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกินหนึ่งร้อยมิลลิกรัม” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (จ) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. ๒๕๖๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(จ) เมโทแรมเฟตามีน (methamphetamine หรือ metamfetamine) มีปริมาณไม่เกินหนึ่งหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกินหนึ่งร้อยมิลลิกรัม หรือน้ำหนักสุทธิไม่เกินยี่สิบมิลลิกรัม” ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๓๘ ก หน้า ๒ ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปริมาณยาเสพติดให้โทษ และวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการ แก้ไขปัญหายาเสพติดให้โทษอย่างจริงจัง โดยเฉพาะยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ กรณีแอมเฟตามีนและ เมทแอมเฟตามีน จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 1953.pdf,"ประกาศสำนักงานปรมานูเพื่อสันติ เรื่อง หลักฐานแสดงวิธีการทำเครื่องกำเนิดรังสีและวิธีการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. ๒๕๖๔ เลขาธิการสำนักงานปรมานูเพื่อสันติ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานปรมานูเพื่อสันติ เรื่อง หลักฐานแสดงวิธีการทำเครื่องกำเนิดรังสีและวิธีการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เอกสารดังต่อไปนี้ เป็นหลักฐานแสดงวิธีการทำเครื่องกำเนิดรังสี และวิธีการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของเครื่องกำเนิดรังสี สำหรับประกอบการขอรับใบอนุญาตทำเครื่องกำเนิดรังสี (๑) เอกสารแสดงรายละเอียดวิธีการและขั้นตอนการทำเครื่องกำเนิดรังสี (๒) เอกสารแสดงรายละเอียดวิธีการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของเครื่องกำเนิดรังสี ที่ระบุมาตรฐานที่ใช้หรือได้รับการรับรองสำหรับการทำเครื่องกำเนิดรังสี อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (ก) มาตรฐาน ISO 13485:2016 Medical devices - Quality management systems - Requirements for regulatory purposes หรือนุกรมมาตรฐาน IEC 60601 - Medical electrical equipment หรือมาตรฐานคุณภาพเครื่องเอกซเรย์วินิจฉัยหรือเครื่องรังสีรักษา หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า สำหรับเครื่องกำเนิดรังสีที่ใช้ในทางการแพทย์ (ข) มาตรฐาน IEC 62463:2010 - Radiation protection instrumentation - X-ray systems for the screening of persons for security and the carrying of illicit items หรือ มาตรฐาน ANSI/HPS N43.17:2009 - Radiation Safety for Personnel Security Screening Systems Using X-Ray or Gamma Radiation หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า สำหรับเครื่องกำเนิดรังสีที่ใช้งานรักษาความมั่นคงปลอดภัย เพื่อใช้ตรวจสอบบุคคล (ค) มาตรฐาน IEC 62523:2010 - Radiation protection instrumentation Cargo/vehicle radiographic inspection system หรือ มาตรฐาน ANSI/HPS N43.14:2011 - Radiation Safety for Active Interrogation Systems for Security Screening of Cargo, Energies up to 100 MeV หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า สำหรับเครื่องกำเนิดรังสีที่ใช้ในงานรักษาความมั่นคงปลอดภัย เครื่องกำเนิดรังสีเพื่อตรวจสอบสินค้าหรือยานพาหนะ (ง) มาตรฐาน ANSI/HPS N43.3:2008 - General Radiation Safety Standard for Installations Using Non-Medical X-Ray and Sealed Gamma-Ray Sources, Energies up to 10 MeV หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า สำหรับเครื่องกำเนิดรังสีแบบมือถือหรือแบบพกพาที่ใช้ในงาน รักษาความมั่นคงปลอดภัย (จ) มาตรฐาน ANSI/HPS N43.3:2008 - General Radiation Safety Standard for Installations Using Non-Medical X-Ray and Sealed Gamma-Ray Sources, Energies up to 10 MeV หรือ มาตรฐาน ANSI/HPS N43.5:2008 - Radiological Safety Standard for the Design of Radiographic and Radioscopic Non-Medical X-Ray Equipment Below 1 MeV หรือมาตราฐานอื่นที่เทียบเท่า สำหรับเครื่องเอกซเรย์ถ่ายภาพรางสีทางอุตสาหกรรมหรือทางการศึกษาวิจัย (ฉ) มาตรฐาน IAEA - Specific Safety Guides No. RS-G-1.10 - Safety of Radiation Generators and Sealed Radioactive Sources หรือ Specific Safety Guides No. SSG-55 - Radiation Safety of X-Ray Generators and Other Radiation Sources Used for Inspection Purposes and for Non-medical Human Imaging หรือ IEC 61010-2-091: 2012 Safety requirements for electrical equipment for measurement, control and laboratory use - Part 2-091: Particular requirements for cabinet X-ray systems หรือมาตราฐานอื่นที่เทียบเท่า สำหรับเครื่องกำเนิดรังสีอื่นนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ใน (ก) ถึง (จ) (ข) มาตรฐานที่จัดทำโดยคณะกรรมการมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานสาขา อิเล็กทรอนิกส์ (International Electrotechnical Commission; IEC) หรืองค์การระหว่างประเทศ ว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization; ISO) หรืองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration; FDA) หรือมาตรฐานความปลอดภัยตามข้อกำหนดในระเบียบข้อบังคับด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของสหภาพยุโรป (European Conformity; CE) หรือ CE Marking หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า สำหรับเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องขอรับใบอนุญาตทำเครื่องกำเนิดรังสี ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ รองศาสตราจารย์พาลิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ" 1955.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ ๓๖/๒๕๖๓ เรื่อง การใช้หมายเลขใบอนุญาตเสมือนจริง (Dummy Permit Number) ภายใต้กระบวนการทางศุลกากรสำหรับระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ASIAN Customs Transit System: ACTS) (ฉบับที่ ๔) เพื่อให้การขนส่งสินค้าผ่านแดนโดยระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ASIAN Customs Transit System: ACTS) สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และไม่ส่งผลกระทบต่อการขนส่ง ระหว่างประเทศในช่วงระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านจากการใช้หมายเลขใบอนุญาตเสมือนจริง (Dummy Permit Number) ไปสู่การใช้ใบอนุญาตขนส่งสินค้าผ่านแดนอาเซียน (ASIAN Goods Vehicle Cross-Border Permit: AVICBP) ฉบับจริง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐๒ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ อธิบดีกรมศุลกากร ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ยานพาหนะ” หมายความว่า ยานพาหนะตามประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๖๙/๒๕๖๓ เรื่อง การดำเนินกระบวนการทางศุลกากรสำหรับระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ASIAN Customs Transit System: ACTS) ลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ หมายความรวมถึง รถขนส่งสินค้าที่ได้รับหมายเลขใบอนุญาตเสมือนจริง (Dummy Permit Number) จากระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ACTS) ข้อ ๒ การขนส่งสินค้าผ่านแดนโดยใช้ระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ACTS) นอกจาก การดำเนินการตามประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๖๙/๒๕๖๓ เรื่อง การดำเนินกระบวนการทางศุลกากร สำหรับระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ASIAN Customs Transit System: ACTS) ลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว กรณีรถขนส่งสินค้าที่ได้รับหมายเลขใบอนุญาตเสมือนจริง (Dummy Permit Number) จากระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ACTS) ให้ดำเนินการขนถ่ายสินค้า เปลี่ยนยานพาหนะ ณ ด่านพร็อมแด่นตามที่กำหนดไว้ในพิธีสาร ๒ ของความตกลงอาเซียนว่าด้วย การอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASIAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit: AFAFGIT) และทำการขนส่งสินค้านบนเส้นทางที่กำหนดไว้ใน พิธีสาร ๑ ของความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (AFAFGIT) ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ อธิชัย อัตนวนิช อธิบดีกรมศุลกากร" 1957.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชี่อมท่อพลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมท่อพลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง มาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเชื่อมท่อพลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) ลงวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมท่อพลิเอทิลีน ความหนาแน่นสูง (HDPE) หมายถึง ผู้มีความรู้ ความสามารถ ในการเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ ปฏิบัติงาน วัสดุ เครื่องมือ เครื่องเชื่อมและอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม สามารถประกอบท่อ จัดเตรียมแผ่นความร้อนและป้อนข้อมูลลงชุดควบคุมการเชื่อม (Data Logger) ได้อย่างถูกต้อง สามารถหาแรงลากจูง (Drag Force) เชื่อมท่อตามพารามิเตอร์ ได้อย่างถูกต้องตามแบบกำหนด สามารถตรวจสอบชิ้นงานเชื่อม บำรุงรักษาเครื่องเชื่อมและอุปกรณ์ ประกอบได้อย่างถูกต้อง รวมถึงปฏิบัติงานได้ด้วยความปลอดภัย ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมท่อ พลิเอทิลีน ความหนาแน่นสูง (HDPE) มี ๑ ระดับ โดยระดับ ๑ หมายถึง ผู้มีความรู้ ความสามารถในการเตรียมความพร้อมสถานที่ปฏิบัติงาน วัสดุ เครื่องมือ เครื่องเชื่อม และอุปกรณ์ ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้องเหมาะสม สามารถประกอบท่อ จัดเตรียมแผ่นความร้อน และป้อนข้อมูลลงชุดควบคุมการเชื่อม (Data Logger) ได้อย่างถูกต้อง สามารถหาแรงลากจูง (Drag Force) เชื่อมท่อตามพaramiเตอร์ได้อย่างถูกต้องตามแบบกำหนด สามารถตรวจสอบชิ้นงานเชื่อม บำรุงรักษาเครื่องเชื่อมและอุปกรณ์ประกอบได้อย่างถูกต้อง รวมถึงปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย ข้อ ๔ ข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือความรู้ ความสามารถ และทัศนคติในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมท่อ พลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) โดยมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ ได้แก่ ๔.๑ ความรู้ ประกอบด้วย ขอบเขตความรู้ ในเรื่อง ดังต่อไปนี้ ### การเตรียมงาน - การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ - ชนิดและขนาดของประแจ - การใช้งานเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ถูกต้อง - ชนิดของอุปกรณ์ชุดทำความสะอาด - ชนิดของเครื่องตัดท่อและตะเข็บ - การใช้งานชุดทดสอบการตัดโค้ง - การตรวจสอบการทำงานของเครื่องมือและอุปกรณ์ #### ชนิดต่าง ๆ - การเตรียมเครื่องมือเชื่อม - ชนิดของท่อ HDPE - ชนิดของเครื่องเชื่อม HDPE และอุปกรณ์ - การประกอบชุดสายไฮดรอลิกกับชุดควบคุมไฮดรอลิก - การใช้งานชุดควบคุมไฮดรอลิก - การใช้งานชุดควบคุมการเชื่อม (Data Logger) - การประกอบท่อ - ชนิดของท่อ HDPE - ชนิดของเครื่องเชื่อม HDPE และอุปกรณ์ - การปรับแนวระดับท่อ - การปาดหน้าท่อ - การทำความสะอาดหน้าท่อที่ถูกต้อง - การเตรียมแผ่นความร้อน - การปรับตั้งอุณหภูมิ - ชุดวัดอุณหภูมิแบบพกพาที่ผ่านการสอบเทียบ - การทำความสะอาดหน้าสัมผัสของแผ่นความร้อน - การป้อนข้อมูลลงชุดควบคุมการเชื่อม (Data Logger) - การใช้งาน Data Logger #### การเชื่อมงาน - การหาแรงลากจูง (Drag Force) - การใช้งานชุดควบคุมไฮดรอลิก - การคลายวาล์วรับแรงดัน - การเพิ่มแรงดันด้วยวาล์วรับแรงดัน (๔) การปิดวาล์วบายพาส (๕) การบันทึกค่าแรงลากจูง (Drag Force) ๔.๑.๒.๒ การเชื่อมท่อตามพารามิเตอร์ (๑) การโยกวาวัล์วอยท่อเข้าและท่ออก (๒) การยกนำแผ่นความร้อนใส่ระหว่างหน้าท่อทั้งสอง (๓) การวางแผ่นความร้อนใส่ระหว่างหน้าท่อทั้งสอง (๔) การใช้พารามิเตอร์ในการเชื่อมท่อ (แรงดันสร้างตะเข็บ) (๕) การใช้เครื่องมือวัดละเอียด (๖) การใช้พารามิเตอร์ในการเชื่อมท่อ (ความสูงตะเข็บ) (๗) การใช้งานของวาล์วบายพาส (๘) การอ่านค่าในมาตรวัดแรงดัน (๙) การแก้ไขแรงดันแพร่กระจายความร้อน (๑๐) การคำนวณค่าพารามิเตอร์ (๑๑) เวลาในการแปรกระจายความร้อน (๑๒) การใช้งานอุปกรณ์จับเวลา (๑๓) การยกนำแผ่นความร้อนออกจากระหว่างหน้าท่อทั้งสอง (๑๔) เวลาในการนำแผ่นความร้อนออก (๑๕) การโยกวาวัล์วนำท่อเข้าชนกัน (๑๖) พารามิเตอร์ในการเชื่อมท่อ (แรงดันเชื่อม) (๑๗) เวลาในการเพิ่มแรงดันที่กำหนด (๑๘) เวลาเย็นตัว (๑๙) การป้อนข้อมูลและการส่งพิมพ์ (๒๐) การใช้งานชุดควบคุม (Data Logger) ๔.๑.๓ การตรวจสอบหลังปฏิบัติงาน ๔.๑.๓.๑ การปลดท่อ (๑) การข้นน็อตที่ถูกวิธี (๒) การเลือกใช้ขนาดของประแจ (๓) การใช้เครื่องมือตัด (๔) การใช้เครื่องมือวัด (๕) การคำนวณแนวตะเข็บ (๖) การนำตะเข็บแนวนเชื่อมออก (๗) การใช้แท่นดัดไฮดรอลิก (๘) มาตรฐานการดัดโล้งท่อ HDPE (๔.๑.๓.๒ การเก็บทำความสะอาดพื้นที่ (๑) การใช้อุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า (๒) การควบคุมระบบไฮดรอลิก (๓) การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยของการทำงาน และพื้นที่ (๕ ส) ๔.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน ดังต่อไปนี้ ๔.๒.๑ การเตรียมงาน ๔.๒.๑.๑ การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ (๑) เลือกเครื่องมือและอุปกรณ์ (๒) ตรวจสอบการทำงานของเครื่องมือและอุปกรณ์ ๔.๒.๑.๒ การเตรียมเครื่องเชื่อม (๑) ตรวจสอบขนาดท่อกับขนาดเครื่องเชื่อม (๒) ต่อชุดสายควบคุมไฮดรอลิกเข้ากับโครงเครื่องเชื่อม (๓) ตรวจการทำงานโครงเครื่องเชื่อมกับชุดควบคุมไฮดรอลิก (๔) ต่อชุดความคุมเข้ากับชุดควบคุมการเชื่อม (Data Logger) ๔.๒.๑.๓ การประกอบท่อ (๑) ประกอบท่อเข้ากับโครงเครื่องเชื่อม (๒) ปรับแนวระดับท่อก่อนปาดหน้า (๓) ปาดหน้าท่อ (๔) ปรับแนวระดับท่อหลังปาดหน้า (๕) ทำความสะอาดหน้าท่อ ๔.๒.๑.๔ การเตรียมแผ่นความร้อน (๑) ต่อแผ่นความร้อนเข้ากับชุดควบคุมอุณหภูมิ (๒) วัดอุณหภูมิแผ่นความร้อนจากอุปกรณ์สอบเทียบ (๓) ทำความสะอาดหน้าส้มผัสของแผ่นความร้อน ๔.๒.๑.๕ การป้อนข้อมูลลงชุดควบคุมการเชื่อม (Data Logger) (๑) ป้อนข้อมูลท่อ (๒) ป้อนข้อมูลเครื่องเชื่อม (๓) ป้อนข้อมูลช่างเชื่อม ชื่อโครงการ และข้อมูลอื่น ๆ การเชื่อมงาน (๑) การหาแรงลากจูง (Drag Force) (๒) โยกว่าล้ำควบคุมเพื่อให้ท่อลอยหลังให้สุด (๓) คลายว่าลั่วรับแรงดัน (๔) ปิดวาล์วยบายพาส ด้วยวาล์วรับแรงดัน (๕) บันทึกค่าแรงลากจูง (Drag Force) ลงในชุดควบคุม การเชื่อม (Data Logger) ๔.๒.๒ การเชื่อมท่อตามพารามิเตอร์ (๑) โยกว่าล้ำควบคุมเพื่อให้ท่อลอยหลัง (๒) นำแผ่นความร้อนใส่ระหว่างหน้าท่อทั้งสอง (๓) โยกว่าล้ำควบคุมเพื่อให้ท่อเข้าชนแผ่นความร้อน (๔) สร้างความสูงตะเข็บที่สามารถทำการคำนวณ (๕) ลดแรงดันโดยการเปิดวาล์วยบายพาสตามที่คำนวณ (๖) ให้ความร้อนจากแผ่นความร้อนไปยังหน้าท่อ ตามเวลาที่กำหนด ความร้อนออกตามเวลาที่กำหนด (๗) โยกว่าล้ำควบคุมเพื่อให้ถอยท่อออกพร้อมนำแผ่น ที่คำนวณ (๘) โยกว่าล้ำควบคุมเพื่อเลื่อนท่อเข้าชนกันภายใต้แรงดัน (๙) ปล่อยให้ท่อเย็นตัวภายในเร่งดัน และเวลาที่คำนวณ (๑๐) พิมพ์ใบบันทึกค่าพารามิเตอร์ในการเชื่อมออกจาก ชุดควบคุมการเชื่อม (Data Logger) (๑๑) เปิดวาล์วยบายพาสลัดแรงดัน ๔.๒.๓ การตรวจสอบหลังปฏิบัติงาน (๑) คลายนี้อยู่ติดพร้อมตลอดฝ่าประทับออก (๒) นำท่อมาตัดตามขนาดที่กำหนด (๓) วัดขนาดความกว้างสูงสุดและต่ำสุดของแนวตะเข็บ พร้อมส่งตรวจ (๔) ทดสอบแบบดัดโค้งชิ้นงานทดสอบจำนวน ๒ ชิ้น เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง หน้า ๑๙ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ การเก็บทำความสะอาดพื้นที่ (๑) ปิดสวิตซ์อุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า (๒) ปลอดชุดสายควบคุมไฮดรอลิกออกจากโครงเครื่องเชื่อม (๓) ทำความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องเชื่อม และพื้นที่ปฏิบัติงาน ๔.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานที่ตรงต่อเวลา มีความละเอียดรอบคอบ มีระเบียบวินัยในการทำงาน มีความซื่อสัตย์ รักษาความสะอาด และมีความประหยัด ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 1961.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติ ของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๒ กำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ไว้ดังต่อไปนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ระดับ ๑ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวขับ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ไม่น้อยกว่า ๖ เดือน (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือฝึกอาชีพในสาขาที่เกี่ยวกับสาขา ช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ไม่น้อยกว่า ๖๐ ชั่วโมง (๓) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่าในสาขา ที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ระดับ ๒ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวขับ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือฝึกอาชีพในสาขาที่เกี่ยวกับสาขา ช่างเชื่อมพลักซ์คอร์ ไม่น้อยกว่า ๖๐ ชั่วโมง (๓) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่าในสาขา ที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเชื่อมฟลักซ์คอร์ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมฟลักซ์คอร์ ระดับ ๓ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมฟลักซ์คอร์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี ๖ เดือน (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือฝึกอาชีพในสาขาที่เกี่ยวกับสาขา ช่างเชื่อมฟลักซ์คอร์ ไม่น้อยกว่า ๖๐ ชั่วโมง (๓) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่าในสาขา ที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเชื่อมฟลักซ์คอร์ ๒.๔ ผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีสุดท้ายในสาขาที่เกี่ยวข้อง กับสาขาช่างเชื่อมฟลักซ์คอร์ สามารถเข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมฟลักซ์คอร์ได้ทุกระดับ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 1965.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมมิก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมมิก ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมมิก ระดับ ๑ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบและต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับสาขาช่างเชื่อมมิก ไม่น้อยกว่า ๖ เดือน (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือฝึกอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเชื่อมมิก ไม่น้อยกว่า ๑๘ ชั่วโมง (๓) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า ในสาขาที่เกี่ยวข้อง กับสาขาช่างเชื่อมมิก ข้อ ๒ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมมิก ระดับ ๒ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบและต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเชื่อมมิก ไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือฝึกอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเชื่อมมิก ไม่น้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมง (๓) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า ในสาขาที่เกี่ยวข้อง กับสาขาช่างเชื่อมมิก ข้อ ๓ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมมิก ระดับ ๓ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบและต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเชื่อมมิก ไม่น้อยกว่า ๑ ปี ๖ เดือน (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือฝึกอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเชื่อมมิก ไม่น้อยกว่า ๔๘ ชั่วโมง (๓) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า ในสาขาที่เกี่ยวข้อง กับสาขาช่างเชื่อมมิก ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 1969.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๑๑/๒๕๖๓ เรื่อง การขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร ตามพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔ (ฉบับที่ ๒) เพื่อให้การขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรตามพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออก ที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว เหมาะสมยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับการปฏิบัติงานศุลกากรในปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออก ที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔ ประกอบกับประกาศคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากร สินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร ที่ ๑/๒๕๖๖ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกำหนดเวลาการจ่ายเงินชดเชย ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ อธิบดีกรมศุลกากร ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ แห่งประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๔๘/๒๕๖๔ เรื่อง การขอรับเงิน ชดเชยค่าภาษีอากรตามพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ การคำนวณเงินชดเชย กรมศุลกากรจะใช้ราคา FOB สำหรับการส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร เปรียบเทียบราคา FOB กับมูลค่าการชำระค่าสินค้าจากหลักฐานแสดงการได้รับชำระเงินค่าสินค้า จำนวนเงินใดต่ำกว่าให้ใช้จำนวนเงินนั้นเป็นฐานในการคำนวณเงินชดเชย กรณีกรมศุลกากรตรวจพบในภายหลังว่าการขอรับเงินชดเชยไม่ถูกต้อง ผู้มีสิทธิ ได้รับเงินชดเชยต้องนำเงินชดเชยส่วนที่ได้รับเกินคืนให้กรมศุลกากร พร้อมดอกเบี้ยร้อยละสามต่อปี นับแต่วันที่ได้รับเงินชดเชยไปจนกว่าจะชำระคืนครบถ้วน ทั้งนี้ กรมศุลกากรจะพิจารณาดำเนินการ ตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ อธิชัย อัตนวนิช อธิบดีกรมศุลกากร" 197.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไน เครื่องมือตัด ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ ๑.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพ เกี่ยวกับสาขาช่างเจียระไน เครื่องมือตัด ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๑.๓ ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือฝึกอบรมอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ไม่น้อยกว่า ๖๐ ชั่วโมง โดยได้รับใบรับรองการฝึกอบรมฝีมือแร งงาน หรือฝึกอบรมอาชีพจากหน่วยงานฝึกอบรม/หรือหน่วยงานการศึกษา หรือ ๑.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสาขาวิชา ที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่า งเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๒ ๒.๑ ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๑ และ ๒.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเจียระไน เครื่องมือตัด ไม่น้อยกว่า ๒ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๒.๓ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเจียระไน เครื่องมือตัด ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และได้คะแนนในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๑ ไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบ หรือ ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ ๒.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือ อนุปริญญาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไน เครื่องมือตัด ระดับ ๓ ๓.๑ ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๒ และ ๓.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่าง เจียระไน เครื่องมือตัด ไม่น้อยกว่า ๓ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๓.๓ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเจียระไน เครื่องมือตัด ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และได้คะแนนในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๒ ไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบ หรือ ๓.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือ อนุปริญญาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้ องกับสาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด และมีประสบการณ์ในการท างาน หรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ไม่น้อยกว่า ๑ ปี ข้อ ๔ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๔ ๔.๑ ผ่านการทดสอบมาตร ฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๓ และ ๔.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเจียระไน เครื่องมือตัด ไม่น้อยกว่า ๕ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๔.๓ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเจียระไน เครื่องมือตัด ไม่น้อยกว่า ๓ ปี และได้คะแนนในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๓ ไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบ หรือ ๔.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือ อนุปริญญาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด และมีประสบการณ์ในการท างาน หรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเจียระไนเครื่องมือ ตัด ไม่น้อยกว่า ๒ ปี ข้อ ๕ ภายใน ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่ชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๔ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้ที่ปฏิบัติงานสาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ในสถานประกอบกิจการซึ่งปฏิบัติงานในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอา ชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๔ มาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถเข้ารับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเจียระไนเครื่องมือตัด ระดับ ๔ ได้ ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 1971.pdf,"ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง อัตราค่าวิเคราะห์และทดสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายและสารพิษตกค้างทางการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงอัตราค่าวิเคราะห์และทดสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายและสารพิษตกค้างทางการเกษตร เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๒ ของกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จึงออกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง อัตราค่าวิเคราะห์และทดสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายและสารพิษตกค้างทางการเกษตรไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง อัตราค่าวิเคราะห์และทดสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายและสารพิษตกค้างทางการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ พ.ศ. ๒๕๔๔ ลงวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๔ (๒) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างในพืช ผัก และผลไม้ พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ (๓) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างในพืช ดินและน้ำ พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๔ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตรายทางการเกษตร” หมายความว่า ดังต่อไปนี้ (๑) สารกำจัดแมลง (๒) สารกำจัดวัชพืช (๓) สารป้องกันกำจัดโรคพืช (๔) สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช (๕) สารกำจัดไรศัตรูพืช (๖) สารกำจัดหญ้า (๗) สารกำจัดหอย (๘) สารป้องกันกำจัดได้เดือนฝอย ""ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายทางการเกษตร"" หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ในการป้องกันกำจัดศัตรูพืช ""สารพิษตกค้าง"" หมายความว่า สารตกค้างในสินค้าเกษตรที่เกิดจากการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร และให้หมายความรวมถึงกลุ่มอนุพันธ์ของวัตถุอันตรายทางการเกษตรนั้น ได้แก่สารจากกระบวนการเปลี่ยนแปลง (conversion products) สารจากกระบวนการสร้างและสลาย (metabolites) สารจากการทำปฏิกิริยา (reaction products) และสารที่เป็นอยู่ในวัตถุอันตรายทางการเกษตร (impurities) ที่มีความเป็นพิษอย่างมีนัยสำคัญ ข้อ ๕ อัตราค่าวิเคราะห์และทดสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายและสารพิษตกค้างทางการเกษตรให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๖ การใดที่ได้ดำเนินการไปก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับและยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จให้ดำเนินการต่อไปตามประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศกรมวิชาการเกษตรเรื่อง อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างในพืช ผัก และผลไม้ พ.ศ. ๒๕๔๖ และประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างในพืชดินและน้ำ พ.ศ. ๒๕๔๘ จนกว่าจะแล้วเสร็จ ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ รพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร # บัญชีแนบท้ายประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง อัตราค่าวิเคราะห์และทดสอบผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืช ## ลำดับที่ - สารออกฤทธิ์ (A.I.) ด้วยเทคนิค HPLC - สารออกฤทธิ์ (A.I.) ด้วยเทคนิค GC - สารออกฤทธิ์ (A.I.) ด้วยเทคนิคทางเคมี - สารออกฤทธิ์ (A.I.) ผลิตภัณฑ์ White oil หรือ Petroleum oil - สารเจือปน (Impurities) - ค่า pH (pH range) (MT 75) - ปริมาณน้ำเจือปน (Water content) (MT 30.5) - การสูญเสียน้ำหนักเมื่อแห้ง (Loss on drying) (MT 17) - การละลายและการคงสภาพของสารละลาย (Degree of dissolution and solution stability) (MT 179) - สารไม่ละลายน้ำ (Insoluble material) (MT 10) - การกระจายของสารในน้ำ (Spontaneity of dispersion) (MT 160) - การกระจายของสารในน้ำ (Degree of dispersion) (MT 174) - ตะแกร่งร่อนแบบเปียก (Wet sieve test) (MT 187) (MT 185) - การกระจายของอนุภาค (Particle size distribution) (MT 59.2) - การคงสภาพการละลาย (Solution stability) (MT 41) - การกระจายตะกอนแขวนลอย (Susceptibility) (MT 184) - การคงสภาพของอิมัลซิชั่นและการเกิดตัวของอิมัลซิชั่น (Emulsion stability and Re-emulsification) (MT 36.3) - การเปียกน้ำ (Wettability) (MT 53.3) - ความคงทนของฟอง (Persistent foaming) (MT 47) - ความหนาแน่น (Bulk density, Tap density) (MT 186) - ความหนาแน่นที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส (Density) (MT 3) - การคงสภาพที่อุณหภูมิ 54 องศาเซลเซียส 14 วัน (Accelerated storage) (MT 46.3) - ความสามารถในการไหลเท (Pourability) (MT 148) - Unsurphonatable Residue of Neutral oil (MT 57) - ช่วงการกลั่น (Volatile of Neutral oil) (MT 56) - การคงสภาพของผลิตภัณฑ์ที่เจือจางแล้ว (Stability of diluted oil product) (MT 55.4) - การคงสภาพการกระจายตัวของสารในน้ำ (MT 180) - สักษณะสูตร TC = Technical materials - สักษณะสูตร TK = Technical concentrates - สักษณะสูตร CS = Capsule suspensions ## ตัวอย่างละ | รายการ | ตัวอย่าง | | --- | --- | | สารออกฤทธิ์ (A.I.) ด้วยเทคนิค HPLC | ๔,๐๐๐ บาท | | สารออกฤทธิ์ (A.I.) ด้วยเทคนิค GC | ๓,๐๐๐ บาท | | สารออกฤทธิ์ (A.I.) ด้วยเทคนิคทางเคมี | ๔,๐๐๐ บาท | | สารออกฤทธิ์ (A.I.) ผลิตภัณฑ์ White oil หรือ Petroleum oil | ๔,๒๐๐ บาท | | สารเจือปน (Impurities) | ๔,๕๐๐ บาท | | ค่า pH (pH range) (MT 75) | ๗๐๐ บาท | | ปริมาณน้ำเจือปน (Water content) (MT 30.5) | ๙๐๐ บาท | | การสูญเสียน้ำหนักเมื่อแห้ง (Loss on drying) (MT 17) | ๖๐๐ บาท | | การละลายและการคงสภาพของสารละลาย (Degree of dissolution and solution stability) (MT 179) | ๖๐๐ บาท | | สารไม่ละลายน้ำ (Insoluble material) (MT 10) | ๕๐๐ บาท | | การกระจายของสารในน้ำ (Spontaneity of dispersion) (MT 160) | ๗๐๐ บาท | | การกระจายของสารในน้ำ (Degree of dispersion) (MT 174) | ๖๐๐ บาท | | ตะแกร่งร่อนแบบเปียก (Wet sieve test) (MT 187) (MT 185) | ๘๐๐ บาท | | การกระจายของอนุภาค (Particle size distribution) (MT 59.2) | ๗๐๐ บาท | | การคงสภาพการละลาย (Solution stability) (MT 41) | ๔๐๐ บาท | | การกระจายตะกอนแขวนลอย (Susceptibility) (MT 184) | ๗๐๐ บาท | | การคงสภาพของอิมัลซิชั่นและการเกิดตัวของอิมัลซิชั่น (Emulsion stability and Re-emulsification) (MT 36.3) | ๗๐๐ บาท | | การเปียกน้ำ (Wettability) (MT 53.3) | ๔๐๐ บาท | | ความคงทนของฟอง (Persistent foaming) (MT 47) | ๕๐๐ บาท | | ความหนาแน่น (Bulk density, Tap density) (MT 186) | ๕๐๐ บาท | | ความหนาแน่นที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส (Density) (MT 3) | ๖๐๐ บาท | | การคงสภาพที่อุณหภูมิ 54 องศาเซลเซียส 14 วัน (Accelerated storage) (MT 46.3) | ๘๐๐ บาท | | ความสามารถในการไหลเท (Pourability) (MT 148) | ๗๐๐ บาท | | Unsurphonatable Residue of Neutral oil (MT 57) | ๒,๐๐๐ บาท | | ช่วงการกลั่น (Volatile of Neutral oil) (MT 56) | ๑,๕๐๐ บาท | | การคงสภาพของผลิตภัณฑ์ที่เจือจางแล้ว (Stability of diluted oil product) (MT 55.4) | ๗๐๐ บาท | | การคงสภาพการกระจายตัวของสารในน้ำ (MT 180) | ๔๐๐ บาท | | สักษณะสูตร TC = Technical materials | ๔,๐๐๐ บาท | | สักษณะสูตร TK = Technical concentrates | ๔,๐๐๐ บาท | | สักษณะสูตร CS = Capsule suspensions | ๑๖,๗๐๐ บาท | ### Table | ลำดับที่ | รายการ | ตัวอย่างละ | | --- | --- | --- | | ๑.๓๑ | ลักษณะสูตร DC = Dispersible concentrates | ๑๔,๔๐๐ บาท | | ๑.๓๒ | ลักษณะสูตร DP = Dustable powders | ๑๒,๕๐๐ บาท | | ๑.๓๓ | ลักษณะสูตร DS = Powder for dry seed treatment | ๑๒,๕๐๐ บาท | | ๑.๓๔ | ลักษณะสูตร DT = Tablets for direct application | ๑๒,๑๐๐ บาท | | ๑.๓๕ | ลักษณะสูตร EC = Emulsifiable concentrates | ๑๓,๖๐๐ บาท | | ๑.๓๖ | ลักษณะสูตร EG = Emulsifiable granules | ๑๕,๐๐๐ บาท | | ๑.๓๗ | ลักษณะสูตร EP = Emulsifiable powders | ๑๕,๐๐๐ บาท | | ๑.๓๘ | ลักษณะสูตร ES = Emulsions for seed treatment | ๑๒,๗๐๐ บาท | | ๑.๓๙ | ลักษณะสูตร EW = Emulsion, oil in water | ๑๓,๔๐๐ บาท | | ๑.๔๐ | ลักษณะสูตร FS = Suspension concentrates for seed treatment | ๑๖,๐๐๐ บาท | | ๑.๔๑ | ลักษณะสูตร GR = Granules | ๑๑,๘๐๐ บาท | | ๑.๔๒ | ลักษณะสูตร LS = Solutions for seed treatment | ๑๒,๕๐๐ บาท | | ๑.๔๓ | ลักษณะสูตร ME = Micro-emulsions | ๑๒,๗๐๐ บาท | | ๑.๔๔ | ลักษณะสูตร OD = Oil-based suspension concentrates | ๑๕,๓๐๐ บาท | | ๑.๔๕ | ลักษณะสูตร OL = Oil miscible liquids | ๑๑,๗๐๐ บาท | | ๑.๔๖ | ลักษณะสูตร SC = Suspension concentrates | ๑๖,๙๐๐ บาท | | ๑.๔๗ | ลักษณะสูตร SE = Aqueous suspo-emulsions | ๑๕,๓๐๐ บาท | | ๑.๔๘ | ลักษณะสูตร SG = Water soluble granules | ๑๒,๘๐๐ บาท | | ๑.๔๙ | ลักษณะสูตร SL = Soluble concentrates | ๑๓,๐๐๐ บาท | | ๑.๕๐ | ลักษณะสูตร SP = Water soluble powders | ๑๓,๖๐๐ บาท | | ๑.๕๑ | ลักษณะสูตร SS = Water soluble powders for seed treatment | ๑๒,๗๐๐ บาท | | ๑.๕๒ | ลักษณะสูตร ST = Water soluble tablets | ๑๖,๖๐๐ บาท | | ๑.๕๓ | ลักษณะสูตร UL = Ultra low volume liquids | ๑๑,๗๐๐ บาท | | ๑.๕๔ | ลักษณะสูตร WG = Water dispersible granules | ๑๖,๒๐๐ บาท | | ๑.๕๕ | ลักษณะสูตร WP = Wettable powders | ๑๕,๔๐๐ บาท | | ๑.๕๖ | ลักษณะสูตร WS = Water dispersible powders for slurry seed treatment | ๑๓,๖๐๐ บาท | | ๑.๕๗ | ลักษณะสูตร WT = Water dispersible tablets | ๑๕,๖๐๐ บาท | | ๑.๕๘ | ลักษณะสูตร ZC = Mixed formulations of CS and SC | ๑๖,๕๐๐ บาท | | ๑.๕๙ | ลักษณะสูตร ZE = Mixed formulations of CS and SE | ๑๕,๓๐๐ บาท | | ๑.๖๐ | ลักษณะสูตร ZW = Mixed formulations of CS and EW | ๑๕,๓๐๐ บาท | | ๑.๖๑ | ลักษณะสูตร EC หรือ EW = White oil หรือ Petroleum oil | ๙,๐๐๐ บาท | # ๒. อัตราค่าวิเคราะห์ปริมาณสารออกฤทธิ์ของสารสกัดจากพืชที่ใช้ในการป้องกันกำจัดศัตรูพืช | ลำดับที่ | รายการ | ตัวอย่างละ | | --- | --- | --- | | ๒.๑ | สารออกฤทธิ์ (A.I.) azadirachtin | ๔,๐๐๐ บาท | | ๒.๒ | สารออกฤทธิ์ (A.I.) D-limonene | ๕,๐๐๐ บาท | | ๒.๓ | สารออกฤทธิ์ (A.I.) rotenone | ๔,๐๐๐ บาท | | ๒.๔ | สารออกฤทธิ์ (A.I.) saponin | ๔,๐๐๐ บาท | | ๒.๕ | สารออกฤทธิ์ (A.I.) b-asarone | ๕,๐๐๐ บาท | | ๒.๖ | สารออกฤทธิ์ (A.I.) 1,8-cineole | ๕,๐๐๐ บาท | | ๒.๗ | สารออกฤทธิ์ (A.I.) ของสารสกัดจากพืชที่ใช้ในการป้องกันกำจัดศัตรูพืช ที่ไม่ได้อยู่ในบัญชี ให้ผู้อำนวยการกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทาง การเกษตร เป็นผู้พิจารณากำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์และ ทดสอบเป็นรายกรณี | - | ## ๓. อัตราค่าวิเคราะห์และทดสอบสารพิษตกค้างจากการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชในพืช | ลำดับที่ | รายการ | ตัวอย่างละ | | --- | --- | --- | | ๓.๑ | สารพิษตกค้างชนิดเดียว (Single residue) | ๕,๐๐๐ บาท | | ๓.๒ | สารพิษตกค้าง (Multi-residues) ด้วยเทคนิค HPLC, GC | ๕,๕๐๐ บาท | | ๓.๓ | สารพิษตกค้าง (Multi-residues) น้อยกว่า 50 ชนิดสาร ด้วยเทคนิค LC-MS/MS, GC-MS/MS | ๖,๐๐๐ บาท | | ๓.๔ | สารพิษตกค้าง 50 ชนิดสารขึ้นไป (Multi-residues) ด้วยเทคนิค LC-MS/MS, GC-MS/MS | ๙,๐๐๐ บาท | ### ๔. อัตราค่าวิเคราะห์และทดสอบสารพิษตกค้างจากการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชในดิน และน้ำ | ลำดับที่ | รายการ | ตัวอย่างละ | | --- | --- | --- | | ๔.๑ | สารพิษตกค้างกลุ่ม Organochlorines | ๕,๕๐๐ บาท | | ๔.๒ | สารพิษตกค้างกลุ่ม Organophosphorus | ๕,๕๐๐ บาท | | ๔.๓ | สารพิษตกค้างกลุ่ม Pyrethroid | ๕,๕๐๐ บาท | | ๔.๔ | สารพิษตกค้างกลุ่ม Organochlorines, Organophosphorus และ Pyrethroid | ๘,๐๐๐ บาท | | ๔.๕ | สารพิษตกค้างกลุ่ม Carbamates, Triazines | ๔,๕๐๐ บาท | | ๔.๖ | สารพิษตกค้างชนิดGlyphosate, Glufosinate | ๕,๐๐๐ บาท | | ๔.๗ | สารพิษตกค้างชนิด 2,4-D | ๕,๐๐๐ บาท | | ๔.๘ | สารพิษตกค้างชนิด Paraquat | ๕,๐๐๐ บาท |" 1972.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนด สินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ กำหนดสินค้าควบคุม ๔๖ รายการ และบริการควบคุม ๕ รายการ ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๖๗ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ กำหนดให้ น้ำตาลทราย เป็นสินค้าควบคุม และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ กำหนดสินค้าควบคุม ๕ รายการ ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๗ ให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคา สินค้าและบริการรวบรวมรายการสินค้าและบริการควบคุมเพื่อพิจารณากำหนดระยะเวลาการควบคุม สินค้าและบริการทั้งหมดให้สิ้นผลบังคับใช้พร้อมกัน คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงได้พิจารณาทบทวนการใช้อำนาจดังกล่าว เห็นควรคงรายการสินค้าควบคุม จำนวน ๕๒ รายการ และบริการควบคุม จำนวน ๕ รายการ เพื่อดูแลป้องกันการกำหนดราคาซื้อ ราคาจำหน่าย หรือการกำหนดเงื่อนไขและวิธีปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๑) และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๖๗ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๓ ให้สินค้าและบริการ ดังต่อไปนี้ เป็นสินค้าและบริการควบคุม หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ (๑) กระดาษทำลูกฟูก กระดาษเหนียว (๒) กระดาษพิมพ์และเขียน (๓) เศษกระดาษ และกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง (๔) ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ (๕) รถจักรยานยนต์ รถยนต์บรรทุก หมวดปัจจัยทางการเกษตร (๖) กาดติดีจีเอส (๗) เครื่องสูบน้ำ (๘) ปุ๋ย (๙) ยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช (๑๐) รถเกี่ยวข้าว (๑๑) รถไถนา (๑๒) หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (๑๓) ก๊าซบิโตรเลียมเหลว (๑๔) น้ำมันเชื้อเพลิง หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ (๑๕) ยารักษาโรค (๑๖) เวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรค (๑๗) ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ (๑๘) หน้ากากอนามัย หมวดวัสดุก่อสร้าง (๑๙) ท่อพีวีซี (๒๐) ปูนซีเมนต์ (๒๑) สายไฟฟ้า (๒๒) เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น เหล็กเส้น หมวดสินค้าเกษตรที่สำคัญ (๒๓) ข้าวเปลือก ข้าวสาร (๒๔) ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ (๒๕) ข้าวโพด (๒๖) ต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ (๒๗) ผลปาล์มน้ำมัน (๒๘) มะพร้าวผลแก่ และผลิตภัณฑ์ (๒๙) ยางพารา ได้แก่ น้ำยางสด ยางก้อน เศษยาง น้ำยางข้น ยางแผ่น ยางแท่ง ยางเครป หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค (๓๐) กระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า (๓๑) แชมู (๓๒) ผงซักฟอก น้ำยาซักฟอก (๓๓) ผลิตภัณฑ์ล้างจาน (๓๔) ผ้าอนามัย (๓๕) ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเด็กและผู้ใหญ่ (๓๖) สบู่ก้อน สบู่เหลว หมวดอาหาร (๓๗) กระเทียม (๓๘) ไก่ เนื้อไก่ (๓๙) ไข่ไก่ (๔๐) ทุเรียน (๔๑) นมผง ผลิตภัณฑ์นมพร้อมบริโภคนิดเหลว ไม่รวมถึงนมเปรี้ยว (๔๒) น้ำตาลทราย (๔๓) น้ำมัน และไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ทั้งที่บริโภคได้หรือไม่ได้ (๔๔) แป้งสาลี (๔๕) มังคุด (๔๖) ลำใย (๔๗) สุกร เนื้อสุกร (๔๘) หอมหัวใหญ่ (๔๙) อาหารกึ่งสำเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึก (๕๐) อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท หมวดอื่น ๆ (๕๑) เครื่องแบบนักเรียน (๕๒) ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย หมวดบริการ (๕๓) การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า (๕๔) บริการซื้อขาย และหรือบริการขนส่งสินค้าสำหรับธุรกิจออนไลน์ (๕๕) บริการทางการเกษตร (๕๖) บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาลเกี่ยวกับการรักษาโรค (๕๗) บริการรับชำระเงิน ณ จุดบริการ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ" 1979.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๑ คำศัพท์และบทนิยาม พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๑ คำศัพท์และบทนิยาม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๑ คำศัพท์และบทนิยาม พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๑ คำศัพท์และบทนิยาม มาตรฐานเลขที่ มอก. ๖๓๒๘๓ เล่ม 1 - ๒๕๖๖ ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ที่ โรงพิมพ์การศาสนา กรมการศาสนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม 1 คำศัพท์และบทนิยาม INDUSTRIAL-PROCESS MEASUREMENT, CONTROL AND AUTOMATION - SMART MANUFACTURING - PART 1: TERMS AND DEFINITIONS #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 63283 เล่ม 1-2566 #### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม #### กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการราษฎร์ คณะที่ 69/1 การวัดคุมทางอุตสาหกรรม และการผสานระบบอัตโนมัติ #### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ขอบข่ายของมาตรฐานนี้คือการรวบรวมคำศัพท์พื้นฐานที่ครอบคลุม พร้อมทั้งคำศัพท์ที่เข้ากันได้ซึ่งอาจมี ความเกี่ยวข้องภายในขอบข่ายของ การผลิตอัจฉริยะ คำศัพท์เหล่านี้ส่วนใหญ่อ้างถึงบทนิยามที่มีอยู่ในโดเมน ของการวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการทางอุตสาหกรรม และโดเมนย่อยต่าง ๆ เมื่อมีหลายบทนิยามที่คล้ายกันสำหรับคำศัพท์เดียวกัน ในมาตรฐานที่แตกต่างกัน มาตรฐานนี้จะมีเพียงบทนิยามที่ต้องการในบริบท ของการผลิตอัจฉริยะเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่บทนิยามที่มีอยู่ไม่สอดคล้องกับ คำศัพท์อื่นในมาตรฐานนี้ หรือเมื่อบทนิยามไม่สอดคล้องกับขอบข่ายที่ กว้างกว่าของการผลิตอัจฉริยะ จะมีการให้บทนิยามใหม่หรือมีการแก้ไข #### เนื้อหาประกอบด้วย : บทนำ ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง คำศัพท์ บทนิยาม และอักษรย่อ และบรรณานุกรม ##### จำนวนหน้า : ๘๗ หน้า ###### ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๙๕-๖๗๕-๔ ###### ICS : ๒๕.๐๔๐.๔๐ ##### สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ ##### สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 1980.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการ อุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๒ กรณีใช้งาน พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบ อัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๒ กรณีใช้งาน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๒ กรณีใช้งาน พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติ ในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๒ กรณีใช้งาน มาตรฐานเลขที่ มอก. 63283 เล่ม 2 - 2566 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม 2 กรณีใช้งาน INDUSTRIAL-PROCESS MEASUREMENT, CONTROL AND AUTOMATION - SMART MANUFACTURING - PART 2: USE CASES #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 63283 เล่ม 2-2566 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 69/1 การวัดคุมทางอุตสาหกรรม และการผสานระบบอัตโนมัติ ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- มีเป้าหมายเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบทของ “การผลิตอัจฉริยะ” ที่มีต่อ การปฏิบัติงานประจำวันของโรงงานอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นไปที่มุมมอง ของระบบอัตโนมัติและการควบคุมระบบการผลิต แต่ยังรวมถึงกระบวนการ สนับสนุนในการจัดลำดับ การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การออกแบบ งานวิศวกรรมและการทดสอบเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของการติดตั้งและ การใช้งาน เทคโนโลยีการปฏิบัติงาน การจัดการวัฏจักรชีวิต และ การจัดการทรัพยากร \- คำแนะนำเหล่านี้จัดทำขึ้นบนพื้นฐานของกรณีใช้งานที่เลือกมา อย่างรอบคอบหลายกรณีซึ่งเป็นที่คุ้นเคยในอุตสาหกรรมการผลิต ดังนั้นจึงมี การอธิบายกรณีใช้งานแต่ละครณี ตามด้วยการวิเคราะห์อิทธิพลที่เป็นไปได้ ของ ""การผลิตอัจฉริยะ"" และการประเมินผลกระทบต่อมาระบบมาตรฐานที่มีอยู่และ มาตรฐานในอนาคตก เนื้อหาประกอบด้วย : บทนำ ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง คำศัพท์ บทนียาม และอักษรย่อ และคำย่อ สัญญิยม กรณีใช้งาน ภาคผนวก และบรรณานุกรม จำนวนหน้า : ๑๗๓ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๙๕-๖๗๖-๕ ICS : ๒๕.๐๔๐.๔๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๕๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 1981.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม – การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๓ ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม – การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๓ ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม – การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๓ ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม – การผลิตอัจฉริยะ เล่ม ๓ ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ มาตรฐานเลขที่ มอก. 63283 เล่ม 3 - 2566 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : การวัด การควบคุม และระบบอัตโนมัติในกระบวนการอุตสาหกรรม - การผลิตอัจฉริยะ เล่ม 3 ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ INDUSTRIAL-PROCESS MEASUREMENT, CONTROL AND AUTOMATION - SMART MANUFACTURING - PART 3: CHALLENGES FOR CYBERSECURITY #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 63283 เล่ม 3-2566 #### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม #### กรรมการวิชาการ : คณะอนุกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 69/1 การวัดคุมทางอุตสาหกรรม และการผสานระบบอัตโนมัติ #### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ระบุถึงความท้าทายที่นำไปใช้กับงานวิศวกรรมของโรงงานผลิตอัจฉริยะ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ หมายเหตุ ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และวิธีการ จัดการกับสิ่งเหล่านี้สามารถทำให้เกิดข้อจำกัดด้านวิศวกรรม ของระบบการผลิตอัจฉริยะได้ #### เนื้อหาประกอบด้วย : บทนำ ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง คำศัพท์ บทนิยาม อักษรย่อ และสัญญียม ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของการผลิตอัจฉริยะ วิศวกรรมระบบ การใช้ IEC 62443 (ทุกเล่ม) กับการผลิตอัจฉริยะ ภัยคุกกาม ความมั่นคงปลอดภัยของการผลิตอัจฉริยะ บทสรุปของความท้าทาย ภาคผนวก และบรรณานุกรม #### จำนวนหน้า : ๑๗๓ หน้า #### ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๙๕-๖๗๗-๒ #### ICS : ๒๕.๐๔๐.๔๐ #### สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ #### สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 1986.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณ น้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายข้นต้น) เพื่อให้การผลิตน้ำตาลทรายสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และเกิดความเป็นธรรมระหว่างโรงงาน เนื่องจากปริมาณอ้อยได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้ประมาณการไว้ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๖ แห่งระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วย การกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายให้โรงงานผลิต พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จึงออกประกาศกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิต ในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) ไว้ดังนี้ ให้ยกเลิกบัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณ น้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายข้นต้น) ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิต ปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) แทนท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย # บัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง การกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรงบประมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒)
ลำดับ บริษัท/โรงงานน้ำตาล ทะเบียนโรงงาน (เดิม) ทะเบียนโรงงาน (ใหม่) น้ำตาลทราย ปริมาณน้ำตาลทราย สำรอง รวมน้ำตาล
บริษัท น้ำตาลทิพย์กำแพงเพชร จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ กพ ๑๐๖๒๐๐๐๐๑๒๕๕๕๒ ๑,๕๔๕,๕๕๕ ๔๔,๐๐๐ ๑,๕๘๙,๕๕๒
บริษัท น้ำตาลทิพย์สุโขทัย จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๕๓ สท ๑๐๖๔๐๐๐๐๑๒๕๕๓๕ ๑,๑๓๙,๖๙๑ ๓๓,๐๐๐ ๑,๑๗๒,๖๙๑
บริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๒๐ อต ๑๐๕๓๐๐๐๐๑๒๕๒๐๗ ๑,๓๑๕,๒๓๙ ๓๘,๐๐๐ ๑,๓๕๓,๒๓๙
บริษัท น้ำตาลทรายกำแพงเพชร จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๖ กพ ๑๐๖๒๐๐๐๐๑๒๕๑๖๔ ๔๙๘,๘๗๔ ๑๔,๐๐๐ ๕๐๒,๘๗๔
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เซ็นซันแลนด์ ฟู้ดส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จ.ลาว-๑๑(๓)-๑/๑๕ นา ๒๐๖๐๐๐๐๐๑๒๕๑๕๕ ๙๒๒,๖๔๑ ๒๖,๐๐๐ ๙๔๘,๖๔๑
บริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๒ กพ ๑๐๖๒๐๑๐๐๑๒๕๓๒๐ ๑,๗๓๑,๕๑๙ ๔๙,๐๐๐ ๑,๗๘๐,๕๑๙
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เซ็นซันแลนด์ ฟู้ดส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จ.ลาว-๑๑(๓)-๑/๓๕ นา ๑๐๖๐๐๐๐๑๒๕๓๕๔ ๒,๔๖๖,๔๗๐ ๗๐,๐๐๐ ๒,๕๓๖,๔๗๐
บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ พช ๑๐๖๗๐๐๐๐๑๒๕๓๙๑ ๓,๔๔๑,๒๙๕ ๙๘,๐๐๐ ๓,๕๓๙,๒๙๕
๑๐ บริษัท น้ำตาลพิษณุโลก จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๗ พล ๑๐๖๕๐๐๐๐๑๒๕๓๗๕ ๑,๗๔๐,๙๖๕ ๕๐,๐๐๐ ๑,๗๙๐,๙๖๕
๑๑ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด (เพชรบูรณ์) ๓-๑๑(๓)-๓/๕๘ พช ๑๐๖๗๐๐๐๐๑๒๕๕๘๗ ๑,๑๓๐,๓๕๒ ๓๒,๐๐๐ ๑,๑๖๒,๓๕๒
๑๒ บริษัท น้ำตาลสิงห์บุรี จำกัด ๑๑(๓)-๑/๑๙ สห ๑๐๑๗๐๐๐๐๑๒๕๑๙๔ ๘๖๑,๗๐๒ ๒๕,๐๐๐ ๘๘๖,๗๐๒
๑๓ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๒๑ สพ ๑๐๗๒๐๐๐๐๑๒๕๒๑๒ ๒๕๕,๘๖๕ ๗,๐๐๐ ๒๖๒,๘๖๕
๑๔ บริษัท น้ำตาลศรีไพ่นี้เข็มกลัด จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๐ สพ ๑๐๗๒๐๐๐๑๒๕๓๐๒ ๒๘๖,๑๒๓ ๘,๐๐๐ ๒๙๔,๑๒๓
๑๕ บริษัท ไทยรุ่งเรืองเพิ่มพูนอุตสาหกรรม จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๑๙๗ ๑๕๔,๐๐๐ ๕๐๖,๓๖๗ ๕๒๐,๓๖๗
๑๖ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๒๒ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๒๒๑ ๔๐๔,๙๕๗ ๑๒,๐๐๐ ๔๑๖,๙๕๗
๑๗ บริษัท ประจวบอุตสาหกรรม จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๑๙๓ ๓๖๙,๒๒๓ ๑๑,๐๐๐ ๓๘๐,๒๒๓
๑๘ บริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๑๙๑ ๖๐๙,๙๗๐ ๑๗,๐๐๐ ๖๒๖,๙๗๐
๑๙ บริษัท โรงงานน้ำตาลนิเวศน์ธราภิชัย จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๕๒ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๕๒๘ ๑,๐๖๙,๐๔๖ ๓๑,๐๐๐ ๑,๑๐๐,๐๔๖
๒๐ บริษัท ไทยรุ่งเรือง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๘ อน ๑๐๖๑๐๐๐๑๒๕๓๘๘ ๑,๕๒๖,๙๘๐ ๔๓,๐๐๐ ๑,๕๖๙,๙๘๐
๒๑ บริษัท น้ำตาลไทยภาณุณฐบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๒๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๑๙๕ ๕๑๐,๕๕๘ ๑๗,๐๐๐ ๕๙๗,๕๕๘
๒๒ บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเทศาทร จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๒ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๑๒๒ ๕๔๘,๐๓๗ ๑๖,๐๐๐ ๕๖๐,๐๓๗
๒๓ บริษัท น้ำตาลเม็ดผล จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ สพ ๑๐๗๒๐๐๐๑๒๕๓๔๔ ๒,๕๓๕,๓๑๕ ๗๒,๐๐๐ ๒,๖๑๓,๓๑๕
๒๔ บริษัท น้ำตาลบ้านเป้ง จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ รบ ๑๐๗๐๐๐๐๑๒๕๑๙๘ ๒๘๗,๔๖๔ ๘,๐๐๐ ๒๙๕,๔๖๔
๒๕ บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๒๙ รบ ๑๐๗๐๐๐๐๑๒๕๑๙๖ ๔๓๘,๒๒๓ ๑๒,๐๐๐ ๔๕๐,๒๒๓
๒๖ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น. จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๓ คบ ๑๐๑๖๐๐๐๑๒๕๓๓๖ ๔๙๗,๘๐๗ ๑๔,๐๐๐ ๕๑๓,๘๐๗
๒๗ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลปราณบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ ปช ๑๐๗๗๐๐๐๑๒๕๓๙๙ ๒๓๓,๘๗๘ ๗,๐๐๐ ๒๔๐,๘๗๘
๒๘ บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ สบ ๑๐๑๙๐๒๐๐๑๒๕๓๔๙ ๑,๔๔๑,๘๕๘ ๔๑,๐๐๐ ๑,๔๘๒,๘๕๘
๒๙ บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด (สาขาสระบุรี) ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ ลบ ๑๐๖๑๐๐๐๑๒๕๕๕๗ ๑,๐๐๐,๕๕๒ ๒๙,๐๐๐ ๑,๐๒๙,๕๕๒
๓๐ บริษัท น้ำตาลอุบลราชธานี จำกัด (สาขาอุบลราชธานี) ๓-๑๑(๓)-๑/๕๘ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๕๕๙ ๖๗๔,๓๘๐ ๑๙,๐๐๐ ๖๙๓,๓๘๐
๓๙๐,๗๑๙ ๑๑,๐๐๐ ๔๐๑,๗๑๙
หน่วย : กรัมละ (๑๐๐ กก./ถส.) ## ตารางข้อมูล | ลำดับ | โรงงานน้ำตาล/บริษัท | ทะเบียนโรงงาน (เดิม) | ทะเบียนโรงงาน (ใหม่) | น้ำตาลทราย | ปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง | รวมน้ำตาล | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | 31 | บริษัท สหกรณ์น้ำตาลชลบุรี จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๑๕ ซบ | ๑๐๒๐๐๐๐๐๑๒๕๑๕๖ | ๔๘๗,๗๒๔ | ๑๔,๐๐๐ | ๔๙๑,๗๒๔ | | 32 | บริษัท น้ำตาละอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๗ สก | ๑๐๒๐๐๐๐๑๒๕๔๘๘ | ๓๘๔,๓๓๔ | ๑๑,๐๐๐ | ๓๙๕,๓๓๔ | | 33 | บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๘ ซบ | ๑๐๒๗๐๐๐๑๒๕๖๐๖ | ๓๙๕,๓๓๔ | ๑๖,๐๐๐ | ๕๕๑,๓๓๔ | | 34 | บริษัท น้ำตาละอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๐ สก | ๑๐๔๗๐๐๐๑๒๕๓๔๘ | ๑๘๘,๓๐๘ | ๑๘,๐๐๐ | ๒๖๘,๓๐๘ | | 35 | บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๘ สาร | ๑๐๔๖๐๐๐๑๒๕๔๘๘ | ๕๓,๐๐๐ | ๕,๐๐๐ | ๖๘,๐๐๐ | | 36 | บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลฉะเชิงเทรา จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๘ กส | ๑๐๔๖๐๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๒๐,๐๐๐ | ๗๓,๔๖๙ | ๙๓,๔๖๙ | | 37 | บริษัท น้ำตาลมิตรภาพสินธุ์ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๒ กส | ๑๐๔๔๐๐๐๑๒๕๔๙๘ | ๗๔,๐๐๐ | ๒,๖๘๖,๗๑๕ | ๒,๗๖๐,๗๑๕ | | 38 | บริษัท น้ำตาลวังนาย จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๙ คส | ๑๐๔๔๐๐๐๑๒๕๓๔๘ | ๑๘,๐๐๐ | ๖๓๕,๓๑๕ | ๖๕๓,๓๑๕ | | 39 | บริษัท น้ำตาลเกษตราผล จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๘ คส | ๑๐๔๑๐๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๑๘,๐๐๐ | ๕๒,๐๐๐ | ๑๑๐,๐๐๐ | | 40 | บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๕ คส | ๑๐๓๐๐๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๑๘,๐๐๐ | ๑๘๖,๐๐๐ | ๒๗๔,๐๐๐ | | 41 | บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูเวียง) | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๖ นม | ๑๐๓๐๐๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๗๘,๐๐๐ | ๒,๗๙๘,๖๘๐ | ๓,๘๐๐,๖๘๐ | | 42 | บริษัท อุตสาหกรรมอ่างเวีย จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๖ นม | ๑๐๓๐๐๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๑๗,๕๕๕ | ๑,๘๐๓,๓๔๕ | ๑,๘๒๐,๓๔๕ | | 43 | บริษัท น้ำตาลศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ คส | ๑๐๓๐๐๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๒,๔๖๕,๔๘๓ | ๗๐,๐๐๐ | ๒,๕๓๕,๔๘๓ | | 44 | บริษัท โรงงานน้ำตาลทรายขาวเริ่มอุดม จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๐ คส | ๑๐๔๑๐๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๖๖,๐๐๐ | ๑๙,๐๐๐ | ๘๕,๐๐๐ | | 45 | บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) | ๓-๑๑(๓)-๑/๒๐ ชก | ๑๐๔๐๐๐๐๑๒๕๒๐๓ | ๑๙,๐๐๐ | ๑,๘๖๓,๔๖๖ | ๑,๙๘๒,๔๖๖ | | 46 | บริษัท สหเรือง จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๖ นม | ๑๐๔๙๐๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๑๓,๐๐๐ | ๑,๐๐๔,๒๕๙ | ๑,๐๒๗,๒๕๙ | | 47 | บริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๑๕ บร | ๑๐๓๑๐๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๗๗,๐๐๐ | ๒,๕๔๔,๐๑๒ | ๒,๖๒๑,๐๑๒ | | 48 | บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูเขียว) | ๓-๑๑(๓)-๑/๒๙ ชย | ๑๐๓๖๐๐๐๑๒๕๒๙๘ | ๓,๑๕๗,๔๘๖ | ๑๐๒,๐๐๐ | ๓,๒๕๙,๔๘๖ | | 49 | บริษัท น้ำตาลอรวิณ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ นา | ๑๐๓๙๐๐๐๑๒๕๕๕๐ | ๖๒,๐๐๐ | ๒,๒๒๑,๖๑๙ | ๒,๒๘๓,๖๑๙ | | 50 | บริษัท น้ำตาลไทยอุตรธานี จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ คส | ๑๐๔๑๐๐๐๑๒๕๕๕๔ | ๑๙,๐๐๐ | ๑,๘๕๐,๘๖๖ | ๑,๙๗๙,๘๖๖ | | 51 | บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูหลวง) | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๗ ลย | ๑๐๔๒๐๐๐๑๒๕๕๗๘ | ๒,๕๓๐,๓๙๐ | ๗๒,๐๐๐ | ๓,๖๐๒,๓๙๐ | | 52 | บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (สาขายังสะพุง) | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๗ ลย | ๑๐๔๒๐๐๐๑๒๕๕๗๘ | ๑,๓๕๙,๐๐๖ | ๓๙,๐๐๐ | ๑,๓๙๘,๐๐๖ | | 53 | บริษัท น้ำตาละอ้อย จำกัด (สาขาชัยภูมิ) | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๘ ชย | ๑๐๓๖๐๐๐๑๒๕๕๕๘ | ๘๑๘,๓๔๕ | ๒๓,๐๐๐ | ๘๔๑,๓๔๕ | | 54 | บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด (สกลนคร) | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๑ สน | ๑๐๔๗๐๐๐๑๒๕๖๑๐ | ๓๓๑,๖๓๔ | ๙,๐๐๐ | ๓๔๐,๖๓๔ | | 55 | บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (สาขาอำนาจเจริญ) | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๑ คส | ๑๐๓๗๐๐๐๑๒๕๖๑๐ | ๑,๒๓๒,๗๗๐ | ๓๕,๐๐๐ | ๑,๒๖๗,๗๗๐ | | 56 | บริษัท น้ำตาลศรีป่า จำกัด (มหาชน) (สาขาศิริวัฒน์) | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๒ คส | ๑๐๓๐๐๐๑๒๕๖๒๓ | ๑,๐๓๐,๐๕๐ | ๒๙,๐๐๐ | ๑,๐๕๙,๐๕๐ | | 57 | บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (เกษตรสมบูรณ์) | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๖ ชย | ๑๐๓๖๐๐๐๑๒๕๖๖๑ | ๗๕,๖๓๑,๐๔๗ | ๒,๑๕๖,๐๐๐ | ๗๗,๗๘๙,๐๔๗ | ### หมายเหตุ - ปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง และ รวมน้ำตาล ของ บริษัทน้ำตาล สาขาบางคล้า กำลังขอเพิ่มปริมาณ รอการอนุมัติ - ปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง และ รวมน้ำตาล ของ บริษัทน้ำตาล สาขาสีคิ้ว กำลังขอเพิ่มปริมาณ รอการอนุมัติ หมายเหตุ ๑. บัญชีจัดสรรปริมาณการผลิตนี้เป็น บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒ และจะทำ การปรับปรุงบัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายอีกครั้งหลังจากปิดหีบอ้อยการผลิตน้ำตาลทราย ๒. น้ำตาลทราย หมายถึง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทราย ชนิดพิเศษ หรือน้ำตาลชนิดอื่น ๆ ที่คณะกรรมการกำหนดให้โรงงานผลิตและจำหน่ายได้ ๓. น้ำตาลทรายสำรอง หมายถึง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ หรือน้ำตาลทราย ชนิดพิเศษที่แต่ละโรงงานต้องสำรองไว้ในปริมาณตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยคำนวณจากปริมาณการบริโภค น้ำตาลทรายโดยเฉลี่ยภายในประเทศหนึ่งเดือนของฤดูกาลผลิตปีที่ผ่านมา ๔. เนื้อน้ำตาลทรายสุทธิต่อ ๑ กระสอบ = ๑๐๐ กิโลกรัม PageNumber: - ๕ - # หลักเกณฑ์การจัดสรรปริมาณอ้อยและน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานทำการผลิต ในปีการผลิต ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) ## ๑. ปริมาณอ้อยปรับปรุง จัดสรรตามปริมาณอ้อยเข้าหีบแต่ละโรงงานตั้งแต่เปิดหีบจนถึง ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗ และประมาณการอ้อยตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ จนถึงวันที่คาดว่าจะปิดหีบ และจัดสรรตามปริมาณอ้อย เข้าหีบจริงของโรงงานที่ปิดหีบแล้ว รวมทั้งหมด ๕๗ โรงงาน ซึ่งได้ปริมาณอ้อยรวมทั้งสิ้น ดังนี้
ภาค ปริมาณอ้อย (ตัน)
๑. ภาคเหนือ ๑๘,๑๒๕,๒๙๙
๒. ภาคกลาง ๑๗,๗๔๑,๓๔๘
๓. ภาคตะวันออก ๔,๐๕๐,๒๐๔
๔. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๓๙,๓๒๒,๘๙๔
รวมทุกภาค ๗๙,๒๓๙,๗๔๕
## ๒. ปริมาณน้ำตาลทรายจัดสรร ๒.๑ น้ำตาลทราย จัดสรรตามปริมาณอ้อยในข้อ ๑ คูณกับผลผลิตน้ำตาลทรายเฉลี่ยต่อตันอ้อย ของแต่ละโรงงาน ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗ และจัดสรรตามปริมาณอ้อยและผลผลิตน้ำตาลทรายจริงของ โรงงานที่ปิดหีบแล้ว ๒.๒ น้ำตาลทรายสำรอง จัดสรรจากปริมาณการบริโภคน้ำตาลทรายโดยเฉลี่ยภายในประเทศ หนึ่งเดือนของฤดูกาลผลิตปีที่ผ่านมา ๓. บัญชีจัดสรรปริมาณการผลิตน้ำตาลทรายนี้เป็นไปตามบัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒" 1989.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล เป็นกรณีพิเศษ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รัฐบาลจึงกำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยการดึงดูดคนต่างด้าวซึ่งมีศักยภาพซึ่งประสงค์จะเข้ามาทำนักเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกลสู่ประเทศไทย โดยอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งมีศักยภาพสูงเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย อันจะส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศที่มากขึ้น และจะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดรายได้ต่อเนื่องให้แก่ประชาชนอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจน้ำที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ข้อ ๒ คนต่างด้าวดังต่อไปนี้สามารถขออนุญาตเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล เป็นกรณีพิเศษตามประกาศนี้ (๑) คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะทำนักในประเทศไทย เพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล ได้แก่ คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะเดินทางทางมาทำนักเพื่อการท่องเที่ยวระยะยาว คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะเดินทางมาทำนักเพื่อทำงานทางไกล ได้แก่ กลุ่มที่มีทักษะสูง กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มทำงานระยะไกล หรือคนต่างด้าวซึ่งประสงค์มาทำนักเพื่อทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ การเรียนมวยไทยและศิลปะป้องกันตัว การเรียนทำอาหาร การเรียนและฝึกซ้อมกีฬา การรักษาพยาบาล การอบรม การสัมมนา การจัดแสดงศิลปะและดนตรี (๒) ผู้ติดตามของคนต่างด้าวตาม (๑) ซึ่งเป็นคู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบปีบริบูรณ์ คนต่างด้าวตาม (๑) ต้องมีหลักฐานทางการเงิน หรือหลักฐานการสนับสนุนทางการเงินสำหรับการเดินทางหรือมีผู้ค้ำประกันไม่น้อยกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองร่วมกันกำหนด เมื่อมีการยื่นคำขอรับการตรวจลงตราหรือขยายระยะเวลาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ข้อ ๓ คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะขออนุญาตเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ตามประกาศนี้ ให้ยื่นคำขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว ประเภทพิเศษ (Destination Thailand Visa :DTV) โดยสามารถยื่นขอรับการตรวจลงตราได้จากสถานเอกอัครราชทูตหรือ สถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศ สำหรับใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายในอายุการใช้งาน การตรวจลงตราห้าปี ให้ผู้ติดตามของคนต่างด้าวได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว ประเภทพิเศษ (Destination Thailand Visa :DTV) ตามสิทธิของคนต่างด้าวตามวรรคหนึ่ง ให้คนต่างด้าวและผู้ติดตามเสียค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราครั้งเดียวในอัตราหนึ่งหมื่นบาท การตรวจลงตราตามข้อนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวง การต่างประเทศกำหนด ข้อ ๔ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองประทับตราอนุญาตให้คนต่างด้าว และผู้ติดตามอยู่ในราชอาณาจักรครั้งละไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน สำหรับใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราเพื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีก ข้อ ๕ ในกรณีที่คนต่างด้าวและผู้ติดตามประสงค์จะขออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ต่อไปภายหลังจากที่ครบกำหนดเวลาอนุญาตตามข้อ ๔ แล้ว ก่อนครบกำหนดเวลาอนุญาต ให้คนต่างด้าว ยื่นขอขยายระยะเวลาอนุญาตตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด ในการนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองประทับตราขยายระยะเวลาอนุญาตให้คนต่างด้าว และผู้ติดตามอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปได้อีกไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน สำหรับใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ทั้งนี้ ระยะเวลาดังกล่าวเมื่อรวมกับระยะเวลาการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามข้อ ๔ แล้วต้องไม่เกิน อายุการตรวจลงตราตามข้อ ๓ ข้อ ๖ คนต่างด้าวและผู้ติดตามซึ่งได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว ประเภทพิเศษ (Destination Thailand Visa :DTV) ต่อมามีความประสงค์จะขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราหรือ ขอรับการตรวจลงตราเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวด้วยวัตถุประสงค์อื่น ให้สามารถกระทำได้ และให้การตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว ประเภทพิเศษ (Destination Thailand Visa :DTV) เดิมสิ้นผลไป ทั้งนี้ การพิจารณาอนุญาตให้เปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา และการอยู่ต่อในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวด้วยวัตถุประสงค์อื่น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่สำนักงาน ตรวจคนเข้าเมืองกำหนด ข้อ ๗ คนต่างด้าวและผู้ติดตามซึ่งเป็นคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมายที่ได้รับการตรวจลงตราประเภท นักท่องเที่ยว ประเภทพิเศษ (Destination Thailand Visa:DTV) ซึ่งประสงค์จะทำงานในราชอาณาจักร เมื่อได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้ว ให้ยื่นและเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราเป็นประเภท คนอยู่ชั่วคราวเพื่อการทำงานก่อน แล้วจึงยื่นขอใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าวต่อไป ข้อ 8 ให้คนต่างด้าวและผู้ติดตามตามประกาศนี้เป็นผู้แจ้งที่พักอาศัยตามมาตรา ๓๗ วรรคหนึ่ง (๕) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ข้อ 9 การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามประกาศนี้เป็นอันสิ้นผล ในกรณีที่คนต่างด้านนั้นถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไม่ว่าด้วยเหตุใด เมื่อมีการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวตามวรรคหนึ่ง ให้การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของผู้ติดตามของคนต่างด้านนั้นสิ้นสุดลงด้วย ข้อ 10 การดำเนินการตามประกาศนี้ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ กระทรวงการต่างประเทศหรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้วแต่กรณีกำหนด ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เศรษฐา ทรีสิน นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 199.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้ง เครื่องจักร ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ประกอบติดตั้งเครื่องจักร ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ ๑.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเทคนิค ประกอบติดตั้งเครื่องจักร ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๑.๓ ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือฝึกอบรมอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ไม่น้อยกว่า ๑,๖๐๐ ชั่วโมง โดยได้รับใบรับรอง การฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือฝึกอบรมอาชีพจากหน่วยงานฝึกอบรมหรือหน่วยงานการศึกษา หรือ ๑.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพในสาขาวิชา ที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุ ตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ประกอบติดตั้งเครื่องจักร ระดับ ๒ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ระดับ ๑ และ ๒.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพ เกี่ยวกับสาขาช่างเทคนิค ประกอบติดตั้งเครื่องจักร ไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ระดับ ๑ หรือ ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ ๒.๓ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงในสาขาวิชา ที่เกี่ยวข้องกับช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร และมีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพ เกี่ยวกับอาชีพช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการท างาน หรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับ หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ระดับ ๑ หรือ ๒.๔ ได้คะแนนรวมในการ ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบห้า ๒.๕ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาอาชีพช่างเทคนิค ประกอบติดตั้งเครื่องจักรส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ไม่น้อยกว่า ๕ ปี โดยมีใบรับรอง การท างานหรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ประกอบติดตั้งเครื่องจักร ระดับ ๓ ๓.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องผ่านการทดสอบม าตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ระดับ ๒ และ ๓.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาอาชีพช่างเทคนิค ประกอบติดตั้งเครื่องจักรส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ระดับ ๒ หรือ ๓.๓ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับปริญญาตรี ในสาขาวิชาช่างเทคนิคประกอบ ติดตั้งเครื่องจั กรส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ และมีประสบการณ์ในการท างาน หรือประกอบอาชีพช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักรส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง หรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๓.๔ ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคประกอบติดตั้งเครื่องจักร ระดับ ๒ ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบห้า ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 1990.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อศึกษา หรือศึกษาและทำงาน เป็นกรณีพิเศษ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยรวมของประเทศ รัฐบาลจึงกำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการดึงดูดคนต่างด้าวซึ่งศึกษา อยู่ในระดับอุดมศึกษากับสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยเพื่อศึกษา หรือศึกษาและทำงานในประเทศไทย เป็นกรณีพิเศษ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ข้อ ๒ คนต่างด้าวซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีในสถาบัน อุดมศึกษาในประเทศไทยมีสิทธิขออนุญาตเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อศึกษา เป็นกรณีพิเศษ ข้อ ๓ คนต่างด้าวซึ่งอยู่ระหว่างสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี ในสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยมีสิทธิขออนุญาตเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อศึกษาและทำงาน เป็นกรณีพิเศษ ข้อ ๔ ให้คนต่างด้าวตามข้อ ๓ สามารถยื่นคำขอขยายระยะเวลาอนุญาตทำงานในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวต่อไปได้ครั้งเดียว ระยะเวลาทำงานไม่เกินหนึ่งปี โดยมีหลักฐานหนังสือรับรองจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองร่วมกันกำหนด ข้อ ๕ ให้สถาบันอุดมศึกษาต้นสังกัดยื่นคำขอขยายระยะเวลารายอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นกรณีพิเศษ แทนคนต่างด้าวตามประกาศนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันกำหนด ข้อ ๖ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองประทับตราอนุญาตให้คนต่างด้าว ตามประกาศนี้ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป เป็นเวลาไม่เกินหนึ่งปี สำหรับใช้ได้ไม่จำกัด จำนวนครั้งโดยไม่ต้องขออนุญาตเพื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีก ข้อ ๗ คนต่างด้าวตามข้อ ๔ หากมีความประสงค์จะขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา หรือขอรับการตรวจลงตราเพื่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวด้วยวัตถุประสงค์อื่น ให้สามารถกระทำได้ ทั้งนี้ การพิจารณาอนุญาตให้เปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา และการอยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ด้วยวัตถุประสงค์อื่น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด ข้อ ๘ คนต่างด้าวตามข้อ ๔ ซึ่งประสงค์จะทำงานในราชอาณาจักร เมื่อได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้ว ให้ยื่นและเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราเป็นประเภทดังกล่าวโดยชั่วคราว เพื่อการทำงานก่อน แล้วจึงยื่นขอใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของ คนต่างด้าวต่อไป ข้อ ๙ ให้คนต่างด้าวตามประกาศนี้เป็นผู้แจ้งที่พักอาศัยตามมาตรา ๓๗ วรรคหนึ่ง (๕) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ข้อ ๑๐ การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามประกาศนี้เป็นอันสิ้นผล ในกรณีที่คนต่างด้านนั้นถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไม่ว่าด้วยเหตุใด เมื่อมีการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวตามวรรคหนึ่ง ให้การอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรของผู้ติดตามของคนต่างด้านนั้นสิ้นสุดลงด้วย ข้อ ๑๑ ให้คนต่างด้าวตามประกาศนี้ ได้รับยกเว้นการขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้กลับเข้ามาในราชอาณาจักรได้อีกตามมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 1991.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การรับรองสิ่งมีชีวิตที่พันธุ์จากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีนอม เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๗ ด้วยปัจจุบันเทคนิคการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ (New Breeding Techniques NBTs) มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีการปรับแต่งจีนอม (Genome Editing - Ge6) มีศักยภาพสำหรับการปรับปรุงพันธุ์สิ่งมีชีวิตเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร สามารถปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมได้อย่างปลอดภัยและจำหน่ายเชิงพาณิชย์อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพส่งเสริมการแข่งขันของภาคการเกษตรเพื่อรองรับวิกฤตความมั่นคงทางอาหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ให้มีการยอมรับและสนับสนุนเทคโนโลยี รวมถึงประเทศต่าง ๆ เร่งวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการปรับแต่งจีนอม ประกอบกับคณะกรรมการเทคนิคด้านความปลอดภัยทางชีวภาพกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กำหนดแนวทางการพิจารณาสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีนอมไว้แล้ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตรของประเทศ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาสิ่งมีชีวิตที่ได้จากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีนอมสู่การใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีนอม เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “การรับรอง” หมายความว่า การให้การรับรองว่าสิ่งมีชีวิตที่ขอรับรองนั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีนอม “สิ่งมีชีวิต” หมายความว่า หน่วยทางชีวภาพของ พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ ที่สามารถโอนย้ายหรือถอดรหัสแบบสารพันธุกรรมหรือขยายจำนวนได้ด้วยตัวเอง “เทคโนโลยีการปรับแต่งจีนอม (genome editing technology)” หมายความว่า เทคนิคในการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตที่มีความจำเพาะและแม่นยำ ให้ได้ยืนที่มีลักษณะตามต้องการ เช่น แก้ไขยีนบกพร่องที่อาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ""สิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจึงไม่มี"" หมายความว่า สิ่งมีชีวิตที่มีการปรับปรุงพันธุ์ เช่นเดียวกับการกลายพันธุ์ หรือการเกิดลูกผสม ซึ่งในผลิตภัณฑ์สุดท้ายมีสารพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตผู้ให้ที่สามารถผสมพันธุ์กันได้ตามธรรมชาติกับสิ่งมีชีวิตผู้รับ ข้อ ๔ การรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจึงไม่มี (๑) กรนี้พืช ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กรมวิชาการเกษตรประกาศกำหนด (๒) กรนีสัตว์น้ำ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กรมประมงประกาศกำหนด (๓) กรนีสัตว์ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กรมปศุสัตว์ประกาศกำหนด (๔) กรนีจุลินทรีย์ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ประกาศกำหนด ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์" 1992.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ **จังหวัดนครราชสีมา** ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรัง ตามที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ได้ออกประกาศ คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๕ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรัง ลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อเป็นการป้องกัน หรือหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบด่างมิให้กระจายไปพื้นที่อื่น ซึ่งส่งผลให้ผล ผลิตมันสำปะรังของเกษตรกรเกิดความเสียหาย ปริมาณผลผลิตลดลง และส่งผลกระทบต้นทุนการผลิต ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องสูงขึ้นไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้คงรายการสินค้าควบคุม ๔๖ รายการ และบริการควบคุม ๕ รายการ ต่อไป เป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ส่งผลให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ฉบับที่ ๑๓ พ.ศ. ๒๕๖๕ เรื่อง กำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ สิ้นผลใช้บังคับ ทำให้ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เกี่ยวกับการกำหนด มาตรการกำกับดูแลสินค้าและบริการควบคุม ซึ่งใช้บังคับในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เช่น การควบคุม การขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรัง สิ้นผลใช้บังคับตามไปด้วยทั้งหมด และคณะกรรมการ ส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ มันสำปะรังแล้ว มีมติเห็นควรคงมาตรการควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรัง และเพื่อให้การกำกับดูแลการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) (๔) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในเขตท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายต้นพันธุ์มันสำปะรัง หรือท่อนพันธุ์มันสำปะรังอย่างใด อย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกัน นอกจากท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เว้นแต่จะได้รับหนังสือนุญาต จากประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่งประธานคณะกรรมการ ส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด สำหรับท้องที่ที่จะทำการขนย้าย ออกจากท้องที่นั้น ๆ ข้อ ๓ กรณีบุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากจังหวัดอื่นแล้ว ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายออกจากรถที่ตามข้อ ๒ อีก ข้อ ๔ การขออนุญาตตามข้อ ๒ ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในสถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (๑) สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา (๒) สำนักงานเกษตรอำเภอแห่งท้องที่ ซึ่งทำการขนย้ายออกจากรถที่ตามข้อ ๒ หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้าย ให้เป็นไปตามที่หัวหน้าสำนักงานกำหนด ข้อ ๕ ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ต้องขนย้าย ให้ตรงตามชนิดต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่และใช้ยานพาหนะที่มีหมายเลขทะเบียน ตามที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตการขนย้าย รวมทั้งจะต้องนำหนังสืออนุญาตกำกับการขนย้ายไปด้วยทุกครั้ง หนังสืออนุญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ ๔ วรรคสอง ให้ถือว่า เป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ มีโทษตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ สยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา" 1993.pdf,"## กฎกระทรวง ### กำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ #### พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกกฎกระทรวงไว้วางต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ข้อ ๓ ให้กำหนดค่าธรรมเนียมการสั่งเข้ามา การนำเข้ามา การผลิต และการมีชื่อยุทธภัณฑ์ ดังต่อไปนี้ | รายการ | ค่าธรรมเนียม | | --- | --- | | (๑) ใบอนุญาตสั่งเข้ามาหรือใบอนุญาตนำเข้ามา ตามอายุของใบอนุญาต ดังต่อไปนี้ | - | | (ก) ไม่เกินหนึ่งปี | ฉบับละ ๑๐๐ บาท | | (ข) มากกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี | ฉบับละ ๒๐๐ บาท | | (ค) มากกว่าสองปีแต่ไม่เกินสามปี | ฉบับละ ๓๐๐ บาท | | (๒) ใบอนุญาตผลิต ตามอายุของใบอนุญาต ดังต่อไปนี้ | - | | (ก) ไม่เกินหนึ่งปี | ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท | | (ข) มากกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี | ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท | | (ค) มากกว่าสองปีแต่ไม่เกินสามปี | ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท | | (๓) ใบอนุญาตตีม ตามอายุของใบอนุญาต ดังต่อไปนี้ | - | | (ก) ไม่เกินหนึ่งปี | ฉบับละ ๑๐๐ บาท | เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๔๔ ก หน้า ๑๑ ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓ (ข) มากกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี ฉับละ ๒๐๐ บาท (ค) มากกว่าสองปีแต่ไม่เกินสามปี ฉับละ ๓๐๐ บาท (๔) ใบแทนใบอนุญาต ฉับละ ๕๐ บาท (๕) การต่ออายุใบอนุญาตครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียม สำหรับใบอนุญาตประเภทนั้น ช้อ ๔ บรรดาคำขอที่ได้ยื่นไว้ตามกฎกระทรวงการขออนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต และการอนุญาต และการขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาตสั่งเข้ามา นำเข้ามา ผลิต หรือมีซึ่งยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ผู้ยื่นคำขอชำระ ค่าธรรมเนียมตามกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการกำหนด คำธรรมเนียมเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบกับ มาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุม ยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้แก้ไขเพิ่มเติมอายุใบอนุญาตจากเดิมที่สามารถกำหนดได้ไม่เกินหนึ่งปี เป็นกำหนดได้ไม่เกินสามปีนับแต่วันออกใบอนุญาต สมควรกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมให้สอดคล้องกับระยะเวลา ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 1995.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๔๕) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยขึ้นใหม่ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๓ (พ.ศ. ๒๕๖๗) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าจ้างก่อสร้างอาคาร เพื่ออยู่อาศัยขึ้นใหม่ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัย ขึ้นใหม่ให้แก่ผู้รับจ้างซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวม คำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อทุกจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และไม่เกินหนึ่งหลัง ต้องเป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) ผู้รับจ้างจะต้องไม่เป็นผู้ประกอบกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา ๙๑/๒ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร และทำสัญญา ในลักษณะแยกสัญญาซื้อขายที่ดินกับสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยออกจากกัน (๒) การก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยขึ้นใหม่ ไม่รวมถึงการเปลี่ยนแปลง ต่อเติม เพิ่ม ลด ขยาย ช่องชม หรือรื้อถอนอาคาร ข้อ ๒ การยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ ๑ ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีผู้มีเงินได้หลายครั้งร่วมกันทำสัญญาจ้างก่อสร้างอาคาร ให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี เงินได้ทุกคนโดยเฉลี่ยตามส่วนของจำนวนผู้มีเงินได้ (๒) กรณีสามีภริยาร่วมกันทำสัญญาจ้าง โดยสามีหรือภริยามีเงินได้ฝ่ายเดียว ให้ยกเว้นภาษี เงินได้ให้แก่สามีหรือภริยาซึ่งเป็นฝ่ายผู้มีเงินได้เต็มจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อทุกจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (๓) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ (ก) กรณีต่างฝ่ายต่างยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับหรือแยกลิ่นรายการ และเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากรโดย ไม่ถือเป็นเงินได้ของอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา ๕๗ ฉ แห่งประมวลรัษฎากร ให้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้เป็นจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อทุกจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (ข) กรณีสามีหรือภรรยาตกลงยื่นรายการและเสียภาษีรวมกัน โดยถือเอาเงินได้เพิ่มประเมินของตน เป็นเงินได้ของสามีหรือภรรยาอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา ๕๗ ฉ แห่งประมวลรัษฎากร ให้ผู้มีเงินได้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อทุกจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนของสามีหรือภรรยาได้เป็นจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อทุกจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ข้อ ๓ ผู้มีเงินได้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ต้องมีหลักฐานดังต่อไปนี้ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ (๑) ใบกำกับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ที่ระบุคำว่าก่อสร้างอาคารเพื่อยู่อาศัย (๒) สัญญาจ้างก่อสร้างอาคารเพื่อยู่อาศัย (๓) ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร หรือใบรับแจ้งการก่อสร้างอาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ข้อ ๔ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธินำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีไปคำนวณหักออกจากเงินได้เพิ่มประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากรหลังจากหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา ๔๒ ทวิ ถึงมาตรา ๔๖ แห่งประมวลรัษฎากร แล้ว ข้อ ๕ ผู้มีเงินได้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ในปีภาษีที่ก่อสร้างอาคารเสร็จ โดยพิจารณาจากวันสิ้นสุดการก่อสร้างในสัญญาจ้างก่อสร้างอาคาร หรือใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร หรือใบรับแจ้งการก่อสร้างอาคารแล้วแต่วันใดจะเป็นวันหลัง ข้อ ๖ ผู้มีเงินได้ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้แล้ว และต่อมาปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขตามประกาศนี้ ผู้มีเงินได้หมดสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้และต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับปีภาษีที่ได้นำค่าจ้างก่อสร้างอาคารเพื่อยู่อาศัยไปหักออกจากเงินได้เพิ่มประเมินเพื่อแยกเงินภาษีเงินได้แล้ว พร้อมชำระเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ กุลยา ตันติเตมิทร อธิบดีกรมสรรพากร" 1996.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการตรวจสอบ การผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้ง ผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง บริษัท วิจัยและพัฒนา อุตสาหกรรม จำกัด เป็นผู้ตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน ๑๒๑ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กเส้นกลม 20
เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กข้ออ้อย 24
ราวเหล็กลูกฟูกกันรถสำหรับทางหลวง 248
ประตูเหล็กม้วนสำหรับงานอาคาร 593
ถังเหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับเก็บน้ำ 989
ท่อเหล็กกล้าไร้สนิมออสเทไนต์สำหรับงานอุณหภูมิสูงและทนการกัดกร่อนทั่วไป 1006
กระเบื้องแผ่นเหล็กเคลือบมุงหลังคา 1038
ชุดพื้นยก 1129
สังกะสีเจือแท่งสำหรับการหล่อแบบฉีด 1545
๑๐ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างรถยนต์ 1999
๑๑ ท่อเหล็กกล้าไร้สนิมออสเทไนต์สำหรับใช้งานทั่วไป 2676
๑๒ ท่อเหล็กกล้าไร้สนิมออสเทไนต์สำหรับโครงสร้างงานตกแต่ง 2689
เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๙๔ ง ราชกิจจานุเบกษา
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๑๓ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนมีลวดลาย 2724
๑๔ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเป็นเคลือบโลหะ สำหรับงานโครงสร้างทั่วไป 2817
๑๕ ท่อเหล็กกล้าไร้สนิมออสเตไนต์ และเฟร็โรไตต์/ออสเทไนต์สำหรับอุตสาหกรรมปลอดเชื้อ 2826
๑๖ ท่อเหล็กกล้าไร้สนิมเฟร็โรไตต์ และมาร์เทนไซต์สำหรับงานทั่วไป 2827
๑๗ เหล็กแท่งเล็กและเหล็กแท่งใหญ่ สำหรับทำเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต 2912
๑๘ นั่งร้านเหล็กแบบท่อล็อคข้อต่อ : ส่วนประกอบ 2972
๑๙ เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสี ผสมอะลูมิเนียม 5% ถึง 13% และแมกนีเซียม 2% ถึง 4% โดยกรรมวิธีจุ่มร้อน 2981
๒๐ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนที่ผ่านการกัดกร่อนในบรรยากาศ สำหรับงานโครงสร้างเชื่อมประกอบ 2982
๒๑ เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสี โดยกรรมวิธีจุ่มร้อนแบบกัลวาไนซ์ และแบบกัลวานีล สำหรับงานรถยนต์ 2985
๒๒ เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีผสมอะลูมิเนียม 0.5% ถึง 6% และแมกนีเซียม 0.4% ถึง 4% โดยกรรมวิธีจุ่มร้อน 3059
๒๓ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน - ข้อกำหนดทั่วไปและเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนของมิติและรูปร่าง 3106
๒๔ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน 3243
๒๕ อุปกรณ์ป้องกันการเกาะของตก : แบบชี้ลาด 3275
๒๖ เสาเข็มเหล็กกล้าแบบเกลียว 3357
๒๗ เข็มพิดเหล็กกล้าขึ้นรูปเย็น 3417
๒๘ โซ่เหล็กกล้า 3459
๒๙ กระเบื้องซีเมนต์ใยหินแผ่นเรียบ 12
๓๐ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ 15
๓๑ กระเบื้องซีเมนต์ใยหินแผ่นลอน : ลอฟลูกฟูก 18
๓๒ ตู้เหล็กเก็บเอกสารแบบลิ้นชัก 63
๓๓ ท่อคอนกรีตเสริมเหล็กหล่อสำเร็จสำหรับงานระบายน้ำ 128
๓๔ คอนกรีตผสมเสร็จ 213
๓๕ แผ่นยิปซั่ม 219
## หน้า ๒๗ | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๓๖ | ปูนขาวสำหรับงานก่อสร้าง | 241 | | ๓๗ | ประตูน้ำเหล็กหล่อ : ลิ้นยกแบบรองลิ้นโลหะสำหรับงานประปา | 256 | | ๓๘ | มังลวดอะลูมิเนียมกันแมลง | 313 | | ๓๙ | ปูนไล่ม้อุตสาหกรรม เล่ม 1 ปูนสุก | 319 เล่ม 1 | | ๔๐ | ปูนไล่ม้อุตสาหกรรม เล่ม 2 ปูนขาว | 319 เล่ม 2 | | ๔๑ | ปูนไล่ม้อุตสาหกรรม เล่ม 3 หินปูน | 319 เล่ม 3 | | ๔๒ | ก๊อกน้ำ | 343 | | ๔๓ | ตู้เหล็กเก็บบัตรในสำนักงาน | 345 | | ๔๔ | ตู้เหล็กเก็บเอกสารแบบประตู | 353 | | ๔๕ | กระเบื้องคอนกรีตปูพื้น | 378 | | ๔๖ | กระเบื้องหินขัดชนิดสองชั้น | 379 | | ๔๗ | เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก | 395 | | ๔๘ | เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ | 396 | | ๔๙ | เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง | 397 | | ๕๐ | เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงแบบแรงเหวี่ยง | 398 | | ๕๑ | เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดสั้น | 399 | | ๕๒ | ตู้เหล็กเก็บเอกสารกันไฟแบบลิ้นซัก | 518 | | ๕๓ | เครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : อ่างล้างหน้า - ล้างมือ | 791 | | ๕๔ | เครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โถส้วมนั่งราบ | 792 | | ๕๕ | เครื่องสุขภัณฑ์วิเทรียสไชนา : โถส้วมนั่งย่อง | 794 | | ๕๖ | เครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โกปัสสาวะชาย | 795 | | ๕๗ | เครื่องสุขภัณฑ์วิเทรียสไชนา : โคชำระล้าง | 796 | | ๕๘ | เครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : อุปกรณ์ห้องน้ำ | 797 | | ๕๙ | กระเบื้องซีเมนต์ปูพื้น | 826 | | ๖๐ | คอนกรีตลือกประสานปูพื้น | 827 | | ๖๑ | ชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จสำหรับระบบพื้นประกอบ | 828 | | ๖๒ | กระจกโพลตใส | 880 | | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๖๓ | กระจกเทมเปอร์ | 965 | | ๖๔ | บานพับสำหรับประตู : บานพับสปริง | 992 | | ๖๕ | หัวฝักบัวอาบน้ำ | 1187 | | ๖๖ | ก๊อกน้ำสำหรับอ่างอาบน้ำ | 1188 | | ๖๗ | ก๊อกน้ำสำหรับฝักบัวอาบน้ำ | 1189 | | ๖๘ | เครื่องสุขภัณฑ์หินอ่อนเทียม : อ่างล้างหน้า - ถังเมือ | 1190 | | ๖๙ | กระจนิรภัยหลายชั้น | 1222 | | ๗๐ | กระจกฉนวน | 1231 | | ๗๑ | ก๊อกน้ำสำหรับอ่างล้างชาม | 1277 | | ๗๒ | ก๊อกน้ำสำหรับอ่างล้างหน้า - ถังเมือ | 1278 | | ๗๓ | สะเตี๋ยสำหรับอ่างล้างหน้า - ถังเมือ | 1282 | | ๗๔ | กระจกโฟลตสีตัดแสง | 1344 | | ๗๕ | ก๊อกน้ำปิดอัตโนมัติสำหรับอ่างล้างหน้า - ถังเมือ | 1377 | | ๗๖ | ประตูน้ำเหล็กหล่อ : ลิ้นยกแบบลิ้นหุ้มยางสำหรับงานประปา | 1413 | | ๗๗ | แผ่นซีเมนต์เส้นใย : แผ่นเรียบ | 1427 | | ๗๘ | คอนกรีตลือกประสานปูพื้นสำหรับงานหนัก | 2035 | | ๗๙ | วาล์วขับล้างสำหรับเครื่องสุขภัณฑ์ เฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม : การประหยัดน้ำ | 2065 | | ๘๐ | ฝักบัวอาบน้ำ เฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม : การประหยัดน้ำ | 2066 | | ๘๑ | ก๊อกน้ำสำหรับเครื่องสุขภัณฑ์ เฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม : การประหยัดน้ำ | 2067 | | ๘๒ | อ่างอาบน้ำโลหะเคลือบพอร์ซเลน | 2091 | | ๘๓ | เถ้าลอยจากถ่านหินใช้เป็นวัสดุผสมคอนกรีต | 2135 | | ๘๔ | ก๊อกน้ำอัตโนมัติสำหรับเครื่องสุขภัณฑ์ | 2147 | | ๘๕ | ก๊อกน้ำอัตโนมัติสำหรับเครื่องสุขภัณฑ์ เฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม : การประหยัดน้ำ | 2148 | | ๘๖ | ก๊อกน้ำติดผนังสำหรับห้องน้ำ | 2149 | | ๘๗ | ไม้พื้นรางลิ้นมีรอยต่อแบบประสานนิ้ว : ไม้สัก | 2158 | | ๘๘ | ไม้ยางพาราแปรรูป | 2423 | | ๘๙ | กระเบื้องเซรามิก | 2508 | ## รายชื่อผู้สอบไล่ |ลำดับที่ | ชื่อผู้สอบไล่ | วันที่ | เหตุการณ์ | | --- | --- | --- | --- | | ๑ | นางสาวสมหญิง รักไทย | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒ | นายสมชาย ใจดี | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓ | นายสมชาย สุวรรณรัตน์ | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔ | นางสาวสมหญิง จริงจัง | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕ | นางสาวสมหญิง รักชาติ | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖ | นางสาวสมหญิง ศรีสวัสดิ์ | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗ | นางสาวสมหญิง แสงอรุณ | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘ | นางสาวสมหญิง ประเสริฐ | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๙ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๐ | นางสาวสมหญิง นวลจันทร์ | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๑ | นางสาวสมหญิง ศิริมา | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๒ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๓ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๔ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๕ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๖ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๗ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๘ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๑๙ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๐ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๑ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๒ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๓ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๔ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๕ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๖ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๗ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๘ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๒๙ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๐ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๑ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๒ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๓ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๔ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๕ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๖ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๗ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๘ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๓๙ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๐ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๑ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๒ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๓ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๔ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๕ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๖ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๗ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๘ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๔๙ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๐ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๑ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๒ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๓ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๔ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๕ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๖ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๗ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๘ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๕๙ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๐ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๑ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๒ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๓ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๔ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๕ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๖ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๗ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๘ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๖๙ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๐ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๑ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๒ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๓ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๔ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๕ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๖ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๗ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๘ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๗๙ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๐ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๑ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๒ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๓ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๔ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๕ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๖ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๗ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๘ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๘๙ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | | ๙๐ | นางสาวสมหญิง ศิริพร | ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓ | สอบไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจง | เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๑๙๔ ง ราชกิจจานุเบกษา หน้า ๓๐ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๑๑๘ ราวจับพันเก็บได้สำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ 3398
๑๑๙ คอนกรีตล็อกประสานรับน้ำหนัก 3410
๑๒๐ คอนกรีตล็อกประสานไม่รับน้ำหนัก 3411
๑๒๑ เสาเข็มคอนกรีตกำลังสูงอัดแรงแบบแรงเหวี่ยง 3426
ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 1997.pdf,"# ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑๓) ว.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการตรวจสอบ การผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้ง ผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผู้ตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน ๒๗ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (5) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องล้างจาน 60335 เล่ม 2 (5)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (8) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องโกนหนวด เครื่องตัดผม และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คล้ายกัน 60335 เล่ม 2 (8)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (10) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องขัดเงาและเครื่องขัดล้างพื้น 60335 เล่ม 2 (10)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (14) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องครัว 60335 เล่ม 2 (14)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องทำน้ำร้อนมีถังเก็บ 60335 เล่ม 2 (21)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (27) ข้อกำหนดเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับอาบนิ้วด้วยรังสีแสง 60335 เล่ม 2 (27)
| ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๗ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (28) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับจักรเย็บผ้า | 60335 เล่ม 2 (28) | | ๘ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (32) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องนวดร่างกาย | 60335 เล่ม 2 (32) | | ๙ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (37) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องทอดโดนัทเชิงพาณิชย์ และเครื่องทอดน้ำมันท่วมเชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2 (37) | | ๑๐ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (39) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับกระดาษไฟฟ้าอเนกประสงค์ เชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2 (39) | | ๑๑ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (42) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเตาอบไฟฟ้าบังคับหาความร้อน หม้อนึ่งไฟฟ้า และเต้าอบไฟฟ้าพาโอเน่า เชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2 (42) | | ๑๒ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (43) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องตกเสื้อผ้า และราวแขวนผ้าเซ็ดตัว | 60335 เล่ม 2 (43) | | ๑๓ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (44) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องรีดผ้า | 60335 เล่ม 2 (44) | | ๑๔ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (45) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องมือให้ความร้อนหยิบยกได้ | 60335 เล่ม 2 (45) | | ๑๕ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (47) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับกระทะหุงต้มไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2 (47) | | ๑๖ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (52) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องสุขอนามัยช่องปากไฟฟ้า | 60335 เล่ม 2 (52) | | ๑๗ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (53) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องทำให้ร้อนเช้านา และตู้อบอินฟราเรด | 60335 เล่ม 2 (53) | | ๑๘ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (59) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องฆ่าแมลง | 60335 เล่ม 2 (59) | | ๑๙ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (74) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับตัดทำให้ร้อนด้วยการแช่ยกหัวได้ | 60335 เล่ม 2 (74) | | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๒๐ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (76) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องจ่ายพลังงานชาร์จไฟฟ้า | 60335 เล่ม 2 (76) | | ๒๑ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (78) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องบาร์บีคิวภาพนอกอาคาร | 60335 เล่ม 2 (78) | | ๒๒ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (79) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องทำความสะอาดใช้ความดันสูง และเครื่องทำความสะอาดใช้ไอ้น้ำ | 60335 เล่ม 2 (79) | | ๒๓ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (90) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเตาอบไมโครเวฟเชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2 (90) | | ๒๔ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (98) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องทำความสะอาดชิ้น | 60335 เล่ม 2 (98) | | ๒๕ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (109) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องบำบัดน้ำด้วยรังสียูวี | 60335 เล่ม 2 (109) | | ๒๖ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (113) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องดูแลความงาม ที่มีแสงซอร์และแหล่งกำเนิดแสงเข้มรวมอยู่ | 60335 เล่ม 2 (113) | | ๒๗ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2 (115) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องดูแลความงามผิว | 60335 เล่ม 2 (115) | ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 1998.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้ง ผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เป็นผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน ๓ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
เข็มพีดเหล็กกล้าไรดร้อน 1390
ลวดเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ 194
เหล็กกล้าทรงแบนไรดร้อนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน 3243
ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 200.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ท าสีเครื่องจักร ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัคร เข้ารับการทดสอบ และ ๑.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเทคนิค ท าสีเครื่องจักร ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๑.๓ ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือฝึกอบรมอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ไม่น้อยกว่า ๑,๖๐๐ ชั่วโมง โดยได้รับใบรับรองการฝึกอบรมฝีมื อแรงงาน หรือฝึกอบรมอาชีพจากหน่วยงานฝึกอบรมหรือหน่วยงานการศึกษา หรือ ๑.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพในสาขาวิชา ที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ท าสีเครื่องจักร ระดับ ๒ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ ๑ และ ๒.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเทคนิค ท าสีเครื่องจักร ไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ ๑ หรือ ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ ๒.๓ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ในสาขาวิชา ช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักรและมีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับอาชีพช่างเทคนิค ท าสีเครื่องจักร ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพ จากสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสื อรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักรระดับ ๑ หรือ ๒.๔ ได้คะแนนในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ 1 ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบห้า หรือ ๒.๕ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาอาชีพช่างท าสี เครื่องจักรส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ไม่น้อยกว่า ๕ ปี โดยมีใบรับรองการท างาน หรือประกอบอาชีพ จากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ท าสีเครื่องจักร ระดับ ๓ ๓.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ ๒ และ ๓.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาอาชีพช่างเทคนิค ท าสีเครื่องจักรส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิ ค ท าสีเครื่องจักร ระดับ ๒ หรือ ๓.๓ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับปริญญาตรี ในสาขาวิชาช่างเทคนิค ท าสีเครื่องจักรส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ และมีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพ ช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักรส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาอาชีพช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ ๒ หรือ ๓.๔ ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาอาชีพช่างเทคนิคท าสีเครื่องจักร ระดับ ๒ ไม่น้อยกว่าน้อยละแปดสิบห้า ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 2002.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภออวจาศ และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอย อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประภาศที่คณะรัฐมนตรี กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศ เรื่อง การให้หน่วยงานพิเศษที่คณะรัฐมนตรี กำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ปฏิบัติหน้าที่ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เศรษฐาทรวิสิน นายกรัฐมนตรี" 2003.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภออว และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอมะขาม อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอย อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอทรงเป็น ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดาประภาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรี กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑/๒๕๕๐ เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด มีหน้าที่และอำนาจในเขตท้องที่ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และตามประกาศขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ดังกล่าวเท่าที่ยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ในวันที่ ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เศรษฐาทรียิน นายกรัฐมนตรี" 2004.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม มาตรฐานเลขที่ มอก. 80 – 2550 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แก้ไขหมายเลขอารบธรรมผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในวรรคสองของประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๓๗๖๘ (พ.ศ. ๒๕๕๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็น “มาตรฐานเลขที่ มอก. 80-2566” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน ๒.๑ ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๓๗๖๘ (พ.ศ. ๒๕๕๐) ออกตามความใน พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “2.1 ปูนซีเมนต์ผสม (mixed cement) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเติมวัสดุอื่นใดลงไปใน พร้อมกันกับการบดปูนเม็ดที่จะทำปูนซีเมนต์ตาม มอก. 15 หรือได้จากการผสมส่วนสำคัญ ระหว่างปูนซีเมนต์ตาม มอก. 15 หรือ มอก. 2594 กับวัสดุอื่นใดที่บดเป็นผงแล้ว” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน 2.3 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๓๗๖๘ (พ.ศ. ๒๕๕๐) ออกตามความใน พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๖ ให้ยกเลิกตารางที่ 1 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๓๗๖๘ (พ.ศ. ๒๕๕๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ตารางต่อไปนี้แทน # “ตารางที่ 1 คุณลักษณะที่ต้องการ (ข้อ 4.1)
รายการที่ คุณลักษณะ เกณฑ์ที่กำหนด วิธีทดสอบตาม
1 ปริมาณอากาศในมอร์ตาร์ 1) ร้อยละ โดยปริมาตร ไม่มากกว่า 12 มอก. 2752 เล่ม 13
2 ความละเอียด 2) พื้นผิวจำเพาะ (specific surface) ทดสอบหาสภาพอากาศซึ่งได้ของเบลน (Blaine air permeability) ตารางเมตรต่อกิโลกรัม ไม่น้อยกว่า 320 มอก. 2752 เล่ม 6
3 การขยายตัวโดยวิธีอโตเคลฟ์ (autoclave expansion) ร้อยละ ไม่มากกว่า 0.8 มอก. 2752 เล่ม 11
4 ความต้านแรงอัด 3) เมกะพาสคัล ไม่น้อยกว่า
อายุ 3 วัน 6.9 มอก. 2752 เล่ม 12
อายุ 7 วัน 11.8
5 ระยะเวลาถ่อตัว ทดสอบแบบไวแคต (Vicat test) นาที ไม่น้อยกว่า 45 มอก. 2752 เล่ม 9
หมายเหตุ 1) ปริมาณอากาศที่จะมีอยู่ในคอนกรีตที่ทำจากปูนซีเมนต์ผสมที่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดนี้ ไม่จำเป็น จะต้องมีปริมาณอากาศเท่ากับที่มีในมอร์ตาร์ 2) ความละเอียดให้เป็นไปตาม มอก. 2752 เล่ม 6 โดยใช้ความถ่วงจำเพาะปรากฏของปูนซีเมนต์ผสม 3) ค่าความต้านแรงอัดที่อายุใดอายุหนึ่งต้องไม่น้อยกว่าที่ทดสอบได้ที่อายุน้อยกว่า” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความใน ๔.๒ ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๓๗๖๘ (พ.ศ. ๒๕๕๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ผสม ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “4.2 การถ่อตัวผิดปกติ ระะยะจมปลายต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 การทดสอบให้ปฏิบัติตาม มอก. 2752 เล่ม 15"" ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 2005.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ มาตราฐานเลขที่ มอก. 1776 – 2560 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แก้ไขหมายเลขอารฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในวรรคสองของประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๕๑๕๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็น “มาตรฐานเลขที่ มอก. 1776-2566” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน 3.1.1 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๕๑๕๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความใน พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “3.1.1 แบบฉาบผนังก่อ ที่ถอด้วยอิฐก่อสร้างสามัญหรือคอนกรีตลือก หรือวัสดุก่ออื่น ๆ แต่ไม่รวมถึงผนังคอนกรีตมวลเบา แบ่งออกเป็น 2 ชนิด” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน 4.1 ของมาตรฐานผลิตร้านท์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๕๑๕๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความใน พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน ""4.1 ปูนซีเมนต์ ปูนซีเมนต์ให้เป็นไปตาม มอก. 15 มอก. 80 มอก. 133 มอก. 849 มอก. 2587 มอก. 2594 หรือ มอก. 2595 อย่างใดอย่างหนึ่ง"" ข้อ 5 ให้ยกเลิกความใน 5.2 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๕๑๕๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตราฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""5.2 ความด้านแรงอัดเฉลี่ย ที่อายุ 28 d ความด้านแรงอัดของก้อนลูกบาสก์ขนาด 50 mm จำนวน 3 ก้อน สำหรับมอร์ตาร์สำหรับฉาบแต่ละแบบ เฉลี่ยต้องไม่น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในตารางที่ 2 การทดสอบให้ปฏิบัติตาม มอก. 2752 เล่ม 12 โดยผสมมอร์ตาร์สำหรับฉาบกับน้ำปริมาณที่ผู้ทำระบุไว้ที่ฉลากการรายงานผลให้รายงานผลค่าเฉลี่ยความด้านแรงอัด และร้อยละอัตราส่วนผสมมอร์ตาร์ต่อน้ำ"" ข้อ 6 ให้ยกเลิกความใน 5.3 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๕๑๕๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมอร์ตาร์สำหรับฉาบ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""5.3 ความอุ้มน้ำ (water retention) ความอุ้มน้ำของมอร์ตาร์สำหรับฉาบ ต้องไม่น้อยกว่า 75% การทดสอบให้ปฏิบัติตาม มอก. 2752 เล่ม 24"" ข้อ 7 ให้ยกเลิกความใน 7.1 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๕๑๕๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมอร์ตาร์สำหรับฉาบ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""7.1 ภาชนะบรรจุมอร์ตาร์สำหรับฉาบทุกหน่วย อย่างน้อยต้องมีเลข อักษรหรือเครื่องหมาย แจ้งรายละเอียดต่อไปนี้ให้เห็นได้ง่าย ชัดเจน (1) คำว่า “มอร์ตาร์สำหรับฉาบ” (2) ชนิด (3) สารผสมเพิ่มชนิดอื่นหรือสี (ถ้ามี) (4) มวลสุทธิเป็นกิโลกรัม (5) ข้อแนะนำในการเก็บและวิธีใช้ รวมถึงอัตราส่วนการผสม (6) ปี เดือน ที่ทำหรือรหัสรุ่นที่ทำ (7) ชื่อผู้ทำหรือโรงงานที่ทำ หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน"" ข้อ ๙ ให้ยกเลิกความใน 8.2 และตารางที่ 3 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๕๑๕๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและ กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความและตารางต่อไปนี้แทน ""8.2 การซักตัวอย่างและการยอมรับ ให้เป็นไปตามแผนการซักตัวอย่างที่กำหนดต่อไปนี้ หรืออาจใช้แผนการซักตัวอย่างอื่นที่เทียบเท่ากันทางวิชาการกับแผนที่กำหนดไว้ 8.2.1 การซักตัวอย่างและการยอมรับสำหรับการทดสอบลักษณะทั่วไป การบรรจุ และเครื่องหมายและฉลาก 8.2.1.1 ให้ซักตัวอย่างโดยวิธีสุ่มตัวอย่างจากรุ่นเดียวกันจำนวน 3 หน่วย ภาชนะบรรจุ 8.2.1.2 ตัวอย่างทุกตัวอย่างต้องเป็นไปตามข้อ 5.1 ข้อ 6 และข้อ 7 จึงจะถือว่ามอร์ตาร์สำหรับฉาบรุ่นนั้นเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 8.2.2 การซักตัวอย่างและการยอมรับสำหรับการทดสอบความต้านแรงอัดเฉลี่ย ความอุ้มน้ำ ระยะเวลา ก่อตัว และแรงยึดเกาะเฉลี่ย 8.2.2.1 ให้ซักตัวอย่างโดยวิธีสุ่มจากรุ่นเดียวกันตามจำนวนที่กำหนดในตารางที่ 3 โดยใช้เครื่องมือที่เหมาะสมซักตัวอย่างตลอดความลึกจากแต่ละภาชนะ บรรจุให้ได้ตัวอย่างประมาณ 10 kg ผสมตัวอย่างทั้งหมดเข้าด้วยกัน เก็บทันทีในภาชนะที่สะอาด แห้ง แล้วปิดให้สนิท 8.2.2.2 ตัวอย่างต้องเป็นไปตามข้อ 5.2 ข้อ 5.3 ข้อ 5.4 และข้อ 5.5 จึงจะถือว่ามอร์ตาร์สำหรับฉาบรุ่นนั้นเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด” ตารางที่ 3 แผนการซักตัวอย่างสำหรับการทดสอบความด้านแรงอัดเฉลี่ย ความอุ้มน้ำ ระยะเวลาก่อตัว และแรงยึดเกาะเฉลี่ย (ข้อ 8.2.2.1) | ขนาดรุ่น | ขนาดตัวอย่าง | | --- | --- | | หน่วยภาชนะบรรจุ | หน่วยภาชนะบรรจุ | | ไม่เกิน 500 | 3 | | 501 ถึง 1 500 | 4 | | เกิน 1 500 | 5"" | ข้อ ๑๐ ให้ยกเลิกความใน 8.3 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๕๑๕๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอร์ตาร์สำหรับฉาบ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “8.3 เกณฑ์ตัดสิน ตัวอย่างมอร์ตาร์สำหรับฉาบต้องเป็นไปตามข้อ 8.2.1.2 และข้อ 8.2.2.2 ทุกข้อ จึงจะถือว่า มอร์ตาร์สำหรับฉาบรุ่นนั้นเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้” ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 2006.pdf,"# ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประสานคอนกรีต พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประสานคอนกรีต มาตรฐานเลขที่ มอก. 2702 – 2559 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประสานคอนกรีต พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อผ่านกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แก้ไขหมายเลขน้ำตาลจากบรรทัด ""มอลต์สปอร์ต"" เป็น ""มอลต์สปอร์ต ชนิดที่ 1"" และให้ใช้ชื่อความคำว่า ""มอลต์สปอร์ต"" แทน ข้อ ๔ ให้ยกเลิกข้อความคำว่า ""มอลต์สปอร์ต ชนิดที่ 2"" ออกจากบรรทัดและให้ใช้ชื่อความคำว่า ""มอลต์สปอร์ต"" แทน ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน ๑.๑ ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประสานคอนกรีต แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๔๘๑๗ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประสานคอนกรีต ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ 1.1 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ครอบคลุมเฉพาะลาเท็กซ์ประสานคอนกรีต ที่ช่วยประสานคอนกรีตสดกับผิวคอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว เพื่อทำให้แรงยืดระหว่างคอนกรีตทั้งสอง มีความเข็งแรงมากขึ้น ป้องกันการหลุดล่อน ตัวอย่างการใช้งาน เช่น ถนน ทางลาด ทางวิ่ง ทางเดิน แผ่นพื้น ” ข้อ 5 ให้ยกเลิกความใน 5.1 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๔๘๑๗ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “2.1 ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต หมายถึง ผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ใช้ในการประสาน คอนกรีตกับผิวคอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว ใช้งานโดยการทาบนผิวหน้าคอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว หรือโดยการผสมกับปูนซีเมนต์แล้วนำมาทาบนผิวหน้าคอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว ก่อนเทคอนกรีตสด เพื่อเพิ่มแรงยึดระหว่างคอนกรีททั้งสองให้มีความแข็งแรงมากขึ้นและป้องกันการหลุดล่อน” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความใน 6.1.1 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๔๘๑๗ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “8.1.1.1 เครื่องมือผสมมอร์ตาร์ ตาม มอก. 2752 เล่ม 17” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความใน 8.1.2.1 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๔๘๑๗ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “8.1.2.1 ภาวะห้องทดสอบ วัสดุ ส่วนผสม และกระบวนการผสมมอร์ตาร์ให้เป็นไป ตาม มอก. 2752 เล่ม 12 และปูนซีเมนต์ให้เป็นไปตาม มอก. 15 ประเภท 3 หรือ มอก. 2594 ชนิดใช้งานที่ให้คำแรงอัดต้นสูง” ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความใน 8.1.2.2 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๔๘๑๗ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “8.1.2.2 มอร์ตาร์ที่ใช้หล่อแห่งทดสอบครึ่งทรงกระบอก ต้องมีความต้านแรงอัดของแต่งมอร์ตาร์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 75 mm สูง 150 mm ที่อายุ 35 d ต้องไม่น้อยกว่า 31 MPa (บ่มมอร์ตาร์ตาม มอก. 2752 เล่ม 12 เป็นระยะเวลา 28 d แล้ว ปล่อยให้อยู่ในสภาพแห้งในบรรยากาศ 7 d)” ข้อ ๙ ให้ยกเลิกความใน 8.1.2.3 ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๔๘๑๗ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลาเท็กซ์ประดับคอนกรีต ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""8.1.2.3 ทาน้ำมันบาง ๆ ที่ชื้นส่วนหุ่นและแบบหล่อแท่งทดสอบ วางชั้นส่วนหุ่นในแบบหล่อแท่งทดสอบโดยให้ด้านเอียงตั้งขึ้น ใส่มอร์ตารีในแบบหล่อแท่งทดสอบเป็น 3 ชั้น ชั้นละเท่า ๆ กัน กระทุ้งแต่ละชั้นด้วยแท่งกระเทียม 25 ครั้ง ชั้นแรกให้กระทุ้งให้ลึกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และกระจายตำแหน่งของการกระทุ้งให้ทั่ว ชั้นต่อมาให้กระทุ้งให้ลึกถึงชั้นก่อนหน้า ปาดผิวหน้าชั้บนสุดด้วยเกรียง ปิดแบบหล่อแท่งทดสอบด้วยกระจกหรือแผ่นโลหะ บ่มแท่งทดสอบครึ่งทรงกระบอกทั้งแบบตาม มอก. 2752 เล่ม 12 อย่างน้อย 28 d แล้วจึงถอดแบบ และปล่อยให้แห้งในห้องทดสอบ 7 d"" ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รักษมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 2008.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงสำหรับพื้นที่อาคารที่ใช้บรรจุกำซิบโตรเลียมเหลว และอาคารเก็บภาชนะบรรจุกำซิบโตรเลียมเหลวในสถานที่บรรจุกำซิบโตรเลียมเหลวประเภทโรงบรรจุ พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๔ (๒) แห่งกฎกระทรวงสถานที่บรรจุกำซิบโตรเลียมเหลว ประเภทโรงบรรจุ พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “มาตรฐาน NFPA” หมายความว่า มาตรฐานของสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา (National Fire Protection Association) ข้อ ๓ สถานที่บรรจุกำซิบโตรเลียมเหลวประเภทโรงบรรจุต้องจัดให้มีแหล่งน้ำหรือที่เก็บน้ำ ซึ่งใช้สำหรับระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงสำหรับพื้นที่อาคารที่ใช้บรรจูก๊าซบิโตรเลียมเหลวและอาคารเก็บภาชนะบรรจุกำซิบโตรเลียมเหลว ตามกฎกระทรวงว่าด้วยสถานที่บรรจูก๊าซบิโตรเลียมเหลวประเภทโรงบรรจุ ข้อ ๔ ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงสำหรับพื้นที่อาคารที่ใช้บรรจุกำซิบโตรเลียมเหลวและอาคารเก็บภาชนะบรรจุกำซิบโตรเลียมเหลว จะต้องจัดทำรายการคำนวนให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบป้องกันอัคคีภัยของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือมาตรฐาน NFPA ข้อ ๕ ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงสำหรับพื้นที่อาคารที่ใช้บรรจุกำซิบโตรเลียมเหลวและอาคารเก็บภาชนะบรรจุกำซิบโตรเลียมเหลว ต้องได้รับการออกแบบและควบคุมโดยวิศวกรชื่อเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร ข้อ ๖ ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงสำหรับพื้นที่อาคารที่ใช้บรรจุกำซิบโตรเลียมเหลวและอาคารเก็บภาชนะบรรจุกำซิบโตรเลียมเหลว ต้องมีอุปกรณ์เป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันอัคคีภัยของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่าด้วยเรื่องระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิง หรือมาตรฐาน NFPA หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ข้อ ๗ ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิง ต้องประกอบด้วยเครื่องสูบน้ำดับเพลิง ท่อน้ำดับเพลิง หัวกระจายน้ำดับเพลิงที่มีลักษณะและการติดตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้ (๑) ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิง จะต้องมีอัตราการฉีดน้ำความหนาแน่นไม่น้อยกว่า ๑๒.๒ ลิตร ต่อนาที ต่อพื้นที่ ๑ ตารางเมตร ของพื้นที่อาคารที่ใช้บรรจุ กำชับโตรเลียมเหลวและอาคารเก็บภาชนะบรรจุกำซับโตรเลียมเหลว เศษของ ๑ ตารางเมตร ให้คิดเป็น ๑ ตารางเมตร (๒) พื้นที่ป้องกันสูงสุด ต้องไม่เกิน ๙.๓ ตารางเมตร ต่อ ๑ หัวกระจายน้ำดับเพลิง (๓) หัวกระจายน้ำดับเพลิงแต่ละหัวบนท่อย่อยเดียวกันต้องมีระยะห่างไม่เกิน ๓.๗ เมตร ระยะห่างท่อย่อยแต่ละท่อยไม่เกิน ๓.๗ เมตร (๔) ท่อน้ำดับเพลิง ต้องเป็นท่อเหล็กที่มีการป้องกันการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมที่ผิวภายนอก หรือท่อเหล็กกล้าไรสนิม กรณีเป็นระบบที่ไม่มีน้ำอยู่ในท่อ ต้องเป็นท่อเหล็กที่มีการป้องกันการกัดกร่อน จากสภาพแวดล้อมทั้งผิวภายนอกและภายในท่อ (๕) เครื่องสูบน้ำดับเพลิง ต้องสามารถทำงานอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการไหลภายใต้เงื่อนไข ตาม (๑) จากแหล่งน้ำหรือที่เก็บน้ำสำหรับสถานที่บรรจุกำซับิโตรเลียมเหลวประเภทโรงบรรจุ ไม่น้อยกว่า ๓๐ นาที ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงในส่วนอื่นที่มีลักษณะและการติดตั้ง นอกจากที่กำหนดในวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบป้องกันอัคคีภัยของสมาคมวิศวกรรมสถาน แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือมาตราฐาน NFPA ข้อ ๘ ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงสำหรับพื้นที่อาคาร ที่ใช้บรรจุกำซับิโตรเลียมเหลวและอาคารเก็บภาชนะบรรจุกำซับิโตรเลียมเหลว เมื่อติดตั้งระบบเสร็จแล้ว ต้องมีการทดสอบและตรวจสอบการทำงานของระบบดังกล่าวก่อนการใช้งาน ตามมาตรฐานระบบป้องกัน อัคคีภัยของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือมาตราฐาน NFPA และทดสอบระบบว่าอยู่ในสภาพดีและสามารถใช้งานได้ อย่างน้อยปีละครั้ง และต้องเก็บรายงาน การตรวจสอบไว้ให้กรมธุรกิจพลังงานสามารถเรียกตรวจสอบได้เป็นระยะเวลาหนึ่งปี การทดสอบและตรวจสอบตามวรรคหนึ่ง ต้องกระทำโดยผู้ทดสอบและตรวจสอบตามกฎกระทรวง ว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติของผู้ทดสอบและตรวจสอบที่ออกตามมาตรา ๗ ข้อ ๙ สถานที่บรรจุกำซับิโตรเลียมเหลวประเภทโรงบรรจุที่ได้รับใบอนุญาตอยู่ในวันก่อนวันที่ ประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องปฏิบัติตามเป็นไปตามประกาศนี้ ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ สราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน" 2009.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๔๖) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลดอัตราภาษีเงินได้ ของกิจการที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๓) พ.ศ. ๒๕๖๗ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลดอัตราภาษีเงินได้ของกิจการที่มี สถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “รายได้จากการประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ” หมายความว่า รายได้ของกิจการซึ่งได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๓) พ.ศ. ๒๕๖๗ “รายได้จากกิจการอื่น” หมายความว่า รายได้ของกิจการซึ่งไม่ใช่รายได้ที่ได้รับการลดอัตรา ภาษีเงินได้ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรา และยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๓) พ.ศ. ๒๕๖๗ ข้อ ๒ การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มี สถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ในมาตรา ๖๕ มาตรา ๖๕ ทวิ และมาตรา ๖๕ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการทั้งที่มีรายได้จากการประกอบกิจการ ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจและรายได้จากกิจการอื่น ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว คำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของแต่ละกิจการแยกต่างหากจากกัน หากรายจ่ายใดไม่สามารถ แยกกันได้โดยชัดแจ้งว่า ส่วนใดเป็นรายจ่ายของกิจการใด ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉลี่ย รายจ่ายดังกล่าว ตามส่วนของรายได้ระหว่างรายได้จากการประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจและรายได้จากกิจการอื่น ทั้งนี้ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ให้ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรเดียวกัน โดยให้แยกกระดาษทำการ ซึ่งแสดงรายละเอียดการคำนวณกำไรขาดทุนของแต่ละกิจการออกจากกัน ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร" 2014.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนด ปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นต้น) ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ แก้ไขเพิ่มเติมตามประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรร ปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) ลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อให้การผลิตน้ำตาลทราย สอดคล้องกับปริมาณอ้อยที่เข้าหีบจริง เนื่องจากขณะนี้ได้สิ้นสุดการหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทรายฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ แล้ว อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๘ แห่งระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วย การกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายให้โรงงานผลิต พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จึงออกประกาศกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิต ในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ ไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกบัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณ น้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นต้น) ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ แก้ไขเพิ่มเติมตามประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรร ปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) ลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ และให้ใช้ปริมาณน้ำตาลทราย ที่ให้โรงงานผลิตในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย) แนบท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย # บัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ## เรื่อง การกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ใช้โรงกลั่นน้ำตาลในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ ### (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย)
ลำดับ บริษัท/โรงงานน้ำตาล ทะเบียนโรงงาน (เดิม) ทะเบียนโรงงาน (ใหม่) น้ำตาลทราย ปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง รวมน้ำตาล
บริษัท น้ำตาลทิพย์กำแพงเพชร จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ กพ ๑๐๖๒๐๐๐๐๑๒๕๕๕๒ ๑,๗๓๗,๕๑๔ ๔๔,๐๐๐ ๑,๗๘๑,๕๑๔
บริษัท น้ำตาลทิพย์สุโขทัย จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๕๓ สท ๑๐๖๔๐๐๐๐๑๒๕๕๓๕ ๑,๓๓๒,๖๔๙ ๓๓,๐๐๐ ๑,๓๖๕,๖๔๙
บริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๒๐ อต ๑๐๕๓๐๐๐๐๑๒๕๒๐๗ ๑,๓๒๘,๔๒๔ ๓๓,๐๐๐ ๑,๓๖๑,๔๒๔
บริษัท น้ำตาลทรายกำแพงเพชร จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๖ กพ ๑๐๖๒๐๐๐๐๑๒๕๑๖๔ ๕๕๑,๖๒๙ ๑๔,๐๐๐ ๕๕๕,๖๒๙
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชันแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จ.ลาว ๒๐๖๐๐๐๐๐๑๒๕๑๕๖ ๙๔๑,๓๑๐ ๒๔,๐๐๐ ๙๖๕,๓๑๐
บริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๒ กพ ๑๐๖๒๐๑๐๐๑๒๕๓๒๐ ๑,๗๓๗,๖๐๒ ๔๔,๐๐๐ ๑,๘๑๑,๖๐๒
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จ.ลาว ๑๐๖๐๐๐๐๑๒๕๓๕๔ ๒,๖๗๙,๖๐๐ ๖๘,๐๐๐ ๒,๗๓๗,๖๐๐
บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ พช ๑๐๖๗๐๐๐๐๑๒๕๓๙๑ ๓,๗๐๐,๔๘๔ ๙๓,๐๐๐ ๓,๗๙๓,๔๘๔
บริษัท น้ำตาลพิษณุโลก จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๗ พล ๑๐๖๕๐๐๐๐๑๒๕๓๗๗ ๑,๗๐๒,๔๐๕ ๔๓,๐๐๐ ๑,๗๔๕,๔๐๕
บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด (เพชรบูรณ์) ๓-๑๑(๓)-๑/๕๘ พช ๑๐๖๗๐๐๐๐๑๒๕๕๘๗ ๑,๐๖๘,๗๘๓ ๒๗,๐๐๐ ๑,๐๙๕,๗๘๓
๑๐ บริษัท น้ำตาลสิงห์บุรี จำกัด ๑๑(๓)-๑/๑๙ สห ๑๐๑๗๗๐๐๐๐๑๒๕๑๙๔ ๘๙๒,๓๔๔ ๒๒,๐๐๐ ๙๑๔,๓๔๔
๑๑ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๒๑ สพ ๑๐๗๒๐๐๐๐๑๒๕๒๑๒ ๒๒๙,๐๒๕ ๖,๐๐๐ ๒๓๕,๐๒๕
๑๒ บริษัท น้ำตาลศรีไพ่นี้เข็มคด จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๐ สพ ๑๐๗๒๐๑๐๐๑๒๕๓๐๒ ๒๗๕,๘๗๕ ๗,๐๐๐ ๒๘๒,๘๗๕
๑๓ บริษัท ไทยรุ่งเรืองเพิ่มพูนอุตสาหกรรม จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๑๙๗ ๖๔๓,๖๔๕ ๑๖,๐๐๐ ๖๕๙,๖๔๕
๑๔ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๒๒ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๒๒๑ ๔๓๑,๗๔๕ ๑๑,๐๐๐ ๔๔๒,๗๔๕
๑๕ บริษัท ประจวบอุตสาหกรรม จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๑๙๓ ๔๔๔,๘๗๘ ๑๑,๐๐๐ ๔๕๕,๘๗๘
๑๖ บริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๑๙๑ ๖๑๑,๕๒๕ ๑๗,๐๐๐ ๖๑๙,๕๒๕
๑๗ บริษัท โรงงานน้ำตาลนิเวศน์ กรุงไทย จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๕๖ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๕๖๘ ๑๐๘,๐๐๘ ๒๗,๐๐๐ ๑,๑๑๖,๕๐๘
๑๘ บริษัท ไทยรุ่งเรือง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๘ อน ๑๐๖๑๐๐๐๐๑๒๕๓๘๘ ๑,๕๗๖,๒๑๔ ๔๐,๐๐๐ ๑,๖๓๐,๒๑๔
๑๙ บริษัท น้ำตาลไทยภูฐานบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๑๙๕ ๕๓๐,๙๒๕ ๑๕,๐๐๐ ๖๐๕,๙๒๕
๒๐ บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเทศาทร จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๒๒ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๒๒๒ ๖๓๔,๒๕๙ ๑๖,๐๐๐ ๖๕๐,๒๕๙
๒๑ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ สพ ๑๐๗๒๐๑๐๐๑๒๕๓๔๔ ๒,๗๙๖,๙๕๐ ๖๙,๐๐๐ ๒,๘๑๕,๙๕๐
๒๒ บริษัท น้ำตาลสามไป๋ง จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ รบ ๑๐๗๐๐๐๐๐๑๒๕๑๙๘ ๓๒๔,๑๔๓ ๘,๐๐๐ ๓๓๒,๑๔๓
๒๓ บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ รบ ๑๐๗๐๐๐๐๐๑๒๕๑๙๖ ๕๑๘,๖๙๓ ๑๓,๐๐๐ ๕๓๑,๖๙๓
๒๔ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น. จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๓ ถม ๑๐๑๖๐๐๐๐๑๒๕๓๓๖ ๕๗๗,๓๔๗ ๑๔,๐๐๐ ๕๙๑,๓๔๗
๒๕ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลปราณบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ ปป ๑๐๗๗๐๐๐๐๑๒๕๓๙๙ ๒๕๕,๗๘๘ ๖,๐๐๐ ๒๕๕,๗๘๘
๒๖ บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ สบ ๑๐๑๙๐๒๐๐๑๒๕๓๔๙ ๑,๕๕๕,๓๐๑ ๓๙,๐๐๐ ๑,๕๙๓,๓๐๑
๒๗ บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๔/๕๕ อบ ๑๐๖๑๐๐๐๐๑๒๕๕๕๗ ๑,๐๐๐,๐๙๔ ๒๕,๐๐๐ ๑,๐๓๔,๐๙๔
๒๘ บริษัท อิตรเกษดร อุทัยธราณี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๒/๕๘ คบ ๑๐๑๖๐๐๐๐๑๒๕๕๘๑ ๗๙๗,๒๔๒ ๒๐,๐๐๐ ๘๑๗,๒๔๒
๒๙ บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด (สาขาสะโบสถ์) ๓-๑๑(๓)-๔/๕๘ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๕๘๙ ๔๓๑,๕๖๔ ๑๑,๐๐๐ ๔๔๒,๕๖๔
๓๐ บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด (สาขากาญจนบุรี)
หน่วย : กระสอบ (๑๐๐ กก./กส.) ## ตารางข้อมูล | ลำดับ | โรงงานน้ำตาล/บริษัท | ทะเบียนโรงงาน (เดิม) | ทะเบียนโรงงาน (ใหม่) | น้ำตาลทราย | ปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง | รวมน้ำตาล | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | ๓๑ | บริษัท สหกรณ์น้ำตาลชลบุรี จำกัด | ๓-๑๑(๒)-๑/๑๕ ซบ | ๑๐๒๐๐๐๐๐๑๒๕๑๕๖ | ๔๖๘,๔๒๖ | ๑๒,๐๐๐ | ๔๗๖,๔๒๖ | | ๓๒ | บริษัท น้ำตาแลและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) (วัฒนาคร) | ๓-๑๑(๒)-๑/๑๙ สก | ๑๐๒๐๐๐๐๑๒๕๔๘๘ | ๔๐๒,๑๓๒ | ๑๘,๐๐๐ | ๔๒๐,๑๓๒ | | ๓๓ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๘ ซบ | ๑๐๒๐๐๐๐๑๒๕๔๘๘ | ๔๐๒,๑๓๒ | ๑๘,๐๐๐ | ๔๒๐,๑๓๒ | | ๓๔ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด (มหาชน) (วัฒนาคร) | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๐ สก | ๑๐๒๐๐๐๐๑๒๕๖๐๖ | ๔๗๖,๔๒๖ | ๑๘,๐๐๐ | ๔๙๔,๔๒๖ | | ๓๕ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๘ ซร | ๑๐๓๒๐๐๐๑๒๕๔๘๘ | ๒,๐๙๓,๗๐๑ | ๕๓,๐๐๐ | ๒,๑๕๖,๗๐๑ | | ๓๖ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๘ กส | ๑๐๔๖๐๑๐๐๑๒๕๓๘๘ | ๙๖๑,๔๙๓ | ๒๔,๐๐๐ | ๙๘๕,๔๙๓ | | ๓๗ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๒ กส | ๑๐๔๖๐๒๐๐๑๒๕๔๒๙ | ๓,๔๗๙,๘๑๓ | ๘๗,๐๐๐ | ๓,๕๖๖,๘๑๓ | | ๓๘ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๙ มค | ๑๐๔๔๐๐๐๑๒๕๔๙๘ | ๖๐๘,๙๑๘ | ๑๕,๐๐๐ | ๖๒๓,๙๑๘ | | ๓๙ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๔๘ อด | ๑๐๔๑๐๐๐๑๒๕๓๔๓ | ๑,๖๙๙,๒๒๖ | ๔๓,๐๐๐ | ๑,๗๓๒,๒๒๖ | | ๔๐ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๕ นม | ๑๐๓๐๐๐๐๑๒๕๓๕๓ | ๕,๕๖๒,๘๕๒ | ๑๔๐,๐๐๐ | ๕,๗๐๒,๘๕๒ | | ๔๑ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๗ ซก | ๑๐๔๐๐๐๐๑๒๕๓๗๗ | ๓,๕๐๑,๑๙๓ | ๘๘,๐๐๐ | ๓,๕๘๙,๑๙๓ | | ๔๒ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๖ นม | ๑๐๓๐๐๓๐๐๑๒๕๓๖๘ | ๑,๗๗๙,๕๒๘ | ๔๕,๐๐๐ | ๑,๘๒๔,๕๒๘ | | ๔๓ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ นม | ๐๐๓๐๐๓๐๐๑๒๕๓๙๔ | ๖๙,๐๐๐ | ๒,๘๐๒,๗๓๑ | ๒,๘๗๑,๗๓๑ | | ๔๔ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๐ อด | ๑๐๔๑๐๐๐๑๒๕๓๓๕ | ๑๘,๐๐๐ | ๗๔๔,๑๕๒ | ๘๒๒,๑๕๒ | | ๔๕ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๒๐ ซก | ๑๐๔๐๐๐๐๑๒๕๒๐๓ | ๑,๙๗๖,๙๕๕ | ๕๐,๐๐๐ | ๒,๐๒๖,๙๕๕ | | ๔๖ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๓๖ มห | ๑๐๔๙๐๐๐๑๒๕๓๖๐ | ๒,๑๕๘,๙๘๙ | ๑,๑๘๗,๙๘๙ | | ๔๗ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๑๕ บร | ๑๐๓๑๐๐๐๑๒๕๑๕๔ | ๖๗,๐๐๐ | ๒,๗๕๓,๖๗๔ | ๒,๘๑๐,๖๗๔ | | ๔๘ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๒๙ ชย | ๑๐๓๖๐๒๐๐๑๒๕๒๙๘ | ๔,๐๖๖,๔๓๓ | ๑๐๖,๐๐๐ | ๔,๑๗๒,๔๓๓ | | ๔๙ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ นภ | ๑๐๓๙๐๐๐๑๒๕๕๕๕ | ๓,๐๖๖,๐๔๙ | ๗๗,๐๐๐ | ๓,๑๔๓,๐๔๙ | | ๕๐ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ อด | ๑๐๔๑๐๐๐๑๒๕๕๕๕ | ๒,๒๕๗,๕๓๘ | ๒,๓๑๔,๕๓๘ | | ๕๑ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๗ ลอย | ๑๐๔๒๐๐๐๑๒๕๕๗๓ | ๓,๔๙๓,๓๗๗ | ๘๘,๐๐๐ | ๓,๕๘๑,๓๗๗ | | ๕๒ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๗ ลอย | ๑๐๔๒๐๐๐๑๒๕๕๗๓ | ๑,๗๖๖,๙๘๒ | ๔๔,๐๐๐ | ๑,๘๑๐,๙๘๒ | | ๕๓ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๕๘ ชย | ๑๐๓๖๐๐๐๑๒๕๕๕๙ | ๑,๒๘๐,๐๑๗ | ๓๒,๐๐๐ | ๑,๓๑๒,๐๑๗ | | ๕๔ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๑ สน | ๑๐๔๗๐๐๐๑๒๕๖๑๐ | ๓๔๙,๑๐๒ | ๙,๐๐๐ | ๓๕๘,๑๐๒ | | ๕๕ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๑ จอ | ๑๐๓๐๐๐๑๔๘๐๒๕๖๒๓ | ๑,๔๑๒,๑๐๒ | ๓๕,๐๐๐ | ๑,๔๔๗,๑๐๒ | | ๕๖ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๒ นม | ๑๐๓๖๐๐๒๐๑๒๕๖๖๑ | ๑,๑๘๘,๐๔๖ | ๓๐,๐๐๐ | ๑,๒๑๘,๐๔๖ | | ๕๗ | บริษัท น้ำตาละลายของ จำกัด | ๓-๑๑(๓)-๑/๖๖ ชย | ๑๐๓๖๐๐๒๐๑๒๕๖๖๑ | ๘๑๘,๑๐๙ | ๒๐,๐๐๐ | ๘๓๘,๑๐๙ | | **รวม** | **รวม** | **รวม** | **รวม** | **รวม** | **รวม** | **รวม** | | ๘๕,๙๒๖,๖๘๖ | ๒,๑๕๖,๐๐๐ | ๘๘,๐๘๒,๖๘๖ | หมายเหตุ ๑. บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายนี้เป็น บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ที่โรงงานน้ำตาลทรายได้ปิดหีบอ้อยแล้ว ๒. น้ำตาลทราย หมายถึง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทราย ชนิดพิเศษ หรือน้ำตาลชนิดอื่น ๆ ที่คณะกรรมการกำหนดให้โรงงานผลิตและจำหน่ายได้ ๓. น้ำตาลทรายสำรอง หมายถึง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ หรือน้ำตาลทราย ชนิดพิเศษที่แต่ละโรงงานต้องสำรองไว้ในปริมาณตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยคำนวณจากปริมาณการบริโภค น้ำตาลทรายโดยเฉลี่ยภายในประเทศหนึ่งเดือนของฤดูกาลผลิตปีที่ผ่านมา ๔. เนื้อน้ำตาลทรายสุทธิต่อ ๑ กระสอบ = ๑๐๐ กิโลกรัม PageNumber: - ๔ - # หลักเกณฑ์การจัดสรรปริมาณอ้อยและน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานทำการผลิต ในปีการผลิต ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย) ## ๑. ปริมาณอ้อยเข้าหีบ ปริมาณน้ำตาลทรายจัดสรรของโรงงานคำนวณโดยใช้ตัวเลขปริมาณอ้อยเข้าหีบแต่ละโรงงานตั้งแต่ เปิดหีบจนถึงปิดหีบ ตามรายงานการผลิตน้ำตาลทรายของโรงงานทั่วประเทศประจำฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ รวมปริมาณอ้อย ดังนี้
ภาค ปริมาณอ้อย (ตัน)
๑. ภาคเหนือ ๑๗,๑๗๐,๑๐๒.๙๖
๒. ภาคกลาง ๑๗,๗๑๘,๒๔๔.๕๑
๓. ภาคตะวันออก ๔,๓๗๔,๑๕๐.๑๖
๔. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔๒,๙๐๔,๕๖๗.๕๕
รวมทุกภาค ๘๒,๑๖๗,๐๖๕.๑๘
## ๒. ปริมาณน้ำตาลทรายจัดสรร ๒.๑ น้ำตาลทราย จัดสรรตามปริมาณอ้อยในข้อ ๑ คูณกับผลผลิตน้ำตาลทรายเฉลี่ยต่อต้นอ้อย ของแต่ละโรงงาน ณ วันที่โรงงานปิดหีบอ้อยโรงสุดท้าย และจัดสรรตามปริมาณอ้อยและผลผลิตน้ำตาลทราย จริงของโรงงานที่ปิดหีบแล้ว ๒.๒ น้ำตาลทรายสำรอง จัดสรรจากปริมาณการบริโภคน้ำตาลทรายโดยเฉลี่ยภายในประเทศ หนึ่งเดือนของฤดูกาลการผลิตปีที่ผ่านมา ๓. บัญชีจัดสรรปริมาณการผลิตน้ำตาลทรายนี้เป็นไปตามบัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย" 2015.pdf,"# ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ## เรื่อง การเรียกเก็บค่าบริการสำหรับกิจกรรมเขตปลอดอากรท่าเรือกรุงเทพ เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรมเขตปลอดอากรท่าเรือกรุงเทพ (Bangkok Port Free Zone) และสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งทางน้ำของประเทศ รวมถึงสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบริการพิเศษสำหรับกิจกรรมเขตปลอดภาษีอากรท่าเรือกรุงเทพ โดยเรียกเก็บจากผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาต ให้เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมเขตปลอดอากรท่าเรือกรุงเทพ ในอัตรา ดังนี้ ข้อ ๑ ค่าบริการยกตู้สินค้าในเขตปลอดอากรท่าเรือกรุงเทพ เพื่อกองเก็บตู้สินค้าในลานวางตู้สินค้าหรือยกตู้สินค้าจากในลานวางตู้สินค้าเพื่อส่งมอบไปยังท่าเทียบเรือหรือนำเข้าในราชอาณาจักร หรือในทางกลับกัน เรียกเก็บในอัตรา ดังนี้ | ตู้มีสินค้า | ขนาด | ฟุต | บาท/ตู้ | | --- | --- | --- | --- | | ๑.๑ | ตู้มีสินค้า | ขนาด ๒๐ | ๔๖๕ | | ๑.๒ | ตู้มีสินค้า | ขนาด ๔๐ | ๙๓๐ | | ๑.๓ | ตู้สินค้าเปล่า | ขนาด ๒๐ | ๓๗๒ | | ๑.๔ | ตู้สินค้าเปล่า | ขนาด ๔๐ | ๗๔๓ | ข้อ ๒ ค่าบริการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าจากเขตปลอดอากรท่าเรือกรุงเทพ ไปยังท่าเทียบเรือ ตู้สินค้าและทางรถไฟ หรือในทางกลับกัน เรียกเก็บค่าบริการในอัตรา ดังนี้ | ตู้สินค้า | ขนาด | ฟุต | บาท/ตู้ | | --- | --- | --- | --- | | ๒.๑ | ตู้สินค้า | ขนาด ๒๐ | ๓๔๕ | | ๒.๑ | ตู้สินค้า | ขนาด ๔๐ | ๔๕๐ | ข้อ ๓ ค่าบริการยกขนและเคลื่อนย้ายสินค้าจากรถพักสินค้าและคลังสินค้าไปยังเขตปลอดอากร ท่าเรือกรุงเทพ หรือในทางกลับกัน เรียกเก็บค่าบริการในอัตรา ๕๐ บาท/ต้น กรณีที่มีการฝากเก็บสินค้าภายในรถพักสินค้าก่อนเคลื่อนย้ายสินค้าไปยังเขตปลอดอากรท่าเรือกรุงเทพ หรือในทางกลับกัน เรียกเก็บค่าบริการในอัตรา ๑๐๐ บาท/ต้น ค่าบริการนี้ไม่รวมค่าภาระฝากสินค้า (Cargo Storage) ที่ต้องชำระปกติตามประกาศอัตราค่าภาระท่าเรือกรุงเทพ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เครียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย" 2018.pdf,"ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ (ฉบับที่ ๔) เพื่อให้การปฏิบัติงานและการดำเนินงานด้านการตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริง ในกรณี ที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ใดที่ได้กระทำผิดหรือทำให้เกิด ความเสียหายเพราะฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์ ในทางปฏิบัติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบกับประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับ คุณสมบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงประกาศแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังต่อไปนี้ ๑. นางสาวกฤษชนิชชาน์ สินวรรณพันธุ์ ๒. นางสาวเกษณี ๓. นางสาวชัญญา ๔. นางสาวเนตริธร ๕. นางสาวจิตาภา ๖. นายอนุวัฒน์ ๗. นายพรวุฒิ ๘. นางสาวภัทราภรณ์ ๙. นางสาวกนกวรรณ ๑๐. นางสาวณิชกานต์ ๑๑. นายภูมินทร์ ๑๒. นายจิรายุ ๑๓. นางสาวชิดา ๑๔. นายพัชรภิม ๑๕. ว่าที่ร้อยตรีหญิง สุจิรา ๑๖. พันตำรวจเอก ก้องกฤษฎา ๑๗. พันตำรวจเอก เจษฎา นันทสูตร นุตะไลย์ โล้วโสภณกุล เจริญพงษ์ รดิเรืองรอง บุญพรหม จันทรมยณี แก้วยก ชาตะวราหะ พานิชพงศ์ หนูแจ่ม จิตวัฒนาธรรม สุขอนันต์ สุขจิต กิตติถิระพงษ์ บุรินทร์สุชาติ เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง หน้า ๑๑ ราชกิจจานุเบกษา ๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
๑๘. พ้นตำรวจเอก ฐาปกรณ์หนุมาศ
๑๙. พ้นตำรวจโทหญิง นิลวรรณจันทรา
๒๐. พ้นตำรวจโท ถนอมพงศ์ตู้เช่ง
๒๑. พ้นตำรวจโท ธัชชัยบุญรอด
๒๒. พ้นตำรวจตรี อนุสรณ์พิมพ์สว่าง
๒๓. พ้นตำรวจตรี ธีรวัฒน์สมศิริ
๒๔. พ้นตำรวจตรี สุนทรคงกุล
๒๕. ร้อยตำรวจเอก เสกสรรละเอียด
๒๖. ร้อยตำรวจเอก ภูวินทร์เจริญเสรีชัย
๒๗. ร้อยตำรวจเอก วีระวัฒน์ม้าจีน
๒๘. ร้อยตำรวจเอก ชญาณ์แหวนหล่อ
๒๙. ร้อยตำรวจเอก พิรุณศุภฤทธิ์ธำรง
๓๐. ว่าที่ร้อยตำรวจโท เมธาวุธทองน้อย
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ประเสริฐ จันทรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม" 2021.pdf,"ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน การขอคัด ขอดำเนินเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน การขอคัด ขอดำเนินเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๕๖ และระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน การขอคัด ขอดำเนินเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะช่องทางการให้บริการในเรื่องการขอตรวจสอบหลักทรัพย์สำนักงานที่ดินแห่งใดแห่งหนึ่ง ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดิน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสำนักงานที่ดินได้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๒ (๑) (๔) และข้อ ๒๐ (๑) แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมที่ดิน จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน การขอคัด ขอดำเนินเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกหมวด ๒ การตรวจสอบหลักทรัพย์ ข้อ ๑๐ ถึงข้อ ๑๕ และส่วนที่ ๑ คำธรรมเนียม การขอตรวจสอบหลักทรัพย์ ของหมวด ๕ ค่าธรรมเนียม ข้อ ๒๗ แห่งระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการขอตรวจสอบหลักทรัพย์ ของสำเนาภาพลักษณ์เอกสารสิทธิ และขอหนังสือรับรองราคา ประเมินทุนทรัพย์สำนักงานที่ดินแห่งใดแห่งหนึ่งด้วยระบบสารสนเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๕ แห่งระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน การขอคัด ขอดำเนินเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๕ ผู้ใดมีความประสงค์ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักทรัพย์ของบุคคลหรือ นิติบุคคลใดเพื่อให้ทราบว่าบุคคลหรือนิติบุคคลนั้น มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินแปลงใด หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นใด ให้ยื่นคำขอตามแบบ ท.ด.๙ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดิน แห่งใดแห่งหนึ่งก็ดี พร้อมหลักฐานที่แสดงว่ามีสิทธิตรวจสอบหลักทรัพย์ได้ตามกฎหมาย และแจ้งความประสงค์ ว่าขอตรวจสอบเพื่อประโยชน์อย่างไร โดยระบุสิทธิและความประสงค์ดังกล่าวไว้ในคำขอให้ชัดเจน พร้อมทั้งระบุในคำขอว่ามีความประสงค์จะขอตรวจสอบหลักทรัพย์ในสำนักงานที่ดินแห่งใดบ้าง (ไม่ต้องจัดทำคำขอแยก) ตามสำนักงานที่ดินที่ประสงค์จะขอตรวจสอบ และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานที่ผู้ใดแสดงว่ามีสิทธิในการตรวจสอบหลักทรัพย์ได้ตามกฎหมายใด กรณีไม่อาจดำเนินการตามคำขอให้แล้วเสร็จได้ เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอื่น สำนักงานที่ดินที่รับคำขออาจกำหนดนัดให้ผู้ขอมารับทราบผลการดำเนินการตามคำขอได้ตามความเหมาะสม แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน ๓ วันทำการนับแต่วันที่รับคำขอ โดยให้ผู้ของลงนามรับทราบกำหนดวันนัดไว้ในคำขอ เป็นหลักฐานด้วย กรณีมีข้อขัดข้องไม่สามารถรับคำขอดำเนินการได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีระบบสารสนเทศและการสื่อสารขัดข้อง หรือมีเหตุสุดวิสัย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สังไม่รับดำเนินการตามคำขอ พร้อมแจ้งเหตุผล สิทธิการอุทธรณ์ และกำหนดเวลาอุทธรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง หรือกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ แล้วแต่กรณี ให้ผู้ขอทราบไว้ในคำขอ เป็นหลักฐานด้วย"" ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๓๒ แห่งระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการตรวจหลักฐาน ทะเบียนที่ดิน การขอคัด ขอดำเนินเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) คำคำขอให้เรียกเก็บตามจำนวนรายลูกหนี้ที่ขอตรวจสอบ รายละ ๕ บาท อนุโลม ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙) ออกตามความ ในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ข้อ ๒ (๑๐) (ก) เช่น ยื่นคำขอ ตรวจสอบหลักทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาถึงที่สุด จำนวน ๒ ราย ขอตรวจสอบในท้องที่ ของสำนักงานที่ดิน จำนวน ๑๐ แห่ง ในคำขอฉบับเดียวกัน ให้เรียกเก็บค่าคำขอ รายละ ๕ บาท ในสำนักงานที่ดิน ๑๐ แห่ง รวมค่าคำขอ ๑๐๐ บาท เป็นต้น” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความใน (๒.๑) ของข้อ ๓๒ แห่งระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการตรวจหลักฐาน ทะเบียนที่ดิน การขอคัด ขอดำเนินเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน การขอคัด ขอดำเนินเอกสาร และ การตรวจสอบหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒.๑) กรณีตรวจจากสื่อบันทึกข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นให้เรียกเก็บ ค่าธรรมเนียม ครั้งละ ๑๐๐ บาท (รายละ ๑๐๐ บาท) ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ข้อ ๒ (๑๐) (ญ) กรณีผู้ขอยื่นคำขอตรวจสอบชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินคำขอเดียว หลายรายชื่อ ก่อนดำเนินการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทีละรายชื่อว่าอยู่ในหลักเกณฑ์ที่สามารถ ตรวจสอบหลักทรัพย์ได้หรือไม่ และให้เรียกเก็บ ค่าตรวจสอบรายละ ๑๐๐ บาท ตามจำนวนรายชื่อ และตามจำนวนสำนักงานที่ดินที่ได้ทำการตรวจสอบ เช่น ยื่นคำขอตรวจสูบฉีดน้ำ จำนวน ๑๐ ราย และขอตรวจสูบในท้องที่ของสำนักงานที่ดิน จำนวน ๑๐ แห่ง ในคำขอฉบับเดียวกัน ให้เรียกเก็บค่า ตรวจสอบ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นต้น” ประกาศ ณ วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ชัยวุธ จันทร์ อธิบดีกรมที่ดิน" 2022.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อาหารสำหรับเด็กเล็กเฉพาะที่รัฐมนตรีกำหนดควบคุมการส่งเสริมการตลาด พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอาหารสำหรับเด็กเล็กเฉพาะที่จะต้องควบคุมการส่งเสริมการตลาด อาศัยอำนาจตามความในบทนิยามคำว่า “อาหารสำหรับเด็กเล็ก” ในมาตรา ๓ และมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหาร สำหรับทารกและเด็กเล็ก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อาหารสำหรับเด็กเล็กเฉพาะที่ รัฐมนตรีกำหนดควบคุมการส่งเสริมการตลาด พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามร้อยหกสิบห้าวันนับแต่วันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ อาหารสำหรับเด็กเล็กเฉพาะที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดซึ่งจะต้องถูกควบคุมการส่งเสริม การตลาดตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้แก่ อาหารสำหรับเด็กเล็กเฉพาะที่มีการสื่อสารหรือสื่อสารการตลาดในลักษณะเชื่อมโยงถึงทารก อาหารสำหรับทารก หรือทำให้เข้าใจว่าเหมาะสมสำหรับใช้เลี้ยงทารก ข้อ ๔ ข้อความที่แสดงให้เห็นว่าใช้ในการเลี้ยงเด็กเล็ก ตามข้อ ๓ ให้รวมถึงข้อความ ในลักษณะหนึ่งลักษณะใด ดังต่อไปนี้ (๑) มีการสื่อสารการตลาดที่ทำให้เกิดความเชื่อมโยงกับเด็กเล็ก (๒) แสดงข้อความ ชื่อ หรือส่วนประกอบของสารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอที่จะใช้สำหรับ เลี้ยงเด็กเล็กบนฉลากหรือในการสื่อสารการตลาด (๓) นำเสนอดูแลผ่านทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็กเล็กบนฉลากหรือในการสื่อสาร การตลาด (๔) แสดงตัวเลขช่วงอายุสำหรับเด็กเล็กบนฉลากผลิตภัณฑ์หรือในการสื่อสารการตลาด ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 2024.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง การให้บริการประชาชนในสำนักงานที่ดิน ด้วยกรมที่ดินได้พัฒนาระบบการจัดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้านการจัดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมาใช้ในการบริการประชาชน เพื่อเป็นการยกระดับการให้บริการประชาชน ในสำนักงานที่ดินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน และการรังวัดทางอินเทอร์เน็ต (e-Qlands) เป็นการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว สามารถลดระยะเวลาการรอคอยในการเข้ารับบริการในสำนักงานที่ดินให้แก่ประชาชนในการจองคิวผ่านเว็บไซต์ e-Qlands ของภาครัฐ ตามพระราชบัญญัติปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ มุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลและไทยแลนด์ ๔.๐ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของภาครัฐ และให้สำนักงานที่ดินบริหารจัดการงานและคิวบริการประชาชน จัดระเบียบการขอรับบริการ ลดความแออัดในการรับบริการภายในสำนักงานที่ดินในขณะที่มีปริมาณงานเพิ่มมากขึ้นทุกปี แต่มีอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ให้บริการจำนวนจำกัดและรองรับการจัดทะเบียนต่างสำนักงานแบบออนไลน์ทั่วประเทศในอนาคต มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. สำนักงานที่ดินให้บริการปกติวันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ) ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ น. ถึงเวลา ๑๖.๓๐ น. แต่เปิดรับคิวให้บริการตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ น. ถึงเวลา ๑๕.๓๐ น. ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงให้บริการในเวลาราชการ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. ถึงเวลา ๑๖.๓๐ น. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคิวบริการที่ยังไม่แล้วเสร็จ เตรียมงานที่มีการจองคิวล่วงหน้าผ่านระบบ e-Qlands จัดเก็บเอกสารที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และปฏิบัติงานค้างระหว่างดำเนินการต่าง ๆ ประเภทงานที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายในวันเดียว ๒. สำนักงานที่ดินจะดำเนินการให้บริการกับประชาชนผู้ที่จองคิวล่วงหน้าผ่านระบบ e-Qlands เป็นอันดับแรกก่อนผู้ที่ไม่ได้จองคิว (Walk in) เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมเรื่องราวคำขอ หนังสือสัญญา รวมถึงบันทึกข้อตกลงต่าง ๆ เป็นการล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวก ลดระยะเวลาการรอคอยในการเข้ารับบริการในสำนักงานที่ดิน ทั้งนี้ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน" 2025.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานผลพิชิตอากาศจากปล่องโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยเป็นการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษเพื่อรายงานผลพิชิตอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๕ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๖ ตรี แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ วัฏฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานผลพิชิตอากาศจากปล่องโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกข้อความในข้อ ๑๒ แห่งประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษเพื่อรายงานผลพิชิตอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒ โรงงานตามข้อ ๔ (๑) (๒) และข้อ ๑๑ (๓) ต้องตรวจวัดมลพิษในรายการที่ไม่ใช่บังคับหรือในรายการที่ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ แล้วแต่กรณีและรายงานค่าการตรวจวัดดังกล่าวต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผ่านระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกล (Pollution Online Monitoring System : POMS) ทุก ๆ สามเดือน"" ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อความในข้อ ๑๖ วรรคสาม แห่งประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษเพื่อรายงานผลพิชิตอากาศ จากปล่องโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “การกำหนดระยะเวลาการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวรรคสองต้องกำหนดมิให้เกินกว่าวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ยกเว้น หน่วยการผลิตและขนาดในลำดับที่ ๖ ตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ ต้องกำหนดระยะเวลาการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวรรคสองมิให้เกินกว่าวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๗๐” ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์สำราชา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 2026.pdf,"ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง แนวทางการเก็บตัวอย่างสารอินทรีย์ระเหยในบรรยากาศที่แปรร่างของโรงงาน จากการช่วยบำรุงใหญ่ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดแนวทางการเก็บตัวอย่างสารอินทรีย์ระเหยในบรรยากาศที่แปรร่าง ขอบเขตของโรงงาน ในช่วงก่อนเริ่มดำเนินการซ่อมบำรุงใหญ่และในช่วงซ่อมบำรุงใหญ่ เพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรม ปฏิบัติตามแนวทางการเก็บตัวอย่างสารอินทรีย์ระเหยในบรรยากาศที่แปรร่างของโรงงาน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๖ (๒) แห่งประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การควบคุม การระบายไอสารอินทรีย์ระเหยจากการซ่อมบำรุง พ.ศ. ๒๕๖๕ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง แนวทางการเก็บตัวอย่าง สารอินทรีย์ระเหยในบรรยากาศที่แปรร่างของโรงงานจากการซ่อมบำรุงใหญ่ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ แนวทางการเก็บตัวอย่างสารอินทรีย์ระเหยในบรรยากาศที่แปรร่างของโรงงาน ในช่วงก่อนเริ่มดำเนินการซ่อมบำรุงใหญ่และในช่วงซ่อมบำรุงใหญ่ ให้ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) การเลือกจุดเก็บตัวอย่างต้องครอบคลุมแหล่งที่มาของสารอินทรีย์ระเหย อย่างน้อย ๔ จุด โดยอย่างน้อยต้องมีจุดเก็บตัวอย่างอยู่ในตำแหน่งทิศเหนือลมและใต้มรอบแนววิ่งขอบเขตของโรงงาน (๒) อุปกรณ์เก็บตัวอย่างต้องห่างจากแนววิ่งขอบเขตรถของโรงงาน ๑ เมตร อยู่ในที่โล่ง และห่างจากสิ่งกีดขวาง เช่น ต้นไม้ กำแพง อาคาร หรือสิ่งกีดขวางอื่น ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม" 2027.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์ในการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่มาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนดให้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งคณะกรรมการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจกำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการดังกล่าวก็ได้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ในการดำเนินการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) ประกอบมาตรา ๓๓ วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์ ในการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของ ข้อมูลส่วนบุคคลได้ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ และไม่ใช่กรณีที่ ได้รับยกเว้นการใช้บังคับตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการตามที่ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลรองขอโดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง จะต้องดำเนินการให้ครอบคลุมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำสำเนา หรือสำรองไว้ด้วย (ถ้ามี) และจะต้องทำให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดสามารถกระทำการด้วยวิธีการใด ๆ ที่อาจ คาดหมายได้ตามสมควร เพื่อกู้คืนข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลนั้นย้อนกลับมาสามารถระบุตัวบุคคล ที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอาจดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูล ส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ด้วยวิธีการอย่างอื่น ตามประกาศนี้ ซึ่งอาจแตกต่างจากที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ ก็ได้ โดยผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้สิทธิทราบด้วย เว้นแต่จะเป็นกรณีตามข้อ ๗ ข้อ ๔ ในการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล ที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามข้อ ๓ หากไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวไว้ตามระยะเวลา ที่กำหนดในข้อ ๓ เช่น กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงถูกเก็บบันทึกไว้ ชั่วคราวระหว่างที่รอให้ถูกบันทึกทับหรือแทนที่โดยข้อมูลอื่น (to be overwritten by other data) เนื่องจากเหตุผลทางเทคนิค ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบ ที่การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นไปได้ยาก จนกว่าจะดำเนินการตามข้อ ๓ แล้วเสร็จ โดยต้องจัดให้มีมาตรการเชิงองค์กร (organizational measures) และมาตรการเชิงเทคนิค (technical measures) ที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงมาตรการทางกายภาพ (physical measures) ที่จำเป็นด้วย โดยคำนึงถึงปัจจัยทางเทคโนโลยี บริบท สภาพแวดล้อม มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ สำหรับหน่วยงานหรือกิจการในประเภทหรือลักษณะเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ลักษณะหรือประเภทของ ข้อมูลส่วนบุคคล ลักษณะ ประเภท หรือสถานะของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทรัพยากรที่ต้องใช้ และความเป็นไปได้ในการดำเนินการประกอบกัน ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่มีเจตนา ที่จะเข้าถึง หรือนำข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมาใช้หรือเปิดเผยอีกต่อไป แม้จะยังมีข้อมูลดังกล่าวอยู่ก็ตาม (๒) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่สามารถนำ ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมาใช้หรือเปิดเผย เพื่อให้บริการหรือมีผลต่อการตัดสินใจหรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือในลักษณะที่จะส่งผลกระทบต่อบุคคลในทางใดทางหนึ่งได้ (๓) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องป้องกันมิให้ ผู้ใดสามารถเข้าถึง ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ (๔) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องจัดให้มี มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าวอย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยง (๕) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องจะต้องทำการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลได้ตามประกาศนี้ เมื่อสามารถกระทำได้โดยไม่ชักช้า ข้อ ๕ ความในข้อ ๓ มิให้นำมาใช้บังคับกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่อาจลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เนื่องจากเหตุผลความจำเป็นที่สำคัญ เช่น กรณีที่การลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้นั้น อาจส่งผลกระทบในทางลบ ต่อสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลหรือประโยชน์ของบุคคลอื่น ทั้งนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้สิทธิทราบพร้อมชี้แจงหรือแสดงให้เห็นถึงเหตุผลความจำเป็นที่สำคัญ ดังกล่าวแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลด้วย ข้อ 5 ในการทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลได้ หรือการทำให้เป็นข้อมูลนิรนาม (anonymization) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะต้อง ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) จะต้องมีกระบวนการลบหรือทำให้ปราศจากข้อมูลใด ๆ ที่เป็นตัวระบุทางตรง (direct identifiers) ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (de-identification) ซึ่งรวมถึงข้อมูล ดังต่อไปนี้ (ก) ชื่อตัว ชื่อรอง หรือชื่อสกุลของบุคคล (ข) เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของบุคคล เลขที่บัตรประกันสังคม ตลอดจนเลขที่ หมายเลข หรือรหัสของบัตรประจำตัวอื่นใดของบุคคล (ค) เลขที่ หมายเลข หรือรหัสสมาชิก ลูกค้า ผู้รับบริการ หรือบุคลากร ตลอดจน เลขที่ หมายเลข หรือรหัสของบัญชี สัญญา หรือสิ่งอื่นใดที่เป็นของเฉพาะตัวของบุคคล (ง) หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร หรือหมายเลขติดต่อเฉพาะตัวของบุคคล (จ) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail address) เฉพาะตัวของบุคคล (ฉ) หมายเลขทะเบียนรถของบุคคล (ช) ภาพใบหน้าของบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวบุคคลได้ (ช) ข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ของบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวบุคคลได้ (ฌ) ชื่อหรือรหัสบัญชีผู้ใช้งานในระบบสารสนเทศ แอปพลิเคชัน หรือบริการต่าง ๆ ที่เป็นของเฉพาะตัวของบุคคล (ญ) ข้อมูลอื่นใดที่เป็นสิ่งเฉพาะตัวของบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรง (๒) หลังจากการดำเนินการตาม (๑) จะต้องมีกระบวนการพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้ทางอ้อม โดยมีโอกาสในการระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในระดับที่ต่ำเพียงพอ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการทำให้ข้อมูลนั้นย้อนกลับมาสามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ (re-identification) โดยอาจพิจารณาทำการแฝงข้อมูล (pseudonymization) หรือดำเนินการ อย่างหนึ่งอย่างใดต่อข้อมูลทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อลดโอกาสในการระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลจากข้อมูลที่เป็นตัวระบุทางอ้อม (indirect identifiers) เช่น วันเดือนปีเกิด อายุ ตำแหน่งงาน สังกัด วันเดือนปีที่เข้ารับบริการ ที่อยู่สำหรับพักอาศัยหรือสถานที่ทำงาน เลขที่อยู่ไอพี (Internet Protocol address หรือ IP address) หรือข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้อยู่ในระดับที่ต่ำเพียงพอ ในการดำเนินการตาม (๒) ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลพิจารณาดำเนินการโดยคำนึงถึง ปัจจัยทางเทคโนโลยี บริบท สภาพแวดล้อม มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับสำหรับหน่วยงานหรือกิจการ ในประเภทหรือลักษณะเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ลักษณะหรือประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ลักษณะประเภท หรือสถานะของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทรัพยากรที่ต้องใช้ และความเป็นไปได้ในการดำเนินการ ตลอดจนความเสี่ยง แรงจูงใจ และความสามารถของบุคคลที่อาจประสงค์จะทำให้ข้อมูลนั้นย้อนกลับมาสามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ (re-identification) ประกอบกัน ข้อ ๗ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เนื่องจากเป็นกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๓๓ (๔) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ และไม่ใช่กรณีที่ได้รับยกเว้นการใช้บังคับตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง หรือกรณีอื่นที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอาจปฏิเสธคำขอได้ตามกฎหมาย ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น โดยไม่อาจดำเนินการทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามข้อ ๖ แทนได้ ข้อ ๘ เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ตามคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้สิทธิทราบ ในกรณีที่การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง เป็นการทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามข้อ ๖ ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งรายละเอียดในการดำเนินการดังกล่าวให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบตามสมควร เว้นแต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบทึงรายละเอียดนั้นอยู่แล้ว ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อาจดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิตามวรรคหนึ่งได้ ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้สิทธิทราบพร้อมเหตุผล ข้อ ๙ นอกจากการดำเนินการตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิตามมาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่จัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา ๓๗ (๓) ด้วย โดยให้นำข้อ ๓ วรรคสองและวรรคสาม ข้อ ๔ ข้อ ๕ และข้อ ๖ ของประกาศนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๑๐ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เรียรชัย ณ นคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" 2030.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๗ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีพิจารณาทบทวนการใช้อำนาจกำหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตราการควบคุมการขนย้าย ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศโดยยกเว้นกรณีย้ายลำสินค้าดังกล่าว เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ และเกิดความเป็นธรรมในด้านราคา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรจะได้รับ รวมทั้งอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ในการถ่ายลำ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบบนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วรราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ข้าวสาลี” หมายความว่า ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๑๐๐๑.๙๙.๙๙ ข้อ ๓ ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายข้าวสาลี ซึ่งมีปริมาณครั้งละตั้งแต่หนึ่งหมื่นกิโลกรัมขึ้นไป เข้ามาหรือออกจากท้องที่ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเลขาธิการหรือผู้ซึ่ง เลขาธิการมอบหมาย หรือประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการหรือผู้ซึ่ง ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด สำหรับท้องที่ที่ทำการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (๑) เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (๒) อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการขนย้ายข้าวสาลี โดยถ่ายสินค้าดังกล่าวจากย่านพาหนะหนึ่งที่ขนส่งเข้ามาในราชอาณาจักรในท้องที่ตามวรรคหนึ่งไปยังอียานพาหนะหนึ่งที่ขนส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ภายใต้การควบคุมของศุลกากรในด่านศุลกากรเดียวกัน โดยมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการขนส่งอยู่ณอกราชอาณาจักร ข้อ ๔ กรณีที่บุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่ตามข้อ ๓ แล้วได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายเข้ามาหรือออกจากรองที่อื่นตามข้อ ๓ อีก ข้อ ๕ การขออนุญาตตามข้อ ๓ ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ราชการดังต่อไปนี้ (๑) สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ กรณีทำการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่กรุงเทพมหานคร (๒) สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแห่งท้องที่ซึ่งทำการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากรองที่นั้น ๆ (๓) ที่ทำการปกครองอำเภอแห่งท้องที่ซึ่งทำการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากรองที่นั้น ๆ สำหรับกรณีที่ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมาย ให้นายอำเภอเป็นผู้อนุญาตขนย้าย การยื่นคำขอตามวรรคหนึ่ง จะยื่นคำขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ เป็นวันยื่นคำขอ บุคคลที่ประสงค์จะยื่นคำขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ต้องลงนามในบันทึกแสดงความตกลงกับสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ก่อน ตามระเบียบที่เลขาธิการกำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้ายให้เป็นไปตามที่เลขาธิการกำหนด ข้อ ๖ ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายข้าวสาลี ต้องขนย้ายให้ตรงตามชนิด ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่และใช้ยานพาหนะที่มีหมายเลขทะเบียนตามที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้าย รวมทั้งจะต้องนำหนังสืออนุญาตกำกับการขนย้ายไปด้วยทุกครั้ง หนังสืออนุญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ ๕ วรรคสี่ ให้ถือว่าเป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ ข้อ ๗ กรณีบุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายข้าวสาลีเข้ามาหรือออกจากท้องที่ที่กำหนดตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๗ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และระยะเวลาที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้ายยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่า บุคคลนั้นได้รับอนุญาตขนย้ายข้าวสาลีตามประกาศฉบับนี้และให้ใช้ได้จนกว่าระยะเวลาตามหนังสืออนุญาตขนย้ายดังกล่าวสิ้นสุดลง ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ภูมิธรรม เวชัยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ" 2031.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้า และราคา ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้า และราคาข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีพิจารณาพบว่าการใช้อำนาจกำหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ แจ้งข้อมูลปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้าและราคาต่อไป เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแล และรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในภาพรวม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ข้าวสาลี” หมายความว่า ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๑๐๐๑.๙๙.๙๙ ข้อ ๓ ให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลี แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (๑) ปริมาณการนำเข้าและราคาต่อหน่วยข้าวสาลีเป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่สิบ ของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป (๒) แผนการนำเข้ามาในราชอาณาจักรทุก ๓ เดือน ดังนี้ (ก) แผนการนำเข้าเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ กันยายน ๒๕๖๗ และตุลาคม ๒๕๖๗ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ (ข) แผนการนำเข้าเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ และมกราคม ๒๕๖๘ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๗ (ค) แผนการนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ มีนาคม ๒๕๖๘ และเมษายน ๒๕๖๘ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๘ (ง) แผนการนำเข้าเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๘ มิถุนายน ๒๕๖๘ และกรกฎาคม ๒๕๖๘ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๘ (ต) ปริมาณการใช้ ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือน เป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีที่ได้แจ้งข้อมูลตาม (๑) และ (๓) แล้ว ต้องดำเนินการ แจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปเป็นประจำทุกเดือนไม่ว่าจะมีการนำเข้า ปริมาณการใช้ ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือหรือไม่มี ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีที่ได้แจ้งแผนการนำเข้าตาม (๒) แล้ว หากประสงค์ จะเปลี่ยนแปลงแผนการนำเข้าดังกล่าว ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการนำเข้าได้ ๑ ครั้ง ภายในเดือนแรก ของแต่ละรอบการแจ้งแผนการนำเข้า ข้อ ๔ กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ ๓ (๓) ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ ๕ การแจ้งตามข้อ ๓ และข้อ ๔ ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่เลขาธิการกำหนด ณ สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจำวัน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวัน แสดงเจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักร หรือผู้ครอบครอง ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีตามข้อ ๓ ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ที่เลขาธิการกำหนด ข้อ 5 เมื่อผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลี ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยายระยะเวลา ตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีคำสั่งขยายระยะเวลา ตามที่กำหนดไว้ ก่อนสิ้นระยะเวลาเช่นว่านี้ให้ฟังทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ หรือมีเหตุจำเป็น และผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรได้มีคำร้องขอหรือเลขาธิการได้มีคำสั่งก่อนสิ้น ระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ" 2033.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๒๑ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้า และราคา ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๒๐ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้า และราคาข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีพิจารณาพบว่าการใช้อำนาจกำหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ แจ้งข้อมูลปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้าและราคาต่อไป เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและ รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในภาพรวม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วรราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ข้าวบาร์เลย์” หมายความว่า ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๑๐๐๓.๙๐.๐๐ ข้อ ๓ ให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (๑) ปริมาณการนำเข้าและราคาต่อหน่วยข้าวบาร์เลย์เป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่สิบ ของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป (๒) แผนการนำเข้ามาในราชอาณาจักรทุก ๓ เดือน ดังนี้ (ก) แผนการนำเข้าเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ กันยายน ๒๕๖๗ และตุลาคม ๒๕๖๗ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ (ข) แผนการนำเข้าเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ และมกราคม ๒๕๖๘ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๗ (ค) แผนการนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ มีนาคม ๒๕๖๘ และเมษายน ๒๕๖๘ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๘ (ง) แผนการนำเข้าเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๘ มิถุนายน ๒๕๖๘ และกรกฎาคม ๒๕๖๘ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๘ (ต) ปริมาณการใช้ ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือน เป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ที่ได้แจ้งข้อมูลตาม (๑) และ (๓) แล้ว ต้องดำเนินการแจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปเป็นประจำทุกเดือนไม่ว่าจะมีการนำเข้า ปริมาณการใช้ ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือหรือไม่ก็ตาม ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ที่ได้แจ้งแผนการนำเข้าตาม (๒) แล้ว หากประสงค์ จะเปลี่ยนแปลงแผนการนำเข้าดังกล่าว ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการนำเข้าได้ ๑ ครั้ง ภายในเดือนแรก ของแต่ละรอบการแจ้งแผนการนำเข้า ข้อ ๔ กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ ๓ (๓) ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ให้ทราบภายในเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ ๕ การแจ้งตามข้อ ๓ และข้อ ๔ ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่เลขาธิการกำหนด ณ สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจำวัน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดงเจตนา ในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือวันที่ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักร ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ตามข้อ ๓ ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เลขาธิการกำหนด ข้อ ๖ เมื่อผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยาย ระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีคำสั่ง เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง หน้า ๒๒๒ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ขยายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายเวลาเช่นว่านี้ให้พึงทำได้ ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจำเป็น และผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรได้มีคำร้องขอหรือเลขาธิการ ได้มีคำสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ" 2034.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๓๒ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตร์ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๓๐ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตร์ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ ได้มีพิจารณาทบทวนการใช้อำนาจกำหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตราการ ให้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตร์ เพื่อให้การกำกับดูแลหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตร์ มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ รวมทั้งราคา มีความเหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะเกษตรกร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วรัชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตร์” หมายความว่า หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์สำเร็จรูป ที่มุ่งหมาย เพื่อใช้เลี้ยงไก่ สุกร โค เป็ด กุ้ง ปลา สำหรับการบริโภค ข้อ ๓ ให้ผู้ผลิตหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์เพื่อจำหน่าย ที่มีกำลังการผลิตเดือนละตั้งแต่ ห้าพันตันขึ้นไป แจ้งชื่อ ชื่อทางการค้า (ตรา) รหัสสินค้า กำลังการผลิต ปริมาณการผลิต ปริมาณ การจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ ต้นทุน ราคาจำหน่าย ณ โรงงาน ส่วนลดทางการค้า สถานที่เก็บ ชื่อและที่อยู่ของตัวแทนจำหน่าย ณ วันสิ้นเดือนเป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ให้ผู้ผลิตหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตร์ ที่ดำเนินกิจการภายหลังวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ก่อนนำสินค้าออกจำหน่าย ผู้ผลิตหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตร์ที่ได้แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งแล้ว ต้องดำเนินการแจ้งข้อมูล ดังกล่าวต่อไป ไม่ว่าจะมีกำลังการผลิตเกินที่กำหนดหรือไม่ก็ตาม ข้อ ๔ กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ ๓ ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ให้ทราบภายในเจ็ดวันตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ ๕ ห้ามผู้ผลิตหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ จำหน่ายหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ในราคาที่สูงกว่าที่แจ้งไว้ตามข้อ ๓ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการในการพิจารณาการตั้งราคา และการเปลี่ยนแปลงรายการหรือราคาที่แจ้งไว้ พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ ๖ การแจ้งตามข้อ ๓ ข้อ ๔ และการขออนุญาตตามข้อ ๕ ให้ยื่นต่อเลขาธิการตามแบบที่เลขาธิการกำหนด ณ สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจำวัน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อผู้ผลิตได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้ผลิตที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เลขาธิการกำหนด ข้อ ๗ เมื่อผู้ผลิตร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อย้ายระยะเวลามาตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีคำสั่งขยายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลาเดิม แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจำเป็น และผู้ผลิตได้มีคำร้องขอหรือเลขาธิการได้มีคำสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ภูมิธรรม เวชชชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ" 204.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่ องจักรกลการเกษตร ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงาน ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ ๑.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างขัดแต่ง ผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพ จากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๑.๓ ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือ ฝึกอบรมอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ไม่น้อยกว่า ๖๐ ชั่วโมง โดยได้รับใบรับรอง การฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือฝึกอบรมอาชีพจากหน่วยงานฝึกอบรมหรือหน่วยงานการศึกษา หรือ ๑.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับป ระกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสาขาวิชา ที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงาน ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๒ ๒.๑ ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๑ และ ๒.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงาน ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ไม่น้อยกว่า ๒ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพ จากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๒.๓ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงาน ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษต ร ระดับ ๑ ไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบ หรือ ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ ๒.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือ อนุปริญญาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงาน ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๓ ๓.๑ ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่ งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๒ และ ๓.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงาน ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ไม่น้อยกว่า ๓ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพ จากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๓.๓ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงาน ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝี มือ แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๒ ไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบ หรือ ๓.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือ อนุปริญญาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสา ขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร และมีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกล การเกษตรไม่น้อยกว่า ๑ ปี ข้อ ๔ ภายใน ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๓ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้ที่ปฏิบัติงานสาขาอาชีพ ช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่ง ผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ในสถานประกอบกิจการซึ่งปฏิบัติงานในระดับหรือต าแหน่ง ที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่าง ขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๓ มาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยมีใบรับรอง การท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถเข้ารับการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างขัดแต่งผิวชิ้นงานชิ้นส่วนเ ครื่องจักรกลการเกษตร ระดับ ๓ ได้ ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พันต ารวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒" 2040.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๕๑ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การแจ้งและการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การแจ้ง และการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัย สำหรับมือ ลงวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและ บริการ ได้มีการณาบทวนการใช้อำนาจกำหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่าย ที่มีปริมาณการจำหน่ายต่อเดือนตั้งแต่หนึ่งพันลิตรขึ้นไป แจ้งข้อมูล ต้นทุน ราคา และปริมาณ รวมทั้งคงมาตรการการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของราคา และปริมาณสินค้าให้เกิดความเป็นธรรม และป้องกันการฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) (๕) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) มาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกแบบใหม่ ข้อ ๒ ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ ที่มีปริมาณการจำหน่ายต่อเดือนตั้งแต่หนึ่งพันลิตรขึ้นไป แจ้งต้นทุน ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณการนำเข้า ปริมาณการส่งออก ปริมาณ การจำหน่าย ปริมาณ คงเหลือ ณ วันสิ้นเดือนเป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูล ของเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่ายที่ได้แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งแล้ว ต้องดำเนินการ แจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อไปไม่ว่าในเดือนนั้นจะจำหน่ายต่ำกว่าปริมาณที่กำหนดหรือไม่ก็ตาม ข้อ ๓ การแจ้งตามข้อ ๒ ให้ยื่นต่oleขาธิการตามแบบที่เลขาธิการกำหนด ณ สำนักงาน คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ทางโทรสาร หรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับก็ได้ ในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรศัพท์ให้ถือวันที่ได้รับโทรสาร เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจำวัน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทาง เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางโทรสารตามวรรคสองจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่าย ได้ส่งต้นฉบับให้เลขารักษารแล้ว ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่าย ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เลขารักษารกำหนด ข้อ ๔ ให้ผู้จำหน่ายแสดงราคาจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ หรือคำใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ชัดเจนและครบถ้วน โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือในลักษณะที่เห็นได้ชัดเจน และเปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย สำหรับข้อความหรือรายการที่แสดงควบคู่กับราคาต้องเป็นภาษาไทยแต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้ การแสดงราคาจำหน่ายปลีกตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำโดยการเขียน พิมพ์ หรือกระทำให้ปรากฏด้วยวิธีอื่นใดบนแผ่นกระดาษ แผ่นไม้ แผ่นกระจก ผนังหรือวัสดุอื่น การแสดงราคาจำหน่ายปลีกให้แสดงราคาย่อยๆ ราคานี้ต้องเป็นตัวเลขไทยหรืออารบิค โดยแสดงไว้ที่สินค้าที่จำหน่ายหรือบริเวณใกล้เคียงสินค้านั้น ข้อ ๕ ให้ผู้จำหน่าย จำหน่ายไม่สูงกว่าราคาที่แสดงไว้ตามข้อ ๔ ข้อ ๖ เมื่อผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่าย รองขอต่อเลขารักษารเพื่อย้ายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขารักษารเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีคำสั่งขยายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลาเช่นนี้ได้ แต่การขยายระยะเวลามีเงื่อนไขที่ให้พึงทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ หรือมีเหตุจำเป็น และผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่าย ได้มีคำร้องขอหรือเลขารักษารได้มีคำสั่งก่อนสิ้นระวางลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ภูมิธรรม เวชชชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ" 2044.pdf,"ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง ยกเลิกการเรียกสำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามข้อ ๑๗ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ กำหนดให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่จะต้องดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อมูลของหน่วยงานราชการหรือสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้แก่ประชาชนหรือจัดทำสำเนาเอกสารดังกล่าวโดยมิให้เรียกค่าใช้จ่ายเพื่อประกอบการพิจารณาหรือดำเนินการตามกฎหมาย ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ เห็นชอบมาตรการให้หน่วยงานภาครัฐอำนวยความสะดวก และลดภาระแก่ประชาชน (การไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้จากประชาชน) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ นั้น เพื่อให้การปฏิบัติตามกฎหมายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมในส่วนที่กำหนดให้การขอรับอนุมัติ อนุญาต หรือใบอนุญาต หรือการขอจดทะเบียน หรือขึ้นทะเบียน หรือจดแจ้งที่ประชาชนต้องยื่นสำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ ดังกล่าว ข้างต้น อันเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระของประชาชน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกการเรียกสำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล ในการปฏิบัติการตามกฎหมายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงประกาศ ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ ข้อกำหนด หรือแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่กำหนดให้บุคคลใด ๆ ต้องใช้สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล ข้อ ๒ กรณีจำเป็นต้องใช้สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล ให้เจ้าหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำเนินการเรียกข้อมูลดังกล่าวตามช่องทางที่หน่วยงานภาครัฐจัดไว้ให้ หากมีเหตุที่ไม่สามารถเรียกข้อมูลตามช่องทางดังกล่าวได้ ให้ใช้วิธีประสานกับหน่วยงานผู้ออกเอกสารโดยตรง เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าว โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากประชาชน ข้อ ๓ ในการดำเนินการตามข้อ ๑ หากนิติบุคคลมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน ให้ระบุเลขทะเบียนนิติบุคคลของนิติบุคคลนั้น ในหนังสือมอบอำนาจให้ชัดเจน และแนบสำเนาบัตร ประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจพร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง โดยผู้มอบอำนาจต้องเป็น ผู้แทนนิติบุคคลผู้มีอำนาจลงนามของนิติบุคคลนั้น ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม" 2045.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ **จังหวัดนครราชสีมา** ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรัง ตามที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ได้ออกประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรัง ลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อเป็นการป้องกันหรือหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบดำในพื้นที่อื่น ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตมันสำปะรังของเกษตรกรเกิดความเสียหาย ปริมาณผลผลิตลดลง และส่งผลถึง ต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องสูงขึ้นไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้งดรายการสินค้าควบคุม ๕๒ รายการ และบริการควบคุม ๕ รายการ ต่อไป เป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ส่งผลให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๖ สิ้นผลใช้บังคับ ทำให้ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการกำกับดูแลสินค้าและบริการควบคุม ซึ่งใช้บังคับในพื้นที่ ที่รับผิดชอบ เช่น การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรัง สิ้นผลใช้บังคับตามไปด้วยทั้งหมด และความธรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ในคราวประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรังแล้ว มีมติเห็นควรคงมาตรการควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรัง และเพื่อให้การกำกับดูแลการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะรังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) (๔) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในเขตท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายต้นพันธุ์มันสำปะรัง หรือท่อนพันธุ์มันสำปะรังอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน นอกจากท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เว้นแต่จะได้รับหนังสือนุญาตจาก ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่งประธานคณะกรรมการ ส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด สำหรับท้องที่ที่จะทำการขนย้ายออกจากท้องที่นั้น ๆ ข้อ ๓ กรณีบุคคลใดได้รับหนังสือนญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากจังหวัดอื่นแล้วได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายออกจากรองที่ตามข้อ ๒ อีก ข้อ ๔ การขออนุญาตตามข้อ ๒ ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (๑) สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา (๒) สำนักงานเกษตรอำเภอแห่งท้องที่ ซึ่งทำการขนย้ายออกจากรองที่ตามข้อ ๒ หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสือนญาต และวิธีการขนย้ายให้เป็นไปตามที่หัวหน้าสำนักงานกำหนด ข้อ ๕ ให้ผู้ได้รับหนังสือนญาตการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ต้องขนย้ายให้ตรงตามชนิดต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่และใช้ยานพาหนะที่มีหมายเลขทะเบียนตามที่ระบุไว้ในหนังส้อนุญาตการขนย้าย รวมทั้งจะต้องนำหนังสือนญาตกำกับการขนย้ายไปด้วยทุกครั้ง หนังสือนญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ ๔ วรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ มีโทษตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา" 2051.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๙๔ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗ ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' ≥๔๐'
ตู้มีสินค้า ๕๘ ๑๑๖ ๑๓๑
ตู้สินค้าเปล่า ๓๕ ๗๐ ๗๙
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปี ของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลง เกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เครียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย" 2053.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ ลงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ไว้แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขการกำหนดเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ตามประกาศดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรฐานของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันและมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถ พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกตามความในพระราชบัญญัตริรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ ลงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “รถจักรยานยนต์” หมายความว่า รถจักรยานยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยใช้แหล่งพลังงานจากเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน และให้หมายความรวมถึงรถจักรยานยนต์ไฟบริดที่ขับเคลื่อนโดยใช้แหล่งพลังงานจากเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในและแหล่งพลังงานอื่น “เครื่องมือ” หมายความว่า เครื่องที่ทำงานด้วยระบบฉีดสเปอร์ซีฟินฟราเรด (Non-dispersive Infrared, NDIR) สำหรับใช้วัดปริมาณความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จากท่อไอเสียที่มีช่วงการวัดสูงสุดไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔.๕ โดยปริมาตร และวัดปริมาณความเข้มข้นของก๊าซไฮโดรคาร์บอน จากท่อไอเสียที่มีช่วงการวัดไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ ส่วนในล้านส่วน (ppm) ของค่าเทียบเท่านอร์มัลเฮ็กเซน (N-Hexane) หรือเครื่องมือระบบที่มีมาตรฐานเทียบเท่า ข้อ ๓ ค่าก๊าซจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนก่อนวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้มีเกณฑ์ที่กำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ ๔.๕ โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ (๒) ก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ข้อ ๔ คำกำชารจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้มีเกณฑ์ที่กำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ ๓.๕ โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ (๒) ก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน ๒,๐๐๐ ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ข้อ ๕ คำกำชารจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้มีเกณฑ์ที่กำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ ๒.๕ โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ (๒) ก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน ๑,๐๐๐ ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ข้อ ๖ คำกำชารจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ให้มีเกณฑ์ที่กำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ ๑.๕ โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ (๒) ก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน ๕๐๐ ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ข้อ ๗ ในการใช้เครื่องมือเพื่อตรวจวัดค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอน จากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ต้องดำเนินการ ดังนี้ (๑) ปรับเทียบ (Calibrate) เครื่องมือด้วยก๊าซมาตรฐาน (Standard gas) ตามคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตเครื่องมือ เพื่อให้เครื่องมืออ่านค่าได้อย่างถูกต้อง (๒) ทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองของเครื่องมือตามที่กำหนดในคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตเครื่องมือ ข้อ ๘ วิธีการตรวจวัดค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ ให้กระทำ ดังต่อไปนี้ (๑) จอดรถจักรยานยนต์อยู่กับที่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง และเดินเครื่องยนต์จนกระทั่งถึงอุณหภูมิใช้งานปกติก่อนทำการตรวจวัด (๒) ขณะที่เครื่องยนต์เดินเบาให้สอดหัววัด (probe) ของเครื่องมือเข้าไปในท่อไอเสียให้ลึกที่สุดตามคำแนะนำของผู้ผลิตเครื่องมือ ในกรณีที่ไม่สามารถสอดหัววัดของเครื่องมือเข้าไปในท่อไอเสียได้ เพราะติดอุปกรณ์ระงับเสียงให้ใช้ท่อพิเศษต่อที่ปลายท่อไอเสียแล้วจึงสอดหัววัดของเครื่องมือเข้าไปในท่อพิเศษที่เสริมต่อจากปลายท่อไอเสียชั้น (๓) อ่านค่าปริมาณความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอน เมื่อเครื่องมือแสดงผลคงที่ ในกรณีที่เครื่องมือแสดงผลไม่คงที่ให้ใช้ค่าเฉลี่ยของค่าที่อ่านได้ระหว่างค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดของการวัดครั้งนั้น (๔) ปฏิบัติตาม (๒) และ (๓) ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๒๔๑ ง หน้า ๑๗ ราชกิจจานุเบกษา ๔ กันยายน ๒๕๖๓ (๕) ใช้คำเฉลี่ยที่ได้จากการวัดทั้งสองครั้ง นำไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ตัดสิน ข้อ ๙ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก" 2054.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๓/๒๕๖๘ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๘/๒๕๖๕ อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๘/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง นโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ สิทธิและประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนให้เหมาะสมกับระดับเทคโนโลยี ความสำคัญของอุตสาหกรรม และสอดคล้องกับภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความ ในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน ๕.๑.๔ ของข้อ ๕ หลักเกณฑ์การอนุมัติโครงการ ของประกาศ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๘/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “๕.๑.๔ โครงการที่มีการหลอมโลหะต้องดำเนินการให้ได้รับใบรับรองระบบคุณภาพตาม มาตรฐาน ISO 14000 หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า ก่อนการใช้สิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคล ทั้งนี้ กรณีไม่ได้ใช้หรือไม่ได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จะต้องได้รับ การรับรองมาตรฐานข้างต้นก่อนวันครบเปิดดำเนินการ” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน ๑๒.๓ ของข้อ ๑๒ สิทธิและประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ตลอดระยะเวลาที่ได้รับการส่งเสริม ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๘/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “๑๒.๓ เครื่องจักรที่ใช้ในโครงการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนที่ได้รับการส่งเสริม ในประเภทกิจการกลุ่ม A เพื่อปรับปรุงและทดแทนเครื่องจักรเดิมหรือเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในโครงการเดิม ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการแล้วหรือไม่ก็ตาม” ข้อ ๓ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับคำขอรับการส่งเสริมที่ยื่นตั้งแต่วันที่ออกประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พิชัย ชูณหวิร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 2055.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๘/๒๕๖๗ เรื่อง เกาะไข่เพ็ญเติมมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทน โดยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๕/๒๕๖๕ อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) เพื่อให้มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทนโดยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ในระดับที่เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศกำหนดรายการเครื่องจักร และอุปกรณ์ที่สามารถนำเป็นเงินลงทุนเพื่อใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้น ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ รายการเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สามารถนำเป็นเงินลงทุน ได้แก่ ๑.๑ แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (PV Module) ๑.๒ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ๑.๓ หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) ๑.๔ ระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบควบคุม ระบบติดตามตรวจสอบ ระบบความปลอดภัย สถานีตรวจวัดอากาศ (Weather station) และระบบน้ำแรงเซลล์แสงอาทิตย์ (Cleaning System) ๑.๕ ระบบเก็บพลังงานไฟฟ้า (Battery Energy Storage System : BESS) และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ของระบบ BESS ข้อ ๒ มูลค่าเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการปรับปรุงตามข้อ ๑ เมื่อรวมแล้ว จะต้องไม่เกิน ๒๐ ล้านบาทต่อกำลังการผลิตไฟฟ้า ๑ เมกะวัตต์ (MW) ข้อ ๓ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับคำขอรับการส่งเสริมที่ยื่นตั้งแต่วันที่ออกประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พิชัย ชูณหวิร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 2058.pdf,"# ระเบียบคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลาง ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตให้เปลี่ยนการใช้ที่ดิน เพื่อประโยชน์อย่างอื่นที่มิใช่เกษตรกรรมในเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๙) และมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลาง ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลางว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการอนุญาตให้เปลี่ยนการใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์อย่างอื่นที่มิใช่เกษตรกรรมในเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลางว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข การอนุญาตให้เปลี่ยนการใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์อย่างอื่นที่มิใช่เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “เปลี่ยนการใช้ที่ดิน” หมายความว่า การใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์อย่างอื่นที่มิใช่เกษตรกรรม หรือทำการปลูกสร้างสิ่งใด ๆ หรือทำการใด ๆ แก่ที่ดินอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การจัดรูปที่ดิน ภายในเขตโครงการจัดรูปที่ดิน “ผู้ขออนุญาต” หมายความว่า เจ้าของที่ดิน หรือผู้มีสิทธิได้รับที่ดินในเขตโครงการจัดรูปที่ดิน “ที่ดิน” หมายความว่า ที่ดินในเขตโครงการจัดรูปที่ดิน “การแปรรูปผลิตผลการเกษตร” หมายความว่า การใช้ผลิตผลการเกษตรมาทำการแปรรูป เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือผลิตผลการเกษตรนั้นเปลี่ยนรูป หรือเปลี่ยนขนาด หรือเปลี่ยนสภาพ ไปจากเดิม หรือเป็นการเพิ่มมูลค่าด้วยวิธีการใด ๆ “หัตถกรรมในครัวเรือน” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้มือเป็นหลักและมีการใช้แรงงานไม่ถึง ๗ คนหรือใช้เครื่องจักรมีขนาดกำลังรวมกันไม่ถึง ๕ แรงม้า ข้อ ๕ ที่ดินในเขตโครงการจัดรูปที่ดินที่ใช้เพื่อการก่อสร้างจัดรูปที่ดิน ห้ามมิให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดอนุญาตให้เปลี่ยนการใช้ที่ดิน เว้นแต่กรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ก. การเปลี่ยนการใช้ที่ดินในพื้นที่รวมกันไม่เกิน ๑ ไร่ เพื่อการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการอยู่อาศัยหรือประกอบการเกษตร สำหรับผู้ขออนุญาตหรือทางราชการโดยธรรมของผู้ขออนุญาต ข. การเปลี่ยนการใช้ที่ดินในพื้นที่รวมกันไม่เกิน ๑ ไร่ เพื่อการประกอบกิจการการแปรรูปผลิตผลการเกษตร หรือหัตถกรรมในครัวเรือน หรือสถานีบริการพลังงานหรือน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ผู้ขออนุญาต เป็นผู้ประกอบการเอง หรือสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกร หรือวิสาหกิจชุมชนที่ผู้ขออนุญาตเป็นสมาชิก การเปลี่ยนการใช้ที่ดินในระยะไม่เกิน ๒๐๐ เมตร วัดตั้งฉากตามแนวขนานจากทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงชนบทถึงแปลงที่ดินที่ขออนุญาตเพื่อกิจการในประเภท ต่อไปนี้ (๑) สถานที่ราชการ สถาบันการศึกษา หรือสถาบันทางศาสนา (๒) การค้าขาย การบริการ การธนาคาร (๓) การเปลี่ยนการใช้ที่ดินตาม ก. หรือ ข. ที่ใช้พื้นที่รวมกันเกินกว่า ๑ ไร่ ข้อ 5 การเปลี่ยนการใช้ที่ดินในเขตโครงการจัดรูปที่ดินที่มีได้ใช้เพื่อการก่อสร้างจัดรูปที่ดิน ให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดพิจารณาอนุญาตได้ ทั้งนี้ ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่การจัดรูปที่ดิน ข้อ 6 การเปลี่ยนการใช้ที่ดินตามข้อ ๕ และข้อ ๖ คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัด อาจมอบหมายให้หัวหน้าสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดเป็นผู้พิจารณาได้ เมื่อหัวหน้าสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดที่ได้รับมอบหมายได้อนุญาตให้เปลี่ยนการใช้ที่ดิน ตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้รายงานคณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดเพื่อทราบ ข้อ 7 การเปลี่ยนการใช้ที่ดินในกรณีอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้สำนักงาน จัดรูปที่ดินจังหวัดนำเสนอต่อคณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดพิจารณาอนุญาต และต้องจัดทำข้อมูล เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ดังนี้ (๑) ความเป็นมา ข้อเท็จจริง วัตถุประสงค์ เหตุผลความจำเป็นของการขออนุญาตและ แผนผังแสดงบริเวณที่ขออนุญาต (๒) ความเห็นด้านวิศวกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่การจัดรูปที่ดิน หรือกระทบต่อ ที่ดินแปลงข้างเคียงโดยรอบพื้นที่ (๓) กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) (๔) ความเห็นของสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดต่อการขออนุญาตเปลี่ยนการใช้ที่ดิน (๕) ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการพิจารณาของคณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัด (ถ้ามี) ข้อ 8 ภายในเขตโครงการจัดรูปที่ดิน หากคณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดพิจารณาแล้วเห็นว่า พื้นที่ใดเปลี่ยนสภาพไป หรือมีอาจจะคงไว้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมต่อไป ให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัด กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณาอนุญาตให้เปลี่ยนการใช้ที่ดิน พร้อมด้วยแผนที่ แสดงขอบเขตและเหตุผลความจำเป็นเสนอต่อคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลางเพื่อพิจารณา เมื่อได้รับ ความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลางแล้ว ให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดพิจารณาอนุญาต ไปตามนั้น ข้อ 9 มติของคณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดให้เป็นที่สุด ภายใต้บังคับข้อ ๗ วรรคหนึ่ง การอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัด ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ หมวด ๒ ส่วนที่ ๕ การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง ข้อ ๑๑ ก่อนออกหนังสืออนุญาตให้เปลี่ยนการใช้ที่ดิน ให้ผู้ขออนุญาตชำระเงินค่าใช้จ่ายในการจัดรูปที่ดินอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนการใช้ที่ดินตามที่กำหนดไว้ในระเบียบคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลางว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการชำระค่าใช้จ่ายในการจัดรูปที่ดินให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ข้อ ๑๒ การพิจารณาอนุญาตตามระเบียบนี้ ไม่มีผลเป็นการยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๑๓ การยื่นคำขออนุญาตตามระเบียบนี้ ให้ยื่นต่อสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดในพื้นที่ที่ขออนุญาตเปลี่ยนการใช้ที่ดิน ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ร้อยเอ็ด ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการจัดรูปที่ดินกลาง" 206.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 101 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อ หัวมันส าปะหลังสดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562 จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ฉบับที่ 48 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดง ราคารับซื้อหัวมันส าปะหลังสดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง ลงวันที่ ๒2 มกราคม พ.ศ. 2562 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนด มาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้ประกอบการแสดงราคารับซื้อหัวมันส าปะหลังสด เปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง อัตราปรับเพิ่มลดราคาตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งต่อไป เพื่อให้เกษตรกรได้รับ ความเป็นธรรมในการขายหัวมันส าปะหลังสด และให้การปรับเพิ่มลดราคารับซื้ออยู่บนพื้นฐานเดียวกัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับในทางการค้าปกติ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 9 (2) (5) มาตรา 25 (3) (4) และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่ วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 การก าหนดราคารับซื้อหัวมันส าปะหลังสด ผู้ประกอบการลานมัน โรงแป้ง หรือโรงงานเอทานอลต้องระบุเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่รับซื้อให้ชัดเจน กรณีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งในหัวมันส าปะหลังสดที่รับซื้อมีเปอร์เซ็นต์ต่ ากว่าที่ก าหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้ปรับลดราคารับซื้อได้ไม่เกินกิโลกรัมละ 0.05 บาทต่อเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่ลดลง ทุก 1% หรือกรณีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งในหัวมันส าปะหลังสดที่รับซื้อมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าที่ก าหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้ปรับเพิ่มราคารับซื้อได้ไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 0.05 บาทต่อเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่เพิ่มขึ้นทุก 1% ข้อ 3 การแสดงราคารับซื้อ เปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง และอัตราปรับเพิ่มลดราคาตาม เปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งตามข้อ 2 ให้แสดงไว้ ณ บริเวณหน้าสถานที่รับซื้อและจุดรับซื้อ โดยราคา ที่แสดงไว้นั้นต้องเป็นราคาและอัตราเดียวกัน และให้แสดงราคาต่อหน่วยเป็นกิโลกรัม ้หนา ๒๑๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒การแสดงรายการตามวรรคหนึ่ง จะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย ขนาดความสูงไม่ต่ ากว่าสิบเซนติเมตร ในลักษณะที่ชัดเจนและเปิดเผย สามารถอ่านได้ง่าย ส าหรับ ข้อความหรือรายการที่แสดงควบคู่ต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้ ข้อ 4 ในการรับซื้อหัวมันส าปะหลังสด ผู้ประกอบการลานมัน โรงแป้ง หรือโรงงาน เอทานอลต้องรับซื้อในราคาไม่ต่ ากว่าที่แสดงไว้และการค านวณราคาเพิ่มลดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง ต้องปฏิบัติให้ตรงกับรายการที่ได้แสดงไว้ตามข้อ 3 ประกาศ ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๒๑๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒" 2065.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๕๘ ก หน้า ๒๒ ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓
**Observation:** ภาพแสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำและขาว ครุฑมีปีกกางออก และสวมเครื่องประดับ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นสีดำและขาวของครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย ครุฑมีปีกกางออกและสวมเครื่องประดับ
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๘๘) พ.ศ. ๒๕๖๗ # พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล เพื่อการใช้ประโยชน์ ในบางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า ""พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๘๘) พ.ศ. ๒๕๖๗"" มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้ ""โทเคนดิจิตัลเพื่อการใช้ประโยชน์"" หมายความว่า โทเคนดิจิตัลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจงตามที่กำหนดในข้อตกลงระหว่างผู้ออกและผู้ถือ และหน่วยแสดงสิทธิอื่นที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนด ทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิตัล เพื่อการใช้ประโยชน์ที่ได้กระทำในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กระทำผ่านนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กระทำโดยผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล หรือโอนให้แก่ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกา ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรส่งเสริมและสนับสนุนการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่กระทำผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สมควรยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่ได้กระทำในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กระทำผ่านนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กระทำโดยผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนำเสนอให้แก่ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้" 2068.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๒/๒๕๖๓ เรื่อง เกาะไข่เพ็ญเติมมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทน โดยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๕/๒๕๖๕ อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) เพื่อให้มีมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทนโดยการติดตั้งระบบ ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงให้ยกเลิก ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๘/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ เรื่อง เก่าไข่เพ็ญเติมมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทนโดยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์ ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๕/๒๕๖๕ และให้ออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้นับมูลค่าการลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทน โดยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ดังนี้ ๑.๑ เงินลงทุนด้านเครื่องจักรและ/หรืออุปกรณ์ที่เป็นสาระสำคัญในการปรับปรุง ประสิทธิภาพ จำนวน ๕ รายการ ได้แก่ ๑.๑.๑ แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (PV Module) ๑.๑.๒ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ๑.๑.๓ หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) ๑.๑.๔ ระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบทควบคุม ระบบติดตามตรวจสอบ ระบบ ความปลอดภัย สถานีตรวจวัดอากาศ (Weather Station) และระบบล้างแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Cleaning System) ๑.๑.๕ ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Battery Energy Storage System: BESS) และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ของระบบ BESS ๑.๒ ค่าติดตั้งและค่าโครงสร้างรองรับ (Mounting Structure) ของเครื่องจักร และ/หรืออุปกรณ์ที่เป็นสาระสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพตาม ๑.๑ ข้อ ๒ กำหนดกรอบวงเงินการสนับสนุนสูงสุดในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แล้วแต่กรณี ดังนี้ ๒.๑ กรณีที่มีการลงทุนในรายการ ๑.๑ – ๑.๑.๔ ให้นับมูลค่าเงินลงทุนรวม ค่าติดตั้งและค่าโครงสร้างรองรับใน ๑.๒ แล้ว จะต้องไม่เกิน ๓๐ ล้านบาทต่อกำลังการผลิตไฟฟ้า ๑ เมกะวัตต์ (MW) ๒.๒ กรณีที่มีการลงทุนในรายการ ๑.๑.๑ – ๑.๑.๕ ให้นับมูลค่าเงินลงทุนรวม ค่าติดตั้งและค่าโครงสร้างรองรับใน ๑.๒ แล้ว จะต้องไม่เกิน ๔๐ ล้านบาทต่อกำลังการผลิตไฟฟ้า ๑ เมกะวัตต์ (MW) ข้อ ๓ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับคำขอรับการส่งเสริมที่ยื่นตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ข้อ ๔ โครงการที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมก่อนวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกาศ ณ วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พิชัย ชุณหวิธิร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 2070.pdf,"ประกาศสำนักงานปราณูเพื่อสันติ เรื่อง แผนป้องกันอันตรายจากรังสีสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี ว.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 5 ข้อ 12 วรรคสาม และข้อ 13 (4) แห่งกฎกระทรวง ศักยภาพทางเทคนิคของผู้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. ๒๕๖๔ เลขาธิการสำนักงาน ประมาณเพื่อสันติ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานประมาณเพื่อสันติ” เรื่อง แผนป้องกันอันตราย จากรังสีสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ผู้ขอรับใบอนุญาตทำเครื่องกำเนิดรังสีประเภทที่ ๑ หรือประเภทที่ ๒ หรือผู้ขอรับ ใบอนุญาตมิไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีประเภทที่ ๑ หรือประเภทที่ ๒ เพื่อตนเอง ต้องจัดให้มีแผนป้องกันอันตรายจากรังสีที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติงานโดยมีหัวข้อและรายละเอียด ตามข้อ 5 ข้อ 4 ผู้ขอรับใบอนุญาตมิไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีประเภทที่ ๑ หรือประเภทที่ ๒ เพื่อจำหน่าย ต้องจัดให้มีแผนป้องกันอันตรายจากรังสีที่เหมาะสมสำหรับ การปฏิบัติงานโดยมีหัวข้อและรายละเอียดตามข้อ 5 (1) (2) (4) (6) และ (10) ผู้ขอรับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งที่มีการสาธิตหรือทดสอบการทำงานของเครื่องกำเนิดรังสี ต้องจัดให้มีแผนป้องกันอันตรายจากรังสีที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติงานโดยมีหัวข้อและรายละเอียด ตามข้อ 5 ข้อ 5 แผนป้องกันอันตรายจากรังสี ต้องมีหัวข้อและรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (1) ข้อมูลทั่วไปของสถานที่ประกอบกิจการอย่างน้อยต้องประกอบไปด้วยรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (ก) ชื่อ ที่อยู่ ประเภทและลักษณะของการประกอบกิจการ สถานที่ประกอบกิจการ สถานที่ทำ จัดเก็บ ติดตั้ง หรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี และลักษณะกิจการของสถานที่ประกอบกิจการ (ข) หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้รับใบอนุญาต หรือผู้ประสานงานของสถานประกอบการ (ค) แผนที่ตั้งของสถานที่ประกอบกิจการและบริเวณใกล้เคียง (ง) แผนผังภายในสถานที่ประกอบกิจการ ให้แสดงถึงอาคารหรือสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่ ของสถานที่ประกอบกิจการ โดยให้แสดงถึงอาคารที่ตั้งของสถานที่ทำ จัดเก็บ ติดตั้ง หรือใช้ (จ) แผนผังภายในอาคาร ห้อง และบริเวณข้างเคียงของสถานที่ทำ ติดตั้ง จัดเก็บ หรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี โดยให้แสดงรายละเอียดของที่ตั้งของห้อง ห้องหรือบริเวณข้างเคียงโดยรอบ ทุกมิติ และการจัดแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน (๒) ข้อมูลรายละเอียดของเครื่องกำเนิดรังสี (ก) ข้อมูลเครื่องกำเนิดรังสี ได้แก่ ผู้ผลิต รุ่น หมายเลขเครื่อง ความต่างศักย์หรือ พลังงานสูงสุด และกระแสไฟฟ้าสูงสุดของเครื่องกำเนิดรังสี พร้อมรายละเอียดอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็น เครื่องกำเนิดรังสี รวมทั้งข้อมูลอาคารที่ติดตั้งเครื่องกำเนิดรังสี หมายเลขห้อง ข้อมูลเฉพาะของเครื่อง กำเนิดรังสี เช่น ขนาดลำรังสี (field size) อัตราปริมาณรังสี (dose rate) และเทคนิคในการฉายรังสี เป็นต้น (ข) ลักษณะการทำงานเครื่องกำเนิดรังสี ได้แก่ แบบติดตั้งถาวรไม่เคลื่อนย้าย (fixed) แบบเคลื่อนที่ได้ (mobile) แบบมือถือหรือพกพา (handheld or portable) หรือแบบติดตั้งประจำที่ (stationary) (ค) ประเภทการใช้ประโยชน์เครื่องกำเนิดรังสี ได้แก่ ด้านการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม ด้านการเกษตร ด้านการศึกษา ด้านการวิจัย ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย หรืออื่น ๆ (ง) ลักษณะการใช้ประโยชน์ของเครื่องกำเนิดรังสี เช่น รังสีรักษา ปรับปรุงคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ ผลิตวัสดุกัมมันตรังสี ปลอดเชื้อผลิตภัณฑ์ ฉายรังสีอาหาร บำบัดน้ำเสีย สึกษาวิจัย ถ่ายภาพทางรังสี ตรวจสอบตู้คอนเทนเซอร์หรือยานพาหนะ ตรวจสอบส้มภาระหรือสินค้าขนส่ง ตรวจสอบบุคคล ตรวจหาอาวุธ ระเบิด ยาเสพติด เป็นต้น (๓) แผนผังสายการบังคับบัญชาด้านความปลอดภัยทางรังสีที่ระบุบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง และหน้าที่ความรับผิดชอบชัดเจน อย่างน้อยต้องมีรายละเอียดแผนภูมิโครงสร้างการบริหารจัดการ องค์กรที่แสดงสายการบังคับบัญชา คุณสมบัติ และหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่ง (๔) การจัดแบ่งพื้นที่ในการปฏิบัติงานและมีมาตรการควบคุมการเข้าออกพื้นที่อย่างชัดเจน ดังนี้ (ก) พื้นที่ในการปฏิบัติงาน แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ดังนี้ ๑) พื้นที่ควบคุม (controlled areas) พื้นที่ที่ต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัย ทางรังสีเพื่อควบคุมการได้รับรังสีหรือป้องกันการแพร่กระจายของการปนเปื้อนทางรังสีบนพื้นผิว อันเกิดจากการปฏิบัติงานตามปกติ และเพื่อป้องกันหรือลดโอกาสและปริมาณการได้รับรังสีอันเกิดจาก อุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ใด ๆ อันอาจคาดหมายได้ ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยความปลอดภัย ทางรังสี ๒) พื้นที่ตรวจตรา (supervised areas) พื้นที่ที่ไม่ต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัย ทางรังสีเป็นพิเศษ แต่มีความจำเป็นต้องให้อยู่ภายใต้การตรวจสอบการได้รับรังสีอันเกิดจาก การปฏิบัติงาน ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยความปลอดภัยทางรังสี ในกรณีเป็นผู้ขอรับใบอนุญาตตามข้อ ๓ ที่ทำเครื่องกำเนิดรังสีหรือที่มีไว้ใน ครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี ประเภทที่ ๑ และผู้ขอรับใบอนุญาตตามข้อ ๔ วรรคสอง ที่มีไว้ ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี ประเภทที่ ๑ การจัดแบ่งพื้นที่ตามวรรคหนึ่งต้องมีรายละเอียด สอดคล้องกับเอกสารผลการประเมินเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัยทางรังสีของสถานที่ทำ จัดเก็บ ติดตั้ง และใช้งานเครื่องกำเนิดรังสี ที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสีของหน่วยงาน ผู้ขอรับใบอนุญาตด้วย (ข) กำหนดมาตรการควบคุมการเข้าออกพื้นที่ในการปฏิบัติงาน รวมทั้งสถานที่ ปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราว ผู้ขอรับใบอนุญาตตามข้อ ๔ วรรคหนึ่ง ต้องจัดให้มีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดแบ่งพื้นที่ การปฏิบัติงานสำหรับบริเวณที่มีการจัดเก็บเครื่องกำเนิดรังสีเป็นสัดส่วนโดยมีการกำหนดขอบเขตพื้นที่ จัดเก็บอย่างชัดเจนพร้อมทั้งมีมาตรการควบคุมการเข้าออกพื้นที่จัดเก็บเพื่อป้องกันการเข้าถึง โดยไม่ได้รับอนุญาต (๕) มาตรการด้านความปลอดภัยทางรังสี รวมทั้งระเบียบและขั้นตอนวิธีปฏิบัติงาน เพื่อให้ ผู้ปฏิบัติงานทางรังสีได้รับรังสีน้อยที่สุด (ก) กำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยทางรังสีในพื้นที่ควบคุม พื้นที่ตรวจตรา ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยความปลอดภัยทางรังสี รวมทั้งกำหนดมาตรการ ความปลอดภัยทางรังสีสำหรับผู้เยี่ยมชมสถานที่ประกอบกิจการในพื้นที่ควบคุมและพื้นที่ตรวจตรา (ข) กำหนดมาตรการเฝ้าระวังทางรังสี ประกอบไปด้วย การเฝ้าระวังปริมาณรังสีประจำ พื้นที่ (workplace monitoring) และการเฝ้าระวังรังสีประจำตัวบุคคล (individual monitoring) ที่เหมาะสมตามประเภทของเครื่องกำเนิดรังสี พร้อมระบุเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับการเฝ้าระวังทางรังสี หรือการป้องกันอันตรายจากรังสี และรอบระยะเวลาของการเฝ้าระวังทางรังสีที่เหมาะสมกับความเสี่ยง ทางรังสีจากการปฏิบัติงาน หรือประเภทของเครื่องกำเนิดรังสี โดยเครื่องกำเนิดรังสีประเภทที่ ๑ กำหนดให้มีการอ่านค่าปริมาณรังสีประจำตัวบุคคลทุก ๑ เดือน เว้นแต่ผู้ขอรับใบอนุญาตมีไว้ ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีเพื่อจำหน่าย ที่มีการสาธิตหรือทดสอบการทำงานของ เครื่องกำเนิดรังสี กำหนดให้มีการอ่านค่าปริมาณรังสีประจำตัวบุคคลทุก ๓ เดือน เครื่องกำเนิดรังสี ประเภทที่ ๒ กำหนดให้มีการอ่านค่าปริมาณรังสีประจำตัวบุคคลทุก ๓ เดือน เว้นแต่เครื่องเอกซเรย์ ถ่ายภาพรังสีทางอุตสาหกรรม (X-Ray Industrial Radiography Machine) ที่มีการใช้งานภาคสนาม กำหนดให้มีการอ่านค่าปริมาณรังสีประจำตัวบุคคลทุก ๑ เดือน (ค) กำหนดระเบียบและขั้นตอนวิธีปฏิบัติงาน เช่น วิธีปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุม พื้นที่ตรวจตรา การควบคุมดูแลความปลอดภัยในหน่วยงาน ขั้นตอนการใช้งานเครื่องกำเนิดรังสี การแต่งกาย การใช้เครื่องมืออุปกรณ์ เป็นต้น (ง) กำหนดมาตรการในกรณีที่ผู้ปฏิบัติงานทางรังสีได้รับปริมาณรังสีสูงกว่าค่าปกติ ที่ได้รับ รวมทั้งสอบสวนหาสาเหตุ กำหนดแนวทางหรือวิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานทางรังสี ได้รับปริมาณรังสีสูงกว่าค่าปกติ (๖) แผนการตรวจวัดทางรังสีในบริเวณปฏิบัติงานทางรังสีและบริเวณพื้นที่สาธารณะ โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการที่แน่นอน (ก) กำหนดแผนการตรวจวัดทางรังสีในบริเวณปฏิบัติงานทางรังสี ตามการจัดแบ่งพื้นที่ ปฏิบัติงาน และบริเวณพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ (ข) กำหนดวิธีการการตรวจวัดทางรังสีโดยมีรอบระยะเวลาการตรวจวัดที่เหมาะสม ตามประเภทของเครื่องกำเนิดรังสี โดยกำหนดให้มีการตรวจวัดทางรังสีไม่เกิน ๓ เดือน สำหรับ เครื่องกำเนิดรังสีประเภทที่ ๑ กำหนดให้มีการตรวจวัดทางรังสีไม่เกิน ๖ เดือน สำหรับเครื่องกำเนิดรังสี ประเภทที่ ๒ ในกรณีที่ใช้งานเครื่องกำเนิดรังสีในภาคสนามกำหนดให้มีการตรวจวัดทางรังสีทุกครั้ง ที่มีการใช้งาน ทั้งนี้ ให้มีการบันทึกผล การรายงานผล และผู้รับผิดชอบในการตรวจวัดทางรังสี ผลการตรวจวัดทางรังสีในบริเวณปฏิบัติงานทางรังสีและบริเวณพื้นที่สาธารณะ จะต้อง ไม่เกินกว่าค่าที่ระบุไว้ในเอกสารผลการประเมินเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัยทางรังสีของสถานที่ทำ จัดเก็บ ติดตั้ง และใช้งานเครื่องกำเนิดรังสี (๗) แผนปฏิบัติหรือขั้นตอนการปฏิบัติงานทั้งภาวะปกติและภาวะไม่ปกติ และรายงาน การเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉินทางรังสี อย่างน้อยประกอบไปด้วยรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (ก) วัตถุประสงค์ (ข) โครงสร้าง ผู้ปฏิบัติงานหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และหน้าที่ความรับผิดชอบ (ค) การประเมินความเสี่ยงและระดับความรุนแรงกรณีเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉิน ทางรังสี (ง) แผนปฏิบัติหรือขั้นตอนการปฏิบัติงานกรณีเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉินทางรังสี รวมไปถึงวิธีการป้องกันอันตรายจากรังสีกรณีเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉินทางรังสี (จ) เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการตอบสนองกรณีเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉิน ทางรังสี (ฉ) การประสานงานในการตอบสนองกรณีเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉินทางรังสี (ช) การรายงานการเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉินทางรังสี การจัดทำบันทึกและ สืบหาสาเหตุของการเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉินทางรังสี (ซ) การเตรียมความพร้อมกรณีเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉินทางรังสีที่ประกอบด้วย การบำรุงรักษาเครื่องที่ใช้ในการตอบสนองกรณีเกิดภาวะผิดปกติและเหตุฉุกเฉินทางรังสี การฝึกอบรม ผู้ปฏิบัติงานหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและการฝึกซ้อม โดยในการฝึกอบรมและการฝึกซ้อมอาจจัดให้มี การฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ (tabletop exercise) หรือการฝึกอบรมและการฝึกซ้อมแผนภาคสนามก็ได้ และต้องแจ้งการดำเนินการดังกล่าวต่อสำนักงานอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง (๘) บัญชีทะเบียนเครื่องกำเนิดรังสีและระบุระยะเวลาการตรวจสอบบัญชีที่แน่นอน (ก) บัญชีทะเบียนเครื่องกำเนิดรังสี ประกอบด้วยภาพถ่ายและข้อมูลรายละเอียด ของเครื่องกำเนิดรังสี (ข) ระบุรอบระยะเวลาการตรวจสอบบัญชีทะเบียนเครื่องกำเนิดรังสีอย่างน้อยปีละครั้ง และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดของเครื่องกำเนิดรังสี (ค) บันทึกการนำเครื่องกำเนิดรังสีไปใช้งานนอกสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต กรณีเครื่องกำเนิดรังสีแบบเคลื่อนที่ได้ (mobile) หรือแบบมือถือหรือพกพา (handheld or portable) (๙) แผนการสอบเทียบเครื่องมือตรวจวัดรังสีที่เหมาะสมกับชนิดของรังสีและพลังงานที่เกิดขึ้น จากการใช้งานเครื่องกำเนิดรังสีและระบุช่วงเวลาในการดำเนินการที่แน่นอน อย่างน้อยปีละ หนึ่งครั้ง โดยต้องประกอบด้วยข้อมูลรายละเอียดที่สอดคล้อง ดังต่อไปนี้ (ก) ข้อมูลรายละเอียดของเครื่องมือตรวจวัดทางรังสี เช่น ชนิดหัววัดรังสี ช่วงพลังงาน ที่ตอบสนอง ประเภทการใช้งาน ผู้ผลิต รุ่น หมายเลขกำกับ และชื่อผู้รับผิดชอบดูแล (ข) คู่มือหรือวิธีการใช้งานและการบำรุงรักษา (๑๐) แผนหรือวิธีบริหารจัดการเมื่อเลิกทำหรือเลิกครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีที่ขอรับ ใบอนุญาต และวิธีการจัดการกากกัมมันตรังสี กรณีเครื่องกำเนิดรังสีนั้นมีผลผลิตจากการก่อกัมมันตรังสี (activation product) (๑๑) แผนการตรวจสอบคุณภาพและการบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดรังสี อย่างน้อยต้อง ประกอบด้วยข้อมูลรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (ก) กำหนดแผนการตรวจสอบคุณภาพและการบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดรังสี ทั้งในส่วน ที่ดำเนินการด้วยตนเอง และโดยหน่วยงานผู้ให้บริการตรวจสอบ (ข) การจัดเก็บบันทึกผลการตรวจสอบคุณภาพและการบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดรังสี (๑๒) แผนการฝึกอบรมบุคลากรด้านรังสี โดยมีรายละเอียดอย่างน้อย ในเรื่องหัวข้อฝึกอบรม และรอบระยะเวลาในการฝึกอบรมที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับชนิด ประเภทและผู้ใช้งานเครื่องกำเนิดรังสี พร้อมจัดเก็บบันทึกประวัติการฝึกอบรมไว้เป็นหลักฐาน (๑๓) แผนการเฝ้าระวังสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานทางรังสี ที่เหมาะสมกับการใช้เครื่องกำเนิดรังสี และความเสี่ยงทางรังสีจากการปฏิบัติงาน ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เพ็ญภา กัญชนะ รองเลขาธิการ รักษาราชการแทน เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ" 2073.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลาสติก - การทดสอบความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมของสารที่เกิดขึ้นระหว่างการแตกสลายที่ละลายได้จากวัสดุและผลิตภัณฑ์พลาสติกแตกสลายได้ทางชีวภาพที่ใช้ในสภาพแวดล้อมทางทะเล - วิธีวิเคราะห์และข้อกำหนด พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลาสติก - การทดสอบความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมของสารที่เกิดขึ้นระหว่างการแตกสลายที่ละลายได้จากวัสดุและผลิตภัณฑ์พลาสติกแตกสลายได้ทางชีวภาพที่ใช้ในสภาพแวดล้อมทางทะเล - วิธีวิเคราะห์และข้อกำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลาสติก - การทดสอบความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมของสารที่เกิดขึ้นระหว่างการแตกสลายที่ละลายได้จากวัสดุและผลิตภัณฑ์พลาสติกแตกสลายได้ทางชีวภาพที่ใช้ในสภาพแวดล้อมทางทะเล - วิธีวิเคราะห์และข้อกำหนด พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลาสติก - การทดสอบความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมของสารที่เกิดขึ้นระหว่างการแตกสลายที่ละลายได้จากวัสดุและผลิตภัณฑ์พลาสติกแตกสลายได้ทางชีวภาพที่ใช้ในสภาพแวดล้อมทางทะเล - วิธีวิเคราะห์และข้อกำหนด มาตรฐานเลขที่ มอก. 3790 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์พิธา วิชัยยุทธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : พลาสติก-การทดสอบความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมของสารที่เกิดขึ้นระหว่าง การแตกสลายที่ละลายได้จากวัสดุและผลิตภัณฑ์พลาสติกแตกสลายได้ทาง ชีวภาพที่ใช้ในสภาพแวดล้อมทางทะเล-วิธีวิเคราะห์และข้อกำหนด PLASTICS-ECOTOXICITY TESTING SCHEME FOR SOLUBLE DECOMPOSITION INTERMEDIATES FROM BIODEGRADABLE PLASTIC MATERIALS AND PRODUCTS USED IN THE MARINE ENVIRONMENT- TEST METHODS AND REQUIREMENTS #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3790-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 31 พลาสติก ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 5430:2023 Plastics - Ecotoxicity testing scheme for soluble decomposition intermediates from biodegradable plastic materials and products used in the marine environment - Test methods and requirements มาใช้โดย วิธีการพิมพ์ซ้ำ (repainting) ในระดับที่เหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- กำหนดวิธีทดสอบและประเมินผลกระทบที่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตทางทะเล เฉพาะที่มีผลกระทบที่เกิดจากสารที่เกิดขึ้นระหว่างการแตกสลายที่ละลายได้ เช่น สารเดิมแต่งหรือสารตกค้างที่เหลืออยู่จากการแตกสลายทางชีวภาพของ ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ทางทะเลเพิ่มมากขึ้น เช่น อุปกรณ์ประมง ทุ่นลอย ทุ่น และวัสดุหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่อุปกรณ์ประมง ในเขตพื้นที่ ทางทะเลที่แตกต่างกัน เช่น เขตน้ำขึ้นน้ำลง (eulittoral) เขตน้ำลึก (sublittoral) และเขตน้ำลึกใกล้ชายฝั่ง (pelagic zone) \- การทดสอบความเป็นพิษครอบคลุมสิ่งมีชีวิตทางทะเล 4 ระดับ (trophic levels) คือ ผู้ผลิต ผู้บริโภคอันดับหนึ่งและสอง และผู้ย่อยสลาย ดังนี้ \- ความเป็นพิษต่อสาหร่ายทะเล \- ความเป็นพิษต่อสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลัง \- ความเป็นพิษต่อปลาทะเล \- ความเป็นพิษต่อจุลินทรีย์ในทะเล \- ไม่เหมาะสมสำหรับการประเมินผลกระทบเชิงลบที่เกิดจากวัสดุที่เป็นของแข็ง ขนาดอื่น ๆ เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 5430:2023 จำนวนหน้า : ๒๘ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๐๐๐-๙ ICS : ๑๓.๐๒๐.๔๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2077.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - จุลชีววิทยา - การหาจุลินทรีย์ชนิดจำเพาะและจุลินทรีย์ชนิดไม่จำเพาะ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - จุลชีววิทยา - การหาจุลินทรีย์ชนิดจำเพาะและจุลินทรีย์ชนิดไม่จำเพาะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - จุลชีววิทยา - การหาจุลินทรีย์ชนิดจำเพาะและจุลินทรีย์ ชนิดไม่จำเพาะ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - จุลชีววิทยา - การหาจุลินทรีย์ ชนิดจำเพาะและจุลินทรีย์ชนิดไม่จำเพาะ มาตรฐานเลขที่ มอก. 3796 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียด ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : เครื่องสำอาง - จุลชีววิทยา - การหาจุลินทรีย์ชนิดจำเพาะ และจุลินทรีย์ชนิดไม่จำเพาะ COSMETICS - MICROBIology - DETECTION OF SPECIFIED AND NON-SPECIFIED MICROORGANISMS #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3796-2567 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : - ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - กำหนดวิธีการตรวจและการจำแนกหาจุลินทรีย์ชนิดจำเพาะ และจุลินทรีย์ชนิดไม่จำเพาะที่เจริญเติบโตได้ที่อุณหภูมิปกติในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง - จุลินทรีย์ที่พิจารณาตามที่ระบุไว้ในมาตรฐานนี้อาจแตกต่างกันตามแนวปฏิบัติหรือกฎหมายของแต่ละประเทศ ซึ่งส่วนมากเป็นจุลินทรีย์ชนิดจำเพาะจากมีสายพันธุ์เดียวหรือหลายสายพันธุ์ตามสายพันธุ์ ดังนี้ ซูโดโมเน่า แอรูจิโนโซ (Pseudomonas aeruginosa) เอสเซอริเซีย โคไล (Escherichia coli) สเตรพโทคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) แคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida albicans) - เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค แนะนำให้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางจุลชีววิทยาที่เหมาะสม เพื่อกำหนดประเภทของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้กับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ โดยผลิตภัณฑ์ที่พิจารณาว่ามีความเสี่ยงทางจุลชีววิทยาต่ำ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH สูง เป็นต้น (ดู ISO 29261) - วิธีการที่ใช้ในมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ ข้างอิงจากการศึกษาการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในอาหารเลี้ยงเชื้อที่ใช้ทดสอบแบบไม่คัดสรร ซึ่งเหมาะสมกับการตรวจหาการปนเปื้อนของจุลินทรีย์โดยการคัดแยกจุลินทรีย์ในอาหารเลี้ยงเชื้อที่ใช้ทดสอบแบบไม่คัดสรร อาจใช้วิธีการอื่นที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระดับการตรวจพบที่ต้องการ - ระบบเฉพาะสายพันธุ์ของจุลินทรีย์ ซูโดโมเน่า แอรูจิโนซา เอสเซอริเซีย โคไล สเตรพโทคอคคัส ออเรียส และ แคนดิดา อัลบิแคนส์ จุลินทรีย์สายพันธุ์อื่นที่เจริญเติบโตภายใต้เงื่อนไขที่ระบุในมาตรฐานนี้อาจขึ้นอยู่กับการทดสอบทั่วไปที่เหมาะสม (ดู Annex A) มาตรฐานอื่น ๆ อาจเหมาะสมในบางกรณี (เช่น ISO 18416 ISO 21150 ISO 22717 ISO 22718) \- เนื่องจากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีอยู่หลายประเภท ข้อแนะนำนี้ อาจไม่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภท (เช่น ผลิตภัณฑ์บางชนิด ที่ไม่ละลายน้ำ) วิธีการอื่น ๆ (เช่น การใช้ระบบอัตโนมัติ) อาจใช้ แทนการทดสอบในมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ได้ หากมี การแสดงความเท่าเทียมกันหรือวิธีการที่แสดงว่าเหมาะสม (ISO 18415 ข้อ 1) # เนื้อหาประกอบด้วย \: บทนำ ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง บทนิยาม หลักการ สารเจือจางและ อาหารเพาะเชื้อ เครื่องมือและเครื่องแก้ว สายพันธุ์ของจุลินทรีย์ การจัดการผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการ ขั้นตอน การรายงานผล การลดความด้านจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ การรายงานผลทดสอบ ภาคผนวก และบรรณานุกรม ## จำนวนหน้า : ๓๓ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๐๐๙-๒ ICS : ๐๗.๑๐๐.๙๙; ๗๑.๑๐๐.๗๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2078.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - เกณฑ์การตรวจสอบผลการวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคโครมาโทกราฟี พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - เกณฑ์การตรวจสอบผลการวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคโครมาโทกราฟี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - เกณฑ์การตรวจสอบผลการวิเคราะห์โดยใช้เทคนิค โครมาโทกราฟี พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - เกณฑ์การตรวจสอบ ผลการวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคโครมาโทกราฟี มาตรฐานเลขที่ มอก. 3798 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียด ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - เกณฑ์การตรวจสอบผลการวิเคราะห์ โดยใช้เทคนิคโครมาโทกราฟี COSMETICS - ANALYTICAL METHODS - VALIDATION CRITERIA FOR ANALYTICAL RESULTS USING CHROMATOGRAPHIC TECHNIQUES #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3798-2567 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดเกณฑ์การตรวจสอบผลการวิเคราะห์ที่ได้จากการวิเคราะห์ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และคุณภาพของผลลัพธ์ ซึ่งกำหนดวิธีการวิเคราะห์ ที่ห้องปฏิบัติการสามารถวิเคราะห์ตัวอย่างโดยใช้เทคนิคโครมาโทกราฟี เนื้อหาประกอบด้วย : บทนำ ขอบข่าย บทนิยาม หลักการ ข้อมูลทั่วไป ขั้นตอนที่ 1 เกณฑ์ขั้นต่ำใน การตรวจสอบสารมาตรฐาน ขั้นตอนที่ 2 การคัดกรองตัวอย่าง ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์ การสรุปผล ภาคผนวก และบรรณานุกรม จำนวนหน้า : ๒๙ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๐๑๑-๕ ICS : ๗๑.๑๐๐.๗๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2079.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - ในโทรซามีน: การตรวจหาและการตรวจวิเคราะห์ เอ็น-ไนโตรไซไดเอทานอลามิน (NDEL A) ในเครื่องสำอางโดยเทคนิคโครมาโทกราฟี แบบของเหลวสมรรถนะสูง (HPL C) ที่ใช้โพสต์ - คลัมน์ไฟโตลิกซิสและการทำอนุพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - ในโทรซามีน: การตรวจหาและการตรวจวิเคราะห์ เอ็น-ไนโตรไซไดเอทานอลามิน (NDEL A) ในเครื่องสำอาง โดยเทคนิคโครมาโทกราฟีแบบของเหลวสมรรถนะสูง (HPL C) ที่ใช้โพสต์ - คลัมน์ไฟโตลิกซิสและการทำอนุพันธ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - ในโทรซามีน: การตรวจหาและการตรวจวิเคราะห์ เอ็น-ไนโตรไซไดเอทานอลามิน (NDEL A) ในเครื่องสำอางโดยเทคนิคโครมาโทกราฟีแบบของเหลวสมรรถนะสูง (HPL C) ที่ใช้โพสต์ - คลัมน์ไฟโตลิกซิสและการทำอนุพันธ์” พ.ศ. ๒๕๖๗ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - ในโทรซามีน: การตรวจหาและการตรวจวิเคราะห์ เอ็น-ไนโตรไซไดเอทานอลามิน (NDEL A) ในเครื่องสำอางโดยเทคนิคโครมาโทกราฟีแบบของเหลวสมรรถนะสูง (HPL C) ที่ใช้โพสต์ - คลัมน์ไฟโตลิกซิสและการทำอนุพันธ์ มาตรฐานเลขที่ มอก. 3797 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : เครื่องสำอาง - วิธีวิเคราะห์ - ไนโตรซามีน:การตรวจหาและ การตรวจวิเคราะห์ เอ็น-ไนโตรไซไดเอทานอลามีน (NDELA) ในเครื่องสำอาง โดยเทคนิคโครมาโทกราฟีแบบของเหลวสมรรถนะสูง (HPLC) ที่ใช้โพสต์- คอลัมน์โฟโตลิซิสและการทำอนุพันธ์ COSMETICS - ANALYTICAL METHODS - NITROSAMINES: DETECTION AND DETERMINATION OF N-NITROSODIETHANOLAMINE (NDELA) IN COSMETICS BY HPLC, POST-COLUMNS PHOTOLOGY AND DERIVATIZATION มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3797-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- อธิบายวิธีการทำและการวัดปริมาณ เอ็น-ไนโตรไซไดเอทานอลามีน (NDELA) ในเครื่องสำอางและวัตถุดิบที่ใช้ในเครื่องสำอางโดยเทคนิคโคร มาโทกราฟีแบบของเหลวสมรรถนะสูง (HPLC) ที่ใช้โพสต์-คอลัมน์โฟโตลิซิส และการทำอนุพันธ์ \- วิธีนี้ไม่สามารถใช้หาและวัดปริมาณในโทรชามีนที่ไม่ใช่ NDELA และไม่ สามารถใช้หาและวัดปริมาณ NDELA ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เครื่องสำอางหรือ วัตถุดิบที่ใช้ในเครื่องสำอาง \- หากมี NDELA ที่เกิดจากส่วนผสมหรือสารประกอบบนเบื้องต้นในผลิตภัณฑ์ แนะนำให้ใช้ ISO 15819 เป็นทางเลือกสำหรับการทดสอบผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง \- วิธีนี้ไม่สามารถใช้กับสารประกอบที่มีสีย้อมออกซิเจน เนื้อหาประกอบด้วย : บทนำ ขอบข่าย หลักการ สารเคมีที่ใช้ในการทดสอบ เครื่องมือ การเตรียม ตัวอย่างและการจัดเก็บ ขั้นตอน การคำนวณผลลัพธ์ การรายงานผลทดสอบ ภาคผนวก และบรรณานุกรม จำนวนหน้า : ๒๗ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๐๑๐-๘ ICS : ๗๑.๑๐๐.๗๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๕๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 208.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 66 พ.ศ. 2562 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดและมันเส้น ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562 จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 14 พ.ศ. 2562 เรื่อง การควบคุมการ ขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดและมันเส้น ลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการควบคุมการขนย้าย หัวมันส าปะหลังสดและมันเส้นต่อไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในด้านราคา ปริมาณ รักษาเสถียรภาพ ระบบตลาดมันส าปะหลังสดและมันเส้นในประเทศ รวมทั้งเพื่อป้องกันการระบาดของโรคซึ่งอาจ ส่งผลให้ผลผลิตของเกษตรกรเสียหาย อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ ทั้งสองอย่างรวมกัน ซึ่งมีปริมาณครั้งละตั้งแต่หนึ่งหมื่นกิโลกรัมขึ้นไป เข้ามาหรือออกจากท้องที่อ าเภอ ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่ าด้วยราคาสินค้า และบริการ หรือผู้ซึ่งประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด ส าหรับท้องที่ที่จะท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (1) อ าเภอสอยดาว และอ าเภอโป่งน้ าร้อน จังหวัดจันทบุรี (2) อ าเภอตาพระยา อ าเภอโคกสูง อ าเภออรัญประเทศ และอ าเภอคลองหาดจังหวัดสระแก้ว (3) อ าเภอกาบเชิง อ าเภอพนมดงรัก อ าเภอบัวเชด และอ าเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ (4) อ าเภอเชียงของ อ าเภอแม่สาย อ าเภอเวียงแก่น อ าเภอแม่ฟ้าหลวง อ าเภอแม่จัน และ อ าเภอเทิง จังหวัดเชียงราย (5) อ าเภอเมือง อ าเภอธาตุพนม อ าเภอท่าอุเทน และอ าเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม (6) อ าเภอเมือง อ าเภอหว้านใหญ่ และอ าเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร (7) อ าเภอท่าลี่ อ าเภอเชียงคาน อ าเภอปากชม อ าเภอนาแห้ว อ าเภอด่านซ้าย และอ าเภอภูเรือ จังหวัดเลย ้หนา ๑๑๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒(8) อ าเภอเมือง อ าเภอโพนพิสัย อ าเภอรัตนวาปี อ าเภอท่าบ่อ อ าเภอศรีเชียงใหม่ และอ าเภอสังคม จังหวัดหนองคาย (9) อ าเภอเขมราฐ อ าเภอสิรินธร อ าเภอโขงเจียม อ าเภอโพธิ์ไทร อ าเภอนาตาล อ าเภอบุณฑริก อ าเภอนาจะหลวย อ าเภอน้ ายืน และอ าเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี (10) อ าเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ (11) อ าเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ (12) อ าเภอคลองใหญ่ และอ าเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ข้อ 3 กรณีที่บุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่อ าเภอ ตามข้อ 2 แล้ว ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายเข้ามาหรือออก จากท้องที่อ าเภออื่น ตามข้อ 2 อีก ข้อ 4 ความในข้อ 2 มิให้ใช้บังคับกับการขนย้ายหัวมันส าปะหลังสด มันเส้น ดังต่อไปนี้ (1) การขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดของเกษตรกร ซึ่งมีใบรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ผู้ปลูกมันส าปะหลังจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก ากับการขนย้าย (2) การขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้น จากท้องที่อื่นในราชอาณาจักร โดยใช้ท้องที่อ าเภอ ตามข้อ 2 เป็นทางผ่านเพื่อไปยังสถานที่ปลายทาง ข้อ 5 การขออนุญาตตามข้อ 2 ให้ยื่นค าขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (1) ส านักงานพาณิชย์จังหวั ดแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (2) ที่ท าการปกครองอ าเภอแห่งท้องที่ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ ส าหรับกรณีที่ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมายให้นายอ าเภอ เป็นผู้อนุญาตขนย้าย การยื่นค าขอตา มวรรคหนึ่ง จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุม ทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้า ควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันยื่นค าขอ บุคคลที่ประสงค์จะยื่นค าขอผ่านทางระบบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ ต้องลงนามในบันทึกแสดงความตกลงกับส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ก่อน ตามระเบียบที่เลขาธิการก าหนด หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้าย ให้เป็นไปตามที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 6 ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายหัวมันส าปะหลังสด มันเส้น ต้องขนย้ายให้ตรงตามชนิด ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่ และใช้ยานพาหนะที่ มีหมายเลขทะเบียนตามที่ระบุไว้ ในหนังสืออนุญาตขนย้าย รวมทั้งจะต้องน าหนังสืออนุญาตก ากับการขนย้ายไปด้วยทุกครั้ง ้หนา ๑๑๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒หนังสืออนุญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ 5 วรรคสี่ ให้ถือว่า เป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ ข้อ 7 กรณีบุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้นออกจากท้องที่ ที่ก าหนดตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 14 พ.ศ. 2562 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหัวมัน ส าปะหลังสดและมันเส้น ลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562 และ ระยะเวลาที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตขนย้ายยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับอนุญาตขนย้ายหัวมันส าปะหลังสดหรือมันเส้นตามประกาศฉบับนี้และให้ใช้ได้ จนกว่าระยะเวลาตามหนั งสืออนุญาตขนย้ายดังกล่าวสิ้นสุดลง ประกาศ ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๑๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒" 2087.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป เล่ม ๒ การวัดประสิทธิภาพสัดส่วน และความด้านทานการไหลของอากาศ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองอากาศสำหรับ การระบายอากาศทั่วไป เล่ม ๒ การวัดประสิทธิภาพสัดส่วน และความด้านทานการไหลของอากาศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป เล่ม ๒ การวัดประสิทธิภาพสัดส่วน และความด้านทานการไหลของอากาศ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป เล่ม ๒ การวัดประสิทธิภาพสัดส่วน และความด้านทานการไหลของอากาศ มาตรฐานเลขที่ มอก. 3874 เล่ม 2 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : ตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป เล่ม 2 การวัดประสิทธิภาพ สัดส่วน และความต้านทานการไหลของอากาศ AIR FILTERS FOR GENERAL VENTILATION PART 2 : MEASUREMENT OF FRACTIONAL EFFICIENCY AND AIR FLOW RESISTANCE #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3874 เล่ม 2-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 16890-2:2022 Air filters for general ventilation \- Part 2 : Measurement of fractional efficiency and air flow resistance มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprint) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- ระบุการผลิตสะอองลอย อุปกรณ์ทดสอบ และวิธีการทดสอบที่ใช้ในการวัด ประสิทธิภาพสัดส่วน และความต้านทานการไหลของอากาศของตัวกรอง อากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป \- มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ร่วมกับ มอก. 3874 เล่ม 1 มอก. 3874 เล่ม 3 และ มอก. 3874 เล่ม 4 \- วิธีทดสอบที่อธิบายไว้ในมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ ใช้ได้กับอัตรา การไหลของอากาศระหว่าง 0.25 m3/s (900 m3/h หรือ 530 ft3/min) และ 1.5 m3/s (5,400 m3/h หรือ 3,178 ft3/min) ซึ่งหมายถึงแท่น ทดสอบที่มีพื้นที่ผิวหน้าระบุเท่ากับ 610 mm x 610 mm (24 inch x 24 inch) \- อ้างถึงองค์ประกอบตัวกรองอากาศแบบอนุภาคสำหรับการระบายอากาศ ทั่วไปที่มีประสิทธิภาพ ePM1 น้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 99 และประสิทธิภาพ ePM10 มากกว่าร้อยละ 20 เมื่อทดสอบตามขั้นตอน ที่กำหนดในอนุกรมตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป หมายเหตุ จึงจำกัดล่างสำหรับขั้นตอนการทดสอบนี้ดังไว้ที่ประสิทธิภาพ ePM10 ขั้นต่ำ ที่ร้อยละ 20 เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่องค์ประกอบตัวกรองการทดสอบ ที่ต่ำกว่าระดับนี้จะเป็นไปตามข้อกำหนดความถูกต้องทางสถิติของขั้นตอนนี้ \- ไม่ครอบคลุมองค์ประกอบตัวกรองที่ใช้ในเครื่องฟอกอากาศในห้องแบบ พกพา เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 16890-2:2022 จำนวนหน้า : ๗๕ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๑๓๓-๔ ICS : ๙๑.๑๔๐.๓๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2088.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป เล่ม ๓ การกำหนดประสิทธิภาพกราวิเมตริกและความด้านทานการไหลของอากาศเปรียบเทียบกับ มวลของฝุ่นทดสอบที่จับได้ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองอากาศสำหรับ การระบายอากาศทั่วไป เล่ม ๓ การกำหนดประสิทธิภาพกราวิเมตริกและความด้านทานการไหล ของอากาศเปรียบเทียบกับมวลของฝุ่นทดสอบที่จับได้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป เล่ม ๓ การกำหนดประสิทธิภาพกราวิเมตริก และความด้านทานการไหลของอากาศเปรียบเทียบกับมวลของฝุ่นทดสอบที่จับได้ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป เล่ม ๓ การกำหนดประสิทธิภาพกราวิเมตริกและความด้านทานการไหลของอากาศเปรียบเทียบกับมวล ของฝุ่นทดสอบที่จับได้ มาตรฐานเลขที่ มอก. 3874 เล่ม 3 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์พิธา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : ตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป เล่ม 3 การกำหนดประสิทธิภาพ กร่าวิเมตริกและความต้านทานการไหลของอากาศเปรียบเทียบกับมวลของฝุ่น ทดสอบที่จับได้ : AIR FILTERS FOR GENERAL VENTILATION PART 3 : DETERMINATION OF THE GRAVIMETRIC EFFICIENCY AND THE AIR FLOW RESISTANCE VERSUS THE MASS OF TEST DUST CAPTURED #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3874 เล่ม 3-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 16890-3:2016 Air filters for general ventilation \- Part 3 : Determination of the gravimetric efficiency and the air flow resistance versus the mass of test dust captured มาใช้โดย วิธีพิมพ์ซ้ำ (reprint) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- ระบุถึงอุปกรณ์ทดสอบและวิธีการทดสอบที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพแบบ กร่าวิเมตริกและความต้านทานต่อการไหลของอากาศของตัวกรองอากาศ สำหรับการระบายอากาศทั่วไป \- มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ร่วมกับ มอก. 3874 เล่ม 1 มอก. 3874 เล่ม 2 และ มอก. 3874 เล่ม 4 \- วิธีทดสอบที่อธิบายไว้ในมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ ใช้ได้กับ อัตราการไหลของอากาศระหว่าง 0.25 m3/s (900 m3/h หรือ 530 ft3/min) และ 1.5 m3/s (5,400 m3/h หรือ 3,178 ft3/min) ซึ่งหมายถึง แผ่นทดสอบที่มีพื้นที่ผิวหน้าระบุเท่ากับ 610 mm x 610 mm (24 inch x 24 inch) \- ในอนุกรมตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป อ้างถึงองค์ประกอบ ตัวกรองอากาศแบบอนุภาคสำหรับการระบายอากาศทั่วไปที่มีประสิทธิภาพ ePM1 น้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 99 และประสิทธิภาพ ePM10 มากกว่า ร้อยละ 20 เมื่อทดสอบตามขั้นตอนที่ที่กำหนดในอนุกรมตัวกรองอากาศ สำหรับการระบายอากาศทั่วไป \- องค์ประกอบตัวกรองอากาศที่อยู่นอกส่วนของละอองลอยนี้ได้รับการประเมิน โดยวิธีทดสอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (ดูได้จากอนุกรม ISO 29463) \- ไม่ครอบคลุมองค์ประกอบตัวกรองที่ใช้ในเครื่องฟอกอากาศในห้อง แบบพกพา \- ผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพที่ได้รับตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ในอนุกรมตัวกรองอากาศสำหรับการระบายอากาศทั่วไป ไม่สามารถนำไปใช้ ในเชิงปริมาณเพื่อคาดการณ์ประสิทธิภาพในการให้บริการโดยคำนึงถึง ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานได้ด้วยตนเอง เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 16890-3:2016 จำนวนหน้า : ๓๓ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๑๓๔-๑ ICS : ๙๑.๑๔๐.๓๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 209.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 102 พ.ศ. 2562 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการ ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 49 พ.ศ. 2562 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับ การจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562 เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสในการเปรียบเทียบราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า หรือใช้บริการ ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการแสดงราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบ บพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือออนไลน์แล้ว เห็นควรคงมาตรการแสดงราคาและรายละเอียดดังกล่าวต่อไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 9 (5) มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 49 พ.ศ. 2562 เรื่อง การแสดงราคาและรายละ เอียดเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562 ข้อ 3 ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิจ ” ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจ าหน่ายสินค้าหรือบริการ ผ่านระบบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ข้อ 4 ให้ผู้ประกอบธุรกิจแสดงราคาจ าหน่าย ค่าบริการ รวมถึงประเภท ชนิด ลักษณะ ขนาด น้ าหนัก และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ โดยการเขียน พิมพ์ หรือกระท าให้ปรากฏ ด้วยวิธีอื่นใดในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบออนไลน์ของผู้ประกอบธุรกิจนั้น ในลักษณะ ที่ชัดเจน ครบถ้วน เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย การแสดงราคาจ าหน่ายสินค้า ค่าบริการตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงราคาต่อหน่วย ราคา หรือค่าบริการนั้นจะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย ส าหรับข้อความหรือรายการที่แสดง ควบคู่กับราคาจ าหน่ายหรือค่าบริ การต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้ ้หนา ๒๑๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ข้อ 5 กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาจ าหน่ายสินค้าหรือ ค่าบริการที่ให้บริการที่แสดงไว้ตามข้อ 4 ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องแสดงค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ชัดเจน ครบถ้วนและเปิดเผย โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคาจ าหน่ายสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการ ข้อ 6 การแสดงราคาจ าหน่ายปลีกสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการตามข้อ 4 ต้องแสดง ให้ตรงกับราคาที่จ าหน่าย หรือค่าบริการที่ให้บริการ ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจ าห น่ายหรือให้บริการแก่ผู้ซื้อต่ ากว่า ราคาจ าหน่าย หรือค่าบริการที่แสดงไว้ ประกาศ ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๒๑๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒" 2093.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสภาพรถตามเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่งสำหรับรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัด หรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสภาพรถตามเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่งสำหรับรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๗ ไว้แล้ว นั้น โดยที่ประกาศดังกล่าวกำหนดให้รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ต้องเข้ารับการตรวจสภาพเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบที่ใช้ติดตั้งในรถ ที่ใช้ในการขนส่งที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้งานรถโดยสารสาธารณะมากยิ่งขึ้น สมควรให้มีการตรวจเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบที่เกี่ยวข้องความปลอดภัยเพิ่มเติมด้วย อาศัยอำนาจตามความใน (๒) ของกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พ.ศ. ๒๕๔๖ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๓/๑ ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสภาพรถตามเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่งสำหรับรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๗ “ข้อ ๓/๑ รถตามข้อ ๑ ต้องเข้ารับการตรวจเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบ และอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัย ตามรายการดังต่อไปนี้ ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (๑) ประตูฉุกเฉิน ทางออกฉุกเฉิน ประตูทางขึ้น - ลง (๒) เข็มขัดนิรภัย (๓) ค้อนทุบกระจก เครื่องดับเพลิง” ประกาศ ณ วันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จิรัตน์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก" 2097.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภออว และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอสะหรัน อำเภอสะนา อำเภอสะบาย อำเภอไม่แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรุงปินัง ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๙ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประภาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดขึ้น ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และ จังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การจัดตั้ง หน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศ เรื่อง การให้หน่วยงานพิเศษที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ปฏิบัติหน้าที่ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และประกาศ เรื่อง การกำหนด อำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" 21.pdf," หน้า ๒ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ประกาศกรมศุลกากร ที่ 32/2561 เรื่อง การส่งของออกไปนอกราชอาณาจ ักรตามทางอื่นนอกจากทางอน ุมัติ เพื่อให้การปฏิบัติพิธีการศุลกากรสําหรับการส่งของออกไปนอกราชอาณาจ ักรตามทางอื่น นอกจากทางอน ุมัติ เป็นไปอย่างถูกต้อง รัดกุม เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบันและเพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุนการค้าชายแดน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 86 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 อธิบดีกรมศุลกากรจึงออกประกาศไว ้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ผู้ส่งของออกหรือผู้ขนส่งที่มีเหตุจําเป็นจะต้องขนส่งของออกไปนอกราชอาณาจ ักร ตามทางอื่นนอกจากทางอน ุมัติ ให้ยื่นคําร้องแสดงความจ ํานงล่วงหน้าว่าจะส่งของออกไปนอกราชอาณาจ ักร ผ่านเขตแดนใด ๆ ทางบกหรือตอนใดแห่งเขตแดนนั้นต่อด่านศุลกากรในเขตพ ื้นที่รับผิดชอบเพื่ออนุญาต เป็นหนังสือให้ส่งของออกไปนอกราชอาณาจ ักรหรือขนส่งตามเส้นทางที่ร้องขอนั้น ข้อ 2 ของที่ได้รับยกเว้นอากร เนื่องจากการนําออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนตามมาตรา 111 หรือเขตปลอดอากร หรือเขตประกอบการเสร ีที่มิได้ผ่านกรรมวิธีการผลิต และของนําเข้าที่ส่งกลับออกไป โดยขอคืนอากรขาเข้า (Re-Export) ซึ่งจะส่งกลับออกไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และมาเลเซีย ผ่านเขตแดนทางบก ห้ามมิให้ส่งของ ออกไปนอกราชอาณาจ ักรตามทางอื่นนอกจากทางอน ุมัติ กรณีมีปัญหาในการพิจารณาว่าของใดได้ผ่านกรรมวิธีการผลิตในเขตประกอบการเสร ีและ จะอนุญาตให้ส่งของออกไปนอกราชอาณาจ ักรตามทางอื่นนอกจากทางอน ุมัติได้หรือไม่ ให้อยู่ในอํานาจ ของผู้อํานวยการสํานักงานศุลกากรภาคพิจารณาสั่งการเป็นการเฉพาะราย ข้อ 3 การส่งของออกหรือการขนส่งของตามข้อ 1 ให้กระทําได้เฉพาะระหว่างเวลา 06.00 นาฬิกา ถึง 18.00 นาฬิกา เท่านั้น ข้อ 4 ผู้ส่งของออกหรือผู้ขนส่งจะต้องยื่นคําร้องขอรับพนักงานศุลกากรไปประจ ําการ นอกเขตที่ทําการศุลกากร โดยเสียค่าธรรมเนียมตามที่กําหนดในกฎกระทรวง และต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับอันเกี่ยวกับของนั้นเช่นเดียวกับการส่งของออกตามปกต ิทุกประการ ข้อ 5 หนังสืออนุญาตตามข้อ 1 ให้ทําเป็นสองฉบับ โดยระบุชื่อและตําแหน่งของพนักงานศุลกากร ที่จะไปดําเนินการควบคุมของตามที่ได้รับอนุญาตนั้นให้ชัดเจน ทั้งในต้นฉบับและสําเนาให้ถูกต้องตรงกัน แล้วมอบต้นฉบับให้พนักงานศุลกากรถือไปดําเนินการ ส่วนสําเนาเก็บไว้ที่ด่านศุลกากร และลงทะเบียน ไว้ให้ครบถ้วน หน้า ๓ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ข้อ 6 พนักงานศุลกากรผู้ไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมของตามที่ได้รับอนุญาตต้องแต่งเครื่องแบบ และมีบัตรประจําตัวพนักงานศุลกากรหรือบัตรประจําตัวข้าราชการติดตัวไปด้วยทุกครั้ง ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ กุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร " 210.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดแบบ ขนาด มาตรฐาน และคุณลักษณะของเครื่องวัดควันด า เครื่องวิเคราะห์ก๊าซ เครื่องวัดก๊าซรั่ว เครื่องวัดระดับเสียง เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ และเครื่องวัดความเข้มของฟิล์มกรองแสง ส าหรับใช้ในการตรวจสภาพรถของสถานตรวจสภาพรถ พ.ศ. 2562 ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดแบบ ขนาด มาตรฐาน และคุณลักษณะ ของเครื่องวัดควันด า เครื่องวิเคราะห์ก๊าซ เครื่องวัดก๊าซรั่ว เครื่องวัดระดับเสียง เครื่องวัดความเร็วรอบ เครื่องยนต์ และเครื่องวัดความเข้มของฟิล์มกรองแสง ส าหรับใช้ในการตรวจสภาพรถของ สถานตรวจสภาพรถ พ.ศ. 2556 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ไว้แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขประกาศดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความ ในข้อ 6 วรรคสาม ของกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และการขอต่ออายุ ใบอนุญาตจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถ พ.ศ. 2555 อธิบดีกรมการขนส่งทางบกออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิก (1) ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดแบบ ขนาด มาตรฐาน และคุณลักษณะ ของเครื่องวัดควันด า เครื่องวิเคราะห์ก๊าซ เครื่องวัดก๊าซรั่ว เครื่องวัดระดับเสียง เครื่องวัดความเร็วรอบ เครื่องยนต์ และเครื่องวัดความเข้มของฟิล์มกรองแสง ส าหรับใช้ในการต รวจสภาพรถของ สถานตรวจสภาพรถ พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556 (2) ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดแบบ ขนาด มาตรฐาน และคุณลักษณะ ของเครื่องวัดควันด า เครื่องวิเคราะห์ก๊าซ เครื่องวัดก๊าซรั่ว เครื่องวัดระดับเสียง เครื่องวัดความเร็วรอบ เครื่องยนต์ และเครื่องวัดความเข้มของฟิล์มกรองแสง ส าหรับใช้ในการตรวจสภาพรถของ สถานตรวจสภาพรถ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ข้อ 2 เครื่องวัดควันด า ( Smoke Meter ) ต้องมีแบบ ขนาด มาตรฐาน และคุณลักษณะ ดังนี้ (1) เป็นระบบวัดความทึบแสงแบบไหลผ่านบางส่วน ( Partial-Flow Opacimeter ) (2) เป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ ( Society of Automotive Engineers ) ที่ SAE J 1667 หรือข้อก าหนดทางเทคนิคของสหประชาชาติที่ 24 ( UN Regulation No . 24) หรือมาตรฐานขององค์การระห ว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน ( International Organization for Standardization ) ที่ ISO 11614 หรือมาตรฐานอื่นที่กรมควบคุมมลพิษเห็นชอบ (3) สามารถวัดค่าความทึบแสงได้ ตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 99.9 ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๒(4) ส่วนแสดงผลเป็นแบบตัวเลข และมีความละเอียดในการอ่านไม่เกินร้อยละ 0.1 (5) สามารถใช้กับระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ( AC) 220 โวลท์ ( Volt) ความถี่ 50 เฮิรตซ์ (Hz.) ได้ (6) มีช่องสัญญาณออก ( Output) แบบดิจิตอล ( Digital) (7) สามารถแสดงผลค่าควันด าในหน่วยร้อยละที่ระยะความยาวของทางเดิน แสงมาตรฐานที่ 76 มิลลิเมตร และระยะความยาวคลื่นแสงมาตรฐานที่ 570 นาโนเมตรได้ ข้อ ๓ เครื่องวิเคราะห์ก๊าซ ( Gas Analyser) ต้องมีแบบ ขนาด มาตรฐาน และคุณลักษณะ ดังนี้ (๑) เป็นระบบนันดีสเปอร์ซีฟ อินฟราเรด ( Non-Dispersive Infrared Detection : NDIR) ส าหรับใช้วัดปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ( CO) และก๊าซไฮโดรคาร์บอน ( HC) (๒) สามารถวัดปริมาณของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ( CO) จากท่อไอเสียได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๔.๕ โดยปริมาตร และวัดปริมาณของก๊าซไฮโดรคาร์บอน ( HC) จากท่อไอเสียได้ไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ ส่วนในล้านส่วน ( ppm) ของค่าเทียบเท่านอร์มัลเฮ็กเซน ( N-Hexane) (๓) เป็นไปตามมาตรฐาน ISO 3930 หรือ OIML R 99 class 1 หรือ OIML R 99 class 0 (๔) มีระบบการขับไล่ก๊าซไอเสียที่ตกค้างออกจากเครื่องวิเคราะห์ก๊าซ (๕) ส่วนแสดงผลเป็นแบบตัวเลข (ก) สามารถแสดงค่าปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ( CO) ได้ตั้งแต่ร้อยละ ๐ ถึงร้อยละ ๑๐ โดยปริมาตร หรือมากกว่า และมีความละเอียดในการอ่านไม่เกินร้อยละ ๐.๑ โดยปริมาตร (ข) สามารถแสดงค่าปริมาณก๊าซไฮโดรคาร์บอน ( HC) ได้ตั้งแต่ ๐ ถึง ๑๐,๐๐๐ ส่วน ในล้านส่วน หรือมากกว่า และมีความละเอียดในการอ่านไม่เกิน ๑๐ ส่วนในล้านส่วน (๖) สามารถใช้กับระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ( AC) ๒๒๐ โวลท์ ( Volt) ความถี่ ๕๐ เฮิรตซ์ (Hz.) ได้ (๗) มีช่องสัญญาณออก ( Output) แบบดิจิตอล ( Digital) ข้อ ๔ เครื่องวัดก๊าซรั่ว ( Gas Lea k Detector) ต้องมีแบบ ขนาด มาตรฐาน และคุณลักษณะ ดังนี้ (๑) สามารถใช้ตรวจสอบการรั่วของก๊าซปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติในระบบเชื้อเพลิง แบบเคลื่อนย้ายได้ (2) สามารถตรวจสอบก๊าซรั่วด้วยเซ็นเซอร์ ชนิดสารกึ่งตัวน า ( Semi-Conductor) (3) มีเสียงสัญญาณเตือน หรือสัญญาณไฟกระพริบ หรือแสดงค่าเป็นตัวเลขเมื่อตรวจพบ การรั่วของก๊าซ ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๒(4) ใช้ระบบไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี่เซลล์แห้งที่มีจ าหน่ายทั่วไปภายในประเทศ (5) มีความไวในการตรวจจับปริมาณก๊าซรั่วที่น้อยกว่า 150 ส่วนในล้านส่วน ข้อ ๕ เครื่องวัดระดับเสียง ( Sound Level Meter ) ต้องมีแบบ ขนาด มาตรฐาน และ คุณลักษณะ ดังนี้ (๑) เป็นไปตามมาตรฐานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยเทคนิคไฟฟ้า ( International Electrotechnical Commission, IEC ) IEC 61672 Type 1 หรือ Type 2 (๒) สามารถแสดงค่าวัด ระดับเสียงได้ตั้งแต่ 50 dB (A) หรือน้อยกว่า ถึง ๑๒๐ dB (A) หรือมากกว่า และมีความละเอียดในการอ่านไม่เกิน ๐.๑ dB (A) (๓) สามารถแสดงและบันทึกค่าเสียงสูงสุด ( Max Hold) ได้ในขณะท าการตรวจวัด (๔) ส่วนแสดงผลของอุปกรณ์เป็นแบบตัวเลขสามารถแสดง Weighting Network เป็นแบบ A และแสดง Dynamic Characteristic เป็นแบบ Fast ได้ (๕) มีช่องสัญญาณออก ( Output) แบบดิจิตอล ( Digital) (6) มีอุปกรณ์สอบเทียบความเที่ยงตรงประจ าเครื่องวัดระดับเสียงแบบเครื่องก าเนิดเสียงมาตรฐาน (Acoustic Calibrator ) เช่น พิสตันโฟน ( Piston Phone ) หรืออะคูสติก คาลิเบรเตอร์ ( Acoustic Calibrator) ข้อ 6 เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ ( Engine Tachometer ) ต้องมีแบบ ขนาด มาตรฐาน และคุณลักษณะ ดังนี้ (1) สามารถแสดงค่าความเร็วรอบของเครื่องยนต์ได้ตั้งแต่ ๕๐๐ รอบต่อนาที หรือน้อยกว่า ถึง 6,000 รอบต่อนาที หรือมากกว่า (2) สามารถตรวจวัดความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ๒ จังหวะที่มีจ านวนสูบตั้งแต่ ๑ ถึง ๔ สูบ หรือมากกว่า และเครื่องยนต์ ๔ จังหวะที่มีจ านวนสูบตั้งแต่ ๑ ถึง ๖ สูบ หรือมากกว่า ข้อ 7 เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ส าหรับสถานตรวจสภาพรถแต่ละประเภทให้เป็น ดังนี้ (1) สถานตรวจสภาพรถที่ได้รับใบอนุญาตให้ตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ต้องมีเครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์แก๊สโซลีนหรือเครื่องยนต์ที่จุดระเบิดด้วยประกายไฟ และ เครื่องวัดความเร็วรอบเ ครื่องยนต์ดีเซลหรือเครื่องยนต์ที่จุดระเบิดด้วยการอัด (2) สถานตรวจสภาพรถที่ได้รับใบอนุญาตให้ตรวจสภาพรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ต้องมีเครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์แก๊สโซลีนหรือเครื่องยนต์ที่จุดระเบิดด้วยประกายไฟ และ เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ดีเซ ลหรือเครื่องยนต์ที่จุดระเบิดด้วยการอัด (3) สถานตรวจสภาพรถที่ได้รับใบอนุญาตให้ตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ ต้องมีเครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์แก๊สโซลีนหรือเครื่องยนต์ที่จุดระเบิดด้วยประกายไฟ ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๒เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่สามารถตรวจวัดได้ทั้งเครื่องยนต์แก๊สโซลีนหรือเครื่องยนต์ ที่จุดระเบิดด้วยประกายไฟ และเครื่องยนต์ดีเซลหรือเครื่องยนต์ที่จุดระเบิดด้วยการอัด รวมอยู่ในเครื่องเดียวกัน ให้ใช้แทนเครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ตาม (1) (2) และ (3) ได้ ข้อ 8 เครื่องวัดความเข้มของฟิล์มกรองแสง ( Tint Meter) ต้องมีแบบ ขนาด มาตรฐาน และคุณลักษณะ ดังนี้ (๑) สามารถตรวจวัดค่าของแสงที่ส่องผ่านกระจกและฟิล์มกรองแสงของรถยนต์ โดยสามารถ เคลื่อนย้ายน าไปใช้งานได้สะดวก (2) แสดงค่าของแสงส่องผ่านกระจก และฟิล์มกรองแสงได้เป็นแบบตัวเลข ตั้งแต่ร้อยละ ๐ - ๙๙ (3) สามารถป้องกันแสงรบกวนจากภายนอกได้ในขณะท าการตรวจวัด (4) มีอุปกรณ์ประกอบการใช้งานที่สามารถตรวจวัดกระจกของรถได้ทุกบาน ข้อ 9 เครื่องวัดควันด า เครื่องวิเคราะห์ก๊าซ เครื่องวัดก๊าซรั่ว เครื่องวัดระดั บเสียง เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ และเครื่องวัดความเข้มของฟิล์มกรองแสง ต้องผลิตโดยผู้ผลิตที่ได้รับ มาตรฐาน ISO 9001 : 2015 หรือสูงกว่า และต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก ข้อ 10 เครื่องวัดควันด าที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทาง บก และใช้งานในสถาน ตรวจสภาพรถอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ใช้ได้ต่อไปในสถานตรวจสภาพรถที่เครื่องดังกล่าว ใช้งานอยู่เฉพาะตามใบอนุญาตเลขที่นั้นเท่านั้น เครื่องวิเคราะห์ก๊าซ เครื่องวัดก๊าซรั่ว เครื่องวัดระดับเสียง เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ และเครื่องวัดความเข้มของฟิล์มกรองแสง ที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกก่อนวันที่ ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ใช้ได้ต่อไป แต่สถานตรวจสภาพรถต้องจัดให้มีอุปกรณ์สอบเทียบ ความเที่ยงตรงของเครื่องวัดระดับเสียงแบบเครื่องก าเนิดเสียงมาตรฐาน ( Acoustic Calibrator ) เช่น พิสตันโฟน ( Piston Phone ) หรืออะคูสติก คาลิเบรเตอร์ ( Acoustic Calibrator ) ภายในสองปี นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ข้อ 11 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่สถานตรวจสภาพรถที่ ได้รับใบอนุญาตให้ตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับใบอนุญาตให้ตรวจสภาพรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์อยู่ก่อนวันที่ ประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องจัดให้มีเครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ดีเซลหรือเครื่องยนต์ที่จุดระเบิด ด้วยการอัด ห รือเครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ตามข้อ 7 วรรคสอง ภายในสองปีนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๒" 2101.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบสมรรถภาพของรางกายผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบสมรรถภาพของรางกายผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. ๒๕๖๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมไว้แล้ว นั้น โดยที่ประกาศดังกล่าวกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะต้องผ่านการทดสอบขับรถบนถนนหรือทางหลวงตามเส้นทางที่นายทะเบียนกำหนด เพื่อทดสอบการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก การขับรถอย่างปลอดภัย และการมีมารยาทในการขับรถ รวมทั้งทดสอบการรู้เส้นทางเดินรถด้วย แต่เนื่องจากในกรอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะในปัจจุบันได้มีการปรับปรุงหลักสูตร การอบรมและทดสอบให้ผู้ขับรถมีความรู้ความสามารถในการขับรถยนต์สาธารณะ มีจิตสำนึกความรับผิดชอบในการให้บริการแก่ผู้โดยสาร และมีการออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมความประพฤติในการขับรถของผู้ขับรถยนต์สาธารณะให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ติดตั้งบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถบอกเส้นทางได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์สาธารณะมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งจะทำให้ทางราชการสามารถควบคุมกำกับดูแลผู้ขับรถยนต์สาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๙ แห่งกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. ๒๕๖๓ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓๑ ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบสมรรถภาพของรางกายผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ จิรัตน์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก" 2105.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดให้หน่วยงานราชการเป็นศูนย์บริการธุรกิจพลังงานอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๑๑ แห่งระเบียบกรมธุรกิจพลังงาน ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติในการรับแจ้ง และการอนุญาตให้ประกอบกิจการตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ (SAETY) พ.ศ. ๒๕๖๗ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นศูนย์บริการธุรกิจพลังงานอิเล็กทรอนิกส์ในการให้บริการ เกี่ยวกับการรับแจ้งและอนุญาตให้ประกอบกิจการตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง ในกิจการควบคุมประเภทที่ ๒ และกิจการควบคุมประเภทที่ ๓ ตามข้อ ๔๓ และข้อ ๔๔ แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาตและอัตรา ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๕๖ ทั้งนี้ การให้บริการตามวรรคหนึ่ง ให้บังคับใช้เฉพาะการดำเนินการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ของหน่วยงานราชการที่ได้รับมอบหมายตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง ประกาศ ณ วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ สราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน" 2108.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อากาศยานไร้คนขับ สำหรับการเกษตรและการป่าไม้ – ระบบพ่น เล่ม ๑ ข้อกำหนดทางด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อากาศยานไร้คนขับสำหรับ การเกษตรและการป่าไม้ – ระบบพ่น เล่ม ๑ ข้อกำหนดทางด้านสิ่งแวดล้อม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อากาศยานไร้คนขับสำหรับการเกษตรและการป่าไม้ – ระบบพ่น เล่ม ๑ ข้อกำหนดทางด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อากาศยานไร้คนขับสำหรับการเกษตร และการป่าไม้ – ระบบพ่น เล่ม ๑ ข้อกำหนดทางด้านสิ่งแวดล้อม มาตรฐานเลขที่ มอก. 3905 เล่ม 1 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : อากาศยานไร้คนขับสำหรับการเกษตรและการป่าไม้ - ระบบพ่น เล่ม 1 ข้อกำหนดทางด้านสิ่งแวดล้อม AGRICULTURAL AND FORESTRY MACHINERY - UNMANNED Aerial SPRAYING SYSTEMS - PART 1: ENVIRONMENTAL REQUIREMENTS #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3905 เล่ม 1-2567 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : - ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 23117-1 : 2023 Agricultural and forestry machinery - Unmanned aerial spraying system - Part 1 Environmental requirements มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprint) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ภาษาอังกฤษเป็นหลัก - เมื่อใช้ร่วมกับ ISO 16119-1, ระบุข้อกำหนดและค่าเฉลี่ยในการทวนสอบของการออกแบบและประสิทธิภาพของ ระบบอากาศยานไร้คนขับแบบพ่น (UASS) ที่ติดตั้งบนระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAS) ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการอารักขาพืช (PPPs) ในงานเกษตรกรรม, การป่าไม้, สนามหญ้า และพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งมุ่งเน้นที่จะให้เกิดความเสี่ยงของการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อมขณะที่ใช้รวมถึงการใช้งานที่ผิดที่ไม่สามารถคาดการได้จากผู้ผลิตระบบอากาศยานไร้คนขับแบบพ่น อากาศยานไร้คนขับระบบพ่น (UASS) - ข้อกำหนดของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ มีขั้นตอนการทำงานครอบคลุม ISO 16119-1 อนุกรม ISO 23117 ไม่ครอบคลุมความปลอดภัยของมนุษย์จาก อากาศยานไร้คนขับระบบพ่น (UASS) หรือข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับ UASS's , การควบคุมระยะไกล หรือผู้สังเกตการณ์ - ไม่เหมาะสมกับ UASS ที่ติดตั้งบน UAS ที่มีมวลบินขึ้นสูงสุดมากกว่า 150 Kg และไม่เหมาะสมกับ UASS ที่ผลิตก่อนวันที่ประกาศใช้มาตรฐานฉบับนี้ เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 23117-1:2023 จำนวนหน้า : ๒๖ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๒๒๘-๗ ICS : ๔๙.๐๒๐; ๖๕.๐๖๐.๔๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๕๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 211.pdf,"ขอบัญญัติองคการบริหารสวนตําบลวาเลย เรื่อง หลักเกณฑการคัดแยกมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เปนการสมควรตราขอบัญญัติองคการบริหารสวนตําบลวาเลย วาดวยหลักเกณฑการคัดแยกมูลฝอย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗๑ แหงพระราชบัญญัติสภาตําบลและองคการบริหารสวน ตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสภาตําบลและองคการบริหารสวนตําบล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ และมาตรา ๓๔/๓ (๒) แหงพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเปนระเบียบเรียบรอย ของบานเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรักษาค วามสะอาดและความเปนระเบียบ เรียบรอยของบานเมือง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ องคการบริหารสวนตําบลวาเลยโดยความเห็น ชอบ ของสภาองคการบริหารสวนตําบลวาเลย และนายอําเภอพบพระ จึงตราขอบัญญัติไว ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ขอบัญญัตินี้เรียกวา “ขอบัญญัติองคการบริหา รสวนตําบลวาเล ย เรื่อง หลักเกณฑ การคัดแยกมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖๒” ขอ ๒ ขอบัญญัตินี้ใหใชบังคับในเขตองคการบริหารสวนตําบลวาเลยตั้งแตวันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป ขอ ๓ ในขอบัญญัตินี้ “มูลฝอย ” หมายความวา เศษกระดาษ เศษผา เศษอาหา ร เศษสินคา เศษวัตถุ ถุงพลาสติก ภาชนะที่ใสอาหาร เถา มูลสัตว ซากสัตว หรือสิ่งอื่นใดที่เก็บกวาดจากถนน ตลาด ที่เลี้ยงสัตว หรือที่อื่น และหมายความรวมถึงมูลฝอยที่เปนพิษหรืออันตรายจากชุมชน “มูลฝอยอินทรีย” หมายความวา มูลฝอยที่ยอยสลายไดง าย เชน ซากหรือชิ้นสวนของพืช และสัตว มูลสัตว เศษอาหาร หรือมูลฝอยอื่น ๆ ที่ยอยสลายไดงาย “มูลฝอยนํากลับมาใชใหม” หมายความวา มูลฝอยที่สามารถนํากลับมาใชใหม หรือนํามาผลิตเปนผลิตภัณฑใหมได ไดแก แกว กระดาษ โลหะ พลาสติก และวัสดุอื่น ๆ “มูลฝอยที่เปนพิษหรืออันตรายจากชุมชน ” หมายความวา มูลฝอยที่ปนเปอน หรือมีสวนประกอบของวัตถุที่อาจเปนอันตรายหรือกระทบตอสุขภาพอนามัยของบุคคล หรือมีผลกระทบ ้หนา ๓๓๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ตอสิ่งแวดลอม เชน หลอดไฟ ถานไฟฉาย แบตเตอรี่ กระปองหรือภาชนะอื่นใดที่ใชบรรจุสารเคมี หรือวัตถุที่อาจเปนอันตรายขางตน “มูลฝอยทั่วไป ” หมายความวา มูลฝอยประเภทอื่น นอกเหนือจากมูล ฝอยอินทรีย มูลฝอยที่นํากลับมา ใชใหม หรือมูลฝอยที่เปนพิษหรือเปนอันตรายจากชุมชน “อาคาร ” หมายความวา ตึก บาน เรือน โรง ราน เรือ แพ ตลาด คลังสินคา สํานักงาน หรือสิ่งปลูกสรางอื่น ๆ ซึ่งบุคคลอาจเขาอยู หรือเขาใชสอยได และหมายความรวมถึงอัฒจันทร เขื่อน ประตูน้ํา อุโมงค หรือปายตามกฎหมายวาดวยการควบคุมอาคารดวย ขอ ๔ ใหเจาของหรือผูครอบครองอาคารคัดแยกมูลฝอยแตละประเภท ดังนี้ (๑) มูลฝอยทั่วไป (๒) มูลฝอยอินทรีย (๓) มูลฝอยนํากลับมาใชใหม (๔) มูลฝอยที่เปนพิษหรืออันตรายจากชุมชน ขอ ๕ เจาของหรือผูครอบครองอาคารตองบรรจุมูลฝอยที่คัดแยกแลวแตละประเภทตามขอ ๔ ในถุงหรือภาชนะบรรจุมูลฝอย ใหเพียงพอและเหมาะสมกับประเภทของมูลฝอยนั้น ถุงสําหรับบรรจุมูลฝอยตองมีความทนทาน ไมฉีกขาดงาย ไมรั่วซึม มีขนาดที่เหมาะสม สามารถเคลื่อนยายไดโดยสะดวก การบรรจุมูลฝอยลงในถุงตองมีปริมาณที่เหมาะสม ปดถุงดวยการมัดหรือผนึกดวยวิธีอื่นใด ใหมิดชิด รวมทั้งจัดการปองกันมิใหมูลฝอย น้ํา กลิ่น หรือสิ่งอื่นอันเกิดจาก มูลฝอยตกหลน รั่วไหลออกจากถุง ภาชนะบรรจุมูลฝอยตองทําจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน ไมรั่วซึม การบรรจุมูลฝอยลงในภาชนะบรรจุ มูลฝอย เชน ถังสําหรับใสมูลฝอย ตองบรรจุในปริมาณที่เ หมาะสม ไมลนออกนอกภาชนะ มีฝาปดมิดชิด เพื่อมิใหมูลฝอย น้ํา กลิ่น หรือสิ่งอื่นอันเกิดจากมูลฝอยตกหลน รั่วไหลออกจากภาชนะ และสัตวและแมลง เขาไปในภาชนะได ขอ ๖ มูลฝอยที่มีสภาพ ลักษณะ หรือขนาดที่ไมสามารถบรรจุในถุงหรือภาชนะบรรจุ มูลฝอยไดใหคัดแยก ไวตางหาก ตามประเภทของมูลฝอย โดยตองจัดการใหถูกสุขลักษณะ ขอ ๗ ใหเจาของหรือผูครอบครองอาคารนําถุงหรือภาชนะบรรจุมูลฝอยที่คัดแยกประเภทไว แลวทิ้งตามวัน เวลา และสถานที่ที่องคการบริหารสวนตําบลวาเลยประกาศกําหนด ้หนา ๓๓๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ขอ ๘ ผูใดฝาฝนขอบัญญัตินี้มีโทษปรับไม เกินหารอยบาท ขอ ๙ ใหนายกองคการบริหารสวนตําบลวาเลยเปนผูรักษาการตามขอบัญญัตินี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๖๒ รอยโท เฉลิม บุญพรวงศ นายกองคการบริหารสวนตําบลวาเลย ้หนา ๓๓๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๐๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒" 2110.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สัญลักษณ์รูปภาพ - สีความปลอดภัย และสัญลักษณ์ความปลอดภัย เล่ม ๓ หลักการออกแบบสัญลักษณ์รูปภาพสำหรับป้ายความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สัญลักษณ์รูปภาพ - สีความปลอดภัย และสัญลักษณ์ความปลอดภัย เล่ม ๓ หลักการออกแบบสัญลักษณ์รูปภาพสำหรับป้ายความปลอดภัย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สัญลักษณ์รูปภาพ - สีความปลอดภัย และสัญลักษณ์ความปลอดภัย เล่ม ๓ หลักการออกแบบสัญลักษณ์รูปภาพสำหรับป้ายความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สัญลักษณ์รูปภาพ - สีความปลอดภัย และสัญลักษณ์ความปลอดภัย เล่ม ๓ หลักการออกแบบสัญลักษณ์รูปภาพสำหรับป้ายความปลอดภัย มาตรฐานเลขที่ มอก. 3906 เล่ม 3 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พ้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : สัญลักษณ์รูปภาพ - สีความปลอดภัย และสัญลักษณ์ความปลอดภัย เล่ม 3 หลักการออกแบบสัญลักษณ์รูปภาพสำหรับป้ายความปลอดภัย GRAPHICAL SYMBOLS - SAFETY COLOURS AND SAFETY SIGNS - PART 3: DESIGN PRINCIPLES FOR GRAPHICAL SYMBOLS FOR USE IN SAFETY SIGNS #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3906 เล่ม 3-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - #### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 3864-3:2012 Graphical symbols - Safety colours and safety signs - Part 3: Design principles for graphical symbols for use in safety signs มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprint) ในระดับ เหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- กำหนดหลักการ เงื่อนไข และข้อแนะนำในการออกแบบสำหรับสัญลักษณ์ รูปภาพ ที่ใช้สำหรับสัญลักษณ์ความปลอดภัยที่ระบุใน ISO 3864-1 และ องค์ประกอบของสัญลักษณ์ความปลอดภัยสำหรับฉลากความปลอดภัย ของผลิตภัณฑ์ตามที่ระบุใน ISO 3864-2 เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 3864-3:2012 จำนวนหน้า : ๔๔ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๒๓๐-๐ ICS : ๐๑.๐๘๐.๐๑ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2111.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม ๕ (๓) คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยสำหรับระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า ที่ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า – การแก้ไขปรับปรุงระบบกักเก็บพลังงานด้วยเคมีไฟฟ้า โดยไม่ได้วางแผนการดำเนินการไว้ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม ๕ (๓) คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยสำหรับระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ต่อร่วมกับ โครงข่ายไฟฟ้า – การแก้ไขปรับปรุงระบบกักเก็บพลังงานด้วยเคมีไฟฟ้าโดยไม่ได้วางแผนการดำเนินการไว้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ภาคนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม ๕ (๓) คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย สำหรับระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า – การแก้ไขปรับปรุงระบบกักเก็บพลังงาน ด้วยเคมีไฟฟ้าโดยไม่ได้วางแผนการดำเนินการไว้” พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ภาคนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม ๕ (๓) คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยสำหรับระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า – การแก้ไขปรับปรุงระบบกักเก็บพลังงานด้วยเคมีไฟฟ้าโดยไม่ได้วางแผนการดำเนินการไว้ มาตรฐานเลขที่ มอก. 62933 เล่ม 5 (3) - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พ้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม 5(3) คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย สำหรับระบบรักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า - การแก้ไข ปรับปรุงระบบกักเก็บพลังงานด้วยเคมีไฟฟ้าโดยไม่ได้วางแผนการดำเนินการไว้ ELECTRICAL ENERGY STORAGE (EES) SYSTEMS - PART 5-3: SAFETY REQUIREMENTS FOR GRID-INTEGRATED EES SYSTEM - PERFORMING UNPLANNED MODIFICATION OF ELECTROCHEMICAL BASED SYSTEM #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 62933 เล่ม 5(3)-2567 #### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม #### กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 14 ไฟฟ้ากำลังและสายไฟฟ้า ##### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ใช้กับกรณีที่ BESS ผ่านการแก้ไขปรับปรุงโดยไม่ได้วางแผนไว้ การแก้ไข ปรับปรุงดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้: \- การเปลี่ยนแปลงความจุในการกักเก็บพลังงาน \- การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การออกแบบ และผู้ผลิตรบบย่อยแบบสะสม \- การเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของระบบย่อยโดยใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ OEM \- การเปลี่ยนแปลงโมดการทำงาน \- การเปลี่ยนแปลงสถานที่ติดตั้ง \- การเปลี่ยนแปลงในระบบย่อยแบบสะสมเนื่องจากการติดตั้งแบตเตอรี่ที่ใช้ ซ้ำหรือนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น \- การแก้ไขปรับปรุงใดๆ ดังกล่าวยอาจทำให้สถานะความปลอดภัยเดิมของ BESS ลดลงได้ \- เป็นส่วนเสริมของ IEC 62933-5-2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับด้านความปลอดภัย โดยรวมของ BESS คุณลักษณะที่ต้องการครอบคลุมในมาตรฐานนี้ให้ใช้ เพิ่มเติมจากคุณลักษณะที่ต้องการใน IEC 62933-5-2 ตามแต่ละสถานการณ์ ###### เนื้อหาประกอบด้วย : บททั่วไป ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง บทนียาม คุณลักษณะที่ต้องการทั่วไป ในการแก้ไขปรับปรุงโดยไม่ได้วางแผนการดำเนินการไว้ การเปลี่ยนแปลง ในระบบย่อยแบบสะสม การเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของระบบโดยใช้ ชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ OEM การเปลี่ยนแปลงโมดการทำงาน การเปลี่ยนแปลง สถานที่ติดตั้ง การเปลี่ยนแปลงในระบบย่อยแบบสะสมเนื่องจากการติดตั้ง แบตเตอรี่ที่ใช้ซ้ำหรือนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น และภาคผนวก จำนวนหน้า : ๔๓ หน้า ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๒๒๓-๒ ICS : ๑๓.๐๒๐.๓๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2114.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ มาตรฐานเลขที่ มอก. 3022 - 2563 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อผ่านกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๕๖๙๓ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๔ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ มาตรฐานเลขที่ มอก. 3022 - 2567 ขึ้นใหม่ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # มาตรฐาน ## ชื่อมาตรฐาน - ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ ## มีดหมายเหตุ - ตามมาตรฐานที่กำหนดโดยกรมการแพทย์แห่งชาติ ว่า ""ถุงพลาสติก"" ควรจะมีความร้อนที่อยู่ภายในไมโครเวฟ ไม่เกิน 80 °C เพื่อป้องกันการละลายของถุงพลาสติกและลดโอกาสในการบริโภคอาหารผ่านระบบไมโครเวฟ ## เงื่อนไขการทดสอบ - ทดสอบข้างบน บนเตาไมโครเวฟ โดยวางถุงพลาสติกบนแผ่นรองเท้า และใช้เครื่องวัดความร้อนเพื่อตรวจสอบความร้อนในถุงพลาสติก ## จำนวนหน้า - ๒๕ หน้า ## ISBN - ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๑๗๙-๒ ## ICS - ๔๓.๐๘๐.๐๑ ## สถานที่จัดเก็บ - ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ ## สถานที่จำหน่าย - สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2117.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง ราคาน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร เพื่อใช้ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิต และจำหน่ายน้ำตาลทราย ประจำฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๖ (๑) ของประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง การจัดทำประมาณการรายได้ การกำหนดและการชำระราคาอ้อยและค่าผลิตน้ำตาลทราย และอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานคณะกรรมการอ้อย และน้ำตาลทราย จึงประกาศราคาน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร ประจำฤดูการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ เพื่อใช้ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่าย น้ำตาลทราย ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ ดังต่อไปนี้ ๑. น้ำตาลทรายขาว ราคากิโลกรัมละ ๒๑.๐๐ บาท (ยี่สิบเอ็ดบาทถ้วน) ๒. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ราคากิโลกรัมละ ๒๒.๐๐ บาท (ยี่สิบสองบาทยถ้วน) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ในน้อย สุวรรณชาตรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย" 2118.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจังหวัดที่จะทำการสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๘ วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย เห็นสมควรประกาศกำหนดจังหวัดที่จะทำการสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ดังนี้ ๑. จังหวัดกระบี่ ๒. จังหวัดกาญจนบุรี ๓. จังหวัดกาฬสินธุ์ ๔. จังหวัดกำแพงเพชร ๕. จังหวัดขอนแก่น ๖. จังหวัดจันทบุรี ๗. จังหวัดฉะเชิงเทรา ๘. จังหวัดชลบุรี ๙. จังหวัดชัยนาท ๑๐. จังหวัดชัยภูมิ ๑๑. จังหวัดชุมพร ๑๒. จังหวัดเชียงราย ๑๓. จังหวัดเชียงใหม่ ๑๔. จังหวัดตรัง ๑๕. จังหวัดตราด ๑๖. จังหวัดตาก ๑๗. จังหวัดนครนายก ๑๘. จังหวัดนครปฐม ๑๙. จังหวัดนครพนม ๒๐. จังหวัดนครราชสีมา ๒๑. จังหวัดนครศรีธรรมราช ๒๒. จังหวัดนครสวรรค์ ๒๓. จังหวัดนราธิวาส ๒๔. จังหวัดน่าน ๒๕. จังหวัดบึงกาฬ ๒๖. จังหวัดบุรีรัมย์ ๒๗. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๒๘. จังหวัดปราจีนบุรี ๒๙. จังหวัดปัตตานี ๓๐. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๓๑. จังหวัดพะเยา ๓๒. จังหวัดพังงา ๓๓. จังหวัดพัทลุง ๓๔. จังหวัดพิจิตร ๓๕. จังหวัดพิษณุโลก ๓๖. จังหวัดเพชรบุรี ๓๗. จังหวัดเพชรบูรณ์ ๓๘. จังหวัดแพร่ ๓๙. จังหวัดมหาสารคาม ๔๐. จังหวัดมุกดาหาร ๔๑. จังหวัดยโสธร ๔๒. จังหวัดยะลา ๔๓. จังหวัดร้อยเอ็ด ๔๔. จังหวัดระนอง ๔๕. จังหวัดระยอง ๔๖. จังหวัดราชบุรี ๔๗. จังหวัดลพบุรี ๔๘. จังหวัดลำปาง ๔๙. จังหวัดลำพูน ๕๐. จังหวัดเลย ## เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๐๔ ### หน้า ๗ - ๕๑. จังหวัดศรีสะเกษ - ๕๒. จังหวัดสกลนคร - ๕๓. จังหวัดสงขลา - ๕๔. จังหวัดสตูล - ๕๕. จังหวัดสระแก้ว - ๕๖. จังหวัดสระบุรี - ๕๗. จังหวัดสิงห์บุรี - ๕๘. จังหวัดสุโขทัย - ๕๙. จังหวัดสุพรรณบุรี - ๖๐. จังหวัดสุราษฎร์ธานี - ๖๑. จังหวัดสุรินทร์ - ๖๒. จังหวัดหนองคาย - ๖๓. จังหวัดหนองบัวลำภู - ๖๔. จังหวัดอ่างทอง - ๖๕. จังหวัดอำนาจเจริญ - ๖๖. จังหวัดอุดรธานี - ๖๗. จังหวัดอุตรดิตถ์ - ๖๘. จังหวัดอุทัยธานี - ๖๙. จังหวัดอุบลราชธานี #### ทั้งนี้ เขตจังหวัดดังกล่าวไม่รวมท้องที่ที่ทางราชการได้จำแนกให้เป็นเขตป่าไม้ถาวร และที่ดิน ต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน ตามข้อ ๑๔ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ เช่น ที่สาธารณประโยชน์ เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ ที่เขา ที่ภูเขา ปริมณฑลอรอบที่เขา ที่ภูเขา ๔๐ เมตร พื้นที่ที่มีความลาดชันเกิน ๓๕ เปอร์เซ็นต์ และที่สงวนหวงห้ามอื่น เป็นต้น ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 212.pdf,"ประกาศคณะกรรมการก ากับการทวงถามหนี้ เรื่อง จ านวนครั้งในการติดต่อทวงถามหนี้ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๓) และมาตรา ๑๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติ การทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการก ากับการทวงถามหนี้ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการก ากับการทวงถามหนี้ เรื่อง จ านวนครั้ง ในการติดต่อทวงถามหนี้ ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๓ ให้ผู้ทวงถามหนี้ติดต่อลูกหนี้หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการทวงถามหนี้ได้ทราบ การทวงถามหนี้ ไม่เกินหนึ่งครั้งต่อหนึ่งวัน ประกาศ ณ วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการก ากับการทวงถามหนี้ ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๑๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒" 2125.pdf,"ประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่อง การจัดที่ดินชุมชนในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่อง การจัดที่ดินชุมชนในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๙ (๓) และ (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ประกอบกับมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมในคราวการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ ของประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่อง การจัดที่ดินชุมชนในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗ เมื่อผู้มีอำนาจได้พิจารณาอนุญาตตามคำขอแล้ว นอกจากการดำเนินการให้เป็นไป ตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม วาด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการอนุญาตและการให้ผู้รับอนุญาตถือปฏิบัติตามการใช้ที่ดินหรือสิ่งหาริมทรัพย์สำหรับกิจการที่เป็น การสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๔๑ แล้ว ให้ ส.ป.ก. ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีการอนุญาตการจัดที่ดิน ที่อยู่อาศัยสำหรับบุคคลที่ได้รับการจัดที่ดิน ให้จัดทำสัญญา เข้าทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน (ที่อยู่อาศัย) (ส.ป.ก. ๔-๐๑ ซ.) แนบท้ายสัญญาดังกล่าว (๒) การอนุญาตอื่นนอกจาก (๑) ให้จัดทำเป็นสัญญาเข้าทำประโยชน์ในที่ดินหรือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยให้เรียกเก็บค่าตอบแทนตามที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนด ในกรณีที่การดำเนินการตาม (๑) และ (๒) เป็นการอนุญาตการจัดที่ดินในที่ดินหรือ อสังหาริมทรัพย์ที่ ส.ป.ก. ได้มาตามมาตรา ๒๙ ให้จัดทำเป็นสัญญาเช่า โดยให้เรียกเก็บค่าตอบแทน ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนด ทั้งนี้ ในการคิดค่าตอบแทนสำหรับผู้รับอนุญาตใช้ที่ดินหรือสิ่งหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการ ที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามประกาศนี้ ที่ได้ประกอบกิจการ ไปก่อนการขออนุญาตตามประกาศนี้ ให้คิดค่าตอบแทนเป็นสองเท่าของค่าตอบแทนตาม (๒)” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม" 2126.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๒๖ ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำและขาว ครุฑมีปีกกางออก และสวมเครื่องประดับ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นสีดำและขาวของครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย ครุฑมีปีกกางออกและสวมเครื่องประดับ
พระราชกฤษฎีกา กำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการ จัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๖๗ # พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ## ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบ เพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๖๓ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า ""พระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการ จัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๖๗"" มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๒๗ ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ มาตรา ๓ ให้ดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรักษาการตามพระราชกฤษฎีกาฉบับ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๒๘ ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๖๓ แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ บัญญัติว่า การจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบเพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตามบทบัญญัติว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในหมวด ๑๓ จะเริ่มดำเนินการเมื่อใดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้" 2127.pdf,"กฎกระทรวง การแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๓๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้ ""ใบรับแจ้ง” หมายความว่า ใบรับแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ “ผู้แจ้ง” หมายความว่า ผู้มีไว้ในครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ตามมาตรา ๓๘ วรรคหนึ่ง ซึ่งได้รับใบรับแจ้งตามกฎกระทรวงนี้ ข้อ ๒ ผู้ใดมีไว้ในครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๓๘ วรรคหนึ่ง ต้องยื่นคำขอแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ พร้อมด้วยเอกสาร หรือหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอ ต่อเลขาธิการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีไว้ในครอบครองวัสดุนิวเคลียร์นั้น ข้อ ๓ เมื่อได้รับคำขอแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ ให้เลขาธิการตรวจสอบคำขอ และเอกสารหรือหลักฐานที่ยื่นพร้อมคำขอให้ถูกต้องและครบถ้วน หากเห็นว่าคำขอ เอกสาร หรือหลักฐานไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้แจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบทันที ถ้าเป็นกรณีที่สามารถแก้ไข หรือเพิ่มเติมได้ในขณะนั้น ให้แจ้งให้ผู้ยื่นคำขอดำเนินการแก้ไข หรือยื่นเอกสาร หรือหลักฐานเพิ่มเติม ให้ถูกต้องและครบถ้วน ถ้าเป็นกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้ในขณะนั้น ให้บันทึกความบกพร่อง และรายการเอกสาร หรือหลักฐานที่จะต้องยืนเพิ่มเติม พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาที่ผู้ยื่นคำขอ จะต้องดำเนินการไว้และแจ้งผู้ยื่นคำขอทราบ ในกรณีการยื่นคำขอมิได้กระทำโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้เลขาธิการและผู้ยื่นคำขอลงนามไว้ในบันทึกนั้น และมอบสำเนาให้ผู้ยื่นคำขอไว้ เป็นหลักฐาน ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่แก้ไขเพิ่มเติม หรือจัดส่งคำขอ เอกสาร หรือหลักฐานให้ถูกต้อง และครบถ้วนภายในกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอไม่ประสงค์จะดำเนินการต่อไป และให้เลขารักษาระบบ ในกรณีที่เห็นว่าคำขอ เอกสาร และหลักฐานถูกต้องและครบถ้วนแล้ว ให้เลขารักษาระบบโดยวิธีการ ให้แก่ผู้ยื่นคำขอภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ เอกสาร และหลักฐานที่ถูกต้องและครบถ้วน ดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ยื่นคำขอ เลขาธิการจะแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ไปพร้อมกับหนังสือตามวรรคสอง หรือวรรคสามด้วยก็ได้ ข้อ ๔ ผู้แจ้งต้องจัดทำรายงานแสดงปริมาณการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ต่อเลขารักษาระบบทุกรอบหนึ่งปีนับแต่วันที่เลขารักษาระบบออกใบแจ้ง และให้จัดส่งรายงานพร้อมด้วยเอกสาร หรือหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบรายงานภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ระบบกำหนดระยะเวลาจัดทำรายงานดังกล่าว ข้อ ๕ ผู้แจ้งที่ประสงค์จะขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลในใบรับแจ้ง ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลเกี่ยวกับ การเพิ่มขึ้น หรือลดลงของวัสดุนิวเคลียร์ที่มีไว้ในครอบครอง ให้ยื่นคำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลพร้อมด้วยเอกสาร หรือหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอต่อเลขารักษาระบบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าว ให้นำความในข้อ ๓ มาใช้บังคับแก่การพิจารณาคำขอตามวรรคหนึ่งด้วยโดยอนุโลม และให้มี การบันทึกรายการการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลในใบรับแจ้งไว้เป็นหลักฐาน ข้อ ๖ ในกรณีที่ใบรับแจ้งชำรุดในสาระสำคัญ สูญหาย หรือถูกทำลาย ให้ผู้แจ้งยื่นคำขอรับใบแทนใบรับแจ้งต่อเลขารักษาระบบ พร้อมด้วยเอกสาร หรือหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอรับใบแทนใบรับแจ้งภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับทราบนี้ถึงการชำรุดในสาระสำคัญ สูญหายหรือถูกทำลาย ให้นำความในข้อ ๓ มาใช้บังคับแก่การพิจารณาคำขอรับใบแทนใบรับแจ้งด้วยโดยอนุโลม ใบแทนใบรับแจ้งให้ใช้แบบใบแจ้ง โดยระบุคำว่า “ใบแทน” ด้วยตัวอักษรสีแดงไว้ด้านบนของใบแจ้ง ข้อ ๗ ในกรณีที่ผู้แจ้งมิได้ครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ตามที่ได้แจ้งไว้ ไม่ว่าด้วยเหตุสูญหาย หรือเหตุอื่นใด ให้ผู้แจ้งยื่นคำขอยกเลิกการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ พร้อมด้วยใบรับแจ้ง และเอกสาร หรือหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำยอดังกล่าวต่อเลขารักษาระบบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มิได้ครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ดังกล่าว ข้อ ๘ การยื่นคำขอแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ รายงานแสดงปริมาณการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ คำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลในใบรับแจ้ง คำขอรับใบแทนใบรับแจ้ง และคำขอยกเลิกการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ ตามกฎกระทรวงนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในกรณีที่มีเหตุที่ไม่สามารถดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการ ณ สำนักงาน ข้อ ๙ คำขอแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ ใบรับแจ้ง รายงานแสดงปริมาณการครอบครอง วัสดุนิวเคลียร์ คำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลในใบรับแจ้ง คำขอรับใบแทนใบรับแจ้งและคำขอยกเลิก การครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ ให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ศุภมาส อิศรถักดิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๓๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ บัญญัติให้การแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ ที่ไม่ต้องขอรับใบอนุญาต เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 2128.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๖๑ ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับและมงกุฎบนศีรษะ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาล **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราสัญลักษณ์ครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
กฎกระทรวง กำหนดประเภทวัสดุนิวเคลียร์ที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๘ (๗) และมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยคำแนะนำ ของคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้วัสดุนิวเคลียร์ประเภทยูเรเนียมด้อยสมรรถนะที่มียูเรเนียม ๒๓๕ ต่ำกว่าร้อยละ ๐.๕ ลงมาโดยน้ำหนัก และมีปริมาณมากกว่า ๒๐ ตัน ขึ้นไป เป็นวัสดุนิวเคลียร์ที่บุคคลธรรมดาขอรับ ใบอนุญาตได้ ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ชุมภาส อิศราภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๘ (๓) และมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยคำแนะนำของคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติมีอำนาจออก กฎกระทรวงกำหนดประเภทวัสดุนิวเคลียร์ที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 2129.pdf,"กฎกระทรวง กำหนดประเภทวัสดุก้มมันตรังสีที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๘ (๗) และมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยคำแนะนำ ของคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันตืออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้ “คำก้มมันตราย” หมายความว่า อัตราการสลายตัวของนิวโคลด์ก้มมันตรังสีต่อหน่วยเวลา “ค่าความเป็นอันตราย” หมายความว่า คำก้มมันตรายเฉพาะของนิวโคลด์ก้มมันตรังสีใด ๆ ซึ่งหากปราศจากการควบคุมหรือกำกับดูแลที่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดผลกระทบจากรังสีชนิดผลชัดเจน (deterministic effects) อย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นผลจากการได้รับปริมาณรังสีที่แผ่นมาจากวัสดุก้มมันตรังสี ซึ่งอยู่ภายนอกร่างกาย หรือจากการได้รับเข้าไปภายในร่างกาย ข้อ ๒ ให้วัสดุก้มมันตรังสีประเภทที่ ๔ ตามตารางท้ายกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๑๙ วรรคสอง ซึ่งมีอัตราส่วนระหว่างคำก้มมันตรายต่อค่าความเป็นอันตราย ตั้งแต่ ๐.๐๑ แต่น้อยกว่า ๑.๐๐ และมีลักษณะการใช้ประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เป็นวัสดุก้มมันตรังสีที่บุคคลธรรมดา ขอรับใบอนุญาตได้ (๑) การทดสอบหรือสอบเทียบเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางรังสี (calibration sources, reference sources or standard sources) (๒) การวัดความหนาแน่นกระดูก (bone densitometers) (๓) การรักษาต้อตา (low dose rate eye plaques) ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ศุภมาส อิศราภักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๘ (๓) และมาตรา ๒๘แห่งพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยคำแนะนำของคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดประเภทวัสดุกัมมันตรังสีที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๖๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗" 213.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทค นิค ระบบนิวเมติกส์ ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัคร เข้ารับการทดสอบ และ ๑.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเทคนิค ระบบนิวเมติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือป ระกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ หรือ ๑.๓ ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือฝึกอบรมอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สาขาช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑,๖๐๐ ชั่วโมง โดยได้รับใบรับรองการฝึกอบรม ฝีมือแรงงานหรือฝึกอบรมอาชีพจาก หน่วยงานฝึกอบรมหรือหน่วยงานการศึกษา หรือ ๑.๔ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพในสาขาวิชา ที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบ นิวเมติกส์ ระดับ ๒ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ ระดับ ๑ และ ๒.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพ เกี่ยวกับสาขาช่างเทคนิค ระบบนิวเมติกส์ ไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้ รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ ระดับ ๑ หรือ ๒.๓ เป็นผู้จบการศึกษาไม่น้อยกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ในสาขาวิชา ที่เกี่ยวข้องกับช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ และมีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพ เกี่ยวกับอาชีพ ช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประกอบอาชีพ ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ กันยายน ๒๕๖๒จากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็น ผู้ผ่านการทดสอบมาตร ฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบ นิวเมติกส์ ระดับ ๑ หรือ ๒.๔ ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ ระดับ 1 ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบห้า ๒.๕ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาอาชีพช่างเทคนิค ระบบนิวเมติกส์ส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ไม่น้อยกว่า ๕ ปี โดยมีใบรับรองการท างาน หรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ระบบนิวเมติกส์ ระดับ ๓ ๓.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ ระดับ ๒ และ ๓.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาอาชีพช่างเทคนิค ระบบนิวเมติกส์ส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ระบบนิวเมติกส์ ระดับ ๒ หรือ ๓.๓ เป็นผู้จบการศึกษาไม่น้อยกว่าระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาช่างเทคนิคระบบ นิวเมติกส์ส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ และมีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบ อาชีพช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ส าหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ไม่น้อยก ว่า ๑ ปี นับตั้งแต่ วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาระบบนิวเมติกส์ ระดับ ๒ หรือ ๓.๔ ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบ นิวเมติกส์ ระดับ 2 ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบห้า ข้อ ๔ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิค ระบบนิวเมติกส์ ระดับ ๔ ๔.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคระบบ นิวเมติกส์ ระดับ ๓ และ ๔.๒ มีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพ เกี่ยวกับสาขาช่างเทคนิค ระบบนิวเมติกส์ ไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเทคนิคร ะบบนิวเมติกส์ ระดับ ๓ หรือ ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ กันยายน ๒๕๖๒ ๔.๓ เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับปริญญาตรี ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับ สาขาอาชีพช่างเทคนิคระบบนิวเมติกส์ และมีประสบการณ์ในการท างานหรือประกอบอาชีพช่างเทคนิค ระบบนิวเมติกส์ ไม่น้อยกว่า ๓ ปี โดยมีใบรับรองการท างานหรือประก อบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ ประกาศ ณ วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ กันยายน ๒๕๖๒" 2133.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสารป้องกันแสงแดดที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำ ของคณะกรรมการเครื่องสำอาง ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในลำดับ 24 ของบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสารป้องกันแสงแดดที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน |ลำดับ| Chemical Name/ Other Name | Name of Common Ingredients Glossary | CAS Number | ความเข้มข้นสูงสุดในเครื่องสำอางพร้อมใช้ (w/w)| เงื่อนไข| |---|---|---|---|---|---| |""24| Titanium dioxide| Titanium dioxide| 13463-67-7/ 1317-70-0/ 1317-80-2| 25% (อาจใช้เพียงสารเดียวหรือใช้ผสมรวมกันกับ Titanium dioxide ในรูปแบบนาโนโดยมีข้อแม้ว่าผลรวมของสารจะต้องไม่เกิน 25%)| 1. สำหรับ Titanium dioxide in powder form containing 1% or more of particles with aerodynamic diameter ≤ 10 µm ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเรื่อง กำหนดชื่อ ปริมาณ และเงื่อนไขของวัตถุที่อาจใช้เป็น... | **Glossary:** * **Ti dioxide** หมายถึง **titanium dioxide**. * **In rูปแบบนาโน** หมายถึง ในรูปแบบ Nanoparticles. * **(อาจใช้เพียงสารเดียวหรือใช้ผสมรวมกันกับ Titanium dioxide ในรูปแบบนาโนโดยมีข้อแม้ว่าผลรวมของสารจะต้องไม่เกิน 25%)** หมายถึง (อาจใช้เพียงสารเดียวหรือใช้ผสมรวมกันกับ Titanium dioxide ในรูปแบบนาโนโดยมีข้อแม้ว่าผลรวมของสารจะต้องไม่เกิน 25%). ## Chemical Name/ Other Name | Chemical Name/ | Name of Common Ingredients Glossary | CAS Number | |-----------------------|--------------------------------------|-------------| | TiO₂ | Titanium dioxide (nano) | 13463-67-7/ | | | | 1317-70-0/ | | | | 1317-80-2/ | ## ความเข้มข้นสูงสุดในเครื่องสำอางพร้อมใช้ - ส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง - กรนี้ที่ใช้สารนี้เป็นสีในเครื่องสำอางให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องสีที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง” ## ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นลำดับ 24a ของบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกำหนดสารป้องกันแสงแดดที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ | ลำดับ | Chemical Name/ | Name of Common Ingredients Glossary | CAS Number | ความเข้มข้นสูงสุดในเครื่องสำอางพร้อมใช้ (w/w) | เงื่อนไข | |--------|-----------------------|--------------------------------------|---------------|---------------------------------------------------|---------| | “24a | Titanium dioxide (nano)| Titanium dioxide (nano) | 13463-67-7/ | 25% | 1. สำหรับวัตถุดิบในรูปของนาโน ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแบบหรือการใช้ | | | | | 1317-70-0/ | (อาจใช้เพียงสารเดียวหรือ | | | | | | 1317-80-2/ | | | เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
ลำดับ ชื่อสารป้องกันแสงแดด ความเข้มข้นสูงสุด ในเครื่องสำอาง พร้อมใช้ (w/w) เงื่อนไข
Chemical Name/ Other Name Name of Common Ingredients Glossary CAS Number
ใช้ผสมรวมกัน กับ Titanium dioxide โดยมีข้อแม้ว่า ผลรวมของสาร จะต้องไม่เกิน 25%) ที่มีความเสี่ยงที่สามารถ สูดดมเข้าสู่ปอดได้ 2. สำหรับวัตถุดิบใน รูปของนาโน อนุญาต ให้ใช้ได้โดยต้องมี คุณสมบัติ ดังนี้ - ความบริสุทธิ์ ต้องไม่ต่ำกว่า 99% - ต้องมีโครงสร้างผลึก อยู่ในรูปแบบของ รูไทล์ (Rutile) หรือ รูไทล์ที่มีรูปแบบ อะนาเทส (Anatase) รวมอยู่ไม่เกิน 5% และ มีลักษณะ ทางกายภาพเป็นกลุ่ม รูปทรงกลม (spherical) รูปเข็ม (needle) หรือเรียว แหลม (lanceolate) - มีค่า D50 (by number) ไม่ต่ำกว่า 30 นาโนเมตร (nm)
เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
ลำดับ ชื่อสารป้องกันแสงแดด ความเข้มข้นสูงสุด ในเครื่องสำอาง (w/w) เงื่อนไข
Chemical Name/ Other Name Name of Common Ingredients Glossary CAS Number
- อัตราส่วนความยาว ต่อความกว้างของ อนุภาค (Aspect ratio) อยู่ในช่วง 1 ถึง 4.5 และมี Volume specific surface area ไม่เกิน 460 ตารางเมตร ต่อลูกบาศก์เซนติเมตร (m²/cm³) - สามารถใช้สารเคลือบ ที่มีความปลอดภัยและ ไม่ส่งผลกระทบต่อ คุณสมบัติการปกป้อง แสงแดดของอนุภาค นาโนได้ - มีค่า Photocatalytic activity ไม่เกิน 10% เมื่อเทียบกับ corresponding non-coated หรือ non-doped reference
เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๑๕ ง ## หน้า ๒๙ ### ชื่อสารป้องกันแสงแดด | ลำดับ | Chemical Name/ Other Name | Name of Common Ingredients Glossary | CAS Number | ความเข้มข้นสูงสุดในเครื่องสำอางพร้อมใช้ (w/w) | เงื่อนไข | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | | | | | | | - อัตราการนาโนมีความคงทนต่อแสงในผลิตภัณฑ์พร้อมใช้” **ข้อ ๔** ให้ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้นำเข้าเพื่อขาย ผู้รับจ้างผลิต ที่ได้รับใบรับจดแจ้งเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางลำดับ 24 และ 24a ของบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสารป้องกันแสงแดดที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ อยู่ก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศนี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ **ประกาศ ณ วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗** สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 2134.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดชื่อ ปริมาณ และเงื่อนไขของวัตถุที่อาจใช้ เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำ ของคณะกรรมการเครื่องสำอาง ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นลำดับ 212a และ 212b ของบัญชีแนบท้ายประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดชื่อ ปริมาณ และเงื่อนไขของวัตถุที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิต เครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ | ลำดับ | Chemical Name/ Other Name | Name of Common Ingredients Glossary | CAS Number | บริเวณที่ใช้และ/or การนำไปใช้ | ความเข้มข้นสูงสุดในเครื่องสำอางพร้อมใช้ (w/w) | เงื่อนไข | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | “212a” | Titanium dioxide in powder form containing 1% or more of particles with aerodynamic diameter ≤10 µm | Titanium dioxide | 13463-67-7/1317-70-0/1317-80-2 | ผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริเวณผิวหน้ารูปแบบผง/ฝุ่น; ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมรูปแบบแปรย์อัดแก้วสำหรับผู้บริโภคทั่วไป | 25%; 1.4%; 1.1% | อนุญาตให้ใช้ Titanium dioxide ที่ปรากฏในรูปแบบ pigmented form เท่านั้น | **หมายเหตุ:** 1. กรณีสารเคมีใหม่ ๆ ควรนำข้อมูลด้านสุขภาพและสิ่งปฏิกูลของตนไปตรวจที่กรมสุขภาพก่อน 2. สำหรับสารเคมีใด ที่มีอยู่ในสาระสนเทศเกี่ยวกับสารเคมี สามารถทราบได้ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ## Chemical Name/Other Name | Chemical Name/Other Name | Name of Common Ingredients/Glosary | |---------------------------|--------------------------------------| | Titanium dioxide | Titanium dioxide | | TiO₂ | Titanium dioxide | ## CAS Number | Chemical Name/Other Name | CAS Number | |---------------------------|-------------| | Titanium dioxide | 13463-67-7/1317-70-0/1317-80-2 | ## Color Information - **บริเวณที่ใช้และ/or การนำใช้**: อัดแก๊ส ที่ใช้โดยช่างทำผม - **ความเข้มข้นสูงสุดในเครื่องสำอางพร้อมใช้ (w/w)**: - ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ - ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแบบหรือการใช้ที่มีความเสี่ยงที่สามารถสูดดมเข้าสู่ปอดได้ ## Additional Information 1. กรุณาใช้สารนี้เป็นสีในเครื่องสำอางให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องสีที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง 2. กรุณาใช้สารนี้เป็นสารป้องกันแสงแดดในเครื่องสำอางให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องสารป้องกันแสงแดดที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง” ข้อ ๓ ให้ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้นำเข้าเพื่อขาย ผู้รับจ้างผลิต ที่ได้รับใบรับจดแจ้งเครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมของวัตถุที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางลำดับ 212a และ 212b ของบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดชื่อ ปริมาณและเงื่อนไขของวัตถุ ที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ อยู่ก่อนประกาศนี้ใช้บังคับต้องดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศนี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ประกาศ ณ วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 2135.pdf,"ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง การแสดงคำเตือนที่ฉลากของเครื่องสำอางที่มีวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการเครื่องสำอาง ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นลำดับ 212a และ 212b ของบัญชีแนบท้ายประกาศ คณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง การแสดงคำเตือนที่ฉลากของเครื่องสำอางที่มีวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสม ในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ | ลำดับ | Chemical Name/ Other Name | Name of Common Ingredients/Glosary | CAS Number | บริเวณที่ใช้และ/or การนำไปใช้ | คำเตือนที่ฉลากร | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | “212a | Titanium dioxide in powder form containing 1% or more of particles with aerodynamic diameter ≤10 µm | Titanium dioxide | 13463-67-7/1317-70-0/1317-80-2 | ผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริเวณผิวหน้า รูปแบบผง/ฝุ่น ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม รูปแบบสเปรย์อัดแก๊ส สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม รูปแบบสเปรย์อัดแก๊ส ที่ใช้โดยช่างทำผม | - | | 212b | Titanium dioxide thatนอกเหนือจากข้อ 212a | Titanium dioxide | 13463-67-7/1317-70-0/1317-80-2 | ผลิตภัณฑ์ทุกประเภท ยกเว้นผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดให้แสดงคำเตือนตามประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอางว่าด้วยการแสดงคำเตือนที่ฉลากเครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดด | "" | ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ มนเทียร คลนาสวัสสิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้ากลุ่มการกิจด้านสนับสนุนงานบริการสุขภาพ ประธานกรรมการเครื่องสำอาง" 2139.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผู้ตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน ๘๒ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้ | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๑ | หลอดไฟฟ้าใส้ทั้งสเตนสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและที่มีจุดประสงค์ให้แสงสว่างทั่วไป ที่คล้ายกัน เล่ม 3 คุณลักษณะที่ต้องการด้านสมรรถนะ | 4 เล่ม 3 | | ๒ | หลอดไฟฟ้าทั้งสเตนฮาโลเจนสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและที่มีจุดประสงค์ให้แสงสว่างทั่วไปที่คล้ายกัน เล่ม 4 คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย | 4 เล่ม 4 | | ๓ | หลอดไฟฟ้าทั้งสเตนฮาโลเจน (ไม่ใช้ในยานยนต์) เล่ม 5 คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย | 4 เล่ม 5 | | ๔ | ดวงโคมไฟฟ้า เล่ม 1 คุณลักษณะที่ต้องการทั่วไปและการทดสอบ | 902 เล่ม 1 | | ๕ | ดวงโคมไฟฟ้าให้แสงสว่างบนเวที การถ่ายทำรายการโทรทัศน์และการถ่ายภาพยนตร์ (ภายนอกอาคารและภายในอาคาร) | 902 เล่ม 2(17) | | ๖ | ดวงโคมไฟฟ้าสาย | 902 เล่ม 2(21) | | ๗ | ดวงโคมไฟฟ้าฉุกเฉิน | 902 เล่ม 2(22) | | ๘ | ปัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ - คุณลักษณะที่ต้องการด้านสมรรถนะ | 2319 | | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๙ | มอดูลแอลอีดีสำหรับการให้แสงสว่างทั่วไป - คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย | 2782 | | ๑๐ | อุปกรณ์ควบคุมหลอด - คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงหรือไฟฟ้ากระแสสลับสำหรับมอดูลแอลอีดี | 3002 | | ๑๑ | บริภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่างทั่วไป – คุณลักษณะที่ต้องการด้านภูมิคุ้มกันทางแม่เหล็กไฟฟ้า | 3132 | | ๑๒ | อุปกรณ์ควบคุมหลอด เล่ม 1 คุณลักษณะที่ต้องการทั่วไปและคุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย | 61347 เล่ม 1 | | ๑๓ | อุปกรณ์ควบคุมหลอด เล่ม 2(1) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะสำหรับอุปกรณ์จุดหลอด (นอกเหนือจากโกล์วสตาร์ตเตอร์) | 61347 เล่ม 2(1) | | ๑๔ | อุปกรณ์ควบคุมหลอด เล่ม 2(2) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะสำหรับอุปกรณ์คอนวอร์เตอร์อิเล็กทรอนิกส์แบบลดระดับที่ใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงหรือไฟฟ้ากระแสสลับสำหรับหลอดใส่ | 61347 เล่ม 2(2) | | ๑๕ | อุปกรณ์ควบคุมหลอด เล่ม 2(7) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งจ่ายสำหรับการให้แสงสว่างฉุกเฉิน (ชุดเบ็ดเสร็จ) | 61347 เล่ม 2(7) | | ๑๖ | อุปกรณ์ควบคุมหลอด เล่ม 2(9) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ควบคุมแม่เหล็กไฟฟ้าสำหรับหลอดปล่อยประจุ (ไม่รวมหลอดฟลูออเรสเซนซ์) | 61347 เล่ม 2(9) | | ๑๗ | เครื่องใช้ทำความสะอาดเย็นสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย ลักษณะเฉพาะและวิธีทดสอบ เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไป | 455 เล่ม 1 | | ๑๘ | เครื่องใช้ทำความสะอาดเย็นสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย ลักษณะเฉพาะและวิธีทดสอบ เล่ม 2 ข้อกำหนดด้านสมรรถนะ | 455 เล่ม 2 | | ๑๙ | เครื่องใช้ทำความสะอาดเย็นสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย ลักษณะเฉพาะและวิธีทดสอบ เล่ม 3 การใช้พลังงานและปริมาตร | 455 เล่ม 3 | | ๒๐ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 1 พิกัดและสมรรถนะ | 866 เล่ม 1 | | ๒๑ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 2(3) วิธีทดสอบเฉพาะสำหรับการทำความสูญเสียและประสิทธิภาพมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดเนี้ยวนำที่ขับโดยตัวแปลงผัน | 866 เล่ม 2(3) | | ๒๒ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 3 ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบชิงโครนัสขับเคลื่อนโดยกังหันไอน้ำหรือกังหันก๊าซเผาไหม้ | 866 เล่ม 3 | | ๒๓ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 5 ระดับชั้นการป้องกันสำหรับการออกแบบ โดยรวมของเครื่องจักรกล ไฟฟ้าชนิดหมุน (รหัส IP) - การจำแนกประเภท | 866 เล่ม 5 | | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๒๔ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 9 ชีดจำกัดเสียงรบกวน | 866 เล่ม 9 | | ๒๕ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 11 การป้องกันความร้อนเกิน | 866 เล่ม 11 | | ๒๖ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 12 สมรรถนะในการเริ่มเดินของมอเตอร์ไฟฟ้าเหนี่ยวนำ ชนิดตรง สวมเฟส ความเร็วด้วย | 866 เล่ม 12 | | ๒๗ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 15 ระดับความทนแรงด้านอิมพัสส์ของขดลวดสเตเตอร์ขึ้นรูปสำหรับเครื่องจักรกลไฟฟ้ากระแสสลับชนิดหมุน | 866 เล่ม 15 | | ๒๘ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 20(1) มอเตอร์ควบคุม - มอเตอร์แบบขั้น | 866 เล่ม 20(1) | | ๒๙ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 30(1) ระดับชั้นประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (รหัส IE) | 866 เล่ม 30(1) | | ๓๐ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 30(101) ระดับชั้นประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับชนิดเหนี่ยวน้ำสามเฟส | 866 เล่ม 30(101) | | ๓๑ | ความปลอดภัยของบริภัณฑ์ไฟฟ้าสำหรับการวัด การควบคุม และที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับบริภัณฑ์ห้องปฏิบัติการสำหรับทำความสะอาดวัสดุ | 2002 | | ๓๒ | ความปลอดภัยของบริภัณฑ์ไฟฟ้าสำหรับการวัด การควบคุม และที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ ความปลอดภัยของชุดโพรบมือถือสำหรับการวัดและการทดสอบทางไฟฟ้า | 2004 | | ๓๓ | ความปลอดภัยของบริภัณฑ์ไฟฟ้าสำหรับการวัด การควบคุม และที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับหม้อนึ่งอัดไอ้น้ำสำหรับการเตรียมวัสดุทางการแพทย์และงานในห้องปฏิบัติการ | 2006 | | ๓๔ | ความปลอดภัยของบริภัณฑ์ไฟฟ้าสำหรับการวัด การควบคุม และที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับหม้อนึ่งอัดไอ้น้ำและเครื่องฆ่าเชื้อใช้ก๊าซพิษสำหรับการเตรียมวัสดุการแพทย์และงานในห้องปฏิบัติการ | 2007 | | ๓๕ | กระทะไฟฟ้า - คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 2673 | | ๓๖ | เตาอบไฟฟ้า - คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 2674 | | ๓๗ | ตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำเย็นบริโภค ด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 2746 | | ๓๘ | หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เฉพาะด้านสมรรถนะในการหุงข้าวและการอุ่นข้าว | 2767 | | ๓๙ | เครื่องฟอกอากาศ เฉพาะด้านประสิทธิภาพการลด PM 2.5 | 3061 | | ๔๐ | ตัวเป่าผม : ข้อกำหนดเฉพาะสาระสนเทศพลังงาน | 3315 | | ๔๑ | แบตเตอรี่ปริมาณภูมิ เล่ม 2 ข้อกำหนดคุณลักษณะทางรูปร่างและทางไฟฟ้า | 96 เล่ม 2 | | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๔๒ | แบตเตอรี่ปริชญูมิ เล่ม 3 แบตเตอรี่นาฬิกา | 96 เล่ม 3 | | ๔๓ | แบตเตอรี่ปริชญูมิ เล่ม 5 ความปลอดภัยของแบตเตอรี่ที่มีอิเล็กโทรไลต์เหลว | 96 เล่ม 5 | | ๔๔ | พิวส์ขนาดเล็ก เล่ม 1 บทนียามสำหรับพิวส์ขนาดเล็ก และคุณลักษณะที่ต้องการ ทั่วไปสำหรับตัวพิวส์ขนาดเล็ก | 526 เล่ม 1 | | ๔๕ | พิวส์ขนาดเล็ก เล่ม 2 ตัวพิวส์คาร์ทริดจ์ | 526 เล่ม 2 | | ๔๖ | พิวส์ขนาดเล็ก เล่ม 3 ตัวพิวส์ขนาดเล็กแบบย่อย | 526 เล่ม 3 | | ๔๗ | พิวส์ขนาดเล็ก เล่ม 4 ตัวพิวส์ UMF - ชนิดติดตั้งผ่านรูและชนิดติดตั้งบนพื้นผิว | 526 เล่ม 4 | | ๔๘ | พิวส์ขนาดเล็ก เล่ม 6 ตัวยึดพิวส์สำหรับพิวส์คาร์ทริดจ์ขนาดเล็ก | 526 เล่ม 6 | | ๔๙ | สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายึดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(1) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตซ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ | 824 เล่ม 2(1) | | ๕๐ | สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายึดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(2) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตซ์ไฟฟ้าควบคุมระยะไกล (RCS) แม่เหล็กไฟฟ้า | 824 เล่ม 2(2) | | ๕๑ | สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายึดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(3) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตซ์ไฟฟ้าหน่วงเวลา (TDS) | 824 เล่ม 2(3) | | ๕๒ | สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายึดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(4) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตซ์ไฟฟ้าแยกรวงจร | 824 เล่ม 2(4) | | ๕๓ | สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายึดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(5) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตซ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบสำหรับใช้ ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของอาคารบ้านเรือน (HBES) | 824 เล่ม 2(5) | | ๕๔ | สวิตซ์ไฟฟ้าใช้ในที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทางไฟฟ้ายึดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 2(6) คุณลักษณะที่ต้องการเฉพาะ - สวิตซ์ไฟฟ้าของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสำหรับดวงโคมไฟฟ้า และป้ายไฟฟ้าทั่วภายในอาคารและภายนอกอาคาร | 824 เล่ม 2(6) | | ๕๕ | สายไฟฟ้าสำหรับวงจรครบคุม | 838 | | ๕๖ | เครื่องจักรกลไฟฟ้าชนิดหมุน เล่ม 3 ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แบบซิงโครนัสขับเคลื่อนโดยกังหันไอน้ำหรือกังหันก๊าซเผาไหม้ | 866 เล่ม 3 | | ๕๗ | สายไฟฟ้าหุ้มฉนวนยาง แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 โวลต์ เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไป | 955 เล่ม 1 | | ๕๘ | ความปลอดภัยของบริภัณฑ์ไฟฟ้าสำหรับการวัด การควบคุม และที่ใช้ ในห้องปฏิบัติการทดสอบ ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องหมุนหวี่ย่งที่ใช้ ในห้องปฏิบัติการ | 2003 | | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๕๙ | ความปลอดภัยของบริการไฟฟ้าสำหรับการวัด การควบคุม และที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องมือวัดค่ากระแสไฟฟ้าแบบคล้องชนิดมือถือ | 2005 | | ๖๐ | ความปลอดภัยของบริการไฟฟ้าสำหรับการวัด การควบคุม และที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องฆ่าเชื้ออบแห้งที่ใช้กับอากาศร้อนหรือก๊าซเสียรอนที่ใช้กับเครื่องมือแพทย์และที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ | 2008 | | ๖๑ | ความปลอดภัยของบริการไฟฟ้าสำหรับการวัด การควบคุม และที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องผสมและเครื่องกวนที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ | 2009 | | ๖๒ | ใยแก้วนำแสง เล่ม 2 ข้อกำหนดรายการผลิตภัณฑ์ | 2049 | | ๖๓ | พีวีส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม ๒ คุณลักษณะ ที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับพีวีส์ที่ใช้โดยบุคคลที่ได้รับอนุญาต (พีวีส์สำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก) - ตัวอย่างของระบบพีวีสมาร์ทฐาน A ถึง K | 2109 เล่ม 2 | | ๖๔ | พีวีส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม 3 คุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับพีวีส์ที่ใช้โดยบุคคลทั่วไป (พีวีส์สำหรับใช้งานในที่อยู่อาศัยและงานที่คล้ายคลึงกันเป็นหลัก) - ตัวอย่างของการมาตราฐานพีวีส์ A ถึง F | 2109 เล่ม 3 | | ๖๕ | พีวีส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม 4 คุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับตัวพีวีส์ที่ใช้ในการป้องกันอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ | 2109 เล่ม 4 | | ๖๖ | พีวีส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม 6 คุณลักษณะเพิ่มเติมสำหรับตัวพีวีส์ที่ใช้ป้องกันระบบพลังงานของแรงดันพลังแสงอาทิตย์ | 2109 เล่ม 6 | | ๖๗ | คู่ต้าต่อเครื่องใช้สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและจุดประสงค์ทั่วไปที่คล้ายกัน เล่ม 2 คู่ต้าเชื่อมโยงสำหรับปริมาณที่ในที่อยู่อาศัยและบริเวณที่คล้ายกัน | 2404 เล่ม 2 | | ๖๘ | เตาเสียบและเต้ารับสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและงานทั่วไปที่มีจุดประสงค์คล้ายกัน : เตาปรับ | 2431 | | ๖๙ | ลูกถ้วยแขวนในระบบจำหน่ายไฟฟ้า : พอร์ชเลน | 2623 เล่ม 2(1) | | ๗๐ | ลูกถ้วยแขวนในระบบส่งไฟฟ้า : พอร์ชเลน | 2623 เล่ม 2(2) | | ๗๑ | ลูกถ้วยไฟฟ้า เล่ม 3 ลูกถ้วยล้อ: พอร์ชเลน | 2623 เล่ม 3 | | ๗๒ | ลูกถ้วยไฟฟ้า เล่ม 4 : ลูกถ้วยยืดย่อง: พอร์ชเลน | 2623 เล่ม 4 | | ๗๓ | ลูกถ้วยไฟฟ้า เล่ม 7(1) ลูกถ้วยหลักรับสายไฟฟ้า : พอร์ชเลน | 2623 เล่ม 7(1) | | ๗๔ | ลูกถ้วยไฟฟ้า เล่ม 7(2) ลูกถ้วยหลักก้านตรงรับสายไฟฟ้า : พอร์ชเลน | 2623 เล่ม 7(2) | ### ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | | ลูกถ้วยแยกสายไฟฟ้าพอร์ชเลนชนิดเคลือบเซรามิกพร้อมโพลิเมอร์ยึดสายไฟฟ้า | 2762 | | สายไฟฟ้าสำหรับอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 0.6/1 kV เล่ม 1 คุณลักษณะที่ต้องการทั่วไป | 3060 เล่ม 1 | | สายไฟฟ้าสำหรับอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 0.6/1 kV เล่ม 3 สายไฟฟ้าสำหรับอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับตามหมวด 1 โหมด 2 และหมวด 3 ของ IEC 61851 - 1 ที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 V | 3060 เล่ม 3 | | สายไฟฟ้าสำหรับอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 0.6/1 kV เล่ม 4(1) สายไฟฟ้าสำหรับอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงตามหมวด 4 ของ IEC 61851 - 1 การอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงโดยไม่ใช้ระบบจัดการความร้อน | 3060 เล่ม 4(1) | | สายไฟฟ้าสำหรับอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 0.6/1 kV เล่ม 4(2) สายไฟฟ้าสำหรับอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงตามหมวด 4 ของ IEC 61851 - 1 สายไฟฟ้าสำหรับใช้กับระบบที่มีการจัดการความร้อน | 3060 เล่ม 4(2) | | เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 5: ข้อกำหนดคุณลักษณะ - เคเบิลในท่อขนาดเล็ก สำหรับติดตั้งโดยการเป่า | 3095 | | เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 5(10): ข้อกำหนดคุณลักษณะเป็นรายกลุ่ม - เคเบิลเส้นใยนำแสงร้อยท่อขนาดเล็กภายนอกอาคาร ท่อขนาดเล็กและท่อขนาดเล็ก ที่มีส่วนป้องกันสำหรับติดตั้งโดยการเป่า | 3096 | | เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 5(20): ข้อกำหนดคุณลักษณะเป็นรายกลุ่ม - ยูนิตเส้นใยนำแสงร้อยท่อขนาดเล็กภายนอกอาคาร ท่อขนาดเล็กและท่อขนาดเล็ก ที่มีส่วนป้องกันสำหรับติดตั้งโดยการเป่า | 3097 | ### ประกาศ ณ วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 2142.pdf,"ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงข้อกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซลให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปริมาณและราคาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไบโอดีเซล อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในรายการ ๑๗ ในตารางหมายเลข ๑ ลักษณะและคุณภาพของ น้ำมันดีเซล แนบท้ายประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล พ.ศ. ๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน | รายการ | ชื่อกำหนด | อัตราสูงต่ำ | มูลนิธิ | มูลนิธิ | | --- | --- | --- | --- | --- | | | | | ธรรมชาติ | ปี ๒๐ | | ๑๘ | ไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ ของกรดไขมัน (Methyl ester of fatty acids) % vol. | ไม่ต่ำกว่า และ ไม่สูงกว่า | ๕.๐ | ๑๙ | | | | | ๗ | ๒๐ | | | | | - | EN ๑๔๐๗๘ | ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ สราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน" 2144.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยการใช้ประโยชน์จากไม้ในป่าชุมชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจาก ประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาต ให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนหรือสมาชิกป่าชุมชนใช้ประโยชน์จากไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในป่าชุมชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็น เพื่อช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๕๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยการใช้ประโยชน์ จากไม้ในป่าชุมชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือ มีเหตุจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “ไม้” หมายความว่า ไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าชุมชน “ใช้ประโยชน์จากไม้” หมายความว่า การใช้ประโยชน์จากไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในป่าชุมชนไปใช้บรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือ มีเหตุจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษ “ไม้ทรงคุณค่า” หมายความว่า ไม้หวงห้ามตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ และให้หมายความ รวมถึงไม้อื่นใดที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่ต่อไปตามลักษณะหรือชนิดที่กำหนดในกฎกระทรวง “ภัยพิบัติสาธารณะ” หมายความว่า อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ มีผู้ทำให้เกิดขึ้น อุบัติเหตุ หรือเหตุอื่นใด ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตหรือร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐ “คำขออนุญาต” หมายความว่า คำขออนุญาตใช้ประโยชน์จากไม้ ""หนังสืออนุญาต"" หมายความว่า หนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากไม้ ""สมาชิก"" หมายความว่า สมาชิกป่าชุมชน ""คณะกรรมการ"" หมายความว่า คณะกรรมการจัดการป่าชุมชน ""ผู้รับอนุญาต"" หมายความว่า สมาชิกหรือคณะกรรมการซึ่งได้รับหนังสืออนุญาต ให้ใช้ประโยชน์จากไม้ ""เจ้าหน้าที่ป่าชุมชน"" หมายความว่า เจ้าหน้าที่สังกัดกรมป่าไม้ที่คณะกรรมการป่าชุมชน ประจำจังหวัดแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยป่าชุมชน ""เจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอ"" หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้หรือศูนย์ป่าไม้ แล้วแต่กรณี ข้อ ๔ คณะกรรมการหรือสมาชิกประสงค์จะใช้ประโยชน์จากไม้ในพื้นที่ป่าชุมชนที่ตน เป็นคณะกรรมการหรือสมาชิกภายในเขตจังหวัดเดียวกันกับพื้นที่ที่ป่าชุมชนนั้นตั้งอยู่ ให้ยื่นคำขออนุญาต ต่อคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดได้ในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) คณะกรรมการโดยมติเสียงข้างมากยื่นคำขออนุญาตต่อคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด แห่งท้องที่ที่ป่าชุมชนนั้นตั้งอยู่พร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอ หรือ (๒) สมาชิกแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือไปยังคณะกรรมการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ในกรณีที่คณะกรรมการโดยมติเสียงข้างมากเห็นชอบให้มีการใช้ประโยชน์จากไม้ได้ ให้คณะกรรมการ ยื่นคำขออนุญาตต่อคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดแห่งท้องที่ที่ป่าชุมชนนั้นตั้งอยู่พร้อมด้วย เอกสารหรือหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอ ให้คณะกรรมการพิจารณาและมีมติตามวรรคหนึ่งภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ แจ้งความประสงค์จากสมาชิก ข้อ ๕ คำขออนุญาตตามข้อ ๔ ต้องระบุรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) วัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์จากไม้ (๒) สถานที่ที่จะมีการใช้ประโยชน์จากไม้ที่ขออนุญาต (๓) ระยะเวลาใช้ประโยชน์จากไม้ที่ขออนุญาต (๔) จำนวน ชนิด และขนาด ของไม้ที่จะใช้ประโยชน์ (๕) แผนที่สังเขปหรือภาพถ่ายแสดงบริเวณพื้นที่ป่าชุมชนที่ขออนุญาตใช้ประโยชน์จากไม้ (๖) แผนการปลูกไม้ทดแทนภายหลังจากการใช้ประโยชน์จากไม้ที่ได้รับอนุญาต โดยชนิดพันธุ์ไม้ ที่นำมาปลูกทดแทนให้พิจารณาชนิดพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับระบบนิเวศและสภาพพื้นที่ที่นำไปปลูกด้วย ข้อ ๖ การยื่นคำขออนุญาตตามข้อ ๔ ให้ยื่น ณ สถานที่หรือวิธีการ ดังต่อไปนี้ (๑) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้แห่งท้องที่ที่รับผิดชอบ (๒) ศูนย์ป่าไม้แห่งท้องที่ที่รับผิดชอบ (๓) สถานที่อื่นหรือโดยวิธีการอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนด ข้อ ๗ เมื่อได้รับคำขออนุญาตตามข้อ ๔ แล้ว ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอออกใบรับคำขอให้แก่ผู้ยื่นคำขออนุญาตไว้เป็นหลักฐาน ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอตรวจสอบคำขอและเอกสารหลักฐานตามข้อ ๔ หากเห็นว่าเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วนและถูกต้อง ให้แจ้งเป็นหนังสือต่อผู้ยื่นคำขออนุญาตเพื่อให้ส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมให้ครบถ้วนและถูกต้องภายในเวลาที่เจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอกำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หากผู้ยื่นคำขออนุญาตไม่ส่งเอกสารหลักฐานภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าคำขอนั้นเป็นอันยกเลิกนับแต่วันที่พ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว และให้เจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นคำขออนุญาตราบ กรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอตรวจสอบแล้วเห็นว่าเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้องให้ส่งสำเนาคำขออนุญาตร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้เลขานุการคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด เพื่อมอบหมายเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนออกไปทำการตรวจสภาพป่าในพื้นที่ป่าชุมชนตามที่ระบุไว้ในคำขออนุญาตภายในห้าวันนับแต่วันที่เลขานุการคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดได้รับคำขอและเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้อง ข้อ ๘ ในการตรวจสภาพป่า ให้เจ้าหน้าที่ป่าชุมชนเป็นผู้นัดวันและเวลาที่จะตรวจสภาพป่าพร้อมทั้งแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นคำขออนุญาตราบ และให้ผู้ยื่นคำขออนุญาตนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสภาพป่าตามวันและเวลาที่กำหนด หากไม่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจน้ำภาพป่าตามกำหนดเวลาดังกล่าว ให้เจ้าหน้าที่ป่าชุมชนกำหนดวันและเวลาในการตรวจสภาพป่าใหม่โดยแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นคำขออนุญาตราบอีกครั้ง หากผู้ยื่นคำขออนุญาตไม่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจน้ำภาพป่าตามกำหนดเวลาดังกล่าวอีกให้ถือว่าคำขอนั้นเป็นอันสิ้นผลและให้เจ้าหน้าที่ป่าชุมชนแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นคำขออนุญาตราบ ข้อ ๙ ให้เจ้าหน้าที่ป่าชุมชนตรวจสภาพป่าให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เข้าตรวจสภาพป่าตามข้อ ๘ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นไม่อาจตรวจสภาพป่าให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ขยายระยะเวลาออกไปได้ไม่เกินสิบห้าวัน โดยให้แจ้งเหตุผลและความจำเป็นในการขยายระยะเวลาเป็นหนังสือให้เลขานุการคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดทราบ เมื่อได้ตรวจสภาพป่าตามวรรคหนึ่งเสร็จแล้ว ให้เลขานุการคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดรายงานผลการตรวจสภาพป่า และจัดทำความเห็นเสนอคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ตรวจสภาพป่าแล้วเสร็จ ข้อ ๑๐ การพิจารณาอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากไม้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังต่อไปนี้ (๑) การอนุญาตจะต้องเป็นไปเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษ โดยการพิจารณาให้ความช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษของผู้ได้รับความช่วยเหลือด้วย (๒) การใช้ประโยชน์จากไม้ต้องเป็นไม้ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณเพื่อการใช้ประโยชน์ (๓) ให้พิจารณาอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากไม้ตามธรรมชาติซึ่งไม่ใช่ไม้ทรงคุณค่า ก่อนหากจำนวนไม้ตามธรรมชาติซึ่งมิใช่ไม้ทรงคุณค่ายังไม่เพียงพอ หรือไม่น้อยจนขาดไม่เหมาะสมที่จะนำไปใช้ประโยชน์ใด จึงจะอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากไม้ทรงคุณค่าที่มีขนาดความโตไม่เกินสองร้อยเซนติเมตรได้ โดยวัดรอบลำต้นตรงที่ระดับความสูงหนึ่งร้อยสามสิบเซนติเมตรจากพื้นดิน เว้นแต่ต้นไม้ที่ลำต้นมีลักษณะผิดปกติ ให้วัดโดยรอบลำต้นตรงที่ถัดจากที่มีลักษณะผิดปกติขึ้นไปใกล้ชิดที่สุด (๔) สถานที่ที่จะมีการใช้ประโยชน์จากไม้ต้องอยู่ภายในเขตจังหวัดเดียวกับพื้นที่ที่ป่าชุมชนที่มีการขออนุญาตใช้ประโยชน์จากไม้ตั้งอยู่ ความใน (๓) ไม่ใช่บังคับแก่ไม้ทรงคุณค่าที่ล้มตามธรรมชาติ ข้อ ๑๑ ให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาคำขออนุญาตให้แล้วเสร็จโดยเร็วซึ่งต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงานผลการตรวจสภาพป่าตามข้อ ๙ วรรคสอง ข้อ ๑๒ ในการพิจารณาอนุญาตตามข้อ ๑๐ ให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาอนุญาตได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมแก่กรณีตามที่ขออนุญาต และให้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบนิเวศในบริเวณที่ไม่น้อยจนขาดไม่มีการนำไม้ไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งแผนการปลูกไม้ทดแทนภายหลังจากที่มีการใช้ประโยชน์จากไม้ตามที่ได้รับหนังสือนุญาตประกอบด้วย ข้อ ๑๓ ให้ผู้รับอนุญาตทำการล้มไม้ได้ภายในวันที่กำหนดโดยเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนและกรรมการจัดการป่าชุมชนอย่างน้อยสองคน ทั้งนี้ อาจขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีทักษะหรือประสบการณ์เป็นผู้กระทำการล้มต้นไม้นั้นให้แทนก็ได้ โดยให้ถ่ายภาพต้นไม้ก่อนที่จะล้มไม้ การล้มไม้นั้น ต้องไม่ มีที่ล้มแล้ว และไม้ที่ตัดเป็นท่อน และจัดทำบันทึกการล้มไม้ไว้เป็นหลักฐาน ข้อ ๑๔ เมื่อผู้รับอนุญาตได้ใช้ประโยชน์จากไม้ตามที่ได้รับหนังสืออนุญาตเสร็จสิ้นแล้วให้แจ้งเป็นหนังสือพร้อมแนบสำเนาบันทึกการล้มไม้ต่อประธานกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดทราบภายใน เจ็ดวันนับแต่วันที่ดำเนินการเสร็จสิ้น และให้เริ่มต้นดำเนินการตามแผนการปลูกไม้ทดแทนตามรายละเอียดที่ได้ยื่นไว้พร้อมคำขออนุญาต ข้อ ๑๕ ในกรณีที่หนังสืออนุญาตชำรุด สูญหาย หรือถูกทำลาย ให้ผู้รับหนังสืออนุญาตยื่นคำขอรับใบแทนหนังสืออนุญาตต่อประธานกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด โดยส่งคืนหนังสือนอนุญาตเดิมที่ชำรุดหรือยื่นหลักฐานแจ้งความกรณีสูญหายหรือถูกทำลาย เพื่อให้ประธานกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาออกใบแทนหนังสืออนุญาตต่อไป การออกใบแทนหนังสืออนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้แบบหนังสืออนุญาตเดิม โดยเขียนหรือประทับตราคำว่า “ใบแทน” ด้วยหมึกสีแดงด้านบน และให้ระบุวัน เดือน ปี ที่ออกใบแทนหนังสืออนุญาตพร้อมทั้งลงลายมือชื่อผู้ออกใบแทนหนังสืออนุญาตไว้ด้วย ข้อ ๑๖ ให้ประธานกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาออกใบแทนหนังสืออนุญาตฉบับเดิม ที่ชำรุด สูญหาย หรือถูกทำลายภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ ข้อ ๑๗ คำขออนุญาต ใบรับคำขออนุญาต หนังสืออนุญาต รายงานผลการตรวจสภาพป่าและบันทึกการล้มไม้ ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๑๘ ให้ประธานกรรมการนโยบายป่าชุมชนรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจออกประกาศหรือคำสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนเป็นผู้วินิจฉัยชั้นขาด คำวินิจฉัยนั้นให้เป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการนโยบายป่าชุมชน" 2145.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการให้ลูกจ้างในกิจการที่มิได้อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ สมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีระเบียบรองรับให้ลูกจ้างในกิจการที่มิได้อยู่ ในบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุน สงเคราะห์ลูกจ้างได้ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓๐ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างว่าด้วยการให้ลูกจ้าง ในกิจการที่มิได้อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ สมัครเข้าเป็นสมาชิก กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้นายจ้างซึ่งยินยอมให้ลูกจ้างในกิจการที่มิได้อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ สมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ยื่นแบบรายการแสดง รายชื่อลูกจ้าง ส าหรับกิจการที่มิได้อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ (สกล.๓/๑) เพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนการเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้แก่นายจ้าง การยื่นให้เป็นไปตามที่ อธิบดีก าหนด ข้อ ๔ ให้พนักงานตรวจแรงงานตรวจสอบความถูกต้อง แบบรายการแสดงรายชื่อลูกจ้าง ส าหรับกิจการที่มิได้อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ (สกล.๓/๑) ตามข้อ ๓ แล้วเสนอความเห็นต่อผู้มีอ านาจพิจารณาอนุมัติขึ้นทะเบียนการเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ให้แก่นายจ้าง ข้อ ๕ ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีอ านาจพิจารณาอนุมัติขึ้นทะเบียนการเป็นสมาชิกกองทุน สงเคราะห์ลูกจ้างให้แก่นายจ้าง ตามข้อ ๓ (๑) ผู้อ านวยการส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ มีอ านาจ พิจารณาอนุมัติขึ้นทะเบียนการเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้แก่นายจ้าง ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ ของส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ นั้น (๒) สวัสดิการและคุ้ มครองแรงงานจังหวัด มีอ านาจพิจารณาอนุมัติขึ้นทะเบียนการเป็นสมาชิก กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้แก่นายจ้าง ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของส านักงานสวัสดิการและคุ้มครอง แรงงานจังหวัด นั้น หนา ๔ เลม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗(๓) ผู้อ านวยการกองคุ้มครองแรงงาน มีอ านาจพิจารณาอนุมัติขึ้นทะเบียนการเป็นสมาชิก กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้แก่นายจ้าง ทั่วประเทศ ข้อ ๖ ความเป็นสมาชิกตามข้อ ๓ ให้เริ่มตั้งแต่เดือนที่นายจ้างได้รับหนังสือส าคัญแสดง การขึ้นทะเบียนการเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง (สกล.๔/๑) ที่ผ่านการอนุมัติ และลูกจ้าง ได้จ่ายเงินสะสมแล้ว ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง หนา ๕ เลม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ Powered by TCPDF (www.tcpdf.org)" 2146.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินเงินสะสมและเงินสมทบ ที่นายจ้างต้องน าส่งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน เงินสะสมและเงินสมทบที่นายจ้างต้องน าส่งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เพื่อให้การด าเนินการกองทุน สงเคราะห์ลูกจ้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินเงินสะสมและเงินสมทบที่นายจ้างต้องน าส่งกองทุนสงเค ราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “ส านักงาน” หมายความว่า ส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด หรือส านักงาน สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ “เงินสะสม” หมายความว่า เงินที่ลูกจ้างจ่ายเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง “เงินสมทบ” หมายความว่า เงินที่นายจ้างจ่ายสมทบให้แก่ลูกจ้างเพื่อส่งเข้ากองทุนสงเคราะห์ ลูกจ้าง “กองทุน” หมายความว่า กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ข้อ ๔ ในกรณีที่นายจ้างไม่น าส่งเงินสะสมและ/หรือเงินสมทบหรือน าส่งไม่ครบตามก าหนดเวลา ให้พนักงานตรวจแรงงานมีค าเตือนเป็นหนังสือ ให้นายจ้างน าเงินสะสมและ/หรือเงินสมทบที่ค้างช าระ และเงินเพิ่ม มาช าระภายในก าหนดไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือนั้น ถ้านายจ้างได้รับ ค าเตือนดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่น าเงินสะสมและ/หรือเงินสมทบที่ค้างช าระและเงินเพิ่มมาช าระภายใน ก าหนด ให้พนักงานตรวจแรงงานมีอ านาจประเมินเงินสะสมและ/หรือเงินสมทบและแจ้งเป็นหนังสือ ให้นายจ้างน าส่งได้ ดังนี้ (๑) ถ้านายจ้างเคยน าส่งเงินสะสมและเงินสมทบแล้วให้ถือว่าจ านวนเงินสะสมและ/หรือเงินสมทบ ที่นายจ้างมีหน้าที่น าส่งในเดือนต่อมาแต่ละเดือนมีจ านวนเท่ากับจ านวนเงินสมทบในเดือนที่นายจ้างได้ น าส่งแล้วเดือนสุดท้ายเต็มเดือน (๒) ถ้านายจ้างซึ่งมีหน้าที่น าส่งเงินสะสมและเงินสมทบแ ต่ไม่ยื่นแบบรายการ (สกล.๓) หรือ (สกล.๓/๑) แล้วแต่กรณี หรือยื่นแบบรายการ (สกล. ๓) หรือ (สกล.๓/๑) แล้ว แต่ไม่เคยน าส่งเงินสะสม และเงินสมทบหรือยื่นแบบรายการ (สกล.๓) หรือ (สกล.๓/๑) โดยแจ้งจ านวนและรายชื่อลูกจ้าง หนา ๖ เลม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗น้อยกว่าจ านวนลูกจ้างที่มีอยู่จริง ให้ประเมินเงินสะสมและเงินสมทบจากแบบรายการ (สกล.๓) หรือ (สกล.๓/๑) ที่นายจ้างเคยยื่นไว้ หรือจากจ านวนลูกจ้างที่พนักงานตรวจแรงงานตรวจพบ แล้วแต่กรณี โดยถือว่าลูกจ้างแต่ละคนได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนในอัตราที่ได้เคยมีการยื่นแบบรายการ (สกล.๓) หรือ (สกล.๓/๑) ไว้ แต่ถ้าไม่เคยมีการยื่นแบบรายการ (สกล.๓) หรือ (สกล.๓/๑) หรือยื่นแบบรายการ (สกล.๓) หรือ (สกล.๓/๑) ไม่ครบถ้วน ให้ถือว่าลูกจ้างแต่ละคนได้รับค่าจ้างรายเดือนไม่น้อยกว่าอัตรา ค่าจ้างขั้นต่ ารายวันตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานที่ใช้บังคับอยู่ในท้อ งที่นั้น คูณด้วยสามสิบ ข้อ ๕ กรณีที่มีการพิสูจน์ได้ภายในสองปีนับแต่วันที่มีการแจ้งการประเมินเงินสะสมและ/ หรือเงินสมทบว่าจ านวนเงินสะสมและ/หรือเงินสมทบที่แท้จริงที่นายจ้างมีหน้าที่ต้องน าส่งมีจ านวน มากกว่าหรือน้อยกว่าจ านวนเงินสะสมและ/หรือเงินสมทบที่พนักงานตรวจ แรงงานประเมินไว้ตามข้อ ๔ ให้ส านักงานมีหนังสือแจ้งผลการพิสูจน์ให้นายจ้างทราบ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบผลการพิสูจน์ เพื่อให้นายจ้างน าส่งเงินสะสมและ/หรือเงินสมทบเพิ่มเติมภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หรือ ยื่นค าขอต่อส านักงาน เพื่อให้คืนเงินสะส มและ/หรือเงินสมทบ แล้วแต่กรณี ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง หนา ๗ เลม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ Powered by TCPDF (www.tcpdf.org)" 2148.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๗๑ ก หน้า ๘๓ ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับและมงกุฎบนศีรษะ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาลไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราสัญลักษณ์ครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
กฎกระทรวง กำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๓๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้นายจ้าง และลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามมาตรา ๑๓๐ วรรคหนึ่ง จ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย ตามบัญชีอัตราเงินสะสมและเงินสมทบ ดังต่อไปนี้ (๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๗๓ ให้เป็นไป ตามอัตราต่อไปนี้
ผู้จ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ อัตราเงินสะสมและเงินสมทบเป็นร้อยละ ของค่าจ้างของลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
๑. เงินสะสมของลูกจ้าง ๐.๒๕
๒. เงินสมทบของนายจ้าง ๐.๒๕
(๒) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๗๓ เป็นต้นไป ให้เป็นไปตามอัตราต่อไปนี้
ผู้จ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ อัตราเงินสะสมและเงินสมทบเป็นร้อยละ ของค่าจ้างของลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
๑. เงินสะสมของลูกจ้าง ๐.๕
๒. เงินสมทบของนายจ้าง ๐.๕
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๓๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ บัญญัติว่า นับแต่วันที่ลูกจ้างเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ทุกครั้ง ที่มีการจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างจ่ายเงินสะสม โดยให้นายจ้างหักจากค่าจ้างและนายจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน สงเคราะห์ลูกจ้าง ทั้งนี้ ตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงแต่ต้องไม่เกินร้อยละห้าของค่าจ้าง จึงจำเป็นต้อง ออกกฎกระทรวงนี้" 2150.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาต ประกอบกิจการโทรคมนาคมเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๗ (๖) (๒๔) และมาตรา ๓๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และก ากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ประกอบกับมาตรา ๕๔ วรรคสาม มาตรา ๖๖ วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมตามกฎหมายว่าด้วย การประกอบกิจการโทรคมนาคม “ผู้รับใบอนุญาต” หมายความว่า ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมตามกฎหมายว่าด้วย การประกอบกิจการโทรคมนาคม ข้อ ๓ กสทช. อาจพิจารณามีค าสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตในกรณีอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๒ วรรคสอง หรือวรรคสาม หรือมาตรา ๒๕ หรือมาตรา ๒๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งเลขาธิการ กสทช. ได้ด าเนินการบังคับทางปกครองตามมาตรา ๖๔ มาตรา ๖๕ และมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติ การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ และก าหนดค่าปรับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครองแล้ว เมื่อค าสั่งก าหนดค่าปรับทางปกครองเป็นที่สุดแล้ว แต่ผู้รับใบอนุญาตยังเพิกเฉย ไม่ปฏิบัติการให้ถูกต้องตามค าสั่งเลขาธิการ กสทช. และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าค าสั่งก าหนดค่าปรับทางปกครอ ง จะไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ (๒) ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมจนเกิด ความเสียหายร้ายแรงต่อประโยชน์สาธารณะ (๓) ผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้กระท าความผิดโดยการดักรับไว้ ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความ ข่าวสารหรือข้อมูลอื่ นใดที่มีการสื่อสารทางโทรคมนาคมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หนา ๑๔ เลม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗(๔) ผู้รับใบอนุญาตรู้ว่ามีการกระท าความผิดโดยการดักรับไว้ ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความ ข่าวสารหรือข้อมูลอื่นใดที่มีการสื่อสารทางโทรคมนาคมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เพิกเฉยหรือไม่ด าเนินการ ตามกฎหมายภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่รู้ว่ามีการกระท าความผิดและรู้ตัวผู้กระท าความผิด ถ้าการกระท าตามวรรคหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประโยชน์สาธารณะในลักษณะที่ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ การก ากับดูแลอย่างร้ายแรง หรือส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการหรือ ประชาชนเป็นวงกว้าง กสทช. อาจมีค าสั่งเพิกถอนใบอนุญาตโดยไม่ต้องมีค าสั่งพักใช้ใบอนุญาตก่อนก็ได้ ข้อ ๔ กสทช. อาจพิจารณามีค าสั่งเพิกถอนใบอนุญาตในกรณีอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้รับใบอนุญาตถูกพักใช้ใบอนุญาตตั้งแต่สองครั้งขึ้ นไปในเหตุเดียวกัน (๒) ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนค าสั่งพักใช้ใบอนุญาต (๓) ผู้รับใบอนุญาตมิได้ระงับการกระท าที่ฝ่าฝืน หรือแก้ไขปรับปรุงการกระท าที่เป็นเหตุแห่ง การพักใช้ใบอนุญาตให้ถูกต้องเหมาะสม และปรากฏว่าค าสั่งพักใช้ใบอนุญาตจะไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ (๔) ผู้รับใบอนุญาตท าสัญญาหรือความตกลงเกี่ยวกับการประกอบกิจการและการให้บริการ โทรคมนาคมกับรัฐบาลต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ และบุคคลหรือนิติบุคคลที่อยู่ในต่างประเทศ รวมทั้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกสัญญาหรือความตกลง โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจาก กสทช. หรือด าเนินการใดที่แตกต่างไปจากความเห็นชอบของ กสทช. และ กสทช. ได้สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตด าเนินการ แก้ไขตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่ก าหนดแล้ว แต่ผู้รับใบอนุญาตไม่ด าเนินการภายในระยะเวลาดังกล่าว ตามมาตรา ๕๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ (๕) ผู้รับใบอนุญาตที่ กสทช. มีค าสั่งพักใช้ใบอนุญาตไม่ด าเนินการตามเงื่อนไขหรือมาตรการ เยียวยาผลกระทบผู้ใช้บริการตามข้อ ๘ ข้อ ๕ เมื่อความตามข้อ ๓ หรือข้อ ๔ ปรากฏต่อส านักงาน กสทช. ให้ส านักงาน กสทช. ด าเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเสนอ กสทช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รู้เหตุ ถ้ามีเหตุจ าเป็น ไม่อาจด าเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ขยายระยะเวลาออกไปได้ไม่เกินสามสิบวัน นับแต่วันที่ครบก าหนดเวลาดังกล่าว ให้ กสทช. พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่ องจากส านักงาน กสทช. ถ้ามีเหตุจ าเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ขยายระยะเวลาออกไปได้ไม่เกิน สามสิบวันนับแต่วันที่ครบก าหนดเวลาดังกล่าว ในการนี้ กสทช. อาจมีค าสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งหมดหรือบางบริการก็ได้ ค าสั่งพักใช้ใบอนุญาตให้เป็นไปตามที่ กสทช. ก าหนด แต่ต้องไม่เกินครั้งละสามสิบวัน ข้อ ๖ เมื่อ กสทช. มีค าสั่งพักใช้ใบอนุญาต ให้ส านักงาน กสทช. ด าเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) เมื่อความปรากฏต่อส านักงาน กสทช. หรือส านักงาน กสทช. ได้รับแจ้งว่า ในระหว่าง การพักใช้ใบอนุญาต ผู้รับใบอนุญาตได้ระงับการกระท าที่ฝ่าฝืน หรือแก้ไขปรับปรุงการกระท าที่เป็นเหตุแห่ง การพักใช้ใบอนุญาตให้ถูกต้องเหมาะสมแล้ว ให้ส านักงาน กสทช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอ กสทช. เพื่อพิจารณายกเลิกค าสั่งพักใช้ใบอนุญาตโดยเร็ว หนา ๑๕ เลม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗(๒) เมื่อความปรากฏต่อส านักงาน กสทช. หรือส านักงาน กสทช. ได้รับแจ้งว่า ผู้รับใบอนุญาต มิได้ระงับการกระท าที่ฝ่าฝืน หรือแก้ไขปรับปรุงการกระท าที่เป็นเหตุแห่งการพักใช้ใบอนุญาตให้ถูกต้อง เหมาะสม ให้ส านักงาน กสทช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอ กสทช. เพื่อพิจารณามีค าสั่งพักใช้ใบอนุญาต อีกไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน หากผู้รับใบอนุญาตไม่ด าเนินการดังกล่าวให้ถูกต้องเหมาะสม ให้ส านักงาน กสทช. เสนอ กสทช. เพื่อพิจารณามีค าสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ข้อ ๗ ให้ส านักงาน กสทช. แจ้งค าสั่งพักใช้หรือเพิกถ อนใบอนุญาตเป็นหนังสือให้ผู้รับ ใบอนุญาตทราบ และประกาศเผยแพร่ค าสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตผ่านระบบสารสนเทศของส านักงาน กสทช. เพื่อให้ทราบโดยทั่วไป ให้ผู้รับใบอนุญาตที่ กสทช. มีค าสั่งเพิกถอนใบอนุญาตส่งมอบใบอนุญาตที่ถูกเพิกถอนต่อส านักงาน กสทช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ข้อ ๘ ในการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต กสทช. อาจก าหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเยียวยา ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ใช้บริการหรือเงื่อนไขหรือมาตรการอื่นใด โดยผู้รับใบอนุญาตต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการพักใช้หรื อเพิกถอนใบอนุญาต ประกาศ ณ วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ศาสตราจารย์คลินิกสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หนา ๑๖ เลม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ Powered by TCPDF (www.tcpdf.org)" 2152.pdf,"ระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าเสียหายหรือค่าชดเชยในพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าเสียหายหรือค่าชดเชย อันเกิดจากการที่พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลรักษาพื้นที่ และกำหนดมาตรการควบคุมหรือออกคำสั่ง ห้ามกระทำกิจกรรมใด ๆ ในพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า ซึ่งผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองอยู่ โดยชอบด้วยกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๐ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า จึงออกระเบียบนี้ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าเสียหายหรือค่าชดเชยในพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า” พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “พื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า” หมายความว่า พื้นที่ที่อธิบดีประกาศกำหนดตามมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ในกรณีมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์ในการจัดการสัตว์ป่าที่อยู่นอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าที่ก่อให้เกิด ผลกระทบหรือสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน หรือเพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์หรือ มีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างยิ่ง “ผู้มีสิทธิได้รับเงิน” หมายความว่า ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าเสียหายหรือค่าชดเชยในพื้นที่ควบคุม เพื่อการจัดการสัตว์ป่าซึ่งเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า โดยชอบด้วยกฎหมายหรือทายาทหรือผู้จัดการมรดกของบุคคลดังกล่าว “ค่าเสียหาย” หมายความว่า เงินหรือทรัพย์อื่นที่ชดใช้หรือทดแทน รวมถึงการทำให้ทรัพย์ ที่เกิดความเสียหายกลับคืนสู่สภาพเดิม แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงิน อันเนื่องมาจากการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าไปจัดการสัตว์ป่าในพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า เป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้มีสิทธิได้รับเงิน เกิดความเสียหาย “ค่าชดเชย” หมายความว่า เงินหรือทรัพย์อื่นที่จ่ายชดเชยหรือทดแทน รวมถึงการกระทำ ของพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อบรรเทาการสูญเสียซึ่งสิทธิในการใช้ประโยชน์จากทรัพย์หรือกิจการใดในพื้นที่ควบคุม เพื่อการจัดการสัตว์ป่า แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงิน อันเนื่องมาจากการที่พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการสัตว์ป่า ในพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า ""พนักงานเจ้าหน้าที่"" หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ""สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์” ให้มายความรวมถึงสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขาด้วย ""อธิบดี"" หมายความว่า อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ข้อ ๔ ให้อธิบดีมีอำนาจจินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาการตีความ ให้อธิบดีเสนอแนวทางการตีความต่อคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และให้ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการดังกล่าว เพื่อให้การบังคับใช้ระเบียบนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนที่เกี่ยวข้อง อธิบดีอาจกำหนดแบบบันทึกข้อมูล แบบแจ้ง แบบรายงาน แบบคำขอ หรือแบบต่าง ๆ ตามระเบียบนี้ก็ได้ ข้อ ๕ เมื่อมีการประกาศพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า ให้ผู้อำนวยการสำนักบริหาร พื้นที่อนุรักษ์แห่งท้องที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า แต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า ""คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินค่าเสียหายหรือค่าชดเชยในพื้นที่ควบคุม เพื่อการจัดการสัตว์ป่า"" ประกอบด้วย ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า เป็นประธาน ผู้อำนวยการ ส่วนอุทยานแห่งชาติ หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมาย ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการ เป็นกรรมการ และให้หัวหน้าหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์ที่ดูแลรับผิดชอบ ในพื้นที่ใกล้เคียงพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า เป็นกรรมการและเลขานุการ ดำเนินการในพื้นที่ควบคุม เพื่อการจัดการสัตว์ป่าตามอำนาจและหน้าที่ ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินค่าเสียหายหรือค่าชดเชยในพื้นที่ควบคุม เพื่อการจัดการสัตว์ป่า มีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้ (๑) ตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับลักษณะหรือรายละเอียดความเสียหายหรือผลกระทบ ที่เกิดขึ้นจากมาตรการควบคุมหรือคำสั่งห้ามกระทำกิจกรรมในพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า การตรวจสอบลักษณะหรือรายละเอียดความเสียหายหรือผลกระทบที่เกิดขึ้น ให้พิจารณา ความเสียหายหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อร่างกายหรือทรัพย์สินของผู้มีสิทธิได้รับเงินตามที่เกิดขึ้นจริง และประเมินค่าชดเชย ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คำสั่งหรือมาตรการของพนักงานเจ้าหน้าที่มีผลบังคับใช้ เช่น ที่ดิน ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้าง วัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ พืชผลทางการเกษตร สัตว์ ปศุสัตว์ รวมถึงการระบวนการใช้ชีวิตซึ่งเป็นปกติธรรมะ ของผู้มีสิทธิได้รับเงิน เป็นต้น (๒) ประเมินค่าเสียหายหรือค่าชดเชยของผู้มีสิทธิได้รับเงินแต่ละราย โดยให้คำนึงถึงสภาพ และราคาของทรัพย์สินที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด หรือเทียบราคาที่อ้างอิงจากราคากลาง ที่ทางราชการกำหนดตามที่เป็นอยู่ในวันที่เกิดความเสียหายนั้น การเสื่อมราคาทรัพย์สินตามหลักเกณฑ์ การคำนวณค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินที่กระทรวงการคลังกำหนดในการเรียกให้ผู้ทำละเมิดชดใช้ความเสียหาย ให้แก่ทางราชการ การที่ทางราชการได้บรรเทาหรือแก้ไขความเสียหายไปแล้ว และปัจจัยอื่น ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้มีสิทธิได้รับเงินและสังคม (๓) ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แจ้งข้อมูลการประเมินค่าเสียหายหรือค่าชดเชย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าเสียหายหรือค่าชดเชย มาตรการควบคุมหรือคำสั่งห้าม กระทำกิจกรรมและช่องทางในการติดต่อประสานงาน แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินเพื่อทราบอย่างเพียงพอ (๔) รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินค่าเสียหายหรือค่าชดเชยในรูปแบบโครงการ เพื่อขอใช้จ่ายเงินอนุรักษ์สัตว์ป่า พร้อมเอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้อง เสนอผู้อำนวยการสำนักบริหาร พื้นที่อนุรักษ์แห่งท้องที่เพื่อพิจารณาให้ความเห็น เสนอต่ออธิบดีเพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการ ข้อ ๗ เมื่ออธิบดีอนุมัติโครงการแล้ว จะต้องเบิกจ่ายเงินอนุรักษ์สัตว์ป่าให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงิน ภายในสิบห้าวันทำการ และให้สำนักบริหารงานกลางรายงานผลการโอนเงินให้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าทราบ ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่โอนเงิน ข้อ ๘ กรณีเกิดความเสียหายเพิ่มเติมจากความเสียหายที่ได้จ่ายค่าเสียหายหรือค่าชดเชยไปแล้ว ตามข้อ ๗ ภายในระยะเวลาที่ประกาศพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินแจ้งต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ในท้องที่กรุงเทพมหานคร ให้แจ้ง ณ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (๒) ในท้องที่จังหวัดอื่น ให้แจ้ง ณ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ หรือพื้นที่อนุรักษ์ที่อยู่ใกล้เคียง พื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่านั้น เมื่อได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งเสนอให้คณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและประเมินค่าเสียหายหรือค่าชดเชยในพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่า ดำเนินการ ตามข้อ ๖ ในส่วนของความเสียหายเพิ่มเติมขึ้นนั้นต่อไป ข้อ ๙ หากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินค่าเสียหายหรือค่าชดเชย ในพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่าพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถรองขอค่าเสียหายหรือค่าชดเชย ตามกฎหมายอื่นได้อีก อาจมีหนังสือไปยังหน่วยงานที่รับคำขอขอรับค่าเสียหายหรือค่าชดเชย เพื่อให้ขอรับค่าเสียหายหรือค่าชดเชยให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎหมายดังกล่าว ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" 2157.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๗๓ ก หน้า ๑ ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับและมงกุฎบนศีรษะ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาลไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราสัญลักษณ์ครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
กฎกระทรวง กำหนดประเภทของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือองค์การเอกชนที่ต้องรายงานสถิติข้อมูล พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๙/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้ ""กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” หมายความว่า วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตั้งแต่หัววิสาหกิจนั้นไปรวมกลุ่มกันโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันหรือดำเนินกิจกรรมร่วมกันในการพัฒนา กิจการ ข้อ ๒ ให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในประเภท ดังต่อไปนี้ ต้องรายงานสถิติข้อมูลต่อส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๔๐ (๑) ประเภตกิจการผลิตสินค้า (๒) ประเภตกิจการให้บริการ (๓) ประเภตกิจการค้าส่ง (๔) ประเภตกิจการค้าปลีก เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๗๓ ก หน้า ๒ ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ข้อ ๓ ให้องค์การเอกชนประเภทที่มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องรายงานสถิติข้อมูลต่อส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจตามมาตรา ๔๐ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ แพทองธารา ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดประเภทของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือองค์การเอกชนที่ต้องรายงานสถิติข้อมูลต่อส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามแผนงานและนโยบายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 2159.pdf,"# ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง โรงงานตามมาตรา ๔/๑ ที่ได้รับยกเว้นจากการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔/๑ (๑) และมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ โรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้การประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๒ ซึ่งไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา ๔ ของกรมราชทัณฑ์ที่มีวัตถุประสงค์ฝึกหัดะการประกอบอาชีพให้ผู้ต้องขัง เพื่อสามารถประกอบอาชีพเสียเงินตนเอง และครอบครัว ภายหลังพ้นโทษ ได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๒ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๑ ข้อ ๒ ให้การประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๓ ซึ่งไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา ๔ ของกรมราชทัณฑ์ที่มีวัตถุประสงค์ฝึกหัดะการประกอบอาชีพให้ผู้ต้องขังเพื่อสามารถประกอบอาชีพเสียเงินตนเอง และครอบครัว ภายหลังพันโทษ ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจากผู้อนุญาต ตามมาตรา ๑๒ และได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขยายโรงงานจากผู้อนุญาตตามมาตรา ๑๘ ข้อ ๓ ให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานตามข้อ ๑ หรือข้อ ๒ แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้อนุญาต แล้วแต่กรณี ทราบเป็นการล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนดำเนินการ พร้อมด้วยเอกสาร หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามที่ปลัดกระทรวงประกาศกำหนด เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้อนุญาตได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้อนุญาต แล้วแต่กรณี ออกหนังสือรับแจ้งให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานไว้เป็นหลักฐาน ข้อ ๔ ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ได้รับยกเว้นตามข้อ ๑ และข้อ ๒ จะต้องปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานตามพระราชบัญญัตน์ โดยให้ถือว่าเป็นผู้แจ้ง หรือผู้รับใบอนุญาต แล้วแต่กรณี ข้อ ๕ ให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานตามข้อ ๑ ที่ได้รับใบรับแจ้งประกอบกิจการโรงงาน หรือผู้ประกอบกิจการโรงงานตามข้อ ๒ ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานหรือได้รับอนุญาต ให้ขยายโรงงานก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ และยังประกอบกิจการโรงงานอยู่ในวันที่ประกาศนี้ มีผลใช้บังคับดำเนินการตามข้อ ๓ ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 2160.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๓๔ ก หน้า ๗ ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับและมงกุฎบนศีรษะ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาลไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราสัญลักษณ์ครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
กฎกระทรวง กำหนดกิจการที่เป็นเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในบทนียามคำว่า ""เกษตรกรรม"" ในมาตรา ๕ และมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้กิจการดังต่อไปนี้เป็นเกษตรกรรม (๑) การปลูกไม้เศรษฐกิจเพื่อการค้า (๒) การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม (๓) การเพาะเห็ด (๔) การปลูกหญ้าเพื่อการค้าหรือเพื่อเลี้ยงสัตว์ (๕) การปลูกไม้ดอกหรือไม้ประดับเพื่อการค้า (๖) การเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่บทบัญญามคำว่า “เกษตรกรรม” ในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ บัญญัติให้มีความถึงกิจการอื่นตามที่กำหนดในกฎหมายระหว่างประเทศอาชญากรรมและโทษทางเศรษฐกิจ การที่เกี่ยวกับเกษตรกรรมในปัจจุบันมีความหลากหลายมากขึ้นสมควรกำหนดเพิ่มเติมให้กิจการดังกล่าวเป็นเกษตรกรรม เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการนั้นได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ " 2162.pdf,"การยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๓๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดแบบและวิธีการให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ ที่เข้ามาในราชอาณาจักรแจ้งและยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านควบคุมโรคติดต่อ ระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๓ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรณีมีเหตุ อันสมควรหรือมีเหตุสงสัยว่าพาหนะใดมาจากท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรที่มีโรครบาด ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะดังกล่าวยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเมื่อพาหนะเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีพาหนะทางน้ำ ได้แก่ เรือเดินทะเลระหว่างประเทศและเรือเดินลำน้ำระหว่างประเทศ ให้ยื่นเอกสาร ดังต่อไปนี้ (ก) เอกสารรับรองการยกเว้นการควบคุมสุขาภิบาลเรือหรือเอกสารรับรองการควบคุม สุขาภิบาลเรือ (ข) ใบรับรองสุขลักษณะของคอนเทนเนอร์ ในกรณีที่บรรทุกคอนเทนเนอร์ (ค) รายชื่อผู้เดินทาง (๒) กรณีพาหนะทางบก ให้ยื่นเอกสาร ดังต่อไปนี้ (ก) รถไฟ รถบรรทุกสินค้า และพาหนะทางบกอื่น ๆ ๑) ในรับรองสุขลักษณะของคอนเทนเนอร์ ในกรณีที่บรรทุกคอนเทนเนอร์ ๒) รายชื่อผู้เดินทาง ๓) รายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางบก (รถโดยสารสาธารณะ รถไฟฟ้า และรถยนต์ส่วนบุคคล) ๑) รายชื่อผู้เดินทาง ๒) รายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางบก (๓) กรณีพาหนะทางอากาศ ได้แก่ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ และอากาศยานอื่นที่รับขนส่งทางอากาศ ให้ยื่นเอกสาร ดังต่อไปนี้ (ก) ในรับรองสุขลักษณะของคอนเทนเนอร์ ในกรณีที่บรรทุกคอนเทนเนอร์ (ข) รายชื่อผู้เดินทาง (ค) รายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางอากาศ ข้อ ๔ กรณีที่พาหนะตามข้อ ๓ มาจากท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรที่มีโรคระบาดซึ่งได้ระบุไว้ในรายงานระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ขององค์การอนามัยโลก ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะดังกล่าวดำเนินการให้ผู้เดินทางซึ่งมากับพาหนะนั้นกรอกข้อมูลลงในแบบคำถามสำหรับผู้เดินทาง และยื่นต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศด้วย ข้อ ๕ การยื่นเอกสารตามข้อ ๓ และข้อ ๔ ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในกรณีที่มีเหตุไม่สามารถดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ให้ดำเนินการ ณ สถานที่หรือโดยวิธีการ ดังต่อไปนี้ (๑) ยื่นต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่พาหนะเข้ามาถึง (๒) สถานที่อื่นหรือโดยวิธีการอื่นตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๖ เอกสารรับรองการยกเว้นการควบคุมสุขาภิบาลเรือหรือเอกสารรับรองการควบคุมสุขาภิบาลเรือ ใบรับรองสุขลักษณะของคอนเทนเนอร์ รายชื่อผู้เดินทาง รายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางบก รายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางอากาศ และแบบคำถามสำหรับผู้เดินทาง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๓๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติให้การยื่นเอกสารของเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะที่เข้ามา ในราชอาณาจักรต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เมื่อมีเหตุ อันสมควรหรือมีเหตุสงสัยว่าพาหนะนั้นมาจากท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรที่มีโรคร้ายบาด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 2168.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ เรื่อง สถานที่และช่วงเวลาอื่นในการติดต่อเพื่อการทวงถามหนี้ โดยที่ในการติดต่อลูกหนี้หรือบุคคลที่ลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการทวงถามหนี้ตามข้อปฏิบัติ การทวงถามหนี้ของผู้ทวงถามหนี้ หากผู้ทวงถามหนี้ไม่สามารถติดต่อตามสถานที่หรือช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดได้ สมควรกำหนดสถานที่อื่น และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการติดต่อเพื่อทวงถามหนี้ในช่วงเวลาอื่น ที่เหมาะสม เพื่อให้การติดต่อเพื่อการทวงถามหนี้ของผู้ทวงถามหนี้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพสังคม การประกอบอาชีพและการดำรงชีพของลูกหนี้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๑) (๒) และมาตรา ๑๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติ การทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ เรื่อง สถานที่ และช่วงเวลาอื่นในการติดต่อเพื่อการทวงถามหนี้” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ สถานที่อื่นตามมาตรา ๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้แก่ ภูมิลำเนาหรืออื่นที่อยู่ของสามี ภริยา หรือคู่สมรสของลูกหนี้ ข้อ ๔ เมื่อคำนึงถึงอาชีพ หน้าที่การงานของลูกหนี้หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการทวงถามหนี้ ในกรณีที่บุคคลดังกล่าวได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพที่มีลักษณะหรือการทำงานที่ผู้ทวงถามหนี้ ไม่อาจติดต่อเพื่อทวงถามหนี้ตามช่วงเวลาที่กำหนดในมาตรา ๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘ และผู้ทวงถามหนี้ได้พยายามติดต่อตามสมควรแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ให้ผู้ทวงถามหนี้ ติดต่อทวงถามหนี้ในวันหยุดราชการ เวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๒๐.๐๐ นาฬิกาได้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการกำกับการทวงถามหนี้" 2169.pdf,"# ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ และประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ได้กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรไว้แล้ว นั้น โดยที่เห็นเป็นการสมควรปรับปรุงแนวทางการจำหน่ายปัจจัยการผลิตของกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๒ ของกฎกระทรวงแบ่งส่วน ราชการกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จึงออกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๗ ไว้ ดังต่อไปนี้ ## ข้อ ๑ - ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัย การผลิตทางการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๗” ## ข้อ ๒ - ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อผ่านสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ## ข้อ ๓ - ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๖ (๒) ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ ข้อ ๔ - ราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ให้เป็นไปตามอัตรา ดังนี้ | รายการ | ราคา | | --- | --- | | ตาพันธุ์พืชทรงคุณค่าปลอดโรคกรีนนิ่ง และทริสเท่า | ๕ บาท | | สารแอนติซีรัมบริสุทธิ์ AFB1 | มิลลิลิตรละ ๑,๐๐๐ บาท | | สารแอฟลาทอกซิน - เอ็นไซม์คอนจูเกต | ไมโครลิตรละ ๒๐๐ บาท | | ไวรัส NPV | สิตรละ ๑,๕๐๐ บาท | | ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลง แบบผงละลายน้ำ | กรัมละ ๖๗๐ บาท | | หัวเชื้อไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย | ถุงละ ๖๐ บาท | | เล่ม | ๑๔๑ | ตอนพิเศษ | ๓๒๘ | ง | ราชกิจจานุเบกษา | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | ๔.๗ | ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย (ชนิดเชื้อสด) | ถุงละ | ๖๐ | บาท | | ๔.๘ | ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย (ชนิดเจล) | กล่องละ | ๑๒๐ | บาท | | ๔.๙ | เชื้อพันธุ์เห็ดบริสุทธิ์ | ขวดละ | ๑๑๐ | บาท | | ๔.๑๐ | เห็ดตับเต่า (เชื้อขยาย) | ขวดละ | ๕๐ | บาท | | ๔.๑๑ | เหยื่อโปรโตซัว | ก้อนละ | ๓ | บาท | | ๔.๑๒ | เชื้อเห็ดเยื่อใยสายพันธุ์ไทย (K8) (เชื้อขยาย) | ขวดละ | ๕๐ | บาท | | ๔.๑๓ | ก้อนเห็ดเยื่อใยสายพันธุ์ไทย (K8) (spawn) | ก้อนละ | ๑๕ | บาท | | ๔.๑๔ | แตนเปียนไข่ Trichogramma | หมื่นตัว | ๓๓๐ | บาท | | ๔.๑๕ | ชุดตรวจสอบ GLIFT Kit โรคเหี่ยว ปทุมมา มันฝรั่ง/ขิง | ชุดละ | ๘๐ | บาท | | ๔.๑๖ | แอนติซีรัม CyMV-กล้วยไม้ | มิลลิลิตรละ | ๖,๐๐๐ | บาท | | ๔.๑๗ | แอนติซีรัม ORSV-กล้วยไม้ | มิลลิลิตรละ | ๖,๐๐๐ | บาท | | ๔.๑๘ | แอนติซีรัม PVX-มันฝรั่ง | มิลลิลิตรละ | ๖,๐๐๐ | บาท | | ๔.๑๙ | แอนติซีรัม PVY-มันฝรั่ง | มิลลิลิตรละ | ๖,๐๐๐ | บาท | | ๔.๒๐ | ชุดตรวจสบ่อย่างง่าย pH OM P K ในดิน | ชุดละ | ๔,๘๐๐ | บาท | | ๔.๒๑ | ชุดตรวจสบ่อย่างง่าย Ca Mg S Fe ในดิน | ชุดละ | ๔,๘๐๐ | บาท | | ๔.๒๒ | เชื้อราสาเหตุโรคพืชบริสุทธิ์ | หลอดละ | ๕๐๐ | บาท | | ๔.๒๓ | เชื้อแบคทีเรียสาเหตุโรคพืชบริสุทธิ์ | หลอดละ | ๕๐๐ | บาท | | ๔.๒๔ | หนองกระเทียม/หนองเจาะสมอผ้าย/หนองกระเทียมผัก | ตัวละ | ๔ | บาท | | ๔.๒๕ | ปุ๋ยชีวภาพไมคอร์ไรซา | ถุงละ | ๖๐ | บาท | | ๔.๒๖ | ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ ๑ | ถุงละ | ๗๐ | บาท | | ๔.๒๗ | ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ ๒ | ถุงละ | ๗๐ | บาท | หมายเหตุ - ปริมาณสารเคมีและราคาเป็นของประมาณ - สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ของท่าน | เล่ม | ตอนพิเศษ | ต่ำสุด | บาท | | --- | --- | --- | --- | | ๑๔๑ | ตอนพิเศษ | ๓๒๘ | ถุงละ ๗๐ | ## รายการสินค้าและราคา | สินค้า | ราคา | | --- | --- | | ๔.๒๘ ปุ๋ยชีวภาพฟิจิฟิอาร์ ๓ | (๕๐๐ กรัม) | | ๔.๒๙ ปุ๋ยชีวภาพละลายฟอสเฟต | ถุงละ ๔๕ | | ๔.๓๐ หัวเชื้อจุลินทรีย์ย่อยสลายวัสดุอินทรีย์ | (๕๐๐ กรัม) | | ๔.๓๑ แมลงหางหนึ่งขาวงแหวน | ตัวละ ๔ | | ๔.๓๒ แมลงขี้หมูไก่ | ตัวละ ๗ | | ๔.๓๓ หัวเชื้อราเขียวเมตาไรเซียม | กิโลกรัมละ ๕๐๐ | | ๔.๓๔ ซีวภัณฑ์ Bacillus subtilis (BS): สายพันธุ์ BS-DOA 24 | กิโลกรัมละ ๕๐๐ | | ๔.๓๕ ซีวภัณฑ์ Bacillus subtilis (BS): สายพันธุ์ 24W33/24W16 | (๕๐ กรัม) | | ๔.๓๖ ซีวภัณฑ์ Bacillus subtilis (BS): สายพันธุ์ 20W1 | ของละ ๕๕ | | ๔.๓๗ หัวเชื้อ Bacillus subtilis (BS): สายพันธุ์ BS-DOA 24 | ของละ ๕๐ | | ๔.๓๘ ซีวภัณฑ์ Bacillus thuringiensis (BT) | (๕๐ กรัม) | | ๔.๓๙ หัวเชื้อเห็ดเรืองแสงสิรินรัศมี | ลิตรละ ๓๐๐ | | ๔.๔๐ ก้อนเชื้อเห็ดเรืองแสงสิรินรัศมี | ขวดละ ๖๐ | | ๔.๔๑ ซีวภัณฑ์เห็ดเรืองแสงสิรินรัศมี สูตรเหลว | ก้อนละ ๑๕ | | ๔.๔๒ หัวเชื้อไตรโคเดอร์มา | ขวดละ ๑๕๐ | | ๔.๔๓ ปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียม (ราคาจำหน่ายเป็นไปตามระเบียบกรมวิชาการเกษตร ว่าด้วยการกำหนดราคาและเงื่อนไขการจำหน่ายปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียม) | กิโลกรัมละ ๕๐๐ | | ๔.๔๔ ถ่านชีวภาพ (Biochar) จากต่อชังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์/คนทางใบปาล์มน้ำมัน | ลิตรละ ๖๐ | ### ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ รพีพัทธ์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร" 2171.pdf,"# ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ ตามที่รัฐบาลได้อนุญาตให้นำคนต่างด้าวจากต่างประเทศมาทำงานในประเทศไทยตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ และมีนโยบายในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับการอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ให้นำรายชื่อด้านเนินการในลักษณะเดียวกับการนำมากำหนดงานในประเทศตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ เพื่อให้คนต่างด้าวดังกล่าวสามารถทำงานในราชอาณาจักรต่อไปนั้น แต่ด้วยการดำเนินการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในช่วงเวลาที่ผ่านมามีข้อจำกัดหรือเกิดอุปสรรคในการเดินทางหลายประการ ก่อให้เกิดความล่าช้า และไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการแรงงานของนายจ้างในช่วงการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเพื่อทำงานเป็นการชั่วคราว ถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ สามารถอยู่ในราชอาณาจักรได้ต่อไปเป็นการเฉพาะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางที่ยังไม่สิ้นอายุ และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเพื่อทำงานเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๗ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ดังต่อไปนี้ (๑) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๒) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งนายจ้างได้ยื่น บัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ “ประกาศกระทรวงแรงงาน” หมายความว่า ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ ข้อ ๒ นอกจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ การดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวและ การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวสิ้นสุดลง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ข้อ ๓ เมื่อคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานตามข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน มาขอตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปได้ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๗๐ ตามหนังสือที่ได้รับแจ้งจากกรมการจัดหางาน เมื่อคนต่างด้าวซึ่งได้รับการต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามข้อ ๑๑ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน มาขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อทำงานต่อไป ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปได้อีกหนึ่งครั้งไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๗๒ ตามหนังสือที่ได้รับแจ้งจากกรมการจัดหางาน ในกรณีที่หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสิ้นอายุ ให้คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่ง หรือวรรคสองดำเนินการให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางดังกล่าว เพื่อให้ พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาต หรือย้ายรอยตราประทับอนุญาต และขยายระยะเวลา อนุญาตตามสิทธิให้แก่คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ข้อ ๔ ให้ผู้ติดตามคนต่างด้าวซึ่งมีอายุไม่เกินสิบแปดปีอยู่ในราชอาณาจักรได้ตามระยะเวลา ที่บิดาหรือมารดาของผู้นั้นได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร โดยให้ผู้ติดตามคนต่างด้านนั้นดำเนินการ หรือบิดาหรือมารดาของผู้นั้นดำเนินการปรับปรุงทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ที่สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่กรมการปกครอง กำหนด ผู้ติดตามคนต่างด้าวซึ่งมีอายุสิบแปดปีตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ หากประสงค์จะอยู่ใน ราชอาณาจักรต่อไปจะต้องทำงานกับนายจ้าง โดยต้องยื่นคำขออนุญาตทำงานและปรับปรุงทะเบียนประวัติ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่อายุครบสิบแปดปี แต่ถ้ามีเวลาดำเนินการไม่ถึงหกสิบวัน ให้ขยายเวลา ให้ครบหกสิบวันตามข้อ ๑๙ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน ให้ผู้ติดตามคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษในระหว่างเวลาที่กำหนดให้ดำเนินการ ตามวรรคสอง ข้อ ๕ นอกจากการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ให้การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวสิ้นสุดลง เมื่อ (๑) คนต่างด้าวไม่ดำเนินการตามประกาศนี้ (๒) การอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลงตามประกาศกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 2173.pdf,"# ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายกำหนดเวลาดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่ได้เกิดเหตุสถานการณ์น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่ท้องถิ่นหลายจังหวัด ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทำให้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของประชาชนผู้เสียภาษีได้รับความเสียหาย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการสำรวจข้อมูลรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อจัดเก็บภาษีหรือบรรเทาภาระภาษีให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษีได้โดยสะดวกตามมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ นั้น เพื่อให้การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบถ้วน รวมถึงบรรเทาภาระภาษีให้ผู้เสียภาษีมีเวลาชำระภาษีมากขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นชอบให้ขยายกำหนดเวลาดำเนินการของผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลาในพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ เฉพาะการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นการทั่วไปออกไปอีก ๒ เดือน ดังนี้ ๑. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกาศ พร้อมทั้งจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผู้เสียภาษีแต่ละรายทราบ ตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อ ๒๓ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗ เป็นภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๘ ๒. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษีตามมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อ ๓ ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ อัตราภาษีและรายละเอียดอื่นในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมก่อนวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เป็นก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๘ ๓. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการแจ้งการประเมินภาษี โดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อ ๖ ของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เป็นภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๘ ๔. ขยายกำหนดเวลาของผู้เสียภาษีในการชำระภาษีตามแบบแจ้งการประเมินภาษี ตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๘ เป็นภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๘ ๕. ขยายกำหนดเวลาของผู้เสียภาษีในการผ่อนชำระภาษี ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อ ๓ ของกฎกระทรวงการผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้ ๕.๑ งวดที่หนึ่ง จากเดิมชำระภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๘ เป็นชำระภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๘ ๕.๒ งวดที่สอง จากเดิมชำระภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๘ เป็นชำระภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘ ๕.๓ งวดที่สาม จากเดิมชำระภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๘ เป็นชำระภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๘ ๖. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการมีหนังสือแจ้งเตือนผู้เสียภาษี ที่มีภาษีค้างชำระ ตามมาตรา ๖๑ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๘ เป็นภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๘ ๗. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการแจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา ตามมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จากเดิมภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๘ เป็นภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๘ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 2174.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การยกเว้นการแจ้งข้อมูลการเข้าทำงานของคนต่างด้าวตามมาตรา ๖๔/๒ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นการแจ้งข้อมูลการเข้าทำงานของคนต่างด้าวตามมาตรา ๖๔/๒ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระให้แก่คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงาน และเป็นมาตรการหนึ่งในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การยกเว้นการแจ้งข้อมูลการเข้าทำงานของคนต่างด้าวตามมาตรา ๖๔/๒ ลงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๒ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานตามมาตรา ๕๙ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๓/๑ มาตรา ๖๓/๒ และมาตรา ๖๔ ได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งข้อมูลการเข้าทำงานของคนต่างด้าวตามมาตรา ๖๔/๒ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการแจ้งข้อมูลการเข้าทำงานที่เป็นการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้าง ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๗๒ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน" 2175.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การขยายระยะเวลาการเปลี่ยนนายจ้างและระยะเวลาการทำงานกับนายจ้างรายใหม่ สำหรับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้ กับรัฐบาลต่างประเทศ โดยที่ปัจจุบันมีการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการทำงานกับนายจ้างรายใหม่ สำหรับคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งประสงค์จะทำงานต่อไป ให้สามารถทำงาน ในราชอาณาจักรได้เป็นกรณีพิเศษ จึงสมควรปรับปรุงเงื่อนไขการทำงานกับนายจ้างรายใหม่ สำหรับ คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้ บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ เป็นการเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานให้เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และมาตรา 14 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การขยายระยะเวลาการเปลี่ยนนายจ้าง และระยะเวลาการทำงานกับนายจ้างรายใหม่ สำหรับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงาน ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจ ที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ ลงวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ข้อ 2 ให้ขยายระยะเวลาการเปลี่ยนนายจ้างตามมาตรา 52 และระยะเวลาการทำงานกับ นายจ้างรายใหม่ตามมาตรา 55 วรรคหนึ่ง สำหรับคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับ รัฐบาลต่างประเทศ เป็นระยะเวลาหกสิบวันนับแต่วันที่เลิกทำงานกับนายจ้างรายเดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2572 ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน" 2177.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติผ่อนคลายมาตรการในการควบคุมและจำกัดการเดินทางเข้าออกประเทศ ให้คนต่างด้าวสามารถเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจ ที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ แต่ด้วยมีข้อจำกัดหรือเกิดอุปสรรคในการเดินทางหลายประการ ทำให้คนต่างด้าวซึ่งจะเข้ามาทำงานมีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการแรงงานภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน จึงจำเป็นต้องกำหนดให้คนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุดลง และประสงค์จะทำงานอย่างถูกต้อง สามารถทำงาน ในราชอาณาจักรได้เป็นกรณีพิเศษ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓/๒ แห่งพระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “คนต่างด้าว” หมายความว่า คนต่างด้าวตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ ข้อ ๒ ในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้านนอกจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ข้อ ๓ การยืนบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว คำขอ เอกสาร และหลักฐาน ตามประกาศนี้ให้ดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ในระหว่างที่ยังไม่สามารถดำเนินการ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้ยื่นที่สถานที่ตามที่อธิบดีกำหนด ข้อ ๔ ให้นายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานที่ได้รับมอบอำนาจจากนายจ้าง ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวต่อกรมการจัดหางานพร้อมด้วยรูปถ่ายปัจจุบัน ของคนต่างด้าวภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๗ ให้นายทะเบียนออกหลักฐานการยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวให้แก่นายจ้าง หรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานที่ได้รับมอบอำนาจจากนายจ้าง และให้คนต่างด้าว ใช้หลักฐานดังกล่าวเพื่อดำเนินการตามประกาศนี้ ข้อ ๕ เมื่อดำเนินการตามข้อ ๔ แล้ว ให้คนต่างด้าวใช้หลักฐานการยื่นบัญชีรายชื่อ ความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ภายในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๘ (๑) ขอรับการตรวจโรคต้องห้ามตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของคนต่างด้าวที่จะขอรับใบอนุญาตทำงาน (๒) ทำประกันสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพ แรงงานต่างด้าว หรือทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย ที่มีอายุความคุ้มครองไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่ขออนุญาตทำงาน กรณีคนต่างด้าวซึ่งทำงานในกิจการ หรือเป็นลูกจ้างที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม หรือทำประกันสุขภาพที่มีอายุ ความคุ้มครองไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่ยังไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน สำหรับกรณีคนต่างด้าว ซึ่งทำงานในกิจการหรือเป็นลูกจ้างที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมที่ยังไม่มีสิทธิ ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม (๓) ในกรณีที่คนต่างด้าวทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัยตาม (๒) สิทธิประโยชน์ ด้านการรักษาพยาบาลที่ได้รับต้องไม่น้อยกว่าสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลที่ได้รับจาก การทำประกันสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ข้อ ๖ เมื่อดำเนินการตามข้อ ๔ แล้ว ให้นายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าว มาทำงานที่ได้รับมอบอำนาจนายจ้างยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวพร้อมเอกสารและหลักฐาน ตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอที่อธิบดีกำหนดต่อนายทะเบียนภายในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๘ พร้อมทั้ง ชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอฉบับละ ๑๐๐ บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานฉบับละ ๙๐๐ บาท ให้นายทะเบียนออกใบรับคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวพร้อมกับใบเสร็จรับเงิน ค่าธรรมเนียมให้แก่นายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานที่ได้รับมอบอำนาจนายจ้าง และให้คนต่างด้าวใช้ใบรับคำขอดังกล่าวคู่กับใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าคนต่างด้าว ได้รับการผ่อนผันให้ทำงานได้จนถึงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๘ ข้อ ๗ เมื่อดำเนินการตามข้อ ๖ แล้ว ให้คนต่างด้าวที่ต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน ใช้ใบรับคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวคู่กับใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขึ้นทะเบียน เป็นผู้ประกันตน ข้อ ๘ เมื่อนายทะเบียนตรวจสอบคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว รวมทั้งเอกสารและหลักฐาน ตามข้อ ๕ และข้อ ๖ แล้ว เห็นว่าถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนพิจารณาอนุญาตทำงาน ภายในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๘ โดยให้คนต่างด้าวมีสิทธิทำงานได้ไม่เกินวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๙ และให้นายทะเบียนออกเอกสารหรือหนังสือรับรองว่าคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ทำงานให้แก่นายจ้าง หรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานที่ได้รับมอบอำนาจจากนายจ้าง และให้คนต่างด้าวใช้ออกสาร หรือหนังสือรับรองดังกล่าวคู่กับใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นหลักฐานแทนใบอนุญาตทำงาน ไปพลางก่อนได้จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงาน กรณีตรวจสอบแล้วเอกสารยังไม่ถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนแจ้งนายจ้างหรือผู้รับอนุญาต ให้นำคนต่างด้าวมาทำงานที่ได้รับมอบอำนาจจากนายจ้าง ปรับปรุงแก้ไขหรือยื่นเอกสารให้ถูกต้อง และครบถ้วนภายในระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งประสงค์จะทำงานในเรือประมง ให้นายทะเบียน ออกใบอนุญาตทำงาน (บต. ๓๙) ให้แก่คนต่างด้าวสำหรับทำงานในเรือประมง เพื่อให้คนต่างด้าว ใช้เป็นหลักฐานในการขอหนังสือคนประจำเรือตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการออกหนังสือ คนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง ในการรับใบอนุญาตทำงาน คนต่างด้าวอาจมอบอำนาจบันทึกคลื่นมารับแทนได้ ข้อ ๙ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับการผ่อนผันให้ทำงานหรือได้รับอนุญาตให้ทำงานตามประกาศนี้ มีสิทธิทำงานกับนายจ้างได้ทุกประเภทงานที่มิได้มีประกาศห้ามคนต่างด้าวทำตามมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง เช่นเดียวกับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ โดยให้นำ ประกาศกระทรวงแรงงานว่าด้วยการกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำและประกาศกรมการจัดหางาน ว่าด้วยเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้านกับนายจ้าง มาใช้บังคับด้วย โดยอนุโลม ข้อ ๑๐ คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานตามประกาศนี้ ถ้าออกจากงานจะต้องทำงาน กับนายจ้างรายใหม่ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่เลิกทำงานกับนายจ้างรายเดิม ข้อ ๑๑ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานตามประกาศนี้ เพิ่มนายจ้างได้เฉพาะคนต่างด้าว ซึ่งทำงานในเรือประมง ทั้งนี้ ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการเพิ่มนายจ้างในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง มาใช้บังคับแก่การเพิ่มนายจ้าง ของคนต่างด้าวดังกล่าวด้วยโดยอนุโลม ข้อ ๑๒ ให้นายจ้างซึ่งจ้างคนต่างด้าวตามประกาศนี้ ได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งข้อมูลการจ้าง คนต่างด้าวเข้าทำงานกับตนตามมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง เฉพาะการแจ้งข้อมูลการเข้าทำงานของคนต่างด้าว ซึ่งตนเองได้ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวตามข้อ ๖ ข้อ ๑๓ ให้ถือว่าการยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวของนายจ้างตามประกาศนี้ เป็นการแจ้งข้อมูลการเข้าทำงานกับนายจ้างให้นายทะเบียนทราบตามมาตรา ๖๔/๒ ข้อ ๑๔ ผู้ใดฝ่าฝืนนำคนต่างด้าวซึ่งมีอายุครบสิบแปดปีตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ หากประสงค์จะทำงานกับนายจ้าง ให้ยื่นคำขออนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว และยื่นคำขอจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา แล้วผู้ใดตามความจำเป็นสามารถนำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนี้มาแจ้งให้ทราบ ในระหว่างการตรวจสอบและหากได้รับการอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้ทำงานในสถานประกอบการ สำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน" 2179.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๗๗ ก # หน้า ๑ ## ราชกิจจานุเบกษา ### ๓ ธันวาคม ๒๕๖๗ #### กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๕ (พ.ศ. ๒๕๖๗) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ และมาตรา ๔๒ (๑๗) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของ (๑๐๕) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๐ (พ.ศ. ๒๕๖๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""ในปีภาษี ๒๕๖๗ ถึงปีภาษี ๒๕๖๙ หากผู้มีเงินได้มีการซื้อหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ ให้เงินได้ตามวรรคหนึ่งเท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุน ในอัตราไม่เกินร้อยละสามสิบของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกินสามแสนบาท โดยผู้มีเงินได้ ต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนไม่น้อยกว่าห้าปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ เงินได้ที่ได้รับยกเว้นดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด"" ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสามของ (๑๐๕) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ""ในกรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในวรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง ให้ผู้มีเงินได้ชั้นหมดสิทธิ์ได้รับยกเว้นและต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ได้รับยกเว้น ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองมาแล้วด้วย"" ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (๑๐๖) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๐ (พ.ศ. ๒๕๖๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “(๑๐๖) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมไทย เพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่เงิน หรือผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตาม (๑๐๕) และผู้มีเงินได้ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่าระยะเวลาดังต่อไปนี้ แต่ไม่รวมถึง กรณีทุพพลภาพหรือตาย (ก) แปดปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุนตาม (๑๐๕) วรรคหนึ่ง (ข) ห้าปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุนตาม (๑๐๕) วรรคสอง” ข้อ ๔ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพันธ์ อัมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ผ่านกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสนับสนุนกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทย สมควรเพิ่มวงเงินของเงินได้เท่าที่จำเป็นค้ำชื้อน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน และกำหนดให้เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ รวมทั้งลดระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในกองทุนดังกล่าวระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 2180.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๘๑๗) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๒๕๖) ของข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ กระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒๕๖) มูลนิธิช่วยครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อเหตุร้าย” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 2181.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๘๒๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๒๕๘) ของข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ กระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๗ และใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒๕๘) มูลนิธิช่วยการศึกษาบุตรครูและบุคลากรทางการศึกษา” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 2187.pdf,"# ประกาศเทศบาลนครแหลมฉบัง เรื่อง วิธีการแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ของเทศบาลนครแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่มาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติว่าในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย ให้เป็นสิทธิ ของผู้รับอนุญาตที่จะแสดงใบอนุญาตนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการที่ผู้อนุญาตประกาศ กำหนดก็ได้ โดยให้ถือว่าการแสดงเช่นว่านั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว สมควรกำหนดวิธีการแสดง ใบอนุญาตตามกฎหมายในความรับผิดชอบของเทศบาลนครแหลมฉบังโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ ""ใบอนุญาต” หมายความว่า เอกสารหลักฐานที่กฎหมายกำหนดให้ต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผย ดังต่อไปนี้ (๑) ใบทะเบียนพาณิชย์ ตาม พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. ๒๔๙๙ (๒) หนังสืออนุญาตติดตั้งป้ายโฆษณา (ร.ส.๒) ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และแก้ไขเพิ่มเติม กระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และประกาศเทศบาลนครแหลมฉบัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการติดตั้งโฆษณาในที่สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๖๓ (๓) ใบคำร้องขออนุญาตใช้สะพานท่าเทียบเรืออ่าวอุดม ตามระเบียบเทศบาลนครแหลมฉบัง ว่าด้วยการใช้และรักษาพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวอุดม พ.ศ. ๒๕๕๐ (๔) ใบอนุญาตก่อสร้าง, ดัดแปลงอาคาร, ซื้อถอนอาคาร หรือเคลื่อนย้ายอาคาร (อ.๑) ตามมาตรา ๓๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ (๕) ใบอนุญาตเคลื่อนย้ายอาคาร (อ.๒) ตามมาตรา ๓๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ (๖) ใบอนุญาตตัดแปลงหรือใช้ที่จอดรถหรือใช้ที่จอดรถ ที่กลับรถฯ (อ.๓) ตามมาตรา ๓๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ (๗) ใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคาร (อ.๔) ตามมาตรา ๓๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ (๘) ในรับรองการก่อสร้าง ตัดแปลงอาคารประเภทควบคุมการใช้ (อ.๕) ตามมาตรา ๓๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ (๙) ใบอนุญาตให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงผังบริเวณ, แบบแปลนฯ (อ.๖) ตามมาตรา ๓๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ (๑๐) ใบรับรองการตรวจสอบอาคาร ตามมาตรา ๓๒ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ (๑๑) ใบรับแจ้งการขุดดิน, ถมดิน ตามมาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติ ขุดดินและแถมดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ (๑๒) ใบรับแจ้งการประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ ๒ ตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๒ (๑๓) ใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ ๓ ตามมาตรา ๑๗ (๓) แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๒ (๑๔) ใบอนุญาตกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๑๕) ใบอนุญาตสถานที่จำหน่ายหรือสถานที่สะสมอาหาร ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๑๖) ใบอนุญาตกิจการตลาด ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๑๗) ใบอนุญาตสถานที่จำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๑๘) หนังสือรับรองการแจ้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสถานที่สะสมอาหาร ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๑๙) ใบอนุญาตรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือ ได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยคิดค่าบริการ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๒๐) ใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการเก็บ ขน มูลฝอยติดเชื้อ ตามพระราชบัญญัติ การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๒๑) ใบอนุญาตจัดตั้งสุสานและฌาปนสถาน ตามพระราชบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. ๒๕๒๘ (๒๒) ใบอนุญาตดำเนินการสุสานและฌาปนสถาน ตามพระราชบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. ๒๕๒๘ (๒๓) ใบอนุญาตให้ทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง ตามพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณา โดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. ๒๔๙๓ ข้อ ๓ ผู้รับอนุญาตสามารถเลือกแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๒ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) แสดงเป็นภาพผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (๒) แสดงเป็นคิวอาร์โค้ดที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถสแกนเพื่อเข้าถึงใบอนุญาต ที่เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ของใบอนุญาต ข้อ ๔ การแสดงใบอนุญาตตามข้อ ๓ ต้องมีขนาดของภาพและความละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ รวมทั้งสามารถแสดงให้เห็นข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญของใบอนุญาตได้ครบถ้วน ผู้รับอนุญาตอาจเลือกแสดงภาพใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่ประกอบกิจการ มากกว่าหนึ่งใบหรือภาพผ่านหน้าจอเดียวกันก็ได้ แต่ต้องมีระยะเวลาแสดงภาพใบอนุญาตแต่ละใบ ไม่น้อยกว่าหัววินาที ข้อ ๕ เมื่อผู้รับอนุญาตเลือกแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามข้อ ๓ แล้ว ผู้รับอนุญาตไม่ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยตลอดเวลา ณ สถานที่ประกอบกิจการ อีกต่อไป แต่ต้องสามารถแสดงต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลาเมื่อมีการตรวจสอบ หรือต่อประชาชนที่ขอตรวจดู ประกาศ ณ วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ จินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง" 219.pdf,"ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562 ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕54 ลงวันที่ 24 มีนาคม ๒๕54 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไว้แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักฐานประกอบการจดทะเบียนรถที่ได้มาจากการขายทอ ดตลาด หรือการจ าหน่ายของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐเป็นการเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ความถูกต้องและที่มาของรถ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับ ทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความใน 9.6 ของข้อ 9 ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการ เกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2554 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “9.6 รถที่ได้มาจากการขายทอดตลาดหรือการจ าหน่ายของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐ (1) กรณีรถที่ไม่เคยจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก (ก) หนังสือรับรองหลักฐานการขายทอดตลาดหรือจ าหน่ายรถ (ข) หนังสือแจ้งและรับรองการขายทอดตลาดหรือจ าหน่ายรถ ซึ่งมีรายละเอียด เกี่ยวกับรถที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่าย (ค) บัญชีรายละเอียดของรถที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่าย (ง) ใบเสร็จรับเงินหรือภาพถ่ายใบเสร็จรับเงินที่ ได้รับการรับรองจากหน่วยงาน ที่ขายทอดตลาด หรือจ าหน่ายรถ (จ) ภาพถ่ายตัวรถที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่าย (2) กรณีรถที่เคยจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก (ก) หนังสือแจ้งและรับรองการขายทอดตลาดหรือจ าหน่ายรถ ซึ่งมีรายละเอียด เกี่ยวกับรถที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่าย (ข) บัญชีรายละเอียดของรถที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่าย ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ กันยายน ๒๕๖๒ (ค) ใบเสร็จรับเงินหรือภาพถ่ายใบเสร็จรับเงินที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงาน ที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่ายรถ (ง) ภาพถ่ายตัวรถที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่าย (จ) ใบคู่มือจดทะเบียนรถ หรือหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ (ถ้ ามี) (3) กรณีรถที่เคยจดทะเบียนตามกฎหมายอื่น (ก) หนังสือรับรองหลักฐานการขายทอดตลาดหรือจ าหน่ายรถ (ข) หนังสือแจ้งและรับรองการขายทอดตลาดหรือจ าหน่ายรถ ซึ่งมีรายละเอียด เกี่ยวกับรถที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่าย (ค) บัญชีรายละเอียดของรถที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่ าย (ง) ใบเสร็จรับเงินหรือภาพถ่ายใบเสร็จรับเงินที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงาน ที่ขายทอดตลาด หรือจ าหน่ายรถหรือสัญญาแลกเปลี่ยนจากหน่วยงานที่จ าหน่ายรถ (จ) ภาพถ่ายตัวรถที่ขายทอดตลาดหรือจ าหน่าย (ฉ) ภาพถ่ายเอกสารแสดงรายละเอียดของรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายอื่น เช่น ภาพถ่ายใบทะเบียนรถยนต์ทหาร ภาพถ่ายสมุดประวัติรถส านักงานต ารวจแห่งชาติ ” ข้อ 4 ให้ยกเลิกความใน 9.7 9.8 และ 9.9 ของข้อ 9 ของระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2554 ข้อ 5 ให้ยกเลิกความในข้อ 12 ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการ เกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2554 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมาย ว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 12 ภายใต้บังคับแห่งหมวดนี้ รถที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนอุปกรณ์รถเก่าที่น าเข้า จากต่างประเทศตามข้อ 9.2 หรือรถที่มีการเปลี่ยนโครงคัสซีตามข้อ 9.3 รถน าเข้าจากต่างประเทศ เพื่อใช้ในกิจการของตนเองตาม ข้อ 9.4 หรือรถที่ได้มาจากการขายทอดตลาดหรือจ าหน่ายของทางราชการ หรือหน่วยงานของรัฐตามข้อ 9.6 ให้ตรวจสอบหลักฐานการได้มาของชิ้นส่วนอุปกรณ์รถ หรือหลักฐานการได้มาของรถไปยังส่วนทะเบียนรถขนส่ง ส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ก่อนด าเนินการจดทะเบียน รถที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนอุปกรณ์รถเก่าที่น าเข้าจากต่างประเทศตามข้อ 9.2 ให้บันทึก ในส าเนาหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ และหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ มีข้อความว่า “รถประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์รถเก่า ” และกรณีเป็นรถที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต เมื่อจดทะเบียนรถ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ กันยายน ๒๕๖๒เรียบร้อยแล้ว ให้นายทะเบียนรวบรวมภาพถ่ายใบเสร็จรับเงิน หรือใบก ากับภาษีค่าโครงคัสซี ค่าเครื่องยนต์ ภาพถ่ายใบเสร็จรับเงินค่าหัวเก๋ง (กรณีรถบรรทุก) ค่าตัวถังรถ (กรณีรถโดยสาร) และภาพถ่ายใบเสร็จรับเงินค่าแรง (กรณีที่ไม่ได้ประกอบรถขึ้นใช้เอง) จัดส่งใ ห้กรมสรรพสามิต หรือส านักงานสรรพสามิตพื้นที่ แล้วแต่กรณี ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕62 พีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ กันยายน ๒๕๖๒" 2194.pdf,"ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ ๒๘๑/๒๕๖๗ เรื่อง แบบใบอนุญาตยกเว้นประกาศนียบัตร (Dispensation) ตามที่กรมเจ้าท่าได้ออกข้อบังคับกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับการสอบความรู้ผู้ทำการในเรือเดินทะเลใกล้ฝั่ง และเรือเดินทะเลระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งตามข้อ ๑๓ กำหนดให้ในกรณีที่มีความจำเป็น อธิบดีอาจออกใบอนุญาตยกเว้นให้ผู้ถือประกาศนียบัตรชั้นต่าง ๆ ที่กำหนดตามข้อ ๙ และข้อ ๑๐ สามารถทำการในเรือลำใดลำหนึ่งได้เป็นระยะเวลาไม่เกินหกเดือนในตำแหน่งซึ่งผู้นั้นไม่ได้ถือ ประกาศนียบัตรที่เหมาะสมให้สามารถทำการในเรือได้ โดยใบอนุญาตยกเว้นให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดี ประกาศกำหนด นั้น เพื่อให้การออกใบอนุญาตยกเว้นประกาศนียบัตรมีมาตรฐานโดยเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๓ วรรคสอง ของข้อบังคับกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับการสอบความรู้ผู้ทำการ ในเรือเดินทะเลใกล้ฝั่ง และเรือเดินทะเลระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๕ อธิบดีกรมเจ้าท่าจึงประกาศ กำหนดแบบใบอนุญาตยกเว้นประกาศนียบัตร (Dispensation) ตามที่ปรากฏในภาคผนวกที่แนบท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ กริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า # CERTIFICATE OF ENDORSEMENT ## THE GOVERNMENT OF THAILAND ### MARINE DEPARTMENT #### MINISTRY OF TRANSPORT **UNDER THE PROVISIONS OF NAVIGATION IN THAI WATERS ACT, B.E.2456 (1913) AS AMENDED AND COMPLIANCE WITH THE INTERNATIONAL CONVENTION ON STANDARDS OF TRAINING, CERTIFICATION AND WATCHKEEPING FOR SEAFARES, 1978, AS AMENDED** The Government of Thailand, certifies that Certificate No. .......................................................... has been issued to ............................................................... who has been found duly qualified in accordance with the Provisions of Regulation ............... of the International Convention on Standards of Training, Certification and Watchkeeping for Seafarers, 1978, as amended (2010), and has been found competent to perform the following functions, at the levels specified, subject to any limitations indicated until ...................... or until the date of expiry of any extension of the validity of this certificate as shown overleaf: | FUNCTION | LEVEL | LIMITATIONS APPLYING (IF ANY) | |---------------------------|---------------|---------------------------------| The lawful holder of this certificate may serve in the following capacity or capacities specified in the applicable Safe Manning requirements of the Marine Department: | CAPACITYY | LIMITATIONS APPLYING (IF ANY) | |-------------------------------|---------------------------------| Date of birth of the certificate’s holder .......................................................... Signature of the certificate’s holder ............................................................. Issued on ................................................................. Authorized by the Director General, Marine Department" 2197.pdf,"# ระเบียบกรมที่ดิน ## ว่าด้วยหลักเกณฑ์การใช้ใบเสร็จรับเงินที่พิมพ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ### พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่กรมที่ดินได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการบริการประชาชน ด้านการจัดทำเป็นสิทธิและนิติกรรม เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกรมที่ดิน จึงเป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการใช้งาน การรับเงินค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย และค่าภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๔๓ และระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการรับเงิน สำหรับสำนักงานที่ดินที่ใช้ใบเสร็จรับเงินพิมพ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อให้การปฏิบัติงานด้านการเงิน การบัญชี สอดคล้องกับการพัฒนาดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๒ (๑) (๔) และข้อ ๙ (๑) แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมที่ดิน จึงวางระเบียบหลักเกณฑ์การใช้ใบเสร็จรับเงินที่พิมพ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ในสำนักงานที่ดินไว้ ดังต่อไปนี้ **ข้อ ๑** ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การใช้ใบเสร็จรับเงิน ที่พิมพ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๖๗” **ข้อ ๒** ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป **ข้อ ๓** ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการใช้งาน การรับเงินค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย และค่าภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๔๓ (๒) ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการรับเงิน สำหรับสำนักงานที่ดินที่ใช้ใบเสร็จรับเงินพิมพ์ด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๒ **ข้อ ๔** บรรดาระเบียบ ข้อกำหนด หรือคำสั่งอื่นใดที่กำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน **ข้อ ๕** ในระเบียบนี้ “สำนักงานที่ดิน” หมายความว่า สำนักงานที่ดินจังหวัด สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครสาขา และสำนักงานที่ดินส่วนแยก “เจ้าพนักงานที่ดิน” หมายความว่า เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครสาขา และเจ้าพนักงานที่ดินหัวหน้าส่วนแยก “ระบบ” หมายความว่า ระบบสารสนเทศและการสื่อสารของกรมที่ดิน ""ใบเสร็จรับเงิน"" หมายความว่า ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียม ภาษีอากร ค่าใช้จ่าย ในการรังวัด และให้หมายความรวมถึงการรับเงินอื่น ๆ ทุกประเภท ""เจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้ปฏิบัติงานการเงิน” หมายความว่า ข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี หรือนักวิชาการเงินและบัญชี หรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นซึ่งได้รับมอบหมาย ให้ปฏิบัติงานรับจ่ายเงินของสำนักงานที่ดิน ข้อ 5 ในเรื่องรับเงิน ซึ่งเป็นแบบพิมพ์ต่อเนื่อง ๑ ชุด มี ๒ ฉบับ ประกอบด้วย ต้นฉบับ (สีฟ้า) สำหรับเจ้าของที่ดิน และสำเนา (สีขาว) สำหรับเข้าเล่ม ให้ใช้รับเงินต่อเนื่องไป โดยไม่คำนึงถึงปีงบประมาณ เมื่อขึ้นปีงบประมาณใหม่ ให้แยกเก็บสำเนาใบเสร็จรับเงินเข้าแฟ้มใหม่ ข้อ 6 ใบเสร็จรับเงิน ให้เป็นไปตามที่กรมที่ดินจัดพิมพ์ไว้ ข้อ 7 ให้สำนักงานที่ดินรับชำระเงิน โดยให้เจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้ปฏิบัติงานการเงิน เรียกรายการในระบบตามบัตรหมายเลขที่ระบุเลขที่ใบสั่งที่ผู้ขอชำระเงินนำมายื่น สั่งพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน จากเครื่องคอมพิวเตอร์และรับเงินตามจำนวนเงินในใบเสร็จรับเงิน แล้วฉีกใบเสร็จรับเงินจาก เครื่องคอมพิวเตอร์และลงลายมือชื่อในช่องผู้รับเงิน ส่งมอบใบเสร็จรับเงินให้ผู้ชำระเงินเก็บไว้เป็นหลักฐาน และเก็บสำเนาใบเสร็จรับเงินไว้เข้าแฟ้มใบเสร็จรับเงิน ข้อ 8 การยกเลิกใบเสร็จรับเงิน ไม่ว่ากรณีใดๆ ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการรับเงิน ตามใบเสร็จรับเงิน นำใบเสร็จรับเงินมาติดรวมไว้กับสำเนาและขีดฆ่ายกเลิกทั้งชุด พร้อมทั้งระบุสาเหตุ ที่ต้องยกเลิก และลงลายมือชื่อพร้อม วัน เดือน ปี กำกับไว้ แล้วเสนอเจ้าพนักงานที่ดินรับทราบ หรือสั่งการอื่น ๆ ในวันเดียวกัน ห้ามมิให้มีการยกเลิกใบเสร็จรับเงินข้างวัน ในกรณีที่มีการคืนเงินให้แก่ผู้ชำระเงิน ให้ผู้ชำระเงินลงลายมือชื่อรับเงินพร้อม วัน เดือน ปี ไว้ด้านหลังสำเนาใบเสร็จรับเงิน ข้อ 9 ทุกสิ้นวันทำการ หลังจากปิดบัญชีประจำวันในระบบแล้ว ให้เจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้ปฏิบัติงานการเงิน สั่งพิมพ์งบหลังใบเสร็จรับเงินและรายงานประจำวันจากระบบ เพื่อตรวจสอบ จำนวนเงินกับสำเนาใบเสร็จรับเงิน และรายการที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน เมื่อถูกต้องตรงกัน ให้ลงลายมือชื่อไว้ในงบทหลังใบเสร็จรับเงิน และนำสำเนาใบเสร็จรับเงิน งบหลังใบเสร็จรับเงิน พร้อมด้วยรายงานประจำวันจากระบบ เสนอต่อหัวหน้าฝ่ายอำนวยการ เพื่อทำการตรวจสอบกับรายงาน ของฝ่ายทะเบียนและฝ่ายรางวัล เมื่อถูกต้องตรงกับจำนวนเงินที่จัดเก็บได้ ให้หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ รายงานให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบภายในวันที่จัดเก็บเงิน เงินที่จัดเก็บหรือได้รับชำระตามระเบียบนี้ ให้นำส่งคณะกรรมการเก็บรักษาเงิน พร้อมกับ รายงานเงินคงเหลือประจำวัน ตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด ข้อ 10 ให้เจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้ปฏิบัติงานการเงิน นางบหลังใบเสร็จรับเงิน เย็บติดกับ สำเนาใบเสร็จรับเงินฉบับสุดท้าย เก็บเข้าแฟ้มเก็บใบเสร็จรับเงิน เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบต่อไป โดยให้จัดเก็บแฟ้มละ ๒๐๐ ฉบับ เมื่อขึ้นเดือนใหม่ ให้ใช้แฟ้มใหม่ ข้อ ๑๒ ให้เจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้ปฏิบัติงานการเงิน เก็บรักษาสำเนาใบเสร็จรับเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินยังมิได้ตรวจสอบไว้ในที่ปลอดภัย อย่าให้สูญหายหรือเสียหายได้ และเมื่อได้ตรวจสอบแล้ว ให้เก็บไว้อย่างเอกสารธรรมดาได้ ข้อ ๑๓ ให้สำนักงานที่ดินจัดทำทะเบียนคุมใบเสร็จรับเงินไว้เพื่อทราบ และตรวจสอบได้ว่า ได้จ่ายใบเสร็จรับเงิน หมายเลขใดถึงหมายเลขใด ให้เจ้าหน้าที่ผู้ใดไปดำเนินการจัดเก็บเงินเมื่อ วัน เดือน ปี ใด ข้อ ๑๔ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ ให้เจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้ปฏิบัติงานการเงิน ซึ่งรับใบเสร็จรับเงินไปดำเนินการจัดเก็บเงิน รายงานให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบว่า มีใบเสร็จรับเงิน อยู่ในความรับผิดชอบ หมายเลขใดถึงหมายเลขใด และได้ใช้ใบเสร็จรับเงินไปแล้ว หมายเลขใด ถึงหมายเลขใด คงเหลือเท่าใด อย่างช้าไม่เกินวันที่ ๑๕ ตุลาคม ของปีงบประมาณถัดไป และสำนักงานที่ดินรายงานให้หัวหน้าส่วนราชการส่วนภูมิภาคทราบ อย่างช้าไม่เกินวันที่ ๓๑ ตุลาคม ของปีงบประมาณถัดไป สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร และสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครสาขา รายงานให้กรมที่ดิน (กองพัสดุ) ทราบ อย่างช้าไม่เกินวันที่ ๓๑ ตุลาคม ของปีงบประมาณถัดไป ข้อ ๑๕ กรณียังคงมีใบเสร็จรับเงินที่ใช้ในราชการกรมที่ดินเหลืออยู่ (แบบเดิม ๓ ฉบับ) ให้นำมาใช้ในการรับเงินคราวต่อไปจนหมด โดยให้เจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้ปฏิบัติงานการเงิน เก็บสำเนาใบเสร็จรับเงิน ฉบับที่ ๒ (สีเหลือง) สำหรับสำนักงาน ติดไว้กับสำเนาฉบับที่ ๓ (สีขาว) สำหรับเข้าเล่ม และเก็บเข้าแฟ้มเก็บใบเสร็จรับเงิน ข้อ ๑๖ ให้ผู้อำนวยการกองคลังรักษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน" 220.pdf,"ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยค่าธรรมเนียมการให้บริการ ในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๐ มาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ และมาตรา ๙๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ กรุงเทพมหานครโดย ความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานคร จึงตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียม การให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562” ข้อ 2 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิ จจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 2 แห่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียม การให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. 2562 และ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 2 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป” ประกาศ ณ วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 พลต ารวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ กันยายน ๒๕๖๒" 2202.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๘๓๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ช) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๐๓๕) ของข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ “(๑๐๓๕) มูลนิธิความรัก เมตตา ปราณี” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับ (๑) สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป (๒) สำหรับมูลค่าของฐานภาษีของผู้ประกอบการในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 2204.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้ง ผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง บริษัท วิจัยและพัฒนา อุตสาหกรรม จำกัด เป็นผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม จำนวน ๓๕ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เลเซอร์ เล่ม 1 การจัดประเภทบริภัณฑ์ และคุณลักษณะ ที่ต้องการ 1604
ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เลเซอร์ เล่ม 2 ความปลอดภัยของระบบสื่อสารใยแก้วนำแสง 1605
ชั่วต่อสำหรับใช้ในงานรับส่งเคลื่อนความถี่วิทยุ เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไปและวิธีวัด 1612 เล่ม 1
สายรวมแกนและชั่วต่อ เล่ม 5 สายนร่วมแกน 50 โอห้ม 3.5 มิลลิเมตร และที่รองรับชั่ว 2043
เทคนิคการติดตั้งบนพื้นผิว - อุปกรณ์ไม่รวมหน่วย เล่ม 9 ทรานซิสเตอร์สองชั่ว แบบประตูต้นฉวน 2125
ระบบกระจายสัญญาณโทรทัศน์และเสียงด้วยเคเบิล เล่ม 2 ความเข้ากันได้ ทางแม่เหล็กไฟฟ้า 2168
มาตรฐานพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ : ข้อกำหนดเฉพาะ มาตรออิเล็กทรอนิกส์สำหรับพลังงาน ใช้งาน (ชั้น 1 และชั้น 2) 2543
มาตรฐานพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ : ข้อกำหนดเฉพาะ มาตรออิเล็กทรอนิกส์สำหรับพลังงาน ใช้งาน (ชั้น 0.25 และชั้น 0.55) 2544
บัตรชี้บ่งลักษณะเฉพาะตัว - บัตรวงจรรวมไร้การสัมผัส - บัตรทาบ เล่ม 1 ลักษณะเฉพาะ ทางกายภาพ 2860 เล่ม 1
๑๐ บัตรชี้บ่งลักษณะเฉพาะตัว - บัตรวงจรรวมไร้การสัมผัส - บัตรทาบ เล่ม 2 กำลังความถี่ วิทยุและส่วนต่อประสานสัญญาณ 2860 เล่ม 2
เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๑๑ บัตรชี้บ่งลักษณะเฉพาะตัว - บัตรวงจรรวมไว้การสัมผัส - บัตรทาบ เล่ม 4 โทรโทคอล การรับส่งข้อมูล 2860 เล่ม 4
๑๒ สารสนเทศภูมิศาสตร์ - ข้อกำหนดคุณลักษณะผลิตภัณฑ์ข้อมูล 19131
๑๓ บริภัณฑ์ระบบเสียง เล่ม 3 เครื่องขยายสัญญาณ 60268 เล่ม 3
๑๔ บริภัณฑ์ระบบเสียง เล่ม 4 ไมโครโฟน 60268 เล่ม 4
๑๕ บริภัณฑ์ระบบเสียง เล่ม 7 หูฟังคาดศีรษะและหูฟังใส่หู 60268 เล่ม 7
๑๖ เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 4: ข้อกำหนดคุณลักษณะส่วนหลัก - เคเบิลเส้นใยนำแสง แขวนอากาศตามแนวสายไฟฟ้า 60794 เล่ม 4
๑๗ เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 4(10): ข้อกำหนดคุณลักษณะเป็นรายกลุ่ม - เคเบิล OPGW (optical ground wire) ตามแนวสายไฟฟ้า 60794 เล่ม 4(10)
๑๘ เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 6 เคเบิลภายใน - ภายนอกอาคาร - ข้อกำหนดคุณลักษณะส่วนหลัก สำหรับเคเบิลภายใน-ภายนอกอาคาร 60794 เล่ม 6
๑๙ เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 6(10) เคเบิลภายใน - ภายนอกอาคาร - ข้อกำหนดคุณลักษณะ เป็นรายกลุ่ม สำหรับเคเบิลภายใน - ภายนอกอาคาร แบบนอกประสงค์ 60794 เล่ม 6(10)
๒๐ เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 6(20) เคเบิลภายใน - ภายนอกอาคาร - ข้อกำหนดคุณลักษณะ เป็นรายกลุ่ม สำหรับเคเบิลภายนอกอาคารแบบหน่วงเปลวไฟ 60794 เล่ม 6(20)
๒๑ เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 6(30) เคเบิลภายใน - ภายนอกอาคาร - ข้อกำหนดคุณลักษณะ เป็นรายกลุ่ม สำหรับเคเบิลภายในอาคารตามสภาพอากาศ 60794 เล่ม 6(30)
๒๒ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) เล่ม 2(2) สิ่งแวดล้อม - ระดับความเข้ากันได้ สำหรับสัญญาณระบบนวลและการส่งสัญญาณความถี่ต่ำที่นำตามสาย ในระบบจ่ายกำลังไฟฟ้าแรงดันต่ำสาธารณะ 61000 เล่ม 2(2)
๒๓ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) เล่ม 2(5) สิ่งแวดล้อม - การอธิบายและการจำแนก ประเภทสิ่งแวดล้อมทางแม่เหล็กไฟฟ้า 61000 เล่ม 2(5)
๒๔ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า เล่ม 3(2) ชิดจำกัด - ชิดจำกัดสำหรับสัญญาณปล่อย ซึ่งเป็นกระเสราร์มอนิก (กระแสไฟฟ้าเข้าของบริภัณฑ์ ≤16 แอมแปร์ต่อเฟส) 61000 เล่ม 3(2)
๒๕ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 3(3) ชิดจำกัด - ชิดจำกัดสำหรับการ เปลี่ยนแปลงแรงดันไฟฟ้า การกระเพื่อยแรงดันไฟฟ้าและ การกะพริบ ในระบบจ่ายกำลังไฟฟ้าแรงดันต่ำสาธารณะสำหรับบริภัณฑ์ที่มี กระไฟฟ้าที่กำหนด ≤ 16 A ต่อเฟส และไม่ขึ้นอยู่กับการต่อแบบมีเงื่อนไข 61000 เล่ม 3(3)
๒๖ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(1) มาตรฐานทั่วไป - มาตรฐานภูมิคุ้มกัน สำหรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมเชิงพาณิชย์ และสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมเบา 61000 เล่ม 6(1)
๒๗ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(2) มาตรฐานทั่วไป - มาตรฐานภูมิคุ้มกัน สำหรับสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม 61000 เล่ม 6(2)
เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๒๘ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(4) มาตรฐานทั่วไป - มาตรฐานการปล่อยสัญญาณระบบงานสำหรับสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม 61000 เล่ม 6(4)
๒๙ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(5) มาตรฐานทั่วไป - ภูมิคุ้มกันสำหรับบริภัณฑ์ที่ใช้ในสภาพแวดล้อมสถานีไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าย่อย 61000 เล่ม 6(5)
๓๐ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(6) มาตรฐานทั่วไป - ภูมิคุ้มกัน HEMP สำหรับบริภัณฑ์ภายในอาคาร 61000 เล่ม 6(6)
๓๑ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(7) มาตรฐานทั่วไป - ข้อกำหนดภูมิคุ้มกันสำหรับบริภัณฑ์ที่เจตนาทำน้ำท่าในระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย (ความปลอดภัยเชิงฟังก์ชัน) ในที่ตั้งอุตสาหกรรม 61000 เล่ม 6(7)
๓๒ ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(8) มาตรฐานทั่วไป - มาตรฐานการปล่อยสัญญาณระบบงานสำหรับบริภัณฑ์มืออาชีพในที่ตั้งซึ่งพาณิชย์และที่ตั้งอุตสาหกรรมเบา 61000 เล่ม 6(8)
๓๓ บริภัณฑ์เสียง วิดิทัศน์ บริภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เล่ม 1 ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย 62368 เล่ม 1
๓๔ บริภัณฑ์เสียง วิดิทัศน์ บริภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เล่ม 3 ด้านความปลอดภัยสำหรับการถ่ายโอนกำลังไฟฟ้ากระแสตรงผ่านเคเบิลสื่อสารและช่องเสียบ 62368 เล่ม 3
๓๕ บริภัณฑ์และระบบเครื่องเสียงวิดิทัศน์และสื่อผสม - เครื่องรับโทรศัพท์ในระบบดิจิทัลสำหรับการเข้าถึงของคนพิการและผู้สูงอายุ - ข้อกำหนดคุณลักษณะด้านหน้าที่การทำงาน 62944
ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 2208.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒๕) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการตรวจสอบ การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้ง ผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒๕) พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม จำนวน ๓๓ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
ตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำเย็นบริโภค เฉพาะด้านความปลอดภัย 2461
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน 2545
กาต้มน้ำไฟฟ้า คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน 2588
เตาไฟฟ้า คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน 2589
เตารีดไฟฟ้า : คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน 2590
เตาอบไฟฟ้า - คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน 2674
ตู้แช่แสดงสินค้า เฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน 2700
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(25) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเตาอบไมโครเวฟ รวมถึง เตาอบไมโครเวฟร่วม 60335 เล่ม 2(25)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(47) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับกระทะหุงต้มไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ 60335 เล่ม 2(47)
เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๑๐ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(48) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเตาปิ้งขนมปังและเตาย่างเชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2(48) | | ๑๑ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(90) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับบ้านพักน้ำวิ่งสีเขียว | 60335 เล่ม 2(90) | | ๑๒ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(109) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องทำผ้าฝ้ายรัดสีเขียว | 60335 เล่ม 2(109) | | ๑๓ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(115) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องดูแลความงามผิว | 60335 เล่ม 2(115) | | ๑๔ | เชลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์และคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่น ๆ ที่ไม่เป็นกรด - ข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเซลล์ทุติยภูมิผู้กินน้ำร่วมแบบปกพาและสำหรับแบตเตอรี่ที่ทำจากเซลล์ทุติยภูมิผู้กินน้ำร่วมแบบปกพาสำหรับการใช้งานแบบปกพา - เล่ม 1 ระบบเก็บเกี่ยว | 62133 เล่ม 1 | | ๑๕ | เชลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์และคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่น ๆ ที่ไม่เป็นกรด - ข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเซลล์ทุติยภูมิผู้กินน้ำร่วมแบบปกพาและสำหรับแบตเตอรี่ที่ทำจากเซลล์ทุติยภูมิผู้กินน้ำร่วมแบบปกพาสำหรับการใช้งานแบบปกพา - เล่ม 2 ระบบลิเธียม | 62133 เล่ม 2 | | ๑๖ | เตาเสียบ เตาปรับ เตาปรับต่อยานยนต์ และเตาเสียบยานยนต์ - การประจุนำพากระแสน้ำไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า - เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไป | 62196 เล่ม 1 | | ๑๗ | เตาเสียบ เตาปรับ เตาปรับต่อยานยนต์ และเตาเสียบยานยนต์ - การประจุนำพากระแสน้ำไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า - เล่ม 2 ข้อกำหนดความเข้มก้นได้ทางมิติสำหรับเต่าไฟฟ้าขาเสียบและเต่าไฟฟ้าท่อส่วนสมผัส AC | 62196 เล่ม 2 | | ๑๘ | เตาเสียบ เตาปรับ เตาปรับต่อยานยนต์ และเตาเสียบยานยนต์ - การประจุนำพากระแสน้ำไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า - เล่ม 3 ข้อกำหนดความเข้มก้นได้ทางมิติสำหรับคู่เท้าต่อยานยนต์ขาเสียบและคู่เท้าต่อยานยนต์ท่อส่วนสมผัส DC และ AC/DC | 62196 เล่ม 3 | | ๑๙ | เชลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์ แอลคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่น ๆ ที่ไม่เป็นกรด - ข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเซลล์และแบตเตอรี่ลิเธียมทุติยภูมิสำหรับการใช้งานอุตสาหกรรม | 62619 | | ๒๐ | เชลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์และคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่น ๆ ที่ไม่เป็นกรด - เซลล์และแบตเตอรี่ลิเธียมทุติยภูมิสำหรับการใช้งานอุตสาหกรรม | 62620 | | ๒๑ | ภาชนะ เครื่องใช้ และฟิล์มในลอนสำหรับอาหาร | 2108 | เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๔๘ ง หน้า ๗๑ ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๗
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๒๒ หมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยาน 2715
๒๓ กระดาษเช็ดอเนกประสงค์ 2925
๒๔ ไฟแช็กก๊าซมีด้ามจับ 2956
๒๕ เสื้อพยุงตัว ระดับ 50 3149
๒๖ เสื้อชูชีพ ระดับ 100 3150
๒๗ เสื้อชูชีพ ระดับ 150 3151
๒๘ อุปกรณ์ปกป้องดวงตาและใบหน้า - กระบังหน้าสำหรับป้องกันหยดและละอองของเหลว 3155
๒๙ อุปกรณ์ปกป้องดวงตาและใบหน้า - แว่นครอบตาสำหรับป้องกันหยดและละอองของเหลว 3156
๓๐ เสื้อชูชีพ ระดับ 275 3204
๓๑ ภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไรสนิมสำหรับอาหาร เฉพาะด้านความปลอดภัย 3206
๓๒ รองเท้าหนังแท้สำหรับผู้ชาย 3288
๓๓ กระดาษส้มผัสอาหารสำหรับปรุงอาหารด้วยความร้อน 3438
ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 221.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับวัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของ ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยาบางฉบับที่หมดความจ าเป็น พ.ศ. 2562 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ และมาตรา ๔๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การยกเว้นการขึ้นทะเบียนและการแจ้ง การด าเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขเพื่อประโยชน์ในการลบ หรือแก้ค าผิด พ.ศ. ๒๕๔๑ (๒) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การด าเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ ๔ ที่ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอ านาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ (๓) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การด าเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ ๔ ที่ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอ านาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๕ (๔) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การด าเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ ๔ ที่ส านักงานคณ ะกรรมการอาหารและยามีอ านาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ (๕) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอ านาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖2 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๔๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กันยายน ๒๕๖๒" 2211.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรบริมาณน้ำตาลทรายข้นด้น) โดยที่เป็นการสมควรกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายข้นด้น) ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ แห่งระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายให้โรงงานผลิต พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จึงออกประกาศกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ ไว้ ดังนี้ ๑. ให้โรงงานผลิตน้ำตาลทรายตามปริมาณที่กำหนดไว้ในบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ ๒. การผลิตน้ำตาลทรายตามข้อ ๑ ให้ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ในกรณีโรงงานใดประสงค์จะทำการผลิตน้ำตาลทรายนอกเหนือจากที่กำหนดให้ขออนุญาตต่อคณะกรรมการน้ำตาลทรายเป็นการเฉพาะราย ๒.๒ ในกรณีที่มีการโอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานของบริษัทโรงงานน้ำตาลทรายที่ได้รับการจัดสรรการผลิตน้ำตาลทรายตามประกาศนี้ เมื่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมได้อนุญาตให้โอนการประกอบกิจการโรงงานแล้ว ให้ถือว่าบริษัทโรงงานน้ำตาลทรายผู้ได้รับโอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานรายนั้น เป็นผู้ได้รับการจัดสรรปริมาณการผลิตตามประกาศนี้ด้วย ๓. การผลิตน้ำตาลทรายของโรงงาน ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการผลิต การบรรจุ การเก็บรักษา สถานที่เก็บรักษา การสำรวจการขนย้าย การส่งมอบ การจำหน่ายน้ำตาลทราย และการรายงานปริมาณอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย # บัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ## เรื่อง การกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ ### (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นต้น)
ลำดับ บริษัท/โรงงานน้ำตาล ทะเบียนโรงงาน (เดิม) ทะเบียนโรงงาน (ใหม่) น้ำตาลทรายสำรอง ปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง รวมน้ำตาล
บริษัท น้ำตาลทิพย์กำแพงเพชร จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ กพ ๑๐๖๒๐๐๐๐๑๒๕๕๖ ๒,๒๔๔,๔๓๙ ๔๗,๐๐๐ ๒,๒๗๑,๔๓๙
บริษัท น้ำตาลทิพย์สุโขทัย จำกัด - ๓-๑๑(๗)-๑/๕๓ สท ๑๐๖๔๐๐๐๐๑๒๕๕๓๕ ๑,๙๖๓,๔๗๖ ๔๑,๐๐๐ ๒,๐๐๔,๔๗๖
บริษัท น้ำตาลไทยแล็กซ์เคม จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๒๐ อต ๑๐๕๓๐๐๐๐๑๒๕๒๐๗ ๑,๗๘๖,๓๑๑ ๓๗,๐๐๐ ๑,๘๑๓,๓๑๑
บริษัท น้ำตาลทรายกำแพงเพชร จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๑๖ กพ ๑๐๖๒๐๐๐๐๑๒๕๑๖๔ ๖๒๕,๐๒๒ ๑๓,๐๐๐ ๖๓๘,๐๒๒
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชันแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (รวมผล) - จ. กาญจนบุรี ๒๐๖๐๐๐๐๐๑๒๕๑๕๖ ๑,๑๖๓,๓๑๑ ๒๕,๐๐๐ ๑,๑๘๘,๓๑๑
บริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๓๒ กพ ๑๐๖๒๐๑๐๐๑๒๕๓๒๐ ๒,๒๐๗,๓๕๓ ๔๖,๐๐๐ ๒,๒๕๓,๓๕๓
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชันแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) - จ. กาญจนบุรี ๑๐๖๐๐๒๐๐๑๒๕๓๕๔ ๓,๕๗๓,๘๔๘ ๗๕,๐๐๐ ๓,๖๔๘,๘๔๘
บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ พช ๑๐๖๗๐๐๐๐๑๒๕๓๙๑ ๔,๓๖๐,๕๐๔ ๙๑,๐๐๐ ๔,๔๕๑,๕๐๔
บริษัท น้ำตาลพิษณุโลก จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๓๗ พล ๑๐๖๕๐๐๐๐๑๒๕๓๗๗ ๒,๐๗๘,๖๓๙ ๔๓,๐๐๐ ๒,๑๒๑,๖๓๙
๑๐ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด (เพชรบูรณ์) - ๓-๑๑(๓)-๓/๕๘ พช ๑๐๖๗๐๐๐๐๓๒๕๕๘๗ ๑,๓๒๔,๕๑๘ ๒๘,๐๐๐ ๑,๓๕๒,๕๑๘
๑๑ บริษัท น้ำตาลสิงห์บุรี จำกัด - ๑/๑๙ สห ๑๐๑๗๐๐๐๐๑๒๕๑๙๔ ๑,๐๙๕,๗๑๘ ๒๓,๐๐๐ ๑,๑๑๘,๗๑๘
๑๒ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๒๑ สพ ๑๐๗๒๐๐๐๐๑๒๕๒๑๒ ๓๓๔,๓๖๐ ๗,๐๐๐ ๓๔๑,๓๖๐
๑๓ บริษัท น้ำตาลธนไพรยังคง จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๓๐ สพ ๑๐๗๒๐๑๐๐๑๒๕๓๐๒ ๔๗๑,๕๕๖ ๑๐,๐๐๐ ๔๘๑,๕๕๖
๑๔ บริษัท ไทยรุ่งเรืองเพิ่มพูนอุตสาหกรรม จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๑๙๗ ๘๔๕,๑๖๙ ๑๘,๐๐๐ ๘๖๓,๑๖๙
๑๕ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๒๒ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๒๒๑ ๖๐๐,๓๙๗ ๑๒,๐๐๐ ๖๑๒,๓๙๗
๑๖ บริษัท ประจวบอุตสาหกรรม จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๓/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๓๒๕๑๙๓ ๖๑๙,๕๒๔ ๑๓,๐๐๐ ๖๓๒,๕๒๔
๑๗ บริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๔/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๔๒๕๑๙๑ ๙๔๑,๙๓๙ ๑๙,๐๐๐ ๙๖๐,๙๓๙
๑๘ บริษัท โรงงานน้ำตาลมิตรกรุงไทย จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๕๒ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๕๒๘ ๑,๕๒๔,๖๖๔ ๓๒,๐๐๐ ๑,๕๕๖,๖๖๔
๑๙ บริษัท ไทยรุ่งเรือง คอร์ปอเรชั่น จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๓๘ ออน ๑๐๖๑๐๑๐๐๑๒๕๓๘๘ ๒,๒๖๖,๗๖๒ ๔๗,๐๐๐ ๒,๓๑๓,๗๖๒
๒๐ บริษัท น้ำตาลไทยภายนุบุรี จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๒/๑๙ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๒๒๕๑๙๕ ๗๙๔,๒๘๖ ๑๗,๐๐๐ ๘๑๕,๒๘๖
๒๑ บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเกษตร จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๑๒ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๑๒๕๑๒๒ ๘๓๗,๙๗๐ ๑๗,๐๐๐ ๘๕๔,๙๗๐
๒๒ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ สพ ๑๐๗๒๐๑๐๐๑๒๕๓๔๔ ๓,๗๓๘,๕๔๙ ๗๘,๐๐๐ ๓,๘๑๖,๕๔๙
๒๓ บริษัท น้ำตาลบ้านโป่ง จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ รบ ๑๐๗๐๐๐๐๐๑๒๕๑๙๘ ๕๓๘,๗๒๒ ๑๑,๐๐๐ ๕๔๙,๗๒๒
๒๔ บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๒/๑๙ รบ ๑๐๗๐๐๐๐๐๒๒๕๑๙๖ ๗๒๔,๕๒๑ ๑๕,๐๐๐ ๗๓๙,๕๒๑
๒๕ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น. จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๓๓ สบ ๑๐๖๒๐๐๐๐๑๒๕๓๓๖ ๗๖๐,๘๔๓ ๑๖,๐๐๐ ๗๗๖,๘๔๓
๒๖ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลปราณบุรี จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ ปช ๑๐๗๒๐๐๐๐๑๒๕๓๙๙ ๔๓๑,๕๖๙ ๙,๐๐๐ ๔๔๐,๕๖๙
๒๗ บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ สบ ๑๐๑๙๐๒๐๐๑๒๕๓๔๙ ๑,๙๗๒,๖๖๐ ๔๑,๐๐๐ ๒,๐๑๓,๖๖๐
๒๘ บริษัท มิตรเกษตร อุทัยธานี จำกัด - ๓-๑๑(๓)-๔/๕๕ อน ๑๐๖๑๐๐๐๐๔๒๕๕๕๗ ๑,๒๗๗,๘๙๔ ๒๗,๐๐๐ ๑,๓๐๔,๘๙๔
๒๙ บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด (สาขาสะโบสถ์) - ๓-๑๑(๓)-๒/๕๘ ลบ ๑๐๑๖๐๐๐๐๒๒๕๕๘๑ ๑,๐๓๐,๑๙๖ ๒๑,๐๐๐ ๑,๐๕๑,๑๙๖
๓๐ บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด (สาขาภาณุจนบุรี) - ๓-๑๑(๓)-๔/๕๘ กจ ๑๐๗๑๐๐๐๐๔๒๕๕๙๙ ๗๓๒,๓๐๒ ๑๕,๐๐๐ ๗๔๗,๓๐๒
หมายเหตุ: - ลำดับ คือ ลำดับของบริษัทน้ำตาลที่รายงานผลประกอบการประจำปี - บริษัท/โรงงานน้ำตาล หมายถึง บริษัท/โรงงานน้ำตาลที่ได้อนุมัติให้มีการดำเนินงานตามมาตรา ๕๐ แห่งกฎหมาย และต้องชำระภาษีอากรตามมาตรา ๕๑ แห่งกฎหมาย โดยมี ๑ บาท = ๑ ตัน - ทะเบียนโรงงาน (เดิม) หมายถึง ทะเบียนโรงงานของบริษัท/โรงงานน้ำตาล ที่ทำการเปลี่ยนแปลงตามมาตรา ๕๒ แห่งกฎหมาย โดยต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงภายใน ๑๕ วันหลังจากวันที่เปลี่ยนแปลง - ทะเบียนโรงงาน (ใหม่) หมายถึง ทะเบียนโรงงานของบริษัท/โรงงานน้ำตาล ที่ทำการเพิ่มขึ้นโดยการตั้งเปิดสถานที่ใหม่ - น้ำตาลทรายสำรอง หมายถึง น้ำตาลทรายที่บริษัท/โรงงานน้ำตาล ต้องมีการเก็บไว้สำหรับการจำหน่ายตามความต้องการของตลาด หรือจะขายเองตามราคาตลาด - ปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง หมายถึง ปริมาณน้ำตาลทรายสำรองของบริษัท/โรงงานน้ำตาล ในแต่ละช่วงเวลา - รวมน้ำตาล หมายถึง ปริมาณน้ำตาลทรายทั้งหมดของบริษัท/โรงงานน้ำตาล ในแต่ละช่วงเวลา วรวรรณ กือ
ลำดับ โรงงานน้ำตาล/บริษัท ทะเบียนโรงงาน (เดิม) ทะเบียนโรงงาน (ใหม่) น้ำตาลทราย ปริมาณน้ำตาลทราย สำรอง รวมน้ำตาล
๓๑ บริษัท น้ำตาลนิวกวางสุนหลี จำกัด ๓-๑๑(๗)-๑/๖๗ สก ๑๐๒๗๐๐๐๑๙๖๒๕๖๗๐ ๑,๑๐๒,๐๐๐ ๒๓,๐๐๐ ๑,๑๒๕,๐๐๐
๓๒ บริษัท สหกรณ์น้ำตาลชลบุรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๕ ซบ ๑๐๒๐๐๑๐๐๑๒๕๑๕๖ ๔๓๖,๘๘๗ ๙,๐๐๐ ๔๔๕,๘๘๗
๓๓ บริษัท น้ำตาและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) ๓-๑๑(๓)-๑/๑๗ สก ๑๐๒๗๐๐๐๐๑๒๕๓๗๔ ๒,๖๕๒,๐๔๓ ๕๕,๐๐๐ ๒,๗๐๗,๐๔๓
(วัฒนานคร)
๓๔ บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๔๘ ซป ๑๐๒๐๐๐๐๑๑๒๕๔๘๘ ๓๔๗,๗๗๒ ๗,๐๐๐ ๓๕๔,๗๗๒
๓๕ บริษัท น้ำตาและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) ๓-๑๑(๓)-๑/๖๐ สก ๑๐๒๗๐๐๐๐๑๒๕๖๐๖ ๖๕๑,๙๑๓ ๑๔,๐๐๐ ๖๖,๙๑๓
(วัฒนะคร)
๓๖ บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๓/๔๘ สาร ๑๐๓๒๐๐๐๐๓๒๕๔๘๙ ๒,๐๓๙,๙๘๙ ๔๒,๐๐๐ ๒,๐๘๑,๙๘๙
๓๗ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลอีสาน จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๘ กส ๑๐๖๐๐๑๐๐๑๒๓๘๘ ๑,๐๔๔,๘๖๔ ๒๒,๐๐๐ ๑,๐๖๖,๘๖๔
๓๘ บริษัท น้ำตาลมิตราภาสินธุ์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๔๒ กส ๑๐๔๖๐๒๐๐๑๒๕๔๙๒ ๓,๘๘๒,๗๑๘ ๘๑,๐๐๐ ๓,๙๖๓,๗๑๘
๓๙ บริษัท น้ำตาลวังขนาย จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๔๙ มค ๑๐๔๔๐๐๐๐๑๒๕๔๙๘ ๖๒๕,๑๗๕ ๑๓,๐๐๐ ๖๓๘,๑๗๕
๔๐ บริษัท น้ำตาลเกษตรผล จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ อด ๑๐๔๑๐๐๐๐๑๒๕๓๔๓ ๒,๒๔๐,๖๐๙ ๔๗,๐๐๐ ๒,๒๘๗,๖๐๙
๔๑ บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๕ นม ๑๐๓๐๐๐๐๐๑๒๕๓๕๓ ๕,๘๗๕,๔๒๕ ๑๒๒,๐๐๐ ๕,๙๙๗,๔๒๕
๔๒ บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูเวียง) ๓-๑๑(๓)-๑/๓๗ ขก ๑๐๔๐๐๐๐๐๑๒๕๓๗๗ ๓,๘๗๓,๒๑๖ ๘๐,๐๐๐ ๓,๙๕๓,๒๑๖
๔๓ บริษัท อุตสาหกรรมอ่างเยีย จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๖ นม ๑๐๓๐๐๓๐๐๑๒๕๓๖๘ ๒,๑๓๙,๕๗๕ ๔๕,๐๐๐ ๒,๑๘๔,๕๗๕
๔๔ บริษัท น้ำตาลศรีบุรี จำกัด (มหาชน) ศ ๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ นม ๐๐๓๐๐๓๐๐๑๒๕๓๙๔ ๓,๑๐๖,๖๑๔ ๖๕,๐๐๐ ๓,๑๗๑,๖๑๔
๔๕ บริษัท โรงงานน้ำตาลพรายขาวเริ่มอุดม จำกัด ๓-๑๑(๓)-๒/๑๓ อด ๑๐๔๑๐๐๐๐๑๒๕๑๓๕ ๘๒๘,๐๐๑ ๑๗,๐๐๐ ๘๔๕,๐๐๑
๔๖ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ๓-๑๑(๓)-๑/๒๐ ชก ๑๐๔๐๐๐๐๐๑๒๕๒๐๓ ๒,๒๓๖,๖๕๖ ๔๗,๐๐๐ ๒,๒๘๓,๖๕๖
๔๗ บริษัท สหเรื่อง จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๖ มห ๑๐๔๙๐๐๐๐๑๒๕๓๖๐ ๑,๒๗๒,๔๓๕ ๖๖,๐๐๐ ๑,๓๙๘,๔๓๕
๔๘ บริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๕ บร ๑๐๓๑๐๐๐๐๑๒๕๑๕๔ ๒,๖๕๖,๖๑๐ ๕๕,๐๐๐ ๒,๗๑๑,๖๑๐
๔๙ บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูเชี่ยว) ๓-๑๑(๓)-๑/๒๙ ชย ๑๐๓๖๐๒๐๐๑๒๕๙๙๘ ๔,๖๑๖,๓๙๘ ๙๖,๐๐๐ ๔,๗๑๒,๓๙๘
๕๐ บริษัท น้ำตาลอรวารัตน์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๒/๕๕ นภ ๑๐๓๙๐๐๐๐๒๒๕๕๕๐ ๓,๓๐๐,๐๕๓ ๖๙,๐๐๐ ๓,๓๖๙,๐๕๓
๕๑ บริษัท น้ำตาลอยุทธธนาณี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๓/๕๕ อด ๑๐๔๑๐๐๐๐๓๒๕๕๕๔ ๒,๖๓๖,๔๒๘ ๕๕,๐๐๐ ๒,๖๙๑,๔๒๘
๕๒ บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (เม็ดรภูหลวง) ๓-๑๑(๓)-๑/๕๗ ลย ๑๐๔๒๐๐๐๐๑๒๕๕๗๓ ๓,๗๙๒,๖๑๔ ๗๙,๐๐๐ ๓,๘๗๑,๖๑๔
๕๓ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (สาขาวังสะพุง) ๓-๑๑(๓)-๒/๕๗ ลย ๑๐๔๒๐๐๐๐๒๒๕๕๗๑ ๑,๘๕๐,๑๕๑ ๓๙,๐๐๐ ๑,๘๘๙,๑๕๑
๕๔ บริษัท น้ำตาละอ่อย จำกัด (สาขาชัยภูมิ) ๓-๑๑(๓)-๑/๕๘ ชย ๑๐๓๖๐๐๐๐๑๒๕๕๕๙ ๑,๓๓๓,๔๒๒ ๒๘,๐๐๐ ๑,๓๖๑,๔๒๒
๕๕ บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด (สกลนคร) ๓-๑๑(๓)-๑/๖๑ สน ๑๐๔๗๐๐๐๐๑๒๕๖๑๐ ๓๙๓,๐๓๘ ๘,๐๐๐ ๔๐๑,๐๓๘
๕๖ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (สาขาอำนาจเจริญ) ๓-๑๑(๓)-๒/๖๑ จอ ๑๐๓๗๐๐๐๐๒๒๕๖๑๐ ๑,๔๙๑,๙๐๗ ๓๑,๐๐๐ ๑,๕๒๒,๙๐๗
๕๗ บริษัท น้ำตาลศรีบุรี จำกัด (มหาชน) (สาขาสีคิ้ว) ๓-๑๑(๓)-๑/๖๒ นม ๑๐๓๐๐๐๐๔๘๐๒๕๖๒๓ ๑,๑๙๔,๘๖๓ ๒๕,๐๐๐ ๑,๒๑๙,๘๖๓
๕๘ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (เกษตรสมบูรณ์) ๓-๑๑(๓)-๑/๖๖ ชย ๑๐๓๖๐๐๐๐๑๒๕๖๖๑ ๙๓๖,๙๓๕ ๑๙,๐๐๐ ๙๕๕,๙๓๕
รวม ๑๐๑,๔๒๔,๘๖๓ ๒,๑๑๑,๐๐๐ ๑๐๓,๕๓๕,๘๖๓
หน่วย : กรัสอบ (๑๐๐ กก./กส.) วรรณภา # หมายเหตุ ๑. บัญชีจัดสรรปริมาณการผลิตนี้เป็น บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นต้น และจะทำการ ปรับปรุงบัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายอีกครั้งภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๘ ๒. น้ำตาลทราย หมายถึง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทราย ชนิดพิเศษ หรือน้ำตาลชนิดอื่น ๆ ที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายกำหนดให้ทำการผลิตเพื่อใช้บริโภค ภายในประเทศหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร ๓. น้ำตาลทรายสำรอง หมายถึง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ หรือ น้ำตาลทราย ชนิดพิเศษที่แต่ละโรงงานต้องสำรองไว้ในปริมาณตามที่คณะกรรมการกำหนด ๔. เนื้อน้ำตาลทรายสุทธิต่อ ๑ กระสอบ = ๑๐๐ กิโลกรัม หลักเกณฑ์การจัดสรรปริมาณอ้อยและน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานทำการผลิต ในปีการผลิต ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นต้น) # ๑. ปริมาณอ้อยจัดสรร จัดสรรโดยคณะกรรมการอ้อย ตามมติในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๗
ภาค ปริมาณอ้อย (ตัน)
๑. ภาคเหนือ ๒๐,๓๖๐,๐๐๐
๒. ภาคกลาง ๒๑,๙๒๐,๐๐๐
๓. ภาคตะวันออก ๔,๙๙๐,๐๐๐
๔. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔๕,๙๐๐,๐๐๐
รวมทุกภาค ๙๓,๑๗๐,๐๐๐
## ๒. ปริมาณน้ำตาลทรายจัดสรร ๒.๑ น้ำตาลทราย จัดสรรตามปริมาณอ้อยที่คณะกรรมการอ้อยจัดสรรในข้อ ๑ คูณกับผลผลิต น้ำตาลทรายเฉลี่ยต่อตันอ้อยของแต่ละโรงงานเฉลี่ย ๓ ปีย้อนมา (ปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ - ๒๕๖๖/๒๕๖๗) ๒.๒ น้ำตาลทรายสำรอง จัดสรรจากปริมาณการบริโภคน้ำตาลทรายโดยเฉลี่ยภายในประเทศ หนึ่งเดือนของฤดูกาลผลิตปีที่ผ่านมา ๓. บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย นี้เป็น บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นต้น และจะทำการปรับปรุงบัญชี จัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายอีกครั้งหนึ่งภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๘" 2214.pdf,"เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๘๒ ก หน้า ๔๑ ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๓
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำและขาว ครุฑมีปีกกางออก และสวมเครื่องประดับ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นสีดำและขาวของครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย ครุฑมีปีกกางออกและสวมเครื่องประดับ
พระราชกฤษฎีกา ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ # พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ## ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า ""พระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗"" มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๔) ของมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๓ เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๘๒ ก หน้า ๔๒ ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๓ “(๔) ที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงผลิตน้ำประปา และโรงผลิตน้ำประปา ทั้งนี้ ให้รวมถึงที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นที่ใช้ประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับการผลิตน้ำประปา” ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๘๒ ก หน้า ๔๓ ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๗ หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงผลิตน้ำประปา และโรงผลิตน้ำประปา รวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นที่ใช้ประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับการผลิตน้ำประปา เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม เหตุการณ์ กิจการ หรือสภาพแห่งท้องที่ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้" 2216.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ ๒๓๒/๒๕๖๗ เรื่อง กำหนดราคาของที่นำเข้า ซึ่งได้รับยกเว้นอากรตามประเภท ๑๒ ภาค ๔ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๒) โดยที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในการขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภค ระหว่างผู้ขายในต่างประเทศซึ่งไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มกับผู้ขายในประเทศไทยซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และเพื่อให้การยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้าซึ่งแต่ละรายมีราคาไม่เกินที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนด ด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามประเภท ๑๒ ภาค ๔ แห่งพระราชกำหนด พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นการชั่วคราวให้เหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล อาศัยอำนาจตามความในประเภท ๑๒ ภาค ๔ ของที่ได้รับยกเว้นอากร แห่งพระราชกำหนด พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนด พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๗ อธิบดีกรมศุลกากรด้วยความเห็นชอบ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ของที่นำเข้า ซึ่งแต่ละรายมีราคาไม่เกินหนึ่งบาท ได้รับยกเว้นอากร ข้อ ๒ ราคา หมายถึง ราคาศุลกากร ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้อ ๔ มิให้นำประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๙๑/๒๕๖๑ เรื่อง หลักเกณฑ์ของนำเข้า ที่ได้รับยกเว้นอากรตามประเภท ๑๒ ของภาค ๔ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ มาใช้บังคับกับของที่นำเข้าในระหว่างที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ข้อ ๕ บรรดาประกาศอื่นใดของกรมศุลกากรในส่วนที่มีกำหนดไว้แล้วในประกาศนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ ให้ใช้ประกาศนี้แทน ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ อธิชัย อัตนวนิช อธิบดีกรมศุลกากร" 2217.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ ๒๓๓/๒๕๖๗ เรื่อง หลักเกณฑ์และการปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับการยกเว้นอากรศุลกากร สำหรับการนำเข้าของที่มีมูลค่าไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท (ฉบับที่ ๓) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และพิธีการศุลกากรสำหรับการนำเข้าของที่มีมูลค่าไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในการขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคระหว่างผู้ขาย ในต่างประเทศซึ่งไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มกับผู้ขายในประเทศซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ประกอบกับ ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศซึ่งให้กำหนดราคาขั้นต่ำของที่นำเข้าแต่ละราย เพื่อให้คุ้มค่ากับการจัดเก็บอากรศุลกากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบกับ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีมูลค่าไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ อธิบดีกรมศุลกากร ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับการนำเข้าของ ซึ่งแต่ละรายผู้รับในประเทศที่มีราคารวมค่าขนส่ง และค่าประกันภัย (CIF) ที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งบาทแต่ไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยบาท ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้อ ๒ บรรดาประกาศอื่นใดของกรมศุลกากรในส่วนที่มีกำหนดไว้แล้วในประกาศนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ ให้ใช้ประกาศนี้แทน ข้อ ๓ ราคา หมายถึง ราคาศุลกากร ส่วนที่ ๑ การปฏิบัติพิธีการศุลกากรนำเข้าทั่วไปและการปฏิบัติพิธีการศุลกากรเกี่ยวกับของเร่งด่วนขาเข้า ที่มีผู้โดยสารนำพาในลักษณะถุงเมล็ด่วน (Courier) บนท่าอากาศยาน ข้อ ๔ ให้ผู้นำของเข้าปฏิบัติพิธีการศุลกากรตามประกาศกรมศุลกากรว่าด้วยการปฏิบัติ พิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๕ ผู้นำของเข้าชั่งแต่ละรายผู้รับในประเทศมีราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัย (CIF) ที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งบาทแต่ไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยบาท ที่ประสงค์จะใช้สิทธิยกเว้นอากรตามประกาศ กระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีมูลค่าไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้จัดทำใบขนสินค้าตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด โดยบันทึกในช่องสิทธิพิเศษของแต่ละรายการระบุเป็น “LWG” ให้นำความในวรรคหนึ่ง มาใช้กับการปฏิบัติพิธีการศุลกากรเกี่ยวกับของเร่งด่วนขาเข้า ที่มีผู้โดยสารนำพาในลักษณะถุงเมล็ด่วน (Courier) บนท่าอากาศยาน โดยอนุโลม ส่วนที่ ๒ การปฏิบัติพิธีการศุลกากรนำเข้าของเร่งด่วนทางอากาศยาน ข้อ ๖ ของนำเข้าซึ่งแต่ละรายผู้รับในประเทศมีราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัย (CIF) ที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งบาทแต่ไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยบาท และไม่เป็นของต้องห้ามของต้องกำกัด ให้ผู้ประกอบการของเร่งด่วนนำพิธีการศุลกากรสำหรับของเร่งด่วนขาเข้าประเภทที่ ๒ ของประกาศ กรมศุลกากร ที่ ๑๓๐/๒๕๖๑ เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกสว่าด้วยกระบวนการ ทางศุลกากรเกี่ยวกับของเร่งด่วน ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และประกาศกรมศุลกากร ที่ ๖๖/๒๕๖๑ เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ เขตลปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ลงวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาปฏิบัติ โดยอนุโลม โดยบันทึกในช่องสิทธิพิเศษของแต่ละรายการระบุเป็น “LWG” เว้นแต่ขั้นตอนการชำระภาษี ให้ดำเนินการตามของเร่งด่วนขาเข้าประเภทที่ ๓ ข้อ ๗ ใบเสร็จรับเงินตามใบขนสินค้าขาเข้าของเร่งด่วนทางอากาศยาน ให้ใช้ใบเสร็จรับเงิน ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด (กศก. ๑๒๒) กรณีการชำระค่าภาษีอากร ค่าธรรมเนียมศุลกากร รายได้อื่น และเงินประกัน ผ่านช่องทาง การให้บริการของธนาคารหรือตัวแทนรับชำระ (Bill Payment) ผู้ประกอบการสามารถพิมพ์ ใบเสร็จรับเงิน กศก. ๑๒๓ ที่ชำระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่ประกาศกรมศุลกากรกำหนด ส่วนที่ ๓ การปฏิบัติพิธีการศุลกากรนำเข้าของเร่งด่วนทางบก ข้อ ๘ ของนำเข้าซึ่งแต่ละรายผู้รับในประเทศมีราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัย (CIF) ที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งบาทแต่ไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยบาท และไม่เป็นของต้องห้ามของต้องกำกัด ให้ผู้ประกอบการของเร่งด่วนทางบกนำพิธีการศุลกากรสำหรับของเร่งด่วนขาเข้าประเภทที่ ๒ ของประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๓๐/๒๕๖๓ เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรว่าด้วยกระบวนการ ทางศุลกากรสำหรับของเร่งด่วนทางบก ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาปฏิบัติโดยอนุโลม โดยบันทึกในช่องสิทธิพิเศษของแต่ละรายการระบุเป็น “LVG” เว้นแต่ขั้นตอน การชำระภาษีให้ดำเนินการตามของเร่งด่วนขาเข้าประเภทที่ ๓ ข้อ ๙ ใบเสร็จรับเงินตามใบขนสินค้าขาเข้าของเร่งด่วนทางบก ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินตามแบบ ที่กรมศุลกากรกำหนด (กศก. ๑๒๒) กรณีการชำระค่าภาษีอากร ค่าธรรมเนียมศุลกากร รายได้อื่น และเงินประกัน ผ่านช่องทาง การให้บริการของธนาคารหรือตัวแทนรับชำระ (Bill Payment) ผู้ประกอบการสามารถพิมพ์ ใบเสร็จรับเงิน กศก. ๑๒๓ ที่ชำระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่ประกาศกรมศุลกากรกำหนด ส่วนที่ ๔ การปฏิบัติพิธีการศุลกากรนำของออกจากเขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อใช้หรือจำหน่ายภายในประเทศ ข้อ ๑๐ ของนำเข้าซึ่งแต่ละรายผู้รับในประเทศมีราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัย (CIF) ที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งบาทแต่ไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยบาท และไม่เป็นของต้องห้ามของต้องกำกัด ให้ผู้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นำพิธีการศุลกากรสำหรับของเร่งด่วนขาเข้าประเภทที่ ๒ ของประกาศกรมศุลกากร ที่ ๒๐๔/๒๕๖๒ เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ เขตปลอดอากร กิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาปฏิบัติตามอยู่บนหลังบ้านทึกในช่องสิทธิพิเศษ ของแต่ละรายการระบุเป็น “LWG” ข้อ ๑๑ ใบเสร็จรับเงินตามใบขนสินค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินตามแบบ ที่กรมศุลกากรกำหนด (กศก. ๑๒๒) กรณีการชำระค่าภาษีอากร ค่าธรรมเนียมศุลกากร รายได้อื่น และเงินประกัน ผ่านช่องทาง การให้บริการของธนาคารหรือตัวแทนรับชำระ (Bill Payment) ผู้ประกอบการสามารถพิมพ์ ใบเสร็จรับเงิน กศก. ๑๒๓ ที่ชำระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่ประกาศกรมศุลกากรกำหนด ส่วนที่ ๕ การปฏิบัติพิธีการศุลกากรการนำเข้าทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ข้อ ๑๒ การตรวจคัดและการปฏิบัติกับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่มีมูลค่าไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท ไม่ว่าผู้รับจะเป็นบุคคลหรือบริษัทห้างร้าน และอยู่ ณ จังหวัดใด ซึ่งกรมศุลกากร มีอำนาจในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแทนกรมสรรพากร ให้ดำเนินการ ดังนี้ (๑๒.๑) ของรายใดซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นของที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามหลักเกณฑ์ข้างต้น พนักงานศุลกากร หน่วยงานตรวจสอบสิ่งของทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ จะตรวจสอบโดยการเอกซเรย์ (X-ray) และเปิดตรวจเพื่อประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มต่อหน้าพนักงาน ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และบันทึกจำนวนเงินค่าภาษีมูลค่าเพิ่มไว้บนหีบห่อของ เว้นแต่กรณีที่ ใบปฏิญญา (CN ๒๒/CN ๒๓) มีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับของครบถ้วน ได้แก่ ชนิด ปริมาณ น้ำหนัก ราคา ค่าไปรษณียารกร (POSTAGE) รวมทั้งรายละเอียดอย่างอื่นที่สามารถประเมิน ภาษีมูลค่าเพิ่มได้ และไม่มีเหตุอันควรสงสัย พนักงานศุลกากรจะประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตามข้อมูล ที่แสดงในใบปฏิญญา (CN ๒๒/CN ๒๓) โดยไม่ต้องเปิดตรวจอีกได้ (๑๒.๒) ทีบห่อของที่เปิดตรวจและประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ให้พนักงานบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด คาดเทปกาวพลาสติกปิดรอยเปิด หรือรอยฉีกขาดให้เรียบร้อย และประทับ ข้อความไว้ที่หีบท่อว่า ""เปิดตรวจ/ปิดผนึก"" โดยพนักงานศุลกากร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ EXAMINED / SEALED BY CUSTOMS AND POSTAL OFFICERS” ต่อจากนั้น พนักงานศุลกากร จะบันทึกข้อมูลลงในระบบใบสั่งเก็บเงิน (Order Form) ตามที่ปรากฏบนจ่าหน้าหีบท่อ คือ หมายเลขติดตามพัสดุ (tracking number) หน้าหีบท่อ ชื่อ - นามสกุล ผู้รับ รวมทั้งรายละเอียด ของที่ได้เปิดตรวจและประเมิน ซึ่งได้แก่ ชนิดของที่ตรวจพบ ปริมาณ น้ำหนัก ราคาประเมิน ประเภทพิกัดฯ รหัสรายได้ ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งชื่อพนักงานศุลกากรผู้ประเมิน และวัน เดือน ปี ที่นำเข้า เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร และพิมพ์ใบสั่งเก็บเงิน (Order form) จำนวน ๒ ฉบับ ผนึกติดไปกับหีบท่อและส่งมอบให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำจ่ายให้ผู้รับต่อไป # ข้อ ๑๓ การชำระเงินค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ก่อนที่ผู้รับจะได้รับของจากบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ไม่ว่ากรณีใด ๆ ผู้รับมีหน้าที่ ตามประมวลรัษฎากรที่จะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนเสมอ โดยยูรูปแบบและวิธีการที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้ (๑๓.๑) พนักงานของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะเป็นผู้นำส่งของให้กับผู้รับ โดยหีบท่อของจะมี “เอกสารใบสั่งเก็บเงิน (Order Form)” พร้อมคิวอาร์โค้ด (QR Code)” ผนึกไว้ กับหีบท่อของที่ระบุถึงภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้รับมีหน้าที่ต้องเสีย เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระ ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว และคำแนะนำต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อผู้รับชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อยแล้ว พนักงานของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะส่งมอบหีบท่อของให้กับผู้รับ (๑๓.๒) กรณีผู้รับไม่สามารถชำระภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านคิวอาร์โค้ด (QR Code) ที่ปรากฏบนใบสั่งเก็บเงิน (Order Form) ที่ผนึกไปกับหีบท่อได้ พนักงานของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะนำหีบท่อไปเก็บรักษา ณ ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทาง และผู้รับสามารถนำไปสั่งเก็บเงิน (Order Form) ที่ผนึกไปกับหีบท่อไปติดต่อธนาคารที่กำหนดเพื่อชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม และนำหลักฐาน การชำระเงิน อาทิ ใบเสร็จรับเงิน สำเนาใบนำฝากของธนาคาร ไปติดต่อรับของ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ปลายทาง ภายใน ๑๕ วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบสั่งเก็บเงิน (Order Form) จากพนักงานของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หากผู้รับไม่ติดต่อรับของ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ อาจจะถูกส่งคืนต้นทาง ต่างประเทศ โดยผู้รับสามารถขอรับเงินค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไว้คืนได้ตามกฎหมายและระเบียบ ที่เกี่ยวข้อง (๑๓.๓) กรณีไม่มีผู้รับพนักงานของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะออกใบนัดนำจ่าย พร้อมใบสั่งเก็บเงิน (Order Form) ไว้ ณ ที่อยู่ผู้รับ และนำหีบท่อไปเก็บรักษา ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ปลายทาง โดยผู้รับสามารถชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามวิธีการที่กำหนดไว้ และรับของได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ออกใบนำจ่าย หากผู้รับไม่ติดต่อรับของภายใน ๑๕ วัน ของจะถูกส่งคืนต้นทางต่างประเทศ ข้อ ๑๔ สิทธิโต้แย้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีผู้รับไม่เห็นด้วยกับการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตามเอกสารใบสั่งเก็บเงิน (Order Form) ผู้รับมีสิทธิโต้แย้งการประเมินภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบสั่งเก็บเงิน (Order form) โดยปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้ (๑๔.๑) ผู้รับยื่นคำร้องขอโต้แย้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ หรือที่เว็บไซต์ http://www.postal.customs.go.th พร้อมเอกสารใบสั่งเก็บเงิน (Order form) ที่ผนึกติดไปกับหีบห่อ โดยสามารถยื่นด้วยตนเอง ณ ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ postal.re@customs.go.th (๑๔.๒) กรณีให้ลดหย่อน ให้พนักงานศุลกากรพิจารณาข้อโต้แย้งและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้รับ โดยปฏิบัติตามข้อ (๑๒.๒) และส่งมอบเฉพาะใบสั่งเก็บเงิน (Order form) จำนวน ๒ ฉบับ ให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำจ่ายให้ผู้รับต่อไป (๑๔.๓) กรณีไม่ลดหย่อน ให้พนักงานศุลกากรแจ้งผลการพิจารณาไปยังผู้รับ ข้อ ๑๕ วิธีการพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน (กศก. ๑๒๓) ผู้รับสามารถพิมพ์ใบเสร็จรับเงินได้ที่ https://e-tracking.customs.go.th หรือติดต่อขอใบเสร็จรับเงินได้ที่สำนักงานหรือด่านศุลกากรทุกแห่ง โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมศุลกากรกำหนด ข้อ ๑๖ กรณีผู้รับที่มีชื่อปรากฏบนจ่าหน้าหีบห่อปฏิเสธการรับของโดยชัดแจ้งบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด จะส่งของคืนต้นทางต่างประเทศ ข้อ ๑๗ การส่งคืนสิงของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ (๑๗.๑) กรณีตามข้อ (๑๓.๒) (๑๓.๓) และข้อ ๑๖ ให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดทำรายงานหีบห่อของที่ส่งคืนต้นทางต่างประเทศให้ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ทราบเป็นรายเดือน (๑๗.๒) กรณีที่ไม่สามารถส่งคืนต้นทางต่างประเทศได้ ให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ส่งของคืนส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์เพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ข้อ ๑๘ สิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่มีผู้มาขอรับภายหลังที่ส่งคืนไปแล้ว กรณีตามข้อ (๑๗.๒) หากของยังมิได้ส่งคืนต้นทางต่างประเทศและถ้ามีผู้มาขอรับให้ติดต่อส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ เพื่อชำระค่าภาษีมูลค่าเพิ่มและรับของด้วยตนเอง ข้อ ๑๙ หากผู้รับได้รับหีบห่อไปจากบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยยังมิได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มให้ครบถ้วน ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ กรมศุลกากร จะตรวจสอบข้อมูลคำสั่งชำระกับข้อมูลสถานะสิ่งของของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หากพบการกระทำความผิดกรมศุลกากรจะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ข้อ ๒๐ ของประเภทที่ ๓ ที่ต้องจัดทำใบขนสินค้า ผู้นำเข้าที่ประสงค์จะใช้สิทธิยกเว้นอากร ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีมูลค่าไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้จัดทำตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด โดยบันทึกในช่องสิทธิพิเศษของแต่ละรายการระบุเป็น “LVG” ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ธีรัชย์ อัตนวนิช อธิบดีกรมศุลกากร" 2218.pdf,"ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๑๓) ด้วยคณะกรรมการค่าจ้างได้มีการประชุมศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้าง ที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ และมีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างทุกคน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๙ (๓) และมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการค่าจ้าง จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๑๒) ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๒ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสี่ร้อยบาท ในท้องที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ภูเก็ต ระยอง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เฉพาะอำเภอเกาะสมุย ข้อ ๓ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยแปดสิบบาท ในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ เฉพาะอำเภอเมืองเชียงใหม่ และจังหวัดสงขลา เฉพาะอำเภอดหาดใหญ่ ข้อ ๔ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยเจ็ดสิบสองบาทยี่สิบห้าสตางค์ ในท้องที่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ข้อ ๕ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบเก้าบาท ในท้องที่ จังหวัดนครราชสีมา ข้อ ๖ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบแปดบาท ในท้องที่ จังหวัดสมุทรสงคราม ข้อ ๗ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบเจ็ดบาท ในท้องที่ จังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ ยกเว้นอำเภอเมืองเชียงใหม่ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี ข้อ ๘ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบหกบาท ในท้องที่ จังหวัดลพบุรี ข้อ ๙ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบห้าบาท ในท้องที่ จังหวัดนครนายก สุพรรณบุรี และหนองคาย ข้อ ๑๐ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบสี่บาท ในท้องที่จังหวัดกระบี่ และตราด ข้อ ๑๑ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบสองบาทยี่สิบห้าสตางค์ ในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จันทบุรี เชียงราย ตาก นครพนม บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา พิษณุโลก มุกดาหาร สกลนคร สงขลา ยกเว้นอำเภอหาดใหญ่ สะระแก้ว สุราษฎร์ธานี ยกเว้นอำเภอมะขาม และอุบลราชธานี ข้อ ๑๒ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบเอ็ดบาท ในท้องที่จังหวัดชุมพร เพชรบุรี และสุรินทร์ ข้อ ๑๓ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบบาท ในท้องที่จังหวัดนครสวรรค์ ยโสธร และลำปาง ข้อ ๑๔ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบเก้าบาท ในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นครศรีธรรมราช บึงกาฬ เพชรบูรณ์ และร้อยเอ็ด ข้อ ๑๕ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบแปดบาท ในท้องที่จังหวัดชัยนาท ชัยภูมิ พัทลุง สิงห์บุรี และอ่างทอง ข้อ ๑๖ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบเจ็ดบาท ในท้องที่จังหวัด กำแพงเพชร พิจิตร มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลำปาง เลย ศรีสะเกษ สตูล สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ข้อ ๑๗ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบห้าบาท ในท้องที่จังหวัดตรัง น่าน พะเยา และแพร่ ข้อ ๑๘ ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบเจ็ดบาท ในท้องที่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา ข้อ ๑๙ เพื่อประโยชน์ตามข้อ ๒ ถึงข้อ ๑๘ คำว่า “วัน” หมายถึง เวลาระหว่างปกติของลูกจ้าง ซึ่งไม่เกินชั่วโมงทำงานดังต่อไปนี้ แม่นายจ้างจะให้ลูกจ้างทำงานน้อยกว่าวเวลาทำงานปกติเพียงใดก็ตาม (๑) เจ็ดชั่วโมง สำหรับงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ (๒) แปดชั่วโมง สำหรับงานอื่นซึ่งไม่ใช่งานตาม (๑) ข้อ ๒๐ ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินแก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ข้อ ๒๑ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ บุญสงคราม์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการค่าจ้าง" 2219.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อน การออกเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรงกรณีจากวาตภัยและอุทกภัย ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ ถึงมีนาคม ๒๕๖๘ อันส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จึงควรลดหย่อนการออกเงินสมทบนายจ้าง และผู้ประกันตนในท้องที่ดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๖/๑ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้นายจ้างซึ่งขึ้นทะเบียนนายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ซึ่งขึ้นทะเบียน ผู้ประกันตน ในท้องที่จังหวัดกระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตาก นครนายก นครปฐม นครพนม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พังงา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ร้อยเอ็ด ระยอง ลำปาง ลำพูน เลย สงขลา สตูล สมุทรสาคร สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ได้รับการลดหย่อน การออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมประจำงวดเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงงวดเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยให้ส่งเงินสมทบในอัตราฝ่ายละร้อยละสามของค่าจ้างของผู้ประกันตน ข้อ ๒ ให้ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ซึ่งมีทะเบียนผู้ประกันตนในท้องที่ที่กำหนดตามข้อ ๑ ได้รับการลดหย่อนการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมประจำงวดเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงงวดเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยให้ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละสองร้อยแปดสิบสามบาท ข้อ ๓ ในกรณีที่มีการส่งเงินเกินกว่าจำนวนเงินที่กำหนดไว้ตามประกาศนี้ ให้นายจ้างหรือผู้ประกันตน ตามข้อ ๑ หรือข้อ ๒ แล้วแต่กรณี ยื่นคำร้องขอรับเงินในส่วนที่เกินคืนได้ ณ สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน" 222.pdf,"ประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่่าของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ๔) โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่่าของสภาพการจ้างส่าหรับลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับอัตราเงินค่าชดเชย และอัตราเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการท่างานเนื่องจากพ้นจากต่าแหน่ง เพราะเหตุเกษียณอายุ อาศัยอ่านาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพั นธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (๕) ของข้อ ๕๙ แห่งประกาศคณะกรรมการแรงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่่าของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๕) ลูกจ้างซึ่งท่างานติดต่อกันครบสิบปี แต่ไม่ครบยี่สิบปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง อัตราสุดท้ายสามร้อยวัน หรือไม่น้อยกว่าค่ าจ้างของการท่างานสามร้อยวันสุดท้าย ส่าหรับลูกจ้าง ซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยค่านวณเป็นหน่วย ” ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๖) ของข้อ ๕๙ แห่งประกาศคณะกรรมการแรงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่่าของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ “(๖) ลูกจ้างซึ่งท่างานติดต่อกันครบยี่สิบปีขึ้นไป ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย สี่ร้อยวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการท่างานสี่ร้อยวันสุดท้าย ส่าหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้าง ตามผลงานโดยค่านวณเป็นหน่วย ” ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๓) ของข้อ ๖๑ แห่งประกาศคณะกรรมการแรงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่่าของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ “(๓) ลูกจ้างผู้ได้ปฏิบัติงานในช่วงก่อนเกษียณอายุติดต่อกันครบยี่สิบปีขึ้นไป ให้ไ ด้รับเงิน เพื่อตอบแทนความชอบในการท่างานเป็นจ่านวนเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายสี่ร้อยวัน ” ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๔๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กันยายน ๒๕๖๒ข้อ ๕ สิทธิการได้รับเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการท่างานตามอัตราที่ก่าหนด ในข้อ ๖๑ (๓) แห่งประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่่า ของสภาพการจ้างใน รัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศนี้ ให้มีผลใช้บังคับแก่ลูกจ้างที่ต้องพ้นจากต่าแหน่งเพราะเหตุเกษียณอายุตามข้อบังคับ ข้อก่าหนด ระเบียบ หรือค่าสั่งของนายจ้าง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ เป็นต้นไปด้วย ประกาศ ณ วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๔๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ กันยายน ๒๕๖๒" 2220.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ ที่ประสบภัยพิบัติกรณีจากวาตภัยและอุทกภัย ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ ถึงธันวาคม ๒๕๖๗ อันเป็นเหตุสุดวิสัยและส่งผลกระทบต่อการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ดังกล่าว จึงควรขยายกำหนดเวลา ตามมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๗ ออกไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๔/๒ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายเพื่ออนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้นายจ้างที่ขึ้นทะเบียนนายจ้างตามมาตรา ๓๔ และขึ้นทะเบียนลูกจ้างซึ่งเป็น ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ในท้องที่จังหวัดกระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร นอนแก่น ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตาก นครนายก นครปฐม นครพนม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พังงา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ร้อยเอ็ด ระยอง ลำปาง ลำพูน เลย สงขลา สตูล สมุทรสาคร สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ได้รับการขยายกำหนดเวลายื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ดังนี้ (๑) ค่าจ้างงวดเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้ยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และนำส่งเงินสมทบ ภายในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๘ (๒) ค่าจ้างงวดเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้ยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และนำส่งเงินสมทบ ภายในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ (๓) ค่าจ้างงวดเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้ยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และนำส่งเงินสมทบ ภายในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๘ (๔) ค่าจ้างงวดเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้ยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และนำส่งเงินสมทบ ภายในวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๘ ข้อ ๒ ให้ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งมีทะเบียนผู้ประกันตนในท้องที่ที่กำหนดตามข้อ ๑ ได้รับการขยายกำหนดเวลานำส่งเงินสมทบ เข้ากองทุนตามมาตรา ๓๙ วรรคสาม ดังนี้ (๑) เงินสมทบงวดเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ภายในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๘ (๒) เงินสมทบงวดเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ภายในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ (๓) เงินสมทบงวดเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ภายในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๘ (๔) เงินสมทบงวดเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ภายในวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๘ ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน" 2228.pdf,"# ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษี ตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายในท้องศัตรูโลก (WTO) สำหรับสินค้าจากถั่วลิสงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี ๒๕๖๘ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรอง แสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายในท้องศัตรูโลก (WTO) สำหรับการนำเข้าสินค้าจากถั่วลิสงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี ๒๕๖๘ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ ที่เห็นชอบการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าจากถั่วลิสงเพื่อใช้ ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร ในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เฉพาะปี ๒๕๖๘ เท่านั้น และเพื่อให้เป็นไป ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๔ วรรคสาม ของประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้า เข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๑๑) พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๑๕) พ.ศ. ๒๕๓๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการออกหนังสือรับรอง แสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายในท้องศัตรูโลก (WTO) สำหรับสินค้าจากถั่วลิสงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี ๒๕๖๘ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “หนังสือรับรอง” มหายความว่า หนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณี ตามความตกลงการเกษตรภายในท้องศัตรูโลก (WTO) สำหรับการนำเข้าสินค้าจากถั่วลิสง “จากถั่วลิสง” มหมายความว่า จากน้ำมันและกากแข็งอื่น ๆ ที่ได้จากการสกัดน้ำมันถั่วลิสง จะบดหรือทำเป็นพลเสตหรือไม่กู้ภัย เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ตามพิกัด อัตราศุลกากร ประเภทอย่าง ๒๓๐๔.๐๐.๒๙.๐๐๑ ข้อ ๔ กากถั่วเหลืองที่จะออกหนังสือรับรองตามระเบียบนี้ ต้องมีถิ่นกำเนิดและส่งมาจากประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ข้อ ๕ ผู้มีสิทธิขอหนังสือรับรองต้องมีคุณสมบัติดังนี้ (๑) หนังสือรับรองสำหรับภาษีในโค้วตา (ก) เป็นนิติบุคคล ดังต่อไปนี้ ๑) สภาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ๒) สภาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย ๓) สภาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก ๔) สภาคมผู้เลี้ยงเป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก ๕) สภาคมปศุสัตว์ไทย ๖) สภาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ๗) สภาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ ๘) สภาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ๙) ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด ๑๐) สภาคมพ่อค้าพืชผลไทย ๑๑) สภาคมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูป (ข) เป็นสมาชิกของนิติบุคคลตาม (ก) ที่ได้รับอนุสิทธิการขอหนังสือรับรองตามข้อ ๘ (๒) หนังสือรับรองสำหรับภาษีนอกโค้วตา ต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ผู้ขอหนังสือรับรองตาม (๑) และ (๒) ต้องไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกระงับการออกหนังสือรับรองสำหรับการนำเข้าตามข้อ ๑๐ วรรคสอง ข้อ ๖ ให้ผู้มีสิทธิขอหนังสือรับรองตามข้อ ๕ ยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองต่อนกรมการค้าต่างประเทศ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบของกรมการค้าต่างประเทศ พร้อมเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ (๑) สำเนาใบกำกับสินค้า (Invoice) (๒) สำเนาใบตราส่งสินค้าทางเรือ (Bill of Lading: B/L) หรือสำเนาใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Waybill) หรือเอกสารหลักฐานอื่นที่แสดงการขนส่งสินค้า (๓) สำเนาหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin: C/O) หรือเอกสารหลักฐานอื่นที่แสดงว่าหากถั่วเหลืองที่นำเข้ามีถิ่นกำเนิดจากประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ข้อ ๗ ให้กรมการค้าต่างประเทศออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้ยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองที่ดำเนินการถูกต้องครบถ้วนตามข้อ ๖ ตามปริมาณที่ยื่นขอ โดยไม่จำกัดปริมาณ ข้อ ๘ ผู้มีสิทธิของหนังสือรับรองตามข้อ ๕ (๑) (ก) สามารถโอนสิทธิการของหนังสือรับรองให้แก่สมาชิกของตนได้ โดยต้องแจ้งการโอนสิทธิต่อกรมการค้าต่างประเทศเป็นหนังสือ หรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบของกรมการค้าต่างประเทศ ข้อ ๙ อายุของหนังสือรับรอง (๑) หนังสือรับรองสำหรับภาษีในโคตรามีอายุ ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ออก แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ (๒) หนังสือรับรองสำหรับภาษีนอกโคตรามีอายุ ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ออก ข้อ ๑๐ ผู้ใดรับหนังสือรับรองต้องรายงานการนำเข้าต่อกรมการค้าต่างประเทศ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบที่ของกรมการค้าต่างประเทศภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่นำเข้าสินค้าในแต่ละครั้ง กรณีผู้ได้รับหนังสือรับรองไม่รายงานการนำเข้าตามวรรคหนึ่ง ให้กรมการค้าต่างประเทศระงับการออกหนังสือรับรองสำหรับการนำเข้าในครั้งถัดไป จนกว่าจะรายงานการนำเข้าครบถ้วนถูกต้อง ข้อ ๑๑ ให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศรักษาระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิชัย นริพตะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์" 223.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลคาเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๒๘) เรื่อง กําหนดสาขาและลักษณะการประกอบกิจการ การใหบริการวิจัย หรือการใหบริการทางวิชาการ ตามมาตรา ๘๑ (๑) (ฎ) แห งประมวลรัษฎากร อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๑ (๑) (ฎ) แหงประมวลรัษฎากร ซึ่งแกไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมสรรพากร โดยอนุมัติรัฐมนตรีวาการกระทรวงการคลัง กําหนดสาขาและลักษณะการประกอบกิ จการ การใหบริการวิจัย หรือการใหบริการทางวิชาการไว ดังตอไปนี้ ใหยกเลิกความในขอ ๓ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลคาเพิ่ม (ฉบับที่ ๑๒) เรื่อง กําหนดสาขาและลักษณะการประกอบกิจการ การใหบริการวิจัยหรือการใหบริการทางวิชาการ ตามมาตรา ๘๑ (๑) (ฎ) แหงประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแกไข เพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลคาเพิ่ม (ฉบับที่ ๑๗๑) เรื่อง กําหนดสาขา และลักษณะการประกอบกิจการ การใหบริการวิจัย หรือการใหบริการทางวิชาการ ตามมาตรา ๘๑ (๑) (ฎ) แหงประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และใหใชความตอไปนี้แทน “ขอ ๓ ผูประกอบการใหบริการวิจัย หรือการใหบริการทางวิชาการ ตามขอ ๑ ตองเปนบุคคลธรรมดา หรือเปนคณะบุคคลที่มิใชนิติบุคคล หรือเปนมูลนิธิ หรือเปนสถาบันอุดมศึกษา หรือเปนหนวยบริการ รูปแบบพิเศษที่ไมมีฐานะเปนนิติบุคคล และเปนสวนหนึ่งของสวนราชการตามกฎหมายวาดวยการบริหารงาน ของหนวยบริการรูปแบบพิเศษ สถาบันอุดมศึกษาตามวรรคหนึ่ ง ไดแก สถานศึกษาที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา ดังตอไปนี้ (๑) สถานศึกษาของรัฐในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาในกํากับของรัฐ (๒) สถานศึกษาของรัฐในสังกัดกระทรวงอื่น ๆ (๓) สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายวาดวยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ” ประกาศ ณ วันที่ ๑ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เอกนิติ นิติทัณฑประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๖๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ ตุลาคม ๒๕๖๒" 2231.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การยกเว้นการบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การยกเว้นการบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๓๙ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การยกเว้น การบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การยกเว้น การบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๔ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องบันทึก รายการตามมาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) และ (๘) แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ จะต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นวิสาหกิจขนาดย่อมหรือวิสาหกิจขนาดกลางตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (๒) เป็นวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (๓) เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือกลุ่มกิจการเพื่อสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจ เพื่อสังคม (๔) เป็นสหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกรตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ (๕) เป็นมูลนิธิ สมาคม องค์กรศาสนา หรือองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร (๖) เป็นนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด หรือนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน (๗) เป็นกิจการในครัวเรือนหรือกิจการอื่นในลักษณะเดียวกัน (๘) เป็นกิจการที่ดำเนินการโดยผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นบุคคลธรรมดา ข้อ ๕ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็กที่ได้รับยกเว้นตามข้อ ๔ จะต้องไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีหน้าที่จัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของตน ตามมาตรา ๔๑ (๑) (๒) หรือ (๓) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็กที่ได้รับยกเว้นตามข้อ ๔ จะต้องบันทึกรายการตามมาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง (๑) ถึง (๘) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ เฉพาะกรณีที่มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ (๑) มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (๒) มีใชกกิจการที่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นครั้งคราว (occasional collection, use, or disclosure of personal data) (๓) เป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๖ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เชียรชัย ณนคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" 2232.pdf,"ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การยกเว้นการจัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการ ของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์การยกเว้นการจัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการ ของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๔๐ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การยกเว้น การจัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจัดทำ และเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา ๔๐ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ จะต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นวิสาหกิจขนาดย่อมหรือวิสาหกิจขนาดกลางตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (๒) เป็นวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (๓) เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือกลุ่มกิจการเพื่อสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจ เพื่อสังคม (๔) เป็นสหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกรตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ (๕) เป็นมนิธิ สมาคม องค์กรศาสนา หรือองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร (๖) เป็นนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด หรือนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน (๗) เป็นกิจการในครัวเรือนหรือกิจการอื่นในลักษณะเดียวกัน (๘) เป็นกิจการที่ดำเนินการโดยผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นบุคคลธรรมดา ข้อ ๔ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็กที่ได้รับยกเว้นตามข้อ ๓ จะต้องไม่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีหน้าที่จัดให้มีเจ้าหน้าที่คุมครองข้อมูลส่วนบุคคลของตน ตามมาตรา ๔๑ (๑) (๒) หรือ (๓) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็กที่ได้รับยกเว้นตามข้อ ๓ จะต้องจัดทำ และเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา ๔๐ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ เฉพาะกรณีที่มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (๒) มีใช้กิจการที่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นครั้งคราว (occasional collection, use, or disclosure of personal data) (๓) เป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เชียรชัย ณนคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" 2234.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ ให้แก่ ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย กรณีการส่งตรวจ panel reactive antibody (PRA) สำหรับเตรียมผู้ประกันตนซึ่งเป็นผู้รับบริจาคที่รอการปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคสมองตาย เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และอัตราค่าตรวจของห้องปฏิบัติการศูนย์บริการโลหิตแห่งประเทศไทย สภากาชาดไทย ตามมติคณะกรรมการการแพทย์ ใน การประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม (ชุดที่ ๑๔) ในการประชุมครั้งที่ ๑๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการการแพทย์ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบบนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกแผนการรักษาชุดบริการ (Protocol) ใน ๒) รายการที่ ๒.๒) ของข้อ ๗ (๔) (จ) ตามหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์โดยการบำบัดทดแทนไต แนบท้ายประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
แผนการรักษาชุดบริการ (Protocol) รายการที่รวมอยู่ในชุดบริการ จำนวนเงิน (บาท)
๒) สำหรับเตรียมผู้รับบริจาค (Recipient)
๒.๒) ผู้รับบริจาคจากผู้บริจาคสมองตาย
๒.๒.๑) ค่าเตรียมผู้รับบริจาค ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ๑. ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ ๒. ค่าตรวจเอ็กซเรย์ ๓. ค่าตรวจเนื้อเยื่อ HLA ๔. ค่าบริการทางการแพทย์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ๓๑,๓๐๐
เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๕ ง หน้า ๒๖ ราชกิจจานุเบกษา ๘ มกราคม ๒๕๖๘
แผนการรักษาชุดบริการ (Protocol) รายการที่รวมอยู่ในชุดบริการ จำนวนเงิน (บาท)
๒.๒) ค่าส่งตรวจ panel reactive antibody ค่าตรวจ panel reactive antibody ทุก ๖ เดือนต่อครั้ง จ่ายครั้งละ ๓,๕๐๐
ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พลตำรวจโท ธนา ธุระเจน ประธานกรรมการการแพทย์" 2235.pdf,"ประกาศกรมสรรพาสามิต เรื่อง กำหนดแบบบัญชีประจำวัน แบบบัญชีรับจ่ายสินค้า แบบงบเดือน และสถานที่สำหรับยื่นงบเดือนและแบบบัญชีรับจ่ายสินค้า (ฉบับที่ ๔) เพื่อให้การจัดทำบัญชีประจำวันและงบเดือนของผู้ประกอบอุตสาหกรรม รวมถึงการจัดทำและการยื่นบัญชีรับจ่ายสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้นำเข้าเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐ ในการให้บริการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑๘ วรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสี่ และวรรคหก แห่งพระราชบัญญัติ ภาษีสรรพาสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ อธิบดีกรมสรรพาสามิตจึงกำหนดให้มีการจัดทำบัญชีประจำวัน และงบเดือนของผู้ประกอบอุตสาหกรรมทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้มีการจัดทำและการยื่นบัญชี รับจ่ายสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้นำเข้าทางระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติมไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๑.๕) ของ (๑) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพาสามิต เรื่อง กำหนดแบบบัญชีประจำวัน แบบบัญชีรับจ่ายสินค้า แบบงบเดือน และสถานที่สำหรับยื่นงบเดือน และแบบบัญชีรับจ่ายสินค้า ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑.๕) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมอื่น นอกจากเหนือจากที่กำหนดไว้ใน (๑.๑) – (๑.๔) ให้ทำบัญชี ประจำวันแสดงการรับและการจ่ายวัตถุดิบ ตามแบบ ภส.๐๗-๐๑ บัญชีประจำวันแสดงผลิต และการจำหน่าย ตามแบบ ภส.๐๗-๐๒ และงบเดือนแสดงรายการเกี่ยวกับวัตถุดิบ การผลิต การจำหน่าย และยอดคงเหลือสินค้า ตามแบบ ภส.๐๗-๐๔ ท้ายประกาศนี้ หรือทำบัญชีประจำวัน และงบเดือนดังกล่าวตามข้อกำหนดและเงื่อนไขผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของกรมสรรพาสามิต https://www excise.go th” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (๓) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพาสามิต เรื่อง กำหนด แบบบัญชีประจำวัน แบบบัญชีรับจ่ายสินค้า แบบงบเดือน และสถานที่สำหรับยื่นงบเดือนและ แบบบัญชีรับจ่ายสินค้า ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๓) กรณีผู้นำเข้า ให้ผู้นำเข้าทำบัญชีรับจ่ายสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรตามแบบ ภส.๐๗-๐๓ ท้ายประกาศนี้ และยื่นต่อเจ้าพนักงานสรรพาสามิต ณ สำนักงานสรรพาสามิตพื้นที่ที่สำนักงานใหญ่ ของผู้นำเข้าตั้งอยู่ หรือทำบัญชีรับจ่ายสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรและยื่นตามข้อกำหนดและ เงื่อนไขผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของกรมสรรพาสามิต https://www excise.go th” ข้อ ๓ การทำบัญชีประจำวันแสดงการรับและการจ่ายวัตถุดิบ ตามแบบ ภส.๐๗-๐๑ บัญชีประจำวันแสดงการผลิตและการจำหน่าย ตามแบบ ภส.๐๗-๐๒ งบเดือนแสดงรายการเกี่ยวกับวัตถุดิบ การผลิต การจำหน่าย และยอดคงเหลือสินค้า ตามแบบ ภส.๐๗-๐๔ และบัญชีรับจ่ายสินค้า ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามแบบ ภส. ๐๗-๐๓ ท้ายประกาศกรมสรรพาสามิต เรื่อง กำหนด แบบบัญชีประจำวัน แบบบัญชีรับจ่ายสินค้า แบบงบเดือน และสถานที่สำหรับยื่นงบเดือนและแบบบัญชี รับจ่ายสินค้า ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ทำไว้ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับให้ถือเป็น การทำบัญชีและงบเดือนตามประกาศนี้ และกรณีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ให้ดำเนินการต่อไปจนกว่า การทำบัญชีประจำวัน งบเดือน และบัญชีรับจ่ายสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรของเดือนนั้นจะแล้วเสร็จ สำหรับการดำเนินการต่อไปให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันออกประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพาสมิต" 2240.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง กำหนดให้สำนักงานที่ดินจังหวัด และสำนักงานที่ดินสาขา ในพื้นที่จังหวัดชุมพรเป็นสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับ มาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และข้อ ๒ (๑) (๔) ข้อ ๑๙ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบกับข้อ ๘ แห่ง ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ต่างสำนักงานแบบออนไลน์ และสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ท้องระบบ พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงประกาศให้สำนักงานที่ดิน ดังต่อไปนี้ เป็นสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินประเภทโฉนดที่ดิน ๑. สำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร ๒. สำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สาขาปะทิว ๓. สำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สาขาสวี ๔. สำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สาขาหลังสวน ๕. สำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สาขาท่าแซะ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พระพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน" 2242.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๕๓) เรื่อง กำหนดวิธีการและเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับค่าซ่อมแซมรถที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๖ (พ.ศ. ๒๕๖๗) ออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดวิธีการและเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถ หรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ ในการซ่อมแซมรถ หรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ซึ่งได้จ่ายระหว่างวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามจำนวน ที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกินสามหมื่นบาท ให้เป็นไปตามวิธีการและเงื่อนไข ดังนี้ (๑) รถที่ได้รับความเสียหายต้องเป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือตามกฎหมายว่าด้วย การขนส่งทางบก โดยรถหรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถนั้นได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ระหว่างวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ในขณะที่รถดังกล่าว อยู่ในพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือเขตการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (๒) ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องมีหลักฐานที่แสดงความเป็นเจ้าของ กรรมสิทธิ์ในรถ หรือกรณีที่ผู้มีเงินได้เป็นผู้เช่าซื้อ ต้องมีหลักฐานแสดงการเช่าซื้อรถ ซึ่งเป็นรถที่ได้รับ ความเสียหายจากอุทกภัยตาม (๑) ดังนี้ (ก) กรณีที่ผู้มีเงินได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถ ได้แก่ หนังสือสัญญาซื้อขายรถ ใบคู่มือ จดทะเบียนรถซึ่งมีชื่อผู้มีเงินได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถ เอกสารตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถ หรือหลักฐานอื่นใดที่แสดงได้ว่าผู้มีเงินได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถ (ข) กรณีที่ผู้มีเงินได้เป็นผู้เช่าซื้อรถ ได้แก่ หนังสือสัญญาเช่าซื้อ หรือเอกสารอื่นใด ที่แสดงได้ว่าผู้มีเงินได้เป็นผู้เช่าซื้อรถ (ค) กรณีที่ผู้มีเงินได้มีสามีหรือภริยาและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถที่สามีหรือภริยา ได้กรรมสิทธิ์มาระหว่างสมรสและเป็นสินสมรส โดยผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นสามีหรือภริยาไม่มีชื่อในเอกสาร ที่แสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถ หลักฐานที่แสดงได้ว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถ ได้แก่ หลักฐานตาม (ก) ที่มีชื่อของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ ประกอบกับใบทะเบียนสมรส (๓) กรณีที่ผู้มีเงินได้ตาม (๒) เป็นผู้จ่ายค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถ หรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยตาม (๑) ให้ได้รับสิทธิ ยกเว้นภาษีเงินได้ ดังต่อไปนี้ (ก) กรณีที่ผู้มีเงินได้คนเดียว จ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวในรถหนึ่งคัน ให้ได้รับสิทธิยกเว้น ภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินสามหมื่นบาท (ข) กรณีที่ผู้มีเงินได้มากกว่าหนึ่งคน จ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวในรถหนึ่งคัน ให้ผู้มีเงินได้ทุกคน ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ โดยเฉลี่ยการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วนของค่าใช้จ่ายดังกล่าวที่ผู้มีเงินได้ แต่ละคนได้จ่ายไปในการซ่อมแซมรถยนต์ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินสามหมื่นบาท (ค) กรณีที่ผู้มีเงินได้จ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวในรถมากกว่าหนึ่งคัน ไม่ว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าว สำหรับรถแต่ละครั้งจะเข้าลักษณะตาม (ก) หรือ (ข) แล้วแต่กรณี ให้ผู้มีเงินได้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ตามจำนวนที่จ่ายจริง เมื่อรวมทุกกันแล้วต้องไม่เกินสามหมื่นบาท (๔) ค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถ หรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ในรถตาม (๓) รวมถึงค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ดังต่อไปนี้ ระบบแอร์ ระบบเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่างรถยนต์ สี เบาะ วิทยุ (๕) กรณีที่สามีหรือภริยามีเงินได้ฝ่ายเดียว ไม่ว่าสามีหรือภริยาเป็นผู้จ่ายค่าซ่อมแซมหรือ ค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถ หรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถ ที่ได้รับความเสียหาย จากอุทกภัยตาม (๑) ให้สามีหรือภริยาผู้มีเงินได้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามหลักเกณฑ์ใน (๒) (๓) และ (๔) (๖) กรณีที่สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างเป็นผู้มีเงินได้ และต่างฝ่ายต่างจ่ายค่าซ่อมแซมหรือ ค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถ หรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถ ที่ได้รับความเสียหาย จากอุทกภัยตาม (๑) ให้สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามหลักเกณฑ์ใน (๒) (๓) และ (๔) ข้อ ๒ ผู้มีเงินได้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ ๑ ต้องจัดทำแบบแสดงการใช้สิทธิ ยกเว้นภาษีเงินได้ โดยมีข้อความอย่างน้อยตามแบบแนบท้ายประกาศนี้และต้องมีเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้ พร้อมให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ (๑) เอกสารการจ่ายเงินค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถ หรืออุปกรณ์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถ ที่เสียหายเนื่องจากอุทกภัยที่แสดงชื่อพร้อมที่อยู่และลายมือชื่อ ของผู้รับเงิน ชื่อของผู้จ่ายเงิน วัน เดือน ปี ที่จ่าย รายการที่จ่าย และจำนวนเงินที่จ่าย หรือหลักฐานอื่นที่พิสูจน์หรือแสดงได้ว่าผู้มีเงินได้เป็นผู้จ่ายเงินค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ ในการซ่อมแซมรถ หรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถนั้น (๒) เอกสารหลักฐานตามข้อ ๑ (๒) ผู้มีเงินได้จะยื่นแบบแสดงการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้และภาพถ่ายเอกสารตาม (๑) และ (๒) พร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้ ข้อ ๓ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ ให้ผู้มีเงินได้นำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี ไปคำนวณหักจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อได้หักตามมาตรา ๔๒ ทวิ ถึงมาตรา ๔๖ แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๗ ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร # แบบแสดงรายการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ## สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมรถที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ### ๑. ข้าพเจ้า (ชื่อ - สัญชาติ ผู้มีเงินได้) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ที่อยู่: สถานะ: ☐ โสด ☐ จดทะเบียนสมรสและคู่สมรสมีเงินได้ ☐ จดทะเบียนสมรสและคู่สมรสมีเงินได้ เป็นผู้จ่ายเงินค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถหรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและ ได้จ่ายระหว่างวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ แต่รวมกันแล้วไม่เกินสามหมื่นบาท รถคันที่ ๑ ข้าพเจ้าในฐานะเป็น ☐ เจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถ ☐ ผู้เช่าซื้อรถ ประเภทรถ (ระบุ): เลขาทะเบียนรถ จังหวัดที่จดทะเบียนรถ รถได้รับความเสียหายจากการถูกน้ำท่วม ณ สถานที่ (ระบุสถานที่ที่รถถูกน้ำท่วม) ลักษณะความเสียหายของรถที่ถูกน้ำท่วม (ระบุ): และ: ☐ ข้าพเจ้ายังจ่ายค่าซ่อมแซมๆ คนเดียว เป็นจำนวนเงิน บาท หรือ ☐ มีบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ได้จ่ายค่าซ่อมแซมฯ ร่วมกับข้าพเจ้าด้วย (รวมถึงสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ด้วย) จำนวน คน ดังนี้ (๑) ชื่อ-สกุล จำนวนเงิน บาท (๒) ชื่อ-สกุล จำนวนเงิน บาท และข้าพเจ้าได้จ่ายค่าซ่อมแซมฯ ไป จำนวน บาท รถคันที่ ๒ ข้าพเจ้าในฐานะเป็น ☐ เจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถ ☐ ผู้เช่าซื้อรถ ประเภทรถ (ระบุ): เลขาทะเบียนรถ จังหวัดที่จดทะเบียนรถ รถได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ณ สถานที่ (ระบุ): ลักษณะความเสียหายของรถจากอุทกภัย (ระบุ): และ: ☐ จ่ายค่าซ่อมแซมฯ คนเดียว เป็นจำนวนเงิน บาท หรือ ☐ มีบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ได้จ่ายค่าซ่อมแซมฯ ร่วมกับข้าพเจ้าด้วย (รวมถึงสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ด้วย) จำนวน คน ดังนี้ (๑) ชื่อ-สกุล จำนวนเงิน บาท (๒) ชื่อ-สกุล จำนวนเงิน บาท และข้าพเจ้าได้จ่ายค่าซ่อมแซมฯ ไป จำนวน บาท (ถ้ามีรถมากกว่า ๒ คัน ให้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม) ๒. ข้าพเจ้าขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น บาท (ไม่เกินสามหมื่นบาท) ๓. หลักฐานที่แสดงเพื่อการใช้สิทธิยกเว้นภาษี ๓.๑ กรณีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถ ☐ ใบคู่มือจดทะเบียนรถซึ่งมีชื่อผู้มีเงินได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ☐ เอกสารตารางกรมธรรม์ประกันภัย ☐ เอกสารอื่น (ระบุ) ๓.๒ กรณีเป็นผู้เช่าซื้อรถ ☐ สัญญาเช่าซื้อรถ ☐ เอกสารอื่น (ระบุ) ๓.๓ ☐ ใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐานอื่นซึ่งแสดงการจ่ายค่าซ่อมแซม โดยมีชื่อและที่อยู่ของผู้รับเงินและชื่อผู้จ่ายเงิน ๓.๔ ☐ สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีคู่สมรสของผู้มีเงินได้ไม่มีเงินได้และเป็นผู้จ่ายค่าซ่อมแซมรถที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ / กรณีสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้มีชื่อในเอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของฝ่ายเดียว ๓.๕ อื่นๆ (ระบุ): ขอรับรองว่ารายการที่แสดงไว้ข้างต้นเป็นความจริงทุกประการ ลงชื่อ ผู้มีเงินได้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษี (วันเดือนปีที่รับรอง)" 2243.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๕๔) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒ (๑๐๕) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๐ (พ.ศ. ๒๕๖๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๕ (พ.ศ. ๒๕๖๗) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากร กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๔๒) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้ เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑ เงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) ผู้มีเงินได้ต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนมีจำนวนรวมกันไม่เกิน ร้อยละ ๓๐ ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น และได้ซื้อหน่วยลงทุนนั้นในระหว่างวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๗๕ ในปีภาษี ๒๕๖๗ ถึงปีภาษี ๒๕๖๙ หากผู้มีเงินได้มีการซื้อหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ ผู้มีเงินได้ต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทย เพื่อความยั่งยืนมีจำนวนรวมกันไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ ในปีภาษีนั้น ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น (๒) ผู้มีเงินได้ตาม (๑) ต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนต่อเนื่องกัน ไม่น้อยกว่าระยะเวลา ดังต่อไปนี้ (ก) แปดปีนับตั้งแต่วันซื้อหน่วยลงทุน สำหรับผู้มีเงินได้ตาม (๑) วรรคหนึ่ง (ข) ห้าปีนับตั้งแต่วันซื้อหน่วยลงทุน สำหรับผู้มีเงินได้ตาม (๑) วรรคสอง การถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามวรรคหนึ่งไม่รวมถึงกรณีที่ผู้มีเงินได้ ไถ่ถอนหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน เพราะเหตุทุพพลภาพหรือตาย กรณีทุพพลภาพ ต้องเป็นกรณีที่แพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจและแสดงความเห็นว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพซึ่งก่อให้เกิดเงินได้ที่จะนำมาซื้อหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนได้อีกต่อไป"" ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๒ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ ภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๔๒) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""การซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามวรรคหนึ่งต้องมีจำนวนรวมกัน ไม่เกินจำนวน ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีผู้มีเงินได้ตามข้อ ๑ (๑) วรรคหนึ่ง ต้องมีจำนวนรวมกันไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น (๒) กรณีผู้มีเงินได้ตามข้อ ๑ (๑) วรรคสอง ต้องมีจำนวนรวมกันไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น"" ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ปิ่นสาย สุรสดี อธิบดีกรมสรรพากร" 2247.pdf,"ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภออุบล และอำเภอสุขุมวิท จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอสะบาง อำเภอสะบาย อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอบาง อำเภอสะบาง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอบึงปินัง ตามที่ได้มีการขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภออุบล และอำเภอสุขุมวิท จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอสะบาง อำเภอสะบาย อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอบาง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอบึงปินัง ตามประกาศลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถขยายผลการปฏิบัติงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง รวมทั้งสามารถคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น แต่ปรากฏว่ายังคงมีการ ก่อเหตุการณ์ร้ายแรงเพื่อสร้างสถานการณ์ อีกทั้งยังพบแหล่งหลบซ่อนและช่องสุมกำลังพลเพื่อเตรียมก่อเหตุ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงยังมีศักยภาพในการปฏิบัติการและยังมีความประสงค์ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงด้วยการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยมุ่งหวังให้เกิดการแกร่งกลัวอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชนจนไม่อาจดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข จึงสมควรขยายระยะเวลาในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเพื่อให้เกิด ความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินทั้งของรัฐและของบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องใช้มาตรการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๙ ในการแก้ไขปัญหาให้ยุติลงได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๙ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงให้ขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุขุมวิท อำเภอสะบาง และอำเภอสะบาย อำเภอสะบาย อำเภอสะบาง อำเภอสะบาง อำเภอสะบาง ๑๗ มกราคม ๒๕๖๘ เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๒ ง ราชกิจจานุเบกษา หน้า ๔๘ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๘ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอบรุงปินัง ออกไปอีกเป็นเวลาสามเดือน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" 2250.pdf,"ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่ได้มีประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ระหว่างวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๘ และมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ นั้น เพื่อให้สามารถป้องกัน ควบคุม และแก้ไขเหตุการณ์ในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อ ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจ ตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ จึงออกข้อกำหนด ดังนี้ ๑. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามหรืองดเว้นการปฏิบัติตามอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อช่วยเหลือหรือสนับสนุนการดำเนินการในอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร และพนักงานเจ้าหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ หรือผู้ซึ่ง ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ มีคำสั่ง หรือเป็นการปฏิบัติตามแผนการดำเนินการ เพื่อป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไข หรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ๒. ห้ามบุคคลใดเข้าหรือให้บุคคลใดต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และภายในระยะเวลา การปฏิบัติหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามที่ผู้อำนวยการ รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย จากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ ประกาศกำหนด เว้นแต่เป็นบุคคลซึ่งได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นบุคคลซึ่งมีประกาศของบุคคลดังกล่าว ว่าเป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้น ๓. ห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถานในเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ตามที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ ประกาศกำหนด เว้นแต่เป็นบุคคล ซึ่งได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นบุคคลซึ่งมีประกาศของบุคคลดังกล่าวว่าเป็นบุคคล ซึ่งได้รับยกเว้น เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๒ ง ราชกิจจานุเบกษา หน้า ๕๒ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๘ ๔. ห้ามน้ำอาวุธออกนอกเคหสถาน ๕. ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ย่านพาหนะ หรือต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ย่านพาหนะ ทั้งนี้ ตามที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ ประกาศกำหนด ๖. ให้บุคคลปฏิบัติหรืองดเว้นการปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดอันเกี่ยวข้องเครื่องมือหรืออุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ตามชนิด ประเภท ลักษณะการใช้ หรือภายในเขตบริเวณพื้นที่ที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ ประกาศกำหนด เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของประชาชน ในการนี้ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ จะกำหนดเงื่อนเวลาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่เห็นสมควร เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน เกินสมควรแก่เหตุได้ ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๘ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" 2251.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๘๓๕) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๒๓๒) ของข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ กระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๕) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒๓๒) มูลนิธิดำรงราชานุภาพ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จุลพันธ์ ออมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 2252.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : ผงเคมีแห้ง พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : ผงเคมีแห้ง มาตรฐานเลขที่ มอก. 332 - 2537 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : ผงเคมีแห้ง พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันกระทำรวงว่าด้วยการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องดับเพลิงยกหิ้ว ชนิดผงเคมีแห้ง ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 332 - 2567 ใช้บังคับ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๑๐๖๗ (พ.ศ. ๒๕๒๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว ชนิดผงเคมีแห้ง ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ (๒) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๑๓๐๔ (พ.ศ. ๒๕๓๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องดับเพลิงยกหิ้วชนิดผงเคมีแห้ง (แก้ไขครั้งที่ ๑) ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๑ (๓) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๑๙๗๐ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องดับเพลิงยกหิ้วชนิดผงเคมีแห้ง (แก้ไขครั้งที่ ๒) ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๗ ข้อ ๔ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : ผงเคมีแห้ง มาตรฐานเลขที่ มอก. 332 - 2567 ขึ้นใหม่ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พ้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : ผงเคมีแห้ง #### PORTABLE FIRE EXTINGUISHERS : DRY CHEMICAL มาตรฐานเลขที่ : มอก. 332-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 51 หม้อน้ำและภาชนะรับความดัน คณะอนุกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 51/14 เครื่องดับเพลิงแบบยกหิ้ว ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ครอบคลุมเฉพาะเครื่องดับเพลิงยกหิ้วขนาดน้ำหนักรวมไม่เกิน 25 kg ซึ่งบรรจุสารดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง โดยต้องใช้ดับเพลิงประเภท A และเพลิงประเภท B และเพลิงประเภท C ได้ทั้ง 3 ประเภท \- ครอบคลุมเฉพาะเครื่องดับเพลิงยกหิ้วทำใหม่ เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย บทนำ แบบ ขนาด ส่วนประกอบและการทำ คุณลักษณะที่ ต้องการ เครื่องหมายและฉลาก การซักตัวอย่างและเกณฑ์ตัดสิน การทดสอบ ภาคผนวก ก ภาคผนวก ข และ ภาคผนวก ค จำนวนหน้า : ๑๖ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๓๔๓-๗ ICS : ๑๓.๒๐๐.๒๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2255.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดวันเริ่มต้นการทีบอ้อยผลิตน้ำตาลทราย ฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๑๑) ประกอบกับมาตรา ๑๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมการอ้อย และน้ำตาลทราย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. กำหนดวันเริ่มต้นการทีบอ้อยผลิตน้ำตาลทราย ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ ของโรงงานน้ำตาลทรายทุกโรงงาน เว้นแต่โรงงานน้ำตาลอุตสาหกรรมชลบุรี ซึ่งหยุดประกอบกิจการชั่วคราว ดังนี้
ลำดับที่ โรงงาน/บริษัท วันเริ่มต้นการทีบอ้อย ตั้งแต่วันที่
ภาคเหนือ
๑. บริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๒. บริษัท น้ำตาลทรายคำแพงเพชร จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๓. บริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔. บริษัท น้ำตาลพิษณุโลก จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๕. บริษัท เกสตรไทยอินเตอร์เนชั่นแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๖. บริษัท เกสตรไทยอินเตอร์เนชั่นแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (รวมผล) ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๗. บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๘. บริษัท น้ำตาลทิพย์กำแพงเพชร จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๙. บริษัท น้ำตาลทิพย์สุโขทัย จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๑๐. บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด (เพชรบูรณ์) ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
ภาคกลาง
๑๑. บริษัท น้ำตาลสิงห์บุรี จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๑๒. บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๑๓. บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด (สระโบสถ์) ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๑๔. บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น. จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๑๕. บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเกษตร จำกัด (อุทัยธานี) ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
๑๖. บริษัท ไทยรุ่งเรือง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
ภาคกลาง
๑๗. บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๑๘. บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๑๙. บริษัท น้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคล จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา
ลำดับที่ โรงงาน/บริษัท วันเริ่มต้นการหีบอ้อย ตั้งแต่วันที่
๒๐. บริษัท ไทยรุงเรืองเพิ่มพูนอุตสาหกรรม จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๒๑. บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๒๒. บริษัท โรงงานน้ำตาลนิเวศกรุงไทย จำกัด (อ.บ่อพลอย) ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๒๓. บริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๒๔. บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๒๕. บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด (กาญจนบุรี) ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๒๖. บริษัท น้ำตาลบ้านโป่ง จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๒๗. บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเกษตร จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๒๘. บริษัท ประจวบอุตสาหกรรม จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๒๙. บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลปราณบุรี จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
๓๐. บริษัท น้ำตาลไทยกาญจนบุรี จำกัด ๒ มกราคม ๒๕๖๘
ภาคตะวันออก
๓๑. บริษัท สหกรณ์น้ำตาลชลบุรี จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๓๒. บริษัท น้ำตาลนิวกว้างสุขหลี จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๓๓. บริษัท น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๓๔. บริษัท น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด (วังสมบูรณ์) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๓๕. บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
๓๖. บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๓๗. บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลอีสาน จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๓๘. บริษัท น้ำตาลเกษตรผล จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๓๙. บริษัท โรงงานน้ำตาลทรายขาวเริ่มอุดม จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๐. บริษัท สหเรือง จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๑. บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๒. บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) จำกัด (วังสะพุง) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๓. บริษัท น้ำตาลมิตรภาพสินธุ์ จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๔. บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (อำนาจเจริญ) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๕. บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (เกษตรสมบูรณ์) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๖. บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูเวียง) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๗. บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูหลวง) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๘. บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูเขียว) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๔๙. บริษัท อุตสาหกรรมอ่างเวียน จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๕๐. บริษัท น้ำตารวังขนาย จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๕๑. บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา หน้า ๕๘
ลำดับที่ โรงงาน/บริษัท วันเริ่มต้นการหีบอ้อย ตั้งแต่วันที่
๕๒. บริษัท น้ำตาลดรบุรี จำกัด (มหาชน) (สีคิ้ว) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๕๓. บริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๕๔. บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๕๕. บริษัท น้ำตาลอราวัณ จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๕๖. บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด (สกลนคร) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๕๗. บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด (เชียภูมิ) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๕๘. บริษัท น้ำตาลไทยอุดรธานี จำกัด ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
๒. ให้โรงงานน้ำตาลทรายตามข้อ ๑ เริ่มต้นเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทรายภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการกำหนด ๓. กรณีมีเหตุจำเป็น หรือโรงงานน้ำตาลทรายใดประสงค์จะเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทราย ภายหลังจากวันที่กำหนดเกินกว่า ๗ วัน ให้โรงงานน้ำตาลทรายแจ้งเป็นหนังสือให้สำนักงาน คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายทราบ ๔. หากโรงงานน้ำตาลทรายใดประสงค์จะเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทรายก่อนวันที่กำหนด ให้โรงงานน้ำตาลทรายนั้น แจ้งเป็นหนังสือให้สำนักงานทราบล่วงหน้าก่อน ๗ วัน เพื่อเสนอคณะกรรมการอ้อย และน้ำตาลทรายให้ความเห็นชอบเป็นรายกรณี ๕. ให้เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายรักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย" 2258.pdf,"ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการฉีด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ แบบจุดระเบิดด้วยการฉีด เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ เห็นชอบในหลักการของการดำเนินมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic cars) ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับนโยบายการสร้างพลังสร้างสรรค์ (Soft Power) ของรัฐบาลที่ใช้ทุน ทางวัฒนธรรมเป็นกลไกผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้คำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า “รถยนต์” ในข้อ ๒ แห่งประกาศกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิด ด้วยการฉีด พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “รถยนต์” หมายความว่า รถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิด ด้วยการฉีดและใช้ในทางตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก แต่ไม่หมายความรวมถึงรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพาสามิต"" ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เฉลิมชัย ศรีออน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" 2262.pdf,"ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในทางพิเศษ ว่าด้วยการห้ามรถบรรทุกวัตถุอันตรายเดินในทางพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในทางพิเศษ เรื่อง การห้าม รถบรรทุกวัตถุอันตรายเดินในทางพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้มีสอดคล้องกับการดำเนินงานในปัจจุบัน และเพื่อความปลอดภัยและสะดวกต่อการจราจรในทางพิเศษ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓๙ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ประกอบมาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในทางพิเศษ ตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจราจรในทางพิเศษ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จึงออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในทางพิเศษ” ว่าด้วย การห้ามรถบรรทุกวัตถุอันตรายเดินในทางพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในทางพิเศษ เรื่อง การห้ามรถบรรทุก วัตถุอันตรายเดินในทางพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๔ วัตถุอันตรายที่ต้องมีการควบคุมการขนส่งในทางพิเศษตามข้อบังคับนี้ หมายถึง วัตถุอันตรายที่ออกตามความในมาตรา ๔ และเป็นวัตถุอันตรายที่มีการควบคุมตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และทำการขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ เฉพาะที่ระบุไว้ในบัญชีแนบท้ายข้อบังคับนี้ ข้อ ๕ ห้ามรถซึ่งบรรทุกวัตถุอันตรายที่ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ว่าด้วยการขนส่งวัตถุอันตรายทางบกเดินในทางพิเศษ ข้อ ๖ ห้ามรถซึ่งบรรทุกวัตถุอันตรายที่ไม่แจ้งเส้นทาง วันเวลา และประเภทของวัตถุอันตราย ที่จะบรรทุกให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยทราบล่วงหน้า เดินในทางพิเศษ ข้อ ๗ ห้ามรถซึ่งบรรทุกวัตถุอันตรายเดินในทางพิเศษศรีรัช ช่วงตั้งแต่ทางแยกต่างระดับพญาไท ถึงถนนงามวงศ์วาน ตลอดเวลา ข้อ ๘ ห้ามรถซึ่งบรรทุกวัตถุอันตรายเดินในทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษประจิมรัถยา และทางพิเศษสายพระราม ๓ - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ช่วงด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขสวัสดิ์ - สะพานทศมราชัน (บางโคล่) ระหว่างเวลา ๐๕.๐๐ - ๐๙.๐๐ นาฬิกา และระหว่างเวลา ๑๕.๐๐ - ๒๑.๐๐ นาฬิกา ทุกวัน เว้นแต่ รถบรรทุกน้ำมันให้เป็นไปตามข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในทางพิเศษ เรื่อง การห้ามรถบรรทุกน้ำมัน ตั้งแต่ ๖ ถ้าขึ้นไป และรถพ่วง เดินในทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษประจิมรัถยา และทางพิเศษสายพระราม ๓ - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ช่วงด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขสวัสดิ์ - สะพานทศมราชน (บางโคล่) ระหว่างเวลา ที่กำหนด พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้อ ๙ ห้ามรถซึ่งบรรทุกวัตถุอันตรายเดินในทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษประจิมรัถยา และทางพิเศษสายพระราม ๓ - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ช่วงด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขสวัสดิ์ - สะพานทศมราชน (บางโคล่) เกินชั่วโมงละ ๖๐ กิโลเมตร และในทางพิเศษบูรพาภิรมย์ ทางพิเศษอุดรรัถยา และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) เกินชั่วโมงละ ๗๐ กิโลเมตร ข้อ ๑๐ ข้อบังคับนี้มีให้ใช้บังคับแก่รถซึ่งบรรทุกวัตถุอันตรายที่ใช้ในราชการตำรวจ หรือราชการทหาร และรถซึ่งบรรทุกวัตถุอันตรายที่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในทางพิเศษ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ชินนาฏ คุณเจริญ รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในทางพิเศษ # บัญชีแนบท้าย ## ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในทางพิเศษ ### ว่าด้วยการห้ามรถบรรทุกวัตถุอันตรายเดินในทางพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๘
ลำดับที่ รหัส UN No. ชื่อวัตถุอันตราย
1005 AMMONIA, ANHYDROUS
1017 CHLORINE
1073 OXYGEN, REFRIGERATED LIQUID
1090 ACETONE
1093 ACRYLONitrile, STABILIZED
1114 BENZENE
1129 BUTYRALDEHYDE
1172 ETHylene Glycol Monoethyl Ether Acetate
1173 EThyl acetate
๑๐ 1198 FORMALDEHYDE SOLUTION, FLAMMABLE
๑๑ 1208 HEXANES
๑๒ 1212 ISOBUTANOL (ISOBUTYL ALCOHOL), see
๑๓ 1219 ISOPROPANOL (ISOPROPYL ALCOHOL), see
๑๔ 1223 KEROSENE
๑๕ 1230 METHanol
๑๖ 1245 METHYL ISOBUTYL KETOSE
๑๗ 1247 METHYL METHACRYlate MONOMER, STABILIZED
๑๘ 1262 OCTANES
| ๑๙ | 1268 | PETROLEUM DISTILLATES, N.O.S. or PETROLEUM PRODCYs, N.O.S. | |------|-------|---------------------------------------------------------------| | | | Petroleum ether, see | | | | Petroleum naphtha, see | | | | Petroleum oil, see | | | | Petroleum raffinate, see | | | | Petroleum spirit, see | | ๒๐ | 1280 | PROPPYlene OXIDE | | | | Toluene | | ๒๑ | 1294 | Toluene | | | | Turpentine substitute White spirit, see | | ๒๒ | 1300 | XYLENES | | | | Xylos, see | | ๒๓ | 1307 | CORROSIVE LIQUID, N.O.S. | | | | Muriatic acid, see | | ๒๔ | 1760 | HYPPOCHLORITE SOLUTION | | | | Phosphoric acid, solution | | ๒๕ | 1789 | Hydrochloric acid, solution | | | | Orthophosphoric acid, see | | ๒๖ | 1791 | Potassium hydroxide solution | | | | Sodium hydroxide, liquid, see | | ๒๗ | 1805 | Caustic potash, see | | | | Sodium hydrate, see | | ๒๘ | 1814 | Potassium hydroxide solution | | | | Sodium hydrite, solid, see | | ๒๙ | 1824 | Caustic soda, see | | | | Caustic soda liquor, see | | | | Sodium hydrate, see | | ๓๐ | 1830 | Sulphuric acid with more than 51% acid | | ลำดับ | ปี | เคมีภัณฑ์ | |---------|----------|--------------------------------| | ๓๑ | 1831 | SULPHURIC ACID, FUMING Oleum, see | | ๓๒ | 1832 | SULPHURIC ACID, SPENT | | ๓๓ | 1915 | CYCLOHEXANONE | | ๓๔ | 1951 | ARGON, REFRIGERATED LIQUID | | ๓๕ | 1965 | HYDROCARBON GAS MIXTURE, LIQUEFIED, N.O.S. such as mixtures A, A01, A02, A, B1, B2, B or C | | ๓๖ | 1977 | NITROGEN, REFRIGERATED LIQUID | | ๓๗ | 1986 | ALCOHOLS, FLAMMABLE, TOXIC, N.O.S. Alcohol, denatured, see Alcohol, industrial, see Methylated spirit, see | | ๓๘ | 1987 | ALCOHOLS, N.O.S. Alcohol, denatured, see Alcohol, industrial, see Methylated spirit, see | | ๓๙ | 2014 | HYDROGEN PEROXIDE, AQUEOUS SOLUTION with not less than 20% but not more than 60% hydrogen peroxide (stabilized as necessary) | | ๔๐ | 2031 | NITRIC ACID, other than red fuming, with more than 70% nitric acid, NITRIC ACID, other than red fuming, with at least 65%, but not more than 70% nitric acid, NITRIC ACID, other than red fuming, with less than 65% nitric acid | | ๔๑ | 2055 | STYrene monomer, stabilized Phenylethylene, see Vinylbenzene, see Cinnamene, see Cinnamol, see | | ๔๒ | 2187 | CARBON DIOXIDE, REFRIGERATED LIQUID Cabonic anhydride, see | | | | | | --- | --- | --- | | ๔๓ | 2201 | NITROUS OXIDE, REFRIGERATED LIQUID | | ๔๔ | 2209 | FORMALDEHYDE SOLUTION with not less than 25% formaldehyde
Formalin, see
Formic aldehyde, see
Methanol, see | | ๔๕ | 2265 | N, N-DIMETHYLFORMamide | | ๔๖ | 2312 | PHENOL, MOLTEN
Carbolic acid, see | | ๔๗ | 2348 | BUTYL ACRYLATES, STABILIZED | | ๔๘ | 2448 | SULPHUR, MOLTEN | | ๔๙ | 2581 | ALUMINIUM CHLORIDE SOLUTION | | ๕๐ | 2582 | FERRIC CHLORIDE SOLUTION
Iron chloride solution, see | | ๕๑ | 2672 | AMMONIA SOLUTION, relative density between 0.880 and 0.957 at 15°C in water, with more than 10% but not more than 35% ammonia
REFRIGERATING MACHINES containing non-flammable, non-toxic, gases or ammonia solutions | | ๕๒ | 2789 | ACETIC ACID, GLACIAL or ACETIC ACID SOLUTION, more than 80% acid, by mass | | ๕๓ | 2821 | PHENOL SOLUTION
Carbolic acid, see | | ๕๔ | 2880 | CALCIUM HYPOCHLORITE, HYDRATED or CALCIUM HYPOCHLORITE, HYDRATED MIXTURE, with not less 5.5% but not more than 16% water | | ๕๕ | 3082 | ENVIRONMENTALLY HAZARDOUS SUBSTANCE, LIQUID, N.O.S. | | ๕๖ | 3257 | ELEVATED TEMPERATURE LIQUID, N.O.S., at or above 100°C and below its flash point (including molten metals, molten salts, etc.) | | ๕๗ | 3295 | HYDROCARBONS, LIQUID, N.O.S. | |------|-------|-------------------------------| | | | Gas drips, hydrocarbon, see | | ๕๘ | 1201 | FUSEL OIL | | ๕๙ | 1202 | GAS OIL or DIESEL FUEL or HEATING OIL, LIGHT | | ๖๐ | 1203 | MOTOR SPIRIT or GASOLINE or PETROL Gasoline, casinghead, see Natural gasoline, see Casinghead gasoline, see | | ๖๑ | 1075 | PETROLEUM GASES, LIQUEFIED Liquefied petroleum gas, see L.P.G., see | | ๖๒ | 3161 | LIQUEFIED GAS, FLAMMABLE, N.O.S. |" 2264.pdf,"ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง การแสดงคำเตือนที่ฉลากเครื่องสำอางที่มีวัตถุกันเสีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการเครื่องสำอาง ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในลำดับ 30 แห่งบัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง การแสดงคำเตือนที่ฉลากเครื่องสำอางที่มีวัตถุกันเสีย พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน | ลำดับ | Chemical Name/ Other Name | Name of Common Ingredients Glossary | CAS Number | | --- | --- | --- | --- | | ""30 | 1-(4-Chlorophenoxy)-1-(imidazol-1-yl)-3,3-dimethylbutan-2-one | Climazole | 38083-17-9 | ข้อ ๓ ให้ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้นำเข้าเพื่อขาย หรือผู้รับจ้างผลิต ที่ได้รับใบบริจาดแจ้งเครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสียที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ลำดับ 30 แห่งบัญชีแนบท้าย ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง การแสดงคำเตือนที่ฉลากเครื่องสำอางที่มีวัตถุกันเสีย พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศนี้ ที่มีการจัดทำฉลาก อยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศนี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสนับสนุนงานบริการสุขภาพ ประธานกรรมการเครื่องสำอาง" 2267.pdf,"# ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ๒) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ เพื่อให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามที่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สามารถดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทาง หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางที่ยังไม่สิ้นอายุเพื่อนำมาขอตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว ภายในระยะเวลาที่กำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนไทยเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๕/๑ และ ๕/๒ แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ “ข้อ ๕/๑ ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานแล้ว ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือ เดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางที่ยังไม่สิ้นอายุเพื่อขอตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว ที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๑ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่น ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๙ ข้อ ๕/๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองตรวจลงตราประเภท คนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หรือตรวจอนุญาต ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป เท่ากับเวลาที่คนต่างด้าวผู้นั้นได้รับอนุญาตให้ทำงาน"" ทั้งนี้ ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 227.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เรื่อง การก ากับดูแลกิจการที่ดี พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้มีแนวทางในการพิจารณาลักษณะของกิจการที่จะจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ในเรื่องการก ากับดูแลกิจการที่ดี อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง (๔) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เรื่อง การก ากับดูแล กิจการที่ดี พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ การก ากับดูแลกิจการที่ดีของวิส าหกิจเพื่อสังคมตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง (๔) อย่างน้อยต้องประกอบด้วยเรื่องต่อไปนี้ (๑) มีนโยบายต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบและมีการด าเนินการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประพฤติมิชอบ หรือการติดสินบนใด ๆ (๒) มีการด าเนินการเกี่ยวกับการก ากับดูแลกิจการที่ดีตามที่กฎหมาย หลัก เกณฑ์ หลักปฏิบัติ หรือแนวทางที่เกี่ยวข้องก าหนด ซึ่งรวมถึงการจัดประชุมคณะกรรมการ การจัดประชุมผู้ถือหุ้น การสอบบัญชี การเสียภาษีอย่างถูกต้อง เป็นต้น (๓) มีระบบการควบคุมภายในและการบริหารค วามเสี่ยงที่เหมาะสม มีการบริหารงานที่สุจริต โปร่งใส และเชื่อถือได้ (๔) มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกิจการ รายงานผลการด าเนินงาน และรายงานทางการเงิน ที่ถูกต้องและเพียงพอ แก่สาธารณชนอย่างสม่ าเสมอเป็นประจ าทุกปี ประกาศ ณ วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒" 2270.pdf,"# ระเบียบกระทรวงแรงงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ในคณะกรรมการไตรภาคี ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ (ฉบับที่ ๒) ## พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมให้การได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้างในคณะกรรมการไตรภาคี ตามระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้างในคณะกรรมการไตรภาคี ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการไตรภาคีมีคุณสมบัติตามเป็นที่ยอมรับ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า “เขตภาค” ในข้อ ๔ แห่งระเบียบกระทรวงแรงงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้างในคณะกรรมการไตรภาคี ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ “เขตภาค” หมายความว่า เขตภาค ๑ ถึงเขตกาศ ๑๐ ประกอบด้วย เขตภาค ๑ ได้แก่ จังหวัดชัยนาท ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง เขตภาค ๒ ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง เขตภาค ๓ ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ โดยสถานที่ทำการเลือกตั้ง ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา เขตภาค ๔ ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม มahaสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี และบึงกาฬ โดยสถานที่ทำการเลือกตั้ง ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี เขตภาค ๕ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน โดยสถานที่ทำการเลือกตั้ง ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เขตภาค ๖ ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี โดยสถานที่ทำการเลือกตั้ง ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ เขตภาค ๗ ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี โดยสถานที่ทำการเลือกตั้ง ได้แก่ จังหวัดสมุทรสงคราม เขตภาค ๘ ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ระนอง และ สุราษฎร์ธานี โดยสถานที่ทำการเลือกตั้ง ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต เขตภาค ๙ ได้แก่ จังหวัดตรัง นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สงขลา และสตูล โดยสถานที่ทำการเลือกตั้ง ได้แก่ จังหวัดสงขลา เขตภาค ๑๐ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร โดยสถานที่ทำการเลือกตั้ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๘ แห่งระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ เพื่อให้ได้มาระชิงผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้างในคณะกรรมการไตรภาคี ตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ ภายใต้บังคับข้อ ๙ ผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งตามข้อ ๗ ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) มีอายุไม่ต่ำกวายี่สิบห้าปีบริบูรณ์ในวันสิ้นสุดการเสนอชื่อ (๓) เป็นนายจ้างซึ่งเป็นกรรมการสมาคมนายจ้าง หรือนายจ้างของสถานประกอบกิจการ (๔) เป็นลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการสหภาพแรงงาน หรือกรรมการลูกจ้าง หรือกรรมการสวัสดิการ ในสถานประกอบกิจการ (๕) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ (๖) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ไม่ว่าจะถูกจำคุกจริงหรือไม่ เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือพ้นโทษ หรือ พ้นระยะเวลาการรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ แล้วแต่กรณี เกินห้าปี (๗) ไม่เป็นกรรมการไตรภาคีสังกัดกระทรวงแรงงาน (๘) ไม่เป็นผู้ที่มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบอกพร่องในศีลธรรมอันดี ผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งต้องแสดงหลักฐานและให้การรับรองคุณสมบัติตามวรรคหนึ่ง ด้วยตนเอง” ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน" 2271.pdf,"# ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๐๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. ๒๕๔๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ยกเว้นอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำหรับกรณีฉุกเฉินในประเทศ โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ให้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๘ ข้อ 3 ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ 2 ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) การตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อการอนุญาตหรือติดตามผลหลังการอนุญาต ในประเทศ เป็นเงินจำนวน ๕,๐๐๐ บาท ต่อวัน เศษของวันหากไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้เรียกเก็บ เป็นเงิน ๒,๕๐๐ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าที่พักให้เบิกจ่ายตามระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ” ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 2273.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอ และการรับรองสำเนาข้อมูลข่าวสารของราชการ ด้วยพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๙ วรรคสาม กำหนดให้ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดู ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการกำหนด ซึ่งบุคคลไม่ว่าจะเป็นส่วนได้เสียเกี่ยวข้อง หรือไม่ก็ตามย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียมในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น เพื่อให้การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอ และการรับรองสำเนาข้อมูลข่าวสาร ของราชการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ มีความเหมาะสม ถูกต้อง และเป็นไป ตามประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เรื่อง การเรียกค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของราชการ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๙ แห่งระเบียบสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดู พ.ศ. ๒๕๖๔ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จึงออกประกาศ ดังนี้ ๑. ค่าธรรมเนียมการทำสำเนาโดยเครื่องถ่ายเอกสาร กำหนดอัตรา ดังนี้ (๑) ขนาดกระดาษ เอ ๔ หน้าละ ๑.๐๐ บาท (๒) ขนาดกระดาษ เอ ๓ หน้าละ ๓.๐๐ บาท ๒. ค่าธรรมเนียมการทำสำเนาจากเครื่องพิมพ์คอมพิวเตอร์ ขนาดกระดาษ เอ ๔ หน้าละ ๓ บาท ๓. ค่าธรรมเนียมการให้คำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของราชการ กำหนดอัตรา คำรับรองละ ๓ บาท ๔. การทำสำเนาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ลงบนสื่อบันทึกข้อมูลชนิดต่าง ๆ ที่ผู้ขอสำเนา นำสื่อบันทึกข้อมูลมาเอง ไม่คิดค่าธรรมเนียม ๕. การเรียกค่าธรรมเนียมการทำสำเนาโดยเครื่องถ่ายเอกสารในขนาดกระดาษหรือในอัตรา ที่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในข้อ ๑ ให้เรียกค่าธรรมเนียมตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา หน้า ๑๕ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ๖. การพิจารณายกเว้นหรือลดอัตราค่าธรรมเนียมเป็นการเฉพาะกรณี จะคำนึงถึง การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย ที่ดินแห่งชาติ หรือผู้ที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติมอบหมาย ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ร่วมรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ" 2274.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติมาตรฐาน สินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ เพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนนโยบายในการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้า และส่งออกสินค้าด้านการเกษตรที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจในภาพรวม ของประเทศเป็นอย่างมาก เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านการเกษตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงเห็นเป็นการสมควรกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ วัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ออกบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่แต่งตั้งตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง แต่งตั้งพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้อ ๒ แบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ รูปถ่ายที่ติดบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ และระยะเวลาที่กำหนดไว้ในบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยอนุโลม ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์" 2278.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๖ หน้า ๓ ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาลไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
กฎกระทรวง กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ (๑) แห่งพระราชบัญญัติตามหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทาน ดังต่อไปนี้ (๑) รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกินสองพันสองร้อยกิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสารที่มีที่นั่ง คนโดยสารเกินสิบห้าคน ให้ใช้ความเร็วไม่เกินแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง (๒) รถขนส่งสิ่งของ หรือรถยนต์สี่ล้อเล็ก ให้ใช้ความเร็วไม่เกินหกสิบห้ากิโลเมตรต่อชั่วโมง (๓) รถโรงเรียนหรือรถรับส่งนักเรียน ให้ใช้ความเร็วไม่เกินแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง รถอื่นนอกจาก (๑) (๒) และ (๓) ให้ใช้ความเร็วไม่เกินหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง และหากรณีดังกล่าวอยู่ในช่องเดินรถช่องขวาสุด ต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่าเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง เว้นแต่ในกรณีที่ช่องเดินรถนั้นมีข้อจำกัดด้านการจราจรหรือทัศนวิสัย มีสิ่งกีดขวาง หรือมีเหตุขัดข้องอื่น ข้อ ๒ ในเขตทางที่มีเครื่องหมายจราจรแสดงว่าเป็นเขตอันตรายหรือเขตให้ขับรถช้า ให้ลดความเร็วลงและเพิ่มความระมัดระวังขึ้นตามสมควร ข้อ ๓ ในกรณีที่มีเครื่องหมายจราจรกำกับอัตราความเร็วด้วยว่าอัตราที่กำหนดไว้ในข้อ ๑ ให้ใช้ความเร็วไม่เกินอัตราที่เครื่องหมายจราจรดังกล่าวกำหนด ให้วิ ณ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ สุริยะ จึงรุงเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทานให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพของทาง เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ความสะดวก และความปลอดภัยในสัญจรบนทางหลวงดังกล่าว ประกอบกับมาตรา ๕ (๑) แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘" 2280.pdf,"ประกาศสภาการสาธารณสุขชุมชน เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดต่อสภาการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศสภาการสาธารณสุขชุมชน เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับติดต่อสภาการสาธารณสุขชุมชน ให้มีเนื้อหาครอบคลุมมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ กอรปกับสภาได้เริ่มพัฒนาระบบบริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่สมาชิกและผู้มาติดต่อสภาการสาธารณสุขชุมชน จึงสมควรกำหนดช่องทาง อิเล็กทรอนิกส์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ นายกสภาการสาธารณสุขชุมชน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ สภาการสาธารณสุขชุมชน ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๘ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสภาการสาธารณสุขชุมชน เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดต่อ สภาการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๗ ข้อ ๒ ให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้ เป็นช่องทางสำหรับสมาชิกและผู้มาติดต่อ สภาการสาธารณสุขชุมชนอื่นคำขอหรือติดต่อสภาการสาธารณสุขชุมชน โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (๑) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ccpp.health@gmail.com (๒) เว็บไซต์สภาการสาธารณสุขชุมชน www.ccpp.or.th ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอหรือติดต่อทางช่องทางตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าสภาการสาธารณสุขชุมชน ได้รับตามวันและเวลาที่ยื่นคำขอหรือการติดต่อนั้น เว้นแต่วันและเวลานั้นเป็นวันหรือเวลานอกทำการ ของสภาการสาธารณสุขชุมชน ให้ถือว่าสภาการสาธารณสุขชุมชนได้รับในวันและเวลาทำการถัดไป ข้อ ๓ เมื่อสภาการสาธารณสุขชุมชนได้รับคำขอหรือการติดต่อทางช่องทางตามข้อ ๒ จากผู้ขอหรือผู้มาติดต่อแล้ว สภาการสาธารณสุขชุมชนจะติดต่อหรือออกเอกสารหลักฐานใด ๆ เกี่ยวข้องกับการอนุญาตหรือเรื่องที่ติดต่อที่แล้วเสร็จพร้อมเอกสาร (ถ้ามี) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่ ผู้ยื่นคำขอหรือผู้มาติดต่อนั้นจะได้ระบุไว้ว่าประสงค์จะรับเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร หรือเป็นหนังสือหรือเป็นประการอื่น ข้อ ๔ ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอหรือผู้มาติดต่อทางช่องทางตามข้อ ๒ ประสงค์จะสอบถาม หรือขอรับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ ให้สอบถามในวันเวลาราชการที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒ ๐๕๕ ๖๕๘๕ เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๖๖ หน้า ๑๙ ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ข้อ ๕ ผู้ยื่นคำขอหรือผู้มาติดต่ออาจใช้วิธีการบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้ทำการยื่นขอหรือติดต่อทางช่องทางตามข้อ ๒ ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ รองศาสตราจารย์วรพจน์ พรหมสัตยพรต นายกสภาการสาธารณสุขชุมชน" 2284.pdf,"ประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง การวางระบบท่อกำซับปิโตรเลียมเหลว การติดตั้งอุปกรณ์ และการทดสอบและตรวจสอบระบบท่อ กำซับปิโตรเลียมเหลวและอุปกรณ์ ในสถานที่เก็บรักษากำซับปิโตรเลียมเหลว ประเภทสถานที่ใช้ พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๗ ข้อ ๑๑ ข้อ ๒๑ แห่งกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษา กำซับปิโตรเลียมเหลวประเภทสถานที่ใช้ พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ ""มาตรฐาน ASME” หมายความว่า มาตรฐานของสมาคมวิศวกรเครื่องกลของสหรัฐอเมริกา (The American Society of Mechanical Engineers) ""มาตรฐาน API” หมายความว่า มาตรฐานของสถาบันปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกา (American Petroleum Institute) “มาตรฐาน ASTM” หมายความว่า มาตรฐานของสมาคมแห่งสหราชอาณาจักร (The American Society for Testing and Materials) ""มาตรฐาน JIS” หมายความว่า มาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (Japanese Industrial Standards) ""มาตรฐาน DIN” หมายความว่า มาตรฐานของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Deutsches Institute für Normung) ""มาตรฐาน ANSI” หมายความว่า มาตรฐานของสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (American National Standards Institute) ""มาตรฐาน ISO” หมายความว่า มาตรฐานขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization) ""มาตรฐาน UL” หมายความว่า มาตรฐานขององค์กรตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย ของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในระดับสากล (Underwriter Laboratories) ""มาตรฐาน NACE” หมายความว่า มาตรฐานของสมาคมวิศวกรว่าด้วยการป้องกันการกัดกร่อน (National Association of Corrosion Engineers) ""อุปกรณ์ปิดฉุกเฉิน (Emergency Shut Off Valve)” หมายความว่า อุปกรณ์ที่ใช้ทำหน้าที่ ปิดหรือเปิดวาล์วที่ถังเก็บและจ่ายกำซับปิโตรเลียมเหลวหรือระบบท่อ โดยมีการออกแบบให้งานได้ อย่างรวดเร็ว โดยอาจจะทำงานด้วยคันโยก หรืออุปกรณ์ปิดเปิดระยะไกล หรือแบบอัตโนมัติ ""กลอุปกรณ์นิรภัยแบบระบบของถัง (Safety Valve)"" หมายความว่า อุปกรณ์ที่ใช้ระบบ ความดันของถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลว โดยถูกกระตุ้นจากความดันขาเข้า (Inlet) และเปิดระบายน้ำทันที ณ ความดันที่ได้ออกแบบไว้ ""กลอุปกรณ์นิรภัยแบบระบบของระบบท่อ (Piping Safety Relief Valve)” หมายความว่า อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมความดันภายในท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว โดยจะทำหน้าที่เปิดระบายน้ำทันที ที่ระบบท่อนั้นมีความดันเกินกว่าที่ได้ออกแบบไว้ ข้อ ๓ การวางระบบท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวและการติดตั้งอุปกรณ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ASME หรือมาตรฐาน API หรือมาตรฐาน ASTM หรือมาตรฐาน JIS หรือมาตรฐาน DIN หรือมาตรฐาน ANSI หรือมาตรฐาน ISO หรือมาตรฐาน UL หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วย มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยได้รับการรับรองจากวิศวกรซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร และต้องปฏิบัติอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (๑) ใช้ท่อเหล็กกล้าชนิดที่ใช้กับก๊าซบิโตรเลียมเหลวดโดยเฉพาะและเป็นชนิดไม่มีตะเข็ม (Seamless Steel Pipe) หากเป็นท่อที่มีเฉพาะไอก๊าซไหลผ่าน และมีความดันของไอก๊าซไม่เกิน ๐.๔๘ เมกาปาสกาลมาตรา (ประมาณ ๗๐ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) หรือเป็นท่อที่วางไว้ภายในอาคาร ที่มีเฉพาะไอก๊าซไหลผ่าน และมีความดันของไอก๊าซไม่เกิน ๐.๑๔ เมกาปาสกาลมาตรา (ประมาณ ๒๐ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) จะเป็นท่อทองแดงหรือจะเป็นชนิดมีตะเข็มก็ดี (๒) ใช้ท่ออ่อนที่ใช้กับก๊าซบิโตรเลียมเหลวดโดยเฉพาะในระบบท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว ได้เฉพาะช่วงที่จำเป็นต้องให้ระบบท่อก๊าชมีการยับตัวได้เพื่อความปลอดภัยในการติดตั้งเข้ากับอุปกรณ์ ที่เกี่ยวกับก๊าซบิโตรเลียมเหลว หรือภาชนะบรรจุก๊าซบิโตรเลียมเหลว (๓) การต่อท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวให้ต่อโดยวิธีเชื่อมหรือหน้าแปลน และข้อต่อที่ใช้ต้องเป็น ชนิดที่ใช้กับก๊าซบิโตรเลียมเหลวดโดยเฉพาะ ทั้งนี้ การต่อท่อเข้ากับอุปกรณ์ หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ด้านความปลอดภัย หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมบำรุงระบบท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว ให้ต่อโดยวิธีทำเกลียวหรือวิธีเชื่อมหรือหน้าแปลนก็ดี สำหรับการต่อท่อโดยวิธีทำเกลียวต้องเป็นท่อ ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางระบุ (Nominal Diameter) ไม่เกิน ๕๐ มิลลิเมตร และกรณีการต่อท่อ โดยวิธีหน้าแปลนต้องจัดให้มีการต่อฝากที่รอยต่อดังกล่าวเพื่อให้ประจุไฟฟ้าสถิตไหลผ่านได้ตลอด (๔) การวางท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (ก) ท่อที่วางไว้เหนือพื้นดิน ต้องเป็นชนิดที่มีขนาดและความหนาชนิดไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน เบอร์ ๔๐ (Schedule 40) หากต่อโดยวิธีทำเกลียวต้องใช้ท่อชนิดที่มีขนาดและความหนาชนิดไม่ต่ำกว่า มาตรฐานเบอร์ ๘๐ (Schedule 80) ท่อต้องได้รับการทาสีเพื่อป้องกันการผุกร่อนและทาทับ ด้วยสีสดความร้อน และต้องมีการป้องกันมิให้ยานพาหนะหรือสิ่งอื่นมากระทบ (ข) ท่อที่ฝังไว้ใต้พื้นดิน ต้องเป็นชนิดที่มีขนาดและความหนาชนิดไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน เบอร์ ๘๐ (Schedule 80) และห้ามต่อท่อโดยวิธีทำเกลียว ท่อต้องอยู่ต่ำกว่าผิวดินไม่น้อยกว่า ๒๙ เซนติเมตรและต้องได้รับการทาด้วยวัสดุป้องกันการผุกร่อน เช่น พลิ้นสีโค้ท หรือยางแอสฟัลท์ หรือวัสดุอื่นที่ใช้แทนกันได้ หรือพันฉนวนหุ้มท่อ เพื่อป้องกันการผุกร่อนและต้องจัดให้มีเครื่องหมายถาวรไว้ เหนือพื้นดินแสดงตำแหน่งและแนวของท่อให้เห็นได้ชัดเจน (๕) ท่อที่วางทะลุผ่านกำแพงคอนกรีตหรือกำแพงอิฐต้องวางในปลอกที่ฝังไว้ในกำแพงนั้น และสามารถเอาท่อเข้าออกได้โดยสะดวก (๖) ท่อจ่ายก๊าซจากถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวหรือกลุ่มถังก๊าซบิโตรเลียมเหลวหุงต้ม ต้องติดตั้งอุปกรณ์ปิดฉุกเฉิน (Emergency Shut Off Valve) เมื่อท่อจ่ายก๊าซรั่วไว้บริเวณถังเก็บ และจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวหรือกลุ่มถังก๊าซบิโตรเลียมเหลวหุงต้ม (๗) กรณีที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ปรับความดัน อุปกรณ์ปรับความดันต้องเป็นชนิดที่ใช้กับ ก๊าซบิโตรเลียมเหลวดโดยเฉพาะ และการติดตั้งอุปกรณ์ปรับความดันต้องติดตั้งให้ใกล้กับถังเก็บและจ่าย ก๊าซบิโตรเลียมเหลวหรือกลุ่มถังก๊าซบิโตรเลียมเหลวหุงต้ม หากมีอุปกรณ์ปรับความดันหลายตัว อุปกรณ์ปรับความดันตัวแรกต้องติดตั้งให้ใกล้กับถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวหรือ กลุ่มถังก๊าซบิโตรเลียมเหลวหุงต้ม (๘) ต้องติดตั้งกลอุปกรณ์นิรภัยแบบระบบท่อ (Piping Safety Relief Valve) ที่ท่อถ้าซบิโตรเลียมเหลวที่อยู่ระหว่างวาล์วปิดเปิดสองตัว ยกเว้นท่อที่มีโอ๊ก๊าซไหลผ่าน (๙) ต้องติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการไหลเกิน (Excess Flow Valve) ที่ข้อต่อท่อจ่ายก๊าซของ ถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวตามขนาดของท่อจ่ายก๊าซ (๑๐) การติดตั้งเครื่องสูบก๊าซต้องไม่ติดตั้งใต้ถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลว และต้องใช้ เครื่องสูบก๊าซชนิดที่ใช้กับก๊าซบิโตรเลียมเหลวดโดยเฉพาะ (๑๑) วาล์วปิดเปิดทุกตัวต้องเป็นชนิดที่ใช้กับก๊าซบิโตรเลียมเหลวดโดยเฉพาะ และต้องติดตั้งอยู่ ณ ตำแหน่งที่สามารถเข้าไปปิดเปิดได้ง่ายสะดวก โดยสามารถทนแรงดันได้ตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (ก) ระบบท่อช่วงที่รับแรงดันสูงกว่าแรงดันนอกแบบของถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลว วาล์วปิดเปิดที่ติดตั้งในระบบท่อต้องทนแรงดันได้ไม่น้อยกว่า ๒.๘ เมกาปาสกาลมาตร (ประมาณ ๔๐๐ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) (ข) ระบบท่อช่วงที่รับแรงดันเกิน ๐.๙ เมกาปาสกาลมาตร (ประมาณ ๑๒๕ ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว) ถึงแรงดันนอกแบบของถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลว วาล์วปิดเปิดที่ติดตั้งในระบบท่อ ต้องทนแรงดันได้ไม่น้อยกว่า ๑.๗ เมกาปาสกาลมาตร (ประมาณ ๒๕๐ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) (ค) ระบบท่อช่วงที่มีเฉพาะโอ๊ก๊าซไหลผ่านที่รับแรงดันไม่เกิน ๐.๙ เมกาปาสกาลมาตร (ประมาณ ๑๒๕ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) วาล์วปิดเปิดที่ติดตั้งในระบบท่อต้องทนแรงดันได้ไม่น้อยกว่า ๐.๙ เมกาปาสกาลมาตร (ประมาณ ๑๒๕ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) (๑๒) ท่ออ่อนที่รับแรงดันก๊าซปิโตรเลียมเหลวไม่เกิน ๐.๐๐๗ เมกาปาสกาลมาทร (ประมาณ ๑ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ต้องเป็นชนิดที่ใช้กับก๊าซปิโตรเลียมเหลวด้วยเฉพาะ และต้องมีความยาวไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร ที่ปลายท่ออ่อนต้องรัดด้วยเข็มขัดรัดท่อแบบโลหะเท่านั้น ข้อ ๔ การทดสอบและตรวจสอบระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวในสถานที่ใช้ ลักษณะที่สอง และสถานที่ใช้ ลักษณะที่สาม ต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) เมื่อวางระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวแล้วเสร็จ ก่อนการใช้งานต้องจัดให้มีการทดสอบ และตรวจสอบระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวด้วยแรงดันน้ำอย่างน้อย ๑.๕ เท่าของความดันออกแบบ หรือด้วยแรงดันก๊าซเฉลี่ยอย่างน้อย ๑.๑ เท่าของความดันออกแนบโดยรักษาความดันที่ใช้ทดสอบ ให้คงที่ไว้ไม่น้อยกว่าสามสิบนาทีจนเป็นที่แน่นอนว่าระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวไม่รั่ว จึงจะเริ่มใช้งานได้ (๒) ระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบด้วยกรรมวิธีพินิจ ด้วยสายตา (Visual Inspection) พร้อมกับทดสอบการรั่วซึมที่ความดันใช้งานทุกปี โดยให้มีการตรวจสอบ อย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (ก) การรั่วซึม (ข) การเยื้องศูนย์ของท่อและข้อต่อ (ค) การสั่นสะเทือน (ง) สภาพของฐานรองรับท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลว (จ) สภาพของสิทธิภายนอกหรือฉวนวนที่หุ้มท่อ (๓) เมื่อใช้ระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ได้ผ่านการทดสอบและตรวจสอบตาม (๑) ครบทุกห้าปี ต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบด้วยแรงดันน้ำอย่างน้อย ๑.๕ เท่าของความดันออกแบบ หรือด้วยแรงดันก๊าซเฉลี่ยอย่างน้อย ๑.๑ เท่าของความดันออกแนบโดยรักษาความดันที่ใช้ทดสอบ ให้คงที่ไว้ไม่น้อยกว่าสามสิบนาที จนเป็นที่แน่นอนว่าระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวไม่รั่ว (๔) ระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวส่วนที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ต้องจัดให้มีการทดสอบ และตรวจสอบตาม (๑) จึงจะเริ่มใช้งานได้ ข้อ ๕ การทดสอบและตรวจสอบระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวทุกห้าปีตามข้อ ๔ (๓) หากมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถทดสอบและตรวจสอบระบบท่อยังแรงดันน้ำหรือก๊าซเฉลี่ยได้ ให้จัดให้มี การทดสอบและตรวจสอบระบบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวตามมาตรฐาน API 570 พร้อมจัดส่ง รายละเอียดของการชี้บ่งและวิเคราะห์อันตราย มาตรการป้องกันอันตราย ระบบการตรวจสอบ ความปลอดภัย และต้องกระทำโดยผู้ทดสอบและตรวจสอบที่มีผู้ปฏิบัติงานวิชาการด้านทดสอบ และตรวจสอบซึ่งได้รับการรับรองตามมาตรฐาน API 570 ตามหลักเกณฑ์วิธีการตามที่กำหนดในข้อ ๖ ข้อ ๗ หรือข้อ ๘ แล้วแต่กรณี ข้อ ๖ การทดสอบและตรวจสอบท่อง๊าซปิโตรเลียมเหลวเหนือพื้นดินต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบและตรวจสอบด้วยกรรมวิธีพินิจด้วยสายตา (Visual Inspection) ให้ตรวจสอบ ดังต่อไปนี้ (ก) การร่วชึ่ม (ข) การเยื้องศูนย์ของท่อและข้อต่อ (ค) การสั่นสะเทือน (ง) สภาพของฐานรองรับท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว (จ) สภาพของสีทาภายนอกหรือฉนวนที่หุ้มท่อ (๒) การตรวจวัดความหนาของผนังท่อและส่วนประกอบของท่อ ให้ตรวจสอบด้วยกรรมวิธี คลื่นเสียงความถี่สูง (Utrasonic Examination) ดังต่อไปนี้ (ก) บริเวณต่ำสุดของท่อ หรือบริเวณที่อาจมีน้ำขัง หรือบริเวณที่อาจมีตะกอนของแข็งสะสม (ข) ด้านล่างของท่อ ชิ้นส่วนของข้อต่อ ข้องอ ข้อยลดหรือขยาย ที่อยู่ในแนวนอน (ค) ท่อตรง ทุกระยะ ๓๐๐ เมตร ให้ตรวจวัดความหนาอย่างน้อย ๑ จุด (ง) ข้อต่อสามทาง ข้องอ ข้อยลด ต้องตรวจวัดความหนาอย่างน้อยตามมาตรฐาน API 570 หรือร้อยละ ๒๕ ของส่วนประกอบของท่อ (จ) อุปกรณ์ส่วนควบ เช่น วาล์วเปิดเปิด กลอุปกรณ์นิรภัย อุปกรณ์มาตรฐาน ข้อต่อ เป็นต้น หรือชิ้นงานที่มีความหนาน้อยสุด โดยนำมาเทียบกับค่ามาตรฐานเริ่มต้นการติดตั้งส่วนการใช้งาน หรือจากประวัติความหนา ข้อ ๗ การทดสอบและตรวจสอบท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวใต้พื้นดินไม่มีระบบป้องกัน การสึกกร่อนด้วยไฟฟ้าต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) ตรวจพินิจพื้นที่แนวท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว (Above-Grade Visual Surveillence) โดยตรวจสอบการรั่วไหลของก๊าซบิโตรเลียมเหลวจากสภาพพื้นดินตามแนวท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว ว่าไม่มีก๊าซบิโตรเลียมเหลว ไม่มีกลิ่นก๊าซบิโตรเลียมเหลว พื้นดินไม่มีสภาพเป็นหลุมหรือบ่อน้ำและ ต้องไม่มีฝ่องอากาศผุดขึ้นมา ให้ตรวจสอบสภาพท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวที่ขึ้นมาเหนือพื้นดินภายในระยะ ๑๕๐ มิลลิเมตร หรือ ๖ นิ้ว ว่าไม่มีการรั่วซึม และหากพบการรั่วไหลของก๊าซบิโตรเลียมเหลว ให้ดำเนินการขุดเปิดพื้นดินเพื่อค้นหาจุดรั่วซึมของท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว (๒) ตรวจสอบความแข็งแรงของท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว ด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (ก) การตรวจสอบจากภายในท่อ (Inline inspection) โดยทำการตรวจวัดความหนา และความบกพร่องของท่อ (ข) สุ่มขุดเปิดหน้าดิน โดยสุ่มขุดเปิดหน้าดินโดยรอบท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว มีความยาวไม่น้อยกว่า ๒ เมตร ในจุดที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงแข็งแรงอย่างน้อย ๑ จุด แล้วให้ตรวจพินิจและวัดความหนาของผนังท่อ (ค) ทดสอบการรั่วซึม โดยใช้ผลิตภัณฑ์ในท่อเป็นตัวกลางในการทดสอบที่ความดันอย่างน้อย ๑.๑ เท่าของความดันใช้งานสูงสุด และรักษาความดันไม่น้อยกว่า ๘ ชั่วโมง ข้อ ๘ การทดสอบและตรวจสอบท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวใต้พื้นดินที่มีระบบป้องกันการสึกกร่อนด้วยไฟฟ้าต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) ตรวจพินิจพื้นที่แนวท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวให้ดำเนินการตามข้อ ๗ (๑) (๒) ตรวจสอบความแข็งแรงของท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวให้ดำเนินการตามข้อ ๗ (๒) (ก) (ข) และ (ค) (๓) ตรวจสอบระบบป้องกันการสึกกร่อนด้วยไฟฟ้าโดยตรวจวัดค่าความต่างศักย์ของไฟฟ้าตามจุดที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกัน และในกรณีที่จำเป็นต้องทำการตรวจสอบความผิดปกติของวัสดุเคลือบผิวท่อด้วยวิธี Direct Current Voltage Gradient (DCVG) ให้กระทำภายใต้คำแนะนำของผู้ทดสอบที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน NACE ข้อ ๙ กำหนดวันที่ทดสอบและตรวจสอบทุกห้าปีของระบบท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) กรนียาระดสอบและตรวจสอบทำล่วงหน้าระยะเวลาเกินหนึ่งปีนับตั้งแต่วันทดสอบและตรวจสอบที่ระบุในใบอนุญาต ให้ใช้วันที่ทดสอบจริงเป็นวันที่ต้องทดสอบและตรวจสอบครั้งต่อไป (๒) กรนียาระดสอบและตรวจสอบทำล่วงหน้าไม่เกินระยะเวลาหนึ่งปีนับตั้งแต่วันทดสอบและตรวจสอบที่ระบุในใบอนุญาต ให้ใช้วันทดสอบเดิมที่ระบุในใบอนุญาตเป็นวันที่ต้องทดสอบและตรวจสอบครั้งต่อไป (๓) กรนียาระดสอบและตรวจสอบล่าช้าหลังวันทดสอบและตรวจสอบที่ระบุในใบอนุญาต ให้ใช้วันทดสอบเดิมที่ระบุในใบอนุญาตเป็นวันที่ต้องทดสอบและตรวจสอบครั้งต่อไป ข้อ ๑๐ การติดตั้งอุปกรณ์เข้ากับถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวในสถานที่ใช้ลักษณะที่สามต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องมีวาล์วปิดเปิดที่ข้อต่อหรือระหว่างข้อต่อกับท่อ เป็นชนิดที่ใช้ก๊าซบิโตรเลียมเหลวดโดยเฉพาะ (๒) ต้องมีอุปกรณ์ป้องกันการไหลกลับ (Check Valve) ที่ท่อรับก๊าซเข้าถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลว (๓) กลอุปกรณ์นิรภัยแบบระบายของถัง (Safety Valve) ที่ติดตั้งบนถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบเหนือพื้นดินที่มีความจุเกิน ๗,๖๐๐ ลิตร ต้องมีท่อสำหรับให้ก๊าซระบายขึ้นข้างบนสูงไม่น้อยกว่า ๔.๐๐ เมตร เหนือระดับพื้นดินหรือมีท่อต่อไปยังระบบเผาก๊าซทิ้ง (flare System) สำหรับถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบกลบ หรือถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบฝังไว้ในดินทุกขนาด ต้องมีท่อสำหรับให้ก๊าซระบายขึ้นข้างบนสูงไม่น้อยกว่า ๔.๐๐ เมตร เหนือระดับพื้นดินหรือมีท่อต่อไปยังระบบเผาก๊าซทิ้ง ( flare System) ข้อ ๑๑ กลอุปกรณ์นิรภัยแบบระบบของถัง (Safety Valve) และกลอุปกรณ์นิรภัย แบบระบบของระบบท่อ (Piping Safety Relief Valve) ทุกตัว ต้องมีชื่อหรือตราหรือเครื่องหมายการค้า ของผู้ผลิตติดอยู่ และต้องได้รับการทดสอบการทำงานก่อนการติดตั้งหรือก่อนการใช้งานโดยไม่มีการรั่วซึม และต้องจัดให้มีแผ่นป้ายที่มีชื่อหรือตราของผู้ทดสอบและตรวจสอบ วันเดือนปีที่ทำการทดสอบ รายละเอียดในการทดสอบผูกติดไว้และต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบการทำงานทุกปี วาล์วปิดเปิดทุกตัว ต้องมีชื่อหรือตราหรือเครื่องหมายการค้าของผู้ผลิตติดอยู่ และต้องได้รับ การทดสอบก่อนการใช้งานโดยไม่มีการรั่วซึม เมื่อติดตั้งกลอุปกรณ์นิรภัยแบบระบบของถัง (Safety Valve) และกลอุปกรณ์นิรภัย แบบระบบของระบบท่อ (Piping Safety Relief Valve) และวาล์วปิดเปิดทุกตัว เข้ากับถังเก็บ และจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวและระบบท่อกำซิบิโตรเลียมเหลว ต้องได้รับการตรวจสอบพร้อมกับ การทดสอบและตรวจสอบถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวที่แรงดันใช้งานโดยไม่มีการรั่วซึม ข้อ ๑๒ ระบบท่อกำซิบิโตรเลียมเหลวที่ได้ทำการทดสอบและตรวจสอบกรณีทุกห้าปีแล้ว ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง การวางระบบท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลว และการติดตั้งอุปกรณ์ เข้ากับถังเก็บและจ่ายก๊าซในสถานที่ใช้ก๊าซบิโตรเลียมเหลว พ.ศ. ๒๕๕๔ หรือ ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเก็บรักษาและการใช้ก๊าซบิโตรเลียมเหลวจากถังก๊าซหุงต้มในสถานที่ใช้ ก๊าซบิโตรเลียมเหลว พ.ศ. ๒๕๕๔ ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ใช้ได้จนกว่าจะครบวันที่กำหนดไว้ ในใบอนุญาต และเมื่อครบกำหนดแล้ว ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีการทดสอบและตรวจสอบ ตามข้อ ๔ (๓) ทั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการต้องจัดส่งรายละเอียดของแผนปฏิบัติงานที่มีรายละเอียด เกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติงาน ให้ผู้อนุญาตทราบล่วงหน้าก่อนที่จะจัดให้มีการทดสอบและตรวจสอบ ไม่น้อยกว่าสิบห้าวันทำการพร้อมทั้งให้กำหนดจำนวนท่อและเส้นทางแนวนท่อที่จะทำการทดสอบ และตรวจสอบ อ้างอิงตามแบบหรือแผนผังระบบท่อก๊าซบิโตรเลียมเหลวและอุปกรณ์ ข้อ ๑๓ สถานที่เก็บรักษาก๊าซบิโตรเลียมเหลวประเภทสถานที่ใช้ที่ได้รับใบอนุญาต อยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศนี้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ ใช้บังคับ ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พีระพันธุ์ สาลิรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน" 2285.pdf,"ประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง ระบบท่อฉีดน้ำเหนือผิวดึงเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบเหนือพื้นดิน ในสถานที่เก็บรักษา ก๊าซบิโตรเลียมเหลวประเภทสถานที่ใช้ ลักษณะที่สาม พ.ศ. ๒๕๖๗ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๐ (๒) แห่งกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษา ก๊าซบิโตรเลียมเหลว ประเภทสถานที่ใช้ พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ ""มาตรฐาน ASTM” หมายความว่า มาตรฐานของสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกาว่าด้วยการทดสอบ และวัสดุ (American Society for Testing and Materials) ""มาตรฐาน ISO” หมายความว่า มาตรฐานขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization) “มาตรฐาน UL” หมายความว่า มาตรฐานขององค์กรตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในระดับสากล (Underwriter Laboratories) ข้อ ๓ ประกาศนี้ไม่ใช้บังคับกับถังเก็บและความหนาที่สามารถทนไฟได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที ตามมาตรฐาน UL 1709 หรือมาตรฐาน ASTM E119 หรือมาตรฐาน ASTM E1529 หรือมาตรฐาน ISO 22899 ข้อ ๔ สถานที่เก็บรักษา ก๊าซบิโตรเลียมเหลวประเภทสถานที่ใช้ ต้องมีแหล่งน้ำหรือที่เก็บน้ำสำหรับระบบท่อฉีดน้ำเหนือผิวดึงเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบเหนือพื้นดิน ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยสถานที่เก็บรักษา ก๊าซบิโตรเลียมเหลวประเภทสถานที่ใช้ ข้อ ๕ ระบบท่อฉีดน้ำเหนือผิวดึงเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบเหนือพื้นดิน จะต้องจัดทำรายการคำนวน ให้มีความถูกต้องตามมาตรฐานระบบป้องกันอัคคีย์ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และต้องได้รับการรับรองการออกแบบและควบคุม โดยวิศวกรซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร ข้อ ๖ ระบบท่อฉีดน้ำเหนือผิวดึงเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบเหนือพื้นดิน ต้องมีอุปกรณ์เป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันอัคคีย์ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่าด้วยเรื่องระบบหัวกระเจายน้ำดับเพลิง ข้อ ๗ ระบบท่อฉีดน้ำเหนือผิวดึงเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบเหนือพื้นดิน ต้องประกอบด้วย หัวกระจายน้ำลดอุณหภูมิ ท่อฉีดน้ำลดอุณหภูมิ เครื่องสูบน้ำดับเพลิง ที่มีลักษณะและการติดตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้ (๑) ระบบท่อฉีดน้ำลดอุณหภูมิ จะต้องมีอัตราการฉีดน้ำความหนาแน่นไม่น้อยกว่า ๑๐.๒ ลิตร ต่อนาที ต่อพื้นที่ ๑ ตารางเมตรของพื้นที่ผิวด้านนอกถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลว เศษของ ๑ ตารางเมตร ให้คิดเป็น ๑ ตารางเมตร (๒) หัวกระจายน้ำลดอุณหภูมิ ต้องมีระยะห่างทั้งในแนวระดับและในแนวติ่งโดยสามารถฉีดน้ำ ครอบคลุมพื้นผิวทั้งหมดของถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลว (๓) หัวกระจายน้ำลดอุณหภูมิ ต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของรูออริฟิช (orifice) ไม่น้อยกว่า ๖ มิลลิเมตร และมีความดันที่หัวกระจายน้ำลดอุณหภูมิไม่น้อยกว่า ๒๐ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (๑๓๗.๘๙๕ กิโลปาสกาล โดยประมาณ) (๔) ท่อฉีดน้ำลดอุณหภูมิ ต้องเป็นท่อเหล็กที่มีการป้องกันการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อม ที่ผิวภายนอก หรือท่อเหล็กกล้าไร้สนิม กรุณาเป็นระบบที่ไม่มีน้ำอยู่ในท่อ ต้องเป็นท่อเหล็กที่มีการป้องกัน การกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมทั้งผิวภายนอกและภายในท่อ (๕) เครื่องสูบน้ำดับเพลิง ต้องสามารถทำงานอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการไหลและความดัน ภายใต้เงื่อนไขตาม (๑) และ (๓) จากแหล่งน้ำหรือน้ำสำหรับสถานที่ใช้ ไม่น้อยกว่า ๓๐ นาที ระบบท่อฉีดน้ำเหนือผิวลังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบเหนือพื้นดินในส่วนอื่น ที่มีลักษณะและการติดตั้งนอกจากที่กำหนดในวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบป้องกันอัคคีย์ ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ข้อ ๘ ระบบท่อฉีดน้ำเหนือผิวลังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวแบบเหนือพื้นดิน เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ต้องมีการทดสอบและตรวจสอบการทำงานของระบบนี้กล่าวก่อนการใช้งาน ตามมาตรฐานระบบป้องกันอัคคีย์ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทดสอบระบบว่าอยู่ในสภาพดีและสามารถใช้งานได้ อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และต้องเก็บรายงาน การตรวจสอบไว้ให้กรมธุรกิจพลังงานสามารถเรียกตรวจสอบได้เป็นระยะเวลาหนึ่งปี การทดสอบและตรวจสอบตามวรรคหนึ่ง ต้องกระทำโดยผู้ทดสอบและตรวจสอบ ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติของผู้ทดสอบและตรวจสอบที่ออกตามมาตรา ๗ ข้อ ๙ สถานที่เก็บรักษาก๊าซบิโตรเลียมเหลวประเภทสถานที่ใช้ ลักษณะที่สาม ซึ่งใช้ก๊าซบิโตรเลียมเหลวจากถังเก็บและจ่ายก๊าซบิโตรเลียมเหลวที่ได้รับใบอนุญาตอยู่ในวันก่อนวันที่ ประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องปฏิบัติตามเป็นไปตามประกาศนี้ ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน" 2286.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๓ ก หน้า ๔๔ ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาลไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
กฎกระทรวง กำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๔/๓) และ (๔/๔) แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๙ (๔/๓) ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (๔/๔) ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ๑) ผู้ปฏิบัติการ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท ๒) ผู้ชำนาญการ ฉบับละ ๑,๕๐๐ บาท ๓) ผู้เชี่ยวชาญ ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท"" ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดห้ามผู้ใดประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควบคุมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งการออกใบอนุญาตอายุใบอนุญาต การพักใช้ใบอนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามที่กำหนดในข้อบังคับและให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติ ต่อมา ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ กำหนดให้สาขานิติวิทยาศาสตร์และสาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเป็นวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมเพิ่มเติมสมควรกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมในสาขาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๓ ก หน้า ๔๕ ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘" 2287.pdf,"# ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ## เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ (ฉบับที่ ๒) ### พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแลยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๔ และมาตรา ๒๙ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด วิธีรรมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ ในประเภท ๔ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในลำดับที่ ๒๙ ของบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
ลำดับที่ ชื่อยาเสพติดให้โทษ ชื่อทางเคมี เงื่อนไข
“๒๙ กรด ๓,๔-เอ็มดีพี-๒-พี เมทิลไกลซิติก (3,4-MDP-2-P methyl glycidic acid หรือ PMK glycidic acid) 3-(1,3-benzodioxol-5-yl)-2-methyl-2-oxiranecarboxylic acid รวมทั้งเอสเทอร์ ๗ ชนิด ได้แก่ ๑. 3,4-MDP-2-P methyl glycidic acid, ethyl ester หรือ PMK ethyl glycidate ๒. 3,4-MDP-2-P methyl glycidic acid, butyl ester ๓. 3,4-MDP-2-P methyl glycidic acid, isobutyl ester ๔. 3,4-MDP-2-P methyl glycidic acid, isopropyl ester ๕. 3,4-MDP-2-P methyl glycidic acid, propyl ester ๖. 3,4-MDP-2-P methyl glycidic acid, sec-butyl ester ๗. 3,4-MDP-2-P methyl glycidic acid, tert-butyl ester และสเตอริโอไอโซเมอร์ (stereoisomers) ของยาเสพติดให้โทษดังกล่าว”
" 2289.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ท่อยางและท่อยางพร้อมอุปกรณ์ประกอบ – ท่อยางไฮดรอลิก เสริมแรงด้วยสิ่งทอใช้กับของไหลที่มีน้ำมันหรือน้ำเป็นองค์ประกอบ - ข้อกำหนด พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ท่อยางและท่อยางพร้อมอุปกรณ์ประกอบ - ท่อยางไฮดรอลิกเสริมแรงด้วยสิ่งทอใช้กับของไหลที่มีน้ำมันหรือน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก - ข้อกำหนด มาตรฐานเลขที่ มอก. 1184 - 2558 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ท่อยางและท่อยางพร้อมอุปกรณ์ประกอบ - ท่อยางไฮดรอลิกเสริมแรงด้วยสิ่งทอใช้กับของไหล ที่มีน้ำมันหรือน้ำเป็นองค์ประกอบ - ข้อกำหนด พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๗๖๔ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตาม ความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ท่อยางไฮดรอลิกเสริมสิ่งทอ และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ท่อยางและ ท่อยางพร้อมอุปกรณ์ประกอบ - ท่อยางไฮดรอลิกเสริมแรงด้วยสิ่งทอใช้กับของไหลที่มีน้ำมันหรือน้ำ เป็นองค์ประกอบหลัก - ข้อกำหนด ลงวันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๔ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ท่อยางและท่อยางพร้อมอุปกรณ์ประกอบ - ท่อยางไฮดรอลิกเสริมแรงด้วยสิ่งทอใช้กับของไหลที่มีน้ำมันหรือน้ำเป็นองค์ประกอบ - ข้อกำหนด มาตรฐานเลขที่ มอก. 1184 - 2567 ขึ้นใหม่ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : ท่อยางและท่อยางพร้อมอุปกรณ์ประกอบ - ท่อยางไฮดรอลิกเสริมแรงด้วยสิ่งทอ ใช้กับของไหลที่มีน้ำมันหรือน้ำเป็นองค์ประกอบ - ข้อกำหนด RUBBER HOSES AND HOSE ASSEMBLIES - TEXTILE-ReINFORCED HYDRAULIC TYPES FOR OIL-BASED OR WATER-BASED FLUIDS - SPECIFICATION #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 1184-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการราษฎร์ คณะที่ 29 ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 4079:2020 Rubber hoses and hose assemblies \- Textile-reinforced hydraulic types for oil-based or water-based fluids-Specification มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกัน ทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- กำหนดคุณลักษณะเฉพาะสำหรับท่อยางไฮดรอลิกเสริมแรงด้วยสิ่งทอและ ท่อยางพร้อมอุปกรณ์ประกอบ 5 ประเภท ที่มีขนาดระบุตั้งแต่ 5 ถึง 100 \- เหมาะสำหรับใช้กับ \- ของไหลไฮดรอลิกที่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบ (oil-based hydraulic flud) ได้แก่ HH, HL, HM, HR และHV ตามที่ระบุใน ISO 6743-4 ที่อุณหภูมิ -40℃ ถึง +100℃ \- ของไหลไฮดรอลิกที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ (water-based hydraulic flud) ได้แก่ HFC, HFAE, HFAS และ HFB ตามที่ระบุใน ISO 6743-4 ที่อุณหภูมิ -40℃ ถึง +70℃ \- น้ำที่อุณหภูมิ 0℃ ถึง +70℃ \- ไม่ครอบคลุมถึงคุณลักษณะที่ต้องการสำหรับข้อต่อปลาย (end fittings) จำกัดเฉพาะท่อยางและอุปกรณ์ประกอบ หมายเหตุ ผู้ใช้ต้องบริทราบผู้ทำท่อถึงการใช้งานกับของไหลที่เหมาะสม ที่จะนำมาใช้งาน เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 4079:2020 จำนวนหน้า : ๒๐ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๕๑๗-๓๗๒-๗ ICS : ๔๓.๑๔๐.๔๐; ๒๓.๑๐๐.๔๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2290.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปุ๋ยอินทรีย์จากขยะชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปุ๋ยอินทรีย์จากขยะชีวภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ปุ๋ยอินทรีย์จากขยะชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปุ๋ยอินทรีย์จากขยะชีวภาพ มาตรฐานเลขที่ มอก. 3793 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : ปุ๋ยอินทรีย์จากขยะชีวภาพ #### ORGANIC FERTILIZER FROM BIO-WASTE มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3793-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 70 ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ครอบคลุมเฉพาะปุ๋ยอินทรีย์ที่มีลักษณะเป็นของแข็ง ได้จากขยะชีวภาพ เช่น เศษอาหาร เศษวัชพืช ชีวมวล (biomass) เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย บทนำ แบบ คุณลักษณะที่ต้องการ การบรรจุ เครื่องหมาย และฉลาก การซักตัวอย่างและเกณฑ์ตัดสิน การทดสอบ และภาคผนวก ก. จำนวนหน้า : ๔ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๓๕๓-๖ ICS : ๖๕.๐๘๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2291.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม ๖ คุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับตัวพิวส์ที่ใช้ป้องกันของระบบพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม ๖ คุณลักษณะเพิ่มเติมสำหรับตัวพิวส์ที่ใช้ป้องกันระบบพลังงานของแรงดันพลังแสงอาทิตย์ มาตรฐานเลขที่ มอก. 2109 เล่ม 6 - 2559 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม ๖ คุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับตัวพิวส์ที่ใช้ป้องกันของระบบพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๘๙๘ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม ๖ คุณลักษณะเพิ่มเติมสำหรับตัวพิวส์ที่ใช้ป้องกันระบบพลังงานของแรงดันพลังแสงอาทิตย์ ลงวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๔ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม ๖ คุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับตัวพิวส์ที่ใช้ป้องกันของระบบพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ มาตรฐานเลขที่ มอก. 60269 เล่ม 6 - 2567 ขึ้นใหม่ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : พิวส์แรงดันไฟฟ้าต่ำ เล่ม 6 คุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติมสำหรับตัวพิวส์ ที่ใช้ป้องกันของระบบพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ LOW-VOLTAGE FURES - PART 6: SUPPLEMENTARY REQUIREMENTS FOR FUSE-LINKS FOR THE PROTECTION OF SOLAR PHOTOVOLTAIC ENERGY SYSTEMS #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 60269 เล่ม 6-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 14 ไฟฟ้ากำลังและสายไฟฟ้า ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ให้ใช้ มอก. 2109 เล่ม 1 (iec 60269-1) กับคุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติม ดังนี้ \- ตัวพิวส์สำหรับป้องกันของระบบพลังงานแสงอาทิตย์หากมิได้กำหนดไว้เป็น อย่างอื่นในที่นี้ ต้องเป็นไปตามคุณลักษณะทั้งหมดของ มอก 2109 เล่ม 1 (iec 60269-1) และคุณลักษณะที่ต้องการเพิ่มเติม ดังข้างล่างนี้ หมายเหตุ ให้ใช้ตัวย่อว่า “pv” (photovoltaic) แทนเซลล์แสงอาทิตย์ในมาตรฐานนี้ \- ครอบคลุมเฉพาะตัวพิวส์สำหรับป้องกันแถวลอนกรรม pv (pv string) และ pv อะเรย์ (pv array) ในอุปกรณ์ที่มีวงจรแรงดันไฟฟ้าที่ระบุไม่เกิน 1 500 v dc และสำหรับวงจรที่มีแรงดันไฟฟ้าที่ระบุสูงกว่า เท่าที่สามารถ ใช้ได้ หมายเหตุ 1 ปกติแล้วตัวพิวส์จะหมายถึง ""ตัวพิวส์ Pv"" หมายเหตุ 2 ส่วนมากแล้ว ส่วนของอุปกรณ์ที่อยู่ร่วมกันจะทำหน้าที่เสมือนฐานพิวส์ เนื่องจากความหลากหลายของอุปกรณ์มีมาก จึงไม่มีเกณฑ์ใด ๆ ที่จะแสดง ได้ ดังนั้นความเหมาะสมของอุปกรณ์ที่อยู่ร่วมกันที่ทำหน้าที่เสมือนฐานพิวส์ ควรเป็นที่ตกลงระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม ถ้าใช้ฐานพิวส์หรือ ตัวยึดพิวส์แยกจากกัน ควรเป็นไปตามคุณลักษณะที่เหมาะสมตามอนุกรม มอก. นี้ (iec 60269 series) หมายเหตุ 3 ตัวพิวส์ Pv จะป้องกันส่วนประกอบของอินเวอร์เตอร์ปลายทาง เช่น ตัวเก็บ ประจุ หรือการปล่อยประจุของตัวเก็บประจุกลับไปที่ pv อะเรย์ หรือ การเดินสายของ pv อะเรย์จนถึงวิสัยสามารถการตัดวงจรที่กำหนด \- วัตถุประสงค์ของมาตรฐานนี้เพื่อกำหนดคุณลักษณะของตัวพิวส์ Pv ให้สามารถใช้ตัวพิวส์อื่น ๆ ที่มีคุณลักษณะและมีมิติเหมือนกันทุกประการ แทนได้ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ก) คุณลักษณะเฉพาะของฟิวส์ 1\) คำต่าง ๆ ที่กำหนด 2\) ประเภทการใช้ประโยชน์ 3\) อุณหภูมิเพิ่มในการใช้งานปกติ 4\) การสูญเสียกำลังทางความร้อน 5\) คุณลักษณะเฉพาะเวลา-กระแส 6\) วิธีสามารถการตัดวงจร 7\) มิติหรือขนาด (ถ้าใช้งาน) ข) การทดสอบเฉพาะแบบเพื่อตรวจสอบคุณลักษณะเฉพาะของฟิวส์ ค) การแสดงเครื่องหมายที่ฟิวส์ เนื้อหาประกอบด้วย : บททั่วไป ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง ภาวะสำหรับการทำงานในการใช้งาน การจำแนกประเภท คุณลักษณะเฉพาะของฟิวส์ การทำเครื่องหมาย ภาวะมาตรฐานสำหรับการสร้าง การทดสอบ และภาคผนวก จำนวนหน้า : ๓๓ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๓๖๓-๕ ICs : ๒๙.๑๒๐.๕๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2292.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง กำหนดให้สำนักงานที่ดินจังหวัด สำนักงานที่ดินสาขา และสำนักงานที่ดินส่วนแยก ในพื้นที่จังหวัดตากเป็นสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับ มาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และข้อ ๒ (๑) (๔) ข้อ ๑๙ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบกับ ข้อ ๘ แห่งระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ต่างสำนักงานแบบออนไลน์ และสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ทั่วระบบ พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงประกาศให้สำนักงานที่ดิน ดังต่อไปนี้ เป็นสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินประเภทโฉนดที่ดิน ๑. สำนักงานที่ดินจังหวัดตาก ๒. สำนักงานที่ดินจังหวัดตาก สาขาแม่สอด ๓. สำนักงานที่ดินจังหวัดตาก สาขาสามเงา ๔. สำนักงานที่ดินจังหวัดตาก สาขาแม่สอด ส่วนแยกแม่ราวด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน" 2297.pdf,"# ประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๑/๒๕๖๘ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอรับการส่งเสริมการลงทุน สำหรับโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ ด้านการใช้พลังงานทดแทน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการติดตั้ง ระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๗ มาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนโดย ได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอรับ การส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ตามมาตรการปรับปรุง ประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทน ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ใช้บังคับกับผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรฐานการยกระดับอุตสาหกรรม ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทน กรณีโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจาก แสงอาทิตย์ และผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๒ การดำเนินการในทางปฏิบัติอื่นใดเกี่ยวกับการรับคำขอและการให้บริการระบบงาน ส่งเสริมการลงทุนด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีได้กำหนดไว้ตามประกาศนี้ ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วย ธรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓ ในประกาศฉบับนี้ ""ผู้ให้บริการ” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน “ผู้รับบริการ” หมายความว่า ผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุน ""คำขอรับการส่งเสริมการลงทุน” หมายความว่า แบบคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน ทดแทน ""วันที่ส่งคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า วันที่ ผู้รับบริการส่งคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทนและรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ต้อง ยื่นพร้อมคำขอเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบนี้ ""วันที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน” หมายความว่า วันที่ผู้ให้บริการได้ตรวจสอบ คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ตามมาตรการ ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทนและรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องยื่นพร้อมคำขอ ถูกต้องครบถ้วน และได้ทำการลงรับคำขอในระบบเรียบร้อยแล้ว ข้อ ๔ การขอรับการส่งเสริมการลงทุน ๔.๑ ให้ผู้รับบริการกรอกข้อมูลตามแบบคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทน (F-PA-PP-78) พร้อมแนบเอกสารตามที่สำนักงานกำหนด ผ่านระบบรับหนังสือออนไลน์สำหรับผู้ติดต่อ BOI (E-Submission) ๔.๒ เมื่อผู้รับบริการกด “ยื่นเอกสารออนไลน์” แล้ว สถานะคำขอฯ จะเป็น “รอตรวจสอบ” และผู้ให้บริการจะลงรับตามข้อ ๔.๔ ต่อไป ๔.๓ เมื่อผู้รับบริการได้ยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่จะขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว และได้ส่งข้อมูลนั้นมาอย่างผู้ให้บริการแล้ว ถือว่าข้อมูลนั้นมีผลสมบูรณ์และไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้ให้บริการ ๔.๔ ผู้ให้บริการจะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของคำขอและรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องส่งพร้อมคำขอ ก่อนทำการลงรับคำขอดังกล่าวในระบบ หากคำขอและรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องส่งพร้อมคำขอถูกต้องครบถ้วน จะแจ้งตอบรับคำขอกลับไปทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หากคำขอและรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องส่งพร้อมคำขอไม่ถูกต้องครบถ้วน ผู้ให้บริการจะสรุปรายการเอกสารที่ต้องนำส่งเพิ่มเติมและแจ้งให้ผู้รับบริการทราบทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ และจะอนุญาตให้ผู้รับบริการแก้ไขคำขอนั้นในระบบได้เพียงหนึ่งครั้ง ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หากไม่ดำเนินการแก้ไขหรือแก้ไขไม่ถูกต้องครบถ้วนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ผู้ให้บริการจะปฏิเสธคำขอ และจะจำหน่ายเรื่องทั้งหมดออกจากระบบ ๔.๕ ผู้รับบริการจะได้รับนัดหมายให้มาชี้แจงโครงการ ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) โทรศัพท์ หรือหนังสือสำนักงาน ๔.๖ เมื่อโครงการผ่านการพิจารณาและหนังสือแจ้งมติลงนามแล้ว จะแจ้งผลให้ผู้รับบริการทราบ โดยผู้รับบริการสามารถขอรับหนังสือแจ้งมติได้ที่สำนักงาน หรือแจ้งให้สำนักงานจัดส่งทางไปรษณีย์ได้ ข้อ ๕ งานบัตรส่งเสริม ประกอบด้วย ๕.๑ การตอบรับการส่งเสริม ผู้รับบริการสามารถยื่นคำขอตอบรับการส่งเสริมผ่านระบบงานบัตรส่งเสริม (Promotion Certificate System) ภายใน ๑ เดือนนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งมติ เมื่อผู้ให้บริการได้รับคำขอแล้วจะดำเนินการพิจารณา จากนั้นจะแจ้งผลการพิจารณาผ่านระบบงานบัตรส่งเสริม (Promotion Certificate System) ๕.๒ การขอขยายเวลาตอบรับการส่งเสริม กรณีที่ผู้รับบริการไม่สามารถยื่นคำขอตอบรับการส่งเสริมได้ภายในกำหนดเวลา ในข้อ ๕.๑ ผู้รับบริการสามารถยื่นคำขอขยายเวลาตอบรับการส่งเสริมผ่านระบบงานบัตรส่งเสริม (Promotion Certificate System) เมื่อผู้ให้บริการได้รับคำขอขยายเวลาแล้วจะดำเนินการพิจารณา และจะแจ้งผลการพิจารณาผ่านระบบงานบัตรส่งเสริม (Promotion Certificate System) โดยผู้รับบริการ สามารถขอรับหนังสืออนุมัติขยายเวลาได้ที่สำนักงาน หรือแจ้งให้สำนักงานจัดส่งให้ทางไปรษณีย์ได้ ทั้งนี้ ผู้รับบริการสามารถยื่นขอได้ไม่เกิน ๓ ครั้ง ครั้งละไม่เกิน ๑ เดือน # ๕.๓ การขอออกบัตรส่งเสริม ผู้รับบริการสามารถยื่นคำขอออกบัตรส่งเสริม พร้อมเอกสารแนบท้ายที่ สำนักงานกำหนดผ่านระบบงานบัตรส่งเสริม (Promotion Certificate System) ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ยื่นแบบตอบรับมติ เมื่อผู้ให้บริการได้รับคำขอแล้วจะดำเนินการออกบัตรส่งเสริม จากนั้น จะแจ้งผลผ่านระบบงานบัตรส่งเสริม (Promotion Certificate System) โดยผู้รับบริการจะต้อง มารับบัตรส่งเสริมที่สำนักงาน # ๕.๔ การขอขยายเวลาส่งหลักฐานการออกบัตรส่งเสริม ผู้รับบริการสามารถยื่นคำขอขยายเวลาส่งหลักฐานออกบัตรส่งเสริมผ่านระบบงาน บัตรส่งเสริม (Promotion Certificate System) เมื่อผู้ให้บริการได้รับคำขอแล้วจะดำเนินการพิจารณา และจะแจ้งผลการพิจารณาผ่านระบบงานบัตรส่งเสริม (Promotion Certificate System) โดยผู้รับบริการ สามารถขอรับหนังสืออนุมัติขยายเวลาได้ที่สำนักงาน หรือแจ้งให้สำนักงานจัดส่งให้ทางไปรษณีย์ได้ ทั้งนี้ ผู้รับบริการสามารถยื่นขอได้ไม่เกิน ๓ ครั้ง ครั้งละไม่เกิน ๔ เดือน ข้อ ๖ แนวทางการปฏิบัติอื่น ๆ กรณียื่นคำร้องผ่านระบอบอิเล็กทรอนิกส์ ๖.๑ ในการส่งหรือการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือเอา ๖.๑.๑ เวลาตามที่ปรากฏที่เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (GMT+7) ณ ขณะที่ ผู้ปฏิบัติการ ของผู้รับบริการกดส่งข้อมูลเป็นเวลาส่ง และเวลาตามที่ปรากฏที่เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (GMT+7) ณ ขณะที่ผู้ให้บริการได้รับข้อมูลเป็นเวลารับ ๖.๑.๒ ที่ทำการสำนักงานใหญ่ของผู้รับบริการเป็นสถานที่ส่งข้อมูล และที่ทำการ สำนักงานใหญ่ของผู้ให้บริการเป็นสถานที่ที่ได้รับข้อมูล ๖.๒ ภายใต้บังคับข้อ ๖.๑ ให้ถือว่าวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบเป็นวันที่ ผู้ให้บริการได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรอการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล เว้นแต่วันนั้น ไม่ใช่วันทำการของผู้ให้บริการ ให้ถือว่าผู้ให้บริการได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในวันทำการถัดไป วันที่ส่งคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถือเป็นวันยื่นคำขอ รับการส่งเสริมการลงทุน เว้นแต่ผู้ให้บริการได้ตรวจสอบคำขอและรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องยื่นพร้อม คำขอถูกต้องครบถ้วนแล้ว จึงลงรับและแจ้งตอบรับคำขอกลับไปทางระบบตามข้อ ๔.๔ เรียบร้อยแล้ว จึงจะถือเป็นวันที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน เวลาสำหรับการยื่นเอกสาร หรือการดำเนินการใด ๆ กับผู้ให้บริการตามกฎหมาย ส่งเสริมการลงทุน หรือการดำเนินการใด ๆ โดยผู้ให้บริการตามกฎหมายดังกล่าว เฉพาะที่กระทำในรูป ของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ ให้มีกำหนดเวลาอื่นคำขออนุญาตได้ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยไม่เว้นวันหยุดราชการ ๖.๓ ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุใด ๆ ทำให้ผู้ให้บริการไม่สามารถให้บริการได้ อันเนื่องมาจากความผิดหรือความบกพร่องของระบบ หรือพฤติกรรมอันหนึ่งอันใดที่ผู้ให้บริการไม่ต้องรับผิด ตามกฎหมาย ผู้ให้บริการไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อผู้รับบริการ ๖.๔ ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ไม่พิจารณาคำขอรับการส่งเสริม โดยไม่มีการผ่อนผัน หากผู้รับบริการเสนอรายละเอียดแตกต่างไปจากหลักเกณฑ์ที่ผู้ให้บริการกำหนด ๖.๕ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ขัดข้อง จนไม่สามารถให้บริการระบบงานส่งเสริมการลงทุนด้วยระบบนอิเล็กทรอนิกส์ได้ และผู้ให้บริการ ได้ประกาศใช้ระบบเอกสารทดแทนระบบคอมพิวเตอร์ชั่วคราว ผู้รับบริการสามารถใช้บริการระบบงาน ส่งเสริมการลงทุนด้วยระบบเอกสารได้ โดยยืนเป็นหนังสือต่อผู้ให้บริการตามแบบและวิธีการที่ ผู้ให้บริการกำหนด ณ ที่ทำการของผู้ให้บริการ หรือทางไปรษณีย์ หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) ภายในวันที่ระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องดังกล่าว ข้อ ๗ สำนักงานจะเปิดให้บริการการขอรับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการติดตั้ง ระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน ผ่านระบบนอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป และจะยกเลิกการให้บริการ ในรูปแบบเดิม ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้อ ๘ หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัตินี้ใช้เป็นแนวทางการพิจารณาเป็นการทั่วไป เว้นแต่กรณี ที่มีเหตุอันควร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนอาจพิจารณาผ่อนผันให้เป็นกรณี ๆ ไป ข้อ ๙ กรณีที่ไม่อาจวินิจฉัยได้ตามประกาศนี้ให้เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นผู้วินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ นฤฒม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 2298.pdf,"# ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๗/๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๘/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง นโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ลงทุนอยู่เต็มยังคงเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและ กระตุ้นให้มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๑/๑ และมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศ ดังนี้ ข้อ ๑ กำหนดให้พื้นที่ทุกจังหวัดเป็นเขตส่งเสริมการลงทุน ข้อ ๒ ผู้ขอรับการส่งเสริมต้องเป็นผู้ได้รับการส่งเสริมอยู่เดิม ซึ่งมีโครงการที่ได้รับ การส่งเสริมการลงทุนภายในช่วง ๑๕ ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี ๒๕๕๓ - ๒๕๖๗) ไม่น้อยกว่า ๓ โครงการ และมีมูลค่าเงินลงทุนในขั้นตอนมิติโครงการ รวมกันไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ข้อ ๓ กำหนดให้ได้รับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติสำหรับโครงการขยาย มูลค่าเงินลงทุนไม่น้อยกว่า ๕๐๐ ล้านบาท โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ยกเว้นประเภทกิจการ ที่มีนโยบายเฉพาะที่จะไม่ให้ได้รับสิทธิและประโยชน์ตามที่สำนักงานกำหนด ดังนี้ ๓.๑ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีกเป็นระยะเวลา ๓ ปี แต่รวมแล้ว ไม่เกิน ๑๓ ปี สำหรับกิจการในกลุ่ม A1+ ๓.๒ ให้ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการลงทุน ในอัตราร้อยละ ๕๐ ของอัตราปกติ เป็นระยะเวลา ๕ ปี นับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการยกเว้นภาษี เงินได้นิติบุคคล สำหรับกิจการในกลุ่ม A1 และ A2 ๓.๓ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีกเป็นระยะเวลา ๓ ปี แต่รวมแล้ว ไม่เกิน ๘ ปี สำหรับกิจการในกลุ่ม A3 A4 และ B ข้อ ๔ กรณีโครงการใดได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลรวมแล้วเกิน ๘ ปี จะไม่ให้ได้รับสิทธิและประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา ๓๕ (๑) เพิ่มเติมอีก ข้อ ๕ โครงการที่ได้รับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการนี้แล้ว ไม่สามารถขอรับสิทธิ และประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๘๔ ง หน้า ๗๑ ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ข้อ ๖ มาตรการนี้ใช้กับโครงการที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมตั้งแต่วันทำการแรกของปี ๒๕๖๘ ถึงวันทำการสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 230.pdf,"ระเบียบกระทรวงแรงงาน ว่าด้วยเงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2562 โดยที่พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับ 20 เมษายน 2561 ส่งผลให้ระเบียบที่ออกไว้โดยอาศัยอ านาจตามบทบัญญัติมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการ งบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีผลบังคับใช้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีการออกระเบียบตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ อาศัยอ านาจตามความใ นมาตรา 34 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 กระทรวงแรงงานโดยได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้อ านวยการ ส านักงบประมาณ จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยเงินบ า รุงการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2562” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมว่าด้วยเงินบ ารุงการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2540 บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือค าสั่งอื่นใดในส่วนที่ก าหนดไว้ แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้ง กับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ 4 ให้อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอ านาจ ออกข้อบังคับ ค าสั่ง หรือหลักเกณฑ์เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ได้ แต่ต้องเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้ง กับระเบียบนี้ หมวด 1 ที่มาของรายได้ การรับจ่ายเงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงาน ข้อ 5 ในระเบียบนี้ “เงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงาน ” หมายความว่า เงินรายรับของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งได้รับเป็นกรรมสิทธิ์นอกเหนือจากเงินงบประมาณและเข้าลักษณะหนึ่งลักษณะใด ดังต่อไปนี้ (1) เงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงานที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้รับไว้ตามระเบียบกระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคมว่าด้วยเงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2540 (2) เงินที่มีผู้บริจาคให้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาฝีมือแรงงาน (3) เงินที่ได้รับจากการรับ จ้าง รวมทั้งรับจ้างท าของ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒(4) เงินที่ได้รับจากการจ าหน่ายผลงานที่ได้รับจากการฝึกอบรมฝีมือแรงงานการฝึกซ้อม ของผู้เข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงาน การแข่งขันฝีมือแรงงาน หรือการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน (5) เงินที่ได้รับจากการจ าหน่ายสื่อการฝึก เอกสารประกอบการฝึก หรืออุปกรณ์ช่วยฝึก (6) เงินที่ได้รับจากการจัดงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ (7) เงินที่เรียกเก็บโดยมีบริการให้เป็นการตอบแทน (8) เงินค่าลงทะเบียนเข้ารับการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือเข้าสัมมนา (9) เงินที่ได้จากการจ าหน่ายทรัพย์สินที่เกิดจากเงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงาน (10) ดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินตาม (1) - (9) ข้อ 6 การรับเงิน จะต้องออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้ช าระเงินทุกครั้งที่มีการรับเงิน โดยใบเสร็จรับเงินให้ใช้ตามแบบใบเสร็จรับเงินของทางราชการ ข้อ 7 เงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงานจะน าไปจ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันได้เฉพาะในกิจการ พัฒนาฝีมือแรงงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยปฏิบัติเช่นเดียวกับเงินงบประมาณรายจ่าย ข้อ 8 ให้อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอ านาจในการอนุมัติ การก่อหนี้ผูกพันหรือ การอนุมัติจ่ายเงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงาน ข้อ 9 รายจ่ายดังต่อไปนี้ ห้ามจ่ายจากเงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงาน (1) เงินยืมให้แก่บุคคลใด ๆ เว้นแต่เงินยืมทดรองเพื่อน าไปใช้จ่ายในกิจการพัฒนาฝีมือแรงงาน (2) รายจ่ายในลักษณะบ าเหน็จบ านาญ และเงินสงเคราะห์อื่น ๆ (3) รายจ่ายค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่มีราคาเกินกว่าหนึ่งแสนบาท (4) รายจ่ายค่าครุภัณฑ์ซึ่งมีราคาเกินกว่าห้าหมื่นบาท (5) ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ (6) ค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาฝีมือแรงงาน ถ้ามีความจ าเป็นจะต้องจ่ายนอกเหนือจากที่ก าหน ดไว้ใน (3) และ (4) ให้ขอท าความตกลง กับส านักงบประมาณ หมวด 2 การเก็บรักษาเงิน ข้อ 10 ให้กองบริหารการคลัง และหน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เก็บรักษา เงินสดไว้เพื่อส ารองจ่ายได้ภายในวงเงินแห่งละไม่เกินสองหมื่นบาท นอกนั้นให้น าฝากกระทรวงการคลัง หรือส านักงานคลังจังหวัด แล้วแต่กรณี หรือน าฝากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธนาคารพาณิชย์ ที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ การน าฝากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธนาคารพาณิชย์ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กระทรวงการคลัง ก าหนด ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ข้อ 11 วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงิน การเบิกเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การน าเงินฝากคลัง หรือวิธีปฏิบัติอื่นใดที่ไม่ได้ก าหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ ของทางราชการโดยอนุโลม ข้อ 12 วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการพัสดุ ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบและประกาศที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ หมวด 3 การบัญชี ข้อ 13 วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการบัญชีให้จัดท ารวมอยู่ในบัญชีส่วนราชการที่เป็นไปตามมาตรฐาน การบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐ ข้อ 14 ให้มีการตรวจสอบภายในตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังก าหนด และรายงานให้อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานทราบ ข้อ 15 ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดท ารายงานการรับ - จ่ายเงิน ส่งให้กรมบัญชีกลาง ภายใน 60 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ ทั้งนี้ รูปแบบรายงานการรับ - จ่ายเงิน ให้เป็นไปตามที่ กรมบัญชีกลางก าหนด ข้อ 16 ในกรณีที่ปรากฏว่ามีเงินบ ารุงการพัฒนาฝีมือแรงงานเหลือเกินความจ าเป็น กระทรวงการคลังจะก าหนดให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานน าส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามที่เห็นสมควรได้ ข้อ 17 ในกรณีที่มีความจ าเป็นจะต้องปฏิบัตินอกเหนือจากที่ก าหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ขอท าความตกลงกับกระทรวงการคลัง ประกาศ ณ วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖2 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒" 2300.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๙/๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๘/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง นโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาลงทุนจริงในโครงการขนาดใหญ่ในประเทศไทย เพิ่มมากขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศ ดังนี้ ข้อ ๑ กำหนดให้พื้นที่ทุกจังหวัดเป็นเขตส่งเสริมการลงทุน ข้อ ๒ เงื่อนไข ๒.๑ ต้องเป็นกิจการในกลุ่ม A1 A2 A3 และ A4 ยกเว้น (๑) ประเภกกิจการที่ไม่มีที่ตั้งสถานประกอบการชัดเจน เช่น กิจการขนส่ง ทางอากาศ กิจการขนส่งทางเรือ เป็นต้น ตามที่สำนักงานกำหนด (๒) ประเภกกิจการที่กำหนดเงื่อนไขให้ตั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเท่านั้น ๒.๒ ต้องเป็นโครงการที่ได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่าง ๆ รวมกันแล้วไม่เกิน ๘ ปี ๒.๓ ต้องมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยไม่รวมค่าที่ดินและ ทุนหมุนเวียน ภายใน ๑๒ เดือน นับจากวันออกบัตรส่งเสริม ๒.๔ จะไม่อนุญาตให้ขยายเวลาตอบรับการส่งเสริมและส่งหลักฐานการออกบัตรส่งเสริม ทั้งนี้ จะพิจารณาขยายเวลานำเข้าเครื่องจักรและเปิดดำเนินการตามความเหมาะสม ๒.๕ ต้องยื่นหลักฐานการลงทุนจริงเพื่อขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามแบบที่ สำนักงานกำหนดภายใน ๑๘ เดือน นับจากวันออกบัตรส่งเสริม ทั้งนี้ จะพิจารณาขยายเวลา ยื่นหลักฐานการลงทุนจริงเพื่อขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม โดยในวันที่ ยื่นขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมต้องมีสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลืออยู่ ทั้งระยะเวลาและวงเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ข้อ ๓ สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติม ให้ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการลงทุน ในอัตราร้อยละ ๕๐ ของอัตราปกติ เป็นระยะเวลา ๕ ปี นับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคล ข้อ ๔ มาตรการนี้ใช้กับโครงการที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริม ตั้งแต่วันทำการแรกของปี ๒๕๖๘ ถึงวันทำการสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ ข้อ ๕ มีอำนาจให้สำนักงานกระทำการแทนในการพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้แก่ไข โครงการ เพื่อขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับโครงการทุกขนาดการลงทุนตามมาตรการนี้ รวมถึงการพิจารณาขยายเวลาอื่นหลักฐานการลงทุนจริง เพื่อขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมได้ ตามความเหมาะสม ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พิชัย ชุญหวัชร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 2304.pdf,"ประกาศกรมปศุสัตว์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกำหนดค่าใช้จ่ายในการเก็บตัวอย่างวัตถุอันตรายเท่าที่จำเป็น เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี และการสั่งให้ส่งวัตถุอันตรายออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๒/๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ อธิบดีกรมปศุสัตว์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่กรมปศุสัตว์รับผิดชอบตามประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา ๑๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒ คำใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการสั่งการของกรมปศุสัตว์ ตามมาตรา ๕๒/๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) ให้คำใช้จ่ายดังต่อไปนี้ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านวัตถุอันตราย (๑.๑) คำใช้จ่ายในการเก็บรักษาตัวอย่างวัตถุอันตราย เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน ในการดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และคำใช้จ่ายในการจัดการกับตัวอย่างวัตถุอันตรายดังกล่าว เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว (๑.๒) คำใช้จ่ายที่เกิดจากการส่งวัตถุอันตรายที่เหลือจากการเก็บตัวอย่างออกไป นอกราชอาณาจักร (๑.๓) คำใช้จ่ายอื่นใดที่เกิดขึ้นจากการที่กรมปศุสัตว์มีคำสั่งให้ส่งวัตถุอันตรายออกไป นอกราชอาณาจักรนอกเหนือจาก (๑.๑) และ (๑.๒) ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อคำใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าวนี้ (๒) วิธีการชำระค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านวัตถุอันตราย กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ สมชวน รัตนมงคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์" 2307.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการ ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง บริษัท ทูฟ ชูด (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ตรวจสอบการทำ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน ๔๗ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องเฝ้าระวังกระแสเหลือ (RCM) เล่ม 1 RCM สำหรับใช้ใน ที่อยู่อาศัยและการใช้ในลักษณะที่คล้ายกัน 62020 เล่ม 1
ความปลอดภัยของคอนเวอร์เตอร์สำหรับใช้ในระบบกำลังไฟฟ้าเซลล์ แสงอาทิตย์ - เล่ม 3 ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ ร่วมกับแผงเซลล์แสงอาทิตย์ 62109 เล่ม 3
อุปกรณ์ควบคุมการประจุแบตเตอรี่สำหรับระบบเซลล์แสงอาทิตย์ - สมรรถนะ และฟังก์ชัน 62509
สายไฟฟ้าห้มฉนวนและเปลือกเทอร์โมพลาสติกชนิดปราศจากฮาโลเจนและ ปล่อยควันน้อยที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 V เล่ม 3 สายไฟฟ้าอ่อน (สายอ่อน) 62821 เล่ม 3
เครื่องปรับอากาศสำหรับห้อง ด้านประสิทธิภาพพลังงาน 2134
ตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำเย็นบริโภค เฉพาะด้านความปลอดภัย 2461
ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับเครื่องซักฟอกทางอุตสาหกรรม - เล่ม 1 ข้อกำหนดร่วม 10472 เล่ม 1
ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับเครื่องซักฟอกทางอุตสาหกรรม - เล่ม 2 เครื่องซักและเครื่องซักเป็นสลัดน้ำ 10472 เล่ม 2
## ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | ลำดับที่ | ชื่อสินค้าและรายละเอียด | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๙ | ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับเครื่องซักฟอกทางอุตสาหกรรม - เล่ม 4 | 10472 เล่ม 4 | | ๑๐ | ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับเครื่องซักฟอกทางอุตสาหกรรม - เล่ม 5 | 10472 เล่ม 5 | | ๑๑ | แบตเตอรี่ฉุบลายแบบตะเกียง - กรด เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไปและวิธีทดสอบ | 60254 เล่ม 1 | | ๑๒ | แบตเตอรี่ฉุบลายแบบตะเกียง - กรด เล่ม 2 มิติของเซลล์และขั้ว และการทำการทดสอบ | 60254 เล่ม 2 | | ๑๓ | คู่ค้าต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและจุดประสงค์ทั่วไปที่คล้ายกัน เล่ม 2(1) คู่ค้าต่อจักรเย็บผ้า | 60320 เล่ม 2(1) | | ๑๔ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(16) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องย้อมสีเสื้อผ้า | 60335 เล่ม 2(16) | | ๑๕ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(25) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องปรับอากาศ | 60335 เล่ม 2(25) | | ๑๖ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(48) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องทำปังขนมปังและเตาย่างเชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2(48) | | ๑๗ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(85) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องรีดสิ่งทอผู้หญิง | 60335 เล่ม 2(85) | | ๑๘ | เตาเสียบและเตารับสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและงานทั่วไปที่มีจุดประสงค์คล้ายกัน - เล่ม 3(1) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเตารับมือแสงไฟฟ้ากำลัง USB รวมอยู่ | 60884 เล่ม 3(1) | | ๑๙ | สวิตซ์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไป | 61058 เล่ม 1 | | ๒๐ | สวิตซ์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 1(1) ข้อกำหนดสำหรับสวิตซ์ไฟฟ้าทางกล | 61058 เล่ม 1(1) | | ๒๑ | สวิตซ์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 1(2) ข้อกำหนดสำหรับสวิตซ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ | 61058 เล่ม 1(2) | | ๒๒ | สวิตซ์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 2(4) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับสวิตซ์ไฟฟ้าตัดตั้งอิสระ | 61058 เล่ม 2(4) | | ๒๓ | สวิตซ์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 2(5) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับตัวเลือกเปลี่ยนสลับ | 61058 เล่ม 2(5) | ## ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๒๔ | สวิตซ์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 2(6) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับสวิตช์ไฟฟ้าที่ใช้ในเครื่องมือมือถือ เครื่องมือขนได้ และเครื่องจักรไร่สวนและสนามหญ้า ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า | 61058 เล่ม 2(6) | | ๒๕ | ของเล่นไฟฟ้า เฉพาะด้านความปลอดภัย | 62115 | | ๒๖ | เชลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์แอลคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่นที่ไม่เป็นกรด - ข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเซลล์ทุติยภูมิผู้นักกันรั่วแบบปกพาและสำหรับแบตเตอรี่ทำจากเซลล์ทุติยภูมิผู้นักกันรั่วแบบปกพาสำหรับการใช้งานแบบปกพา - เล่ม 1 ระบบบินเกียร์ | 62133 เล่ม 1 | | ๒๗ | เชลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์แอลคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่นที่ไม่เป็นกรด - ข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเซลล์ทุติยภูมิผู้นักกันรั่วแบบปกพาและสำหรับแบตเตอรี่ทำจากเซลล์ทุติยภูมิผู้นักกันรั่วแบบปกพาสำหรับการใช้งานแบบปกพา - เล่ม 2 ระบบนิเทียม | 62133 เล่ม 2 | | ๒๘ | เต้าเสียบ เต้ารับ เต้ารับต่อยานยนต์ และเต้าเสียบยานยนต์ - การประจุนำพากระแสน้ำไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า - เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไป | 62196 เล่ม 1 | | ๒๙ | เต้าเสียบ เต้ารับ เต้ารับต่อยานยนต์ และเต้าเสียบยานยนต์ - การประจุนำพากระแสน้ำไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า - เล่ม 2 ข้อกำหนดความเข้มก้นได้ทางมิติสำหรับเต้าไฟฟ้าขาเสียบและเต้าไฟฟ้าท่อส่วนสมผัส AC | 62196 เล่ม 2 | | ๓๐ | เต้าเสียบ เต้ารับ เต้ารับต่อยานยนต์ และเต้าเสียบยานยนต์ - การประจุนำพากระแสน้ำไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า - เล่ม 3 ข้อกำหนดความเข้มก้นได้ทางมิติสำหรับคู่เต้าต่อยานยนต์ขาเสียบและคู่เต้าต่อยานยนต์ท่อส่วนสมผัส DC และ AC/DC | 62196 เล่ม 3 | | ๓๑ | เชลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์ แอลคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่นที่ไม่เป็นกรด - ข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเซลล์และแบตเตอรี่ลิเธียมทุติยภูมิ สำหรับการใช้งานนอกสถานที่ | 62619 | | ๓๒ | เชลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์แอลคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่นที่ไม่เป็นกรด - เซลล์และแบตเตอรี่ลิเธียมทุติยภูมิ สำหรับการใช้งานในงานอุตสาหกรรม | 62620 | | ๓๓ | ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับบริษัทโฮลดิ้งเอนเนอร์ยี้ (LSE) | 62962 | | ๓๔ | ความเข้มก้นได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 3(3) ชิดจำกัด - ชิดจำกัดสำหรับการเปลี่ยนแปลงแรงดันไฟฟ้า การกระเพื่อมแรงดันไฟฟ้าและการกระพริบ ในระบบกระจายกำลังไฟฟ้าแรงดันต่ำสาธารณะสำหรับบริษัทที่มีกระแสไฟฟ้าที่กำหนด ≤ 16 A ต่อเฟส และไม่ขึ้นอยู่กับการต่อแบบมีเงื่อนไข | 61000 เล่ม 3(3) | ## ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | ลำดับที่ | รายละเอียด | มาตรฐานเลขที่ | | --- | --- | --- | | ๓๕ | ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(1) มาตรฐานทั่วไป - มาตรฐานนูญมิกุ้มกันสำหรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมเชิงพาณิชย์ และสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมเบา | 61000 เล่ม 6(1) | | ๓๖ | ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(2) มาตรฐานทั่วไป - มาตรฐานนูญมิกุ้มกันสำหรับสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม | 61000 เล่ม 6(2) | | ๓๗ | ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(4) มาตรฐานทั่วไป - มาตรฐานการปล่อยสัญญาณระบบน้ำสำหรับสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม | 61000 เล่ม 6(4) | | ๓๘ | ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(5) มาตรฐานทั่วไป - ภูมิคุ้มกันสำหรับบริเวณที่ใช้ในสภาพแวดล้อมสถานีไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าย่อย | 61000 เล่ม 6(5) | | ๓๙ | ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(6) มาตรฐานทั่วไป - ภูมิคุ้มกัน HEMP สำหรับบริเวณภายในอาคาร | 61000 เล่ม 6(6) | | ๔๐ | ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(7) มาตรฐานทั่วไป - ข้อกำหนดภูมิคุ้มกันสำหรับบริเวณที่เจตนาทำหน้าที่ในระบบเทเกียวข้องกับความปลอดภัย (ความปลอดภัยเชิงฟังก์ชัน) ในที่ตั้งอุตสาหกรรม | 61000 เล่ม 6(7) | | ๔๑ | ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) - เล่ม 6(8) มาตรฐานทั่วไป - มาตรฐานการปล่อยสัญญาณระบบน้ำสำหรับบริเวณที่มีอาชีพในที่ตั้งเชิงพาณิชย์และที่ตั้งอุตสาหกรรมเบา | 61000 เล่ม 6(8) | | ๔๒ | ข้อต่อวาวล์ถังก๊าซสำหรับการใช้ในอุตสาหกรรม ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เล่ม 2 ข้อกำหนดและการทดสอบเฉพาะแบบสำหรับข้อต่อวาวล์ถังก๊าซ | 3469 เล่ม 2 | | ๔๓ | ธงก๊าซ - ฝาครอบและอุปกรณ์ป้องกันวาล์ว - การออกแบบ การสร้าง และการทดสอบ | 3470 | | ๔๔ | วงล้อยรถยนต์ | 3506 | | ๔๕ | วงล้อยทดแทนสำหรับยานยนต์และส่วนพ่วง | 3507 | | ๔๖ | เครื่องเชื่อมไฟฟ้า : คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน | 3625 | | ๔๗ | ชุดชิ้นส่วนสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง | 3630 | ### ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 2308.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการ ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน ๖ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(3) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเตรารีดไฟฟ้า 60335 เล่ม 2(3)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(13) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องทอดน้ำมันห่วม กระทะทอด และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นที่คล้ายกัน 60335 เล่ม 2(13)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(23) ข้อกำหนดเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับการดูแลผม ขน หรือผิว 60335 เล่ม 2(23)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(48) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับตาปิงขนมปังและเตาย่างเชิงพาณิชย์ 60335 เล่ม 2(48)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(65) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องฟอกอากาศ 60335 เล่ม 2(65)
ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เล่ม 2(85) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องรีดสิ่งทอพ่นไอน้ำ 60335 เล่ม 2(85)
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 231.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง ตามที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ได้ออก ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นการป้องกัน หรือหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบด่างมิให้กระจายไปพื้นที่อื่น ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตมันส าปะหลังของเกษตรกรเกิดความเสียหาย ปริมาณผลผลิตลดลง และส่งผลถึง ต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องสูงขึ้น ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการ ควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลังแล้ว เห็นควรคงมาตรการควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง และเพื่อให้การก ากับดูแลการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะห ลังเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) (4) และมาตรา ๒๕ (4) (7) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในเขตท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นระยะเวลาหกเดือน นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพัน ธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๓ ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายต้นพันธุ์มันส าปะหลัง หรือท่อนพันธุ์มันส าปะหลังอย่างใด อย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน เข้ามาหรือออกจากท้องที่อ าเภอเสิงสาง อ าเภอครบุรี อ าเภอหนองบุญมาก อ าเภอจักราช อ าเภอโชคชัย อ าเภอปักธงชัย อ าเภอเมืองนครราชสีมา อ าเภอแก้ง สนามนาง อ าเภอขามทะเลสอ อ าเภอ ขามสะแกแสง อ าเภอคง อ าเภอเฉลิมพระเกียรติ อ าเภอชุมพวง อ าเภอด่านขุนทด อ าเภอเทพารักษ์ อ าเภอโนนไทย อ าเภอโนนสูง อ าเภอโนนแดง อ าเภอบัวลาย อ าเภอบัวใหญ่ อ าเภอบ้ านเหลื่อม อ าเภอประทาย อ าเภอปากช่อง อ าเภอพระทองค า อ าเภอพิมาย อ าเภอเมืองยาง อ าเภอล าทะเมนชัย อ าเภอวังน้ าเขียว อ าเภอสีคิ้ว อ าเภอสีดา อ าเภอสูงเนิน และอ าเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากประธานคณะกรรมการ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ส่วนจังหวัดว่าด้ว ยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่งประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้า และบริการมอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด ส าหรับท้องที่ที่จะท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ ข้อ ๔ กรณีบุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่ที่ระบุตามข้อ ๓ แล้ว ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายเข้ามาหรือออกท้องที่อื่นตามข้อ ๓ อีก ข้อ ๕ การขออนุญาตตามข้อ ๓ ให้ยื่นค าขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (๑) ส านักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา เลขที่ 624/7 -8 ถนนช้างเผือก ต าบลในเมือง อ าเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 30000 (๒) ส านักงานเกษตรอ าเภอแห่งท้องที่ ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่ตามข้อ ๓ ส าหรับกรณีที่ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคา สินค้าและบริการมอบหมายให้นายอ าเภอ เป็นผู้อนุญาตขนย้าย หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้าย ให้เป็นไปตามที่หัวหน้าส านักงานก าหนด ข้อ 6 ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง ต้องขนย้าย ให้ตรงตามชนิดต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่และใช้ยานพาหนะที่มีหมายเลข ทะเบียนตามที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตการขนย้าย รวมทั้งจะต้องน าหนังสืออนุญาตก ากับการขนย้าย ไปด้วยทุกครั้ง หนังสืออนุญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ 5 วรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ ประกาศ ณ วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖2 วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒" 2310.pdf,"ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓๒) ว.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรแต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการ ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง แต่งตั้งผู้ตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แต่งตั้ง บริษัท ทูฟ นอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ตรวจสอบการทำ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน ๖๒ มาตรฐาน ดังต่อไปนี้ | ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๑ | เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 5: ข้อกำหนดคุณลักษณะ - เคเบิลในท่อขนาดเล็กสำหรับติดตั้งโดยการเป่า | 3095 | | ๒ | สายนไฟฟ้าสำหรับอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 0.6/1 kV เล่ม 4(1) สายนไฟฟ้าสำหรับอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงตามหมวด 4 ของ IEC 61851-1 การอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงโดยไม่ใช้ระบบจัดการความร้อน | 3060 เล่ม 4(1) | | ๓ | สายนไฟฟ้าสำหรับอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 0.6/1 kV เล่ม 4(2) สายนไฟฟ้าสำหรับอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงตามหมวด 4 ของ IEC 61851-1 สายนไฟฟ้าสำหรับใช้กับระบบที่มีการจัดการความร้อน | 3060 เล่ม 4(2) | | ๔ | เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 5(10): ข้อกำหนดคุณลักษณะเป็นรายกลุ่ม - เคเบิลเส้นใยนำแสงร้อยท่อขนาดเล็กภายนอกอาคาร ท่อขนาดเล็กและท่อขนาดเล็กที่มีส่วนป้องกันสำหรับติดตั้งโดยการเป่า | 3096 | | ๕ | เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 5(20): ข้อกำหนดคุณลักษณะเป็นรายกลุ่ม - ยูนิตเส้นใยนำแสงร้อยท่อขนาดเล็กภายนอกอาคาร ท่อขนาดเล็กและท่อขนาดเล็กที่มีส่วนป้องกันสำหรับติดตั้งโดยการเป่า | 3097 | ## ลำดับที่ | ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | | แผงเซลล์แสงอาทิตย์ภาคพื้นดิน - คุณสมบัติการออกแบบและรับรองแบบ เล่ม 1(1) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการทดสอบ แผงเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดผลึกซิลิคอน | 61215 เล่ม 1 (1) | | อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องเฝ้าระวังกระแสเหลือ (RCM) เล่ม 1 RCM สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย และการใช้ในลักษณะที่คล้ายกัน | 62020 เล่ม 1 | | สายน้ำไฟฟ้าห้องฉุนวนและเปลือกเทอร์โมโพลาสติกชนิดปราศจากฮาโลเจนและปลอดควัน น้อยที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 V เล่ม 3 สายน้ำไฟฟ้าอ่อน (สายอ่อน) | 62821 เล่ม 3 | | สายน้ำไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 V - ข้อแนะนำการใช้ | 62440 | | หม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไป | 384 เล่ม 1 | | สวิตช์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไป | 61058 เล่ม 1 | | สวิตช์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 1(1) ข้อกำหนดสำหรับสวิตช์ไฟฟ้าทางกล | 61058 เล่ม 1(1) | | สวิตช์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 1(2) ข้อกำหนดสำหรับสวิตช์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ | 61058 เล่ม 1(2) | | สวิตช์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 2(4) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับสวิตช์ไฟฟ้า ติดตั้งอิสระ | 61058 เล่ม 2(4) | | สวิตช์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 2(5) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับตัวเลือกเปลี่ยนสลับ | 61058 เล่ม 2(5) | | สวิตช์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า - เล่ม 2(6) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับสวิตช์ไฟฟ้าที่ใช้ในเครื่องมือมือถือ เครื่องมือขนได้ และเครื่องจักรไร่สวนและสนามหญ้า ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า | 61058 เล่ม 2(6) | | เต้าเสียบและเต้ารับสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและงานทั่วไปที่มีจุดประสงค์คล้ายกัน - เล่ม 3(1) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเต้ารับมีแหล่งจ่ายไฟฟ้ากำลัง USB รวมอยู่ | 60884 เล่ม 3(1) | | เซลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิสำหรับกักเก็บพลังงานหมุนเวียน - ข้อกำหนดทั่วไปและวิธีทดสอบ - เล่ม 1 การใช้งานกับระบบเซลล์แสงอาทิตย์แบบไม่เชื่อมต่อกับระบบทวงข่ายไฟฟ้า | 61427 เล่ม 1 | | เซลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิสำหรับกักเก็บพลังงานหมุนเวียน - ข้อกำหนดทั่วไปและวิธีทดสอบ - เล่ม 2 การใช้งานแบบเชื่อมต่อกับระบบทวงข่ายไฟฟ้า | 61427 เล่ม 2 | | เซลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์แลลดาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่นที่ไม่เป็นกรด - ข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเซลล์ทุติยภูมิผนึกกันรั้วแบบพกพาและสำหรับแบตเตอรี่ทำจากเซลล์ทุติยภูมิผนึกกันรั้วแบบพกพาสำหรับการใช้งานแบบพกพา - เล่ม 1 ระบบบริการเกิด | 62133 เล่ม 1 | ## ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๒๑ เซลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์แอลคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่นที่ไม่เป็นกรด - ข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเซลล์ทุติยภูมิผนึกกันรั้วแบบพกพาและสำหรับแบตเตอรี่ทำจากเซลล์ทุติยภูมิผนิกกันรั้วแบบพกพาสำหรับการใช้งานแบบพกพา - เล่ม 2 ระบบลิเธียม 62133 เล่ม 2
๒๒ เท้าเสียบ เต้ารับ เต้ารับต่อยานยนต์ และเท้าเสียบยานยนต์ - การประจน้ำพากระแสน้ำไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า - เล่ม 1 ข้อกำหนดทั่วไป 62196 เล่ม 1
๒๓ เท้าเสียบ เต้ารับ เต้ารับต่อยานยนต์ และเท้าเสียบยานยนต์ - การประจน้ำพากระแสน้ำไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า - เล่ม 2 ข้อกำหนดความเข้มข้นได้ทางมิติสำหรับเท้าไฟฟ้าขาเสียบและเท้าไฟฟ้าท่อส่วนสมผัส AC 62196 เล่ม 2
๒๔ เท้าเสียบ เต้ารับ เต้ารับต่อยานยนต์ และเท้าเสียบยานยนต์ - การประจน้ำพากระแสน้ำไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า - เล่ม 3 ข้อกำหนดความเข้มข้นได้ทางมิติสำหรับคู่เท้าต่อยานยนต์ขาเสียบและคู่เท้าต่อยานยนต์ท่อส่วนสมผัส DC และ AC/DC 62196 เล่ม 3
๒๕ เซลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์ แอลคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่นที่ไม่เป็นกรด - ข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเซลล์และแบตเตอรี่ลิเธียมทุติยภูมิสำหรับการใช้งานอุตสาหกรรม 62619
๒๖ เซลล์และแบตเตอรี่ทุติยภูมิบรรจุอิเล็กโทรไลต์แอลคาไลน์หรืออิเล็กโทรไลต์อื่นที่ไม่เป็นกรด - เซลล์และแบตเตอรี่ลิเธียมทุติยภูมิสำหรับการใช้งานอุตสาหกรรม 62620
๒๗ เครื่องหั่นขนมปัง 3407
๒๘ ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นที่คล้ายกัน เล่ม 2(3) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับตารีดไฟฟ้า 60335 เล่ม 2(3)
๒๙ ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นที่คล้ายกัน เล่ม 2(4) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องปั่นสลัดน้ำ 60335 เล่ม 2(4)
๓๐ ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นที่คล้ายกัน เล่ม 2(15) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าทำให้ของเหลวร้อน 60335 เล่ม 2(15)
๓๑ ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นที่คล้ายกัน เล่ม 2(16) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องบดทึ่งเศษอาหาร 60335 เล่ม 2(16)
๓๒ ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นที่คล้ายกัน เล่ม 2(25) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเตาอบไมโครเวฟรวมถึงเตาอบไมโครเวฟร่วม 60335 เล่ม 2(25)
๓๓ ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นที่คล้ายกัน เล่ม 2(84) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับส้วมไฟฟ้า 60335 เล่ม 2(84)
## ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | ลำดับที่ | รายละเอียด | มาตรฐานเลขที่ มอก. | | --- | --- | --- | | ๓๔ | ความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ คล้ายกัน เล่ม 2(119) ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเครื่องบรรจุภัณฑ์สัญญาอากาศไฟฟ้า เชิงพาณิชย์ | 60335 เล่ม 2(119) | | ๓๕ | บริการกู้ภัยและระบบเครื่องเสียงวิดิทัศน์และสื่อผสม - เครื่องรับโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล สำหรับการเข้าถึงของคนพิการและผู้สูงอายุ - ข้อกำหนดคุณลักษณะด้านหน้าที่การทำงาน | 62944 | | ๓๖ | เคเบิลเส้นใยนำแสง เล่ม 6(10) เคเบิลภายใน-ภายนอกอาคาร - ข้อกำหนดคุณลักษณะ เป็นรายกลุ่ม สำหรับเคเบิลภายใน-ภายนอกอาคาร แบบนอกประสงค์ | 60794 เล่ม 6(10) | | ๓๗ | หลอดแอลอีดีมีบัลลาสต์ในตัวสำหรับการให้แสงสว่างทั่วไป ด้วยแรงดันไฟฟ้า แหล่งจ่ายมากกว่า 50 โวลต์ - คุณลักษณะที่ต้องการด้านสมรรถนะ | 2781 | | ๓๘ | หลอดแอลอีดีทั่วไปสำหรับการให้แสงสว่างทั่วไปด้วยแรงดันไฟฟ้าแหล่งจ่ายไม่เกิน 50 V a.c.r.m.s. หรือไม่เกิน 120 V d.c. ไม่มีริปเปิล - คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย | 3536 | | ๓๙ | หลอดแอลอีดีและดวงโคมไฟฟ้าแอลอีดี - คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพ พลังงาน | 3647 | | ๔๐ | รถตัดอ้อย | 2773 | | ๔๑ | รถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือ ก๊าซไบโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง เฉพาะด้านความปลอดภัย : สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ 3 | 3043 | | ๔๒ | รถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟ เฉพาะด้านความปลอดภัย : สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ 4 | 3044 | | ๔๓ | รถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด เฉพาะด้านความปลอดภัย : สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ 6 | 3046 | | ๔๔ | รถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด เฉพาะด้านความปลอดภัย : สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ 7 | 3047 | | ๔๕ | รถยนต์ขนาดเล็กที่ติดตั้งระบบทะเกียงเพิ่มเติม เฉพาะด้านความปลอดภัย: สารมลพิษจากเครื่องยนต์ | 3055 | | ๔๖ | เครื่องบรรจุของเหลวด้วยกระบอกสูบแบบแถวตรง | 3165 | | ๔๗ | เครื่องบรรจุของเหลวด้วยกระบอกสูบแบบหมุนวน | 3166 | | ๔๘ | เครื่องบรรจุของเหลวด้วยกระบอกสูบแบบกึ่งอัตโนมัติ | 3167 | | ๔๙ | เครื่องยนต์แก๊สโซลีนขนาดเล็กรายการความร้อนด้วยอากาศ | 3209 | เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา
ลำดับที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก.
๕๐ รถแทรกเตอร์สั้อย่างเพื่อการเกษตร: ชนิดมีเพลาอำนวยกำลัง 3227
๕๑ ลูกบอลดับเพลิงอัตโนมัติ 3413
๕๒ อุปกรณ์ป้องกันการลอดใต้ด้านหน้ายานยนต์ 3421
๕๓ อุปกรณ์จำกัดความเร็วยานยนต์ 3425
๕๔ เครื่องเชื่อมไฟฟ้า : คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน 3625
๕๕ ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนบนทางสาธารณะ - ขนาดรถยนต์ขนาดใหญ่เชิงพาณิชย์และรถโดยสารกึ่งพ่วง - วิธีการทดสอบเสถียรภาพด้านข้าง 3627
๕๖ ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนบนทางสาธารณะ - รถยนต์ขนาดใหญ่เชิงพาณิชย์และรถโดยสาร - การวัดโมเมนต์ความเฉื่อยของวล 3628
๕๗ ยานยนต์ขนาดใหญ่เชิงพาณิชย์และรถโดยสาร - การวัดจุดศูนย์ถ่วง - วิธีการทดสอบการยกเพลา วิธีการใช้โต๊ะเอียงและวิธีการแกว่งไปมาแบบเสถียร 3629
๕๘ ชุดชิ้นส่วนสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าตัดแปลง 3630
๕๙ เซลล์ทุติยภูมิชนิดลิเธียมไอออน สำหรับการขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า เล่ม 3 ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย 62660 เล่ม 3
๖๐ เครื่องเรียงขวดพลาสติก 3400
๖๑ เครื่องฉีดอากาศขนาดเล็กแบบลูกสูบ เฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน 3409
๖๒ เครื่องทำน้ำร้อนระบบปิ้มความร้อนแบบอากาศสู่น้ำ : คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน 3623
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" 2314.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง การให้บริการขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ด้วยกรมที่ดินได้ขับเคลื่อนแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาประเทศ มุ่งสู่ Thailand ๔.๐ และเป็นไปตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) จึงได้จัดทำระบบการให้บริการประชาชนผ่านระบบนี้อิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ที่เป็นการอำนวยความสะดวกและอาศัยอำนาจตามข้อ ๕ ของระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ การตรวจสอบหลักทรัพย์ การขอสำเนาภาพลักษณ์เอกสารสิทธิและหลักฐานทะเบียนที่ดิน และการรับคำขอรังวัดด้วยระบบนี้อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๘ กรมที่ดิน จึงประกาศกำหนดประเภทการให้บริการประชาชน เรื่อง การให้บริการขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ ด้วยระบบนี้อิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ซึ่งเป็นเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ ๑. เป็นบุคคลธรรมดา มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน มีความประสงค์ขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์เฉพาะโฉนดที่ดิน (ที่ดินหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง) โดยยื่นคำขอในเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) ผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ (Smart Phone) ได้ทั้งระบบ Android และ iOS ทุกวันและทุกเวลาที่ระบบเปิดใช้งาน ๒. ลงทะเบียนและเข้าใช้งานในระบบทางเว็บไซต์ https://eservice.dol.go.th เท่านั้น ๓. กรอกคำขอผ่านระบบนี้อิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) และชำระเงินผ่าน Mobile Banking หรือตู้ ATM ที่รองรับ QR code เท่านั้น เมื่อระบบตรวจสอบการรับชำระเงินแล้ว จึงสามารถดาวน์โหลด(Download) หนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ ๔. ค่าธรรมเนียมในการให้บริการ เรียกเก็บตามกฎหมายอัตราปกติเช่นเดิม เนื่องจากอยู่ระหว่างการทดสอบระบบ เพื่อพัฒนาปรับปรุงใหม่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หากมีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียม หรือมีค่าบริการเพิ่มเติมกรมที่ดินจะประกาศให้ทราบต่อไป ๕. สามารถลงทะเบียนและใช้งานในระบบนี้อิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) เพื่อขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ได้ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เป็นต้นไป จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน" 232.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรเพิ่มเติมกิจการให้บริการลานเก็บสะสมตู้บรรจุสินค้าหรือลานจอดรถ หัวลากตู้บรรจุสินค้าให้เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากการประกอบกิจการดังกล่าว เป็นกิจการที่ก่อให้เกิดมลพิษหรือของเสียจากการให้บริการที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยค าแนะน าของคณะกรรมการสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กิจการที่เป็นอันตราย ต่อสุขภาพ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๒๒) ของ ๙ ในข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘ “(๒๒) การประกอบกิจการให้บริการลานสะสมตู้บรรจุสินค้า หรือลานจอดรถหัวลากตู้บรรจุสินค้า ” ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒" 2320.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดอัตราค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อยฤดูการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๒๔) ประกอบกับมาตรา ๑๗ วรรคสามและวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและ น้ำตาลทราย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย โดยความเห็นชอบ ของรัฐมนตรี จึงออกประกาศกำหนดอัตราค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อยฤดูการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ ไว้ ดังต่อไปนี้
ลำดับ ที่ บริษัท อัตราค่าบำรุงสถาบัน ขาวไร้อ้อย (บาท/ต้นอ้อย)
บริษัท น้ำตาลทิพย์กำแพงเพชร จำกัด ๓.๐๐
บริษัท น้ำตาลทรายกำแพงเพชร จำกัด ๓.๐๐
บริษัท น้ำตาลานครเพชร จำกัด ๓.๐๐
บริษัท น้ำตาลทิพย์สุโขทัย จำกัด ๓.๐๐
บริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด ๓.๐๐
บริษัท น้ำตาลพิชญโลก จำกัด ๓.๐๐
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (รวมผล) ๓.๐๐
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ๓.๐๐
บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด ๓.๐๐
๑๐ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด (เพชรบูรณ์) ๓.๐๐
๑๑ บริษัท น้ำตาลสิงห์บุรี จำกัด ๓.๐๐
๑๒ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จำกัด ๓.๐๐
๑๓ บริษัท ไทยรุ่งเรือง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ๒.๐๐
๑๔ บริษัท มิตรเกษตร อุทัยธานี จำกัด ๒.๐๐
๑๕ บริษัท น้ำตาลธีไฟฟ้าชัยมงคล จำกัด ๒.๐๐
๑๖ บริษัท ไทยรุ่งเรืองเพิ่มพูนอุตสาหกรรม จำกัด ๒.๐๐
๑๗ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด ๒.๐๐
๑๘ บริษัท ประจวบอุตสาหกรรม จำกัด ๒.๐๐
๑๙ บริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด ๒.๐๐
เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง ราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘ | ลำดับที่ | บริษัท | อัตราค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อย (บาท/ต้นอ้อย) | | --- | --- | --- | | ๒๐ | บริษัท น้ำตาลนิเวศกรุงไทย จำกัด | ๒.๐๐ | | ๒๑ | บริษัท น้ำตาลไทยภากอนจนบุรี จำกัด | ๒.๐๐ | | ๒๒ | บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเกษตร จำกัด | ๒.๐๐ | | ๒๓ | บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด | ๒.๐๐ | | ๒๔ | บริษัท น้ำตาลบ้านโป่ง จำกัด | ๒.๐๐ | | ๒๕ | บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด | ๒.๐๐ | | ๒๖ | บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด (กาญจนบุรี) | ๒.๐๐ | | ๒๗ | บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลปราณบุรี จำกัด | ๔.๐๐ | | ๒๘ | บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น. จำกัด | ๓.๐๐ | | ๒๙ | บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด | ๓.๐๐ | | ๓๐ | บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด (สระโบสถ์) | ๓.๐๐ | | ๓๑ | บริษัท น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) (วัฒนานคร) | ๓.๐๐ | | ๓๒ | บริษัท น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) (วังสมบูรณ์) | ๓.๐๐ | | ๓๓ | บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด | ๓.๐๐ | | ๓๔ | บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลอีสาน จำกัด | ๓.๐๐ | | ๓๕ | บริษัท น้ำตาลมิตรภาพสินธุ์ จำกัด | ๓.๐๐ | | ๓๖ | บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด | ๓.๐๐ | | ๓๗ | บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) | ๓.๐๐ | | ๓๘ | บริษัท อุตสาหกรรมอ่างเวียน จำกัด | ๓.๐๐ | | ๓๙ | บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (ภูเวียง) | ๓.๐๐ | | ๔๐ | บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) | ๒.๕๐ | | ๔๑ | บริษัท น้ำตาลเกษตรผล จำกัด | ๓.๐๐ | | ๔๒ | บริษัท น้ำตาลสหเรือง จำกัด | ๓.๐๐ | | ๔๓ | บริษัท น้ำตาลทรายขาวเริ่มอุดม จำกัด | ๓.๐๐ | | ๔๔ | บริษัท น้ำตาลไทยอุดรธานี จำกัด | ๓.๐๐ | | ๔๕ | บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) | ๓.๐๐ | | ๔๖ | บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (ภูเขียว) | ๓.๐๐ | | ๔๗ | บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด (ชัยภูมิ) | ๓.๐๐ | | ๔๘ | บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (ภูหลวง) | ๓.๐๐ | | ๔๙ | บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (วังสะพุง) | ๓.๐๐ | เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง ราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘ | ลำดับที่ | บริษัท | อัตราค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อย (บาท/ต้นอ้อย) | | --- | --- | --- | | ๕๐ | บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (อำนาจเจริญ) | ๓.๐๐ | | ๕๑ | บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) (สีคิ้ว) | ๓.๐๐ | | ๕๒ | บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด (สกลนคร) | ๓.๐๐ | | ๕๓ | บริษัท น้ำตาลอราวัณ จำกัด | ๓.๐๐ | | ๕๔ | บริษัท น้ำตาลวังขนาย จำกัด (มหาวัง) | ๒.๙๖ | | ๕๕ | บริษัท สหการน้ำตาลชลบุรี จำกัด | ๒.๙๖ | | ๕๖ | บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด | ๒.๙๖ | | ๕๗ | บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (เกษตรสมบูรณ์) | ๒.๙๖ | | ๕๘ | บริษัท น้ำตาลนิวกว้างสุนหลี จำกัด | ๒.๙๖ | หมายเหตุ : ๑. ค่าเฉลี่ยอัตราค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อยทั้งประเทศเท่ากับ ๒.๙๖ บาทต่อต้นอ้อย (ค่าเฉลี่ยคำนวนจากสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสมาชิกชาวไร่อ้อยส่งอ้อยเข้าหีบในบริษัทใด บริษัทนี้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๕ เท่านั้น) ๒. บริษัท ที่ใช้อัตราค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อยค่าเฉลี่ยประกอบด้วย ๒.๑ บริษัท น้ำตาลอวงขนาย จำกัด (มหาวัง) ๒.๒ บริษัท สหการน้ำตาลชลบุรี จำกัด ๒.๓ บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด ๒.๔ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (เกษตรสมบูรณ์) ๒.๕ บริษัท น้ำตาลนิวกว้างสุนหลี จำกัด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ ฉัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย" 2321.pdf,"ประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนดผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ของผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพและวิธีในการคำนวณจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๖ (๒) ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พ.ศ. ๒๕๕๐ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบบนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ เงินสมทบสุทธิ หมายถึง เงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ ข้อ ๓ การคำนวณจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่ผู้มีสิทธิ ให้คำนวณจ่าย ถึงวันที่มีสิทธิตามหลักเกณฑ์ในข้อ ๗ ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๔ ผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ให้คำนวณจ่ายในอัตราร้อยละ สองจุดแปดหนึ่งต่อปีของเงินสมทบสุทธิและผลประโยชน์ตอบแทนสะสมรวมกัน ข้อ ๕ อัตราผลประโยชน์ตอบแทนตามข้อ ๔ ให้ใช้ในการคำนวณจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ จนกว่าสำนักงานประกันสังคมจะออกประกาศเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ มารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม" 2322.pdf,"ประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ในการจ่ายประโยชน์ทดแทนให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๐ แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนด หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. ๒๕๖๑ เลขาธิการ สำนักงานประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบบนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ เงินสมทบ หมายถึง เงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ ที่คิดจากอัตราเงินสมทบที่จ่ายเข้ากองทุนเดือนละห้าสิบบาทตามมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง และเงินสมทบเพิ่มเติม ตามมาตรา ๑๙ วรรคสอง หรือคิดจากอัตราเงินสมทบที่จ่ายเข้ากองทุนเดือนละหนึ่งร้อยห้าสิบบาท ตามมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง และเงินสมทบเพิ่มเติมตามมาตรา ๒๐ วรรคสอง ข้อ ๓ ผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้คำนวณจ่าย ในอัตราร้อยละสี่จุดหนึ่งเก้าต่อปีของเงินสมทบและผลประโยชน์ตอบแทนสะสมรวมกัน ข้อ ๔ อัตราผลประโยชน์ตอบแทนตามข้อ ๓ ให้ใช้บังคับสำหรับการคำนวณจ่าย ผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพในปีต่อไปด้วย จนกว่าสำนักงานประกันสังคมจะออกประกาศ เปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ มารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม" 2324.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๑ หลักการทั่วไปและกรอบ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนลายุการใช้งาน เล่ม ๑ หลักการทั่วไปและกรอบ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ว่า ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๑ หลักการทั่วไปและกรอบ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง – การวางแผน อายุการใช้งาน เล่ม ๑ หลักการทั่วไปและกรอบ มาตรฐานเลขที่ มอก. 3922 เล่ม 1 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม 1 หลักการทั่วไปและกรอบ BUILDINGS AND CONSTRUCTED ASSETS - SERVICE LIFE PLANNING \- PART 1: GENERAL PRINCIPLES AND FRAMEWORK #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3922 เล่ม 1-2567 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 15686-1:2011 Buildings and constructed assets - Service life planning - Part 1: General principles and framework มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกัน ทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- ระบุและกำหนดหลักการทั่วไปสำหรับการวางแผนอายุการใช้งานและ กระบวนการทำงานที่เป็นระบบสำหรับการวางแผนอายุการใช้งานของอาคาร หรืองานก่อสร้างที่วางแผนไว้ตลอดวัฏจักรชีวิต (หรือวัฏจักรชีวิตที่เหลือ ของอาคารหรืองานก่อสร้างที่มีอยู่) วัฏจักรชีวิตเริ่มตั้งแต่ การริเริ่มโครงการ คำจำกัดความของโครงการ การออกแบบ การก่อสร้าง การว่าจ้าง การดำเนินการ การบำรุงรักษา การตกแต่งอาคาร การปรับปรุงอาคาร การรื้อโครงสร้าง และการรื้อถอน การรีไซเคิลหรือการนำอาคารและ สินทรัพย์กลับมาใช้ใหม่ (หรือบางส่วนของอาคารและสินทรัพย์) รวมถึง ส่วนประกอบ ระบบ และการบริหารจัดการอาคาร \- ใช้กับการวางแผนอายุการใช้งานของอาคารแต่ละหลัง หมายเหตุ การวางแผนอายุการใช้งานสามารถใช้เป็นข้อมูลเข้าเพื่อการจัดการสินทรัพย์ เชิงกลยุทธ์ของอาคารจำนวนหนึ่งได้
เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 15686-1:2011
จำนวนหน้า : ๓๒ หน้า
ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๔๖๗-๐
ICS : ๙๑.๐๔๐.๐๑
สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2327.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๔ การวางแผนอายุการใช้งานโดยใช้แบบจำลองสารสนเทศอาคาร พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๔ การวางแผนอายุการใช้งานโดยใช้แบบจำลองสารสนเทศอาคาร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ว่าดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๔ การวางแผนอายุ การใช้งานโดยใช้แบบจำลองสารสนเทศอาคาร พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง – การวางแผน อายุการใช้งาน เล่ม ๔ การวางแผนอายุการใช้งานโดยใช้แบบจำลองสารสนเทศอาคาร มาตรฐานเลขที่ มอก. 3922 เล่ม 4 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม 4 การวางแผนอายุการใช้งานโดยใช้แบบจำลองสารสนเทศอาคาร BUILDINGS AND CONSTRUCTED ASSETS - SERVICE LIFE PLANNING \- PART 4: SERVICE LIFE PLANNING USING BUILDING INFORMATION MODELING #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3922 เล่ม 4-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 15686-4:2014 Buildings and constructed assets - Service life planning - Part 4: Service life planning using building information modelling มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับ ภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- ให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้มาตรฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อการวางแผนอายุการใช้งานของอาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้างและ ส่วนประกอบ รวมถึงข้อมูลสนับสนุนที่จำเป็น ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับ ข้อมูลการจัดโครงสร้างจากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อนำส่งเนื้อหาข้อมูลใน โครงสร้างให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล อ้างอิง ISO 16739 โดยใช้มาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลการก่อสร้างอาคาร (COBie) สำหรับการส่งผ่านสารสนเทศแบบจำลองในรูปแบบ IFC Schema \- ใช้กับการแลกเปลี่ยนข้อมูลอายุการใช้งานระหว่างประเภทธารออกแบบและ แอปพลิเคชันซอฟต์แวร์การจัดการข้อมูล ที่มีอินเทอร์เฟซการแลกเปลี่ยน ข้อมูลตามมาตรฐาน รวมถึง: ก) การสร้างแบบจำลองข้อมูลอาคาร (BIM) ข) ซอฟต์แวร์การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก (CAFM) เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 15686-4:2014 จำนวนหน้า : ๔๔ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๔๖๙-๔ ICS : ๙๑.๐๔๐.๐๑ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2330.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๘ อ้างอิงอายุการใช้งานและการประมาณอายุการใช้งาน พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๘ อ้างอิงอายุการใช้งานและการประมาณอายุการใช้งาน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ว ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๘ อ้างอิง อายุการใช้งานและการประมาณอายุการใช้งาน พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๘ อ้างอิงอายุการใช้งานและการประมาณอายุการใช้งาน มาตรฐานเลขที่ มอก. 3922 เล่ม 8 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม 8 อ้างอิงอายุการใช้งานและการประมาณอายุการใช้งาน BUILDINGS AND CONSTRUCTED ASSETS - SERVICE LIFE PLANNING \- PART 8: REFERENCE SERVICE LIFE AND SERVICE - LIFE ESTIMATION #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3922 เล่ม 8-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 15686-8:2008 Buildings and constructed assets - Service life planning - Part 8: Reference service life and service - life estimation มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับ เหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดหา การคัดเลือก และรูปแบบการอ้างอิงข้อมูล อายุการใช้งาน และการประยุกต์ใช้ข้อมูลเพื่อการคำนวณหาค่าเฟคเตอร์ อายุการใช้งาน \- ไม่ครอบคลุมวิธีการประมาณส่วนที่มีการตัดแปรหรือค่าของเฟคเตอร์ A ถึง G โดยใช้สภาวะการใช้งานและสภาวะการใช้งานวัตถุจำเพาะใน การอ้างอิง เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 15686-8:2008 จำนวนหน้า : ๔๖ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๔๗๓-๑ ICS : ๙๑.๐๔๐.๐๑ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2333.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๑๑ คำศัพท์ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๑๑ คำศัพท์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ว่า ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๑๑ คำศัพท์ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม ๑๑ คำศัพท์ มาตรฐานเลขที่ มอก. 3922 เล่ม 11 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : อาคารและสินทรัพย์ที่ก่อสร้าง - การวางแผนอายุการใช้งาน เล่ม 11 คำศัพท์ BUILDINGS AND CONSTRUCTED ASSETS - SERVICE LIFE PLANNING \- PART 11: TERMINOLOGY #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3922 เล่ม 11-2567 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO/TR 15686-11:2014 Buildings and constructed assets - Service life planning - Part 11: Terminology มาใช้โดยวิธี พิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- รวบรวมคำศัพท์และคำจำกัดความที่ได้มาตราฐาน เพื่อกำหนดคำศัพท์ ให้นำไปใช้ในลักษณะของการก่อสร้างและการใช้งานอาคารหรือ งานวิศวกรรมโยธาและการวางแผนอายุการใช้งาน \- ประกอบด้วยคำศัพท์และคำจำกัดความที่รวมอยู่ในเล่มต่าง ๆ ของ มอก. 3922 พร้อมด้วยการกำหนดตัวย่อ (ถ้ามี) เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO/TR 15686-11:2014 จำนวนหน้า : ๓๖ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๔๘๘-๕ ICS : ๙๑.๐๔๐.๐๑ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2338.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองประสิทธิภาพสูงและตัวกลางของตัวกรอง สำหรับการกำจัดอนุภาคจากอากาศ เล่ม ๔ วิธีการทดสอบสำหรับการพิจารณาการรั่วไหล ของวิธีการสแกนองค์ประกอบตัวกรอง พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองประสิทธิภาพสูง และตัวกลางของตัวกรองสำหรับการกำจัดอนุภาคจากอากาศ เล่ม ๔ วิธีการทดสอบสำหรับการพิจารณา การรั่วไหลของวิธีการสแกนองค์ประกอบตัวกรอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองประสิทธิภาพสูงและตัวกลางของตัวกรองสำหรับการกำจัดอนุภาคจากอากาศ เล่ม ๔ วิธีการทดสอบสำหรับการพิจารณาการรั่วไหลของวิธีการสแกนองค์ประกอบตัวกรอง พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตัวกรองประสิทธิภาพสูงและตัวกลาง ของตัวกรองสำหรับการกำจัดอนุภาคจากอากาศ เล่ม ๔ วิธีการทดสอบสำหรับการพิจารณาการรั่วไหล ของวิธีการสแกนองค์ประกอบตัวกรอง มาตรฐานเลขที่ มอก. 3931 เล่ม 4 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : ตัวกรองประสิทธิภาพสูงและตัวกลางของตัวกรองสำหรับกำจัดอนุภาค จากอากาศ เล่ม 4 วิธีการทดสอบสำหรับการพิจารณาการรั่วไหลของ วิธีการสแกนองค์ประกอบตัวกรอง HIGH-EffICIENCY FILTERS AND FILTER MEDIA FOR REMOVING PARTICLES IN AIR PART 4: TEST METHOD FOR DETERMINING LEAKAGE OF FILTER ELEMENTS-SCAN METHOD #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3931 เล่ม 4-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 29463-4:2011 High-efficiency filters and filter media for removing particles in air - Part 4: Test method for determining leakage of filter elements-Scan method มาใช้โดย วิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- ระบุขั้นตอนการทดสอบของ “วิธีการสแกน” ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการอ้างอิง สำหรับการพิจารณาการรั่วไหลขององค์ประกอบตัวกรอง มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ใช้ได้กับตัวกรองตั้งแต่ชั้น ISO 35 H ถึง ISO 75 U. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้อธิบายถึงวิธีการ เชิงบรรทัดฐานอื่น ๆ การทดสอบการรั่วไหลของสายน้ำมัน (ดูภาคผนวก A : Annex A) และการทดสอบการรั่วไหลของโพโตมิเตอร์ (ดูภาคผนวก B : Annex B) ใช้กับชั้น ISO 35H to iso 45 H ตัวกรอง HEPA และการทดสอบการรั่วไหลด้วยละอองลอย PSL ที่เป็นของแข็ง (ดูภาคผนวก E : Annex E) มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ มีจุดประสงค์เพื่อใช้ร่วมกับ มอก. 3931 เล่ม 1 มอก. 3931 เล่ม 2 มอก. 3931 เล่ม 3 และ มอก. 3931 เล่ม 5 เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 29463-4:2011 จำนวนหน้า : ๔๘ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๔๙๓-๙ ICS : ๙๑.๑๔๐.๓๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๕๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 234.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การแสดงใบอนุญาตขับรถด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และส าเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. 2562 โดยที่ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้มีการพัฒนาให้สามารถแสดงใบอนุญาตขับรถ ผ่านแอปพลิเคชัน ของกรมการขนส่งทางบกบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แทนการพกพาใบอนุญาตขับรถแบบเดิม ประกอบกับพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 ก าหนดให้ผู้ขับขี่ที่แสดงใบอนุญาตขับรถด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือส าเนา ภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถตามที่กรมการขนส่งทางบกก าหนดให้ถือว่ามีใบอนุญาตขับรถอยู่กับตัวแล้ว ดังนั้น เพื่อให้มีแนวทางการแสดงใบอนุญาตขับรถ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 31/1 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 อธิบดีกรมการขนส่งทางบกออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ใบอนุญาตขับรถ ” หมายความว่า ใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ หรือใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก แล้วแต่กรณี ข้อ 2 การแสดงใบอนุญาตขับรถด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือส าเนาภาพถ่าย ใบอนุญาตขับรถ ให้กระท าได้เฉพาะกรณีผู้ขับรถมีใบอนุญาตขับรถที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ที่มี QR Code ซึ่งมีวิธีการแสดง ดังต่อไปนี้ (๑) การแสดงใบอนุญาตขับรถโดยแสดงผ่านแอปพลิเคชัน DLT QR LICENCE ของกรมการขนส่ง ทางบก ซึ่งท าให้ปรากฏภาพใบอนุญาตขับรถเสมือนจริง (๒) การแสดงใบอนุญาตขับรถโดยแสดงจากภาพที่ได้จากการสั่งเก็บภาพ (Capture) จากแอปพลิเคชัน DLT QR LICENCE ของกรมการขนส่งทางบก (๓) การแสดงใบอนุญาตขับรถบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นภาพใบอนุญาตขับรถที่ได้จาก การถ่ายภาพใบอนุญาตขับรถ (๔) การแสดงใบอนุญาตขับรถที่ท าส าเนาเอกสารจากใบอนุญาตขับรถ โดยจะเป็นภาพขาวด า หรือสี ก็ได้ การแสดงใบอนุญาตขับรถตาม (2) (3) และ (4) ต้องปรากฏข้อมูลใบอนุญาตขับรถ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังอย่างครบถ้วนถูกต้องตามรูปแบบใบอนุญาตขับรถ และต้องปรากฏเครื่องหมาย QR code ที่ชัดเจน เพื่อให้เจ้าพนักงานจราจรสามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาตขับรถได้ ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 พีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๕๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๒" 2340.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลังงานแสงอาทิตย์ - ส่วนประกอบและวัสดุของตัวสะสม - เล่ม ๔ ความทนทานและประสิทธิภาพของวัสดุกระจก พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลังงานแสงอาทิตย์ - ส่วนประกอบและวัสดุของตัวสะสม - เล่ม ๔ ความทนทานและประสิทธิภาพของวัสดุกระจก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้วางนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลังงานแสงอาทิตย์ - ส่วนประกอบและวัสดุของตัวสะสม - เล่ม ๔ ความทนทานและประสิทธิภาพของวัสดุกระจก พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลังงานแสงอาทิตย์ - ส่วนประกอบ และวัสดุของตัวสะสม - เล่ม ๔ ความทนทานและประสิทธิภาพของวัสดุกระจก มาตรฐานเลขที่ มอก. 3986 เล่ม 4 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : พลังงานแสงอาทิตย์ - ส่วนประกอบและวัสดุของตัวสะสม - เล่ม 4 ความทนทานและประสิทธิภาพของวัสดุกระจก SOLAR ENERGY - COLLECTOR COMPONENTS AND MATERIALS - PART 4 : GLAZING MATERIAL DURABILITY AND PERFORMANCE #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3986 เล่ม 4-2567 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : - ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 22975-4:2023 Solar energy - Collector components and materials - Part 4: Glazing material durability and performance มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprint) ในระดับเหมือนกัน ทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก - ระบุคำจำกัดความและวิธีการทดสอบสำหรับความทนทานและประสิทธิภาพของวัสดุกระจก - ใช้กับตัวสะสมที่มีกระจกเพื่อใส่แผ่นหรือท่อแก้วเข้ากับตัวสะสม ดังนั้นจึงใช้แก้วซิลิกะโซดาไลม์และแก้วบอร์ซิลิกะ - ใช้กับการส่งผ่านแสงอาทิตย์ของกระจกสำหรับตัวเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ #### เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 22975-4:2023 จำนวนหน้า : ๑๖ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๕๕๒-๓ ICS : ๒๗.๑๖๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2345.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๑๔ ก หน้า ๕๗ ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๘
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำและขาว ครุฑมีปีกกางออก และสวมเครื่องประดับ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นสีดำและขาวของครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย ครุฑมีปีกกางออกและสวมเครื่องประดับ
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๙๕) พ.ศ. ๒๕๖๘ # พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้วิ ณ วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นปีที่ ๑๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ในบางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า ""พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๙๕) พ.ศ. ๒๕๖๘"" มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้ ""มูลนิธิ"" หมายความว่า (๑) มูลนิธิกาญจนบารมี (๒) มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ (๓) มูลนิธิจุฬาภรณ์ (๔) มูลนิธิชัยพัฒนา (๕) มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (๖) มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (๗) มูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช (๘) มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก (๙) มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (๑๐) มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ (๑๑) มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (๑๒) มูลนิธิโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช (๑๓) มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี (๑๔) มูลนิธิโรงพยาบาลเลิดสิน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าฟันางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (๑๕) มูลนิธิโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าฟันางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (๑๖) มูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (๑๗) มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ (๑๘) มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กองทัพเรือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (๑๙) มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๒๐) มูลนิธิโรงพยาบาลหาดใหญ่ (๒๑) มูลนิธิศรีสว่างควัฒน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จเจ้าฟ้าๆ กรมพระศรีสว่างควัฒนวรขัตติยราชนารี (๒๒) มูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (๒๓) มูลนิธิสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ (๒๔) มูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา (๒๕) มูลนิธิสมเด็จพระปิ่นเกล้า (๒๖) ศิริราชมูลนิธิ ""ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ระบบที่ใช้สร้างและเก็บรักษาข้อมูลการบริจาคในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๒ และส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่สภาภาคชาดไทยหรือมูลนิธิที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๗๐ ดังต่อไปนี้ (๑) สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นสำหรับเงินได้พึ่งประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินที่บริจาค (๒) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นสำหรับเงินได้เป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน มาตรา ๕ การยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ (๑) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังต่อไปนี้ (๑) ต้องนำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ (๑) มารวมคำนวณกับเงินได้ที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนสองเท่าของเงินที่ได้จ่ายตามกรณีที่กำหนดไว้และไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึ่งประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร (๒) เมื่อรวมคำนวณเงินได้ตาม (๑) แล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึ่งประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร (๓) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนด มาตรา ๖ การยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ (๒) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังต่อไปนี้ (๑) ต้องนำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ (๒) มารวมคำนวณกับรายจ่ายที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายและไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร (๒) เมื่อรวมคำนวณรายจ่ายตาม (๑) แล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่าย เพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร (๓) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนด มาตรา ๗ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๒ และส่วน ๓ หมวด ๓ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามหมวด ๔ ภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด ๕ และอากรแสตมป์ตามหมวด ๖ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจาก การโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากบรรจุภัณฑ์ ให้แก่สภาภาคชาติไทยหรือมูลนิธิ โดยผู้ใดจะต้องไม่นำต้นทุนของทรัพย์สินหรือสินค้า ซึ่งได้รับยกเว้น ภาษีดังกล่าวมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๗๐ และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด มาตรา ๘ บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ตามพระราชกฤษฎีกาฉะเชิงเทรา ต้องไม่นำเงินบริจาคที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าวไปหักลดหย่อน เป็นเงินบริจาคตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร หรือต้องไม่นำเงินหรือทรัพย์สิน ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าวไปหักเป็นรายจ่ายตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี อีก มาตรา ๙ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกาฉะเชิงเทรา ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๑๔ ก หน้า ๖๑ ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๘ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สภาภาชาดไทยหรือมูลนิธิด้านการแพทย์และการสาธารณสุข เพื่อเป็นการจูงใจให้มีการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ของสภาภาชาดไทยหรือมูลนิธิดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้" 2347.pdf,"ประกาศกรมสรรพาสมิต เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำขอและการออกใบอนุญาต สำหรับสินค้าสุรา ยาสูบ และไฟ ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การยื่นคำขอและการออกใบอนุญาตสำหรับสินค้าสุรา ยาสูบ และไฟตามประกาศ กรมสรรพาสมิตว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการออกใบอนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้า ประกาศกรมสรรพาสมิตว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการออกใบอนุญาตผลิตสุราที่มิใช่เพื่อการค้า ประกาศกรมสรรพาสมิตว่าด้วยการกำหนดแบบคำขอ แบบใบอนุญาต และแบบอื่น ๆ ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพาสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศกรมสรรพาสมิตว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไฟ ประกาศกรมสรรพาสมิตว่าด้วยการอนุญาต ผลิตยาสูบ ประกาศกรมสรรพาสมิตว่าด้วยการกำหนดแบบคำขออนุญาตและแบบใบอนุญาตนำใบยา ยาอัด หรือยาสูบ เข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร กำหนดข้อความและลักษณะฉลาก ปิดภาชนะบรรจุยาสูบที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักร และกำหนดด่านศุลกากรสำหรับนำใบยา ยาอัด หรือยาสูบเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ประกาศกรมสรรพาสมิตว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเพาะปลูกต้นยาสูบ ประกาศกรมสรรพาสมิต ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตซื้อใบยาแห้ง และการทำบัญชี ประกาศกรมสรรพาสมิตว่าด้วยการอนุญาตนำไฟเข้ามาในราชอาณาจักร และประกาศกรมสรรพาสมิต ว่าด้วยการออกใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไฟ สำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตต่อเนื่องจากที่ได้รับใบอนุญาต ณ สถานประกอบการเดิม เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีความสอดคล้องกับ นโยบายของรัฐบาลในการให้บริการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบกับมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ อธิบดีกรมสรรพาสามิตจึงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำขอและการออกใบอนุญาต สำหรับสินค้าสุรา ยาสูบ และไฟ ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ ""ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตผลิตสรา ยาสูบ หรือไฟ ใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ หรือไฟ ใบอนุญาตนำสุราหรือไฟเข้ามาในราชอาณาจักร ใบอนุญาตนำใบยา ยาอัด หรือยาสูบ เข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชาอาณาจักร ใบอนุญาตเพาะปลูกต้นยาสูบ หรือใบอนุญาตซื้อใบยาแห้ง แล้วแต่กรณี ตามที่กำหนดไว้ในหมวด ๒ ใบอนุญาตสำหรับสินค้าสุรา ยาสูบ และไฟ ตามพระราชบัญญัติ ภาษีสรรพาสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ""คำขอ"" หมายความว่า คำขอรับใบอนุญาตสำหรับสินค้าสุรา ยาสูบ หรือไฟ่ ทางระบบ อิเล็กทรอนิกส์ ""ผู้ยื่นคำขอ” หมายความว่า ผู้ผลิต ผู้ขาย หรือผู้นำเข้าสุรา ยาสูบ หรือไฟ่ ผู้ส่งออกยาสูบ ผู้เพาะปลูกต้นยาสูบ หรือผู้ซื้อใบยาแห้งที่ประสงค์จะขอรับใบอนุญาตสำหรับสินค้าสุรา ยาสูบ หรือไฟ่ แล้วแต่กรณี ซึ่งได้ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพาสามิตและ ได้ยื่นคำขอทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ “ผู้มีอำนาจอนุญาต” หมายความว่า สรรพาสามิตพื้นที่หรือสรรพาสามิตพื้นที่สาขาหรือเจ้าพนักงาน สรรพาสามิตที่มีอำนาจออกใบอนุญาต แล้วแต่กรณี ""ระบบอิเล็กทรอนิกส์"" หมายความว่า ระบบให้บริการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของ กรมสรรพาสามิต ซึ่งเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพาสามิตในการยื่นคำขอ ติดตาม แจ้งเตือน และออกใบอนุญาตสำหรับสินค้าสุรา ยาสูบ และไฟ่ ""ประกาศกรมสรรพาสามิต"" หมายความว่า ประกาศกรมสรรพาสามิตว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกใบอนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้า ประกาศกรมสรรพาสามิตว่าด้วยการกำหนด แบบคำขอ แบบใบอนุญาต และแบบอื่น ๆ ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพาสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศกรมสรรพาสามิตว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการออกใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไฟ่ ประกาศกรมสรรพาสามิตว่าด้วยการอนุญาตผลิตยาสูบ ประกาศกรมสรรพาสามิตว่าด้วยการกำหนด แบบคำขออนุญาตและแบบใบอนุญาตนำใบยา ยาอัด หรือยาสูบ เข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร กำหนดข้อความและลักษณะฉลากปิดภาชนะบรรจุยาสูบที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักร และกำหนด ด่านศุลกากรสำหรับนำใบยา ยาอัด หรือยาสูบเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชาณาจักร ประกาศกรมสรรพาสามิตว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออก ใบอนุญาตเฉพาะปลูกต้นยาสูบ ประกาศกรมสรรพาสามิตว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตซื้อใบยาแห้ง และการทำบัญชี ประกาศกรมสรรพาสามิต ว่าด้วยการอนุญาตนำไฟ่เข้ามาในราชอาณาจักร และประกาศกรมสรรพาสามิตว่าด้วยการออกใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไฟ่ สำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตต่อเนื่องจากที่ได้รับใบอนุญาต ณ สถานประกอบการเดิม แล้วแต่กรณี ข้อ ๒ ผู้ยื่นคำขอต้องลงทะเบียนเป็นผู้ใช้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพาสามิต https://www excise.go.th เพื่อรับชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) สำหรับ นำไปใช้เป็นหลักฐานแสดงการลงลายมือชื่อและการยืนยันตัวตนของผู้ยื่นคำขอในการเข้าสู่ระบบ อิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓ ผู้ยื่นคำขอต้องกรอกรายละเอียดข้อมูลของคำขอตามรายการที่กำหนดไว้ในระบบ อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมแนบเอกสารหลักฐานตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมสรรพาสามิตและระบบ อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคำขอ ทั้งนี้ ผู้ยื่นคำขอมีหน้าที่ตรวจสอบสถานะคำขอ ในระบบอิเล็กทรอนิกส์และตรวจสอบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ระบบนิเวศน์จัดส่งและ ที่เจ้าพนักงานสรรพาสามิตแจ้งให้ทราบ ข้อ ๔ เจ้าพนักงานสรรพาสามิตสังกัดสำนักงานสรรพาสามิตพื้นที่หรือพื้นที่สาขาแห่งท้องที่ ที่รับคำขอทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องตรวจสอบรายละเอียดในคำขอและเอกสารหลักฐานประกอบการ พิจารณาขอรับใบอนุญาตที่ได้ยื่นไว้ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ ๓ วรรคหนึ่ง ว่ามีความถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้เจ้าพนักงานสรรพาสามิต แจ้งผู้ยื่นคำขอทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบรอเล็กทรอนิกส์จะแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอรับทราบ ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ดำเนินการให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงาน สรรพาสามิตกำหนด ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่ดำเนินการให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงาน สรรพาสามิตกำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอไม่ประสงค์จะขอรับใบอนุญาตต่อไป และให้ เจ้าพนักงานสรรพาสามิตนำเสนอต่อผู้มีอำนาจอนุญาตจำหน่ายคำขอออกจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยแจ้งการจำหน่ายคำขอเป็นหนังสือหรือทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบ ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ให้ระบุเหตุผลของการจำหน่ายคำขอ รวมทั้งแจ้งสิทธิอุทธรณ์ การยื่นคำอุทธรณ์ และระยะเวลาสำหรับการอุทธรณ์ให้ผู้ยื่นคำขอทราบด้วย ในกรณีที่เจ้าพนักงานสรรพาสามิตตรวจสอบรายละเอียดในคำขอและเอกสารหลักฐานตามวรรคหนึ่ง แล้วพบว่ามีความถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามประกาศกรมสรรพาสามิตและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ยื่นคำขอได้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานสรรพาสามิตกำหนดแล้ว ให้เจ้าพนักงานสรรพาสามิตนำเสนอต่อผู้มีอำนาจอนุญาตพิจารณาสั่งอนุญาตและลงนามในคำขอโดยใช้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบรอเล็กทรอนิกส์จะแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบ ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ในกรณีที่ผู้มีอำนาจอนุญาตพิจารณาแล้วเห็นว่าคำขอไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ที่กำหนดไว้ในประกาศกรมสรรพาสามิตและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้มีคำสั่งไม่อนุญาตและแจ้งคำสั่ง ดังกล่าวเป็นหนังสือหรือทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ให้ระบุเหตุผลของการไม่อนุญาต รวมทั้งแจ้งสิทธิอุทธรณ์ การยื่นคำอุทธรณ์ และระยะเวลา สำหรับการอุทธรณ์ให้ผู้ยื่นคำขอทราบด้วย ข้อ ๕ เมื่อผู้ยื่นคำขอได้รับแจ้งคำสั่งอนุญาตตามข้อ ๔ แล้ว ให้ผู้ยื่นคำขอดำเนินการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต (ถ้ามี) ตามช่องทางการชำระค่าธรรมเนียมและวิธีการที่กำหนดไว้ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตภายใน ๑๕ วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งอนุญาต ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอละทิ้งคำขอ และให้ผู้มีอำนาจอนุญาตจำหน่ายคำขอ โดยแจ้งการจำหน่ายคำขอเป็นหนังสือหรือทางระบบนอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ให้ระบุเหตุผลของการจำหน่ายคำขอ รวมทั้งแจ้งสิทธิอุทธรณ์ การยื่นคำอุทธรณ์ และระยะเวลาสำหรับการอุทธรณ์ให้ผู้ยื่นคำขอทราบด้วย ข้อ ๖ ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตตรวจสอบสถานะของการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และเมื่อเห็นว่าผู้ยื่นคำขอได้ชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนในการออกใบอนุญาต โดยระบบนอิเล็กทรอนิกส์จะแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบและส่งใบอนุญาตทางระบบนอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๗ ผู้ได้รับใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ หรือไพ่ที่ประสงค์จะขอใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ หรือไพ่ต่อเนื่องจากที่ได้รับใบอนุญาต ณ สถานประกอบการเดิม ให้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ และดำเนินการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามช่องทางการชำระค่าธรรมเนียมและวิธีการที่กำหนดไว้ในระบบนอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนใบอนุญาตเติมสิ้นอายุ ข้อ ๘ หลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำขอและการออกใบอนุญาตตามประกาศนี้ เป็นเพียงการเพิ่มช่องทางให้สามารถดำเนินการผ่านทางระบบนอิเล็กทรอนิกส์ได้เท่านั้น ผู้ยื่นคำขอยังคงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมสรรพาสมิตในแต่ละกรณีย่อยถูกต้องครบถ้วนด้วย ข้อ ๙ คำขอหรือเอกสารหลักฐานที่ได้ยื่นและส่งทางระบบนอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนคำสั่งหรือการอื่นใดตามประกาศนี้ ถือว่ามีการลงลายมือชื่อโดยผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผู้ทำรายการจนเสร็จสมบูรณ์ ในระบบนอิเล็กทรอนิกส์ และมิให้ปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความใด เพียงเพราะเหตุที่ข้อความนั้นอยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๐ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันออกประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ กุลยา ตันติเฒิท อธิบดีกรมสรรพาสมิต" 2348.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๒/๒๕๖๘ เรื่อง ประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๑/๒๕๖๕, ๑๕/๒๕๖๕, ๑๗/๒๕๖๕, ๑๘/๒๕๖๗, ๑๙/๒๕๖๗ และ ๑/๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนโดย ได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศกำหนดประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้ สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๑/๒๕๖๕, ๑๕/๒๕๖๕ ๑๗/๒๕๖๕, ๑๗/๒๕๖๗, ๑๘/๒๕๖๗, ๑๙/๒๕๖๗ และ ๑/๒๕๖๘ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๗ เรื่อง ประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๑/๒๕๖๕, ๑๕/๒๕๖๕, ๑๗/๒๕๖๕, ๒/๒๕๖๗, ๓/๒๕๖๗ และ ๔/๒๕๖๗ ข้อ ๒ กำหนดประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ที่ ๑๑/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการสนับสนุนการจัดตั้งสถาบัน พัฒนาบุคลากรทักษะสูง ได้แก่ - ประเภท ๑๐.๑.๒ กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center : IBC) ข้อ ๓ กำหนดประเภทธุรกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ที่ ๑๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) ดังนี้ ๓.๑ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและระบบ อัตโนมัติ (กรณีมีการนำระบอบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์มาใช้) มาตรการยกระดับอุตสาหกรรมด้านการนำ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์มาใช้ในการผลิตหรือบริการ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการยกระดับ ไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ และมาตรการยกระดับอุตสาหกรรมด้านการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ ได้แก่ - ประเภท ๒.๒.๒ กิจการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ - ประเภท ๓.๖ กิจการผลิตยานยนต์ทั่วไป - ประเภท ๓.๗ กิจการผลิตรถจักรยานยนต์ (ยกเว้นที่มีความจุกระทบกู้ต่ำกว่า ๒๔๘ ซีซี) ## ประเภท ที่.ส - กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Battery Electric Vehicle (BEV), - Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicle (HEV) และแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV Platform) (เฉพาะผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV)) และ Hybrid Electric Vehicle (HEV)) - ประเภท ๕.๒.๔.๒ กิจการผลิตปูนซีเมนต์ - ประเภท ๕.๔.๑๐ กิจการตัดโลหะ - ประเภท ๘.๓.๓ กิจการ Co-working Space - ประเภท ๑๐.๑.๑ กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office : TISO) - ประเภท ๑๐.๑.๒ กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center : IBC) - ประเภท ๑๐.๑.๓ กิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบระหว่างประเทศ (International Procurement Office : IPO) ### ๓.๒ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ (กรณีไม่ได้นำระบออัตโนมัติหรือหุ่นยนต์มาใช้) ได้แก่ - ประเภท ๓.๗ กิจการผลิตรถจักรยานยนต์ (ยกเว้นที่มีความจุกระบอกสูงต่ำกว่า ๒๔๘ ซีซี) - ประเภท ๓.๘ กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Battery Electric Vehicle (BEV), - Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicle (HEV) และแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV Platform) (เฉพาะผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV)) และ Hybrid Electric Vehicle (HEV)) - กิจการในกลุ่ม B ที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประกาศให้การส่งเสริมการลงทุนอยู่ในขณะที่ยืนขอรับการส่งเสริมตามมาตรการนี้ ๓.๓ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ - ประเภท ๑.๓.๒.๑ กิจการผลิตหรือให้บริการเครื่องจักรกล อุปกรณ์ทางการเกษตรสมัยใหม่และระบบเกษตรสมัยใหม่ที่มีการออกแบบระบบหรือซอฟต์แวร์ หรือแพลตฟอร์ม และผลิตเครื่องจักรกล อุปกรณ์ในโครงการ ## - ประเภท ๑.๓.๒.๒ - กิจการผลิตหรือให้บริการเครื่องจักรกล อุปกรณ์ทางการเกษตรสมัยใหม่และระบบเกษตรสมัยใหม่ที่มีการออกแบบระบบ หรือซอฟต์แวร์ หรือแพลตฟอร์มแต่ไม่มีการผลิตเครื่องจักรกล อุปกรณ์ในโครงการ ## - ประเภท ๑.๓.๒.๓ - กิจการให้บริการระบบเกษตรสมัยใหม่ ## - ประเภท ๑.๔.๖ - กิจการศูนย์การค้าผลิตผลทางการเกษตรระบบดิจิทัล ## - ประเภท ๒.๒.๒ - กิจการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ## - ประเภท ๓.๖ - กิจการผลิตยานยนต์ทั่วไป ## - ประเภท ๓.๗ - กิจการผลิตรถจักรยานยนต์ (ยกเว้นที่มีความจุระบอกสูบต่ำกว่า ๒๔๘ ซีซี) ## - ประเภท ๓.๘ - กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Battery Electric Vehicle (BEV), Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicle (HEV) และแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV Platform) (เฉพาะผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) และ Hybrid Electric Vehicle (HEV)) ## - ประเภท ๓.๑๘.๒.๓ - กิจการการออกแบบและพัฒนาระบบหรือซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมและสถานีภาคผู้ดิน ## - ประเภท ๓.๒๑.๒ - กิจการผลิตระบบจำลองยุทธ์และการฝึกเสมือนจริงและชิ้นส่วน และ/หรือการซ่อมระบบจำลองยุทธ์และการฝึกเสมือนจริง ## - ประเภท ๕.๒.๔.๒ - กิจการผลิตปูนซีเมนต์ ## - ประเภท ๕.๔.๑๐ - กิจการตัดโลหะ ## - ประเภท ๗.๒.๒ - กิจการนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ## - ประเภท ๘.๑.๑ - กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัลหรือดิจิทัลคอนเทนต์ ## - ประเภท ๘.๑.๒ - กิจการปรับปรุงซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัลหรือดิจิทัลคอนเทนต์ ## - ประเภท ๘.๒.๑ - กิจการ Data Center ## - ประเภท ๘.๒.๒ - กิจการ Cloud Service ## - ประเภท ๘.๓.๓ - กิจการ Co-working Space ## - ประเภท ๘.๔.๑ - กิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ ## - ประเภท ๘.๔.๒ - กิจการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ ## - ประเภท ๑๐.๑.๑ กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office : TISO) ## - ประเภท ๑๐.๑.๒ กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center : IBC) ## - ประเภท ๑๐.๑.๓ กิจการศูนย์จัดหาจัตชื่อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบ ระหว่างประเทศ (International Procurement Office : IPO) ## - ประเภท ๑๐.๑.๑ กิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบอัจฉริยะ ### ๓.๔ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยกเว้นกรณีการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ - ประเภท ๒.๒.๒ กิจการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ - ประเภท ๕.๒.๔.๒ กิจการผลิตปูนซีเมนต์ - ประเภท ๕.๔.๑๐ กิจการตัดโลหะ - ประเภท ๘.๓.๓ กิจการ Co-working Space - ประเภท ๑๐.๑.๑ กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office : TISO) - ประเภท ๑๐.๑.๒ กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center : IBC) - ประเภท ๑๐.๑.๓ กิจการศูนย์จัดหาจัตชื่อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบ ระหว่างประเทศ (International Procurement Office : IPO) ### ๓.๕ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เฉพาะกรณีการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ - ประเภท ๒.๒.๒ กิจการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ - ประเภท ๕.๔.๑๐ กิจการตัดโลหะ - ประเภท ๘.๓.๓ กิจการ Co-working Space - ประเภท ๑๐.๑.๑ กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office : TISO) - ประเภท ๑๐.๑.๒ กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center : IBC) - ประเภท ๑๐.๑.๓ กิจการศูนย์จัดหาจัตชื่อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบ ระหว่างประเทศ (International Procurement Office : IPO) ข้อ ๔ กำหนดประเภทกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ที่ ๑๗/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ - ประเภท ๑.๑.๔ กิจการประมงน้ำลึก - ประเภท ๘.๒.๓ กิจการบริหารวงจรสื่อสัญญาณความเร็วสูงระหว่างประเทศภาคพื้นน้ำ - ประเภท ๑๐.๘.๑ กิจการเรือเฟอร์รี่ หรือเดินเรือท่องเที่ยว หรือให้บริการเรือท่องเที่ยว - ประเภท ๑๐.๑๐.๒ กิจการขนส่งทางอากาศ - ประเภท ๑๐.๑๐.๓ กิจการขนส่งทางเรือ - ประเภท ๑๐.๑๐.๔ กิจการขนส่งทางราง ข้อ ๕ กำหนดประเภทกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ที่ ๑๗/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเต็ม และประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑๘/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง มาตรการ ส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร ได้แก่ - ประเภท ๓.๖ กิจการผลิตยานยนต์ทั่วไป - ประเภท ๓.๗ กิจการผลิตรถจักรยานยนต์ - ประเภท ๓.๘ (ยกเว้นที่มีความจุระบอกสูบต่ำกว่า ๒๔๘ ซีซี) กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Battery Electric Vehicle (BEV), Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicle (HEV) และแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV Platform) (เฉพาะผลิตภัณฑ์ รถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) และ Hybrid Electric Vehicle (HEV)) - ประเภท ๕.๒.๔.๒ กิจการผลิตปูนซีเมนต์ - ประเภท ๗.๑.๑ กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำจากขยะ หรือเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse Derived Fuel) - ประเภท ๗.๑.๒ กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ จากพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ เป็นต้น ยกเว้นขยะ หรือเชื้อเพลิงจากขยะ กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ จากไฮโดรเจน - ประเภท ๗.๑.๓ - ประเภท ๗.๑.๔ กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ จากพลังงานอื่น ๆ ## - ประเภท ๓.๑.๕ - กิจการผลิตน้ำประปา น้ำเพื่ออุตสาหกรรม หรือไอ้น้ำจากน้ำเสีย ## - ประเภท ๓.๑.๖ - กิจการผลิตน้ำประปา น้ำเพื่ออุตสาหกรรม หรือไอ้น้ำ ## - ประเภท ๓.๑.๗ - กิจการบริหารด้านจัดการพลังงาน (Energy Service Company : ESCO) ## - ประเภท ๓.๑.๘ - กิจการแปรรูปวัสดุที่ไม่ใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ (Recycle) หรือนำกลับคืนมาใหม่ (Recovery) ## - ประเภท ๓.๑.๙ - กิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (Sorting) กรณีตั้งในนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริม ## - ประเภท ๓.๑.๑๐ - กิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (Sorting) ## - ประเภท ๓.๑.๑๑ - กิจการผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse Derived Fuel) ## - ประเภท ๓.๑.๑๒ - กิจการบำบัดหรือกำจัดของเสีย ### ข้อ ๖ กำหนดประเภทกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ที่ ๑๙/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง มาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจ ได้แก่ ## - ประเภท ๑.๑.๔ - กิจการประมงน้ำลึก ## - ประเภท ๕.๒.๕ - กิจการผลิตวัสดุก่อสร้างและกิจการผลิตผู้คนกรีตอัดแรงสำหรับงานสาธารณูปโภค ## - ประเภท ๕.๔.๑๕ - กิจการผลิตโครงสร้างโลหะสำหรับงานก่อสร้างหรืองานอุตสาหกรรม (Fabrication Industry) ## - ประเภท ๖.๔.๒ - กิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น ## - ประเภท ๖.๖.๗ - กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อ หรือกระดาษ เช่น กล่องกระดาษ เป็นต้น ## - ประเภท ๗.๒.๔ - กิจการพัฒนาอาคารสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและ/หรือคลังสินค้า ## - ประเภท ๘.๒.๓ - กิจการบริการวงจรสื่อสัญญาณความเร็วสูงระหว่างประเทศภาคพื้นน้ำ ## - ประเภท ๑๐.๘.๑ - กิจการเรือเฟอร์รี่ หรือเดินเรือท้องเที่ยว หรือให้บริการเรือท่องเที่ยว ## - ประเภท ๑๐.๑๐.๒ - กิจการขนส่งทางอากาศ ## - ประเภท ๑๐.๑๐.๓ - กิจการขนส่งทางเรือ ## - ประเภท ๑๐.๑๐.๔ - กิจการขนส่งทางราง ### ข้อ ๗ กำหนดประเภทกิจการที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ที่ ๑/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๘ เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟู ชุมชนและสังคม ได้แก่ ## - ประเภท ๒.๒.๒ - กิจการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๔๗ ง หน้า ๖๗ - ประเภท ๕.๒.๔.๒ กิจการผลิตปูนซีเมนต์ - ประเภท ๕.๔.๑.๐ กิจการตัดโลหะ - ประเภท ๘.๓.๓ กิจการ Co-working Space - ประเภท ๑๐.๑.๑ กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office : TISO) - ประเภท ๑๐.๑.๒ กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center : IBC) - ประเภท ๑๐.๑.๓ กิจการศูนย์จัดหาจักรชื่อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบ ระหว่างประเทศ (International Procurement Office : IPO) ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ นฤฒม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 2349.pdf,"# ประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๓/๒๕๖๘ เรื่อง คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไข สำหรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๘ ให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไข มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย สำหรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Long-Term Resident Visa : LTR Visa) โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นผู้ออกประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไข อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป.๒/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ เรื่อง คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไข สำหรับการตรวจลงตราประเภท คนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติ ที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย และประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป.๖/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขสำหรับ การตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ข้อ ๒ คนต่างด้าวตามประการนี้ ได้แก่ ๒.๑ คนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงที่ประสงค์จะขออนุญาตเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวกับการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง สู่ประเทศไทย ได้แก่ กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มที่ ต้องการทำงานจากประเทศไทย และกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ๒.๒ ผู้ติดตามของคนต่างด้าวตามข้อ ๒.๑ ซึ่งเป็นคู่สมรส บิดามารดา บุตรที่ชอบ ด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบปี หรือผู้ซึ่งอยู่ในอุปการะตามกฎหมายของผู้ถือ LTR Visa หลัก ข้อ ๓ กำหนด คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขสำหรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดขาวต่างชาติ ที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (Long-Term Resident Visa) ของคนต่างด้าวตามข้อ ๒ ดังนี้ ๓.๑ ประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy Global Citizen) ไม่น้อยกว่า ๕๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ต้องเป็นการลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้ โดยผู้ยื่นคำขอต้องลงทุนหรือมีกรรมสิทธิ์ ก่อนวันที่ยื่นคำขอ (๑) พันธบัตรรัฐบาลไทย (Government Bond) ซึ่งออกโดย กระทรวงการคลังโดยจะต้องมีอายุพันธบัตรคงเหลือก่อนวันครบกำหนดไม่น้อยกว่า ๕ ปี ณ วันที่ยื่นคำขอ (๒) การลงทุนโดยตรงในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด หรือ การลงทุนในบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุน (Venture Capital Company) หรือทรัสต์ เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity Trust) ซึ่งได้จดแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๓) อสังหาริมทรัพย์ ๓.๑.๒ ต้องแสดงหลักฐานสถานะทางการเงินส่วนบุคคล ซึ่งมีทรัพย์สิน ที่สามารถประเมินมูลค่าได้รวมกันทั้งในและต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า ๑ ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันยื่นคำขอ ๓.๑.๓ ต้องแสดงกรมธรรม์ประกันสุขภาพซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งมีระยะเวลาคุ้มครองคงเหลือไม่น้อยกว่า ๑๐ เดือน ณ วันที่ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติ หรือสิทธิประกันสังคมซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย หรือเงินฝากในบัญชีในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งถือครอง มาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๒ เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ๓.๑.๔ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ๓.๒ ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy Pensioner) ๓.๒.๑ อายุ ๕๐ ปีขึ้นไปและมีสถานะเป็นผู้เกษียณอายุ ณ วันที่ยื่นคำขอ ๓.๒.๒ ต้องแสดงหลักฐานการลงทุนในนามของผู้ขอและ/หรือการมีรายได้ ส่วนบุคคลในกรณีใดกรณีหนึ่ง ต่อไปนี้ (๑) การรับเงินบำนาญและ/หรือรายได้ประจำส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า ๘๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐต่อปี ณ วันที่ยื่นคำขอ (๒) การรับเงินบำนาญและ/หรือรายได้ประจำส่วนบุคคล ต่ำกว่า ๘๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐต่อปี แต่ไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐต่อปี ณ วันที่ยื่นคำขอ และ การลงทุนในประเทศไทยในนามของผู้ขอ ซึ่งมีมูลค่าไม่น้อยกว่า ๒๕๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ต้องเป็นการลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้ โดยผู้ยื่นคำขอมีกรรมสิทธิ์ก่อนวันที่ยื่นคำขอ ๑) พันธบัตรรัฐบาลไทย (Government Bond) ซึ่งออกโดย กระทรวงการคลังโดยจะต้องมีอายุพันธบัตรคงเหลือก่อนวันครบกำหนดไม่น้อยกว่า ๕ ปี ณ วันที่ยื่นคำขอ ๒) การลงทุนโดยตรงในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด หรือการลงทุนในบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุน (Venture Capital Company) หรือทรัสต์ เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity Trust) ซึ่งได้จดแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง # ๓) อสังหาริมทรัพย์ ๓.๒.๓ ต้องแสดงกรมธรรม์ประกันสุขภาพซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐซึ่งมีระยะเวลาคุ้มครองคงเหลือไม่น้อยกว่า ๑๐ เดือน ณ วันที่ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติ หรือสิทธิประกันสังคมซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย หรือเงินฝากในบัญชีในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งถือครอง มาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๒ เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ๓.๒.๔ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ๓.๓ ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work-From-Thailand Professional) ๓.๓.๑ ต้องแสดงหลักฐานการมีรายได้ส่วนบุคคลขั้นต่ำในกรณีใดกรณีหนึ่ง ต่อไปนี้ (๑) การมีรายได้ส่วนบุคคล เฉลี่ยไม่น้อยกว่า ๘๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ต่อปี ในระยะเวลา ๒ ปีก่อนวันที่ยื่นคำขอ (๒) ในกรณีผู้ยื่นคำขอแสดงหลักฐานการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ขึ้นไป หรือครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา หรือได้รับเงินทุน Series A (การระดมทุนของวิสาหกิจ เริ่มต้นในช่วงระยะเติบโตซึ่งผ่านพ้นรอบระดมทุนในช่วงระยะเริ่มต้น (Seed Fund) มาแล้ว ในธุรกิจ ไม่น้อยกว่า ๑ ล้านเหรียญสหรัฐ) ต้องแสดงหลักฐานการมีรายได้ส่วนบุคคลเฉลี่ยไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐต่อปีในระยะเวลา ๒ ปีก่อนวันที่ยื่นคำขอ ๓.๓.๒ ต้องแสดงหลักฐานการทำงานกับนายจ้างในต่างประเทศ ซึ่งมีลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง ต่อไปนี้ (๑) บริษัทดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศใด ๆ (๒) บริษัทมีการดำเนินงานมาแล้ว ไม่น้อยกว่า ๓ ปีและมีรายได้รวมกัน ในระยะเวลา ๓ ปี ไม่น้อยกว่า ๕๐ ล้านเหรียญสหรัฐ นับถึงวันที่ยื่นคำขอ (๓) บริษัทย่อยที่มีบริษัท ตามข้อ (๑) หรือ (๒) เป็นผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น ๓.๓.๓ ต้องแสดงกรมธรรม์ประกันสุขภาพซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลใน ประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐซึ่งมีระยะเวลาคุ้มครองคงเหลือไม่น้อยกว่า ๑๐ เดือน ณ วันที่ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติ หรือสิทธิประกันสังคมซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย หรือเงินฝากในบัญชีในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งถือครองมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๒ เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ๓.๓.๔ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ๓.๔ ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (High-Skilled Professional) ๓.๔.๑ ต้องแสดงสัญญาจ้างหรือสัญญาบริการกับกิจการในประเทศ หรือ กับกิจการในต่างประเทศ โดยได้รับมอบหมายให้เข้ามาทำงานในประเทศไทย หรือแสดงหลักฐาน การทำงานให้กับสถาบันอุดมศึกษา หรือสถาบันวิจัย หรือสถาบันฝึกอบรมเฉพาะทาง หรือนำผลงาน ภาครัฐในประเทศ ทั้งนี้ จะต้องเป็นการทำงานในกิจการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ดังต่อไปนี้ (๑) อุตสาหกรรมยานยนต์ (๒) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (๓) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับคุณภาพ (๔) อุตสาหกรรมการเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ (๕) อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ (๖) อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (๗) อุตสาหกรรมการบิน อากาศยาน และอวกาศ (๘) อุตสาหกรรมเซื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (๙) อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (๑๐) อุตสาหกรรมดิจิทัล (๑๑) อุตสาหกรรมการแพทย์ (๑๒) อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ (๑๓) อุตสาหกรรมที่สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยตรงและมีนัยสำคัญ เช่น การผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เป็นต้น (๑๔) ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center-IBC) (๑๕) อุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยชาวต่างชาติซึ่งขอรับการรับรองคุณสมบัติฯ ต้องทำงานโดยใช้ทักษะเชี่ยวชาญพิเศษในด้านใดด้านหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑) การวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมายหรือเทคโนโลยี เป้าหมาย เช่น Biotechnology, Nanotechnology, Advanced Material Technology, Digital Technology ๒) อาจารย์ระดับอาชีวศึกษาหรืออุดมศึกษา ๓) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ในการประกอบธุรกิจ ๔) การวางแผนและพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อยกระดับการผลิตและ การบริการของธุรกิจ ๕) การให้บริการหรือให้คำปรึกษาด้านการเงินหรือการตลาด ๖) การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงาน การบริหารจัดการหรือให้คำปรึกษาในโครงการบ่มเพาะ (Incubation Program) โครงการเร่งการเติบโต (Acceleration Program) และการสนับสนุนวัตกรรมและ Startup Ecosystem การส่งเสริมและการสนับสนุนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยหอการค้าต่างประเทศ และองค์กรส่งเสริมการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ ต่อไปนี้ (๑) การมีรายได้ส่วนบุคคลเฉลี่ยไม่น้อยกว่า ๘๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ต่อปีในระยะเวลา ๒ ปีก่อนวันที่ยื่นคำขอ (๒) ในกรณีผู้ยื่นคำขอแสดงหลักฐานการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท หรือเทียบเท่าขึ้นไปในสาขาด้านวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี หรือมีความรู้ความเชี่ยวชาญในสายงาน ซึ่งจะเข้ามาทำงานในประเทศไทย ต้องแสดงหลักฐานการมีรายได้ส่วนบุคคล เฉลี่ยไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐต่อปี ในระยะเวลา ๒ ปีก่อนวันที่ยื่นคำขอ ทั้งนี้ ในกรณีผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกษียณอายุแล้วสามารถแสดงหลักฐานการมีรายได้ส่วนบุคคล เฉลี่ยไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐต่อปี ในระยะเวลา ๒ ปีก่อนการเกษียณโดยอนุโลมได้ (๓) ในกรณีผู้ยื่นคำขอแสดงหลักฐานการทำงานในสถาบัน อุดมศึกษาของรัฐ หรือสถาบันวิจัยของรัฐ หรือสถาบันฝึกอบรมเฉพาะทางของรัฐ หรือนำผลงานภาครัฐได้รับการยกเว้นไม่ต้องแสดงหลักฐานรายได้ขั้นต่ำ ๓.๔.๓ ต้องแสดงกรมธรรม์ประกันสุขภาพชั่วครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐซึ่งมีระยะเวลาคุ้มครองคงเหลือไม่น้อยกว่า ๑๐ เดือน ณ วันที่ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติ หรือสิทธิประกันสังคมซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย หรือเงินฝากในบัญชีในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งถือครองมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๒ เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ๓.๔.๔ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ๓.๕ ผู้ติดตาม ๓.๕.๑ ต้องแสดงหลักฐานการเป็นคู่สมรส บิดามารดา บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบปี หรือผู้ซึ่งอยู่ในอุปการะตามกฎหมายของผู้ถือ LTR Visa หลักตามข้อ ๒.๑ ๓.๕.๒ ต้องแสดงกรมธรรม์ประกันสุขภาพชั่วครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ และมีระยะเวลาคุ้มครองคงเหลือไม่น้อยกว่า ๑๐ เดือน ณ วันที่ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติ หรือสิทธิประกันสังคมซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย หรือเงินฝากเพิ่มขึ้นในบัญชีในประเทศไทยหรือในต่างประเทศในนามของคนต่างด้าวตามข้อ ๒.๑ หรือในนามของผู้ติดตามเอง ไม่น้อยกว่า ๒๕,๐๐๐ เหรียญสหรัฐต่อคน ซึ่งถือครองมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๒ เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ๓.๕.๓ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ข้อ ๔ ให้คนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติตามข้อ ๓ และได้รับสิทธิเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวและสิทธิอื่น ๆ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้องประกาศกำหนด ข้อ ๕ ประกาศฉบบนี้ให้มีผลใช้บังคับกับคำขอที่ยื่นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 2355.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ส. ๒/๒๕๖๘ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุน ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๙/๒๕๖๕ อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๙/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy Hub) รวมทั้ง กระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบททางการเกษตรในประเทศมากขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้ในหมวด ๑ ของบัญชีท้ายประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๙/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยกำหนดประเภท เงื่อนไข สิทธิและประโยชน์ ดังนี้ หมวด ๑ อุตสาหกรรมการเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ | ประเภท | เงื่อนไข | สิทธิและประโยชน์ | | --- | --- | --- | | ๑.๒.๑๐.๔ กิจการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน | ต้องเป็นการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) จากผลผลิตทางการเกษตร ผลพลอยได้หรือเศษวัสดุหรือของเสียทางการเกษตร หรือผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบที่มาจากผลพลอยได้หรือเศษวัสดุ หรือของเสียทางการเกษตร | A2 | | ๑.๒.๑๐.๕ กิจการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนแบบผสม | ต้องมีกระบวนการเผาร่วม (Co-processing) ในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) | A4 | ข้อ ๒ ให้ปรับปรุงประเภทกิจการที่ได้รับการส่งเสริม โดยให้ยกเลิกความในประเภท ๗.๒.๓.๖ ของบัญชีท้ายประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๙/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๔๗ ง หน้า ๙๔ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๘ ราชกิจจานุเบกษา # หมวด ๗ สาธารณูปโภค
ประเภท เงื่อนไข สิทธิและประโยชน์
๓.๒.๓.๖ กิจการนิคมหรือเขตส่งเสริม อุตสาหกรรมชีวภาพ ๑. ต้องมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๑ ของทุนจดทะเบียน ๒. ไม่ให้มีการส่งเสริมในกรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการ ๓. ต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ไร่ โดยพื้นที่สำหรับการประกอบอุตสาหกรรมต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ และไม่เกินร้อยละ ๗๕ ของพื้นที่ทั้งหมด ๔. ต้องมีพื้นที่เป็นสถานประกอบการในอุตสาหกรรมชีวภาพ เช่น อุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เป็นต้น รวมทั้งบริการสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการพัฒนาบุคลากร ในสัดส่วนพื้นที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของพื้นที่ที่เป็นสถานประกอบการทั้งหมด ๕. ต้องมีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ดังนี้ - ห้องปฏิบัติการ/ทดสอบ - สถาบันฝึกอบรมหรือพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมชีวภาพ - ระบบสารารณูปโภคพื้นฐานที่เหมาะสมและได้มาตรฐานตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ A3
ข้อ ๓ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับคำขอรับการส่งเสริมที่ยื่นตั้งแต่วันที่ออกประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 2360.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม ๕ (๑) คุณลักษณะที่ ต้องการด้านความปลอดภัยสำหรับระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า – ข้อกำหนดคุณลักษณะทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม ๕ (๑) คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยสำหรับระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า – ข้อกำหนดคุณลักษณะทั่วไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม ๕ (๑) คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยสำหรับ ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า – ข้อกำหนดคุณลักษณะทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม ๕ (๑) คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยสำหรับระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า – ข้อกำหนดคุณลักษณะทั่วไป มาตรฐานเลขที่ มอก. ๖๙๐๐ ๑๕ ๕(๑) - ๒๕๖๗ ไว้ ดังมีรายละเอียดดังกล่าว ประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เล่ม 5(1) คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย สำหรับระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า - ข้อกำหนดคุณลักษณะทั่วไป ELECTRICAL ENERGY STORAGE (EES) SYSTEMS - PART 5-1: SAFETY REQUIREMENTS FOR GRID-INTEGRATED EES SYSTEMS - GENERAL SPECIFICATION #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 62933 เล่ม 5(1)-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 14 ไฟฟ้ากำลังและสายไฟฟ้า ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ระบุข้อพิจารณาด้านความปลอดภัย (เช่น การระบุอันตราย การประเมิน ความเสี่ยง การบรรเทาความเสี่ยง) ที่ใช้กับระบบ EES ที่ต่อร่วมกับ ระบบโครงข่ายไฟฟ้า \- กำหนดเกณฑ์เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและใช้กับระบบกักเก็บ พลังงานไฟฟ้าประเภทใดหรือขนาดใดก็ตาม ที่มีเจตนาสำหรับการใช้งาน ต่อร่วมกับโครงข่ายไฟฟ้า \- สามารถใช้กับเทคโนโลยี EESS ทั้งหมด แต่สำหรับคุณลักษณะที่ต้องการ ที่ระบุสำหรับระบบ EES ด้วยเคมีไฟฟ้าให้พิจารณาอ้างอิงถึง IEC 62933-5-2 ด้วย เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง บทนิยม ข้อแนะนำพื้นฐานสำหรับความปลอดภัย ของระบบ EES การพิจารณาอันตรายสำหรับระบบ EES การประเมิน ความเสี่ยง EESS คุณลักษณะต้องการที่จำเป็นเพื่อใช้ลดความเสี่ยง การทดสอบระบบ ข้อแนะนำและคู่มือ การทำเครื่องหมายและการแสดงป้าย และภาคผนวก จำนวนหน้า : ๘๕ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๔๓๘-๐ ICS : ๑๓.๐๒๐.๓๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2362.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ - คำศัพท์ บทนิยาม และสัญลักษณ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ - คำศัพท์ บทนิยาม และสัญลักษณ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ว่า ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ - คำศัพท์ บทนิยาม และสัญลักษณ์ พ.ศ. ๒๕๖๗” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ระบบพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ - คำศัพท์ บทนิยาม และสัญลักษณ์ มาตรฐานเลขที่ มอก. 61836 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### SOLAR PHOTOVOLTAIC ENERGY SYSTEMS - TERMS, DEFINITIONS AND SYMBOLS #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 61836-2567 #### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม #### กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 77 ระบบเซลล์แสงอาทิตย์ #### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ บเทนียาม และสัญลักษณ์ จากมาตรฐาน เซลล์แสงอาทิตย์ระดับประเทศและระดับระหว่างประเทศ และเอกสาร ที่เกี่ยวข้องที่ใช้ในด้านระบบพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ (PV) รวมถึงคำศัพท์ บเทนียาม และสัญลักษณ์ ที่รวบรวมจากมาตรฐานของ IEC/TC 82 ที่ประกาศขึ้น - ข้อสำคัญของมาตรฐานฉบับนี้คือ “คำหมายถึงอะไร” ไม่ใช่ “ข้อกำหนดใช้ภายใต้ภาวะใด” #### เนื้อหาประกอบด้วย : บททั่วไป ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง คำศัพท์ บเทนียาม และสัญลักษณ์ คำย่อ บรรณานุกรม และดัชนีคำศัพท์และสัญลักษณ์ #### จำนวนหน้า : ๙๐ หน้า #### ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๕๖๘-๔ #### ICS : ๒๗.๑๖๐ #### สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๑ #### สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2365.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ # กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๘ (พ.ศ. ๒๕๖๘) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ และมาตรา ๔๒ (๑๗) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของ (๑๐๕) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๕ (พ.ศ. ๒๕๖๗) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""ในกรณีที่ผู้มีเงินได้ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วย หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้โครงการจัดการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ให้เงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนนั้นได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวม คำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ในอัตราไม่เกินร้อยละสามสิบของเงินได้พึงประเมินเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน สามแสนบาทสำหรับปีภาษีนั้น โดยเงินได้ดังกล่าวต้องเป็นเงินได้ของผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลและกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง และผู้มีเงินได้ ต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนไม่น้อยกว่าห้าปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ สำหรับการซื้อหน่วยลงทุนภายในสองเดือนนับตั้งแต่วันที่ เปิดขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนดังกล่าวครั้งแรกแต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด” ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสี่ของ (๑๐๕) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๕ (พ.ศ. ๒๕๖๗) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร “ในกรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในวรรคหนึ่ง วรรคสอง หรือวรรคสาม แล้วแต่กรณี ให้ผู้มีเงินได้นั้นหมดสิทธิ์ได้รับยกเว้นและต้องเสียภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้ที่ได้รับยกเว้นดังกล่าวมาแล้วด้วย” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (๑๐๖) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙๕ (พ.ศ. ๒๕๖๗) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑๐๖) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมไทย เพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่เงินหรือ ผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตาม (๑๐๕) และผู้มีเงินได้ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาดังต่อไปนี้ แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย (ก) แปดปีนับตั้งแต่วันที่ชื้อหน่วยลงทุนตาม (๑๐๕) วรรคหนึ่ง (ข) ห้าปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุนตาม (๑๐๕) วรรคสองหรือวรรคสาม” ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๐๗) และ (๑๐๘) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร “(๑๐๗) เงินได้เท่ามูลค่าของหน่วยลงทุนทั้งหมดที่ผู้มีเงินได้ซึ่งไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคลและกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ได้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหน่วยลงทุนดังกล่าวได้ถูกสับเปลี่ยนเป็นหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้โครงการ จัดการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ โดยให้ผู้มีเงินได้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เท่ากับ จำนวนมูลค่าหน่วยลงทุนที่สับเปลี่ยนดังกล่าวแต่ไม่เกินห้าแสนบาท เป็นระยะเวลาดังนี้ (ก) ปีภาษี ๒๕๖๘ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกินสามแสนบาท (ข) ปีภาษี ๒๕๖๙ ถึงปีภาษี ๒๕๗๒ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะส่วนที่เกินสามแสนบาท แต่ไม่เกินห้าแสนบาท โดยให้ได้รับยกเว้นเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ผู้มีเงินได้ต้องแจ้งความประสงค์การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้โครงการจัดการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ต่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนภายในสองเดือนนับตั้งแต่วันที่เปิดขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนดังกล่าวครั้งแรกแต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ และต้องถือหน่วยลงทุนทั้งหมดตามวรรคหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับตั้งแต่วันที่ผู้มีเงินได้แจ้งความประสงค์ แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ในการคำนวณเงินได้ที่ได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้จำนวนหน่วยลงทุน ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ สำหรับราคาของหน่วยลงทุน ให้ถือราคา ณ วันที่ผู้มีเงินได้ได้แจ้งความประสงค์ตามวรรคสอง (๑๐๘) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมไทย เพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำหรับหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ซึ่งได้ถูกสับเปลี่ยนเป็นหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้โครงการจัดการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ตาม (๑๐๗) ทั้งนี้ ผู้มีเงินได้ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับตั้งแต่วันที่ได้แจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนต่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย” ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ จุลพันธ์ อัมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมและการลงทุนระยะยาวผ่านกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามนโยบายของกระทรวงการคลัง อันจะเป็นประโยชน์แก่การระดมทุนของบริษัทที่อยู่ในประเทศ สมควรกำหนดให้เงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ภายใต้โครงการจัดการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ เงินได้เท่ามูลค่าหน่วยลงทุนทั้งหมดที่ผู้มีเงินได้ได้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ซึ่งได้ถูกสับเปลี่ยนเป็นหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้โครงการจัดการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ และเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ในบางกรณี เป็นเงินได้ฟังประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 2374.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๘๔๑) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๐๔๑) ของข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ “(๑๐๔๑) มูลนิธิโรงพยาบาลลำพูน” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับ (๑) สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป (๒) สำหรับมูลค่าของฐานภาษีของผู้ประกอบการในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ จุลพันธ์ ออมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 2375.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๘๔๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๙๗๐) ของข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ กระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๒๐) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๙๗๐) มูลนิธิครีสว่างควัฒน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ จุลพันธ์ ออมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 238.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาควบคุมพิเศษ ฉบับที่ ๕๔ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗๖ (4) แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๗๘ แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยค าแนะน าของคณะกรรมการยาในการประชุม ครั้งที่ ๓91-5/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (87) ของข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาควบคุมพิเศษ ลงวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕2๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาควบคุมพิเศษ ฉบับที่ 50 ลงวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(87) ยาต้านแบคทีเรียที่มีวิธีการใช้โดยผสมอาหารสัตว์ ( Medicated premix )” ประกาศ ณ วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๖๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒" 2380.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภออว และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอตะหรี อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอย อำเภอไม่แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอบาง อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภากาบัง และอำเภอกรงปินัง ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประภาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดขึ้น ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศ เรื่อง การให้หน่วยงานพิเศษที่ คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ปฏิบัติหน้าที่ในเขตท้องที่ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การกำหนด อำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรี จะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" 2381.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภออว และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอสะหราง อำเภอสะนา อำเภอสะแก อำเภอหาดใหญ่ อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเมือง อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภกาบัง และอำเภอทรงปินัง ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๙ นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดาประภาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรี กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑/๒๕๕๐ เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด มีหน้าที่และอำนาจในเขตท้องที่ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และตามประกาศขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ดังกล่าวเท่าที่ยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ใน วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" 2382.pdf,"# ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๐/๒๕๖๘ เรื่อง มาตรการบังคับกรณีผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการค้างชำระค่าบริการในนิคมอุตสาหกรรม โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๕/๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการบังคับกรณีผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการค้างชำระค่าบริการในนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๐/๒๕๖๘” เรื่อง มาตรการบังคับกรณีผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการค้างชำระค่าบริการในนิคมอุตสาหกรรม” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๕/๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการบังคับกรณีผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการค้างชำระค่าบริการในนิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๔ ในประกาศนี้ “กนอ.” หมายความว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “นิคมอุตสาหกรรม” หมายความว่า นิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “ค่าบริการ” หมายความว่า ค่าบริการต่าง ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมตามที่ กนอ. ประกาศกำหนด เช่น ค่าบริการบำบัดน้ำเสีย ค่าบริการน้ำดิบ น้ำประปา เป็นต้น ตลอดจนค่าบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก “ผู้ให้บริการ” หมายความว่า (๑) กนอ. หรือผู้ที่ กนอ. มอบหมาย (๒) ผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม มอบหมาย “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้เช่าที่ดินหรือผู้ใช้ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม และให้หมายความรวมถึง ผู้ใช้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่นในนิคมอุตสาหกรรมด้วย ข้อ ๕ กรณีที่ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการไม่ได้ชำระค่าบริการตามอัตรา ระยะเวลา และเงื่อนไขที่ กนอ. ประกาศกำหนดในครั้งใด กนอ. จะกำหนดอัตราค่าบริการครั้งถัดไปให้สูงขึ้น ตามภาระค่าใช้จ่ายของ กนอ. ข้อ ๖ กรณีที่ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการค้างชำระหนี้ค่าบริการ ผู้ให้บริการจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการค้างชำระหนี้ค่าบริการเกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระ ผู้ให้บริการจะมีหนังสือแจ้งครั้งที่หนึ่งให้ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการชำระหนี้ ค่าบริการภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ระบุในหนังสือแจ้งดังกล่าว (๒) กรณีผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการไม่ชำระหนี้ค่าบริการตาม (๑) ผู้ให้บริการ จะมีหนังสือแจ้งครั้งที่สอง ให้ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการชำระหนี้ค่าบริการภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ระบุในหนังสือแจ้งดังกล่าว (๓) กรณีผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการไม่ชำระหนี้ค่าบริการตาม (๒) ผู้ให้บริการ จะมีหนังสือแจ้งครั้งที่สาม ให้ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการชำระหนี้ค่าบริการภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ระบุในหนังสือแจ้งดังกล่าว รวมทั้งมีหนังสือแจ้งให้ชำระค่าบริการของเดือนถัดไปด้วย เมื่อผู้ให้บริการได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว หากผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการไม่ชำระหนี้ ค่าบริการภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ให้บริการจะงดการให้บริการน้ำดิบ น้ำประปา หรือการบริการ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นจนกว่าผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการรายดังกล่าวจะชำระหนี้ค่าบริการทั้งหมด รวมทั้งค่าปรับหรือเงินเพิ่มโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และให้ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการนั้น เป็นผู้ออกคำใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าการหรือผู้ซึ่งผู้ว่าการมอบหมาย ข้อ ๗ เมื่อผู้ให้บริการได้ดำเนินการตามข้อ ๖ วรรคสองแล้ว หากปรากฏว่า (๑) ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการได้ชำระหนี้ค่าบริการครบถ้วนแล้ว ผู้ให้บริการ จะเปิดการให้บริการน้ำดิบ น้ำประปา หรือการบริการหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นในส่วนที่ได้งด การให้บริการไว้ (๒) ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ใช้บริการไม่ชำระหนี้ค่าบริการภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ให้บริการอาจพิจารณาดำเนินการตามสัญญา กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าการหรือผู้ซึ่งผู้ว่าการมอบหมาย ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ สเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย" 2384.pdf,"ประกาศกรมสรรพาสมิต เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดราคาคาร์บอนสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพื่อให้ประเทศไทยมีกลไกราคาคาร์บอนสนับสนุนการประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. ๒๕๙๓ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. ๒๖๐๘ รวมถึงการประกาศเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution: NDC) ที่กำหนดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ ๓๐ – ๔๐ จากการดำเนินธุรกิจตามปกติ (Business As Usual: BAU) ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ตามที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๖ (Conference of the Parties to the United Nations Framework Convention on Climate Change: COP26) และตามแผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๓ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ประกอบกับเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินการตามมาตรการปรับคาร์บอนเข้าพรหมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ในหลายประเทศ อาศัยอำนาจตามความใน (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) ในประเภทที่ ๐๑.๐๑ ความใน (๑) ในประเภทที่ ๐๑.๐๓ ความใน (๒) ในประเภทที่ ๐๑.๐๔ ความใน (๑) (๒) (๕) (๕/๑) (๕/๒) (๕/๓) (๕/๔) และ (๕/๕) ในประเภทที่ ๐๑.๐๕ ความใน (๑) ในประเภทที่ ๐๑.๑๒ ตอนที่ ๑ สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันในบัญชีท้ายกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพาสมิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพาสมิต (ฉบับที่ ๔๑) พ.ศ. ๒๕๖๘ อธิบดีกรมสรรพาสมิต จึงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดราคาคาร์บอนสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ตามประกาศนี้ให้ถือว่าราคาคาร์บอนมีมูลค่า ๒๐๐ บาท ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ข้อ ๒ กำหนดสัดส่วนกลไกราคาคาร์บอนต่อหน่วยสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยคำนวณจากราคาคาร์บอนในข้อ ๑ ตามสัดส่วนของค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factor) ที่พิจารณาจากปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหนึ่งหน่วยของสินค้า ดังนี้ | ประเภทที่ | รายการ | หน่วย | สัดส่วนกลไกราคาคาร์บอน (บาท/หน่วย) | | --- | --- | --- | --- | | ๐๑.๐๑ | น้ำมันเบนซิน และน้ำมันที่คล้ายกัน (๑) น้ำมันเบนซินชนิดไร้สารตะกั่ว | ลิตร เศษของลิตร ให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๔๔๗ | ### Table | ประเภทที่ | รายการ | หน่วย | สัดส่วน | | --- | --- | --- | --- | | (๒) น้ำมันเบนซินนอกจาก (๑) | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๔๔๗ | - | | (๓) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๑๐ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๔๐๓ | - | | (๔) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๒๐ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๓๕๘ | - | | (๕) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๘๕ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๐๖๙ | - | | ๐๑.๐๓ น้ำมันก๊าซและน้ำมันที่จุดให้แสงสว่างที่คล้ายกัน | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๔๙๘ | - | | (๑) น้ำมันก๊าซและน้ำมันที่จุดให้แสงสว่างที่คล้ายกัน | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๔๙๘ | - | | ๐๑.๐๔ น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น (๒) น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น นอกจาก (๑) | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๔๙๘ | - | | ๐๑.๐๕ น้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน (๑) น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันเกินร้อยละ ๐.๐๐๑ โดยน้ำหนัก | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๕๔๘ | - | | (๒) น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๑ โดยน้ำหนัก | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๕๔๘ | - | | (๕) น้ำมันดีเซลที่มีใบโอไดเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่เกินร้อยละ ๔ | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๕๓๗ | - | | (๕/๑) น้ำมันดีเซลที่มีใบโอไดเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกินร้อยละ ๔ แต่ไม่เกินร้อยละ ๗ | ลิตร เศษของลิตรให้นับเป็นหนึ่งลิตร | ๐.๕๑๘ | - | เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง ราชกิจจานุเบกษา
ประเภทที่ รายการ หน่วย สัดส่วน กลไกราคาคาร์บอน (บาท/หน่วย)
(๕/๒) น้ำมันดีเซลที่มีใบโอไดเซลประเภท เมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกิน ร้อยละ ๗ แต่ไม่เกินร้อยละ ๙ (๕/๓) น้ำมันดีเซลที่มีใบโอไดเซลประเภท เมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกิน ร้อยละ ๙ แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๔ (๕/๔) น้ำมันดีเซลที่มีใบโอไดเซลประเภท เมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกิน ร้อยละ ๑๔ แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๙ (๕/๕) น้ำมันดีเซลที่มีใบโอไดเซลประเภท เมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกิน ร้อยละ ๑๙ แต่ไม่เกินร้อยละ ๒๔ ลิตร เศษของลิตร ให้นับเป็นหนึ่งลิตร ๐.๕๐๔
๐๑.๐๗ ก๊าซบิโตรเลียมเหลว (แอล.พี.จี.) ก๊าซไพโรเพนเหลว และก๊าซที่คล้ายกัน (๑) ก๊าซบิโตรเลียมเหลว (แอล.พี.จี.) และก๊าซที่คล้ายกัน ลิตร เศษของลิตร ให้นับเป็นหนึ่งลิตร ๐.๔๘๕
๐๑.๑๒ น้ำมันตาและน้ำมันที่คล้ายกัน (๑) น้ำมันตาและน้ำมันที่คล้ายกัน ลิตร เศษของลิตร ให้นับเป็นหนึ่งลิตร ๐.๔๕๘
ลิตร เศษของลิตร ให้นับเป็นหนึ่งลิตร ๐.๔๓๑
กิโลกรัม เศษของ กิโลกรัมให้นับเป็น หนึ่งกิโลกรัม ๐.๖๒๓
ลิตร เศษของลิตร ให้นับเป็นหนึ่งลิตร ๐.๖๑๘
ข้อ ๓ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันออกประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ กุลยา ตันติตเมธิ อธิบดีกรมสรรพาสามิต" 2386.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๒๙ ก หน้า ๑ ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ เมษายน ๒๕๖๘
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาล **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
กฎกระทรวง กำหนดหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ นายกรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ไม่ใช่บังคับ แก่กระทรวงกลาโหม เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับงานอัยการทหาร ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๒๙ ก หน้า ๒ ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ เมษายน ๒๕๖๘ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้สามารถออกกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงาน ของรัฐที่มีความจำเป็นด้วยเหตุแห่งลักษณะงาน ให้ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 2390.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเครื่องจักรและชิ้นส่วน เพื่อทดแทนหรือซ่อมแซมความเสียหายจากอุทกภัย ปี พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเครื่องจักรและชิ้นส่วนเพื่อทดแทน หรือซ่อมแซมความเสียหายจากอุทกภัย ปี พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน และผู้ประกอบกิจการโรงแรมและสถานที่พักที่มีสถานประกอบการ ที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่ที่ได้มีการประกาศให้เป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเสียหายให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว อันจะเป็นประโยชน์แก่ การเศรษฐกิจของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้อ ๒ ให้ยกเว้นอากรสำหรับเครื่องจักร ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบเครื่องจักร รวมถึงเครื่องมือและเครื่องใช้ที่ใช้กับเครื่องจักรในตอนที่ ๘๔ ตามภาค ๒ แห่งพิกัดอัตราศุลกากร ท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่นำเข้ามาเพื่อทดแทนหรือซ่อมแซมความเสียหาย อันเนื่องมาจากอุทกภัย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (ก) ผู้ได้รับสิทธิ ต้องเป็นผู้ประกอบกิจการโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และผู้ประกอบกิจการโรงแรมและสถานที่พักอื่นใดที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดประเภท และหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่มีสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี ประกาศ เป็นพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทrdรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ (ข) ในการนำเข้า ผู้ได้รับสิทธิตาม (ก) ต้องเป็นผู้นำเข้าเอง (ค) เครื่องจักร ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบเครื่องจักร รวมถึงเครื่องมือ และเครื่องใช้ที่ใช้กับเครื่องจักรดังกล่าว ซึ่งนำเข้ามาต้องเป็นของใหม่เท่านั้น (ง) เครื่องจักร ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบเครื่องจักร รวมถึงเครื่องมือ และเครื่องใช้ที่ใช้กับเครื่องจักรดังกล่าว จะต้องนำไปใช้เพื่อประกอบกิจการของผู้ได้รับสิทธิตาม (ก) เท่านั้น (จ) ผู้ได้รับสิทธิตาม (ก) ต้องได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ประสบอุทกภัยจาก กรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามประกาศกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เรื่อง แบบหนังสือรับรองผู้ประสบภัย โดยอนุโลม และผู้นำเข้าต้องแสดงหนังสือดังกล่าวต่อกรมศุลกากรขณะนำเข้า (ฉ) ผู้ขอใช้สิทธิต้องยื่นขออนุมัติก่อนการนำเข้า และจะได้รับการยกเว้นอากร เมื่อได้รับอนุมัติ ข้อ ๓ ผู้นำของเข้าต้องปฏิบัติตามพิธีการที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนด ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 2391.pdf,"# ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ## เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลาดสูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลาดสูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 และข้อ 13 ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. 2544 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 จึงได้ดำเนินการ ดังนี้ ### ข้อ 1 ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลาดสูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ### ข้อ 2 กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลาดสูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ดังนี้ #### ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ | - | | | --- | --- | | เรือลาดสูงตั้งแต่ 2,000 แรงม้าขึ้นไป | 2,174 บาท/ชั่วโมง | | ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง | 2,929 บาท/ชั่วโมง | ### ข้อ 3 อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ 2 กรณีเช่าชั่วโมงไม่ถึง 30 นาที คิด 30 บาท และหากเกิน 30 นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ### ข้อ 4 การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ 2 ทุกวันที่ 1 มกราคม 1 เมษายน 1 กรกฎาคม และ 1 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. 2547 และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ 5 ประกาศ ณ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568 เครียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย" 2393.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกแบบรองเท้าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สาขาช่างบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน กำหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สาขาช่างบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๑ ไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สาขาช่างบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๑ ให้เป็นดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามหลัก วิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๖๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๓๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงจะมีสิทธิเข้ารับการทดสอบ ภาคความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์จนเกิดความชำนาญเพียงพอ ที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อกำหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่กำหนด ลักษณะ แบบทดสอบเป็นการทดสอบปฏิบัติงานบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม โดยการเตรียมการก่อน บำรุงรักษาหุ่นยนต์ ตรวจสอบหุ่นยนต์ก่อนบำรุงรักษา บำรุงรักษาหุ่นยนต์ บำรุงรักษาตู้คอนโทรล ทดสอบระบบ และจัดเก็บหลังปฏิบัติงาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๘๐ นาที คะแนนเต็ม ๗๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบผ่านเกณฑ์ทุกหัวข้อ (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สาขาช่างบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้ และภาคความสามารถ และต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สาขาช่างบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๑ ข้อ ๓ ให้หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สาขาช่างบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๑ มีอายุสามปีนับตั้งแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน" 2399.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร เรื่อง กำหนดราคาศุลกากรสำหรับสินค้าไม้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ อธิบดีกรมศุลกากรเห็นควรกำหนดราคาศุลกากรสำหรับสินค้าไม้ดังต่อไปนี้ และให้ถือราคาที่ประกาศนี้ เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป | สินค้า | ราคา (บาท) | | --- | --- | | ๑) ไม้ชุง | - | | ๑. ยาว ๘ ฟุตขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๒๒,๓๗๖.๐๐ | | ๒. ยาว ๖ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๘ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๙,๒๗๐.๐๐ | | ๓. ยาวต่ำกว่า ๖ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๖,๒๓๐.๐๐ | ราคาตาม ๑, ๒ และ ๓ ข้างต้นมิให้ใช้กับไม้สักสวนป่าที่เป็นไม้ชุงที่ทำออกจากสวนป่า ทั้งของรัฐและเอกชน โดยมีหนังสือรับรองจากกรมป่าไม้ หรือผู้ที่กรมป่าไม้มอบหมาย และไม่เสื่อมคุณภาพ ตามที่คณะรัฐมนตรีให้ส่งออกได้เป็นกรณีพิเศษ และกระทรวงพาณิชย์อนุญาตโดยมีหนังสือรับรอง คุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๒) ไม้เหลียม | สินค้า | ราคา (บาท) | | --- | --- | | ๑. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๒,๕๘๐.๐๐ | | ๒. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๑,๒๕๐.๐๐ | | ๓. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยม | ลูกบาศก์เมตรละ ๒๕,๐๘๐.๐๐ | | ๔. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๒๒,๒๕๐.๐๐ | ๓) ไม้ตับ | สินค้า | ราคา (บาท) | | --- | --- | | ๑. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๕๕,๘๓๐.๐๐ | | ๒. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ำกว่า ๖ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๔๗,๒๕๐.๐๐ | ### 4) ไม้กระดาน | ลำดับ | ขนาด (ตร.ม.) | ราคา | | --- | --- | --- | | ๑. | ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๕๔,๗๕๐.๐๐ บาท | | ๒. | ยาว ๓ ฟุต ถึงตำกว่า ๖ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๔๔,๑๓๐.๐๐ บาท | ### ๕) ไม้ดาดฟ้าเรือ | ลำดับ | ขนาด (ตร.ม.) | ราคา | | --- | --- | --- | | ๑. | ยาว ๑๕ ฟุตขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๗๑,๕๕๐.๐๐ บาท | | ๒. | ยาว ๑๐ ฟุต ถึงตำกว่า ๑๕ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๖๓,๑๕๐.๐๐ บาท | ### ๖) ไม้บางวีเนียร์ | ลำดับ | ขนาด (ตร.ม.) | ราคา | | --- | --- | --- | | ๑. | ขนาดกว้างตั้งแต่ ๔ นิ้วขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๔๙,๗๕๐.๐๐ บาท | | ๒. | ขนาดกว้างต่ำกว่า ๔ นิ้ว | ลูกบาศก์เมตรละ ๗๒,๘๕๐.๐๐ บาท | ราคารายละเอียด ๑ และ ๒ มีให้ใช้กับเศษไม้บางวีเนียร์ที่ขนาดกว้างต่ำกว่ามาตรฐาน โดยมีหนังสือรับรองคุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ### ๗) ไม้ปรูปอย่างอื่น | ลำดับ | ขนาด (ตร.ม.) | ราคา | | --- | --- | --- | | ๑. | ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป | ลูกบาศก์เมตรละ ๔๐,๑๗๐.๐๐ บาท | | ๒. | ยาว ๓ ฟุต ถึงตำกว่า ๖ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๓,๒๔๐.๐๐ บาท | ### ๘) หัวไม้ประยูชนิดต่าง ๆ | ลำดับ | ขนาด (ตร.ม.) | ราคา | | --- | --- | --- | | ๑. | ยาว ๑ ๑/๒ ฟุต ถึงตำกว่า ๓ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๒,๕๕๐.๐๐ บาท | | ๒. | ยาว ๖ นิ้ว ถึงตำกว่า ๑ ๑/๒ ฟุต | ลูกบาศก์เมตรละ ๓๑,๒๐๐.๐๐ บาท | | ๓. | ยาวตำกว่า ๖ นิ้ว | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๓,๙๐๐.๐๐ บาท | ### ไม้ชนิดอื่น ๆ | ลำดับ | ขนาด (ตร.ม.) | ราคา | | --- | --- | --- | | ๑. | ไม้ชุง | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๗,๔๓๐.๐๐ บาท | | ๒. | ไม้ชิงชัน | ลูกบาศก์เมตรละ ๒๐,๖๓๐.๐๐ บาท | | ๓. | ไม้ประดู่, ไม้มะค่าโมง, ไม้แดง, ไม้ตะเคียนทอง, ไม้เต็ง, ไม้พุด, ไม้รัง, ไม้หลุมพอ | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๘,๖๕๑.๐๐ บาท | ### ๙. ไม้กะพี้เขาควายหรือเก็ดดำ, ไม้สาธธาร, ไม้รถฟ้า, ไม้เข็เหล็กป่า, ไม้เชลิง | ลำดับ | ขนาด (ตร.ม.) | ราคา | | --- | --- | --- | | ๑. | ไม้กะพี้เขาควายหรือเก็ดดำ, ไม้สาธธาร, ไม้รถฟ้า, ไม้เข็เหล็กป่า, ไม้เชลิง | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๒,๒๐๐.๐๐ บาท | ### ๑๐. ไม้ตะแบก, ไม้ชุมพรก, ไม้ชัน, ไม้ตาเสือ, ไม้ยมหอม, ไม้ยมหิน, ไม้จำปา, ไม้อัก, ไม้พนองหรือเครียมของ, ไม้มะค่าแต้, ไม้ต้นนก, ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง, ไม้ตะคร้อ, ไม้แดงน้ำ, ไม้ชัยพฤกษ์ | ลำดับ | ขนาด (ตร.ม.) | ราคา | | --- | --- | --- | | ๑. | ไม้ตะแบก, ไม้ชุมพรก, ไม้ชัน, ไม้ตาเสือ, ไม้ยมหอม, ไม้ยมหิน, ไม้จำปา, ไม้อัก, ไม้พนongหรือเครียมของ, ไม้มะค่าแต้, ไม้ต้นนก, ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง, ไม้ตะคร้อ, ไม้แดงน้ำ, ไม้ชัยพฤกษ์ | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๑,๕๖๐.๐๐ บาท | ### บ. ไม้ยาง, ไม้เก้าหรือเขียว, | ลูกบาศก์เมตรละ | บาท | | --- | --- | | ไม้ยืนหรือทองบึง, ไม้สยา, ไม้กระท้อน, | ๑๑,๓๒๗.๐๐ | | ไม้ก้านเหลือง, ไม้มังตาล, | - | | ไม้กะบาท, ไม่ไชเยีย, ไม้พลวง, ไม้เหียง, | - | | ไม้เสียดซ่อ, ไม้เทเรียนนก | - | #### ๗. ไม้สมพรหรือกระพง, ไม้สองสลิง, ไม้อป, ลูกบาศก์เมตรละ ๒,๔๕๐.๐๐ บาท | ไม้นุ่น, ไม้งิ้ว, ไม้จามจูรี, ไม้ยางพารา | - | ##### ๒) ไม้บางวีเนียร์ | ลูกบาศก์เมตรละ | บาท | | --- | --- | | ไม้ชิงชัน | ๔๔๒,๒๕๐.๐๐ | | ไม้ประดู่, ไม้สะเดาดงหรือยอมหอม, | ๒๐๐,๗๕๐.๐๐ | | ไม้พยุง | - | | ไม้ตองจิง, ไม้จำปาป่า, ไม้ชุมพริก, | ๖๔,๓๐๐.๐๐ บาท | | ไม้มะระม่วง | - | | ไม้ทั้ง, ไม้ขมี้ดำหรือโคแหลม, | ๔๕,๕๕๐.๐๐ บาท | | ไม้กะบาท, ไม้สยา, ไม้ยาง, | - | | ไม้ตะเคียนทราย | - | ราคาตาม ๑, ๒, ๓ และ ๔ มิให้ใช้กับไม้บางวีเนียร์ชำรุดไม่ได้มาตรฐาน โดยมีหนังสือรับรองคุณภาพ จากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ###### ๓) ไม้แปรรูป | ลูกบาศก์เมตรละ | บาท | | --- | --- | | ไม้มะเกลือ, ไม้พะยูงหรือพยุง | ๑๔๐,๓๗๖.๐๐ | | ไม้ชิงชัน | ๔๗,๗๓๐.๐๐ | | ไม้ประดู่, ไม้มะคำโมง, ไม้แดง, | ๙๕,๖๑๓.๐๐ บาท | | ไม้ตะเคียนทอง, ไม้เต็ง, ไม้พุด, | - | | ไม้รัง, ไม้หลุมพอ | - | | ไม้กะพี่เขาควายหรือเก็ดดำ, ไม้สาธธ, | ๑๒๕,๘๐๙.๐๐ บาท | | ไม้รกฟ้า, ไม้ขี้เหล็กป่า, ไม้เชลิง | - | | ไม้ตะแบก, ไม้ชุมพริก, ไม้ชัน, | ๓๘,๔๐๕.๐๐ บาท | | ไม้ตาเสือ, ไม้ย่มหอม, ไม้ย่มหิน, ไม้จำปา, | - | | ไม้เอ็ก, ไม้พนองหรือเครื่องคนอง, | - | | ไม้มะค่าแต้, ไม้ตีนนก, ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, | - | | ไม้เต็งดง, ไม้ตะคร้อ, ไม้แดงน้ำ, ไม้ชัยพฤกษ์ | - | ## บัญชีรายการ | เล่ม | ตอนพิเศษ | ง | ราชกิจจานุเบกษา | | --- | --- | --- | --- | | ๑๙ | ต้องการผู้เช่า | วัดปทุมวนาราม | ลูกบาศก์เมตรละ ๒๑,๙๗๖.๐๐ บาท | | ๒๐ | รับประทานอาหาร | สุนทรียา | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๓,๗๗๔.๐๐ บาท | | ๒๑ | การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ | ไม่ระบุ | ลูกบาศก์เมตรละ ๑๓,๔๐๐.๐๐ บาท | | ๒๒ | ประกาศ | วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ | - | ## ข้อมูลเพิ่มเติม - สำเนาถูกต้องตามที่ระบุไว้ในบัญชี - จำนวนเงินรวมของเล่มทั้งหมดคือ ๑๑,๓๐๑.๐๐ บาท ## หมายเหตุ - รายละเอียดของแต่ละรายการสามารถดูได้จากเว็บไซต์ www.railway.co.th" 24.pdf," หน้า ๗ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ เรื่อง กําหนดแบบคําขอรับใบแทนใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. ๒๕๖๑ อาศัยอํานาจตามความในข ้อ ๔ แห่งกฎกระทรวงการขอร ับใบแทนและการออกใบแทน ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ จึงออกประกาศไว ้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ เรื่อง กําหนดแบบคําขอรับ ใบแทนใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. ๒๕๖๑ ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชก ิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ คําขอรับใบแทนใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ให้ใช้ แบบ ท.ส. ๖ ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ แบบ ท.ส. ๖ คําขอใบแทนใบส ําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ เขียนที่................................... ............................. วันที่................เดือน................................. พ.ศ. .................... ๑. ข้าพเจ้า  ๑.๑ เป็นบุคคลธรรมดา ชื่อ.................................... ......................................... อายุ..................ปี สัญชาติ.......................บัตรประจําตัวประชาชนหรือ บัตรอื่น (ระบุ).......................... เลขที่................................... ออกให้ ณ อําเภอ/เขต......................................... จังหวัด...................... ..................อยู่บ้านเลขที่.......................... ตรอก/ซอย.......................... ถนน................................. หมู่ที่..................ตําบล/แขวง............................................ อําเภอ/เขต...................... ..................จังหวัด............................. ......................รหัสไปรษณีย์................................ โทรศัพท์................................ ...............  ๑.๒ เป็นนิติบุคคลชื่อ................................. .................................. .............................................. ประเภท ................................... จดทะเบียนเมื่อ.................................... เลขทะเบียน....................... ....................... มีสํานักงานตั้งอยู่เลขที่.....................ตรอก/ซอย.................................. ถนน................................. หมู่ที่................. ตําบล/แขวง..................................... อําเภอ/เขต....................... ......................จังหวัด........................................... รหัสไปรษณีย์.......................... โทรศัพท์.......................................... โดย.......................... ...................................... ผู้มีอํานาจลงชื่อแทนนิติบุคคลผู้ขออนุญาต อายุ…...............ปี สัญชาติ…….................... บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรอื่น (ระบุ).......................... เลขที่................................... ออกให้ ณ อําเภอ/เขต........................................ จังหวัด……............................ อยู่บ้านเลขที่........................ ตรอก/ซอย.............................. ถนน............................. หมู่ที่........................ ตําบล/แขวง............................. ............................ อําเภอ/เขต....................... ........................ จังหวัด........................ .................รหัสไปรษณีย์................................... โทรศัพท์................................................... ได้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ประเภท …………………………………………………. ชนิด………………………………………………………… เลขทะเบียนที่............................................................................... ให้ไว้ ณ วันที่................................. เดือน........................... .......................... พ.ศ. .................................. เลขที่รับ..................................... วันที่........................................... ลงชื่อ.......................... ผู้รับคําขอ๒ ๒. มีความประสงค์จะขอรับใบแทนใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ประเภท ................................. .......................... ..................ชนิด......................... ............................ ........................ ๓. เหตุที่ขอรับใบแทนใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ........................................ .................................... ..................... .............................. ............................ ................... ....................................... ................................... ............................. ........................ ............................................... ๔. พร้อมกับคําขอนี้ ข้าพเจ้าได้ส่งมอบหลักฐานต่าง ๆ มาด้วยแล้ว คือ  (๑) ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ (ถ้ามี)  (๒) เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) (ลายมือชื่อ)................................... ........................... ผู้ยื่นคําขอ หมายเหตุ (๑) ในกรณีที่ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะสูญหาย ให้นําใบรับแจ้งความว่า ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์สูญหายของสถาน ีตํารวจแห่งท้องที่ที่ใบสําคัญนั้นสูญหายมาด้วย (๒) ในกรณีที่ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะถูกทําลายบางส่วน ให้แนบใบสําคัญ การขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะที่ถูกทําลายนั้นมาด้วย (๓) ใส่เครื่องหมาย  ในช่อง  หน้าข้อความที่ต้องการ ๓ ความเห็นเจ้าหน้าที่ ........................................ .................................... ..................... .............................. ............................ ................... ....................................... ................................... ............................. ........................ ............................................... ........................................ .................................... ..................... .............................. ............................ ................... (ลายมือชื่อ)..................................... .............................. ตําแหน่ง.......................... ............................ .................. คําสั่ง ....................................... ................................... ............................. ........................ ............................................... ........................................ .................................... ..................... .............................. ............................ ................... (ลายมือชื่อ)..................................... .............................. ตําแหน่ง.......................... ............................ .................. หมายเหตุของเจ้าหน้าที่ ผู้ยื่นคําขอได้ชําระเงินค่าธรรมเนียมแล้วตามใบเสร็จรับเงิน เล่มที่..................เลขที่...................... ลงวันที่..................เดือน....................................... พ.ศ. ........................ และตามคําร้องขอชําระเงินค่าธรรมเนียม ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ เลขที่.......................ลงวันที่........เดือน....................พ.ศ. ........ ออกใบสําคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะให้แล้ว เลขทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ที่............................................. ลงวันที่..................เดือน................... ................พ.ศ. ..................... (ลายมือชื่อ)..................................... .............................. ตําแหน่ง............................. ....................... .................. " 240.pdf,"ประกาศส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการสั่งการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พ.ศ. 2562 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยาโดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย จึงก าหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสั่งการของพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ ดังนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้กับการสั่งการตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่อยู่ใน ความรับผิดชอบของส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ข้อ ๓ การสั่งการของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ ๒ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (1) เมื่อพบการกระท าที่ฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัตินี้ เช่น กรณีที่ต้องแจ้ง การด าเนินการ หรือต้องได้รับอนุญาตก่อนด าเนินการ ให้สั่งการให้ระงับการกระท าที่ฝ่าฝืน ตั้งแต่วันที่ ได้รับค าสั่งเป็นต้นไป จนกว่าจะด าเนินการให้ถูกต้อง และหากพบว่าการฝ่าฝืนข้อห้ามท าให้เกิด ความเสียหายให้สั่งการให้แก้ไข หรือปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้อง (๒) เมื่อพบการกระท าที่ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เช่น กรณีที่ไม่ปฏิบัติ ตามข้อก าหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการอนุญาต ให้สั่งการให้แก้ไข หรือปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้อง ภายในระยะเวลาที่ก าหนด (๓) เมื่อมีเหตุอันสมควร เช่น พบว่าวัตถุอันตรายซึ่งการเก็บรักษาหรือจ าหน่าย อาจมีอันตรายต่อบุคคล สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม หรือกรณีมีเหตุสุดวิสัยท าให้การน าผ่านไม่สามารถ ด าเนินการได้ หรือกรณีต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญา สนธิสัญญาหรือข้อผูกพันระหว่างประเทศ ให้สั่งการให้ส่งออกไปเพื่อคืนให้แก่ผู้ผลิต หรือผู้จัดส่งวัตถุอันตรายนั้น หรือเพื่อการอื่นตามความเหมาะสม การสั่งการตามวรรคหนึ่งต้องยึดหลักพอสมควรแก่เหตุ หลักความได้สัดส่วนระหว่างประโยชน์ ที่ส่วนรวมจะได้รับกับสิทธิและเสรีภาพและประโยชน์ที่บุคคลต้องเสียไป รวมทั้งยึดหลักความเสมอภาค และต้องไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๖๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ข้อ ๔ การด าเนินการเพื่อสั่งการและการก าหนดเงื่อนไขประกอบค าสั่งตามข้อ ๓ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามความในมาตรา ๕๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ต้องด าเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖2 ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๖๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒" 2403.pdf,"ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ ๔๒/๒๕๖๘ เรื่อง กำหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยา เขตท่ากรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมการเดินเรือสำหรับเรือลำเลียงและเรือลำลากจูงเป็นการเฉพาะคราว ด้วยแม่น้ำเจ้าพระยามีการสัญจรของเรือลำเลียงสินค้าเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการพัฒนารูปแบบโครงสร้างของเรือลำเลียงมีขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้น เพื่อให้การจราจรทางน้ำบริเวณพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยา เขตท่ากรุงเทพฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดความปลอดภัยในการเดินเรือความปลอดภัยของชีวิต และทรัพย์สิน รวมถึงการรักษาสภาพแวดล้อมทางน้ำ อาศย์อำนาจตามความในมาตรา ๕๒ ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๐ อธิบดีกรมเจ้าท่า จึงออกประกาศกำหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยา เขตท่ากรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมการเดินเรือสำหรับเรือลำเลียงและเรือลำลูกจูงเป็นการเฉพาะคราว ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ ๔๒/๒๕๖๘ เรื่อง กำหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยา เขตท่ากรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมการเดินเรือสำหรับเรือลำเลียงและเรือลำลูกจูงเป็นการเฉพาะคราว” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๘ เป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๗๐ ข้อ ๓ คำสั่ง ระเบียบ หรือประกาศใด ซึ่งขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ ให้ใช้ประกาศนี้แทน ข้อ ๔ การลากจูงเรือลำเลียง เรือลำลูกจูงต้องมีกำลังของเครื่องจักรใหญ่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ แรงม้า (๑๔๙.๒๐ กิโลวัตต์) และขณะจูงทวนน้ำไปต้องมีความเร็วชั่วโมงละ ๒ ไมล์ (๓.๗๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เป็นอย่างน้อย ข้อ ๕ ให้เรือลำลูกจูงต้องมีวิทยุสื่อสารที่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า เจ้าพนักงานนำร่อง หรือระหว่างเรือด้วยกัน ดังนี้ (๑) กรนิติดต่อเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ให้ใช้ความถี่ ๑๕๖.๕๗๕ MHz (VHF ช่อง ๗๑) (๒) กรนิติดต่อเจ้าพนักงานนำร่อง ให้ใช้ความถี่ ๑๕๖.๖๕๐ MHz (VHF ช่อง ๑๓) (๓) กรนิติดต่อระหว่างเรือลำลูกจูง เรือลำเลียง หรือเรืออื่น ให้ใช้ความถี่ ๑๕๖.๖๐๐ MHz (VHF ช่อง ๑๒) และเมื่อพ้นทุ่นหมายเลย ๒๓ บริเวณโค้งบางปู ให้ใช้ความถี่ ๑๕๗.๑๕๐ MHz (VHF ช่อง ๒๓) (๔) ให้นายเรือของเรือลำลูกจูง ทำการแจ้งการลำลูกจูงเรือ โดยแจ้งตำบลที่ต้นทางเพื่อไปถึงตำบบที่ปลายทาง และแจ้งสินค้าที่บรรทุก เมื่อมีการเดินเรือผ่านพื้นที่บริเวณสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาทุกสำนักงานที่มีการเดินเรือผ่านทุกครั้ง ข้อ 5 ให้เรือลำที่จะไปในฝั่งตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น (๑) กรุณาแจ้งเรือลากจูงมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๒๐๐ แรงม้า (๑๔๙.๒๐ กิโลวัตต์) ให้สำหรับการใช้ ดังนี้ (ก) เรือลำเลียงมีน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน ๓,๐๐๐ ตัน และ (ข) จำนวนเรือในการลากจูงไม่เกิน ๔ ลำ (๒) กรุณาแจ้งเรือลากจูงมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๓๐๐ แรงม้า (๒๒๓.๘๐ กิโลวัตต์) ให้สำหรับการใช้ ดังนี้ (ก) เรือลำเลียงมีน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน ๔,๖๐๐ ตัน และ (ข) จำนวนเรือในการลากจูงไม่เกิน ๔ ลำ (๓) กรุณาแจ้งเรือลากจูงมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๔๐๐ แรงม้า (๒๙๘.๘๐ กิโลวัตต์) ให้สำหรับการใช้ ดังนี้ (ก) เรือลำเลียงมีน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน ๖,๖๐๐ ตัน และ (ข) จำนวนเรือในการลากจูงไม่เกิน ๔ ลำ (๔) กรุณาแจ้งเรือลากจูงมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๔๒๐ แรงม้า (๓๑๓.๓๒ กิโลวัตต์) ให้สำหรับการใช้ ดังนี้ (ก) เรือลำเลียงมีน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน ๗,๑๐๐ ตัน และ (ข) จำนวนเรือในการลากจูงไม่เกิน ๔ ลำ (๕) กรุณาแจ้งเรือลากจูงมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๔๔๐ แรงม้า (๓๒๘.๒๔ กิโลวัตต์) ให้สำหรับการใช้ ดังนี้ (ก) เรือลำเลียงมีน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน ๗,๖๐๐ ตัน และ (ข) จำนวนเรือในการลากจูงไม่เกิน ๔ ลำ (๖) กรุณาแจ้งเรือลากจูงมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๔๖๐ แรงม้า (๓๔๓.๑๖ กิโลวัตต์) ให้สำหรับการใช้ ดังนี้ (ก) เรือลำเลียงมีน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน ๘,๑๐๐ ตัน และ (ข) จำนวนเรือในการลากจูงไม่เกิน ๔ ลำ (๗) กรุณาแจ้งเรือลากจูงมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๔๘๐ แรงม้า (๓๕๘.๐๘ กิโลวัตต์) ให้สำหรับการใช้ ดังนี้ (ก) เรือลำเลียงมีน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน ๘,๖๐๐ ตัน และ (ข) จำนวนเรือในการลากจูงไม่เกิน ๔ ลำ (๘) กรณีเรือลำจูงมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๕๐๐ แรงม้า (๓๗๓.๐๐ กิโลวัตต์) ให้ลำทุ่งได้ ดังนี้ (ก) เรือลำเลียงมีน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน ๙,๑๐๐ ต้น และ (ข) จำนวนเรือในการลำจูงไม่เกิน ๔ ลำ (๙) กรณีเรือลำจูงมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๖๐๐ แรงม้า (๔๔๗.๖๐ กิโลวัตต์) ให้ลำทุ่งได้ ดังนี้ (ก) เรือลำเลียงมีน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน ๑๑,๔๐๐ ต้น และ (ข) จำนวนเรือในการลำจูงไม่เกิน ๔ ลำ (๑๐) กรณีเรือลำจูงที่ลำเรือลำเลียงที่ไม่มีการบรรทุกสินค้าในระวาง สามารถลำจูงได้ ไม่เกิน ๔ ลำ (๑๑) เรือลำเลียงทุกลำต้องบรรทุกสินค้าไม่เกินกว่าน้ำหนักบรรทุกที่ใบอนุญาตใช้เรือกำหนด หรือเกินกว่าแนวนำบรรทุกที่กำหนด ข้อ ๗ การลำจูงเรือลำเลียงบรรทุกสินค้าในแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องมีเรือดึงท้าย หรือโต่งท้าย ที่มีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า ๒๐๐ แรงม้า ในระยะ ๕๐๐ เมตร ก่อนการเดินเรือเข้าพื้นที่และ ออกพื้นที่ และการเดินเรือช่วงระหว่างพื้นที่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรุงเทพมหานคร ถึงสะพานกรุงเทพ กรุงเทพมหานคร รวมถึงต้องจัดคนประจำเรืออย่างน้อยหนึ่งคนประจำอยู่ที่หัวเรือลำเลียงทุกลำ ข้อ ๘ กรณีฤดูน้ำหลาก หรือมีเหตุเชื่อได้ว่าอาจเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ บริเวณโค้ง ช่องนนทรี โค้งบางจาก และโค้งพระประแดง อธิบดีกรมเจ้าท่าอาจจะออกประกาศเพิ่มเติม เพื่อกำหนด ให้การลำจูงเรือลำเลียงบรรทุกสินค้าต้องมีเรือดึงท้ายหรือเรือโทงท้าย ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เป็นการเฉพาะคราวได้ ข้อ ๙ การลำจูงเรือลำเลียงห้ามมิให้มีการแซงกันบริเวณช่วงโค้งช่องนนทรี โค้งบางจาก โค้งพระประแดง และโค้งโรงเรียนนายเรือ ข้อ ๑๐ การลำจูงให้นายเรือของเรือลำจูง ควบคุมให้เรือมีระยะห่างฟ่วงจูงไม่น้อยกว่า ๒๕๐ เมตร นับจากท้ายเรือของเรือลำเลียงพวงก่อนหน้า ในพื้นที่ระหว่างสะพานกรุงธนบุรี ถึงป้อมพระจุดจอมเกล้า ข้อ ๑๑ นายเรือหรือผู้ควบคุมเรือผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องระวางโทษปรับ ตั้งแต่ห้าร้อยบาทถึงห้าพันบาท และให้เจ้าท่ามีอำนาจสั่งยึดประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือมีกำหนด ไม่เกินหกเดือน ตามมาตรา ๕๒ ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ หากปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างที่ประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือถูกยึด ตามมาตรา ๕๒ ทวิ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทตามมาตรา ๕๒ ตรี แห่งพระราชบัญญัติ การเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ทั้งนี้ เจ้าท่ามีอำนาจสั่งดูไม่ให้ใช้ประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตมีกำหนดไม่เกินสองปี โดยไม่ลับล้างโทษอย่างอื่นซึ่งนายเรือหรือผู้ควบคุมเรือนั้นจะพึงได้รับตามมาตรา ๒๙๑ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๕๕๖แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๗๗ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ กริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า" 2404.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๕๗) พ.ศ. ๒๕๖๘ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย โดยที่มีรายงานว่ามีเด็กบริโภควันสำเร็จรูปหรือขนมเยลลี่ที่มีส่วนผสมของกลูโคแมนแนนหรือแป้งจากหัวบุกที่บรรจุในภาชนะบรรจุขนาดเล็กที่เป็นผลิตภัณฑ์เข้าปากได้สะดวก และเกิดอาการสำลัก ติดคออุดหลอดลม เป็นเหตุให้เกิดอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดอันตรายดังกล่าว จึงสมควรให้มีมาตรการในการป้องกัน และเพื่อให้สอดคล้องกับการยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการแสดงฉลากของวุ้นสำเร็จรูปและขนมเยลลี่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๖) และ (๘) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสารารณสุข (ฉบับที่ ๒๖๓) พ.ศ. ๒๕๔๕ เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ลงวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ ๒ ให้วุ้นสำเร็จรูปและขนมเยลลี่ที่มีส่วนผสมของกลูโคแมนแนนหรือแป้งจากหัวบุกบรรจุในภาชนะบรรจุรูปแบบถ้วยขนาดเล็ก (könjac mini-cup jelly) หรือรูปแบบอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหรือเส้นตัดขวางของส่วนที่กว้างที่สุดไม่เกิน ๔.๕ เซนติเมตร เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 2405.pdf,"# ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๕๖) พ.ศ. ๒๕๖๘ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง การแสดงฉลากอาหารแปรรูปบางชนิด โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขบางฉบับเพื่อให้สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งได้มีการปรับปรุงแก้ไข อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๔๔ (พ.ศ. ๒๕๒๓) เรื่อง แป้งข้าวล้อม ลงวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๓ (๒) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๑๐๐ (พ.ศ. ๒๕๒๙) เรื่อง การแสดงฉลาก ของวุ้นสำเร็จรูปและขนมเยลลี่ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๙ (๓) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๓ เรื่อง ซอสในภาชนะบรรจุ ที่ปิดสนิท ลงวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ (๔) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๔ เรื่อง ขนมปัง ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ (๕) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒๒๘) พ.ศ. ๒๕๔๔ เรื่อง มากฝรั่งและลูกอม ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ (๖) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒๓๗) พ.ศ. ๒๕๔๔ เรื่อง การแสดงฉลาก ของอาหารพร้อมปรุงและอาหารสำเร็จรูปที่พร้อมบริโภคทันที ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ (๗) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒๔๓) พ.ศ. ๒๕๔๔ เรื่อง ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๒ กำหนดให้อาหารแปรรูปบางชนิด เป็นอาหารที่ต้องมีฉลาก ข้อ ๓ ในประกาศนี้ อาหารแปรรูปบางชนิด หมายความว่า อาหารที่มีภาชนะหู้มห่อเพื่อจำหน่าย ดังต่อไปนี้ (๑) แป้งข้าวล้อม (๒) วุ้นสำเร็จรูปและขนมเยลลี่ (๓) ซอสในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (๔) ขนมปัง (๕) มากฝรั่งและลูกอม (๖) ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ (๗) อาหารสำเร็จรูปที่พร้อมบริโภคทันที (๘) อาหารพร้อมปรุง ทั้งนี้ ไม่รวมอาหารแปรรูปตาม (๖) (๗) และ (๘) ที่ต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยอาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ข้อ ๔ การแสดงฉลากของอาหารแปรรูปบางชนิดให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ และประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาหาร ที่ต้องแสดงฉลากโดยชนาการ และค่าพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียมแบบจีดีเอ แล้วแต่กรณี ด้วย ข้อ ๕ การแสดงฉลากของอาหารแปรรูปบางชนิดในกรณีดังต่อไปนี้ นอกจากต้องดำเนินการ ตามข้อ ๔ แล้ว ต้องแสดงข้อความดังต่อไปนี้เพิ่มเติมด้วย (๑) วุ้นสำเร็จรูปและขนมเยลลี่ต้องแสดงข้อความว่า “เด็กควรบริโภคแต่น้อย” ด้วยอักษรสีแดง ขนาดไม่เล็กกว่า ๕ มิลลิเมตร ในรอบพื้นสีขาว (๒) แป้งข้าวกล้องต้องแสดงข้อความว่า “อย่าใช้เลี้ยงทารกแทนนม” ด้วยตัวอักษรสีแดง ขนาดไม่เล็กกว่า ๕ มิลลิเมตร และต้องมีสีตัดกับสีของพื้นฉลากไว้ใต้คำว่า “แป้งข้าวกล้อง” ข้อ ๖ การแสดงฉลากอาหารตามข้อ ๓ ที่ได้รับเลขสารบบอาหารอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ ใช้บังคับ ยังคงจำหน่ายอาหารนั้นต่อไปได้ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสองปีนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วให้ดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศนี้ ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 2409.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - การหาความสามารถในการป้องกันรังสียูวีเอของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด แบบนอกกาย พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การหาความสามารถ ในการป้องกันรังสียูวีเอของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด แบบนอกกาย มาตรฐานเลขที่ มอก. 2883 - 2560 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ว่า ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - การหาความสามารถในการป้องกันรังสียูวีเอของผลิตภัณฑ์ ป้องกันแสงแดด แบบนอกกาย พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อผ่านกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๕๒๓๖ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตาม ความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การหาความสามารถในการป้องกันรังสียูวีเอของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด แบบนอกกาย ลงวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง - การหาความสามารถ ในการป้องกันรังสียูวีเอของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด แบบนอกกาย มาตรฐานเลขที่ มอก. 2883 - 2567 ขึ้นใหม่ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : เครื่องสำอาง - การหาค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวีเอ ของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด แบบนอกกาย COSMETICS - DETERMINATION OF SUNSCREEN UVA PHOTOPROTECTION IN VITRO #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 2883-2567 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : - ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 24443:2021 Cosmetics - Determination of sunscreen UVA photoprotection in vitro มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก - กำหนดการหาคุณลักษณะเฉพาะในการป้องกันรังสียูวีเอ (UVA) ด้วยการทดสอบแบบนอกกาย (in vitro) ของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด เพื่อให้สามารถกำหนดคุณลักษณะการดูดกลืนสเปกตรัมของรังสียูวีเอ สำหรับการทดสอบที่สามารถตรวจสอบซ้ำได้ - ในการกำหนดพารามิเตอร์สำหรับการป้องกันรังสียูวีเอที่เกี่ยวข้อง การทดสอบได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้กราฟการดูดกลืนแสงในช่วงคลื่นรังสียูวี (UV) ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการคำนวณและการประเมินที่หลากหลาย รวมถึงการคำนวณค่าปัจจัยการป้องกันอัลตราไวโอเลต เอ (UVA-PF) (ที่สอดคล้องกับค่า UVA-PF จากการทดสอบในสิ่งมีชีวิต (in vivo)) ด้วยวิธีการทดสอบอาการดำคล้ำของผิวหนังที่เกิดขึ้น (PPD) ความยาวคลื่น วิกฤติ และสัดส่วนการดูดกลืนรังสียูวีเอ การคำนวณเหล่านี้เป็นทางเลือกและ เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดการระบุฉลากผลิตภัณฑ์กันแดดในแต่ละภูมิภาค วิธีนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผลการทดสอบในร่างกาย SPF สำหรับ การปรับขนาดโค้งดูดซับรังสียูวี - ไม่สามารถใช้กับผลิตภัณฑ์แบบผง เช่น แป้งอัดแข็งและแป้งฝุ่น เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 24443:2021 จำนวนหน้า : ๔๖ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๗๑๗-๖ ICS : ๗๑.๑๐๐.๗๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๕๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 241.pdf,"ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๕ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ ประกอบกับมาตรา ๓ มาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการก าหนดธุรกิจ ที่ควบคุมสัญญาและลักษณะของสัญญา พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการว่าด้วยสั ญญาออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้เช่าอาคาร เพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๒ ให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย ” หมายความว่า การประกอบธุรกิจที่ผู้ประกอบธุรกิจ ตกลงให้ผู้เช่าซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาได้ใช้อาคารเพื่ออยู่อาศัย และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น โดยมีสถานที่ให้เช่าตั้งแต่ ๕ หน่วยขึ้นไป ไม่ว่าจะอยู่ในอาคารเดียวกันหรือหลายอ าคารรวมกัน “อาคาร” หมายความว่า ห้องพัก บ้าน อาคารชุด อพาร์ตเม้นท์ หรือสถานที่พักอาศัย ที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่จัดขึ้นส าหรับการให้เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย แต่ไม่รวมถึงหอพักตามกฎหมาย ว่าด้วยหอพัก และโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม “ผู้ประกอบธุรกิจ ” หมายความว่า ผู้ให้บริการเช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย โดยเรียกเก็บค่าเช่า จากผู้เช่า “ผู้เช่า” หมายความรวมถึงผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ท าสัญญาเช่าอาคารโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย “เงินประกัน” หมายความว่า เงินที่ผู้เช่ าวางเป็นประกันไว้กับผู้ประกอบธุรกิจเป็นค่าประกัน ความเสียหาย หรือเงินอื่นใดที่ผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บจากผู้เช่าในลักษณะท านองเดียวกัน เพื่อประกัน ความเสียหายที่ผู้เช่าก่อให้เกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินที่ผู้ประกอบธุรกิจจัดไว้ให้ผู้เช่าใช้สอยและค่าใช้จ่าย ที่ค้างช าระซึ่งมิใช่ค่าเช่าอาคาร “ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ ” หมายความว่า ค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบธุรกิจที่เกิดขึ้นจาก การให้บริการเพื่ออ านวยความสะดวกหรือความปลอดภัยในการใช้บริการเช่าอาคารของผู้เช่า ซึ่งมิใช่ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับต้นทุนในการประกอบกิจการให้เช่าอาคารของ ผู้ประกอบธุรกิจ “ค่าเช่าล่วงหน้า ” หมายความว่า ค่าเช่าอาคารที่ผู้เช่าช าระให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเก็บรักษาไว้ เพื่อเป็นประกันค่าเช่าอาคาร และจะช าระคืนให้แก่ผู้เช่าเมื่อสัญญาเช่าอาคารสิ้นสุดหรือน ามาช าระ เป็นค่าเช่าอาคารเดือนสุดท้ายตามสัญญาเช่า ้หนา ๔๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ข้อ ๔ สัญญาเช่าอาคารที่ผู้ประกอบธุรกิจท ากับผู้เช่า ต้องมีข้อความภาษาไทยที่สามารถ เห็นและอ่านได้อย่างชัดเจน มีขนาดตัวอักษรไม่เล็กกว่าสองมิลลิเมตร โดยมีจ านวนตัวอักษรไม่เกิน สิบเอ็ดตัวอักษรในหนึ่งนิ้ว และต้องใช้ข้อสัญญาที่มีสาระส าคัญและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจ ผู้เช่า และทรัพย์สินที่ให้เช่า (๑.๑) ชื่อและที่อยู่ของผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้มีอ านาจกระท าการแทน (๑.๒) ชื่อและที่อยู่ของผู้เช่า ซึ่งที่สามารถติดต่อได้ (๑.๓) ชื่อและสถานที่ตั้งของอาคาร (๑.๔) รายละเอียดเกี่ยวกับสภาพของ อาคาร รวมถึงทรัพย์สินและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ของอาคาร (๑.๕) ก าหนดระยะเวลาเช่าอาคาร โดยระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มต้น และวัน เดือน ปี ที่สิ้นสุดการเช่า (๑.๖) อัตราค่าเช่าอาคาร และก าหนดระยะเวลาช าระค่าเช่าอาคาร (๑.๗) อัตราค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ าประปา ค่าโทรศัพท์ โดยแสดงวิธีการค านวณและก าหนดระยะเวลาช าระค่าสาธารณูปโภค (๑.๘) อัตราค่าใช้จ่ายในการให้บริการ ให้ก าหนดเพียงเท่าที่ได้จ่ายไปจริงและมีเหตุผล อันสมควร โดยแสดงวิธีการค านวณและก าหนดระยะเวลาช าระค่ าใช้จ่ายในการให้บริการ (๑.๙) จ านวนเงินประกันและจ านวนเงินค่าเช่าล่วงหน้า (๒) ผู้ประกอบธุรกิจต้องส่งใบแจ้งหนี้ตาม (๑) ในรายการ (๑.๖) ถึง (๑.๘) ให้ผู้เช่าทราบ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวันก่อนถึงก าหนดวันช าระค่าเช่าอาคาร โดยผู้เช่ามีสิทธิตรวจสอบข้อมูลเกี่ ยวกับ ค่าใช้จ่ายที่ผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บ (๓) ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดท าหลักฐานการตรวจรับสภาพอาคาร รวมถึงสิ่งอ านวย ความสะดวกอื่น ๆ (ถ้ามี) แนบท้ายสัญญาเช่าอาคาร พร้อมทั้งส่งมอบให้ผู้เช่าเก็บไว้เป็นหลักฐานหนึ่งฉบับ (๔) เมื่อสัญญาเช่าอาคารสิ้นสุด ผู้ป ระกอบธุรกิจต้องคืนเงินประกันที่ได้รับจากผู้เช่าทันที เว้นแต่ผู้ประกอบธุรกิจประสงค์จะตรวจสอบความเสียหายที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบ หากผู้เช่ามิได้ท า ความเสียหาย ให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินประกันภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่สัญญาเช่าอาคารสิ้นสุด และได้กลับ เข้าครอบครองอาคารแล้ว โดยต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการน าส่งคืนเงินประกันตามวิธีการที่ผู้เช่า แจ้งให้ทราบ (๕) กรณีสัญญาเช่าอาคารที่มีก าหนดระยะเวลา ผู้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าอาคาร ก่อนสิ้นสุดสัญญาเช่าอาคารได้ ทั้งนี้ ผู้เช่าต้องพักอาศัยมาแล้วไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่งของระยะเวลา ตามสัญญาเช่าอาคาร โดยต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือให้ผู้ประกอบธุรกิจทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน และผู้เช่าต้องไม่ผิดนัดค้างช าระค่าเช่า หรือค่าใช้จ่ายอื่น ้หนา ๕๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒(๖) เงื่อนไขการผิดสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิบอกเลิกสัญญา จะต้องเป็นข้อคว าม ที่ผู้ประกอบธุรกิจระบุไว้เป็นการเฉพาะด้วยตัวอักษรสีแดง หรือตัวสีด าหนาหรือตัวเอนและขีดเส้นใต้ หรือโดยประการอื่นที่เห็นเด่นชัดกว่าข้อความทั่วไป (๗) การบอกเลิกสัญญาของผู้ประกอบธุรกิจตาม (๖) ให้ท าเป็นหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญา ไปยังผู้เช่าให้ทราบล่วงหน้าเป็ นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ในกรณีเป็นการบอกเลิกสัญญาอันเกิดจากการกระท าของผู้เช่าที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการ พักอาศัยร่วมกันโดยปกติสุขกับผู้เช่ารายอื่นให้ท าเป็นหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาไปยังผู้เช่าให้ทราบล่วงหน้า เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ในกรณีผู้เช่าไม่ปฏิ บัติตามบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอัน ดี ของประชาชน ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญานั้นโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ข้อ ๕ ข้อสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจท ากับผู้เช่าต้องไม่ใช้ข้อสัญญาที่มีลักษณะหรือความหมาย ในลักษณะท านองเดียวกัน ดังต่ อไปนี้ (๑) ข้อสัญญาที่เป็นการยกเว้นหรือจ ากัดความรับผิดจากการผิดสัญญาหรือการกระท าละเมิด ของผู้ประกอบธุรกิจในส่วนที่เป็นสาระส าคัญ โดยไม่มีเหตุผลที่สมควรเพียงพอ (๒) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บค่าเช่าล่วงหน้าและเงินประกันเมื่อรวมกันแล้ว มีจ านวนเกินกว่าสามเดือนของอัตราค่าเช่าที่คิดเป็นรายเดือน (๓) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิเปลี่ยนแปลงอัตราค่าเช่าอาคาร อัตราค่าสาธารณูปโภ ค และอัตราค่าใช้จ่ายในการให้บริการ ก่อนสัญญาเช่าอาคารสิ้นสุดลง (๔) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิริบเงินประกันหรือค่าเช่าล่วงหน้า โดยมิใช่ความผิดของผู้เช่า (๕) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจหรือตัวแทนเข้าตรวจสอบอาคารโดยมิต้องแจ้งให้ ผู้เช่าทราบก่อนล่วงหน้า เว้นแต่มีเหตุฉุกเฉินหากไม่ด าเนินการจะเกิดความเสี ยหายหรือมีผลกระทบต่อ ผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้เช่ารายอื่น (๖) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจก าหนดอัตราค่าบริการกระแสไฟฟ้าและน้ าประปา ซึ่งเกินกว่าอัตราที่ผู้ให้บริการกระแสไฟฟ้าและน้ าประปาเรียกเก็บจากผู้ประกอบธุรกิจ (๗) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิ จมีสิทธิกระท าการปิดกั้นไม่ให้ผู้ให้เช่าเข้าใช้ ประโยชน์อาคาร หรือมีสิทธิเข้าไปในอาคารเพื่อยึดทรัพย์สินหรือขนย้ายทรัพย์สินของผู้เช่า โดยผู้ประกอบธุรกิจยังไม่ได้ใช้สิทธิในการบอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย (๘) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิเรียกค่ าต่อสัญญาเช่าอาคารจากผู้เช่ารายเดิม (๙) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าอาคารกับผู้เช่า โดยผู้เช่า มิได้ผิดสัญญาอันเป็นสาระส าคัญข้อหนึ่งข้อใดในสัญญา ้หนา ๕๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒(๑๐) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้เช่าต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้งานตาม ปกติ ต่อทรัพย์สินและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ของอาคาร (๑๑) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้เช่าต้องรับผิดในความเสียหายต่ออาคาร ทรัพย์สิน และอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่าง ๆ ในเหตุใดอันมิใช่ความผิดของผู้เช่า และในเหตุสุดวิสัย (๑๒) ข้อสัญญาที่ก าหนดให้ผู้เช่าต้องรับผิดในความช ารุดบกพร่องต่ออาคาร ทรัพย์สิน และ อุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานหรือเกิดการเสื่อมสภาพจากการใช้งานตามปกติ ข้อ ๖ สัญญาเช่าอาคารต้องจัดท าขึ้นสองฉบับซึ่งมีข้อความตรงกัน และให้ผู้ประกอบธุรกิจ ส่งมอบสัญญาเช่าอาคารหนึ่งฉบับให้แก่ผู้เช่าทันทีที่ได้ลงนามในสัญญาเช่า ข้อ ๗ บรรดาสัญญาเช่าอาคารที่ผู้ประกอบธุรกิจได้ท ากับผู้บริโภคตามประกาศ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนวันที่ประก าศนี้ใช้บังคับ ให้คงใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญา ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้าสิบวันนับถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลต ารวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ประธานกรรมการว่าด้วยสัญญา ้หนา ๕๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒" 2410.pdf,"ประกาศกรมสรรพาสามิต เรื่อง การแจ้งราคาขายปลีกสำหรับสินค้าสุราและยาสูบ ของผู้ได้รับใบอนุญาตขายสุราและยาสูบ เพื่อให้การบริหารการจัดเก็บภาษีสำหรับสินค้าสุราและยาสูบมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๘ (๔) แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา พ.ศ. ๒๕๖๐ และข้อ ๗ (๓) แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตขายยาสูบ พ.ศ. ๒๕๖๐ อธิบดีกรมสรรพาสามิต จึงออกประกาศเพื่อกำหนดเกี่ยวกับการแจ้งราคาขายปลีกสำหรับสินค้าสุราและยาสูบของผู้ได้รับใบอนุญาตขายสุราและยาสูบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ผู้ใดรับใบอนุญาตขายสุราประเภทที่ ๒ และผู้ได้รับใบอนุญาตขายยาสูบประเภทที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร แจ้งราคาขายปลีกสำหรับสินค้าสุราและยาสูบต่อสรรพาสามิตพื้นที่แห่งท้องที่ที่สถานที่ขายสุราและยาสูบแล้วแต่กรณี ตั้งอยู่ โดยแจ้งผ่านระบบสำรวจราคาขายปลีกสินค้าสรรพาสามิตที่เว็บไซต์ https://eps excise.go.th หรือแอปพลิเคชัน EXCISE PRICE SURVEY ภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ในการแจ้งราคาขายปลีกตามวรรคหนึ่ง ผู้ใดรับใบอนุญาตต้องลงทะเบียนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์กรมสรรพาสามิต https://www.excis.e.go.th เพื่อขอรับชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ในการเข้าใช้งานระบบนอเล็กทรอนิกส์สำหรับการแจ้งราคาขายปลีก ข้อ ๒ ในกรณีที่ผู้ใดรับใบอนุญาตตามข้อ ๑ มีการขายสุราและยาสูบ ชนิด ชื่อ หรือขนาดใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกสำหรับสินค้าสุราและยาสูบที่ได้แจ้งไว้ ผู้ใดรับใบอนุญาตต้องแจ้งราคาขายปลีกสำหรับสินค้าสุราและยาสูบ ชนิด ชื่อ หรือน้ำตาลใหม่ หรือราคาขายปลีกสำหรับสินค้าสุราและยาสูบที่เปลี่ยนแปลงนั้น ต่อสรรพาสามิตพื้นที่แห่งท้องที่ที่สถานที่ขายสุราและยาสูบแล้วแต่กรณี ตั้งอยู่ โดยแจ้งผ่านระบบสำรวจราคาขายปลีกสินค้าสรรพาสามิตที่เว็บไซต์ https://eps excise.go.th หรือแอปพลิเคชัน EXCISE PRICE SURVEY ภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่เริ่มขายสุราและยาสูบ ชนิด ชื่อ หรือน้ำตาลใหม่ หรือวันที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกนั้น ข้อ ๓ ในกรณีที่กรมสรรพาสามิตแจ้งผ่านระบบสำรวจราคาขายปลีกสินค้าสรรพาสามิตที่เว็บไซต์ https://eps excise.go.th หรือแอปพลิเคชัน EXCISE PRICE SURVEY เพื่อให้ผู้ใดรับใบอนุญาตตามข้อ ๑ แจ้งราคาขายปลีกสำหรับสินค้าสุราและยาสูบเพิ่มเติม ให้ผู้ใดรับใบอนุญาตดังกล่าวดำเนินการแจ้งราคาขายปลีกสำหรับสินค้าสุราและยาสูบภายในระยะเวลาที่กรมสรรพาสามิตกำหนด ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันออกประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพาสามิต" 2415.pdf,"ระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ว่าด้วยการจัดทำระเบียบท้างหุ้นส่วนและบริษัทผ่านระบบจัดทำระเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) โดยที่ปัจจุบันกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้พัฒนาและนำระบบจัดทำระเบียนนิติบุคคลดิจิทัล (DBD Biz Registr) มาใช้ทดแทนระบบจัดทำระเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดทำระเบียนนิติบุคคลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน จึงสมควรยกเลิกระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ว่าด้วยการจัดทำระเบียบท้างหุ้นส่วนและบริษัทผ่านระบบจัดทำระเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) พ.ศ. ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ วรรคสาม แห่งกฎกระทรวงจัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแต่งตั้งนายทะเบียน และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำระเบียบห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ. ๒๕๔๙ นายทะเบียนกลาง จึงออกระเบียบ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง” ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ว่าด้วยการจัดทำระเบียบห้างหุ้นส่วนและบริษัทผ่านระบบจัดทำระเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ว่าด้วยการจัดทำระเบียบห้างหุ้นส่วนและบริษัทผ่านระบบจัดทำระเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) ระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางว่าด้วยการจัดทำระเบียบห้างหุ้นส่วนและบริษัทผ่านระบบจัดทำระเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๔ บรรดาคำขอจัดทำระเบียนซึ่งได้กรอกข้อมูลการจัดทำระเบียนในระบบจัดทำระเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) และผู้ขอจัดทำระเบียนยังมิได้ดำเนินการยื่นคำขอจัดทำระเบียนให้นายทะเบียนจำหน่ายคำขอจัดทำระเบียนนั้นออกจากสารบบ นับแต่วันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ คำขอจัดทำระเบียนซึ่งได้ยื่นขอจัดทำระเบียนผ่านระบบทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) และนายทะเบียนได้ตรวจสอบพิจารณาหรือมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว หากผู้ขอจัดทำระเบียมิได้ดำเนินการตามคำสั่งของนายทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมการจัดทำระเบียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ให้นายทะเบียนจำหน่ายคำขอจัดทำระเบียนนั้นออกจากสารบบ ข้อ ๕ บรรดาคำขอจดทะเบียนซึ่งได้ยื่นขอจดทะเบียนผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคล ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ไว้ก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ให้เป็นไปตามระเบียบ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ว่าด้วยการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทผ่านระบบ จดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) พ.ศ. ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ใช้บังคับขณะยื่นคำขอจดทะเบียนนั้น ประกาศ ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายทะเบียนกลาง" 2417.pdf,"ประกาศกรมสรรพาสมิต เรื่อง กำหนดรหัสสินค้าสรรพาสมิตสำหรับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ELECTRONIC DATA INTERCHANGE) (ฉบับที่ ๓๘) เพื่อให้รหัสสินค้าสรรพาสมิตและอัตราภาษีสรรพาสมิต สำหรับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ (ELECTRONIC DATA INTERCHANGE : ED) ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน อธิบดีกรมสรรพาสมิต จึงกำหนดรหัสสินค้าสรรพาสมิต รายการสินค้าสรรพาสมิต และอัตราภาษีสรรพาสมิต ในส่วนของ สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในช่องรหัสรายได้นำเงินส่งคลัง รหัสสินค้าสำหรับระบบคอม รายการและอัตราภาษี ใน (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) ในประเภทที่ ๐๑.๐๑ น้ำมันเบนซิน และน้ำมันที่คล้ายกัน ตามบัญชีท้ายประกาศกรมสรรพาสมิต เรื่อง กำหนดรหัสสินค้าสรรพาสมิต สำหรับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ELECTRONIC DATA INTERCHANGE) ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมสรรพาสมิต เรื่อง กำหนดรหัสสินค้า สรรพาสมิตสำหรับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ELECTRONIC DATA INTERCHANGE) (ฉบับที่ ๓๗) ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ และให้ใช้ความในช่องรหัสรายได้นำเงินส่งคลัง รหัสสินค้าสำหรับระบบคอม รายการและอัตราภาษี ใน (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) ในประเภทที่ ๐๑.๐๑ น้ำมันเบนซิน และน้ำมันที่คล้ายกัน ตามบัญชีท้ายประกาศนี้แทน ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในช่องรหัสรายได้นำเงินส่งคลัง รหัสสินค้าสำหรับระบบคอม รายการ และอัตราภาษี ใน (๑) (๒) (๕) (๕/๑) (๕/๒) (๕/๓) (๕/๔) และ (๕/๕) ของประเภทที่ ๐๑.๐๕ น้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ตามบัญชีท้ายประกาศกรมสรรพาสมิต เรื่อง กำหนด รหัสสินค้าสรรพาสมิตสำหรับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ELECTRONIC DATA INTERCHANGE) ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมสรรพาสมิต เรื่อง กำหนด รหัสสินค้าสรรพาสมิตสำหรับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ELECTRONIC DATA INTERCHANGE) (ฉบับที่ ๓๗) ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ และให้ใช้ความในช่องรหัสรายได้นำเงินส่งคลัง รหัสสินค้าสำหรับระบบคอม รายการ และอัตราภาษี ใน (๑) (๒) (๕) (๕/๑) (๕/๒) (๕/๓) (๕/๔) และ (๕/๕) ของประเภทที่ ๐๑.๐๕ น้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ตามบัญชีท้ายประกาศนี้แทน ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ กุลยา ตันติเมฆิท อธิบดีกรมสรรพาสมิต # ธรหัสสินค้าสรรพาบิตรและอัตราภาษี สำหรับระบบ EDI ## ท้ายประกาศกรมสรรพาบิตร เรื่อง การกำหนดรหัสสินค้าสรรพาบิตรสำหรับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ELECTRONIC DATA INTERCHANGE) (ฉบับที่ ๓๘)
ประเภทธ รหัส รายได้ นำเงิน ส่งคลัง รหัสสินค้าสำหรับ ระบบคอม รายการ อัตราภาษี ตาม มูลค่า ร้อยละ ตามปริมาณ
หน่วย หน่วยละ บาท
๐๑.๐๑ ๒๑๐ ๐๑๐๑๐๖๐๐๐๐ (๑) น้ำมันเบนซินชนิดไร้สารตะกั่ว ทั้งนี้ อัตราภาษีได้รวมราคาคาร์บอน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๒๑๐ ๐๑๐๑๐๗๐๐๐๐ (๒) น้ำมันเบนซินนอก จาก (๑) ทั้งนี้ อัตราภาษีได้รวมราคาคาร์บอน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๒๑๐ ๐๑๐๑๐๘๐๐๐๐ (๓) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๑๐ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด ทั้งนี้ อัตราภาษี ได้รวมราคาคาร์บอนตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๒๑๐ ๐๑๐๑๐๙๐๐๐๐ (๔) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๒๐ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด ทั้งนี้ อัตราภาษี ได้รวมราคาคาร์บอนตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๒๑๐ ๐๑๐๑๑๒๐๐๐๐ (๕) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๘๕ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด ทั้งนี้ อัตราภาษี ได้รวมราคาคาร์บอนตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๐๑.๐๕ ๒๑๐ ๐๑๐๕๑๗๐๐๐๐ (๑) น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถัน เกินร้อยละ ๐.๐๐๑ โดยน้ำหนัก ทั้งนี้ อัตราภาษีได้รวมราคาคาร์บอน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๒.๕๐ PageNumber: - ๒ -
ประเภทที่ รหัส รายได้ นำเงิน ส่งคลัง รหัสสินค้าสำหรับ ระบบคอม รายการ อัตราภาษี
ตาม มูลค่า ร้อยละ ตามปริมาณ หน่วย หน่วยละ บาท
๒๑๐ ๐๑๐๕๑๘๐๐๐๐ (๒) น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถัน ไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๑ โดยน้ำหนัก ทั้งนี้ อัตราภาษีได้รวมราคาคาร์บอน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
"" ๐๑.๐๕ ๒๑๐ ๐๑๐๕๐๕๐๐๐๐๓ (๕) น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภท เมทิลเอสเทอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ ไม่เกินร้อยละ ๔ ทั้งนี้ อัตราภาษี ได้รวมราคาคาร์บอนตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๒๑๐ ๐๑๐๕๑๙๐๐๐๐ (๕/๑) น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซล ประเภทเมทิลเอสเทอร์ของกรดไขมัน ผสมอยู่เกินร้อยละ ๔ แต่ไม่เกิน ร้อยละ ๗ ทั้งนี้ อัตราภาษีได้รวม ราคาคาร์บอนตามหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๒๑๐ ๐๑๐๕๒๐๐๐๐๐ (๕/๒) น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซล ประเภทเมทิลเอสเทอร์ของกรดไขมัน ผสมอยู่เกินร้อยละ ๗ แต่ไม่เกิน ร้อยละ ๙ ทั้งนี้ อัตราภาษีได้รวม ราคาคาร์บอนตามหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๒๑๐ ๐๑๐๕๒๑๐๐๐๐ (๕/๓) น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซล ประเภทเมทิลเอสเทอร์ของกรดไขมัน ผสมอยู่เกินร้อยละ ๙ แต่ไม่เกิน ร้อยละ ๑๔ ทั้งนี้ อัตราภาษีได้รวม ราคาคาร์บอนตามหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
๒๑๐ ๐๑๐๕๒๒๐๐๐๐ (๕/๔) น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซล ประเภทเมทิลเอสเทอร์ของกรดไขมัน ผสมอยู่เกินร้อยละ ๑๔ แต่ไม่เกิน ร้อยละ ๑๙ ทั้งนี้ อัตราภาษีได้รวม ราคาคาร์บอนตามหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร
6.330 PageNumber: - ๓ -
ประเภทที่ รหัส รายได้ นำเงิน ส่งคลัง รหัสสินค้าสำหรับ ระบบคอม รายการ อัตราภาษี
ตาม มูลค่า ร้อยละ ตามปริมาณ หน่วย หน่วยละ- บาท
๒๑๐ ๐๑๐๕๒๓๐๐๐๐ (๕/๕) น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซล ประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน ผสมอยู่เกินร้อยละ ๑๙ แต่ไม่เกิน ร้อยละ ๒๔ ทั้งนี้ อัตราภาษีได้รวม ราคาคาร์บอนตามหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ลิตร เศษ ของลิตร ให้นับเป็น หนึ่งลิตร ๕.๙๕๓""
**Observation:** The image shows a logo. **Text Recognition:** The text ""Power by TCPDF"" is visible within the logo. **Final Summary:** The image is a logo that reads ""Power by TCPDF"".
" 2420.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๓๔ ก หน้า ๓๗ ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘
**Observation:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ พื้นผิวของครุฑมีรายละเอียดเป็นเส้นสายโค้งและตรง **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาล **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นของตราสัญลักษณ์ครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว
กฎกระทรวง กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข้มพืดเหล็กกล้ารีดร้อน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข้มพืดเหล็กกล้ารีดร้อน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๓ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข้มพืดเหล็กกล้ารีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๑๓๙๐ - ๒๕๖๖ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เข้มพืดเหล็กกล้ารีดร้อน พ.ศ. ๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มีการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข็มพัดเหล็กกล้ารืดร้อน โดยประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข็มพัดเหล็กกล้ารืดร้อน พ.ศ. ๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ และได้มีการดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของตัวแทนของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องครบถ้วนตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้ว สมควรปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข็มพัดเหล็กกล้ารืดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข็มพัดเหล็กกล้ารืดร้อนที่ได้ปรับปรุงใหม่ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 2423.pdf,"ระเบียบสำนักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบที่นำส่งไว้เกินจำนวนที่ต้องชำระคืน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบที่นำส่งไว้เกินจำนวนที่ต้องชำระคืน พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้การปฏิบัติงานในการคืนเงินสมทบเป็นไปด้วยความรวดเร็ว คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อนายจ้างและผู้ประกันตนซึ่งได้รับผลกระทบจากการประสบภัยพิบัติในกรณีวิตามและอุทกภัย ตามประกาศกระทรวงแรงงานเรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง พ.ศ. ๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ และประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง พ.ศ. ๒๕๖๘ ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๗ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสำนักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบที่นำส่งไว้เกินจำนวนที่ต้องชำระคืน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ แห่งระเบียบสำนักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบที่นำส่งไว้เกินจำนวนที่ต้องชำระคืน พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ การคืนเงินสมทบให้แก่นายจ้างหรือผู้ประกันตน สำนักงานประกันสังคมจะคืนเงินโดยวิธี ดังต่อไปนี้ (๑) จ่ายเป็นเงินสดหรือเช็คหรือธนาณัติ (๒) จ่ายผ่านธนาคารที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๘/๑ แห่งระเบียบสำนักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบที่นำส่งไว้เกินจำนวนที่ต้องชำระคืน พ.ศ. ๒๕๖๐ “ข้อ ๘/๑ การคืนเงินสมทบให้แก่นายจ้างหรือผู้ประกันตนซึ่งนำส่งไว้เกินจำนวนที่ต้องชำระเนื่องจากได้รับการลดหย่อนการออกเงินสมทบตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง พ.ศ. ๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ และประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและ ผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง พ.ศ. ๒๕๖๘ ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้ข้าราชการชั่วคราวตำแหน่งดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติติสั่งจ่ายเงินคืนให้แก่นายจ้างหรือผู้ประกันตน (๑) เลขาธิการ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่เลขารักษาระบบราชการจังหวัดมอบหมาย (๒) ผู้อำนวยการสำนักงานสมทบ ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ ประกันสังคมจังหวัด หรือหัวหน้าสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา แล้วแต่กรณี สำหรับการอนุมัติ สั่งจ่ายเงินไม่เกินสามแสนบาท"" ประกาศ ณ วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ มารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม" 2424.pdf,"# ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ## ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างว่าด้วย การจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อขยายอัตรา การจ่ายเงินสงเคราะห์จากกรณีนายจ้างไม่จ่ายเงินอื่นนอกจากค่าชัดเชย สำหรับบรรเทาความเดือดร้อน ให้แก่ลูกจ้าง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓๔ แห่งพระราชบัญญัติคุมครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างว่าด้วย การจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๕ แห่งระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๕ อัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์จากกรณีนายจ้างไม่จ่ายเงินอื่นนอกจากค่าชัดเชย ตามข้อ ๘ (๒) หรือข้อ ๘ (๓) ให้จ่ายในอัตราไม่เกินเจ็ดสิบเท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้างเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ให้จ่ายเงินสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในคราวเดียวกันทั้งจำนวน แต่ไม่เกินกว่าจำนวนเงินอื่นนอกจาก ค่าชัดเชยที่พนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่าย กรณีลูกจ้างได้รับเงินอื่นตามข้อ ๘ (๒) จากนายจ้างบางส่วนแล้ว ให้จ่ายเงินสงเคราะห์ แก่ลูกจ้างเพิ่มเฉพาะในส่วนที่ยังไม่ครบถ้วนตามที่ลูกจ้างฟังมีสิทธิได้รับตามวรรคหนึ่ง” ข้อ ๔ ผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินสงเคราะห์ตามระเบียบนี้ จะต้องเป็นลูกจ้างซึ่งยื่นคำร้อง ต่อพนักงานตรวจแรงงาน โดยพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งเป็นที่สุดนับแต่วันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ประกาศ ณ วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ บุญสงคราม ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง" 2425.pdf,"ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง กำหนดให้สำนักงานที่ดินจังหวัด และสำนักงานที่ดินสาขา ในพื้นที่จังหวัดเลยเป็นสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับ มาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และข้อ ๒ (๑) (๔) ข้อ ๑๙ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบกับ ข้อ ๘ แห่งระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ต่างสำนักงานแบบออนไลน์ และสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์ทั่วระบบ พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงประกาศให้สำนักงานที่ดิน ดังต่อไปนี้ เป็นสำนักงานที่ดิน อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินประเภทโฉนดที่ดิน ๑. สำนักงานที่ดินจังหวัดเลย ๒. สำนักงานที่ดินจังหวัดเลย สาขาเชียงคำ ๓. สำนักงานที่ดินจังหวัดเลย สาขาด่านช้าย ๔. สำนักงานที่ดินจังหวัดเลย สาขาภูกระดึง ๕. สำนักงานที่ดินจังหวัดเลย สาขาวังสะพุง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน" 2428.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การควบคุมการใช้หอเผาทิ้ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการในการควบคุมการใช้หอเผาทิ้ง ในการประกอบกิจการโรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดอากาศเสียให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๖ จัตวา ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และข้อ ๗ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๗ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๘ ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การควบคุม การใช้หอเผาทิ้ง พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ โรงงานตามข้อ ๓ ต้องดำเนินการ ต่อไปนี้ (๑) ควบคุมการทำงานของหอเผาทิ้ง ไม่ให้เกิดควันดำจากหอเผาทิ้งที่สามารถสังเกตเห็นได้ ด้วยตาเปล่า รวมกันเกินกว่าสิบนาทีในช่วงสองร้อยสี่สิบนาทีใด ๆ ไม่ว่าควันดำจะเกิดต่อเนื่อง หรือไม่ต่อเนื่องก็ตาม (๒) รายงานบันทึกการใช้หอเผาทิ้งเป็นรายเดือนภายในวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไป การรายงานให้ดำเนินการโดยแบบและวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบการรายงานข้อมูลกลาง ของกระทรวงอุตสาหกรรม (๓) กรณีมีควันดำจากหอเผาทิ้งระยะเวลารวมเกินกว่าที่กำหนดตาม (๑) ให้รายงาน รายละเอียดของการใช้หอเผาทิ้ง ระยะเวลา รายงานผลการสืบสวนสาเหตุ และมาตรการป้องกัน หรือลดการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในอนาคตเป็นลายลักษณ์อักษรต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมทุกครั้ง ที่มีควันดำจากหอเผาทิ้งระยะเวลารวมเกินกว่าที่กำหนด ภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันเกิดเหตุ” ข้อ ๒ ให้ถือว่าการรายงานตามข้อ ๘ ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การควบคุม การใช้หอเผาทิ้ง พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่ได้กระทำก่อนประกาศนี้ใช้บังคับเป็นการรายงานตามข้อ ๘ ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การควบคุมการใช้หอเผาทิ้ง พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศนี้ ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 2430.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : น้ำ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : น้ำ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : น้ำ พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : น้ำ มาตรฐานเลขที่ มอก. 4473 - 2568 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : เครื่องดับเพลิงยกหิ้ว : น้ำ #### PORTABLE FIRE EXTINGUISHERS : WATER มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4473-2568 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 51 หม้อน้ำและภาชนะรับความดัน ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - ครอบคลุมเฉพาะเครื่องดับเพลิงยกหิ้วขนาดน้ำหนักรวมไม่เกิน 25 kg ซึ่งบรรจุสารดับเพลิงชนิดน้ำ โดยต้องใช้ดับเพลิงประเภท A เท่านั้น - ครอบคลุมเฉพาะเครื่องดับเพลิงยกหิ้วแบบอัดความดันไว้เท่านั้น - ครอบคลุมเฉพาะเครื่องดับเพลิงยกหิ้วทำใหม่ เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย บทนำ คุณลักษณะที่ต้องการ เครื่องหมายและฉลาก การซักตัวอย่างและเกณฑ์ทดสอบ และภาคผนวก ก. จำนวนหน้า : ๔ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๖๒๙-๒ ICS : ๑๓.๒๐๐.๒๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๕๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๕๐๐ https://www.tisi.go.th" 2433.pdf,"ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง ออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ (๓) แห่งประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ พ.ศ. ๒๕๔๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๓) เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รองเลขารักษาระบบการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม ผู้ตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและแผนงาน ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย ผู้อำนวยการสำนักบริหารกองทุน ผู้อำนวยการสำนักจัดการปฏิรูปที่ดิน ผู้อำนวยการสำนักจัดการแผนที่ และสารบบที่ดิน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง ผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปฏิรูปที่ดินจังหวัด ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิรูปที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตปฏิรูปที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาระบบการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารเงินกองทุนการปฏิรูปที่ดิน นิติกร นักวิชาการ ปฏิรูปที่ดิน เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดิน นักวิเคราะห์นโยบายและแผน เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน นักวิชาการเงินและบัญชี เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี นักวิชาการ แผนที่ภาพถ่าย เจ้าหน้าที่แผนที่ภาพถ่าย เจ้าหน้าที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ วิศวกรโยธา วิศวกรการเกษตร วิศวกรเครื่องกล วิศวกรสำรวจ สถาปนิก นายช่างโยธา นายช่างสำรวจ ผู้ช่วยช่างสำรวจ นายช่างเครื่องกล ผู้เชี่ยวชาญด้านตรวจสอบการถือครองที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและวางผัง การใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านงานประกาศเขตปฏิรูปที่ดินและงานแผนที่ ผู้ช่วยงานด้านคดี สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์"" ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิชัย ชุณหวิธิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นครพล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์" 2435.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๓๘ ก หน้า ๑๗ ราชกิจจานุเบกษา ๕ มิถุนายน ๒๕๖๘
**Observation:** ภาพแสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำและขาว ครุฑมีปีกกางออก และสวมเครื่องประดับ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย **Final Summary:** ภาพนี้เป็นภาพวาดลายเส้นสีดำและขาวของครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย ครุฑมีปีกกางออกและสวมเครื่องประดับ
# พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๗๙๗) พ.ศ. ๒๕๖๘ ## พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ### ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นปีที่ ๑๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราภาษีให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในบางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า ""พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๗๙๗) พ.ศ. ๒๕๖๘"" มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกาเงิน ""สินค้า"" หมายความว่า ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ที่มีไว้ เพื่อขายเท่านั้น ""บริการ"" หมายความว่า การกระทำใด ๆ อันอาจหาประโยชน์อันมีมูลค่าซึ่งมิใช่การผลิตสินค้า หรือการขายสินค้า ""เขตเศรษฐกิจพิเศษ"" หมายความว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษตามข้อ ๙ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๔ มาตรา ๔ ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ตาม (ก) ของ (๒) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้น้ำมัน ณ ที่ได้ สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นจากการผลิตสินค้าในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานใหญ่อยู่ ณ ที่ใด สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นจากกิจการระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง หากจัดทะเบียนจัดตั้งนับแต่วันที่ พระราชกฤษฎีกาเงิน ใช้บังคับ สถานประกอบกิจการที่ตั้งขึ้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษต้องเป็นอาคารถาวร แต่ถ้าจัดทะเบียนก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาเงิน ใช้บังคับ สถานประกอบกิจการที่ตั้งขึ้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ต้องเป็นอาคารถาวรที่ขยายหรือเพิ่มเติมจากสถานประกอบกิจการที่มีอยู่เดิม มาตรา ๕ การนับรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา ๔ ให้นับรอบระยะเวลาบัญชี ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ได้จัดแจ้งขอใช้สิทธิประโยชน์ต่อกรมสรรพากร ตามมาตรา ๖ (๑) ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก (๒) กรณีที่มีการจัดแจ้งขอใช้สิทธิประโยชน์ต่อกรมสรรพากรตามมาตรา ๖ (๑) ระหว่าง รอบระยะเวลาบัญชีใด ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก แม้ว่าจะมีระยะเวลา น้อยกว่าสิบสองเดือนก็ตาม มาตรา ๖ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับสิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้ ตามมาตรา ๔ จะต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) ได้จัดแจ้งการขอใช้สิทธิการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด (๒) ต้องไม่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน (๓) ต้องไม่ใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา ๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตาม ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๘๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตาม ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและ ยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๖๔) พ.ศ. ๒๕๕๖ (๔) ต้องไม่ใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตาม ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๕๙๑) พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๖๙๓) พ.ศ. ๒๕๖๓ (๕) ต้องจัดทำบัญชียแกรรายการสำหรับกิจการที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและกิจการ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (๖) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนดตามมาตรา ๔ ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขาดคุณสมบัติตามวรรคหนึ่งข้อหนึ่งข้อใด ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้การได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสิ้นสุดลงตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีนั้น มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แพทองธารา ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราภาษีเงินได้ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อช่วยสร้าง สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจและการขยายการลงทุน จูงใจให้เกิดการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว รวมถึงยกระดับการผลิตและการให้บริการ ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษให้สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจหลักและประเทศเพื่อนบ้าน จึงจำเป็นต้องตรา พระราชกฤษฎีกานี้" 2439.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๓๙ ก หน้า ๔ ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘
**Observation:** ภาพแสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาลไทย **Final Summary:** ภาพนี้แสดงตราสัญลักษณ์ครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย ในรูปแบบลายเส้นสีดำบนพื้นหลังสีขาว
กฎกระทรวง กำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ (๔) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๒ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๒/๑ ของกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ""ข้อ ๒/๑ ในกฎกระทรวงนี้ “รถยนต์โบราณ” หมายความว่า รถยนต์นั้งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั้งส่วนบุคคล เกินเจ็ดคน และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ตามชื่อยี่ห้อ แบบ รุ่น และวันที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ที่อธิบดีประกาศกำหนด ซึ่งมีอายุตั้งแต่สามสิบปีขึ้นไปนับตามปีที่ผลิต และได้นำเข้ามาในราชอาณาจักร แบบสำเร็จรูปทั้งคัน โดยไม่รวมถึงการนำเข้าจากเขตปลอดอากรหรือคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมาย ว่าด้วยศุลกากร หรือเขตประกอบการเสรีตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรม"" ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ค) ของ ๒) ของ (ก) ของ (๑) ในข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถ และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดง การเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ ""ค) แผ่นป้ายทะเบียนรถสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เกินเจ็ดคน และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่เป็นรถยนต์โบราณ ให้มีลักษณะเช่นเดียวกับที่กำหนดไว้ตาม ก) เว้นแต่บรรทัดที่หนึ่งประกอบด้วยตัวอักษรประจำหมวดหนึ่งตัว และหมายเลขทะเบียนไม่เกินสี่หลัก"" ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (ค/ด) ของ (๒) ในข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดง การเสียภาษีประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ ""(ค/ด) แผ่นป้ายทะเบียนรถสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เกินเจ็ดคน และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่เป็นรถยนต์โบราณ ให้พื้นแผ่นป้ายใช้สีดำสะท้อนแสง โดยให้ตัวอักษรประจำหมวด หมายเลขทะเบียน ตัวอักษรแสดงชื่อกรุงเทพมหานครหรือจังหวัด ที่จดทะเบียน และขอบแผ่นป้ายใช้สีขาว"" ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคการท่องเที่ยว โดยให้มีการสนับสนุนการนำเข้าและจดทะเบียนรถยนต์โบราณ สมควรกำหนดให้มีแผ่นป้ายทะเบียนสำหรับรถยนต์โบราณที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณดังกล่าว เพื่อให้สามารถควบคุม กำกับ และดูแลการใช้รถยนต์โบราณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้" 2440.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๓๙ ก หน้า ๗ ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘
**Observation:** ภาพแสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ พื้นลำตัวมีลวดลายไทย และมีข้อความภาษาไทยอยู่ด้านล่าง **Text Recognition:** ข้อความภาษาไทยที่ปรากฏด้านล่างครุฑคือ ""สำเนาถูกต้อง"" **Final Summary:** ภาพเป็นตราสัญลักษณ์ครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว โดยมีข้อความ ""สำเนาถูกต้อง"" อยู่ด้านล่าง
กฎกระทรวง สำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ และมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป ข้อ ๒ กฎกระทรวงนี้ให้มีอายุสิบปี ข้อ ๓ ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องดังต่อไปนี้ เพื่อนำมาประมวลผลเป็นข้อมูลสถิติเป็นรายสาขาธุรกิจและอุตสาหกรรม และประมวลผลเป็นข้อมูลในการวางแผนนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และธุรกิจของประเทศ (๑) จำนวนและขนาดของสถานประกอบการ (๒) ประเภทธุรกิจและอุตสาหกรรม (๓) ลักษณะเชิงเศรษฐกิจและสังคมของสถานประกอบการ (๔) จำนวนคนทำงานและค่าตอบแทนของสถานประกอบการ (๕) ผลผลิต รายรับ และค่าใช้จ่ายของสถานประกอบการ (๖) มูลค่าของสินทรัพย์ถาวรของสถานประกอบการ (๗) ข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและอุตสาหกรรม ข้อ ๔ เขตท้องที่ที่ทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม ได้แก่ ทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ข้อ ๕ ให้ผู้ประกอบการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ประกอบการของสถานประกอบการ ทุกแห่งที่อยู่ในเขตท้องที่ตามข้อ ๔ เป็นผู้ให้ข้อมูลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ โดยการให้สัมภาษณ์ ตอบแบบสอบถามผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ หรือด้วยวิธีการอื่นตามที่ผู้อำนวยการสำนักงาน สถิติแห่งชาติประกาศกำหนด เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๓๙ ก หน้า ๘ ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘ ข้อ ๖ ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรมตามกฎกระทรวงนี้ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ประเสริฐ จันทรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรจัดทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรมในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนและขนาดของสถานประกอบการ ประเภทธุรกิจและอุตสาหกรรม ลักษณะเชิงเศรษฐกิจและสังคมของสถานประกอบการ จำนวนคนทำงาน คำตอบแทน ผลผลิต รายรับ ค่าใช้จ่าย และมูลค่าของสินทรัพย์ถาวรของสถานประกอบการ รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและอุตสาหกรรม และประมวลผลเป็นข้อมูลสถิติเป็นรายสาขาธุรกิจและอุตสาหกรรม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และธุรกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ " 2443.pdf,"ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุมครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓, ๑๑ มกราคม ๒๕๖๕ และ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) อนุมัติตั้งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุมครองข้อมูลส่วนบุคคล รวม ๑๐ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๕ และลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ นั้น บัดนี้ นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติ) ในคณะกรรมการดังกล่าวข้างต้นได้พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๔) และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘ อนุมัติตั้งตั้ง นายนคร เสรีรักษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติ) ในคณะกรรมการคุมครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งตนแทนตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ ประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทน นายกรัฐมนตรี" 2445.pdf,"# ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๕๔) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคให้แก่สภาภาชาดไทยหรือ มูลนิธิด้านการแพทย์และการสาธารณสุขผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๙๕) พ.ศ. ๒๕๖๘ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคให้แก่สภาภาชาดไทยหรือมูลนิธิ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ ""มูลนิธิ” หมายความว่า (๑) มูลนิธิกาญจนบารมี (๒) มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ (๓) มูลนิธิจุฬาภรณ์ (๔) มูลนิธิชัยพัฒนา (๕) มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (๖) มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (๗) มูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช (๘) มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก (๙) มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (๑๐) มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ (๑๑) มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (๑๒) มูลนิธิโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช (๑๓) มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี (๑๔) มูลนิธิโรงพยาบาลเล็ดสิน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (๑๕) มูลนิธิโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (๑๖) มูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (๑๗) มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ (๑๘) มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กองทัพเรือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (๑๙) มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๒๐) มูลนิธิโรงพยาบาลหาดใหญ่ (๒๑) มูลนิธิศรีสว่างควัฒน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสว่างควัฒน วรขัตติยราชนารี (๒๒) มูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (๒๓) มูลนิธิสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ (๒๔) มูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา (๒๕) มูลนิธิสมเด็จพระปิ่นเกล้า (๒๖) ศิริราชมูลนิธิ ข้อ ๒ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา สำหรับการบริจาคให้แก่สภาภาคชาดไทย หรือมูลนิธิ ตามมาตรา ๔ (๑) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๙๕) พ.ศ. ๒๕๖๘ จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ข้อ ๓ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาค ให้แก่สภาภาชาดไทยหรือมูลนิธิ ตามมาตรา ๔ (๒) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๙๕) พ.ศ. ๒๕๖๘ จะบริจาคเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าก็ได้ ในกรณีที่บริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐาน การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจำนวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าว เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (๒) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคำนวณหักค่าเสียหาย และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (๓) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นมูลค่าของรายจ่าย ที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมา ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) แห่งประมวล รัษฎากร (๔) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาระหว่างบริจาคนั้น จะต้องมีจำนวนไม่เกินราคา ที่พึงซื้อได้โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑๕) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ ๔ การบริจาคให้แก่สภาภาชัดไทยหรือมูลนิธิ ให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบ บริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ตามมาตรา ๔ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๙๕) พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดง เอกสารหลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ บ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร" 2453.pdf,"# ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนด ปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายข้นต้น) เพื่อให้การผลิตน้ำตาลทรายสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และเกิดความเป็นธรรมระหว่างโรงงาน เนื่องจากปริมาณอ้อยได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้ประมาณการไว้ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๖ แห่งระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วย การกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายให้โรงงานผลิต พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จึงออกประกาศกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิต ในฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) ไว้ ดังนี้ ให้ยกเลิกบัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง กำหนดปริมาณ น้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายข้นต้น) ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ และให้ใช้ปริมาณน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานผลิตในฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) แนบท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ## ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย # บัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง การกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายที่ใช้โรงงานผลิตในฤดูกาลการผลิตปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) ## หน่วย : กรัมต่อ (๑๐๐ กก./ต.) |ลำดับ|บริษัท/โรงงานน้ำตาล|ทะเบียนโรงงาน (เดิม)|ทะเบียนโรงงาน (ใหม่)|น้ำตาลทราย|ปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง|รวมน้ำตาล| |---|---|---|---|---|---|---| |๑|บริษัท น้ำตาลหิพย์กำแพงเพชร จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๕๔ กฟ|๑๐๖๒๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๒,๑๑๓,๗๙๗|๔๖,๐๐๐|๒,๑๕๙,๗๙๗| |๒|บริษัท น้ำตาลพิมพ์ยุสโขทัย จำกัด|๓-๑๐(๓)-๑/๕๓ สท|๑๐๖๔๐๐๐๐๐๒๕๕๕๕|๑,๙๔๗,๓๒๑|๔๒,๐๐๐|๑,๙๘๙,๓๒๑| |๓|บริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๒๐ อค|๑๐๕๓๐๐๐๐๑๒๕๖๐๗|๑,๖๗๔,๓๖๘|๓๖,๐๐๐|๑,๗๑๐,๓๖๘| |๔|บริษัท น้ำตาลทรายกำแพงเพชร จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๑๖ กฟ|๑๐๖๒๐๐๐๐๐๒๕๕๕๕|๕๘๖,๐๓๙|๑๓,๐๐๐|๕๙๙,๐๓๙| |๕|บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชันแนล ซูคาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (รวมผล) |จ. ๓-๑๑(๓)-๑/๑๕ นว|๒๐๖๐๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๑,๑๖๗,๔๕๐|๒๕,๐๐๐|๑,๑๙๒,๔๕๐| |๖|บริษัท น้ำตาลดอนพรเพชร จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๓๒ กฟ|๑๐๖๒๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๑,๙๙๑,๗๙๔|๔๓,๐๐๐|๒,๐๓๔,๗๙๔| |๗|บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชันแนล ซูคาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) |จ. ๓-๑๑(๓)-๑/๓๕ นว|๑๐๖๐๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๓,๖๙๓,๐๘๘|๘๐,๐๐๐|๓,๗๗๓,๐๘๘| |๘|บริษัท ไทยรังเรืองอุตสาหกรรม จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ พช|๑๐๖๗๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๔,๐๕๓,๕๒๗|๘๗,๐๐๐|๔,๑๔๐,๕๒๗| |๙|บริษัท น้ำตาลพิชญไผโคก จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๓๗ พล|๑๐๖๕๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๒,๓๒๔,๖๙๕|๕๐,๐๐๐|๒,๓๗๔,๖๙๕| |๑๐|บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด (เพชรบูรณ์) |๓-๑๑(๓)-๑/๕๘ พช|๑๐๖๗๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๑,๓๔๘,๗๙๕|๒๙,๐๐๐|๑,๓๗๗,๗๙๕| |๑๑|บริษัท น้ำตาลสิงห์บุรี จำกัด|๑๑(๓)-๑/๑๙ สท|๑๐๑๗๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๑,๑๑๗,๒๑๔|๒๔,๐๐๐|๑,๑๔๑,๒๑๔| |๑๒|บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๒๑ สพ|๑๐๗๐๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๒๓๒,๐๔๓|๕,๐๐๐|๒๓๗,๐๔๓| |๑๓|บริษัท น้ำตาลธารีฟันซึมมงคล จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๓๐ สพ|๑๐๗๒๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๓๑๔,๐๒๐|๗,๐๐๐|๓๒๑,๐๒๐| |๑๔|บริษัท ไทยรังเรืองเพ็ญพูนอุตสาหกรรม จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ|๑๐๗๐๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๗๖๘,๓๗๙|๑๗,๐๐๐|๗๘๕,๓๗๙| |๑๕|บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๒๒ กจ|๑๐๗๐๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๕๑๓,๙๙๙|๑๑,๐๐๐|๕๒๔,๙๙๙| |๑๖|บริษัท ประจวบอุตสาหกรรม จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ|๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๕๔๐,๗๔๕|๑๒,๐๐๐|๕๕๒,๗๔๕| |๑๗|บริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ|๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๘๗๙,๙๙๘|๑๙,๐๐๐|๘๙๘,๙๙๘| |๑๘|บริษัท โรงงานน้ำตาลนิเวศกรุงไทย จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๕๒ กจ|๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๑,๓๐๕,๑๑๗|๒๘,๐๐๐|๑,๓๓๓,๑๑๗| |๑๙|บริษัท ไทยรังเรือง คอร์ปอเรชั่น จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๓๘ ธน|๑๐๖๑๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๒,๗๑๔,๖๒๐|๕๘,๐๐๐|๒,๗๗๒,๖๒๐| |๒๐|บริษัท น้ำตาลไทยภายนจนบุรี จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ กจ|๑๐๗๐๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๗๑๖,๖๘๐|๑๕,๐๐๐|๗๓๑,๖๘๐| |๒๑|บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเกษตร จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๒๒ กจ|๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๗๓๙,๖๑๒|๑๖,๐๐๐|๗๕๕,๖๑๒| |๒๒|บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ สพ|๑๐๗๒๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๓,๓๖๙,๕๒๘|๗๓,๐๐๐|๓,๔๔๒,๕๒๘| |๒๓|บริษัท น้ำตาลบ้านโป่ง จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ รบ|๑๐๗๐๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๔๓๓,๙๖๑|๙,๐๐๐|๔๔๒,๙๖๑| |๒๔|บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๑๙ รบ|๑๐๗๐๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๖๐๔,๒๒๙|๑๓,๐๐๐|๖๑๗,๒๒๙| |๒๕|บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น. จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๓๓ ลป|๑๐๑๖๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๕๔๕,๖๗๗|๑๒,๐๐๐|๕๕๗,๖๗๗| |๒๖|บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลปราณบุรี จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ ปช|๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๓๕๙,๒๙๘|๘,๐๐๐|๓๖๗,๒๙๘| |๒๗|บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ สบ|๑๐๑๙๖๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๑,๙๗๐,๓๓๗|๔๒,๐๐๐|๒,๐๑๒,๓๓๗| |๒๘|บริษัท มิตรเกษตร อุทัยธานี จำกัด|๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ ธน|๑๐๖๑๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๑,๓๖๘,๓๒๘|๒๙,๐๐๐|๑,๓๙๗,๓๒๘| |๒๙|บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด (สาขาสระบุรีโบสถ์)|๓-๑๑(๓)-๑/๕๘ ลป|๑๐๑๖๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๑,๐๔๔,๘๐๐|๒๓,๐๐๐|๑,๐๖๗,๘๐๐| |๓๐|บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด (สาขาชาญเจนบุรี)|๓-๑๑(๓)-๑/๕๘ กจ|๑๐๗๑๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕|๖๖๓,๕๒๖|๑๔,๐๐๐|๖๗๗,๕๒๖| ## หน่วย : กระสอบ (๑๐๐ กก./ต.)
ลำดับ โรงงานน้ำตาล/บริษัท ทะเบียนโรงงาน (เดิม) ทะเบียนโรงงาน (ใหม่) น้ำตาลทราย ปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง รวมน้ำตาล
๓๑ บริษัท น้ำตาลมวกว้างสุนทรี จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๖๗ สก ๑๐๒๗๐๐๑๘๖๒๕๖๗๐ ๔๑๐,๒๔๐ ๙,๐๐๐ ๔๑๙,๒๔๐
๓๒ บริษัท สหกรณ์น้ำตาลอินทรีย์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๕ ซบ ๑๐๒๐๐๑๐๐๑๒๕๑๕๖ ๕๐๔,๖๓๗ ๑๑,๐๐๐ ๕๑๕,๖๓๗
๓๓ บริษัท น้ำตาแลและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) (รัตนนคร) ๓-๑๑(๓)-๑/๓๗ สก ๑๐๒๗๐๐๐๐๑๒๕๓๗๔ ๒,๘๕๘,๖๔๔ ๖๑,๐๐๐ ๒,๙๑๙,๖๔๔
๓๔ บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๔๘ ชป ๑๐๒๐๐๐๐๑๒๕๔๘๘ ๔๐๒,๑๓๙ ๙,๐๐๐ ๔๑๑,๑๓๙
๓๕ บริษัท น้ำตาลแลและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) (วงสมบูรณ์) ๓-๑๑(๓)-๑/๖๐ สก ๑๐๒๗๐๐๐๐๑๒๕๖๐๖ ๗๒๙,๐๔๐ ๑๖,๐๐๐ ๗๔๕,๐๔๐
๓๖ บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๔๘ สร ๑๐๓๒๐๐๐๐๓๒๕๔๘๘ ๒,๑๙๙,๕๒๑ ๔๗,๐๐๐ ๒,๒๔๖,๕๒๑
๓๗ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลอิสาน จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๘ กสิ ๑๐๔๖๐๑๐๐๑๒๕๓๘๘ ๑,๐๗๑,๔๓๒ ๒๓,๐๐๐ ๑,๐๙๔,๔๓๒
๓๘ บริษัท น้ำตาลมิดการพานิช จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๔๒ กสิ ๑๐๔๖๐๒๐๐๑๒๕๔๙๙ ๓,๖๖๔,๒๘๙ ๗๙,๐๐๐ ๓,๗๔๓,๒๘๙
๓๙ บริษัท น้ำตาลวริศรา จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๔๙ มค ๑๐๔๔๐๐๐๐๐๒๕๔๙๘ ๖๘๒,๑๐๙ ๑๕,๐๐๐ ๖๙๗,๑๐๙
๔๐ บริษัท น้ำตาลเกษตรผล จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๔ อด ๑๐๔๑๐๐๐๐๑๒๕๓๔๓ ๒,๓๐๔,๗๔๕ ๔๗,๐๐๐ ๒,๓๑๑,๗๔๕
๔๑ บริษัท อุตสาหกรรมโตริเวช จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๕ นม ๑๐๓๐๐๐๐๐๑๒๕๓๕๓ ๕,๒๓๙,๓๑๕ ๑๑๓,๐๐๐ ๕,๓๕๒,๓๑๕
๔๒ บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (เม็ดภูเขียว) ๓-๑๑(๓)-๑/๓๗ ขก ๑๐๔๐๐๐๐๐๑๒๕๓๗๙ ๓,๑๓๓,๙๗๙ ๖๘,๐๐๐ ๓,๒๐๑,๙๗๙
๔๓ บริษัท อุตสาหกรรมอ่างเวียน จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๖ นม ๑๐๓๐๐๓๐๐๑๒๕๓๖๘ ๒,๒๔๙,๓๕๙ ๔๙,๐๐๐ ๒,๒๙๘,๓๕๙
๔๔ บริษัท น้ำตาลดรบุรี จำกัด (มหาชน) ศ-๓-๑๑(๓)-๑/๓๙ นม ๐๐๓๐๐๓๐๐๑๒๕๓๔๙ ๓,๒๘๘,๘๒๗ ๗๑,๐๐๐ ๓,๓๕๙,๘๒๗
๔๕ บริษัท โรงงาบน้ำตาลทรายขาวเริ่มอุดม จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๖ อด ๑๐๔๑๐๐๐๐๒๕๑๓๕ ๗๒๐,๗๙๘ ๑๖,๐๐๐ ๗๓๖,๗๙๘
๔๖ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ๓-๑๑(๓)-๑/๒๐ ขก ๑๐๔๐๐๐๐๐๑๒๕๒๐๓ ๒,๑๖๑,๙๗๔ ๔๗,๐๐๐ ๒,๒๐๘,๙๗๔
๔๗ บริษัท สหเรือง จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๓๖ มห ๑๐๔๙๐๐๐๐๑๒๕๓๖๐ ๑,๑๖๙,๑๑๗ ๒๕,๐๐๐ ๑,๑๙๔,๑๑๗
๔๘ บริษัท โรงงาบน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๑๕ บร ๑๐๓๑๐๐๐๐๑๒๕๑๕๔ ๒,๔๗๙,๒๖๓ ๕๓,๐๐๐ ๒,๕๒๘,๒๖๓
๔๙ บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูเขียว) ๓-๑๑(๓)-๑/๒๙ ชย ๑๐๓๖๐๒๐๐๑๒๕๒๙๘ ๓,๙๓๙,๖๒๗ ๘๕,๐๐๐ ๔,๐๑๕,๖๒๗
๕๐ บริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ นภ ๑๐๓๙๐๐๐๐๒๒๕๕๕๐ ๓,๑๑๓,๑๒๔ ๖๗,๐๐๐ ๓,๑๘๐,๑๒๔
๕๑ บริษัท น้ำตาลไทยอุตธารณ์ จำกัด ๓-๑๑(๓)-๑/๕๕ อด ๑๐๔๑๐๐๐๐๒๗๕๕๕๔ ๒,๔๓๙,๐๓๖ ๕๓,๐๐๐ ๒,๔๘๘,๐๓๖
๕๒ บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรภูหลวง) ๓-๑๑(๓)-๑/๕๗ ลอย ๑๐๔๒๐๐๐๐๑๒๕๕๗๓ ๓,๗๔๙,๙๒๗ ๘๑,๐๐๐ ๓,๘๒๑,๙๒๗
๕๓ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (สาขาวังสะพุง) ๓-๑๑(๓)-๑/๕๗ ลอย ๑๐๔๒๐๐๐๐๒๒๕๕๗๑ ๒,๐๙๖,๖๙๓ ๔๕,๐๐๐ ๒,๑๔๑,๖๙๓
๕๔ บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด (สาขาชัยภูมิ) ๓-๑๑(๓)-๑/๕๘ ชย ๑๐๓๖๐๐๐๐๑๒๕๕๕๕๙ ๑,๗๗๕,๕๑๑ ๓๘,๐๐๐ ๑,๘๑๓,๕๑๑
๕๕ บริษัท ไทยรุ้งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด (สกลนคร) ๓-๑๑(๓)-๑/๖๑ สน ๑๐๔๗๐๐๐๐๑๒๕๖๑๐ ๔๔๕,๗๗๗ ๑๐,๐๐๐ ๔๕๕,๗๗๗
๕๖ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (สาขาอำนาจเจริญ) ๓-๑๑(๓)-๑/๖๑ จง ๑๐๓๗๐๐๐๐๒๒๕๖๑๐ ๑,๕๘๘,๘๑๔ ๓๔,๐๐๐ ๑,๖๒๒,๘๑๔
๕๗ บริษัท น้ำตาลดรบุรี จำกัด (มหาชน) (สาขาสีคิ้ว) ๓-๑๑(๓)-๑/๖๒ นม ๑๐๓๐๐๐๔๘๐๒๕๖๒๓ ๑,๓๑๒,๗๖๙ ๒๗,๐๐๐ ๑,๓๔๐,๗๖๙
๕๘ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (เกษตรสมบูรณ์) ๓-๑๑(๓)-๑/๖๖ ชย ๑๐๓๖๐๐๒๐๐๒๒๕๖๖๑ ๑,๑๓๓,๘๘๒ ๒๕,๐๐๐ ๑,๑๕๘,๘๘๒
รวม
หมายเหตุ ๑. บัญชีจัดสรรปริมาณการผลิตนี้เป็น บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒ และจะทำการปรับปรุงบัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายอีกครั้งหลังจากปิดหีบอ้อยการผลิตน้ำตาลทราย ๒. น้ำตาลทราย หมายถึง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายข้าวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายชนิดพิเศษ หรือน้ำตาลชนิดอื่นๆ ที่คณะกรรมการกำหนดให้โรงงานผลิตและจำหน่ายได้ ๓. น้ำตาลทรายสำรอง หมายถึง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายข้าวบริสุทธิ์ หรือน้ำตาลทรายชนิดพิเศษที่แต่ละโรงงานต้องสำรองไว้ในปริมาณตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยคำนวณจากปริมาณการบริโภคน้ำตาลทรายโดยเฉลี่ยภายในประเทศหนึ่งเดือนของฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา ๔. เนื้อน้ำตาลทรายสุทธิต่อ ๑ กระสอบ = ๑๐๐ กิโลกรัม หลักเกณฑ์การจัดสรรปริมาณอ้อยและน้ำตาลทรายที่ให้โรงงานทำการผลิต ในปีการผลิต ๒๕๖๗/๒๕๖๘ (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒) # ๑. ปริมาณอ้อยปรับปรุง จัดสรรตามปริมาณอ้อยเข้าหีบแต่ละโรงงานตั้งแต่เปิดหีบจนถึง ณ วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘ และประมาณการอ้อยตั้งแต่วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๘ จนถึงวันที่คาดว่าจะปิดหีบ และจัดสรรตามปริมาณอ้อย เข้าหีบรจริงของโรงงานที่ปิดหีบแล้ว รวมทั้งหมด ๕๘ โรงงาน ซึ่งได้ปริมาณอ้อยรวมทั้งสิ้น ดังนี้
ภาค ปริมาณอ้อย (ตัน)
๑. ภาคเหนือ ๒๐,๗๔๒,๒๗๔
๒. ภาคกลาง ๒๐,๔๔๓,๑๔๙
๓. ภาคตะวันออก ๔,๖๔๗,๔๖๑
๔. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔๕,๙๖๒,๒๐๘
รวมทุกภาค ๙๑,๗๙๕,๐๙๒
## ๒. ปริมาณน้ำตาลทรายจัดสรร ๒.๑ น้ำตาลทราย จัดสรรตามปริมาณอ้อยในข้อ ๑ คูณกับผลผลิตน้ำตาลทรายเฉลี่ยต่อตันอ้อย ของแต่ละโรงงาน ณ วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘ และจัดสรรตามปริมาณอ้อยและผลผลิตน้ำตาลทรายจริงของ โรงงานที่ปิดหีบแล้ว ๒.๒ น้ำตาลทรายสำรอง จัดสรรจากปริมาณการบริโภคน้ำตาลทรายโดยเฉลี่ยภายในประเทศ หนึ่งเดือนของฤดูกาลการผลิตปีที่ผ่านมา ๓. บัญชีจัดสรรปริมาณการผลิตน้ำตาลทรายนี้เป็นไปตามบัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทราย ครั้งที่ ๒" 2459.pdf,"ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการให้บริการวิชาชีพ และมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๖) (ณ) แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ สภาวิศวกร โดยมติที่ประชุมใหญ่สามัญสภาวิศวกร เมื่อวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และโดยความเห็นชอบของสภานายกฯ เห็นชอบให้แก้ไขและปรับปรุงข้อบังคับว่าด้วยมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิศวกร” ว่าด้วยมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๑ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๑ เพื่อเป็นการยกระดับการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ให้ได้มาตรฐานสนองต่อประโยชน์ของผู้รับบริการตลอดจนสาธารณะ มาตรฐานการให้บริการวิชาชีพที่ได้รับการรับรองตามข้อบังคับนี้ให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละสาขาที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางการประกอบวิชาชีพให้มีความเหมาะสมต่อการให้บริการวิชาชีพ โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ในกรณีที่มีมาตรฐานที่กำหนดโดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือน่วยงานอื่นของรัฐให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละสาขาที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าว หรือกรณีที่คณะกรรมการสภาวิศวกรยังไม่ให้การรับรองมาตรฐานการให้บริการวิชาชีพในเรื่องใดให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับกันในระดับสากล ตามที่คณะกรรมการสภาวิศวกรประกาศกำหนด ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๖ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๖ เพื่อเป็นการยกระดับการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ให้ได้มาตรฐานสนองต่อประโยชน์ของผู้รับบริการตลอดจนสาธารณะ มาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพที่ได้รับการรับรองตามข้อบังคับนี้ให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละสาขาที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางการประกอบวิชาชีพให้มีความเหมาะสมต่อการให้บริการวิชาชีพ โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ในกรณีที่มีมาตรฐานที่กำหนดโดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละสาขาที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามเป็นไปตามมาตรฐานดังกล่าว หรือกรณีที่คณะกรรมการสภาวิศวกรยังไม่ให้ออกการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพในเรื่องใด ให้เป็นไป ตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับกันในระดับสากล ตามที่คณะกรรมการสภาวิศวกรประกาศกำหนด” ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร" 2462.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของวัตถุเจือปนอาหารบางรายการ สำหรับปริมาณการปนเปื้อนของเอทีลีนไกลคอล (Ethylene glycol) และไดเอทีลีนไกลคอล (Dietethylene glycol) ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานการตรวจพบสารเอทีลีนไกลคอล (Ethylene glycol) และไดเอทีลีนไกลคอล (Dietethylene glycol) ปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์ยาน้ำแก้วิ่ง จากผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวมีส่วนประกอบของซอร์บิทอล (Sorbitol) ที่มีการปนเปื้อนเอทีลีนไกลคอล (Ethylene glycol) เกินค่ามาตรฐาน จากการพิจารณาข้อมูลเชิงวิชาการพบว่าวัตถุเจือปนอาหารบางรายการมีโอกาสปนเปื้อน เอทีลีนไกลคอล (Ethylene glycol) และไดเอทีลีนไกลคอล (Dietethylene glycol) จากกระบวนการผลิต ดังนั้นเพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ (๒) แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒๘๑) พ.ศ. ๒๕๔๗ เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจ ตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๖ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๙) และ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาหาร ในการประชุมครั้งที่ ๗๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๘ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วัตถุเจือปนอาหาร นอกจากต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐานตามที่กำหนดไว้ใน Codex Advisory Specification for the Identity and Purity of Food Additives แล้วยังต้องปฏิบัติ ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาฉบับนี้ด้วย โดยกำหนดปริมาณการปนเปื้อน เอทีลีนไกลคอล (Ethylene glycol) และไดเอทีลีนไกลคอล (Dietethylene glycol) เพิ่มเติมในข้อกำหนด คุณภาพหรือมาตรฐานของวัตถุเจือปนอาหารจำนวน ๑๒ รายการที่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน ดังนี้
วัตถุเจือปนอาหาร ปริมาณการปนเปื้อน (ร้อยละ)
เอทีลีนไกลคอล (Ethylene glycol) ไดเอทีลีนไกลคอล (Dietethylene glycol)
๑. ซอร์บิทอล (Sorbitol, INS 420(i)) ไม่เกิน ๐.๑๐ ไม่เกิน ๐.๑๐
๒. ซอร์บิทอลไซรัป (Sorbitol syrup, INS 420(iii)) ไม่เกิน ๐.๑๐ ไม่เกิน ๐.๑๐
๓. กลีเซอรอล (Glycerol, INS 422) ไม่เกิน ๐.๑๐ ไม่เกิน ๐.๑๐
๔. โพรมิลีนไกลคอล (Propylene Glycol, INS 1520) ไม่เกิน ๐.๑๐ ไม่เกิน ๐.๑๐
๕. มัลทิทอล (Maltitol, INS 965(i)) ไม่เกิน ๐.๑๐ ไม่เกิน ๐.๑๐
๖. มัลทิทอลไซรัป (Maltitol syrup, INS 965(i)) ไม่เกิน ๐.๑๐ ไม่เกิน ๐.๑๐
๗. พอลิกโลซิทอลไซรัป (Polyglycitol Syrup, INS 964) ไม่เกิน ๐.๑๐ ไม่เกิน ๐.๑๐
## วัตถุเจือปนอาหาร
กลุ่มโพลีซอร์บัท (Polysorbates) ปริมาณการปนเปื้อน (ร้อยละ)
เอทธิสไกลคอล (Ethylene glycol) ไดเอทธิสไกลคอล (Diethylene glycol)
๘. พอลิออกซิเอทิลีน (20) ซอร์บิเทนมอโนลอเรต (Polyoxymethylene (20) Sorbitan Monolurate, INS 432) ไม่เกิน ๐.๒๕ (ชนิดเดียวหรือร่วมกัน)
๘. พอลิออกซิเอทิลีน (20) ซอร์บิเทนมอโนโอเลอิก (Polyoxyethylene (20) Sorbitan Monoolate, INS 433) ไม่เกิน ๐.๒๕ (ชนิดเดียวหรือร่วมกัน)
๑๐. พอลิออกซิเอทิลีน (20) ซอร์บิเทนมอโนแพรมิเทต (Polyoxyethylene (20) Sorbitan Monopalminate, INS 434) ไม่เกิน ๐.๒๕ (ชนิดเดียวหรือร่วมกัน)
๑๑. พอลิออกซิเอทิลีน (20) ซอร์บิเทนมอโนสเตียเรต (Polyoxyethylene (20) Sorbitan Monostearate, INS 435) ไม่เกิน ๐.๒๕ (ชนิดเดียวหรือร่วมกัน)
๑๒. พอลิออกซิเอทิลีน (20) ซอร์บิเทนทรัสเตียเรต (Polyoxyethylene (20) Sorbitan Tristearate, INS 436) ไม่เกิน ๐.๒๕ (ชนิดเดียวหรือร่วมกัน)
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อผ่านกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา" 2463.pdf,"ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ ๗๘/๒๕๖๘ เรื่อง กำหนดหมายเลขประจำตัวประชาชนผู้เสียภาษี ซึ่งเดินทางในประเทศ ด้วยกรมเจ้าท่าดำเนินการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลภายในหน่วยงาน จึงทำให้หมายเลขประจำตัวประชาชนผู้เสียภาษีซึ่งเดินทางในประเทศที่กำหนดไว้ตามประกาศกรมเจ้าท่า ที่ ๑๓๐/๒๕๖๔ เรื่อง กำหนดรูปแบบเลขประจำตัวประชาชนผู้เสียภาษีที่ออกตามข้อบังคับกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับการสอบความรู้ของผู้ทำการในเรื่องเดินทางในประเทศ ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ ไม่สอดคล้องกับหมายเลขนักท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ในระบบฐานข้อมูล อาชีพนำพาจากตามข้อ ๙๙ ของข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยการสอบความรู้ผู้ทำการในเรื่อง พ.ศ. ๒๕๓๒ ข้อ ๕ ของข้อบังคับกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับการสอบความรู้ของผู้ทำการในเรื่องประมง พ.ศ. ๒๕๕๙ และข้อ ๑๔ ของข้อบังคับกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับการสอบความรู้ของผู้ทำการในเรื่องลำเลียง พ.ศ. ๒๕๖๓ อธิบดีกรมเจ้าท่า จึงออกประกาศกำหนดหมายเลขนักท่องเที่ยวประเภทใหม่ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมเจ้าท่า ที่ ๑๓๐/๒๕๖๔ เรื่อง กำหนดรูปแบบเลขประจำตัวประชาชนผู้เสียภาษีที่ออกตามข้อบังคับกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับการสอบความรู้ผู้ทำการในเรื่องเดินทางในประเทศ ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ให้ใช้หมายเลขประจำตัวประชาชนผู้เสียภาษีที่ออกตามข้อบังคับเกี่ยวกับการสอบความรู้ผู้ทำการในเรื่องเดินทางในประเทศ ประกอบด้วยหมายเลขจำนวน ๑๔ หลัก ดังนี้ (๑) หลักที่หนึ่งและหลักที่สอง หมายถึง ปีพุทธศักราชที่จัดทำประกาศนียบัตร (๒) หลักที่สามและหลักที่สี่ หมายถึง รหัสหน่วยงาน (๓) หลักที่ห้าและหลักที่หก หมายถึง รหัสข้อบังคับเกี่ยวกับการสอบความรู้ผู้ทำการในเรื่อง (๔) หลักที่เจ็ดถึงหลักที่เก้า หมายถึง ชั้นประกาศนียบัตร (๕) หลักที่สิบถึงหลักที่สิบสาม หมายถึง ลำดับที่ของประกาศนียบัตร (๖) หลักที่สิบสี่ หมายถึง จำนวนครั้งในการต่ออายุประกาศนียบัตร ข้อ ๓ ในการบันทึกหมายเลขตามข้อ ๒ ให้บันทึกในรูปแบบ XX-XX-XXXX-XXXX-X โดยอักษร X แทนหมายเลขในแต่ละหลัก เล่ม ๑๔๒ ตอนพิเศษ ๒๒๙ ง หน้า ๑๑ ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๘ ข้อ ๔ ให้กำหนดรหัสหน่วยงานที่ออกประกาศนียบัตร รหัสข้อบังคับเกี่ยวกับการสอบความรู้ ผู้ทำการในเรือและชั้นประกาศนียบัตร ตามตารางแนบท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ กริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ภาคผนวก รหัสหน่วยงานที่ออกประกาศนียบัตร รหัสข้อบังคับเกี่ยวกับการสอบความรู้ของผู้ทำการในเรือ และชิ้นประกาศนียบัตร แนบท้ายประกาศกรมเจ้าท่า ที่ ๗๘/๒๕๖๘ รหัสหน่วยงานที่ออกประกาศนียบัตร | กรมเจ้าท่า | รหัส | | --- | --- | | กองมาตรฐานคนประจำเรือ | ๐๐ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา | รหัส | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๑ | ๑๐ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาศาลานครสววรรค์ | ๑๑ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาเชียงใหม่ | ๑๒ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาเชียงราย | ๑๔ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาพิษณุโลก | ๑๕ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาแพร่ | ๑๕ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๒ | | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาพระนครศรีอยุธยา | ๒๐ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขสุพรรณบุรี | ๒๑ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขลพบุรี | ๒๒ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานนทบุรี | ๒๓ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๓ | | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสามสมุทรสงคราม | ๓๐ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคประจวบคีรีขันธ์ | ๓๑ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคกาญจนบุรี | ๓๒ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาวาสมุทรสาคร | ๓๓ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเพชรบุรี | ๓๔ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครปฐม | ๓๖ | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๔ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา ๔๐ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี ๔๑ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาสุราษฎร์ธานี ๔๒ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชุมพร ๔๓ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขนครศรีธรรมราช ๔๔ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานราธิวาส ๔๕ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะพะงัน ๔๖ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะสมุย ๔๗ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๕ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง ๕๐ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขายกเก็ต ๕๑ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากระบี่ ๕๒ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระนอง ๕๓ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา ๕๔ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล ๕๕ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๖ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาฉะเชิงเทรา ๖๐ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชลบุรี ๖๑ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาธารยาง ๖๒ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาจันทบุรี ๖๓ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตราด ๖๔ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ๖๕ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา ๖๗ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๗ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาหนองคาย สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอุบลราชธานี สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครราชสีมา สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครพนม สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาขอนแก่น | สำนักงาน | จำนวน | | --- | --- | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๗ | ๓๐ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาหนองคาย | ๒๑ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอุบลราชธานี | ๒๒ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครราชสีมา | ๒๓ | | สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครพนม | ๒๔ | # รหัสข้อบังคับเกี่ยวกับการสอบความรู้ของผู้ทำการในเรือและชั้นประภาคนียบัตร
ข้อบังคับฯ และชั้นประภาคนียบัตร รหัส
ข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยการสอบความรู้ผู้ทำการในเรือ พ.ศ. ๒๕๓๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๐๑
ฝ่ายเดินเรือ
ชั้น ๑ (นายเรือ) ๑๐๑
ชั้น ๒ (ต้นหนที่หนึ่ง) ๑๐๒
ชั้น ๓ (ต้นหนที่สอง) ๑๐๓
ชั้น ๔ (ต้นหนที่สาม) ๑๐๔
ชั้น ๔ (ต้นหนที่สาม) ชำนาญงาน ๑๐๕
นายเรือของเรือเดินในประเทศ (ขนาดไม่เกิน ๑,๖๐๐ ตันกรอส) ๑๐๖
นายเรือของเรือเดินในประเทศ (ขนาดไม่เกิน ๑,๖๐๐ ตันกรอส) ชำนาญงาน ๑๐๗
นายเรือของเรือเดินในประเทศ (ขนาดไม่เกิน ๕๐๐ ตันกรอส) ๑๐๘
นายเรือของเรือเดินในประเทศ (ขนาดไม่เกิน ๕๐๐ ตันกรอส) ชำนาญงาน ๑๐๙
นายเรือของเรือเดินในประเทศ (ขนาดไม่เกิน ๒๕๐ ตันกรอส) ๑๑๐
นายเรือของเรือเดินในประเทศ (ขนาดไม่เกิน ๒๕๐ ตันกรอส) ชำนาญงาน ๑๑๑
นายท้ายเรือกลเดินทะเลชายแดน ๑๑๒
นายท้ายเรือกลเดินทะเลชั้นหนึ่ง ๑๑๓
นายท้ายเรือกลเดินทะเลชั้นสอง ๑๑๔
นายท้ายเรือกลลำน้ำชั้นหนึ่ง ๑๑๕
นายท้ายเรือกลลำน้ำชั้นสอง ๑๑๖
ผู้ควบคุมเรือที่มีใช่เรือกล ๑๑๗
นายเรือของเรือกลลำน้ำ ๑๑๘
นายเรือของเรือกลลำน้ำ ชำนาญงาน ๑๑๙
นายเรือของเรือกลลำน้ำ (ขนาดไม่เกิน ๒๕๐ ตันกรอส) ๑๒๐
นายเรือของเรือกลลำน้ำ (ขนาดไม่เกิน ๒๕๐ ตันกรอส) ชำนาญงาน ๑๒๑
| ข้อบังคับฯ และชั้นประกาศนียบัตร | รหัส | | --- | --- | | ฝ่ายช่างกล | | | นายช่างกลเรือชั้นหนึ่ง | ๒๐๑ | | นายช่างกลเรือชั้นสอง | ๒๐๒ | | นายช่างกลเรือชั้นสาม | ๒๐๓ | | นายช่างกลเรือชั้นสาม ชำนาญงาน | ๒๐๔ | | คนใช้เครื่องจักรยนต์ชั้นหนึ่งพิเศษ | ๒๐๕ | | คนใช้เครื่องจักรยนต์ชั้นหนึ่งพิเศษ ชำนาญงาน | ๒๐๖ | | คนใช้เครื่องจักรยนต์ชั้นหนึ่ง | ๒๐๗ | | คนใช้เครื่องจักรยนต์ชั้นสอง | ๒๐๘ | | ข้อบังคับกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับการสอบความรู้ของผู้ทำการในเรือประมง พ.ศ. ๒๕๕๙ | ๐๒ | | ฝ่ายเดินเรือ | | | นายเรือของเรือประมง | ๑๐๑ | | นายเรือของเรือประมง ชำนาญงาน | ๑๐๒ | | นายท้ายเรือประมงชั้นหนึ่ง | ๑๐๓ | | นายท้ายเรือประมงชั้นสอง | ๑๐๔ | | ฝ่ายช่างกล | | | คนใช้เครื่องจักรยนต์ของเรือประมงชั้นหนึ่ง | ๒๐๑ | | คนใช้เครื่องจักรยนต์ของเรือประมงชั้นสอง | ๒๐๒ | | ข้อบังคับกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับการสอบความรู้ของผู้ทำการในเรือลำเลียง พ.ศ. ๒๕๖๓ | ๐๓ | | ผู้ควบคุมเรือที่มิใช่เรือกแล้ว (เรือลำเลียง) | ๑๐๑ | | ข้อบังคับกรมเจ้าท่า เกี่ยวกับการสอบความรู้ และการออกประกาศนียบัตรของผู้ทำการในเรือและผู้ปฏิบัติงานในเรือบรรทุกคนโดยสารเดินภายในประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๗ | ๐๔ | | เรือบรรทุกคนโดยสารและสินค้า หรือยานพาหนะล้อเลื่อน | ๒๒๑ | | เรือบรรทุกคนโดยสาร | ๒๒๒ | | เรือบรรทุกคนโดยสารเรือเร็วและเรือเพลาใบจักรยาว | ๒๒๓ | | เรือบรรทุกคนโดยสารและภัตตาคาร หรือบริการอาหาร | ๒๒๔ |" 2466.pdf,"เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๔๔ ก หน้า ๑ ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๘
**Observation:** ภาพแสดงตราสัญลักษณ์รูปครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ครุฑมีปีกกางออกและยกขึ้น มีเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอ **Context Analysis:** ครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย และมักใช้ในเอกสารราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของรัฐบาลไทย **Final Summary:** ภาพเป็นตราสัญลักษณ์ครุฑสีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศไทย
กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตรา การได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน (๑) ร้อยละหกสิบของค่าจ้างรายวันสำหรับการว่างงานเพราะเหตุฉุกเฉินจ้าง โดยให้ได้รับ ครั้งละไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน"" ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเพราะเหตุฉุกเฉินข้าง เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในอัตราที่สูงขึ้น อันเป็นการบรรเทาภาระของผู้ประกันตนและเพื่อให้สอดคล้องกับสวภาวะเศรษฐกิจและสภาพการณ์ทางสังคมในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ เล่ม ๑๔๒ ตอนที่ ๔๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๘" 247.pdf,"ค ำสั่งกรมวิชำกำรเกษตร ที่ 1511/2562 เรื่อง กำรด ำเนินกำรกับวัตถุอันตรำย ชนิดที่ ๔ ที่กรมวิชำกำรเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ อำศัยอ ำนำจตำมควำมใน มำตรำ 41 มำตรำ ๔๓ และมำตรำ 52 แห่งพระรำชบัญญัติ วัตถุอันตรำย พ.ศ. ๒๕๓๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระรำชบัญญัติวัตถุอันตรำย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ อธิบดีกรมวิชำกำรเกษตร ออกค ำสั่งไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วัตถุอันตรำยตำมค ำสั่งนี้ หมำยควำมว่ำ วัตถุอันตรำยไกลโฟเซต ไกลโฟเซต - เซสควิโซเดียม ไกลโฟเซต - โซเดียม ไกลโฟเซต - ไดแอมโมเนียม ไกลโฟเซต - ไตรมีเซียมไกลโฟเซต - โพแทสเซียม ไกลโฟเซต - โมโนเอทิลแอมโมเนียม ไกลโฟเซต - โมโนแอมโมเนียม ไกลโฟเซต - ไอโซโพรพิลแอมโมเนียม คลอร์ไพริฟอส คลอร์ไพริฟอส - เมทิล พำรำควอต พำรำควอตไดคลอไร ด์ และพำรำควอตไดคลอไรด์ [บิส (เมทิลซัลเฟต)] ที่กรมวิชำกำรเกษตรรับผิดชอบ ตำมประกำศ กระทรวงอุตสำหกรรม เรื่อง บัญชีรำยชื่อวัตถุอันตรำย ออกตำมควำมในมำตรำ ๑๘ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติวัตถุอันตรำย พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒ ให้วัตถุอันตรำย ตำมข้อ ๑ ที่อยู่ในควำมครอบครอง ก่อนวันที่ประกำศก ำหนดให้ วัตถุอันตรำยนั้นเป็นวัตถุอันตรำยชนิดที่ ๔ ต้องแจ้งปริมำณที่มีไว้ในครอบครอง ภำยใน ๑5 วัน นับแต่ประกำศก ำหนดให้วัตถุอันตรำยดังกล่ำว เป็นวัตถุอันตรำยชนิดที่ ๔ มีผลบังคับใช้แล้ว ดังนี้ ๒.๑ กรุงเทพมหำนคร แจ้งที่ ส ำนักควบคุมพืชและวัสดุกำรเกษตร ๒.๒ ภูมิภำคแจ้งที่ ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๑ จังหวัดเชียงใหม่ ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๒ จังหวัดพิษณุโลก ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๓ จังหวัดขอนแก่น ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขต ที่ ๔ จังหวัดอุบลรำชธำนี ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๕ จังหวัดชัยนำท ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๖ จังหวัดจันทบุรี ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๗ จังหวัดสุรำษฎร์ธำนี ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๘ จังหวัดสงขลำ ข้อ ๓ ให้ผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรำย ตำมข้อ ๒ ส่งมอบวัตถุอันตรำยดังกล่ำว ที่อยู่ในควำมครอบครอง ต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ ภำยใน 15 วัน นับแต่วันที่แจ้งปริมำณกำรครอบครอง ดังนี้ ๓.๑ กรุงเทพมหำนคร ส่งมอบที่ ส ำนักควบคุมพืชและวัสดุกำรเกษตร ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๓.๒ ภูมิภำคส่งมอบที่ ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๑ จังหวัดเชียงใหม่ ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๒ จังหวัดพิษณุโลก ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๓ จังหวัดขอนแก่น ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๔ จังหวัดอุบลรำชธำนี ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๕ จังหวัดชัยนำท ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๖ จังหวัดจันทบุรี ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๗ จังหวัดสุรำษฎร์ธำนี ส ำนักวิจัยและพัฒนำกำรเกษตรเขตที่ ๘ จังหวัดสงขลำ ค ำสั่งนี้ให้ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ และมีผลบั งคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวำคม 2562 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 29 ตุลำคม พ.ศ. ๒๕62 เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชำกำรเกษตร ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 2473.pdf,"ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำหรับผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ให้บริการ สื่อสังคมออนไลน์ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว อันเป็นการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔/๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและ ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดมาตรการ ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ ประกอบกับมาตรา ๓๗ (๙) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง มาตรการ เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสำหรับผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์” ข้อ ๒ ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในกรณีที่ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ได้รับแจ้งจากกองป้องกันและปราบปราม การกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่ามีข้อมูลปลอมหรือข้อมูลเท็จที่อาจนำไปสู่การกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ผู้ให้บริการ สื่อสังคมออนไลน์มีหน้าที่ระงับการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวโดยทันที แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินระยะเวลาที่ระบุสิทธิ์ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ได้รับแจ้ง และให้แจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวต่อกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยเร็ว ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ วิลาวรรณ มังคละธนะกุล ประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์" 248.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ระดับ 1 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอา ชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ระดับ 1 ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ระดับ 1 1.1 การทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เป็นการทดสอบความรู้ ความเข้าใจ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จ านวน 60 ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ 1 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 50 คะแนน คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของคะแนนภาคความรู้ ความเข้าใจ จึงจะมีสิทธิ เข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ 1.2 การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอนและเสร็จตามเวลาที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบ เป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงานตามรูปแบบ กฎเกณฑ์ในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ระดับ 1 ใช้เวลาในการทดสอบความสามารถ 3 ชั่วโมง 30 นาที คะแนนเต็ม 200 คะแนน คิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด 1.3 รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามคณะกรรมการประกาศก าหนด ้หนา ๑๓๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ข้อ 2 การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ระดับ 1 จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบโดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องทดสอบทั้งภาคความรู้ ค วามเข้าใจ และภาคความสามารถ โดยต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่าทดสอบผ่านมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบ โซลาร์เซลล์ ระดับ 1 ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๓๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 2481.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - การจำแนกประเภท เล่ม ๓ เครนแบบหอสูง พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - การจำแนกประเภท เล่ม ๓ เครนแบบหอสูง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - การจำแนกประเภท เล่ม ๓ เครนแบบหอสูง พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - การจำแนกประเภท เล่ม ๓ เครนแบบหอสูง มาตรฐานเลขที่ มอก. 4124 เล่ม 3 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : เครน - การจำแนกประเภท เล่ม 3 เครนแบบหอสูง CRANES - CLASSIFICATION PART 3: TOWER CRANES #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4124 เล่ม 3-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 4301-3:2021 Cranes - Classification - Part 3: Tower cranes มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกัน ทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- ระบุการจำแนกประเภทของเครนแบบหอสูงสำหรับงานก่อสร้างตามที่กำหนด ไว้ใน มอก. 4126 เล่ม 3 และระบุข้อกำหนดเฉพาะสำหรับโครงสร้างเหล็ก รองรับ กลไก เชือก และส่วนประกอบเพิ่มเติมตามเงื่อนไขของมาตรฐาน โดยส่วนใหญ่แสดงดังต่อไปนี้: \- จำนวนรอบการทำงาน \- ปัจจัยสเปกตรัมของภาระ \- การเคลื่อนที่เฉลี่ย \- ค่าเพิ่มเติมสำหรับปัจจัยที่จะใช้ในการคำนวณโครงสร้างหรือกลไก \- เครนแบบหอสูงสำหรับงานก่อสร้างมีตะขอเป็นอุปกรณ์ยกโดยเฉพาะ \- สำหรับเครนแบบหอสูงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้งานอื่นและ/หรือติดตั้งอุปกรณ์ ยกอื่น อาจมีค่าอื่น ๆ ตามการใช้งานที่ระบุของเครนแบบหอสูง เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 4301-3:2021 จำนวนหน้า : ๑๖ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๔๒๕-๘ ICS : ๕๓.๐๒๐.๒๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2482.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครนแบบเคลื่อนที่ - การกำหนดเสถียรภาพ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครนแบบเคลื่อนที่ - การกำหนดเสถียรภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครนแบบเคลื่อนที่ - การกำหนดเสถียรภาพ พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครนแบบเคลื่อนที่ - การกำหนดเสถียรภาพ มาตรฐานเลขที่ มอก. 4125 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # MOBILE CRANES - DETERMINATION OF STABILITY ## มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4125-2567 ## ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## กรรมการวิชาการ : ## ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 4305:2014 + Amd 1:2016 Mobile cranes - Determination of stability มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับ เหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- ระบุเงื่อนไขที่ต้องพิจารณาเมื่อตรวจสอบเสถียรภาพของเครนแบบเคลื่อนที่ โดยการคำนวณ โดยถือว่าเครนทำงานบนพื้นผิวที่มั่นคงและเรียบ (มีความลาดชันไม่เกิน 1%) \- ใช้กับเครนแบบเคลื่อนที่ตามที่กำหนดใน มอก. 4126 เล่ม 2 เช่น อุปกรณ์ที่ ติดตั้งบนล้อ (ยาง) หรือตีนตะขาบ มีหรือไม่มีขาตั้ง ยกเว้นเครนพับได้ : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 4305:2014 + Amd 1:2016 จำนวนหน้า : ๓๐ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๔๒๖-๕ ICS : ๕๓.๐๒๐.๒๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2483.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - หลักการทดสอบและกระบวนการ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - หลักการทดสอบ และกระบวนการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - หลักการทดสอบและกระบวนการ พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - หลักการทดสอบและกระบวนการ มาตรฐานเลขที่ มอก. 4127 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # CRANE'S TEST CODE AND PROCEDURES ## มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4127-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 4310:2009 Cranes \- Test code and procedures มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษ เป็นหลัก \- ระบบการทดสอบ การตรวจสอบ และขั้นตอนในการตรวจสอบความสอดคล้อง ของเครนกับข้อกำหนดการทำงานและความสามารถในการยกน้ำหนัก ที่กำหนด (ดู ISO 7363) \- ใช้ได้กับเครนประเภทต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ใน ISO 4306-1 สำหรับก่อน การใช้งานครั้งแรกหลังจากการผลิต หรือหลังจากการดัดแปลงหรือซ่อมแซม โครงสร้างรับภาระหรือส่วนประกอบของเครนแต่ละตัว \- ในกรณีที่ภาระที่กำหนดถูกควบคุมโดยเสถียรภาพ จะมีการระบุขั้นตอน การทดสอบและการทดสอบที่ช่วยให้ตรวจสอบขอบเขตความเสถียร อย่างง่าย เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 4310:2009 จำนวนหน้า : ๑๘ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๔๒๗-๒ ICs : ๕๓.๐๒๐.๒๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2487.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - คู่มือการใช้เครน เล่ม ๑ ทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - คู่มือการใช้เครน เล่ม ๑ ทั่วไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - คู่มือการใช้เครน เล่ม ๑ ทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครน - คู่มือการใช้เครน เล่ม ๑ ทั่วไป มาตรฐานเลขที่ มอก. 4134 เล่ม 1 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : เครน - คู่มือการใช้เครน เล่ม 1 ทั่วไป CRANES - CRANE OPERATING MANUAL PART 1: GENERAL #### วาระร่างเลขที่ : มอก. 4134 เล่ม 1-2567 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : - ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 9928-1:2015 Cranes - Crane operating manual - Part 1: General มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- ระบุข้อกำหนดทั่วไปสำหรับเนื้อหาของคู่มือการใช้งานเครน ###### เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 9928-1:2015 ###### จำนวนหน้า : ๑๐ หน้า ###### ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๘๗๐-๘ ###### ICS : ๕๓.๐๒๐.๒๐ ###### สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ ###### สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2490.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลังงานแสงอาทิตย์ - คำศัพท์ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลังงานแสงอาทิตย์ - คำศัพท์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ว่า ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลังงานแสงอาทิตย์ - คำศัพท์ พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พลังงานแสงอาทิตย์ - คำศัพท์ มาตรฐานเลขที่ มอก. 4137 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : พลังงานแสงอาทิตย์ - คำศัพท์ SOLAR ENERGY - VOCABULARY #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4137-2567 ##### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ###### กรรมการวิชาการ : - ####### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 9488:2022 Solar energy - Vocabulary มาใช้ โดยวิธี พิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- กำหนดคำศัพท์พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ ISO/TC 180 ซึ่งคณะกรรมการได้รวมมาตราฐานในสาขาการวัดคลื่นรังสีแผ่นเหล็กไฟฟ้าและ พลังงานแสงอาทิตย์ การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ว่างและการทำให้น้ำร้อน การทำความเย็น การทำความร้อนในอุตสาหกรรมและเครื่องปรับอากาศ ดังนั้น คำศัพท์ในเอกสารนี้จึงมุ่งเน้นไปที่คำจำกัดความที่เกี่ยวข้องกับการวัด และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ฉบับปี 1999 ของมาตรฐานนี้ มุ่งเน้นที่ จะพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์และเทคโนโลยีความร้อนจาก แสงอาทิตย์ที่อุณหภูมิสูงซึ่งใช้ความร้อนเพื่อผลิตไฟฟ้าหรือเพื่อให้มีอุณหภูมิ สูงสำหรับกระบวนการที่ต้องการอุณหภูมิสูงขึ้น มาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมนี้ คำศัพท์บางคำเป็นประโยชน์สำหรับเทคโนโลยีเหล่านั้น อย่างไรก็ตามอาจมีเอกสารอื่นๆ ที่ครอบคลุมคำศัพท์ในเทคโนโลยีข้างต้น ที่ละเอียดมากกว่านี้ เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 9488:2022 จำนวนหน้า : ๑๑๐ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๗๓๘-๑ ICS : ๒๗.๑๖๐; ๐๑.๐๔๐.๒๗ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๕๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2494.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม ๑ หลักการทั่วไปสำหรับการออกแบบและพัฒนา พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักร เพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม ๑ หลักการทั่วไปสำหรับการออกแบบและพัฒนา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม ๑ หลักการทั่วไปสำหรับการออกแบบและพัฒนา” พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักร เพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม ๑ หลักการทั่วไปสำหรับการออกแบบและพัฒนา มาตรฐานเลขที่ มอก. 4141 เล่ม 1 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียด ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้อง กับความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม 1 หลักการทั่วไปสำหรับการออกแบบและพัฒนา TRACTORS AND MACHINERY FOR AGRICULTURE AND FORESTRY - SAFETY-RELATED PARTS OF CONTROL SYSTEMS - PART 1: GENERAL PRINCIPLES FOR DESIGN AND DEVELOPMENT - AMENDMENT 1 #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4141 เล่ม 1-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 25119-1:2018/Amd 1:2020 Tractors and machinery for agriculture and forestry - Safety-related parts of control systems - Part 1: General principles for design and development - Amendment 1 มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษ เป็นหลัก \- เอกสารนี้กำหนดหลักการทั่วไปสำหรับการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วน ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม (SRP/CS) บนรถแทรกเตอร์ ที่ใช้ในการเกษตรและการป่าไม้ และบนเครื่องจักรแบบขับเคลื่อนในตัว และ เครื่องแบบติดตั้ง แบบกึ่งติดตั้ง และแบบลากที่ใช้ ในการเกษตร นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์เทศบาลแบบเคลื่อนที่ได้ (เช่น เครื่องกวาดถนน) \- เอกสารนี้ไม่ครอบคลุมถึง: \- อากาศยานและยานพาหนะแบบ air-cushion ที่ใช้ในการเกษตร; \- อุปกรณ์สนามหญ้าและสวน \- เอกสารนี้ระบุคุณลักษณะและประเภทที่จำเป็นสำหรับ SRP/CS ในการปฏิบัติ หน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ไม่ได้ระบุระดับประสิทธิภาพของ แอปพลิเคชันเฉพาะ หมายเหตุ 1 เครื่องจักร ประเภท C สามารถระบุระดับประสิทธิภาพ (Specify performance levels AgPL) สำหรับฝั่งก์ชันที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัยในเครื่องจักรภายในขอบเขตได้มิฉะนั้น ข้อมูล จำเพาะของ AgPL ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ผลิต เอกสารนี้ใช้ได้กับชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า/ อิเล็กทรอนิกส์/ระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบตั้งโปรแกรมได้ (E/E/PES) เนื่องจาก เกี่ยวข้องกับระบบเมคคาทรอนิกส์ โดยครอบคลุมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จากพฤติกรรมทำงานผิดปกติของระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของ E/E/PES รวมถึงการโต้ตอบของระบบเหล่านี้ ไม่ได้กล่าวถึงอันตราย ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าช็อต ไฟไหม้ ควัน ความร้อน การแพร่งสี ความเป็นพิษ การติดไฟ ปฏิกิริยา การกัดกร่อน การปล่อยพลังงาน และอันตรายที่คล้ายกัน เว้นแต่จะเกิดโดยตรงจากพฤติกรรมทำงานผิดปกติของระบบที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัยของ E/E/PES . นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงพฤติกรรม การทำงานที่ผิดปกติของระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย E/E/PES ที่ เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกัน การป้องกัน หรือฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัยเพื่อตอบสนองต่ออันตรายที่ไม่ใช่ E/E/PES ตัวอย่างที่รวมอยู่ในขอบเขตของเอกสารนี้: SRP/CS จำกัดการไหลของกระแสไฟฟ้าในไฟฟ้าไฮบริดเพื่อป้องกัน ความล้มเหลวของฉนวน/อันตรายจากไฟฟ้าช็อต; • การระบายน้ำทางแม่เหล็กไฟฟ้ากับ SRP/CS; • SRP/CS ออกแบบมาเพื่อป้องกันอัคคีภัย เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 25119-1:2018/Amd 1:2020 จำนวนหน้า : ๔๑ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๗๖๖-๔ ICS : ๓๕.๒๔๐.๙๙; ๖๕.๐๖๐.๐๑ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2497.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม ๔ การผลิต การดำเนินงาน การดัดแปลง และกระบวนการสนับสนุน พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักร เพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม ๔ การผลิต การดำเนินงาน การดัดแปลง และกระบวนสนับสนุน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๐๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม ๔ การผลิต การดำเนินงาน การดัดแปลง และกระบวนสนับสนุน พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักร เพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม ๔ การผลิต การดำเนินงาน การดัดแปลง และกระบวนสนับสนุน มาตรฐานเลขที่ มอก. 4141 เล่ม 4 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัยของระบบควบคุม เล่ม 4 การผลิต การดำเนินงาน การดัดแปลง และกระบวนการสนับสนุน TRACTORS AND MACHINERY FOR AGRICULTURE AND FORESTRY - SAFETY-RELATED PARTS OF CONTROL SYSTEMS - PART 4: PRODUCTION, OPERATION, MODIFICATION AND SUPPORTING PROCESSES - AMENDMENT 1 มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4141 เล่ม 4-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - #### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 25119-4:2018/Amd 1:2020 Tractors and machinery for agriculture and forestry - Safety-related parts of control systems - Part 4: Production, operation, modification and supporting processes - Amendment 1 มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก เอกสารนี้กำหนดหลักการทั่วไปสำหรับการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนที่ เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบควบคุม (SRP/CS) บนรถแทรกเตอร์ที่ ใช้ในการเกษตรและการป่าไม้ และบนเครื่องจักรแบบขับเคลื่อนในตัว และ เครื่องแบบติดตั้ง แบบกึ่งติดตั้ง และแบบลากที่ใช้ ในการเกษตร นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์เทศบาลแบบเคลื่อนที่ได้ (เช่น เครื่องกวาดถนน) \- เอกสารนี้ไม่ครอบคลุมถึง: \- อากาศยานและยานพาหนะแบบ air-cushion ที่ใช้ในการเกษตร; \- อุปกรณ์สนามหญ้าและสวน \- เอกสารนี้ระบุคุณลักษณะและประเภทที่จำเป็นสำหรับ SRP/CS ในการปฏิบัติ หน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ไม่ได้ระบุระดับประสิทธิภาพของ แอปพลิเคชันเฉพาะ หมายเหตุ 1 เครื่องจักร ประเภท C สามารถระบุระดับประสิทธิภาพ (Specify performance levels AgPL) สำหรับฝั่งก์ชันที่เกี่ยวข้อง กับความปลอดภัยในเครื่องจักรภายในขอบเขตได้มิฉะนั้น ข้อมูลจำเพาะของ AgPL ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ผลิต - เอกสารนี้ใช้ได้กับชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า/ อิเล็กทรอนิกส์/ระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบตั้งโปรแกรมได้ (E/E/PES) เนื่องจาก เกี่ยวข้องกับระบบเมคคาทรอนิกส์ โดยครอบคลุมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จากพฤติกรรมทำงานผิดปกติของระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของ E/E/PES รวมถึงการโต้ตอบของระบบเหล่านี้ ไม่ได้กล่าวถึงอันตรายที่ เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าช็อต ไฟไหม้ ควัน ความร้อน การเผาผลาญ ความเป็นพิษ การติดไฟ ปฏิกิริยา การกัดกร่อน การปล่อยพลังงาน และอันตรายที่คล้ายกัน เว้นแต่จะเกิดโดยตรงจากพฤติกรรมการทำงานผิดปกติของระบบที่เกี่ยวข้อง กับความปลอดภัยของ E/E/PES นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงพฤติกรรม การทำงานที่ผิดปกติของระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย E/E/PES ที่ เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกัน การป้องกัน หรือฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัยเพื่อตอบสนองต่ออันตรายที่ไม่ใช่ E/E/PES - ตัวอย่างที่รวมอยู่ในขอบเขตของเอกสารนี้: - SRP/CS จำกัดการไหลของกระแสไฟฟ้าในไฟฟ้าไฮบริดเพื่อป้องกัน ความล้มเหลวของฉนวน/อันตรายจากไฟฟ้าช็อต; - การระบายน้ำทางแม่เหล็กไฟฟ้ากับ SRP/CS; - SRP/CS ออกแบบมาเพื่อป้องกันอัคคีภัย เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 25119-4:2018+Amd 1:2020 จำนวนหน้า : ๔๑ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๗๖๙-๕ ICS : ๓๕.๒๔๐.๙๙; ๖๕.๐๖๐.๐๑ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2498.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีการบำบัดทดแทนไต้ และการให้ยา Erythropoietin กรณีผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระดับสุดท้าย ในช่วงเวลาที่มีเหตุฉุกเฉินจากภัยพิบัติ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการทางการแพทย์ เพื่อเป็นการให้ ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระดับสุดท้าย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต้ และการให้ยา Erythropoietin ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เกิด ภัยพิบัติ หรือเข้ารับการบำบัดทดแทนไต้และรับยา Erythropoietin เป็นประจำในสถานพยาบาล ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ตามมติคณะกรรมการการแพทย์ ในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๗ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม (ชุดที่ ๑๔) ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการการแพทย์ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบบนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ภัยพิบัติ” หมายความว่า อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย หรือธรณีพิบัติกัย ตลอดจนภัยอื่น ๆ ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติหรือมีผู้ทำให้เกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตหรือร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ “ผู้มีสิทธิ” หมายความว่า ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระดับสุดท้าย ซึ่งจำเป็น ต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต้ และการให้ยา Erythropoietin ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ หรือเข้ารับการบำบัดทดแทนไต้และรับยา Erythropoietin เป็นประจำในสถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ที่เกิดภัยพิบัติ ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ข้อ ๓ ให้ผู้มีสิทธิที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระดับสุดท้ายซึ่งจำเป็นต้องได้รับการบำบัด ทดแทนไต้และการให้ยา Erythropoietin ในช่วงเวลาที่มีเหตุฉุกเฉินจากภัยพิบัติ และไม่สามารถ ยื่นคำขอรับบริการทางการแพทย์โดยการบำบัดทดแทนไต้ หรือยื่นคำขอรับบริการทางการแพทย์แล้ว แต่อยู่ระหว่างรอการอนุมัติให้มีสิทธิการบำบัดทดแทนไต้กรณีฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม กรณี การล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร กรณีการล้างช่องท้องด้วยเครื่องล้างไต้อัตโนมัติ หรือการให้ยา Erythropoietin มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์ ตามหลักเกณฑ์และอัตราแนบท้ายประกาศ คณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราสำหรับประโยชน์ ที่สำนักงานประกันสังคม ว่าด้วยการรับบริการทางการแพทย์ เรื่อง การรับประทานยา Erythropoietin ข้อ ๑ ผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองการรักษาและยินยอมให้ใช้ยา Erythropoietin ตามที่กำหนดในข้อ ๒ แห่งประกาศฯ และไม่เป็นผู้ป่วยที่มีโรคต้องการรักษาโดย Erythropoietin หรือโรคละเลียนอย่าง Erythroplasia vellosa หรือ Erythroleukemia ทั้งนี้ ต้องไม่เกินขนาดของวิตามิน ซึ่งจะกำหนดให้เป็นวิตามินที่สามารถละลายได้ (Soluble Vitamin) ได้ ข้อ ๒ ถ้าผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองการรักษาและยินยอมให้ใช้ยา Erythropoietin แล้วแต่กรณี โดยให้มีผู้รับรองการรักษาเป็นผู้มีความชำนาญในการรักษา หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เฉพาะในกรณีที่มีอาการหรือสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต้องใช้ยา Erythropoietin หรือ Erythroplasia vellosa หรือ Erythroleukemia ทั้งนี้ ต้องไม่เกินขนาดของวิตามิน ซึ่งจะกำหนดให้เป็นวิตามินที่สามารถละลายได้ (Soluble Vitamin) ได้ ข้อ ๓ ถ้าผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองการรักษาและยินยอมให้ใช้ยา Erythropoietin แล้วแต่กรณี โดยให้มีผู้รับรองการรักษาเป็นผู้มีความชำนาญในการรักษา หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เฉพาะในกรณีที่มีอาการหรือสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต้องใช้ยา Erythropoietin หรือ Erythroplasia vellosa หรือ Erythroleukemia ทั้งนี้ ต้องไม่เกินขนาดของวิตามิน ซึ่งจะกำหนดให้เป็นวิตามินที่สามารถละลายได้ (Soluble Vitamin) ได้ ข้อ ๖ ในกรณีที่ผู้มีสิทธิเข้ารับบริการทางการแพทย์หลังการปลูกถ่ายไต้ ให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์แก่สถานพยาบาลที่ทำข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคมหรือสถานพยาบาลอื่น ที่ผู้มีสิทธิเข้ารับบริการทางการแพทย์ หรือผู้มีสิทธิตามหลักเกณฑ์ และอัตราที่กำหนดในข้อ ๓ (๔) (ฉ) แนบท้ายประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่น้องจากการทำงาน ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประมูลสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่น้องจากการทำงาน ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๗ ในกรณีที่สำนักงานประกันสังคมเห็นว่าสถานพยาบาลที่ให้บริการทางการแพทย์หรือผู้มีสิทธิที่เข้ารับบริการทางการแพทย์กรณีบำบัดทุกคนได้ด้วยเครื่องใดเทียมการล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร การล้างช่องท้องด้วยเครื่องล้างไต้อัตโนมัติ และการให้ยา Erythrapoietin ควรได้รับคำปรึกษาจากผู้มีสิทธินอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ ให้สำนักงานประกันสังคมพิจารณาจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลที่ให้บริการทางการแพทย์หรือผู้มีสิทธิตามคำแนะนำของคณะกรรมการการแพทย์ หรือผู้ที่คณะกรรมการการแพทย์มอบหมาย ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ สรเดช วลีอิทธิกุล ประธานกรรมการการแพทย์" 2500.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอปะนาเระ อำเภออ้อยย่อ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอสะหรัน อำเภอสะแก อำเภอหาดใหญ่ อำเภอเมืองใหม่ อำเภอท่าข้าวแดง อำเภอสะพาน และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอสะหา อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอบึงกาฬ ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประภาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดขึ้น ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และ จังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต ท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การจัดตั้ง หน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศ เรื่อง การให้หน่วยงานพิเศษที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ปฏิบัติหน้าที่ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และประกาศ เรื่อง การกำหนด อำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี" 2501.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอฮ่องสอน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภออว และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอสะหรัน อำเภอสะนา อำเภอสะแก อำเภอสะบาง อำเภอสะยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภกาบัง และอำเภอทรงปินัง ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ แล้ว นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข หรือระงับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๙ นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดาประภาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรี กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑/๒๕๕๐ เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดมีหน้าที่และอำนาจในเขตท้องที่ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และตามประกาศขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ดังกล่าวเท่าที่ยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ในวันที่ ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ภูมิธรรม เวชชชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี" 2502.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การประเมินเอกสารทางวิชาการ ในกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๖๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ และมาตรา ๖ (๑๒/๒) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำของคณะกรรมการเครื่องสำอาง ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๘ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “การประเมินเอกสารทางวิชาการ” หมายความว่า การประเมินเอกสารทางวิชาการกรณีที่เป็นส่วนประกอบ สาร หน้าที่ของสาร หรือเทคโนโลยี ที่ไม่เคยมีประวัติการใช้ในเครื่องสำอางมาก่อน ซึ่งต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้ความเห็น ข้อ ๓ เมื่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้รับคำขอประเมินเอกสารวิชาการแล้ว ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาดำเนินการ ดังนี้ (๑) ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของคำขอและรายการเอกสาร (๒) คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการประเมินเอกสารวิชาการ โดยผู้เชี่ยวชาญต้องได้รับการขึ้นบัญชีตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง บัญชีผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำหน้าที่ประเมินเอกสารทางวิชาการในกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอาง ซึ่งมีคุณสมบัติตามได้รับการคัดเลือกตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นบัญชีผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการเครื่องสำอาง (๓) ส่งข้อมูลให้ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการคัดเลือกตาม (๒) ทำการประเมินเอกสารวิชาการตามคู่มือการประเมินเอกสารทางวิชาการ กรณีที่เป็นส่วนประกอบ สาร หน้าที่ของสาร หรือเทคโนโลยี ที่ไม่เคยมีประวัติการใช้ในเครื่องสำอางมาก่อน ซึ่งต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้ความเห็น (๔) รวบรวมผลการพิจารณา (๕) แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นคำขอทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 2503.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม บริษัทที่ป้องกันกำจัดศัตรูพืช - คำสั่งพืช พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม บริษัทที่ป้องกันกำจัดศัตรูพืช - คำสั่งพืช อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้วางนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม บริษัทที่ป้องกันกำจัดศัตรูพืช - คำสั่งพืช” พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลบังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม บริษัทที่ป้องกันกำจัดศัตรูพืช - คำสั่งพืช มาตรฐานเลขที่ มอก. 4207 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : บริษัทที่ป้องกันกำจัดศัตรูพืช - คำศัพท์ #### EQUIPMENT FOR CROP PROTECTION - VOCABULARY มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4207-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 5681:2020 Equipment for crop protection — Vocabulary มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก \- กำหนดคำศัพท์ที่ใช้กันทั่วไปเกี่ยวกับบริษัทที่สำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืช เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 5681:2020 จำนวนหน้า : ๔๘ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๗๕๒-๗ ICS : ๖๕.๐๖๐.๔๐, ๐๑.๐๔๐.๖๕ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2504.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องจักรกลการเกษตรและรถแทรกเตอร์ - ระบบนำร่องอัตโนมัติสำหรับรถแทรกเตอร์ที่ควบคุมโดยผู้ปฏิบัติการและเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง - ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องจักรกลการเกษตรและ รถแทรกเตอร์ - ระบบนำร่องอัตโนมัติสำหรับรถแทรกเตอร์ที่ควบคุมโดยผู้ปฏิบัติการและเครื่องจักรที่ขับเคลื่อน ด้วยตนเอง - ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม เครื่องจักรกลการเกษตรและรถแทรกเตอร์ - ระบบนำร่องอัตโนมัติสำหรับรถแทรกเตอร์ ที่ควบคุมโดยผู้ปฏิบัติการและเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง - ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องจักรกลการเกษตรและรถแทรกเตอร์ - ระบบนำร่องอัตโนมัติสำหรับรถแทรกเตอร์ที่ควบคุมโดยผู้ปฏิบัติการและเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง - ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย มาตรฐานเลขที่ มอก. 4208 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # AGRICULTURAL MACHINERY AND TRACTORS - AUTO-GUIDANCE SYSTEMS FOR OPERATOR-CONTROLLED TRACTORS AND SELF-PROPELLED MACHINES - SAFETY REQUIREMENTS มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4208-2567 ## ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ### กรรมการวิชาการ : - #### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 10975:2023 Agricultural machinery and tractors - Auto-g guidance systems for operator-controlled tractors and self-propelled machines - Safety requirements มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก - ระบุข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับระบบนำร่องอัตโนมัติที่ใช้ ในรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรและเครื่องจักรกลการเกษตรที่ขับเคลื่อน ด้วยตนเองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ใช้ได้กับระบบการตอบสนอง อัตโนมัติซึ่งติดตั้งจากโรงงานเป็นส่วนหนึ่งของรถแทรกเตอร์หรือเครื่องจักร ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองรวมถึงระบบที่ออกแบบมาเพื่อติดตั้งอุปกรณ์หลังจาก อุปกรณ์ดังกล่าวได้ออกจากการควบคุมของผู้ผลิตมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมนี้ไม่สามารถใช้ได้กับระบบนำร่องที่ใช้ในรถแทรกเตอร์หรือ เครื่องจักรขับเคลื่อนด้วยตนเองที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้ให้บริการออนไลน์ สำหรับการควบคุมเบื้องต้นของรถแทรกเตอร์หรือเครื่องขับเคลื่อนด้วยตนเอง มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ไม่ได้ระบุข้อกำหนดที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจ ว่ามีความสมบูรณ์ของระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนซึ่งอาจเป็น ส่วนหนึ่งของระบบนำร่องอัตโนมัติข้อกำหนดดังกล่าวได้รับการจัดการ ในมาตรฐานสากลอื่น ๆ ซึ่งจัดการกับระบบควบคุมเครื่องจักรไฟฟ้า/ อิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ไม่สามารถใช้ได้ กับรถแทรกเตอร์และเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองซึ่งผลิตด้วยระบบ การตอบสนองอัตโนมัติและระบบติดตั้งอัตโนมัติที่มีอยู่ในตัวเองซึ่งอยู่ในตลาด ก่อนมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้มีผล หมายเหตุ กฎระเบียบการจราจรบนถนนที่เฉพาะเจาะจงสามารถกำหนดข้อกำหนด เพิ่มเติมสำหรับระบบนำร่องอัตโนมัติ เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 10975:2023 จำนวนหน้า : ๑๖ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๗๕๔-๑ ICS : ๖๕.๐๖๐.๐๑ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2508.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - การควบคุมอนุกรมและเครือข่ายข้อมูลการสื่อสาร เล่ม ๑๓ แฟ้มข้อมูลแม่ข่าย พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกล เพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - การควบคุมอนุกรมและเครือข่ายข้อมูลการสื่อสาร เล่ม ๑๓ แฟ้มข้อมูลแม่ข่าย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - การควบคุมอนุกรมและ เครือข่ายข้อมูลการสื่อสาร เล่ม ๑๓ แฟ้มข้อมูลแม่ข่าย พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกลเพื่อ การเกษตรและการป่าไม้ - การควบคุมอนุกรมและเครือข่ายข้อมูลการสื่อสาร เล่ม ๑๓ แฟ้มข้อมูลแม่ข่าย มาตรฐานเลขที่ มอก. 4209 เล่ม 13 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ - การควบคุม อนุกรมและเครือข่ายข้อมูลการสื่อสาร เล่ม 13 แฟ้มข้อมูลแม่ข่าย TRACTORS AND MACHINERY FOR AGRICULTURE AND FORESTRY - SERIAL CONTROL AND COMMUNICATIONS DATA NETWORK - PART 13: FILE SERVER มาตรฐานเลขที่ : มอก. 4209 เล่ม 13-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดขึ้นโดยรับ ISO 11783-13:2022 Tractors and machinery for agriculture and forestry - Serial control and communications data network - Part 13: File server มาใช้โดยวิธีพิมพ์ซ้ำ (reprinting) ในระดับเหมือนกันทุกประการ (identical) โดยใช้ ISO ฉบับภาษาอังกฤษ เป็นหลัก \- ชุดข้อความที่ระบุในมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ได้รับการออกแบบมา เพื่อรองรับความต้องการของรถแทรกเตอร์และดำเนินการในการใช้บริการ ของแฟ้มข้อมูลแม่ข่าย (FS) \- FS เป็นฝั่งก์ชั้นการควบคุมที่แตกต่างกัน (CF) บนระบบควบคุมการใช้งาน มือถือที่ช่วยให้ CFS ทั้งหมดสามารถจัดเก็บหรือดึงข้อมูลจากอุปกรณ์จัดเก็บ ข้อมูลตามแฟ้มข้อมูล เนื้อหาประกอบด้วย : รายละเอียดให้เป็นไปตาม ISO 11783-13:2022 จำนวนหน้า : ๗๐ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๗๕๘-๙ ICS : ๖๕.๐๖๐.๐๑, ๓๕.๒๔๐.๙๙ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2510.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แผงเซลล์แสงอาทิตย์ - การรับรองแบบ ออกแบบและคุณสมบัติด้านความปลอดภัย - การทดสอบช้า พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แผงเซลล์แสงอาทิตย์ - การรับรองแบบ ออกแบบและคุณสมบัติด้านความปลอดภัย - การทดสอบช้า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แผงเซลล์แสงอาทิตย์ - การรับรองแบบ ออกแบบและคุณสมบัติด้านความปลอดภัย - การทดสอบช้า พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แผงเซลล์แสงอาทิตย์ - การรับรองแบบ ออกแบบและคุณสมบัติด้านความปลอดภัย - การทดสอบช้ำ มาตรฐานเลขที่ มอก. 62915 - 2567 ไว้ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม # ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ## แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ### ชื่อมาตรฐาน : แผงเซลล์แสงอาทิตย์ - การรับรองแบบ ออกแบบและ คุณสมบัติด้านความปลอดภัย \- การทดสอบซ้ำ PHOTOVOLTAIC (PV) MODELS - TYPE APPROVAL, DESIGN AND SAFETY QUALIFICATION - RETESTING #### มาตรฐานเลขที่ : มอก. 62915-2567 #### ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม #### กรรมการวิชาการ : คณะที่ 77 ระบบเซลล์แสงอาทิตย์ #### ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดเป็นแนวทางเดียวเท่านั้นในการคงไว้ซึ่ง การรับรองแบบ ออกแบบ และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ภาคพื้นดิน ที่ได้รับหรือกำลังจะได้รับการตัดแปลงจากการออกแบบที่ประเมินไว้แต่แรก มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้กล่าวถึงเทคโนโลยีแพรวาเฟอร์ (wafer-based technologies (WBT)) และเทคโนโลยีชนิดฟิล์มบาง (monolithically-integrated (MLI)) \- การเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้ ส่วนประกอบ และกระบวนการผลิต อาจส่งผล กระทบต่อสมรรถนะทางไฟฟ้าความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย ของผลิตภัณฑ์ที่ตัดแปลง มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้แสดงรายการ การตัดแปลงและข้อกำหนดที่ต้องการจากการทดสอบซ้ำเป็นไปตาม มาตรฐานการทดสอบที่แตกต่างไปมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ เพียงช่วงในการตัดสินใจ แต่ในบางระดับอาจจำเป็นต้องมีการพิจารณา เชิงวิศวกรรม \- ลำดับการทดสอบที่เลือกเพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์ ต่อผลิตภัณฑ์ที่ตัดแปลง \- ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบตามลำดับที่กำหนดไว้ ในที่นี้ให้ถือว่าเป็นไป ตามมาตรฐานที่เคยได้รับการรับรองว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนมาก่อน \- จำนวนตัวอย่างที่รวมอยู่ในโปรแกรมการทดสอบซ้ำ และเกณฑ์การผ่าน/ ไม่ผ่าน แสดงอยู่ในมาตรฐานอ้างอิง IEC 61215 และ IEC 61730 นอกจากนี้ อาจใช้ตัวอย่างที่เป็นตัวแทนตามที่อธิบายไว้ใน IEC 61215 และ IEC 61730 ตามความเหมาะสม ### เนื้อหาประกอบด้วย : บททั่วไป ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง บทนิยาม การทดสอบซ้ำ ภาคผนวก บรรณานุกรม จำนวนหน้า : ๔๙ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๗๓๒-๙ ICS : ๒๗.๑๖๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2514.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๑ หลักการทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๑ หลักการทั่วไป มาตราฐานเลขที่ มอก. 1586 เล่ม 1 - 2555 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้วางนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๑ หลักการทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๔๘๒ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ออกตาม ความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม การป้องกันโครงสร้างจากฟ้าผ่า เล่ม ๑ หลักการทั่วไป และกำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๑ หลักทั่วไป ลงวันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๑ หลักการทั่วไป มาตรฐานเลขที่ มอก. 62305 เล่ม 1 - 2567 ขึ้นใหม่ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ชื่อมาตรฐาน : การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม 1 หลักการทั่วไป PROTECTION AGAINST LIGHTNING PART 1: GENERAL PRINCIPLES มาตรฐานเลขที่ : มอก. 62305 เล่ม 1-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- กำหนดหลักการทั่วไปที่ต้องปฏิบัติตามสำหรับการป้องกันโครงสร้าง จากฟ้าผ่า รวมถึงการติดตั้งและสิ่งที่อยู่ภายใน ตลอดจนตัวบุคคลด้วย \- กรณีที่ไม่อยู่ในขอบข่ายมาตรฐานนี้ \- ระบบทางรถไฟ \- ยานยนต์ เรือ อากาศยาน และการติดตั้งนอกฝั่ง \- ระบบท่อความดันสูงใต้ดิน \- ท่อ สายไฟฟ้ากำลังและสายโทรคมนาคมที่ติดตั้งภายนอกอาคาร หมายเหตุ ระบบที่กล่าวถึงนี้ โดยทั่วไปอยู่ในข้อบังคับพิเศษที่กำหนดโดยเฉพาะ ทางด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาประกอบด้วย : บททั่วไป ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง คำศัพท์และบทนิยาม พารามิเตอร์ กระแสฟ้าผ่า ความเสียหายจากฟ้าผ่า ความจำเป็นและเหตุผล ทางเศรษฐศาสตร์สำหรับการป้องกันฟ้าผ่า มาตรการป้องกัน เกณฑ์พื้นฐาน สำหรับการป้องกันโครงสร้าง และภาคผนวก จำนวนหน้า : ๗๐ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๖๔๗-๖ ICS : ๒๙.๐๒๐, ๙๑.๑๒๐.๔๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๕๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ https://www.tisi.go.th" 2515.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๒ การจัดการความเสี่ยง พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๒ การบริหารความเสี่ยง มาตรฐานเลขที่ มอก. 1586 เล่ม 2 - 2556 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้วางนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๒ การจัดการความเสี่ยง พ.ศ. ๒๕๖๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๗๙๓ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตาม ความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๒ การบริหารความเสี่ยง ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๔ ให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม ๒ การจัดการ ความเสี่ยง มาตรฐานเลขที่ มอก. 62305 เล่ม 2 - 2567 ชิ้นใหม่ ดังมีรายละเอียดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เอกนัฎ พรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชื่อมาตรฐาน : การป้องกันฟ้าผ่า เล่ม 2 การจัดการความเสี่ยง PROTECTION AGAINST LIGHTNING PART 2: RISK MANAGEMENT มาตรฐานเลขที่ : มอก. 62305 เล่ม 2-2567 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : - ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ \- ใช้กับการประเมินความเสี่ยงสำหรับโครงสร้างจากวาบฟ้าผ่า (lightning flash) ลงดิน \- มีเจตนาให้กำหนดวิธีดำเนินการสำหรับการประเมินความเสี่ยง เมื่อเลือก ขีดจำกัดที่ยอมรับได้สูงสุดสำหรับความเสี่ยงแล้ว วิธีดำเนินการนี้ ช่วยให้ เลือกมาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงหรือต่ำกว่าขีดจำกัด ที่ยอมรับได้ เนื้อหาประกอบด้วย : บททั่วไป ขอบข่าย เอกสารอ้างอิง คำศัพท์ บทนิยาม สัญลักษณ์ และอักษรย่อ การอธิบายคำศัพท์ การจัดการความเสี่ยง การประเมินองค์ประกอบความเสี่ยง และภาคผนวก จำนวนหน้า : ๘๗ หน้า ISBN (e-book) : ๙๗๘-๖๑๖-๖๑๗-๖๔๘-๓ ICS : ๒๙.๐๒๐, ๙๑.๑๒๐.๔๐ สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๕๐๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๔๓๐ ๖๘๓๔ ต่อ ๐๒ ๔๔๐-๒๔๔๑ สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 5 กรุงเทพมหานคร ๑๐๕๐๐ https://www.tisi.go.th" 2516.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๕๙) เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นตัวแทนหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ อาศัยอำนาจตามความในวรรคสามของมาตรา ๕๐ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๒๑ อธิบดีกรมสรรพากร ให้ยกเว้นการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับกรณีผู้จ่ายเงินได้หลายราย จ่ายเงินได้ให้แก่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลรายเดียว และผู้จ่ายเงินได้ได้แต่งตั้งให้ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้น เป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการ หักภาษี ณ ที่จ่าย อื่นแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแทนตน โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๕๗) เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นตัวแทนหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑ การแต่งตั้งตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องมีการระบุในสัญญาอย่างชัดเจนว่า ผู้จ่ายเงินได้ตกลงให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ โดยให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย อื่นแบบยื่นรายการ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ ผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร (e-Filing) (๒) สัญญาแต่งตั้งตัวแทนและมอบอำนาจให้กระทำการแทนตาม (๑) ต้องเสียอากรแสตมป์ เป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรเท่านั้น (๓) ต้องเก็บรักษาสัญญาแต่งตั้งตัวแทนและมอบอำนาจให้กระทำการแทนตาม (๑) รวมถึง หลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแต่งตั้งตัวแทนนั้นไว้ ณ สำนักงานใหญ่ของผู้จ่ายเงินได้และบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งเป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย พร้อมให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๕๗) เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นตัวแทนหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ได้รับสิทธิ เป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้หลายรายตามข้อ ๒ แล้ว ให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในฐานะตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ มีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ยื่นแบบยื่นรายการภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.๕๓ ในฐานะผู้กระทำการแทน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร (e-Filing) ระบบการให้บริการส่วนประกอบโปรแกรม สำหรับซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (WHT Software Component : SWC) หรือระบบให้บริการภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย สำหรับใช้งานออนไลน์ (WHT Services System : SVS) แล้วแต่กรณี และชำระภาษี ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร (e-Filing) เท่านั้น (๒) ในกรณีที่มีการออกแบบใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีให้กับผู้จ่ายเงินได้ ในรูปแบบกระดาษ หรือออกผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ให้ตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ระบุข้อความเพิ่มเติมในใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีโดยมีสาระสำคัญอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (ก) ชื่อหรือชื่อย่อของตัวแทนที่กระทำการแทนผู้จ่ายเงินได้ (ข) อัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ค) จำนวนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ง) ข้อความที่ระบุว่าตัวแทนได้ดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่ายแทนผู้จ่ายเงินได้แล้ว และจะดำเนินการนำส่งภาษีดังกล่าวผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร ภายในวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไป” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๕๗) เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นตัวแทนหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ ก่อนประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ และได้มีการจัดทำสัญญาแต่งตั้งตัวแทนและมอบอำนาจ ให้กระทำการแทนก่อนวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้ถือว่าสัญญานั้นเป็นไปตามเงื่อนไขตามข้อ ๑ ของประกาศนี้แล้ว ทั้งนี้ ผู้จ่ายเงินได้และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการ หักภาษี ณ ที่จ่าย ยังคงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔ ของประกาศนี้ และต้องเก็บรักษาสัญญา รวมถึงหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ ณ สำนักงานใหญ่ พร้อมให้เจ้าพนักงาน ประเมินตรวจสอบได้ สำหรับสัญญาแต่งตั้งตัวแทนและมอบอำนาจให้กระทำการแทนที่ได้กระทำขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ จะเลือกเสียอากรด้วยวิธีการปิดแสตมป์ หรือยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินและชำระอากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาแทนการเสียอากรแสตมป์ เป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรตามข้อ ๑ (๒) ก็ดี” ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร" 252.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงาน เชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ ๑.๒ มีประสบการณ์การท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับการควบคุมระบบงานเชื่อม ด้วยหุ่นยนต์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่านการฝึกอบรม ในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๑๘ ชั่วโมง หรือ ๑.๓ จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ในสาขาที่เกี่ยวข้อง และผ่านการฝึกอบรม ในหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ไม่น้อยกว่า ๑๘ ชั่วโมง ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงาน เชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๒ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ ๒.๒ ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๑ หรือ ๒.๓ จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง และผ่านการ ฝึกอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับระบบงานเชื่อมจุดความต้านทานและการควบคุมหุ่นยนต์ รวมกัน ไม่น้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมง หรือ ๒.๔ มีประสบการณ์การท างานสาขางานเชื่อมจุดความต้านทาน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับระบบงานเชื่อมจุดความต้านทานและการควบคุมหุ่นยนต์ รวมกันไม่น้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมง ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงาน เชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๓ ต้องได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๒ ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 253.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรอง ว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก – แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่า งอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก - แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ 1 ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก - แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๑ ๑.๑ การทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เป็นการทดสอบความรู้ ความเข้าใจ ที่จ าเป็นจะต้องน ามาใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ในการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยในการท างาน สถานที่ ปฏิบัติงาน การป้องกันอันตรายส่วนบุคคลหุ่นยนต์เชื่อม เครื่องเชื่อมพร้อมอุปกรณ์ประกอบเครื่องมือ ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน แก๊สปกคลุม วัสดุ อุปกรณ์จับยึดชิ้นงานและท างานตามแบบสั่งงาน การควบคุม การเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม การเขียนโปรแกรม (teaching) การเรียกใช้โปรแกรมการเชื่อมงานได้ การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยงานได้อย่างถูกต้องปลอดภัย การตรวจสอบข้ อบกพร่องของชิ้นงาน การจัดเก็บเครื่องเชื่อมพร้อมอุปกรณ์ประกอบ เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงานและสถานที่ปฏิบัติงานได้ ในเรื่องความปลอดภัยในการท างาน สถานที่ปฏิบัติงานโดยลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัย ชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน ผู้เข้ารับ การทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบจึงจะมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถได้ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมี คุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบทักษะฝีมือ โดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน เชื่อมชิ้นงาน ตามแบบก าหนดด้วยวิธีการเขียนโปรแกรม (teaching) ใช้ค่าพารามิเตอร์ที่ก าหนดให้ ตามรูปแบบและกฎเกณฑ์ในวิธีการทดสอบมา ตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก - แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๑ จ านวน ๑ ชิ้นงาน ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๘๐ คะแนน ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบภาคความสามารถ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก - แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๑ จะออกให้แก่ ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานต้องผ่านการทดสอบทั้งภาคความรู้ ความเข้าใจ และภาคความสามารถ โดยต้องได้คะแนนรวมไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแร งงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุม ระบบงานเชื่อมมิก - แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๑ ๒.๒ ให้หนังสือรับรองมีอายุสามปี นับแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 255.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันเข้ารับ การทดสอบ และ 1.2 เป็นผู้ผ่านการฝึกอบรมมาตรฐานความปลอดภัยในการท างานบนที่สูงตามกฎหมาย ว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวะอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน และ ๑.3 มีประสบการณ์การท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างติดตั้งระบบ โซลาร์เซลล์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือ ๑.4 ผ่านการฝึกฝีมือแรงงานหรือฝึกอาชีพในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างติดตั้ง ระบบโซลาร์เซลล์ ไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง หรือ ๑.5 เป็นผู้ที่ส าเร็จการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาช่างอุตสาหกรรม ตามประกาศของส านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ระดับ ๒ ๒.๑ มีประสบการณ์การท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างติดตั้งระบบ โซลาร์เซลล์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบ โซลาร์เซลล์ ระดับ ๑ หรือ ๒.๒ ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ระดับ ๑ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๓๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 257.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ 1 อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 22 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก้าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับร องว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับ เกษตรแม่นย้า ระดับ 1 ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ 1 1.1 การทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เป็นการทดสอบความรู้ ความเข้าใจ ที่จ้าเป็นจะต้องน้าไปใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จ้านวน 60 ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ 1 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 60 คะแนน คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของคะแนนภาคความรู้ ความเข้าใจ จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบภาคความสามาร ถ 1.2 การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช้านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก้าหนด ถูกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก้าหนด ลักษณะแบบทดสอบ เป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงา น ตามรูปแบบกฎเกณฑ์ ในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ 1 ใช้เวลาในการทดสอบ 4 ชั่วโมง 25 นาที คะแนนเต็ม 240 คะแนน คิดเป็นร้อยละแปดสิบ ของคะแนนทั้งหมด 1.3 รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามคณะกรรมการประกาศก้าหนด ข้อ 2 การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโน มัติส้าหรับ เกษตรแม่นย้า ระดับ 1 จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบโดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ้หนา ๑๒๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องผ่านการทดสอบทั้งภาคความรู้ ความเข้าใจ และภาคความสามารถ โดยต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่าทดสอบผ่านมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบ ให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ 1 ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๓๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 258.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก้าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับ การทดสอบ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติ ส้าหรับเกษตรแม่นย้า ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่า งไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่้ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันเข้ารับ การทดสอบ และ 1.2 มีประสบการณ์การท้างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับการติดตั้งและควบคุม ระบบให้น้้าส้าหรับเกษตรแม่นย้า ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือ ๑.3 ผ่านการฝึกฝีมือแรงงานหรือฝึกอาชีพในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างติดตั้ง ระบบให้น้้าส้าหรับเกษตรแม่นย้า ไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง หรือ ๑.4 เป็นผู้ที่ส้าเร็จการศึกษาไม่ต่้ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาช่าง อุตสาหกรรม หรือสาขาวิชาเกษตรศาสตร์ ตามประกาศของส้านักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบใ ห้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ ๒ ๒.๑ มีประสบการณ์การท้างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างระบบ ให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่าน การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่า งไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ ๑ หรือ ๒.๒ ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ ๑ ไม่ต่้ากว่าร้อยละแปดสิบ ข้อ 3 มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ 3 ้หนา ๑๒๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ 3.๑ มีประสบการณ์การท้างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างระบบ ให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบ ให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ 2 หรือ 3.๒ ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างติดตั้งระบบให้น้้าอัตโนมัติส้าหรับเกษตรแม่นย้า ระดับ 2 ไม่ต่้ากว่าร้อยละแปดสิบ ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๒๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 26.pdf," หน้า ๑๗ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ประกาศกรมการขนส ่งทางบก เรื่อง กําหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้ การลามไฟของว ัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส ่งทางบก เรื่อง กําหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้ การลามไฟ ของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ไว้แล้ว นั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนนโยบายการใช ้รถโดยสารขนาดเล ็กแทนรถตู้โดยสาร อาศัยอํานาจตามความในข ้อ 14/2 ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2524) ออกตามความใน พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 62 (พ.ศ. 2559) ออกตามความในพระราชบ ัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 อธิบดีกรมการขนส่งทางบกออกประกาศไว ้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ 18 ของประกาศกรมการขนส ่งทางบก เรื่อง กําหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้ การลามไฟของว ัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร พ.ศ. 2559 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑8 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับรถที่จดทะเบียนใหม่ รถที่มีการเปลี่ยนตัวถัง รถที่ได้จดทะเบียน ไว้แล้วแต่ได้แจ้งเลิกใช้รถตามมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 แล้วนํามาจดทะเบียนใหม่ซึ่งมีการเปลี่ยนตัวถัง และรถที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเครื่องอุปกรณ์หรือส่วนควบ หรือการตกแต่งรถ ซึ่งต้องใช้วัสดุตามที่กําหนดไว้ในประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป” ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ สนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก " 260.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการ พัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์ และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันเข้ารับการทดสอบ และ ๑.๒ มีประสบการณ์การท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเครื่องกล ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือ ๑.๓ ผ่านการฝึกฝีมือแรงงานหรือฝึกอาชีพในสาขาช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ อุตสาหกรรม ไม่น้อยกว่า ๕๔๐ ชั่วโมง และมีประสบการณ์จากการฝึกหรือปฏิบัติงานในกิจการ ในสาขาที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๒๕๐ ชั่วโมง หรือ ๑.๔ เป็นผู้ที่จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบั ตรวิชาชีพ ในสาขา ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนี้ ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์ และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๒ ๒.๑ มีประสบการณ์การท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างเครื่องกล ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่าน การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์ และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๑ หรือ ๒.๒ ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๑ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์ และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๓ ๓.๑ มีประสบการณ์การท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขา ช่างเครื่องกล ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่า เป็นผู้ผ่าน ้หนา ๖๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์ และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๒ หรือ ๓.๒ ได้คะแนนรวมในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างอุตสาหการ สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ ๒ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๖๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 262.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมสตัด ด้วยหุ่นยนต์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมก ารพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมสตัด ด้วยหุ่นยนต์ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงาน เชื่อมสตัด ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๑ ๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ ๑.๒ มีประสบการณ์การท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับการควบคุมระบบงาน เชื่อมสตัด ด้วยหุ่นยนต์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่านการฝึกอบรม ในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๑๘ ชั่วโมง หรือ ๑.๓ จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ในสาขาที่เกี่ยวข้อง และผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ไม่น้อยกว่า ๑๘ ชั่วโมง ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงาน เชื่อมสตัด ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๒ ๒.๑ เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ ๒.๒ ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมสตัด ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๑ หรือ ๒.๓ จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง และผ่านการฝึกอบรม ในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับระบบงานเชื่อมสตัดและการควบคุมหุ่นยนต์ รวมกันไม่น้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมง หรือ ๒.๔ มีประสบการณ์การท างานสาขางานเชื่อมสตัด ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่าน การฝึกอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับระบบงานเชื่อมสตัดและการควบคุมหุ่นยนต์ รวมกันไม่น้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมง ้หนา ๔๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงาน เชื่อมสตัด ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๓ ต้องเป็นผู้ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมสตัด ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ ๒ ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 264.pdf,"ค ำสั่งคณะกรรมกำรส่งเสริมกำรลงทุน ที่ ๓/๒๕๖๒ เรื่อง กำรมอบอ ำนำจให้ส ำนักงำนกระท ำกำรแทน เพื่อให้กำรด ำเนินกำรส่งเสริมกำรลงทุนเป็นไปด้วยควำมเรียบร้อยและมีประสิทธิภำพ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๑ แห่งพระรำชบัญญัติส่งเสริมกำรลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ และ มติคณะกรรมกำรส่งเสริมกำรลงทุนในกำรประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยำยน พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงให้ยกเลิกค ำสั่งคณะกรรมกำรส่งเสริมกำรลงทุนที่ ๓/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกำยน ๒๕๕๔ เรื่อง กำรมอบอ ำนำจให้ส ำนักงำนกระท ำกำรแทน และให้ส ำนักงำนคณะกรรมกำรส่งเสริมกำรลงทุน กระท ำกำรแทน ดังต่อไปนี้ ๑. กำรพิจำรณำอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้กำรส่งเสริมกำรลงทุน ดังต่อไปนี้ ๑.๑ โครงกำรที่มีขนำดกำรลงทุนไม่เกิน ๒๐๐ ล้ำนบำท ไม่รวม ค่ำที่ดินและทุนหมุนเวียน ยกเว้นโครงกำรที่คณะอนุกรรมกำรพิจำรณำโครงกำรด้ำนกำรพัฒนำเทคโนโลยีเป้ำหมำยมีอ ำนำจ พิจำรณำอนุมัติและไม่อนุมัติให้กำรส่งเสริมกำรลงทุน ๑.๒ โครงกำรลงทุนในประเภทกิจกำรกลุ่ม B ทุกขนำดกำรลงทุน ๑.๓ โครงกำรลงทุนในประเภทกิจกำรสถำนพยำบำลและกิจกำรโรงแรมทุกขนำด กำรลงทุน ๒. กำรพิจำรณำอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้แก้ไขโครงกำรและให้สิทธิและประโยชน์ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ โครงกำรที่มีขนำดกำรลงทุนไม่เกิน ๒,๐๐๐ ล้ำนบำท ไม่รวมค่ำที่ดินและ ทุนหมุนเวียนทุกประเภทกิจกำร ยกเว้นโครงกำรที่คณะอนุกรรมกำรพิจำรณำโครงกำรด้ำนกำรพัฒนำ เทคโนโลยีเป้ำหมำย มีอ ำนำจพิจำรณำอนุมัติและไม่อนุมัติให้กำรส่งเสริมกำรลงทุน ๒.๒ โครงกำรผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อกำรส่งออกเป็นส่วนใหญ่ โครงกำรลงทุนในประเภท กิจกำรกลุ่ม B กิจกำรสถำนพยำบำล และกิจกำรโรงแรมทุ กขนำดกำรลงทุน ๒.๓ สิทธิและประโยชน์เกี่ยวกับกำรยกเว้นอำกรส ำหรับกำรผลิตเพื่อกำรส่งออก ๒.๔ สิทธิและประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภำษีอำกร ๓. กำรพิจำรณำอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้แก้ไขเงื่อนไขโครงกำรและอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ ๓.๑ กำรแก้ไขเพิ่มเติมหรือผ่อนผันเงื่อนไข ส ำหรับโครงกำรที่มีขนำดกำรลงทุนไม่เกิน ๒,๐๐๐ ล้ำนบำท ไม่รวมค่ำที่ดินและทุนหมุนเวียน ๓.๒ กำรแก้ไขเพิ่มเติมหรือผ่อนผันเงื่อนไข ส ำหรับโครงกำรทุกขนำดกำรลงทุนในส่วน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ดังต่อไปนี้ ๓.๒.๑ เวลำด ำเนินโครงกำรทุกขั้นตอน ๓.๒.๒ ที่ตั้งสถำนประกอบกำร ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๓.๒.๓ กรรมวิธีกำรผลิต ๓.๒.๔ สัดส่วนผู้ถือหุ้น ๓.๒.๕ ทุนจดทะเบียน ๓.๓ กำรโอนสิทธิกำรได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ได้รับกำรส่งเสริมให้ผู้อื่นส ำหรับโครงกำร ทุกขนำดกำรลงทุน ๓.๔ กำรรวมหรือกำรโอนกิจกำรที่ได้รับกำรส่งเสริมให้กับผู้อื่นส ำหรับโครงกำรทุกขนำด กำรลงทุน ๓.๕ กำรอนุมัติและกำรอนุญำตต่ำง ๆ ที่เกี่ยวกับกำรใช้สิทธิและประโยชน์ที่ได้รับอนุมัติแล้ว ส ำหรับโครงกำรทุกขนำดกำรลงทุนตำมเงื่อนไข หลักเกณฑ์และวิธีกำรที่ส ำนักงำนก ำหนด ๓.๖ กำรยกเลิกบัตรส่งเสริมหรือเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ในกรณีที่ผู้ได้รับกำรส่งเสริม ปฏิบัติผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 30 กันยำยน พ.ศ. ๒๕62 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ประธำนกรรมกำรส่งเสริมกำรลงทุน ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 267.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 6/๒๕๖2 เรื่อง มาตรการสนับสนุนการจัดตั้งสถาบันเพื่อพัฒนาบุคลากรทักษะสูงโดยภาคเอกชน อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 2/2557 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 เรื่อง นโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในประเทศและเป็นฐานรองรับการย้ายฐานการผลิต ของนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนในประเทศ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ และ มาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศมาตรการสนับสนุนการจัดตั้งสถาบันเพื่อพัฒนาบุคลากรทักษะสูงโดยภาคเอกชน ดังนี้ ข้อ 1 มาตรการนี้บังคับใช้กับกิจการที่ด าเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะได้รับการส่งเสริม หรือไม่ก็ตาม โดยต้องเป็นประเภทกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประกาศให้การส่งเสริม อยู่ในขณะที่ยื่นขอรับการส่งเสริม ยกเว้นประเภทกิจการที่มีนโยบายเฉพาะที่ไม่ให้สิทธิและประโยชน์ ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่ประกาศก าหนด 1.1 โครงการเดิม หมายถึง โครงการที่ด าเนินการอยู่ แล้ว ไม่ว่าจะได้รับการส่งเสริม การลงทุนหรือไม่ โดยประเภทกิจการดังกล่าวต้องอยู่ในข่ายที่จะได้รับการส่งเสริมการลงทุน ยกเว้นสถานศึกษาและสถาบันฝึกอบรม 1.2 โครงการใหม่ หมายถึง โครงการลงทุนใหม่ที่ขอรับการส่งเสริมในกิจการสถาน ฝึกฝนวิชาชีพ และกิจการสถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคลเดิมหรือนิติบุคคลใหม่ ซึ่งมีกลุ่มเจ้าของ ผู้ประกอบการของโครงการเดิมถือหุ้นทั้งสิ้น ข้อ 2 โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนอยู่เดิม สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมภายใต้ มาตรการนี้ได้ เมื่อระยะเวลาการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงิน ได้นิติบุคคลสิ้นสุดลงแล้ว หรือ เป็นโครงการที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และโครงการใหม่จะต้องลงทุนให้แล้วเสร็จพร้อมเปิด ด าเนินการ ข้อ 3 ต้องจัดตั้งสถานศึกษาและสถาบันฝึกอบรม เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขา ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) ระดับสูงที่ได้รับความเห็นชอบจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ข้อ 4 ต้องมีเงินทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการจัดตั้งสถานศึกษาหรือสถาบัน ฝึกอบรมไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ข้อ 5 สิทธิและประโยชน์ โครงการเดิม - ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 5 ปี สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 100 ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) ในการจัดตั้งสถานศึกษาและสถาบันฝึกอบรม - สิทธิและประโยชน์ที่มิใช่ภาษีอากร โครงการใหม่ - ให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าส าหรับเครื่องจักร - สิทธิและประโยชน์ที่มิใช่ภาษีอากร ข้อ 6 ต้องยื่นขอรับการส่งเสริมตามมาตรการนี้ภายในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 271.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการจัดเก็บเงิน จากการจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2562 โดยที่ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการจัดเก็บเงินจากการจ้าหน่าย น ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. 2561 ได้ก้าหนดขึ นเพื่อให้ สอดคล้องกับค้าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2561 เรื่อง การแก้ไขกฎหมาย เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน ้าตาลทรายทั งระบบ ลงวันที่ 15 มกราคม พุทธศักราช 2561 ต่อมาค้าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับดังกล่าวได้สิ นสภาพบังคับลง จึงเห็นสมควรที่จะได้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการจัดเก็บเงิน จากการจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. 2561 เพื่อให้สอดคล้องกัน อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๑๗ (๓๐) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย โดยความเห็นชอบของคณะรั ฐมนตรี จึงเห็นสมควร วางระเบียบไว้ ดังนี ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการจัดเก็บเงินจากการจ้าหน่าย น ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. 2561 ทั งนี ตั งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖2 กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๕๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 273.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการก้าหนดราคาจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2562 เพื่อให้ราคาจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักรเป็นไปอย่างเหมาะสมเกิดความเป็นธรรม ระหว่างชาวไร่อ้อย โรงงาน และผู้บริโภค อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 17 (18) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงก้าหนด หลักเกณฑ์และวิธีการในการก้าหนดราคาจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักรไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย เรื่อง การก้าหนดราคา จ้าหน่ายน ้าตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักร ลงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2551 ข้อ ๒ ในประกาศนี “น ้าตาลทราย” หมายความว่า น ้าตาลทรายขาวหรือน ้าตาลทรายขาวบริสุทธิ์ แล้วแต่กรณี “ต้นทุนการผลิตอ้อย ” หมายความว่า ต้นทุนการผลิตอ้อยในแต่ละฤดูการผลิตที่คณะกรรมการอ้อย ก้าหนด “ต้นทุนการผลิตน ้าตาลทราย ” หมายความว่า ต้นทุนการผลิต น ้าตาลทรายในแต่ละ ฤดูการผลิตที่คณะกรรมการน ้าตาลทรายก้าหนด “ค่าจัดการจ้าหน่าย ” หมายความว่า กิจกรรมและงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักรจนสิ นสุดกระบวนการส่งมอบ ณ หน้าโรงงาน ได้แก่ ค่าเก็บรักษาน ้าตาลทรายภายในราชอาณาจั กรและการดูแลน ้าตาลทรายส้ารอง ค่าบริหารจัดการ ระบบอุตสาหกรรมที่ใช้จ่ายจากงบประมาณกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายในส่วนของน ้าตาลทราย ภายในราชอาณาจักรและน ้าตาลทรายส้ารอง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการก้าหนด “ผลตอบแทนการผลิตอ้อยและน ้าตาลทราย ” หมายความว่า ส่วนเพิ่มจากต้นทุนการผลิตอ้อย ต้นทุนการผลิตน ้าตาลทราย และค่าจัดการจ้าหน่ายตามที่คณะกรรมการก้าหนดในอัตราไม่เกินร้อยละ ๑๕ ของผลรวมของต้นทุนการผลิตอ้อย ต้นทุนการผลิตน ้าตาลทราย และค่าจัดการจ้าหน่าย ข้อ ๓ ก่อนเริ่มต้นฤดูการผลิต ให้ส้านักงานออกประกาศก้าหนดรา คาจ้าหน่ายน ้าตาลทราย ภายในราชอาณาจักร โดยให้ราคาจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักรเกิดจากผลรวม ของต้นทุนการผลิตอ้อย ต้นทุนการผลิตน ้าตาลทราย ค่าจัดการจ้าหน่าย และผลตอบแทนการผลิตอ้อย และน ้าตาลทราย ในการก้าหนดผลตอบแทนการผลิตอ้อยและน ้าตาลทรายตามวรรคหนึ่ง ให้ค้านึงถึง ราคาจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายในราชอาณาจักรและราคาจ้าหน่ายน ้าตาลทรายในประเทศผู้ผลิตอื่น มาประกอบการพิจารณาด้วย ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงต้นทุนการผลิตอ้อย ต้นทุนการผลิตน ้าตาลทราย ค่าจัดการ จ้าหน่าย หรือผลตอบแทนการผลิตอ้อยและน ้าตาลทราย ให้ส้านักงานค้านวณราค าจ้าหน่ายน ้าตาลทราย ภายในราชอาณาจักรตามวรรคหนึ่ง และออกประกาศก้าหนดราคาจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายใน ราชอาณาจักรใหม่ ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการอ้อยไม่สามารถก้าหนดต้นทุนการผลิตอ้อย หรือ คณะกรรมการน ้าตาลทรายไม่สามารถก้าหนดต้นทุนการผลิตน ้าตาลทรายได้ทันก่อนการเริ่มต้นฤดู การผลิต ให้ส้านักงานใช้ค่าตัวแปรในการปรับเพิ่มหรือปรับลด ต้นทุนการผลิตอ้อย หรือต้นทุนการผลิต น ้าตาลทรายของปีการผลิตก่อนหน้า ได้แก่ ค่าดัชนีผู้บริโภค ค่าจ้างแรงงานขั นต่้า ค่าน ้ามันเชื อเพลิง ค่าไฟฟ้า อัตราดอกเบี ยเงินกู้ และปริมาณผลผลิตต่อไร่ของฤดู การผลิตที่ผ่านมาเทียบกับฤดูการผลิต ปีปัจจุบัน ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการก้าหนด เพื่อเสนอให้คณะกรรมการใช้ก้าหนดเป็นต้นทุน การผลิตอ้อยหรือต้นทุนการผลิตน ้าตาลทรายประจ้าฤดูการผลิตนั น ๆ ไปจนกว่าจะได้ข้อมูลต้นทุน การผลิตอ้อยจากคณะกรรมการอ้อย หรือต้นทุนการผลิตน ้า ตาลทรายจากคณะกรรมการน ้าตาลทราย ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการทบทวนหลักเกณฑ์การก้าหนดราคาจ้าหน่ายน ้าตาลทรายภายใน ราชอาณาจักรตามประกาศนี ทุกสองปี ทั งนี ตั งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖2 กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 274.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๑ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออก หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระ ราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการ ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๑ ลงวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒ ก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๑ ให้เป็นดังต่อไปนี้ ๒.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน ามาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๕๐ คะแนน โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงจะมีสิทธิเข้ารับการทดสอบความสามารถ ๒.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลา ที่ก าหนดลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบปฏิบัติงานเพื่อวัดความสามารถในการเชื่อมเหล็กกล้า คาร์บอน รอยต่อรูปตัวที (T-Joint) ในลักษณะการเชื่อมเหล็กแผ่นกับเหล็กแผ่น และเหล็กแผ่นกับท่อ ตั้งแต่ ๓ มิลลิเมตรขึ้นไป ในต าแหน่งท่าเชื่อมตามมาตรฐาน ISO 9606-1 โดยมีคุณภาพแนวเชื่อม ตามมาตรฐาน ISO 5817 ใช้เวลาในการเชื่อมทดสอบ ๒ ชั่วโมง ไม่รวมการเตรียมชิ้นงาน ผู้เข้ารับ การทดสอบ ต้องได้คะแนนการทดสอบความสามารถทุกชิ้นไม่ น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ โดยมีชิ้นงาน ทดสอบแบ่งเป็น ๒ ประเภท ซึ่งผู้เข้ารับการทดสอบสามารถเลือกทดสอบประเภทใดประเภทหนึ่งได้ ดังนี้ ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ประเภทที่ ๑ การเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอน ( Group 1 Gr 1.1 ( ISO / TR 15608)) รอยต่อรูปตัวที ( T-Joint) โดยใช้ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ประเภทรูไทล์ มีชิ้นงานทดสอบ ๒ ชิ้น ดังนี้ (๑) ISO 9606-1 111 P FW FM1 R t... PD ml (๒) ISO 9606-1 111 T FW FM1 R t.../... D... PH ml ประเภทที่ ๒ การเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอน ( Group 1 Gr 1.1 (ISO / TR 15608)) รอยต่อรูปตัวที ( T-Joint) โดยใช้ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ประเภทด่าง มีชิ้นงานทดสอบ ๒ ชิ้น ดังนี้ (๑) ISO 9606-1 111 P FW FM1 B t... PD ml (๒) ISO 9606-1 111 T FW FM1 B t.../... D... PH ml ๒.๓ ในกรณีที่ผู้ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานพบว่าชิ้นงานทดสอบเกิดการ แตกร้าวเนื่องจากโลหะวิทยา หรือสาเหตุภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับฝีมือของผู้เข้ารับการทดสอบ ให้ผู้ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเปลี่ยนวัสดุทดสอบและให้ผู้เข้ารับการทดสอบท าการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานตามวิ ธีการทดสอบในใบงานเดิมทันที ๒.๔ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๓ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ โดยมีเกณฑ์ดังนี้ ๓.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งความรู้ และความสามารถ และต้อง ทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนในแต่ละการทดสอบ จึงถือว่าผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๑ ๓.๒ หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๑ มีอายุสามปี นับตั้งแต่วันที่ ออกหนังสือรับรอง ประกาศ ณ วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 276.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ ระดับ 1 ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่าง ควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ ระดับ ๑ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน ามาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่าง ถูกต้องตามหลักวิชาการ ในการเลือก ใช้งาน บ ารุงรักษา เครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนีย คาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ รวมถึงมีความรู้พื้นฐาน ด้านมาตรวิทยาลั กษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัย ชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวนข้อสอบ ๕๐ ข้อ ใช้เวลา ในการทดสอบ ๑ ชั่วโมงคะแนนเต็มภาคความรู้ ๑๐๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละสี่สิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบห้า จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ ภาคความรู้ ความเข้าใจ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบทักษะฝีมือโดยให้ผู้เข้ารั บการทดสอบปฏิบัติงาน ตามรูปแบบและกฎเกณฑ์ในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ ระดับ ๑ ในการเลือกใช้งาน และบ ารุงรักษา เครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเ กจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ ใช้เวลาในการทดสอบ ๕ ชั่วโมง คะแนนเต็มภาคความสามารถ ๑๐๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละหกสิบ ของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้า จึงจะถือว่า ผ่านการทดสอบภาคความสามารถ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่าน การทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานต้องผ่านการทดสอบทั้งภาคความรู้ และภาคความสามารถ โดยต้องได้คะแนนรวมไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ ระดับ ๑ ๒.๒ หนังสือรับรองมีอายุห้าปี นับตั้งแต่วันที่ออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่าน การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ประกาศ ณ วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 278.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมื อแรงงาน จึงก าหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ โดยความเห็นชอบ ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ หมายถึง ช่างที่มีความรู้ ความสามารถในการเลือก ใช้งาน บ ารุงรักษา การทวนสอบ และมีความรู้ ในการประยุกต์ใช้ในการวัดขนาดตามเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนทางเรขาคณิต ( Geometric Dimensioning and Tolerancing : GD&T) ของเครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทส อินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ รวมถึงมีความรู้พื้นฐานด้านมาตรวิทยา ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุม คุณภาพการผลิตด้านมิติ แบ่งออกเป็น ๓ ระดับ ๒.๑ ระดับ ๑ หมายถึง ช่างที่มี ความรู้และความสามารถในการเลือก ใช้งาน บ ารุงรักษา เครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ รวมถึงมีความรู้พื้นฐานด้านมาตรวิทยา ๒.๒ ระดับ ๒ หมายถึง ช่างที่มีความรู้และความสา มารถในการเลือก ใช้งาน บ ารุงรักษา การทวนสอบ เครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ รวมถึงมีความรู้ด้านมาตรวิทยา ๒.๓ ระดับ ๓ หมายถึง ช่างที่มีความรู้และความสามารถในการเลือกใช้ งาน บ ารุงรักษา การทวนสอบ และมีความรู้ในการประยุกต์ใช้ในการวัดขนาดตามเกณฑ์ความคลาดเคลื่อน ทางเรขาคณิต ( Geometric Dimensioning and Tolerancing : GD&T) เครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ แ ละไดอัลอินดิเคเตอร์ รวมถึงมีความรู้ด้านมาตรวิทยา ข้อ ๓ ข้อก าหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัด ความรู้ ความสามารถและทัศนคติ ในการท างานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างควบคุมคุณภาพการผลิตด้านมิติ ให้เป็น ดังนี้ ๓.๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ ได้แก่ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๓.๑.๑ ความรู้ ความเข้าใจ ประกอบด้วย ขอบเขตความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๑.๑.๑ การเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) สถานที่ปฏิบัติงาน (ก) ความปลอดภัยในการท างาน (ข) เครื่องมือ อุปกรณ์และสถานที่ (ค) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการท างาน (๒) แบบชิ้นงานและข้อก าหนดตามแบบทดสอบ (ก) สัญลักษณ์ และข้อก าหนดตามแบบทดสอบ (ข) ชิ้นงานทดสอบ (๓) เครื่องมือวัดและเครื่องมือมาตรฐาน ที่ใช้ในการ ปฏิบัติงาน 5 ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และ ไดอัลอินดิเคเตอร์ (ก) โครงสร้างของเครื่องมือวัด (ข) หลักการใช้งานของเครื่องมือวัด (ค) ส่วนประกอบของเครื่องมือวัด ๓.๑.๑.๒ การวัดชิ้นงานอย่างถูกวิธี (๑) การบ ารุงรักษาเครื่องมือวัดก่อนการใช้งาน (ก) การเคลื่อนย้าย (ข) การประกอบ (ค) การท าความสะอาด (๒) หลักการวัดชิ้นงานอย่างถูกวิธี (ก) การวัดขนาดโดยใช้เครื่องมือวัดตามค าสั่ง การทดสอบ (ข) การบันทึกผลการวัดตามแบบบันทึกผล ๓.๑.๑.๓ การบ ารุงรักษาหลังการใช้งาน (๑) เครื่องมือวัดและเครื่องมือมาตรฐาน ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ (ก) การท าความสะอาด (ข) การเก็บรักษา (๒) ชิ้นงานและอุปกรณ์ (ก) การท าความสะอาด ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (ข) การเก็บรักษา ๓.๑.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน เลือกใช้งาน และบ ารุงรักษาเครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๑.๒.๑ เตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) สถานที่ปฏิบัติงาน (ก) ตรวจสอบและใช้งานอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ในการท างาน (ข) ตรวจสอบเครื่องมือ อุปกรณ์และสถานที่ (ค) บันทึกข้อมูลสภาพแวดล้อมในการท างาน (๒) แบบชิ้นงานและข้อก าหนดตามแบบทดสอบ (ก) ท าความเข้าใจ และบันทึกข้อมูลที่จ าเป็น ตามแบบทดสอบ (ข) ตรวจสอบชิ้นงานทดสอบ (๓) ตรวจสอบเครื่องมือวัดและเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ ในการปฏิบัติงาน (ก) เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (ข) ไมโครมิเตอร์ (ค) ไฮเกจ (ง) ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ (จ) ไดอัลอินดิเคเตอร์ ๓.๑.๒.๒ วัดชิ้นงานตามแบบทดสอบ (๑) ท าความสะอาดเครื่องมือวัดก่อนการใช้งาน (๒) วัดขนาดชิ้นงาน โดยใช้เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ ไดอัลอินดิเคเตอร์ และบันทึกผลการวัด ๓.๑.๒.๓ บ ารุงรักษาหลังการใช้งาน โดยการท าความสะอาดและ เก็บรักษา (๑) เครื่องมือวัด (๒) เครื่องมือมาตรฐาน (๓) ชิ้นงานและอุป กรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ๓.๑.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานที่ตรงต่อเวลา การรักษาวินัย ในการท างาน ความปลอดภัยในการท างาน ความซื่อสัตย์ ความละเอียดรอบคอบ และความประหยัด ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๓.๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๒ ได้แก่ ๓.๒.๑ ความรู้ ความเข้าใจ ประกอบด้วย ขอบเขตความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๒.๑.๑ การเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) สถานที่ปฏิบัติงาน (ก) ความปลอดภัยในการท างาน (ข) เครื่องมือ อุปกรณ์และสถานที่ (ค) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการท างาน (๒) แบบชิ้นงานและข้อก าหนดตามแบบทดสอบ (ก) สัญลักษณ์ และข้อก าหนดตามแบบทดสอบ (ข) ชิ้นงานทดสอบ (๓) เครื่องมือวัดและเครื่องมือมาตรฐาน ที่ใช้ในการ ปฏิบัติงาน (ก) เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (ข) ไมโครมิเตอร์ (ค) ไฮเกจ (ง) ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ (จ) ไดอัลอินดิเคเตอร์ ๓.๒.๑.๒ การทวนสอบเครื่องมือวัดจากชิ้นงานมาตรฐาน หรือ เครื่องมือมาตรฐาน (๑) การก าหนดเกณฑ์การยอมรับของเครื่องมือวัดที่จะ ทวนสอบ (ก) เกณฑ์การยอมรับของเครื่องมือวัด (ข) การเลือกเครื่องมือให้เหมาะสม (๒) การทวนสอบเครื่องมือวัดจากชิ้นงานมาตรฐาน หรือ เครื่องมือมาตรฐาน (ก) หลักการการทวนสอบเครื่องมือวัด (ข) การวิเคราะห์ผลการทวนสอบ ๓.๒.๑.๓ การวัดชิ้นงาน (๑) การบ ารุงรักษาเครื่องมือวัดก่อนการใช้งาน (ก) การเคลื่อนย้าย (ข) การประกอบ ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (ค) การท าความสะอาด (๒) หลักการวัดชิ้นงานอย่างถูกวิธี (ก) การวัดขนาดโดยใช้เครื่องมือวัดตามค าสั่ง การทดสอบ (ข) การบันทึกผลการวัดตามแบบบันทึกผล ๓.๒.๑.๔ การบ ารุงรักษาหลังการใช้งาน (๑) เครื่องมือวัดและเครื่องมือมาตรฐาน ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ (ก) การท าความสะอาด (ข) การเก็บรักษา (๒) ชิ้นงานและอุปกรณ์ (ก) การท าความสะอาด (ข) การเก็บรักษา ๓.๒.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน เลือกใช้งาน ทวนสอบและบ ารุงรักษาเครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๒.๒.๑ เตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) ตรวจสอบความพร้อมด้านสถานที่ เครื่องมือและ อุปกรณ์ทั่วไป (๒) เลือกเครื่องมือให้เหมาะสมกับการวัดชิ้นงาน ตามเกณฑ์พิกัดความเผื่ อของแบบงาน (๓) ตรวจสอบความพร้อมเครื่องมือวัดและเครื่องมือ มาตรฐาน ๓.๒.๒.๒ ทวนสอบเครื่องมือวัดจากชิ้นงานมาตรฐานหรือจาก เครื่องมือมาตรฐาน (๑) ก าหนดเกณฑ์การยอมรับของเครื่องมือวัดที่จะทวนสอบ (๒) ทวนสอบเครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ ไดอัลอินดิเคเตอร์ (๓) วิเคราะห์ผลการทวนสอบ ๓.๒.๒.๓ วัดชิ้นงาน (๑) ท าความสะอาดเครื่องมือวัดก่อนการใช้งาน ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (๒) วัดขนาดชิ้นงาน โดยใช้ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ ไดอัลอินดิเคเตอร์ และบันทึกผลการวัด ๓.๒.๒.๔ บ ารุงรักษาหลังการใช้งาน เช่น ท าความสะอาดและ เก็บรักษา (๑) เครื่องมือวัด (๒) เครื่องมือมาตรฐาน (๓) ชิ้นงานและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ๓.๒.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานที่ตรงต่อเวลา การรักษาวินัย ในการท างาน ความปลอดภัยในการท างาน ความซื่อสัตย์ ความละเอียดรอบคอบ และความประหยัด ๓.๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๓ ได้แก่ ๓.๓.๑ ความรู้ ความเข้าใจ ประกอบด้วย ขอบเขตความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๓.๑.๑ การเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) สถานที่ปฏิบัติงาน (ก) ความปลอดภัยในการท างาน (ข) เครื่องมือ อุปกรณ์และสถานที่ (ค) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการท างาน (๒) แบบชิ้นงานและข้อก าหนดตามแบบทดสอบ (ก) สัญลักษณ์ตามมาตรฐาน GD&T และข้อก าหนด ตามแบบทดสอบ (ข) ชิ้นงานทดสอบ (๓) เครื่องมือวัดและเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ในการ ปฏิบัติงาน (ก) เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (ข) ไมโครมิเตอร์ (ค) ไฮเกจ (ง) ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ (จ) ไดอัลอินดิเคเตอร์ ๓.๓.๑.๒ การทวนสอบเครื่องมือวัดจากชิ้นงานมาตรฐานหรือ เครื่องมือมาตรฐาน (๑) การก าหนดเกณฑ์การยอมรับของเครื่องมือวัด ที่จะทวนสอบ ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (ก) เกณฑ์การยอมรับของเครื่องมือวัด (ข) การเลือกเครื่องมือให้เหมาะสม (๒) การทวนสอบเครื่องมือวัด จากชิ้นงานมาตรฐาน (ก) หลักการการทวนสอบเครื่องมือวัด (ข) การวิเคราะห์ผลการทวนสอบ ๓.๓.๑.๓ การวัดชิ้นงานตามหลักเกณฑ์ GD&T (1) เลือกเครื่องมือให้เหมาะสมกับลักษณะการวัด ตามหลักเกณฑ์ GD&T (ก) เกณฑ์การยอมรับของเครื่องมือวัด (ข) การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสม (๒) การวัดชิ้นงาน รูปทรงทางเรขาคณิต ตามหลักเกณฑ์ GD&T และการบันทึกผล (ก) หลักการการวัดชิ้นงาน (ข) การประยุกต์ใช้เครื่องมือวัดชิ้นงานตามหลักเกณฑ์ GD&T ๓.๓.๑.๔ การบ ารุงรักษาหลังการใช้งาน เช่น ท าความสะอาดและ เก็บรักษา (๑) เครื่องมือวัดและเครื่องมือมาตรฐาน ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอั ลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ (ก) การท าความสะอาด (ข) การเก็บรักษา (๒) ชิ้นงานและอุปกรณ์ (ก) การท าความสะอาด (ข) การเก็บรักษา ๓.๓.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน เลือกใช้งานทวนสอบและบ ารุงรักษาเครื่องมือวัด ๕ ชนิด ได้แก่ เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ และไดอัลอินดิเคเตอร์ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๓.๒.๑ เตรียมความพร้อมก่อ นการปฏิบัติงาน (๑) ตรวจสอบความพร้อมด้านสถานที่ เครื่องมือและ อุปกรณ์ทั่วไป (๒) เลือกเครื่องมือให้เหมาะสมกับการวัดชิ้นงาน ตามเกณฑ์พิกัดความเผื่อของแบบงาน ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (๓) ตรวจสอบความพร้อมเครื่องมือวัดและเครื่องมือ มาตรฐาน ๓.๓.๒.๒ ทวนสอบเครื่องมื อวัดจากชิ้นงานมาตรฐานหรือจากเครื่องมือ มาตรฐาน (๑) ก าหนดเกณฑ์การยอมรับของเครื่องมือวัดที่จะทวนสอบ (๒) ทวนสอบเครื่องมือวัด ๕ ชนิด เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ ไฮเกจ ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ ไดอัลอินดิเคเตอร์ (๓) วิเคราะห์ผลการทวนสอบ ๓.๓.๒.๓ วัดชิ้นงานตามหลักเกณฑ์ GD&T (๑) ท าความสะอาดเครื่องมือวัดก่อนการใช้งาน (๒) เลือกเครื่องมือให้เหมาะสมกับลักษณะการวัด ตามหลักเกณฑ์ GD&T (๓) วัดชิ้นงาน ได้แก่ ความกลม ต าแหน่ง ความตรง ความขนาน ความ ตั้งฉาก ความราบ ตามหลักเกณฑ์ GD&T และบันทึกผล ๓.๓.๒.๔ บ ารุงรักษาหลังการใช้งาน เช่น ท าความสะอาดและ เก็บรักษา (๑) เครื่องมือวัด (๒) เครื่องมือมาตรฐาน (๓) ชิ้นงานและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ๓.๓.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานที่ตรงต่อเวลา การรักษาวินัย ในการท างาน ความปลอดภัยในการท างาน ความซื่อสัตย์ ความละเอียดรอบคอบ และความประหยัด ประกาศ ณ วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 279.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๔ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน และการออก หนังสือรับรอง ว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๔ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการ ขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๔ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้องสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอ บเป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๔ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละแปดสิบ ของคะแนนทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การก าหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานการขนส่งสินค้า ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การควบคุมการปฏิบัติงานตามมาตรการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๔๕ นาที ้หนา ๖๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (3) แบบทดสอบที่ ๓ การปรับปรุงการปฏิบัติงานขนส่งสินค้า ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ 2 การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๔ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้ งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๔ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๖๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 280.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการ ขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๓ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการ ขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๓ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลา ในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โ ดยจะต้องสอบได้ คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเ ป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๓ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การก ากับดูแลการปฏิบัติงานรายวันให้เป็นไปตามแผนงานขนส่ง ใช้เวลา ในการทดสอบ ๖๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ ้หนา ๖๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ การตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในระหว่างการปฏิบัติการขนส่ง ใช้เวลา ในการทดสอบ ๓๐ นาที (3) แบบทดสอบที่ ๓ การประเมินผลการปฏิบัติงานการขนส่งสินค้า ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๓ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภา คความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๓ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๖๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 282.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน และการออกหนังสือรับรองว่ าเป็น ผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้า ทางถนน ระดับ ๑ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการ ขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๑ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้องสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเ ป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการ ขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๑ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อม ในการท างาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๒๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ ้หนา ๕๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ การตรวจสอบรายการเอกสารประกอบที่ใช้ในการส่งมอบสินค้าก่อนออกเดินทาง และการรวบรวมเอกสารการส่งมอบสินค้าและการรับคืนสินค้า ใช้เวลาในการทดสอบ ๔๐ นาที (3) แบบทดสอบที่ ๓ การค้นหาข้อมูลการปฏิบัติการขนส่ง ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแ นนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๑ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๑ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๕๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 283.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติ การขนส่ง สินค้าทางถนน ระดับ ๑ (1) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ (2) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือ (3) ผ่านการฝึกฝีมือแรงงานหรือฝึกอาชีพในสาขา นักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ไม่น้อยกว่า ๔๐ ชั่วโมง และมีประสบการณ์จากการฝึกหรือปฏิบัติงานในงานนักปฏิบัติการขนส่งสินค้า ทางถนน ไม่น้อยกว่า ๕๒๘ ชั่วโมง หรือ (4) เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพ (ปวช.) ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ อาชีพนี้ ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่ง สินค้าทางถนน ระดับ ๒ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๑ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการ ขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๓ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๒ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๒ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ้หนา ๕๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ข้อ ๔ มาตรฐานฝีมือแรงงา นแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่ง สินค้าทางถนน ระดับ ๔ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๓ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๓ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ข้อ ๕ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๒ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๒ ได้ ข้อ 6 ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๓ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๓ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ป ฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้า ทางถนน ระดับ ๓ ได้ ข้อ ๗ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๔ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ระดับ ๔ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการขนส่งสินค้า ทางถนน ระดับ ๔ ได้ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๕๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 284.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้า งานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้องสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเ ป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนน ทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๒ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ กลยุทธ์การบริหารงานและการปรับปรุงงานบริการลูกค้า ใช้เวลา ในการทดสอบ ๓๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การบริหารต้นทุน ก าหนดตัวชี้วัด การจัดการทรัพยากรบุคคล ใช้เวลา ในการทดสอบ ๖๐ นาที ้หนา ๕๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๒ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่าน การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมา ตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๕๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 287.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้า งานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้า งานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้องสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอ บเป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนน ทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๒ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ ขั้นตอนการรับค าสั่งซื้อ การรายงานผลการปฏิบัติงานรายวันและ การจัดเก็บแฟ้มข้อมูลงาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๖๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การรับข้อร้องเรียนของลูกค้าและการประสานงานกับหน่วยงานภายในองค์กร ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที ้หนา ๔๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๒ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดส อบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 288.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริกา รลูกค้า งานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ (1) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ (2) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือ (3) ผ่านการฝึกฝีมือแรงงานหรือฝึกอาชีพในสาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง และมีประสบการณ์จากการฝึกหรือปฏิบัติงานในงานนักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า ๕๒๘ ชั่วโมง หรือ (4) เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ อาชีพนี้ ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้า งานโลจิสติกส์ ระดับ ๒ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รั บหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๑ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้า งานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๒ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๒ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ้หนา ๔๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ข้อ ๔ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้า งานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๓ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๓ ไม่ต่ ากว่าร้อยละแปดสิบ ข้อ ๕ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติ งานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๒ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๒ ได้ ข้อ ๖ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ ประกาศในราชกิ จจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณ ะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ ได้ ข้อ ๗ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจก ารที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักบริการลูกค้างานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ ได้ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 290.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน จัดซื้อและจัดหา ระดับ ๓ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน จัดซื้อและจัดหา ระดับ ๓ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้องสอบได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบความสามา รถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๓ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๖ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การด าเนินการคัดเลือกผู้ขายสินค้าและบริการตามที่ได้รับมอบหมาย (มูลค่าสูงและปานกลาง Class A&B) ใช้เวลาในการทดสอบ ๒๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การด าเนินการสั่งซื้อสินค้าและบริการตามที่ได้รับมอบหมาย (มูลค่าสูง และปานกลาง Class A&B) ใช้เวลาในการทดสอบ ๕๐ นาที ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (3) แบบทดสอบที่ ๓ การจัดท ารายงานงานสั่งซื้อ (มูลค่าสูงและปานกลาง Class A&B) ใช้เวลาในการทดสอบ ๔๕ นาที (4) แบบทดสอบที่ ๔ การวิเคราะห์ปัญหางานสั่งซื้อ (มูลค่าสูงและปานกลาง Class A&B) ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที (5) แบบทดสอบที่ ๕ การสอนงานผู้ใต้บังคับบัญชา ใช้เวลาในการทดสอบ ๑๐ นาที (6) แบบทดสอบที่ ๖ การประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๔๕ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบ ภาคความสามารถทั้ง ๖ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงา นแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๓ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมา ตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๓ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 291.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน จัดซื้อและจัดหา ระดับ ๒ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน จัดซื้อและจัดหา ระดับ ๒ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลา ในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้อง สอบได้คะแนนไม่ น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบความสามารถ โดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน จัดซื้อและจัดหา ระดับ ๒ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบ ออกเป็น ๖ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การด าเนินการคัดเลือกผู้ขายสินค้าและบริการตามที่ได้รับมอบหมาย (มูลค่าการสั่งซื้อต่ า กลุ่ม Class C) ใช้เวลาในการทดสอบ ๑๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การด าเนินการสั่งซื้อสินค้าและบริการตามที่ได้รับมอบหมาย (มูลค่าการสั่งซื้อต่ า กลุ่ม Class C) ใช้เวลาในการทดสอบ ๕๐ นาที ้หนา ๓๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (3) แบบทดสอบที่ ๓ การจัดท ารายงานงานสั่งซื้อ (มูลค่าการสั่งซื้อต่ า กลุ่ม Class C) ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที (4) แบบทดสอบที่ ๔ การวิเคราะห์ปัญหางานสั่งซื้อ (มูลค่าการสั่งซื้อต่ า กลุ่ม Class C) ใช้เวลาในการทดสอบ ๒๐ นาที (5) แบบทดสอบที่ ๕ การมอบหมายงาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๒๐ นาที (6) แบบทดสอบที่ ๖ การประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๖ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๒ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบม าตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๒ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 292.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน จัดซื้อและจัดหา ระดับ ๑ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน จัดซื้อและจัดหา ระดับ ๑ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลา ในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้อง สอบได้คะแนนไม่ น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบความสามารถ โดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน จัดซื้อและจัดหา ระดับ ๑ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด ซึ่งแบ่ง การทดสอบออกเป็น ๔ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การปฏิบัติงานตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและ สภาพแวดล้อมในการท างาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๒๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การด าเนินการสั่งซื้อสินค้าและบริการตามที่ได้รับมอบหมาย ใช้เวลา ในการทดสอบ ๔๕ นาที ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (3) แบบทดสอบที่ ๓ การจัดท ารายงานการสั่งซื้อเบื้องต้น ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที (4) แบบทดสอบที่ ๔ การจัดเก็บข้อมูลการสั่งซื้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๔๕ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๔ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่ าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๑ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานจัดซื้อและจัดหา ระดับ ๑ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 295.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน บริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน บริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ 1.1 การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลา ในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้อง สอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ 1.2 การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบความส ามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนน ทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การก าหนดแผนการด าเนินงานด้านโลจิสติกส์ ใช้เวลาในการทดสอบ ๒๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การประเมินผลการปฏิบัติงานเปรียบเทียบกับแผนงานประจ าปี ใช้เวลาในการทดสอบ ๒๐ นาที ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (3) แบบทดสอบที่ ๓ การเสนอแนวทางการปรับปรุงการปฏิบัติงานของคลังสินค้า ใช้เวลา ในการทดสอบ ๓๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ ๒.๒ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 297.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติ มโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ และการออกหนังสือ รับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดส อบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน บริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงาน บริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ 1.1 การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้องสอบได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ 1.2 การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนน ทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบ ออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การจัดเตรียมเอกสารส าหรับหยิบสินค้า ( Picking) และการจัดเรียงสินค้า (Sorting) จากคลัง ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การรวบรวมและจัดเก็บเอกสารเข้าแฟ้มงาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๑๐ นาที ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (3) แบบทดสอบที่ ๓ การประสานงานกับบุคคลที่เกี่ยวข้องภายในหน่วยงาน ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๒๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแ นนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ 1.3 รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิ สติกส์ ระดับ ๑ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ 2.1 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ 2.2 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละ แบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ 2.3 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๑ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 298.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหาร งาน โลจิสติกส์ ระดับ ๑ (1) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับ การทดสอบ และ (2) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือ (3) ผ่านการฝึกฝีมือแรงงานหรือฝึกอาชีพในสาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ไม่น้อยกว่า ๘๐ ชั่วโมง และมีประสบการณ์จากการฝึกหรือปฏิบัติงานในกิจการ ในงานพนักงานบริหารงาน โลจิสติกส์ไม่น้อยกว่า ๑,๐๕๖ ชั่วโมง หรือ (4) เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิ ชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในสาขา ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนี้ ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงาน โลจิสติกส์ ระดับ ๒ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๑ ไม่ต่ ากว่าร้อยละเก้าสิบ ข้อ ๓ มาตรฐานฝืมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงาน โลจิสติกส์ ระดับ ๓ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๒ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๒ ไม่ต่ ากว่าร้อยละเก้าสิบ ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ข้อ ๔ มาตรฐานฝีมือแรงงานแ ห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงาน โลจิสติกส์ ระดับ ๔ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า ๑ ปีนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๓ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๓ ไม่ต่ ากว่าร้อยละเก้าสิบ ข้อ ๕ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๒ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๒ ได้ ข้อ ๖ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ ประกาศในราชกิ จจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะ นั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๓ ได้ ข้อ ๗ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบั ติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานบริหารงานโลจิสติกส์ ระดับ ๔ ได้ ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒" 299.pdf,"ประกาศกรมเจ้ าท่า ที่ 123/2544 เรื่อง การบันทึกและการตรวจสอบระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่ในเรือไทยและเรือชักธงต่างประเทศ ตามประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 360/2541 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2541 เรื่อง การบันทึก และการตรวจสอบระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ในเรือ และประกาศกร มเจ้าท่า ที่ 355/2543 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2543 เรื่อง การบันทึกระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ในเรือชักธงต่างประเทศ นั้น เพื่อให้การบันทึกและการตรวจสอบระยะเวลา การปฏิบัติหน้าที่ในเรือของผู้ท าการในเรือเดินทะเล ระหว่างประเทศทั้งเรือไทย และเรือต่างประเทศ และการออกใบรับรองแสดงระยะเวลาการฝึกและ ปฏิบัติงานในเรือ เพื่อใช้สมัครสอบขอรับประกาศนียบัตรต่าง ๆ หรือขอต่ออายุประกาศนียบัตร ตามข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยการฝึกอบรม การสอบความรู้ และการออกประกาศนียบัตรผู้ท าการในเรือ พ.ศ. 2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 ข้อ 8 เป็นไปอย่างมีระบบ เหมาะสม และชัดเจนยิ่งขึ้น อธิบดีกรมเจ้าท่าจึงให้ยกเลิกค าสั่งกรมเจ้าท่า ที่ 360/2541 และ ที่ 355/2543 และก าหนดขั้นตอนการบันทึก และการตรวจสอบระยะเวลา การปฏิบัติหน้าที่ในเรือดังนี้ 1. ให้ผู้ท าการในเรือแจ้งวันที่ลงท าการต่อส านักงานคนประจ าเรือก่อนลงท าการในเรือ หรือแจ้งหลังลงท าการในเรือภายใน 60 วัน โดยยื่นแบบฟอร์มของกรมเจ้าท่า (แบบ คร.6) พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้ 1.1 ส าเนาหนังสือส่งตัวลงท าการในเรือ (กรณีแจ้งก่อนลงท าการในเรือ) 1.2 ส าเนาหนังสือคนประจ าเรือ (SEAMAN BOOK) ที่บันทึกการลงเรือ 1.3 ส าเนาหนังสือเดินทาง (PASSPORT) ที่ประทับตราเดินทาง (ถ้ามี) 1.4 ส าเนาสัญญาคนประจ าเรือ (AGREEMENT) เฉพาะเรือชักธงต่างประเทศ 2. เมื่อขึ้นจากเรือแล้วให้ผู้ท าการในเรือแจ้งวันที่ขึ้นจากเรือต่อส านักงานคนประจ าเรือ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ขึ้นจากเรือ ตามแบบฟอร์มของกรมเจ้าท่า (แบบ คร.6) พร้อมด้วย หนังสือคนประจ าเรือ และหนังสือเดินทางที่ประทับตราเข้า - ออก (ถ้ามี) 3. ส านักงานคนประจ าเรือจะตรวจสอบเอกสารและบันทึกลงในทะเบียนประวัติคนประจ าเรือ (คร.3) ของผู้แจ้ง การนับระยะเวลาปฏิบัติงานในเรือจะสมบูรณ์เมื่อผู้แจ้งได้มาแจ้งการขึ้นจากเรือ ตามที่ก าหนดในข้อ 2 แล้ว 4. กรณีผู้ท าการในเรือแจ้งลงท าการในเรือภายหลั งก าหนด 60 วัน ส านักงานคนประจ าเรือ จะท าการบันทึกระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่ในเรือให้ตั้งแต่วันที่รับแจ้ง โดยจะไม่นับระยะเวลาท าการในเรือ ย้อนหลังให้ 5. กรณีผู้ท าการในเรือแจ้งขึ้นจากเรือภายหลังก าหนด 60 วัน ให้ผู้แจ้งชี้แจงเหตุผล ความจ าเป็นถึงความล่าช้าในกา รแจ้ง เพื่อส านักงานคนประจ าเรืออาจจะพิจารณารับแจ้งต่อไป ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ธันวาคม ๒๕๖๒6. การท าหรือการเปลี่ยนแปลงรายการในหนังสือสัญญาและบัญชีคนประจ าเรือ ส าหรับเรือไทย ที่กรมเจ้าท่า ให้ถือว่าเป็นการแจ้งตามประกาศนี้ 7. การฝึกปฏิบัติงานในเรือสินค้าตามหลักสูตรการศึกษาฝึกอบรมของศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี ให้ปฏิบัติตามวิธีการที่ก าหนดข้างต้นเช่นเดียวกัน 8. การแจ้งวันที่ลงท าการในเรืออาจท าได้โดยผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วนกรณีท าการ ในเรือเดินต่างประเทศ และปฏิบัติงานอยู่ในประเทศอื่นอาจ แจ้งได้ทางไปรษณีย์ถึงผู้อ านวยการส านักงาน คนประจ าเรือ โดยถือวันที่ประทับตราส่งเป็นวันแจ้ง 9. ผู้ท าการในเรือคนใดประสงค์จะขอตรวจสอบระยะเวลาปฏิบัติงานในเรือให้น าหนังสือ คนประจ าเรือ มาขอตรวจสอบได้ที่ส านักงานคนประจ าเรือ โดยส านักงานคนประจ าเรือจะตรวจสอบให้ ตามที่ได้แจ้งไว้อย่างถูกต้องและครบถ้วนจากทะเบียนประวัติคนประจ าเรือ (คร.3) 10. ผู้ที่ลงท าการในเรือโดยมิได้ด าเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น การนับระยะเวลา ปฏิบัติหน้าที่ในเรือให้พิจารณาอนุญาตเป็นการเฉพาะราย โดยผู้ยื่นร้องขอต้องน าหลักฐานมาประกอบ การพิจารณาดังนี้ คือ หนังสือรับรองการปฏิบัติหน้าที่ในเรือจากบริษัท ส าเนาหนังสือคนประจ าเรือ (SEAMAN BOOK) และ/หรือส าเนาสัญญาคนประจ าเรือ (AGREEMENT) กรณีเรือชักธงต่างประเทศ และ/หรือส าเนาหนังสือเดินทาง (PASSPORT) และ/หรือเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2544 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. ๒๕44 เรือโท วิทย์ วรคุปต์ อธิบดีกรมเจ้าท่า ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ธันวาคม ๒๕๖๒" 30.pdf,"ค ำสั่งหัวหน้ำคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ ที่ ๑๐/๒๕๖๑ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ำยประกำศคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๑๐๘/๒๕๕๗ ตำมที่คณะรักษำควำมสงบแห่งชำติได้ออกประกำศคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๑๐๘/๒๕๕๗ เรื่อง กำรปฏิบัติต่อผู้ต้องสงสัยว่ำก ระท ำผิดตำมกฎหมำยเกี่ยวกับยำเสพติด เพื่อเข้ำสู่กำรบ ำบัดฟื้นฟูและกำรดูแลผู้ผ่ำนกำรบ ำบัดฟื้นฟู ลงวันที่ ๒๑ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๗ ไปแล้วนั้น มำตรกำรทำงเลือกดังกล่ำวได้ปรำกฏผลสัมฤทธิ์เป็นอย่ำงมำกในกำรบ ำบัดฟื้นฟูผู้เสพยำเสพติด ให้สำมำรถกลับคืนสู่สังคมแ ทนกำรลงโทษหรือกำรด ำเนินคดี แต่โดยที่ในปัจจุบันได้ปรำกฏว่ำมีกำรน ำ วัตถุออกฤทธิ์บำงประเภทตำมกฎหมำยว่ำด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสำทมำใช้ในกำรเสพกันเป็นวงกว้ำง ในขณะที่วัตถุออกฤทธิ์ดังกล่ำวมิได้ถูกก ำหนดไว้ในบัญชีท้ำยประกำศคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ ด้วยเหตุนี้ หำกผู้เสพวัตถุออกฤทธิ์โดยเฉพำะผู้เสพที่เป็นเด็กและเยำวชนเป็นผู้ต้องสงสัยว่ำกระท ำ ควำมผิดฐำนเสพยำเสพติด หรือเสพและมียำเสพติดไว้ในครอบครอง ได้เสพหรือมีวัตถุออกฤทธิ์นี้ ในปริมำณที่ไม่มำกเกินกว่ำที่ก ำหนดไว้ กรณีเช่นนี้จะไม่สำมำรถน ำมำตรกำรทำงเลือกในกำ รบ ำบัดฟื้นฟู มำใช้แทนกำรลงโทษหรือกำรด ำเนินคดีได้แม้ผู้เสพจะมีควำมสมัครใจเข้ำรับกำรบ ำบัดฟื้นฟูก็ตำม จึงจ ำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ำยประกำศคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๑๐๘/๒๕๕๗ เพื่อให้กำรด ำเนินกำรบ ำบัดฟื้นฟูผู้เสพยำเสพติดเป็นไปโดยเหมำะสม มีมำตรกำรทำงเลือกที่ได้สัดส่วน กับกำรกระท ำควำมผิด อันจะเป็นประโยชน์ต่อกำรแก้ไขเยียวยำ บ ำบัดรักษำ และฟื้นฟูผู้เสพ ซึ่งมำตรกำรดังกล่ำวจะสำมำรถสร้ำงเสริมสถำบันครอบครัวและสังคมที่เข้มแข็งและมีคุณภำพต่อไป อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญแห งรำชอำณำจักร ไทย ประกอบกับ มำตรำ ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห งรำชอำณำจักรไทย (ฉบับชั่วครำว) พุทธศักรำช ๒๕๕๗ หัวหนำคณะ รักษำควำมสงบแห งชำติโดยควำมเห็นชอบของคณะรักษำควำมสงบแห งชำติจึงมีค ำสั่งดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มควำมต่อไปนี้เป็น (๕) ของ ๑. แห่งบัญชียำเสพติดท้ำยประกำศคณะรักษำ ควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๑๐๘/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๗ “(๕) วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ มี ๑ ชนิด ได้แก่ คีตำมีน” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกควำมในวรรคสองของ ๑. แห่งบัญชียำเสพติดท้ำยประกำศคณะรักษำ ควำมสงบแห่งช ำติ ฉบับที่ ๑๐๘/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๗ และให้ใช้ควำม ต่อไปนี้แทน “ยำเสพติดให้โทษตำม (๑) และ (๒) และวัตถุออกฤทธิ์ตำม (๕) ให้รวมถึงวัตถุที่เรียกชื่อ เป็นอย่ำงอื่น แต่มีสูตรโครงสร้ำงทำงเคมีอย่ำงเดียวกันกับยำเสพติดให้โทษหรือวัตถุ ออกฤทธิ์ดังกล่ำว และเกลือใด ๆ ของยำเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่ำวด้วย ” ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๗๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ข้อ ๓ ให้เพิ่มควำมต่อไปนี้เป็น (๔) ของ ๒. แห่งบัญชียำเสพติดท้ำยประกำศคณะรักษำ ควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๑๐๘/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๗ “(๔) วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ได้แก่ คีตำมีน มีน้ ำหนักสุทธิไม่เกินห้ำร้อยมิลลิกรัม ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกควำมในวรรคสองของ ๒. แห่งบัญชียำเสพติดท้ำยประกำศคณะรักษำ ควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๑๐๘/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๗ และให้ใช้ควำม ต่อไปนี้แทน “ยำเสพติดให้โทษตำม (๑) และ (๒) และวัตถุออกฤทธิ์ตำม (๔) ให้รวมถึงวัตถุที่เรียกชื่อ เป็นอย่ำงอื่น แต่มีสูตรโครงสร้ำงทำงเคมีอย่ำงเดียวกันกับยำเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่ำว และเกลือใด ๆ ของยำเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่ำวด้วย ” ข้อ ๕ ในกรณีที่เห็นสมคว ร นำยกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอำจเสนอให้คณะรักษำควำมสงบ แห่งชำติเปลี่ยนแปลงค ำสั่งนี้ได้ ข้อ ๖ ค ำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกำศในรำชกิจจำนุเษกษำเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๒๕ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ หัวหน้ำคณะรักษำควำมสงบแ ห่งชำติ ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๗๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑" 300.pdf,"ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการน าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 2562 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดให้รถยนต์ใช้แล้ว เป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการน าเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้ การควบคุมรถยนต์ใช้แล้วเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ การส่งออกไปนอกและการน าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดให้รถยนต์ใช้แล้ว เป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการน าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ก าหนดให้รถยนต์ใช้แล้ว เป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการน าเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ ให้รถยนต์ใช้แล้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท ๘๗.๐๑ (ยกเว้นรถหัวลาก รถแทรกเตอร์ตีนตะขาบล้อยางเพื่อการเกษตรส าเร็จรูป เฉพาะพิกัดอัตราศุลกากรประเภท ๘๗๐๑.๓๐.๐๐ และรถแทรกเตอร์ล้อยางเพื่อการเกษตรส าเร็จรูป เฉพาะพิกัดอัตราศุลกากรประเภท ๘๗๐๑.๙๑.๑๐ ๘๗๐๑.๙๒.๑๐ ๘๗๐๑.๙๓.๑๐ ๘๗๐๑.๙๔.๑๐ และ ๘๗๐๑.๙๕.๑๐) ประเภท ๘๗.๐๒ ประเภท ๘๗.๐๓ (ยกเว้นรถพยาบาล) ประเภท ๘๗.๐๔ และรถยนต์ที่ใช้แล้วที่มีอายุเกิน ๑๐๐ ปีขึ้นไป (รถโบราณ) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท ๙๗.๐๖ เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการน าเข้ามา ในราชอาณาจักร ” ประกาศ ณ วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖2 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒" 301.pdf,"ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ตามที่ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้มีประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ช านาญการ พิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภค ที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้ การพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภค ที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ านวน ๑๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสงขลา จังหวัดตราด จังหวัดเชียงราย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดหนองคาย จังหวัดนครพนม และจังหวัดนราธิวาส เป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับ นโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนในด้านต่าง ๆ บริเวณจังหวัดชายแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับ ประเทศในกลุ่มอ าเซียน แต่เนื่องจากในปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก ( EEC) จึงท าให้ไม่มีการน าเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เข้าสู่ การพิจารณาของคณะกรรมการผู้ช านาญการในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทั้ง ๑๐ จังหวัด อีกต่อไป นั้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และค าสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๖/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายและมอบอ านาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ประจ าส านักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และ ระเบียบส านักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ช านาญการ พิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณู ปโภค ที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ บรรดารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่คณะกรรมการผู้ช านาญการได้ให้ ความเห็นชอบ หรือถือได้ว่าให้ความเห็นชอบ หรือที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ให้ความเห็น ประกอบแล้ว ก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด หรือขยายขนาด ของโครงการให้แตกต่างไปจากที่ก าหนดไว้ในรายงาน และต้องจัดท ารายงานเปลี่ยนแปลงรายละเอียด หรือจัดท าเป็นรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ให้เสนอรายงานดังกล่าว ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ต่อคณะกรรมการผู้ ช านาญการด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุนของส่วนกลาง หรือต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาต่อไป ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเษกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒" 304.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 357) เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการหักลดหย่อนเงินที่บริจาคแก่พรรคการเมือง หรือเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ที่ให้เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 47 (1) (ฏ) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 5 1) พ.ศ. ๒๕62 อธิบดีกรมสรรพากร ก าหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการหักลดหย่อนเงินที่บริจาคแก่พรรคการเมือง หรือเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ที่ให้เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมืองตามกฎหมาย ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ผู้มีเงินได้ที่มีสิทธิหักลดหย่อนต้องเป็นบุคคลธรรมดา มีสัญชาติไทย ข้อ 2 ให้ผู้มีเงินได้หักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (ฏ) แห่งประมวลรัษฎากร ส าหรับกรณี ดังต่อไปนี้ (1) การบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมือง ซึ่งผู้มีเงินได้สามารถกระท าได้ตลอดปีภาษี (2) การสนับสนุนการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง หมายถึง การสนับสนุนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ให้แก่พรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งผู้มีเงินได้สามารถกระท าได้ในช่วงระยะเวลาที่พรรคการเมืองจัดกิจกรรมระดมทุนเท่านั้น ข้อ 3 ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนเงินที่บริจาคให้แก่พรรคการเมืองตามข้อ 2 (1) หรือ เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่ให้เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมืองตามข้อ 2 (2) ไม่ว่าพรรคเดียวหรือหลายพรรค แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินหนึ่งหมื่ นบาท ข้อ 4 ประเภทของทรัพย์สิน และการค านวณมูลค่าของทรัพย์สินที่ให้เพื่อสนับสนุน การจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) อสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย การค านวณมูลค่าให้ถือตามราคาประเมินทุนท รัพย์ ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น (2) ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน ดังต่อไปนี้ (ก) รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย การค านวณมูลค่าให้ใช้ ราคาประเมินราคารถส าหรับปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ในการโอนกรรมสิทธิ์ซื้อขายรถ ดังกล่าวที่กรมการขนส่งทางบกก าหนด โดยให้ค านวณมูลค่าตามราคาเฉลี่ยระหว่างราคาประเมินสูงสุด และราคาประเมินต่ าสุดของราคาประเมินรถนั้น ในกรณีที่ไม่มีมูลค่าต ามราคาประเมิน ให้ใช้ราคา้หนา ๗๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ประเมินที่ประเมินโดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นสมาชิกขององค์กรวิชาชีพเกี่ยวกับการประเมินราคา ทรัพย์สินนั้น (ข) เรือหรือเครื่องบิน การค านวณมูลค่าให้ใช้ราคาประเมินที่ประเมินโดยบุคคลหรือ หน่วยงานที่เป็นสมาชิกขององค์กรวิชาชีพของประเทศนั้น ๆ เกี่ยวกับการประเมินราคาทรัพย์สินนั้น (3) ทรัพย์สินอื่นหรือสินค้า (ก) ทรัพย์สินอื่นต้องเป็นทรัพย์สินที่ซื้อมาในปีเดียวกับปีภาษีที่ใช้สิทธิหักลดหย่อนและ ให้ถือมูลค่าตามหลักฐานการได้มาของทรัพย์สินเป็นมูลค่าที่ผู้มีเงินได้มีสิทธิน ามาหักลดหย่อน แต่มูลค่า ดังกล่าวต้องไม่เกินราคาหรือค่าอันพึงมีในวันที่ให้ทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมระดมทุน ของพรรคการเมือง (ข) สินค้าไม่ว่าเป็นสินค้าที่ผลิตเองหรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้า ดังกล่าวที่มีหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ เป็นมูลค่าของสินค้าที่ผู้ มีเงินได้มีสิทธิน ามาหักลดหย่อน แต่มูลค่า ดังกล่าวต้องไม่เกินราคาหรือค่าอันพึงมีในวันที่ให้สินค้าเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมระดมทุนของ พรรคการเมือง ข้อ 5 ประโยชน์อื่นใดที่ให้เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง ต้องเป็นประโยชน์อื่นใดที่เป็นการ ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง ดังต่อไปนี้ (1) การให้บริการเช่าหรือใช้พื้นที่อาคารหรือสถานที่ใด ๆ (2) การให้บริการใช้ยานพาหนะ การค านวณมูลค่าของประโยชน์อื่นใดซึ่งเป็นการให้บริการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือราคาหรือค่าอันพึงมี ในวันที่พรรคการเมืองได้ใช้บริการนั้น ข้อ 6 ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานประกอบการใช้สิทธิหักลดหย่อนตามข้อ 4 ดังนี้ (1) กรณีบริจาคเป็นเงินจะต้องมีใบเสร็จรับเงิน (แบบ พ.ก. 11) ที่ออกโดยพรรคการเมือง ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง (2) กรณีให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมระดมทุนของ พรรคการเมือง จะต้องมีใบเสร็จรับเงิน (แบบ พ.ก. 9) ที่ออกโดยพรรคการเมืองตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และมีเอกสารดังต่อไปนี้ พร้อมให้เจ้าพนั กงานประเมิน ตรวจสอบได้ (ก) การสนับสนุนทรัพย์สินตามข้อ 4 (1) และ (2) จะต้องมีหลักฐานการโอนกรรมสิทธิ์ ในทรัพย์สิน เช่น สัญญาโอนทรัพย์สิน โฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หลักฐานการจดทะเบียนเรือ หรืออากาศยา น แล้วแต่กรณี เป็นต้น ้หนา ๗๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ (ข) การสนับสนุนทรัพย์สินอื่นหรือสินค้าตามข้อ 4 (3) จะต้องมีหลักฐานแสดงการได้มา ของทรัพย์สินที่ระบุจ านวน มูลค่า และวัน เดือน ปี ที่ได้มาซึ่งทรัพย์สินนั้น หรือหลักฐานแสดงมูลค่า ต้นทุนของสินค้าที่พิสูจน์ได้ แล้วแต่กรณี (ค) การสนับสนุนประโยชน์อื่นใดตามข้อ 5 จะต้องมีหลักฐานที่แสดงหรือพิสูจน์ถึงมูลค่า ของการให้บริการซึ่งเป็นประโยชน์อื่นใดนั้น เช่น ใบแจ้งราคาค่าบริการตามปกติทางการค้าหรือ หลักฐานอื่นใด ที่พิสูจน์ถึงมูลค่าหรืออัตราค่าบริการในช่วงระยะเวลาที่ให้การสนับสนุนการจัดกิ จกรรม ระดมทุนของพรรคการเมือง เป็นต้น ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับส าหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจ าปีภาษี พ.ศ. 2561 ที่ต้องยื่นรายการใน พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖2 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๗๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒" 305.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง รายการเชื้อโรคที่ประสงค์ควบคุมตามมาตรา ๑๘ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ เนื่องจากมีรายงานว่า African swine fever virus ก่อให้เกิดสถานการณ์การระบาด ของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลแก่อุตสาหกรรมสุกรทั้งระบบ โดยการระบาดขยายวงกว้างในทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา และทวีปเอเชีย ๖ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐ ประชาชนจีน มองโกเลีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวี ยดนาม ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงท าให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูง ที่จะเกิดโรคระบาดดังกล่าว African swine fever virus เป็นเชื้อไวรัสที่ไม่ก่อให้เกิดโรคในคนแต่ก่อให้เกิดโรคระบาด ร้ายแรงในสุกร ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันและ ควบคุมโรค เชื้อโรคดังกล่าวมีความทนทานสูง ในผลิตภัณฑ์จากสุกรและในสิ่งแวดล้อม สุกรที่หายป่วยแล้วจะเป็นพาหะของโรคได้ตลอดชีวิต จึงเป็น การสมควรให้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมก ากับเชื้อโรคดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๖ (๑) และมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติ เชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยค าแนะน าของ คณะกรรมการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในรหัสเชื้อโรค V-2-0003 ตามบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง รายการเชื้อโรคที่ประสงค์ควบคุมตามมาตรา ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖2 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รหัสเชื้อโรค ชื่อเชื้อโรคควบคุม กลุ่มที่ การก่อโรค รายละเอียดเพิ่มเติม เชื้อไวรัส V-3-0003 African swine fever virus ๓ สัตว์ อนุญาตให้ด าเนินการได้เฉพาะใน ห้องปฏิบัติการของกรมปศุสัตว์หรือ ห้องปฏิบัติการที่ผ่านความเห็นชอบ จากคณะกรรมการเชื้อโรคและพิษ จากสัตว์โดยค าแนะน าของกรมปศุสัตว์ ้หนา ๕๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๐๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒" 306.pdf," กฎกระทรวง ฉบับที่ 355 (พ.ศ. 2562) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 3 สัตตรส วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 และมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้ “ผู้มีหน้าที่รายงาน ” หมายความว่า ส ถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น และผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วย ระบบการช าระเงิน “บัญชี” หมายความว่า บัญชีที่ใช้ส าหรับการฝากหรือรับโอนเงินของบุคคลใดที่อยู่ใน ความครอบครองของ ผู้มีหน้าที่รายงาน โดยอาจกระท าในนามของบุคคลคนเดียวหรือหลายคน “รับโอนเงิน” หมายความว่า การที่บุคคลที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีได้รับเงินหรือสิทธิเรียกร้อง เงินในบัญชี ข้อ 2 ให้ผู้มีหน้าที่รายงานจัดท ารายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ ซึ่งอยู่ในความครอบครองตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่ล่วงมา โดยต้องมี รายการดังต่อไปนี้ (1) เลขประจ าตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง เลขทะเบียนนิติบุคคล เลขประจ าตัว ผู้เสียภาษีอากร หรือสิ่งอื่นที่ใช้ในการระบุตัวบุคคลของบุคคลที่มีธุรกรร มลักษณะเฉพาะ (2) ชื่อและชื่อสกุลของบุคคลธรรมดา ชื่อของห้างหุ้นส่วนสามัญ ชื่อของคณะบุคคลที่มิใช่ นิติบุคคล หรือชื่อนิติบุคคล (3) จ านวนครั้งของการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกัน (4) จ านวนเงินที่ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกัน (5) เลขที่บัญชีทุกบัญชีที่มีการฝากหรือรับโอนเงิน ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ข้อ 3 ในการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ ให้ผู้มีหน้าที่รายงาน น าส่งข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะตามข้อ 2 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ตามรูปแบบการรายงานข้อมูลที่อธิบดี ประกาศก าหนด ข้อ 4 การรายงานข้อมูลเกี่ยวกับจ านวนครั้งและจ านวนเงินของการฝากหรือรับโอนเงิน ตามข้อ 2 (3) และ (4) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) การฝากหรือรับโอนเงินเข้าบัญชีของบุคคลที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชี ให้นับจ านวนครั้ง และจ านวนเงินทุกครั้งที่ มีการฝากหรือรับโอนเงินเข้าไปในบัญชีของบุคคลที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชี โดยไม่ต้องค านึงถึงข้อก าหนดวิธีการน าเงินเข้าบัญชีที่ผู้มีหน้าที่รายงานได้ก าหนดไว้แต่อย่างใด (2) การฝากหรือรับโอนเงินเข้าบัญชีซึ่งกระท าผ่านอุปกรณ์รับช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ภาพรหัสคิวอาร์ หรือวิธีการรับช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น ให้นับจ านวนครั้งและจ านวนเงินที่ได้ กระท าผ่านอุปกรณ์หรือวิธีการเช่นว่านั้นทุกครั้ง โดยไม่ต้องค านึงถึงข้อก าหนดวิธีการน าเงินเข้าบัญชี ที่ผู้มีหน้าที่รายงานได้ก าหนดไว้แต่อย่างใด ในกรณีที่การฝากหรือรับโอนเงินตา มวรรคหนึ่งเป็นการฝากหรือรับโอนเงินด้วยเงินตรา ต่างประเทศ ให้ค านวณค่าหรือราคาของเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ย ณ วันสิ้นปีที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ค านวณไว้ก่อนรายงานข้อมูล ข้อ 5 การรายงานข้อมูลการฝากหรือรับโอนเงินในครั้งแรกซึ่งต้องรายงานภายในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 ให้ผู้มีหน้าที่รายงานรายงานข้อมูลในปีที่ล่วงมาเฉพาะข้อมูลการฝากหรือ รับโอนเงินที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันถัดจากวันที่กฎกระทรวงนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ไว้ ณ วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖2 อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๒หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 3 สัตตรส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 ก าหนดให้ สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น และผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยระบบการช า ระเงิน มีหน้าที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะในปีที่ล่วงมา โดยรายการข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ ที่ต้องรายงาน และวิธีการรายงานให้เป็นไปตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๒" 307.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำงที่ทิ้งไว้ว่ำงเปล่ำหรือไม่ได้ท ำประโยชน์ตำมควรแก่สภำพ พ.ศ. 2562 อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๖ วรรคหนึ่ง และมำตรำ ๓๗ วรรคสี่ แห่งพระรำชบัญญัติ ภำษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำง พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ลักษณะที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำงที่ทิ้งไว้ว่ำงเปล่ำให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ที่ดินที่โดยสภำพสำมำรถท ำประโยชน์ได้ แต่ไม่มีกำรท ำประโยชน์ในที่ดินนั้นตลอดปี ที่ผ่ำนมำ เว้นแต่กำรที่ไม่สำมำรถท ำประโยชน์นั้นเนื่องจำกมีเหตุธรรมชำติหรือเหตุพ้นวิสัย (๒) สิ่งปลูกสร้ำงที่โดยสภำพสำมำรถท ำประโยชน์ได้ แต่ถูกทิ้งร้ำงและไม่มีกำรท ำประโยชน์ ในสิ่งปลูกสร้ำงนั้นตลอดปีที่ผ่ำนมำ ข้อ ๒ ลักษณะที่ดินหรื อสิ่งปลูกสร้ำงที่ไม่ได้ท ำประโยชน์ตำมควรแก่สภำพให้เป็นไป ตำมหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ที่ดินที่โดยสภำพสำมำรถท ำประโยชน์ในกำรประกอบเกษตรกรรม แต่มีกำรท ำประโยชน์ ไม่เป็นไปตำมหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังและรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ประกำศก ำหนดตำมมำตรำ ๓๗ วรรคสอง ตลอดปีที่ผ่ำนมำ (๒) สิ่งปลูกสร้ำงที่ก่อสร้ำงหรือปรับปรุงเสร็จแล้วและโดยสภำพสำมำรถท ำประโยชน์ ในกำรประกอบเกษตรกรรมหรือเป็นที่ อยู่อำศัยหรือท ำประโยชน์อื่นที่ไม่ใช่กำรท ำประโยชน์ ในกำรประกอบเกษตรกรรมหรือเป็นที่อยู่อำศัย แต่ไม่มีกำรใช้ประโยชน์ตลอดปีที่ผ่ำนมำ ข้อ ๓ ควำมในข้อ ๑ และข้อ ๒ มิให้ใช้บังคับกับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำง ดังต่อไปนี้ (๑) ที่ดินที่อยู่ระหว่ำงเตรียมกำรเพื่ อท ำประโยชน์ หรือสิ่งปลูกสร้ำงที่อยู่ระหว่ำงกำรก่อสร้ำง (๒) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำงที่ถูกรอนสิทธิในกำรท ำประโยชน์โดยกฎหมำย หรือโดยค ำสั่ง หรือค ำพิพำกษำของศำล (๓) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำงที่อยู่ระหว่ำงกำรพิจำรณำคดีของศำลเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์หรือ สิทธิครอบครอง ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ข้อ ๔ ในกำรพิจำรณำว่ำที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำงใดเป็นที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำงที่ทิ้งไว้ว่ำงเปล่ำ หรือที่ไม่ได้ท ำประโยชน์ตำมควรแก่สภำพ ให้ค ำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สภำพภูมิประเทศ สภำพดิน ควำมลำดชันของพื้นดิน และกำรท ำประโยชน์ของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำง ในบริเวณใกล้เคียง ให้ไว้ ณ วันที่ 20 ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลเอก อนุพงษ์ เผ่ำจินดำ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มำตรำ ๓๗ วรรคสี่ แห่งพระรำชบัญญัติ ภำษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำง พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติให้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำงที่ทิ้งไว้ว่ำงเปล่ำหรือไม่ได้ท ำประโยชน์ ตำมควรแก่สภำพให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์ที่ก ำหนดในกฎกระทรวง สมควรก ำหนดหลักเกณฑ์ของที่ดินหรือ สิ่งปลูกสร้ำงที่ทิ้งไว้ว่ำงเปล่ำหรือไม่ได้ท ำประโยชน์ตำมควรแก่สภำพ เพื่อให้เกิดควำมชัดเจนแก่ผู้ มีหน้ำที่ เสียภำษี จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒" 308.pdf," กฎกระทรวง การผ่อนช าระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๕๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอาจขอผ่อนช าระภาษีเป็นงวดได้ โดยเงินภาษีขั้นต่ าที่จะมีสิทธิ ผ่อนช าระได้ต้องมีจ านวนตั้งแต่สามพันบาทขึ้นไป ข้อ ๒ ในกรณีที่ผู้เสียภาษีประสงค์ขอผ่อนช าระภาษีในปีใด ให้ผู้เสียภาษียื่นหนังสือขอผ่อน ช าระภาษีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ ส านักงานหรือที่ท าการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในเดือนเมษายนของปี ข้อ ๓ การผ่อนช าระภาษี ให้แบ่งช าระได้ไม่เกินสามงวด งวดละเท่า ๆ กัน ภายใน ก าหนดเวลา ดังต่อไปนี้ (๑) งวดที่หนึ่ง ช าระภายในเดือนเมษายนของปี (๒) งวดที่สอง ช าระภายในเดือนพฤษภาคมของปี (๓) งวดที่สาม ช าระภายในเดือนมิถุนายนของปี ให้ไว้ ณ วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕๒ แห่งพระราชบัญญัติ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติให้การช าระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ผู้เสียภาษีอาจขอ ผ่อนช าระเป็นงวดได้ โดยหลักเกณฑ์และวิธีการในการผ่อนช าระให้เป็นไปตามที่ก าหนดใ นกฎกระทรวง สมควรก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการผ่อนช าระภาษีเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ผู้เสียภาษีมากยิ่งขึ้น จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒" 309.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดค่ำใช้จ่ำยในกำรจัดเก็บภำษีแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2562 อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๖ วรรคหนึ่ง และมำตรำ ๑๒ แห่งพระรำชบัญญัติ ภำษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำง พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ส่วนรำชกำรที่รับช ำระภำษีแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหักค่ำใช้จ่ำย ในกำรจัดเก็บภำษีในอัตรำร้อยละสำมของภำษีที่รับช ำระไว้แทนนั้น ข้อ ๒ ให้ส่วนรำชกำรน ำส่งภำษีหลังหักค่ำใช้จ่ำยตำมข้อ ๑ แล้ว ให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นภำยในวันที่สิบของเดือนถัดไป ให้ไว้ ณ วันที่ 20 ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลเอก อนุพงษ์ เผ่ำจินดำ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มำตรำ ๑๒ แห่งพระรำชบัญญัติ ภำษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำง พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติให้ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมอบหมำย ให้ส่วนรำชกำรหรือหน่วยงำนของรัฐรับช ำระภำษีแทน ส่วนรำชกำรหรือหน่วยงำนของรัฐนั้นอำจได้รับส่วนลด หรือค่ำใช้จ่ำยในกำรจัดเก็บภำษีตำมอัตรำที่ก ำหนดในกฎกระทรวง จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒" 310.pdf,"ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่่า (ฉบับที่ 10) ด้วยคณะกรรมการค่าจ้างได้มีการประชุมศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้าง ที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นตามที่กฎหมายก่าหนด เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2562 และมีมติเห็นชอบให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเพื่อใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างทุกคน อาศัยอ่านาจตามความในมาตรา ๗๙ (๓) และมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการค่าจ้างจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่่า (ฉบับที่ 9) ลงวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561 ข้อ 2 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบหกบาท ในท้องที่จังหวัดชลบุรี และภูเก็ต ข้อ 3 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบห้าบาท ในท้องที่จังหวัดระยอง ข้อ 4 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบเอ็ดบาท ในท้องที่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ข้อ 5 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบบาท ในท้องที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ข้อ 6 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยยี่สิบห้าบาท ในท้องที่จังหวั ดกระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา พังงา ลพบุรี สงขลา สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย และอุบลราชธานี ข้อ 7 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยยี่สิบสี่บาท ในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี ข้อ 8 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยยี่สิบสามบาท ในท้องที่จังหวัด กาฬสินธุ์ จันทบุรี นครนายก มุกดาหาร สกลนคร และสมุทรสงคราม ข้อ 9 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยยี่สิบบาท ในท้องที่จังหวัด กาญจนบุรี ชัยนาท นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พัทลุง พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ พะเยา ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว สุรินทร์ อ่างทอง อุดรธานี และอุตรดิตถ์ ข้อ 10 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสิบห้าบาท ในท้องที่จังหวัด ก่าแพงเพชร ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย ตรัง ตาก นครศรีธรรมราช พิจิตร แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ล่าปาง ล่าพูน ศรีสะเกษ สตูล สิงห์บุรี สุโขทัย หนองบัวล่าภู อุทัยธานี และอ่านาจเจริญ ข้อ 11 ให้ก่าหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่่าเป็นเงินวันละสามร้อยสิบสามบาท ในท้องที่จังหวัด นราธิวาส ปัตตานี และยะลา ้หนา ๖๕ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ข้อ 12 เพื่อประโยชน์ตามข้อ 2 ถึงข้อ 11 ค่าว่า “วัน” หมายถึง เวลาท่างานปกติ ของลูกจ้างซึ่งไม่เกินชั่วโมงท่างานดังต่อไปนี้ แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างท่างานน้ อยกว่าเวลาท่างานปกติ เพียงใดก็ตาม (๑) เจ็ดชั่วโมง ส่าหรับงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (2) แปดชั่วโมง ส่าหรับงานอื่นซึ่งไม่ใช่งานตาม (1) ข้อ 13 ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินแก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่่า ข้อ 14 ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการค่าจ้าง ้หนา ๖๖ ่เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒" 312.pdf," กฎกระทรวง กําหนดอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์อย่างอื่นอันมิใช่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2562 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ และมาตรา 34 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบ ัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว ้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 อาคารที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์อย่างอื่นอันมิใช่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ตามมาตรา 34 วรรคห้า ได้แก่ (๑) อาคารที่ใช้ประโยชน์เพื่อการพาณิชยกรรม หรือการบริการธุรกิจ (๒) อาคารที่ใช้ประโยชน์เพื่อการบริการสาธารณะ หรือการชุมนุมโดยทั่วไปเพื่อกิจกรรม ทางราชการ การเมือง การศึกษา การศาสนา การสังคม การนันทนาการ การสาธารณส ุข หรือ การคมนาคมขนส ่ง (๓) อาคารที่ใช้ประโยชน์เพื่อการประกอบก ิจการ หรือใช้เป็นสํานักงานหรือที่ทําการของ หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชน (4) คลังสินค้า หรืออาคารที่ใช้เป็นที่เก็บสินค้าหรือสิ่งของ (5) โรงงาน หรืออาคารที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการประกอบอ ุตสาหกรรม (6) โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือสถานที่อื่นใดที่สร้างด้วยวัสดุถาวร และมีพื้นที่ภายใน ที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปใช้สอยหรือใช้ประโยชน์ได้ โดยจะมีค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ข้อ 2 ในกรณีที่มีปัญหาหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎกระทรวงน ี้ ให้ผู้อํานวยการทะเบ ียนกลางเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ให้ไว้ ณ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๓หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช ้กฎกระทรวงฉบ ับนี้ คือ โดยที่มาตรา 34 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบ ัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 บัญญัติให้อาคารที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นโรงงาน คลังสินค้า หรือเพื่อประโยชน์ อย่างอื่นอันมิใช่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยที่ต้องกําหนดเลขประจ ําอาคารและจ ัดทําทะเบียนอาคารให้เป็นไป ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง จึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวงน ี้ ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๓" 314.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดลักษณะของวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่ อม พ.ศ. 2562 อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๔ แห่งพระรำชบัญญัติส่ง เสริมวิสำหกิจขนำดกลำง และขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำง และขนำดย่อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และมำตรำ ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติ ส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกำศคณะรักษำ ควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๙๙/๒๕๕๗ เรื่อง กำรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมำยว่ำด้วยกำรส่งเสริมวิสำหกิจ ขนำดกลำงและขนำดย่อม ลงวันที่ ๒๑ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๗ นำยกรัฐมนตรี ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงก ำหนดจ ำนวนกำรจ้ำงงำนและมูลค่ำสินทรัพย์ถำวรของวิสำหกิจ ขนำดกลำงและขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ ๒ วิสำหกิจขนำดย่อม ได้แก่ กิจกำรที่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) กิจกำรผลิตสินค้ำ ที่มีจ ำนวนกำรจ้ำงงำนไม่เกินห้ำสิบคนหรือมีรำยได้ต่อปีไม่เกิน หนึ่งร้อยล้ำนบำท (๒) กิจกำรให้บริกำร กิจกำรค้ำส่ง หรือกิจกำรค้ำปลีก ที่มีจ ำนวนกำรจ้ำงงำนไม่เ กิน สำมสิบคนหรือมีรำยได้ต่อปีไม่เกินห้ำสิบล้ำนบำท ข้อ ๓ วิสำหกิจขนำดกลำง ได้แก่ กิจกำรที่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) กิจกำรผลิตสินค้ำ ที่มีจ ำนวนกำรจ้ำงงำนเกินกว่ำห้ำสิบคนแต่ไม่เกินสองร้ อยคน หรือมีรำยได้ต่อปีเกินกว่ำหนึ่งร้อยล้ำนบำทแต่ไม่เกินห้ำร้อยล้ำนบำท (๒) กิจกำรให้บริกำร กิจกำรค้ำส่ง หรือกิจกำรค้ำปลีก ที่มีจ ำนวนกำรจ้ ำงงำนเกินกว่ำ สำมสิบคนแต่ไม่เกินหนึ่งร้อยคนหรือมีรำยได้ต่อปีเกินกว่ำห้ำสิบล้ำนบำทแต่ไม่เกินสำมร้อยล้ำนบำท ข้อ ๔ จ ำนวนกำรจ้ำงงำนและรำยได้ ตำมข้อ ๒ และข้อ ๓ ให้พิจำรณำจำกหลักฐำน ดังต่อไปนี้ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๓(๑) จ ำนวนกำรจ้ำงงำนให้พิจำรณำจำกหลักฐำนแสดงจ ำนวนกำรจ้ำง งำนที่ได้จัดท ำขึ้นตำมที่ กฎหมำยก ำหนด (๒) จ ำนวนรำยได้ให้พิจำรณำจำกรำยได้รวมที่ระบุไว้ในงบกำรเงินที่ได้จัดท ำขึ้นตำมที่ กฎหมำยว่ำด้วยกำรบัญชีก ำหนดหรือเอกสำรบัญชีแสดงรำยได้ ข้อ ๕ ในกรณีที่กิจกำรมีจ ำ นวนกำรจ้ำงงำนที่เข้ำลักษณะของวิสำหกิจประเภทหนึ่ง แต่มีรำยได้ที่เข้ำลักษณะของวิสำหกิจอีกประเภทหนึ่ง ให้ถือรำยได้เป็นเกณฑ์ในกำรพิจำรณำ ให้ไว้ ณ วันที่ 20 ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๓หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่กำรก ำหนดจ ำนวนกำรจ้ำงงำนและ มูลค่ำสินทรัพย์ถำวรของวิสำหกิจตำมกฎกระทรวงก ำหนดจ ำนวนกำรจ้ำงงำนและมูลค่ำสินทรัพย์ถำวร ของวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๕ ไม่สอดคล้องกับลักษณะของวิสำหกิจในสภำพกำรค้ำปัจจุบัน ประกอบกับมำตรำ ๔ แห่งพระรำชบัญญัติส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ก ำหนดเพิ่มเติมให้น ำรำยได้มำใช้เป็นเกณฑ์ในกำรก ำหนดลักษณะของวิสำหกิจ สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ เกี่ยวกับจ ำนวนกำรจ้ำงงำนและรำยได้ที่ใช้ในกำรก ำหนดลักษณะขอ งวิสำหกิจ จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๓" 316.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายก าหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการน าส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e–Payment) พ.ศ. 2562 โดยที่เป็นการสมควรขยายก าหนดเวลาให้นายจ้างยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและ การน าส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e–Payment) เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและรองรับ ความสะดวกในการประกอบธุรกิจของนายจ้าง ซึ่งจะส่งผลต่ออันดับที่ดีขึ้นของประเทศไทย ในการประเมินของธนาคารโลก และเพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตนให้ได้รับความคุ้มครอง อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๘๔/๒ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายเพื่ออ านวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ขยายก าหนดเวลา กรณีนายจ้างยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและ การน าส่งเงินสมทบตามมาต รา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการน าส่งเงินสมทบผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์ (e–Payment) ออกไปอีกเจ็ดวันท าการนับแต่วันที่พ้นก าหนดวันที่สิบห้าของเดือน ถัดจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบไว้ การด าเนินการตามวรรคหนึ่งให้ใช้ส าหรับการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและ การน าส่งเงินสมทบส าหรับค่าจ้างตั้งแต่เดือนที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับเป็นต้นไป เป็นระยะเวลา ยี่สิบสี่เดือน ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วัน ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖2 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ มกราคม ๒๕๖๓" 317.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยกเว้นมูลค่าของฐานภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา 40 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยจึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 กรณีบุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบ เกษตรกรรมภายในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดไม่เกิน 1 แปลง ให้น ามูลค่าของที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างนั้นหักด้วยห้าสิ บล้านบาท หากมูลค่าของฐานภาษีที่ค านวณได้ดังกล่าวมีมูลค่าน้อยกว่าหรือ เท่ากับศูนย์ ให้มูลค่าของฐานภาษีดังกล่าวเท่ากับศูนย์ ข้อ 3 กรณีบุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบ เกษตรกรรมภายในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันมากกว่ า 1 แปลง ให้น ามูลค่าที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างนั้น หักด้วยห้าสิบล้านบาท โดยให้หักมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของแปลงที่มีมูลค่า สูงที่สุดก่อน แล้วหักมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าสูงในล าดับรองลงมาตามล าดับ หากมูลค่า ของฐานภาษีดังกล่าวมีมู ลค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับศูนย์ ให้มูลค่าของฐานภาษีดังกล่าวเท่ากับศูนย์ ประกาศ ณ วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ อุตตม สาวนายน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ มกราคม ๒๕๖๓" 319.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการลานกองตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระดับ ๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการลานกองตู้คอนเทนเนอร์สินค้า และ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการลานกองตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระดับ ๒ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการ ลานกองตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระดับ ๒ 1.1 การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อ ง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้องสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ 1.2 การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้ นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการลานกองตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระดับ ๒ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้ อยละแปดสิบ ของคะแนนทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การตรวจสอบความพร้อมของเครื่องมือและอุปกรณ์ส าหรับการให้บริการ ใช้เวลาในการทดสอบ ๔๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การติดตามผลการปฏิบัติงาน ใช้เวลาในการทดสอบ ๑๕ นาที ้หนา ๑๖๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ (3) แบบทดสอบที่ ๓ การปฏิบัติตามระเบียบและขั้นตอนการท างานและการประสานงาน กับผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก ใช้เวลาในการทดสอบ ๑๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้ คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ 1.3 รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ 2 การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการลานกอ งตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระดับ ๒ โดยมีเกณฑ์ดังนี้ 2.1 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ 2.2 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ 2.3 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักปฏิบัติการลา นกองตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระดับ ๒ ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๖๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓" 322.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน และการออก หนังสือรับรองว่าเป็ นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๓ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๓ 1.1 การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยจะต้องสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ 1.2 การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดส อบเป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๓ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนน ทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การค านวณรายการวัสดุ (Bill of Materials) และการวางแผน ความต้องการวัตถุดิบ (Material Requirements Planning) ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ การวิเคราะห์ Yield เทียบกับผลการด าเนินงานจริง ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๒๐ นาที ้หนา ๑๔๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ (3) แบบทดสอบที่ ๓ การเลือกทางเลือกที่เป็นไปได้เพื่อพิจารณาความคุ้มทุน ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๑๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่ต่ า กว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ 1.3 รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๓ โดยมีเกณฑ์ดังนี้ 2.1 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ 2.2 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ 2.3 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๓ ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๔๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓" 323.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดลักษณะของวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่ อม พ.ศ. 2562 อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๔ แห่งพระรำชบัญญัติส่ง เสริมวิสำหกิจขนำดกลำง และขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำง และขนำดย่อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และมำตรำ ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติ ส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกำศคณะรักษำ ควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๙๙/๒๕๕๗ เรื่อง กำรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมำยว่ำด้วยกำรส่งเสริมวิสำหกิจ ขนำดกลำงและขนำดย่อม ลงวันที่ ๒๑ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๗ นำยกรัฐมนตรี ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงก ำหนดจ ำนวนกำรจ้ำงงำนและมูลค่ำสินทรัพย์ถำวรของวิสำหกิจ ขนำดกลำงและขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ ๒ วิสำหกิจขนำดย่อม ได้แก่ กิจกำรที่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) กิจกำรผลิตสินค้ำ ที่มีจ ำนวนกำรจ้ำงงำนไม่เกินห้ำสิบคนหรือมีรำยได้ต่อปีไม่เกิน หนึ่งร้อยล้ำนบำท (๒) กิจกำรให้บริกำร กิจกำรค้ำส่ง หรือกิจกำรค้ำปลีก ที่มีจ ำนวนกำรจ้ำงงำนไม่เ กิน สำมสิบคนหรือมีรำยได้ต่อปีไม่เกินห้ำสิบล้ำนบำท ข้อ ๓ วิสำหกิจขนำดกลำง ได้แก่ กิจกำรที่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) กิจกำรผลิตสินค้ำ ที่มีจ ำนวนกำรจ้ำงงำนเกินกว่ำห้ำสิบคนแต่ไม่เกินสองร้ อยคน หรือมีรำยได้ต่อปีเกินกว่ำหนึ่งร้อยล้ำนบำทแต่ไม่เกินห้ำร้อยล้ำนบำท (๒) กิจกำรให้บริกำร กิจกำรค้ำส่ง หรือกิจกำรค้ำปลีก ที่มีจ ำนวนกำรจ้ ำงงำนเกินกว่ำ สำมสิบคนแต่ไม่เกินหนึ่งร้อยคนหรือมีรำยได้ต่อปีเกินกว่ำห้ำสิบล้ำนบำทแต่ไม่เกินสำมร้อยล้ำนบำท ข้อ ๔ จ ำนวนกำรจ้ำงงำนและรำยได้ ตำมข้อ ๒ และข้อ ๓ ให้พิจำรณำจำกหลักฐำน ดังต่อไปนี้ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๓(๑) จ ำนวนกำรจ้ำงงำนให้พิจำรณำจำกหลักฐำนแสดงจ ำนวนกำรจ้ำง งำนที่ได้จัดท ำขึ้นตำมที่ กฎหมำยก ำหนด (๒) จ ำนวนรำยได้ให้พิจำรณำจำกรำยได้รวมที่ระบุไว้ในงบกำรเงินที่ได้จัดท ำขึ้นตำมที่ กฎหมำยว่ำด้วยกำรบัญชีก ำหนดหรือเอกสำรบัญชีแสดงรำยได้ ข้อ ๕ ในกรณีที่กิจกำรมีจ ำ นวนกำรจ้ำงงำนที่เข้ำลักษณะของวิสำหกิจประเภทหนึ่ง แต่มีรำยได้ที่เข้ำลักษณะของวิสำหกิจอีกประเภทหนึ่ง ให้ถือรำยได้เป็นเกณฑ์ในกำรพิจำรณำ ให้ไว้ ณ วันที่ 20 ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖2 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๓หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่กำรก ำหนดจ ำนวนกำรจ้ำงงำนและ มูลค่ำสินทรัพย์ถำวรของวิสำหกิจตำมกฎกระทรวงก ำหนดจ ำนวนกำรจ้ำงงำนและมูลค่ำสินทรัพย์ถำวร ของวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๕ ไม่สอดคล้องกับลักษณะของวิสำหกิจในสภำพกำรค้ำปัจจุบัน ประกอบกับมำตรำ ๔ แห่งพระรำชบัญญัติส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ก ำหนดเพิ่มเติมให้น ำรำยได้มำใช้เป็นเกณฑ์ในกำรก ำหนดลักษณะของวิสำหกิจ สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ เกี่ยวกับจ ำนวนกำรจ้ำงงำนและรำยได้ที่ใช้ในกำรก ำหนดลักษณะขอ งวิสำหกิจ จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๓" 325.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทา น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสง ค์และ อุปทาน ระดับ ๑ (1) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ ากว่า ๒๐ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ และ (2) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือ (3) ผ่านการฝึกฝีมือแรงงานหรือฝึกอาชีพใน สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทานไม่น้อยกว่า ๘๐ ชั่วโมง และมีประสบการณ์จากการฝึกหรือปฏิบัติงานในงานนักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ไม่น้อยกว่า ๑,๐๕๖ ชั่วโมง หรือ (4) เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับปริญญาตรี ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนี้ ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และ อุปทาน ระดับ ๒ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๑ ไม่ต่ ากว่าร้อยละเก้าสิบ ข้อ ๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และ อุปทาน ระดับ ๓ (1) มีประสบการณ์ท างานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๒ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๒ ไม่ต่ ากว่าร้อยละเก้าสิบ ข้อ ๔ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และ อุปทาน ระดับ ๔ ้หนา ๑๓๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓(1) มีประสบการณ์ท างานหรื อประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๓ หรือ (2) ได้คะแนนรวมในการทดสอบ ระดับ ๓ ไม่ต่ ากว่าร้อยละเก้าสิบ ข้อ ๕ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดส อบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ ส าขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๒ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๒ ได้ ข้อ ๖ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๓ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภา คบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๓ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๓ ได้ ข้อ ๗ ภายในระยะเวลา ๓ ปี หลังจากวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๔ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการในระดับหรือต าแหน่งที่เทียบได้ไม่ต่ ากว่าข้อก าหนดของ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ส าขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๔ โดยมีใบรับรองการท างานจากสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น สามารถขอรับ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักวางแผนอุปสงค์และอุปทาน ระดับ ๔ ได้ ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๓๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓" 33.pdf," หน้า ๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ระเบียบสํานักงานประกันสังคม ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์แก่สถานพยาบาลหร ือผู้ประกันตน และการจ่ายเงินค่ายา พ.ศ. ๒๕61 เพื่อให้เป็นไปตามความในข ้อ ๑๒ (๑) แห่งระเบียบคณะกรรมการประก ันสังคม ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการ ประกันสังคมว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบกับเพื่อให้การจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์แก่สถานพยาบาลหร ือผู้ประกันตนและ การจ่ายเงินค่ายาเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการแพทย ์ ที่กําหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่าย ค่าบริการทางการแพทย ์และค่ายา อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบ ัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 สํานักงานประกันสังคมจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสํานักงานประกันสังคมว่าด้วยการจ่ายเงินค่าบริการ ทางการแพทย์แก่สถานพยาบาลหร ือผู้ประกันตน และการจ่ายเงินค่ายา พ.ศ. ๒๕61” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบสํานักงานประกันสังคมว่าด้วยการจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์ แก่สถานพยาบาล และการจ่ายเงินค่ายาแก่หน่วยงานภาครัฐ พ.ศ. ๒๕59 ข้อ ๔ วิธีปฏิบัติใด ซึ่งมิได้กําหนดในระเบียบนี้ให้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการโดยอน ุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “ค่าบริการทางการแพทย ์” หมายความว่า เงินตอบแทนค่าบริการทางการแพทย ์และ ค่ารักษาพยาบาลผ ู้ประกันตน “ค่ายา” หมายความว่า เงินค่ายาในบัญชียาหลักแห่งชาติ บัญชี จ (๒) หรือค่ายาต้านไวรัสเอดส์ “สถานพยาบาล ” หมายความว่า สถานพยาบาลท ี่สํานักงานกําหนดสิทธิในการรับบริการ ทางการแพทย์ “สถานพยาบาลอ ื่น” หมายความว่า สถานพยาบาลท ี่นอกเหนือจากสถานพยาบาลท ี่สํานักงาน กําหนดสิทธิในการรับบริการทางการแพทย ์ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานประกันสังคม “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานประกันสังคม ข้อ ๖ ให้สํานักงานจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์ให้แก่สถานพยาบาลโดยว ิธีเหมาจ่าย ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราสําหรับประโยชน์ทดแทนในกรณ ี หน้า ๒ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทํางาน ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่ แก้ไขเพิ่มเติมต่อผู้ประกันตนหนึ่งคน ภายในระยะเวลาหน ึ่งปี ตามจํานวนผู้ประกันตนที่มีชื่อ ตามทะเบียนที่สํานักงานได้กําหนดไว้ให้กับสถานพยาบาลโดยให ้จ่ายภายในวันที่ ๑๕ ของทุกเดือน ให้สํานักงานแบ่งจ่ายเงินตามวรรคหน ึ่ง เป็นรายเดือน ๆ ละไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้า ของจํานวนผู้ประกันตนที่ใช้เป็นฐานในการค ํานวณเงินค่าบริการทางการแพทย ์ในวันทําการสุดท้าย ของเดือนก่อนเดือนที่จะทําการจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์โดยใช้จํานวนผู้ประกันตนที่มีชื่อ ตามทะเบียนที่สํานักงานได้กําหนดไว้ให้กับสถานพยาบาลในการไปร ับบริการทางการแพทย ์เป็นเกณฑ์คํานวณ เมื่อมีการจ่ายเงินในแต่ละเดือนแล้ว ให้มีการคิดคํานวณเงินค่าบริการทางการแพทย ์ ที่สถานพยาบาลพ ึงจะได้รับจริงตามจํานวนผู้ประกันตนของเดือนที่มีการจ่ายเงิน โดยให้ใช้จํานวน ผู้ประกันตนโดยเฉลี่ยซึ่งคํานวณได้จากจํานวนผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในวันต้นเดือน รวมกับจํานวนผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในวันสิ้นเดือนหารด้วยสองเป็นเกณฑ์คํานวณ และในกรณีที่ต้องจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์เพิ่มให้แก่สถานพยาบาล ให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในสามเดือน นับแต่เดือนที่มีการจ่ายเงิน ข้อ 7 ให้สํานักงานจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์ให้แก่สถานพยาบาลท ี่ต้องรับภาระกรณี โรคที่มีภาระเสี่ยงตามอัตราการใช้บริการทางการแพทย ์ของผู้ประกันตนหนึ่งคนภายในระยะเวลาหน ึ่งปี ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราสําหรับประโยชน์ทดแทนในกรณ ีประสบ อันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทํางาน ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแบ่งงบประมาณเป ็นสองส่วน ส่วนที่ 1 แบ่งจ่ายเป็นรายเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน จํานวนสิบเอ็ดงวด ส่วนที่ 2 จ่ายเป็นงวดที่ 12 และให้จ่ายเงินภายในสิบห้าวันนับถัดจากวันที่ได้รับอนุมัติ ดังนี้ งวดที่ 1 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคม และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคม เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 1 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล งวดที่ 2 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 2 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล งวดที่ 3 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 2 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 3 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล หน้า ๓ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ งวดที่ 4 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 3 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 4 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล งวดที่ 5 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 4 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 5 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล งวดที่ 6 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 5 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 6 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล งวดที่ 7 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 6 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 7 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล งวดที่ 8 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 7 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 8 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล งวดที่ 9 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 8 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 9 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล งวดที่ 10 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคม และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคม และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 9 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 10 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล งวดที่ 11 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ที่ส่งภายในเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน และนําเงินค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 หน้า ๔ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ถึงงวดที่ 10 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงงวดที่ 11 ที่จ่ายให้ สถานพยาบาล งวดที่ 12 ให้คํานวณตามคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอกและน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน ตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) ที่มีค่าน้อยกว่า 2 ของผู้ป่วยใน ของข้อมูลปีนั้นทั้งหมดที่ส่งภายใน ระยะเวลาที่สํานักงานกําหนด และข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม และนําเงิน ค่าบริการทางการแพทย ์งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 11 มาหักออก เป็นเงินค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยง งวดที่ 12 ที่จ่ายให้สถานพยาบาล สถานพยาบาลหร ือสถานพยาบาลอ ื่นจะต้องส่งข้อมูลการให้บริการทางการแพทย ์แก่ผู้ประกันตน ภายในระยะเวลาท ี่สํานักงานกําหนด เพื่อนํามาใช้เป็นข้อมูลในการคํานวณค่าบริการทางการแพทย ์ ตามภาระเสี่ยง การกําหนดสัดส่วนงบประมาณระหว ่างส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 หรือการกําหนดสัดส่วน ค่าบริการทางการแพทย ์ระหว่างผู้ป่วยนอกและผ ู้ป่วยใน รวมทั้งคะแนนโรคเร ื้อรังแต่ละโรค เพื่อคํานวณค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยง ให้สํานักงานพิจารณาตามค ําแนะนําของ คณะกรรมการการแพทย ์ สําหรับปีที่สํานักงานมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการรายงานข ้อมูลการให้บริการทางการแพทย ์ แก่ผู้ประกันตนที่ใช้ในการคํานวณค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยง ทําให้ต้องขยายระยะเวลา การส่งข้อมูลการให้บริการทางการแพทย ์แก่ผู้ประกันตน ในช่วงแรกที่ยังไม่ได้รับข้อมูลการให้บริการ ทางการแพทย ์แก่ผู้ประกันตน ให้คํานวณคะแนนโรคเร ื้อรังของผู้ป่วยนอก และน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตาม วันนอนตามกล ุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRGs) จากข้อมูลการให้บริการทางการแพทย ์แก่ผู้ประกันตน ของปีก่อนหน้า และใช้ข้อมูลผู้ประกันตนเฉลี่ยตามปีที่จ่าย ในการคํานวณค่าบริการทางการแพทย ์ ตามภาระเสี่ยงให้แก่สถานพยาบาลเป ็นรายเดือนไปก่อน และเมื่อได้รับข้อมูลปีที่จะจ่ายจริงแล้ว จึงคํานวณค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงด้วยข้อมูลของปีที่จะจ่าย โดยจะต้องไม่เกินงวดที่ 11 สําหรับสถานพยาบาลท ี่เข้าใหม่ให้จ่ายค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงให้แก่สถานพยาบาล ตามจํานวนผู้ประกันตนของปีที่จ่าย ด้วยอัตราร้อยละยี่สิบห้าของอัตราที่กําหนดตามประกาศ คณะกรรมการการแพทย ์ โดยแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน และเมื่อได้รับข้อมูลการให้บริการทางการแพทย ์ แก่ผู้ประกันตน ปีที่จะจ่ายจริงแล้ว ให้คํานวณค่าบริการทางการแพทย ์ตามภาระเสี่ยงด้วยข้อมูลของปีที่จะจ่าย โดยจะต้องไม่เกินงวดที่ 11 ข้อ ๘ ให้สํานักงานจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์ให้แก่สถานพยาบาลตามจ ํานวนผู้ประกันตน ที่มีชื่อตามทะเบียนที่สํานักงานได้กําหนดไว้ให้สถานพยาบาลท ี่บริการมีคุณภาพและผลล ัพธ์การให้บริการที่ดี ตามตัวชี้วัดเรื่องร้องเรียนและตัวชี้วัดสถานภาพการจ ําหน่ายและประเภทการจ ําหน่ายผู้ประกันตน ออกจากสถานพยาบาล ตามที่คณะกรรมการการแพทย ์กําหนด (ก) สถานพยาบาลท ี่บริการมีคุณภาพและผลล ัพธ์คุณภาพการให ้บริการที่ดีตามตัวชี้วัด เรื่องร้องเรียน ในอัตราไม่เกินหกสิบบาท ต่อผู้ประกันตนหนึ่งคนภายในระยะเวลาหน ึ่งปี หน้า ๕ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ (ข) สถานพยาบาลท ี่บริการมีคุณภาพและผลล ัพธ์คุณภาพการให ้บริการที่ดีตามตัวชี้วัด สถานภาพการจ ําหน่าย (Discharge status) และประเภทการจ ําหน่าย (Discharge type) ผู้ประกันตน ออกจากสถานพยาบาล ในอัตราไม่เกินหกสิบบาท ต่อผู้ประกันตนหนึ่งคนภายในระยะเวลาหน ึ่งปี การจ่ายค่าบริการทางการแพทย ์ให้แก่สถานพยาบาลตามข ้อ (ก) และ (ข) ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการการแพทย ์ตามพระราชบ ัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราสําหรับประโยชน์ทดแทนในกรณ ีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย อันมิใช่เนื่องจากการทํางาน ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแบ่งจ่าย เป็นรายงวดภายในส ิบห้าวันนับถัดจากวันที่ได้รับอนุมัติ ข้อ 9 ให้สํานักงานจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์ให้แก่สถานพยาบาลหร ือผู้ประกันตน กรณีผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงโดยกําหนดกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (Diagnosis Related Groups : DRGs) ที่มีค่าน้ําหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน (Adjusted Related Weight : AdjRW) มากกว่าหรือเท่ากับ ๒ ในอัตราที่กําหนดตามประกาศคณะกรรมการการแพทย ์ตามพระราชบ ัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราสําหรับประโยชน์ทดแทนในกรณ ีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่ เนื่องจากการทํางาน ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้แบ่งจ่ายเป็นรายงวด ภายในสิบห้าวันนับถัดจากวันที่ได้รับอนุมัติ สถานพยาบาลหร ือสถานพยาบาลอ ื่น ต้องส่งข้อมูลการให้บริการทางการแพทย ์แก่ผู้ประกันตน ผ่านไปยังหน่วยงานที่สํานักงานกําหนดภายในสองเด ือนถัดจากเดือนที่ให้บริการทางการแพทย ์แก่ผู้ประกันตน เพื่อให้สํานักงานนํามาใช้เป็นข้อมูลในการคํานวณการจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์ของเดือนมกราคมถึง เดือนธันวาคม เมื่อจ่ายค่าบริการทางการแพทย ์ครบทุกรายการแล้วหากมีค่าบริการทางการแพทย ์คงเหลือ จํานวนเท่าใด ให้เป็นดุลพินิจของสํานักงานในการพ ิจารณาคํานวณจ่ายเงินเพิ่มเติมหรือลดลงให้แก่ สถานพยาบาล ภายในวงเงินที่กําหนดตามประกาศคณะกรรมการการแพทย ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตรา สําหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทํางาน ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑๐ ให้สํานักงานจ่ายเงินค่ายาตามที่กําหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการการแพทย ์ ตามพระราชบ ัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และอัตราสําหรับประโยชน์ทดแทน ในกรณีผู้ประกันตนที่จําเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ บัญชี จ (๒) และประกาศคณะกรรมการการแพทย ์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ และอัตราสําหรับประโยชน์ทดแทนกรณีผู้ประกันตนที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และผู้ประกันตนที่เป็นโรคเอดส์ ข้อ ๑๑ ในกรณีสํานักงานได้จ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์ให้แก่สถานพยาบาลตามข ้อ ๙ ไปแล้ว ต่อมาในภายหลังจากการตรวจสอบข ้อมูลการให้บริการทางการแพทย ์แก่ผู้ประกันตน และการคํานวณที่ถูกต้อง พบว่าสํานักงานได้จ่ายเงินเกินกว่าจํานวนเงินซึ่งสถานพยาบาลพ ึงจะได้รับจริง ให้เลขาธิการหรือผู้ซึ่ง เลขาธิการมอบหมายเป ็นผู้พิจารณาปรับปรุงหักลบจํานวนเงินที่ขาดหรือเกินในเดือนถัดจากเดือนที่มี หน้า ๖ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ การคิดคํานวณที่ถูกต้อง หรือดําเนินการเรียกเงินคืนจากสถานพยาบาล หรือจากค่าบริการทางการแพทย ์อื่น ๆ ที่สถานพยาบาลพ ึงจะได้รับจากสํานักงาน กรณีพบว่าสํานักงานต้องจ่ายค่าบริการทางการแพทย ์เพิ่มเติม ให้จ่ายเงินแก่สถานพยาบาล ภายในสามสิบวัน นับถัดจากวันที่ได้รับอนุมัติ ข้อ 12 ให้สํานักงานจ่ายค่าบริการทางการแพทย ์ กรณีที่สถานพยาบาลได ้ให้บริการทางการแพทย ์ แก่ผู้ประกันตนประเภทผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินปกติ (Outlier Reimbursement Schedule : ORS) ที่กําหนดตามประกาศคณะกรรมการการแพทย ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราสําหรับประโยชน์ทดแทน ในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทํางาน ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้สํานักงานจ่ายค่าบริการทางการแพทย ์แก่สถานพยาบาลเฉพาะค ่ารักษาพยาบาล ส่วนที่เกินกว่าหนึ่งล้านบาท และเป็นค่าใช้จ่ายตามรายการท ี่ได้ปรับตามอัตราที่กรมบัญชีกลางกําหนด ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่ได้ปรับตามอัตราดังกล่าวเมื่อนํามาหักด้วยค่าบริการทางการแพทย ์ทุกประเภท ที่สํานักงานจ่ายให้แก่สถานพยาบาลครบท ุกรายการแล้ว ปรากฏว่ามีค่าใช้จ่ายที่สถานพยาบาล ต้องรับภาระเกินกว่าสองแสนห้าหมื่นบาทขึ้นไป จึงจะถือว่าเป็นผู้ป่วยในที่มีค่ารักษาสูงเกินปกติ (Outlier Reimbursement Schedule : ORS) โดยให้สํานักงานจ่ายค่าบริการทางการแพทย ์ให้กับ สถานพยาบาลในอ ัตราร้อยละแปดสิบ ของค่าบริการทางการแพทย ์เฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งล้านบาท ให้คณะกรรมการการแพทย ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการแพทย ์เป็นผู้มีอํานาจให้ความเห็นชอบ ในการจ่ายค่าบริการทางการแพทย ์แก่สถานพยาบาลเฉพาะผ ู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินปกติ (Outlier Reimbursement Schedule : ORS) และให้จ่ายเงินแก่สถานพยาบาลภายในส ิบห้าวัน นับถัดจากวันที่ได้รับอนุมัติ ข้อ ๑3 ในกรณีที่คณะกรรมการการแพทย ์ออกประกาศแก ้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์ และอัตรา การจ่ายค่าบริการทางการแพทย ์ตามข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 หรือข้อ 12 แล้วแต่กรณี ให้สํานักงานจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์ให้แก่สถานพยาบาลหร ือผู้ประกันตนหรือจ่ายเงินค่ายา ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่มีการแก้ไขปรับปรุงดังกล่าวแล้ว ข้อ 14 ให้สํานักงานดําเนินการจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย ์ที่เกิดขึ้นอยู่ก่อนวันที่ระเบียบฉบับนี้ ใช้บังคับจนครบตามจ ํานวนที่สํานักงานต้องจ่ายให้แก่สถานพยาบาล ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสํานักงานประกันสังคม " 332.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน และ การออกหนังสือรั บรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๓ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๓ 1.1 การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลา ในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนน ทั้งหมด โดยจะต้อง สอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ 1.2 การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๓ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การจัดท าเอกสารชี้แจงขั้นตอนการท างานตามเงื่อนไขของลูกค้า ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที ้หนา ๔๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ (2) แบบทดสอบที่ ๒ การก าหนดรูปแบบของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและการระบุ ความต้องการและเงื่อนไขของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ต้องการเพื่ออนุมัติการจองระวาง ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที (3) แบบทดสอบที่ ๓ การลงมือด าเนินการเพื่อซื้อประกันภัยตามเงื่อนไขที่ต้องการ ความคุ้มครอง ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ ในแต่ละแบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบ ทุกแบบทดสอบที่ก าหนดไว้ 1.3 รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๓ โดยมีเกณฑ์ดังนี้ 1.1 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ 1.2 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ 1.3 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๓ ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓" 333.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน และ การออกหนังสือรั บรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๒ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๒ 1.1 การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลา ในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนน ทั้งหมด โดยจะต้อง สอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการทดสอบความรู้ 1.2 การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนดทุกขั้นตอนและเสร็จตามเวลา ที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบความสามารถโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบัติงาน ตามแบบที่ก าหนดในวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๒ คะแนนการทดสอบคิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนทั้งหมด ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (1) แบบทดสอบที่ ๑ การจัดท าใบขนสินค้าและเอกสารแนบที่ต้องยื่นประกอบกัน ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที (2) แบบทดสอบที่ ๒ ้หนา ๔๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ การจัดการค่าภาษีอากรและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๓๐ นาที (3) แบบทดสอบที่ ๓ การรับสินค้า ณ จุดต้นทางและการประสานงานภายนอกองค์กร ใช้เวลาในการทดสอบ ๓๐ นาที ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความสามารถทั้ง ๓ แบบทดสอบ ในแต่ละ แบบทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกแบบทดสอบ ที่ก าหนดไว้ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๒ โดยมีเกณฑ์ดังนี้ 2.1 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ของคะแนนภาคความรู้ และ 2.2 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนภาคความสามารถของแต่ละแบบทดสอบ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของแบบทดสอบนั้น และ 2.3 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบได้คะแนนรวมทั้ง ภาคความรู้และภาคความสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ สาขาพนักงานขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน ระดับ ๒ ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓" 341.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย เรื่อง ก้าหนดวันเริ่มต้นการหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทรายฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๑๗ (๑๑) ประกอบกับมาตรา ๑๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ๑. ก้าหนดวันเริ่มต้นการหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทรายฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ของโรงงาน น ้าตาลทรายทุกโรงงาน ตั งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ เว้นแต่โรงงานอุตสาหกรรมน ้าตาลชลบุรี ซึ่งหยุดประกอบกิจการชั่วคราว ๒. ให้โรงงานน ้าตาลทรายตามข้อ ๑ เริ่มต้นการหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทรายภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่ประกาศก้าหนด ๓. กรณีมีเหตุจ้าเป็น หรือโรงงานน ้าตาลทรายใดประสงค์จะเปิดหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทราย ภายหลังจากวันที่ก้าหนดเกินกว่า ๗ วัน ให้โรงงานน ้าตาลทรายแจ้งเป็นหนังสือให้ส้านักงาน คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายทราบ ๔. หากโรงงานน ้าตาลทรายใดประสงค์จะเปิดหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทรายก่อนวันที่ก้าหนด ให้โรงงานน ้าตาลทรายแจ้งเป็นหนังสือให้ส้านักงานคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายทราบล่วงหน้าก่อน ๗ วัน เพื่อเสนอคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๕. ให้เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายรักษาการตามประกาศนี ทั งนี ตั งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖3 กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ มกราคม ๒๕๖๓" 343.pdf,"ประกาศคณะกรรมการก ากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง การประเมินราคาทรัพย์สินและหนี้สินของบริษัทประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 37 (2) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ประกอบกับมติ ที่ประชุมคณะกรรมการก ากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ครั้งที่ ๑๐/2562 เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. 2562 คณ ะกรรมการก ากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการก ากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง การประเมินราคาทรัพย์สินและหนี้สินของบริษัทประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๗ แห่งประกาศคณะกรรมการก ากับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง การประเมินราคาทรัพย์สินและหนี้สินของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2554 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 27 ค่าเผื่อความผันผวน ณ ระดับความเชื่อมั่นเปอร์เซ็นไทล์ที่เจ็ดสิบห้า ส าหรับส ารอง ส าหรับความเสี่ยงภัยที่ยังไม่สิ้นสุดและส าหรับส ารองค่าสินไหมทดแทนคิดเป็นร้อยละของค่าประมาณการ ที่ดีที่สุดของส ารองส าหรับความเสี่ยงภัยที่ยังไม่สิ้ นสุดและส ารองค่าสินไหมทดแทน ซึ่งก าหนดไว้ ดังต่อไปนี้ ประเภท ค่าเผื่อความผันผวน (ร้อยละ) ณ ระดับความเชื่อมั่นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 75 ความเสี่ยงจากส ารอง เบี้ยประกันภัย ความเสี่ยงจากส ารอง ค่าสินไหมทดแทน อัคคีภัย 20 15 ภัยทางทะเล - ตัวเรือ 16 12 ภัยทางทะเล - สินค้า 16 12 รถยนต์ภาคบังคับ 16 12 รถจักรยานยนต์ภาคบังคับ 10 8 รถยนต์ภาคสมัครใจ 10 8 ความเสี่ยงภัยทุกชนิด ( IAR) 27 21 ความรับผิด 31 24 วิศวกรรม 27 21 ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ประเภท ค่าเผื่อความผันผวน (ร้อยละ) ณ ระดับความเชื่อมั่นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 75 ความเสี่ยงจากส ารอง เบี้ยประกันภัย ความเสี่ยงจากส ารอง ค่าสินไหมทดแทน การบิน 16 12 อุบัติเหตุส่วนบุคคล และสุขภาพ 16 12 ทรัพย์สิน (property) 27 21 การเงิน 27 21 การเดินทาง 16 12 อื่น ๆ 27 21 การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรง การประกันภัยอุบัติเหตุ หรือการประกันสุขภาพ ที่มีระยะเวลาของสัญญาเกินกว่าหนึ่งปีหรือสัญญาที่มี การรับรองการต่ออายุอัตโนมัติ ซึ่งบริษัทไม่สามารถ บอกเลิกสัญญา และไม่สามารถปรับเบี้ยประกันภัย รวมถึงเปลี่ยนแปลงผลประโยชน์ใด ๆ ในกรมธรรม์ ประกันภัยตลอดอายุสัญญาได้ โดยกรมธรรม์ประกันภัย ที่มีลักษณะดังกล่าว มีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรับน้อยกว่า หรือเท่ากับร้อยละห้าของเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งหมด ของบริษัท ณ วันประเมิน 16 12 ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖2 ประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการ คณะกรรมการก ากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ้หนา ๓๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓" 344.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง เกณฑ์การพิจารณาจ้านวนที่นั่งของรถยนต์นั่งหรือน ้าหนักรถของรถยนต์บรรทุก ที่จะขอรับความเห็นชอบการจดทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคล พ.ศ. 2558 เพื่อให้การพิจารณาจ้านวนที่นั่งของรถยนต์นั่งหรือน ้าหนักรถของรถยนต์บรรทุกที่จะขอรับ ความเห็นชอบการจดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถือปฏิบัติ เป็นไปแนวทางเดียวกัน อาศัยอ้านาจตามความในข้อ ๗ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วย การขอจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน ๑๒ ที่นั่ง และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีน ้าหนักรถเกิน ๒,๒๐๐ กิโลกรัม พ.ศ. ๒๕๕๘ อธิบดีจึงออกประกาศก้าหนดเกณฑ์การพิจารณา จ้านวนที่นั่งของรถยนต์นั่งหรือน ้าหนักรถของรถยนต์บรรทุกที่จะขอรับความเห็นชอบการจดท ะเบียน รถยนต์ส่วนบุคคลไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่บัดนี เป็นต้นไป ข้อ ๒ การพิจารณาจ้านวนที่นั่งของรถยนต์นั่งหรือน ้าหนักรถของรถยนต์บรรทุกที่จะ ต้อง ขอรับความเห็นชอบการจดทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคล ให้ถือตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตก้าหนดจ้านวนที่นั่งสูงสุ ด หรือน ้าหนักรถสูงสุด แต่ละแบบ/รุ่นของรถ แล้วแต่กรณี ข้อ ๓ ในกรณีที่ผู้ผลิตไม่ได้ก้าหนดจ้านวนที่นั่งของรถยนต์นั่ง ให้พิจารณาจ้านวนที่นั่ง โดยค้านวณจากพื นที่โดยสารที่วัดจากระยะด้านหลังพนักพิงคนขับถึงด้านท้ายสุดภายในห้องโดยสาร โดยก้าหนดที่นั่งตามความกว้างภายในของตัวรถที่ ๔๕ เซนติเมตร ต่อ ๑ ที่นั่ง และก้าหนดที่นั่ง ตามความยาวภายในของตัวรถที่ ๘๐ เซนติเมตร ต่อ ๑ แถวที่นั่ง โดยที่นั่งแต่ละแถวก่อนแถวสุดท้าย ให้เว้นช่องทางเดิน ๒๕ เซนติเมตร และให้รวมที่นั่งคนขับ ๑ ที่นั่งและที่นั่งที่อยู่ตอนเดียวกับ คนขับอีก ๑ ที่นั่งด้วย ข้อ ๔ ในกรณีที่นายทะเบียนพิจารณาเห็นว่า จ้านวนที่นั่งสูงสุดหรือน ้าหนักรถสูงสุดที่ผู้ผลิต ก้าหนดตามข้อ ๒ มีข้อน่าสงสัยหรือขัดกับสภาพข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน ให้ส่งข้อมูลแบบ/รุ่นของรถ และรายละเอียดของรถให้ กรมการขนส่งทางบกพิจารณาจ้านวนที่นั่งหรือน ้าหนักรถเป็นรายกรณี ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕58 ธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓" 351.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่ าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือ แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๒ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรื อแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ - เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๓๒๑ บาท / ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๓๓๒ บาท / ชั่วโมง ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซล ของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับ ราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียม มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖2 เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๔๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓" 352.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดหินเป็นหินประดับหรือหินอุตสำหกรรม และดินหรือทรำยเป็นดินอุตสำหกรรมหรือทรำยอุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๓ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในบทนิยำมค ำว่ำ “แร่” ในมำตรำ ๔ และมำตรำ ๕ วรรคสี่ แห่งพระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้หินดังต่อไปนี้ที่สำมำรถท ำเป็นแผ่นหรือรูปทรงอื่นใดเพื่อกำรประดับหรือตกแต่งได้ เป็นหินประดับ (๑) หินกรวดมน (๒) หินกรวดเหลี่ยม (๓) หินแกรนิต (๔) หินชนวน (๕) หินทรำย (๖) หินทรำเวอร์ทีน (๗) หินนำคกระสวย (๘) หินไนส์ (๙) หินบะซอลต์ (๑๐) หินปูน ข้อ ๒ ให้หินตำมข้อ ๑ ซึ่งมีคุณภำพไม่เหมำะสมที่จะท ำเป็นหินประดับและหินชนิดอื่น นอกจำกหินตำมข้อ ๑ เป็นหินอุตสำหกรรม ข้อ ๓ ให้ดินดังต่อไปนี้ เป็นดินอุตสำหกรรม (๑) ดินขำว (๒) ดินซีเมนต์ (๓) ดินทนไฟ ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓(๔) ดินเบำ ไดอะทอไมต์ หรือไดอะตอมเมเชียสเอิร์ท (๕) ดินมำร์ล เว้นแต่ดินมำร์ลที่น ำไปผ่ำนกระบวนกำรแต่งเป็นดินสอพองเพื่อใช้ประโยชน์ ในอุตสำหกรรมพื้นบ้ำน (๖) ดินเหนียวสี เว้นแต่ดินเหนียวสีที่ใช้เพื่ อประโยชน์ในงำนหัตถกรรมหรืออุตสำหกรรม พื้นบ้ำน (๗) บอลล์เคลย์ ข้อ ๔ ให้ทรำยแก้วหรือทรำยซิลิกำเป็นทรำยอุตสำหกรรม ให้ไว้ ณ วันที่ 30 มกรำคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรม ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่บทนิยำมค ำว่ำ “แร่” ในมำตรำ ๔ แห่งพระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ บัญญัติให้แร่หมำยควำมรวมถึงหินตำมที่กฎกระทรวงก ำหนดเป็น หินประดับหรือหินอุตสำหกรรมและดินหรือทรำยตำมที่กฎกระทรวงก ำหนดเป็นดินอุตสำหกรรมหรือ ทรำยอุตสำหกรรม สมควรก ำหนดชนิดของหินเป็นหินประดับหรือหินอุตสำหกรรม และก ำหนดดินและ ทรำยเป็นดินอุตสำหกรรมและทรำยอุตสำหกรรม เพื่อให้กำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรแร่เป็นไปอย่ำงคุ้มค่ำ และเกิดประโยชน์สูงสุด จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓" 354.pdf,"ประกาศกรมควบค ุมมลพิษ เรื่อง โครงสร้างและการจัดองค์กร หน้าที่และอํานาจ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของกรมควบค ุมมลพิษ โดยที่เป็นการเห็นสมควรปรับปรุงประกาศกรมควบค ุมมลพิษเกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดองค์กร อํานาจหน้าที่ วิธีดําเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร ให้สอดคล้องกับโครงสร้าง การแบ่งส่วนราชการ ภารกิจ และอํานาจหน้าที่ของกรมควบค ุมมลพิษในปัจจุบัน รวมทั้งให้เป็นไป ตามมาตรา ๗ (๑) (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารของราชการได ้อย่างถูกต้อง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ จึงออกประกาศไว ้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมควบค ุมมลพิษ เรื่อง โครงสร้างและการจัดการองค์กร อํานาจหน้าที่ วิธีการดําเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของกรมควบค ุมมลพิษ ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ข้อ ๒ กรมควบคุมมลพิษมีภารกิจเกี่ยวกับการควบคุม กํากับ ดูแล อํานวยการ ประสานงาน ติดตามและประเม ินผลเกี่ยวกับการคุ้มครองและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยมีหน้าที่และอํานาจ ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอความเห ็นเพื่อจัดทํานโยบายและแผนการส ่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้านการจัดการมลพิษ (๒) เสนอแนะการก ําหนดมาตรฐานค ุณภาพสิ่งแวดล้อม และมาตรฐานควบค ุมมลพิษ จากแหล่งกําเนิด (๓) จัดทําแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านการจัดการมลพิษ และมาตรการ ในการควบคุมป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากภาวะมลพ ิษ (๔) ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลคุณภาพสิ่งแวดล้อม และจัดทํารายงานสถานการณ ์มลพิษ ( ๕) พัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และกฎหมายเพื่อนํามาประยุกต์ใช้ในการจัดการกากของเสีย สารอันตราย คุณภาพน้ํา อากาศ ระดับเสียง และความสั่นสะเทือน ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (๖) ประสานเพื่อให้มีการดําเนินการฟื้นฟู.ระงับเหตุที่อาจเป็นอันตรายจากมลพ ิษ ในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนมลพิษ (๗) ให้ความช่วยเหลือและคําปรึกษาแนะนําเกี่ยวกับการจัดการมลพิษ (๘) ประสานความร่วมมือกับต่างประเทศและองค ์การระหว่างประเทศในด้านการจัดการมลพิษ ( ๙) ดําเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องทุกข์ด้านมลพิษ (๑๐) ดําเนินการตามกฎหมายว ่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ด้านการควบคุมมลพิษ และกฎหมายอ ื่นที่เกี่ยวข้อง (๑๑) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกําหนดให้เป็นหน้าที่และอํานาจของกรมหร ือตามที่รัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ข้อ ๓ การแบ่งส่วนราชการกรมควบค ุมมลพิษ มีดังนี้ (๑) สํานักงานเลขานุการกรม (๒) กองกฎหมาย (๓) กองจัดการกากของเส ียและสารอันตราย (๔) กองจัดการคุณภาพน้ํา (๕) กองจัดการคุณภาพอากาศและเส ียง (๖) กองตรวจมลพิษ (๗) กองยุทธศาสตร์และแผนงาน (๘) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส ื่อสาร (๙) ศูนย์ปฏิบัติการวิเคราะห์มลพิษและสิ่งแวดล้อม (๑๐) กลุ่มตรวจสอบภายใน (๑๑) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร โดยหน่วยงานตาม (๑๐) และ (๑๑) เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่ออธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ข้อ ๔ หน้าที่และอํานาจของหน่วยงานในสังกัดกรมควบคุมมลพิษ มีดังนี้ (๑) สํานักงานเลขานุการกรม ก. ดําเนินการเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป งานสารบรรณ อาคารสถานท ี่ และยานพาหนะของกรม ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ข. ดําเนินการเกี่ยวกับงานช่วยอํานวยการ งานเลขานุการ และงานประสานราชการ ของกรม ค. ดําเนินการเกี่ยวกับการจัดระบบงานและการบร ิหารงานบุคคลของกรม ง. ดําเนินการเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี การงบประมาณ และการพัสดุ จ. ดําเนินการเกี่ยวกับการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์งานของกรม ฉ. ดําเนินการอื่นใดที่มิได้กําหนดให้เป็นหน้าที่และอํานาจของส่วนราชการใดในกรม ช. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย (๒) กองกฎหมาย ก. ดําเนินการด้านกฎหมายตามกฎหมายว ่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติและกฎหมายอ ื่นที่เกี่ยวข้อง ข. ให้ข้อเสนอแนะแก ่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และกฎหมายอ ื่นที่เกี่ยวข้อง ค. ประเมินผลและพัฒนากฎหมายท ี่เกี่ยวข้องกับการควบคุมมลพิษ ง. ดําเนินการเกี่ยวกับการออกกฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ และคําสั่ง ตามกฎหมายว ่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จ. ดําเนินการเกี่ยวกับงานนิติกรรมและสัญญา.งานเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่งและอาญา งานคดีปกครอง และงานคดีอื่นที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจของกรม ฉ. อบรม เผยแพร่ และให้ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมมลพิษ แก่ภาครัฐและเอกชน ช. ปฏิบัติงานในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการว ่าด้วยการประสานงาน เพื่อบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ซ. ดําเนินการเรียกค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนจากแหล ่งกําเนิดมลพิษ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาต ิ อันเป็นของรัฐหรือเป็นสาธารณสมบ ัติของแผ่นดิน ฌ. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (๓) กองจัดการกากของเส ียและสารอันตราย ก. เสนอความเห็นเพื่อจัดทํานโยบายและแผนการส ่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากของเส ียและสารอันตราย ข. จัดทําแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านการจัดการมลพิษ ประสานการจัดทํา แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษจากกากของเส ียและสารอันตราย ค. จัดทําแผนสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน ประสานการปฏ ิบัติการ เพื่อให้เกิดการแก้ไขหรือฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในบริเวณที่มีการปนเปื้อนหรือการแพร่กระจายจากกากของเส ีย และสารอันตราย ง. เสนอแนะ มาตรฐาน มาตรการ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดการกากของเส ีย และสารอันตราย จ. ติดตาม ตรวจสอบ และจัดทํารายงานสถานการณ ์มลพิษ ด้านการจัดการกากของเสีย และสารอันตราย ฉ. พัฒนาระบบ รูปแบบ หลักเกณฑ์ปฏิบัติ และวิธีการที่เหมาะสมเพื่อนํามาใช้ ในการลดมลพิษหรือการใช้ประโยชน์จากกากของเส ียและสารอันตราย ช. เสนอแนะ ร่วมมือ และดําเนินมาตรการระหว ่างประเทศด้านกากของเสีย และสารอันตราย ซ. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย (๔) กองจัดการคุณภาพน้ํา ก. เสนอความเห็นเพื่อจัดทํานโยบายและแผนการส ่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการมลพิษทางน้ํา ข. จัดทําแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านการจัดการมลพิษ ประสานการจัดทํา แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษทางน้ํา ค. ประสานการปฏ ิบัติการเพื่อให้เกิดการแก้ไขหรือฟื้นฟูแหล่งน้ําที่ได้รับผลกระทบ จากมลพิษทางน้ําและประเมินความเสียหายต่อคุณภาพน้ํา ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ง. เสนอแนะ มาตรฐาน มาตรการ หลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมมลพิษทางน้ํา จ. ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพน้ํา และจัดทํารายงานสถานการณ ์ด้านมลพิษทางน้ํา ฉ. พัฒนาระบบ รูปแบบ หลักเกณฑ์ปฏิบัติ และวิธีการที่เหมาะสมในการลดมลพ ิษทางน้ํา ช. เสนอแนะ ร่วมมือ และดําเนินมาตรการระหว ่างประเทศด้านการจัดการคุณภาพน้ํา ซ. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย (๕) กองจัดการคุณภาพอากาศและเส ียง ก. เสนอความเห็นเพื่อจัดทํานโยบายและแผนการส ่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการมลพิษทางอากาศ เสียง และความสั่นสะเทือน ข. จัดทําแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านการจัดการมลพิษ ประสานการจัดทํา แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษทางอากาศ เสียง และความสั่นสะเทือน ค. ประสานการปฏ ิบัติการเพื่อให้เกิดการแก้ไขภาวะมลพิษทางอากาศ และประเมิน ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากมลพิษทางอากาศ ง. เสนอแนะ มาตรฐาน มาตรการ หลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมมลพิษทางอากาศ เสียง และความสั่นสะเทือน จ. ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพอากาศและเส ียง และจัดทํารายงานสถานการณ ์ ด้านมลพิษทางอากาศ เสียง และความสั่นสะเทือน ฉ. พัฒนาระบบ รูปแบบ หลักเกณฑ์ปฏิบัติ และวิธีการที่เหมาะสมในการลดมลพ ิษ ทางอากาศ เสียง และความสั่นสะเทือน ช. เสนอแนะ ร่วมมือ และดําเนินมาตรการระหว ่างประเทศด้านการจัดการคุณภาพ อากาศ เสียง และความสั่นสะเทือน ซ. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย (๖) กองตรวจมลพิษ ก. ตรวจสอบตามกฎหมายว ่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และกฎหมายอ ื่นที่เกี่ยวข้องด้านการควบคุมมลพิษ ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ข. บังคับการตามกฎหมายว ่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ด้านมลพิษ และกฎหมายอ ื่นที่เกี่ยวข้องด้านการควบคุมมลพิษ ค. รับเรื่องราวร้องทุกข์ ดําเนินการตรวจสอบ พิจารณาวินิจฉัย และสนับสนุน การจัดการเรื่องร้องเรียนด้านมลพิษแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ง. พัฒนาระบบ แนวทาง และมาตรฐานการปฏ ิบัติงานตรวจสอบและบ ังคับการ ตามกฎหมายว ่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และกฎหมายอ ื่นที่เกี่ยวข้อง ด้านการควบคุมมลพิษ จ. รวบรวม จัดทําและเผยแพร ่ข้อมูลข่าวสารด้านมลพิษและที่เกี่ยวเนื่อง ของแหล่งกําเนิดมลพิษต่อสาธารณะ ฉ. ประสานการม ีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน องค์กรชุมชน และประชาชนในการตรวจสอบและควบค ุมมลพิษ ช. เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้านมลพิษ และกฎหมายอ ื่นที่เกี่ยวข้อง ให้แก่ภาครัฐและภาคเอกชน ซ. สนับสนุนและดําเนินความร่วมมือในการกํากับดูแลด้านมลพิษกับองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ฌ. ปฏิบัติหน้าที่เป็นศูนย์อํานวยการในการด ําเนินการตามมาตรการควบค ุมมลพิษ ตรวจสอบ ติดตาม ควบคุม เฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยอง ญ. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย (๗) กองยุทธศาสตร์และแผนงาน ก. จัดทํานโยบายและแผนการจ ัดการมลพิษให้เป็นไปตามนโยบายและแผนการส ่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งติดตามประเมินผล ข. จัดทํานโยบายและแผนด ้านการป้องกันมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ค. ประสานและให ้คําแนะนําในการจัดทําแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษ ง. ดําเนินการเพื่อกําหนดเขตและต ิดตามผลการด ําเนินงานในเขตควบค ุมมลพิษ จ. สนับสนุนการบริหารการจัดการมลพิษให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฉ. เสนอความเห ็นในการประย ุกต์ใช้มาตรการทางเศรษฐศาสตร ์และการค้า ในการป้องกันและแก้ไขภาวะมลพิษ ช. จัดทํารายงานสถานการณ ์มลพิษของประเทศ ซ. ดําเนินการเกี่ยวกับงานเลขานุการคณะกรรมการควบค ุมมลพิษ และงานประสาน การดําเนินงานเกี่ยวกับการประชุมของคณะกรรมการหร ือคณะอนุกรรมการอื่นที่เกี่ยวข้องด้านการจัดการมลพิษ ตามที่ได้รับมอบหมาย ฌ. ปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศและต ่างประเทศ ในการดําเนินการร่วมด้านมลพิษ ญ. ดําเนินการเกี่ยวกับนโยบายและแผนของกรม การวิเคราะห์แผนงานและโครงการ และการจัดทํางบประมาณรายจ ่ายประจําปี ฎ. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย (๘) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส ื่อสาร ก. จัดทําแผนปฏิบัติการดิจิทัลให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม ข. เป็นศูนย์กลางข้อมูลของกรมในการด ําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลและสารสนเทศ ค. กําหนดมาตรฐานในการจ ัดทําระบบฐานข้อมูลด้านมลพิษและมาตรฐาน การแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันภายในหน่วยงานและระหว ่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ง. พัฒนาระบบงานคอมพ ิวเตอร์และเครือข่าย จ. พัฒนาระบบสารสนเทศมลพ ิษ ระบบสารสนเทศทางภ ูมิศาสตร์ เพื่อสนับสนุน การบริหารจัดการมลพิษ ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ฉ. พัฒนาระบบเชื่อมโยงเครือข่ายการสื่อสารข้อมูลภายในหน่วยงานและระหว ่างหน่วยงาน ตามแนวทางรัฐบาล ช. พัฒนาระบบและว ิธีการในการให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านมลพิษสู่สาธารณะ ซ. สนับสนุนเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้บริการข้อมูลด้านวิชาการและข้อมูลข่าวสาร ของกรม ฌ. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย (๙) ศูนย์ปฏิบัติการวิเคราะห์มลพิษและสิ่งแวดล้อม ก. พัฒนากลไกและมาตรการการผล ักดันแนวทางการบร ิโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ข. เสนอความเห็นในการกําหนดเกณฑ์ มาตรฐาน แนวปฏิบัติด้านการป้องกันมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ค. ศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้ แนวคิด รูปแบบ ด้านการป้องกันมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ง. พัฒนาระบบฐานข ้อมูลองค์ความรู้ ให้คําปรึกษา แนะนํา และเผยแพร่องค์ความรู้ ด้านการป้องกันมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จ. ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และรายงานผลการด ําเนินงานตามนโยบาย และแผนด้านการป้องกันมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ฉ. ประสานและด ําเนินการความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการป้องกันมลพิษ ช. ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมของกรม ซ. พัฒนาระบบควบค ุมคุณภาพวิธีการทดสอบของห ้องปฏิบัติการให้เป็นไป ตามมาตรฐาน ฌ. ให้คําปรึกษา และแนะนําวิชาการด้านการตรวจวัด วิเคราะห์ตัวอย่างมลพิษ และสิ่งแวดล้อม ญ. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (๑๐) กลุ่มตรวจสอบภายใน ก. ดําเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบด ้านการบริหาร การเงิน และการบัญชีของกรม ข. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย (๑๑) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ก. เสนอแนะและให ้คําปรึกษาแก่อธิบดีเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ ภายในกรม ข. ติดตาม ประเมินผล และจัดทํารายงานเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการ ภายในกรม ค. ประสานและดําเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการร ่วมกับหน่วยงานกลางต่าง ๆ และหน่วยงานในสังกัดกรม ง. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย ข้อ ๕ สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร ศูนย์บริการประชาชนกรมควบค ุมมลพิษ ส่วนสื่อสารองค์กร สํานักงานเลขานุการกรม ชั้น ๑ เลขที่ ๙๒ ซอยพหลโยธิน ๗ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ หมายเลขโทรศ ัพท์ ๐-๒๒๙๘ -๒๐๗๐ -๒๐๗๒ โทรสาร ๐-๒๒๙๘ -๕๑๐๘ เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร ของกรมควบค ุมมลพิษ http://www.oic.go.th/infocenter ๓/๓๕๕/ เว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ www.pcd.go.th สายด่วน ๑๖๕๐ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ประลอง ดํารงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓" 355.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2563 เรื่อง การแจ้งและการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2563 เรื่อง การก าหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕63 ก าหนดให้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ เป็นสินค้าควบคุม ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้มีมติเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ก าหนดให้ผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่าย แจ้งข้อมูลต้นทุน ราคา ปริมาณ รวมทั้งแสดง ราคาผลิตภัณฑ์ที่ มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว ของราคาและปริมาณสินค้าให้เกิดความเป็นธรรมและป้องกันการฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) (๕) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) มาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ให้ผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ แจ้งต้นทุน ราคาซื้อ ราคาจ าหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณการน าเข้า ปริมาณการส่งออก ปริมาณการจ าหน่ายของเดือ นมกราคม 2563 ภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 และให้แจ้งครั้งต่อไปเป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป ให้ผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่ายตามวรรคหนึ่ง แจ้งปริมาณคงเหลือที่เป็นอยู่ ในวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 และให้แจ้งครั้งต่อไปเป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป ข้อ 3 ให้ผู้จ าหน่ายแสดงราคาจ าหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ชัดเจนและครบถ้วน โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแส ดง ราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยส าหรับมือในลักษณะที่เห็นได้ชัดเจนและ เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย ส าหรับข้อความหรือรายการที่แสดงควบคู่กับราคาต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้ การแสดงราคาจ าหน่ายปลีกตามวรรคหนึ่ง ให้กระท าโดยการเขียน พิมพ์ หรือกระท าให้ ปรากฏด้วยวิธีอื่นใดบนแผ่นกระดาษ แผ่นไม้ แผ่นกระจก ผนังหรือวัตถุอื่น ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๔๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓การแสดงราคาจ าหน่ายปลีกให้แสดงราคาต่อหน่วย ราคานั้นต้องเป็นตัวเลขไทยหรืออารบิค โดยแสดงไว้ที่สินค้าที่จ าหน่ายหรือบริเวณใกล้เคียงสินค้านั้น ข้อ 4 การแจ้งตามข้อ 2 ให้ยื่นต่อเลขาธิการตามแบบที่เลขาธิการก าหนด ณ ส านักงาน คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการ ไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดงเจตนา ในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือวันที่ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นวันแสดง เจตนาในการแจ้ง ในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบ ข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ตามวรรคสองจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่าย ได้ส่งต้นฉบับให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่าย ที่ประสงค์จะแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 5 เมื่อผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่าย ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยาย ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการเห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่ง ขยายระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ ให้พึงท าได้ ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่าย ได้มีค าร้องขอ หรือเลขาธิการได้มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่ มีเหตุสุดวิสัย ข้อ 6 ให้ผู้จ าหน่าย จ าหน่ายไม่สูงกว่าราคาที่แสดงไว้ตามข้อ 3 ประกาศ ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖3 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๔๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓" 359.pdf,"ประกาศส้านักงานคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย เรื่อง การก้าหนดราคาอ้อยขั นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขั นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ ซึ่งเห็นชอบกับการก้าหนด ราคาอ้อยขั นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขั นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ส้านักงานคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย จึงขอประกาศราคาอ้อยขั นต้นและผลตอบแทน การผลิตและจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขั นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ดังนี ก้าหนดราคาอ้อยขั นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ทั ง ๙ เขตค้านวณราคา ในอัตราอ้อยตันละ ๗๕๐ บาท (เจ็ดร้อยห้าสิบบาทถ้วน) ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับ ร้อยละ ๙๗.๙๑ ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ๗๖๖.๐๑ บาทต่อตันอ้อย และก้าหนดอัตราขึ น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๔๕ บาท (สี่สิบห้าบาทถ้วน) ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิต และจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขั นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ เท่ากับ ๓๒๑.๔๓ บาท (สามร้อยยี่สิบเอ็ดบาท สี่สิบสามสตางค์) ต่อตันอ้อย และการเปลี่ยนแปลงของราคาอ้อยขั นต้น ตามหน่วยคุณภาพความหวาน ให้เป็นไปตามตารางแสดงราคาอ้อยตามหน่วย ซี.ซี.เอส. แนบท้ายประกาศนี จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน ทั งนี ตั งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖3 เอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๔๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓นํ้าตาลเฉลี่ย ปริมาณอ้อยเข้าหีบ ผลตอบแทนการผล ิตฯ ขั้นต้น (กก./ตันอ้อย)( ตัน)ที่ 10 ซี.ซี.เอส.อัตราขึ้น/ลง ที่ ซี.ซี.เอส.เฉลี่ย(บาท/ตันอ้อย) ที่ 10 ซี.ซี.เอส. 1 108.99 12.25 4,366,000.00 750.00 45.00 851.28 321.43 2 102.68 11.73 14,559,000.00 750.00 45.00 827.73 321.43 3 108.90 12.25 18,577,000.00 750.00 45.00 851.29 321.43 4 100.48 11.34 18,049,000.00 750.00 45.00 810.15 321.43 5 100.42 11.25 409,000.00 750.00 45.00 806.47 321.43 6 100.97 11.47 500,000.00 750.00 45.00 816.36 321.43 7 106.72 12.28 5,840,000.00 750.00 45.00 852.59 321.43 9 115.76 13.34 49,200,000.00 750.00 45.00 900.19 321.43 รวมทั่วประเทศ 109.55 12.51 111,500,000.00 750.00 45.00 862.91 321.43 หมายเหตุ 97.25 99.4095.3798.5696.9196.8597.71 - 98.3297.91เขต 7 คิดเป็นราคาร้อยละ เขต 8 คิดเป็นราคาร้อยละ เขต 9 คิดเป็นราคาร้อยละ เฉลี่ยทั่วประเทศคิดเป็นร้อยละ 2. เขต 8 ประกอบด้วยโรงงานอุตสาหกรรมนํ้าตาลชลบุรี ในปีการผลิต 2562/2563 โรงงานหยุดประกอบการช ั่วคราวเขต 6 คิดเป็นราคาร้อยละ1. ราคาที่ปรากฎในแต่ละเขต คํานวณโดยคิดเป็นร้อยละของราคาประมาณการ ดังนี้ เขต 1 คิดเป็นราคาร้อยละ เขต 2 คิดเป็นราคาร้อยละ เขต 3 คิดเป็นราคาร้อยละ เขต 4 คิดเป็นราคาร้อยละ เขต 5 คิดเป็นราคาร้อยละตารางแสดงราคาอ ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผล ิตและจําหน่ายนํ้าตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2562/2563 เขต ซ ี.ซี.เอส.ราคาอ้อยขั้นต้น (บาท/ตันอ้อย)" 361.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนดอัตราค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนด อัตราค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 และระเบียบ คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนดอัตราค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบั น ชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 เพื่อใช้เป็นมาตรการชั่วคราวในระหว่างการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม อ้อยและน ้าตาลทราย รวมถึงศึกษาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ นจากการด้าเนินการที่ผ่านมา และน้าข้อมูล ที่ได้มาปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกั บทุกฝ่ายต่อไป อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 17 (24) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. 2527 คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี ข้อ 1 ระเบียบนี เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนด อัตราค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2563” ข้อ 2 ระเบียบนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเว้นการใช้บังคับระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้าหนด อัตราค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 และระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการก้า หนดอัตราค่าบ้ารุงและ วิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 จนกว่าจะถึงเริ่มฤดูการผลิตปี 2564/2565 ข้อ 4 ในระหว่างที่มีการยกเว้นการใช้บังคับระเบียบตามข้อ 3 ให้ด้าเนินการก้าหนดอัตรา ค่าบ้ารุงและวิธีการช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย ดังนี (1) ในระเบียบนี “สถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ ” หมายความว่า สถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสมาชิกของตนส่งอ้อยเข้าหีบ ในโรงงานใดโรงงานหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๕ ของปริมาณอ้อยทั งหมดที่ส่งเข้าหีบในโรงงานนั น ในฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา เว้นแต่ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย จ้ากัด โดยมี สมาชิกประกอบไปด้วยสห กรณ์การเกษตรชาวไร่อ้อยขอนแก่น จ้ากัด สหกรณ์กลุ่มชาวไร่อ้อยล้าน ้าพรม จ้ากัด สหกรณ์ชาวไร่อ้อยจังหวัดสระแก้ว จ้ากัด และสหกรณ์เกษตรชาวไร่อ้อยขาณุวรลักษบุรี จ้ากัด ซึ่งมีสถานะเป็นสถาบันชาวไร่อ้อย ไม่จ้ากัดปริมาณอ้อยของสมาชิกที่ส่งเข้าหีบในโรงงาน ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มีนาคม ๒๕๖๓(2) ภายในเดือนตุลาคมของแต่ละปี ให้สถาบันชาวไร่อ้อยส่งบัญชีรายชื่อสมาชิกพร้อมที่อยู่ ที่จดทะเบียนไว้ และปริมาณอ้อยโดยประมาณการของสมาชิกให้แก่โรงงานที่สมาชิกรายนั น ๆ จะส่งอ้อยเข้าหีบให้เสร็จสิ นก่อนวันเปิดหีบของแต่ละโรงงาน พร้อมทั งเสนออัตราการเก็บอัตราค่า บ้ารุง สถาบัน ชาวไร่อ้อยในอัตราไม่เกินร้อยละหนึ่งของราคาอ้อยขั นต้นต่อเลขาธิการ เพื่อน้าเสนอ คณะกรรมการบริหารพิจารณาต่อไป (3) ให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาและเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการอ้อย และน ้าตาลทราย เพื่อประกาศก้าหนดอัตราค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย (4) ให้ชาวไร่อ้อยช้าระค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยตามอัตราที่คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ประกาศก้าหนด (5) เมื่อโรงงานปิดหีบอ้อยในแต่ละฤดูการผลิตแล้ว ให้โรงงานส่งบัญชีรายชื่อชาวไร่อ้อย พร้อมปริมาณอ้อยที่ส่งเข้าหีบในโรงงานให้ส้านักงานภายในเดือนมิถุนายนของทุกปี (6) ให้ส้านักงานตรวจสอบปริมาณอ้อยของแต่ละสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสมาชิกส่งอ้อยเข้าหีบ แยกแต่ละโรงงาน ตามบัญชีรายชื่อชาวไร่อ้อยที่ได้รับจากโรงงานตามข้อ 4 (5) กรณีชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงานใดโรงงานหนึ่งมีสถานภาพการเป็นสมาชิกสถาบัน ชาวไร่อ้อยมากกว่าหนึ่งส ถาบัน ให้เฉลี่ยปริมาณอ้อยให้แก่ทุกสถาบันที่ชาวไร่อ้อยรายนั นเป็นสมาชิก ในปริมาณเท่า ๆ กัน สถานภาพการเป็นสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อยของชาวไร่อ้อยให้เป็นไปตามฐานข้อมูลของส้านักงาน ให้ส้านักงานเสนอรายชื่อสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิแยกเป็นแต่ละโรงงานต่อคณะกรรมการบริ หาร เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายให้ความเห็นชอบต่อไป (7) เมื่อคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายให้ความเห็นชอบสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ ในแต่ละฤดูการผลิตแล้ว ให้ส้านักงานประกาศและแจ้งให้โรงงานและสถาบันชาวไร่อ้อยทราบ (8) ให้โรงงานหักเงิ นค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยของชาวไร่อ้อยแต่ละรายที่ส่งอ้อยเข้าหีบ ตามอัตราที่ประกาศก้าหนดคูณด้วยปริมาณอ้อยของชาวไร่อ้อยรายนั น ๆ จากเงินค่าอ้อยของชาวไร่อ้อย ในแต่ละงวดของการจ่ายเงินค่าอ้อย เมื่อโรงงานได้หักเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ ถือว่าชาวไร่อ้อย แต่ละรายที่ส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงานนั น ๆ ได้ช้าระเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยในส่วนของตน ในฤดูการผลิตนั นให้แก่สถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ หรือกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายในกรณีชาวไร่อ้อยมิได้เป็น สมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อย ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มีนาคม ๒๕๖๓ในกรณีโรงงานใดไม่มีสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิให้โรงงานหักเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย ของชาวไร่อ้อยแต่ละรายที่ส่งอ้อยเข้าหีบ ในอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศของฤดูการผลิตปีปัจจุบันที่ประกาศก้าหนด และส่งเงินให้กับกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายเพื่อเฉลี่ยส่งให้กับสถาบันชา วไร่อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าหีบ ในโรงงานดังกล่าว ในฤดูการผลิตนั นตามปริมาณอ้อยของแต่ละสถาบันชาวไร่อ้อย (9) การส่งเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยให้แก่สถาบันชาวไร่อ้อย ให้โรงงานปฏิบัติ ดังนี (ก) ให้โรงงานส่งเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยซึ่งหักจากค่าอ้อยของชาวไร่ อ้อยทุกราย ที่ส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงาน ให้กับสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิตามที่ส้านักงานประกาศก้าหนด ในกรณีโรงงานใดมีชาวไร่อ้อยที่เป็นสมาชิกของชุมนุมสหกรณ์การเกษตรชาวไร่อ้อย แห่งประเทศไทย จ้ากัด และชาวไร่อ้อยรายนั นเป็นสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อยอื่นด้วย ให้ชาวไร่ อ้อยรายนั น ท้าหนังสือแจ้งความประสงค์ต่อโรงงานว่าจะให้โรงงานหักเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยของตนให้กับ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย จ้ากัด หรือสถาบันชาวไร่อ้อยใดที่ตนเป็นสมาชิก กรณีชาวไร่อ้อยรายนั นมิได้ท้าหนังสือแจ้งความประสงค์ต่อโรงงาน ใ ห้เฉลี่ยเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย ของชาวไร่อ้อยรายนั นให้แก่ทุกสถาบันชาวไร่อ้อยที่ชาวไร่อ้อยนั นเป็นสมาชิกทุกสถาบันในอัตรา เท่า ๆ กัน (ข) กรณีสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิมีความประสงค์ให้กองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย เป็นผู้รับหรือเก็บเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยแทน ตามที่มีหนังสือแจ้งให้โรงงานและกองทุนอ้อยและ น ้าตาลทรายทราบก่อนวันเปิดหีบอ้อยผลิตน ้าตาลทรายตามที่ส้านักงานคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ประกาศก้าหนด ให้โรงงานส่งเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยให้กับกองทุนอ้อยและน ้า ตาลทราย ตามความประสงค์ของสถาบันชาวไร่อ้อยนั น (ค) ในกรณีที่โรงงานใดไม่มีสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิให้โรงงานน้าเงินค่าบ้ารุงสถาบัน ชาวไร่อ้อยที่หักจากค่าอ้อยของชาวไร่อ้อยทุกรายที่ส่งอ้อยเข้าหีบให้กับกองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย เพื่อเฉลี่ยเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่ อ้อยดังกล่าวให้กับสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสมาชิกส่งอ้อยเข้าหีบ ในโรงงานนั น ตามสัดส่วนปริมาณอ้อย (ง) กรณีมีข้อโต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยระหว่างสถาบันชาวไร่อ้อย หรือมีเหตุอื่นใด อันเป็นเหตุให้โรงงานไม่อาจทราบได้ว่าสถาบันชาวไร่อ้อยใด มีสิทธิได้รับเงินค่าบ้ารุง สถาบันชาวไร่อ้อยดังกล่าว ให้โรงงานส่งเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยดังกล่าวแก่กองทุนอ้อยและ น ้าตาลทราย เพื่อส่งให้แก่สถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิต่อไป ทั งนี สถาบันชาวไร่อ้อยใดจะมีสิทธิได้รับเงิน ดังกล่าวให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการบริ หารสั่งภายใต้ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อยและระเบียบนี (10) ให้โรงงานรวบรวมเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยที่หักไว้ตามข้อ 4 (8) แล้วส่งให้แก่ สถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิหรือกองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย ตามวิธีการที่ก้าห นดไว้ในข้อ 4 (9) แล้วแต่กรณี ภายในวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดจากเดือนที่ได้หักเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มีนาคม ๒๕๖๓(11) ในกรณีกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายเป็นผู้รับหรือเก็บเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อย แทนสถาบันชาวไร่อ้อย ให้กองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายด้าเนินการ ดังนี (ก) กรณีรับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยตามข้อ 4 (8) วรรคท้าย ให้กองทุนอ้อยและ น ้าตาลทรายส่งเงินดังกล่าวให้แก่สถาบันชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงานนั นตามสัดส่วนปริมาณอ้อย ของแต่ละสถาบันโดยไม่ชักช้า (ข) กรณีรับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยแทนสถาบันชาว ไร่อ้อยที่แจ้งความประสงค์ ตามข้อ 4 (9) (ข) ให้สถาบันชาวไร่อ้อยขอรับเงินดังกล่าวจากกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายโดยตรง หรือตามแต่จะตกลงกัน ทั งนี การรับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยล่าช้าไม่เป็นเหตุให้สถาบันชาวไร่อ้อย มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายหรือค่าอื่นใด นอกจากดอกผลที่อาจเกิดขึ นตามปกติ (ค) กรณีรับเงินค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยจากโรงงานอันเนื่องมาจากไม่มีสถาบันชาวไร่อ้อย ที่มีสิทธิ ตามข้อ 4 (8) วรรคสาม ให้กองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย เฉลี่ยเงินค่าบ้ารุงสถาบัน ชาวไร่อ้อยดังกล่าวให้กับสถาบันชาวไร่อ้อยที่มีสมา ชิกส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงานนั นตามสัดส่วนปริมาณอ้อย ส่วนเงินที่หักจากชาวไร่อ้อยที่มิได้เป็นสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อยให้ตกเป็นของกองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย และให้ใช้ได้เฉพาะ เพื่อประโยชน์ของสถาบันชาวไร่อ้อยโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร (ง) กรณีรับเงินค่าบ้ารุ งสถาบันชาวไร่อ้อยจากโรงงานอันเนื่องมาจากมีข้อโต้แย้ง ตามข้อ 4 (9) (ง) ให้กองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายเสนอให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาสั่ง ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยไม่ชักช้า ประกาศ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖3 กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มีนาคม ๒๕๖๓" 362.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2563 เรื่อง การแจ้งและการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ เพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2563 เรื่อง การแจ้งและการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕63 ก าหนดให้ผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่าย แจ้งข้อมูลต้นทุน ราคา ปริมาณ รวมทั้งแสดงราคา ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีมติเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 ก าหนดห้ามมิให้ผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่าย จ าหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยส าหรับมือในราคาสูงกว่าราคาที่ได้แจ้งไว้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก เลขาธิการ เพื่อก ากับดูแลราคาและปริมาณสินค้า ให้เกิดความเป็นธรร มและป้องกันการฉวยโอกาส เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๕ (๔) และมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 2/1 แห่งประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2563 เรื่อง การแจ้งและการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 “ข้อ 2/1 ห้ามผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจ าหน่าย จ าหน่ายผลิตภัณฑ์ ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยส าหรับมือในราคาที่สูงกว่าราคาที่แจ้งไว้ตามข้อ ๒ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการว่าด้วยการก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ในการพิจารณาการตั้งราคาและ การเปลี่ยนแปลงรายการหรือราคาที่แจ้งไว้ พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕” ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มีนาคม ๒๕๖๓" 366.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ส าหรับกรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยที่เป็นการสมควรให้มีการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้เกษตรกรสามารถ มีที่ดินท ากินเป็นของตนเอง และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรและลดต้นทุนโครงการปฏิรูปที่ดิน ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๒ (๗) (ฎ) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ก าหนดหลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน ในการโอนอสังหาริมทรัพย์ในการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ ๐.๐๑ ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เจ้าของที่ดินโอนให้แก่ส านักงานการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมเพื่อน าไปใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในส่วนที่เจ้าของที่ดินมีหน้าที่ต้องช าระ (๒) กรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ส านักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตร กรรม โอนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่เกษตรกรผู้เช่าซื้อที่ดิน ในส่วนที่เกษตรกรผู้เช่าซื้อที่ดินมีหน้าที่ต้องช าระ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖4 ประกาศ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓" 367.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุม โรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุม โรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ. ศ. 2559 ข้อ ๔ ให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ เป็นเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ (๑) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (๒) รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (๓) ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (๔) สาธารณสุขนิเทศก์ (๕) ข้าราชการสังกัดกรมควบคุมโรค ซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ (๕.๑) อธิบดีกรมควบคุมโรค (๕.๒) รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (๕.๓) ผู้อ านวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน (๕.๔) ผู้อ านวยการกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ (๕.๕) ผู้อ านวยการกองระบาดวิทยา (๕.๖) ผู้อ านวยการกองโรคติดต่อทั่วไป (๕.๗) ผู้อ านวยการกองโรคติดต่อน าโดยแมลง (๕.๘) ผู้อ านวยการกองวัณโรค (๕.๙) ผู้อ านวยการกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (๕.๑๐) ผู้อ านวยการสถาบันบ าราศนราดูร (๕.๑๑) ผู้อ านวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓ (๕.๑๒) ผู้อ านวยการสถาบันราชประชาสมาสัย (๕.๑๓) ผู้อ านวยการส านักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๑ - ๑๒ (๕.๑๔) ข้าราชการสังกัดกองระบาดวิทยาหรือข้าราชการที่ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการ หรือปฏิบัติราชการในกองระบาดวิทยา ซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ (๕.๑4.๑) นายแพทย์ ระดับช านา ญการพิเศษขึ้นไป (๕.๑4.๒) นายสัตวแพทย์ ระดับช านาญการพิเศษขึ้นไป (๕.๑4.๓) นักวิชาการสาธารณสุข ระดับช านาญการพิเศษขึ้นไป (๖) ข้าราชการสังกัดกรมการแพทย์ ซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ (๖.๑) อธิบดีกรมการแพทย์ (๖.๒) รองอธิบดีกรมการแพทย์ (๖.๓) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี (๖.๔) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลราชวิถี (๖.๕) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลเลิดสิน (๖.๖) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลสงฆ์ (๖.๗) ผู้อ านวยการสถาบันประสาทวิทยาแห่งชาติ (๖.๘) ผู้อ านวยการสถาบันพยาธิวิทยา (๖.๙) ผู้อ านวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (๖.๑๐) ผู้อ านวยการสถาบันโรคผิวหนัง (๖.๑๑) ผู้อ านวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ข้อ ๕ ให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ เป็นเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เฉพาะในเขตท้องที่ที่ตนมีอ านาจหน้าที่ ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (๑) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (๒) นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) (๓) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลศูนย์ (๔) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลทั่วไป (๕) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลชุมชน (๖) สาธารณสุขอ าเภอ (7) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล (8) ข้าราชการที่ปฏิบัติราชการ ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศซึ่งด ารงต าแหน่ง ต่อไปนี้ (8.๑) นายแพทย์ ระดับปฏิบัติการขึ้นไป ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓ (8.๒) นายสัตวแพทย์ ระดับปฏิบัติการขึ้นไป (8.๓) นักวิชาการสาธารณสุข ระดับปฏิบัติการขึ้ นไป (8.๔) พยาบาลวิชาชีพ ระดับปฏิบัติการขึ้นไป (8.๕) เจ้าพนักงานสาธารณสุข ระดับปฏิบัติงานขึ้นไป (8.๖) เจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระดับปฏิบัติงานขึ้นไป ข้อ ๖ ให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ เป็นเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เฉพาะในเขตท้องที่ที่ตนมีอ านาจหน้าที่ ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (๑) ผู้ว่าราชการจังหวัด (๒) รองผู้ว่าราชการจังหวัด (๓) ปลัดจังหวัด (๔) นายอ าเภอ (๕) ปลัดอ าเภอผู้เป็นหัวหน้าประจ ากิ่ง อ าเภอ (๖) ปลัดอ าเภอ ข้อ ๗ ให้ข้าราชการสังกัดราชการส่วนท้องถิ่นซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ เป็นเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เฉพาะในเขตท้องที่ที่ตนมีอ านาจหน้าที่ ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (๑) ข้าราชการสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ (1.1) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (1.2) ปลัดกรุงเทพมหานคร (1.3) ผู้อ านวยการส านักการแพทย์ (1.4) รองผู้อ านวยการส านักการแพทย์ (1.5) ผู้อ านวยการส านักอนามัย (1.6) รองผู้อ านวยการส านักอนามัย (1.7) ผู้อ านวยการกองควบคุมโรคติดต่อ สังกัดส านักอนามัย (1.8) หัวหน้ากลุ่มงานระบาดวิทยา กองควบคุมโรคติดต่อ สังกัดส านักอนามัย (1.9) ผู้อ านวยการกองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สังกัดส านักอนามัย (1.๑0) ผู้อ านวยการกองสุขาภิบาล สังกัดส านักอนามั ย (1.๑1) ผู้อ านวยการส านักงานสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สังกัดส านักอนามัย (1.๑2) ผู้อ านวยการส านักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข สังกัดส านักอนามัย (1.๑3) ผู้อ านวยการศูนย์บริการสาธารณสุข สังกัดส านักอนามัย ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓ (1.๑4) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร (1.๑๕) ผู้อ านวยการเขต (1.๑๖) หัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สังกัดส านักงานเขต (2) ข้าราชการสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนต าบล ซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ (2.1) ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (2.2) ปลัดเทศบาล (2.3) ปลัดองค์การบริหา รส่วนต าบล (2.4) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล (2.5) นักบริหารงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม (3) ข้าราชการต าแหน่งนักบริหารงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมสังกัดเมืองพัทยา ข้อ ๘ ให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงกลาโหมซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ เป็นเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เฉพาะในเขตท้องที่ที่ตนมีอ านาจหน้าที่ ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (1) ผู้อ านวยการโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงกลาโหม (2) ข้าราชการสังกัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งปฏิบัติงานด้านระบาดวิทยา การเฝ้าระวัง การป้องกัน หรือการควบคุมโรคติดต่อ ประกาศ ณ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓" 368.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรให้มีการแต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ หรือโรคระบาด อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุม โรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคั บตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งรับผิดชอบงานด้านระบาดวิทยา การเฝ้าระวัง การป้องกัน หรือการควบคุมโรคติดต่อ ในส านักงานสาธารณสุขจังหวัด ส านักงานสาธารณสุขอ าเภอ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่ วไป โรงพยาบาลชุมชน หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล เป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เฉพาะในเขตท้องที่ ที่ตนมีอ านาจหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ ข้อ 4 ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งด า รงต าแหน่งต่อไปนี้ เป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เฉพาะในเขตท้องที่ ที่ตนมีอ านาจหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (1) เจ้าพนักงานปกครอง เจ้าหน้าที่ปกครอง ประจ าศาลากลางจังหวัด (2) เจ้าหน้าที่ปกครอง ประจ าที่ว่ าการอ าเภอ (3) ก านัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจ าต าบล สารวัตรก านัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ข้อ 5 ให้ข้าราชการสังกัดราชการส่วนท้องถิ่นซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ เป็นเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เฉพาะในเขตท้องที่ที่ตนมีอ านาจหน้าที่ ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (1) ข้าราชการสังกัดเมืองพัทยา ซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ (1.1) นายกเมืองพัทยา (1.2) ปลัดเมืองพัทยา (1.3) ผู้อ านวยการส านักการสาธารณสุข (1.4) ผู้อ านวยการส านักสิ่งแวดล้อม (1.5) ข้าราชการสังกัดเมืองพัทยาหรือข้าราชการที่ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการหรือ ปฏิบัติราชการในสังกัดเมืองพัทยา ซึ่งด ารงต าแหน่งนายแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓สาธารณสุข นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ นายสัตวแพทย์ เจ้าพนักงานเภสัชกรรม พยาบาลเทคนิค เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือสัตวแพทย์ (2) ข้าราชการสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนต าบล ซึ่งด ารงต าแหน่งต่อไปนี้ (2.1) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (2.2) นายกเทศมนตรี (2.3) นายกองค์การบริหารส่วนต าบล (2.4) ผู้อ านวยการส านักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาล (2.5) ผู้อ านวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาล (2.6) หัวหน้ากองหรือหัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาล (2.7) ผู้อ านวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารส่วน ต าบล (2.8) หัวหน้ากองหรือหัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารส่วนต าบล หรือต าแหน่งที่คล้ายคลึงกัน (2.9) ข้าราชการสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนต าบล หรือข้าราชการที่ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติราชการในสัง กัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนต าบล ซึ่งด ารงต าแหน่งนายแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ นายสัตวแพทย์ เจ้าพนักงาน เภสัชกรรม พยาบาลเทคนิค เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนัก งานวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือสัตวแพทย์ ประกาศ ณ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๕๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓" 369.pdf," กฎกระทรวง การขอรับการตรวจสอบและรับรอง และการตรวจสอบและรับรอง มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2563 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ และมาตรา ๒๗ วรรคสอง และมาตรา ๓๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐาน สินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบ และรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2553 ข้อ 2 ผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้น าเข้าสินค้าเกษตรที่ประสงค์จะขอรับการตรวจสอบและ รับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร ให้ยื่นค าขอรับการตรวจสอบและรับรองต่อผู้ประกอบการตรวจสอบ มาตรฐานตามแบบที่เลขาธิการก าหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐาน ตามที่ระบุไว้ในแบบค าขอนั้น การยื่นค าขอตามวรรคหนึ่ง ผู้ยื่นค าขออาจยื่นค าขอผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ข้อ 3 เมื่อผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานได้รับค าขอ พร้อมทั้งเอกสารและหลักฐาน ถูกต้องและครบถ้วนแล้ว ให้ด าเนินการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเกษตรนั้นทันที เว้นแต่มีผู้ยื่นค าขอ หลายราย ให้ด าเนินการตรวจสอบตามล าดับที่ยื่นค าขอ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเกษตรที่น าเข้า ผู้ประกอบการตรวจสอบ มาตรฐานอาจไปตรวจสอบ ณ สถานที่ผลิตสินค้าเกษตรนั้นในต่างประเทศ ในกรณีที่มีการตรวจสอบ ณ สถานที่ผลิตสินค้าเกษตรในต่างประเทศตามวรรคสอง พนักงาน เจ้าหน้าที่อาจไปตรวจประเมินวิธีการตรวจสอบมาตรฐานในต่างประเทศของผู้ประกอบการตรวจสอบ มาตรฐานได้ โดยผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๒๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓ข้อ 4 การตรวจประเมินวิธีการตรวจสอบมาตรฐานในต่างประเทศของผู้ประกอบการ ตรวจสอบมาตรฐานตามข้อ 3 วรรคสาม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจประเมินวิธีการตรวจสอบ มาตรฐานว่าได้ด าเนินการให้เป็นไปตามข้อก าหนดหรือมาตรฐานสากลและข้อก าหนดมาตรฐาน สินค้าเกษตรในเรื่องดังต่อไปนี้แล้ว (1) การด าเนินงานของผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน (2) บุคลากรของผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานมีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (3) วิธีการตรวจสอบและรับรอง มาตรฐานสินค้าเกษตรของบุคลากรของผู้ประกอบการ ตรวจสอบมาตรฐาน ข้อ 5 ในกรณีที่ผลการตรวจสอบเป็นไปตามมาตรฐาน ให้ผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน ออกใบรับรองส าหรับสินค้าเกษตรให้แก่ผู้ยื่นค าขอ ให้น าประกาศคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรว่าด้วยการก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกใบรับรองส าหรับสินค้าเกษตรที่มีกฎกระทรวงก าหนดให้เป็นมาตรฐานบังคับ ที่ออกตามมาตรา ๒๘ มาใช้บังคับกับการออกใบรับรองส าหรับสินค้าเกษตรที่มีประกาศก าหนด มาตรฐานทั่วไปโดยอนุโลม ข้อ 6 ค าขอรับใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ได้ยื่นไว้ตามกฎกระทรวงก าหนดหลัก เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๓ ก่อนวันที่ กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับและยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานให้ถือว่า เป็นค าขอที่ได้ยื่นตามกฎกระทรวงนี้โดยอนุโลม ให้ไว้ ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖3 ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๒๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๒๗ วรรคสอง และมาตรา ๓๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ มาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. 2561 บัญญัติให้การขอรับการตรวจสอบและรับรอง และการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานส าหรับสินค้าเกษตรที่มีกฎกระทรวงก าหนดมาตรฐานบังคับและ สินค้าเกษตรที่มีประกาศก าหนดมาตรฐานทั่วไป เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนด ในกฎกระทรวง จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๒๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓" 375.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 4) เพื่อประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๒ แห่งพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ (13) (ฉ) แห่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕60 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(ฉ) ของนั้นต้องผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นสาระส าคัญในเขตปลอดอากรหรือในเขต ประกอบการเสรี ซึ่งเป็นไปตามประกาศก าหนดของส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมหรือหน่วยงาน ของรัฐอื่นที่มีอ านาจหน้าที่ก ากับดูแลกระบวนการผลิตส าหรับของนั้น กรณีของที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นสาระส าคัญตั้งแต่สี่กระบวนการขึ้นไป ให้สามารถยื่นขอ ด าเนินกระบวนการผลิตที่เป็นสาระส าคัญนอกเขตปลอดอากรหรือนอกเ ขตประกอบการเสรีได้ โดยต้องมี กระบวนการผลิตที่เป็นสาระส าคัญในเขตปลอดอากรหรือในเขตประกอบการเสรีอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง ของกระบวนการผลิตที่เป็นสาระส าคัญทั้งหมด และกระบวนการผลิตที่เป็นสาระส าคัญสุดท้าย จะต้องกระท าในเขตปลอดอากรหรือในเขตประกอบการเสรี มูลค่าของที่ได้จ ากกระบวนการผลิตที่เป็นสาระส าคัญนอกเขตปลอดอากรหรือนอกเขต ประกอบการเสรี ให้ใช้วิธีการค านวณเสมือนว่ากระบวนการผลิตที่เป็นสาระส าคัญนั้น เกิดขึ้น ในเขตปลอดอากรหรือในเขตประกอบการเสรี ในการค านวณมูลค่าของ ต้องแจกแจงข้อมูลการผลิต การใช้วัตถุดิบ และต้นทุนการผลิต ของของเพื่อน ามาใช้ค านวณร่วมกับมูลค่าของที่ได้จากกระบวนการผลิตที่เกิดขึ้นในเขตปลอดอากรหรือ ในเขตประกอบการเสรี กระบวนการผลิตที่เป็นสาระส าคัญที่ขอกระท านอกเขตปลอดอากรหรือนอกเขตประกอบการเสรี ต้องกระท าภายในประเทศโดยผู้ประกอบการซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ จดทะเบียนในประเทศไทย ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๖๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓หลักเกณฑ์การยื่นค าขอและการตรวจสอบกระบวนการผลิตนอกเขตปลอดอากรหรือนอกเขต ประกอบการเสรีให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศก าหนด ” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ รักษาราชการแท น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๖๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓" 378.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายก าหนดเวลาการจัดท าบัตรประจ าตัวประชาชน จากกรณีการเกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย ตามที่มีสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ในปัจจุบันมีการขยายตัว อย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ ส่งผลให้กระทรวงสาธารณสุขต้องยกระดับการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด 19 โดยมีประกาศให้โรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 แล้วเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 พร้อมกับมีการประชาสัมพันธ์ขอความ ร่วมมือจากประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยการหลีกเลี่ยงการเดินทาง ไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่ชุมนุมชนซึ่งรวมถึงสถานที่ท าการของหน่วยงานภาครัฐที่มีผู้ขอรับบริการ จ านวนมาก นั้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 6 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจ าตัวประชาชน พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบัตรประจ าตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงออกประกาศให้ขยายก าหนดเวลาการขอมีบัตร การขอมีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรในทุกท้องที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร จากภายในก าหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ต้องมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตร ให้ขยายเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบวัน โดยมีก าหนดระยะเวลาสิ้นสุดถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ประกาศ ณ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓" 381.pdf,"ประกาศ เรื่อง การก าหนดอ านาจหน้าที่ของรัฐมนตรี ตามกฎหมายเป็นอ านาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว นั้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้บรรดาอ านาจหน้าที่ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย หรือที่เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายหรือที่มีอยู่ตามกฎหมาย โอนมาเป็นอ านาจหน้าที่ของนายกรัฐม นตรีเป็นการชั่วคราวเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ ฟื้นฟูหรือช่วยเหลือประชาชน ดังต่อไปนี้ ๑. พระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ ๒. พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ ๓. พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ๔. พระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ. ๒๔๙๙ ๕. พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ๖. พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ ๗. พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๘. พระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการน าเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ ๙. พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๐. พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๑. พระราชบัญญัติก าหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอ านาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ๑๒. พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑๓. พระราชบัญญัติควบคุมน้ ามันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๒ ๑๔. พระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๙๕ ๑๕. พระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ๑๖. พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๑๗. พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑๘. พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. ๒๕๕๑ ๑๙. พระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๖๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓๒๐. พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ ๒๑. พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒๒. พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ๒๓. พระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ ๒๔. พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒๕. พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒๖. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ๒๗. พระราชบัญญัติว่า ด้วยการกระท าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒๘. พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ ๒๙. พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ๓๐. พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ๓๑. พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๙ ๓๒. พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ๓๓. พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓๔. พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. ๒๕๒๒ ๓๕. พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ๓๖. พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และก ากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓๗. พระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๐๙ ๓๘. พระราชบัญญัติอ้อยและน้ าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ๓๙. พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ๔๐. พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ทั้งนี้ ให้รวมถึงกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวข้างต้นด้วย ให้ส่วนราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายข้างต้นยังคงใช้อ านาจหน้าที่เช่นเดิมต่ อไป ตามหลักเกณฑ์ที่นายกรัฐมนตรีก าหนด เว้นแต่จะมีประกาศหรือค าสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๖๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓" 382.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย เรื่อง ก้าหนดอัตราค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๑๗ (๒๔) ประกอบกับมาตรา ๑๗ วรรคสามแห่งพระราชบัญญัติ อ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี จึงออกประกาศก้าหนดอัตราค่าบ้ารุงสถาบันชาวไร่อ้อยฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ไว้ดังต่อไปนี ล้าดับที่ โรงงานน ้าตาล อัตราค่าบ้ารุงสถาบัน ชาวไร่อ้อย (บาท/ตันอ้อย) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 บริษัท น ้าตาลทิพย์ก้าแพงเพชร จ้ากัด บริษัท น ้าตาลทิพย์สุโขทัย จ้ากัด บริษัท น ้าตาลไทยเอกลักษณ์ จ้ากัด บริษัท น ้าตาลทรายก้าแพงเพชร จ้ากัด บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จ้ากัด (มหาชน) รวมผล บริษัท น ้าตาลนครเพชร จ้ากัด บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จ้ากัด (มหาชน) บริษัท น ้าตาลพิษณุโลก จ้ากัด บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จ้ากัด บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน ้าตาล จ้ากัด (บึงสามพัน) บริษัท อุตสาหกรรมน ้าตาลสุพรรณบุรี จ้า กัด บริษัท น ้าตาลสิงห์บุรี จ้ากัด บริษัท อุตสาหกรรมน ้าตาล ที.เอ็น.จ้ากัด บริษัท น ้าตาลสระบุรี จ้ากัด บริษัท อุตสาหกรรมน ้าตาลปราณบุรี จ้ากัด บริษัท น ้าตาลราชบุรี จ้ากัด บริษัท น ้าตาลบ้านโป่ง จ้ากัด บริษัท น ้าตาลมิตรผล จ้ากัด 2 3 3 2 3 2 3 3 3 2.66 3 3 3 3 4 2 2 2 19 20 21 22 23 บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเกษตร จ้ากัด บริษัท น ้าตาลไทยกาญจนบุรี จ้ากัด บริษัท อุตสาหกรรมน ้าตาลบ้านไร่ จ้ากัด บริษัท โรงงานน ้าตาลนิวกรุงไทย จ้ากัด บริษัท น ้าตาลท่ามะกา จ้ากัด 2 2 2 2 2 ้หนา ๖๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓ล้าดับที่ โรงงานน ้าตาล อัตราค่าบ้ารุงสถาบัน ชาวไร่อ้อย (บาท/ตันอ้อย) 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 บริษัท ประจวบอุตสาหกรรม จ้ากัด บริษัท ไทยเพิ่มพูนอุตสาหกรรม จ้ากัด บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน ้าตาล จ้ากัด บริษัท น ้าตาลรีไฟน์ชัยมงคล จ้ากัด บริษัท มิตรเกษตร อุทัยธานี จ้ากัด บริษัท น ้าตาลสระบุรี จ้ากัด (สระโบสถ์) บริษัท น ้าตาลราชบุรี จ้ากัด (กาญจนบุรี) บริษัท สหการน ้าตาลชลบุรี จ้ากัด บริษัท น ้าตาลนิวกว้างสุ้นหลี จ้ากัด บริษัท น ้าตาลและอ้อยตะวันออก จ้ากัด (มหาชน) บริษัท น ้าตาลระยอง จ้ากัด บริษัท น ้าตาลและอ้อยตะวันออก จ้ากัด (มหาชน) (วังสมบูรณ์) บริษัท อุตสาหกรรมน ้าตาลอีสาน จ้ากัด บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จ้ากัด บริษัท โรงงานน ้าตาลทรายขาวเริ่มอุดม จ้ากัด บริษัท น ้าตาลกุมภวาปี จ้ากัด บริษัท น ้าตาลขอนแก่น จ้ากัด (มหาชน) บริษัท น ้าตาลเกษตรผล จ้ากัด บริษัท โรงงานน ้าตาลบุรีรัม ย์ จ้ากัด บริษัท สหเรือง จ้ากัด บริษัท น ้าตาลมิตรกาฬสินธุ์ จ้ากัด บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จ้ากัด บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จ้ากัด บริษัท อุตสาหกรรมอ่างเวียน จ้ากัด บริษัท น ้าตาลครบุรี จ้ากัด (มหาชน) บริษัท น ้าตาลสุรินทร์ จ้ากัด บริษัท น ้าตาลวังขนาย จ้ากัด บริษัท น ้าตาลเอราวัณ จ้ากัด บริษัท น ้าตาลไทยอุดรธานี จ้ากัด บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จ้ากัด (มิตรภูหลวง) บริษัท น ้าตาลขอนแก่น จ้ากัด (มหาชน) (สาขาวังสะพุง) 2 2 2 2 2 3 2 3 ๒.66 3 3 2.66 3 3 3 2.50 2.50 2.50 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 ้หนา ๖๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓ล้าดับที่ โรงงานน ้าตาล อัตราค่าบ้ารุงสถาบัน ชาวไร่อ้อย (บาท/ตันอ้อย) 55 56 57 บริษัท น ้าตาลระยอง จ้ากัด บริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จ้ากัด (สก ลนคร) บริษัท น ้าตาลมิตรกาฬสินธุ์ จ้ากัด (สาขาอ้านาจเจริญ) 3 ๒.66 ๒.66 ทั งนี ตั งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖3 กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๖๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓" 383.pdf,"ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ ๕๒/๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตามแถลงการณ์ส านักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ ได้ก าหนด มาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ไว้ นั้น อธิบดีกรมเจ้าท่าจึงออกมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 (COVID-19) ดังนี้ ข้อ ๑ ให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ ผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมกิจกรรม ลูกจ้าง ผู้มาติดต่อและ ใช้บริการกรมเจ้าท่า และผู้ใช้บริการท่าเรือกรมเจ้าท่า ต้องผ่านการคัดกรอง (วัดอุณหภูมิ) หากพบว่า มีไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการผิดปกติทางเดินหายใจ ให้เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจคัดกรอง ติดต่อเแจ้งสายด่วน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เบอร์โทร 1422 และให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ เจลหรือน้ ายาฆ่าเชื้อโรค ก่อนและหลังการสัมผัส พื้นผิวของสิ่งของหรือสถานที่ ข้อ ๒ ให้แต่ละหน่วยงานของกรมเจ้าท่า ก าหนดพื้นที่ส าหรับการท างาน/การติดต่อ ใช้บริการ โดยก าหนดให้เว้นระยะการนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตร เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส หรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ าลาย ข้อ ๓ ให้เจ้าหน้าที่ท าความสะอาด โดยการเช็ดท าความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ ภายในหน่วยงาน รวมถึงยานพาหนะที่ใช้ในราชการ ทั้งรถและเรือ และให้ก าจัดขยะมูลฝอยทุกวัน ข้อ ๔ ให้บริหารจ านวนผู้ขอรับบริการมิให้แออัด หรือลดเวลาในการด าเนินการให้สั้นลง เท่าที่จ าเป็น โดยถือหลักการหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน ข้อ ๕ ให้กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ง่าย คือ กลุ่มคนที่มีโรคประจ าตัว ได้แก่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคในระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ ซึ่งมีภูมิคุ้มกันต่ าตามธรรมชาติของโรคและด้วยยาที่ใช้รักษา แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ และ ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาให้บุคคลเหล่านี้ท างานที่บ้านเป็นล าดับแรก ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ข้อ ๖ ให้ทุกหน่วยงานเปิดให้บริการประชาชนในวั นเวลาราชการตามปกติ ทั้งนี้ ให้บริหาร จัดการให้มีการเหลื่อมเวลาการท างานและพักเที่ยง ให้เพิ่มบริการอ านวยความสะดวกแก่ประชาชน เช่น การจัดประชุมสื่อสารทางไกล การให้บริการด้วยการสื่อสารแบบดิจิทัล การงดเว้นการก าหนดให้ ประชาชนต้องมาแสดงตน หรือยกเว้น ขยายเวลา งดหรือลดหย่อนค่าธรรมเนียมภายใต้กรอบ ของกฎหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. ๒๕63 วิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓" 384.pdf,"ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ ๕๓/๒๕๖๓ เรื่อง แนวปฏิบัติส้าหรับเรือที่เข้ามาในน่านน ้าไทยตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ และข้อก้าหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก้าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ โดยที่ข้อ ๓ ของข้อก้าหนดอ อกตามความใน มาตรา ๙ แห่งพระราชก้าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ ได้ก้าหนดเรื่องการปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักรในการใช้ ยานพาหนะต่าง ๆ รว มทั งเรือ หรือในการใช้เส้นทาง คมนาคมโดยเฉพาะทางน ้าเพื่อเดิ นทางเข้ามาใน ราชอาณาจักร ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบปิดช่องทาง เข้า ออก ด่าน จุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรน ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อและกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองส้าหรับ ผู้โดยสารหรือผู้ที่เดินทางเข้ามาใน ราชอาณาจักร นั น เพื่อให้เป็นไปตามที่ได้มีประกาศสถานกา รณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ และข้อก้าหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก้าหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ อธิบดีกรมเจ้าท่า จึงออกประกาศ แนวปฏิบัติส้าหรับเรื อที่เข้ามาในน่านน ้าไทย ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรม เจ้าท่า ที่ ๔๕/๒๕๖๓ เรื่อง แนวปฏิบัติส้าหรับเรือที่เข้ามาใน น่านน ้าไทยกรณีเป็นเรือจากท้องที่นอกราชอาณาจักร ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ข้อ ๒ ห้ามเรือบรรทุกคนโดยสาร เรือที่มีผู้โดยสาร หรือเรือใด ๆ เข้ามาในน่านน ้าไทย เว้นแต่ (๑) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งขนส่งสินค้าตามความจ้าเป็น แต่เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้กลับออกไป โดยเร็ว (๒) เรือซึ่งมีผู้ควบคุมเรือหรือคนประจ้าเรือ ซึ่งต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจและ มีก้าหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชัดเจน ข้อ ๓ ให้เรือตามข้อ ๒ (๑) และ (๒) ที่เดินเรือจากท่าเรือประเทศต้นทางในท้องที่ที่เป็น เขตโรคติดต่ออันตรายและพื นที่มีรายงานหรือประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์บริหารสถานการณ์ ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓การแพร่ระบาดของโรคติดเชื อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) หรือ World Health Organization ว่าพบผู้ติดเชื อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ต้องด้าเนินการ ดังต่อไปนี (๑) ให้ตัวแทนเรือส่งเอกสารให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจ้าด่านควบคุมโรคติดต่อ ระหว่างประเทศ ก่อนเรือเข้ามาในช่องทางเข้า - ออกประเทศ อย่างน้อย ๒๔ ชั่วโมง ได้แก่ (ก) Information of Conveyance Arriving in Thailand (ต.๑) (ข) Marine Information of Health (ต.๒) (ค) Marine Declaration of Health (ต.๓) (ง) Last ten ports of call (จ) Questionaire for Dangerous Communicable diseases screening (ฉ) Crew list (ช) ผลการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของนายเรือและลูกเรือทุกคน อย่างน้อย ๗ วัน ก่อนที่เรือเข้ามาในน่านน ้าไทย (ซ) เอกสารอื่น ๆ ตามที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก้าหนด (๒) ให้ผู้ประกอบกิจการเดินเรือ หรือเจ้าของเรือ จัดให้มีการด้าเนินการให้คว ามรู้แก่ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจ้าเรือ และผู้ที่อยู่บนเรือ เรื่องโรคติดเชื อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (๓) ให้นายเรือจัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของนายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจ้าเรือ และผู้ที่อยู่บนเรือ เป็นการประจ้า หากพบว่ามีอาการผิ ดปกติ ได้แก่ มีอุณหภูมิร่างกาย ตั งแต่ ๓๗.๕ องศาเซลเซียสขึ นไป และมีอาการไอ มีน ้ามูก เจ็บคอ หรือหอบเหนื่อย อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้คัดแยกผู้มีอาการผิดปกติดังกล่าว เฝ้าระวังอาการ และหากสามารถกระท้าได้ให้น้าตัวส่ง สถานพยาบาล ที่ใกล้ที่สุดเพื่อท้ากา รตรวจทันที หรือด้าเนินการตาม (๔) ต่อไป (๔) กรณีพบหรือสงสัยว่าจะมีผู้ติดเชื อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บนเรือ ให้ด้าเนินการคัดกรองผู้ปลอดเชื อ และคัดแยกผู้ติดเชื อไม่ให้ปะปนกัน โดยแจ้งเจ้าพนักงานควบคุม โรคติดต่อ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค เพื่อด้าเนินการตามขั นตอนต่อไป (๕) ให้นายเรือจอดทอดสมอเรือที่พบว่ามีผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ณ ต้าบลที่ทอดสมอส้าหรับการกักกันโรคและคัดกรองโรค ตามพระราชบัญญัติ การเดินเรือในน่านน ้าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือ ณ ต้าบลที่พนักงานแพทย์ หรือพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เห็นสมควร เพื่อให้ เจ้าหน้าที่ของด่านควบคุมโร คติดต่อ ระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค ด้าเนินการตามขั นตอนต่อไป ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ข้อ ๔ ให้ผู้ประกอบกิจการเดินเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ และผู้ควบคุมเรือ ต้องด้าเนินการ ให้เป็นไปตามหมวดที่ ๕ ข้อบังคับส้าหรับการป้องกันโรคภยันตราย แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือ ในน่านน ้าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติในหมวด ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน ้าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษปรับตั งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท ข้อ ๕ ให้ผู้ประกอบกิจการ เดินเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ และผู้ควบคุมเรือ ต้องด้าเนินการ ให้เป็นไปตามข้อก้าหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก้าหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ โดยเคร่งครัดด้วย ทั งนี ตั งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. ๒๕63 วิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓" 388.pdf,"ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดราคาจ าหน่ายพันธุ์พืชไร่ พ.ศ. 2563 ตามประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดราคาจ าหน่ายพันธุ์พืชไร่ พ.ศ. 2562 ประกาศ ณ วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562 ได้ก าหนดราคาจ าหน่ายพันธุ์พืชไร่ ไว้แล้ว นั้น โดยเป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ประกาศราคาจ าหน่าย พันธุ์พืชไร่ พ.ศ. 2562 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 32 เเห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราช การแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อธิบดี กรมวิชาการเกษตร จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดราคาจ าหน่าย พันธุ์พืชไร่ พ.ศ. 2563” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิก ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง ก าหนดราคาจ าหน่ายพันธุ์พืชไร่ พ.ศ. 2562 ข้อ 4 ราคาจ าหน่ายพันธุ์พืชไร่ ให้เป็นไปตามอัตรา ดังนี้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผสมเปิด กิโลกรัมละ 20 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ กิโลกรัมละ 200 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม กิโลกรัมละ 70 บาท ข้าวโพดข้าวเหนียว/เทียนผสมเปิด กิโลกรัมละ 25 บาท ข้าวโพดข้าวเหนียว/เทียนสายพันธุ์แท้ กิโลกรัมละ 400 บาท ข้าวโพดข้าวเหนียว/เทียนลูกผสม กิโลกรัมละ 180 บาท ข้าวโพดฝักอ่อนผสมเปิด กิโลกรัมละ 25 บาท ข้าวโพดฝักอ่อนสายพันธุ์แท้ กิโลกรัมละ 200 บาท ข้าวโพดฝักอ่อนลูกผสม กิโลกรัมละ 70 บาท ข้าวโพดหวานผสมเปิด กิโลกรัมละ 50 บาท ข้าวโพดหวานสายพันธุ์แท้ กิโลกรัมละ 800 บาท ข้าวโพดหวานลูกผสม กิโลกรัมละ 300 บาท ข้าวฟ่าง กิโลกรัมละ 15 บาท ข้าวฟ่างหวาน กิโลกรัมละ 20 บาท ฝ้าย กิโลกรัมละ 35 บาท ถั่วเขียวชั้นพันธุ์ขยาย กิโลกรัมละ 40 บาท ถั่วเขียวชั้นพันธุ์จ าหน่าย กิโลกรัมละ 30 บาท ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ เมษายน ๒๕๖๓ถั่วเหลืองชั้นพันธุ์ขยาย กิโลกรัมละ 25 บาท ถั่วเหลืองชั้นพันธุ์จ าหน่าย กิโลกรัมละ 22 บาท ถั่วเหลืองฝักสดชั้นพันธุ์ขยาย กิโลกรัมละ 120 บาท ถั่วเหลืองฝักสดชั้นพันธุ์จ าหน่าย กิโลกรัมละ 80 บาท ถั่วลิสงทั้งเปลือกชั้นพันธุ์ขยาย กิโลกรัมละ 45 บาท ถั่วลิสงทั้งเปลือกชั้นพันธุ์จ าหน่าย กิโลกรัมละ 40 บาท งา กิโลกรัมละ 50 บาท มันส าปะหลัง ล าละ 1 บาท อ้อยหีบน้ าตาล ล าละ 1 บาท อ้อยคั้นน้ า ล าละ 5 บาท อ้อยเคี้ยว ล าละ 5 บาท ทานตะวัน กิโลกรัมละ 50 บาท เดือย กิโลกรัมละ 20 บาท ถั่วหรั่ง กิโลกรัมละ 120 บาท ถั่วพุ่ม (เมล็ด) กิโลกรัมละ 25 บาท ถั่วพุ่มฝักสด กิโลกรัมละ 80 บาท ปาล์มน้ ามัน (เมล็ดงอก) เมล็ดละ 13 บาท ปาล์มน้ ามัน (กล้าเล็ก อายุ 3 - 5 เดือน) ต้นละ 30 บาท ปาล์มน้ ามัน (กล้าใหญ่ อายุ 8 - 12 เดือน) ต้นละ 55 บาท ประกาศ ณ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖3 เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๗๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ เมษายน ๒๕๖๓" 394.pdf," กฎกระทรวง ค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ และมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) กฎกระทรวงก าหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๘ (๒) กฎกระทรวงก าหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๒ เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ตามความจ าเป็นแต่ไม่เกินห้าหมื่นบาท ข้อ ๓ ในกรณีที่ค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามข้อ ๒ ไม่เพียงพอ ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาล เท่าที่จ่ายจริงตามความจ าเป็นเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินหนึ่งแสนบาท ส าหรับการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ของลูกจ้างในลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) บาดเจ็บอย่างรุนแรงของอวัยวะภายในหลายส่วนและต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข (๒) บาดเจ็บอย่างรุนแรงของกระดู กหลายแห่งและต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข (๓) บาดเจ็บอย่างรุนแรงของศีรษะและต้องได้รับการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ (๔) บาดเจ็บอย่างรุนแรงของกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง หรือรากประสาท (๕) ประสบภาวะที่ต้องผ่าตัดต่ออวัยวะที่ยุ่งยากซึ่งต้องใช้วิธีจุลศัลยกรรม (๖) ประสบอันตรายจากไฟไหม้ น้ าร้อนลวก ความร้อน ความเย็น สารเคมี รังสี ไฟฟ้า หรือระเบิด จนถึงขั้นสูญเสียผิวหนังลึกถึงหนังแท้ตั้งแต่ร้อยละยี่สิบห้าของพื้นที่ผิวของร่างกาย (๗) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอย่างอื่นซึ่งรุนแรงหรือเรื้อรัง ตามที่รัฐมนตรีประกาศก าห นด ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๒๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๙ เมษายน ๒๕๖๓ข้อ ๔ ในกรณีที่ค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามข้อ ๓ ไม่เพียงพอ ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาล เท่าที่จ่ายจริงตามความจ าเป็นเพิ่มขึ้นอีก โดยเมื่อรวมกับค่ารักษาพยาบาลตามข้อ ๒ และข้อ ๓ แล้ว ต้องไม่เกินสามแสนบาท ส าหรับการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยของลูกจ้างในลั กษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยตามข้อ ๓ (๑) ถึง (๖) ตั้งแต่สองรายการขึ้นไป (๒) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยตามข้อ ๓ (๑) ถึง (๖) ที่จ าเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือต้องพักรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยหนัก หอผู้ป่วยวิกฤต หรือหอผู้ป่วยไฟไ หม้ น้ าร้อนลวก ตั้งแต่ ยี่สิบวันขึ้นไป (๓) บาดเจ็บอย่างรุนแรงของระบบสมองหรือไขสันหลังที่จ าเป็นต้องรักษาตัวในสถานพยาบาล ตั้งแต่สามสิบวันติดต่อกัน (๔) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยตามข้อ ๓ (๗) ซึ่งรุนแรงหรือเรื้อรัง (ก) เป็นผลให้อวัยวะส าคัญล้มเหลว (ข) กรณีอื่นนอกจาก (ก) ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการการแพทย์ ข้อ ๕ ในกรณีที่ค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามข้อ ๔ ไม่เพียงพอ ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาล เท่าที่จ่ายจริงตามความจ าเป็นเพิ่มขึ้นอีก ตามความเห็นของคณะกรรมการการแพทย์ โดยเมื่อรวมกับ ค่ารักษาพยาบาลต ามข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔ แล้ว ต้องไม่เกินห้าแสนบาท ข้อ ๖ ในกรณีที่ค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามข้อ ๕ ไม่เพียงพอ ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาล เท่าที่จ่ายจริงตามความจ าเป็นเพิ่มขึ้นอีก โดยเมื่อรวมกับค่ารักษาพยาบาลตามข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ และข้อ ๕ แล้ว ต้องไม่เกินหนึ่งล้านบาท เว้นแต่กรณีที่ลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาล ในสถานพยาบาลของรัฐตั้งแต่เริ่มแรกจนสิ้นสุดการรักษาพยาบาล ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่ จ่ายจริงตามความจ าเป็นจนสิ้นสุดการรักษาพยาบาล ในกรณีที่ลูกจ้างมีความจ าเป็นหรือมีเหตุผลสมควรที่ไ ม่สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาล ในสถานพยาบาลของรัฐตั้งแต่เริ่มแรก แต่ภายหลังได้เข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล ของรัฐ จนสิ้นสุดการรักษาพยาบาล ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจ าเป็นจนสิ้นสุด การรักษาพยาบาล การจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามวรรคหนึ่ งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการ การแพทย์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ข้อ ๗ การประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่คณะกรรมการการแพทย์พิจารณาให้ความเห็นว่า นายจ้างต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นตามข้อ ๕ หรือข้อ ๖ ให้เป็นไปตามลักษณะที่รัฐมนตรี ประกาศก าหนด ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๒๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๙ เมษายน ๒๕๖๓ข้อ ๘ การจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ข้อ ๕ หรือข้อ ๖ หากลูกจ้าง ซึ่งเป็นผู้ป่วยในมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ให้นายจ้างจ่ายค่าใช้จ่าย ดังกล่าวเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินวันละหนึ่งพันสามร้อยบาท ข้อ ๙ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับรวมถึงลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอยู่ก่อนวันที่ กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับและยังคงรักษาพยาบาลอยู่จนถึงวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ ให้ไว้ ณ วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๒๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๙ เมษายน ๒๕๖๓หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ บัญญัติว่า เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างได้รับ การรักษาพยาบาลทันทีตามความเหมาะสมแก่อันตรายหรือความเจ็บป่วยนั้น และให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาล เท่าที่จ่ายจริงตามความจ าเป็น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่ก าหนดในกฎ กระทรวง จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๒๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๙ เมษายน ๒๕๖๓" 395.pdf,"ประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อง ก าหนดผลประโยชน์ตอบแทนเงินบ าเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยที่เป็นการสมควรก าหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบ าเหน็จชราภาพและวิธีการในการ ค านวณจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินบ าเหน็จชราภาพ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๖ (๒) ของกฎกระทรวงก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทด แทนในกรณีชราภาพ พ.ศ. ๒๕๕๐ ส านักงานประกันสังคมจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ 2 เงินสมทบสุทธิ หมายถึง เงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ ข้อ 3 การค านวณจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเงินบ าเหน็จชราภาพให้แก่ผู้มีสิทธิให้ค านวณ จ่ายถึงวันที่มีสิทธิ ตามหลักเกณฑ์ในข้อ 7 แห่งกฎกระทรวงก าหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแท นในกรณีชราภาพ พ.ศ. 2550 ข้อ 4 ผลประโยชน์ตอบแทนเงินบ าเหน็จชราภาพ ให้ค านวณจ่ายในอัตราร้อยละสี่จุดห้าสองต่อปี ของเงินสมทบสุทธิและผลประโยชน์ตอบแทนสะสมรวมกัน ข้อ 5 อัตราผลประโยชน์ตอบแทนตามข้อ 4 ให้ใช้ในการค านวณจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน เงินบ าเหน็จชราภาพ จนกว่าส านักงานประกันสังคมจะออกประกาศเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ ๑7 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 ทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการส านักงานประกันสังคม ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ เมษายน ๒๕๖๓" 403.pdf,"ประกาศกระทรวง แรงงาน เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้าง และผู้ประกันตนซึ่งได้รับ ผลกระทบจากภัยพิบัติร้ายแรง กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ก าหนดให้ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะมีการแพร่ระบาดมากขึ้ น อันส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในท้องที่ ประเทศไทย จึงควรลดหย่อนการออกเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตนดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔6/1 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้รับการลดหย่อนการออกเงินสมทบ เข้ากองทุนประกันสังคมประจ างวดเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ถึงงวดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 โดยให้นายจ้างส่งเงินสมทบในอัตราร้อยละสี่ และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ส่งเงินสมทบในอัตรา ร้อยละหนึ่ง ของค่าจ้างของผู้ประกันตน ข้อ 2 ให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ได้รับการลดหย่อนการออกเงินสมทบเข้ากองทุน ประกันสังคมประจ างวดเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ถึงงวดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 โดยให้ส่ง เงินสมทบในอัตราเดือนละแปดสิบหกบาท ข้อ 3 ในกรณีที่มีการส่งเงินเกินกว่าจ านวนเงินที่ก าหนดไว้ตามประกาศนี้ ให้นายจ้างหรือ ผู้ประกันตนตามข้อ 1 หรือข้อ 2 แล้วแต่กรณี ยื่นค าร้องขอรับเงินในส่วนที่เกินคืนได้ ณ ส านักงาน ประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ ส านักงานประกันสังคมจังหวัด หรือส านักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา ประกาศ ณ วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง แรงงาน ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ เมษายน ๒๕๖๓" 407.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2563 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง ตามที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ได้ออกประกาศ คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ 2 พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นการป้องกัน หรือหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบด่างมิให้กระจายไปพื้นที่อื่น ซึ่งส่งผลให้ ผลผลิตมันส าปะหลังของเกษตรกรเกิดความเสียหาย ปริมาณผลผลิตลดลง และส่งผลถึงต้นทุนการผลิต ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องสูงขึ้น ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการ ควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลังแล้ว เห็นควรคงมาตรการควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง และเพื่อให้การก ากับดูแลการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) (4) และมาตรา ๒๕ (4) (7) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ จังหวัดนครราชสีมา จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในเขตท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นระยะเวลาหกเดือน นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๒ ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายต้นพันธุ์มันส าปะหลัง หรือท่อนพันธุ์มันส าปะหลังอย่างใด อย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน เข้ามาหรือออกจากท้องที่ อ าเภอเสิงสาง อ าเภอครบุรี อ าเภอหนองบุญมาก อ าเภอจักราช อ าเภอโชคชัย อ าเภอปักธงชัย อ าเภอเมืองนครราชสีมา อ าเภอแก้งสนามนาง อ าเภอขามทะเลสอ อ าเภอขามสะแกแสง อ าเภอคง อ าเภอเฉลิมพระเกียรติ อ าเภอชุมพวง อ าเภอด่านขุนทด อ าเภอเทพารักษ์ อ าเภอโนนไทย อ าเภอโนนสูง อ าเภอโนนแดง อ าเภอบัวลาย อ าเภอบัวใหญ่ อ าเภอบ้านเหลื่อม อ าเภอประทาย อ าเภอปากช่อง อ าเภอพระทองค า อ าเภอพิมาย อ าเภอเมืองยาง อ าเภอล าทะเมนชัย อ าเภอวังน้ าเขียว อ าเภอสีคิ้ว อ าเภอสีดา อ าเภอสูงเนิน และ อ าเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากประธานคณะกรรมการ ส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่งประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ มอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด ส าหรับท้องที่ที่จะท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ เมษายน ๒๕๖๓ข้อ ๓ กรณีบุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่ที่ระบุหรือได้รับ หนังสืออนุญาตให้ขนย้ายออกจากจังหวัดอื่นเพื่อเข้ามาในท้องที่ตามข้อ 2 แล้ว ได้รับยกเว้นไม่ต้อง ขออนุญาตขนย้ายเข้ามาหรือออกท้องที่อื่นตามข้อ 2 อีก ข้อ 4 การขออนุญาตตามข้อ 2 ให้ยื่นค าขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้ (๑) ส านักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา เลขที่ 624/7-8 ถนนช้างเผือก ต าบลในเมือง อ าเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 30000 (๒) ส านักงานเกษตรอ าเภอแห่งท้องที่ ซึ่งท าการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่ตามข้อ 2 มอบหมายให้นายอ าเภอทุกอ าเภอที่ก ากับดูแลการปฏิบัติงานในพื้นที่ มีอ านาจในการออกหนังสือ อนุญาตการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลังที่น าเข้าหรือออกจากท้องที่ในอ าเภอที่รับผิดชอบ หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญ าต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้าย ให้เป็นไปตามที่หัวหน้าส านักงานก าหนด ข้อ 5 ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง ต้องขนย้าย ให้ตรงตามชนิดต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่และใช้ยานพาหนะที่มีหมายเลข ทะเบียนตามที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตการขนย้าย รวมทั้งจะต้องน าหนังสืออนุญาตก ากับการขนย้าย ไปด้วยทุกครั้ง หนังสืออนุญาตให้ใช้เฉพาะการขนย้ายครั้งเดียวเท่านั้น การขนย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ 4 วรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศฉบับนี้ ประกาศ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖3 อภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ เมษายน ๒๕๖๓" 408.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายก าหนดเวลาการยื่นรายการ การน าส่งหรือการช าระภาษีอากร ให้แก่ผู้มีหน้าที่น าส่งภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย ผู้มีหน้าที่น าส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล การน าส่งหรือการช าระภาษีมูลค่าเพิ่ม การช าระภาษีธุรกิจเฉพาะ และการเสียอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 2) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายก าหนดเวลาการยื่นรายการ การน าส่งหรือ การช าระภาษีอากร ให้แก่ผู้มีหน้าที่น าส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ผู้มีหน้าที่น าส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล การน าส่งหรือการช าระภาษีมูลค่าเพิ่ม การช าระภาษีธุรกิจเฉพาะ และการเสียอากรแสตมป์ ลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระภาษี ให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 (COVID-19) ซึ่งต้องปิดสถานประกอบการตามค าสั่ง ของทางราชการ หรือผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตท้องที่ที่ทางราชการมีค าสั่ง ให้ปิดพื้นที่ไปแล้ว นั้น โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบ เป็นวงกว้างมากขึ้นต่อผู้ประกอบการโดยรวมทั้งทางตรงและทางอ้อม และรัฐบาลได้ขอความร่วมมือ ให้ประชาชนออกนอกบ้านเฉพาะที่จ าเป็นและให้ผู้ประกอบการพิจารณาให้ลูกจ้างท างานที่บ้าน ตามค าจ ากัดความที่ว่า “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ” เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรั สโคโรนา 2019 (COVID-19) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว จึงอาศัยอ านาจตามมาตรา ๓ อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายก าหนดเวลาการยื่นรายการ การน าส่งหรือการช าระ ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรออกไปตามความจ าเป็นแก่กรณีให้แก่ผู้ประกอบการเป็นการทั่วไป ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ขยายก าหนดเวลาการยื่นรายการและการน าส่งภาษีตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 65 จัตวา มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร ส าหรับกรณีที่ต้องยื่นรายการและน าส่งภาษี ส าหรับเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งต้องยื่นรายการและน าส่งภาษีภายในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563 หรือที่ได้รับการขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563 ส าหรับ การยื่นรายการและช าระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายก าหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและช าระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ 2 ให้ขยายก าหนดเวลาการยื่นรายการและการน าส่งภาษีตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 65 จัตวา มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83/5 ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร ส าหรับกรณีที่ต้องยื่นรายการและน าส่งภาษี ส าหรับเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ซึ่งต้องยื่นรายการและน าส่งภาษีภายในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 หรือที่ได้รับการขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ส าหรับการยื่นรายการและช าระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายก าหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและช าระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ 3 ให้ขยายก าหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและการช าระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการยื่นแบบแสดงรายการและช าระภาษีธุรกิจเฉพาะ ส าหรับกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นทางค้าหรือหาก าไรไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ส าหรับกรณีที่ต้องยื่นรายการและช าระภาษีส าหรับเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งต้องยื่นรายการและช าระภาษีภายในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563 หรือที่ได้รับการขยาย ก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2563 ส าหรับการยื่นรายการและ ช าระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายก าหนดเวลา การยื่นแบบแสดงรายการและช าระภาษีผ่านระบบเครือ ข่ายอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ 4 ให้ขยายก าหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและการช าระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการยื่นแบบแสดงรายการและช าระภาษีธุรกิจเฉพาะ ส าหรับกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นทางค้าหรือหาก าไรไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ส าหรับกรณีที่ต้องยื่นรายการและช าระ ภาษีส าหรับเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ซึ่งต้องยื่นรายการและช าระภาษีภายในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 หรือที่ได้รับการขยาย ก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ส าหรับการยื่นรายการและ ช าระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายก าหนดเวลา การยื่นแบบแสดงรายการและช าระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ 5 ให้ขยายก าหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและการช าระอากรเป็นตัวเงินแทน การปิดแสตมป์ตามมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ส าหรับกรณีที่ต้องยื่นช าระตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓ข้อ 6 แบบแสดงรายการภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือน าส่งภาษีได้รับการขยายก าหนดเวลา การยื่นรายการและช าระภาษีอากรหรือน าส่งภาษี มีดังนี้ (1) ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด. ๑ ภ.ง.ด. ๒ ภ.ง.ด. ๓ ภ.ง.ด. ๕๓ ภ.ง.ด. ๕๔ (2) ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ. ๓๐ และ ภ.พ. ๓๖ (3) ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ. ๔๐ (4) อากรแสตมป์ ตามแบบ อ.ส. ๔ อ.ส. ๔ก และ อ.ส. ๔ข ประกาศ ณ วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓" 409.pdf,"ค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ 9/๒๕๖๓ เรื่อง แนวทำงกำรปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓) ตำมที่ได้มีประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรำชอำณำจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒ เมษำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑ และข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำร ในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๐ เมษำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑ อำศัยอ ำนำจตำมค ำสั่งนำยกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้ก ำกับกำรปฏิบัติ หัวหน้ำผู้รับผิดชอบ และพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ในกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 25 มีนำคม พ.ศ. 2563 ข้อ ๓ (๖) ข้อ ๔ และข้อ ๕ ค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ ๑/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๗ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑ (๕) จึงก ำหนดแนวทำงกำรปฏิบัติ ดังนี้ ๑. พนักงำนเจ้ำหน้ำที่หรือผู้ช่วยพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ตำมข้อก ำหนด ประกำศ หรือค ำสั่งต่ำง ๆ ของทำงรำชกำร ข้ำรำชกำรต ำรวจ ข้ำรำชกำรทหำร หรือข้ำรำชกำรพลเรือน ซึ่งอยู่ระหว่ำงกำรปฏิบัติ หน้ำที่ตำมกฎหมำยอื่นที่ได้รับกำรยกเว้นตำมข้อก ำหนดฯ ข้อ ๑ (๑) ต้องแสดงหลักฐำน หนังสือรับรองจำกหน่วยงำนต้นสังกัด ควบคู่กับบัตรประชำชนหรือบัตรแสดงตนอย่ำงอื่น ๒. ผู้ป่วย ผู้มีควำมจ ำเป็นต้องพบแพทย์และผู้ดูแลบุคคลดังกล่ำว หรือแพทย์ พยำบำล หรือบุคลำกรทำงกำรแพทย์ที่ต้องปฏิบัติงำน ที่ได้รับกำรยกเว้นตำมข้อก ำหนดฯ ข้อ ๑ (๒) ต้องแสดง หลักฐำน หนังสือรับรองจำกหน่วยงำนต้นสังกัด หรือหลักฐำนที่แสดงเหตุแห่งควำมจ ำเป็น หรือ พิจำรณำจำกอำกำรเจ็บป่วย ควบคู่กับบัตรประชำชนหรือบัตรแสดงตนอย่ำงอื่น ๓. ผู้ขนส่งอำหำร ยำ เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้ำอุปโภคบริโภค ผลผลิตกำรเกษตร น้ ำมันเชื้อเพลิง ไปรษณียภัณฑ์ พัสดุภัณฑ์ หนังสือพิมพ์ หรือสินค้ำเพื่อกำรน ำเข้ำหรือส่งออก ที่รับกำรยกเว้นตำมข้อก ำหนดฯ ข้อ ๑ (๓) ต้องแสดงเอกสำรรับรองจำกบริษัทฯ ระบุรำยละเอียด ที่จ ำเป็น ได้แก่ ผู้ขับขี่ ผู้ร่วมเดินทำงหรือพนักงำนประจ ำรถ ชนิดและรำยกำรสินค้ำ เส้นทำง และต ำบลเดินทำง ควบคู่กับบัตรประชำชนหรือบัตรแสดงตนอย่ำงอื่น ๔. ผู้ขนส่งหรือขนย้ำยประชำชนไปสู่ที่เอกเทศของทำงรำชกำรหรือของตนเองเพื่อกำรเฝ้ำระวัง หรือกักกันตำมกฎหมำยว่ำด้วยโรคติดต่อ หรือผู้เดินทำงมำจำกหรือไปยังท่ำอำกำศยำนหรือสถำนที่ขนส่ง ตำมที่ทำงรำชกำรอนุญำตและให้เปิดท ำกำรได้ ที่ได้รับกำรยกเว้นตำมข้อก ำหนดฯ ข้อ ๑ (๔) ต้องแสดงหลักฐำน หนังสือรับรองจำกหน่วยงำนต้นสังกัด หรือหนังสืออนุญำตจำกเจ้ำพนักงำนควบคุม โรคติดต่อ หรือเอกสำรแสดงหลักฐำนกำรเดินทำง ควบคู่กับบัตรประชำชนหรือบัตรแสดงตนอย่ำงอื่น ้หนา ๖๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓๕. ผู้บริกำรคนไร้ที่พึ่ง ผู้บริกำรเฉพำะน้ ำมันเชื้อเพลิงในสถำนีน้ ำมันเชื้อเพลิง ผู้บริกำร ส่งสินค้ำหรืออำหำรตำมสั่ง ผู้บริกำรตรวจสอบหรือซ่อมบ ำรุงไฟฟ้ำ ประปำ ระบบระบำยน้ ำ ระบบ ท่อส่งน้ ำมันและก๊ำซธรรมชำติ ผู้บริกำรจัดเก็บและก ำจัดขยะมูลฝอย ผู้บริกำรซ่อมแซมและปรับปรุง โครงข่ำยและอุปกรณ์ในกำรสื่อสำรโทรคมนำคม ผู้บริกำรด้ำนธนำคำร ตลำดทุน ประกันภัย กำรกู้ภัย กำรป้องกันและบรรเทำภัยพิบัติ ผู้จ ำเป็นต้องด ำเนินกำรในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือจ ำเป็นต้องติดต่อ รำชกำรกับก ำนัน ผู้ใหญ่บ้ำน เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยปกครอง หรือพนักงำนสอบสวน ที่ได้รับกำรยกเว้น ตำมข้อก ำหนดฯ ข้อ ๑ (๕) ต้องแสดงหลักฐำน หนังสือรับรองกำรท ำงำนจำกหน่วยงำนต้นสังกัด หรือเอกสำรนัดหมำยของรำชกำร หรือข้อมูลกำรให้บริกำรหรืออ ำนวยควำมสะดวกแก่ประชำชน ควบคู่กับบัตรประชำชนหรือบัตรแสดงตนอย่ำงอื่น ๖. ผู้เข้ำออกเวรยำม กะ หรือกำรท ำงำนตำมผลัดเวลำที่ก ำหนดไว้ตำมปกติของทำงรำชกำร เอกชน โรงงำน หรือกำรดูแลรักษำควำมปลอดภัย ผู้ประกอบอำชีพประมง กำรกรีดยำง กำรตรวจ รักษำสัตว์ ที่ได้รับกำรยกเว้นตำมข้อก ำหนดฯ ข้อ ๑ (๖) ต้องแสดงหลักฐำน เอกสำรรับรอง กำรท ำงำนจำกหน่วยงำนต้นสังกัด หรือหนังสือรับรองจำกผู้ใหญ่บ้ำน ก ำนัน นำยอ ำเภอ ผู้อ ำนวยกำรเขต หรือหัวหน้ำสถำนีต ำรวจ ควบคู่กับบัตรประชำชนหรือบัตรแสดงตนอย่ำงอื่น ๗. ผู้ที่ไม่ได้รับกำรยกเว้นตำมข้อก ำหนดฯ กรณีที่เป็นบุคคลที่มีควำมจ ำเป็นต้องออกนอก เคหสถำนระหว่ำงเวลำที่ก ำหนด ต้องแสดงหลักฐำนกำรอนุญำตจำกผู้ใหญ่บ้ำน ก ำนัน นำยอ ำเภอ ผู้อ ำนวยกำรเขต หัวหน้ำสถำนีต ำรวจ หรือผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ในพื้นที่นั้น ควบคู่กับบัตรประชำชนหรือบัตรแสดงตนอย่ำงอื่น ๘. ผู้ที่ไม่ได้รับกำรยกเว้นตำมข้อก ำหนดฯ ที่เป็นผู้ประกอบกิจกำร บริษัท/ห้ำง/ร้ำน และภำคเอกชน ที่มีควำมจ ำเป็นต้องปฏิบัติงำนในห้วงระยะเวลำที่ห้ำมออกนอกเคหสถำนที่ก ำหนด ต้องแสดงหลักฐำนกำรอนุญำตจำกผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด ผู้ว่ำรำชกำรกรุงเทพมหำนคร ผู้บัญชำกำร ต ำรวจแห่งชำติ หรือหัวหน้ำศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำร ณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง (หน.ศปม.) หรือ ผู้ที่ได้รับมอบอ ำนำจ ซึ่งต้องมีรำยละเอียดประกอบหลักฐำนที่จ ำเป็น ได้แก่ ผู้ขับขี่ ผู้ร่วมเดินทำง หรือพนักงำนประจ ำรถ ชนิดและรำยกำรสินค้ำ เส้นทำง จุดเริ่มต้น และจุดปลำยทำงกำรเดินทำง ทั้งนี้ ต้องแสดงหลักฐำนดังกล่ำวควบคู่กับบัตรประชำชนหรือบัตรแสดงตนอย่ำงอื่น ๙. ผู้ที่ไม่ได้รับกำรยกเว้นตำมข้อก ำหนดฯ และมีควำมจ ำเป็นต้องออกนอกเคหสถำนในห้วง ระยะเวลำที่ก ำหนด ด้วยเหตุกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน ที่มิได้ระบุชัดเจนไว้ตำมข้อก ำหนดฯ สำมำรถขอรับ กำรอนุญำตได้จำกผู้ ใหญ่บ้ำน ก ำนัน นำยอ ำเภอ ผู้อ ำนวยกำรเขต หัวหน้ำสถำนีต ำรวจ ข้ำรำชกำรต ำรวจ ข้ำรำชกำรทหำร หรือข้ำรำชกำรพลเรือนประจ ำจุดตรวจ หรือชุดตรวจเคลื่อนที่ในพื้นที่ ทั้งนี้ ต้องเตรียมเอกสำรหลักฐำนที่จ ำเป็น (ถ้ำมี) ควบคู่กับบัตรประชำชนหรือบัตรแสดงตนอย่ำงอื่น ้หนา ๖๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓๑๐. ผู้ที่ได้รับกำรยกเว้นไม่ว่ำเป็นกำรทั่วไปตำมข้อ ๑ - ๖ หรือได้รับกำรยกเว้นเฉพำะรำย ตำมข้อ ๗ - ๙ เมื่อได้รับกำรยกเว้นแล้ว ให้ครอบคลุมระหว่ำงเวลำกำรกระท ำกิจกรรมนั้นจนแล้วเสร็จ ตลอดจนระหว่ำงเวลำในกำรเดินทำงไปและกลับจำกกำรท ำกิจกรรมนั้น ๆ เท่ำที่จ ำเป็น โดยมีหลักฐำน แสดงต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ด้วย ๑๑. ผู้ที่จัดท ำและแสดงเอกสำรตำมข้อ ๑ - ๑๐ หำกเป็นกำรแจ้งข้อควำมและแสดงหลักฐำน อันเป็นเท็จต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ มีควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ กรณีที่มีปัญหำในกำรปฏิบัติตำมแนวทำงนี้ ให้พนักงำนเจ้ำหน้ำที่หำรือผู้ บัญชำกำรทหำรสูงสุด ซึ่งเป็นผู้มีอ ำนำจเป็นกำรทั่วไปในฐำนะหัวหน้ำผู้รับผิดชอบในกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินในส่วนที่ เกี่ยวกับควำมมั่นคง หรือรำยงำนนำยกรัฐมนตรีเพื่อพิจำรณำสั่งกำร ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 14 เมษำยน พ.ศ. ๒๕63 พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชำกำรทหำรสูงสุด หัวหน้ำศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ้หนา ๖๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓" 410.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๑ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิค ติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๑ ให้เป็นดังต่อไปนี้ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ 1 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามาร ถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความสามารถในการอ่านแบบ (Drawing) สัญลักษณ์เบื้องต้นของระบบเครื่องจักรกลได้ สามารถประกอบ ติดตั้ง ถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์ เครื่องจักรช่วย ได้แก่ พัดลม ปั๊ม กว้าน โดยสามารถบ ารุงรักษาจัดเก็บเครื่องมืออุปกรณ์ และปฏิบัติ ตามข้อก าหนดความปลอดภัยของสถานประกอบการได้อย่างถูกต้อง โดยใช้เวลาในการทดสอบ ๒ ชั่วโมง (๑๒๐ นาที) คิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยเป็นการทดสอบการถอดและประกอบ ชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องจักรช่วย ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะก รรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนภาคความรู้และภาคความสามารถรวมกัน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบหกของคะแนนทั้งหมด โดยต้องได้คะแนนภาคความรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓และได้คะแนนภาคความสามารถไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๑ ๒.๒ กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนรวมไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบหก ของคะแนนทั้งหมด แต่ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบภาคความสามารถงานใดงานหนึ่ง ให้สามารถเข้ารับ การทดสอบภาคความสามารถเฉพาะงานนั้นได้ใหม่ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผลการทดสอบ ๒.๓ ผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนภาคความรู้น้อยกว่าร้อยละหกสิบ แต่ได้คะแนน ภาคความสามารถผ่านเกณฑ์การทดสอบทุกงานที่ก าหนดไว้ ให้สามารถเข้ารับการทดสอบภาคความ รู้ได้ใหม่ ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผลการทดสอบ ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓" 411.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ 2 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๒ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิค ติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๒ ให้เป็นดังต่อไปนี้ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ 1 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของคะ แนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความสามารถการประกอบหรือติดตั้ง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ระบบขับเคลื่อนระดับเบื้องต้นของ ใบจักร เพลา และแบริ่ง และปรับแต่งหาศูนย์การติดตั้ง เครื่องจักรช่วย ได้แก่ ปั๊ม กว้าน ด้วยการใช้เครื่องมือวัดพื้นฐานได้อย่างถูกต้องแม่นย า และสามารถ ทดสอบการท างานของอุปกรณ์เครื่องจักรช่วย ปั๊ม กว้าน ได้อย่างถูกต้อง ใช้เวลาในการทดสอบ ๒ ชั่วโมง (๑๒๐ นาที) คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยเป็นการทดสอบ ดังนี้ (๑) การหาศูนย์เพื่อติดตั้งอุปกรณ์เครื่องจักรช่วย ระดับ ๒ (๒) การประกอบชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องจักรช่วย ระดับ ๒ (๓) การทดสอบการท างานของเครื่องจักรช่วย ระดับ ๒ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๒ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนภาคความรู้และภาคความสามารถรวมกัน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบเจ็ดของคะแนนทั้งหมด โดยต้องได้คะแนนภาคความรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และได้คะแนนภาคความสามารถไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ 2 ๒.๒ กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบเจ็ด ของคะแนนทั้งหมด แต่ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบความสามารถงานใดงานหนึ่ง ให้สามารถเข้ารับการทดสอบ ภาคความสามารถเฉพาะงานนั้นได้ใหม่ ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผลการทดสอบ ๒.๓ กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนภาคความรู้น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ แต่ได้คะแนนภาคความสามารถผ่านเกณฑ์การทดสอบที่ก าหนดไว้ ให้สามารถเข้ารับการทดสอบ ภาคความรู้ได้ใหม่ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผลการทดสอบ ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓" 412.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ 3 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่ างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๓ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิค ติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๓ ให้เป็นดังต่อไปนี้ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ 1 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของค ะแนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความสามารถในการประกอบชิ้นส่วนอุปกรณ์ ระบบขับเคลื่อน ได้แก่ เครื่องจักรหลักเกียร์ กระบอกเพลา สามารถปรับหาศูนย์และติดตั้ง อุปกรณ์ระบบขับเคลื่ อนที่ต้องการความแม่นย าสูง ได้แก่ ใบจักร เพลา และแบริ่ง ได้อย่างถูกต้อง แม่นย า ด้วยการใช้เครื่องมือวัดที่มีความละเอียดมาก และสามารถสอนงานในการปฏิบัติงานและ วิเคราะห์ให้ค าปรึกษาการติดตั้งแก่ช่างเทคนิคที่ระดับต่ ากว่าได้ ใช้เวลาในการทดสอบ ๒ ชั่วโมง (๑๒๐ นาที) คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยเป็นการทดสอบ มีดังนี้ (๑) การประกอบชิ้นส่วนอุปกรณ์ระบบขับเคลื่อน ระดับ ๓ (๒) การหาศูนย์เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ระบบขับเคลื่อน ระดับ ๓ (๓) การติดตั้งอุปกรณ์ระบบขับเคลื่อน ระดับ ๓ ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ ๓ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนภาคความรู้และภาคความสามารถรวมกัน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบเจ็ดของคะแนนทั้งหมด โดยต้องได้คะแนนภาคความรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ และได้คะแนนภาคความสามารถไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างเทคนิคติดตั้งเครื่องจักรกล ระดับ 3 ๒.๒ กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบเจ็ด ของคะแนนทั้งหมด แต่ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบความสามารถงานใดงานหนึ่ง ให้สามารถเข้ารับ การทดสอบภาคความสามารถเฉพาะงานได้ให ม่ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผลการทดสอบ ๒.๓ กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนภาคความรู้น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ แต่ได้คะแนนภาคความสามารถผ่านเกณฑ์การทดสอบที่ก าหนดไว้ ให้สามารถเข้ารับการทดสอบ ภาคความรู้ได้ใหม่ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผลการทดสอ บ ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓" 415.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๑ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๑ ให้เป็นดังต่อไปนี้ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ 1 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละสี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอ บต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของคะแนนภาคความรู้ จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความสามารถในการติดตั้งถาดท่อ เดินสายไฟฟ้าในเรือ การประกอบ ติดตั้งอุปกรณ์ เข้าสายระบบไฟฟ้าส่ องสว่าง ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง ฉุกเฉิน (Emergency light) การอ่านแบบวงจรและสัญลักษณ์ของระบบไฟฟ้า การบ ารุง จัดเก็บ เครื่องมือและอุปกรณ์ได้อย่างถูกต้อง และปฏิบัติงานตามข้อก าหนดและความปลอดภัยในการท างาน ได้อย่างถูกต้อง ใช้เวลาในการทดสอบ ๓ ชั่วโมง (๑๘๐ นาที) คิดเป็นร้อยละหกสิบของคะแนนทั้งหมด โดยเป็นการทดสอบ ดังนี้ (๑) การติดตั้งถาด ท่อ เดินสายไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง ระบบไฟฟ้า ส่องสว่างฉุกเฉิน (Emergency light) (๒) การประกอบ ติดตั้งอุปกรณ์ เข้าสายระบบไฟฟ้าส่องสว่าง ระบบไฟฟ้า ส่องสว่างฉุกเฉิน (Emergency light) ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๑ จะออก ให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ดังนี้ ๒.1 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนภาคความรู้และภาคความสามารถรวมกัน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบแปดของคะแนนทั้งหมด โดยต้องได้คะแนนภาคความรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้า และได้คะแนนภาคความสามารถไม่น้อยกว่ าร้อยละแปดสิบ จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิค ระบบไฟฟ้า ระดับ ๑ ๒.2 กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนภาคความสามารถไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบ ให้สามารถเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถได้ใหม่ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ประกาศ ผลการทดสอบ ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓" 416.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ 2 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๒ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๒ ให้เป็นดังต่อไปนี้ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ 1 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละสี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอ บต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของคะแนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความสามารถในการเข้าใจระบบไฟฟ้า Single phase หรือ Three phase ความถี่และแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่มี การใช้งานที่ต่างกัน การใช้คู่มือ แคตตาล๊อกในการเลือกขนาดชนิดของสายไฟและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามกฎข้อก าหนดมาตรฐานทางเรือ การอ่านแบบวงจรและสัญลักษณ์ของระบบไฟฟ้า สามารถเตรียมวัสดุ อุปกรณ์เพื่อการประกอบติดตั้ง ระบบไฟฟ้า ๑๐ ระบบ และประกอบ ติดตั้ง อุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชาร์จไฟของแบตเตอรี่ ระบบสัญญาณ บอกเหตุได้อย่างถูกต้องใช้เวลาในการทดสอบ ๓ ชั่วโมง (๑๘๐ นาที) คิดเป็นร้อยละหกสิบ ของคะแนนทั้งหมด โดยเป็นการทดสอบ มีดังนี้ (๑) การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าสามเฟส (๒) การประกอบติดตั้ง อุปกรณ์ระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าสามเฟส (๓) การทดสอบการท างานของระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าสามเฟส ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ้หนา ๓๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๒ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบโดยมีเกณฑ์ ดังนี้ ๒.1 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนภาคความรู้และภาคความสามารถรวมกัน ไม่น้อยต่ ากว่าร้อยละเจ็ดสิบแปดของคะแนนทั้งหมด โดยต้องได้คะแนนภาคความรู้ไม่น้อยกว่า ร้อยละเจ็ดสิบห้า และได้คะแนนภาคความสามารถไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ จึงถือว่าผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิค ระบบไฟฟ้า ระดับ 2 ๒.2 กรณีผู้เข้ารับการทดสอบ ได้คะแนนภาความสามารถที่ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบ ให้สามารถเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถได้ใหม่ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ประกาศ ผลการทดสอบ ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓" 417.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ 3 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๓ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๓ ให้เป็นดังต่อไปนี้ ๑.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน าไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕o ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ 1 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละห้าสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้าทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละแปดสิบจึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ ๑.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความสามารถในการเข้าใจการควบขนาน เครื่องก าเนิดไฟฟ้าหลาย ๆ เครื่อง เข้าใจการท างานระบบซอฟท์สตาร์ท (soft start) ของมอเตอร์ สามารถวิเคราะห์ปัญหาความบกพร่องของระบบไฟฟ้า ให้ค าแนะน าการแก้ไขแก่ผู้ที่อยู่ใน ความรับผิดชอบ สามารถประกอบติดตั้งอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าของตู้ระบบไฟฟ้าหลัก ( Main Switch Board ) ระบบไฟฟ้าของระบบหางเสือเรือ (Steering Gear) ระบบไฟฟ้าเครื่องจักรช่วยและทดสอบ การท างาน ระบบไฟฟ้าส่องสว่างระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน (Emergency Light) ได้อย่างถูกต้อง ใช้เวลา ในการทดสอบ ๔ ชั่วโมง (๒๔๐ นาที) คิดเป็นร้อยละห้าสิบของคะแนนทั้งหมด โดยเป็นการทดสอบ ดังนี้ (๑) การตรวจสอบ วิเคราะห์ปัญหาขอ งมอเตอร์ไฟฟ้าสามเฟส (๒) การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบกลับทางหมุน (๓) การประกอบติดตั้ง อุปกรณ์ระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบกลับทางหมุน ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓ (๔) การทดสอบการท างานของระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบกลับทางหมุน ๑.๓ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้า ระดับ ๓ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ดังนี้ ๒.1 ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนภาคความรู้และภาคความสามารถรวมกัน ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด โดยต้องได้คะแนนภาคความรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ และได้คะแนนภาคความสามารถไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบ จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคระบบไฟฟ้ า ระดับ 3 ๒.2 กรณีผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนภาคความสามารถไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบ ให้สามารถเข้ารั บการทดสอบภาคความสามารถได้ใหม่ ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ประกาศผลก ารทดสอบ ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖2 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๘๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๓" 421.pdf,"ระเบียบส ำนักงำนประกันสังคม ว่ำด้วยกำรขอรับเงินสมทบที่น ำส่งไว้เกินจ ำนวนที่ต้องช ำระคืน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นกำรสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบส ำนักงำนประกันสังคม ว่ำด้วยกำรขอรับเงินสมทบ ที่น ำส่งไว้เกินจ ำนวนที่ต้องช ำระคืน เพื่อเป็นกำรช่วยเหลือและบรรเทำควำมเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตน ซึ่งได้รับผลกระทบจำกกำรระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 ( COVID-19) ตำมประกำศของ กระทรวงสำธำรณสุขซึ่งประกำศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 ( COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตรำย ตำมพระรำชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีแนวโน้มว่ำจะมีกำรแพร่ระบำดมำกขึ้น อำจส่งผล กระทบต่อกำรยื่นค ำขอรับเงินสมทบส่วนที่เกินจ ำนวนที่ต้องช ำระคืน และเพื่อเตรียมควำมพร้อม ในกำรป้องกันกำรแพร่ระบำด อำศัยอ ำนำจตำมคว ำมในมำตรำ ๔๗ วรรคสี่ แห่งพระรำชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๗ เลขำธิกำรส ำนักงำน ประกันสังคม จึงวำงระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่ำ “ระเบียบส ำนักงำนประกันสังคม ว่ำด้วยกำรขอรับเงินสมทบ ที่น ำส่งไว้เกินจ ำนวนที่ต้องช ำระคืน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 2563” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 21 เมษำยน 2563 ถึงวันที่ 30 เมษำยน 2564 ข้อ ๓ ให้เพิ่มควำมต่อไปนี้ เป็นข้อ 4/1 แห่งระเบียบส ำนักงำนประกันสังคม ว่ำด้วย กำรขอรับเงินสมทบที่น ำส่งไว้เกินจ ำนวนที่ต้องช ำระคืน พ.ศ. 2560 “ข้อ 4/1 นอกจำกกำรยื่นค ำร้องขอรับเงินคืนตำมที่ก ำหนดไว้ในข้อ 4 แห่งระเบียบ ส ำนักงำนประกันสังคม ว่ำด้วยกำรขอรับเงินสมทบที่น ำส่งไว้เกินจ ำนวนที่ต้องช ำระคืน พ.ศ. 2560 นำยจ้ำงหรือผู้ประกันต นที่น ำส่งเงินสมทบเกินจ ำนวนที่ต้องช ำระ อำจยื่นค ำร้องขอรับเงินคืนพร้อมแนบ ส ำเนำเอกสำรประกอบกำรยื่นค ำร้องขอรับเงินคืนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ ณ ส ำนักงำนประกันสังคม กรุงเทพมหำนครพื้นที่ ส ำนักงำนประกันสังคมจังหวัด หรือส ำนักงำนประกันสังคมจังหวัดสำขำ ด้วยวิธีกำรทำงไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ โทรสำร ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ( E-mail) หรือแอปพลิเคชั่นไลน์ ในกรณียื่นค ำร้องขอรับเงินสมทบส่วนที่เกินจ ำนวนคืนตำมวรรคหนึ่งทำงไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ จะถือวันประทับตรำไปรษณีย์ต้นทำงเป็นส ำคัญ หรือกรณียื่นค ำร้องขอรับเ งินสมทบส่วนที่เกินจ ำนวนคืน ทำงโทรสำร ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือแอปพลิเคชั่นไลน์ ให้ผู้ยื่นค ำร้องขอรับเงินคืน เก็บหลักฐำนกำรส่งเพื่อกำรตรวจสอบ ” ประกำศ ณ วันที่ 21 เมษำยน พ.ศ. ๒๕๖3 ทศพล กฤตวงศ์วิมำน เลขำธิกำรส ำนักงำนประกันสังคม ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๙๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ เมษายน ๒๕๖๓" 423.pdf,"ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว นั้น โดยที่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ยังคงปรากฏอยู่ แม้จะควบคุมไว้ได้ในระดับหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขไทย ความเข้าใจ สถานการณ์ และที่ส าคัญคือความร่วมมือจากภาคประชาชน แต่เนื่องจากโรคนี้ยังคงระบาดรุนแรง อยู่ในหลายประเทศและยังมีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตลอดจนการไปมาหาสู่ข้ามจังหวัด และการไม่น าพาต่อมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการก าหนด อันแสดงให้เห็นถึงโอกาสเสี่ยงต่อ การแพร่เชื้อ อีกทั้งองค์การอนามัยโลกได้เตือนให้การผ่อนคลายหรือการยกเลิกมาตรการป้องกันโรค พึงท าด้วยความระมัดระวังและตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะเป็นที่ปรากฏแล้วว่าภายหลังการยกเลิก การควบคุม สถานการณ์ในบางประเทศได้กลับมารุนแรงขึ้นใหม่ ดังนั้น จึงมีความจ าเป็นที่จ ะต้อง ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลจะได้ประเมินสถานการณ์ โดยอาจเพิ่มความเข้มงวดหรือผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการตามข้อมูลของฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และฝ่ายเศรษฐกิจ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ จึงให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง ส าหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๙๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓" 424.pdf,"ประกาศส านักงานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2563 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง เพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ได้ออกประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ 2 พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง ลงวันที่ ๒8 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นการป้องกัน หรือหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบด่างมิให้กระจายไปพื้นที่อื่น ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตมันส าปะหลังของเกษตรกรเกิดความเสียหาย ปริมาณผลผลิตลดลง และส่งผลถึง ต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องสูงขึ้น ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการ ควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลังแล้ว อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๕ วรรคสอง แห่งประกาศคณะกรรมการส่วน จังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ ๒ พ.ศ. 2562 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 หัวหน้าส านักงานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา จึงออกประกาศ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกข้อความในข้อ 5 (๔) ของประกาศส านักงานคณะกรรมการส่วนจังหวัด ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ ๒ พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 “หลักฐานแสดงแหล่งที่มา การซื้อขาย การได้มาซึ่งต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง โดยผ่านการตรวจสอบและรับรองจากเกษตรอ าเภอพื้นที่ว่าต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลังนั้น มิได้มาจากแปลงที่พบการระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันส าปะหลัง ” และให้ใช้ข้อความดังต่อไปนี้ แทน “หลักฐานแสดงแหล่งที่มา การซื้อขาย การได้มาซึ่งต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง โดยผ่าน การตรวจสอบและรับรองจากเกษตรอ าเภอพื้นที่ว่าต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลังนั้น มิได้มาจากแปลง ที่พบการระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันส าปะหลัง โดยให้สลักหลังปริมาณการขนย้ายในแต่ละครั้ง ที่ขออนุญาตจนครบต ามปริมาณที่ให้การรับรองในแต่ละแปลง โดยจ านวนไร่อ้างอิงตามการขึ้นทะเบียน้หนา ๓๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓เกษตรกร ทั้งนี้ ก าหนดให้เอกสารรับรองแหล่งที่มาต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันส าปะหลัง มีอายุ 30 วัน นับจากวันที่ให้การรับรอง ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖3 ศารุมภ์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส านักงานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓" 426.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562 โดยที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ขึ้นในราชอาณาจักร และทางราชการได้ก าหนด มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโรค โดยงดกิจกรรมที่มีการรวมคนจ านวนมาก เป็นเหตุให้ คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้ด าเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการการท างานของแรงงานต่างด้าว ปี 2562 - 2563 ไม่สามารถด าเนินการขออนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรและขอรับใบอนุ ญาตท างาน ให้แล้วเสร็จได้ภายในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 กรณีจึงสมควรยกเว้นให้คนต่างด้าวดังกล่าว สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและท างานได้ต่อไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ คนต่างด้าวซึ่งได้รับการยกเว้นให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท า งาน ตามประกาศนี้ หมายถึง คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้ด าเนินการตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562 และนายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้น าคนต่างด้าว มาท างานได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวต่อกระทรวงแรงงานผ่านเจ้าหน้าที่หรือ ผ่านระบบออนไลน์ภายในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 แต่ไม่สามารถด าเนินการขอตรวจอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปเพื่อการท างานได้ทันภายในก าหนดเวลา และให้หมายความ รวมถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของคนต่างด้าวที่มีอายุไม่เกินสิบแปดปีบริบูรณ์ หรือบุตรที่เกิด ในราชอาณาจักรระหว่างบิดา หรือมารดาได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ข้อ ๒ ให้คนต่างด้าวตามข้อ 1 ไปตรวจสุขภาพ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน หรือประกันสุขภา พ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ต่อไปเพื่อการท างานตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และขอรับใบอนุญาตท างานตามกฎหมาย ว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พร้อมทั้งขอจัดท าหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติและ ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓บัตรประจ าตัวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานประกาศก าหนด โดยอาศัยอ านาจตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่า งด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้แล้วเสร็จก่อนหรือภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ณ สถานที่ตั้ง หรือที่ท าการของแต่ละหน่วยงาน หรือสถานที่ที่กรมการจัดหางานก าหนด ข้อ ๓ มิให้น ามาตรา ๑๒ (๑๐) และมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาใช้บังคับแก่คนต่างด้าวซึ่งได้ด าเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อ ๒ ข้อ ๔ การยกเว้นให้คนต่างด้าวตามข้อ 1 อยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราว เพื่อด าเนินการตามข้อ 2 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เป็นอันสิ้นผลในกรณีอย่างใด อย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ก่อนครบระยะเวลาตามประกาศนี้ (1) เป็นโรคต้องห้ามตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศก าหนดหรือเป็นผู้ที่สุขภาพไม่สมบูรณ์ แข็งแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการท างานโดยอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ (๒) ต้องโทษตามค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่ความผิดซึ่งได้กระ ท าโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓" 427.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เข้ามาท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ๒) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติ กัมพูชา ลาว และเมียนมา เข้ามาท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เพื่ออนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้ด าเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการการท างาน ของแรงงานต่างด้าว ปี 2562 - 2563 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เข้ามาท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ นั้น เนื่องด้วยสถานการณ์การระบา ดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและกว้างขวางไป หลายประเทศทั่วโลก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและ อาการส าคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ก าหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 รับทราบมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ตามที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ได้เสนอให้งดกิจกรรมการรวมคน จ านวนมากที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ ระบาดของโรคดังกล่าว กระทรวงแรงงานจึงจ าเป็นต้องงด การให้บริการของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ซึ่งเป็นสถานที่มีผู้เข้ารับบริการเป็นจ านวนมาก เพื่อเป็น การป้องกันและหยุดความเสี่ยงในการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ที่อาจเกิดขึ้นจากการด าเนินการตามแนวทางการบริหาร จัดการการท างานของแรงงานต่างด้าว ปี 2562 - 2563 ดังนั้น เพื่อเป็นการปัดป้องภัยพิบัติ สาธารณะที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าวจึงจ าเป็นต้องผ่อนผันการด าเนินการ ตามแนวทางการบริหารจัดการการท างานของแรงงานต่างด้าว ปี 2562 - 2563 ออกไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. 2563 และวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้ด าเนินกา รตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562 และนายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้น าคนต่างด้าว มาท างานได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวต่อกระทรวงแรงงานผ่านเจ้าหน้าที่หรือ ผ่านระบบออนไลน์ภายในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 และไม่สามารถด าเ นินการขอรับใบอนุญาต ท างานได้ทันภายในก าหนดเวลา สามารถท างานไปพลางก่อนได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตท างาน ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าวจนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 68 แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ ไม่เกินวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ 3 ให้คนต่างด้าวตามข้อ 2 ขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ขอรับใบอนุญาตท างาน จัดท าหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติและบั ตรประจ าตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยในระหว่างที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตท างาน ตามมาตรา 59 ให้คนต่างด้าวผู้นั้นใช้บัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวซึ่งกรมการจัดหางาน ออกให้ และใบอนุญาตท างานฉบับเดิม เป็นหลักฐานในการแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือนายทะเบียน แทนใบอนุญาตท างานได้ ประกาศ ณ วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓" 428.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๒ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออก หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้ วยมือ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒ นาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานจึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๒ ลงวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒ ก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๒ ให้เป็นดังต่อไปนี้ ๒.๑ การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จ าเป็นจะต้องน ามาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม 20 คะแนน คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับ การทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงจะมีสิทธิเข้ารับ การทดสอบความสามารถ ๒.๒ การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิด ความช านาญเพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลา ที่ก าหนดลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบปฏิบัติงานเพื่อวัดความสามารถในการเชื่อมเหล็กกล้า คาร์บอน รอยต่อชน ( Butt Joi nt) ในลักษณะการเชื่อมแผ่นเหล็กกับแผ่นเหล็ก ในต าแหน่งท่าเชื่อม ตามมาตรฐาน ISO 9606-1 โดยมีคุณภาพแนวเชื่อมตามมาตรฐาน ISO 5817 ใช้เวลาในการเชื่อม ทดสอบ ๒ ชั่วโมง ไม่รวมการเตรียมชิ้นงาน คะแนนเต็ม 80 คะแนน คิดเป็นร้อยละแปดสิบ ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓ของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนการทดสอบทุกชิ้นงานไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ ให้ผู้เข้ารับการทดสอบเลือกทดสอบตามชิ้นงานประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังนี้ ประเภทที่ ๑ การเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอน ( Group 1 (ISO / TR 15608)) รอยต่อชน ( Butt Joint) โดยใช้ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ประเภทรูไทล์ มีชิ้นงานทดสอบ ๒ ชิ้น ดังนี้ (๑) ISO 9606-1 111 P BW FM1 R s… PF ss nb (๒) ISO 9606-1 111 P BW FM1 R s… PE ss nb ประเภทที่ ๒ การเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอน ( Group 1 (ISO / TR 15608)) รอยต่อชน ( Butt Joint) โดยใช้ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ประเภทด่าง มีชิ้นงานทดสอบ ๒ ชิ้น ดังนี้ (๑) ISO 9606-1 111 P BW FM1 B s… PF ss nb (๒) ISO 9606-1 111 P BW FM1 B s… PE ss nb ในกรณีที่ผู้ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานพบว่ าชิ้นงานทดสอบเกิดการแตกร้าว เนื่องจากโลหะวิทยาหรือสาเหตุภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับฝีมือของผู้เข้ารับการทดสอบ ให้ผู้ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเปลี่ยนวัสดุทดสอบและให้ผู้เข้ารับการทดสอบท าการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานตามวิธีการทดสอบในใบงานเดิมทันที ๒.3 รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ข้อ ๓ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๒ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ๓.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ และต้อง ทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนในแต่ละการทดสอบ ๓.๒ ให้หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ระดับ ๒ มีอายุสามปี นับตั้งแต่วันที่ ออกหนังสือรับรอง ประกาศ ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓" 430.pdf,"ข้อก ำหนด ออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๔) ตำมที่ได้มีประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรำชอำณำจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกำศ เรื่อง กำรขยำยระยะเวลำกำรประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วรำชอำณำจักร (ครำวที่ ๑) ลงวันที่ ๒๘ เมษำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว นั้น โดยที่รัฐบำลได้เฝ้ำระวังและติดตำมสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด 19 ทั้งในประเทศและต่ำงประเทศมำเป็นล ำดับอย่ำงต่อเนื่อง และมอบหมำยให้ฝ่ำยสำธำรณสุข ฝ่ำยเศรษฐกิจ ฝ่ำยปกครอง และฝ่ำยควำมมั่นคงร่วมกันประเมินสถำนกำรณ์เพื่อพิจำรณำผ่อนคลำย หรือเพิ่มควำมเข้มงวดกำรบังคับใช้บำงมำตรกำร โดยมุ่งจะให้กำรควบคุมและกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ ฉุกเฉินสำมำรถยุติลงได้โดยเร็วและไม่ย้อนกลับมำอีก ขณะเดียวกัน ประชำชนสำมำรถด ำรงชีวิต ได้อย่ำงปกติสุข ภำยใต้มำตรกำรป้องกันโรคและค ำแนะน ำของทำงรำชกำร โดยจะพิจำรณำผ่อนคลำย เป็นล ำดับขั้นตอนตำมหลักเกณฑ์ที่องค์กำรอนำมัยโลกก ำหนดและค ำนึงถึงประเภทของกิจกำร หรือกิจกรรมที่มีควำมเสี่ยงน้อย สถำนที่ซึ่งสำมำรถจัดระบบควบคุมดูแลได้ และผู้เกี่ยวข้องซึ่งสำมำรถ น ำมำตรกำรป้องกันโรคมำบังคับใช้ได้เป็นล ำดับแรก โดยใช้ช่วงเวลำระยะแรกนี้เตรียมกำรเพื่อรองรับ กำรจัดระบบตำมมำตรกำรและค ำแนะน ำของทำงรำชกำรไปพลำงก่อน อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมำตรำ ๑๑ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นำยกรัฐมนตรีจึงออกข้อก ำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนรำชกำรทั้งหลำย ดังนี้ ให้บรรดำประกำศหรือค ำสั่งของผู้ว่ำรำชกำรกรุงเทพมหำนคร ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด เจ้ำพนักงำนควบคุมโรคติดต่อที่ออกตำมกฎหมำยว่ำด้วยโรคติดต่อ ผู้มีอ ำนำจตำมกฎหมำยว่ำด้วย กำรเดินอำกำศและกฎหมำยว่ำด้วยคนเข้ำเมื องที่ได้ประกำศหรือสั่งไว้ก่อนวันที่ข้อก ำหนดนี้ใช้บังคับ ไม่ว่ำจะเป็นกำรห้ำม กำรให้กระท ำกำร หรือกำรผ่อนคลำยใด ๆ ซึ่งถือว่ำเป็นประกำศหรือสั่ง ตำมข้อก ำหนดที่ออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ยังคงมีผลบังคั บใช้ต่อไปเช่นเดิม จนกว่ำจะได้มีข้อก ำหนด ประกำศ หรือ ค ำสั่งเป็นอย่ำงอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกำศ ณ วันที่ 29 เมษำยน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ้หนา ๗๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓" 431.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ 69/๒๕63 เรื่อง การยกเลิกการเรียกส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชน ส าเนาทะเบียนบ้าน หรือส าเนาเอกสารอื่น ๆ ที่ทางราชการออกให้ เพื่อการติดต่อขอรับบริการจากกรมศุลกากร ตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เห็นชอบมาตรกา รอ านวย ความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน (การไม่เรียกส าเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้ จากประชาชน) นั้น เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกแก่ประชาชนในการขอรับบริการจากกรมศุลกากร และเป็นไป ตามมาตรการอ านวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน (การไม่เรียกส าเนาเอกสารที่ทางราชการ ออกให้ จากประชาชน) รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของภาครัฐในการเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) อธิบดีกรมศุลกากรออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกรมศุลกากร ที่ 232/2561 เรื่อง การยกเลิกการเรียกส าเนา บัตรประจ าตัวประชาชนและส าเนาทะเ บียนบ้าน ลงวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561 ข้อ 2 บรรดาประกาศ ค าสั่ง หรือระเบียบอื่นใดในส่วนที่ก าหนดไว้แล้ว ซึ่งขัดหรือแย้งกับ ประกาศนี้ ให้ใช้ประกาศนี้แทน ข้อ 3 ยกเลิกการเรียกส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชน ส าเนาทะเบียนบ้าน หรือส าเนา เอกสารอื่น ๆ ที่ทางราชการออกให้ เพื่อประกอบการขออนุมัติ อนุญาต รับรอง รับแจ้ง หรือรับ จดทะเบียนจากกรมศุลกากร เว้นแต่ในกรณีที่มีการมอบอ านาจในการติดต่อขอรับบริการจาก กรมศุลกากร ในส่วนของผู้มอบอ านาจนั้น ให้ใช้ส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนของผู้มอบอ านาจ พร้อมลงนามรับรอ งส าเนาถูกต้องในการยื่นติดต่อขอรับบริการจากกรมศุลกากร ข้อ 4 ในกรณีที่พนักงานศุลกากรเห็นว่ามีความจ าเป็นจะต้องเรียกส าเนาเอกสารตามข้อ 3 4.1 ให้พนักงานศุลกากรประสานกับหน่วยงานผู้ออกเอกสารโดยตรง เพื่อให้ได้มา ซึ่งส าเนาเอกสารนั้น หรือ 4.2 ให้พนักงานศุลกาก รเป็นผู้จัดท าส าเนาเอกสารดังกล่าวขึ้นเอง โดยให้ผู้ขอรับ บริการลงนามรับรองส าเนาถูกต้องในเอกสารนั้น และมิให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการท าส าเนาเอกสาร ดังกล่าว ประกาศ ณ วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 กฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓" 433.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ของผู้ประกอบกิจการที่ไม่ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ส าหรับปี พ.ศ. 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19) หรือ โรคโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของประเทศไทยในภาพรวม สถานประกอบกิจการไม่สามารถ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ภายในเวลาที่กฎหมายก าหนด ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือ อ านวยความสะดวก และบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบกิจการ ไม่ให้เสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมายที่มีก าหนดเวลาให้ปฏิบัติ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๙ วรรคสอง มาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานจึงก าหนดหลักเกณฑ์ ของผู้ประกอบกิจการที่ไม่ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ส าหรับปี พ.ศ. 2563 ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ผู้ประกอบกิจการซึ่งจัดให้มีการฝึกอบรมฝีมือแรงงานให้แก่ลูกจ้างของตนหรือมีลูกจ้าง เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติและผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติหรือ มีลูกจ้างผู้ผ่านการรับรองความรู้ความสามารถ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันในสัดส่วนไม่น้อยกว่า ร้อยละสิบของจ านวนลูกจ้างทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2563 ผู้ประกอบกิจการนั้นไม่ต้องส่งเงินสมทบ เข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ส าหรับปี พ.ศ. 2563 ข้อ ๒ ผู้ประกอบกิจการซึ่งไม่ได้ด าเนินการตามข้อ ๑ หรือด าเนินการในสัดส่วนที่น้อยกว่า ร้อยละสิบของจ านวนลูกจ้างทั้งหมด ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานตามจ านวน ที่ไม่ได้ด าเนินการหรือด าเนินการไม่ครบตามข้อ ๑ ประกาศ ณ วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 434.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความเห็นชอบหลักสูตร รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง และรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ ส าหรับการฝึกอบรมปี พ.ศ. 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 ( COVID-19) หรือ โรคโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของประเทศไทยในภาพรวม สถานประกอบกิจการไม่สามารถ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ภายในเวลาที่กฎหมายก าหนด ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือ อ านวยความสะดวก และบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบกิจการ ไม่ให้เสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมายที่มีก าหนดเวลาให้ป ฏิบัติ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 20 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานจึงก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการให้ความเห็นชอบหลักสูตร รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง และรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกยกระดับ ฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพส าหรับการฝึกอบรมปี พ.ศ. 2563 ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับส าหรับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ ที่ด าเนินการฝึกอบรมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ข้อ 2 ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นนายจ้างที่ด าเนินการฝึกยกระดับฝีมือ แรงงานหรือฝึกเปลี่ยน สาขาอาชีพให้แก่ลูกจ้างของตน ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความเห็นชอบหลักสูตร รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง และรายการค่าใช้จ่าย ที่ใช้ในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ ลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551 จนเสร็จสิ้นการฝึกแล้ว ให้จัดท ารายงานเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย พร้อมแนบหลักสูตร ก าหนดการฝึกอบรม และหลักฐานค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมแต่ละหลักสูตรตามที่จ่ายจริง เสนอต่อนายทะเบียนเพื่อให้ ความเห็นชอบภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันเสร็จสิ้นการฝึก แต่ต้องไม่เกินวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. 2564 ประกาศ ณ วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 436.pdf,"ข้อก ำหนด ออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๖) ตำมที่ได้มีประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรำชอำณำจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมำได้ขยำยระยะเวลำกำรบังคับใช้ประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินดังกล่ำวออกไป จนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว นั้น ด้วยเป็นกำรสมควรผ่อนคลำยกำรบังคับใช้บำงมำตรกำรในกำรป้องกันและกำรแพร่ระบำด ของโรคโควิด 19 ตำมล ำดับขั้นตอนกำรควบคุมโอกำสเสี่ยงของบุคคล สถำนที่ และประเภทกิจกรรม ที่เกี่ยวข้องเพื่อลดผลกระทบต่อประชำชนด้ำนเศรษฐกิจ สังคม และควำมมั่นคงตำมหลักเกณฑ์ ขององค์กำรอนำมัยโลกและตำมผลกำรประเมินสถำนกำรณ์ของฝ่ำยสำธำรณสุข โดยรับฟังควำมคิดเห็น จำกฝ่ำยเศรษฐกิจ ฝ่ำยผู้ประกอบกำร และฝ่ำยผู้บริโภค แต่ยังคงให้ปฏิบัติตำมมำตรกำรป้องกันโรค และค ำแนะน ำของทำงรำชกำร อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำร รำชกำรในสถำนกำ รณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมำตรำ ๑๑ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำร รำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นำยกรัฐมนตรีจึงออกข้อก ำหนดเป็นกำรทั่วไปและข้อปฏิบัติแก่ ส่วนรำชกำรทั้งหลำย ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กำรผ่อนคลำยให้ด ำเนินกำรหรือท ำกิจกรรมบำงอย่ำงได้ เพื่อเป็นกำรอ ำนวย ควำมสะดวกแก่ประชำชนในกำรท ำกิจกรรมด้ำนเศรษฐกิจและกำรด ำเนินชีวิต ตลอดจนด้ำน กำรออกก ำลังกำยหรือกำรดูแลรักษำสุขภำพอันเป็นกำรช่วยป้องกันโรคได้ทำงหนึ่ง ภำยใต้บังคับข้อก ำหนด ว่ำด้วยกำรห้ำมออกนอกเคหสถำน และภำยใต้มำตรกำรป้องกันโรคและค ำแนะน ำของทำงรำชกำร ให้สถำนที่ สถำนประกอบกำรหรือกิจกรรมซึ่งรัฐอนุญำตให้เปิดบริกำรหรือมีนโยบำยสนับสนุน ให้เปิดด ำเนินกำรได้อยู่ก่อนแล้วตำมข้อ ๑๒ แห่งข้อก ำหนด (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๕ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เช่น ธนำคำร โรงงำน สถำนีบริกำรเชื้อเพลิง บริกำรส่งสินค้ำและอำหำรตำมสั่ง ยังคงเปิดด ำเนินกำรต่อไปได้เช่นเดิม ส่วนสถำนที่ สถำนประกอบกำรหรือกิจกรรมใดซึ่งเคยมีข้อก ำหนด ประกำศ หรือค ำสั่งให้ปิดหรือจ ำกัดกำรด ำเนินกำรชั่วครำวหรือเคยผ่อนผันโดยมีเงื่อนไขไว้ ในระยะแรกนี้ ให้เปิดด ำเนินกำรได้ทั่วรำชอำณำ จักรตำมควำมสมัครใจและควำมพร้อม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ดังต่อไปนี้ (๑) กิจกรรมด้ำนเศรษฐกิจและกำรด ำเนินชีวิต ก. กำรจ ำหน่ำยอำหำรหรือเครื่องดื่มในโรงแรม ท่ำอำกำศยำน สถำนีรถไฟ สถำนีขนส่ง โรงพยำบำล ร้ำนอำหำรหรือเครื่องดื่ม ร้ำนสะดวกซื้อ รถเข็น หำบเร่ แผงลอย ซึ่งไม่รวมถึง ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓สถำนบริกำร ผับ บำร์ ให้เปิดได้โดยอำจให้น ำกลับไปบริโภคที่อื่น แต่หำกเปิดให้ใช้บริกำรในสถำนที่นั้น ก็สำมำรถท ำได้โดยต้องจัดระเบียบกำรเข้ำใช้บริกำรให้เป็นไปตำมมำตรกำรป้องกันโรคแ ละค ำแนะน ำของ ทำงรำชกำร ส ำหรับร้ำนอำหำรหรือเครื่องดื่มซึ่งจ ำหน่ำยสุรำ ให้เปิดได้แต่ห้ำมกำรบริโภคสุรำ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้ำน ข. ห้ำงสรรพสินค้ำ ศูนย์กำรค้ำ คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพำะซูเปอร์มำร์เก็ต ร้ำนขำยยำ สินค้ำเบ็ดเตล็ดที่จ ำเป็นต่อกำรใช้ชีวิต และร้ำนขำยปลีกธุรกิจสื่อสำรโทรคมนำคม ธนำคำร ที่ท ำกำรหน่วยงำนของรัฐและรัฐวิสำหกิจเท่ำนั้น ส่วนแผนกร้ำนอำหำรให้เปิดได้เฉพำะกำรน ำกลับไป บริโภคที่อื่น ค. ร้ำนค้ำปลีก/ค้ำส่งขนำดย่อม ร้ำนค้ำปลีก/ค้ำส่งชุมชน ตลำด ตลำดน้ ำ และ ตลำดนัด ให้เปิดได้โดยต้องควบคุมทำงเข้ำออก จัดให้มีกำรตรวจวัดอุณหภูมิร่ำงกำยผู้ให้ และ ผู้ใช้บริกำร กำรเว้นระยะห่ำงในกำรเลือกสินค้ำและกำรช ำระรำคำ ง. ร้ำนเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผมส ำหรับบุรุษหรือสตรีให้เปิดได้เฉพำะกิจกรรม สระ ตัด ซอยผม แต่งผม และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้ำน (๒) กิจกรรมด้ำนกำรออกก ำลังกำยหรือกำรดูแลสุขภำพ ก. โรงพยำบำล คลินิก สถำนทันตกรรมหรือสถำนพยำบำลทุกประเภท ที่จัดตั้ง โดยชอบด้วยกฎหมำย ข. สนำมกอล์ฟหรือสนำมฝึกซ้อมกอล์ฟให้เปิดได้แต่ต้องไม่มีผู้ชมมำชุมนุมกันหรือ เป็นกำรแข่งขัน ในกรณีของสโมสร คลับเฮำส์ หรือร้ำนอำหำรในบริเวณดังกล่ำวให้ปฏิบัติตำม (๑) ก. ค. สนำมกีฬำเฉพำะกีฬำประเภทกลำงแจ้งและตำมกติกำสำกล ผู้เล่นต้องมีระยะห่ำง ทำงสังคมและไม่คลุกคลีกันอยู่แล้ว เช่น เทนนิส ขี่ม้ำ ยิงปืน ยิงธนู และต้องไม่มีผู้ชมมำชุมนุมกัน หรือ เป็นกำรแข่งขัน ในกรณีของสโมสร คลับเฮำส์ หรือร้ำนอำหำรในบริเวณดังกล่ำวให้ปฏิบัติตำม (๑) ก. ง. สวนสำธำรณะ ลำน - พื้นที่กิจกรรมสำธำรณะ สถำนที่ออกก ำลังกำย สนำมกีฬำ ลำนกีฬำ ให้เปิดได้เฉพำะพื้นที่โล่งแจ้งเพื่อกำรเดิน วิ่ง ขี่หรือปั่นจักรยำน หรือกำรออกก ำลังกำย ด้วยวิธีอื่นเป็นส่วนบุคคล โดยไม่มีผู้ชมมำชุมนุมกันหรือเป็นกำรแข่งขัน กำรละเล่น กำรแสดง จ. สถำนที่ให้บริกำรดูแลรักษำสัตว์ สปำ อำบน้ ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝำกสัตว์ ข้อ ๒ ให้เจ้ำของหรือผู้จัดกำรสถำนที่ตำมข้อ ๑ (๑) หรือ (๒) ทุกประเภทมีหน้ำที่ รับผิดชอบกำรดูแลรักษำควำมสะอำดของสถำนที่ ภำชนะและอุปกรณ์ที่ใช้ และจัดให้มีมำตรกำรป้องกัน โรคตำมที่ทำงรำชกำรก ำหนด เช่น กำรเว้นระยะห่ำงทำงสังคม กำรสวมหน้ำกำกอนำมัย กำรตรวจวัด อุณหภูมิร่ำงกำยผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดระบบอื่น ๆ ให้เป็นไปตำมค ำแนะน ำ เงื่อนไข และเงื่อนเวลำ ที่ผู้ว่ำรำชกำรกรุงเทพมหำนคร ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด หรือทำงรำชกำรก ำหนด เช่น กำรให้เข้ำใช้บริกำร ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓โดยนัดหรือแจ้งล่วงหน้ำ กำรไม่ให้ผู้ใช้บริกำรหลำยคนรออยู่ในสถำนที่ เดียวกัน กำรจ ำกัดจ ำนวน ผู้ใช้บริกำรในแต่ละครำว และเวลำกำรเข้ำใช้บริกำร ทั้งนี้ พนักงำนเจ้ำหน้ำที่สำมำรถเข้ำตรวจและ ให้ค ำแนะน ำ หรือตักเตือนห้ำมปรำมได้ตลอดเวลำ หำกพบว่ำมีกำรฝ่ำฝืนหรือเป็นอันตรำยต่อกำรป้องกัน กำรแพร่ของโรค ให้เสนอผู้มีอ ำนำจตำมกฎหมำยว่ำด้วยโรคติดต่อสั่งปิดสถำนที่นั้นเฉพำะรำย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกำศ ณ วันที่ 1 พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 437.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ก าหนดประเภทธุรกิจ ระยะเวลา และเงื่อนไขให้ลูกจ้างหรือนายจ้างหยุดหรือเลื่อน การส่งเงินสะสม หรือเงินสมทบเข้ากองทุนส ารองเลี้ยงชีพในท้องที่ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ สาธารณภัย หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกจ้างและนายจ้างซึ่งได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การระบาดของโรคติ ดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อันส่งผลกระทบต่อ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 10/1 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนส ารองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกองทุนส ารองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ลูกจ้างหรือนายจ้างที่ได้รับผลกระทบด้านฐานะการเงินจากสถานการณ์ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สามารถหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสะสมหรือ เงินสมทบเข้ากองทุนส ารองเลี้ยงชีพได้เป็นก ารชั่วคราว ตั้งแต่งวดน าส่งเงินปัจจุบัน จนถึงงวดน าส่งเงิน ของเดือนธันวาคม 2563 โดยฝ่ายลูกจ้าง และนายจ้างที่ไม่ได้น าส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบในช่วงนี้ ให้ถือว่าสถานภาพยังคงอยู่ และนับต่อเนื่องไปได้ ในกรณีนายจ้างหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนส ารอง เลี้ยงชีพตามวรรคหนึ่ง หากลูกจ้างรายใดประสงค์จะส่งเงินสะสมเข้ากองทุนส ารองเลี้ยงชีพก็สามารถด าเนินการได้ โดยนายจ้าง จะส่งเงินสมทบเข้ากองทุนส ารองเลี้ยงชีพให้แก่ลูกจ้างรายนั้นหรือไม่ก็ได้ ข้อ 2 การหยุดหรือเลื่อนการน าส่งเงินเข้ากองทุนส ารองเลี้ยงชีพเป็นการชั่วค ราว จะต้อง ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่สมาชิก โดยคะแนนเสียงที่ใช้เป็นมติที่ประชุมนั้นจะต้องเป็นไป ตามที่ก าหนดในข้อบังคับกองทุน หรือต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม หากไม่ได้ก าหนดในข้อบังคับกองทุนและในกรณีที่ไม่สามารถจัดประชุมให ญ่สมาชิกได้ ให้กรรมการ ในคณะกรรมการกองทุนส ารองเลี้ยงชีพให้ความเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ให้หยุดหรือเลื่อนส่งเงินสะสม หรือเงินสมทบเป็นการชั่วคราว ส าหรับกองทุนส ารองเลี้ยงชีพที่ประกอบด้วยนายจ้างหลายราย (Pooled Fund ) ให้ใช้มติที่ประชุมของสมาชิกของนายจ้างรายนั้ น ๆ หรือมติคณะกรรมการกองทุน นายจ้างรายนั้น ๆ เป็นเกณฑ์ ข้อ 3 ให้นายจ้างหรือคณะกรรมการกองทุนส ารองเลี้ยงชีพแจ้งการขอหยุดหรือเลื่อน การส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนส ารองเลี้ยงชีพต่อนายทะเบียนพร้อมเอกสาร ดังนี้ (1) หนังสือรับรองจากนายจ้างซึ่งรับรองว่ามีปัญหาในการด าเนินกิจการ อันเนื่องมาจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และมีปัญหาฐานะการเงินจริง โดยมีกรรมการผู้มีอ านาจลงนามผูกพันนายจ้างรายนั้น ๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่อ และ ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ (2) รายงานการประชุมใหญ่สม าชิก หรือรายงานการประชุมคณะกรรมการกองทุน ส ารองเลี้ยงชีพ ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายงานว่า นายจ้างมีปัญหาในการด าเนินกิจการอันเนื่องมาจาก สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และมีปัญหาฐานะการเงินจริง และมีมติ ที่ระบุรายละเอียดว่ากองทุนส ารองเลี้ยงชีพจะให้มีการหยุดหรือเลื่อนส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบ เป็นการชั่วคราวถึงเมื่อใด (ไม่เกินงวดน าส่งเงินของเดือนธันวาคม 2563) ข้อ 4 เมื่อลูกจ้างและนายจ้างจะส่งเงินสะสมและเงินสมทบตามข้อ 1 เข้ากองทุนส ารอง เลี้ยงชีพต่อไป ให้แ จ้งนายทะเบียนทราบ ข้อ 5 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 439.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง การขอความเห็นและค่าป่วยการในการให้ความเห็น เกี่ยวกับฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๔ ประกอบกับมาตรา ๒๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ คณะกรรมการว่าด้วยฉลากจึงก าหนดระเบียบ เรื่อง การขอความเห็น และค่าป่วยการในการให้ความเห็นเกี่ยวกับฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง การขอความเห็น และค่าป่วยการในการให้ความเห็นเกี่ยวกับฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๙ แห่งระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง การขอความเห็นและค่าป่วยการในกา รให้ความเห็นเกี่ยวกับฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลาก พ.ศ. ๒๕๖๑ “ข้อ ๙ เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยฉลากพิจารณาให้ความเห็นชอบให้ใช้ข้อความฉลาก ของสินค้าแล้ว ให้ส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคออกเลขที่ความเห็นชอบให้ใช้ข้อความฉลาก ของสินค้าดังกล่าว และแจ้งให้ผู้ขอทราบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกเลขที่ความเห็นชอบตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ ส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประกาศก าหนด ” ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. ๒๕63 พลต ารวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ประธานกรรมการว่าด้วยฉลาก ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 44.pdf,"ประกาศคณะกรรมการประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการรับเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของนายจ้าง ด้วยวิธีการทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การรับเงินกองทุนประกันสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อ านวยความสะดวกให้แก่นายจ้าง และสอดคล้องกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีส ารสนเทศ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๘/1 แห่งระเบียบคณะกรรมการประกันสังคมว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน พ.ศ. 2555 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการ ประกันสังคมว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 คณะกรรมการประกันสังคมออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไป น าส่งเงินสมทบในส่ วนของผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 และในส่วนของนายจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ 3 กรณีนายจ้างที่มีลูกจ้างน้อยกว่าห้าสิบคน สามารถน าส่งเงินสมทบในส่วนของผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 และในส่วนของนายจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการประกันสังคม ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑" 440.pdf,"ประกาศส านักงานปรมาณูเพื่อสันติ เรื่อง หลักเกณฑ์การน าวัสดุกัมมันตรังสีกลับไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น หรือโอนวัสดุกัมมันตรังสีให้ผู้อื่นไปใช้ประโยชน์ พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๓ วรรคสองแห่งกฎกระทรวงการจัดการกากกัมมันตรังสี พ.ศ. ๒๕๖๑ เลขาธิการส านักงานปรมาณูเพื่อสันติออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศส านักงานปรมาณูเพื่อสันติ เรื่อง หลักเกณฑ์การน าวัสดุ กัมมันตรังสีกลับไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นหรือโอนวัสดุกัมมันตรังสีให้ผู้อื่นไปใช้ประโยชน์ พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ เมื่อไม่ประสงค์จะใช้งานวัสดุกัมมันตรังสีในลักษณะเดิมอี กต่อไป ผู้รับใบอนุญาต ตามมาตรา ๑๙ (๑) และผู้มีไว้ในครอบครองหรือใช้วัสดุกัมมันตรังสีตามมาตรา ๒๐ ต้องพิจารณา วิธีการใช้วัสดุกัมมันตรังสีโดยการน ากลับไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นหรือโอนให้ผู้อื่นไปใช้ประโยชน์ ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) วัสดุกัมมันตรังสีนั้น ต้องเป็นวัสดุกัมมันตรังสีชนิดปิดผนึก (๒) ผู้รับโอนวัสดุกัมมันตรังสีนั้นต้องเป็นผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๑๙ (๑) หรือผู้มีไว้ใน ครอบครองหรือใช้วัสดุกัมมันตรังสีตามมาตรา ๒๐ แล้วแต่กรณี (๓) ผู้ที่น าวัสดุกัมมันตรังสีกลับไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นและผู้รับโอนวัสดุกัมมันตรังสีต้องไม่ถอด ท าลาย หรือเปลี่ยนแปลงการปิดผนึกวัสดุกัมมันตรังสีให้ต่างไปจากเดิม เว้นแต่ผู้นั้นเป็นผู้ได้รับ ใบอนุญาตผลิตวัสดุกัมมันตรังสี ข้อ ๔ หากไม่สามารถน าวัสดุกัมมันตรังสีกลับ ไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นหรือโอนวัสดุกัมมันตรังสี ให้ผู้อื่นไปใช้ประโยชน์ได้ ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๑๙ (๑) และผู้มีไว้ในครอบครองหรือใช้วัสดุ กัมมันตรังสีตามมาตรา ๒๐ ต้องจัดการวัสดุกัมมันตรังสีที่ไม่ประสงค์จะใช้งานในลักษณะเดิมอีกต่อไปนั้น เช่นเดียวกับการจัดก ารกากกัมมันตรังสี ประกาศ ณ วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 วิไลวรรณ ตันจ้อย เลขาธิการส านักงานปรมาณูเพื่อสันติ ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 441.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง จ าแนกและก าหนดระดับความรู้ความสามารถ และก าหนดช่วงอัตราค่าจ้างที่เหมาะสม กับระดับความรู้ความสามารถของผู้ประกอบอาชีพ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๙ (๓) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ ผู้ประกอบอาชีพ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเครื่องปรั บอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานในการติดตั้ง รื้อถอน ย้าย เปลี่ยน บ ารุงรักษา ล้างท าความสะอาด หรือซ่อมแซมเครื่องปรับอากาศในบ้านและ การพาณิชย์ ทั้งภายในอาคารและภายนอกอาคาร โดยปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ (1) ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบไฟฟ้า ๑ เฟส โดยติดตั้งคอยล์ร้อน (Condensing Unit) หรือคอยล์เย็น (Fan Coil Unit) ส าหรับเครื่องปรับอากาศใหม่ เดินท่อและต่อท่อระบบสารท าความเย็น โดยใช้แฟลร์นัท เดินท่อน้ าทิ้ง ท าสุญญากาศ บรรจุสารท าความเย็นเพิ่มเติม ต่อระบบไฟฟ้า ทดสอบการเดินเครื่องเพื่อตรวจสอบ อุณหภูมิ ความดัน และกระแสไฟฟ้า บ ารุงรักษาเบื้องต้น ล้างท าความสะอาด หรือรื้อถอนคอยล์ร้อน (Condensing Unit) คอยล์เย็น (Fan Coil Unit) ท่อสารท าความเย็น ท่อน้ าทิ้ง หรือระบบไฟฟ้า ของเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งอยู่เดิม (2) ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบไฟฟ้า ๑ เฟส หรือ 3 เฟส โดยติดตั้ง รื้อถอน ย้าย หรือเปลี่ยนคอยล์ร้อน ( Condensing Unit ) หรือคอยล์เย็น (Fan Coil Unit) ตัดต่อหรือเดินท่อระบบสารท าความเย็น เดินท่อน้ าทิ้ง ตรวจสอบ รอยรั่ว ท าสุญญากาศ บรรจุสารท าความเย็น หรือดูดเก็บสารท าความเย็นออกจากระบบปรับอากาศ ต่อระบบไฟฟ้า ทดสอบการเดินเครื่องเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ ความดัน และกระแสไฟฟ้า บ ารุงรักษา ล้างท าความสะอาด หรือซ่อมแซมเครื่องปรับอากาศ (3) ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศทุกชนิด ระบบไฟฟ้า ๑ เฟส หรือ 3 เฟส โดยติดตั้ง รื้อถอน ย้าย เปลี่ยนคอยล์ร้อน (Condensing Unit) หรือคอยล์เย็น (Fan Coil Unit) ส าหรับเครื่องปรับอากาศ ตัดต่อหรือเดินท่อระบบสารท าความเย็น เดินท่อน้ าทิ้ง ตรวจสอบรอยรั่ว ท าสุญญากาศ บรรจุสารท าความเย็น ดูดเก็บสารท าความเย็นออกจากระบบปรับอากาศ ต่อวงจรไฟฟ้า ทดสอบการเดินเครื่องเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ ความดัน และกระแสไฟฟ้า บ ารุงรักษา หรือล้าง ท าความสะอาด หรือซ่อมแซมเครื่องปรับอากาศทุกชนิด ทั้งระบบไฟฟ้า ๑ เฟส หรือ ๓ เฟส ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ข้อ ๒ จ าแนกและก าหนดระดับความรู้ความสามารถของผู้ประกอบอาชีพ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ออกเป็น ๓ ระดับ ดังนี้ (1) ระดับ ๑ หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาด ไม่เกิน ๑๑ กิโลวัตต์ (๓๖,๐๐๐ บีทียูต่อชั่วโมง) โดยมีลักษณะการปฏิบัติงานตามข้อ ๑ (๑) ทั้งนี้ ระดับความรู้ความสามารถให้เป็นไปตามที่ก าหนดไว้ในมาตรฐานฝีมือแรง งานแห่งชาติ สาขาอาชีพ ช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ ๑ (2) ระดับ ๒ หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ ขนาดไม่เกิน ๒๑ กิโลวัตต์ (๗๒,๐๐๐ บีทียูต่อชั่วโมง) โดยมีลักษณะการปฏิบัติงานตามข้อ ๑ (๑) หรือ (๒) ทั้งนี้ ระดับความรู้ความสามารถให้เป็นไปตามที่ก าหนดไว้ในมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ ขนาดเล็ก ระดับ ๒ (3) ระดับ ๓ หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ ขนาดไม่เกิน ๗๐ กิโลวัตต์ (๒๔๐,๐๐๐ บีทียูต่อชั่วโมง) โดยมีลักษณะการปฏิบัติงานตามข้อ ๑ (๑) (๒) หรือ (๓) ทั้งนี้ ระดับความรู้ความสามารถให้เป็นไปตามที่ก าหนดไว้ในมาตรฐา นฝีมือแรงงาน แห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและ การพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ ๓ ข้อ ๓ ช่วงอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมกับระดับความรู้ความสามารถของผู้ประกอบอาชีพ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและ การพาณิชย์ขนาดเล็ก ให้เป็นดังนี้ (1) ระดับ ๑ วันละ ๔๘๘ บาท ถึง ๕๖๘ บาท (2) ระดับ ๒ วันละ ๕๖๘ บาท ถึง ๖๕๙ บาท (3) ระดับ ๓ วันละ ๖๕๙ บาท ขึ้นไป ประกาศ ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 444.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจ ตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่า เรือ บริการและ ความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรื อแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ - เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๓๒๑ บาท / ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๕๐๑ บาท / ชั่วโมง ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซล ของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับ ราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียม มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 446.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 393) เรื่อง การค านวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน และรายการอื่น ๆ ในงบการเงิน ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทยเป็นสกุลเงิน ที่ใช้ในการด าเนินงาน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 76 จัตวา (1) และมาตรา 76 เบญจ (1) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 50) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศก าหนดหลักเกณฑ์การค านวณค่าหรือราคา ของเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน และรายการอื่น ๆ ในงบการเงิน ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ใช้เงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทยเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการด าเนินงาน และได้แจ้งหรือขออนุมัติต่อ อธิบดีกรมสรรพากรตามมาตรา 76 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ค านวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน และรายการอื่น ๆ ในงบการเงิน ในวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่ใช้เงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทยเป็นสกุลเงิน ที่ใช้ในการด าเนินงานหรือในวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการเปลี่ยนแปลง สกุลเงินที่ใช้ในการด าเนินงาน โดยค านวณค่าหรือราคาตามหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชี และได้มี การตรวจสอบและรับรองโดยผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ 2 ให้ค านวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตรา สกุลอื่นที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีให้เป็นเงินตราสกุลที่ใช้ใ นการด าเนินงาน โดยเลือกใช้วิธีการค านวณอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ใช้อัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ค านวณไว้ แต่ในกรณีมีส่วนใดที่ไม่อาจค านวณตามอัตราดังกล่าว ให้ขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากร เพื่อใช้อัตราอื่นเฉพาะส่วนนั้นได้ (2) ใช้อัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรืออัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ค านวณไว้ แต่ในกรณีมีส่วนใดที่ไม่อาจค านวณตามอัตราดังกล่าว ให้ขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อใช้อัตราอื่นเฉพาะส่วนนั้นได้ เมื่อเลือกใช้วิธีการตาม (1) หรือ (2) แล้ว ให้ใช้วิธีการนั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติ จากอธิบดีกรมสรรพากรจึงจะเปลี่ยนแปลงได้ ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็ นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 448.pdf,"ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง วิธีการ การรับเงินและการจ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดวิธีการ การรับเงินและการจ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง และมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกา ก าหนดหลักเกณฑ์ในการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๔๙ ออกตามความในมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้สอดคล้องกับ นโยบายของรัฐบาลสู่รัฐบาลดิจิทัล ไทยแลนด์ ๔.๐ เป็นการลดภาระและอ านวยความสะด วกแก่ประชาชน ในการท าธุรกรรมทางการเงินกับหน่วยงานของรัฐ และเพื่อให้การบริหารงานกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความใน ข้อ 6 (2) และข้อ 13 (2) แห่งระเบียบคณะกรรมการกองทุน สงเคราะห์ลูกจ้างว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และ การเก็บรักษาเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. 2542 ประกอบกับหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0402.2/ว 103 ลงวันที่ 1 กันยายน 2559 อธิบดีกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วั นประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง มีอ านาจรับเงินและการจ่ายเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ให้น าระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บ รักษาเงินและการน าเงินส่งคลัง มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๓ เมื่อกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้รับเงินตามข้อ ๒ ให้แจ้งการรับเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ กลับไปยังผู้มีหน้าที่ช าระเงิน ประกาศ ณ วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 อภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ้หนา ๖๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 45.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการประกันสังคม ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการประกันสังคมว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน เพื่อให้การรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อ านวยความสะดวกให้แก่นายจ้าง และสอดคล้องกับการพัฒนา ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 9 (3) และมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 คณะกรรมการประกันสังคมโดยค วามเห็นชอบของกระทรวงการคลัง จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการประกันสังคมว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 8/1 แห่งระเบียบคณะกรรมการประกันสังคม ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน พ.ศ. 2555 “ข้อ 8/1 การรับเงินสมทบกองทุนของนายจ้างด้วย วิธีการทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศก าหนด ” ประกาศ ณ วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการประกันสังคม ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑" 451.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายระยะเวลาการอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นชอบการผ่อนปรน การอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและการท างานให้กับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาท างานตามข้อตกลง ที่รัฐบาลไทยได้ลงนามกับรัฐบาลประเทศคู่ภาคี โดยอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และ เมียนมา ซึ่งเข้ามาท างานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้บันทึกความตกลงหรือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาล แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และรัฐบาลแห่ งสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมา และครบก าหนดระยะเวลาการจ้างงานตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจ ดังกล่าว และคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและเมียนมาซึ่งได้เข้ามาท างานในราชอาณาจักรโดยมีบัตรผ่านแดน ท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ จนถึงระยะเวลาตามประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือระยะเวลาตามที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเพิ่มเติม ในกรณีที่มีการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไป โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยความเห็ นชอบของรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ อนุญาตให้คนต่างด้าวดังกล่าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษได้จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น เนื่องด้วยนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ออกประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุ กเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑) ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จนถึง วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ข้อ ๒ ให้คนต่างด้าวดังต่อไปนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแล ะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ท างานกับนายจ้างรายเดิมได้ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตท างานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว ทั้งนี้ ไม่เกินวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (๑) คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท างาน ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทย ท าไว้กับรัฐบาลต่างประเทศตามมาตรา ๕๙ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของ คนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และวาระการจ้างงานครบสี่ปีและใบอนุญาตท างานสิ้นอายุก่อนหรือภายใน วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและเมียนมา ซึ่งเข้ามาท างานในราชอาณาจักรโดยมีบัตรผ่านแดน ตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และใบอนุญาตท างานสิ้นอายุก่อนหรือภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งยังคงมีสิทธิท างานได้ตามประเภทงานที่ก าหนดไว้ในมาตรา ๕๙ หรือมาตรา ๖๔ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระร าชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ คนต่างด้าวจะท างานกับนายจ้างรายอื่นมิได้ เว้นแต่นายจ้าง เลิกประกอบกิจการ ล้มละลาย หรือเสียชีวิต ข้อ ๓ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการท างานของคนต่างด้ าว ให้คนต่างด้าว ใช้ใบอนุญาตท างานฉบับเดิมเป็นหลักฐานในการแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือนายทะเบียน แทนใบอนุญาตท างานได้ ข้อ ๔ การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามข้อ ๒ เป็นอันสิ้นผล ในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ก่อนครบระยะเวลาตามประกาศนี้ (๑) คนต่างด้าวฝ่าฝืนข้อ ๒ วรรคสอง (๒) การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวเป็นอันสิ้นผลลงตามประกาศ กระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายระยะเวลาการยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นการเฉพาะส าหรับคนต่างด้าวสัญชา ติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท างาน ในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน กรณีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายระยะเวลาการยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ ส าหรับ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท างานในราชอาณาจักรตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖3 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ้หนา ๔๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 458.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย เพื่อใช้ในการด้าเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย เพื่อใช้ในการด้าเนินงานของกองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายภายใต้วัตถุประสงค์ตามมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ และเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเ มื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกการก้าหนดราคาจ้าหน่ายน ้าตาลทราย ภายในประเทศและการยกเลิกโควตาน ้าตาลทราย เพื่อสร้างความเป็นธรรมระหว่างชาวไร่อ้อยและ โรงงานน ้าตาล อันจะน้ามาซึ่งความมีเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน ้าตาลทราย อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๑๗ (๒๒) และ (๓๐) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและ น ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ระเบียบนี เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายเพื่อใช้ในการด้าเนินการ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. 2563” ข้อ ๒ ระเบียบนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๓ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินจากการจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น ้าตาลทรายขาว และ น ้าตาลทรายสีร้าภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย (๒) ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้า ตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การจัดเก็บเงินจากการจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น ้าตาลทรายขาว และน ้าตาลทรายสีร้า ภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๔ ให้โรงงานน้าส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทรา ยโดยค้านวณจากปริมาณอ้อย ที่ส่งให้แก่โรงงาน ในแต่ละฤดูการผลิตทุกเมตริกตัน ในอัตรายี่สิบบาทต่อหนึ่งเมตริกตัน โดยให้แบ่งช้าระ เป็น ๔ งวด ๆ ละเท่า ๆ กันตามระยะเวลา ดังต่อไปนี (๑) งวดที่ ๑ ภายในเดือนมิถุนายน (๒) งวดที่ ๒ ภายในเดือนสิงหาคม (๓) งวดที่ ๓ ภายในเดือนตุลาคม (๔) งวดที่ ๔ ภายในเดือนธันวาคม ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ในกรณีมีเหตุจ้าเป็นหรือมีผลกระทบกับระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน ้าตาลทราย คณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายอาจมีมติผ่อนผันขยายระยะเวลาการช้าระเงินตามงวดตามวรรคหนึ่งได้ แต่ต้องไม่เกินคราวละสามสิบวัน เงินที่โรงงานได้น้าส่งเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายตามวรรคหนึ่ง ให้น้าไปเป็นค่าใช้จ่าย ในส่วนของชาวไร่อ้อยและโรงงาน ที่จะใช้ในการค้านวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจ้าหน่าย น ้าตาลทรายในแต่ละฤดูการผลิต ข้อ ๕ ในกรณีที่โรงงานไม่น้าส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทร ายหรือส่งไม่ครบภายใน ระยะเวลาตามข้อ ๔ ให้คิดดอกเบี ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีนับแต่วันถัดจากวันที่ครบก้าหนดช้าระ จนกว่าจะได้ท้าการช้าระเสร็จสิ น ข้อ ๖ เงินที่กองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายได้รับตามระเบียบนี ให้ตกเป็นของกองทุนอ้อย และน ้าตาลทรายตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ข้อ ๗ ในกรณีที่โรงงานใดไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี ให้คณะกรรมการบริหาร ด้าเนินการตามระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ว่าด้วยเบี ยปรับและเงินรางวัล พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๘ โรงงานที่ยังมิได้น้าส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย ส้าหรับฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ให้ด้าเนินการ ดังต่อไปนี (1) กรณีที่เป็นเงินซึ่งต้องน้าส่งเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย งวดก่อนวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้น้าส่งเงินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก้าหนดในระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๓ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินจากการจ้าหน่าย น ้าตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น ้าตาลทรายขาว และน ้าตาลทรายสีร้าภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อย และน ้าตาลทราย ภายในสามสิบวันนับแต่วั นที่ระเบียบนี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (2) กรณีที่เป็นเงินซึ่งต้องน้าส่งเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย งวดตั งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้น้าส่งเงินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก้าหนดไว้ในระเบียบนี ภายใน เก้าสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบนี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โรงงานที่ไม่น้าส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายหรือส่งไม่ครบภายในระยะเวลาที่ก้าหนด ตาม (๑) ให้น้าข้อ ๕ และข้อ ๗ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม ข้อ ๙ ในกรณีที่โรงงานใดซึ่งน้าส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน ้า ตาลทรายส้าหรับฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ งวดตั งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ โดยเป็นการน้าส่งเงินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก้าหนดไว้ตามระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๓ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินจากการจ้าหน่ายน ้าตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น ้าตาลทรายขาว และน ้าตาลทรายสีร้าภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ให้โรงงานนั นมีหน้าที่น้าส่งเงินเพิ่มให้ครบตามจ้านวนที่ก้าหนดไว้ตามระเบียบนี ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ระเบียบนี ปร ะกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๑๐ ให้โรงงานน้าส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน ้าตาลทรายตามระเบียบนี ส้าหรับฤดูกาลผลิต ปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒ งวดก่อนระเบียบนี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ ระเบียบนี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๑๑ ให้ประธานกรรมการอ้อย และน ้าตาลทรายรักษาการตามระเบียบนี ประกาศ ณ วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖3 กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 459.pdf,"ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๒) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน คราวที่ ๑ ออกไป จนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น รัฐบาลได้ด าเนินบรรดามาตรการต่าง ๆ อันจ าเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด - 19 ทั้งการห้ามออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลา ที่ก าหนด การจ ากัดการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง และการห้ามใช้อาคาร หรือสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรค รวมทั้งการแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด - 19 โดยหัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในแต่ละฝ่ายได้ปฏิบัติงาน ตามหน้าที่และอ านาจที่ได้รับมอบหมายโดยเข้มงวด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าว ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยยังไม่สิ้นสุด โดยปรากฏข้อมูลเป็นที่ประจักษ์ว่าหลายประเทศยังคงมี การระบาดและมีจ านวนผู้ติดเชื้อในระดับสูง และเมื่อได้ผ่อนคลายหรือยกเลิกมาตรการควบคุมแล้ว กลับพบการระบาดของโรคระลอกใหม่ในระดับรุนแรง ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังกล่าวของรัฐบาลเป็นไปโดยมีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัย ในชีวิตของประชาชนเป็นส าคัญ จึงมีความจ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขยายระยะเวลาการประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยในระหว่างนั้นรัฐบาลจะติดตามและประเมินสถานการณ์ อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิ ภาพ และก าหนดหรือผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ตามความเหมาะสม โดยค านึงถึงการด ารงชีวิตโดยปกติสุข ของประชาชนไปพร้อมกัน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จึงให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง ส าหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จังหวัดชายแดน ภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๓๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 46.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๓๙๐ (พ.ศ. ๒๕๖๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง ก าหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการใช้วัตถุในอาหารที่ผลิตเพื่อจ าหน่าย น าเข้าเพื่อจ าหน่าย หรือที่จ าหน่าย โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธาร ณสุขว่าด้วยเรื่อง ก าหนดวัตถุที่ห้ามใช้ ในอาหาร เพื่อให้เป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับสากล อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ (๕) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๑๕๑ (พ.ศ. ๒๕๓๖) เรื่อง ก าหนดวัตถุที่ห้ามใช้ ในอาหาร ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ (๒) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒๔๗) พ.ศ. ๒๕๔๔ เรื่อง ก าหนดวัตถุที่ห้ามใช้ ในอาหาร (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๒ ก าหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการใช้วัตถุในอาหารที่ผลิตเพื่อจ าหน่าย น าเข้าเพื่อจ าหน่าย หรือที่จ าหน่าย ดังนี้ (๑) แคลเซียมไอโอเดท (calcium iodate) หรือโพแทสเซียมไอโอเดท (potassium iodate) อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะเพื่อปรับสภาวะโภช นาการเกี่ยวกับการขาดสารไอโอดีนเท่านั้น ตามที่ส านักงาน คณะกรรมการอาหารและยาเห็นชอบ (๒) เมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol) หรือเมทานอล (methanol) อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะ เป็นสารช่วยในการผลิต (processing aid) ส าหรับการผลิตอาหารดังต่อไปนี้ เท่านั้น (ก) วัตถุเจือปนอาหาร ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ข) อาหารเพื่อการส่งออก (๓) หญ้าหวาน ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Stevia rebaudiana Bertoni และผลิตภัณฑ์ จากหญ้าหวาน อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะกรณีดังต่อไปนี้ เท่านั้น (ก) ใบหญ้าหวานเป็นชาสมุนไพร ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่อง ชาสมุนไพร (ข) สตีวิออลไกลโคไซด์ (steviol glycosides) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ค) หญ้าหวาน หรือสารสกัดจากหญ้าหวาน ที่ใช้ส าหรับการผลิตสตีวิออลไกลโคไซด์ ตาม (ข) ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑ (ง) หญ้าหวาน หรือผลิตภัณฑ์อื่นจากหญ้าหวาน นอกเหนือจาก (ก) - (ค) ตามที่ส านักงาน คณะกรรมการอาหารและยาเห็นชอบภายใต้หลักการข้อก าหนดของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเรื่องอาหารนั้น ๆ (จ) หญ้าหวาน หรือผลิตภัณฑ์จากหญ้าหวานที่ผลิตเพื่อการส่งออก ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑" 462.pdf," กฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และมาตรา ๔๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดสิบห้าวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีเป็นระยะเวลาหนึ่งปีแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน จ าพวกที่ 2 และจ าพวกที่ 3 ทุกขนาด นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ไว้ ณ วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๓๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ปรากฏการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม และส่งผลต่อภาวะ ทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ท าให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานประสบกับภาวะรายได้ตกต่ าและต้นทุน การผลิตเพิ่มสูงขึ้น ในการนี้ เพื่อเป็นการลดภาระและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ดังกล่าว สมควร ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานจ าพวกที่ 2 และจ าพวกที่ 3 ทุกขนาด จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๓๘ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 463.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ก าหนดชนิดและแหล่งก าเนิดวัตถุดิบที่จะน ามาใช้ในโรงงาน พ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรก าหนดชนิดและแหล่งก าเนิดวัตถุดิบที่จะน ามาใช้ในโรงงาน เพื่อให้เกิด การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการใช้ทรัพยากร ภายในประเทศให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพอนามัย ของประชาชน และความปลอดภัยของประเทศหรือของสาธารณชน อาศัยอ านาจตามคว ามใน มาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ห้ามมิให้โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานน าชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หรือเศษ (ไม่รวมเศษจากเครื่องก าเนิดไฟฟ้า) ที่มีส่วนประกอบ ซึ่งได้แก่ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า และแบตเตอรี่อื่น ๆ สวิทซ์ที่มีปรอทเป็นองค์ประกอบในการท างาน เศษแก้วจากหลอดรังสีแคโทด และแอกติเวเต็ดกลาสอื่น ๆ ตัวเก็บประจุไฟฟ้าที่มีสารพีซีบี หรือที่ปนเปื้อนด้วยแคดเมียม ปรอท ตะกั่ว โพลีคลอริเนทเต็ดไบ ฟีนิล ตามบัญชี ๕.๒ ล าดับที่ ๒.๑๘ ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๕๖ ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ รวมถึงที่ปนเปื้อนสารอันตราย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมก าหนดที่น าเข้าจากต่างประเทศมาใช้เป็นวัตถุดิ บในโรงงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๒๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 464.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๓๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 ในประกาศนี้ “สิ่งปลูกสร้าง” หมายความว่า โรงเรือน อาคาร ตึก ห้องชุด แพ หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด ที่มีลักษณะให้บุคคลใช้เพื่อการอยู่อาศัย “โฮมสเตย์” หมายความว่า สถานที่พักชั่วคราวที่เจ้าของน าพื้นที่ใช้สอยภายในมาดัดแปลง เป็นห้องพักซึ่งมีจ านวนไม่เกินสี่ห้อง มีผู้พักรวมกันไม่เกินยี่สิบคน จัดบริการสิ่งอ า นวยความสะดวก ตามสมควร และเป็นการพักรวมกับเจ้าของในชายคาเดียวกัน อันมีลักษณะเป็นการประกอบกิจการ เพื่อหารายได้เสริม ข้อ 3 การใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย ให้หมายถึง การใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการอยู่อาศัย รวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งใช้ประโยชน์ต่อเนื่องด้วย เว้นแต่กรณี ดังนี้ (๑) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา หรือสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ขายตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน (๒) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่าง การพัฒนา หรือสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ขายตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด (๓) โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม (๔) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ให้บริการเป็นที่พักชั่วคราวส าหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใด โดยคิดค่าตอบแทน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่คิดค่าตอบแทนเป็นรายเดือนขึ้นไปหรือโฮมสเตย์ (๕) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์รอการขายของหน่วยงาน ดังต่อไปนี้ (ก) สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน (ข) สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น (ค) สถาบันการเงินประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันการเงินประชาชน (ง) บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ ข้อ ๔ การใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยตามข้อ 3 ให้หมายความรวมถึงช่วงเวลาระหว่าง การก่อสร้าง หรือปรับปรุงต่อเติมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่มี วัตถุประสงค์เพื่อการอยู่อาศัยด้วย ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ข้อ ๕ กรณีที่พื้นที่ต่อเนื่องตามประกาศนี้ ทับซ้อนกับพื้นที่ต่อเนื่องตามประกาศกระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ให้ใช้บังคับ ตามประกาศดังกล่าวนั้น ประกาศ ณ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖3 อุตตม สาวนายน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 465.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจ ตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือ แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิ งของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๓ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้ง แต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ - เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๒๕๕ บาท / ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๔๒๖ บาท / ชั่วโมง ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซล ของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับ ราคาเฉลี่ยทั้งปี ของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียม มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3 เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๒๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓" 472.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายระยะเวลาการยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท างานในราชอาณาจักร ตามมาตรา 64 แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2563 โดยที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 : COVID-19) ขึ้นในราชอาณาจักร ท าให้มีมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวไม่ให้ขยายเป็นวงกว้าง โดยได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 2๖ มีนาคม พ.ศ. 2563 และออกข้อก าหนด ตามพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และประเทศไทย หรือประเทศต้นทางของคนต่างด้าวซึ่งมีสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ได้มีมาตรการระงับการเข้าออก ราชอาณาจักร เป็นเหตุให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท างาน ในราชอาณาจักรในลักษณะไป - กลับ หรือตามฤดูกาลบริเวณแนวชายแดน ตามมาตรา 64 แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ครบวาระการจ้างงานหรือการอนุญาตให้พ านักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุด แต่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ คนต่างด้าวซึ่งได้รับการยกเว้นให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท างาน ตามประกาศนี้ หมายถึง คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งถือบัตรผ่านแดนตามม าตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาท างานในราชอาณาจักร ตามมาตรา 64 แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และการอนุญาตให้พ านักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุด และไม่สามารถ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ก่อนหรือในวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เนื่องจากการปิด ช่องทางการเข้าออกราชอาณาจักรหรือประเทศต้นทางของคนต่างด้าวซึ่งมีสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ข้อ ๒ ให้คนต่างด้าวตามข้อ 1 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท างานได้ จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 โดยมิให้น ามาตรา ๑๒ (๑๐) และมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาใช้บังคับ ข้อ 3 การยกเว้นให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็ นการชั่วคราวเพื่อการท างาน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เป็นอันสิ้นผลในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ก่อนครบ ระยะเวลา ตามประกาศนี้ (1) เป็นโรคต้องห้ามตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศก าหนดหรือเป็นผู้ที่สุขภาพไม่สมบูรณ์ แข็งแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการท างานโดยอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ (2) ต้องโทษตามค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่ความผิดซึ่งได้กระท าโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ (3) มาตรการปิดช่องทาง การเข้าออกราชอาณาจักรและประเทศต้นทางของคนต่างด้าว ซึ่งมีสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา สิ้นสุด ข้อ 4 เมื่อสิ้นสุดการอนุญาตหรือการอนุญาตเป็นอันสิ้นผลตามข้อ 3 ให้คนต่างด้าวดังกล่าว อยู่ในราชอาณาจักรได้อีกเจ็ดวัน เพื่อเตรียมการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓" 473.pdf," กฎกระทรวง ก้ำหนดค่ำตอบแทนรำยปีส้ำหรับผู้รับอนุญำตปลูกสร้ำงอำคำรหรือสิ่งอื่นใดล่วงล ้ำล้ำแม่น ้ำ พ.ศ. ๒๕๖๓ อำศัยอ้ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๑๗ ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือ ในน่ำนน ้ำไทย พระพุทธศักรำช ๒๔๕๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือในน่ำนน ้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ มำตรำ ๑๑๗ ทวิ วรรคสองและวรรคสี่ แห่งพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือ ในน่ำนน ้ำไทย พระพุทธศักรำช ๒๔๕๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติกำ รเดินเรือในน่ำนน ้ำไทย (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ และมำตรำ ๑๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือในน่ำนน ้ำไทย แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักรำช ๒๔๗๗ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงคมนำคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๔ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติ กำรเดินเรือในน่ำนน ้ำไทย พระพุทธศักรำช ๒๔๕๖ ข้อ ๒ ในกฎกระทรวงนี ""ผู้รับอนุญำต"" หมำยควำมว่ำ ผู้รับอนุญำตปลูกสร้ำงอำคำรหรือสิ่งอื่นใดล่วงล ้ำเข้ำไปเหนือน ้ำ ในน ้ำ และใต้น ้ำ ของแม่น ้ำ ล้ำคลอง บึง อ่ำงเก็บน ้ำ ทะเลสำบ อันเป็ นทำงสัญจรของประชำชนหรือ ที่ประชำชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภำยในน่ำนน ้ำไทยหรือบนชำยหำดของทะเลดังกล่ำว ข้อ ๓ ให้ผู้รับอนุญำตเสียค่ำตอบแทนเป็นรำยปี โดยปีแรกให้ช้ำระค่ำตอบแทนในวันที่ ได้รับอนุญำต ส้ำหรับปีต่อไปให้ช้ำระค่ำตอบแทนไม่เกินวันที่ครบก้ำหนดรอบปีนับแ ต่วันที่ได้รับอนุญำต กำรเสียค่ำตอบแทนตำมวรรคหนึ่ง ให้ยื่นค้ำขอตำมแบบที่อธิบดีกรมเจ้ำท่ำประกำศก้ำหนด ข้อ ๔ ให้ผู้รับอนุญำตยื่นค้ำขอเสียค่ำตอบแทนเป็นรำยปีต่อกรุงเทพมหำนคร เมืองพัทยำ เทศบำล องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด องค์กำรบริหำรส่วนต้ำบล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ซึ่งมีกฎหมำยจัดตั งขึ น แล้วแต่กรณี ที่อำคำรหรือสิ่งอื่นใดนั นอยู่ในเขต ข้อ ๕ ให้ผู้รับอนุญำตเสียค่ำตอบแทนเป็นรำยปี ตำมสภำพและประโยชน์ที่ผู้ปลูกสร้ำง หรือผู้ครอบครองอำคำรหรือสิ่งอื่นใดล่วงล ้ำล้ำแม่น ้ำพึงได้รับตำมอัตรำ ดั งต่อไปนี ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓(๑) ท่ำเทียบเรือส้ำรำญและกีฬำ ตำรำงเมตรละ ๒๕๐ บำท (๒) สถำนที่จอดและเทียบเรือส้ำรำญและกีฬำ ตำรำงเมตรละ ๑๐๐ บำท (๓) อำคำรหรือสิ่งอื่นใดนอกจำก (๑) และ (๒) ตำรำงเมตรละ ๕๐ บำท ในกรณีที่อำคำรหรือสิ่งอื่นใดตำมวรรคหนึ่งมีลักษณะหรือวัตถุประสงค์เพื่อใช้ ในกำรประกอบธุรกิจ ให้ผู้รับอนุญำตเสียค่ำตอบแทนเป็นสองเท่ำของอัตรำตำมวรรคหนึ่ง ข้อ ๖ ให้ผู้รับอนุญำตได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่ำตอบแทนเป็นรำยปี ส้ำหรับอำคำรหรือสิ่งอื่นใด ล่วงล ้ำล้ำแม่น ้ำ ดังต่อไปนี (๑) อำคำรหรือสิ่งอื่นใดที่กระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหำนค ร เมืองพัทยำ เทศบำล องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด องค์กำรบริหำรส่วนต้ำบล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นซึ่งมีกฎหมำย จัดตั งขึ น แล้วแต่กรณี ปลูกสร้ำงขึ นเพื่อประโยชน์ของทำงรำชกำรหรือเพื่อประโยชน์สำธำรณะ (๒) อำคำรหรือสิ่งอื่นใดที่รัฐวิสำหกิจหรือหน่วยงำนอื่ นของรัฐ ปลูกสร้ำงขึ นโดยมิได้มี วัตถุประสงค์ในกำรหำรำยได้ (๓) ท่ำเทียบเรือที่ปลูกสร้ำงขึ นเพื่อประกอบกิจกำรประมงโดยเฉพำะ ตลอดจนเครื่องมือ ท้ำประมงทุกชนิด (๔) ท่อสูบน ้ำที่ปลูกสร้ำงขึ นเพื่อกำรเกษตรหรือใช้ในที่อยู่อำศัย (๕) อำคำรหรือสิ่งอื่นใดที่ปลูกสร้ำงขึ นเพื่อใช้ประกอบศำสนกิจโดยเฉพำะ (๖) อำคำรหรือสิ่งอื่นใดที่ปลูกสร้ำงขึ นเพื่อกำรสำธำรณูปโภค (๗) กระชังเลี ยงสัตว์น ้ำ (๘) อำคำรหรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ส้ำหรับประกอบอำชีพในภำคกำรเกษตร หรือกำรประมง ข้อ ๗ ให้ผู้รับอนุญำตได้รับลดหย่อ นค่ำตอบแทนโดยเสียค่ำตอบแทนเป็นรำยปี ตำรำงเมตรละ ๕ บำท ส้ำหรับอำคำรหรือสิ่งอื่นใดล่วงล ้ำล้ำแม่น ้ำ ดังต่อไปนี (๑) ที่พักอำศัย สะพำนทำงเดิน บันไดท่ำน ้ำ หรือศำลำท่ำน ้ำ (๒) อำคำรหรือสิ่งอื่นใดที่ปลูกสร้ำงขึ นเพื่อใช้ในกำรขนส่งสินค้ำหรือคนโดยสำรทำงน ้ำ (๓) อำคำรหรือสิ่งอื่นใดที่รัฐวิสำหกิจปลูกสร้ำงขึ นเพื่อหำรำยได้ ข้อ ๘ กำรค้ำนวณพื นที่ของอำคำรหรือสิ่งอื่นใดล่วงล ้ำล้ำแม่น ้ำเพื่อเสียค่ำตอบแทน ให้ค้ำนวณตำมพื นที่ที่ล่วงล ้ำเข้ำไปตำมควำมเป็นจริง เศษของพื นที่ไม่ถึง ๑ ตำรำงเมตร ให้คิดเป็น ๑ ตำรำงเมตร ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ในกรณีที่อำคำรหรือสิ่งอื่นใดที่ล่วงล ้ำล้ำแม่น ้ำได้ปลูกสร้ำงขึ นครอบคลุมพื นที่สำธำรณะ ซึ่งบุคคลอื่นไม่สำมำรถเข้ำไปใช้ประโยชน์ในพื นที่สำธำรณะนั นได้ ให้ค้ำนวณพื นที่ตำมขอบเขตที่อำคำร หรือสิ่งอื่นใดนั นครอบคลุมทั งหมด ข้อ ๙ ผู้รับอนุญำตที่เสียค่ำตอบแทนตำมกฎกร ะทรวง ฉบับที่ ๖๔ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือในน่ำนน ้ำไทย พระพุทธศักรำช ๒๔๕๖ แล้วก่อนวันที่ กฎกระทรวงนี มีผลใช้บังคับ ให้เสียค่ำตอบแทนส้ำหรับปีต่อไปตำมอัตรำที่ก้ำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี ไม่เกินวันที่ครบก้ำหนดรอบปีนับแต่วันที่ได้เสียค่ ำตอบแทนตำมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๔ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือในน่ำนน ้ำไทย พระพุทธศักรำช ๒๔๕๖ ให้ไว้ ณ วันที่ 28 พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖3 อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่ำกำรกระทรวงคมนำคม ปฏิบัติรำชกำรแทน รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงคมนำคม ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี คือ โดยที่เป็นกำรสมควรปรับปรุงวิธีกำรเสีย ค่ำตอบแทนรำยปี อัตรำค่ำตอบแทนรำยปีและกำรยกเว้นหรือลดหย่อนค่ำตอบแทนรำยปีให้ผู้รับอนุญำต ปลูกสร้ำงอำคำรหรือสิ่งอื่นใดล่วงล ้ำเข้ำไปเหนื อน ้ำ ในน ้ำ และใต้น ้ำ ของแม่น ้ำ ล้ำคลอง บึง อ่ำงเก็บน ้ำ ทะเลสำบ อันเป็นทำงสัญจรของประชำชนหรือที่ประชำชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภำยในน่ำนน ้ำไทย หรือบนชำยหำดของทะเลดังกล่ำวให้เหมำะสมยิ่งขึ น และโดยที่มำตรำ ๑๑๗ ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือในน่ำนน ้ำไทย พระพุทธศักรำช ๒๔๕๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติ กำรเดินเรือในน่ำนน ้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้บัญญัติให้ผู้รับอนุญำตปลูกสร้ำงอำคำรหรือสิ่งอื่นใด ล่วงล ้ำล้ำแม่น ้ำต้องเสียค่ำตอบแทนเป็นรำยปีตำมวิธีกำรและ อัตรำที่ก้ำหนดในกฎกระทรวง จึงจ้ำเป็นต้อง ออกกฎกระทรวงนี ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓" 479.pdf," กฎกระทรวง ฉบับที่ 365 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ และมาตรา ๔๒ (๑๗) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรว งไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (97) ของข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๓๔ (พ.ศ. ๒๕๖๐) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “(97) เงินได้เท่าที่ผู้มีเงินได้จ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยในปีภาษี ให้แก่บริษัทประกันชีวิตหรือ บริษัทประกันวินาศภัยที่ประกอบกิจการในราชอาณาจักรส าหรับการประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้ ตามจ านวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เ กินสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (ง) แห่งประมวลรัษฎากร หรือเงินได้ที่ได้รับยกเว้นตาม (61) วรรคหนึ่ง หรือ (94) แล้วแต่กรณี ต้องไม่เกินหนึ่งแสนบาท ทั้งนี้ ส าหรับเบี้ยประกันภัยที่ได้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีก าหนด ” ข้อ ๒ บทบัญญัติใน (๙๗) ของข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๓๔ (พ.ศ. ๒๕๖๐) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ให้ยังคง ใช้บังคับต่อไปส าหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้ไว้ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๓หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมและจูงใจ ให้ประชาชนท าประกันสุขภาพอันจะเป็นการบรรเทาภาระของประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพโดยตรง และโดยอ้อมจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และส่งเสริมให้ประ ชาชนดูแลสุขภาพ สมควรเพิ่มวงเงินของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมค านวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ส าหรับเงินได้ ที่จ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยส าหรับการประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้ จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๓" 480.pdf," กฎกระทรวง ความปลอดภัยในการขนส่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๙/๑) และ (9/2) ของข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวง ความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ “(๙/๑) ปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนการด าเนินการในการประกอบการขนส่งที่ได้ยื่นไว้ต่อ นายทะเบียนในการขอรับหรือขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่ง โดยจัดให้มีระบบการจัดการ การเก็บข้อมูล การติดตาม และการประเมินผลตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศก าหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี (9/2) จัดให้มีบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง ซึ่งต้องมีคุณสมบัติและ ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตร ระยะเวลา และมีหน้าที่ตามที่อธิบดีประกาศก าหนด โดยความเห็นชอบ ของรัฐมนตรี” ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ส าหรับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประเภทการขนส่งส่วนบุคคล ให้ปฏิบัติ ตามข้อก าหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่งเฉพาะ (๑) (๖) (๗) (๘) (๙) (๙/๑) (9/2) (๑๐) และ (๑๑)” ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ข้อ 3 ให้ยกเลิกความใน (๔) ของข้อ ๔ แห่งกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๔) ปฏิบัติตามข้อก าหนดในข้อ ๓ (๑) (๖) (๗) (๘) (๙) (๙/๑) (9/2) (๑๐) และ (๑๑)” ให้ไว้ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ในปัจจุบันมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการขาดการตรวจสอบด้านความปลอดภัยในการขนส่ง สมควรเพิ่มเติม ข้อก าหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่ง เพื่อให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งต้องจัดให้มีระบบ การจัดการความปลอดภัยในการขนส่งอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้มีการจัดเก็บข้อมูล การติดตามและประเมินผล ตลอดจนมีผู้ท าหน้าที่ควบคุมดูแลการจัดการความปลอดภั ยในการขนส่งในทุกขั้นตอนของการขนส่ง เพื่อให้การขนส่งเป็นไปด้วยความปลอดภัย และลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓" 481.pdf," กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๖๔ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการน าส่งเงินภาษี อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓ ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้ “ธนาคาร” หมายความว่า ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และสถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ข้อ ๒ ผู้มีหน้าที่น าส่งเงินภาษีตามประมวลรัษฎากรอาจเลือกวิธีการน าส่งเงินภาษี ต่อกรมสรรพากรผ่านธนาคาร ตามมาตรา ๓ ปัณรส ได้ตามกฎกระทรวงนี้ ธนาคารที่ประสงค์จะรับเงินภาษีจากผู้มีหน้าที่น าส่งเงินภาษีแทนกรมสรรพากรตามวรรคหนึ่ง ต้องยื่นค าขอต่ออธิบดีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศก าหนด ข้อ ๓ ให้ผู้มีหน้าที่น าส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๒ ภาษีเงินได้ตามมาตรา ๗๐ และมาตรา ๗๐ ทวิ และภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๓/๕ และมาตรา ๘๓/๖ น าส่งเงินภาษี ผ่านธนาคาร พร้อมกับการจ่ายเงินได้พึงประเมิน หรือการจ าหน่ายเงินก าไรหรือเงินประเภทอื่นใด ที่กันไว้จากก าไรหรือที่ถือได้ว่าเป็นเงินก าไร หรือการจ่ายเงินค่ าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ก็ได้ ข้อ ๔ ให้ผู้มีหน้าที่น าส่งเงินภาษีตามข้อ ๓ แจ้งรายการที่เกี่ยวข้องต่อธนาคารตามที่อธิบดี ประกาศก าหนด โดยต้องมีรายการอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (๑) เลขประจ าตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้มีหน้าที่น าส่งภาษี (๒) ชื่อหรือเลขประจ าตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้รับเงิน ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓(๓) ในกรณีภาษีเงินได้ ให้ระบุประเภทของเงินได้พึงประเมินและจ านวนเงินได้ที่ผู้มีหน้าที่ น าส่งเงินภาษีได้น าส่ง และจ านวนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี) (๔) ในกรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ระบุมูลค่าทั้งหมดที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับจาก การขายสินค้าหรือการให้บริการ (๕) จ านวนภาษีที่หักหรือน าส่ง ข้อ ๕ เมื่อธนาคารได้รับเงินภาษีจากผู้มีหน้าที่น าส่งเงินภาษีตามข้อ ๓ แล้ว ให้ธนาคาร ออกหลักฐานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่ อแสดงการรับช าระเงินภาษีดังกล่าวให้แก่ผู้มีหน้าที่น าส่งเงินภาษี และผู้รับเงินหรือผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย การออกหลักฐานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงการรับเงินภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศก าหนด ข้อ ๖ ให้ธนาคารน าส่งเงินภาษีตามข้อ ๓ และรายการตามข้อ ๔ ต่อกรมสรรพากร ภายในระยะเวลาที่ได้ท าความตกลงกับกรมสรรพากรแต่ไม่เกินสี่วันท าการนับถัดจากวันที่ธนาคาร ได้รับเงินภาษีและรายการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศก าหนด ข้อ ๗ เมื่อธนาคารได้น าส่ งเงินภาษีให้กรมสรรพากรแล้ว ให้กรมสรรพากรออก ใบเสร็จรับเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้มีหน้าที่น าส่งเงินภาษี และให้ถือว่าการเสียภาษีอากร เป็นการสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ไว้ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๓ ปัณรส แห่งประมวล รัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ก าหนดให้ผู้มีหน้าที่น าส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๕๒ แห่งประมวลรัษฎากร ภาษีเงินได้ ตามมาตรา ๗๐ และมาตรา ๗๐ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๓/๕ และ มาตรา ๘๓/๖ แห่งประมวลรัษฎากร อาจเลือกวิธีการน าส่งเงินภาษีดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาที่ก าหนดในกฎกระทรวงแทนวิธีการน าส่งตามที่บัญญัติในมาตราที่เกี่ยวข้องก็ได้ จึงจ าเป็ นต้อง ออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓" 483.pdf,"ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอขยายระยะสิ้นสุดการให้ความเห็นชอบ ในการตรวจสอบภายใน หม้อน้้าทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้ง โดยที่ปรากฏว่าได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างรวดเร็ว ในหลายประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย ในการนี้กระทรวงสาธารณสุข จึงได้มีการรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา นอกจากนั้นยังปรากฏว่ามีผู้ ได้รับการวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสดังกล่าวแล้ว ทั่วโลกเป็นจ้านวนมาก กรณีดังกล่าวจึงได้มีข้อก้าหนดของทางราชการเพื่อยับยั้งและป้องกันมิให้ โรคติดเชื้อไวรัสดังกล่าวแพร่ระบาดหลายประการ อาทิเช่น การห้ามการเดินทางเข้าประเทศ การห้ามการเดินทางข้ามเขตจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศ รวมถึงการห้ามการรวมกลุ่มท้ากิจกรรมและ การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ซึ่งข้อก้าหนดดังกล่าวส่งผลกระทบต่อโรงงาน อุตสาหกรรมในการที่จะต้องจัดให้มีบุคคลเข้ามาตรวจสอบโรงงานในกรณีต่าง ๆ ตามที่กฎหมายก้าหนด เนื่องจากผู้ตรวจสอบไม่อาจเดิน ทางเข้ามาตรวจสอบในโรงงานได้ หรือกรณีที่จะต้องมีการตรวจสอบ โรงงานโดยผู้ตรวจสอบจ้านวนมากในเวลาเดียวก็ไม่อาจกระท้าได้โดยสะดวกเนื่องจากอาจขัดต่อ ข้อก้าหนดดังกล่าวข้างต้น กรณีดังกล่าวจึงส่งผลให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานไม่อาจมีผลการตรวจสอบ โรงงานในกรณีต่าง ๆ มาด้าเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายภายในระยะเวลาที่ก้าหนดได้ ซึ่งกรณีนี้ รวมถึงการขอความเห็นชอบในการตรวจสอบภายในหม้อน้้าทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้งด้วย เนื่องจากการขอความเห็นชอบดังกล่าวมีข้อก้าหนดให้ต้องมีการตรวจสอบ หม้อน้้าและน้าผลการตรวจสอบมาประกอบการยื่นค้าขอ เมื่อผู้ประกอบกิจการไม่อาจน้าผลการตรวจสอบ หม้อน้้ามายื่นได้เนื่องจากเกิดข้อขัดข้องในการเข้าตรวจสอบดังกล่าวข้างต้นการขอความเห็นชอบ ในการตรวจสอบภายในหม้อน้้าทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งค รั้ง ย่อมไม่อาจกระท้าได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการที่ได้รับความเห็นชอบ ในการตรวจสอบภายในหม้อน้้าทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้ง สมควรก้าหนดให้มีการขยายระยะเวลาสิ้นสุดการให้ความเห็นชอบในการตรวจ สอบภายในหม้อน้้า ทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้งที่ได้รับความเห็นชอบไปแล้วออกไป อีกระยะหนึ่ง เพื่อรอให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คลี่คลายลง และสามารถเข้าตรวจสอบในโรงงานตามปกติได้ อาศัยอ้านาจตามความในข้อ ๑๘ แห่งประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง มาตรการ ความปลอดภัยเกี่ยวกับหม้อน้้าและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อน้าความร้อน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งแก้ไข โดยประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง มาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับหม้อน้้าและหม้อต้ม ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อน้าความร้อน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้มีการขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเห็นชอบในการตรวจสอบภายในหม้อน้้า ทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้งที่ระบุในแบบ สปภ.๑ - ๒๗ ของข้อ ๙ แห่งประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการให้ความเห็นชอบในการ ตรวจสอบภายในหม้อน้้าทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้ง พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่จะสิ้นสุดในวันใดวันหนึ่งหลังจากวันที่ออกประกาศนี้ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เฉพาะผู้ที่ได้รับการเห็นชอบไว้ไม่เกิน ๓ ปี ข้อ ๒ ผู้ใดประสงค์จะให้มีการขยายเวลาสิ้นสุดการเห็นชอบในการตรวจสอบภายในหม้อน้้า ทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้งตามข้อ ๑ ให้ยื่นค้าขอ เป็นหนังสือต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนวันสิ้นสุดการเห็นชอบในการตรวจสอบภายในหม้อน้้า ทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้งตามที่ระบุในแบบ สปภ. ๑ - ๒๗ ไม่น้อยกว่า ๑๕ วันพร้อมเอกสาร ดังต่อไปนี้ ๒.๑ หนังสือการได้รับความเห็นชอบตรวจสอบภายในหม้อน้้าทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้ง จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ๒.๒ หนังสือความเห็นของวิศวกรเกี่ยวกับการขยายระยะสิ้นสุดการให้ความเห็นชอบ ในการตรวจสอบภายในหม้อน้้าทุกระยะเวลาเกินกว่ า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้ง ลงนามโดยวิศวกรผู้ตรวจสอบความปลอดภัยหรือวิศวกรผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาเครื่องกล ระดับวุฒิวิศวกร ๒.๓ แผนการบ้ารุงรักษาหม้อน้้าเชิงป้องกันในการใช้หม้อน้้า ซึ่งรับรองโดยวิศวกร ควบคุมและอ้านวยก ารใช้หม้อน้้าหรือวิศวกรผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาเครื่องกล ระดับวุฒิวิศวกร ข้อ ๓ กรณีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมพิจารณาค้าขอและเอกสารตามข้อ ๒ แล้วเห็นว่า ครบถ้วนถูกต้องประกอบกับค้าขอดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขที่ก้าหนดตามข้อ ๑ ให้มีหนังสือแจ้งให้ ผู้ขอทราบว่าได้ขยายเวลาสิ้นสุดการเห็นชอบในการตรวจสอบภายในหม้อน้้าทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้งจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ กรณีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมพิจารณาค้าขอและเอกสารตามข้อ ๒ แล้วเห็นว่า ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องให้แจ้งให้ผู้ขอแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่ก้าหนด เมื่อได้แก้ไข เพิ่มเติมเรียบร้อยแล้วและค้าขอดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขที่ก้าหนดตามข้อ ๑ ให้มีหนังสือแจ้งให้ ผู้ขอทราบว่าได้ขยายเวลาสิ้นสุดการเห็นชอบในการตรวจสอบภายในหม้อน้้า ทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้งจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ แต่หากไม่แก้ไขเพิ่มเติม ให้มีหนังสือแจ้งคืนเรื่องให้ผู้ขอ ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ กรณีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมพิจารณาค้าขอและเอกสารตามข้อ ๒ แล้วเห็นว่า ครบถ้วนหรือถูกต้องแต่ค้าขอดั งกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ก้าหนดตามข้อ ๑ ให้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ขอ ทราบว่าไม่สามารถขยายเวลาสิ้นสุดการเห็นชอบในการตรวจสอบภายในหม้อน้้าทุกระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๕ ปี ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้งให้ได้พร้อมเหตุผล ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับได้จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ประกาศ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 ประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๓" 484.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง เอกสารการขนส่งที่ต้องจัดให้มีไว้ประจ ารถที่ใช้ในการขนส่งวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง เอกสารการขนส่งที่ต้องจัดให้มีไว้ประจ ารถ ที่ใช้ในการขนส่งวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ และ (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ และ (ฉบับที่ ๔) ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ไว้แล้ว นั้น โดยที่ประกาศดังกล่าวก าหนดให้ผู้ขับรถขนส่งวัตถุอันตรายต้องมีหนังสือรับรองผ่านการอบรม หลักสูตรการขับรถที่ใช้ในการขนส่งวัตถุอันตรายจากกรมการขนส่งทางบก ซึ่งจะมีผลใช้บังคับ ในวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แต่เนื่องจากปัจจุบันได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ( COVID-19) และนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อก าหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ก าหนดมาตรการ ในด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19) ดังนั้น เพื่อให้การด าเนินการของกรมการขนส่งทางบกสอดคล้องกับ มาตรการตามพระราชก าหนดดังกล่าว สมควรผ่อนระยะเวลาการบังคับใช้หนังสือรับรองผ่านการอบรม หลักสูตรการขับรถที่ใช้ ในการขนส่งวัตถุอันตรายออกไปอีกระยะหนึ่ง อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๓ (๓) ของกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตรายทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๘ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงให้ยกเลิกความในข้อ ๑๑ (๓) ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง เอกสารการขนส่งที่ต้องจัดให้ มีไว้ ประจ ารถที่ใช้ในการขนส่งวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง เอกสารการขนส่งที่ต้องจัดให้มีไว้ประจ ารถที่ใช้ในการ ขนส่งวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “(๓) การจัดให้มีหนังสือรับรองผ่านการอบรมหลักสูตรการขับรถที่ใช้ในการขนส่งวัตถุอันตราย ตามข้อ ๘ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป” ประกาศ ณ วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. ๒๕63 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๓" 486.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างก่อสร้าง สาขาช่างก่อและติดตั้งคอนกรีตมวลเบา ระดับ 2 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานก าหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างก่อสร้าง สาขาช่างก่อและติดตั้งคอนกรีตมวลเบา ระดับ 2 ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างก่อสร้าง สาขาช่างก่อ และติดตั้งคอนกรีตมวลเบา ระดับ 2 ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (1) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ที่จ าเป็นจะต้องน ามาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จ านวน 5๐ ข้อ ใช้เวลาในการ ทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม 5๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับ การทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบ ภาคความสามารถ (2) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิดความช านาญ เพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อก าหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่ก าหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการทดสอบทักษะฝีมือโดยให้ผู้เข้ารับการทดสอบปฏิบั ติงานตามรูปแบบ และกฎเกณฑ์ ในรายละเอียดวิธีการทดสอบ ประกอบด้วย การเตรียมพื้นที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และวัสดุ การผสมปูนก่อ และปูนทรายปรับระดับ และการก าหนดแนวก่อ อิฐมวลเบาและติดตั้งแผ่น เคาน์เตอร์ (Counter) แผ่นผนัง (Wall Panel) การก่ออิฐมวลเบาในแนวระนาบโค้ง การติดตั้งแผ่น เคาน์เตอร์และผนัง ตามหลักวิชาการและความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ใช้เวลาในการทดสอบ 5 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 200 คะแนน คิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด (3) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการ ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างก่อสร้าง สาขาช่างก่อและติดตั้งคอนกรีตมวลเบา ระดับ 2 จะออกให้แก่ ผู้ผ่านการทดสอบ โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ และต้อง ทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างก่อสร้าง สาขาช่างก่อและติดตั้งคอนกรีตมวลเบา ระดับ 2 ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๓" 487.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดค่ำธรรมเนียมเกี่ยวกับวัตถุอันตรำย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติวัตถุอันตรำย พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่ำกำร กระทรวงอุตสำหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มควำมต่อไปนี้เป็น (๑๓) และ (๑๔) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวงก ำหนดค่ำธรรมเนียม เกี่ยวกับวัตถุอันตรำย พ.ศ. ๒๕๕๒ “(๑๓) ใบน ำผ่ำนวัตถุอันตรำยชนิดที่ ๑ หรือชนิดที่ ๒ คิดตำมปริมำณกำรน ำผ่ำนในแต่ละครั้ง ดังต่อไปนี้ (ก) ไม่ถึงสิบเมตริกตัน ฉบับละ ๕๐๐ บำท (ข) ตั้งแต่สิบเมตริกตันขึ้นไป แต่ไม่ถึง ห้ำสิบเมตริกตัน ฉบับละ ๑,๐๐๐ บำท (ค) ตั้งแต่ห้ำสิบเมตริกตันขึ้นไป แต่ไม่ถึง หนึ่งร้อยเมตริกตัน ฉบับละ ๑,๕๐๐ บำท (ง) ตั้งแต่หนึ่งร้อยเมตริกตันขึ้นไป ฉบับละ ๓,๐๐๐ บำท (๑๔) ใบน ำผ่ำนวัตถุอันตรำยชนิดที่ ๓ คิดตำมปริมำณกำรน ำผ่ำนในแต่ละครั้ง ดังต่อไปนี้ (ก) ไม่ถึงสิบเมตริกตัน ฉบับละ ๑,๐๐๐ บำท (ข) ตั้งแต่สิบเมตริกตันขึ้นไป แต่ไม่ถึง ห้ำสิบเมตริกตัน ฉบับละ ๒,๐๐๐ บำท (ค) ตั้งแต่ห้ำสิบเมตริกตันขึ้นไป แต่ไม่ถึง หนึ่งร้อยเมตริกตัน ฉบับละ ๓,๐๐๐ บำท (ง) ตั้งแต่หนึ่งร้อยเมตริกตันขึ้นไป ฉบับละ ๖,๐๐๐ บำท” ให้ไว้ ณ วันที่ 11 มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕๖3 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรม ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่พระรำชบัญญัติวัตถุอันตรำย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ก ำหนดอัตรำค่ำธรรมเนียมใบน ำผ่ำนวัตถุอันตรำยเพิ่มขึ้น สมควรแก้ไขเพิ่มเติม กฎกระทรวงก ำหนดค่ำธรรมเนียมเกี่ยวกับวัตถุอันตรำย พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อก ำหนดค่ำธรรมเนียมใบน ำผ่ำน วัตถุอันตรำยชนิดที่ ๑ ชนิดที่ ๒ และชนิดที่ ๓ ให้สำมำรถเรียกเก็บได้ ประกอบกับมำตรำ ๕ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติวัตถุอันตรำย พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรมมีอ ำนำจ ออกกฎกระทรวงก ำหนดค่ำธรรมเนียมไม่ เกินอัตรำท้ำยพระรำชบัญญัติ จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓" 49.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ก าหนดจังหวัดที่จะท าการส ารวจรังวัดท าแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 58 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2528 รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย เห็นสมควรประกาศก าหนดจังหวัดที่จะท าการส ารวจรังวัดท าแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ดังนี้ ๑. จังหวัดกระบี่ 2. จังหวัดก าแพงเพชร 3. จังหวัดขอนแก่น 4. จังหวัดฉะเชิงเทรา 5. จังหวัดชัยภูมิ 6. จังหวัดเชียงราย 7. จังหวัดเชียงใหม่ 8. จังหวัดนครราชสีมา 9. จังหวัดนราธิวาส 10. จังหวัดน่าน 11. จังหวัดปัตตานี 12. จังหวัดพิษณุโลก 13. จังหวัดแพร่ 14. จังหวัดพังงา 15. จังหวัดยะลา 16. จังหวัดล าปาง 17. จังหวัดล าพูน 18. จังหวัดสงขลา 19. จังหวัดหนองคาย 20. จังหวัดอุบลราชธานี 21. จังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้ เขตจังหวัดดังกล่าวไม่รวมท้องที่ที่ทางราชการได้จ าแนกให้เป็นเขตป่าไม้ถาวร ประกาศ ณ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๔๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑" 490.pdf,"ประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เรื่อง การขึ้นทะเบียนหนี้และการเพิกถอนทะเบียนหนี้ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เรื่อง การขึ้นทะเบียนหนี้และการเพิกถอนทะเบียนหนี้ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อให้กระบวนการขึ้นทะเบียนหนี้ เกษตรกรสอดคล้องกับกระบวนการจัดการหนี้ ตามประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดการหนี้และการจ าแนกแยกประเภทหนี้ของเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑๘ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๗/๖ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกอบกับมติคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เรื่อง การขึ้นทะเบียนหนี้และการเพิกถอนทะเบียนหนี้ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อความในข้อ ๕ (๔) ของประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เรื่อง การขึ้นทะเบียนหนี้และการเพิกถอนทะเบียนหนี้ พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ประกาศ ณ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 จารึก บุญพิมพ์ ประธานกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๓" 492.pdf,"ข้อก ำหนด ออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๒) ตำมที่ได้มีประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรำชอำณำจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมำได้ขยำยระยะเวลำกำรบังคับใช้ประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินดังกล่ำวออกไป เป็นครำวที่ ๓ จนถึงวันที่ ๓๑ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น โดยที่สถำนกำรณ์กำรระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 หรือโรคโควิด - 19 ยังคงมี ควำมรุนแรงในต่ำงประเทศ ประกอบกับจะมีกำรเดินทำงเข้ำมำในรำชอำณำจักร จึงจ ำเป็นต้องก ำหนด มำตรกำรเพื่อให้สอดคล้องกับควำมสำมำรถในกำรจัดกำรคัดกรองของพนักงำนเจ้ำหน้ำที่หรือ เจ้ำพนักงำนควบคุมโรคติดต่อตำมมำตรกำรป้องกันโรค และเพื่อกำรควบคุมและป้องกันมิให้เกิด กำรระบำดระลอกใหม่ในประเทศได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมำตรำ ๑๑ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นำยกรัฐมนตรีจึงออกข้อก ำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนรำชกำรทั้งหลำย ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กำรเดินทำงเข้ำมำในรำชอำณำจักร ให้ยกเลิกควำมในข้อ ๓ ของข้อก ำหนด (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๕ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ กรณีกำรปิดช่องทำงเข้ำมำในรำชอำณำจักร และ ให้ใช้ควำมต่อไปนี้แทน “กำรเดินทำงจำกต่ำงประเทศเข้ำมำในรำชอำณำจักรไม่ว่ำจะเป็นกำรใช้เส้นทำงคมนำคมทำงบก ทำงน้ ำ หรือทำงอำกำศ หรือโดยกำรใช้ยำนพำหนะไม่ว่ำจะเป็นรถยนต์ เรือ อำกำศยำน หรือ ยำนพำหนะอื่นใดเพื่อเดินทำงเข้ำม ำในรำชอำณำจักรย่อมกระท ำได้ โดยเป็นไปตำมเงื่อนไข เงื่อนเวลำ และหลักเกณฑ์ที่นำยกรัฐมนตรีหรือผู้มีอ ำนำจตำมกฎหมำยว่ำด้วยคนเข้ำเมือง กฎหมำยว่ำด้วย กำรเดินอำกำศและกฎหมำยว่ำด้วยโรคติดต่อก ำหนด เพื่อกำรป้องกันกำรระบำดของโรคและจัดระเบียบ จ ำนวนบุคคลที่เดินทำงเข้ำมำในรำชอำณำจักรให้สอดคล้องกับควำมสำมำรถของเจ้ำหน้ำที่ในกำร คัดกรองและกำรจัดสถำนที่ไว้แยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต ส ำหรับผู้โดยสำรหรือผู้เดินทำงเข้ำมำ ในรำชอำณำจักร ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้มีสัญชำติไทย (๒) ผู้มีเหตุยกเว้นหรือเป็นกรณีที่นำยกรัฐมนตรีหรือหัวหน้ำผู้รับผิดชอบในกำรแก้ไข สถำนกำรณ์ฉุกเฉินก ำหนด อนุญำต หรือเชิญให้เข้ำมำในรำชอำณำจักรได้ตำมควำมจ ำเป็น โดยอำจ ก ำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลำก็ได้ ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓(๓) บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์กำรระหว่ำงประเท ศ หรือผู้แทนรัฐบำลหรือหน่วยงำน ของรัฐต่ำงประเทศซึ่งมำปฏิบัติงำนในประเทศไทย หรือบุคคลในหน่วยงำนระหว่ำงประเทศอื่นตำมที่ กระทรวงกำรต่ำงประเทศอนุญำตตำมควำมจ ำเป็น ตลอดจนคู่สมรส บิดำมำรดำ หรือบุตรของบุคคล ดังกล่ำว (๔) ผู้ขนส่งสินค้ำตำมควำมจ ำเป็น แต่เมื่อเสร็จภำรกิจแล้วให้กลับออกไปโดยเร็ว (๕) ผู้ควบคุมยำนพำหนะหรือเจ้ำหน้ำที่ประจ ำยำนพำหนะซึ่งจ ำเป็นต้องเดินทำงเข้ำมำ ตำมภำรกิจและมีก ำหนดเวลำเดินทำงออกนอกรำชอำณำจักรชัดเจน (๖) ผู้ไม่มีสัญชำติไทยซึ่งเป็นคู่สมรส บิดำมำรดำ หรือบุตรของผู้มีสัญชำติไทย (๗) ผู้ไม่มีสัญชำติไทยซึ่งมีใบส ำคัญถิ่นที่อยู่ในรำชอำณำจักรหรือได้รับอนุญำตให้มีถิ่นที่อยู่ ในรำชอำณำจักร (๘) ผู้ไม่มีสัญชำติไทยซึ่งมีใบอนุญำตท ำงำนหรือได้รับอนุญำตให้เข้ำมำท ำงำนในรำชอำณำจักร ตำมกฎหมำย ตลอดจนคู่สมรสหรือบุตรของบุคคลดังกล่ำว (๙) ผู้ไม่มีสัญชำติไท ยซึ่งเป็นนักเรียนหรือนักศึกษำของสถำนศึกษำในประเทศไทยที่ทำงกำรไทย รับรองตลอดจนบิดำมำรดำหรือผู้ปกครองของบุคคลดังกล่ำว ยกเว้นนักเรียนหรือนักศึกษำของโรงเรียน นอกระบบตำมกฎหมำยว่ำด้วยโรงเรียนเอกชนหรือของสถำนศึกษำอื่นของเอกชนที่มีลักษณะคล้ำยกัน (๑๐) ผู้ไม่มีสัญชำติไทยซึ่งมีควำมจ ำเป็นต้องเข้ำมำรับกำรตรวจรักษำพยำบำลในประเทศไทย และผู้ติดตำมของบุคคลดังกล่ำว แต่ต้องไม่เป็นกรณีเข้ำมำเพื่อกำรรักษำพยำบำลโรคโควิด - 19 (๑๑) ผู้ไม่มีสัญชำติไทยซึ่งได้รับอนุญำตให้เดินทำงเข้ำมำในรำชอำณำจักรตำมข้อตกลงพิเศษ (special arrangem ent) กับต่ำงประเทศ ” ข้อ ๒ มำตรกำรป้องกันโรคส ำหรับผู้เดินทำงเข้ำมำในรำชอำณำจักร ให้พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ หรือเจ้ำพนักงำนควบคุมโรคติดต่อควบคุมดูแลให้ผู้ที่เดินทำงเข้ำมำในรำชอำณำจักรปฏิบัติตำมเงื่อนไข เงื่อนเวลำ และหลักเกณฑ์ที่ทำงรำชกำรก ำหนดไว้โดยเคร่งครัด และให้ผู้ซึ่งพนักงำนเจ้ำหน้ำที่หรือ เจ้ำพนักงำนควบคุมโรคติดต่อสั่งหรือก ำหนดเป็นเงื่อนไขในกำรเดินทำงหรือกำรเข้ำมำในรำชอำณำจักร รับกำรแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต ณ สถำนที่และตำมระยะเวลำซึ่งทำงรำชกำรก ำหนด หรือปฏิบัติตำมระบบกำรตรวจสอบกำรเดินทำงในรำชอำณ ำจักรหรือกำรใช้แอปพลิเคชันติดตำมตัว เพื่อให้มำรับกำรตรวจหำเชื้อเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ำมีกำรติดเชื้อก็ได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกำศ ณ วันที่ 30 มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓" 495.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีก าหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๓) ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือ ประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชก าหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศที่คณะรัฐมนตรี ก าหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และค าสั่งนายกรัฐม นตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓" 496.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 18 พ.ศ. 2563 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 53 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕62 ก าหนดสินค้าควบคุม 46 รายการ และบริการควบคุม 6 รายการ ไปแล้ว นั้น โดยที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับเพียงหนึ่งปี และคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจดังกล่าวแล้ว เห็นควรปรับรายละเอียด และยกเลิก รายการสินค้าและบริการควบคุมบางรายการ รวมทั้งเพิ่มรายการสินค้าควบคุมบางรายการ เพื่อดูแล ป้องกันการก าหนดราคาซื้อ ราคาจ าหน่ายหรือการก าหนดเงื่อนไขและวิธีปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๑) และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 53 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕62 ข้อ ๓ ให้สินค้าและบริการ ดังต่อไปนี้เป็นสินค้าและบริการควบคุม หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ (1) กระดาษท าลูกฟูก กระดาษเหนียว (2) กระดาษพิมพ์และเขียน หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง (3) ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ (4) รถจักรยานยนต์ รถยนต์บรรทุก หมวดปัจจัยทางการเกษตร (5) กากดีดีจีเอส (6) เครื่องสูบน้ า (7) ปุ๋ย (8) ยาป้องกันหรือก าจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช (9) รถเกี่ยวข้าว ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓(10) รถไถนา (11) หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (12) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (13) น้ ามันเชื้อเพลิง หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ (14) ยารักษาโรค (15) เวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรค หมวดวัสดุก่อสร้าง (16) ท่อพีวีซี (17) ปูนซีเมนต์ (18) สายไฟฟ้า (19) เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น เหล็กเส้น หมวดสินค้าเกษตรที่ส า คัญ (20) ข้าวเปลือก ข้าวสาร (21) ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ (22) ข้าวโพด (23) ต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ มันส าปะหลังและผลิตภัณฑ์ (24) ผลปาล์มน้ ามัน (25) มะพร้าวผลแก่ และผลิตภัณฑ์ (26) ยางพารา ได้แก่ น้ ายางสด ยางก้อน เศษยาง น้ ายางข้น ยางแผ่น ยางแท่ง ยางเครพ หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค (27) กระดาษช าระ กระดาษเช็ดหน้า (28) แชมพู (29) ผงซักฟอก น้ ายาซักฟอก (30) ผลิตภัณฑ์ล้างจาน (31) ผ้าอนามัย (32) ผ้าอ้อมส าเร็จรูปเด็กและผู้ใหญ่ (33) สบู่ก้อน สบู่เหลว หมวดอาหาร (34) กระเทียม (35) ไข่ไก่ ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓(36) ทุเรียน (37) นมผง ผลิตภัณฑ์นมพร้อมบริโภคชนิดเหลว ไม่รวมถึงนมเปรี้ยว (38) น้ ามัน และไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ทั้งที่บริโภคได้หรือไม่ได้ (39) แป้งสาลี (40) มังคุด (41) ล าไย (42) สุกร เนื้อสุกร (43) หอมหัวใหญ่ (44) อาหารกึ่งส าเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึก (45) อาหารในภาชนะบรรจุที่ ปิดสนิท หมวดอื่น ๆ (46) เครื่องแบบนักเรียน หมวดบริการ (47) การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า (48) บริการซื้อขาย และหรือบริการขนส่งสินค้าส าหรับธุรกิจออนไลน์ (49) บริการทางการเกษตร (50) บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาลเกี่ยวกับ การรักษาโรค (51) บริการรับช าระเงิน ณ จุดบริการ ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖3 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 498.pdf,"ค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ ๒๐/๒๕๖๓ เรื่อง กำรปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๕) เพื่อให้กำรปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำร ในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๑ และ ฉบับที่ ๑๒) ค ำสั่งศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์ กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ ๖/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แนวปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๕) และค ำสั่งศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์ กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ ๗/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แนวปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๖) เป็นไปด้วยควำมเรียบร้อย อำศัยอ ำนำจตำมค ำสั่งนำยกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้ง ผู้ก ำกับกำรปฏิบัติงำน หัวหน้ำผู้รับผิดชอบ และพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ในกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน ข้อ ๓ (๖) ข้อ ๔ และข้อ ๕ และค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ ๑/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๗ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑ จึงก ำหนดแนวทำงปฏิบัติ ดังนี้ ๑. ให้กำรปฏิบัติตำมค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ในเรื่องปรับกำรตั้งจุดตรวจควบคุมกำรแพร่ระบำดโรคโควิด - 19 จัดตั้งคณะตรวจกำรประกอบกิจกำรและ กิจกรรมตำมมำตรกำรผ่อนคลำย แต่งตั้งพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ มอบหน้ำที่และอ ำนำจ และแต่งตั้งหัวหน้ำคณะ ตรวจกำรประกอบกิจกำรและกิจกรรมตำมมำตรกำรผ่อนคลำย ยังมีผลบังคับใช้และปรับกำรปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับแนวทำงที่ก ำหนด รวมทั้งเพิ่มควำมเข้มงวดในกำรตรวจกิจกำรและกิจกร รมที่ได้รับ กำรผ่อนคลำยซึ่งอำจมีควำมเสี่ยงต่อกำรแพร่เชื้อโรค เพิ่มมำตรกำรใช้แอปพลิเคชันที่ทำงรำชกำรก ำหนด ตลอดจนให้ค ำแนะน ำและกวดขันให้สถำนประกอบกำรและประชำชนด ำเนินชีวิตแบบฐำนวิถีชีวิตใหม่ (New Normal ) ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓๒. ด ำรงควำมต่อเนื่องในกำรตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสำยต รวจร่วม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ กำรก่ออำชญำกรรม กำรรวมกลุ่มชุมนุมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อกำรแพร่เชื้อโรค หรือกำรกระท ำ อันเป็นกำรฉวยโอกำสซ้ ำเติมควำมเดือดร้อนของประชำชน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 30 มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕63 พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชำกำรทหำรสูงสุด หัวหน้ำศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 499.pdf,"ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจ าตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรม และทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจ าตัวคนขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2554 ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554 ไว้แล้ว นั้น โดยที่กรมการขนส่งทางบกได้ประกาศงดการด าเนินการด้านใบอนุญาตขับรถตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจ ารถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก งดการเรียนการสอน ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมกา รขนส่งทางบก และงดการให้บริการหน่วยเคลื่อนที่ ในช่วงเวลาที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันและควบคุม การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวท าให้ประชาชน ไม่สามารถมาด าเนินการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจ ารถได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเยียวยาผลกระทบ ที่เกิดจากการงดการด าเนินการดังกล่าว อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจ าตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้เพิ่มบทเฉพาะกาล ข้อ 37 ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจ าตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2554 “บทเฉพาะกาล ข้อ 37 ให้ยกเว้นการทดสอบข้อเขียนหรือทดสอบขับรถ ส าหรับกรณีการเปลี่ยนประเภท ใบอนุญาตขับรถชนิดส่วนบุคคลชั่วคราวเป็นใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล และการต่ออายุใบอนุญาต ขับรถยนต์ส่วนบุคคล รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล รถยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถใช้งาน เกษตรกรรม ดังนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓(1) ใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุเกิน 1 ปี ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ให้ได้รับยกเว้นการทดสอบข้อเขียน (2) ใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุเกิน 3 ปี ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ให้ได้รับยกเว้นการทดสอบขับรถ ” ประกาศ ณ วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕63 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 50.pdf,"ข้อก ำหนด เกี่ยวกับกำรจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 256๑ อำศัยอ ำนำจตำมควำมใน มำตรำ 14 (1) และมำตรำ 16 แห่งพระรำชบัญญัติกำรจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 คณะกรรมกำรจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลำ จึงออกข้อก ำหนดเกี่ยวกับกำรจัดท ำแผนผัง โครงกำรและวิธี กำรจัดสรรที่ดิน โดยควำมเห็นชอบจำกคณะกรรมกำรจัดสรรที่ดินกลำงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ข้อก ำหนดนี้เรียกว่ำ “ข้อก ำหนดเกี่ยวกับกำรจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 256๑” ข้อ 2 ข้อก ำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกควำมใน ๓๑.๒ ของข้อ 31 แห่งข้อก ำหนดเกี่ยวกับกำรจัดสรรที่ดิน จังหวัดสงขลำ พ.ศ. 2545 และให้ใช้ควำมต่อไปนี้แทน “31.2 ลำนกิจกรรมหรือลำนอเนกประสงค์ ในกรณีเป็นกำรจัดสรรที่ดินขนำดใหญ่ ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งของสำธำรณูปโภค ประเภทลำนกิจกรรมหรือลำนอเนกประสงค์ จ ำนวน 1 แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่ำ 200 ตำรำงวำ และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่ำวเพิ่มขึ้นทุก ๆ 500 แปลง หรือทุก ๆ 100 ไร่ ที่ดินที่กันไว้เพื่อจัดตั้งโรงเรียนอนุบำล ตำมแผนผังโครงกำรและวิธีกำรจัดสรรที่ดิน ในโครงกำรจัดสรรที่ดินที่ได้รับอนุญำตให้ท ำกำรจัดสรรที่ดินก่อนวันที่ข้อก ำหนดฉบับนี้มีผลใช้บังคับ หำกไม่สำมำรถจัดตั้งโรงเรียนอนุบำลหรือโรงเรียนประเภทอื่นตำมระเบียบกระทรวงศึกษำธิกำรได้ ให้ใช้พื้นที่ดังกล่ำวจัดท ำเป็นสำธำรณูปโภคอื่น เช่น ลำนกิจกรรม ลำนอเนกป ระสงค์ สวน สนำมเด็กเล่น สนำมกีฬำ เป็นต้น โดยผู้จัดสรรที่ดิน ที่ประสงค์จะจัดท ำสำธำรณูปโภคดังกล่ำวต้องยื่นค ำขอแก้ไข เปลี่ยนแปลงแผนผังโครงกำรหรือวิธีกำรที่ได้รับอนุญำต เพื่อให้คณะกรรมกำรพิจำรณำตำมนัยมำตรำ 32 แห่งพระรำชบัญญัติกำรจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543” ให้ไว้ ณ วันที่ ๗ กันยำยน พ.ศ. ๒๕๖๑ ดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดสงขลำ ประธำนกรรมกำรจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลำ ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๔๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑" 501.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดอัตรำเงินค่ำท ำศพ ในกรณีที่ผู้ประกันตนถึงแก่ควำมตำยโดยมิใช่ประสบอันตรำยหรือเจ็บป่วยเนื่องจำกกำรท ำงำน พ.ศ. ๒๕๖๓ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ 7 วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓3 และมำตรำ 73 (1) แห่งพระรำชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระรำชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2537 รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแรงงำน ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกกฎกระทร วงก ำหนดอัตรำเงินค่ำท ำศพ พ.ศ. 2550 ข้อ 2 เงินค่ำท ำศพที่จ่ำยให้แก่บุคคลตำมมำตรำ 73 (1) ในกรณีที่ผู้ประกันตนถึงแก่ ควำมตำยโดยมิใช่ประสบอันตรำยหรือเจ็บป่วยเนื่องจำกกำรท ำงำน ให้ก ำหนดเป็นจ ำนวนห้ำหมื่นบำท ให้ไว้ ณ วันที่ 26 มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕๖3 หม่อมรำชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแรงงำน ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นกำรสมควรปรับปรุงอัตรำ เงินค่ำท ำศพในกรณีที่ผู้ประกันตนถึงแก่ควำมตำยโดยมิใช่ประสบอันตรำยหรือเจ็บป่วยเนื่องจำกกำรท ำงำน ให้มีควำมเหมำะสมและสอดคล้องกับสภำวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 507.pdf,"ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการท าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการท า ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ไปแล้ว นั้น เนื่องจากประเทศไทยประสบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้ประกอบการกิจการอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการเยียวยาผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ฉะนั้น จึงอาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมให้ยกเลิกการก าหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการท า ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อการอนุญาตหรือติดตามผลหลังการอนุญาต โดยส านักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศ ณ วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๖๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 508.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจ ตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของกา รให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๓ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ดังนี้ บาท / ตู้ ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐' ตู้มีสินค้า ๒๒ ๔๔ ๕๐ ตู้สินค้าเปล่า ๑๓ ๒๖ ๒๙ ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซลของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปี ของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุง ในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลง เกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 509.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจ ตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของ การให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๓ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วั นที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ - เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๖๗๙ บาท / ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๗๔๑ บาท / ชั่วโมง ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซลของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปี ของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกิน กว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 510.pdf,"ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่มาตรา ๓ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาก าหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๓ ก าหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลซึ่งเป็นหน่วยงานหรือกิจการตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวต้องจัดให้มี มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมก าหนด อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาก า หนดหน่วยงาน และกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่ อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง มาตรฐาน การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ” หมายความว่า ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นหน่วยงาน หรือกิจการตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาก าหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๓ “ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ” หมายความว่า การธ ารงไว้ซึ่งความลับ (confidentiality ) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ ข้อ ๔ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องแจ้งมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ส่วนบุคคลตามประกาศนี้ ให้แก่บุคลากร พนักงาน ลูกจ้างหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบ รวมถึง สร้างเสริมความตระหนักรู้ด้านความส าคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการ ที่ก าหนดอย่างเคร่งครัด ข้อ ๕ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ส่วนบุคคล ซึ่งควรครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล ( access control ) โดยอย่างน้อย ต้องประกอบด้วยการด าเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและอุปกรณ์ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลโดยค านึงถึงการใช้งานและความมั่นคงปลอดภัย (๒) การก าหนดเกี่ยวกับการอนุญาตหรือการก าหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (๓) การบริหารจัดการการเข้าถึงของผู้ใช้งาน (user access management ) เพื่อควบคุม การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตแล้ว (๔) การก าหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน (user responsibilities ) เพื่อป้องกัน การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบท าส าเนาข้อมูล ส่วนบุคคล การลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (๕) การจัดให้มีวิธีการเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล ให้สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและสื่อที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุ คคล ข้อ ๖ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอาจเลือกใช้มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ของข้อมูลส่วนบุคคลที่แตกต่างไปจากประกาศฉบับนี้ได้ หากมาตรฐานดังกล่าวมีมาตรการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยไม่ต่ ากว่าที่ก าหนดในประกาศนี้ ข้อ ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษ ฐกิจและสังคมรักษาการตามประกาศนี้ และให้มีอ านาจตีความและวินิจฉัยปัญหาอันเกิดจากการปฏิบัติตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 512.pdf,"ประกาศคณะกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการมาตรฐานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ เรื่อง ยกเว้นค่าบริการส าหรับการตรวจสอบหรือการประเมินผลให้แก่ห้องปฏิบัติการ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นค่าบริการส าหรับการตรวจสอบหรือการประเมินผลให้แก่ ห้องปฏิบัติการ เพื่อเป็นการลดภาระและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 และรักษาระดับอัตราการจ้างงานเดิมของห้องปฏิบัติการไว้ได้ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการมาตรฐานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ และมติคณะกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการ ในการประชุมครั้งที่ ๖-๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ จึงมีประกาศยก เว้นค่าบริการส าหรับการตรวจสอบ หรือการประเมินผลให้แก่ห้องปฏิบัติการ ตามประกาศคณะกรรมการรับรองห้องปฏิบัติการ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศ ณ วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 วันชัย พนมชัย เลขาธิการส านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ประธานกรรมการรับรอง ห้องปฏิบัติการ ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๖๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 515.pdf,"ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงเศรษฐการ เรื่อง มาตรฐานไม้สักแปรรูป พ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรยกเลิกประกาศกระทรวงเศรษฐการ เรื่อง มาตรฐานไม้สักแปรรูป ลงวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2508 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๒) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. ๒๕๐๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ มาตรฐานสินค้าขาออก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยคําแนะนําของ คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงเศรษฐการ เรื่อง มาตรฐานไม้สักแปรรูป ลงวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2508 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖3 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ้หนา ๕๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๗๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓" 519.pdf,"ค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ ๒1/๒๕๖๓ เรื่อง กำรปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ 6) เพื่อให้กำรปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำร ในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๓) ค ำสั่งศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ ๘/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แนวปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำร ในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๗) เป็นไปด้วยควำมเรียบร้อย อำศัยอ ำนำจตำมค ำสั่ง นำยกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้ก ำกับกำรปฏิบัติงำน หัวหน้ำผู้รับผิดชอบและพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ในกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน ข้อ ๓ (๖) ข้อ ๔ และข้อ ๕ และค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ ๑/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๗ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑ จึงก ำหนดแนวทำงปฏิบัติ ดังนี้ ๑. ให้กำรปฏิบัติตำมค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ในเรื่องปรับกำรตั้งจุดตรวจควบคุมกำรแพร่ระบำดโรคโควิด - 19 จัดตั้งคณะตรวจกำรประกอบกิจกำร และกิจกรรมตำมมำตรกำรผ่อนคลำย แต่งตั้งพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ มอบหน้ำที่และอ ำนำจ และแต่งตั้ง หัวหน้ำคณะตรวจกำรประกอบกิจกำรและกิจกรรมตำมมำตรกำรผ่อนคลำย ยังมีผลบังคับใช้และ ปรับกำรปฏิบัติให้สอดคล้องกับแนวทำงที่ก ำหนด รวมทั้งเพิ่มควำมเข้มงวดในกำรตรวจกิจกำรและกิจกรรม ที่ได้รับกำรผ่อนคลำยซึ่งอำจมีควำมเสี่ยงต่อกำรแพร่เชื้ อโรค โดยเฉพำะกิจกำรและกิจกรรม ที่ได้รับอนุญำตให้เปิดด ำเนินกำรเพิ่มเติม ตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๓) กิจกำรและกิจกรรมที่มีประชำชน เข้ำร่วมจ ำนวนมำก เพิ่มมำตรกำรใช้แอปพลิเคชันที่ทำงรำชกำรก ำหนด รวมทั้งให้ค ำแนะน ำ กวดขัน ส่งเสริมและรณรงค์ให้สถำนประกอบกำรและประชำชน ตระหนักและปฏิบัติตำมมำตรกำรป้องกันโรค ตลอดจนปรับรูปแบบกำรด ำเนินชีวิตตำมแนววิถี “นิวนอร์มัล” ้หนา ๙๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๗๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ สิงหาคม ๒๕๖๓๒. ด ำรงควำมต่อเนื่องในกำรตั้งจุดตรวจร่วม และ ชุดสำยตรวจร่วม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ กำรก่ออำชญำกรรม กำรรวมกลุ่มชุมนุมที่ไม่เป็นไปตำมหลักเกณฑ์ที่ก ำหนดไว้ตำมกฎหมำยว่ำด้วย กำรชุมนุมสำธำรณะหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อกำรแพร่เชื้อโรค หรือกำรกระท ำอันเป็นกำร ฉวยโอกำสซ้ ำเติมควำมเดือดร้อนของประชำชน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 31 กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕63 พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชำกำรทหำรสูงสุด หัวหน้ำศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ้หนา ๙๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๗๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ สิงหาคม ๒๕๖๓" 52.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๓๒๖) เรื่อง กําหนดการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๑ มาตรา ๕๙ แหงประมวลรั ษฎากร อธิบดีกรมสรรพากร กําหนดการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี สําหรับ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินไดหัก ณ ที่จายผานระบบเครือขายอินเทอรเน็ตไว ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ใหยกเลิกความในขอ ๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๑๐๖) เรื่อง กําหนดการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ยื่นแบบแสดง รายการภาษี ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๑๑๐) เรื่อง กําหนดก ารยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ และใหใชความตอไปนี้แทน “ขอ ๑ กําหนดใหการยื่นรายการขอมูลตามแบบ ภ.ง.ด. ๑ ภ.ง.ด. ๒ และ ภ.ง.ด. ๓ ผานระบบเครือขายอินเทอรเน็ต ทางเว็บไซต (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th โดยวิธีใดวิธีหนึ่งดังตอไปนี้ เปนการยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามมาตรา ๕๙ แหงประมวลรัษฎากร (๑) เขาสูระบบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีทางเว็บไซต ( Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th โดยตรง โดยใชชื่อผูใช (Username) และรหัสผาน ( Password) ที่ไดรับจาก การลงทะเบียนการเขาใชระบบดังกลาวของกรมสรรพากร (๒) เขาสูระบบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีทางเว็บไซต ( Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ผานระบบบริการ Tax Single Sign On ทางเว็บไซต ( web Site) ของกระทรวงการคลัง https://etax.mof.go.th โดยใชชื่อผูใช ( Username) และรหัสผาน ( Password) ที่ไดรับจาก การลงทะเบียนการเขาใชระบบบริการ Tax Single Sign On ของกระทรวงการคลัง การยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามวรรคหนึ่ง มิให ใชกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเกินกําหนดเวลา ตามที่กําหนดในขอ ๓” ้หนา ๖๓ ่เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๗๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ขอ ๒ ใหยกเลิกความในขอ ๒ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๑๐๖) เรื่อง กําหนดการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ยื่นแบบแสดง รายการภาษี ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๑๑๐) เรื่อง กําหนดการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ และใหใชความตอไปนี้แทน “ขอ ๒ ผูมีหนาที่นําสงภาษีเงินไดที่มีความประสงคจะยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามขอ ๑ จะตองยื่นคําขอเพื่อลงทะเบียนการใชระบบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีผานระบบเครือขายอินเทอรเน็ต ของกรมสรรพากรตามขอ ๑ (๑) หรือระบบบริการ Tax Single Sign On ของกระทรวงการคลังตามขอ ๑ (๒) และเมื่อไดรับอนุมัติแลวจึงจะมีสิทธิยื่นรายการขอมูลตามแบบ ภ.ง.ด. ๑ ภ.ง.ด. ๒ และ ภ.ง.ด. ๓ ผานระบบเครือขายอินเทอรเน็ต ทางเว็บไซต (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th โดยใหถือเปนสถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภ าษีไดอีกแหงหนึ่ง ” ขอ ๓ ประกาศนี้ใหใชบังคับสําหรับการยื่นรายการตั้งแตวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๑ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เอกนิติ นิติทัณฑประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๖๔ ่เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๗๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ ตุลาคม ๒๕๖๑" 520.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดค่ำธรรมเนียมกำรประกอบกิจกำรโรงงำน และใบอนุญำตตรวจสอบหรือรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๓ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติโรงงำน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติโรงงำน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวง อุตสำหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติ โรงงำน พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒ ให้ก ำหนดค่ำธรรมเนียม ดังต่อไปนี้ (๑) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ไม่ใช้เครื่องจักร ฉบับละ ๑,๐๐๐ บำท (๒) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรไม่ถึงห้ำสิบแรงม้ำ ฉบับละ ๑,๕๐๐ บำท (๓) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่ห้ำสิบแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่ห้ำสิบแรงม้ำ แต่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแรงม้ำ ฉบับละ ๓,๐๐๐ บำท (๔) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่หนึ่งร้อยแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่หนึ่งร้อยแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสองร้อยแรงม้ำ ฉบับละ ๕,๐๐๐ บำท (๕) ใบอนุญำตประกอบ กิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สองร้อยแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สองร้อยแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสำมร้อยแรงม้ำ ฉบับละ ๗,๐๐๐ บำท ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๓(๖) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สำมร้อยแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สำมร้อยแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสี่ร้อยแรงม้ำ ฉบับละ ๙,๐๐๐ บำท (๗) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สี่ร้อยแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สี่ร้อยแรงม้ำ แต่ไม่ถึงห้ำร้อยแรงม้ำ ฉบับละ ๑๒,๐๐๐ บำท (๘) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่ห้ำร้อยแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่ห้ำร้อยแรงม้ำ แต่ไม่ถึงหกร้อยแรงม้ำ ฉบับละ ๑๕,๐๐๐ บำท (๙) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่หกร้อยแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่หกร้อยแรงม้ำ แต่ไม่ถึงเจ็ดร้อยแรงม้ำ ฉบับละ ๑๘,๐๐๐ บำท (๑๐) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่เจ็ดร้อยแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่เจ็ดร้อยแรงม้ำ แต่ไม่ถึงแปดร้อยแรงม้ำ ฉบับละ ๒๒,๐๐๐ บำท (๑๑) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่แปดร้อยแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่แปดร้อยแรงม้ำ แต่ไม่ถึงเก้ำร้อยแรงม้ำ ฉบับละ ๒๖,๐๐๐ บำท (๑๒) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่เก้ำร้อยแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่เก้ำร้อยแรงม้ำ แต่ไม่ถึงหนึ่งพันแรงม้ำ ฉบับละ ๓๐,๐๐๐ บำท (๑๓) ใบอนุญำตประกอบกิจก ำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่หนึ่งพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่หนึ่งพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสองพันแรงม้ำ ฉบับละ ๓๕,๐๐๐ บำท ้หนา ๑๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๓(๑๔) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สองพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สองพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสำมพันแรงม้ำ ฉบับละ ๔๐,๐๐๐ บำท (๑๕) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สำมพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สำมพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสี่พันแรงม้ำ ฉบับละ ๔๕,๐๐๐ บำท (๑๖) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สี่ พันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สี่พันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงห้ำพันแรงม้ำ ฉบับละ ๕๐,๐๐๐ บำท (๑๗) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่ห้ำพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่ห้ำพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงหกพันแรงม้ำ ฉบับละ ๕๕,๐๐๐ บำท (๑๘) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่หกพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่หกพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงเจ็ดพันแรงม้ำ ฉบับละ ๖๐,๐๐๐ บำท (๑๙) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่เจ็ดพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่เจ็ดพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงแปดพันแรงม้ำ ฉบับละ ๖๕,๐๐๐ บำท (๒๐) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่แปดพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่แปดพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงเก้ำพันแรงม้ำ ฉบับละ ๗๐,๐๐๐ บำท (๒๑) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่เก้ำพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่เก้ำพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงหนึ่งหมื่นแรงม้ำ ฉบับละ ๗๕,๐๐๐ บำท ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๓(๒๒) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่หนึ่งหมื่นแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ ำตั้งแต่หนึ่งหมื่นแรงม้ำ แต่ไม่ถึงหนึ่งหมื่นห้ำพันแรงม้ำ ฉบับละ ๘๕,๐๐๐ บำท (๒๓) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่หนึ่งหมื่นห้ำพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่หนึ่งหมื่นห้ำพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสองหมื่นแรงม้ำ ฉบับละ ๙๕,๐๐๐ บำท (๒๔) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สองหมื่นแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สองหมื่นแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสองหมื่นห้ำพันแรงม้ำ ฉบับละ ๑๐๕,๐๐๐ บำท (๒๕) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สองหมื่นห้ำพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สองหมื่นห้ำพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสำมหมื่นแรงม้ำ ฉบับละ ๑๑๕,๐๐๐ บำท (๒๖) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สำมหมื่นแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สำมหมื่นแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสำมหมื่นห้ำพันแรงม้ำ ฉบับละ ๑๒๕,๐๐๐ บำท (๒๗) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำนที่ใช้ เครื่องจักรตั้งแต่สำมหมื่นห้ำพันแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สำมหมื่นห้ำพันแรงม้ำ แต่ไม่ถึงสี่หมื่นแรงม้ำ ฉบับละ ๑๓๕,๐๐๐ บำท (๒๘) ใบอนุญำตประกอบกิจกำรโรงงำน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่สี่หมื่นแรงม้ำ หรือก ำลังเทียบเท่ำตั้งแต่สี่หมื่นแรงม้ำขึ้นไป ฉบับละ ๑๔๕,๐๐๐ บำท (๒๙) กำรอนุญำตให้ขยำยโรงงำนให้ใช้อัตรำ ตำมที่ก ำหนดใน (๓) ถึง (๒๘) (๓๐) ใบแทนใบอนุญำต ฉบับละ ๕๐๐ บำท (๓๑) กำรโอนใบอนุญำต ฉบับละ ๑,๕๐๐ บำท ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๓(๓๒) กำรแจ้งกรณีได้รับยกเว้นกำรขยำยโรงงำน หรือกรณีลดหรือเพิ่มเครื่องจักรแต่ไม่เข้ำข่ำย ขยำยโรงงำนหรือกำรเพิ่มเนื้อที่อำคำรโรงงำน หรือกำรก่อสร้ำงอำคำรโรงงำนเพิ่มขึ้น ครั้งละ ๑,๕๐๐ บำท (๓๓) ใบอนุญำตตรวจสอบหรือรับรอง (ก) บุคคลธรรมดำ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บำท (ข) นิติบุคคล ฉบับละ ๓,๐๐๐ บำท (๓๔) กำรต่ออำยุใบอนุญำตตรวจสอบ หรือรับรองให้ใช้อัตรำตำมที่ก ำหนดใน (๓๓) (๓๕) ใบแทนใบอนุญำตตรวจสอบหรือรับรอง ฉบับละ ๑๐๐ บำท ให้ไว้ ณ วันที่ 3 กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรม ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๓หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นกำรสมควรปรับปรุง ค่ำธรรมเนียมกำรประกอบกิจกำรโรงงำน และใบอนุญำตตรวจสอบหรือรับรองให้สอดคล้องกับ กำรเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์กำรควบคุมกำรประกอบกิจกำรโรงงำนตำมพระรำ ชบัญญัติโรงงำน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมำตรำ ๖ วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติโรงงำน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติโรงงำน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่ำกำร กระทรวงอุตสำหกรรมมีอ ำนำจออกกฎกระทรวงก ำหนดค่ำธรรมเนียมไม่เกินอัตรำท้ำยพระรำชบัญญัติ ลดหรือยกเว้นค่ำธรรมเนียม โดยจะก ำหนดค่ำธรรมเนียมให้แตกต่ำงกันโดยค ำนึงถึงประเภท ชนิด หรือขนำดของโรงงำนก็ได้ จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ สิงหาคม ๒๕๖๓" 522.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท างานในราชอาณาจักร ตามมาตรา 64 แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 : COVID-19) ขึ้นในราชอาณาจักร และทางราชการได้ก าหนด มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโรค ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ อย่างเร่งด่วนภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคคลี่คลายลง และการเสริมสร้างความมั่นคง ทางด้านสาธารณสุข กรณีจึงสมควรให้คนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศ ซึ่งเดิมได้รับอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรและได้รับอนุญาตให้ท างานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปัจจุบันการอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรและการอนุญาตให้ท างานสิ้นสุดให้สามารถท างานต่อไปได้ โดยไม่จ าต้องเดินทางกลับ ประเทศต้นทางและเดิ นทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรใหม่ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจาก การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรั ฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ คนต่างด้าวซึ่งจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะเพื่อการท างาน ตามประกาศนี้ หมายถึง คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งถือบัตรผ่านแดนตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท างานในราชอาณาจักร ตามมาตรา 64 แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และการอนุญาตให้พ านักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุดตั้งแต่วั นที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563 และอยู่ในราชอาณาจักรตลอดมา ข้อ ๒ คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อการท างาน ให้นายจ้างน าคนต่างด้าว ไปด าเนินการ ดังนี้ (๑) ขอรับใบอนุญาตท างานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว ณ ส านักงานจัดหางาน ในพื้นที่ที่คนต่างด้าวท างานอยู่ ภายในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ 2563 ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๙๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓(๒) ตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลของรัฐ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนหรือประกันสุขภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศก าหนด แล้วแต่กรณี ภายในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564 ข้อ ๓ มิให้น ามาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ และค าสั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง การไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจ าพวก เข้ามาในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ มาใช้บังคับแก่คนต่างด้าวซึ่งได้ด าเนินการ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อ ๒ ข้อ 4 เมื่อนายจ้างได้ด าเนินการตามข้อ 2 แล้ว ให้คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะเพื่อการท างานได้ไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 ทั้งนี้ ต้องขอรับ ใบอนุญาตท างานทุกสามเดือน โดยต้องด าเนินการก่อนใบอนุญาตท างานเดิมหมดอายุ ข้อ 5 การอนุญาตตามประกาศนี้สิ้นผลในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ออกนอกเขตท้องที่ตามความตกลงว่าด้วยก ารข้ามแดนหรือท้องที่ในเขตพัฒนา เศรษฐกิจพิเศษ (2) การอนุญาตให้ท างานสิ้นสุดลงตามกฎหมายว่าด้วยการบริหา รจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว (3) เดินทางออกนอกราชอาณาจักร (4) เป็นโรคต้องห้ามตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศก าหนดหรือเป็นผู้ที่สุขภาพไม่สมบูรณ์ แข็งแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการท างานโดยอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ (5) ต้องโทษตามค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่ความผิ ดซึ่งได้กระท าโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๙๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓" 523.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ ส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 : COVID-19) ขึ้นในราชอาณาจักร และทางราชการได้ก าหนด มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโรค ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ อย่างเร่งด่วนภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคคลี่คลายลง และการเสริมสร้างความมั่นคง ทางด้านสาธารณสุข กรณีจึงสมควรให้คนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศ ซึ่งเดิมได้รับอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรและได้รับอนุญาตให้ท างานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปัจจุบันการอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรและการอนุญาตให้ท างานสิ้นสุดให้สามารถท างานต่อไปได้ โดยไม่จ าต้องเดินทางกลับ ประเทศต้นทาง และเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรใหม่ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจาก การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ คนต่างด้าวซึ่งจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะเพื่อการท างาน ตามประกาศนี้ หมายถึง (1) คนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทน หนังสือเดินทาง โดยได้รับอนุญาตให้เข้ามาท างานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาล ต่างประเทศ และให้หมายความรวมถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรระหว่างบิดา หรือมารดาได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และไม่ได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรตามมาตรการ ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนี้ (ก) การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง เนื่องจากวาระการจ้างงาน ครบสี่ปี ภายในวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ้หนา ๑๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๙๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ (ข) การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างานสิ้นสุดลง ตามมาตรา 50 มาตรา 53 และมาตรา 55 แห่งพระราชก าหนดการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ภายในวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (2) คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งผ่านการพิสูจน์สัญชาติ และได้รับ หนังสือเดินทาง เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือหนังสือรับรองสถานะบุคคล ที่ระยะเวลาการอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรและการอนุญาตท างานสิ้นสุดลงระหว่างวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ แต่นายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้น าคนต่างด้าวมาท างานไม่ได้ยื่น บัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามแนวทาง ที่ก าหนดในมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้หมายความรวมถึงผู้ติดตาม ซึ่งเป็นบุตรที่มีสิทธิอยู่ในราชอาณาจักรตามสิทธิของบิดาหรือมารดาในขณะที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ หรือบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรระหว่างบิดาหรือมารดาได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และไม่ได้ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน า 2019 ข้อ ๒ คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อการท างานต่อไป ให้นายจ้าง น าคนต่างด้าวนั้นไปขอรับใบอนุญาตท างานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างานของคนต่างด้าว ภายในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ข้อ ๓ เมื่อนายจ้างได้ด าเนินการตามข้อ ๒ แล้ว ให้คนต่างด้าวผู้นั้นอยู่ในราชอาณาจักร เป็นการเฉพาะเพื่อด าเนินการตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลของรัฐ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนหรือประกันสุขภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศก าหนด แล้วแต่กรณี และขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวต่อไป ณ ส านักงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ที่คนต่างด้าวท างานอยู่ให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564 (๒) ขอจัดท าหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และรับ บัตรประจ าตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่มีใบอนุญาตท างานอยู่ด้านหลังของบัตร ณ ส านักงานเขต กรุงเทพมหานคร ศูนย์ทะเบียนภาคจังหวัดสาขาหรือสถานที่อื่นที่กรมการปกครองก าหนด ซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่ ที่คนต่างด้าวท างาน ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 ข้อ ๔ บุตรของคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตตามข้อ ๑ (๒) ที่มีอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ ก่อนหรือภายในวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ หากประสงค์จะอยู่ในราชอาณาจักรต่อไป ให้ด าเนินการตามที่ก าหนดในข้อ ๒ และข้อ ๓ บุตรของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตตามข้อ ๑ (๒) ซึ่งมีอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ ภายหลังวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ หากประสงค์จะอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปจะต้องท างานกับนายจ้าง โดยให้ด าเนินการขอรับใบอนุญาตท างานและแก้ไขทะเบียนประวัติภายในหกสิบวันก่อนมีอายุครบ สิบแปดปีบริบูรณ์ ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๙๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ข้อ ๕ มิให้น ามาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ และค าสั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง การไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจ าพวก เข้ามาในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ มาใช้บังคับแก่คนต่างด้าวซึ่งได้ด าเนินการ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อ ๒ และข้อ ๓ ข้อ ๖ เมื่อด าเนินการตามข้อ ๓ แล้ว ให้คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวเพื่อการท างานได้ไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 ทั้งนี้ การอยู่ในราชอาณาจักร ของผู้ติดตาม ให้เป็นไปตามบิดา หรือมารดา ของผู้ติดตาม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองตรวจอนุญาตให้คนต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรต่อไปเพื่อการท างานถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เมื่อคนต่างด้าวดังกล่าว อยู่ในราชอาณาจักรครบก าหนดระยะเวลาที่อนุญาตแล้ว หากประสงค์จะอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปอีก เพื่อการท างานให้ขออนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรได้อีกไม่เกินวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๗ การอนุญาตตามประกาศนี้สิ้นผลในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) เดินทางออกนอกราชอาณาจักรก่อนเสร็จสิ้นขั้นตอนตามข้อ ๓ (2) เป็นโรคต้องห้ามตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศก าหนดหรือเป็นผู้ที่สุขภาพไม่สมบูรณ์ แข็งแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการท างานโดยอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ (3) ต้องโทษตามค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่ความผิดซึ่งได้กระท าโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ (4) การอนุญาตให้ท างา นสิ้นสุดลงตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการท างาน ของคนต่างด้าว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๙๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓" 527.pdf,"ข้อก ำหนด ออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๔) ตำมที่ได้มีประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรำชอำณำจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมำได้ขยำยระยะเวลำกำรบังคับใช้ประกำศสถำนกำรณ์ฉุกเฉินดังกล่ำวออกไป เป็นครำวที่ ๕ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น โดยที่รัฐบำลตระหนักถึงควำมจ ำเป็นที่จะต้องผ่อนคลำยมำตรกำรควบคุมกำรระบำดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 หรือโรคโควิด - 19 เพื่อให้บรรดำสถำนที่ กิจกำร หรือกิจกรรม ที่อำจมีควำมเสี่ยงสูงต่อกำรระบำดของโรคโควิด - 19 สำมำรถเปิดด ำเนินกำรได้ และได้ด ำเนินกำร ผ่อนคลำยมำตรกำรต่ำง ๆ อย่ำงต่อเนื่องและค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนำยกรัฐมนตรีได้พิจำรณำ และมีค ำสั่งอนุญำตให้สถำนที่ กิจกำร หรือกิจกรรมบำงประเภทให้สำมำรถทดลองเปิดด ำเนินกำรได้ ภำยใต้มำตรกำรที่จ ำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมกำรระบำดของโรค ตำมข้อเสนอของคณะกรรมกำร เฉพำะกิจพิจำรณำผ่อนคลำยกำรบังคับใช้มำตรกำรป้องกันและยับยั้งกำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ซึ่งจำกกำรประเมินผลพบว่ำ สถำนที่ กิจกำร หรือกิจกรรมนั้น มีควำมเหมำะสมที่สำมำรถเปิดด ำเนินกำรต่อไปได้ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมำตรำ ๑๑ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นำยกรัฐมนตรีจึงออกข้อก ำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนรำชกำรทั้งหลำย ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กำรเปิดด ำเนินกำรสถำนที่ กิจกำร และกิจกรรมต่ำง ๆ ให้สถำนที่ กิจกำร และกิจกรรมต่ำง ๆ ที่เคยผ่อนคลำยหรืออนุญำตให้เปิดด ำเนินกำรไว้แล้วคงด ำเนินกำรได้ต่อไป ภำยใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลำ รวมทั้งมำตรกำรป้องกันโรค กำรจัดระบบและระเบียบต่ำง ๆ ตำมที่ ทำงรำชกำรก ำหนดไว้เดิม และให้สถำนที่ กิจกำร และกิจกรรมที่ นำยกรัฐมนตรีได้เคยอนุญำต ให้เปิดด ำเนินกำรในขั้นทดลองดังต่อไปนี้ สำมำรถเปิดด ำเนินกำรได้ต่อเนื่องตำมควำมสมัครใจ และควำมพร้อม (๑) กำรเปิดโรงเรียน สถำบันกำรศึกษำ มหำวิทยำลัย โรงเรียนหรือสถำบันกวดวิชำ และกำรจัดให้มีกำรเรียนกำรสอนแบบครบจ ำนวน ครบห้องเรียน ครบชั้นเรียน ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓(๒) สนำมกีฬำหรือสถำนที่ที่เคยผ่อนคลำยให้สำมำรถจัดกำรแข่งขันกีฬำได้ ให้มีผู้ชม กำรแข่งขันอยู่ในสนำมแข่งขันได้ โดยผู้จัดกำรแข่งขันต้องด ำเนินกำรตำมมำตรกำรป้องกันโรค ที่ทำงรำชกำรก ำหนดอย่ำงเคร่งครัด (๓) พำหนะเพื่อกำรขนส่งสำธำรณะ ทั้งทำงบกและทำงน้ ำสำมำรถบรรทุกผู้โดยสำรได้เต็ม ตำมควำมจุมำตรฐำนของพำหนะนั้น ๆ ทั้งนี้ ภำยใต้กฎหมำยและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง กำรตรวจสอบและก ำกับดูแลของหน่วยงำนที่รับผิดชอบอย่ำงเคร่งครัด ผู้มีหน้ำที่รับผิดชอบในกิจกำร กิจกรรมและสถำนที่ดังกล่ำวต้องจัด ให้มีกำรปฏิบัติตำม มำตรกำรป้องกันโรค เงื่อนไขกำรจัดระเบียบและระบบต่ำง ๆ ค ำแนะน ำของทำงรำชกำร รวมทั้ง กฎหมำย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งพนักงำนเจ้ำหน้ำที่มีอ ำนำจตรวจสอบกำรด ำเนินกำร และหำกพบกำรกระท ำที่อำจมีควำมเสี่ยงต่อกำรแพร่โรค พนักงำนเจ้ำหน้ำที่อำจให้ค ำแนะน ำ ตักเตือน ห้ำมปรำม และมีอ ำนำจก ำหนดช่วงระยะเวลำเพื่อให้ด ำเนินกำรปรับปรุงแก้ไขรวมทั้งเสนอให้ผู้มีอ ำนำจ มีค ำสั่งปิดสถำนที่ไว้เป็นกำรชั่วครำวและด ำเนินคดีต่อผู้ฝ่ำฝืนด้วยก็ได้ ข้อ ๒ กำรบังคับใช้มำตรกำรป้องกันโรค ให้เจ้ำของ ผู้ประกอบกำร หรือผู้ดูแลรับผิดชอบ สถำนที่ กิจกรรมและกิจกำรต่ำง ๆ จัดให้มีมำตรกำรป้องกันโรคตำมที่ทำงรำชกำรก ำหนด และให้ผู้ใช้บริกำรหรือเข้ำไปยังสถำนที่หรือร่วมท ำกิจกรรมเช่นว่ำนั้นสวมหน้ำกำกอนำมัยหรือ หน้ำกำกทำงเลือก รักษำระยะห่ำง และปฏิบัติตำมมำตรกำรป้ องกันโรคตำมที่ทำงรำชกำรก ำหนด ตลอดจนเข้ำระบบแอปพลิเคชันที่ก ำหนด และต้องยอมรับกำรกักกันตำมระยะเวลำและในสถำนที่ ที่รัฐก ำหนดหำกอยู่ในข่ำยที่ต้องรับกำรกักกัน ข้อ ๓ กำรประสำนงำน ในกรณีมีปัญหำเกี่ยวกับกำรด ำเนินกำรทั้งในส่วนของประชำชน และพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ตำมข้อ ก ำหนดนี้ ให้หำรือหรือประสำนงำนกับคณะกรรมกำรเฉพำะกิจพิจำรณำ ผ่อนคลำยกำรบังคับใช้มำตรกำรในกำรป้องกันและยับยั้งกำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ซึ่งมีเลขำธิกำรสภำควำมมั่นคงแห่งชำติในฐำนะหัวหน้ำส ำนักงำนประสำนงำน กลำง ศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์โควิด - 19 เป็นประธำน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกำศ ณ วันที่ 31 สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓" 528.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ำมของคนต่ำงด้ำวที่จะขอรับใบอนุญำตท ำงำน พ.ศ. ๒๕๖๓ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรจัดกำร กำรท ำงำนของคนต่ำงด้ำว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมำตรำ ๖๔/๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรจัดกำรกำรท ำงำนของคนต่ำงด้ำว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชก ำหนด กำรบริหำรจัดกำรกำรท ำงำนของคนต่ำงด้ำว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแรงงำน ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงก ำหนดลักษณะต้องห้ำมของคนต่ำงด้ำวซึ่งจะขอรับใบอนุญำต ท ำงำน พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๒ คนต่ำงด้ำวที่จะขอรับใบอนุญำตท ำงำนต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ำม ดังต่อไปนี้ (๑) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ (๒) ไม่เคยได้รับโทษจ ำคุกโดยค ำพิพำกษำถึงที่สุดให้จ ำคุกตำมกฎหมำยว่ำด้วยคนเข้ำเมือง หรือกฎหมำยว่ำด้วยกำรบริหำรจัดกำรกำรท ำงำนของคนต่ำงด้ำว เว้นแต่พ้นโทษมำแล้วไม่น้อยกว่ำ หนึ่งปีก่อนวันขอรับใบอนุญำตท ำงำน (๓) ไม่เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรค ดังต่อไปนี้ (ก) โรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะปรำกฏอำกำรอันเป็นที่รังเกียจแก่สังคม (ข) วัณโรคระยะติดต่อ (ค) โรคเท้ำช้ำงในระยะปรำกฏอำกำรอันเป็นที่รังเกียจแก่สังคม (ง) โรคติดยำเสพติดให้โทษ ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ (จ) โรคพิษสุรำเรื้อรัง (ฉ) โรคซิฟิลิสในระยะที่ ๓ ให้ไว้ ณ วันที่ 20 สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุชำติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแรงงำน ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มำตรำ ๖๔/๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชก ำหนด กำรบริหำรจัดกำรกำรท ำงำนของคนต่ำงด้ำว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชก ำหนดกำรบริหำรจัดกำร กำรท ำงำนของคนต่ำงด้ำว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ บัญญัติให้คนต่ำงด้ำวที่จะขอรับใบอนุญำตท ำงำน ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ำมตำมที่ก ำหนดในกฎกระทรวง จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓" 529.pdf,"ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕54 ลงวันที่ 24 มีนาคม ๒๕54 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไว้แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การต่ออายุทะเบียนและช าระภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก เพื่อให้การต่ออายุทะเบียนและช าระภาษีรถที่ใช้ ในการประกอบการขนส่งทุกประเภทสามารถด าเนินการได้ ณ ส านักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ อันเป็น การอ านวยความสะดวกใ ห้แก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียน และภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับ เมื่อพ้นก าหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 13 ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการ เกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2554 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 13 การต่ออายุทะเบียนและช าระภาษีรถ ให้สามารถยื่นต่อนายทะเบียนได้ ณ ส านักงานขนส่ง ทุกแห่งทั่วประเทศ ” ประกาศ ณ วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕63 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กันยายน ๒๕๖๓" 530.pdf,"ประกาศนายทะเบียนกลาง เรื่อง มอบหมายอ านาจหน้าที่ในการด าเนินการทางทะเบียนและภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2563 โดยที่ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2554 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 ก าหนดการต่ออายุทะเบียนและช าระภาษีรถให้สามารถยื่นต่อนายทะเบียนได้ ณ ส านักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว สามารถอ านวยประโยชน์ให้แก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 6 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2557 นายทะเบียนกลาง จึงมอบหมายอ านาจหน้าที่ในการด าเนินการ ต่ออายุทะเบียนและช าระภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ข้าราชการผู้ด ารงต าแหน่งดังต่อไปนี้ มีอ านาจด าเนินการต่ออายุทะเบียนและ ช าระภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (1) ผู้อ านวยการส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1, 2, 3, 4 และ 5 (2) ขนส่งจังหวัด ทุกจังหวัด (3) หัวหน้าส่วนทะเบียนรถขนส่ง ส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 และหัวหน้าฝ่าย ทะเบียนรถ ส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1, 2, 3 และ 4 (4) หัวหน้าฝ่ายทะเบียนรถ ส านักงานขนส่งจังหวัด ทุกจังหวัด (5) หัวหน้าส านักงานขนส่งจังหวัดสาขา ส านักงานขนส่งจังหวัดสาขา ทุกจังหวัด (6) หัวหน้างานทะเบียนรถโดยสารและหัวหน้างานทะเบียนรถบรรทุก ส่วนทะเบียนรถขนส่ง ส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 และหัวหน้างานรถขนส่ง ฝ่ายทะเบียนรถ ส านักงานขนส่ง กรุงเทพมหานครพื้นที่ 1, 2, 3 และ 4 (7) เจ้าพนักงานขนส่งตั้งแต่ระดับปฏิบัติงานขึ้นไปในส านักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1, 2, 3, 4 และ 5 ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนงานตามประกาศนี้ ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กันยายน ๒๕๖๓(8) เจ้าพนักงานขนส่งตั้งแต่ระดับปฏิบัติงานขึ้นไปในส านักงานขนส่งจังหวัด ทุกจังหวัด และ ส านักงานขนส่งจังหวัดสาขา ทุกสาขา ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนงานตามประกาศนี้ ข้อ 2 ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕63 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายทะเบียนกลาง ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กันยายน ๒๕๖๓" 531.pdf,"ค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ ๒๓/๒๕๖๓ เรื่อง กำรปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๗) เพื่อให้กำรปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำร ในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๔) ค ำสั่งศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ ๙/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๑ สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แนวปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำร ในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๘) เป็นไปด้วยควำมเรียบร้อย อำศัยอ ำนำจตำมค ำสั่ง นำยกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้ก ำกับกำรปฏิบัติงำน หัวหน้ำผู้รับผิดชอบ และพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ในกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน ข้อ ๓ (๖) ข้อ ๔ และข้อ ๕ และค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ ๑/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๗ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑ จึงก ำหนดแนวทำงปฏิบัติดังนี้ ๑. ให้กำรปฏิบัติตำมค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคงในเรื่อง ปรับกำรตั้งจุดตรวจควบคุมกำรแพร่ระบำดโรคโควิด - 19 จัดตั้งคณะตรวจกำรประกอบกิจกำร และกิจกรรมตำมมำตรกำรผ่อนคลำย แต่ งตั้งพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ มอบหน้ำที่และอ ำนำจ และแต่งตั้ง หัวหน้ำคณะตรวจกำรประกอบกิจกำรและกิจกรรมตำมมำตรกำรผ่อนคลำย ยังมีผลบังคับใช้ และปรับกำรปฏิบัติให้สอดคล้องกับแนวทำงที่ก ำหนด รวมทั้งเพิ่มควำมเข้มงวดในกำรตรวจกิจกำร และกิจกรรมที่ได้รับกำรผ่อนคลำย โดยเฉพ ำะกิจกำรและกิจกรรมที่มีประชำชนเข้ำร่วมจ ำนวนมำก เพิ่มมำตรกำรใช้แอปพลิเคชันที่ทำงรำชกำรก ำหนด รวมทั้งรณรงค์ส่งเสริมให้สถำนประกอบกำร และประชำชนตระหนักและปฏิบัติตำมมำตรกำรป้องกันโรค ๒. ด ำรงควำมต่อเนื่องในกำรตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสำยตรวจร่วม เพื่อป้องกันอุ บัติเหตุ กำรก่ออำชญำกรรม กำรรวมกลุ่มชุมนุมที่ไม่เป็นไปตำมหลักเกณฑ์ที่ก ำหนดไว้ตำมกฎหมำยว่ำด้วย กำรชุมนุมสำธำรณะหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อกำรแพร่เชื้อโรค หรือกำรกระท ำอันเป็นกำร ฉวยโอกำสซ้ ำเติมควำมเดือดร้อนของประชำชน ้หนา ๖๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กันยายน ๒๕๖๓๓. เพิ่มควำมเข้มงวดในกำรเฝ้ำตรว จ สกัดกั้น และจับกุมแรงงำนต่ำงด้ำวในเขตรับผิดชอบ โดยเฉพำะพื้นที่ตำมตะเข็บชำยแดน ช่องทำง ท่ำข้ำมธรรมชำติ พื้นที่เพ่งเล็ง พื้นที่เฝ้ำระวัง และพื้นที่สนใจ ทั้งทำงบกและทำงน้ ำ โดยประสำนใช้กลไกด้ำนกำรปกครองในระดับพื้นที่ในกำรเฝ้ำระวัง ค้นหำ และกำรแจ้งเบำะแสผู้หลบหนีเข้ำเมือง ตลอดจนเพิ่มมำตรกำรกำรตรวจสอบบุคคล และยำนพำหนะในพื้นที่จังหวัดชำยแดนและพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพำะขบวนกำรน ำพำและผู้ให้ที่พักพิง กับแรงงำนต่ำงด้ำวหลบหนีเข้ำเมือง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 31 สิงหำคม พ.ศ. ๒๕63 พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชำกำรทหำรสูงสุด หัวหน้ำศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ้หนา ๖๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กันยายน ๒๕๖๓" 533.pdf,"ประกาศส านักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 เนื่องจากในปัจจุบันมีวิวัฒนาการของการใช้เทคโนโลยีที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้ประกอบการและร้านค้าบางส่วน ใช้ช่องทางในการซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยผ่านทางสื่อ อิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น ท าให้ยากต่อการควบคุมเกี่ยวกับเรื่องวัน เวลา สถานที่ และบุคคลตามที่ กฎหมายก าหนด ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนสามารถเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้โดยง่าย และลดผลกระทบ อันเกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงมีความจ าเป็นในการออกประกาศ เพื่อก าหนด เป็นมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔ และมาตรา 30 (6) แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ นายกรัฐมนตรีโดยค าแนะน าของคณะกรรมการนโยบาย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ห้ามผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือบริการ ที่เกี่ยวข้องกับก ารขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อผู้บริโภคโดยตรง หรือเป็นการด าเนินการใด ๆ ในลักษณะการเชิญชวนให้ซื้อ การเสนอขายหรือการขายสินค้าหรือบริการต่อผู้บริโภค โดยตรงด้วยการตลาดหรือบริการการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในลักษณะของการสื่อสารข้อมูล ทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ขายและผู้บริโภคซื้อขายได้โดยไม่ต้องพบกัน ข้อ 2 ประกาศนี้ไม่ใช้บังคับแก่กรณีการซื้อขายและการช าระราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ ร้านค้า ร้านอาหาร หรือสถานที่ที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ กันยายน ๒๕๖๓" 536.pdf,"ข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ (๕) (๑๑) มาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง และวรรคสาม มาตรา ๓๘ วรรคสอง มาตรา ๓๙ (๒) (๕) มาตรา ๔๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ สภาวิชาชีพบัญชีจึงออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติ ของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจ านุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ แห่งข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติ ของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔ ในข้อบังคับนี้ “คณะกรรมการ ” หมายความว่า คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี “ผู้สอบบัญชี” หมายความว่า ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต “ปี” หมายความว่า ปีปฏิทิน “การฝึกหัดงาน” หมายความว่า การฝึกหัดงานสอบบัญชี รวมถึงการฝึกอบรมเพื่อรับใบอนุญาต เป็นผู้สอบบัญชีตามข้อบังคับนี้ “ผู้ฝึกหัดงาน” หมายความว่า ผู้ขอขึ้นทะเบียนฝึกหัดงานเพื่อรับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชี “ผู้ให้การฝึกหัดงาน ” หมายความว่า ผู้สอบบัญชีที่เป็นผู้ให้การฝึกหัดงาน หรือหัวหน้า ส านักงานผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีซึ่งผู้สอบบัญชีที่เป็นผู้ให้การฝึกหัดงานได้ปฏิบัติงานให้ “ผู้รับการทดสอบ ” หมายความว่า ผู้ขอเข้ารับการทดสอบเพื่อรับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชี “สถาบันการศึกษา ” หมายความว่า สถาบันการศึกษาที่มีการสอนไม่ต่ ากว่าระดับปริญญาตรี ทางการบัญชีหรือเทียบเท่าซึ่งสภาวิชาชีพบัญชีรับรองปริญญาหรือประกาศนียบัตรเพื่อประโยชน์ ในการรับสมัครเป็นสมาชิก ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ แห่งข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติ ของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗ ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีต้องผ่านการฝึกหัดงานในประเทศหรือในต่างประเทศ ตามหลักเกณฑ์ วิธีก าร และเงื่อนไข ตาม ๗.๑ หรือ ๗.๒ ดังต่อไปนี้ ๗.๑ ฝึกหัดงานกับผู้ให้การฝึกหัดงานจากหน่วยงานที่มีการตรวจสอบตามมาตรฐาน การสอบบัญชีของไทยหรือมาตรฐานการสอบบัญชีของต่างประเทศที่สภาวิชาชีพบัญชีให้การรับรอง ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓หรือในประเทศที่ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยประกอบอาชี พสอบบัญชีในประเทศนั้นได้ โดยต้องกระท า เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามปีแต่ไม่เกินห้าปีนับจากวันยื่นค าขอแจ้งการฝึกหัดงาน และมีเวลาฝึกหัดงานรวมกัน ไม่น้อยกว่าสามพันชั่วโมง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของการฝึกหัดงาน ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องเป็นสมาชิกของสภาวิชาชีพบัญชี (๒) ต้องยื่นค าขอแจ้งการฝึกหัดงานหลังจากสอบผ่านวิชาการบัญชีตามที่คณะกรรมการ ก าหนดไม่น้อยกว่าสี่รายวิชา และวิชาการสอบบัญชีไม่น้อยกว่าหนึ่งรายวิชา ซึ่งรวมทุกรายวิชาแล้ว ไม่น้อยกว่าสิบห้าหน่วยกิต (๓) ต้องยื่นค าขอแจ้งการฝึก หัดงานต่อคณะกรรมการก่อนเริ่มฝึกหัดงาน พร้อมด้วย หนังสือรับรองของสถาบันการศึกษาว่าได้สอบผ่านวิชาการบัญชี และวิชาการสอบบัญชีตาม (๒) หรือ ส าเนาปริญญาหรือประกาศนียบัตรตามที่ก าหนดไว้ในมาตรา ๗ (๖) แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ แล้วแต่กรณี (๔) ต้องท ารายงานการฝึกหัดงานยื่นต่อคณะกรรมการปีละหนึ่งครั้งนับจากวันยื่นค าขอ แจ้งการฝึกหัดงานโดยให้ยื่นรายงานภายในสองเดือนนับจากวันสิ้นเดือนที่ครบก าหนดในแต่ละปีดังกล่าว พร้อมด้วยค ารับรองการฝึกหัดงานของผู้ให้การฝึกหัดงาน มิฉะนั้น ให้ถือว่าไม่มีการฝึกหัดงานในปี นั้น (๕) ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ให้การฝึกหัดงาน หรือผู้ให้การฝึกหัดงานรายเดิม ถูกคณะกรรมการจรรยาบรรณเพิกถอนใบอนุญาต ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ให้การฝึกหัดงานทุกครั้ง ต่อคณะกรรมการภายในสองเดือนนับจากวันสิ้นเดือนที่เปลี่ยนแปลง พร้อมด้วยรายงานและค ารั บรอง การฝึกหัดงานของผู้ให้การฝึกหัดงานรายเดิม และการแจ้งรับฝึกหัดงานของผู้ให้การฝึกหัดงานรายใหม่ มิฉะนั้น ให้ถือว่าค าขอฝึกหัดงานนั้นสิ้นสุดลง เว้นแต่กรณีเปลี่ยนแปลงผู้ให้การฝึกหัดงานในส านักงาน เดียวกันไม่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ให้ก ารฝึกหัดงานถูกพักใช้ใบอนุญาต ผู้ฝึกหัดงาน สามารถเลือกที่จะไม่เปลี่ยนแปลงผู้ให้การฝึกหัดงานใหม่ก็ได้ แต่ผู้ฝึกหัดงานจะไม่สามารถนับชั่วโมง การฝึกหัดงานในช่วงเวลาที่ผู้ให้การฝึกหัดงานถูกพักใช้ใบอนุญาตได้ (๖) ในกรณีผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีมิได้ฝึกหัดง านให้เสร็จสิ้นภายในเวลาห้าปี นับจากวันที่ยื่นค าขอแจ้งการฝึกหัดงานต่อคณะกรรมการ ให้ถือว่าค าขอฝึกหัดงานดังกล่าวสิ้นสุดลง การยื่นค าขอตาม (๓) (๔) และ (๕) ให้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการก าหนด ๗.๒ ฝึกอบรมในหลักสูตรประกาศนียบัตรทางการสอบบัญชีของสภาวิชาชีพบัญชี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นผู้ฝึกหัดงานตาม ๗.๑ เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีและมีเวลาฝึกหัดงานรวมกัน ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันชั่วโมง และไม่เกินห้าปีนับจากวันยื่นค าขอแจ้งการฝึกหัดงาน (๒) เข้าฝึกอบรมไม่ต่ ากว่าร้อยละ ๘๐ ของชั่วโมงการฝึกอบรมในแต่ละรายวิชา (๓) มีการทดสอบหรือวัดผลในทุกรายวิชา ทั้งนี้ ไม่น้อยกว่า ๑๐ รายวิชา โดยรวมรายวิชาโครงการศึกษาอิสระที่ประเมินผลตามที่คณะกรรมการก าหนด ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓ (๔) ผลการทดสอบหรือวัดผลต้องได้คะแนนในแต่ละรายวิชาไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ เว้นแต่รายวิชาโครงการศึกษาอิสระต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ (๕) การฝึกอบรมต้องไม่เกินห้าปีนับจากวันยื่นค าขอแจ้งการฝึกหัดงาน (๖) หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการฝึกอบรมอื่นให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนด ผู้ผ่านการฝึกอบรมตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่ามีเวลาฝึกหัด งานรวมกันไม่น้อยกว่าสองพันชั่วโมง และได้ฝึกหัดงานเป็นเวลาสองปีแล้ว ” ข้อ ๕ ให้เพิ่มความดังต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ ๘ (๖) แห่งข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พ.ศ. ๒๕๕๖ “ภายใต้บังคับข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้รับการทดสอบสอบผ่านครบทุกรายวิชาแล้ว แต่ยังฝึกหัดงาน ไม่ครบถ้วนและยังไม่ขาดจากการเป็นผู้ฝึกหัดงาน ไม่ว่าการฝึกหัดงานนั้นจะมีอยู่กับผู้ให้การฝึกหัดงานเดิม หรือผู้ให้การฝึกหัดงานใหม่ แม้วิชาที่สอบผ่านจะมีระยะเวลาเกินสี่ปีแล้วก็ตาม ให้ผลการทดสอบ ยังคงใช้บังคับต่อไปได้ ” ประกาศ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖3 จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล นายกสภาวิชาชีพบัญชี ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๐๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓" 539.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 45 พ.ศ. 2563 เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมี ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 53 พ.ศ. 2562 เรื่อง การก าหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕62 จึงท าให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 76 พ.ศ. 2562 เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมี ลงวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕62 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ได้พิจารณาทบทวนการใช้อ านาจก าหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการ ให้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมีต่อไป เพื่อให้ราคา เป็นธรรมและเหมาะสมกับคุณภาพ มาตรฐาน และมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการในราคา ที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะเกษตรกร อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) มาตรา ๒๕ (3) (4) (5) และมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ในประกาศนี้ “ปุ๋ยเคมี” ไม่หมายความรวมถึงปุ๋ยชนิดน้ า หมวด 1 การแจ้งราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมี ข้อ 3 ให้ผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย ซึ่งปุ๋ยเคมี แจ้งชื่อ ชื่อทางการค้า ปริมาณธาตุอาหารรับรองหรือสูตร ต้นทุน ราคาจ าหน่าย มาตรฐาน ขนาด ปริมาณ น้ าหนักต่อหน่วยของปุ๋ยเคมีที่เป็นอยู่ในวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ โดยให้แจ้งภายในสามสิบวันตั้งแต่ วันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่ายซึ่งปุ๋ยเคมีที่ด าเนินกิจการ ภายหลังวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ หรือกรณีที่มีการผลิตหรือน าเข้าปุ๋ยเคมีสูตรใหม่เพื่อจ าหน่าย ภายหลังวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ก่อนน าสินค้าออกจ าหน่าย ้หนา ๑๖๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กันยายน ๒๕๖๓กรณีผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่ายซึ่งปุ๋ยเคมี ได้แจ้งข้อมูล ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 76 พ.ศ. 2562 เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมี ลงวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕62 แล้ว ให้ถือเป็นการแจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งแห่งประกาศฉบั บนี้ ข้อ 4 ห้ามผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย จ าหน่ายปุ๋ยเคมี ในลักษณะที่แตกต่างไปจากรายการตามที่ได้แจ้งไว้ หรือจ าหน่ายในราคาที่สูงกว่าที่แจ้งไว้ตามข้อ 3 เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการว่าด้วยการก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ในการพิจารณาการตั้งราคา และการเปลี่ยนแปลงรายการหรือราคาที่แจ้งไว้ พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ กรณีผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่ายได้ยื่นขออนุญาต เปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือราคาแตกต่างไปจากที่ได้แจ้งไว้แล้วตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 76 พ.ศ. 2562 เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมี ลงวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕62 ให้ถือว่าเป็นการยื่นขออนุญาต ตามวรรคหนึ่งและวรรคสองของประกาศฉบับนี้ นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ หมวด 2 การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมี ข้อ 5 ให้ผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย และผู้จ าหน่าย ที่มีปริมาณการจ าหน่ายปุ๋ยเคมีเดือนละตั้งแต่หนึ่งร้อยเมตริกตันขึ้นไป แจ้งชื่อ ชื่อทางการค้า ปริมาณ ธาตุอาหารรับรองหรือสูตร ปริมาณการซื้อ ปริมาณการผลิต ปริมาณการว่าจ้างผลิต ปริมาณการน าเข้า ปริมาณการจ าหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บปุ๋ยเคมี ณ วันสิ้นเดือนเป็นประจ าทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป กรณีผู้จ าหน่ายที่ได้แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งแล้ว ต้องด าเนินการแจ้ งข้อมูลดังกล่าวต่อไป ไม่ว่าจะครอบครองเกินปริมาณที่ก าหนดหรือไม่ก็ตาม หมวด 3 วิธีการแจ้ง ข้อ 6 การแจ้งตามข้อ 3 หรือข้อ 5 หรือการขออนุญาตตามข้อ 4 ให้ยื่นต่อเลขาธิการ ตามแบบที่เลขาธิการก าหนด ณ ส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ้หนา ๑๖๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กันยายน ๒๕๖๓การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจ าวัน ณ ที่ท าการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรสารให้ถือวันที่ได้รับโทรสารเป็นวันแสดง เจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง ในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็ กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง การแจ้งทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ตามวรรคสอง จะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณ าจักรเพื่อจ าหน่าย ผู้จ าหน่าย ได้ส่งต้นฉบับ ให้เลขาธิการแล้ว ให้ผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย ผู้จ าหน่าย ที่ประสงค์จะแจ้ง ทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์และวิธี การที่เลขาธิการก าหนด ข้อ 7 เมื่อผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย ผู้จ าหน่าย ร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อขยายระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเลขาธิการ เห็นสมควร เลขาธิการอาจมีค าสั่งขยายระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ก่อนสิ้นระยะเวลานั้นได้ แต่การขยาย ระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงท าได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุจ าเป็น และผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้น าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจ าหน่าย ผู้จ าหน่าย มีค าร้องขอหรือเลขาธิการได้ มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖3 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ้หนา ๑๖๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๑๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กันยายน ๒๕๖๓" 544.pdf,"ค ำสั่งรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ที่ ๒/๒๕๖๓ เรื่อง กำรก ำหนดเงื่อนไขในกำรอนุญำตให้คนต่ำงด้ำวบำงจ ำพวกเข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่วครำว โดยที่กระทรวงสำธำรณสุขได้ประกำศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID - 19)) เป็นโรคติดต่ออันตรำย ล ำดับที่ ๑๔ ตำมประกำศ กระทรวงสำธำรณสุข เรื่อง ชื่อและอำกำรส ำคัญของโรคติดต่ออันตรำย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓ และในปัจจุบันสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด 19 ยังมีควำมรุนแรง มีจ ำนวนผู้ติดเชื้อ รำยใหม่ทั่วโลกเพิ่มมำกขึ้น ดังนั้น เพื่อควำมมั่นคงปลอดภัยทำงด้ำนสำธำรณสุขของประเทศ และป้องกันมิให้เกิดกำรระบำดระลอกใหม่ที่อำจมีควำมรุนแรงและสร้ำงควำมเสียหำยให้แก่ระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ตลอดจนเพื่อควำมสงบเรียบร้อย และควำมผำสุกของประชำชน อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติคนเข้ำเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกำศคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง กำรแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษำกำรตำมกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับอ ำนำจหน้ำที่ของเจ้ำพนักงำนต ำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๗ และมำตรำ ๑๖ แห่งพระรำชบัญญัติคนเข้ำเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นำยกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย จึงมีค ำสั่งก ำหนดเงื่อนไขในกำรอนุญำตให้คนต่ำงด้ำวบำงจ ำพวก เข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่วครำว โดยให้ระงับกำรก ำหนดรำยชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทำง หรือเอกสำรใช้แทนหนังสือเดินทำงซึ่งเข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่ว ครำวจะขอรับกำรตรวจลงตรำ ณ ช่องทำงอนุญำตของด่ำนตรวจคนเข้ำเมือง ตำมประกำศกระทรวงมหำดไทย เรื่อง ก ำหนดรำยชื่อ ประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทำงหรือเอกสำรใช้แทนหนังสือเดินทำง ซึ่งเข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่วครำว จะขอรับกำรตรวจลงตรำ ณ ช่องทำงอนุญำตของด่ำนตรว จคนเข้ำเมือง ลงวันที่ ๔ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ค ำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สั่ง ณ วันที่ 23 กันยำยน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่ำจินดำ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓" 545.pdf," กฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2563 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดสิบห้าวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมตามกฎกระทรวงก าหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๗๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและส่งผลต่อภาวะทางเศรษฐกิจ โดยรวมของประเทศ เพื่อเป็นการลดภาระและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม และโดยที่มาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอ านาจออกกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียม สมควรที่จะได้ ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อเป็นการช่วยเหลือ และลดผลกระทบแก่ผู้ประกอบการ จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๗๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓" 549.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีก าหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๖) ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านา จตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศ ที่คณะรัฐมนตรีก าหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และค าสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรี จะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๘๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๒๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ กันยายน ๒๕๖๓" 553.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดมำตรฐำนกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง พ.ศ. ๒๕๖๓ อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหนึ่ง และมำตรำ ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติ ควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่ำกำร กระทรวงแรงงำนออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงก ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำรตรวจสุขภำพของลูกจ้ำง และส่งผลกำรตรวจแก่พนักงำนตรวจแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๒ ในกฎกระทรวงนี้ “กำรตรวจสุขภำพ” หมำยควำมว่ำ กำรตรวจร่ำงกำยและสภำวะทำงจิตใจตำมวิธีทำงกำรแพทย์ เพื่อให้ทรำบถึงควำมเหมำะสมของสภำวะสุขภำพของลูกจ้ำง หรือผลกระทบต่อสุขภำพของลูกจ้ำง อันอำจเกิดจำกกำรท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง “งำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง ” หมำยควำมว่ำ งำนที่ลูกจ้ำงท ำเกี่ยวกับ (๑) สำรเคมีอันตรำยตำมที่อธิบดีประกำศก ำหนด (๒) จุลชีวันเป็นพิษที่อำจเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รำ หรือสำรชีวภำพอื่น (๓) กัมมันตภำพรังสี (๔) ควำมร้อน ควำมเย็น ควำมสั่นสะเทือน ควำมกดดันบรรยำกำศ แสง หรือเสียง (๕) สภำพแวดล้อมอื่นที่อำจเป็นอันตรำยต่อสุขภำพของลูกจ้ำง เช่น ฝุ่นฝ้ำย ฝุ่นไม้ ไอควันจำกกำรเผำไหม้ “แพทย์” หมำยควำมว่ำ ผู้ประกอบวิชำชีพเวชกรรมตำมกฎหมำยว่ำด้วยวิชำชีพเวชกรรม ข้อ ๓ ให้นำยจ้ำงจัดให้มีกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง ตำมระยะเวลำ ดังต่อไปนี้ (๑) กำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงครั้งแรกให้เสร็จสิ้นภำยในสำมสิบวันนับแต่วันที่รับลูกจ้ำง เข้ำท ำงำน และจัดให้มีกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงครั้งต่อไปอย่ำงน้อยปีละหนึ่งครั้ง ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๘๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓(๒) ในกรณีที่ลักษณะหรือสภำพของงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงที่มีควำมจ ำเป็นต้องต รวจสุขภำพ ตำมระยะเวลำอื่นตำมผลกำรตรวจสุขภำพ ให้นำยจ้ำงจัดให้มีกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงตำมระยะเวลำนั้น (๓) ในกรณีที่นำยจ้ำงเปลี่ยนงำนที่มีปัจจัยเสี่ยงของลูกจ้ำงแตกต่ำงไปจำกเดิม ให้นำยจ้ำง จัดให้มีกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงทุกครั้งให้เสร็จสิ้นภำยในสำมสิบวันนับแต่วันที่ เปลี่ยนงำน กำรตรวจสุขภำพตำมวรรคหนึ่ง ให้กระท ำโดยแพทย์ซึ่งได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติ สำขำเวชศำสตร์ป้องกัน แขนงอำชีวเวชศำสตร์ หรือผ่ำนกำรอบรมด้ำนอำชีวเวชศำสตร์ ตำมหลักสูตร ที่กระทรวงสำธำรณสุขรับรอง ข้อ ๔ ในกรณีที่ลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัย เสี่ยงหยุดงำนตั้งแต่สำมวันท ำงำนติดต่อกัน ขึ้นไป เนื่องจำกประสบอันตรำยหรือเจ็บป่วยไม่ว่ำกรณีใด ๆ ก่อนให้ลูกจ้ำงกลับเข้ำท ำงำน ให้นำยจ้ำง ขอควำมเห็นจำกแพทย์ผู้รักษำหรือแพทย์ประจ ำสถำนประกอบกิจกำร หรือจัดให้มีกำรตรวจสุขภำพ ลูกจ้ำงโดยแพทย์ซึ่งได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติสำขำเวชศำสตร์ป้องกัน แขนงอำชีวเวชศำสตร์ หรือผ่ำนกำรอบรมด้ำนอำชีวเวชศำสตร์ตำมหลักสูตรที่กระทรวงสำธำรณสุขรับรอง ข้อ ๕ กำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงตำมข้อ ๓ และข้อ ๔ ให้แพทย์ผู้ตรวจบันทึกรำยละเอียดเกี่ยวกับผลกำรตรวจสุขภำพ โดยให้ระบุควำมเห็นที่บ่งบอกถึง สภำวะสุขภำพของลูกจ้ำงที่มีผลกระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อกำรท ำงำนหรือลักษณะงำนที่ได้รับมอบหมำย ของลูกจ้ำง พร้อมทั้งลงลำยมือชื่อและวันที่ตรวจหรือให้ควำมเห็นนั้นด้วย บันทึกผลกำรตรวจสุขภำ พตำมวรรคหนึ่ง แพทย์ผู้ตรวจจะจัดท ำในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ข้อ ๖ ให้นำยจ้ำงจัดให้มีสมุดสุขภำพประจ ำตัวของลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง ตำมแบบที่อธิบดีประกำศก ำหนด และให้นำยจ้ำงบันทึกผลกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงในสมุดสุขภำพประจ ำตัว ของลูกจ้ำงตำมผลกำรตรวจของแพทย์ทุกครั้งที่มีกำรตรวจสุขภำพ สมุดสุขภำพตำมวรรคหนึ่ง นำยจ้ำงจะจัดท ำในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ข้อ ๗ ให้นำยจ้ำงเก็บบันทึกผลกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงตำมข้อ ๕ รวมทั้งข้อมูลสุขภำพอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พนักงำนตรวจควำมปลอดภัยตรวจสอบได้ตลอดเวลำ โดยให้เก็บไว้ ณ สถำนประกอบกิจกำรของนำยจ้ำงไม่น้อยกว่ำสองปีนับแต่วันสิ้นสุดของกำรจ้ำง แต่ละรำย เว้นแต่ผลกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงที่อำจท ำให้เกิดโรคมะเร็ง จำกกำรท ำงำนตำมประกำศกระทรวงแ รงงำนว่ำด้วยกำรก ำหนดชนิดของโรคที่เกิดขึ้นตำมลักษณะหรือ สภำพของงำนหรือเนื่องจำกกำรท ำงำนให้เก็บไว้ไม่น้อยกว่ำสิบปีนับแต่วันสิ้นสุดของกำรจ้ำงแต่ละรำย ข้อ ๘ ให้นำยจ้ำงแจ้งผลกำรตรวจสุขภำพให้แก่ลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงทรำบ ภำยในระยะเวลำ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีผลกำรตรวจสุขภำพผิดปกติ ให้แจ้งแก่ลูกจ้ำงผู้นั้นภำยในสำมวันนับแต่วันที่ทรำบผล กำรตรวจ ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๘๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓(๒) กรณีผลกำรตรวจสุขภำพปกติ ให้แจ้งแก่ลูกจ้ำงผู้นั้นภำยในเจ็ดวันนับแต่วันที่ทรำบผล กำรตรวจ ข้อ ๙ ในกรณีที่พบผลกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจ จัยเสี่ยงผิดปกติ หรือลูกจ้ำงนั้นมีอำกำรหรือเจ็บป่วยเนื่องจำกกำรท ำงำน ให้นำยจ้ำงจัดให้ลูกจ้ำงดังกล่ำวได้รับ กำรรักษำพยำบำลทันทีและให้ตรวจสอบหำสำเหตุควำมผิดปกติเพื่อประโยชน์ในกำรป้องกัน ให้นำยจ้ำงส่งผลกำรตรวจสุขภำพลูกจ้ำงที่ผิดปกติหรือที่มีอำกำรหรือเจ็บป่วย เนื่องจำก กำรท ำงำน กำรให้กำรรักษำพยำบำล และกำรป้องกันแก้ไขต่อพนักงำนตรวจควำมปลอดภัย ตำมแบบ และวิธีกำรที่อธิบดีประกำศก ำหนดภำยในสำมสิบวันนับแต่วันที่ทรำบควำมผิดปกติหรือกำรเจ็บป่วย ของลูกจ้ำง ข้อ ๑๐ ในกรณีลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงผู้ใดมีหลักฐำนทำงกำรแพทย์ จำกสถำนพยำบำลของรำชกำรหรือที่หน่วยงำนของรัฐจัดตั้งขึ้น แสดงว่ำไม่อำจท ำงำนในหน้ำที่เดิมได้ ให้นำยจ้ำงเปลี่ยนงำนให้ลูกจ้ำงผู้นั้นตำมที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ต้องค ำนึงถึงสุขภำพและควำมปลอดภั ย ของลูกจ้ำงเป็นส ำคัญ ข้อ ๑๑ ให้นำยจ้ำงมอบสมุดสุขภำพประจ ำตัวให้แก่ลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง เมื่อสิ้นสุดกำรจ้ำง ข้อ ๑๒ กำรด ำเนินกำรของนำยจ้ำงตำมกฎกระทรวงก ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำรตรวจสุขภำพ ของลูกจ้ำงและส่งผลกำรตรวจแก่พนักงำนตรวจแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๗ อยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ ใช้บังคับ ให้ถือว่ำเป็นกำรด ำเนินกำรตำมกฎกระทรวงนี้ และกำรด ำเนินกำรต่อไปให้เป็นไป ตำมกฎกระทรวงนี้ ข้อ ๑๓ ภำยในสำมปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่ำแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง ซึ่งผ่ำนกำรอบรมด้ำนอำชีวเวชศำสตร์ ผ่ำนกำรอบรมด้ำนอำชีวเวชศำสตร์ตำมหลักสูตรที่กระทรวง สำธำรณสุขรับรองตำมกฎกระทรวงก ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำรตรวจสุขภำพของลูกจ้ำงและส่งผล กำรตรวจแก่พนักงำนตรวจแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นแพทย์ซึ่งสำมำรถตรวจสุขภำพของลูกจ้ำง ซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงตำมกฎกระทรวงนี้ ให้ไว้ ณ วันที่ 11 กันยำยน พ.ศ. ๒๕๖3 สุชำติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแรงงำน ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๘๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มำตรำ ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔ บัญญัติให้ นำยจ้ำงบริหำร จัดกำร และด ำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำน ให้เป็นไปตำมมำตรฐำนที่ก ำหนดในกฎกระทรวง และเพื่อให้ลูกจ้ำงซึ่งท ำงำนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงมีควำมปลอดภัย ในกำรท ำงำน สมควรก ำหนดหลักเกณฑ์กำรตรวจสุขภำพของลูกจ้ำงดังกล่ำว จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๓๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๘๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓" 555.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๑๙) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได ภาษีมูลคาเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป สําหรับการบริจาคใหแกสภากาชาดไทยผานระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓ และมาตรา ๖ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๖) พ.ศ. ๒๕๖๓ อธิบดีกรมสรรพากร กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได ภาษีมูลคาเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป สําหรับการบริจาค ใหแกสภากาชาดไทยผานระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส ดังตอไปนี้ ขอ ๑ การไดรับยกเวนภาษีเงินไดของบุคคลธรรมดา สําหรับการบริจาคใหแกสภากาชาดไทย ตามมาตรา ๓ (๑) แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๖) พ.ศ. ๒๕๖๓ จะตองบริจาคเปนเงินเทานั้น ขอ ๒ การไดรับยกเวนภาษีเงินไดของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคล สําหรับการบริจาค ใหแกสภากาชาดไทย ตามมาตรา ๓ (๒) แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๖) พ.ศ. ๒๕๖๓ จะบริจ าคเปนเงิน ทรัพยสิน หรือสินคาก็ได ในกรณีที่บริจาคเปนทรัพยสินหรือสินคา ตองเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (๑) กรณีที่บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลซื้อทรัพยสินมาเพื่อบริจาค ตองมีหลักฐาน การไดมาซึ่งทรัพยสินที่ระบุจํานวน และมูลคาของทรัพยสินนั้น โดยใหถือวามูลคาตามหลักฐานดังกลาว เปนมูลคาของรายจายที่บริจาค (๒) กรณีที่บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลนําทรัพยสินที่ไดบันทึกบัญชีทรัพยสินของบริษัท หรือหางหุนสวนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ใหถือเอามูลคาตนทุนสวนที่ เหลือจากการคํานวณหักคาสึกหรอ และคาเสื่อมราคาของทรัพยสิน เปนมูลคาของรายจายที่บริจาค ้หนา ๑๑๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๗๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ ตุลาคม ๒๕๖๓ (๓) กรณีที่บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลนําสินคามาบริจาค ไมวาจะเปนสินคาที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ใหถือเอามูลคาตนทุนของสิ นคาดังกลาวที่มีเอกสารหลักฐานสามารถพิสูจนได เปนมูลคาของรายจายที่บริจาค แตมูลคาดังกลาวตองไมเกินราคาสินคาคงเหลือยกมา ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) แหงประมวลรัษฎากร (๔) มูลคาของทรัพยสินหรือสินคาที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะตองมีจํานวนไมเกินรา คา ที่พึงซื้อไดโดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑๕) แหงประมวลรัษฎากร ขอ ๓ บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ไดใชสิทธิยกเวนภาษีเงินได สําหรับการบริจาคใหแกสภากาชาดไทย ตามขอ ๑ และขอ ๒ ตองไมนําเงินบริจาคที่ไดใชสิทธิยกเวน ภาษีเงินไดนั้นไปหักลดหยอนสําหรับเงินบริจาค ตามมาตรา ๔๗ (๗) แหงประมวลรัษฎากร หรือตอง ไมนําเงิน ทรัพยสิน หรือสินคาที่ไดใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดนั้นไปหักเปนรายจาย ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แหงประมวลรัษฎากร ขอ ๔ การบริจาคใหแกสภากาชาดไทย ใ หใชขอมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาค อิเล็กทรอนิกสเปนหลักฐานประกอบการใชสิทธิยกเวนภาษีเงินได ภาษีมูลคาเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป ตามมาตรา ๓ และมาตรา ๖ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๖) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยผูที่ใชสิทธิยกเวนภาษีอากรไมตองแสดง เอกสารหลักฐานการบริจาคตอเจาพนักงานประเมิน ขอ ๕ ประกาศนี้ใหใชบังคับตั้งแตวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เอกนิติ นิติทัณฑประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๑๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๗๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ ตุลาคม ๒๕๖๓" 556.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การจ่ายเงินผ่านระบบ e - Payment ให้แก่บุคคลภายนอก หรือนิติบุคคลผู้มีสิทธิรับเงิน เพื่อให้การจ่ายเงินผ่านระบบ e - Payment ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นไปด้วย ความเรียบร้อย ถูกต้อง เหมาะสมและสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี ส านักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจและเป็นไปตามมติคณะกรรมการตรวจสอบของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือ แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อ านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ด าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ผู้มีสิทธิรับเงิน ส่งมอบใบเสร็จรับเงิน หรือใบเสร็จรับเงินพร้อมใบก ากับภาษี ให้กับหน่วยงานจ่ายเงิน ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อด าเนินการจ่ายเงิน เว้นแต่ ๑.๑ หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ๑.๒ การจ่ายเงินตามที่ระบุในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง หรือใบสั่งซื้อหรือใบสั่งจ้าง หรือที่ได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น ข้อ ๒ ผู้มีสิทธิรับเงินตามข้อ ๑.๑ หรือ ๑.๒ ต้องส่งมอบใบเสร็จรับเงิน หรือใบเสร็จรับเงิน พร้อมใบก ากับภาษี ให้แก่หน่วยงานจ่ายเงินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย หลังจากได้รับเงินภายใน ๕ วันท าการ ข้อ ๓ กรณีการท่าเรือแห่งประเทศไทย โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จ ากัด (มหาชน) ของผู้มีสิทธิรับเงิน จะได้รับเงินภายใน ๑ วันท าการถัดไป นับจากผู้มีสิทธิรับเงินได้ด าเนินการตามข้อ ๑ ข้อ ๔ กรณีการท่าเรือแห่งประเทศไทย โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารพาณิชย์อื่นของผู้มีสิทธิรับเงิน จะได้รับเงินภายใน ๓ วันท าการ นับจากผู้มีสิทธิรับเงินได้ด าเนินการตามข้อ ๑ หรือเป็นไปตามเงื่อนไข ที่ทางธนาคารก าหนด (ค่าธรรมเนียมการโอนเงินเป็นไปตามที่ธนาคารเรียกเก็บ) ข้อ ๕ ผู้มีสิทธิรับเงินจะได้รับแจ้งการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารทาง SMS และ e - mail ตามที่ผู้มีสิทธิรับเงินได้ให้ข้อมูลไว้กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๖ หน่วยงานจ่ายเงิ นจะจัดส่งหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ผ่านทาง e - mail ภายหลังจากการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเรียบร้อยแล้ว ข้อ ๗ กรณีมีข้อสงสัยหรือมีความประสงค์เปลี่ยนแปลงข้อมูล สามารถติดต่อหน่วยงาน จ่ายเงินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามที่ระบุไว้ด้านหลังแบบค าขอรั บโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร (แบบ อบธ.๑) ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๓๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ ตุลาคม ๒๕๖๓ส าหรับผู้มีสิทธิรับเงินที่ได้ยื่นและด าเนินการขอรับเงินผ่านธนาคารแล้ว มิต้องด าเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนผู้มีสิทธิรับเงินที่ยังไม่ได้ยื่นแบบค าขอรับโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร (แบบ อบธ.๑) สามารถ ดาวน์โหลดได้ที่ www.port.co.th และยื่นค าขอพร้อมเอกสารประกอบได้ที่หน่วยงานจ่ายเงิน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖3 เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อ านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๓๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ ตุลาคม ๒๕๖๓" 558.pdf,"ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง การใช้ข้อมูลนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้การปฏิบัติตามประมวลรัษฎากร และกฎหมายอื่นที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ของกรมสรรพากร และการติดต่อราชการกรมสรรพากร เป็นไปตามข้อ 17 ของค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 21/2560 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออ านวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560 ให้ยกเลิกการใช้ส าเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล อันเป็นการอ านวย ความสะดวกรวดเร็ว และลดภาระของประชาชนในกรณีที่ต้องใช้หนังสือรับรองนิติบุคคล และส าเนา เอกสารข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคลอันได้แก่ หนังสือบริคณห์สนธิ และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อธิบดีกรมสรรพากรจึง มีค าสั่ง ดังนี้ การปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากร และกฎหมายอื่นที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ของกรมสรรพากร รวมถึงประกาศ ระเบียบ ค าสั่ง ข้อบังคับ ข้อก าหนดหรือแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ ของกรมสรรพากร ที่ก าหนดให้บุคคลใด ๆ ต้องใช้หนังสือรับรองนิติบุคคล หนังสือบริคณห์สนธิ และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรใช้ข้อมูลที่เกิดจากวิธีการเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแทนวิธีการที่ต้องคัดเอกสารดังกล่าวจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประกาศ ณ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖3 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๓๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓" 562.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๓๘๒) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคล สําหรับเงินไดที่ไดจายเปนคาจางใหแกลูกจางซึ่งเปนผูประกันตนตามกฎหมายวาดวยประกันสังคม อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓ และมาตรา ๔ แหงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๘) พ.ศ. ๒๕๖๓ อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคล สําหรับเงินไดที่ไดจายเปนคาจางใหแกลูกจาง ซึ่งเปนผูประกันตนตามกฎหมายวาดวยประกันสังคม ดังตอไปนี้ ขอ ๑ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลจะนํารายจายที่ไดจายไปเพื่อเปนคาจางใหแกลูกจาง ไปใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๘) พ.ศ. ๒๕๖๓ ตองเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไข ดังตอไปนี้ (๑) ตองเปนการจายคาจางใหแกลูกจางตามสัญญาจางแรงงาน โดยลูกจางนั้น ตองไดรับคาจางไมเกินหนึ่งหมื่นหาพันบาทตอเดือน (๒) ตองเปนการจายคาจางใหแกลูกจางที่เปนผูประกั นตนตามมาตรา ๓๓ แหงพระราชบัญญัติ ประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๗ (๓) ตองมีจํานวนลูกจางที่เปนผูประกันตนตามมาตรา ๓๓ แหงพระราชบัญญัติ ประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๗ ณ วันสุดทายของเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ และเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แลวแตกรณี ไมนอยกวาจํานวนลูกจ าง ณ วันสุดทายของเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ความในวรรคหนึ่งไมใชบังคับกับกรณีลูกจางเกษียณอายุตามสัญญาจางแรงงาน ที่เปนลายลักษณอักษร ทุพพลภาพตามกฎหมายวาดวยประกันสังคม หรือตาย ขอ ๒ บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดนิติบุคคล ตามขอ ๑ ตองแจงขอมูลเกี่ยวกับการจายคาจางที่จะนํามาใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดตามพระราชกฤษฎีกา ้หนา ๘๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๗๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ออกตามความในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๘) พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามรายงานแสดงรายละเอียดการจางแรงงาน รายจายคาจางแรงงานและจํานวนการจางแร งงาน ผานระบบเครือขายอินเทอรเน็ตทางเว็บไซตของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ภายใน ๑๕๐ วัน นับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี การแจงขอมูลตามวรรคหนึ่งสําหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดกอน หรือในวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ใหแจงขอมูลภายในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เอกนิติ นิติทัณฑประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๘๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๗๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๓" 565.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร เรื่อง ก าหนดราคาศุลกากรส าหรับสินค้าไม้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ อธิบดีกรมศุลกากรเห็นควรก าหนดราคาศุลกากรส าหรับสินค้าไม้ดังต่อไปนี้ และให้ถือราคาที่ประกาศนี้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรขาออก ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤจิกายน พ.ศ. ๒๕๖3 เป็นต้นไป ไม้สัก ๑.) ไม้ซุง 1. ยาว ๘ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 28,384.00 บาท 2. ยาว ๖ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๘ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 9,270.00 บาท 3. ยาวต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 16,230.00 บาท ราคาตาม ๑, ๒ และ ๓ ข้างต้นมิให้ใช้กับไม้สักสวนป่าที่เป็นไม้ซุงที่ท าออกจากสวนป่า ทั้งของรัฐและเอกชน โดยมีหนังสือรับรองจากก รมป่าไม้ หรือผู้ที่กรมป่าไม้มอบหมาย และไม้เสื่อม คุณภาพ ตามที่คณะรัฐมนตรีให้ส่งออกได้เป็นกรณีพิเศษ และกระทรวงพาณิชย์อนุญาตโดยมีหนังสือ รับรองคุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๒.) ไม้เหลี่ยม 1. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 32,580.00 บาท ยาว ๑๐ ฟุตขึ้นไป 2. ขนาดกว้าง ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 31,250.00 บาท ยาว ๖ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๑๐ ฟุต 3. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยม ลูกบาศก์เมตรละ 25,080.00 บาท ถึงต่ ากว่า ๑๐ นิ้วสี่เหลี่ยม ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป 4. ขนาดกว้าง ๖ นิ้วสี่เหลี่ยมขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 22,250.00 บาท ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ๓.) ไม้ตับ 1. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 55,830.00 บาท 2. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 47,250.00 บาท ๔.) ไม้กระดาน 1. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 54,750.00 บาท 2. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 44,130.00 บาท ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๓๕.) ไม้ดาดฟ้าเรือ 1. ยาว ๑๕ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 71,550.00 บาท 2. ยาว ๑๐ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๑๕ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 63,150.00 บาท ๖.) ไม้บางวีเนียร์ 1. ขนาดกว้างตั้งแต่ ๔ นิ้วขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 349,750.00 บาท 2. ขนาดกว้างต่ ากว่า ๔ นิ้ว ลูกบาศก์เมตรละ 72,850.00 บาท ราคาตาม ๑ และ ๒ มิให้ใช้กับเศษไม้บางวีเนียร์ที่ขนาดกว้างต่ ากว่ามาตรฐาน โดยมีหนังสือรับรองคุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๗.) ไม้แปรรูปอย่างอื่น 1. ยาว ๖ ฟุตขึ้นไป ลูกบาศก์เมตรละ 40,๑๗๐.00 บาท 2. ยาว ๓ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๖ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 33,240.00 บาท ๘.) หัวไม้แปรรูปชนิดต่าง ๆ 1. ยาว ๑ ๑/๒ ฟุต ถึงต่ ากว่า ๓ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 32,550.00 บาท 2. ยาว ๖ นิ้ว ถึงต่ ากว่า ๑ ๑/๒ ฟุต ลูกบาศก์เมตรละ 31,200.00 บาท 3. ยาวต่ ากว่า ๖ นิ้ว ลูกบาศก์เมตรละ 13,900.00 บาท ไม้ชนิดอื่น ๆ ๑.) ไม้ซุง 1. ไม้มะเกลือ , ไม้พะยูงหรือพยุง ลูกบาศก์เมตรละ 17,430.00 บาท 2. ไม้ชิงชัน ลูกบาศก์เมตรละ 20,630.00 บาท 3. ไม้ประดู่ , ไม้มะค่าโมง , ไม้แดง , ลูกบาศก์เมตรละ 16,728.00 บาท ไม้ตะเคียนทอง , ไม้เต็ง, ไม้พุด, ไม้รัง, ไม้หลุมพอ 4. ไม้กะพี้เขาควายหรือเก็ดด า , ไม้สาธร , ลูกบาศก์เมตรละ 12,200.00 บาท ไม้รกฟ้า , ไม้ขี้เหล็กป่า , ไม้เชล็ง 5. ไม้ตะแบก , ไม้ชุมแพรก , ลูกบาศก์เมตรละ 11,560.00 บาท ไม้ชัน, ไม้ตาเสือ , ไม้ยมหอม , ไม้ยมหิน , ไม้จ าปา , ไม้แอ๊ก , ไม้พนองหรือเคี่ยมคนอง , ไม้มะค่าแต้ , ไม้ตีนนก , ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง, ไม้ตะคร้อ , ไม้แดงน้ า , ไม้ชัยพฤกษ์ ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ 6. ไม้ยาง , ไม้เกว้าหรือเขว้า , ลูกบาศก์เมตรละ 8,658.00 บาท ไม้ยวนหรือทองบึ้ง , ไม้สยา , ไม้กะท้อน , ไม้ก้านเหลือง , ไม้มังตาล , ไม้กะบาก , ไม้ไข่เขียว , ไม้พลวง , ไม้เหียง , ไม้เสียดช่อ , ไม้ทุเรียนนก 7. ไม้สมพงหรือกะพง , ไม้สองสลึง , ลูกบาศก์เมตรละ 3,010.00 บาท ไม้ปอ, ไม้นุ่น, ไม้งิ้ว, ไม้จามจุรี , ไม้ยางพารา ๒.) ไม้บางวีเนียร์ 1. ไม้ชิงชัน ลูกบาศก์เมตรละ 442,250.00 บาท 2. ไม้ประดู่ , ไม้สะเดาดงหรือยมหอม , ลูกบาศก์เมตรละ 200,750.00 บาท ไม้พยุง 3. ไม้ตองจิง , ไม้จ าปาป่า , ลูกบาศก์เมตรละ 64,300.00 บาท ไม้ชุมแพรก , ไม้มะรุมป่า 4. ไม้ทัง, ไม้ขมิ้นด าหรือโคแหลม , ลูกบาศก์เมตรละ 45,550.00 บาท ไม้กะบาก , ไม้สยา , ไม้ยาง , ไม้ตะเคียนทราย ราคาตาม ๑, ๒, ๓ และ ๔ มิให้ใช้กับไม้บางวีเนียร์ช ารุดไม่ได้มาตรฐาน โดยมีหนังสือ รับรองคุณภาพจากกรมป่าไม้ ซึ่งกรมศุลกากรจะประเมินราคาแต่ละรายไป ๓.) ไม้แปรรูป 1. ไม้มะเกลือ , ไม้พะยูงหรือพยุง ลูกบาศก์เมตรละ 140,376.00 บาท 2. ไม้ชิงชัน ลูกบาศก์เมตรละ 47,730.00 บาท 3. ไม้ประดู่ , ไม้มะค่าโมง , ไม้แดง , ลูกบาศก์เมตรละ 83,554.00 บาท ไม้ตะเคียนทอง , ไม้เต็ง, ไม้พุด, ไม้รัง, ไม้หลุมพอ 4. ไม้กะพี้เขาควายหรือเก็ดด า , ไม้สาธร , ลูกบาศก์เมตรละ 125,809.00 บาท ไม้รกฟ้า , ไม้ขี้เหล็กป่า , ไม้เชล็ง 5. ไม้ตะแบก , ไม้ชุมแพรก , ไม้ชัน, ลูกบาศก์เมตรละ ๓8,405.00 บาท ไม้ตาเสือ , ไม้ยมหอม , ไม้ยมหิน , ไม้จ าปา , ไม้แอ๊ก , ไม้พนองหรือเคี่ยมคนอง , ไม้มะค่าแต้ , ไม้ตีนนก , ไม้ตะเคียนอื่น ๆ, ไม้เต็งดง , ไม้ตะคร้อ , ไม้แดงน้ า , ไม้ชัยพฤกษ์ ้หนา ๓๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ 6. ไม้ยาง , ไม้เกว้าหรือเขว้า , ลูกบาศก์เมตรละ 21,189.00 บาท ไม้ยวนหรือทองบึ้ง , ไม้สยา , ไม้กะท้อน , ไม้ก้านเหลือง , ไม้มังตาล , ไม้กะบาก , ไม้ไข่เขียว , ไม้พลวง , ไม้เหียง , ไม้เสียดช่อ , ไม้ทุเรียนนก 7. ไม้สมพงหรือกะพง , ไม้สองสลึง , ลูกบาศก์เมตรละ 12,904.00 บาท ไม้ปอ, ไม้นุ่น, ไม้งิ้ว, ไม้จามจุรี , ไม้ยางพารา 8. ไม้หมอนรถไฟทุกชนิดนอกจากไม้สัก ลูกบาศก์เมตรละ 13,400.00 บาท และไม้ที่ระบุไว้ข้างต้น 9. ปุ่มไม้มะค่าโมง ลูกบาศก์เมตรละ 46,750.00 บาท 10. ยูคาลิปตัส ลูกบาศก์เมตรละ 11,301.00 บาท ประกาศ ณ วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖3 อัจฉรา ลอตินันทน์ ผู้อ านวยการกองมาตรฐานพิธีการและราคาศุลกากร ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมศุลกากร ้หนา ๓๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๓" 566.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ และโรคจากสิ่งแวดล้อม เพื่อท าหน้าที่ในการสอบสวนโรค การเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรค จากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 32 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยค าแนะน าของคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่ า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดตั้ง หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ในประกาศนี้ “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรค จากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม “เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และการสาธารณสุข ” หมายความว่า ผู้ที่ด ารงต าแหน่งนายแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสุขาภิบาล นักวิชาการสิ่ งแวดล้อม นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือนักเทคนิคการแพทย์ในสังกัดหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมิใช่ผู้ที่ได้รับ การแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ และโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 “พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ” หมายความว่า ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้รับงานไปท าที่บ้าน กฎหมายว่าด้วย การสาธารณสุข กฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย “หน่วยงานภาคเอกชน ” หมายความว่า ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓(๑) หน่วยงานที่มิใช่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่น ของรัฐ (๒) หน่วยงานภาคประชาสังคม องค์กรไม่แสวงหาผลก าไร มูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรอื่น ๆ ที่มีภารกิจหรือมีการด าเนินงานในลักษณะอย่างเดียวกัน “หน่วยปฏิบัติการ ” หมายความว่า หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ และโรคจากสิ่งแวดล้อม ข้อ 4 ผู้ที่สมควรได้รับการแต่ งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการ ต้องผ่านการฝึกอบรม ในหลักสูตรการสอบสวนโรค การเฝ้าระวัง การป้องกัน หรือการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ หรือโรคจากสิ่งแวดล้อมที่กรมควบคุมโรคก าหนดหรือที่กรมควบคุมโรครับรอง ข้อ 5 ให้ส านักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือส านัก อนามัย กรุงเทพมหานคร จัดท ารายชื่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และการสาธารณสุข พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้ที่สมควรได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ ในหน่วยปฏิบัติการเสนอต่อคณะกรร มการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม จังหวัด หรือคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาจัดตั้ งหน่วยปฏิบัติการตามที่เห็นสมควรต่อไป ในกรณีที่หน่วยปฏิบัติการมีจ านวนเจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการน้อยกว่าที่กฎหมายก าหนด ให้ส านักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือส านักอนามัย กรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี ด าเนินการ ตามวิธีการและขั้นตอนที่ก าหนดไว้ในวรรคหนึ่ง เพื่อ ให้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการทดแทน ต าแหน่งที่ว่างลง ภายในสามสิบวันนับจากวันที่ต าแหน่งนั้นว่างลง ข้อ 6 เจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการพ้นจากต าแหน่งเมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี ให้ออกเพราะ มีพฤติกรรมเสื่อมเสีย บกพร่องหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือหย่อนความสามารถ (๔) เป็นบุคคลล้มละลาย (๕) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๖) ได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่เป็นโทษส าหรับความผิด ที่ได้กระท าโดยปร ะมาทหรือความผิดลหุโทษ ้หนา ๒๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓(๗) ได้ย้ายหรือโอนไปยังหน่วยงานที่มิได้ตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกัน ข้อ 7 ให้อธิบดีกรมควบคุมโรครักษาการตามประกาศนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับ การด าเนินการตามประกาศนี้ ให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด และให้ค าสั่งหรือข้อวิ นิจฉัย ของอธิบดีกรมควบคุมโรคถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖3 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓" 568.pdf,"ส ำนักงำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำ ขอแก้ค ำผิด ประกำศกระทรวงสำธำรณสุข (ฉบับที่ 418) พ.ศ. 2563 ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติอำหำร พ.ศ. 2522 เรื่อง ก ำหนด หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีกำรใช้ และอัตรำส่วนของวัตถุเจือปนอำหำร (ฉบับที่ ๒) ซึ่งประกำศ ในรำชกิจจำนุเบ กษำ ฉบับประกำศและงำนทั่วไป เล่ม ๑๓7 ตอนพิเศษ 237 ง วันที่ 9 ตุลำคม ๒๕๖๓ เอกสำรแนบท้ำย บัญชีหมายเลข ๑ หน้ำ 115 ในตาราง รหัสของหมวดอาหาร 05.0 ลูกกวาด ลูกอม ช็อกโกแลต ช่องเงื่อนไข ค าว่า “XS87,TH61” ให้แก้เป็น “XS87,TH62” หน้า 146 ในตาราง รหัสของหมวดอาหาร 05.0 ลูกกวาด ลูกอม ช็อกโกแลต ช่องเงื่อนไข ค าว่า “XS87,TH61” ให้แก้เป็น “XS87,TH62” หน้า ๒๘๓ ในตาราง รหัสของหมวดอาหาร 05.0 ลูกกวาด ลูกอม ช็อกโกแลต ช่องเงื่อนไข ค าว่า “TH61” ให้แก้เป็น “TH62” หน้า ๒๘๕ ในตาราง รหัสของหมวดอาหาร 05.0 ลูกกวาด ลูกอม ช็อกโกแลต ช่องเงื่อนไข ค าว่า “XS87,TH61” ให้แก้เป็น “XS87,TH62” หน้า ๒๘๗ ในตาราง รหัสของหมวดอาหาร 05.0 ลูกกวาด ลูกอม ช็อกโกแลต ช่องเงื่อนไข ค าว่า “XS87,TH61” ให้แก้เป็น “XS87,TH62” หน้า ๒๘๙ ในตาราง รหัสของหมวดอาหาร 05.0 ลูกกวาด ลูกอม ช็อกโกแลต ช่องเงื่อนไข ค าว่า “XS87,TH61” ให้แก้เป็น “XS87,TH62” หน้า ๕๕๗ ในตาราง รหัสของหมวดอาหาร 05.1.4 ผลิตภัณฑ์โกโก้ และผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลต ช่องเงื่อนไข ค าว่า “183,TH61” ให้แก้เป็น “183,TH62” ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๖๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓" 569.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 236) เรื่อง ก าหนดแบบเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 3 โสฬส ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 มาตรา 81/3 มาตรา 82/6 มาตรา 83 มาตรา 83/5 มาตรา 85 มาตรา 85/3 มาตรา 85/5 มาตรา 85/6 มาตรา 85/10 มาตรา 85/12 มาตรา 85/13 มาตรา 85/14 มาตรา 85/15 มาตรา 85/16 มาตรา 86/6 มาตรา 86/8 และมาตรา 87/1 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 อธิบดีกรมสรรพากรก าหนดแบบเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อใช้ยื่นต่อ เจ้าพนักงานประเมินตาม ประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 65) เรื่อง ก าหนดแบบเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 ข้อ 2 ให้ก าหนดแบบดังต่อไปนี้ เป็นแบบเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (1) แบบ ภ.พ.01 แบบค าขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร (2) แบบ ภ.พ.01.1 แบบค าขอแจ้งขอใช้สิทธิเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (3) แบบ ภ.พ.01.2 แบบค าขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราว (4) แบบ ภ.พ.02 แบบค าขอยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกัน (5) แบบ ภ.พ.02.1 แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกัน (6) แบบ ภ.พ.04 แบบค าขอรับใบแทนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (7) แบบ ภ.พ.05.1 แบบแจ้งรายการประมาณการการใช้พื้นที่อาคาร (8) แบบ ภ.พ.05.2 แบบแจ้งวันที่ก่อสร้างอาคารเสร็จสมบูรณ์ (9) แบบ ภ.พ.05.3 แบบแจ้งรายการเริ่มใช้อาคาร (10) แบบ ภ.พ.05.4 แบบแจ้งรายการเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นที่อาคาร (11) แบบ ภ.พ.06 แบบค าขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบก ากับภาษี ตามประมวลรัษฎากร (12) แบบ ภ.พ.06.1 แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินที่เคยได้รับอนุมัติ (13) แบบ ภ.พ.07 แบบค าขออนุมัติให้สถานบริการน้ ามันเชื้อเพลิงเป็นผู้ประกอบกิจการ ขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อย (14) แบบ ภ.พ.08 แบบค าขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร (15) แบบ ภ.พ.09 แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร (16) แบบ ภ.พ.09.1 แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราว ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓(17) แบบ ภ.พ.30 และแบบ ภ.พ.31 แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (18) แบบ ภ.พ.30.2 แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีปรับปรุงภาษีซื้อที่เฉลี่ย ตามส่วนของรายได้ (19) แบบ ภ.พ.30.3 แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีปรับปรุงภาษีซื้อที่เฉลี่ย ตามส่วนของการใช้พื้นที่อาคาร (20) แบบ ภ.พ.36 แบบน าส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม แบบเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มต ามวรรคหนึ่ง ให้ใช้แบบที่กรมสรรพากรจัดพิมพ์ขึ้น หรือให้พิมพ์ จากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th หรือให้ใช้รายการข้อมูลตามแบบดังกล่าวที่สามารถยื่นแบบผ่านระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th โดยตรงหรือผ านระบบบริการ Tax Single Sign On ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกระทรวงการคลัง https://etax.mof.go.th ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับส าหรับการยื่นรายการตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖3 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๒๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๖๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓" 57.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลคาเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๒๓) เรื่อง กําหนดการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๑ มาตรา ๘๓/๕ มาตรา ๘๓/๖ และมาตรา ๘๓/๗ แหงประมวลรัษฎากร ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ ยื่นแบบแสดงรายการภาษี สําหรับการยื่นแบบแสดงรายการนําสงภาษีมูลคาเพิ่มผานระบบเครือขาย อินเทอรเน็ตไว ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ใหยกเลิกความในขอ ๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกั บภาษีมูลคาเพิ่ม (ฉบับที่ ๑๑๘) เรื่อง กําหนดการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ยื่นแบบ แสดงรายการภาษี ลงวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ และใหใชความตอไปนี้แทน “ขอ ๑ กําหนดใหการยื่นรายการขอมูลตามแบบ ภ.พ. ๓๖ ผานระบบเครือขายอินเท อรเน็ต ทางเว็บไซต ( Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th โดยวิธีใดวิธีหนึ่งดังตอไปนี้ เปนการยื่นแบบแสดงรายการนําสงภาษีมูลคาเพิ่มตามประมวลรัษฎากร (๑) เขาสูระบบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีทางเว็บไซต ( Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th โดยตรง โดยใชชื่อผูใช (Username) และรหัสผาน ( Password) ที่ไดรับจาก การลงทะเบียนการเขาใชระบบดังกลาวของกรมสรรพากร (๒) เขาสูระบบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีทางเว็บไซต ( Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ผานระบบบริการ Tax Single Sign On ทางเว็บไซต ( web Site) ของกระทรวงการคลัง https://etax.mof.go.th โดยใชชื่อผูใช ( Username) และรหัสผาน ( Password) ที่ไดรับจาก การลงทะเบียนการเขาใชระบบบริการ Tax Single Sign On ของกระทรวงการคลัง การยื่นแบบแสดงรายการภาษี ตามวรรคหนึ่ง มิใหใชกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเกินกําหนดเวลา ตามที่กําหนดในขอ ๓” ้หนา ๗๓ ่เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๗๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ขอ ๒ ใหยกเลิกความในขอ ๒ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลคาเพิ่ม (ฉบับที่ ๑๑๘) เรื่อง กําหนดการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และสถานที่ยื่นแบบ แสดงรายการภาษี ลงวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ และใหใชความตอไปนี้แทน “ขอ ๒ ผูมีหนาที่นําสงภาษีมูลคาเพิ่มที่มีความประสงคจะยื่นแบบแสดงรายการนําสง ภาษีมูลคาเพิ่มตามขอ ๑ จะตองยื่นคําขอเพื่อลงทะเบียนการใชระบบการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ผานระบบเครือขายอินเทอรเน็ตของกรมสรรพากรตามขอ ๑ (๑) หรือระบบบริการ Tax Single Sign On ของกระทรวงการคลังตามขอ ๑ (๒) และเมื่อไดรับอนุมัติแลวจึงจะมีสิทธิยื่นรายการขอมูลตามแบบ ภ.พ. ๓๖ ผานระบบเครือขายอินเทอรเน็ต ทางเว็บไซต (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th โดยใหถือเปนสถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไดอีกแหงหนึ่ง ” ขอ ๓ ประกาศนี้ใหใชบังคับสําหรับการยื่นรายการตั้งแตวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๑ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เอกนิติ นิติทัณฑประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๗๔ ่เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๗๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ ตุลาคม ๒๕๖๑" 572.pdf,"ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 95/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดเก็บและช าระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในนิคมอุตสาหกรรม โดยที่เป็นการสมควรก าหนดให้มีหลักเกณฑ์การจัดเก็บและช าระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในนิคมอุตสาหกรรมเป็นไปตามกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งก าหนดให้บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือเป็นผู้ครอบครองหรือท าประโยชน์ในที่ดิ น หรือสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของรัฐเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 95/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดเก็บและช าระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในนิคมอุตสาหกรรม ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ออกประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “กนอ.” หมายความว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “นิคมอุตสาหกรรม ” หมายความว่า นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. จัดตั้งเอง หรือนิคมอุตสาหกรรม ที่ผู้ร่วมด าเนินงานเข้าร่วมด าเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม โดย กนอ. เป็นผู้ให้บริการระบบ สาธารณูปโภค “ผู้ประกอบกิจการ ” หมายความว่า ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม “ผู้เช่า” หมายความว่า ผู้เช่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือที่ดินและสิ่งปลู กสร้างในนิคมอุตสาหกรรม “ที่ดิน” หมายความว่า พื้นดินอันเป็นทรัพย์สินของ กนอ. หรือที่ กนอ. เช่าจากหน่วยงานของรัฐ และให้หมายความรวมถึงพื้นที่ที่เป็นภูเขาหรือที่มีน้ าด้วย “สิ่งปลูกสร้าง” หมายความว่า โรงเรือน อาคาร ตึก หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นบนที่ดิน ที่บุคคลอาจเข้าอยู่อาศัยหรือใช้สอยได้ หรือที่ใช้เป็นที่เก็บสินค้าหรือประกอบการอุตสาหกรรม หรือพาณิชยกรรม และให้หมายความรวมถึงห้องชุดหรือแพที่บุคคลอาจใช้อยู่อาศัยได้หรือที่มีไว้ เพื่อหาผลประโยชน์ด้วย ข้อ ๔ การจัดเก็บภาษีที่ ดินในนิคมอุตสาหกรรม เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจ้งการประเมินภาษีมายัง กนอ. แล้ว กนอ. จะด าเนินการจัดเก็บจากผู้ประกอบกิจการหรือผู้เช่าตามสัดส่วน การใช้พื้นที่และระยะเวลาตามสัญญาภายในก าหนดระยะเวลาที่ กนอ. ต้องช าระให้แก่องค์กรปกครอง้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ส่วนท้องถิ่น โดย กนอ. จะมีหนังสือแจ้งผู้ประกอบกิจการหรือผู้เช่าทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ก่อนครบก าหนดระยะเวลาที่ กนอ. ต้องช าระให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้อ ๕ การจัดเก็บภาษีสิ่งปลูกสร้างในนิคมอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบกิจการหรือผู้เช่า เป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง บนที่ดินที่เช่ากับ กนอ. เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งการประเมินภาษี ไปยังผู้ประกอบกิจการหรือผู้เช่าโดยตรง ให้ผู้ประกอบกิจการหรือผู้เช่าดังกล่าวช าระภาษีต่อองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่แจ้งการประเมินภาษีนั้น หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งการประเมินภาษี ที่ผู้ประกอบกิจการหรือผู้เช่าซึ่งเป็น เจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินนั้นมายัง กนอ. กนอ. จะแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ประกอบกิจการ หรือผู้เช่าและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังกล่าวทราบโดยเร็ว เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการหรือผู้เช่านั้น ประสานหรือด าเนินการ ช าระภาษีโดยตรงกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป ข้อ ๖ การจัดเก็บภาษีสิ่งปลูกสร้างในนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. เป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง และให้เช่า เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งการประเมินภาษีมายัง กนอ. แล้ว กนอ. จะด าเนินการ จัดเก็บจากผู้เช่าสิ่งปลูกสร้ างนั้นตามสัดส่วนการใช้พื้นที่และระยะเวลาตามสัญญาภายในก าหนด ระยะเวลาที่ กนอ. ต้องช าระให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดย กนอ. จะมีหนังสือแจ้งผู้เช่า ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนครบก าหนดระยะเวลาที่ กนอ. ต้องช าระให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ข้อ ๗ กรณีผู้ประกอบกิจการหรือผู้เช่าที่ดินไม่ช าระค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามระยะเวลา ที่ก าหนด ผู้ประกอบกิจการหรือผู้เช่าที่ดินจะต้องช าระดอกเบี้ยผิดนัด รวมถึง กนอ. มีสิทธิบังคับจาก หลักประกันสัญญาตามเงื่อนไขที่ก าหนดในสัญญาระหว่าง กนอ. กับผู้ประกอบกิจก ารหรือผู้เช่าต่อไป ข้อ ๘ เฉพาะกรณีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี ๒๕๖๓ ให้ผู้ประกอบกิจการ หรือผู้เช่าด าเนินการช าระภาษีให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาตามที่ กนอ. ก าหนด โดยจะแจ้งให้ ผู้ประกอบการหรือผู้เช่าทราบต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๖๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓" 573.pdf,"ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2563 ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕54 ลงวันที่ 24 มีนาคม ๒๕54 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไว้แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมการด าเนินการเกี่ยวกับการแจ้งเลิกใช้รถ การยกเลิก การจดทะเบียนรถเนื่องจากมีการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่า (แบบลิสซิ่ง) หรือสัญญาอย่างอื่น ที่มีลักษณะเดียวกัน และการระงับทะเบียนรถที่ค้างช าระภาษีรถประจ าปีติดต่อกันครบสามปี ส าหรับ การประกอบการขนส่งไม่ประจ าทางและการประกอบการขนส่งส่วนบุคคลให้สา มารถด าเนินการได้ พร้อมกับการถอนรถออกจากบัญชีรายละเอียดของรถที่ใช้ในการขนส่ง (ขส.บ.11) อันเป็นการอ านวย ความสะดวกให้แก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนิน การเกี่ยวกับ ทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2563” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 27 ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการ เกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2554 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 27 เมื่อได้รับค าขอและตรวจสอบหลักฐานประกอบค าขอตามข้อ 26 ครบถ้วนถูกต้องแล้ว ให้ด าเนินการ ดังนี้ (1) กรณีรถที่ใช้ในการประกอบการขนส่งประจ าทางและการขนส่งโดยรถ ขนาดเล็ก ให้ตรวจสอบว่า ได้รับอนุญาตให้ถอนรถออกจากบัญชีรายละเอียดของรถที่ใช้ในการขนส่ง (ขส.บ.11) แล้วหรือไม่ หากยังมิได้ถอนรถก็ให้ผู้ประกอบการขนส่งหรือเจ้าของรถด าเนินการขอถอนรถให้เรียบร้อยก่อน (2) ตรวจรับแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถคืนให้ถูกต้อง (3) ตรวจสอบรายการเสียภาษีรถประจ าปี หากมีภาษีค้างช าระให้จัดเก็บภาษีค้างช าระ พร้อมเงินเพิ่มให้ครบถ้วนถูกต้อง (4) บันทึกการแจ้งเลิกใช้รถในหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ และส าเนาหนังสือแสดง การจดทะเบียนรถ (5) กรณีรถที่ใช้ในการประกอบการขนส่งไม่ประจ าทางและการขนส่งส่วนบุคคล ให้ด าเนินการ ถอนรถออกจากบัญชีรายละเอียดของรถที่ใช้ในการขนส่ง (ขส.บ.11)” ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๖๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ข้อ 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 37/1 ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วย การด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎ หมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2554 “ข้อ 37/1 รถที่ใช้ในการประกอบการขนส่งไม่ประจ าทางและการขนส่งส่วนบุคคลที่ได้ ด าเนินการยกเลิกการจดทะเบียนรถเนื่องจากมีการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่า (แบบลิสซิ่ง) หรือ สัญญาอย่างอื่นที่มีลักษณะเดียวกันตามข้อ 35 และข้อ 37 แล้ว ให้ด าเนินการถอนรถออกจากบัญชี รายละเอียดของรถที่ใช้ในการขนส่ง (ขส.บ.11)” ข้อ 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด 6/1 การระงับทะเบียนรถ ข้อ 39/1 ของระเบียบ กรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการด าเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง ทางบก พ.ศ. 2554 “หมวด 6/1 การระงับทะเบียนรถ ข้อ 39/1 รถที่ค้างช าระภาษีรถประจ าปีติดต่อกันครบสามปี ซึ่งมีผลท าให้การจดทะเบียนรถ เป็นอันระงับไป ให้ด าเนินการ ดังนี้ (1) ประกาศหมายเลขทะเบียนรถพร้อมทั้งจ านวนภาษีที่ค้างช าระไว้ ณ ที่ท าการนายทะเบียน และในสถานที่ที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกประกาศก าหนด (2) แจ้งเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถให้มาช าระภาษีรถประจ าปีที่ค้างช าระและส่งคืน แผ่นป้ายเลขทะเบียนรถต่อนายทะเบียนและน าหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถมาแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อบันทึกการระงับทะเบียนรถภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง (3) เมื่อได้รับช าระภาษีรถประจ าปีค้างช าระครบถ้วนถูกต้องและได้รับคืนแผ่นป้าย เลขทะเบียนรถแล้ว ให้บันทึกรายการเสียภาษีรถประจ าปีที่ค้างช าระและบันทึกการระงับทะเบียนรถ ในหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถให้ถูกต้องครบถ้วน (4) กรณีรถที่ใช้ในการประกอบ การขนส่งไม่ประจ าทางและการขนส่งส่วนบุคคล ให้ด าเนินการถอนรถออกจากบัญชีรายละเอียดของรถที่ใช้ในการขนส่ง (ขส.บ.11)” ประกาศ ณ วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. ๒๕63 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๖๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓" 576.pdf," กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓70 (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการก าหนดจ านวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา ๗๑ ตรี วรรคสาม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๔ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ และมาตรา ๗๑ ตรี วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๗) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ก าหนดจ านวนรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระท าในรอบระยะเวลาบัญชี ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๗๑ ตรี วรรคสาม เป็นจ านวนไม่เกินสองร้อยล้านบาท ข้อ ๒ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับส าหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งรอบ ระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ให้ไว้ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖3 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๙๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๗๑ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ได้ก าหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นในลักษณะ ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา ๗๑ ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่จัดท าและยื่นรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวม ของธุรกรรมระหว่างกัน และเอกสารหรือหลักฐานแสดงข้อมูลที่จ าเป็นส าหรับการวิเคราะห์ข้อก าหนดของธุรกรรม ระหว่างบริษัทห รือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และให้สามารถก าหนดจ านวนรายได้หรือลักษณะ อื่นใดของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่มีจ านวนรายได้ตามที่ก าหนดไม่ต้องจัดท าและยื่นรา ยงานข้อมูลและเอกสารหรือหลักฐานดังกล่าว จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๙๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓" 582.pdf,"ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง ก าหนดอัตราค่าบริการอื่น กรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษ ส าหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI-METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง ก าหนดอัตราค่าบริการอื่น กรณีการจ้างโดยมี บริการพิเศษส าหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI-METER) ที่จดทะเบียนในเขต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ไว้แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงอัตราค่าบริการอื่น กรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษส าหรับ รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI-METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๑๒ (๑) (ข) ๓) ของกฎกระทรวงว่าด้วย รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง ก าหนดอัตราค่าบริการอื่น กรณีการจ้าง โดยมีบริการพิเศษส าหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI-METER) ที่จดทะเบียน ในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “สัมภาระ” หมายความว่า สินค้า สิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่มีการบรรจุกล่อง กระเป๋า มัดรวม หรือบรรจุหีบห่อ และที่มิได้มีการบรรจุแต่มีขนาด ปริมาณ ความกว้าง ความสูง เกินกว่าเป็นสัมภาระติดตัว แต่มิให้หมายความรวมถึงรถเข็นหรืออุปกรณ์ส าหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย เช่น วีลแชร์ ไม้เท้า “สัมภาระติดตัว ” หมายความว่า สัมภาระที่อยู่ในความดูแลของคนโดยสารระหว่าง การเดินทาง เช่น กระเป๋าถือ กระเป๋าคอมพิวเตอร์ เป้สะพายหลัง และให้หมายถึงของใช้ส่วนตัว ที่ติดตัวคนโดยสารด้วย ข้อ ๓ ค่าบริการอื่นกรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษ ให้ก าหนด ดังนี้ (๑) การจ้างที่มีการบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดความกว้าง ความยาว หรือความสูงด้านใด ด้านหนึ่งเกินกว่ายี่สิบหกนิ้วขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการในอัตราชิ้นละไม่เกิน ๒๐ บาท (๒) การจ้างที่มีการบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดความกว้าง ความยาว หรือความสูงด้านใด ด้านหนึ่งไม่เกินยี่สิบหกนิ้วเกินกว่าสองชิ้น ให้เรียกเก็บค่าบริการตั้งแต่ชิ้นที่สามขึ้นไป ในอัตราชิ้นละ ไม่เกิน ๒๐ บาท ทั้งนี้ ไม่นับรวมกับสัมภาระตาม (๑) ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓(๓) การจ้างที่มีการบรรทุกสัมภาระเป็นอุปกรณ์การกีฬาจ าพวก ถุงกอล์ฟ รถจักรยาน วินด์เซิร์ฟ หรือเครื่องดนตรี ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ห้าสิบนิ้วขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการในอัตราชิ้นละไม่เกิน ๑๐๐ บาท (๔) การจ้างที่มีการบรรทุกสัมภาระเป็นสินค้า สิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่บรรจุกล่อง และที่มิได้มีการบรรจุกล่อง แต่มีการมัดรวมหรือหีบห่อรวมกันไว้ ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ ห้าสิบนิ้วขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการในอัตราที่บรรจุกล่อง มัดรวมหรือหีบห่อชิ้นละไม่เกิน ๑๐๐ บาท ข้อ ๔ การวัดขนาดของสัมภาระ มิให้วัดล้อหรืออุปกรณ์ที่ช่วยในการเคลื่อนที่รวมค านวณ เป็นขนาดของสัมภาระด้วย ข้อ ๕ การเรียกเก็บค่าบริการอื่นกรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษ ให้เรียกเก็บได้ในกรณี การจ้างจากท่าอากาศยานดอนเมือง หรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือการจ้างจากสถานที่อื่นไปยัง ท่าอากาศยานดอนเมือง หรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้ผู้ขับรถยนต์รับจ้างแจ้งอัตราค่าบริการ ให้ผู้โดยสารทราบล่วงหน้าก่อนท าการรับจ้าง ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖3 ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ้หนา ๑๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๗๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓" 583.pdf,"ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาล ส้าหรับสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ ที่ใช้เป็นเครื่องดื่มที่มีลักษณะผง เกล็ด หรือเครื่องดื่มเข้มข้น ที่มีส่วนผสมของน ้าตาล และสามารถละลายน ้าได้ แต่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในรูปแบบผง ตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร (ฉบับที่ 2) เพื่อให้การตรวจวัดปริมาณน ้าตาลส้าหรับสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องดื่มที่มีลักษณะ ผง เกล็ด หรือเครื่องดื่มเข้มข้นที่มีส่วนผสมของน ้าตาลและสามารถละลายน ้าได้ แต่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในรูปแบบผง ตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ใน (1) ของประเภทที่ 16.90 เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการค้านวณภาษี เป็นไปโดยถูกต้อง มีมาตรฐาน และมีประสิทธิ ภาพ อาศัยอ้านาจตามความใน (ก) ของ (1) ของประเภทที่ 16.90 ในบัญชีท้ายกฎกระทรวง ก้าหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงก้าหนดพิกัดอัตราภาษี สรรพสามิต (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 อธิบดีกรมสรรพสามิตจึงออกประกาศเพิ่มเติมไว้ ดังต่อไปนี ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 5 และข้อ 6 ของประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาล ส้าหรับสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องดื่ม ที่มีลักษณะผง เกล็ด หรือเครื่องดื่มเข้มข้น ที่มีส่วนผสมของน ้าตาลและสามารถละลายน ้าได้ แต่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในรูปแบบผง ตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี แทน “ข้อ 5 การตรวจวัดปริมาณน ้าตาลในสินค้าตามข้อ ๑ ด้วยวิธีการตาม ที่ก้าหนดไว้ในข้อ 4 หากได้ตรวจวัดและมีผลวิเคราะห์จากกลุ่มวิเคราะห์สินค้าและของกลาง กรมสรรพสามิต หรือส้านักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ส่วนราชการหรือสถาบันที่ส้านักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การยอมรับ ผลการตรวจวิเคราะห์อาหารเพื่อประกอบการขอขึ นทะเบียนต้ารับอาหารหรืออนุญาตให้ใช้ฉลากอาหาร หรือหน่วยงานที่มีมาตรฐานของห้องปฏิบัติการเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ ของกรมสรรพสามิต ( Good Laboratory Practice /Excise Department : GLP/EXD) หรือสูงกว่า และขึ นทะเบียนไว้กับกรมสรรพสามิต ตามระเบียบที่อธิบดีก้าหนด ให้ถือปริมาณน ้าตาลในสินค้าตามที่ปรากฏ ในผลวิเคราะห์นั นเป็นเกณฑ์ในการค้านวณภาษีสรรพสามิต ทั งนี อธิบดีอาจออกระเบียบเพื่อก้าหนด อัตราค่าธรรมเนียมในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาลของกลุ่มวิเคราะห์สินค้าและของกลาง กรมสรรพสามิต ซึ่งผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องช้าระแก่กรมสรรพสามิต ข้อ 6 กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตยังไม่มีผลการตรวจวัดปริมาณน ้าตาลในสินค้า จากส้านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ส่ วนราชการหรือสถาบันที่ส้านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้การยอมรับผลการตรวจวิเคราะห์อาหารเพื่อประกอบการขอขึ นทะเบียนต้ารับอาหารหรืออนุญาตให้ใช้ ฉลากอาหาร หรือหน่วยงานที่มีมาตรฐานของห้องปฏิบัติการเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานห้องปฏิบัติการวิเคราะห์้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ของกรมสรรพสามิต ( Good Laboratory Practice /Excise Department : GLP/EXD) หรือสูงกว่า และขึ นทะเบียนไว้กับกรมสรรพสามิต และประสงค์จะให้กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานที่ตรวจวัด ปริมาณน ้าตาลในสินค้า ให้ส่งตัวอย่างสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องดื่มที่มีลักษณะ ผง เกล็ด หรือเครื่องดื่มเข้มข้น ที่มีส่วนผสมของน ้าตาลและสามารถละลายน ้าได้ แต่ไม่รวมถึง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในรูปแบบผง ตามกฎหมายว่าด้วยอาหารใน (1) ประเภทที่ 16.90 ของบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตท้ายพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กรมสรรพสามิตตรวจวิเคราะห์ ไม่น้อยกว่า ๑๕ วันก่อนวันยื่นแบบแจ้งราคาขายปลีกแนะน้า โดยตัวอย่างสินค้าที่ส่งให้กรมสรรพสามิตตรวจวิเคราะห์ให้มีจ้านวนไม่น้อยกว่า ๓ ภาชนะบรรจุ ต่อหนึ่งตัวอย่างที่ส่งตรวจ ทั งนี อธิบดีอาจออกระเบียบเพื่อก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการตรวจวัด ปริมาณน ้าตาลของกลุ่มวิเคราะห์สินค้าและของกลาง กรมสรรพสามิต ซึ่งผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องช้าระ แก่กรมสรรพสามิต ” ข้อ 2 การใดอยู่ระหว่างขั นตอนการด้าเนินการตามประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาล ส้าหรับสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องดื่ม ที่มีลักษณะผง เกล็ด หรือเครื่องดื่มเข้มข้น ที่มีส่วนผสมของน ้าตาลและสามารถละลายน ้าได้ แต่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในรูปแบบผง ตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ให้ด้าเนินการให้แล้วเสร็จ ส้าหรับการด้าเนินการต่อไปให้เป็นไป ตามที่ก้าหนดในประกาศนี การด้าเนินการใด ๆ ตามประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาล ส้าหรับสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องดื่มที่มีลักษณะผง เกล็ด หรือเครื่องดื่มเข้มข้น ที่มีส่วนผสมของน ้าตาลและสามารถละลายน ้าได้ แต่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในรูปแบบผง ตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ที่ได้ด้าเนินการไว้ก่อนวันที่ประกาศนี ใช้บังคับ ให้เป็นอันใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ นสุดไปโดยเงื่อนไข หรือเงื่อนเวลาที่ก้าหนดไว้ หรือจนกว่าจะมีค้าสั่งยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลง ข้อ 3 ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖3 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓" 584.pdf,"ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาล (ฉบับที่ 2) เพื่อให้การตรวจวัดปริมาณน ้าตาลในสินค้าเครื่องดื่ม ของประเภทที่ ๐๒.๐๒ ประเภทที่ ๐๒.๐๓ และ ๐๒.๐๔ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการค้านวณภาษี เป็นไปโดยถูกต้อง มีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ อาศัยอ้านาจตามความใน (๑) และ (2) ของประเภทที่ ๐๒.๐๒ (๑) (๒) และ (3) ของประเภทที่ ๐๒.๐๓ และ (๑) ของประเภทที่ ๐๒.๐๔ ในบัญชีท้ายกฎกระทรวงก้าหนดพิ กัดอัตรา ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงก้าหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562 อธิบดีกรมสรรพสามิตจึงออกประกาศเพิ่มเติมไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ 4 และข้อ 5 ของประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาล ลงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 และให้ใช้ความ ต่อไปนี แทน “ข้อ 4 การตรวจวัดปริมาณน ้าตาลในสินค้าตามข้อ 2 ด้วยวิธีการตามที่ก้าหนดไว้ในข้อ 3 หากได้ตรวจวัดและมีผลการวิเคราะห์จากกลุ่มวิเคราะห์สินค้าและของกลาง กรมสรรพสามิต ส้านักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ส่วนราชการหรือสถาบันที่ส้านักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การยอมรับ ผลการตรวจวิเคราะห์อาหารเพื่อประกอบการขอขึ นทะเบียนต้ารับอาหารหรืออนุญาตให้ใช้ฉลากอาหาร หรือหน่วยงานที่มีมาตรฐานของห้องปฏิบัติการเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ ของกรมสรรพสามิต ( Good Laboratory Practice /Excise Department : GLP/EXD) หรือสูงกว่า และขึ นทะเบียนไว้กับกรมสรรพสามิตตามระเบียบที่อธิบดีก้าหนด ให้ถือปริมาณน ้าตาลในสินค้าตามที่ ปรากฏในผลวิเคราะห์นั นเป็นเกณฑ์ในการค้านวณภาษีสรรพสามิต ทั งนี อธิบดีอาจออกระเบียบ เพื่อก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาลของกลุ่มวิเคราะห์สินค้ าและของกลาง กรมสรรพสามิต ซึ่งผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องช้าระแก่กรมสรรพสามิต ข้อ 5 กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตยังไม่มีผลการตรวจวัดปริมาณน ้าตาลในสินค้าจาก ส้านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ส่วนราชการหรือสถาบันที่ส้านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้การยอมรับผลก ารตรวจวิเคราะห์อาหารเพื่อประกอบการขอขึ นทะเบียนต้ารับอาหารหรืออนุญาตให้ใช้ ฉลากอาหาร หรือหน่วยงานที่มีมาตรฐานของห้องปฏิบัติการเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานห้องปฏิบัติการ วิเคราะห์ของกรมสรรพสามิต (Good Laboratory Practice/Excise Department : GLP/EXD) หรือสูงกว่า และขึ นทะเบียนไว้กับกรมสรรพสามิต และประสงค์จะให้กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงาน ที่ตรวจวัดปริมาณน ้าตาลในสินค้า ให้ส่งตัวอย่างสินค้าเครื่องดื่ม ในประเภทที่ ๐๒.๐๒ ประเภทที่ ๐๒.๐๓ หรือประเภทที่ ๐๒.๐๔ ของบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตท้ายพระราชบั ญญัติภาษีสรรพสามิต ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้วแต่กรณี ให้กรมสรรพสามิตตรวจวิเคราะห์ ไม่น้อยกว่า ๑๕ วันก่อนวันยื่นแบบแจ้ง ราคาขายปลีกแนะน้า โดยตัวอย่างสินค้าที่ส่งให้กรมสรรพสามิตตรวจวิเคราะห์ให้มีจ้านวนไม่น้อยกว่า ๓ ภาชนะบรรจุต่อหนึ่งตัวอย่างที่ส่งตรวจ ทั งนี อธิบดีอาจออกระเบียบเพื่อก้าหนดอัตราค่าธรรมเนียม ในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาลของกลุ่มวิเคราะห์สินค้าและของกลาง กรมสรรพสามิต ซึ่งผู้มีหน้าที่ เสียภาษีต้องช้าระแก่กรมสรรพสามิต ” ข้อ 2 การใดอยู่ระหว่างขั นตอนการด้าเนินการตามประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาล ลงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ให้ด้าเนินการ ให้แล้วเสร็จ ส้าหรับการด้าเนินการต่อไปให้เป็นไปตามที่ก้าหนดในประกาศนี การด้าเนินการใด ๆ ตามประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการตรวจวัดปริมาณน ้าตาล ลงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ที่ได้ด้าเนินการไว้ก่อนวันที่ประกาศนี ใช้บังคับ ให้เป็นอันใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ นสุดไปโดยเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่ก้าหนดไว้ หรือจนกว่าจะมี ค้าสั่งยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลง ข้อ 3 ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั ง แต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖3 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓" 586.pdf,"ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ท าประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิ เพื่อให้ไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินดังกล่าวไม่เป็นไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ท าประโยชน์ตามประเภทหนังสือ แสดงสิทธิเพื่อให้ถือว่าไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินดังกล่าวไม่เป็นไม้หวงห้าม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ท าประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิ เพื่อให้ไม้ที่ปลูกขึ้น ในที่ดินดังกล่าวไม่เป็นไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ให้ที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าท าประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประเภทหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ตามแบบ ส.ป.ก. ๔-๐๑ ส.ป.ก. ๔-๐๑ ก ส.ป.ก. ๔-๐๑ ข ส.ป.ก. ๔-๐๑ ค หรือ ส.ป.ก. ๔-๐๑ ช เป็นที่ดินซึ่งไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นไม้หวงห้าม ความตามวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินดังกล่าวก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับด้วย ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖3 วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๓" 589.pdf,"กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอแก้ไขข้อความคลาดเคลื่อน ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การด าเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ซึ่งประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓6 ตอนพิเศษ 231 ง วันที่ 16 กันยายน ๒๕๖2 เอกสารแนบท้าย หนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจ าปีภาษี พ.ศ. .... (ภ.ด.ส. ๖) ย่อหน้าที่ ๕ บรรทัดที่ ๒ ค าว่า “ตามแบบ ภ.ด.ส. ๙” ให้แก้เป็น “ตามแบบ ภ.ด.ส. 10” ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๓" 591.pdf,"ประกาศการประปานครหลวง เรื่อง ข้อปฏิบัติส้าหรับการใช้น ้าประปา เพื่อให้การด้าเนินการเกี่ยวกับระบบการส่งและการจ้าหน่ายน ้าประปา เป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกันในการให้บริการ อาศัยอ้านาจตามความในข้อ 5 ของข้อบังคับ การประปานครหลวง ฉบับที่ 116 ว่าด้วยการบริการจัดส่ง จ้าหน่าย และการใช้น ้าประปา พ.ศ. 2558 จึงก้าหนดข้อปฏิบัติส้าหรับการใช้น ้าประปา ดังนี ๑. การติดตั งท่อภายในบริเวณอาคารสถานที่ของผู้ขอรับบริการหรือผู้ใช้น ้า ให้ใช้ท่อ อุปกรณ์ท่อ และวิธีการวางท่อ ของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรร มของกระทรวงอุตสาหกรรม และมาตรฐาน การเดินท่อภายในอาคารของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ก้าหนด 2. การต่อท่อประปาจากท่อจ่ายน ้าของการประปานครหลวง ถึงที่ติดตั งมาตรวัดน ้า รวมทั ง การติดตั งมาตรวัดน ้าและเครื่องกั นน ้าตลอดจนอุปกรณ์อื่น ๆ พร้อมทั งการก้าหนดขนาดของสิ่งเหล่านั น เป็นอ้านาจของการประปานครหลวง บรรดาท่อภายในเป็นทรัพย์สินของผู้ใช้น ้า ส่วนอุปกรณ์เครื่องกั นน ้าภายนอกมาตรวัดน ้า รวมทั งมาตรวัดน ้า เมื่อได้ท้าการติดตั งไว้แล้วเป็นทรัพย์สินของการประปานครหลวง 3. สถานประกอบการที่ใช้น ้าประปาเป็ นปริมาณมากหรือเป็นสถานบริการผู้อื่น หรือสถานที่ ที่มีการติดตั งขนาดมาตรวัดน ้าขนาด Ø ๑ ๑/๒"" ขึ นไป จะต้องมีถังพักน ้า หรือถังเก็บน ้าที่มีความจุรวมกัน ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณความต้องการใช้น ้าประปาเฉลี่ยต่อวัน 4. ผู้ใช้น ้าต้องไม่ใช้เครื่องสูบน ้า หรือวิธีการอื่นใดสูบน ้าโดยตรงจากท่อน ้าของการประปานครหลวง หรือจากท่อภายใน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากการประปานครหลวง 5. ผู้ใช้น ้าจะไม่ซ่อมแซม แก้ไข ดัดแปลง หรือกระท้าการอย่างหนึ่งอย่างใดกับมาตรวัดน ้า เครื่องกั นน ้า หรือท่ออุปกรณ์ภายนอกมาตรวัดน ้าเป็นอันขาด 6. ผู้ใช้น ้าต้องไม่ท้าการดัดแปลงโยกย้ายแก้ไขมาตรวัดน ้า หรือกระท้าการอื่นใดอันเป็น อุปสรรคแก่การอ่านตัวเลขในมาตรวัดน ้า การบ้ารุงรักษามาตรวัดน ้า ประตูน ้า หรือเครื่องกั นน ้า และท่อภายนอก หรือท้าให้เกิดความเสียหายแก่มาตรวัดน ้า และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของการประปา นครหลวง กรณีผู้ใช้น ้าใช้น ้าจากมาตรวัดน ้าหลายเครื่องร่วมกัน ให้ติดตั งเครื่องกั นน ้าป้องกันการไหลย้อนกลับ 7. ผู้ใช้น ้าต้องไม่น้าน ้าประปาไปจ้าหน่ายให้กับผู้ใดเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากการประปานครหลวง 8. ผู้ใช้น ้าที่ใช้น ้าจากบ่อบาดาลร่วมกับน ้าประปา ต้องต่อท่อน ้า บาดาลแยกต่างหาก จากท่อน ้าของการประปานครหลวงและท่อภายใน 9. ผู้ใช้น ้าที่ประสงค์จะงดการใช้น ้าไว้เป็นการชั่วคราวโดยการฝากมาตร ให้แจ้งการประปานครหลวง ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วัน ้หนา ๒๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๓10. เมื่อผู้ใช้น ้าได้รื อถอนอาคารหรือย้ายไปจากภูมิล้าเนา ต้องแจ้งให้การประปานครห ลวง ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วัน นับตั งแต่วันที่ได้รื อถอนอาคารหรือย้ายไปจากภูมิล้าเนา หากประสงค์จะโอนสิทธิการใช้น ้าต้องช้าระหนี สินที่ยังค้างอยู่ทั งหมดเสียก่อน กรณีที่อาคารของผู้ใช้น ้าเกิดเพลิงไหม้เสียหาย การประปานครหลวงสงวนสิทธิ์ที่จะงดจ่ายน ้า ได้ตามสภาพและความเหมาะสม 11. ในกรณีจ้าเป็นเพื่อป้องกันความเสียหายพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานของการประปานครหลวง อาจเข้าไปในสถานที่ของผู้ใช้น ้า เพื่อตรวจสอบ ซ่อมแซมหรือแก้ไขการส่งและการจ้าหน่ายน ้า เช่น การอ่านมาตรวัดน ้า งดการจ่ายน ้า เปลี่ยนแปลงขนาดมาตรวัดน ้า และดูแลบ้ารุงรักษามาตรวัดน ้า ท่อและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของการประปานครหลวงได้ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ นถึงพระอาทิตย์ตก เมื่อได้แจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทราบแล้ว รวมทั งให้ความร่วมมืออ้านวยความสะดวกในการปฏิบัติงาน ตามควรแก่กรณี หากผู้ใช้น ้าขัดขวางหรือไม่ยินยอม ให้พนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานของการประปานครหลวง เข้าไปในสถานที่ใช้น ้าเพื่อด้าเนินการในกรณีดังกล่าว การประปานครหลวงมีสิทธิระงับการใช้น ้าประปา ได้ทันที การปฏิบัติงานของพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานของการประปานครหลวงตามวรรคแรกต้องแสดง บัตรประจ้าตัวพนักงานหรือผู้ปฏิบัติง าน เพื่อเข้าตรวจสอบ ซ่อมแซมและแก้ไขการส่งและการจ้าหน่ายน ้า 12. กรณีมาตรวัดน ้าติดตั งภายนอกบริเวณสถานที่ที่ขอใช้น ้า ช้ารุดเสียหายหรือสูญหาย ส้านักงานประปาสาขาจะเปลี่ยนมาตรวัดน ้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เว้นแต่มาตรวัดน ้าช้ารุดเสียหายหรือ สูญหายโดยการกระท้าของผู้ใช้น ้า ผู้ใช้น ้าจะต้องช้าระค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมาตรวัดน ้า และชดใช้ ค่าน ้าสูญเสียกับค่าเสียหายที่พึงประเมินได้ทั งหมดตามความเป็นจริง 13. กรณีมาตรวัดน ้าติดตั งภายในบริเวณสถานที่ขอใช้น ้าหรือมาตรวัดน ้าส้าหรับติดตั งประปาชั่วคราว หรือมาตรวัดน ้าที่ไม่สามารถติดตั งไว้ใกล้ทางเข้าออก ด้านหน้าอาคาร โดยติดตั งชิดฝาผนังอาคาร หรือแนวรั วก้าแพงด้านหน้าได้ช้ารุด เสียหาย หรือสูญหาย ผู้ใช้น ้าจะต้องช้าระค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน มาตรวัดน ้า และชดใช้ค่าน ้าสูญเสียกับค่าเสียหายที่พึงประเมินได้ทั งหมดตาม ความจริง 14. กรณีจ้าเป็นต้องวางท่อประปาในที่ดินของบุคคลอื่น ผู้ใช้น ้ามีหน้าที่ในการขออนุญาต เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในการวางท่อประปาในที่ดินนั น และหากภายหลังเจ้าของหรือ ผู้ครอบครองที่ดินไม่อนุญาตในการวางท่อประปาอีกต่อไปโดยให้การประปานครหลวงรื อย้ายท่ อประปา ออกจากที่ดินของตน การประปานครหลวงมีสิทธิระงับการใช้น ้าประปาและรื อท่อประปาออกได้ทันที และผู้ใช้น ้าไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ จากการประปานครหลวง 15. กรณีที่มีการเปลี่ยนมาตรวัดน ้าให้ด้าเนินการตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี (1) กรณีที่การประปานครห ลวงตรวจพบภายหลังว่า มาตรวัดน ้าที่ติดตั งไว้นั นมีขนาด ไม่เหมาะสมกับปริมาณการใช้น ้าเป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหกเดือนอันเป็นเหตุให้ไม่สามารถ ้หนา ๒๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๓วัดจ้านวนหน่วยที่แท้จริงได้อย่างถูกต้อง การประปานครหลวงมีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงขนาดมาตรวัดน ้า ที่ติดตั งไว้แล้วได้ตามหลักเกณฑ์ที่การประปานครหลวงก้าหนด (2) กรณีผู้ใช้น ้าขอเปลี่ยนแปลงขนาดมาตรวัดน ้า ผู้ใช้น ้าจะต้องช้าระค่าใช้จ่าย ในการเปลี่ยนมาตรวัดน ้าตามอัตราค่าใช้จ่ายที่การประปานครหลวงเรียกเก็บ 16. กรณีมาตรวัดน ้าช้ารุดหรือไม่บันทึกปริมาณน ้า หรือมีเหตุอื่นอันไม่สา มารถค้านวณปริมาณ น ้าประปาที่ใช้หรือสูญเสียไปตามความเป็นจริงได้ การประปานครหลวงสงวนสิทธิ์ที่จะประเมินปริมาณน ้า ที่ได้ใช้หรือสูญเสียไป โดยใช้อัตราเฉลี่ยต่อวันของการใช้น ้าเป็นระยะเวลาสามเดือนที่พบการช้ารุด หรือมีเหตุอื่นดังกล่าว มาค้านวณเป็นปริมาณน ้าประปาที่ใช้ หรือสูญเสียในเดือนนั น หรือตามสภาพการใช้น ้าจริง ที่มีเหตุขัดข้อง 17. ผู้ขอใช้น ้าที่ยื่นค้าร้องขอและช้าระเงินค่าใช้จ่ายในการติดตั งประปาไว้แล้ว แต่ปฏิเสธ ที่จะให้การประปานครหลวงวางท่อและติดตั งมาตรวัดน ้า ภายในเวลาที่ก้าหนด หากแจ้งให้การประปานครหลวง ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร การประปานครหลวงจะคืนค่าใช้จ่ายในการติดตั งประปาที่ได้ช้าระไว้ หากไม่แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร การประปานครหลวงสงวนสิทธิ์ในการด้าเนินการหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 4 ของค่าใช้จ่ายที่ได้ด้าเนินการไปแล้ว ๑8. การติดต่อกับการประปานครหลวงให้น้าใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องอื่นใด มาแสดง เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการใช้บริการ 19. กรณีที่การประปานครหลวงได้ด้าเนินการตามค้าขอรับใช้น ้าหรือถ้อยค้าของผู้ใช้น ้าแล้ว หากมีการคัดค้านหรือโต้แย้งในเรื่องสิทธิใด ๆ เกี่ยวกับการจัดส่งและจ้าหน่ายน ้าให้กับผู้ใช้น ้า ผู้ใช้น ้า ต้องรับผิดในความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ นต่อการประปานครหลวง และที่ผู้คัดค้านเรียกร้อง 20. กรณีที่มีเหตุขัดข้องด้านเทคนิค หรือเหตุสุดวิสัย หรือเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดหมายได้ หรือเพื่อสาธารณประโยชน์ส่วนรวม การประปานครหลวง ขอสงวนสิทธิ์ที่จะระงั บหรือจ้ากัดการส่ง และจ้าหน่ายน ้าทั งหมด หรือส่วนหนึ่งส่วนใดตามความเหมาะสมต่อเหตุการณ์ การระงับหรือจ้ากัด การส่งและจ้าหน่ายน ้าดังกล่าว การประปานครหลวงจะแจ้งให้ผู้ใช้น ้าทราบล่วงหน้า เว้นแต่ในกรณี จ้าเป็นเร่งด่วน 21. การประปานครหลวงสงวนสิทธิ์ในการติดตั งประปาให ม่ เปลี่ยนแปลงขนาดมาตรวัดน ้า งดจ่ายน ้า หรือระงับการใช้น ้า หากตรวจพบว่าผู้ใช้น ้าไม่ปฏิบัติตามประกาศนี ทั งนี ตั งแต่บัดนี เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖3 ปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง ้หนา ๒๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๓" 592.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตน้าเข้าน ้าตาลทรายมาในราชอาณาจักร เพื่อใช้ในการศึกษาหรือการวิจัย พ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรก้าหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตน้าเข้าน ้าตาลทรายมาในราชอาณาจักร เพื่อใช้ในการศึกษาหรือการวิจัย ซึ่งจะท้าให้เกิดประโยชน์โดยรวมกับประเทศ คณะกรรมการอ้อยและ น ้าตาลทราย ในการประชุมครั งที่ ๑๑/๒๕๖๓ เมื่อวันพุธที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ จึงได้มีมติเห็นชอบ ให้ก้าหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้น้าเข้าน ้าตาลทรายมาในราชอาณาจักร เพื่อใช้เป็น ตัวอย่างเฉพาะในงานที่เกี่ยวกับการศึกษาหรือการวิจัย อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน ้าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ คณะกรรมการอ้อยและน ้า ตาลทรายจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ประกาศนี เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการอนุญาตน้าเข้าน ้าตาลทรายมาในราชอาณาจักรเพื่อใช้ในการศึกษาหรือการวิจัย พ.ศ. 2563” ข้อ ๒ ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี “น ้าตาลทราย” หมายความว่า น ้าตาลที่ได้จากอ้อยตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๑๗๐๑.๑๓.๐๐ ๑๗๐๑.๑๔.๐๐ ๑๗๐๑.๙๑.๐๐ ๑๗๐๑.๙๙.๑๐ และ ๑๗๐๑.๙๙.๙๐ ข้อ ๔ การน้าเข้าน ้าตาลทร ายมาในราชอาณาจักร เพื่อใช้เป็นตัวอย่างเฉพาะในงานที่เกี่ยวกับ การศึกษาหรือการวิจัยให้ถือว่าได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามมาตรา 47 โดยผู้ขออนุญาตน้าเข้า ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี (1) เป็นหน่วยงานราชการ หรือสถาบันการศึกษาและน้าเข้ามาเฉพาะในงานที่ เกี่ยวกับการศึกษา หรือการวิจัย (2) หน่วยงานเอกชนที่มีการศึกษาวิจัยร่วมกับหน่วยงานราชการ หรือสถาบันการศึกษาเฉพาะ ในงานที่เกี่ยวกับการศึกษาหรือการวิจัย ข้อ ๕ ปริมาณที่อนุญาตให้น้าเข้าน ้าตาลทรายมาในราชอาณาจักรตามข้อ ๔ ต้องมีจ้านวน ไม่เกิน ๑๐๐ กิโลกรัมต่อครั ง ข้อ 6 ให้ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทรายรักษาการตามประกาศนี ทั งนี ตั งแต่บัดนี เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖3 กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน ้าตาลทราย ้หนา ๖๐ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๓" 597.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตร โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตร แก่ผู้ประกันตน ตามมติคณะกรรมการการแพทย์ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา 66 และ มาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 คณะกรรมการการแพทย์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตร ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ 3 ให้จ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรตามมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติประ กันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ แก่ผู้ประกันตนในอัตราหนึ่งหมื่นห้าพันบาทต่อการคลอดหนึ่งครั้ง ส าหรับการคลอดบุตร ของผู้ประกันตน หรือภริยาของผู้ประกันตน หรือหญิงซึ่งอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ประกันตนโดยเปิดเผย กรณีผู้ประกันตนไม่มีภริยา ข้อ 4 ประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรตามข้อ ๓ ให้รวมถึง (๑) ค่าตรวจและรับฝากครรภ์ (๒) ค่าบ าบัดทางการแพทย์ (๓) ค่ายาและเวชภัณฑ์ (๔) ค่าท าคลอด (๕) ค่ากินอยู่และรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล (๖) ค่าบริบาลและค่ารักษาพยาบาลทารกแรกเกิด (๗) ค่ารถพยาบาลหรือค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วย (๘) ค่าบริการอื่นที่จ าเป็น ข้อ 5 ผู้ใดมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตรอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราส าหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตร ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ จนครบตามสิทธิ ประกาศ ณ วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖3 ชาตรี บานชื่น ประธานกรรมการการแพทย์ ้หนา ๕๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๓" 599.pdf,"ค ำสั่งรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ที่ 3/๒๕๖๓ เรื่อง กำรก ำหนดเงื่อนไขในกำรอนุญำตให้คนต่ำงด้ำวบำงจ ำพวกเข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่วครำว ตำมที่กระทรวงมหำดไทยมีค ำสั่งรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ที่ ๑/๒๕๖๓ เรื่อง กำรก ำหนดเงื่อนไขในกำรอนุญำตให้คนต่ำงด้ำวบำงจ ำพวกเข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่วครำว ลงวันที่ ๑๒ มีนำคม ๒๕๖๓ และค ำสั่งรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ที่ ๒/๒๕๖๓ เรื่อง กำรก ำหนดเงื่อนไขในกำรอนุญำตให้คนต่ำงด้ำวบำงจ ำพวกเข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่วครำว ลงวันที่ ๒๓ กันยำยน ๒๕๖๓ เพื่อระงับกำรให้สิทธิขอรับกำรตรวจลงตรำ ณ ช่องทำงอนุญำต ของด่ำนตรวจคนเข้ำเมือง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนำคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวำคม ๒๕๖๓ แต่เนื่องจำกสถำนกำรณ์ปัจจุบัน ยังพบกำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 ในทุกประเทศ ดังนั้น เพื่อให้มีมำตรกำรในกำรสกัดกั้นและป้องกันกำรแพร่ระบำดของโรคโควิด 19 จำกต่ำงประเทศ ตลอดจนเพื่อควำมสงบเรียบร้อย และควำมผำสุกของประชำชน อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติคนเข้ำเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกำศคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง กำรแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษำกำรตำมกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับอ ำนำจหน้ำที่ของเจ้ำพนักงำนต ำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๗ และมำตรำ ๑๖ แห่งพระรำชบัญญัติคนเข้ำเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นำยกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย จึงมีค ำสั่งก ำหนดเงื่อนไขในกำรอนุญำตให้คนต่ำงด้ำวบำงจ ำพวก เข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่วครำว โดยให้ระงับกำรก ำหนดรำยชื่อประเ ทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทำง หรือเอกสำรใช้แทนหนังสือเดินทำงซึ่งเข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่วครำวจะขอรับกำรตรวจลงตรำ ณ ช่องทำงอนุญำตของด่ำนตรวจคนเข้ำเมือง ตำมประกำศกระทรวงมหำดไทย เรื่อง ก ำหนดรำยชื่อประเทศ ที่ผู้ถือหนังสือเดินทำงหรือเอกสำรใช้แทนหนังสือเดิน ทำงซึ่งเข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็นกำรชั่วครำว จะขอรับกำรตรวจลงตรำ ณ ช่องทำงอนุญำตของด่ำนตรวจคนเข้ำเมือง ลงวันที่ ๔ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ค ำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกรำคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๑ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สั่ง ณ วันที่ 25 ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่ำจินดำ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ้หนา ๘๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๓" 60.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก้าหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงขอ งการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ้านาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ด้าเนินการ ดังนี้ ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ ข้อ ๒ ก้าหนดอัตราค่าธร รมเนียมพิเศษการใช้น้้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ - เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๖๕๐ บาท/ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๗๓๓ บาท/ชั่วโมง ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้ อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้้ามันดีเซลของบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ย ทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ ผลการค้านวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลง เกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รองผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายวิศวกรรม รักษาการแทน ผู้อ้านวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ้หนา ๔๘ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๔๘ ง ราชกิจจานุเบกษา ๕ ตุลาคม ๒๕๖๑" 600.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรม การขับรถวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕62 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕62 ไว้แล้ว นั้น โดยที่ประกาศดังกล่าวก าหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถ วัตถุอันตรายต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ 4 อยู่ก่อนแล้ว แต่มิได้ก าหนดให้อายุหนังสือ รับรองต้องมีอายุไม่เกินอายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ 4 ของผู้ขอรับหนังสือรับรอง สมควรก าหนด อายุของหนังสือรับรองให้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดความพร้อมในการด าเนินการให้เป็นไป ตามประกาศดังกล่าว สมควรขยายระยะเวลาในการยื่นขอรับหนังสือรับรองโดยไม่ต้องผ่านการอบรม และทดสอบส าหรับผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ 4 อยู่ก่อนแล้วไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๓ (8) (ข) ของกฎกระทรวง ความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตรายทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๘ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 6 ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือ รับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕62 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 6 หนังสือรับรอง ให้เป็นไปตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกก าหนด โดยให้มีอายุสามปี นับแต่วันออกหนังสือรับรอง แต่วันครบก าหนดอายุต้องไม่เกินวันสิ้นอายุของใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ชนิดที่ 4 ของผู้ขอรับหนังสือรับรอง ในระหว่างหนังสือรับรองยังไม่สิ้นอายุ หากผู้ได้รับหนังสือรับรองผ่า นการการอบรมและทดสอบ ในหลักสูตรอื่นเพิ่มเติม ให้ออกหนังสือรับรองฉบับใหม่ตามหลักสูตรเดิมและหลักสูตรที่ผ่านการอบรม และทดสอบเพิ่มเติม โดยให้หนังสือรับรองมีอายุเท่ากับอายุหนังสือรับรองที่เหลืออยู่ แต่ทั้งนี้ หากผู้ได้รับหนังสือรับรองยื่นค าขอต่ออายุหนังสือรับ รองภายในก าหนดระยะเวลาตามข้อ 7 พร้อมกับ ยื่นค าขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ 4 ให้หนังสือรับรองมีอายุเท่ากับอายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ชนิดที่ 4 ที่ต่ออายุแล้วนั้น ” ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 9 ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือ รับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕62 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 9 ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ 4 และใบอนุญาตนั้นยังไม่สิ้นอายุ หากมีหนังสือ รับรองการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ขับรถวัตถุอันตรายในประเภทหนึ่งประเภทใดจากผู้ ได้รับใบอนุญาต ประกอบการขนส่งและได้มีการด าเนินการยื่นขอรับหนังสือรับรองจนแล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ให้ผู้นั้นไม่ต้องผ่านการอบรมและทดสอบตามข้อ 3 ้หนา ๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓หนังสือรับรองตามวรรคหนึ่งให้มีอายุเท่ากับอายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ 4 ที่เหลืออยู่ ของผู้ขอรับหนังสือรับรอง ” ประกาศ ณ วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕63 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓" 602.pdf,"ค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ ๓๑/๒๕๖๓ เรื่อง กำรปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๐) เพื่อให้กำรปฏิบัติตำมข้อก ำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชก ำหนดกำรบริหำร รำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๕) เป็นไปด้วยควำมเรียบร้อย อำศัยอ ำนำจ ตำมค ำสั่งนำยกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้ก ำกับกำร ปฏิบัติงำน หัวหน้ำผู้รับผิดชอบและพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ในกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน ข้อ ๓ (๖) ข้อ ๔ และข้อ ๕ ค ำสั่งนำยกรัฐมนตรี ที่ ๓๙/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง กำรจัดโครงสร้ำงของศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์กำรแพร่ ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) และค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ที่ ๑/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๗ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง กำรจัดโครงสร้ำงของศูนย์ปฏิบัติกำร แก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ข้อ ๑ จึงก ำหนดแนวทำงกำรปฏิบัติ ดังนี้ ๑. ให้กำรปฏิบัติตำมค ำสั่งศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคงในเรื่อง ปรับกำรตั้งจุดตรวจควบคุมกำรแพร่ระบำดโรคโควิด - 19 จัดตั้งคณะตรวจกำรประกอบกิจกำร และกิจกรรมตำมมำตรกำรผ่อนคลำย แต่งตั้งพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ มอบหน้ำที่และอ ำนำจ และแต่งตั้ง หัวหน้ำคณะตรวจกำรประกอบกิจกำรและกิจกรรมตำมมำตรกำรผ่อนคลำย ยังมีผลบังคับใช้ โดยปรับกำรปฏิบัติให้สอดคล้องกับแนวทำงที่ก ำหนดต่อไป รวมทั้งด ำรงควำมต่อเนื่องในกำรตรวจกิจ กำร และกิจกรรมที่มีประชำชนเข้ำร่วมจ ำนวนมำก และสถำนประกอบกำรที่มีแนวโน้มกำรใช้แรงงำนต่ำงด้ำว ที่หลบหนีเข้ำเมืองโดยผิดกฎหมำยโดยให้ควำมส ำคัญกับกำรตรวจสอบผู้ที่เข้ำมำตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งไม่ปฏิบัติตำมประกำศกระทรวงมหำดไทย เรื่อง มีกำรอนุญำตให้คนต่ำงด้ำวบำงจ ำพวก อยู่ในรำชอำณำจักรเป็นกรณีพิเศษเป็นล ำดับแรก รวมทั้งรณรงค์ส่งเสริมและประชำสัมพันธ์ ให้สถำนประกอบกำรและประชำชนตระหนักและปฏิบัติตำมมำตรกำรป้องกันโรค ตลอดจนแจ้งเบำะแส แก่ทำงรำชกำร หำกพบว่ำมีผู้ละเมิดมำตรกำรป้องกันโรค ๒. ด ำรงควำมต่อเนื่องในกำรตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสำยตรวจร่วม เพื่อสนับสนุนกำรบังคับใช้ มำตรกำรห้ำมใช้หรือเข้ำไปในพื้นที่เสี่ยงต่อกำรติดโรค กำรปิดสถำนที่เสี่ยงต่อกำรติดโรค กำรห้ำมมิให้ มีกำรชุมนุม กำรท ำกิจกรรม หรือกำรมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถำนแออัด อั นท ำให้เสี่ยงต่อกำรติดเชื้อ หรือแพร่ระบำดของเชื้อ หรือกำรกระท ำอันเป็นกำรฉวยโอกำสซ้ ำเติมควำมเดือดร้อนของประชำชน ตลอดจนกำรเฝ้ำระวัง ตรวจและคัดกรองกำรเดินทำงและกำรเคลื่อนย้ำยแรงงำนต่ำงด้ำว ตำมที่ ผู้มีอ ำนำจหน้ำที่ได้มีค ำสั่ง ประกำศ หรือก ำหนดแล้วแต่กรณี ้หนา ๖๘ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓๓. เพิ่มควำมเข้มงวดในกำรเฝ้ำตรวจ สกัดกั้น และด ำเนินกำรกับผู้หลบหนีเข้ำเมือง โดยให้ควำมส ำคัญกับกำรตรวจสอบผู้ที่เข้ำมำตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งไม่ปฏิบัติ ตำมประกำศกระทรวงมหำดไทย เรื่อง มีกำรอนุญำตให้คนต่ำงด้ำวบำงจ ำพวกอยู่ในรำชอำณำจั กร เป็นกรณีพิเศษเป็นล ำดับแรกในเขตรับผิดชอบ โดยเฉพำะพื้นที่เสี่ยงต่อกำรแพร่ระบำดโรคโควิด - 19 และมีสถิติกำรลักลอบเข้ำเมืองโดยผิดกฎหมำย รวมทั้งประสำนใช้กลไกด้ำนกำรปกครองในระดับพื้นที่ ในกำรเฝ้ำระวัง ค้นหำ และกำรแจ้งเบำะแสผู้หลบหนีเข้ำเมือง ตลอดจนเพิ่มมำตรกำรกำรตรวจสอบ บุคคลและยำนพำหนะในพื้นที่จังหวัดชำยแดนและพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพำะขบวนกำรน ำพำและผู้เกี่ยวข้องกับ ผู้หลบหนีเข้ำเมือง ทั้งนี้ ให้ด ำเนินกำรสอบสวนผู้กระท ำผิดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในกำรป้องกัน กำรลักลอบเข้ำเมืองโดยผิดกฎหมำยต่อไป ๔. ให้บรรดำค ำสั่ง ประกำศ หลักเกณฑ์ หรือมำตรกำรใด ๆ ที่ได้ออกภำยใต้หน้ำที่และ อ ำนำจของศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ตำมค ำสั่งนำยกรัฐมนตรี ที่ ๖/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๗ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง กำรจัดโครงสร้ำงของศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์โค วิด - 19 ซึ่งมีผลอยู่ในวันก่อนวันที่ค ำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่ำที่ไม่ขัดหรือแย้งกับค ำสั่งนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 25 ธันวำคม พ.ศ. ๒๕63 พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชำกำรทหำรสูงสุด หัวหน้ำศูนย์ปฏิบัติกำรแก้ไขสถำนกำรณ์ฉุกเฉินด้ำนควำมมั่นคง ้หนา ๖๙ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓" 603.pdf,"ประกาศองค์การจัดการน ้าเสีย เรื่อง การก้าหนดเขตพื นที่จัดการน ้าเสียเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย พ.ศ. 2563 ด้วยคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563 เห็นชอบการก้าหนดเขตพื นที่ จัดการน ้าเสียให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย จ้านวน 66 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดก้าแพงเพชร จังหวัดขอนแก่น จังหวัดจัน ทบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดชุมพร จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตรัง จังหวัดตราด จังหวัดตาก จังหวัดนครนายก จังหวัดนครพนม จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดนราธิวาส จังหวัดน่าน จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดปัตตานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพังงา จังหวัดพัทลุง จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดแพร่ จังหวัดพะเยา จังหวัดมหาสารคาม จั งหวัดมุกดาหาร จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดยะลา จังหวัดยโสธร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดระนอง จังหวัดระยอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดล้าปาง จังหวัดล้าพูน จังหวัดเลย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสกลนคร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสระบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองบัวล้าภู จังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดอ้านาจเจริญ เป็นเขตพื นที่จัดการน ้าเสียที่องค์การ จัดการน ้าเสียรับผิดชอบ อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 23 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั งองค์การจัดการน ้าเสีย พ.ศ. 2538 ประกอบมาตรา 7 (4) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ประกาศนี เรียกว่า “ประกาศองค์การจัดการน ้าเสีย เรื่อง การก้าหนดเขตพื นที่ จัดการน ้าเสียเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย พ.ศ. 2563” ข้อ ๒ ประกาศนี ให้มีผลใช้บังคับตั งวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศองค์กา รจัดการน ้าเสีย เรื่อง การก้าหนดเขตพื นที่จัดการน ้าเสียเพิ่มเติม ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม 2542 (๒) ประกาศองค์การจัดการน ้าเสีย เรื่อง การก้าหนดเขตพื นที่จัดการน ้าเสียเพิ่มเติม ลงวันที่ ๑4 ตุลาคม 2545 (๓) ประกาศองค์การจัดการน ้าเสีย เรื่อง การก้าหนดเขตพื นที่จัดการน ้าเสียเพิ่มเติม ลงวันที่ ๑2 กันยายน 2555 ฉบับมีผลใช้บังคับตั งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน 2553 ้หนา ๖๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓(๔) ประกาศองค์การจัดการน ้าเสีย เรื่อง การก้าหนดเขตพื นที่จัดการน ้าเสียเพิ่มเติม ลงวันที่ ๑2 กันยายน 2555 ฉบับมีผลใช้บังคับตั งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2555 (๕) ประกาศองค์การจัดการน ้าเสีย เรื่อง การก้าหนดเขตพื นที่จัดการน ้าเสียเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2563 ข้อ ๔ ประกาศก้าหนดเขตพื นที่จัดการน ้าเสียเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย เป็นจ้านวน 77 จังหวัด ดังต่อไปนี เป็นเขตพื นที่จัดการน ้าเสียที่องค์การจัดการน ้าเสียรับผิดชอบ (๑) จังหวัดกรุงเทพมหานคร (๒) จังหวัดกระบี่ (๓) จังหวัดกาญจนบุรี (๔) จังหวัดกาฬสินธุ์ (๕) จังหวัดก้าแพงเพชร (๖) จังหวัดขอนแก่น (๗) จังหวัดจันทบุรี (๘) จังหวัดฉะเชิงเทรา (๙) จังหวัดชลบุรี (๑๐) จังหวัดชัยนาท (๑๑) จังหวัดชัยภูมิ (๑๒) จังหวัดชุมพร (๑๓) จังหวัดเชียงราย (๑๔) จังหวัดเชียงใหม่ (๑๕) จังหวัดตรัง (๑๖) จังหวัดตราด (๑๗) จังหวัดตาก (๑๘) จังหวัดนครนายก (๑๙) จังหวัดนครปฐม (๒๐) จังหวัดนครพนม (๒๑) จังหวัดนครราชสีมา (๒๒) จังหวัดนครศรีธรรมราช (๒๓) จังหวัดนครสวรรค์ (๒๔) จังหวัดนนทบุรี (๒๕) จังหวัดนราธิวาส (๒๖) จังหวัดน่าน ้หนา ๖๕ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓(๒๗) จังหวัดบึงกาฬ (๒๘) จังหวัดบุรีรัมย์ (๒๙) จังหวัดปทุมธานี (๓๐) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (๓๑) จังหวัดปราจีนบุรี (๓๒) จังหวัดปัตตานี (๓๓) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (๓๔) จังหวัดพังงา (๓๕) จังหวัดพัทลุง (๓๖) จังหวัดพิจิตร (๓๗) จังหวัดพิษณุโลก (๓๘) จังหวัดเพชรบุรี (๓๙) จังหวัดเพชรบูรณ์ (๔๐) จังหวัดแพร่ (๔๑) จังหวัดพะเยา (๔๒) จังหวัดภูเก็ต (๔3) จังหวัดมหาสารคาม (๔๔) จังหวัดมุกดาหาร (๔๕) จังหวัดแม่ฮ่องสอน (๔๖) จังหวัดยะลา (๔๗) จังหวัดยโสธร (๔๘) จังหวัดร้อยเอ็ด (๔๙) จังหวัดระนอง (๕๐) จังหวัดระยอง (๕๑) จังหวัดราชบุรี (๕๒) จังหวัดลพบุรี (๕๓) จังหวัดล้าปาง (๕๔) จังหวัดล้าพูน (๕๕) จังหวัดเลย (๕๖) จังหวัดศรีสะเกษ (๕๗) จังหวัดสกลนคร (๕๘) จังหวัดสงขลา ้หนา ๖๖ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓(๕๙) จังหวัดสตูล (๖๐) จังหวัดสมุทรปราการ (๖๑) จังหวัดสมุทรสงคราม (๖๒) จังหวัดสมุทรสาคร (๖๓) จังหวัดสระแก้ว (๖๔) จังหวัดสระบุรี (๖๕) จังหวัดสิงห์บุรี (๖๖) จังหวัดสุโขทัย (๖๗) จังหวัดสุพรรณบุรี (๖๘) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (๖๙) จังหวัดสุรินทร์ (๗๐) จังหวัดหนองคาย (๗๑) จังหวัดหนองบัวล้าภู (๗๒) จังหวัดอ่างทอง (๗๓) จังหวัดอุดรธานี (๗๔) จังหวัดอุทัยธานี (๗๕) จังหวัดอุตรดิตถ์ (๗๖) จังหวัดอุบลราชธานี (๗๗) จังหวัดอ้านาจเจริญ ประกาศ ณ วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖3 ชีระ วงศบูรณะ ผู้อ้านวยการองค์การจัดการน ้าเสีย ้หนา ๖๗ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓" 605.pdf,"ประกาศคณะกรรมการเครื่องส าอาง เรื่อง ฉลากของเครื่องส าอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติเครื่องส าอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการเครื่องส าอางออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ฉลากของเครื่องส าอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยส าหรับมือที่ขาย ในประเทศต้องจัดหรือติดแสดงไว้ในที่เปิดเผย มองเห็น และอ่านได้ชัดเจนที่เครื่องส าอาง หรือภาชนะบรรจุ หรือหีบห่อของภาชนะบรรจุเครื่องส าอาง และต้องระบุข้อความ ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อเครื่องส าอาง และชื่อทางการค้าของเครื่องส าอาง ซึ่งต้องมีขนาดใหญ่กว่าข้อความอื่น (๒) ประเภทหรือชนิดของเครื่องส าอางให้ระบุว่า “เครื่องส าอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อสุขอนามัยส าหรับมือ ” (๓) ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมต้องเป็นชื่อตามต าราที่ส านักงานคณะกรรมการอาหาร และยาประกาศก าหนด และจะต้องเรียงล าดับตามปริมาณของสาร จากมากไปหาน้อย กรณีสีที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่ องส าอาง หรือสารที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าร้อยละ ๑ ไม่จ าเป็นต้องเรียงล าดับ แต่ให้ชื่อสารเหล่านั้นอยู่ถัดจากสารที่มีความเข้มข้นมากกว่าร้อยละ ๑ ทั้งนี้ ให้แสดงความเข้มข้นของแอลกอฮอล์เป็นร้อยละโดยปริมาตร (volume by volume) หรือข้อความอื่นที่มีความหมา ยในท านองเดียวกัน หรือแสดงข้อความ “แอลกอฮอล์ไม่ต่ ากว่าร้อยละ 70 โดยปริมาตร” หรือข้อความอื่นที่มีความหมายในท านองเดียวกัน (๔) วิธีใช้ ให้ระบุว่า “ใช้ท าความสะอาดมือโดยถูให้ทั่วมือ ไม่น้อยกว่า 20 วินาที แล้วทิ้งไว้ ให้แห้ง” (๕) ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต กรณีเป็นเครื่องส าอางที่ผลิตในประเทศ ชื่อและที่ตั้งของผู้น าเข้า และชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต กรณีที่เป็นเครื่องส าอางน าเข้า (๖) ปริมาณสุทธิ (๗) เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต (๘) เดือน ปี ที่ผลิต หรือ ปี เดือน ที่ผลิต (๙) เดือน ปี ที่หมดอายุ หรือ ปี เดือน ที่หมดอายุ หรือข้อความอื่นที่มีความหมาย ในท านองเดียวกัน (๑๐) ค าเตือนเกี่ยวกับอันตราย ดังนี้ “ค าเตือน ห้ามเก็บที่อุณหภูมิเกิน 40 °C ห้ามใช้ใกล้เปลวไฟ หากใช้ในเด็กเล็ก ควรมีผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิด และเก็บให้พ้นมือเด็กเล็ก ้หนา ๕๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓หากเกิดอาการระคายเคืองหรือผิดปกติ ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ” ทั้งนี้ ในค าเตือนอาจมีข้อความเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคอื่นด้วยก็ได้ และหากมีสารใด ๆ ในสูตรที่ต้อง แสดงค าเตือนตามประกาศคณะกรรมการเครื่องส าอางว่าด้วยเรื่องค าเตือน ให้แสดงค าเตือนดังกล่าวด้วย กรณีค าเตือนซ้ าให้แสดงข้อความตามที่ได้ก าหนดไว้ข้างต้น (๑๑) เลขที่ใบรับจดแจ้ง ตามที่ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศก าหนด ข้อ ๒ ฉลากของเครื่องส าอางที่ขายในประเทศต้องใช้ข้อความภาษาไทย และมีขนาด ที่สามารถอ่านได้ชัดเจน อาจมีข้อความอื่นหรือมีภาษาต่างประเทศด้วยก็ได้ ยกเว้นชื่อของสารที่ใช้ เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง อาจใช้ภาษาไทย หรือเขียนภาษาไทยทับศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือใช้ภาษาอังกฤษ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ในกรณีที่มีการใช้สารอนุภาค nano เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องส าอาง ให้ระบุข้อความ “(nano)” ข้างท้ายชื่อสาร ข้อ ๓ ในกรณีของเครื่องส าอางที่ขายในประเทศที่มีภาชนะบรรจุขนาดเล็ก และมีพื้นที่ ในการแสดงฉลากน้อยกว่า ๒๐ ตารางเซนติเมตร อย่างน้อยต้องแสดงข้อความตามข้อ ๑ (๑) (๓) วรรคสาม (๗) (๘) (๙) และ (๑๑) ส าหรับข้อความตามข้อ 1 นอกจากที่ก าหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงไว้ที่ใบแทรก หรือเอกสารหรือคู่มือที่ใช้ประกอบเครื่องส าอางนั้นด้วย ข้อ ๔ ให้เครื่องส าอางซึ่งน าเข้ามาเพื่อขาย ได้รับการยกเว้นไม่ต้องท าฉลากเป็นภาษาไทย ที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อ ในขณะน าเข้าที่ด่านตรวจสอบเครื่องส าอาง แต่ต้องจัดท าฉลากเป็นภาษาไทย ภายใน ๓๐ วัน นับแต่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ตรวจปล่อยให้น าเข้าแล้ว ข้อ ๕ ฉลากของเครื่องส าอางที่ผลิตเฉพาะเพื่อการส่งออก ให้เป็นไปตามข้อก าหนด ของประเทศคู่ค้า ข้อ ๖ ฉลากของเครื่องส าอางที่ขายในประเทศต้องมีข้อความ รูป รูปภาพ รอยประดิษฐ์ เครื่องหมาย ตรา หรือเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการค้าจดทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นภาษาใด ที่ปรากฏในฉลาก ที่ต้อง (๑) ไม่เป็นเท็จหรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อ หรือไม่ท าให้เข้าใจผิดในสาระส าคัญ (๒) ไม่แสดงถึงชื่อเครื่องส าอาง ส่วนประกอบของเครื่องส าอาง อัตราส่วนของเครื่องส าอาง ปริมาณของเครื่องส าอาง หรือแสดงถึงสรรพคุณของเครื่องส าอาง อันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวง ให้เกิดความหลงเชื่อ หรือท าให้เข้าใจผิดในสาระส าคั ญ (๓) ไม่ท าให้เข้าใจว่ามีวัตถุตามข้อความ ชื่อ รูป รูปภาพ รอยประดิษฐ์ เครื่องหมาย หรือเครื่องหมายการค้าดังกล่าวผสมอยู่ในเครื่องส าอาง โดยที่ไม่มีวัตถุนั้นผสมอยู่ หรือมีส่วนผสมอยู่ ในปริมาณที่ไม่อาจแสดงสรรพคุณตามข้อความที่กล่าวอ้าง ้หนา ๕๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓(๔) ไม่พ้องเสียง พ้องรูป กับค าหรือข้อความที่สื่อถึงคุณประโยชน์ คุณภาพ สรรพคุณ อันเป็นการโอ้อวด หรือเป็นเท็จ หรือเกินจริง หรือหลอกลวงท าให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร (๕) ไม่ขัดกับวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงามของไทยหรือส่อไปในทางท าลายคุณค่าของภาษาไทย ไม่ส่งเสริมหรืออาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความแตกแยก หรือผลกระทบในเชิงลบทั้งทางตรง หรือทางอ้อมต่อสังคม วัฒนธรรม ศีลธรรม ประเพณี หรือพฤติกรรมที่เกี่ยวกับเพศ ภาษา และความรุนแรง ข้อ ๗ ให้ผู้ผลิตหรือผู้น าเข้าเครื่องส าอางที่ได้จัดท าฉลากไว้ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ท าการแก้ไขฉลากให้ถูกต้องตามประกาศฉบับนี้ และให้ใช้ฉลากเดิมที่เหลืออยู่ต่อไป แต่ไม่เกินหนึ่งร้อย แปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ข้อ ๘ ประกาศนี้ให้ใช้บั งคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖3 เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการเครื่องส าอาง ้หนา ๕๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓" 606.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจ าพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) ระลอกใหม่ที่แพร่ระบาดในคนต่างด้าว โดยมีทั้งที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือระยะเวลาที่ได้รับ อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง ซึ่งในขณะนี้ไม่อาจทราบได้ว่าคนต่างด้าวนั้นมีจ านวนเท่าใด ท าให้ยากต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการควบคุมการแพร่ระบาด ของโรค จ าเป็นต้องให้คนต่างด้าวนั้นต้องแสดงตน โดยการแจ้งความประสงค์ที่จะอยู่ในราชอาณาจักร เพื่อท างานและให้คนต่า งด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษได้ต่อไป อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับอ านาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานต ารวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เข้ามาใน ราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง ก่อนวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ข้อ ๒ ให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษได้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท างานต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ต้องด าเนินการตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาต ให้คนต่างด้าวท างานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ส าหรับคนต่างด้าวที่เป็นผู้ติดตามซึ่งมีอายุไม่เกินสิบแปดปี และมิได้ด าเนินการตามวรรคสอง ให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ตามระยะเวลาที่บิดาหรือมารดาของผู้นั้นได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ข้อ ๓ ให้คนต่างด้าวตามข้อ ๒ วรรคสาม หรือบิดาหรือมารดาของผู้นั้น ด าเนินการ ดังนี้ (๑) แจ้งชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ เพศ หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง ต่อกระทรวงแรงงานโดยผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (๒) เข้ารับการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามวิธีการที่กระทรวงสาธารณสุขก าหนด (๓) ยื่นค าขอจัดท าทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ส าหรับคนต่างด้าวซึ่งมีอายุสิบแปดปีภายหลังวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ หากประสงค์ จะอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปจะต้องท างานกับนายจ้าง โดยให้ด าเนินการขอรับใบอนุญาตท างาน ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการ ท างานของคนต่างด้าว และแก้ไขทะเบียนประวัติ ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรภายในหกสิบวันก่อนมีอายุครบสิบแปดปี ข้อ ๔ มิให้น ามาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาใช้บังคับ แก่คนต่างด้าว ข้อ ๕ การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร เป็นอันสิ้นสุดเมื่อ (๑) เป็นโรคต้องห้ามตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศก าหนดหรือเป็นผู้ที่สุขภาพไม่สมบูรณ์ แข็งแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการท างานโดยอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ (๒) ต้องโทษตามค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่ความผิดซึ่งได้กระท าโดยประมาท หรือความผิดลหุโท ษ (๓) ไม่ด าเนินการตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวท างาน ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะส าหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ (๔) ออกนอกเขตท้องที่กรุงเทพมหานครหรือจังหวัดที่ได้จัดท าทะเบียนประวัติ เว้นแต่ได้รับ อนุญาตจากผู้อ านวยการเขต หรือนายอ าเภอซึ่งมีอ านาจหน้าที่ในพื้นที่ที่คนต่างด้าวพักอาศัย หรือกรณีดังต่อไปนี้ (ก) ได้รับอนุญาตท างานในกิจการประมงหรือขนถ่ายสินค้าทางน้ าให้เคลื่อนย้ายออกนอก ท้องที่จังหวัดที่ได้รับอนุญาตโดยทางเรือหรือทางบก เพื่อไปท างานในท้องที่ทุกแห่งที่มีท่าเรือท าการ้หนา ๑๓ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ประมงทะเล หรือในเส้นทางที่เป็นปกติทางการค้าของกิจการขนถ่ายสินค้าได้ ทั้งนี้ มิให้ออกนอกเขต บริเวณท่าเรือที่ท าการประมงทะเลหรือขนถ่ายสินค้า (ข) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เป็นพยานศาล ได้รับหมายเรียกจาก พนักงานสอบสวน มีหนังสือเรียกตัวจากหน่วยงานของรัฐในสังกัดกระทรวงแรงงาน หรือเพื่อ การรักษาพยาบาลโดยมีหนังสือหรือเอกสารที่ราชก ารออกให้มาแสดง แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๓๐๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓" 608.pdf,"ข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วย การประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับสภาวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๐ (๖) (ค) (ง) และ (ช) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๕๑ สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยความเห็นชอบ จากสภานายกพิเศษแห่งสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงออกข้อบังคับไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วย การประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิ จจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกบทนิยามค าว่า “การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์ ” ในข้อ ๓ ของข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบ วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์ และการควบคุมมลพิษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ““การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์ ” หมายถึง การประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อม ซึ่งใช้กระบวนการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการศึกษาและประเมินผลที่อาจเกิดขึ้น จากการด าเนินโครงการหรือกิจ การที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อก าหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามผลกระทบ ” ้หนา ๕๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ มกราคม ๒๕๖๔ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๙ ของข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับสภาวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ คุณสมบัติผู้ขอรับใบอนุญาตสาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสต ร์ มีดังนี้ (๑) ผู้ช านาญการ ต้องส าเร็จการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์ สาขาสิ่งแวดล้อม นิเวศวิทยา อนามัยสิ่งแวดล้อม สุขาภิบาล หรือสาขาที่คณะกรรมการสภาวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเห็นว่าเกี่ยวข้อง และมีประสบการณ์ในด้านการวิเคราะห์ ผลกระทบ สิ่งแวดล้อมเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสามปี (๒) ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ต้องส าเร็จการศึกษาไม่ต่ ากว่าระดับปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์ และมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ (ก) มีประสบการณ์ด้านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่น้อยกว่าสามปี และศึกษา ในเรื่องที่จะท าการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้นไม่น้อยกว่าสามหน่วยกิต ส าหรับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การประเมินผลกระทบทางสุขภาพต้องศึกษาในเรื่องที่จะท าการวิเคราะห์ผลกระทบสุขภาพไม่น้อยกว่า สิบสองหน่วยกิต หรือ (ข) มีประสบการณ์ด้านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแว ดล้อมสิบปีขึ้นไปและมีรายชื่อ เป็นผู้ร่วมจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในด้านที่ยื่นขออย่างน้อยสามโครงการ ” ประกาศ ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖3 ศุภวรรณ ตันตยานนท์ นายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ้หนา ๕๓ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ มกราคม ๒๕๖๔" 611.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ข้อก าหนด ประกาศ และค าสั่งที่นายกรัฐมนตรีก าหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๙) ลงวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านาจตา มความในมาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดาข้อก าหนด ประกาศ และค าสั่งที่นายกรัฐมนตรีก าหนดขึ้น ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผล ใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๔" 612.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีก าหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๙) ลงวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอ านาจต ามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศ ที่คณะรัฐมนตรีก าหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และค าสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรี จะก าหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้หนา ๓๙ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๔" 614.pdf,"ประกาศคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน เรื่อง การสรรหาคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าและ คณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าต าบล พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและขั้นตอนการสรรหาคณะกรรมการ พัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้ าและคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าต าบล ให้การด าเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๑๔ ข้อ ๒๘ และข้อ ๒๙ ของระเบียบคณะกรรมการก ากับ กิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจาก การด าเนินงานของโรงไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบกับมติคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงานในการประชุม ครั้งที่ ๖๔/๒๕๖๓ (ครั้งที่ ๗๐๗) เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๓ คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการก ากั บกิจการพลังงาน เรื่อง การสรรหา คณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าและคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าต าบล พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศคณะกรรมการก ากับ กิจการพลังงาน เรื่อง การสรรหาคณะกรรมการพัฒนาชุมชน ในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๕๔ (๒) ประกาศคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน เรื่อง การสรรหาคณะกรรมการพัฒนาชุมชน ในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าต าบล พ.ศ. ๒๕๕๔ (๓) ประกาศคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน เรื่อง ขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการสรรหา คณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าและคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าต าบล พ.ศ. ๒๕๕๔ (๔) ประกาศคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน เรื่อง การสรรหาคณะกรรมการพัฒนาชุมชน ในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๕๕ กรณีที่จ านวนต าบลในพื้ นที่ประกาศมีมากกว่าจ านวนผู้แทน ภาคประชาชน ข้อ ๔ ในประกาศนี้ “กกพ.” หมายความว่า คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน “ส านักงาน กกพ.” หมายความว่า ส านักงานคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน “คพรฟ.” หมายความว่า คณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๔“คพรต.” หมายความว่า คณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าต าบล “คณะกรรมการหมู่บ้าน ” หมายความว่า คณะกรรมการหมู่บ้านที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ และให้หมายความรวมถึงคณะกรรมการชุมชนที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศ หรือกฎหมายของทางราชการอื่น “หมู่บ้าน” หมายความว่า หมู่บ้านที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะการปกครองท้องที่ หรือชุมชนในเขตเทศบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา หรือเขตพื้นที่อื่น หรือตามที่กฎหมายอื่น ก าหนด “ต าบล” หมายความว่า ต าบลตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ หรือแขวง ตามกฎหมายว่าด้วยระ เบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร หรือเขตปกครองที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่น ตามกฎหมายว่าด้วยการปกครองพื้นที่นั้น ๆ และให้รวมถึงกลุ่มชุมชนที่มีพื้นที่ติดต่อกันตามที่ส านักงาน กกพ. ประกาศก าหนด ข้อ ๕ ให้ประธาน กกพ. เป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ และให้ กกพ. วินิจฉัยชี้ขาด ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ หมวด ๑ การคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้าน ข้อ ๖ การคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้านให้ด าเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ให้ส านักงาน กกพ. ขอความร่วมมือนายอ าเภอ หรือผู้อ านวยการเขต หรือหัวหน้า ส่วนราชการที่เทียบเท่าใน พื้นที่ประกาศ ด าเนินการ ดังต่อไปนี้ (ก) จัดให้มีการประชุมชี้แจง ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการสรรหา คพรฟ. หรือ คพรต. เพื่อสรรหาผู้แทนภาคประชาชนให้กับคณะกรรมการหมู่บ้านในพื้นที่ประกาศรับทราบ (ข) สนับสนุนให้คณะกรรมการหมู่บ้านจัดให้มีการประ ชาคมหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน โดยให้ น าระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การเป็นกรรมการหมู่บ้าน การปฏิบัติหน้าที่และ การประชุมของคณะกรรมการหมู่บ้าน หรือตามระเบียบว่าด้วยการประชาคมตามกฎหมาย ของทางราชการอื่น แล้วแต่กรณี มาใช้บังคับโดยอนุโลม (๒) ให้คณะกรรมกา รหมู่บ้าน ก าหนดวัน เวลา และสถานที่ในการประชาคม ปิดประกาศ และประชาสัมพันธ์การคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้าน ให้ประชาชนในหมู่บ้านทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน ก่อนวันท าประชาคม (๓) ให้คณะกรรมการหมู่บ้านจัดให้มีการประชาคมหมู่บ้าน โดยให้ด าเนินการภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ได้จัดมีการประชุมชี้แจง เพื่อด าเนินการคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน หมู่บ้านละ ๑ คน เพื่อขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับคัดเลือก ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๔ ในกรณีที่เป็นกองทุนขนาดใหญ่ ส าหรับพื้นที่ที่ได้รับเงินจากผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า น าส่งเข้ากองทุ นในระหว่างการผลิตไฟฟ้ามากกว่าห้าสิบล้านบาทต่อปีขึ้นไป ให้ขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับ คัดเลือกส ารองไว้อีกหมู่บ้านละ ๑ คน ในกรณีที่จ านวนหมู่บ้านน้อยกว่าจ านวนขั้นต่ าของ คพรฟ. หรือ คพรต. แล้วแต่กรณี ให้คัดเลือกผู้แทนหมู่บ้านอย่างน้อยหมู่บ้านละ ๑ คน ในกรณีที่ไม่สามารถจัดประชาคมเพื่อคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้านได้ตามก าหนดวัน หรือเวลา หรือสถานที่ ตามข้อ ๖ (๒) ให้คณะกรรมการหมู่บ้านก าหนดวัน หรือเวลา หรือสถานที่ใหม่ ภายใน ๗ วัน เพื่อประชาคมคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้าน การจัดท าประชาคมเพื่อคัดเลือกผู้ แทนระดับหมู่บ้านให้จัดท ารายงานการประชุมไว้ เป็นหลักฐาน (๔) ให้คณะกรรมการหมู่บ้านมีหนังสือแจ้งรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้าน พร้อมเอกสารรับรองคุณสมบัติ ให้นายอ าเภอ หรือผู้อ านวยการเขต หรือหัวหน้าส่วนราชการ ที่เทียบเท่าในพื้นที่ประกาศ และส านักงาน กกพ. ทราบ พร้อมทั้งประกาศเผยแพร่ผลการสรรหา ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบตามขั้นตอนปฏิบัติทั่วไปของคณะกรรมการหมู่บ้าน หมวด ๒ การสรรหาคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ข้อ ๗ เมื่อนายอ าเภอ หรือผู้อ านวยการเขต หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เที ยบเท่าได้รับแจ้ง รายชื่อผู้แทนระดับหมู่บ้านครบทุกหมู่บ้านในแต่ละต าบลของพื้นที่ประกาศแล้ว ให้จัดประชุมผู้แทน ระดับหมู่บ้านเฉพาะผู้ได้รับคัดเลือกตามข้อ ๖ (๓) นั้น เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และคัดเลือกกันเอง เพื่อเป็นผู้แทนระดับต าบลตามจ านวนที่ กกพ. ก าหนด ข้อ ๘ ในกรณีที่จ านวนต าบลในพื้นที่ประกาศมีมากกว่าจ านวนผู้แทนภาคประชาชน ของ คพรฟ. ให้ยกเว้นการคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้านในข้อ ๖ และการคัดเลือกผู้แทนระดับต าบลในข้อ ๗ โดยให้ส านักงาน กกพ. ขอความร่วมมือนายอ าเภอ หรือผู้อ านวยการเขต หรือหัวหน้าส่วนราชกา ร ที่เทียบเท่าจัดประชาคมต าบลทุกต าบลในพื้นที่ประกาศ เพื่อคัดเลือกผู้แทนระดับต าบลเท่ากันทุกต าบล เพื่อคัดเลือกกันเองเป็นผู้แทนภาคประชาชน ตามจ านวนที่ กกพ. ก าหนด ทั้งนี้ ให้น าวิธีการจัดประชาคมตามข้อ ๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๙ เมื่อด าเนินการตามข้อ ๗ หรือข้อ ๘ แล้วเสร็จ ให้นายอ าเภอ หรือผู้อ านวยการเขต หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าในพื้นที่ประกาศ มีหนังสือแจ้งรายชื่อผู้ที่ได้รับการสรรหาเป็นผู้แทน ภาคประชาชน พร้อมเอกสารรับรองคุณสมบัติให้ส านักงาน กกพ. และประกาศเผยแพร่ผลการสรรหา ให้ประชาชนในพื้ นที่รับทราบโดยทั่วกัน ้หนา ๓๐ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๔ข้อ ๑๐ การจัดประชุมเพื่อคัดเลือกผู้แทนระดับต าบลตามข้อ ๗ หรือข้อ ๘ ให้จัดท า รายงานการประชุมไว้เป็นหลักฐาน ข้อ ๑๑ ให้ส านักงาน กกพ. ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อคัดเลือกผู้แทนจากส่วนราชการ ในเขตจังหวัด ราชการส่วนภูมิภาคหรือส่ว นท้องถิ่นในพื้นที่ประกาศ หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นก านันหรือผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ประกาศ เป็นกรรมการในสัดส่วนผู้แทนภาครัฐของ คพรฟ. ตามจ านวนที่ กกพ. ก าหนด ข้อ ๑๒ ให้ส านักงาน กกพ. จัดประชุมผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรรมการผู้แทนภาค ประชาชน และผู้แทนภาครัฐ เพื่อเสนอรายชื่อและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ คพรฟ. จ านวน ๑ คน ในกรณีที่ คพรฟ. ผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องพ้นจากต าแหน่งก่อนครบวาระ หรือขาดคุณสมบัติ ให้ คพรฟ. จัดประชุมเพื่อคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนต าแหน่งที่ว่างลง ข้อ ๑๓ เมื่อด าเนินการสรรหา คพรฟ. ครบทุกภาคส่วนแล้ว ให้ส านักงาน กกพ. น าเสนอรายชื่อ คพรฟ. ทั้งคณะและบุคคลที่ คพรฟ. เห็นสมควรจะได้รับการเสนอชื่อเป็นประธาน และรองประธาน ต่อ กกพ. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งประธานและรองประธานจ านวนไม่เกินสองคน และกรรมการอื่น และประกาศเผยแพร่ผลการสรรหาให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบโดยทั่วกัน ข้อ ๑๔ ในวาระเริ่มแรก เมื่อครบก าหนดสองปี ให้กรรมการ คพรฟ. ในส่วนภาคประชาชน ต้องออกจากต าแหน่งโดยวิธีจับสลาก ให้ส านักงาน กกพ. จัดให้มีการคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้าน เฉพาะหมู่บ้านที่ไม่มี ผู้แทนหมู่บ้านเป็น คพรฟ. โดยให้น าความในข้อ ๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม เพื่อสรรหา คพรฟ. ในต าแหน่งที่ว่างลงต่อไป ในกรณีที่ คพรฟ. ต้องพ้นจากต าแหน่งตามวาระ หรือก่อนครบวาระ หรือขาดคุณสมบัติ ให้ส านักงาน กกพ. จัดให้มีการคัดเลือกผู้แทนระดับหมู่บ้านเฉพา ะหมู่บ้านที่ยังไม่มีผู้แทนหมู่บ้าน เป็น คพรฟ. โดยให้น าความในข้อ ๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม เพื่อสรรหา คพรฟ. ในต าแหน่งที่ว่างลงต่อไป ข้อ ๑๕ ในกรณีที่ส านักงาน กกพ. ออกประกาศเปลี่ยนแปลงประเภทกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ให้ด าเนินการสรรหา คพรฟ. โดยคัดเลือกผู้แทนระ ดับหมู่บ้านเฉพาะที่ไม่มีผู้แทนหมู่บ้านเป็น คพรฟ. ผู้แทนภาคประชาชน หรือคัดเลือกผู้แทนภาครัฐหรือผู้ทรงคุณวุฒิ แล้วแต่กรณี หมวด ๓ การสรรหาคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าต าบล ข้อ ๑๖ การสรรหาผู้แทนภาคประชาชนของ คพรต. ให้ผู้ได้รับคัดเลือก ตามข้อ ๖ (๓) ซึ่งไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็น คพรฟ. ตามข้อ ๗ เป็น คพรต. ในกรณีผู้ได้รับคัดเลือก ตามข้อ ๖ (๓) ได้รับการสรรหาเป็น คพรฟ. แล้ว ให้ผู้ได้รับ คัดเลือกส ารองที่ขึ้นบัญชีไว้เป็น คพรต. ข้อ ๑๗ ให้ส านักงาน กกพ. ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องเพื่อสรรหา คพรต. อื่น ๆ ดังนี้ ้หนา ๓๑ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๔(๑) ขอความร่วมมือคณะกรรมการหมู่บ้านก าหนดวันรับสมัคร คพรต. อื่น ๆ เป็นเวลา ไม่น้อยกว่า ๗ วัน โดยผู้ประสงค์จะสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น คพรต. อื่น ๆ ให้ยื่นแบบรับสมัคร ต่อคณะกรรมการหมู่บ้าน ภายในระยะเวลาที่ก าหนด และแจ้งรายชื่อผู้สมัครพร้อมเอกสารรับรอง คุณสมบัติให้นายอ าเภอ หรือผู้อ านวยการเขต หรือส่วนราชการที่เทียบเท่าทราบ (๒) ให้นายอ าเภอ หรือผู้อ านวยการเขต หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าในพื้นที่ประกาศ จัดประชุมผู้แทนระดับหมู่บ้านตามข้อ ๑๖ ในต าบลนั้นครบถ้ วนแล้ว เพื่อคัดเลือก คพรต. อื่น ๆ ทั้งนี้ จ านวนสัดส่วน คพรต. อื่น ๆ ต้องไม่เกิน ๑ ใน ๓ ของ คพรต. ทั้งหมด การจัดประชุมเพื่อคัดเลือก คพรต. อื่น ๆ ให้จัดท ารายงานการประชุมไว้เป็นหลักฐาน ข้อ ๑๘ ให้นายอ าเภอ หรือผู้อ านวยการเขต หรือหัวหน้าส่วนร าชการที่เทียบเท่าในพื้นที่ ประกาศ จัดประชุมเพื่อคัดเลือกต าแหน่งประธาน รองประธาน และเลขานุการ จากกรรมการ คพรต. และน าเสนอรายชื่อ คพรต. ทั้งคณะที่ได้รับการสรรหาต่อ คพรฟ. เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง คพรต. และรายงานให้ส านักงาน กกพ. ทราบ ข้อ ๑๙ ในกรณีที่ คพรต. ครบวาระในการด ารงต าแหน่ง หรือต้องพ้นจากต าแหน่งก่อนครบวาระ หรือขาดคุณสมบัติ ให้ส านักงาน กกพ. จัดให้มีการสรรหา คพรต. โดยให้น าความในข้อ ๖ ข้อ ๑๗ และข้อ ๑๘ มาใช้บังคับโดยอนุโลม บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๐ ในกรณีที่มีการสรรหา คพรฟ. หรือ คพรต. ตามระเบียบคณะกรรมการก ากับ กิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจาก การด าเนินงานของโรงไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๕๓ ยังไม่แล้วเสร็จ ให้ด าเนินการสรรหา คพรฟ. หรือ คพรต. ใหม่ ตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖3 เสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มกราคม ๒๕๖๔" 618.pdf," กฎกระทรวง การแจ้งขยายโรงงานจ าพวกที่ 3 ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาต พ.ศ. 2563 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง และมาตรา 18/1 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ผู้รับใบอนุญาตซึ่งประสงค์จะขยายโรงงานเพื่อวัตถุประสงค์ตามมาตรา 18/1 ให้แจ้งผู้อนุญาตทราบเป็นการล่วงหน้าไม่น้อยกว่ าสามสิบวันก่อนด าเนินการพร้อมด้วยข้อมูล เอกสารหรือหลักฐาน ตามที่ระบุไว้ในแบบการแจ้งขยายโรงงาน ข้อ 2 ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หากผู้อนุญาตเห็นว่าการแจ้ง หรือข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐานตามข้อ 1 ไม่ถูกต้องหรือยังขาดข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐานใด ให้ผู้อนุญาต บันทึกข้อบกพร่องนั้นไว้และแจ้งให้ผู้แจ้งด าเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ก าหนด ในกรณีที่การแจ้งมิได้ด าเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ของ กรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือส านักงานอุตสาหกรรมจังห วัด ให้ผู้อนุญาตและผู้แจ้งลงนามไว้ในบันทึก นั้นด้วย ในกรณีที่ผู้แจ้งไม่ด าเนินการตามที่ผู้อนุญาตได้แจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้แจ้งไม่ประสงค์ จะด าเนินการต่อไป และให้ผู้อนุญาตจ าหน่ายเรื่องออกจากสารบบ เมื่อผู้อนุญาตได้รับแจ้งพร้อมด้วยข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐานถูกต้องและครบถ้วนแล้ว ให้แจ้งผู้แจ้งมาช าระค่าธรรมเนียมภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง และเมื่อผู้แจ้งได้ช าระค่าธรรมเนียมแล้ว ให้ผู้อนุญาตออกหนังสือรับแจ้งการขยายโรงงานตามมาตรา 18/1 แก่ผู้แจ้งไว้เป็นหลักฐานภายในสามวัน นับแต่วันที่ได้รับช า ระค่าธรรมเนียม ้หนา ๑๐ ่เลม ๑๓๘ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๔ในกรณีที่ผู้อนุญาตตรวจสอบข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐานตามข้อ 1 แล้ว เห็นว่ามิใช่กรณี การขยายโรงงานเพื่อวัตถุประสงค์ตามมาตรา 18/1 ให้มีค าสั่งไม่รับแจ้ง พร้อมทั้งแจ้งเหตุผลและสิทธิ ในการอุทธรณ์ให้ผู้แจ้งทราบด้วย ข้อ 3 การแจ้ง การช าระค่าธรรมเนียม และการออกหนังสือรับแจ้งตามกฎกระทรวงนี้ ให้ด าเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเป็นหลัก ในกรณีที่ไม่สามารถด าเนินการได้หรือมีเหตุอื่นใดท าให้ ไม่สามารถด าเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้การด าเนินการดังกล่าวกระท า ณ สถานที่ ดังต่อไปนี้ (1) โรงงานในเขตกรุงเทพมหานคร ให้กระท า ณ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (2) โรงงานในเขตจังหวัดอื่น ให้กระท า ณ ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ข้อ 4 การแจ้งขยายโรงงานและหนังสือรับแจ้งการขยายโรงงาน ให้เป็นไปตามแบบ ที่อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมก าหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ไว้ ณ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ้หนา ๑๑ ่เลม ๑๓๘ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๔หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 18/1 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 บัญญัติให้การแจ้งขยายโรงงานเพื่อให้มีการบ าบัดมลพิษหรือเพื่อให้การบ าบัดมลพิษเดิ ม มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้มีมาตรการป้องกัน หรือลดเหตุเดือดร้อนร าคาญ เพื่อการเปลี่ยนแปลง เครื่องจักรเดิมที่เป็นเครื่องต้นก าลังให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น หรือเพื่อให้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดลง หรือเพื่อการเปลี่ยนแปลงพลังงานของเครื่องจักรเดิมให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนดในกฎกระทรวง จึงจ าเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๑๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๔" 619.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายก าหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ และช าระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ 3) เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือน าส่งภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษี ตามประมวลรัษฎากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นและสอดคล้องกับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว จึงอาศัยอ านาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายก าหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษี การช าระภาษี และ การน าส่งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ ภาษีธุรกิจเฉพาะ บัญชีงบดุล บัญชีท าการ และบัญชีก าไรขาดทุน บัญชีรายรับ รายจ่าย หรือบัญชี รายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรอง ในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี และแบบรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่า งกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ตามประมวล รัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ออกไปอีก 8 วัน นับแต่วันพ้นก าหนดเวลาตามที่กฎหมาย ก าหนด ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ขยายก าหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษี บัญชีงบดุล บัญชีท าการ และ บัญชีก าไรขาดทุน บัญชีรายรับ ร ายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี และแบบรายงาน ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างกัน ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ตามประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่บทบัญญัติ แห่งประมวลรัษฎากรก าหนดให้ยื่นรายการในระหว่างวันที่ 1 กุมภ าพันธ์ พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567 ดังนี้ 1.1 แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่ (1) ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 และ ภ.ง.ด.95 ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ 8 เมษายนของปีถัดไป (2) ภ.ง.ด.94 ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในเดือนกันยายนของทุกปี ให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ 8 ตุลาคมของทุกปี 1.2 แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่ (1) ภ.ง.ด.50 ภ.ง.ด.52 และ ภ.ง.ด.55 และบัญชีงบดุล บัญชีท าการ และบัญชีก าไรขาดทุน บัญชีรายรับ รายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี ซึ่งต้องยื่นภายใน ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๔150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายใน 158 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี (2) ภ.ง.ด.51 ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายใน 2 เดือน นับแต่ วันสุดท้ายของรอบระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี ให้ขยายก าหนดเวลา ดังกล่าวเป็นภายใน 2 เดือน 8 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันแรกของ รอบระยะเวลาบัญชี (3) ภ.ง.ด.54 ซึ่งต้องยื่นรายการและน าส่งภาษีภายใน 7 วัน นับแต่ วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน หรือจ าหน่ายเงินก าไรออกไปจากประเทศไทย ให้ขยาย ก าหนดเวลาออกไปเป็นภายใน 15 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน หรือจ าหน่ายเงินก าไรออกไปจากประเทศไทย 1.3 แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ได้แก่ ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.2 ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53 ซึ่งต้องยื่นรายการและน าส่งภาษีภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงิน ได้พึงประเมิน ให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายใน 15 วัน นับแต่วันสิ้นเดือน ของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน 1.4 แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ได้แก่ ภ.ง.ด.1 ก ซึ่งต้องยื่น รายการและน าส่งภาษีภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป ให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็น ภายในวันที่ 8 มีนาคมของปีถัดไป 1.5 แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ได้แก่ ภ.ง.ด.2 ก ภ.ง.ด.3 ก ซึ่งต้องยื่นรายการและน าส่งภาษีภายในเดือนมกราคมของปีถัดไป ให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าว ออกไปเป็นภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป 1.6 แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ (1) ภ.พ.30 ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ 23 ของเดือนถัดไป (2) ภ.พ.36 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายใน 7 วัน นับแต่ วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ (กรณีผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ซึ่งได้เข้ามาประก อบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราว หรือผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศและ ได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร) ของเดือนที่ขายทอดตลาด (กรณีผู้ทอดตลาดซึ่งขายทรัพย์สิน ของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือของเดือนที่ครบก าหนด 30 วัน ที่ความรับผิด ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น (กรณีผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการตามมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร) ให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายใน 15 วัน นับแต่วันสิ้นเดือน ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๔ของเดือนที่จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการของเดือนที่ขายทอดตลาด หรือของเดือนที่ครบก าหนด 30 วัน ที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น แล้วแต่กรณี 1.7 แบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ ได้แก่ ภ.ธ.40 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดง รายการภาษีภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ 23 ของเดือนถัดไป 1.8 แบบรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งต้องยื่นภายใน 150 วัน นับแต่ วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีให้ขยายก าหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายใน 158 วัน นับแต่ วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ข้อ 2 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือน าส่งภาษีที่จะได้รับสิทธิขยายก าหนดเวลาตามข้อ 1 จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีฉบับปกติและฉบั บเพิ่มเติมผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเท่านั้น หากเป็นการยื่นแบบแสดงรายการภาษีฉบับปกติในรูปแบบของกระดาษ แม้ต่อมาจะได้ยื่นแบบ แสดงรายการภาษีอีกครั้งผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะไม่ได้รับสิทธิให้ขยายก าหนดเวลายื่นแบบ แสดงรายการภาษี หรือหากเป็นการยื่นแบบแสดงรายการภาษีฉบับปกติผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ต่อมาได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีกครั้งในรูปแบบของกระดาษ จะไม่ได้รับสิทธิให้ขยายก าหนดเวลา ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเช่นกัน และผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือน าส่งภาษีจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและ เงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร ข้อ 3 กรณีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และได้รับสิทธิผ่อนช าระ 3 งวด ตามมาตรา 64 (1) แห่งประมวลรัษฎากร จะต้องผ่อนช าระ ภายในก าหนดเวลา ดังนี้ - งวดที่หนึ่ง ต้องช าระพร้อมกับการยื่ นแบบแสดงรายการภาษี ภายในก าหนดเวลา ที่ได้รับอนุมัติให้ขยายออกไป - งวดที่สอง ต้องช าระภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันสุดท้ายที่ต้องช าระงวดที่หนึ่ง - งวดที่สาม ต้องช าระภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันสุดท้ายที่ต้องช าระงวดที่สอง หากไม่ช าระงวดใดงวดหนึ่งภายในเวลาที่ก าหนดไว้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือน าส่งภาษี หมดสิทธิที่จะช าระภาษีเป็นรายงวดต่อไป และต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร ส าหรับงวดที่ไม่ช าระและงวดต่อ ๆ ไป โดยค านวณเงินเพิ่มตั้งแต่พ้นก าหนดเวลาการยื่นแบบ แสดงรายการภาษีที่ได้รับอนุมัติให้ขยายออกไปนั้นจนถึงวันช าระ ประกาศ ณ วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖3 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๗ มกราคม ๒๕๖๔" 621.pdf,"ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การท ากิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ ๒) ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อก าหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๕) ให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงประกาศก าหนดเขตพื้นที่การห้ามชุมนุม การท ากิจกรรม หรือการมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ต่อมานายกรัฐมนตรีได้ออกข้อก าหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๖) นั้น อาศัยอ านาจตามข้อก าหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๕) ข้อ ๓ (ฉบับที่ ๑๖) ข้อ ๒ และค าสั่งนายกรัฐมนต รี ที่ ๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้ก ากับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ ๓ (๖) และค าสั่ง ประกาศ ที่เกี่ยวข้อง จึงให้ปฏิบัติดังนี้ ๑. ให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับ ความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การท ากิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค หรือการกระท าอันเป็นการ ฉวยโอกาสซ้ าเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่โรค ณ ที่ใด ๆ ทั่วราชอาณาจักร ๓. ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการท ากิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะ ที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจ านวนมากและมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้โดยง่าย ซึ่งมีประกาศ หรือค าสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด เว้นแต่การท ากิจกรรมโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมในพื้นที่ที่ก าหนดใ ห้เป็นสถานที่กักกันโรคโดยมีมาตรการ ทางสาธารณสุขรองรับ ๔. การชุมนุม หรือการท ากิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัด ในลักษณะที่เสี่ยงต่อการ แพร่โรค ในพื้นที่ซึ่งมีประกาศหรือมีค าสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ให้ผู้จัดการชุมนุมหรือจัดกิจกรรมดังกล่าว ต้องขออนุญาตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด ก่อนด าเนินการ โดยแสดงแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรค ประกอบการพิจารณา เว้นแต่ ้หนา ๒๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ มกราคม ๒๕๖๔การท ากิจกรรมของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีมาตรการเว้นระยะห่างระหว่าง บุคคลที่ปลอดภัย หรือการท ากิจกรรมภายในครอบครัวที่อยู่ในเคหสถาน หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ โทษจ าคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่ เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง ้หนา ๒๙ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ มกราคม ๒๕๖๔" 622.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการชําระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรอ งจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการชําระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยเพิ่มเติมเอกสารรายละเอียดประกอบแบบคําขอ หลักเกณฑ์การพิจารณาคําขอ และการผ่อนผัน การชําระคืนเงินกู้ การพักการชําระคืนเงินกู้ การขยายระยะเวลาการชําระคืนเงินกู้ การลดหรืองดดอกเบี้ย รวมถึงค่าปรับ และประเภทของการประกันการชําระหนี้เงินกู้ เพื่อให้การบริหารกองทุนเป็นไป ด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕๐ (๔) แห่งพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน จึงวางระเบียบไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๔ แห่งระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือ และเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการชําระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทํางาน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๔ การยื่นคําขอกู้ยืมเงินตามข้อ ๗ (๕) ให้ยื่นเอกสารพร้อมรายละเอียดประกอบแบบคําขอ ดังต่อไปนี้ (๑) สภาพทั่วไป และสภาพความไม่ปลอดภัย (๒) วัตถุประสงค์ ้หนา ๑ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มกราคม ๒๕๖๔(๓) ประมาณการค่าใช้จ่ายและแผนการดําเนินงาน (๔) แผนการชําระคืนเงินกู้ยืมพร้อมข้อเสนอเกี่ยวกับการมีประกันการชําระหนี้ (๕) จํานวนเงินกู้ยืม (๖) ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการดําเนินงาน (๗) ภาพประกอบ” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๐ แห่งระเบียบคณะกร รมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงิน ช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงิน ทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการชําระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทํางาน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๐ การพิจารณาอนุมัติเงินกองทุนตามข้อ ๗ (๕) ให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (๑) สภาพทั่วไป สภาพความไม่ปลอดภัย วัตถุประสงค์ ประมาณการค่าใช้จ่าย และแผน การดําเนินงานที่ขอกู้ (๒) ความสามารถในการชําระคืนเงินกู้ของนายจ้างผู้กู้ โดยพิจารณาจากสถานะทางการเงิน หรือแผนการชําระคืนเงินกู้ยืม (๓) ข้อเสนอเกี่ยวกับการมีประกันการชําระหนี้ (๔) อื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๑ แห่งระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือ และเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่าย การให้กู้ยืมเงิน และการชําระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทํางาน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๑ วงเงินกู้ยืม ระยะเวลาการให้กู้ อัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ระยะเวลาการปลอดการชําระ คืนเงินต้น ระยะเวลาการยกเว้นดอกเบี้ย ระยะเวลาการชําระคืนเงินกู้ การผ่อนผันการชําระคืนเงินกู้ การพักการชําระคืนเงินกู้ การขยายระยะเวลาการชําระคืนเงินกู้ การลดหรืองดดอกเบี้ย รวมถึงค่าปรับ และประเภทของการประกันการชําระหนี้เงินกู้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขที่คณะกร รมการประกาศกําหนด เมื่อคณะกรรมการพิจารณาตามวรรคหนึ่งและมีมติแล้วให้แจ้งผลการพิจารณาแก่นายจ้าง ผู้ยื่นคําขอกู้หรือนายจ้างผู้กู้ เป็นหนังสือภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติ ” ้หนา ๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มกราคม ๒๕๖๔ข้อ ๕ บรรดาประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานที่ออกตามระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การขอเงินช่วยเหลือและเงินอุดหนุน การอนุมัติเงินทดรองจ่าย การขอเงินทดรองจ่ายการให้กู้ยืมเงิน และการชําระเงินคืนแก่กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ใช้บังคับอยู่ก่อนหรือในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้ง กับระเบียบนี้จนกว่าจะมีประกาศตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖3 อภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประธานกรรมการบริหาร กองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน ้หนา ๓ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มกราคม ๒๕๖๔" 630.pdf,"ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การมอบหมายให้บุคคลหรือสถาบันให้ความเห็นประกอบการพิจารณารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมการผู้ช านาญการ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์การมอบหมายให้บุคคลหรือสถาบันให้ความเห็น ประกอบการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมการผู้ช านาญการ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕๑/๗ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และค าสั่งส านักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๙/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายและมอบ อ านาจให้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจ าส านักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ ในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบส านักนายกรัฐมนตรี ประกอบกับมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “บุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลซึ่งคณะกรรมการผู้ช านาญการ มอบหมายให้เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม “สถาบัน” หมายความว่า วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือสถาบันที่จัดการเรียนการสอน ในระดับอุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือตามกฎหมายว่าด้วย การจัดตั้งมหาวิทยาลัย วิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาที่อยู่ในก ากับ หรือเป็นส่วนราชการของรัฐ และให้หมายความรวมถึง สภาวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยสภาวิชาชีพ “คณะกรรมการผู้ช านาญการ ” หมายความว่า คณะกรรมการผู้ช านาญการที่คณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่งตั้งเพื่อท าหน้าที่พิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามมาตรา ๕๑ ข้อ ๒ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่คณะกร รมการผู้ช านาญการจะมอบหมาย ให้บุคคลหรือสถาบันให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจะต้องเป็นรายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมส าหรับโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการของหน่วยงานของรัฐ หรือของหน่วยงานของรัฐ ด าเนินการร่วมกับเอกชน หรือของภาคเอกชนที่จะต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และต้องมีลักษณะ หนึ่งลักษณะใด ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมส าหรับโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียส าคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ตามประกาศกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าด้วยการก าหนดโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการที่อาจ ้หนา ๓๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ของประชาชน ในชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งต้องจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (๒) เป็นรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมส าหรับโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการ ตามประกาศกระทรวงทรัพ ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าด้วยการก าหนดโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการซึ่งต้องจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีลักษณะหนึ่งลักษณะใด ดังต่อไปนี้ (ก) มีความยุ่งยากซับซ้อนซึ่งต้องจัดท าควบคู่กันไปโดยไม่สามารถแยกโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการออกจากกันได้อย่างเป็นเอกเทศ (ข) มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหรือใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งแม้จะมีการใช้อย่างแพร่หลาย ในต่างประเทศแต่ไม่เคยน ามาใช้ในประเทศไทย (ค) ต้องใช้ผู้ช านาญเฉพาะด้าน หรือมีผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญอยู่ในวงจ ากัด ข้อ ๓ การมอบหมายให้บุคคลหรือสถาบันใดให้ความเห็นประกอบการพิจารณารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมการผู้ช านาญการ ต้องค านึงถึงประสิทธิภาพในการก าหนด มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระท บสิ่งแวดล้อม การไม่สร้างความแตกแยกในชุมชนหรือสังคม ความรวดเร็ว และความคุ้มค่าในการให้บริการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และต้องไม่สร้างภาระให้กับผู้ด าเนินการ ผู้ขออนุญาต หรือหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการจนเกินสมควรกว่าเหตุ การพิจารณามอบหมายให้บุคคลหรือสถาบันให้ความเห็นประกอบการพิจารณารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือไม่ และในเรื่องใดให้เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการผู้ช านาญการ และให้ถือว่าเป็นที่สุด ข้อ ๔ บุคคลธรรมดาซึ่งได้รับมอบหมา ยจากคณะกรรมการผู้ช านาญการเพื่อให้ความเห็น ประกอบการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ ากว่าปริญญาโทหรือเทียบเท่า (๒) มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในเรื่องที่คณะกรรมการผู้ช านาญการมอบหมาย อย่างน้อย ๑๐ ปี (๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ้หนา ๓๓ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔(๕) ไม่ต้องค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่เป็นความผิดลหุโทษหรือความผิดอันได้กระท า โดยประมาท (๖) ไม่เคยท าหรือมีส่วนร่วมในการท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอันเป็นเท็จ (๗) ไม่เป็นผู้มีส่วนร่วมในการจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการนั้น ๆ (๘) ไม่เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรในสังกัดส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือหน่วยงานของรัฐตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมอบหมาย ให้ปฏิบัติหน้าที่แทน (๙) ไม่เคยถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (๑๐) ไม่มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม หรือมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ไม่ว่าทางใด กับผู้ด าเนินการหรือผู้ขออนุญาตโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการนั้น ๆ ข้อ ๕ นิติบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการผู้ช านาญการเพื่อให้ความเห็น ประกอบการพิจารณารายงานการประเมินผ ลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการให้ค าปรึกษาหรือค าแนะน าในเรื่องที่ได้รับมอบหมาย หรือมีประสบการณ์ ให้ค าปรึกษาหรือค าแนะน าในเรื่องที่ได้รับมอบหมายมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี และมีผลงานที่ด าเนินการเสร็จแล้วเกี่ยวกับเรื่องที่ได้รับมอบหมายไม่น้อยกว่า ๓ เรื่อง (๒) ไม่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ หรือล้มละลาย (๓) ไม่เคยท าหรือมีส่วนร่วมในการท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอันเป็นเท็จ (๔) ไม่เป็นผู้มีส่วนร่วมในการจัดท ารายงานการปร ะเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการนั้น ๆ (๕) ไม่เคยถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (๖) ไม่มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม หรือมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ไม่ว่าทางใด กับผู้ด าเนินการหรือผู้ขออนุญาตโครงการ กิจการ หรือการด าเนินการนั้น ๆ (๗) บุคลากรที่ให้ความเห็นในเรื่องที่ได้รับมอบหมายของนิติบุคคลต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๔ ข้อ ๖ สถาบันซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการผู้ช านาญการเพื่อให้ความเห็นเพื่อประกอบ การพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้ อม ต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นสถาบันที่จัดการเรียนการสอนในเรื่องที่ได้รับมอบหมายมาแล้วอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี หรือเป็นสถาบันวิชาชีพที่ด าเนินการในเรื่องที่ได้รับมอบหมายมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔(๒) มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๕ (๒) ถึง (๗) ข้อ ๗ ค่าตอบแทนของบุคคลหรือสถาบันที่คณะกรรมการผู้ช านาญการมอบหมายให้ความเห็น ประกอบให้เป็นไปตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมคณะกรรมการผู้ช านาญการ และ ค่าตอบแทนบุคคลหรือสถาบันที่คณะกรรมการผู้ช านาญการมอบหมาย ข้อ ๘ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔" 631.pdf," กฎกระทรวง ก ำหนดลักษณะ กำรท ำ วิธีแสดง และกำรใช้เครื่องหมำยมำตรฐำนกับผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๓๐ วรรคสอง และมำตรำ ๓๔ แห่งพระรำชบัญญัติ มำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และมำตรำ ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติ มำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติ มำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรม ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 21 มกรำคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกควำมในข้อ 1 แห่งกฎกระทรวงก ำหนดลักษณะ กำรท ำ วิธีแสดง และกำรใช้เครื่องหมำยมำตรฐำนกับผลิตภัณฑ์อุตส ำหกรรม พ.ศ. 2563 และให้ใช้ควำมต่อไปนี้แทน “ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก ำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกำศใน รำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป เว้นแต่ข้อ 5 วรรคสำม ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก ำหนดสำมร้อยหกสิบวัน นับแต่วันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้ นไป” ให้ไว้ ณ วันที่ 18 มกรำคม พ.ศ. ๒๕๖4 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรม ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๘ ตอนที่ ๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มกราคม ๒๕๖๔หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นกำรสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ก ำหนดลักษณะ กำรท ำ วิธีแสดง และกำรใช้เครื่องหมำยมำตรฐำนกับผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม พ.ศ. 2563 เพื่อขยำยระยะเวลำกำรใช้บังคับกำรแสดงรำยละเอียดเกี่ยวกับเครื่องหมำยมำตรฐำน รวมทั้งใบอนุญำต และข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมนั้นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้รับใบอนุญำต สำมำรถเตรียมควำมพร้อมในกำรด ำเนินกำรดังกล่ำวได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ จึงจ ำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๘ ตอนที่ ๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มกราคม ๒๕๖๔" 633.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ ๓๙๐) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซื้อสินคาหรือคาบริการ อาศัยอํานาจตามความในขอ ๑ แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๖๘ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความ ในประมวลรัษฎากร วาดวยการยกเวนรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข เพื่อการยกเวนภาษีเงินได สําหรับเงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซื้อสินคาหรือคาบริการ ดังตอไปนี้ ขอ ๑ การยกเวนภาษีเงินไดสําหรับเงินไดเทาที่ไดจา ยเปนคาซื้อสินคาหรือคาบริการสําหรับ การซื้อสินคาหรือรับบริการในราชอาณาจักร ตั้งแตวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตองเปนไปตามหลักเกณฑ ดังตอไปนี้ (๑) ผูมีเงินไดซึ่งมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ตองมิ ใชหางหุนสวนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใชนิติบุคคล โดยใหไดรับยกเวนภาษีเงินไดตามจํานวนที่จายจริงแตไมเกิน ๓๐,๐๐๐ บาท (๒) กรณีสามีหรือภริยามีเงินไดฝายเดียว ใหยกเวนภาษีเงินไดใหแกสามีหรือภริยา ซึ่งเปนผูมีเงินไดตามจํานวนที่จายจริงแตไมเกิน ๓๐,๐๐๐ บาท (๓) กรณีสามีภริยาตางฝายตางมีเงินได (ก) ถาตางฝายตางยื่นรายการเกี่ยวกับเงินไดพึงประเมินที่ตนไดรับ หรือแยกยื่นรายการ และเสียภาษีเฉพาะสวนที่เปนเงินไดพึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แหงประมวลรัษฎากรโดยไมถือเปนเงินได ของอีกฝายหนึ่งตามมาตรา ๕๗ ฉ แหงประมวลรัษฎากร ใหตางฝายตางไดรับยกเวนภาษีเงินได ตามจํานวนที่จายจริงแตไมเกิน ๓๐,๐๐๐ บาท (ข) ถาสามีภริยาตกลงยื่นรายการและเสียภาษีรวมกัน โดยถือเอาเงินไดพึงประเมิน ของตนเปนเงินไดของสามีหรือภริยาอีกฝายหนึ่งตามมาตรา ๕๗ ฉ แหงประมวลรัษฎากร ใหผูมีเงินได ไดรับยกเวนภาษีเงินไดตามจํานวนที่จายจริง เฉพาะสวนที่ไมเกิน ๓๐,๐๐๐ บาท และใหไดรับยกเวน ภาษีเงินไดสวนของสามีหรือภริยาไดตามจํานวนที่จายจริงแตไมเกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ้หนา ๔๐ ่เลม ๑๓๘ ตอนที่ ๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มกราคม ๒๕๖๔ขอ ๒ ผูมีเงินไดที่ใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดตามประกาศนี้ ตองซื้อสินคาหรือรับบริการเพื่อใช ในราชอาณาจักร และชําระราคาคาสินคาหรือคาบริการ ตั้งแตวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และตองเปนไปตามหลักเกณฑ ดังตอไปนี้ (๑) กรณีการจายคาซื้อสินคาหรื อคาบริการ นอกจากกรณีตาม (๒) (๓) และ (๔) ตองเปนการจายใหแกผูขายสินคาหรือผูใหบริการซึ่งเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่มและไดรับ ใบกํากับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แหงประมวลรัษฎากร โดยเงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซื้อสินคาหรือคาบริการ ที่จะไดรับยกเวนภาษีเงินได ตองเปนการซื้อสินคาหรือรับบริการเฉพาะที่ตองรวมคํานวณเปนมูลคาฐานภาษี ในอัตรารอยละ ๗.๐ เทานั้น (๒) กรณีการจายคาซื้อหนังสือ แตไมรวมถึงหนังสือพิมพและนิตยสารใหแกผูขาย ตองไดรับใบกํากับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แหงประมวลรัษฎากร ในกรณีที่ผูขายเปนผูประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม หรือไดรับใบรับซึ่งมีรายการอยางนอยตามมาตรา ๑๐๕ ทวิ แหงประมวลรัษฎากร พรอมระบุชื่อ และนามสกุลของผูมีเงินได ในกรณีที่ผูขายมิไดเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม (๓) กรณีการจายคาบริการหนังสือที่อยูในรูปของขอมูลอิเล็กทรอนิกสผานระบบอินเทอรเน็ต แตไมรวมถึงหนังสือพิมพและนิตยสารใหแกผูใหบริการ ตองไดรับใบรับซึ่งมีรายการอยางนอยตามมาตรา ๑๐๕ ทวิ แหงประมวลรัษฎากร พรอมระบุชื่อ และนามสกุลของผูมีเงินได (๔) กรณีการจายคาซื้อสินคาหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ สินคาดังกลาวตองเปนสินคา ที่ไดลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแลว และไดรับใบกํากับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แหงประมวลรัษฎากร จากผูขายในกรณีที่ผูขายเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม หรือไดรับ ใบรับซึ่งมีรายการอยางนอย ตามมาตรา ๑๐๕ ทวิ แหงประมวลรัษฎากร พรอมระบุชื่อ และนามสกุลของผูมีเงินไดในกรณีที่ผูขาย มิไดเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม โดยในการจัดทํารายการชื่อ ชนิด และประเภทของสินคา ในใบกํากับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ (๕) แห งประมวลรัษฎากรหรือในใบรับนั้น ผูขายจะตองปฏิบัติ ดังนี้ (ก) ตองระบุขอความที่แสดงวาสินคานั้น เปนสินคาหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ ในแตละรายการสินคา หรือจัดทําเครื่องหมายแสดงในแตละรายการสินคาที่เปนสินคาหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ และมีขอความที่แสดงวาเครื่องหมายนั้น หมายถึงสินคาหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑไวในใบกํากับภาษีหรือใบรับ เชน “OTOP” “โอทอป ” หรือ “One Tambon One Product” เปนตน ้หนา ๔๑ ่เลม ๑๓๘ ตอนที่ ๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มกราคม ๒๕๖๔ (ข) กรณีที่สินคาทุกรายการในใบกํากับภาษีหรือใบรับนั้นเปนสินคาหนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑทั้งหมด จะไ มระบุขอความหรือเครื่องหมายที่แสดงวา สินคาแตละรายการเปนสินคาหนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑตาม (ก) ก็ได โดยใหผูขายสินคาซึ่งเปนผูออกใบกํากับภาษีหรือใบรับประทับตรายาง ที่มีชื่อการคา หรือเครื่องหมายการคาของผูขายสินคานั้น และใหระบุขอความวา “ สินคาทุกรายการ เปนสินคาหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ” หรือขอความอื่นในลักษณะทํานองเดียวกันในใบกํากับภาษีหรือใบรับ ฉบับนั้นดวย การออกใบกํากับภาษีหรือใบรับตามวรรคหนึ่งที่ผูขายหรือผูใหบริการออกดวยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส ผูขายหรือผูใหบริการตองปฏิบัติตาม ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๑๕) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทํา สงมอบ และเก็บรักษาใบกํากับภาษีอิเล็กทรอนิกส และใบรับอิเล็กทรอนิกส ลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือระเบียบกรมสรรพากรวาดวยการจัดทํา สงมอบ และเก็บรั กษา ใบกํากับภาษีอิเล็กทรอนิกสผานระบบ e – Tax Invoice by Email พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอ ๓ กรณีที่ผูมีเงินไดเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ไดนําภาษีมูลคาเพิ่ม ตามใบกํากับภาษีไปหักจากภาษีขายในการคํานวณภาษีมูลคาเพิ่มตามมาตรา ๘๒/๓ แหงประมวลรัษฎากรแลว ผูมีเงินไดไมมีสิทธินําคาซื้อสินคาหรือคาบริการตามใบกํากับภาษีนั้นมาใชสิทธิยกเวนภาษีเงินไดตามประกาศนี้ ขอ ๔ การไดรับยกเวนภาษีเงินไดตามประกาศนี้ ใหผูมีเงินไดมีสิทธินําเงินไดที่ไดรับยกเวนภาษี ไปคํานวณหักจากเงินไดพึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แหงประมวลรัษฎากร หลังจากหักคาใชจาย ตามมาตรา ๔๒ ทวิ ถึงมาตรา ๔๖ แหงประมวลรัษฎากรแลว ขอ ๕ ประกาศนี้ใหใชบังคับ ตั้งแตวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๓ เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เอกนิติ นิติทัณฑประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๔๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนที่ ๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ มกราคม ๒๕๖๔" 637.pdf,"ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 8/๒๕๖4 เรื่อง ก าหนดให้ผู้ประกอบการเรือ ผู้ประกอบการท่าเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ และผู้โดยสารปฏิบัติ กรณีที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไป (คราวที่ 9) จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 และประกาศใช้ข้อก าหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ 16) ลงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2564 และ (ฉบับที่ 17) ลงวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 และประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 และ (ฉบับที่ 16) ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564 นั้น เนื่องจากปัจจุบันเกิดการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ขยายขอบเขต การแพร่โรคออกเป็นวงกว้างกระจายไปในหลายพื้นที่และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง จึงมีความจ าเป็น ที่จะต้องด าเนินการกระชับและยกระดับบรรดามาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และป้องกันมิให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้างส าหรับกิจกรรมในการเดินเรือและท่าเรือ อธิบดีกรมเจ้าท่า จึงประกาศก าหนดให้ผู้ประกอบการเรือ ผู้ประกอบการท่าเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ และผู้โดยสารปฏิบัติ กรณีที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่ว ราชอาณาจักร ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 181/2563 เรื่อง ก าหนดให้ผู้ประกอบการเรือ ผู้ประกอบการท่าเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ และผู้โดยสารปฏิบัติ กรณีที่มีประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2563 และให้ผู้ประกอบการเรือ ผู้ประกอบการท่าเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ และผู้โดยสาร ปฏิบัติตามที่ก าหนดในประกาศฉบับนี้แทน ข้อ 2 ผู้ประกอบการเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ และผู้ควบคุมเรือปฏิบัติ ดังนี้ (1) ต้องท าความสะอาดตัวเรือด้วยน้ ายาฆ่าเชื้อโรคเป็นประจ าทุกครั้งที่ให้บริการเรียบร้อยแล้ว (2) จัดวางแอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือไว้บนเรือ (๓) นายเรือและผู้ควบคุมเรือต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือสวมหน้ากากผ้าตลอดเวลา ขณะปฏิบัติหน้าที่ (๔) ต้องควบคุมและก ากับให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่บนเรือและผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกคน (5) ก าหนดให้มีการจัดที่นั่งหรือที่ยืน เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตร เพื่อป้องกัน การติดต่อสัมผัสหรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละออ งน้ าลาย ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ มกราคม ๒๕๖๔(6) ควบคุมจ านวนผู้โดยสารให้บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินจ านวนตามที่ใบอนุญาตใช้เรือก าหนด (7) กรณีที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศในเรือโดยสารต้องมีระบบระบายอากาศที่เหมาะสม และต้องมีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ข้อ 3 ให้ผู้ประกอบการท่าเรือ ปฏิบัติดังนี้ (1) ท าความสะอาดท่าเรือด้วยน้ ายาฆ่าเชื้อโรคเป็นประจ าทุกวัน (2) จัดวางแอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือประจ าบนท่าเรือ (3) ให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ประจ าท่าเรือสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกคน (4) นั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตรเพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส หรือแพร่เชื้อโรค ทางฝอยละอองน้ าลาย (5) ให้คัดกรอง (วัดอุณหภูมิ) คนประจ าเรือ และผู้โดยสาร หากพบผู้ที่มีไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการผิดปกติทางเดินหายใจ ให้ติดต่อแจ้งสายด่วน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ทางโทรศัพท์หมายเลข 1422 และตรวจสอบให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกคน ข้อ ๔ ให้ผู้โดยสารปฏิบัติ ดังนี้ (1) สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกคน (2) ให้ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ หรือเจลล้างมือ (3) นั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตรเพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส หรือแพร่เชื้อโรค ทางฝอยละอองน้ าลาย (4) เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามค าแนะน าของนายเรือ หรือผู้ควบคุมเรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และพนักงานของผู้ประกอบการเรือซึ่งดูแลเรื่องความปลอดภัย ข้อ 5 เรือที่ให้บริการประเภทการใช้บรรทุกคนโดยสารและบริ การอาหาร บรรทุกคนโดยสาร และภัตตาคารในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้ปฏิบัติตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่ เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 และ (ฉบับที่ 16) ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564 โดยเคร่งครัด นอกเหนือจากพื้นที่ดังกล่าวให้ปฏิบัติตามประกาศของแต่ละจังหวัด ข้อ 6 ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการเรือ ผู้ประกอบการท่าเรือ ติดตั้ง QR Code แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” บริเวณตัวเรือหรือบริเวณท่าเรือก่อนขึ้น - ลง เรือ ส าหรับให้ผู้ใช้บริการ สแกนผ่านโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนเพื่อเก็บข้อมูลการเดินทาง กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อใช้บริการ เรือโดยสารล าเดียว และเวลาเดียวกันกับผู้ใช้บริการจะมีการแจ้งเตือนผ่านระบบ SMS ว่าผู้ใช้บริการ มีความเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์ ควบคู่กับติดตั้งแอปพลิเค ชัน “หมอชนะ” ซึ่งจะได้รับประโยชน์ จากการได้รับแจ้งข้อมูล ข้อแนะน า การปฏิบัติตนหรือค าเตือนเพื่อลดความเสี่ยงหรือเลี่ยงจากการติดเชื้อ เพื่อให้ด าเนินการได้ผลสัมฤทธิ์ด้วยดี ้หนา ๒๑ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ มกราคม ๒๕๖๔ข้อ 7 กรณีที่ผู้โดยสารไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ห้ามมิให้ผู้ประกอบการเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ และผู้ควบคุมเรือ ให้เรือออกจากท่าเทียบเรือ ข้อ 8 ให้ผู้ประกอบการเรือ ผู้ประกอบการท่าเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ และผู้โดยสารเรือ ด าเนินการให้เป็นไปตามข้อก าหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ 16) ลงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2564 และ (ฉบับที่ 17) ลงวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 โดยเคร่งครัด ข้อ 9 ให้ผู้ประกอบการเรือ ผู้ประกอบการท่าเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ ติดตามสถานการณ์ของโรคติดเชื่อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) อย่างใกล้ชิดและรายงานข้อมูล หรือเหตุการณ์ผิดปกติมายังสายด่วน กรมเจ้าท่า ทางโทรศัพท์หมายเลข 1199 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสายด่วน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ทางโทรศัพท์หมายเลข 1422 ข้อ 10 ให้ถือว่าข้อก าหนดในประกาศฉบับนี้เป็นเงื่อนไขการอนุญาตให้เรือกลเดินประจ าทาง โดยหากผู้ประกอบการเรือหรือเจ้าของเรือฝ่าฝืน เจ้าท่ามีอ านาจสั่งงดการเดินเรือหรือสั่งยึดใบอนุญาต สั่งงดไม่ให้ใช้ปร ะกาศนียบัตร ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ าไทยได้ และผู้ใดที่พบเห็นการฝ่าฝืน ตามประกาศนี้ ให้แจ้งข้อมูลการฝ่าฝืนมายังสายด่วน กรมเจ้าท่า ทางโทรศัพท์หมายเลข 1199 ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศ ณ วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖4 วิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า ้หนา ๒๒ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ มกราคม ๒๕๖๔" 638.pdf,"ประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน พ.ศ. 2564 เพื่อให้การพิจารณาประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับบทบัญญัติในมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 เลขาธิการส านักงานประกันสังคมจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิก (1) ประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อ ง หลักเกณฑ์การพิจารณาประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2547 (2) ประกาศส านักงานประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563 ข้อ 3 ขั้นตอนการรับแบบค าขอ 3.1 เมื่อรับแบบค าขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส.2-01/7) ให้บันทึก การรับแบบค าขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในระบบสารสนเทศ 3.2 กรณีไม่ปรากฏชื่อผู้ประกันตนในฐานข้อมูลของส านักงานประกันสังคม ให้ประสานงานกับนายจ้างเพื่อตรวจสอบว่าเคยเป็นผู้ประกันตนหรือไม่ และให้ด าเนินการ ดังนี้ (1) กรณีเป็นผู้ประกันตน และยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ให้แจ้งนายจ้างด าเนินการ ยื่นแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) ให้กับลูกจ้างรายดังกล่าว รวมทั้งลูกจ้างรายอื่น ๆ ของสถานประกอบการให้ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย (2) กรณีที่นายจ้างไม่ขึ้นทะเบียนให้ผู้ประกันตน โดยสถานประกอบการดังกล่าวเลิกกิจการ หรือหยุดกิจการชั่วคราว และไม่สามารถติดตามตัวนายจ้างได้ หรือนายจ้างไม่แจ้งขึ้นทะเบียนในกรณีอื่น ๆ ให้ด าเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพยานเอกสารหรือพยานบุคคล และหลักฐานที่เกี่ยวข้ อง หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นผู้ประกันตนให้บันทึกรายละเอียดเพื่อขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนต่อไป ข้อ 4 การตรวจสอบสิทธิ 4.1 ตรวจสอบระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบจากฐานข้อมูลเงินสมทบหรือจากแบบ สปส.1-10 ว่ามีการจ่ายเงินสมทบกรณีว่างงานครบหกเดือนภายในระยะเวลาสิบห้าเดือน ก่อนการว่างงาน ครั้งนี้หรือไม่ กรณีไม่ครบหกเดือนภายในระยะเวลาสิบห้าเดือน ก่อนการว่างงานครั้งนี้ ให้วินิจฉัยเป็น กรณีไม่มีสิทธิและมีหนังสือแจ้งผลให้ผู้ประกันตนทราบ ้หนา ๔ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มกราคม ๒๕๖๔ 4.2 ตรวจสอบข้อมูล ผู้ประกันตน หากเป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ ให้วินิจฉัยเป็นกรณีไม่มีสิทธิ และมีหนังสือแจ้งผลให้ผู้ประกันตนทราบ รวมทั้งแจ้งให้ผู้ประกันตนยื่นค าขอ รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ 4.3 ตรวจสอบสถานะความเป็นผู้ประกันตนจากฐานข้อมูลงานทะเบียน หากพบว่า ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ให้วินิจฉัยเป็นกรณีไม่มีสิทธิและมีหนังสือแจ้งผลให้ผู้ประกันตนทราบ 4.4 ตรวจสอบระยะเวลาการว่างงานในครั้งนี้จากฐานข้อมูลการว่าจ้าง หากพบว่า เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แต่กลับเข้าท างานภายหลังการว่างงานครั้งที่ยื่นค า ขอ กรณีมีระยะเวลา การว่างงานไม่ถึงแปดวัน ให้วินิจฉัยเป็นกรณีไม่มีสิทธิ และมีหนังสือแจ้งผลให้ผู้ประกันตนทราบ 4.5 ตรวจสอบประวัติการขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานภายในปีปฏิทินเดียวกัน จากฐานข้อมูลประวัติการรับประโยชน์ทดแทน (1) ภายในปีปฏิทินเดียวกันเคยใ ช้สิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจาก ถูกเลิกจ้างมาแล้วครบหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ให้วินิจฉัยเป็นกรณีไม่มีสิทธิ และมีหนังสือแจ้งผล ให้ผู้ประกันตนทราบ (2) ภายในปีปฏิทินเดียวกันเคยใช้สิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจาก ลาออกมาแล้วครบเก้าสิบวัน ให้วินิจฉัยเป็นกรณีไม่มีสิทธิ และมีหนังสือแจ้งผลให้ผู้ประกันตนทราบ (3) ภายในปีปฏิทินเดียวกันเคยใช้สิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเพราะเหตุ ตาม (1) หรือเหตุตาม (1) และ (2) เกินกว่าหนึ่งครั้งรวมกันครบหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หรือในกรณีว่างงาน เพราะเหตุตาม (2) เกินกว่าหนึ่งครั้งรวมกันครบเก้าสิบวัน แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์และอัตรา ที่กฎหมายก าหนด 4.6 ตรวจสอบสาเหตุการออกจากงานตามข้อมูลที่นายจ้างแจ้งไว้กับส านักงาน ประกันสังคมและข้อมูลที่ผู้ประกันตนแจ้งไว้ในแบบขึ้นทะเบียนหางานของกรมการจัดหางานเพื่อให้ได้ ข้อยุติว่าออกจากงานเพราะสาเหตุใด (1) กรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดหรือลาออกให้พิจารณาจ่ายประโยชน์ทดแทน ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กฎหมายก าหนด (๒) กรณีถูกเลิกจ้างโดยนายจ้างแจ้งว่าเป็นการเลิกจ้างตามมาตรา ๗๘ (๒) ให้ด าเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากผู้ประกันตน นายจ้าง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเอกสาร ที่สามารถให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวได้ ข้อ 5 ขั้นตอนในการวินิจฉัย 5.๑ กรณีที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ก าหนด ให้วินิจฉัย จ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ดังนี้ (๑) ผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนหางานภายในสามสิบวันนับแต่วันว่างงานจะได้รับ ประโยชน์ทดแทนตั้งแต่วันที่แปดนับแต่วันว่างงานกับนายจ้างรายสุดท้าย จนครบถ้วนตามสิทธิ ้หนา ๕ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มกราคม ๒๕๖๔ (๒) ผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนหางานเกินสามสิบวันนับแต่วันว่างงานจะได้รับ ประโยชน์ทดแทนตั้งแต่วันที่ขึ้น ทะเบียนหางานไปจนครบสิทธิเก้าสิบวัน หรือหนึ่งร้อยแปดสิบวัน แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กฎหมายก าหนด 5.๒ มีหนังสือแจ้งผลการวินิจฉัยประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานที่ได้รับ ให้ผู้ประกันตนทราบพร้อมเงื่อนไขในการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ดังนี้ (๑) มีการรายงานตัวไม่น้อยกว่าเดือนละหนึ่งครั้ง (๒) ไม่ปฏิเสธงาน (๓) ไม่ปฏิเสธการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน (๔) ระยะเวลาการรับประโยชน์ทดแทนไม่เกินตามที่ก าหนดไว้ในกฎกระทรวง ว่าด้วยการก าหนดหลักเกณฑ์ และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ที่ออกตามความ ในมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 (๕) ยังไม่กลับเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ (๖) อายุไม่ครบ ๕๕ ปีบริบูรณ์ ข้อ 6 การสั่งจ่ายประโยชน์ทดแทน ให้ด าเนินการสั่งจ่ายประโยชน์ทดแทนเป็นรายเดือน โดยผ่านบัญชีธนาคารของผู้ประกันตนหลังจากมีการรายงานตัวตามก าหนด ข้อ 7 เมื่อด าเนินการในแต่ละขั้นตอนเสร็จสิ้น ให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลในแต่ละขั้นตอนดังกล่าว ในระบบสารสนเทศทันที ข้อ 8 ในกรณีอื่นใดที่มิได้ก าหนดไว้ใน ประกาศนี้ ให้เลขาธิการหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมาย เป็นผู้วินิจฉัย สั่งการ หรือให้ความเห็นชอบแล้วแต่กรณี ประกาศ ณ วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. ๒๕64 ทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการส านักงานประกันสังคม ้หนา ๖ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๒ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ มกราคม ๒๕๖๔" 64.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 392 (พ.ศ. 2561) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง ฉลากโภชนาการ (ฉบับที่ 3) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยฉลากโภชนาการ เกี่ยวกับค่าปริมาณสารอาหารที่แนะน าให้บริโภคประจ าวันส า หรับคนไทยอายุตั้งแต่ ๖ ปีขึ้นไป (Thai Recommended Daily Intakes, Thai RDI) ของโซเดียม ( Sodium) ซึ่งเป็นสารอาหารที่เกี่ยวข้อง กับการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non - Communicable Diseases, NCDs) และส่งผลต่อสุขภาพ ของประชากรไทย ให้มีความเหมาะส มและสอดคล้องกับสากล อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (10) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในล าดับที่ 28 ปริมาณที่แนะน าต่อวัน (Thai RDI) ของโซเดียม (Sodium) ในบัญชีสารอาหารที่แนะน าให้บริโภคประจ าวันส าหรับคนไทยอายุตั้งแต่ ๖ ปีขึ้นไป (Thai Recommended Daily Intakes - Thai RDI) ในบัญชีหมายเลข 3 แนบท้ายประกาศ กระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 182) พ.ศ. 2541 เรื่อง ฉลากโภชนาการ ลงวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2541 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ล าดับที่ (No.) สารอาหาร (Nutrient) ปริมาณที่แนะน าต่อวัน (Thai RDI) หน่วย (Unit) 28 โซเดียม ( Sodium) 2,000 มิลลิกรัม ( mg) ข้อ ๒ อาหารที่มีการแสดงฉลากโภชนาการไว้ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ และมีการแสดง ปริมาณโซเดียมไม่สอดคล้องกับปริมาณโซเดียมที่แนะน าต่อวันตามประกาศฉบับนี้ยังคงจ าหน่ายต่อไปได้ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสองปีนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ข้อ ๓ ประกาศฉบับนี้ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไ ป ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ้หนา ๙ ่เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๖๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๑" 643.pdf,"ประกาศคณะกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการการเสนอเรื่องร้องทุกข์หรือข้อพิพาท การไกล่เกลี่ยและการพิจารณาชี ขาดข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้น ้า พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรก้าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องร้องทุกข์หรือข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้น ้า เพื่อให้คณะกรรมการลุ่มน ้าไกล่เกลี่ยและชี ขาด อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๓๕ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน ้า พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติ จึงออกปร ะกาศไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ประกาศนี เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการการเสนอเรื่องร้องทุกข์หรือข้อพิพาท การไกล่เกลี่ยและการพิจารณาชี ขาดข้อพิพาทระหว่าง ผู้ใช้น ้า พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี “เรื่องร้องทุกข์” หมายความว่า เรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของภาคเอกชน ประชาชน และชุมชน อันเนื่องมาจากการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบ้ารุงรักษา การฟื้นฟูแ ละการอนุรักษ์ ทรัพยากรน ้า หรือความไม่เป็นธรรม เกี่ยวกับปริมาณการใช้น ้า การจัดสรรน ้า การจัดล้าดับความส้าคัญ ในการใช้น ้า การควบคุมการใช้น ้า หรือการอื่นใดที่อยู่ในหน้าที่และอ้านาจของคณะกรรมการลุ่มน ้า “ข้อพิพาท” หมายความว่า ข้อขัดแย้งหรือข้อโต้แย้งระหว่ างภาคเอกชน ประชาชน หรือชุมชน อันเนื่องมาจากการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบ้ารุงรักษา การฟื้นฟูและการอนุรักษ์ ทรัพยากรน ้า ท้าให้เกิดการกระทบต่อสิทธิระหว่างผู้ใช้น ้าด้วยกันเอง “ส้านักงานภาค” หมายความว่า ส้านักงานทรัพยากรน ้าแห่งชาติภาค “ผู้อ้านวยการ” หมายความว่า ผู้อ้านวยการส้านักงานภาค “เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ” หมายความว่า ข้าราชการหรือพนักงานของส้านักงานภาค ซึ่งผู้อ้านวยการมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องร้องทุกข์ ข้อ ๔ ผู้ใช้น ้าคนเดียวหรือหลายคนมีสิทธิเสนอเรื่องร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการลุ่มน ้า ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ทราบเรื่องราวอันเป็นเหตุแห่งเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าว โดยระบุเรื่องอันเป็นเหตุ แห่งการร้องทุกข์ ข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์เกี่ยวกับเรื่องร้องทุกข์ พยานหลักฐานที่ใช้อ้างอิงประกอบ และค้าขอที่ต้องการให้มีการสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใ ด การเสนอเรื่องร้องทุกข์ตามวรรคหนึ่ง ผู้ใช้น ้าสามารถเสนอได้เฉพาะเรื่องร้องทุกข์ที่กระทบต่อสิทธิ ของตนเท่านั น เว้นแต่ในกรณีผู้ใช้น ้าผู้ใดไม่สามารถเสนอเรื่องร้องทุกข์ด้วยตนเองได้ จะมอบฉันทะ ให้ผู้อื่นเสนอเรื่องร้องทุกข์แทนตนก็ได้ โดยอาจเสนอเรื่องร้องทุก ข์ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ดังต่อไปนี ้หนา ๓๖ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔(๑) ร้องทุกข์ด้วยวาจาต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ณ ส้านักงานภาคที่ผู้ใช้น ้ามีถิ่นที่อยู่ หรือต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ณ ส้านักงานภาค ที่เกิดเรื่องร้องทุกข์ขึ น โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ จัดท้าบันทึกเรื่อ งร้องทุกข์ดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย (๒) ร้องทุกข์เป็นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบหรือจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยัง ส้านักงานภาคที่ผู้ใช้น ้ามีถิ่นที่อยู่ หรือส้านักงานภาคที่เกิดเรื่องร้องทุกข์ (๓) ร้องทุกข์โดยทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามวิธีการที่ส้านักงานทรั พยากรน ้าแห่งชาติก้าหนด ในกรณีที่ผู้ใช้น ้าซึ่งเสนอเรื่องร้องทุกข์เป็นองค์กรผู้ใช้น ้าหรือเป็นนิติบุคคล ให้ระบุชื่อผู้แทน องค์กรผู้ใช้น ้าหรือผู้แทนนิติบุคคล เพื่อประโยชน์ในการประสานงานหรือร่วมด้าเนินการใด ๆ ในกระบวนการ พิจารณาเรื่องร้องทุกข์นั นด้วย ข้อ ๕ เมื่อส้านักงานภาคได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้ใช้น ้าตามข้อ ๔ ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ สรุปประเด็นเรื่องร้องทุกข์ โดยหากประเด็นเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวมีหลายประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกันอาจรวม เรื่องร้องทุกข์ในหลายประเด็นเป็นเรื่องเดียวกันได้ตามที่เห็นสมควร ตลอดจ นรวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอต่อผู้อ้านวยการพิจารณา เรื่องร้องทุกข์ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบท้าความเห็น เสนอต่อผู้อ้านวยการพิจารณาไม่รับเรื่องร้องทุกข์หรือยุติการด้าเนินการต่อเรื่องร้องทุกข์นั น และรายงาน คณะกรรมการลุ่มน ้าเพื่อทราบ (๑) เรื่องร้องทุกข์ที่ผู้ใช้น ้าได้ใช้สิทธิด้าเนินคดีทางศาลด้วยตนเองแล้ว (๒) เรื่องที่มีการฟ้องร้ องเป็นคดีอยู่ในศาลหรือเรื่องที่ศาลมีค้าพิพากษาหรือค้าสั่งเสร็จเด็ดขาด ในเรื่องนั นแล้ว หากเรื่องร้องทุกข์มีลักษณะเป็นข้อพิพาท ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสรุปประเด็นที่พิพาท ตลอดจนรวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และความประสงค์ของผู้ใช้น ้า ซึ่งพิพาทกัน เพื่อเสนอต่อผู้อ้านวยการน้าเสนอคณะกรรมการลุ่มน ้าพิจารณาตามข้อ ๗ ข้อ ๖ ในกรณีที่ผู้อ้านวยการพิจารณาเห็นว่าเรื่องร้องทุกข์นั นสามารถแก้ไขได้โดยง่าย ให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออ้านวยความสะดวก แก้ไข หรือบรรเทาเหตุในประเด็น เรื่องร้องทุกข์นั นภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์ และให้มีการติดตามผลการแก้ไข หรือบรรเทาเรื่องที่มีการร้องทุกข์นั นต่อไปจนกว่าจะได้ข้อยุติ และรายงานต่อคณะกรรมการลุ่มน ้าเพื่อทราบ ในกรณีที่ผู้อ้านวยการเห็นว่าเรื่องร้องทุกข์อาจไม่สามารถแก้ไขโดยหน่ว ยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ผู้อ้านวยการท้าความเห็นและเสนอเรื่องร้องทุกข์นั นต่อคณะกรรมการลุ่มน ้าในโอกาสแรกที่มีการประชุม และเมื่อคณะกรรมการลุ่มน ้าพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ได้ข้อยุติเป็นประการใด ให้ส้านักงานภาคมีหนังสือ แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ใช้น ้าที่เสนอเรื่องร้องทุ กข์ทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องจาก คณะกรรมการลุ่มน ้า ้หนา ๓๗ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ข้อ ๗ ในการพิจารณาข้อพิพาท หากผู้ใช้น ้าซึ่งพิพาทกันนั นยินยอมให้ด้าเนินการไกล่เกลี่ย ข้อพิพาท คณะกรรมการลุ่มน ้าอาจแต่งตั งคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ประกอบด้วย กรรมการลุ่มน ้าและบุคคล ซึ่งคณะกรรมการลุ่มน ้าเห็นสมควรจ้านวนไม่น้อยกว่าสามคน โดยให้ผู้อ้านวยการ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ และจะให้มีผู้ช่วยเลขานุการด้วยหรือไม่ก็ได้ เป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ให้คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทพิจารณาข้อพิพาทให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่ วันที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการลุ่มน ้า ในกรณีที่ได้ข้อยุติในประเด็นข้อพิพาท ให้คณะอนุกรรมการ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเสนอคณะกรรมการลุ่มน ้าเพื่อพิจารณาสั่งยุติเรื่องและให้ส้านักงานภาคมีหนังสือ แจ้งผลการไกล่เกลี่ยให้ผู้ใช้น ้าที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาททุกรายได้ทราบ ในกรณีที่ไม่สามารถหาข้อยุติในประเด็นข้อพิพาทได้ ให้เสนอต่อคณะกรรมการลุ่มน ้า เพื่อพิจารณาชี ขาดข้อพิพาทต่อไป ข้อ ๘ การพิจารณาเรื่องร้องทุกข์หรือข้อพิพาทของคณะกรรมการลุ่มน ้า ให้ด้าเนินการ ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้อ้านว ยการตามข้อ ๖ วรรคหนึ่ง หรือนับแต่วันที่ได้รับข้อพิพาทจากคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามข้อ ๗ วรรคสาม แล้วแต่กรณี หากในกรณีที่มีเหตุผลและความจ้าเป็นที่ไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาดังกล่าว อาจขยายระยะเวลาการพิจารณาออกไปได้อีกไม่เกิน สิบห้าวัน แต่ต้องมีหนังสือแจ้งเหตุผลและ ความจ้าเป็นนั นให้ผู้ใช้น ้าที่เสนอเรื่องร้องทุกข์ทราบก่อนครบก้าหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ส้านักงานภาคมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการลุ่มน ้าไปยังผู้ใช้น ้าที่เกี่ยวข้อง กับข้อพิพาททุกรายได้ทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ เสร็จสิ นการพิจารณาของคณะกรรมการลุ่มน ้า ผลการพิจารณาของคณะกรรมการลุ่มน ้าให้เป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติ ้หนา ๓๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔" 644.pdf,"ประกาศคณะกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติ เรื่อง กรอบ หลักเกณฑ์ และแนวทางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการลุ่มน ้า และล้าดับความส้าคัญของการใช้น ้าส้าหรับกิจการประเภทต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรก้าหนดกรอบ หลักเกณฑ์ และแนวทางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการลุ่มน ้า และล้าดับความส้าคัญของการใช้น ้าส้าหรับกิจการประเภทต่าง ๆ เพื่อให้คณะกรรมการลุ่มน ้าแต่ละลุ่มน ้า น้าไปพิจารณาในการจัดสรรน ้าและควบคุมการใช้น ้าในเขตลุ่มน ้า อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง (๙) แห่งพระราชบัญญัติ ทรัพยากรน ้า พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ประกาศนี เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติ เรื่อง กรอบ หลักเกณฑ์ และแนวทางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการลุ่มน ้า และล้าดับความส้าคัญของการใช้น ้า ส้าหรับกิจการประเภทต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ เพื่อประโยชน์ในการบริหารทรัพยากรน ้าของคณะกรรมการลุ่มน ้าในเขตลุ่มน ้า ให้ด้าเนินการ ดังต่อไปนี (๑) ให้คณะกรรมการลุ่มน ้าปฏิบัติตามกรอบการปฏิบัติงาน ดังนี (ก) นโยบายและแผนแม่บทเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรน ้าในเขตลุ่มน ้าที่คณะกรรมการ ทรัพยากรน ้าแห่งชาติให้ความเห็นชอบแล้ว (ข) แผนป้องกันและแก้ไขภาวะน ้าแล้ง และแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน ้าท่วมในเขตลุ่มน ้า ที่คณะกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติให้ความเห็นชอบแล้ว (๒) ให้คณะกรรมการลุ่มน ้าปฏิบัติงานโดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ ดังนี (ก) ปริมาณทรัพยากรน ้าต้นทุนที่มีอยู่ในเขตลุ่มน ้า (ข) ความต้องการใช้น ้าของทุกภาคส่วนในเขตลุ่มน ้า (ค) การรักษาสมดุลน ้าในเขตลุ่มน ้า และการรักษาแล ะแก้ไขปัญหาคุณภาพน ้า (ง) ต้นทุนและผลตอบแทน ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และการพัฒนาที่ยั่งยืน (๓) ให้คณะกรรมการลุ่มน ้าปฏิบัติงานตามแนวทาง ดังนี (ก) บูรณาการทุกภาคส่วนในการบริหารและแก้ไขปัญหาทรัพยากรน ้าในเขตลุ่มน ้า (ข) ส่งเสริมองค์กรผู้ใช้น ้า ภาคเอกชน ประชาชน และชุมชนในการมีส่วนร่วม ในการบริหารทรัพยากรน ้าในเขตลุ่มน ้า (ค) จัดระบบการประสานงานระหว่างคณะกรรมการลุ่มน ้าในเขตลุ่มน ้าใกล้เคียง หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน เพื่อการบริหารทรัพยากรน ้า ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ (ง) ปฏิบัติตามมาตรการหรือกลไกในการแก้ไขปัญหาหรือไกล่เกลี่ยหากมีข้อพิพาทเกิดขึ น ระหว่างการบริหารทรัพยากรน ้า (จ) รณรงค์การใช้น ้าอย่างประหยัดแก่ประชาชน และควบคุมการใช้น ้าให้เหมาะสมกับ ลักษณะทางกายภาพของพื นที่ (ฉ) ตรวจสอบและติดตามปัญหาซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริหาร จัดการน ้าในเขตลุ่มน ้า เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที (ช) ประเมินผลและรายงานผลการด้าเนินงาน รวมถึงปัญหาอุปสรรคต่อคณะกรรมการ ทรัพยากรน ้าแห่งชาติ ตามช่วงระยะเวลาที่คณะกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติก้าหนด (ซ) ค้านึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากการใช้ทรัพยากรน ้าในเ ขตลุ่มน ้าที่อาจส่งผลต่อลุ่มน ้าอื่น ข้อ ๔ ให้คณะกรรมการลุ่มน ้าจัดล้าดับความส้าคัญของการใช้น ้าส้าหรับกิจการประเภทต่าง ๆ ในเขตลุ่มน ้าให้สอดคล้องกับล้าดับความส้าคัญที่คณะกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติก้าหนดตามมาตรา ๔๐ ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการลุ่มน ้าด้าเนินการจัดสรรน ้าตามที่ คณะกรรมการทรัพยากรน ้า แห่งชาติก้าหนด ทั งนี ให้จัดสรรน ้าต้นทุนที่มีอยู่ ส้าหรับกิจการประเภทต่าง ๆ อย่างเพียงพอ เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ โดยจัดล้าดับความส้าคัญของการใช้น ้าตามข้อ ๔ ให้เพียงพอตลอดทั งปี วางมาตรการควบคุมการใช้น ้า จัดให้มีการประเมิน และปรับลดความต้องการใช้น ้าในกิจการที่เห็นว่า เป็นการใช้น ้าโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือเกินความจ้าเป็น ในกรณีที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน ้าแล้งหรือภาวะน ้าท่วม ให้ควบคุมปริมาณการใช้น ้า และคุณภาพน ้าตามความเหมาะสม และใช้มาตรการที่ก้าหนดไว้ไนกฎหมาย โดยต้องประเมิน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแผนการจัดสรรน ้า เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงแผนการจัดสรรน ้า ให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสม และเป็นธรรมมากยิ่งขึ น ประกาศ ณ วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการทรัพยากรน ้าแห่งชาติ ้หนา ๓๕ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔" 648.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดินพร้อมอาคาร ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีก าหนด โดยที่เป็นการสมควรให้มีการสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย เป็นของตนเอง รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สาธารณะและความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๒ (๗) (ฎ) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ก าหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจ านองอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นที่ดินพร้อมอาคารส าหรับผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ราคาไม่เกินสามล้านบาท เป็นพิเศษ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรว งมหาดไทยออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ และค่าจดทะเบียนการจ านอง อสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ ศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง ส าหรับกรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จากผู้จัดสรรที่ดินที่เป็นที่ดินพร้อมอาคาร ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือที่ด าเนินการจัดสรรที่ดินโดยทางราชการหรือองค์การของรัฐบาลซึ่งมีอ านาจหน้าที่ท าการจัดสรรที่ดิ น ตามกฎหมาย โดยราคาซื้อขายไม่เกินสามล้านบาท และวงเงินจ านองไม่เกินสามล้านบาท ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ้หนา ๑๔ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔" 650.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 62) เรื่อง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินตามแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน ส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.9) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ส าหรับตราสารบางลักษณะ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 และมาตรา 123 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก าหนดวิธีการช าระอากร เป็นตัวเงินตามแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.9) ผ่านระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ส าหรับตราสารบางลักษณะ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ 10 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 60) เรื่อง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินตามแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินส าหรับตราสาร อิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.9) ผ่ านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ส าหรับตราสารบางลักษณะ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 10 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับตราสารที่ได้จัดท าขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564” ประกาศ ณ วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖4 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๙ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔" 651.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 61) เรื่อง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 มาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 และมาตรา 123 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ 10 ของประกาศอธิ บดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 58) เรื่อง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 59) เรื่อง ก าหนดวิธีการช าระอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 10 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ 2 ที่ได้จัดท าขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ผู้มีหน้าที่เสียอากรจะเลือกยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงิน และช าระอากร ณ ส านักงานสรรพากรพื้นที่สาขา โดยใช้แบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน อ.ส.4 ก็ได้ และ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกใบรับเงินและหลักฐานตามมาตรา 116 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ให้ถือว่าตราสารอิเล็กทรอนิกส์นั้น ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ” ประกาศ ณ วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖4 เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ้หนา ๑๘ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔" 652.pdf,"ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การท ากิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 3) ตามที่ได้มีการบังคับใช้บรรดามาตรการต่าง ๆ เพื่อระงับยับยั้งและป้องกันการระบาด แบบกลุ่มก้อนของโรคโควิด - 19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นนั้น ด้วยการปฏิบัติงานที่เข้มแข็งของพนักงาน เจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน อาสาสมัคร ตลอดจนความร่วมมือของประชาชน ทุกภาคส่วนตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ปัจจุบันสามารถจ ากัดและควบคุม การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ให้อยู่ในขอบเขตได้เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง รัฐบาลจึงได้ออก ข้อก าหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๘) ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และค าสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ ๒/๒๕๖๔ เพื่อให้การขับเคลื่อน ทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถด าเนินการได้อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการป้องกันโรคตามมาตรการ ด้านสาธารณสุข ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติสอดคล้องกับข้อก าหนดและค าสั่งดังกล่าว โดยอาศัยอ านาจ ตามข้อก าหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชก าหนดการบริหา รราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๕) ข้อ ๓ และค าสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้ก ากับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ ๓ (๖) และค าสั่ง ประกาศ ที่เกี่ยวข้อง จึงให้ปฏิบัติ ดังนี้ ๑. ให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับ ความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุ ม การท ากิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒. ห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค หรือการกระท าอันเป็น การฉวยโอกาสซ้ าเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่โรค ณ ที่ใด ๆ ทั่วราชอาณาจักร ๓. ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการท ากิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยง ต่อการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจ านวนมากและมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้โดยง่าย ที่มีประกาศหรือค าสั่งก าหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด เว้นแต่ เป็นการด าเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นการ จัดกิจกรรมในพื้นที่ที่ก าหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรคโดยมีมาตรการทางสาธารณสุขรองรับ และเป็นไป้หนา ๓๓ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่จ าเป็นส าหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้ มงวด และมาตรการ ควบคุมแบบบูรณาการที่จ าเป็นส าหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด ก าหนดไว้ตามข้อก าหนด (ฉบับที่ ๑๘) ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามล าดับ ๔. การชุมนุม หรือการท ากิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัด ในลักษณะที่เสี่ยงต่อ การแพร่ระบาดของโรค ในพื้นที่ซึ่งมีประกาศหรือมีค าสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่ เฝ้าระวัง ให้ผู้จัดการชุมนุมหรือจัดกิจกรรมดังกล่าว ด าเนินการตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ที่จ าเป็นส าหรับพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ที่ก า หนดไว้ตามข้อก าหนด (ฉบับที่ ๑๘) ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เว้นแต่การท ากิจกรรมของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่ปลอดภัย หรือการท ากิจกรรมภายในครอบครัว ที่อยู่ในเคหสถาน หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตา มประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชก าหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ระวางโทษจ าคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖4 พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง ้หนา ๓๔ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔" 655.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดเกณฑ์มาตรฐานและวิธีการตรวจวัดค่าควันด าจากท่อไอเสียของรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 2563 ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดเกณฑ์มาตรฐานและวิธีการตรวจวัด ค่าควันด าจากท่อไอเสียของรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไว้แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศดังกล่าวให้มีเกณฑ์มาตรฐานการตรวจวัดควันด า ที่เข้มงวดไม่น้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมประกาศก าหนด และเหมาะสมกับการปฏิบัติงานยิ่งขึ้น อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๑๓ ของกฎกระทรวงก าหนดส่วนควบ และเครื่องอุปกรณ์ส าหรับรถ พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในบทนิยามค าว่า “เครื่องตรวจวัดควันด าระบบทึบแสง ” ในข้อ ๒ ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดเกณฑ์มาตรฐานและวิธีการตรวจวัดค่าควันด าจากท่อไอเสีย ของรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “เครื่องตรวจวัดควันด าระบบความทึบแสง ( Opacimeter)” หมายความว่า เครื่องตรวจวัดควันด า ที่ให้ควันด าไหลผ่านช่องวัดแสงของเครื่องมือ และวัดค่าของแสงที่ทะลุผ่านควันด าซึ่งตรวจวัดค่า เป็นหน่วยร้อยละ ที่ระยะความยาวของทางเดินแสงมาตรฐาน ( Standard Effective Opti cal Path Length ) ที่เทียบเท่า ๔๓๐ มิลลิเมตร หรือเป็นไปตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อ ๒ ให้ยกเลิกบทนิยามค าว่า “ระยะความยาวของทางเดินแสงมาตรฐาน ” ในข้อ ๒ ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ก าหนดเกณฑ์มาตรฐานและวิธีการตรวจวัดค่า ควันด าจากท่อไอเสีย ของรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๓ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕63 จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ้หนา ๒๐ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔" 658.pdf,"ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการออกหนังสือรับรองความรู้ความช านาญในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรส่งเสริม สนับสนุน และจัดให้มีการรับรองความรู้ความช านาญเฉพาะด้าน ในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม เพื่อประโยชน์ต่อการให้บริการวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงที่สภาวิศวกรมีพันธะผูกพันข้อตกลงยอมรับร่วมกันของนานาชาติ ตลอดจนข้อตกลงระหว่างประเทศอื่นที่เกี่ยวกับการบริการวิศวกรรมข้ามแดน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๘ (๔) (๖) (ง) และ (๗) ประกอบมาตรา ๗ (๘) แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และกฎกระทรวงก าหนดการด าเนินการอื่นอันเป็นวัตถุประสงค์ ของสภาวิศวกร พ.ศ. ๒๕๖๐ สภาวิศวกรโดยมติที่ประชุมใหญ่สามัญสภาวิศวกร เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ และโดยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาวิศวกรออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการออกหนังสือรับรองความรู้ ความช านาญในการประก อบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในข้อบังคับนี้ “หนังสือรับรอง” หมายความว่า หนังสือรับรองความรู้ความช านาญในการประกอบวิชาชีพ วิศวกรรมควบคุม ที่สภาวิศวกรออกให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมซึ่งผ่านการทดสอบความรู้ ความช านาญเฉพาะด้าน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ในข้อบังคับนี้ ข้อ ๔ ความรู้ความช านาญเฉพาะด้านที่สภาวิศวกรจะออกหนังสือรับรองให้เป็นไปตามที่ คณะกรรมการสภาวิศวกรก าหนด ข้อ ๕ ผู้ขอหนังสือรับรองต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตั้งแต่ระดับสามัญวิศวกรขึ้นไป และใบอนุญาตยังไม่หมดอายุ (๒) ไม่อยู่ระหว่างถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (๓) ไมเคยถูกเพิกถอนหนังสือรับรองด้วยเหตุตามข้อ ๑๒ (๔) มีผลงานและประสบการณ์ในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตรงตามสาขาเฉพาะด้าน ที่ขอหนังสือรับรองไม่น้อยกว่าสามปี (๕) คุณสมบัติอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการสภาวิศวกรก าหนด ้หนา ๔๔ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ข้อ ๖ ให้ผู้ประสงค์ขอหนังสือรับรองยื่นค าขอต ามแบบค าขอพร้อมทั้งบัญชีแสดงผลงาน และปริมาณงานตรงตามความรู้ความช านาญเฉพาะด้านที่ขอหนังสือรับรอง และหลักฐานที่คณะกรรมการ สภาวิศวกรก าหนดต่อส านักงานสภาวิศวกร ข้อ ๗ ผู้ขอหนังสือรับรองที่ผ่านการตรวจรับรองบัญชีแสดงผลงานและปริมาณงานแล้ว จึงจะมีสิทธิเข้ารับการทดสอบความรู้ความช านาญ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการทดสอบความรู้ความช านาญให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ สภาวิศวกรก าหนด ข้อ ๘ ให้คณะกรรมการสภาวิศวกรพิจารณาออกหนังสือรับรองในนามของสภาวิศวกร เมื่อผู้ยื่นค าขอมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ าม รวมถึงได้ผ่านการทดสอบความรู้ความช านาญ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ครบถ้วนแล้ว ข้อ ๙ เมื่อคณะกรรมการสภาวิศวกรมีมติเห็นสมควรออกหนังสือรับรอง หรือในกรณีที่มีมติ ไม่ออกหนังสือรับรอง ให้ส านักงานสภาวิศวกรมีหนังสือแจ้งให้ผู้ยื่นค าขอนั้น ๆ ทราบ ภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่คณะกรรมการสภาวิศวกรมีมติ หนังสือแจ้งตามวรรคหนึ่งอาจท าในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามที่ผู้ยื่นค าขอแจ้งความประสงค์ ไว้ก็ได้ ให้ผู้ยื่นค าขอที่คณะกรรมการสภาวิศวกรมีมติเห็นสมควรออกหนังสือรับรองช าระค่าธรรมเนียม หนังสือรับรองภายในหกสิ บวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองจากส านักงาน สภาวิศวกร กรณีผู้ยื่นค าขอไม่ช าระค่าธรรมเนียมภายในก าหนดเวลา ให้ถือว่าผู้ยื่นค าขอไม่ประสงค์ จะขอหนังสือรับรอง เมื่อผู้ยื่นค าขอได้ช าระค่าธรรมเนียมหนังสือรับรองแล้ว ให้ส านักงานสภาวิศวกร ด าเนินการ ออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้นั้น ข้อ ๑๐ หนังสือรับรองให้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการสภาวิศวกรก าหนด ข้อ ๑๑ ให้คณะอนุกรรมการทดสอบความรู้ความช านาญการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ควบคุมแต่ละสาขา เป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติ พิจารณาผลงานและปริมาณงาน พร้อมทั้งทดสอบ ความรู้ความช านาญและด าเนินการอื่น ๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้ ข้อ ๑๒ หนังสือรับรองสิ้นสุดลง เมื่อคณะกรรมการสภาวิศวกรมีมติเพิกถอนหนังสือรับรอง กรณีผู้ได้รับหนังสือรับรองแสดงข้อ ความหรือหลักฐานอันเป็นเท็จในค าขอหนังสือรับรองในส่วนที่เป็น สาระส าคัญ ในกรณีที่ปรากฏเรื่องอันเข้าข่ายการเพิกถอนหนังสือรับรองตามวรรคหนึ่งให้เลขาธิการสภาวิศวกร เสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการสภาวิศวกรโดยไม่ชักช้า ประกาศ ณ วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. ๒๕64 สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร ้หนา ๔๕ ่เลม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔" 762.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคอุตสาหการ ระดับ ๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคอุตสาหการ ระดับ ๑ ไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคอุตสาหการ ระดับ ๑ ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละยี่สิบห้าของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ ของคะแนนภาคความรู้ จึงจะมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถเกี่ยวกับช่างเทคนิคอุตสาหการ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบห้าของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละแปดสิบของคะแนนภาคความสามารถ โดยแบ่งออกเป็น ๔ แบบทดสอบ ดังนี้ แบบทดสอบที่ ๑ ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในการทำงาน แบบทดสอบที่ ๒ บันทึกเวลาการทำงานของสายการผลิต แบบทดสอบที่ ๓ ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์จับยึด (Jig, Fixture) แบบทดสอบที่ ๔ บำรุงรักษาอุปกรณ์จับยึด (Jig, Fixture) (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคอุตสาหการ ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้" 708.pdf,"# ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ## ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถและบัตรประจำตัวคนขับรถ ### ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๔ > ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถและบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ไว้แล้ว โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบดังกล่าวให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามมาตรา ๕๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ #### ข้อ ๑ - ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถและบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๔” #### ข้อ ๒ - ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป #### ข้อ ๓ - ให้ยกเลิกความใน ๒) ก) ของ (๑) ของข้อ ๙ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถและบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒) ในสำนักงานใหญ่ที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง หรือใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (WORK PERMIT) หรือใบอนุญาตทำงานอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Work Permit) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ หรือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นผู้ได้รับการตรวจลงตราประมงคนอยู่ชั่วคราวกรณีพิเศษ (SMART VISA) จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ ศูนย์บริหารแรงงานเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือสถานที่อื่นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด พร้อมด้วยภาพถ่าย โดยมีรายละเอียดชื่อและที่อยู่ของสถานที่ที่คนต่างด้าวนั้นทำงานอยู่ หรือหลักฐานแสดงที่พักอาศัยในราชอาณาจักรที่ทางราชการหรือนหน่วยงานของรัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศออกให้ แต่ต้องออกก่อนวันยื่นคำขอไม่เกินหนึ่งปี” #### ข้อ ๔ - ให้ยกเลิกความใน (๒) ของข้อ ๙ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วย การดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถและบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒) การขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล หรือใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (ก) หลักฐานตามข้อ ๙ (๑) (ก) และ (ข)" 85.pdf,"ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมศัตรูพืช (เพิ่มเติม) พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วยมีการพบต้นมันสำปะหลังที่มีอาการใบด่างคล้ายโรคใบด่างมันสำปะหลังที่เกิดจากเชื้อ Sri Lankan Cassava Mosaic Virus (SLCMV) ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อผลผลิตของเกษตรกร ผู้ปลูกมันสำปะหลัง และอาจทำให้เกิดการขาดแคลนมันสำปะหลังในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการในการควบคุมและไม่ให้เกิดการระบาดของศัตรูพืช อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ และที่แก้ไข เพิ่มเติม อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จึงออกประกาศเขตควบคุมศัตรูพืช (เพิ่มเติม) ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมศัตรูพืช (เพิ่มเติม) พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ท้องที่หมู่ที่ ๑๐ ตำบลศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเขตควบคุมศัตรูพืช ข้อ ๔ ชนิดศัตรูพืชที่ควบคุม ตามประกาศนี้ ได้แก่ อาการใบด่างคล้ายโรคใบด่างมันสำปะหลัง ที่เกิดจากเชื้อ Sri Lankan Cassava Mosaic Virus (SLCMV) ข้อ ๕ ชนิดพืชหรือพาหะที่ควบคุม ตามประกาศนี้ ได้แก่ ทุกส่วนของมันสำปะหลัง ยกเว้น (๑) มันเส้น (tapioca chip) (๒) มันป่น (tapioca meal) (๓) มันอัดเม็ด (tapioca pellet) (๔) หัวมันสดที่ไม่ติดเหง้า (tapioca root without crown) ข้อ ๖ ให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปราจีนบุรี เป็นสถานตรวจพืชเฉพาะถิ่น ตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เสริมสุข สลักษ์ไพรินทร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร" 874.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดคุณลักษณะ ขนาด และการติดตั้งกล่องหรืออุปกรณ์บรรจุสินค้า หรือสิ่งของสำหรับรถจักรยานยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่ปัจจุบันมีการนำรถจักรยานยนต์มาใช้ในการขนส่งสินค้าหรือสิ่งของอย่างแพร่หลาย โดยการติดตั้งกล่องหรืออุปกรณ์สำหรับบรรจุสินค้าหรือสิ่งของตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งบางกรณี กล่องหรืออุปกรณ์ดังกล่าวมีขนาดใหญ่ หรือมีความกว้างยื่นจากตัวรถเกินสมควร ทำให้ปริมาณและน้ำหนักของสินค้าหรือสิ่งของที่บรรทุกส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการขับขี่ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ดังนั้น เพื่อให้การใช้รถจักรยานยนต์ในการขนส่งสินค้าและสิ่งของเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๑ แห่งกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถ พ.ศ. ๒๕๕๑ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศกำหนดคุณลักษณะ ขนาด และการติดตั้งกล่องหรืออุปกรณ์บรรจุสินค้าหรือสิ่งของสำหรับรถจักรยานยนต์ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กล่องหรืออุปกรณ์บรรจุสินค้าหรือสิ่งของที่ติดตั้งกับรถจักรยานยนต์ ต้องมีคุณลักษณะและขนาด ดังนี้ (๑) ไม่มีส่วนแหลมคม สันคม หรือขรุขระ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่หรือผู้ใช้รถใช้ถนนอื่น (๒) กล่องหรืออุปกรณ์บรรจุสินค้าหรือสิ่งของด้านท้าย เมื่อติดตั้งบนรถขนาดความกว้างต้องไม่เกิน ๖๐ เซนติเมตร ยาวต้องไม่เกิน ๖๐ เซนติเมตร และสูงต้องไม่เกิน ๗๐ เซนติเมตร (๓) กล่องหรืออุปกรณ์บรรจุสินค้าหรือสิ่งของด้านข้าง เมื่อติดตั้งกับรถ ขนาดความกว้างเมื่อวัดจากขอบด้านซ้ายถึงขอบด้านขวาต้องไม่เกิน ๙๐ เซนติเมตร เว้นแต่กรณีรถที่มีความกว้างเกิน ๙๐ เซนติเมตร ให้มีความกว้างสูงสุดได้ไม่เกิน ๑๑๐ เซนติเมตร ข้อ ๒ การติดตั้งกล่องหรืออุปกรณ์บรรจุสินค้าหรือสิ่งของกับรถจักรยานยนต์ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ดังนี้ (๑) ติดตั้งอย่างมั่นคงแข็งแรงบริเวณด้านท้ายของตัวรถ (๒) ต้องอยู่ในแนวสมาฆาตรตามแนวกึ่งกลางตัวรถ โดยให้ยืนเกินส่วนท้ายสุดของรถได้ไม่เกิน ๓๐ เซนติเมตร (๓) ไม่บดบังทัศนวิสัยและมีผลกระทบท่อการขับขี่ของผู้ขับขี่ (๔) ไม่บดบังการให้แสงสว่างของอุปกรณ์ส่องสว่างและแสงสัญญาณใด ๆ ของรถ และไม่กระทบต่อการทำงานของส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์อื่นของรถ" 882.pdf,"ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการเลือกและการเลือกตั้งกรรมการสภาวิศวกร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการเลือกและการเลือกตั้ง กรรมการสภาวิศวกร เพื่อรองรับการเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ อันจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกสามัญ ของสภาวิศวกรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการแสดงความจำนงเลือกใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์ แทนวิธีการลงคะแนนแบบเดิมทางไปรษณีย์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๖) (ค) และมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ สภาวิศวกรโดยมติที่ประชุมใหญ่สามัญสภาวิศวกร เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และโดยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาวิศวกรออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิศวกร” ว่าด้วยการเลือกและการเลือกตั้ง กรรมการสภาวิศวกร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๑๖ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการเลือก และการเลือกตั้งกรรมการสภาวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “การเลือกตั้งกรรมการให้ดำเนินการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ หรือโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้” ประกาศ ณ วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร" 790.pdf,"ประกาศกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง การออกเอกสารหลักฐานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านระบบดิจิทัล ด้วยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้พัฒนาการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล โดยนำลายมือชื่อดิจิทัล มาใช้ในการออกเอกสารหลักฐานที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในรูปแบบเอกสารดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชนและยกระดับการให้บริการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงานออกวุฒิบัตร ใบอนุญาต หรือหนังสือรับรอง ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่และอำนาจของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือของอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในรูปแบบเอกสารดิจิทัลโดยใช้ลายมือชื่อดิจิทัลเป็นหลัก เว้นแต่กรณีที่ไม่สามารถออกเอกสารหลักฐานดังกล่าวในรูปแบบเอกสารดิจิทัลได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม จึงให้ออกเอกสารหลักฐานดังกล่าวในรูปแบบเอกสารกระดาษ ข้อ ๓ เอกสารหลักฐานในรูปแบบเอกสารดิจิทัลตามข้อ ๒ สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ จาก QR Code ที่ปรากฏด้านล่างของเอกสารนั้น และสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเอกสารได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (https://validation.teda.th/webportal) ประกาศ ณ วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน" 889.pdf,"# คำสั่งนายกรัฐมนตรี ## ที่ ๑๘/๒๕๖๔ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๘) ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรัฐอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปต่อเนื่อง เป็นลำดับ โดยมีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๙/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๔/๒๕๖๔ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๗) ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และการดำเนินการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นไปอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับข้อ ๔ (๓) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้ ๑. ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๐) ของข้อ ๑ ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๖/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดโครงสร้างศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 ลงวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๙/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (๑๐) ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านระบบข้อมูลสารสนเทศและแอปพลิเคชัน มีปลอดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหัวหน้าศูนย์”" 745.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ไว้แล้ว โดยที่ปัจจุบันได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ ขึ้นในประเทศไทย และนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดออกมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๖) ลงวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และ (ฉบับที่ ๒๐) ลงวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ กำหนดมาตรการในด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยห้ามการใช้อาคารหรือสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภทสำหรับการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากทำให้เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการของกรมการขนส่งทางบกสอดคล้องกับมาตรการตามข้อกำหนดดังกล่าว จึงสมควรขยายเวลาในการยื่นขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตรายโดยไม่ต้องผ่านการอบรมและทดสอบสำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ ๔ อยู่ก่อนแล้วไปอีกระยะหนึ่ง อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ (๘) (ข) ของกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตรายทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๘ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ ๙ ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ ๔ และใบอนุญาตนั้นยังไม่สิ้นอายุ หากมีหนังสือรับรองการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ขับรถวัตถุอันตรายในประเภทหนึ่งประเภทใดจากผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งและได้มีการดำเนินการยื่นขอรับหนังสือรับรองจนแล้วเสร็จก่อนวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ผู้นั้นไม่ต้องผ่านการอบรมและทดสอบตามข้อ ๓ หนังสือรับรองตามวรรคหนึ่งให้มีอายุเท่ากับอายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ ๔ ที่เหลืออยู่ของผู้ขอรับหนังสือรับรอง” ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก" 916.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประกาศการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ (๙) และมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม และพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประกาศการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือสำนักงานเกษตร และสหกรณ์จังหวัด แล้วแต่กรณี “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด แล้วแต่กรณี “พระราชบัญญัติ” หมายความว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๐ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา ข้อ ๔ ในกรณีที่บุคคลใดฝ่าฝืนพระราชบัญญัติตามมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ วรรคสอง มาตรา ๒๕ หรือมาตรา ๓๖ (๑) หรือ (๒) และผลของคดีถึงที่สุดแล้ว ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ โดยระบุรายละเอียดของการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งระบุชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ประชาชนทราบทราบได้ ข้อ ๕ การพิจารณาดำเนินการออกประกาศตามข้อ ๔ ให้ดำเนินการเมื่อสำนักงานพบข้อเท็จจริง หรือมีผู้ยื่นคำร้องขอ โดยดำรงอย่าอาจทำเป็นหนังสือหรือแจ้งด้วยวาจาจากก็ได้ ในกรณีที่มีคำร้องขอเป็นหนังสือ ต้องมีลายมือชื่อผู้ร้องในคำร้องขอ และในกรณีที่มีคำร้อง ขอด้วยวาจา ให้เจ้าหน้าที่จัดให้มีการบันทึกถ้อยคำของผู้ร้องเกี่ยวกับประเด็นคำร้องขอ แล้วให้ผู้ร้อง ลงลายมือชื่อรับรองว่าเป็นความจริง และให้สำนักงานปกปิดข้อมูลของผู้ร้องเป็นความลับ ข้อ ๖ ให้สำนักงานที่ได้รับคำร้องขอ หรือพบข้อเท็จจริงตามข้อ ๔ จัดทำรายงานการตรวจสอบ พร้อมแนบหลักฐานที่เกี่ยวกับการฝ่าฝืน ในกรณีที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเป็นหน่วยงาน ที่รับคำร้องขอ ให้เสนอไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ ได้รับคำร้องขอ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการต่อไป" 941.pdf,"ประกาศคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เรื่อง จัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรน้ำของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรน้ำของประเทศ เพื่อให้คณะกรรมการลุ่มน้ำนำไปพิจารณาในการจัดสรรน้ำและควบคุมการใช้น้ำในแต่ละลุ่มน้ำอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม อาศัยอำนาจตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เรื่อง จัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรน้ำของประเทศ” พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “การอุปโภคบริโภค” หมายถึง การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการกิน ดื่ม ประกอบอาหาร และวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภคของมนุษย์ตลอดจนเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อการดำรงชีพ หรือความจำเป็นในครัวเรือน “การรักษาระบบนิเวศ” หมายถึง การรักษาวงจรธรรมชาติของสรรพชีวิตที่สัมพันธ์กัน เป็นระบบนิเวศและรักษาคุณประโยชน์ที่มนุษย์ได้รับจากระบบนิเวศให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืน โดยมีปริมาณ คุณภาพ และระดับน้ำ รวมทั้งคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมตามช่วงเวลา ฤดูกาล และภูมิสังคม “การบรรเทาสาธารณภัย” หมายถึง การให้ความช่วยเหลือแก่สาธารณชนซึ่งประสบภัย ไม่ว่าภัยนั้นจะเกิดจากธรรมชาติ มีผู้ทำให้เกิดขึ้น อุบัติเหตุ หรือเหตุอื่นใด “จารีตประเพณี” หมายถึง การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะตามประเพณีนิยมที่ได้ประพฤติกันสืบมา “การคมนาคม” หมายถึง การขนส่งและการสัญจรทางน้ำ “เกษตรกรรม” หมายถึง การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นาเกลือ หรือเกษตรกรรมอื่นตามที่คณะกรรมการลุ่มน้ำประกาศกำหนด “อุตสาหกรรม” หมายถึง การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการประกอบกิจการโรงงาน ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่ออุตสาหกรรมท้องเที่ยวด้วย “พาณิชยกรรม” หมายถึง การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการประกอบธุรกิจการค้า หรือการบริการ “การท่องเที่ยว” หมายถึง การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการ หรือปรับภูมิทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยวโดยอาชีพทรัพยากรน้ำ เพื่อประโยชน์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยไม่รวมถึงการคมนาคม" 802.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 427) พ.ศ. 2564 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง โดยที่นายบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมและพัฒนากัญชาและกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจและเป็น ภูมิปัญญาไทย โดยการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย ระบบซื้อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ยกเว้นบางส่วนของกัญชาและกัญชงที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่คณะกรรมการ ควบคุมยาเสพติดให้โทษออกประกาศกำหนดไว้ ให้สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และ อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้ ทั้งนี้ การนำมาใช้เป็นอาหารต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยอาหารและต้องใช้ ตามวัตถุประสงค์ทางอาหารเท่านั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) และ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง เป็นอาหาร ควบคุมเฉพาะ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ส่วนของกัญชา” หมายความว่า ส่วนของพืชกัญชา (Cannabis) ชื่อวิทยาศาสตร์ *Cannabis indica* Lam. หรือ *Cannabis sativa* L. ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ผลิต ในประเทศเท่านั้น ได้แก่ (๑) เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก (๒) ใบซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย “ส่วนของกัญชง” หมายความว่า ส่วนของพืชกัญชง หรือที่มีชื่อเรียกว่า เฮมฟ์ (Hemp) ชื่อวิทยาศาสตร์ *Cannabis sativa* L. subsp. *sativa* ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ผลิต ในประเทศเท่านั้น ได้แก่ (๑) เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก (๒) ใบซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย “สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC)” หมายความว่า สารเตตราไฮโดร แคนนาบินอลชนิด Delta-9-Tetrahydรอ cannnabinol (Δ⁹-THC) “หน่วยบรรจุ” (Package) หมายความว่า ภาชนะบรรจุอาหารอันเป็นภาชนะบรรจุย่อยสุดที่หุ้มห่อ หรือบรรจุอาหารเพื่อจำหน่าย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นหีบหรือภาชนะที่บรรจุหน่วยบรรจุย่อยเหล่านั้น ถ้ามี" 783.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง กำหนดเอกสารหรือหลักฐานอื่นประกอบการยื่นคำขออนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ผู้ขออนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ ต้องยื่นเอกสารหรือหลักฐานอื่นประกอบคำขอรับอนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒ กรณีการขออนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ สำหรับกระทรวง ทบวง กรม องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร สภากาชาดไทย หรือองค์การเภสัชกรรม ให้แนบเอกสารหรือหลักฐานอื่น ดังนี้ (๑) หนังสือแสดงรายละเอียดการนำยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ ไปใช้ประโยชน์ทางราชการ ซึ่งระบุชื่อจำนวน หรือปริมาณ และรายละเอียดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองแล้วแต่กรณี กรณีเพื่อประโยชน์ของทางราชการ (๒) รูปถ่ายแสดงที่เก็บยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ จำนวน ๑ รูป กรณีจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อประโยชน์ของทางราชการ (๓) เอกสารแสดงรายละเอียดการนำยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ ไปใช้เป็นตัวอย่าง เพื่อการศึกษา ซึ่งระบุชื่อ จำนวน หรือปริมาณ และรายละเอียดอื่นที่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ กรณีของอนุญาตมิไว้ในครอบครองเพื่อเป็นตัวอย่างเพื่อการศึกษา (๔) รูปล่ายหน้าตรง ไม่สวมหมวกและแว่นตาสีเข้ม ของผู้ขอรับใบอนุญาตหรือผู้ได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งให้ดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาต ขนาด ๑ นิ้ว จำนวน ๓ รูป ซึ่งถ่ายไว้ไม่เกิน ๖ เดือน ก่อนวันยื่นคำขอ (๕) เอกสารแสดงเลขที่บ้านของสถานที่จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองแล้วแต่กรณี ข้อ ๓ กรณีการขออนุญาตมิไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ สำหรับผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ ให้แนบเอกสารหรือหลักฐานอื่น ดังนี้ (๑) รายชื่อยานพาหนะที่จะครอบครองยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ (๒) เอกสารแสดงที่ตั้งและแผนผังแสดงที่เก็บยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ ของสำนักงานใหญ่ ภาคพื้นดิน" 945.pdf,"คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. ๓๓๗/๒๕๖๔ เรื่อง มอบหมายให้สั่งและดำเนินการเกี่ยวกับการพิจารณางดหรือลดเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ บางกรณี เพื่อให้การสั่งงดหรือลดเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี เป็นไป โดยสะดวกและรวดเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ ๑๑ และข้อ ๑๓ ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. ๘๑/๒๕๔๒ เรื่อง หลักเกณฑ์การงดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๖ มาตรา ๖๗ ตรี มาตรา ๘๙ และมาตรา ๙๑/๒๑ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ และข้อ ๒ (๑) (๒) และ (๔) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. ๑๒๑/๒๕๔๕ เรื่อง มอบหมายให้สั่งและดำเนินการเกี่ยวกับการพิจารณางดหรือลดเบี้ยปรับภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ อธิบดีกรมสรรพากรจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มอบหมายให้สรรพากรพื้นที่ สำหรับเขทท้องที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่นั้น ผู้อำนวยการกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ตามที่กรมสรรพากรกำหนด และผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง สำหรับเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร สั่งงดเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา ๘๙ (๒) มาตรา ๘๙ (๓) มาตรา ๘๙ (๔) และมาตรา ๙๑/๒๑ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเดือนภาษีสิงหาคม ๒๕๖๔ ถึงเดือนภาษีพฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยไม่จำกัด จำนวนเบี้ยปรับ การงดเบี้ยปรับตามวรรคหนึ่ง เฉพาะกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๒/๓ มาตรา ๘๓ และมาตรา ๘๓/๔ แห่งประมวลรัษฎากร หรือกรณีผู้ประกอบกิจการ ที่มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา ๙๑/๘ และมาตรา ๙๑/๑๐ แห่งประมวลรัษฎากร ที่ได้ยื่นแบบ แสดงรายการและชำระภาษีพร้อมทั้งเงินเพิ่มตามแบบแสดงรายการทั้งจำนวนให้ครบถ้วนในแต่ละคราว ภายในกำหนดเวลาสามเดือนนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือกำหนดเวลา ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรืออธิบดีกรมสรรพากรขยายหรือเลื่อนออกไป แล้วแต่กรณี" 870.pdf,"# กฎหมาย ## การกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาว - ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๔ ## อาชีพอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกกฎกระทรวงไว้ว่า ดังต่อไปนี้ ### ข้อ ๑ - กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อผ่านกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ### ข้อ ๒ - ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาวต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๑๓๓ - ๒๕๖๒ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๕๙๐๔ (พ.ศ. ๒๕๖๓) - ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิก และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาว ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ### ให้ไว้ - ณ วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สุริยา จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 9.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการร่วมตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปรียบเทียบปรับคนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำการ หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่สมควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเปรียบเทียบปรับคนต่างด้าวซึ่งถูกกล่าวหา ว่าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่จะทำได้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐๑ วรรคสาม แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการร่วมตามกฎหมายว่าด้วย การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการร่วมตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว” ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปรียบเทียบปรับคนต่างด้าว ที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในกรณีที่คนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจาก ที่มีสิทธิจะทำได้ อันเป็นความผิดกรรมเดียวและผิดเฉพาะบทบัญญัติตามมาตรา ๘ ซึ่งกำหนดโทษไว้ ตามมาตรา ๑๐๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๘ และมาตรา ๔๕ ให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวนห้าพันบาท หากคนต่างด้านนั้นยินยอมเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ข้อ ๔ คนต่างด้าวตามข้อ ๓ ให้กำหนดอัตราค่าปรับที่เปรียบเทียบตามพฤติการณ์ ดังนี้ (๑) ถ้าพนักงานสอบสวนพบว่าคนต่างด้าวเคยกระทำความผิดตามมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนด ดังกล่าวมาก่อน และมากระทำความผิดซ้ำอีกเมื่อพ้นสองปีนับแต่วันที่ได้รับการเปรียบเทียบปรับหรือได้รับโทษ ในความผิดครั้งก่อน ให้เปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวนสองหมื่นบาท (๒) ถ้าพนักงานสอบสวนพบว่าคนต่างด้าวเคยกระทำความผิดตามมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนด ดังกล่าวมาก่อน และมากระทำความผิดซ้ำอีกเมื่อยังไม่พ้นสองปีนับแต่วันที่ได้รับการเปรียบเทียบปรับ หรือได้รับโทษในความผิดครั้งก่อน ให้เปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวนสามหมื่นบาท (๓) ถ้าพนักงานสอบสวนพบว่าคนต่างด้าวเคยกระทำความผิดซ้ำตาม (๑) หรือ (๒) และ มากระทำความผิดซ้ำเป็นครั้งที่สามขึ้นไป ให้เปรียบเทียบปรับเพิ่มจากอัตราโทษปรับตามที่กำหนดไว้ใน (๑) หรือ (๒) แล้วแต่กรณี อีกจำนวนครั้งละหนึ่งหมื่นบาท แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินห้าหมื่นบาท" 673.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ ๔) โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อบรรเทาและเยียวยาผู้ประกอบการที่ไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการนำส่งและชำระภาษีได้ตามกำหนดเวลา จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและส่งเสริมการคงระยะห่างทางสังคม โดยการสนับสนุนให้ประชาชนทำธุรกรรมที่บ้าน TAX from Home รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓ อัภิวรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการ การนำส่ง และการชำระภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร ออกไปตามความจำเป็นแก่กรณีให้แก่ผู้ประกอบการ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการ การนำส่งภาษี และการชำระภาษี ตามมาตรา ๓ เตรสมาตรา ๕๒ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๕ จัตวา มาตรา ๖๙ ทวิ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๐ ทวิ มาตรา ๘๓ มาตรา ๘๓/๕ มาตรา ๘๓/๖ และมาตรา ๘๓/๗ แห่งประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จากภายในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือภายในวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ แล้วแต่กรณี ตามที่ได้รับการขยายกำหนดเวลาตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกเป็นภายในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการ การนำส่งภาษี และการชำระภาษี ตามมาตรา ๓ เตรสมาตรา ๕๒ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๕ จัตวา มาตรา ๖๙ ทวิ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๐ ทวิ มาตรา ๘๓ มาตรา ๘๓/๕ มาตรา ๘๓/๖ และมาตรา ๘๓/๗ แห่งประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ จากภายในวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือภายในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ แล้วแต่กรณี ตามที่ได้รับการขยายกำหนดเวลาตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกเป็นภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๓ ให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการ การนำส่งภาษี และการชำระภาษี ตามมาตรา ๓ เตรสมาตรา ๕๒ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๕ จัตวา มาตรา ๖๙ ทวิ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๐ ทวิ มาตรา ๘๓ มาตรา ๘๓/๕ มาตรา ๘๓/๖ และมาตรา ๘๓/๗ แห่งประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จากภายในวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือภายในวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ แล้วแต่กรณี ตามที่ได้รับการขยายกำหนดเวลา" 987.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การขอปรับแผนการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือใช้ประโยชน์ ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔๕ (๕) ข้อ ๔๘ (๕) ข้อ ๔๙ (๔) ข้อ ๕๔ (๓) แห่งกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติด ให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. ๒๕๖๔ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ผู้รับอนุญาต” หมายความว่า (๑) ผู้รับอนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งกัญชา ยกเว้นผู้รับอนุญาตผลิตยาที่มีกัญชา ปรุงผสมอยู่โดยเฉพาะการปรุงยาสำหรับคนไข้เฉพาะราย (๒) ผู้รับอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งกัญชา เพื่อการศึกษาหรือเพื่อใช้สำหรับห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ ข้อ ๓ ให้ผู้รับอนุญาตดำเนินการตามแผนการผลิต การนำเข้า การส่งออก หรือการใช้ ประโยชน์ที่ได้รับอนุญาตไว้ แล้วแต่กรณี หากไม่สามารถดำเนินการตามแผนดังกล่าวได้ ให้มีหนังสือ แจ้งขอปรับแผนการดำเนินการนั้นพร้อมเหตุผลมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้ผู้อนุญาตพิจารณา โดยมีรายละเอียดของแผนการดำเนินการในแต่ละกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) แผนการปลูกกัญชา (ก) เพิ่มจำนวนต้นหรือรอบที่ปลูกในพื้นที่เดิม (ข) ลักษณะพื้นที่ปลูกในพื้นที่เดิม เช่น กลางแจ้ง (Outdoor) โรงเรือนระบบปิด (Indoor) เรือนกระจก (Greenhouse) (ค) วัตถุประสงค์การนำไปใช้ประโยชน์ (ง) แหล่งที่มาหรือสายพันธุ์ ของเมล็ดพันธุ์และต้นกล้า ที่ใช้ในการปลูก (๒) แผนการผลิตสารสกัดหรือตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ (ก) เพิ่มจำนวนผลผลิต (ข) วัตถุประสงค์การนำไปใช้ประโยชน์ (ค) แหล่งที่มาหรือสายพันธุ์ ของกัญชาที่ใช้ในการผลิต (๓) แผนการนำเข้า (ก) แหล่งที่มาหรือสายพันธุ์ ของเมล็ดพันธุ์และต้นกล้า ที่จะนำเข้า" 832.pdf,"ประกาศกรมทรัพยากรน้ำ เรื่อง การจัดการระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ เพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลเป็นไปตามมาตรา ๒๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การจัดระบบ ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล โดยจัดให้มีการนำลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาและตรวจสอบ แก้ไขให้ถูกต้อง อย่างสม่ำเสมอ กรมทรัพยากรน้ำ จึงได้จัดทำระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ สำนักงานเลขานุการกรม กรมทรัพยากรน้ำ ดังนี้ ๑. ประเภทข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่มีการจัดเก็บไว้ ดังนี้ ๑.๑ ข้าราชการ ๑.๒ ลูกจ้างประจำ ๑.๓ พนักงานราชการ ๒. ประเภทของระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ดังนี้ ๒.๑ ระบบสารสนเทศทรัพยากรบุคคล ระดับกรม (ระบบ DPIS) - ข้าราชการ - พนักงานราชการ ๒.๒ ระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ SEIS) ๒.๓ เพิ่มประวัติ ๒.๔ ก.พ. ๗ ๒.๕ การฝึกอบรม การศึกษาดูงาน ๓. ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ ดังนี้ ใช้ในการบริหารงานบุคคลของกรมทรัพยากรน้ำ ๔. วิธีการขอตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล ๔.๑ กรอกคำขอตามแบบที่กำหนด ๔.๒ หนังสือจากหน่วยงานต้นสังกัด ๔.๓ การขอตรวจสอบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของผู้อื่น ให้เป็นไปตามมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐" 680.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วรัชอาณาจักร (คราวที่ ๑๐) ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือ ประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศที่คณะรัฐมนตรี กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรัชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" 887.pdf,"ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับสมัครเป็นสมาชิกสามัญของสภาวิศวกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับสมัครเป็นสมาชิกสามัญของสภาวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๓ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการอำนวยความสะดวกและความสะดวกแก่ประชาชนผู้มาติดต่อ โดยไม่เรียกเก็บสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้ ตามมติคณะรัฐมนตรี ในคราวประชุม เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ รวมถึงเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและความสะดวกในการให้บริการของสภาวิศวกรผ่านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๒ สภาวิศวกรโดยมติที่ประชุมใหญ่สามัญสภาวิศวกร เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และโดยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาวิศวกรออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิศวกร” ว่าด้วยการรับสมัครเป็นสมาชิกสามัญของสภาวิศวกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับสมัครเป็นสมาชิกสามัญของสภาวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ ผู้สมัครเป็นสมาชิก ต้องยื่นใบสมัครตามแบบที่คณะกรรมการสภาวิศวกรกำหนดต่อสำนักงานสภาวิศวกร พร้อมด้วยหลักฐานดังนี้ (๑) สำเนาหลักฐานการศึกษา (๒) รูปถ่ายปัจจุบัน ไม่เกิน ๑๒ เดือน หน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นดำ ขนาดกว้าง ๒.๕ เซนติเมตร สูง ๓.๕ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป (๓) ใบรับรองแพทย์ตามแบบที่แพทยสภาธิรารอง ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด ๔ ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และข้อ ๑๐ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการรับสมัครเป็นสมาชิกสามัญของสภาวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๓ “หมวด ๔ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๐ คำขอ ใบสมัคร การอนุญาต ทะเบียนสมาชิก คำสั่งทางปกครอง หรือการดำเนินการใด ๆ ตามข้อบังคับนี้ ถ้าได้กระทำในรูปของข้อมูลและธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าใช้บังคับได้และมีผลโดยชอบด้วยข้อบังคับนี้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์""" 989.pdf,"ประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่อง การจัดเตรียมสถานที่และควบคุมการปลูกกัญชา พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔๕ (๑) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตนำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบมติคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ในการประชุมครั้งที่ ๔๓๒-๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษจึงออกประกาศไว้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ผู้รับอนุญาตผลิตกัญชาโดยการปลูกอาจดำเนินการปลูกกัญชาในรูปแบบ ดังต่อไปนี้ (๑) การปลูกในระบบปิด (Indoor) ที่เป็นการปลูกในสถานที่ปิด โดยมีการควบคุมสภาพแวดล้อมในการปลูก เช่น แสง อุณหภูมิ ความชื้น การหมุนเวียนของอากาศ ปริมาณ ก๊าซอุกซิเจน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (๒) การปลูกในระบบที่เปิด ที่เป็นการปลูกในโรงเรือน (Greenhouse) โดยใช้แสงจากธรรมชาติ หรือแสงจากหลอดไฟเทียม และอาจมีการควบคุมสภาพแวดล้อมในการปลูกอื่น ๆ ร่วมด้วย (๓) การปลูกในระบบเปิด (Outdoor) ที่เป็นการปลูกในสถานที่ปลูกแบบแปลงปลูกกลางแจ้ง ข้อ ๓ ผู้รับอนุญาตผลิตกัญชาโดยการปลูกต้องจัดเตรียมสถานที่และควบคุมการปลูกกัญชา ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ด้านสถานที่ ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (ก) แสดงเลขที่ที่ตั้งและที่อยู่ตามที่ปรากฏในคำขอรับใบอนุญาต (แบบกัญชา ๑) (ข) แสดงแบบแปลนของตัวอาคาร ชั้น โรงเรือน หรือแปลงปลูกกลางแจ้ง (ค) ประตูทางเข้าออกพื้นที่ปลูกควรมีการทำจากวัสดุแข็งแรงและทนทาน สามารถป้องกัน การเข้าถึงจากบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง และจำกัดจำนวนประตูเข้าออกให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงทางหนีไฟด้วย (ง) หากดัดแปลงโครงสร้างของอาคารสถานที่ ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร (๒) ด้านการรักษาความปลอดภัย ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (ก) ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) บริเวณพื้นที่ปลูกระหว่างบริเวณประตูทางเข้าออก (ข) ต้องมีการควบคุมการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก โดยติดตั้งกุญแจล็อคหรือการควบคุม การเข้าออกผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และกำหนดบัญชีรายชื่อบุคคลผู้มีสิทธิเข้าออกพื้นที่" 687.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการตัดและส่งอ้อยให้แก่โรงงาน การตรวจสอบคุณภาพอ้อย และการรับอ้อยจากชาวไร่อ้อยหรือหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2564 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรการควบคุมดำเนินการเกี่ยวกับการหีบอ้อยของโรงงาน การตัดและส่งอ้อยให้แก่โรงงาน การตรวจสอบคุณภาพอ้อยและการรับอ้อยของโรงงาน รวมทั้ง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตัดสินข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการตรวจสอดคุณภาพอ้อย อ้อยไฟไหม้ ความบริสุทธิ์ของอ้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กระบวนการดำเนินการดังกล่าว และส่งเสริมการพัฒนา ระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เป็นไปอย่างมีระบบ หมายความกับสถานการณ์และ เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๑๐) และ (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการตัดและ ส่งอ้อยให้แก่โรงงาน การตรวจสอบคุณภาพอ้อยและการรับอ้อยจากชาวไร่อ้อยหรือหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๑ (๓) ของระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการตัดและส่งอ้อยให้แก่โรงงาน การตรวจสอบคุณภาพอ้อยและการรับอ้อยจากชาวไร่อ้อย หรือหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย พ.ศ. ๒๕๕๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๓) ในฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ ให้โรงงานรับอ้อยไฟไหม้จากชาวไร่อ้อย หรือหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อยผู้สัญญาได้ไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของปริมาณอ้อยที่รับทั้งหมดในหนึ่งวัน หากมีปริมาณอ้อยไฟไหม้เกินกว่าปริมาณที่กำหนดให้นำปริมาณอ้อยไฟไหม้ที่เกินไปรวมคำนวณในวันถัดไป และเมื่อรวมทั้งฤดูกาลผลิต ให้โรงงานรับอ้อยไฟไหม้ได้ไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของปริมาณอ้อยที่โรงงาน รับทั้งหมดในฤดูกาลผลิตนั้น” ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย" 694.pdf,"# การขออนุญาตและการอนุญาตเกี่ยวกับโรงงานจำพวกที่ ๓ ## พ.ศ. ๒๕๖๔ ### อาชีพอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง มาตรา ๑๘ วรรคสี่ มาตรา ๒๑ วรรคสี่ - แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๑๒ วรรคสาม และมาตรา ๒๒ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ #### ข้อ ๑ - ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตและการอนุญาตเกี่ยวกับโรงงานจำพวกที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๔๙ #### ข้อ ๒ - ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๓ หรือขออนุญาตขยายโรงงานจำพวกที่ ๓ ให้ยื่นคำขอต่อผู้อนุญาต พร้อมด้วยข้อมูล เอกสารหรือหลักฐาน ตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอรับใบอนุญาตหรือคำขอรับการอนุญาต แล้วแต่กรณี #### ข้อ ๓ - ผู้ใดประสงค์จะขอรับโอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๓ ให้ยื่นคำขอต่อผู้อนุญาต พร้อมด้วยข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐาน ตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอรับโอนใบอนุญาต #### ข้อ ๔ - การอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานหรือขยายโรงงานตามข้อ ๒ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนและระยะเวลา ดังต่อไปนี้ (๑) เมื่อได้รับคำขอรับใบอนุญาตหรือคำขอรับการอนุญาต ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบรับคำขอให้แก่ผู้ยื่นคำขอ และดำเนินการตรวจสอบคำขอและความถูกต้องของข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐาน ตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอตามข้อ ๒ และดำเนินการตรวจสอบทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ลักษณะอาคาร และลักษณะภูมิภาคในของโรงงาน เครื่องจักร เครื่องอุปกรณ์ หรือสิ่งที่นำมาใช้ในโรงงาน คนงานประจำโรงงาน การควบคุมการปล่อยของเสีย มลพิษ หรือสิ่งใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และจัดทำรายงานการตรวจสอบดังกล่าวเสนอต่อผู้อนุญาตภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ" 70.pdf,"# ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม ## เรื่อง ยกเลิกการเรียกสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน ### พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามข้อ ๑๗ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ กำหนดให้ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่จะต้องดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อมูลของหน่วยงานราชการหรือ สำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้แก่ประชาชน หรือจัดทำสำเนาเอกสารดังกล่าวโดยมิให้เรียกค่าใช้จ่าย เพื่อประกอบการพิจารณาหรือดำเนินการตามกฎหมาย ประกอบกับการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน การพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑ ได้เห็นชอบให้ส่วนราชการ เร่งรัดการยกเลิกการเรียกสำเนาเอกสารจากประชาชนให้เริ่มเห็นผลสำเร็จภายใน ๖ เดือน นั้น เพื่อให้การปฏิบัติตามกฎหมายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมในส่วน ที่กำหนดให้ผู้ขอรับอนุมัติ อนุญาต หรือใบอนุญาต หรือผู้ยื่นขอจดทะเบียน หรือขึ้นทะเบียน หรือจดแจ้ง หรือผู้แจ้งต้องยื่นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและหรือสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นไปตาม คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ และความเห็นที่ประชุมคณะกรรมการ ขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ ดังกล่าวข้างต้น อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. ให้ยกเลิกการเรียกสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และหรือสำเนาทะเบียนบ้าน ในการ ปฏิบัติการ ตามกฎหมายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น ๒. กรณีจำเป็นและต้องการสำเนาเอกสารตาม ๑ ให้เจ้าหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้จัดทำสำเนาเอกสารดังกล่าวขึ้นเอง และห้ามมิให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการจัดทำสำเนา เอกสารนั้น ๓. กรณีมีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาดำเนินการตาม ๑ แทน ให้ใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ของผู้มอบอำนาจพร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ทองชัย ชวลิตพิเชฐ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม" 789.pdf,"# กฎหมาย ## การกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทำรายการค้าขายของสินค้ามาตรฐานและสาระสำคัญ - พ.ศ. 2564 ### คำสั่งสำนักงานความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าอาหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 #### ข้อ 1 - กฎหมายนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป #### ข้อ 2 - ให้ยกเลิกกฎหมาย ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2523) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าอาหารออก พ.ศ. 2503 #### ข้อ 3 - ให้กำหนดค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้ | | | | --- | --- | | (๑) การจัดการเป็นผู้ทำการค้าขายของสินค้ามาตรฐาน | 2,500 บาท | | (๒) การต่ออายุใบอนุญาตตาม (๑) ส่วนรับสินค้ามาตรฐานประเภทหรือชนิดใด | 200 บาท | | (๓) ใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า | 1,500 บาท | | (๔) การต่ออายุใบอนุญาตตาม (๓) ส่วนรับสินค้ามาตรฐานประเภทหรือชนิดใด | 200 บาท | | (๕) ใบอนุญาตให้เป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานทางวิชาการที่ต้องอาศัยหลักวิชาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ ฉบับละ | 500 บาท | | (๖) การต่ออายุใบอนุญาตตาม (๕) ฉบับละ | 100 บาท |" 691.pdf,"ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรัฐอาณาจักร (คราวที่ ๑๑) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรัฐอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ ๑๐ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการควบคุมและระงับยับยั้งการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเข้มข้นโดยค้นหาผู้ติดเชื้อซึ่งส่วนมากมจะไม่แสดงอาการผ่านการตรวจคัดกรองเชิงรุก ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแก่กลุ่มเปราะหมายตามแผนการกระจายวัคซีน แต่ก็ยังปรากฏการระบาดของโรคติดกล่าวในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะตลาดและชุมชนเมือง ทำให้มีการติดเชื้อเชื่อมโยงรายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดได้ง่ายกว่าเดิมหลายกรณี ซึ่งหากไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด อาจเกิดการระบาดรุนแรงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ เนื่องจากการตรวจเชียงใหม่ที่มีความจำเป็นต้องตรวจคนจำนวนมากในแต่ละวันเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยภายในและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้การตรวจทันท่วงทีเป็นไปได้ยากขึ้น สำหรับการตรวจที่มีความสำคัญต้องตรวจทุกคน แม้ว่าจะเป็นการตรวจที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ยังเป็นจำเป็นต้องทำ เพื่อให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการตรวจ ขอให้จังหวัดนครราชสีมา ดำเนินการให้การตรวจที่ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจและการรายงานผลการตรวจ ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการตรวจและประเมินประสิทธิภาพการตรวจเชิงรุกของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กำหนด การตรวจ ให้ทำการตรวจทุกคน แม้ว่าจะเป็นการตรวจที่มีความเสี่ยงสูง หากไม่สามารถตรวจทุกคนได้ จะต้องเว้นระยะห่างระหว่างการตรวจ ทำให้การตรวจที่มีความสำคัญต้องตรวจที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างมีประสิทธิภาพ" 765.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๓ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๓ ไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๓ ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๖๐ นาที คิดเป็นร้อยละสี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงจะมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถเกี่ยวกับการประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ใช้เวลาในการทดสอบ ๒ ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละหกสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของคะแนนภาคความสามารถ โดยแบ่งออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ แบบทดสอบที่ ๑ จัดเตรียมความพร้อมของสายการประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย แบบทดสอบที่ ๒ ควบคุมการประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย แบบทดสอบที่ ๓ แนะนำและสอนงานพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้า ระบบจำหน่าย ระดับ ๓ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ (๑) ผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องทดสอบทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ และต้องได้ คะแนนรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้า จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ" 801.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วรราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๓) ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือ ช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศียำนาวาตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดา ข้าราชการ ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วรราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามประกาศ ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนด เป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" 730.pdf,"# สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ขอแก้คำผิด ## ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ - เรื่อง กำหนดประเภทกิจกรรม จำนวนหรือสัดส่วนการดำเนินกิจกรรม รวมทั้งเกณฑ์การให้คะแนน - การดำเนินกิจกรรมขององค์กรผู้ใช้น้ำ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา - ฉบับประกาศและงานทั่วไป ## วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๔ - ข้อ ๓ บรรทัดที่ ๒ คำว่า “จำนวนภาคละไม่เกิน” - ให้แก้เป็น “จำนวนรวมกันไม่เกิน”" 917.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการจัดทำสัญญาประนีประนอมความ อาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๙ วรรคสาม มาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๗ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะกรรมการส่งเสริม และพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการจัดทำสัญญาประนีประนอมความ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “คำร้อง” หมายความว่า คำร้องขอใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือสำนักงานเกษตร และสหกรณ์จังหวัดที่ข้อพิพาทดังกล่าวอยู่ในเขตอำนาจ หมวด ๑ การเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ข้อ ๔ เมื่อมีข้อพิพาทในการปฏิบัติตามสัญญาในระบบเกษตรพันธสัญญา ให้คู่สัญญาฝ่ายที่ประสงค์ จะขอใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทยื่นคำร้องต่อประธานกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ดังนี้ (๑) กรณีพื้นที่พิพาทตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นต่อประธานกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กรุงเทพมหานคร ณ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (๒) กรณีพื้นที่พิพาทตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้ยื่นต่อประธานกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ประจำจังหวัด ณ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด กรณีที่พื้นที่ในการผลิตผลิตผลหรือบริการทางการเกษตรตามสัญญาในระบบเกษตรพันธสัญญา ที่มีข้อพิพาทครอบคลุมตั้งแต่สองจังหวัดขึ้นไป ให้คณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในจังหวัดที่พื้นที่ ในการผลิตผลิตผลหรือบริการทางการเกษตรที่มีข้อพิพาทส่วนใหญ่ตั้งอยู่เป็นผู้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เว้นแต่คู่สัญญาจะตกลงกันให้คณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งที่มีข้อพิพาทตั้งอยู่ เป็นผู้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ในกรณีที่คู่สัญญามีการร้องขอให้รวบรวมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ให้คณะกรรมการไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทในจังหวัดที่มีจำนวนเกษตรกรคู่สัญญาส่วนใหญ่อาศัยอยู่เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการไกล่เกลี่ย ข้อพิพาท ทั้งนี้ ในการรวมกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ให้คำนึงถึงความรวดเร็วและความเป็นธรรม ในกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นสำคัญ" 68.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒. กำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ลงวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ๓. มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ระดับ ๑ (๑) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันเข้ารับการทดสอบ และ (๒) มีประสบการณ์การทำงาน หรือการปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพในสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือ (๓) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานในสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ไม่น้อยกว่า ๖๐ ชั่วโมง และมีประสบการณ์ในการฝึกงานหรือการปฏิบัติงานในสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ไม่น้อยกว่า ๑๖๐ ชั่วโมง หรือ (๔) เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประถมศึกษาขั้นต่ำ หรือเทียบเท่าในสาขาที่เกี่ยวข้อง ๔. มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ระดับ ๒ (๑) มีประสบการณ์การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร หรือสาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ ๑ หรือสาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ระดับ ๑ หรือ" 908.pdf,"กฎหมาย กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เช่า เชาซื้อ หรือโอนที่ดินหรือทรัพย์สินอื่น ของกรมชลประทานเพื่อใช้ในการทำเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในเขตโครงการจัดรูปที่ดินใดที่มีที่ดินของกรมชลประทานตั้งอยู่ ให้สำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดที่มีอำนาจหน้าที่ในเขตโครงการจัดรูปที่ดินดังกล่าวนำเสนอคณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดพิจารณาว่า สมควรจัดที่ดินแปลงใดให้เช่าหรือเช่าซื้อเพื่อใช้ในการทำเกษตรกรรม แล้วแต่กรณี ข้อ ๒ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดเห็นสมควรจัดที่ดินแปลงใดให้เช่าหรือเช่าซื้อ เพื่อใช้ในการทำเกษตรกรรม ให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดประกาศให้ราษฎรที่ประสงค์จะเช่า หรือเช่าซื้อที่ดินแปลงนั้นมายื่นคำขอต่อสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดภายในสามสิบวันนับแต่วันปิดประกาศ ประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้ปิดไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่ซึ่งที่ดินตั้งอยู่ ทั้งนี้ ให้ระบุวันที่ปิดประกาศ ณ สถานที่ต่าง ๆ ไว้ด้วย ข้อ ๓ ผู้ยื่นคำขอเช่าหรือเช่าซื้อตามข้อ ๒ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ (๑) เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งมีสัญชาติไทยโดยการเกิด (๒) บรรลุนิติภาวะ (๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ (๕) ไม่มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นของตนเอง หรือมีเพียงเล็กน้อยไม่พอแก่การครอบครัว (๖) มีความประพฤติดีและชื่อสัตย์สุจริต (๗) สามารถเข้าทำประโยชน์ได้ด้วยตนเอง" 994.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วรัชอาณาจักร (คราวที่ ๑๕) ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือ ช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศ ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรัชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรี จะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" 734.pdf,"# ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ## เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรให้มีการแต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด อาศัยอำนาจตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ### ข้อ 1 - ประกาศนี้เรียกว่า ""ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๖๔"" ### ข้อ 2 - ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ### ข้อ 3 - ให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ### ข้อ 4 - ให้ข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เฉพาะในเขตท้องที่ที่ตนเองมีอำนาจหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ ### ข้อ 5 - ให้ข้าราชการสังกัดกรมราชทัณฑ์ซึ่งดำรงตำแหน่งต่อไปนี้ เป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เฉพาะในเขตท้องที่ที่ตนเองมีอำนาจหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ #### (๑) - ผู้บัญชาการเรือนจำ #### (๒) - ผู้อำนวยการทัณฑสถาน #### (๓) - ผู้อำนวยการสถานกักกัน #### (๔) - ผู้อำนวยการสถานกักขัง #### (๕) - ข้าราชการสังกัดกองบริการทางการแพทย์ #### (๖) - ข้าราชการสังกัดกรมราชทัณฑ์หรือข้าราชการที่ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติราชการในสังกัดกรมราชทัณฑ์ ซึ่งปฏิบัติงานด้านระบบวิทยา การเฝ้าระวัง การป้องกันหรือการควบคุมโรคติดต่อ ณ เรือนจำ ทัณฑสถาน สถานกักกัน หรือสถานกักขัง ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 72.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาผู้ประกอบธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กันทางนโยบายหรืออำนาจสั่งการ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่มาตรา ๕ มาตรา ๕๑ วรรคหก มาตรา ๕๔ วรรคสอง และมาตรา ๕๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า กำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กันทางนโยบายหรืออำนาจสั่งการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๒) มาตรา ๕๑ วรรคหก มาตรา ๕๔ วรรคสอง และมาตรา ๕๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะกรรมการ การแข่งขันทางการค้า จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ การพิจารณาผู้ประกอบธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กันทางนโยบายหรืออำนาจสั่งการ พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ความสัมพันธ์กันทางนโยบาย” หมายความว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ ตั้งแต่สองรายขึ้นไป ที่มีแนวทาง นโยบาย หรือวิธีการในการบริหาร การอำนวยการ หรือการจัดการธุรกิจ ที่อยู่ภายใต้บุคคลที่มีอำนาจร่วมการของผู้ประกอบธุรกิจรายเดียวกัน “อำนาจสั่งการ” หมายความว่า อำนาจควบคุมอันเนื่องมาจากเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้ (๑) การถือหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงในผู้ประกอบธุรกิจรายหนึ่งเกินกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวน สิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้ประกอบธุรกิจนั้น (๒) การมีอำนาจควบคุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของผู้ประกอบธุรกิจรายหนึ่ง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม (๓) การมีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการในผู้ประกอบธุรกิจรายหนึ่งตั้งแต่กึ่งหนึ่ง ของกรรมการทั้งหมด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม (๔) การมีอำนาจสั่งการตาม (๑) หรือ (๒) ต่อไปเป็นทอด ๆ ทุกทอด โดยเริ่มจากการ มีอำนาจสั่งการตาม (๑) หรือ (๒) ในผู้ประกอบธุรกิจในทอดแรก" 979.pdf,"กฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต และหนังสือรับรองการแจ้งตามกฎกระทรวงกำหนด ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามข้อ ๒ (๒) (๓) (๔) และ (๕) และหนังสือรับรอง การแจ้งตามข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๕๙ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ อนุทิน ชานวีร์กูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 743.pdf,"# ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ## ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุ การแก้ไขรายการ และการออกใบแทนใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุ การแก้ไขรายการ และการออกใบแทนใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ไว้แล้ว โดยที่กรมการขนส่งทางบกได้ประกาศงดดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ที่มีการอบรม และทดสอบ ณ ที่ทำการสำนักงานขนส่งทุกแห่ง และงดการให้บริการหน่วยเคลื่อนที่ ในช่วงเวลา ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระลอกใหม่ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ประชาชนไม่สามารถมาดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถได้ ดังนั้น เพื่อเป็น การเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการงดการดำเนินการดังกล่าว อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ - **ข้อ ๑** ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ ต่ออายุ การแก้ไขรายการ และการออกใบแทนใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔” - **ข้อ ๒** ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป - **ข้อ ๓** ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๐ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการต่ออายุ การแก้ไขรายการ และการออกใบแทนใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน > “ข้อ ๒๐ การต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ที่สิ้นอายุเกินกว่า ๓ ปี ระหว่างวันที่ ๑๐ เมษยน พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ได้รับยกเว้นการทดสอบขับรถ” ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ เมษยน พ.ศ. ๒๕๖๔ จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก" 686.pdf,"# ประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ## เรื่อง กำหนดวันเริ่มต้นการทิ้งอ้อยผลิตน้ำตาลทรายฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๑๑) ประกอบกับมาตรา ๑๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. กำหนดวันเริ่มต้นการทิ้งอ้อยผลิตน้ำตาลทรายฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ ของโรงงานน้ำตาลทรายทุกโรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ เว้นแต่โรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลชลบุรี ซึ่งหยุดประกอบกิจการชั่วคราว ๒. ให้โรงงานน้ำตาลทรายตามข้อ ๑ เริ่มต้นการทิ้งอ้อยผลิตน้ำตาลทรายภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่ประกาศกำหนด ๓. กรณีมีเหตุจำเป็น หรือโรงงานน้ำตาลทรายใดประสงค์จะเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทรายภายหลังจากวันที่กำหนดเกินกว่า ๗ วัน ให้โรงงานน้ำตาลทรายแจ้งเป็นหนังสือให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายทราบ ๔. หากโรงงานน้ำตาลทรายใดประสงค์จะเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทรายก่อนวันที่กำหนด ให้โรงงานน้ำตาลทรายแจ้งเป็นหนังสือให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายทราบล่วงหน้า ก่อน ๗ วัน เพื่อเสนอคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นรายกรณี ๕. ให้เลขาริการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายรักษาการตามประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย" 901.pdf,"ประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง กำหนดกรณีที่มีเหตุสมควรและอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง กำหนดกรณีที่มีเหตุสมควรและอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ พ.ศ. ๒๕๖๓ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๐ วรรคสอง แห่งข้อบังคับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยการใช้สิทธิรับบริการสาธารณะสุข กรณีที่มีเหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุ หรือกรณี เจ็บป่วยฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง กำหนด กรณีที่มีเหตุสมควรและอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๙ กรกฏาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๕/๙ แห่งประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง กำหนดกรณีที่มีเหตุสมควรและอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๓ “ข้อ ๕/๙ นอกจากการเข้ารับบริการตาม ข้อ ๕/๔ แล้ว ให้การเข้ารับบริการสร้างเสริม สุขภาพและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ตามความจำเป็นของผู้มีสิทธิในสถานบริการอื่น ถือเป็นกรณีที่มี เหตุสมควรด้วย” ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๖/๕ แห่งประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง กำหนดกรณีที่มีเหตุสมควรและอัตราค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๓ “ข้อ ๖/๕ อัตราค่าใช้จ่ายที่สถานบริการอื่นได้ให้บริการแก่ประชาชนไทยทุกคนตามข้อ ๕/๙ มีสิทธิได้รับให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์" 880.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง วิธีการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อด้วยวิธีอื่น พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของประเทศส่งผลให้เกิดมูลฝอยติดเชื้อมีปริมาณมากขึ้น จากผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ศูนย์แยกกักในชุมชน (Community Isolation) การแยกกักที่บ้าน (Home Isolation) ชุดตรวจและนำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen test self-test kits) ที่ใช้แล้วและสถานที่อื่น ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหามูลฝอยติดเชื้อจัดเก็บไม่ถูกต้อง ตกค้างสะสม และรอการกำจัด ณ สถานที่รับกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ เนื่องจากสถานที่กำจัดมูลฝอยติดเชื้อมีจำนวนน้อยไม่เพียงพอแก่การกำจัดตามที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาการแพร่กระจายของเชื้อโรค ในสภาวะการณ์เร่งด่วนในการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อให้ปลอดภัยจากการแพร่กระจายของเชื้อโรค และไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเร็วที่สุด อาศัยอำนาจตามความในข้อ (๔) ของข้อ ๒๕ แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. ๒๕๔๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง วิธีการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อด้วยวิธีอื่น” พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในกรณีที่การกำจัดมูลฝอยติดเชื้อไม่อาจกำจัดเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อโรคได้ ด้วยวิธีที่กำหนดไว้แล้วตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. ๒๕๔๕ ใน (๑) (๒) และ (๓) ของข้อ ๒๕ ได้โดยเร็วนั้น ให้ดำเนินการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อด้วยวิธีการนำไปกำจัด ในสถานที่ที่สามารถทำลายมูลฝอยติดเชื้อได้ด้วยความร้อนในอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า ๗๖๐ องศาเซลเซียส และทำลายอากาศเสียที่เกิดขึ้นด้วยความร้อนในอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ องศาเซลเซียส การกำจัดมูลฝอยติดเชื้อตามวรรคหนึ่งต้องควบคุมมาตรฐานอากาศเสียที่ปล่อยออกจากสถานที่ ดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วย ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ สาริทธิ์ ปิ่ตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 66.pdf,"ประกาศสำนักงานกลางชั่งตวงวัด เรื่อง ข้อปฏิบัติสำหรับการติดตั้งและใช้งานเครื่องชั่งแบบแท่นชั่งที่ติดตรึงกับที่ ซึ่งมีพิกัดกำลังตั้งแต่ยี่สิบเมตริกตันขึ้นไปที่เป็นระบบดิจิทัล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กรมการค้าภายในได้ออกประกาศสำนักงานกลางชั่งตวงวัด เรื่อง ข้อปฏิบัติสำหรับการติดตั้ง และใช้งานเครื่องชั่งแบบแท่นชั่งที่ติดตรึงกับที่ ซึ่งมีพิกัดกำลังตั้งแต่ยี่สิบเมตริกตันขึ้นไปที่เป็นระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ไปแล้ว นั้น เพื่อให้กรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับ ตรวจตรา และควบคุมดูแลยานพาหนะที่ใช้ เดินบนทางหลวงมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวงโดยใช้เครื่องชั่งแบบแท่นชั่งที่มีแผ่นชั่งมากกว่าหนึ่งแผ่น สำหรับชั่งน้ำหนักลงเวลาแต่ละเวลาหรือกลุ่มเวลาของยานพาหนะและชั่งน้ำหนักรวมของยานพาหนะ ซึ่งเป็นน้ำหนักบรรทุกของยานพาหนะที่ใช้เดินบนทางหลวง สามารถปฏิบัติตามเกี่ยวกับการติดตั้งและใช้งาน เครื่องชั่งดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง ซึ่งทำให้ได้รับการตรวจสอบและได้รับคำรับรองจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ที่มีมาตรฐานและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน รวมทั้งไม่เป็นเครื่องมือของการฉ้อโกงได้สะดวก อันจะส่งผลให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชั่งทุกฝ่าย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ (๓) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ อธิบดีกรมการค้าภายในจึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๕/๑ แห่งประกาศสำนักงานกลางชั่งตวงวัด เรื่อง ข้อ ปฏิบัติสำหรับการติดตั้งและใช้งานเครื่องชั่งแบบแท่นชั่งที่ติดตรึงกับที่ ซึ่งมีพิกัดกำลังตั้งแต่ ยี่สิบเมตริกตันขึ้นไปที่เป็นระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ “ข้อ ๕/๑ กรณีเครื่องชั่งแบบแท่นชั่งที่มีแผ่นชั่งมากกว่าหนึ่งแผ่นสำหรับใช้ชั่งน้ำหนัก น้ำหนักบรรทุกหรือน้ำหนักลงเวลาของยานพาหนะที่ใช้เดินบนทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง ต้องมีโครงสร้างของแท่นชั่งแต่ละแท่นเรียงชิดต่อกันในลักษณะที่มีความมั่นคง แข็งแรง มีความสามารถ ในการชั่งน้ำหนักได้ตามพิกัดกำลังของเครื่องชั่งและอยู่ภายในอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดตามที่กฎหมายกำหนด” ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๖) ของข้อ ๖ แห่งประกาศสำนักงานกลางชั่งตวงวัด เรื่อง ข้อปฏิบัติสำหรับการติดตั้งและใช้งานเครื่องชั่งแบบแท่นชั่งที่ติดตรึงกับที่ ซึ่งมีพิกัดกำลังตั้งแต่ ยี่สิบเมตริกตันขึ้นไปที่เป็นระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖" 931.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้า และราคา ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๒๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้า และราคาข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้มีพิจารณาทบทวนการใช้อำนาจกำหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ แจ้งข้อมูลปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้าและราคาต่อไป โดยเพิ่มช่องทางการแจ้งข้อมูลอันเป็น การอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและรักษาเสถียรภาพ ราคาสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในภาพรวม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ข้าวบาร์เลย์” หมายความว่า ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๑๐๐๓.๙๐.๐๐ ข้อ ๓ ให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวบาร์เลย์ แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (๑) ปริมาณการนำเข้าและราคาต่อหน่วยข้าวบาร์เลย์เป็นประจำทุกเดือนภายในวันที่สิบ ของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป (๒) แผนการนำเข้ามาในราชอาณาจักรทุก ๓ เดือน ดังนี้ (ก) แผนการนำเข้าเดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ กันยายน ๒๕๖๔ และตุลาคม ๒๕๖๔ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ (ข) แผนการนำเข้าเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ และมกราคม ๒๕๖๕ ให้แจ้งข้อมูลภายในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๔" 930.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๒๕ พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหัวมันสำปะหลังสดและมันเส้น โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๓๕ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหัวมันสำปะหลังสดและมันเส้น ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีการทราบว่าการกำหนด มาตรการดังกล่าวแล้ว เนื่องความจริงของการควบคุมการขนย้ายหัวมันสำปะหลังสดและมันเส้นต่อไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในด้านราคา ปริมาณ รักษาระดับมาตรฐาน ระบบตลาดมันสำปะหลังสดและ มันเส้นในประเทศ รวมทั้งเพื่อป้องกันการระบาดของโรคซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรเสียหาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วรัฐอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่มีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายหัวมันสำปะหลังสดหรือมันเส้นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซึ่งมีปริมาณครั้งละตั้งแต่หนึ่งหมื่นกิโลกรัมขึ้นไป เข้ามาหรือออกจากท้องที่อำเภอ ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่งประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด สำหรับท้องที่ที่จะทำการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (๑) อำเภอสอยดาว และอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี (๒) อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ และอำเภอคลองหาดจังหวัดสระแก้ว (๓) อำเภอกาบเชิง อำเภอพนมดงรัก อำเภอบัวเชด และอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ (๔) อำเภอเชียงของ อำเภอแม่สาย อำเภอเวียงแก่น อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่จัน และ อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย (๕) อำเภอเมือง อำเภอธารตุพนม อำเภอท่าอุเทน และอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม (๖) อำเภอเมือง อำเภอหว้านใหญ่ และอำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร (๗) อำเภอท่าลี่ อำเภอเชียงคำ อำเภอปากชม อำเภอนาแห้ว อำเภอด่านชาย และ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย" 737.pdf,"ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๒) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ ๑๑ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและจริงจังเพื่อควบคุมและระงับยับยั้งการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีทุกภาคส่วน รวมทั้งได้ดำเนินการเพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันโรคให้ได้มากที่สุด แต่ได้เกิดการระบาดแบบกลุ่มก้อนขึ้นในพื้นที่ที่มีความแออัดหลายพื้นที่ทั่วประเทศดังที่ทราบกันโดยทั่วไป ประกอบกับ เชื้อโรคได้กลายพันธุ์ทำให้เกิดการติดโรคได้ง่าย และไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่เมื่อแสดงอาการ จะมีความรุนแรงมาก ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ผู้ป่วยสะสมเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนกระทั่ง มีความจำเป็นต้องจัดตั้งสถานที่กักตัวผู้ติดโรคและโรงพยาบาลสนามขึ้นหลายแห่งเพื่อรองรับสถานการณ์ ทั้งยังปรากฏว่าผู้ติดเชื้อเสียชีวิตมากขึ้นและเร็วกขึ้นจากความรุนแรงของโรค กรณีจึงจำเป็นที่จะต้องคงไว้ ซึ่งมาตรการที่เข้มข้นในการเฝ้าระวังและสอบสวนโรค รวมทั้งการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยด้านสุขภาพและชีวิตของประชาชนและสาธารณสุขของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วรัฐอาณาจักรออกใบอึกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" 782.pdf,"# กฎหมาย ## การกำหนดราคาเบื้องต้นสำหรับที่ดินที่เวนคืน พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 20 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ นำยกรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ### ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้ - “คำมัธยฐาน” หมายความว่า คำของข้อมูลที่อยู่ตำแหน่งกลางของข้อมูลทั้งหมด เมื่อนำข้อมูลมาเรียงลำดับจากมากไปน้อยหรือจากน้อยไปมาก - “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการตามมาตรา ๑๙ ### ข้อ 2 การกำหนดราคาเบื้องต้นสำหรับที่ดินที่เวนคืน - ให้คณะกรรมการคำนึงถึงราคา สภาพ เหตุ และวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ประกอบกัน #### (๑) ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของที่ดินในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ #### (๒) ราคาประเมินที่ดินของทางราชการที่กำหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง #### (๓) ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน (๔) สภาพและที่ตั้งของที่ดินนั้น และ (๕) เหตุและวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน ### ข้อ 3 ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของที่ดินตามข้อ ๒ (๑) - หากมีการซื้อขายที่ดินที่เวนคืนหรือที่ดินในบริเวณใกล้เคียงที่จดทะเบียนไว้กับสำนักงานที่ดิน ในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ กรณีที่ไม่มีการซื้อขายที่ดินในวันดังกล่าว หรือมีแต่คณะกรรมการเห็นว่า ราคาซื้อขายที่ดินดังกล่าวมิใช่ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของที่ดิน ให้ใช้ราคาซื้อขายที่ดินก่อนวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาได้ โดยย้อนหลังไม่เกินสองปี แล้วนำราคา" 892.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับประโยชน์ทดแทน ในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค สำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ ให้แก่ผู้ประกันตน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการการแพทย์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๒/๑) ของข้อ ๒/๒ แห่งประกาศคณะกรรมการการแพทย์ ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับ ประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณี ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ “(๒/๑) ให้ขยายระยะเวลาตาม (๒) ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔” ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณเหลือพร ปุณณกันต์ ประธานกรรมการการแพทย์" 841.pdf,"# ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ## ว่าด้วยการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้มีความเหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒)” พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (๒) และ (๓) ของข้อ ๔ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นรองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการคนที่สอง (๓) กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อธิบดีกรมการจัดหางาน อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปลัดกรุงเทพมหานคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย”" 716.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง วัตถุที่ได้รับยกเว้นไม่เป็นยา (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ เนื่องด้วยในปัจจุบัน มีการนำวัตถุที่ปรากฏในตำราและวัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ในการบรรเทาหรือรักษาความเจ็บปวดของมนุษย์หรือสัตว์ มาใช้ในทางอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมด้านยา จึงสมควรได้รับการยกเว้นจากการเป็นยา อาศัยอำนาจตามความในวรรคสอง (ก) ของบทนิยามคำว่า “ยา” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ในทางอุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้ ได้รับการยกเว้นจากการเป็นยา ๒.๑ ลิเธียม คาร์บอเนต (Lithium carbonate) โดยนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเซรามิค หรืออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เพื่อทำให้ปูนแข็งตัวเร็ว ๒.๒ แมนนิทอล (Mannitol) โดยนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ตัดกระแสไฟฟ้า ๒.๓ นิโคตินามายด์ (NICOTINamide) หรือนิอาซินามิด (Niacinamide) หรือวิตามิน บี ๓ (Vitamin B3) รวมถึงชื่อสามัญทางยาอื่นที่หมายถึงนิโคตินามายด์ โดยนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ตัดกระแสไฟฟ้า ๒.๔ คอร์น สตาร์ช (Corn Starch) โดยนำมาใช้เป็นสารปรุงแต่งน้ำมันหล่อลื่นหรือเป็นตัวประสานในน้ำมันหล่อลื่นแม่พิมพ์ที่ใช้สำหรับงานแปรรูปโลหะ ๒.๕ เดกซ์ทริน (Dextrose Monohydrate) โดยนำมาใช้ในการผลิตสีย้อมที่ใช้กับหนังสัตว์ หนังพืช ผ้า กระดาษ อู่ตะเกียง และการผลิตผลิตภัณฑ์กาวหรือสารยึดเกาะ ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ อนุทิน ชาญวิทยกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" 671.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 2) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลึกใหม่ได้ขยายขอบเขตการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างกระจายไปในหลายพื้นที่ รัฐบาลต้องเพิ่มความเข้มข้นในการค้นหาคัดกรองเชิงรุกและกำหนดมาตรฐานการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงาน จึงจำเป็นต้องแก้ไขการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และมาตรา 14 และมาตรา 63/2 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ 3 แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ให้คนต่างด้าวใช้ใบรับคำขอคู่กับใบเสร็จรับเงินตามวรรคหนึ่งเสมอใบอนุญาตทำงาน เพื่อเป็นหลักฐานแทนใบอนุญาตทำงานจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ทั้งนี้ ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2564” ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 5 แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน" 768.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๑ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติต่อย่างใด อย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์ในการทำงานหรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการทำงานหรือการประกอบอาชีพ จากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือการฝึกอบรมอาชีพ ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ไม่น้อยกว่า ๔๘๐ ชั่วโมง โดยได้รับใบรับรองการฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือการฝึกอบรมอาชีพจากหน่วยงานฝึกอบรมหรือนายงานการศึกษา (๓) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างอุตสาหกรรม ข้อ ๒ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๒ ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์ในการทำงานหรือการประกอบอาชีพ เกี่ยวกับสาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๑" 837.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๒๒/๒๕๖๔ เรื่อง มาตรการตัวแทนออกของและผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของ (ฉบับที่ ๓) ด้วยตัวแทนออกของและผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของต้องมายื่นคำขอต่ออายุการเป็นตัวแทนออกของหรือผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของเมื่อครบกำหนด ๓ ปี นับแต่วันที่ได้รับการอนุญาต แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลายลง ทำให้หลายพื้นที่ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ดังนั้น เพื่อลดการเดินทางและลดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของบุคคลจำนวนมาก ป้องกันและลดการแพร่กระจายเชื้อที่อาจเกิดขึ้นกับผู้มารับบริการ กรมศุลกากรจึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการขยายอายุการอนุญาตตัวแทนออกของและผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของเพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙๙ และมาตรา ๑๐๑ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ อธิบดีกรมศุลกากรออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมศุลกากรที่ ๗๒/๒๕๖๔ เรื่อง มาตรการตัวแทนออกของและผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ บรรดาประกาศ ระเบียบ หรือคำสั่งอื่นที่กำหนดไว้แล้วในประกาศนี้ หรือที่ขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ให้ใช้ประกาศนี้แทน ข้อ ๓ ในประกาศนี้ ตัวแทนออกของหรือผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของ หมายความว่า ตัวแทนออกของหรือผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของตามประกาศกรมศุลกากรว่าด้วยระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับตัวแทนออกของหรือผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของ ข้อ ๔ ให้ขยายเวลาการอนุญาตตัวแทนออกของหรือผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของ ที่จะหมดอายุการอนุญาตตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยให้หมดอายุการอนุญาตในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ทั้งนี้ ไม่ต้องยื่นคำขอต่ออายุการอนุญาต ข้อ ๕ คำขออนุญาตหรือคำขอต่ออายุการอนุญาตตัวแทนออกของหรือผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของที่ยื่นภายในระยะเวลาการอนุญาตตามประกาศนี้มีผลใช้บังคับ จะมีอายุการอนุญาตถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๖ ตัวแทนออกของหรือผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของที่ได้รับการอนุญาตหรือต่ออายุการอนุญาตแล้วก่อนประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้สามารถปฏิบัติตามภารกิจการศุลกากรเกี่ยวกับการออกของได้จนครบกำหนด ๓ ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุญาต เว้นแต่กรณีการขยายอายุการอนุญาตตามประกาศกรมศุลกากรที่ ๗๒/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้บังคับตามความในข้อ ๔" 757.pdf,"ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๖) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วระชาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นคราวที่ ๑๒ จนถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น โดยที่รัฐบาลเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเปิดพื้นที่นำร่องดำเนินการท่องเที่ยวเพื่อรองรับ นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการในภาค ธุรกิจท่องเที่ยวและภาคธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง ในการนี้รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมในการกำหนด มาตรการรองรับและบูรณาการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ และให้การช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็น (๑๒) ของข้อ ๑ การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๒) ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อ ๓ ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๓) ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ “(๑๒) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่อง ด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล”" 818.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันตน ที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) โดยที่เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ในกรณี ที่ผู้ประกันตนได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ( Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน คณะกรรมการการแพทย์ จึงมีมติเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น สำหรับประโยชน์ ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการประกันสังคม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการการแพทย์จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการการแพทย์ ให้วินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายจากการรับ วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) “เงินช่วยเหลือเบื้องต้น” หมายความว่า เงินที่จ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในกรณีที่ ผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด ข้อ ๓ เงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้จ่ายให้แก่ผู้ประกันตนหรือกรณีที่ผู้ประกันตนเสียชีวิต ให้เฉลี่ยจ่ายให้แก่สามีหรือภริยา บิดามารดา บุตร ทั้งนี้ ผู้ประกันตนดังกล่าวจะต้องไม่ได้รับสิทธิจาก หน่วยงานภาครัฐอื่น ข้อ ๔ ความเสียหายที่เกิดจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ที่จะเป็นเหตุให้ได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตามประกาศนี้จะต้องเป็นการเข้ารับวัคซีนตามแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมการป้องกันและขจัด โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) จากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และให้รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากเหตุสุดวิสัยจากการรับวัคซีนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ไม่รวมถึงวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานบริการของเอกชนซึ่งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจาก ผู้ประกันตน" 858.pdf,"# กฎหมาย ## กำหนดประเภท ชนิด และขนาดของโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 อาศัยอำนาจตามความในบทนิยามคำว่า “โรงงาน” ในมาตรา 5 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง และมาตรา 7 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในลำดับที่ 42 แห่งบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของโรงงาน พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน | ลำดับที่ | ประเภทหรือชนิดของโรงงาน | ขนาดของโรงงาน | | --- | --- | --- | | ""42"" | โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวข้องกับเคมีภัณฑ์สารเคมี หรือวัสดุเคมีซึ่งมีใช้ประโยชน์อย่างใด ดังต่อไปนี้ (1) การทำเคมีภัณฑ์ สารเคมี หรือวัสดุเคมีที่มีใช้ (3) (2) การเก็บรักษา ล้างผิว แยก คัดเลือก หรือแปรรูปวัสดุอุตสาหกรรมหรือวัสดุอุตสาหกรรม (3) การทำเคมีภัณฑ์ สารเคมี หรือวัสดุเคมีซึ่งใช้วัตถุดิบพื้นฐานทางการเกษตรหรือผลิตภัณฑ์อื่นที่ต้องเนืองโดยใช้กระบวนการชีวภาพเป็นพื้นฐาน (4) การผลิตพลาสติกชีวภาพจากเคมีภัณฑ์สารเคมี หรือวัสดุเคมี ที่ผลิตจากวัตถุดิบพื้นฐานทางการเกษตรหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องเนื่อง | - | - | | - | - | โรงงานทุกขนาด | | - | - | โรงงานทุกขนาด | | - | - | โรงงานทุกขนาด | | - | - | โรงงานทุกขนาด | " 74.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการพิจารณาการกระทำร่วมกันของผู้ประกอบธุรกิจ อันเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในตลาด พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่ มาตรา ๕๔ และมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจใดร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจอื่นทำการอันเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขัน โดยกำหนดลักษณะของการกระทำซึ่งเป็นความผิด นอกจากนี้ มาตรา ๕๔ วรรคท้าย และมาตรา ๕๖ ได้กำหนดข้อยกเว้นการกระทำความผิด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ และเพื่อให้การพิจารณาการกระทำที่เป็นความผิดตามมาตรา ๕๔ และมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติ การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งข้อยกเว้นการกระทำความผิดดังกล่าวตามมาตรา ๕๔ วรรคท้าย และมาตรา ๕๖ มีความชัดเจนและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คณะกรรมการการแข่งขัน ทางการค้า จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางปฏิบัติ ในการพิจารณาการกระทำร่วมกันของผู้ประกอบธุรกิจอันเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน หรือจำกัด การแข่งขันในตลาด พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “การผูกขาด” หมายความว่า การที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่มีการแข่งขันในตลาดใดตลาดหนึ่งของ สินค้าหรือบริการ ซึ่งมีอำนาจในการกำหนดราคาและปริมาณสินค้าหรือบริการของตนได้อย่างเป็นอิสระ ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้ารักษาการตามประกาศนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๕ ในการพิจารณาการกระทำร่วมกันระหว่างผู้ประกอบธุรกิจตามบทบัญญัติมาตรา ๕๔ และ ๕๕ ให้พิจารณาลักษณะของการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้" 811.pdf,"# ประกาศคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง ## เรื่อง หลักประกัน - ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๔๕ ### อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ (๔) และมาตรา ๓๘/๕ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ - ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๔๕ คณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรงออกประกาศไว้ #### ดังต่อไปนี้ กำหนดให้หลักประกันที่จะวางต่อนายทะเบียน ได้แก่ ๑. เงินสด ๒. หนังสือค้ำประกันของธนาคาร ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ประธานกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง" 950.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๓๖/๒๕๖๔ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๓๐/๒๕๖๓ เพื่อให้การปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับของเร่งด่วนทางบก เป็นไปตามระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ สามารถอำนวยความสะดวกทางการค้าภายในประเทศอย่างสม่ำเสมอและรวดเร็ว ในการจัดทำบัญชีศุลกากร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ แห่งประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๓๐/๒๕๖๓ เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับของเร่งด่วนทางบก ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓ การปฏิบัติพิธีการศุลกากรให้สามารถกระทำได้โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์พร้อมลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) ของเจ้าของลายมือชื่อ ผ่านบุคคลที่เป็นสื่อกลางผู้ให้บริการรับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Value Added Network Services: VANS) เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนดแทนการจัดทำ ยืน ส่ง รับเอกสาร และการลงลายมือชื่อในกระดาษ ทั้งนี้ การจัดทำบัญชีสินค้าเร่งด่วนทางบกส่วนหน้า คำร้องขอส่งของ เร่งด่วนออกโดยเรียบด่วน และใบขนสินค้าของเร่งด่วน สำหรับการปฏิบัติพิธีการศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ว่าด้วยกระบวนการทางศุลกากรเกี่ยวกับของเร่งด่วนทางบกให้แสดงเป็นภาษาไทยและ/หรือภาษาอังกฤษ” ข้อ ๒ ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๔/๑ ในประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๓๐/๒๕๖๓ เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับของเร่งด่วนทางบก ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ “ข้อ ๑๔/๑ ในกรณีที่ผู้ประกอบการของเร่งด่วนทางบกมีความจำเป็นหรือกรณีที่ เครื่องเอกซเรย์ขัดข้องทำให้ไม่สามารถปฏิบัติพิธีการศุลกากรตามประกาศกรมศุลกากรนี้ได้ ให้ผู้ประกอบการของเร่งด่วนทางบก ยื่นคำร้องต่อสำนักงานศุลกากรหรือด่านศุลกากรที่กำกับดูแล สถานประกอบการของเร่งด่วนทางบก เพื่อพิจารณาอนุญาตผ่อนผันให้สามารถปฏิบัติพิธีการศุลกากรได้” ข้อ ๓ ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็นข้อ ๒๐/๑ ในประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๓๐/๒๕๖๓ เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับของเร่งด่วนทางบก ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓" 965.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่รัฐบาลได้กำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อมุ่งชะลอและสกัดกั้นการระบาดของโรคดังกล่าว โดยเฉพาะคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพแรงงานในสถานประกอบการ โรงงาน หรือสถานที่ก่อสร้าง ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและพบการระบาดเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดจากคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือระยะเวลาในการอนุญาตสิ้นสุดลงและบรรเทาผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน จึงจำเป็นต้องกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวไว้เป็นกรณีพิเศษ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓/๒ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “คนต่างด้าว” หมายความว่า คนต่างด้าวตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการและพนักงานราชการในสังกัดกรมการจัดหางาน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ข้อ ๒ ในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวนอกจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ข้อ ๓ ให้คนต่างด้าวสามารถทำงานกับนายจ้างไปพลางก่อนได้จนถึงวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อดำเนินการตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ให้นายจ้างนำคนต่างด้าวไปแสดงตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ทำงานของคนต่างด้าว ในระหว่างวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เพื่อบันทึกภาพและ" 808.pdf,"# ข้อบังคับกรมที่ดิน ## ว่าด้วยเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิ ### พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีข้อบังคับ ว่าด้วยเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อให้การจัดเก็บเงินเกิดประสิทธิภาพ เป็นไปโดยถูกต้อง เรียบร้อย และเป็นมาตรฐานเดียวกัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๒ (๑) (๔) และข้อ ๙ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ อธิบดีกรมที่ดินจึงกำหนดข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ **ข้อ ๑** ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับกรมที่ดิน” ว่าด้วยเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. ๒๕๖๔ **ข้อ ๒** ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป **ข้อ ๓** เงินค่าใช้จ่ายที่จัดเก็บได้ตามพระราชบัญญัติทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้นำฝากกระทรวงการคลัง สำนักงานคลังจังหวัด หรือสำนักงานคลังจังหวัด ณ อำเภอ แล้วแต่กรณี โดยไม่หักไว้เพื่อการใด ๆ เลย เงินฝากตามวรรคแรกให้เปิดบัญชีขึ้นอีกหนึ่งบัญชีต่างหากจากบัญชีเงินฝากอื่นเรียกว่า “บัญชีเงินฝากค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิ” **ข้อ ๔** เงินที่ฝากไว้ที่สำนักงานคลังจังหวัด หรือสำนักงานคลังจังหวัด ณ อำเภอ ตามข้อ ๓ ให้อนุญาบิลเข้าบัญชีเงินฝากคลังทางส่วนกลาง ภายในวันที่ ๕ ของเดือนถัดไป **ข้อ ๕** การจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิ ให้เป็นไปตามระเบียบที่กรมที่ดินกำหนด **ข้อ ๖** เงินที่จะต้องจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายตามข้อ ๕ ให้เบิกจ่ายจากบัญชีเงินฝากที่เปิดขึ้นตามข้อ ๓ ห้ามมิให้นำเงินที่ได้รับไปใช้จ่ายก่อนที่จะได้ส่งเข้าบัญชีเงินฝาก **ข้อ ๗** เงินที่ได้รับตามข้อ ๓ และได้จ่ายไปตามข้อ ๕ ในปีงบประมาณหนึ่ง ๆ หากมีเงินเหลือเท่าใด ให้นำไปสมทบใช้ในปีงบประมาณถัดไปได้ **ข้อ ๘** ให้ผู้อำนวยการกองคลังเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ นิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน" 884.pdf,"ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการประชุมใหญ่สภาวิศวกร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการประชุมใหญ่สภาวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๓ และข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการประชุมใหญ่สภาวิศวกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้สามารถจัดส่งหนังสือนัดประชุม และเอกสารประกอบวาระการประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๖) แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ สภาวิศวกรโดยมติที่ประชุมใหญ่สามัญสภาวิศวกร เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และโดยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาวิศวกรออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการประชุมใหญ่สภาวิศวกร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๘ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการประชุมใหญ่สภาวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการประชุมใหญ่สภาวิศวกร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ การนัดประชุม การเชิญประชุม การส่งเอกสารการประชุม และการแจ้งมติที่ประชุม ให้คณะกรรมการมีหนังสือนัดประชุมแจ้งวัน เวลา สถานที่ และระเบียบวาระการประชุม พร้อมเอกสาร ประกอบการประชุม ไปยังสมาชิกก่อนวันประชุมใหญ่ไม่น้อยกว่าสิบหัววัน ผ่านระบบนอเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการดำเนินการประชุม” ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ ๑๕ ของข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วย การประชุมใหญ่สภาวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๓ “ในการแจ้งบันทึกรายงานการประชุมตามวรรคหนึ่ง จะใช้วิธีผ่านระบบทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยก็ได้” ประกาศ ณ วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์สุชชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร" 868.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 5) โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนในการติดต่อราชการเพื่อขออนุญาตกับหน่วยงานของรัฐจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โดยให้หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับชำระภาษีหรือเงินอื่นใดที่บุคคลต้องชำระ พิจารณาขยายระยะเวลาการชำระภาษีหรือเงินอื่นใดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓ อัฏฐวรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษี และการยื่นรายงานตามประมวลรัษฎากร เฉพาะกรณีการยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษี และการยื่นรายงาน ตามมาตรา ๖๗ มาตรา ๖๗ ทวิ มาตรา ๖๘ มาตรา ๖๙ และมาตรา ๗๑ ตรี วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชำระภาษี และยื่นรายงาน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ภายในวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ออกเป็นภายในวันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ แบบแสดงรายการภาษีหรือแบบรายงานที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับการขยายกำหนดเวลามีดังนี้ (๑) ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด.๕๐ ภ.ง.ด.๕๑ ภ.ง.ด.๕๒ ภ.ง.ด.๕๕ และบัญชีซึ่งบุคคล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุน บัญชีรายรับ รายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคล ตามมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี (๒) แบบรายงานประจำปีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา ๗๑ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (Disclosure Form) ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" 966.pdf,"ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติดังกล่าวนั้น เนื่องจากได้มีการปรับปรุงมาตรการในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวจึงจำเป็นต้องแก้ไขประกาศนี้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔ และมาตรา ๖๓ (๒) แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ๒) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒ เมื่อนายทะเบียนตรวจสอบคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว รวมทั้งเอกสารหรือหลักฐานแล้วเห็นว่าถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนออกใบนุญาตทำงานให้คนต่างด้าวมีสิทธิทำงานได้ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๒/๑ แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ “ข้อ ๑๒/๑ เมื่อคนต่างด้าวได้รับใบนุญาตทำงานแล้ว ให้นายจ้างนำคนต่างด้าวไปยื่นคำขอจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และรับบัตรประจำตัว" 71.pdf,"# ประกาศกระทรวงการคลัง ## ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 717) - เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประเมินสถานะการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา สถานโรงพยาบาล และสถานพยาบาล ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรมในการพิจารณา กำหนดดังกล่าว จึงปรับปรุงประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ และคุณสมบัติขององค์การหรือสถานสาธารณกุศล ดังต่อไปนี้ ### ข้อ 1 - ให้ยกเลิกความในวรรคสองของ (4) ของข้อ 7 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 704) เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประเมินสถานะการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา สถานโรงพยาบาล และสถานพยาบาล ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรมในการพิจารณา กำหนดดังกล่าว จึงปรับปรุงประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ และคุณสมบัติขององค์การหรือสถานสาธารณกุศล ดังต่อไปนี้ ### ข้อ 2 - ให้ยกเลิกความในข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 13 และข้อ 14 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 704) เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประเมินสถานะการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา สถานโรงพยาบาล และสถานพยาบาล ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรมในการพิจารณา กำหนดดังกล่าว จึงปรับปรุงประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ และคุณสมบัติขององค์การหรือสถานสาธารณกุศล ดังต่อไปนี้" 842.pdf,"# คำสั่งนายกรัฐมนตรี ## ที่ ๑๔/๒๕๖๔ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๗) ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปต่อเนื่อง เป็นลำดับ โดยมีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๙/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๓/๒๕๖๔ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๖) ลงวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และการดำเนินการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นไปอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับข้อ ๔ (๓) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้ ๑. ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็น (๙) ของข้อ ๑ ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๖/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดโครงสร้างศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 ลงวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๙/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ “(๙) ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและควบคุม การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19 ในสถานประกอบกิจการและโรงงานอุตสาหกรรม มีปลอดภัยระหว่างอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าศูนย์”" 963.pdf,"ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยที่สมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และเป็นทางเลือก แก่นายจ้างในการจัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการตามประกาศกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ นายจ้างอาจจัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการแต่ละสถาน ประกอบกิจการ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีลูกจ้างครบห้าสิบคน หรือ กรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ หรือพ้นจากตำแหน่งเกินกึ่งหนึ่ง หรือลาออกทั้งคณะ แล้วแต่กรณี ข้อ ๔ ให้นายจ้างแต่งตั้งลูกจ้างในสถานประกอบกิจการไม่น้อยกว่าห้าคน ซึ่งไม่ประสงค์ จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ เป็นคณะกรรมการดำเนินการเลือกตั้ง โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้นายจ้างอำนวยความสะดวก จัดหาอุปกรณ์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และออกคำใช้จ่ายในการดำเนินการเลือกตั้งตามประกาศนี้ ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการดำเนินการเลือกตั้งมีหน้าที่ดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้ (๑) ประกาศวิธีการเลือกตั้ง กำหนดวัน เวลา สถานที่ในการเลือกตั้งและกำหนดระยะเวลา รับสมัครผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการให้ลูกจ้างในสถาน ประกอบกิจการทราบ และแจ้งให้นายจ้างและพนักงานตรวจแรงงานแห่งท้องที่ที่สถานประกอบกิจการ ตั้งอยู่ทราบโดยเร็ว (๒) เตรียมการเลือกตั้ง (๓) ดำเนินการเลือกตั้ง (๔) ดำเนินการนับคะแนนเสียง" 97.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำร้องขอรับหนังสืออนุญาตส่งน้ำตาลทราย ออกนอกราชอาณาจักร และคำขอรับใบอนุญาตส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้ออกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการอนุญาตให้ส่งออกน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๖๑ และกระทรวงพาณิชย์ได้มีคำสั่งที่ ๕๖๙/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ มอบอำนาจให้ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย มีอำนาจในการพิจารณาอนุญาตและลงนามในใบอนุญาตและหนังสือรับรอง Certificate for Quota Eligibility ให้ส่งน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายดิบ และน้ำตาลทรายแดงออกนอกราชอาณาจักร และให้มีอำนาจลงนามกำกับการแก้ไขในใบอนุญาตและหนังสือรับรอง Certificate for Quota Eligibility เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการให้บริการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย ๔.๐ อันเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้า รวมถึงการลดขั้นตอนการปฏิบัติ ในการปฏิบัติงาน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ ประกอบมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ และข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๘ ข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ และข้อ ๑๓ แห่งระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการอนุญาตให้ส่งออกน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “คำร้องขอรับหนังสือนุญาตส่งน้ำตาลทรายออกนอกราชาณาจักร (แบบ กน.๙) และคำขอรับ ใบอนุญาตส่งสินค้าออกไปนอกราชาณาจักร (แบบ อ.๑) โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า คำร้องขอรับหนังสือนุญาตส่งน้ำตาลทรายออกนอกราชาณาจักร หรือคำขอรับใบอนุญาต ส่งสินค้าออกไปนอกราชาณาจักร ที่ได้ดำเนินการผ่านการรับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ “หนังสือนุญาตให้ส่งน้ำตาลทรายออกนอกราชาณาจักร (แบบ กน.๑๐) และใบอนุญาต ให้ส่งสินค้าออกไปนอกราชาณาจักร (แบบ อ.๒) โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า หนังสือนุญาตให้ส่งน้ำตาลทรายออกนอกราชาณาจักร หรือใบอนุญาตให้ส่งสินค้าออกไป นอกราชาณาจักร ที่ได้ดำเนินการผ่านการรับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๒ ให้บริษัทส่งออกที่ประสงค์จะยื่นคำร้องขอรับหนังสือนุญาตส่งน้ำตาลทรายออกนอกราชาณาจักร (แบบ กน.๙) และคำขอรับใบอนุญาตส่งสินค้าออกไปนอกราชาณาจักร (แบบ อ.๑) โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ยื่นคำร้องขอลงทะเบียนตามคู่มือการใช้งานเพื่อลงทะเบียนเป็นผู้ยื่นคำร้อง ขอส่งออกน้ำตาลทรายไปนอกราชาณาจักร โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แนบท้ายประกาศนี้" 77.pdf,"ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา ๑๐๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๓๔ (๓) บัญญัติให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีหน้าที่และอำนาจกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่ของรัฐยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งตรวจสอบและเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ มาตรา ๒๘ (๓) ประกอบมาตรา ๑๐๒ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา ๑๐๒ พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่ง ของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน (๒) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่ง ของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ (๓) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่ง ของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ (๔) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่ง ของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๒ (๕) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่ง ของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๒ (๖) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่ง กรรมการและผู้บริหารหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง" 822.pdf,"ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๑) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรัชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นคราวที่ ๑๓ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น โดยที่ได้มีการออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๙) ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ แต่ต่อมา ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) เห็นว่า แม้จะเป็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำขอในเหตุฉุกเฉินซึ่งศาล ยังไม่ได้กำหนดวันนัดเพื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำสั่งให้คู่ความเพราะอยู่ระหว่างการแพร่ระบาด ของโรคซึ่งทวีความรุนแรงขึ้น และคู่ความอาจยื่นคำขอให้ศาลายกเลิกคำสั่งนั้นได้ตามมาตรา ๒๖๗ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่เมื่อปรากฏว่าในทางปฏิบัติยังไม่ได้บังคับใช้ ข้อกำหนดนั้นแก่กรณีใดและเจ้าหน้าที่อาจนำมาตรการทางกฎหมายอื่นมาบังคับใช้ได้ตามที่ศาลกล่าวถึง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดให้ยกเลิกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๙) ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" 991.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง กำหนดเอกสารหรือหลักฐานอื่นประกอบการนำเข้ากัญชาหรือกัญชงในแต่ละครั้ง ที่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เพื่อแสดง ณ ด่านตรวจพืช พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔๐ (๓) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. ๒๕๖๔ และข้อ ๒๐ (๓) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. ๒๕๖๓ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ผู้รับอนุญาตนำเข้ากัญชาหรือกัญชงในแต่ละครั้ง แสดงเอกสารหรือหลักฐานอื่น ประกอบการนำเข้า ณ ด่านตรวจพืช ดังนี้ (๑) หนังสือรับรองพืชหรือสินค้าพืชที่มิได้รับการตัดต่อสารพันธุกรรม (Non-GMOs) (๒) แบบรับแจ้งรายการนำเข้าแต่ละคราว กรณีเพื่อการค้าหรือกรณีไม่ใช่เพื่อการค้า ตามกฎหมายว่าด้วยพันธุ์พืช ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา" 94.pdf,"# ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ## เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทต่างประเทศที่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ (ฉบับที่ 5) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖/๖ แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. ๒๕๕๑ และมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ คณะกรรมการกำกับตลาดทุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ### ข้อ 1 - ให้ยกเลิกความใน (๓) ของข้อ ๒๑ แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. ๑๔/๒๕๕๘ เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทต่างประเทศที่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ลงวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""(๓) เป็นไปตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลตามข้อ ๒๓/๑ ข้อ ๒๔ และข้อ ๒๕"" ""ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๒๓/๑ แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. ๑๔/๒๕๕๘ เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทต่างประเทศที่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ลงวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ""ข้อ ๒๓/๑ งบการเงินดังนี้ของผู้ขออนุญาต ต้องถูกต้อง น่าเชื่อถือ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ในข้อ ๒๔ (๑) กรณีมีงบการเงินหรืองบการเงินรวมประจำงวดปีบัญชีที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นงบการเงินหรืองบการเงินรวมประจำงวดปีบัญชีล่าสุดก่อนยื่นคำขออนุญาต ได้แก่ งบการเงินและงบการเงินรวมประจำงวดปีบัญชีสามปีล่าสุดและงบการเงินไตรมาสสุดท้าย ก่อนยื่นคำขออนุญาต (๒) กรณีอื่นนอกจาก (๑) ได้แก่ งบการเงินและงบการเงินรวมประจำงวดปีบัญชีล่าสุด และงบการเงินไตรมาสสุดท้ายก่อนยื่นคำขออนุญาต” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๔ แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. ๑๔/๒๕๕๘ เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทต่างประเทศที่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ลงวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน" 742.pdf,"ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ที่มีการอบรมและทดสอบ ณ ที่ทำการสำนักงานขนส่งทุกแห่ง และงดการให้บริการหน่วยเคลื่อนที่ในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ ซึ่งขยายวงกว้างกระจายไปในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนไม่สามารถดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการงดดำเนินการดังกล่าว อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์” (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในบทเฉพาะกาล ข้อ ๓๗ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ๗) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓๗ ให้ยกเว้นการทดสอบข้อเขียนหรือทดสอบขับรถ สำหรับกรณีการเปลี่ยนประเภทยานพาหนะ โดยให้ผู้ขอรับการประเมินผลการทดสอบขับรถ อยู่ในระยะเวลาที่กำหนด จนกระทั่งผ่านการประเมินผลการทดสอบขับรถ สำหรับการเปลี่ยนประเภทยานพาหนะ ข้าราชการพลเรือนและทหาร" 927.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 36 พ.ศ. 2564 เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมีที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 18 พ.ศ. 2563 เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 สิ้นผลใช้บังคับ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 46 พ.ศ. 2563 เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมีที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ 2 ให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายซึ่งปุ๋ยเคมี แจ้งชื่อ ชื่อทางการค้า ปริมาณธาตุอาหารรับรองหรือสูตร ปริมาณการนำเข้า ราคาซื้อ (ราคานำเข้า) ทุกครั้งที่มีการนำเข้ามา ในราชอาณาจักร ภายในสามสิบวันตั้งแต่วันที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ปุ๋ยเคมีตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงปุ๋ยชนิดน้ำ ข้อ 3 การแจ้งตามข้อ 2 ให้ยื่นต่อเลขาธิการตามแบบที่เลขาธิการกำหนด ณ สำนักงาน คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรศาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยให้ถือวันที่ได้ประทับตราประจำวัน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางโทรศารให้ถือวันที่ได้รับโทรศารเป็นวันแสดง เจตนาในการแจ้ง ในกรณีที่แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ให้ถือวันที่ได้รับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เป็นวันแสดงเจตนาในการแจ้ง และในกรณีการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือวันที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแจ้ง" 809.pdf,"# ระเบียบกรมที่ดิน ## ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิ ### พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการบริหารเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิให้เกิดประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับข้อ ๒ (๑) (๔) และข้อ ๙ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ อธิบดีกรมที่ดินจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ **ข้อ ๑** ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมที่ดิน” ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. ๒๕๖๔ **ข้อ ๒** ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป **ข้อ ๓** การจ่ายเงินตามข้อบังคับกรมที่ดิน ว่าด้วยเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทรัพย์อิงสิทธิ ให้ใช้จ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ *วิธีการเบิกเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินฝากคลัง การพัสดุ การบัญชี หรือวิธีปฏิบัติอื่นใดที่ไม่ได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผน ของทางราชการโดยอนุโลม* **ข้อ ๔** การจ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายให้ใช้จ่ายได้เฉพาะกรณีที่จะพึงใช้จ่ายได้จากเงินงบประมาณรายจ่ายตามประเภทย่อย ดังต่อไปนี้ - **ค่าจ้างชั่วคราว** ให้เบิกจ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้ในกรณีจำเป็น โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิอนุโลมตามระเบียบของทางราชการ - **ค่าตอบแทน** ใช้สอยและวัสดุ - **ค่าสาธารณูปโภค** - **ค่าครุภัณฑ์** ให้จ่ายได้เฉพาะที่จำเป็นแก่การปฏิบัติงาน และราคาต่อหน่วยไม่เกินหน่วยละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท - **(๕)** ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ให้จ่ายได้เฉพาะที่จำเป็นแก่การปฏิบัติงานและราคาไม่เกินครั้งละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท" 856.pdf,"# ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ## เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการ เพิ่มประเภทหรือชนิดของการประกอบกิจการโรงงาน ### ที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการโรงงานเดิมตามมาตรา ๑๙/๑ อาชียอำนาจตามความในมาตรา ๑๙/๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ - ข้อ ๑ ภายในบังคับตามข้อ ๒ การแจ้งขอเพิ่มประเภทธุรกิจของกิจการโรงงาน ที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการโรงงานเดิมตามมาตรา ๑๙/๑ จะต้องไม่มีการเพิ่ม หรือเปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร และต้องเป็นการแจ้งในลักษณะ ดังต่อไปนี้ - (๑) แจ้งเพิ่มประเภทธุรกิจของการประกอบกิจการโรงงานที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการโรงงานเดิมโดยใช้เครื่องจักรเดิมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตามมาตรา ๑๒ หรือ - (๒) แจ้งเพิ่มประเภทธุรกิจของการประกอบกิจการโรงงานที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการโรงงานเดิมโดยใช้เครื่องจักรเดิมที่ได้รับอนุญาตให้ขยายโรงงานตามมาตรา ๑๘ - ข้อ ๒ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแลการเพิ่มประเภทธุรกิจของการประกอบกิจการโรงงานที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการโรงงานเดิมตามมาตรา ๑๙/๑ ห้ามมิให้อ้างประเภทหรือชนิดของการประกอบกิจการโรงงานที่ได้จากการแจ้งขอเพิ่มประเภทธุรกิจของการประกอบกิจการโรงงานที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการโรงงานเดิมตามมาตรา ๑๙/๑ มาแล้ว ไปแจ้งขอเพิ่มประเภทธุรกิจของการประกอบกิจการโรงงานเดิมตามมาตรา ๑๙/๑ ในประเภทหรือชนิดของการประกอบกิจการโรงงานเดิมอีก ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 701.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ๓) ตามที่ได้มีการออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวก อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 20191 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เนื่องจากได้มีการปรับปรุงมาตรการในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว จึงจำเป็นต้องแก้ไข ประกาศนี้เพื่อให้สอดคล้องกัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ และวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๔ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๒ แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ๒) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน" 924.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๕๗ พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๖๗ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ได้มีการนำบททวนการใช้อำนาจกำหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการ ให้ผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แสดงราคารับซื้อตามมาตรฐานความชื้น อัตราการหักลด น้ำหนักตามความชื้นต่อไป โดยเพิ่มเงื่อนไขการรับซื้อมิให้ผู้ประกอบการที่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คิดค่าชั่งน้ำหนัก เพื่อให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรมในด้านราคา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๕) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) และมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ การกำหนดราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของผู้ประกอบการที่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ต้องระบุราคารับซื้อตามมาตรฐานความชื้นที่รับซื้อให้ชัดเจน โดยกำหนดความชื้นไม่เกินร้อยละ ๑๔.๕ และความชื้นร้อยละ ๓๐ กรณีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับซื้อมีความชื้นสูงกว่าที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงอัตราการหัก ลดน้ำหนักความชื้นทุก ๐.๕ เปอร์เซ็นต์ ข้อ ๓ การแสดงราคารับซื้อ และอัตราการหักลดน้ำหนักความชื้นตามข้อ ๒ ให้แสดงไว้ ณ บริเวณหน้าสถานที่รับซื้อและจุดรับซื้อ โดยราคาและอัตราที่แสดงไว้นั้นต้องเป็นราคาและอัตราเดียวกัน และให้แสดงราคาต่อหน่วยยกิโลกรัม การแสดงรายการตามวรรคหนึ่ง จะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิกอยู่ด้วย ขนาดความสูงไม่ต่ำกว่าสิบเซนติเมตร ในลักษณะที่ชัดเจนและเปิดเผย สามารถอ่านได้ง่าย สำหรับ ข้อความหรือรายการที่แสดงควบคู่ต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้" 891.pdf,"กฎหมายว่าด้วยศุลกากรทั่วไป (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ กำหนดให้ผู้นำของเข้าเมืองโดยสารพาส่งของที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งจะต้องเป็นสินค้าประเภทที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ และต้องเป็นสินค้าที่ผู้คนสามารถนำไปใช้ได้ ตามความประสงค์ของคณะอนุกรรมการควบคุมการนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่อาจทำให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ผู้นำเข้านำมาจำหน่ายในประเทศไทย ต้องเป็นสินค้าที่มีราคาเท่ากันและถูกกว่าราคาที่ตลาดโลก โดยคำนวณจากค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิง เป็นเงินบาท หากมูลค่าสินค้าที่ผู้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย มีมูลค่ามากเกินไป เช่น สินค้าที่ผู้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย มีมูลค่ามากเกินไป เช่น สินค้าที่ผู้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย มีมูลค่ามากเกินไป เช่น" 999.pdf,"ประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร และนำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ (ครั้งที่ ๑๕๕) เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เห็นชอบกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล น้ำมันก๊าซ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันดีเซลหมุนช้า และน้ำมันเตา ในอัตรา ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา ๑ ปี และอัตรา ๐.๐๕ บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา ๒ ปี ถัดไป โดยเมื่อครบ ๓ ปีแล้วคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติจะกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานใหม่ให้เหมาะสมต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ (๕) และ (๖) มาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติประกาศอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตและจำหน่าย เพื่อใช้ในราชอาณาจักรและนำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร ข้อ ๒ ให้กำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตและจำหน่ายเพื่อใช้ในราชอาณาจักร และนำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร ซึ่งมีคุณภาพเป็นไปตามที่กรมธุรกิจพลังงานประกาศกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ครบกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ดังนี้ | ลำดับ | น้ำมัน | อัตราส่งเงิน | | --- | --- | --- | | (๑) | น้ำมันเบนซิน | ๐.๐๐๕๐ บาทต่อลิตร | | (๒) | น้ำมันแก๊สโซฮอล | ๐.๐๐๕๐ บาทต่อลิตร | | (๓) | น้ำมันก๊าซ | ๐.๐๐๕๐ บาทต่อลิตร | | (๔) | น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว | ๐.๐๐๕๐ บาทต่อลิตร | | (๕) | น้ำมันดีเซลหมุนช้า | ๐.๐๐๕๐ บาทต่อลิตร | | (๖) | น้ำมันเตา | ๐.๐๐๕๐ บาทต่อลิตร | ข้อ ๓ ให้กำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตและจำหน่ายเพื่อใช้ในราชอาณาจักร และนำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร" 953.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และจำนวนเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และจำนวนเงินทดแทนกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการการแพทย์ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๔.๒.๒ แห่งประกาศคณะกรรมการการแพทย์ ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และจำนวนเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) กรณีการใช้ยาละลายลิ่มเลือด (Thrombolytic Agent) ในการรักษาโรคเกี่ยวกับการอุดตัน ของหลอดเลือดสมอง (Stroke Fast Tract) จ่ายเป็นค่ายาละลายลิ่มเลือด rt-PA ให้กับสถานพยาบาล ที่มีการรักษาผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันด้วยการฉีดยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ และมีการทำ CT Brain และหรือ MRI/MRA Brain ก่อนและหลังการฉีดยาละลายลิ่มเลือดเมาจ่าย ครั้งละ ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)” ประกาศ ณ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณเหลือพร ปุณณกันต์ ประธานกรรมการการแพทย์" 84.pdf,"# แก้ไขข้อความคลาดเคลื่อน ## ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๓๙๔ (พ.ศ. ๒๕๖๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง อาหาร ที่ต้องแสดงฉลากโภชนาการ และคำเตือนการ น้ำตาล ไขมัน และโซเดียม แบบจีดีเอ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป ### เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๖๔ ง #### บัญชีแนบท้าย วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ หน้าที่ ๑ ข้อ ๒.๓ บรรทัดที่ ๕ คำว่า “ค่าโซเดียมคิดเป็น ๒,๐๐๐ มิลลิกรัม” ให้แก้เป็น “ค่าโซเดียมคิดเป็นร้อยละ ของโซเดียม ๒,๐๐๐ มิลลิกรัม”" 840.pdf,"# ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ## ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ สอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ โดยมีการบูรณาการอย่างเป็นระบบ ที่จะทำให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี” ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า “สำนักงาน” ในข้อ ๓ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔ เพื่อให้การพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศดำเนินการอย่างมีเอกภาพ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ” เรียกโดยย่อว่า “กปส.” ประกอบด้วย (๑) นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ (๒) รองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ (๓) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการ" 970.pdf,"# ประกาศกระทรวงคมนาคม ## เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่นสำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ### พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่กระทรวงคมนาคมกำหนดให้มีรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นอีกประเภทหนึ่ง เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวทางเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) และเพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้บริการรถยนต์รับจ้าง ดังนั้น เพื่อให้มีอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่นสำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๙ ของกฎกระทรวงรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ### ข้อ ๑ ในประกาศนี้ ""รถยนต์รับจ้างผ่านระบบนอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า รถยนต์รับจ้างที่เป็นการนำรถยนต์ นั่งส่วนบุคคลมาจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบนอิเล็กทรอนิกส์ ### ข้อ ๒ อัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบนอิเล็กทรอนิกส์ให้กำหนดดังนี้ | | | | --- | --- | | (๑) รถยนต์รับจ้างผ่านระบบนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก | | | ระยะทาง ๒ กิโลเมตรแรก | ๔๐ - ๔๕ บาท | | ระยะทางเกินกว่า ๒ กิโลเมตรขึ้นไป | ๖ - ๑๐ บาท | | (๒) รถยนต์รับจ้างผ่านระบบนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดกลาง | | | ระยะทาง ๒ กิโลเมตรแรก | ๔๕ - ๕๐ บาท | | ระยะทางเกินกว่า ๒ กิโลเมตรขึ้นไป | ๗ - ๑๒ บาท | | (๓) รถยนต์รับจ้างผ่านระบบนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ | | | ระยะทาง ๒ กิโลเมตรแรก | ๑๐๐ - ๑๕๐ บาท | | ระยะทางเกินกว่า ๒ กิโลเมตรขึ้นไป | ๑๒ - ๑๖ บาท | กรณีที่ระบบคำนวณอัตราค่าโดยสารล่วงหน้าประเมินว่าสภาพการจราจรจะทำให้รถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิธี การคิดอัตราค่าโดยสารของรถตาม (๑) (๒) และ (๓) ให้คำนวณเพิ่มในอัตรานาทีละ ๒ บาท ### ข้อ ๓ ค่าบริการอื่น ให้กำหนดเพิ่มขึ้นจากอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารตามข้อ ๒ ดังนี้ (๑) กรณีการจ้างผ่านระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้เรียกเก็บเพิ่มในอัตรา ๒๐ บาท (๒) ค่าบริการเพิ่มกรณีที่ปริมาณรถยนต์รับจ้างผ่านระบบนอิเล็กทรอนิกส์ไม่สมดุลกับความต้องการใช้บริการ ให้เรียกเก็บเพิ่มในอัตราไม่เกินหนึ่งเท่าของค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน ๒๐๐ บาท" 88.pdf,"# พระราชบัญญัติ ## แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๖) - พ.ศ. ๒๕๖๑ ## สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาราชวิราลงกรณ์ บดินทรเทพรายวรวางกูร - ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน ## สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาราชวิราลงกรณ์ บดินทรเทพรายวรวางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ - โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ### จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของ - สภาผู้แทนราษฎร แห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา ### มาตรา ๑ - พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า ""พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๖) พ.ศ. ๒๕๖๑"" ### มาตรา ๒ - พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ### มาตรา ๓ - ให้ยกเลิกความใน (๑) ของ (ค) ของ มาตรา ๔๗ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน > “(๑) บุตรชายด้วยกฎหมายของผู้มีเงินได้ หรือนุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ คนละ ๓๐,๐๐๐ บาท และสำหรับบุตรชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวที่สองเป็นต้นไป" 862.pdf,"# ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ## ฉบับที่ 6185 (พ.ศ. 2564) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เรื่อง แก้ไขประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 5612 (พ.ศ. 2562) เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ล่ม 4 เทคนิคการทดสอบและการวัด ส่วนที่ 4 การทดสอบภูมิคุ้มกันภาวะชั่วร้ายของเรือไฟฟ้า และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ล่ม 4 เทคนิคการทดสอบและการวัด ส่วนที่ 4 การทดสอบภูมิคุ้มกันภาวะชั่วร้าย/เบียร์สอย่างเร็วทางไฟฟ้า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงนามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 5612 (พ.ศ. 2562) เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ล่ม 4 เทคนิคการทดสอบและการวัด ส่วนที่ 4 การทดสอบภูมิคุ้มกันภาวะชั่วร้ายของเรือไฟฟ้า และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ล่ม 4 เทคนิคการทดสอบและการวัด ส่วนที่ 4 การทดสอบภูมิคุ้มกันภาวะชั่วร้าย/เบียร์สอย่างเร็วทางไฟฟ้า ลงวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562 นั้น โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 5612 (พ.ศ. 2562) เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ล่ม 4 เทคนิคการทดสอบและการวัด ส่วนที่ 4 การทดสอบภูมิคุ้มกันภาวะชั่วร้ายของเรือไฟฟ้า และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ล่ม 4 เทคนิคการทดสอบและการวัด ส่วนที่ 4 การทดสอบภูมิคุ้มกันภาวะชั่วร้าย/เบียร์สอย่างเร็วทางไฟฟ้า อาชีพฉุกเฉิน ตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2558 จึงแก้ไขประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 5612 (พ.ศ. 2562) เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ล่ม 4 เทคนิคการทดสอบและการวัด ส่วนที่ 4 การทดสอบภูมิคุ้มกันภาวะชั่วร้ายของเรือไฟฟ้า และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ล่ม 4 เทคนิคการทดสอบและการวัด ส่วนที่ 4 การทดสอบภูมิคุ้มกันภาวะชั่วร้าย/เบียร์สอย่างเร็วทางไฟฟ้า มาตรฐานเลขที่ มอก. 1454 - 2562 โดยให้ ยกเลิกข้อความ ดังนี้ 1. ย่อหน้าที่ 1 บรรทัดที่ 3 “มอก. 1454 - 2540”" 912.pdf,"ประกาศ เรื่อง ยกเลิกการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ต่อมามีประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ โอนอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีหรือผู้รักษาการตามกฎหมาย รวม ๓๑ ฉบับ มาเป็นของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว เพื่อให้การสั่งการและการแก้ไขสถานการณ์เป็นไปโดยมีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ นั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายที่ได้อนุมานะเป็นอำนาจหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามหน้าที่ อำนาจและความรับผิดชอบปกติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ยกเลิกประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างไรก็ตาม หากหน่วยงานใดมีข้อขัดข้องหรือไม่ได้รับ ความร่วมมือในการประสานงานหรือในการปฏิบัติหน้าที่ให้รายงานนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีทราบ เป็นการด่วน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" 867.pdf,"ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ 6) โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนในการติดต่อราชการเพื่อขออนุญาตกับหน่วยงานของรัฐจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับชำระภาษีหรือเงินอื่นใดที่บุคคลต้องชำระ พิจารณาขยายระยะเวลาการชำระภาษีหรือเงินอื่นใดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 3 อัฏฐวรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการ การนำส่งหรือการชำระภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร เฉพาะกรณีการยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการ การนำส่งภาษี และการชำระภาษี ตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 65 จัตวา มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83 มาตรา 83/5 มาตรา 83/6 มาตรา 83/7 และตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการ การนำส่งภาษี และการชำระภาษี ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สำหรับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งจะต้องยื่นภายในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2564 หรือภายในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2564 แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564 ข้อ 2 ให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการ การนำส่งภาษี และการชำระภาษี ตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 65 จัตวา มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83 มาตรา 83/5 มาตรา 83/6 มาตรา 83/7 และตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการ การนำส่งภาษี และการชำระภาษี ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สำหรับเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ซึ่งจะต้องยื่นภายในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564 หรือภายในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564 แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564" 696.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างระบบ สายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ระดับ ๒ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติ อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพในสาขาช่างระบบ สายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ไม่น้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมง (๓) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า ในสาขาอาชีพ ที่เกี่ยวกับสาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ข้อ ๒ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ระดับ ๓ ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขา ช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ไม่น้อยกว่า ๓ ปี (๒) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือเทียบเท่า ในสาขาอาชีพ ที่เกี่ยวกับสาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) และ มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๓) มีประสบการณ์การทำงาน การปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับ สาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่" 980.pdf,"ประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่อง กำหนดฉลากที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุกัญชาและสารสกัดของกัญชา ที่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ที่ผลิต นำเข้า หรือส่งออก เพื่อการศึกษา วิจัย หรือใช้สำหรับห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕๔ (๔) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบมติคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ในการประชุมครั้งที่ ๔๓๓-๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับผู้รับอนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออก ยาเสพติดให้โทษ ในประเภท ๕ สำหรับกัญชาและสารสกัดของกัญชา เพื่อการศึกษา วิจัย หรือใช้สำหรับห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์ตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “ฉลาก” หมายความว่า รูป รอยประดิษฐ์ เครื่องหมายหรือข้อความใด ๆ ซึ่งแสดงไว้ ที่ภาชนะหรือหีบที่บรรจูกัญชาและสารสกัดของกัญชา ที่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ข้อ ๔ ผู้รับอนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ สำหรับกัญชา และสารสกัดของกัญชา เพื่อการศึกษา วิจัย หรือใช้สำหรับห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ ต้องจัดให้มีฉลากที่ภาชนะหรือหีบที่บรรจุ โดยให้อยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ง่ายและชัดเจน และต้องจัดทำให้แล้วเสร็จ ก่อนจำหน่ายหรือส่งออก ข้อ ๕ ฉลากสำหรับกัญชา (ก) กรณีเมล็ดพันธุ์ อย่างน้อยต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อพันธุ์ ในกรณีที่ไม่ทราบชื่อพันธุ์ให้ระบุแหล่งที่มาของกัญชนั้น (๒) ปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) (๓) อัตราความงอกของเมล็ดพันธุ์ และระบุวันเดือนปีที่ทดสอบ (๔) เดือนและปีที่รวบรวม และเดือนและปีที่สิ้นอายุการใช้ทำพันธุ์ (๕) รุ่นการผลิต (๖) น้ำหนักสุทธิ (๗) ชื่อและสถานที่ตั้งของผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้า แล้วแต่กรณี (๘) เลขที่ใบอนุญาตผลิตหรือนำเข้ายาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ แล้วแต่กรณี" 756.pdf,"# กฎหมาย ## การกำหนดประเภทและรายละเอียดของบัตรภาษี ### พ.ศ. 2564 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๙ วรรคสอง และมาตรา ๓๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้จัดทำบัตรภาษีเป็นบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถแสดงข้อมูลที่สร้าง ส่ง หรือได้รับให้ปรากฏอย่างถูกต้อง และสามารถสืบค้นได้ โดยให้มีมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เชื่อถือได้ ข้อ ๓ บัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อและเลขทะเบียนผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร (๒) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (๓) เลขที่บัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (๔) จำนวนเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ได้รับอนุมัติ จำนวนเงินที่นำไปชำระค่าภาษีอากร และจำนวนเงินคงเหลือ (๕) วันที่ออกบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (๖) วันที่บัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์หมดอายุ ข้อ ๔ ให้กรมศุลกากรดำเนินการให้มีการเปลี่ยนบัตรภาษีของผู้มีชื่อในบัตรภาษีที่ออกให้ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ เป็นบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ แล้วแจ้งให้ผู้มีชื่อในบัตรภาษีทราบ และเมื่อกรมศุลกากรได้เปลี่ยนบัตรภาษีของผู้มีชื่อในบัตรภาษีเป็นบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ให้บัตรภาษีที่ออกให้ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับเป็นอันสิ้นผล" 846.pdf,"# กฎหมาย ## การกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ - ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๔ ## อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ### ข้อ ๑ - กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ### ข้อ ๒ - ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๓๔๘ - ๒๕๕๙ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๕๙๘ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ ลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สุริยะ จิระเจริญกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 678.pdf,"# ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ## ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ (ฉบับที่ 3) - พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ พ.ศ. ๒๕๕๓ และระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕๕๓ ไว้แล้ว โดยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนาข้อมูลข่าวสารของราชการในการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ลงวันที่ 5 กันยายน ๒๕๕๔ กำหนดให้ผู้ขอตรวจสอบข้อมูลประวัติอาชญากรรมจะต้องชำระค่าธรรมเนียมให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ **ข้อ ๑** ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖” **ข้อ ๒** ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่เป็นต้นไป **ข้อ ๓** บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่มีไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน **ข้อ ๔** ให้ยกเลิกความใน (๓) ของข้อ ๗ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๓) การต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถประเภททุกประเภท ก่อนจัดเก็บค่าธรรมเนียมให้ดำเนินการตรวจสอบประวัติอาชญากร เมื่อผลการตรวจสอบปรากฏว่าผู้ขับมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๙๖ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้”" 681.pdf,"ประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่ได้มีประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วร้าชาณาจักร (คราวที่ ๑๐) ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง พื้นผู้ หรือช่วยเหลือ ประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีจึงให้ บรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วร้าชาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่า นายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" 857.pdf,"# ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ## เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการ เพิ่มจำนวน เปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร ตามมาตรา ๑๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเพิ่มจำนวน เปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรตามมาตรา ๑๙ ต้องกระทำ ภายใต้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้เท่านั้น (๑) กระทำในประเภทหรือชนิดของโรงงานเดิมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ตามมาตรา ๑๒ แล้ว (๒) กระทำในประเภทหรือชนิดของโรงงานเดิมที่ได้รับอนุญาตให้ขยายโรงงานตามมาตรา ๑๘ แล้ว (๓) กระทำในประเภทหรือชนิดของโรงงานเดิมที่ได้รับแจ้งการขยายโรงงานตามมาตรา ๑๘/๑ แล้ว ข้อ ๒ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานที่ได้รับอนุญาต ให้เป็นไปตามมาตรา ๑๙ (๑) ห้ามมิให้มีการดำเนินการตามข้อ ๑ หากการดำเนินการดังกล่าวจะมีผลเป็นการเพิ่มกำลังแรงม้า ของเครื่องจักรขึ้นจากเดิมและกำลังแรงม้าของเครื่องจักรที่จะเพิ่มขึ้นนั้นเมื่อนำไปรวมกับกำลังแรงมารวม ของเครื่องจักรที่ได้รับแจ้งตามมาตรา ๑๙ มาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามหากข้อมูลของโรงงานตามมาตรา ๑๘ หรือยังไม่ได้รับแจ้งการขยายโรงงานตามมาตรา ๑๘/๑ เป็นผลให้กำลังแรงมารวมของเครื่องจักรทั้งหมด เข้าข่ายขยายโรงงานตามมาตรา ๑๘ วรรคสอง (๑) (๒) กรณีที่การดำเนินการตามข้อ ๑ เป็นผลให้มีจำนวนเครื่องจักรหรือกำลังแรงม้า ของเครื่องจักรเพิ่มขึ้น กรณีนี้ให้ถือว่าเครื่องจัดระดับกล่าวเป็นเครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบกิจการโรงงาน แต่มิให้ถือว่าเครื่องจักรดังกล่าวนี้เป็นเครื่องจักรที่ได้รับอนุญาตจนกว่าจะได้รับอนุญาตให้ขยายโรงงาน ตามมาตรา ๑๘ หรือได้รับแจ้งการขยายโรงงานตามมาตรา ๑๘/๑ แล้วแต่กรณี (๓) กรณีที่การดำเนินการตามข้อ ๑ เป็นผลให้มีจำนวนเครื่องจักรหรือกำลังแรงม้า ของเครื่องจักรลดลง ให้ถือว่าจำนวนเครื่องจักรและกำลังแรงม้าของเครื่องจักรที่คงเหลืออยู่ เป็นจำนวน เครื่องจักรและกำลังแรงม้าของเครื่องจักรสุทธิที่ได้รับอนุญาต ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 904.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงประเภท หรือรายการที่จดทะเบียนของวิสาหกิจเพื่อสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงประเภทหรือรายการที่จดทะเบียนของวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคสอง และมาตรา ๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และตามมติของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ในการประชุม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงประเภท หรือรายการที่จดทะเบียนของวิสาหกิจเพื่อสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๘ แห่งประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงประเภท หรือรายการที่จดทะเบียน ของวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ เมื่อได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายการที่จดทะเบียนตามข้อ ๗ แล้ว ให้วิสาหกิจ เพื่อสังคมที่ได้รับอนุมัตินำใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนฉบับเดิมมาส่งคืนให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจ เพื่อสังคมออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนฉบับใหม่ให้” ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม" 79.pdf,"ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๐๖ กำหนดให้เพื่อประโยชน์ในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ตั้งของ อสังหาริมทรัพย์ และเอกสารประกอบของผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา ๑๐๒ (๑) เฉพาะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา และบุคคลตามมาตรา ๑๐๒ (๒) (๓) (๔) และ (๕) รวมทั้งของคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป และมาตรา ๑๐๖ วรรคสอง กำหนดให้การเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่น ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น” รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิก สภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ตำแหน่งดังต่อไปนี้ เป็นตำแหน่งที่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ๑) กรุงเทพมหานคร (๑) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (๒) รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ๒) เมืองพัทยา (๑) นายกเมืองพัทยา (๒) รองนายกเมืองพัทยา ๓) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (๑) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด" 839.pdf,"# ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ## ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. ๒๕๕๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์” พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทใหม่ต่อจากบทนิยามคำว่า “หน่วยงานของรัฐ” ในข้อ ๔ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. ๒๕๕๗ “คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศแต่งตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window) ตามระเบียบนี้” ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๕/๑ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. ๒๕๕๗ “ข้อ ๕/๑ เพื่อประโยชน์ในการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามระเบียบนี้ ก่อนหน่วยงานของรัฐ จะดำเนินการออกระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนด ตามข้อ ๕ ให้หน่วยงานของรัฐนั้นเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะอนุกรรมการเพื่อให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะประกอบการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามระเบียบนี้” ข้อ ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๘/๑ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. ๒๕๕๗ “ข้อ ๘/๑ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อมูลรายการสินค้าแตกต่างไปจากที่ได้แจ้งไว้ตามข้อ ๘ อันเป็นเหตุให้ต้องมีการแก้ไขปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ทำความในข้อ ๕/๑ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หน่วยงานของรัฐนั้น" 962.pdf,"ประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๕๐/๒๕๖๔ เรื่อง การขยายระยะเวลาการส่งออกของที่ขอคืนอากรและระยะเวลาการขอคืนอากรตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) (ฉบับที่ ๒) ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในต่างประเทศ ยังคงมีความรุนแรงและเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการ และเพื่อให้การคืนอากรภายใต้มาตรการคืนอากรตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นไปด้วยความเหมาะสมในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ผู้นำของเข้า ไม่สามารถดำเนินการส่งออกและขอคืนอากรภายในเวลาที่กำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ อธิบดีกรมศุลกากร จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กรณีที่ไม่สามารถส่งของที่ได้จากการผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นใด ออกไปนอกราชอาณาจักร ภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันนำวัตถุดิบเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ขยายระยะเวลาการส่งออกอีกหกเดือน นับแต่วันครบรอบกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีดังกล่าว สำหรับการนำเข้าวัตถุดิบ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๒ กรณีที่ไม่สามารถขอคืนอากรภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ขยายระยะเวลาการขอคืนอากรอีกหกเดือนนับแต่วันครบรอบกำหนดระยะเวลา หากเดือนดังกล่าว สำหรับของส่งออกที่ผลิตจากวัตถุดิบที่นำเข้าตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๓ กรณีอื่น ๆ นอกจากที่กำหนดไว้ในข้อ ๑ และข้อ ๒ ให้ขอผ่อนผันตามประกาศกรมศุลกากรว่าด้วยการคืนอากรตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร" 810.pdf,"ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ ๙) โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด - 19 ได้ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะมีการกลายพันธุ์ ของเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่กระจายและติดต่อกันได้ง่าย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้ขยายออกไปเป็นวงกว้าง ซึ่งฝ่ายสารารณสุขได้ประเมินว่ามีแนวโน้มที่จะมี จำนวนผู้ที่ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอีก หากมิได้ดำเนินมาตรการควบคุมและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทาง และการรวมกลุ่มของบุคคลอย่างรัดกุม มีประสิทธิภาพเพียงพอ รัฐบาลจึงได้ออกข้อกำหนดออกมาตาม ความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๐) ลงวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งมีมาตรการควบคุมเพิ่มเติม รวมทั้งได้ปรับปรุง เขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์โดยได้ออกคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ ๑๑/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุม ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๕) ข้อ ๓ และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ ๓ (๖) และข้อกำหนด คำสั่ง ประกาศ ที่เกี่ยวข้อง จึงให้ปฏิบัติตามนี้ ๑. ให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับ ความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ ๖) ลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ ๗) ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒. ห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค หรือการกระทำอันเป็นการ ฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่โรค ณ ที่ใด ๆ ทั่วรชาอาณาจักร" 787.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ตามที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ได้ออกประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ลงวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อเป็นการป้องกัน หรือหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบด่างมิให้กระจายไปพื้นที่อื่น ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตมันสำปะหลังของเกษตรกรเกิดความเสียหาย ปริมาณผลผลิตลดลง และส่งผลกระทบต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องสูงขึ้น ไปแล้ว นั้น โดยที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง และเพื่อให้การกำกับดูแลการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ (๑) (๔) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จังหวัดนครราชสีมา จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในเขตท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นระยะเวลาหนึ่งปี นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๒ ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายต้นพันธุ์มันสำปะหลัง หรือท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน เข้ามาหรือออกจากท้องที่อำเภอเสิงสาม อำเภอครบุรี อำเภอหนองบุญมาก อำเภอจักราช อำเภอโชคชัย อำเภอปักธงชัย อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอขามทะเลสอ อำเภอขามสะแกแสง อำเภอดง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอชุมพวง อำเภอด่านขุนทด อำเภอเทพรักษ์ อำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง อำเภอโนนแดง อำเภอบัวลำภู อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอประทาย อำเภอปากช่อง อำเภอพระทองคำ อำเภอพิมาย อำเภอเมืองยาง อำเภอลำพเมนชัย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีคิ้ว อำเภอสีดา อำเภอสูงเนิน และอำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่งประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัด ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด สำหรับท้องที่ที่จะทำการขนย้ายเข้ามา หรือออกจากท้องที่นั้น ๆ" 903.pdf,"ประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป. ๓/๒๕๖๔ เรื่อง กำหนดเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนสำหรับกิจการที่ได้รับสิทธิและประโยชน์ ยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และเป็นการลดความซ้ำซ้อน ในการนำส่งข้อมูลและจัดส่งเอกสารในการรายงานผลการดำเนินงานประจำปี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนโดยได้รับมอบอำนาจ จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กำหนดให้กิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นหรือ ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล จะต้องดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล (ภ.ง.ด.๕๐) และแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.๑ก) ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่กรมสรรพากร และได้ยืนยอมให้กรมสรรพากรเปิดเผยแพร่ให้ข้อมูลดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุนตลอดระยะเวลาที่ได้รับการส่งเสริม ทั้งนี้ สำหรับคำขอรับการส่งเสริมที่ยื่นตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ผู้ได้รับการส่งเสริมซึ่งได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล (ภ.ง.ด.๕๐) และแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.๑ก) ในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ที่กรมสรรพากร และได้ยืนยอมให้กรมสรรพากรเปิดเผยแพร่ให้ข้อมูลดังกล่าวต่อสำนักงานแล้ว ผู้ได้รับการส่งเสริมไม่ต้องนำส่งข้อมูลตามแบบดังกล่าวผ่านระบบรายงานผลการดำเนินการและความคืบหน้า โครงการ (e-Monitoring) ของสำนักงาน ประกาศ ณ วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน" 875.pdf,"ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร กรณีภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ ๒) เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังคงทวีความรุนแรง มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบทวงในทางเศรษฐกิจและการดำรงชีพของประชาชน โดยทั่วไป อย่างกว้างขวาง ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระของประชาชน อาศัยอำนาจ ตามความในข้อ ๔ แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับ การทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อ ๑๒ แห่งกฎกระทรวงกำหนดให้คนซึ่งไม่มี สัญชาติไทยปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง กำหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ ผู้อำนวยการทะเบียนกลางประกาศพื้นที่ภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และยกเว้น ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับ การทะเบียนราษฎร กรณีภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ให้เขตพื้นที่ภัยที่เกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุม ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ ๑๑/๒๕๖๔ หรือข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นพื้นที่ประสบภัย ที่จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร ตามประกาศนี้ ข้อ ๓ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎรในเรื่องต่อไปนี้ ในเขตพื้นที่ ตามข้อ ๒ นับตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ (๑) การขอคัดสำเนา หรือคัดและรับรองสำเนารายการทะเบียน ตามมาตรา ๖ (๒) การขอคัดสำเนา หรือคัดและรับรองสำเนารายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร ตามมาตรา ๑๔ (๑) (๓) การแจ้งการเกิดต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่อื่น ตามมาตรา ๑๘ วรรคสาม (๔) การแจ้งการตายต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่อื่น ตามมาตรา ๒๑ วรรคสี่" 786.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำส่งเงินให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐ (ฉบับที่ ๓) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืม เพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อให้เจ้าพนักงาน นำส่งเงินกู้ยืมให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำส่งเงินให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืม เพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “กองทุน” หมายความว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืม เพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐ “เงินกู้ยืม” หมายความว่า เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืม เพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐ “หน่วยงาน” หมายความว่า (๑) กระทรวง ทบวง กรม สำนักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐตามกฎหมายว่าด้วย การปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ที่มีพนักงานราชการหรือลูกจ้างชั่วคราวในสังกัดซึ่งมิได้รับเงินเดือน ผ่านระบบของกรมบัญชีกลางตามกฎหมายว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภท ตามงบประมาณรายจ่าย เป็นผู้กู้ยืมเงินจากกองทุน (๒) หน่วยงานของรัฐอื่นใดนอกจากหน่วยงานตาม (๑) ที่มีพนักงานหรือลูกจ้างในสังกัด เป็นผู้กู้ยืมเงินจากกองทุน และ (๓) หน่วยงานเอกชนที่มีพนักงานหรือลูกจ้างในสังกัดเป็นผู้กู้ยืมเงินจากกองทุน “พนักงานหรือลูกจ้าง” หมายความว่า (๑) พนักงานราชการ หรือลูกจ้างชั่วคราวของกระทรวง ทบวง กรม สำนักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (๒) พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐอื่นใดที่มิใช่กระทรวง ทบวง กรม สำนักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และ (๓) พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานเอกชน ข้อ ๓ ให้เจ้าพนักงานสรรพากรดำเนินการโอนเงินกู้ยืมที่ได้รับจากหน่วยงาน ซึ่งได้หักเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร จากพนักงานหรือลูกจ้าง เพื่อชำระเงินกู้ยืม" 863.pdf,"ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (เพิ่มเติม ครั้งที่ 2) ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศ เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 29 เมษายน 2564 เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่ประชาชนจะต้องเดินทางไปขอมีบัตร ขอมีบัตรใหม่ หรือขอเปลี่ยนบัตร ในทุกท้องที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร จากภายในกำหนดหกสิบวันนับตั้งแต่วันที่ ต้องมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตร เป็นภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 นั้น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในปัจจุบันยังคง ทวีความรุนแรงและขยายขอบเขตการแพร่ระบาดของโรคออกไปทุกท้องที่จังหวัด และกรุงเทพมหานคร และการตรวจพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่โดยเฉพาะกรณีที่เป็นการติดเชื้อ ภายในประเทศมีจำนวนสูงขึ้นในแต่ละวัน จึงมีความจำเป็นที่ต้องกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกับ สถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อร่วมแก้ไขและระงับยับยั้งสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงออกประกาศให้ขยายกำหนดเวลาการขอมีบัตร การขอมีบัตรใหม่ หรือการขอเปลี่ยนบัตรในทุกท้องที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพิ่มเติม จากภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เป็นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ประกาศ ณ วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" 766.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๒ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๒ ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๒ ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละสามสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละหกสิบห้าของภาคความรู้ จึงจะมีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถเกี่ยวกับการประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ใช้เวลาในการทดสอบ ๒ ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนทั้งหมด ผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของคะแนนภาคความสามารถ โดยแบ่งออกเป็น ๒ แบบทดสอบ ดังนี้ แบบทดสอบที่ ๑ เชื่อมประสานชิ้นงานอลูมิเนียม โดยวิธีเชื่อมทิก (TIG) ด้วยแก๊สาร์กอน แบบทดสอบที่ ๒ ตรวจสอบความผิดปกติจากการประกอบชุดใส่หม้อแปลง (Active Part) (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ระดับ ๒ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ (๑) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ และต้องได้ คะแนนรวมไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้า จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงไฟฟ้า ระบบจำหน่าย ระดับ ๒" 760.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคอุตสาหการ ระดับ ๓ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคอุตสาหการ ระดับ ๓ ไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคอุตสาหการ ระดับ ๓ ให้เป็น ดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ ที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละสี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละเจ็ดสิบของคะแนนภาคความสามารถ โดยแบ่งออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถเกี่ยวกับช่างเทคนิคอุตสาหการ ใช้เวลาในการทดสอบ ๓ ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละหกสิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละแปดสิบของคะแนนภาคความสามารถ โดยแบ่งออกเป็น ๓ แบบทดสอบ ดังนี้ แบบทดสอบที่ ๑ เสนอแนวแผนผังกระบวนการผลิตและผังการไหลของงาน แบบทดสอบที่ ๒ รวบรวมข้อมูลในกระบวนการผลิต แบบทดสอบที่ ๓ ทำรายงานและนำเสนอผลในกระบวนการผลิต (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคอุตสาหการ ระดับ ๓ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ (๑) ผู้เข้ารับการทดสอบต้องทดสอบทั้งภาคความรู้และภาคความสามารถ และต้องได้คะแนน รวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้า จึงถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างเทคนิคอุตสาหการ ระดับ ๓" 803.pdf,"ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า “ลุ่มน้ำหลัก” ในข้อ ๒ ของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ลุ่มน้ำหลัก” หมายความว่า ลุ่มน้ำหลัก ๒๒ ลุ่มน้ำ ตามเอกสารท้ายประกาศ ๑ ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในเอกสารท้ายประกาศ ๑ ของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน เอกสารท้ายประกาศ ๑ ลุ่มน้ำหลัก ๒๒ ลุ่มน้ำของประเทศไทย ๑. ลุ่มน้ำสาละวิน ๒. ลุ่มน้ำโขงเหนือ ๓. ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ๔. ลุ่มน้ำชี ๕. ลุ่มน้ำมูล ๖. ลุ่มน้ำปิง ๗. ลุ่มน้ำวัง ๘. ลุ่มน้ำยม" 679.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2564 เรื่อง การแจ้งและการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2563 เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2563 เรื่อง การแจ้ง และการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2563 เรื่อง การแจ้งและการแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ เพิ่มเติม ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563 สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีพิจารณาทบทวนการใช้อำนาจกำหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่าย แจ้งข้อมูลต้นทุน ราคา และปริมาณ รวมทั้งแสดงราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณสินค้าให้เกิดความเป็นธรรมและป้องกัน การฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 (๒) (๓) (๕) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วรัชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ แจ้งต้นทุน ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณการนำเข้า ปริมาณการส่งออก ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ ณ วันสิ้นเดือน เป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมกราคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ห้ามผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่าย จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือในราคาที่สูงกว่าราคาที่แจ้งไว้ตามข้อ ๒ เว้นแต่ได้รับอนุญาต จากเลขาธิการ" 977.pdf,"# ประกาศกรมการจัดหางาน ## เรื่อง กำหนดสถานที่ในการยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว สำหรับคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ### อธิบาย - การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ### ประกาศ #### ข้อ 1 - ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป #### ข้อ 2 - กำหนดให้สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว เป็นสถานที่ยื่นคำขออนุญาตการทำงานแทน คนต่างด้าวตามประกาศกระทรวงแรงงาน - เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ### ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ - ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน" 830.pdf,"ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์ (ฉบับที่ ๓) โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์ ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิก ความในข้อ ๔ ของประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔ การดำเนินการเกี่ยวกับการขยายสาขาโดยแฟรนไชส์ซอร์เป็นผู้บริหารและดำเนินการด้วยตนเองหรือให้สิทธิแก่แฟรนไชส์ซีรายใดหรือบุคคลอื่นในการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่แฟรนไชส์ซีตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้แพรนไชส์ซอร์แจ้งให้แพรนไชส์ซีรายที่อยู่ในพื้นที่ที่ใกล้เคียงที่สุดได้ทราบและให้สิทธิในการเปิดสาขาใหม่แก่แฟรนไชส์ซีรายนั้นก่อน เว้นแต่แพรนไชส์ซีรายเดิม มีผลประกอบการที่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่แฟรนไชส์ซอร์กำหนดอย่างชัดเจนและแจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้ว ทั้งนี้ แพรนไชส์ซอร์ต้องให้ระยะเวลาในการพิจารณาแก่แพรนไชส์ซีไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน ในการแจ้งกลับ ในการพิจารณาพื้นที่ที่ใกล้เคียงที่สุดตามวรรคหนึ่งให้พิจารณาจากปริมาณความต้องการสินค้า หรือบริการ พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง และปัจจัยสภาพการแข่งขันในตลาดประกอบกัน กรณีการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในลักษณะเป็นแฟรนไชส์เขตพัฒนาพื้นที่ (Area Development) ที่แพรนไชส์ซอร์ให้สิทธิแก่แพรนไชส์ซีในการดำเนินธุรกิจภายใต้พื้นที่ที่ตกลงกันและมีข้อตกลงเกี่ยวกับการขยายสาขากำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในสัญญาแฟรนไชส์หรือมีข้อตกลงเกี่ยวกับการขยายสาขาประกอบกับสัญญาแฟรนไชส์ที่ทำให้ไม่อาจให้สิทธิในการเปิดสาขาใหม่แก่แพรนไชส์ซีรายที่อยู่ในพื้นที่ที่ใกล้เคียงที่สุดก่อนได้ ให้แพรนไชส์ซอร์พิจารณาให้สิทธิในการขยายสาขาแก่แพรนไชส์ซีรายอื่นที่เหมาะสมได้ โดยต้องมีเหตุผลที่สามารถรับฟังได้ในทางธุรกิจ ทางการตลาด หรือทางเศรษฐศาสตร์”" 907.pdf,"# กฎหมาย ## การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินสำหรับแปลงที่ดินในเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. 2564 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 51 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐมนตรีว่าการมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ## ข้อ - ในทำการออกโฉนดที่ดิน ให้หัวหน้าสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดแจ้งขอดำเนินการออกโฉนดที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขาแห่งท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ พร้อมทั้งส่งมอบเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (1) หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเดิมและเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการขอออกโฉนดที่ดิน (2) แผนผังการจัดแปลงที่ดินใหม่พร้อมกับรายชื่อเจ้าของที่ดินเดิมและผู้มีสิทธิได้รับที่ดินในการจัดรูปที่ดินแต่ละแปลง ข้อ 2 ในทำการรังวัดตำแหน่งที่ก่อนออกโฉนดที่ดิน ให้เจ้าของที่ดินที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนกรมชลประทานและหัวหน้าสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัด ร่วมนำทำการรังวัดปักหลักหมายเขตที่ดินและลงชื่อในฐานะผู้นำทำการรังวัดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ข้อ 3 ให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้มีชื่อตามหลักฐานที่หัวหน้าสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดแจ้งตามข้อ 1 และให้นำประมวลกฎหมายที่ดินยกเว้นการประกาศแจกโฉนด มาใช้บังคับโดยอนุโลม" 835.pdf,"# ประกาศกรมศุลกากร ## เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรในการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับของที่นำเข้ามาใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อบริจาค เพื่อให้การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่นำเข้ามาเพื่อบริจาค ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 720) พ.ศ. 2564 เป็นไปด้วยความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 อธิบดีกรมศุลกากร ออกประกาศไว้ ดังนี้ > ข้อ 1 ของที่นำเข้าต้องเป็นของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามรายการและระยะเวลาสิ้นสุดที่กำหนดในประกาศอธิบดีกรมสรรพากร > ข้อ 2 ให้ผู้นำของเข้าที่จะขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อบริจาค ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 33) เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าและบริจาคสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ออกตามความในพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 720) พ.ศ. 2564 จัดทำและส่งข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าเพิ่มเติม จากการปฏิบัติพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าด้วยกระบวนการทางศุลกากรสำหรับการนำเข้า (e-Import) โดยระบุคำ ในแต่ละรายการ ดังนี้ (๑) ในช่องหมายเหตุ (Remark) ให้ระบุเป็น “บริจาค COVID-19” (๒) ในช่องอัตราลดหย่อนอากร/ยกเว้นอากร (Exemption Rate) ของประเทศคู่ภาษีมูลค่าเพิ่ม (รหัส 0500) ให้ระบุเป็น 100% ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2564 พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร" 813.pdf,"ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) (ฉบับที่ 2) เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ในปัจจุบัน รัฐได้กำหนดมาตรการในการป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) โดยการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตามแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมการป้องกันและขจัดโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) จากสถานพยาบาล ที่ภาครัฐกำหนดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากพบบุคคลผู้รับการฉีดวัคซีนเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการ ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 บุคคลดังกล่าวจึงมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล โดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล จึงเป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วย โรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และมาตรา ๓๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ สถานพยาบาล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของ คณะกรรมการสถานพยาบาล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉิน โรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) (ฉบับที่ ๒)” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉิน โรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓ ให้ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ซึ่งเป็นโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และบุคคลกลุ่มเป้าหมาย ที่ได้รับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) โดยการฉีดวัคซีนตามแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมการป้องกันและขจัดโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) จากรัฐ" 932.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สืบเนื่องใช้บังคับ จนทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๒๘ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การควบคุมการขนย้ายข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สืบเนื่องใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีพิจารณาทบทวนการใช้อำนาจกำหนดมาตรฐานการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการควบคุมการขนย้าย ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบตลาด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ และเกิดความเป็นธรรมในด้านราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรจะได้รับ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) และมาตรา ๒๕ (๔) (๗) แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วรัฐอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ข้าวบาร์เลย์” หมายความว่า ข้าวบาร์เลย์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทอยู่ ๑๐๐๓.๙๐.๐๐ ข้อ ๓ ห้ามมิให้บุคคลใดขนย้ายข้าวบาร์เลย์ ซึ่งมีปริมาณครั้งละตั้งแต่หนึ่งหมื่นกิโลกรัมขึ้นไป เข้ามาหรือออกจากท้องที่ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเลขาธิการ หรือผู้ซึ่ง เลขาธิการมอบหมาย หรือประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือผู้ซึ่ง ประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมอบหมาย หรือพาณิชย์จังหวัด สำหรับท้องที่ที่ทำการขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่นั้น ๆ (๑) เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (๒) อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ข้อ ๔ กรณีที่บุคคลใดได้รับหนังสืออนุญาตให้ขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่ตามข้อ ๓ แล้ว ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขนย้ายเข้ามาหรือออกจากท้องที่อื่นตามข้อ ๓ อีก ข้อ ๕ การขออนุญาตตามข้อ ๓ ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ราชการ ดังต่อไปนี้" 728.pdf,"# ระเบียบคณะอนุกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์ ## ว่าด้วยการพิจารณาอุทธรณ์ - พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกระบวนการอุทธรณ์และพิจารณาอุทธรณ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ ประกอบกับคำสั่งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๒/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะอนุกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตามมติเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะอนุกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์” ว่าด้วย การพิจารณาอุทธรณ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ให้ยกเลิกระเบียบคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการอุทธรณ์ ว่าด้วย การยื่นอุทธรณ์ พ.ศ. ๒๕๒๙ ลงวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๒๙ ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “คำสั่ง” หมายความว่า คำสั่งของสำนักงานหรือคณะอนุกรรมการที่ได้รับมอบอำนาจ หรือมอบหมาย แล้วแต่กรณี ตามมาตรา ๑๑ “ผู้ขอรับการส่งเสริม” หมายความว่า ผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุน “คณะอนุกรรมการอุทธรณ์” หมายความว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์ ข้อ ๔ คำสั่งที่อุทธรณ์ใด้มีดังต่อไปนี้ (๑) คำสั่งเกี่ยวกับนโยบายเรื่องประเภทหรือขนาดของกิจการที่จะให้การส่งเสริมการลงทุน (๒) คำสั่งไม่อนุมัติให้การส่งเสริมแก่กิจการของผู้ขอรับการส่งเสริมอันเป็นกิจการ ที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศกำหนดให้เป็นกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนแล้ว (๓) คำสั่งเกี่ยวกับสิทธิและประโยชน์ด้านภาษีอากร (๔) คำสั่งเกี่ยวกับการขอแก้ไขเพิ่มเติมสิทธิและประโยชน์ หรือการปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่กำหนดไว้ในบัตรส่งเสริม (๕) คำสั่งเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ หรือคำสั่งยกเลิกโครงการ ข้อ ๕ อุทธรณ์ที่จะรับไว้พิจารณาได้ต้องทำเป็นหนังสือและมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อและที่อยู่ของผู้อุทธรณ์ (๒) คำสั่งอันเป็นเหตุให้อุทธรณ์ (๓) ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ประสงค์จะอุทธรณ์ พร้อมเหตุผลและเอกสาร หรือหลักฐานประกอบ (๔) คำขอของผู้อุทธรณ์" 706.pdf,"# ประกาศกรมการจัดหางาน ## เรื่อง กำหนดสถานที่ยื่นคำขอและแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓ ### อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ (๓) แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓ อธิบดีกรมการจัดหางาน ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ #### ข้อ 1 - ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป #### ข้อ 2 - กำหนดให้สถานที่ดังต่อไปนี้ เป็นสถานที่ยื่นคำขอและแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว - นอกจากที่กำหนดไว้ในข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓ (๑) สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน สำหรับการยื่นคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวในเขตกรุงเทพมหานคร (๒) ศูนย์บริการวิชาและใบอนุญาตทำงาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำหรับการยื่นคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว ดังนี้ - (ก) คนต่างด้าวซึ่งนำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ตั้งแต่ ๒ ล้านบาทขึ้นไป และบิดามารดา คู่สมรส หรือบุตร ซึ่งอยู่ในความอุปการะและเป็นส่วนแห่งครัวเรือน - (ข) คนต่างด้าวซึ่งขออนุญาตทำงานกับสถานประกอบการที่จดทะเบียนในประเทศไทย และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือทุนดำเนินการตั้งแต่ ๓๐ ล้านบาทขึ้นไป และบิดามารดา คู่สมรส หรือบุตร ซึ่งอยู่ในความอุปการะและเป็นส่วนแห่งครัวเรือน - (ค) คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะทำงานหรือได้รับอนุญาตให้ทำงานในสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ หรือสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ ซึ่งเป็นธุรกิจบิการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และบิดามารดา คู่สมรส หรือบุตร ซึ่งอยู่ในความอุปการะและเป็นส่วนแห่งครัวเรือน - (ง) คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน กฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม หรือกฎหมายอื่นตามมาตรา ๖๒ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และคู่สมรสหรือบุคคล ซึ่งอยู่ในความอุปการะ (จ) คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ และบิดามารดา คู่สมรส หรือบุตร ซึ่งอยู่ในความอุปการะและเป็นส่วนแห่งครัวเรือน" 974.pdf,"# ประกาศกรมธุรกิจพลังงาน ## เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการติดตั้งเครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว สำหรับสถานที่เก็บรักษา ก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทโรงเก็บ ### พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๖ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษา ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ประเภทโรงเก็บ พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๒ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ - ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป - ข้อ ๒ สถานที่เก็บรักษา ก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทโรงเก็บ ที่มีการติดตั้งเครื่องส่งเสียงดัง เมื่อก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว จะต้องมีลักษณะและวิธีการติดตั้ง ดังต่อไปนี้ (๑) เครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซรั่วต้องเป็นชนิดที่ใช้ในบริเวณอันตรายที่ใช้กับก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยเฉพาะ ตามกฎกระทรวงว่าด้วยระบบไฟฟ้าและระบบนป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าของสถานที่ประกอบกิจการ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (๒) การติดตั้งต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่าด้วยการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย และต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมธุรกิจพลังงาน อุปกรณ์วัดปริมาณก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว ของเครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว จะต้องติดตั้งสูงจากระดับพื้นไม่เกิน ๓๐ เซนติเมตร (๓) การติดตั้งเครื่องส่งเสียงดังเมื่อก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว จะต้องสามารถแสดงผลแจ้งเตือน ให้รับรู้ได้เมื่อมีก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่ว - ข้อ ๓ การติดตั้งอุปกรณ์วัดปริมาณก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่วของเครื่องส่งเสียงดัง เมื่อก๊าซ ปิโตรเลียมเหลวรั่ว ตามข้อ ๒ (๒) ให้ติดตั้งในบริเวณกลุ่มฉังก๊าซปิโตรเลียมเหลวหุงต้มหรือกระป๋อง ก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่มีปริมาณไม่เกิน ๒,๔๐๐ ลิตรในแต่ละกลุ่ม โดยให้ติดตั้งไว้กลุ่มละ ๑ เครื่อง ### ประกาศ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นันธิกา ทั้งสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน" 675.pdf,"# ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ## ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่ได้มีระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ พ.ศ. ๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติมไว้แล้ว นั้น โดยที่กรมการขนส่งทางบกได้ประกาศงดการดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ที่มีการอบรมและทดสอบ ณ ที่ทำการสำนักงานขนส่งทุกแห่ง งดการเรียนการสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก และงดการให้บริการหน่วยเคลื่อนที่ ในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระลอกใหม่ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวทำให้ประชาชนไม่สามารถมาดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการงดการดำเนินการดังกล่าว อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ **ข้อ ๑** ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๔” **ข้อ ๒** ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป **ข้อ ๓** ให้ยกเลิกความในข้อ ๗/๑ ของระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการต่ออายุใบอนุญาตผู้ประจำรถ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗/๑ การต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ที่สิ้นอายุเกินกว่า ๓ ปี ระหว่างวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ได้รับยกเว้นการทดสอบขับรถ” ประกาศ ณ วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก" 928.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๓๕ พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมี โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๔๕ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมี ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้มีพิจารณาทบทวน การใช้อำนาจกำหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว เห็นควรคงมาตรการให้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งราคา ปริมาณ สถานที่เก็บ และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมีต่อไป เพื่อให้ราคาเป็นธรรมและเหมาะสมกับคุณภาพ มาตรฐาน และมีปริมาณเพียงพอ กับความต้องการในราคาที่เหมาะสมแก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะเกษตรกร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) มาตรา ๒๕ (๔) (๕) และมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่มีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ปุ๋ยเคมี” ไม่หมายความรวมถึงปุ๋ยชนิดน้ำ หมวด ๑ การแจ้งราคา และรายละเอียดเกี่ยวกับปุ๋ยเคมี ข้อ ๓ ให้ผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ซึ่งปุ๋ยเคมี แจ้งชื่อ ชื่อทางการค้า ปริมาณธาตุอาหารรับรองหรือสูตร ต้นทุน ราคาจำหน่าย มาตรฐาน ขนาด ปริมาณ น้ำหนักต่อหน่วยของปุ๋ยเคมีที่เป็นอยู่ในวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ โดยให้แจ้งภายในสามสิบวันตั้งแต่ วันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายซึ่งปุ๋ยเคมีที่ดำเนินกิจการ ภายหลังวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ หรือกรณีที่มีการผลิตหรือนำเข้าปุ๋ยเคมีสูตรใหม่เพื่อจำหน่าย ภายหลังวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ก่อนนำสินค้าออกจำหน่าย" 793.pdf,"คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.158/2564 เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล การพิจารณาเหตุอันสมควร ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๔) แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการตรวจและแนะนำสำหรับการพิจารณา เหตุอันสมควร ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๔) แห่งประมวลรัษฎากร กรมสรรพากรจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กรณีสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ของ สถาบันการเงินตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกำหนด และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าวเป็นเหตุให้ลูกหนี้ต้องโอนทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ ให้แก่สถาบันการเงินและเช่าทรัพย์สินนั้นกลับคืนในอัตราที่ต่ำกว่าราคาตลาด ให้ถือว่าการให้เช่า ทรัพย์สินดังกล่าวมีเหตุอันสมควร ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๔) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ เพราะการปรับปรุง โครงสร้างหนี้ที่กระทำในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ในข้อ ๑ “สถาบันการเงิน” หมายความว่า (๑) สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน (๒) บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ (๓) นิติบุคคลอื่นที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ""ลูกหนี้ของสถาบันการเงิน” ให้หมายความรวมถึงผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ด้วย ข้อ ๓ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร" 820.pdf,"กฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการมาตรฐานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรองตามกฎกระทรวง กำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" 791.pdf,"ระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยการให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้ได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๙ (๘) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” ว่าด้วย การให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้ได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปฏิบัติเกี่ยวกับ การเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ และข้อ ๖ ของระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยการให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้ได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๔ ให้ถือว่าเกษตรกรผู้ได้รับหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน หรือสัญญาเช่าที่ดิน หรือสัญญาเช่าซื้อที่ดิน หรือสัญญาจัดให้ โดยมีคำชดเชย ตามระเบียบคณะกรรมการ ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกและจัดที่ดิน ให้แก่เกษตรกร การออนไลน์หรือตกทอดทางมรดกสิทธิการเช่าหรือเช่าซื้อ และการจัดการทรัพย์สิน และหนี้สินของเกษตรกรผู้ได้รับที่ดิน เป็นเกษตรกรผู้ได้รับมอบที่ดินตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ร้อยเอ็ด ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม" 860.pdf,"ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมไว้แล้ว นั้น โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงทวีความรุนแรง โดยเฉพาะไวรัสกลายพันธุ์เดลตาที่เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายและติดต่อโรคกันได้ง่าย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๐) ลงวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ยกระดับบางมาตรการเพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันมิให้การแพร่ระบาดเพิ่มความรุนแรงขึ้น โดยห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนมากกว่าห้าคนไปจนถึงมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบคนตามระดับพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดให้มีการอบรมเพื่อขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตรายตามที่กรมการขนส่งทางบกประกาศกำหนด ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการของกรมการขนส่งทางบกสอดคล้องกับมาตรการตามข้อกำหนดดังกล่าว จึงสมควรขยายเวลาในการยื่นขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตรายโดยไม่ต้องผ่านการอบรมและทดสอบสำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถชนิดที่ ๔ อยู่ก่อนแล้วไปอีกระยะหนึ่ง อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ (๘) (ข) ของกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตรายทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๘ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ ๙ ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การขอรับหนังสือรับรองผ่านการอบรมการขับรถวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน" 695.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และการออกแบบประเมินผลการทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาวิชาช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ระดับ ๒ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน แห่งชาติ และการออกแบบประเมินผลการทดสอบว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาวิชาช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ระดับ ๒ ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาวิชาช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างระบบสายเครือข่าย (Information Network Cabling Technician) ระดับ ๒ ให้เป็นดังต่อไปนี้ (๑) การทดสอบความรู้ เป็นการทดสอบความรู้ที่จำเป็นจะต้องนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก จำนวน ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๕๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละยี่สิบของคะแนนทั้งหมด โดยผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของคะแนนภาคความรู้ จึงมีสิทธิเข้ารับการทดสอบ ภาคความสามารถ (๒) การทดสอบความสามารถ เป็นการทดสอบความสามารถซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์จนเกิดความชำนาญ เพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อกำหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่กำหนด ลักษณะแบบทดสอบเป็นการแสดงปฏิบัติงานตามรูปแบบและกฎเกณฑ์ในรายละเอียดวิธีการทดสอบ คะแนนเต็ม ๒๐๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละแปดสิบของคะแนนทั้งหมด (๓) รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด" 943.pdf,"ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเสียภาษีในอัตราศูนย์สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทน (Renewable Fuel : RF) เพื่อให้การเสียภาษีในอัตราศูนย์สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทน (Renewable Fuel : RF) เป็นไปโดยถูกต้อง สะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อาศัยอำนาจตามความใน (๒) ของประเภทที่ 01.90 ในบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนด พิกัดอัตราภาษีสรรพากร (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสรรพาสามิตจึงกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ในการเสียภาษีในอัตราศูนย์สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทน (Renewable Fuel : RF) โดยออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ น้ำมันเชื้อเพลิงทดแทน (Renewable Fuel : RF) ที่จะเสียภาษีในอัตราศูนย์ ตามประกาศนี้ ต้องผลิตจากน้ำมันปาล์มเท่านั้น ข้อ ๒ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่จะเสียภาษีในอัตราศูนย์สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทน (Renewable Fuel : RF) จะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจากรองนายกองค์การบริหารราชการ (ReNEWABLE FUEL : RD) ให้จัดทำคำขอเสียภาษีในอัตราศูนย์เป็นหนังสือพร้อมหลักฐานสำเนา ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ยื่นต่อสรรพาสามิตพื้นที่ ณ สำนักงานสรรพาสามิตพื้นที่แห่งท้องที่ ที่โรงอุตสาหกรรมตั้งอยู่ ก่อนการนำน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทน (Renewable Fuel : RD) ออกจาก โรงอุตสาหกรรมในครั้งแรก ข้อ ๔ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับกรรมวิธีการผลิต รายละเอียด คุณสมบัติ (Specification) ของวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิต พร้อมส่งตัวอย่างวัตถุดิบที่ใช้ ในการผลิตและรายละเอียดคุณสมบัติ (Specification) ของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ พร้อมส่งตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ ต่อสรรพาสามิตพื้นที่ ณ สำนักงานสรรพาสามิตพื้นที่แห่งท้องที่ที่โรงอุตสาหกรรมตั้งอยู่ พร้อมกับการยื่นคำขอเสียภาษีในอัตราศูนย์ตามข้อ ๓ ทั้งนี้ ให้สรรพาสามิตพื้นที่ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ที่ผลิตได้ให้กรมสรรพาสามิตตรวจสอบจริง ในกรณีที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมประสงค์จะเปลี่ยนแปลงกรรมวิธีการผลิต ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ดังกล่าวให้สรรพาสามิตพื้นที่ที่โรงอุตสาหกรรมตั้งอยู่ทราบ ก่อนที่จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงกรรมวิธี การผลิตทุกครั้ง ข้อ ๕ เมื่อผู้ประกอบอุตสาหกรรมได้ปฏิบัติตามข้อ ๓ และข้อ ๔ แล้ว ให้สรรพาสามิตพื้นที่ ที่รับคำขอตามข้อ ๓ มีอำนาจพิจารณาให้เสียภาษีในอัตราศูนย์สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทน (Renewable Fuel : RF) ตามประกาศนี้" 938.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๔๐) เรื่อง กำหนดแบบเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับผู้ประกอบการที่มีหน้าที่เสียภาษี ตามมาตรา ๘๒/๑๓ วรรคสองและวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๓ มาตรา ๘๕ มาตรา ๘๕/๖ และมาตรา ๘๕/๑๐ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดแบบเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับผู้ประกอบการที่มีหน้าที่ เสียภาษีตามมาตรา ๘๒/๑๓ วรรคสองและวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อใช้ยื่นต่อเจ้าพนักงาน ประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้กำหนดแบบดังต่อไปนี้ เป็นแบบเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (๑) แบบ P.P.30.9 Value Added Tax Return for Non - Resident Under Section 82/13 of the Revenue Code (๒) แบบ P.P.01.9 Form for Value Added Tax Registration for Non - Resident Under Section 85/20 of the Revenue Code (๓) แบบ P.P.08.9 Form for Value Added Tax Registration Cancellation Request for Non - Resident Under Section 85/20 of the Revenue Code (๔) แบบ P.P.09.9 Form for Changes in Value Added Tax Registration for Non - Resident Under Section 85/20 of the Revenue Code แบบเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้รายการข้อมูลตามแบบดังกล่าวที่สามารถ ยื่นแบบผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรมสรรพากร ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร" 933.pdf,"ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๗ พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้า และราคา ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สิ้นผลใช้บังคับ จึงทำให้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๒๗ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้า และราคาข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สิ้นผลใช้บังคับ ประกอบกับ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคสินค้าและบริการได้มีพิจารณาทบทวนการใช้อำนาจกำหนดมาตรการ ดังกล่าวแล้ว เห็นควรควรมีมาตรการให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ แจ้งข้อมูลปริมาณ สถานที่เก็บ แผนการนำเข้าและราคาต่อไป โดยเพิ่มช่องทางการแจ้งข้อมูลอันเป็น การอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและรักษาเสถียรภาพราคา สินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในภาพรวม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๒) (๓) มาตรา ๒๕ (๓) (๔) (๕) และมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคสินค้าและบริการ จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ข้าวสาลี” หมายความว่า ข้าวสาลีที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทอยู่ ๑๐๐๑.๙๙.๙๙ ข้อ ๓ ให้ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งข้าวสาลี แจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้ (๑) ปริมาณการนำเข้าและราคาต่อหน่วยข้าวสาลีเป็นประจำทุกเดือนภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป โดยให้เริ่มแจ้งข้อมูลของเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป (๒) แผนการนำเข้ามาในราชอาณาจักรทุก ๓ เดือน ดังนี้ (ก) แผนการนำเข้าเดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ กันยายน ๒๕๖๔ และตุลาคม ๒๕๖๔ ให้แจ้งภายในวันที่ ๒๐ กรกฏาคม ๒๕๖๔ (ข) แผนการนำเข้าเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ และมกราคม ๒๕๖๕ ให้แจ้งข้อมูลภายในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๔" 669.pdf,"# ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๓๓ ว่าด้วยคำใช้จ่ายในการควบคุมการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย การจำหน่าย การนำเข้า และการส่งออกน้ำตาลทราย และการใช้จ่ายเงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่ได้มีการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุน ว่าด้วยการรับเงิน การใช้จ่ายเงิน การเก็บรักษาเงินและการหาผลประโยชน์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อให้การใช้จ่ายเงิน จากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เป็นเอกภาพและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน สมควรที่จะยกเลิกระเบียบ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๓๓ ว่าด้วยคำใช้จ่ายในการควบคุมการผลิตอ้อย และน้ำตาลทราย การจำหน่าย การนำเข้าและการส่งออกน้ำตาลทราย และการใช้จ่ายเงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย อยู่ในระเบียบเดียวกันที่จะครอบคลุมถึงการใช้จ่ายเงินจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ (๒๖) และ (๓๐) มาตรา ๑๘ และมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีซึ่งเห็นสมควรวางระเบียบไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๓๓ ว่าด้วยคำใช้จ่ายในการควบคุมการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย การจำหน่าย การนำเข้าและการส่งออกน้ำตาลทราย และการใช้จ่ายเงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ข้อ ๒ การใช้จ่ายเงินกองทุนที่ได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายไว้แล้วตามระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๓๓ ว่าด้วยคำใช้จ่ายในการควบคุมการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย การจำหน่าย การนำเข้าและการส่งออกน้ำตาลทราย และการใช้จ่ายเงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย และการใช้จ่ายเงินกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายที่คณะกรรมการบริหารกองทุนกำหนดตามมาตรา ๒๕ (๒) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย" 788.pdf,"กฎกระทรวง กำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๒ เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายหรือสูญหาย ให้นายจ้างจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้างในอัตราห้าหมื่นบาท ข้อ ๓ ในกรณีที่ลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายหรือสูญหาย ระหว่างวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จนถึงก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ ให้นายจ้างจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้างในอัตราสี่หมื่นบาท ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน" 663.pdf,"# ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ## เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ### ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาชีพอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือ แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้ - ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๓ - ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ดังนี้ | รายการ | บาท/ตู้ | | --- | --- | | ขนส่ง | ๒๐' | ๔๐' | >๔๐' | | ตู้มีสินค้า | ๒๘ | ๕๖ | ๖๓ | | ตู้สินค้าเปล่า | ๑๗ | ๓๔ | ๓๘ | - ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซล ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบ กับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียม มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย" 890.pdf,"# คำสั่งนายกรัฐมนตรี ## ที่ ๑๗/๒๕๖๔ ### เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปต่อเนื่อง เป็นลำดับ โดยมีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปถ.ศบค.) เพื่อเป็นองค์กรปฏิบัติการของ ศปถ. นั้น เพื่อให้การดำเนินงานของ ศปถ.ศบค. ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบในตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ศปถ.ศบค. ให้เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ (๓) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้ **ข้อ ๑** ให้ยกเลิกความใน (๔) (๕) และ (๑๕) ของข้อ ๓.๑ ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ **ข้อ ๒** ให้ ศปถ.ศบค. มีรองผู้อำนวยการตามลำดับ ดังนี้ - **(๑)** รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองผู้อำนวยการ คนที่หนึ่ง ที่ได้รับมอบหมาย - **(๒)** รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รองผู้อำนวยการ คนที่สอง ที่ได้รับมอบหมาย" 799.pdf,"ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรัฐอาณาจักร (คราวที่ ๑๓) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรัฐอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ ๑๒ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกภาคส่วน ทั้งการค้นหาและการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ การเร่งเสริมสร้างศักยภาพการให้บริการด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโดยการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม การจัดระบบการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อที่แยกกักตัวที่บ้านและแยกกักตัวในชุมชน การเร่งจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อผู้ป่วย เร่งรัดจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้ได้จำนวนมากที่สุด เพื่อป้องกันโรคและลดอาการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต รวมถึงเร่งรัดผลิตยารักษาโรคขึ้นภายในประเทศ และจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทางของบุคคล เพื่อสกัดกั้นการระบาดให้อยู่ในวงจำกัดและอยู่ในระดับที่ระบบสาธารณสุขสามารถรองรับได้ อย่างไรก็ตาม โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้กลายพันธุ์และสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภูมิภาคหลายจังหวัดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ในลักษณะการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ กรณีจึงจำเป็นที่จะต้องคงไว้ซึ่งมาตรการที่เข้มข้นในการเฝ้าระวังและสอบสวนโรค รวมทั้งการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเพื่อความมั่นคงปลอดภัยด้านสุขภาพและชีวิตของประชาชน และสาธารณสุขของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วรัฐอาณาจักรออกเป็นอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" 913.pdf,"ประกาศคณะกรรมการอ้อย เรื่อง การจัดสรรปริมาณอ้อยขั้นสุดท้ายประจำฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ (บัญชีจัดสรรขั้นสุดท้าย) โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงบัญชีจัดสรรปริมาณอ้อยขั้นต้นประจำฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ (บัญชีจัดสรรขั้นต้น) ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงเนื่องจากปริมาณอ้อยที่ได้ประมาณการไว้ อาศัยอำนาจตามมาตรา ๗ แห่งระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการกำหนดปริมาณอ้อยให้ชาวไร่อ้อยผลิตและการจัดสรรปริมาณอ้อยขั้นสุดท้ายให้กับโรงงานต่าง ๆ ในฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ (บัญชีจัดสรรขั้นสุดท้าย) ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกบัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการอ้อย เรื่อง การจัดสรรปริมาณอ้อยขั้นต้นประจำฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ (บัญชีจัดสรรขั้นต้น) ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ใช้บัญชีจัดสรรปริมาณอ้อยขั้นสุดท้ายประจำฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ (บัญชีจัดสรรขั้นสุดท้าย) แนบท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ประธานคณะกรรมการอ้อย" 773.pdf,"ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงขนาดเล็ก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงขนาดเล็ก ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงขนาดเล็ก ระดับ ๑ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบ และต้องมีคุณสมบัติต่อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์ในการทำงานหรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงขนาดเล็ก ไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีใบรับรองการทำงานหรือการประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ (๒) ผ่านการฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือการฝึกอบรมอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงขนาดเล็ก ไม่น้อยกว่า ๔๘๐ ชั่วโมง โดยได้รับใบรับรองการฝึกอบรมฝีมือแรงงานหรือการฝึกอบรมอาชีพจากหน่วยงานฝึกอบรมหรือนหน่วยงานการศึกษา (๓) เป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาช่างอุตสาหกรรม ข้อ ๒ ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงขนาดเล็ก ระดับ ๒ ต้องมีคุณสมบัติต่อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) มีประสบการณ์ในการทำงานหรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงขนาดเล็ก ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงขนาดเล็ก ระดับ ๑ (๒) มีประสบการณ์ในการทำงานหรือการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาพนักงานประกอบหม้อแปลงขนาดเล็ก ไม่น้อยกว่า ๓ ปี โดยมีใบรับรองการทำงานหรือประกอบอาชีพจากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องหรือจากสถานประกอบกิจการ" 720.pdf,"ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๐๐) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปรับปรุงรายได้และรายจ่าย ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๖๙ (พ.ศ. ๒๕๖๓) อธิบดีกรมสรรพากร ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ ""บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน” หมายความว่า บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา ๗๑ ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ""ธุรกรรมที่ถูกควบคุม” หมายความว่า ธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ""ธุรกรรมที่ไม่ถูกควบคุม” หมายความว่า ธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่คู่สัญญาของธุรกรรมนั้นไม่ใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน “ผลตอบแทนสำหรับธุรกรรม” หมายความรวมถึง ตัวชี้วัดทางการเงินซึ่งสัมพันธ์ กับวิธีการกำหนดราคาที่เลือกใช้ ดังต่อไปนี้ หรือตัวชี้วัดทางการเงินอื่นที่เหมาะสมซึ่งสัมพันธ์กับวิธีการ กำหนดราคาอื่น แล้วแต่กรณี (๑) ราคา สำหรับวิธีการเปรียบเทียบราคาที่มิได้ถูกควบคุม (๒) อัตรากำไรจากการขายต่อ สำหรับวิธีราคาขายต่อ (๓) อัตรากำไรส่วนเพิ่มจากต้นทุน สำหรับวิธีราคาทุนบวกกำไรส่วนเพิ่ม (๔) อัตรากำไรสุทธิ สำหรับวิธีอัตรากำไรสุทธิที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกรรม (๕) ส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงาน สำหรับวิธีแบ่งสรรกำไรของธุรกรรม ข้อ ๒ ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันมีข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์ หรือการเงินระหว่างกัน โดยมีการกำหนดผลตอบแทนสำหรับธุรกรรมที่ถูกควบคุมนั้นแตกต่างไปจากที่ควร จะกำหนดหากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวได้ดำเนินการโดยอิสระ ในลักษณะที่เชื่อได้ว่า มีการถ่ายโอนกำไร อันทำให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลรายหนึ่งรายใดไม่ได้รับหรือได้รับกำไร" 942.pdf,"ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง บัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ ฉบับลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ได้กำหนดคำนิยามของบัตรอนุญาตบุคคล บัตรอนุญาตรถ และบัตรอนุญาตชั่วคราว ให้มายความถึง บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้สำหรับบุคคล หรือรถ เพื่อใช้ในการผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพฯ และเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง นั้น เนื่องจากปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบัง ยังไม่มีระบบและอุปกรณ์รองรับบัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ ดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้การกำกับดูแลการผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามข้อ ๖ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการ ดังนี้ - ข้อ ๑ ให้บัตรพลาสติก PVC ที่ท่าเรือแหลมฉบังออกให้สำหรับบุคคล เป็นบัตรอนุญาตบุคคล เพื่อใช้ผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด - ข้อ ๒ ให้บัตรพลาสติก PVC หรือ สติกเกอร์ ที่ท่าเรือแหลมฉบังออกให้สำหรับรถ เป็นบัตรอนุญาตรถ เพื่อใช้ผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด - ข้อ ๓ ให้บัตรพลาสติก PVC ที่ท่าเรือแหลมฉบังออกให้แก่บุคคล หรือรถ หรือทั้งสองอย่าง เพื่อผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนดครั้งเดียว เป็นบัตรอนุญาตชั่วคราว ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย" 749.pdf,"# ระเบียบกระทรวงแรงงาน ## ว่าด้วยการโฆษณาการจัดหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ ### พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการควบคุมการโฆษณา การจัดหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ อาศัยอำนาจตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๗ และมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้นำมาบังคับใช้โดยอนุโลม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ **ข้อ ๑** ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการโฆษณาการจัดหางาน เพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ พ.ศ. ๒๕๖๔” **ข้อ ๒** ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป **ข้อ ๓** ในระเบียบนี้ “ข้อความ” หมายความรวมถึงการกระทำให้ปรากฏด้วยตัวอักษร ภาพ ภาพยนตร์ แสงเสียง เครื่องหมายหรือการกระทำใด ๆ ที่ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าใจความหมายได้ “โฆษณาการจัดหางาน” หมายความรวมถึงกระทำการไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ให้ประชาชนเห็นหรือทราบข้อความ เพื่อประโยชน์ในการจัดหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ “สื่อโฆษณา” หมายความว่า สิ่งที่ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา เช่น หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ไปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์ โทรสาร ป้าย เครือข่ายระบบอินเทอร์เน็ต ระบบเครือข่ายไร้สาย สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือแอปพลิเคชัน “ผู้รับใบอนุญาตจัดหางาน” หมายความว่า ผู้จัดหางานซึ่งได้รับใบอนุญาตจัดหางาน ให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ และให้หมายความรวมถึงผู้ที่ผู้รับใบอนุญาตจัดหางานมอบหมายให้ดำเนินการโฆษณาแทน **ข้อ ๔** การโฆษณาการจัดหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือจะทำได้เฉพาะก็แต่ผู้รับใบอนุญาตจัดหางานและต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ **ข้อ ๕** การโฆษณาการจัดหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ อย่างน้อยต้องระบุตำแหน่งงาน จำนวนความต้องการจ้าง อัตราค่าจ้าง สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ของคนหางาน คุณสมบัติของคนหางาน และเลขที่ใบอนุญาตจัดหางาน ให้ชัดเจน"