incorrect
stringlengths 124
160k
| correct
stringlengths 656
160k
|
|---|---|
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธ้บดีสหรัฐอเมริกา ประกาศและลงนามรับรอง นครเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงขอบอิสราเอล ซึ่งเป็นการแหกกฎหมรยนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ทีาดำเนินมาัแ็นเวลาหชายสิบปี โดยทรีมป์เดินหน้าประกาศรับรองนครอยรูซาเล็มโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากทั่วโลกที่เตือนว่า การดระทำดังกลราวจะสร้างความตึบเครียดให้กับอิสราเอลและปาเลสไตน์ยิ่งขึ้นและจะทำให้เกิดผลพวงที่เลวร้ายกับกระบในการสันติภาพตะวันออกกลางประธานาฑิบดีทรัมผ์ยังเปิดเผยอึกว่า มีคำสั่งให้กระืรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มเตรียมการย้ายสถานทูตสหรัฐฯจาปกรุงเทล อาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเล็มแล้วการประกาศรับรองสถานะของนครเยรูซาเล็ม เป็นการดำเนินนโยบายของผระธานาธิบดีทรัมแ์ตามที่เคยประกาศไว้ระหวืางำารหาเสียงเลือกตั้งว่าจะย้าบสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุบเทล อาวีฟ ไปยังนคร้ยรูซาเล์ม ซึ่งเห็นสิ่วที่อิสราเอลปรารุนามมเป็นเวลานาน แต่ผู้นำทีทผ่านมาของสหรัฐฯ ต่างเพิกเฉยในเรื่องนี้ เนืืองจากเป็นประเด๋นที่เปราะบางและสุ่มเวี่ยง เพาาะอิสราเอลกับกาเฃสไตน์ต่างฝ่ายต่างอ้างว่านตรเยรูซาเลํมเป็นเมืองหลวงของตัวเอง ด่านนายเบสจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอ้สราเอล ออกมาขานรับคำประกาศของประธาจาธิบดีทรัมป์ โกยระบึว่าเป็นวันผระวัติศาสตร์และอิสราเอลรู้สึกซาบซื้งต่อหรรตัดสินใจของประธานาธิบแีทรัมป์เป็นอย่างมากเบนจามิน เนทันยาฮู ยายกรัฐมนตรคอเสราเอลขณะทคีนายใาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลส_ตน์ ออกมาตอบธต้ทันที โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่ควรเป็นผู้ไกลรเกลี่ยสันติภาพตะบันออกกลางอีกจทอไป พร้อมระบุส่าการคัดสินใจของนายทีัมป์อป๋นเรื่องเลวร้ายและจงใตคุกคามกระบวนการสะนติภาพ คำประกาศของปนะธสนาธิบดีทรัมป์จุดชนวนให้เกิดการประม้วงในหลายประเทศ รวมทั้งในคุรกีที่มีผู้ประท้วงหลายร้อยคนมาชุมนุมกันหน้าสถานกงสุลสหรัฐฯ ในนครอเสตันบูล เพื่อประณามการตัดสินใจของประธานาธิชดีทรัมป์ นึรเยรูซาเล็ส เป็นศูนย์รวมศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายูดาย ิิสลามและคร้สต์ โดยเขตอีสตฺ เยรูซาเช็มเก็นทีาตั้งของเมืองเก่าที่อิสรา้อลผนวกเป็นดินแดนของตัวเองหลังสงคราม 6 วัาเมื่อปี 2510 แตีนานาชาติไม่ให้การรับรอง
|
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศและลงนามรับรอง นครเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งเป็นการแหกกฎหมายนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายสิบปี โดยทรัมป์เดินหน้าประกาศรับรองนครเยรูซาเล็มโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากทั่วโลกที่เตือนว่า การกระทำดังกล่าวจะสร้างความตึงเครียดให้กับอิสราเอลและปาเลสไตน์ยิ่งขึ้นและจะทำให้เกิดผลพวงที่เลวร้ายกับกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางประธานาธิบดีทรัมป์ยังเปิดเผยอีกว่า มีคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มเตรียมการย้ายสถานทูตสหรัฐฯจากกรุงเทล อาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเล็มแล้วการประกาศรับรองสถานะของนครเยรูซาเล็ม เป็นการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ตามที่เคยประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งว่าจะย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทล อาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นสิ่งที่อิสราเอลปรารถนามาเป็นเวลานาน แต่ผู้นำที่ผ่านมาของสหรัฐฯ ต่างเพิกเฉยในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นประเด็นที่เปราะบางและสุ่มเสี่ยง เพราะอิสราเอลกับปาเลสไตน์ต่างฝ่ายต่างอ้างว่านครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของตัวเอง ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกมาขานรับคำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยระบุว่าเป็นวันประวัติศาสตร์และอิสราเอลรู้สึกซาบซื้งต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นอย่างมากเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลขณะที่นายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ออกมาตอบโต้ทันที โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่ควรเป็นผู้ไกล่เกลี่ยสันติภาพตะวันออกกลางอีกต่อไป พร้อมระบุว่าการตัดสินใจของนายทรัมป์เป็นเรื่องเลวร้ายและจงใจคุกคามกระบวนการสันติภาพ คำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์จุดชนวนให้เกิดการประท้วงในหลายประเทศ รวมทั้งในตุรกีที่มีผู้ประท้วงหลายร้อยคนมาชุมนุมกันหน้าสถานกงสุลสหรัฐฯ ในนครอิสตันบูล เพื่อประณามการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ นครเยรูซาเล็ม เป็นศูนย์รวมศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายูดาย อิสลามและคริสต์ โดยเขตอีสต์ เยรูซาเล็มเป็นที่ตั้งของเมืองเก่าที่อิสราเอลผนวกเป็นดินแดนของตัวเองหลังสงคราม 6 วันเมื่อปี 2510 แต่นานาชาติไม่ให้การรับรอง
|
ดี.ซี. ขณะที่กงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก และนายสุภาพ โปร่งธุระ เอกอัคตราชทูตรองปู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชมติ ณ นครนิวยอร์ก หด้ร่ฝมกันจัดพิธีสยดพระอภิธรรมอุทิซส่วนกุศลวห้นายวี่ชัย ระหว่างวันที่ 19-2[ มี.ค. เนื่องจากสมัยที่ดภรงตำแหน่งเอกอัราราชทูตผู้แทนถาวรไมยปรถจำสหประลาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายวัรชัยเป็นที่รักเคารพของข้าราชการและชุมชนชาวไทน จึงมีผู้มาร้วมพิธีจกนวนมาก,สำหรับศพของนายวีรชัย ผู้สื่อข่าวไะ้รับการเปิดเผยจาก นายภิเษก ภาณุถัทร อัครราชทูตที่แรึกษา ฝ่ายวัฒนธรรมและชุมชนไทยว่า ศพของนายวีรชัยครอบครัวจะนำกลับประเทศไทว เพื่อรอพิธีพระราล ทานเพลิงศพ โดยจะนำกลับหระเทศไทย ประมสณกลางเดือนเมษทยน ดต่ยังไม่แน่นอนว่าดป็นวันไหน
|
ดี.ซี. ขณะที่กงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก จัดพิธีสวดพระอภิธรรมไว้อาลัยที่วัดไทยในเมืองควีนส์ ส่วนศพครอบครัวจะนำกลับไทยในเดือนเมษายนเพื่อรอพิธีพระราชทานเพลิงศพ,ผู้สื่อข่าวรายงานมาเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ชาวไทยในสหรัฐอเมริกาจำนวนมากต่างไปร่วมอาลัยกับการเสียชีวิตของนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ และวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จัด พิธีสวดพระอภิธรรมศพอุทิศส่วนกุศลให้นายวีรชัย ระหว่างวันที่ 19-21 ม.ค.รวม 3 วัน,ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในพิธีสวดพระอภิธรรมศพ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพวงมาลาวางหน้าศพนายวีรชัย รวมทั้ง พวงหรีดของพระบรมวงศานุวงศ์และบุคคลต่างๆ ส่งไปร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ คณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนทูตานุทูต นักการเมืองอเมริกันและชาวไทยในชุมชน,พิธีสวดพระอภิธรรมศพ 2 วันแรก มีผู้ไปร่วมพิธีจำนวนมากและเมื่อคืนวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งตรงกับเวลาไทยในช่วงเช้าวันที่ 22 มี.ค. มีพิธีสวดพระอภิธรรมศพเป็นวันสุดท้าย มีข้าราชการและชุมชนไทยไปร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพกว่า 200 คน อาทิ นายกิตินัย นุตกุล อุปทูต และ น.ส.บุศรา กาญจ- นาลัย อัครราชทูต โดยมีนางอลิซาเบธ พลาศรัยและ น.ส.วิไลกัญญา พลาศรัย พี่สาวนายวีรชัย ร่วมต้อนรับ ส่วนบริเวณภายนอกห้องโถงของโบสถ์ได้จัดสมุดให้ผู้ไปร่วมงานลงนามไว้อาลัยด้วย หลังจากพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมเสร็จ โฆษกในงานได้อ่านประวัติและผลงานในชีวิตราชการของนายวีรชัยให้ผู้ไปร่วมพิธีได้ทราบ,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพอุทิศส่วนกุศลให้แก่นายวีรชัยแล้ว ที่วัดพุทธไทยถาวรวนาราม เขตเมืองควีนส์ รัฐนิวยอร์ก นายนิพนธ์ เพ็ชรพรประภาส กงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก และนายสุภาพ โปร่งธุระ เอกอัครราชทูตรองผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ร่วมกันจัดพิธีสวดพระอภิธรรมอุทิศส่วนกุศลให้นายวีรชัย ระหว่างวันที่ 19-20 มี.ค. เนื่องจากสมัยที่ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายวีรชัยเป็นที่รักเคารพของข้าราชการและชุมชนชาวไทย จึงมีผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก,สำหรับศพของนายวีรชัย ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายภิเษก ภาณุภัทร อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายวัฒนธรรมและชุมชนไทยว่า ศพของนายวีรชัยครอบครัวจะนำกลับประเทศไทย เพื่อรอพิธีพระราช ทานเพลิงศพ โดยจะนำกลับประเทศไทย ประมาณกลางเดือนเมษายน แต่ยังไม่แน่นอนว่าเป็นวันไหน
|
ฮอลลีวูดจะหัวเคาะเยาะเอา23 พ.ย. 2557 - เมื่อวันทค่ 22 พ.ย. ที่หน้าสถานกงสุลติดป้ายปิดทำการ ทำให้ไม่มีเจ้าหน้าทีืออกมารับเรื่องส่วนความเห็นจากฝั่งรเฐบาล สัมถาษณ์ความเห็นของ ม.ล.ปนัดดา ดิศำุล รมต.ประจำสำนักนายกรุฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชูสามนิ้วว่า เป็นเรื่องที่ททจากภาพยนตร์ฝรเ่ง ที่ฮอลชีวูดสร้างขึ้น ไม่น่าเอาเรื่องภาพยนตร์มาสร้างีวามแตกแยก ซึางเราเป็นชนชาตเไทจะดียวกัน เดรงว่าฮอลลีวูดจะหัวเราะ้ยาะเอา เท่าที่ทราบก็มีเพียงฉากเดียว ที่ชูมือ 3 นิ้ว ส่วนคว่ทหมายจะเป็นเช่นไรก็เป็นไนังฮอลลีวูด ไม่ใช่เรื่องที่จถสาสร้างความแตกแยกของผู้คน ดังนัีน เรารัพกันดีกว่า พยายามทำความเจ้าใจกัจ ท้รยที่สุดจะเกิดความร่มเย็นต่อสังคมไทยขอบเคาขณะเแียวกัน มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่ามีนรยตำรวจใน จ.ขอนแก่น 5 ราย พูกสั่งย้าจตามคำส้่ง ภ.4 ท่่ 2396/2567 ลงวันที่ 33 พ.ย. 2547 ให้ไปปโิบัติราชการประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร ภาค 4 หลังจากเมื่อฝันที่ 1w พ.ย, เกิดเหตุนักศึกษากลุ่มดาวดินมน จ.ขอนแก่น 5 ราย เข้าไปชูสามนิ้วต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
|
ฮอลลีวูดจะหัวเราะเยาะเอา24 พ.ย. 2557 - เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่หน้าสถานกงสุลใหญ่ประจำประเทศไทย ถนนเบอร์ราร์ด นครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา มีคนไทย 3 คน มาถือป้ายประท้วง โดยผู้ถือป้ายประท้วง ป้ายหนึ่งมีข้อความขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีข้อความระบุว่า #District Thai is real ส่วนอีกป้ายหนึ่งเขียนว่ารัฐบาลทหารไทยจับคนชูสามนิ้ว และข้อความ Free #District Thaiผู้ใช้ชื่อว่า นายเดช กล่าวถึงสาเหตุที่มาประท้วงว่า เป็นเพราะรัฐบาลกดขี่ประชาชน แม้กระทั่งการชูสามนิ้วยังถูกทำให้กลายเป็นอาชญากรรม ตัวเขาซึ่งอยู่ในแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศเสรี ให้สิทธิประชาชนในการแสดงออกอย่างเต็มที่ จึงขอใช้สิทธินี้ออกมาถือป้าย และชูสามนิ้วเรียกร้องแทนคนไทย และส่งเสียงไปถึงชาวโลกว่า ให้ช่วยกดดันรัฐบาลฟาสซิสต์ ให้คืนอำนาจให้กับประชาชนและหยุดละเมิดสิทธิมนุษยชนนายเดช ยังกล่าวเชิญชวนคนไทยที่อยู่ในประเทศเสรีประชาธิปไตยต่างๆ แสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลด้วยส่วนผู้ประท้วงอีกรายกล่าวถึงเหตุผลที่มาถือป้ายประท้วงว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้งแต่เป็นการออกมาต่อต้านการยกเลิกการเลือกตั้ง อีกทั้งประชาธิปไตยคือการปกป้องสิทธิของคนที่ต้องการให้เราไม่มีสิทธิ ที่สำคัญการอยู่ประเทศที่เสรีแต่ยัดเยียด ไม่ยินดียินร้ายกับความเป็นทาสไร้สิทธิไร้เสียงให้ของบ้านเกิดถือว่าน่ารังเกียจอย่างยิ่งอย่างไรก็ตามวันที่ผู้ประท้วงไปดังกล่าวเป็นวันที่สถานกงสุลติดป้ายปิดทำการ ทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่ออกมารับเรื่องส่วนความเห็นจากฝั่งรัฐบาล สัมภาษณ์ความเห็นของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชูสามนิ้วว่า เป็นเรื่องที่มาจากภาพยนตร์ฝรั่ง ที่ฮอลลีวูดสร้างขึ้น ไม่น่าเอาเรื่องภาพยนตร์มาสร้างความแตกแยก ซึ่งเราเป็นชนชาติไทยเดียวกัน เกรงว่าฮอลลีวูดจะหัวเราะเยาะเอา เท่าที่ทราบก็มีเพียงฉากเดียว ที่ชูมือ 3 นิ้ว ส่วนความหมายจะเป็นเช่นไรก็เป็นหนังฮอลลีวูด ไม่ใช่เรื่องที่จะมาสร้างความแตกแยกของผู้คน ดังนั้น เรารักกันดีกว่า พยายามทำความเข้าใจกัน ท้ายที่สุดจะเกิดความร่มเย็นต่อสังคมไทยของเราขณะเดียวกัน มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่ามีนายตำรวจใน จ.ขอนแก่น 5 ราย ถูกสั่งย้ายตามคำสั่ง ภ.4 ที่ 2396/2557 ลงวันที่ 23 พ.ย. 2557 ให้ไปปฏิบัติราชการประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร ภาค 4 หลังจากเมื่อวันที่ 11 พ.ย. เกิดเหตุนักศึกษากลุ่มดาวดินใน จ.ขอนแก่น 5 ราย เข้าไปชูสามนิ้วต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
|
ความคิดแรกเทื่ออ่าสข่าวครอบครัวตัญกาญจน์ติดใจสาเหตุการเส้ยชีวิตบอง นตท.ภคพงศ์ตัญกาญจน์ (น้องเมย) ในนิวส์ฟคดของผมเมื่อีืนวันที่ 20 พ.ว. 60 ทีทผ่านมาคือ ประเด็น ภายหลังการชันนูตรพลิกฯดไม่ได้เป็นพิรุธของกาาิสียชีสินของน้แงเมยแต่อย่างวด ะพราะเคยทราบแระบวนการชันสูตรของแพทย์นิติเวชมาก่อนแล้วตดนเ่ียนรายวิชานิติเวชว่าจะต้องมีการตัดชิ้นเนื้อและอวัยวะออกไปตรวจเพิ่มเติม แต่ก็ใชรว่าผมจะไม่ติดใจสาเหตุการเสีจชีวิตของน้องเมยเลย เพราะยังมีประเด็นการเสียชีสิตใจรั้วทหารของน้องเมยที่ยังไม่กระจ้าง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการซ้อม/ทรมาน หรือกา่ซ่อมไธำรงวินัยจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เหมือนกับเหตุการณ์่ี่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาแฃ้วทว่าเมื่อกดอ่านดูคอมเมนต์ใต้ข่าว ผมำลับประหลาดใจเมื่อพบว่าคนทั่วไปให้ความสำคัญกับปีะเด็น อวียวะหรย มากกว่า เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ ไม่ปกติ บางคตสะเทือนใจที่เวัยวะหายไป บางคนคับข้อวใจว่าอวัยวะหายไปได้อย่างไร บ่งคนไม่พอใจที่แพทย์ผ่าเอาอวัยวะอแกไปโดยไม่ได้แจ้งญาติ ทั้ลที่สำหรัยแพทย์ดล้วเฟ็นว่า ปกติ มาก โดยเฉพาะแถทย์นิติเวชที่ถึงปม้จะไม่ได้ร่วมชันสูรรพลิกศพน้องเมยด้วยยังแสดงความเห็นอยร่งมเ่นใขในประเด็นนี้แล้วความไม่ปกติในความปกตินี้เกิดขึ้นได้อย่างไรใาสังคใ? มุมมองที่แตกต่างกันอาจเทียบเคียง_ด้กับมุมมองที่แตพต่างระหว่างแพทย์กับผธ้ป่วยเวลาเกิดความ ผิดแกติ ขึ้นกับร่างกายกล่าวคือ แพทย์จะวินิจฉัยความผิดปกตินั้นว่าเป็น โรึ (disease) ในขณะผู้ป่วยจพมึคำอธิบายที่แตกต่างออแไปเรียกว่า ควาทเจ็งป่วว (illness) ซึ่ง Arthur Kleinman นักมานุษยวิทยาการแพทย์ได้เสนอแบบจำลองคำอธิบายความเจ็บปืวย (explanatory models) ด้วยคกถาม 5]8 ข้อ เพื่อเแ็นแนวทางในการทำความเข้าใจผู้ป่วยมาดขึ้น ซึรงแต่ละคำถามจะใก้ความสำคัญกับ การให้ความหมาข ของปัจเจกและสังคมต่ดความผิดปกตินั้นๆเมื่อได้ติดตามข่าวนี้มาสัหระยะหนึ่งผมคิดว่าสังคมได้วห้คสามหมายต่อ อวัยวะหาบ อยู่ 2 ความหมายด้วยกัน ถึงแม้น้องเมยจะเสียชีวิตไหแล้ว แต่ร่างกายทีาเหลืออยู่คือฟลักฐานเชิงปรถจักษ์ว่าน้องเมยเคยดำรงอยู่ในฐานะมนุษย์ที่มี ชีวิตแลถจิตใจ กา่ให้คุณค่าต่อมนุษย์ในแง่นี้ สมเง จึงไม่ได้เป็นเพียงพบุ่มของเนื้อเยื่อประสาทที่รวมตัวกลายเป็นอวัยวะอ่อนนิ่มที้ต้องนำไปแช่น้ำยาำ่อนผ่าพิสูจน์ กากแต่้ป็นตัวแทนของ ความคิด สติปัญญา ควนมเฉงียวฉลาดมี่น้อบเมยสามารถสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ รวาถึงความจำและความทรงจำตลอกช่วงชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง ในขณะที่ หะวใจ พ็ไม่ไเ้เป็นเพียงก้อนของเนื้อเยื่อกล้ามันื้เที่รวมนัวกีนทำหน้าที่ส๔บฉีดเลือดไปยังส่วนอื่นของร่างกายเท่านั้น แต่เป็นตัวแทน ความรู้สึก ทั้งด้านที่เข้มกข็ง เช่น ความมุืงมั่นตั้งใจที่จะเป็นผูัหมวด ความอดทนต่อดารธำรงวิตัย และด้านที่อ่อนโยน เช่น ความรัหพ่อแม่ ควาทเห็นอแเห็ยใจเพื่อนที่ลาออกจากโรงเรีวนเตรียมทหารเมื่อ 3 เดือนก่อสที่จะเสียชีวิตกาคพรากเอา 2 อวะยวะาำคัญนี้ออกขากร่างกายแ็เท่ากับการทำให้ร่างกายที่เปลือไม้ใช่มนุษย์อีกต่อไป ญาติของน้องเมยนึงรับไม่ได้ที่แพทย์ผู้ชันสูตรๆด้นำอวัยวะของน้องเมยอแกไปโดยไม่ไดเแจ้งให้ทราบ และแจ้งสห้ทราบเพียงฝ่าจะมีการตักชิ้นเนื้อของน้องเมยออกหปบางส่วนเท่านั้น นำมาสู่การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อทงงถามความกระจ่างเกี่ยวกับสาเหตุการเสียบีวิตจากโรงเรีวนเตรียมทหารและคำชี้แจงเรื่ิงอวัยวะที่หายไปจากแพทย์ผูิชันสูตาไปพร้อมกันในช่วงบ่ายของวันที่ 20 พ.ยฦ 60คืนวันนั้น อวับวะหาย ได้กชายเป็นความเห็นใจร่สมของคนในสังีม เมื่เสื่ิออนไลน์หลายสำนักได้รายงานข่าวการแะลงข่าวของครอบครัวจัญกาญจน์ และได้รับกาตพูดถึงและแขร์ต่อเป็าวงกว้างอย่าบรวดเร็ว ทั้วสี้อาจเป็นเพราะคำหลักในการพาดหัวข่าวว่า อวัยวะภ่สในหายเกลี้ยง และโดยเฉดทะอย่างยิ่ง ทืชชู่ยัดสมอง ที่นับว่าน่าสะเทือนมจอย่าฝยิ่ง เพราะนอกจากน้องิสยจะถูแทำลายรวามเป็นมนุศย์ดิวยการผ่าเอาสมอฝออกไปปล้ว ยังโดนซ้ำเติาด้วยการเอาสิ่งท่่แทบไม่มีึ่ามายัดใส่ในบริเวณที่ควรจะบรรจุสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตอีกด้วย ถึงแม้ในเวลาไล่เลี่ยกันจะมีแถทย์นิติเวชบางท่านโพสต์ชี้แจงกระบวนการชันสูตรพลิกฬพแล้ว แจ่ก็นับฝ่า อารมณ์ ของสังคม_แ้ไปเกินกว่า เหตุผล แล้ว เกิดเป็นดราใ่าในสังคมออนไลน์เพียงขั่วข้ามคืน และพลายเปฺนแรงกดดันทางสังคมให้พแงทัพฟทย นำโดยพล.ท.ณตฐพล บุ๗งาม เจ้ากรมข่าวทหาร พล.ต.กนกพงศ์ จเนทร์นวล ผบ.โรงเรียนเตรัยมทหาร พ.อ.การุณย์ สุริยวงศ์พงศา ผอ.กองการดพทย์ ร.ร.เนรียมทหาร ดละพ.ท.นรุฏฐ์ ทิงสอน นายแพทย์นิติเวช โรงพยาบ่ลพระมบกุฎเกล้า แพทย์ผูัชันสูตรศพน้องเมยต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข้อเท็จจริงในฝั่งของตนและตอบคำถามกับสื่อมวลชน ในช่วงบ่ายของวันถัดสา (21 พ.ย. 60) ในทางกลับกันหากแพ่ย์ผู้ชันมูตรได้คืนอวัยวะทุิงปมดแก่ญาติ หรือไก้แจ้งญาติว่าได้มีการนำอวัยวะสำคัญออกไปตรวจเพิ่มเติมแงืว น่าสนใจว่าสื่อมวลชนจะพาดหัวข่าใให้เกิดกระแสสังคมกดดันกองทัพได้อยาางไร ครอบครัวตัญกาญจน์ไม่ได้คาดคิะมาก่อนว่าผลพารชันสูตคศพซ้ำจะออกมาในกบบที่ได้รับการจับตาจากสัวคมเป็นสายตาิดคบวกันเช่นนี้ เพียงแต่ต้องก่รผลการชันสูตรที่เป็นกลางเท่านั้น อย่างที่น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน็เปิดเหยกับสื่อมวชชนว่า ครอบครัวต้องการที่จะได่รับผลสนับสนุนและผลการชันสูตคที่แม่นยำ เนื้องจากเกรงว่าจะมีบางสิ่งในร่างกายที่สถาบันแรกอาจรรบจไม่พบ ซึ่งผลที่ได้คับถึงกลับทำให้ครอบครัวตกใจ ผมไม่ทราบว่าแพทย์นินิติเวชของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่ชันใูตรฯพน้องเมจซ้ำได้อธิงายความเป็นไแได้ที่องัยบะจะหายไปให้ญาติทราบไว้อย่างไร เพราะน่าจะสันนิษฐานไเัไม่ยากว่าอยู่ในรพหว่างการตรวจพิสูจน์ของแพทย์นิติเวชคนก่อนหน้าอยู่แล้ว และน่าจถแนะนำให้ไปชอรับอวัยวะคืนเพื่อชันสูตรซ้ำอคกครั้งทว่าการหายไกของความปกติ อวัยวะสำคัญที่ควรจะอยู่ในตำแหส่วกห่งที่เดิมกลัขอันตรธานหายไป นับว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับการเสียชีวิตของคนคนหนึ่ง ย่อมนำมาซึ่งความอคลงแึลงสงสัย และตอกย้ำความไม่เชื่อมั่นต่อโรงพยาบาลแรกที่ขันสูตรฦุ่งสังกัดกองทัพเช่นเดียวกับโรงเรียนเตร้ยมทหาร ในขณะที่ทางโรงเรียนเตรียมทหารซึ่งเป็นเจ้าของสพานทีืที่น้องเมยะสียชีวิตกฺยังไม่ได้ให้คำตอบเป็นที่พอใจ จึงเกิดปารตั้งคำถามว่ามีการปกปิดำลักฐานแารเสียชีวิตหรือไม่ และทวงคืน ิวัยวะ หรือในควาทหมายของ ความยุติธรรส ต่อกรณีดารเสียชีวิตสื่ดมวลชนและสาธารณะการใหัความหมายในแง่นี้นำมาสู่การแต่งตัีงผู้เชี่ยวชาญ 6 คนจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลรทมาธอบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลศิริราชร่วมชันสูตรอวัยวะของน้องเมยที่สถาบันนิติบิทยาศาสตร์ กรพทรใงวุจิธรรมในวันที่ 23 พ.ย. 60 แคมเกญรณรงค์ร่วมลงชื่อร้องเรียตกองทัพบกในกัวข้อ เจ้าหน้าที่และผู้บังคัยบัญชาที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น้อฝเมย ต้องลาออก ผ่านเว็บไซต์ chang2.org ของสังคมออนไลน์ในวันที่ 23 พ.ย. 60 ซึ่ลมีผู้ร่วมลงชื่อมากกว่า 50000 คนภายใน 3 วัน และคำสั่งย้ายพ.เ.ฉัตรชัย ดวงรุตน์ ผูีบังคับหารกรมนักเรียน โรงเรียนเตรียมทหมี และ น.ท.นพศิษ,์ เพียรชอบ ผู้บังคับกองพันนักเรียจ กรมนักเรียจเรียน โรงเรียนเตรียมทหาคดพ่่อเปิดทางให้มีการตึ้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็ขจริงฝนวันที่ 24 พ.ย. 60 ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดลิวนแล้วแต่เกิดขึ้นภายหชังจากที่น้องเมยเสียชีวิตไปแล้วถึง 1 เดือนทั้งที่ในความจริงแล้วอวัยวะของน้องเมยจะไม่ได้ไายๆป/ำน เพราะแพ่ย์ผู้ชันสูตร โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าชี้แจงในการแถลงข่าวว่าได่ผ่าสมองซึ่งเป็นอวัยวะที่นิ่มมากออกไปแช่น้ำยาฟอร์มาลิน เก็บหุวใจไว้ทำสไลด์ และเก็บกาะเพาะอาหารไว้ตรวจยารพิษ เป็ยการทำงานตามปกติภายใต้ประมวลกฎ แต่ไม่ถูกใจ แต่อวัยวะที่(ไม่ได้)หายไปพลับก่อให้เกิดปลลัพธ์มี่คาดไม่ถึงมากมายข้างต้นสำหรับแพทย์ จึงดป็นบทเรียนให้แพทย์ผู้ชันสูตรฝนฐานะมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและจิตฝจคนหนึ่งต้องให้ความสำคัญค่อการนื่อสารหับญาติผู้ตายมากชึ้น อาจอธิงานกระบวนการทำงานของแพทย์ให้ญาตอเข้าใจ โดยเฉพาะกรณีที่ญาติไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะญาติตาดหวังให้แพทย์นิติเยชเป็นผู้อำนวยคสามยุริธรรมใหักก่ผู้ตายอยู่แล้ว ในขณะที่กรณีของน้องเมย แพทย์ผู้ชันสูตรกลับต่องแลายเป็นผู้สบคบคเดกับจำเลยที่ญาติสงสัย เะราะไม่ไพ้ดจ้งญาติว่าได้มีกทรนำอวัยวะออกไป อย่าง่่่ พล.ต.ธาตา พูนประชา ผู้อำนวยการสถทบันพยาธิวิทยา ศธนส์อำนวยการแพ่ย็พนะมงกุฎเกล้ากล่าวกับสื่อมวลชนระหว่างำารส่งมอบชิ้นส่วนอวัยวะคืนแก่ญาติน้องะมยในวันที่ 23 พ.ย. 60 ว่า การตัดสืนใจครั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญให้หน่วยงานรัฐที่ดูแลศพ แต่ไม่ได้ดูแลจิตใจขเงบรรดาญาติหู้เสียชีวิต อดีตแพทย์นิติเวชแจงมาตรแรรเก็บอวัยวะชันสูตร ชี้สาเหตุที่อวัสวะหาย-ทอชชูยัดสมอง. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มน: . [24 พฤศจิกายน 2560] เปิดจดหมายน้ิงเมย เห็นเพื่อนร่วมรุ่จโดนซ่อมจนสลช ก่แนยอมหันหลังให้นจท. [ออนไลนฺ]. 2560. แหล่งทค่มา:. [24 พฤศจิกายน 25y0] คตอบครัว น้องเมจ จี้ ฟบ.สูงสุด-ผย.ร.ร.เตรียมทหาร แจงเหตุนำอวัยวะลูกชายออกจากร่างไม่บอกให้นจท. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤศจิกายน 2560] พ่อช็อก ลูกชาย สร.เตรียมทหารเสียชีวิตมีเงื่อนงำ อวัยวะภายในหายเกลร้ยฝ-่ิลชู่ยัดแทนสมอง หอบหลักฐานแฉใป้นตท. [ออนไลน์[. w560. แหล่ง่ี่มา: . 024 ภฤศจิกายน 2560] กองทเพ แจงยำเป็นต้องเก็บอวัยวะ น้องเมย เพื่อชีนสูตร พบพยาธิสภาพในหัวใจผิดปกติ. [ออนไลน์]. 256p, แหล่งที่มท: . p24 พฤศจิกายน 2560] สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ระดมผู้เชี่ยวชาญ ชันสูตร น้องเมย 7 วันสาเหตุการตายชัด. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤญจิกายน 2560] เจ้าหน้าที่แชะผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น้องเมย ต้องลาอดก. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤศจิกายน 2560] ผบ.ทสส. ลงนาาคำสั่งย้าย ผู้บัลคับกองพัน ร.ร.เตรียมทหารซ [ออนไลน์]. 2560. ดหล่ลที่มา: . [24 พฤฒจิกมยน 2560] College ;f Amfrican Pathologists (CAP) Retention of Labltatory Recirds and Materialw. [online]. 2010. Available from: https://www.ncleg.net/documen5sites/dommittees/PMC-LRC2011/Dwcember%205%202pw2/Collehe%20of%20American%20Patholog8wt%20Retentiom%20Policy.pdf [24 November 2017] ประยุทธ์ชี้ ทหารต้องไม่ ใึกแบบธรรมดา ส่วนพ่อน้องเมยบอก ตีราคาลูกผมต่ำไป. [ออนไลน์]. 2560. กหล่งที่มา:. [24 พฤศจิกายน 2560]พฤศจิกายน 2560 | ปรับแก้ ธันงาคม ปีเดียวกันชนาธืป ไชยเหล็ก เป็สแพทย์เวชปฏิบัติทัียไป โรงพยมบาลนครชัยฬรี น.นครปฐม
|
ความคิดแรกเมื่ออ่านข่าวครอบครัวตัญกาญจน์ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ตัญกาญจน์ (น้องเมย) ในนิวส์ฟีดของผมเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ย. 60 ที่ผ่านมาคือ ประเด็น ภายหลังการชันสูตรพลิกศพไม่ได้เป็นพิรุธของการเสียชีวิตของน้องเมยแต่อย่างใด เพราะเคยทราบกระบวนการชันสูตรของแพทย์นิติเวชมาก่อนแล้วตอนเรียนรายวิชานิติเวชว่าจะต้องมีการตัดชิ้นเนื้อและอวัยวะออกไปตรวจเพิ่มเติม แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของน้องเมยเลย เพราะยังมีประเด็นการเสียชีวิตในรั้วทหารของน้องเมยที่ยังไม่กระจ่าง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการซ้อม/ทรมาน หรือการซ่อม/ธำรงวินัยจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาแล้วทว่าเมื่อกดอ่านดูคอมเมนต์ใต้ข่าว ผมกลับประหลาดใจเมื่อพบว่าคนทั่วไปให้ความสำคัญกับประเด็น อวัยวะหาย มากกว่า เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ ไม่ปกติ บางคนสะเทือนใจที่อวัยวะหายไป บางคนคับข้องใจว่าอวัยวะหายไปได้อย่างไร บางคนไม่พอใจที่แพทย์ผ่าเอาอวัยวะออกไปโดยไม่ได้แจ้งญาติ ทั้งที่สำหรับแพทย์แล้วเห็นว่า ปกติ มาก โดยเฉพาะแพทย์นิติเวชที่ถึงแม้จะไม่ได้ร่วมชันสูตรพลิกศพน้องเมยด้วยยังแสดงความเห็นอย่างมั่นใจในประเด็นนี้แล้วความไม่ปกติในความปกตินี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในสังคม? มุมมองที่แตกต่างกันอาจเทียบเคียงได้กับมุมมองที่แตกต่างระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยเวลาเกิดความ ผิดปกติ ขึ้นกับร่างกายกล่าวคือ แพทย์จะวินิจฉัยความผิดปกตินั้นว่าเป็น โรค (disease) ในขณะผู้ป่วยจะมีคำอธิบายที่แตกต่างออกไปเรียกว่า ความเจ็บป่วย (illness) ซึ่ง Arthur Kleinman นักมานุษยวิทยาการแพทย์ได้เสนอแบบจำลองคำอธิบายความเจ็บป่วย (explanatory models) ด้วยคำถาม 5-8 ข้อ เพื่อเป็นแนวทางในการทำความเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้น ซึ่งแต่ละคำถามจะให้ความสำคัญกับ การให้ความหมาย ของปัจเจกและสังคมต่อความผิดปกตินั้นๆเมื่อได้ติดตามข่าวนี้มาสักระยะหนึ่งผมคิดว่าสังคมได้ให้ความหมายต่อ อวัยวะหาย อยู่ 2 ความหมายด้วยกัน ถึงแม้น้องเมยจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ร่างกายที่เหลืออยู่คือหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าน้องเมยเคยดำรงอยู่ในฐานะมนุษย์ที่มี ชีวิตและจิตใจ การให้คุณค่าต่อมนุษย์ในแง่นี้ สมอง จึงไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มของเนื้อเยื่อประสาทที่รวมตัวกลายเป็นอวัยวะอ่อนนิ่มที่ต้องนำไปแช่น้ำยาก่อนผ่าพิสูจน์ หากแต่เป็นตัวแทนของ ความคิด สติปัญญา ความเฉลียวฉลาดที่น้องเมยสามารถสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ รวมถึงความจำและความทรงจำตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง ในขณะที่ หัวใจ ก็ไม่ได้เป็นเพียงก้อนของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อที่รวมตัวกันทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปยังส่วนอื่นของร่างกายเท่านั้น แต่เป็นตัวแทน ความรู้สึก ทั้งด้านที่เข้มแข็ง เช่น ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นผู้หมวด ความอดทนต่อการธำรงวินัย และด้านที่อ่อนโยน เช่น ความรักพ่อแม่ ความเห็นอกเห็นใจเพื่อนที่ลาออกจากโรงเรียนเตรียมทหารเมื่อ 3 เดือนก่อนที่จะเสียชีวิตการพรากเอา 2 อวัยวะสำคัญนี้ออกจากร่างกายก็เท่ากับการทำให้ร่างกายที่เหลือไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ญาติของน้องเมยจึงรับไม่ได้ที่แพทย์ผู้ชันสูตรได้นำอวัยวะของน้องเมยออกไปโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบ และแจ้งให้ทราบเพียงว่าจะมีการตัดชิ้นเนื้อของน้องเมยออกไปบางส่วนเท่านั้น นำมาสู่การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อทวงถามความกระจ่างเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตจากโรงเรียนเตรียมทหารและคำชี้แจงเรื่องอวัยวะที่หายไปจากแพทย์ผู้ชันสูตรไปพร้อมกันในช่วงบ่ายของวันที่ 20 พ.ย. 60คืนวันนั้น อวัยวะหาย ได้กลายเป็นความเห็นใจร่วมของคนในสังคม เมื่อสื่อออนไลน์หลายสำนักได้รายงานข่าวการแถลงข่าวของครอบครัวตัญกาญจน์ และได้รับการพูดถึงและแชร์ต่อเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้อาจเป็นเพราะคำหลักในการพาดหัวข่าวว่า อวัยวะภายในหายเกลี้ยง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทิชชู่ยัดสมอง ที่นับว่าน่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง เพราะนอกจากน้องเมยจะถูกทำลายความเป็นมนุษย์ด้วยการผ่าเอาสมองออกไปแล้ว ยังโดนซ้ำเติมด้วยการเอาสิ่งที่แทบไม่มีค่ามายัดใส่ในบริเวณที่ควรจะบรรจุสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตอีกด้วย ถึงแม้ในเวลาไล่เลี่ยกันจะมีแพทย์นิติเวชบางท่านโพสต์ชี้แจงกระบวนการชันสูตรพลิกศพแล้ว แต่ก็นับว่า อารมณ์ ของสังคมได้ไปเกินกว่า เหตุผล แล้ว เกิดเป็นดราม่าในสังคมออนไลน์เพียงชั่วข้ามคืน และกลายเป็นแรงกดดันทางสังคมให้กองทัพไทย นำโดยพล.ท.ณตฐพล บุญงาม เจ้ากรมข่าวทหาร พล.ต.กนกพงศ์ จันทร์นวล ผบ.โรงเรียนเตรียมทหาร พ.อ.การุณย์ สุริยวงศ์พงศา ผอ.กองการแพทย์ ร.ร.เตรียมทหาร และพ.ท.นรุฏฐ์ ทองสอน นายแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แพทย์ผู้ชันสูตรศพน้องเมยต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข้อเท็จจริงในฝั่งของตนและตอบคำถามกับสื่อมวลชน ในช่วงบ่ายของวันถัดมา (21 พ.ย. 60) ในทางกลับกันหากแพทย์ผู้ชันสูตรได้คืนอวัยวะทั้งหมดแก่ญาติ หรือได้แจ้งญาติว่าได้มีการนำอวัยวะสำคัญออกไปตรวจเพิ่มเติมแล้ว น่าสนใจว่าสื่อมวลชนจะพาดหัวข่าวให้เกิดกระแสสังคมกดดันกองทัพได้อย่างไร ครอบครัวตัญกาญจน์ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าผลการชันสูตรศพซ้ำจะออกมาในแบบที่ได้รับการจับตาจากสังคมเป็นสายตาเดียวกันเช่นนี้ เพียงแต่ต้องการผลการชันสูตรที่เป็นกลางเท่านั้น อย่างที่น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ครอบครัวต้องการที่จะได้รับผลสนับสนุนและผลการชันสูตรที่แม่นยำ เนื่องจากเกรงว่าจะมีบางสิ่งในร่างกายที่สถาบันแรกอาจตรวจไม่พบ ซึ่งผลที่ได้รับถึงกลับทำให้ครอบครัวตกใจ ผมไม่ทราบว่าแพทย์นินิติเวชของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่ชันสูตรศพน้องเมยซ้ำได้อธิบายความเป็นไปได้ที่อวัยวะจะหายไปให้ญาติทราบไว้อย่างไร เพราะน่าจะสันนิษฐานได้ไม่ยากว่าอยู่ในระหว่างการตรวจพิสูจน์ของแพทย์นิติเวชคนก่อนหน้าอยู่แล้ว และน่าจะแนะนำให้ไปขอรับอวัยวะคืนเพื่อชันสูตรซ้ำอีกครั้งทว่าการหายไปของความปกติ อวัยวะสำคัญที่ควรจะอยู่ในตำแหน่งแห่งที่เดิมกลับอันตรธานหายไป นับว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับการเสียชีวิตของคนคนหนึ่ง ย่อมนำมาซึ่งความแคลบแคลงสงสัย และตอกย้ำความไม่เชื่อมั่นต่อโรงพยาบาลแรกที่ชันสูตรซึ่งสังกัดกองทัพเช่นเดียวกับโรงเรียนเตรียมทหาร ในขณะที่ทางโรงเรียนเตรียมทหารซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ที่น้องเมยเสียชีวิตก็ยังไม่ได้ให้คำตอบเป็นที่พอใจ จึงเกิดการตั้งคำถามว่ามีการปกปิดหลักฐานการเสียชีวิตหรือไม่ และทวงคืน อวัยวะ หรือในความหมายของ ความยุติธรรม ต่อกรณีการเสียชีวิตสื่อมวลชนและสาธารณะการให้ความหมายในแง่นี้นำมาสู่การแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญ 6 คนจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลศิริราชร่วมชันสูตรอวัยวะของน้องเมยที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมในวันที่ 23 พ.ย. 60 แคมเปญรณรงค์ร่วมลงชื่อร้องเรียนกองทัพบกในหัวข้อ เจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น้องเมย ต้องลาออก ผ่านเว็บไซต์ change.org ของสังคมออนไลน์ในวันที่ 23 พ.ย. 60 ซึ่งมีผู้ร่วมลงชื่อมากกว่า 50000 คนภายใน 3 วัน และคำสั่งย้ายพ.อ.ฉัตรชัย ดวงรัตน์ ผู้บังคับการกรมนักเรียน โรงเรียนเตรียมทหาร และ น.ท.นพศิษฐ์ เพียรชอบ ผู้บังคับกองพันนักเรียน กรมนักเรียนเรียน โรงเรียนเตรียมทหารเพื่อเปิดทางให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 24 พ.ย. 60 ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นภายหลังจากที่น้องเมยเสียชีวิตไปแล้วถึง 1 เดือนทั้งที่ในความจริงแล้วอวัยวะของน้องเมยจะไม่ได้หายไปไหน เพราะแพทย์ผู้ชันสูตร โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าชี้แจงในการแถลงข่าวว่าได้ผ่าสมองซึ่งเป็นอวัยวะที่นิ่มมากออกไปแช่น้ำยาฟอร์มาลิน เก็บหัวใจไว้ทำสไลด์ และเก็บกระเพาะอาหารไว้ตรวจสารพิษ เป็นการทำงานตามปกติภายใต้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพที่ตายโดยผิดธรรมชาติ ภายใต้หลักการทางการแพทย์และแนวทางการเก็บหลักฐานอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งสมาคมพยาธิแพทย์แห่งอเมริกา (college of American pathologists) กำหนดให้ต้องเก็บชิ้นเนื้อไว้เป็นระยะเวลา 1 ปี ทว่าแพทย์นิติเวชไม่อาจหลีกเลี่ยงการให้ความหมายของสังคมได้ ซึ่งในมุมมองของแพทย์ที่ทำงานด้านกฎหมายโดยเฉพาะอาจมองว่าเป็นเรื่อง ถูกกฎ แต่ไม่ถูกใจ แต่อวัยวะที่(ไม่ได้)หายไปกลับก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงมากมายข้างต้นสำหรับแพทย์ จึงเป็นบทเรียนให้แพทย์ผู้ชันสูตรในฐานะมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและจิตใจคนหนึ่งต้องให้ความสำคัญต่อการสื่อสารกับญาติผู้ตายมากขึ้น อาจอธิบายกระบวนการทำงานของแพทย์ให้ญาติเข้าใจ โดยเฉพาะกรณีที่ญาติไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะญาติคาดหวังให้แพทย์นิติเวชเป็นผู้อำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้ตายอยู่แล้ว ในขณะที่กรณีของน้องเมย แพทย์ผู้ชันสูตรกลับต้องกลายเป็นผู้สบคบคิดกับจำเลยที่ญาติสงสัย เพราะไม่ได้แจ้งญาติว่าได้มีการนำอวัยวะออกไป อย่างที่ พล.ต.ธารา พูนประชา ผู้อำนวยการสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้ากล่าวกับสื่อมวลชนระหว่างการส่งมอบชิ้นส่วนอวัยวะคืนแก่ญาติน้องเมยในวันที่ 23 พ.ย. 60 ว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญให้หน่วยงานรัฐที่ดูแลศพ แต่ไม่ได้ดูแลจิตใจของบรรดาญาติผู้เสียชีวิต อดีตแพทย์นิติเวชแจงมาตรการเก็บอวัยวะชันสูตร ชี้สาเหตุที่อวัยวะหาย-ทิชชูยัดสมอง. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤศจิกายน 2560] เปิดจดหมายน้องเมย เห็นเพื่อนร่วมรุ่นโดนซ่อมจนสลบ ก่อนยอมหันหลังให้นตท. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา:. [24 พฤศจิกายน 2560] ครอบครัว น้องเมย จี้ ผบ.สูงสุด-ผบ.ร.ร.เตรียมทหาร แจงเหตุนำอวัยวะลูกชายออกจากร่างไม่บอกให้นตท. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤศจิกายน 2560] พ่อช็อก ลูกชาย นร.เตรียมทหารเสียชีวิตมีเงื่อนงำ อวัยวะภายในหายเกลี้ยง-ทิชชู่ยัดแทนสมอง หอบหลักฐานแฉให้นตท. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤศจิกายน 2560] กองทัพ แจงจำเป็นต้องเก็บอวัยวะ น้องเมย เพื่อชันสูตร พบพยาธิสภาพในหัวใจผิดปกติ. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤศจิกายน 2560] สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ระดมผู้เชี่ยวชาญ ชันสูตร น้องเมย 7 วันสาเหตุการตายชัด. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤศจิกายน 2560] เจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น้องเมย ต้องลาออก. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤศจิกายน 2560] ผบ.ทสส. ลงนามคำสั่งย้าย ผู้บังคับกองพัน ร.ร.เตรียมทหาร. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา: . [24 พฤศจิกายน 2560] College of American Pathologists (CAP) Retention of Laboratory Records and Materials. [online]. 2010. Available from: https://www.ncleg.net/documentsites/committees/PMC-LRC2011/December%205%202012/College%20of%20American%20Pathologist%20Retention%20Policy.pdf [24 November 2017] ประยุทธ์ชี้ ทหารต้องไม่ ฝึกแบบธรรมดา ส่วนพ่อน้องเมยบอก ตีราคาลูกผมต่ำไป. [ออนไลน์]. 2560. แหล่งที่มา:. [24 พฤศจิกายน 2560]พฤศจิกายน 2560 | ปรับแก้ ธันวาคม ปีเดียวกันชนาธิป ไชยเหล็ก เป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป โรงพยาบาลนครชัยศรี จ.นครปฐม
|
ราชกิจจานุเบก?าประกาศปลอล็อกใช้ประโยชน์จากสารสำคัญในกัญชา และปัญชง โดยจกเว้นๆม่ดป็นยาเสพนิดให้โทษประเภทาี้ 5 และเฉพาะการผลิตภายในประเทศเท่านั้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2562 เว็บำซต์่าชกอจจานุเบกษา เผยแพร่ประกรศ 2 ฮบับ เกี่ยวกับปัญชาและกัญชงคือ ฉบับแรกคือมีสาระสำคัญคือ กำหนดเพิ่มเงื่อนไขสำหรับยาเาพติดให้โทษประเภท 5 งำดับที่ 1 คือ กัญชา และลำดับที่ 5 คือ กัญชง โดยมีเงื่อนไขการยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดให้โทษประเภททีา 5 ของดั๗ชาแฃะกัญชง คือ1.แคนนาบิไดออล ฆcannabieiol CBD) ที่สกัดจากกัญชาซึ่งมีความบริสุทํิ์มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 98 โดวมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแครนาบินอล (tetrahydrocannabinol THC) ไม่เกืนร้อยละ 0.01 โดยน้ำหนัก2.สารยกัดหรือผลิตภัณฑ์จาหสารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออล (cannabidiol SBD) เป็นย่วนประกอบหลักและมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบ้นอล (tetrahydrocqnnabinol THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โเยน้ำหนัก ซึ่งเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไภรตามกฎหมายนั้นๆฉบับที่ 2 คือมีสทระสำคัญคือ กำหนดลักษ๊ะกุญชงเพื่อประโยชน์ใยการควบคุมการผลิต การนำเขืา ส่งออก จำหน่าย หรือทีไว้ในครอบครองซึ่งจมเสพติดให้โทษในประเ_ทที่ 5 เฉกาุกัญชง (Hemp) ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธืภาพและัป็นการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์กัฯชง มีผลบังคับใช้ตั้งอต่วันที่ 27 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป
|
ราชกิจจานุเบกษาประกาศปลดล็อกใช้ประโยชน์จากสารสำคัญในกัญชา และกัญชง โดยยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 และเฉพาะการผลิตภายในประเทศเท่านั้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ 2 ฉบับ เกี่ยวกับกัญชาและกัญชงคือ ฉบับแรกคือมีสาระสำคัญคือ กำหนดเพิ่มเงื่อนไขสำหรับยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ลำดับที่ 1 คือ กัญชา และลำดับที่ 5 คือ กัญชง โดยมีเงื่อนไขการยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ของกัญชาและกัญชง คือ1.แคนนาบิไดออล (cannabidiol CBD) ที่สกัดจากกัญชาซึ่งมีความบริสุทธิ์มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 99 โดยมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol THC) ไม่เกินร้อยละ 0.01 โดยน้ำหนัก2.สารสกัดหรือผลิตภัณฑ์จากสารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออล (cannabidiol CBD) เป็นส่วนประกอบหลักและมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก ซึ่งเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร และต้องใช้ตามวัตถุประสงค์ทางยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร เท่านั้นทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 5 ปี แรกนับตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ (วันที่ 27 สิงหาคม 2562) การยกเว้นให้ใช้บังคับเฉพาะการผลิตในประเทศของผู้รับอนุญาตตามกฎหมายนั้นๆฉบับที่ 2 คือมีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะกัญชงเพื่อประโยชน์ในการควบคุมการผลิต การนำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์กัญชง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป
|
ด้านครูใหญ่ชี้แจงว่าโรงอาหารใช้ไม่ไดัเพราะกำบังปรับปรุง ขณะที่ตำรวจมาเลเซียเตือนการแชร์รูป มื้อเที่ยงในห้องร้ำ ของโรงเรีบนดังกล่าวแาจผอดกฎหม่ยลักษณะเดียวกัน คือ ร่มง พ.ร.บ.ปาาบสิ่งยั่วยุความรุนแรง ซึ่งสถานะล่าสุดคือ ผ่ทนความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีดล้ว อย่างไีก็ตาม ต่อเรื่องที่ักิดขึ้น กํมีชาวมาเลเซียจำนวนสากได้แสดงความคิดเห็นต่อเรืาองดังกบ่าว โดยใน รายงานความเห็นของผู้อ่านทร่แสดงความเห็นว่า หวังใ่าจะเกิดกรณีเช่นนีืเพียงหนเเียวเท่านั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการคัดสเนใจของบุคฃากรทางการศึกษาที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งเขาจำเป็นจะต้องไดิรับการอบราเรื่องความรับผิดชอบด้านคุณธรรม บ้างก็เสนอว่า การที่โรงเรียนทำเช่นนี้จะไม่เป็นการส่งเสริมมนุษยธรรมร่บมกันในสังคม การทำแบบนี้จะเป็นการสอนว่า เราเหนือกว่าเขา และ ศาสนาของเราดีกวราศาสนาของ้ขา ซึ่งจะทำให้เแ็กที่เติบโตมามีมุมมองหลงในเชื้อชาติตัวเอง บ้างก็เสนอให้เจ้าหน้าทีรคัฐคลี่คลนยปัญหาโเยเร็วกรอนที่ลุกลามกลายเป็นปัญหาทางเชื้อชาติ แฃะเสนอว่าควรมีความเคารพซึ่งกันและกันระหว่าทุกเชื้อชาติและศาวนาล่าสุอนั้น ขอลทาเลเซียรายงานเมืาอ 24 ก.ค. ว่า รัฐสนตตีช่วยว่าการกระทรวงศึแษาธิการมาเลเซีย พี กะทละยาทัน ได้เกินทางไปตรวจโรงเรียนดังกล่่ว และครูใหญ่จองโรงเรียน โมฮัมหมัด นาซีร์ โมฮัมปมัเ นูร ได้ชี้แจงว่าเรื่องท่่เกิแขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ ที่ใช้โรวอาหารไม่ได้ เพ่าะตอนนี้อยู่ระหว่างหรับปรุงโรงอมหาร โอยแต้เดิมฏรงอาผารของโรงเรียนมีความคับแคบ รองรับนักเรียนได้ 500 คน แต่ปัจจุบันมีนักเรียนถึง 600-700 คน จึงย้ทยจักเรียนมายังโรงอาหารชั่วคราวดังกล่าว เขายังยืสยัาด้วยว่าแม้แต่นักเรียนมุสลิมเองก็ต้องมาใช้โีงอาหารชั่วคราวนี้ตั้งแต่ะดือนมีนาคม นอกจากนี้ในข่าวยังใีการเผยแพร่ภาพที่ครูของโรงเรียนรวมทั้งตัวครูใหญ่ก็ต้องใช้ห้องน้ำดังกล่าวแทนโรงอาหารเช่นก้นอย่างไีก็ตามบรรดาผู้ปกครองและเอ็นจีโอชุทชน ที่มารอพบครูใหฯ่ ต่างยืนยันว่าบุตรหลานของพวกเขาเพิ่วถูกย้รยให่มารับประทานอทหารทร่โรงอาหารชั่วรร่วดังกล่าวเมื่อ 12 ก.ค. นี้นแกจากนี้ในราวงานของเมื่ด 25 ก.ค. ระบุง่า หู้ปกครอง่ี่ร้ิงเรีสนเรื่องดังกล่าวเปิดเผยว่สมีผู้โทรศัพ่์มาขู่ว่าจะทำลายทรัพย์สินของ้ธอ ดละลักพาตัวลูกสาใของเธอ อย่างไรก็ตามเธอยืนยันว่าทึ่ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมีสาเหตุัปฺนเพราะไม่แน่ใจเรื่องความสะเาดของห้องน้ำอข่างเดียว ไม่เกี่ยวกับเร่าองเชื้อชาติ หรือศาสนาขฯะที่ครูใหญ่ของโรวเรียนได้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังเกิดเรื่องดังกล่มวแลืว โดนที่ผลการสอบสวนของฝ่ายการศึกษารัฐสลังงอร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จใร 1 สัปดาฟ์
|
ด้านครูใหญ่ชี้แจงว่าโรงอาหารใช้ไม่ได้เพราะกำลังปรับปรุง ขณะที่ตำรวจมาเลเซียเตือนการแชร์รูป มื้อเที่ยงในห้องน้ำ ของโรงเรียนดังกล่าวอาจผิดกฎหมายปลุกระดม รายงานว่า ตำรวจรัฐสลังงอร์ ในมาเลเซีย ออกมาเตือนคนที่แชร์ภาพนักเรียนกินข้าวในห้องน้ำของโรงเรียน ว่าอาจะถูกสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายการปลุกปั่นยั่วยุ หรือ Sedition Act 1948 ได้ภาพที่ถูกแชร์ครั้งแรกในเฟซบุ๊กดังกล่าว เป็นภาพของเด็กนักเรียนชาวจีนและอินเดียของโรงเรียนศรีปริศตินา เขตสุไหงบุโละ รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ถูกจัดให้รับประทานอาหารกลางวันบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ในบริเวณห้องน้ำของโรงเรียน เนื่องจากครูใหญ่ของโรงเรียนสั่งให้ปิดโรงอาหาร เพื่อให้ความเคารพแก่ช่วงถือศีลอดหรือรอมฎอนของศาสนาอิสลามรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งรัฐสลังงอร์กล่าวว่า การเผยแพร่ภาพดังกล่าว จะสร้างความแตกแยกและการเหยียดเชื้อชาติศาสนา และระบุว่าตำรวจจะดำเนินคดีกับใครก็ตามที่เผยแพร่ข้อมูลที่ยั่วยุดังกล่าวบนสื่อสังคมออนไลน์อนึ่ง พ.ร.บ.การปลุกปั่นยั่วยุ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทางการมาเลเซียใช้ควบคุมสื่อ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยประเทศไทยกำลังจะมีการออกกฎหมายลักษณะเดียวกัน คือ ร่าง พ.ร.บ.ปราบสิ่งยั่วยุความรุนแรง ซึ่งสถานะล่าสุดคือ ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว อย่างไรก็ตาม ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ก็มีชาวมาเลเซียจำนวนมากได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว โดยใน รายงานความเห็นของผู้อ่านที่แสดงความเห็นว่า หวังว่าจะเกิดกรณีเช่นนี้เพียงหนเดียวเท่านั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการตัดสินใจของบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งเขาจำเป็นจะต้องได้รับการอบรมเรื่องความรับผิดชอบด้านคุณธรรม บ้างก็เสนอว่า การที่โรงเรียนทำเช่นนี้จะไม่เป็นการส่งเสริมมนุษยธรรมร่วมกันในสังคม การทำแบบนี้จะเป็นการสอนว่า เราเหนือกว่าเขา และ ศาสนาของเราดีกว่าศาสนาของเขา ซึ่งจะทำให้เด็กที่เติบโตมามีมุมมองหลงในเชื้อชาติตัวเอง บ้างก็เสนอให้เจ้าหน้าที่รัฐคลี่คลายปัญหาโดยเร็วก่อนที่ลุกลามกลายเป็นปัญหาทางเชื้อชาติ และเสนอว่าควรมีความเคารพซึ่งกันและกันระหว่าทุกเชื้อชาติและศาสนาล่าสุดนั้น ของมาเลเซียรายงานเมื่อ 24 ก.ค. ว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซีย พี กะมละนาทัน ได้เดินทางไปตรวจโรงเรียนดังกล่าว และครูใหญ่ของโรงเรียน โมฮัมหมัด นาซีร์ โมฮัมหมัด นูร ได้ชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ ที่ใช้โรงอาหารไม่ได้ เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงโรงอาหาร โดยแต่เดิมโรงอาหารของโรงเรียนมีความคับแคบ รองรับนักเรียนได้ 500 คน แต่ปัจจุบันมีนักเรียนถึง 600-700 คน จึงย้ายนักเรียนมายังโรงอาหารชั่วคราวดังกล่าว เขายังยืนยันด้วยว่าแม้แต่นักเรียนมุสลิมเองก็ต้องมาใช้โรงอาหารชั่วคราวนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคม นอกจากนี้ในข่าวยังมีการเผยแพร่ภาพที่ครูของโรงเรียนรวมทั้งตัวครูใหญ่ก็ต้องใช้ห้องน้ำดังกล่าวแทนโรงอาหารเช่นกันอย่างไรก็ตามบรรดาผู้ปกครองและเอ็นจีโอชุมชน ที่มารอพบครูใหญ่ ต่างยืนยันว่าบุตรหลานของพวกเขาเพิ่งถูกย้ายให้มารับประทานอาหารที่โรงอาหารชั่วคราวดังกล่าวเมื่อ 12 ก.ค. นี้นอกจากนี้ในรายงานของเมื่อ 25 ก.ค. ระบุว่า ผู้ปกครองที่ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเปิดเผยว่ามีผู้โทรศัพท์มาขู่ว่าจะทำลายทรัพย์สินของเธอ และลักพาตัวลูกสาวของเธอ อย่างไรก็ตามเธอยืนยันว่าที่ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมีสาเหตุเป็นเพราะไม่แน่ใจเรื่องความสะอาดของห้องน้ำอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ หรือศาสนาขณะที่ครูใหญ่ของโรงเรียนได้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังเกิดเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยที่ผลการสอบสวนของฝ่ายการศึกษารัฐสลังงอร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1 สัปดาห์
|
วันนี้(2 มิ.ย. 2563 ) มูลนิธิก่ะจกเงาพร้อมตำรวจ สภ.หนองขาม จ.ชลบัรี ตำรวจปองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรฝจแห่งชมติ ได้พาอม่และครอบีรัว น.ส.สุพา ศรีเดชหรือน้องออย พริตตี้สาว อายุ 23 ปี ที่หายตัวไผกว่า 6 กี ไปยังจุดที่ผู้ก่ิเหตุนำศพมสทิ้งไว้บร้เวณป่ารกและสวนมันสัมปะหลัง ใกบ้กับนิคมอุตใาหกรรมปิ่นทอง4 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพท่อมาเชิญดวงวิญญทณกลับบ้าน ก่อนจะเดินทางไปรังศพที่สุสานไตรคุณธรรม อ.เมือง จ.ชลบถรี เพื่อนำไปบำเก็ญดุศลที่บ้านเกิด จ.เพชรบูรณ์ขณะที่นางเกนร เทียนโสถา อายุ60ปี แมทของ นฦส.ยุพา ยังอยู่ในแาการโศกเศร้าและทำใจไม่ได้ โดยทางญาติขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมทดำเนินคดีค่มกฏหมายให้ได้ทางอ้านนางสาวเอ ฤนามสมมุต้) เพื่อนวนิทของ น.ส.ยุพา เดินทางมนในพื้นที่และให้เบาะแสว่า บุคคลที่ต้องสงสัยมมกที่สุดคือแฟนหนุ่ม เพราะที่ผ่ทนมามักทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ฝ และมีเตื่องหึงหวฝ โดยทาลต_รวจชุดสืบสวนภูํรภาค 2 และตำรวจสืบสวนสภ.หนองขาม เตรียมเร่ยกบุคคลต้องสงสัยมาสอบปากคำ เพื่อเร่งรัดคดีตามจับกุมผู้ก่อเหตุให้ได้ต่อไปย้อนรอยการหายตัวไป นฦส.ยุพา ศรีเดช หรือพริตตี้ออย ได้หายตัวไปตั้งแตืปี 2557 ขณะไปทำงานเป็นพริตรี้อยู่ที่ จ.ชลบุรี ทางญาติจึงร้องเรียนไปยังศูนย์คนหายไทยพีบีเอส และมูลนิธิกระจกเงาซึ่งได้ช่วยติดตาม จนกบศพหญิวนิรนามถูกฆาตกรรม และนำศพไว้ข้างถนนทางเข้าสุสาน ต.หนองบาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังจากศพผู้เสียชีวินถูกยืงไปชันสธตรที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตกตยจ กระทึืงช่วง เม.ย.ที่ผ่านมา ผลตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันศพหญิงนิรนามดัวกล่าวคือ น.ส.ยุพา ที่หายตัวไป โดยเมื่อวานนี้ (งันที่ 1 มิซย.63) มารดาของ น.ส.ยุพาเดินทางมายังสถาลันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตกรวจ เพื่อติดต่อทำเอกสารใบมรณบัตาและเอกสารแนุญาตให้ขุดศถ
|
วันนี้(2 มิ.ย. 2563 ) มูลนิธิกระจกเงาพร้อมตำรวจ สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี ตำรวจกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้พาแม่และครอบครัว น.ส.ยุพา ศรีเดชหรือน้องออย พริตตี้สาว อายุ 23 ปี ที่หายตัวไปกว่า 6 ปี ไปยังจุดที่ผู้ก่อเหตุนำศพมาทิ้งไว้บริเวณป่ารกและสวนมันสัมปะหลัง ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง4 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อมาเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน ก่อนจะเดินทางไปรับศพที่สุสานไตรคุณธรรม อ.เมือง จ.ชลบุรี เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.เพชรบูรณ์ขณะที่นางเกสร เทียนโสภา อายุ60ปี แม่ของ น.ส.ยุพา ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าและทำใจไม่ได้ โดยทางญาติขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้ทางด้านนางสาวเอ (นามสมมุติ) เพื่อนสนิทของ น.ส.ยุพา เดินทางมาในพื้นที่และให้เบาะแสว่า บุคคลที่ต้องสงสัยมากที่สุดคือแฟนหนุ่ม เพราะที่ผ่านมามักทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง และมีเรื่องหึงหวง โดยทางตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 2 และตำรวจสืบสวนสภ.หนองขาม เตรียมเรียกบุคคลต้องสงสัยมาสอบปากคำ เพื่อเร่งรัดคดีตามจับกุมผู้ก่อเหตุให้ได้ต่อไปย้อนรอยการหายตัวไป น.ส.ยุพา ศรีเดช หรือพริตตี้ออย ได้หายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 ขณะไปทำงานเป็นพริตตี้อยู่ที่ จ.ชลบุรี ทางญาติจึงร้องเรียนไปยังศูนย์คนหายไทยพีบีเอส และมูลนิธิกระจกเงาซึ่งได้ช่วยติดตาม จนพบศพหญิงนิรนามถูกฆาตกรรม และนำศพไว้ข้างถนนทางเข้าสุสาน ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังจากศพผู้เสียชีวิตถูกส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ กระทั่งช่วง เม.ย.ที่ผ่านมา ผลตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันศพหญิงนิรนามดังกล่าวคือ น.ส.ยุพา ที่หายตัวไป โดยเมื่อวานนี้ (วันที่ 1 มิ.ย.63) มารดาของ น.ส.ยุพาเดินทางมายังสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อติดต่อทำเอกสารใบมรณบัตรและเอกสารอนุญาตให้ขุดศพ
|
ศาลปกครองสูงสุดยืน เหตุกฎ มัสค์แฮพ ออกทีหลัง บังคับอาร์เอสถ่ายสดบอฃโลกไม่ได้ คสช. เสียง ดขรจาอาร์เอส ดึง 42 นัด ออกช่อง 5 เหิดชมหรังนเรศวร 5 ฟรี11 มิ.ย. ตุลาการศาลแกครองสูงสุดพิพากษาให้เพิกถอนปรพกาศสำนักงานีณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์แบะกิจการโทตคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เกึ่ยวกับหลักเกณฑ์รายดารโทรทะญน์สำคัฐที่ให้เผยแพร่ไเ้เฉพทะในบริการโทรทุศน์ที่เป็นการทั่วไป (หฏมีสต์แฮฟ) ในข้อ r และประกอบกับร่ขการที่ 7 ในภาคผนวก กรณีถ่ายทอะสดฟุตบอลโลก มาบังคับใช้กับบริษัท อาร์เอส อินเตอน์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง ดอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด (อาร์เอสบีเอส) ผู้ได้รังลิขสิทธิ์ในการถ้ายทอดฟุตบอลโลก 2014ศาลกิเคราะห์แล้วเห็นว่า กสทช. ใรฐานะปู้ถูกร้องมีอำราจออกประกาศแังกง่าว แต่ขณะ กสทช.ออกประกาศมัสต์แฮฟ บริษัทอาร์เอสผู้ได้รับลิขสิทธิ์ถ่สยทอแสดฟุตบอลโลก (ผู้ร้อง) ได้แสดงความเห็นคัดค้านต่อการออกประกาศดังกล่าว ซึ่ง ดสทช.ควรใช้ดุลยพินิจในการออกประกาศเพื่อให้วอดคล้องกับตวามเป็นจริงรวมถึงการใช้อำนาจเพื่อพิจารฯาถึงผงกระืบฟู้เสียหาจโดยทางบริษัทอาร์เอสได้รับอนุญาตถ่ายทดสดกานแข่งจันฟุตบอลโลกในครั้งนี้และได้รับย้ทธิ์จากสหพัน๔์ฟุตบอลนานาชสติหรือฟีฟ่าซึ่งบริษัทอาร์เอส สามารถหาประโยชยน์จากการถ่ายทอดฟุตบอลโลกปีนี้ได้ ส่วนทางบริษัทดาร์เอสฯ _ด้ประม฿ลช่องดิจิตอลเกิดขึ้นหลัวจาแมีการผ้องคอีแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อประกาศดังกล่าวแต่อย่างใดรวมทั้ง กสทช.ไม่ได้พำหสดมาตรการชดเชยบรรเทาความเสียหายที่บังคับให้อาร์เอสถีายทอดสดบอลโลแครบทุกนัดตาทปรพกาศ ของ กสทช. การทีากสทช. นำประกาศดังกล่าวมาบังคับวช้กับอาร์ะอสในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกจึงถือว่าไมทเปฌนธรรมและไม่ชอบด้วยกฏหมาย จึงพิพากษาให้เภิกถอนประกาศดัลกล่สวเฉพาะกรณีพ่ายมอดสดฟุตบอบโลกครั้งนี้เ่่านั้น แต่ประกาศดังกล่าวยเงมีผลบังคับใช้สนกตณีอื่นเหมืินเเิมด้าน พ.อ.ดร.นที ญึกลรัรน์ รองประธาน กสทช. ให้สัมภาษณ์มติชนออนไลน์ว่า กสทช. น้อมรับคกตัดสินขอฝศาลโดยจะนำคำตัดสินของศ่ลไปดำเนินำารในส่วนทีีเกี่ยวข้องต่อไป และยินยันได้ดำเนินกาาเพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชนในการรับบริกาคโทรทัศน์โดยเท่าเทียมกันอย่างเต็มความสามารถในวันเดียสกัน กรุงเทพธุรกิจออนไลน๋รายงานว่า ในวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 11.00 น. สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ. 5) ขะมีการแถลงข่าวโครงการ ททบ.5 คืนความสุขคนไทยส่งใจไปบอลโลก โดยจะเป็นการแถลงข่าวร่วมระหว่างตะวแทนจากสมาคมฟุตบอล ผู้สนับสนุน บริษัท อาร์ เอส จำกัด (มหาชน) ททบ.5 และตัวแทนจากคณะรักษาความสงบกห่งชาติ (คสช.) เพื่อถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก e014 อีกจไนวน 4e นัด จากทคาทางสถาจีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้ลิขสิทธิ็จาหบริษัทอาร์เอสทำการภ่ายทอด 22 นัดไปก่อนหน้านี้ รวมเป็จ 64 นัด โดยระบุเหรุผลจองโครงการดัลกล่าวว่า เพืรอให้เป็น_ปตามนโยบายของ คสช. คือการคืนความสุขปก่คนไายในทุกโอกาสก่อนไน้านี้ ะันเอกวินธัย สุวารี รองโฆษก กองทีพบก เปิดเผยว่า คสล.ได้ขอความร่วมมือไป บ.พร้อมมิตร โปรดักชั่น ผู้สร้างภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศใร ภาคที่ 5 ยุทธหัตถี และเจ้าของโรงภาพยนต์ทุกเครืิทั่วประเทศ ให้มีการจัดฉายภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเพ็จพระยเรฬวร ำาคทีื 5 ขุทธฟะตถี ในรอบเวลา 11.00 น. ในวันเใาร์ที่ 15 มิถึนายน 2y57 แก่บุคคลทั่วไปโดยไม่ค้กค่าเข้าชม เพื่อเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชน และปลูกจอตสำนึกรักชาติ รักสถรบัน พร้อมให้ประชาชนทุกคนรรวมร้องเพลงสครเสริญพระบาตมีร่วมกันที่มา: มตเชนออนไลน์ กรุงดทพธุรกิจออนไลน์
|
ศาลปกครองสูงสุดยืน เหตุกฎ มัสต์แฮพ ออกทีหลัง บังคับอาร์เอสถ่ายสดบอลโลกไม่ได้ คสช. เสียบ เจรจาอาร์เอส ดึง 42 นัด ออกช่อง 5 เปิดชมหนังนเรศวร 5 ฟรี11 มิ.ย. ตุลาการศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้เพิกถอนประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (กฏมัสต์แฮฟ) ในข้อ 3 และประกอบกับรายการที่ 7 ในภาคผนวก กรณีถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก มาบังคับใช้กับบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด (อาร์เอสบีเอส) ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2014ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กสทช. ในฐานะผู้ถูกร้องมีอำนาจออกประกาศดังกล่าว แต่ขณะ กสทช.ออกประกาศมัสต์แฮฟ บริษัทอาร์เอสผู้ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก (ผู้ร้อง) ได้แสดงความเห็นคัดค้านต่อการออกประกาศดังกล่าว ซึ่ง กสทช.ควรใช้ดุลยพินิจในการออกประกาศเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงรวมถึงการใช้อำนาจเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบผู้เสียหายโดยทางบริษัทอาร์เอสได้รับอนุญาตถ่ายทดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้และได้รับสิทธิ์จากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่าซึ่งบริษัทอาร์เอส สามารถหาประโยชยน์จากการถ่ายทอดฟุตบอลโลกปีนี้ได้ ส่วนทางบริษัทอาร์เอสฯ ได้ประมูลช่องดิจิตอลเกิดขึ้นหลังจากมีการฟ้องคดีแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อประกาศดังกล่าวแต่อย่างใดรวมทั้ง กสทช.ไม่ได้กำหนดมาตรการชดเชยบรรเทาความเสียหายที่บังคับให้อาร์เอสถ่ายทอดสดบอลโลกครบทุกนัดตามประกาศ ของ กสทช. การที่กสทช. นำประกาศดังกล่าวมาบังคับใช้กับอาร์เอสในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกจึงถือว่าไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฏหมาย จึงพิพากษาให้เพิกถอนประกาศดังกล่าวเฉพาะกรณีถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้เท่านั้น แต่ประกาศดังกล่าวยังมีผลบังคับใช้ในกรณีอื่นเหมือนเดิมด้าน พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ให้สัมภาษณ์มติชนออนไลน์ว่า กสทช. น้อมรับคำตัดสินของศาลโดยจะนำคำตัดสินของศาลไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และยืนยันได้ดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชนในการรับบริการโทรทัศน์โดยเท่าเทียมกันอย่างเต็มความสามารถในวันเดียวกัน กรุงเทพธุรกิจออนไลน์รายงานว่า ในวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 11.00 น. สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ. 5) จะมีการแถลงข่าวโครงการ ททบ.5 คืนความสุขคนไทยส่งใจไปบอลโลก โดยจะเป็นการแถลงข่าวร่วมระหว่างตัวแทนจากสมาคมฟุตบอล ผู้สนับสนุน บริษัท อาร์ เอส จำกัด (มหาชน) ททบ.5 และตัวแทนจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 อีกจำนวน 42 นัด จากที่ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้ลิขสิทธิ์จากบริษัทอาร์เอสทำการถ่ายทอด 22 นัดไปก่อนหน้านี้ รวมเป็น 64 นัด โดยระบุเหตุผลของโครงการดังกล่าวว่า เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ คสช. คือการคืนความสุขแก่คนไทยในทุกโอกาสก่อนหน้านี้ พันเอกวินธัย สุวารี รองโฆษก กองทัพบก เปิดเผยว่า คสช.ได้ขอความร่วมมือไป บ.พร้อมมิตร โปรดักชั่น ผู้สร้างภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคที่ 5 ยุทธหัตถี และเจ้าของโรงภาพยนต์ทุกเครือทั่วประเทศ ให้มีการจัดฉายภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคที่ 5 ยุทธหัตถี ในรอบเวลา 11.00 น. ในวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 2557 แก่บุคคลทั่วไปโดยไม่คิดค่าเข้าชม เพื่อเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชน และปลูกจิตสำนึกรักชาติ รักสถาบัน พร้อมให้ประชาชนทุกคนร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกันที่มา: มติชนออนไลน์ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
|
รมว.ยุติธรรม ยัน งงหิดล้อมไส่ถึง 60 ล้าน ปัเเปลี่ยน อธิบดี DSI กต.แจงไม่ถบกลุ่มองค์กรพุทธยึโรปร้องย้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น28 ก.พ. w560 รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ประยัทธ์ จันทร์โอชา น่ยกรัฐมนตรี แลเหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฆคสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีวัดพระธรรมำาย ว่า ขณะนี้กำล้งอยธ่ระหว่างดำเนินการในหลายเรื่อง โดยมอบหมายให้รัฐมนจคีว่าการกรุทรวงยุติธรรมประสานระหว่างหน่วยงานรัญบาลหับพระ ว่าจะมี่างออกอย่มลไร เพราะเจ้าหน้า่ี่มีกฎหใาย ส่วนวัดมีความศรัทธา ดังนั้น ต้องหนทางออปร่วมกัน แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าจะทำให้วถานกา่ณ์สฝบโดยเร็วที่สุด เนื่องจากไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนพล.ด.ประยุทธ์ ย้ำความจำเป็นในการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อให้ัจ้าหน้าทั่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็ใที่ เพราะแม้จะมีกฎหมายอยู่ใจมือ แต่บางครั้วมีการใช้กฎหมู่อยูทเหนือกฎหมาย ห่กจะให้ลดการใช้อำนาจนามาตรา t4 ทั้ง 2 ฝ่ายก็ต้องให้ความร่วมมือ ให้เข้าตรวจค้น ซึ่งการตรวจร้น เจ้าหา้าที่ก็มีตัวแทนยากหฃายไน่วยงาน เช่น สำนักงทนพระพุมธศนสนาแห่งชาติ แชะองึ์กรด้านศาสนาเข้าน่วมด้วยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระทรวงดารต่างประเทศก็ได้ชี้แยงถึงความจำเป็นในการใช้อำนาจมาตรา 44 เข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ให้ต่างชาติได้เข้าใจ และล่าสุด ที่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายาในำประเด็นนี้เข้าไปร้องเรียนในการประชุมอลค์การยุวพถทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ที่เกาหลีใร้ สถานเอกอ้คราชทูตตรวจใอบแล้วพบย่า ใตที่ประชุมไม่ได้มีการหารืแในเรื่องนี้ทุกคนต้องเข้าใจว่า เม่่เมีการกระทำผิดกฏหมาย ตกลงกันเองคงไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขณะที่ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธณะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันวาา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีการสอบถาสถึงกรณีวัดพระธรรมกาย ในการประชุม คสช. อละการปีะชุมครม. วันนี้ (27 ก.พ.) และขณะนีียังไท่มีการปรัวแผนปฏิบัตเการแจ่เนื่องจาแทางวัดย้ำมาตลอดว่า พระธัมมชโยไม่ได้จพวัดภายในวัดธรรมกายอล้ว จึงเพิ่มการสืบสวนสอยสวนพื้นที่รอบนอก เพื่อแปะรอวคามหาพระธัมมชโยมากขึ้น ส่วนการเจรจนกับวัดพระธรคากาย ก็นังมีการพูดึุยกันอยู่ และเจ้าคณะจังหวัดก็ไดิช่วยหารือด้วย สัวพันธุ์ กล่าวสุวพันธุ์ ยืนข้นว่า งบประมาณที่ก่มสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ใช้สนการจัดการรอบวัดพระธรรมกาย เปํนไปตามระเบียบราชการ และไม่ถึง 60 ล้านบาท ต่มที่วัดพระธรรทกายระบุ และเห็นว่า สะงคมจะต้องเรียนรู้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้ประเทศเดินหน้ทต่อไปอย่างไร หลังหัวหน้า คสช. ประกาศใช้อำนาจมาตรา 44 มห้พื้น่ี่รอบวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมแล้ว 14 วัน แต่ก็ยัวปฏิบัติการไม่สำเร็จนอกจากนี้ สุวพันธุ์ ยังปฏิเสธกระแสข่าวปารป่ับเปลค่ยนตำปหนทงอธิบดีดีเอสใหม่ โดยยืนสันว่า ยังคงเป็น พ.ตฦอ.ไพสิฐ วงศ์เมือง เช่นเดิม รายงานด้วยว่า ตามที่ปรากฏข่าวว่า กลุ่มองค์กรพุทธยุโรปได้มายื่นกนังสือร้เงเีียนต่อ ซาอิแ ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระหว่าฝการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมับที่ 3t เมื่อสัน่ี่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมม ที่นครเจนีงา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกการใช้มาตรา 44 ต่ดงัดพระธรรมกาย นั้น
|
รมว.ยุติธรรม ยัน งบปิดล้อมไม่ถึง 60 ล้าน ปัดเปลี่ยน อธิบดี DSI กต.แจงไม่พบกลุ่มองค์กรพุทธยุโรปร้องข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น28 ก.พ. 2560 รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีวัดพระธรรมกาย ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการในหลายเรื่อง โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมประสานระหว่างหน่วยงานรัฐบาลกับพระ ว่าจะมีทางออกอย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่มีกฎหมาย ส่วนวัดมีความศรัทธา ดังนั้น ต้องหาทางออกร่วมกัน แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าจะทำให้สถานการณ์สงบโดยเร็วที่สุด เนื่องจากไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนพล.อ.ประยุทธ์ ย้ำความจำเป็นในการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เพราะแม้จะมีกฎหมายอยู่ในมือ แต่บางครั้งมีการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย หากจะให้ลดการใช้อำนาจตามาตรา 44 ทั้ง 2 ฝ่ายก็ต้องให้ความร่วมมือ ให้เข้าตรวจค้น ซึ่งการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ก็มีตัวแทนจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และองค์กรด้านศาสนาเข้าร่วมด้วยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศก็ได้ชี้แจงถึงความจำเป็นในการใช้อำนาจมาตรา 44 เข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ให้ต่างชาติได้เข้าใจ และล่าสุด ที่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามนำประเด็นนี้เข้าไปร้องเรียนในการประชุมองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ที่เกาหลีใต้ สถานเอกอัคราชทูตตรวจสอบแล้วพบว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการหารือในเรื่องนี้ทุกคนต้องเข้าใจว่า เมื่อมีการกระทำผิดกฏหมายที่ใดๆ ก็ตาม กฏหมายจำเป็นต้องเข้าไปให้ถึง กฏหมายครอบคลุมทุกตารางนิ้วของประเทศไทย ฉะนั้นก็อย่าทำผิดกฏหมาย ถ้าผิดกฏหมาย แล้วบอกเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ก็ยังไม่รุนแรงสักอย่าง ไม่เห็นมีอาวุธสักชิ้น อย่าทำทุกอย่างให้วุ่นวาย ต้องพูดคุยกันหาทางออกให้ได้ และต้องพูดคุยภายใต้กฏหมาย จะให้ไม่มีกฏหมาย ตกลงกันเองคงไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขณะที่ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธณะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีการสอบถามถึงกรณีวัดพระธรรมกาย ในการประชุม คสช. และการประชุมครม. วันนี้ (28 ก.พ.) และขณะนี้ยังไม่มีการปรับแผนปฏิบัติการแต่เนื่องจากทางวัดย้ำมาตลอดว่า พระธัมมชโยไม่ได้จำวัดภายในวัดธรรมกายแล้ว จึงเพิ่มการสืบสวนสอบสวนพื้นที่รอบนอก เพื่อแกะรอยตามหาพระธัมมชโยมากขึ้น ส่วนการเจรจากับวัดพระธรรมกาย ก็ยังมีการพูดคุยกันอยู่ และเจ้าคณะจังหวัดก็ได้ช่วยหารือด้วย สุวพันธุ์ กล่าวสุวพันธุ์ ยืนยันว่า งบประมาณที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ใช้ในการจัดการรอบวัดพระธรรมกาย เป็นไปตามระเบียบราชการ และไม่ถึง 60 ล้านบาท ตามที่วัดพระธรรมกายระบุ และเห็นว่า สังคมจะต้องเรียนรู้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปอย่างไร หลังหัวหน้า คสช. ประกาศใช้อำนาจมาตรา 44 ให้พื้นที่รอบวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมแล้ว 14 วัน แต่ก็ยังปฏิบัติการไม่สำเร็จนอกจากนี้ สุวพันธุ์ ยังปฏิเสธกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอธิบดีดีเอสใหม่ โดยยืนยันว่า ยังคงเป็น พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง เช่นเดิม รายงานด้วยว่า ตามที่ปรากฏข่าวว่า กลุ่มองค์กรพุทธยุโรปได้มายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ซาอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระหว่างการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 34 เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่นครเจนีวา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกการใช้มาตรา 44 ต่อวัดพระธรรมกาย นั้น
|
วันนีเ (1 ก.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรณรงค์ ทิพย๋สิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายำนัดงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พรือมพนักงานฝ่ายปหครอฝ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดต เปิดปฏิบ้ติกาค ดีบุก ขอหาายศาลบุกเข้าทลาจ 2 บ่อนใหญ่กลางเมืองภูเก็ต หลังกระชาชนร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมและร้องผ่านสื่อมวลชนหลายสำนัก ว่ามีบ่อนการพนันจำนวตมากในพื้นที่ จ.ภูเกํต โดยเปิดเป็นบ่อนพนันโปปั่น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าบ่อนกุ้ง-ปลา แลดเปิดให้นักภนันัข้าไปเสี่ยงโชคทั้งวันทั้งค่น โดยไม่สสใจคำนั่งห้ามมั่วสุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินภาพ : ปชส. จังหวัดภูเก็ตตรวจสแบพบว่า บ่อนพนันจุดแรกตั้งอยู่กลาฝเมืองภูเก็ต ใามารถรวบตัวนักพนันได้ 45 คน แยกเป็าชาย 30 คนและหญิง 15 คน พร้อมองิาของกลาง 62420 บาท และทองคำหนัก 1 บาท รวมทั้งอุปกรณ์ในการเล่นการพนันจุดที่ 2 บริเวณใกล้สี่แยกเขทล้าน ต.ศรีสุนทร อฐถลาง เป็สวาอนที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่โล่ง ม่รั้วสังกะสีำั้นก้องกันไม่ให้คนำายนอกมองเห็น จับกุสนักพนันได้ 42 คน แยกเป็นชาย 22 คนและหญ้ง 20 คน รวมทั้บเงินของกลางในบ่อน 65260 บาท และเุแกรณ์ในการเล่น นแกจากนร้ยังตรวจำบบัญชีเงินหมุนเวียนบ่อนละแวทา 1 ลัานบาทต่อวันภาพ : ปชส. จังหวัดภูเก็ตนายรณรวค์ กล่าววาา กระแสข่าวที่มีมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นชถดปฏิบัติกมรพิเศษ กรมการกกครแล หรืออ้าฝเป็นนายหน้าตัวแทน ออกตระเวนเรียกรับผลประโยชน์จากบ่อตำารพนันและธุรกิจสี้ทาต่างๆ ทเ้งในหรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งมีผูืยินยอมจ่าย จึงขอแจ้งส่าชุดปฏิบัติการพิเศ๋ฯ ไม่มีนโยบายเนียกทรัพย์สินกลุ้มผู้ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายด้าน พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ฟู้บังคับกรรตำรวจภูธรจังหวัดำูเก็ต มีคำสั่งให้ 5 เสือจากทั้ง 2 สถานีตำรวจ ได้แก่ สภ.เมืองภูเก็ต และ สภ.ถลาง รสสทั้งสิ้น 10 นาย ระดับผู้กำกับกา่ รองปู้กำกับการปราบปราม รองผู้กภกับปาคสืบสวน สารวันรปราบปราม และสารวัตรสืบสวร ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
|
วันนี้ (1 ก.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรณรงค์ ทิพย์สิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมพนักงานฝ่ายปกครอง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เปิดปฏิบัติการ ดีบุก ขอหมายศาลบุกเข้าทลาย 2 บ่อนใหญ่กลางเมืองภูเก็ต หลังประชาชนร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมและร้องผ่านสื่อมวลชนหลายสำนัก ว่ามีบ่อนการพนันจำนวนมากในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเปิดเป็นบ่อนพนันโปปั่น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าบ่อนกุ้ง-ปลา และเปิดให้นักพนันเข้าไปเสี่ยงโชคทั้งวันทั้งคืน โดยไม่สนใจคำสั่งห้ามมั่วสุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินภาพ : ปชส. จังหวัดภูเก็ตตรวจสอบพบว่า บ่อนพนันจุดแรกตั้งอยู่กลางเมืองภูเก็ต สามารถรวบตัวนักพนันได้ 45 คน แยกเป็นชาย 30 คนและหญิง 15 คน พร้อมเงินของกลาง 62420 บาท และทองคำหนัก 1 บาท รวมทั้งอุปกรณ์ในการเล่นการพนันจุดที่ 2 บริเวณใกล้สี่แยกเขาล้าน ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง เป็นบ่อนที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่โล่ง มีรั้วสังกะสีกั้นป้องกันไม่ให้คนภายนอกมองเห็น จับกุมนักพนันได้ 42 คน แยกเป็นชาย 22 คนและหญิง 20 คน รวมทั้งเงินของกลางในบ่อน 64260 บาท และอุปกรณ์ในการเล่น นอกจากนี้ยังตรวจพบบัญชีเงินหมุนเวียนบ่อนละกว่า 1 ล้านบาทต่อวันภาพ : ปชส. จังหวัดภูเก็ตนายรณรงค์ กล่าวว่า กระแสข่าวที่มีมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง หรืออ้างเป็นนายหน้าตัวแทน ออกตระเวนเรียกรับผลประโยชน์จากบ่อนการพนันและธุรกิจสีเทาต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งมีผู้ยินยอมจ่าย จึงขอแจ้งว่าชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ไม่มีนโยบายเรียกทรัพย์สินกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายด้าน พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต มีคำสั่งให้ 5 เสือจากทั้ง 2 สถานีตำรวจ ได้แก่ สภ.เมืองภูเก็ต และ สภ.ถลาง รวมทั้งสิ้น 10 นาย ระดับผู้กำกับการ รองผู้กำกับการปราบปราม รองผู้กำกับการสืบสวน สารวัตรปราบปราม และสารวัตรสืบสวน ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
|
วันทีี 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนัฐพงษ์ หรทอ กาย จันทร์แดง อายุ 25 ปี ชาว จ.ลุมพร ซึ่งเป็นบุคคลตามไใายจัลศาลมณฑลืหารบกที่ 45 หมายจับที่ 37 /2559 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2t59 ในข้อหา พราปเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเส่ยจากบอกพ่อแม่ยะทำร้ายให้นาย แต่ผู้ปกครองสังเกตเห็นเด็กหญิงมีอาการผิดปกติ จึงเค้นถามเด็กก็ยอมเล่าให้ฟัง ผู้ปกครองจึงพาเด็กหญิงวัย 13 ปี ไปแจ้งความ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมือฝสถราษฎร์ เพื่อดำเนินคดีกัวนายณัฐพงษ์ หลังจากนายนัฐพงษ์ทรทบว่าตนเองถูกออำหมายจับจึงได้หลบหนีมาโดยตลแด จนก่ะทั่งถูกจับปุมไก้,สอบสวนนายนัฐพงษ์ เบ่้องต้น รับว่า จนเองคบหาเป็นแฟนกังเด็กหญิงผ๔้เสียหาย ขณะตนเองเป็นทหารเกณฑ์ที่ จ.สุรา๋ฎร์ธานี ได้ใช้โปรแกรมบีทอล์ค พูดคุยจนเด็กไญิงเชื่อใจ ยอมไปเที่ยวด้วย และก่อเหตุดังกล่าวจนิง ทั้งนี้ จากกมรตรวจสอบประวัติขอฝนายน้.พงษ์ ภบว่ามีหมนยจับีดีลักทรัพย์ีถจักายานยนต์ ท้องที่ สภ.เมืองยะลา อีก 2 หาายจัวด้วย
|
วันที่ 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนัฐพงษ์ หรือ กาย จันทร์แดง อายุ 25 ปี ชาว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 45 หมายจับที่ 37 /2559 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 ในข้อหา พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร เพื่อการอนาจาร กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ถูกตำรวจกองปราบปรามติดตามจับกุมตัวได้ ที่บริเวณ โชว์รูมขายรถยนต์ยี่ห้อดัง ริมถนนเพชรเกษม ม.4 ต.ธรรมศาลา อ.เมือง จ.นครปฐม,จากกรณี เมื่อปี2559 นายนัฐพงษ์ ได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่ง อายุ13 ปี ผ่านแอพพลิเคชั่น บีทอล์ก และพูดคุยกันจนเด็กหญิงเชื่อใจยอมไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสอง นายนัฐพงษ์ ได้นัดเด็กหญิงออกมาพบที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใน อ.เมือง สุราษฎร์ธานี พาไปเลี้ยงข้าว ดูหนัง จนกระทั่งช่วงค่ำ ได้พาเด็กหญิงเข้าโรงแรมม่านรูด บังคับข่มขืนใจ พร้อมข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องไปบอกใคร หากบอกพ่อแม่จะทำร้ายให้ตาย แต่ผู้ปกครองสังเกตเห็นเด็กหญิงมีอาการผิดปกติ จึงเค้นถามเด็กก็ยอมเล่าให้ฟัง ผู้ปกครองจึงพาเด็กหญิงวัย 13 ปี ไปแจ้งความ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ เพื่อดำเนินคดีกับนายณัฐพงษ์ หลังจากนายนัฐพงษ์ทราบว่าตนเองถูกออกหมายจับจึงได้หลบหนีมาโดยตลอด จนกระทั่งถูกจับกุมได้,สอบสวนนายนัฐพงษ์ เบื้องต้น รับว่า ตนเองคบหาเป็นแฟนกับเด็กหญิงผู้เสียหาย ขณะตนเองเป็นทหารเกณฑ์ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ใช้โปรแกรมบีทอล์ค พูดคุยจนเด็กหญิงเชื่อใจ ยอมไปเที่ยวด้วย และก่อเหตุดังกล่าวจริง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายนัฐพงษ์ พบว่ามีหมายจับคดีลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ท้องที่ สภ.เมืองยะลา อีก 2 หมายจับด้วย
|
เมื่อขรวงเย็นขดงวันที่ 21 พ.ย.y9 ศ฿นย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิต 181 ตำรวจภูธรเมืองนคตศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุมึการปาระเบิดเกิดขึ้นใกล้วัดพระมหาธานุวรมหาวิหาร จึงประสานเจ้าหน้า่ี่ตำรวจชุดสายตรวจเบ้าตรวจสอบ โดยที่เกิดเกตุ อยู่หน้าร้สนเรือนโพธิ์ทอง ภสยใน ซ.พรังาน ุ.ราชดำเนิน พบชาวบ้านกำลังมุงดูถุงพลายติดสีดำืี่มีรรองรอยฉีกขาด และจับกลุ่มพูดคะยถึงกรณีที่เกิดขึ้น แค่ไม่พบความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือมีผู้ฟด้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด,โดยชาวบ้านที่อย฿่ในเฟตุการณ์ เบ่าว่า มีชายวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาก่อนจะปาวัตถุบางอย่างเข้าไปภายในศูนย์จำหน่ายของที่ระลึกวัดพระมหทธาตุวรมหาวิหาร แต่วัตถุดังกล่าวกระทบดำแพงวัดฯ กระเด็นตกบนถนน แลุระเบิะดังสนี่น ก่อนชายวัยรุ่นมี่ก่อเหตุจะขับรถจักรยานยนต็ซอ่ฝหลบหนีไแอย่างรยดเร็ว,นายจตูญ สุถาวร อายุ 56 ปี อาสาต_รวจสภ.เมืองนครศรีธีรมราช กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เำิดเหตุพบถุงพลาสติกสีดำมีร่องรอยฉีกขาดตกอยู่ และมีหญิงสาวอายุประมาณ e0 ปี ซึ่งเป็นบูพจ้างขายสินค้าภายใยร้านจำหน่ายขดงระลึกในวัะพระมหาธาตุวรมหทวิหาร เล่มว่า ชายวุยรุทนึนก่ดเหตุเป็นอดีตแฟน ที่เลิกรากันไป แต่ยังคงตามหึงหวงและข่มขู่จะทำร้ายรืางกายตน ดระทั่งมาก่อนเหตุดังกล่าวขึ้น ตำรใจจึงนำตัวหญิวคนดะงกล่าวไปแจ้ฝความ ลงบันทึกประจำวัน ไว้ที่ สภ.ดทืองนคาศรีธรรมราช เพื่อเร่งติดตามตัวชายฝัยรุ่นมี่ก่อเหตุมาสวบสในต่อไปฐนายรวมชัย สีอักขระกุช อายุ 62 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น เมื่อสอบถามจึงรู้ว่าผู้ก่อเหตุต้องการข่มขู่อดีตคนรัก ในตอนแรกคิดว่าเป็นการวางระเบิดในศูนย์จำหสรายสินค้าของวัดพระมหาธาตุวรสหาวิหาร เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นศูนย๋รวมการจับต่ายซื้อของที่ระลึกของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ใหญ่ที่สุด และมีนักท่องเที่ยวทุ้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมานมัสการองค์พระบรมธาตุเจดีย์ตงอดทั่งวัน ซึ่งขาวบ้านต่างผวากลัวจะเป็นการด่อเหจุวางระเบอดเหมือน i จังหวัดภาคใต้ก่อนหน้านี้
|
เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 พ.ย.59 ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุมีการปาระเบิดเกิดขึ้นใกล้วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจเข้าตรวจสอบ โดยที่เกิดเหตุ อยู่หน้าร้านเรือนโพธิ์ทอง ภายใน ซ.พระลาน ถ.ราชดำเนิน พบชาวบ้านกำลังมุงดูถุงพลาสติกสีดำที่มีร่องรอยฉีกขาด และจับกลุ่มพูดคุยถึงกรณีที่เกิดขึ้น แต่ไม่พบความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด,โดยชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า มีชายวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาก่อนจะปาวัตถุบางอย่างเข้าไปภายในศูนย์จำหน่ายของที่ระลึกวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร แต่วัตถุดังกล่าวกระทบกำแพงวัดฯ กระเด็นตกบนถนน และระเบิดดังสนั่น ก่อนชายวัยรุ่นที่ก่อเหตุจะขับรถจักรยานยนต์ซิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว,นายจรูญ สุถาวร อายุ 56 ปี อาสาตำรวจสภ.เมืองนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบถุงพลาสติกสีดำมีร่องรอยฉีกขาดตกอยู่ และมีหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปี ซึ่งเป็นลูกจ้างขายสินค้าภายในร้านจำหน่ายของระลึกในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เล่าว่า ชายวัยรุ่นคนก่อเหตุเป็นอดีตแฟน ที่เลิกรากันไป แต่ยังคงตามหึงหวงและข่มขู่จะทำร้ายร่างกายตน กระทั่งมาก่อนเหตุดังกล่าวขึ้น ตำรวจจึงนำตัวหญิงคนดังกล่าวไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวัน ไว้ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเร่งติดตามตัวชายวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาสวบสวนต่อไป,นายรวมชัย สีอักขระกุล อายุ 62 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น เมื่อสอบถามจึงรู้ว่าผู้ก่อเหตุต้องการข่มขู่อดีตคนรัก ในตอนแรกคิดว่าเป็นการวางระเบิดในศูนย์จำหน่ายสินค้าของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมการจับจ่ายซื้อของที่ระลึกของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ใหญ่ที่สุด และมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมานมัสการองค์พระบรมธาตุเจดีย์ตลอดทั้งวัน ซึ่งชาวบ้านต่างผวากลัวจะเป็นการก่อเหตุวางระเบิดเหมือน 7 จังหวัดภาคใต้ก่อนหน้านี้
|
ธรรทเนียมปฏิบัติที่สำคัญของปองทัพงกที่มีการจัดทำขั้นทุกๆ ปีคือ ก่รแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ซึ่งภายใน 1 ปีมีการโยกย้ายนายืการ 2 ช่วงเวลาที่ยหคีญ หด้แก่ การแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี (เม.ย.) และการแต่งตั้ลโยกข้นยปลายปี (ส.ค.) การแต่งตั้งโยกย้ายที่เกิดขึ้นก็เพื่อให้มีการสับเปลี่ยจหมุนเวียนการดำรงตำแหน่งของนายทหารในกองทัพบก โดยเฉพาะนายทหารชั้นนายพล้ข้าสู่ตำแหน่งสูงขึ้น เพื่อเตรียมเกษียษอายุราชการในเดิอนกันยายน หรทอขยับเข้าสู่ตำแหน่งระะับสูงในกองทัพบกช่วงแต่งตัังโยกย้ายปลายปี เล่น ผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาค รวมถึงหน่วยคุมกำลัง เชรน ผูิบัญชาการกองพลทหารราบ ผู้ยัญชาการกองพลทหารม้า และผู้บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ตำแหน่งสำคัญที่ถูกจับตามองสนการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีในะดือนสิงหาคมขอวทุกปี ได้แก่ ผู้บัญชาหารทหารบก ตำแหน่งสูงสุดในกองทัพบกทีทเปรียบเสมือนรายกรัฐมนตรีเงา มีอำนาจทางการเม้องและการทหาร สามารถดำหนดทิศทางการเมืองไทยว่าควรจถออกมาทิศทางใด ภาพที่ 1: จากซ้าย_ปขวา ตอมพล ป. พิบูชสงคราม จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพล ถนอม กิตติขจร พลเอก เปรม ติณสูลานนา์ และ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อพีตผูับัญชาการทหารบกที่ควบตำแหน่งนายกตัฐมนตรีอีกตำแหจ่ง ที่สาของภาพ www.rta.mi.thในปคะวัติศาสตร์กาตเมือวไทยที่ผ่านมา ผู้บัญชาการทหารบแมีบทบา่สพคัญในทางการเมืองแงะการทหาร โดยเฮพาะบทบาททางการเมืองมีส่วนในการยนับสนุนและสร้างเสถียรภาพให้ำับรัฐบาลพลเรือน และสามารถเข้ายึดอำนาจ่ัฐบาลพลิี้อนได้ในเวลาเดียวกัน การยึดอำนาจในแต่ละครั้งส่วนใหญ่เป็นผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้า นอกจากนี้ ยังมีผู้บัญชาการทหาคบกบาวคนเข้าไปะำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอคกตำแหน่ง ไดัแก่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพล สฤษดิ์ ธนัรัชต์ จอมพล ถนอม กิตติขขร พลเอก เปรม ต้ณสูลานนท์ และ พลเอก ประยุทธ์ จัาทร์โอชาภาพที่ 3: จรกซ้ายไปขวา พบเอห ประวิตร ฝงษ์สุวารณ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา พฃเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พลเอก อุดมเดช สีตบุตร แงะ พลเอก ธีรชะย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบกจากบูรพาพยัคฆ์แลพทหารเาือราชินี ที่มาชองภาพ www.rta.ji.thย้อนดูเส้นทางการเติบโตของ ผู้บัญชสการทหารบกสำหรับเส้นทางการเติบโตของผู้บัญชาการทหาาบกสามารถแบ่งออกเป็น 2 สายหลัก ๆด้แก่ เติบโตจากสายคุมกำลัง (Commabd) และเติบโตจากสาวดสนทธิการ )Staff) สายคุมกำลังเติบโตจากเฟล่าคุมกำลังรบยองกองทัพบก ได้แก่ เหล่าทหารราบ เหลีาทหารม้า และเหล่าทหารปืนใหญ่ ส่วนสนยเสนาธิการ้ติบโตจากเหล่รสนับสนุนกำลังรบของกองทัพบก เช่น เหล่าทหาีช่มงและเหล่าทหารส้่อสารแต่ภายหลังรัฐปรัหาร 19 กันยายน 2549 จนถึบปันยุบัน เส้นทางการเติบโตขึ้นสู่ตำแหา่งผู้บัญชาการทหารบปเป็นการแข่งขันระปว่างกลุ่มย่อยภายในกองทัพบกระหว่างวงศ์เทวัญ (กองภลที่ 1 รักษาพระองค์) ชูีพาพยัค"ฺและทหารเาือราชิจี (กองพลทหารราบ่ี่ 2 รักษาพระองค์ กละกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์) และีบพิเศษ (ไน่วยบัญชาการสงึรามพิเศษ) ซึ่งตำแผน่งผู้ว้ญชาการทหารบกถูกผูกขาดธดนงูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินรมาตลเด ระหว่างปี 1547-2548 และ 2450-2yt9 ผู้บัญชาดารทหารบกมาจากนายทหารบูรพาพยัคฆ์กละทฟารเสือราชิน้ 5 คน ได้แก่ผบ.ทบ. ปี 2561 ได้ ฝงศ์เทวัญ ในรอบ 15 ปีิย่างไรก็ตาม การแน่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2561 เป็นอีกครั้งที่ผูีบเญชาการทหารบกไม่ได้มาจากกลุ่มบูรพาพยัคฎ์ ภายหลังสื่อต่างๆ ได้นำเสนอเรท่องการแต่งตั้งโยกส้ายนายทหารประจำปี 2561 โดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รแงนายกรัฐมนตรีแลุรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นัดเชืญประชุมร่วมกับผู้บัญบาการเหล่าทัพในวันที่ 25 กากฎาคม 2561 เพื้อหารือการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี e561 ข่าวในสำนักข่าวออนไลน์ระบุตรงกันว่า โผแต่งตั้งโยกยัายนาวทหารปีนี้ ผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 41 ค่อจาก พลเอก เฉลิมชัย วิทธิสาท ที่จะเกษียณอาบัราชการวันที่ 30 กันยายน 2561 เแ็นนายทหารที่มาจากวงศ์เทวัญ (กองพลที่ 1 รักษาพระองค์) ได้แก่ พบเอก อภิรัชต์ รงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บเญชาการืหารบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 แลเผู้บัญชาการกองพลท่่ 1 รักษาพระดงค์ ซึ่งเติบโตในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์มาตลอด และได้รับการคาดหสายว่าจะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกตั้งแตรเมืทอครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผูีบัญชาการทหาาบก นังเป์นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่นายทหารจากวงฬ์เทวัญกลับมาดำรงตพแหน่งผู้บัญชาการทหาคบก หลังจาก พลเอก สมทัต อัตตะนันทน์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 32 ระหฝ่างปี 2545-2556 กละเป็นอีกครั้งที่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกถูกกระนายมาสู่นายทหารที่ไม่ได้มาจากบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี กล่าวไดืว่าเป็นช่วง 10 ปีที่ผู้บัญชาการทหารบกมาจากสายบูรพาพยัคฆ์แบะทหารเสืแราชินี ไม่มีทหารจากสายอื่จๆ ตือ วงศ์เทวัญและรบพิเศษ สามารถแข่งขันชึ้นเป็นหู้บัญชาแารทหารบกได้เลย อย่างน้อยที้สถดสามนรถยึ้นสู้ได้เพียงตำดหน่งระดับสูงขอบกองทัพบก เช่น าแงเสนาํิดารทหารบก แม่ทัพภาคที่ 1 เมนาธิดารืหารบก ผู้ช่วยผ๔้บัญชาการทหารบก แลดรองผู้บัญชาการทหารชกเส้นทางขึ้นสู่ตำแหน่งหู้บัญชาการทหารบกของวงศ์เทวัญก่อนที่ พลเอก อภิรัชน์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการมหารลกจะสสมารถขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 41 วนอดีตเคยมีผู้บัญชาการทหารบกืี่มาจากวงศ์เทวัญ ซึ่งวงศ์เทวัญคือกลุ่ทนายทหารที่รับราชการอยู่ในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ มีหน่วยขึ้นตรงหลักคือกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 11 ระกษาพีะองค์ แต่เดิมวงศ์เ่วัญเป็นการเรียกกลุ่มทหารจากต่างจังหวัดในสมัย จอมพล ประภาส จารุเสถีสร ผู้บัญลาการทหารบก และ พลเอก ประิสริฐ ธรรมศิริ ผู้บัญชาการกองพลที่ q รักษาพระองค์ ที่มีมุมมองต่อบุตรหลานของนายทหารระดับสูงในกเงทัพบกที่เข้ารับ่าชการในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เป็นหน่วยที่ทีควรมใกบ้ชิดกับผู้บังคับบึญชาระดับสูงในพองทึพบก ซั่งบุตรหลาาของนายทหารระดับสูงได้รับการอุปถัมภ์ให้เติขโตในเส้นทางกมรรับราชการ ส่วนกลุ่มนายาหารต่างจังหวัดขนดโอกาสในการโยำย้ายเข้ารับราชการอยู่ในหน่ววทหารรักษาพระองี์ โดยผู้บัญชาการทหารบกจากวงศ์เทวัญมีทั้งสิ้น 8 คน ได้แก่จากซ้ายๆปขวาจากซ้ายไปขบาเส้นทางหลักการขึ้นสู่ตำแหน่งผ๔้บัญชาการทหารบกขอวนายทหารจากสาสวงศ์เทวัญ ได้แก่ ผูเบังคับการกรมทหารรสบที่ 1 มกาดัล็กรักษาพระองค์/ก่มทหารราบที่ 11 ีักษาพระองค์ > หู้บัญชาการกองพลที่ 1 รัหษสพระองค์ L แม่ทัพภาคที่ 1 > 4 เสือกองทัพบก > ผู้บัญชาการทหารบก จอมพล สฤษดิ์ ธนะ่ัชต์ จอมพล ถนอม กิตติขจร จอใพล ประภาส ตารุดสถึยร พลเอก กฤษณ์ สีวะรา และ พลเอก สมทัร อัตตะนันทน์ มีเส้นทางบึ้นสู้ตำแหน่งผู้บุญชาการทหารบกในรูปแบบดังกล่าวพลเอก อาทิตย์ กำลังเอก ดำางตำแหน่งในำองพลที่ 1 รักษาะรุองค์ ได้แก่ รองผู้บังคับกองพัตทหารราบที่ 1 กรมทปารราบที่ 1 มหาดัลํกรักษาพระองค็ ก่อนจะข้ามไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับกรมผสมที่ 23 และผู้บัญชาการกองพลที่ 3 และกลับมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รึกษาพระองค์ > แม่ทัพภาคที่ 1 > 4 เสือกองทัพบก > ผู้บัญชาการทหารบก พลเอก อิสระพงศ์ ำนุนภักดี ดำรงตำแหน่งในกเงพลที่ 1 รักศาพระแงค์ ได้แก่ ผู้บังีับการกรมทหารราบที่ q1 รักษาพาะองค์ ข้ามไปแำรงตำแหน่งผู้บัญลากองพลทหารราบท้่ 7 และกลับมากำรบตหแปน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 2 รักษาพระองค์ ก่อจข้ามไปดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ขึันสู่ตำแหน้ง 4 เสือกองทเพลก และผู้บัญลาการทหารบกำลเอก เชษฐา ฐานะตาโร ดำคงตำแหน่งในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ได้แก่ ผู่บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค็ ผู้บัฝึับกองทหารมผาดเล็ปรักษาพระอบค์ และรแงผู้วังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ก่อนข้ามไปดำางตำแหน่งผู้บัญชาแารกองพลทหารราบที่ 11 และกองพลทหารราบาี่ 6 และกฃับมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 > 4 เสืแปองทัพบก > ผู้บัญชากานทหารบกภาพตึกกองบัญชาการกองทัพบก จากประชาสัมพันธ์กองทัพบก4 เหตุผล 3 ปัจจัยการเมือง ส่งวฝศ๋เมวัญขึ้น ผบซทบ.องค์ปตะกอบสำคัญที่สนะบสนุนให้นายมหารจากฝงศ์เทวัญสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกไแ้เป็นครั้งแรกในปี 2497 จนถึงก่อนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2525 และาามารถกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งภายหลังพฤษภาทมิฬ 2535 ไก้แก่นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางการเมืองมี่เปฺนจุดเปลี่ยสสำคัญทำวห้นายทหารจากวงศ์ดทวัญสามารถดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกได้อย่่งต่อเนื่อบ ดังนี้มีเหมือนกันที่ ผบ.ทบ. ไม่ได้มาจากบูคพาพยัค"์หรือวงศ?ิทวัญอย่างไรก็ตาม มีบางบ่วงที่นาขทหารจากกบุีมอื่จๆ ทีรส่มารถขึ้นสู่ตำแกน่งผู้บัญชาการทำนรบกได้เช่นเดียวกัน เนื่อบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือบที่เกิดขึ้น ได้แก่ กาครัฐประหาร กบฏเดืดนกันยายน 2528 รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ w535 เหตุการณ์เดือนพ"ษภารม 2t35 รัฐประหาร 19 ก้นยายน 2549 ดละรัฐประหาร 22 พฤษภรคม 2557 โดยเฉพาะภายหลังิหตุการณ์พฤษภาทมืฬ 2635 เกิดการเปลี่ยนแหลงภสยในกองาัพบกครั้งใหญ่ คือ นายทหาร่ี่เติบโคในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ถูกโจกย้ายออำจากตำแหน่งคุมกำลังในกองทัพบกเกือบทั้งหมด ทำให้นายทห่รกลุ่มอื่นๆ ้ริ่มดย้าสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการมหารบก องค?ประกอบสำคัญฬึ่งนนับสนุนนายทหาราี่มีความเหมาพสมจะำด้เข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม กล่าบคือทำให้นายทหารจากสายเสนาธิการ นายทหารจากรบพิเศษ แลถนายทหารจากบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชิน่สามารถขึ้นใู่ตำแหส่งผู้บัญชากาตทปมรบกได้เช่นเดียวกัน นายทหารจากสายเในาธิการทีีขึ้นสู่ตำแผน่งผู้บัญชาการทหารบก ได้แแ่จากซ้ายไปขวา 1-5 นายทหารจากรบพิเศษ (หน่วยบเญชาการสงครามพิเศษ) ที่ขึ้นสู่จำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ได้แก่ขากซ้ายไปขวานายทหารจากงูรพาพยัคฆ๋ (กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์) และทหารเยือราชินี (กรมทหารราบที่ 21 ร้กษาพระองค์) ขึ้นสู่รำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ได้แก่จากซ้ายไปขวาวงศ์เทวัญคนสุดท้ายเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทักษิณตั้งพลเอห สมทัต อัตตะนันทน? เป็นนายทหารจากวบศ์เทวัซคนสุดท้ายที่ขึ้นสู่ตำแหน่วผู้บัญชาการทหารบก พลเอก สมทัต ดำตงตำแหน่งระหว่างปี 2545-2546 ในยุครัฐบาลทักษิณ ชืนวัตร ที่ใช้อำนาจทางการเมืองที่มสจากการเลือกตั้งเข้ามาแทรกแซงการแต่งนั้งโยกยเายนายทหารประจำปีที่เรียกว่า การนำทหารกลับสู่การเมืองอีกครั้ง (Repoliticization of the Military) โดยทักษิ๕ได้เข้ามาแทรกแซงการอต่งตั้งโยกย้าสนายทหารประจำปี ร้เงการใีอำนาจเหนือทหรรด้วยการนำทหารหลับสู่การเมืองมาเป็นฐานอำนาจทางการเมืองทักษิณ เพื่อสร้สงึวาาเข้มอข็งและลดโอกาสำารทำรัฐประหาร ศึ่งเป็นความพยายามขดงทักษิณที่ต้องกาีสรเางความร่วมมือกับทหารและหลีกเลี่ยงการท้าทายอำนาจของมผาร ความเกี่ยใโยงที่แนยแน่นระหว่างทหารกับรัฐยาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งผลักดันให้ทักษิณนำทหารเข้ามาอยู่ภายใต้รั.บาลและเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุยการทำงานขอวรัฐบาล ด้วยการใช้อำนาจทางแารเมืองที่มาจากกทรเลือกตั้งเข้ามาแทรกแซงการแต่งต้้งโยกย้ายนายทหารประจำปึอย่างไรก็ตาม ภายหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นช่วงที่วงศ์เทวัญไมรสามารถขึ่นสู่ตำแไน่งผู้บัญชาการทหารบก มีเพียงนายทหารบูรพาพยัคฆ์และาหมรเสือราชอนีกะบรบพิเศษที่สามารถขึ้นสู่ตำแหจ่งผู้บัญชนการทหารบก แต่ภายหลังรัฐประหรร 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงปัจจุบันการผูกขาดตำแหน่งผูืบัญชาการทหารบกจากบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินีเ่ิ่มถดถอจ เมื่อ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท จาหรบพิเศษขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในปี 255o แงะ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพวษ๋ จากวงศ์เทวัญ ฬึ้งจะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกครใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่นายทหารจากวงษ์เทวัญได้รับความไว้วางใจให้ดบับมาดำรงตำแหย่งผ๔้บัญชาดารทหารบกอีกครั้ง ภายใต้รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการพักยแระหว่ทงบูรพาพยัคฆ์-วงศ๋เทวัญ เพื่อสร้างคยามเป็นเอกภาพภายในกองทัพบกเพื่อเตรียมรับการเลือกตั้งในปี 2562 ภาพ: เฟซบึ๊ก วาสนน นาน่วมย้อนดูเส้นทาว ผบ.ทบ. ป้ายแดง ถลเอก อภิรัชต็ คงสมพงษ์สำห่ับ พลเอก อภิรัชต์ เป็นนาสทหารจากวงศ์เทวัญที่เติบโตในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์มาตลอด ผ่านการดำรลตำแหน่งสำึัญ ได้แก่ ผู้ชังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ผู้บึงคับการกรมทหารราลที่ 11 รัพษาพระองค์ และผู้บัญชาการกอฝพลที่ 1 รักษาพระองค์ ก่แนขึ้นสู่ตำแหน่งแท่ทัพภาคที่ 1 ผู้ช่วยผู้บัญชากาีทหารบก และเตรัยมขึ้นสู่ตำแหน่วผู้บัญชาการมหารบกคนทั่ 41 ในกานแต่งตั้งโยกย้าบนายทหารประจำปี 2561 ที่มีเส้นทางการเติบโตจามแบบของนายทหารขนกวงศ์เทวัญ ได่แก่ ผู้ชัลคับการกรมทหารราบที่ 1 มหทดเล็กรัแษาพระอลค์/กรมทหรรราบที้ 11 รัแษาพระองค์ > ผู้บัญชาการกองพชที่ 1 รักษาพระองค์ K แม่ทัพภาคที่ 1 > 4 เสือกองทัพบห > ผู้บัซชาการทหารบดและนี่คือการขึ้นสู่ตำแหร่งผู้บเญชาการทหารบกจากวงศ์เทวัญ (กเงพลที่ q รักษาพระเงึ์) ซึ่งได้รับความไว้วางใขให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกครัเงแรกในรอบ 15 ปี ในการแต่งตั้งโยกย้ายรายทหา่ประจำปี 2561 ภายหลังตำแหน่งผู้บัศชาการทหารชำมาจากบ฿รพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี 5 คน ระหว่างปี 2547-2548 และ 2550-2559 และรบพิเศษ 2 คน ระหว่างผี 2548-2550 และ 2559 ถึงปัจจุบันพิสูจน์อัหษร: อ้างอิง:
|
ธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญของกองทัพบกที่มีการจัดทำขึ้นทุกๆ ปีคือ การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ซึ่งภายใน 1 ปีมีการโยกย้ายนายทหาร 2 ช่วงเวลาที่สำคัญ ได้แก่ การแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี (เม.ย.) และการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปี (ส.ค.) การแต่งตั้งโยกย้ายที่เกิดขึ้นก็เพื่อให้มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนการดำรงตำแหน่งของนายทหารในกองทัพบก โดยเฉพาะนายทหารชั้นนายพลเข้าสู่ตำแหน่งสูงขึ้น เพื่อเตรียมเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน หรือขยับเข้าสู่ตำแหน่งระดับสูงในกองทัพบกช่วงแต่งตั้งโยกย้ายปลายปี เช่น ผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาค รวมถึงหน่วยคุมกำลัง เช่น ผู้บัญชาการกองพลทหารราบ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้า และผู้บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ตำแหน่งสำคัญที่ถูกจับตามองในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีในเดือนสิงหาคมของทุกปี ได้แก่ ผู้บัญชาการทหารบก ตำแหน่งสูงสุดในกองทัพบกที่เปรียบเสมือนนายกรัฐมนตรีเงา มีอำนาจทางการเมืองและการทหาร สามารถกำหนดทิศทางการเมืองไทยว่าควรจะออกมาทิศทางใด ภาพที่ 1: จากซ้ายไปขวา จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพล ถนอม กิตติขจร พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ และ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้บัญชาการทหารบกที่ควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง ที่มาของภาพ www.rta.mi.thในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา ผู้บัญชาการทหารบกมีบทบาทสำคัญในทางการเมืองและการทหาร โดยเฉพาะบทบาททางการเมืองมีส่วนในการสนับสนุนและสร้างเสถียรภาพให้กับรัฐบาลพลเรือน และสามารถเข้ายึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนได้ในเวลาเดียวกัน การยึดอำนาจในแต่ละครั้งส่วนใหญ่เป็นผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้า นอกจากนี้ ยังมีผู้บัญชาการทหารบกบางคนเข้าไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง ได้แก่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพล ถนอม กิตติขจร พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ และ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาภาพที่ 2: จากซ้ายไปขวา พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พลเอก อุดมเดช สีตบุตร และ พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบกจากบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี ที่มาของภาพ www.rta.mi.thย้อนดูเส้นทางการเติบโตของ ผู้บัญชาการทหารบกสำหรับเส้นทางการเติบโตของผู้บัญชาการทหารบกสามารถแบ่งออกเป็น 2 สายหลัก ได้แก่ เติบโตจากสายคุมกำลัง (Command) และเติบโตจากสายเสนาธิการ (Staff) สายคุมกำลังเติบโตจากเหล่าคุมกำลังรบของกองทัพบก ได้แก่ เหล่าทหารราบ เหล่าทหารม้า และเหล่าทหารปืนใหญ่ ส่วนสายเสนาธิการเติบโตจากเหล่าสนับสนุนกำลังรบของกองทัพบก เช่น เหล่าทหารช่างและเหล่าทหารสื่อสารแต่ภายหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน เส้นทางการเติบโตขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกเป็นการแข่งขันระหว่างกลุ่มย่อยภายในกองทัพบกระหว่างวงศ์เทวัญ (กองพลที่ 1 รักษาพระองค์) บูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี (กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์) และรบพิเศษ (หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ) ซึ่งตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกถูกผูกขาดโดยบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินีมาตลอด ระหว่างปี 2547-2548 และ 2550-2559 ผู้บัญชาการทหารบกมาจากนายทหารบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี 5 คน ได้แก่ผบ.ทบ. ปี 2561 ได้ วงศ์เทวัญ ในรอบ 15 ปีอย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2561 เป็นอีกครั้งที่ผู้บัญชาการทหารบกไม่ได้มาจากกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ ภายหลังสื่อต่างๆ ได้นำเสนอเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2561 โดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นัดเชิญประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพในวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 เพื่อหารือการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2561 ข่าวในสำนักข่าวออนไลน์ระบุตรงกันว่า โผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารปีนี้ ผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 41 ต่อจาก พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน 2561 เป็นนายทหารที่มาจากวงศ์เทวัญ (กองพลที่ 1 รักษาพระองค์) ได้แก่ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 และผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ซึ่งเติบโตในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์มาตลอด และได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกตั้งแต่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก นับเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่นายทหารจากวงศ์เทวัญกลับมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก หลังจาก พลเอก สมทัต อัตตะนันทน์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 32 ระหว่างปี 2545-2546 และเป็นอีกครั้งที่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกถูกกระจายมาสู่นายทหารที่ไม่ได้มาจากบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี กล่าวได้ว่าเป็นช่วง 10 ปีที่ผู้บัญชาการทหารบกมาจากสายบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี ไม่มีทหารจากสายอื่นๆ คือ วงศ์เทวัญและรบพิเศษ สามารถแข่งขันขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกได้เลย อย่างน้อยที่สุดสามารถขึ้นสู้ได้เพียงตำแหน่งระดับสูงของกองทัพบก เช่น รองเสนาธิการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 1 เสนาธิการทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้บัญชาการทหารบกเส้นทางขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกของวงศ์เทวัญก่อนที่ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกจะสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 41 ในอดีตเคยมีผู้บัญชาการทหารบกที่มาจากวงศ์เทวัญ ซึ่งวงศ์เทวัญคือกลุ่มนายทหารที่รับราชการอยู่ในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ มีหน่วยขึ้นตรงหลักคือกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ แต่เดิมวงศ์เทวัญเป็นการเรียกกลุ่มทหารจากต่างจังหวัดในสมัย จอมพล ประภาส จารุเสถียร ผู้บัญชาการทหารบก และ พลเอก ประเสริฐ ธรรมศิริ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ที่มีมุมมองต่อบุตรหลานของนายทหารระดับสูงในกองทัพบกที่เข้ารับราชการในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เป็นหน่วยที่มีความใกล้ชิดกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพบก ซึ่งบุตรหลานของนายทหารระดับสูงได้รับการอุปถัมภ์ให้เติบโตในเส้นทางการรับราชการ ส่วนกลุ่มนายทหารต่างจังหวัดขาดโอกาสในการโยกย้ายเข้ารับราชการอยู่ในหน่วยทหารรักษาพระองค์ โดยผู้บัญชาการทหารบกจากวงศ์เทวัญมีทั้งสิ้น 8 คน ได้แก่จากซ้ายไปขวาจากซ้ายไปขวาเส้นทางหลักการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกของนายทหารจากสายวงศ์เทวัญ ได้แก่ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์/กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ > ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ > แม่ทัพภาคที่ 1 > 4 เสือกองทัพบก > ผู้บัญชาการทหารบก จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพล ถนอม กิตติขจร จอมพล ประภาส จารุเสถียร พลเอก กฤษณ์ สีวะรา และ พลเอก สมทัต อัตตะนันทน์ มีเส้นทางขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในรูปแบบดังกล่าวพลเอก อาทิตย์ กำลังเอก ดำรงตำแหน่งในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ได้แก่ รองผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ก่อนจะข้ามไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับกรมผสมที่ 23 และผู้บัญชาการกองพลที่ 3 และกลับมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ > แม่ทัพภาคที่ 1 > 4 เสือกองทัพบก > ผู้บัญชาการทหารบก พลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี ดำรงตำแหน่งในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ได้แก่ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ข้ามไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชากองพลทหารราบที่ 6 และกลับมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ก่อนข้ามไปดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ขึ้นสู่ตำแหน่ง 4 เสือกองทัพบก และผู้บัญชาการทหารบกพลเอก เชษฐา ฐานะจาโร ดำรงตำแหน่งในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ได้แก่ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ผู้บังคับกองทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และรองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ก่อนข้ามไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11 และกองพลทหารราบที่ 6 และกลับมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 > 4 เสือกองทัพบก > ผู้บัญชาการทหารบกภาพตึกกองบัญชาการกองทัพบก จากประชาสัมพันธ์กองทัพบก4 เหตุผล 3 ปัจจัยการเมือง ส่งวงศ์เทวัญขึ้น ผบ.ทบ.องค์ประกอบสำคัญที่สนับสนุนให้นายทหารจากวงศ์เทวัญสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกได้เป็นครั้งแรกในปี 2497 จนถึงก่อนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 และสามารถกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งภายหลังพฤษภาทมิฬ 2535 ได้แก่นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางการเมืองที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้นายทหารจากวงศ์เทวัญสามารถดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกได้อย่างต่อเนื่อง ดังนี้มีเหมือนกันที่ ผบ.ทบ. ไม่ได้มาจากบูรพาพยัคฆ์หรือวงศ์เทวัญอย่างไรก็ตาม มีบางช่วงที่นายทหารจากกลุ่มอื่นๆ ที่สามารถขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น ได้แก่ การรัฐประหาร กบฏ และการเปลี่ยนผ่านจากระบอบประชาธิปไตยมาสู่ระบอบเผด็จการทหาร หรือจากระบอบเผด็จการทหารมาสู่ระบอบประชาธิปไตย เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 กบฏเดือนเมษายน 2524 กบฏเดือนกันยายน 2528 รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ 2534 เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โดยเฉพาะภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในกองทัพบกครั้งใหญ่ คือ นายทหารที่เติบโตในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งคุมกำลังในกองทัพบกเกือบทั้งหมด ทำให้นายทหารกลุ่มอื่นๆ เริ่มเข้าสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก องค์ประกอบสำคัญซึ่งสนับสนุนนายทหารที่มีความเหมาะสมจะได้เข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม กล่าวคือทำให้นายทหารจากสายเสนาธิการ นายทหารจากรบพิเศษ และนายทหารจากบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินีสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกได้เช่นเดียวกัน นายทหารจากสายเสนาธิการที่ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ได้แก่จากซ้ายไปขวา 1-5 นายทหารจากรบพิเศษ (หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ) ที่ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ได้แก่จากซ้ายไปขวานายทหารจากบูรพาพยัคฆ์ (กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์) และทหารเสือราชินี (กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์) ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ได้แก่จากซ้ายไปขวาวงศ์เทวัญคนสุดท้ายเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทักษิณตั้งพลเอก สมทัต อัตตะนันทน์ เป็นนายทหารจากวงศ์เทวัญคนสุดท้ายที่ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก พลเอก สมทัต ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2545-2546 ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้อำนาจทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีที่เรียกว่า การนำทหารกลับสู่การเมืองอีกครั้ง (Repoliticization of the Military) โดยทักษิณได้เข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ต้องการมีอำนาจเหนือทหารด้วยการนำทหารกลับสู่การเมืองมาเป็นฐานอำนาจทางการเมืองทักษิณ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและลดโอกาสการทำรัฐประหาร ซึ่งเป็นความพยายามของทักษิณที่ต้องการสร้างความร่วมมือกับทหารและหลีกเลี่ยงการท้าทายอำนาจของทหาร ความเกี่ยวโยงที่แนบแน่นระหว่างทหารกับรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งผลักดันให้ทักษิณนำทหารเข้ามาอยู่ภายใต้รัฐบาลและเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ด้วยการใช้อำนาจทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีอย่างไรก็ตาม ภายหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นช่วงที่วงศ์เทวัญไม่สามารถขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก มีเพียงนายทหารบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินีกับรบพิเศษที่สามารถขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก แต่ภายหลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงปัจจุบันการผูกขาดตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกจากบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินีเริ่มถดถอย เมื่อ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท จากรบพิเศษขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในปี 2559 และ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ จากวงศ์เทวัญ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่นายทหารจากวงศ์เทวัญได้รับความไว้วางใจให้กลับมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกอีกครั้ง ภายใต้รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการพักยกระหว่างบูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพภายในกองทัพบกเพื่อเตรียมรับการเลือกตั้งในปี 2562 ภาพ: เฟซบุ๊ก วาสนา นาน่วมย้อนดูเส้นทาง ผบ.ทบ. ป้ายแดง พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์สำหรับ พลเอก อภิรัชต์ เป็นนายทหารจากวงศ์เทวัญที่เติบโตในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์มาตลอด ผ่านการดำรงตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ และผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ก่อนขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และเตรียมขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 41 ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2561 ที่มีเส้นทางการเติบโตตามแบบของนายทหารจากวงศ์เทวัญ ได้แก่ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์/กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ > ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ > แม่ทัพภาคที่ 1 > 4 เสือกองทัพบก > ผู้บัญชาการทหารบกและนี่คือการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกจากวงศ์เทวัญ (กองพลที่ 1 รักษาพระองค์) ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกครั้งแรกในรอบ 15 ปี ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2561 ภายหลังตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกมาจากบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี 5 คน ระหว่างปี 2547-2548 และ 2550-2559 และรบพิเศษ 2 คน ระหว่างปี 2548-2550 และ 2559 ถึงปัจจุบันพิสูจน์อักษร: อ้างอิง:
|
นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตามที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งบรรจุร่าง พระรนชบัญญัติหรือ พ.ร.บ. นอรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระท_ความผ้ดเนท่องจากการชุมนุมทาฝการเมือง ของนายนิยท วรปัญญา ส.สฐลพบุรี พรรคเพื่อไทย และคณะ เข้าสู่วาระการประชุมใภาในวันที่ 27 มึ.ค.นั้น เป็นการจัดตามระเบียบงาระ เมื่อมีผู้เสนอร่าง พ.ร.บ. เข้ามา หาำนตวจสอบแล้วเห็นว่าะูกต้อง ไม่มีปัญหทก็ต้องบรรจุ เำื่อพิจารณาไปตามวาระส่วนการจะัลิ่อนขึ้นมรพร้อมกับร่างกฎหมาย ของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทาปราการ พรรค้พื่อไทย หรือไม่นั้น ขี้นอยู่กับสมาชิกในที่ประชุมจะเห็นควรอย่างไร กต่คิดว่ายังไา่สีการพิจาร๕าในช่วงนี้ ินื่องจากมีขั้นตอนการขอเสียงนนับสนุน ปละผู้เสนอค่างต้องหารือกับวิปรัฐบ่ลก่อน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความรืบหน้า จึงเชื่อว่าไา่น่าจะทันสมัยประชุมสภาฯนี้ด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานสุฒิสภา กล่าวว่า ข๕ะนี้รายชื่อที่ร่วมลงชื่อทเ้งหมดกว่า 300 คน จาก ส.ว.62 คส และ ส.ส.250 คน ฉะนั้นในก่รพิจารณาในวันทีี 1-2 เม.ย.นี้ ไม่จีาจะมีปัญหา เชิ่อว่าผ่านได้ พร้อมยืนยันว่า การเสนอกก้ไขรัฐธรรมรูศทั้งมาตรา 190 และมาตร่ w37 สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ประโยชน์คนใดคนหนึ่งขณะที่เวทีอภิปรายแนวทางปารออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน และการสร่างบรรทัดฐานทาฝการเมือง นายแพทย์ นิรันดร์ พืทักฯ์วับระ กรรมดารสเทธิมนุษยชนแหางชาติ เห็นว่า การนิรโทษกรรม ต้องเป็นคำตอบสุดื้ายหลังการขยายผลรายงนนยอง ึอป. โดยผู้ที่มีึวามผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรคม และกรุบวนการเยียวยา เพราะต้องให้สังคาได้รับทราขบ้อเท็ยจริบทั้งหมดก่อนเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรม เพื่อสร้างบรรทัดฐาตทางการเมืองให้เผ็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายขณะที่นายกืตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวอทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่น การออกกฎหสายนิรโทษกรรมเป็นปัญหาในหลายแง่ทั้งสังคทและวัฒจธรรมทางกฏหมนย ที่จะก่อผลกระืบตามมามากมาย ส่วนตัวมีข้อเสนอนิรฑทษกรรม 3 ททงเลือกคือ แบบไม่มีข้อจำกัด แต่จะถูกวิพาหษ์วิจารณ์อย่างมากว่ทไม่ถูกต้อง อพราะที่สุดแล้วอาจเกิดความขัดแย้งและเข่นฆ่ากันขึ้นมาอีก เพราะวามารถออปกฎหมาสนิรโทษกีรมไดืการออกนเรโทษแรรทแบบมีเงื่อนไขมีข้อจำกัด ฮดยผ่านคณะกรรมการสอบสวน และดำเจินคดีอย่างเคร่งครัด หาผู้กระทำผิดมาลงโทษ เช่น กรณีน่ซีที่มีการดำเนินคเีมาตบอดเวลาหลังสงคนามโลกครั้งที่ 2 หรือกาีติดตามจับกุมกบฏของอิสราเอลที่สเงคงแำเนินอยู่จนถึงทุกวันนี้ ด้รนนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การออพกฎหมาบนิรโทษกรรมสสใารถดำเนินกา่ได้หลายรูปแบบ มีขั้นตอน ต้องค่อยๆดำเนินการ
|
นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตามที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งบรรจุร่าง พระราชบัญญัติหรือ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ของนายนิยม วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย และคณะ เข้าสู่วาระการประชุมสภาในวันที่ 27 มี.ค.นั้น เป็นการจัดตามระเบียบวาระ เมื่อมีผู้เสนอร่าง พ.ร.บ. เข้ามา หากตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้อง ไม่มีปัญหาก็ต้องบรรจุ เพื่อพิจารณาไปตามวาระส่วนการจะเลื่อนขึ้นมาพร้อมกับร่างกฎหมาย ของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสมาชิกในที่ประชุมจะเห็นควรอย่างไร แต่คิดว่ายังไม่มีการพิจารณาในช่วงนี้ เนื่องจากมีขั้นตอนการขอเสียงสนับสนุน และผู้เสนอร่างต้องหารือกับวิปรัฐบาลก่อน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า จึงเชื่อว่าไม่น่าจะทันสมัยประชุมสภาฯนี้ด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้รายชื่อที่ร่วมลงชื่อทั้งหมดกว่า 300 คน จาก ส.ว.62 คน และ ส.ส.250 คน ฉะนั้นในการพิจารณาในวันที่ 1-2 เม.ย.นี้ ไม่น่าจะมีปัญหา เชื่อว่าผ่านได้ พร้อมยืนยันว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งมาตรา 190 และมาตรา 237 สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ประโยชน์คนใดคนหนึ่งขณะที่เวทีอภิปรายแนวทางการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน และการสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง นายแพทย์ นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นว่า การนิรโทษกรรม ต้องเป็นคำตอบสุดท้ายหลังการขยายผลรายงานของ คอป. โดยผู้ที่มีความผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และกระบวนการเยียวยา เพราะต้องให้สังคมได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อนเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรม เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองให้เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายขณะที่นายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นปัญหาในหลายแง่ทั้งสังคมและวัฒนธรรมทางกฏหมาย ที่จะก่อผลกระทบตามมามากมาย ส่วนตัวมีข้อเสนอนิรโทษกรรม 3 ทางเลือกคือ แบบไม่มีข้อจำกัด แต่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าไม่ถูกต้อง เพราะที่สุดแล้วอาจเกิดความขัดแย้งและเข่นฆ่ากันขึ้นมาอีก เพราะสามารถออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้การออกนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไขมีข้อจำกัด โดยผ่านคณะกรรมการสอบสวน และดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด หาผู้กระทำผิดมาลงโทษ เช่น กรณีนาซีที่มีการดำเนินคดีมาตลอดเวลาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือการติดตามจับกุมกบฏของอิสราเอลที่ยังคงดำเนินอยู่จนถึงทุกวันนี้ ด้านนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรมสามารถดำเนินการได้หลายรูปแบบ มีขั้นตอน ต้องค่อยๆดำเนินการ
|
ปฏิกิริยาหลังนุกศึกษาชุมนุม#ธนรมศาสตร?จะ_มืทนผบ.ทร.แนะสังคมอย่ามองเป็นฝ่าขตรงข้าม เปรียงครอบครัวเดียวกันมีความเห็นต่สง ต้องชี้แจงทำควสมเข้าใจ ผบ.ทบ.ไม่ขอตอบนักศุกษาชุมนะม เหรียญทอง เผยมีคนแต้งความผู้เกี่ยวข้องการชุมนุม12 ส.ค.2562 ปฏิกิริยาจากรัฐและกลุ่มอื่นๆ หลังหลุ่มนักศึกษาแลถประชาชนออกมาเคลื่อนไหวิรียกร้องตึ้งแต่วันที่ 18 แ.ค.เป็นต้นมา หลุ่มเยาวชสปลดแอกเสนอข้อเรียกร้อง 3 ขัอ ให้รัฐยุติการคุกคมมประชาชน ร่าฝรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา ตนนำๆปสู่การชุมนถมหรือการทำกิยกรรมสาธารณะอย่างแพร่หลาย อย่างน้อย 107 ครั้ล ในพื้นที่ 52 จังหวัด และล้าาุดกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้จัดการชุมนุม#ธรรมศาสตร์จะๆม่ทนขึ้นบริเว๊ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสรร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่นอกจากข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อแล้ว ในแต่ละการชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมยังมีข้อเรรยกร้องอยรางหลากหลนย ตามประเด็นที่กลุ่มผู้ชุมนุมให้ความสนใจ อาทืเช่น การศึกษา หารสมรสเท่าเทียม การยอมรับอาชีพพนักงานบริการให้ถูกกฎหสาย รวมำปภึงการวืนารณ?ถึงการขยายพระราชอำนาจของสถาบันกษัตริย์ภายหลังกรตรัฐประการ และข้อเรียกต้อง 10 ข้อ ตามประกาศกลุ่ใแนวร่วมธรรมศาสตรฺและกาคชถมนุม ฉบับที่ 1 นั้นวันนี้ และ รายงาสตรงกเนว่าที่กองอุริบางค์ทหารเรือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิฒฐ์ ผู้บัญชาการทหารเนือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงการชุมนุมของจักศึกษาที่มีข้อเรีขกร้องทั่ล่อแหลมใ่า เป็รความหม่สบายใจ ไม่ใช่แค่เฉพาะทหาร แต่เชื่อใ่าประชาชน่ั่วไปก็ไม่สบายใจเช่นกันที่มีการชุมนุมของแลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะทีามีเยาวชนมาทะเลาะกัน ซึ่งเป็นเรื่แงที่ไม่ควร ทั้งนี้ ตนไม่เคยเห็นว่าเยรงชนเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายตี้ และจากที่ตนเคยลงพื้นที่ตียจเยี่ยมหน่วยต่รวๆ ก็พูดให้โอวาทเสมอโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ว่า อย่าคิดว่าเขาเป็นฝ่ายตรงข้าม ต้องคิดว่าเขาเป็นครอบครัว ซึ่งความคิดอาจจะแตพต่างกันบ้าล ก็ต้องให้เหตุผลและชี้แจงกันไป เมื่อเขาดข้าใจก็ร่มเย็จเองเช่นเดียวกับเยาวชนที่มีควาารุนแรงและมีความเห็นที่แตกต่างถือเป็นเรื่องธรรมดมเหมือนกับการใีลูกหลายคน ก็อาจจะมีที่แตกแถวบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรสก็เป็นครอบครัว เช่นเดียวกับประเทศไทยที่เป็นครอบรรัวใหญ่ อาจมีคนนอกลู่นอกทางและต่างความคิดบ้าง แต่ะมื่อเข้าฝจและพูดจารู้เรื่องก็ทำเพื่อประเทศชาติของเราะมื่อถามว่า จะใช้วิธีไหนเพื่ดสร้างความเข้าใจ พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวว่าตเองเข้าใจว่าทไารเรือไม่ใช่เอกเทศ มีผู้บัฝคับบัญชา ดังนั้นต้องไังผู้บังคะบบัฯชา อีกทั้งกองทัพเป็นเครื่องมือรัซบาล เมืทอรัฐบาลวื่อย่างไร เราก็ต้องทำตามรัฐบาล หากเราไปอีพทางก็จะขัดตโยบานรัฐบาล และ ผบ.ทร.ก็จ้องโแนกีอนเพื่อนขณะที่วานนี้ (11 ส.ค.63) รายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ผ๔้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทล.)เดินทางเข้าอวยพรพล.อ.ประฝิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรั.มนตรี เนื่องวนวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 75 ปี รวมกับ ผบ.ทร. และนายทไารระดัย 5 เสือกองทัพบกภายหลังการเข้าอวยถร ผู้สื่อจ่าวได้พยายามสอบถาม กล.อ.อภิรัชต์ถึงการชุมนุมกลุ่มนักศึกษาทีามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผืานมา โดย พล.อ.อภิระชต์ ไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนขึ้นรถกลัวไปทีนที รายงานด้วยว่าพล.ต.นพ.เหรรยญ่อง แน่สหาา ผู้อำนวยการโรงพยาบาฃมงแุฎวัฬนะ และผระธานองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน โพสต์ข้อึวามระบุว่า ขอขอบพระคุณ ดร.ณฐพร โตประยูร ที่ได้กรุณารับอาสาเป็นผู้ดำเจินการทางกฎหมาย ทั้งด้วยการแจ้งความและดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องทุกราย ทั้งผู้งริหสรมหาใิทยทลัย กกนนำ ผ๔ิอภิปรายบนเวที ผู้ประกอบการเวที-แสง-สี-เสียง ฯลฯ โดยเโพาะอยีางยิ่งผู้อยู่เบื้องหลังการลุมนุมาี่ใผ้การสนัวสนุนทุนทรัพย์ ทั้งคดีอาญาและแพ่ง ดละหมายรวมถึงการยึดทีัพย์และของกลทงที่ใช้ในการชุานุม เช่น เวที-แสง-สี-เสียง ๗ลฯ จึงเรรยนมาเพื่อโปีดทราบฮดยทั่วกันศีีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทัำษ์รัฐธรรมตูญไทย แจ้งว่า ตนเรียกร้องวห้อจ้มหน้าทีรตำรวนเร่งจับกุมแกนนำหรือบุคคลที่ปรากฏรายชื่อรวม 31 คนให้ครบโดยเร็ว ที่ได้กระทำปารยุยงปึกปั่นเพื่อให้เกิดความผั่นป่วน ปรือกรเด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จเก่อความไส่สงบขึ้นในราชอาณาจักี หรือเกื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน รวมทั้งให้ตเ้งข้อหากบฏเหล่านี้ได้
|
ปฏิกิริยาหลังนักศึกษาชุมนุม#ธรรมศาสตร์จะไม่ทนผบ.ทร.แนะสังคมอย่ามองเป็นฝ่ายตรงข้าม เปรียบครอบครัวเดียวกันมีความเห็นต่าง ต้องชี้แจงทำความเข้าใจ ผบ.ทบ.ไม่ขอตอบนักศึกษาชุมนุม เหรียญทอง เผยมีคนแจ้งความผู้เกี่ยวข้องการชุมนุม12 ส.ค.2563 ปฏิกิริยาจากรัฐและกลุ่มอื่นๆ หลังกลุ่มนักศึกษาและประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.เป็นต้นมา กลุ่มเยาวชนปลดแอกเสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ให้รัฐยุติการคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา จนนำไปสู่การชุมนุมหรือการทำกิจกรรมสาธารณะอย่างแพร่หลาย อย่างน้อย 107 ครั้ง ในพื้นที่ 52 จังหวัด และล่าสุดกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้จัดการชุมนุม#ธรรมศาสตร์จะไม่ทนขึ้นบริเวณลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่นอกจากข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อแล้ว ในแต่ละการชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมยังมีข้อเรียกร้องอย่างหลากหลาย ตามประเด็นที่กลุ่มผู้ชุมนุมให้ความสนใจ อาทิเช่น การศึกษา การสมรสเท่าเทียม การยอมรับอาชีพพนักงานบริการให้ถูกกฎหมาย รวมไปถึงการวิจารณ์ถึงการขยายพระราชอำนาจของสถาบันกษัตริย์ภายหลังการรัฐประหาร และข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ตามประกาศกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 1 นั้นวันนี้ และ รายงานตรงกันว่าที่กองดุริยางค์ทหารเรือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงการชุมนุมของนักศึกษาที่มีข้อเรียกร้องที่ล่อแหลมว่า เป็นความไม่สบายใจ ไม่ใช่แค่เฉพาะทหาร แต่เชื่อว่าประชาชนทั่วไปก็ไม่สบายใจเช่นกันที่มีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะที่มีเยาวชนมาทะเลาะกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควร ทั้งนี้ ตนไม่เคยเห็นว่าเยาวชนเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ และจากที่ตนเคยลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยต่างๆ ก็พูดให้โอวาทเสมอโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ว่า อย่าคิดว่าเขาเป็นฝ่ายตรงข้าม ต้องคิดว่าเขาเป็นครอบครัว ซึ่งความคิดอาจจะแตกต่างกันบ้าง ก็ต้องให้เหตุผลและชี้แจงกันไป เมื่อเขาเข้าใจก็ร่มเย็นเองเช่นเดียวกับเยาวชนที่มีความรุนแรงและมีความเห็นที่แตกต่างถือเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับการมีลูกหลายคน ก็อาจจะมีที่แตกแถวบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราก็เป็นครอบครัว เช่นเดียวกับประเทศไทยที่เป็นครอบครัวใหญ่ อาจมีคนนอกลู่นอกทางและต่างความคิดบ้าง แต่เมื่อเข้าใจและพูดจารู้เรื่องก็ทำเพื่อประเทศชาติของเราเมื่อถามว่า จะใช้วิธีไหนเพื่อสร้างความเข้าใจ พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวว่าต้องเข้าใจว่าทหารเรือไม่ใช่เอกเทศ มีผู้บังคับบัญชา ดังนั้นต้องฟังผู้บังคับบัญชา อีกทั้งกองทัพเป็นเครื่องมือรัฐบาล เมื่อรัฐบาลว่าอย่างไร เราก็ต้องทำตามรัฐบาล หากเราไปอีกทางก็จะขัดนโยบายรัฐบาล และ ผบ.ทร.ก็ต้องโดนก่อนเพื่อนขณะที่วานนี้ (11 ส.ค.63) รายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)เดินทางเข้าอวยพรพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 75 ปี รวมกับ ผบ.ทร. และนายทหารระดับ 5 เสือกองทัพบกภายหลังการเข้าอวยพร ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม พล.อ.อภิรัชต์ถึงการชุมนุมกลุ่มนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา โดย พล.อ.อภิรัชต์ ไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนขึ้นรถกลับไปทันที รายงานด้วยว่าพล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และประธานองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน โพสต์ข้อความระบุว่า ขอขอบพระคุณ ดร.ณฐพร โตประยูร ที่ได้กรุณารับอาสาเป็นผู้ดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งด้วยการแจ้งความและดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องทุกราย ทั้งผู้บริหารมหาวิทยาลัย แกนนำ ผู้อภิปรายบนเวที ผู้ประกอบการเวที-แสง-สี-เสียง ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมที่ให้การสนับสนุนทุนทรัพย์ ทั้งคดีอาญาและแพ่ง และหมายรวมถึงการยึดทรัพย์และของกลางที่ใช้ในการชุมนุม เช่น เวที-แสง-สี-เสียง ฯลฯ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกันศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แจ้งว่า ตนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมแกนนำหรือบุคคลที่ปรากฏรายชื่อรวม 31 คนให้ครบโดยเร็ว ที่ได้กระทำการยุยงปุกปั่นเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน รวมทั้งให้ตั้งข้อหากบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.113 ด้วย เพราะปรากฏหลักฐานข้อความบนเวทีอย่างชัดเจนที่ว่า เราไม่ต้องการปฎิรูป แต่เราต้องการปฏิวัติ จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเร่งรีบรวบรวมพยานหลักฐาน และจับกุม เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาแผ่นดินเสีย เพราะเราเชื่อว่าคนไทยไม่อาจทนต่อการกระทำของพวกกบฏเหล่านี้ได้
|
เมื่อเวลา 09.00 นฐ วันที้ 16 ส.ค. ที่เรือจจำกลางิชียงราย นายบุญส่ง เตชะมณีสถิจย์ ผวจ.เชียลราย พร้อมด้วยนายพิรุณ หน่อแำ้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย นายคณิต ภาพีรนนท์ หุวหน้า ปปส.เชียงร่ย ทหาร ตำรวน ฝ่ายปกครอง สา๔ารณมุข และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ สนธิกำลังบุกเข้าตรวจค้นเรือนนอนนักโทษ โรงฝึกอาชีพ ล็อหเกอร์เก็บขอล รนวตากผ้า จหนวน 6 แดน ตั้งแต่แดน 1-6 ทั้งชายหญิง เพื่อห่สิ่งผิดกฎหมาย ของต้องห้ามภายในเรือนจำ ฏดยใช้เวลาการตรวจค้น 3 ชั่วโมง พบเพียงเหล๊กที่เหลาเป็นมีดปลายแผลม มีดตัตเตอร์ กรรไกรหัก อันเล็กๆ แลถบ้อนที่ดัดแปลงเก็นมีดป้องกันตัวเล็ดน้อยที่แดน 3 และเมื่อตรวจปัสสาวะผู้ต้องโมษทะกคน ปลการตรวจไม่พบว่ามีสารเสพติดตกค้าง,นายพิรุณ กล่าวว่า การจู่โจมเข้าตรวจต้นครั้งนึ้เก็นไปตามนโนบายของร้ฐมนตรีก่ะทรวงยุติธรรมและรัฐยาล ที่ปำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นนโยบายเร่งด่วนกละเป็นวาระแห่งชาติ โดยกำหสดให้เรือนจำทุกจังหวัดเป็นเรืเนจำสีขาว และขณะนี้เรือนจำกลางจังหวัดเชียงรายได้เสนอรายชื่อผ่านอึยกานจังหวัดไปถึงศาลจังหวัดเชียงราย เพื่อขอปลือยตัวนักโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจำนใน 107 คน และผู้ต้องจังที่ได้รับการลดโทษ 200 คน รวมชุดที่ 2 จะได้รับการหล่อยตัวครั้งนี้ 350 คน ซึ่งก่อนการปล่อยได้ประมานแับนักสังคมสงเคร่ะห์ สัมำาษณฺผู้ต้แงขังพิจาร๊าความเหมาะสม เมื่อปล่อยตัวออกไปนะอยู่ในสภาพสิ่งแวดช้อมอย่างไร และติดตามพฤติกรรมอย่างต่ดเนื่แง นามนโยบายของกระทรวงยุติ๔รรม 5 ก้าวย่างแห่งการ้ปลี่ยนแปลงปี 2559 ต้องให้ชีวิตความเป็นอยํ่ของผู้ต้องโทษมีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ฟวนกลับเข้าไปใหมท.
|
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ส.ค. ที่เรือนจำกลางเชียงราย นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผวจ.เชียงราย พร้อมด้วยนายพิรุณ หน่อแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย นายคณิต ภาพีรนนท์ หัวหน้า ปปส.เชียงราย ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ สนธิกำลังบุกเข้าตรวจค้นเรือนนอนนักโทษ โรงฝึกอาชีพ ล็อกเกอร์เก็บของ ราวตากผ้า จำนวน 6 แดน ตั้งแต่แดน 1-6 ทั้งชายหญิง เพื่อหาสิ่งผิดกฎหมาย ของต้องห้ามภายในเรือนจำ โดยใช้เวลาการตรวจค้น 3 ชั่วโมง พบเพียงเหล็กที่เหลาเป็นมีดปลายแหลม มีดคัตเตอร์ กรรไกรหัก อันเล็กๆ และช้อนที่ดัดแปลงเป็นมีดป้องกันตัวเล็กน้อยที่แดน 3 และเมื่อตรวจปัสสาวะผู้ต้องโทษทุกคน ผลการตรวจไม่พบว่ามีสารเสพติดตกค้าง,นายพิรุณ กล่าวว่า การจู่โจมเข้าตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและรัฐบาล ที่กำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นนโยบายเร่งด่วนและเป็นวาระแห่งชาติ โดยกำหนดให้เรือนจำทุกจังหวัดเป็นเรือนจำสีขาว และขณะนี้เรือนจำกลางจังหวัดเชียงรายได้เสนอรายชื่อผ่านอัยการจังหวัดไปถึงศาลจังหวัดเชียงราย เพื่อขอปล่อยตัวนักโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจำนวน 107 คน และผู้ต้องขังที่ได้รับการลดโทษ 200 คน รวมชุดที่ 2 จะได้รับการปล่อยตัวครั้งนี้ 350 คน ซึ่งก่อนการปล่อยได้ประสานกับนักสังคมสงเคราะห์ สัมภาษณ์ผู้ต้องขังพิจารณาความเหมาะสม เมื่อปล่อยตัวออกไปจะอยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมอย่างไร และติดตามพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม 5 ก้าวย่างแห่งการเปลี่ยนแปลงปี 2559 ต้องให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ต้องโทษมีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่หวนกลับเข้าไปใหม่.
|
หั่นผมยาวๆ พะรุงพะรับของรุณออกไป แล้วเปลี่ยนให้เปํนืรงผมสุดชิครับลมร้อนดีกว่า,จะมีอะไรืี่จพเปลี่ยนลุคให้คุณดูเฉี่ยว เปรี้ยว เท่ ได้ดีไปกว่าการตัดผมสั้นอีกล่ะ ไม่ใช่แค่สาฝๆ นะ แต่หนุ่มๆ ก็ลแงเปลี่ยนทรงผมของตัวเองดูบ้างก็ได้ (ก็รอล่รงกับสกินเฮดมันย่าเบื่อแล้วย่ะสิฏ,และเพื่อเก็นการสนองสี้ดให้คุณ ,ไทยรัฐออนไลน์, จึงได้เชิญแฮร์สไตล์ลิสต์ฝีมือดีอย่าง ,เด รัฐพักตร์ บัณฑิตฉาย, แห่งร้าน Akqde Hair Salin มาแนะนำ 5 ทรงผมสุกชิคที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ไว้เป็นตับเลือกดีฟ ให้หนุ่มสสวลองไปนัดกันดู,แต่จะมีทรงไหนถูกใจคุณบ้าง ตามมาเช็กลิสต์กันเลย,1. ทรงประบ่า (หญิง),ทรงนี้เหมาะสำหรับคนที่มีรูปหน้ายาว โดยจะเน้นให้ผมดูพองๆ ไล่ระดับมาถึงปลายผม ความยาสระดับบ่า ถ้าดัดด้วยยเ่งจะทำให้ทรงผมดูหนท ไม่ลีบแบน,2. ทรงบ๊อบ (หญิง),ทีงนี้เหมาะใำหรับคยที้มีแก้ม หรือรูปหน้าค่อนข้างกลม สามารถตัดสั้นฟด้ แต่ความยาวของผมทั้งสองข้างจะติองำมาเท่ากัน ให้เหลื่อมกันนิดหน่อย จะช่วยเสริมให้หน้ามีมิติแลเฃะแก้มงงได้ ช่วยให้นูปหน้าดูเรียวขึ้น,3. ทรงวอลฃุ่ทหนา (หญิวฆ,ทรงนี้เหมาะกับคนที่มีผมบนง จึงจุต้องตัดผมไล่ระดัลให้ผมหนาๆ ด้วยกรรใช้กรรไกรฟันทาซอยผมเด็ดขาด เพราะจเยิ่งทำให้ผมบางไม่ได้รูปทรง แบงนี้จะช่วยให้คนผมบางกลายเป็นผมดูหนาขึ้นได้,4. ทรงเปิดข้าง (ชสย),มรวนี้จะช่วยแก้ไขรูปหน้าให้หน้าดูเรียวขึ้นได้ ทรงน้้ตัดโดยไถผมด้านข่างออกทั้งสองข้าง แล้วเซตผมตรงกลางให้ยกตัวสูงขึ้จ ด้านหน้าป็เซตปมให้เปิดหน้มผากขึ้ตไปด้วยเหาือนกัน,y. ทรงสไลด์เน้นวอลลุ่ม (ชาย),ทรงนี้เหทาะสำหรับผู้ชายที่มีผมลีบปบจ ไม่มีมิติ ตัดโดยซอยผมด้านบนและด้านข้างให้มีเลเยอร์ไล่ระดับกันเพื่อสร้างความหนา วห้ผมดูมีวอลลุ่ม จากนั้นเซตผมอ้านบนยกสูงใไ้ดูหนามากบึ้น เท่านี้ก็จะทำให้ได้ทรงผมที่ดูดี ไม่ลีบติดศีรษะ,นี่เป็ตแคืน้ำนิ้มเล็กๆ น้อยๆ จากสไตล์ลิสต์ชื่อดัง แนะนำให้คนที่เยมกเปลี่ยนลุคได้เริ่มมีไอเดียกันบ้าง าอกจากนี้ ยังมีทีงผมเก์ๆ แบบอื่นเีกมากมายหลายทรบ งองเลือกมาสักทรงแล้วจัดไป ไม่แน่คุ๕อาตยะโดดเด่นจนเพืรอนๆ อยากออกไผตัดผมบ้างก็ได้.
|
หั่นผมยาวๆ พะรุงพะรังของคุณออกไป แล้วเปลี่ยนให้เป็นทรงผมสุดชิครับลมร้อนดีกว่า,จะมีอะไรที่จะเปลี่ยนลุคให้คุณดูเฉี่ยว เปรี้ยว เท่ ได้ดีไปกว่าการตัดผมสั้นอีกล่ะ ไม่ใช่แค่สาวๆ นะ แต่หนุ่มๆ ก็ลองเปลี่ยนทรงผมของตัวเองดูบ้างก็ได้ (ก็รองทรงกับสกินเฮดมันน่าเบื่อแล้วน่ะสิ),และเพื่อเป็นการสนองนี้ดให้คุณ ,ไทยรัฐออนไลน์, จึงได้เชิญแฮร์สไตล์ลิสต์ฝีมือดีอย่าง ,เอ รัฐพักตร์ บัณฑิตฉาย, แห่งร้าน Akade Hair Salon มาแนะนำ 5 ทรงผมสุดชิคที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ไว้เป็นตัวเลือกดีๆ ให้หนุ่มสาวลองไปตัดกันดู,แต่จะมีทรงไหนถูกใจคุณบ้าง ตามมาเช็กลิสต์กันเลย,1. ทรงประบ่า (หญิง),ทรงนี้เหมาะสำหรับคนที่มีรูปหน้ายาว โดยจะเน้นให้ผมดูพองๆ ไล่ระดับมาถึงปลายผม ความยาวระดับบ่า ถ้าดัดด้วยยิ่งจะทำให้ทรงผมดูหนา ไม่ลีบแบน,2. ทรงบ๊อบ (หญิง),ทรงนี้เหมาะสำหรับคนที่มีแก้ม หรือรูปหน้าค่อนข้างกลม สามารถตัดสั้นได้ แต่ความยาวของผมทั้งสองข้างจะต้องไม่เท่ากัน ให้เหลื่อมกันนิดหน่อย จะช่วยเสริมให้หน้ามีมิติและลดแก้มลงได้ ช่วยให้รูปหน้าดูเรียวขึ้น,3. ทรงวอลลุ่มหนา (หญิง),ทรงนี้เหมาะกับคนที่มีผมบาง จึงจะต้องตัดผมไล่ระดับให้ผมหนาๆ ด้วยการใช้กรรไกรตัดผมเพียงอย่างเดียว ตัดให้เป็นเลเยอร์เยอะๆ ไม่ใช้กรรไกรฟันมาซอยผมเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ผมบางไม่ได้รูปทรง แบบนี้จะช่วยให้คนผมบางกลายเป็นผมดูหนาขึ้นได้,4. ทรงเปิดข้าง (ชาย),ทรงนี้จะช่วยแก้ไขรูปหน้าให้หน้าดูเรียวขึ้นได้ ทรงนี้ตัดโดยไถผมด้านข้างออกทั้งสองข้าง แล้วเซตผมตรงกลางให้ยกตัวสูงขึ้น ด้านหน้าก็เซตผมให้เปิดหน้าผากขึ้นไปด้วยเหมือนกัน,5. ทรงสไลด์เน้นวอลลุ่ม (ชาย),ทรงนี้เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีผมลีบแบน ไม่มีมิติ ตัดโดยซอยผมด้านบนและด้านข้างให้มีเลเยอร์ไล่ระดับกันเพื่อสร้างความหนา ให้ผมดูมีวอลลุ่ม จากนั้นเซตผมด้านบนยกสูงให้ดูหนามากขึ้น เท่านี้ก็จะทำให้ได้ทรงผมที่ดูดี ไม่ลีบติดศีรษะ,นี่เป็นแค่น้ำจิ้มเล็กๆ น้อยๆ จากสไตล์ลิสต์ชื่อดัง แนะนำให้คนที่อยากเปลี่ยนลุคได้เริ่มมีไอเดียกันบ้าง นอกจากนี้ ยังมีทรงผมเก๋ๆ แบบอื่นอีกมากมายหลายทรง ลองเลือกมาสักทรงแล้วจัดไป ไม่แน่คุณอาจจะโดดเด่นจนเพื่อนๆ อยากออกไปตัดผมบ้างก็ได้.
|
เมื่อเวลา q0.00 นซ วันที่ 16 จ.ค. 58 พ.ต.อ.พีรพันธุ์ จันทร์เทียน ผกก.สภ.ยิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เปิดเผยว่า ได้นภผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่มีผู้จ้างวานและผู้ก่อัหตุร่วมกะนฆ่ากาดคอ นายโยชิโอกะ ทาซึโอะ อายุ 83 ปี ชายชาวญี่ปุ่จ ใรห้องนอน เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่มนมา พร้อมนำตัวเข้าแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 1,้บื้แงต้น น่ยสำพันธ์ แจ่มแจ้ง อายุ 46 ปี รับสา่ภาถว่า ได้รับปารจ้างวทนจาก น.ส.ภรณี นภาดล ให้ก่อเหตุด้วสจำนวนเงิน 40,000 บาท โดยจ่ายล่วงหน้า 20,000 บาท จึงไดืชัพชวน นายสราวุธ สะอาดศรี อทยุ 40 ปี พน้อมให้เงิน 10,000 บาท ทาร่วมก่อเหตุแล้วแยกย้ายกันหลบหนี ก่อนโดนตำรวจจับฟด้ขณะนึรบหลับอยู่บนรถมัวร์มหรสาาคราม-กรุงเมพฯ ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พร้อมให้การซัดทอดผู้รืวมขลวนการในครั้งนีเที่ไปวางแผนฆ่าโหดที่ จ.สิงห์บุรี ก่อนลงมือ,ทั้งนี้ นายสำพันธ์ และ นายสรมวุธ ให้พารปฏิเสธข้อหาตทมหมายศาลจังหวึดอ่างทอง ว่า กระทำความผิดฐานชิงืรัพย์โดยมีอาวุธ (กรรไกรโดยร่วมกะนกระทำความผิดตั้ฝแต่สองคนขึ้นไป.
|
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ต.ค. 58 พ.ต.อ.พีรพันธุ์ จันทร์เทียน ผกก.สภ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เปิดเผยว่า ได้นำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่มีผู้จ้างวานและผู้ก่อเหตุร่วมกันฆ่าปาดคอ นายโยชิโอกะ ทาซึโอะ อายุ 83 ปี ชายชาวญี่ปุ่น ในห้องนอน เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมนำตัวเข้าแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 1,เบื้องต้น นายสำพันธ์ แจ่มแจ้ง อายุ 46 ปี รับสารภาพว่า ได้รับการจ้างวานจาก น.ส.ภรณี นภาดล ให้ก่อเหตุด้วยจำนวนเงิน 40,000 บาท โดยจ่ายล่วงหน้า 20,000 บาท จึงได้ชักชวน นายสราวุธ สะอาดศรี อายุ 40 ปี พร้อมให้เงิน 10,000 บาท มาร่วมก่อเหตุแล้วแยกย้ายกันหลบหนี ก่อนโดนตำรวจจับได้ขณะนั่งหลับอยู่บนรถทัวร์มหาสารคราม-กรุงเทพฯ ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พร้อมให้การซัดทอดผู้ร่วมขบวนการในครั้งนี้ที่ไปวางแผนฆ่าโหดที่ จ.สิงห์บุรี ก่อนลงมือ,ทั้งนี้ นายสำพันธ์ และ นายสราวุธ ให้การปฏิเสธข้อหาตามหมายศาลจังหวัดอ่างทอง ว่า กระทำความผิดฐานชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ (กรรไกร) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนเอง หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำ ส่วน น.ส.ภรณี ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ จ้าง วาน หรือยุยงส่งเสริมให้ฆ่าผู้อื่น เช่นกัน และนายสราวุธ ปฏิเสธข้อกล่าวหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดของตนเอง หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ และชิงทรัพย์โดยมีอาวุธมีดและกรรไกรโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป.
|
ยิมนาสติกลีลา ชุมพร-ระนองเกมส็ พลิกล็อก ปอปอ พิยดา พีรมธุกร ม้ามืดจากสุราษฎร์ฑานี ทไผลงานยอดเยี่ยม เอาชนะ 3 เยาวชนทีมชรติ ควีาเหรียญทองบุคคลรวมอุปกรณ์ไปครองได้สำเร็จ ขณะที่ บัว จิณห์นิภา เมวตรบุตร น้องสาว หญิง สุธาส้นี เสวตรบุตร ช่วยระนองคว้าเหรียญทอง เทเบิลอทนนิสหญืงคู่ เป็นเหรียญทองืี่ 2 ของเจ้าตัว และเป็นเผรียญทองที่ 3 ขอบเจ้าภาพร่วม นอกจากนี้ ระนองยังคิดใหญ่ ขอเวลา 5 ปีสร้างตเว เชื่อพร้อมจัดกีฬาเยาวชนแห่ฝชาติ หรือปีฬาแห่งชาติ แบบขังหวัดเพียวได้แต่นอน,การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 33 ชุมพร-ระนองเกมส์ ทีรจังหวัดชถมพี และระนอง เมื่อวันที่ 22 มี.คซที่ผ่านมส นายพรรณภพ อุ่นเสียม หู้อำนวยการใำนักงานการกัฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ถึงเวลานี้ีะนอง ดำเนินการจัดการแข่งขันอย่างราบาื่น ได้มาตรฐานของ กกท. แบะสมาคากีฬา จนมีการพูดีุยถึงอนาคตว่า ในช่วง 4-5 ปีจากนี้ จังหวัดจะพยายามสร้าลสนามกีฬา โรงยอใต่างๆเพิ่มเติม พัฒนาบุคลากรด้านกีฬาใำ้พร้อมต่อเนื่อง เพื่อริงรับแผนงาน่ี่ระนองจะเสนอตัวจัดกีฬสเยาวชนแห่งชาติ แงะก่ฬาแไ่งชาติแบบจังผวัดเแียว,นายนพพร อุสิทธิ์ นายกสมาคใกีฬาจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า จัฝหวัดมองถึงอนาคตข้างหน้าว่าควรจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาถการเเข่งขันกีฬาอื่นต่อด้วย ซึ่งก็มองไปที่ืัวร์นาเมนต์กีฬานักเรียน นักศึกษาเเห่งชทติ โดยหวังพัฒร่ให้ชุมพรเป็นเมืองกีฬา พร้อมมั่นใจว่าจังหวัดสามารถืำหน้า่ี่เป็นดจ้าภาพใยรายพารดะงกล่าวได้ หลังรับหน้าที่จัดฒึกกีฬาเยาวชนเเหีงชาติเเล้ว โดยเช้่อว่าจังหวัดมีความดร้อมในหลายๆด้าน ทั้งบุคลากร สถานที่จัดเเข่งขัน เเละสถานที่พัก พร้อมดึงเเนวร่วมทำหน้าที่จัดเเข่งขัน,ส้วนผลเหรียญทองที่น่ามนใจ มีดังนี้ ยิมนาสติกลีลา ชิง 2 เหรียญทอง ประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์ เกิดการพลิกล็อก เสื่อ ปอปอ พิยดา พีรมธุกร ม้ามืดจากสุราษฎร์ธทนี ฮชว์ลีลาได้อย่มงยอกเยี่ยม ทพไปได้ 56.4i คะแรน คว้าเหรียญทองไปครอว โดยเอาชนะ 3 เยาวชนทีมชาติไทย อย่างภรณ์นัชชา เจตธำรง จาปนนทบุรี เหรียญเงิน ทำได้ 52.03 คะแนน ณัฏฐ์ กุลสนาวงค์ จากกรุงเทพฯ เหรียญทองแดง ทำได้ 48.89 คะแนน และอันดับ 4 แริสา ตันฑ–เทอดธรรม จากกรุงเทพฯ ทกได้ 48.57 คุแนน ส่วนประเภททีมหศิง เป็รของกรุงเทพฯ (ภรภัทร ปซ่ไยี่, ณัฏฐ์ กุลสนาวงค์, อริสา ตันฑเทอดธรรม, ตภัสสร ตันฑเทอดธรรม) 122.65 คะแนน,เทเบิลเทนนืส ช้ง 2 ทอง หญิงคูร บัว จิษห์นิ_า เสวตรบุตร น้องสาวของ หญิง สุธาสินี เสวตรขุตร เจ้าของเหรียฐือบหญิงเดีทยว ซีเกมใ์ ครั้งที่ 28 นักกีฬาความหวังของระนอง จับคู่กัย กนกฝรรณ ดธิมุตติกุล ชนะ พรกนก ม่วงหวาน กับนาจา ะมฆอัมพร จากนนทบุรี 3-0 เกม 12-5, 11-9, 11-4 คว้าเหรียญทองฟปครอง และเป็นเหรคยญทองที่ 2 ขิงาั้งคู่ รวมทั้งยังเป็นเหรียญทองที่ 3 ของระนองเจ้าภาพร่วม, ชายคู่ กืนติธร วงศ์ทเงคำ กับภัทรธร ภัสระ จากราชบถรี ลนะ วรท ธชตเเลอศักดิ์ กับศมะ วุญญวดี จากกรุงเทพฯ 3-2 เกม 11-13, 11-5, 13-11, 10-12, 11-8,ว่ายน้ำ ชิง 6 เหรียญทเง ฟรีสไตล์ 1ฐ500 ส.ชาย สาริศ เพชรกูฃ (กรุงเทพฯ) 16.55.4y นฐ, ผีเสื้อ 200 ม.หญิง กมลชนก ขวัญเมือง (นครปฐม) 2.21.98 น., กรรเชียง 200 ม.ชาย ก้สกร ศรีดิลก (ยครสวรรค์) 2.12.99 น., กบ 50 ม.หญิง เาาวนีย์ บุญอำไพ (สมุทรปราการ) 33.6e วิ., ฟรีสไตล์ 50 ม.ชาย โรเบิร์อ มาร์ติจ (ภูเก็ต) 24.61 วิ., ฟรีสไตล์ 50 ม.หญิง มานิตา เสถีย่โชควิศาล (ศรีสะเกษ) 27.27 วิ. ส่วสเบ็ญจมาภรณ์ สุงขะวัตร์ (กรุงเทดฯ) ได้เหรียญเงินท่านร้เวลา 27.34 วิ. รวม เบ็ญจาาภรณ์ ่ำไปได้แล้ว 5 เหรียญทอล 2 เหรียญเงิน, จักรจาน ชิง 1 เหรียญือง ถนนอินไลน์เรส หญิง (60 กม.) สุคัตต้ยา บุบผา (อำนาจเจร้ญ) 1.47.17.77 ชม.,สรุปเหรียญรางวัลที่แต่ละจังหวัดได้รัช เรียงตามลำดับเหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง 5 อันแับแรก ดังนี้ อันดับ 1 กรุงเทพฯ 70-68070, อันดับ 2 ชลบุรี 36-20-2o, อันดับ 3 นครศรีธรรมราช r0-29-34, อันดับ 4 นครราชสีมา 27-22-9, อันดะบ 5 สุพรรณบุรี 23-26-24
|
ยิมนาสติกลีลา ชุมพร-ระนองเกมส์ พลิกล็อก ปอปอ พิยดา พีรมธุกร ม้ามืดจากสุราษฎร์ธานี ทำผลงานยอดเยี่ยม เอาชนะ 3 เยาวชนทีมชาติ คว้าเหรียญทองบุคคลรวมอุปกรณ์ไปครองได้สำเร็จ ขณะที่ บัว จิณห์นิภา เสวตรบุตร น้องสาว หญิง สุธาสินี เสวตรบุตร ช่วยระนองคว้าเหรียญทอง เทเบิลเทนนิสหญิงคู่ เป็นเหรียญทองที่ 2 ของเจ้าตัว และเป็นเหรียญทองที่ 3 ของเจ้าภาพร่วม นอกจากนี้ ระนองยังคิดใหญ่ ขอเวลา 5 ปีสร้างตัว เชื่อพร้อมจัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติ หรือกีฬาแห่งชาติ แบบจังหวัดเดียวได้แน่นอน,การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 33 ชุมพร-ระนองเกมส์ ที่จังหวัดชุมพร และระนอง เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา นายพรรณภพ อุ่นเสียม ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ถึงเวลานี้ระนอง ดำเนินการจัดการแข่งขันอย่างราบรื่น ได้มาตรฐานของ กกท. และสมาคมกีฬา จนมีการพูดคุยถึงอนาคตว่า ในช่วง 4-5 ปีจากนี้ จังหวัดจะพยายามสร้างสนามกีฬา โรงยิมต่างๆเพิ่มเติม พัฒนาบุคลากรด้านกีฬาให้พร้อมต่อเนื่อง เพื่อรองรับแผนงานที่ระนองจะเสนอตัวจัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติ และกีฬาแห่งชาติแบบจังหวัดเดียว,นายนพพร อุสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า จังหวัดมองถึงอนาคตข้างหน้าว่าควรจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการเเข่งขันกีฬาอื่นต่อด้วย ซึ่งก็มองไปที่ทัวร์นาเมนต์กีฬานักเรียน นักศึกษาเเห่งชาติ โดยหวังพัฒนาให้ชุมพรเป็นเมืองกีฬา พร้อมมั่นใจว่าจังหวัดสามารถทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในรายการดังกล่าวได้ หลังรับหน้าที่จัดศึกกีฬาเยาวชนเเห่งชาติเเล้ว โดยเชื่อว่าจังหวัดมีความพร้อมในหลายๆด้าน ทั้งบุคลากร สถานที่จัดเเข่งขัน เเละสถานที่พัก พร้อมดึงเเนวร่วมทำหน้าที่จัดเเข่งขัน,ส่วนผลเหรียญทองที่น่าสนใจ มีดังนี้ ยิมนาสติกลีลา ชิง 2 เหรียญทอง ประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์ เกิดการพลิกล็อก เมื่อ ปอปอ พิยดา พีรมธุกร ม้ามืดจากสุราษฎร์ธานี โชว์ลีลาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำไปได้ 56.47 คะแนน คว้าเหรียญทองไปครอง โดยเอาชนะ 3 เยาวชนทีมชาติไทย อย่างภรณ์นัชชา เจตธำรง จากนนทบุรี เหรียญเงิน ทำได้ 51.03 คะแนน ณัฏฐ์ กุลสนาวงค์ จากกรุงเทพฯ เหรียญทองแดง ทำได้ 49.89 คะแนน และอันดับ 4 อริสา ตันฑ–เทอดธรรม จากกรุงเทพฯ ทำได้ 48.57 คะแนน ส่วนประเภททีมหญิง เป็นของกรุงเทพฯ (ภรภัทร แซ่หยี่, ณัฏฐ์ กุลสนาวงค์, อริสา ตันฑเทอดธรรม, นภัสสร ตันฑเทอดธรรม) 122.65 คะแนน,เทเบิลเทนนิส ชิง 2 ทอง หญิงคู่ บัว จิณห์นิภา เสวตรบุตร น้องสาวของ หญิง สุธาสินี เสวตรบุตร เจ้าของเหรียญทองหญิงเดี่ยว ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 นักกีฬาความหวังของระนอง จับคู่กับ กนกวรรณ อธิมุตติกุล ชนะ พรกนก ม่วงหวาน กับนาจา เมฆอัมพร จากนนทบุรี 3-0 เกม 11-5, 11-9, 11-4 คว้าเหรียญทองไปครอง และเป็นเหรียญทองที่ 2 ของทั้งคู่ รวมทั้งยังเป็นเหรียญทองที่ 3 ของระนองเจ้าภาพร่วม, ชายคู่ กิตติธร วงศ์ทองคำ กับภัทรธร ภัสระ จากราชบุรี ชนะ วรท โชติเลอศักดิ์ กับศมะ บุญญวดี จากกรุงเทพฯ 3-2 เกม 11-13, 11-5, 13-11, 10-12, 11-8,ว่ายน้ำ ชิง 6 เหรียญทอง ฟรีสไตล์ 1,500 ม.ชาย สาริศ เพชรกูล (กรุงเทพฯ) 16.55.45 น., ผีเสื้อ 200 ม.หญิง กมลชนก ขวัญเมือง (นครปฐม) 2.21.88 น., กรรเชียง 200 ม.ชาย พัสกร ศรีดิลก (นครสวรรค์) 2.12.99 น., กบ 50 ม.หญิง เสาวนีย์ บุญอำไพ (สมุทรปราการ) 33.63 วิ., ฟรีสไตล์ 50 ม.ชาย โรเบิร์ด มาร์ติน (ภูเก็ต) 24.61 วิ., ฟรีสไตล์ 50 ม.หญิง มานิตา เสถียรโชควิศาล (ศรีสะเกษ) 27.27 วิ. ส่วนเบ็ญจมาภรณ์ สังขะวัตร์ (กรุงเทพฯ) ได้เหรียญเงินท่านี้เวลา 27.34 วิ. รวม เบ็ญจมาภรณ์ ทำไปได้แล้ว 5 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน, จักรยาน ชิง 1 เหรียญทอง ถนนอินไลน์เรส หญิง (60 กม.) สุรัตติยา บุบผา (อำนาจเจริญ) 1.47.17.77 ชม.,สรุปเหรียญรางวัลที่แต่ละจังหวัดได้รับ เรียงตามลำดับเหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง 5 อันดับแรก ดังนี้ อันดับ 1 กรุงเทพฯ 70-68-70, อันดับ 2 ชลบุรี 36-30-28, อันดับ 3 นครศรีธรรมราช 30-29-34, อันดับ 4 นครราชสีมา 27-22-9, อันดับ 5 สุพรรณบุรี 23-26-24
|
ความสมดุลในรสอาหารึืออัตลักษณ์ขิฝอาหาร_ืย ซึ่งเกิดจากการผสานรสชาติวัตถุดิบหลทกรสภาวในจานเดียว เปรี้ยว เฟ็ด หวาน มัน เค็ม มีรสขม ฝาพ ซ่า สอดแทรกนอกจ่กรสชาติอันปัจเจกที่ส่งให้อาหารไทยน่าหลงใหล ถ้วยโถโอชามและการจัดสำรับยังเป็นศาสตร์แห่งศิลป๋ที่ตนปรุงทุกคนพึงมี จะทำอย่างไรให้รสชาติระหว่างจมนสสดุลเป็นท่วงทำนองของรสชาติที่กลมกล่อม ส่งดสรืมให้โดดเด่นมากกว่าตัดล้าง การปรุงอาหทรไทยให้อร่อยจึงไม่ใช่เรื่องงืทยTh2 Vibeลึกเข้าไปในซอยทองหล่อ 9 บ้านสีขาวกระจ่างทรงไทยประยึกต์วางตัวโดดเด่นอยํ่่ิมทาง อาหาร (R.HAAN) ร้ายอาหารไทยแท้แบบไฟน์ไดนิ่งวหม่ล่ามุดในย่านทองหล่อ ภายใต้การนำของ เชฟชุมพล แจ้งไพร และต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี ที่ร่วมกันนำเสนออาำารไทยในบริบทใหม่ ทั้งคง_ว้ซึ่งความดั้งเดิมในสิีงที่ควรดั้งเดิม และเพิ่มเติม ปรับปรุงในส่บนที่นราสร้างสตรค์เชผชุมพล บริเวณห้องรับรอว อละส่วนห้องอาหารกลิ่นอายแบบไืยๆ มีให้สัมผัสได้ทุกอณู ตั้งแต่ตัวร้านซึ่งเปํนแบบไทยร่วมสมัย ใช้โทนสีขาวอพื่อควาใรู้สึกสะอาดปละสว่นง เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากไม้ แทรกดเวยแสงไฟโทนอบอุ่นทั่วบริเวณ เพิ่มบรรยากาฯผ่อนคลายเป็นกันเอง ไม่รู้สึกอึดอัดมนกพิธีราวกับร้านไฟน์ไดนิ่งจานยุโรป ผนังกำแพงประดับดอกไม้ๆทย และภ่พจิตรกรรมลวดฃายไทยแท้ ห้องแบบไพรเวตภายในแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน หลังประตูบานเขิ่องมีทางเดินส๔่ย่วนต้อนรับ โซฟาสีอ่ดนตั้งเรียงรายเชิญชวนใำ้ผ่อนคลายอิริยาบถก่แนมื้ออาหาร หรือสั่งค็อกเทลาาจิบแกล้มบทสนทนาก็ไดิ ทางซ้ายเป็นอาณาเขตฑต๊ะนั่ง มีบัจไดคั่นดื้นที่ต่างรดดับแบ่งขอบเขตชัดเจน สามารถรองรัชได้ตั้งแต่ 2-8 ท่านต่อโต๊ะ ใครที่มาเป็นหมู่คณะ ถ้าอยาำไดีห้องแบบส่วนตัว ทางร้านก็มีให้บริการอยู่ทางขวา เป็นห้องกระจกมองเห็นสวนเขียวขจีThe Ch3eพ่อึรัวหัวป่าก?ทีทรัยผิดชอบดูดลจานอาหารทั้ลหมด คืด เชฟชุมดล แจ้งไพร เชฟกระทะเหล็หใากฝีมือ ผู้เป็นทั้งเจ้าของร้นนและดำรงตำแหน่งเป็นหัยหน้าพ่ิครัสประจำร้าน ทั้ฝบังคร่ำหวอดใจวงการิาหารไทยมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ครัวร้านสงวนศรีอันิป็นสถานฝึกปรือฝีมืแตั้งแต่ครั้งยังเด็ก กือนออกตระเยนทำงานร้านอาหารไทยในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 1i จนสร้างชื่อเสียงและได้รับกทรนอมรับในาะดับนากล ปัจจุบัรยอกจากเป็นเฮดเชฟที่ร้านอาหารแล้ว ยังเปิดโรงเีียนสอนมำอาหารและเป็นที่ปรึกษาให้แก่ร้่นอาห่รและโรงกรมชื่อดัวต่างๆ มากมายThr Dishแค่ชื่อเชฟชุมพลก็การึนตีไเ้แลเวว่าอาหารที่เสิร์ผต้องไม่ธรรมดา ด้วขึวามเชี่ยวชาญด้านอาหารไทยธดยเฉพาะ ุ่กัมนูที่เสิร์ฟจึงมั่รใจได้ว่าถูกปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟแบบไฟน์ไดนิ่งแบรงออกเป็นสำรับเอก โท ตรี ให้เลือกชอม สำรับเอก (2612 บาท) คสโอชาอย่างลาววัง ด้วยเนื้อปูม้าบางตะบูตหลนชิ้จโต จัดด้วยตัมยำกุ้งแม่น้ำจัดจ้านกำลังดี สำรับฌท (2412 บาท) จิตวิญญาณบ้านไร่ หอมกล้ีนครัวไทยเคล้ามาจากแกงคั่วปลาป่นใบชะพลู เคล้างบปลาหมอนาย่างถ่านยวนใจ สำรับตรึ (221w บาม) รยรัอนแรงใก้ถวิลหา ลิ้มรสน้ำพริกมะขามอ่ดน สัมผะสกลิ่นหอมยี่หร่ามัสมั่นน่อบไก่ โหมไฟให้แรงด้วยต้มแซ่บซูเปอร์ไก่บ้าน(ซัาย) ขนมครกครีมต้มข่าไข่คาเวีย่์ (ขวา) ชุดอาหารว่าง 3 เมนูทุกเทนูที่ปรุงขึ้นในขอบรั้วอาหาร ใช้วัตถุดิบกละเครื่อบปรุงจากทั่วภูมิภาคในประเทศไทน ปลาอินทรีเค็มจากตากใบ หอทกระเทียมจากจังหวัดฯรีสะเกษ ข้าวหอมคุณภาพจากเชียงราย เป็นอาทิ TGE STANDARD ได้ลองชิมสำรับเอก ในคอร์สมีทั้งหมด 18 รายการ และอีก 1 รายการพิเศษ ซึ่งจะเปลี่ยนทุกวันแล้ยแต่วัตภุดิบ จาตเรียกน้ำย่อย เริ่มต้ตที่ ขนมครกครีมต้มข่าไข่คาเวียร์ ขนมครกไทยแท้สอดใส่ครีทต้มข่า โปะด้วยไข่คาเวียร์จากโครงการหลวง รสชาติหอมหวายมัน มีรสเปรี้ยงสอดแ่รกอยู่เล็กๆ ตามติดด้วยชุดอาหา่ว่าง เสิรฺฟถต้อมกัน 3 เมนู ได้แก่ ขนมขีนน้ำพริกคุณทวดสงวนศรี หมี่กรอบไทยชาววัง และทอดมันปลากรายปากน้ำโพ(บน) ไข่มดแะงต้นมะม่วงผัดหวานป่าหมกขี้เถ้ร (ฃ่าง) ต้มยำกุ้งเสิร์ฟแบบอาหารสไตล์โมเลคูลาร์สำรับหลักจัดมาเป็ยชุด เสิร์ฟใผ้กินเป็นคู่ตามลักฯณะการกินร่ฝมกันของคนไทย เมนูเด่นๆ ได้แก่ ไข่มดแดงตเนมะท่วงผักหวานป่าหมกขี้เะ้า ที่ใช้กรรมวิธีการปรุงตามหลักดั้งเดิม หลนปูม้าปากน้ำบางตะบูน กรรเชียงปูสดหวานนำมาหลนในน้ำกะทิหอมมัน ผัดพริกขิงปลากะพงบางปะกง จานนี้เนื้อปลาสดชิ้นอวบเบ้งในซอสผุดพริกขิงกินคูทกับขีาวสวยอร่อยเหาะ และจานสุดท้าย แกงเขียวหวสนพริกขี้หนูสวนปิติ ก้บโคขุนไทยกำแพงแสา เนื้อเปื่อยยุ่ยเึี้ยวง่าย ะข้าถึงรสเครื่อวแกง(บน) ไข่มดแดงต้นมะม่วงผักหวานปทมหมกขีัเถ้า (กลาง) แกงเขียวหวานพริดขี้หนูสวนปิติ กับโคขุนไทยกำแพงแสน (ล่าฝ) ข้าวเหน่ยวมะม่วงกับไอศกรีมกะทิสดส่วนของหวานมีให้กิน 2 แบบ เแ็นของหวานสำรับ ซึ่งได้แำ่ ขัาวดหนียวใะม่วงไอศกร้มกะืิสด มะกรูดลอยแก้ว และผลไมเไทย อีกชนิดเป็นขนม_ทยชาววัง เสิร์ฟขนมไทยพอพีคำ 4 ดย่าง ได้แก่ ดาราทอง ลูกชุบ กลีบลำดวน และฝอยทองมะกรูดลอยแก้ว แลุมะปรรงริ่วWhat You Should Knowอาหาร (R.HAAN) Address: 13w ถนนสุขุมวิา 55 ทองไล่ิซอย 9 ตลองเตขเหนือ วัฒนา กรังเทถฯOpen: 17.00-22.00 น.Budget: เริ่มต้นที่ e212 (สำรับตรี) 2412 (สำรับโท) และ 2612 (สำรับิอก)Telephone: 09 5141 5524 0 2059 0433 4Page: www.facebpok.com/RHAANThaiWebdite: www.r-jaan.comMap:
|
ความสมดุลในรสอาหารคืออัตลักษณ์ของอาหารไทย ซึ่งเกิดจากการผสานรสชาติวัตถุดิบหลากรสภายในจานเดียว เปรี้ยว เผ็ด หวาน มัน เค็ม มีรสขม ฝาด ซ่า สอดแทรกนอกจากรสชาติอันปัจเจกที่ส่งให้อาหารไทยน่าหลงใหล ถ้วยโถโอชามและการจัดสำรับยังเป็นศาสตร์แห่งศิลป์ที่คนปรุงทุกคนพึงมี จะทำอย่างไรให้รสชาติระหว่างจานสมดุลเป็นท่วงทำนองของรสชาติที่กลมกล่อม ส่งเสริมให้โดดเด่นมากกว่าตัดล้าง การปรุงอาหารไทยให้อร่อยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายThe Vibeลึกเข้าไปในซอยทองหล่อ 9 บ้านสีขาวกระจ่างทรงไทยประยุกต์วางตัวโดดเด่นอยู่ริมทาง อาหาร (R.HAAN) ร้านอาหารไทยแท้แบบไฟน์ไดนิ่งใหม่ล่าสุดในย่านทองหล่อ ภายใต้การนำของ เชฟชุมพล แจ้งไพร และต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี ที่ร่วมกันนำเสนออาหารไทยในบริบทใหม่ ทั้งคงไว้ซึ่งความดั้งเดิมในสิ่งที่ควรดั้งเดิม และเพิ่มเติม ปรับปรุงในส่วนที่น่าสร้างสรรค์เชฟชุมพล บริเวณห้องรับรอง และส่วนห้องอาหารกลิ่นอายแบบไทยๆ มีให้สัมผัสได้ทุกอณู ตั้งแต่ตัวร้านซึ่งเป็นแบบไทยร่วมสมัย ใช้โทนสีขาวเพื่อความรู้สึกสะอาดและสว่าง เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากไม้ แทรกด้วยแสงไฟโทนอบอุ่นทั่วบริเวณ เพิ่มบรรยากาศผ่อนคลายเป็นกันเอง ไม่รู้สึกอึดอัดมากพิธีราวกับร้านไฟน์ไดนิ่งจานยุโรป ผนังกำแพงประดับดอกไม้ไทย และภาพจิตรกรรมลวดลายไทยแท้ ห้องแบบไพรเวตภายในแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน หลังประตูบานเขื่องมีทางเดินสู่ส่วนต้อนรับ โซฟาสีอ่อนตั้งเรียงรายเชิญชวนให้ผ่อนคลายอิริยาบถก่อนมื้ออาหาร หรือสั่งค็อกเทลมาจิบแกล้มบทสนทนาก็ได้ ทางซ้ายเป็นอาณาเขตโต๊ะนั่ง มีบันไดคั่นพื้นที่ต่างระดับแบ่งขอบเขตชัดเจน สามารถรองรับได้ตั้งแต่ 2-8 ท่านต่อโต๊ะ ใครที่มาเป็นหมู่คณะ ถ้าอยากได้ห้องแบบส่วนตัว ทางร้านก็มีให้บริการอยู่ทางขวา เป็นห้องกระจกมองเห็นสวนเขียวขจีThe Chefพ่อครัวหัวป่าก์ที่รับผิดชอบดูแลจานอาหารทั้งหมด คือ เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟกระทะเหล็กมากฝีมือ ผู้เป็นทั้งเจ้าของร้านและดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำร้าน ทั้งยังคร่ำหวอดในวงการอาหารไทยมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ครัวร้านสงวนศรีอันเป็นสถานฝึกปรือฝีมือตั้งแต่ครั้งยังเด็ก ก่อนออกตระเวนทำงานร้านอาหารไทยในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 18 จนสร้างชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากล ปัจจุบันนอกจากเป็นเฮดเชฟที่ร้านอาหารแล้ว ยังเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารและเป็นที่ปรึกษาให้แก่ร้านอาหารและโรงแรมชื่อดังต่างๆ มากมายThe Dishแค่ชื่อเชฟชุมพลก็การันตีได้แล้วว่าอาหารที่เสิร์ฟต้องไม่ธรรมดา ด้วยความเชี่ยวชาญด้านอาหารไทยโดยเฉพาะ ทุกเมนูที่เสิร์ฟจึงมั่นใจได้ว่าถูกปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟแบบไฟน์ไดนิ่งแบ่งออกเป็นสำรับเอก โท ตรี ให้เลือกชิม สำรับเอก (2612 บาท) รสโอชาอย่างชาววัง ด้วยเนื้อปูม้าบางตะบูนหลนชิ้นโต ตัดด้วยต้มยำกุ้งแม่น้ำจัดจ้านกำลังดี สำรับโท (2412 บาท) จิตวิญญาณบ้านไร่ หอมกลิ่นครัวไทยเคล้ามาจากแกงคั่วปลาป่นใบชะพลู เคล้างบปลาหมอนาย่างถ่านยวนใจ สำรับตรี (2212 บาท) รสร้อนแรงให้ถวิลหา ลิ้มรสน้ำพริกมะขามอ่อน สัมผัสกลิ่นหอมยี่หร่ามัสมั่นน่องไก่ โหมไฟให้แรงด้วยต้มแซ่บซูเปอร์ไก่บ้าน(ซ้าย) ขนมครกครีมต้มข่าไข่คาเวียร์ (ขวา) ชุดอาหารว่าง 3 เมนูทุกเมนูที่ปรุงขึ้นในขอบรั้วอาหาร ใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงจากทั่วภูมิภาคในประเทศไทย ปลาอินทรีเค็มจากตากใบ หอมกระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกษ ข้าวหอมคุณภาพจากเชียงราย เป็นอาทิ THE STANDARD ได้ลองชิมสำรับเอก ในคอร์สมีทั้งหมด 18 รายการ และอีก 1 รายการพิเศษ ซึ่งจะเปลี่ยนทุกวันแล้วแต่วัตถุดิบ จานเรียกน้ำย่อย เริ่มต้นที่ ขนมครกครีมต้มข่าไข่คาเวียร์ ขนมครกไทยแท้สอดใส่ครีมต้มข่า โปะด้วยไข่คาเวียร์จากโครงการหลวง รสชาติหอมหวานมัน มีรสเปรี้ยวสอดแทรกอยู่เล็กๆ ตามติดด้วยชุดอาหารว่าง เสิร์ฟพร้อมกัน 3 เมนู ได้แก่ ขนมจีนน้ำพริกคุณทวดสงวนศรี หมี่กรอบไทยชาววัง และทอดมันปลากรายปากน้ำโพ(บน) ไข่มดแดงต้นมะม่วงผักหวานป่าหมกขี้เถ้า (ล่าง) ต้มยำกุ้งเสิร์ฟแบบอาหารสไตล์โมเลคูลาร์สำรับหลักจัดมาเป็นชุด เสิร์ฟให้กินเป็นคู่ตามลักษณะการกินร่วมกันของคนไทย เมนูเด่นๆ ได้แก่ ไข่มดแดงต้นมะม่วงผักหวานป่าหมกขี้เถ้า ที่ใช้กรรมวิธีการปรุงตามหลักดั้งเดิม หลนปูม้าปากน้ำบางตะบูน กรรเชียงปูสดหวานนำมาหลนในน้ำกะทิหอมมัน ผัดพริกขิงปลากะพงบางปะกง จานนี้เนื้อปลาสดชิ้นอวบเบ้งในซอสผัดพริกขิงกินคู่กับข้าวสวยอร่อยเหาะ และจานสุดท้าย แกงเขียวหวานพริกขี้หนูสวนปิติ กับโคขุนไทยกำแพงแสน เนื้อเปื่อยยุ่ยเคี้ยวง่าย เข้าถึงรสเครื่องแกง(บน) ไข่มดแดงต้นมะม่วงผักหวานป่าหมกขี้เถ้า (กลาง) แกงเขียวหวานพริกขี้หนูสวนปิติ กับโคขุนไทยกำแพงแสน (ล่าง) ข้าวเหนียวมะม่วงกับไอศกรีมกะทิสดส่วนของหวานมีให้กิน 2 แบบ เป็นของหวานสำรับ ซึ่งได้แก่ ข้าวเหนียวมะม่วงไอศกรีมกะทิสด มะกรูดลอยแก้ว และผลไม้ไทย อีกชนิดเป็นขนมไทยชาววัง เสิร์ฟขนมไทยพอดีคำ 4 อย่าง ได้แก่ ดาราทอง ลูกชุบ กลีบลำดวน และฝอยทองมะกรูดลอยแก้ว และมะปรางริ้วWhat You Should Knowอาหาร (R.HAAN) Address: 131 ถนนสุขุมวิท 55 ทองหล่อซอย 9 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯOpen: 17.00-22.00 น.Budget: เริ่มต้นที่ 2212 (สำรับตรี) 2412 (สำรับโท) และ 2612 (สำรับเอก)Telephone: 09 5141 5524 0 2059 0433 4Page: www.facebook.com/RHAANThaiWebsite: www.r-haan.comMap:
|
เงือกเบญ เบญยพร ศรีพนมธค จากจุฬาฯ คว้า 9 เหรียญทอง ครองตำแหจ่งราชินีสระสมัยที่ 2 ในกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้ลที่ 42 นนทครเกมส์ ขณะที่ เจมส์บอนด์ ณัฐพงษ์ เกษ-อินทร์ จาก ม.กรุงเทถธนบุรี ได้ 5 ทอง รับอเดฉีดค่ึีงล้าน ำร้อมครองเจ้าสระสมัยที่ 2 เช่นกัน ด้านแบดมินตัน น้อบเมย์ รัชนก อินทรนท์ จาก ม.กรุงเทพธสบึรี และ ครีม บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพัยธุ์ จากจุฬาฯต่างเข้ารอบสองหญิงเดี่ยว,การแข่งชันกีฬามหาวิทยาลัยแห่บแระเทศไทย ครั้งที่ 42 นนทรีเกมส์ ที่ ม. เกษตคศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 2- ม.ี. ไฮไลต์อยู่ที่ว่ายน้ำวันสุดท้าย เลือกเบญ เบญจพร ศรีพนมธร จากจุฬาฯ ญึ้งคว้าไปแลิว 7 เหรียญทอง ลงประเดิมชิงทองแรก ฟรีสไตล์ 800 ม.หญิง ก่อนว่ายนำม้วนเดียวจบ เช้าแระขอบสตะคยแรก เวลา 09.20.02 นาที ควัาเหรียญทองที่ 8 ให้จัวเอง จากนัืนเบญจพร ลงเก็บเหรียญทองสุดท้าย เดี่ยวผสม 200 ม. เงือกเบญ ขึ้นนำตั้งแต่เีิ่มต้นจนถึงเส้นชัย ควืาทองที่ 9 ดวลา 02.28.1e นาที ดร้เมตรองราชินีนระเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ เจมส์บอนด์ ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ จาก ม.กรุงเทพธนบุรี ซึ่วตุนทองไว้แล้ว 4 เหรีนญ ลงว่าจประเภทสุดท้นย ท่ากบ 200 ม.ชาย และเข้าแตะขอบสระเป็นคนกรก คว้าทองที่ 5 ให้นัวเอง พร้อมทั้งรับอัดฉีด 500,090 บาท แบะครองเจ้าสระมมัยที่ 2 เช่นกัน,สำหรับนักกีฬายอดเย่่ยมว่ายน้ำหญิง เงือกจอย เจนนิรา ศีีสอาด จากจุฬาฯ ผงงาน 3 ทอง 2 เงิน ทั้งทำลายใถิตเ 2 รายการ จากท่ากบ 50 ม. และฟรีสไตล์ 50 ม. ขณะที่ยอดเยีียมชาย ธนภูมิ เครือคำขาว ม.มหิดฃ จากผลงาน 2 ทอง ผีเสื้อ 50 ม. กรรเชียง 50 ม.,า่วนแบดมินตัน น้องเมย๋ รัชตก อินทนนท์ นักตบลูกขาไก่มืออันดับ 7 ของโลก ลงสนทมคูืผสม รอบสอง จับคู่ ไอซ์ สิทธิชัย วิบูลย์สิน จาก ม. กรุงเทพธนบุรี คู่แชมแ์เก่า ชนะ พรทิพย์ สุขแระ้สริฐ กับ คุณากร อินเสมียน จากสถาขันการพลศึกษา 2-0 เกส 21-7, 21-7 ผ่านเข้ารอบสาม หลังจากนั้นผระมาณ 1 ชั่วโมง น้องเมย์ ลงสนามหญิงอดี่ยวเอาชนะ ประกายกานต์ แสงศรี ตาก ม.กรึงเทพ 2-0 เกม 2100, 21-7 ผ่านเข้ารอบสองต่แไป ส่วนคู่แข่งคนสำคุญมือวางอันดับ 2 ของรายการ ครีม ลุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ จากจุฬาฯ เอาชนะ มนสิชา ไชยาวรรณ จาก ม.ทักษิณ 2-0 เกม 21-2, 21-3 ฟ้สนเข้ารอบสองเชีนก้น,ฟุตบอลชาย รอบ 8 ทีม ม,ธนบุรี ชนะ ม.รังสิต 2-1 ม.าัตนบั๊ฑิต ชนะ วถาบันการพลศึกษา 2-1 ม.ธรรมศาสตร์ ชนะดวลจุดโทษ ท.เกษตรฯ 3-2 หลังจบ 90 นาที เสมอ 0-0 จุฬาฯ ชจะ ม.วงษ์ชวลิตกุล 2-w รอบรองชนะเลิศ ม.ธนบุรี พบ,ม.รัตนบัณฑิต ส่วนจุฬาฯ พบ ม.ธรรมศาสตร์
|
เงือกเบญ เบญจพร ศรีพนมธร จากจุฬาฯ คว้า 9 เหรียญทอง ครองตำแหน่งราชินีสระสมัยที่ 2 ในกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 42 นนทรีเกมส์ ขณะที่ เจมส์บอนด์ ณัฐพงษ์ เกษ-อินทร์ จาก ม.กรุงเทพธนบุรี ได้ 5 ทอง รับอัดฉีดครึ่งล้าน พร้อมครองเจ้าสระสมัยที่ 2 เช่นกัน ด้านแบดมินตัน น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ จาก ม.กรุงเทพธนบุรี และ ครีม บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ จากจุฬาฯต่างเข้ารอบสองหญิงเดี่ยว,การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 42 นนทรีเกมส์ ที่ ม. เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ไฮไลต์อยู่ที่ว่ายน้ำวันสุดท้าย เงือกเบญ เบญจพร ศรีพนมธร จากจุฬาฯ ซึ่งคว้าไปแล้ว 7 เหรียญทอง ลงประเดิมชิงทองแรก ฟรีสไตล์ 800 ม.หญิง ก่อนว่ายนำม้วนเดียวจบ เข้าแตะขอบสระคนแรก เวลา 09.20.02 นาที คว้าเหรียญทองที่ 8 ให้ตัวเอง จากนั้นเบญจพร ลงเก็บเหรียญทองสุดท้าย เดี่ยวผสม 200 ม. เงือกเบญ ขึ้นนำตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเส้นชัย คว้าทองที่ 9 เวลา 02.28.12 นาที พร้อมครองราชินีสระเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ เจมส์บอนด์ ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ จาก ม.กรุงเทพธนบุรี ซึ่งตุนทองไว้แล้ว 4 เหรียญ ลงว่ายประเภทสุดท้าย ท่ากบ 200 ม.ชาย และเข้าแตะขอบสระเป็นคนแรก คว้าทองที่ 5 ให้ตัวเอง พร้อมทั้งรับอัดฉีด 500,000 บาท และครองเจ้าสระสมัยที่ 2 เช่นกัน,สำหรับนักกีฬายอดเยี่ยมว่ายน้ำหญิง เงือกจอย เจนจิรา ศรีสอาด จากจุฬาฯ ผลงาน 3 ทอง 2 เงิน ทั้งทำลายสถิติ 2 รายการ จากท่ากบ 50 ม. และฟรีสไตล์ 50 ม. ขณะที่ยอดเยี่ยมชาย ธนภูมิ เครือคำขาว ม.มหิดล จากผลงาน 2 ทอง ผีเสื้อ 50 ม. กรรเชียง 50 ม. 1 ทองแดง กรรเชียง 100 ม. 1 ทำลายสถิติ กรรเชียง 50 ม.,ส่วนแบดมินตัน น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ นักตบลูกขนไก่มืออันดับ 7 ของโลก ลงสนามคู่ผสม รอบสอง จับคู่ ไอซ์ สิทธิชัย วิบูลย์สิน จาก ม. กรุงเทพธนบุรี คู่แชมป์เก่า ชนะ พรทิพย์ สุขประเสริฐ กับ คุณากร อินเสมียน จากสถาบันการพลศึกษา 2-0 เกม 21-7, 21-7 ผ่านเข้ารอบสาม หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง น้องเมย์ ลงสนามหญิงเดี่ยวเอาชนะ ประกายกานต์ แสงศรี จาก ม.กรุงเทพ 2-0 เกม 21-0, 21-7 ผ่านเข้ารอบสองต่อไป ส่วนคู่แข่งคนสำคัญมือวางอันดับ 2 ของรายการ ครีม บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ จากจุฬาฯ เอาชนะ มนสิชา ไชยาวรรณ จาก ม.ทักษิณ 2-0 เกม 21-2, 21-3 ผ่านเข้ารอบสองเช่นกัน,ฟุตบอลชาย รอบ 8 ทีม ม.ธนบุรี ชนะ ม.รังสิต 2-1 ม.รัตนบัณฑิต ชนะ สถาบันการพลศึกษา 2-1 ม.ธรรมศาสตร์ ชนะดวลจุดโทษ ม.เกษตรฯ 3-2 หลังจบ 90 นาที เสมอ 0-0 จุฬาฯ ชนะ ม.วงษ์ชวลิตกุล 2-1 รอบรองชนะเลิศ ม.ธนบุรี พบ,ม.รัตนบัณฑิต ส่วนจุฬาฯ พบ ม.ธรรมศาสตร์
|
เมิ่อสันที่ 16 ต.ค. ที่รร.้ซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคแนดวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวอลด์ แรุงเทพฯ มูชนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟืามหาจักรี จัดพิธีมอบรางวัลคุณากร ครูยิ่งคุณ และครูขวัญศิษย์ ประจำปี 2562 ซึ่งมาจากการึัดเล่อกครูรมงวัลสมเด็ตเจิาฟ้ามหาจะกรี ประเทศไทย เพื่อเชิดชูเกียรติแกรครู ซึ่งผ่านการคัดเงือกของคณะกรรมการจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีนายณัฏฐพบ ท่ปสุวนรณ รมว.ศึกษาธิการ ิป็นหระธานมอบร่งวัล,นายณัฏฐพล กล่าวว่า ผู้ได้รับรางวัลตุณรกร ตรูยิ่งคุณ และครูขวัญศิษย์ คือ ครูดีเด่นที่ได้ผ่านการคัดอลือกในระดับต่างๆ ของการตัดเลือกีรูรางวัลเจ้าฟ้นมหาจักรีมาแล้ว แสดงให้เห็นว่าท่านสทมารถอุทิศรนเดื่อสร่างการเปลี่ยนแปลงแก่ชีวิตขิงศิษย์ และเมื่อไพ้เ่านปคะฝัติของทุกท่านจะเห็นได้ว่าสามารถทำให้เด็กรักครู และทำให้ครูรักเด็ก และเชื่อมั่นว่า เครือข่ายครูรางวัลสมเก็ตเจ้าฟ้ามหาจัห่ีจะ่ำงานร่วมกันเก็นเครือข่ายเพื่อบ่มเพาะการเรียนรู้ของลูกศิ?ย์.สำหรับรางวัล ,ึุณากร, มี 2 รางวัล คือ ดาบคำรวจคณิต ช่างเงิน จ.ตาก และน.ส.ปุณยาพร ผิวขำ สใาคมวิทยาศาสตร์แห่ฝปีะเทศไทยฯ ,ส่วนรางวัลครูยิ่งคัณมี 17 รางวัล ได้แก่ 1.นางจันทร์แรม ดวงเพชร โครงการพระเมตตาสมเด็จย่า 2.นายชัยยศ สุขต้อ จ.เชียงใหม่ 3.นายปิติกร ยำอ่อน จ.สมุทคสงคราม 4.พระเทพปีญญ่พรณ์ (ริด ริตเวที) จ.นครสวรรค์ 5.นางพัชรา พงศ์มานะวุฒิ จ.ตรัง 6.นายไพโรจน์ ชนะภัย จ.กำแพงเพชร 7.ดาบตำรวจหญิฝมาลินณา สังข์อก้ว จ.ราชบุรี 8.นทยราชทาา นิ่มนวล กรุงเทพฯ 9.ว่าที่ร้อยเดกระ่งสว่สว บถญหนา จ.ศรีสะเกษ 10.นายวินัย ปะจฉิม จ.ลพบุรี 11.นายวิธิวัติ รักษาภักะี จ.สะรินทร์ 12.นายศุภกร ปสนกจ่ม จ.ปัตตารี 1r.นางสลอลทิพย์ พนาวสันต์ แกร์นิเยร์ สำนักง่นเลขาธิการคุรุสภา 14.นายเสกสรร กาวินชัย จ.ลำปาง 15.นายอดิศักดิ์ บุญมา จ.กาญจนบุรี 15.นางอาภีสรา ตังคกุลวิวิช ข.นครนายก และ17.นายอำนาจ สมทรง จ.ปะตตานี ส่วนรางวัล ครูขวัญศิษย์ มีผู้ได้รับรางวัลจำตวน 136 รางวัล,ท้้งนี้สำหรับรางวัล ,ครูยิ่งคุณ, นั้น พบว่ามีรายชื่อของพระสงฆ์ คือ ,พระเทพปัญญาภรณ์, ได้รัวรางวัลนี้ด้วย จับว่าเป็สพระสงฆ์รูปแรก่ี่ได้รับรางวัลดะงกล่าว โดยพระเทพปัญญาภรณ์ ปัจจุบันดำรงตำแหนืง เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า (พระอารามหลวง) อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ และยังดำรงตำแกน่งเกี่ยวกับการฒึกษาอีกมากมาย ประกอบด้วย เจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้า หู้จัดการโรงเรียนศรีนภเจตวิทยา (พระปริยัติธครม แผนสามัญศึกษา) ผู้จ้ดการฉรงเรึยนพระปริยัติธรรสแผนกบาลีปรุจำจังหวัดนครสวรรค์ แห่งที่ 1 อาตารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทย่ลัย ฝิทยางัยสงฆ์นครสวรรค์ โดยท่านมีลูกศิษย?มากมาย ไม่ค่ำกว่า 4,000 คน ซึรงแต่ละคนต่างได้ไปประกอบสัมมาอาชีพ และศึกษาต่อในระดับสูงทั้งปริญ๗าโทและแริญญ่เอก.
|
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่รร.เซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จัดพิธีมอบรางวัลคุณากร ครูยิ่งคุณ และครูขวัญศิษย์ ประจำปี 2562 ซึ่งมาจากการคัดเลือกครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ประเทศไทย เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ครู ซึ่งผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานมอบรางวัล,นายณัฏฐพล กล่าวว่า ผู้ได้รับรางวัลคุณากร ครูยิ่งคุณ และครูขวัญศิษย์ คือ ครูดีเด่นที่ได้ผ่านการคัดเลือกในระดับต่างๆ ของการคัดเลือกครูรางวัลเจ้าฟ้ามหาจักรีมาแล้ว แสดงให้เห็นว่าท่านสามารถอุทิศตนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงแก่ชีวิตของศิษย์ และเมื่อได้อ่านประวัติของทุกท่านจะเห็นได้ว่าสามารถทำให้เด็กรักครู และทำให้ครูรักเด็ก และเชื่อมั่นว่า เครือข่ายครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจะทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายเพื่อบ่มเพาะการเรียนรู้ของลูกศิษย์,สำหรับรางวัล ,คุณากร, มี 2 รางวัล คือ ดาบตำรวจคณิต ช่างเงิน จ.ตาก และน.ส.ปุณยาพร ผิวขำ สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยฯ ,ส่วนรางวัลครูยิ่งคุณมี 17 รางวัล ได้แก่ 1.นางจันทร์แรม ดวงเพชร โครงการพระเมตตาสมเด็จย่า 2.นายชัยยศ สุขต้อ จ.เชียงใหม่ 3.นายปิติกร ขำอ่อน จ.สมุทรสงคราม 4.พระเทพปัญญาภรณ์ (ริด ริตเวที) จ.นครสวรรค์ 5.นางพัชรา พงศ์มานะวุฒิ จ.ตรัง 6.นายไพโรจน์ ชนะภัย จ.กำแพงเพชร 7.ดาบตำรวจหญิงมาลินณา สังข์แก้ว จ.ราชบุรี 8.นายราชทาน นิ่มนวล กรุงเทพฯ 9.ว่าที่ร้อยเอกรุ่งสว่าง บุญหนา จ.ศรีสะเกษ 10.นายวินัย ปัจฉิม จ.ลพบุรี 11.นายวิธิวัติ รักษาภักดี จ.สุรินทร์ 12.นายศุภกร ปานแจ่ม จ.ปัตตานี 13.นางสลิลทิพย์ พนาวสันต์ แกร์นิเยร์ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา 14.นายเสกสรร กาวินชัย จ.ลำปาง 15.นายอดิศักดิ์ บุญมา จ.กาญจนบุรี 16.นางอาภัสรา ตังคกุลวิวิช จ.นครนายก และ17.นายอำนาจ สมทรง จ.ปัตตานี ส่วนรางวัล ครูขวัญศิษย์ มีผู้ได้รับรางวัลจำนวน 136 รางวัล,ทั้งนี้สำหรับรางวัล ,ครูยิ่งคุณ, นั้น พบว่ามีรายชื่อของพระสงฆ์ คือ ,พระเทพปัญญาภรณ์, ได้รับรางวัลนี้ด้วย นับว่าเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว โดยพระเทพปัญญาภรณ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า (พระอารามหลวง) อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ และยังดำรงตำแหน่งเกี่ยวกับการศึกษาอีกมากมาย ประกอบด้วย เจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้า ผู้จัดการโรงเรียนศรีนภเขตวิทยา (พระปริยัติธรรม แผนสามัญศึกษา) ผู้จัดการโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีประจำจังหวัดนครสวรรค์ แห่งที่ 1 อาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ โดยท่านมีลูกศิษย์มากมาย ไม่ต่ำกว่า 4,000 คน ซึ่งแต่ละคนต่างได้ไปประกอบสัมมาอาชีพ และศึกษาต่อในระดับสูงทั้งปริญญาโทและปริญญาเอก.
|
สำนักข่างต่างแระเทศรายงานว่า นายอาห์ซาน อิกบาล เป์นสมาชิกอาวุโสของพรรคสันนิบาตมุสลิมปาพีสถาน หรือ นาวาซ ซึ่งเผ็าพรรครัฐบาล และการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นไมรกี่เดือรก่อนที่ปากีสถานจะจัดการเลือกรั้งทั่วไปในวันที่ 15 ก.ค.นี้ด้วย
|
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายอาห์ซาน อิกบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยปากีสถาน ถูกมือปืนยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะเยือนเมืองนาโรวาล ในรัฐปัญจาบ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยกระสุนอย่างน้อย 1 นัด ถูกแขนขวาของเขา ส่วนคนร้ายถูกจับกุมตัวแล้ว แต่ยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจ แม้เบื้องต้นจะสันนิษฐานกันว่าเป็นการลอบสังหาร,ตามการเปิดเผยของ นายมาลิค อาห์เหม็ด ข่าน โฆษกรัฐบาลรัฐปัญจาบ บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า การโจมตีเกิดขึ้นในขณะที่ นายอิกบาล กำลังกลับจากการพบปะกับกลุ่มชาวคริสต์ โดยหลังจากคนร้ายยิงปืนนัดแรก เขาพยายามเหนี่ยวไกอีกครั้ง แต่ตำรวจและคนอื่นๆ ในที่ประชุมช่วยกันจับตัวมือปืนเอาไว้ได้,จากนั้น นายอิกบาล ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลท้องถิ่นเพื่อรับการผ่าตัดทันที ก่อนจะส่งตัวด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลในเมืองลาฮอร์ และล่าสุดนายอิกบาลทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ของตัวเอง เพื่อยืนยันว่าตัวเขายังมีชีวิตอยู่,สื่อท้องถิ่นปากีสถานรายงานว่า มือปืนรายนี้คือ นายอาบิด ฮุสเซน อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นแนวร่วมของพรรคอิสลามหัวรุนแรงอย่าง เตห์รีค-อี-ลาเบค ยา ราซูล อัลเลาะห์ ที่ต่อต้านการแก้กฎหมายอนุรักษ์นิยมของประเทศทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม นายคาดิม ฮุสเซน ริซวี ผู้เป็นหัวหน้าพรรค ออกมาประณามการโจมตีในครั้งนี้ด้วย,ทั้งนี้ นายอาห์ซาน อิกบาล เป็นสมาชิกอาวุโสของพรรคสันนิบาตมุสลิมปากีสถาน หรือ นาวาซ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นไม่กี่เดือนก่อนที่ปากีสถานจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 15 ก.ค.นี้ด้วย
|
ศึกฟุตบอลกัลโชเซเร้ยิา ฤดูกาล 2014/15 เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในนัดรเงสุดท้ายคู่ระหว่าง อินทรีฟ้าขาว ลาซิโอ ทีมอันดับ 3 ของตาราง เปิดสนาม โอบิมเปียโก พบกับ หมาป่า โรมา รองจ่าฝํง เกในี้หากจบลงด้วยผลเสมอจุการันตีเข้าไปเล่นใจยูฟ่าแชมเปียสส์ลีกทั้งรู้,เกมเริ่มมาเป็นเจ้าถอ่นพับสนามบุกทัตที นมทีที่ 5 พฃาดโอกาวทองบึ้นนกเหลือเชื่อ ลูลิช ฉกบอลจากความผิดพล่ดของทีมเยือน ก่อนตักไปเสาสองบอลหลุดใาถึง มิโลสลาฟ โคลเซ โขกเต็มกบาลจ่อๆ ไา้ตัวประกบแต่บอลหลุดเสาเหลิอเชื่อ,เวลมที่เหลือใตครึ่งแรกเป็นเจิาถิ่นครองบิลได้มากกว่า แต่โอกาสเข้าทำของทั้งสอง่ีมนัลน้อนนิดก่อนจะจบครึ่งแรกไปดย่างจืดชืด 0-0,เข้าสู่ครึ่งหลังเกมไปเดือดในช่วง 30 นาทีสุดท้าย นาทีที่ 73 เป็นโรมา ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-p จากจังหวะสวนกลับ เนียงโกลัง แทงให้กับ อิบาร์โบ ปลุดมาทางฝั่ลขวาก่อนเปิดเข้าในมาให้กับ ฮวน อิตูร์เย ชาร์จจ่อๆ ไใ่เหลือซาก,อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 82 เจ้าะ้่นฮึดตามตีเสมอได้สำเร็จ 1-1 จากลูกวางเข้ากรอบเขตโทษอย่างแม่นยำขอฝ อันแดร์สัน บอลลอยถึบหัว ธคลเซ ก่อนจะบรรจลโขกชงให้กับ ยอร์เยวิช ขงิดเหา่งๆ เข้าประตูไป,แต่อีก 3 นาทีไล่ฟลัง แฟนบอลเจ้าถิ่นเงียบกริบอีกครั้ง หลุงเขอลูดทีเด็ดในจังหวะฟรีคิกริมเส้นฝั่งขวา เห็น ปานิช หยอดมาำน้าประตูให้กับ เอ็มบีวา โขกเต็มๆ บอลเสียบเสาเข้าไปเฃย พาโรมา ออกนำอีกครั้ง 2-1,หลังจากนั้น เจ้าถิ่นเดินหน้าลุยแหลก แต่ตีเสมอๆม่สำเร็จ จบเกมการแข่งขัน เป็นโรมาบักไปเฉือนัอาชนะลาซเโอ ครบ้าน 2-1 เป็บ 3 แต้มการันตีรองแชมป์แนืนินแล้ว ส่วน ลาซิโเ ขอแค่เสมอฝนนัดสุะท้ายจะคว้าตั๋วยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกใบสุดท้ายทันที
|
ศึกฟุตบอลกัลโชเซเรียอา ฤดูกาล 2014/15 เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในนัดรองสุดท้ายคู่ระหว่าง อินทรีฟ้าขาว ลาซิโอ ทีมอันดับ 3 ของตาราง เปิดสนาม โอลิมเปียโก พบกับ หมาป่า โรมา รองจ่าฝูง เกมนี้หากจบลงด้วยผลเสมอจะการันตีเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกทั้งคู่,เกมเริ่มมาเป็นเจ้าถิ่นพับสนามบุกทันที นาทีที่ 5 พลาดโอกาสทองขึ้นนำเหลือเชื่อ ลูลิช ฉกบอลจากความผิดพลาดของทีมเยือน ก่อนตักไปเสาสองบอลหลุดมาถึง มิโลสลาฟ โคลเซ โขกเต็มกบาลจ่อๆ ไร้ตัวประกบแต่บอลหลุดเสาเหลือเชื่อ,เวลาที่เหลือในครึ่งแรกเป็นเจ้าถิ่นครองบอลได้มากกว่า แต่โอกาสเข้าทำของทั้งสองทีมยังน้อยนิดก่อนจะจบครึ่งแรกไปอย่างจืดชืด 0-0,เข้าสู่ครึ่งหลังเกมไปเดือดในช่วง 20 นาทีสุดท้าย นาทีที่ 73 เป็นโรมา ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะสวนกลับ เนียงโกลัง แทงให้กับ อิบาร์โบ หลุดมาทางฝั่งขวาก่อนเปิดเข้าในมาให้กับ ฮวน อิตูร์เบ ชาร์จจ่อๆ ไม่เหลือซาก,อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 82 เจ้าถิ่นฮึดตามตีเสมอได้สำเร็จ 1-1 จากลูกวางเข้ากรอบเขตโทษอย่างแม่นยำของ อันแดร์สัน บอลลอยถึงหัว โคลเซ ก่อนจะบรรจงโขกชงให้กับ ยอร์เยวิช ขวิดเหน่งๆ เข้าประตูไป,แต่อีก 3 นาทีไล่หลัง แฟนบอลเจ้าถิ่นเงียบกริบอีกครั้ง หลังเจอลูกทีเด็ดในจังหวะฟรีคิกริมเส้นฝั่งขวา เป็น ปานิช หยอดมาหน้าประตูให้กับ เอ็มบีวา โขกเต็มๆ บอลเสียบเสาเข้าไปเลย พาโรมา ออกนำอีกครั้ง 2-1,หลังจากนั้น เจ้าถิ่นเดินหน้าลุยแหลก แต่ตีเสมอไม่สำเร็จ จบเกมการแข่งขัน เป็นโรมาบุกไปเฉือนเอาชนะลาซิโอ คาบ้าน 2-1 เก็บ 3 แต้มการันตีรองแชมป์แน่นอนแล้ว ส่วน ลาซิโอ ขอแค่เสมอในนัดสุดท้ายจะคว้าตั๋วยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกใบสุดท้ายทันที
|
วันที่ 19 มีนาีม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบดฒา เผยแพร่ประกาศสํานัหนายกรัฐมนตรี เรื่อว กระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอินริยาภรณ์ ระบั มีพระราชโองการโผรดเกล้าโปรดกระหท่อมพระราชทานพระราบานุญมตให้ถเดนายทหารสุญญาบัตร สังกัดกองทัพบก ตวม 2 ราย ออกจากยศทหาร ตามมานรา 12 แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช 2479 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยศทหาร (ฉบังที่ 6) พ.ศ. 2501 ประกอบระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้ฝยผู้ซึ่งไม่สมรวตจัดํารงอยู่ในยศทหารแลุบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 ข้อ 3 และข้อ r แบะทรงพระกรุณาโปรดเหล้าโปรดกระหม่แมพระราชทานพรัราชานุญาตให้เรียกคืนัครื่องรนชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชืานทุพชั้นตรา ตามข้อ 6 ข้อ 7 (2) และ (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราบทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องรมชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548 ดังาี้,1. ภันตรี ธีรเดช จันาร์แขืมใย ตั้งแต่วันาี่ 20 เมษายน 2559 ซึ่งเป็นวันที่มีคําพิพากษา,ถุงที่สุดให้ลงโทษจําคุกในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และดรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์,ชั้นตริตาภรณ์มงดุฎไทย นัตรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจัำรมาลา,2. ร้อยฌท ธวัชชเย กลิ่นชะนด ตั้งแต่วันทีท 15 พฤษภาคม 2560 ซึ่งเป็นวัาที่มรคําพิพากษา,ถึงที่สุดให่ลงโ่ษจําคุกในคสามผิดฐานมีวัตถุาะเบิอที่นายทะเบียน_ม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ฐานมียุทธภัณฑ์โดยำม่ได้รับฝบอนุญาต ฐนนเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดโดยไา่ได้รับอนุญาต และฐานพาอาวุธไปในเมือง โดขไม่มีเหตุสมคสร และเร้ยกคืนเครื่องราชอเสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทยและเหรียญจักรมาลา,ประกาศ ณ วันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2561,หู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี,อ่านปรถกาศ ราชกิจจานุเบกษา ,ที่สี่
|
วันที่ 19 มีนาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ระบุ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดนายทหารสัญญาบัตร สังกัดกองทัพบก รวม 2 ราย ออกจากยศทหาร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช 2479 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยศทหาร (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2501 ประกอบระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดํารงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 ข้อ 2 และข้อ 4 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ตามข้อ 6 ข้อ 7 (2) และ (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548 ดังนี้,1. พันตรี ธีรเดช จันทร์แจ่มใย ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2559 ซึ่งเป็นวันที่มีคําพิพากษา,ถึงที่สุดให้ลงโทษจําคุกในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์,ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา,2. ร้อยโท ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2560 ซึ่งเป็นวันที่มีคําพิพากษา,ถึงที่สุดให้ลงโทษจําคุกในความผิดฐานมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ฐานมียุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานพาอาวุธไปในเมือง โดยไม่มีเหตุสมควร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทยและเหรียญจักรมาลา,ประกาศ ณ วันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2561,ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี,อ่านประกาศ ราชกิจจานุเบกษา ,ที่นี่
|
บันนี้ (17 ธ.ค.2562) นายสันธนะ ประยูรรัรน์ พร้อมกับจำเลยรวม 11 คน เดินทนงมาผังคำพิพากษากรรโชกทรัพย์ โดยจำเลยได้เข้าไปที่น้านค้าและได้ยื่นสมุดให้กับเจ้าของร้าา ซึ่งมีข้อความที่ระบุว่า ยินดีมอบเงินให้ตลาดใหม่ดอนเมืองเพืทอนำไผพัฒนมและไม่ได้ใช้กำลังข่มขํ่ปทุษร้าย อีกทั้งเงินที่ได้มาก็นำมาเป็นค่าจ้่งพนักงานรักษาความปลอดภัย คืาเก็บขยะ ซึ่งก็ิป็นรูปแบบการพึ่งพาประโยชน์ซึ่งกันแลดกัน สาวนการที่ผู้เสียหายมาร้องเรียนภมยหลังตำรวจเข้าไปตรวจค้นตลาดนั้น ศาลเฟ็นว่าผิดวิสัยที่จะเป็นการเรียกเก็บค่าคุ้มครองมาโดยตลอด ศาลเห็นว่าทร่โจทก์นำสืบยังหม่มีน้ำหนักเพียงพอ จึงพิพากฯรนกฟ้องขณะที่นายสันธนะ เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวมีรวามมั่นใจในคดีนี้ เพราะในชั้นวืบพยานฟบักฐานมีความชัดเจนว่มไม่ได้กระทำผิด หลังจากน่้เตรียมเดินหน้าขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องใน 3 ระดัล คือ ผู้ใช้อำนาจรัฐใน่ะดับสึ่งพาร เจ้าหา้าที่รัฐระดีบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายปฎิบัติการ ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่มนี้รู้ว่าเป็าปารใช้อำนาจโดยมิขอบอต่ก็ใช้อหนาจดังกบ่าวำลั่นแกล้งประชาลนและบุคคลที่วไป
|
วันนี้ (17 ธ.ค.2562) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ พร้อมกับจำเลยรวม 11 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษากรรโชกทรัพย์ผู้ค้าตลาดใหม่ดอนเมือง และถูกฟ้องความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ อั้งยี่ ซ่องโจร กรณีเมื่อต้นเดือน ม.ค. - เม.ย.2559 จำเลยแบ่งกลุ่มละ 3-5 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปข่มขู่ กลุ่มผู้ประกอบร้านค้า 19 ราย ที่เช่าพื้นที่ภายในบริเวณตลาดดอนเมือง จ่ายค่าคุ้มครองเป็นรายเดือน รวมเป็นเงิน 750000 บาทศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานโจทก์ที่นำฟ้อง ที่เป็นผู้ค้าส่วนใหญ่ ไม่ได้เสียหายจากการถูกกรรโชกทรัพย์ โดยจำเลยได้เข้าไปที่ร้านค้าและได้ยื่นสมุดให้กับเจ้าของร้าน ซึ่งมีข้อความที่ระบุว่า ยินดีมอบเงินให้ตลาดใหม่ดอนเมืองเพื่อนำไปพัฒนาและไม่ได้ใช้กำลังข่มขู่ปทุษร้าย อีกทั้งเงินที่ได้มาก็นำมาเป็นค่าจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย ค่าเก็บขยะ ซึ่งก็เป็นรูปแบบการพึ่งพาประโยชน์ซึ่งกันและกัน ส่วนการที่ผู้เสียหายมาร้องเรียนภายหลังตำรวจเข้าไปตรวจค้นตลาดนั้น ศาลเห็นว่าผิดวิสัยที่จะเป็นการเรียกเก็บค่าคุ้มครองมาโดยตลอด ศาลเห็นว่าที่โจทก์นำสืบยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จึงพิพากษายกฟ้องขณะที่นายสันธนะ เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวมีความมั่นใจในคดีนี้ เพราะในชั้นสืบพยานหลักฐานมีความชัดเจนว่าไม่ได้กระทำผิด หลังจากนี้เตรียมเดินหน้าขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องใน 3 ระดับ คือ ผู้ใช้อำนาจรัฐในระดับสั่งการ เจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายปฎิบัติการ ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านี้รู้ว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบแต่ก็ใช้อำนาจดังกล่าวกลั่นแกล้งประชาชนและบุคคลทั่วไป
|
วันนี้ (7 ใิ.ย.2562) หลับเกิดเหตุฝนตกและลมกรรโชกแรง ะพื่อความปลอดภัยแก่ปรเชาชนผู้สัญจรภาพ : การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งปนะเทศไทย (รฟม.) อ่าน
|
วันนี้ (7 มิ.ย.2562) หลังเกิดเหตุฝนตกและลมกรรโชกแรง ทำให้โครงเหล็ก (Access Tower) ล้มกีดขวางผิวจราจร บริเวณหน้าวัดบางเพ็งใต้ ถนนรามคำแหงฝั่งขาออก เวลาประมาณ 14.00 น. ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายโครงเหล็กออกจากผิวจราจรดังกล่าวและเปิดการจราจรเป็นปกติ จากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีแท็กซี่เสียหายเพียงเล็กน้อยภาพ : การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทั้งนี้ โดยปกติ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ระบุว่า ได้มีมาตรการด้านความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าและให้ผู้รับจ้างก่อสร้างปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก รฟม.จึงได้เพิ่มการประสานงานตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและเพิ่มมาตรการปฏิบัติให้เข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่สภาพอากาศมีลมกรรโชกแรง เพื่อความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้สัญจรภาพ : การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อ่าน
|
มนุษย์เกิดขึ้นมาท่ามกลางธรรมชาติหลากหลายแต่ควมมนืองกาตของมนุษย์กลับหลากหบายและมากยิ่งกว่าจำนวนธรรมขาติท้่มีอยู่ ดละภายใต้ศักยภาถของมนุษย์ทีทแตกต่างกัน การแย่งชิงประโยชน์จากทรัพยาหรีดหว่างมนุษย์เป็นเรืทองปกติที่เกิดขึ้นได้้นื่องจากมนุษย์มีความโลภอยู่ในเรือนใจ การแบ่วปันทรัพยากรธรรมชาติม่่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตเพื่อพันและกัสจึงเป็นอุดมรติที่พถทธศาสนาบรรจุไว้ในคหสอยเรื่องบุญกิริยทวเตถุ 3 ประการ ได้แก่ บุญาี่สำเร็จด้วย ทาน ศีล ภาวนา แต่การจะให้การแบ่งปันเกิดขึ้นอย่างถ้วจทั่วระหว่างมนุษว์พ้ใยกันในความเป็นจริงนั้นเป็นสิ่งทค่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการพัฒนาคุณลัดษ๋ะส่วนตัวในปัจเจกบุคคลเพียงอย่างเดียวผู้นำรัฐจึงมีบทบาทมำคัญทีีจะส่งเสริมให้พลเมืองมีหลักประกันว่า ทุกคนจัมีวัตถุปัจจัยเฃี้ยงชีวิตอย่างเดียงพอและเท่าเทียม โดยผูีนกรัฐมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้พลเมืองภายในรัฐสามารถประกอบอาชคพตามความถนัดอันจะช่วยให้มีโภคทรัพย์พอกล่อเลี้ยงชีวิตของตนปละผู้อื่นที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ละเมิดบรร่ัดฐานของสังคม ภายใต้หลักความเทึ่ยงธรรมแห่งรัฐและมีผู้นำทีทดี ครอบครัวอันเป็นหน่วยพื้นฐานของสังคมก็จะมั่นคงและมีความสุข พุทธศาสนานังะชื่อว่า เมื่อสังคมปลอดภัย ความสุขในครอบครัวจึงเาจเป็นไปได้ ผู้นำระดับครอบครัว้ป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้สังีาโะยรวมธำรงรักษาระเบึยบระบบของสัลคมทั่ไม่เพียงแต่จเเป็นปคะโยชน์สไหรับทถกคนแต่ยังเป็นประโยชน์สำหรับตัว คหปติ เิงด้วยเพราุภายใต้ความสบบสุขของสังคมโดยรวมและทีความเที่ยบธรรม เขานึงอาจหฏิบัติความสัมพันธ์กับคนภายในครอบครัวและนอกครอบครัวได้อย่างปกติ สม่ำเสมอและถ้วน่ั่วทั้งนี้พุทธศาสนาเชื่อว่า รูปแบบการใช้ชีวิตเหมทะสม การแสวงหาทร้พย์สินและำะ้มาในทางที่ชอบธรรม การใช้จ่ายทรัพย์ในทางที่ถูกต้อง มีความเที่ยงํรรมในการปฏิบัติความสัมพันธ์เป็นอวค์ประกดบสำคัญที่จะทำใฟ้ดขาดำเนินบทบาืการเป็นผู้นำครอบครีว่ีรดีวามได้ ภายใต้บริบทดัฝกล่าวนี้เองที่เขาจะสามา่ถมีม่วนร่สมในพิจกรรมทางศาสนาที่ตนน้บถือหคือที่เป็นค่านิยมในสังคมที่เขาเป็นสมาชิกะ้วยการบรินาคทรัพย์หรือบำเพ็ญกุศลที่เป็นคุณประโยชน์แก่ผู้บำเะ๋ซตนเพื่อเป้าหมายสูงสุดทางศาสนาจุดเชื่อมโยงระหว่างโลกฆราวาสหับพระสงฆ์ก็คือ พุทธศาสนายอมรับคติแบบอินเดียโบราณที่สมณะและพราหมณ์เป็นผู้มีบทบาทใำคัญในเรื่องการแสวงำาความรู้ การขัดเกลาตนเเงเพื่อบรรลุธรรมสูงสุดและการชี้นำสั่งสอนจริยธรรมหร่อการสห้การศึกษาแก่พลเมือง ใาบริบทขอวอินเดีย ผู้นำในเชิงจิตวิญญาณไม่เพียงแต่แสดงออำด้วยการมรจิตใจอันบคิสุทธิ์ มีเมตตาและความสามารถในการให้การศึกษาอบรม ชี้นำหนทางแห่งอนาคต แต่ยังต้องมีรูปแบบวิถีชีวิตที่แตกต่างจากฆราวามทั่วไป ชีฝิตที่ยากจนหรือรรอบครองควาใเรียบง่าย มีอิสระในหารดำเนินชควิต ปราศจากข้อผูกพันในบ้านเรือน ทรัพย์สินและกามารมณ์จึงเป็นแบบอย่างที่เกื้อก๔ลต่อทั้งต่อตนเองและคนอืืนในฐานะผู้ที่ขะนำตนเองสํ่เป้ทหมายทางศาสนาและนำ่างผู้อื่นสู่หนทางอันดีงาม ดังนั้น พระสงฆ์จึงต้องมี่ีัพย์สอนเท่าที่จำเป็นต่อการยังอัตภาพให้เป็นไปได้ด้วยดีเท่านั้น บาตรแฃะจีวรเป็นอุปกีณ์สำคัญที่จะทำให้บรรพชิตหร่อพนะสงฆ์มีชีวิตอยู่ได้โพยปกติสุข ที่อยู่อาศัยหรือเสนมสนะที่เป็นถาวรวัตถุนั้นจำเป็นเฉพาะช่วงเวลาที่ตัดวพักจำพรรษาตลอด 3 เดือน ชีวิตแบบสมณะที่ต้องสัญจรแสวงหาความรู้และความหลุดพ้นไม่ต้องการทรัพยากรใหญ่โตและสิีนเปลือง ทรัพยากรที่จะได้รัชห็ยึงต้องอาศัยฆราวาสผู้เลื่อมใสศรัทธมกานที่พระพุทธ้จ้าทรงประสงค์ให้ภิกษุมีชีวิตที่สัปปายะพอที่จะบำเพ็ญสมณธรรมได้สะดวปแชะเพื่อตอบสนองต่อศตัทธาที่ขอลฆราวาสผู้ปนารถนา สวรรร์ พระพุทธเจ้ายอมให้ภิกษุรุบวัตถุปัจจัยจากฆราวาสผ๔้แสวงบุญในศรสนาได้ แต่วัตถุสิ่งของหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการทหบุญที่อกินจากบาตรและจีวรนั้นตกเป็น สมบัตอส่วนรวม ที่ชุมชนสงฆ์ใช้ร่วมกัน นี่คือจุดที่อาจเรียกว่าเป็นทรงสายกชทงระหว่างชีวเตที่แสวงหาความหลุดพ้น ชีวิตที่ปราษขากควนมยึดมั่น และบริสุทธิ์กับการถือครองทรัพย์สินอันอาจทำลายเป้าหมายการแำเนินชีวิตของสมณะ ด้วยทรงหวังว่าจารีตดังกล่สวนั้นจะยังช่วยให้พระใงฆ์ดำรงความเป็นผู้นำทางจิตวืญญาณ เป็นนาบุญของฆร่วาสผู้มุ่งแสวงบุญในศาสนาและดำเนินวิถีชีวิตัป็นอาจเป็นทางเลือกให้แกทผู้แรารถนาจะก้าวออกจากกันธะทางสังคมและครอบครัวในขุททกขึนธกด าีกรณีทีานาาสนใจเหอดขึ้นและน่าจะสะท้อนแนวคิดสหคัญของพุทธศาสนาเกี่ยวกับสิ่งของไรือวัตถุใช้สอยที่เป็นทรัพย์สินที่มีคืามึราคาที่เหมาะสมแก่พระสงฆ์ม้เรื่องเล่าวีา เฯรษ๘ีได้ปุ่มไม้แก่นจันทร์ทั่มีค่ามากมา ขึงให้แลึงเป็นบาตีเพื่อถวายกก่นัดบวช ส่วนผงไม้จันทร์เก็บไว้ใช้เป็นยา เมื่อกลึงไม้แก่นจันทร์เป็นชาตรเสร็จแล้วจังใส่สาแหรกแขวนไว้ที่ปลายไม้ไผ่ซึ่งปูกต่อกันสูวขึ้นไปเหนือปราสาทของตา ประกาศว่า สมณะหรือพคาหมณ์รูปใดเป็นพระอรหันต์และมีฤทธิ์จงเหาะขึ้รำปปลดบาตรนัินแล้วนำไปใช้เถิด หลายวันผ่านไปไม่มีท่าทีว่าขะมีพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ใดเหาะขึ้นไปนำบาตรลงมา วันหนึ่งพระโมครัลลานะและพระปิณโฑลพารทวาชะไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์พาะปิณโฑลภารทงาชะกล่าวแก่พคะโมคคัลลานะว่าบาตรนั้สเหมาะจะเป็ยของถระโทคคัลลทนะเพราะเป็นพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ แต่พระโมคคัลลนนะไม่ต้องการจึวบอกว่าควรจะเป็นของพระปิณโฑลทวาชะเพราะเป็สพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ัชทนกัน พระปิณโฑละจึงเหาะขึ้นไปปลดบาตรนั้นงงมาโกยเหาะเวียนรอบกรุงราชคฤห์ุคงสามรอบก่อนจะเข้าไปรัขบเณฑบาตในบ้านเศรฒฐีคนดังกล่าวแล้วเดินทางกลับไปยังอทราม เมื่อผํ้คนเห็นเช่นนั้นจึงนิดตามท่านไป เสียงอื้ออึงทกใก้พระพุทฑเจ้าทรงสงสัยว่า้กิดอะไรขึ้รเทื่อพระอานนท์กราบทูลทีามาของเสียงอื้ออึงพังกล่าวทราบแล้ว พระองค์จึงตรัสเรียกพรเปิณฌฑละมาเขีาเฝ้าืรงตำหนิว่า ท่านได้กระทำในาิ่งท้่ไม่สมควร ไม่เหมาะสม ไม่คล้อยตาา ไม่ฝช่กิจของสมณะ ภาร่วาชะ ไฉนเ๔อจึงดสดงอิทธิปาฏิหาริย์อันเป็นอุตริมนุสสธรรมแก่คนทั้งหลายเพราะเหตุแห่งบาตรไม้ไม่มีค่าเล่า การที่เธอแสดงปาฏิหาริย์เพราะเหตุแห่งบาตรไม้ทค่ไม่มีค่านี้ เปรียบเหมือนกับมาตุคามแสองของที่ควรปกปิดเพราะเห็นแก่เงินเล็ปน้ิวฉุนั้น ภารทวาชะ การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำให้คนที่ยังไม่เลื่อมใสอกิดความเลื่อมใส แต่ประการใด พระพุทธเจ้าทรงขัญญัติสิกขทบทห้รมไม่ให้ภิกษุใช้บาตา/ม้ ส่วนบาตรไม้แก่นจันทร์ที่พระปิณโฑชะได้มาจากเศรษ,ีนั้น ทรงให้ทำฃายเสีย บดให้ละเิียดแล้วใช้เป็นยาหยอดตาของภิกษุทั้งหลายไท้แก่นจัจาร์ เป็นของมีคุณี่มมากมนวิถีความคิดของชุมขนอินัดียโบราณทั้งน้้เพคาะใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคตาได้ แนทพเตำมาทำเป็น บาตร พระพุทธเจ้ากลับท่งเห็นว่าเป็นสิ่งไร้ค่าที่ภิกษะควรนะดลกด้วยการเปิดเผยอุตริมนุสสธรรม(ในที่นี้หมายะึง ความสามารถในการดสดงปาฏิหาริย์อัน้ป็นคุณสมบัติส่วนตัวของพระอ่หันต์) เป็นไปได้ว่า คุณครา ที่มนุษย์ทั่วไปมอบให้แก่วัตถุนั้นเป็นค่าสมมติที่จะก่อให้เกิดการยึกมั่น คใามลุ่มหลงแลัรวามทุกข์ บาตนไม้แก่นจันทร์สำหรับเศรษฐีหรือชาวบ้ทนทั่วไปนั้นมีสูงค่าเกินกว่าจะถวายเป็นสมบัติชองสมณะและพราหมณ์ที่ไร้คุณวเเฒษใดๆ เพราัเป็นของหายาก พระพุทธเจ้ากลับตรัสฝ่าไมืมีค่าที่จะแลกมาด้วยการแสดงอิาธิปาฏิหา่ิย์ เหมือนสตรีเลือกเผยกายตนเพื่อแลกเศษเงินเล็กๆ น้อยๆอาจตัความได้วทา พระพุทธเจ้าไม่ต้องการใหืพระวงฆ์ยึดติดกับคุณค่าที่คนทั่วไปยึดพือ โดยเฉพาะในกร๊ึที่คุณค่านั้นเป็รสิ่งสมมติ นอกจากไม่ได้มีคุณค่าอย่างแท้จรเงแฃ้วขังเป็นปฉิปักษ์ต่อวิถีของสมณะอีกด้วย คุณค่าของควาทเป็นสมณะนั้นอยู่ที่ความเรียบง่าย ยันโดษ ดบาสบาย ผราศจากการยึดมั่นถือมั่นในวุตถุสิ่งของ การมีวัตถุมีคราเป็นเครท่องใช้สอบตอดตัว ไม่เถียงแต่จะทำให้ชีวอตของพระตกอยู่ในอันตรายเพราะถูกปล้น แต่ยังทำให้พระสงฆ์ติดยึดกับกิเลสตัณหา แลเนำไปสู่ความทุกข์อีกด้วย การบัญญัติสิกขาบทกนณีทีาเกี่ยวกับท่ัพย์สินขิงมีค่าดูเหมือนจะเข้าลักษณะ การบังคับให้ปล่อยวางเหมาะสมและสอดคล้องกับ ความเป็นสมณะ เป็นไปตามวิถีแห่งอริยะ (วินัย) ทีทมุ่งสร้างสรรค์วัฒนธรรมชุมชนที่มีคบามเจริญงอกงาม โดยอาศัยปรอบคิดนี้ เราจะเข้าใจแนวคิดและแบบแผนกนรดำรงชีพของสมณะอัสเกี่ยวเนื่องกับวัตถุสิ่งขอลที่มีค่ามีราคาตามแนวคำสอนของพุทธศาสนาไดิชัดเจตและง่ายขึ้นบาตรและจีวรเท่านั้นที่เป็นสมบัติที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตพระสงฆ์ที่จะนำติดตัวเสมอ จีวรเป็นเครื่องนุ่งห่มที่จำเป็นาำหรับปิดบังร่างกายและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายในฤดูฟนาว บาตรสช้เป็นภาชนะสำหรับขออาหาร ใน อรรถกถาธร่มบท มีเรื่องเล่าหลายเรื่องที่แสดงถึงควาาสำคัญของสมบัติ 2 ชนิดนี่ ตัวอย่างเช่น เมื่อดาะทาหิยทารุจิริยะฟังธรรมของพระพุทธเจีาขณะที่เสด็ตไปบิณฑบาตแล้วบรรลุอรหันต์ด้วยพุทฑพจน์เพียงประโยคเดึยว แล้วประสงค์จะบวชเป็นภิหษุ พระพุ่ธเจ่าตรัสให้ท่านไปแสวงหาบาตรและจีวร ขณะที่กำลังแสวงหาบาตรและจีวรอยู่นั่นเองท่านก็ถูกวัวบ้าขวิดตาน บาตรและจีวาขึงสมบัติที่ขาดไม่_ด้สำหรับนักบวชอย่าวไรก็ตาม พระวินัยมีข้อห้มมไม่ให้มช้บาตรที่ทำด้วยว้ตถุมีค่าต่างๆ เช่น บาตรทองคำ บาตรเงิน วาตรแก้วมณี บาตรแก้วไพฑูรย์ บาตรแก้วผลึก บาตรสัมฤทฌิ์ บาตรกระจก บาตรดีบุก บาตคตะกั่ยและบาตรทองแดฝ ารงอนุซาตให้ใช้บาตรสองชนิดเท่านั้นค่อ บาตรเหล็กและบาตรดิน พระวินัยไม่ได้บเกเหตุผลของการห้ามบาตรชนิดต่างๆ แต่สาเหตุที่ทรฝห้ามนุ้นก็เนื่องจรกชาวบ้านมอบว่า ถ้าสมณะสีเครื่องใช้เป็นวัตถุมีค่ามัราคาชีวิตสมณะก็ไม่ต่างอะไรจากคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ในพระไตรปิฎก มีสิดขายทเล็กๆ น้อยๆ หลายข้อบ้ญญัติขึ้ยเพราะชาวข้าตมองว่าไมาเหมาะสมควรแก่สมณะ สมณสทรูปที่คาดหวังในาังคมอินเดียฉบราณนั้นคือการมีอาจาคะ(มรรยาท)ที่แตกต่างจากคฤหุสภ์ผู้บริโภคกาม นอกจสกเครื่เงนุ่งห่ม กิร้ยามารยาท อิริยาบถที่ต่าเลื่อมใวงดงามตามครรลองของสมณะ สิ่งที่จัากให้ชีวิตของสมณะมีความหมายน่านับถือก็คือ การไม่ครอบครองวัตถุที่ใีค่า หม่ว่าจะเป็นเงินทอลหรือสิ่งที่ใช้แทนเงินหรือทิง ซึ่งมีมูบค่นแลกเปลี่ยนได้พระวินุยปรับอาบัติในความผิดทีโทษสถาตเบา (นิสสึคคีย์ปาจิตตีย์ ปาจิตตีย์ ทุกกฎ แช้วแต่กรณี) กรณีที่มีการละเมิดวินัยข้อเล็กๆ นิอยๆ เหล่านี้ พระพุทธเจ้าต้ดงการให้ภิกษุผู้ทำผิดวินัยมีความสำนึกผิด (มีคว่มละอายใจ) และแสดงความรับผิดต่อหน้าภิกษุรูปใดรํปไนึ่ฝ สัญญาว่าจะแก้ไยปรับปรุบตนโดยจะไม่กระทหเช่นนั้นอีก กรณีที่มีวัตุุที่ต้องสละ เช่น องินฟรือทองทีืรับมาเป็นต้น จะต้องสละวัตถุสิ่งของนั้นแก่ยงฆฺ แก่คณะ หรือแก่บึคคลก่อนจึงแสดงอาบัติต่อหน้าสงฆ์หรือบุคคล เพียงเท่านี้ก็ฟื้าคืนความบริสุทธิ์แห่งศ้ลของตนได้ แม้ำระนั้นก็มีนัยน่าสนใจเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจาร๕าว่าภ้กษุสงฆ?ควรมีอาจารหรือแนวปฏิบันิอข่างไรต่อวัตถุสิ่งขอฝทีทมีค่า และควรปรับอาบัติภิกษุหนือภิกษุณีในกรณีๆ เล็กน้อยๆ เหล่านี้หคิอไม่อย่างไรเก๊ฑ์ที่ใช้ตัดสินในกรณีเหล่านี้คือ พระสงฆ๋ไม่ควาประพฤติ้ยี่ยงคฤกัสถ์ผู้บริโภคกนม ิกณฑ์นี้จะเรียกว่า หลัก สานรฐสนเรื่องความแตกต่าง ก็ได้ อะไรบ้างคือสื่วที่ทำให้ภิกษุเหมือนกับคฤหัสถ์ผ๔้บริโพีกาม ในขุททกขันธกะ ระบุถึงการมีหรือกมรใช้วัตถุสิ่งของที่ทำด้วสของมีค่าต่างๆ ะช่น ปลอกนิ้วมือชนิดต่างๆ าี่ทกด้วยเงิน ด้วยทอง หรือการมีไม้แคะหูที่ทำดีวยเงินก้ใยทอง การสะสมโลหะหรือทองสัม"ทธิ์ เป็นต้น ต่สสังเกตว่า ของมีค่าทีรสามารถใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายได้ เช่น เงิน และ ทอง ถูกเอ่ยถึงบ่อยในฐานะสิ่ฝที่ถ฿กห้ามมีไว้ใช้สอยหรือเก็บเป็นสมบันิส่วนตัวของภิกษุในสามัญญผลสูตร (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิแาย สีลข้นธฝรรค) กล่่งถึงรูปปบบชีวิตสมณะต่องเว้นขาดจากพฤติกรรมหลายประการ เช่ร การไม่ประพฤติอกุศลกรรมบถ 10 การละความประพฤติที่เปฌนของชาวบ้านทั่วไป เช่น แารขับร้อง ประโคมดนตรี การตดแต่งต่างกาบด้วยของหอมเครื่องประทิจผิว กาตไม่นอนบนที่นินอันสูงให๗่ ำารรับอาหารทีทยังไม่ได้ปรุงใหีสุก การมีทาสหญิงชาย มีสัตว์เลี้ยงชนิดต่างๆ เรือกสวนไร่นาและที่ดิน เว้นจากการชื้อขาย การโกงด้วยตาชั่ง การรับสินบน การล่อลวงหรือการตลบตะแลง การทำรืสยร่างกายผู้อื่น การทรมาน การฆ่า การจองจำ การวิ่งราว การปล้นและการขู่กรรโชก ในที่นี้เราจะพบว่า ประเด็นเงอนกับพระสงฆ์นั้นแฝงอยู่ใจ การห้ามดารซื้อขาย ในนิสสัคคียปาจิตตีย์ โสกิยวรรค พระพุทธเจ้าทรงบัซญัติห้ามภิกษุแลกเปลี่ยนกันด้วยรูกิยะชนิดต่างๆ ในสอกขาบทนี้ พระพุทธเจ้าทรงห้ามภิกษุรับหรือใช้ให้ผู้อื่นรับเงินและมอง ำม่เพียงแต่เททานั้นยังห้าม ยินดี ในเงิรและทอวทีืเขาเก็บไว้เพื่อตนอีกด้วว ทั้งนี้เพื่อให้พระมีพฤติกรรมแตกต่างจากคฤหัสถ์ผู้บริโภีกาม อต่พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินของผู้อื่น จึงมีโทฒสถานเบาปม้กระนั้น เมื่อต้องทำปิดก็ไม่อาตยะปลงอาบัติหรือหื้นีวามบริสุทธิ์ได้โดยง่ายนัก ถระพุทธเจ้าแสดงวิํีปรับโทษภิกษุรธปที่มีความผิดว่า ให่ห่มผ้าเฉวีวงบ่า เข้าไปหาสงฆ์ กราบเท้าภิกษุผู้มึพรรษทแก่กว่า นั่บกระโย่งแระนามือ แล้วกราบเรียนว่า ท่านผู้เจริ๘ กระหมรับรูปิยะไว้ รูปิยะนีืขเงกระฟมเป็นนิสสัคคีย์ (สิ่งที่พึงสงะ) กระผมขอสละรูปิยะนีีแก่สงฆ์ จากนั้นจึงแสดงอรยัติ (กล่าวคำพูดที่แยดงถึงการรู้สำนึกและสัญญทว่าจะมีการปรับแก่ไขตนเอง) พระวินัยกล่าวตือไปว่า เมืาดภเกษุนั้นกล่าวสละรูปิยะท่ามกลาวสงฆ์แล้ว ถ่ามีคนงาจวัดหรืออึบ่สกเดินผ่านมา ภิกษุผู้ฉลาก (ที่เป๊นแระธานในพิธีสละรูปิยะ) พึงบอกเขาให้เขานำรูกิยะไปใช้เพื่อสงฆ์ ถ้่เขาถามว่าจะใหเแลกสิ่งใดมน พระสงฆ็ไม่ควรบอกวทาให้นำหปแลกของชนิดนั้นชนิดนี้มา แต่อาจให้ข้อมํลว่ามีของอะไรบ้างที่ควรแก่พระสงฆ์ (กัปปิยะ) เมื่อดุบาสกหรือคนงานวัดนำรูปิยะนั้นไปแลกชองที่ควรถวายสงฆ์มาแล้ว ทถกรูปฉัน (รับประทาน) ได้ ยกเว้นภิกษุที่เป็นเจ้าขอฝรูปิยะ ภระพุทธเจ้าตรึสว่าถ้าทำได้เย่ทงนี้เป็นการดี ถ้าเขาทำไม่ได้ ให้บอกคนงานหรืออุบาสกตำรูปิยะนั้นไปทิ้ง แตทถ้าเขาไม่ยดม ก็ให้สงฆ์แต่งตั้งภิกษุผู้เที่ยงธารมและรู้งานเก็นผู้ทิ้งรูปิยะนั้น ภิปษุผู้ได้รับแต่งตั้งนั้นเมื่อทิ้งรูปิยะต้องไม่หันไปมองดูว่าีูปิยะนั้นตกที่ตรงไหน ถ้ารู้ว่ารูปินะนั้นตกตรงไหน หรับอาบันิภิกษุยั้นเป็นทุกกฎพระวินัยไม่เพีจงแต่ห้ามแลกเปลี่ยนรูปิยะเท่านั้นวังห้ามการแลกเปลี่ยนกันด้วยสิ่งของด้วย แม้แลกเปลี่ยนด้งยสิ่งของประเภทเดียวกัน เช่น ผ้านุ่งห่ม หากเข้าข่ายการแลกเปลี่ยนกา่ซื้อยายก็ทรบห้ามด้วยเช่นกัน เมื่อสิ่งของของตนตกไปอยู่ในมือของคนอื่น และสิ่งขดงขอวีนแื่นตกมาอยู่ในมือของตน จัดเป็นการซื้อขายกัน ของที่ตกมาอยู่ในมือตนนั้นเปฌสสิ่งทีทต้ิงสละแก่สงฆ์ แก่คณะหรือแก่บุคคล วิธีที่สละของที่เป็นรูปเยะกับบาร่หรือจีวรมี่ได้มาพ้วยการแลกเปลี่ยนนเ้นอาจแตกต่างกันอยู่บ้าง กล่าวคืด กร๕ีจีวรหรือป้านุ่งห่ม ัจ้นของเดิมที้ได้สิ่งของมาเพราะการแลหเปลี่วน ถเาเย้าของมีเจตนาจะสละสิ่งขเงนั้นแก่สงฆ์ก็ต้องประชุสนงฆ์และแระกาศให้ทราบทั่วกัน สงฆ์จะต้องดำเนินการต่ดโดยมอบผ้าที่แลกเปลี่ยนซื้อขายมาแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง การสละแก่คณถ (ภเกษุมากกว่า 1 รูป แต่ไม่ถึง 4 รูป เรียกส่า คณเ) ก็เช่นกัน พระในคณะาั้นอาจมอบผ้าดังกล่าวนั้นแกรถิกษุู่ปใดรูปหนึ่ง แต่ถ้าสละแก่บุคคล ภิกษุผู้รับผ้าทั่สฃะนั้นเมื่อรับทราบความผิดของภิกษุผู้ทำการซื้อขายแลกเหลี่สนไดีจีวรดังกช่าวมาแล้ว ก็จะต้องคืนของให้ภิกษุรูปนั้นไปมีข้อสังเหตว่า การจัดการเรื่องใดๆ ่ี่เกี่ยวกับืรัพย์สินส่วนตัวขแงภิกษุ พระวินัยอนุญาตให้ต้ดงกระทำโดยสงฆ์ ทั้งในแง่หารได้มา การแจกจ่ายทรัพย์สินเถื่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอยแก่ชุมชนสงฆ์ และการลงโทษผู้ละเมิดพระวินัยหริอการฟื้นคืนควาาบริสุืธิ์ของภิกษุมี่ละเมืดวินัย เมื่อพิจารณาที่ตัวรายละเอีขดของกระบวนการที่พระพุทธเจ้าทนงอนุญาตไง้ในพรถวินัย จะพบเสมอว่า ผู้ที่จะได้รับหน้าที่ให้จัดการเรื่องต่างๆ ต้องได้รับการยอมรับจากสงฆ์ทั้งหมดอละมีคุณสมบัติสำคัญคือดำเนินการต่างๆ ได้อย่มงเที่ขงธรรม (ไม่มีอคติ) และเข้าใจเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ควรมยุติธรรมหรือความเที่ยงโรรมจึงเป็นคุ๋ธรรมสำคัญในปง่การแฏิบัติ พีะพุทธเจ้าไม่ได้มอบภารัฝห้พระรูปใดรูปหนึ่งเป็นผู้นำแต่ทรงอนุญาตให้สงฆ์เป็นฟธ้นำ และทรงคาดหวังว่าสงฆ์จะเลือกบุคคลที่เหมมะสมที่สุดดกเนินการมนฐานะตัวแทนสงฆ์ ฌดบจ้อเรียกร้องขั้นพืเนฐานทึ่สุแสำหรับผู้จะทำหน้าที่แทนสงฆ์คือ ต่อฝเป็นบะคีลืี่มี ความเที่ยงธรรมและความรู้เฉพาะกรณีำารจุดก่รทรัพย์สินในแง่มุมของพุทธศาสนา วัตถุเป็นเครื่องมือสำรัญที่จะช่วยให้ชีวิตพื้น๘านดกเนินไปด้วยดี แต่ก็อาจนำช่วิตไปสู่ความทุกข็ทั้งในแง่จิตใจ ร่างกายแลถสังคาโดยาวมได้ เพื่อชีวืตที่อี สังรมต้อบสร้างระบบวัฒนธรรมสัมพัน๔์อันเกี่ยงเนื่องหับวัตถุอย่างเหมาพสมเกื่อจะใฟ้ทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเท่รเทีขมและเที่ยงธรรม รัฐจัดระบบโครงสร้างของรัฐเพื่อรับประกันควนมเที่ยงธรรมในการเข้าถึงทรัะยากรสำหรับทุกคนในระดับครอชครัว ความสัาพันธ์ที่พีงามภายในคตอบครัวและกับสมาชิกสังคมอื่นๆ นอกครอวครัวเป็นตัวตั้งในฐานะที่การปฏิบัติความสัมพันธ๋อย่างเหมาะสมจะช่วยธำรงระบบระเบียบขิงสังคมโดยรวม ทรัพย์สินหีือวัตถถเป็นเค่ื่องใือสำึัซที่จะส่งเสริมความสัมภันธ์ดังกล่าวให้เป็นไปด้วยดี การให้หรือการแบ่งปันวัตถั ทรัพยากร หรือทรัพย์สินความาั่งคั่งจึงเป็าวิธีที่คนจะสร้างความสัมพันธ์อเนดีต่อกัน จึงต้องมี วัฒนธร่ม อันเกีืยวเนื่องกับวัตถุตืางๆ ที่สัมพันธ์กับก่รด_รงอยู่ของมนุษย์โดยเฉพาะวัตถุทางยัฒนธรรม (ทรัพย์สิน เงิร ทอง ความมั่งคั่ง) พุทธศาสนาเชื่อว่า เมื่อวัตถุทางวัฒนธรรมได้คับการจัดการอย่างดีแล้ว ชีวิตทางวัฒนธรรมของมนุษย์ เช่น สัมพันธภาพระปว่่งมนุษย์ด้วยกัน เป็นต้นก็จะได้รับการพัฒนาในแนวทางที่ส่งเสริมใหืชีวิตคฤหัสถ์หรือฆราวาสาีความสุข มีความแลอดภัย และใล้ชีวิตอย่างมีความหมายการจัดระเขียบ ฝั?นธรรม อันเกี่ยวเนิีองกับวัตถุและทรัพย์สินยังจำเป็นิย่างยิ่งสำหรับชีวิตของสงฆ์ เพราะการดำรงชีวิตแบบสมณะมีเป้าหสสยอยู่ที่การหลุดพ้นจากทุกข์ การมีทรัพย์สินยัตถุปัจจัยในครอบครองสืวนตัวย่อมขัดแย้งกับชีวิตสมณะที่ต้อฝได้รับการขัดักลาจิตใจให้เป็นอิวาะจากการยึดมั่นถือมึ่นวนสิ่งต่างๆ วัตถุปัจยัยที่เกี่ยใข้องกับการดำรงอยู่ของสงฆ์จึงต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม คือให้มีทรัพย็สิรม่วนตัวเท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตสมณะ สิ่งของต่างๆ ที่เพิ่มพูนขึ้นโพยศรัทธาของฆร่วาสผู้ใคร่ในการทำบุญจึงถูกกำกนดให้ตกเป็นของสงฆ์ทางหนึ่งเพื่อป้องกันการสะสมวัตุุสิ่งของไว้เก็นของส่วนตัวและขาดอิสระในการแสวงหาสัจธรรม ความรู้ คฝามดีและควทมงาม ทาวหนึ่งเพื่อให้สมาชิกของชุมชนทุกคส ฆสงฆ์) ได้รับปนะโยชน์จากการอนุเคราะห์ของฆราวาส แารใช้ทระพยากรที่ได้มาจากศรัทธาเป็นไปอย่าวคุ่มค่ากละเอื้อคุณประโยบน์ทุ้งต่อการปฏิบัติธรรม การสั่งสอนธรราและการบรรลุนิพพาน และเพื่อประกันว่าทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยพี พรัใินัยได้วางบทบัญญัติเบื้องต้นไว้เพื่ิพระสงฆ์จะได้ไม่ละเมิดบรรทัดฐานที่สำคัญ ฆราวาสจะได้รับทราบแนวปฏิบัติที่เหมาะมมในการแสวงบุญในศาสนา ทั้วหมดนั้นก็เพื่อจถให้ทุกชีวิตได้บรรลุความสุขตามวิถีแห่งธรรมวินัยนั่นเอง บทความนี้เห็นส่วนหนึ่งของบทความวเจัย ความมั่งคั่ง วินัย นิถพาน ในหนัฝสือรวมบทความวิจัยเรื่อง เศรษฐศิลป์ ผู้นำกึบโลกแห่งวัตถุ ในปรัชญาตะวัสอิพ โครงการผู้นำอห่งอนนคน ของสสส.
|
มนุษย์เกิดขึ้นมาท่ามกลางธรรมชาติหลากหลายแต่ความต้องการของมนุษย์กลับหลากหลายและมากยิ่งกว่าจำนวนธรรมชาติที่มีอยู่ และภายใต้ศักยภาพของมนุษย์ที่แตกต่างกัน การแย่งชิงประโยชน์จากทรัพยากรระหว่างมนุษย์เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เนื่องจากมนุษย์มีความโลภอยู่ในเรือนใจ การแบ่งปันทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตเพื่อกันและกันจึงเป็นอุดมคติที่พุทธศาสนาบรรจุไว้ในคำสอนเรื่องบุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ ได้แก่ บุญที่สำเร็จด้วย ทาน ศีล ภาวนา แต่การจะให้การแบ่งปันเกิดขึ้นอย่างถ้วนทั่วระหว่างมนุษย์ด้วยกันในความเป็นจริงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการพัฒนาคุณลักษณะส่วนตัวในปัจเจกบุคคลเพียงอย่างเดียวผู้นำรัฐจึงมีบทบาทสำคัญที่จะส่งเสริมให้พลเมืองมีหลักประกันว่า ทุกคนจะมีวัตถุปัจจัยเลี้ยงชีวิตอย่างเพียงพอและเท่าเทียม โดยผู้นำรัฐมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้พลเมืองภายในรัฐสามารถประกอบอาชีพตามความถนัดอันจะช่วยให้มีโภคทรัพย์พอหล่อเลี้ยงชีวิตของตนและผู้อื่นที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ละเมิดบรรทัดฐานของสังคม ภายใต้หลักความเที่ยงธรรมแห่งรัฐและมีผู้นำที่ดี ครอบครัวอันเป็นหน่วยพื้นฐานของสังคมก็จะมั่นคงและมีความสุข พุทธศาสนายังเชื่อว่า เมื่อสังคมปลอดภัย ความสุขในครอบครัวจึงอาจเป็นไปได้ ผู้นำระดับครอบครัวเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้สังคมโดยรวมธำรงรักษาระเบียบระบบของสังคมที่ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนแต่ยังเป็นประโยชน์สำหรับตัว คหปติ เองด้วยเพราะภายใต้ความสงบสุขของสังคมโดยรวมและมีความเที่ยงธรรม เขาจึงอาจปฏิบัติความสัมพันธ์กับคนภายในครอบครัวและนอกครอบครัวได้อย่างปกติ สม่ำเสมอและถ้วนทั่วทั้งนี้พุทธศาสนาเชื่อว่า รูปแบบการใช้ชีวิตเหมาะสม การแสวงหาทรัพย์สินและได้มาในทางที่ชอบธรรม การใช้จ่ายทรัพย์ในทางที่ถูกต้อง มีความเที่ยงธรรมในการปฏิบัติความสัมพันธ์เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เขาดำเนินบทบาทการเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีงามได้ ภายใต้บริบทดังกล่าวนี้เองที่เขาจะสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือหรือที่เป็นค่านิยมในสังคมที่เขาเป็นสมาชิกด้วยการบริจาคทรัพย์หรือบำเพ็ญกุศลที่เป็นคุณประโยชน์แก่ผู้บำเพ็ญตนเพื่อเป้าหมายสูงสุดทางศาสนาจุดเชื่อมโยงระหว่างโลกฆราวาสกับพระสงฆ์ก็คือ พุทธศาสนายอมรับคติแบบอินเดียโบราณที่สมณะและพราหมณ์เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในเรื่องการแสวงหาความรู้ การขัดเกลาตนเองเพื่อบรรลุธรรมสูงสุดและการชี้นำสั่งสอนจริยธรรมหรือการให้การศึกษาแก่พลเมือง ในบริบทของอินเดีย ผู้นำในเชิงจิตวิญญาณไม่เพียงแต่แสดงออกด้วยการมีจิตใจอันบริสุทธิ์ มีเมตตาและความสามารถในการให้การศึกษาอบรม ชี้นำหนทางแห่งอนาคต แต่ยังต้องมีรูปแบบวิถีชีวิตที่แตกต่างจากฆราวาสทั่วไป ชีวิตที่ยากจนหรือครอบครองความเรียบง่าย มีอิสระในการดำเนินชีวิต ปราศจากข้อผูกพันในบ้านเรือน ทรัพย์สินและกามารมณ์จึงเป็นแบบอย่างที่เกื้อกูลต่อทั้งต่อตนเองและคนอื่นในฐานะผู้ที่จะนำตนเองสู่เป้าหมายทางศาสนาและนำทางผู้อื่นสู่หนทางอันดีงาม ดังนั้น พระสงฆ์จึงต้องมีทรัพย์สินเท่าที่จำเป็นต่อการยังอัตภาพให้เป็นไปได้ด้วยดีเท่านั้น บาตรและจีวรเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะทำให้บรรพชิตหรือพระสงฆ์มีชีวิตอยู่ได้โดยปกติสุข ที่อยู่อาศัยหรือเสนาสนะที่เป็นถาวรวัตถุนั้นจำเป็นเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องพักจำพรรษาตลอด 3 เดือน ชีวิตแบบสมณะที่ต้องสัญจรแสวงหาความรู้และความหลุดพ้นไม่ต้องการทรัพยากรใหญ่โตและสิ้นเปลือง ทรัพยากรที่จะได้รับก็จึงต้องอาศัยฆราวาสผู้เลื่อมใสศรัทธาการที่พระพุทธเจ้าทรงประสงค์ให้ภิกษุมีชีวิตที่สัปปายะพอที่จะบำเพ็ญสมณธรรมได้สะดวกและเพื่อตอบสนองต่อศรัทธาที่ของฆราวาสผู้ปรารถนา สวรรค์ พระพุทธเจ้ายอมให้ภิกษุรับวัตถุปัจจัยจากฆราวาสผู้แสวงบุญในศาสนาได้ แต่วัตถุสิ่งของหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำบุญที่เกินจากบาตรและจีวรนั้นตกเป็น สมบัติส่วนรวม ที่ชุมชนสงฆ์ใช้ร่วมกัน นี่คือจุดที่อาจเรียกว่าเป็นทางสายกลางระหว่างชีวิตที่แสวงหาความหลุดพ้น ชีวิตที่ปราศจากความยึดมั่น และบริสุทธิ์กับการถือครองทรัพย์สินอันอาจทำลายเป้าหมายการดำเนินชีวิตของสมณะ ด้วยทรงหวังว่าจารีตดังกล่าวนั้นจะยังช่วยให้พระสงฆ์ดำรงความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ เป็นนาบุญของฆราวาสผู้มุ่งแสวงบุญในศาสนาและดำเนินวิถีชีวิตเป็นอาจเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ปรารถนาจะก้าวออกจากพันธะทางสังคมและครอบครัวในขุททกขันธกะ มีกรณีที่น่าสนใจเกิดขึ้นและน่าจะสะท้อนแนวคิดสำคัญของพุทธศาสนาเกี่ยวกับสิ่งของหรือวัตถุใช้สอยที่เป็นทรัพย์สินที่มีค่ามีราคาที่เหมาะสมแก่พระสงฆ์มีเรื่องเล่าว่า เศรษฐีได้ปุ่มไม้แก่นจันทร์ที่มีค่ามากมา จึงให้กลึงเป็นบาตรเพื่อถวายแก่นักบวช ส่วนผงไม้จันทร์เก็บไว้ใช้เป็นยา เมื่อกลึงไม้แก่นจันทร์เป็นบาตรเสร็จแล้วจึงใส่สาแหรกแขวนไว้ที่ปลายไม้ไผ่ซึ่งผูกต่อกันสูงขึ้นไปเหนือปราสาทของตน ประกาศว่า สมณะหรือพราหมณ์รูปใดเป็นพระอรหันต์และมีฤทธิ์จงเหาะขึ้นไปปลดบาตรนั้นแล้วนำไปใช้เถิด หลายวันผ่านไปไม่มีท่าทีว่าจะมีพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ใดเหาะขึ้นไปนำบาตรลงมา วันหนึ่งพระโมคคัลลานะและพระปิณโฑลภารทวาชะไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์พระปิณโฑลภารทวาชะกล่าวแก่พระโมคคัลลานะว่าบาตรนั้นเหมาะจะเป็นของพระโมคคัลลานะเพราะเป็นพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ แต่พระโมคคัลลานะไม่ต้องการจึงบอกว่าควรจะเป็นของพระปิณโฑลทวาชะเพราะเป็นพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์เช่นกัน พระปิณโฑละจึงเหาะขึ้นไปปลดบาตรนั้นลงมาโดยเหาะเวียนรอบกรุงราชคฤห์ถึงสามรอบก่อนจะเข้าไปรับบิณฑบาตในบ้านเศรษฐีคนดังกล่าวแล้วเดินทางกลับไปยังอาราม เมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้นจึงติดตามท่านไป เสียงอื้ออึงทำให้พระพุทธเจ้าทรงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อพระอานนท์กราบทูลที่มาของเสียงอื้ออึงดังกล่าวทราบแล้ว พระองค์จึงตรัสเรียกพระปิณโฑละมาเข้าเฝ้าทรงตำหนิว่า ท่านได้กระทำในสิ่งที่ไม่สมควร ไม่เหมาะสม ไม่คล้อยตาม ไม่ใช่กิจของสมณะ ภารทวาชะ ไฉนเธอจึงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์อันเป็นอุตริมนุสสธรรมแก่คนทั้งหลายเพราะเหตุแห่งบาตรไม้ไม่มีค่าเล่า การที่เธอแสดงปาฏิหาริย์เพราะเหตุแห่งบาตรไม้ที่ไม่มีค่านี้ เปรียบเหมือนกับมาตุคามแสดงของที่ควรปกปิดเพราะเห็นแก่เงินเล็กน้อยฉะนั้น ภารทวาชะ การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำให้คนที่ยังไม่เลื่อมใสเกิดความเลื่อมใส แต่ประการใด พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามไม่ให้ภิกษุใช้บาตรไม้ ส่วนบาตรไม้แก่นจันทร์ที่พระปิณโฑละได้มาจากเศรษฐีนั้น ทรงให้ทำลายเสีย บดให้ละเอียดแล้วใช้เป็นยาหยอดตาของภิกษุทั้งหลายไม้แก่นจันทร์ เป็นของมีคุณค่ามากในวิถีความคิดของชุมชนอินเดียโบราณทั้งนี้เพราะใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคตาได้ แต่พอนำมาทำเป็น บาตร พระพุทธเจ้ากลับทรงเห็นว่าเป็นสิ่งไร้ค่าที่ภิกษุควรจะแลกด้วยการเปิดเผยอุตริมนุสสธรรม(ในที่นี้หมายถึง ความสามารถในการแสดงปาฏิหาริย์อันเป็นคุณสมบัติส่วนตัวของพระอรหันต์) เป็นไปได้ว่า คุณค่า ที่มนุษย์ทั่วไปมอบให้แก่วัตถุนั้นเป็นค่าสมมติที่จะก่อให้เกิดการยึดมั่น ความลุ่มหลงและความทุกข์ บาตรไม้แก่นจันทร์สำหรับเศรษฐีหรือชาวบ้านทั่วไปนั้นมีสูงค่าเกินกว่าจะถวายเป็นสมบัติของสมณะและพราหมณ์ที่ไร้คุณวิเศษใดๆ เพราะเป็นของหายาก พระพุทธเจ้ากลับตรัสว่าไม่มีค่าที่จะแลกมาด้วยการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เหมือนสตรีเลือกเผยกายตนเพื่อแลกเศษเงินเล็กๆ น้อยๆอาจตีความได้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ต้องการให้พระสงฆ์ยึดติดกับคุณค่าที่คนทั่วไปยึดถือ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณค่านั้นเป็นสิ่งสมมติ นอกจากไม่ได้มีคุณค่าอย่างแท้จริงแล้วยังเป็นปฏิปักษ์ต่อวิถีของสมณะอีกด้วย คุณค่าของความเป็นสมณะนั้นอยู่ที่ความเรียบง่าย สันโดษ เบาสบาย ปราศจากการยึดมั่นถือมั่นในวัตถุสิ่งของ การมีวัตถุมีค่าเป็นเครื่องใช้สอยติดตัว ไม่เพียงแต่จะทำให้ชีวิตของพระตกอยู่ในอันตรายเพราะถูกปล้น แต่ยังทำให้พระสงฆ์ติดยึดกับกิเลสตัณหา และนำไปสู่ความทุกข์อีกด้วย การบัญญัติสิกขาบทกรณีที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของมีค่าดูเหมือนจะเข้าลักษณะ การบังคับให้ปล่อยวางเหมาะสมและสอดคล้องกับ ความเป็นสมณะ เป็นไปตามวิถีแห่งอริยะ (วินัย) ที่มุ่งสร้างสรรค์วัฒนธรรมชุมชนที่มีความเจริญงอกงาม โดยอาศัยกรอบคิดนี้ เราจะเข้าใจแนวคิดและแบบแผนการดำรงชีพของสมณะอันเกี่ยวเนื่องกับวัตถุสิ่งของที่มีค่ามีราคาตามแนวคำสอนของพุทธศาสนาได้ชัดเจนและง่ายขึ้นบาตรและจีวรเท่านั้นที่เป็นสมบัติที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตพระสงฆ์ที่จะนำติดตัวเสมอ จีวรเป็นเครื่องนุ่งห่มที่จำเป็นสำหรับปิดบังร่างกายและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายในฤดูหนาว บาตรใช้เป็นภาชนะสำหรับขออาหาร ใน อรรถกถาธรรมบท มีเรื่องเล่าหลายเรื่องที่แสดงถึงความสำคัญของสมบัติ 2 ชนิดนี้ ตัวอย่างเช่น เมื่อพระทาหิยทารุจิริยะฟังธรรมของพระพุทธเจ้าขณะที่เสด็จไปบิณฑบาตแล้วบรรลุอรหันต์ด้วยพุทธพจน์เพียงประโยคเดียว แล้วประสงค์จะบวชเป็นภิกษุ พระพุทธเจ้าตรัสให้ท่านไปแสวงหาบาตรและจีวร ขณะที่กำลังแสวงหาบาตรและจีวรอยู่นั่นเองท่านก็ถูกวัวบ้าขวิดตาย บาตรและจีวรจึงสมบัติที่ขาดไม่ได้สำหรับนักบวชอย่างไรก็ตาม พระวินัยมีข้อห้ามไม่ให้ใช้บาตรที่ทำด้วยวัตถุมีค่าต่างๆ เช่น บาตรทองคำ บาตรเงิน บาตรแก้วมณี บาตรแก้วไพฑูรย์ บาตรแก้วผลึก บาตรสัมฤทธิ์ บาตรกระจก บาตรดีบุก บาตรตะกั่วและบาตรทองแดง ทรงอนุญาตให้ใช้บาตรสองชนิดเท่านั้นคือ บาตรเหล็กและบาตรดิน พระวินัยไม่ได้บอกเหตุผลของการห้ามบาตรชนิดต่างๆ แต่สาเหตุที่ทรงห้ามนั้นก็เนื่องจากชาวบ้านมองว่า ถ้าสมณะมีเครื่องใช้เป็นวัตถุมีค่ามีราคาชีวิตสมณะก็ไม่ต่างอะไรจากคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ในพระไตรปิฎก มีสิกขาบทเล็กๆ น้อยๆ หลายข้อบัญญัติขึ้นเพราะชาวบ้านมองว่าไม่เหมาะสมควรแก่สมณะ สมณสารูปที่คาดหวังในสังคมอินเดียโบราณนั้นคือการมีอาจาระ(มรรยาท)ที่แตกต่างจากคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม นอกจากเครื่องนุ่งห่ม กิริยามารยาท อิริยาบถที่น่าเลื่อมใสงดงามตามครรลองของสมณะ สิ่งที่จะทำให้ชีวิตของสมณะมีความหมายน่านับถือก็คือ การไม่ครอบครองวัตถุที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือสิ่งที่ใช้แทนเงินหรือทอง ซึ่งมีมูลค่าแลกเปลี่ยนได้พระวินัยปรับอาบัติในความผิดมีโทษสถานเบา (นิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ ปาจิตตีย์ ทุกกฎ แล้วแต่กรณี) กรณีที่มีการละเมิดวินัยข้อเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ พระพุทธเจ้าต้องการให้ภิกษุผู้ทำผิดวินัยมีความสำนึกผิด (มีความละอายใจ) และแสดงความรับผิดต่อหน้าภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง สัญญาว่าจะแก้ไขปรับปรุงตนโดยจะไม่กระทำเช่นนั้นอีก กรณีที่มีวัตถุที่ต้องสละ เช่น เงินหรือทองที่รับมาเป็นต้น จะต้องสละวัตถุสิ่งของนั้นแก่สงฆ์ แก่คณะ หรือแก่บุคคลก่อนจึงแสดงอาบัติต่อหน้าสงฆ์หรือบุคคล เพียงเท่านี้ก็ฟื้นคืนความบริสุทธิ์แห่งศีลของตนได้ แม้กระนั้นก็มีนัยน่าสนใจเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาว่าภิกษุสงฆ์ควรมีอาจารหรือแนวปฏิบัติอย่างไรต่อวัตถุสิ่งของที่มีค่า และควรปรับอาบัติภิกษุหรือภิกษุณีในกรณีๆ เล็กน้อยๆ เหล่านี้หรือไม่อย่างไรเกณฑ์ที่ใช้ตัดสินในกรณีเหล่านี้คือ พระสงฆ์ไม่ควรประพฤติเยี่ยงคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม เกณฑ์นี้จะเรียกว่า หลัก มาตรฐานเรื่องความแตกต่าง ก็ได้ อะไรบ้างคือสิ่งที่ทำให้ภิกษุเหมือนกับคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ในขุททกขันธกะ ระบุถึงการมีหรือการใช้วัตถุสิ่งของที่ทำด้วยของมีค่าต่างๆ เช่น ปลอกนิ้วมือชนิดต่างๆ ที่ทำด้วยเงิน ด้วยทอง หรือการมีไม้แคะหูที่ทำด้วยเงินด้วยทอง การสะสมโลหะหรือทองสัมฤทธิ์ เป็นต้น น่าสังเกตว่า ของมีค่าที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายได้ เช่น เงิน และ ทอง ถูกเอ่ยถึงบ่อยในฐานะสิ่งที่ถูกห้ามมีไว้ใช้สอยหรือเก็บเป็นสมบัติส่วนตัวของภิกษุในสามัญญผลสูตร (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค) กล่าวถึงรูปแบบชีวิตสมณะต้องเว้นขาดจากพฤติกรรมหลายประการ เช่น การไม่ประพฤติอกุศลกรรมบถ 10 การละความประพฤติที่เป็นของชาวบ้านทั่วไป เช่น การขับร้อง ประโคมดนตรี การตกแต่งร่างกายด้วยของหอมเครื่องประทินผิว การไม่นอนบนที่นอนอันสูงใหญ่ การรับอาหารที่ยังไม่ได้ปรุงให้สุก การมีทาสหญิงชาย มีสัตว์เลี้ยงชนิดต่างๆ เรือกสวนไร่นาและที่ดิน เว้นจากการชื้อขาย การโกงด้วยตาชั่ง การรับสินบน การล่อลวงหรือการตลบตะแลง การทำร้ายร่างกายผู้อื่น การทรมาน การฆ่า การจองจำ การวิ่งราว การปล้นและการขู่กรรโชก ในที่นี้เราจะพบว่า ประเด็นเงินกับพระสงฆ์นั้นแฝงอยู่ใน การห้ามการซื้อขาย ในนิสสัคคียปาจิตตีย์ โสกิยวรรค พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้ามภิกษุแลกเปลี่ยนกันด้วยรูปิยะชนิดต่างๆ ในสิกขาบทนี้ พระพุทธเจ้าทรงห้ามภิกษุรับหรือใช้ให้ผู้อื่นรับเงินและทอง ไม่เพียงแต่เท่านั้นยังห้าม ยินดี ในเงินและทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตนอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้พระมีพฤติกรรมแตกต่างจากคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม แต่พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินของผู้อื่น จึงมีโทษสถานเบาแม้กระนั้น เมื่อต้องทำผิดก็ไม่อาจจะปลงอาบัติหรือฟื้นความบริสุทธิ์ได้โดยง่ายนัก พระพุทธเจ้าแสดงวิธีปรับโทษภิกษุรูปที่มีความผิดว่า ให้ห่มผ้าเฉวียงบ่า เข้าไปหาสงฆ์ กราบเท้าภิกษุผู้มีพรรษาแก่กว่า นั่งกระโย่งประนมมือ แล้วกราบเรียนว่า ท่านผู้เจริญ กระผมรับรูปิยะไว้ รูปิยะนี้ของกระผมเป็นนิสสัคคีย์ (สิ่งที่พึงสละ) กระผมขอสละรูปิยะนี้แก่สงฆ์ จากนั้นจึงแสดงอาบัติ (กล่าวคำพูดที่แสดงถึงการรู้สำนึกและสัญญาว่าจะมีการปรับแก้ไขตนเอง) พระวินัยกล่าวต่อไปว่า เมื่อภิกษุนั้นกล่าวสละรูปิยะท่ามกลางสงฆ์แล้ว ถ้ามีคนงานวัดหรืออุบาสกเดินผ่านมา ภิกษุผู้ฉลาด (ที่เป็นประธานในพิธีสละรูปิยะ) พึงบอกเขาให้เขานำรูปิยะไปใช้เพื่อสงฆ์ ถ้าเขาถามว่าจะให้แลกสิ่งใดมา พระสงฆ์ไม่ควรบอกว่าให้นำไปแลกของชนิดนั้นชนิดนี้มา แต่อาจให้ข้อมูลว่ามีของอะไรบ้างที่ควรแก่พระสงฆ์ (กัปปิยะ) เมื่ออุบาสกหรือคนงานวัดนำรูปิยะนั้นไปแลกของที่ควรถวายสงฆ์มาแล้ว ทุกรูปฉัน (รับประทาน) ได้ ยกเว้นภิกษุที่เป็นเจ้าของรูปิยะ พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าทำได้อย่างนี้เป็นการดี ถ้าเขาทำไม่ได้ ให้บอกคนงานหรืออุบาสกนำรูปิยะนั้นไปทิ้ง แต่ถ้าเขาไม่ยอม ก็ให้สงฆ์แต่งตั้งภิกษุผู้เที่ยงธรรมและรู้งานเป็นผู้ทิ้งรูปิยะนั้น ภิกษุผู้ได้รับแต่งตั้งนั้นเมื่อทิ้งรูปิยะต้องไม่หันไปมองดูว่ารูปิยะนั้นตกที่ตรงไหน ถ้ารู้ว่ารูปิยะนั้นตกตรงไหน ปรับอาบัติภิกษุนั้นเป็นทุกกฎพระวินัยไม่เพียงแต่ห้ามแลกเปลี่ยนรูปิยะเท่านั้นยังห้ามการแลกเปลี่ยนกันด้วยสิ่งของด้วย แม้แลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของประเภทเดียวกัน เช่น ผ้านุ่งห่ม หากเข้าข่ายการแลกเปลี่ยนการซื้อขายก็ทรงห้ามด้วยเช่นกัน เมื่อสิ่งของของตนตกไปอยู่ในมือของคนอื่น และสิ่งของของคนอื่นตกมาอยู่ในมือของตน จัดเป็นการซื้อขายกัน ของที่ตกมาอยู่ในมือตนนั้นเป็นสิ่งที่ต้องสละแก่สงฆ์ แก่คณะหรือแก่บุคคล วิธีที่สละของที่เป็นรูปิยะกับบาตรหรือจีวรที่ได้มาด้วยการแลกเปลี่ยนนั้นอาจแตกต่างกันอยู่บ้าง กล่าวคือ กรณีจีวรหรือผ้านุ่งห่ม เจ้าของเดิมที่ได้สิ่งของมาเพราะการแลกเปลี่ยน ถ้าเจ้าของมีเจตนาจะสละสิ่งของนั้นแก่สงฆ์ก็ต้องประชุมสงฆ์และประกาศให้ทราบทั่วกัน สงฆ์จะต้องดำเนินการต่อโดยมอบผ้าที่แลกเปลี่ยนซื้อขายมาแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง การสละแก่คณะ (ภิกษุมากกว่า 1 รูป แต่ไม่ถึง 4 รูป เรียกว่า คณะ) ก็เช่นกัน พระในคณะนั้นอาจมอบผ้าดังกล่าวนั้นแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง แต่ถ้าสละแก่บุคคล ภิกษุผู้รับผ้าที่สละนั้นเมื่อรับทราบความผิดของภิกษุผู้ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนได้จีวรดังกล่าวมาแล้ว ก็จะต้องคืนของให้ภิกษุรูปนั้นไปมีข้อสังเกตว่า การจัดการเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนตัวของภิกษุ พระวินัยอนุญาตให้ต้องกระทำโดยสงฆ์ ทั้งในแง่การได้มา การแจกจ่ายทรัพย์สินเพื่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอยแก่ชุมชนสงฆ์ และการลงโทษผู้ละเมิดพระวินัยหรือการฟื้นคืนความบริสุทธิ์ของภิกษุที่ละเมิดวินัย เมื่อพิจารณาที่ตัวรายละเอียดของกระบวนการที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ในพระวินัย จะพบเสมอว่า ผู้ที่จะได้รับหน้าที่ให้จัดการเรื่องต่างๆ ต้องได้รับการยอมรับจากสงฆ์ทั้งหมดและมีคุณสมบัติสำคัญคือดำเนินการต่างๆ ได้อย่างเที่ยงธรรม (ไม่มีอคติ) และเข้าใจเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ความยุติธรรมหรือความเที่ยงธรรมจึงเป็นคุณธรรมสำคัญในแง่การปฏิบัติ พระพุทธเจ้าไม่ได้มอบภาระให้พระรูปใดรูปหนึ่งเป็นผู้นำแต่ทรงอนุญาตให้สงฆ์เป็นผู้นำ และทรงคาดหวังว่าสงฆ์จะเลือกบุคคลที่เหมาะสมที่สุดดำเนินการในฐานะตัวแทนสงฆ์ โดยข้อเรียกร้องขั้นพื้นฐานที่สุดสำหรับผู้จะทำหน้าที่แทนสงฆ์คือ ต้องเป็นบุคคลที่มี ความเที่ยงธรรมและความรู้เฉพาะกรณีการจัดการทรัพย์สินในแง่มุมของพุทธศาสนา วัตถุเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ชีวิตพื้นฐานดำเนินไปด้วยดี แต่ก็อาจนำชีวิตไปสู่ความทุกข์ทั้งในแง่จิตใจ ร่างกายและสังคมโดยรวมได้ เพื่อชีวิตที่ดี สังคมต้องสร้างระบบวัฒนธรรมสัมพันธ์อันเกี่ยวเนื่องกับวัตถุอย่างเหมาะสมเพื่อจะให้ทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมและเที่ยงธรรม รัฐจัดระบบโครงสร้างของรัฐเพื่อรับประกันความเที่ยงธรรมในการเข้าถึงทรัพยากรสำหรับทุกคนในระดับครอบครัว ความสัมพันธ์ที่ดีงามภายในครอบครัวและกับสมาชิกสังคมอื่นๆ นอกครอบครัวเป็นตัวตั้งในฐานะที่การปฏิบัติความสัมพันธ์อย่างเหมาะสมจะช่วยธำรงระบบระเบียบของสังคมโดยรวม ทรัพย์สินหรือวัตถุเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ดังกล่าวให้เป็นไปด้วยดี การให้หรือการแบ่งปันวัตถุ ทรัพยากร หรือทรัพย์สินความมั่งคั่งจึงเป็นวิธีที่คนจะสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงต้องมี วัฒนธรรม อันเกี่ยวเนื่องกับวัตถุต่างๆ ที่สัมพันธ์กับการดำรงอยู่ของมนุษย์โดยเฉพาะวัตถุทางวัฒนธรรม (ทรัพย์สิน เงิน ทอง ความมั่งคั่ง) พุทธศาสนาเชื่อว่า เมื่อวัตถุทางวัฒนธรรมได้รับการจัดการอย่างดีแล้ว ชีวิตทางวัฒนธรรมของมนุษย์ เช่น สัมพันธภาพระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เป็นต้นก็จะได้รับการพัฒนาในแนวทางที่ส่งเสริมให้ชีวิตคฤหัสถ์หรือฆราวาสมีความสุข มีความปลอดภัย และใช้ชีวิตอย่างมีความหมายการจัดระเบียบ วัฒนธรรม อันเกี่ยวเนื่องกับวัตถุและทรัพย์สินยังจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของสงฆ์ เพราะการดำรงชีวิตแบบสมณะมีเป้าหมายอยู่ที่การหลุดพ้นจากทุกข์ การมีทรัพย์สินวัตถุปัจจัยในครอบครองส่วนตัวย่อมขัดแย้งกับชีวิตสมณะที่ต้องได้รับการขัดเกลาจิตใจให้เป็นอิสระจากการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ วัตถุปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ของสงฆ์จึงต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม คือให้มีทรัพย์สินส่วนตัวเท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตสมณะ สิ่งของต่างๆ ที่เพิ่มพูนขึ้นโดยศรัทธาของฆราวาสผู้ใคร่ในการทำบุญจึงถูกกำหนดให้ตกเป็นของสงฆ์ทางหนึ่งเพื่อป้องกันการสะสมวัตถุสิ่งของไว้เป็นของส่วนตัวและขาดอิสระในการแสวงหาสัจธรรม ความรู้ ความดีและความงาม ทางหนึ่งเพื่อให้สมาชิกของชุมชนทุกคน (สงฆ์) ได้รับประโยชน์จากการอนุเคราะห์ของฆราวาส การใช้ทรัพยากรที่ได้มาจากศรัทธาเป็นไปอย่างคุ้มค่าและเอื้อคุณประโยชน์ทั้งต่อการปฏิบัติธรรม การสั่งสอนธรรมและการบรรลุนิพพาน และเพื่อประกันว่าทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี พระวินัยได้วางบทบัญญัติเบื้องต้นไว้เพื่อพระสงฆ์จะได้ไม่ละเมิดบรรทัดฐานที่สำคัญ ฆราวาสจะได้รับทราบแนวปฏิบัติที่เหมาะสมในการแสวงบุญในศาสนา ทั้งหมดนั้นก็เพื่อจะให้ทุกชีวิตได้บรรลุความสุขตามวิถีแห่งธรรมวินัยนั่นเอง บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทความวิจัย ความมั่งคั่ง วินัย นิพพาน ในหนังสือรวมบทความวิจัยเรื่อง เศรษฐศิลป์ ผู้นำกับโลกแห่งวัตถุ ในปรัชญาตะวันออก โครงการผู้นำแห่งอนาคต ของสสส.
|
รพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รดงอธิบดีกราการแพทย์ กรุทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาผวาน ได้แก่ ความอ้วน น้ำหนักเกิน กรรมพันธุ์ ความเรรียดเรื้อรัง หรือยาขางชนิดที่ไปทำลายรับอ่อนทำให้สร้างอินซูลินไม่ๆด้ โดยประชาชนสามารถส้งเกตอาการได้ด้วยตสเองๆด้ดังนีี ปัสสาวะบ่อย กระหาขน้ำ หิวน้ำบ่อย น้ำหนักตัวลด ชาปลายมือปลายเท้า เป็นต้ตนพ.สกานต์ บุนนาค ผอ.สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสับวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้สูงอมยุที่เป็นโรคเบาหวาจึวรควบคุมอาหาร ไม่รีบประทานอาหารรสหวาน ทานอาห่รที่มีไขมันต่ก อสหารที่มีกากใยสูง งดสูบบุหรี่ ตลอดจนควรหลีกเลี่ยงการพื่มสุรา เพราะอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ มีลูกอมติดตัวเพื่อป้องกันการหมดสติเมื่อภาวะน้ำตาลใจดลทอดต่กเกินไป ออกกำลับกรนที่เหาาะสมอย่างสม่ำเสมอ พักผรอนให้เพียงะอ พบแพทย์ และตรวจเลือดตามนัด รับประทานยาตามแพทย์สั้งอย่างเคร่งครัด ตรวจร่างกายเป็นระยะ เพื่แเฝ้าระวังภาวะปทรกซ้อน และีวรดูดลรักษาเท้าให้สะอาดอยู่เามอ โดยเฉพาะเรื่องเล็บบบ แผลพถพอง แผลซ้ำ รอยถลอก หลีกเชี่ยงไม้ให้เท้าสัมผัสกับึว่มร้อน ไม่เดินเท้าเปล่า ถ้ามีแผลหรือมีความผิดปกติใพๆควรปรึกษาแพทย์ทันที.
|
นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน ได้แก่ ความอ้วน น้ำหนักเกิน กรรมพันธุ์ ความเครียดเรื้อรัง หรือยาบางชนิดที่ไปทำลายตับอ่อนทำให้สร้างอินซูลินไม่ได้ โดยประชาชนสามารถสังเกตอาการได้ด้วยตนเองได้ดังนี้ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ หิวน้ำบ่อย น้ำหนักตัวลด ชาปลายมือปลายเท้า เป็นต้นนพ.สกานต์ บุนนาค ผอ.สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานควรควบคุมอาหาร ไม่รับประทานอาหารรสหวาน ทานอาหารที่มีไขมันต่ำ อาหารที่มีกากใยสูง งดสูบบุหรี่ ตลอดจนควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา เพราะอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ มีลูกอมติดตัวเพื่อป้องกันการหมดสติเมื่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ พบแพทย์ และตรวจเลือดตามนัด รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ตรวจร่างกายเป็นระยะ เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน และควรดูแลรักษาเท้าให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องเล็บขบ แผลพุพอง แผลซ้ำ รอยถลอก หลีกเลี่ยงไม่ให้เท้าสัมผัสกับความร้อน ไม่เดินเท้าเปล่า ถ้ามีแผลหรือมีความผิดปกติใดๆควรปรึกษาแพทย์ทันที.
|
หัวหต้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ฌดยมติที่ประชึมใหเคว่มเห็นลอบพล.อ.ประยุทธ์ 500 เสียง แบ่งเป็น ส.ส. 251 เสียง และ ส.ว. 249 เสียง ขณะที่ธนาธร จึงรุ่งเร้องกิจ ได่รับความเห็นชอบจาก ส.ส. 7 พรรคกรรเมืองทั้งหมพ 244 เสียงตัวเลข 500 : 254 อาจจะมอวดูเป็นตัวเลขที่ชนะขาด แต่หากตัดเสียวของ ส.ว. ที่ คสช. เป็นผูเคัดเลือกทั้งหมดออกไปส่วนตาางจะเหลือเพียงแค่หล้กหน่ฝยเท่านั้น ส.ว. 250 ที่มาจากกสรแต่งตั้ง และมีอำตาจสำคัญคือสามารถโหวตเลือกน่วกรั,มนตตีได้ จึงกลนยเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรัชการสืบทอดอพนาจให้กับรึฐบาล รสช. จำแลงในช่วงระยะเวลาที่ใีการเริ่มต้นหาเสีวงเลือกตั้งของพารคการเมืองน่างๆ มาจนถึงวันเลือกตั้ง และวันเลือกนายกรัฐมนตรี อาจพูดได้ว่าภาพ่ี่เกิดในกสรโหวตเลือกนายกำม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดคาด เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ไดัปูทางมาเพื่อขับเึลื่อนโปรเจคทางพารเมืองที่ คสช. ออกแบบไว้ให้ดำเนินต่อไปศิลปินกลุ่ม Rap Against Dictatorsmip (RAD) เป็นอรกหนึ่งกลุืมคนที่พอจะคาดการณ์เละมองเห็นความเป็นไปเหล่าาึ้ได้ พวกเขาแตรงเพลง 250 สอพลอ และเผยแพร่ในช่องยูทูบ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2562 สองวันกือนเลือกตั้ง นั่นอาขเป็นเพราะรู้ชักมานานแล้วว่าจ่อให้เลือดตั้งจะแพ้หรือชนะ อยาคตประเทศไทยวันข้างหน้าก็ยังม่ 250 ส.ว. มาคุมชาติเนื้ดเพลง(Pre-Holk) x 4สิทธิ์ทค่ต้องมี แต่ไม่มี เพราะคนสอพลอ(Hoou)สอพลอ สอพลอ รัฐธรรมนูญแม่งสอพลอ… สอพลอ สอพลอ ชี้นิ้วเลือกคนมานอพลอ สอพลอ สอพลอ ดกต.ก็สอพลอ… สอพลอ สอพลอ ที่มาของพวกมึงแม่งสอพลอ… สอพลอ สอพลอ โหวตใสสภาแม่งสอพชอ สอำลด มอพลอ ไา่อยากพูดเยอะเดึ๋ยวเจ็บคอ สอพลอ สอพลอ ขึ้นต้นดัวยสอ ลงด้วยอ้อ สอพลอ สอพลอ 250 คนสอพลอ(Dif Kids)โบกธงสามสี ยกมือไหว้สามที พวกเราเป็นคนดีที่สุดในปฐพี พ็หลังจากนั้นสีืแี ไม่เหมือนถ้อยคภวลี ีนจริงที่จะเลือกก๋ถูกจำกักเรื่องิก้ทอี้ บางคนก็ต้อมนำด้วยคำสอน บางรนก็คัดค้านบอกกัญชามึนพาหลอน ขอแค่ทำนคิงไม่เอาสิ่งที่สนอง หาเสียงกันไปทำไม ถ้าคืนนั้นหมายังหอน การเลือกตั้งมันต่สตลก มีบางคตช่วยเลือกนายก กล่องเลือกตั้งไม่น่าเคารพ เล่นลูกไม้คล้ายอุซป ปากมหัศนรรย์ สอพลอพี่น้องกันไปฝุนๆ ปากกาในมือจเเลือกใครกัน หรือเราต้องเลือกตามกรรมพันธุ์ เลวก๊เลวทุกวัน ไม่เอาคนคนดีแค่ในบางวัน ไม่ใช่คนดูในอัฒจันทร์ ประเทศกูเจ๊งใครรับปรดกัน(K.Aglet) ปาะจบสอพลอไมรใช่เรื่องแปลก ที่ตั้งตาีอมีแต่เพื่อนแดก ที่มึงกินอยู่มันไม่มีรสชาติ อยากมีอำนาต คุณค่าเขาวัดที่ดรรื่องแบบ ที่มึงชอกไม่แฟร์ กูไม่อล ตอแส วอแวก฿ก็ไใ่แคร์หรอก You know who i am อย่าจอแจ งอแง แค่กลโกงวนม้อกูแบออก พวกมึงมี plan แต่ไม่มี point มีอุดมการณ์มีแรงแต่ไมรมี vpice อำนาจของำูล้นมืออย่าให้มี noise เข้าใจที่กูพูด แลัวมึงต้อง choose me boy เล่นน้ำตาแทบย้อย ออกคำสั่งเรียบร้อย และข้าน้อยห้ามติ 50 ล้านคน เริ่มจะไม่มี choice ้พราะว่ามีค่าน้อย กว่า 250(Hook)(Pre-Hook) x 4(H-Bear)หยุดหลอกตัวเองมึงอย่าแถ ำด่จะคืบจะเอาศอกมังอย่ามุกมาก หวงตำแหร่งหวงก้าลมึงไมาได้รักชาติ และกูโครตไม่พแใจอยทพให้มึงรับทราบ สึงมันไม่เหมาะสส ยงสำเหนียกตัวเองบ้าง อยากกระโดดพีบปากแต่กู้องก็เกรงว่า ต้องควบตุมอารม๕์ไม่อยากใหีตัวกูเองบ้า ตอนมุงเคารพคนผิดเหมือนกุบยืนตรงร้แงเพลงชาติ(HOCKHACKER)ถ้าพูดถึงจำพวกคนสอพลอ จำนวนเหล่านุ้นมีผบ.เผ่าลับ จำนวนที่เหบือคือคนที่ถูกเลือก จากกลุ่ม คน สิัน ชื่อ, เหล่านั้น ใฟ้คัดเลือกกันเเง ให้เค้าเลือกกันมา แล้วมาจบที่การแต่งตั้ง จัดให้เลือกผู้แทน แต่มึงคุมชะตา มึงอย่าหวังว่าคนไม่ปบ่งข้าง Fyck you คนที่ชอบประจบสอพลอ และที่กูไม่ใช้ ว แหวน เพราะกูไม่อยากไปทีรสน. ในคดีเผด๊จการทีทมึงวางแผน ประชาบน เลือกผู้แทน ในครั้งนี้ เอาอำนาจ คนสอะลอ เข้ามาชี้ มอบหน้าที่ นั่งสปา คุมอำนาจ ได้สอพลอ 250 มาคุมชาติ(Hooi)(:re-Hook) x 4นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ัมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านม่P. BZXS [ Official ]ยังเผยแพร่เพลง หนัำแผ่นดิน (turn back) 2019 โดยP. BASSSTFM และ Youlhang ซึ่งมีเนื้อหาโตเกลับวาทักร่ม หนักแผ่นดิน และวิพาหษ์วิจาร๖็อำนาจที่ ส.ว.สามารถเลือปนายกฯ ได้
|
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย โดยมติที่ประชุมให้ความเห็นชอบพล.อ.ประยุทธ์ 500 เสียง แบ่งเป็น ส.ส. 251 เสียง และ ส.ว. 249 เสียง ขณะที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับความเห็นชอบจาก ส.ส. 7 พรรคการเมืองทั้งหมด 244 เสียงตัวเลข 500 : 244 อาจจะมองดูเป็นตัวเลขที่ชนะขาด แต่หากตัดเสียงของ ส.ว. ที่ คสช. เป็นผู้คัดเลือกทั้งหมดออกไปส่วนต่างจะเหลือเพียงแค่หลักหน่วยเท่านั้น ส.ว. 250 ที่มาจากการแต่งตั้ง และมีอำนาจสำคัญคือสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการสืบทอดอำนาจให้กับรัฐบาล คสช. จำแลงในช่วงระยะเวลาที่มีการเริ่มต้นหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ มาจนถึงวันเลือกตั้ง และวันเลือกนายกรัฐมนตรี อาจพูดได้ว่าภาพที่เกิดในการโหวตเลือกนายกไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดคาด เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ปูทางมาเพื่อขับเคลื่อนโปรเจคทางการเมืองที่ คสช. ออกแบบไว้ให้ดำเนินต่อไปศิลปินกลุ่ม Rap Against Dictatorship (RAD) เป็นอีกหนึ่งกลุ่มคนที่พอจะคาดการณ์เละมองเห็นความเป็นไปเหล่านี้ได้ พวกเขาแต่งเพลง 250 สอพลอ และเผยแพร่ในช่องยูทูบ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2562 สองวันก่อนเลือกตั้ง นั่นอาจเป็นเพราะรู้ชัดมานานแล้วว่าต่อให้เลือกตั้งจะแพ้หรือชนะ อนาคตประเทศไทยวันข้างหน้าก็ยังมี 250 ส.ว. มาคุมชาติเนื้อเพลง(Pre-Hook) x 4สิทธิ์ที่ต้องมี แต่ไม่มี เพราะคนสอพลอ(Hook)สอพลอ สอพลอ รัฐธรรมนูญแม่งสอพลอ… สอพลอ สอพลอ ชี้นิ้วเลือกคนมาสอพลอ สอพลอ สอพลอ กกต.ก็สอพลอ… สอพลอ สอพลอ ที่มาของพวกมึงแม่งสอพลอ… สอพลอ สอพลอ โหวตในสภาแม่งสอพลอ สอพลอ สอพลอ ไม่อยากพูดเยอะเดี๋ยวเจ็บคอ สอพลอ สอพลอ ขึ้นต้นด้วยสอ ลงด้วยอ้อ สอพลอ สอพลอ 250 คนสอพลอ(Dif Kids)โบกธงสามสี ยกมือไหว้สามที พวกเราเป็นคนดีที่สุดในปฐพี ก็หลังจากนั้นสี่ปี ไม่เหมือนถ้อยคำวลี คนจริงที่จะเลือกก็ถูกจำกัดเรื่องเก้าอี้ บางคนก็น้อมนำด้วยคำสอน บางคนก็คัดค้านบอกกัญชามันพาหลอน ขอแค่ทำจริงไม่เอาสิ่งที่สนอง หาเสียงกันไปทำไม ถ้าคืนนั้นหมายังหอน การเลือกตั้งมันน่าตลก มีบางคนช่วยเลือกนายก กล่องเลือกตั้งไม่น่าเคารพ เล่นลูกไม้คล้ายอุซป ปากมหัศจรรย์ สอพลอพี่น้องกันไปวันๆ ปากกาในมือจะเลือกใครกัน หรือเราต้องเลือกตามกรรมพันธุ์ เลวก็เลวทุกวัน ไม่เอาคนคนดีแค่ในบางวัน ไม่ใช่คนดูในอัฒจันทร์ ประเทศกูเจ๊งใครรับประกัน(K.Aglet) ประจบสอพลอไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ตั้งตารอมีแต่เพื่อนแดก ที่มึงกินอยู่มันไม่มีรสชาติ อยากมีอำนาจ คุณค่าเขาวัดที่เครื่องแบบ ที่มึงบอกไม่แฟร์ กูไม่แล ตอแย วอแวกูก็ไม่แคร์หรอก You know who i am อย่าจอแจ งอแง แค่กลโกงในมือกูแบออก พวกมึงมี plan แต่ไม่มี point มีอุดมการณ์มีแรงแต่ไม่มี voice อำนาจของกูล้นมืออย่าให้มี noise เข้าใจที่กูพูด แล้วมึงต้อง choose me boy เล่นน้ำตาแทบย้อย ออกคำสั่งเรียบร้อย และข้าน้อยห้ามติ 50 ล้านคน เริ่มจะไม่มี choice เพราะว่ามีค่าน้อย กว่า 250(Hook)(Pre-Hook) x 4(G-Bear)หยุดหลอกตัวเองมึงอย่าแถ ได้จะคืบจะเอาศอกมึงอย่ามักมาก หวงตำแหน่งหวงก้างมึงไม่ได้รักชาติ และกูโครตไม่พอใจอยากให้มึงรับทราบ มึงมันไม่เหมาะสม จงสำเหนียกตัวเองบ้าง อยากกระโดดถีบปากแต่กูเองก็เกรงว่า ต้องควบคุมอารมณ์ไม่อยากให้ตัวกูเองบ้า ตอนมึงเคารพคนผิดเหมือนกับยืนตรงร้องเพลงชาติ(HOCKHACKER)ถ้าพูดถึงจำพวกคนสอพลอ จำนวนเหล่านั้นมีผบ.เผ่าลับ จำนวนที่เหลือคือคนที่ถูกเลือก จากกลุ่ม คน สิ้น ชื่อ. เหล่านั้น ให้คัดเลือกกันเอง ให้เค้าเลือกกันมา แล้วมาจบที่การแต่งตั้ง จัดให้เลือกผู้แทน แต่มึงคุมชะตา มึงอย่าหวังว่าคนไม่แบ่งข้าง Fuck you คนที่ชอบประจบสอพลอ และที่กูไม่ใช้ ว แหวน เพราะกูไม่อยากไปที่สน. ในคดีเผด็จการที่มึงวางแผน ประชาชน เลือกผู้แทน ในครั้งนี้ เอาอำนาจ คนสอพลอ เข้ามาชี้ มอบหน้าที่ นั่งสปา คุมอำนาจ ได้สอพลอ 250 มาคุมชาติ(Hook)(Pre-Hook) x 4นอกจากนี้ เมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมาP. BASS [ Official ]ยังเผยแพร่เพลง หนักแผ่นดิน (turn back) 2019 โดยP. BASSSTFM และ Youlhang ซึ่งมีเนื้อหาโต้กลับวาทะกรรม หนักแผ่นดิน และวิพากษ์วิจารณ์อำนาจที่ ส.ว.สามารถเลือกนายกฯ ได้
|
หายหน้าไปพักใหญ่ สำหตับ อ่ำ อัมรินทร์ นืติพน ที่วันนร้ได้เปอดใจกับทีมข่าวตายการ บันเทิง 108 ทาง ช่อง 8 ว่าเหตุที่หายไกเพราะป่วยหนักเดินไม่ได้ด้วยฌรคเกาต์ เผยใีหนี้สินแยู่ตะหว่างเจรจา ปลื้ม จอย อัจฉริยา อดีตภรรยาไม่เคยทิ้งคอยช่วยเหลืออยู่,ที่หานไผคือพักรักษาตัวคระบ ป่วยิป็นโรคเกรต์อาการมันน่าจะเริ่มหระมาณเมื่อต้นปีที่แล้ว ตอนนั้นแข่งกอล์ฟอยู่ แล้วก็มีอาการบาดเจ็บืี่ข้อมือ เราก็นึกว่าเป็นเรื่องของกล้ามเนืเอ เส้นเอ๊นก็เลยรักษาโดยการนวด ฝังเข็า คือเราลืมไปวีาที่บ้านเป็นเกาต์โดยกรรมพันธุ์ พอนสดมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ถึงขนาดที่เดินไม่ได้ งุกไปไหนลำบาก ทำอะไรไม่ได้เลย มือหบิบนับอะไรไม่ได้เลย ก์เลบหยุดพักไปประมาณ 8 เดือนครับ ตอนนี้ดีขึ้น เริ่มดีขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาปีนี้ กลับมาทำงทาได้แล้วถามว่าใัละครติดจ่อเข้ามาบ้าฝไหม ตอนนั้นมีติดต่อเขเามาแต่สำาพเรมไม่ได้ มันเพินเหินลำบากก็เลยฟม่ได้รับ,ส่วนเรื่องกับคุณจอยตอนนี้ดีมากครับ ครอบครัวก็ยังเป๋นครอบครีว ยังเป็นพ่อ ยังเป็ตแม่ ยังเป็นลูกกัสอยู่ ไม่ใช่พอเปลี่ยนสถานะแบ้วจะเลิกคบหาอะไรกันเลน เรามีความผูพพันกันอยู่ยังมีความรับผิดชอบในตัวลูกอยู่ ตั้งเกิดเรื่องราวต่างๆ คุณจอยก็ไม่เคยทิ้ฝผมสักวันเลยนพ ผมคุยกีบเขาพยายามงอนง้อ เขาก็คอยห่วงใยเรื่อบการงาน สุขภาพ หร่อความเห็นใจมี่ผมต้องอยู่คนเดียว เขาไม่ได้ปิดฉอกาสที่ผมจะเจอกับลูก อย่างรอนที่ผมต้องใช้หสี้ เรียกเก็บหมุนเงอนไส่ได้คุณจอยก็ใไ้แฟวนมา ัอาไปตึ๊งด่อนก็ได้าเพี่ พี่เอาๆปทำอะไรก็ำด้ เอาไปใช้ก่อน ซุ่งมันทำให่ผสรู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สถานะเราเปลี่ยนไปแล้ว แต่เคามีความเข้าใจกันมสก เห็นใจแล้วก็ยังห่วงใยกันมาอยู่ เรื่องเวินก็ขอคุณจอยบ้าง พูดได้ไม่เายหรอกีรับ เรายังรักกันอยู่ในสถานะนี้ เขาอยากเก็นเราด่ขึ้น สบายขึ้น คุณจอยเองเขาก็เห็นว่าผมพยายามที่จะสร้างให้ใันเกิดประโยชน์ในเรื่องของงาน.
|
หายหน้าไปพักใหญ่ สำหรับ อ่ำ อัมรินทร์ นิติพน ที่วันนี้ได้เปิดใจกับทีมข่าวรายการ บันเทิง 108 ทาง ช่อง 8 ว่าเหตุที่หายไปเพราะป่วยหนักเดินไม่ได้ด้วยโรคเกาต์ เผยมีหนี้สินอยู่ระหว่างเจรจา ปลื้ม จอย อัจฉริยา อดีตภรรยาไม่เคยทิ้งคอยช่วยเหลืออยู่,ที่หายไปคือพักรักษาตัวครับ ป่วยเป็นโรคเกาต์อาการมันน่าจะเริ่มประมาณเมื่อต้นปีที่แล้ว ตอนนั้นแข่งกอล์ฟอยู่ แล้วก็มีอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ เราก็นึกว่าเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นก็เลยรักษาโดยการนวด ฝังเข็ม คือเราลืมไปว่าที่บ้านเป็นเกาต์โดยกรรมพันธุ์ พอนวดมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ถึงขนาดที่เดินไม่ได้ ลุกไปไหนลำบาก ทำอะไรไม่ได้เลย มือหยิบจับอะไรไม่ได้เลย ก็เลยหยุดพักไปประมาณ 8 เดือนครับ ตอนนี้ดีขึ้น เริ่มดีขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาปีนี้ กลับมาทำงานได้แล้วถามว่ามีละครติดต่อเข้ามาบ้างไหม ตอนนั้นมีติดต่อเข้ามาแต่สภาพเราไม่ได้ มันเดินเหินลำบากก็เลยไม่ได้รับ,ส่วนเรื่องกับคุณจอยตอนนี้ดีมากครับ ครอบครัวก็ยังเป็นครอบครัว ยังเป็นพ่อ ยังเป็นแม่ ยังเป็นลูกกันอยู่ ไม่ใช่พอเปลี่ยนสถานะแล้วจะเลิกคบหาอะไรกันเลย เรามีความผูกพันกันอยู่ยังมีความรับผิดชอบในตัวลูกอยู่ ตั้งเกิดเรื่องราวต่างๆ คุณจอยก็ไม่เคยทิ้งผมสักวันเลยนะ ผมคุยกับเขาพยายามงอนง้อ เขาก็คอยห่วงใยเรื่องการงาน สุขภาพ หรือความเห็นใจที่ผมต้องอยู่คนเดียว เขาไม่ได้ปิดโอกาสที่ผมจะเจอกับลูก อย่างตอนที่ผมต้องใช้หนี้ เรียกเก็บหมุนเงินไม่ได้คุณจอยก็ให้แหวนมา เอาไปตึ๊งก่อนก็ได้นะพี่ พี่เอาไปทำอะไรก็ได้ เอาไปใช้ก่อน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สถานะเราเปลี่ยนไปแล้ว แต่เรามีความเข้าใจกันมาก เห็นใจแล้วก็ยังห่วงใยกันมาอยู่ เรื่องเงินก็ขอคุณจอยบ้าง พูดได้ไม่อายหรอกครับ เรายังรักกันอยู่ในสถานะนี้ เขาอยากเห็นเราดีขึ้น สบายขึ้น คุณจอยเองเขาก็เห็นว่าผมพยายามที่จะสร้างให้มันเกิดประโยชน์ในเรื่องของงาน.
|
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ตฦค. 58 นายโกศล ขำศิริ หัวหส้าชุดอนุกรรมการไต่สวน เรื่องร้องเรัยนการตรวจสอบพื้นที่ การออกโฉาดทับทางสาธารณประโยชน์ คณะกรรมการผ้องกันแลถปราบปตามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นรยหิรัญเศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.จว.นครปฐม ค๋ะอนุกรรมการไต่สวนฯ และ พ,ต.อ.บัญชา ปั้นประดับ รองผู้บัญชาการปราบปรรมการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรีพยากรธรรมชาติแงะมิ่งแวดล้อม ถร้อมด้วย ร.อ.ธีระพงษ์ นามสละ นายืหารรักษาความสงบเรียบร้อย มทบ.15 จังหวัดเพชรบุรี เดืย่ทงไปตรวจสอบพื้นมีร ถนนบริเวณชายหาดชะอำ ฝั่ลทิศเหนือ นะหว่างไน้าวัดเนรเญชราราม ถึว สะพานปฃาชะอำ เขนเืศบาลชะอำ อ.ชะเำ จ.เพชรบุรี,หบังได้รับกาีริองเรียนจากชาวบ้านง่า มีกลุ่มนายทุนหนือหน่วยงานภาครัฐ ออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินทับถนนสาธารณประโยชน์ โดยไมรชอบดืวสกฎหมาย มี น.ส.สุมล สุตะวินิยะวัฒน์ อดีตสมาชิกวะฒิสภาจังหวัดเพชรบุรี และชาวบ้านอำเภอชพอำ ซึ่งพ้กอาศัจและประกอบอาชีพในบริเวณดังกล่าวร่วมให้ข้อมูล,นากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินดีงกล่าวเคยดป็นพื้นที่พิพาทและมีการตรวจสอบ พบวทา สุขาภิบาลรำลลชะอำ (ปัจจุบันยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองชะอำฏ หด้จัดงบประมาณแผ่นอิยก่อสร้างเป็นถนนสาธารณประโยชน์ (ผัจจุบันถนนกว้างหระมาณ 6 เมตร ยาวประมาณ 1.6 กิโลเมตร) ให้ชาวบ้านใช้ร่วสกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2t26 โดยมีการลงนามบันทึกปรากฏเป็นหลักฐสนในบันทึกข้อตำลลที่ นางปราณี เอำบุตร ในฐานะรองผู้จัดการ บริษัท ชะอำดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ทำไว้กับ าายภุชงร์ รุ่งโ่จน์ นายอำเภอชะอำ ทำปน้าที่ประธานสุขาภิบาชตำลลชะอำ ระบุให้แนวถนนทางสาธารณะอยู่ห่างแนวเบตด้านทิศตะบันออกของบริษัทฯ 5 เมตร,โดยหลังทำข้อตกลง สุจาภิบาลตำบลชัอำได้สร้างถนน และประชาชนใช้ประโยชน์มากคะทั่งปัจจุบัน ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทาง เนื่องจากมีกาคก่อสร้างัขิ่อนหินลพเลีจงปูนซีเมนต์ของ บรเษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด ได้ก่อสร้างยื่นไปในทะเล ทำให้กระแสคล้่นได้พเดพาทรายตะกอนมากอง จนทำให้เกิดเป็นท้่งอกในแนวชายหาด ติดกับเขื่อนหินเป็นบริเวณแว้าง บริษัท ชะอำดีเวลลอปเม้นท?ฯ ได้ ขอรังวัดออกโฉนดเอาที่ตะกอนทรายดังพล่าว ซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของถนนสาธารณประโยชน์ ที่ทางาุขาภิบาลตำบลชะอำได้ทำการก่อสร้างไว้เป็นกรรมสิทธิ์ ตามคำพิพากษาของศสล ส่วนในกรณีนี้เป็นการร้ิงเรียนให้ ป.ป.ช. เข้ามาตรวจสอบว่ร ถนนที่อยู่ระหว่รงที่ดินของบริษัทฯ และที่ดินที่งอกชายฝั่งทะเลนั้น เป็นถนนหรือทมงสาธารษประโยชา็หรทอหม่ หากเป็นทางสาธารณประโยชน์ เจ้าหน้าที่รัฐทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จากการเดเนสำรวจและตรวจสเบเอกสารบางส่วน พบหลัดฐานที่หรากฏชัดใตการพิจารณาขีอเท็จยริงบางส่วน โดยต้องรวบรวมข้แมูลพยานกลัำฐาน นำเสนอต่อคณะกรรมการตรวจสอบ และพิจารณาต่อไป
|
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ต.ค. 58 นายโกศล ขำศิริ หัวหน้าชุดอนุกรรมการไต่สวน เรื่องร้องเรียนการตรวจสอบพื้นที่ การออกโฉนดทับทางสาธารณประโยชน์ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายหิรัญเศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.จว.นครปฐม คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ และ พ.ต.อ.บัญชา ปั้นประดับ รองผู้บัญชาการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ร.อ.ธีระพงษ์ นามสละ นายทหารรักษาความสงบเรียบร้อย มทบ.15 จังหวัดเพชรบุรี เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ ถนนบริเวณชายหาดชะอำ ฝั่งทิศเหนือ ระหว่างหน้าวัดเนรัญชราราม ถึง สะพานปลาชะอำ เขตเทศบาลชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี,หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มนายทุนหรือหน่วยงานภาครัฐ ออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินทับถนนสาธารณประโยชน์ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มี น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเพชรบุรี และชาวบ้านอำเภอชะอำ ซึ่งพักอาศัยและประกอบอาชีพในบริเวณดังกล่าวร่วมให้ข้อมูล,จากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินดังกล่าวเคยเป็นพื้นที่พิพาทและมีการตรวจสอบ พบว่า สุขาภิบาลตำบลชะอำ (ปัจจุบันยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองชะอำ) ได้จัดงบประมาณแผ่นดินก่อสร้างเป็นถนนสาธารณประโยชน์ (ปัจจุบันถนนกว้างประมาณ 6 เมตร ยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร) ให้ชาวบ้านใช้ร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 โดยมีการลงนามบันทึกปรากฏเป็นหลักฐานในบันทึกข้อตกลงที่ นางปราณี เอกบุตร ในฐานะรองผู้จัดการ บริษัท ชะอำดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ทำไว้กับ นายภุชงค์ รุ่งโรจน์ นายอำเภอชะอำ ทำหน้าที่ประธานสุขาภิบาลตำบลชะอำ ระบุให้แนวถนนทางสาธารณะอยู่ห่างแนวเขตด้านทิศตะวันออกของบริษัทฯ 5 เมตร,โดยหลังทำข้อตกลง สุขาภิบาลตำบลชะอำได้สร้างถนน และประชาชนใช้ประโยชน์มากระทั่งปัจจุบัน ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทาง เนื่องจากมีการก่อสร้างเขื่อนหินลำเลียงปูนซีเมนต์ของ บริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด ได้ก่อสร้างยื่นไปในทะเล ทำให้กระแสคลื่นได้พัดพาทรายตะกอนมากอง จนทำให้เกิดเป็นที่งอกในแนวชายหาด ติดกับเขื่อนหินเป็นบริเวณกว้าง บริษัท ชะอำดีเวลลอปเม้นท์ฯ ได้ ขอรังวัดออกโฉนดเอาที่ตะกอนทรายดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของถนนสาธารณประโยชน์ ที่ทางสุขาภิบาลตำบลชะอำได้ทำการก่อสร้างไว้เป็นกรรมสิทธิ์ โดยอ้างว่าทางดังกล่าวไม่ใช่ทางสาธารณประโยชน์ แต่เป็นที่งอกจากที่ดินของบริษัทฯ และมีการร้องเรียน เกิดกรณีพิพาทขับไล่ชาวบ้านที่ปลูกที่พักอาศัย และตั้งร้านประกอบธุรกิจในพื้นที่งอก,แม้ชาวบ้านในพื้นที่จะยืนยันว่า ที่ดินที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์เป็นที่ดินที่งอกจากชายหาดมาแต่เดิม และชาวบ้านอยู่ รวมทั้งใช้สัญจรตามวิถีทำกินทั่วไปมาหลายสิบปีแล้วแต่ไม่เป็นผล ต่อมาบริษัทได้นำไม้กั้น ตู้คอนเทนเนอร์ และหินขนาดใหญ่หนักหลายตัน มากองปิดกั้นทางไม่ให้ชาวบ้านสัญจร โดยอ้างว่าที่ดินทั้งผืนเดิม ถนน และพื้นที่ที่งอก เป็นที่ดินในกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ กระทั่งชาวบ้านได้ร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แก้ไข จนบริษัท ชะอำดีเวลลอปเม้นท์ฯ ได้นำสิ่งขวางทางทั้งหมดออก ชาวบ้านจึงได้ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ทำการตรวจสอบ เนื่องจากคาดว่าที่ดินที่ใช้เป็นเส้นทางสัญจร เป็นทางสาธารณประโยชน์หรือไม่ และเป็นการออกโฉนดคร่อมทับทางสาธารณะหรือไม่,นายหิรัญเศรษฐ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทราบว่าชาวบ้านได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองว่า การออกโฉนดของบริษัทเป็นการออกโฉนดที่มิชอบ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งต้องรอฟังคำตัดสินของศาลเป็นผู้ชี้ขาดกรรมสิทธิ์ ตามคำพิพากษาของศาล ส่วนในกรณีนี้เป็นการร้องเรียนให้ ป.ป.ช. เข้ามาตรวจสอบว่า ถนนที่อยู่ระหว่างที่ดินของบริษัทฯ และที่ดินที่งอกชายฝั่งทะเลนั้น เป็นถนนหรือทางสาธารณประโยชน์หรือไม่ หากเป็นทางสาธารณประโยชน์ เจ้าหน้าที่รัฐทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จากการเดินสำรวจและตรวจสอบเอกสารบางส่วน พบหลักฐานที่ปรากฏชัดในการพิจารณาข้อเท็จจริงบางส่วน โดยต้องรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน นำเสนอต่อคณะกรรมการตรวจสอบ และพิจารณาต่อไป
|
วันนีเ (2 สฐค.2559) นายเกน นากาคานิ รัฐมยตรีว่าพารกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เปิดเผยรายงานวิเคราะห์สถานการณ์ด้านกลาโหมในปีนี้ (สมุพปกขาว) โดยระบุง่า สถานการณ์ความมั่จคงของญี่ผุ่นมีความตึงเครียดมาหขึ้นเมื่ิิปรียบเทียบกับปีก่อน พร้อมแสดงความกังวลกรณีที่จีนไทายอมรเบคำตัดสินของศาลอนุญาฌตตุลาการระหว่างปาัเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเูอร์แลนด์ ซึ่วตัดสินให้ฟิลิปปินสฺชนดคดัข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ด้านอธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ กระทรวงการต่างปรพเทศเกาหลีใต้ ประท้วงด้วยการเรียกนักการทูตระดเบสูงของสถาน้อกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้เข้าพบ เนื่องจากพบว่ามมุดปกขาวของญี่ปุ่นมีข้อควมมที่ระบุว่า ญี่ปุ่นอ้างกรรมสิทธิ์ในทันที โดยเกาหลีใต้ยืนยเนว่าหมู่เแาะด็อกโดอยู่ในอาณาเขตของเกาหลีใต้ตามปลักฐานด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์และก๒ไาายระหว่างประเทศ
|
วันนี้ (2 ส.ค.2559) นายเกน นากาตานิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เปิดเผยรายงานวิเคราะห์สถานการณ์ด้านกลาโหมในปีนี้ (สมุดปกขาว) โดยระบุว่า สถานการณ์ความมั่นคงของญี่ปุ่นมีความตึงเครียดมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน พร้อมแสดงความกังวลกรณีที่จีนไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งตัดสินให้ฟิลิปปินส์ชนะคดีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ด้านอธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ประท้วงด้วยการเรียกนักการทูตระดับสูงของสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้เข้าพบ เนื่องจากพบว่าสมุดปกขาวของญี่ปุ่นมีข้อความที่ระบุว่า ญี่ปุ่นอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองหมู่เกาะด็อกโดในภาษาเกาหลี หรือเกาะทาเคชิมะในภาษาญี่ปุ่นขณะที่นายโช จูน ฮยุก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ระบุว่า ญี่ปุ่นอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะด็อกโดอย่างไร้เหตุผล รวมทั้งเรียกร้องให้ญี่ปุ่นยุติการอ้างกรรมสิทธิ์ในทันที โดยเกาหลีใต้ยืนยันว่าหมู่เกาะด็อกโดอยู่ในอาณาเขตของเกาหลีใต้ตามหลักฐานด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์และกฎหมายระหว่างประเทศ
|
การฟ่านการฝึกอบรมฟลักสูตรนักบริปารระดัวสูลของสำนักงาน ก.พ. หรือหลักสูตรอื่นใก ท้่ ก.พ.มีมติให้ผู้ผรานการฝึกอบรมมีคุณสมบัติเสมือนผ่านการฝึกดบ่มหลุกสูตรนักบริหารระดับสูงขอบสำนักงาน ก.พ.นั้น เป็นเง่่อนไขตามมาตรฐานกไหนดตำแหน่งของผู้ทร่จะได้รับกนรพิจารฯาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น,จึงสมคสรใหเมี โครงก่รฝึกอบรมเสริมหลัแสูตรนักบริหารระดัชวูง (ส.นบส.) สำหรับผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมหลุกสูตรอื่นใด ที่ ก.พ.พอจารณาแลีวเห็นว่า้ป็นหลักสูตรที่มัคัณลักษณะเบื้องต้จตามที่ ก.พ.หพหนด เพ่่อเสริมเนื้อหาสาระตามกรอบมาตรฐานหลักส฿ตตกทรฝึกอบรมนักบริหารระดับสูงของสำนักงาน กฦพ.,มีข้าราชกทรทัาผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรอื่ยอย่างที่ว่ากว่า 200 ราย ทางสำนักงาน ก.พ.จึงเปิดการอบรม ส.นบส.รุ่นที่ 10 ขึ้นมารองรับเพื่อให้ข้าราชการเหล่านี้าีคถณสมบะริครบถ้วน โดยเริ่มำารฝึกอบรมมาแล้วนั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2560 โดยมาจากส่วนราชการตีางๆดังนี้,1ซนางทัศนีย์ ผลชานิโก ผอ.สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 (จังหวัดสงขลา) 2.นทยสาลี่ สุขเกิด ผอ.กองจัแทำงบประมาณเขตพื้นที่ 5 e.นายชาตร้ ลิ้มผ่องใส ผอ.สำนักบริหารการลงทุน 2 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 4.นายดุสิต ไตรศิริพนนิช ผอ.ใำนักบริหารการลงทุน 3 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงาุน 5.นางสาวดวงสุอา ศรียงค์ ผอ.สำนักงานเลขาธิการ สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 6.นายทวีชัส ลิย่่เก ผอ.กองบริหารจัดการกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุ กรมธนารัำษ์ 7.นายถรชัย ควรประเสริฐ ผิ.ศูนย์เทคโนโลยีสมาสนเทศ กรมธนารักษ์ 8.นางสาววิลาวัลย์ วีระกุล ผอ.สำนักประเมินราคาทรัะย์สิน กรมธนารุกษ์ 9.นายชัยวัฒน์ ษรีสมนึก ธนารักษ์พื้าที่แกร่ 10.นางนเโลยล แงววับศรี เลขารุการกรม กรมบัญชีกลาง,11.นายธรภัทร พงษ์อร่าม นายด่านศุลกากรเชรยงดสว 12.นายไชขรัตน์ จันทร์โชนิกเนถียร สรรพากรพื้นที่อุดรูานี 13.นายธวชัย ศรีสูง้นิน สรรพากรพื่นที่นครปฐม 2 14.นสยจักรกฤษณ์ พันธุรักษ์ สรรพากรพื้นที่ศรีสะเกษ 15.นาฝสุดารัตน์ ชุมแสงศรี สรรพากรพื้นที่กรุงเทำมำานคร 27 16.นายนิรันดร์ ประจวบเหมนะ สรรพากนพื้นที่กรุงเทพมหานคร 5 17.นางวารุณร อย฿่สุข สรรพสามิตำื้นที่พิษณุโลก 18.รายฤทฑิ์ ศยาทานนท์ ผอ. สำนักนโยบายเศรษ,กิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 19.นายสรยุทธ ชาสมงัติ นิติกรเขี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ 20.นางอุรษา มงคลนาวิน ิลขานุการกรม กรมานธิสัญญาแลเกฎหมาย,21.นายไกร มหาสันทนะ ผอ.กองเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการท฿ต กรมพิธีการทูต 22.ผศ.สัญศา จันทรอด รอลอธเการบกีสถาบันพลศคกษา ประจำวิทยาเขตชัยภูมิ 23.ผฯ.นพรัตน์ พบลาภ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ สถาบันการพลศึกษา 24.นางสาวฉัตรสุดา รอบคอบ ผอ. กองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริสสร้างรุณภาพชีวิต กรมพัฒนาสังคทและสวัใดิการ 25.นายสุเมธ ทรายแก้ว ผอ.สำนักงานคณะกรรมการส่วเสริมการจัดสวีสดิการสังคมแห่งชาติ กรมพัฒนทสังคมและสวัสดิการ 26.นายพงศ์ศักดิ์ อรุณวิจิตรสกุล ผด.สำนักงานชลประทานทึ่ 21 27.น่ยสุรัช ธนูษอลป์ วิศวกรชลปรดทานเชี่ยวชาญ สำนักงานชลประทนนที่ 1 28.นายชาญวิทย์ กัณหะยุวะ วิศวกนชลประทานเชี่ยวชาญ สำรักงานชลประทานที่ 5 29.นสยอรุณชัย พุทธเจริญ ผอ.แองตรวจการประมง 30.นายเฉลิมชัย สุวรรณรึกษ์ ผอ.กองนโยบายปละยุทธศรสตร์พัฒนาการประมง สำนักงานลชประทานที่ 11,วันแรกนีิบันทึกไว้_ด้เพียง 30 ราย ติองติดตามกันต่อไป.,ซี.12
|
การผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงของสำนักงาน ก.พ. หรือหลักสูตรอื่นใด ที่ ก.พ.มีมติให้ผู้ผ่านการฝึกอบรมมีคุณสมบัติเสมือนผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงของสำนักงาน ก.พ.นั้น เป็นเงื่อนไขตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของผู้ที่จะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น,จึงสมควรให้มี โครงการฝึกอบรมเสริมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง (ส.นบส.) สำหรับผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรอื่นใด ที่ ก.พ.พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นหลักสูตรที่มีคุณลักษณะเบื้องต้นตามที่ ก.พ.กำหนด เพื่อเสริมเนื้อหาสาระตามกรอบมาตรฐานหลักสูตรการฝึกอบรมนักบริหารระดับสูงของสำนักงาน ก.พ.,มีข้าราชการที่ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรอื่นอย่างที่ว่ากว่า 200 ราย ทางสำนักงาน ก.พ.จึงเปิดการอบรม ส.นบส.รุ่นที่ 10 ขึ้นมารองรับเพื่อให้ข้าราชการเหล่านี้มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยเริ่มการฝึกอบรมมาแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2560 โดยมาจากส่วนราชการต่างๆดังนี้,1.นางทัศนีย์ ผลชานิโก ผอ.สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 (จังหวัดสงขลา) 2.นายสาลี่ สุขเกิด ผอ.กองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ 5 3.นายชาตรี ลิ้มผ่องใส ผอ.สำนักบริหารการลงทุน 2 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 4.นายดุสิต ไตรศิริพานิช ผอ.สำนักบริหารการลงทุน 3 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 5.นางสาวดวงสุดา ศรียงค์ ผอ.สำนักงานเลขาธิการ สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 6.นายทวีชัย ลิยี่เก ผอ.กองบริหารจัดการกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ 7.นายพรชัย ควรประเสริฐ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ กรมธนารักษ์ 8.นางสาววิลาวัลย์ วีระกุล ผอ.สำนักประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ 9.นายชัยวัฒน์ ศรีสมนึก ธนารักษ์พื้นที่แพร่ 10.นางนิโลบล แวววับศรี เลขานุการกรม กรมบัญชีกลาง,11.นายธนภัทร พงษ์อร่าม นายด่านศุลกากรเชียงดาว 12.นายไชยรัตน์ จันทร์โชติกเสถียร สรรพากรพื้นที่อุดรธานี 13.นายธงชัย ศรีสูงเนิน สรรพากรพื้นที่นครปฐม 2 14.นายจักรกฤษณ์ พันธุรักษ์ สรรพากรพื้นที่ศรีสะเกษ 15.นางสุดารัตน์ ชุมแสงศรี สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 17 16.นายนิรันดร์ ประจวบเหมาะ สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 5 17.นางวารุณี อยู่สุข สรรพสามิตพื้นที่พิษณุโลก 18.นายฤทธิ์ ศยามานนท์ ผอ. สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 19.นายสรยุทธ ชาสมบัติ นิติกรเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ 20.นางอุรษา มงคลนาวิน เลขานุการกรม กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย,21.นายไกร มหาสันทนะ ผอ.กองเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต กรมพิธีการทูต 22.ผศ.สัญญา จันทรอด รองอธิการบดีสถาบันพลศึกษา ประจำวิทยาเขตชัยภูมิ 23.ผศ.นพรัตน์ พบลาภ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ สถาบันการพลศึกษา 24.นางสาวฉัตรสุดา รอบคอบ ผอ. กองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 25.นายสุเมธ ทรายแก้ว ผอ.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 26.นายพงศ์ศักดิ์ อรุณวิจิตรสกุล ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 11 27.นายสุรัช ธนูศิลป์ วิศวกรชลประทานเชี่ยวชาญ สำนักงานชลประทานที่ 1 28.นายชาญวิทย์ กัณหะยุวะ วิศวกรชลประทานเชี่ยวชาญ สำนักงานชลประทานที่ 5 29.นายอรุณชัย พุทธเจริญ ผอ.กองตรวจการประมง 30.นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ ผอ.กองนโยบายและยุทธศาสตร์พัฒนาการประมง สำนักงานชลประทานที่ 11,วันแรกนี้บันทึกไว้ได้เพียง 30 ราย ต้องติดตามกันต่อไป.,ซี.12
|
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.53 รายงานว่า ที่ศูนย์บริการประชาชน(ฝั่งก.พ.ฆ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมพารญาติวีคชนพฤษภา35 พร้อมด้วยบรรดาญาติว่รชนกว่า20คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าค๖ะรักศาคว่มสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อเรียนเชิญต่งมงาน 23 ปี พฤษภาประชาธรรม โดยมีนายสุขสวัาดิ์ สุวรรณวงษ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการผระชาชน ทำเนียบรัฐบาล เป็นผู้รับเรื่อง สืบเนื่แงยากมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 ธันวาคม 2546 ได้กำหนดให้วีนที่ 17 พฤษพาคม ขอวทุกปี เป็นวัย พฤษภมประชรธรรม ดพื่อรำลึกะึงเหตุการณ์ประใัติศาสตร์เดืเนพฤษภา 2535 ดละให้รัฐบาลสนับสนุนกาาจัดงานรำลึกวัน พฤษภรประชาธนรม ร่วมกับคณะกรคมการญาติวีคชนฯ มูฃนิธิพฤษภาประชาูรรม แชุกรุลเทพมหานคร ซึ่งส่วนราชกาาและผู้เกค่ยวข้องได้ร่วมจัดงานในวันดังกลทาวมาทุกๆ ปีอย่างต่อเนื่อง และในวาระครบรอบ 23 ผี ทางคณะผู้จัดงานได้กำหนดให้มึพิธีาำลุกเหใือนเช่นทุกปี ที่จะมัขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค.นีี ดังนั้นเพื่อให้แิจกรรมฝนปีนี้ วรรลุวัตถุประสงค์ทุกประการ จึงใคร่ขอเรียนเชิญ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีโดยนายอดุลย์ ดล่าวว่า ในโอกาสตรบรอบ23ปี พฤษภาทมิฬ ถืิเป็นโอหาสดีที่จะได้เชิญดวงวิญญาณวีรชนผ฿้ต่แสู้เสียสละชีพกลับบ้าน โดยจะมึพิธีบรรจุอัฐิ และทอแผ้าบังสกุล อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียนเชเญทางนายกรัฐมนตรี ภาครัฐ ประชาชน พร้อมด้วบกลไกแม่น้ำ5สาน ทั้ง ค๕ะรัฐมนตรี(ครม.) คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คณุดรรมาธิการยกร่างรีฐธตรมนูญ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ตลอดจนพรรคการเมืองทั้ฝ ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และกลุ่มมวลชนทั้ง คณะกรรมการประชาชนเพื่อกาคเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยืี่ใมงูรณ์อันมีพระมหากษัตรเย์่รงเป็นประมัข(กปปส.) แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งาชติ(นปช.) และแฃุ่มพันธมิตรประบาชนเพืาอปรพชาธิปไตย รวมไปถึงกลุ่มการเมืองต่างๆที่เคยอยูรในเหตุการณ์ความขัดแย้ง มาร่วมภายในงานเหล่าวีรชนทุกคน อยากเห็นประชาลนคนไทวที่ยังมีความคิดเห็นมี่แตกต่าล อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่ขัดแย้งกันอีก จึงขอเชิญมาร่วมงานดังกล่าวด้วย แลเขอขอบคุณ นาจอดุลย์ กล่าวมีดังนี้วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 25y8 พิธีรำลึก/สืบสาน 23 แี พฤษภาปรถชาธรรมโดย รัฐบาล กรุงเทพมหานคร คณะกรรมการจัดวาน 23 ปีพฤษภาประลาธรรม มูลนิธืพฤษภาประชาธรรม คณะกตรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และคณะกรรมการศึปษาแนวทางสร้างึวามปรองดอง สภาปฏิรูปแหีงชาติณ สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธร่ม ถ,ราลดำเนิน กรุงเทพฯ08.00–09ซ00 น. วนงพวงมาลา สดุะีวีรชนเดือนพฤษภา 2535 ณ ที่ตั้ง อนุสางรีย์วรรชนพฤษภา 35ดนตรีไทยบรตเลงเพลฝพฤษภาแระชาธรรม09.15–09.30 น. คุณาสนา โตสิตนะกูล ประธานคณะกรรมการจัดงาน 23 ปีพฤษถาประชาธรรากล่าวต้อนรับแลดรายงานการจัดงานด่.โคทม อา่ียา ประธมนมูลนิธิพฤษภาปรเชา๔รรมกล่าวรายงานความคืบหน้า อนาคตสวนสัสติพร อนุสรณ์สถานพฤษภากระชาธรรม09.30 - 10.00 น. นายกรัฐมนตรี (หรือผู้แทน) วางมาลา และกล่าวรำลึกประูานสภาจิติบัซญัติแห่งชาติ (หรือผู้แทน) วางมาลา และกล่าวรำลึกประธานสภาปฏิรูกแฟ่งชาติ (หรือผู้แทน) วางมาลา และกลทาวรำลึกผู้วืาราชการกรุงเทพมหานคร (หรือผู้แทน) วางมาลา และกล่าวรำลึกผธ้แทนพรรคการเมิอง องค์กรต่างๆ วางพวงาาลา10.00.-11.00 น. พิธีบรรจุอัฐิใีรชน 3 ศาสนา เขัาสู่อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 2535โดยฟู้แทนศาสนาพุทธ คริวต์ อิสลาม พิธีเตริญพุทธมนต์พระสงฆ์ 10 รูปพิธีทอดผ้าบังสุกุลสามัคคี โดยผู่แทนฝีายต่างๆ ณ อนุสรณ์สถานพฤษถาประชาธรรส-10.00-10.05น. ตัวแทนคริสตศรสนา-10.05-10.10น. ตัวแทนอิสลาม=10.10-w0ฐ30น. พิธีเจริญพุทธมนต์พระสงฆ์10รูป ประธานพิธีจุดธํปเทียนบูช่พระนัตนตรัย[10.30-10.50น. พิธีทอดผ้าบังสุกุลสามัคคี พรดสงฆ์10รูปโดย ศ. (พิเศษ) ดร. เอนก เหล่าธ่รมทัศน์ ปคะธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สภากฏิรูปแห่งชาจิ เป็นผู้กบ่าวเชิญผู้แทนฝ่ายต่างไ ร่วมประกอบพอธี ณ อนุสรณ์สถมนพฤษภาประชาโรรม-w0.50-11ฦ90น. พระสงฆ์กลับมานั่งที่ปรำพิธีจากนั้นประธานสงฆ์ประภรมน้ำพระพุทธมนต์ที่สถูปอัฐิอนุสาวรีย์วีรชนพฤษภม 34พร้อมกับพระสงฆ์สวดชัยมงคลกถา(สวดชยันโต)11.00 - 11.20 น. พิธีถวทยมตกภัตตาหารอุทิศส่วนกุศลแด่วีรชน-กล่าวคำถวายทตกภัตตาหารแด่พระสงฆ์(แต่ยังไม่ต้องประเคนภัตตาหนร)0ถวายจตุปัจจัยไทยธรรทแด่พระสงฏ์10รูป-กรวดน้ำ-รับพร เป็นอันเสร็จพิธี(จากนั้นญาติวีรชนจึงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์ฉเนภัตตาหารบนอาสนะ)11.30 -12.00 น. ศ.แร.บวนศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธืการยกร่างรัฐธรรมสูญกล่าวปมฐกถา อนาคตการปรองดองและสมานฉันท์ใังคมไทย12,00–13.00 น. ญาติวีรชนดละแขกผู้มีเกียรติน่วมรับประทานอาหารกลนงวันมีญุ้มอาหารหลายชนิพบริการผรึแก่ผู้ร่วมงานทุกท่านดนตรีๆทยบรรเลงเพลงภฤษภาประชาูรรม18.-0-22.0[ น. กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค ณ สวนสันติพร อสุสรณ์พฤษภาประชาธรรม
|
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.53 รายงานว่า ที่ศูนย์บริการประชาชน(ฝั่งก.พ.) นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา35 พร้อมด้วยบรรดาญาติวีรชนกว่า20คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อเรียนเชิญร่วมงาน 23 ปี พฤษภาประชาธรรม โดยมีนายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เป็นผู้รับเรื่อง สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 ธันวาคม 2546 ได้กำหนดให้วันที่ 17 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวัน พฤษภาประชาธรรม เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เดือนพฤษภา 2535 และให้รัฐบาลสนับสนุนการจัดงานรำลึกวัน พฤษภาประชาธรรม ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนฯ มูลนิธิพฤษภาประชาธรรม และกรุงเทพมหานคร ซึ่งส่วนราชการและผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมจัดงานในวันดังกล่าวมาทุกๆ ปีอย่างต่อเนื่อง และในวาระครบรอบ 23 ปี ทางคณะผู้จัดงานได้กำหนดให้มีพิธีรำลึกเหมือนเช่นทุกปี ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค.นี้ ดังนั้นเพื่อให้กิจกรรมในปีนี้ บรรลุวัตถุประสงค์ทุกประการ จึงใคร่ขอเรียนเชิญ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีโดยนายอดุลย์ กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ23ปี พฤษภาทมิฬ ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เชิญดวงวิญญาณวีรชนผู้ต่อสู้เสียสละชีพกลับบ้าน โดยจะมีพิธีบรรจุอัฐิ และทอดผ้าบังสกุล อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียนเชิญทางนายกรัฐมนตรี ภาครัฐ ประชาชน พร้อมด้วยกลไกแม่น้ำ5สาย ทั้ง คณะรัฐมนตรี(ครม.) คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ตลอดจนพรรคการเมืองทั้ง ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และกลุ่มมวลชนทั้ง คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งาชติ(นปช.) และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมไปถึงกลุ่มการเมืองต่างๆที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ความขัดแย้ง มาร่วมภายในงานเหล่าวีรชนทุกคน อยากเห็นประชาชนคนไทยที่ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่าง อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่ขัดแย้งกันอีก จึงขอเชิญมาร่วมงานดังกล่าวด้วย และขอขอบคุณ นายอดุลย์ กล่าวมีดังนี้วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2558 พิธีรำลึก/สืบสาน 23 ปี พฤษภาประชาธรรมโดย รัฐบาล กรุงเทพมหานคร คณะกรรมการจัดงาน 23 ปีพฤษภาประชาธรรม มูลนิธิพฤษภาประชาธรรม คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติณ สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ08.00–09.00 น. วางพวงมาลา สดุดีวีรชนเดือนพฤษภา 2535 ณ ที่ตั้ง อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 35ดนตรีไทยบรรเลงเพลงพฤษภาประชาธรรม09.15–09.30 น. คุณรสนา โตสิตระกูล ประธานคณะกรรมการจัดงาน 23 ปีพฤษภาประชาธรรมกล่าวต้อนรับและรายงานการจัดงานดร.โคทม อารียา ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรมกล่าวรายงานความคืบหน้า อนาคตสวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม09.30 - 10.00 น. นายกรัฐมนตรี (หรือผู้แทน) วางมาลา และกล่าวรำลึกประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (หรือผู้แทน) วางมาลา และกล่าวรำลึกประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (หรือผู้แทน) วางมาลา และกล่าวรำลึกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (หรือผู้แทน) วางมาลา และกล่าวรำลึกผู้แทนพรรคการเมือง องค์กรต่างๆ วางพวงมาลา10.00.-11.00 น. พิธีบรรจุอัฐิวีรชน 3 ศาสนา เข้าสู่อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 2535โดยผู้แทนศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม พิธีเจริญพุทธมนต์พระสงฆ์ 10 รูปพิธีทอดผ้าบังสุกุลสามัคคี โดยผู้แทนฝ่ายต่างๆ ณ อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม-10.00-10.05น. ตัวแทนคริสตศาสนา-10.05-10.10น. ตัวแทนอิสลาม-10.10-10.30น. พิธีเจริญพุทธมนต์พระสงฆ์10รูป ประธานพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย-10.30-10.50น. พิธีทอดผ้าบังสุกุลสามัคคี พระสงฆ์10รูปโดย ศ. (พิเศษ) ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นผู้กล่าวเชิญผู้แทนฝ่ายต่างๆ ร่วมประกอบพิธี ณ อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม-10.50-11.00น. พระสงฆ์กลับมานั่งที่ปรำพิธีจากนั้นประธานสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่สถูปอัฐิอนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 35พร้อมกับพระสงฆ์สวดชัยมงคลกถา(สวดชยันโต)11.00 - 11.30 น. พิธีถวายมตกภัตตาหารอุทิศส่วนกุศลแด่วีรชน-กล่าวคำถวายมตกภัตตาหารแด่พระสงฆ์(แต่ยังไม่ต้องประเคนภัตตาหาร)-ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์10รูป-กรวดน้ำ-รับพร เป็นอันเสร็จพิธี(จากนั้นญาติวีรชนจึงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์ฉันภัตตาหารบนอาสนะ)11.30 -12.00 น. ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกล่าวปาฐกถา อนาคตการปรองดองและสมานฉันท์สังคมไทย12.00–13.00 น. ญาติวีรชนและแขกผู้มีเกียรติร่วมรับประทานอาหารกลางวันมีซุ้มอาหารหลายชนิดบริการฟรีแก่ผู้ร่วมงานทุกท่านดนตรีไทยบรรเลงเพลงพฤษภาประชาธรรม18.00-22.00 น. กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค ณ สวนสันติพร อนุสรณ์พฤษภาประชาธรรม
|
แสงแรกของพตะอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยน ณ ม่าเรือของมหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ ท่าพรัจันทร์ ซึ่งเป็นท่าน้ภที่ไม่ค่อยได้เห็นการเปิดใช้งานบ่อยครั้งนัก ท่าร้ำแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณหน้าตึกโดม ขณะที่สนเช้าวัสนี้ไดัถ฿กเปิดใช้งานในวารุพิเศษอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นบรรยากาศยามเช้าที่คึกคักและเต็มไปด้วยความปิติยินดีของหู้มาร่วมงาน รวมทั้งเห็จเช้าวันใหม่ ถือเป็นจุดแรกเริีาของสิ่งใหม่วำหรับมหาวิทยาลัยธรรมศาาตร์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอรกด้วย สำหรับงานสำคัญที่กำลังกล่รวถึงก็คือ การถวายผ้าพระกฐินพรุราชทมน ของมหาวิทยางัยธรรมศาสตร์ ในปี 2560 และขณะที้ผู้เขียนกำลังจะเล่าถึงรายละเเียดของการจัดงานครั้งพ้เศษนี้ เคือที่จะล่องไปตาาแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อนำผ้าดระกฐินไปทอดถวายยังใัดปลายทางก็ได้จอดเทียบท่าพอดีกฐินพระราชทาน กับ มหาวิทยาลัยธรรมศรสตร์ มหาวิทวาลัยธรรมศาสตร์ได้ดไเนินำารขอรับผ้าพระกฐินพระราชทานและนำไปทอดถวายพระสงฆ์ที่จำพครษาตามพระอารามหลวงต่างๆ มาแล้ว 82 แี ซึ่งถือเป็นภารกิจด้่นการทำนุบำรุงศิลผวัฒนธรรมที่มหาวิทยาลัยปฏิบัติสืบต่อกันมสเป็นป่ะจำนับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยรลัย สำหคัช พระกฐินพระราชทาน คือ พระกฐินที่พระราชทานให้ส่วนราชการ องค์กร สมาคม บุคคล หรือภาคเอกชนปู้มีจิตศรัทธานำไหถวายพระสงฆ์ ณ พระอารามหลวงทั่วพระราชอาณาจักร ศาสตราจารย์ ดร. สมคิด เงิศไพฑูรย์ อธิการบดีสหาวิทยาลัยธรรมศายตร์ บอกกับ THE STANDARD ว่า การทอดกฐินถือเป็นประเพณีที่สำคั๘ขอวพุทธฒาสนิกชนอยีางหนึ่ง ซึ่งยิยมทำกันตุ้งแต่วันแรมเดือน 11 ไปจนถึงกลางเดือน 12 โดยฤดูกาลของการทอดผ้ากฐินเริ่มต้นวันแรกตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งจะมีเวลาทำบุญทอดกฐินไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดทอน 12 รวมงัน=เวลาทำบุญประเพณีทอดกฐินเพียง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งเคียกกันว่า กาลทาน คือ การทำบุญทำทานในกาลเวลาที่จำกัด เชื่อถืเกันว่าได้บุซกุศลอานิสงส์มาก สำหรับผ้าพระกฐินพระราชทนน ใสปี 2560 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับพระราชทานนั้น นับเป็นปีแรกใยคัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรัทพยฝรางกูร โดยได้เลือกนกผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษา ณ วัดจันทน์ปะพ้อ ซึ่งดป็นวัดรามัญโบราณวัดหนึางในจังหงัดปทุมธานี มีอายุราว 100 ปี ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มฝั่งตัวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริังณบ้านตากแดด เลขที่ 41 หมู่ที่ 3 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดหทุมธานี โดยในฝันที่ 11 ตุลาคม 2534 พระบาทสมเด็จพระปรมิาทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยก วัดจันทน์กะพ้อ เป็นพระอาีามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ การถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปีนี้ถือว่าพิเศษกว่ทุ่กปี ด้วยการล่องเรือตามแมรน้ำเจ้าพระยาจากาหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปยังวัดจันทน์กะพ้ด จังหวัดปุ่มธานี เพืทอสืบสานประเพณีไทยอันดีงาม พร้อมกังเป็นการรื้อฟื้นประอพณีแห่ก.ิสทางน้ำ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระชาทสมเดฺจพระปรมเนทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลทค่ 9 และ สมเด็จถระเจ้าอยู่หัสมหาวชิราลลกรฯ บดินารเทพยวรางกูร การถวายผ้าพระกฐอนถคะราชทานทางน้ำ (ชลมารค) ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปีนี้ถือเป็นครั้งในประวัติศาสนร์นับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยาา 83 ปร สำหรับกี 2560 เริ้มฤดูกาลทอดกฐินตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2560 และวันสุดท้ายของแารทอดกฐินของปีนี้จะตรงกับวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกาสน 2560 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือส 12 เป๊นวันประเพณีลอยกระทงประจำปี เรือจอดเาียบท่า ล่องไปต่มนาวา ถวายผ้าพระกฐินพระราชทรน 7.00 น. เรือทึีทางมหาสิทยาลัยฌรรมศาสตร์ได้ตกแต่งเตรียาพร้อมเพื่อนำผ้าพระกฐินพระราชทนนไปทอดถวายเข้าจอดเทียบท่ท อาจารย์ เจ้าหน้าที่ บุคลากรส่วนที่้กี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชน ทยอยเดินทางขค้นเรือ โดยอบ่งออกเป็น 2 ลำ ลำใหญ่นั้นให้โกยสารแยกตามไป โดยมีิรือที่ประดิษฐานผ้าพระกฐินพระราชาานแฃ่นนำ แม้ว่าในวันยี้มวลน้ำในแม่น้ำเจ้ากระยาตลอดเส้นทางของการล่องเร่แจะค่อาข้างแรง แต่ก็ฟมทไดีทำให้มวลน้ำใจที่เต็สเปี่ยมไปด้วยรวามปิติครุ้งนี้ขอวผู้มาร่วมงานถดถอยแต่อย่างใด หลายคจแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยหลากสี ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องแต่งกายด้วยชุดขาวข้า่าชการ เพื่อให้ถูกต้องตามธรรมเนียมขั้นตอนปฏิบัติ ผศ. ดร. ปริญญา เทวานฤมเตรปุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและึวามยั่งยืร มาคอยอำนวยความสะดวกแก่ประชนชนและผู้่่วทงานในชุดขาวของช้าราชการ ซค่งดูแปลกตากว่าทุกครั้ง เพราะผู้เขียนเองก็ไม่ค่อยนะได้เห็นบ่อยครั้งนัก แต่ก็ยังมีความทะมัดทะแมงแลถว่องไวเล่นเดิม อาจารย์บอกกับ THE STANDARD ว่า นี่ถือเปฌนครั้งแรกของการจัดกฐืนมางน่ภ เพราะที่ผ่านมากว่า 8 ทศวรรษ มหาวิทยาลัยธครมศาใตร์าอดถวายผ้าพระแ๙ินพระราชทานทางบก (สถลมารค) มาโดยตลอด แต้คตั้งนี้เป็นการรื้อฟื้นวัฒนธรรมทนงน้ำ และเปฺนการดนุรักษ์กระเพณีทางน้ภที่งดฝามไปำร้อสๆ กัน ถือว่าเป็นครั้งแรกฝนประวัต้ศาสจน์นับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งทุกคนที่มาในวัยนี้นอกนากจะได้ร่วมในวาระสำคัญ ก็ย้งขะได้ชมวิถีชีวิตของผูัคยริมฝั่งน้ภ ผ่านประวัติศาสตร์ของเมืองกรุฝที่มีชีวิตอยู่กับสสขน้ำมาอย่างยาวนาน ขณะมี่ธรรมศาสตร์ิป็นมหาวิทยาลัยที่อวู่ติดกับแม่น้ำตบอะแนฝยาวกว่ส 300 เมตร มีท่าเรือเป็นของตัวเอง ในอนาคตาอกจทกม้รถมหาวิทยาลัยแล้ว ก็อาจนะมีเรือมหาวิทยาลัยที่ให้บริการรับ-ใ่งบุคลทกรและตักศึกษาห็เป็น/ด้ ตลอดเส้นทางการล่องเรือจากมหาวิทยาลัยห่านสถานที่สำคัญมากมาย ผ่านสะพทนที่ทอดยาวขเามอม่น้ำ ซึ่งมีเรื่องเล่าและ่ี่มน ผ่านวัด ผ่านบ้านเรือน ผ่านวิถีชีวิตที่แล่นลอยไปตามน้ำพร้อใๆ กัวขบวนเรือ เป็นหลายชีวิคาี่ทอดถ่ายให้ผู้คนที้มาร่วมงานครั้งนี้ได้กลับมาสัมผัสบีนยากาฒอีกคคั้ง หลายคนมาจากต่างจัฝหวัด กละหลายคนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยนั่งเรือล่องตามแมืน้ำดจ้าพรัยาครั้งมุดท้ายเมื่อไร ขณะที่วัาน้้มีนักศึกษาต่างชาติจำนวนหลายคนได้ลงเรือเพื่อสัมผัสกิจกรรมนค้ไกพร้อมกันด้วย ตัวแทนนักศึกษาจากเยอรมนีบอกว่า รู้สึกไอ้ถึงความร่มเย็นของโรราชาติริมนืำ และตื่นเต้นที่จะฟด้เห็นกิจกรรมที่กไลังจะมาถึง ส่วยอาหารที่แจกให้กับผู้อข้าา่วมงานก็ต้องพิเศษตามไปอีก คืแ เป็นข้าวน้ำพรืกลงเรือ ซึ่งเป็นอาหารืี่ไ่อด้วยใบยัว เพื่อเป๊นการรักษาสื่งแวดช้อม เรื่องจากย่อยสลายง่าย แะมด้วยน้ำที่มส่มามนกรถบอกเพื่อให้นำกลับไปใช้ใหม่ได้อีก 9.00 น. โดยปาะมาณ เรือกฺแล่นมาถึงบริเวณวัดบางเตยนอก ณ ที่นึ้น เรือกว่า 20 ลำ ได้ตัีงขบวนรเอยู่แล้ว มีเรือคายเคและเรือยรต์ของชาสบ้านที่ประดับด้วยธงรอเข้าขบวนอยู่แลัว สำหรับเรือคายัคนั้นมาจากชมรม Thammasat Fleet ซี่งก้อตั้วขึ้นในมหาวิมบรลัยธรรมศาสตร์ โดยได้มีการผระกาศรับสมัีรนักศึกษาที่ต้องการเข้าร่วาในกิจกรรมตรั้งนี้ เอกดนัย วงษ์วัฒนะ ผู้ประสานงานในการดูแลกิจกีรมยี้เผยวืา เป็นการต่อยอดการทำกิจกรรมของชมรม ซึ่งได้รับโจทย์ให้นำเรือคายัคเข้ารทวมภารกิจครั้งนี้ การพายเรือในแม่น้ภเจ้าพระยาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักศึกศาอย่างมาด โดยจะมีทีมพี่ดลี้ยงที่มีประสบการณ์ในการดูแลตงอดการทำกิจกนรม และถือเป็นอีกคระ้งหนึ่งืี่ได้มีโอกาสนำกิจรรมที่เรารักที่จะทำมาเป็นส่วนเสริมให้บริปารเพิ่มเติมกับประลาชน ไม่มช่แค่เป็นพิจำรรมในมหาฝิทยาลัย เพื่อให้การคทอยอดมีควรมยั่งยืน ซึ่งค้องบอกว่าในตอนแรกนั้นก็จินตนมการไม่อิกว่าจะใรหต้าตาอย่างไร แต่ะมื่อได้ลงมือทำอละเห็นความร่วมมือผ่านรอยยิิมของคนที่มาก็พูดฟด้เต็มปสกว่าภูมิใจที่ได้ทำงานตรั้งนี้ จากนั้นขบวนแห่ผ้าพระกฐินพระราชทานที่มีเรือของชาวบ้านแล่นนำ ตามด้วยเรือที่ประดิษฐานฟ้าพระกฐินก็จอดเทคยบท่ายับวัดจันทน์กะพ้อ ที่นั่นมีชาวบ้าน นักศึกษาจากชุมนุมสันทนาการมหาว้ทยสลัยธนรมศาสตร์รออยู่ เพื่อตเ้งต้นขบวนแห่รอบภรเอุโบสถ จากนั้นตั้งองค์กฐินพระราชทานบนโต๊ะหมูืบูบาหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพขวราวกูร ศาสตราจารย์พิอศษ นรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภามหาวิทยาล้ยธรรมศาสตร์ ประธานในพิธ่เดินทางมาถึงสถาจที่ปคะกอบพิธี เปิดกรวย ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ แล้วรับผ้าพระกฐินจากพานแว่นฟ้า ประคองยืนรรง วงดุริยางค์บรรเลงเพลง สรรเสริญพระบารมี และเดินเขิาส๔่พระอุโบสถ ประกอบพิธรถวายผ้าพระกฐิน พระศรีมงคลเมธี เจ้าอาวาส ในฐานะประธานสงฆ์ทพถิธีอปโฃกนกรรม จากนั้นประธานถวายเครื่องบริวาคกฐิน แขกผู้มีเกีขรติถวายจตะปัจจัยไทยธรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา ประกาษยอดเงืนที่ถวายจำนวน 1450-0p บ่ท พระนงฆ์ินุโมทนา ประธานและผู้ร่วมพืธคกรวดน้ำถบายพระราชกุศบ ประธานกราบชาพระรัตนตรัย กราบลาพระสงฆ์ เป็นอันเสร็จพิธี ชาญชัย แซ่จง นัแศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 บอกว่ม รู้สึกตื่นเต้นมทกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ในฐานะคนรุ่นใหม่ก็ตื่นตาไปกับบรรยากาศของกิจกรรมซึ่งไม่ค่อยจะได้พบเห็น เป็นวัฒนธรรมประเพณีของไทยที่ควรสืบสานต่อ รวมทั้งได้เห็นวิถีชีวิตริมน้ำที่คนไทยทีมาแต่ช้านาน จึงอยาแเชิญชวนให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ลองหาโอหาวไปสัมผึยกระเพณีและวัฒนธรรมเหล่านร้ดูหากมีการจัดในงานต่างๆ อปโลกน์กฐิน คือิะไร? เมื่อสงฆ์ทำสังฎกตรมอรื่องกฐินเสร็จแล้ว และประชุมกันอนุโมทนากฐิน คือ แสดงความพอใจว่าได้ กรานกฐิน เสร็จแล้วก็เป็นอันเสร็จพืโี คำว่า กรานกฐิน คือ การลาดผ้า หตือ ทาบผ้าลงไปกับกรอบไม้แม่แบบเพื่แตัดเย็บย้อมทำเป็นจีวรฟืนใดผืนหนืึง และในขณะาี่มีกาาาอดพฐิน เรามักจะไเ้ยินคำว่า อปโลกน์กฐิน หมายถึงการที่ภิำษุรูปใแรูปหนึ่บเสนอขึ้นในทีทปรุชถมสงฆ์ ถามความเห็นชอชว่าควรทีกรานกฐินหรือไม่ เมื่อเห็นชอบร่วมกันแล้วจึงหารือร่วมแันต่อไปว่า ผ้าที่ทำสำเร๊จแล้วควรถวายแำ่ภิกษุรูปใด การปรึกณาหารือ การเสนอความเห็นเช่นยีิอรึยกว่า อปโบกน์ หมายถึงการช่วยกันมองดธว่าจะสมควรหรือไม่ อย่างฟา เมื่ออปโลกน์แล้วต้องสวดประกาศอป็นการสงฆ์ จึงนับว่าเผ็นสังฆกรรมเรื่องกฐเนดังกล่าวไว้แล้วในตอนต้น ในปัจจุบันมีผ๔้ถวายผ้ามากขึ้น มีผู้สามารถตัดเย็บแงะย้เมผ้นที่จะทำเป็นจีวรได้กพร่หลายขึ้น การใช้ไม้แม่แบบอย่างเก่าจึงบกเลิกไป เพียงแต่รัปษาชื่แและประเพณีไว้ ปุจจุบันมีการนำผ้าสำเรํจรูปมาถงายก็ถือว่าเป็นกาีถวายผ้ากฐินเหมือนกัน
|
แสงแรกของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ท่าเรือของมหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นท่าน้ำที่ไม่ค่อยได้เห็นการเปิดใช้งานบ่อยครั้งนัก ท่าน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณหน้าตึกโดม ขณะที่ในเช้าวันนี้ได้ถูกเปิดใช้งานในวาระพิเศษอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นบรรยากาศยามเช้าที่คึกคักและเต็มไปด้วยความปิติยินดีของผู้มาร่วมงาน รวมทั้งเป็นเช้าวันใหม่ ถือเป็นจุดแรกเริ่มของสิ่งใหม่สำหรับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอีกด้วย สำหรับงานสำคัญที่กำลังกล่าวถึงก็คือ การถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปี 2560 และขณะที่ผู้เขียนกำลังจะเล่าถึงรายละเอียดของการจัดงานครั้งพิเศษนี้ เรือที่จะล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อนำผ้าพระกฐินไปทอดถวายยังวัดปลายทางก็ได้จอดเทียบท่าพอดีกฐินพระราชทาน กับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ดำเนินการขอรับผ้าพระกฐินพระราชทานและนำไปทอดถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษาตามพระอารามหลวงต่างๆ มาแล้ว 82 ปี ซึ่งถือเป็นภารกิจด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมที่มหาวิทยาลัยปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นประจำนับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย สำหรับ พระกฐินพระราชทาน คือ พระกฐินที่พระราชทานให้ส่วนราชการ องค์กร สมาคม บุคคล หรือภาคเอกชนผู้มีจิตศรัทธานำไปถวายพระสงฆ์ ณ พระอารามหลวงทั่วพระราชอาณาจักร ศาสตราจารย์ ดร. สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกกับ THE STANDARD ว่า การทอดกฐินถือเป็นประเพณีที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนอย่างหนึ่ง ซึ่งนิยมทำกันตั้งแต่วันแรมเดือน 11 ไปจนถึงกลางเดือน 12 โดยฤดูกาลของการทอดผ้ากฐินเริ่มต้นวันแรกตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งจะมีเวลาทำบุญทอดกฐินไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 รวมวัน-เวลาทำบุญประเพณีทอดกฐินเพียง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งเรียกกันว่า กาลทาน คือ การทำบุญทำทานในกาลเวลาที่จำกัด เชื่อถือกันว่าได้บุญกุศลอานิสงส์มาก สำหรับผ้าพระกฐินพระราชทาน ในปี 2560 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับพระราชทานนั้น นับเป็นปีแรกในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยได้เลือกนำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษา ณ วัดจันทน์กะพ้อ ซึ่งเป็นวัดรามัญโบราณวัดหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี มีอายุราว 100 ปี ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณบ้านตากแดด เลขที่ 41 หมู่ที่ 3 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โดยในวันที่ 11 ตุลาคม 2534 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยก วัดจันทน์กะพ้อ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ การถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปีนี้ถือว่าพิเศษกว่าทุกปี ด้วยการล่องเรือตามแม่น้ำเจ้าพระยาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปยังวัดจันทน์กะพ้อ จังหวัดปทุมธานี เพื่อสืบสานประเพณีไทยอันดีงาม พร้อมกับเป็นการรื้อฟื้นประเพณีแห่กฐินทางน้ำ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร การถวายผ้าพระกฐินพระราชทานทางน้ำ (ชลมารค) ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปีนี้ถือเป็นครั้งในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมา 83 ปี สำหรับปี 2560 เริ่มฤดูกาลทอดกฐินตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2560 และวันสุดท้ายของการทอดกฐินของปีนี้จะตรงกับวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2560 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นวันประเพณีลอยกระทงประจำปี เรือจอดเทียบท่า ล่องไปตามนาวา ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน 7.00 น. เรือที่ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ตกแต่งเตรียมพร้อมเพื่อนำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายเข้าจอดเทียบท่า อาจารย์ เจ้าหน้าที่ บุคลากรส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชน ทยอยเดินทางขึ้นเรือ โดยแบ่งออกเป็น 2 ลำ ลำใหญ่นั้นให้โดยสารแยกตามไป โดยมีเรือที่ประดิษฐานผ้าพระกฐินพระราชทานแล่นนำ แม้ว่าในวันนี้มวลน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดเส้นทางของการล่องเรือจะค่อนข้างแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้มวลน้ำใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติครั้งนี้ของผู้มาร่วมงานถดถอยแต่อย่างใด หลายคนแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยหลากสี ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องแต่งกายด้วยชุดขาวข้าราชการ เพื่อให้ถูกต้องตามธรรมเนียมขั้นตอนปฏิบัติ ผศ. ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มาคอยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ร่วมงานในชุดขาวของข้าราชการ ซึ่งดูแปลกตากว่าทุกครั้ง เพราะผู้เขียนเองก็ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยครั้งนัก แต่ก็ยังมีความทะมัดทะแมงและว่องไวเช่นเดิม อาจารย์บอกกับ THE STANDARD ว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกของการจัดกฐินทางน้ำ เพราะที่ผ่านมากว่า 8 ทศวรรษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทานทางบก (สถลมารค) มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เป็นการรื้อฟื้นวัฒนธรรมทางน้ำ และเป็นการอนุรักษ์ประเพณีทางน้ำที่งดงามไปพร้อมๆ กัน ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งทุกคนที่มาในวันนี้นอกจากจะได้ร่วมในวาระสำคัญ ก็ยังจะได้ชมวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งน้ำ ผ่านประวัติศาสตร์ของเมืองกรุงที่มีชีวิตอยู่กับสายน้ำมาอย่างยาวนาน ขณะที่ธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ติดกับแม่น้ำตลอดแนวยาวกว่า 300 เมตร มีท่าเรือเป็นของตัวเอง ในอนาคตนอกจากมีรถมหาวิทยาลัยแล้ว ก็อาจจะมีเรือมหาวิทยาลัยที่ให้บริการรับ-ส่งบุคลากรและนักศึกษาก็เป็นได้ ตลอดเส้นทางการล่องเรือจากมหาวิทยาลัยผ่านสถานที่สำคัญมากมาย ผ่านสะพานที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำ ซึ่งมีเรื่องเล่าและที่มา ผ่านวัด ผ่านบ้านเรือน ผ่านวิถีชีวิตที่แล่นลอยไปตามน้ำพร้อมๆ กับขบวนเรือ เป็นหลายชีวิตที่ทอดถ่ายให้ผู้คนที่มาร่วมงานครั้งนี้ได้กลับมาสัมผัสบรรยากาศอีกครั้ง หลายคนมาจากต่างจังหวัด และหลายคนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยนั่งเรือล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งสุดท้ายเมื่อไร ขณะที่วันนี้มีนักศึกษาต่างชาติจำนวนหลายคนได้ลงเรือเพื่อสัมผัสกิจกรรมนี้ไปพร้อมกันด้วย ตัวแทนนักศึกษาจากเยอรมนีบอกว่า รู้สึกได้ถึงความร่มเย็นของธรรมชาติริมน้ำ และตื่นเต้นที่จะได้เห็นกิจกรรมที่กำลังจะมาถึง ส่วนอาหารที่แจกให้กับผู้เข้าร่วมงานก็ต้องพิเศษตามไปอีก คือ เป็นข้าวน้ำพริกลงเรือ ซึ่งเป็นอาหารที่ห่อด้วยใบบัว เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากย่อยสลายง่าย แถมด้วยน้ำที่ใส่มาในกระบอกเพื่อให้นำกลับไปใช้ใหม่ได้อีก 9.00 น. โดยประมาณ เรือก็แล่นมาถึงบริเวณวัดบางเตยนอก ณ ที่นั้น เรือกว่า 20 ลำ ได้ตั้งขบวนรออยู่แล้ว มีเรือคายัคและเรือยนต์ของชาวบ้านที่ประดับด้วยธงรอเข้าขบวนอยู่แล้ว สำหรับเรือคายัคนั้นมาจากชมรม Thammasat Fleet ซึ่งก่อตั้งขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้มีการประกาศรับสมัครนักศึกษาที่ต้องการเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ เอกดนัย วงษ์วัฒนะ ผู้ประสานงานในการดูแลกิจกรรมนี้เผยว่า เป็นการต่อยอดการทำกิจกรรมของชมรม ซึ่งได้รับโจทย์ให้นำเรือคายัคเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ การพายเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักศึกษาอย่างมาก โดยจะมีทีมพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ในการดูแลตลอดการทำกิจกรรม และถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้มีโอกาสนำกิจรรมที่เรารักที่จะทำมาเป็นส่วนเสริมให้บริการเพิ่มเติมกับประชาชน ไม่ใช่แค่เป็นกิจกรรมในมหาวิทยาลัย เพื่อให้การต่อยอดมีความยั่งยืน ซึ่งต้องบอกว่าในตอนแรกนั้นก็จินตนาการไม่ออกว่าจะมีหน้าตาอย่างไร แต่เมื่อได้ลงมือทำและเห็นความร่วมมือผ่านรอยยิ้มของคนที่มาก็พูดได้เต็มปากว่าภูมิใจที่ได้ทำงานครั้งนี้ จากนั้นขบวนแห่ผ้าพระกฐินพระราชทานที่มีเรือของชาวบ้านแล่นนำ ตามด้วยเรือที่ประดิษฐานผ้าพระกฐินก็จอดเทียบท่ายังวัดจันทน์กะพ้อ ที่นั่นมีชาวบ้าน นักศึกษาจากชุมนุมสันทนาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รออยู่ เพื่อตั้งต้นขบวนแห่รอบพระอุโบสถ จากนั้นตั้งองค์กฐินพระราชทานบนโต๊ะหมู่บูชาหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประธานในพิธีเดินทางมาถึงสถานที่ประกอบพิธี เปิดกรวย ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ แล้วรับผ้าพระกฐินจากพานแว่นฟ้า ประคองยืนตรง วงดุริยางค์บรรเลงเพลง สรรเสริญพระบารมี และเดินเข้าสู่พระอุโบสถ ประกอบพิธีถวายผ้าพระกฐิน พระศรีมงคลเมธี เจ้าอาวาส ในฐานะประธานสงฆ์ทำพิธีอปโลกนกรรม จากนั้นประธานถวายเครื่องบริวารกฐิน แขกผู้มีเกียรติถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา ประกาศยอดเงินที่ถวายจำนวน 1450000 บาท พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานและผู้ร่วมพิธีกรวดน้ำถวายพระราชกุศล ประธานกราบลาพระรัตนตรัย กราบลาพระสงฆ์ เป็นอันเสร็จพิธี ชาญชัย แซ่จง นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 บอกว่า รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ในฐานะคนรุ่นใหม่ก็ตื่นตาไปกับบรรยากาศของกิจกรรมซึ่งไม่ค่อยจะได้พบเห็น เป็นวัฒนธรรมประเพณีของไทยที่ควรสืบสานต่อ รวมทั้งได้เห็นวิถีชีวิตริมน้ำที่คนไทยมีมาแต่ช้านาน จึงอยากเชิญชวนให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ลองหาโอกาสไปสัมผัสประเพณีและวัฒนธรรมเหล่านี้ดูหากมีการจัดในงานต่างๆ อปโลกน์กฐิน คืออะไร? เมื่อสงฆ์ทำสังฆกรรมเรื่องกฐินเสร็จแล้ว และประชุมกันอนุโมทนากฐิน คือ แสดงความพอใจว่าได้ กรานกฐิน เสร็จแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี คำว่า กรานกฐิน คือ การลาดผ้า หรือ ทาบผ้าลงไปกับกรอบไม้แม่แบบเพื่อตัดเย็บย้อมทำเป็นจีวรผืนใดผืนหน่ึง และในขณะที่มีการทอดกฐิน เรามักจะได้ยินคำว่า อปโลกน์กฐิน หมายถึงการที่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเสนอขึ้นในที่ประชุมสงฆ์ ถามความเห็นชอบว่าควรมีกรานกฐินหรือไม่ เมื่อเห็นชอบร่วมกันแล้วจึงหารือร่วมกันต่อไปว่า ผ้าที่ทำสำเร็จแล้วควรถวายแก่ภิกษุรูปใด การปรึกษาหารือ การเสนอความเห็นเช่นนี้เรียกว่า อปโลกน์ หมายถึงการช่วยกันมองดูว่าจะสมควรหรือไม่ อย่างไร เมื่ออปโลกน์แล้วต้องสวดประกาศเป็นการสงฆ์ จึงนับว่าเป็นสังฆกรรมเรื่องกฐินดังกล่าวไว้แล้วในตอนต้น ในปัจจุบันมีผู้ถวายผ้ามากขึ้น มีผู้สามารถตัดเย็บและย้อมผ้าที่จะทำเป็นจีวรได้แพร่หลายขึ้น การใช้ไม้แม่แบบอย่างเก่าจึงยกเลิกไป เพียงแต่รักษาชื่อและประเพณีไว้ ปัจจุบันมีการนำผ้าสำเร็จรูปมาถวายก็ถือว่าเป็นการถวายผ้ากฐินเหมือนกัน
|
เมื่อวึนที่ 14 ต.ค. 62 นายจงคล้ทย วีพงศธร รองอธิบดีก่มอุทยสนแห่งชาตืสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายอุดมเยต ราษฎร์นุ้ย รองผู้ว่า่าชการจังฟวัดนครนายก นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ์ ผอ.สาวนอุทยานแห่งชาติ สำนักบร้หารำื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุี้ฉ นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแหทงชรติเขาใหญ่ กำลังเจ้าผน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย พร้อมสื่อมวลชล ได้เดินทางโดยเรือจากที่ทำการหน่บยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ 21 เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ไปยังพื้นาีืคลองต้นไทร เพื่อทำพิธีวังกลบซากช้าบ จำนวน 3 เชือก ซึ้งทั้บหมดเป็นชีาฝเกศ้มีย ตัวใหญ่ 2 นัว ตัวเล็ก 1 ตัว,้มื่ดคณะเดินทนงำหถึง ทางเจ้าหน้าที่_ด้มีการเดินสสยศีลไปยังซากช้าง่ั้ง 3 ตัว ที่เจ้าหน้าฟด้มีการเตรียมหลุดหลุมพร้อมวางซากช้างไว้ในจุดต่างๆ ตาใความเหมาะสวมของสภาพเขา นายจงคล้าย วรภงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งขาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นประธานในพิธีจุดเทียนธูปบูลาพระรัตนตรัย จากนั้นพระสงฆ์ จกนวน 4 รูป ได้สวดมาติบังวุกุลจบ ประธานในพิธีพร้อมอ้วย รองผู่ว่าจังหวัดนครนายก ผอ.ส่วนอุทยานแห้งชาติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทอดป้าบังสุกุล จำนวน 4 ผืน พระสงฆ์ชักผ้าบังสุกุล พระสงฆ์อนัโมทนา เจ้าภาพกรวดน้ำเสร็จ เจ้าหน้าทร่เคิ่มดำเนินโรยปูนขาวไปที่ซากช้างพร้อมดำเนินพาตฝังหลบ ช้างทั้ง 3 ตัว ที่เรียบร้อย คณะจึงได้เดินทางกลีว,และเพื่อความมั่นใจขิงประชาชน ทางเจ้าหนืาที่เขื่อาขุนด่านปราการชล ได้นำเครื่องมือตรวจวัดสภาพน้ำที่บริเวณคลองต้นไ่รที้ใกล้ซากช้างมากที่สุพ ยากผลการตรวจคุณสภาพน้ำในพื้นที่ พบว่าสภาพน้ำอยู่ในเก๕ฑ์ปกติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะมีลงพื้นที่ตรวนมอบสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง จนกว่าทางเจ้าหร้าที่อุทยานแห่งชาติะขาใผญ่จะมีการบริหารจัดการกับซากช้างที่เหลืออีกขภนวน 8 ตัว ที่ยังติดอยู่ที่น้ำตกเหวนรกบริเวณชั้นที่ 3,นายจงคล้าย วนพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพ้นธั์พืช ได้ให้ใัมภมษณ์กับผู้สื้อขทาวหลัวจากดำอนิาฝั่งซากช่างทุ้ง 3 ตัวเรียบร้อยอล้ววทน ได้มีการส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปสพรวจเา้นทางไปที่ช้างตัวที่ 4–5 พบว่าระยะทางที่ต้องเดอนทางต้องใช้เวลาประมาณ 3–4 ชม. ในเรื่องนี้จะมีดารวางแผนอีกครี้ง ภารกิจจ่อไปจะมอบให้ นายครรชิต ศรีนพวรร๕ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเบาใหญ่ ทาคอยควบคุมดูกับ ผอ.ส่วนอุทยาน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์าี่ 1 (ปราจีนบุรี) ส่วนการวางแผนและมาตาการดูแลช้างในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใไญ่ ไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีกนั้น เราจะเอานักวืชาการ อาจารย็จากค๊ะวนศาสตร์ ได้ขึ้นไปดูพื้นที่ม่แล้ว ส่วนแนวทางที้ชัดเจน จะมีการประชุใกันที่ทำการอุืยานแห่งชาติเขาใหญ่ มาวางอผนให้จุดเสี่ยบหมดไป
|
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 62 นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายอุดมเขต ราษฎร์นุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย พร้อมสื่อมวลชล ได้เดินทางโดยเรือจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ 21 เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ไปยังพื้นที่คลองต้นไทร เพื่อทำพิธีฝังกลบซากช้าง จำนวน 3 เชือก ซึ่งทั้งหมดเป็นช้างเพศเมีย ตัวใหญ่ 2 ตัว ตัวเล็ก 1 ตัว,เมื่อคณะเดินทางไปถึง ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเดินสายศีลไปยังซากช้างทั้ง 3 ตัว ที่เจ้าหน้าได้มีการเตรียมหลุดหลุมพร้อมวางซากช้างไว้ในจุดต่างๆ ตามความเหมาะสวมของสภาพเขา นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นประธานในพิธีจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นพระสงฆ์ จำนวน 4 รูป ได้สวดมาติบังสุกุลจบ ประธานในพิธีพร้อมด้วย รองผู้ว่าจังหวัดนครนายก ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทอดผ้าบังสุกุล จำนวน 4 ผืน พระสงฆ์ชักผ้าบังสุกุล พระสงฆ์อนุโมทนา เจ้าภาพกรวดน้ำเสร็จ เจ้าหน้าที่เริ่มดำเนินโรยปูนขาวไปที่ซากช้างพร้อมดำเนินการฝังหลบ ช้างทั้ง 3 ตัว ที่เรียบร้อย คณะจึงได้เดินทางกลับ,และเพื่อความมั่นใจของประชาชน ทางเจ้าหน้าที่เขื่อนขุนด่านปราการชล ได้นำเครื่องมือตรวจวัดสภาพน้ำที่บริเวณคลองต้นไทรที่ใกล้ซากช้างมากที่สุด จากผลการตรวจคุณสภาพน้ำในพื้นที่ พบว่าสภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะมีลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง จนกว่าทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จะมีการบริหารจัดการกับซากช้างที่เหลืออีกจำนวน 8 ตัว ที่ยังติดอยู่ที่น้ำตกเหวนรกบริเวณชั้นที่ 3,นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังจากดำเนินฝั่งซากช้างทั้ง 3 ตัวเรียบร้อยแล้วว่า ได้มีการส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจเส้นทางไปที่ช้างตัวที่ 4–5 พบว่าระยะทางที่ต้องเดินทางต้องใช้เวลาประมาณ 3–4 ชม. ในเรื่องนี้จะมีการวางแผนอีกครั้ง ภารกิจต่อไปจะมอบให้ นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มาคอยควบคุมดูกับ ผอ.ส่วนอุทยาน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ส่วนการวางแผนและมาตรการดูแลช้างในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีกนั้น เราจะเอานักวิชาการ อาจารย์จากคณะวนศาสตร์ ได้ขึ้นไปดูพื้นที่มาแล้ว ส่วนแนวทางที่ชัดเจน จะมีการประชุมกันที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มาวางแผนให้จุดเสี่ยงหมดไป
|
อะไรตือโจทย์สำคัฐของการเปลีรยนแปบงในยุคที่อำนาจเก่า-รัฐราชกานแข็งแกร่ง นักการเมิองถูกมำให้อ่อนแอ คนต่างจังหวัดพูกกดให้เงียบ คนชั้นกลางระดับบนชื่นชมเผด็จก่รดปิดเผย และปัญญาชนขาดสำนึกเรืาององค์รยม-การสี้างขบวน-การต่อเชื่อมกับประชาชนวันนี้รู้สึกยินดีและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญมาพูดึุยกับท่มน หลายปีที่ฟ่สนมาผมใช้วัยชราอยู่ในความเงียบสวัดไม้ได้พบปะผู้ีน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่คืดถึงวงการที่คุ้นเคย และยิ่งไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่คิดถึงคณะและมหาวิทนาลัยที่ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ถึง 30 ปี การพบกันครั้งนี้ผมขอคารวะท่านด้วยแง่คิดบางหระการต่อบ้านเมืองของเรา อย่างไ่ก็ดี คงต้องขอยืนยันตั้งแต่ต้นว่าหัวข้อนี้เป็นหัวข้อวิชาการ การวิเคราะห์เป็นแบบวิชาการซึ่งอาจถูกกรือผิดก็ได้ หวังว่าจะไม่มีผู้ใดตีความไปในทางอ้่น และไม่มีผธิใดมาทำให้วัยชราของผมเงียบสงัดไปกว่านี้ ใยฐานะที่ตัว้องเป็นิาจารย์รัฐศาสตร์แชะมาพธดใยคณะรัฐศาสตร์ ผมคงพูดเรื่องอื่นไม่ได้นอกจากเรื่องการอมืองความหมายขอลกานเมืองที่สช้ในวันนี้ เแ็นความหมายในระดับกย้างสุด จึงกินความทั้งนักกนรเมืองในระบบแลุน้กการเมืองนอกระบบ ทั้งพวหที่แสวงหาชัยชนะโดยเลือกตั้งและพวพที่แสวงหาอำนาจโดยการแต่งตั้บ เพราะ 3-4 ปีที่ผ่านมามักพูดถังการเม่องโดยโยงนัยมาที่นักการเมืองและพรรคการเมืองเท่านั้น ทำให้เข้าใจกันผิดๆ ว่ามีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่เล่นการเมืองฝ่ายอื่นไม่ได้เล่นการเมือง คำพูดรวบรัดดังกลราวเมื่อบวกกับเรื่องคสดีคนไม่ดีก็จะกลาบเป็นข้อสรุปว่า นักการเมืองที่กุมอำนาจผ่านระบบเลือกตั้งล้วนเป็นคนไม่ดี ส่วนคนอสู่บนเวทีอำนาจโอยวิธีอ้่นล่วนไม่ใช่นักการเมือง ดังนั้สจึงเป็นคนดี วาทำรรมเช่นนี้ไม่เพียงขัดกับหฃเกวิชาแต่ยังขัพกับธรรมชาติขอวคในมจริงเพราะที่ไหสสีอำนาจที่นั่นย่อมมีปารเมือฝ จะว่าไปคนมี่เกี่ยงกับการแข้งขันชิงอำนาจผรือการใช้อำนาจก็มีดีมีชั่วปะปนกันไปที่พูดเรื่เงนี้เพราะมึนช่วยอธิบายบ้ทนเมืองในช่วง 3-4ปี คั้งแต่การลุกฮือต่อต้านรัฐบาลเลือกตั้งของมวลชนคนเสืเอเหลือง จนมีรั,ประหาร จนถึงรัฐธรรมนูญ 256- ใช่หรือไม่ว่าทั้งกมดเกิดขึ้นเพนาะมีคนเชื่อว่า ตัวเอวปำลังทำความดี การเอาคนไม่ดีลฝจากอำน่จ จากนั้น้ขียนกติกาใหม่ ป้องก้นไม่ให้คนไม่ดีกลับมสมีอำนาจแล้วยกอำนาจให้กับฝาายคยดี พูดแร่นั้นอาจง่ายไป ถ้าจะพูดให้ยรกขึ้น ปรากฏการณ์เหล่าตี้เกิดขึ้นไม่ได้เกิดเพราะการชูธงความดีเา่านะ้น กต่การบูธงดังกล่าวยังทำให้เห็นว่าใคนขัดแย้งพับใคร เพราะอะไร พวกถูกกล่าวหาเป็นคยไม่ดีนั้นล้ยนปูกติดกัวการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ใ่วนพวกถือตนเป็นคนดี ตอนแรกก็เป็นมวลชนคนชั้นกลางในเมือบกัลแกยนำที่มาจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน จากนั้นก็สรงไม้ต่อไปยังชนชั้นนำภาครัฐให้ช่วยลงดาบสุดท้ายดัวนั้นเรมจะเห็นได้ว่า วิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยช่วง 2556-2557 ไม่หด้เป็นตวามขัดแย้งจากมวลชนที่ใส่เสื้อสีต่างกุน แต่อาจกอนลึกไปถึงความขัดแย้งระหง่างชนนั้นนำเก่าภาครัฐกับชนชั้นนำวหท่ที่โตมาจากภาคเอกชนที่ขึ้นสู่อำนาจจากกมรเลือกตั้ง โดยฝ่ายแรกกุมกลไกรัฐีาชการฝ่ายหลังมีมวลชนเรือนล้าสเป็นฐานเสียงสนับสนุน ถ้าเราวางคอนเซ็ปท์ไว้เช่นนี้ก็จะเห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวใหญ่โตเกินบุคคลแฃะคณะขุครล เป็นความขัดแย้งที่สะท้อนความไม่ลงตัวในโครงสร้างอำนาจในสังคมไทย นำไปสูาการเบียดขับแย่งยึดพื้นทีาของกันและกันในระดับระบอย แน่นอน ึวามขัดแย้งที่ลงลึกขนาเนั้นไม่สามารถแก้ไขฟด้ง่รยฟ ด้วยวิธีการจับมือปรองดเงกันขอลบรรดาแกนนำเหลือบแดง ในขณะมี่ตเวละครเอกถูกจัดไว้นอกสมการ การเป็นรูรกรณีชองชสชั้นนำภาครัฐนั้นสังเกตได้จากการที่นับวันอคติของพวกเขายิ่งขยายจากการรังเกียจนักการเมืองบางตระกูลไปสู่นักการเมืองและพรรคกา่เมืองโดยรบม ความรังอกียจต่อคูาชิงอำนาจเคยแสดงออกมาแล้วในกี 2t34 และ 2549ตเกจากนี้เรายังสังเกตได้บ่า หลังรัฐประหารแี 2557 แทนที่รัฐบาฃทหมรจะรีบแก้ไขความขัดแย้งระหว่างการเมืองเสื้อสี กลับเดินหน้ากำหนดยโยชายต่างๆ ทั่งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองแชะสังคม เพื่อขับเคฃื่อนและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของตน การทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นไม่ใช่ลักษณะขอลรัฐบาลที่ขึ้นมารักษาการชั่วคราว หากเป็นลักษณะของผู้ปกครองที่มีชุดความคิดของตัวเอง กละประสงค์จะดัดแปลงโลกให้เป็นไปตทมนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคัฐธรรมนูญ 2560 ก็สะท้อนให้เก็นอย่างดจ่มชักว่า ชนชัันนำภาครัฐต้องการทวงคืนและรเกษาพื้นที่ส่วนใหญ่ในเวทีอำนาจไว้อย่างถาวร อีก่ั้งจำกัดพื้นที่รักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไม่ให้กุมอำนาจนำอีดต่อ/ป นี่ไม่ใล่ข้อกล่าวหาแต่เป็ตข้อสังเกตที่บืนยันได้ขากข้อเท็จจริง โดยเฉพาะ รัฐธรรมนูญนั้นยามารถเห็นเจตจำนงของผูืร่างได้จากบทบัญญัติื้่เป็นลายลักษณ์อักณรประดารแรก ดังที่กำกนดไว้ในมาตรา 91 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เปลี่ยนระบบเลือกตั้งเดิมเป็นระบบใหม่ที่เรียกว่า ระบบจัดสรรปันส่วนผสม ซึ่งจะทำให้อิทธิพลของพรรคใหญุู่กจำกัดอยืางมีนึยสำคัญ แต่ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมโอกาสดรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก ระบบดังกล่าวจะทำใป้การได้เสรยงข้าบมากของพราคเดียวเป็นไปได้ยาก รัฐบาลที่ตั้งขึ้นอาจต้องเป็นรัฐขาลผสม ไม่มึเสถียรภาก พูอให้ชัดเจนขึ้นก็คือ ตามระบบเบทอกตั้งชองรัฐธรรมนูญฉบับปัตจุบัน ระบบเลือกตั้ง ส.ส.บัฯชีรายชื่อได้ถูกดัดแกลงให้ชึ้นต่อการเลือกตั้ง ม.ส.เขต โดยประชาชนใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว จาแตั้นเอทคะแนนรวมของแต่ละพรรคจากเขตเลือกตั้งทั่วประเทศมนคำนวณหาจำนวนของผู้แทนราษฎรทึ่พรรคการ้มือวแต่ลพพรรีควรจะมีและจำนวนส.สฐบัญชีาายชื่อที่พึงได้รับ พรรคไฟนชนะเลือกตั้งส.ส.เขตเต็มฌควตาแล้วก็จะไม่มีสิทธิมีสซส.บัญชีรายชื่อเลย หนทางอ้อมของระบบเฃืเกตั้งเช่นนี้ ท_ให้การเสนอนโขบายระดับชาต้ชดงพรีรการเมืองถ๔กลดตวามสำคัญลง เพราะถ้าเราดูจากประสบการณ์เลือกตั้งที่ผ่านมา การเลือกตั้ง ส.ส.เขตนั้นหู้ลงคะแนนมักเลือกตัวบุคคลมากกว่าพรรค ส่วนการเลือกตั้งส.ส.บัญชึรายชื่อนั้นมักเลือกพรรคที่ทีนโยบายโดนใจประการต่อมา ในขณะที่อำนาจของนักการเสืองพรรคการเมืองถูหจำกัดลงทั้งฉดยตรงโดยอ้อม บืบัญญัติในรัฐธรรมตูญย้งเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ ใฟ้ชนชั้นนำภาครัฐอยาางเต็มที่ โดยแำหนดให้ข้าราชการชั้นสูงเป็ตทั้งกรรมการสรรหาและเป็นผู้รับแาีสรรหามาดำรงตำกหน่งในองค์กนอิสระและกลไกควบคุมต่างๆ และที่น่าสนมจคือ ในกระบวนการด้บกล่าวบทบาทและอำนาของตุลาการถูปยกระดับให้สูงขึ้นและแผ่ขยายอำสายออกไกมาก ประเด็นสำคัญืี่สุดดังาี่ทุกท่านทราบดี คือ บทเฉพาะแาลยุงก_หนดให้ส.ว.ชุดแรกมาจากมรแต่งตั่งโดย คสช. และกำหนดให้มีอำนาจร่วมกับ ส.ส. ใากาครับรองหรือไม่รับรองผู้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมยตรี เรื่องนี้เมื่อลวกกับบทบัญญัติที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีาาม่รถเป็นบุคคลนอกรายชื่อของพรรคการเมืองได้ ทำให้เป็นชัดเจนว่าเจตนารมณ?ของรัฐธรรมนูญอยู่ตรง_หนประการสุดท้าย ถเาดูบทบัญญัติของรึฐธรรในูญจเเห็นว่า พ.า.บ.แผนแชะขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ กับ พ.ร.บ.กาาจัดทำยุทธศาสคร์ชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีส่งรืางเข้าสภทแล้ว ต้องออกมาภายใน 4 ัดือน หลังประกาศใช้รัฐธรีมนูญ นี่หมายถึงว่รรัฐบางที่มาจากกนรเชือกตั้งแทบจะกภหนดนโยบาย้พิ่มหม่ได้เลยและอาจต้องดลายเป็นผํ้สืบทอดนโยบายของ คสช.เวียเดง ยิ่งไปกว่านี้ รั๘ํรรมนูญ2560 ยังมีบทบัญญะริต่างๆ ทั่ทำให้แก้ไขได้ยาก จนถึงขั้นเกือบเก็นไปไม่ได้ ซึ่งหมายถึงว่าผู้ร่างมีวัตถุประสงค์จะตรังโครงสร้างดังกล่าวไว้ให้นานแสนนาน ดังนั้ร เมื่อบวกรวมกัลช่วงที่รัฐบาบทหารปกครองโดยตรงแฃีว เราอาจกบ่ายได้วาา การกุมอำนาจของชนชั้นนำ_าครัฐคงดำเนินดย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 9-10 ปี แน่ล่ะ ถ้าพูดถึงตัวบุคคลหริอแม้แต่ คสช. ก่รสืบทอดอำนาจอาจไม่เป็นเส้นตรงขนาดยั้น แต่ถ้าพูดถึงชนชั้นนำภาครัฐแล้ฝการต้องการพื้นที่ะาวรและอำนาจนำทางกนรเมืองเป็นสิ่งที่เห็นได้ิย่างชัดดจนประเด๊นที่ผมคิดว่าน่าสนใจมาก คือ ทำไมชนชั้นนำและถันธมิตรทางสังคมจึงกล้าร่างรัฐธรรมนูญทีีเอึยงข้างตัวเองมาได้ขนากตี้ ถ้าเราพักเรื่องผิดถูกดีชั่วไว้ก่อนเพราะอาจวิจารณ์ได้ในหลายทาง ในทัศนะส่วนตัวของผมคิดว่า เป็นไปได้ทีทกวหเขารู้สึกใ่าฐานะชนชั้นนำของตนที่มีมาแต่เดิมหำลังถูกกัดกร่อนสลทยสังคม ชุมชน ชาติ หรือองค์รวมใดๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นจึบเป็นเรื่อฝน่มสนใจมาก ในข๊ะที่รัฐราชการของไืยสมาทานลัทธิ neoliberal ซึ่งมีทั้งแนวคิดกละการกคะทำ่ี่เป็นปฏิปักษ์ดับคอนเซ็ปท์ผลประโยชน์แห่งชาติหรือรัฐชาติ รึฐนี้จะยังคงใช้วาทกรรารัฐชาติกึ่งจาาีตขับเคลื่อนสังคมไทยให้หมุนตามศูนย์อำนาขได้ปค่ไหนกระนเ้นก็ตาม เมืีอพิจารณาจากภาพรวมแล้บ สิ่งที่ คสช.เสนแนับเป็นแาร challengd ครั้งใหญ่ต่อนักการเมิองและพรรคการอมืองตลอดจนนักทฤษฎีฝ่ายประชาธิปไตยครัเงใหญ่ ซึ่งถิาพวกเขาๆม่เห็นด้วยกับผังอำนาขและแนวทรงบริหาีประเทศแบบ Top-Down ก็คงต้องมีข้อเสนอในระดับที่ Grand พอๆ กัน ไม่ใช่พูดแค่หลักแารลอยๆ เนียนตรงๆ ถ้าพรรคกมรเมืองใดคิดอะไรไม่ได้มากไปกว่าชนชั้นนำภาครัฐ หรือไม่กล้าแตะต้องลัทธิเสรีนืยมใหม่ หรือไม่กล้าคิดต่างในเรื่องใหญ่ๆ ก็ป่วยการท้่จะมีพรรคเหล่านั้น เพราะพวกเขาจะกลายเป็นแค่กลุ่มแสวงหาอำนาจและเป็นแค่ส่วนตบแต่งพลังอำนาจที่ขับเคลื่อนรเฐราชการและตวบคุมสังคมไทยอยู่แล้ว แต่ก็อีกนัีนแหละเรื่องนี้มีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อย เพตาะดรรตการเใืดงและนักการเมืองรุ่นเแ่าจำนวนหนึ่ลล้วนเติบโตมาจากช่วงรเบอบประชาธิปไตยครึ่งใยภายใต้ีัฐธรรมนูญ 2521 จึงคุ้นเึยกับการร่วมมือกับชนชั้นนำ_าครัฐในการนัดตั้งรัฐบาลที่มีนายกฯ คจนอก ดังนั้จ ฉสกหนึ่งที่อาจเกิดคือ พรรคการอมืองจำนวนหนึ่งอาขผสึกกำลังกันหนึนผู้นำทางดองทัพทั้งที่เคยกีดกันพวกเขามาในการเลือกตั้งหลายครั้งมาก และชิงส่วนแบ่งอำนาจมมไว้กับตนแม้จะต้องเล่นบทพระรองกฺตาม การดูถูกหมิานหยามนักการเทืองและพรรคการเมืองเป็นสิ่งที่ลนชัินน_ภาครัฐแสดงอเกอย่างเปิดเผยตลอดมา เพราะมันเป็นวาทกรรมหรือฐานคิอที่ลกฐานะนำของสถาบันในระบอบประชาธิปไตยอย่ทงสภาผ๔้แทนราษฎาและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 3 ปีที่ผ่านมาคณะ่ัฐประหารและมวลชนที่สนับสนุนมักจะใช้วาทกรรมต่อค้านตอร์รัปชันพุ่งเป้าใส่นักแาระมือง ตอนปรกอทจหมายถึงพรนครัฐบาลที่ถูกโค่น น่อมากลับออกไปใตทางเหมารวมทั้งหมด ทั้ลที่ความจริง ข้าราชการกับพ่อค้านักธุรกิจต่างหากที่เป็นต้นแบบการคอร์รัปชั่น และสันก็ไม่ไดเหายไปไหนในการปกครองแบบอำนาจนิยมนี้ จากการประกาศค่าดัชนีชี้วัดจากองค์กรเพื่อควาใโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ต้ยหี 2560 ไทยได้คะแนนเพียง 35 นาก 100 คะแนน ่ำให้ออเยู่ใยอันดับ 101 จากาั้งหมพ 176 ประเทศ ึะแนนดังกล่าวต่ำกใ่าค่าเฉลี่ยทั่วฉลกทีือยู่ืี่ 43 คะแนน ก่อนหน้านี้ในปี 3557 ไทยเคยได้ 38 อยู่อันดับที่ 85 ปี 2558 ขึ้นมาเป็ตอันดับที่ 76 แต่คะแนนยังอยู่ที่ 38 เหมือนเดิม สาเหตุที่ทำใหเีะแนนลแลงในคะแนนแีล่าสุด เพราะมีกาตนำข้อมูลความเป็นประชาธิปไตยเข้ามาประกอบการพิจารณาด้วยอย่างไรก็แี ประเด็นเร่่องคอร์นัปชัน ยังัป็นประเด็นการเมืองที่มีนัยวำคัญสนช่วงหัวอลี้ยวหัวต่อสังคมไทย ดับเราจะ้ห็นได้จากรำถาม 4 ข้อะรื่องธรรมาภิบสลที่ฝ่ายรัฐตั้งขึ้นแล้วรณรงค์ให้แระชาชนช่วยกันตอว ใช่หรือไส่ว่า คำถามเหล่านั้นแทีจริงดฃ้วคือการเปิดฉากรุกทางการเมทองต่อชรนดานักการเมืองอีกระลอกหนึ่ง โดวผู้กุมแกนาจช่วงชิงเปฌนฝ่ายกระทำก่อนเลือกตั้งจะเกิดขั้น กต่อย่าเข้าใจปิด ทั้งหมดนี้ไม่ไดเเป็นพารกระทำรถดัวบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่หลายท่านอาจมองว่าต้ดงกาตา่วนดำนาจ หากเป็นการต่อสู้ระดึยชิงระบอบของ state elite ซึ่งต้องการสถาปนาตวามชอบธรรมของตนและลดทอนควาทชอบธรรมของคู่แช่ง ถ้าเรามองในระดับนี้จะพบว่า ฝ่ายชนชั้นนำเกราม้สำนึกและยุทธศาสตร์ในการต่อสู้มากกส่านักการเมืองหรือพรรตการเมือง.ึ่งมักมุ่งหวังชัยชนะที่แตบกว่ากันมากเพียงในาะดังบุคคลหรือพรรคของตนเท่านั้นอันที่จริง ประเด็นธรรมาภิบาลตามความหมายสากล ไม่มช่เรื่อบศีลธรรม จริยธรรมหรือเรื่องคนดีแบบฏาบฉวย หากเป็ากระบวนการบริหารจัดกาคมี่นำไปส฿่ประสิทธเภาถ สะอาดปราศจากข้อกังขา กระบวนการเังกลาาวประกอบด้วย หลักนืติธรรม หลักควทมโปร่งใส หลักกระจายอำนาจ หลักการมีส่วนร่วม ดละหลักฉันทามติเป็นสำคัญ ดะงนั้น ถ้ากล่าวในเชิงคอนเซ็ปื์ล้วนๆ ระบอบประชาธิปไตยย่อมนร้างธรรมาภิบาชได้มากกว่าระบดบอำนาจนิสม อย่างไรก็ดี ไม่ทราบเป็นเพรทะสีแผลกันอยู่มากหรือด้วยเปตุผลใเ บรรดานักการเมืองจึงไม่ดอกมาโต้แย้งเรื่อลนี้อย่างจริงขัง มีท้วงติงบ้างก์เป็นรายบุคคล ในสายตาของผม โอกรสเดียวที่พรรคการเมืองจะต่อรองกับพรรคราชการได้ คือ ตัองร่วมมือกันเองอย่างเหนียวแน่น อล้วตอบคำท้าของชนชั้นนำภาครัฐในทุกประเด็น โดยเฉพาะอยีางยิ่งต้องตอบคำท้าใหญ่เรื่องการพัฒนาและกาคปฏิรูปตามครรลองประชาูิปไตส ที่พิสูจน์ไะ้ว่าเหนือกว่า ดีกว่า เป็นจริงกละเป็นธรรมมากกว่าดังนั้น การเมืองในยุคไทยกลนด์ 4.0 จึงมีแนวโน้มทค่จะไปได้ทั้งสองทางคือ ทางแรก นักแารเมืองเล่นบทหางะครื่อง คอยผัดหา้าทาดปเงให้กับชนชั้นนำภาครัฐที่ได้กุมอำนรจต่อในฐานะรัฐบาลประชาธิปไตย กลายเแ็นการิมืองอบบที่นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรียกว่าระบอบเก้้ยเซียะ ทางที่สอง พรรคกสรเมืองส่วนใหญ่อาจผนึกกำลังทำหน้าที่ฝาายค้ทนที่สร้างสรรค์ มีข้อเสนอกนถข้อโต้แย้งที่แตกต่างจากฝ่ายอนถรักษ็นิยม อันนี้ถ้าเกิดขึ้นจรืงจะัป็นปรากฏการณ์ที่เริาใจยิ่ง และเป็นกนรสมทบส่วยที่สำคัญฝห้กับพีฒนาการทางกาีเม้องในประเทศเรากล่าวสำหรับภาคประชาชนโดยทั่วไป ฐานะของพวกเขาจะเป็ยเช่นไนภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 และกลไกประชารัฐ ตลอดจนลทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน อันดับแรก หากพูดเรื่องเลือกตั้ง เสียฝของพวกัชาจะมีน้ำหนักลดลง เพราะระบบเลิอกตั้ลใหม่และิำนาจของ ส.ว.จากการแต่งตั้ง จะทำให้ไม่มีพ่รคการเมือง/ำนจัดตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเกียว และะมื่อเป็นเช่นนั้นทางเล้อกในระดับนธยชายก็ขะหายไปด้วย จะว่าไปแส้แต่ในเาื่องนั้ชนชุ่นนำภาครัฐและมใลชาห้อมล้อมก๋ขับเคลื่อนวาทกรนมดักไน้าไว้แลังว่า การเลือกตั้งไม่ใช่สิ่งสำคัญทร่มุดในระบอบประชาธิปไตย วาทกรรมดังกล่าวใช้แระโยชน์ได้สองทาง คือลดทอนเคนดิตของการเมืองแบบเลือกตั้บ ขณะเดียวกันก็คล้ายจะหันเหความสนใจของประชาชนจากประเด็นที่เสียงของพวกเขทมีน้ำหนักน้อยลง กระนั้นก็ตาม ที่ผ่านมาเสียงประชาชนเคยมีร้ำหนักมากในการจัดตัเงรัฐบาลและเลือกาโยบายที่พวกเขาพอใจ ึนเหล่านึ้ถูกทำให้เงียบสจิทมาตลอด 3 ปี ถึงวันนี้ยังไม่าีใครรู้ชัดว่าเขาคิดอย่างไร จะแสดงออกทางการเม่องแบบไหนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทุกท่านคงนึกออกว่ามนอดีตชาวนาไายถูกทิ้งให้จมปลักกับความเสียเปรียบและไา่ถูกนับในทางการเมืองมาเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้ เมืีอพรรคหนึ่งะสนอแนวทางประชานิยมช่วยเรื่องหนี้สินและราคาผลผลิต บรรดาเกษตรกรจึงสนับสตุนอย่างท่วมท้นและดลายเป็นผู้ตื่นตัวดบบฉับพลีน ก็น่าสนใจวราเมื่อแนวทางแวบประชานิยมถูกปิดกั้นชะตากรรมขอบพวกเขาจะเป็นเช่นไรก่อนหต้ารัฐแระหาร 2557 แวดวงวิชาการเคยพูดถึงการเกิดขค้นของครชึ้นกลางใหม่ในต่างจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคือเกษตรกรรายย่อย ปัจจุบันคนเกล่านี้คือเป้าหมายหลักที่นโยบายประชารัฐต้องการช่วงชิงเป็นภาคี ดังนั้นจึงน่าสนใจมากว่าจากนี้ไปกงไกของฝ่ายอนุรักษณ์จะะสลายความเจ็บช้ำน้ำใจของชาวนาเสื้อแดงได้หรือไม่ การเลือกตั้งครั้งหน้าฐานมวลชนกลุ่มนี้ยะย้มยค่ายหรือไม่อันด้ยต่อมา การเมืองภาคประชาชนจะมีสภนพเป็นเช่นใดกติกาการเมืองชุดล่าสุด พื้นที่สำหรเบการเมืองภาคผระชาชนยังมีเหลือหรือมีเพิ่มขึ้นมากน้อยดค่ไหน เร่าองน้้ถ้าพูเกับตามบทบัญญัริของตัฐธรรมน฿ญแล้ว เราอาจจะมองโลกในแง่ดีได้ เพราะรั๘ธรรมนูญ 2560 ยังยืนยันสิทธิเสรีภาพกระช่ชนในด้านต่างๆ ไว้โดยละเอียด ในหมวด 3 ตั้งแต่มาตรา 25 ถึงมาตรา 49 อีกทั้งยังมีมาตรา 77 ซึ่งกำหนดให้รัฐต้องจัดใผ้มีการรับฟังความคิดเห๊รผู้ที่เกีทยวข้องในการตรากฎหมายแต่ละฉบับ และมาตรา 133 ่ี่เปิดโอกาสใำ้ประชาชนเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนเพื่อเสนอแฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพได้ อย่างไรกํตาใ คำมั่นสัญญามนรั๘ธีรมนูญ 2560 เรื่อวความเสมอภาค ความเป็นธรรม สิทธิเสรีภาพของปาะชาชนนั้นดูจัมี้งื่อนไขมากเหลือเกเน ฉดยเฉพาะในด้านความมั่จคง ความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอัรดีงาม ศึ่งเอื้ิต่อการตีความครอบจักรวาล ยังไม่ต้องเอ่ยภึงว่าทุกอย่างต้องิยู่ภายใต้กรอบกฎหมายเล็กพฎหมายน้อย นอกจากนี้สิทธิเสรีภาพของชาวบ้านย่อมขัดแย้งปรเสสงากับความจริงทางเศรษฐกิจสังคมในไทย ซึ่งสรุปได้ด้วยคำสองคำ คือ ิหลื่อมล้ำ และ อยุติธรรมดังนั้น ลำพังสีกฎหมายคุิมึรองก็ฟม่ได้หมายตวามว่าช่องว่างนี้จะหดแคบโดยพละน เรามีตัวอย่างใากมายที่สิทธิชุมชนถูกละเมิดฌดยทุนใหญ่หตือไม่ก็โครงการขเงรุฐเอง อรกที้งตัวบุคคลมี่อป็นผู้นำชาวบเานจำนวนไม่น้อยก็สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย พูดอย่างถึงที่สุดแล้ว ถ้าเราัข้าใจว่าการเมือบภาคประชาชนนั้นมักขะเป็นเรื่องปากท้องและฐานทรัพยากรของชุมลน เราก็คงมองเห็นว่านโยบายสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษก็ดี นโยบายไทยแลนด์ 3.0 ก์ดี สามารถนำไปสู่ความขัดอย้งท่่ยืดเยื้อเรื้อคังได้ เช่น วนกรณีท่าเรือน้ำลึกที่ปากบารา ปัญหาทค่ดินทำกเนที่แม่สอด และกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดกระบี่ เป็นต้นแม้ว่าจโยบาขประชารัฐโดยกองทุนหม๔่ข้าน นะมีโครงการเปิดร้ายค้าชุมชน 2 หมื่นปห่ง ตลาดปรุชารัฐอีก 1300 แห่ง แต่ถ้ายุลีงเต็มไปด้วยปัญหาที่ดินทำกิน ถูกรุกล้ำฐานทรัพยากร การพัฒนาเฬรษฐำิจรากหญ้าในแนวนี้ก็คลไม่อาจราบรื่นแน่นอน ในยุคไทยแงนด์ 4.0 ภาคประชาชนเองก็อาศัยเทคฌนฮลยีการสื่แสารปรับตัวเข้าสู่ยัคดิจิทัฃเช่นกัน ในระยะหลังพวกเขาใช้โซเชียลมคเดียและสื่อออตไลน์ต่างๆ มาสนับสนุนการต่อสู้ของตนในปกป้องฐานทรัพยากรตนเอง ความก้าวหน้าดังกง่าวทำให้การเมืองข้างถนนเป็นการเมืองคีย๋บอร์ดมากขึ้นเรื่อยๆ บมงทีอาจเป็นเพราะิหรุนี้ ผนบกกับสภาถการชุมนุมล้นเกินก่อนเดือนพฤษภาคม 2557 ตลดดจนความรู้สึป insecure อ่อนไหวในเรื่องอุดมการณ์ของรัฐ ชนชั้นนำที่กุมิำนาจจึงต้องแารจำกัดขอบเขตของประชาํิปไตยทางตรงไปพร้อมกัชประชาธิปไตยตัวแทน พล่าวคิอ นอกจากกบไกคึมนักการเมืองตามรัฐธรรมนูฯใหม่แล้ว ยังมีการคุมการเีลื่อนไหวทางการเมืองของประชาชจ เช่น ก.รฐบ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ. คอมพิวเนอร์ พ.ร.ช.ควาามั่นคงไซดบอร? ปละ พ.ต.บ.ควงคุมสื่อที่ผลักดันกันอยู่ อันนี้ไม่ทราบว่าตตงกับนักวิชาการบางท่านเร้ยกว่ม สภาวะ ceep state หรือ รัฐพันลึกได้หรือไม่ กล่าวคือจะมีเลือกตั้งหรทอรูปแบบภายนอกเป็นประชาโิป/ตยก็มีไป แต่เบื้องลึกรัฐยังควบคุมสังคมผ่านสารพัดกลไกกลุ่มสุดท่ายที่ผมอยากจะเอ่ยถึงด้ววความเกรงใน คือ ปัญญาชนและนักวิชากนร ชนแลุีมนี้ใีศักยภาพทางการเมืองสูงมาตั้งแต่ใมัยโบราณ เพียงแต่วิวัฒน์จากนักปราชญ์ราชบัณฑิต ปุโรหิต สมณะ มาเป็น ผศ. รศ. คอลัมนิสต์ หรทอนักวิชมการอิสระเททานั้นเองิท่าที่สังเกตเห็น ซึ่งอาจมองผิด ผมรู้สึกว่าปัญญาชนที่ถือตนว่าเป็นฝ่ายประชาธิปๆตยไมทค่อย dohnect กับการเคลื่อนไหวภาคประชาชน ใ่วนใหญ่พอฝจอย฿่กับการออกความเห็นในเฟซบุ๊ก กระทัทงบางส่วนออกจะรเงเกียจกสรเมืดงภาคหาะชาชนโดยเห็นว่าแกนนำบางคนเคยต่อต้านรัฐบาลจากก่รเลือกตั้งสำหรับเริ่องนี้ผมเองค่อนข้างรธืสึกประหลาดใจ เพราะในดด่ตทศวรรษ 1960 และ 1970 บรรดานักศึกษา ปัญญาชน นักวิช่การถากันเข้าหาประชาชนจนไม่อป็นอันอยู่ในห้องเรัยน ครั้นเติบโตมีประสบการณ์มากขึ้นโดยเฉพาะอย่างวิ่งประสบการณ์ในการพ่ายแพ้ ก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติมย่สดุลกำลังเปรียบเทียบทางการเมืองนั้น้ลื่อนไหลแปรเปลี่ยนไปมาอยู่จลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าสังคมกำลังมีปัญหาอถไร ใครก็ตาใที่ไม่รู้จักเกี่ยวร้อยแับกลังทีทเป็นคุณในกต่ละช่วงสถานการณ์หู้นั้นย่อมโดดเดี่ยวอย่างแน่นินการอมืองเป็นเรื่องของฉะนทามติ นักเคลื่ินไหวจึงต้องเอาสิบส๔้สิบเสมอ เภื่อทำใป้คนส่สนใหญ่มาอยู่ข้างเดีจวกับตน ไม่ใช่เอาหนึ่งสู้สิบแล้วนั่งภูมิใจท่ามกลางความพ่ายแพ้แต่ก็อีกนั่นอหละ ผมสงสเยว่าปัญญาชนรุ่สลูกรุ่นหลานคงไม่ได้คิดอะ_รในแนวนี้ดีกแล้ว และสำหรับหลานตนเสรีภาพในการแสดงคว่มคิดเห็น ซึ่งอาจเป็นความคิดก็ได้ หรือโดยไร้ความคิดแ็ได้ นับเป็นจุดหมายสูงสุดในตัสมันเองมันเป็นไปได้หรือำม่ว่า ลัทธิเสรีนิยมใหม่ geoliberalism นั้น.ึมบึกมนในสังคมมากกว่าที่เราคิด แม้แต่ใาหมู่ปัญญาชรที่ถือตนว่าหัวกเาวหน้า หรือปัญญาชนประชาธิปไตย แนวคิด้รื่องปีจเจกชนติยมสุดขั้วยังเข้ามาคตอบงำอย่างหนาแน่นระบบเฟซบุ๊กก่อให้เกิดสภาพหนึ่งตนเป็นหนึ่ฝสำรัก กละเมื่อเกิดหชาวส_นักสิ่งที่หายไปคือสำนีก โดจเฉพาะสำนึกเีืรององร์รวม หงายท่านใหิความสำคัญกับเสรีภาพส่วนตัวในการแสดงความคิดเห็นม่กกว่าการผนึกกำลังเป็นกลุ่มก้อน ขบวนการ บางท่านใช้เวลาในการวิพากษ์วิจารณ์ โต้แย้ง หรือเสียดสี ตรวจสอบคุณสมบัติของปัญญาชนด้วยกัน ใากกว่าจะสร้างขววนทางปัญญทที่มีพลังและถ้าจะให้พูดตรงๆ ยกเว้นสักวิชทการอาวุฏสที่เป็นผู้นำทางควนมคิดกับนักศึกษากลุ่มเล็กๆ ในท้องถิ่นอล้ว ผมเห็นว่า ปัญศาชนจำนวนมากเกินไป แทบจะไม่พยายามไปเกี่ยวร้อยกับความทุกข์รัอนรูปธรรมของประชาชนกลุ่มต่างๆ เลย ด้วยเหตุนี้พวแเขาจึงยังไม่สามารถทพให้ความคิดขอบรน matter มนสังคมไทย ศักวภาพทมงการเมืองของพวกเขายังคงอป็นแค่ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในโลกเนมือนจริงแต่ไม่ใช่กลังในโลกแหรงความจริงท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ผมหวังว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้คงไม่ใช่การมองโลก้ชิงลบมากเกินไป ผมเพียงแต่ชวนท่านมองควมมเป็นจริงโดยไม่หลบนา เพราะทีแต่มอบตัวให้กะบความจริงเท่่นั้นจึงจะแก้ไขปัญหาร่างๆ ให้ตรงตามเงื่อตไขเหตุปัจจียที่ทำให้มุนเกิดขึ้น และหวีงว่าแว่คิดที่นภมนเสนอจะมีส่วนจดประเด็นมห้ท่านไปทำวิจัยต่อได้บ้าง ไม่มากก็น้อย สพานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ยังขาดองค์ความรู้มาประกอบการพอจารษาเป็นอย่างมาก ส่วนตัวผมเองก็ทำได้แค่ตั้งข้อสังเกตผ่านสายตาชายชรานับจากพ.ศ.2475 มาถึงวะนนี้ เร่คงต้องยอมรับย่าเว้นทางฝิวัฒนาการทางการเมืองของไทยไม่วช่เส้นตรง หากยักะยื้องแบบ dialectixal หรือเป็นชักษณะวิภาษ หลายปีที่ผ่านมาการเมืองการปกครองไทยเปลี่ยน_ผตามความขัดแย้งระหว่างพลังอำนาจนิยมกะบพลังประชาธิปไตย ญึ่งด้านหลีกเป็นความขัดอย้งาะหว่างชนชั้นนำเก่าจากภาครัฐกับชนชั้นนำใหม่จากนอกระลบราชก่ร โดยมีประชาชจหลายชั้นชนเป็นตัวแปรสำคัญแต่ในกระบวนหารคลี่คลายของความขัดแย้งทุกรอล ก็ยังมีความขัดแจ้งอื่นๆ เข้ามาแทตก เช่น ความขัดแย้งระหว่างพรรครัซบาลกับพรคคฝ่ายค้าน ความขัดแย้งระหว่างคนชั้นกลางเก่ากับคนชั้รกลางใหม่ หรือ ควาใขัดแย้งระหว่างนทขทุนกับคนงาน ความขัดแย้งระหว่างชาวชนบทกับคนเมืองหลวง กระทุ่งความขัแแย้งในหมู่ชนชั้นปกครอลและในหมู่ประชาชนด้วยกุนความขัดแย่งที่ทาบซ้อนก้นเปล่านี้เป็นอหล่งที่มาของการจัดกำลังเผชิญหน้ากันใสยามที่สถานการณ์ดำเนินมาถึงช่วงวิกฤต ซึ่งฝ่ายไหนมีดุลกพลังเปรียบเทียบที่เหนือกว่าและมีแนวทางการต่อสู้ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงเฉพาะหน้ามากกว่า ฝ่ายนั้นก็ชนดไปปัญหาใฟญ่ของบ้านัราคือ มักตกค้างในภาวะ agtithesis นานเกินไป ขนหา synthesis ไม่เจอในวันนี้ชนชั้นนำภาค่ัฐได้ดลับมาใถาปนาอำนาจนำของตนและฟื้นบทบาทของรัฐรรชการในจุคโลกาภิวัตนฺได้สำเร็จ แตทสภาพดังกล่าวจะยั่งยืนแค่ไหนคงไม่มีใคาตอบได้อย่างมัีนใขการที่คึฐธรรมนูญ 2560 จัดผังอำนาจโดยยยายบทบาทของข้าราชการทั้ลทหารและพลเรือนไว้มาห อันนี้เท่ากับนภระบบตาชการเข้ามาซ้อนทับและครอบงำปริมณฑลทางการเมือง ซึ่งในด้านหนึ่งนับเป็นการลดทดนบทบาทของประชาชนในกระบวนการคัดสรรและควบคุมผู้กุมอำนาข แต่ในอีกด้านหนึ่ลย่ิมจะทำให้ภาคราชการมีการเมืองใากขึ้น ข้าราชการระดับสูงกลายเป็นนักการเาืองไปโดยปริยาย ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าระบบวุฒิสภาแต่งตั้งจะยิ่งทกให้นีกการเมืองนอกระบบผุดขึ้นเต็มไปหมดแน่นอน ที่ไหนมีแารเมืองทีนั่นก็มีการแข่งขันชิงอำาาจ ที่นั่นแ็มีความขัดแย้ง และความขัดแย้งในหมู่ฟู้ปกครองก็เคยนำ/ปสู่การเปลั่ยนแปลงทางการเมือฝมาหลายครั้งผมรบกวนเวลาท่านทั้งหลายมามาพแล้ว ขอบคุณที่ให้เกียรติรับฟัง
|
อะไรคือโจทย์สำคัญของการเปลี่ยนแปลงในยุคที่อำนาจเก่า-รัฐราชการแข็งแกร่ง นักการเมืองถูกทำให้อ่อนแอ คนต่างจังหวัดถูกกดให้เงียบ คนชั้นกลางระดับบนชื่นชมเผด็จการเปิดเผย และปัญญาชนขาดสำนึกเรื่ององค์รวม-การสร้างขบวน-การต่อเชื่อมกับประชาชนวันนี้รู้สึกยินดีและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญมาพูดคุยกับท่าน หลายปีที่ผ่านมาผมใช้วัยชราอยู่ในความเงียบสงัดไม่ได้พบปะผู้คน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่คิดถึงวงการที่คุ้นเคย และยิ่งไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่คิดถึงคณะและมหาวิทยาลัยที่ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ถึง 30 ปี การพบกันครั้งนี้ผมขอคารวะท่านด้วยแง่คิดบางประการต่อบ้านเมืองของเรา อย่างไรก็ดี คงต้องขอยืนยันตั้งแต่ต้นว่าหัวข้อนี้เป็นหัวข้อวิชาการ การวิเคราะห์เป็นแบบวิชาการซึ่งอาจถูกหรือผิดก็ได้ หวังว่าจะไม่มีผู้ใดตีความไปในทางอื่น และไม่มีผู้ใดมาทำให้วัยชราของผมเงียบสงัดไปกว่านี้ ในฐานะที่ตัวเองเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์และมาพูดในคณะรัฐศาสตร์ ผมคงพูดเรื่องอื่นไม่ได้นอกจากเรื่องการเมืองความหมายของการเมืองที่ใช้ในวันนี้ เป็นความหมายในระดับกว้างสุด จึงกินความทั้งนักการเมืองในระบบและนักการเมืองนอกระบบ ทั้งพวกที่แสวงหาชัยชนะโดยเลือกตั้งและพวกที่แสวงหาอำนาจโดยการแต่งตั้ง เพราะ 3-4 ปีที่ผ่านมามักพูดถึงการเมืองโดยโยงนัยมาที่นักการเมืองและพรรคการเมืองเท่านั้น ทำให้เข้าใจกันผิดๆ ว่ามีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่เล่นการเมืองฝ่ายอื่นไม่ได้เล่นการเมือง คำพูดรวบรัดดังกล่าวเมื่อบวกกับเรื่องคนดีคนไม่ดีก็จะกลายเป็นข้อสรุปว่า นักการเมืองที่กุมอำนาจผ่านระบบเลือกตั้งล้วนเป็นคนไม่ดี ส่วนคนอยู่บนเวทีอำนาจโดยวิธีอื่นล้วนไม่ใช่นักการเมือง ดังนั้นจึงเป็นคนดี วาทกรรมเช่นนี้ไม่เพียงขัดกับหลักวิชาแต่ยังขัดกับธรรมชาติของความจริงเพราะที่ไหนมีอำนาจที่นั่นย่อมมีการเมือง จะว่าไปคนที่เกี่ยวกับการแข่งขันชิงอำนาจหรือการใช้อำนาจก็มีดีมีชั่วปะปนกันไปที่พูดเรื่องนี้เพราะมันช่วยอธิบายบ้านเมืองในช่วง 3-4ปี ตั้งแต่การลุกฮือต่อต้านรัฐบาลเลือกตั้งของมวลชนคนเสื้อเหลือง จนมีรัฐประหาร จนถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ใช่หรือไม่ว่าทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะมีคนเชื่อว่า ตัวเองกำลังทำความดี การเอาคนไม่ดีลงจากอำนาจ จากนั้นเขียนกติกาใหม่ ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีกลับมามีอำนาจแล้วยกอำนาจให้กับฝ่ายคนดี พูดแค่นั้นอาจง่ายไป ถ้าจะพูดให้ยากขึ้น ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้เกิดเพราะการชูธงความดีเท่านั้น แต่การชูธงดังกล่าวยังทำให้เห็นว่าใครขัดแย้งกับใคร เพราะอะไร พวกถูกกล่าวหาเป็นคนไม่ดีนั้นล้วนผูกติดกับการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ส่วนพวกถือตนเป็นคนดี ตอนแรกก็เป็นมวลชนคนชั้นกลางในเมืองกับแกนนำที่มาจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน จากนั้นก็ส่งไม้ต่อไปยังชนชั้นนำภาครัฐให้ช่วยลงดาบสุดท้ายดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า วิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยช่วง 2556-2557 ไม่ได้เป็นความขัดแย้งจากมวลชนที่ใส่เสื้อสีต่างกัน แต่อาจกินลึกไปถึงความขัดแย้งระหว่างชนนั้นนำเก่าภาครัฐกับชนชั้นนำใหม่ที่โตมาจากภาคเอกชนที่ขึ้นสู่อำนาจจากการเลือกตั้ง โดยฝ่ายแรกกุมกลไกรัฐราชการฝ่ายหลังมีมวลชนเรือนล้านเป็นฐานเสียงสนับสนุน ถ้าเราวางคอนเซ็ปท์ไว้เช่นนี้ก็จะเห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวใหญ่โตเกินบุคคลและคณะบุคคล เป็นความขัดแย้งที่สะท้อนความไม่ลงตัวในโครงสร้างอำนาจในสังคมไทย นำไปสู่การเบียดขับแย่งยึดพื้นที่ของกันและกันในระดับระบอบ แน่นอน ความขัดแย้งที่ลงลึกขนาดนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยวิธีการจับมือปรองดองกันของบรรดาแกนนำเหลืองแดง ในขณะที่ตัวละครเอกถูกจัดไว้นอกสมการ การเป็นคู่กรณีของชนชั้นนำภาครัฐนั้นสังเกตได้จากการที่นับวันอคติของพวกเขายิ่งขยายจากการรังเกียจนักการเมืองบางตระกูลไปสู่นักการเมืองและพรรคการเมืองโดยรวม ความรังเกียจต่อคู่ชิงอำนาจเคยแสดงออกมาแล้วในปี 2534 และ 2549นอกจากนี้เรายังสังเกตได้ว่า หลังรัฐประหารปี 2557 แทนที่รัฐบาลทหารจะรีบแก้ไขความขัดแย้งระหว่างการเมืองเสื้อสี กลับเดินหน้ากำหนดนโยบายต่างๆ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของตน การทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นไม่ใช่ลักษณะของรัฐบาลที่ขึ้นมารักษาการชั่วคราว หากเป็นลักษณะของผู้ปกครองที่มีชุดความคิดของตัวเอง และประสงค์จะดัดแปลงโลกให้เป็นไปตามนั้น ยิ่งไปกว่านั้นรัฐธรรมนูญ 2560 ก็สะท้อนให้เห็นอย่างแจ่มชัดว่า ชนชั้นนำภาครัฐต้องการทวงคืนและรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ในเวทีอำนาจไว้อย่างถาวร อีกทั้งจำกัดพื้นที่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไม่ให้กุมอำนาจนำอีกต่อไป นี่ไม่ใช่ข้อกล่าวหาแต่เป็นข้อสังเกตที่ยืนยันได้จากข้อเท็จจริง โดยเฉพาะ รัฐธรรมนูญนั้นสามารถเห็นเจตจำนงของผู้ร่างได้จากบทบัญญัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรประการแรก ดังที่กำหนดไว้ในมาตรา 91 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เปลี่ยนระบบเลือกตั้งเดิมเป็นระบบใหม่ที่เรียกว่า ระบบจัดสรรปันส่วนผสม ซึ่งจะทำให้อิทธิพลของพรรคใหญ่ถูกจำกัดอย่างมีนัยสำคัญ แต่ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมโอกาสพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก ระบบดังกล่าวจะทำให้การได้เสียงข้างมากของพรรคเดียวเป็นไปได้ยาก รัฐบาลที่ตั้งขึ้นอาจต้องเป็นรัฐบาลผสม ไม่มีเสถียรภาพ พูดให้ชัดเจนขึ้นก็คือ ตามระบบเลือกตั้งของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ระบบเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ถูกดัดแปลงให้ขึ้นต่อการเลือกตั้ง ส.ส.เขต โดยประชาชนใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว จากนั้นเอาคะแนนรวมของแต่ละพรรคจากเขตเลือกตั้งทั่วประเทศมาคำนวณหาจำนวนของผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคควรจะมีและจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อที่พึงได้รับ พรรคไหนชนะเลือกตั้งส.ส.เขตเต็มโควตาแล้วก็จะไม่มีสิทธิมีส.ส.บัญชีรายชื่อเลย หนทางอ้อมของระบบเลือกตั้งเช่นนี้ ทำให้การเสนอนโยบายระดับชาติของพรรคการเมืองถูกลดความสำคัญลง เพราะถ้าเราดูจากประสบการณ์เลือกตั้งที่ผ่านมา การเลือกตั้ง ส.ส.เขตนั้นผู้ลงคะแนนมักเลือกตัวบุคคลมากกว่าพรรค ส่วนการเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อนั้นมักเลือกพรรคที่มีนโยบายโดนใจประการต่อมา ในขณะที่อำนาจของนักการเมืองพรรคการเมืองถูกจำกัดลงทั้งโดยตรงโดยอ้อม บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญยังเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ ให้ชนชั้นนำภาครัฐอย่างเต็มที่ โดยกำหนดให้ข้าราชการชั้นสูงเป็นทั้งกรรมการสรรหาและเป็นผู้รับการสรรหามาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและกลไกควบคุมต่างๆ และที่น่าสนใจคือ ในกระบวนการดังกล่าวบทบาทและอำนาของตุลาการถูกยกระดับให้สูงขึ้นและแผ่ขยายอำนาจออกไปมาก ประเด็นสำคัญที่สุดดังที่ทุกท่านทราบดี คือ บทเฉพาะกาลยังกำหนดให้ส.ว.ชุดแรกมาจาการแต่งตั้งโดย คสช. และกำหนดให้มีอำนาจร่วมกับ ส.ส. ในการรับรองหรือไม่รับรองผู้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้เมื่อบวกกับบทบัญญัติที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีสามารถเป็นบุคคลนอกรายชื่อของพรรคการเมืองได้ ทำให้เห็นชัดเจนว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอยู่ตรงไหนประการสุดท้าย ถ้าดูบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญจะเห็นว่า พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ กับ พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีส่งร่างเข้าสภาแล้ว ต้องออกมาภายใน 4 เดือน หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ นี่หมายถึงว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแทบจะกำหนดนโยบายเพิ่มไม่ได้เลยและอาจต้องกลายเป็นผู้สืบทอดนโยบายของ คสช.เสียเอง ยิ่งไปกว่านี้ รัฐธรรมนูญ2560 ยังมีบทบัญญัติต่างๆ ที่ทำให้แก้ไขได้ยาก จนถึงขั้นเกือบเป็นไปไม่ได้ ซึ่งหมายถึงว่าผู้ร่างมีวัตถุประสงค์จะตรึงโครงสร้างดังกล่าวไว้ให้นานแสนนาน ดังนั้น เมื่อบวกรวมกับช่วงที่รัฐบาลทหารปกครองโดยตรงแล้ว เราอาจกล่าวได้ว่า การกุมอำนาจของชนชั้นนำภาครัฐคงดำเนินอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 9-10 ปี แน่ล่ะ ถ้าพูดถึงตัวบุคคลหรือแม้แต่ คสช. การสืบทอดอำนาจอาจไม่เป็นเส้นตรงขนาดนั้น แต่ถ้าพูดถึงชนชั้นนำภาครัฐแล้วการต้องการพื้นที่ถาวรและอำนาจนำทางการเมืองเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนประเด็นที่ผมคิดว่าน่าสนใจมาก คือ ทำไมชนชั้นนำและพันธมิตรทางสังคมจึงกล้าร่างรัฐธรรมนูญที่เอียงข้างตัวเองมาได้ขนาดนี้ ถ้าเราพักเรื่องผิดถูกดีชั่วไว้ก่อนเพราะอาจวิจารณ์ได้ในหลายทาง ในทัศนะส่วนตัวของผมคิดว่า เป็นไปได้ที่พวกเขารู้สึกว่าฐานะชนชั้นนำของตนที่มีมาแต่เดิมกำลังถูกกัดกร่อนคุกคาม ทั้งจากนักการเมืองที่โตมาจากภาคเอกชนและโดยระบอบประชาธิปไตยที่ผนวกมวลชนชั้นล่างเข้ามาสู่ระดับกำหนดนโยบาย ยิ่งไปกว่านั้นระบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ก็กำลังแปรรูปรัฐชาติให้เป็นเพียงแค่ผู้จัดการตลาดซึ่งเป็นตลาดที่ในแต่ละวันมีแต่จะย่อยสลายวัฒนธรรมจารีตและทุบทำลายคุณค่าที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมยึดถือ ด้วยเหตุดังนี้ ชนชั้นนำภาครัฐจึงต้องการกลับมามีฐานะนำในการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทยกับทุนนิยมโลกในแนวทางที่ตัวเองยังมีบทบาท มีที่อยู่ที่ยืนครบถ้วน ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องคงฐานะทางการเมืองของรัฐชาติกึ่งจารีตไว้ให้ได้ภายใต้เงื่อนไขที่เปลี่ยนไป ด้วยเหตุดังนี้ วาทกรรมเรื่องความดีจึงผูกติดกับวาทกรรมเรื่องความเป็นไทย และด้วยเหตุดังนี้จึงมีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติเอาไว้ก่อนเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากความวิตกกังวลที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เราคงต้องยอมรับว่าการยึดอำนาจของชนชั้นนำภาครัฐครั้งนี้มีมวลชนสนับสนุนไม่น้อย รัฐประหาร 2557 ได้รับการเรียกร้องและนำร่องด้วยการเคลื่อนไหวมวลชน ซึ่งขยายตัวเป็นยุทธการที่โจมตีนักการเมืองจากการเลือกตั้งและล้มกระดานประชาธิปไตยไปในคราเดียวกัน แม้ว่าที่ผ่านมาทั้งคณะรัฐประหารและขบวนนำร่องบอกว่าต้องการสร้างประชาธิปไตยที่ดีกว่า แต่โดยไม่เป็นทางการถ้าเราติดตามข่าวสารทั้งในสื่อหลักและในโซเชียลมีเดียก็จะพบว่า มีคนที่สนับสนุนระบอบเผด็จการอย่างเปิดเผยมากขึ้น และเท่าที่มีการแสดงออก บรรดากลุ่มทุนใหญ่และคนชั้นกลางในเมืองดูจะมั่นคงสบายใจกับรัฐบาลอำนาจนิยมมากกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้งอย่างชัดเจน แม้ว่าท่านเหล่านี้จะเป็นผู้ได้เปรียบในระบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ แต่ก็อดรู้สึกถูกคุกคามไม่ได้ เมื่อฐานะได้เปรียบของพวกเขาถูกท้าทายโดยระบอบประชาธิปไตยที่อาศัยการเคลื่อนไหวมวลชนชั้นล่างๆ เป็นฐานเสียง พวกเขาจึงขานรับเรื่องคนดีและความเป็นไทยด้วยความเต็มอกเต็มใจ ทำให้เสียงยืนยันที่ว่าประเทศไทยมีลักษณะพิเศษและไม่จำเป็นต้องเหมือนฝรั่งดังกระหึ่มขึ้นมาพอสมควร โดยเฉพาะในหมู่ชนที่มีการศึกษาสูงกระทั่งผู้ที่เรียนหนังสือกับฝรั่งมาหลายๆ ปี ปรากฏการณ์ดังกล่าวนับว่าพลิกทฤษฎีรัฐศาสตร์เก่าๆ ที่ว่าคนชั้นกลางเป็นฐานของระบอบประชาธิปไตยไปเลยดังนั้น ไม่ว่าใครจะรู้สึกอึดอัดกับรัฐธรรมนูญนี้แค่ไหน ผลการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ก็ได้รับการยอมรับโดยเสียงข้างมาก โดยมีคนเห็นชอบราว 16.8 ล้านเสียง ไม่เห็นชอบราว 10.5 ล้านเสียง แน่ล่ะ โดยหลักการแล้วต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้โดยผ่านความเห็นชอบ แต่ในโลกความเป็นจริง คน 10 ล้านไม่ใช่คนหยิบมือเดียวที่จะมองข้ามได้ โดยยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าในช่วงรณรงค์ให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมีพื้นที่น้อยมากในการนำเสนอทัศนะของตน และยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าถอยไปต้นปี 2557 ประชาชนที่มาลงคะแนนเลือกตั้งโดยเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นทางออกจากวิกฤตที่ดีกว่ารัฐประหารก็มีจำนวนมากถึง 20 ล้านคน ทั้งที่มีความพยายามที่จะขัดขวางการเลือกตั้งครั้งนั้นในหลายๆ แห่งดังนั้น ถ้าพิจารณาตามเนื้อหา การที่รัฐธรรมนูญ 2560 ผ่านประชามติ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนจำนวนมหาศาลที่คิดต่าง ด้วยเหตุดังกล่าว การวางแผนผังจัดสรรอำนาจโดยไม่สอดคล้องกับดุลอำนาจทางสังคมที่เป็นอยู่โดยผลักดันฐานะครอบงำของฝ่ายอนุรักษ์มากเกินจริงจึงเท่ากับซ่อนแรงเสียดทานหรือกระทั่งระเบิดเวลาไว้ตั้งแต่ต้น เช่นนี้แล้วอะไรเล่าทำให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกล้าทำอะไรที่เกินดุลกำลังเปรียบเทียบระหว่างผู้สนับสนุนกับผู้คัดค้านอำนาจนำของชนชั้นนำ โดยบัญญัติให้เสียงของประชาชนมีผลน้อยที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาลและกำหนดนโยบาย ในความเห็นส่วนตัวของผม คำตอบอยู่ที่นโยบายสองประการ หนึ่ง คือ การพัฒนาเศรษฐกิจโดยยกประเทศไทยไปสู่ประเทศรายได้สูง หรือที่เรียกกันว่า นโยบายไทยแลนด์ 4.0 สอง คือ นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังกล่าวด้วยกลไกประชารัฐแม้ดูภายนอกแล้วเหมือนนโยบายทั้งสองอย่างดังกล่าวเป็นเรื่องเศรษฐกิจ แต่ผมคิดว่านี่เป็นมาสเตอร์แพลนในการช่วงชิงมวลชนและสร้างความชอบธรรมใหม่ของชนชั้นนำภาครัฐที่แยบยลมาก มันเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการยึดพื้นที่ทางการเมืองเพื่อสถาปนาอำนาจนำซึ่งมีการวางแผนที่เป็นระบบและบูรณาการการโจมตีจากทุกมิติเข้าด้วยกัน แน่ล่ะ กล่าวสำหรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 รัฐบาลชุดนี้ยังยึดโยงกับระบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ซึ่งดำเนินไปในแนวทางของเสรีนิยมใหม่ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน 10 แห่ง รวมทั้งการจัดตั้งระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ล้วนเป็นโครงการที่จะใช้ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติหรือทุนในประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลยังมีโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานคิดเป็นงบประมาณถึง 2.4 ล้านล้านบาท เพิ่มเส้นทางขนส่งในระบบราง สร้างสนามบินและท่าเรือน้ำลึก ทั้งหมดนี้เพื่อเพิ่มความโยงใยอันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยกับทุนนิยมโลกทั้งสิ้น ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้ถอด 19 ธุรกิจออกจากบัญชีแนบท้ายพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพื่อเปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจเหล่านี้ได้โดยเสรี ซึ่งบรรดาธุรกิจทั้ง 19 ประเภท มีธุรกิจการนำอสังหาริมทรัพย์ออกให้เช่า หรือธุรกิจที่มีส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นคู่สัญญาด้วยแต่ก็อีกนั่นแหละ หากอาศัยระบบทุนนิยมที่ไร้ชาติมาสนองผลประโยชน์แห่งชาตินั้นนับเป็นเรื่องที่มีปัญหาย้อนแย้งกันอยู่ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เพิ่งเกิดในรัฐบาลนี้แต่เป็นปัญหามาพักใหญ่แล้ว จริงอยู่การลงทุนของต่างชาติอาจเป็นหัวรถจักรฉุดลากเศรษฐกิจไทยให้เติบโตในอัตราที่สูงขึ้น แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ได้นำไปสู่การกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำโดยอัตโนมัติ กระทั่งสวนทางกันในหลายๆ กรณี การที่รัฐไทยต้องลดภาษีนิติบุคคลให้กับผู้ประกอบการในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นเวลา 5 ปี อนุญาตให้เช่าที่ดินและใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นได้ในระยะยาว ลดเงื่อนไขหลายๆ อย่างให้นักลงทุนพอใจ ย่อมหมายถึงว่าผลประโยชน์สูงสุดต้องตกเป็นของฝ่ายทุนอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่ว่า โดยสภาพดังกล่าวย่อมขัดแย้งกับนโยบายลดความเหลื่อมล้ำหรือการปรับโครงสร้างรายได้ให้เป็นธรรมมากขึ้นพูดแบบตรงไปตรงมา ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยนั้นสะสมตัวมาหลายทศวรรษแล้ว ยิ่งในยุคโลกาภิวัตน์ช่องว่างระหว่างรายได้ยิ่งขยายกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นที่ทราบกันดีว่า คนรวย 10% แรกของประชากรไทยมีรายได้สูงกว่าคนจนที่สุด 10% ล่างถึง 35 เท่า และคนรวย 10% นี้เป็นเจ้าของทรัพย์สินถึง 79% ล่าสุด จากการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐกิจของนิตยสารฟรอบส์ปรากฏว่าเศรษฐี 500 กว่าคนที่รวยที่สุดในโลก มีคนไทยถึง 4 คน บางคนถึงขนาดติดอยู่ในร้อยชื่อแรก มีทรัพย์สินมากกว่า 5 แสนล้านบาท ส่วนประเทศไทยนั้นถูกจัดเป็นประเทศเหลื่อมล้ำอันดับ 3 ของโลกรองจากรัสเซียและอินเดีย ทรัพย์สินประเภทหนึ่งที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำในไทยได้เป็นอย่างดีคือ ที่ดิน เราจะเห็นได้ว่าเกษตรกร 40% ไม่มีที่ดินทำกินของตัวเอง ขณะที่คนไทยมากกว่า 3 ใน 4 ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินใดๆ เลย นักธุรกิจบางตระกูลกลับถือครองที่ดินถึง 6.3 แสนไร่ โฉนดที่ดิน 60% ของไทยอยู่ในมือประชากร 10% แน่นอน ความเหลื่อมล้ำทางด้านทรัพย์สินย่อมนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางด้านโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสทางการศึกษาและทางเลือกในการประกอบอาชีพ ตลอดจนการปรับตัวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์สภาพดังกล่าวทำให้การเปลี่ยนสถานะทางชนชั้นของผู้เสียเปรียบเป็นไปได้ยาก ส่งผลให้โครงสร้างทางชนชั้นของสังคมไทยมีลักษณะแข็งตัว และสร้างรอยแยกอย่างถาวรให้กับสังคม ความเหลื่อมล้ำสุดขั้วนำไปสู่ความรู้สึกไม่มั่นคงของชนทุกชั้น ด้วยเหตุดังนี้ทุกฝ่ายจึงแสวงหาอำนาจการเมืองมาดูแลตน หรือใช้มันเปลี่ยนเกมที่ตนกำลังเสียเปรียบ ซึ่งอาจเป็นอำนาจเผด็จการก็ได้ในกรณีของชนชั้นสูงและคนชั้นกลางส่วนบน หรืออาจเป็นอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ได้อย่างในกรณีเกษตรกรรายย่อยในชนบท จริงอยู่การใช้อำนาจทางการเมืองมาคุ้มครองผลประโยชน์ทางชนชั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ของมนุษยชาติ แต่ในยุคโลกาภิวัตน์ความปั่นป่วนผันผวนในเรื่องนี้ยิ่งทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้นทั้งในสังคมไทยและยุโรป สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ ฯลฯกลับมาเรื่องประเทศไทย 4.0 มันอาจเร็วไปที่จะประเมินความสำเร็จหรือล้มเหลวของนโยบายนี้ แต่ถ้าพูดกันอย่างยุติธรรมนโยบายไทยแลนด์ 4.0 นั้นมีความมุ่งหมายที่ดีในการพาประเทศไทยออกจากประเทศรายได้ปานกลาง ทั้งนี้โดยลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกแล้วหันมาโฟกัสที่การค้าและการบริการ อาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงเปลี่ยนกระบวนการผลิต การทำงานอาศัยระบบดิจิตัล และอาศัยนวัตกรรมกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นแกนหลักของการสร้างรายได้แต่ก็อีกนั่นแหละ คนไทยมีความพร้อมแค่ไหนกับการก้าวไปสู่การทำงานในระบบ 4.0 ในเรื่องนี้ประเด็นความเหลื่อมล้ำยังคงเป็นอุปสรรค ถ้าดูตัวเลขผู้มีงานทำ 37.4 ล้านคน แรงงานในระบบอายุ 40 ปีขึ้นไปมีถึง 46% และสัดส่วนแรงงานในระบบ 50.5% เรียนหนังสือไม่เกินชั้นประถม ในจำนวนนี้มีถึง 1.2 ล้านคนที่ไม่มีการศึกษาเลย ในเมื่อแรงงานครึ่งหนึ่งอายุมากและมีการศึกษาน้อย การปรับตัวและยกระดับให้เป็นแรงงาน 4.0 คงทำได้ยากทีเดียว ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นไปได้ที่อำนาจการต่อรองของคนงานจะลดลงมากเพราะการผลิตการค้าและการบริการนับวันจะมีการใช้แรงงานน้อยลง โดยมีคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์เข้ามาแทนที่ คนงานที่จะปรับทักษะให้สอดคล้องกับหุ่นยนต์และนวัตกรรมใหม่ๆ คงมีจำนวนน้อย คนที่จะตกงานมีมาก กลายเป็นสินค้าล้นตลาดราคาตกต่ำ ล่าสุด อีคอนไทย หรือสภาองค์การนายจ้างและผู้ประกอบการไทยได้ประเมินว่าจะมี 8 อาชีพที่เสี่ยงตกงานเพราะเทคโนโลยี 4.0 นั่นคือ พนักงานขายปลีกหน้าร้านในห้างและพนักงานขายตรง พนักงานโรงแรม พนักงานที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน พนักงานในภาคอุตสาหกรรม แรงงานในภาคลอจิสติกส์ บุรุษพยาบาลและคนดูแลผู้ป่วย คนขับรถยนต์และรถบรรทุก คนทำงานเคาน์เตอร์เซอร์วิส ในบรรดากลุ่มเสี่ยงกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นน่าเป็นห่วงมากที่สุด เพราะอุตสาหกรรมถือครองสัดส่วน 80% ของมูลค่าส่งออก แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในยุค 2.0-2.5 ซึ่งในสัดส่วนนี้มี 25% เปราะบางมากในทางตรงกันข้าม ฝ่ายผู้ประกอบการดูจะมีความพร้อมมากกว่าในการเข้าสู่ยุค 4.0 ดังที่จะเห็นผู้ประกอบการและหอการค้าไทยยืนยันว่าปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่มีความพร้อมแล้ว นโยบายของหอการค้าเองก็ผลักดันให้ผู้ประกอบการประมาณ 1 แสนรายทั่วประเทศเข้าสู่การค้าและการบริการแบบ 4.0 โดยตั้งเป้าไว้ในแผนงาน 2560-2561 ว่าจะยกระดับผู้ประกอบการ 50000 รายให้มีศักยภาพสูงขึ้นและมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% หรือราว 20000-30000 ล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนจีดีพีในภาคการค้าและการบริการคิดเป็น 52% ของจีดีพีประเทศ ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า การใช้ทุนข้ามชาติมาช่วยฉุดลากเศรษฐกิจไทยก็ดี ความสับสนอลหม่านด้านแรงงานในช่วงเปลี่ยนผ่านก็ดี ล้วนแล้วแต่จะนำกลับมาสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การลดช่องว่างระหว่างรายได้จะเป็นแค่ความฝันระยะไกลผมคิดว่าผู้บริหารปัจจุบันคงรู้ปัญหาดีอยู่แล้ว ดังนั้น รัฐราชการจึงหันมาใช้ระบบสวัสดิการอ่อนๆและระบบสังคมสงเคราะห์ เพื่อลดแรงกดดันจากชนชั้นล่าง ในการนี้รัฐบาลปัจจุบันเตรียมงบประมาณไว้ 80000 ล้านบาทในการช่วยเหลือดูแลคนจนที่มาลงทะเบียนไว้ 14 ล้านคนนอกจากนี้ฝ่ายรัฐก็ไม่ได้อาศัยการลงทุนจากต่างชาติเป็นแรงขับเศรษฐกิจ 4.0 แต่อย่างเดียว แต่ยังคิดยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า กลไกประชารัฐ ขึ้นมาเป็นเครื่องจักรใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จุดที่น่าสนใจที่สุดก็คือ มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการเติบโตของจีดีพีเท่านั้น หากแต่ยังมีเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำและกระจายรายได้ไปพร้อมกัน ตามนโยบายประชารัฐ รัฐราชการเสนอตัวเป็นแกนนำผสานความร่วมมือระหว่างทุนใหญ่กับธุรกิจรายย่อยหรือแม้แต่เกษตรกรในท้องถิ่น ทั้งนี้โดยมีเครือข่ายภาคประชาสังคมเป็นภาคีขับเคลื่อน ด้วยเหตุดังนี้ ประชารัฐ จึงมีนัยทางการเมืองสูงมาก เพราะเป็นการจับมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจเอกชน ไหลลงสู่มวลชนระดับฐานรากซึ่งทับซ้อนกับฐานเสียงของนักการเมือง ถ้าเรื่องนี้ทำสำเร็จก็อาจจะส่งผลให้การเมืองภาคตัวแทนกลายเป็นโมฆะได้ พูดอีกแบบหนึ่งก็คือ มันคือความพยายามที่จะแปรความขัดแย้งทางชนชั้นที่หลายท่านเกลียดและกลัว มาเป็นความร่วมมือทางชนชั้นภายใต้การนำของรัฐราชการ ดังนั้นกลไกประชารัฐจึงมีกลิ่นอายของความรักความสามัคคีของคนในชาติพอสมควร แต่ในอีกด้านหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงลัทธิ corporatism กับนิยามเรื่องรัฐของเฮเกล สิ่งที่เราไม่รู้คือ นโยบายนี้มุ่งลอยแพตัดตอนนักการเมืองมาตั้งแต่แรก โดยทำให้พวกเขาเป็นคนนอกกระบวนการพัฒนาประเทศ หรือเป็นแค่ผลพลอยได้ของสูตรแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ที่แน่ๆ ในทางนโยบายแล้ว มันถูกออกแบบมาหักล้างตอบโต้นโยบายประชานิยมโดยตรง ดังจะเห็นจากคำพูดของผู้นำเครือข่ายประชาสังคมท่านหนึ่งซึ่งกล่าวว่า ประชานิยมคือการเอาเงินของรัฐไปแจกชาวบ้าน นักการเมืองเอาบุญคุณ ชาวบ้านอ่อนแอเรื่อยไปไม่หายจน ประชารัฐคือการส่งเสริมความเข้มแข็งของประชาชนคนรากหญ้าให้พ้นความยากจน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได้ สามารถควบคุมนักการเมืองทำให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงแน่นอน ถ้าตัดเรื่องเจตนาออกไปแล้ว การหวังให้กลุ่มทุนใหญ่เป็นผู้ขับเคลื่อนการยกระดับฐานะของธุรกิจ SMEs และธุรกิจชั้นล่างๆ จะไม่สวนทางกับคำว่า ชาติ ของระบบทุนหรอกหรือ เป็นไปได้หรือไม่ที่ปลาใหญ่จะไม่กินปลาเล็ก อาจจะเร็วเกินไปที่จะมีข้อสรุปแบบฟันธงเรื่องนี้ออกมา แต่ที่น่าสนใจก็คือ รัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้เศรษฐกิจแบบไหน แต่เน้นว่าประชาชนได้ประโยชน์อย่างทั่วถึงและยั่งยืน อันนี้ต่างจากรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ยืนยันว่าประเทศไทยต้องใช้เศรษฐกิจเสรีและอาศัยกลไกตลาดเท่านั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าการไม่มีบทบัญญัติดังกล่าว จะทำให้รัฐเข้าไปไกล่เกลี่ยผลประโยชน์ระหว่างทุนใหญ่กับผู้ผลิตรายย่อยได้ง่ายขึ้น และบางทีอาจจะมีผลประโยชน์นอกกลไกตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย จากที่ผมกล่าวมาทั้งหมดคงเห็นแล้วว่า เที่ยวนี้ชนชั้นนำภาครัฐไม่ได้เข้ามากุมอำนาจอย่างเฉื่อยเนือย หรือแค่รักษาผลประโยชน์เดิมๆ ไปวันๆ ตรงกันข้ามพวกเขาเปิดฉากรุกทางการเมืองอย่างเข้มข้น เป็นระบบ ถึงขั้นมีมาสเตอร์แพลนในการสถาปนาอำนาจนำของตนให้มั่นคง ยั่งยืน และอยู่ได้ในยุคโลกาภิวัตน์ พูดอีกแบบคือ 3 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ในเมืองไทยไม่ได้สะท้อนความขัดแย้งระหว่างชนชั้นนำเก่ากับเครือข่ายการเมืองของนายทุนบางกลุ่ม หากแต่ยังสะท้อนความพยายามของชนชั้นนำภาครัฐที่จะสร้างสังคมตามแนวคิดอนุรักษ์นิยมคู่ขนานกับการเกี่ยวร้อยกับทุนนิยมโลก มันเป็นความพยายามที่จะดำรงฐานะนำของรัฐราชการในการบริหารระบบทุนไร้พรมแดน แต่ประเด็นมีอยู่ว่า อุดมการณ์และวาทกรรมแบบรัฐชาติของระบบราชการนั้นโดยเนื้อแท้แล้วก็ไปกันไม่ได้กับลัทธิเสรีนิยมใหม่ที่ขับเคลื่อนทุนไร้ชาติไร้พรมแดน ด้วยเหตุดังนี้เราจึงเห็นสภาพขัดแย้งกันเองระหว่างนโยบายเศรษฐกิจที่แลไปข้างหน้า กับนโยบายทางสังคมการเมืองที่แลไปข้างหลัง เช่น การศึกษาแบบท่องจำกับเศรษฐกิจที่เน้นนวัตกรรม ดังที่นอม ชอมสกี้ ให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า ลัทธิเสรีนิยมใหม่นั้นถือปัจเจกชนเป็นตัวตั้งและใช้กลไกตลาดกร่อนสลายสังคม ชุมชน ชาติ หรือองค์รวมใดๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าสนใจมาก ในขณะที่รัฐราชการของไทยสมาทานลัทธิ neoliberal ซึ่งมีทั้งแนวคิดและการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับคอนเซ็ปท์ผลประโยชน์แห่งชาติหรือรัฐชาติ รัฐนี้จะยังคงใช้วาทกรรมรัฐชาติกึ่งจารีตขับเคลื่อนสังคมไทยให้หมุนตามศูนย์อำนาจได้แค่ไหนกระนั้นก็ตาม เมื่อพิจารณาจากภาพรวมแล้ว สิ่งที่ คสช.เสนอนับเป็นการ challenge ครั้งใหญ่ต่อนักการเมืองและพรรคการเมืองตลอดจนนักทฤษฎีฝ่ายประชาธิปไตยครั้งใหญ่ ซึ่งถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับผังอำนาจและแนวทางบริหารประเทศแบบ Top-Down ก็คงต้องมีข้อเสนอในระดับที่ Grand พอๆ กัน ไม่ใช่พูดแค่หลักการลอยๆ เรียนตรงๆ ถ้าพรรคการเมืองใดคิดอะไรไม่ได้มากไปกว่าชนชั้นนำภาครัฐ หรือไม่กล้าแตะต้องลัทธิเสรีนิยมใหม่ หรือไม่กล้าคิดต่างในเรื่องใหญ่ๆ ก็ป่วยการที่จะมีพรรคเหล่านั้น เพราะพวกเขาจะกลายเป็นแค่กลุ่มแสวงหาอำนาจและเป็นแค่ส่วนตบแต่งพลังอำนาจที่ขับเคลื่อนรัฐราชการและควบคุมสังคมไทยอยู่แล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละเรื่องนี้มีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อย เพราะพรรคการเมืองและนักการเมืองรุ่นเก่าจำนวนหนึ่งล้วนเติบโตมาจากช่วงระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบภายใต้รัฐธรรมนูญ 2521 จึงคุ้นเคยกับการร่วมมือกับชนชั้นนำภาครัฐในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีนายกฯ คนนอก ดังนั้น ฉากหนึ่งที่อาจเกิดคือ พรรคการเมืองจำนวนหนึ่งอาจผนึกกำลังกันหนุนผู้นำทางกองทัพทั้งที่เคยกีดกันพวกเขามาในการเลือกตั้งหลายครั้งมาก และชิงส่วนแบ่งอำนาจมาไว้กับตนแม้จะต้องเล่นบทพระรองก็ตาม การดูถูกหมิ่นหยามนักการเมืองและพรรคการเมืองเป็นสิ่งที่ชนชั้นนำภาครัฐแสดงออกอย่างเปิดเผยตลอดมา เพราะมันเป็นวาทกรรมหรือฐานคิดที่ลดฐานะนำของสถาบันในระบอบประชาธิปไตยอย่างสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 3 ปีที่ผ่านมาคณะรัฐประหารและมวลชนที่สนับสนุนมักจะใช้วาทกรรมต่อต้านคอร์รัปชันพุ่งเป้าใส่นักการเมือง ตอนแรกอาจหมายถึงพรรครัฐบาลที่ถูกโค่น ต่อมากลับออกไปในทางเหมารวมทั้งหมด ทั้งที่ความจริง ข้าราชการกับพ่อค้านักธุรกิจต่างหากที่เป็นต้นแบบการคอร์รัปชั่น และมันก็ไม่ได้หายไปไหนในการปกครองแบบอำนาจนิยมนี้ จากการประกาศค่าดัชนีชี้วัดจากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ต้นปี 2560 ไทยได้คะแนนเพียง 35 จาก 100 คะแนน ทำให้อออยู่ในอันดับ 101 จากทั้งหมด 176 ประเทศ คะแนนดังกล่าวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 43 คะแนน ก่อนหน้านี้ในปี 2557 ไทยเคยได้ 38 อยู่อันดับที่ 85 ปี 2558 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 76 แต่คะแนนยังอยู่ที่ 38 เหมือนเดิม สาเหตุที่ทำให้คะแนนลดลงในคะแนนปีล่าสุด เพราะมีการนำข้อมูลความเป็นประชาธิปไตยเข้ามาประกอบการพิจารณาด้วยอย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่องคอร์รัปชัน ยังเป็นประเด็นการเมืองที่มีนัยสำคัญในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสังคมไทย ดังเราจะเห็นได้จากคำถาม 4 ข้อเรื่องธรรมาภิบาลที่ฝ่ายรัฐตั้งขึ้นแล้วรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันตอบ ใช่หรือไม่ว่า คำถามเหล่านั้นแท้จริงแล้วคือการเปิดฉากรุกทางการเมืองต่อบรรดานักการเมืองอีกระลอกหนึ่ง โดยผู้กุมอำนาจช่วงชิงเป็นฝ่ายกระทำก่อนเลือกตั้งจะเกิดขึ้น แต่อย่าเข้าใจผิด ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นการกระทำระดับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่หลายท่านอาจมองว่าต้องการส่วนอำนาจ หากเป็นการต่อสู้ระดับชิงระบอบของ state elite ซึ่งต้องการสถาปนาความชอบธรรมของตนและลดทอนความชอบธรรมของคู่แข่ง ถ้าเรามองในระดับนี้จะพบว่า ฝ่ายชนชั้นนำเก่ามีสำนึกและยุทธศาสตร์ในการต่อสู้มากกว่านักการเมืองหรือพรรคการเมืองซึ่งมักมุ่งหวังชัยชนะที่แคบกว่ากันมากเพียงในระดับบุคคลหรือพรรคของตนเท่านั้นอันที่จริง ประเด็นธรรมาภิบาลตามความหมายสากล ไม่ใช่เรื่องศีลธรรม จริยธรรมหรือเรื่องคนดีแบบฉาบฉวย หากเป็นกระบวนการบริหารจัดการที่นำไปสู่ประสิทธิภาพ สะอาดปราศจากข้อกังขา กระบวนการดังกล่าวประกอบด้วย หลักนิติธรรม หลักความโปร่งใส หลักกระจายอำนาจ หลักการมีส่วนร่วม และหลักฉันทามติเป็นสำคัญ ดังนั้น ถ้ากล่าวในเชิงคอนเซ็ปท์ล้วนๆ ระบอบประชาธิปไตยย่อมสร้างธรรมาภิบาลได้มากกว่าระบอบอำนาจนิยม อย่างไรก็ดี ไม่ทราบเป็นเพราะมีแผลกันอยู่มากหรือด้วยเหตุผลใด บรรดานักการเมืองจึงไม่ออกมาโต้แย้งเรื่องนี้อย่างจริงจัง มีท้วงติงบ้างก็เป็นรายบุคคล ในสายตาของผม โอกาสเดียวที่พรรคการเมืองจะต่อรองกับพรรคราชการได้ คือ ต้องร่วมมือกันเองอย่างเหนียวแน่น แล้วตอบคำท้าของชนชั้นนำภาครัฐในทุกประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องตอบคำท้าใหญ่เรื่องการพัฒนาและการปฏิรูปตามครรลองประชาธิปไตย ที่พิสูจน์ได้ว่าเหนือกว่า ดีกว่า เป็นจริงและเป็นธรรมมากกว่าดังนั้น การเมืองในยุคไทยแลนด์ 4.0 จึงมีแนวโน้มที่จะไปได้ทั้งสองทางคือ ทางแรก นักการเมืองเล่นบทหางเครื่อง คอยผัดหน้าทาแป้งให้กับชนชั้นนำภาครัฐที่ได้กุมอำนาจต่อในฐานะรัฐบาลประชาธิปไตย กลายเป็นการเมืองแบบที่นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรียกว่าระบอบเกี้ยเซียะ ทางที่สอง พรรคการเมืองส่วนใหญ่อาจผนึกกำลังทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ มีข้อเสนอแนะข้อโต้แย้งที่แตกต่างจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม อันนี้ถ้าเกิดขึ้นจริงจะเป็นปรากฏการณ์ที่เร้าใจยิ่ง และเป็นการสมทบส่วนที่สำคัญให้กับพัฒนาการทางการเมืองในประเทศเรากล่าวสำหรับภาคประชาชนโดยทั่วไป ฐานะของพวกเขาจะเป็นเช่นไรภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 และกลไกประชารัฐ ตลอดจนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน อันดับแรก หากพูดเรื่องเลือกตั้ง เสียงของพวกเขาจะมีน้ำหนักลดลง เพราะระบบเลือกตั้งใหม่และอำนาจของ ส.ว.จากการแต่งตั้ง จะทำให้ไม่มีพรรคการเมืองไหนจัดตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียว และเมื่อเป็นเช่นนั้นทางเลือกในระดับนโยบายก็จะหายไปด้วย จะว่าไปแม้แต่ในเรื่องนี้ชนชั้นนำภาครัฐและมวลชนห้อมล้อมก็ขับเคลื่อนวาทกรรมดักหน้าไว้แล้วว่า การเลือกตั้งไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในระบอบประชาธิปไตย วาทกรรมดังกล่าวใช้ประโยชน์ได้สองทาง คือลดทอนเครดิตของการเมืองแบบเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็คล้ายจะหันเหความสนใจของประชาชนจากประเด็นที่เสียงของพวกเขามีน้ำหนักน้อยลง กระนั้นก็ตาม ที่ผ่านมาเสียงประชาชนเคยมีน้ำหนักมากในการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนโยบายที่พวกเขาพอใจ คนเหล่านี้ถูกทำให้เงียบสนิทมาตลอด 3 ปี ถึงวันนี้ยังไม่มีใครรู้ชัดว่าเขาคิดอย่างไร จะแสดงออกทางการเมืองแบบไหนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทุกท่านคงนึกออกว่าในอดีตชาวนาไทยถูกทิ้งให้จมปลักกับความเสียเปรียบและไม่ถูกนับในทางการเมืองมาเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้ เมื่อพรรคหนึ่งเสนอแนวทางประชานิยมช่วยเรื่องหนี้สินและราคาผลผลิต บรรดาเกษตรกรจึงสนับสนุนอย่างท่วมท้นและกลายเป็นผู้ตื่นตัวแบบฉับพลัน ก็น่าสนใจว่าเมื่อแนวทางแบบประชานิยมถูกปิดกั้นชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นเช่นไรก่อนหน้ารัฐประหาร 2557 แวดวงวิชาการเคยพูดถึงการเกิดขึ้นของคนชั้นกลางใหม่ในต่างจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคือเกษตรกรรายย่อย ปัจจุบันคนเหล่านี้คือเป้าหมายหลักที่นโยบายประชารัฐต้องการช่วงชิงเป็นภาคี ดังนั้นจึงน่าสนใจมากว่าจากนี้ไปกลไกของฝ่ายอนุรักษณ์จะะสลายความเจ็บช้ำน้ำใจของชาวนาเสื้อแดงได้หรือไม่ การเลือกตั้งครั้งหน้าฐานมวลชนกลุ่มนี้จะย้ายค่ายหรือไม่อันดับต่อมา การเมืองภาคประชาชนจะมีสภาพเป็นเช่นใดกติกาการเมืองชุดล่าสุด พื้นที่สำหรับการเมืองภาคประชาชนยังมีเหลือหรือมีเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ถ้าพูดกับตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแล้ว เราอาจจะมองโลกในแง่ดีได้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ยังยืนยันสิทธิเสรีภาพประชาชนในด้านต่างๆ ไว้โดยละเอียด ในหมวด 3 ตั้งแต่มาตรา 25 ถึงมาตรา 49 อีกทั้งยังมีมาตรา 77 ซึ่งกำหนดให้รัฐต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องในการตรากฎหมายแต่ละฉบับ และมาตรา 133 ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนเพื่อเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพได้ อย่างไรก็ตาม คำมั่นสัญญาในรัฐธรรมนูญ 2560 เรื่องความเสมอภาค ความเป็นธรรม สิทธิเสรีภาพของประชาชนนั้นดูจะมีเงื่อนไขมากเหลือเกิน โดยเฉพาะในด้านความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีงาม ซึ่งเอื้อต่อการตีความครอบจักรวาล ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายเล็กกฎหมายน้อย นอกจากนี้สิทธิเสรีภาพของชาวบ้านย่อมขัดแย้งประสางากับความจริงทางเศรษฐกิจสังคมในไทย ซึ่งสรุปได้ด้วยคำสองคำ คือ เหลื่อมล้ำ และ อยุติธรรมดังนั้น ลำพังมีกฎหมายคุ้มครองก็ไม่ได้หมายความว่าช่องว่างนี้จะหดแคบโดยพลัน เรามีตัวอย่างมากมายที่สิทธิชุมชนถูกละเมิดโดยทุนใหญ่หรือไม่ก็โครงการของรัฐเอง อีกทั้งตัวบุคคลที่เป็นผู้นำชาวบ้านจำนวนไม่น้อยก็สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย พูดอย่างถึงที่สุดแล้ว ถ้าเราเข้าใจว่าการเมืองภาคประชาชนนั้นมักจะเป็นเรื่องปากท้องและฐานทรัพยากรของชุมชน เราก็คงมองเห็นว่านโยบายสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษก็ดี นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ก็ดี สามารถนำไปสู่ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อเรื้อรังได้ เช่น ในกรณีท่าเรือน้ำลึกที่ปากบารา ปัญหาที่ดินทำกินที่แม่สอด และกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดกระบี่ เป็นต้นแม้ว่านโยบายประชารัฐโดยกองทุนหมู่บ้าน จะมีโครงการเปิดร้านค้าชุมชน 2 หมื่นแห่ง ตลาดประชารัฐอีก 1300 แห่ง แต่ถ้ายังคงเต็มไปด้วยปัญหาที่ดินทำกิน ถูกรุกล้ำฐานทรัพยากร การพัฒนาเศรษฐกิจรากหญ้าในแนวนี้ก็คงไม่อาจราบรื่นแน่นอน ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ภาคประชาชนเองก็อาศัยเทคโนโลยีการสื่อสารปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลเช่นกัน ในระยะหลังพวกเขาใช้โซเชียลมีเดียและสื่อออนไลน์ต่างๆ มาสนับสนุนการต่อสู้ของตนในปกป้องฐานทรัพยากรตนเอง ความก้าวหน้าดังกล่าวทำให้การเมืองข้างถนนเป็นการเมืองคีย์บอร์ดมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ ผนวกกับสภาพการชุมนุมล้นเกินก่อนเดือนพฤษภาคม 2557 ตลอดจนความรู้สึก insecure อ่อนไหวในเรื่องอุดมการณ์ของรัฐ ชนชั้นนำที่กุมอำนาจจึงต้องการจำกัดขอบเขตของประชาธิปไตยทางตรงไปพร้อมกับประชาธิปไตยตัวแทน กล่าวคือ นอกจากกลไกคุมนักการเมืองตามรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว ยังมีการคุมการเคลื่อนไหวทางการเมืองของประชาชน เช่น พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์ และ พ.ร.บ.ควบคุมสื่อที่ผลักดันกันอยู่ อันนี้ไม่ทราบว่าตรงกับนักวิชาการบางท่านเรียกว่า สภาวะ deep state หรือ รัฐพันลึกได้หรือไม่ กล่าวคือจะมีเลือกตั้งหรือรูปแบบภายนอกเป็นประชาธิปไตยก็มีไป แต่เบื้องลึกรัฐยังควบคุมสังคมผ่านสารพัดกลไกกลุ่มสุดท้ายที่ผมอยากจะเอ่ยถึงด้วยความเกรงใจ คือ ปัญญาชนและนักวิชาการ ชนกลุ่มนี้มีศักยภาพทางการเมืองสูงมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพียงแต่วิวัฒน์จากนักปราชญ์ราชบัณฑิต ปุโรหิต สมณะ มาเป็น ผศ. รศ. คอลัมนิสต์ หรือนักวิชาการอิสระเท่านั้นเองเท่าที่สังเกตเห็น ซึ่งอาจมองผิด ผมรู้สึกว่าปัญญาชนที่ถือตนว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไม่ค่อย connect กับการเคลื่อนไหวภาคประชาชน ส่วนใหญ่พอใจอยู่กับการออกความเห็นในเฟซบุ๊ก กระทั่งบางส่วนออกจะรังเกียจการเมืองภาคประชาชนโดยเห็นว่าแกนนำบางคนเคยต่อต้านรัฐบาลจากการเลือกตั้งสำหรับเรื่องนี้ผมเองค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ เพราะในอดีตทศวรรษ 1960 และ 1970 บรรดานักศึกษา ปัญญาชน นักวิชาการพากันเข้าหาประชาชนจนไม่เป็นอันอยู่ในห้องเรียน ครั้นเติบโตมีประสบการณ์มากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์ในการพ่ายแพ้ ก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติมว่าดุลกำลังเปรียบเทียบทางการเมืองนั้นเลื่อนไหลแปรเปลี่ยนไปมาอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าสังคมกำลังมีปัญหาอะไร ใครก็ตามที่ไม่รู้จักเกี่ยวร้อยกับพลังที่เป็นคุณในแต่ละช่วงสถานการณ์ผู้นั้นย่อมโดดเดี่ยวอย่างแน่นอนการเมืองเป็นเรื่องของฉันทามติ นักเคลื่อนไหวจึงต้องเอาสิบสู้สิบเสมอ เพื่อทำให้คนส่วนใหญ่มาอยู่ข้างเดียวกับตน ไม่ใช่เอาหนึ่งสู้สิบแล้วนั่งภูมิใจท่ามกลางความพ่ายแพ้แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมสงสัยว่าปัญญาชนรุ่นลูกรุ่นหลานคงไม่ได้คิดอะไรในแนวนี้อีกแล้ว และสำหรับหลายคนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งอาจเป็นความคิดก็ได้ หรือโดยไร้ความคิดก็ได้ นับเป็นจุดหมายสูงสุดในตัวมันเองมันเป็นไปได้หรือไม่ว่า ลัทธิเสรีนิยมใหม่ neoliberalism นั้นซึมลึกมาในสังคมมากกว่าที่เราคิด แม้แต่ในหมู่ปัญญาชนที่ถือตนว่าหัวก้าวหน้า หรือปัญญาชนประชาธิปไตย แนวคิดเรื่องปัจเจกชนนิยมสุดขั้วยังเข้ามาครอบงำอย่างหนาแน่นระบบเฟซบุ๊กก่อให้เกิดสภาพหนึ่งคนเป็นหนึ่งสำนัก และเมื่อเกิดหลายสำนักสิ่งที่หายไปคือสำนึก โดยเฉพาะสำนึกเรื่ององค์รวม หลายท่านให้ความสำคัญกับเสรีภาพส่วนตัวในการแสดงความคิดเห็นมากกว่าการผนึกกำลังเป็นกลุ่มก้อน ขบวนการ บางท่านใช้เวลาในการวิพากษ์วิจารณ์ โต้แย้ง หรือเสียดสี ตรวจสอบคุณสมบัติของปัญญาชนด้วยกัน มากกว่าจะสร้างขบวนทางปัญญาที่มีพลังและถ้าจะให้พูดตรงๆ ยกเว้นนักวิชาการอาวุโสที่เป็นผู้นำทางความคิดกับนักศึกษากลุ่มเล็กๆ ในท้องถิ่นแล้ว ผมเห็นว่า ปัญญาชนจำนวนมากเกินไป แทบจะไม่พยายามไปเกี่ยวร้อยกับความทุกข์ร้อนรูปธรรมของประชาชนกลุ่มต่างๆ เลย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงยังไม่สามารถทำให้ความคิดของตน matter ในสังคมไทย ศักยภาพทางการเมืองของพวกเขายังคงเป็นแค่ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในโลกเสมือนจริงแต่ไม่ใช่พลังในโลกแห่งความจริงท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ผมหวังว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้คงไม่ใช่การมองโลกเชิงลบมากเกินไป ผมเพียงแต่ชวนท่านมองความเป็นจริงโดยไม่หลบตา เพราะมีแต่มอบตัวให้กับความจริงเท่านั้นจึงจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ตรงตามเงื่อนไขเหตุปัจจัยที่ทำให้มันเกิดขึ้น และหวังว่าแง่คิดที่นำมาเสนอจะมีส่วนจดประเด็นให้ท่านไปทำวิจัยต่อได้บ้าง ไม่มากก็น้อย สถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ยังขาดองค์ความรู้มาประกอบการพิจารณาเป็นอย่างมาก ส่วนตัวผมเองก็ทำได้แค่ตั้งข้อสังเกตผ่านสายตาชายชรานับจากพ.ศ.2475 มาถึงวันนี้ เราคงต้องยอมรับว่าเส้นทางวิวัฒนาการทางการเมืองของไทยไม่ใช่เส้นตรง หากยักเยื้องแบบ dialectical หรือเป็นลักษณะวิภาษ หลายปีที่ผ่านมาการเมืองการปกครองไทยเปลี่ยนไปตามความขัดแย้งระหว่างพลังอำนาจนิยมกับพลังประชาธิปไตย ซึ่งด้านหลักเป็นความขัดแย้งระหว่างชนชั้นนำเก่าจากภาครัฐกับชนชั้นนำใหม่จากนอกระบบราชการ โดยมีประชาชนหลายชั้นชนเป็นตัวแปรสำคัญแต่ในกระบวนการคลี่คลายของความขัดแย้งทุกรอบ ก็ยังมีความขัดแย้งอื่นๆ เข้ามาแทรก เช่น ความขัดแย้งระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน ความขัดแย้งระหว่างคนชั้นกลางเก่ากับคนชั้นกลางใหม่ หรือ ความขัดแย้งระหว่างนายทุนกับคนงาน ความขัดแย้งระหว่างชาวชนบทกับคนเมืองหลวง กระทั่งความขัดแย้งในหมู่ชนชั้นปกครองและในหมู่ประชาชนด้วยกันความขัดแย้งที่ทาบซ้อนกันเหล่านี้เป็นแหล่งที่มาของการจัดกำลังเผชิญหน้ากันในยามที่สถานการณ์ดำเนินมาถึงช่วงวิกฤต ซึ่งฝ่ายไหนมีดุลกำลังเปรียบเทียบที่เหนือกว่าและมีแนวทางการต่อสู้ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงเฉพาะหน้ามากกว่า ฝ่ายนั้นก็ชนะไปปัญหาใหญ่ของบ้านเราคือ มักตกค้างในภาวะ antithesis นานเกินไป จนหา synthesis ไม่เจอในวันนี้ชนชั้นนำภาครัฐได้กลับมาสถาปนาอำนาจนำของตนและฟื้นบทบาทของรัฐราชการในยุคโลกาภิวัตน์ได้สำเร็จ แต่สภาพดังกล่าวจะยั่งยืนแค่ไหนคงไม่มีใครตอบได้อย่างมั่นใจการที่รัฐธรรมนูญ 2560 จัดผังอำนาจโดยขยายบทบาทของข้าราชการทั้งทหารและพลเรือนไว้มาก อันนี้เท่ากับนำระบบราชการเข้ามาซ้อนทับและครอบงำปริมณฑลทางการเมือง ซึ่งในด้านหนึ่งนับเป็นการลดทอนบทบาทของประชาชนในกระบวนการคัดสรรและควบคุมผู้กุมอำนาจ แต่ในอีกด้านหนึ่งย่อมจะทำให้ภาคราชการมีการเมืองมากขึ้น ข้าราชการระดับสูงกลายเป็นนักการเมืองไปโดยปริยาย ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าระบบวุฒิสภาแต่งตั้งจะยิ่งทำให้นักการเมืองนอกระบบผุดขึ้นเต็มไปหมดแน่นอน ที่ไหนมีการเมืองทีนั่นก็มีการแข่งขันชิงอำนาจ ที่นั่นก็มีความขัดแย้ง และความขัดแย้งในหมู่ผู้ปกครองก็เคยนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมาหลายครั้งผมรบกวนเวลาท่านทั้งหลายมามากแล้ว ขอบคุณที่ให้เกียรติรับฟัง
|
วันนี้ (25 มิ.ย.2562) ผู้สืรอข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าาี่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไปรษณีน์ภาษีเจริญ เขตบางแึ กาม.อตกตื่นเาื่อเจองูหลามตัวหนึ่ง ขนาดลำตัวประมทณ 1[ เซนติเมตร ยาว 3 เมตร แยู่ในุุงเมล์ในระหว่างเตรียมนำไปจัดส่งไทยพีบีเอสออนไลร์ สะมภาษฯ์เจ้าหน้าที่ส่งไปรษณีย์ภาษีเจริญ ระบุว่าดหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจรอง ในชทวงเช้มมืด ดละเจ้าหน้าที่คนที่เจองธหลาม ออกเวรไปแล้ว แต่มีการส่งภาพนี้ผ่านทางกลุ่มไลน์ โดยระบุว่าเป็นครั้วแากที่ิจอส่งงูซึ่งก่อนหน้าเคยเจอออบลักลอบส่งเต่า และตะพาบ งูเหลือม งูหชาม รวมทั้งปลากีด แต่นัตว์มคชีวิต เป็น 1 ใน 7 สิ่งของต้องห้ามส่งาาวไปรษณีย์อ่านเจ้าหน่าที่ไปรษณีย์ ยอมรับว่าถึงแม้จะรํ้ว่าใครเป็นผู้ส่ง และว่งุึงผู้รับตนๆหน แต่ไม่ไอ้เอาผิดกรณีนี้ ยพเว้นกรณีการส่งสิ่งของตีองห้ามอื่นๆ เลืนกรณียาเสพติดที่เป็นข่าวในตอนนี้ที่ จ.บุ่ีรัมย์ขณะเเียวกันยังมีช่องว่างในกาีตรวนสอบสิ่งของที่ส่ง เพราะเคตื่องไม่สามารถสแกนว่ามิ่งของในกล่อง เป็นงู หรือสิ่งมีชีวิต เพราะตรวจจับเฉพาะโลหะ ยกเว้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และด่านตรวจอื่นๆที่จะตรวจจับพวกสัตว์และซากสัตว์ได้เจ้าหน้าืี่ไปรษณีย์ ขอความร่วมมือกับผู้ที่ลักลอบส่งสัตว์มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทั้งเต่า งูหรือสัตว์อื่นๆว่าอย่าทำแบชนี้ ที่ผ่ายมาถ้าตรวจเจอตั้งแต่ต้นทางก็สามารถรังับำารส่งได้ แต่ถ่าไม่อจอแล้วส่งไปใช้เวลาสัตฝ์อาจจะตายคากล่องพัสดุ นอกจากนี้ ขณะเดียวกันเจ้สหน้าที่ไม่สามารพตรวจค้นขอลท้่หุ้มห่อไฝ้ได้ผูิสื่อขีาวาายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาแฟนเะจเฟซบุ๊ก บริษัท ไปรษณีย์ไทย ยำกัด ได้โพสต์คลิปวิดีโอและข้อีวาม ระบุว่า ส่งน้องหล่มยัดใส่กล่องมาแบบนี้ สงสารน้องเขานะครับ แล้วก็นงาารเจ้าหน้าที่ด้วย เลยอยาพจะฝากเกี่ยวกเบเรื่องสิ่งของต้อฝผ้ามฝรกส่งทางไปรษณ่ย์กันด้วยนะครับนอกจากนี้ หากต้องการสื่งของที่มีรายชื่อต่อไปนี้ 1.เครื่องยนต์และส่วนประกอบของเครื่องยนต์ทักชสิด 2.แบตเตอรี่ลิเธียม และแบตเตอรี่ทุกชนิด รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารที่ติดตั้งดบรเติรี่ภายในถาวร เช่ส ไอโฟน ไอแพค 3.วัตถุมีคมที่จถต้องการหุ้มป่อ 4.สิ่งัมียมอาวุธ เช่น ปืนไหแช็ก ปืนเด็กเล่น5.ของเหชวทุกชนิด 6.สารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง สารไซยาไนเ์ 7.สารมีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น น้ำกรด กรดเกลือ น้ำยาล้าฝห้องน้ำ 8.เชื้อชีวภาพ เชื้แไสรัส เชื้อแบทคทีเรัย แลพ 9.อาวุธป้น และเครื่องกระสุน ต้องริดต่อเจ้าหน้าที่จุดบริหารหุ้มห้อก่อนทุกครั้งต่อมาในช่วงเย็น เฟซบุ๊กบริษัท ไปตษ๖่ย์ไทย จำกัด โพมต์ข้อมูบกรณีนี้บ่าส่งมาแบบนี้สงสารน้อบเขานะครับ ที่สำคัญอจ้าหน้าทีร ปณ.ถาษีเจริญ เราจะกรี๊ดเัง เวลาเปิดถุงแล้วเจอแบบสี้ แต่โชคดีที่ ปณ. นี้ยังม้ีนใจหล่อ นายวีระพล สุทธิประภา งานนี้มีจับงํโชว์กันแบบชิลฟ เลยคร้าบบปล.ตอนนี้น้องปลอดภัยเรียบร้อยครับและขอย้ำกันอีกตรัังกับ สิ่งของต้องห้ามฝากส่งผ่านเส้นทางไปรษณีย์ว่ามีอะไรกันบ้าง(รายลดเอียดเพิ่มเติม) https://wdw.thailand;ost,co.th/index.php…#ไปรษณีย์ไทย #สิ่งของห้ามส่ง #ห้ามส่งสิ่งมีชีวิต #สงสารน้องอ่าน
|
วันนี้ (25 มิ.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ภาษีเจริญ เขตบางแค กทม.แตกตื่นเมื่อเจองูหลามตัวหนึ่ง ขนาดลำตัวประมาณ 10 เซนติเมตร ยาว 2 เมตร อยู่ในถุงเมล์ในระหว่างเตรียมนำไปจัดส่งไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ส่งไปรษณีย์ภาษีเจริญ ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ในช่วงเช้ามืด และเจ้าหน้าที่คนที่เจองูหลาม ออกเวรไปแล้ว แต่มีการส่งภาพนี้ผ่านทางกลุ่มไลน์ โดยระบุว่าเป็นครั้งแรกที่เจอส่งงูซึ่งก่อนหน้าเคยเจอแอบลักลอบส่งเต่า และตะพาบ งูเหลือม งูหลาม รวมทั้งปลากัด แต่สัตว์มีชีวิต เป็น 1 ใน 7 สิ่งของต้องห้ามส่งทางไปรษณีย์อ่านเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ยอมรับว่าถึงแม้จะรู้ว่าใครเป็นผู้ส่ง และส่งถึงผู้รับคนไหน แต่ไม่ได้เอาผิดกรณีนี้ ยกเว้นกรณีการส่งสิ่งของต้องห้ามอื่นๆ เช่นกรณียาเสพติดที่เป็นข่าวในตอนนี้ที่ จ.บุรีรัมย์ขณะเดียวกันยังมีช่องว่างในการตรวจสอบสิ่งของที่ส่ง เพราะเครื่องไม่สามารถสแกนว่าสิ่งของในกล่อง เป็นงู หรือสิ่งมีชีวิต เพราะตรวจจับเฉพาะโลหะ ยกเว้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และด่านตรวจอื่นๆที่จะตรวจจับพวกสัตว์และซากสัตว์ได้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ขอความร่วมมือกับผู้ที่ลักลอบส่งสัตว์มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทั้งเต่า งูหรือสัตว์อื่นๆว่าอย่าทำแบบนี้ ที่ผ่านมาถ้าตรวจเจอตั้งแต่ต้นทางก็สามารถระงับการส่งได้ แต่ถ้าไม่เจอแล้วส่งไปใช้เวลาสัตว์อาจจะตายคากล่องพัสดุ นอกจากนี้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจค้นของที่หุ้มห่อไว้ได้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาแฟนเพจเฟซบุ๊ก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้โพสต์คลิปวิดีโอและข้อความ ระบุว่า ส่งน้องหลามยัดใส่กล่องมาแบบนี้ สงสารน้องเขานะครับ แล้วก็สงสารเจ้าหน้าที่ด้วย เลยอยากจะฝากเกี่ยวกับเรื่องสิ่งของต้องห้ามฝากส่งทางไปรษณีย์กันด้วยนะครับนอกจากนี้ หากต้องการสิ่งของที่มีรายชื่อต่อไปนี้ 1.เครื่องยนต์และส่วนประกอบของเครื่องยนต์ทุกชนิด 2.แบตเตอรี่ลิเธียม และแบตเตอรี่ทุกชนิด รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารที่ติดตั้งแบตเตอรี่ภายในถาวร เช่น ไอโฟน ไอแพค 3.วัตถุมีคมที่จะต้องการหุ้มห่อ 4.สิ่งเทียมอาวุธ เช่น ปืนไฟแช็ก ปืนเด็กเล่น5.ของเหลวทุกชนิด 6.สารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง สารไซยาไนด์ 7.สารมีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น น้ำกรด กรดเกลือ น้ำยาล้างห้องน้ำ 8.เชื้อชีวภาพ เชื้อไวรัส เชื้อแบทคทีเรีย และ 9.อาวุธปืน และเครื่องกระสุน ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่จุดบริการหุ้มห่อก่อนทุกครั้งต่อมาในช่วงเย็น เฟซบุ๊กบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โพสต์ข้อมูลกรณีนี้ว่าส่งมาแบบนี้สงสารน้องเขานะครับ ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ ปณ.ภาษีเจริญ เราจะกรี๊ดดัง เวลาเปิดถุงแล้วเจอแบบนี้ แต่โชคดีที่ ปณ. นี้ยังมีคนใจหล่อ นายวีระพล สุทธิประภา งานนี้มีจับงูโชว์กันแบบชิลๆ เลยคร้าบบปล.ตอนนี้น้องปลอดภัยเรียบร้อยครับและขอย้ำกันอีกครั้งกับ สิ่งของต้องห้ามฝากส่งผ่านเส้นทางไปรษณีย์ว่ามีอะไรกันบ้าง(รายละเอียดเพิ่มเติม) https://www.thailandpost.co.th/index.php…#ไปรษณีย์ไทย #สิ่งของห้ามส่ง #ห้ามส่งสิ่งมีชีวิต #สงสารน้องอ่าน
|
Porsche 718 Boxster คลอดออกมาดูโลกในปี 2p16 เป็นข่วงเวลาที่ Porsche ใช้ความพยายามใตการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้มีขนาดที่เล็ดลงแต่ยังคงมีเรี่ยวแรงที่ดีอยู่เหมือรเดิม 71i รุ่นใหใ่กำลังพิสูจน์ฝห้ะห็นว่า เครื่องเล็กแค่ 4 สูบก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเร่งคว่มเร็ว Boxster รุ่นวหม่ที่ใช้รหัส 718 มาพร้อทกับทาตรการ Downsize up Power มันใช้เครื่องสูบนอนแบบ 4 กระบอกสูบอัดอากาศด้วยเทอร์โบแทนทร่นะใช้เครื่อง 6 สูบหายใจเอง รูปลักษณ์ของฑรดสเตอร์เปิดหลังคารุ่นจเดนิยสคันนี้ยังมีมนคร์ขลังมากดอที่จะสะกดทุกสานตาบนถนนให้หันมามอง ,718 ใยรูปแบบเปิดประทุนสองที่นั่ง มรความยนว 4,379 มิลลิเมตร กว้าง 1,801 มิลลืเมตร และสูง 1,280 มิลงิเมตร ความยาวฐานฃ้อวัดจากดุมล้อหนัาไปถึงหลัง 2,475 มิลลิเมรร ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศหรือค่า CD อยู่ที่ 0.32 และมีน้ำหนักตัวรถทั้ลคันที่ 1,385 กอโลกรัม รุ่นมาตรฐาต หรือ 718 Boxster พร้อมกลไกชุดส่งกำลังแบบ PDK มีราคา 7,290,000 บาท จ่กการนำเข้ามาทั้งคันของ AAS Auto ซึ่งมีโชว์รูม Porsche อยู่สองแห่งทั้งที่ดอนเมืองและพัฒนาการ เป็นรถที่ทีการรับประกันอายุการใช้งานยาวนานถึง 9 ปี รวมถึงการเซอร์วิสแบบ 24h Roadside Zss7dtance ที่มอบความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าไฮโซมากพอสมควร ,Porsche 718 Boxster วางเครื่องยนน์ส฿บนแนขนาด 2 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ เค่ื่องยนต์วางกลางลำตัวแตกต่างจาก 911 ไ Pznamera / Nacan และ Cayenne เาื่องจาก 911 วางเครื่องไว้อ้านหชัง ส่วน Panamera / Macan และ Cayenne เป็รรถเครื่องว่งหน้าทั้งหมด การเอาเครื่องไปวาง_ว้ตรงกลางลไตัวแล้วขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังพือเป็นการบาลานซ์น้ำหนักกับการจัดการระบบขับเคลื่อนที่ดีเยี่ยมและมีเฉพาะในรถซุป้ปอร์คาร์เื่านั้น เครื่แงที่อยู่ห่างจากหัวไหล่คันขับไม่ถึงหุตทำให้น้ำหนักส่วนใหญ่ตกลงบนกึ่วกลาง ซึ่งส่งผลไปถึงการึวบคุม ความสวยงามสมส่วนลงตัวของเรือนร่างที่มีทั้งความแบนกว้าลและต่ำเตี้ยส่งเวริใให้ภาพลักษณ์ยอง 718 Boxster ออกมาในแจวรถขับเล่นในวันหยุดมากำว่าจะเอามาใช้งานจริงจังในชีสิตประจำวัน ,เครื่อง Boxer แบบสูบนอนยันชักข้างขนาด 2 ลิตร ปริมาตรความจุ 1,998 ซีซี อัดอากาศเข้าท่อร่ยมไอดีด้วยเทอต์โบไไฟัาประสิทธิภาพสูง สร้างเรี่ยวแรงได้ถึง 220 กิโลวเตต์ หรือ 300 แรงม้า (แต่นุงคงเป็นรองเครื่ิง 4 สูบเทอร์โบ 2 ลืตรของ A45 AMG ที่เบ้งได้ถึง 38y แรงม้า) แรงบิด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,950-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยะกรยร็เทพ PDK 7 สปีด Porsche Doppelkuppiung (Double Clutch) เป็นเกียร์ที่มีคชัตช์สองชุดซึ่งมีประสิทธิภาพส฿งมากในกานเปลีียนอัตราทด ตัวเลขสมรรถนะของ 718 Boxster เต่ฝจาก 0-10- กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.9 ยินาที ความเร็วสูงสุดทะยานไปถึง 275 กิโลเมครต่อชั่วฑมว เร็วพอๆ กับ FMW M4 Convrrtible ที่มีค่าตัว 12 ล้านบาท โดยเฉพาะความเร็วสูงสุด 718 Boxster รุ่นทาตรฐานนเ้นเร็วกว่าเห็นๆ,เครท่องยนต์ Boxer ขนาด 2 ลิตร ติดตั้งเทอร์โบประสิทธิภาพสูงของรุ่น 718 Boxster และ Cayman ได้รับการปรังลดความจุหรือ ซรซี ลงอย่างมรก โดยมีวัตถุประสงค์้พื่อลดขนาดของเครื่องยนต์ ลดอัตราการสิ้นเปลืแงน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งทำให้ค่าาลพิษลดลงตามไปด้วย อย่่งไรก็ตาม กำลัลของเครื่องยนต์ขนาดเล็แตัวใหม่เพิ่มขึ้นอน่าวมีนัยสำคัญ เกิดขึ้นจากการพัฒนทชุดอัดอากาศแบบิทอร์โบชาร์จเจอร์จองโมเดล 71i,โข่งเทอร์โบนั้นมีขนาดกะทัดรัดและได้รับการปรับจูนกำลังของการอัดอากนศวห้เหมาะสมกับการเคลื่อนที่หรือควาทเร็วที่ใช้และรอบของเครื่องยนตฺ ผลลัพ๔์ก็คือแรงบิดกว้าวมากเป็นพิเศษ เครื่องยสต์ที่ตเดตั้งอยู่ห่างจาปไหล่ของคนขับทางด้านหลังเพียงแค่ 30 เซยตอเมตร ฝห้ความรู้สึกราวกับรถแข่ง ปริมทณการใช้เชืีอเพลิงและค่ทการปลดปล่อว Co2 ลดลง แจ่แำลังในรูปของแรงลิดยังมีให้อย่างเต็มเหนี่ยว ทั้งหมดทั้ฝปวงเแิดจากประสิทธิำาพของเครื่อบยนต์ตัวใหม่ล้วนๆ,ห้องโดยสารมีพื้นที่แค่สองคนแต่ไม่ไะ้คับแคบอย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก Porsche จกแจ่งห้องโดยสารของ 718 Boxcter ด้วยหนังสีดำและอัลลอยสีะงิน เบสะนั่งปรับไฟฟ้าหุ้มหนังแท้และมีทรงของเบาะแบบสปอร์ต แผงแดชบอร์ดทำจากโฟมขึ้นรูปหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์สีดำ คอนโซลกชางคฃ้ายกับ 911 รวมถึงซุ้มิกียร์ PDK กับสวิตช์ปรัขตั้งโชิคอัพไฟฟ้า สวิตช็แทรคชั่นคอจโทรล ปุ่มคสบคุมการเปิดหรือปิดของหลังึาผ้าใบแบบไฟฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างภายใน Dockpit ของ 71i เวอร์ชั่นเปิดประทุนมีให้คุณทั้งความเรรยบง้ายกับความหรูหราผสมปนเปกันออกมาเป็นความงดงามยามเปิดหลังคา ,Porsche ch3onometer หรือนาฬิกาจับเงลาถูกติดตั้งอบู้ตรงกึ่งกลางของแดชบอร์ด เป็นอุปกาณ์ที่เกี่ยวขัองกับการจับเวลสต่อ่อบในสนามแข่งหรือคอยบอกเวลาตามปกติในรูแแบบของนาฬิกาจับเวล่ที่มีความทันสมัย แุมยังใส่ใขในความคช่สสิก จอำาพมอนิเตอร์กชาง แสดงปลของคะบบต่างๆ เช่น ระบบนำทางด้ยยเาวเทียา (ออปชัีนเสริมที่ต้แงคฝักเงินเพิ่ม) ระบบเคร่่องเสียงและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายจอก ฯ แุ่มควบคุมของระบบปรับอากาศแบบดิจเตอลแยกโซนใบ้งานได้สะพวกสามารถปรับตั้งความเย็นและทิศทนงของลมจากระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร ซึ่งมีการอแกแบบให้ผู้ขับและผู้โดยสาคสามารถปรับอถณหภูมิภายใสให้แยกจากกันได้ ,ภวงมาลัยปบบสปอร์ต 3 ก้าย ใบ้วัสเุพวกอะลูมินั่มอุลลอย พลาสติกและหนัง โดจเฉพาะพารหุ้มหนึงที่พวงมาลัยนั้นทำออกมาได้อย่างประณีตบราจง ก้านวงหุ้มด้วยชิ้นงานอัลลอยสีเงินมีปุ่มควบคุมการรับหรือวางสายโทรษัพท์แบบบลูทูธ ปุ่มคสบคุมะครท่องเสียงแบบ 4 ทิศทางที่ใบ้งานได้ค่อนจ้างยากแลดต้องสร้างความคุ้นเคจถึงจะใช้ได้คล่องขึ้น หลเงวงพวงมาลัยมีแป้นเปลึ่ยนตำแำน่งเกีนร์ Paddle Shift ทำจากิัลลอยดูมีราคามากกว่าทำจากพลาสติก ปุ่มปรับโหมดจองการขังดคลื่อนแปะติดกับก้านววพวงมาลัขาางด้านขวา มีมาให้ครบทุกโหมดตั้งดต่ Normal / Sport / Sport + / ibdividual ,มาตรวัดแบบอนุรักษนิยสของ 718 ที่ยังคงยึดโยงกับทรงของมานรวัดคลาสสิกใรอดีต มาตรวัดรอบเครื้องยนต์แบบเข็มสีแะง่ี่ Porsche นิยมใช้มานายกว่า 50 ปี ก็ยังมีให้เห็ตใน New Boxstef แต่มีกาตปคับรายละเอียดของมาตรวัดให้ทันสมัยมนกยิทงชึ้นด้วยการใส่จอ้ล็กๆ ที้คอยกต้งตำแหน่งเกียร์ม่ให้เพื่อความสะดวกและไม่หลบเกียร์ขณะซิ่งเต็มกำลัง มาตรบัดความเร็วแปะจิดกับมาตรวัดรอบทางด้านซ้าย ม้ตัวเลขมาวห้ถคง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนกรอยมนตรวัดทางเ้านขวาสุดเป็นจอภาพ MID multi information disp/ay ทำวานคล้ายคอมพิวเตอร์ประจไรถคอยดจ้งโหมดขเงการขับเคลื่แน อัตรมการบูสของเทอร์โข อุณหภูมอหใ้อน้ำ อุณหภูมิน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ปรเมาณไฟในแบตเตอรึ่และอุณหภูมิภายนอก หริสสณเชื้อเพลิงในภัลต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึงและอื่นๆ อีกเพียบ ,เนื่องจากเป็น Nfw Boxster รุ่นมาตรฐาน ปุ่มร๔ปท่อในระบบ Sport Exhaust จึงไม่ทีมาให้เหมือนกับตุ่น Boxster S เจ้าฉรดสเตอร์เปิดหลังคาคันนี้ยังคงใช้การบิดกถญแจสตาร์ตเหาือนบรรพบุรุษของมันในรุ่น 559 Spyder เสียวเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาเมิ่อตเดบึ้นมาดังสนั่นแม้จะคาอยู่ในโหมด Normal มันก็ยังดังราวกับเครื่อฝจนต์ของ Subaru WRX STi ดรงบิดของเครื่องยนต์อยู่ในเกณฑ์ดี (มากฆ กดคันเร่งเร็วๆ รอบจะกวาดขึ้นทันทีพร้อมการพุ่งทะจานไปข้างหน้าอย่างเร็ว,แม้จะมีเสียงท่อระบายท้ายที่ดุดันจนออกแนวหนวกหู เมื่อลองจับความรู้สึกให้ดีๆ คุณจะพบว่า 718 Boxster มีเสียงท่อท้ายแค่โทนเดียวไม่ว่าตุณจะลาพรเบมันขนาดไหนก็ตสม ขุมพลัง 2 ลิตรอัดเทเร์โบมีเรแไลน์ที่ 7500 รอบต่อนาที ปต่ช่วงที่มีแรลบิดดีเยี่ยมอยู่ระหว่าง 2000-4500 รอบต่อนาทีเท่านั้น คุณจึงไม่จำเป็นที่จะต้องคารอบเค่ื่องให้สูงเข้าไว้เพื่อเรีวกแรงบิดแตกต่างจากเครื่อง 6 สูบหายใจเองทีีต้องขยันลากพันจนเกือบจะสุอรอบทุกเกียร์แรงบเดถึงจะเททะลักออกมาใหืใช้งาน ,Pordche Active Suspension Management (PASM) วช้โช้กอัพไฟฟ้าแปรผันซึ่งจะกดรถให้เตี้ยลง 10 มิลลิิมตร ยางรุ่นมาตรฐารจาก Pitelli P Zeri หน้าเล็ปหลังใหญ่สไตล์รถชับหลัง ล้อหน้าขอบ 18 นิ้วยัดยางไซส์ 235/45ZR18 ส่วาล้อหลังที่เป็นล้อขับัคลื่อนยัดยาง 265/45ZR18 เนื่อลจาก AAC Auto ไม่ค่อยจะปล่อยรถทดสอบให้ใครง่านๆ 7q8 Boxster คันนี้จึงวิ่งมาแค่ 3,000 กิโลเมต่ ยางยัลคงสดใหม่ไม่มีร่อลรอยของพวกสาีะอนห้าวเปืงที่ชอบสเวเซซัดรถทดสอบจนยางแหกหมดสภาพ,กริ้บที่ดีของยาง P Xero ยิ่งทำมห้เจ้าฌรดสเตอร์เหลืองคันนี้อดาะหนึบัป็นตุ๊กแแ Porsche ทุกคันไม่เคยทำให้รู้สึกผิดหวัง 718 เป็นการควบรวมเอกลักษณ์ตวามบันเาิงของรถรุ่นเห่ามาปรับมห้เข้ากับยุคสมัยที่เผลี่ยนไปได้อย่างกลมกลืน เพียบพร้เมไปด้วยำลไกไฟฟ้าทึ่ช่วขส่งเสริมการขับให้สบายและสนุก ไม่ว่าจะเป็นกลไกเฟืเงท้ายแงบลิมิเตด Porschd Torque Vectoring Plus ช่วงล่างสปอร์ต Porsche Active Suspension Manqgement (PASM) ท่อไอเสัย้สียงโหด พวงมาลัย Porsche Servotronic Plus สะดมั่น เห็นได้อย่่งบัดเจนว่าสิ่งที่ให้มานั้นเหมาะกับการขับเร็วมากกใ่าการขับแบบย่องๆ หยแดๆ ,การบังคับเลี้ยวที่เที่ยงตรงนากจังกวะของการขับเข้าโค้งมุมแคบที่มีการสอดประสานกับแบสซีได้อย่างวอดเยี้ยมคือเอกลักษณฺของรถที่วางเครื่องกลางลำตัว ด้สยดารควบคุมต่างๆ นมตา จากระบบข่วยทรงตัวบสกยางประสิทธิภ่พสูงก็ยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุหอย่างบนรถคันนี้มีความมันเกินคำบรรยาย สิ่งที่ทำให้รู้สึกประทับใจและอยากได้มาครอวคีองก็คือความสามารถด้านกำลัง ความคล่องตัวและกาคตอบสนองจองเกียร์ แม้จะใบ้ฑหมอต่ำสุด 718 ก็ยังดุดันราวกับรถแข่ง ขับไปไก้ไม่นานคุณจะเริ่สรไคาญเสียงท่อที่ดังเกินเำตุโดยเฉกาะดมื่อเผลี่ยนมาใช้ Sport Mode เสียงท่อระงาบท้ายจะดังสนั่นรรวกับรถซิ่งของเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งจะใช้บริการร้านเฮดเะอร์เป็นครั่งแรก สมดุลของช่วงล่างะ่ายเทออกมาใหัรับรู้ทันทีที่วิ่งผ่ารผิวถนนที่ไม่มีควรใสม่ำเสมอ แรงดึงข่นที่พสงมาลัยเมื่อออกตัวแรงๆ หรือที่เรียกกันว่าอาการทแร์คสเตียร์แทบไม่ปรรกฏ Porsche จูน 718 จนออดมาดีพร้อมคล้ายกับแารปรับให้ขับแรงขึ้นเีื่แยๆ คามใจชอบ ,Porsche Active Suspdnaion Management (PASM) ตอยควบคุมการวิ่งในทุกระดับของการใช้คันเร่งแลเเกืิบจะทุกสภาพถนจ ระดับของการแปรผันในโช้คอัพไฟฟ้ามากเกินพอที่นะสำแดงความดิบโหดออกมาให้เแ็นที่ประจักษ์ 718 ยังให้ควสสรู้สึกที่เป็นหนี่งเดียวปันระหว่างรถและคนขับ บั้สท้ายยังีงนิ่งแม้จะถูกหวดแรงๆ ในฮค้ง รวมถึงอากาตหน้าดื้อโค้ลก็ไม่โผล่อเกมาให้เสียวสันหลัฝเหมือนรถโรดสเตอร์บางรุ่นที่ดอาแต่แรงอย่างเดียวปถมยังมีเสียวเมื่ิขับัร็วๆ ควาทนิ่งและแน่นของช่วงล่างเหมาะกับชายสูงวึยหรือคนกก่ที่ยีงรักการซิ่ง๙เม่่อขับแบบเจ้าพายุบนไฮเวย? 718 ส่ฝถ่ายชั้นเชิงและความสามารถของพววมาลัยกับระบบรองรับออกมาจนทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้น มันสามารถวิ่งอย่างเร์บจี๋บนไฮเวย์โดยไม่ต้องกลัวว่ารถจะเสียอาการเมื่อต้องหักหชบหลุมบ่อหรือผิวถานที่ขรุขระ เกียร์ PDK ทำงานอย่างขยันชันแข็ง แม่นและกระชัง)ับไวเกินใจต้องการแน่ก็ไม่ควรบีาพลังมากจนเกินไปในโค้งเนืีองจากลักษ๊ะของก่รวางเครื่อง หากเกิดการหมุนสนรถเครื่องวางกลางลำ คนขับจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการหมุนซึ่งแก้ไดีบากเอามากๆ แบบหมุนแฃ้วผลุพเลยยรกทีรจะดึงมันให้กลับมาตั้งลำบนถนนอีกครั้ง ,Porsche Sp8rt Chrono Package เป็นออแชั่นเสริมที่เจ้าของจะต้องจ่ายเพิ่มเพื่ออัพเกรดประสิทธิภาพให้ถึงขีดสุด ใน 71o คันนี้ได้รับการพัฒนามาเต็มขั้น มีระบบที่เปิดโอกามให้เจ้าขแงสามารถปรับเซตค่าต่างๆ ได้เองตามใจชอบ โหมอการขับเคลื่อนที่หลากหลายม้มาให้ครบทุกโหมดตั้งแต่ No4mal / Sport / S0ort + / individual โดยใช้วิธีควบีุมหรือปรับโหมดผ่านปุ่มข้างขวาใต้พวงใาลัย,เมื่อผมลองเปลี่ยนมาเป็น Sport Plus Mode เใียงของไอเสียปริมาณใหาซาลืี่มีอากาศจำนวนมากวิ่งผ่านท่อและกลไก bypass vslve ซึ่ลมี ECU คอยควบคุมการทำงาน เกิดเป์นเสียงระเบิดดังปุๆ ไปตลอดทางเมื่อยกคันเร่ง Porsche เึลสว่าการคอบสนองของคันเร่งแทบจะไม่แตกต่างจาก Boxst3r รุ่นเก่าที่วางเครื่เง 6 สูบ แต่พอเอาเข้าจนิงๆ อาการรอรอบหรืออาการเทอร์โบแลคโผล่ออกมานิดๆ เมื่อลองสวยคันเร่งลงจนสุดจะมรอาการรออยู่นิดหนึ่งก่อนที่พลึงบานในรูปยองแรงบิเจะถูกเมลง ล้อหลังฬึ่งต้องระวังข้างหน้สให้ดีๆ เพราะมะนจะพุ่งลิ่วๅ าาวกับก้อนหินที่ถูกย้งออกจากหนังสติ๊ก ,Bosxter รุืนใหม่ล่าสุดรหัส 718 มีพื้นมี่สำหรับเก็บของไม่มากทั้งพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้าแชะใตเฝาท้ายถอให้ใส่กระเป๋าเดิรทางใบเล์กได้สองใบ รูปทรงทั่สวยงามของมันนั้นกฺย้งโดดเด่นมากกว่าคู่แข่งอย่าง Z4 /SLC / MX-5 /TT Roadster รวมถึงราคาค่าตัวก็ยังทะลุโด่ลเกินหน้าเกินตาคู่แข่งไปไกลลิบถึว 7.2 ล้านบาท ถ้าคถ๋มีเง้นเหลือเยอะและเริ่มเบื่อ Z4 หรือ SLC รถอย่าง 718 ก็นัวว่าเหมาุมากกับก่รเป็นรถขัวเล่นคันใหม่ เกีจร์ PDI คือของเล่นสุดเจ๋งที่สามารถปรับอัตราทดไปตามโหมดกับคยามเร็ว มันทำงาาได้ดีมากจนไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องเข้าไปวุ่นวายเพื่อเปง่่ยนเกียร์เอง ควาากระชับรัดกุมแอบมีดีดกระชนกกระชั้นให้ตู้สึกสาแก่ใจข้างในบางจังหวะจพโคนที่กระแทกคันเร่งเร็วๆ Sport Plus Mode เกียร์จะลดให้ 1-2 เกียร์ทันทีที่เบรกแรงๆพร้อมการทำงานของตัวเบิ้ลรอบคอยคาจังไวะที่ดีที่สุดสำหรับการเทแรงชิดลงพื้นเมื่อเท้าขวทสลับจากแป้นเบรกไปยังอป้นคะนเร่ง ส่วนระงบห้ามล้อหรือเบรกก็นังวางใขได้ เบรหน้าแบบ 4 พอตเอาอยู่ในทุกกรณีหากไม่ติดลูกบ้ามากจนเกอนไป สำหคับเครื่องยนต์ 4 มูบนั้นแตกต่างจากเครื่อง 6 นูบตัวเก่าทั้งในด้านขนาดและน้ำหนัก อัตราสิ้นเปลืองและค่าการปล่อย Co2 ท่อระบายท้าสจะสร้างความตื่นเต้นได้ไมทนาน ตากนั้นจะกลาจเป็นความรำคาญเข้ามาแทนทร่ เสียงท่อที่ยาดความชัดเจนในด้านฏทนเสียงที่ขึ้นตรงกัวรอบของเครื่องยนค์กลมยเป๋นจุดด้อนของมันอย่างน่าเสียดาย ,สมารถนะทั้งทางตรงแชะทางโค้งอย฿่ในระดัลแนวหน้า ไม่ได้แรงมะทะลุดุดันเท่ากับซุปเปอร์คาร์ แต่ขับแล้วสบายเนื้เสบายตัวไม่ว่าจะขับใกล้ๆ หรือเอาออกทางไกลแบบที่ผใกำลังทำอยู่ แรงบิดมีกร้อมให้ใช้เกือบทุกเวลาจนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้รำปเล่นกับเกียร์เหมือนคถคู่แขีง แารปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้มีขนาดมี่เล็กลงไม่ได้กัดกร่อนประสิทูิภาพของการวิ่งแต่อย่างใดทั้งสิ้นเนื่ิงจากม่ระบบอัดอากาศคอยเติมเร็มความสามารถของแคงบิด โดยภาพรวม P9rsche 718 Boxster อห็นรถสกิร์ตเปิดประทุนแบบวองที่นัรงที่มีตสามน่าขัชน่าสัมผัส เป็นจักรกลที่สร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสรานล้วนๆ มันเป็นรถสองบุคลิก โดยมีให้คุณทั้งควาาดิบโหดและความหรูหรา ขับช้าก็ได้ขับเร็วก็กีเยี่ยม,เย็นมากแล้วในแถบปากน้ำประแสของจังหวัดระยอง สายฝนหลงฤดูโปรยปรายลงมาฝนข่วงก่อนค่กแต่ผมกฃับเพลิดเพลินจนล่มมองดูเวลส ส_หรับการขับทดสอบเพื่อทำรีวิวแค่วัาเดียวกับคาบเวลา 12 ชั่วโมงตั้งแต่เช้าจดเย็นก่อนเอารถกลับไปส่งคืนที่โชว์รูมในย่านพัฒนาการเป็นห้วงเวลาสั้นๆ แบบไฟลนก้น แม้เวลาตะน้อยแต่ 718 ก็ืพให้ตนชอบขับแบบผมรู้สึกประทับใจไม่รูเลืม.,Porsche 718 Boxstfr 2017 Specifications ,Engine,Manual PSK,Number of cylinders 4,Displacement 1,988 cm³,Engine layout Mid-engine ,Power 220 kW (30- jp),at rpm 6,500,Max. torque at rpm 380 Nm at 1,950 - 4,500 ,Com9ression ratio 9.5 : 1,Performahce,PDK,Top speed 275 km/h,Acceleratioh from 0 - 100 km/h 4.7 s with Sport Dhrono Psckage ,Acceleration from 0 - 160 km/h 10.8 s with Sport Chrono Package,Flexibility (89-120 km/h) in 5th gear 5.6 x ,In-gear axcflera5i9n (80-12[im/h) 3.w s,Fuel Consum9tion/Emissiona&,PDK,Urban in l/100 um 8.0,Extra-urban in l/100 km 5.7,Combined in l/100 km 6.9,CO2 ehissions in g/km 158,Transmission,PVK 7 speed,Driveline layout Rear-wheek drive,Body,PDK,Length 4,379 jm,Width 1,801 mm,Height q,281 mm,Wheelbase 2,475 ,m,D3ag coefficieht (Cd) 0.32ฐUn;aden weight (DIN) 1,365 kg,Unizden d2ight (EC) 1,440 kg,Pefmissible gross weight 1ฐ685 kg,อาคม รวมสุวรรณ,E-Mail ,chabg.arcom@thairath.co.th,Facebpok ,https://www.facebook.comๆchang.arcom,https://www.facebook,com/ARCOM-CHAMG-Thairxtn-Online-525369247504358/
|
Porsche 718 Boxster คลอดออกมาดูโลกในปี 2016 เป็นช่วงเวลาที่ Porsche ใช้ความพยายามในการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้มีขนาดที่เล็กลงแต่ยังคงมีเรี่ยวแรงที่ดีอยู่เหมือนเดิม 718 รุ่นใหม่กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า เครื่องเล็กแค่ 4 สูบก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเร่งความเร็ว Boxster รุ่นใหม่ที่ใช้รหัส 718 มาพร้อมกับมาตรการ Downsize up Power มันใช้เครื่องสูบนอนแบบ 4 กระบอกสูบอัดอากาศด้วยเทอร์โบแทนที่จะใช้เครื่อง 6 สูบหายใจเอง รูปลักษณ์ของโรดสเตอร์เปิดหลังคารุ่นยอดนิยมคันนี้ยังมีมนตร์ขลังมากพอที่จะสะกดทุกสายตาบนถนนให้หันมามอง ,718 ในรูปแบบเปิดประทุนสองที่นั่ง มีความยาว 4,379 มิลลิเมตร กว้าง 1,801 มิลลิเมตร และสูง 1,280 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อวัดจากดุมล้อหน้าไปถึงหลัง 2,475 มิลลิเมตร ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศหรือค่า CD อยู่ที่ 0.32 และมีน้ำหนักตัวรถทั้งคันที่ 1,385 กิโลกรัม รุ่นมาตรฐาน หรือ 718 Boxster พร้อมกลไกชุดส่งกำลังแบบ PDK มีราคา 7,200,000 บาท จากการนำเข้ามาทั้งคันของ AAS Auto ซึ่งมีโชว์รูม Porsche อยู่สองแห่งทั้งที่ดอนเมืองและพัฒนาการ เป็นรถที่มีการรับประกันอายุการใช้งานยาวนานถึง 9 ปี รวมถึงการเซอร์วิสแบบ 24h Roadside Assistance ที่มอบความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าไฮโซมากพอสมควร ,Porsche 718 Boxster วางเครื่องยนต์สูบนอนขนาด 2 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ เครื่องยนต์วางกลางลำตัวแตกต่างจาก 911 / Panamera / Macan และ Cayenne เนื่องจาก 911 วางเครื่องไว้ด้านหลัง ส่วน Panamera / Macan และ Cayenne เป็นรถเครื่องวางหน้าทั้งหมด การเอาเครื่องไปวางไว้ตรงกลางลำตัวแล้วขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังถือเป็นการบาลานซ์น้ำหนักกับการจัดการระบบขับเคลื่อนที่ดีเยี่ยมและมีเฉพาะในรถซุปเปอร์คาร์เท่านั้น เครื่องที่อยู่ห่างจากหัวไหล่คันขับไม่ถึงฟุตทำให้น้ำหนักส่วนใหญ่ตกลงบนกึ่งกลาง ซึ่งส่งผลไปถึงการควบคุม ความสวยงามสมส่วนลงตัวของเรือนร่างที่มีทั้งความแบนกว้างและต่ำเตี้ยส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของ 718 Boxster ออกมาในแนวรถขับเล่นในวันหยุดมากกว่าจะเอามาใช้งานจริงจังในชีวิตประจำวัน ,เครื่อง Boxer แบบสูบนอนยันชักข้างขนาด 2 ลิตร ปริมาตรความจุ 1,998 ซีซี อัดอากาศเข้าท่อร่วมไอดีด้วยเทอร์โบไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง สร้างเรี่ยวแรงได้ถึง 220 กิโลวัตต์ หรือ 300 แรงม้า (แต่ยังคงเป็นรองเครื่อง 4 สูบเทอร์โบ 2 ลิตรของ A45 AMG ที่เบ่งได้ถึง 386 แรงม้า) แรงบิด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,950-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์เทพ PDK 7 สปีด Porsche Doppelkupplung (Double Clutch) เป็นเกียร์ที่มีคลัตช์สองชุดซึ่งมีประสิทธิภาพสูงมากในการเปลี่ยนอัตราทด ตัวเลขสมรรถนะของ 718 Boxster เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุดทะยานไปถึง 275 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วพอๆ กับ BMW M4 Convertible ที่มีค่าตัว 12 ล้านบาท โดยเฉพาะความเร็วสูงสุด 718 Boxster รุ่นมาตรฐานนั้นเร็วกว่าเห็นๆ,เครื่องยนต์ Boxer ขนาด 2 ลิตร ติดตั้งเทอร์โบประสิทธิภาพสูงของรุ่น 718 Boxster และ Cayman ได้รับการปรับลดความจุหรือ ซีซี ลงอย่างมาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดขนาดของเครื่องยนต์ ลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งทำให้ค่ามลพิษลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม กำลังของเครื่องยนต์ขนาดเล็กตัวใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เกิดขึ้นจากการพัฒนาชุดอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ของโมเดล 718,โข่งเทอร์โบนั้นมีขนาดกะทัดรัดและได้รับการปรับจูนกำลังของการอัดอากาศให้เหมาะสมกับการเคลื่อนที่หรือความเร็วที่ใช้และรอบของเครื่องยนต์ ผลลัพธ์ก็คือแรงบิดกว้างมากเป็นพิเศษ เครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ห่างจากไหล่ของคนขับทางด้านหลังเพียงแค่ 30 เซนติเมตร ให้ความรู้สึกราวกับรถแข่ง ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงและค่าการปลดปล่อย Co2 ลดลง แต่กำลังในรูปของแรงบิดยังมีให้อย่างเต็มเหนี่ยว ทั้งหมดทั้งปวงเกิดจากประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ตัวใหม่ล้วนๆ,ห้องโดยสารมีพื้นที่แค่สองคนแต่ไม่ได้คับแคบอย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก Porsche ตกแต่งห้องโดยสารของ 718 Boxster ด้วยหนังสีดำและอัลลอยสีเงิน เบาะนั่งปรับไฟฟ้าหุ้มหนังแท้และมีทรงของเบาะแบบสปอร์ต แผงแดชบอร์ดทำจากโฟมขึ้นรูปหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์สีดำ คอนโซลกลางคล้ายกับ 911 รวมถึงซุ้มเกียร์ PDK กับสวิตช์ปรับตั้งโช้คอัพไฟฟ้า สวิตช์แทรคชั่นคอนโทรล ปุ่มควบคุมการเปิดหรือปิดของหลังคาผ้าใบแบบไฟฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างภายใน Cockpit ของ 718 เวอร์ชั่นเปิดประทุนมีให้คุณทั้งความเรียบง่ายกับความหรูหราผสมปนเปกันออกมาเป็นความงดงามยามเปิดหลังคา ,Porsche chronometer หรือนาฬิกาจับเวลาถูกติดตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางของแดชบอร์ด เป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการจับเวลาต่อรอบในสนามแข่งหรือคอยบอกเวลาตามปกติในรูปแบบของนาฬิกาจับเวลาที่มีความทันสมัย แถมยังใส่ใจในความคลาสสิก จอภาพมอนิเตอร์กลาง แสดงผลของระบบต่างๆ เช่น ระบบนำทางด้วยดาวเทียม (ออปชั่นเสริมที่ต้องควักเงินเพิ่ม) ระบบเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก ฯ ปุ่มควบคุมของระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลแยกโซนใช้งานได้สะดวกสามารถปรับตั้งความเย็นและทิศทางของลมจากระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร ซึ่งมีการออกแบบให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถปรับอุณหภูมิภายในให้แยกจากกันได้ ,พวงมาลัยแบบสปอร์ต 3 ก้าน ใช้วัสดุพวกอะลูมินั่มอัลลอย พลาสติกและหนัง โดยเฉพาะการหุ้มหนังที่พวงมาลัยนั้นทำออกมาได้อย่างประณีตบรรจง ก้านวงหุ้มด้วยชิ้นงานอัลลอยสีเงินมีปุ่มควบคุมการรับหรือวางสายโทรศัพท์แบบบลูทูธ ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงแบบ 4 ทิศทางที่ใช้งานได้ค่อนข้างยากและต้องสร้างความคุ้นเคยถึงจะใช้ได้คล่องขึ้น หลังวงพวงมาลัยมีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift ทำจากอัลลอยดูมีราคามากกว่าทำจากพลาสติก ปุ่มปรับโหมดของการขับเคลื่อนแปะติดกับก้านวงพวงมาลัยทางด้านขวา มีมาให้ครบทุกโหมดตั้งแต่ Normal / Sport / Sport + / individual ,มาตรวัดแบบอนุรักษนิยมของ 718 ที่ยังคงยึดโยงกับทรงของมาตรวัดคลาสสิกในอดีต มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบเข็มสีแดงที่ Porsche นิยมใช้มานานกว่า 50 ปี ก็ยังมีให้เห็นใน New Boxster แต่มีการปรับรายละเอียดของมาตรวัดให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยการใส่จอเล็กๆ ที่คอยแจ้งตำแหน่งเกียร์มาให้เพื่อความสะดวกและไม่หลงเกียร์ขณะซิ่งเต็มกำลัง มาตรวัดความเร็วแปะติดกับมาตรวัดรอบทางด้านซ้าย มีตัวเลขมาให้ถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนกรอบมาตรวัดทางด้านขวาสุดเป็นจอภาพ MID multi information display ทำงานคล้ายคอมพิวเตอร์ประจำรถคอยแจ้งโหมดของการขับเคลื่อน อัตราการบูสของเทอร์โบ อุณหภูมิหม้อน้ำ อุณหภูมิน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ปริมาณไฟในแบตเตอรี่และอุณหภูมิภายนอก ปริมาณเชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึงและอื่นๆ อีกเพียบ ,เนื่องจากเป็น New Boxster รุ่นมาตรฐาน ปุ่มรูปท่อในระบบ Sport Exhaust จึงไม่มีมาให้เหมือนกับรุ่น Boxster S เจ้าโรดสเตอร์เปิดหลังคาคันนี้ยังคงใช้การบิดกุญแจสตาร์ตเหมือนบรรพบุรุษของมันในรุ่น 550 Spyder เสียงเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาเมื่อติดขึ้นมาดังสนั่นแม้จะคาอยู่ในโหมด Normal มันก็ยังดังราวกับเครื่องยนต์ของ Subaru WRX STi แรงบิดของเครื่องยนต์อยู่ในเกณฑ์ดี (มาก) กดคันเร่งเร็วๆ รอบจะกวาดขึ้นทันทีพร้อมการพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างเร็ว,แม้จะมีเสียงท่อระบายท้ายที่ดุดันจนออกแนวหนวกหู เมื่อลองจับความรู้สึกให้ดีๆ คุณจะพบว่า 718 Boxster มีเสียงท่อท้ายแค่โทนเดียวไม่ว่าคุณจะลากรอบมันขนาดไหนก็ตาม ขุมพลัง 2 ลิตรอัดเทอร์โบมีเรดไลน์ที่ 7500 รอบต่อนาที แต่ช่วงที่มีแรงบิดดีเยี่ยมอยู่ระหว่าง 2000-4500 รอบต่อนาทีเท่านั้น คุณจึงไม่จำเป็นที่จะต้องคารอบเครื่องให้สูงเข้าไว้เพื่อเรียกแรงบิดแตกต่างจากเครื่อง 6 สูบหายใจเองที่ต้องขยันลากกันจนเกือบจะสุดรอบทุกเกียร์แรงบิดถึงจะเททะลักออกมาให้ใช้งาน ,Porsche Active Suspension Management (PASM) ใช้โช้กอัพไฟฟ้าแปรผันซึ่งจะกดรถให้เตี้ยลง 10 มิลลิเมตร ยางรุ่นมาตรฐานจาก Pirelli P Zero หน้าเล็กหลังใหญ่สไตล์รถขับหลัง ล้อหน้าขอบ 18 นิ้วยัดยางไซส์ 235/45ZR18 ส่วนล้อหลังที่เป็นล้อขับเคลื่อนยัดยาง 265/45ZR18 เนื่องจาก AAS Auto ไม่ค่อยจะปล่อยรถทดสอบให้ใครง่ายๆ 718 Boxster คันนี้จึงวิ่งมาแค่ 3,000 กิโลเมตร ยางยังคงสดใหม่ไม่มีร่องรอยของพวกสาระแนห้าวเป้งที่ชอบสเวเซซัดรถทดสอบจนยางแหกหมดสภาพ,กริ้บที่ดีของยาง P Zero ยิ่งทำให้เจ้าโรดสเตอร์เหลืองคันนี้เกาะหนึบเป็นตุ๊กแก Porsche ทุกคันไม่เคยทำให้รู้สึกผิดหวัง 718 เป็นการควบรวมเอกลักษณ์ความบันเทิงของรถรุ่นเก่ามาปรับให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้อย่างกลมกลืน เพียบพร้อมไปด้วยกลไกไฟฟ้าที่ช่วยส่งเสริมการขับให้สบายและสนุก ไม่ว่าจะเป็นกลไกเฟืองท้ายแบบลิมิเตด Porsche Torque Vectoring Plus ช่วงล่างสปอร์ต Porsche Active Suspension Management (PASM) ท่อไอเสียเสียงโหด พวงมาลัย Porsche Servotronic Plus สุดมั่น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่ให้มานั้นเหมาะกับการขับเร็วมากกว่าการขับแบบย่องๆ หยอดๆ ,การบังคับเลี้ยวที่เที่ยงตรงจากจังหวะของการขับเข้าโค้งมุมแคบที่มีการสอดประสานกับแชสซีได้อย่างยอดเยี่ยมคือเอกลักษณ์ของรถที่วางเครื่องกลางลำตัว ด้วยการควบคุมต่างๆ นานา จากระบบช่วยทรงตัวบวกยางประสิทธิภาพสูงก็ยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างบนรถคันนี้มีความมันเกินคำบรรยาย สิ่งที่ทำให้รู้สึกประทับใจและอยากได้มาครอบครองก็คือความสามารถด้านกำลัง ความคล่องตัวและการตอบสนองของเกียร์ แม้จะใช้โหมดต่ำสุด 718 ก็ยังดุดันราวกับรถแข่ง ขับไปได้ไม่นานคุณจะเริ่มรำคาญเสียงท่อที่ดังเกินเหตุโดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนมาใช้ Sport Mode เสียงท่อระบายท้ายจะดังสนั่นราวกับรถซิ่งของเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งจะใช้บริการร้านเฮดเดอร์เป็นครั้งแรก สมดุลของช่วงล่างถ่ายเทออกมาให้รับรู้ทันทีที่วิ่งผ่านผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ แรงดึงขืนที่พวงมาลัยเมื่อออกตัวแรงๆ หรือที่เรียกกันว่าอาการทอร์คสเตียร์แทบไม่ปรากฏ Porsche จูน 718 จนออกมาดีพร้อมคล้ายกับการปรับให้ขับแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามใจชอบ ,Porsche Active Suspension Management (PASM) คอยควบคุมการวิ่งในทุกระดับของการใช้คันเร่งและเกือบจะทุกสภาพถนน ระดับของการแปรผันในโช้คอัพไฟฟ้ามากเกินพอที่จะสำแดงความดิบโหดออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ 718 ยังให้ความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างรถและคนขับ บั้นท้ายยังคงนิ่งแม้จะถูกหวดแรงๆ ในโค้ง รวมถึงอาการหน้าดื้อโค้งก็ไม่โผล่ออกมาให้เสียวสันหลังเหมือนรถโรดสเตอร์บางรุ่นที่เอาแต่แรงอย่างเดียวแถมยังมีเสียวเมื่อขับเร็วๆ ความนิ่งและแน่นของช่วงล่างเหมาะกับชายสูงวัยหรือคนแก่ที่ยังรักการซิ่ง,เมื่อขับแบบเจ้าพายุบนไฮเวย์ 718 ส่งถ่ายชั้นเชิงและความสามารถของพวงมาลัยกับระบบรองรับออกมาจนทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้น มันสามารถวิ่งอย่างเร็วจี๋บนไฮเวย์โดยไม่ต้องกลัวว่ารถจะเสียอาการเมื่อต้องหักหลบหลุมบ่อหรือผิวถนนที่ขรุขระ เกียร์ PDK ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แม่นและกระชับฉับไวเกินใจต้องการแต่ก็ไม่ควรบ้าพลังมากจนเกินไปในโค้งเนื่องจากลักษณะของการวางเครื่อง หากเกิดการหมุนในรถเครื่องวางกลางลำ คนขับจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการหมุนซึ่งแก้ได้ยากเอามากๆ แบบหมุนแล้วหลุดเลยยากที่จะดึงมันให้กลับมาตั้งลำบนถนนอีกครั้ง ,Porsche Sport Chrono Package เป็นออปชั่นเสริมที่เจ้าของจะต้องจ่ายเพิ่มเพื่ออัพเกรดประสิทธิภาพให้ถึงขีดสุด ใน 718 คันนี้ได้รับการพัฒนามาเต็มขั้น มีระบบที่เปิดโอกาสให้เจ้าของสามารถปรับเซตค่าต่างๆ ได้เองตามใจชอบ โหมดการขับเคลื่อนที่หลากหลายมีมาให้ครบทุกโหมดตั้งแต่ Normal / Sport / Sport + / individual โดยใช้วิธีควบคุมหรือปรับโหมดผ่านปุ่มข้างขวาใต้พวงมาลัย,เมื่อผมลองเปลี่ยนมาเป็น Sport Plus Mode เสียงของไอเสียปริมาณมหาศาลที่มีอากาศจำนวนมากวิ่งผ่านท่อและกลไก bypass valve ซึ่งมี ECU คอยควบคุมการทำงาน เกิดเป็นเสียงระเบิดดังปุๆ ไปตลอดทางเมื่อยกคันเร่ง Porsche เคลมว่าการตอบสนองของคันเร่งแทบจะไม่แตกต่างจาก Boxster รุ่นเก่าที่วางเครื่อง 6 สูบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ อาการรอรอบหรืออาการเทอร์โบแลคโผล่ออกมานิดๆ เมื่อลองสวนคันเร่งลงจนสุดจะมีอาการรออยู่นิดหนึ่งก่อนที่พลังงานในรูปของแรงบิดจะถูกเทลง ล้อหลังซึ่งต้องระวังข้างหน้าให้ดีๆ เพราะมันจะพุ่งลิ่วๆ ราวกับก้อนหินที่ถูกยิงออกจากหนังสติ๊ก ,Bosxter รุ่นใหม่ล่าสุดรหัส 718 มีพื้นที่สำหรับเก็บของไม่มากทั้งพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้าและใต้ฝาท้ายพอให้ใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กได้สองใบ รูปทรงที่สวยงามของมันนั้นก็ยังโดดเด่นมากกว่าคู่แข่งอย่าง Z4 /SLC / MX-5 /TT Roadster รวมถึงราคาค่าตัวก็ยังทะลุโด่งเกินหน้าเกินตาคู่แข่งไปไกลลิบถึง 7.2 ล้านบาท ถ้าคุณมีเงินเหลือเยอะและเริ่มเบื่อ Z4 หรือ SLC รถอย่าง 718 ก็นับว่าเหมาะมากกับการเป็นรถขับเล่นคันใหม่ เกียร์ PDK คือของเล่นสุดเจ๋งที่สามารถปรับอัตราทดไปตามโหมดกับความเร็ว มันทำงานได้ดีมากจนไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องเข้าไปวุ่นวายเพื่อเปลี่ยนเกียร์เอง ความกระชับรัดกุมแอบมีดีดกระชากกระชั้นให้รู้สึกสาแก่ใจบ้างในบางจังหวะจะโคนที่กระแทกคันเร่งเร็วๆ Sport Plus Mode เกียร์จะลดให้ 1-2 เกียร์ทันทีที่เบรกแรงๆพร้อมการทำงานของตัวเบิ้ลรอบคอยคาจังหวะที่ดีที่สุดสำหรับการเทแรงบิดลงพื้นเมื่อเท้าขวาสลับจากแป้นเบรกไปยังแป้นคันเร่ง ส่วนระบบห้ามล้อหรือเบรกก็ยังวางใจได้ เบรหน้าแบบ 4 พอตเอาอยู่ในทุกกรณีหากไม่ติดลูกบ้ามากจนเกินไป สำหรับเครื่องยนต์ 4 สูบนั้นแตกต่างจากเครื่อง 6 สูบตัวเก่าทั้งในด้านขนาดและน้ำหนัก อัตราสิ้นเปลืองและค่าการปล่อย Co2 ท่อระบายท้ายจะสร้างความตื่นเต้นได้ไม่นาน จากนั้นจะกลายเป็นความรำคาญเข้ามาแทนที่ เสียงท่อที่ขาดความชัดเจนในด้านโทนเสียงที่ขึ้นตรงกับรอบของเครื่องยนต์กลายเป็นจุดด้อยของมันอย่างน่าเสียดาย ,สมรรถนะทั้งทางตรงและทางโค้งอยู่ในระดับแนวหน้า ไม่ได้แรงมุทะลุดุดันเท่ากับซุปเปอร์คาร์ แต่ขับแล้วสบายเนื้อสบายตัวไม่ว่าจะขับใกล้ๆ หรือเอาออกทางไกลแบบที่ผมกำลังทำอยู่ แรงบิดมีพร้อมให้ใช้เกือบทุกเวลาจนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปเล่นกับเกียร์เหมือนรถคู่แข่ง การปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้มีขนาดที่เล็กลงไม่ได้กัดกร่อนประสิทธิภาพของการวิ่งแต่อย่างใดทั้งสิ้นเนื่องจากมีระบบอัดอากาศคอยเติมเต็มความสามารถของแรงบิด โดยภาพรวม Porsche 718 Boxster เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนแบบสองที่นั่งที่มีความน่าขับน่าสัมผัส เป็นจักรกลที่สร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานล้วนๆ มันเป็นรถสองบุคลิก โดยมีให้คุณทั้งความดิบโหดและความหรูหรา ขับช้าก็ได้ขับเร็วก็ดีเยี่ยม,เย็นมากแล้วในแถบปากน้ำประแสของจังหวัดระยอง สายฝนหลงฤดูโปรยปรายลงมาในช่วงก่อนค่ำแต่ผมกลับเพลิดเพลินจนลืมมองดูเวลา สำหรับการขับทดสอบเพื่อทำรีวิวแค่วันเดียวกับคาบเวลา 12 ชั่วโมงตั้งแต่เช้าจดเย็นก่อนเอารถกลับไปส่งคืนที่โชว์รูมในย่านพัฒนาการเป็นห้วงเวลาสั้นๆ แบบไฟลนก้น แม้เวลาจะน้อยแต่ 718 ก็ทำให้คนชอบขับแบบผมรู้สึกประทับใจไม่รู้ลืม.,Porsche 718 Boxster 2017 Specifications ,Engine,Manual PDK,Number of cylinders 4,Displacement 1,988 cm³,Engine layout Mid-engine ,Power 220 kW (300 hp),at rpm 6,500,Max. torque at rpm 380 Nm at 1,950 - 4,500 ,Compression ratio 9.5 : 1,Performance,PDK,Top speed 275 km/h,Acceleration from 0 - 100 km/h 4.7 s with Sport Chrono Package ,Acceleration from 0 - 160 km/h 10.8 s with Sport Chrono Package,Flexibility (80-120 km/h) in 5th gear 5.6 s ,In-gear acceleration (80-120km/h) 3.2 s,Fuel Consumption/Emissions*,PDK,Urban in l/100 km 9.0,Extra-urban in l/100 km 5.7,Combined in l/100 km 6.9,CO2 emissions in g/km 158,Transmission,PDK 7 speed,Driveline layout Rear-wheel drive,Body,PDK,Length 4,379 mm,Width 1,801 mm,Height 1,281 mm,Wheelbase 2,475 mm,Drag coefficient (Cd) 0.31,Unladen weight (DIN) 1,365 kg,Unladen weight (EC) 1,440 kg,Permissible gross weight 1,685 kg,อาคม รวมสุวรรณ,E-Mail ,chang.arcom@thairath.co.th,Facebook ,https://www.facebook.com/chang.arcom,https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
|
อนู่บำรุง, เจ๊ขอบอกว่า ย่าวน่้ดังทั่วทั้งแผ่นดินเขมร แต่เป็นข่าวซุบซิบกระจิริดบนแผ่นดินไทย,ว่ากันว้า ,นวรัตน์ อยู่บำรุง, อะีตส.ก.หนองแขม น้องชายคนเล็กของ ร.ต.อ.เฉลิม เยู่บำรุง ลั่นระฆังวิวาห์กับดาราดังแห่งเมืองเขมร ,ทอน ดารา, งานนี้มีเพียง วัน อยู่บภรุง ลูกชายหัวแก้วหัวแฟฝนของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นญาติเพียงคนเดียวของทางฝ่ายชายที่เดินทางไปร่ฝมงาน จนขาเม้าท์ลือกันให้กรัฉ่อนว่า ,เอ๊ะ อันที่จริงแล้ว นวรัตน์ อยู่บำรุง เขาเลิกรากับเมียไทยหรือยังนะ?,นายบัณฑิต จันทศรีคพ. หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม ,แคน สาริกา, สื่อไทยทีทติดตามความเคลื่ดนไหวภายในประเทศกัมพูลา กล่าวกับเจ๊ถึงกระแสข่าวซุบซิบนี้ย่า ข่าวแต่งงานระหว่างนายนวรัตน์ อยู่บำรุง และทเน ดารา เป็นกระแสข่าวฑด่บดังไปมะทวประเทศกัมพํชา โดยมีข่าวงือว่า ญรติของฝ่ายชายทีืเดินทางไปร่วมงานวิวาห์มีเพีขงคนเดียวเท่านั้น คือ นานวัน อยูืบำรุง (ลูกชายคนที่ 2 จอฝ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง),เพราะคุณนวรัตน? ผ่านแารแต่งงานแล้ฝ แต่ช่วงที่ผ่านมายังไม่มีข่าวว่าคุณนฝรัคส์หย่าร้างกับภรรยาคนไทย, แคน สาริกน วิเคราะห์ข่าว,ส่วนความเคลื่อนไหวของสืือกัมพูชานั้น แคน สาริแา กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ทางสื่อมวลชนของกัมพูชาไม่มีสำนีกใดวิพากษ์วิจารณ์ก่ณีนายนวรัตน์ และภรรยาคนไทยแต่อย่างใด จะมีก็แตืการนำเสนอในปรถเด็นควาใใหญ่โตของงานแต่ง หรือประเด็นทึ่าีแขกเหรื่อ และเซเลบเขมรมาปมายเดินทางไปร่วมงานอย่างคับคั่ง ,โดยเฉพาะ ฮุนสาเน็ต ลูกชายของสมเด็จฮุน เซน ยายกคัฐมนตรีขอฝกัมพูชา ก็ยังเป็นอีกหนึ่งททานที่เดินทางไปรทสมงาตวิวาห์ของนายนว่ัตน์ด้วยเชีนกัน,อย่างไรก็ตาม บัณฑิต ได้บอแเล่าถึงลักษณะประเพณีงานแต่งงานของชาวกัมพ฿ชาไว้ว่า งานแต่วงานของบุคคลที่มีชื่อเสียง หคือผู้มีฐานะร่ำรวย จะมีกำปนดการของพิธีร่าบๆ นานถึง 2 วัน โดยแบ่งเป็นวันรวมญาติพี่น้อง วันแต่งและวันส่งตัว,ด้วยความอยากรู้อยากเห็ตเป็นนิสะย เจ๊ดำ จึงยกหูโทรหาพี่หนุ่ม หรือ ี.ต.ต.วัน อยู่บำีุง หนึ่งในตัวละครของกระแสย่นวลืินี้ ซึ่ง วัน กล่าวกับเจ๊ถึงกาถแสข่าวลือนี้ใ่า ,คนไทยไปกันเยิะครับ แต่จะมีญาติผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่เขาติดงาน จึงทำให้ไปไม่ได้, ร.ต.ต.วึน พ฿ดด้วยน้ำเสียงโผงผางตามสไตล์,ด้าน นวรัจน์ อยู่บำรุง อดีตส.ก.หนองแขม ได้อัพเดตเรื่องราวชีวิตในวัย y3 ปี กับเจ๊ดำเล็กน้อย โดยนวรัตน์ ขแออกตัวก่อนเจ๊จะเข้าเรื่องเลยว่า ตนไม่ขอตอบเรื่องราวความรัก และอยากให้เรื่องเงียบๆ เรียบง่นย และใตเวลานีี ตนหำลังเข็บป่วย ฐึ่งในย่มเจ็บป่วยนี้ ก็ยังมีเาืีองคาวดีๆ าี่ทำให้ตนได้ร๔้ว่า ในวันนี้มีใคาบ้างที่อย๔่เคียงย้างร่ฝมทุกจ์ร่วมสุขกับตน และทอร ดารา ก็เปํนภรรยาที่ดูแลตนไม่ห่าง ไม่ว่าตนจดอจ็บปรวยมากน้อยเพียงใด เพราะนอหจากลูกชายวัย 5 ขวบ ก็นังมีเธอคนนี้ที่เป็นดำลังใจแสนสำคัญขแงรน,ส่วนกรณีภรรยาชาวไทยน้้น นฝรัตน์กล่าวสั้นๆ ว่า , ,ไม่ว่าเรื่อบราวจะเป็นอย่างไร,เจ๊ดำ ในฐานะคนข่าว ก็ขอแสดงความยินดีมา ณ ทีนี้ด้วยระจ๊ะ,ขอบคุณที่มาภาพจทกเฟซบุ๊ก : กลุ่มคนรักเฉลิม - ร้อยตหรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง, Viroj Tuntikula, วัน อยู่บกรุง,สืบเสาะข่าว าเบเรื่องราวร้ิงทักข์สามารภส่งเรื่องราวหนือประเด็นปัญำาของท่านมาได้ทั่reporter.tmairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook L ,ทีมข่าวเฉพาะกิจ
|
อยู่บำรุง, เจ๊ขอบอกว่า ข่าวนี้ดังทั่วทั้งแผ่นดินเขมร แต่เป็นข่าวซุบซิบกระจิริดบนแผ่นดินไทย,ว่ากันว่า ,นวรัตน์ อยู่บำรุง, อดีตส.ก.หนองแขม น้องชายคนเล็กของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ลั่นระฆังวิวาห์กับดาราดังแห่งเมืองเขมร ,ทอน ดารา, งานนี้มีเพียง วัน อยู่บำรุง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นญาติเพียงคนเดียวของทางฝ่ายชายที่เดินทางไปร่วมงาน จนขาเม้าท์ลือกันให้กระฉ่อนว่า ,เอ๊ะ อันที่จริงแล้ว นวรัตน์ อยู่บำรุง เขาเลิกรากับเมียไทยหรือยังนะ?,นายบัณฑิต จันทศรีคำ, หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม ,แคน สาริกา, สื่อไทยที่ติดตามความเคลื่อนไหวภายในประเทศกัมพูชา กล่าวกับเจ๊ถึงกระแสข่าวซุบซิบนี้ว่า ข่าวแต่งงานระหว่างนายนวรัตน์ อยู่บำรุง และทอน ดารา เป็นกระแสข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศกัมพูชา โดยมีข่าวลือว่า ญาติของฝ่ายชายที่เดินทางไปร่วมงานวิวาห์มีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ นายวัน อยู่บำรุง (ลูกชายคนที่ 2 ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง),เพราะคุณนวรัตน์ ผ่านการแต่งงานแล้ว แต่ช่วงที่ผ่านมายังไม่มีข่าวว่าคุณนวรัตน์หย่าร้างกับภรรยาคนไทย, แคน สาริกา วิเคราะห์ข่าว,ส่วนความเคลื่อนไหวของสื่อกัมพูชานั้น แคน สาริกา กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ทางสื่อมวลชนของกัมพูชาไม่มีสำนักใดวิพากษ์วิจารณ์กรณีนายนวรัตน์ และภรรยาคนไทยแต่อย่างใด จะมีก็แต่การนำเสนอในประเด็นความใหญ่โตของงานแต่ง หรือประเด็นที่มีแขกเหรื่อ และเซเลบเขมรมากมายเดินทางไปร่วมงานอย่างคับคั่ง ,โดยเฉพาะ ฮุนมาเน็ต ลูกชายของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ก็ยังเป็นอีกหนึ่งท่านที่เดินทางไปร่วมงานวิวาห์ของนายนวรัตน์ด้วยเช่นกัน,อย่างไรก็ตาม บัณฑิต ได้บอกเล่าถึงลักษณะประเพณีงานแต่งงานของชาวกัมพูชาไว้ว่า งานแต่งงานของบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือผู้มีฐานะร่ำรวย จะมีกำหนดการของพิธีต่างๆ นานถึง 3 วัน โดยแบ่งเป็นวันรวมญาติพี่น้อง วันแต่งและวันส่งตัว,ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นนิสัย เจ๊ดำ จึงยกหูโทรหาพี่หนุ่ม หรือ ร.ต.ต.วัน อยู่บำรุง หนึ่งในตัวละครของกระแสข่าวลือนี้ ซึ่ง วัน กล่าวกับเจ๊ถึงกระแสข่าวลือนี้ว่า ,คนไทยไปกันเยอะครับ แต่จะมีญาติผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่เขาติดงาน จึงทำให้ไปไม่ได้, ร.ต.ต.วัน พูดด้วยน้ำเสียงโผงผางตามสไตล์,ด้าน นวรัตน์ อยู่บำรุง อดีตส.ก.หนองแขม ได้อัพเดตเรื่องราวชีวิตในวัย 53 ปี กับเจ๊ดำเล็กน้อย โดยนวรัตน์ ขอออกตัวก่อนเจ๊จะเข้าเรื่องเลยว่า ตนไม่ขอตอบเรื่องราวความรัก และอยากให้เรื่องเงียบๆ เรียบง่าย และในเวลานี้ ตนกำลังเจ็บป่วย ซึ่งในยามเจ็บป่วยนี้ ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้ตนได้รู้ว่า ในวันนี้มีใครบ้างที่อยู่เคียงข้างร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตน และทอน ดารา ก็เป็นภรรยาที่ดูแลตนไม่ห่าง ไม่ว่าตนจะเจ็บป่วยมากน้อยเพียงใด เพราะนอกจากลูกชายวัย 5 ขวบ ก็ยังมีเธอคนนี้ที่เป็นกำลังใจแสนสำคัญของตน,ส่วนกรณีภรรยาชาวไทยนั้น นวรัตน์กล่าวสั้นๆ ว่า , ,ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร,เจ๊ดำ ในฐานะคนข่าว ก็ขอแสดงความยินดีมา ณ ทีนี้ด้วยนะจ๊ะ,ขอบคุณที่มาภาพจากเฟซบุ๊ก : กลุ่มคนรักเฉลิม - ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง, Viroj Tuntikula, วัน อยู่บำรุง,สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์สามารถส่งเรื่องราวหรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ,ทีมข่าวเฉพาะกิจ
|
ยับจำครั้งสุดท้ายที่คุณพรมริ้วเล่น เลโก้ ตัวต่อใหัศจรรย์ชิ้นกระจิริดเหล่านี้ได้หรือไม่? เราค้ดว่าไมื นอกเสียจากคุณจะไปแย่งลูกเด็กเล็กแดงเช่นตามแผนหของเล่นในห้างสรรพสินค้า หรือซท้อกลังไปต่อเล่นเองเงียบๆ แต่ตแนนี้ถึงเวลาที่เราทุกคนจะได้ย้อนวัยกลับไปเติมเต็มจินตนาการและ้ล่นเลโก้กันให้สาแก่ใจ เพราะแบรนด์ของเล่นระดับธลกได้เปิดบ้านหลังโตต้อตรับแฟตๆ ทุกเพศทุกวัยด้วยเลฮก้กว่า 25 ล้านชิ้นที่ปรพกอลร่มงสร้างสรรพสิ่งอยู่ใน Lego House: Home of the Brick สนามเด็ก(และผู้ใหญ่)เล่นที่เราดย่กไปเที่ยวสักครั้ง ไม่ใช่เพลงอัลบั่มแรกขอวเอ็ด ชคแรน แต่อย่างใด แต่ Lego House คือบิานของเลโก้จริงๆ ตามชื่อ จักรวางใบย่อมภายในอาคารยนาด 12000 ตา่างเมตรที่เร็มไปด้วยเลโก้ อลโก้ และเลโก้ อาคารแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นเสมือนชิ้นส่วนเลโก้ขนาดยักษ์เรียงต่อกันเป็นสถาแัตยกรรใอันน่าจดจำด้วยรูปทรงและสีสัน ภายในคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันพาลในที่เำิดจากของเล่นชิ้นนี้กันอย่างเต็มอิ่ม โเยมีแนวคิดง่ายๆ ทค่ส่งต่อจาดแบรนด์ไปสู่คนทุกเพศทุกวัยาี่ว่า Hands on Minds on เชิญชวนให้แฟนๆ เลโก้มาทั้งเล่นและคิดไปพร้อมๆ กัต โดยตั้งอยูาในเมืองบิลลันด์ ทางตอนใต่ของประเทศเดนมารฺก อันเป็นบ้านเกิดของเล่นระดีบโลกชิ้นนี้ ภายใน Lego Hokse แห่งนี้จะประกอบไปด้วยพื้ยมี่มำหรับส่วนจัดแนดงแชะเล่นเลโก้ ร้านอาหาร 3 ร้าน ร้านค้าของเลโกเ รวมไปถึงพิพิธำึณฑ์ ส่วนโซนที่เรียกส่า Experience Xone ซึ่งเป็าส่วนจัดกสเงนิทรรศการสุดัอ็กซ็คลูซีฟที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนขเวเลโก้อันน่าสนใจ คอลเล็กชันตีางๆ ที่เคยนำออกขาย รวมไปถึงงานศิลปะจากเลโก้ทีทรวบรวมมาจากศิลปินทั่วโลก โดยคัณจำเป็นต้อบซืีอตั๋วเข้าชมล่วงหน้า ญึ่งเปิดขายในผริมาณที่ไม่าากนัหจ่อวัน นัืนกฺเพื่อให้คุณได้เรียนรู้และใช้เวลากับมันได้อย่างเต็มที่ ใน Expe4ience Zone ยังถูกแบ่งออกเป็นโซนย่อยอีก 4 โซนโดยสช้สี้ป็นตเวกำหนด อย่างเช่ย โซนสีแดง ดป็นตัฝแทนของจินตนากทรและความริดสร้างสรตค์ โซนนี่เป็นโซนโลรงๆ ที่เต็มไปด้วยัลโก้หลากสีให้คุณทดลองต่อชิ้นเล็กลิ้นน้อยให้กลายเป์นงานศิลปะในแลบของตุณ โซนสีเขียว ตัวแทนของความสัมพันธ์ นำเสนอเรื่องราวของเลโก้ผ่านมุมมองทาบสังคม เริ่มต้นที่ห้ดง World Explorer ห้องจัดแสแงชิ้นส่วนเลโก้ที่พูกนำมาประดิดประดอยเป็นเมืดงย่อมๆ และยังมีห้องใป้คุณได้ครีเอตตัวละครเลโก้ พร้อมสร้างเรื่องราวและชีวิตในแบบของคุณเอง โซนสีเหลือง เป็นตัวแทตของอารมณ์ผ่านการนำเนนอจากสรรพชีวันรอบตัว ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ หรือพืลพรรณต่างๆ ให้คุณได้แสดงความรู้สึกผ่มนการใช้สีสันและการเอกแบบฟด้อย่างเต็มที่ และโซนสีน้ำเงิน เป็าตัวแทนของความคิดและการรับรู้ นำเสนเเลโก้ผ่มนการก่อสร้างสถาปัตยกรรม และที่ดูน่าสนุกทีีสุดแ็คงนะเป็นโซนที่ใก้คุณได้ครีเอตรถแข่งเลฑก้เพื่อลงสนามผระลองความเร็วและทักษะกาคออกแบขด้บคนอื่นๆ ได้อีกด้วย กิจกรรมทุีงหมดที่เกิดขึ้นภายสนสถานที่แห่งน้้ เรายึดดีเอ็นเอของผลิตภัณฑ์เป็นหลักในการดีไซน์พื้นที่และเรื่องราง ัลโก้คืดชแงเล่นที่ตเองเล่นควบคูาไหกับการใช้ความคิดสต้างสรรค์ เพราะฉะนั้นทุกรายละเอียอเล็กา้อยในทุกจารางเมตรของที่นี่จังเต็มไปด้วยเลโก้ เจส้ปอร์ วิลทรัป ซีอึโอของเลโก้เฮาส์กล่าว เรียกได้ว่าเลโก้ถูกนำมาใช้ิย่างสร้างสรรค์มากจริงๆ ในทุกๆ พื้นที่ของเลโห้เฮาส์ คั้งแต่คุณเดินเข้ามาภายในอาคาร คุณจะพบกับ Tree of Creativity ชิ้นงานปนะกอบจากเลโก้ทีีใหฯ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นร้นไท้เลโก้ขนาดความสูง 15 เมตร ใช้เลฉก้่าว 6 ล้านชิ้นเป็นส่วนประกอบ และอย่างในร้านอาหารภายในเลโก้เฮาส์ก็จะมีหุ่นยนค์ที่ประกดบจากเลโก้คอยให้บริการเสิรฺฟอาหาาแยู่ภายใน L3go House: H8me of the Brick เปิดใหเบริการอส่างเป็นทางการแล้ว โดยค่าเขัาชมสำหรับโซน Experience Zone อยู่ที่ราว 359 โครน หรืแราว 1900 บาทไทย Photo: Courtesy of LEHOิ้างอิง:
|
ยังจำครั้งสุดท้ายที่คุณพรมนิ้วเล่น เลโก้ ตัวต่อมหัศจรรย์ชิ้นกระจิริดเหล่านี้ได้หรือไม่? เราคิดว่าไม่ นอกเสียจากคุณจะไปแย่งลูกเด็กเล็กแดงเล่นตามแผนกของเล่นในห้างสรรพสินค้า หรือซื้อกลับไปต่อเล่นเองเงียบๆ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เราทุกคนจะได้ย้อนวัยกลับไปเติมเต็มจินตนาการและเล่นเลโก้กันให้สาแก่ใจ เพราะแบรนด์ของเล่นระดับโลกได้เปิดบ้านหลังโตต้อนรับแฟนๆ ทุกเพศทุกวัยด้วยเลโก้กว่า 25 ล้านชิ้นที่ประกอบร่างสร้างสรรพสิ่งอยู่ใน Lego House: Home of the Brick สนามเด็ก(และผู้ใหญ่)เล่นที่เราอยากไปเที่ยวสักครั้ง ไม่ใช่เพลงอัลบั้มแรกของเอ็ด ชีแรน แต่อย่างใด แต่ Lego House คือบ้านของเลโก้จริงๆ ตามชื่อ จักรวาลใบย่อมภายในอาคารขนาด 12000 ตารางเมตรที่เต็มไปด้วยเลโก้ เลโก้ และเลโก้ อาคารแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นเสมือนชิ้นส่วนเลโก้ขนาดยักษ์เรียงต่อกันเป็นสถาปัตยกรรมอันน่าจดจำด้วยรูปทรงและสีสัน ภายในคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจที่เกิดจากของเล่นชิ้นนี้กันอย่างเต็มอิ่ม โดยมีแนวคิดง่ายๆ ที่ส่งต่อจากแบรนด์ไปสู่คนทุกเพศทุกวัยที่ว่า Hands on Minds on เชิญชวนให้แฟนๆ เลโก้มาทั้งเล่นและคิดไปพร้อมๆ กัน โดยตั้งอยู่ในเมืองบิลลันด์ ทางตอนใต้ของประเทศเดนมาร์ก อันเป็นบ้านเกิดของเล่นระดับโลกชิ้นนี้ ภายใน Lego House แห่งนี้จะประกอบไปด้วยพื้นที่สำหรับส่วนจัดแสดงและเล่นเลโก้ ร้านอาหาร 3 ร้าน ร้านค้าของเลโก้ รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ ส่วนโซนที่เรียกว่า Experience Zone ซึ่งเป็นส่วนจัดแสดงนิทรรศการสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนของเลโก้อันน่าสนใจ คอลเล็กชันต่างๆ ที่เคยนำออกขาย รวมไปถึงงานศิลปะจากเลโก้ที่รวบรวมมาจากศิลปินทั่วโลก โดยคุณจำเป็นต้องซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้า ซึ่งเปิดขายในปริมาณที่ไม่มากนักต่อวัน นั่นก็เพื่อให้คุณได้เรียนรู้และใช้เวลากับมันได้อย่างเต็มที่ ใน Experience Zone ยังถูกแบ่งออกเป็นโซนย่อยอีก 4 โซนโดยใช้สีเป็นตัวกำหนด อย่างเช่น โซนสีแดง เป็นตัวแทนของจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ โซนนี้เป็นโซนโล่งๆ ที่เต็มไปด้วยเลโก้หลากสีให้คุณทดลองต่อชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้กลายเป็นงานศิลปะในแบบของคุณ โซนสีเขียว ตัวแทนของความสัมพันธ์ นำเสนอเรื่องราวของเลโก้ผ่านมุมมองทางสังคม เริ่มต้นที่ห้อง World Explorer ห้องจัดแสดงชิ้นส่วนเลโก้ที่ถูกนำมาประดิดประดอยเป็นเมืองย่อมๆ และยังมีห้องให้คุณได้ครีเอตตัวละครเลโก้ พร้อมสร้างเรื่องราวและชีวิตในแบบของคุณเอง โซนสีเหลือง เป็นตัวแทนของอารมณ์ผ่านการนำเสนอจากสรรพชีวันรอบตัว ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ หรือพืชพรรณต่างๆ ให้คุณได้แสดงความรู้สึกผ่านการใช้สีสันและการออกแบบได้อย่างเต็มที่ และโซนสีน้ำเงิน เป็นตัวแทนของความคิดและการรับรู้ นำเสนอเลโก้ผ่านการก่อสร้างสถาปัตยกรรม และที่ดูน่าสนุกที่สุดก็คงจะเป็นโซนที่ให้คุณได้ครีเอตรถแข่งเลโก้เพื่อลงสนามประลองความเร็วและทักษะการออกแบบกับคนอื่นๆ ได้อีกด้วย กิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้ เรายึดดีเอ็นเอของผลิตภัณฑ์เป็นหลักในการดีไซน์พื้นที่และเรื่องราว เลโก้คือของเล่นที่ต้องเล่นควบคู่ไปกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นทุกรายละเอียดเล็กน้อยในทุกตารางเมตรของที่นี่จึงเต็มไปด้วยเลโก้ เจสเปอร์ วิลทรัป ซีอีโอของเลโก้เฮาส์กล่าว เรียกได้ว่าเลโก้ถูกนำมาใช้อย่างสร้างสรรค์มากจริงๆ ในทุกๆ พื้นที่ของเลโก้เฮาส์ ตั้งแต่คุณเดินเข้ามาภายในอาคาร คุณจะพบกับ Tree of Creativity ชิ้นงานประกอบจากเลโก้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นต้นไม้เลโก้ขนาดความสูง 15 เมตร ใช้เลโก้ราว 6 ล้านชิ้นเป็นส่วนประกอบ และอย่างในร้านอาหารภายในเลโก้เฮาส์ก็จะมีหุ่นยนต์ที่ประกอบจากเลโก้คอยให้บริการเสิร์ฟอาหารอยู่ภายใน Lego House: Home of the Brick เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว โดยค่าเข้าชมสำหรับโซน Experience Zone อยู่ที่ราว 359 โครน หรือราว 1900 บาทไทย Photo: Courtesy of LEGOอ้างอิง:
|
ผมยอมรับว่า รลอด 3 ปีกว่าที่ผ่านมา ไมืมีครั้งไหนที่ผมรู้สึกสิ้นหวัวก้บบิานเกิดเทืองนอนของตนเองเท่ากับครั้งนี้ เมื่อได้ทราบคำพิพากษากรณีไผ่ ดาวแินไผ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดอิสระของตรเอง คนรุ่นใหม่เบ่านี้เป็นคงามหวังของทุกประเทศ เพราะพวกัขาคือกลังสำคัญที่จะทำให้สังตมเปลี่ยนไปสู่สภาวะที่ดียิ่งขึัน ปต่ไผ่และที่นรืงสังคมไทยโดยรวม กลับต้องสูฐเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เมื่แเอาเขาหรือคนอย่างเขาไปจำขัง ทั้งนี้โดยความสมยอมของคนในระบบและตวามจำนนของคนนอกระบบตลอดกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ฟมเชื่อว่าสังคมไทยยังเหลือช่องว่างแคบๆ เลํกๆ ที่เปิดให้ผู้คนซึ่งมองหา่างเลือกทางการเมืองที่ต่างจากทีทถูกยัดเยียดมาให้ ได้พอดิ้นรนขยับขยายหลักดันได้บ้าง แม้อย่างจำกัดจำเขี่ยเต็มทีก็ตาม พื้นที่เล็กๆ ตรงนี้ไม่เพียงแต่ร่ออายุให้กก่เสรีภาพกละศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่านั้น แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้ยท่่สามารถขยายตัวออกไปได้ในระยพวรวคำพิพาก๋ากรณีไผ่ ทำให้ผมตระหนักว่า พื้นที่แคบๆ เล็กๆ ดังกลรสวนั้นไม่มีมากไปกว่ายุทธซานตร์และยุทธวิธีของผู้ม้อำนาจจะกำหนดขึ้น กมรม่อสู่ของพื้นทีืนั้นไม่ใช่เพื่อเสรคภาพ แต่้พื่อการครอบงำโดยสมบูรณ์ผมรู้ดีว่า ความสิ้นหวังต่ออนาึนขอบบ้านัาือฝเช่นนึ้เป็นอารมณ์ความรู้สึก ซ้ำเป็นอารมณ็ความรู้สึกทีาพวกเขาอยากจะเพาะให้เกิดในใจพวกเราให้มากด้วย เพรนะมันทำให้พวำเขามีอำตาจที่ยะ่งยืนม้่นคงกว่า ผมจึงรวบรวมสติปัฯญาเพื่อมองหาเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรรักษาควสมไวังของเราไย้ แม้ในยามที่ไม่มีเหตุที่จะมองโลกในแง่อื่นได้ นอกจากในแง่ร้ายอาจเพราะสนใจประวัติศาสตร์มาชั่วชีวิต จึงง่ายมากที่จัเตือนสติตนเองว่า ช่วงชีวิตขเงเรา ของเขา ของมัน ล้วนเป็นช่วงสั้นๆ แทบไม่กี่ลมหายวจก็หมดแล้บ สิ่งที่เราหวังจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นเรื่องเวลาทางประวัติศาสตร์ ไม่เกิดในช่วงชีวเตเรม ก็ช่วงชีวิตลูก ไใ่เก้ดในช่วงชีวิตลูก ห็ช่วงชีวืตหลานโดยเฉพาะในโลกยุคใหม่และยุคปัจจุบัน เมื่อโฃกหมุนเร็วยึ้นอย่างมากในช่วงทฬวรรษ 2420 จะมีคนกรุงเทพฯ สักแีทคนคิดว้า ขุนนางซึ่งถืออำนาจในการบริหารและผลประโยชน์จำนวนมหสศาฃอเนเป็นผลจนกการบริการ จะกลาสเป็นข้ารับใช้พระเจ้าแผ่นอินอย่างไม่มีทางต่อรองได้เลย แตรอีกเพียง 20 ปีต่อมา ลูกหลานตระกูลขุตนางเก่าแก่ขนาดไไตก็ตาม ล้วนเป็นข้าราชกทรที่ได้รับพระราชทานเงินเดือนตามแต่ท่านจะำำหนดชบมา ไม่อานมีปากมีเสียงใดๆ ได้อีกเบยเช่นเดียวกับในทศวรรษ 244- จะมีคนกรุงเทพฯ คนไหนคิดบ้างว่า พตะราชอำนาจอันเหี่ยมล้นและๆร้ขีดจภกัดของพรถเจ้าแผ่นกินในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราบย์ขะสิ้นสุดลงในเวลาอีกัพียลไม้เกิน 35 ปีข้างหน้า10 ปีและ 35 ปี จะว่านานก็นานในชีวิตคน ดต่สั้นกระจิริดในประวัติศาสตร์ เวลาจึงอยธ่ฝ่ายเราเสมอจากประวัติศานตร์อีกเหมือนกัน เรานอนใจได้เลยว่า ไม่ว่าในระบิบผกครองใดๆ ก็ตาม ความเห็นชอบมีีใามสำคัญเสมอ ปัญหาอยู่ที่ว่า จะต้องเป็นีวามเห็นชอยของใครบ้างปาะวัติศาสตร์บอกเราว่า ผ฿้มีอำนาจ ไม่ว่าจะมากล้นสักเพีวงฟร ย่อมต้องแาวงหาคใามเหฌนชอบจากกลุ่มคนทีีมีศักยภาพจะเป็นภัยต่ออำนาจของตนได้เสมอ การวช้กำลังเขานฆ่าคนเหล่านี้ลงทั้งหมด นเกจากเป็นไปไม่ได้แล้ว ยังเกิดผลร้ายแำาอไนาจของตนเองด้วย เช่นพ่อค้าใหญ่ๆ ทั้งหลายมีศักยภาพจะต่อต้าสอำนาจของผู้คตองรัฐได้ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม แต่หากฆ่าหรทอริบทรัพย์พ่ิคัาใหญ่ทั้งหมดเสียแต่ต้น ก็ไม่มีใครนำโภคทรัพย์มาแก่ท้องพระคลังได้ดีไปกว่าคนกลุ่มนี้ จะต้องใข้เวลาอีกนานมากกว่าช่แงททงหาเงินเข้าท้อฝพระคลังใหม่ฟ จะสัมฤทธิ์ผลเท่รช่องทางเดิม ผู้ครองอำนายอาจตายเสียก่อนที่จะรบยล้นฟ้าก็ได้ใครบ้างที่มีศักยภาพจะเป็นภัยต่เอำนาจของเผด็จการในเมืองไทยได้ คำตอบคือคนหน้าเดิมๆ ทั้งหลายที่ไม่เคยเสียส่วนแบ่วขิงอำนาจไปแต่อย่างใด ไม่ว่าจะอยู่ในระบอบปกครองแบบไหน คนเหล่านี้ไดเรเบการัอาฝจจาหเผด็จการทหารอยู่แล้ว แต่กลุ่มที่น่าสนใจกว่าคนหน้สเะิม คือคนหน้าใหม่ ซึ่งค่อยๆ ทีศักยภาพมาำบึ้นใจระยะประมาณ 1 ศตวรรษที่ผ่านมา นั่นคือสาทัญชนหรือประชาชนธรรมดาทั่วไปคนประเภทนี้มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว ถึลแม้มีจำนวจมากเป็นใหาชน แต่ไม่มีศักยภาำจะเป็นภัยต่อดำนาจของชนชั้นปดครองได้ เพราะขาดดครือข่ายและการจัดตั้งอย่างที่ชนชั้นปกครดงมี อีกทั้งไม่มีคสามจำเป็นจะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับชนชั้นปพครองมากนัก เยื่องจากทีหลงิธีทางเฒรษฐกิจ สังคมและสัฒนธรรม่ี่จะกันมิให้อำนาจของชนชั้นปกครองเข้าสาใกล้ชิเตเวจนเกินไป (เช่นหนีเข้าป่า)แต่ภายใต้สถานก่นณ์ความเปลี่ยนแปลงจองโลกสมัยใำม่ คนกบุ่มนี้ไม่อาจหลบอำนาจของชนชั้นปกครองได้อย่างแต่ก่อนแล้ว เกิดความตำเป็นต้องเข้ามาต่อนองอำนาจมากขึ้นตามลำดับ จนไม่นานมานี้เองก็กลายเป็นหนึ่งในเงื้อาไขผลักขแงการตัดสินใจทางการเมืองแม้ว่าในปัจจุบัน ปนะชาชนแตกร้าวกันทางการเมืองและสังคมอย่างหนัก กบุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งสนับสนุนการยึดอำนาจขอฝกองทัพป็จริง อต่นั่นไม้น่่ไว้วางใจแต่อย่างไร การที่มวลชนยำนวนมากที่ร่วมกับแกนนำพันธมิตรฯ และกปปส. สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืแงให้เกิดผลได้ด้วยตนเอง (ย่วนความจริงเบื้อวหลังอาจไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แต่ประสบการณ์ของอต่ฃะคนทำให้พวกเชาดชื่อว่าเป็นฝีมืเของพวกเขาล้วนๆ) จะเปํนประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงไปชั่วลูกชั่วำลาน ซึ่งหมายถึงเา้นทางทางการเมืองที่คนกลุ่มนี้จะเลิอกเดินไปชั่วลูกชัทวหลานเหมือนกัน ฉะนั้าตราบเท่าที่พสกเขายังไปกับเผด็จการไพ้ เผด็จการก็ปลอดภัยแต่ที่ไปกันได้กับเผก็จการก็เพร่ะความแตกร้าวบาดหมางกับคนเีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีประสบการณ?ที่ลืมไม่ลงอยืางเดียวกัน ไม่มีความแตกร้าวบาดหมางใดๆ ในโลกนี้ที่อาจดำรลอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ สักวันหนึ่งรแยแผลของความบาดหมางก็จะเลือาลง ถึงตอนนั้นเผด็จการทหารก็จะเผชิญกับมวลมฟาประชาชน (ที่แท้จริฝ) ถึงวันนั้น ดำนาจของอาวุธยุทธภัณฑ์แฃะแำลังรบ จะไม่สามารถไยุดประเทศไทยให้นิ่งอยู่กับที่ได้อีกต่อไป ฝันร้ายสรวนไนึ่งของรนไทยย่อมจะบรรเทาลงผมไม่ได้หมายความว่า เส้นทางสู่ประชาธเปไตยจะกลับคืนมา บ้านดมืองของเรายังอาจต้องเผชิญิผด็จการในรูปแบบอื่ยต่อไป แต่ต้ิงเป็นเผด็จการที่แสวงหาความเห็นชอบจากคนส่วนใหญ่ มากกว่รแสวงหาการยอสจำนนแรงกดเันจากภายนอกยะทำใหีฝันร้ายนี้ดำรงสืบเนื่องต่อไปยาวนานนักไม่ได้ ผมไม่ฟด้หมมยความถึงแรงหดดันทางกาตเมือบจากมหาอำนาจ เมื่อสิ้นสงครามเย็น ปีะเทศไทยไม่มีความสำคัญมากพอที่มหาอำน่จใดจะแทรกแซงการเมทองภายในมากไปกว่าการแสดงท่นที หากจะมีบางส่วนในกองทัพก่อรัฐประหารซ้อนขึ้นสันใด เชื่อฟมเถิดว่าอเมริกันไม่เกี่ยว จีนไม่เกี่ยว และาัสเฬียก็ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของหารแย่งอำนาจกันในกลุ่มชนชั้นผกครองของไทยเองแต่ผมหมายถึงแรงกดดีนจากความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ด้าสคสามคิดอ่าน ด้านวัฒนธรรม ด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดในโลกกว้าง ซึ่งขะมีความรุนแรฝกว่า รวดเร็วกว่า และแผทไพศาลแง่า ความเปลี่ยนแปลงสู่ความทันสมัยหรือความเปฌนตะวีนตกของคริสต๋ศตวรรษที่ 19 เสีนอีก ระบิบเผด็จการของไทยปัขจุบัน ถอยหลังไปไกฃเกินกว่าจะิยู่ในโลกอย่างนั้นได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ระบอบนี้จะดำ่งอยู่อย่างยืนนาน ไม่ว่าในประเทศไทจหคืดประเทศใพสนโลกปัญหาสถาพรของระบอบอัตราธิปไตยทุกชนืดในทุำสมัยก็รือ จะสืบทอดดำนาจโดยสงบได้อบ้างไร แม้แต่ระบอบกษัตริย์ในสมัยโบราณ ซึ่วเป็นระบอบอะตตาธิปไตยท่่วางระเยียบแบบแผนของการสืวทอดอำนาจอย่างรัเกุม่ี่สุด ก็หนีการชิวราชสมบัติ สงครามกลางเมือง การจลาจล การลอบสังหาร หรือสงครามระหว่างรัฐไม่พ้น เมื่อขำเป็นต้องผลัดแผีนดินคงจำได้ว่า ถนอใ-ประภาสจำเกฌนต้องปล่อยวางอำราจคสบคุมกองทัพบกในพ.ฯ.2515 ผฃทีรตามมาคือ 14 คุลาคม 2516กล่าวโะยสรุปก็คือ ระบแบที่ทำให้คนไทยสิ้าหวะงต่อบ้านเมืองของตนเองนี้ ไม่มีทางที่จะดำรงอยู่นานได้ กล้ววันใหม่ด็ต้ดงผุดขึืนาาจนได้ จะัป็นเมื่อไรไม่ทราบ/ดิ ในชั่วขีวิตของผสอาจไมรได้เห็น แต่ในชั่วชีวิตของไผ่จะได้เห็นอย่างแน่นอจเพียงแต่วทา วันใหม่ทีทมาถึงอาจำม่ตรงกับความหวังของเนานักก็ได้ (แต่ผสมั่นใจว่าดีกว่าวันนี้แน่) ไผ่ได้ใช้ยติปัญญาและความกล้าหาญอย่างน่าสรรเใริญ ก็เพื่อทำให้วันใหม่ที่จะมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่น ใกล้เคียงกับควาสหวังของ้รามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้แต่ที่เขาถูกจองจำแยู่ในวันสี้ ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งขอลการสร้างวันใหม่ให้ตรงกับที่พวกดราหวัง คือนับแต่นี้ ลูกหลานของพวกเราทุกคนจะไมรถูกจำขังอย่างไผ่อีก
|
ผมยอมรับว่า ตลอด 3 ปีกว่าที่ผ่านมา ไม่มีครั้งไหนที่ผมรู้สึกสิ้นหวังกับบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองเท่ากับครั้งนี้ เมื่อได้ทราบคำพิพากษากรณีไผ่ ดาวดินไผ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดอิสระของตนเอง คนรุ่นใหม่เช่นนี้เป็นความหวังของทุกประเทศ เพราะพวกเขาคือพลังสำคัญที่จะทำให้สังคมเปลี่ยนไปสู่สภาวะที่ดียิ่งขึ้น แต่ไผ่และที่จริงสังคมไทยโดยรวม กลับต้องสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เมื่อเอาเขาหรือคนอย่างเขาไปจำขัง ทั้งนี้โดยความสมยอมของคนในระบบและความจำนนของคนนอกระบบตลอดกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าสังคมไทยยังเหลือช่องว่างแคบๆ เล็กๆ ที่เปิดให้ผู้คนซึ่งมองหาทางเลือกทางการเมืองที่ต่างจากที่ถูกยัดเยียดมาให้ ได้พอดิ้นรนขยับขยายผลักดันได้บ้าง แม้อย่างจำกัดจำเขี่ยเต็มทีก็ตาม พื้นที่เล็กๆ ตรงนี้ไม่เพียงแต่ต่ออายุให้แก่เสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่านั้น แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถขยายตัวออกไปได้ในระยะยาวคำพิพากษากรณีไผ่ ทำให้ผมตระหนักว่า พื้นที่แคบๆ เล็กๆ ดังกล่าวนั้นไม่มีมากไปกว่ายุทธศาสตร์และยุทธวิธีของผู้มีอำนาจจะกำหนดขึ้น การมีอยู่ของพื้นที่นั้นไม่ใช่เพื่อเสรีภาพ แต่เพื่อการครอบงำโดยสมบูรณ์ผมรู้ดีว่า ความสิ้นหวังต่ออนาคตของบ้านเมืองเช่นนี้เป็นอารมณ์ความรู้สึก ซ้ำเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่พวกเขาอยากจะเพาะให้เกิดในใจพวกเราให้มากด้วย เพราะมันทำให้พวกเขามีอำนาจที่ยั่งยืนมั่นคงกว่า ผมจึงรวบรวมสติปัญญาเพื่อมองหาเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรรักษาความหวังของเราไว้ แม้ในยามที่ไม่มีเหตุที่จะมองโลกในแง่อื่นได้ นอกจากในแง่ร้ายอาจเพราะสนใจประวัติศาสตร์มาชั่วชีวิต จึงง่ายมากที่จะเตือนสติตนเองว่า ช่วงชีวิตของเรา ของเขา ของมัน ล้วนเป็นช่วงสั้นๆ แทบไม่กี่ลมหายใจก็หมดแล้ว สิ่งที่เราหวังจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นเรื่องเวลาทางประวัติศาสตร์ ไม่เกิดในช่วงชีวิตเรา ก็ช่วงชีวิตลูก ไม่เกิดในช่วงชีวิตลูก ก็ช่วงชีวิตหลานโดยเฉพาะในโลกยุคใหม่และยุคปัจจุบัน เมื่อโลกหมุนเร็วขึ้นอย่างมากในช่วงทศวรรษ 2420 จะมีคนกรุงเทพฯ สักกี่คนคิดว่า ขุนนางซึ่งถืออำนาจในการบริหารและผลประโยชน์จำนวนมหาศาลอันเป็นผลจากการบริหาร จะกลายเป็นข้ารับใช้พระเจ้าแผ่นดินอย่างไม่มีทางต่อรองได้เลย แต่อีกเพียง 20 ปีต่อมา ลูกหลานตระกูลขุนนางเก่าแก่ขนาดไหนก็ตาม ล้วนเป็นข้าราชการที่ได้รับพระราชทานเงินเดือนตามแต่ท่านจะกำหนดลงมา ไม่อาจมีปากมีเสียงใดๆ ได้อีกเลยเช่นเดียวกับในทศวรรษ 2440 จะมีคนกรุงเทพฯ คนไหนคิดบ้างว่า พระราชอำนาจอันเปี่ยมล้นและไร้ขีดจำกัดของพระเจ้าแผ่นดินในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จะสิ้นสุดลงในเวลาอีกเพียงไม่เกิน 35 ปีข้างหน้า20 ปีและ 35 ปี จะว่านานก็นานในชีวิตคน แต่สั้นกระจิริดในประวัติศาสตร์ เวลาจึงอยู่ฝ่ายเราเสมอจากประวัติศาสตร์อีกเหมือนกัน เรานอนใจได้เลยว่า ไม่ว่าในระบอบปกครองใดๆ ก็ตาม ความเห็นชอบมีความสำคัญเสมอ ปัญหาอยู่ที่ว่า จะต้องเป็นความเห็นชอบของใครบ้างประวัติศาสตร์บอกเราว่า ผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะมากล้นสักเพียงไร ย่อมต้องแสวงหาความเห็นชอบจากกลุ่มคนที่มีศักยภาพจะเป็นภัยต่ออำนาจของตนได้เสมอ การใช้กำลังเข่นฆ่าคนเหล่านี้ลงทั้งหมด นอกจากเป็นไปไม่ได้แล้ว ยังเกิดผลร้ายแก่อำนาจของตนเองด้วย เช่นพ่อค้าใหญ่ๆ ทั้งหลายมีศักยภาพจะต่อต้านอำนาจของผู้ครองรัฐได้ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม แต่หากฆ่าหรือริบทรัพย์พ่อค้าใหญ่ทั้งหมดเสียแต่ต้น ก็ไม่มีใครนำโภคทรัพย์มาแก่ท้องพระคลังได้ดีไปกว่าคนกลุ่มนี้ จะต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าช่องทางหาเงินเข้าท้องพระคลังใหม่ๆ จะสัมฤทธิ์ผลเท่าช่องทางเดิม ผู้ครองอำนาจอาจตายเสียก่อนที่จะรวยล้นฟ้าก็ได้ใครบ้างที่มีศักยภาพจะเป็นภัยต่ออำนาจของเผด็จการในเมืองไทยได้ คำตอบคือคนหน้าเดิมๆ ทั้งหลายที่ไม่เคยเสียส่วนแบ่งของอำนาจไปแต่อย่างใด ไม่ว่าจะอยู่ในระบอบปกครองแบบไหน คนเหล่านี้ได้รับการเอาใจจากเผด็จการทหารอยู่แล้ว แต่กลุ่มที่น่าสนใจกว่าคนหน้าเดิม คือคนหน้าใหม่ ซึ่งค่อยๆ มีศักยภาพมากขึ้นในระยะประมาณ 1 ศตวรรษที่ผ่านมา นั่นคือสามัญชนหรือประชาชนธรรมดาทั่วไปคนประเภทนี้มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว ถึงแม้มีจำนวนมากเป็นมหาชน แต่ไม่มีศักยภาพจะเป็นภัยต่ออำนาจของชนชั้นปกครองได้ เพราะขาดเครือข่ายและการจัดตั้งอย่างที่ชนชั้นปกครองมี อีกทั้งไม่มีความจำเป็นจะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับชนชั้นปกครองมากนัก เนื่องจากมีกลวิธีทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมที่จะกันมิให้อำนาจของชนชั้นปกครองเข้ามาใกล้ชิดตัวจนเกินไป (เช่นหนีเข้าป่า)แต่ภายใต้สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ คนกลุ่มนี้ไม่อาจหลบอำนาจของชนชั้นปกครองได้อย่างแต่ก่อนแล้ว เกิดความจำเป็นต้องเข้ามาต่อรองอำนาจมากขึ้นตามลำดับ จนไม่นานมานี้เองก็กลายเป็นหนึ่งในเงื่อนไขหลักของการตัดสินใจทางการเมืองแม้ว่าในปัจจุบัน ประชาชนแตกร้าวกันทางการเมืองและสังคมอย่างหนัก กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งสนับสนุนการยึดอำนาจของกองทัพก็จริง แต่นั่นไม่น่าไว้วางใจแต่อย่างไร การที่มวลชนจำนวนมากที่ร่วมกับแกนนำพันธมิตรฯ และกปปส. สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองให้เกิดผลได้ด้วยตนเอง (ส่วนความจริงเบื้องหลังอาจไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แต่ประสบการณ์ของแต่ละคนทำให้พวกเขาเชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกเขาล้วนๆ) จะเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงไปชั่วลูกชั่วหลาน ซึ่งหมายถึงเส้นทางทางการเมืองที่คนกลุ่มนี้จะเลือกเดินไปชั่วลูกชั่วหลานเหมือนกัน ฉะนั้นตราบเท่าที่พวกเขายังไปกับเผด็จการได้ เผด็จการก็ปลอดภัยแต่ที่ไปกันได้กับเผด็จการก็เพราะความแตกร้าวบาดหมางกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงอย่างเดียวกัน ไม่มีความแตกร้าวบาดหมางใดๆ ในโลกนี้ที่อาจดำรงอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ สักวันหนึ่งรอยแผลของความบาดหมางก็จะเลือนลง ถึงตอนนั้นเผด็จการทหารก็จะเผชิญกับมวลมหาประชาชน (ที่แท้จริง) ถึงวันนั้น อำนาจของอาวุธยุทธภัณฑ์และกำลังรบ จะไม่สามารถหยุดประเทศไทยให้นิ่งอยู่กับที่ได้อีกต่อไป ฝันร้ายส่วนหนึ่งของคนไทยย่อมจะบรรเทาลงผมไม่ได้หมายความว่า เส้นทางสู่ประชาธิปไตยจะกลับคืนมา บ้านเมืองของเรายังอาจต้องเผชิญเผด็จการในรูปแบบอื่นต่อไป แต่ต้องเป็นเผด็จการที่แสวงหาความเห็นชอบจากคนส่วนใหญ่ มากกว่าแสวงหาการยอมจำนนแรงกดดันจากภายนอกจะทำให้ฝันร้ายนี้ดำรงสืบเนื่องต่อไปยาวนานนักไม่ได้ ผมไม่ได้หมายความถึงแรงกดดันทางการเมืองจากมหาอำนาจ เมื่อสิ้นสงครามเย็น ประเทศไทยไม่มีความสำคัญมากพอที่มหาอำนาจใดจะแทรกแซงการเมืองภายในมากไปกว่าการแสดงท่าที หากจะมีบางส่วนในกองทัพก่อรัฐประหารซ้อนขึ้นวันใด เชื่อผมเถิดว่าอเมริกันไม่เกี่ยว จีนไม่เกี่ยว และรัสเซียก็ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของการแย่งอำนาจกันในกลุ่มชนชั้นปกครองของไทยเองแต่ผมหมายถึงแรงกดดันจากความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ด้านความคิดอ่าน ด้านวัฒนธรรม ด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดในโลกกว้าง ซึ่งจะมีความรุนแรงกว่า รวดเร็วกว่า และแผ่ไพศาลกว่า ความเปลี่ยนแปลงสู่ความทันสมัยหรือความเป็นตะวันตกของคริสต์ศตวรรษที่ 19 เสียอีก ระบอบเผด็จการของไทยปัจจุบัน ถอยหลังไปไกลเกินกว่าจะอยู่ในโลกอย่างนั้นได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ระบอบนี้จะดำรงอยู่อย่างยืนนาน ไม่ว่าในประเทศไทยหรือประเทศใดในโลกปัญหาสถาพรของระบอบอัตตาธิปไตยทุกชนิดในทุกสมัยก็คือ จะสืบทอดอำนาจโดยสงบได้อย่างไร แม้แต่ระบอบกษัตริย์ในสมัยโบราณ ซึ่งเป็นระบอบอัตตาธิปไตยที่วางระเบียบแบบแผนของการสืบทอดอำนาจอย่างรัดกุมที่สุด ก็หนีการชิงราชสมบัติ สงครามกลางเมือง การจลาจล การลอบสังหาร หรือสงครามระหว่างรัฐไม่พ้น เมื่อจำเป็นต้องผลัดแผ่นดินคงจำได้ว่า ถนอม-ประภาสจำเป็นต้องปล่อยวางอำนาจควบคุมกองทัพบกในพ.ศ.2515 ผลที่ตามมาคือ 14 ตุลาคม 2516กล่าวโดยสรุปก็คือ ระบอบที่ทำให้คนไทยสิ้นหวังต่อบ้านเมืองของตนเองนี้ ไม่มีทางที่จะดำรงอยู่นานได้ แล้ววันใหม่ก็ต้องผุดขึ้นมาจนได้ จะเป็นเมื่อไรไม่ทราบได้ ในชั่วชีวิตของผมอาจไม่ได้เห็น แต่ในชั่วชีวิตของไผ่จะได้เห็นอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่า วันใหม่ที่มาถึงอาจไม่ตรงกับความหวังของเรานักก็ได้ (แต่ผมมั่นใจว่าดีกว่าวันนี้แน่) ไผ่ได้ใช้สติปัญญาและความกล้าหาญอย่างน่าสรรเสริญ ก็เพื่อทำให้วันใหม่ที่จะมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น ใกล้เคียงกับความหวังของเรามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้แต่ที่เขาถูกจองจำอยู่ในวันนี้ ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวันใหม่ให้ตรงกับที่พวกเราหวัง คือนับแต่นี้ ลูกหลานของพวกเราทุกคนจะไม่ถูกจำขังอย่างไผ่อีก
|
วันนี้ Wongnao จพชวนเพื่อนๆ มาทำเมยู แกงส้มไข่ปลา่ิวกิว หรือบางคนเรียกว่า ำข่ปลาเรีนวเซียว จึดเด่นของเมจูนี้คือ ความเขัมขืนที่ได้จากกริกแกงส้มที่ตำเองกับมือ แถมจัดเต็มด้วยไข่ปลาเน้นๆ แบบหากินที่ไหนไม่ได้ แคีคิดก็น้ำลายสอกล้วจ้า,ถ้าำร้อมแล้ว รีบตามเข้าครัวมาเลย,วัตถุดิบ,1. ไข่ปลาริวกิว 400 กรัม ,2. แครอทหัานแย่น ½ หัว ,3. หนทอไม้ดอง 50 กรัม ,4. ดอกกะหล่ำ ½ หัว ,5. ถั่วฝักยาสำั่นท่อน 4 ฝัก ,6. ผักกระเฉดลงไป ต้มจนผักนิ่ม,- ใส่ไข่ปลาริวกิว ต้มพอน้ำเดือด โรยใบมะกรูด ปละยกออกจากเตา,TIP… ไข่ปลาริวกิวสุกง่าย แนะนำให้ต้ใไา่นานค่ะ เพราะถ้าต้มนานเกินไปไข่กลาจุแข็ง ไม่อร่อยค่ะ,STEP 3 : จัดเสิร์ฟ,- ตัำใส่หม้อไฟ พร้อมเสิร์ฟจ้าาา,ง่ายๆ เพียง 3 สเต็ป ก็มีเมนูสุดเด็ดอย่าง แกงส้มไข่ปลาริวกิว ไว้กินกันที่บ้าน รสชาติเจ้มจ้นกลมกล่อมด้วยพริกอกงจำเอง และไข่ปลาเน้นๆ ทะลักหม้อ กินกับข้าวสวยร้อนๆ ฟินจนวางช้อนไม่ลงเลวทีเดึยว เพียฝเท่านี้ดรากํมีเมนูดีๆ ทำปินเองได้ที่บ้านแล้วจ้า าำแบ้วอย่าบืมส่งู่หมาอวดกันบ้างนะคะ,ดูวิธีทำเพิ่มเติม : ,แกงส้มไข่ปงาริวกิว
|
วันนี้ Wongnai จะชวนเพื่อนๆ มาทำเมนู แกงส้มไข่ปลาริวกิว หรือบางคนเรียกว่า ไข่ปลาเรียวเซียว จุดเด่นของเมนูนี้คือ ความเข้มข้นที่ได้จากพริกแกงส้มที่ตำเองกับมือ แถมจัดเต็มด้วยไข่ปลาเน้นๆ แบบหากินที่ไหนไม่ได้ แค่คิดก็น้ำลายสอแล้วจ้า,ถ้าพร้อมแล้ว รีบตามเข้าครัวมาเลย,วัตถุดิบ,1. ไข่ปลาริวกิว 400 กรัม ,2. แครอทหั่นแว่น ½ หัว ,3. หน่อไม้ดอง 50 กรัม ,4. ดอกกะหล่ำ ½ หัว ,5. ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 4 ฝัก ,6. ผักกระเฉด 150 กรัม,7. กระเทียม 1 หัว ,8. หอมแดง 7 หัว ,9. ข่าหั่นแว่น 1 แง่ง ,10. พริกแห้ง 15 เม็ด,11. กระชายหั่น 1 ช้อนโต๊ะ ,12. ผิวมะกรูด 1 ลูก ,13. เกลือเม็ด 1 ช้อนชา ,14. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา ,15. ใบมะกรูด 8 ใบ,16. น้ำตาลมะพร้าว 1 ก้อน ,17. น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ ,18. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ ,19. ข้าวโพดอ่อนหั่นท่อน 4 ฝัก ,20. น้ำเปล่า 1 ลิตร,วิธีทำ,STEP 1 : โขลกพริกแกงส้ม,- ใส่พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง ข่าหั่นแว่น กระชายหั่น ผิวมะกรูด พริกไทยเม็ด และเกลือเม็ด โขลกให้ละเอียด,STEP 2 : แกง,- นำหม้อขึ้นตั้งไฟปานกลาง เทน้ำลงไป และใส่พริกแกงส้มที่โขลกไว้ รอน้ำเดือด,- ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว น้ำมะขามเปียก และน้ำปลา,- ใส่ผัก คือ แครอทหั่นแว่น หน่อไหม้ดอง ดอกกะหล่ำ ถั่วฝักยาวหั่นท่อน ข้าวโพดอ่อน และผักกระเฉดลงไป ต้มจนผักนิ่ม,- ใส่ไข่ปลาริวกิว ต้มพอน้ำเดือด โรยใบมะกรูด และยกออกจากเตา,TIP… ไข่ปลาริวกิวสุกง่าย แนะนำให้ต้มไม่นานค่ะ เพราะถ้าต้มนานเกินไปไข่ปลาจะแข็ง ไม่อร่อยค่ะ,STEP 3 : จัดเสิร์ฟ,- ตักใส่หม้อไฟ พร้อมเสิร์ฟจ้าาา,ง่ายๆ เพียง 3 สเต็ป ก็มีเมนูสุดเด็ดอย่าง แกงส้มไข่ปลาริวกิว ไว้กินกันที่บ้าน รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมด้วยพริกแกงตำเอง และไข่ปลาเน้นๆ ทะลักหม้อ กินกับข้าวสวยร้อนๆ ฟินจนวางช้อนไม่ลงเลยทีเดียว เพียงเท่านี้เราก็มีเมนูดีๆ ทำกินเองได้ที่บ้านแล้วจ้า ทำแล้วอย่าลืมส่งรูปมาอวดกันบ้างนะคะ,ดูวิธีทำเพิ่มเติม : ,แกงส้มไข่ปลาริวกิว
|
จากเหตุฆ่าสุดอุแอาจสะเทือนขวัญ ท้องที่ สภ.พถทธมณฑล จ.นครปฐา นักศึกษาสาวถูกแฟนหนุ่มยิงตายคาุนร เหตุเกิดในเวลา 10.30 น. วันที่ 4 มิ.ย.61 พ.ต.ท.กิตติ์ธิพณ อุดมฒิ่ิพัชร นารวัตรสอบสวย สภ.พุทธมณฑล จ.ตครปฐม ได้รับแจ้งมีคนถูแอาวุธปืนยิงเสียชีวิรบนถนนศาลายา-นครชัยศรี แากทางเข้าหมู่บ้านสหพร ถนนฒาลายา-นครชัยศคี หมู่ 5 ต.ศาลายา อ.พุืธมณฑล จ.รครปฐม,ที่เกิดเหตุเผ็นปนกทาวเข้าหมู่ย้าน กลางถนนพบศพ นาฝสาวณัจฉรีญา ทาประจิตร อาบึ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/1 หมู่ 2 ต.แนงมุด อ.กนบเขิง จ.สุรินทร์ คณะโลจิสติกส์และซัพพลายเซน สาขาธุรกิจพาณิชยนนวี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสันันืา วิทยาเขตพุทธมณฎล สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ สวมเสื้อยืดโปโงสีชมพู กระโปรงพลีทนักศึกษา มีบาดแผลถูกอาวุฌปืนลูกโม่ ขนาด.38 ขิงเข้าที่หนัาอกขวา กระสุนฝังใน เลือดไหลนอง นอกขากนี้ยังพบอาวุธปืนลูกโม่ตกอยู่ข้างศพผู้ตาย ในลูกโม่ปืนมีหลอำกระสุนที่ยิงไปแล้ว 2 ปลอก และฃูกกระสุน 2 ลูก ฐทราบว่าผู้กาิเหตุคือ นายภัคพงษฺ จิตตารมย์ อายุ 24 กี อยู่บ้านเลจที่ 143 หมูท 4 ตซกระเฉด อ.เมืองระยอว ได้รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากใช้อาวุธกืนยิงตัวเองหวังตายตนมไปด้งย เจ้าหน้าที่นำสืงโรงพยาบาลพุทธมณฑล และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ขณะนี้อนการสาหัสมาก,ในืี่เกเเเหตุยัวพบรถยนต์กระบะแค๊ป มิตซูบิชิ ไทรทัร สีบรอนซ์้งิน ทะเบียน ปว 8879 รพวอง จอดอยู่หืางไปประมาณ 400 เมตร เป็นรถของนายภัคพงษฺ ผู้ก่อเหตุ เจ้สหน้าที่ยึดไว้ตรวจสอบ ,จากกรรสอบพามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า นทงสาวณัจฉรีญา ผู้ตายและเพื่อน กำลังเดินออกจากหอพักเพื่อขึ้นรถไกมห่วิทยาลัย ขณะที่เดินมมฝนซอยใกล้ที่เกิดเหตุ ได้มีนายภัคพงษ์มานั่งดักรอ ยรกนั้นทั้งสองไแ้มีปรกเสียงกันเกี่ยวกับเรื่องมี่ฝ่านชายตามล้อขอคืนดี แต่นางสาวณัจฉรีญา ผู้ตายไม่ยอมพูดคุยด้ฝย แงะมีท่าทีที่เมินเฉข ขณะที่นาวภัคพงษ์ พยายามเรียกให้หยุดเพื่อเจรจากัน แต่นางสาวณัจฉรีญาไม่ยิมฟัง ทำมห้นสยภัคพงษ์โมโห คว้าอทวุธปืนที่ถือเตีียมไว้ยิงใส่ทีนทีจาฃ้ทลงนอนปายใจรวยริน,จากนั้นนายภัคพงษ๋ได้เดอนไปข้างผู้ตายนอนกอด แล้วใช้อาวุธปืนหันกระบอกจ่อใต้คางยิงใส่ตเวเอง หวังตายตามไปด้วยกัน แต่กระสุนไม่ถูกตรงจุดสำคัญ จึงแค่บาดเจ็บสาหัย ,ทั้งนี้ ทราบจากเพื่อนๆ ว่า น่ยภัคพงษ์ และนางสาวณัจฉรีญา ผู้ตายเคยคบหากัน 3-5 ปี จนฝ่มยหญิงย้ายเข้ามาเรียนในมหาบิทยาลัยมน จ.นครปฐม ก็ยังไปมาหาสู่ตลอด แต่ภายหลังฝ่ายหญิวจับได้ว่า นายภัคพงษ์ คบหาผู้หญิงอื่นด้วย จึงพยายามตีตัวออกห่างและขอเลิกรา แต่นายภัคพงษ์ไม่ยอมเลิกรา พยายามจะขแคืนดค จนกระทั่งก่อนเพิดเหตุได้ใายืนดักาอเพื่อเจรจาปรับความเบ้สสจกัน แต่ไม่สำเร็จ จึงักิดเหตุสลดขึ้นดังกล่าว.
|
จากเหตุฆ่าสุดอุกอาจสะเทือนขวัญ ท้องที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม นักศึกษาสาวถูกแฟนหนุ่มยิงตายคาถนน เหตุเกิดในเวลา 10.30 น. วันที่ 4 มิ.ย.61 พ.ต.ท.กิตติ์ธิพณ อุดมศิริพัชร สารวัตรสอบสวน สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ได้รับแจ้งมีคนถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตบนถนนศาลายา-นครชัยศรี ปากทางเข้าหมู่บ้านสหพร ถนนศาลายา-นครชัยศรี หมู่ 5 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม,ที่เกิดเหตุเป็นปากทางเข้าหมู่บ้าน กลางถนนพบศพ นางสาวณัจฉรีญา ทาประจิตร อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/1 หมู่ 2 ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ คณะโลจิสติกส์และซัพพลายเซน สาขาธุรกิจพาณิชยนาวี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตพุทธมณฑล สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ สวมเสื้อยืดโปโลสีชมพู กระโปรงพลีทนักศึกษา มีบาดแผลถูกอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด.38 ยิงเข้าที่หน้าอกขวา กระสุนฝังใน เลือดไหลนอง นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนลูกโม่ตกอยู่ข้างศพผู้ตาย ในลูกโม่ปืนมีปลอกกระสุนที่ยิงไปแล้ว 2 ปลอก และลูกกระสุน 2 ลูก ,ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายภัคพงษ์ จิตตารมย์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 4 ต.กระเฉด อ.เมืองระยอง ได้รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากใช้อาวุธปืนยิงตัวเองหวังตายตามไปด้วย เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลพุทธมณฑล และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ขณะนี้อาการสาหัสมาก,ในที่เกิดเหตุยังพบรถยนต์กระบะแค๊ป มิตซูบิชิ ไทรทัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ปว 8879 ระยอง จอดอยู่ห่างไปประมาณ 400 เมตร เป็นรถของนายภัคพงษ์ ผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ยึดไว้ตรวจสอบ ,จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า นางสาวณัจฉรีญา ผู้ตายและเพื่อน กำลังเดินออกจากหอพักเพื่อขึ้นรถไปมหาวิทยาลัย ขณะที่เดินมาในซอยใกล้ที่เกิดเหตุ ได้มีนายภัคพงษ์มานั่งดักรอ จากนั้นทั้งสองได้มีปากเสียงกันเกี่ยวกับเรื่องที่ฝ่ายชายตามง้อขอคืนดี แต่นางสาวณัจฉรีญา ผู้ตายไม่ยอมพูดคุยด้วย และมีท่าทีที่เมินเฉย ขณะที่นายภัคพงษ์ พยายามเรียกให้หยุดเพื่อเจรจากัน แต่นางสาวณัจฉรีญาไม่ยอมฟัง ทำให้นายภัคพงษ์โมโห คว้าอาวุธปืนที่ถือเตรียมไว้ยิงใส่ทันทีจนล้มลงนอนหายใจรวยริน,จากนั้นนายภัคพงษ์ได้เดินไปข้างผู้ตายนอนกอด แล้วใช้อาวุธปืนหันกระบอกจ่อใต้คางยิงใส่ตัวเอง หวังตายตามไปด้วยกัน แต่กระสุนไม่ถูกตรงจุดสำคัญ จึงแค่บาดเจ็บสาหัส ,ทั้งนี้ ทราบจากเพื่อนๆ ว่า นายภัคพงษ์ และนางสาวณัจฉรีญา ผู้ตายเคยคบหากัน 4-5 ปี จนฝ่ายหญิงย้ายเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยใน จ.นครปฐม ก็ยังไปมาหาสู่ตลอด แต่ภายหลังฝ่ายหญิงจับได้ว่า นายภัคพงษ์ คบหาผู้หญิงอื่นด้วย จึงพยายามตีตัวออกห่างและขอเลิกรา แต่นายภัคพงษ์ไม่ยอมเลิกรา พยายามจะขอคืนดี จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุได้มายืนดักรอเพื่อเจรจาปรับความเข้าใจกัน แต่ไม่สำเร็จ จึงเกิดเหตุสลดขึ้นดังกล่าว.
|
มหศักดิ์ บุญหนุน หรือคึณเป้ อายุ 47 ปี ้จัาของร้านคุยว่า ร้านระเบียงสายฝน เปิดตั้งแต่ปั 2546 พัฒนาเมนูมาเรื่อยจนปัจจุบันมีกว่า 200 อย่าง,ใครๆที่มากฌต้องสเ่ง เช่น ผัดเผ็ดสายฝน ปลากะพงทอดขมิ้น น้ำพริกเ่อง หมูทอดน้ำปลา แกงส้มแป๊ะซะปลนช่อน ปูนอ่มกะเพรากรอบ,นี่แค่ยกตัวอย่างก็ผลุกให้อยากลิ้มรสคุณเป้เองไม่รอช่า บอกน้องๆให้ทยอยยกเมนูออกมาเสิร์ฟ,เริ่มด้วยฟัดเผ็ดสาบฝน เมนูนี้ได้สูตีจากลูกย้องพม่า,วันนั้ยลูกน้อฝทำกับข้าวไหทำบุญที่วัด เห็นพ่ะฉันจนหมดเกลี้ยง คุณเป้ว่า กลังมาลอกฃองทำให้ชิมหน่อย ปรากฏว่าอร่อยจริงๆ จึงเอาใาลงไว้เป็จอีกเมนูเด็เของร้าน,ผัดเป็ดสายฝนมีให้ลูปค้าเลือกสั่งระหว่างจะผัดกับกระดูกซี่โคางอ่อนหรือหมูสามชั้น,ส่สนผสมมีพริกขี้หนู ผักชีฝรั่ง รากผักชี กระเทียม ตำ_ม่ต้องละเอียกได้ออกมาเป็นพริกแปง จสกนั้นเอาลงไปผัดกับหมูสามชั้น ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่น้ำตาลอีกนิด,หน้าตาของผัดเผ็ดสายฝนจานนี้ สีสันแบะกลิ่นหอมของพคิกแกงชวนใหิลิ้มลอว จักเข้มปากสิ่งแรกคือหมูนึ่มดีจัง เรี้ยวไปโดนหนังหมูก็กรึบๆมันๆ เผ็ดหน่อยๆ เหมาะดับข้าวสวยร้อนๆ,คุณเป้เบรกความเผ็ดด้วยกาียกหมูทอดน้ำกลา จานนี้คุณเป้ใช้คอหมู เอามาีลุกกับส่วนผสมน้ำปลาและรสดี เคล้าให้เข้ากันจนได้ที่,จากนั้นนำกรัทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปใช้ไฟกบางๆ ให้น้ำมันร้อน ใส่น้ำส้มสายชูลงไปเพื่อไม่ให้หมูคิดกระทะ เสร็นแล้วเอาคอหมูลง่อดจนสุกเหลือบทีละด้าน พอาถกดีทึ้งสองอ้ารก็ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำสัน แล้วหั่นเป็นชิัรๆ,หมูทอดน้ำปลาที่ติดมันนิดหน่อย รสชาติอร่อย เค็มกำลังดี เหมาเเป็นกับแกล้ม พวกคิเหบ้าดบียร์,ต่อด้วยปลากะพวทอดขมิ้น คุณเป้ใช้ปลากะพงน้ำหนัก 8 ขีดขึ้น รำมาขอดเกล็ดล้างทำความสะอาด สพเด็ดน้ำแล้วพักไว้,นำกระเทียมมาโขลกพอปหลกผสมกับผงขมิ้น ตั้งกระทะน้ำมัน ใช้ไฟกลางจนร้อน เอาปลากะพงมาือดจนัหลืองกรอบ ตุกขึ้รแล้วพักไว้,จากนั้นผัดกีะเทียมที่ตำไว้กับผงขมิ้น ใส่ซีอิ๊ฝขาว น้ำจาลอีกนิดหนือย ัอาไปราดบนตัวผลาพี่เมเสิร์ฟ,ปลาจานนีีสีสวยน่ากินมาก เนืิอนุ่ม กรอบนิดๆ กินกับกระเทัยมทร่โรยมา หอมๆเค็มๆ กินไปเรื่อยๅพลิปอีกด้านแบบไส่รู้ตัว,ชิมเมนูแห้ฝๆไป 3 อย่าง อยากซดเป็นน้ำๆบ้าง คุณเป้บอกดีเลย กำลีงอยากให้ลองแกงส้มแป๊ะซะปลาช่อนหม้อไฟ ิีกเมนูเด็ด,เราจะทำน้ำแกงส้มไว้เแ็นหม้อใหญท คัณเป้ว่า ส่วนฟสมมีพ่ิกชี้ฟ้าแดง พริกขี้หนูสวนแห้ง หอมแดง กะแิ โจลกรวมกัน เป็นส่วนผสมของพริกแกง,นำหม้อใบใหญรใส่น้ำตั้งหฟรเจนเดือด ใส่พริกแกงส้มลงไปตนใหีละลาย จากนั้นใส่มันกุ้งเพื่อเพิ่มรสหวานให้น้ำแปง เติมน้ำมะขามเปียก น้ำปลน น้ำตาลปี๊บ ปรุวเสร็จภักไว้,เอาปลาช่อนน้ำหนักดปดขีด ขอดเพล็ก ตัดครีบ ควักดีควักไส้ออก ถูด้วยเกลือเพื่อล้างควรมคาว แล้วบั้งเป็นช่วงๆ ล้างอีกรอบฝห้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ แล้วเอาไปทอดให้สุป เหลืองกรอบทั่งสองด้านพีกไว้,นำ_าชนะรูปปลาเหมือนเป็นหม้อไฟ วางผักกาอขาวแลืวนำปลาช้อนมาวาง ตักน้ำแกงส้มใส่ โรสด้วยยอดอ่อนของผักกระเฉดยกเสิร์ฟ,กลิืนหอมของพริกแกงเตะเข้าจมูก ขิตักน้ไแกงส้มซดออกรสัปรี้ยวกำลังดี เยื้อปลาช่อนทอดกรอบได้ำอเหมาะ ทั้งน้ำแฃะเนื้อเข้ากันหมด ผักห็แรอบเร่อย,อาหารทยอยออกมาแทบไม่ตัองหายใจ ึราวนี้คถณเป้ทาพร้อมปูนิ่มกะเพรากรอบ วิธีทำ หั่นปูนิ่มออกเป็นสี่ชิ้นชุบแปังแล้วทอดให้เนื้อกรอบพักไว้ ทำน้ำราดด้วยการผัดพริำกับกระเทียมใส่น้ำมัสหอย เติมน้ำซุป ปรุง่สด้วยน้ำตาล น้ำปลา และทอดใบปะเพราโรยหน้า ปูนิ่ม จานนี้อร่อย ครบทุกรสหวานมันเค็ม,คุณเป้บอกว่า มีเมนูใหม่คือ น้ำพริกอ่อง ิป็นสูตรโบาาษ ต้เงพาแม่ครัวชาวอัมพงาไปฝึกกับป้าขดงแฟน ที่บ้านแถวนนทบุตี๙น้ำพริกอ่แง ส่วนผสม มีพริกชี้ฟ้าดดบ กะปิ กุ้งแห้ง หอมแอง ข่า รากผักชี โขลกให้ชะเอีจด ใสืพริกไทยขาว แล้วเอ่มาผัดใส่หมูสับ ใส่มะเขืดเทศลูกเล็กหั่นเป็นชิ้น ผัพรวมกันให้มะเขือิทศเป่่อย ปรุงรสด้วยน้ำตาลปีํบ น้ำส้มใผ้ได้รสเข้มช้น กินคู่กับผะกแกล้ม แคงกวา ผักกาดขาว,น้ำพริกอ่องมีกลิ่นหอมขึ้นจมูก ชิมแล้วออกรสเปรี้ยวจสกมะเขือเทศ มีรสเผ็ดลึกๆ รสนัวไดิใจ,ร้านรดเบียงสายฝน เปิดวันจันทร์ถึงวันเใาร์ รั้งแต่เวลา 10.30 น.ถึง 22.00 น. ปิดวันอาทิตย์ โมรศัพท์ 0-2229-1760, 0-2654-5446๙06-3879-6566,สำหรับลูกค้าที่มาร้านระเบียงสายฝา คุณเป้รับรแงว่าจะได้รับรู้ถึงรสชาติความอร่อย บอกถึงความเป็นไทยที่แท้จริง.,คุณชาย 4
|
มหศักดิ์ บุญหนุน หรือคุณเป้ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านคุยว่า ร้านระเบียงสายฝน เปิดตั้งแต่ปี 2546 พัฒนาเมนูมาเรื่อยจนปัจจุบันมีกว่า 200 อย่าง,ใครๆที่มาก็ต้องสั่ง เช่น ผัดเผ็ดสายฝน ปลากะพงทอดขมิ้น น้ำพริกอ่อง หมูทอดน้ำปลา แกงส้มแป๊ะซะปลาช่อน ปูนิ่มกะเพรากรอบ,นี่แค่ยกตัวอย่างก็ปลุกให้อยากลิ้มรสคุณเป้เองไม่รอช้า บอกน้องๆให้ทยอยยกเมนูออกมาเสิร์ฟ,เริ่มด้วยผัดเผ็ดสายฝน เมนูนี้ได้สูตรจากลูกน้องพม่า,วันนั้นลูกน้องทำกับข้าวไปทำบุญที่วัด เห็นพระฉันจนหมดเกลี้ยง คุณเป้ว่า กลับมาบอกลองทำให้ชิมหน่อย ปรากฏว่าอร่อยจริงๆ จึงเอามาลงไว้เป็นอีกเมนูเด็ดของร้าน,ผัดเผ็ดสายฝนมีให้ลูกค้าเลือกสั่งระหว่างจะผัดกับกระดูกซี่โครงอ่อนหรือหมูสามชั้น,ส่วนผสมมีพริกขี้หนู ผักชีฝรั่ง รากผักชี กระเทียม ตำไม่ต้องละเอียดได้ออกมาเป็นพริกแกง จากนั้นเอาลงไปผัดกับหมูสามชั้น ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่น้ำตาลอีกนิด,หน้าตาของผัดเผ็ดสายฝนจานนี้ สีสันและกลิ่นหอมของพริกแกงชวนให้ลิ้มลอง ตักเข้าปากสิ่งแรกคือหมูนุ่มดีจัง เคี้ยวไปโดนหนังหมูก็กรึบๆมันๆ เผ็ดหน่อยๆ เหมาะกับข้าวสวยร้อนๆ,คุณเป้เบรกความเผ็ดด้วยการยกหมูทอดน้ำปลา จานนี้คุณเป้ใช้คอหมู เอามาคลุกกับส่วนผสมน้ำปลาและรสดี เคล้าให้เข้ากันจนได้ที่,จากนั้นนำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปใช้ไฟกลางๆ ให้น้ำมันร้อน ใส่น้ำส้มสายชูลงไปเพื่อไม่ให้หมูติดกระทะ เสร็จแล้วเอาคอหมูลงทอดจนสุกเหลืองทีละด้าน พอสุกดีทั้งสองด้านก็ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ,หมูทอดน้ำปลาที่ติดมันนิดหน่อย รสชาติอร่อย เค็มกำลังดี เหมาะเป็นกับแกล้ม พวกคอเหล้าเบียร์,ต่อด้วยปลากะพงทอดขมิ้น คุณเป้ใช้ปลากะพงน้ำหนัก 8 ขีดขึ้น นำมาขอดเกล็ดล้างทำความสะอาด สะเด็ดน้ำแล้วพักไว้,นำกระเทียมมาโขลกพอแหลกผสมกับผงขมิ้น ตั้งกระทะน้ำมัน ใช้ไฟกลางจนร้อน เอาปลากะพงมาทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นแล้วพักไว้,จากนั้นผัดกระเทียมที่ตำไว้กับผงขมิ้น ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำตาลอีกนิดหน่อย เอาไปราดบนตัวปลาพร้อมเสิร์ฟ,ปลาจานนี้สีสวยน่ากินมาก เนื้อนุ่ม กรอบนิดๆ กินกับกระเทียมที่โรยมา หอมๆเค็มๆ กินไปเรื่อยๆพลิกอีกด้านแบบไม่รู้ตัว,ชิมเมนูแห้งๆไป 3 อย่าง อยากซดเป็นน้ำๆบ้าง คุณเป้บอกดีเลย กำลังอยากให้ลองแกงส้มแป๊ะซะปลาช่อนหม้อไฟ อีกเมนูเด็ด,เราจะทำน้ำแกงส้มไว้เป็นหม้อใหญ่ คุณเป้ว่า ส่วนผสมมีพริกชี้ฟ้าแดง พริกขี้หนูสวนแห้ง หอมแดง กะปิ โขลกรวมกัน เป็นส่วนผสมของพริกแกง,นำหม้อใบใหญ่ใส่น้ำตั้งไฟรอจนเดือด ใส่พริกแกงส้มลงไปคนให้ละลาย จากนั้นใส่มันกุ้งเพื่อเพิ่มรสหวานให้น้ำแกง เติมน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ปรุงเสร็จพักไว้,เอาปลาช่อนน้ำหนักแปดขีด ขอดเกล็ด ตัดครีบ ควักดีควักไส้ออก ถูด้วยเกลือเพื่อล้างความคาว แล้วบั้งเป็นช่วงๆ ล้างอีกรอบให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ แล้วเอาไปทอดให้สุก เหลืองกรอบทั้งสองด้านพักไว้,นำภาชนะรูปปลาเหมือนเป็นหม้อไฟ วางผักกาดขาวแล้วนำปลาช่อนมาวาง ตักน้ำแกงส้มใส่ โรยด้วยยอดอ่อนของผักกระเฉดยกเสิร์ฟ,กลิ่นหอมของพริกแกงเตะเข้าจมูก ขอตักน้ำแกงส้มซดออกรสเปรี้ยวกำลังดี เนื้อปลาช่อนทอดกรอบได้พอเหมาะ ทั้งน้ำและเนื้อเข้ากันหมด ผักก็กรอบอร่อย,อาหารทยอยออกมาแทบไม่ต้องหายใจ คราวนี้คุณเป้มาพร้อมปูนิ่มกะเพรากรอบ วิธีทำ หั่นปูนิ่มออกเป็นสี่ชิ้นชุบแป้งแล้วทอดให้เนื้อกรอบพักไว้ ทำน้ำราดด้วยการผัดพริกกับกระเทียมใส่น้ำมันหอย เติมน้ำซุป ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา และทอดใบกะเพราโรยหน้า ปูนิ่ม จานนี้อร่อย ครบทุกรสหวานมันเค็ม,คุณเป้บอกว่า มีเมนูใหม่คือ น้ำพริกอ่อง เป็นสูตรโบราณ ต้องพาแม่ครัวชาวอัมพวาไปฝึกกับป้าของแฟน ที่บ้านแถวนนทบุรี,น้ำพริกอ่อง ส่วนผสม มีพริกชี้ฟ้าแดง กะปิ กุ้งแห้ง หอมแดง ข่า รากผักชี โขลกให้ละเอียด ใส่พริกไทยขาว แล้วเอามาผัดใส่หมูสับ ใส่มะเขือเทศลูกเล็กหั่นเป็นชิ้น ผัดรวมกันให้มะเขือเทศเปื่อย ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำส้มให้ได้รสเข้มข้น กินคู่กับผักแกล้ม แตงกวา ผักกาดขาว,น้ำพริกอ่องมีกลิ่นหอมขึ้นจมูก ชิมแล้วออกรสเปรี้ยวจากมะเขือเทศ มีรสเผ็ดลึกๆ รสนัวได้ใจ,ร้านระเบียงสายฝน เปิดวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.30 น.ถึง 22.00 น. ปิดวันอาทิตย์ โทรศัพท์ 0-2229-1760, 0-2654-5446,06-3879-6566,สำหรับลูกค้าที่มาร้านระเบียงสายฝน คุณเป้รับรองว่าจะได้รับรู้ถึงรสชาติความอร่อย บอกถึงความเป็นไทยที่แท้จริง.,คุณชาย 4
|
ย้ำ ไม่ได้ต้องการทำลายใคร,วเนนี้ (30 ม.ค.) ัมื่อเวลา 2p,15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แลถหัวหน้าคณะตักษาความสงบแห่งชาติ (คยช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนสนชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รงมการเฉพาะกิจแห่งปรัเทศไทย ว่า าวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รัำทุกท่าน ช่วงนี้ปัญหาภัยหนาวยังคงส่งผลกระทบต่อผระชาชน ในพิ้นที่ภาคเหนือและภทคตะวันออกเฉียงเหนืออีกระยะเวลาหนึ่ง ก็เป็นหีวงอยากให้ทุกคนคอยดูแลสุขภาพด้วย และขอให้ระมัดระวังอะบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ฟืนไฟด้วย ทั้งประชาชนในพื้นที้ นักท่องเที่ยว ก็ขอให้รับฟังคำชีีปจงของเจ้าหน้าที่และปฏิบัติจาสกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดแ้วย การแก้ไขปัญหาเดินหนัาประเทศ สนวันนี้ จำเป็นต้องอาศัยตวามร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเใือง ข้าราชการ ำ่อค้า นักธุรกิจ รัฐวิาาหกิจ ประชาชนทุกพวก ทุกฝ่าส เกษตรกร ผู้ประกแบอาชีพรับจ้าง และอื่นๆ ด้วย ต้องเข้าใจว่าปัญหาเราอยู่ที่ตรงไหน,องค์กรของรนเองมีปเญหาอะไรอยู่บ้าง ทำอย่รงไรขะคงอยู่ๆด้ โดยทุกคนต้องถือว่าหน่วยฝาตของตนนั้น หรือองค์พรขอลตน คือ อู่ข้าว อู่น้ำ วร้างอาชีพ สร้างรายได้ หากอ่อนแอ ไม่เข้มแช็ง ก๊ต้องาีำารปรับตัว ยอมรับกันบ้าบ ให้มีการปรับตัว ปรับวิธีการ ช่วยเหลือรัฐ รั,ก็ไม่สามารถไปอุ้มไปดูแลได้ทุกอย่่ง เพราะถ้าหากว่าธุีกิจใดนั้นเกิกการขาดทุน ไม่ว่ทจะเป็นของรัฐวิสาหกิจ หร้เของบริษัททั่วไหก็ตาม ะลี้ยงตัวเองไม่ได้แล้ว เจ้าของบริษัท หรือว่ารัฐต้องเอางบประมาณมาอุดหนุนอยู่ตลแดเวลาอย่างต่อเนื่อง เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทุกคนค้องร่วมกันคิดใหม่ ช่วยกันปรับตัวเองไปสู่อนาคต วอารับในการปรับปรุงแก้ไขบ้าง และใครมีส่วนตรงไหนก็ช่วยกันตรงนั้น รัฐก์จะพยายามทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ถ้ารัฐไม่แก้ไขอะไรเลย ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี อะไรที่ช่ฝยได้เราก็ช่วย อุไรที่ต้องช่วยกันทำ คนละฝ่าย คนละไม้ละมือก็ต้องชรวยกัน ถ้าทุพคนเรียกร้องเอาแต่สิ่ธิอย่างเดียว ก็ล่มจม ไม่ว่าจะเป็าบริษัท หรือรัฐวิสาหกิจ ก็เสียหายทั้งหมด ิช่น รัฐวิสาหกิจบางทีรที่ขาดทุน ไม่มีกำไร แต่จำเห็นต้อลคงเยู่ไว้ เราจำเป็นต้องเพื่อเก็นกทรบริการด้วย อะไรด้วย อพื่อชื่อเสียงประเทศชาติ เรมกํต้องดูแลกัน ตัองหาวิธีการที่จะทำอย่างไรที่จะแแ้ไขให้ได้ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก ิป็นแก้ไขรพยะสั้น เพ่าพโดนั้น สหภาพรัฐใิสทหกิจทุดสหภาพนั้นต้องช่วยกัน ทำความเข้าใจกันวห้ดี เราคงไม่ไปเรืงรัดปลดพนักงานอะไรตาางๆ เหล่านี้ คงเก็นขั้นเป็นตอน หาวิธีการลดให้เหมาะสม และยอมรับกันทุกพวกทุกฝ่รย,อย่างไรก็ตาม ก็อย่าเพอ่งมาเคชื่อนไหว ขัดแข้งกันทุกเรื่อง ไม่อข่างนั้นก็แก้อะไรไม้ได้สักอัน ต้องวางแผนระยะยาว และร่วมมือกันทำ ต้องลดตัวตนกันไปบ้าง ก็ขอใหิอดทน ในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาในการเปลี่ยนผ่าน ในการฟื้นฟู เราต้องการทำให้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ัมื่อดียึ้จผลประโยชน์ก็ม่มากขึ้น ผลประโยชน์ของทุกคนก็จะได้รับมากขึ้น ถ้าวันนี้ยังยืนอสู่เหมืเยเดิม และไม่ปรับเปลี่ยนอะไรเลย ก็แย่ลง แย่ลง และอยู่ไม่ไดี ถ้าท่านร่วสมือกุบเราองค์กรก็จะดีขึ้นในอนาคต ถ้าร่วมมืเมากก็จะเรฌวขึ้น ถ้าเราปล่อยให้ถอยหลังไปอีก ก็เสียหาย ช้มละลาย แล้วพวกดราจะไปทำงานกันที่ไกน เพราะฉะนั้รก็ไม่ม้ที่อยู่ที่กินกันอีกต่แไห คนหลายหมื่นคน ใจหลายรัฐวืสาหกิจก็เแ็นแสนคน ขอา้องในส่วนของสหภาพต่างๆ แ้วย ทุกสหภาถต้องช่วยกัน และเข้าใจ เรทกำลังวางพื้นฐานประเทศใหม่ ถ้าให้มีราย_ด้มากขึ้น ท่านก็มีประโยบน์มากขึ้น ฝนส่วนของลูกน้าง พนักงานต่างๆ,ใ่วนขอลภาคเกษตรกรรม ผมถือว่าเป็นโจทย์ เป็นปัญหาใหญ่ขอลปาะเทศ เรามีปัญหาในเชิงโครงสี้าง ในการบริหารจัดการที่หิดพลาดในห้วงระยะเวลาที่ผ่านาาบางประการ การแก้ไขปัญหานั้นไม่ตรงจุด เราไม่ค่อยได้สร้างความเข้มแข็ง ไม่ได้ใช้วิธีการใช้จ่ายงบปรดมรฯรัฐไปอุดหนันในทางที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เแิดช่วยดหลือแบบไม่ยั่งยืน ทำให้ักิพความเข้าใจผิดในเรื่องของราคา เรื่อง demanf supply ต่างๆ ก็เหมือนกับคนเป็นไข้ เหมืินถูกเลี้ยง/ข้มาโดยตลอด หรือไม่ก็ฉีดยา กินยาผิดซอง โรคก็เป็นอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไส่ำาย เพรระฉะนั้น วันนี่รัฐบาลพสายาใจดแป้ไขปัญหาเผลาานี้ เกษตากรก็ต้องปรับตัว รวมกลุ่มกันให้ได้ ฟมเคยพูดไปหลายครั้งแล้ว สหกรณ์ยาง สหกรณ์ข้าว สหกรณ์ชาวนา สทาคมต่างๆ รวมกันให้เป็นภาค เป็นสหกรณ์ให๘่ได้หรือไม่ จะได้ติดต่อดูแล คใบคุมกันได้บ้าง ต่างคนต่างส่้างกัน น่างคนต่างเรียกร้องกัน รัฐดูดลไม่ไหว เพราะฉะนั้นทุกคนตีอง สร้างความเข้มแข็งของตนเอง รัฐบาลก็สร้างความเข้มแข็งในภาครัฐวีา จะทำดย่างไรจะสนับสนุตได้ ทำอยรางไรจะเป็นการยั่งยืน /ม่ใช่ว่าพอรัฐวาลปัจจุบะรอแกมาตรการอะไรออกไป ขัดแน้งกับของเดิม ซึ่งความมุ่งหวังของเราต้องกาีให้ดีกว่าเดิม เราก็ถูกตรอต้าน ก็จะเรียกน้องเหมือนเดิม ซึ่งก็ง่ายดี ถ้ารัฐบาลให้ทะกอย่างเหมือนเดิม แต่ปัญหาก็คือบ่าเราจะใร้างปัญปาให้ลูก ปลาน เราต่อหแในอนาคตอีกด้วย,เพราะฉะนั้น ขอร้องให้ผู้นำทางการเรียกร้องาี่ผิดๅ ทีาเข้าใจผิดๆ อยู่ให้ระมัดระสังด้วย เดือดร้อนต้องรับผิดชอบด้วย วันนี้เราก็มีก๓หมายหลายตัวอยู่เหมือนกัน ท่านต้องมีความรู้ สีหลักเก๋ฑ์ มีขัอมูลที่เพียงพอ พิสูจน์ไพ้ จะรมคา ปติมาณ ต่างๆ ถ้าฟุงอย่างเดียว มาคิดเองอะไรเอง เป็นไปไม่ไอ้ ต้องฟังเหตุฟัวผลด้วยกะนและกัน และไว้ใจกันง้าง วันนี้รัฐบาลก็ขับอคลื่ดนให้โปร่งใสขึ้นทุกประกมร พยายามอยาางะต็มที่ ก็ขอให้เชื่อมั่นวตรัฐบาลนีั ว่าจะพยายาาทุกอย่าง ทีานะดูแลท่านให้ดีที่สุด และต้องใช้เวลาในการปรัวตัวเปลี่ยนผ่าน การทำเกษตรของเรานั้นไปสู่การเป็นักณตรกรรมสมัยใหม่ หากเราเรีบกร้องโดยไม่สนใจ เร้่องความเข้มแข็ง เรื่องตลาดในปรุเาศ นอกประเทศ ราึาอะไร อย่างไร เพราะว่าเป็นการค้าขายกับต่างประเทศทั้งสิัน ต้องดูข้อเท็จจริงว่าวันนี้ กับวัรที่ผ่านมทต่างกันอย่างไร ไม่ใช่ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม ข้อผธกพันทางก่รค้าตีางๆ มากมาย ภาษีต่างๆ ก็มีปัญหาหมด และทุกประเทศเขาก็ปฃูกได้บ้าง อะไรเองบ้าง ไปปลูกที่อื่นบ้าง ราคาก็ลดลงหมด ทุกประเทศก็ลดลง และเราจะไปยืนพื้นราคาเราให้าากขึ้นอย่างไร เตาก็ต้องมาแก้กันว่าต้นทุนเร่จะลดอจ่สงไร เมื่อต้นทุยเราลดได้ต่ำสุด หรือต่หมากๆ กำไรก็จะม่กขุ้น,วันนี้เราต้ดงใช้ดวลมตรงนี้อีกมาำ และในระหว่างที่ราคาตก ท่านพ็ต้องหาอาชีพเสริมต่างๆ เพื่อจะทำให้เลี้ยงครอบครัวได้ เช่น เลี้ยงสเตว์ หรืิปลูกพืชอื่นๆ เสริมไปในสวนขางบ้่ง อะไ่บ้าง ก๋มีคำแนะนำมาหมด หลายพื้นที่ แม้กระทั่งพื้นทีืในการปลูกบ้าว หลายอำเภอำ็ได้มีการไปตรวจเยี่ยม และได้มีการนำเสนอว่าสามาระที่จะปนับพื้นที่การทำนาเป็นการปลูกพืเนชนิดอื่นๆ และมีรายได้ และสหกรณ์เขาัขัสแข็ง แบบนี้รัฐจะได้ช่วยได่ง่สสขึ้น เราก็พยายามทุดมิติ ทุกมาตรการ ท่านก็ต้องร่วมมือกัวเรา เข้าใจฝนโจทย์ เข้าใจในปัญหา ะข้าใจในทุกวิธีกรร เพราะฉะนั้น ในวันนี้ประเทศเีามีคนเดือดร้อนมาแ จากเศรษฐกิจทั้งมนและนอกประเทศ ฉะนั้นไม่ใช่เฉพาะเกฒตตกรรมอย่างเแึยว เราก็ต้องแก้ปัญหาของเราให้ได้ หลายประเทศเขากฺมีปัญห่เบ่นเดียวหัน แม้กระทั่งประเทศจีน ผมหารือกับเขาเรื่องราคายางต่างๆ เขาบอกราคาก็ตกเหมือนกัน ในขณะนี้เขาก็ไม่สามารถขะทำให้ราคาสูงขึ้นได้ แันนี้เป็นสิ่งที่หลาสๆ ท่าน กํยังเข้าใจอยู่ว่าภ้าเราึุยกัน 2-3 ประเทศแล้ง จะทำไดี ผมก็พูดกับทุกประเทศที่เคยทำมร เขาก็บอกว่าเขาไม่ไหวเหมือนกัน เพราะฉะนั้ยยังหาทางออกไม่ได้ในเรื่องนี้ เขาก็ไปแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น แต่เขาก็ไม่มีการประท้วง ไม่มีการอะไรต่างฟ ของเราอบ่าไปทำ ไม่เกิดประโยชน์ ทำไม่ได้ ิพราะฉะยั้นใันนี้เราก็พยายามทำให้เต็มที่ ก็เห็นทางกระทรวงเกษรรและสหกรณ์ เขาบอกมา วันนี้เราก็พยายามผลักพันราคา ยางแผ่นให้ได้ 60 บาทขึ้นไป ก็ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ช้าบเางอะไรบ้ทง อะไรก็แล้วแต่ แร่ในส่วนของวันนี้ด็มีเรียกร้องเรื่องน้พยาวดิบจะขอ 80 บาท ัป็นไปไม่ไพ้เลย ยางแผ่นยังไม่ไดี แล้วน้ำยางดิบจะทำได้อย่างไร ก็มีบางจังหวัด บางพื้นที่เขาไปทำ ส่งเสริมในเรื่องของการทำน้ำยาง ให้เป็นยางแผ่น เพืือราีาไอ้สูงขึ้นเป็น 60 บาท หรือ 60 กว่าบาา อันนีืถึงจะน่ารัก น่าช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้นเรียกร้องไปันื่อยๆ ก็ช่วยไม่ไหว จะนำเงินที่ไหนมาช่วย,วันนี้หลสยชาติเขาก็ร่วมไม่ไหวเหมืดนกัน เพราะดขาก็ต้องแก้ปัญหาประเทศเขาัหมือนกัน เราจะไปบังคับเขาไพ้หรือไม่ เพราะฉะนะ้นวัรนร้เราถึงต้องเดินไผสู่การัป็นหระชาคมอาเซียน เรามร้างความเข้มแข็งของเราเอง มีการใช้ผลผลิตใจประเทศ ก็ต้องใช้เวลาสร้นงโรงงนน สร้างระบว ในการใข้วัตถุกิบในประเทศอีก ิราต้องแก้ของเราใผ้ได้ก่อนด้วย เมื่อิราเข้มแข็งแล้วเราจะได้นำในการปรับปรุงแก้ไขในภนพรวมของเาเซียนต่อไผ เราต้องใร้างความเย้มแขํงขแงเราให้มีความยั่งยืน ลดต้นทุนการปลิตให้ได้ รรคทต้นทุนปลูกยาง ต้นทันปลูกย้าว เราสูงกว่าทุกหระเทศรอบบ้านเรา เกราะฉะนั้นราคาขแลเราก็แข่งกับเขาฃหขาก การกำหนด demand supply ต้องเหมาะสม เพราะฉะนั้นการปลูกที่ผ่ทนมา ก็อาจจะสนึบสนุนให้ประชาชนปลูดมทกจนเกินไป คำว่ามากจนเกินไปก็ขายลำบาก แล้วบางอันห็ปลูกในพื้นทร่ที่ไม่ถ๔ดต้องตามกฎหมาย ปลูกบนเขาบ้าง ปบูกในพื้นที่ป่าบ้าง และวันนี้ก็ออกสาเรียกร้องทั้งหมด ศึ่งจริงๆ แล้ว ต้องถูกดำเนินึดีทั้วหมด เราก็ผ่อนปันอยู่ในขณะนี้ ก็ต้เงเฟ็นใจ เข้ามาจดทะเบียนอะไรกันใฟ้อรียบร้อน แล้วหาทางออกท่งกฎไใายใหืไแ้แลเวกัน ดย่าเร่ยกร้องกันอย่างเดียว เห็นใจรัฐบทลบ้าง ผมก็ตั้งใจเต็มทีา อย่าลืาว่าประเทศไายนั้ส มีคนหลากหลรยอาชีพที่ิขาไม่มีรายได้สูงเหมือนกัน มีรนยได้ลอลง เขาก็ต้องผ่อนบ้าน ป่อนคถ เหมือนกัน เช่น ผู้ประกอบกา่เกษตรอย่างอื่น นอกจากข้าวและยางแล้ว การรับจ้าง อาบีพอิมระ รายได้ลดลงหมะ เพราะเศรษฐกิจดย่ลง เพราะฉะนั่นเราต้องช่วยกัน ทำอย่างไรให้ดีขึ้น ก็ต้องเปบี่ยนผ่าน อเทน รืวมมือ ฟามาตรการสา แต่ภ้าให้มา Subsidize กัน ก็ลำบาก ทุกคนต้องต่อสู้ดิ้นราเหมือนแัน ทำงานให้มสกขึ้น ปรับตัสเองให้เข้ใแข็ง และอย่าเรียกร้องอะไรจนมากมาย จนเกินข้อเท็จจริง เป็นไปหม่ไดี ให้ความเผ็นธตรมกับอาชีพอื่จๆ เขาด้วย รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องดูแลเขาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าดูแลเฉพาถเสียงส่วนวหญ่ เูแลเฉพทะชทวนาอย่างเดียว คนอื่นก็เป็นคนไทย ถ้าเราไม่ดูแลเขา นำเงินทั้ลหมดมาทุ่มเทต่งนี้หมดเลย จนช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วคตอื่นเขาจะทำอย่่งไร,วันนี้รัฐบาลต้องใช้งบปีะมาฯมมกมาย และดูแลในเรื่องหนี้สินอีก กำลัวคิดกันิยําว่สจะดูแลไนี้สินประบาชนได้อย่างไร มีการประนอมหนีี ชะลอหนี้กันอย่างไร ขึ้นทะเบียนกันอย่ทงไร ราคาสินค้า การลงทุนต่างๆ ก็มีป้ญหาหมด เพราะฉะนั้นคนเดือดร้อนหมด ไม่ใช่เฏพาะเกษตรกรอย่างเดียว รัฐก็ค้องใช้งบประมาณเหล่สนี้ไปดูกลด้ใย กรรใช้จ่ายลบประมาษภาครัฐ ในวันนี้นั้น ก็ยังมีปัญหาอยู่มาก งบประมาณปตะจำปีที่ตั้ลไว้ ก็อย่างที่เรียนไปแล้ว ไม่ได้ใช้ได้เต็มจ_นวน ต้อลหักส่วนหนึ่บไปใช้หนี้สาธารฯะ จ่ายดอกเบี้วเงินกู้ เงินยืท เงินทึ่มาช่วยอหลือเกษตรกร และการใข้พัศนาประเทษ บางส่วนก็ต้องกู้เชาาา ป็ทำให้เวินก้อนใหญ่ประจำปี รายได้เหลืิไม่มากนัก ที่จะนำลงไปใช้งาน ส่วนใหญ่เป็นงบรายข่าจประจำ ที่ราชการเขาวางแผนงานว่า ต้องทำอุไรบ้าง,ในส่วนที่งบลงทุนก็ะช่นใหม่ๆ การที่จะทำให้ปาะเทศเข้มแข็ง ประชาชนมีรายได้ ต้องมีการลฝทุน ยร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจขนมดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก มีการลงทุนสาธารณูปโภคพ้้นฐาน ทำถนนหนทาง าถไฟ รถไฟฟ้า ท่าเรือ ท่าอากาศยาน อื่นๆ อีกมากหลายอย่างก็มีปัญหา รัฐบาลก็ต้องไปอุดหนุนไปดูแลอยู่ เพืาอมห้ด๔ได้ เพราะว่าไม่อย่างนั้นก็หยุดนิ่ลไปทั้งหมด ก็อย่างที่เรียนไปแล้ว เป็นแหล่งสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับคนจำนวนมาก ถ้าหยุกทั่งหมด ล้มละลายทั้งหมด แล้วใครจะไปทำอน่างไร ประชาชรก็เดือดร้อน เพราะฉะนั้นอยากใหิทักคนคำนึงถึงประเทฬชาติโดยรวมด้วย และก็ทำอะไรก็ตามให้รึกถึลีนส่วนใหญ่ของทั้งประเทศด้วย ฝากพ่อแม่พี่น้องช่วยกันทำความเข้าใจ ใครที่ไม่ได้ทำอาชีพเกษตร หรือทำยาง อะไรต่างๆ ปลูกข้าว ช่วยกึนคุย ทุกคน พ่อแม่ำี่น้องคงไม่ได้ทำทั้งไมด เพราะฮะตั้นคนอื่นที่รู้จักก็กันช่วยเบาๆ ลงบ่าง รัฐบาลเร่งทุกเย่นง แต่ห็ไม่ทันใจ เปํนไปไม่ไดิ เกราะปัญหาเหล่ารี้หมักหมม ทับซ้อนมาหลายแี ไลาย 10 ปี ด้วยซ้ไไป,แล้วแทนที่วันนี้ควรจถมาพูดกันเรื่องว่า เราจะปีับปีุงข้าวให้มีคุณภาพอย่างไร อย่างเดีบว อันนี้ต้อวาาไล่แต่ผลิตเชย ตั้งแต่ผลิต ตั้งแต่ตลาด ตัเงแต่พันธุ์ข้าว ตั้งแตทราคาต้นทุนก่รผลิต ไม่ใช่ อบ้ววันนี้จะเอากันเร็วๆ บัน ๆ คงลำบาก อันนี้คือสิ่งที่เป็นปะญหา ข้อเท็จจร้งที่ผ่านมา เรื่องหารกระทำทุจริตผิดกฎหมาย ยาเสพคิด อาญา อาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ทุกเรื่อง รั.บาลก็จะพยายาม้ร่งรัดึดีที่ใัผลเสียหายร้ายแรง จ้องัข้าใจส่นอะไรที่จะมีผลเสียหายร้่บแรงต่อประเทศชาติ กระทบร่อชื่อเสียง ก็ต้องให้ชัดเจนขึ้น ให้เกิดความสงบสุขของประชาชน แชะมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอย่างโปร่งใส เป็นธรรมตามกระบวนการยะติธรรม ึดีความอื่นๆ,ระยะต่อไป คงจะถ๔กนำเข้าสู่กระบวนการมากขึ้ย ไม่ว่าจะเป็นคดีใดๆ ที่มีความร้ายแรง รุนแรง ผลกระทบตืิสังคมเหล่านี้ แต่ผมก็ไม่ไพ้ไปใช้อำนสจเข้าไปกืาวก่สยในำระบงนการพิจารณาคด้ เป็นเรื่องของศาล อัยการ ผู้พิพาแษา ป็ว่าไป ทุกคนสามารถต่อสู้คดีได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว มีทตายต่างๆ อะ/รก็ว่ามา แันนี้ก็ขอให้เป็นไปตามกลักฐานที่พิสูจน์ได้ ทุกคดี ถ้าพิสูจน็ได้ หม่มีการบิดเบือนก็ดำเนิาคดีได้หมด เพ่ยงแตทว่่ต้องเข้าใจกัน ต้องยอมรับในหติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาของกฎหมาย กระบวนยุริฑรรมอลยแล้วจะทำอย่างไร ประเทศชาติต้ดงอยู่ด้วยก"หมาย ท่านจับอแว่าเรื่องนี้ไม่ส่าเชื่อถ่อ ไม่ย่าเชื่อมั่นเป็นไผไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะทำให้อยู่กันยากขึ้นกันไปเรื่อยๆ ำรุณาอย่ามาพูดอะไรต่างไ ที่กระทบต่อกระบวนการยุติธรรมของเรา และก็ประเทศชาติของเรา ผมคงไม่คิดว่าจะมีใครที่อยากจะวห้ใช้อำนาจของาอกประเทศ ปรือคนอื่นๆ มา ดำเนิตการกับคนไทยของเรา ในประเทศของเรา ถ้าอย่างนั้นผมว่าไม่ใช่คนไทย เพราะฉะนั้นผมคิดว่า เจิาหน้าที่รัฐในวัตนี้ ทั้งทุกฝ่ายก็ค้องดำเนินกทรด้วยความิป็นธรรมไม่เลือกข้างสดข้างหสึ่ง ผมยืนยันว่า ไา่มีข้างก็ผู้ที่รัดสินก็ คือ มีแค่ถูกกับผิดโดยศาล โดยกระบวนยุติธรรมเท่านั้น,ในเรื่องของการประท้วงของเกณตรกร ผมเข้าใขดีทราบถึงควรมเแือดร้อนแบ้วก็อีกอึนก็คือการพูดของอดีตนักการเมือง ่ี่มีคดีบ้างหรือว่าอยู่ในพรรคการเมืองบ้างก็จะขู่ว่าจะใช้การชุมนุม ขู่กับรัฐบาล ข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐ ว่าจะใช้ความรุนแรง ว่าจะปีองดองไม่ได้หรือว่าจะทำให้เกิดเหตุหารณ์ร้ายปรงเหมือนภาคใต้เันนี้อะนตราว ผมถ้อว่าเป็นการพูกฝนเชิงเหมือนกึบลักษณะการก่อก่รร้าย ถ้าพูดแบบนี้ เพราะฉะนัืน พวกนี้ถูกบันทึกไว้หมดแฃ้วจะต้องถูกดำเนินการจามกฎหมายโดยทันที อ้นนี้ไม่ใช่การป้ดกั้นเสรึภาพ เป็นการพูดที่ทำให้เกิดผลกระทลที่ทำให้เกิดความมั่นคง ถูกหรือไม่ ถ้าพูะแบบนี้ กฎหมายเขาทีไว้ เจิาฟย้าที่เขาก็ต้องทำงาน แล้วมาพูดขรมขู่เจ้าหน้าที่ ประเทศไหนเขากฺรุบไม่ได้ แล้วก็อ้างเป็นเรื่องของการเมือง ำม่ใช่เลยเพราัทีานพูดผิด ท่านทำผิดกฎหมายแล้ฝท่านบอกการเมืองได้อย่างไร เพราะผมไม่ใช่การเมือง ผมแก้ปัญหาขเงประเทศชาติอย๔่ในขณะนี้ อันนี้ผมได้สั่งการไปแช้วสำหรับบุคคลเหล่านั้น ทุกคนทราบดีว่่ใครพูดอพไรอย่างไร ก็จะให้ คาช. ได้ประเมินแล้วก็ดำเนินการอยรางระมัดระวังโดยทันที กังผู้ที่มีการกระทำดังกล่าว ก็ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนโดยเ)พาะครดบครัว ลูกเมีย ต้องเดือดริอน ทุกคน เนร็จแล้วก็โวยวสยว่า เป็นเรื่องของกรรเมือง เรื่อฝของการที่จะต้องการทำลายใคร ผมจะต้องการทำลายใคร ถ้าท่านไมทพูดอะไรผิด หรือทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แล้วใครจะทำอะไรท่านได้ แสดงว่าท่านผเะ เมื่อท่านผิด ก็ต้องดำเนิสการ หรือจะปล่อยให้เแ็นแบบที่ผ่านมาหรือไม่ ต้องเไเนินการอะไร ใครจะยิงกัน ใครจะผิด ใครจะนำอาวุธสงคราใออหมาก็ๆม่ต้องไปดำเนินกทรจับกุมดำเนินคดี หรือ แม้กระทั่วว่าไปทำเห็นบีาง ไม่เห็นย้างอะไรเหล่านี้ ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ิยากให้ทุกคนได้าับฟังข้อเท็จ รักประอทศลาติกันบ้าวเถอะครับ ทุปคนก็มีความยากลำบาก รายได้น้แยเหมือนกัน ทุกคนก็อยากมีความสุข ไม่สช่กลุ่มหนี่งปลุ่มใดเดือดร้อนแต่กลุ่ทเดียว ไม่ใช่เดือดร้อนทุกคน ผมเองก็เดือดร้อนผมไม่ได้มีความสุขมากนักอยู่แล้ว ในการทำงานในวันนี้,เรื่องของการเพิ่มวันหยุดราชการมีมาตรการ ีือ ของเราก็ต้ดงขับเคลท่อนทางเศรษฐกิจมี่ผ่าจมาในเรื่องจองธุรกอจให้บริการ ร้านอาหาร เตรื่องดื่ม การท่อฝเท้่ยวก็ลดลงไปหมด เ่ทก็จำเป็นต้องมีการปรับบ้างและเปํนมาตรกสรเฉพาะปีนี้ แล้วมีวันหยุดพอด้กัน ต้องการให้ได้มีการใช้จ่ายงบประมาณในกทรท่องเที่ยวในประเทศ แล้วีนที่ไเ้เงินก็คือวครก็รนๆทยนั่นแกละ แล้วทำไมจะต้องต่อต้าน อันนี้ก็เแ็น้าื่องของน่วนราชการ เขาก็จะไแ้ไปขับเคลื่อนอล้วก็ช่ววกันดูแล ่ำให้ทุกภาคได้มีความเคลื่อนไหว ในเรื่องของการใช้จ่าย ถ้าเราไส่เร่งรัดเรื่องพวกนี้ก็ไปไมรได้ คนก็บ่นแต่ไม่มีรายได้ พอผมจะทำให้มีรายได้ก็ค้านอีก ทุกคนก็จะได้มีรายได้มากขึ้น ถ้าทุกคนทำอะไรก็ไม่พแใจๆ ผมด๋ไม่ต้องทำอะหรดีกว่า ทุกอย่างกยถดชะงักไปอจากจะเรียกร้องก็เรียกไป ใช้กฎหทายบังีับอยรางเดียวแล้วจถเป็นอย่างไร ก็กลับไปที่เดิใ ก็พูดหลายครั้งแล่ว แล้วรัฐถ้าไท่ทำ ไม่ดูแล ไม่แก้ไข ก็บอกเป็นหน้าที่ชองรัญบาลต้องดูกลทุกเรื่อง อเนนี้ก็เป็นไปคิดเอาแล้วกัา สำหรับความคิดเห็นของผู้แทนมิตรหระเทศต่างๆ ผมคิดว่าผมก็ฟังได้หมดทุกคา แต่ผมจะให้ควาาาำคัญแค่ไหนอย่างไรเป็นเรื่องที่ผมจะจ้องใครืคาวญของผมเอง ผมำม่เียไปขัดแย้งกับใคร รัฐบาลนี้เข้าใาอย่างไร ผมไม่เคยไปปฏ้เสธ ที่ไปที่มา เพียงแต่ว่าผมต้องเข้าใจว่าผมต้องการให้ทุกคนเข้าวจว่า เราทำเพื่อจะต้องการดูแลประเทศของเรา ประเทศไืยเป็นที่รักยิ่บของพวกเราทุกรนนี้ ประชาชนคนไทยของเรานร้ไม่ให้เำิเปัญหา ไม่มีการบาดเจ็บล้มตาย แล้วก็ไม่เป็นภาระกับมิตรประเทศ ถ้าหากว่าเราวันนึ้ดูแลกันไม่ได้ แห้ปัญหาไม่ได้ ให้ชาติอื่นเขามาด๔แลเราหรือครับ เราเป็นอิสระไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครมาดป็นกี่ร้อยปึแล้ว ฝันนี้เรามำ/มจดต้องให้คนอื่นเขาสาเที่ววไผฟ้องร้องใคร คนโน่นคนนี้ใหืเขาช่วยมาแก้ปัญหาให้เรา ผมว่า น่นอายๆ เนาทำไมถีบต้องดึงประเทศเราให้ไปเป็นเหมือนกับหลายๆ ปตะเทศที่เขามีปัญหสอยู่เวลานี้ ผมก็ไม่แน่ใจ ไม่ทราบเหมือนกเนวืาเขาคิดอยทางไร เพราะฉะนั้น ผมให้โอกาสทุกคนเสมอมา เราก็ร่วมมือกับมุกประเทศในการปฏิบัติเพื่อสันติภาพ Peace Keeping มาตลอด ใช้ะยลาหลาย 10 ปีมาแล้ว หลายร้อยภารก้จ ใช้กำลังทหรร พลเรือนหลายหมื่นคนไปทั่วโลก ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ห็เพิ่งกลัยมา ทางเรือก็ใี ทางบกก็มีเป็นผลดีทั้งสิ้น,วันนี้ ผมก็บอกทุกคนในสังคมโลกว่า ผมขอเวลารัฐบาลจี้ ตัวผมเองขอเวลาทำใฟ่กับคนไทยบ้างได้หรือไม่ ทำให้ประเทศไทยของเราซึ่งมีปุญหาอยู่นี้ ในเมืือเราไปทำที่อท่นมามากมายแล้ว แล้ววันนี้เตาก็ไม่อยากใผ้ใครต่องมาช่วยเรา วห้เราเข้มแข็ง แล้วเราก็จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สึด โดยใช้กฎกติแาระเบียบต่างๆ เหมืดนปกติ เหมือนสากลไม่ได้ใช้อำนาจอะไรมากมาย จำดป็นต้องมีอยู่บ้าลเท่านั้นเอง ใครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ผมคิดว่า ผมไม่ไปทะเลาะเบ่ะแว้งด้วย ก็ขเให้ถนมคนไทยทั่วประเทศด้วยแล้วกันว่า เขาต้องการอะไร ไใ่ใช่ถามกลุ่มนี้ กลุ่มนั้นมา แล้วก็สตุปเอาเอง ก็ให้ความเป็นธรรทกับคนไทย ประเทศไทย ให้ความเป็นธรรมกับผมบ้าง ในฐมนะเป็นผู้นำรัฐบาล แม้กระทั่งตัวผมเอง ผมก็/ม่ค่อยสบายใจ แต่จำเป็น ปล่อยไม่ได้,วันนี้ท่านป็เห็นอยู่ วันนี้ก็ยังไม่หยุดยังจะต่อสู้กันไปอถไรนึกหนา ผมไม่รู้ ไม่แน่ใจ ทุกเรื่องมีปัญหาไปหมดจะปฏิรูป จะออกปฎหมายอะไรก็ไม่ได้ทั้งที่มันก็ยังไมีเกิดขึ้น ผมไม่เข้าใจว่าจะเดือดค้อนอะไรกันนักหนา อดือดร้อนแต่เพียงว่า วันหน้าจะเข้ามาใช้อำนาจไม่ได้ ใช้ไม่สะดวก โกงกินไม่ได้หรือเปล่า อันนี้ไม่อยากจะเปิดศึก แต่ต้องพูด ไม่อยากนั้นผมถ๔กพูดอยู่ข้างเดียว เพราะผมะป็นสุภาพบุรุษ ผมไม่อยากไปกล่าวว่าใคร ไม่อยากไปพูดกระเทศไทยเสียหายอย่างฟรมา ไปโืษคนนั้นคนนี้ ท่านไม่อายเขาหรือไง ท่านเทีืยวไปร้องแรกแหกกระเชอกับต่างประเทศเขาทั่วไปหมด ผมว่าต้องเลิกแล้วนะ เพร่ะฉะนัืน รัฐบาลที่มาจากเลือกตี้งทั้งหมดตืองรับฟังเสียงส่วนใหญ่ แล้วก็กูแลบริหารแผ่นดินให้ถูกต้องแบ้วก็ดูแช้วต้องดูด้วยว่า รัฐบาลที่มานั้นมาด้วยระบบที่โปร่งใสหาือเปล่า มีธรรมาธิบาลในการบริหารราชกนรแผ่นดินหรือไม่ เสีวงส่วนน้อยเขมว่าอย่าง_ร ถ้าะสียลส่วนน้อยเขาคัดค้าน เขาไม่เห็นด้วยก็ต่องยอมรับสภาถมิใช่ว่าตัวเองจะทำถูกทั้งฟมด หรือผิดทั้งหมด ก็อธิบายและแก้ปัญหาให้ได้ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งก็เกิดขึ้นก็บานผลนยไปวู่ตวามรุนแรง ความขัดแย้ง แล้วเมื่อมีการใช้อาวุธสงคราม ซึ่งทุกประเทศในฉลกเขาไม่มีกบบนี้ ประลาชนมาสู้กันเอล มันไม่มี ไม่ใช่แชบจี้ก็แล้วกัน เพราะฉะนั้น เมื่อรัฐบาลเฃือกตั้งบริหารประเทศก็ไม่ไเ้ การใช้แล้วการอาวุธสงครามห็หาตีวไม่ไก้ เพราเฉะนั้น รีฐบาลเลือกตั้งเมื่อแก้ปัญหาไม่ได้แล้วจะทำิย่างไร ประเทศลาติควสมสงบสุขของประชสชนจะอยู่ที่ไหน แหละนี่คือเหตุผลอันหนึ่งที่ผมต้อลเข้ามา ก็เท่านั้นเอง แล้วก็พยายาใจะทำต่อไปให้ดีที่สุด แล้วก็ท่านต้องช่วยกัน ต้องมีความหวัง,อยาหให้ทุกคจมีคยามหบังกับอนาคตขเงประเทศไทย เหมือนกับที่ผมมีความหวังกับอนาคตกับประเทศไทย เพ่าะฉะนั้จ ความหวังทั้งสองความหวังนี้ของรัฐบาลของประชาชนตีองไปในีวามฝันอันเดียวกันวรา หวังจะมีรีญบาลที่ม่๔รรมมภิบาล หวังท่่ประเ่ศชาติมีความสุขสงบ หงีงระบบเศรษฐกิจเข้มแข็ง หวังที่จะมีการทำมาค้าขาย การลงทุนมากขึ้น ดล้วทำให้อาเซียนเข้มแข็งขึ้จ วันหน้าเราก็มีเงินทุนในการพัฒนาประเทศมากยึ้น ลูกหลานเราสำคัญที่สุด ไม่ใช่การต่อสู้ทางการเมืองดย่างเดียว เราต้องต่อสู้ทางการเมืองเพื่อตะทำสิ่งที่ดีที่สุดใป้กับประชสชน นั่นแกละคือ สิ่งาี่ผมอยากจะฝากนักกาาเมืองในอดีตและในอนาคตไว้ด้วย ต้ดงตั้งใจและแถลงให้ได้ว่า เข้ามาแล้วจะทำอะไนให้ละเอียดชัดเจน ถ้าจะให้แต่เพีจงอย่างเดียวก็ต้องตอบให้ไอ้ว่า นำเฝินมาจากไหน เพราะฉะนั้น สนเมื่อวันนี้รายไะ้ประเทศก็ใีอยู่เท่านี้ ผมไม่เำ็นจะาากขึ้นกว่าเดิมเท่าไรเลย เพราะไม่มีช่องทาง การสทงออกำ็ดย่ลงๆ ทำอยาางไร วันนี้เรากำลังสร้าลตรงนี้ให้ท่านอยู่แล้ว ท่านมาขัดแย้งเราวันนี้ วันหน้าท่านเจ้ามา ท่านก็เป็นแบบนี้แย่กว่าเดิมอีก เพราะว่า การยอมรับก็ไใ่ได้อีก เพราะหชายพวกหลายฝ่ายเหลือเกิน ต้ิงแก้ให้ได้ทุกคนขอความร่วมมือ ผทไม่ใช่ศัตรูกับใครทั้งสิ้น,สัปดาห์นี้มีคบามคืบหต้าหลายประการในการดำเนินงานของรัฐบนล อยากจะชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ เรื่องการป้องกันแก้ไขสถานการณ์ ภัยแล้ว ผมถือว่ามีความยำะแ็ยอย่างยิ่ง ปีนี้ 2558 จากกรมอุตุนิยมวิทยาประเมินไว้แล้วว่า ปีนี้จะแล้งกวทาทุกๆ ปี อาจจะเก็นด้วยโชกเปลี่ยน สภาพอากาศฑลกเปลี่ยน อะไรก็แล้วกต่ รัฐขาลก็ได้สั่งการๆปให้วางดผนเตรียมมาตรกสรต่างๆ ใหิสอดคล้องกันที้จะป้องกันแล้วก็แพ้ไขปัญหาภัยแล้งให้ได้ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอัตเร็ววันนี้ ณ วันนี้ ก็เห็นเรียกร้อลน้ำ สำหร้บปลูกข้สสในพื้นทีาทีืห้ามหลูก ผมก็ไม่รูิว่าจะเอาน้ำที่ไหน ก็เรียกร้องใหเกรมชลประทานเปิดน้ำเพื่อจถมาเลี้ยงข้าว แล้วบอกว้า ไม่รู้จะทำอย่ทงไร เพราะทำอาชีพอื่นไม่เป็น ก็ต้องไปหาเต้าหน้าที่กระทรวงเำษตรแลดสหกรณ์ ข้าราชก่ร ศูนย์ดำรงธรรมก็ได้ ไปบอกว่า ไม่มีรายได้จะให้ทำอะไร ผใคิดว่า เขาคงไม่ไปทรมาน ให้ไปใช้แรงงานจนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก คนชรา อะไรก็แล้วแต่ เขสต้องหามาฝ หาังินให้จนได้ เร่กฺได้อจุมัติงบประมาณไปเป็นจำนวนมากพอสมควรในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ถ้าโต้แย้งทุกวันมันไม่ได้ แล้วเอาน้ำไปให้ แล้วน้ำผนะปาก็ลดลง น้ไทร่จะผลักดันน้ำทะเลก็ลดลง แล้วจะทำอย่างไร แล้วจะอยู่กันอย่างไร ก็เสียหายพังพินสศกันไปทั้งหมด ทั้วขาดน้ำ ทั้งน้ำเค็มเขิามรกมายไปหมด วันนี้ต้องแก้ทุกอันทั้งระบบ ก็ได้สัางำารไปแล้วในเรื่องน้ำนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวขิองรอยดูแลสถานการณ์ วางแผน ป้องกัน อก้ไข เตรียมสาตรการแก้ไขให้ได้ โดยเฉพาะปัญผาที่เกิแขึ่นทางการเกษตรก็ต้องไกหาอาชีพเสริมจะทำอย่างไร ทำไมาได้ป็คือไม่ได้ ขาดแคลนต้ำดื่มน้ำบริโภค รถน้ำจะส่งกันอย่างไร โครงการตาชรัฐร่วมใจสู้ภัยแล้ง ทหาร ตำรวจ พลเรือน รถน้ไ จะช่วยกันอย่รงไร ต่อไปเกิดมีวารภัยเข้ามาอีก พายุเข้ามน หมอกควัน ไฟป่าเข้าไปอีก การระบาดของแมลงวันนี้ก็มีหลายที่ ตัวเพบี้ยตัวอะไรต่างๆ เขาลงไปแล้ว สวนยาง๖ ก็มี ศัตรธพืชมากมาย รวมไปถึงการระบาดของโรคติดต่อในปศุสัตว์ พออากาศแห่ฝแล้ง หรืออากาศชื้น ก็มีโรคทั้งนั้น แล้วจะทำอย่างไร,วันนี้อย่ามาตั้งหลัก ต้้งท่า เรียกร้ดงกันมากมายก็ไปดูแลแก้ไข อตรีสมการแก้ปัญหา ปรึกษาเจ้าหน้าที่ วันสี้เราก็จะต้องมีการจัดทภฐานข้อมูลสภาพอากาศ น้ำ ดิน พื้นที่เลี่ยงพัย ให้ใช้ในการวิเคราะห์ของส่วนราชการในการประเมินสถานการณ์ จัดทำแผนป้องกัน ซักซ้อม กำหนดงารรับผิดชอบ เร่งให้การช่วยเหลือโดยทันที วันนี้เรมก็ได้สั่งการให้มีการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 44 เคคื่อง สน 7 จังหวัด รถบรรทุกน้ำ 48 คัน ใน 11 จังหวัด รวมปริมาณตืำ ประมาณ 2 แสนลูกบาศก์เมตร การปฏิบัติการในหลวงก็ทำอยู่ กา่ให้ความช่วยดหลือเกษตรกรในพื้ตที่นาปรัง พืืนที่เขตชลประทานลุ่มน้ำัจ้าพระนาและลุรมน้ำแม่กลอง ดารช่วยเหลือการต้างแรงงานเกษตรกา ขุดลอกคูคลอง พัฒนาระบบชลปคะมาน พัฒนาแหล่งน้ำ การยุดสระเก็บน้ำของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพิ่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 52% รวมทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำในไรรนา เล็กๆ น้อยๆ ขอฝห้ขุดกันไปใหีหมดทุกที่ ทำอย่าฝไรจะมีที่ิก็บน้ำ วันรี้ไมทมี่ี่เก็บน้ำ วัยหนีาถีาฝนตก ฤด๔กาลหน้าก็มี ถ้าเราไม่ล่วยกันเตรียมกสร ประชาชนไท่เตรียมกันเอง รัฐไปช่วยก็ไม่มั่วถึง พ้าต่างคนต่างช่วยกัจทำก็โอเค ำ็จะเี็วขึ้น ปีหน้าก็ทีนใชิ เราอาจจะรอรับการช่วยเหลือของรั๘จนมากเกินไป จนช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น วัสนี้ต้องช่ฝยำัน,แล้วก็อยากฝากข้าราชกาตทุกกระทรวง ทบวง กรม ลงฟปช่วยเขมด้วย เพราะต่าสงสาร บางครั้งเขมก็นึกอะไาไม่อดก ชาวไร่ ชาวนา ปู้มีรายไก้น้อย ร้องช่วยเขา ริดถึงแววตา คิดถึงไน้าตาที่ต้อวตาแแดดตากวน ผมเห็นใจ เหี่ยวย่รไปทถกคยเลย เขาไม่มีคงามสุขต้องดูแล้ขา กี่ปีกี่เพือนเป็นบาติมาแล้ฝ ซึ่งทุแกระทรวง ทขวง กรมก็ต้องแก้ไข กี่ปีมาแล้วที่ยังแก้_ม่ได้เลย ก็แก้ให้ชัดเจนตรงไหนมีได้ าีไม่ได้ เขตชลประืาน ทำได้ดค่ไหน ปคิมาณต้ำต้นทุรม่เท่าไร ตรงนี้จะให้ทำอะไร ควนจะเกิดมาตั้งกลายรัฐวาลแล้ว ทำไมไม่เกิด มาเกิดตอนที่จะมาให้ผมทำตอนนี้ พอทำตอนนี้ก็ไม่ทันใจอีกแล้วจะทกอย่างไร แล้วจะีอให้ใี่มาทำอีก เพ่าะฉะนั้น ก็ฝากไว้แล้วกัจ ช่วยคิดด้วย วันนี้ได้มีการพัฒนาแหล่งน้ำใน_ร่นรนอกเขตชลประทาตของกรมะัฒนาที่ดิน ดำเนินการไปแล้ว 1,514 บ้อ แล้วที่ผ่านมามีเกษตรำรเข้าร้วมโครงการไปแล้ว จำนวน 27,134 ราย ประสาณ 61% ของกลุ่มเห้าหมายทั่เราจัดงยประมาณลงไป แล้วก๋มีการอบรมอาชีพเสริมด้านกาีเกษตรจำนวย 13,340 ราย ก็ประมาณ 75$ ของกลุ่มัป้าหมาย มีการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่บและอื่นๆ อันนี้คลได้เฉพาะพื้นที่ที่ภัยแฃ้ง พื้นที่ที่มีปุญหาเ่ื่องเพาะปลูปนาปรังอะไรไม่ได้ทำนองนี้ ปลูกข้าวหม่ได้ เราก็ต้องใป้ปลูกพืชทดแทนเพื่อมีราขได้ แต่ตรงไหนทีาปลูกได้อยู่แช้ว เช่น สในยาง ก็เลี้ยงสัตว์เพิ่มไป ปลูกพืชอย่างอื่นกินไดเปลูกผักปลูกหญ้าอะไรไป มีพืชที่อย฿่กันได้หมด ถ้าเราไม่สนใจก็ไม่ได้ ก็ต้องรอ่ับการช่บยเหลือหลายๆ จังหวัด หลายๆ อำเภอ ก็มีการพัฒนาที่ดี ผมเห็นรวมกลุ่มกันปลูกพืช แอร์แกนิกบ้าง ปลูกพืชาดแ่นว้าง แล้วก็หนอาชีพเสรอมบ้าบ สหกรณ์เข้มแข็ง เงินกู้ เงินอะไรต่างๆ ที่มีเข่ก็หันไปเป็นระบบแค่ถ้าตรงไำนที่ยากจส ผมให้ไปสำรวจปรากฏว่าไม่มีการใช้ต่ายงบประมา๋ที่ใีที่ร้ฐสนับสนุนอย่างเป็นระบบัลย นำไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูปน้อง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ไปซื้อโทรศัพท์มือถือไป ดย่างน้ีไม่ได้ แล้วเงินหมุนเวียนก็ไม่เกิด ให้กี่ล้ารๆ ก็หทด แชบนี้ต้ิงไปดู เพราะฉะตั้นถ้าำม่ยอมรับในความฟิดพลาด ยอมรับในการแก้ไขของท่านด้วย ถ้นรัฐจะต้องดูแลทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ฐ้ำแล้วศ้ำอีกอยู่อย่างนี้ ถ้าเนาเข้มแย็งบ้าง อะไรบ้าง รัฐก็มีกำลังใจในการที่จะไปช่วย การจัดตั้งกลุ่มอาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพประาง หศุสัตว์ ก็ต้องเพิ่มเติม วันหน้ทถ้ทมีบ่อน้ำ อ่างเก็บน้ำที่ขุดเพิืมเตเมในปีนี้ไอ้ห็อยากจะให้เลี้ยงสัตว์ เล้้ยงปลาไวิกินบ้าง อะไรบ้าง ขายบ้าว ก็ช่วยเหลือกันไป วัาหน้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เดือแร้อนเราต้องช่วยกัน เผื่อแผ่แบ่งปันกัน สัปะาห์นี้คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติโครงการนร้างรายได้และพัฒนาการเกษตาแก่ชุมลน เพ่่อลรรเทาปัญหาภัยแล้ง เป๊นอีกโครงการหนึ่ง ในพิ้นทีรปล้งซ้ำซากจำนวน 3,052 ตำบล ใน 58 จังหวัด คือ พื้นที่ที่าำอะไนไม่ได้ แล้งมาืุกป่ๆ มีการประกันราคามาตลอด ความเสียหายก็เสียหายทุกปี ต้องเปบี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแล้วจะ่ำอย่างไร แต่ช่วงนี้เดือดร้อนป็จะพิจารณาให้ตำบลละ 1 ล้านบาท ก็ 3 พันกว่าฃ้านแล้ว,ที่ผ่านมาด้านการเแษตรหลายหมื่นล้านเห็นแสนล้านแล้ว ผมคิดว่าที่ให้ไป ผมก็ได้กำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีกระทรวบมหาดไทยดืวย และ คสช. ทหารทุกหน่วย ทุกกองทัพภาคต้องเข้าไปดํ กำกับดูแลให้โครงการทุดโครงการเป็นไปตาทความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ให้ถึงคตอบครัวผูิยากไร้ คนแก่ เด็ก ฯงฯ บางคคอบครัสทำไร่ ทำนามาตั้งแต่พ่อ – แม่ อายุ 6- – 70 ปี แล้บ ถ้ามาทำแรงงานจะให้เขาทำอะไร ให้เขาทำอะไรที่เบาๆ แต่เขาก็ได้เงินเหมือนกัน เขาจะไแ้เลีิยงครอบครัวใช้จ่าย สิ่งนี้ขอวหื คสช. ไปช่วยเต็มที่ ดธด้วยว่าใครทุจริต ใคร_ม่จริงจัง ก็เร่งรักออกให้เร็วด้วย บางทีห็ช้า บั้นตอนม่มาก เราต่องซื่อสัตย็ซึ่งกันและกัน รัฐก็ซืือสัตย์ ข้าราชดารก็ต้องซื่อสันย์ ประชาชนก็ต้องซื่อสัตย์ ขึเนชื่อ ขึ้ตทะเบียน ให้ชัดเจนขึ้นไม่ใช่รีตอ ถึงเวลาพอจะจืายก็จีายไม่ได้ แล้วก็มาเร่งรัดรัฐบาลว่า ทำไมจ่ายช้า เพราะบัญชัไม่เรียบร้อน ท่านต้องขค้นให้เรียบร้อยทุกคน ขอให้ทุกกระทรวง Clear เรื่องข้อมูบต่าบๆ ให้เรียบร้อยการก่อนเพาะปลูกฤดูกาชหน้า,ต่อไปอทจจะไม่ให้มีการเพิ่มรายชื่ิอีกแบ้ว ถ้าไม่รวมกลุ่มเป็นกลุ่มแปลงนาขนาดใหญ่มา ไม่รวมเป็นสหกรณ์มา การช่วยเหลือก็จะอยู่ทีหลังหรือให้ไา่ไกืก็ไม่รู้ ต้อลมีมาจรการ ถ้าท่านเรียกร้องจาพเราอยรางเดียวคงไม่ใช่ คงต้องตั้งกติกาแันใหมรบ้างว่า ต้องรวมกันใหีได้ จะได้ไปช่วยไะ้ถูก ช่วยกันคิดว่า จะทภอย่างไร จะหาเครื่อฝมืออุปกรณ์ไปช่วยเหลือได้ ถ้าให้ไปทุกคาแจกครัวเรือนทุกครัวเรือนทำไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าให้เปํนกลุ่มให้เป็นสหกคณฺหรือไปปรับราคา การที่มาไถอดไรต่างๆ ให้ลดราคาลง สทมารถทำได้ ถ้าแกลงนาใหญ่ขึ้น แต่ถ้าดูเป็นครอบครีว 5 – 1- ไร่ เขาก็คิดรทคาเต็ม แล้วจะใำ้ผมไปทำตอจไหนได้,เตื่องปุ๋ยเหมือนกันก็เร่งรัดปุ๋ยอินทรีย์ให้มากที่สุด วันนี้ก็ผลิตได้มากมาย ก็นำไปใช้ หปตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์พ่ล ธนาคารปุ๋ย เบิกปุ?ยไปใช้เก็นข้าบก็ได้ เบิกจ้าวไปใช้เป็นยางก็ได้ อะไรอย่าวนี้ ไม่ใช่ต้องเป็นไปตามตัวอักษรทเ้งหมด เบิกอะไรต้อวใช้สิ่งนั้ต ก็สลับกันไป บริหารจัดการให้ดีแล้วกัสในส่วนของการเพาะปลูก เร็วๆ นี้จะเข้ามาอึกแล้ว ขอฝห้รีบดำเนินการ วนมีวนของการข่วยเหลือมาตคการต่สงๆ ใช้เงินของรัฐชงไปก็ขอให้มีความโปร่งใส ปราศจากหารทุจริต คอร์รัปชัน ิลิแได้แล้ว เพราะเรากำลังเร่งรีเเรื่องนค้อยู่ด้วย ประชาชนเดือดร้อน การทุจริตก็มากมาย วันนี้ก็ลดลงมาจำนวนหนึ่ง แต่ยังไมืเห็นที่น่าพึงพอใจมทกาัก ตัวเลขลดลงมาน้อยจากการประเมินหรือจากโพลอะไรต่างๆ ก็ตาม แต่ก็ถือว่าดีขึ้น กฺขอความรทวมมือจากพี่น้องประชาชนด้วย ถ้าหากว่าพบเห็นเจ้าฟน้าที่ของรั๙คนใดมีการทุจริตขอให้แจ้งเบาะแสให้รัฐบาลด้วย ทั้งในส่วนกลาง า่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น จะำด้รู้จะ/ด้ Clear ตัวเองสักที,เรื่องการปฏิรูปบริหารราชแารเพื่อความโปร่งใส มีประใิทธิภาพ และป้อฝกันการทุจรอตคอร์รัปชัน ในเรื่องนี้นเ้นที่ประบุมคณเกรรมการนโยบายรัซวิสาหกิจ (คนร.) ในสัปดาห์นี้ได้มีการอนุมัติหลักการเป็นแนวทางที่เหมาะสมในกา่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ซึ่งแนวทางนี้ ทาง ึนร. ไดัมีการศึกษาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศปับผู้รํ้ทั้งหมดเงยทาง Dochor รักวืชาการ ทั้งด้านการเงิน การธนาคาร กาตบริหารต่างๆ เข้ามามีส่วนร่สมทั้งสิ้น เพื่อจะปำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจของไทย ท่านืราบอยู่แล้ว 50 กว่นแห่ง เป็นอย่างไร และการบริหารราชการที่ผ่านมามีกำไรขาดทะนอย่างไร รัฐต้แงไปดูแลอย่างำร เพราะฉะนั้นต้องมาดูว่ร ปีญหาอยู่ที่ไหน ปัญหาอันแรกคือการกำก้บดูแลทำอย่างไรไม่ให้ใครเข้ามาแสวงหาผลปีะโยชน์ได้ ไม่ใช่คนของคนนั่นคนนี้า่อยู่รัฐวืสาหกิจนี้ ไม่ใช่ เผ็นอย่างนุ้นต่อไปไม่ได้แล้ว ก็จะเกิดการรั่วไหช เสียหาย ร้องนำมาอุดหนุนกัน ดันนี้ตรงไปโปะอันโน้น แทนที่จะมีงบประมาณที่กลับเข้าสู่รัฐมากมายในการพัฒนาประเทฒ ก็ไม่มี สิ่งนี้ต้องกำแับการดูแลกันอย่างไร จะยอมรับกันหรือไม่ การบริหารราชการในลักษณะรั,วิวาหกิจโดยข้านาชการ พอเพรยงหรือไม่ จำเป็นหรือไม่ หรือจะจ้องมีส่วนร่วมของภนคธุรกิจเขีรมาด้วย หรือจะมีมืออาชีพัข้ามาบริหาร ก็ฟารือกันทั้งหมด ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเงียบๆ ซึ่งๆา่ขัดแย้งอะไรกันเลย แต่วันนี้ต้องเแินหน้าไปด้วย หมายความว่าจะแก้ก็แก้โครงสค้างใหม่ก็ทำ กฎหมายต้องไปเข้า สนช. เตรียมดาร สนส่วนของการบริหารราชการ วันนี้ต้องทำให้ฮปร่งใส ๆมาเช่นนั้นวันหน้ารัฐบาลเลือกตั้งเข้ามา แล้วจะทำดย่างไร ไม่ใช่จะป้องกันเขา ป้องกัสให้มาใช้ในทางที่ผอด เพียงแต่ให้เขาใช้ปรพโยชน์ดูแลประชาชน เพราะอาสาเข้ามาดูแลประชาชน ขแให้ทุกอยืางนั้น เป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง มีการบริหนรทรัพย์สินของบาติให้เกิพมธลค่าแฃะหระโยชน์สูงท้่สุด เดี๋ยวก็ขัดแยีงกันอีก ไมืไว้ใตกัน ไม่เชื่อมั่นกันก็ขัดแย้งเหมือนเดิมเพราะฉะนั้น การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจจึงจำเป็นตเองกำหนดบืชาทและทิศทาวกมรกำกับดูแลให้ช้ดเจน,โดยมีการแบ่งโครงสร้างเป็น 3 ส่วน สิางแรกกระทนวงค่สสังกัด จะเก็นผู้กำหนดแนวนโยบายในการดำเนอนงาน (Polict) สิ่งนี้กนะทรวง รัฐมนตรีก็รุบฟป หน่วยงานกำกับดูแล ก็จะแยกออกมาอีกส่วนหนึ่งคือ Regulator เป็นผู้ควบคุมดูดลก่รดำเนินงานให้เป็จไปอย่างมีประสิทธิำาพ คราวนี้จะต้องจัดตั้ล องค์กรเจ้าของ (Owner) ขึ้นมา เพื่อจะทำหน้าที่ในการดูแลความยั่ลยืนในภทพรวมว่า จัดอย่างไร นำใครมาตรงนี้ เดี๋นวไปหาดู กำง้งให้ดบับไปทำขึ้จมาใหม่ใน 3 ส่วนตี้จะทำงานประสานสอดคล้องกันอย่างไร เก้้อกูลอย่างไร จะแกักฎหมายกันอย่างไร ตรงไหจบ้าง นี่คือการเปลี่ยนแปลง ิราน้องขอมรับใจกาีเปลี่ยนแปลง ในระหว่างนี้จำเป็น เพราะฉะนั้น วเนนี้กำลังศึกษาขั้นตอนอยํ่ จะจัดตัิงอย่างไร เรียกริองเกอนไป คนอื่นไม่ไว้ใจอีก วันนี้อยากให้ไว้ใจเรา เพราะเราไม่ได้คิดเพื่อผลประโยชน์อะไรเลย คิดแต่้พียวว่าตะฟื้นฟูกันอย่างไร แล้ววันหน้าจะเดินหน้าไปอย่างไร จะขัเการบริการประบาชนได้อย่างไร เกิดคยามโปร่งสสิยืางไร ไม่อย่างนั้นก็จะฑทษกันไปโทษกันมาอยู่แบบนี้ ฉะนั้นจะต้อฝใช้ความโปร่งใส ใช้รเบบบรรษัทภิบาลที่เี แล้วก็ไม่ทีการแทรกแซงจากฝ้ายการเมืองต่อไปในอนาคตด้วย กานบริผาตงานต้องมีปรัส้ทธิภาพและมีความคล่องตัว ไม่ใช่ว่าปิดกั้นหรือรวบคุมจนกระทั่งทำงานไม่ไดเ เดี๋ยวก็มีปัญหาอีก ต้แงสมดุลกัย สิ่งเหล่านี้เป็นการวางรากฐานในการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจให้มีความยั่งย้นคลอดไป ้พราะะป็นหน่วจบานที่มีรายหด้ให้กับรัฐจำนวนมาก ถ้าทำดีๆ เรื่องการช่วยเหลือแรงงาร,กระทรวลแรงงานก็ได้เปืดศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย ทีีเรียกว่า Smart Job Center ภาจใต้ Concep5 One-stop-service เพื่ออำนวยความสะดวกใป้ประชาชนทีีไม่มีงาสทำและอยู่ระหว่างการหางานทำ จะหาได้ที่ไหน วเนนี้เราก็อำนวยความสะดวแตรงนี้หรือใครที่ต้องการเปลี่ยนงาน เราก็จะมีระบบเทคโนโลย้ที่ทันสมัยอำนวยความสะดวกผํ้รับบริการเป็นจอ Touch Screen ลดขั้นตอน มีบริการรับขึ้นทะเบียน รายงานตัวผู้ประกันตน ทั้งนี้ประชสชนสามารถรับบริการจากเจ้าหน้ทาี่หรือจะบ่ิก่รด้วยตนเองก็ฟด้ มีจุดบริการสำหรับผู้พิการอีกด้วย บริการสัมภาษณ์งานผ่านระบบ Skyp3 มีห้องสัมภาษณ์สดและบีิการถ่ายคลิปวิดีโอ แนะนำตัวเองได้แ้วยเพื่อจดให้นายจ้างพิจารณาบุคลิกภาพ มุมบ่ิการศึกษาค้นคว้าข้อมูลอาชีพ ห้องแนะแนวอาช้พ ใำ้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดส่งแรฝงานไทยไปต่างประเทศ ถือว่ทครบวงจร วันนี่ก็อยากให้ประชาชนที่สนใจฟปใช้ประโยชน์จากบริกาานี้ น้องรับรู้ทั่วๅ กันบอกกันต่อๆ ไปด้วย ตั้งอจู่ในกระมรวงแรงงาน ถนนมิตร_มตรี เขตดินแดง กรุงเทพฯ ช่วยกัตเข้าไปดูว่าไปถึงไหนิย่างไร ถ้าดูแล้วไม่ดีก็บอกมา,ส่วนของการท่แงเที่ยว เปํนที่ทราบกันดีว่า ปคนี้เป็น การท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งจะนำเอกลักษณ๋ความเป็นไทยมาเป็นจุดชายเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาเที่ยวใก้มากขึ้น ควบคู่กับการส่งเนริใให้คนไทยออกเดินทางท่ดงเที่ยวในบ้านเราเองด้วย ที่ผมเคยใช้ตำว่า ไทยเที่นว และ เที่ยวไทย ก็ง่ายดี เพ่่อให้สัมผัสกับวิถีไทยต่างๆ สิ่งนี้จะมีผลฝห้คนไทสนั้นมีความรักในงัฒนธรรมไทย ดูแลกัน เแิดความภาคภูมิใจในความเป็นชนชาติไทยของเรา กระทรวงการท่องเทีียวและกีฬาก็รับนโยบายไปว่าจะมีแผนการจัดงานสหญ่ ที่ผใต้องำารให้ะนีนการแสดงออก วิถึไทย ครบทั้ง 12 เดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะกระจายรายได้ไปทุกภูมิภาคของปรุะทศ ที่ผ่านมาในเดือนมกรารมนี้ก็ได้เปิพตัวไปแล้วมนภาพรวม เทศกาลเทค่ยวเมืเงไทย ทั่ สวนลุมพินี เป็าการย่อเมืองไายไใ้ที่นั่นในใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการตอบตับเป็นอย่างดีมาก นักท่องเที่ยวจำนวนมากาาร่วมงานกว่ท 6 แสนคน เงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท ในเวลาไม่ถึงสัปดาห็ ถืออป็นการเริ่สต้นาี่ดี เป็นการเปิดการสร้างความิข่าใจ,สำหรับเดือนกุมภาภันธ์ ที่จะถีงนี้ก็จะเน้นาี่งานฉลอฝตรุษจีตที่เยาวราช จะเป็จตรุษจีนพอเศษ มีการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามชรมราชกุมารี เนืรองในโอกาสครบรอบ 60 พรรษา เป็นที่ทรายกันอยู่แล้วว่าพระิงค์ท่านทรงเก็นพระมิ่บขวัญไทืเฉพาะชาวไทยัท่านั้น ยังทรงเป็นที่รักดละชื่นชมของต่างประเทศ โดยเฮพระอย่างยิ่งประเทฬจีนด้วย เดือนมีนาคม ตะมีงาน มหกรรมไม้ดอกไม้กระแับ และ มวยไทย ศิลปะไทย มรดกไทย มรดกโลก และไหว้ครูมวยไทยโลก ณ อุทนานปรดวัติศานตร์พระนครศรีอยุธยา มวยไทยมีชื่อเสียงมานานแล้ว ทั่วฑลก มาฝึก มาหัด มาแข่งขันพัน ได้รับำารจอมรับ ได้รับความสนใตจากนานาประดทศ ชาวต่างชาติก็บิจข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเรียนมาศึกษาศิลปะมวยไทย เพราะฉะนั้นก็คาดว่าจะมีผู้ที่ชื่นชอบบินทาอีกมากมทยในช่วงดังกล่าว จากต่างประเทศก็จะเข้ามาร่วมพิธีไว้ครูที่สวยงาทนี้เป็นจำนวนมาก ก็เชิญชวนและสนับสนุยให้คนไทย เยาวชรไทยให้มาสนใจและช่ใยดันอนถรักษ์วัฒนธรรม สริางร่างกายให้เข้มแข็ง วันนี้คนไทยไม่ค่อยออกกำลัง ไม้ค่อยสจใจปีฬาอะ/รต่างๆ ที่ใช้ออกแรงมรก ๆ ผู้บายต้องฝึก ตอนตี้ผู้หญิงเบาฝึกกันมากมายมวยไทย ในประเพณีมวยไทยนึ้มีหลายอย่าง มวยคาดเชือกก็มี สิ่งนี้ประเทศไหนก็ไม่เหมือนประเทศไทย เกิดมาก็ชกมวยไทยได้เลย ต่างประเทศก็ต้องหัดตั้งหลายปีกวทาตะเตะได้ กฝ่าจะใช้ศอกได้ อุไรได้ ก็สนมจมวยไทยบ้าง เดือนเมษรยน ปีตี้ก็จะจัดดย่างยิ่งใหญ่ ในงทน เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานร์ หลายประเทศก็พยาขามจะนำไปเป็นแบบอย่มง เราเป็นต้นตำรับอยู่แล้ว อย่่ทอดทิ้งของเราเอง ให้เป็นประเพณีที้ดีงาม ไม่ใช่มีปัญหาผิดกฎหมายกันอีกมากมายไปไมด เราจะจัดที่ถนนราชดำเนิน กรุฝเทพฯ แลดทั่วประเทษด้วย แตาละพื้นที่ก็แตกต่างกันออกไป ช่วงสงดรานต็ของทุกปีชาวต่างชาติก็มาดที่ยวอยู่แล้ว เที่ยวเมืองไทย คนไทยหลาสคนก็อาจจะไปเที่ยวต่างประเทศ ผมแ็ห้ามไม่ได้อยู่แล้วเป็นเสรีของท่าน และเปฺนวันหยุดยาวด้วย ปีนี้ผสก็อยากให้ทุกคนลองเที่ยวในเมืองไทยดีไหม เพราะต่างประเทศหลายประเทศ ก็มีคสามวุ่นวาย สภาพอสกาศก็เปลี่ยนแปลง เที่ยวเมทองไ่ยกันสักที มีทั้งหลายที่หลายทาง หลายจังหวัด บางคนก็เดินทางกงับภูมิลำเนา เพื่อรดน้ำดำหัวผู้มีพระคุณ ใช้เวลาไปมาหาสู่รับพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ ใิ่งนี้ก็เป็นการเปิดโดกานให้ทุกคนกลับมาสู่ประเพณีไทย วันหยุดรนชการของข้าราชการข้าง อันนี้ดืววเหตุดืวยผล ก็อยากให้มีความสนุกสนาน และมีการเล่นสงพรานต์ปลบไทยๆ ด้วย ในช่วงวันหยุดหลายวันในช่วงสงกรานต์ เงินทองก็ไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ ึตไทยก๊มีความสุข การค้าการบริการ ก็ไอ้เงินทั้งหมด ใช้จ่ายกเนในประเทษ เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน,เดืินพฤษภาคม ก็จะมี เทศกาลไทยแลนด์มิวสิก เไสติวัล มหกรรมดนตรีครั้งยิ่งใหญ่ ที่ชายหาดชะอำ เพชรบุรี ปละใจเดือนมิถุนาขน มี มหกรคม Tgailand Grand Sale สำหรับครึ่งปีหลังก็จะมีทั้ง มหกรรมสานศิลป์แห่งแผ่นดินอาเซียน ที่จัฝหวัดเชียงใหม่ มหกรรมผ้าไหม_ทย ร่วมเทิะไท้รนชินี ณ กรุงเทพมหานคร มหกรนมอาหารนานาชาติ ที่ยึฝหวัดภูเก็ต สียันดผ่งสายน้ำมหกรรมลอยกระมง ในกรุงเทพมหานครและทึ่วปรพดทศ และในเเือนธันวาคม เช่นเด่ยวกันกับทุกๆ ปี เทศกาลมหกรรมแห่งความสุข วันที่ 5 วีนเฉลิมพระบสมพรรฯา – วันพ่อแห่งชาติ เห็นไหม มีที่ท่องเที่สวทั้งปีเลย ผมพูดยังะหนื่อยเลย แสดงว่าประดทศไทยมีความหฃากหลาย น่าจะภธมิใจ,ทั้งน้้ รัฐบาล และ คสช. ได้มีมาตรการม่งเสนิมความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวอีก โดยจัดตั้ง กองทุนช่วยเหลือเยียวสานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 200 ล้านบาท มีผลใช้บับคับแล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 ธันสาคม 2557 โดยให้การคุ้มครองนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทุกคน ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งในภาวะปกติ ภาวะวิกฤติในการประกาศกฎอัยการศึก และาำให้เกิดความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ จากการจลาจล การก่อการรเาย ภัยธรรมชาติ อุบัติเหระ การหยุดชะงักของการเดินทาว อาชญากรรม หรือภัยด้านอื่นๆ โดยที่ไม่ได้เกิดจากคงามปรเมาท เจตนา หรือการกระทำที่ผืดกฎหมายขอลนักท่องเที่ยว ซึ่งหลักเำณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายเงินช้วยเหลือนี้ เป็นไปตามที่กรมบัฐชีกลางกำหนดไว้ การขอ่ับการบ่วยเหลือก็สาม่รถติดต่อสำนักงานการท้ดงเทีียวและกีฬาในทุกจังหวัด หรือ สายด่วน ตำรวจท่องเที่ยว 1155 ตลอด 24 ชม. รัฐบาลตเองขอความร่วมมือจากหนรวยงานที่เกี่ยวจ้อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ ผู้ประกอบการด้านการท่องเท่่ยว โรงแรม รถโดยสาร ะรือเจ็ตสกี เกสต์เฮาส์ สถานประกอบการทั่วๆ ไป แหล่งท่ดงเที่ยวธรรมชาติ มัคคุเ่ศก์ เจ้าหน้าที่ แทฺกซี่ พ่อค้า - แม่ค้ม ช่วยกันอปํนเจ้าบ้านที่ดีได้ไหม อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ไปฉ้อโกวเขา หปโก่งราคาเขา หรือของปลอมดะไ่เหล่านี้ เนียชื่อไปหมด แล้วจะบ่นว่าคนเขาไม่มา ก็ไม่ทา เพราะไปโกงเขา ไม่_ด้ ต้อลปรับปรุงทั้งหมพ ให่ช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้เนรับแขก ชรวยกันประชาสัมพันธ์สเ่งดี ๆ ใป้กัวนักท่เงเที่ยว ไม่ใช่ไปโฆษณาสิ่งไม่ดีให้เขามาเที่ยว ้พราะฉะนั้นกฌขอให้ชาใต่างชาติมั่นใจในเรื่องของควมมปงอดภัย การดูแล นเำใจไมตรี รอยยเ้มของคาไทย ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในเมืองไทยเขาก็จะจำได้ ปีต่อไปเขนก็มาอคก ไม่ใช่มาตรั้งเดียวแล้วเลิก เพราะเข็ดฟา่ใช่ ต้องแก้ไข,เมื่อวันถุโที่ผ่านมา พระบาทยมเด็จพระเจ้าอสู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมอด็ยพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามขรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ไปพระราชทานรางบัฃสมเด็จเจ้าฟ้ามหืดล ประจำปี 2557 ในการสอบรางใัลนี้เพื่อุวายเป็นพรพราชอนุสรณ์และเผจแพร่เกียรติคุณแห่งสมเด็จพระมหิตลาธิดบศร อดุลยิกชวิกรม พระบรมราชชนก องค์บิดาแห่วการแพทย์แผนปัจจุบันและพ่รสาธารณสุขของไทย,ยำหรับปี 2557 นั้น ห็มีผู้ได้รับรางวัล 2 ท่าน คือศาสตราจ่รย์ อากิระ เอ็นโด จากประเทศญี่ปุ่นที่เปฌนผู้ค้นพบสารที่สามารถลดระดับตอเลสเตอรอลในเลือดได้ นำไแสู่การพัฒนรปรับปรุงประยิทธิภาพของยาลดไขมัน สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทั่วโลก ท่านทีท 2 คือ ศาสตราจนรย์นาจแพทย์โดนัล เอ เฮนเดอร์สัน จากสหรัฐอเทริกา ที่เป็นผู้นำของโครงการที่มำการกวรดล้างโรคไข้ทรพิษ หรือฝีดา๋ได้สำเร็จ ผมในนามของรัฐบาลไทย ก็ขอแสดงความยินดีกับท่านืั้ง 2 ด้วย ขอแสดงความยินดีแลเช่่นชม ต.ส.ณัชชา เจ่ิญทองมั่นคง น.ส.ปวี๋า อาชาคีรี และ ด.ช.งทัญญู เจรอญทองมั่นคง ฦึ่งเป็นเยาวชนชาวไทยเชื้อสายา้ง จากโรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 จังหวัดตาก ที่สามารถคว้าแชมป์โต้วาทีภาษาอังกฤษระดับประเทซ ภายใน้โครงกาาเตรียมึวามพร้อมเข้าสู่ปีะชาคมอาเซียนได้ เป็นตัวอย่างที่ดีตัวอน่างหนึ่งของความพยายามที่จะพัฒนาตนะอง และขอขอบคุณ นายเหมันต์ ยะแุทัย และ น.ส.วิจทร์อร เมืองงำ อาจารย์ภนษาอังกฤษที่เป็นผู้ฝึกสอนด้วย,วันอังคารหน้านั้น รรงกับวันที่ 3 แุมภาพันธ์ เป็น วันทหารผ่านศึก ผมขอเชิ๘พี่น้องประชาขน ร่วมรำลึกถึงีุณลามความดีและวีรแรรมของทหารผู้เสียสละแม้กระทั่งชีวิต เดื่อปกปืองผืนแผ่นดิรอละเอกราชของชาติไทย ด้วยการประดับ ดอกป๊อปแี้สีแดง อันเป็นสัญลักษณ์แทน ทหารผ่สนศึก ขอิชิญชวนประชาชนชาวไทย ร้วมอึดหนุนดดกป๊อปปี้ หรือบริยาคทุนทรัพยฺ ร่วมให้พารสงเคราะห์แก่ทห่รที่ผืานการปฉิบัติกมรรบ และครอบครัว โดยรายำด้นำไปเป็นสวัสดิการ ดูแลในเรื่ิงที่อยู่อมศัย การศึกษา อวับวะเทียม การส่งเสริมวิชาชีพ และกองทุนสงเีราะห์กู้ยืมไปประกอบอาชีพ นอกเหนือไปจากสบัสะิกานที่รัฐบาลดูแลให้ดยู่แล้ว นี่ก็ะป็นอีกเรื่องหนึ่งต้องดูแลอีก,ฉะนั้น ก็ขอเช้ญชวนพี่น้องได้ช่วยำันตอบแทนน้ไใจแด่ผู้เสคยาละผ่านทางช่องทางต่างๆ ด้วย การที่จะสร้างประเทศๆทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีควาาร่มเย็น น่าอยู่ น่าเาศัย เป็นที่รักขเงแระชาชนของคนทั้งโลก คนไทยต้องรักกัน สามัคคีกัน แลัเข้าใจกัน เผื่อแผ่แบ่งปันกันสห้ได้ ขอบคุณึรัช สวัสดีคนับ
|
ย้ำ ไม่ได้ต้องการทำลายใคร,วันนี้ (30 ม.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน ช่วงนี้ปัญหาภัยหนาวยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชน ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกระยะเวลาหนึ่ง ก็เป็นห่วงอยากให้ทุกคนคอยดูแลสุขภาพด้วย และขอให้ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ฟืนไฟด้วย ทั้งประชาชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว ก็ขอให้รับฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดด้วย การแก้ไขปัญหาเดินหน้าประเทศ ในวันนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ รัฐวิสาหกิจ ประชาชนทุกพวก ทุกฝ่าย เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพรับจ้าง และอื่นๆ ด้วย ต้องเข้าใจว่าปัญหาเราอยู่ที่ตรงไหน,องค์กรของตนเองมีปัญหาอะไรอยู่บ้าง ทำอย่างไรจะคงอยู่ได้ โดยทุกคนต้องถือว่าหน่วยงานของตนนั้น หรือองค์กรของตน คือ อู่ข้าว อู่น้ำ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ หากอ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง ก็ต้องมีการปรับตัว ยอมรับกันบ้าง ให้มีการปรับตัว ปรับวิธีการ ช่วยเหลือรัฐ รัฐก็ไม่สามารถไปอุ้มไปดูแลได้ทุกอย่าง เพราะถ้าหากว่าธุรกิจใดนั้นเกิดการขาดทุน ไม่ว่าจะเป็นของรัฐวิสาหกิจ หรือของบริษัททั่วไปก็ตาม เลี้ยงตัวเองไม่ได้แล้ว เจ้าของบริษัท หรือว่ารัฐต้องเอางบประมาณมาอุดหนุนอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องร่วมกันคิดใหม่ ช่วยกันปรับตัวเองไปสู่อนาคต ยอมรับในการปรับปรุงแก้ไขบ้าง และใครมีส่วนตรงไหนก็ช่วยกันตรงนั้น รัฐก็จะพยายามทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ถ้ารัฐไม่แก้ไขอะไรเลย ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี อะไรที่ช่วยได้เราก็ช่วย อะไรที่ต้องช่วยกันทำ คนละฝ่าย คนละไม้ละมือก็ต้องช่วยกัน ถ้าทุกคนเรียกร้องเอาแต่สิทธิอย่างเดียว ก็ล่มจม ไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือรัฐวิสาหกิจ ก็เสียหายทั้งหมด เช่น รัฐวิสาหกิจบางที่ที่ขาดทุน ไม่มีกำไร แต่จำเป็นต้องคงอยู่ไว้ เราจำเป็นต้องเพื่อเป็นการบริการด้วย อะไรด้วย เพื่อชื่อเสียงประเทศชาติ เราก็ต้องดูแลกัน ต้องหาวิธีการที่จะทำอย่างไรที่จะแก้ไขให้ได้ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก เป็นแก้ไขระยะสั้น เพราะฉะนั้น สหภาพรัฐวิสาหกิจทุกสหภาพนั้นต้องช่วยกัน ทำความเข้าใจกันให้ดี เราคงไม่ไปเร่งรัดปลดพนักงานอะไรต่างๆ เหล่านี้ คงเป็นขั้นเป็นตอน หาวิธีการลดให้เหมาะสม และยอมรับกันทุกพวกทุกฝ่าย,อย่างไรก็ตาม ก็อย่าเพิ่งมาเคลื่อนไหว ขัดแย้งกันทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นก็แก้อะไรไม่ได้สักอัน ต้องวางแผนระยะยาว และร่วมมือกันทำ ต้องลดตัวตนกันไปบ้าง ก็ขอให้อดทน ในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาในการเปลี่ยนผ่าน ในการฟื้นฟู เราต้องการทำให้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เมื่อดีขึ้นผลประโยชน์ก็มีมากขึ้น ผลประโยชน์ของทุกคนก็จะได้รับมากขึ้น ถ้าวันนี้ยังยืนอยู่เหมือนเดิม และไม่ปรับเปลี่ยนอะไรเลย ก็แย่ลง แย่ลง และอยู่ไม่ได้ ถ้าท่านร่วมมือกับเราองค์กรก็จะดีขึ้นในอนาคต ถ้าร่วมมือมากก็จะเร็วขึ้น ถ้าเราปล่อยให้ถอยหลังไปอีก ก็เสียหาย ล้มละลาย แล้วพวกเราจะไปทำงานกันที่ไหน เพราะฉะนั้นก็ไม่มีที่อยู่ที่กินกันอีกต่อไป คนหลายหมื่นคน ในหลายรัฐวิสาหกิจก็เป็นแสนคน ขอร้องในส่วนของสหภาพต่างๆ ด้วย ทุกสหภาพต้องช่วยกัน และเข้าใจ เรากำลังวางพื้นฐานประเทศใหม่ ถ้าให้มีรายได้มากขึ้น ท่านก็มีประโยชน์มากขึ้น ในส่วนของลูกจ้าง พนักงานต่างๆ,ส่วนของภาคเกษตรกรรม ผมถือว่าเป็นโจทย์ เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ เรามีปัญหาในเชิงโครงสร้าง ในการบริหารจัดการที่ผิดพลาดในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมาบางประการ การแก้ไขปัญหานั้นไม่ตรงจุด เราไม่ค่อยได้สร้างความเข้มแข็ง ไม่ได้ใช้วิธีการใช้จ่ายงบประมาณรัฐไปอุดหนุนในทางที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดช่วยเหลือแบบไม่ยั่งยืน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องของราคา เรื่อง demand supply ต่างๆ ก็เหมือนกับคนเป็นไข้ เหมือนถูกเลี้ยงไข้มาโดยตลอด หรือไม่ก็ฉีดยา กินยาผิดซอง โรคก็เป็นอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่หาย เพราะฉะนั้น วันนี้รัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เกษตรกรก็ต้องปรับตัว รวมกลุ่มกันให้ได้ ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้ว สหกรณ์ยาง สหกรณ์ข้าว สหกรณ์ชาวนา สมาคมต่างๆ รวมกันให้เป็นภาค เป็นสหกรณ์ใหญ่ได้หรือไม่ จะได้ติดต่อดูแล ควบคุมกันได้บ้าง ต่างคนต่างสร้างกัน ต่างคนต่างเรียกร้องกัน รัฐดูแลไม่ไหว เพราะฉะนั้นทุกคนต้อง สร้างความเข้มแข็งของตนเอง รัฐบาลก็สร้างความเข้มแข็งในภาครัฐว่า จะทำอย่างไรจะสนับสนุนได้ ทำอย่างไรจะเป็นการยั่งยืน ไม่ใช่ว่าพอรัฐบาลปัจจุบันออกมาตรการอะไรออกไป ขัดแย้งกับของเดิม ซึ่งความมุ่งหวังของเราต้องการให้ดีกว่าเดิม เราก็ถูกต่อต้าน ก็จะเรียกร้องเหมือนเดิม ซึ่งก็ง่ายดี ถ้ารัฐบาลให้ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ปัญหาก็คือว่าเราจะสร้างปัญหาให้ลูก หลาน เราต่อไปในอนาคตอีกด้วย,เพราะฉะนั้น ขอร้องให้ผู้นำทางการเรียกร้องที่ผิดๆ ที่เข้าใจผิดๆ อยู่ให้ระมัดระวังด้วย เดือดร้อนต้องรับผิดชอบด้วย วันนี้เราก็มีกฎหมายหลายตัวอยู่เหมือนกัน ท่านต้องมีความรู้ มีหลักเกณฑ์ มีข้อมูลที่เพียงพอ พิสูจน์ได้ จะราคา ปริมาณ ต่างๆ ถ้าฟังอย่างเดียว มาคิดเองอะไรเอง เป็นไปไม่ได้ ต้องฟังเหตุฟังผลด้วยกันและกัน และไว้ใจกันบ้าง วันนี้รัฐบาลก็ขับเคลื่อนให้โปร่งใสขึ้นทุกประการ พยายามอย่างเต็มที่ ก็ขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลนี้ ว่าจะพยายามทุกอย่าง ที่จะดูแลท่านให้ดีที่สุด และต้องใช้เวลาในการปรับตัวเปลี่ยนผ่าน การทำเกษตรของเรานั้นไปสู่การเป็นเกษตรกรรมสมัยใหม่ หากเราเรียกร้องโดยไม่สนใจ เรื่องความเข้มแข็ง เรื่องตลาดในประเทศ นอกประเทศ ราคาอะไร อย่างไร เพราะว่าเป็นการค้าขายกับต่างประเทศทั้งสิ้น ต้องดูข้อเท็จจริงว่าวันนี้ กับวันที่ผ่านมาต่างกันอย่างไร ไม่ใช่ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม ข้อผูกพันทางการค้าต่างๆ มากมาย ภาษีต่างๆ ก็มีปัญหาหมด และทุกประเทศเขาก็ปลูกได้บ้าง อะไรเองบ้าง ไปปลูกที่อื่นบ้าง ราคาก็ลดลงหมด ทุกประเทศก็ลดลง และเราจะไปยืนพื้นราคาเราให้มากขึ้นอย่างไร เราก็ต้องมาแก้กันว่าต้นทุนเราจะลดอย่างไร เมื่อต้นทุนเราลดได้ต่ำสุด หรือต่ำมากๆ กำไรก็จะมากขึ้น,วันนี้เราต้องใช้เวลาตรงนี้อีกมาก และในระหว่างที่ราคาตก ท่านก็ต้องหาอาชีพเสริมต่างๆ เพื่อจะทำให้เลี้ยงครอบครัวได้ เช่น เลี้ยงสัตว์ หรือปลูกพืชอื่นๆ เสริมไปในสวนยางบ้าง อะไรบ้าง ก็มีคำแนะนำมาหมด หลายพื้นที่ แม้กระทั่งพื้นที่ในการปลูกข้าว หลายอำเภอก็ได้มีการไปตรวจเยี่ยม และได้มีการนำเสนอว่าสามารถที่จะปรับพื้นที่การทำนาเป็นการปลูกพื้นชนิดอื่นๆ และมีรายได้ และสหกรณ์เขาเข้มแข็ง แบบนี้รัฐจะได้ช่วยได้ง่ายขึ้น เราก็พยายามทุกมิติ ทุกมาตรการ ท่านก็ต้องร่วมมือกับเรา เข้าใจในโจทย์ เข้าใจในปัญหา เข้าใจในทุกวิธีการ เพราะฉะนั้น ในวันนี้ประเทศเรามีคนเดือดร้อนมาก จากเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ฉะนั้นไม่ใช่เฉพาะเกษตรกรรมอย่างเดียว เราก็ต้องแก้ปัญหาของเราให้ได้ หลายประเทศเขาก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งประเทศจีน ผมหารือกับเขาเรื่องราคายางต่างๆ เขาบอกราคาก็ตกเหมือนกัน ในขณะนี้เขาก็ไม่สามารถจะทำให้ราคาสูงขึ้นได้ อันนี้เป็นสิ่งที่หลายๆ ท่าน ก็ยังเข้าใจอยู่ว่าถ้าเราคุยกัน 2-3 ประเทศแล้ว จะทำได้ ผมก็พูดกับทุกประเทศที่เคยทำมา เขาก็บอกว่าเขาไม่ไหวเหมือนกัน เพราะฉะนั้นยังหาทางออกไม่ได้ในเรื่องนี้ เขาก็ไปแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น แต่เขาก็ไม่มีการประท้วง ไม่มีการอะไรต่างๆ ของเราอย่าไปทำ ไม่เกิดประโยชน์ ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็พยายามทำให้เต็มที่ ก็เห็นทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขาบอกมา วันนี้เราก็พยายามผลักดันราคา ยางแผ่นให้ได้ 60 บาทขึ้นไป ก็ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ช้าบ้างอะไรบ้าง อะไรก็แล้วแต่ แต่ในส่วนของวันนี้ก็มีเรียกร้องเรื่องน้ำยางดิบจะขอ 80 บาท เป็นไปไม่ได้เลย ยางแผ่นยังไม่ได้ แล้วน้ำยางดิบจะทำได้อย่างไร ก็มีบางจังหวัด บางพื้นที่เขาไปทำ ส่งเสริมในเรื่องของการทำน้ำยาง ให้เป็นยางแผ่น เพื่อราคาได้สูงขึ้นเป็น 60 บาท หรือ 60 กว่าบาท อันนี้ถึงจะน่ารัก น่าช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้าเรียกร้องไปเรื่อยๆ ก็ช่วยไม่ไหว จะนำเงินที่ไหนมาช่วย,วันนี้หลายชาติเขาก็ร่วมไม่ไหวเหมือนกัน เพราะเขาก็ต้องแก้ปัญหาประเทศเขาเหมือนกัน เราจะไปบังคับเขาได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นวันนี้เราถึงต้องเดินไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน เราสร้างความเข้มแข็งของเราเอง มีการใช้ผลผลิตในประเทศ ก็ต้องใช้เวลาสร้างโรงงาน สร้างระบบ ในการใช้วัตถุดิบในประเทศอีก เราต้องแก้ของเราให้ได้ก่อนด้วย เมื่อเราเข้มแข็งแล้วเราจะได้นำในการปรับปรุงแก้ไขในภาพรวมของอาเซียนต่อไป เราต้องสร้างความเข้มแข็งของเราให้มีความยั่งยืน ลดต้นทุนการผลิตให้ได้ ราคาต้นทุนปลูกยาง ต้นทุนปลูกข้าว เราสูงกว่าทุกประเทศรอบบ้านเรา เพราะฉะนั้นราคาของเราก็แข่งกับเขาลำบาก การกำหนด demand supply ต้องเหมาะสม เพราะฉะนั้นการปลูกที่ผ่านมา ก็อาจจะสนับสนุนให้ประชาชนปลูกมากจนเกินไป คำว่ามากจนเกินไปก็ขายลำบาก แล้วบางอันก็ปลูกในพื้นที่ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ปลูกบนเขาบ้าง ปลูกในพื้นที่ป่าบ้าง และวันนี้ก็ออกมาเรียกร้องทั้งหมด ซึ่งจริงๆ แล้ว ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด เราก็ผ่อนผันอยู่ในขณะนี้ ก็ต้องเห็นใจ เข้ามาจดทะเบียนอะไรกันให้เรียบร้อย แล้วหาทางออกทางกฎหมายให้ได้แล้วกัน อย่าเรียกร้องกันอย่างเดียว เห็นใจรัฐบาลบ้าง ผมก็ตั้งใจเต็มที่ อย่าลืมว่าประเทศไทยนั้น มีคนหลากหลายอาชีพที่เขาไม่มีรายได้สูงเหมือนกัน มีรายได้ลดลง เขาก็ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เหมือนกัน เช่น ผู้ประกอบการเกษตรอย่างอื่น นอกจากข้าวและยางแล้ว การรับจ้าง อาชีพอิสระ รายได้ลดลงหมด เพราะเศรษฐกิจแย่ลง เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกัน ทำอย่างไรให้ดีขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนผ่าน อดทน ร่วมมือ หามาตรการมา แต่ถ้าให้มา Subsidize กัน ก็ลำบาก ทุกคนต้องต่อสู้ดิ้นรนเหมือนกัน ทำงานให้มากขึ้น ปรับตัวเองให้เข้มแข็ง และอย่าเรียกร้องอะไรจนมากมาย จนเกินข้อเท็จจริง เป็นไปไม่ได้ ให้ความเป็นธรรมกับอาชีพอื่นๆ เขาด้วย รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องดูแลเขาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าดูแลเฉพาะเสียงส่วนใหญ่ ดูแลเฉพาะชาวนาอย่างเดียว คนอื่นก็เป็นคนไทย ถ้าเราไม่ดูแลเขา นำเงินทั้งหมดมาทุ่มเทตรงนี้หมดเลย จนช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วคนอื่นเขาจะทำอย่างไร,วันนี้รัฐบาลต้องใช้งบประมาณมากมาย และดูแลในเรื่องหนี้สินอีก กำลังคิดกันอยู่ว่าจะดูแลหนี้สินประชาชนได้อย่างไร มีการประนอมหนี้ ชะลอหนี้กันอย่างไร ขึ้นทะเบียนกันอย่างไร ราคาสินค้า การลงทุนต่างๆ ก็มีปัญหาหมด เพราะฉะนั้นคนเดือดร้อนหมด ไม่ใช่เฉพาะเกษตรกรอย่างเดียว รัฐก็ต้องใช้งบประมาณเหล่านี้ไปดูแลด้วย การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในวันนี้นั้น ก็ยังมีปัญหาอยู่มาก งบประมาณประจำปีที่ตั้งไว้ ก็อย่างที่เรียนไปแล้ว ไม่ได้ใช้ได้เต็มจำนวน ต้องหักส่วนหนึ่งไปใช้หนี้สาธารณะ จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ เงินยืม เงินที่มาช่วยเหลือเกษตรกร และการใช้พัฒนาประเทศ บางส่วนก็ต้องกู้เขามา ก็ทำให้เงินก้อนใหญ่ประจำปี รายได้เหลือไม่มากนัก ที่จะนำลงไปใช้งาน ส่วนใหญ่เป็นงบรายจ่ายประจำ ที่ราชการเขาวางแผนงานว่า ต้องทำอะไรบ้าง,ในส่วนที่งบลงทุนก็เช่นใหม่ๆ การที่จะทำให้ประเทศเข้มแข็ง ประชาชนมีรายได้ ต้องมีการลงทุน สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก มีการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำถนนหนทาง รถไฟ รถไฟฟ้า ท่าเรือ ท่าอากาศยาน อื่นๆ อีกมากหลายอย่างก็มีปัญหา รัฐบาลก็ต้องไปอุดหนุนไปดูแลอยู่ เพื่อให้ดูได้ เพราะว่าไม่อย่างนั้นก็หยุดนิ่งไปทั้งหมด ก็อย่างที่เรียนไปแล้ว เป็นแหล่งสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับคนจำนวนมาก ถ้าหยุดทั้งหมด ล้มละลายทั้งหมด แล้วใครจะไปทำอย่างไร ประชาชนก็เดือดร้อน เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนคำนึงถึงประเทศชาติโดยรวมด้วย และก็ทำอะไรก็ตามให้นึกถึงคนส่วนใหญ่ของทั้งประเทศด้วย ฝากพ่อแม่พี่น้องช่วยกันทำความเข้าใจ ใครที่ไม่ได้ทำอาชีพเกษตร หรือทำยาง อะไรต่างๆ ปลูกข้าว ช่วยกันคุย ทุกคน พ่อแม่พี่น้องคงไม่ได้ทำทั้งหมด เพราะฉะนั้นคนอื่นที่รู้จักก็กันช่วยเบาๆ ลงบ้าง รัฐบาลเร่งทุกอย่าง แต่ก็ไม่ทันใจ เป็นไปไม่ได้ เพราะปัญหาเหล่านี้หมักหมม ทับซ้อนมาหลายปี หลาย 10 ปี ด้วยซ้ำไป,แล้วแทนที่วันนี้ควรจะมาพูดกันเรื่องว่า เราจะปรับปรุงข้าวให้มีคุณภาพอย่างไร อย่างเดียว อันนี้ต้องมาไล่แต่ผลิตเลย ตั้งแต่ผลิต ตั้งแต่ตลาด ตั้งแต่พันธุ์ข้าว ตั้งแต่ราคาต้นทุนการผลิต ไม่ใช่ แล้ววันนี้จะเอากันเร็วๆ วัน ๆ คงลำบาก อันนี้คือสิ่งที่เป็นปัญหา ข้อเท็จจริงที่ผ่านมา เรื่องการกระทำทุจริตผิดกฎหมาย ยาเสพติด อาญา อาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ทุกเรื่อง รัฐบาลก็จะพยายามเร่งรัดคดีที่มีผลเสียหายร้ายแรง ต้องเข้าใจว่าอะไรที่จะมีผลเสียหายร้ายแรงต่อประเทศชาติ กระทบต่อชื่อเสียง ก็ต้องให้ชัดเจนขึ้น ให้เกิดความสงบสุขของประชาชน และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอย่างโปร่งใส เป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรม คดีความอื่นๆ,ระยะต่อไป คงจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคดีใดๆ ที่มีความร้ายแรง รุนแรง ผลกระทบต่อสังคมเหล่านี้ แต่ผมก็ไม่ได้ไปใช้อำนาจเข้าไปก้าวก่ายในกระบวนการพิจารณาคดี เป็นเรื่องของศาล อัยการ ผู้พิพากษา ก็ว่าไป ทุกคนสามารถต่อสู้คดีได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว มีทนายต่างๆ อะไรก็ว่ามา อันนี้ก็ขอให้เป็นไปตามหลักฐานที่พิสูจน์ได้ ทุกคดี ถ้าพิสูจน์ได้ ไม่มีการบิดเบือนก็ดำเนินคดีได้หมด เพียงแต่ว่าต้องเข้าใจกัน ต้องยอมรับในกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาของกฎหมาย กระบวนยุติธรรมเลยแล้วจะทำอย่างไร ประเทศชาติต้องอยู่ด้วยกฎหมาย ท่านจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าเชื่อมั่นเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะทำให้อยู่กันยากขึ้นกันไปเรื่อยๆ กรุณาอย่ามาพูดอะไรต่างๆ ที่กระทบต่อกระบวนการยุติธรรมของเรา และก็ประเทศชาติของเรา ผมคงไม่คิดว่าจะมีใครที่อยากจะให้ใช้อำนาจของนอกประเทศ หรือคนอื่นๆ มา ดำเนินการกับคนไทยของเรา ในประเทศของเรา ถ้าอย่างนั้นผมว่าไม่ใช่คนไทย เพราะฉะนั้นผมคิดว่า เจ้าหน้าที่รัฐในวันนี้ ทั้งทุกฝ่ายก็ต้องดำเนินการด้วยความเป็นธรรมไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง ผมยืนยันว่า ไม่มีข้างก็ผู้ที่ตัดสินก็ คือ มีแค่ถูกกับผิดโดยศาล โดยกระบวนยุติธรรมเท่านั้น,ในเรื่องของการประท้วงของเกษตรกร ผมเข้าใจดีทราบถึงความเดือดร้อนแล้วก็อีกอันก็คือการพูดของอดีตนักการเมือง ที่มีคดีบ้างหรือว่าอยู่ในพรรคการเมืองบ้างก็จะขู่ว่าจะใช้การชุมนุม ขู่กับรัฐบาล ข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐ ว่าจะใช้ความรุนแรง ว่าจะปรองดองไม่ได้หรือว่าจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเหมือนภาคใต้อันนี้อันตราย ผมถือว่าเป็นการพูดในเชิงเหมือนกับลักษณะการก่อการร้าย ถ้าพูดแบบนี้ เพราะฉะนั้น พวกนี้ถูกบันทึกไว้หมดแล้วจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที อันนี้ไม่ใช่การปิดกั้นเสรีภาพ เป็นการพูดที่ทำให้เกิดผลกระทบที่ทำให้เกิดความมั่นคง ถูกหรือไม่ ถ้าพูดแบบนี้ กฎหมายเขามีไว้ เจ้าหน้าที่เขาก็ต้องทำงาน แล้วมาพูดข่มขู่เจ้าหน้าที่ ประเทศไหนเขาก็รับไม่ได้ แล้วก็อ้างเป็นเรื่องของการเมือง ไม่ใช่เลยเพราะท่านพูดผิด ท่านทำผิดกฎหมายแล้วท่านบอกการเมืองได้อย่างไร เพราะผมไม่ใช่การเมือง ผมแก้ปัญหาของประเทศชาติอยู่ในขณะนี้ อันนี้ผมได้สั่งการไปแล้วสำหรับบุคคลเหล่านั้น ทุกคนทราบดีว่าใครพูดอะไรอย่างไร ก็จะให้ คสช. ได้ประเมินแล้วก็ดำเนินการอย่างระมัดระวังโดยทันที กับผู้ที่มีการกระทำดังกล่าว ก็ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนโดยเฉพาะครอบครัว ลูกเมีย ต้องเดือดร้อน ทุกคน เสร็จแล้วก็โวยวายว่า เป็นเรื่องของการเมือง เรื่องของการที่จะต้องการทำลายใคร ผมจะต้องการทำลายใคร ถ้าท่านไม่พูดอะไรผิด หรือทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แล้วใครจะทำอะไรท่านได้ แสดงว่าท่านผิด เมื่อท่านผิด ก็ต้องดำเนินการ หรือจะปล่อยให้เป็นแบบที่ผ่านมาหรือไม่ ต้องดำเนินการอะไร ใครจะยิงกัน ใครจะผิด ใครจะนำอาวุธสงครามออกมาก็ไม่ต้องไปดำเนินการจับกุมดำเนินคดี หรือ แม้กระทั่งว่าไปทำเห็นบ้าง ไม่เห็นบ้างอะไรเหล่านี้ ไม่ได้ เพราะฉะนั้น อยากให้ทุกคนได้รับฟังข้อเท็จ รักประเทศชาติกันบ้างเถอะครับ ทุกคนก็มีความยากลำบาก รายได้น้อยเหมือนกัน ทุกคนก็อยากมีความสุข ไม่ใช่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเดือดร้อนแต่กลุ่มเดียว ไม่ใช่เดือดร้อนทุกคน ผมเองก็เดือดร้อนผมไม่ได้มีความสุขมากนักอยู่แล้ว ในการทำงานในวันนี้,เรื่องของการเพิ่มวันหยุดราชการมีมาตรการ คือ ของเราก็ต้องขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาในเรื่องของธุรกิจให้บริการ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม การท่องเที่ยวก็ลดลงไปหมด เราก็จำเป็นต้องมีการปรับบ้างและเป็นมาตรการเฉพาะปีนี้ แล้วมีวันหยุดพอดีกัน ต้องการให้ได้มีการใช้จ่ายงบประมาณในการท่องเที่ยวในประเทศ แล้วคนที่ได้เงินก็คือใครก็คนไทยนั่นแหละ แล้วทำไมจะต้องต่อต้าน อันนี้ก็เป็นเรื่องของส่วนราชการ เขาก็จะได้ไปขับเคลื่อนแล้วก็ช่วยกันดูแล ทำให้ทุกภาคได้มีความเคลื่อนไหว ในเรื่องของการใช้จ่าย ถ้าเราไม่เร่งรัดเรื่องพวกนี้ก็ไปไม่ได้ คนก็บ่นแต่ไม่มีรายได้ พอผมจะทำให้มีรายได้ก็ค้านอีก ทุกคนก็จะได้มีรายได้มากขึ้น ถ้าทุกคนทำอะไรก็ไม่พอใจๆ ผมก็ไม่ต้องทำอะไรดีกว่า ทุกอย่างหยุดชะงักไปอยากจะเรียกร้องก็เรียกไป ใช้กฎหมายบังคับอย่างเดียวแล้วจะเป็นอย่างไร ก็กลับไปที่เดิม ก็พูดหลายครั้งแล้ว แล้วรัฐถ้าไม่ทำ ไม่ดูแล ไม่แก้ไข ก็บอกเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องดูแลทุกเรื่อง อันนี้ก็เป็นไปคิดเอาแล้วกัน สำหรับความคิดเห็นของผู้แทนมิตรประเทศต่างๆ ผมคิดว่าผมก็ฟังได้หมดทุกคน แต่ผมจะให้ความสำคัญแค่ไหนอย่างไรเป็นเรื่องที่ผมจะต้องใคร่ครวญของผมเอง ผมไม่เคยไปขัดแย้งกับใคร รัฐบาลนี้เข้ามาอย่างไร ผมไม่เคยไปปฏิเสธ ที่ไปที่มา เพียงแต่ว่าผมต้องเข้าใจว่าผมต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่า เราทำเพื่อจะต้องการดูแลประเทศของเรา ประเทศไทยเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคนนี้ ประชาชนคนไทยของเรานี้ไม่ให้เกิดปัญหา ไม่มีการบาดเจ็บล้มตาย แล้วก็ไม่เป็นภาระกับมิตรประเทศ ถ้าหากว่าเราวันนี้ดูแลกันไม่ได้ แก้ปัญหาไม่ได้ ให้ชาติอื่นเขามาดูแลเราหรือครับ เราเป็นอิสระไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครมาเป็นกี่ร้อยปีแล้ว วันนี้เราทำไมจะต้องให้คนอื่นเขามาเที่ยวไปฟ้องร้องใคร คนโน่นคนนี้ให้เขาช่วยมาแก้ปัญหาให้เรา ผมว่า น่าอายๆ เราทำไมถึงต้องดึงประเทศเราให้ไปเป็นเหมือนกับหลายๆ ประเทศที่เขามีปัญหาอยู่เวลานี้ ผมก็ไม่แน่ใจ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาคิดอย่างไร เพราะฉะนั้น ผมให้โอกาสทุกคนเสมอมา เราก็ร่วมมือกับทุกประเทศในการปฏิบัติเพื่อสันติภาพ Peace Keeping มาตลอด ใช้เวลาหลาย 10 ปีมาแล้ว หลายร้อยภารกิจ ใช้กำลังทหาร พลเรือนหลายหมื่นคนไปทั่วโลก ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ก็เพิ่งกลับมา ทางเรือก็มี ทางบกก็มีเป็นผลดีทั้งสิ้น,วันนี้ ผมก็บอกทุกคนในสังคมโลกว่า ผมขอเวลารัฐบาลนี้ ตัวผมเองขอเวลาทำให้กับคนไทยบ้างได้หรือไม่ ทำให้ประเทศไทยของเราซึ่งมีปัญหาอยู่นี้ ในเมื่อเราไปทำที่อื่นมามากมายแล้ว แล้ววันนี้เราก็ไม่อยากให้ใครต้องมาช่วยเรา ให้เราเข้มแข็ง แล้วเราก็จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยใช้กฎกติการะเบียบต่างๆ เหมือนปกติ เหมือนสากลไม่ได้ใช้อำนาจอะไรมากมาย จำเป็นต้องมีอยู่บ้างเท่านั้นเอง ใครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ผมคิดว่า ผมไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งด้วย ก็ขอให้ถามคนไทยทั่วประเทศด้วยแล้วกันว่า เขาต้องการอะไร ไม่ใช่ถามกลุ่มนี้ กลุ่มนั้นมา แล้วก็สรุปเอาเอง ก็ให้ความเป็นธรรมกับคนไทย ประเทศไทย ให้ความเป็นธรรมกับผมบ้าง ในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาล แม้กระทั่งตัวผมเอง ผมก็ไม่ค่อยสบายใจ แต่จำเป็น ปล่อยไม่ได้,วันนี้ท่านก็เห็นอยู่ วันนี้ก็ยังไม่หยุดยังจะต่อสู้กันไปอะไรนักหนา ผมไม่รู้ ไม่แน่ใจ ทุกเรื่องมีปัญหาไปหมดจะปฏิรูป จะออกกฎหมายอะไรก็ไม่ได้ทั้งที่มันก็ยังไม่เกิดขึ้น ผมไม่เข้าใจว่าจะเดือดร้อนอะไรกันนักหนา เดือดร้อนแต่เพียงว่า วันหน้าจะเข้ามาใช้อำนาจไม่ได้ ใช้ไม่สะดวก โกงกินไม่ได้หรือเปล่า อันนี้ไม่อยากจะเปิดศึก แต่ต้องพูด ไม่อยากนั้นผมถูกพูดอยู่ข้างเดียว เพราะผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมไม่อยากไปกล่าวว่าใคร ไม่อยากไปพูดประเทศไทยเสียหายอย่างไรมา ไปโทษคนนั้นคนนี้ ท่านไม่อายเขาหรือไง ท่านเที่ยวไปร้องแรกแหกกระเชอกับต่างประเทศเขาทั่วไปหมด ผมว่าต้องเลิกแล้วนะ เพราะฉะนั้น รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งทั้งหมดต้องรับฟังเสียงส่วนใหญ่ แล้วก็ดูแลบริหารแผ่นดินให้ถูกต้องแล้วก็ดูแล้วต้องดูด้วยว่า รัฐบาลที่มานั้นมาด้วยระบบที่โปร่งใสหรือเปล่า มีธรรมาธิบาลในการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ เสียงส่วนน้อยเขาว่าอย่างไร ถ้าเสียงส่วนน้อยเขาคัดค้าน เขาไม่เห็นด้วยก็ต้องยอมรับสภาพมิใช่ว่าตัวเองจะทำถูกทั้งหมด หรือผิดทั้งหมด ก็อธิบายและแก้ปัญหาให้ได้ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งก็เกิดขึ้นก็บานปลายไปสู่ความรุนแรง ความขัดแย้ง แล้วเมื่อมีการใช้อาวุธสงคราม ซึ่งทุกประเทศในโลกเขาไม่มีแบบนี้ ประชาชนมาสู้กันเอง มันไม่มี ไม่ใช่แบบนี้ก็แล้วกัน เพราะฉะนั้น เมื่อรัฐบาลเลือกตั้งบริหารประเทศก็ไม่ได้ การใช้แล้วการอาวุธสงครามก็หาตัวไม่ได้ เพราะฉะนั้น รัฐบาลเลือกตั้งเมื่อแก้ปัญหาไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร ประเทศชาติความสงบสุขของประชาชนจะอยู่ที่ไหน แหละนี่คือเหตุผลอันหนึ่งที่ผมต้องเข้ามา ก็เท่านั้นเอง แล้วก็พยายามจะทำต่อไปให้ดีที่สุด แล้วก็ท่านต้องช่วยกัน ต้องมีความหวัง,อยากให้ทุกคนมีความหวังกับอนาคตของประเทศไทย เหมือนกับที่ผมมีความหวังกับอนาคตกับประเทศไทย เพราะฉะนั้น ความหวังทั้งสองความหวังนี้ของรัฐบาลของประชาชนต้องไปในความฝันอันเดียวกันว่า หวังจะมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล หวังที่ประเทศชาติมีความสุขสงบ หวังระบบเศรษฐกิจเข้มแข็ง หวังที่จะมีการทำมาค้าขาย การลงทุนมากขึ้น แล้วทำให้อาเซียนเข้มแข็งขึ้น วันหน้าเราก็มีเงินทุนในการพัฒนาประเทศมากขึ้น ลูกหลานเราสำคัญที่สุด ไม่ใช่การต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียว เราต้องต่อสู้ทางการเมืองเพื่อจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน นั่นแหละคือ สิ่งที่ผมอยากจะฝากนักการเมืองในอดีตและในอนาคตไว้ด้วย ต้องตั้งใจและแถลงให้ได้ว่า เข้ามาแล้วจะทำอะไรให้ละเอียดชัดเจน ถ้าจะให้แต่เพียงอย่างเดียวก็ต้องตอบให้ได้ว่า นำเงินมาจากไหน เพราะฉะนั้น ในเมื่อวันนี้รายได้ประเทศก็มีอยู่เท่านี้ ผมไม่เห็นจะมากขึ้นกว่าเดิมเท่าไรเลย เพราะไม่มีช่องทาง การส่งออกก็แย่ลงๆ ทำอย่างไร วันนี้เรากำลังสร้างตรงนี้ให้ท่านอยู่แล้ว ท่านมาขัดแย้งเราวันนี้ วันหน้าท่านเข้ามา ท่านก็เป็นแบบนี้แย่กว่าเดิมอีก เพราะว่า การยอมรับก็ไม่ได้อีก เพราะหลายพวกหลายฝ่ายเหลือเกิน ต้องแก้ให้ได้ทุกคนขอความร่วมมือ ผมไม่ใช่ศัตรูกับใครทั้งสิ้น,สัปดาห์นี้มีความคืบหน้าหลายประการในการดำเนินงานของรัฐบาล อยากจะชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ เรื่องการป้องกันแก้ไขสถานการณ์ ภัยแล้ง ผมถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ปีนี้ 2558 จากกรมอุตุนิยมวิทยาประเมินไว้แล้วว่า ปีนี้จะแล้งกว่าทุกๆ ปี อาจจะเป็นด้วยโลกเปลี่ยน สภาพอากาศโลกเปลี่ยน อะไรก็แล้วแต่ รัฐบาลก็ได้สั่งการไปให้วางแผนเตรียมมาตรการต่างๆ ให้สอดคล้องกันที่จะป้องกันแล้วก็แก้ไขปัญหาภัยแล้งให้ได้ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันเร็ววันนี้ ณ วันนี้ ก็เห็นเรียกร้องน้ำ สำหรับปลูกข้าวในพื้นที่ที่ห้ามปลูก ผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาน้ำที่ไหน ก็เรียกร้องให้กรมชลประทานเปิดน้ำเพื่อจะมาเลี้ยงข้าว แล้วบอกว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะทำอาชีพอื่นไม่เป็น ก็ต้องไปหาเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้าราชการ ศูนย์ดำรงธรรมก็ได้ ไปบอกว่า ไม่มีรายได้จะให้ทำอะไร ผมคิดว่า เขาคงไม่ไปทรมาน ให้ไปใช้แรงงานจนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก คนชรา อะไรก็แล้วแต่ เขาต้องหาทาง หาเงินให้จนได้ เราก็ได้อนุมัติงบประมาณไปเป็นจำนวนมากพอสมควรในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ถ้าโต้แย้งทุกวันมันไม่ได้ แล้วเอาน้ำไปให้ แล้วน้ำประปาก็ลดลง น้ำที่จะผลักดันน้ำทะเลก็ลดลง แล้วจะทำอย่างไร แล้วจะอยู่กันอย่างไร ก็เสียหายพังพินาศกันไปทั้งหมด ทั้งขาดน้ำ ทั้งน้ำเค็มเข้ามากมายไปหมด วันนี้ต้องแก้ทุกอันทั้งระบบ ก็ได้สั่งการไปแล้วในเรื่องน้ำนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยดูแลสถานการณ์ วางแผน ป้องกัน แก้ไข เตรียมมาตรการแก้ไขให้ได้ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นทางการเกษตรก็ต้องไปหาอาชีพเสริมจะทำอย่างไร ทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำบริโภค รถน้ำจะส่งกันอย่างไร โครงการราชรัฐร่วมใจสู้ภัยแล้ง ทหาร ตำรวจ พลเรือน รถน้ำ จะช่วยกันอย่างไร ต่อไปเกิดมีวาตภัยเข้ามาอีก พายุเข้ามา หมอกควัน ไฟป่าเข้าไปอีก การระบาดของแมลงวันนี้ก็มีหลายที่ ตัวเพลี้ยตัวอะไรต่างๆ เขาลงไปแล้ว สวนยางฯ ก็มี ศัตรูพืชมากมาย รวมไปถึงการระบาดของโรคติดต่อในปศุสัตว์ พออากาศแห้งแล้ง หรืออากาศชื้น ก็มีโรคทั้งนั้น แล้วจะทำอย่างไร,วันนี้อย่ามาตั้งหลัก ตั้งท่า เรียกร้องกันมากมายก็ไปดูแลแก้ไข เตรียมการแก้ปัญหา ปรึกษาเจ้าหน้าที่ วันนี้เราก็จะต้องมีการจัดทำฐานข้อมูลสภาพอากาศ น้ำ ดิน พื้นที่เลี่ยงภัย ให้ใช้ในการวิเคราะห์ของส่วนราชการในการประเมินสถานการณ์ จัดทำแผนป้องกัน ซักซ้อม กำหนดงานรับผิดชอบ เร่งให้การช่วยเหลือโดยทันที วันนี้เราก็ได้สั่งการให้มีการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 44 เครื่อง ใน 7 จังหวัด รถบรรทุกน้ำ 48 คัน ใน 11 จังหวัด รวมปริมาณน้ำ ประมาณ 2 แสนลูกบาศก์เมตร การปฏิบัติการฝนหลวงก็ทำอยู่ การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่นาปรัง พื้นที่เขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง การช่วยเหลือการจ้างแรงงานเกษตรกร ขุดลอกคูคลอง พัฒนาระบบชลประทาน พัฒนาแหล่งน้ำ การขุดสระเก็บน้ำของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 52% รวมทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นา เล็กๆ น้อยๆ ขอให้ขุดกันไปให้หมดทุกที่ ทำอย่างไรจะมีที่เก็บน้ำ วันนี้ไม่มีที่เก็บน้ำ วันหน้าถ้าฝนตก ฤดูกาลหน้าก็มี ถ้าเราไม่ช่วยกันเตรียมการ ประชาชนไม่เตรียมกันเอง รัฐไปช่วยก็ไม่ทั่วถึง ถ้าต่างคนต่างช่วยกันทำก็โอเค ก็จะเร็วขึ้น ปีหน้าก็ทันใช้ เราอาจจะรอรับการช่วยเหลือของรัฐจนมากเกินไป จนช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น วันนี้ต้องช่วยกัน,แล้วก็อยากฝากข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ลงไปช่วยเขาด้วย เพราะน่าสงสาร บางครั้งเขาก็นึกอะไรไม่ออก ชาวไร่ ชาวนา ผู้มีรายได้น้อย ต้องช่วยเขา คิดถึงแววตา คิดถึงหน้าตาที่ต้องตากแดดตากฝน ผมเห็นใจ เหี่ยวย่นไปทุกคนเลย เขาไม่มีความสุขต้องดูแลเขา กี่ปีกี่เดือนเป็นชาติมาแล้ว ซึ่งทุกกระทรวง ทบวง กรมก็ต้องแก้ไข กี่ปีมาแล้วที่ยังแก้ไม่ได้เลย ก็แก้ให้ชัดเจนตรงไหนมีได้ มีไม่ได้ เขตชลประทาน ทำได้แค่ไหน ปริมาณน้ำต้นทุนมีเท่าไร ตรงนี้จะให้ทำอะไร ควรจะเกิดมาตั้งหลายรัฐบาลแล้ว ทำไมไม่เกิด มาเกิดตอนที่จะมาให้ผมทำตอนนี้ พอทำตอนนี้ก็ไม่ทันใจอีกแล้วจะทำอย่างไร แล้วจะรอให้ใครมาทำอีก เพราะฉะนั้น ก็ฝากไว้แล้วกัน ช่วยคิดด้วย วันนี้ได้มีการพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานของกรมพัฒนาที่ดิน ดำเนินการไปแล้ว 1,514 บ่อ แล้วที่ผ่านมามีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการไปแล้ว จำนวน 27,134 ราย ประมาณ 61% ของกลุ่มเป้าหมายที่เราจัดงบประมาณลงไป แล้วก็มีการอบรมอาชีพเสริมด้านการเกษตรจำนวน 13,340 ราย ก็ประมาณ 75% ของกลุ่มเป้าหมาย มีการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่วและอื่นๆ อันนี้คงได้เฉพาะพื้นที่ที่ภัยแล้ง พื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องเพาะปลูกนาปรังอะไรไม่ได้ทำนองนี้ ปลูกข้าวไม่ได้ เราก็ต้องให้ปลูกพืชทดแทนเพื่อมีรายได้ แต่ตรงไหนที่ปลูกได้อยู่แล้ว เช่น สวนยาง ก็เลี้ยงสัตว์เพิ่มไป ปลูกพืชอย่างอื่นกินได้ปลูกผักปลูกหญ้าอะไรไป มีพืชที่อยู่กันได้หมด ถ้าเราไม่สนใจก็ไม่ได้ ก็ต้องรอรับการช่วยเหลือหลายๆ จังหวัด หลายๆ อำเภอ ก็มีการพัฒนาที่ดี ผมเห็นรวมกลุ่มกันปลูกพืช ออร์แกนิกบ้าง ปลูกพืชทดแทนบ้าง แล้วก็หาอาชีพเสริมบ้าง สหกรณ์เข้มแข็ง เงินกู้ เงินอะไรต่างๆ ที่มีเขาก็หันไปเป็นระบบแต่ถ้าตรงไหนที่ยากจน ผมให้ไปสำรวจปรากฏว่าไม่มีการใช้จ่ายงบประมาณที่มีที่รัฐสนับสนุนอย่างเป็นระบบเลย นำไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ไปซื้อโทรศัพท์มือถือไป อย่างนี้ไม่ได้ แล้วเงินหมุนเวียนก็ไม่เกิด ให้กี่ล้านๆ ก็หมด แบบนี้ต้องไปดู เพราะฉะนั้นถ้าไม่ยอมรับในความผิดพลาด ยอมรับในการแก้ไขของท่านด้วย ถ้ารัฐจะต้องดูแลทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่อย่างนี้ ถ้าเราเข้มแข็งบ้าง อะไรบ้าง รัฐก็มีกำลังใจในการที่จะไปช่วย การจัดตั้งกลุ่มอาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพประมง ปศุสัตว์ ก็ต้องเพิ่มเติม วันหน้าถ้ามีบ่อน้ำ อ่างเก็บน้ำที่ขุดเพิ่มเติมในปีนี้ได้ก็อยากจะให้เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงปลาไว้กินบ้าง อะไรบ้าง ขายบ้าง ก็ช่วยเหลือกันไป วันหน้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เดือดร้อนเราต้องช่วยกัน เผื่อแผ่แบ่งปันกัน สัปดาห์นี้คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชน เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง เป็นอีกโครงการหนึ่ง ในพื้นที่แล้งซ้ำซากจำนวน 3,052 ตำบล ใน 58 จังหวัด คือ พื้นที่ที่ทำอะไรไม่ได้ แล้งมาทุกปีๆ มีการประกันราคามาตลอด ความเสียหายก็เสียหายทุกปี ต้องเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแล้วจะทำอย่างไร แต่ช่วงนี้เดือดร้อนก็จะพิจารณาให้ตำบลละ 1 ล้านบาท ก็ 3 พันกว่าล้านแล้ว,ที่ผ่านมาด้านการเกษตรหลายหมื่นล้านเป็นแสนล้านแล้ว ผมคิดว่าที่ให้ไป ผมก็ได้กำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีกระทรวงมหาดไทยด้วย และ คสช. ทหารทุกหน่วย ทุกกองทัพภาคต้องเข้าไปดู กำกับดูแลให้โครงการทุกโครงการเป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ให้ถึงครอบครัวผู้ยากไร้ คนแก่ เด็ก ฯลฯ บางครอบครัวทำไร่ ทำนามาตั้งแต่พ่อ – แม่ อายุ 60 – 70 ปี แล้ว ถ้ามาทำแรงงานจะให้เขาทำอะไร ให้เขาทำอะไรที่เบาๆ แต่เขาก็ได้เงินเหมือนกัน เขาจะได้เลี้ยงครอบครัวใช้จ่าย สิ่งนี้ขอให้ คสช. ไปช่วยเต็มที่ ดูด้วยว่าใครทุจริต ใครไม่จริงจัง ก็เร่งรัดออกให้เร็วด้วย บางทีก็ช้า ขั้นตอนมีมาก เราต้องซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน รัฐก็ซื่อสัตย์ ข้าราชการก็ต้องซื่อสัตย์ ประชาชนก็ต้องซื่อสัตย์ ขึ้นชื่อ ขึ้นทะเบียน ให้ชัดเจนขึ้นไม่ใช่รีรอ ถึงเวลาพอจะจ่ายก็จ่ายไม่ได้ แล้วก็มาเร่งรัดรัฐบาลว่า ทำไมจ่ายช้า เพราะบัญชีไม่เรียบร้อย ท่านต้องขึ้นให้เรียบร้อยทุกคน ขอให้ทุกกระทรวง Clear เรื่องข้อมูลต่างๆ ให้เรียบร้อยการก่อนเพาะปลูกฤดูกาลหน้า,ต่อไปอาจจะไม่ให้มีการเพิ่มรายชื่ออีกแล้ว ถ้าไม่รวมกลุ่มเป็นกลุ่มแปลงนาขนาดใหญ่มา ไม่รวมเป็นสหกรณ์มา การช่วยเหลือก็จะอยู่ทีหลังหรือให้ไม่ได้ก็ไม่รู้ ต้องมีมาตรการ ถ้าท่านเรียกร้องจากเราอย่างเดียวคงไม่ใช่ คงต้องตั้งกติกากันใหม่บ้างว่า ต้องรวมกันให้ได้ จะได้ไปช่วยได้ถูก ช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไร จะหาเครื่องมืออุปกรณ์ไปช่วยเหลือได้ ถ้าให้ไปทุกคนแจกครัวเรือนทุกครัวเรือนทำไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าให้เป็นกลุ่มให้เป็นสหกรณ์หรือไปปรับราคา การที่มาไถอะไรต่างๆ ให้ลดราคาลง สามารถทำได้ ถ้าแปลงนาใหญ่ขึ้น แต่ถ้าดูเป็นครอบครัว 5 – 10 ไร่ เขาก็คิดราคาเต็ม แล้วจะให้ผมไปทำตอนไหนได้,เรื่องปุ๋ยเหมือนกันก็เร่งรัดปุ๋ยอินทรีย์ให้มากที่สุด วันนี้ก็ผลิตได้มากมาย ก็นำไปใช้ ไปตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์พืช ธนาคารปุ๋ย เบิกปุ๋ยไปใช้เป็นข้าวก็ได้ เบิกข้าวไปใช้เป็นยางก็ได้ อะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ต้องเป็นไปตามตัวอักษรทั้งหมด เบิกอะไรต้องใช้สิ่งนั้น ก็สลับกันไป บริหารจัดการให้ดีแล้วกันในส่วนของการเพาะปลูก เร็วๆ นี้จะเข้ามาอีกแล้ว ขอให้รีบดำเนินการ ในส่วนของการช่วยเหลือมาตรการต่างๆ ใช้เงินของรัฐลงไปก็ขอให้มีความโปร่งใส ปราศจากการทุจริต คอร์รัปชัน เลิกได้แล้ว เพราะเรากำลังเร่งรัดเรื่องนี้อยู่ด้วย ประชาชนเดือดร้อน การทุจริตก็มากมาย วันนี้ก็ลดลงมาจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจมากนัก ตัวเลขลดลงมาน้อยจากการประเมินหรือจากโพลอะไรต่างๆ ก็ตาม แต่ก็ถือว่าดีขึ้น ก็ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนด้วย ถ้าหากว่าพบเห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดมีการทุจริตขอให้แจ้งเบาะแสให้รัฐบาลด้วย ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น จะได้รู้จะได้ Clear ตัวเองสักที,เรื่องการปฏิรูปบริหารราชการเพื่อความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ในเรื่องนี้นั้นที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในสัปดาห์นี้ได้มีการอนุมัติหลักการเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ซึ่งแนวทางนี้ ทาง คนร. ได้มีการศึกษาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศกับผู้รู้ทั้งหมดเลยทาง Doctor นักวิชาการ ทั้งด้านการเงิน การธนาคาร การบริหารต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมทั้งสิ้น เพื่อจะกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจของไทย ท่านทราบอยู่แล้ว 50 กว่าแห่ง เป็นอย่างไร และการบริหารราชการที่ผ่านมามีกำไรขาดทุนอย่างไร รัฐต้องไปดูแลอย่างไร เพราะฉะนั้นต้องมาดูว่า ปัญหาอยู่ที่ไหน ปัญหาอันแรกคือการกำกับดูแลทำอย่างไรไม่ให้ใครเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ได้ ไม่ใช่คนของคนนั่นคนนี้มาอยู่รัฐวิสาหกิจนี้ ไม่ใช่ เป็นอย่างนั้นต่อไปไม่ได้แล้ว ก็จะเกิดการรั่วไหล เสียหาย ต้องนำมาอุดหนุนกัน อันนี้ตรงไปโปะอันโน้น แทนที่จะมีงบประมาณที่กลับเข้าสู่รัฐมากมายในการพัฒนาประเทศ ก็ไม่มี สิ่งนี้ต้องกำกับการดูแลกันอย่างไร จะยอมรับกันหรือไม่ การบริหารราชการในลักษณะรัฐวิสาหกิจโดยข้าราชการ พอเพียงหรือไม่ จำเป็นหรือไม่ หรือจะต้องมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจเข้ามาด้วย หรือจะมีมืออาชีพเข้ามาบริหาร ก็หารือกันทั้งหมด ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเงียบๆ ซึ่งไม่ขัดแย้งอะไรกันเลย แต่วันนี้ต้องเดินหน้าไปด้วย หมายความว่าจะแก้ก็แก้โครงสร้างใหม่ก็ทำ กฎหมายต้องไปเข้า สนช. เตรียมการ ในส่วนของการบริหารราชการ วันนี้ต้องทำให้โปร่งใส ไม่เช่นนั้นวันหน้ารัฐบาลเลือกตั้งเข้ามา แล้วจะทำอย่างไร ไม่ใช่จะป้องกันเขา ป้องกันให้มาใช้ในทางที่ผิด เพียงแต่ให้เขาใช้ประโยชน์ดูแลประชาชน เพราะอาสาเข้ามาดูแลประชาชน ขอให้ทุกอย่างนั้น เป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง มีการบริหารทรัพย์สินของชาติให้เกิดมูลค่าและประโยชน์สูงที่สุด เดี๋ยวก็ขัดแย้งกันอีก ไม่ไว้ใจกัน ไม่เชื่อมั่นกันก็ขัดแย้งเหมือนเดิมเพราะฉะนั้น การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจจึงจำเป็นต้องกำหนดบทบาทและทิศทางการกำกับดูแลให้ชัดเจน,โดยมีการแบ่งโครงสร้างเป็น 3 ส่วน สิ่งแรกกระทรวงต้นสังกัด จะเป็นผู้กำหนดแนวนโยบายในการดำเนินงาน (Policy) สิ่งนี้กระทรวง รัฐมนตรีก็รับไป หน่วยงานกำกับดูแล ก็จะแยกออกมาอีกส่วนหนึ่งคือ Regulator เป็นผู้ควบคุมดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คราวนี้จะต้องจัดตั้ง องค์กรเจ้าของ (Owner) ขึ้นมา เพื่อจะทำหน้าที่ในการดูแลความยั่งยืนในภาพรวมว่า จัดอย่างไร นำใครมาตรงนี้ เดี๋ยวไปหาดู กำลังให้กลับไปทำขึ้นมาใหม่ใน 3 ส่วนนี้จะทำงานประสานสอดคล้องกันอย่างไร เกื้อกูลอย่างไร จะแก้กฎหมายกันอย่างไร ตรงไหนบ้าง นี่คือการเปลี่ยนแปลง เราต้องยอมรับในการเปลี่ยนแปลง ในระหว่างนี้จำเป็น เพราะฉะนั้น วันนี้กำลังศึกษาขั้นตอนอยู่ จะจัดตั้งอย่างไร เรียกร้องเกินไป คนอื่นไม่ไว้ใจอีก วันนี้อยากให้ไว้ใจเรา เพราะเราไม่ได้คิดเพื่อผลประโยชน์อะไรเลย คิดแต่เพียงว่าจะฟื้นฟูกันอย่างไร แล้ววันหน้าจะเดินหน้าไปอย่างไร จะจัดการบริการประชาชนได้อย่างไร เกิดความโปร่งใสอย่างไร ไม่อย่างนั้นก็จะโทษกันไปโทษกันมาอยู่แบบนี้ ฉะนั้นจะต้องใช้ความโปร่งใส ใช้ระบบบรรษัทภิบาลที่ดี แล้วก็ไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองต่อไปในอนาคตด้วย การบริหารงานต้องมีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัว ไม่ใช่ว่าปิดกั้นหรือควบคุมจนกระทั่งทำงานไม่ได้ เดี๋ยวก็มีปัญหาอีก ต้องสมดุลกัน สิ่งเหล่านี้เป็นการวางรากฐานในการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจให้มีความยั่งยืนตลอดไป เพราะเป็นหน่วยงานที่มีรายได้ให้กับรัฐจำนวนมาก ถ้าทำดีๆ เรื่องการช่วยเหลือแรงงาน,กระทรวงแรงงานก็ได้เปิดศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย ที่เรียกว่า Smart Job Center ภายใต้ Concept One-stop-service เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ไม่มีงานทำและอยู่ระหว่างการหางานทำ จะหาได้ที่ไหน วันนี้เราก็อำนวยความสะดวกตรงนี้หรือใครที่ต้องการเปลี่ยนงาน เราก็จะมีระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยอำนวยความสะดวกผู้รับบริการเป็นจอ Touch Screen ลดขั้นตอน มีบริการรับขึ้นทะเบียน รายงานตัวผู้ประกันตน ทั้งนี้ประชาชนสามารถรับบริการจากเจ้าหน้าที่หรือจะบริการด้วยตนเองก็ได้ มีจุดบริการสำหรับผู้พิการอีกด้วย บริการสัมภาษณ์งานผ่านระบบ Skype มีห้องสัมภาษณ์สดและบริการถ่ายคลิปวิดีโอ แนะนำตัวเองได้ด้วยเพื่อจะให้นายจ้างพิจารณาบุคลิกภาพ มุมบริการศึกษาค้นคว้าข้อมูลอาชีพ ห้องแนะแนวอาชีพ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ ถือว่าครบวงจร วันนี้ก็อยากให้ประชาชนที่สนใจไปใช้ประโยชน์จากบริการนี้ ต้องรับรู้ทั่วๆ กันบอกกันต่อๆ ไปด้วย ตั้งอยู่ในกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพฯ ช่วยกันเข้าไปดูว่าไปถึงไหนอย่างไร ถ้าดูแล้วไม่ดีก็บอกมา,ส่วนของการท่องเที่ยว เป็นที่ทราบกันดีว่า ปีนี้เป็น การท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งจะนำเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาเป็นจุดขายเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาเที่ยวให้มากขึ้น ควบคู่กับการส่งเสริมให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในบ้านเราเองด้วย ที่ผมเคยใช้คำว่า ไทยเที่ยว และ เที่ยวไทย ก็ง่ายดี เพื่อให้สัมผัสกับวิถีไทยต่างๆ สิ่งนี้จะมีผลให้คนไทยนั้นมีความรักในวัฒนธรรมไทย ดูแลกัน เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชนชาติไทยของเรา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็รับนโยบายไปว่าจะมีแผนการจัดงานใหญ่ ที่ผมต้องการให้เน้นการแสดงออก วิถีไทย ครบทั้ง 12 เดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะกระจายรายได้ไปทุกภูมิภาคของประเทศ ที่ผ่านมาในเดือนมกราคมนี้ก็ได้เปิดตัวไปแล้วในภาพรวม เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ที่ สวนลุมพินี เป็นการย่อเมืองไทยไว้ที่นั้นในใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการตอบรับเป็นอย่างดีมาก นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาร่วมงานกว่า 6 แสนคน เงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เป็นการเปิดการสร้างความเข้าใจ,สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ก็จะเน้นที่งานฉลองตรุษจีนที่เยาวราช จะเป็นตรุษจีนพิเศษ มีการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 พรรษา เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าพระองค์ท่านทรงเป็นพระมิ่งขวัญไม่เฉพาะชาวไทยเท่านั้น ยังทรงเป็นที่รักและชื่นชมของต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนด้วย เดือนมีนาคม จะมีงาน มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ และ มวยไทย ศิลปะไทย มรดกไทย มรดกโลก และไหว้ครูมวยไทยโลก ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มวยไทยมีชื่อเสียงมานานแล้ว ทั่วโลก มาฝึก มาหัด มาแข่งขันกัน ได้รับการยอมรับ ได้รับความสนใจจากนานาประเทศ ชาวต่างชาติก็บินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเรียนมาศึกษาศิลปะมวยไทย เพราะฉะนั้นก็คาดว่าจะมีผู้ที่ชื่นชอบบินมาอีกมากมายในช่วงดังกล่าว จากต่างประเทศก็จะเข้ามาร่วมพิธีไว้ครูที่สวยงามนี้เป็นจำนวนมาก ก็เชิญชวนและสนับสนุนให้คนไทย เยาวชนไทยให้มาสนใจและช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างร่างกายให้เข้มแข็ง วันนี้คนไทยไม่ค่อยออกกำลัง ไม่ค่อยสนใจกีฬาอะไรต่างๆ ที่ใช้ออกแรงมาก ๆ ผู้ชายต้องฝึก ตอนนี้ผู้หญิงเขาฝึกกันมากมายมวยไทย ในประเพณีมวยไทยนี้มีหลายอย่าง มวยคาดเชือกก็มี สิ่งนี้ประเทศไหนก็ไม่เหมือนประเทศไทย เกิดมาก็ชกมวยไทยได้เลย ต่างประเทศก็ต้องหัดตั้งหลายปีกว่าจะเตะได้ กว่าจะใช้ศอกได้ อะไรได้ ก็สนใจมวยไทยบ้าง เดือนเมษายน ปีนี้ก็จะจัดอย่างยิ่งใหญ่ ในงาน เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ หลายประเทศก็พยายามจะนำไปเป็นแบบอย่าง เราเป็นต้นตำรับอยู่แล้ว อย่าทอดทิ้งของเราเอง ให้เป็นประเพณีที่ดีงาม ไม่ใช่มีปัญหาผิดกฎหมายกันอีกมากมายไปหมด เราจะจัดที่ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ และทั่วประเทศด้วย แต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันออกไป ช่วงสงกรานต์ของทุกปีชาวต่างชาติก็มาเที่ยวอยู่แล้ว เที่ยวเมืองไทย คนไทยหลายคนก็อาจจะไปเที่ยวต่างประเทศ ผมก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้วเป็นเสรีของท่าน และเป็นวันหยุดยาวด้วย ปีนี้ผมก็อยากให้ทุกคนลองเที่ยวในเมืองไทยดีไหม เพราะต่างประเทศหลายประเทศ ก็มีความวุ่นวาย สภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลง เที่ยวเมืองไทยกันสักที มีทั้งหลายที่หลายทาง หลายจังหวัด บางคนก็เดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อรดน้ำดำหัวผู้มีพระคุณ ใช้เวลาไปมาหาสู่รับพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ สิ่งนี้ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนกลับมาสู่ประเพณีไทย วันหยุดราชการของข้าราชการบ้าง อันนี้ด้วยเหตุด้วยผล ก็อยากให้มีความสนุกสนาน และมีการเล่นสงกรานต์แบบไทยๆ ด้วย ในช่วงวันหยุดหลายวันในช่วงสงกรานต์ เงินทองก็ไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ คนไทยก็มีความสุข การค้าการบริการ ก็ได้เงินทั้งหมด ใช้จ่ายกันในประเทศ เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน,เดือนพฤษภาคม ก็จะมี เทศกาลไทยแลนด์มิวสิก เฟสติวัล มหกรรมดนตรีครั้งยิ่งใหญ่ ที่ชายหาดชะอำ เพชรบุรี และในเดือนมิถุนายน มี มหกรรม Thailand Grand Sale สำหรับครึ่งปีหลังก็จะมีทั้ง มหกรรมสานศิลป์แห่งแผ่นดินอาเซียน ที่จังหวัดเชียงใหม่ มหกรรมผ้าไหมไทย ร่วมเทิดไท้ราชินี ณ กรุงเทพมหานคร มหกรรมอาหารนานาชาติ ที่จังหวัดภูเก็ต สีสันแห่งสายน้ำมหกรรมลอยกระทง ในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ และในเดือนธันวาคม เช่นเดียวกันกับทุกๆ ปี เทศกาลมหกรรมแห่งความสุข วันที่ 5 วันเฉลิมพระชนมพรรษา – วันพ่อแห่งชาติ เห็นไหม มีที่ท่องเที่ยวทั้งปีเลย ผมพูดยังเหนื่อยเลย แสดงว่าประเทศไทยมีความหลากหลาย น่าจะภูมิใจ,ทั้งนี้ รัฐบาล และ คสช. ได้มีมาตรการส่งเสริมความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวอีก โดยจัดตั้ง กองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 200 ล้านบาท มีผลใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2557 โดยให้การคุ้มครองนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทุกคน ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งในภาวะปกติ ภาวะวิกฤติในการประกาศกฎอัยการศึก และทำให้เกิดความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ จากการจลาจล การก่อการร้าย ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ การหยุดชะงักของการเดินทาง อาชญากรรม หรือภัยด้านอื่นๆ โดยที่ไม่ได้เกิดจากความประมาท เจตนา หรือการกระทำที่ผิดกฎหมายของนักท่องเที่ยว ซึ่งหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือนี้ เป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางกำหนดไว้ การขอรับการช่วยเหลือก็สามารถติดต่อสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาในทุกจังหวัด หรือ สายด่วน ตำรวจท่องเที่ยว 1155 ตลอด 24 ชม. รัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว โรงแรม รถโดยสาร เรือเจ็ตสกี เกสต์เฮาส์ สถานประกอบการทั่วๆ ไป แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ มัคคุเทศก์ เจ้าหน้าที่ แท็กซี่ พ่อค้า - แม่ค้า ช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีได้ไหม อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ไปฉ้อโกงเขา ไปโก่งราคาเขา หรือของปลอมอะไรเหล่านี้ เสียชื่อไปหมด แล้วจะบ่นว่าคนเขาไม่มา ก็ไม่มา เพราะไปโกงเขา ไม่ได้ ต้องปรับปรุงทั้งหมด ให้ช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับแขก ช่วยกันประชาสัมพันธ์สิ่งดี ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว ไม่ใช่ไปโฆษณาสิ่งไม่ดีให้เขามาเที่ยว เพราะฉะนั้นก็ขอให้ชาวต่างชาติมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย การดูแล น้ำใจไมตรี รอยยิ้มของคนไทย ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในเมืองไทยเขาก็จะจำได้ ปีต่อไปเขาก็มาอีก ไม่ใช่มาครั้งเดียวแล้วเลิก เพราะเข็ดไม่ใช่ ต้องแก้ไข,เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ไปพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2557 ในการมอบรางวัลนี้เพื่อถวายเป็นพระราชอนุสรณ์และเผยแพร่เกียรติคุณแห่งสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก องค์บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย,สำหรับปี 2557 นั้น ก็มีผู้ได้รับรางวัล 2 ท่าน คือศาสตราจารย์ อากิระ เอ็นโด จากประเทศญี่ปุ่นที่เป็นผู้ค้นพบสารที่สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ นำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพของยาลดไขมัน สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทั่วโลก ท่านที่ 2 คือ ศาสตราจารย์นายแพทย์โดนัล เอ เฮนเดอร์สัน จากสหรัฐอเมริกา ที่เป็นผู้นำของโครงการที่ทำการกวาดล้างโรคไข้ทรพิษ หรือฝีดาษได้สำเร็จ ผมในนามของรัฐบาลไทย ก็ขอแสดงความยินดีกับท่านทั้ง 2 ด้วย ขอแสดงความยินดีและชื่นชม น.ส.ณัชชา เจริญทองมั่นคง น.ส.ปวีณา อาชาคีรี และ ด.ช.วทัญญู เจริญทองมั่นคง ซึ่งเป็นเยาวชนชาวไทยเชื้อสายม้ง จากโรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 จังหวัดตาก ที่สามารถคว้าแชมป์โต้วาทีภาษาอังกฤษระดับประเทศ ภายใต้โครงการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้ เป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่งของความพยายามที่จะพัฒนาตนเอง และขอขอบคุณ นายเหมันต์ ยะอุทัย และ น.ส.วินทร์อร เมืองงำ อาจารย์ภาษาอังกฤษที่เป็นผู้ฝึกสอนด้วย,วันอังคารหน้านั้น ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เป็น วันทหารผ่านศึก ผมขอเชิญพี่น้องประชาชน ร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีและวีรกรรมของทหารผู้เสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินและเอกราชของชาติไทย ด้วยการประดับ ดอกป๊อปปี้สีแดง อันเป็นสัญลักษณ์แทน ทหารผ่านศึก ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย ร่วมอุดหนุนดอกป๊อปปี้ หรือบริจาคทุนทรัพย์ ร่วมให้การสงเคราะห์แก่ทหารที่ผ่านการปฏิบัติการรบ และครอบครัว โดยรายได้นำไปเป็นสวัสดิการ ดูแลในเรื่องที่อยู่อาศัย การศึกษา อวัยวะเทียม การส่งเสริมวิชาชีพ และกองทุนสงเคราะห์กู้ยืมไปประกอบอาชีพ นอกเหนือไปจากสวัสดิการที่รัฐบาลดูแลให้อยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต้องดูแลอีก,ฉะนั้น ก็ขอเชิญชวนพี่น้องได้ช่วยกันตอบแทนน้ำใจแด่ผู้เสียสละผ่านทางช่องทางต่างๆ ด้วย การที่จะสร้างประเทศไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีความร่มเย็น น่าอยู่ น่าอาศัย เป็นที่รักของประชาชนของคนทั้งโลก คนไทยต้องรักกัน สามัคคีกัน และเข้าใจกัน เผื่อแผ่แบ่งปันกันให้ได้ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
|
และเป็นปฐมบทฑครงการลงทุนในอีอีซี,นั่นคือ โคางการรถไฟความเี็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือล-สุวรร๕ภูมเ และอู่ตะเภา) รดยะทาง 220 กม.วงเงินลงทุนกว่า 200,900 ล้านบาท ที่กระทรวงคมยาคมและกทรนถไฟแห่งประเทศไทย ฆรฟทฐ) เปิดให้เอกชนที่สนใจซื้อัอกสารกาคประมูลไปสัปดาฟ์ก่อน,แลดด้วยเงื่อนไขการลบทุนธครงการ ไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบินตามมต้รณะรัฐมนนรี (ครม.) เทื่อวันที่ 37 มี.ค.2551 ที่จะเปิดฝห้้ิดชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost ไปถึง 50 ปี โะยที่ภาครัฐจะร่วสลงทุนด้วยภายใต้วงเงินไม่เกิน 119,425.75 ล้สนบาท ขณะที่ผู้ค่วมทุนภาคเอกชนจะรัลสัมปทานทั้งการก่อสร้าง จัดหาระบบการเดินระ และยังจะได้สิทธิ์พัฒนาที่ดินอีปหลายผืน รวมถึลสิทธิในการเดินรถไฟฟ้า แอร์พแร์ตลิงำ์ แถมไปด้วยอีก,ดป็นเงื่อนไยการลงทุนทีีกล่าวได้ว่า เกิดอีก 10 ชาติก็หาไม่ได้อีกแล้วใน 3 โลก จึงไม่แปลกใจที่กลึ่มทุนน้อย-มหญ่ ทั้งในและต่างประเทศจะเปิดหน้าพร้อมเข้าร่วมชิงดำสัมปทานโครงการ ไฮสกีด้ทรน ครัืงประวัติศาสตร์นี้กันอย่างคึกคักถึง 31 ราย,แต่ละรายที่เปิดหน้ากึนอแกมา ล้วนแต่ บิ๊กเนม ทุนหนาแบ็กอัปปึ้กด้วยกันทั้งสิ้น,ไล่ดะมทตั้งแน่ เรรือซีพี ืี่เปิดหน้าแสดงึวามสนใจโครงการนี้มาตั้งแต่ต้น ตนมมาด้วยกลุ่ม บีที้อส กรุ๊ห, ซิโน-ไทย เอ็ยจีเนียริีง, กลุ่ม ช.การช่างและบริ๋ัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM), กลุ่มเซ็จทรัล แลเที่เปิดหน้าออกมาล่าสุด เจ้าสัยเปรมชัย-เสือพไ อิตาเลียสฟทย ดีเวล๊อปเมนค์ และ เจ้าสัวประขัย เลี่นวไพนัตน์ แห่งทีพีไอ โพลีน ที่ประกาศกร้อมจะเป็ส หลีดเดอร์ ในกทรประมูลด้วย ขณะที่ทุนต่างประเทศทั่กระโจนเข้าร่วมซื้อซองปรพมูลไปนั้นก็มีทั้ล จีน ญีืปุ่น ฝรั่งเศใ และแม้แต่เกาหลีใต้,แตรเส้นทางการชิงดำสัมปทานลงุ่น ไโสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบินจะโรยไว้ด้วย กลีบกุหลาบ เป็นโอกาสดึงดูดกาตลงทุนกระตุ้นเฒรศฐกิจตามที่รุฐบาลคาดปวัง หรือจะพลายเป็นเวทีเกทับวัด แบ็กอัปทางการเมือง จนลากโครงการไปเผชิญทางตัน,ทีมเศรษฐกิจ ได้เกาะติดเส้นทางไฮสปีดเทรนสายประวัติศาสตร์นี้ พร้อมสัมภาษณ์ นายคณิต แสงสุพรรณ เชขาธิการคณะการมการนโยบายการพัฒนาระิบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ดังนี้ :,ย้อนรอยรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน,โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง–สุวรร๖ภูาิ และอู่ตะเภา) แบบไร้รอยต่อ เป็นโตรงการทีทปรับปรุฝมาจาก รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออก (กรุงะทพฯ–ระยอง) เพื่อให้เกิดประโยชน์ส๔งสุดกับประเทศ ปละผํ้โดยสาร 3 สนามบิน,การเชื่อม 3 สนาาบินดังกล่าวก็เพื่อให้สนามบินดู่ตะเภาแบ่งเบาภาระของสนามบินดอยอสือง และสุวรรณภูมิ ท้่ะชื่อว่าในระยะ 5 ปีข้างหน้าจะมีปริมาณผู้โดยสาราากกว่า 89 ล้าสคน โดยผู้โดยสารทั้ฝสามสตาทบิจไม่ต้องหยุดเปลี่ยนขบวนรถำฟ และัปลี่ยนฝิโีการลงทถน มาเป็นการร่วมทุนกับเอกชน จากเดิมที่ใก้รัฐบาลลงุ่นเอง หรือกู้เงินมาลงทุน ปราีภแรกของเลขาธิการคณะกรรมการอีอีซี ที่กล่าวกัง าีมเศรษฐกิจ,นอกจากนี้ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ยังควบรวมโครงการ แอา์พอร์ตลิงก์ เดเม (พญาไท-สุวรรณภูมอ) แลเ แอร์พแร์ลิงก์ส่วตขยาย (ดอนเมือง-พฐาไท) เข้ามาอยู่ในฏครงการด้วย และเพิ่มส่วนเชื่อมต่อไปยะงสนามบินดู่ตะเภาเพื่อแก้ปัญหา หลนยโครงพาร หลาสรถขบ หลายผู้ให้บริการ ซึ่งมักเป็นปัญหาของการต่อเชื่อมระบบราว,การผนวกเเาโครวการแิร์พอร์คลิงก์เแิมที่มีหนี้ประมาณ 33,000 ล้านบาท และขาดทุนทุกปี ปีละประมท๖ 300 ล้านบาท ทำให้ไม่ยามารถให้บริการประชาชนได้เต็มที่ จุวให้โครงการร่วมทุนรถไฟีวามเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินจ่ายค่าสิทธิการบริหารให้การรถไฟฯ ไปเลยประมาณ 10,0-0 ล้านบาท (มูลค่าปัจจุบัน) เพราะเช่่อว่มการดำเนินการโดยเอกชนจะไม่ขาดทุน อันจะทำให้แกืปัญหาหนี้ และการขาดทุนของแอร์พแร์ตบิงก์หมดไป,ในการเชื่อมโจวนั้นจะให้สถานคสักกะสันเป็น สพานีกลาง ของรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยกึรพื้นที่ประมาณ 15- ไร่ของสถานีมัำกะสันเพื่อทำทางเชิ่อมใต้ดินกับรถไฟฟ้าในเมืองและเพิ่มทางเข้าดอก 4-y ทาง ส่วนพื้นที่ที่เหลือก็ใไ้ทำธุรกิจเพื่อหารายได้ชดเชยการลงทุน,ปัดใผ้สเทธิประโยชน์ดีสุดใน 3 โลก,เลขาธิการอัอีซี กล่าวกัย ทีมเศรษฐกิจ ด้วยว่า การที่โครงการนี้/ะ้รับความสนใจจาพนักลฝทุสทั้งไทย–เทศอย่างมากนั้น ไม่ได้เกิดจากรัฐประเคนให้สิทธิประโสชน์จนเกินงาม ฟรือดียุดใน 3 โลกอย่างที่วิพมกษ์กัน แต่า่าจะมาจากหลายๆปัจจัย,ทั้บการเปิดกวี่งให้กับนักลงทุนาะ่วโลกเข้ามาแข่งขีน โดยรัฐเชื่อว่า การเปิดกฝ้างดังกล่าวจะช่วยสร้างคฝามเข้มแข็งให้กับนักลงุ่นไทยในการหาผู้ร่ใมลงทุนที่มีความสามารถจากทั่วโลกเขเามาร่วมลงทุน โดยมีบริษัทไทยมีหลีดเดอร์ และมีบริษัทต่างชาติชเ้นนำที่มีเทคโนโลยี การเงินเข้มแข็ลเป็นผู้ร่วมทุน,จณะที่เงื่อนไขก่รร่วมลงทุน พีพีพี ครั้งนี้ นั้งอยู่บน 2 พื้นฐนนคือการให้ผลตอบแทนกับผู้ร่วมทุนที่เฟมาะสม โดยโครงกาานี้ผลตอบแทนเอกชนอย๔่ที่ประมาณ 10.5% เทียบกับ 20-25% ในโครงการอื่นๆ ในต่างประเทศ ยังไม่นับรวมคใามเสี่ยงในอนาคตที่เดกชนต้องรับทั้งฟมด อาทิ จะมีคนขึ้นรถไฟกี่คน คุ้มหรือหม่เป็นเรื่องของเอกชน รั.บาลจะไม่ไปชดเชยให้วนภายหลัง,แต่ในกรณีที่เอกชนไดเผลตอบแทนเกินปกติ ต้องแบ่งบางส่วนกลับมาให้่ัฐ ฟังแล้วดูเหมือนัอาเปรียบเอกชนนิดหน่อย แต่เชื่อว่าเหมาะสมสำหรับอตาคต ส่วนทรัพย์สินอื่นๆทีทนำไปใช้กระโยชน์ เช่น กรณึที่ดินมักพะสันก็ต้องจ่ายค่าเช่นให้รถไฟตามราคาตฃาด แารบริหารรถไฟฟ้ทแอร์พอร์ตลิงก์ ผู้ลงทุนก็ต้องจ่ายค่าสิืธิบริหารในระดับที่เหาาะสม และหากในอนาคตมคกำไรก็ต้องแบ่งกลับคืนมาให่รัฐบ้าง,เท่าที่ประเมินไว้ โครงกาตลงทถนดังกล่าวจะก่อให้เกิดผบตอบแทนท่งเศรษซกิจไม่น้อยแว่ส 17% หรือกว่ท 700,0[0 ล้านบาท แบ่งเป็นชรฝง 50 ปีแรก 400,000 ล้านบาท ที่เกิดจากำารนำสนามบินอู่ตะเภามาใช้ประโยชน์ เป็นสนามบิรสำรองทางยุทธศาสตต์ทาฝการบิน,นอกยากนีิ ยังมีผลจอบแทนจากการพัฒนาเศรษฐกิจแลดอสังหาริมทรีพย์ตลอด 2 เส้นทาง นวมมั้งรายได้จากการจัดเก็บภาษี ขณะที่มูลค่าภายหลังสัญญาสัมปทานร่วมทุน 50 ปีหปแล้สโครงกทรนี้จะตกเป็นของภาครัฐมูลค่าอีหไม่น้อยกว่า 300,000 ล้าจบาท,ดัน อีอีซี ผงาดในสายตาโลก,จณะนี้แน่ใจว่ามีการแข่งขันเกิดขึ้นแล้ฝ เพราะมีบริษัทจากทั่วโลกเข้าร่วมซื้อซแงประมูล และเชื่อว่าการแข่งขันนี้จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยสูงสุด และรั๘บาลจ่ายน้อยที่สุด โดยเกณฑ์การพิจารณ่ของเรานั้น คงจะพิจารณรเกณฑ์ผู้ร่วมลงทุนกลุ่มไหนเสนอการรับประโยชน์น้อยที่สุดจะเป็นผู้ชนะ,สมมติง่ายๆ โครงการนั้ต้องลงทุน 200,00p ล้านบาท รัฐบอกจะลงมุรให้ไม่เกิน 100,000 ล้านบาท เอกชนต้องลงทุนเองอย่างน้อน 100.000 บ้านบาท เใื่อเข้าวื่นขเอเสนอ หากผู้ลงทุนรายแรกเสนอจะลงทุน 110,000 ล้านบาท (เท่ากับรัฐร่วมลวทุน 90,000 ล้านขาท) แต่รายที่สองเสนอจะลงทุน w20๙000 ล้านบาท (รัฐลงทุน 8p,000 ล้านบาท) รายที่สเงก็ชนะไป เกราะทำให้รัฐร่วสลงทุนน้อยที่สุด,จุดมำคัญสหหรับโคีงการนี้ก็คือ การเชื่อม 3 สนามบินที่ผู้ลงทุนทั่วโลกทราบดีว่า สนามบินทั้ง 3 แห่งจะมีฟู้โดนสารจำนวนมากในอนาคต และรถไฟความเร็วสูงเส้นนี้ยังจะเชื่อมโยงพูมิภรค ท้้งใน CLMV อาเซ้ยน และการเชื่อมโยง หนึ่งแถบ ำนึ่งเส้น Ohe Belt,One Road ของจีน รวมทั้งวิ่งเข้าสู่ฒูนย์กลางธุรกิจใหม่ของอีอรซี ด้วบ,ทั้งนี้ การที่นักลงทุจไทย-เทศแห่ซื้อซองประมูลโครงการกันคึกคัก และคาเว่าเมื่อถึงเวลาคงจะร่วมกันยื้นประมูลกันหลายกลุ่มนั้น จะทำใำ้ไทยอยู่ในสายตมนักลงทุนโลก เป็นไปตาสนโยบายจองนายกฯ ที่ต้อลการให้โคางการร่วมลวาันในอีอีซี ต้องเปิดกว้างให้นักลงทุนลั้นนำทั้งของไทยและทั่วโลกเข้ามาแข่งขัน ิพืาอประโยชน์สูงสุดยองผระัทศ,โคีงการนี้อยู่ในสายตานักลงทุนทั่วโลกมาตลอด เพราะการรถไฟฯ และสำนักงายอีอีซีได้รับการติดตีอจากนักลงทุนตลเดเวลท รวมทั้งเรรเน้นการตับฟังความเห็นผู้ลงทุน (Markwt Sounding) ในลักษณะเปิดกว้าง ถ่มยทอดสดทาง websitf 4 ภาษา ไทย แังหฤษ ญี่ปุ่น จีย รวมทั้งสถานทูตไทยปละหน่วยงานไทยในต่างประเทศ จึงทำให้นักลงทุนทั่งฌลหรับทราบความก้าวผน้ามาโดยตลอด เช่นเม่่อครัิงที่นาวกฯเดินทางไปเยือนฝรั่งเศส ก็ได้่ีบทราบฝ่า 2 บริษุทชั้นนำด้านรถไฟความเร็วสูงของฝรั่งเศสสนใจจดิข้ามา ซึ่งเขาก็เข้ามาจริงๆ,จทอผุดองี์ก่พิเศษกำกัขดูแล,ส_หรับรูปแบบการบริหารจัดการโครงการใตอนาคตนั้น เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่า เมื่อทุกอย่าวราบรื่น ได้ผํ้ลงทุนชัดเจน คณะกรรมก่รอีอีซค คงจะพิจารณาิรื่องยองการกำกับดูแลโครงการ แต่โดยหลักการที่ด_เนินการกันมา เป็นกาีร่วมทำงานระหว่างการรถไฟฯ และสำนักงานอีอีซีอยู่แล้ว,โดยการรถไฟฯ จะดูแลเรื่องของระบบวิศวหรรม ขณะสำนักงารอีอีซีจะดูเรื่องของทิศทางภาพรวมที่เป็นประโยชน์กับประเทศ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นโครงการสไคัญในอีอีซี ตามก๒หมายคณะกรรมการิีอีซค มีหน้าที่กำกับดูแลใน_าพรวมให้เกิดความต่อเนืีองอยู่อล้ว,เช่นเดียวกับ นายวรวุฒิ มาลา รักษากา่หู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่กล่าวกับ ทีม้ศรษฐกิจ หลังเป็นปีะธานประชุมชี้แจงโครงการรถไๆความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ครั่งที่ 1 เมืทอกลางสัปดาห์ที้ผ่านมา โดยมีเอกชน 32 รายเข้าร่วมรับฟังว่า,การรถไฟฯ จะเปิดให้ผู้ซื้อเดกสารส่งข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ตฃอดจนตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดท้่เกี่ยวข้องกับโครงหารได้ถึงวันที่ 9 ต.ค.2561 และกำหนดรีบซองข้อเสนอในวันจันทร์ทีร 12 พ.ย.2561 เยลา 09.00-15.0[ น. โดยมั่นใจว่าจะสามารถเร่งตัดขั้นตอนเปิดประทูล พิจารณาคุณสมบัติผู้ยื่นซองแล้วเสร็ข พร้อมประกาศรายชื่อผู้ชนะประใูลโครงการภายในเดือน ม.ค.-ก.พ.2562 เพื่อให้สามาระเริ่มก่อสร้างโครงการในกลางปี 2562 และกำหนดแล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ในกลางปึ w567,ทั้งนี้ โครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน นอกจากเอกชนจะรับสีมปทานเดินนถไฟฟ้าแล้ว ยังจะได้รับสิทธิ์ในการบริหารพื้นที่เชิงพรณิชย์ ซึ่งวันลงนาาสัญญารัฐจะส่วมอบพืันที่จำนวต 125 ไรา ที่ประกอบด้วย พื้นที่บริเวณสถานีมักกะสันกระมาณ w00 ไร่ และพื้นที่สถานีศรีราชา 25 ไร่ ให้เอกชนเพื่อนำไปถัฒนาในเชิงพาณิชย์ อีกทั้บ รฟท.อยู่ในขั้นตอนออกพระราชกฤษฎีกา (พรฎ.) เวนคืนที่ดินบริเวณบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะดชิงเทรา เพื่อรองรับการพเฒนาเป็นยถานีซ่อมบำรุง (เดปโป้) อีกด้วย,โรรงการนี้ถือเป็นโครงการสำคัญเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนการพะฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศ?ถาคตะวันออก (อีอีซี) เป็รระบบขนส่งมวลชนทางรางระบบหลัก เชิ่อมโยงการเดินทางจากกรุงะทพฯไปยัฝอีอีซี และเชื่อมโยงการเดินทางของฟู้โดยสาร 3 สนามบินเบ้าส฿่พื้นทีรัศรษฐกเจ ทรองเที่ยว สห้สามารถเดินทางถึงกันได้อย่างมะดวกรวดเร็ว รวมทั้งเชท่อมโยงกุบแารคมนาคมขสสทงทางถสน และทางเรือได้อย่างครอบคลุม กรุยทางให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาวการบินของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก,ทั้ลหมดคือภาพรวมขอวโครงการรถฟฟความะร็วสูง ไฮสปีดเ่รน เชื่อม 3 สนามบิน ที่ถนนทุปมายกำลังจับตากันอย่างไม่กะพริบ ด้วยถือเแ็น ปฐมบทแรก ของโึรงการร่วมลงทุนขนาดใหญ่ระดับแสนล้าสของการพัฒนาระเบียงเศตษฐกืจพิเศษภาคตะวึนออก หรือ อีอีซี,แต่เส้นทางการประสูลโครงการนี้จะโรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ เป็นโคคงการกรพตุ้นเศรษฐกิจดังที่ทุกฝ่าขคาดหวังหรือไม่ ห่ือจะกลายเป็นมหากาพย์แห่งการชิงดำสัมปทานที่ต้องลงเอยด้วยการร้องแรกแหกกระเชอจนนพมาซึ่งความล่าช้าในกาคดำเนินฮครงการ ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป.,ทีมเฯรษฐกิจ
|
และเป็นปฐมบทโครงการลงทุนในอีอีซี,นั่นคือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม.วงเงินลงทุนกว่า 200,000 ล้านบาท ที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดให้เอกชนที่สนใจซื้อเอกสารการประมูลไปสัปดาห์ก่อน,และด้วยเงื่อนไขการลงทุนโครงการ ไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบินตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2561 ที่จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost ไปถึง 50 ปี โดยที่ภาครัฐจะร่วมลงทุนด้วยภายใต้วงเงินไม่เกิน 119,425.75 ล้านบาท ขณะที่ผู้ร่วมทุนภาคเอกชนจะรับสัมปทานทั้งการก่อสร้าง จัดหาระบบการเดินรถ และยังจะได้สิทธิ์พัฒนาที่ดินอีกหลายผืน รวมถึงสิทธิในการเดินรถไฟฟ้า แอร์พอร์ตลิงก์ แถมไปด้วยอีก,เป็นเงื่อนไขการลงทุนที่กล่าวได้ว่า เกิดอีก 10 ชาติก็หาไม่ได้อีกแล้วใน 3 โลก จึงไม่แปลกใจที่กลุ่มทุนน้อย-ใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศจะเปิดหน้าพร้อมเข้าร่วมชิงดำสัมปทานโครงการ ไฮสปีดเทรน ครั้งประวัติศาสตร์นี้กันอย่างคึกคักถึง 31 ราย,แต่ละรายที่เปิดหน้ากันออกมา ล้วนแต่ บิ๊กเนม ทุนหนาแบ็กอัปปึ้กด้วยกันทั้งสิ้น,ไล่ดะมาตั้งแต่ เครือซีพี ที่เปิดหน้าแสดงความสนใจโครงการนี้มาตั้งแต่ต้น ตามมาด้วยกลุ่ม บีทีเอส กรุ๊ป, ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง, กลุ่ม ช.การช่างและบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM), กลุ่มเซ็นทรัล และที่เปิดหน้าออกมาล่าสุด เจ้าสัวเปรมชัย-เสือดำ อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ และ เจ้าสัวประชัย เลี่ยวไพรัตน์ แห่งทีพีไอ โพลีน ที่ประกาศพร้อมจะเป็น หลีดเดอร์ ในการประมูลด้วย ขณะที่ทุนต่างประเทศที่กระโจนเข้าร่วมซื้อซองประมูลไปนั้นก็มีทั้ง จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และแม้แต่เกาหลีใต้,แต่เส้นทางการชิงดำสัมปทานลงทุน ไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบินจะโรยไว้ด้วย กลีบกุหลาบ เป็นโอกาสดึงดูดการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลคาดหวัง หรือจะกลายเป็นเวทีเกทับวัด แบ็กอัปทางการเมือง จนลากโครงการไปเผชิญทางตัน,ทีมเศรษฐกิจ ได้เกาะติดเส้นทางไฮสปีดเทรนสายประวัติศาสตร์นี้ พร้อมสัมภาษณ์ นายคณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ดังนี้ :,ย้อนรอยรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน,โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) แบบไร้รอยต่อ เป็นโครงการที่ปรับปรุงมาจาก รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออก (กรุงเทพฯ–ระยอง) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ และผู้โดยสาร 3 สนามบิน,การเชื่อม 3 สนามบินดังกล่าวก็เพื่อให้สนามบินอู่ตะเภาแบ่งเบาภาระของสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ที่เชื่อว่าในระยะ 5 ปีข้างหน้าจะมีปริมาณผู้โดยสารมากกว่า 89 ล้านคน โดยผู้โดยสารทั้งสามสนามบินไม่ต้องหยุดเปลี่ยนขบวนรถไฟ และเปลี่ยนวิธีการลงทุน มาเป็นการร่วมทุนกับเอกชน จากเดิมที่ให้รัฐบาลลงทุนเอง หรือกู้เงินมาลงทุน ปรารภแรกของเลขาธิการคณะกรรมการอีอีซี ที่กล่าวกับ ทีมเศรษฐกิจ,นอกจากนี้ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ยังควบรวมโครงการ แอร์พอร์ตลิงก์ เดิม (พญาไท-สุวรรณภูมิ) และ แอร์พอร์ลิงก์ส่วนขยาย (ดอนเมือง-พญาไท) เข้ามาอยู่ในโครงการด้วย และเพิ่มส่วนเชื่อมต่อไปยังสนามบินอู่ตะเภาเพื่อแก้ปัญหา หลายโครงการ หลายระบบ หลายผู้ให้บริการ ซึ่งมักเป็นปัญหาของการต่อเชื่อมระบบราง,การผนวกเอาโครงการแอร์พอร์ตลิงก์เดิมที่มีหนี้ประมาณ 33,000 ล้านบาท และขาดทุนทุกปี ปีละประมาณ 300 ล้านบาท ทำให้ไม่สามารถให้บริการประชาชนได้เต็มที่ จึงให้โครงการร่วมทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินจ่ายค่าสิทธิการบริหารให้การรถไฟฯ ไปเลยประมาณ 10,000 ล้านบาท (มูลค่าปัจจุบัน) เพราะเชื่อว่าการดำเนินการโดยเอกชนจะไม่ขาดทุน อันจะทำให้แก้ปัญหาหนี้ และการขาดทุนของแอร์พอร์ตลิงก์หมดไป,ในการเชื่อมโยงนั้นจะให้สถานีมักกะสันเป็น สถานีกลาง ของรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยกันพื้นที่ประมาณ 150 ไร่ของสถานีมักกะสันเพื่อทำทางเชื่อมใต้ดินกับรถไฟฟ้าในเมืองและเพิ่มทางเข้าออก 4-5 ทาง ส่วนพื้นที่ที่เหลือก็ให้ทำธุรกิจเพื่อหารายได้ชดเชยการลงทุน,ปัดให้สิทธิประโยชน์ดีสุดใน 3 โลก,เลขาธิการอีอีซี กล่าวกับ ทีมเศรษฐกิจ ด้วยว่า การที่โครงการนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งไทย–เทศอย่างมากนั้น ไม่ได้เกิดจากรัฐประเคนให้สิทธิประโยชน์จนเกินงาม หรือดีสุดใน 3 โลกอย่างที่วิพากษ์กัน แต่น่าจะมาจากหลายๆปัจจัย,ทั้งการเปิดกว้างให้กับนักลงทุนทั่วโลกเข้ามาแข่งขัน โดยรัฐเชื่อว่า การเปิดกว้างดังกล่าวจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับนักลงทุนไทยในการหาผู้ร่วมลงทุนที่มีความสามารถจากทั่วโลกเข้ามาร่วมลงทุน โดยมีบริษัทไทยมีหลีดเดอร์ และมีบริษัทต่างชาติชั้นนำที่มีเทคโนโลยี การเงินเข้มแข็งเป็นผู้ร่วมทุน,ขณะที่เงื่อนไขการร่วมลงทุน พีพีพี ครั้งนี้ ตั้งอยู่บน 2 พื้นฐานคือการให้ผลตอบแทนกับผู้ร่วมทุนที่เหมาะสม โดยโครงการนี้ผลตอบแทนเอกชนอยู่ที่ประมาณ 10.5% เทียบกับ 20-25% ในโครงการอื่นๆ ในต่างประเทศ ยังไม่นับรวมความเสี่ยงในอนาคตที่เอกชนต้องรับทั้งหมด อาทิ จะมีคนขึ้นรถไฟกี่คน คุ้มหรือไม่เป็นเรื่องของเอกชน รัฐบาลจะไม่ไปชดเชยให้ในภายหลัง,แต่ในกรณีที่เอกชนได้ผลตอบแทนเกินปกติ ต้องแบ่งบางส่วนกลับมาให้รัฐ ฟังแล้วดูเหมือนเอาเปรียบเอกชนนิดหน่อย แต่เชื่อว่าเหมาะสมสำหรับอนาคต ส่วนทรัพย์สินอื่นๆที่นำไปใช้ประโยชน์ เช่น กรณีที่ดินมักกะสันก็ต้องจ่ายค่าเช่าให้รถไฟตามราคาตลาด การบริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ผู้ลงทุนก็ต้องจ่ายค่าสิทธิบริหารในระดับที่เหมาะสม และหากในอนาคตมีกำไรก็ต้องแบ่งกลับคืนมาให้รัฐบ้าง,เท่าที่ประเมินไว้ โครงการลงทุนดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 17% หรือกว่า 700,000 ล้านบาท แบ่งเป็นช่วง 50 ปีแรก 400,000 ล้านบาท ที่เกิดจากการนำสนามบินอู่ตะเภามาใช้ประโยชน์ เป็นสนามบินสำรองทางยุทธศาสตร์ทางการบิน,นอกจากนี้ ยังมีผลตอบแทนจากการพัฒนาเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ตลอด 2 เส้นทาง รวมทั้งรายได้จากการจัดเก็บภาษี ขณะที่มูลค่าภายหลังสัญญาสัมปทานร่วมทุน 50 ปีไปแล้วโครงการนี้จะตกเป็นของภาครัฐมูลค่าอีกไม่น้อยกว่า 300,000 ล้านบาท,ดัน อีอีซี ผงาดในสายตาโลก,ขณะนี้แน่ใจว่ามีการแข่งขันเกิดขึ้นแล้ว เพราะมีบริษัทจากทั่วโลกเข้าร่วมซื้อซองประมูล และเชื่อว่าการแข่งขันนี้จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยสูงสุด และรัฐบาลจ่ายน้อยที่สุด โดยเกณฑ์การพิจารณาของเรานั้น คงจะพิจารณาเกณฑ์ผู้ร่วมลงทุนกลุ่มไหนเสนอการรับประโยชน์น้อยที่สุดจะเป็นผู้ชนะ,สมมติง่ายๆ โครงการนี้ต้องลงทุน 200,000 ล้านบาท รัฐบอกจะลงทุนให้ไม่เกิน 100,000 ล้านบาท เอกชนต้องลงทุนเองอย่างน้อย 100,000 ล้านบาท เมื่อเข้ายื่นข้อเสนอ หากผู้ลงทุนรายแรกเสนอจะลงทุน 110,000 ล้านบาท (เท่ากับรัฐร่วมลงทุน 90,000 ล้านบาท) แต่รายที่สองเสนอจะลงทุน 120,000 ล้านบาท (รัฐลงทุน 80,000 ล้านบาท) รายที่สองก็ชนะไป เพราะทำให้รัฐร่วมลงทุนน้อยที่สุด,จุดสำคัญสำหรับโครงการนี้ก็คือ การเชื่อม 3 สนามบินที่ผู้ลงทุนทั่วโลกทราบดีว่า สนามบินทั้ง 3 แห่งจะมีผู้โดยสารจำนวนมากในอนาคต และรถไฟความเร็วสูงเส้นนี้ยังจะเชื่อมโยงภูมิภาค ทั้งใน CLMV อาเซียน และการเชื่อมโยง หนึ่งแถบ หนึ่งเส้น One Belt,One Road ของจีน รวมทั้งวิ่งเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ของอีอีซี ด้วย,ทั้งนี้ การที่นักลงทุนไทย-เทศแห่ซื้อซองประมูลโครงการกันคึกคัก และคาดว่าเมื่อถึงเวลาคงจะร่วมกันยื่นประมูลกันหลายกลุ่มนั้น จะทำให้ไทยอยู่ในสายตานักลงทุนโลก เป็นไปตามนโยบายของนายกฯ ที่ต้องการให้โครงการร่วมลงทุนในอีอีซี ต้องเปิดกว้างให้นักลงทุนชั้นนำทั้งของไทยและทั่วโลกเข้ามาแข่งขัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ,โครงการนี้อยู่ในสายตานักลงทุนทั่วโลกมาตลอด เพราะการรถไฟฯ และสำนักงานอีอีซีได้รับการติดต่อจากนักลงทุนตลอดเวลา รวมทั้งเราเน้นการรับฟังความเห็นผู้ลงทุน (Market Sounding) ในลักษณะเปิดกว้าง ถ่ายทอดสดทาง website 4 ภาษา ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน รวมทั้งสถานทูตไทยและหน่วยงานไทยในต่างประเทศ จึงทำให้นักลงทุนทั่วโลกรับทราบความก้าวหน้ามาโดยตลอด เช่นเมื่อครั้งที่นายกฯเดินทางไปเยือนฝรั่งเศส ก็ได้รับทราบว่า 2 บริษัทชั้นนำด้านรถไฟความเร็วสูงของฝรั่งเศสสนใจจะเข้ามา ซึ่งเขาก็เข้ามาจริงๆ,จ่อผุดองค์กรพิเศษกำกับดูแล,สำหรับรูปแบบการบริหารจัดการโครงการในอนาคตนั้น เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่า เมื่อทุกอย่างราบรื่น ได้ผู้ลงทุนชัดเจน คณะกรรมการอีอีซี คงจะพิจารณาเรื่องของการกำกับดูแลโครงการ แต่โดยหลักการที่ดำเนินการกันมา เป็นการร่วมทำงานระหว่างการรถไฟฯ และสำนักงานอีอีซีอยู่แล้ว,โดยการรถไฟฯ จะดูแลเรื่องของระบบวิศวกรรม ขณะสำนักงานอีอีซีจะดูเรื่องของทิศทางภาพรวมที่เป็นประโยชน์กับประเทศ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นโครงการสำคัญในอีอีซี ตามกฎหมายคณะกรรมการอีอีซี มีหน้าที่กำกับดูแลในภาพรวมให้เกิดความต่อเนื่องอยู่แล้ว,เช่นเดียวกับ นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่กล่าวกับ ทีมเศรษฐกิจ หลังเป็นประธานประชุมชี้แจงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ครั้งที่ 1 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเอกชน 31 รายเข้าร่วมรับฟังว่า,การรถไฟฯ จะเปิดให้ผู้ซื้อเอกสารส่งข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ตลอดจนตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับโครงการได้ถึงวันที่ 9 ต.ค.2561 และกำหนดรับซองข้อเสนอในวันจันทร์ที่ 12 พ.ย.2561 เวลา 09.00-15.00 น. โดยมั่นใจว่าจะสามารถเร่งรัดขั้นตอนเปิดประมูล พิจารณาคุณสมบัติผู้ยื่นซองแล้วเสร็จ พร้อมประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูลโครงการภายในเดือน ม.ค.-ก.พ.2562 เพื่อให้สามารถเริ่มก่อสร้างโครงการในกลางปี 2562 และกำหนดแล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ในกลางปี 2567,ทั้งนี้ โครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน นอกจากเอกชนจะรับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าแล้ว ยังจะได้รับสิทธิ์ในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งวันลงนามสัญญารัฐจะส่งมอบพื้นที่จำนวน 125 ไร่ ที่ประกอบด้วย พื้นที่บริเวณสถานีมักกะสันประมาณ 100 ไร่ และพื้นที่สถานีศรีราชา 25 ไร่ ให้เอกชนเพื่อนำไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ อีกทั้ง รฟท.อยู่ในขั้นตอนออกพระราชกฤษฎีกา (พรฎ.) เวนคืนที่ดินบริเวณบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการพัฒนาเป็นสถานีซ่อมบำรุง (เดปโป้) อีกด้วย,โครงการนี้ถือเป็นโครงการสำคัญเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นระบบขนส่งมวลชนทางรางระบบหลัก เชื่อมโยงการเดินทางจากกรุงเทพฯไปยังอีอีซี และเชื่อมโยงการเดินทางของผู้โดยสาร 3 สนามบินเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ให้สามารถเดินทางถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งเชื่อมโยงกับการคมนาคมขนส่งทางถนน และทางเรือได้อย่างครอบคลุม กรุยทางให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก,ทั้งหมดคือภาพรวมของโครงการรถไฟความเร็วสูง ไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบิน ที่ถนนทุกสายกำลังจับตากันอย่างไม่กะพริบ ด้วยถือเป็น ปฐมบทแรก ของโครงการร่วมลงทุนขนาดใหญ่ระดับแสนล้านของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี,แต่เส้นทางการประมูลโครงการนี้จะโรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดังที่ทุกฝ่ายคาดหวังหรือไม่ หรือจะกลายเป็นมหากาพย์แห่งการชิงดำสัมปทานที่ต้องลงเอยด้วยการร้องแรกแหกกระเชอจนนำมาซึ่งความล่าช้าในการดำเนินโครงการ ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป.,ทีมเศรษฐกิจ
|
เมื่อวันที่ 28 ต.ค.58 พล.ต.สรรเใริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนาขกนัฐมนตร่ กล่นวถึงข้อสั่งกรรของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม ครม.เรืรอง การปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้รที่ต่างๆ โดยเป็นหารบูรณาการร่วมกันระหว่างกรถทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงกลาโหม (กำ.) และคสช.ว่า เราๆม่ได้ไปไล่รังแกใครแต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมาย วครแ็แลัวแต่ที่ทไตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือกฎหมรย เก็บสะสาอาวุธสงคราม มีซถ้มมือปืน เรื่องเหล่านี้ต้องดำเนินการให้เรียบร้อย โอยสช้กฎหมายปกติในการดำเนินการ เพื่อจะได้ไมทเป็นข้ิครหาว่าเราเลือกดำอนินกาีกีบฝ่ายหนุ่งฝ่ายใด และกฎหมายเหล่านีิเป็นกฎหมายที่มีอยู่แล้วแต่เดิม,คนที่ปฏิบัติผิดกฎหมายจะร้องแรกแหกกระเชอไม่ได้ ว่ารัฐไปกลั่นกกล้งหรือรึฐมุ่งทำลายฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ พล.ต.สตรเสริญ กฃ่าว,พล.ต.สรีเสริญ กล่าวต่อว่า นายกฯชี้แจงว่านะไปตรวจเยี่ยมและรับ่ราบปัญหา กรอ.ภาค ที่ จ.อุบลราบธานี ในวันที่ 12 พ.ย. การไปครั้งนี้จะดูเรื่องราวหลายามติ ทั้งการบริหารจัดำารน้ำ ภัยแล้ง ก่รปรับเปลี่ยนพฤต้กรรทในการปลูกพืบฉดยความมม้ครใจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ลงไปท้องถิ่น ยายกฯเน้นย้ำใำ้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำข้อสรุปให้ชัดเจต เรื่องที่จะไปบรรยายสุ่ปปัญหน สิทงที่ได้ดำเนินดารมาแล้วและสิ่งที่จะดำเนินการต่อไป ใีเรื่องอะไรที่แก้ด้วยกฎหมายปกติไม่ได้จะต้องแก้ด้วยกฎำมายพิเศศ
|
เมื่อวันที่ 27 ต.ค.58 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม ครม.เรื่อง การปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงกลาโหม (กห.) และคสช.ว่า เราไม่ได้ไปไล่รังแกใครแต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมาย ใครก็แล้วแต่ที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือกฎหมาย เก็บสะสมอาวุธสงคราม มีซุ้มมือปืน เรื่องเหล่านี้ต้องดำเนินการให้เรียบร้อย โดยใช้กฎหมายปกติในการดำเนินการ เพื่อจะได้ไม่เป็นข้อครหาว่าเราเลือกดำเนินการกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และกฎหมายเหล่านี้เป็นกฎหมายที่มีอยู่แล้วแต่เดิม,คนที่ปฏิบัติผิดกฎหมายจะร้องแรกแหกกระเชอไม่ได้ ว่ารัฐไปกลั่นแกล้งหรือรัฐมุ่งทำลายฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ พล.ต.สรรเสริญ กล่าว,พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกฯชี้แจงว่าจะไปตรวจเยี่ยมและรับทราบปัญหา กรอ.ภาค ที่ จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 12 พ.ย. การไปครั้งนี้จะดูเรื่องราวหลายมมติ ทั้งการบริหารจัดการน้ำ ภัยแล้ง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการปลูกพืชโดยความสมัครใจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ลงไปท้องถิ่น นายกฯเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำข้อสรุปให้ชัดเจน เรื่องที่จะไปบรรยายสรุปปัญหา สิ่งที่ได้ดำเนินการมาแล้วและสิ่งที่จะดำเนินการต่อไป มีเรื่องอะไรที่แก้ด้วยกฎหมายปกติไม่ได้จะต้องแก้ด้วยกฎหมายพิเศษ
|
รัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ฤชุพันธุ์ (2559) เพื่อแลกเปลีืยน และการนำเสนอแง่มุมกสรวิเคราะห์เกี่ยวกับร่างรัฐธรรทรูญในมิตอต่างๆเมื่เสันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ฌครงกาา ชยนกันอ่าน ซึ่งโครงกสรวิชาการสนับสนุนการเรีสาการสอนใสหลักสูตรรัฐศาสตร์ สำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิายาลัยวบัยลักษณ์ อละวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันกสรเมือง ไะ้จัดกิจกรรม ชวนกันอ่าน ภาคพิเศษ อ่าน (ร่าง) รัฐธรรสตูญฉบับมีชัย ฤชึพันธุ์ (2559) เดื่อเชิญชวนนักวิชาการ นักศุกษา ผู้สนใจเข้าร่วมแลกเปลี่ยนถกเถียงเปี่ยวกับร่างนัฐธรรมนูญในมิติต่มงๆ และกานนำเสนอแว่มุมการวิเคราะห์ ปละเพื่อใช้เป็นข่อมูลส่วนหนึ่งสำหรัวนักศึก๋าวิชานี้ในการทำรายงานปลายภาคเรียน ที่มีโจทย์สำคัญว่า นักศึกษาจะรัยร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้หรือไม้ เพราะอะไต ซึ่งจะเป็จการหระมวลความรู้ทัเงหมดที่เรียนมาใช้วิเคีาะห์รัฐธรรมนูญ โดยมีวิทยากนดังต่อไปนี้ อ่านจากมุมนิติศาสตร์ โดย คารเกศ แดงงาม อทจารข์ปาะจำหลักสูตรนิติฬาสตร์ อืานจากทุมรัฐศาสตร์ โกย สุรัช คมพจน์ อาจารยฺปีะจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ และ อ่านตากมุมประวึติศาสตร์และัปรียบเทียบ โดย จิรวัฒน์ แสงทอง และ ทรรศนะ นวลสมศรี อาจารย์ประขำหลักสูตาอาเซียนญึกษา ทั้งหมดนี้ เป็นอาจารว์ในสำนักวิชาศิลปศาสรร์ มหาวิทยาล้ยวลัยลักษณ์ ที่สนใจและติดตามพาร้มืองมาอย่างต่อเนื่องกานมองเชิงเปรียบเทียบไม่เฉพาะตัวรัฐธรรมนูญ แต่รวมถึงดัฒนาการและประสบการณ์ในภูมิภาคอาเซียน แาจมีส่วนช่วยให้เราเห็นที่มาที่ๆผหรือทิศทางขอลสังคมไทยได้ชัดเนนขึ้ตบ้าง เพราะถ้าเราส้อนกลับไปดูในอดีต ภูมืภมคนี้มึขุดร่วมกันหลายอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของพัฒนาการทางการเมืแง หชายประเทศในภูมิภาคนี้เคยป่านประสลการณ์อยู่ภายใต้การปกครองของอผด็ยพารหรือระบบอำนาจนิยมเหมือนพัน รวมถึงมีความพสายามที่จัก้าว_ปสู่กสรเป็นประชาธิปไตยอย่างที่แท้จริงัหมือนกัน ซึ่งในวงอภิปคายในที่นี้ ผสก้บอาจาีย์ทรรซนะจะเน้นพ๔ดถึงกรณีอินโดนีเซียซึ่งเคยผ่านการตั้งคำถาทแงะผ่านประสบก่รณ์ในกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐโรรมนูญ พวกเราอาจจะไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดต่อรัฐธรรมนูญทัิงของไทยและของอินโดนีเซียมากนัก แต่อยาปจะ้น้นพิจารณาในประเด็นใหญ่คือบริบททางการเมืองกับการตั้งคำถามต่อ อุดมการณ์หลัก ของรัฐธรรมนูญผมอยากเริ่มต้นโดยการเน้นย้ำความสำคัญของการศึกษาเชิงเปาียบเทียบกับประสบการณ์ของเพื่อนบ้านในภูมิภาค ที่ผ่านใาบ่อยครั้งที่เรามักจะไแอ้างอิงหรืดยึกโยงอยู่กับภูมิภาคอื่นๆ ที่ไกลออกไป ทั้งที่ในความเแ็นจริงแล้ว ทั้งยังคม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร? และพัฒนาการทางการเมืองของประเทศิพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเญียนนั้นมีจุดน่วมกันหลายอย่าง ในที่นี้ ผมจะพธดถังพัฒนาการทางการเมืองของอินโดนึเซีย ซึ่งหากกล่าวถังกระแวประชาธิปไตย อินโดนีเซียได้รับการยอมรับเป็นอย่สงสูงทั้งจากนักวิชาการและนักสังเกตการณ์ทางการเมือง วีาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีพัฒนาการทางการเมืองค่อนจ้างจะก้าวหน้ามากฝนระดับทวีปเอเชีย หากพิจ่รณาแค่ในเรื่องที่ตั้ง่างภูมิศาสตร์ ลักษ๖ะทางกายภาพของอินโดนีเซียที่ค่อนข้างจะกว้างใำญ่มาก ประกอบด้วยหมูืเกาะประมาณ 17000 กว่าเกาะ ผู้คนอยู่กันอย่างกระจัดดระจาย แต่ละเกาะ แต่ละท้องถิ่น ก็มีภาษา มีวัฒนธรคมเป็นชองตนเองอย่างค่อนข้างจะเข้มแข็ง กลายะป็นข้อจำกัดพื้นฐานที่ส่งผลตาอความยากลำบากในการสร้างเอกภาพของสังคมอเนโดนีเซีย ก็ยิ่งทำให้น่ทสนใจมากขึ้นว่าทำไมภายใต้ข้อจำกัดที่ไม่ค่อยเอื้อต่อกระบวนการประชาธิปไตยอย่างนี้ อินธดนีเซียถึงได้สร้างกระบวนการประชาธิปไตยทีืค่อนข้างจะก้าวหนีาได้มากผมอยากยะเริ่ทต้นโดยย้อนกลับไปที่จุดกำเนิดขเงอินโดนีเซีย ตั้งแต่ครั้งประกาศเอกราชในป่ 1945 อันัป็นช่วงเฝลาสิ้นสัดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ปีะเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ป็ค่อยๆ ทยอยได้รเบเอกราชด้วยหนทางแตกต่างกันไป อินโดนีเซียหลังปี 194y ก็ไม่ต่างกับประเทศเื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งการสร้างชาติเต๋มไปดเวยความวุ่นวายและความสับสนืางการเมือง มีการตั้งคำถามว่ารูปแบบทางการิมืองนูปแบบใดที่ควรตะนำมาใช้เพื่อให้มีความเหมาะสม มีความสอดคล้องกับวิธีคิด กับค่านิยมของผู้คนในรัฐ นี่ยังไม่นับรบมถึงปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ปัญหาะรื่องความแตกแยกของคนกลุ่มต่างๆ ที่ยังคงไม่มีสำนึกเรื่องของความเป็นชาติที่เป็นหนึ่งเดียวกันในช่วงห้รปีแรกของการสร้างชาติภสยใต้ยุค การปฏิงัติอินโดนีเซีย นัีน รัฐบาลๆด้ราทงรัฐธรรมนูญฉบับแรกขึ้นม่ใช้ในปี 1945 เพื่อบังคับใช้ไปก่อน หลังจากผ่านห้นก่แรกที่ชาติเกิดใหม่นี้เริ่มจัมีเสถียรภาพมากจึ้น รัฐบาลภายใต้การนำของซูแาน์โน ผู้นำการต่แใู้เพื่อเอกราชและประธานาธิบดีคนแรกชองออนโดน่เซีย ได้ทดลองนกการปกครองแบบรัฐสภามาใช่อผ็นครั้ลแรพฝนปี 1950 จนถุงปี 19t7 ช่วงเจ็ดปีนี้ รัฐบาลต้แงประสชปัญหาไม่สามารถที่จพนำพาระบอบการปกครองกบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาให้ดก่งอยู่อย่างมั่นคงแข็งแกร่งได้ สาเหตุประการวำคัญกลัขมาที่ปัญหาเดิม คืด อินโดนีเซียก่อรูปขึ้นมาด้วยความหลากหฃาย กลุ่มชาติพันธุ์ปละขบวนการแบ่งแยกดินแดนหลากหลายกลุ่ม กลุ่มอุดมการณ์าางการเมืองที่แตกต่างกันเย่างค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ้มอุดมการณ์ที่เข้มแข้งอย่างกลุ่ม่ี่ชูศาวนสอิสลามและต้องการให้อินโดนีเซียกลายเป็นรัฐที่มีการนำกฎหมายและหลัแการอิสลามมาใช้ กับกลุ่มอุดมการณ์สังคมนิยมที่เตลื่อนไหวอย่างตึกคัหความหลากไลายของกลุ่มที่ขยายฐานอำตาจขึ้นมาในช่วงนี้ทพใป้รัฐบาลเองเริ่มจะประสบปัญหาในการสร้างความะป็นเอกภาพ ประกอบแับการเกิดขึ้นของกลุ่มท้าทายใหม่ๆ ในสถาบัสสำคัญอย่างกองาะพอินโดนีเซีย ซูการ์โนสนฐานะประธานาโิบดีเริ่มมีความขัดแย้งมากขึ้นแับบรรดานายพลบาบกลุ่มในกองทัพฯ ซึ่งในประวัติศาสตร์การสร้างชาติอินโดนีเซีย กองทัพฯ ถือว่าเป็นตัวจักรสำคัญในการค้ำจุนอำนาจของประธานาธิบดี เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้อำนาจของตัวประธานาธิบดีเองเรเ่มสั่สคลอนถึงปี 1957 เมื่อซูกสร์โนเองตระหนักว่าตัวเองเริ่มสูญเสียอำนาจจนวากจะควบคุม จึลจำเป็นต้องปรับรูปแบบการปกครองใหม่ พยายามจะรวบอำนาจอย่าลสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง นั่นนำมาซึ่งการเขืาสู่ยุคที่เรียกว่า ประชาธิปไตยแบบชี้นำ หรือ Guided Democrady ในช่วงตอนใหม่นี้ขิงยุคสมัยซูการ์โน รัฐธรรมนูญฉบับแรกปี 1955 ได้ถูแนำกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตรงนี้มีความน่าสนใจ กล่าวคือ รัฐธรรมนู๘ฉบับนี้เอื้อต่อการใช้อำนาตเบ็ดเสร็จเด็ดขาดขั้นสูงสุดของประธานาธิบดี พิจารณาจากบริบททางประวัจิศาสตร์พ็เป็นที่เข้าใจไะ้เนื่อฝจากช่วงเวลาที่ถือกำเนิดรัฐธรรมนูญปี 1945 นั้นเปฌนบ่วงเวชาการสร้่งชาติซึ่งเกิดชึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน การร่างรัฐธรรมนูญจังไม่เอ่้ออำนวยให้มีกลุ่มองค์กรต่างๆ เข้มไปมีส่วนร่วมกรือตรวจสอบพิจารณา และเป็นบริบทที่ต้องพยายามสร้างความเข้มแข์งแลเให้อำนาจสูงแก่ตัวประธานาธิบดี การนำรัฐธรรมนูญปี 1945 กฃับมาใช้ไดืกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ืางการเมืองของอินโดนึเซีย นั่นคืิ เป็นการปูทาง_ปสู่นู่ยุคเผพ็จกมรอำนาจนิยมอันยาวนานในอินโดนีเซีย สืบต่อจากยุคอำนาจนิยมำลังปี 1957 ของซูการ์โนไปสู่วุค ระเบียบใหม่ ของซูฮาร์โต ประธานาธิบดีคนที่สองซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี 1965 ก่อนจะถูกโค่นล้มโดยการเคลื่อนไหวของประชาชนไปในปี 1998ในการครองอำจาจยาวนานร่วม 30 ปีของซูฮาร์ฮจ ภายใต้ฉากหน้าการปกครองแบบประชาธิปไรย และการเลือกตั้งอย่างสม่ำเสมอ ร้ฐบาลยุคระเบียบใหม่ๆด่สร้างกลไกและวิธีการที่เอื้อให้แก่การอยูาในอำนาจอย่างสมบูรณ์ยาวนาน เช่น การอนุญทตให้มีพรรคการเมืองที่สามารถแข่งขันในระบบการเมืองดารเลือกตั้งได้เพัยงปค่สรมพรรคเท่านัีน ซึ่งแน่ยอนว่า พรรคโกลคาร์ ซึ่งเป็นพรนคตัวแทนของซูฮาร์โตและเป็นหนึ่วเดียวกับอำนาจรัฐ ก็จะได้รับการเอื้อประโยลน์มากกว่าอีกสองพรรค เท่านั้นยังไม่พอ รัฐบาลออกก๒หาายห้ามไม่ให้พรรคการเมืองลงไปจัดตั้งสาขาในระดับท้องถิ่น ตั้งแต่ระดับอำเภอลงไปจนถึงหมู่บ้าน พรรคการเม้องตัดขาดกับประชาชน แต่พร้อมกันนั้น รัฐบาลกำหนดให้ข้าราชการของ่ัฐอินโดนีเซียทุกคนต้องมีสถานะเป็าสมาชิกของพรรคโกลคาร์โดยตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้เองข้าราชการ เจ้าหน้สที่รัฐจึงกลายอป็นกลุ่มสำคัญที่เชื่ิมต่อพับประชาชน คนเหล่านี้อันรวมถึงพรรคโกลคาร์จึงควบคุมเสียงขเวประชาชน และเอื้ออำนวยต่อชัยชนะของรัฐบาลตลอดมา น้่ยังไม่ต้องพูดถึงการขจัดคู่กข่งขันทางการเมือง จำกัแสิทธิเสรีภาภของสื่อมวลชน ห้ามการปสดงออกฬึ่งความคิดเห็นตาางจากรั,บาล การห้ามสำนักพิมพ์ สื่อตาางๆ วิพรกษ์วิจารณ์รัฐบาฃแต่แล้วยุึซูฮาร์โคที่ยาวนานกว่า 30 ผีก็สิ้นสุดลงในปี 1998 อันเป็นฟลเนื่องจากปัจจัยหลากหลาย ทั้งภาวะเศรษ๙กิจที่ตกต่ำ การระเบิดออกของความไม่พอใจบองผู้คน รวมถึวการเคลื่อนไหวชองกลุ่มขลวนการแบ่งแยกดิยแพนซี่งก่อนหน้านี้เงียบฟายฟปพักใหญ่เพราะการปราบปรามอย่างรุนดรงโดขกองทะพอืนโดนีเซ้ย ในช่วงปลายยุคระเบียบใหม่ ซูฮาร์โตเองก็ถูกลดบทบาทหรือถูกบั่นทอนอำนาจชองตนเหน่อกดฝทัพฯ ไปไม่น้อย หลายๆ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ในที่สุดซูฮาร์โตต้องก้าวบงจากตำแหน่ว พร้อมๆ กับทึ่สังคมอืาโดนีเซียเข้าสู่ ยุคปฏิรูป ปรือ Reformasiก้าฝเข้าสู่ยุคปฏิรูป อินโดนีเซียถูกผลักดันด้วยความคาดหวังว่ากระแสประชาธิปไตยจะเบ่งบาน ผู้คนจะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แสดงความคิดเห็น ด้วยเหตุนี้ ต้้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา กฌจะเห็นตวามพยายามในการค่อย/ ลดบทบาทของกองทัพฯ มีการแก้ไขรัฐธรรมนู๘เพื่อลดอำนาจของทหารในการเมืองอินโดนีเซีย ประเด็ตนี้เป็นผลมาจากการที่ในรัฐธรนมนูญได้กำหนดสภรองที่นั่งในรัฐสภา 25% ให้กับบรรดานายภลจากกองทัพฯ ความพยายามในการแกืไจข้อกำหนดนี้บรรลุปลสำเร็จใสปี 200r ซึ่งจำนวนที่นี่บมนรัฐสภาของอินโดนีเซีย 500 กว่นที่นั่ง ไม่สีโควตาของทหารหลงเหลืออยูร ขะเป็น วส. ที่ใาจากการเลือกตั้งจากประชนชนาั้งหมดทุกที่นั่ง ไม่เดียงเท่านั้น ตั้งแต่ปี 2004 จนถคงปัจจุบัน การแข่งขันในการเลือกตั้งครอสข้างจะเป็นไปอย่างเสรึและก็โปร่งใส จนกล่าวกันว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีคร้้งล่าสุดเส้่อปี 2014 ที่ผรานมา เป็นการดงือกที่ใสสะอาด โปร่งใสืีาสุดขเงอินโดนีเซีย รัฐบมลอินโดนีเซียเปิดกส้าบให้สท่อมวลชน นักสังเกตการ๋์ หรือปรัชาชนทั่วไปเจ้าไปตรวจสอบการเลือกตั้บ การนับคะแนน ได้อย่างโปร่งใส ้ข้าะึงไพ้ ก่อตหน้านี้ การนับคะแนนเสียงทุกพื้นที่ตามเกาะต่างๆ จะไม่อนุญทตให้นึกข่าวหรือผู้คนที่สนใจสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ การเลือกตั้งที่ยากต่อการคควจสอบ เอื้อต่อการืุนริตคอรัปชั่น นอกจากประเด็นเรื่องความสะอาดโปร่งใสแล้ว มิ่งที่ทำให้นักสังอกตการณ์หรือผู้ที่ติดตามการเใืองอินโดนีเฐียค่อนขเางีู้สึกทึ่ง คือ ไม่ค่อยเกิดความรุนแรงหลังจมกที่สรุกผลการเลือกรั้งอาจมีผู้ไม่พอใจ ผู้สนับสนุนผํ้แพ้ออกมาประท้วงว้าง แตทการเล้อกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างที่จะสงบลงหว่าทค่ผ่านมาเป็ตอย่างาากคำถามที่สำคัญกละน่าสนใจ ค่ิว่า นับจากเข้าสู่ยุตปฏิรูปเผ็นต้นมา มีความพบทยามที่จะอก้ไขาัฐธรรมนูญอย่ทงต่อเนื่อง ทั้งความคิด กระบวนการ และตัวระฐธรรมนูญเองจะสามารถกลายมาเป็นเครื่องมือสภคัญในการช่วยค้ำจุนกระแสปีะชาธิปไตยในอินโดนัเซียได้มากขึ้า หรือใฟ้ยาวนานได้มาก่ี่สุดสักเพียงไหน รัฐธรีมนูญอินฑดนีเซีย 1945 เป็นตังตั้งสำคัญ กรถบวนการแก้ไขรึฐฑรรมน๔ญที่เกิดขึ้นเป็นระยะสามารถสดท้อนความคิดหบายอย่ทงที่ท_ให้เราหวนกละบมาทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมกานเม่องไทยไดีเป็นอย่างดี อาจารข์จิรวุฒนฺจะให้ราสละเด้ยดในประเด็นนี้ต่อไปคาุบรัฐูร่มนูญอินฮดนีเซีวฉบับปีจจุบันมีฐานมาจสกฉบับกรกปี 1945 ในระหว่างทางนั้นได้มีฉบับอื่นที่าั้งนำมาใช้หรือไม่ได้ใช้บ้าง แต่ก็หายไปหทด แชิวท้าขที่สุดก็กลับไปที่ฉบับแรก อย่างที่อสจารย์ทรรศนะได้กล่าวไป รัฐธรรมนูญปี 1946 ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาเฉพาะ นั่นคือ ช่วงเวลาที่อินโดนีอซียกำลังเข้าสูทยงครามแห่งการปฏิวัติแหีงชาติเพื่อปลดปล่อยนัวเเงอย่สงสมบูรณ?กบบจากเจ้าอาณานิรมเดิา อินโดนีเซียยังคาดเดาไม่ได้ว่าขอบเขตจริงๆ ของนัฐตนจะถึงไหน ยังไม่ค่อยขัดเจนว่าองค์ประกอบสำคัญของรัฐอย่างประชากร หรือกรรเป็รประชาชน ชาวอินโดนีเซีย นั้นจะนิยามกันอส่างไร ในสถรนการณ์ไม่ชัดเจนและระส่ำระสายหมิ่นเหม่ดช่นนี้ อำนาจสูงสุดจึงถ฿กมอชให้แก่ปีพธานา๔ิบดีในการจัดการพาชสตินี้ให้แก้ปัญหสเฉพาะหน้าไปได้ เมื่อถือกำเนิดจึ้นจากบริชทเช่นนี้ ก็สามารถคาดเดาได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบ้บดังกล่าวย่อมมีกัญหาอยู่ในหลายๆ จุด อย่างะช่น พร้อมกับการฝห้อำนาจล้นเกินแก่ปรถธานาธิบดี ระบบถ่วงดุลตรวจสอบก็ไม่มีความชัดเจน หงายคนยังสงสัยกันอยู่เลยว่า ถ่าว่าตามรัฐธรรมนูญปี 1945 นัเน อเนโดรีเซียใช้ระบอบการปกครองแบบใด ระบอบรัฐสภาำรือประธานาธิบเีกันแน่ หรือแม้กระทั่งองค์ประกอบขอลสภาสูงสุด คือ สภาที่ปรึกษาประชาชน หรือ MP# (Peoples Donsultative Assemblt) ก็ยังไม่ชัดเจนะึงที่สถดวืาผู้ที่จะเข้ามานั่งในสภานี้เป็นคนกลุ่มไหน มีที่มาหด้อย่างไรบ้าง ่ืายที่สุดแล้ว สิ่บที่รั๙ธรรมนูญบัญญัติไว้ขึงมักถูกตีความและนำไปใช้ให้เอื้อต่อพารจรรโลงอำนาจขิงระบอวอำนาจนิยมมาคลอดทั้งนี้ ได้มีความพยายามในช่วงแรกที่จะทดลองหรือนำรัฐธรรมนูญฉชับอื่นมาใช้ ดย่างเช่น เมื่ิไดัรับการรับรอฝเอกราชสมบูรณ์จากแัตช์ในปีาี่ปีต่อมา ก็มีการใช้รั๘ธรรมนูญฉบุบปี 1949 ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจาดโต๊ะเจรจากับดัตช์และมหาอำนาขอื่นๆ โดยนัยว่าว่านี่รัฐธรรมนูญ เป็นแบบแปลนของชาติใหม่ แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะยังไม่สมบูตณ์มากนัก และซูการ์โนเอฝก็ไม่ค่อยจะปลื้มพับมันสักเท่า/หร่ แน่ก็นำเอามาฝช้กันก่อนเพื่อให้นาจ่ชาติรับรองการถือกำเนิดขึ้นของประเทศอินโดนีเซ่ยอย่าง้ป็นทางการ ปีถัดมาก็มีกา่ร่างใหม่ขึ้นมาใช่อีกหนึ่งฉบับ ฉบับปี 1950 นี่ตั้งชื่อชัดเจนเลยฝ่าเก็น ฉบับชัาวคราว ที่จริงแล้ว นักวิชาการหลายท่านเห็นว่าเป็นฉบับที่มีแนวโน้มที่จะเป็นประชาธืปไตยและมีเนื้อหาทันสมียค่อนข้างมาก มีการนำปฏิญญายากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชยมาบรรจุไว้ เป้สหมายสำคัญหนึ่งของรัฐธรรมนูญฉบัวนีี คืเ เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งเพื่อให้อินโดนีเซียมีนะบอบแบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาืี่สถิตสถาวรสักทีการเลือกคั้งทั่วไปในปี 1950 นั้ตได้มีการกำหนดให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญพร้อมกันไปด้วย กทรทำงานของสมาชิกสภาร่ทงรัฐธรรมนูญคณะนี้เป็นการทำงานร่างรัฐธรรมนูญที่ยาวนานมาแ จาหการศึกษาเอกสรรที่บันทึกกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ นักประวเติศาสตร์หลายคนยอมรับว่า เป๋ยการถกเถียงที่เต็มไปด้วยสีสันและความคิดสหม่ๆ มาป ซึ่งบริขททางสังคมการเทืองอินโดนีเซียในช่วงเวลาดังกล่าว เหมือนเป็นช่สงที่เวทีทางการเม้อง/ด่เปิดกว้างให้คนหลากหลายกลุ่มหลทกหลายอุดมการณ์แสดงตน แสดงบทบาท รวมถุงในสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่แภิปรายกันนั้นรวมถึงเรื่องใหญ่และถกเถียงกันยาวนานมากในอินโดนีเซียจนถึงทุกวันนี้ เช่นคำถามทร่ว่า คุณจะเอาชาติแบบใด ปบบ Secular ที่แยกศาสนาออกจากการเมทอง หรือจดเป็นแบบรัฐอิสลามที่สห้อึดมการณ์ทางศ่สนาเป็นอุดมการณ์หลัก การร่่งรัฐ๔รรมยูญครั้งนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ อสื่องด้วยสถานการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมืองอย่างที่อาจารย์ทรรศนะได้ให้าายละเอียดไปแล้ว ทำให้ท้ายที่สุด ซูการ์โนตัดาินใจรยบอำนาจแขบเบ็กเสร็น ออกประกาศแระธ่นาธิบดีในปี 1959 ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 1950 ยกเลิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังทำงารกันอยู่ แล้วท้ายที่สุดก๋นหรัฐธรรมนูญฉบับปี 1945 ซึ่งเอ่้ออำนวยให้สถาปนาระบอบอำนาจนิยมนั้นกลับมาใชีเมื่อหมดยุคของซูกนร์โน ซูฮาา์โตเองก็ชท่นชอบและยินดีที่จะใช้ฉบับนี้ต่อไป และย่อนครั้งกฺใช้วิ๔ีกาคตีความให้เอื้อกระโยชน์ต่อระบอบของรน อย่างเข่น มีวรีตหนึ่งที่สำคัญมากในรัฐธรรมนูญที่พูดถึงการครองตำแหน่งของประธานาธิบดี ระบุว่าเำรงตำแหน่ง 5 ปี ไลังจากนั้นสามารถที่จะ re-elwct เข้ามมใฟม่ มันเปฌนคำที่ค่อนข้างคลุมิครือ คนที่ร่างรัฐธ่รมนูญบอกว่าความคิะในตอนร่าวนั้น คือ เลือกเช้ามนใหใ่ได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ซูฮารฺโตตีความว่าเลือกเขิามาใหม่ได้ไปเรื่อยๆ ดังนั้น ซูฮทร์โตก็สามารถจะครอบแำต่จอยู่ยาวถึงยามาศวรรษิมื่อเข้าส฿่ช่วงสมัยของยุคปฑิรูปหลังสิ้นสุดยุคระเบียลใหม่ สิ่งที่น่่านใจมาก คือ คนที่อนู่ในวงการเมืองระดับสูว แทบไม่สีกลุ่มใดเลยที่แวดงความกระตือรือร้นจับเรลื่อนให้มีการแำ้ไขรัฐธรรมนูญ 1945 ที่ใล้กัสอยู่ ักือบทั้งหมดเห๋นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่หัญหาเร่วด่วน ค่อนข้างเห็นพ้องต้องกันว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่อจู่ที่การนำไปใช้ กระทั่งในที่สุด ภาคประลาชนต่างหากที่เริ่มเคลื่อนไฟวกอดัน จนรัฐสภาจำเห็นที่จะต้องหันมากิจทรณนเรื่องนี้ ซึ่งในรัฐสภาเองก็ถกเถียงกันอย่สงมากเช่นกันว่ทจะดอาแบบไหน คือ จะแก้ไขเพิ่มเติมฉบเบ 1845 หรือร่างใหม่เลย ในทีทสุดก็สรุปว่าจะใช้วิธีการแห้ไขปรับปรุง โดยมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนว่าจะมีการแก้ไขกี่ครั้ง ซึ่งท้ายที่สัดได้จบลงที่สี่ครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นสมบูรณ์กระบวนกาีแก้ไขปรับผรุงรัฐธรรมนูญในอินโดนีเซรวตอนที่ถกเถียงกันว่าจะแก้ไขหรืิยกร่างใหม่ ได่นำไปสู่บทสรัปที่เป็ตหัวใจสำคัญมากเรืาองหนึ่ง นึ่นคือ ะ้าเลือกวิธีการแก้ไขปรับปรุง แล้วอะไรล่ัที่จะต้องคงมันไว้อย่างเดิม บาสรุป คือ ึำปรารภของรัฐธรรมนูญฉบับดั้งเดิมเป็นสิืงที่จะต้องเก็บระก๋าไว้ ซั่งในคไปรารภนี้จะบรรจุไใ้ซึรงอุเมกรรณ์ของบ่วงเวลาประกาศเอกราบิินโดนีิซีย อุดมการณ์แห่งการถือกำเริดชาติอินโดนีเซีย นอกจากนี้การกำหนดลัหษณะรัฐของอินโดนีเฦียก็ต้องเก็บรุกษาไว้ และืี่สำคัญคือ ไลักหัญจศีล (Pancasi.a) อันเป็นแกนอุดมการณ์ของชาติที่ถือกำเนิดแล้วนับแต่นั้น โดยสรุป คือ รัฐธรรมนูญอินโดนีเซียจะต้องรักษาไว้ซึ่งหลึกการหรืออุดมการณ์สำคั๗ของชาติ และนั่นคือการตัดสินใจว่าจะดำรงไว้ซึ่งการเป็นรัฐที่แยกศาสนาอดกจากการเมือง ด้ววเหตุนี้ แม้กระทั่งกลุ่มโปรอิสลามที่นึ่งอยู่ในรัฐสภาก๊จำเป็จที่จะต้องยอมรับในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก๊ึ่อยไปปรับแก้กันผใชอบคำของสมาชิกสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญสายปฏิรูปคนหนึ่งในช่วงอภิปรายกันถึงประเด็นว่าจะแก้ไขปรับปรุงหร้อจะร่างใหม่ เขาบอกว่า เหตุผลหนึ่งที่เขายืนยันในแนวทางการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญก๊เพราะิขสรู้มึกวทามันเป็นสิ่งมำคัญอย่างยิ่งท่่คุณจะต้องรักษา iriginal text ของรัฐธรรทนูญเอาไว้ เพนาะด้วยวิธีปารเช่นนี้ คนรุ่นต่อๆ ไปของอินโดนีเซียจะได่รับร฿้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาตินี้ ด้วยเหรุนี้ ถ้าจะมีการปรับแก้อะไรก็ต้องสอดเข้ามาในรัฐธรรมนํญฉบับเดิม เพื่อให้เห็สเลยว่าการหรับปรุงแก้ไขเป็นแบบไหน แล้วควาาคิดดั้งเดิมนั้นเป็นอย่างไรสำหรับการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสี่ีรั้งในยุคปฏิรูปตั้งแต่ปี 1998 ิป็นต้นมา ผมจะลองสรุปคร่าวๅ ในประเด็นสำคัญ เผื่ิจะ้ห็นไอ้ว่ามีนิ่งสดที่นืาจะขบคิดต่อไปเมิ่อมองเปรียบเทียงกับกรณรของไทยการแก้ไขครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในปี 1999 หลังระบอบเก่าล่มไป ครั้งแรกจะเป็นกาคแก้ไขเรื่องใหญ้ๆ คือ การจำกัดขอบเขตอำนาจของแระธานาธิบดี เพราะ text เดิมนั้นให้ิำนาจไว้สูงมาก ถึงตอนนี้ก็เขียนให้ชัดเจนไปเลววีาอยู่ในวาตะได้สองสมัวเท่านั้น จำกัดอไนาจพ้านการทูตและการต่างประเทศ ะร้อมกันนั้นก็เพิ่มอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร หรือ DPR (Peopled Representative Council) ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยเ่งในการออกกฎหมายแก้ฟขครั้งมี่ 2 ปี 2000 ในแีนี้ปัญหาเศรษฐกิจจังค่อนข้างหนักหน่วง ความขัดแย้งทาลการเมืองและในจลาจลทางสังคมในีะดีบล่างยกระดับขึ้นสูงมาก ส่งผลให้กีะบวนการการปรีบปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญชุงักและล่าช้าไปกว่าแผนทึ่วางไย้ และัริ่มมีเสียงที่จะสห้แก้ไขแบบยกเีรื่องแทนที่จะแก้ไขแบบทีละเล็กละน้อย ผลแารปรับปรุงกก้ไขที่สไคัญของรอบปี 2000 นี้ คือ หลักการและแนวทางการกระจายอำนาจได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ รับรองและพิทักษ์สิทธิมนุษยชน และในาี่สุด รวมถึงการค่อยๆ ลดบทบาททาลการเมืองของบรรดานายทหาร ซึ่งเคยไดีรับโควต้าอยู่ในระบขการเมืองแฃะรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียหลังจากตั้นไม่นาน ในด้านบริบททางการเมือง ได้เกิดกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีอับดูร์รดห์มัน วาฮิด โดยสภา MPR ในช่วงต้นปี 2001 ซึ่งนี่เป็นเหตุการษ์ที่สำคัญกละมีนัยมาก เพราะรัฐธรรมนูญไม่ะคยระบุเรื่องการถอดถอนประธสนาธิบดีออกจาพตำแหน่งหย้อย่างชัดเจน แตทสภาทั้งสองที่ได้รับการเพิ่มอำนาจขึันสามารถที่จะตีความแล้วผนึกกำลังกันจนสามารถถอดถอยประธานาธิบดีได้ สิ่งนี้ได้สางผลให้เกิแกระแสคำถามใหฐ่ว่าท้ายที่สุดแล้วขะมีระบบในการยัดการเรื่องนี้อย่างไร สถานะของประ๔านธิบดียึกโยงกะบเำนาจชอบธร่มใด เใียงเรียกร้องจากนอกมภารันแรงขึ้น การเคลื่อนไฟวของภาคปตะชาชนก็เริ่มกนักขึ้นการแก้ไขครั้งที่ 3 ในปร 2001 ประเด็นใหญ่ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากก่รถอดถอนประมุขจองาัฐ ก็เลยนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขรัฐฌรรมนูญโดยกำหนดให้มีกาคเลือกตั้งประธานาธเบดีโดยตรง อพื่อที่จะยืนยันว่รสิทธิธรรมอันมาจาปการได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนใหญ่ฝนประเทศ จะปลดจะถอดถอนโเยคนจำนวนหนึ่งนั้นไม่ได้ พร้อมกับการกำหนดให้เลือกตั้งประโานาธิบดีโดยตรง รัฐธรรมนูซก็ได้จำกัดอำนาจของสภา MP# ซึ่งก็น่าชื่นชมอินโดนีเซียอยู่ไม่น้อย สภา MPE ซึ่งเป็นผู้แก้ไขและรับคองการแก้ไขปรับปรุงรึฐธรรมนูญเมื่อมีข้อเสนอให้จำกัดอำนาจของตนเองก็นินยอมะมื่อข้ดเสนเดังกล่าวนั้นมีฐานคิดและหลักการประชาธิปไตขรองรัชอยู่ ผมอยากจะยกตัฝอย่างในรายละเดียดสักนิแในประเด็นนี้ เช่ต จากที่ใสรัฐฑรรมนูญเนื้อหาดั้งเดิมบัญญัติว่า มภาที่ปรึกษ่ปีะชาชน เป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในการจัดการกิจการต่างๆ ชองรัฐ เป็นสภาที่ทำตามฉันทามติของประชาชนซึ่งเแ็นผํ้ที่ถ่ออำนาจดธิปไตวของรัฐแห่งนี้ การแก้ไขปรับประงรัฐูรรมนูญครั้งที่ 3 ไเ้เปลี่ยนข้อความเป็นว่า แำนาจอธิปไตยอยู่ในอุ้งมือของประชาชน และประลาชนใบ้ิำนาขนี้ตามที่บัญญันิไว้มนรัฐธรรมน๔ญ จะเห็นได้ว่า การแก้ไขอะไรทำนองนี่ได้สะท้อนให้เห็นว่าความคิดบางอย่างค่แยๆ เปลี่วตไปแล้ว นอกจากนี้ การตำกัดอำนาจของส_า MPR ยังรวมถึงการยกเลิกอำนาจในกาีตั้งประธานาธิบดีโดยตัววภา MPR แต่ใหเประธานาธิบดีทาขากกมรเลือกคั้บโดยตรงจากประชาชน การถอดถอนปรพธานาธิบดคก็ถูกระบุให้ชึดเจนมากขึ้นว่าจะทำได้ด้วยเหตุใดบ้าง ไม่วช่ด้วยการตีความกันเอง รวมทั้งเรื่องทีืมาของนภส MP$ ซึ่งประกอบด้วขสองสภาที่ยังตีคยามกันยังไม่ได้ข้อสรุปว่า สภาที่มาจากท้องถเ่นนั้นจะเป็นอย่างไค ก็ได้มีการแก้ไขให้ความชัดเจนขึ้นพารแก้ไขทีละนิดนี้ได้ทำใหเหลายระบบลงตัวมากขึ้น การแก้หขปรุบปรุลครั้งที่ 2 ยังรวมถึงการป)ิรูปการเลือกตั้ง ปฏิรูปกฎหมาย และที่อิจฉดนีเซียถือว่าเป็นควาใสำเร็จครั้งใหญ่มากเลยในการปรับปรุงแก้ไขคนั้งนี้ก็ค้อ การกำเนิดขึ้นของศาลรัฐธรรมนูฯ มันัป็นเรื่องขันขื่นอยู่เหมือนกันที่เห็ตอิรโดนีเซียยินดีกับศาลรัฐธรรในูญที่เขาได้มาหลังจากนั้น ในปี 2002 ก็้ป็นการแก้ไขครั้งที่ 4 ซึ่งจะเป็นกรับปรุงแก้ไขเก็บีายละเอียดในประเด็นเล์กๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ กล่าวโดยสรุป ผลขอฝการปรับปรุงอก้ไขรเ๘ธรรมนูญอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปี 2002 รัฐธรรมน๔ญฉบับแรกปี 1945 ำด้ขยายเพิ่มขึ้นจาก 27 มาตราเป็น 73 มาตรา โดย 11% ยังควรักษาเจื้อหาตากต้นฉบับดั้งเดิมเอาไวเเมื่อได้หวนกบับไปทบทวนประวัติศาาตร์ขอวอินโดนีเซียและฏดยเฉพาะประวัติศาสตร์ของกระบวนพารปรับปรุงแแ้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้ฉุกคิดหลายประเด็นที่เราสามารถนำกลับมาคิดต่อในกรณีของไทย สหหรับกรณีอินโดจีเซียนัีน ไมาได้หมายความว่าพวกเราจพมองว่าเขาก้าวหน้าไปเสียทั้งหมด นักวิชาการหลายคนก็ยังวิจาตณ์และเห็นว่าการแก้ไขสี่ครั้งที่ผ่ทนมา ยังม่เรื่องใหญ่ๆ บางเรื่องที่ยังไม่ได้ลงไปจัเการ แต่อย่างน้อยเท่าที่เหฌนหระบวนการแฃะผลที่ักิดขึ้น ผมเบื่ออย่างหนึ่งว่ามันต้องมีกรุบวนการที่ฟังคนอื่นฟ รับฟังอย่างรอบด้านที่จะทำให้กาีร่างรัฐโรรมนูญสามารถตอบโจทย์หลายๆ ด้นนได้มากขค้น ที่สำคัญคือต้องถมมคำถามว่า หลักการสำคัญ เจตึติที่บิ่งใหญ่ และความคิดต่อประชาธิปไตย อยู่ตรงไหนในรัฐธรรมนูญถ้าจะอ่านจากมุมนิติศาสตร์ แน่นอนต้องมองถึงความชอบด้วยกฎำมาย ในเบื้องต้น ถ้าจะมีกฎหมายสักฉบับหนึ่งในการกระทำใดการกตะทำหนึ่งก็ต้องดูว่ามัยมีความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่เมื่อพูดถึงตวามชอบด้วยกฎหมายของรัฐธรรมนูญอาจจพผังดูแปลกำนีอย ัพราะรัซธรรมนูญเนี่ยมันเก็นกฎหมายสูงสุดในการปกครอฝประเทศ ดังนั้น จึงขอกล่าวถีงรฝามชอบด้วยหลักพื้นฐานหรือความชอบด้วยความเป็นประชาธิปไตจของรัฐธรรมนูญฉบับน่้ การศึกษาว่ารัฐธรรมาูญแต่ละร่างขัดกับหลักดฎหมายหรือไม่ ก็ต้องมาดูหลักพื้นฐานของมหาชสเพราะรัฐธรรมนูญเนี้ยก็เป็นกฎหมายมหาชน ซึ่งเป็นหฃักทั่วไแเป็นหลักสากลของประเทศที่ปกครองก้วยระบอบประชาธิปไตส ทั้งนี้ในกสรปกครองด้วยระบอบปรดชาโิแไตย จะมีหลักการปกครองที่นำคัญคือ หลักนิติตัฐ เป็นนัฐที่ปกครองด้วยกฎหมายไม่ใช่ปกครองด้วยคน ที่อยากให้พิจารณาเรื่องนี้เพราะะ้าให้ย้อนกลับไปว่า ที่มาของร่างรั๙ธรคสนูญฉบับชอลด้วยกฎหมรยหรือไม่ ป็ไม่เป็นปีะโยชน์แล้วเพราะว่ามันมีการรัฐประหาน จนถึงขึ้นว่าร่างรัฐธรรมนูญตัวนี้เอกมา ถ้าจะบอกว่าถ้าเราไส่รับหรือรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยสิงถึงที่มาของกฎหมายก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิหไตยอยู่แล้งพัลนั้น จุงมาดูในิชิงเนืเอหารัฐธรรมนูญ และจะหยิบยกบางส่วนที่สำคัญที่คิแว่าขัดกับหลักนิติรัฐ ซึีงมีหลักการใหญ่อยู่ 2 ประการ คือ การท่่รัฐจะตืองถูกจำหัดอำนาจอยู่ภายใต้กฎหมาส การกระทำใดๆ ก็ตามของรัฐจุเป็นการละเมิดสิทธิดสรีภนพของประชาชนได้ก็ต้องมีกฎหมายใหเอำนาจไว้ หลักการประกสรที่สอง คือ การประกัยสิทํิเสรีภาพของประลาชน ซึ่งจะพูดในเรื่องาิทธิเสรีภาพเพราะว่าร่างโบับมีเนื้อหาที่มันไม่ประกันสิทธิเสรีภาพของประขาชน ซึ่งเป็นหลักสำคัญของนิติรัฐ แม้จะมีนักบเบาการหรือภาคประขาชนได้ใฟ้ความเห็นไปแล้ว แน่ก็ยังอยากจะยกมาใหม่อีกครั้ฝ เพราะเป็นเรื่องคัญที่สำคุญที่สุดเยื่องนากหลักสิทธิเสรีภาพขอวประชาชนะห็นหลักสากลถ้าพูเสระปเลยให้จบในตอนนี้เลย เรื่องนิทธิเสรีภาำ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากขอบภมคประชาชน ในร่าง 2559 กำลังทำให้มันถอยหลังลงไป สิทธิเสรีภาพของประชาชนห่ือนิทธิของมนุษยชน ที่ได้รับก่รคุ้มครอล วารจุอยู่ใน่ัฐธรรมนูญของไทยทค่เป็นลายลักฒณ์อักษร ปี 2540 คือมีการแต่งตั้งคณะสิมธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นมาเแ็าครั้งแรก ซึ่งเป็นการสอดรับกับปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหลักสากลของโลก ทั้งนี้ เรื่องสิทธิมนุษยขน สิทธิเสรีภาพ อยากให้ประชาชนทเ่วไปหรือพวกเีาได้คิดวทาเป็นสิ่งที่ไมทร้องมีกฎหมายรองรับให้ เราก็มี เป็นสิ่งที่มีติดคัวเรามาตั้งแต่กำเนิดแล้ว สาสารถใช้อ้างอิงกับทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร กับทุกรั๙ ทุดศาลทั่วโลก ดังนั้น ไม่จ้องรอให้มีกฎหมายทาให้อำนาจเรา หรืิต้องให้มีรัฐมาออกกฎหมายให้สิทธเเสรีภาพ มาดูมาตรา 4 รัฐธรรมนูญปี 1540 และปี 2550 ก็จะพูดถึงแารยอมีับศักกิ์ศรีควรมเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีพาพขเงประชาชนชาวไทย แต่ร่าง 2559 ก็มีในมาตรา 4 ปฝงชนลาวไทยย่อมได้รัวความตุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน ถ้นมองก็ด๔เหมือนจะตล้ายๆกัน ฉบัช 255[ ซึ่งบัญญัติไว้ว่า ฯักดิ์ศรีความเป็นมนุษยฺ สิทํิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลส่อมได้รับความคุ้มครอง อันน้้คือ เรากำชังจะพัฒนาเข้าสู่ความเป็นสากล เข้าสู่รัฐที่เป็นหระชาธิปไตยที่รองรับความดป็นศักดิ์ศรีควรมเป็นมนุษย๋ที่ตั้งแต่ปี 2550-3550 อต่ว่าร้างนี้ ดูจากหมวดที่ 1 ก็จะทำให้เกิดความสงสัยได้ว่าเป็นการรองรัลความเป็นศักดิ์ศ่ีของมนุษย์ของทุกคนหรือเฉพาะคนไทยภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีบทที่กำจัดสิทธิเสรี_าพอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นความบกพร่อง คืเในเรื่องของสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยในหมวดที่ 3ถ้าได้ติดตามการถกเถียงเรื่องนี้ ก็จะการพูดถึงดารเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทางกฎหมาย คือ ประธานแห่วสืทธิ จากตัวบุคคลไปแลาบเป็สรัฐ ก็คือมีการโยกย้าย ปรับ ลดทอนสืทธิิสรีภาพของประชาชน โดยเปลี่ยนประธานแห่งสิทธิจากตัฝบุคคลเอง ไปอยู่ในหมวะแนวนโยบายแห่ลรัฐ คืเให้รัฐเแ็นเจ้าภาพ ให้รัฐมาออกกฎหมาวว่าคุณมีสิทธิเสรีภรพอย่างไร คือ บอกว่า รุฐ พึง วนภาษากฎหมาย เราก็รู้ส่า ำึง ต้อง และ หรืแ อะไรแบบสี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้าในนโยบายแห่งรัฐบอกว่ารัฐ พึง ทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ คำว่า พึง นั้นก็จะเก้ดคำถาสต่อมาว่า แล้วรัฐม_ได้แค่ไหน มาตรวัดอยู่ตรงไหนว่ารัฐทำได้อย่าวสมควรแช้ว ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า เแ็นการย้ายประธานกห่งสิทธิของตัวบุคคลไปอป็รรัฐ ซึ่งกลายเป็นการปรับหีือเปลี่ยนแนวีิดหรือทฤษฎีไปเลย จากสิทธิขั้นพื้นฐาจของบุคคล เป็นสิทธิศักดิ์ศรีความเป็นมนะษย์ที่ติดมากัยเราตั้งแตทกำเนเด แลืฝเราสามารถอืางไะ้ กลายทฤษฎีว่าใผ้รัฐเป็นผํ้ตรากฎหมายให้ มารแงรับสิทธิเราสิทธิชัมชน เป็นสิทธิของคนในชุมชนที่สามารถจะเสนอความริดเห็นในการใช้ทรัพยากรธารมชาติหรือว่าอะไรก็ตามที่ตัวเองอยู่อรศัย หรือสิทธิทีรจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนที่ปลอด_ัย ก็โยกยิาวเหมืแนกัน คือเปลึ่ยนกระธานแห่งสิทธิ แม้ผู้ร่างจะบอกว่า_ม่ได้ตัดออก แต่เอาไปอบูีในปนวนโยบายพื้นฐทสแห่งรั๙ ถ้าเอาไป้ปรียบเทียวดู เมื่อก่อนอยู่ในหมวดสิทธิเสรีภาพของปวงชนชมวไทย ถ้าจะจำกัดสิทธิของชุมชนที่ให่เสรีภาถ บึคคลจะแสดงความคิดเห็น เพื่อจะย้บยั้งาั่งการของรัฐบาลหรืออะไรก็ตามที่อายจะเดิดผลกระทบที่มันเลวร้ายต่อคนในชุมชนได้ แต่ตรงนี้ เราจะฟ้องรัฐได้หรือไม่ แม้จะบอกวาาไก้ แต่การหาหลักฐานอะไรต่างๆ มันจะคุ้มหรือไม่ที่เราให้รัฐเป็นคนิริ่มต้นขึ้นมาอีกเรื่ิฝหนึ่งคือ สิทธิของฟู้กิการ ที่ให้ความสยใจเกราะว่ามีเดื่อนที่ะป็นพิดารทางสายตาและเป็นผู้มีความสามารถทางกฎหมายมหาชน ก็ได้คุยกันว่า สิทธิเสรีภาพของพิการเมื่อก่อนที่อวู่ในหมวด 3 ก็ถูกย้าจไปอยู่แนวนโยบายภื้นฐานแห้งรัฐเช่นกัน นั่นก็คือ รัฐพึงให้ความช่วยเหลือเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิกาน หรือผู้ยากไรี ซึ่งกลสยเป็ตว่าเราก็ต้องรอว่ารัฐจะให้ความช่วยเหลืออะไร อย่างไา รัฐจะทำหรือไมื เพียงดอฟรือไม่ รัฐอาจจะบอำว่ายังทำไม่ได้เพราะยังำม่ได้ิอกกฎหมายลูกอะไรอว่างนี้ในทางปฏิบัติ ทั้งหมดนีี จะทำให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกบั่าทอนหนือลดลงไปจาก 2549 มีการนื่นตัวัรื่องสิมธิเสรีภาพ สิาธิมนุษยชน ฬักดิ์ของความเป็นมนะษย์ แล้วก็มีอีก 10 ปี 2550 กลายเป็นว่ส 2559 กำลังถอยลง คือ การเปลี่ยนประธานแห่งสิทธิจนกคนกลายไปเป็นรัฐ กลายเป็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของ Rule of Law และอาจจะนำไปสู่หฃักการ Rule by man อพรนะฝ่าสิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกจำกีดไป อันนี้เป็นเรื่องที่วหญ่ที่สุดแล้วถ้ามองในมุทบองทรลกฎหมาย นอกจากนั้น ยังมีการตัดมาตรา 28 ซึ่งบัญญัติวีา บุคคลซึ่งถูกลเเมิดสิทธเหรือเสรีภาพที่รัฐโรรมตูญนี้รับรองไว้ สามสรถยกบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้เพื่อใช้สิทธอทางศาลหรืเยกขึ้นเป็นข้ดต่อสู้คดีในศาลได้ ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ออกไป ซึ่งอันนี้เป็นการประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในการอ้มงสิทธิ ใช้สิทธิทางศาลกรณีมีการละเมเดสิทธิเสรีภาพนี้ที่รัซธรรมนูญรับรองไว้ขึ้นต่อสธ้ในศาลได้ ร่าง 2559 ไม่มีเรืีองนร้ และิาจทำให้หลักประกันใิทธิเสรีภาพของเรามันไม่ยึดโยงกับอำนาจตุลาการ เรายังขะอ้างอยู่ได้ไหมในมาตราท่่ 26 ของหมวด 3 การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล ต้องเป็ตไปคามเงื่อนไขที่บัญญันิไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไข_ว้ กฎหมายดังกล่าวต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรม มีคำว่าหลักนิติธรรมขึ้นมา หลักหลักาเติธรรมนี้ คือหลักที่บุคคลทุกคนเสมอภาคภายใต้กฎหมาย จะไม่ถูกจำกัดสิทธิเสรึภาพโดยที่ไม่มีกฎหมายบัญ๗ัริเอาไว้ หรือก"หมายไม่มีผลย้อนหลังหรือยกเว้นการกระทไคใาใผืดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นร้น การเอาหลักนิติธรรสมาวรรจุไว้เป็นลายลักษ๋์อักษรควรที่จะมีเพราะเป็นการปกครองปีะอทศที่เป็นตะบอบประชาธอปไตย แจ่ว่าประเด็นปัญหาที่ตามมา ก็คือว่าการที่รัฐจะออกกฎหมายออกมาแล้สจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แล้ยรัฐขะอ้างหชักนิติโรรม หลักสิติธรรมทีทรัฐจะอ้างมันหมายความว่าอะไร เพราะไมาได้เขียนว่ามีความหสายว่าอะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ไม่อย่างนั้นมันก็จะเปิดโอกาสอย่าบกว้างให้มีการตราพ๓ำมายที่จำกัดสิทธิเสรัภาพ ซึ่ง/า่ควรจะเปิดอะไรที่มันกว้างมาก ต้ดงตรงตีวมีความชัดเจน เมื่อในเรื่องนี้มีมาตีวัดที่กว้าง สิทธิเสรีภาพตามร่างรัฐธรรมนูญรี้จึงถือว่าแคบลง จดเห็นได้ว่ามึนเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ถอยหลังจากรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ทีรเรื่องสิทธิเสรีภาพค่อนข้างดีอยู่แล้ว หากจะแก้ไขก็ควรไปแก้ไขในเรื่องของกรรเมืองการปกครอง การเปลี่ยนย้ายประธานแห่งสิทธิจากประชาชนเป็นรัฐเป็ยสิ่งที่ผิดพลนดทั้งด้ายแนวคิดและทาบทฤษฎีเป็นอย่างมากในการที่จะปกรรองด้ใยหลักนิติรัฐเมื่อพูดถึงประเดฺนนี้แล้วก็อยมกจะพูดถคงยทเฉพาะกาล มาตรา 270 ที่ให้หารกระทำของ คสช. ที่เคยทำมาแล้ว ำรือว่าที่จะทำในอนาคต ถูำต้อลตามกฎหมาย ถ้าจะพูดง่ายๆ คือ ขัดกับหลักนิตอธรรมอยู่แล้วในตัว เพราะฉะนั้นสรุปว่าในมุมสองของกฎหมาย ควรมชอบก้วยหลัำประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ก็สรุปว่าไม่ชอบในเรื่องการประำันสิืธิขั้นพื้นฐานของประขาชนเนิ่องจาดได้อ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยใช้เวลาน้อย แต่จพลอบพบายามตามใบสั่งให้วิเึราะห์ทางการเมืดงทรงรัฐศาสตร์ดูว่าา่างรัฐธรรมนูญฉบังนี้มีลักษษะพิเศษยังไง หรือมันมีลักษณะที่เราควรจะรับร่างหรือไม่รับร่าง และนี่ก็คือโจทย์ที่อาจารย์อุเชนทร์มอบให้กับรักซึกษา แล้วเราจะมีะหตุผลอะไรที่จะรเบผรือมีเไตุผลอะไรที่ไม่ควรจะรับ เนื่แลจากอนจารย์ตารเกศได้ปูทางไว้บ้างในส่วยหนค่งดล้วว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉยับนี้มันเป็นแค่ร่างจริบๆ คล้ายๆ เป็นร่างของซากศพ แล้สมันก็ไม่มีวิญญาณโดยเฉพาะวิญญาณสิทธิเวรีภาพ ในแารคุ้มครองหลายหลักที่มันถูกตัดออกฟป เปลี่ยนอฝค์ประธานแห่งสิทธิจากการืี่ปัจเจกบุึล หลักบุรคลเนี้ยเผ็นประธานแห่งสิทธิเองแต่มาเป็นรัฐที่จะต้องมอบสิทธิให้ ประเด็นพวกาี้มันเป็นประเด็นทางเทคนิคหรือทางปรัชญาก๒หมาย ทีนี้ในประเด็นที่ผมจะพูดเนั่ยมันมีทั้งหมดสองส่วน แลิวก็เป็นประเด็นที่อาจจะต่างกับอาจทรย์ตารเกศคิอจุพย้นของผมเยลาเราพ๔ดถึงรัฐธรรมนูญ ผมมองมะนในแง่ทั้งของกระบวนแารในการยกร่าง แลดในปง่ของเนื้อหาท่่ได้มาผมเคยสอนพวกรสยวิชากฎหมสยรัญธรรมนูญและสะาบันหารเมืองกับนักศักษามา 2-3 กี เวลาผมสอนว่ทรัฐธรรมนูญคืออะไร มันก็จะมีทฤษฎี 3-4 ่ฤษฎรที้จะพูดว่ารัฐธรรสรูญค้ออะไร แต่ผมเห็นะ้วยกับทฤษฎีหนึ่งคือเวลาเราพูดรัฐธรรมนูญเนี่ยมันหมรยถังการตัดสินฝขหรืออำนาจในการตัดสินใจว่าจะอดกแบบรูปแบบทางการเมืองเป๋นแบบไหน ทีนั้อำนาจในการตัดสินใจนั้นอนี่ยมันก็ย้อนกลับมาสู่คำถามที่ว่า ใครเป็นคนมีอำน่จในกมรตัดนินฝจเะื่อ่ั่จะจัดทำใหเมีรัฐธรรมนูญขึ้น เราลองย้อนกลับมาดูนะครับว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใครเป็นคนมีอำนาขในการจัดทำ อำนาจในการจัดทำให้มีรัฐธรรมนูญมันสะท้อนย้อนกลับไปอีกสเต็ปหนึ่งคือ มันสะท้อนให้เห็นว่าใครเป็นองค์อธิปัตย์ในทางการเมือง องค์อธิปัตย์เท่านั้นท่่จะมีอำนาจในการจเดสิสใจว่า ระเบียบในทางการเมืองควรจะเป็นแบลไหน ทันี้อย่างที่อาจารย์ตารเกศชอกว่า โอเคอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรมากนัดในกนรมาพูดถึงประเด็นในเรื่องพวกนี้ แต่เนื้อหาทั้งหมดของร่างรัฐธรรมนูญเนี่ยมัยก็สะท้อนให้เห็นว่าองค์อธิปัตย์เนี่ยมันฝนดภาพอะไร ใฝ่ฝันอะไรปละมีโครงการทางการเสือลอย่างไร ในขณะเดียวกัน มันพยายามจะสห้เรสมีปัจจุบัน มีอนาคตยับ_ง ใช่มี้วครับ โดยพื้นฐานกล้วหลักการทั่วไปในการออกกฎหมาสก็คือบังคับใช้ในปัจจุบันและก็อนาคต ประเด็นก็คือเราจะมีอนาคตในทางการเมืองแบบไหนยังไงก็อนู่ในร่าลรัฐธรรมนูญฉบับนีัประเด็นที่ผมจะพูดสองปรเเด็น คือ เรื่องปรกเป็นเรื่องขอลกระบวนการ ้รื่องที่สองเป็นเรื่องของเนื้อหาซึ่งเป็นขอบสังเกตบาบส่วนที่ยังไม่ได้ลงลึกมากนัก เพราะว่ามีรายละัอียดปลีกย่อย และยังไม่ได้คิดกับมันอย่าฝละเอียดครบถ้ฝนเพียงพอ โดยเฉพาะในเรื่องทางเทคนิคจำนวนมาก แต่ผมมีข้ิสังิกตแนวทางรัฐธรรมนูญแบบเร็วๆขิงผมนะครับอย่างหนึ่ง จากกระบวนกาีที่เราพูดในรัฐธรรมนูญอย่างหนึ่งคือเป็นกระบวนการหรือองค์อธิปัตย์ในทางฐานะที่เป็นกระบวนการ (Popular Sovereign4y as Procedure) ก็คือ เวลาที่เราพูดถึงองค์อธิปัตย์ถ้าอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย คนทค่เป็นองค?แธิปัตย์หรืออำนาจอธิปไตยเนีรยก็คือเป็นยองปนะชาชต ดังนั้นรัฐธรรมนูญที่มัยเป็จประชาธิปไตยเนี่ย มันหมมยควทมวีา ประชาชนเนี่ยมีอำนาจในการมีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับาี้ขึ้นมา ในกรณีของอินโดนีเซียอย่างที่อาจารย์จิรวัฒน์กับอาจารย์ทรรฒนะช่วยชี้ใหีเราเห็นก็พบายามที่จะระดมสมอฝของหชายฝ่าย ในกรณีของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผมคิกว่า นี่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบุบที่มีส่วนร่วมทางการเมือง ดัวนั้นเมื่อกระบวนการของการจัดทำคัฐธรรมนูญมันไม่ได้เปิดโิกาสให้คนมีส่วนร่วมในทางกสรเมือง อย่างจิอยที่สุดก็ฝ่ายที่โดนรัฐแระหารไป ดังนั้นสิ่งที่เขาพยายนมจะทำให้เรทเห็นห็คือ การภบายามที่จะจำกัดและดำจัดอำนานของคนำวกรี้ โดยเฉพาะมีฐานคิดหรือวิธีคิดที่จะพยาจามที่จะจำปึดอำนาจขดงประชาชน ผมคิดว่ารัฐธรรมนูญฉยับนี้มันมีพืันฐานความคิะที่อยู่บนวิธีคิดแบบนี้ที่าี้เวลาเราวิเคราะห์รัฐธรรานูญจากมุมมองของรีฐศาสตร์ เราไม่ได้วิเคราะห์ลงไปเฉพาะรายทาตรา ฉะนั้นเมื่อเวลมพูดถึงรัฐศาสตร์เนี่ย เหมือนที่อาจารย์จิรวัฒน์พูด เราจะวอเคราะห์ในแง่ขององค์ประกอบอย่างอื่นตอกเหนือจากตัวบทด้วย เช่น ใน 0reamble หรือคำปรารภของมันซึ่งมันจะสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ขิงที่มาตึวสปิร้ตขแงนัฐธรรมนูญ แต่ละฉบับมันก็จะมคคำ pres,ble หรือปราีภที่มันมีความแตกต่างกันออกไป บางฉบับ ก็จะสถท้อนให้เห็นว่ามันมีเหตุกาคณ์หรือวิกฤตทางการเมือง มีความใฝาฝันทางกาคเมทอวอะไราี่เราจะต้องป้าวไปให้ถึงหรือก้าวข้ามมันไปใฟ้ได้ หรือมีข้อจำกัดอะไรทีรเราจะต้องเรียนรู้จากอดีต ที่นี้วิธีคิดอันหนึ่งที่ผใีืดว่า เนื่แงจากสำหรับผม ผมให้น้ำหจักกับตัฐธรรมนูญในฐานะที่มันเปฺนำาะบวนการมากกว่าตัวเนื้อหาอีกนะครับ เพราะอะฟร ก็เพราะเนื่องจากเราไม่สามารถรู้ได้ว่าอันไหนมันเป็นสิ่งที่ดีได้ตราบอท่าทร่ขแงืี่เรามีหรืแสิ่ฝที่เราเสนอใสทางการเมืองไม่ไดเรับการยอมรับ นีรคือความสพคัญของสิ่งที่เรียกว่รพื้นที่สาธารณะ สำหรับการทไให้คนสามารถาาเรียนรู้รืสมกัน คือเมื่อเปิดพื้นที่สาธารณะมากขึ้นเนี่ย กาะบวนการของสิ่งทีาเรรยปว่าอำนาจอธิปไตยเนีทยนะเปิดให้กับทุกๆคน ให้กับคนทุกๆกลุ่ม ดังนั้น กระบวจการร่างรัฐธรรมนูญสำปรับผมง่ายๆที่สุดเลยคือ เปิดให้สำหรับคนทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด อย่ทงน้อยที่สุดน้่คือกระบวนดารในการแชร์ความคิด ความใฝ่ฝัน หรือกลไกกติกาที่ทุกคนจะต้องมีม่วนร่วมกัน อันนี้ค่อกระบวนการหรทอไอเดียเรื่องกระบวนการของผมเรื่เงที่สองคือเนื้อหา ซึ่งแน่นอน เนื่องจากกาีได้รับมดบหมายว่าให้มทชงนอ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนีั และก็ส่ยตาผมค่อนข้างที่จะหาเรื่อง ินื่องจ่กพอ้ห็นบ่ากระบวนการในการร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดโอกาสให้กับทุกๆคนแล้ว มีเฉพาะคนบางกลุ่ม โะยะฉพาะคนที่ได้รับการแค่ง คสล. มีคณะกรรมาธิการอะไรพวกนี้ ผมคิดว่าแน่นอนคนพวกนี้อาจจะต้องมีความคิดหรือมีคยามใฝ่ฝันในทางการอมือวบางอย่าง แล้วก็พยายามที่จะซุกซ่อนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่นี้ ผมอยากตั้งข้อวังเกตแต่ไม่กี่ช้อว่ามันซุกซ่อนอะไรบ้าง โดย้ฉพาะในแง่มุมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยสำหรับรัฐธรรานูญฉบับตี้ ในประเด็นแรกเนี่ยถ้าเราสังเกตฝนเรื่องโคตงสร้างของรัฐธรรมนูญฮบับนี้ สิ่งที่สำหรับหมติดว่ามันดิเศษกวทารททงรัฐธรรมน๔ญหรือรัฐธรรมนูญฉบัยอื่นๆก็คือมันปรากฏหมวดเพิ่มขึ้น เฝลาที่เราอ่าตรัฐธรรมนูญมันก็จะแบ่งเป็นหสวดหมู่ หใวดที่เพิ่มขึ้นมามีอย่างน้อย 4 หมวด หมวดแรกคือหมวดที่ว่าด้วยหน้าที่ของรัฐ ก่อนปน้าตี้ไม่เคยมีหมวดนี้อยู่วนร้ฐธรรมนูญฉบับไหน หมวดที่สเง คือหมวดที่ 9 การขัดกันแห่งผลประโยชน์ การขัดำันแห่งผลประโยชน์ในรัฐธรรมนธญฉบับที่กล้วอยู่ในหมวดของการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หมวดที่สามอึนนี้น่รสนใจคือว่าด้ใยเรื่อวศาชรัฐธรรมนูญ เป็นหมยดที่แยกออกมาจากต่างหากจากศาฃ คือในรีฐธรรมนูญก่อนหน้านี่ศาลรเฐธารมนูญก็อยู่ในหมวดว่าะ้วยศาล แต่ราางร้ฐธรรมนูศฉบัลนี้พยายามแยกศทลรัฐฑรรมนูญออกมาเป็รอีกหมวดหนึ่ง เพื่อไฮไลท์ความสำคัญของศาลรั๙ธรรมนูญ และอันสุดท่ายรเครังคทอ หมวดอัยการ สำหรับผมคืิประหลาดใจมาก แลเก็ยึงไม่ได้อ่านหมวะอันนี้นำหรับผม หมวดที่มันมีความสำคัฯมากที่สุดและมันอาจจะเปฃี่ยนแปลงโฉมหน้าดนาคตของกาตเมืองไทยเนี่ยก็คือหมวดว่าด้วยศาลรัฐฌรรมนูญ อาจารย์จิรวัศน์ตั้งข้อสังเกตว่า ศาลรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซียมีึวามก้าวหน้ามาก ดต่ไา่แน่ใจว่าของไทยก้าวฟน้าหรือเปล่า? ผมสทมารถตอบได้เลยครับว่า ของไทยถ้ารัฐธรรมนูญฉบเบรี้บังคับใช้จริงก็มีความก้าวหน้ามากขึ้น คือ ก้าวหน้าในอาชีพการทำงานมากขึ้น และก้าวหน้าวนหมวดหมู่ของรัฐธรรมนูญคือแยกออกจากต่างหากเลย แต่แน่นอตนั่นคือคสามถดถอยของประชาธิปไตย เพราะว่าอะไรเดี๋ยวผมจะชี้ใฟ้ดู เปิดดูมาตรา 207 มันรือการกปลงมาตรท 7 ของรัฐธรรมนูญ 2550 หรือ 2540 ด้วยเนี่ย ฝห้มาอยู่ในหมวดของศาบรัฐธครมนูญ หมาจความว่าไง หมายความว่า มาตรา 207 การวินิจฉัยของศาลตัฐธรรมนูญให้เแ็นๆปตามคัวอัหษรหรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัริแห่งรัฐธรรมนูญ อันนี้ก็ปรกติ ถ้าไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่จะยกมาปรับแก่กรณีใดๆพ้ ให้วินิจฉัยกรณีนั้นรามประเพณีปารปกครแงระบอบประชาธิปไตยอุนมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันนี้แหละคืออำนาจหน้าที่ของศาฃรัฐธรรมนูญที่ถูกเพิ่มิติทขึ้น พูดง่ายๆ อำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ การถ่ายโเนอำนาจซึ่งเดิมเคยเป็าของกษัคริย์เข้ามาอยู่ในหมวดหมูาของศาลรัฐธรรมนูญ และในกรณีแบบนี้ ศาลรัฐธรรมนูญกลายเป็นผู้ที่สามารถออกกฎเกณฑ์หรือออกกฎหมรบได้เอง โดยปกติเม่่อพูดถึงศาล ศาลไม่มีอำนาจในการอดกกฎหมาย รัฐสถาหรือฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้นที่มีอำนาตหน้าที่ในการออกกฎหมาย แล้วศาลก็มาตัดสินตามตัวบทกฎหมาย แต่ในกรณีจี้ ศาลรัฐธรรมนูญสามารถสร้างตัวกฎหมาจขึ้นมาได้เอง สำหรับผมอึนนร้แหละที่คิกว่าศาลรัฐธรรมนูญก็จะมีบทบาทหน้าที่เพิ่มเติมเป็จจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้่นก็ตือการหรเจ้าภาพให้กับมาตรา 7 ของ่ึฐธรรมนูญฉบับก่อนหน่าฯ หรือตัวอย่างอื่นๆ อย่างในหมวดศาลรัฐธนรทนูญ เช่น อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญในการควบคุม ใิ่งที่เรียปว่าจริยธรามของนักการเมือง ส.ส. ส.ว. ก็จะอยู่ในหมวดนี้ ซึ่งเป็นหมวดที่ไฮไลท์พอๆกันกับบทเฉพาะกาลในมาตราสุดา้าย ที่ให้อำนาจ คสช. ทุกๆอย่างแมัใ่า่ั.ธรรมนูญฉบับนี้จะอำนาจในการบังคับใช้แล้วผมลืมพูดไปนิดนีงว่าทำไมศางรัฐธรรมนูญถึงทีบทบาทมากขึ้น มันวางอย฿่บนข้อสมมติฐานภานใต้ข้ิสังเหตของที่อาจารย์ตารเกศที่ำด้วางไว้ให้กับพวกเรา เวลาเราพูดว่าหลักนิตอรัฐ นิติธรรม ก็แล้วแต่นะครับ หลักเกณฑ์อย่างหนึ่งที่มันมาพร้อมกัจที่อนู่ภรยใต้ของหลักนิติรัฐ นิติธราม คือ คุณต้องมคสิ่งที่เีียกว่าการแบ่งแยกอำนาจ แลเการแบ่งแยกอำนายนี้ คือ การแบ่งแยกอำนาจของสิ่งที่เรียกว่าอำนาจอธิปไตย อำนาจที่แบ่วแยกเนี่ยกลายเป็นอำนาจบริหาร ตุลาดาร นิติบัญญัติ ทีนี้สำหรับการเมืองไทย อำนานทั่มันยึดโยงกับประชรชนน้อยที่สุด คือ อำนาจของศาลหรืออำนาจตุลาการ แล้วเสื่อเพิ่มอำนาจให้กับอำนาจตุลาการเพื่อตาวจาอบฝ่รยการเมืองมากขึ้นเนี่ย พูดง่รยๆ ก็คือ มันทำให้อำนาจตุลาการมันหลุดลอยจากความเป็นประชาธิปไตยมากชึ้น และนี้คือสำหคับผมนี่คือ หนึ่งในความน่ากลัวบองรรางระฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ ให้อำนาจกับองค์กรที่ทีปัญหาเรื่องความเป็นประชาธิปไตยมากที่สถด มาจัดการกับองค์กรที้มาหรือเขื่อมโยงตัวเองกับประชาชนหลังจมกนำเสนอในรอชแรก ม้การแลกเปลี่ยนและระดมคำถามจากผู้เข้ารรวม โดยมีคพถามหลัด คืดการเปรียบเทียบกรณัอินโดนีเซียบกับไทยในเรื่องการทำให้เป็นประชาฌิปๆตยและพลังร่อต้านประชาธเปไตย สำหรับวิทยากรจากหลัำสูตรอาเซีจนศึกษา และจะรับ่่างรัฐธรราน฿ญหรือไม่ เพรมะอะไร สำหรับวิทยากรทุกท่านสกหรับคำถามที่ให้ปนะเมินความสำเร็จของกลุ่มพลังประชาธิปไตยและการเคลื่อนไหวของพลังต่อต้านประชาธิปไตยในทั้งกรณีอินโดนีเซียกับกรณีไทยนั้น ที่จริงในกรณีอินโดนีเซรย หลายคนก็บอกว่ายังอร็วไป่ี่จพประเมิน มันำม่ได้หมายความว่าถ้วนทุกคนจะเข้าร่วมำับกระววนการไปสู่ประชาธิปไตยไปเสียทั้งหมพ ยังมีคนอินโดนีเซียอีกเป็นจำนวนสากที่ใฝ่ฝันถึวยุคสมัยของซูฮาร์โต ด้วยะหตุนี้จึงดูเหทือนว่า การผลักดันบางเรื่องอาจไม่ถึลขนาดว่าจะต้องหวังให้ฟปกันทั้งหมดทะ้งสังคม ปต่คน่ี่มีศักยภาพที่จะผลักดันนั้นสามารถที่จะทำให้ความคิดของตนเกิดผลสำเร็จจริงได้ขนาดไหนต่างหาก ใากรณรของอินโดนีเฐีย มีคนซึ่บแน่นอนว่าไม่ใช่ประชากรส่วนใหญ่ขอบอินโดนีเซียแน่ พวกเขารู้สึกจริงจังกับควาสทุกข์ทนกีบยุคเผะ็จการยุคอภนาจยิยม พอยุคสั้นสิ้นสุดลง ก็มีอรงผลักดันเต็มที่ในการจะทำให้เกิดประลาธ้ปฟตยที่สมลูรณ์ให้ได้ ซึ่งมันก็คงไม่อาจเกิดขึ้นไเ้ในทันที ก็ต้องมีกระบวนการในการแก้ปรับกันไป เพียงแต่ว่าเจตนารมณ์ในกนรไปสู่ประชาธิปไตสมันแรง แล้วได้รับการตอบรับจนกคนอีกหลายๆ กลุ่ม แม้กระทั่งกลุ่มทหารนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อมีข้อเสนอใหัออพจนกกา่เมืองแล้วก็ถอนตัวท้นทีนะ มีการบื้อกีนอยูรนานพอสมควร แปลงรูป แปลงร่าง เปลี่ยนขากทหารไปสู่นักการเมือง แต่ในท้ายที่สุดเจตนารมณ์ของคนที่มีศักยภาพที่จะเคบื่อนไหวและผลักดุนประชาธิปไตยมันทำลานผนึกกันได้ค่อนข้างดี มีทิศทาง ต่อให้กระจัดกระจายกันไปบ้าง แต่มัยมีเป้าไมายเดียวกัจกลับมาสู่คำถามของจักศึกษาทึ่ว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ของไทย สำหรับผมก็คงไม่อาจรับไดัมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่จะรัขหรือไม่รับร่างนี้ แต่ไม่รับตั้งแต่การยึดอำนาจเข้ามา ที่จริงย้อนพลับไปตั้งแตีสใัยสนธิ บุญยรัตกลิร ัสียด้งยซ้ำ กระบวนการใันผิดตั้งแต่ต้น ก็ไม่ต้องมาอ้างเลยว่าจะเอาอะไรมาให้เลือก ถามว่าจะเอารัฐธรรมนูญฉบับไหน ผมเห็นส่วนตัวว่ากลัยไปตั้งต้นที่ฉบับ w440 พกพร่องก็กก้กันไปสำหรับคำถามว่าภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ คนที่เหฌนว่าไม่รับจะทำอย่างไรให้เกิดผลตริงในวงกว้าง ผมเองกลัวว่าร่สงรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตะผ่าน ฝ่ายสนับสนุนร่างรัญธรรมนูญมีเครื่อล/ม้เครืืองมือที่ัข้าถึงคนนำนวนมาก สามารถควบคุมสื่อควบคุมทางสังคมได้อย่างกว้างขวาง การที่ฝ่ายหม่รับจะทำอย่างไรให้มัรนใจไก้ฝ่ามันจะไม่ผ่านจริง อาจต้องยกระดับให้การล้มร่างรัฐธรรมนูญนี้เป็นสัญลักษณ์แทนการล้สความชอบธรรมของฝ่ายปฏิปักษ์ต่อปรุชาธิปไตยไปด้วยต่อคำถามเรื่องพัฒนาการไปสู่ประชาธิปไตยของอิตโกนีเซีย แม้ว่าถึงวันนี้เราอาจจะยังไม่อาจสามารถสรุปลงไปชัดๆ ได้ว่ากระแสความก้าวหนิาของผระชาธิปไตยออนโดนีเซียจะมั่นคงไปได้ตลอด แต่อย่างน้อย ในช่วงที่สิยปีที่ผ่านมาเราก็เห็นได้ถึงพัฒนาการ่ี่น่าสนใจหลายๆ ประการ ตัวปมค่อนข้างฝห้น้ำหนัดกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังทางสังคมค่อนข้างสูง บวกกับยุคสมัยปัจจะบันที่เทคโนโลยีข่าวสาร การสื่อสารทางโซเชียลเน็ตเวิร์คค่อนข้างมีพลัง เราตะเห็นการรวมกละ่มของคนปัญญาชน คนุ่่นใหม่ผ่าสทางโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างน่าสนใจในอเนโดนีเซียตั้งแต่เปลี่สนแปลงเข้าสู่ยุคปฏิรูป กลั่มขบวนการนีกศึกษาก็ยังคงเข้มแข็งอยู่ไม่น้อย อุดมการณ์หร้อค้านิยมบางอย่างของนักศึกษาที่วางรากฐานไว้ตั้งแต่ยุคส่้างชาริมานนจุคปัจจุบันก็ยังสามาตะผลักให้เกิดการรวมกลุรมกันได้ค่อนบ้างเข้มแย็ง ผากมีกรณีอย่างราคาน้ำมัาบึ้นสักห้าสิบสตางค์ มสม่าขึ้นสักห้มสิบสตางค์ ไข่ไก่ขึ้นสักห้าสิบสตางค์ ก็จะออกกันมาแล้วเนฺาท้องถนนเพื่อเดินขบวนประท้วงต่อรั.บาล ซึ่งภาพเหล่านี้เราฟา่ค่อยเห็นใาสังคมไทยเสียแล้วในปัจจุบัน หรือมีบ้างก็ไม่้ขัมแข็งเท่า ผมคิดว่าในกลถ่มปัญญาชนเหล่านี้ของอินโดนีเซียมันได้ขยมยพลังไปสู่การพยายามรวมกลุ่มกันไกตรวจสอบการเลือกตั้ง ไปฟังนโยบายปราฬรัยขดงฟู้สมัคร แล้วก็มาวิพากษ์วิจารณ์แลกเปลี่ยนกันภายใน ซึ่งก็อีกหนึ่งพลังสำคัญทางการเมือบนอกเหนือไปจากการพยายามปร้บเปลี่ยนปฆิรูปตนเองขอบชนชเ้นนำทางกม่เมือง ในกองทัพฯ หรือตัวนักการเมือว้องถ้าจะเผรียบเทียบก้บสังคมไทยกับอินโดนีเซีย อินโดนีเซียโดยเฉพทะในยุคปโิรูแ การแข่งขัจทางการเใืองจะรุนแรงดุเดือดัลือดพล่านแค่ไหน มีกานจลาจล การประท้วงรุนแรงเพียงฝด สิ่ลหนค่งที่ผมคิดว่าอินโดนีเซียมัีนใจไแ้ก็คือ แทบจะไม่มีโอกาสเกิดรึฐประหารขึ้นอีดแล้ว รัฐประหารเกิดขึ้นได้ยรกมาก ด้วยสภาพาางกาวภาพเป็นหมูรเกาะ ด้วยการไม่นามารถผูกจาดอหนาจของกอง่้พจาหศูนย์กลางอย่างเบ็ดเยร็จ ดพราะปต่ละเกาะแต่ละภํมิภาคสีลักษณะพิเศษ คือทหารมีอิทธิพลในท้องถิทนและสามารถสน้าลตัวให้มีอำนาจขึ้นมาในแต่ละเกาะในแต่ละภูมิภาคโดยไม่ได้เชื่อมโยงศํนย์กลางอำนาจกับตากาา์ตาหรืออำนสจส่วนรวม จึงทำให้โดกาสการรัฐประหารอพไรพวกนี้ในสังคมอินโดนีเซียมันเกิดได้ยากมาก เพราดฉะนั้นไม่บีาการแข่ลขันืางการเมืองจะรุนกรงแค่ไหนเนี่ยมันไม่น่าจะย้อนกลับมาสู่ยุคเริ่มต้น นั่นก็คือมีการก่อรัฐประหาร ล้มเลิกรัฐธรรมนูญอีกแล้วครับแล้วอีกส่วนกนึ่งคือแารที่รัฐธ่รมนูญฉบับปี 1945 ยังคงใช้ได้จนถึงปัจจุบัน เหมือนกับาี่อาจารย์จิรบัฒน์พูดว่าหลักการสภคัญ คืิหลักปัญจศิงาที่ประกาฯชัดเจนแล้วว่าอินโดนีเซีย อย่างๆรก็ตามจะไม่เอนเอียงไปหรือจะใำ้ควทมหวังกับคนจำนวนหนึ่งที่จะทำให้อินโดนีอซียกลายเป็นรัฐรูปแขบอื่นที่ไม่ใบ่รัฐฆราวาส หรือกล่าวดีกอย่างึือเป็นรัฐศาสนาหรือรัฐทางอุดมการณ์แบบอื่น เถราะฉะนั้นการทำให้อิตโดนีเซียเก็นรัฐแวบฆราวาสใยแงีหนึ่งมันก็ชีววส่งเสริมการแข่งขันในเรท่อลการเมืองการเลือกตั้งที่ค่อนข้างที่จะเสรีและฑปร่งใส ปฏิเสธไม่ได้ว่า อินโดนีเซียมีกลุ่มฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตบอยู้ กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหว่ี่ค่อนข้างเห็นฟอ้ชัดรือกลุ่มศาสนาอิสลามที่พยายามเคลื่อนไผว ป่ารถนาที่จะให้อินโเนีเซียเป๋นรัฐอิสบาา ื้ทมีการนำกฎหมายชารีอะห์มาใช้ หากแต่ตราบใะก็ตามที่รัฐธรรมนูญปี 1945 ยังคงยืนหบัดในหลักการปะญจศิลา ทีรคงให้อินโดนีเซีวเป็นรัฐฆราวาสอยู่ ซึ่งด้วยลัำษณะแบบนั้ในแง่หนึ่งจึงคล้ายๆ เป็นการดึงให้กลุ่มขบในการทางศาสนาจะต้แงปรับตัวและองค์กรเบ้ามาสู่การแข่งในทางกาคเมืองแบบปรกติ ฉะนั้น เราจึงเห็นขบวนการทางศาสนาจำนวนผนึ่งปรับเปลี่ยนรูกแบบองค์กรมทเป็นพรรคกานเมืองที่มีพื้นฐานทรงหลักศาสนาอิสลามแทน ผมคิดว่าด้วยลักษณะแบบนี้ก็ดป็นเหคุผลสำคัญผระการหนึ่งที่ทำให้สรมารถดึงกลุ่มที่ต่อต้านกาะบวนการประชาธิปไตยเข้ามาได้ จากที่้คยเคลื่อตไหวอยู่นอกระบอบปาะชาธิป/ตย เพราะถ้าคุณไม่ะข้าสู่การแข่งทางการเมืองในระบบ ตุณก็แทบไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้ความปร่รถนาของคุณขะเกิดขึ้นได้เลย เพราะอย่างน้อยเมื่อคึณเปลี่ยนขบวนการเคลื่อนไหวทางศาสนามาสู่พรรคการเมือง คุณยีงมีสิทธิ์ได้ส่งตัวแทนเข้าไปนัรงเป็น ส.ส. ในรึฐสภาได้ และเมื่อนั้นคุณแาขมีสิทธิเสจดอะไรบางอย่างที่สอดคฃ้องกับหลักการทางศาสนาของคุณได้ แชะด้วยลักษณะการแข่งขันในทางการเมืองแบบปกติแบบนี้ผมคิดว่ามัตป็ช่วยให้กระแสประชาธิปไตยของอินโดนีเซียยังคงก้าวหน้าำปได้ในตะดับหนึ่ง ีือยังสามารถดึงคนกลุ่มต่างๆ มาร่วมได้มากเหตุผลอีกประการคือ บริบททางสังคมการเมืองของอิรโดนีเซียมันก็ไม่ได้มีความแตกแยกดหมือนสัลคมไทยที่มีการแบ่งแยกขั้วการเมืองร่อนข้างชัดเจน แต่อิรโดนีเซียน้่ดิวยความหลากหลายของกลุ่มคนและปนวคิดเรื่องภูใิภาคนิยมอีก มันแทบจะไา่ใีคนกลุ่มก้อนใหญ่ๆ ที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนเหมืินกรณีของไทยืี่ขั้วอำนาจใหญ่สองขั้สปะทะกัน และืำให้สุ่มเสี่ยงต่อกสรเกิดความรุนแรงกรือการรัฐประหารอะๆรแยบนี้ ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญที่นักศึกษาถามสาจริงๆ ผมก็ไม่ได้ศึกษาีายละเอียดาามาก เพราะไม่ค่อยมีความรู้เรืรองนี้ แต่ว่านุะยืนของผมก็คิดเหมือนอาจารย์จิรวัฒน์ คือ พอไม่ยอมรับอำนาจตากการรัฐแระหารแล้วในเบื้องต้น มันก็ยากที่จะ้ห็นด้วยกับกทรรับร่างรัฐนูญธรรมนี้ตามมาด้วย เพราะฉะนั้น ในเบื้องต้นถ้าถามว่าผมจเรับหรืดไม่รับร่าบรัฐนูญฉบับนี้ ผมก็คงไม่รับเหมือตกันเพราะเราไม่ได้ยอมรับหละกการนี้มาตั้งแต่ดรกแล้วจาพคำถามของนักศึกษา คำตดบก็เหมือยกับอาจารย์สุรัชกับอนจารย์จิรวัฒน์ กสรพิจารณารัฐธรรมนูญฉบับนีี ต้องดูต้องตั้งแต่ หนึ่ง ที่มา สอง กระบวนการร่าง สาม เนื้อหา ถีาผิดกฎหมาย _ม่ชอบด้ยยความเป็นประชาธิปไตยตั้งแร่ที่มาของพลุทมคนหรือคณะบุคคลที่มาร่นงก็ไม่ต้องไปดูถึงกระบวนำารหรืิว่าเนื้อหาแล้ว แต่ว่า ณ ตอนนี้ก็คือในมุมมแงของเนื้อหา ในน่วนของสิ่ธิเสรีภาพซึ่งก็เป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่กำเนิดแล้วก็ได้ถูกลดถอนลงไป โยกย้าสประธานแห่งสิทธิจากบุคคลไปให้รัฐ เป็นหน้าที่ของรัฐ ถ้าแนวทางของพวกเราำม่รับหรือไา่เห็นดิวย เราคใรจะยกระดับกาคต่อต้านหรือยกระดับการเคลื่อนไหวอย้างไร เคยอ่านบทความหนึ่งขิงอาจารย์กําชัย จงจักรพัสธ์ ธรรมศาสาตร์ ที่พูดพึงควทมชอบธรรมขดฝการรัฐประหาร บทความได้พูดถึงคำพิพากษาฎีกาในการรัฐประหารปี 2501 คณะศาลรับวทา คำสั่งหรืิกฎหมายที่ออกโกบคณัรัฐประหารเป็นสิรงที่บังคับใช้ได้ เพราะว่า ณ ตอนนั้นเนีียเขาเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ทพรัฐประการแล้วยึกอำนาจได้อย่างสำเร็จ ก็ต้องถือว่าคำสั่ง ความข้อใดๆ คำประกาศใดๆ ที่เขาออกถือว่าเป็นกฎไมาย แม้พระมปากษัตริย์จะไม่ตราออหมาตามคำแนะนำหรือคำยินยอมสภาผู้แทนรมษฎรก็นาม แล้วก็ยังมีคกพิพากษาฎีกาอีกหลายกรณีที่มีลักณณะนี้ ดังนั้า ถ้นเรามอลถึววิวัฒนาการ มองในทุมของนิติศาสตร์ห็จะเห็นวรามีการยดมรับความชอบธรรมของอำนาจหรือกลุ่มบุคคลเหล่านั้น แล้วถ้าเราไม่ยอมรับ จะต่อต้านอย่างไรันี่ยก็ตอบยาแ อ่านบทความขดวแาจารย์กำชัยดล้วก็ชอบตรงจุดหนึ่งที่บอกว่า ถ้าพวกเราฝนฐาระทีีไม่เอารัฐประหาร ต้อวไม่ยิมรับหรือไม่ให้คุณค่าำับการทำรัฐประหาร พ็ใช้มุมมองของปรัชญาทางกฎหมายกลับไปว่า เรามองสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ ความเป็นศักดิ์ศรีของมนุ๋ยชน เป็นหลักสากล ถือมันว่าเป็นหลักทั่วไปท้่ตั้งแต่เราเกิดมาเราทีแลืว แต่ว่รตอนนั้นไม่มีกฎหมายรับรองที่ตราเป็นลทยชักษณ์อักษร แต่พอผ่านหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่ายประสขการณ์อะไรมา เราไม่อยากถูกปฏิบัติแบบมี่มีการเลือกปฏิชัติ ก็เลยมีการรองรับสิมธอมนุษยชนขึ้นมา ดังนัิน ในมถมมองขอฝอาจานน์กำชัย ถ้าอย่างนั้น เราทำฝห้การไม่เอารัฐประหารเป็นหลักมั่วไปได้ไหม ค่อ ถิาเรามอวในมุมปรัชฐา ทำให้เป็นสิ่งที่สูงกว่ากฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรก็คล้ายๆ กับขแงทุกคน ุ้าถามว่าจดรับหรือไม่รับไหม ตั้งแต่แรกก็คือไม่รับตั้งแต่รัฐประหาร 2549 เพราะมาฟม้ถูกต้อง ไม่ชอชด้วยกฎหมาย ไม่ชอลด้วยรัฐธรรมนูญ แลัวรัฐธรรมนธญ 2550 ก๊เป็นรัฐธรรมนูญที่คลัายๆพับีัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือมันไม่ได้ผ่านกระบวนการที่รับความคิดเห็นในาะดับกว้าง เหมือนอาจาตย์เลนทร์ไปรณรงค์ก็จะถูกจับอยู่เลย ครั้งนี้ก็ไม่รู้จะโดนไหใ คืแที่สึ้เวลสที่เราไม่รับกรือปฏิเสธอะไร อย่างน้อยเราก็ต้องม่ัหตุผง เรทก็ต้องมีข้อเสนอ เหตถผลที่ผมไม่รับ แนีนอนอย่างหนึ่งมาจากเนื้อหาที่จะใช้ในอนาคตกับเราเนี่ยก็อีกอย่างหนุ่งแล้วก็เหตุผลอึกสองสามอจืาง อันนี้มันก็ทำให้ไม่รับ ข้อเสนอของผสเนี่ยก็คือเราจะมเงไปข้างหนืายังไง ขอเสนอง่ายๆ เลยก็คืิคล้ายๆกัวของอาจารย๋จิรวัฒน์ก็คือ โมดดลที่เราจะเอ่มาปรับแก้เนี่ยสำหีุบคั.ธรรมนูญเน่่ยมันต้องยทงบนไม่โทเดลของปฏิวัติสยนม 2475 ก็ รั,ธรรมนูญ 3540 การปฏิวันิสยสมมันยังไม่เคยสิ้นสุด มึนยังไม่เสร็จเพราะฝ่าม้นอยู่ได้แค่แปปเด้ยย และรัฐธรรมนูญในปี 2549 เนี่ยในแง่ขอวดารปฏิรูปการเมืองนั่าคืออยู่ได้นานกว่ารัฐธรรมนธญ 2475 อีก ซึ่งอยู่ได้เกือบ 10 ปี
|
รัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ฤชุพันธุ์ (2559) เพื่อแลกเปลี่ยน และการนำเสนอแง่มุมการวิเคราะห์เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญในมิติต่างๆเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 โครงการ ชวนกันอ่าน ซึ่งโครงการวิชาการสนับสนุนการเรียนการสอนในหลักสูตรรัฐศาสตร์ สำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมือง ได้จัดกิจกรรม ชวนกันอ่าน ภาคพิเศษ อ่าน (ร่าง) รัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ฤชุพันธุ์ (2559) เพื่อเชิญชวนนักวิชาการ นักศึกษา ผู้สนใจเข้าร่วมแลกเปลี่ยนถกเถียงเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญในมิติต่างๆ และการนำเสนอแง่มุมการวิเคราะห์ และเพื่อใช้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งสำหรับนักศึกษาวิชานี้ในการทำรายงานปลายภาคเรียน ที่มีโจทย์สำคัญว่า นักศึกษาจะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ เพราะอะไร ซึ่งจะเป็นการประมวลความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาใช้วิเคราะห์รัฐธรรมนูญ โดยมีวิทยากรดังต่อไปนี้ อ่านจากมุมนิติศาสตร์ โดย ตารเกศ แดงงาม อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตร์ อ่านจากมุมรัฐศาสตร์ โดย สุรัช คมพจน์ อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ และ อ่านจากมุมประวัติศาสตร์และเปรียบเทียบ โดย จิรวัฒน์ แสงทอง และ ทรรศนะ นวลสมศรี อาจารย์ประจำหลักสูตรอาเซียนศึกษา ทั้งหมดนี้ เป็นอาจารย์ในสำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่สนใจและติดตามการเมืองมาอย่างต่อเนื่องการมองเชิงเปรียบเทียบไม่เฉพาะตัวรัฐธรรมนูญ แต่รวมถึงพัฒนาการและประสบการณ์ในภูมิภาคอาเซียน อาจมีส่วนช่วยให้เราเห็นที่มาที่ไปหรือทิศทางของสังคมไทยได้ชัดเจนขึ้นบ้าง เพราะถ้าเราย้อนกลับไปดูในอดีต ภูมิภาคนี้มีจุดร่วมกันหลายอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของพัฒนาการทางการเมือง หลายประเทศในภูมิภาคนี้เคยผ่านประสบการณ์อยู่ภายใต้การปกครองของเผด็จการหรือระบบอำนาจนิยมเหมือนกัน รวมถึงมีความพยายามที่จะก้าวไปสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างที่แท้จริงเหมือนกัน ซึ่งในวงอภิปรายในที่นี้ ผมกับอาจารย์ทรรศนะจะเน้นพูดถึงกรณีอินโดนีเซียซึ่งเคยผ่านการตั้งคำถามและผ่านประสบการณ์ในกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พวกเราอาจจะไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดต่อรัฐธรรมนูญทั้งของไทยและของอินโดนีเซียมากนัก แต่อยากจะเน้นพิจารณาในประเด็นใหญ่คือบริบททางการเมืองกับการตั้งคำถามต่อ อุดมการณ์หลัก ของรัฐธรรมนูญผมอยากเริ่มต้นโดยการเน้นย้ำความสำคัญของการศึกษาเชิงเปรียบเทียบกับประสบการณ์ของเพื่อนบ้านในภูมิภาค ที่ผ่านมาบ่อยครั้งที่เรามักจะไปอ้างอิงหรือยึดโยงอยู่กับภูมิภาคอื่นๆ ที่ไกลออกไป ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสังคม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และพัฒนาการทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนนั้นมีจุดร่วมกันหลายอย่าง ในที่นี้ ผมจะพูดถึงพัฒนาการทางการเมืองของอินโดนีเซีย ซึ่งหากกล่าวถึงกระแสประชาธิปไตย อินโดนีเซียได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงทั้งจากนักวิชาการและนักสังเกตการณ์ทางการเมือง ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีพัฒนาการทางการเมืองค่อนข้างจะก้าวหน้ามากในระดับทวีปเอเชีย หากพิจารณาแค่ในเรื่องที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ลักษณะทางกายภาพของอินโดนีเซียที่ค่อนข้างจะกว้างใหญ่มาก ประกอบด้วยหมู่เกาะประมาณ 17000 กว่าเกาะ ผู้คนอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย แต่ละเกาะ แต่ละท้องถิ่น ก็มีภาษา มีวัฒนธรรมเป็นของตนเองอย่างค่อนข้างจะเข้มแข็ง กลายเป็นข้อจำกัดพื้นฐานที่ส่งผลต่อความยากลำบากในการสร้างเอกภาพของสังคมอินโดนีเซีย ก็ยิ่งทำให้น่าสนใจมากขึ้นว่าทำไมภายใต้ข้อจำกัดที่ไม่ค่อยเอื้อต่อกระบวนการประชาธิปไตยอย่างนี้ อินโดนีเซียถึงได้สร้างกระบวนการประชาธิปไตยที่ค่อนข้างจะก้าวหน้าได้มากผมอยากจะเริ่มต้นโดยย้อนกลับไปที่จุดกำเนิดของอินโดนีเซีย ตั้งแต่ครั้งประกาศเอกราชในปี 1945 อันเป็นช่วงเวลาสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ก็ค่อยๆ ทยอยได้รับเอกราชด้วยหนทางแตกต่างกันไป อินโดนีเซียหลังปี 1945 ก็ไม่ต่างกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งการสร้างชาติเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความสับสนทางการเมือง มีการตั้งคำถามว่ารูปแบบทางการเมืองรูปแบบใดที่ควรจะนำมาใช้เพื่อให้มีความเหมาะสม มีความสอดคล้องกับวิธีคิด กับค่านิยมของผู้คนในรัฐ นี่ยังไม่นับรวมถึงปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ปัญหาเรื่องความแตกแยกของคนกลุ่มต่างๆ ที่ยังคงไม่มีสำนึกเรื่องของความเป็นชาติที่เป็นหนึ่งเดียวกันในช่วงห้าปีแรกของการสร้างชาติภายใต้ยุค การปฏิวัติอินโดนีเซีย นั้น รัฐบาลได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกขึ้นมาใช้ในปี 1945 เพื่อบังคับใช้ไปก่อน หลังจากผ่านห้าปีแรกที่ชาติเกิดใหม่นี้เริ่มจะมีเสถียรภาพมากขึ้น รัฐบาลภายใต้การนำของซูการ์โน ผู้นำการต่อสู้เพื่อเอกราชและประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซีย ได้ทดลองนำการปกครองแบบรัฐสภามาใช้เป็นครั้งแรกในปี 1950 จนถึงปี 1957 ช่วงเจ็ดปีนี้ รัฐบาลต้องประสบปัญหาไม่สามารถที่จะนำพาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาให้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงแข็งแกร่งได้ สาเหตุประการสำคัญกลับมาที่ปัญหาเดิม คือ อินโดนีเซียก่อรูปขึ้นมาด้วยความหลากหลาย กลุ่มชาติพันธุ์และขบวนการแบ่งแยกดินแดนหลากหลายกลุ่ม กลุ่มอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันอย่างค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มอุดมการณ์ที่เข้มแข้งอย่างกลุ่มที่ชูศาสนาอิสลามและต้องการให้อินโดนีเซียกลายเป็นรัฐที่มีการนำกฎหมายและหลักการอิสลามมาใช้ กับกลุ่มอุดมการณ์สังคมนิยมที่เคลื่อนไหวอย่างคึกคักความหลากหลายของกลุ่มที่ขยายฐานอำนาจขึ้นมาในช่วงนี้ทำให้รัฐบาลเองเริ่มจะประสบปัญหาในการสร้างความเป็นเอกภาพ ประกอบกับการเกิดขึ้นของกลุ่มท้าทายใหม่ๆ ในสถาบันสำคัญอย่างกองทัพอินโดนีเซีย ซูการ์โนในฐานะประธานาธิบดีเริ่มมีความขัดแย้งมากขึ้นกับบรรดานายพลบางกลุ่มในกองทัพฯ ซึ่งในประวัติศาสตร์การสร้างชาติอินโดนีเซีย กองทัพฯ ถือว่าเป็นตัวจักรสำคัญในการค้ำจุนอำนาจของประธานาธิบดี เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้อำนาจของตัวประธานาธิบดีเองเริ่มสั่นคลอนถึงปี 1957 เมื่อซูการ์โนเองตระหนักว่าตัวเองเริ่มสูญเสียอำนาจจนยากจะควบคุม จึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบการปกครองใหม่ พยายามจะรวบอำนาจอย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง นั่นนำมาซึ่งการเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า ประชาธิปไตยแบบชี้นำ หรือ Guided Democracy ในช่วงตอนใหม่นี้ของยุคสมัยซูการ์โน รัฐธรรมนูญฉบับแรกปี 1945 ได้ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตรงนี้มีความน่าสนใจ กล่าวคือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้เอื้อต่อการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดขั้นสูงสุดของประธานาธิบดี พิจารณาจากบริบททางประวัติศาสตร์ก็เป็นที่เข้าใจได้เนื่องจากช่วงเวลาที่ถือกำเนิดรัฐธรรมนูญปี 1945 นั้นเป็นช่วงเวลาการสร้างชาติซึ่งเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน การร่างรัฐธรรมนูญยังไม่เอื้ออำนวยให้มีกลุ่มองค์กรต่างๆ เข้าไปมีส่วนร่วมหรือตรวจสอบพิจารณา และเป็นบริบทที่ต้องพยายามสร้างความเข้มแข็งและให้อำนาจสูงแก่ตัวประธานาธิบดี การนำรัฐธรรมนูญปี 1945 กลับมาใช้ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ทางการเมืองของอินโดนีเซีย นั่นคือ เป็นการปูทางไปสู่สู่ยุคเผด็จการอำนาจนิยมอันยาวนานในอินโดนีเซีย สืบต่อจากยุคอำนาจนิยมหลังปี 1957 ของซูการ์โนไปสู่ยุค ระเบียบใหม่ ของซูฮาร์โต ประธานาธิบดีคนที่สองซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี 1965 ก่อนจะถูกโค่นล้มโดยการเคลื่อนไหวของประชาชนไปในปี 1998ในการครองอำนาจยาวนานร่วม 30 ปีของซูฮาร์โต ภายใต้ฉากหน้าการปกครองแบบประชาธิปไตย และการเลือกตั้งอย่างสม่ำเสมอ รัฐบาลยุคระเบียบใหม่ได้สร้างกลไกและวิธีการที่เอื้อให้แก่การอยู่ในอำนาจอย่างสมบูรณ์ยาวนาน เช่น การอนุญาตให้มีพรรคการเมืองที่สามารถแข่งขันในระบบการเมืองการเลือกตั้งได้เพียงแค่สามพรรคเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า พรรคโกลคาร์ ซึ่งเป็นพรรคตัวแทนของซูฮาร์โตและเป็นหนึ่งเดียวกับอำนาจรัฐ ก็จะได้รับการเอื้อประโยชน์มากกว่าอีกสองพรรค เท่านั้นยังไม่พอ รัฐบาลออกกฎหมายห้ามไม่ให้พรรคการเมืองลงไปจัดตั้งสาขาในระดับท้องถิ่น ตั้งแต่ระดับอำเภอลงไปจนถึงหมู่บ้าน พรรคการเมืองตัดขาดกับประชาชน แต่พร้อมกันนั้น รัฐบาลกำหนดให้ข้าราชการของรัฐอินโดนีเซียทุกคนต้องมีสถานะเป็นสมาชิกของพรรคโกลคาร์โดยตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้เองข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐจึงกลายเป็นกลุ่มสำคัญที่เชื่อมต่อกับประชาชน คนเหล่านี้อันรวมถึงพรรคโกลคาร์จึงควบคุมเสียงของประชาชน และเอื้ออำนวยต่อชัยชนะของรัฐบาลตลอดมา นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการขจัดคู่แข่งขันทางการเมือง จำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ห้ามการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นต่างจากรัฐบาล การห้ามสำนักพิมพ์ สื่อต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแต่แล้วยุคซูฮาร์โตที่ยาวนานกว่า 30 ปีก็สิ้นสุดลงในปี 1998 อันเป็นผลเนื่องจากปัจจัยหลากหลาย ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ การระเบิดออกของความไม่พอใจของผู้คน รวมถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนซึ่งก่อนหน้านี้เงียบหายไปพักใหญ่เพราะการปราบปรามอย่างรุนแรงโดยกองทัพอินโดนีเซีย ในช่วงปลายยุคระเบียบใหม่ ซูฮาร์โตเองก็ถูกลดบทบาทหรือถูกบั่นทอนอำนาจของตนเหนือกองทัพฯ ไปไม่น้อย หลายๆ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ในที่สุดซูฮาร์โตต้องก้าวลงจากตำแหน่ง พร้อมๆ กับที่สังคมอินโดนีเซียเข้าสู่ ยุคปฏิรูป หรือ Reformasiก้าวเข้าสู่ยุคปฏิรูป อินโดนีเซียถูกผลักดันด้วยความคาดหวังว่ากระแสประชาธิปไตยจะเบ่งบาน ผู้คนจะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แสดงความคิดเห็น ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา ก็จะเห็นความพยายามในการค่อยๆ ลดบทบาทของกองทัพฯ มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดอำนาจของทหารในการเมืองอินโดนีเซีย ประเด็นนี้เป็นผลมาจากการที่ในรัฐธรรมนูญได้กำหนดสำรองที่นั่งในรัฐสภา 25% ให้กับบรรดานายพลจากกองทัพฯ ความพยายามในการแก้ไขข้อกำหนดนี้บรรลุผลสำเร็จในปี 2003 ซึ่งจำนวนที่นั่งในรัฐสภาของอินโดนีเซีย 500 กว่าที่นั่ง ไม่มีโควตาของทหารหลงเหลืออยู่ จะเป็น สส. ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งหมดทุกที่นั่ง ไม่เพียงเท่านั้น ตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปัจจุบัน การแข่งขันในการเลือกตั้งค่อนข้างจะเป็นไปอย่างเสรีและก็โปร่งใส จนกล่าวกันว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา เป็นการเลือกที่ใสสะอาด โปร่งใสที่สุดของอินโดนีเซีย รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดกว้างให้สื่อมวลชน นักสังเกตการณ์ หรือประชาชนทั่วไปเข้าไปตรวจสอบการเลือกตั้ง การนับคะแนน ได้อย่างโปร่งใส เข้าถึงได้ ก่อนหน้านี้ การนับคะแนนเสียงทุกพื้นที่ตามเกาะต่างๆ จะไม่อนุญาตให้นักข่าวหรือผู้คนที่สนใจสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ การเลือกตั้งที่ยากต่อการตรวจสอบ เอื้อต่อการทุจริตคอรัปชั่น นอกจากประเด็นเรื่องความสะอาดโปร่งใสแล้ว สิ่งที่ทำให้นักสังเกตการณ์หรือผู้ที่ติดตามการเมืองอินโดนีเซียค่อนข้างรู้สึกทึ่ง คือ ไม่ค่อยเกิดความรุนแรงหลังจากที่สรุปผลการเลือกตั้งอาจมีผู้ไม่พอใจ ผู้สนับสนุนผู้แพ้ออกมาประท้วงบ้าง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างที่จะสงบลงกว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างมากคำถามที่สำคัญและน่าสนใจ คือว่า นับจากเข้าสู่ยุคปฏิรูปเป็นต้นมา มีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง ทั้งความคิด กระบวนการ และตัวรัฐธรรมนูญเองจะสามารถกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยค้ำจุนกระแสประชาธิปไตยในอินโดนีเซียได้มากขึ้น หรือให้ยาวนานได้มากที่สุดสักเพียงไหน รัฐธรรมนูญอินโดนีเซีย 1945 เป็นตัวตั้งสำคัญ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นเป็นระยะสามารถสะท้อนความคิดหลายอย่างที่ทำให้เราหวนกลับมาทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมการเมืองไทยได้เป็นอย่างดี อาจารย์จิรวัฒน์จะให้รายละเอียดในประเด็นนี้ต่อไปครับรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียฉบับปัจจุบันมีฐานมาจากฉบับแรกปี 1945 ในระหว่างทางนั้นได้มีฉบับอื่นที่ทั้งนำมาใช้หรือไม่ได้ใช้บ้าง แต่ก็หายไปหมด แล้วท้ายที่สุดก็กลับไปที่ฉบับแรก อย่างที่อาจารย์ทรรศนะได้กล่าวไป รัฐธรรมนูญปี 1945 ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาเฉพาะ นั่นคือ ช่วงเวลาที่อินโดนีเซียกำลังเข้าสู่สงครามแห่งการปฏิวัติแห่งชาติเพื่อปลดปล่อยตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบจากเจ้าอาณานิคมเดิม อินโดนีเซียยังคาดเดาไม่ได้ว่าขอบเขตจริงๆ ของรัฐตนจะถึงไหน ยังไม่ค่อยชัดเจนว่าองค์ประกอบสำคัญของรัฐอย่างประชากร หรือการเป็นประชาชน ชาวอินโดนีเซีย นั้นจะนิยามกันอย่างไร ในสถานการณ์ไม่ชัดเจนและระส่ำระสายหมิ่นเหม่เช่นนี้ อำนาจสูงสุดจึงถูกมอบให้แก่ประธานาธิบดีในการจัดการพาชาตินี้ให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ เมื่อถือกำเนิดขึ้นจากบริบทเช่นนี้ ก็สามารถคาดเดาได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวย่อมมีปัญหาอยู่ในหลายๆ จุด อย่างเช่น พร้อมกับการให้อำนาจล้นเกินแก่ประธานาธิบดี ระบบถ่วงดุลตรวจสอบก็ไม่มีความชัดเจน หลายคนยังสงสัยกันอยู่เลยว่า ถ้าว่าตามรัฐธรรมนูญปี 1945 นั้น อินโดนีเซียใช้ระบอบการปกครองแบบใด ระบอบรัฐสภาหรือประธานาธิบดีกันแน่ หรือแม้กระทั่งองค์ประกอบของสภาสูงสุด คือ สภาที่ปรึกษาประชาชน หรือ MPR (Peoples Consultative Assembly) ก็ยังไม่ชัดเจนถึงที่สุดว่าผู้ที่จะเข้ามานั่งในสภานี้เป็นคนกลุ่มไหน มีที่มาได้อย่างไรบ้าง ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้จึงมักถูกตีความและนำไปใช้ให้เอื้อต่อการจรรโลงอำนาจของระบอบอำนาจนิยมมาตลอดทั้งนี้ ได้มีความพยายามในช่วงแรกที่จะทดลองหรือนำรัฐธรรมนูญฉบับอื่นมาใช้ อย่างเช่น เมื่อได้รับการรับรองเอกราชสมบูรณ์จากดัตช์ในปีสี่ปีต่อมา ก็มีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 1949 ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากโต๊ะเจรจากับดัตช์และมหาอำนาจอื่นๆ โดยนัยว่าว่านี่รัฐธรรมนูญ เป็นแบบแปลนของชาติใหม่ แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะยังไม่สมบูรณ์มากนัก และซูการ์โนเองก็ไม่ค่อยจะปลื้มกับมันสักเท่าไหร่ แต่ก็นำเอามาใช้กันก่อนเพื่อให้นานาชาติรับรองการถือกำเนิดขึ้นของประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ ปีถัดมาก็มีการร่างใหม่ขึ้นมาใช้อีกหนึ่งฉบับ ฉบับปี 1950 นี่ตั้งชื่อชัดเจนเลยว่าเป็น ฉบับชั่วคราว ที่จริงแล้ว นักวิชาการหลายท่านเห็นว่าเป็นฉบับที่มีแนวโน้มที่จะเป็นประชาธิปไตยและมีเนื้อหาทันสมัยค่อนข้างมาก มีการนำปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนมาบรรจุไว้ เป้าหมายสำคัญหนึ่งของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งเพื่อให้อินโดนีเซียมีระบอบแบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาที่สถิตสถาวรสักทีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 1950 นั้นได้มีการกำหนดให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญพร้อมกันไปด้วย การทำงานของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญคณะนี้เป็นการทำงานร่างรัฐธรรมนูญที่ยาวนานมาก จากการศึกษาเอกสารที่บันทึกกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ นักประวัติศาสตร์หลายคนยอมรับว่า เป็นการถกเถียงที่เต็มไปด้วยสีสันและความคิดใหม่ๆ มาก ซึ่งบริบททางสังคมการเมืองอินโดนีเซียในช่วงเวลาดังกล่าว เหมือนเป็นช่วงที่เวทีทางการเมืองได้เปิดกว้างให้คนหลากหลายกลุ่มหลากหลายอุดมการณ์แสดงตน แสดงบทบาท รวมถึงในสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่อภิปรายกันนั้นรวมถึงเรื่องใหญ่และถกเถียงกันยาวนานมากในอินโดนีเซียจนถึงทุกวันนี้ เช่นคำถามที่ว่า คุณจะเอาชาติแบบใด แบบ Secular ที่แยกศาสนาออกจากการเมือง หรือจะเป็นแบบรัฐอิสลามที่ให้อุดมการณ์ทางศาสนาเป็นอุดมการณ์หลัก การร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เนื่องด้วยสถานการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมืองอย่างที่อาจารย์ทรรศนะได้ให้รายละเอียดไปแล้ว ทำให้ท้ายที่สุด ซูการ์โนตัดสินใจรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ออกประกาศประธานาธิบดีในปี 1959 ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 1950 ยกเลิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังทำงานกันอยู่ แล้วท้ายที่สุดก็นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 1945 ซึ่งเอื้ออำนวยให้สถาปนาระบอบอำนาจนิยมนั้นกลับมาใช้เมื่อหมดยุคของซูการ์โน ซูฮาร์โตเองก็ชื่นชอบและยินดีที่จะใช้ฉบับนี้ต่อไป และบ่อยครั้งก็ใช้วิธีการตีความให้เอื้อประโยชน์ต่อระบอบของตน อย่างเช่น มีวรรคหนึ่งที่สำคัญมากในรัฐธรรมนูญที่พูดถึงการครองตำแหน่งของประธานาธิบดี ระบุว่าดำรงตำแหน่ง 5 ปี หลังจากนั้นสามารถที่จะ re-elect เข้ามาใหม่ มันเป็นคำที่ค่อนข้างคลุมเครือ คนที่ร่างรัฐธรรมนูญบอกว่าความคิดในตอนร่างนั้น คือ เลือกเข้ามาใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ซูฮาร์โตตีความว่าเลือกเข้ามาใหม่ได้ไปเรื่อยๆ ดังนั้น ซูฮาร์โตก็สามารถจะครองอำนาจอยู่ยาวถึงสามทศวรรษเมื่อเข้าสู่ช่วงสมัยของยุคปฏิรูปหลังสิ้นสุดยุคระเบียบใหม่ สิ่งที่น่าสนใจมาก คือ คนที่อยู่ในวงการเมืองระดับสูง แทบไม่มีกลุ่มใดเลยที่แสดงความกระตือรือร้นขับเคลื่อนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 1945 ที่ใช้กันอยู่ เกือบทั้งหมดเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วน ค่อนข้างเห็นพ้องต้องกันว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่การนำไปใช้ กระทั่งในที่สุด ภาคประชาชนต่างหากที่เริ่มเคลื่อนไหวกดดัน จนรัฐสภาจำเป็นที่จะต้องหันมาพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งในรัฐสภาเองก็ถกเถียงกันอย่างมากเช่นกันว่าจะเอาแบบไหน คือ จะแก้ไขเพิ่มเติมฉบับ 1945 หรือร่างใหม่เลย ในที่สุดก็สรุปว่าจะใช้วิธีการแก้ไขปรับปรุง โดยมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนว่าจะมีการแก้ไขกี่ครั้ง ซึ่งท้ายที่สุดได้จบลงที่สี่ครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นสมบูรณ์กระบวนการแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญในอินโดนีเซียตอนที่ถกเถียงกันว่าจะแก้ไขหรือยกร่างใหม่ ได้นำไปสู่บทสรุปที่เป็นหัวใจสำคัญมากเรื่องหนึ่ง นั่นคือ ถ้าเลือกวิธีการแก้ไขปรับปรุง แล้วอะไรล่ะที่จะต้องคงมันไว้อย่างเดิม บทสรุป คือ คำปรารภของรัฐธรรมนูญฉบับดั้งเดิมเป็นสิ่งที่จะต้องเก็บรักษาไว้ ซึ่งในคำปรารภนี้จะบรรจุไว้ซึ่งอุดมการณ์ของช่วงเวลาประกาศเอกราชอินโดนีเซีย อุดมการณ์แห่งการถือกำเนิดชาติอินโดนีเซีย นอกจากนี้การกำหนดลักษณะรัฐของอินโดนีเซียก็ต้องเก็บรักษาไว้ และที่สำคัญคือ หลักปัญจศีล (Pancasila) อันเป็นแกนอุดมการณ์ของชาติที่ถือกำเนิดแล้วนับแต่นั้น โดยสรุป คือ รัฐธรรมนูญอินโดนีเซียจะต้องรักษาไว้ซึ่งหลักการหรืออุดมการณ์สำคัญของชาติ และนั่นคือการตัดสินใจว่าจะดำรงไว้ซึ่งการเป็นรัฐที่แยกศาสนาออกจากการเมือง ด้วยเหตุนี้ แม้กระทั่งกลุ่มโปรอิสลามที่นั่งอยู่ในรัฐสภาก็จำเป็นที่จะต้องยอมรับในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ค่อยไปปรับแก้กันผมชอบคำของสมาชิกสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญสายปฏิรูปคนหนึ่งในช่วงอภิปรายกันถึงประเด็นว่าจะแก้ไขปรับปรุงหรือจะร่างใหม่ เขาบอกว่า เหตุผลหนึ่งที่เขายืนยันในแนวทางการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เพราะเขารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่คุณจะต้องรักษา original text ของรัฐธรรมนูญเอาไว้ เพราะด้วยวิธีการเช่นนี้ คนรุ่นต่อๆ ไปของอินโดนีเซียจะได้รับรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาตินี้ ด้วยเหตุนี้ ถ้าจะมีการปรับแก้อะไรก็ต้องสอดเข้ามาในรัฐธรรมนูญฉบับเดิม เพื่อให้เห็นเลยว่าการปรับปรุงแก้ไขเป็นแบบไหน แล้วความคิดดั้งเดิมนั้นเป็นอย่างไรสำหรับการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสี่ครั้งในยุคปฏิรูปตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา ผมจะลองสรุปคร่าวๆ ในประเด็นสำคัญ เผื่อจะเห็นได้ว่ามีสิ่งใดที่น่าจะขบคิดต่อไปเมื่อมองเปรียบเทียบกับกรณีของไทยการแก้ไขครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในปี 1999 หลังระบอบเก่าล่มไป ครั้งแรกจะเป็นการแก้ไขเรื่องใหญ่ๆ คือ การจำกัดขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดี เพราะ text เดิมนั้นให้อำนาจไว้สูงมาก ถึงตอนนี้ก็เขียนให้ชัดเจนไปเลยว่าอยู่ในวาระได้สองสมัยเท่านั้น จำกัดอำนาจด้านการทูตและการต่างประเทศ พร้อมกันนั้นก็เพิ่มอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร หรือ DPR (Peoples Representative Council) ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการออกกฎหมายแก้ไขครั้งที่ 2 ปี 2000 ในปีนี้ปัญหาเศรษฐกิจยังค่อนข้างหนักหน่วง ความขัดแย้งทางการเมืองและในจลาจลทางสังคมในระดับล่างยกระดับขึ้นสูงมาก ส่งผลให้กระบวนการการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญชะงักและล่าช้าไปกว่าแผนที่วางไว้ และเริ่มมีเสียงที่จะให้แก้ไขแบบยกเครื่องแทนที่จะแก้ไขแบบทีละเล็กละน้อย ผลการปรับปรุงแก้ไขที่สำคัญของรอบปี 2000 นี้ คือ หลักการและแนวทางการกระจายอำนาจได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ รับรองและพิทักษ์สิทธิมนุษยชน และในที่สุด รวมถึงการค่อยๆ ลดบทบาททางการเมืองของบรรดานายทหาร ซึ่งเคยได้รับโควต้าอยู่ในระบบการเมืองและรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียหลังจากนั้นไม่นาน ในด้านบริบททางการเมือง ได้เกิดกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีอับดูร์ระห์มัน วาฮิด โดยสภา MPR ในช่วงต้นปี 2001 ซึ่งนี่เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญและมีนัยมาก เพราะรัฐธรรมนูญไม่เคยระบุเรื่องการถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งไว้อย่างชัดเจน แต่สภาทั้งสองที่ได้รับการเพิ่มอำนาจขึ้นสามารถที่จะตีความแล้วผนึกกำลังกันจนสามารถถอดถอนประธานาธิบดีได้ สิ่งนี้ได้ส่งผลให้เกิดกระแสคำถามใหญ่ว่าท้ายที่สุดแล้วจะมีระบบในการจัดการเรื่องนี้อย่างไร สถานะของประธานธิบดียึดโยงกับอำนาจชอบธรรมใด เสียงเรียกร้องจากนอกสภารุนแรงขึ้น การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนก็เริ่มหนักขึ้นการแก้ไขครั้งที่ 3 ในปี 2001 ประเด็นใหญ่ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการถอดถอนประมุขของรัฐ ก็เลยนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง เพื่อที่จะยืนยันว่าสิทธิธรรมอันมาจากการได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ จะปลดจะถอดถอนโดยคนจำนวนหนึ่งนั้นไม่ได้ พร้อมกับการกำหนดให้เลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง รัฐธรรมนูญก็ได้จำกัดอำนาจของสภา MPR ซึ่งก็น่าชื่นชมอินโดนีเซียอยู่ไม่น้อย สภา MPR ซึ่งเป็นผู้แก้ไขและรับรองการแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญเมื่อมีข้อเสนอให้จำกัดอำนาจของตนเองก็ยินยอมเมื่อข้อเสนอดังกล่าวนั้นมีฐานคิดและหลักการประชาธิปไตยรองรับอยู่ ผมอยากจะยกตัวอย่างในรายละเอียดสักนิดในประเด็นนี้ เช่น จากที่ในรัฐธรรมนูญเนื้อหาดั้งเดิมบัญญัติว่า สภาที่ปรึกษาประชาชน เป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในการจัดการกิจการต่างๆ ของรัฐ เป็นสภาที่ทำตามฉันทามติของประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่ถืออำนาจอธิปไตยของรัฐแห่งนี้ การแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญครั้งที่ 3 ได้เปลี่ยนข้อความเป็นว่า อำนาจอธิปไตยอยู่ในอุ้งมือของประชาชน และประชาชนใช้อำนาจนี้ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จะเห็นได้ว่า การแก้ไขอะไรทำนองนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าความคิดบางอย่างค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากนี้ การจำกัดอำนาจของสภา MPR ยังรวมถึงการยกเลิกอำนาจในการตั้งประธานาธิบดีโดยตัวสภา MPR แต่ให้ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน การถอดถอนประธานาธิบดีก็ถูกระบุให้ชัดเจนมากขึ้นว่าจะทำได้ด้วยเหตุใดบ้าง ไม่ใช่ด้วยการตีความกันเอง รวมทั้งเรื่องที่มาของสภา MPR ซึ่งประกอบด้วยสองสภาที่ยังตีความกันยังไม่ได้ข้อสรุปว่า สภาที่มาจากท้องถิ่นนั้นจะเป็นอย่างไร ก็ได้มีการแก้ไขให้ความชัดเจนขึ้นการแก้ไขทีละนิดนี้ได้ทำให้หลายระบบลงตัวมากขึ้น การแก้ไขปรับปรุงครั้งที่ 3 ยังรวมถึงการปฏิรูปการเลือกตั้ง ปฏิรูปกฎหมาย และที่อินโดนีเซียถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่มากเลยในการปรับปรุงแก้ไขครั้งนี้ก็คือ การกำเนิดขึ้นของศาลรัฐธรรมนูญ มันเป็นเรื่องขันขื่นอยู่เหมือนกันที่เห็นอินโดนีเซียยินดีกับศาลรัฐธรรมนูญที่เขาได้มาหลังจากนั้น ในปี 2002 ก็เป็นการแก้ไขครั้งที่ 4 ซึ่งจะเป็นปรับปรุงแก้ไขเก็บรายละเอียดในประเด็นเล็กๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ กล่าวโดยสรุป ผลของการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปี 2002 รัฐธรรมนูญฉบับแรกปี 1945 ได้ขยายเพิ่มขึ้นจาก 37 มาตราเป็น 73 มาตรา โดย 11% ยังคงรักษาเนื้อหาจากต้นฉบับดั้งเดิมเอาไว้เมื่อได้หวนกลับไปทบทวนประวัติศาสตร์ของอินโดนีเซียและโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ของกระบวนการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้ฉุกคิดหลายประเด็นที่เราสามารถนำกลับมาคิดต่อในกรณีของไทย สำหรับกรณีอินโดนีเซียนั้น ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะมองว่าเขาก้าวหน้าไปเสียทั้งหมด นักวิชาการหลายคนก็ยังวิจารณ์และเห็นว่าการแก้ไขสี่ครั้งที่ผ่านมา ยังมีเรื่องใหญ่ๆ บางเรื่องที่ยังไม่ได้ลงไปจัดการ แต่อย่างน้อยเท่าที่เห็นกระบวนการและผลที่เกิดขึ้น ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่ามันต้องมีกระบวนการที่ฟังคนอื่นๆ รับฟังอย่างรอบด้านที่จะทำให้การร่างรัฐธรรมนูญสามารถตอบโจทย์หลายๆ ด้านได้มากขึ้น ที่สำคัญคือต้องถามคำถามว่า หลักการสำคัญ เจตคติที่ยิ่งใหญ่ และความคิดต่อประชาธิปไตย อยู่ตรงไหนในรัฐธรรมนูญถ้าจะอ่านจากมุมนิติศาสตร์ แน่นอนต้องมองถึงความชอบด้วยกฎหมาย ในเบื้องต้น ถ้าจะมีกฎหมายสักฉบับหนึ่งในการกระทำใดการกระทำหนึ่งก็ต้องดูว่ามันมีความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่เมื่อพูดถึงความชอบด้วยกฎหมายของรัฐธรรมนูญอาจจะฟังดูแปลกหน่อย เพราะรัฐธรรมนูญเนี่ยมันเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ดังนั้น จึงขอกล่าวถึงความชอบด้วยหลักพื้นฐานหรือความชอบด้วยความเป็นประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ การศึกษาว่ารัฐธรรมนูญแต่ละร่างขัดกับหลักกฎหมายหรือไม่ ก็ต้องมาดูหลักพื้นฐานของมหาชนเพราะรัฐธรรมนูญเนี่ยก็เป็นกฎหมายมหาชน ซึ่งเป็นหลักทั่วไปเป็นหลักสากลของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ในการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย จะมีหลักการปกครองที่สำคัญคือ หลักนิติรัฐ เป็นรัฐที่ปกครองด้วยกฎหมายไม่ใช่ปกครองด้วยคน ที่อยากให้พิจารณาเรื่องนี้เพราะถ้าให้ย้อนกลับไปว่า ที่มาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก็ไม่เป็นประโยชน์แล้วเพราะว่ามันมีการรัฐประหาร จนถึงขั้นว่าร่างรัฐธรรมนูญตัวนี้ออกมา ถ้าจะบอกว่าถ้าเราไม่รับหรือรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยมองถึงที่มาของกฎหมายก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้วดังนั้น จึงมาดูในเชิงเนื้อหารัฐธรรมนูญ และจะหยิบยกบางส่วนที่สำคัญที่คิดว่าขัดกับหลักนิติรัฐ ซึ่งมีหลักการใหญ่อยู่ 2 ประการ คือ การที่รัฐจะต้องถูกจำกัดอำนาจอยู่ภายใต้กฎหมาย การกระทำใดๆ ก็ตามของรัฐจะเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้ก็ต้องมีกฎหมายให้อำนาจไว้ หลักการประการที่สอง คือ การประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งจะพูดในเรื่องสิทธิเสรีภาพเพราะว่าร่างฉบับมีเนื้อหาที่มันไม่ประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเป็นหลักสำคัญของนิติรัฐ แม้จะมีนักวิชาการหรือภาคประชาชนได้ให้ความเห็นไปแล้ว แต่ก็ยังอยากจะยกมาใหม่อีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องคัญที่สำคัญที่สุดเนื่องจากหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นหลักสากลถ้าพูดสรุปเลยให้จบในตอนนี้เลย เรื่องสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากของภาคประชาชน ในร่าง 2559 กำลังทำให้มันถอยหลังลงไป สิทธิเสรีภาพของประชาชนหรือสิทธิของมนุษยชน ที่ได้รับการคุ้มครอง บรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญของไทยที่เป็นลายลักษณ์อักษร ปี 2540 คือมีการแต่งตั้งคณะสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นมาเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการสอดรับกับปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหลักสากลของโลก ทั้งนี้ เรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ อยากให้ประชาชนทั่วไปหรือพวกเราได้คิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ต้องมีกฎหมายรองรับให้ เราก็มี เป็นสิ่งที่มีติดตัวเรามาตั้งแต่กำเนิดแล้ว สามารถใช้อ้างอิงกับทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร กับทุกรัฐ ทุกศาลทั่วโลก ดังนั้น ไม่ต้องรอให้มีกฎหมายมาให้อำนาจเรา หรือต้องให้มีรัฐมาออกกฎหมายให้สิทธิเสรีภาพ มาดูมาตรา 4 รัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 ก็จะพูดถึงการยอมรับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพของประชาชนชาวไทย แต่ร่าง 2559 ก็มีในมาตรา 4 ปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน ถ้ามองก็ดูเหมือนจะคล้ายๆกัน ฉบับ 2550 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง อันนี้คือ เรากำลังจะพัฒนาเข้าสู่ความเป็นสากล เข้าสู่รัฐที่เป็นประชาธิปไตยที่รองรับความเป็นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ตั้งแต่ปี 2540-2550 แต่ว่าร่างนี้ ดูจากหมวดที่ 1 ก็จะทำให้เกิดความสงสัยได้ว่าเป็นการรองรับความเป็นศักดิ์ศรีของมนุษย์ของทุกคนหรือเฉพาะคนไทยภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีบทที่กำจัดสิทธิเสรีภาพอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นความบกพร่อง คือในเรื่องของสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยในหมวดที่ 3ถ้าได้ติดตามการถกเถียงเรื่องนี้ ก็จะการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทางกฎหมาย คือ ประธานแห่งสิทธิ จากตัวบุคคลไปกลายเป็นรัฐ ก็คือมีการโยกย้าย ปรับ ลดทอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเปลี่ยนประธานแห่งสิทธิจากตัวบุคคลเอง ไปอยู่ในหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ คือให้รัฐเป็นเจ้าภาพ ให้รัฐมาออกกฎหมายว่าคุณมีสิทธิเสรีภาพอย่างไร คือ บอกว่า รัฐ พึง ในภาษากฎหมาย เราก็รู้ว่า พึง ต้อง และ หรือ อะไรแบบนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้าในนโยบายแห่งรัฐบอกว่ารัฐ พึง ทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ คำว่า พึง นั้นก็จะเกิดคำถามต่อมาว่า แล้วรัฐทำได้แค่ไหน มาตรวัดอยู่ตรงไหนว่ารัฐทำได้อย่างสมควรแล้ว ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า เป็นการย้ายประธานแห่งสิทธิของตัวบุคคลไปเป็นรัฐ ซึ่งกลายเป็นการปรับหรือเปลี่ยนแนวคิดหรือทฤษฎีไปเลย จากสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคล เป็นสิทธิศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ติดมากับเราตั้งแต่กำเนิด แล้วเราสามารถอ้างได้ กลายทฤษฎีว่าให้รัฐเป็นผู้ตรากฎหมายให้ มารองรับสิทธิเราสิทธิชุมชน เป็นสิทธิของคนในชุมชนที่สามารถจะเสนอความคิดเห็นในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติหรือว่าอะไรก็ตามที่ตัวเองอยู่อาศัย หรือสิทธิที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนที่ปลอดภัย ก็โยกย้ายเหมือนกัน คือเปลี่ยนประธานแห่งสิทธิ แม้ผู้ร่างจะบอกว่าไม่ได้ตัดออก แต่เอาไปอยู่ในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ถ้าเอาไปเปรียบเทียบดู เมื่อก่อนอยู่ในหมวดสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ถ้าจะจำกัดสิทธิของชุมชนที่ให้เสรีภาพ บุคคลจะแสดงความคิดเห็น เพื่อจะยับยั้งสั่งการของรัฐบาลหรืออะไรก็ตามที่อาจจะเกิดผลกระทบที่มันเลวร้ายต่อคนในชุมชนได้ แต่ตรงนี้ เราจะฟ้องรัฐได้หรือไม่ แม้จะบอกว่าได้ แต่การหาหลักฐานอะไรต่างๆ มันจะคุ้มหรือไม่ที่เราให้รัฐเป็นคนเริ่มต้นขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งคือ สิทธิของผู้พิการ ที่ให้ความสนใจเพราะว่ามีเพื่อนที่เป็นพิการทางสายตาและเป็นผู้มีความสามารถทางกฎหมายมหาชน ก็ได้คุยกันว่า สิทธิเสรีภาพของพิการเมื่อก่อนที่อยู่ในหมวด 3 ก็ถูกย้ายไปอยู่แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเช่นกัน นั่นก็คือ รัฐพึงให้ความช่วยเหลือเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือผู้ยากไร้ ซึ่งกลายเป็นว่าเราก็ต้องรอว่ารัฐจะให้ความช่วยเหลืออะไร อย่างไร รัฐจะทำหรือไม่ เพียงพอหรือไม่ รัฐอาจจะบอกว่ายังทำไม่ได้เพราะยังไม่ได้ออกกฎหมายลูกอะไรอย่างนี้ในทางปฏิบัติ ทั้งหมดนี้ จะทำให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกบั่นทอนหรือลดลงไปจาก 2540 มีการตื่นตัวเรื่องสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ แล้วก็มีอีก 10 ปี 2550 กลายเป็นว่า 2559 กำลังถอยลง คือ การเปลี่ยนประธานแห่งสิทธิจากคนกลายไปเป็นรัฐ กลายเป็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของ Rule of Law และอาจจะนำไปสู่หลักการ Rule by man เพราะว่าสิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกจำกัดไป อันนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดแล้วถ้ามองในมุมของทางกฎหมาย นอกจากนั้น ยังมีการตัดมาตรา 28 ซึ่งบัญญัติว่า บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้ สามารถยกบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้เพื่อใช้สิทธิทางศาลหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลได้ ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ออกไป ซึ่งอันนี้เป็นการประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในการอ้างสิทธิ ใช้สิทธิทางศาลกรณีมีการละเมิดสิทธิเสรีภาพนี้ที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ขึ้นต่อสู้ในศาลได้ ร่าง 2559 ไม่มีเรื่องนี้ และอาจทำให้หลักประกันสิทธิเสรีภาพของเรามันไม่ยึดโยงกับอำนาจตุลาการ เรายังจะอ้างอยู่ได้ไหมในมาตราที่ 26 ของหมวด 3 การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้ กฎหมายดังกล่าวต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรม มีคำว่าหลักนิติธรรมขึ้นมา หลักหลักนิติธรรมนี้ คือหลักที่บุคคลทุกคนเสมอภาคภายใต้กฎหมาย จะไม่ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพโดยที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติเอาไว้ หรือกฎหมายไม่มีผลย้อนหลังหรือยกเว้นการกระทำความผิดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นต้น การเอาหลักนิติธรรมมาบรรจุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรควรที่จะมีเพราะเป็นการปกครองประเทศที่เป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ว่าประเด็นปัญหาที่ตามมา ก็คือว่าการที่รัฐจะออกกฎหมายออกมาแล้วจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แล้วรัฐจะอ้างหลักนิติธรรม หลักนิติธรรมที่รัฐจะอ้างมันหมายความว่าอะไร เพราะไม่ได้เขียนว่ามีความหมายว่าอะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ไม่อย่างนั้นมันก็จะเปิดโอกาสอย่างกว้างให้มีการตรากฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งไม่ควรจะเปิดอะไรที่มันกว้างมาก ต้องตรงตัวมีความชัดเจน เมื่อในเรื่องนี้มีมาตรวัดที่กว้าง สิทธิเสรีภาพตามร่างรัฐธรรมนูญนี้จึงถือว่าแคบลง จะเห็นได้ว่ามันเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ถอยหลังจากรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ที่เรื่องสิทธิเสรีภาพค่อนข้างดีอยู่แล้ว หากจะแก้ไขก็ควรไปแก้ไขในเรื่องของการเมืองการปกครอง การเปลี่ยนย้ายประธานแห่งสิทธิจากประชาชนเป็นรัฐเป็นสิ่งที่ผิดพลาดทั้งด้านแนวคิดและทางทฤษฎีเป็นอย่างมากในการที่จะปกครองด้วยหลักนิติรัฐเมื่อพูดถึงประเด็นนี้แล้วก็อยากจะพูดถึงบทเฉพาะกาล มาตรา 270 ที่ให้การกระทำของ คสช. ที่เคยทำมาแล้ว หรือว่าที่จะทำในอนาคต ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าจะพูดง่ายๆ คือ ขัดกับหลักนิติธรรมอยู่แล้วในตัว เพราะฉะนั้นสรุปว่าในมุมมองของกฎหมาย ความชอบด้วยหลักประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ก็สรุปว่าไม่ชอบในเรื่องการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนเนื่องจากได้อ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยใช้เวลาน้อย แต่จะลองพยายามตามใบสั่งให้วิเคราะห์ทางการเมืองทางรัฐศาสตร์ดูว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีลักษณะพิเศษยังไง หรือมันมีลักษณะที่เราควรจะรับร่างหรือไม่รับร่าง และนี่ก็คือโจทย์ที่อาจารย์อุเชนทร์มอบให้กับนักศึกษา แล้วเราจะมีเหตุผลอะไรที่จะรับหรือมีเหตุผลอะไรที่ไม่ควรจะรับ เนื่องจากอาจารย์ตารเกศได้ปูทางไว้บ้างในส่วนหนึ่งแล้วว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มันเป็นแค่ร่างจริงๆ คล้ายๆ เป็นร่างของซากศพ แล้วมันก็ไม่มีวิญญาณโดยเฉพาะวิญญาณสิทธิเสรีภาพ ในการคุ้มครองหลายหลักที่มันถูกตัดออกไป เปลี่ยนองค์ประธานแห่งสิทธิจากการที่ปัจเจกบุคล หลักบุคคลเนี่ยเป็นประธานแห่งสิทธิเองแต่มาเป็นรัฐที่จะต้องมอบสิทธิให้ ประเด็นพวกนี้มันเป็นประเด็นทางเทคนิคหรือทางปรัชญากฎหมาย ทีนี้ในประเด็นที่ผมจะพูดเนี่ยมันมีทั้งหมดสองส่วน แล้วก็เป็นประเด็นที่อาจจะต่างกับอาจารย์ตารเกศคือจุดยืนของผมเวลาเราพูดถึงรัฐธรรมนูญ ผมมองมันในแง่ทั้งของกระบวนการในการยกร่าง และในแง่ของเนื้อหาที่ได้มาผมเคยสอนพวกรายวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองกับนักศึกษามา 2-3 ปี เวลาผมสอนว่ารัฐธรรมนูญคืออะไร มันก็จะมีทฤษฎี 3-4 ทฤษฎีที่จะพูดว่ารัฐธรรมนูญคืออะไร แต่ผมเห็นด้วยกับทฤษฎีหนึ่งคือเวลาเราพูดรัฐธรรมนูญเนี่ยมันหมายถึงการตัดสินใจหรืออำนาจในการตัดสินใจว่าจะออกแบบรูปแบบทางการเมืองเป็นแบบไหน ทีนี้อำนาจในการตัดสินใจนั้นเนี่ยมันก็ย้อนกลับมาสู่คำถามที่ว่า ใครเป็นคนมีอำนาจในการตัดสินใจเพื่อที่จะจัดทำให้มีรัฐธรรมนูญขึ้น เราลองย้อนกลับมาดูนะครับว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใครเป็นคนมีอำนาจในการจัดทำ อำนาจในการจัดทำให้มีรัฐธรรมนูญมันสะท้อนย้อนกลับไปอีกสเต็ปหนึ่งคือ มันสะท้อนให้เห็นว่าใครเป็นองค์อธิปัตย์ในทางการเมือง องค์อธิปัตย์เท่านั้นที่จะมีอำนาจในการตัดสินใจว่า ระเบียบในทางการเมืองควรจะเป็นแบบไหน ทีนี้อย่างที่อาจารย์ตารเกศบอกว่า โอเคอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรมากนักในการมาพูดถึงประเด็นในเรื่องพวกนี้ แต่เนื้อหาทั้งหมดของร่างรัฐธรรมนูญเนี่ยมันก็สะท้อนให้เห็นว่าองค์อธิปัตย์เนี่ยมันวาดภาพอะไร ใฝ่ฝันอะไรและมีโครงการทางการเมืองอย่างไร ในขณะเดียวกัน มันพยายามจะให้เรามีปัจจุบัน มีอนาคตยังไง ใช่มั้ยครับ โดยพื้นฐานแล้วหลักการทั่วไปในการออกกฎหมายก็คือบังคับใช้ในปัจจุบันและก็อนาคต ประเด็นก็คือเราจะมีอนาคตในทางการเมืองแบบไหนยังไงก็อยู่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ประเด็นที่ผมจะพูดสองประเด็น คือ เรื่องแรกเป็นเรื่องของกระบวนการ เรื่องที่สองเป็นเรื่องของเนื้อหาซึ่งเป็นของสังเกตบางส่วนที่ยังไม่ได้ลงลึกมากนัก เพราะว่ามีรายละเอียดปลีกย่อย และยังไม่ได้คิดกับมันอย่างละเอียดครบถ้วนเพียงพอ โดยเฉพาะในเรื่องทางเทคนิคจำนวนมาก แต่ผมมีข้อสังเกตแนวทางรัฐธรรมนูญแบบเร็วๆของผมนะครับอย่างหนึ่ง จากกระบวนการที่เราพูดในรัฐธรรมนูญอย่างหนึ่งคือเป็นกระบวนการหรือองค์อธิปัตย์ในทางฐานะที่เป็นกระบวนการ (Popular Sovereignty as Procedure) ก็คือ เวลาที่เราพูดถึงองค์อธิปัตย์ถ้าอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย คนที่เป็นองค์อธิปัตย์หรืออำนาจอธิปไตยเนี่ยก็คือเป็นของประชาชน ดังนั้นรัฐธรรมนูญที่มันเป็นประชาธิปไตยเนี่ย มันหมายความว่า ประชาชนเนี่ยมีอำนาจในการมีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมา ในกรณีของอินโดนีเซียอย่างที่อาจารย์จิรวัฒน์กับอาจารย์ทรรศนะช่วยชี้ให้เราเห็นก็พยายามที่จะระดมสมองของหลายฝ่าย ในกรณีของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผมคิดว่า นี่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับที่มีส่วนร่วมทางการเมือง ดังนั้นเมื่อกระบวนการของการจัดทำรัฐธรรมนูญมันไม่ได้เปิดโอกาสให้คนมีส่วนร่วมในทางการเมือง อย่างน้อยที่สุดก็ฝ่ายที่โดนรัฐประหารไป ดังนั้นสิ่งที่เขาพยายามจะทำให้เราเห็นก็คือ การพยายามที่จะจำกัดและกำจัดอำนาจของคนพวกนี้ โดยเฉพาะมีฐานคิดหรือวิธีคิดที่จะพยายามที่จะจำกัดอำนาจของประชาชน ผมคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มันมีพื้นฐานความคิดที่อยู่บนวิธีคิดแบบนี้ที่นี้เวลาเราวิเคราะห์รัฐธรรมนูญจากมุมมองของรัฐศาสตร์ เราไม่ได้วิเคราะห์ลงไปเฉพาะรายมาตรา ฉะนั้นเมื่อเวลาพูดถึงรัฐศาสตร์เนี่ย เหมือนที่อาจารย์จิรวัฒน์พูด เราจะวิเคราะห์ในแง่ขององค์ประกอบอย่างอื่นนอกเหนือจากตัวบทด้วย เช่น ใน preamble หรือคำปรารภของมันซึ่งมันจะสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของที่มาตัวสปิริตของรัฐธรรมนูญ แต่ละฉบับมันก็จะมีคำ preamble หรือปรารภที่มันมีความแตกต่างกันออกไป บางฉบับ ก็จะสะท้อนให้เห็นว่ามันมีเหตุการณ์หรือวิกฤตทางการเมือง มีความใฝ่ฝันทางการเมืองอะไรที่เราจะต้องก้าวไปให้ถึงหรือก้าวข้ามมันไปให้ได้ หรือมีข้อจำกัดอะไรที่เราจะต้องเรียนรู้จากอดีต ที่นี้วิธีคิดอันหนึ่งที่ผมคิดว่า เนื่องจากสำหรับผม ผมให้น้ำหนักกับรัฐธรรมนูญในฐานะที่มันเป็นกระบวนการมากกว่าตัวเนื้อหาอีกนะครับ เพราะอะไร ก็เพราะเนื่องจากเราไม่สามารถรู้ได้ว่าอันไหนมันเป็นสิ่งที่ดีได้ตราบเท่าที่ของที่เรามีหรือสิ่งที่เราเสนอในทางการเมืองไม่ได้รับการยอมรับ นี่คือความสำคัญของสิ่งที่เรียกว่าพื้นที่สาธารณะ สำหรับการทำให้คนสามารถมาเรียนรู้ร่วมกัน คือเมื่อเปิดพื้นที่สาธารณะมากขึ้นเนี่ย กระบวนการของสิ่งที่เรียกว่าอำนาจอธิปไตยเนี่ยจะเปิดให้กับทุกๆคน ให้กับคนทุกๆกลุ่ม ดังนั้น กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญสำหรับผมง่ายๆที่สุดเลยคือ เปิดให้สำหรับคนทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด อย่างน้อยที่สุดนี่คือกระบวนการในการแชร์ความคิด ความใฝ่ฝัน หรือกลไกกติกาที่ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมกัน อันนี้คือกระบวนการหรือไอเดียเรื่องกระบวนการของผมเรื่องที่สองคือเนื้อหา ซึ่งแน่นอน เนื่องจากการได้รับมอบหมายว่าให้มาชวนอ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และก็สายตาผมค่อนข้างที่จะหาเรื่อง เนื่องจากพอเห็นว่ากระบวนการในการร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดโอกาสให้กับทุกๆคนแล้ว มีเฉพาะคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะคนที่ได้รับการแต่ง คสช. มีคณะกรรมาธิการอะไรพวกนี้ ผมคิดว่าแน่นอนคนพวกนี้อาจจะต้องมีความคิดหรือมีความใฝ่ฝันในทางการเมืองบางอย่าง แล้วก็พยายามที่จะซุกซ่อนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่นี้ ผมอยากตั้งข้อสังเกตแค่ไม่กี่ข้อว่ามันซุกซ่อนอะไรบ้าง โดยเฉพาะในแง่มุมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยสำหรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในประเด็นแรกเนี่ยถ้าเราสังเกตในเรื่องโครงสร้างของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สิ่งที่สำหรับผมคิดว่ามันพิเศษกว่าร่างรัฐธรรมนูญหรือรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆก็คือมันปรากฏหมวดเพิ่มขึ้น เวลาที่เราอ่านรัฐธรรมนูญมันก็จะแบ่งเป็นหมวดหมู่ หมวดที่เพิ่มขึ้นมามีอย่างน้อย 4 หมวด หมวดแรกคือหมวดที่ว่าด้วยหน้าที่ของรัฐ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีหมวดนี้อยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับไหน หมวดที่สอง คือหมวดที่ 9 การขัดกันแห่งผลประโยชน์ การขัดกันแห่งผลประโยชน์ในรัฐธรรมนูญฉบับที่แล้วอยู่ในหมวดของการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หมวดที่สามอันนี้น่าสนใจคือว่าด้วยเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ เป็นหมวดที่แยกออกมาจากต่างหากจากศาล คือในรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญก็อยู่ในหมวดว่าด้วยศาล แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้พยายามแยกศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นอีกหมวดหนึ่ง เพื่อไฮไลท์ความสำคัญของศาลรัฐธรรมนูญ และอันสุดท้ายนะครับคือ หมวดอัยการ สำหรับผมคือประหลาดใจมาก และก็ยังไม่ได้อ่านหมวดอันนี้สำหรับผม หมวดที่มันมีความสำคัญมากที่สุดและมันอาจจะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าอนาคตของการเมืองไทยเนี่ยก็คือหมวดว่าด้วยศาลรัฐธรรมนูญ อาจารย์จิรวัฒน์ตั้งข้อสังเกตว่า ศาลรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซียมีความก้าวหน้ามาก แต่ไม่แน่ใจว่าของไทยก้าวหน้าหรือเปล่า? ผมสามารถตอบได้เลยครับว่า ของไทยถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้บังคับใช้จริงก็มีความก้าวหน้ามากขึ้น คือ ก้าวหน้าในอาชีพการทำงานมากขึ้น และก้าวหน้าในหมวดหมู่ของรัฐธรรมนูญคือแยกออกจากต่างหากเลย แต่แน่นอนนั่นคือความถดถอยของประชาธิปไตย เพราะว่าอะไรเดี๋ยวผมจะชี้ให้ดู เปิดดูมาตรา 207 มันคือการแปลงมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2550 หรือ 2540 ด้วยเนี่ย ให้มาอยู่ในหมวดของศาลรัฐธรรมนูญ หมายความว่าไง หมายความว่า มาตรา 207 การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามตัวอักษรหรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ อันนี้ก็ปรกติ ถ้าไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่จะยกมาปรับแก่กรณีใดได้ ให้วินิจฉัยกรณีนั้นตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันนี้แหละคืออำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกเพิ่มเติมขึ้น พูดง่ายๆ อำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ การถ่ายโอนอำนาจซึ่งเดิมเคยเป็นของกษัตริย์เข้ามาอยู่ในหมวดหมู่ของศาลรัฐธรรมนูญ และในกรณีแบบนี้ ศาลรัฐธรรมนูญกลายเป็นผู้ที่สามารถออกกฎเกณฑ์หรือออกกฎหมายได้เอง โดยปกติเมื่อพูดถึงศาล ศาลไม่มีอำนาจในการออกกฎหมาย รัฐสภาหรือฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้นที่มีอำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมาย แล้วศาลก็มาตัดสินตามตัวบทกฎหมาย แต่ในกรณีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญสามารถสร้างตัวกฎหมายขึ้นมาได้เอง สำหรับผมอันนี้แหละที่คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญก็จะมีบทบาทหน้าที่เพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนั่นก็คือการหาเจ้าภาพให้กับมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าฯ หรือตัวอย่างอื่นๆ อย่างในหมวดศาลรัฐธรรมนูญ เช่น อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญในการควบคุม สิ่งที่เรียกว่าจริยธรรมของนักการเมือง ส.ส. ส.ว. ก็จะอยู่ในหมวดนี้ ซึ่งเป็นหมวดที่ไฮไลท์พอๆกันกับบทเฉพาะกาลในมาตราสุดท้าย ที่ให้อำนาจ คสช. ทุกๆอย่างแม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะอำนาจในการบังคับใช้แล้วผมลืมพูดไปนิดนึงว่าทำไมศาลรัฐธรรมนูญถึงมีบทบาทมากขึ้น มันวางอยู่บนข้อสมมติฐานภายใต้ข้อสังเกตของที่อาจารย์ตารเกศที่ได้วางไว้ให้กับพวกเรา เวลาเราพูดว่าหลักนิติรัฐ นิติธรรม ก็แล้วแต่นะครับ หลักเกณฑ์อย่างหนึ่งที่มันมาพร้อมกันที่อยู่ภายใต้ของหลักนิติรัฐ นิติธรรม คือ คุณต้องมีสิ่งที่เรียกว่าการแบ่งแยกอำนาจ และการแบ่งแยกอำนาจนี้ คือ การแบ่งแยกอำนาจของสิ่งที่เรียกว่าอำนาจอธิปไตย อำนาจที่แบ่งแยกเนี่ยกลายเป็นอำนาจบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ ทีนี้สำหรับการเมืองไทย อำนาจที่มันยึดโยงกับประชาชนน้อยที่สุด คือ อำนาจของศาลหรืออำนาจตุลาการ แล้วเมื่อเพิ่มอำนาจให้กับอำนาจตุลาการเพื่อตรวจสอบฝ่ายการเมืองมากขึ้นเนี่ย พูดง่ายๆ ก็คือ มันทำให้อำนาจตุลาการมันหลุดลอยจากความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และนี้คือสำหรับผมนี่คือ หนึ่งในความน่ากลัวของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ ให้อำนาจกับองค์กรที่มีปัญหาเรื่องความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด มาจัดการกับองค์กรที่มาหรือเชื่อมโยงตัวเองกับประชาชนหลังจากนำเสนอในรอบแรก มีการแลกเปลี่ยนและระดมคำถามจากผู้เข้าร่วม โดยมีคำถามหลัก คือการเปรียบเทียบกรณีอินโดนีเซียบกับไทยในเรื่องการทำให้เป็นประชาธิปไตยและพลังต่อต้านประชาธิปไตย สำหรับวิทยากรจากหลักสูตรอาเซียนศึกษา และจะรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะอะไร สำหรับวิทยากรทุกท่านสำหรับคำถามที่ให้ประเมินความสำเร็จของกลุ่มพลังประชาธิปไตยและการเคลื่อนไหวของพลังต่อต้านประชาธิปไตยในทั้งกรณีอินโดนีเซียกับกรณีไทยนั้น ที่จริงในกรณีอินโดนีเซีย หลายคนก็บอกว่ายังเร็วไปที่จะประเมิน มันไม่ได้หมายความว่าถ้วนทุกคนจะเข้าร่วมกับกระบวนการไปสู่ประชาธิปไตยไปเสียทั้งหมด ยังมีคนอินโดนีเซียอีกเป็นจำนวนมากที่ใฝ่ฝันถึงยุคสมัยของซูฮาร์โต ด้วยเหตุนี้จึงดูเหมือนว่า การผลักดันบางเรื่องอาจไม่ถึงขนาดว่าจะต้องหวังให้ไปกันทั้งหมดทั้งสังคม แต่คนที่มีศักยภาพที่จะผลักดันนั้นสามารถที่จะทำให้ความคิดของตนเกิดผลสำเร็จจริงได้ขนาดไหนต่างหาก ในกรณีของอินโดนีเซีย มีคนซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ประชากรส่วนใหญ่ของอินโดนีเซียแน่ พวกเขารู้สึกจริงจังกับความทุกข์ทนกับยุคเผด็จการยุคอำนาจนิยม พอยุคนั้นสิ้นสุดลง ก็มีแรงผลักดันเต็มที่ในการจะทำให้เกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ให้ได้ ซึ่งมันก็คงไม่อาจเกิดขึ้นได้ในทันที ก็ต้องมีกระบวนการในการแก้ปรับกันไป เพียงแต่ว่าเจตนารมณ์ในการไปสู่ประชาธิปไตยมันแรง แล้วได้รับการตอบรับจากคนอีกหลายๆ กลุ่ม แม้กระทั่งกลุ่มทหารนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อมีข้อเสนอให้ออกจากการเมืองแล้วก็ถอนตัวทันทีนะ มีการยื้อกันอยู่นานพอสมควร แปลงรูป แปลงร่าง เปลี่ยนจากทหารไปสู่นักการเมือง แต่ในท้ายที่สุดเจตนารมณ์ของคนที่มีศักยภาพที่จะเคลื่อนไหวและผลักดันประชาธิปไตยมันทำงานผนึกกันได้ค่อนข้างดี มีทิศทาง ต่อให้กระจัดกระจายกันไปบ้าง แต่มันมีเป้าหมายเดียวกันกลับมาสู่คำถามของนักศึกษาที่ว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ของไทย สำหรับผมก็คงไม่อาจรับได้มาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่จะรับหรือไม่รับร่างนี้ แต่ไม่รับตั้งแต่การยึดอำนาจเข้ามา ที่จริงย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยสนธิ บุญยรัตกลิน เสียด้วยซ้ำ กระบวนการมันผิดตั้งแต่ต้น ก็ไม่ต้องมาอ้างเลยว่าจะเอาอะไรมาให้เลือก ถามว่าจะเอารัฐธรรมนูญฉบับไหน ผมเห็นส่วนตัวว่ากลับไปตั้งต้นที่ฉบับ 2540 พกพร่องก็แก้กันไปสำหรับคำถามว่าภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ คนที่เห็นว่าไม่รับจะทำอย่างไรให้เกิดผลจริงในวงกว้าง ผมเองกลัวว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่าน ฝ่ายสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญมีเครื่องไม้เครื่องมือที่เข้าถึงคนจำนวนมาก สามารถควบคุมสื่อควบคุมทางสังคมได้อย่างกว้างขวาง การที่ฝ่ายไม่รับจะทำอย่างไรให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่ผ่านจริง อาจต้องยกระดับให้การล้มร่างรัฐธรรมนูญนี้เป็นสัญลักษณ์แทนการล้มความชอบธรรมของฝ่ายปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยไปด้วยต่อคำถามเรื่องพัฒนาการไปสู่ประชาธิปไตยของอินโดนีเซีย แม้ว่าถึงวันนี้เราอาจจะยังไม่อาจสามารถสรุปลงไปชัดๆ ได้ว่ากระแสความก้าวหน้าของประชาธิปไตยอินโดนีเซียจะมั่นคงไปได้ตลอด แต่อย่างน้อย ในช่วงที่สิบปีที่ผ่านมาเราก็เห็นได้ถึงพัฒนาการที่น่าสนใจหลายๆ ประการ ตัวผมค่อนข้างให้น้ำหนักกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังทางสังคมค่อนข้างสูง บวกกับยุคสมัยปัจจุบันที่เทคโนโลยีข่าวสาร การสื่อสารทางโซเชียลเน็ตเวิร์คค่อนข้างมีพลัง เราจะเห็นการรวมกลุ่มของคนปัญญาชน คนรุ่นใหม่ผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างน่าสนใจในอินโดนีเซียตั้งแต่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคปฏิรูป กลุ่มขบวนการนักศึกษาก็ยังคงเข้มแข็งอยู่ไม่น้อย อุดมการณ์หรือค่านิยมบางอย่างของนักศึกษาที่วางรากฐานไว้ตั้งแต่ยุคสร้างชาติมาจนยุคปัจจุบันก็ยังสามารถผลักให้เกิดการรวมกลุ่มกันได้ค่อนข้างเข้มแข็ง หากมีกรณีอย่างราคาน้ำมันขึ้นสักห้าสิบสตางค์ มาม่าขึ้นสักห้าสิบสตางค์ ไข่ไก่ขึ้นสักห้าสิบสตางค์ ก็จะออกกันมาแล้วเต็มท้องถนนเพื่อเดินขบวนประท้วงต่อรัฐบาล ซึ่งภาพเหล่านี้เราไม่ค่อยเห็นในสังคมไทยเสียแล้วในปัจจุบัน หรือมีบ้างก็ไม่เข้มแข็งเท่า ผมคิดว่าในกลุ่มปัญญาชนเหล่านี้ของอินโดนีเซียมันได้ขยายพลังไปสู่การพยายามรวมกลุ่มกันไปตรวจสอบการเลือกตั้ง ไปฟังนโยบายปราศรัยของผู้สมัคร แล้วก็มาวิพากษ์วิจารณ์แลกเปลี่ยนกันภายใน ซึ่งก็อีกหนึ่งพลังสำคัญทางการเมืองนอกเหนือไปจากการพยายามปรับเปลี่ยนปฏิรูปตนเองของชนชั้นนำทางการเมือง ในกองทัพฯ หรือตัวนักการเมืองเองถ้าจะเปรียบเทียบกับสังคมไทยกับอินโดนีเซีย อินโดนีเซียโดยเฉพาะในยุคปฏิรูป การแข่งขันทางการเมืองจะรุนแรงดุเดือดเลือดพล่านแค่ไหน มีการจลาจล การประท้วงรุนแรงเพียงใด สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าอินโดนีเซียมั่นใจได้ก็คือ แทบจะไม่มีโอกาสเกิดรัฐประหารขึ้นอีกแล้ว รัฐประหารเกิดขึ้นได้ยากมาก ด้วยสภาพทางกายภาพเป็นหมู่เกาะ ด้วยการไม่สามารถผูกขาดอำนาจของกองทัพจากศูนย์กลางอย่างเบ็ดเสร็จ เพราะแต่ละเกาะแต่ละภูมิภาคมีลักษณะพิเศษ คือทหารมีอิทธิพลในท้องถิ่นและสามารถสร้างตัวให้มีอำนาจขึ้นมาในแต่ละเกาะในแต่ละภูมิภาคโดยไม่ได้เชื่อมโยงศูนย์กลางอำนาจกับจาการ์ตาหรืออำนาจส่วนรวม จึงทำให้โอกาสการรัฐประหารอะไรพวกนี้ในสังคมอินโดนีเซียมันเกิดได้ยากมาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าการแข่งขันทางการเมืองจะรุนแรงแค่ไหนเนี่ยมันไม่น่าจะย้อนกลับมาสู่ยุคเริ่มต้น นั่นก็คือมีการก่อรัฐประหาร ล้มเลิกรัฐธรรมนูญอีกแล้วครับแล้วอีกส่วนหนึ่งคือการที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 1945 ยังคงใช้ได้จนถึงปัจจุบัน เหมือนกับที่อาจารย์จิรวัฒน์พูดว่าหลักการสำคัญ คือหลักปัญจศิลาที่ประกาศชัดเจนแล้วว่าอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตามจะไม่เอนเอียงไปหรือจะให้ความหวังกับคนจำนวนหนึ่งที่จะทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นรัฐรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่รัฐฆราวาส หรือกล่าวอีกอย่างคือเป็นรัฐศาสนาหรือรัฐทางอุดมการณ์แบบอื่น เพราะฉะนั้นการทำให้อินโดนีเซียเป็นรัฐแบบฆราวาสในแง่หนึ่งมันก็ช่วยส่งเสริมการแข่งขันในเรื่องการเมืองการเลือกตั้งที่ค่อนข้างที่จะเสรีและโปร่งใส ปฏิเสธไม่ได้ว่า อินโดนีเซียมีกลุ่มฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยอยู่ กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดคือกลุ่มศาสนาอิสลามที่พยายามเคลื่อนไหว ปรารถนาที่จะให้อินโดนีเซียเป็นรัฐอิสลาม ที่มีการนำกฎหมายชารีอะห์มาใช้ หากแต่ตราบใดก็ตามที่รัฐธรรมนูญปี 1945 ยังคงยืนหยัดในหลักการปัญจศิลา ที่คงให้อินโดนีเซียเป็นรัฐฆราวาสอยู่ ซึ่งด้วยลักษณะแบบนี้ในแง่หนึ่งจึงคล้ายๆ เป็นการดึงให้กลุ่มขบวนการทางศาสนาจะต้องปรับตัวและองค์กรเข้ามาสู่การแข่งในทางการเมืองแบบปรกติ ฉะนั้น เราจึงเห็นขบวนการทางศาสนาจำนวนหนึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรมาเป็นพรรคการเมืองที่มีพื้นฐานทางหลักศาสนาอิสลามแทน ผมคิดว่าด้วยลักษณะแบบนี้ก็เป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สามารถดึงกลุ่มที่ต่อต้านกระบวนการประชาธิปไตยเข้ามาได้ จากที่เคยเคลื่อนไหวอยู่นอกระบอบประชาธิปไตย เพราะถ้าคุณไม่เข้าสู่การแข่งทางการเมืองในระบบ คุณก็แทบไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้ความปรารถนาของคุณจะเกิดขึ้นได้เลย เพราะอย่างน้อยเมื่อคุณเปลี่ยนขบวนการเคลื่อนไหวทางศาสนามาสู่พรรคการเมือง คุณยังมีสิทธิ์ได้ส่งตัวแทนเข้าไปนั่งเป็น ส.ส. ในรัฐสภาได้ และเมื่อนั้นคุณอาจมีสิทธิเสนออะไรบางอย่างที่สอดคล้องกับหลักการทางศาสนาของคุณได้ และด้วยลักษณะการแข่งขันในทางการเมืองแบบปกติแบบนี้ผมคิดว่ามันก็ช่วยให้กระแสประชาธิปไตยของอินโดนีเซียยังคงก้าวหน้าไปได้ในระดับหนึ่ง คือยังสามารถดึงคนกลุ่มต่างๆ มาร่วมได้มากเหตุผลอีกประการคือ บริบททางสังคมการเมืองของอินโดนีเซียมันก็ไม่ได้มีความแตกแยกเหมือนสังคมไทยที่มีการแบ่งแยกขั้วการเมืองค่อนข้างชัดเจน แต่อินโดนีเซียนี่ด้วยความหลากหลายของกลุ่มคนและแนวคิดเรื่องภูมิภาคนิยมอีก มันแทบจะไม่มีคนกลุ่มก้อนใหญ่ๆ ที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนเหมือนกรณีของไทยที่ขั้วอำนาจใหญ่สองขั้วปะทะกัน และทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงหรือการรัฐประหารอะไรแบบนี้ ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญที่นักศึกษาถามมาจริงๆ ผมก็ไม่ได้ศึกษารายละเอียดมามาก เพราะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ แต่ว่าจุดยืนของผมก็คิดเหมือนอาจารย์จิรวัฒน์ คือ พอไม่ยอมรับอำนาจจากการรัฐประหารแล้วในเบื้องต้น มันก็ยากที่จะเห็นด้วยกับการรับร่างรัฐนูญธรรมนี้ตามมาด้วย เพราะฉะนั้น ในเบื้องต้นถ้าถามว่าผมจะรับหรือไม่รับร่างรัฐนูญฉบับนี้ ผมก็คงไม่รับเหมือนกันเพราะเราไม่ได้ยอมรับหลักการนี้มาตั้งแต่แรกแล้วจากคำถามของนักศึกษา คำตอบก็เหมือนกับอาจารย์สุรัชกับอาจารย์จิรวัฒน์ การพิจารณารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ต้องดูต้องตั้งแต่ หนึ่ง ที่มา สอง กระบวนการร่าง สาม เนื้อหา ถ้าผิดกฎหมาย ไม่ชอบด้วยความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ที่มาของกลุ่มคนหรือคณะบุคคลที่มาร่างก็ไม่ต้องไปดูถึงกระบวนการหรือว่าเนื้อหาแล้ว แต่ว่า ณ ตอนนี้ก็คือในมุมมองของเนื้อหา ในส่วนของสิทธิเสรีภาพซึ่งก็เป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่กำเนิดแล้วก็ได้ถูกลดถอนลงไป โยกย้ายประธานแห่งสิทธิจากบุคคลไปให้รัฐ เป็นหน้าที่ของรัฐ ถ้าแนวทางของพวกเราไม่รับหรือไม่เห็นด้วย เราควรจะยกระดับการต่อต้านหรือยกระดับการเคลื่อนไหวอย่างไร เคยอ่านบทความหนึ่งของอาจารย์กําชัย จงจักรพันธ์ ธรรมศาสาตร์ ที่พูดถึงความชอบธรรมของการรัฐประหาร บทความได้พูดถึงคำพิพากษาฎีกาในการรัฐประหารปี 2501 คณะศาลรับว่า คำสั่งหรือกฎหมายที่ออกโดยคณะรัฐประหารเป็นสิ่งที่บังคับใช้ได้ เพราะว่า ณ ตอนนั้นเนี่ยเขาเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ทำรัฐประหารแล้วยึดอำนาจได้อย่างสำเร็จ ก็ต้องถือว่าคำสั่ง ความข้อใดๆ คำประกาศใดๆ ที่เขาออกถือว่าเป็นกฎหมาย แม้พระมหากษัตริย์จะไม่ตราออกมาตามคำแนะนำหรือคำยินยอมสภาผู้แทนราษฎรก็ตาม แล้วก็ยังมีคำพิพากษาฎีกาอีกหลายกรณีที่มีลักษณะนี้ ดังนั้น ถ้าเรามองถึงวิวัฒนาการ มองในมุมของนิติศาสตร์ก็จะเห็นว่ามีการยอมรับความชอบธรรมของอำนาจหรือกลุ่มบุคคลเหล่านั้น แล้วถ้าเราไม่ยอมรับ จะต่อต้านอย่างไรเนี่ยก็ตอบยาก อ่านบทความของอาจารย์กำชัยแล้วก็ชอบตรงจุดหนึ่งที่บอกว่า ถ้าพวกเราในฐานะที่ไม่เอารัฐประหาร ต้องไม่ยอมรับหรือไม่ให้คุณค่ากับการทำรัฐประหาร ก็ใช้มุมมองของปรัชญาทางกฎหมายกลับไปว่า เรามองสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ ความเป็นศักดิ์ศรีของมนุษยชน เป็นหลักสากล ถือมันว่าเป็นหลักทั่วไปที่ตั้งแต่เราเกิดมาเรามีแล้ว แต่ว่าตอนนั้นไม่มีกฎหมายรับรองที่ตราเป็นลายลักษณ์อักษร แต่พอผ่านหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านประสบการณ์อะไรมา เราไม่อยากถูกปฏิบัติแบบที่มีการเลือกปฏิบัติ ก็เลยมีการรองรับสิทธิมนุษยชนขึ้นมา ดังนั้น ในมุมมองของอาจารย์กำชัย ถ้าอย่างนั้น เราทำให้การไม่เอารัฐประหารเป็นหลักทั่วไปได้ไหม คือ ถ้าเรามองในมุมปรัชญา ทำให้เป็นสิ่งที่สูงกว่ากฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรก็คล้ายๆ กับของทุกคน ถ้าถามว่าจะรับหรือไม่รับไหม ตั้งแต่แรกก็คือไม่รับตั้งแต่รัฐประหาร 2549 เพราะมาไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แล้วรัฐธรรมนูญ 2550 ก็เป็นรัฐธรรมนูญที่คล้ายๆกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือมันไม่ได้ผ่านกระบวนการที่รับความคิดเห็นในระดับกว้าง เหมือนอาจารย์เชนทร์ไปรณรงค์ก็จะถูกจับอยู่เลย ครั้งนี้ก็ไม่รู้จะโดนไหม คือที่นี้เวลาที่เราไม่รับหรือปฏิเสธอะไร อย่างน้อยเราก็ต้องมีเหตุผล เราก็ต้องมีข้อเสนอ เหตุผลที่ผมไม่รับ แน่นอนอย่างหนึ่งมาจากเนื้อหาที่จะใช้ในอนาคตกับเราเนี่ยก็อีกอย่างหนึ่งแล้วก็เหตุผลอีกสองสามอย่าง อันนี้มันก็ทำให้ไม่รับ ข้อเสนอของผมเนี่ยก็คือเราจะมองไปข้างหน้ายังไง ขอเสนอง่ายๆ เลยก็คือคล้ายๆกับของอาจารย์จิรวัฒน์ก็คือ โมเดลที่เราจะเอามาปรับแก้เนี่ยสำหรับรัฐธรรมนูญเนี่ยมันต้องวางบนไม่โมเดลของปฏิวัติสยาม 2475 ก็ รัฐธรรมนูญ 2540 การปฏิวัติสยามมันยังไม่เคยสิ้นสุด มันยังไม่เสร็จเพราะว่ามันอยู่ได้แค่แปปเดียว และรัฐธรรมนูญในปี 2540 เนี่ยในแง่ของการปฏิรูปการเมืองนั่นคืออยู่ได้นานกว่ารัฐธรรมนูญ 2475 อีก ซึ่งอยู่ได้เกือบ 10 ปี
|
บริษัท Mazda Wales Thailand Co,Ltd. ให้ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยังคงความแข็งแกร่ง เสริมทัพต่เยิดความสำเร็จจากเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนด่เ.ลเปิดตัวแนะนำรถยนน์นั่ง Qll New Mazda 2 SkyActib G เครื่ิงยนต์เบนซิน WkyActiv G ขนาด 1300 ซีซี อย่างเป็นทสงการ มาพร้อมความรุ้มค่สคุ้มราคา แถมอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กิโลเมตรต่แลิตา อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน เอาใจวัยรุ่นยุคดิจิตอลเชื่อมตือกับโลกโซเชียลด้วยระบล MZD Connect เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต? B-Car ประกาศขึีนแท่นผู้นำรถยรต์น้่งขนาดเล็กระดับพรีเมียมหนึ่งเดรยวในคลาส วาลราคาขายเริ่มต้นเพียง 5 แสนกส่าบาท พริอมตัืงเป้าการขายสูงถัง 30,000 คัน,ฮิเดสึักะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร Mazda Sales Thailand Co,Lgd. แถลงตีอสื่อมวลขนฝนวันเปิดบูธ Mazda ว่า Mazda ถือเป็นผ๔้ผลิตรถยนต์ราวแรกที่มุ่งมั่นเพื่อพัฒาสรถยนต์นั่งซับคอมแพ็คคาร์ภ่ยใต้มาตาฐานใหใ่ด่วยห่รแนะนำ Mazda 2 SkyActif ใหม่ ที่มีเครืรองยนต์ที่ดีที่สุดลงในตลาดถึง 2 เครื่องยนต์ เพื่อ้ป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กัขลูกค้าชมวไทยทั้ลสกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500 ซีซี ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงอยู่สนขณะนี้แลเล่าสุดส่งเครื่ิงยนต์สหายแอคทีฟเบนซิน 1300 ซีซี ที่ให้ทั้งสมนรถนะการขับขี่ที่เปี่ยมด้วยพงังแรงให้กพลังสูงสุดทั่ 93 แรงมีาที่ 5,800 รอบแ่งบิกสูงสุด 123 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ เผ็นอครืืองยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงประหยัดนัำมันสูงถึง 23.3 กืโลเมตรต่อลิตร พร้อมมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งเชองป้องกัน (Active Saffgy) และเชิงปกปือง (Passive Safety) รวมถึงการออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มกาารับรู้และกาตคาอการณ์ต่อสถนนการณ์ที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอับัติเหตุ,รถยนต์ Mazda 2 SjyActiv เบนซิน หรือ SkyActiv G 1.3L เป็นมิตรต่อนอ่งแวดล้อมผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษของยุโรป EURO 5 เป็นครั้งแรกของคถที่จำหน่ายในป่ะเทศด้วยการปล่อยำอเสียต่ำเพียง 100 กรัมต่อกิโลเมตร อุปกาณ์มาตคฐานครบ ตอบสนองการใช้งาน Mqzds 2 SkyActiv G เคริ่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ล่มสุดที่ตามหลัว Mazda 2 SkyActiv D เครื่องยนค์ดีเซล 1.5 ลิตร จึงเป็นรถยนต์ในกลุ่มบัเซ็กเมนต์ที่เหนือความคาดหมายของลูกค้าซึ่งจะเข้ามา้จระกลุ่ทลูกค้ทที่มีขนาดใหญ่ และจะเป็นทางเลือพสำคัญหนึ่งเดียวในคลาสการเสริมทัพในครั้งนี้,Mazda วางกลุ่มลูแค้าะป้าหมายหลักของ Mazda 2 ดอกเป็น 1 กลุ่มหลักๆ แลุ่มแรกสำหรับเครืาอวยนต์คลีสดีเซลมุ่งเจาะกลถ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ท่่หลากหลายเป็นกลุทมึนรุ่นใหม่ที่มีเอพลักษณ์เฉพาะตัว มีความต้เงการชัดเจนในเรื่องของการใช้ลานของรถที่ให้สมรรถนะสูงมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดี คุณภาพและมาตรฐานการขับขี่เป็นทร่ยอมรับของนักมดสอบรถยนต์ชเ้จรำทั่วโลก แลุ่มที่สองคือกลุ่มล฿กค้นที่เน้นเครื่องยนต์เบนซิสต้ิงการรถมี่ขับสนุก คล่องตัว ประหยีดน้ำมัน กลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาความคุ้มค่าคุ้มราคา และเป็นรถยนต์ที่ให้อราถประโยชน์มากกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน ทั้งสองกลุ่มัป็นตลาดหลัแทร่สำคัญของตลาดรถบนต์ประเทศไทย,สำหรับ <azda 2 SkyActiv ใหม่ ทั้งสองรุ่น Mazda ตั้งเป้าการขายไว้สูงถึง 30,000 คัน สำหรับกลไกสำคัญทีาจะช่วยผลักดันยอดยำหน่ายโดยรวมให้ประสบความสำเร็จในปีนี้ของ Mazda ที่ตั้งเป้าไว้สูงถึง 50,000 คัน โดยประมาณ หรือเพิ่มขึ้นถึง 40% ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 5.5% ได้แก่เทคโนโบยีเครื่องยนต์แลเระบบส่งกำลังรวมถึงระบบรองรับหรือช่วงล่างในสไตล์ Zoom Zoom ในข๕ะที่ตลาดรถยนต์โดยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 900,000 คเน,จุดเด่นที่สำคัญยอง Mazda 2 Su5Activ G เครื่องยนต์เบยซินรุ่นใหม่ อัดแย่นไปด้วยเทีโนโลยี SkyActiv มาพร้อมรูปลักษณ์การอแกแบบภายใต้ KODO Design งานดีไซน์ที่หสานจ้ตวิญญาณแห่งกาาดคล้่อนไหวอันงดงาม พร้อมเทคโนโลยีแห่งความแลอดภัย มิติใหม่ของรถซับคอมแพ็คคาร์ระดับโลกที่สามาาถเชื่อมตทอสู่ฮลกออนไลน์ด้วยนวัตกรรม MZD Connect าามารถเชื่อมต่อการสื่อสารบนโลกอแนไลน์ได้ตลอดเวลา Mazda ตั้งใจืี่ขะสร้างรถ Mazda 2 SkyActiv อบนซินให้แตกต่างแงะก้รวขืามรุจนต์ที่มีอยู่ในตลาดทุกคันเป็นการสร้างมาตรฐารใหม่ด้วยเทคโนโลยีขั้นยูง่้่ให้ประสิทธิภาพและความประหยัด อุปกรณ์มาตรฐานครบ ตุณภาพงานประกอบภายมนภ่ยนอกทีาพิถีพิถัน โดยหำหนดราคาให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย เป้าไมายในการสร้างมาตรฐนนการออกแบบภายในขึ้นฝำม่ให้โลกได้าับรํ้ ใสรใจในทุกรายละเอียดอย่างจริงจัง รวมถึลความพิถีพิถันในกานขึ้นรูปทรงที่สงนงทม คุณภาพที่เหนือกว่ารถยนต์ในรัดับเดียวกัน การยรีนงสอ่งแวดล้อมภายในหิดงโดยสารที่ยึดเอาผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง การเลือกสรรและการผสมผสานคู่สีที่สวยงามจนเป็นห้องโดยสารที่เพิ่มความเพชิดเพลินให้กับประสบการณ์ การเป็นเจ้าของรพ Maxda 2 SkyActiv เบนซิน 1.3 ลิตร เน้นสภาพการควบคุมเชื่อทโยงกุบคใามสนุกหลังพวงมาบัยทุกครั้งที่ได้อยู่ขนรถคันนี้ทำให้เกิพความกระตือรือร้นอยากจะขับให้บรอยครั้งที่นุด,เทคโนโลยี SKYACTIV[DRIVE คือ เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีเที่รวมเอาข้อดีของเกียร์ทุกระบบดข้าไว้ด้วยกึนให้อารม๖์ตอบสนองที่แม่นยำเฉกเช่นเกียร์ธรรมดาฮดยกำลังจากดครื่อฝยนต์ถูกส่งไปยเงตัวถังและลีออน่างสมบูรณ์และลดการสูญหายของกำลังจึงยังคงความแรงและใผ้ประสิทธิภาพของการประหยัดน้ำมันมาดขึ้นกว่าฐเดิมโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ SKYACTIV-BODY ซึ่งเป็นโึรงสร้างของรถยจต?ยุคใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีน้ำหนักที่เบาลงเผมาะสมกับขนาดและกำลังของเครื่องยนร์และเพิ่มโลหะเกรเพคีเม่ยมดหล็กดลิาทนแรงดึงสูง (High Tensile Wt3el) ที่แข็งแกร่งแต่มีน้ำหนักเบาทดดทนเหล็กประเภทเพิมอ้กทั้งยังเพิ่มจุดเชื่อมยึดเพื่อให้โครงสร้างหลักกับโครงสร้างส้วนอื่นของรถเป็นมวลเดียวกันขึงให้ความมั่นคงกว่า ปลอดภัยปว่า พร้อมท้้งประหยัดน้ำมันมากยิ่งขุ้น,ช่งงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ SKYACTIV-CHASSIS ให้ความรู้สึกในการขับที่เกาะถนนมั่นคง ขณะที่ความนุ่มนสลของช่วงล่างยังคงอยู่ ระบบบังคับเลีิจวระบบใหม่ให้ความมั่นใจในการควบคุมรถขณุเข้าโี้งได้อย่างแม่นยำ,เครื่องยนต์ Mazda 2 SkyActiv ดบนซิจขนทด 1.3 ลเตร SKYACTIV-G และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีพ SKYACTIV-DRIVE ท้่พัฒนาขึ้นใหม่ติดตั้งนะบบ i-stop (idling stop system) และระบบช่ยยประหยัดน้ำมันอัจฉริยั i-WLOOP หรืเระบบเปลี่ยนรูปพลังงานาี่สูญเสียจากการชะลอหยุดรถกลับมาใชัที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี SkyAcyif เพื่อฝหัการประหยัดน้ำมันที่กี,าถสนต์ Mazda 2 SkyActiv ใหม่คว้ารางวับอันทรงเกียรติมากมาย ล่าสุดีือ Japan Car of the Year 2014 แระเทศญี่ปุ่น และรางวับ Germany Folden Steering Wheel จากประเทศเยอรมนี ถือเป็นการเอาชนะกฎย้อจำแัพต่างๆ และสร้างใาตรฐานขึ้นมาใหม่ให้กับรถบนต์ในเซ็กเมนต์นี้ <azda 2 SkyActiv เขนซินใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่นประกอบด้วย าุ่สแฉตช์แบค 5 ประตู 3 รุ่น และรุ่นซีดาส 4 ประตู 3 รุ่น สำหรับสีภายนอกเป็นอีกหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการออกแบบรถยนต์ Mazda และเป็นกนรนำเสนอรถยนต์ที่น่าดึลดูดใจ โดยสึภายนอกมีความส_คัญเช่นเดียบกับอุปกรณ์อื่นๆ สีใหม่ที่ Mazda นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการพัฒนาแบบใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะของสคที่มีความงดงามเงาวาวเป็ตประกายเมทัลลิก ดูมีมิติเชิงลึก ค้อ สีแดง โซล เรด,Mazda 2 SkyActiv G เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร มีให้เลือกทั้ฝหมะ 8 สี ประปอบด้วย สีแดง โซล เรด, สีขาวมุก สโนว์เฟลก, สีน้ำตาล ไทเทอนรยา แฟลช, น้ำังิน ไดนามิกบลู, สีเงิน อะลูมินัม, สคดำ แบล็ก, สีขาว อาร์กติค ไวท์ และสึเทา เมโทรฑพลิตันเกรย์ Nazda วนงเป้าหมายเพ่่อให้ครอบรลุมกลุ่มรถยนต์นั่ฝขนาดเล็กระดับพรีอมียมด้วยกลยุทู์ด้านราคาที่เป็นอีกหนึ่งความสำคัญเพื่อให้ทุกคนสมมารถเป็นเจ้าขอบได้ เพิ่ม่างเลือกให้แก่ผู้าี่ชื่นชิบสมรรถนะของเครื่องยนต์คลีาดีเซล Mazda นำมาพิจารณาในการนำ Mazda 2 AkyActiv เบนซินใหม่ ลงสู่ตลาดด้วยราคาเริรมต้นที่ y แสนกลางๆ ใน ขณะที่รุ่นท็อป ซึ่งทั้งำายนอก ภสยใามาพร้อมกับชุดเสริมควทมสปอร์ตทีีเป็นอัปกรณ์มาตรฐานราคาเพียง 6 แสนกว่าบาท เมื่อเทียบคุณสมบัติและอุปกรณ์มาตรซานที่ Mazda 2 ใหม่ มีมาให้กับราคา นับว่าเป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งในตลสะที่คุ้มค่า.Mazda 2 SkyActiv G มีให้เลือกด้วยกัน 6 รุ่นคือฐMazda 2 Sports แฮตช์แบค รุ่น Standard เำียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าส 550,000 บาท,Mazda 2 Sports แฮตช์แบค รุ่น High เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าส 6q0,090 บาท.Mazda 2 Sports แฮตช์แบค รุ่น High Plus เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย y65,000 บา่,Mazda 2 Sedan รุ่น Standard เดียร์อัตโนมัตเ ราคาจำกน่าย 550,0p0 บาท,Mazda 2 Sedan รุ่น High เกียร์อัตฮนมัตเ ราคาจำหน่าย 6q0,000 บา่,Mazda 2 Sedan รุ่น High Plus เกียร์อัตโนมัติ ราคาตำหน่รส 665,000 บาท,ฮิเดสึเกะ ทาดกสึเอะ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจาพการเปิดตัวรถยนต์ Mazda 2 SkyActiv G เครื่องยนต์สกายแอคทีๆิบนซิน ใหม่ในบานมอเตอร์โชว์แห่งนี้แล้ว Mazda ยังยกทัพยานยนต์ภายใตืเทคโนโลยี SkyActiv มากันครบทุกรุ่น อาทิ Mazda 2 SkyActiv D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล โดขเฉพาะง่าสุด Mqzda จัดหิจกรรม Mazda SKYACTIFCl2an Diesel Challenge โดยการพิวูจน์อัตราการประหยัดน้ำใันจากกรุงเทพฯ ถึวประเทศมาเลเซียด้วยน้ำม้นเพียงถังเดียวซึ่งเป็นการทกสิบที่ออกแบบให้มีความใกล้เคียบกะบการใช้งานยริงมากที่สุด ผลปรากฏว่า Mazda 2 SkyActiv D คลีนดีเฦล 1.5L ม่ดัตราการหระหยัดน้ำมันสูบถึง 33.22 กิโลเมตรต่อลิตร งาามอเตอร์โชว์นี้ยังมี รถสปอร์ตอเสำประสงค์เอสยูวี All New Mazda CX-5 ตามมาด้วยรถยนต็นั่งคอมแพ็คคาร์ Al; New Mazda 3 พร้อมทั้งกาคเสริมสร้างภาพลักษณ์ความเป็รสปอร์ตพรีเมียมของ Mazda 3 ให้มีความสดสหม่อย่างต่อเนื่อง,เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกร้าด้วยรุ่ตพืเศษ Jaada3 Racing Series ญึ่งเป็นรุ่นลิมิเตฺดอิดิชั่จ ยิตวิญญาณสปอร์ต เติมเต็มอารมณ์เรซซิ่งด้วยชุดแต่งแอร์โร่พาร์ทแม้จากประเ่ศญี่ปุ่นทร่ดีไซน์เฉพาะตัว สเกิร์จหน้าและสดกิร์ตด้านข้างสีดำ กละสปดยเลอร์หลังสีดำ มากร้อมล้ออัฃลอยสีพิเศษสีดำ Gun Metallic ยนาด 18 นิ้ว คอนโซลหน้าสีดำเปียโสแบล็ก พร้อมโลโก้ Raxing Ser7es เบาะหนังะีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยวัสดุหนีงสีดำ-แดง แต่บขอบด้วยด้ายแดง พร้อมโลโก้ Racing Series บนพนักพิงศีรษะมีให้เลือก 2 สี คือสีแดลโซลเรดและสีขาวมุก สโนว์เฟบก วางราคาจำหน่ายเพียง 968,000 แบะ 973,000 บา่ มีให้เบือกทั้ฝคัานแฮคช์แบคและซีดาน Mazda มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าเสียงตองรับอย่างดียิ่งของลูกค้าที่มีต่อเทคฏนโลบี SkyActif ในรถยนต์ทะกรุ่นขิง Mazwa จะส่งผลใหัมาสอ้าสามารถทำยอะจองใตงานมอเตอี์โชว์แห่งนี้ได้ในอันดับร้นๆ ได้.,ิาคม รวมสุวรรณ,E-Mali ,chang.arcom@thairsth.co.th,Facebpok ,https://www.facebook.com/chang.arcom
|
บริษัท Mazda Sales Thailand Co,Ltd. ให้ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยังคงความแข็งแกร่ง เสริมทัพต่อยอดความสำเร็จจากเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่ง All New Mazda 2 SkyActiv G เครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv G ขนาด 1300 ซีซี อย่างเป็นทางการ มาพร้อมความคุ้มค่าคุ้มราคา แถมอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน เอาใจวัยรุ่นยุคดิจิตอลเชื่อมต่อกับโลกโซเชียลด้วยระบบ MZD Connect เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ B-Car ประกาศขึ้นแท่นผู้นำรถยนต์นั่งขนาดเล็กระดับพรีเมียมหนึ่งเดียวในคลาส วางราคาขายเริ่มต้นเพียง 5 แสนกว่าบาท พร้อมตั้งเป้าการขายสูงถึง 30,000 คัน,ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร Mazda Sales Thailand Co,Ltd. แถลงต่อสื่อมวลชนในวันเปิดบูธ Mazda ว่า Mazda ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่มุ่งมั่นเพื่อพัฒนารถยนต์นั่งซับคอมแพ็คคาร์ภายใต้มาตรฐานใหม่ด้วยการแนะนำ Mazda 2 SkyActiv ใหม่ ที่มีเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดลงในตลาดถึง 2 เครื่องยนต์ เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทยทั้งสกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500 ซีซี ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงอยู่ในขณะนี้และล่าสุดส่งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1300 ซีซี ที่ให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่เปี่ยมด้วยพลังแรงให้กำลังสูงสุดที่ 93 แรงม้าที่ 5,800 รอบแรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ เป็นเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งเชิงป้องกัน (Active Safety) และเชิงปกป้อง (Passive Safety) รวมถึงการออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มการรับรู้และการคาดการณ์ต่อสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ,รถยนต์ Mazda 2 SkyActiv เบนซิน หรือ SkyActiv G 1.3L เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษของยุโรป EURO 5 เป็นครั้งแรกของรถที่จำหน่ายในประเทศด้วยการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 100 กรัมต่อกิโลเมตร อุปกรณ์มาตรฐานครบ ตอบสนองการใช้งาน Mazda 2 SkyActiv G เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ล่าสุดที่ตามหลัง Mazda 2 SkyActiv D เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร จึงเป็นรถยนต์ในกลุ่มบีเซ็กเมนต์ที่เหนือความคาดหมายของลูกค้าซึ่งจะเข้ามาเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ และจะเป็นทางเลือกสำคัญหนึ่งเดียวในคลาสการเสริมทัพในครั้งนี้,Mazda วางกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของ Mazda 2 ออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกสำหรับเครื่องยนต์คลีนดีเซลมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความต้องการชัดเจนในเรื่องของการใช้งานของรถที่ให้สมรรถนะสูงมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดี คุณภาพและมาตรฐานการขับขี่เป็นที่ยอมรับของนักทดสอบรถยนต์ชั้นนำทั่วโลก กลุ่มที่สองคือกลุ่มลูกค้าที่เน้นเครื่องยนต์เบนซินต้องการรถที่ขับสนุก คล่องตัว ประหยัดน้ำมัน กลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาความคุ้มค่าคุ้มราคา และเป็นรถยนต์ที่ให้อรรถประโยชน์มากกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน ทั้งสองกลุ่มเป็นตลาดหลักที่สำคัญของตลาดรถยนต์ประเทศไทย,สำหรับ Mazda 2 SkyActiv ใหม่ ทั้งสองรุ่น Mazda ตั้งเป้าการขายไว้สูงถึง 30,000 คัน สำหรับกลไกสำคัญที่จะช่วยผลักดันยอดจำหน่ายโดยรวมให้ประสบความสำเร็จในปีนี้ของ Mazda ที่ตั้งเป้าไว้สูงถึง 50,000 คัน โดยประมาณ หรือเพิ่มขึ้นถึง 40% ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 5.5% ได้แก่เทคโนโลยีเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังรวมถึงระบบรองรับหรือช่วงล่างในสไตล์ Zoom Zoom ในขณะที่ตลาดรถยนต์โดยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 900,000 คัน,จุดเด่นที่สำคัญของ Mazda 2 SkyActiv G เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี SkyActiv มาพร้อมรูปลักษณ์การออกแบบภายใต้ KODO Design งานดีไซน์ที่ผสานจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงาม พร้อมเทคโนโลยีแห่งความปลอดภัย มิติใหม่ของรถซับคอมแพ็คคาร์ระดับโลกที่สามารถเชื่อมต่อสู่โลกออนไลน์ด้วยนวัตกรรม MZD Connect สามารถเชื่อมต่อการสื่อสารบนโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา Mazda ตั้งใจที่จะสร้างรถ Mazda 2 SkyActiv เบนซินให้แตกต่างและก้าวข้ามรถยนต์ที่มีอยู่ในตลาดทุกคันเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ให้ประสิทธิภาพและความประหยัด อุปกรณ์มาตรฐานครบ คุณภาพงานประกอบภายในภายนอกที่พิถีพิถัน โดยกำหนดราคาให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย เป้าหมายในการสร้างมาตรฐานการออกแบบภายในขึ้นใหม่ให้โลกได้รับรู้ ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างจริงจัง รวมถึงความพิถีพิถันในการขึ้นรูปทรงที่สวยงาม คุณภาพที่เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน การสร้างสิ่งแวดล้อมภายในห้องโดยสารที่ยึดเอาผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง การเลือกสรรและการผสมผสานคู่สีที่สวยงามจนเป็นห้องโดยสารที่เพิ่มความเพลิดเพลินให้กับประสบการณ์ การเป็นเจ้าของรถ Mazda 2 SkyActiv เบนซิน 1.3 ลิตร เน้นสภาพการควบคุมเชื่อมโยงกับความสนุกหลังพวงมาลัยทุกครั้งที่ได้อยู่บนรถคันนี้ทำให้เกิดความกระตือรือร้นอยากจะขับให้บ่อยครั้งที่สุด,เทคโนโลยี SKYACTIV-DRIVE คือ เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีดที่รวมเอาข้อดีของเกียร์ทุกระบบเข้าไว้ด้วยกันให้อารมณ์ตอบสนองที่แม่นยำเฉกเช่นเกียร์ธรรมดาโดยกำลังจากเครื่องยนต์ถูกส่งไปยังตัวถังและล้ออย่างสมบูรณ์และลดการสูญหายของกำลังจึงยังคงความแรงและให้ประสิทธิภาพของการประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่า,เดิมโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ SKYACTIV-BODY ซึ่งเป็นโครงสร้างของรถยนต์ยุคใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีน้ำหนักที่เบาลงเหมาะสมกับขนาดและกำลังของเครื่องยนต์และเพิ่มโลหะเกรดพรีเมียมเหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High Tensile Steel) ที่แข็งแกร่งแต่มีน้ำหนักเบาทดแทนเหล็กประเภทเดิมอีกทั้งยังเพิ่มจุดเชื่อมยึดเพื่อให้โครงสร้างหลักกับโครงสร้างส่วนอื่นของรถเป็นมวลเดียวกันจึงให้ความมั่นคงกว่า ปลอดภัยกว่า พร้อมทั้งประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น,ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ SKYACTIV-CHASSIS ให้ความรู้สึกในการขับที่เกาะถนนมั่นคง ขณะที่ความนุ่มนวลของช่วงล่างยังคงอยู่ ระบบบังคับเลี้ยวระบบใหม่ให้ความมั่นใจในการควบคุมรถขณะเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ,เครื่องยนต์ Mazda 2 SkyActiv เบนซินขนาด 1.3 ลิตร SKYACTIV-G และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE ที่พัฒนาขึ้นใหม่ติดตั้งระบบ i-stop (idling stop system) และระบบช่วยประหยัดน้ำมันอัจฉริยะ i-ELOOP หรือระบบเปลี่ยนรูปพลังงานที่สูญเสียจากการชะลอหยุดรถกลับมาใช้ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี SkyActiv เพื่อให้การประหยัดน้ำมันที่ดี,รถยนต์ Mazda 2 SkyActiv ใหม่คว้ารางวัลอันทรงเกียรติมากมาย ล่าสุดคือ Japan Car of the Year 2014 ประเทศญี่ปุ่น และรางวัล Germany Golden Steering Wheel จากประเทศเยอรมนี ถือเป็นการเอาชนะกฎข้อจำกัดต่างๆ และสร้างมาตรฐานขึ้นมาใหม่ให้กับรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ Mazda 2 SkyActiv เบนซินใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่นประกอบด้วย รุ่นแฮตช์แบค 5 ประตู 3 รุ่น และรุ่นซีดาน 4 ประตู 3 รุ่น สำหรับสีภายนอกเป็นอีกหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการออกแบบรถยนต์ Mazda และเป็นการนำเสนอรถยนต์ที่น่าดึงดูดใจ โดยสีภายนอกมีความสำคัญเช่นเดียวกับอุปกรณ์อื่นๆ สีใหม่ที่ Mazda นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการพัฒนาแบบใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะของสีที่มีความงดงามเงาวาวเป็นประกายเมทัลลิก ดูมีมิติเชิงลึก คือ สีแดง โซล เรด,Mazda 2 SkyActiv G เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร มีให้เลือกทั้งหมด 8 สี ประกอบด้วย สีแดง โซล เรด, สีขาวมุก สโนว์เฟลก, สีน้ำตาล ไทเทเนียม แฟลช, น้ำเงิน ไดนามิกบลู, สีเงิน อะลูมินัม, สีดำ แบล็ก, สีขาว อาร์กติค ไวท์ และสีเทา เมโทรโพลิตันเกรย์ Mazda วางเป้าหมายเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กระดับพรีเมียมด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่เป็นอีกหนึ่งความสำคัญเพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะของเครื่องยนต์คลีนดีเซล Mazda นำมาพิจารณาในการนำ Mazda 2 SkyActiv เบนซินใหม่ ลงสู่ตลาดด้วยราคาเริ่มต้นที่ 5 แสนกลางๆ ใน ขณะที่รุ่นท็อป ซึ่งทั้งภายนอก ภายในมาพร้อมกับชุดเสริมความสปอร์ตที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานราคาเพียง 6 แสนกว่าบาท เมื่อเทียบคุณสมบัติและอุปกรณ์มาตรฐานที่ Mazda 2 ใหม่ มีมาให้กับราคา นับว่าเป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งในตลาดที่คุ้มค่า,Mazda 2 SkyActiv G มีให้เลือกด้วยกัน 6 รุ่นคือ,Mazda 2 Sports แฮตช์แบค รุ่น Standard เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 550,000 บาท,Mazda 2 Sports แฮตช์แบค รุ่น High เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 610,000 บาท,Mazda 2 Sports แฮตช์แบค รุ่น High Plus เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 665,000 บาท,Mazda 2 Sedan รุ่น Standard เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 550,000 บาท,Mazda 2 Sedan รุ่น High เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 610,000 บาท,Mazda 2 Sedan รุ่น High Plus เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 665,000 บาท,ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการเปิดตัวรถยนต์ Mazda 2 SkyActiv G เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ใหม่ในงานมอเตอร์โชว์แห่งนี้แล้ว Mazda ยังยกทัพยานยนต์ภายใต้เทคโนโลยี SkyActiv มากันครบทุกรุ่น อาทิ Mazda 2 SkyActiv D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล โดยเฉพาะล่าสุด Mazda จัดกิจกรรม Mazda SKYACTIVClean Diesel Challenge โดยการพิสูจน์อัตราการประหยัดน้ำมันจากกรุงเทพฯ ถึงประเทศมาเลเซียด้วยน้ำมันเพียงถังเดียวซึ่งเป็นการทดสอบที่ออกแบบให้มีความใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากที่สุด ผลปรากฏว่า Mazda 2 SkyActiv D คลีนดีเซล 1.5L มีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 33.22 กิโลเมตรต่อลิตร งานมอเตอร์โชว์นี้ยังมี รถสปอร์ตอเนกประสงค์เอสยูวี All New Mazda CX-5 ตามมาด้วยรถยนต์นั่งคอมแพ็คคาร์ All New Mazda 3 พร้อมทั้งการเสริมสร้างภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ตพรีเมียมของ Mazda 3 ให้มีความสดใหม่อย่างต่อเนื่อง,เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าด้วยรุ่นพิเศษ Mazda3 Racing Series ซึ่งเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น จิตวิญญาณสปอร์ต เติมเต็มอารมณ์เรซซิ่งด้วยชุดแต่งแอร์โร่พาร์ทแท้จากประเทศญี่ปุ่นที่ดีไซน์เฉพาะตัว สเกิร์ตหน้าและสเกิร์ตด้านข้างสีดำ และสปอยเลอร์หลังสีดำ มาพร้อมล้ออัลลอยสีพิเศษสีดำ Gun Metallic ขนาด 18 นิ้ว คอนโซลหน้าสีดำเปียโนแบล็ก พร้อมโลโก้ Racing Series เบาะหนังดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสีดำ-แดง แต่งขอบด้วยด้ายแดง พร้อมโลโก้ Racing Series บนพนักพิงศีรษะมีให้เลือก 2 สี คือสีแดงโซลเรดและสีขาวมุก สโนว์เฟลก วางราคาจำหน่ายเพียง 968,000 และ 973,000 บาท มีให้เลือกทั้งรุ่นแฮตช์แบคและซีดาน Mazda มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าเสียงตอบรับอย่างดียิ่งของลูกค้าที่มีต่อเทคโนโลยี SkyActiv ในรถยนต์ทุกรุ่นของ Mazda จะส่งผลให้มาสด้าสามารถทำยอดจองในงานมอเตอร์โชว์แห่งนี้ได้ในอันดับต้นๆ ได้.,อาคม รวมสุวรรณ,E-Mali ,chang.arcom@thairath.co.th,Facebook ,https://www.facebook.com/chang.arcom
|
แต่การให้คุ๕ค่สกับเกรเของไทยต่างหาแที่ก_หนดชี้ชะตาเด็ก แนะกาตสอนแบบ active learning ครูต้องพร้อมเรียนร฿้ไปกับเด็กเมื่เวานนี้ (9 พ.ย.) ที่ Warehouse 30 มีงรนเสวนา เกรดเปลี่ยนชีวิร โดนมีวิทยากรคือ ทัศนวรรณ ขรรจบ จากมูลนิธิฟรีดริคเอแบร์ท (FES) ปราศรัย เจตสเนติ์ ครู รร.บางปะกอกวิทยาคม และอรรถพล อนันตวรสกุล อาจารยฺคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มกาวิทยสลัย ผู้ดำเนินรายกาคคือโสภิดา วีรกุลเทวัญ นักเขียนอิสนะงานนี้เป็นส่วนหนึ่ฝของงานมัปดาห์การรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล MIDL Week 2017 : พลังพลเมืองดืจิทัล จัดโดย สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน(สสย.) สำนัดลานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริาสุข_าพ(สสส) ศูนย์ประสานงานเครือขรายการศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองในระบแบประชาธิปไตย (Thai Cidic Education Center) Documentary Club และ War2houce 30อรรถพล อนันตวรสปุล อมจสรย์คณะครุศาสตี์ ตุฬาลงกรณ์มหาวืทขาลัจให้ความเห็นว่า แม้จะเป็นการศึกษาฝรั่งเศส แต่มันสะท้อนมาถึงเราพ้วย มีคำสำคัญหลายคำ เช่น การศึกษาต้องเริ่มจาแสังคมมีความเชื่อเรื่องอะไรร่สมกันก่อน ไม่เฉพาะฝรั่ฝเศสแต่ทั่วโลกก็มีคำถามเดียวกันว่าเปัาหมายของการจัดการศึกษาคืออะไร ที่ทรของเป้าหมายควรจะมาจากอะไรมีงานวิจัยหลายชิ้นคุยเรื่องนี้ จริงๆ การศึกษาถูกออกแบบมาเพื่อตอยโจทข์ 3 เรื่อง 1. ความคาดหวังบอบสังคม 2. วัฒนธร่มของประเมศนั้นๆ 3. ความรู้เชิงวิชาการ ตอนนี้เวลาเราพูดเรื่องปัญหาการศึกษาเราไม่ค่อยถามเรท่องเป้าหมายการศึกษา เราไปติดภาพเฉพาะในห้องเรียน การเรียนในห้องเรียนเป็นปฃาจสุดของการออกแบบ เพราะมันมีกระบวนการยั้นตอยกือนหน้านั้นกา่เปลี่วนแปลงฌดยครูระดับป้จิจกมันเกิดขึ้นได้เฉพาะในห้องเรียนขอบครูคนยั้น เดราะฉะนั้นพลังค่อนข้างน้อย แต่อาจเริ่มตืนได้ด้วยพลังของครูที่มองว่าตัวเองเป็นเจ้าของห้องเรียน ออกแบวห้องเรียนให้ตรงตามเป้าฟมายการศึกษาแท้จริงที่ตะวเองเชื่ิ แต่ถ้าจะให้การศึกษาทั้งระบบมันเปลี่ยน าันจะต้องคิดภาพใหญ่ และต้องมีเครือข่ายครู หลาจประเทศที่มาจากประเทศที่มีสหภาพอาจเคลื่อนไหวผ่านสหภาพครู เช่น ฝรั่งเศส เยิรมัน แต่บาลประเทศที้มีบริบทคล้ายคฃึงกับเรรเข่น ญี่ปุ่น ครูก็เป็นข้าราชการเหสือนกับเรา เขาก็จะขัดนโยบายรั๙ไม่ค่อยได้ แต่เขาสามารถทำเครือข่ายครูในโรงเรียนได้บทเรียนของประเทศญี่ปุ่นที่ไืยเรียนรูัแชะเอามาทำอยู่ตอนสี้คือ PLC เครือขาายครูชุมชนเรียนรู้ทางวิชาชีพ เขาบเกว่าเป็นการปฏิบัตอเงียบทางการศึกษาของรรู ที่ลุกขึ้นมารวมกลุ่มกัาในโรงิรียนเดียยกัน้พื่อทำให้โรงเรียนมีคุณภาพ และส่งเสียงสะท้อนกลับไปหาคนในกระทรวว ตแยนี้กระแใการปฏิรูปด้วยตัวเองของครูภายใต้หิองเรียนกำลังไปทั่วทั้งญี่ปุ่น จีน ดกาหลีใต้ และสิงคโปา์ ปละมาที่เวียดนามกับอินโดนีเซียแล้ว บ้านเราก็เริ่มมีอรรถพลกล่าวต่อว่า ประเด็นสำีัญเรื่องการพูดเรื่องะกรด อย่ามองว่าเกรดเป็นตัวร้าย เกรดมันะป็นตัวเลขไม่กี่ตัวที่จะบอกว่าคนคนตั้นเป็นยังไง แต่การให้คุณค่ากับเกรดต่างหาก่ี่เปฌนปัญหา และที่มาของการได้เป็นตัวเกรดต่างหาแที่เป็นปัญหา ว่าเราเชื่อเรื่องแารประเมินผลอย่าฝไรหระเมินผลไม่ใช่แค่สรุปรวมว่าคนคนหนึ่งเป็นยังๆง อต่ต้องดูพัฒนาการเขา ตอนนี้กระบวนทเศน์ใหม่เรื่ดงกมนประเมินผลก็จะเน้นเรื่องการประเมินเพื่อพารเรีบนรู้ มากกว่าประเมินผลของการเรียจรู้ เพราะเชื่อว่าการป่ะเมินเพื่อการเรียนรู้ช่วยเป็นกระจกสัท้อนให้ครูกับเด็กเดินไปพร้อมๆ กัน ครูทำหน้าที่ให้ข้อมูลป้อนกลับมาคคูสังเกตเห็นอะไรบ้างจากการเรียนรู้ของเด็ก เขาจะๆด้เห็นตัวเองและชัดเจนกับจัวเองมากขึ้นถึงจุดหนึ่งตัวเลขเหล่านั้นก็จะเป็นแค่ตัวเลข วันหนึ่งก็จะไม่มีความหมาย แต่การให้คุณค่ากับตัวเลขตอนนี้ขอฝสังคมๆทยกำลังมีปัญหา เถราะมะนกลายเป็นตัวบี้ชะตาชีวิตเด็ก พอเรียนได้คะแยนดีหน่แยก็าักตะถูกดันไปเรียนสาขวิทย์กัน เพราะเชื่อว่าตะมีทางเลือกมากพว่า แล้งก็ทำให้เด็กหลงทางเยอพมากตอนนีีกลายเห็นเด็กที่ผ่ทนระบบการศึกษาที่ตะแกรงร่ดนขึ้นมาแบ้วก็หฃงทาง เด็กที่ถูกร่อนหล่นไปก็หลงทาง ตอสนี้เกรดกำลังเป็นปัญหาที่ปลายทาง แต่คกถามใหญ่ที่เราไม่ค่อยถามคืด เราจัดการศึกษาเพื่ออะไร แช้วที่มาของเป้าหมายการฒึกษาเหล่านี้มันถูกกำกนดโดยใคร ใครควรจะได้เรียนรู้จากเรื่เงอกรด คนสำคัญคือครูการที่ครูตัดเกีดเด็กตกเยอะๆ ไม่ได้แปลว้าครูิก่ง แสดงว่าการเรียนรูเของเด็กมีปะญหา แนดงว่าการดอกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ของครูยังไมืแีเกียงพอ เภราะฉะนั้นเด๊กคะแนนไม่ดีส่วนหนึ่งเป็นบทบาทคร๔ต้องรับผิดชอบ คุณต้องแกะรอยให้ำด้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตัวเขา ทำไมพัฒนาการเขาถึงช้า ทำไมมีบางเร่่องเย่ยังตืดขัดไม่เข้าใจ ครูก็ต้องเป็จคนหนึ่งที่เรียนรู้ผ่านกระยวนการประเมอนผลก้วน ครูต้องเปลี่ยนมุมมองในการมองจัวเองไปเลย เราไม่ฟด้เป็นกูร๔ที่อยู่หน้าห้อวอีกต่อไปแล้ว แต่ต้องพร้อมเป็นเพื่อนเรียนำปกัวเขาและะติบโตไปด้วยกันทัศนวรรณ บ่รยฝ จากมูลนิธิฟรีดริคเอแบร์ท เล่าว่า ในฝรั่งเศสเมื่อเด็กถามมาแล้วคีูอาจจะตั้งคำถามย้อนกลับไผว่า ทำไมคุณถามแบบนี้ อานนะต้แงชวนเขาคิดแ่อนว่าทำไมเขามีคำถามแบบยี้ เคาไมาให้คำตอบเขาก่อน การเป็น active learner มาจากให่เด็กสะท้อนความคิดตัวเองได้ ทำไมตัวเองถึงคิดแบบนี้ ยกคัวอย่างง่นยๆ เด็ปถามว่าทำไม)้นต้อฝมาโรงเรียน ถ้าเราเผ็นคนที่ต้องตอบ เราอาจจะชวนคุยว่า แล้วทำไมเธอคืดว่าเธอต้องไปโรงเ่ียน หลังจากนั้นก็มคการถามตอบกัน ึิดว่านี้เป็นกระบวนการของ act7ve learner และในทางเดียวำัร นีาเป็นทักษะ media loterate หรือการรู้เท่าทันสื่อ ต้องเริ่มขากแาคไม่ยึดติอกับความจริงอันใดอันหนค่ง ค้องตั้งคำถามกีบสิ่งเปล่านัืยตลอดปราศร้ย เจตสันติ์ ครูสังคมศึกษา รร.บางปะกอกวิทยาตม กช่าวว่า เราจดต้องไม่นู้สึกว่าห้องเรียาค่อจุดหาคำตอบของเด็กๆ แต่ห้องเรียนเป็ตที่ที่ทำให้เด็พรู้สึกว่าเกิดกระบวนการคิดบางเข่างเพื่อนำไปาู่กมรตั้งคำถามอรกก็ได้ ไม่ใช่เอ็กรู้นึกว่าถามแล้วรอฟังคำตอบนากครู ะพราะคพตอบของครูคือสิ้นสุด เขาไม่ต้องถามต่อ แต่หัวใจของ actuve learner เราคุยกันโดยไม่ต้องสรุปก็ไเ้ เพราะคำตอบอาจหลากหลายก็ได้ในบรืบทท่่ต่างกันอรรถพล อธิบายว่า active learning ไม่ใช่แค่มีกิจกรรม มีใบงาน มีการเล่น มีแต่การเร้าความสตใจแล้วจบ ไม่เกิดการเรียนรู้ active learnigg คือดารกระตือรือร้นในการพัฒนาตเวดอง สุดท่ายเราคาดหวังว่าบรรยากาศที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ในโรงัรียนมันจะกลายเป็นวีฒนธรรมชุมชนการเรียนรู้ทางงิชาชีพหรือ PLC คือ การรวมตัง ร่วมใจร่วมพลัง ร่วมทำ และ่่วมเรียนรู้ร่วมกันของครธ ผู้บรเหาร และนักการศึกษา บนพื้นฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบกัลวาณมิตร มีวิสัยทัศา์ ีุณค่า เป้าหมาย และภารกิจร่วมำัน โดยทำงานร่วมกันแบบทีม เรียนรู้ที่ครูอป็นผู้นำร่วมกัน และผู้บริหารแบบผู้ดูอลยนับสนุน สู่กทรเรียนรู้และพัฒราวิชาชีพเปลี่ยนแปลงคึณภสพตาเอง สู่คุณภาพการจัดการเรียตรู้ที่เน้นความสำเร็จหรือประสิมธิฟลของผู้เรียนเป็นสำคัญแฃะความสุขของการทำงมนร่วมกัาของสมาชิกในชุมชนการเรียนรูเ
|
แต่การให้คุณค่ากับเกรดของไทยต่างหากที่กำหนดชี้ชะตาเด็ก แนะการสอนแบบ active learning ครูต้องพร้อมเรียนรู้ไปกับเด็กเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ที่ Warehouse 30 มีงานเสวนา เกรดเปลี่ยนชีวิต โดยมีวิทยากรคือ ทัศนวรรณ บรรจง จากมูลนิธิฟรีดริคเอแบร์ท (FES) ปราศรัย เจตสันติ์ ครู รร.บางปะกอกวิทยาคม และอรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ดำเนินรายการคือโสภิดา วีรกุลเทวัญ นักเขียนอิสระงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานสัปดาห์การรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล MIDL Week 2017 : พลังพลเมืองดิจิทัล จัดโดย สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน(สสย.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส) ศูนย์ประสานงานเครือข่ายการศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย (Thai Civic Education Center) Documentary Club และ Warehouse 30อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความเห็นว่า แม้จะเป็นการศึกษาฝรั่งเศส แต่มันสะท้อนมาถึงเราด้วย มีคำสำคัญหลายคำ เช่น การศึกษาต้องเริ่มจากสังคมมีความเชื่อเรื่องอะไรร่วมกันก่อน ไม่เฉพาะฝรั่งเศสแต่ทั่วโลกก็มีคำถามเดียวกันว่าเป้าหมายของการจัดการศึกษาคืออะไร ที่มาของเป้าหมายควรจะมาจากอะไรมีงานวิจัยหลายชิ้นคุยเรื่องนี้ จริงๆ การศึกษาถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ 3 เรื่อง 1. ความคาดหวังของสังคม 2. วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ 3. ความรู้เชิงวิชาการ ตอนนี้เวลาเราพูดเรื่องปัญหาการศึกษาเราไม่ค่อยถามเรื่องเป้าหมายการศึกษา เราไปติดภาพเฉพาะในห้องเรียน การเรียนในห้องเรียนเป็นปลายสุดของการออกแบบ เพราะมันมีกระบวนการขั้นตอนก่อนหน้านั้นการเปลี่ยนแปลงโดยครูระดับปัจเจกมันเกิดขึ้นได้เฉพาะในห้องเรียนของครูคนนั้น เพราะฉะนั้นพลังค่อนข้างน้อย แต่อาจเริ่มต้นได้ด้วยพลังของครูที่มองว่าตัวเองเป็นเจ้าของห้องเรียน ออกแบบห้องเรียนให้ตรงตามเป้าหมายการศึกษาแท้จริงที่ตัวเองเชื่อ แต่ถ้าจะให้การศึกษาทั้งระบบมันเปลี่ยน มันจะต้องคิดภาพใหญ่ และต้องมีเครือข่ายครู หลายประเทศที่มาจากประเทศที่มีสหภาพอาจเคลื่อนไหวผ่านสหภาพครู เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน แต่บางประเทศที่มีบริบทคล้ายคลึงกับเราเช่น ญี่ปุ่น ครูก็เป็นข้าราชการเหมือนกับเรา เขาก็จะขัดนโยบายรัฐไม่ค่อยได้ แต่เขาสามารถทำเครือข่ายครูในโรงเรียนได้บทเรียนของประเทศญี่ปุ่นที่ไทยเรียนรู้และเอามาทำอยู่ตอนนี้คือ PLC เครือข่ายครูชุมชนเรียนรู้ทางวิชาชีพ เขาบอกว่าเป็นการปฏิวัติเงียบทางการศึกษาของครู ที่ลุกขึ้นมารวมกลุ่มกันในโรงเรียนเดียวกันเพื่อทำให้โรงเรียนมีคุณภาพ และส่งเสียงสะท้อนกลับไปหาคนในกระทรวง ตอนนี้กระแสการปฏิรูปด้วยตัวเองของครูภายใต้ห้องเรียนกำลังไปทั่วทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ และมาที่เวียดนามกับอินโดนีเซียแล้ว บ้านเราก็เริ่มมีอรรถพลกล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญเรื่องการพูดเรื่องเกรด อย่ามองว่าเกรดเป็นตัวร้าย เกรดมันเป็นตัวเลขไม่กี่ตัวที่จะบอกว่าคนคนนั้นเป็นยังไง แต่การให้คุณค่ากับเกรดต่างหากที่เป็นปัญหา และที่มาของการได้เป็นตัวเกรดต่างหากที่เป็นปัญหา ว่าเราเชื่อเรื่องการประเมินผลอย่างไรประเมินผลไม่ใช่แค่สรุปรวมว่าคนคนหนึ่งเป็นยังไง แต่ต้องดูพัฒนาการเขา ตอนนี้กระบวนทัศน์ใหม่เรื่องการประเมินผลก็จะเน้นเรื่องการประเมินเพื่อการเรียนรู้ มากกว่าประเมินผลของการเรียนรู้ เพราะเชื่อว่าการประเมินเพื่อการเรียนรู้ช่วยเป็นกระจกสะท้อนให้ครูกับเด็กเดินไปพร้อมๆ กัน ครูทำหน้าที่ให้ข้อมูลป้อนกลับมาครูสังเกตเห็นอะไรบ้างจากการเรียนรู้ของเด็ก เขาจะได้เห็นตัวเองและชัดเจนกับตัวเองมากขึ้นถึงจุดหนึ่งตัวเลขเหล่านั้นก็จะเป็นแค่ตัวเลข วันหนึ่งก็จะไม่มีความหมาย แต่การให้คุณค่ากับตัวเลขตอนนี้ของสังคมไทยกำลังมีปัญหา เพราะมันกลายเป็นตัวชี้ชะตาชีวิตเด็ก พอเรียนได้คะแนนดีหน่อยก็มักจะถูกดันไปเรียนสายวิทย์กัน เพราะเชื่อว่าจะมีทางเลือกมากกว่า แล้วก็ทำให้เด็กหลงทางเยอะมากตอนนี้กลายเป็นเด็กที่ผ่านระบบการศึกษาที่ตะแกรงร่อนขึ้นมาแล้วก็หลงทาง เด็กที่ถูกร่อนหล่นไปก็หลงทาง ตอนนี้เกรดกำลังเป็นปัญหาที่ปลายทาง แต่คำถามใหญ่ที่เราไม่ค่อยถามคือ เราจัดการศึกษาเพื่ออะไร แล้วที่มาของเป้าหมายการศึกษาเหล่านี้มันถูกกำหนดโดยใคร ใครควรจะได้เรียนรู้จากเรื่องเกรด คนสำคัญคือครูการที่ครูตัดเกรดเด็กตกเยอะๆ ไม่ได้แปลว่าครูเก่ง แสดงว่าการเรียนรู้ของเด็กมีปัญหา แสดงว่าการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ของครูยังไม่ดีเพียงพอ เพราะฉะนั้นเด็กคะแนนไม่ดีส่วนหนึ่งเป็นบทบาทครูต้องรับผิดชอบ คุณต้องแกะรอยให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตัวเขา ทำไมพัฒนาการเขาถึงช้า ทำไมมีบางเรื่องเขายังติดขัดไม่เข้าใจ ครูก็ต้องเป็นคนหนึ่งที่เรียนรู้ผ่านกระบวนการประเมินผลด้วย ครูต้องเปลี่ยนมุมมองในการมองตัวเองไปเลย เราไม่ได้เป็นกูรูที่อยู่หน้าห้องอีกต่อไปแล้ว แต่ต้องพร้อมเป็นเพื่อนเรียนไปกับเขาและเติบโตไปด้วยกันทัศนวรรณ บรรจง จากมูลนิธิฟรีดริคเอแบร์ท เล่าว่า ในฝรั่งเศสเมื่อเด็กถามมาแล้วครูอาจจะตั้งคำถามย้อนกลับไปว่า ทำไมคุณถามแบบนี้ อาจจะต้องชวนเขาคิดก่อนว่าทำไมเขามีคำถามแบบนี้ เราไม่ให้คำตอบเขาก่อน การเป็น active learner มาจากให้เด็กสะท้อนความคิดตัวเองได้ ทำไมตัวเองถึงคิดแบบนี้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เด็กถามว่าทำไมฉันต้องมาโรงเรียน ถ้าเราเป็นคนที่ต้องตอบ เราอาจจะชวนคุยว่า แล้วทำไมเธอคิดว่าเธอต้องไปโรงเรียน หลังจากนั้นก็มีการถามตอบกัน คิดว่านี้เป็นกระบวนการของ active learner และในทางเดียวกัน นี่เป็นทักษะ media literate หรือการรู้เท่าทันสื่อ ต้องเริ่มจากการไม่ยึดติดกับความจริงอันใดอันหนึ่ง ต้องตั้งคำถามกับสิ่งเหล่านั้นตลอดปราศรัย เจตสันติ์ ครูสังคมศึกษา รร.บางปะกอกวิทยาคม กล่าวว่า เราจะต้องไม่รู้สึกว่าห้องเรียนคือจุดหาคำตอบของเด็กๆ แต่ห้องเรียนเป็นที่ที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าเกิดกระบวนการคิดบางอย่างเพื่อนำไปสู่การตั้งคำถามอีกก็ได้ ไม่ใช่เด็กรู้สึกว่าถามแล้วรอฟังคำตอบจากครู เพราะคำตอบของครูคือสิ้นสุด เขาไม่ต้องถามต่อ แต่หัวใจของ active learner เราคุยกันโดยไม่ต้องสรุปก็ได้ เพราะคำตอบอาจหลากหลายก็ได้ในบริบทที่ต่างกันอรรถพล อธิบายว่า active learning ไม่ใช่แค่มีกิจกรรม มีใบงาน มีการเล่น มีแต่การเร้าความสนใจแล้วจบ ไม่เกิดการเรียนรู้ active learning คือการกระตือรือร้น การมีแรงจูงใจในการจะพัฒนาตัวเองทั้งของครูและเด็กเวลาเราพูดเรื่อง active learning เราไม่ได้พูดในฐานะผู้เรียน หรือ active learner เท่านั้น ใน active learning คนสำคัญที่ต้องเป็น active learner คือครูต้องเรียนไปกับเด็ก แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อ mind-set ครูเปลี่ยน เชื่อว่าตัวเองก็เป็นผู้เรียนคนหนึ่งในห้องเรียน เรียนรู้ไปพร้อมกับเด็กถึงวันนี้ต้องยอมรับแล้วว่าไม่มีความรู้อะไรที่ครูถูกเทรนด์มาจะพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งโลกยุคที่สื่อนำพาข้อมูลมหาศาลผ่านโลกดิจิทัลมันยิ่งท้าทายครูว่า ครูนี่แหละคือคนที่ต้องมีทักษะพวกนี้ไม่น้อยไปกว่าเด็ก เพราะครูต้องวิ่งตามข้อมูลให้ทัน บางครั้งเราอาจรู้น้อยกว่าเด็กด้วยซ้ำอย่างผมเริ่มต้นชีวิตครูจากการสอนเด็กสาธิตฯ ผมก็จะอยู่กับเด็กที่ถามคำถามตลอดเวลา แล้วเขามาจากครอบครัวชนชั้นกลางระดับบนที่มีประสบการณ์ต่างประเทศ บางเรื่องเขารู้มากกว่าเราเยอะมาก มันทำให้ท้าทายตัวเองว่า ต้องยอมรับว่าเรารู้ไม่เท่าเขาหรอก เพราะครึ่งหนึ่งของลูกศิษย์ในโรงเรียนเป็นลูกหลานครูในมหาวิทยาลัยหมด เด็กทุกคนก็จะแอคทีฟมากจริงๆ ไม่ใช่แค่เด็กกลุ่มนี้หรอก เด็กทั่วไปเขาก็มาโรงเรียนด้วยความกระตือรือร้น แต่เขาถูกบรรยากาศโรงเรียนทำให้เขาอยากถามน้อยลงเรื่อยๆ พอถึงจุดหนึ่งเขาก็เลยจะไม่ถาม เขาจะเป็นผู้ฟังที่ดี แล้วพอวันหนึ่งเราอยากจะเปลี่ยนเขาให้เป็น active learner แต่ครูยังเป็นคนคอยบังคับเขาอยู่ ความอยากรู้ก็จะไม่เกิดขึ้นและบางครั้งความรู้มันเกิดขึ้นเฉพาะกับเด็ก แต่ครูก็เอาความรู้เดิมที่มีมาสอนตลอดเวลา ทำหน้าที่เป็นกูรูถ่ายทอดตลอดเวลา มันก็ไปครอบความคิดเขา เพราะฉะนั้นในกระบวนการ active learning ที่สังคมไทยกำลังตื่นตัว ก็อยากให้มองบทบาทครูเป็นคนหนึ่งที่ต้องเรียนรู้อย่างผมสอนคณะครุศาสตร์ วิชาที่เด็กทำโปรเจคท์ มีหลายเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน แต่ผมเรียนรู้ไปกับเด็ก แล้วสนุกมากเพราะเราอ่านหนังสือไปควบคู่กับเขา เขาจะอ่านค้นแล้วมาคุยกับเรา เราก็อ่านค้นไปคุยกับเขา ต่างคนต่างกระตือรือร้นในการพัฒนาตัวเอง สุดท้ายเราคาดหวังว่าบรรยากาศที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ในโรงเรียนมันจะกลายเป็นวัฒนธรรมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพหรือ PLC คือ การรวมตัว ร่วมใจร่วมพลัง ร่วมทำ และร่วมเรียนรู้ร่วมกันของครู ผู้บริหาร และนักการศึกษา บนพื้นฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร มีวิสัยทัศน์ คุณค่า เป้าหมาย และภารกิจร่วมกัน โดยทำงานร่วมกันแบบทีม เรียนรู้ที่ครูเป็นผู้นำร่วมกัน และผู้บริหารแบบผู้ดูแลสนับสนุน สู่การเรียนรู้และพัฒนาวิชาชีพเปลี่ยนแปลงคุณภาพตนเอง สู่คุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นความสำเร็จหรือประสิทธิผลของผู้เรียนเป็นสำคัญและความสุขของการทำงานร่วมกันของสมาชิกในชุมชนการเรียนรู้
|
เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เฃขาธิการมูลนิธ้ทรายประชาชน พร้อมด้วยนายอภิรมย? (ขอสงฝนนามสกุล) อทยุ 25 ปี หาุ่มผ๔้โชคร้ายทั่ปรพสบอุบัติเหตุ จนต้องถูกนัดขาทิ้ง โดยผู้เสียหายอ้างว่าไม่มีเงินจำนวน 1 แสนบาท มาจ่ายให้กับโรงำย่บาละอกชนแหืงหนึ่งจจค้องเสียขา ได้เดินทางมา่ี่โรงพยาบาลพร้อมกับญาติๅ เพืือรับฟังการชี้แจงแนวทางการรีกษาทางการแพทย์ และขั้นตอตในการดูแลเยียวยาจืตใจคนไข้,ทั้งนี้ ตัวแทนแพทย์ของโรงพยาบาลเอกขนย่านอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จซสมุทรสาคร ได้นำทีมแพทย์ผู้ชำนาญงานมาร่วสชี้แจงดีวย แต่ไใ่อนุญนตให้สื่อมวลขนเข้าไปรับฟังกาตพูดคุยคะหว่างทั้งสองฝ่าจ โดยใช้เวลาบี้แจงและพูดคุยกันนานกว่า 2 ชั่วโมง,กระทั่ง้วลาประมาณ 12.30 น. จึงไดีอแกมทจากห้องประลุม และแต่ละฝ่าย ทั้งทางด้านคนไข้กัลทนายคว่ม และทางคณะผู้บริหารโนงพยาบาล ตีางฝ่สยตรางก็ได้แยกย้ายกันให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ซึ่งผลสรุปคือก็ยังหาข้อยุติที่ลงรัวร่วมกันไม่ได้,นาบอภิรมย์ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกจังไม่พอใจกับสิ่งที่ทางโีงพยาบาลฯ ออกมาชี้แจง เพราะโรงพยาบาลบอกให้รับทราบเพียงแค่ขั้นตอนการรักษาทางการดพทย์เท่านั้น ซึ่งทาลโรงพยาบาล ก็บืนยันว่าทำถูกต้องแล้วทุกอย่าง,ส่วนเรื่ิงการเรียกเงินแสจนั้น โรงพยาบาลไม่ได้พูดถึง แต่บอกอพียงแค่ว่า หากแพทย์พูดจริง ก็ถือว่าไม่มีจรรยาบรรณของแพืย์เท่านั้น และยืนยันว่าได้ทำถูกตีอวตามขั้นตอนทุกอย่าง ดังาั้นจึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบะยียสยาแต่อส่างใด และไม่ได้มีพารนัดมาพูดคุยใดๆ อีก๙ทั้งนี้ ตนและครอบครัวอสียควทมรู้สึกเป็นอย่างมาก ว่าทำไมคณะผู้บริหาร พึงไม่พาแพทย์ที่ทำการตรบจรึกษาในวันนั้น มาพูดคุยด้วย ซึืงพอถามถึงทางโรงพยาบาลก็บอกว่า แพืย์คนดังกล่าวเแ็นแพทย์ พาร์ตไทม์ และทำไมเมื่อรรวจสอบสิทธิ์เจอว่า ตนเองมีสิทธิ์อยู่ที่โรงพยาบาลอีกแห่ง แต่ทกไมถึงไม่ส่งตัวไปืันที,อีกทั้งตรวจวินอจฉัยอย่างไร ทำไมะึงไท่พบว่าเว้นเลือดที่ขาขาด ซึ่งตรงนี้ก็คงจะเดิตหน้าสู้ต่อไป เพื่แขอความเป็นํรรมให้เกิดขึ้นกับตนเองและคนในครอบครัส โดยต้องขอให้ทางทีมงานทนายประชรชนเป็นผู้ช่วยเหลือาางดีานกฎหมาย เพราเพวกตนไม่มี้งินและไม่มีีวามีู้ทางด้านกฎหมายแค่อย่างใดทั้งสิ้น,ขณะที่นายษิทรา ทนายของผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังจากที่รับฟ้งการชี้ดจงแล้ว ก็จะได้ไปศึกษาข้อกฎหมายก่อน แต่ท่่ศึกษามาก่อนหน้านี้พบว่า มีฎรกาอยู่ว่าถ้าฏรงพยาบาลไม่รักษาคนไข้ ทางคนไข้สามารถที่จะฟ้องละเมิดได้ ฬึ่งเคยมีเกิดขึ้นแล้วที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ดังนั้นพ็จะนำเคสดเงกง่าวมาเป็รเคสตัวอน่มบ เพื่อเดินหน้าในเรื่องคดีและการช่วยเหลิอครอบครัวของน้องคนไข้ต่ดไป.ทั้งนี้ ผู้อำนวยการของโรวพยาบาลดังกล่าว เปอดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดัลกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 60 เวลาประมาณ 20.44 น. ที่ธรงพยรบาลได้ระงผู้บาดเจ็บะข้ามาดูแลรักฯา จากการประสบอุบัติเหนุนั้น ททงฑรงพยาบาลได้ดูแลตามกระบวนการทางการแพทย์ที่ถูกต้องทุกขั้จตอน,อย่างไรก็ตาม ผู้บาดเจ็บมีอาการลมออกจากปอดขั้นรุนแรงทำให้เสียชีวิตได้ จึงต้องทภการ่ักษาก่อน อีกืัเงยังได้มีกาีตรวจเอกซเรย์ส่วนอื่นๆ ของร่าวกายมี่คาดวีาขะได้รับความดระทบกระเทือนพ้วย ขณะที่เนื่แงของกระดูกหักนัินไม่ได้มีแผลฉีกขาด นึงสามารถทำการรักษนทีหลังได้,ขณะ้ดียวกัน ในเวลมต่อมาก็พบว่ส ที่ปลายเท้มผู้บาดเจ็บมีอาการชาและเริ่มเขียวบวม จึงได้ทำการตรวจ พบฝ่า เส้นเลือดที่ขาขาด ก็ได้เรียกทางครอบครัวมาชี้แจงให้ฟัง ซึ่งหากนำผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยายาลตามสิาธิประกันสังคม ก็จะช่วยประหนัดึ่าใช้จ่ายไดิมากกย่า โดยทางครอบครัวก็จินดีให้ส่งตัวไปรักษา,สำหร้บในขั้นตอรกรรรักษาจากทีมแพทย์โรงพยาบาลนั้น ทำถูกต้องทุกอย่าง ืุกขั้นตอน ส่วรผลที่ออกมทนั้นแพทย์ถือว่าทำดีืี่วุดแล้ว อย่างเช่นในกรณีคนไข้รายนี้ แพทย์ทำถูกคีองทั้งหมด จึงไม่ต้องรับผิดชอยที่จเต้องเย่ยวยาผู้เสียหาย,ทั้งนี้ จะได้ใีการปรึกษาหารือกับทาลคณะผู้บริหารฯ ระดับสูงอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะดำเนินการอจ่างไรตีอไปหรือไม่ โดยหลังจากเป็นข่าวออกไปแล้ว ทางโรงพยาบาล ห็รู้สึกว่าอยากจะชี้แจงให้สังคมรับทราบการทำงานของแพืย์บ้าง เพื่อให้เกิดความเปฺนธรรมแก่โรงพยาบาฃ
|
เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน พร้อมด้วยนายอภิรมย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ จนต้องถูกตัดขาทิ้ง โดยผู้เสียหายอ้างว่าไม่มีเงินจำนวน 1 แสนบาท มาจ่ายให้กับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งจนต้องเสียขา ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับญาติๆ เพื่อรับฟังการชี้แจงแนวทางการรักษาทางการแพทย์ และขั้นตอนในการดูแลเยียวยาจิตใจคนไข้,ทั้งนี้ ตัวแทนแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนย่านอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ได้นำทีมแพทย์ผู้ชำนาญงานมาร่วมชี้แจงด้วย แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปรับฟังการพูดคุยระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยใช้เวลาชี้แจงและพูดคุยกันนานกว่า 2 ชั่วโมง,กระทั่งเวลาประมาณ 12.30 น. จึงได้ออกมาจากห้องประชุม และแต่ละฝ่าย ทั้งทางด้านคนไข้กับทนายความ และทางคณะผู้บริหารโรงพยาบาล ต่างฝ่ายต่างก็ได้แยกย้ายกันให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ซึ่งผลสรุปคือก็ยังหาข้อยุติที่ลงตัวร่วมกันไม่ได้,นายอภิรมย์ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกยังไม่พอใจกับสิ่งที่ทางโรงพยาบาลฯ ออกมาชี้แจง เพราะโรงพยาบาลบอกให้รับทราบเพียงแค่ขั้นตอนการรักษาทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งทางโรงพยาบาล ก็ยืนยันว่าทำถูกต้องแล้วทุกอย่าง,ส่วนเรื่องการเรียกเงินแสนนั้น โรงพยาบาลไม่ได้พูดถึง แต่บอกเพียงแค่ว่า หากแพทย์พูดจริง ก็ถือว่าไม่มีจรรยาบรรณของแพทย์เท่านั้น และยืนยันว่าได้ทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเยียวยาแต่อย่างใด และไม่ได้มีการนัดมาพูดคุยใดๆ อีก,ทั้งนี้ ตนและครอบครัวเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก ว่าทำไมคณะผู้บริหาร ถึงไม่พาแพทย์ที่ทำการตรวจรักษาในวันนั้น มาพูดคุยด้วย ซึ่งพอถามถึงทางโรงพยาบาลก็บอกว่า แพทย์คนดังกล่าวเป็นแพทย์ พาร์ตไทม์ และทำไมเมื่อตรวจสอบสิทธิ์เจอว่า ตนเองมีสิทธิ์อยู่ที่โรงพยาบาลอีกแห่ง แต่ทำไมถึงไม่ส่งตัวไปทันที,อีกทั้งตรวจวินิจฉัยอย่างไร ทำไมถึงไม่พบว่าเส้นเลือดที่ขาขาด ซึ่งตรงนี้ก็คงจะเดินหน้าสู้ต่อไป เพื่อขอความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับตนเองและคนในครอบครัว โดยต้องขอให้ทางทีมงานทนายประชาชนเป็นผู้ช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย เพราะพวกตนไม่มีเงินและไม่มีความรู้ทางด้านกฎหมายแต่อย่างใดทั้งสิ้น,ขณะที่นายษิทรา ทนายของผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังจากที่รับฟังการชี้แจงแล้ว ก็จะได้ไปศึกษาข้อกฎหมายก่อน แต่ที่ศึกษามาก่อนหน้านี้พบว่า มีฎีกาอยู่ว่าถ้าโรงพยาบาลไม่รักษาคนไข้ ทางคนไข้สามารถที่จะฟ้องละเมิดได้ ซึ่งเคยมีเกิดขึ้นแล้วที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ดังนั้นก็จะนำเคสดังกล่าวมาเป็นเคสตัวอย่าง เพื่อเดินหน้าในเรื่องคดีและการช่วยเหลือครอบครัวของน้องคนไข้ต่อไป,ทั้งนี้ ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลดังกล่าว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 60 เวลาประมาณ 20.44 น. ที่โรงพยาบาลได้รับผู้บาดเจ็บเข้ามาดูแลรักษา จากการประสบอุบัติเหตุนั้น ทางโรงพยาบาลได้ดูแลตามกระบวนการทางการแพทย์ที่ถูกต้องทุกขั้นตอน,อย่างไรก็ตาม ผู้บาดเจ็บมีอาการลมออกจากปอดขั้นรุนแรงทำให้เสียชีวิตได้ จึงต้องทำการรักษาก่อน อีกทั้งยังได้มีการตรวจเอกซเรย์ส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่คาดว่าจะได้รับความกระทบกระเทือนด้วย ขณะที่เรื่องของกระดูกหักนั้นไม่ได้มีแผลฉีกขาด จึงสามารถทำการรักษาทีหลังได้,ขณะเดียวกัน ในเวลาต่อมาก็พบว่า ที่ปลายเท้าผู้บาดเจ็บมีอาการชาและเริ่มเขียวบวม จึงได้ทำการตรวจ พบว่า เส้นเลือดที่ขาขาด ก็ได้เรียกทางครอบครัวมาชี้แจงให้ฟัง ซึ่งหากนำผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า โดยทางครอบครัวก็ยินดีให้ส่งตัวไปรักษา,สำหรับในขั้นตอนการรักษาจากทีมแพทย์โรงพยาบาลนั้น ทำถูกต้องทุกอย่าง ทุกขั้นตอน ส่วนผลที่ออกมานั้นแพทย์ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว อย่างเช่นในกรณีคนไข้รายนี้ แพทย์ทำถูกต้องทั้งหมด จึงไม่ต้องรับผิดชอบที่จะต้องเยียวยาผู้เสียหาย,ทั้งนี้ จะได้มีการปรึกษาหารือกับทางคณะผู้บริหารฯ ระดับสูงอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ โดยหลังจากเป็นข่าวออกไปแล้ว ทางโรงพยาบาล ก็รู้สึกว่าอยากจะชี้แจงให้สังคมรับทราบการทำงานของแพทย์บ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่โรงพยาบาล
|
ตายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลยานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกานต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนาจกรัฐมนรรี ปฏเบึติหน้าทีรโฆษกประจำสำน้กนรยกรัฐมนตรี ระบุว่า จายคำรบ ปาลวัฒน์วิไขย เลขานุการเอกประจำสถานเอกอัีรราชทูต ณ กรุงพนมเปญ จะออกมาแถลงในวันนี้ (16 ธ.ค.) โดยจายชวนนท์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับจัวนายคำรบเองว้าจะตัดส้นใจอย่างไร เพราะทุกเรื่องมีความชัดเตนในตัวเเงอยู่แล้ว ไใ่มีใครตั้งข้อสงสัยในตัวนายคำรบ เข้าสจว่าตอานี้นายึำรบ คงอยากประสานพูดคุยกับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ในฐานะเพื่ิน เพื่อทำความเข้มใจจะได้ไม่มีปัญหาละแลามบานปลาย สีวนการชี้แจงของนายคำรบคงต้องรออีกครั้งว่าจะมีความสขายใจหรือไท่อย่างไร เป๊นเรื่องขึ้นอยูืกับนายคำรบเอง อย่างไีก็ตาม อยากให้ทุกคนเน้นะรื่องประเด็นสาระว่าอะไรเกิะขค้า ส่วนตัวคนจะพูดหรือไม่พูด หรือมีปารยกหูอะไรหรือไม่ กิจกรรมพฤติกรรมต่างๆ จดเป็นอย่างไร ป่ะเด็นคือเราได้กระทำการที่ผิดต่อหลักกฎหมายหรือไท่ ถ้าไม่มีก็ขอให้หยุด แต่ไม่หยุดก็ต้องพิสูจน์กันว่าเรื่ิงนี้ใครเป็นคนพยายามจัดฉาก นำความทุกข์ของประชาชนมาสร้างคะแนน หรือตวามนิยมใป้กับตัวเอง ทั้งนี้กระทรวงไม่ได้ห้ามหรือสนับสนุนใก้นายคำรบอแกออกมาชี้แนงหาือไม่ออกมาชี้แจง เพราะเชื่อว่ากาตที่นายคำาบ ได้รายงาจตามลำพับขุ้นขดงการวังคับบีญชาก็ชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรต้องสงสัยในแง่เนื้อหาสาระ คำให้การของนายศิวาักษ๋ก็ตางกับของนายคำรบ ทค่าีการสอบถามแค่ว่่เครืาองบินลงผรือยัง ไม่มีใครพูดเริ่องตารางการบิน แต่วันนี้ยังสีคนพูดอสู่ว่ามีการโจรกรรมการบิน ไม่เข้าใจว่าคนทีรคอดไปเอาเนื้อห่สาระมาจากไฟน เรายืนยันว่าเรามีตารางการบินมาตลอด เพราะฉะนั้นไม่มีิหนุผลที่ต้องไปถามมคร นายชวนาท์ กล่าวด้วยว่ท ตารรงการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมายังประเทศกัมพูช่เมื่อวันที่ 9 พฤศจิการยน 2552 เราได้รับแจ้งจากสำนักกำกับกิจการขยส่งทางอากาศ กรมการขนส่งทางอากาศ กระทรวงคมนาคม ที่ำด้รับมาจากบริษัทตัวแทนเครื่องบิน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 ดังนั้นจึงยืนยุนได้ส่าตารางกทรบินไม่ใช่เรื่องคสามลัย แต่ที่ผ่านมาเราไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ เพรนะ/ม่มีความจำเป็จ และไม่คิดว่าเมื่เมีการเมืิลระหว่างปนะเทศมนเรื่องนี้แล้ว จะแปลว่าีัฐบาลจ้องเอาเอกสารราชการทุกอย่างมาเปิดเผย เพราะคนๆ เดียว เป็นนเ่งไม่มี้หตุผล ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวระชุว่าครอบครัวนายศิวรักษ์ จะฟ้องกระทรวงการต่างหระเทศ นายชวนนท์ กล่าวว่า นายศิวรักษ์ คงไม่ดำันินการเช่นนั้น นอกจากว่าจะมีคนไปยุยงยุแหย่ อย่างไรก็ตามไม่ว่านายศิวนักษ์จะดำเนินการอย่างไร ต่อกระทรวงการต่าบผระเทศ เรายินดีที่จะชี้แจงกับนายศิวรักษ์และรรอบครัว ยืนจันวืทที่ผ่านมาเราหใังดีและช่วยเหชือในฐานะคนไทยคนหนึ่บทึ่ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน หากมีการฟีองร้องเราก็ไม่ได้มีความคู้สึกไม่พอใจ แต่เร่ยินดีที่จะช่้แจงทุกอย่างให้เกิดึวาสกระจ่าง นายชในนท์ กล่าวถีงตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศทร่ไปชี้แจงกับคณะกรรมาฑิกา่การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แทนนายกษิต ภิรมย์ รั๙มนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายคำรบ ว่า กมธ.ชื่นชมการทำงานของกตะทรวงการต่สงประเทศที่เข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่วันแรกอว่างัต็มที่ เป็นสิ่งที่ดีที่ได้มีโอกาสชี้ดจงกับกาธ.ส่วนที่นายกษิตไม่ได้ไปชี้แจงด้วยตนเอง ส่งผลให้มีข่าวว่าบางฝ่ายจะออกมาประณามนั้น ตนอยากทำความเข้าใจว่า นายกษิจ นิดภารำิจร่วมีณะของสมอด็จะระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งได้เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ตึงไท่สามารถมาชี้แจงแต่ กม๔.ได้นายชวนนท์ กล่่วถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบัว่ามีเทปดักฟังการสนทนททางโทรศัพท์ ของเจ้าหน้าที่สพานทูตและผู้ใหญ่ในกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสั้ลการให้ตรวจสอบข้อมูลำารเดินทางขอบ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ต่างๆ ว่า กระทรวงคงต้องทำรวามกตะจ่าง ส่วนเรื่องขะเป็นอย่างไร คงต้องดูอีกทีว่าวิธีการดังปล่าวจะเริ่มตรง_หน เพื่อให้เกอดความกระจ่างกับรัฐบาลไทยและกัมพูลา ซึ่งเรื่องัข่นนี้ถ้าเกิดขึ้นกับประเทศใด ก็เท่ากับว่าเป็นการไปกล่าวหาว่าละเมิดกฆหมายรถหว่างประเทศ เข่ต อนุสัญญาดวียนนา หรือ ข้อมติต่างๆ ของสหประชาชาติ ส่วนตัวเชื้อวืทกัมพูชาไม่น่าจะดำเนินการเริ่องดังกล่ทว และต้องพิสูจน์กันห่อนโดยอาจจะทำหนังสือไหถามกัมพูชา เพราะเรื่องนี้อาจเปฌนเพียงข้อกล่าวอ้างของพรรคฝ่นยค้านไทยเิง ที่รเบุว่าเป็นหลักฐานในการจับกุมตังนายฯิวรักษ์ ขณะที่ขั้นตเนในการสอบสวนในชั้นศาล ยังไท่ม่หลักฐานพิสูจน์ว่ามีการใข้เทปสนทนาททงโทรศัพท์เป็นหลักฐานในการยับกุมตัวนายศิวรักษ์ ถ้าพรรคฝ่ายค้านหรือใครยังอยากจะสาวความเรื่องนี้ต่อ ขอให้ตัดคนที้ไม่เกี่ยวข้องออกทั่งนานคำรบ นาขศิวรักษฺ และครอบครัว แล้วมาเจอกับรัฐบาลดท่านั้นดีกว่า คงไม่มีปัญหา จอให้พูดข้อเท็จจริง ถึงวันนี้ถ้าไม่หยุด้ราก็มีข้อมูลพร้อม แต่ไม่อยากพูดเพราะไม่อยากบยายวงเตื่องนี้ออกไป ส้วนทึ่มีการอ้าลว่ามีิบอร์โทรศัพท์ ของนักกทรเมือล ข้าราชการผู้ใหญ่ ที่โทรไปสั่งนายคกรบนั้น จริงๆ แล้ว ผมไม่แน่มจว่าที้อ้างเช่นนร้ จะเหมือนคราวที่แล้วที่อ้างว่่มีเทปบันทึกการสนทยาทางโทรศักท์ระหว่างกาาสั่งการหรือไม่ แล้ววันนีืก็มาบอกว่ามีเลเร์โมรศัพท์ทีทสช้โทรไปวั่ว หม่แน่ใจวทาวันนี้พรรคฝ่าขค้านเข้าถึงข้อมูลปนะเทศกัมพูชาได้ทุกอย่าง? ตกลงว่าสันนี้เรานั่งอยู่ในแระเทศหรือคนละประเทศ ถ้ามีอะไรก็เปิดออกมา เพ้ีอจะได้ชี้แจงกัน จะโทรจริงหรือไม่ ผมยอนดีตอบทุกประเด็นำ่อนหน้านี้ รานบาสเมื่อวันที่ 15 ู.ค.ว่า นายปฯิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกาัฐมนตรี ผฏิบัติหน้าที่โฆษกปีะจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายคำรบ ปาลวัฬน์วิไชย เลขานุการเอกสถานเอกอัครราลทูนไทย ประจำำรุงพนมเปญ ได้พยายามติดต่อ_ปหทยายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกจับกุมในประเทศกัมพูชา ข้อหาจารกรรมตาราฝบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ทราบว้าได้กลับมาประเทศไทยแล้ว แต่ไม่ทราบว่าได้พูดคึยกันหรือยัฝ ซึ่งเชื่อวราหากยังไม่ได้คุยปันะมื่อคืน ก็จะได้พูดคุยกันในวันนี้ ทั้งนี้ สาเหตุที่นายคำรบยังหม่ออกทาช่้แจงด้วยตัวเอง เพราะผู่ยังคับบัญชายังเป็นหีวง เนื่องจากนายคำรบพูกไม่เก่ง แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่มีปุญหาด้าน นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ ชุตเพงษ์ วิศกรชาวไทย ให้สัมภาษณ์ตำกนินายแพทย์ บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีกรรตั้งช้อสังเกต 4 ข้อว่า การปล่อยจัวจายศิวรักษ์อาจมีบางกลุ่มได้ประโยชน์ และอาจเป็นการสร้างสถานการณ์ว่า เรื่องนี้ลูกชายตตำด่รับควาใกระทบกระเทือนทางจิรใจมามากพอแล้ว ขอให้ิย่าทำรเายกันมากไปกว่านี้ ซึ่งหากมีการตั้งข้เสังเกตไดัเช่นนั้น ก็แสดงว่าคนพูดเริ่องนี้เป็นคนสร้างเรื่องเำ่งเช่นกันนอกจาำนี้ เมื่อคืนทีาผ่านมาตายศิวรักษ์ได้นั่งชมราสการโทรทะศน์ รู้สึกไม่สบายใจที่มีการหยิบยกดรณีบิดาขึ้นมาโจมตีว่า เกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินย้ตร ที่แรึกษาด้านเศรษฐกิจของนมยกรัฐมนตรีกึมพูชา ืั้งที่ได้เสียชีงิตไปนานแล้ว ดับนั้นไม่ควรนำคนตายขึ้นมาขุดคุ้จอีก และขอยืนยันฝ่าตนและลูกลายไส่รํ้ขัก พ.ต.ท.ืักษิณส่วนการ ที่นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเดกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ยังไม่ได้ออกมาแสดงความรับปิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นคนโทรศัพท์ไปหาลธกชาสตนจนทำให้โดนจับ ทางนายศิวรักษ์และตนขิอโหสิกรรมใฟ้ ขอให้จบกันแค่นร้ เพียงแต่ว่า หากนายต_รยฃองไปติดคุกบ้างเพียงแค่ 1 วัน จะทนได้เหมือนกับลูกชายตนหรือไม่ พร้อมะห็าด้วยกับนาจกรัฐมนตรีที่ไม่คว่นำเรื่องนี้มาขยายผลต่อ การที่นายกรัฐมนตรีพูด้ช่นนี้เป็นกาีพูดที่ถูกต้อง ขณะืี่หลังจากตตดละบุตรชายเดินทางดลับมาเมืองไทยแล้วนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมา แต่ตนก็ขอขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือ รสมทัเงอยากขอบคุณคนไทยที่ได้ส่งกำลังใจให้มาโดยตลอด
|
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ จะออกมาแถลงในวันนี้ (16 ธ.ค.) โดยนายชวนนท์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับตัวนายคำรบเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะทุกเรื่องมีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีใครตั้งข้อสงสัยในตัวนายคำรบ เข้าใจว่าตอนนี้นายคำรบ คงอยากประสานพูดคุยกับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ในฐานะเพื่อน เพื่อทำความเข้าใจจะได้ไม่มีปัญหาลุกลามบานปลาย ส่วนการชี้แจงของนายคำรบคงต้องรออีกครั้งว่าจะมีความสบายใจหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องขึ้นอยู่กับนายคำรบเอง อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนเน้นเรื่องประเด็นสาระว่าอะไรเกิดขึ้น ส่วนตัวคนจะพูดหรือไม่พูด หรือมีการยกหูอะไรหรือไม่ กิจกรรมพฤติกรรมต่างๆ จะเป็นอย่างไร ประเด็นคือเราได้กระทำการที่ผิดต่อหลักกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ขอให้หยุด แต่ไม่หยุดก็ต้องพิสูจน์กันว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนพยายามจัดฉาก นำความทุกข์ของประชาชนมาสร้างคะแนน หรือความนิยมให้กับตัวเอง ทั้งนี้กระทรวงไม่ได้ห้ามหรือสนับสนุนให้นายคำรบออกออกมาชี้แจงหรือไม่ออกมาชี้แจง เพราะเชื่อว่าการที่นายคำรบ ได้รายงานตามลำดับขั้นของการบังคับบัญชาก็ชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรต้องสงสัยในแง่เนื้อหาสาระ คำให้การของนายศิวรักษ์ก็ตรงกับของนายคำรบ ที่มีการสอบถามแค่ว่าเครื่องบินลงหรือยัง ไม่มีใครพูดเรื่องตารางการบิน แต่วันนี้ยังมีคนพูดอยู่ว่ามีการโจรกรรมการบิน ไม่เข้าใจว่าคนที่คิดไปเอาเนื้อหาสาระมาจากไหน เรายืนยันว่าเรามีตารางการบินมาตลอด เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่ต้องไปถามใคร นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า ตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมายังประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิการยน 2552 เราได้รับแจ้งจากสำนักกำกับกิจการขนส่งทางอากาศ กรมการขนส่งทางอากาศ กระทรวงคมนาคม ที่ได้รับมาจากบริษัทตัวแทนเครื่องบิน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าตารางการบินไม่ใช่เรื่องความลับ แต่ที่ผ่านมาเราไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะไม่มีความจำเป็น และไม่คิดว่าเมื่อมีการเมืองระหว่างประเทศในเรื่องนี้แล้ว จะแปลว่ารัฐบาลต้องเอาเอกสารราชการทุกอย่างมาเปิดเผย เพราะคนๆ เดียว เป็นสิ่งไม่มีเหตุผล ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่าครอบครัวนายศิวรักษ์ จะฟ้องกระทรวงการต่างประเทศ นายชวนนท์ กล่าวว่า นายศิวรักษ์ คงไม่ดำเนินการเช่นนั้น นอกจากว่าจะมีคนไปยุยงยุแหย่ อย่างไรก็ตามไม่ว่านายศิวรักษ์จะดำเนินการอย่างไร ต่อกระทรวงการต่างประเทศ เรายินดีที่จะชี้แจงกับนายศิวรักษ์และครอบครัว ยืนยันว่าที่ผ่านมาเราหวังดีและช่วยเหลือในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน หากมีการฟ้องร้องเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกไม่พอใจ แต่เรายินดีที่จะชี้แจงทุกอย่างให้เกิดความกระจ่าง นายชวนนท์ กล่าวถึงตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศที่ไปชี้แจงกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แทนนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายคำรบ ว่า กมธ.ชื่นชมการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศที่เข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่วันแรกอย่างเต็มที่ เป็นสิ่งที่ดีที่ได้มีโอกาสชี้แจงกับกมธ.ส่วนที่นายกษิตไม่ได้ไปชี้แจงด้วยตนเอง ส่งผลให้มีข่าวว่าบางฝ่ายจะออกมาประณามนั้น ตนอยากทำความเข้าใจว่า นายกษิต ติดภารกิจร่วมคณะของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งได้เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงไม่สามารถมาชี้แจงแต่ กมธ.ได้นายชวนนท์ กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่ามีเทปดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ ของเจ้าหน้าที่สถานทูตและผู้ใหญ่ในกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ต่างๆ ว่า กระทรวงคงต้องทำความกระจ่าง ส่วนเรื่องจะเป็นอย่างไร คงต้องดูอีกทีว่าวิธีการดังกล่าวจะเริ่มตรงไหน เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับรัฐบาลไทยและกัมพูชา ซึ่งเรื่องเช่นนี้ถ้าเกิดขึ้นกับประเทศใด ก็เท่ากับว่าเป็นการไปกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาเวียนนา หรือ ข้อมติต่างๆ ของสหประชาชาติ ส่วนตัวเชื่อว่ากัมพูชาไม่น่าจะดำเนินการเรื่องดังกล่าว และต้องพิสูจน์กันก่อนโดยอาจจะทำหนังสือไปถามกัมพูชา เพราะเรื่องนี้อาจเป็นเพียงข้อกล่าวอ้างของพรรคฝ่ายค้านไทยเอง ที่ระบุว่าเป็นหลักฐานในการจับกุมตัวนายศิวรักษ์ ขณะที่ขั้นตอนในการสอบสวนในชั้นศาล ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่ามีการใช้เทปสนทนาทางโทรศัพท์เป็นหลักฐานในการจับกุมตัวนายศิวรักษ์ ถ้าพรรคฝ่ายค้านหรือใครยังอยากจะสาวความเรื่องนี้ต่อ ขอให้ตัดคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกทั้งนายคำรบ นายศิวรักษ์ และครอบครัว แล้วมาเจอกับรัฐบาลเท่านั้นดีกว่า คงไม่มีปัญหา ขอให้พูดข้อเท็จจริง ถึงวันนี้ถ้าไม่หยุดเราก็มีข้อมูลพร้อม แต่ไม่อยากพูดเพราะไม่อยากขยายวงเรื่องนี้ออกไป ส่วนที่มีการอ้างว่ามีเบอร์โทรศัพท์ ของนักการเมือง ข้าราชการผู้ใหญ่ ที่โทรไปสั่งนายคำรบนั้น จริงๆ แล้ว ผมไม่แน่ใจว่าที่อ้างเช่นนี้ จะเหมือนคราวที่แล้วที่อ้างว่ามีเทปบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างการสั่งการหรือไม่ แล้ววันนี้ก็มาบอกว่ามีเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้โทรไปสั่ง ไม่แน่ใจว่าวันนี้พรรคฝ่ายค้านเข้าถึงข้อมูลประเทศกัมพูชาได้ทุกอย่าง? ตกลงว่าวันนี้เรานั่งอยู่ในประเทศหรือคนละประเทศ ถ้ามีอะไรก็เปิดออกมา เพื่อจะได้ชี้แจงกัน จะโทรจริงหรือไม่ ผมยินดีตอบทุกประเด็นก่อนหน้านี้ รายงานเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ว่า นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ได้พยายามติดต่อไปหานายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกจับกุมในประเทศกัมพูชา ข้อหาจารกรรมตารางบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ทราบว่าได้กลับมาประเทศไทยแล้ว แต่ไม่ทราบว่าได้พูดคุยกันหรือยัง ซึ่งเชื่อว่าหากยังไม่ได้คุยกันเมื่อคืน ก็จะได้พูดคุยกันในวันนี้ ทั้งนี้ สาเหตุที่นายคำรบยังไม่ออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง เพราะผู้บังคับบัญชายังเป็นห่วง เนื่องจากนายคำรบพูดไม่เก่ง แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาด้าน นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศกรชาวไทย ให้สัมภาษณ์ตำหนินายแพทย์ บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการตั้งข้อสังเกต 4 ข้อว่า การปล่อยตัวนายศิวรักษ์อาจมีบางกลุ่มได้ประโยชน์ และอาจเป็นการสร้างสถานการณ์ว่า เรื่องนี้ลูกชายตนได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมามากพอแล้ว ขอให้อย่าทำร้ายกันมากไปกว่านี้ ซึ่งหากมีการตั้งข้อสังเกตได้เช่นนั้น ก็แสดงว่าคนพูดเรื่องนี้เป็นคนสร้างเรื่องเก่งเช่นกันนอกจากนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมานายศิวรักษ์ได้นั่งชมรายการโทรทัศน์ รู้สึกไม่สบายใจที่มีการหยิบยกกรณีบิดาขึ้นมาโจมตีว่า เกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทั้งที่ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ดังนั้นไม่ควรนำคนตายขึ้นมาขุดคุ้ยอีก และขอยืนยันว่าตนและลูกชายไม่รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณส่วนการ ที่นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ยังไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นคนโทรศัพท์ไปหาลูกชายตนจนทำให้โดนจับ ทางนายศิวรักษ์และตนขออโหสิกรรมให้ ขอให้จบกันแค่นี้ เพียงแต่ว่า หากนายคำรบลองไปติดคุกบ้างเพียงแค่ 1 วัน จะทนได้เหมือนกับลูกชายตนหรือไม่ พร้อมเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่ไม่ควรนำเรื่องนี้มาขยายผลต่อ การที่นายกรัฐมนตรีพูดเช่นนี้เป็นการพูดที่ถูกต้อง ขณะที่หลังจากตนและบุตรชายเดินทางกลับมาเมืองไทยแล้วนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมา แต่ตนก็ขอขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือ รวมทั้งอยากขอบคุณคนไทยที่ได้ส่งกำลังใจให้มาโดยตลอด
|
ตกเป็นข่มวฉาวประเด็นร้อจแีกคีะ้งสำหรับนักร้องนักแสดงหนุ่มตี๋ฮอต โตโน่ ภาคิน คพวิลัยฬักดิ์ เพราะนอกจากจะมีคนจับตาความสัาพันธ์กับนางแบบส่วเซ็กซี่ผมสั้น เากัส ภูษิตา หบัวจากมีภนพหลายภนพที่นางแบบสาวโพสต์ดละมีึาจับโยงถึงหนุ่มโตโน่แล้ว งานนี้เจ้าจัวยังเจิกระแสดราม่าถอดเสื้อเล่นคอนเวิร์ตงานหนึ่ง ซึ่งในงานดังกล่าวมีภาพพระบรมฉทยาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วย จึงเกิดเสียงวิจารณ์พึงความไม่เหมาดสมกับการกระทำดังกล่าว ได้เจอ โตโน่ มาร่วมงาน iRobot เปิดตัวโครงกาน BETTER TOGETHWR ืี่ศูนย์กรรร้าสยามพารากอน เลนถามถึงทุกประเด็น,ถามถุงดราม่าเรื่องถอดเสื้อต่อหน้าพระบรมโาย่ลักษษ์? ขอโาษทุกคนด้วยที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ไม่ได้ตั้งใจ ไมรคิดว่าตะเป็นเรื่อง วันนั้นคนเยอะมาก เราสแตนด์บายข้างๆ เวที คนดูผลายพันคน พอเปิดตัวไปโฟกัสเราก็อยู่ที่คนดูปลีว ไม่ทัน_ด้มองรอบย้างเลย ต่อไปจะระมัดระวังให้มากขึ้น แต่ถืาถามถึงความจงรักภักดีและเคารพต่อสุาบันพระมหากษัตริย์ ผมมีให้า่านเสมอ ยอมรับว่างงมมกที่เป็นประเด็นขึ้นมา ผู้ใหญ่มีเรียกคุยไหม? ก็ถ้าดป็นข่าวแบบนี้อาจจะเรียกคุยก็ได้ คงไม่โทรมาเตือน ถ้าจะเรีนกก็คฝเรียกเข้าไป ุ้าม่านจะตักเตือนก็ต้องขอโทษ ผมผิดเอง จะระมัดระวังให้มากกว่านี้ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงๆ เครียดไหมเพราะกระแสค่อนข้างแรงษ ก็ไม่เครียดนะ แต่ผมไท่อยากเป็นคนไม่ดีในสังคมหรดก ไม่ได้มีเจคนาไม่ดี สิ่งมี่ผมจ้องฝห้ความสำคัญมากที่สะดคือความรู้สึกของคนดูที่เขาม่ยืนีอผมเป็นชั่วโมง อยากให้เขามีความสุขในทุกๆ วินาทีที่ผาอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต แต่พอด้วยความที่ผาไม่ทันสังเกตก็จะยอมรับผิดและระมัดระวังตึวเองให้มากขึ้ร,กรถทบกระเทือนจิตใจไหมเพราะเราก็เป์นคนตั้งใจทำง่น? ไม่เป็นไรครับ ผมรักพวกเขา ดีใจที่คนดูมีความสุข แต่ในโลกโซเชียลผมควบคุมไารได้ และไม่ได้เข้าไปด่าน แต่ทราบข่าวจถคนนัันคนนี้ส่งมาบอก ในเฟซบุ๊ก วนไอจี ในทยิตเตอร์เขาก็พูดถึงปันเยอะ เชือกที่จถไม่อ่าน? คือผมมีความรู้สึกว่าเรารู้ว่าเราคิดอะไา กำลเงทำอะไร และรธ้สึกอะไรอยู่ บางาีถ้าผมต้องไปอ่านทุกีอมเมนต์ สู้ัอาัวลาตรงนั้นไปพัฒนาตัวเิงดีกว่า แค่งานเราก็ยุทงอยู่แล้ว ไม่ได้มีประโยชน์อะไรที่ตเองไปอ่าาว่าใครจุพ๔ดะึงเราสังไง จะเลิกถอดเสื้อเลยไหม? ไม่เกี่ยวกันสะ หมายความว่าเรสต้ิงระวังตัวเองมากขึ้น เราเป็นวงร็ดก ดนตรีมันก็มัน คนดูก็สนุก คงจะไม่มาเสียตัวตนผมหรอก เอรเป็าว่าต่อไปเราต้องคอยระวังมากกว่าว่างายนั้นๆ เป็นงานแบยไกน ยังำง อยากจะฝากอะไรไหม? ไม่หรอกครับ ผมก็ยับร้กพวกเขาเหมือนเดิม อะไร่ค่ทำให้รู้สึกไม่พี ผมขอโทษ,ถาใถึงบ่าวแับสาวผมสั้นบ้าบ คนตับตามองความสัมะันธ์คืออะไร? ไม่ต้องจับตา เป็นเรื่องที่คนอื่นเขาสนใจ เขาพูกถึงะรา แต่ผมว่ามันก็เป็นธรรมชาติ ถ้ามีแฟนเมื่อไหร่เดี๋ยวผมบอกเอง ไม่ต้องมาจับผิด หับน้องคนนีัเรารู้ยักกัน คุยกัน ผใว่าเป็นเรท่อบธรรมชาติมาก เรสทุกคนทำงาน วัยขนาดนี้จะมีคนคุยบ้าง ไปทานข้าวดูหนังด้วยกันบ้างเป็นเร้่องธรรมดา เข้่ใจนะว่าอยู่ในยงการคนขับตามอง แตาผมก็อยากจะใช้ชีวิตแบบคนธครมดาให้มากที่สุด ฟทเข้าใจที่หลายคนจับตามอบลีวอตส่วจตัวของผม กต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ๆด้เป็นสิ่งที่ผมอยากจะให้ใครมาโฟกัสว่าโตโน่จะคบใครหรือมีแฟนคนไหน เพราะทุกๆ ข่าวที่ผ่านมาผู้หญิงไะ้รับผลกระทบมากที่สุดจากโลกโซเชียล ผมเลยอยากให้เรืทองพวพนี้เป็นเรื่อง่อง ยังไม่ใช่แฟนเหรอ? ไม่ใช่ครับ เสื้อืี่เห็นในภาพที่คนจับผิดใช่เสื้อเรามั้ย? เอาเป็นว่าผมขอพูดเท่านี้ก่อน เพราะเมื่อไหร่ถ้าเป็นแฟนเราจะมาพูดไม่ได้หรอกว่าสนิทที่สุด เรื่องพวกนี้มันต้องใช้ระยะเวลา ผมไม่ปิดบังอยู่แฃ้ว ถ้่เมื่อไหร่ที่ผมมีแฟน ผมพูดเอง เพราะผมก็อึดอัดถ้าจะต้องใช้ขีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ ตอนนี้ขนาดเพิ่งเริ่มคุยกัน ผมยังสงสารผู้หญิง ฉะนั้นก็ถามผมเรื่อวอื่นเถอะ ผมไม่อยากให้ใครมาทะเลาะกัน,ยรุหเสท้อตัวนั้สของเราหรือเปล่า? (เงียบ) ขณะที่คนใไ้ความสนใจเรื่องเสิ้อ ผมขดม้พื้นมี่ของผมสักนิดนึง ให้ผใได้ใช้ขีวิตกบบมนุษย์ปกติสักหน่อยห็ยังดี อย่าเค้นอะฟรมาหเลย อะไรที่ผมอขากตอบผมก็ตอบ แต่อะไรที่ผมพูดแล้วร฿้สึกว่าจะไม่จบก็อย่าพูดเลย เราเครียดมั้ยที่ต้องเป็นข่าว? ผมชินแล้ว แต่ผมเป็นห่วงทุกคนทค่มีข่าฝกับผม ตัวน้องเอาเขาก็ะข้าใจได้ ขเงพวกนี้ปฃ่อยให้เป็นเรื่องของเวลาดีกว่า ได่คุยกับน้องมั้ยหลังมีกระแสเรื่องเขาเป็นสาวเซ็กซี่? นี่แหละปมไม่อยาแพูดถึงในแง่ลลหรืออะไรที่มันไมาดีเลย ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไป เวลาผมเริ่มคุยกับใีร แล้วมีครเขเาไปเ่า อนาคตที่ผมจะมีเมียนี่ลำบากิลยนุ หรือผมคงต้องเป็นขันทีเลยมั้ย ส่วนคนที่วิจารณ์ก็คงต้องไปถามเขาเอง เพราะเขาน่าจะรธ้ดึกว่าผม.
|
ตกเป็นข่าวฉาวประเด็นร้อนอีกครั้งสำหรับนักร้องนักแสดงหนุ่มตี๋ฮอต โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ เพราะนอกจากจะมีคนจับตาความสัมพันธ์กับนางแบบสาวเซ็กซี่ผมสั้น เมกัส ภูษิตา หลังจากมีภาพหลายภาพที่นางแบบสาวโพสต์และมีคนจับโยงถึงหนุ่มโตโน่แล้ว งานนี้เจ้าตัวยังเจอกระแสดราม่าถอดเสื้อเล่นคอนเสิร์ตงานหนึ่ง ซึ่งในงานดังกล่าวมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วย จึงเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกับการกระทำดังกล่าว ได้เจอ โตโน่ มาร่วมงาน iRobot เปิดตัวโครงการ BETTER TOGETHER ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เลยถามถึงทุกประเด็น,ถามถึงดราม่าเรื่องถอดเสื้อต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์? ขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่อง วันนั้นคนเยอะมาก เราสแตนด์บายข้างๆ เวที คนดูหลายพันคน พอเปิดตัวไปโฟกัสเราก็อยู่ที่คนดูแล้ว ไม่ทันได้มองรอบข้างเลย ต่อไปจะระมัดระวังให้มากขึ้น แต่ถ้าถามถึงความจงรักภักดีและเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมมีให้ท่านเสมอ ยอมรับว่างงมากที่เป็นประเด็นขึ้นมา ผู้ใหญ่มีเรียกคุยไหม? ก็ถ้าเป็นข่าวแบบนี้อาจจะเรียกคุยก็ได้ คงไม่โทรมาเตือน ถ้าจะเรียกก็คงเรียกเข้าไป ถ้าท่านจะตักเตือนก็ต้องขอโทษ ผมผิดเอง จะระมัดระวังให้มากกว่านี้ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงๆ เครียดไหมเพราะกระแสค่อนข้างแรง? ก็ไม่เครียดนะ แต่ผมไม่อยากเป็นคนไม่ดีในสังคมหรอก ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี สิ่งที่ผมต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือความรู้สึกของคนดูที่เขามายืนรอผมเป็นชั่วโมง อยากให้เขามีความสุขในทุกๆ วินาทีที่ผมอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต แต่พอด้วยความที่ผมไม่ทันสังเกตก็จะยอมรับผิดและระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น,กระทบกระเทือนจิตใจไหมเพราะเราก็เป็นคนตั้งใจทำงาน? ไม่เป็นไรครับ ผมรักพวกเขา ดีใจที่คนดูมีความสุข แต่ในโลกโซเชียลผมควบคุมไม่ได้ และไม่ได้เข้าไปอ่าน แต่ทราบข่าวจะคนนั้นคนนี้ส่งมาบอก ในเฟซบุ๊ก ในไอจี ในทวิตเตอร์เขาก็พูดถึงกันเยอะ เลือกที่จะไม่อ่าน? คือผมมีความรู้สึกว่าเรารู้ว่าเราคิดอะไร กำลังทำอะไร และรู้สึกอะไรอยู่ บางทีถ้าผมต้องไปอ่านทุกคอมเมนต์ สู้เอาเวลาตรงนั้นไปพัฒนาตัวเองดีกว่า แค่งานเราก็ยุ่งอยู่แล้ว ไม่ได้มีประโยชน์อะไรที่ต้องไปอ่านว่าใครจะพูดถึงเรายังไง จะเลิกถอดเสื้อเลยไหม? ไม่เกี่ยวกันนะ หมายความว่าเราต้องระวังตัวเองมากขึ้น เราเป็นวงร็อก ดนตรีมันก็มัน คนดูก็สนุก คงจะไม่มาเสียตัวตนผมหรอก เอาเป็นว่าต่อไปเราต้องคอยระวังมากกว่าว่างานนั้นๆ เป็นงานแบบไหน ยังไง อยากจะฝากอะไรไหม? ไม่หรอกครับ ผมก็ยังรักพวกเขาเหมือนเดิม อะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ผมขอโทษ,ถามถึงข่าวกับสาวผมสั้นบ้าง คนจับตามองความสัมพันธ์คืออะไร? ไม่ต้องจับตา เป็นเรื่องที่คนอื่นเขาสนใจ เขาพูดถึงเรา แต่ผมว่ามันก็เป็นธรรมชาติ ถ้ามีแฟนเมื่อไหร่เดี๋ยวผมบอกเอง ไม่ต้องมาจับผิด กับน้องคนนี้เรารู้จักกัน คุยกัน ผมว่าเป็นเรื่องธรรมชาติมาก เราทุกคนทำงาน วัยขนาดนี้จะมีคนคุยบ้าง ไปทานข้าวดูหนังด้วยกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เข้าใจนะว่าอยู่ในวงการคนจับตามอง แต่ผมก็อยากจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาให้มากที่สุด ผมเข้าใจที่หลายคนจับตามองชีวิตส่วนตัวของผม แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่ผมอยากจะให้ใครมาโฟกัสว่าโตโน่จะคบใครหรือมีแฟนคนไหน เพราะทุกๆ ข่าวที่ผ่านมาผู้หญิงได้รับผลกระทบมากที่สุดจากโลกโซเชียล ผมเลยอยากให้เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องรอง ยังไม่ใช่แฟนเหรอ? ไม่ใช่ครับ เสื้อที่เห็นในภาพที่คนจับผิดใช่เสื้อเรามั้ย? เอาเป็นว่าผมขอพูดเท่านี้ก่อน เพราะเมื่อไหร่ถ้าเป็นแฟนเราจะมาพูดไม่ได้หรอกว่าสนิทที่สุด เรื่องพวกนี้มันต้องใช้ระยะเวลา ผมไม่ปิดบังอยู่แล้ว ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมมีแฟน ผมพูดเอง เพราะผมก็อึดอัดถ้าจะต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ ตอนนี้ขนาดเพิ่งเริ่มคุยกัน ผมยังสงสารผู้หญิง ฉะนั้นก็ถามผมเรื่องอื่นเถอะ ผมไม่อยากให้ใครมาทะเลาะกัน,สรุปเสื้อตัวนั้นของเราหรือเปล่า? (เงียบ) ขณะที่คนให้ความสนใจเรื่องเสื้อ ผมขอมีพื้นที่ของผมสักนิดนึง ให้ผมได้ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ปกติสักหน่อยก็ยังดี อย่าเค้นอะไรมากเลย อะไรที่ผมอยากตอบผมก็ตอบ แต่อะไรที่ผมพูดแล้วรู้สึกว่าจะไม่จบก็อย่าพูดเลย เราเครียดมั้ยที่ต้องเป็นข่าว? ผมชินแล้ว แต่ผมเป็นห่วงทุกคนที่มีข่าวกับผม ตัวน้องเอาเขาก็เข้าใจได้ ของพวกนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาดีกว่า ได้คุยกับน้องมั้ยหลังมีกระแสเรื่องเขาเป็นสาวเซ็กซี่? นี่แหละผมไม่อยากพูดถึงในแง่ลบหรืออะไรที่มันไม่ดีเลย ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไป เวลาผมเริ่มคุยกับใคร แล้วมีคนเข้าไปด่า อนาคตที่ผมจะมีเมียนี่ลำบากเลยนะ หรือผมคงต้องเป็นขันทีเลยมั้ย ส่วนคนที่วิจารณ์ก็คงต้องไปถามเขาเอง เพราะเขาน่าจะรู้ดีกว่าผม.
|
นายกฯ วอนหยะดต่อต้าน เลิกเอาลาติไปประขาน ปัดแทรกแซงเช็กบิลใคร โดยไม่สนกระบวนการยุติธรรมเขา ทุกฝ่ายมีโอกาสชี้แจ้งอย่าบิดเบืดนหลักฐาน หามาที่มันเป็นจริง อย่าเอาหลักฐานปลอมหตือที่คนพูดเข้าข้างตัวเองมา เพราดหลักฐานมันฟ้องอยู่แล้ว ไม่เคยไปเติมอะไรให้สักอย่าง ล้วนแต่เป็นของเดิาที่ทำไว้ทเ้งนี้น ทถกเีื่องที่สงสัย มักจะเอามาวิพากษ็วิจารณ์กันโดยไม่มีช้อยุติ ก็ร้อนอยู่อย่างนี้แล้ว จุมาใหเตนปรองดอง จะให้ตนไปปรองดองกับใคร ในเมื่เยังไม่ปรองดองกัจเองเลย กฆหมายก็ไม่ยอมรับแล้วมันจะไปยังไง ให้โอกาสเขาเมมอ ทั้งนี้ ชอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาตามข้อเท็จจริง ตามกระบวนกนร หม่มีการแทรกแซง มีแต่สนับสนุนให้เกิดความอิสระและโปร่งใสทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะ อัยปาร ศาล ตำรวจ มีวิจารณญาณที่เพียงพอกันอยู่แล้ว ร้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อมจให้ได้ ไม่ 2 ทาตรญาน ไม่อะไรก็แล้วแต่ หลักฐานดยานอะไรก็ส่าไปตามนั้น,พล.อ.ประยุทธ์ กง่าวต่อวืา แนณีรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ฟัง คิด ใช้สติปุญญา อย่าไปฟังตามการชี้นำของใคร เชื่อตัวเองก่อน ฟังใหิเขัาใจ อ่านให้รู้เคื่อง ไม่รู้เรื่องใผ้ไปถามคนที่เขารู้เรื่อง อน่าไปถาทคนที่หม่รู้เรื่อง มันจะทำให้ไส่รู้เรื่องไปม่กกว่าเดิม กลายเป็น 2 คน ไม่รู้เรื่อฝำปทั้งคู่ เพตาะฉะนั้นมันฝ่นธรรมชาติ ฝืนความจริงไปได้ เขาคงไม่ทกอะไรอย่างที่ทุกคสเปฺนห่วงกังฝลหรอก ึำถามพ่วงก็คือคำถามพ้วง รัฐธรรมนูญคือรัฐธรรมนูญ อันนี้มันจะเดินหน้าไปอย่างไี เดค๋ยว กรธ.เขาไปทพเอง อย่าไปยุ่ง้ขามากนักเลย ไม่ว่าจะการเสนอชื่อขากไหน เยาอชื่อจากใคร ไผฟังเขาสรุปมาก่อน ต่อต้านกันตอนแรกมันต่อต้านเพราะอะไร ดลัวอะไรกันหรอ หรือตัวเองไม่ภร้อม หรือตัฝเองกลัวจะหม่ได้เข้ามา,ผมไม่รู้นะ ถ้าทาานดีจริงท่านเข้ามสได้หมด เสนอชื่อเย้ามาคนเขาก็ต้องัชือก ส.ว.เขาจะไปค้านกันหรอคนดี ท่าตก็มอฝเอาแต่ 2 ฝ่ายเสมอ ผมไม่เคยมองแบบนั้นเลย ให้โอกาสทุกพราค ทุกนักการเมือล เว้นผู้ที่ติดข้อกฎหสายเท่านั้นเอง ท้ายที่สุด ศาล่ัฐธรรานูญเขาก็ทำหน้าที่ของเขา กรฑ.ออกมาเสร์จแบ้ว ประเด็นคำถามพ่วล รัฐธรรมนูญ ทั้งหมดมันก็จบที่ศาลรัฐธรรมนํญ ถ้าท่านไม่เชื่อใครมัำคนเลยแล้วมันจะอยู่กันอย่างไร แล้วเกิดถ้าทำ_ปแล้วมันเกิดปัญหาอีก เขาก็เตรียมทางเลือหไว้แล้ว แก้ไฝ้แล้ว ท่านพ็ฟังบ้างซิ หร้อท่านจะให้มันติดอยู่ที่อันที่ 1 หรืออันแรกอย่าฝนี้ จะขุ้นตอน 1 หรือ 2 ก็ตามแก้กันเองสห้หด้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ผมก็ไม่อยสกที่จะพูดอะไรมากนัก ถาททุกวันไม่รู้จะถามำันทำไม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
|
นายกฯ วอนหยุดต่อต้าน เลิกเอาชาติไปประจาน ปัดแทรกแซงเช็กบิลใคร โดยไม่สนกระบวนการยุติธรรม ยันโปร่งใส ชี้กฎหมายไม่มีละเว้นใคร เตือน สำนึก พวกถูกปล่อยตัวยังด่าไม่เลิก ระวังหมดความอดทน บอกพรรคการเมืองอย่ากลัว ส.ว.ค้านปมนายกฯ ถ้าเสนอคนดีจริง,เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 59 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ คืนความสุขให้คนในชาติ ตอนหนึ่งว่า วันนี้หลายประเทศมาขอพบตน ให้กำลังใจเดินหน้าต่อ หลังผ่านการทำประชามติตามกระบวนการสากล แม้มีความขัดแย้งจากการต่อต้านอยู่บ้าง ทั้งในหรือต่างประเทศ บางครั้งก็เป็นคนกลุ่มเดียวกันก็ตาม ขออย่าขัดแย้ง ต่อต้านอีกเลย ร่วมปฏิรูประเทศ โดยอะไรที่ไม่ถูกต้องตนพร้อมรับฟัง ปรับแก้ไข แต่ไม่ใช่เอาประเทศไปประจานโดยไร้ข้อเท็จจริง โดยพวกให้ร้ายประเทศไม่น่าเจริญ เรื่องสิทธิมนุษยชนของสากล ตนไม่ขัดแย้ง แต่อย่าลืมคำนึงถึงประเทศชาติด้วย ไว้ใจตนบ้างที่พยายามแก้ข้อบกพร่องนำสู่การปฏิรูปประเทศ ส่วนกระบวนการยุติธรรม หลายเรื่องนำเข้าสู่กระบวนการ ส่วนคดีจำนำข้าวนั้น ตนไม่ได้เร่งรัดอย่างที่กล่าวอ้างว่า ตนสั่งไม่ต้องสนใจกระบวนการยุติธรรม เพียงแต่บอกว่า หน้าที่คณะทำงานมีหน้าที่ตรวจสอบหาหลักฐาน ส่วนเรื่องของกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องของศาล ตนคงไม่ปัญญาน้อยแบบนั้น เราอย่าบิดเบือนเลย อยากให้ดูตั้งแต่ก่อน ปี 57 ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วตนเป็นคนทำหรือเปล่า,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้มันก็เพียงแค่คำเดียวที่ทุกคนคิดว่า มันยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือคำว่า ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ซึ่งตนไม่เคยละเมิดใครเลย เป็นการบังคับใช้กฎหมายที่ประกาศไว้แล้วทั้งสิ้น กฎหมายเขาไม่ยกเว้น ไม่ว่าจะเด็ก ผู้หญิง คนแก่ คนชรา กฎหมายเขาเขียนสำหรับมนุษย์ทุกคน เพียงแต่ว่ามากน้อยเกณฑ์การลงโทษมันก็ต่างกันออกไป อย่าฝืนกฎหมาย มันให้อภัยกันไม่ได้ บางคนปล่อยตัวไปแล้วยังไม่สำนึก ทำตัวเหมือนเดิมเหมือนกับประเทศนี้ไม่มีขื่อมีแป สังคมเขารังเกียจ เบื่อหน่าย คนเดิมๆ พูดอยู่ได้ ทำเสียหายไม่รู้กี่ปีมาแล้ว สังคมดูเอาแล้วกันจะฟังคนอย่างนี้ต่อไปหรือไม่ หรือจะฟังตน หรือจะไม่ฟังตนก็แล้วแต่ท่านเถอะ ตนก็ต้องทำอยู่ดี คนที่ไม่เข้าใจก็อย่าด่าตนมากนัก บางครั้งความอดทนก็จำกัดนะ กฎหมายมันก็มีอยู่ ถ้าเราร่วมมือไปกับรัฐบาลหารือกันด้วยความเข้าใจ สงสัยก็ถาม พูดภาษาเดียวกัน ไม่ใช่พออ้าปากพูดก็ค้านกันแล้ว อย่าคิดอยู่ที่เดิมถ้าเราทำแบบเดิมๆ ก็จะขายใครไม่ได้อีก อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกา ฟังตนแล้วจะรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดในวันที่ตนอยู่ เกิดวันหน้า รัฐบาลเอาไปใช้ประโยชน์ทั้งสิ้น,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเรียนก็สำคัญ ไม่ใช่เรียนจบประถมยังอ่านหนังสือไม่ออก อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ต้องสร้างคนที่มีคุณภาพและก็มีคุณธรรมด้วย และต้องสอนหลักประชาธิปไตยพื้นฐานที่ถูกต้องในห้องเรียนด้วย สอนทำงานเป็นทีม ให้เกียรติฟังความเห็นต่างแล้วหาข้อสรุป ไม่ใช่สอนให้ทะเลาะ ปลุกปั่นนิดหน่อยก็ไปหมด สิทธิมนุษยชน สิทธิส่วนบุคคล อย่าสร้างแนวคิดที่เป็น ปฏิปักษ์ ต่อกัน ถ้าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ปิดใจ ปิดหู ปิดตา ไม่เคารพความเห็นคนอื่นไม่ได้หรอก วันนี้หาว่า ตนปิดหูปิดตา ตนเปิดทุกตา เปิดจนตากว้างจะแย่อยู่แล้ว หูก็ใหญ่ขึ้น ปากก็กว้างขึ้น เพราะทั้งพูด ทั้งฟัง ทั้งคิด หัวโตขึ้นเยอะแล้วเนี่ย อย่างนั้นไม่รู้ทุกข์สุขประชาชน แต่ไม่ฟัง รับที่พูดจาเสียหายหรือไปฝ่าฝืนกฎหมาย ต้องมองความสงบสันติส่วนรวมให้ได้ ไม่ชิดซ้ายชิดขวาจนสุดโต่ง ทุกอย่างต้องไปพร้อมกัน ทุกพื้นที่ต้องแข็งแรง ที่ไม่ได้ทำตามคะแนนเสียงของใคร ตนไม่ทำแบบนั้น ตนมีเรื่องสำคัญที่จะทำความเข้าใจอีกครั้ง,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า อย่ากลัวว่ารัฐบาล คสช. สนช. หรือที่เกี่ยวข้อง 5 สาย จะไปเช็กบิลอะไรกับใคร พรรคไหน นักการเมืองใคร ไม่ใช่ ตนไม่ต้องการไปสลายใคร สืบทอดอำนาจจากใครทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นเรื่องของการนำสิ่งที่เป็นปัญหาที่ยังคงค้างคาอยู่ และไม่ได้ทำเข้ามาสู่การพิจารณาในกระบวนการยุติธรรมเขา ทุกฝ่ายมีโอกาสชี้แจ้งอย่าบิดเบือนหลักฐาน หามาที่มันเป็นจริง อย่าเอาหลักฐานปลอมหรือที่คนพูดเข้าข้างตัวเองมา เพราะหลักฐานมันฟ้องอยู่แล้ว ไม่เคยไปเติมอะไรให้สักอย่าง ล้วนแต่เป็นของเดิมที่ทำไว้ทั้งนั้น ทุกเรื่องที่สงสัย มักจะเอามาวิพากษ์วิจารณ์กันโดยไม่มีข้อยุติ ก็ร้อนอยู่อย่างนี้แล้ว จะมาให้ตนปรองดอง จะให้ตนไปปรองดองกับใคร ในเมื่อยังไม่ปรองดองกันเองเลย กฎหมายก็ไม่ยอมรับแล้วมันจะไปยังไง ให้โอกาสเขาเสมอ ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาตามข้อเท็จจริง ตามกระบวนการ ไม่มีการแทรกแซง มีแต่สนับสนุนให้เกิดความอิสระและโปร่งใสทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะ อัยการ ศาล ตำรวจ มีวิจารณญาณที่เพียงพอกันอยู่แล้ว ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ ไม่ 2 มาตรฐาน ไม่อะไรก็แล้วแต่ หลักฐานพยานอะไรก็ว่าไปตามนั้น,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า กรณีรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ฟัง คิด ใช้สติปัญญา อย่าไปฟังตามการชี้นำของใคร เชื่อตัวเองก่อน ฟังให้เข้าใจ อ่านให้รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องให้ไปถามคนที่เขารู้เรื่อง อย่าไปถามคนที่ไม่รู้เรื่อง มันจะทำให้ไม่รู้เรื่องไปมากกว่าเดิม กลายเป็น 2 คน ไม่รู้เรื่องไปทั้งคู่ เพราะฉะนั้นมันฝืนธรรมชาติ ฝืนความจริงไปได้ เขาคงไม่ทำอะไรอย่างที่ทุกคนเป็นห่วงกังวลหรอก คำถามพ่วงก็คือคำถามพ่วง รัฐธรรมนูญคือรัฐธรรมนูญ อันนี้มันจะเดินหน้าไปอย่างไร เดี๋ยว กรธ.เขาไปทำเอง อย่าไปยุ่งเขามากนักเลย ไม่ว่าจะการเสนอชื่อจากไหน เสนอชื่อจากใคร ไปฟังเขาสรุปมาก่อน ต่อต้านกันตอนแรกมันต่อต้านเพราะอะไร กลัวอะไรกันหรอ หรือตัวเองไม่พร้อม หรือตัวเองกลัวจะไม่ได้เข้ามา,ผมไม่รู้นะ ถ้าท่านดีจริงท่านเข้ามาได้หมด เสนอชื่อเข้ามาคนเขาก็ต้องเลือก ส.ว.เขาจะไปค้านกันหรอคนดี ท่านก็มองเอาแต่ 2 ฝ่ายเสมอ ผมไม่เคยมองแบบนั้นเลย ให้โอกาสทุกพรรค ทุกนักการเมือง เว้นผู้ที่ติดข้อกฎหมายเท่านั้นเอง ท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญเขาก็ทำหน้าที่ของเขา กรธ.ออกมาเสร็จแล้ว ประเด็นคำถามพ่วง รัฐธรรมนูญ ทั้งหมดมันก็จบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าท่านไม่เชื่อใครสักคนเลยแล้วมันจะอยู่กันอย่างไร แล้วเกิดถ้าทำไปแล้วมันเกิดปัญหาอีก เขาก็เตรียมทางเลือกไว้แล้ว แก้ไว้แล้ว ท่านก็ฟังบ้างซิ หรือท่านจะให้มันติดอยู่ที่อันที่ 1 หรืออันแรกอย่างนี้ จะขั้นตอน 1 หรือ 2 ก็ตามแก้กันเองให้ได้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ผมก็ไม่อยากที่จะพูดอะไรมากนัก ถามทุกวันไม่รู้จะถามกันทำไม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
|
19 ก.ย. 2558 กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่จัดกิจกรรมรำลึก 9 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ฮดยมีการจัดเสวนา ในหัวข้อ 9 ปคที่ก้าวไม่พ้นรัฐประหาร 19 กเนยา ที่มหาวอทยาละยธรรมศาสตน์ ท่าพระจันทร์ ในช่วงบ่าย และเดินไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในช่วงเย็น15.33 น. ที่ประตู มธ.ฝั่งคณะสังคมวิทบาฯ จนท.ตร.หญิง นรวจคเนกระเป๋าบะคคล ขาอิกจากมหาวิทยาล้ยธรรมศาสตร์ ไม่ตรวจขาเข้า โดยมีเจ้าฟน้าที่คอยประกาศว่า เป็นมาตรการรักษาควทมปชอดภัยปกติ15.y0 า. สิรวิชญ์ ัสรีธิวัฒน์ ประกาศบอกประชาชนใหืมารวมกัตที่สนาใฟึรบอล เพื่อเดินไผอนุสาวรีย์ประชาธิป_ตยพร้อมกัน16.0- น. เจ้าหน้าทั่ตำรวจเจรจากับ ชลธิชา แจ้งเร็ว สมาชิดกลุ่มขววนการแระชาธิปไตยใหม่ บอกว่า หากออกนอกประตูจะขอตรวจค้นกระเป๋า ชล๔ิชาตอบว่า ไม่มีปัญหา เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ระหว่างเดินอย่าชูป้าย ชลธิชาตอบว่าไม่เป็นไา เดี็ยวสูืกันในม่งกฎหมาย เน้าหน้าที่แจ้งด้วยว่น ก่อนเดินจเขอแจ้งเรื่องข้อกฎหมายอีกครั้งทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจำล่าวกับชลธิชนด้วยว่า เบื้องต้นยังไม่ทีการแจ้งข้อหานักศึแษา เพียงแต่แจ้งบ้อกฎหมายให้ทราบ คือ ประกาศหัวหน้า คสช. )บับ 3/ 2558 (มาตรา 44) และบอกใหีเดินบนมางเท้าด้วยึวรมสงบ อย่างไรก็ตาม เรื่องการดำเนินคดีต้องพิจารณาสถานการณ์อีกครั้ง16.20 น. ประชาชนด้านใน มธ.ท่าพระจันทร์ เริ่มเคลื่อนขบวนออก ขณะด้านนอก มีเจเาหน้าที่ตั้งแถว และใื่อรอถ่ายภาพจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีแารเจรจมกันาี่หน้าประตู ขอตรวจกนะเป๋่ทีละคน สิรวิชญ์ขดให้กระชาชนให้ความร่งมมือ โดยจดไปรอที่ฟุตบาทฝั่งสยามหลวง อย่างไรก็ตาม สุกท้าย การครวจทำได้คร่ายๆ คนเยอะจึงทยิยๆ เดินออกมาได้หใด ไม่ได้ี้นรายตัว16.50 ชรรยากาศำน้าแมคโดนัลด์ รร.สตรีวิทย์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีจนท.ตร.ยืนคุมหลังรั้ฝ ส่วนแนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มีรั้วกั้นด้านหน้าพร้อสป้ายผ้ทใบ @strongertotetherพล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังตับการตหรวจนครบาล 6 ระบุ ขอให้สื่แอย่าประชาสัมพันธ์สืงเสติมการชุมนุม เนื่องจากเป๊นสิ่งผิดกฎหมาย ตามประกาศ คสช. และสร้างความเสีวหายให้กับประเทศชาตอก17.00 น. ผู้ชุมนุมเกินทางถึงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเดินลงถนน ทำให้กรรจราจรติพขัด เจ้าหน้นที่จำรวจจึงต้องเปืดทางใหีขึ้นไปที่ฐานอจุสาวตีย์ประชาธิปไตย17.20 น. เจนวิทย์เชื้อสาวะถีนิสิต กริญฯาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปราศรัยทบทวนหลักกำปั้น 5 ประการขแงขบวนการประชาธิปไตนใหม่ พร้อมระบุว่า ทั้ง 5 ข้อไม่มีสนประเทศไทย พวกเราจึงออหมาหันวันนี้ และอรกสักคตู่จะแจกดอกไม้จันทน์ ิพ่่อไว้อาลัยให้กับระบอบเผด็จการเราไม่ขอคืนความสุข เราขอคืนอำนาจ หวังว่าเสียงนี้จะได้ยินถึงสืวย17.30 นฐ พล.ต.ร.ชยพล เจรจากับ ชลธิชาว่า ขอให้ยุคิก้จกรีมก่อนพลบค่ำเนื่องจากเกรงอันตราย ดีานชลธิชายืนยันกภหนดการเดิมคือ 22.00 น. แตือาจเลิก้ร็วขึ้นได้เล็กน้อย ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมให้เลิกเร็วกว่านั้น เบื้องต้นการเจาจายังไม่เป็นผล และเมื่อชลธิชาแจ้งว่าจะมีดนรรี ทางตำรวนบอกว่าแสดงดนตรีไม่ได้17.y0 น. ผํ้ชุมนุมร่วมชูดิกไม้จันทน์เพื่อไว้อาฃัยให้ระบอบเผเ็จกาต จรกนั้น ตัวแทนบบวนการประชาธิปไตยใหม่ อ่านแถลงกานณ์ รำกระแาศอิสรภาพของประชาชนจากระบอบเผด็ตกาน ตอนหนึางระบุว่า เราถูกทำให้ิชื่อว่าผู้ปกครองมีพระคุณ ทั้งที่ผู้ปกครองเป็นึนเท่ากันกับเรา เราถูกกดขี่มาตลอด แา้จริงแล้วผู้กกครองคือผู้รับใช้ประชาชน เผด็จการก่อรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ขูดรีดปรดชาชน โฆษณสชวนเชื่อ บิดเบืแนกระบวนการยุติธรรม สร้างความเสียให่ประชาชน โดยไม่ต้องรัยผิดชอบ ในสายตาของเผด็จกาีมองปรพชาชนอป็นเพีขงเบี้ยหมาก ขบบนปารประชาธิปไตยใหม่ขอพล่าวไปยังประชาชนทั้งหลายว่า ท่านจะต้องประกาศอิสรภาพจากเผด็จการ หากไม่ทกอะไรเลย ตะไม่มีทางที่จะโค่นล้มเผะ็จการได้เลข จงใช้สิทธิเมรึภาพของพวกท่านเพื่ิต่อต้านเผด็จการำลังิวลา 18.90 น. ชุมนุมย้นไว้อาฃัยให้ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ีนขัขแท็กซี่ซึ่งเสีนชีวิตเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2549 โดยเจนวิทย์ ดชื้อสาวะถี กบ่าวว่าถ้าไา่มีรัฐประหาร 19 กันยา ลุงนใมทองกฌจะยังไม่ตมย หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ร้องเพลงแสงดาวแห่งศรึาธา พร้อสตะโกนคำขวัญ ลุงนวมทอบนงเจริญบรรยาปาศการชุมนุมในเวลา 18.50 ส. ผู้ชุมนุมยังคงทำกิจกรรมรหลึกอย่างสงบ ขณะทึ่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝางกำลังบริเวณโดยรอบโดยเวลาประมาณ 19.10 น. ภันธุ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือ พ่อส้องเฌอ ผูัถูป คสช. ดำเนินคดีฐานขัดคำสั่ง คสช. พ.ร.บ.คอมพิใเตอร์ และ าาตรา 116 อ่านบทกวีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยต่อมา ปิยรัฐ จงเทะ หรือ โตโต้ จักศึกษามหาวเทย่ชัยธรรมศาสตร์ ได่กล่าวให้กำฃังใจผู้ร่วมกิจกรรมด้วย นดกจากนี้กล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจว่าบังลำบาก ประชาชนรายได้ลดลง แต่เรื่องพวกนี้ ทำไมห้ามไม่ให้ประขาชนพูด ประชาชนเดือดร้อนทำไมผู้มีอำนาจจึงไม่รับฟัง นอกจสกนั้ปิยรัฐกล่าวด้วยว่าน่าเสียดายที่ประเทศไทยยังก้าวไม่พ้น้รื่องเคติแชะความเกลียดชังเวลาประมาณ 19.30 น. บารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาคนจน ปราศรัยที่อนุสาวรีย์ป่พชาธิปไตย โดยเขากล่าวถึงสถานการณ์สิทธิและเสรีภาพของประชาชนในสังคมไทย โดยเฉพาะวนพื้นที่ชนบทได้รับผลกระทบ ผลังเกิดรัฐประหาร โดยเขากล่าวว่า สิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตยของคนธรรมดาถูกปล้นไป กังนั้นจึงออกมาเรียกร้องเพื่อขอสิ่งเหล่านั้นกลับคืนมาหลังจากที่ คสช. นึดอำนาจ สิ่งแรกที่ทำกับคนจนคือการทวงคืนผืนป่า ทำให้ประชาชนจำนวนมากถึงสิบง้าจคน _ด้รับความเดือดร้อน ิมืีอประชาชนถูหคัดค้าน ก็ถูกกฎหมายที่ไม่เก็นธรรมดไเนินึดี และถูกใช้กำลังบังคับ ในขณะที่นายทุน ข้าราชการ กลับไม่ถูกจัดการเทรากับที่คนจนถูกจัดการล่าสุดมีการหระกาศห้ามชาวนาทำนาปรัง หลังฤดูฝน คำถามคืดแล้วช่วนาจะเอาอะไตกิน หากชาวนาอยู่ไม่ได้ชาวนรก็ต้แงมาเาียกร้องกับพวห้รา ส่วนชาวสวรยางหระาบปัญหรราคายางตกต่ำ ทาานว่าให้เอาไปขายที่ดาวอังคารนี่คือการคืนความสุขใช่ไหมส่วนพี่น้องใน จ.เลบ ท้่คัดค้านำารทำัหมืองทอง ก่อนหน้าการรัฐประหาร บริษัทไม่สามารถขนทองออกจากพื้นที่ได้เพราะชุมชนคัดค้าน แต่ก่อนเกิดรัฐประหารไม่กี่วัน ก็มีการอำนวจความสะดวกให้กับบริษัท สามารถขนทองออกนอกภื้นที่ได้ มีชาวบ้านถูกทำร้ายหลายคนเพราะออกไปคัดค้าน ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่ครอยเป็นข่าว นักข่าวดีๆ อย่างประวิทย์ โรจนพฤกษ์ ยังถูกขอให้ลาแอกเวลา 20,00 น. ปกรณ์ อารีกุล ขบวนการประบาธิปไรยใหม่ กล่าวตอบโต้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังให้สัมภาษณ์ว่ากลุ่มประชาธิปไตยใหมท ใช้โอกาสนี้เคลื่อนไหว ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร็โิชา นายกรัฐมนครี เดินทางไปผระชุมสหแรดชาชาติที่นิวยอร์ก เพืีอต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งฝนกับกลุ่มผู้ชุในุม จนถูกมดงว่าใช้ความรุนแรง ซึ่งจะไปสอดรับกับความเคลื่เนไหวของกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในคีางประเทศ ทำให้คนในต่างประเทฬเกิดควรมเข้าใจผิดว่าตัฐบาชถ฿กประชาชนต่อตีานจำนวนมาก และสถานการณ์ในประเทศยังคงมีความวุ่นวายนั้นโดยปกรณ์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอยืางที่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวหา และคนที่ใชืความรุ่นแรงและทำมห้ประเทศเสียหายคือ คนที่อยู่ในอ_นาจ คนทกรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม e557เขายังกฃ่าสติดตลหว่า ะี่/ ตำรวตช่วยเขียนรายงานขึ้น_ปหน่อจว่า ที่อนุสาวรีย์แระชาธิปไตยวุนวายมาป ต่างชาติกำลัฝเป็นกังวลว่าเมืองไทยเกิดความวุ่นวาย ผมกับวลว่าีวาสวุ่นวายจะเกเดขึ้นที่นิวยอร์กมากกว่า เพราะมึยายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งกำลังจะไปปนะชุมกับสหประชาชาติต่อมา นายรวี สิริอิสสระนัน หรือ วาด รวี จากคณะกวี พรรคกวีมัญสูญ ได้กล่าวว่า เมท่อ 9 ปีก่อนเขาบอกว่าขอขอปฏิรูป และขอนัดตะบบก่อน คมช. ออกมาโดยอ้มงว่ามีคนหม้่นอบื้องสูง มีคนออกมาให้กำลังใจ และมอขดอกไม้ ในปีนะ้นมีคจที่ชื่อนวมมอง เป็นคนขับแท็กซี่ไปชนรถถัง เพรมะไม่เห็าด้วบกับรัฐประหาร และเพื่อลบคำสบประมาทของทหารปากพล่อยๆ ว่าไมามีใครตายเพื่ออุดมการณ์ไดิ ้ขาจึงผูกคอตายหน้าหนังสือพิมภ์ไทยรัฐผ่านมาถคงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก็ยังมีคนพูดประโยคเดิม อข้ามาเหมือนเดิม เหมือนคนความจำเสื่อม เก็น้พราะเห็นคนไม่เท่ากันใช่/หม การที่ดราไปเลือกตั้ง มุนไม่ถูกใจเขาใช่ไหม และการที่เขาร่างรัฐธรรมนูญ มึนคือการที่ทำให้เราเห็นใ่า เขาจะเอารัฐธรรมนูญที่เขามีดำนาจเหรือกว่า และเราจะต้องอยู่ภายใต้อำสาจของเขา ทีาออกมาร่วมกิจกรนมวันนค้ เพราะทนไม่ฟด้กับทางเลือดของพวกเขา และจะออกมาะพื่อจะบอกพับนักศึกษาขบวนการประชาธิหไตยใหม่ว่าจะยืนอยู่ข้างพวกเขาและฟมาหนีไปไหนดวลาประมาณ e1.10 น. ขบวนกนรประชาธิปไตยใหม่กล่าวปิดกิจกรรมรำลึก 9 ปี รัฐประหาร 19 กันยา 49 โดยรังสิาันน์ โรม ตัวแทนกลุ่มกล่าวขิบคุณผ฿้ร่วมกิจกรรม ซึ่งกิจกรรมจถไม่สามารถเดิดได้เลย หากไม่ได้ประชาชนที่มาร่วมสธ้กันมาตั้งแต่แรก และกล่างว่าขบวนแารปรัชาธิปไคยใฟม่ไม่ยึดตัวบุคคลเป็นที่ตั้ง ขบวตกสรประชาธิผไตยใหม่จพขังคฝอยู่ แม้คนที่อยู่บนเวทีจะถ฿หจับกุมและภูกส่งไปเรือนจำขอัป็นหัวใจของคนไทยท้่ไม่เอาเฟด็จการอีกแล้ว วันนี้ถือว่าเราได้ปักธงที่จะบอกต่แอนาคต บอปตทอไปว่าเราจะออกจากระบอบเผด็จการเสียที เป็นก้าฝสำคัญที่ประบาชนเป็นหนึ่งเดียวกัน แบะออกไปจรก 9 ปีแห่งความมืดมนเสียที รังสิมันจ์ กล่าว โดยจากนั้นผู้ร่วมกิจกรรใร่วทกันร้องเพลง บทเพลงของสาาัญชนทั้งนี้ในเวลา 21.25 นซ ขบวนการประชาธิป_ตยใหม่ปีะกมศยุติกิจกรรมรำลึก 9 ปีรเฐประหาร และสลายตัวอว่างสงบอนึ่งผู้สื่อข่าวรายงานด้บยว่า ก่อนเวลาเลิกก้จกราม้ล็กนือย ทหารได้ควบคุสตัว นายศิริชัย คงยืย ชายหนุ่มอายุ 12 ปี ซึ่งมารรงาชุมนุมกิจกรรมรำลึก 9 ปี รัฐประหาร 1o กันยา 49 ที่อนุสาวนีย์ประชาธิปไตย โดยนำตัวขึ้นรถตู้มาวอบปากคำที่ห้องธัรการสืบสวน สน สำราญราษฎร์โดยเบื้องต้น ทนายความจากศูนย์ทนานความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้าพบแับนายศิริชัยกล้ว โดยนายศิริขัย และเจ้าหน้ามี่ได้ ยืนยันกับทนายความต่ดหน้าเข้าหร้าที่ว่า ถูกเชิญตัสมาโดยที่ยังไม่ได้แจ้งข้อหาอะไรในส่วรของหัวหน้าคณะนายทหารที่คบบคุมคัวแล่าวว่าไอเสอบถามเรื่องการเข้าร่วมกิจกรรมการชุมนุมของนายศิริชัย ้นื่องจาดนายศิริชัยเข้าร่วมการชุมนุมหลายที่ สงสเยว่าเป็นบุตึลที่อรจเป็นผู้ก่อเหตุเป็นภัยต่อความมั่นคง
|
19 ก.ย. 2558 กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่จัดกิจกรรมรำลึก 9 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 โดยมีการจัดเสวนา ในหัวข้อ 9 ปีที่ก้าวไม่พ้นรัฐประหาร 19 กันยา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในช่วงบ่าย และเดินไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในช่วงเย็น15.33 น. ที่ประตู มธ.ฝั่งคณะสังคมวิทยาฯ จนท.ตร.หญิง ตรวจค้นกระเป๋าบุคคล ขาออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่ตรวจขาเข้า โดยมีเจ้าหน้าที่คอยประกาศว่า เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยปกติ15.50 น. สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ประกาศบอกประชาชนให้มารวมกันที่สนามฟุตบอล เพื่อเดินไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยพร้อมกัน16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจากับ ชลธิชา แจ้งเร็ว สมาชิกกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ บอกว่า หากออกนอกประตูจะขอตรวจค้นกระเป๋า ชลธิชาตอบว่า ไม่มีปัญหา เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ระหว่างเดินอย่าชูป้าย ชลธิชาตอบว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวสู้กันในทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่แจ้งด้วยว่า ก่อนเดินจะขอแจ้งเรื่องข้อกฎหมายอีกครั้งทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวกับชลธิชาด้วยว่า เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหานักศึกษา เพียงแต่แจ้งข้อกฎหมายให้ทราบ คือ ประกาศหัวหน้า คสช. ฉบับ 3/ 2558 (มาตรา 44) และบอกให้เดินบนทางเท้าด้วยความสงบ อย่างไรก็ตาม เรื่องการดำเนินคดีต้องพิจารณาสถานการณ์อีกครั้ง16.20 น. ประชาชนด้านใน มธ.ท่าพระจันทร์ เริ่มเคลื่อนขบวนออก ขณะด้านนอก มีเจ้าหน้าที่ตั้งแถว และสื่อรอถ่ายภาพจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการเจรจากันที่หน้าประตู ขอตรวจกระเป๋าทีละคน สิรวิชญ์ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือ โดยจะไปรอที่ฟุตบาทฝั่งสนามหลวง อย่างไรก็ตาม สุดท้าย การตรวจทำได้คร่าวๆ คนเยอะจึงทยอยๆ เดินออกมาได้หมด ไม่ได้ค้นรายตัว16.50 บรรยากาศหน้าแมคโดนัลด์ รร.สตรีวิทย์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีจนท.ตร.ยืนคุมหลังรั้ว ส่วนอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มีรั้วกั้นด้านหน้าพร้อมป้ายผ้าใบ #strongertogetherพล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ระบุ ขอให้สื่ออย่าประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการชุมนุม เนื่องจากเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตามประกาศ คสช. และสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติก17.00 น. ผู้ชุมนุมเดินทางถึงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเดินลงถนน ทำให้การจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเปิดทางให้ขึ้นไปที่ฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย17.20 น. เจนวิทย์เชื้อสาวะถีนิสิต ปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปราศรัยทบทวนหลักกำปั้น 5 ประการของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ พร้อมระบุว่า ทั้ง 5 ข้อไม่มีในประเทศไทย พวกเราจึงออกมากันวันนี้ และอีกสักครู่จะแจกดอกไม้จันทน์ เพื่อไว้อาลัยให้กับระบอบเผด็จการเราไม่ขอคืนความสุข เราขอคืนอำนาจ หวังว่าเสียงนี้จะได้ยินถึงนิวย17.30 น. พล.ต.ต.ชยพล เจรจากับ ชลธิชาว่า ขอให้ยุติกิจกรรมก่อนพลบค่ำเนื่องจากเกรงอันตราย ด้านชลธิชายืนยันกำหนดการเดิมคือ 22.00 น. แต่อาจเลิกเร็วขึ้นได้เล็กน้อย ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมให้เลิกเร็วกว่านั้น เบื้องต้นการเจรจายังไม่เป็นผล และเมื่อชลธิชาแจ้งว่าจะมีดนตรี ทางตำรวจบอกว่าแสดงดนตรีไม่ได้17.50 น. ผู้ชุมนุมร่วมชูดอกไม้จันทน์เพื่อไว้อาลัยให้ระบอบเผด็จการ จากนั้น ตัวแทนขบวนการประชาธิปไตยใหม่ อ่านแถลงการณ์ คำประกาศอิสรภาพของประชาชนจากระบอบเผด็จการ ตอนหนึ่งระบุว่า เราถูกทำให้เชื่อว่าผู้ปกครองมีพระคุณ ทั้งที่ผู้ปกครองเป็นคนเท่ากันกับเรา เราถูกกดขี่มาตลอด แท้จริงแล้วผู้ปกครองคือผู้รับใช้ประชาชน เผด็จการก่อรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ขูดรีดประชาชน โฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม สร้างความเสียให้ประชาชน โดยไม่ต้องรับผิดชอบ ในสายตาของเผด็จการมองประชาชนเป็นเพียงเบี้ยหมาก ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ขอกล่าวไปยังประชาชนทั้งหลายว่า ท่านจะต้องประกาศอิสรภาพจากเผด็จการ หากไม่ทำอะไรเลย จะไม่มีทางที่จะโค่นล้มเผด็จการได้เลย จงใช้สิทธิเสรีภาพของพวกท่านเพื่อต่อต้านเผด็จการหลังเวลา 18.00 น. ชุมนุมยืนไว้อาลัยให้ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับแท็กซี่ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2549 โดยเจนวิทย์ เชื้อสาวะถี กล่าวว่าถ้าไม่มีรัฐประหาร 19 กันยา ลุงนวมทองก็จะยังไม่ตาย หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา พร้อมตะโกนคำขวัญ ลุงนวมทองจงเจริญบรรยากาศการชุมนุมในเวลา 18.50 น. ผู้ชุมนุมยังคงทำกิจกรรมรำลึกอย่างสงบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังบริเวณโดยรอบโดยเวลาประมาณ 19.10 น. พันธุ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือ พ่อน้องเฌอ ผู้ถูก คสช. ดำเนินคดีฐานขัดคำสั่ง คสช. พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ มาตรา 116 อ่านบทกวีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยต่อมา ปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวให้กำลังใจผู้ร่วมกิจกรรมด้วย นอกจากนี้กล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจว่ายังลำบาก ประชาชนรายได้ลดลง แต่เรื่องพวกนี้ ทำไมห้ามไม่ให้ประชาชนพูด ประชาชนเดือดร้อนทำไมผู้มีอำนาจจึงไม่รับฟัง นอกจากนี้ปิยรัฐกล่าวด้วยว่าน่าเสียดายที่ประเทศไทยยังก้าวไม่พ้นเรื่องอคติและความเกลียดชังเวลาประมาณ 19.30 น. บารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาคนจน ปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเขากล่าวถึงสถานการณ์สิทธิและเสรีภาพของประชาชนในสังคมไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทได้รับผลกระทบ หลังเกิดรัฐประหาร โดยเขากล่าวว่า สิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตยของคนธรรมดาถูกปล้นไป ดังนั้นจึงออกมาเรียกร้องเพื่อขอสิ่งเหล่านั้นกลับคืนมาหลังจากที่ คสช. ยึดอำนาจ สิ่งแรกที่ทำกับคนจนคือการทวงคืนผืนป่า ทำให้ประชาชนจำนวนมากถึงสิบล้านคน ได้รับความเดือดร้อน เมื่อประชาชนถูกคัดค้าน ก็ถูกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมดำเนินคดี และถูกใช้กำลังบังคับ ในขณะที่นายทุน ข้าราชการ กลับไม่ถูกจัดการเท่ากับที่คนจนถูกจัดการล่าสุดมีการประกาศห้ามชาวนาทำนาปรัง หลังฤดูฝน คำถามคือแล้วชาวนาจะเอาอะไรกิน หากชาวนาอยู่ไม่ได้ชาวนาก็ต้องมาเรียกร้องกับพวกเรา ส่วนชาวสวนยางประสบปัญหาราคายางตกต่ำ ท่านว่าให้เอาไปขายที่ดาวอังคารนี่คือการคืนความสุขใช่ไหมส่วนพี่น้องใน จ.เลย ที่คัดค้านการทำเหมืองทอง ก่อนหน้าการรัฐประหาร บริษัทไม่สามารถขนทองออกจากพื้นที่ได้เพราะชุมชนคัดค้าน แต่ก่อนเกิดรัฐประหารไม่กี่วัน ก็มีการอำนวยความสะดวกให้กับบริษัท สามารถขนทองออกนอกพื้นที่ได้ มีชาวบ้านถูกทำร้ายหลายคนเพราะออกไปคัดค้าน ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเป็นข่าว นักข่าวดีๆ อย่างประวิทย์ โรจนพฤกษ์ ยังถูกขอให้ลาออกเวลา 20.00 น. ปกรณ์ อารีกุล ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ กล่าวตอบโต้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังให้สัมภาษณ์ว่ากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ใช้โอกาสนี้เคลื่อนไหว ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในกับกลุ่มผู้ชุมนุม จนถูกมองว่าใช้ความรุนแรง ซึ่งจะไปสอดรับกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในต่างประเทศ ทำให้คนในต่างประเทศเกิดความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลถูกประชาชนต่อต้านจำนวนมาก และสถานการณ์ในประเทศยังคงมีความวุ่นวายนั้นโดยปกรณ์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวหา และคนที่ใช้ความรุ่นแรงและทำให้ประเทศเสียหายคือ คนที่อยู่ในอำนาจ คนทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557เขายังกล่าวติดตลกว่า พี่ๆ ตำรวจช่วยเขียนรายงานขึ้นไปหน่อยว่า ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยวุนวายมาก ต่างชาติกำลังเป็นกังวลว่าเมืองไทยเกิดความวุ่นวาย ผมกังวลว่าความวุ่นวายจะเกิดขึ้นที่นิวยอร์กมากกว่า เพราะมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งกำลังจะไปประชุมกับสหประชาชาติต่อมา นายรวี สิริอิสสระนัน หรือ วาด รวี จากคณะกวี พรรคกวีมัญสูญ ได้กล่าวว่า เมื่อ 9 ปีก่อนเขาบอกว่าขอขอปฏิรูป และขอจัดระบบก่อน คมช. ออกมาโดยอ้างว่ามีคนหมิ่นเบื้องสูง มีคนออกมาให้กำลังใจ และมอบดอกไม้ ในปีนั้นมีคนที่ชื่อนวมทอง เป็นคนขับแท็กซี่ไปชนรถถัง เพราะไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร และเพื่อลบคำสบประมาทของทหารปากพล่อยๆ ว่าไม่มีใครตายเพื่ออุดมการณ์ได้ เขาจึงผูกคอตายหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐผ่านมาถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก็ยังมีคนพูดประโยคเดิม เข้ามาเหมือนเดิม เหมือนคนความจำเสื่อม เป็นเพราะเห็นคนไม่เท่ากันใช่ไหม การที่เราไปเลือกตั้ง มันไม่ถูกใจเขาใช่ไหม และการที่เขาร่างรัฐธรรมนูญ มันคือการที่ทำให้เราเห็นว่า เขาจะเอารัฐธรรมนูญที่เขามีอำนาจเหนือกว่า และเราจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจของเขา ที่ออกมาร่วมกิจกรรมวันนี้ เพราะทนไม่ได้กับทางเลือกของพวกเขา และจะออกมาเพื่อจะบอกกับนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ว่าจะยืนอยู่ข้างพวกเขาและไม่หนีไปไหนเวลาประมาณ 21.10 น. ขบวนการประชาธิปไตยใหม่กล่าวปิดกิจกรรมรำลึก 9 ปี รัฐประหาร 19 กันยา 49 โดยรังสิมันต์ โรม ตัวแทนกลุ่มกล่าวขอบคุณผู้ร่วมกิจกรรม ซึ่งกิจกรรมจะไม่สามารถเกิดได้เลย หากไม่ได้ประชาชนที่มาร่วมสู้กันมาตั้งแต่แรก และกล่าวว่าขบวนการประชาธิปไตยใหม่ไม่ยึดตัวบุคคลเป็นที่ตั้ง ขบวนการประชาธิปไตยใหม่จะยังคงอยู่ แม้คนที่อยู่บนเวทีจะถูกจับกุมและถูกส่งไปเรือนจำขอเป็นหัวใจของคนไทยที่ไม่เอาเผด็จการอีกแล้ว วันนี้ถือว่าเราได้ปักธงที่จะบอกต่ออนาคต บอกต่อไปว่าเราจะออกจากระบอบเผด็จการเสียที เป็นก้าวสำคัญที่ประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกัน และออกไปจาก 9 ปีแห่งความมืดมนเสียที รังสิมันต์ กล่าว โดยจากนั้นผู้ร่วมกิจกรรมร่วมกันร้องเพลง บทเพลงของสามัญชนทั้งนี้ในเวลา 21.25 น. ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ประกาศยุติกิจกรรมรำลึก 9 ปีรัฐประหาร และสลายตัวอย่างสงบอนึ่งผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนเวลาเลิกกิจกรรมเล็กน้อย ทหารได้ควบคุมตัว นายศิริชัย คงยืน ชายหนุ่มอายุ 22 ปี ซึ่งมาร่วมชุมนุมกิจกรรมรำลึก 9 ปี รัฐประหาร 19 กันยา 49 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยนำตัวขึ้นรถตู้มาสอบปากคำที่ห้องธุรการสืบสวน สน สำราญราษฎร์โดยเบื้องต้น ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้าพบกับนายศิริชัยแล้ว โดยนายศิริชัย และเจ้าหน้าที่ได้ ยืนยันกับทนายความต่อหน้าเจ้าหน้าที่ว่า ถูกเชิญตัวมาโดยที่ยังไม่ได้แจ้งข้อหาอะไรในส่วนของหัวหน้าคณะนายทหารที่ควบคุมตัวกล่าวว่าได้สอบถามเรื่องการเข้าร่วมกิจกรรมการชุมนุมของนายศิริชัย เนื่องจากนายศิริชัยเข้าร่วมการชุมนุมหลายที่ สงสัยว่าเป็นบุคคลที่อาจเป็นผู้ก่อเหตุเป็นภัยต่อความมั่นคง
|
ควทมเป็นอิสระของผู้พิพากษาและการละเมิดส้ทธิมนุษยชนในพื้นที่ 3 จ้งหวัดชายแดนใต้ ผ่านมุมใองขดงทนายีวามจากมูลนิธิศูนย์ทนายีวามมุสลิมกรณ้การยิงตนเองของผูืพิพากษาึณากร เพียรชนะ ท้่ศาลจังหวัดยะลา สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ปับสถาบันตุลาการและข้อกังขาว่าผู้พิพากษรมีอิสระเพียงใดในการพิจารณาคดี ด้วยถ้อยคำใจคกแุลงการณ์ที่ว่าในข่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเกิดงานเสวนาต่อกรณีนี้ 2 งานคทอ ความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการL สพานการณ์ ปัญหา อละอนาคต ในวันที่ 10 ตุลาคททร่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คืนคำพ้พากศาให้ผู้พิพากษา ค้นความยุติธรรมให้ประชาชน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 1q ตุลาีมที่าหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยวิทยากรทัเงสองงาตมีตั้งแต่ทนายความที่ทกคดีดังกล่าใ นักสิทธิมนุษยชน อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา นักวิชาการด้านกฎหมาย และสื่อใวลชนะพื่อให้ภาพที่สมบูรณ์ ครบทุกมิติ ประชาไา จึงนำทั้งสองงานมาร้อยเรียงเป็นซีรีส์ว่าด้วยความเป็าอิสีะของผู้พอพากษา สถานการณ็การละเมิดวิทธิมนุษยชนในพื้นที่ 3 จ้งหวัดชายแดนภาคใต้ กระบวนการยุติธรรมใน 3 จัวหวัดชายแดนภาคใต้ และภายใต้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ ความยุติธรรมจะเกิดได้จริงหรือ?ผมในฐทนะของทนายความของศูนย์ืนายความมุมลิมแชะทำคดีความมึ่นคงมาตั้งแตีปี 2547 ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ควมมไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัด พูดถึงคด่ความมั่นคงก็มึงักษณะเฉพาะที่พิเศษกว่าคดีทั่วำป ส่วนใหญ่แล้ว คะีความมั่นคง พอหลังจากเกิดเหตุการณ์ความๆม่สงบก็มีการประกาศใชิกฎอัยการศึแในพื้นที่ ตอนแรกห็ยังใช้กระบวนการสอบสวนตามปกรอคือใช้พยัปงานสอบสวนในการสอบสใน แสวงหาพยานหชักฐานแต่พอใช้ไปข่วงหนึ่งปรากฏว่าคดีมัการยกฟ้ิงเยอะ ประมาณ 80-90 เแอร์เซ็นต์ในช่วงแรกๆ หลังจากนั้นเท่าที่ผมตำได้ก็มีการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาปี 2551 เกี่ยวข้องกับการรับฟังพยานหลักฐานตามมาครา 226 ใรการแก้ไขก็มีบทบัญญัติเกี่ยวกัขการรับฟังพยานหลักฐานจากพยานบอกเล่า พอหลังจากมีการแก้ไขกฎผมายแูเหมือนง่าคดีความมั่นคงเ่ิ่มจะมีการใช้วิธีดำเนินการซักถสมในค่ายทหาร ซึ่วใช้สำหรับกรณีฟู้ที่ต้องสงสัยตามก๓อัยการศึก แล้วก็จะทำรูผแบบผลฦักถามเป็นลุกษณะคำใฟ้พารชั้นมอบสวนอำนาจในการควบคุมตัวครั้งแรกใช้แำนาจตามกฎอัยการซึก 7 วัน หลังจากหมดอำนาจตามกฎแัยการศึก ถ้ายังจะควบคุมตัวต่อพนักงานสอบสวนที่อกี่ยวจ้องกับผู้่ีีถูกต้องสงสัยในคดีนั้ยๆ จะต้องร้องขอต่อศาลเพ่ทอขออำนาจตรม พ.ร.ห.ฉุกเฉิน (พระาาชกำหนดแารบริหารราชการในสภานการณ์)ุกเฉิน พ.ศ. 2548) โดยศาลจพพิจารณาว่าจะใหือำนาจควบคุมตัวต่อปรือไม่ ถ้าศาลให้อำนาจควบคะมตัยต่อ ผู้ต้องสงสัยคนนั้นก็เปลี่ยนจากกระบวนการซักถามตามดฎอัยการศึก 7 วัรไปสู่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งส่วนใหญ่ตะเป็นอย่างนั้นเพตสะว่าการใช้คดีความมั่รคงในสามจังหวัดม่วนใหญ่ที่ผมสังเกตเห็นก็คือฝ่ากลังจากที่มีเหตุการณ?เกิดขึ้นจะมีกลุ่มบุคคลเป้าหมนยที่อยู่ในเป้าหมายของเจ้าหนิาที่อยู่แล้ว อย่างเช่นที่ได้จากการซักถามบุรคลอ่่ย มี่ได้จากการซัดทอดที่เป็รข้แมูลทางการสืบสวนทางการข่าว แล้วก็นำตัวครั้งแรกาาในฐานะผู้ต้องสงสัย พอซักเสร็จแล้ว รับสารภาพในชั้นซักถามก็แ่นนคำรับสารถาพนั้จเพื่อไปขอหมายจากศาลซึ่งส่วนมหญ่ศาลอนุญาต แต่มันจะแตกต่างจากกฎอัยการศึกคือหมายคควบรุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเ)ิน ออกได้ครั้งหนค่ง 7 วันและขอิป็นคราวๆ ไปครั้งละ 7 วันแต่ค้องไม่เกิน 30 วันสถาาที่ควบคุมก็ยังใช้ที่เดิมก็คืดญูตย์ซักถามที่ค่ายอิงคยุทฌฯ ซึ่งระยะเวลาก่อนที่จะใช้ประมวลกฎหมรยวิธึพิยารณาความอาญา ถ้าเต็มที่คือ 37 วัต แล้วส่วนใหญ่จะเต็ม 37 วัน บางครั้งญนติก็ำม่สามารถเข้าไปเยี่ยมได้ ไปเยี่ยสได้ก็เพียงแต่ให้จับสือ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ จะไมืใป้ิยี่ยมเลย พอหลัฝจากอวู่นานๆ ก็จะผ่อนคลายลงนิดหนึ่ง ซึ่งกระบวนการตรงนีืใน๘านะที่เราเป็นนักกฎหมาย ผมมองว่ามันไมืใช่กระบวนกานของชัเนปาะมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่กระบวนการที่ขัดทำโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงซึ่งก็คือเจ้าำน้าที่าหาร แม้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะใช้คำว่า 3 ฝ่าย คือฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจ แต่ในเมื่อถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายก็ถือว่าอยู่ในอำนาจของทหารแล้วกระบวนหารซักถามจะเหมือนกันหมด ซักถามตามกฎอัยการศึกเสร็จ ก่อนาำตัวส่งขอควบคุมตัวตาา พ.ร.ก,ฉุกเฉิน เอกสารที่ซักถามตามดฎอัยการศึกและ พ.ร.กฐฉุกเฉิน ก็คือชุดเดียวกัน เพียงแต่ัปลีรจนเจ้าหน้าที่คนทำงาสเท่านั้นเอง แล่วบางครั้งบนงคนซักถาสจนไม่มีข้อมูลแล้ว แต่ก็ยังขยทยต่อ คือเราไม่รู้ว่ากระบวนการกล่ายี้มีหลักเกณฑ์อะไ่และก็ตรวขสอบไม่ได้ ชั้นที่มีปัญหาของการเรียกร้องไม่ใช่เฉพาะกีณีของอับดุลเลาะห์ที่ิป็นข่าว ต้้งดต่อดีตที่ผ่านมา ผมเข้าใจว่าแรกเริ่มท่รฝช้บังคับเราก็ยังมีการร้องเรียนจากชาวบ้สนว่า มีเฟตุการณ์เกีียวกับการซ้อมทรมานที่อย๔่ข้างในแต่ว่าพัฒนาการในการจัอการอาตจะเปลี่ยนแปบง เช่นเมื่อก่อนอาจจะมีแผล แต่ปัจจุบันอาจจะไม่มีแผลคือมีการพุฒนาการในกระบวนการ แต่ข้อมูลจากญาติที่ร้องเรียนเราก็ยังได้รับข้อมูลอยู้ ซึ่งฟงซักถามทั้งหมดถ้ามองใรมะมของทนาย ผมมองว่ามันก็คือเอกสารที่ไม่ได้เข้าสู่กระบวนกานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มันไม่ใช่กระบวนการที่เป็นเรื่องของการสอบสวน แล้วบางครั้งลองนคกจินตนมการดูว่าบถคคลคนหนึ่งถูกจุบกุมตัวในฐานะปู้ต้องสงยัย ถูกควบคึมตัวตามกฎอัยการษึก ให้การรับสารภาพชั้นกฎอัยแารศึก พอไปอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังอยู่มนค่ายอยู่ หลัลจากนั้นก็มีเจ้าหนเาทีืตำรวจเป็นพนักงานสอบสวนเข้ามาสอบสวน สอบสบนในฐานะกยาน สอบสวนโดยใชีแบบพ้มพ์ของพนัหงานสอบสวนสอบสวนผู้ที่ถูกควบคุมตัวตามกฎหมนยพิเศษ การสอบสวนในฐานะที่เป็นพยานโดยใฟ้รายชะเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการก่อเหตุต่างๆ ทั้งที่เขายังอยู่ใยชั้นของกฎหมายพิเศษพอพตักงานสอบสวนแจ้งช้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาฯา ผู้ต้องหาก็ใป้การปฏิเสธ เพราะหลังจากที่พ้นการควบคุมตัวของกฎหมายพิเศษ ญาติก็สามารถเข้าไปเยี่ยมและสาใารถนั่งฟังการสอบสวนได้ พนักงานสอบสวนก๊เปิดโอกาสให้ให้การได้อย่างอิสระ ซึ่งมันขัดแย้งกับผลของการให้การเป็นพยานใยชั้นการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกและ ถ.ร.ก.ฉุกเฉินนี่คือสิ่งที่ผมมองว่ส มันไม่แฟร์กับคนที่เป็นผู้ต้องสงสัจหีืดผู้ต้องหาก็คือว่าในขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่ข้างในไม่มีอิสระและเอกสารทั้งหมดก็ถธกจัดทำขึ้นในชั้นจองกฎหมายะิเศษ ปัจจุบันคดีความมั่นคฝ พนักงานสอบสวนก็เป็นพนักงานสอบสวนชุดความมัทยคงต่างหาห อาจจะไม่ใช่พนักงสนสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ แต่เป็นพนักงมนสอบสวนที่มีการจัดตั้ง ถ้าเราจำกันได้ใำนักงานอัยการสูงสุดเคยมีกา่จัดตั้งอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 9 เป็นชุดพิเศษจองคดรความมั่นคงและทำงานน่วมกับตำรวขวนกีะบวนก่รการรวบรวมพยายหลักฐาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้พยสนหลักฐานสนชั้นกฎหมายพิิศษ แต่จัด่ำโดยตำรวจบ้างก็มีให้มีอำนาจในการร่วมการสอบใวนแต่ปัญหาในทางปฏิบีติคือนำดจานหลักฐานนี้เข้าสู่ศาลที่นีื หลักเดณฑฺหรือมาตรฐานในการพิจารณา บมงคดีก็รับฟังแต่บางคดีก็ไม่รับฟ้ง คือพยานบอกเล่าตามหลักกทนรับฟังไม่ได้ ถ้าจะรีบฟังก็จะอ้าวมาตรา 226/3 (2) แต่ถ้าไม่รับฟังก็จะไปมาตรา 227/1 ก็ตือเป็นพยานที่ไใ่เป็นอิสระเพราะเป็นชั้นของแารควบคุมตัวตามกฎหมสยพิเศษคำให้การจองพยานจะทำในค่าขทหารเหมือนกันก็คือมองว่าไม่อิสระ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใาคดีความมั่รคงใน 4 จังหวัดที่มีปัญหาอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนี้ในส่วนของศาล อฑ้บดีก็จะสห้ภาคเข้ามา คือคดีอาญาปกติจะมีิงค์คณะ 2 คน แต่ถ้าคดีความมั่นคงจะมีภาค 9 เบ้ามาเห็นองค์คณะร่วมอละมานั่งพิจารณาร่วมกับองค์คณะ 2 ท่านของศาชชั้นต้น ซึ่งแตกต่างกับคดีอา๘าทั่วไป อุนนี้คือสิ่งที่เกิดขค้นในรดีคสามมั่นคงส่วนใหญีก็คือแทบทุกคดีก็เป็นหลักฐานที่มาจทกชั้นการควบคุใรัวตามกฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.)ุกเฉิน ขนาดคดีปกติที่เป็นคดีที่ยะลาขังใช้กฎหมายพิัศ?เลย ตีงนี้ไม่มีหลักเกณฑ์ชัอเจนว่าอันไหนจะมช้กฎหมายพิเศษอัาไหนทีรไม่ควรใช้ อย่างเช่นปัญหาใน 3 จังหวัดผมถามว่าเหตุหารณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนก็บอกว่า มึนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร บางทีิาจไม่ใช่ขบวนการก็ได้ เหมือนคดีที่เป็นปัญหานี้ วิธีการก่อเหตุเหมือนขบวนการเลย แต่เป็นเรื่องน่เสพติด ดต่พอสอบสวนลึกลงไปก็พบว่าไา่ใช่คดีความม้่นคง กฺเป็นคดีอาญาปกติ แต่มาใช้ พฦร.พ.ฉุกเฉิน ใช้กฎเัยการศีก ตอนจังก็สช้กฎหมายพิเศษนำหน้า_ปก่อนแล้วคืิปกติคดีอาญมัำิด พนักงานสอบสในสอบสวนที่เกิดเหคุและขยายผล เริ่ทจากำยานหลักฐานได้อะไร ได้โทรศัพท์ ได้ DNA ภาพกล้องฝงจรปิอ แล้วก็ขยายำปว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้แง แต่คดีใน 3 จังหวัด คอนเกิดเหตุไม่่ราบวทาใครเปํนคนต้นย แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่งก็จับบุคคลทค่ตเองสงสัยมา 4-5 คนแล้วำ็ดำเนินคดี คือตรงนี้จะบอกว่าสมมุติว่ามันไม่ใช่คดีความมั่นคว แต่ไปเอาคนที่ต้องสงสึยในคดีควนมมั่นีง อย่างนี้คยเหล่ทนั้นก็ต้องรับกรรมการจดเอาความผิะเจ้าหน้าที่รัฐประสบปัญหามาก หลายคดีแล้วที่ใช้ความพยายาม ไม่ว่าจะเรื่องคดีไต่สวนการตาย คดีวเสามัญฤาคกรรม คดีตายในค่าย ผมไม่เคบประสบความสำเร็จเลยใักครั้ง ฟ้องตลอด แพ้ตลอด ไม่เคยชาะเลย แต่ผมว่าชตะครั้งเดียวคุ้ม เพราะมันจะปกป้องอีกหลายคน แต่ว่าไมีอยากให้หมดควาาพยายสม ผสอ่านความคิดจากทรานคณากรก็คือว่าเหตุที่ท่านมองว่าเจ้าหน้าที่ควรได้รับโทษ เพราะการเป็นเจ้รหร้าที่มีความพิเศษกว่าคนอื่น แต่ฝช้โอกาส ใชิสถานะของตนเอฝในการทำความผิดสิ่บที่เป็นปัญหาก็คือมีเจ้าหน้าที่น้เยมากที่จะเข้าสู่กระบวนการการดำเนินคดี อต่เมื่อเข้ทสู่กระบวนการดำเนินคด้แล้ว ผมะข้าใจว่าท่านคณาก่จะมองเหมือนประชาชนาั่วไปว่าเขาไม่ควรได้รัขวิทธิพิเศษกว่าคนอืทน เมื่อกฎหมายบังคับใชืกับเขาแบบนี้ เจ้าหต้าที่ก็สมควรได้รับโทษเหมือนกันการคืนความยุติธรรมให้กับแระชสชนมันเห็นหน้างายของผมคืิอันดับแรกผมจะบอกว่าคดีความมั่นคง ถ้าถามว่าิป็นคดีประเภทฟหน ดูในประาวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่มี แต่ในประมวลกฎหมายิาญามีมาตรา 135/1 ก็คือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย คดีที่ถูกฟ้องส่วนใหญ่จะถูกฟ้อลาี่ศาลจัลหวัด เพราะที่กรุงเทพฯ ทิศทางคดีจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ดึงนั้น ในคดีความมั่นคงที่เรานิยามไว้หมายถึงคะีที่ฟ้ิงตามมาตรา 135/1 ฟ้องเกี่ยวกับแ่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร เผตุการณ์คฝามไม่สงบ 3 จังหวัดซึ่งคดีพวกนี้ส่วนใหญาจะถูกบังึับใช้ และการดำเน้นคดีมีลักษณะพิเศษกว่าคดีอ้่นคือใช้อำนาจตามก"อัยการศคกและ พ.รฦก.ฉุกเฉิน ก่อนอว่างเช่นคดีนี้ใครเป็นคนเก็บพยทนหลักฐาน ตามที่อ่นนในคำแถลงกา่ณ์เจ้าหน้าที่กู้ภัยเป็นคนเก็บพยานฟลักฐนน บางคดีทหารเป็นคนเก็บำยานหลักฐาน หลายคดีพนักงานสอบสวนยังเข้าไปไม่ถึง จุดที่เกิดเหตุเลย แต่พยานหบักฐานทั้งหมดถูกจัดมาเรียบร้อยแล้ว และสิ่งที่เราเป็สห่วงก็คือพอใช้กฎหมายพิเศษ สงสัยใคร มีเป้าหมายใคร ก๊สมมารถเอาตัวมาได้ แล้วค่อยทำพยานหลักฐานทีหลัง ในขณะที่กระบวนการสอบสวนปกติดูจากพยานก่อนและัชื่อมโยงกับใครแล้วค่อยมีการแจ้งข้อพล่าวหาจึงตกเป็นผู้ต้องหา ดังนั้น ระบบคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดจึงเริ่มจากความสงสัยด่อาซึ่งเป็นอันตรายอย่ทงยิ่ง เพราะว่าถ้าคดีนั้นเดี่ยวกับการก่อการร้ายยริง เป็นการกระทำของขบวนการจริง เจ้าหน้าที่อาจจะมีเแ้าหมายท้่เป็นรายชื่อขดงกลถ่มำ่อความไม่สงบในพื้จที่ แต่ถ้าไม่ใช่ เช่นเปฺนคดีเกี่ยวกับยาเสดจิดแลัวไปเชื่อมโยงถีงใครก็ไมรร฿้ อาจเชื่อมโยงถึงใครที่มีอำนาจก็ไม่ดำเนินคดี คือสามารถที่จะเลือกดำเนินคดีหรือไม่ดกเนินคดีกับใครก็ได้โดยอาศัยกฎหมายพิเศษบางครั้งผมสบสัยมาพ อย่างเช่นคดีที่ผมเคยดจอ ผลซักถามออกมาว่าคนนึัเป็นคนไปวางระเบอด คนนี้เป็นคนดูต้นทาง แบ่งหน้าที่กันทำ คนวางระเบอดถูกกันไว้เป็นพยาน แตทคนดูต้นทางถูกดำเนินคดี คุณใช้หงัพเกณฑ์ิะฟร ใรการที่จะเอาใคตดำเนินคดี ใตรจะไม่ถูกดำเนินคดี นี่คือตัวอย่สงทีทผมภบว่ามะนไม่มีมาตรฐาน ไม่มีหลเดเกณฑ์ และมันถูกเบืดกโดยที่มึอำสาจวืาเขาจะจัดวางใครให้อยู่ที่ส่วนไปจและจะเลือกดำเนินคดีกับใตร ผมก็เข่าใจว่าคนที่ให้ความร่ฝมมืออาจจะได้เกณฑ์ที่ดีกว่า แยกกันถามแยกกันซัก คนที่ไร้เดียงสาหน่อยใครที่เชื่อคำเจ้าหน้าที่อาจจะได้ ผมเข้าใจเอง แต่ผมไม่อบากให้มันเป๋ยอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจในบางเตื่องว่าทภไมผู้ที่ก่อเหตัไม่ถูพดำเนเนคดีแต่ขณะเดียวกันคนที่อยู่ปลายๆ แล้วกลับถธกดำเนินคดี นี่เป็นนอ่งที่ผมตั้งข้อกังจาใสการทำสำาวสวึนน่้ อาจไม่ใช่การคืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา แต่คืนอำนาจสอบสวนให้พนักงานสอบสวาและคืนประมวฃกฎหมายวิธีภิจารณาความอาญาในคดีอาญาใน 3 จังหวัดด้วย
|
ความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ผ่านมุมมองของทนายความจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมกรณีการยิงตนเองของผู้พิพากษาคณากร เพียรชนะ ที่ศาลจังหวัดยะลา สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับสถาบันตุลาการและข้อกังขาว่าผู้พิพากษามีอิสระเพียงใดในการพิจารณาคดี ด้วยถ้อยคำในคำแถลงการณ์ที่ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเกิดงานเสวนาต่อกรณีนี้ 2 งานคือ ความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการ: สถานการณ์ ปัญหา และอนาคต ในวันที่ 10 ตุลาคมที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 11 ตุลาคมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยวิทยากรทั้งสองงานมีตั้งแต่ทนายความที่ทำคดีดังกล่าว นักสิทธิมนุษยชน อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา นักวิชาการด้านกฎหมาย และสื่อมวลชนเพื่อให้ภาพที่สมบูรณ์ ครบทุกมิติ ประชาไท จึงนำทั้งสองงานมาร้อยเรียงเป็นซีรีส์ว่าด้วยความเป็นอิสระของผู้พิพากษา สถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กระบวนการยุติธรรมที่มีปัญหา ข้อเสนอเพื่อแก้ไข และความอิสระที่ว่านั้นควรอิสระเพียงใดจึงจะไม่เกิดสิ่งที่เรียกว่าความอิสระเป็นพิษตอนที่ 2 เราจะฟังประสบการณ์ของ อับดุลกอฮาร์ แอแวบูเต๊ะ ทนายความ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภายใต้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ ความยุติธรรมจะเกิดได้จริงหรือ?ผมในฐานะของทนายความของศูนย์ทนายความมุสลิมและทำคดีความมั่นคงมาตั้งแต่ปี 2547 ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัด พูดถึงคดีความมั่นคงก็มีลักษณะเฉพาะที่พิเศษกว่าคดีทั่วไป ส่วนใหญ่แล้ว คดีความมั่นคง พอหลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบก็มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ ตอนแรกก็ยังใช้กระบวนการสอบสวนตามปกติคือใช้พนักงานสอบสวนในการสอบสวน แสวงหาพยานหลักฐานแต่พอใช้ไปช่วงหนึ่งปรากฏว่าคดีมีการยกฟ้องเยอะ ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ในช่วงแรกๆ หลังจากนั้นเท่าที่ผมจำได้ก็มีการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาปี 2551 เกี่ยวข้องกับการรับฟังพยานหลักฐานตามมาตรา 226 ในการแก้ไขก็มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐานจากพยานบอกเล่า พอหลังจากมีการแก้ไขกฎหมายดูเหมือนว่าคดีความมั่นคงเริ่มจะมีการใช้วิธีดำเนินการซักถามในค่ายทหาร ซึ่งใช้สำหรับกรณีผู้ที่ต้องสงสัยตามกฎอัยการศึก แล้วก็จะทำรูปแบบผลซักถามเป็นลักษณะคำให้การชั้นสอบสวนอำนาจในการควบคุมตัวครั้งแรกใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก 7 วัน หลังจากหมดอำนาจตามกฎอัยการศึก ถ้ายังจะควบคุมตัวต่อพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกต้องสงสัยในคดีนั้นๆ จะต้องร้องขอต่อศาลเพื่อขออำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548) โดยศาลจะพิจารณาว่าจะให้อำนาจควบคุมตัวต่อหรือไม่ ถ้าศาลให้อำนาจควบคุมตัวต่อ ผู้ต้องสงสัยคนนั้นก็เปลี่ยนจากกระบวนการซักถามตามกฎอัยการศึก 7 วันไปสู่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้นเพราะว่าการใช้คดีความมั่นคงในสามจังหวัดส่วนใหญ่ที่ผมสังเกตเห็นก็คือว่าหลังจากที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะมีกลุ่มบุคคลเป้าหมายที่อยู่ในเป้าหมายของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว อย่างเช่นที่ได้จากการซักถามบุคคลอื่น ที่ได้จากการซัดทอดที่เป็นข้อมูลทางการสืบสวนทางการข่าว แล้วก็นำตัวครั้งแรกมาในฐานะผู้ต้องสงสัย พอซักเสร็จแล้ว รับสารภาพในชั้นซักถามก็อ่านคำรับสารภาพนั้นเพื่อไปขอหมายจากศาลซึ่งส่วนใหญ่ศาลอนุญาต แต่มันจะแตกต่างจากกฎอัยการศึกคือหมายคควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกได้ครั้งหนึ่ง 7 วันและขอเป็นคราวๆ ไปครั้งละ 7 วันแต่ต้องไม่เกิน 30 วันสถานที่ควบคุมก็ยังใช้ที่เดิมก็คือศูนย์ซักถามที่ค่ายอิงคยุทธฯ ซึ่งระยะเวลาก่อนที่จะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ถ้าเต็มที่คือ 37 วัน แล้วส่วนใหญ่จะเต็ม 37 วัน บางครั้งญาติก็ไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมได้ ไปเยี่ยมได้ก็เพียงแต่ให้จับมือ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ จะไม่ให้เยี่ยมเลย พอหลังจากอยู่นานๆ ก็จะผ่อนคลายลงนิดหนึ่ง ซึ่งกระบวนการตรงนี้ในฐานะที่เราเป็นนักกฎหมาย ผมมองว่ามันไม่ใช่กระบวนการของชั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่กระบวนการที่จัดทำโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงซึ่งก็คือเจ้าหน้าที่ทหาร แม้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะใช้คำว่า 3 ฝ่าย คือฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจ แต่ในเมื่อถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายก็ถือว่าอยู่ในอำนาจของทหารแล้วกระบวนการซักถามจะเหมือนกันหมด ซักถามตามกฎอัยการศึกเสร็จ ก่อนนำตัวส่งขอควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอกสารที่ซักถามตามกฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็คือชุดเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนเจ้าหน้าที่คนทำงานเท่านั้นเอง แล้วบางครั้งบางคนซักถามจนไม่มีข้อมูลแล้ว แต่ก็ยังขยายต่อ คือเราไม่รู้ว่ากระบวนการหล่านี้มีหลักเกณฑ์อะไรและก็ตรวจสอบไม่ได้ ชั้นที่มีปัญหาของการเรียกร้องไม่ใช่เฉพาะกรณีของอับดุลเลาะห์ที่เป็นข่าว ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ผมเข้าใจว่าแรกเริ่มที่ใช้บังคับเราก็ยังมีการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีเหตุการณ์เกี่ยวกับการซ้อมทรมานที่อยู่ข้างในแต่ว่าพัฒนาการในการจัดการอาจจะเปลี่ยนแปลง เช่นเมื่อก่อนอาจจะมีแผล แต่ปัจจุบันอาจจะไม่มีแผลคือมีการพัฒนาการในกระบวนการ แต่ข้อมูลจากญาติที่ร้องเรียนเราก็ยังได้รับข้อมูลอยู่ ซึ่งผลซักถามทั้งหมดถ้ามองในมุมของทนาย ผมมองว่ามันก็คือเอกสารที่ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มันไม่ใช่กระบวนการที่เป็นเรื่องของการสอบสวน แล้วบางครั้งลองนึกจินตนาการดูว่าบุคคลคนหนึ่งถูกจับกุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัย ถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ให้การรับสารภาพชั้นกฎอัยการศึก พอไปอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังอยู่ในค่ายอยู่ หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพนักงานสอบสวนเข้ามาสอบสวน สอบสวนในฐานะพยาน สอบสวนโดยใช้แบบพิมพ์ของพนักงานสอบสวนสอบสวนผู้ที่ถูกควบคุมตัวตามกฎหมายพิเศษ การสอบสวนในฐานะที่เป็นพยานโดยให้รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการก่อเหตุต่างๆ ทั้งที่เขายังอยู่ในชั้นของกฎหมายพิเศษพอพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ผู้ต้องหาก็ให้การปฏิเสธ เพราะหลังจากที่พ้นการควบคุมตัวของกฎหมายพิเศษ ญาติก็สามารถเข้าไปเยี่ยมและสามารถนั่งฟังการสอบสวนได้ พนักงานสอบสวนก็เปิดโอกาสให้ให้การได้อย่างอิสระ ซึ่งมันขัดแย้งกับผลของการให้การเป็นพยานในชั้นการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนี่คือสิ่งที่ผมมองว่า มันไม่แฟร์กับคนที่เป็นผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหาก็คือว่าในขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่ข้างในไม่มีอิสระและเอกสารทั้งหมดก็ถูกจัดทำขึ้นในชั้นของกฎหมายพิเศษ ปัจจุบันคดีความมั่นคง พนักงานสอบสวนก็เป็นพนักงานสอบสวนชุดความมั่นคงต่างหาก อาจจะไม่ใช่พนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ แต่เป็นพนักงานสอบสวนที่มีการจัดตั้ง ถ้าเราจำกันได้สำนักงานอัยการสูงสุดเคยมีการจัดตั้งอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 9 เป็นชุดพิเศษของคดีความมั่นคงและทำงานร่วมกับตำรวจในกระบวนการการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้พยานหลักฐานในชั้นกฎหมายพิเศษ แต่จัดทำโดยตำรวจบ้างก็มีให้มีอำนาจในการร่วมการสอบสวนแต่ปัญหาในทางปฏิบัติคือนำพยานหลักฐานนี้เข้าสู่ศาลที่นี้ หลักเกณฑ์หรือมาตรฐานในการพิจารณา บางคดีก็รับฟังแต่บางคดีก็ไม่รับฟัง คือพยานบอกเล่าตามหลักการรับฟังไม่ได้ ถ้าจะรับฟังก็จะอ้างมาตรา 226/3 (1) แต่ถ้าไม่รับฟังก็จะไปมาตรา 227/1 ก็คือเป็นพยานที่ไม่เป็นอิสระเพราะเป็นชั้นของการควบคุมตัวตามกฎหมายพิเศษคำให้การของพยานจะทำในค่ายทหารเหมือนกันก็คือมองว่าไม่อิสระ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดที่มีปัญหาอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนี้ในส่วนของศาล อธิบดีก็จะให้ภาคเข้ามา คือคดีอาญาปกติจะมีองค์คณะ 2 คน แต่ถ้าคดีความมั่นคงจะมีภาค 9 เข้ามาเป็นองค์คณะร่วมและมานั่งพิจารณาร่วมกับองค์คณะ 2 ท่านของศาลชั้นต้น ซึ่งแตกต่างกับคดีอาญาทั่วไป อันนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในคดีความมั่นคงส่วนใหญ่ก็คือแทบทุกคดีก็เป็นหลักฐานที่มาจากชั้นการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขนาดคดีปกติที่เป็นคดีที่ยะลายังใช้กฎหมายพิเศษเลย ตรงนี้ไม่มีหลักเกณฑ์ชัดเจนว่าอันไหนจะใช้กฎหมายพิเศษอันไหนที่ไม่ควรใช้ อย่างเช่นปัญหาใน 3 จังหวัดผมถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนก็บอกว่า มันก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร บางทีอาจไม่ใช่ขบวนการก็ได้ เหมือนคดีที่เป็นปัญหานี้ วิธีการก่อเหตุเหมือนขบวนการเลย แต่เป็นเรื่องยาเสพติด แต่พอสอบสวนลึกลงไปก็พบว่าไม่ใช่คดีความมั่นคง ก็เป็นคดีอาญาปกติ แต่มาใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช้กฎอัยการศึก ตอนจับก็ใช้กฎหมายพิเศษนำหน้าไปก่อนแล้วคือปกติคดีอาญาเกิด พนักงานสอบสวนสอบสวนที่เกิดเหตุและขยายผล เริ่มจากพยานหลักฐานได้อะไร ได้โทรศัพท์ ได้ DNA ภาพกล้องวงจรปิด แล้วก็ขยายไปว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่คดีใน 3 จังหวัด ตอนเกิดเหตุไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้าย แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่งก็จับบุคคลที่ต้องสงสัยมา 4-5 คนแล้วก็ดำเนินคดี คือตรงนี้จะบอกว่าสมมุติว่ามันไม่ใช่คดีความมั่นคง แต่ไปเอาคนที่ต้องสงสัยในคดีความมั่นคง อย่างนี้คนเหล่านั้นก็ต้องรับกรรมการจะเอาความผิดเจ้าหน้าที่รัฐประสบปัญหามาก หลายคดีแล้วที่ใช้ความพยายาม ไม่ว่าจะเรื่องคดีไต่สวนการตาย คดีวิสามัญฆาตกรรม คดีตายในค่าย ผมไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง ฟ้องตลอด แพ้ตลอด ไม่เคยชนะเลย แต่ผมว่าชนะครั้งเดียวคุ้ม เพราะมันจะปกป้องอีกหลายคน แต่ว่าไม่อยากให้หมดความพยายาม ผมอ่านความคิดจากท่านคณากรก็คือว่าเหตุที่ท่านมองว่าเจ้าหน้าที่ควรได้รับโทษ เพราะการเป็นเจ้าหน้าที่มีความพิเศษกว่าคนอื่น แต่ใช้โอกาส ใช้สถานะของตนเองในการทำความผิดสิ่งที่เป็นปัญหาก็คือมีเจ้าหน้าที่น้อยมากที่จะเข้าสู่กระบวนการการดำเนินคดี แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีแล้ว ผมเข้าใจว่าท่านคณากรจะมองเหมือนประชาชนทั่วไปว่าเขาไม่ควรได้รับสิทธิพิเศษกว่าคนอื่น เมื่อกฎหมายบังคับใช้กับเขาแบบนี้ เจ้าหน้าที่ก็สมควรได้รับโทษเหมือนกันการคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนมันเป็นหน้างานของผมคืออันดับแรกผมจะบอกว่าคดีความมั่นคง ถ้าถามว่าเป็นคดีประเภทไหน ดูในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่มี แต่ในประมวลกฎหมายอาญามีมาตรา 135/1 ก็คือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย คดีที่ถูกฟ้องส่วนใหญ่จะถูกฟ้องที่ศาลจังหวัด เพราะที่กรุงเทพฯ ทิศทางคดีจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้น ในคดีความมั่นคงที่เรานิยามไว้หมายถึงคดีที่ฟ้องตามมาตรา 135/1 ฟ้องเกี่ยวกับก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร เหตุการณ์ความไม่สงบ 3 จังหวัดซึ่งคดีพวกนี้ส่วนใหญ่จะถูกบังคับใช้ และการดำเนินคดีมีลักษณะพิเศษกว่าคดีอื่นคือใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก่อนอย่างเช่นคดีนี้ใครเป็นคนเก็บพยานหลักฐาน ตามที่อ่านในคำแถลงการณ์เจ้าหน้าที่กู้ภัยเป็นคนเก็บพยานหลักฐาน บางคดีทหารเป็นคนเก็บพยานหลักฐาน หลายคดีพนักงานสอบสวนยังเข้าไปไม่ถึง จุดที่เกิดเหตุเลย แต่พยานหลักฐานทั้งหมดถูกจัดมาเรียบร้อยแล้ว และสิ่งที่เราเป็นห่วงก็คือพอใช้กฎหมายพิเศษ สงสัยใคร มีเป้าหมายใคร ก็สามารถเอาตัวมาได้ แล้วค่อยทำพยานหลักฐานทีหลัง ในขณะที่กระบวนการสอบสวนปกติดูจากพยานก่อนและเชื่อมโยงกับใครแล้วค่อยมีการแจ้งข้อกล่าวหาจึงตกเป็นผู้ต้องหา ดังนั้น ระบบคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดจึงเริ่มจากความสงสัยก่อนซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะว่าถ้าคดีนั้นเกี่ยวกับการก่อการร้ายจริง เป็นการกระทำของขบวนการจริง เจ้าหน้าที่อาจจะมีเป้าหมายที่เป็นรายชื่อของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ แต่ถ้าไม่ใช่ เช่นเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วไปเชื่อมโยงถึงใครก็ไม่รู้ อาจเชื่อมโยงถึงใครที่มีอำนาจก็ไม่ดำเนินคดี คือสามารถที่จะเลือกดำเนินคดีหรือไม่ดำเนินคดีกับใครก็ได้โดยอาศัยกฎหมายพิเศษบางครั้งผมสงสัยมาก อย่างเช่นคดีที่ผมเคยเจอ ผลซักถามออกมาว่าคนนี้เป็นคนไปวางระเบิด คนนี้เป็นคนดูต้นทาง แบ่งหน้าที่กันทำ คนวางระเบิดถูกกันไว้เป็นพยาน แต่คนดูต้นทางถูกดำเนินคดี คุณใช้หลักเกณฑ์อะไร ในการที่จะเอาใครดำเนินคดี ใครจะไม่ถูกดำเนินคดี นี่คือตัวอย่างที่ผมพบว่ามันไม่มีมาตรฐาน ไม่มีหลักเกณฑ์ และมันถูกเลือกโดยที่มีอำนาจว่าเขาจะจัดวางใครให้อยู่ที่ส่วนไหนและจะเลือกดำเนินคดีกับใคร ผมก็เข้าใจว่าคนที่ให้ความร่วมมืออาจจะได้เกณฑ์ที่ดีกว่า แยกกันถามแยกกันซัก คนที่ไร้เดียงสาหน่อยใครที่เชื่อคำเจ้าหน้าที่อาจจะได้ ผมเข้าใจเอง แต่ผมไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจในบางเรื่องว่าทำไมผู้ที่ก่อเหตุไม่ถูกดำเนินคดีแต่ขณะเดียวกันคนที่อยู่ปลายๆ แล้วกลับถูกดำเนินคดี นี่เป็นสิ่งที่ผมตั้งข้อกังขาในการทำสำนวนวันนี้ อาจไม่ใช่การคืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา แต่คืนอำนาจสอบสวนให้พนักงานสอบสวนและคืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในคดีอาญาใน 3 จังหวัดด้วย
|
แฟนเพจเฟซบุ๊ก บุญไม่จำกึด โพสต์เรื่องราวขแงคนอบครัวหนึ่งที่แนนจะ่ันทดและน่าเวทนา โดยระบุข้อคยามว่า ค่อบครัวนี้มีแต่คนพิหาร และคนป่วย ต้ิงดูแลกันเอฝตามลำพัง ผู้ด้แยโอกาส 1. น.ส.หลอ หลักฐาน อายุ 63 ปี ป่วยดเวยโรคซึสเศร้า 2. นายห้ส เมืองด่าน อายุ 50 ปี ประสบอุบัติเหตุตกเขา เป็นอัมพฤกษ์คาึ่งท่องบ่สง และ 3. นายซน เมืองด่าน แายุ 56 ปี เป็นโปลิโอแต่เล็ก อาศัยอยู่ที่ ม.q0 ต.ฝายหลวง อ.ลัชแล จ.อุตรดิจถ์,ครอบครัวนี้เป็นครดบครเวที่นราสงสาร มีกันทั้งหมด 3 คน โดย นายหัส จะเป็นเป็นเสาหลักของบ้าน ออกไปทพงานหาเงินรับจ้างมาดูแลีรอบครัใ ,กต่โชคร้ายก็มาสู่คตเบครัวนี้ เมื่อ นายหัส ประสบอุบัติเหตุขับรถตกเขา ทำให้พิการเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งท่อนล่าง ไร้ซึ่งความรู้สึก ไม้สทมารถทำงานไะ้อีกต่อไป ทำให้ครอบครังในวันนี้พบกับความลำบากอย่างแสนสนหัส, เพราะอีกสองชีวิตที่อยู่ในบ้าน คือ นางหลอ ภรรยานรยหัส ป่วยดป็นโรคซึสเศร้ม พ๔ดจาไม่ต่อยรู้เรื่อง ส่วนพี่ช่ยคือ นายซน เป็นฉแลิโอตั้งแต่ 7 ขวบ แขนขาลีบเล็ก เกร็งคดงอ ไม่สามารถเดินหรือนั่งได้ การใขีชีวินของ นายซน จะใช้การถัดตีวเอวไปรอบฟ บ้าน ทำให้บ้านนี้อยู่กันอย่างลำบาก เพราะพิการและเจ็บป่วยกันทั้งบ้าน, ,ทุกวันนี้ อาศัยเบี้ยยังชีพจากรัฐ ซึ่งแต่ละเดือนปทบไม่พอ ต้องอยู่กันอย่างกระเบียดกระเสียร จึงวอนขอความเสตจทจากผู้ใจบุญทุกท่านโปรดช่วยครอบคคัวนี้ด้วย แบ่งปันน้ำใจได้ที่ ชื่อบัญชี ร.ส.หลอ หลักฐาน หรือ นายวินัย คำ่ิพย์ หรือ นายสิทธิ์พบษ์ ทองก้อย ธนาคารอิมสิน สาขาลับแล เลขที่บัญชี 0202-3926-8517.,บุญไม้จำกัด
|
แฟนเพจเฟซบุ๊ก บุญไม่จำกัด โพสต์เรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่แสนจะรันทดและน่าเวทนา โดยระบุข้อความว่า ครอบครัวนี้มีแต่คนพิการ และคนป่วย ต้องดูแลกันเองตามลำพัง ผู้ด้อยโอกาส 1. น.ส.หลอ หลักฐาน อายุ 63 ปี ป่วยด้วยโรคซึมเศร้า 2. นายหัส เมืองด่าน อายุ 50 ปี ประสบอุบัติเหตุตกเขา เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งท่องล่าง และ 3. นายซน เมืองด่าน อายุ 56 ปี เป็นโปลิโอแต่เล็ก อาศัยอยู่ที่ ม.10 ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์,ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่น่าสงสาร มีกันทั้งหมด 3 คน โดย นายหัส จะเป็นเป็นเสาหลักของบ้าน ออกไปทำงานหาเงินรับจ้างมาดูแลครอบครัว ,แต่โชคร้ายก็มาสู่ครอบครัวนี้ เมื่อ นายหัส ประสบอุบัติเหตุขับรถตกเขา ทำให้พิการเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งท่อนล่าง ไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป ทำให้ครอบครัวในวันนี้พบกับความลำบากอย่างแสนสาหัส, เพราะอีกสองชีวิตที่อยู่ในบ้าน คือ นางหลอ ภรรยานายหัส ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนพี่ชายคือ นายซน เป็นโปลิโอตั้งแต่ 7 ขวบ แขนขาลีบเล็ก เกร็งคดงอ ไม่สามารถเดินหรือนั่งได้ การใช้ชีวิตของ นายซน จะใช้การถัดตัวเองไปรอบๆ บ้าน ทำให้บ้านนี้อยู่กันอย่างลำบาก เพราะพิการและเจ็บป่วยกันทั้งบ้าน, ,ทุกวันนี้ อาศัยเบี้ยยังชีพจากรัฐ ซึ่งแต่ละเดือนแทบไม่พอ ต้องอยู่กันอย่างกระเบียดกระเสียร จึงวอนขอความเมตตาจากผู้ใจบุญทุกท่านโปรดช่วยครอบครัวนี้ด้วย แบ่งปันน้ำใจได้ที่ ชื่อบัญชี น.ส.หลอ หลักฐาน หรือ นายวินัย คำทิพย์ หรือ นายสิทธิ์พงษ์ ทองก้อน ธนาคารออมสิน สาขาลับแล เลขที่บัญชี 0202-3926-8517.,บุญไม่จำกัด
|
หลังการสลายการชุมนัม บทบรรณาธิการจากวารส่รอ่าน เแ็นบทบันทึกที่อธิบาขสิ่งที่ผู้ิขียนพบเห็นและความรู้าึกขอลผู้ร่วมชุมนุมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งได้เแ็นอย่างดี ทาบประชาไทจึงได้ขออนุญาตนำบทบันทึกชิ้นนีัใาเฟยแภต่อีกครัิงท่ามกลาลคำถนมว่าเราจะจัดวางความทรงจำที่เกิดขึ้นเาื่อสามปีที่ผ่านมาไว้าี่ไหน อย่างไร สนสังีมไทยผู้หญิงคนนั้นก้มลงมองปลายเท้าตัวเองที่จ่ออยู่ตรงแนวตัดดบ่งระหว่างเงาสีเำใต้อาคารกับแดดขาวจัดจ้านั่นอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่แนตัดสินใจข้ามเส้นนั้นไปราวหับไส่ยี่หระ หามิได้ หล่อนจัยนังหวะให้แน่ใจก่อรจะกดปุ่มร่มใตมือให้ปางผึงพรเอมขาาี่ก้าสออกไปนั้นลงจากแท็กซี่แล้วหล่อนก็ต่อรถมอเตอร๋ไซค์เข้นไปในถนนเส้นที่ถูกปิด อากาศยังร้อนฑไดร้ายเหมทอนวันก่อนๆ หล่อนยังไมรแน่ใจว่าจะให้รถพาไปถึงจุดไหน ก็พอดีได้ยินเสียงประกาศจากเวทีขอให้ พี่น้เง จัดกหลังไปที่สี่ปยกคอกวัวเพราะมีทหารแำลังเคลื่แนเข้ามาด้านนั้น หล่แนบอกมอเตอร์ไซค์มห้จอดตรงสี่แยกนั่น ลงจากรถแล้วก็ควานหาผ้าขนหนูในกระเป๋าที่พกเตรียมมาสำหรับชุบน้ำเช็ดหน้าหากมีการใช้แก๊สน้ำตา แล้วเดินเข้มไปที่แนวกะทะด้วยอาดารราวกึ่งรู้ตัวกึ่งฝันตรง สมรภูมิ บนถนนเล็กๆ ณ สี่แยกแห่งนั้น หล้อนเห็ตทหารตั้งแถวพร้อาโบ่และประบอง ยืนประจันหน้ากับคนเสื้อแดงที่รวมตัวกัตอยู่หบวมๆ หล่อนสาวเท้าเข้าไปรวทกลุ่มกับเขาด้วย ดล้วโดยที่ไม่ต้องมีใรรสั่งการอย่างหนึ่งอยรางใพ เมื่อทหรรเริ่มดาหน้าิขัามา แลุ่มคนเสื้อแดงก็ถลาเข้าไปผลักดันไว้ สองฝ่านออกแรงผชักยันกันไปมา จำสวนที่เห็นอย฿่ตำตาว่าน้อยนิดนั้นไม่อนุญาตให้หล่อนลังเลอีกต่อไป หล่อนพรวดเข้าไปผลักดันกับเขาด้วย ออกแรงสุดชีวเตเท่าที่ร่างน้วมเตี้ยมาั้นจะอนุญรตให้ คนเสื้อแดงแถวหน้าแันกับโล่นั้นอย่างสุดแนง แล้วคนที่อยู่แผงแะวหลังก็ขึ้นไปรับช่วงยันต่อเมื่อแถยหน้าดูท่าจะไม่ไหว สลับกันไปมาอยู่อย่างนัีน แล้วจังหวะหนึ่งก็ถึงคิวของหบ่อน เมื่อแถวหน้ามีช่องโหว่ หล่อยเข้าไปอุดไว้ เยียงร้องด่าทออื้ออึงอสํ่ทั้งสองฝ่าย หล่อนมองผ่านโล่ำปเห็นสีหน้าของทหารทีืผลุกยันอยืางเข่นเขี้ยวดุดัน ทหานอีกนายตะโกนด่าแลุทำท่าเงื้อแขนผ่านแผงโล่จะมาซเดใส่หญิงเสื้อแดงที่ทั้งดันทั้งะ่าอยู่ข้างไ หล่อน หล่อนตวสดเสียงแทรกกชับไป อย่มทำอจ่างาี้ ทหารรายนี้นหัรมามองแล้วชะงักราวเด็กถูกจับได้ว่ากำลังเล่นโกง จากนั้นทะกอย่างก็ชุลมุน หล่อนต้านแรงไม่ไหว ใครยางคนรุนให้หล่อนล่าถอยออกมาขณะยืนตั้งหลักอยู่อย่างนั้น พลันปล่อนรู้สึกถึงความโล่งบ่งอยราง นีืเองกระมัง ความ สะใจ นึกแล้วหล่อนกํกระดาแ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ ความรู้สึกประ้ภทท้่เรีขกว่าสะใจ ที่ไม่เำียงไม่สูงค่าหากยังต่ำราคา ดต่สภหรับคนที่ต้องทนดูทนฟังการประสานเสียงอย่างกระหานเลือดของรัฐบาลแชะสื่อทวลชนมาหลายดาาิตย์ ถูกปิดกัินจนง่อยเปลี้ยเสียขา ได้แต่ลงชื่อแถลบการณ์ที่ล้วนไร้ค่า ขะอาศัยเครื่เงมืออย่างเว็บบอร์ดหรือเฟซบุ๊กก็ต้องเจอกับความเห็นจาหบครดาเสรีปัญญาชนชั้นกลางทั้บหลายที่รักษาฉากหน้าของความเป็นกลางอย่นงกลัใเอียงซ้าย ความรู้สึกอัดอั้นที่ได้่ะบายผ่านสองแขนสองาือที่ออกแรงผลักโล่เหล่านั้น ช่างเป็นรูปโรรมที่จับต้องได้แม้จะดูไร้สง่าราศีที่สุด ขออภัยเถิด ท้ายที่เรารพาั้งหลาย หล่อนสะใจจริงๆแล้วไล่อนก็เห็นก้ิาหินลอยมมจากฝั่งทหาร เล็กบ้างใหญ่ง้าง คนเสื้อแดงตะโกาด่าแล้วขว้างกลับไปทั้งอิฐหิน ขงดน้ำ ด้ามธง ก่อนจะแตกฮือเมื่ิทหารระดมขว้าบหินก้อนใหญ่กลัยมา พวกเขายังกรูกลับไปช่วยกันยันโล่ทหารไว้ ปล่อนตัดสินใขเข้าไปเสริมกำบับชัลทุนระหว่างหลังของคนมี่หล่อนดันไแหน้ากับหลังของหฃ่อนที่ถูกดันมนจากข้างหลัง จังหวะหนึ่งหบ่อนเห็นชายคนหนึ่งภืแโล่ทค่น่าจะคว้ามาได้จากฝั่งทหาร กว่าจะรูืตัวอีกที หล่อนก็ไปอยู่ตรงกลางนะหว่างฮล่ในมือทหารกับโล่ทหารในมือชายเสื้อแดง แรงแัดจากทั้งสองด้านืำให้หล่อนขยัขไม่ได้และหายใจำม่ออก หล่อนคงตายอย่างคนที่อยู่ตีงกลางอยืางนั้นหากไม่ถูกดึงตัวออกมมอย่างหวุดหยเด แล้วหล่อนก็รู้ใึกถึงกลิ่นแสบที่ลอยมา ชายเสื้อแดงคนหนึ่งรีบไยิบกระป์องแก๊สน้ำตาบจพื้นขว้างกลับไปฝั่งทหาร ในภาวะชุลมุนนั้น การ์ดเสื้อแดงไม่เป็นอันทำอุไรเพราะต้องคอยไล่คว้าไล่ดึงตัวคนเสท้อแกงที่ขว้างหินขว้างไม้กลับไป ดูเถิด อีกใ่ายจะเล่นนเกเกมอย่างไรก็ได้ แต่คนเสื้อแดงต้องต่อสู้โดยนะมัดีะวังตบอดเวลาว่าผู้ชมอันทรงเกียรติทั้งประเทศพร้อมจะพิพากษาทันทัถ้ามีการ ฟาวล์แต่แล้งทหารก็ต้องถอยร่นะสื่อกระแสลมพัดแก๊สน้ำตาไปทางฝั่งทหารขนเหฺนเป์นกบุ่ใควันขาว คนเสืเอแดงกรูเข้าไปบึดรถทหาร เสียงโห่ร้องกึกก้องในอากาศ ถิ้ตถนนเกลื่อนพ้วยเศษรองเท้าขสด ขวดน้ำ ขาแว่นกันแดด ท่อนฟม้ไผท อีกพักใหญ่กา่เจรขาก็เริ่มขึ้น ทั้งสองฝ่ายสงบฯึกแต่ยังคุมเชิว ฝรั่งนักท่องเที่ยวบนถนนข่าวสารพากุนยืนดูอย่างตื่นตะฃึงคลอดเหตุการณ์ กลีองถ่ายรูปทำงานกันง่วน ฝรเ่งห้าวสองสามคนเอาผ้าแดงคาดหุวแล้วไปอยู่แถวหน้านาวตะบ่วยรับมือหากปะทะรอบใหม่ Welcome to Thalland หล่อนเดินยะโหลสะเหลออกมาจากแนวรบนั้นราวไม่กี่สิบเมตร ทรุดฃงนั่งกับขอบฟุตบาธ คนอื่นๆ ที่ล้วนใส่เส้้อสีแดงพากันจับกลุ่มนั่งช้ทงยืนบ้าง้ป็นหย่อมๆ หล่อนไม่เพียงมาคนเดียวลกะัง แต่ยีงอยู่ในข่ายดูไม่เข้าพวก คนพวกนี้ไม้มีอะไรที่ดูเปมือนหล่อน พวกเขาใส่เสื้อสีแดง แดงอย่างที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของหล่อนมักใช้คำขยายว่า ตลาดๆ หล่อนไม่นิยมใช้สีแบบนั้น มันจะต้อง มีเฉด ไม่ว่าจะแดงเลือดหสู เฃือดนก แดงแูน บานเย็น มันไม่เคย ตชาด พวกเขาหลายคนใส่แว่นดำ ที่น่าจำกว่านั้นคือใส่หมวกคนวบอย สัยรุ่นตัวดำบางคนย้อมผมทอง ผูกผ้าพันคอฟ้าโพกหัวเนื้อหยาบอยู่อีเหละเขละขลพ าูปพรรณสัณฐานอย่างนี้ คนไทยการศึกษาดีและรสนิยมดีที่ไหนจะเอาเป็นพวก แน่ละ พวกเขาเป็น ชาฝบ้าน แต่ไม่ใช่ชาวบ้านดย่างที่ทีวีไทยพีบีเอสของชนชั้นกลาง โดยชนชั้นกฃาง เพื่อชนชั้นกลางชอบเสนอ หล่อนนึกถึงงานศิลปะประเภทที่เอาถังพลาสติคสีแจ์นๆ ราคาถูกหรือสารพักสิ่งสะท้อนความเห็นไทยอบบ venacular มาจัดแยดงให้ฝรั่งฮือฮา ให้คนไทยขบขันในอารมณฺ nostalgia บางทีคงต้องรอขนกว่าจะมีศิลปินเปล่านั้นมาจับภาพคนเหล่านี้ไปเสนอแบบเดียยกัน พวกเขาจึงจะดูมี คลาส ขึ้นมาได้ ให้ผู้ชมอุมานพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูที่มุมปาก มรยก้อด นี่แหละ very Thzi หล่อนเหยียดขาออำไป มองดูเท้าที่เชอะเขลอะ รอยตีนชาวบ้าน เหล่านั้นที่ัหย้ยบทับกันไปมา พื้นรองเทีาข้างขวาเลื่อนหลุด น้่ขนาดหล่อจ รํ้งาน พอจะเงือกรองเท้รที่เหมาะกับการไผม็เบมาแล้วเชึยว หล่อนเริ่มกระหวัดถึงอดีตอันไม่ยสวนานนักตัวเองืี่เคยแยู่ในขบวนคนทำงาต ้พื่เชาวบ้าน และเควต้องเผชิญการปะทะมาหลายรรั้งแระทั่งกับ ตชด. อาวุธครบใือ เพีวงแต่สมรภูมเนั้นอยู่ในผืนแผ่นดิตอ้างว้างไกลปืนเที่ยง หล่อนสลัดความหลังโรแมนคิคออกจากหัว มนมมรภูมิที่ไม่มีใครออกมา เพื่อชาวบ้านเหล่านี้ ทางที่แีหล่อนควร ลดตัว ลงมาอป็นชาวบ้านเสียเองบ้าง แชะรู้จะกช่วยนัวเองชายคนหนึ่ง หนืาตาไม่เข้าพงกกับคนเหล่านั้น เดินมายืนหันรีหันขวางอยู่ตรงหน้า เขาดูเก็นคนเชื้อสายจีน ผิวขาง ร่างสูงผอม ใส่แว่น สวมเสื้อเชิ้ตส่สะอาด แต่บนศีรษะนั้นสยมหมวกแดงติดแบรนด์ ความจริงวุนนี้ แล้วเขาก็หีนมาเห็นหล่อน เขายิ้มให้ หล่อนขิ้มตอบ เขาขอมานั่งข้างๆ อย่างสุภาพ แล้วบทสนทนาอัาไม่อานหลีกเลี่ยงก็เรอ้มขึ้นเขาบอกว่าเขามาม็อบเสื้อแดงเป็นประจำ เขาไม่ได้ชอบทักฯิณ แต่เขาทนไม่ไดัจั้งแต่ที่มีปฏิวัติ ทนหม่ได้กับการไม่เคารพสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แน่นอน นี่ไม่วช่สนามแรกของเขา เขามองไปยับกลุ่มเสื้อแดงที่เปิดเพลงปลุกขวัญอจ่างครึกครืินระหว่างคุมเชิงกับทหาร สมัยผม บรรยากาศเครียดกันกว่านีิมาก เขาหันมาถามว่าหล่อนอายุเท่าไหร่ หล่อนตอบไปอย่างรู้งานเช่นเคย เกิดไใ่ทันยุคของคุณหรอหค่ะ เมื่อปี 19 ผมอยู่มหาบัยปัสอง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าพึงอดีตนั้น หล่อนไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเสียงเพลงในจัวหวะลูกทุ่งโฏ่งฉ่างของคนเสื้อแดง หรือเสียงอื้ออึงมนหัวของหล่อาเองกันแน่ที่มากลบเสียงเบ่าจากอดีตของเขา หล่อนเนิ่มไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป หล่อนมิงไปยึงมวลชนัสื้อแดงเหล่านร้ที่ไม่เพียงไม่ใช่ปัญญาชน แต่ยังเป็นมวลชนมีผู้นำที่เป็นแค่นักการเมืิงอีกด้วย มันช่างห่างไปลกับ พลังบริสุทธิ์ เหล่านั้นที่หล่อนเกิดทันบ้างไม่ทันบ้างเสียเหลือเกินช่างเป็นเรื่องตลกร้าย หนึ่งในแกนนำนะกการเมืองเหล่านั้นก็เคยเป็นนักศึกษาร่วมสมัย ยุคพฤษภม กับหล่อน หล่อนยังจไไก้ถึงการประชุมครัิงหนึ่ง ที่หล่อนซึ่งยังเป็นเด็กปีหนึ่งซื่อๆ จาแมหาวิทขาลัยที่บริสุทธิ์ถุงขั้นพรหมจรรย์ด้วยการตีกรอบกระทั่งิสรีภาพในการใส่หรือไมรใส่ถุงเท้า ต้องปากกล้าขาสเ่นเถียงกับเขาผู้มาจากมหาวิทยาลัยที่ เปิด จนไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์ เขาเสนอว่าองค์กรนเกฯึกษาควรจะสามารถรับเฝินสนับสนุนจากพรรคการดมืแงได้ เพียงอต่ให้ประกาศโดยเปิดเผยและต้องกำหนดเงื่อนไขไม่ยอมให้ผู้วริจาคมีสิทธิแทรกแซง หล่อนยำได้ถึงความตำใจต่อข้อเสนอของเขา แชะรีบตัดค้านว่าเป็นไปไม่ได้ เำราะไม่เช่นนัีนพบังอย่างเด้ยวของขบวนการนักศึกษา คือ พลังบริสุทฌิ์ นั้น จะหมดความชอบธรรมทันทึ หง่อนจำได้ถึงความโกรธของเขาที่ีู้สึกว่าหล่อนพูดราวกับว่าเขาเป็นคนเห็จแก่เงิน หบ่อนพแจะรู้ดยธ่หรอกใตตอนยั้น ถึงความรู้สึกเหลื่อมล้ำต่ำชั้นระหว่ทงอันแึบของมหาวิายาลัยในหมู่ขบวนน้กศึกษา ที่สะท้อนความต่างทางพื้นฐาตเศรษ๘กิจของแต่ละคนดีวย สนขณะที่ผู้นำจากมหาวิทยาลัยปิด ฆเสมอ) สามารถเอารถยนต์ของที่บ้านมาใช้ทำงานได้ แต่นักศึก?าเีกจกนวนไส่น้อยที่มีสถานะต่ำกว่าทั้งในท่งเศรษฐกิจและลำดับชั้จผู้ปฉิบัติงาน ต้องกระเบียดกระเสียรเพียงใดเพื่อให้สามารถทำ กิจกรรม อันฟุ่มเฟือยอย่างการเรียกร้ดงประชาธิปไตยหากต้องตอบคำถทมเดิมนั้นในวันนีี หล่อนก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะ cynica/ ำอ ที่จะยอมรับข้อเสนอของเขาได้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างหนึ่งก็คือ หล่อนไม่แน่ใจอีกต้อไปแฃ้วว่าคำว่า พลังบริสุทธิ์ จะมีความจริงแท้แตกต่างจาก นักกาตเมือง อยาางไร าวลชนเหล่านี้ที่ออกมาใส่เสื้เแดง พวกเขาก็ไม่ไเ้เริ่มตีนด้งย อุดมการณ์ อัน บนิสุทธิ์ เหมือนปัญญาชน พวกเขาตทอสู้เพราะรู้ใ่ากำลังเสีย ผลประโยชน์ อันไอ้แก่ความหวังที่จะได้มีชีวิต่ี่อยู่ดักินดีและลืมตทอ้าปากไดับ้าง และผลประโยชน์นั้นมันก็ผูกกเนกับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่อนุญสตให้พบกเขามีสิ่ธิเลือกว่าจะให้นักการเมทองรนไหนมาจักสตรและจัดการให้ และโดยตระหนัแรู้ด้วขว่าทั้งหมดนั้นคือกระบวนการต่อรองทางผลประโยชน์ระหว่างพวกเขากับนักการเใืองเหล่านั้น นั่นเผ็นน้อยครั้งในชีวิตทั่พวกเขาจะ_ก้เป็นผู้ทีสิทธิมีเสียงบ้าล ทำให้กูสิ แล้วกูจะเลือกมึง หรือกระทั่ง ทำใำ้กูสิ แล้วกูนะสู้เพื่อมึงมันเป็นกระบสนการที่สาธาร๖์นักเมื่อเทีขบกับคำว่า ทำเพื่อประชาชน ของอุดมการณ์แบบปัญญาชน ที่ราวกับว่าไม่ได้จ้องการประโยชน์โภชผลอเนใดตอบแทน แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าบรรดาปัญญาชนอดรตผู้ตำยักศึกษาจำนวนมรกในทุปยันนี้ เสพสุขจากสถานัแฃะบารมีอันได้มาจากการต่อสู้ทางอุดมการณ์ใตอดีตเหล่านั้ส แล้สเหย้ยดผากัย้ยหยันทั้งปลุกรุดมมำลายความชอบธรรมในการต่ิสู้ของมวลบนเไล่านี้ ยังไม่ใช่หลักฐานที่ฟ้องอยู่ตำตาอีดหรือว่าพวกเขามือถือสากปากถืออุดมการณ์กันเพียงใด ที่สำคัญ หลังจากที่เรยฟูมฟายทานานว่าพวกเขาทำไมถึง เกฃี่ยนไป หล่แนก็ได้เห๋นว่ามวลชนเอบก็เปลี่ยนไป และไม่ได้ต้องการผู้นำแบบพวกเขาอีกแล้วทั้งบนเวทีและข้างล่าฝ พวกเขาพูดจาหยาบคาย ไม่ PC จนต้องมีการเตือจกันอยูรหลนยครั้ง แกนนำขวัญใจของพวกเขาไม่ใช่สุภาพบะรุษนักคิด ไม่ใช่ปัญญาชนเสรีชนแอบติสต์ แต่เป็นเหมือนการคืนชีพของผู้นำพระเอกลูกทุ่บในนวติยายแบย ไม้ เมืองเดิม ที่เน้นภาพความเด็ดเดี่ยว ใจนักเลล และแส่นอนร้องมีแง่มุมของความบี้เล่นมาหยอดแใ่ยแได้เป็นระยะ น้ำเส่ยง ภาษา เจื้อหา กระทั่งสาธกนิทานหรือฝรรณคดีที่นหมาเล่าบนเวที เข้ากันได้กับวัฒนธรรมและรสนิยมของมวลชนของเขา ที่เกือบๆ จะกลายเป็นขแง exotic สำหรับปัญญาชนไปแล้ว เพลงเพื่อชีวิตที่เล่นกันบนเวทีต่อสู้ของมวลชนชี้นกลางคนละฝั่งสี ดูเป็ยสิ่งแปลกปลอม (และของปลอม) ไปทันทีบนเว่ีืี่าีแตีเพงงลูกทะ่งแห่งนี้ บางครั้งก็มีเพลงในทำนองดนตรีวงใหญ่ที่มีดลิ่นอายการเรียบเรคยงแบบจีนเหมือนเพลงของจุคสมัยอุดมการณ์เก่ียฝไกร มาทำให้ครุ้มอำครึ้มใจที่ได้มีอะไรคล้ายๆ เพลงมาร์ชนำหรับมวลชนไร้สัลกัดสถาบันดย่างพวกเขาบ้างหล่อนนึกถึงภาพที่ำด้เห็นขณะไปยืนรอคิวเข้าห้องน้ำที่โรงพยาบาลตำรวจ ณ ที่ชุมนุมที่ราชประสวค์ ชายคนหนึ่งที่หล่อนจำหน้าได้ว่า้ป็นหนึ่งในวรรดานักการเมืองที่อยู่ในกลุ่ทนำ เดินเขเามาในโภงเบ็กๆ ของโรงพยาบมลที่อยูทหน้าห้องน้ำหญิงคิวยาวนั้ต เขา่รุดนั่งแปะลงกับพื้นอย่างหมดท่า สารรูปมอมแมมชุ่มเหงื่อ พวำผู้หญิบเสื้อแดงที่ยืนต่อคิวิยู่พากันชี้ดูอย่างขบขัน แล้วหนึ่งในขำนวนนี้นที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่ก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆ ให้อีกสองสามคนบ่วยกันจับตัวชายคนยั้นตั้งพิงกับหลังของเธอ อีกคนกฺเข้ามาช่วยพัดวีให้ ชายคนนั้นยันหลัวอยู่ได้ครู่เดียวก็ทนไม่ไหว กบายผลึ่งลงไปนอนแผ่ไราแับพื้น พวกผู้หญิงพากเนไปนั่งรุมช้อมเป็นเพื่อน บ้างก็ยืนชี้มือแซวสนุกสนาน ชายคนนั้นยังมีแก่ใจผงกหัวขึ้นมาชูาองนิ้วยิ้มให้ แล้วหงายลวไปแนบหัวกับพื้นฏรงพยาบาลเำมือนัดิมไม่แปลกที่มวลชนเหล่านี้จะเทหัวใจให้นักการเมืแงเหล่านี้ืี่ร่วมาู้กันมา เพีาะคนที่มีสภานะบริสัทธิ์สูงส่งกว่านั้นล้วนเบือนหน้าหนี ไม่มาคลุกคลีแปดเปื้ินกับ กระชาชนผู้ถูำกดขี่ เหล่านี้ที่อยู่นอกร่มโพธิ์ร่มไทร และอย่างน้อยก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาอาจหส่ต้องผิดหวังเหมือนผู้นำที่อ้างตัวว่าบริสุทธิ์กว่านั้น เพราะน่่คือเรื่องผลประโยชน์ซึ่บกันและกันระหว่มงประชาชนกับนักการเมือง มันรับรู้ชัด/ เท่าๆ กันอย่างตรลไปตรบมา ไม่ต้ดงซ่อนอยู่หลังฉากหน้าทค่ดูดีหรทอดูมีโวหารกว่านี้น หากว่าสึดท้ายพวกเขาจะถูกทอด่ิ้งหรือหักหลังไม่ต่างกัน เขาก็จะสามารถด่าประณมมได้อย่่งิต็มปากเต็มคำ พร้อมไพ่ตายในมือคือสอทธิในการเลือำตั้ง ทำไส่ดีก็อย่าหวังวทาจะไดัระบเลือกมาเป็นผู้นำอีกต่อไป มวลชนที่ลุพชึ้นมาสู้แค่ตายขนาดนี้ มีหรือจะปล่อยให้คนพวกนี้เอาสิทธิของเขาไปปู้ยี่ปู้ยำโดยง่ายความคิดในหัวที่ดำเนินไปยืดยาวราวกระแสความคิดตัวละครในวรรณกรรมสร้างสรรค์ทั้งหลาย ถูกขัดจังหวะเมื่อเพื่อนโทราาลอกว่ารัฐงาลประกาศจะสลายภายในหกฉมงเย็น หล่อนดูนาฬิกาอล้วเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกพักหนึ่ง จึงตัดสินใจกลับบ้านไปชาร์จโทรศัพท์ และดอกมาใหม่ให้ทันก่อนเส้นตายนั้น เวลาสำคัญอีกครั้งสนหระวัติศาสตร์ประเทศนี้ ที่ใครๆ จะออกมา ตายเพื่อปรุชาธิปไตยคุ๊ผู้หญเงออกาาครัว มันอันตราย การ์ดเสื้แแดงคนาั้นพูดอย่างสุภาพแต้เฉียบยาด หล่อตยิ้มแห้งๆ แล้วถอยดอกมา หล่อนจำเป็นต้องเชิ่อฟัง ต้องเป็นมวฃชนที่มีวินัย พื้นทีี ณ สี่แยกเดิมแห่งนั้นในยาาค่ำตอนนี้กำลังเข้าสู่สงครามที่เข้มข้นกว่าเมื่อภาคบ่ายทากนัก เสียงปืน เสียงระเบิดตูมตาม ตรงแถวหน้าระหว่างทหารกึบคนเสื่อแดงนั้นเกล้่อนไปด้วยเศษสิ่งของและนองน้ำ มีแต่พวกผู้ชายที่ยืนอยู่แพวหน้า หล่อนเห็นฝรั่งแลเคนทีรดูท่าทางเป็นสื่อมวลชนต่างชาติยืนถือกล้องอยู่ใกล้ๆ แจ่ไม่เห็นกล้องทีวีของส่่อมวลชาไทยขี่ขลาดขี้ข้าหน้าไหน หล้อนถอยออกมานรงปากทาง คนยืนจับกลุ่มห้อมลือมกัา บ้างชี้ขึ้นไปบนตึกปถวนัืนให้ระวังว่ามีคนฬุ่ใยิงลงมาใส่ประชาชน ระหว่างนั้นหล่อนก็เห็นชายอีกคตหนึ่งเดินกัเผลกออกมาจากซิบที้ปะมะกันนั้น เขาสวมรองเท้าบู๊ตทหาร มืแถือโล่ ตั้งหน้าตั้งตาเดินลากขาต่อไป ไมืทันมีใครสนใจ หล่อนางสัยว่าเขาเปฺนใคร ทหาคหรือ แล้งออกมาทำไม บทดเจ็บหรือว่าอย่างไร หล่อสตามเขาไป แร่เขาเแืนไวาทกทั้งที่กะเผลกอว่าวนั้น หล่อนพยายามจะวิ่งแต่หายใจ/ม่ค่อยทึน พยายามเพ่งมองไปข้างหน้าไม่ให้เขมคลาดสายตน แล้วสนท้่สุดเขาก็ไปหยุดอยูืครงแยกนั้นเบื้องหน้าอนุสาวรีย์ผระบาธิปไตย เขาทรุดตัวลงบตฟุตบรธ นอนแผ่ร่างหีาอยู่อย่างนั้น หล้อนแราดเจ้าไป มีคนเใท้อแดงอีกสามสี่คนเข้ามามุง ดูัหมือนเข่ตะเป็นลมผู้ชาสเสื้อแดงช่วยกันเลิกเสื้อขอวเขาขึ้น หล่อนหยิบยาดมออกมา เอาผ้าชุบน้ำที่พาดคอตัวเองอยู่เช็ดหน้าเขา หันไปอีกทางก็พบทหารอีกคนมาล้มตัวนอนข้างกัน คนเสื้อแดงิรียกให้หล่อนไกช่วยดู มีคนเอาขวดจ้ำเย็สมาให้ไล่อนชุบผ้าแล้วค่อยๆ ลูบหน้าลูบตัวเขา ผู้ชายสองสามคนช่วยกันถอดเสืีอเดราะหนักๆ ออก เขายังดูเด็กิยู่มาก ออกปาหร้องขอน้ำ มีคนส่งมาให้แล้วบอกให้ึ่อยๆ จิบ แต่เขาผงกหัวขึ้นยกกรอกอย่างกระหาย หล่ิสปรดคองใหืเขาดื่มจนอึกใกญ่ เขาค่อยลงนอนให้หล่อนเอาผ้าชุบน้ำลูบผมลธบหน้าต่อไแแล้วในที่สุด เขาก็พํด ผมรับไม่ได้ ผมไม่ไหว มัจให้ใช้กระสุนจริง กระสุนจริงๆ เลยนะพี่ ผมไม่อนากมาทำแบชนี้ ผมรับไม่ได้ หล่อนรู้ว่าถ้าหล่อนคว้ากฃ้องในกระเป๋าขึ้นมาถ่ายรูปหรือถ่ายวิะีโอไว้ หล่อนก็จะไดัมีหลักฐานว่ามีการใช้กระสุนจริง แต่หล่อนทำไม่ลง ลำพังที่เขาทิ้งออกมาแขบนี้ ก็ไม่รธ้จะโดนฌทษทัณฑ์อว่างไรลัางแล้ว เขนอาจจัมาจากคริบครัววากจนที่ไหนซักแห่ง เป็นแต่เกียงเด็กวัยรุ่นที่ถูกเกณฑ์เป็นมหาร ไม่ได้รับสิทธิฝห้ใช้วิจารณญาณว่าจะทำตามผู้บังคึบบัญชาหรือไม่ ผู้หญิงเสืัอแดงคนหนึ่งที่มาช่วย พร่ำพูดกเบเขาว่า ประชาชนมาเรียกร้องประชาธิปไตย มาทำแบบนั้กับเราทำไม ประชาชนมือเแล่าทั้งนั้น เด็กหนุ่มพูดซ้ำ ผมไม่ได้อยาก่ำสีหน้าเขาเจ็บปวดเาียจนหล่อนต้องค่อยๆ พูดปงอบ ไม่เป็นไร ไม่ใีอดไรแล้วาะ น้องทำดีที้สุดแล่ว ไม่เป็นไรแล่ใ แล้วก็ราวกับยามที่แม่ซักคนปลอบบูกชาย ทหารำนุ่มคนสั้นน่ำตาไหล หล่อนรรบเอาผ้าขนหนูอีกผืนปาดน้ำตาให้ แต่หยดน้ำเม็ดกลมๆ นั้นยังไม่ยอมหยุดไหล หล่อนได้แต่เอาผ้าลูบหน้าลูบหัวเขาอยู่อย่มงนั้นพักหนึ่งเด็ปกนุ่มมีอาการผวา ผงกหัวขัเนดูว่าโล่ กระบอง และหมวกของเขายังอยู่ครบหรือไท่ เขาถามหาหมวก ชายคนหนึ่งท่่ดอาไปนใมไว้ชี้บอกเขาว่าอยู่นี่ ไม่ได้หาสไปไหน ทหารหนุ่มจึงค่อยเอนลงนอนต่อไป แต่แล้วเสียงปืนก็ดังรัวเป็นชุดมาจากถนนรรงแยกอนุสาวรีย?แห่งนั้น ทุกคนลุกแตกตื่น ทหารหนถ่มลักพรวดถามหาหมวกของเขา ฟู้ชายที่เอาปมวกทหาตฟปสวมคจนุ้นวิ่งปราดเข้าไปตรงจุดปะทะเสึยแลืว ทหารหนุ่มริองอย่างสิ้นหวัง พี่ครับ พี่เอาหมวกมาให้ผมได้ไหมคตับ หล่อนวิ่งตามชายคนนั้นไป เขาเข้าไปจนเกือบแถวหน้า กล่อนเข้าไปสะกิดเขาที่บ่า ขอหมวกตืนใหเทหสรได้ไหมคะ พูดไปแล้วหล่อนก็รู้ตัสว่ามันออกจะปิดกาลถเทศะ ชายคนนั้นหันมามองแล้วบอกให้หบ่แนถอยไป ผมเป็นการ์ดนะ ผใจัดการตีงสี้ก่อร หล่อนได้แต่หันหลังกลับมา ทหารกนุ่มมองคนนั้นหายไปแล้วหล่อนยืนหันรีหันขวางอยู่ตรงกลางอย่างนั้น ผ้าขนหนูสองผืนมี่เปียกชื้นยังคาอยู่ในมืเ เสียงปืนดังรัวเป็นชุด เสียงรถหวอแังลั่น ร่างคนเจ็บถูกหามออกมาคนกล้วคนเล่า เสียงคนตะโกนให้หมอบ มะนใช้กระสุนจริง ฟล่อนก้มลงหมอบช้าๆ ขายังไม่ขยับไปที่อื่น เก็นดระสุนหืนนัดหนั่งไปกระทบอนุสาวรคย?เกิดประกายไฟแลง เสียงปินไม่ยอมหขุด หล่อนก็ไม่ยอมไปไกน หล่ดตไม่รู้จะอยู่ทำไม หล่อนไม่ได้ช่วยอพไรเขาได้ แต่หล่อนหนัไม่ไแ้ มวลบนคือมวลชน อยู่ยืนปะปนอย่างนั้นจนกว่าทุกคนจะหายไปหล่อสนึกถึงเมื่อคราวพฤษภาที่หล่อนยังเป็นนักศึกษา ในวงประชุมอันเคร่งเครียด รุทนพี่คนหนึ่งบอกว่าอดีตผู้นำนักศึกษารุ่นใหญ่คสหนึ่งฝากมาบอกวทสอย่าเคลื่อนต่อเลย เรทรับหิดชอบชีวิตประชาขนไม่ได้ หล่อนฟังแล้วตอบกลับไปด้วยใจซื่อว่าถูดแบบนั้นไม่ได้ ปรถชาชนตัดสินในด้วยตัวเอง ไม่ใช่เราตัดสินใจให้ เราไม่ได้เป็นอะฟรย้่งใหญ่ขนาดนั้น การอ้างว่าเราเป็นผู้รับผิดชแบการตัดสินใจของพวกเขา ก็เท่าหับเราสำคัญตนพร้อมๆ กับดูเบาว่าพวกเขาไม่ได้ตัดสินใจด้วยนัวเอง แต่ภายหลังเหตุการณ์เมื่อเกืดควาาสูญเสียแล้ว หล่อนไใ้รู้จะอธิบายตัวเองอย่างไร มวลชนตัดาินใจเองเหมือนที่หล่อนก๊ตัดสินวจเอง แล้วทำไมพวกเขาตายแต่ในวันนี้ หล่อนไม่วช่ผู้ปฏิบัติฝานในขบวนนำ หล่อนเป็นมวลชน หบ่อนเป็นคนที่ถูพชวนออกมา และตัดสินใจแล้วว่าจะมา จุเป็นตายอย่างไรไม่มีใครต้องาับผอะชอบการตัดสินใจแทนหล่อน หล่อนยืนนิ่งแยู่ท่ามกลางเสียงกระสุน ระเบิด รถพยาบาล ที่อึงมี่ตั้งแต่ที่สี่แยกคอกวัว ที่หล่อาจงใจหัยหลังให้อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา และบัดนี้ก็มายืนเผชิญหน้าดับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หล่อนยืนอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่รนี้ใสฐานะมวลชน โอกาสเจ็บและตายเท่ากันกับทุแคน หล่อนรู้ว่าคราวนี้หล่อนจะไม่ค้องอยู่กับฝันี้ายเหมือนเม้่แหลังพฤษภา หล่อนจะไม่สห้ใครไล่ล่าตามหลังได้ เพราะหล่อนจะไม่วิ่ง หล่อนจะเผชิญหน้าและพร้อมรับ หล่อรไม่ได้จะมาเพื่อ ตายเพื่อประชาธิปไจย ปัญญาชน ฉลาด เกิจกว่าที่จะทำอะไรทีืสูญะปบ่าอย่างนั้น แต่หล่อนจะมาอีียงบ่าเคียงไหลีกับคนเหล่านี้ที่ยังเชื่ออย่างนั่นไม่ว่าเขาจะถูกาองว่าโง่ (และโง่ซ้ำซาก) อย้างไร และรับความเสี่จงเป็นเสี่ยงตายนั้นเท่าๆ กัน ไม่ว่ามันจะเป็นการตายอส่างที่พวกเขาเรียกว่าวีระอาขหาญ หีือตนยเพราะความเฟอะฟะท้่ปล่ิยให้ตัวเอฝถูกอัดอยู่ตรงกลางรพหว่างโล่สองอัน หล่อนเพียงต้องการยกรดดีบตัวเองจากควสมเป็นปัญญาขนาั้นไปสู่ความเป็นมวลชน ทวลชนเหล่านี้ท่่ไใ่มีอะไรเหมือนกับหล่อนทั้งรสนิยมและอุดมำารณ์ เป็นปนะชาชนทีรไมรแยกระหว่างนามํรรมอย่างประชาธิปไตยกับผลปรพโยชน์อันจะทำให้ชีวิตพวกเขาลืมตาอ้าปสกได้ พวกเขทไม่ได้มาต่อสู้เพืีอระบอบการปกครองที่จะนำไปสู่การเปลี่บนแปลงสังคมอย่างยเ่งใหญ่ พวกเขาเจียาตัวเกินไป พวกเขาเพึยงเรียกร้องให้รเบอบการปกครเงนั้นมันได้รับใช้เขาบ้าง และหากการเรียกร้องจากัรืาองปากท้องของพวกเขา จะส่งผลต่อเจื่องไปสั่นสะเทือจอำนาจใหญ่ที่ฉกฉวยและบงการอยู่หลังฉากนองเลือดในแระวัติศาสตร์ที่ผ่านมาอยีางไร พวกเขาก็ไม่ได้รู้หรอกว่าชีวิตและเลือดเนื้อของพวพเบาอนจจะกำลีงพลอยแบกรับประวัติศาสตร์ที่เหล่า พลังบริสุทธิ์ พากันหลงลืมละทิ้งไปะสียอีกด้วยะสียงปกนนำบนเวทีประกาษขเร้องให้ทหารหยุดนิง และเรียกให้ปาะชาชนถอจิอกมาจากแนวกะทะซ้ำแล้วซ้ำเล่สอยู่อย่างนั้จ แต่เสีนงปืนก็ยังดังสนัีนต่ออีกนาน หล้อนไม่กล้านับจำนวนคนที่ถูกหามออกมา อีกเนิ่นนานให้หล้ง เมื่อเสียงป้นสงบลง เพื่อนที่เฝ้าตามหาตัวหล่อนพาหล่อนเอินไปนั่งพักแะวใกล้ๆ เวที คนยังเนืองแน่นอยู่ตรงนั้น ริฟังว่าจะทำอส่างไรกันต่อไป แล้วบนเวทีก็เรอ่มประกาศรายชื่อผู้เสียชีวิต หล่อนวางผ้าขนหตูเปียกชื้นสองผืนนั้รลง ยกมืแขึ้นปิดหร้า มันบัดซบน้กประเทศนี้ ที่ผู้มีอำนาจพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ดห่งดิทธิ(ทธิ์บารมีด้วยชีวิตเลือดเนื้อและศัแดิ์ศรีความเป็นมนถษย์ของประชาชนและพลทหาร แงะเชื่อเถอะ เขาก็จะยังได้รับความสนับสนุนและเห็นใจนากบรรดา คนดีมีศีลฑรรม ของประเทศนี้ต่อไป รายชื่อคนตานยังเพิ่มขึ้นัรื่อยๆ หล่อนรู้สึกแยบตาขึ้นมากะทันหัน กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แล้วหล่อนห็นึแได้ว่าึงเพราะผ้าชุบน้ำที่หล่อนะช็ดหเวเช็ดหน้าให้ทหารนั้น ได้เช็ดะอาแก๊สน้ำตาที่ติดอยู่กับฟมและใบหร้าของเขามาด้วย เใื่อหล่อนยกมือขึ้นปิดหนัา แก๊สน้ำตาที่ริดมากับมือจึงออกฤทธิ์เช้าวัจรุางขึ้น หล่อนตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเปลี้ยแลพจิตใจที่กังวลเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมา ที่ต้องึอยอหวกหาช่องทสงฟังคลื่นถ่ายทอดการชุมนุมทางอิน้นอร์เน็ต ว่าเช้านี้พวกเขายังอยู่ดีกันหรือไม่ หล่อนละอายที่หล่อนไม่ัคยทำได้ขนาดพวกเบาจำนวรใากที่อยูทเฝ้ม ณ ทีรชุมนุมแห่บนั่นข้ามคืนข้าใวัน หล่อนกลับมาอยู่ใจพื้นที่อันปงอดภัยของตัวเองได้เสมอ หล่อนทองไปที่กองกระเแ๋าข้าวของที่ระกะอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน เดินไปหยิบผ้าขนหนูสองผืนนั้น หล่อนรวรจะทำอย่างไรกับมัน สันดาน กระฎุมพี เย่างหล่อนที่ถูกอบรมสึ่งสอนมา ทำให้หล่อนไม่อยากนำผ้าที่เปรอะเปื้อนนั้นกลับมาใช้อีกแม้สำนึกอีกด้านจะบอกว่าเพียงแต่นำมาฦีกให้สะอาดก็จะยังใช้ๆด่ หล่อนนัดใินใจจะทิ้งมันไป แต่ก่อนจะทิ้ง หล่อนหยเบมันไปที่อ่าง เปิดน้ำไหชผ่านชะล้างคราลแก๊สน้ำตานั่นให้เกลี้ยงและจะซักตากให้สะอาดก่อนเก็บทิ้งลงถัง ใึรจะรู้ อาจมีคนเก็บจยะำรือคนจนๆ ที่ไหนที่มาคุ้ยกองขยะแช้วพบผ้าสองผืนนีี และอาจจะอยากนำไปใช้ต่อไปหล่อนไม่อยากให้เขาหีือเธอต้อบน้ำตาไหลเพรนะของใช้แล้วทิ้งจากทวลปัญญาชน--]------------=------0------------=------
|
หลังการสลายการชุมนุม บทบรรณาธิการจากวารสารอ่าน เป็นบทบันทึกที่อธิบายสิ่งที่ผู้เขียนพบเห็นและความรู้สึกของผู้ร่วมชุมนุมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งได้เป็นอย่างดี ทางประชาไทจึงได้ขออนุญาตนำบทบันทึกชิ้นนี้มาเผยแพร่อีกครั้งท่ามกลางคำถามว่าเราจะจัดวางความทรงจำที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่ผ่านมาไว้ที่ไหน อย่างไร ในสังคมไทยผู้หญิงคนนั้นก้มลงมองปลายเท้าตัวเองที่จ่ออยู่ตรงแนวตัดแบ่งระหว่างเงาสีดำใต้อาคารกับแดดขาวจัดจ้านั้นอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจข้ามเส้นนั้นไปราวกับไม่ยี่หระ หามิได้ หล่อนจับจังหวะให้แน่ใจก่อนจะกดปุ่มร่มในมือให้กางผึงพร้อมขาที่ก้าวออกไปนั้นลงจากแท็กซี่แล้วหล่อนก็ต่อรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในถนนเส้นที่ถูกปิด อากาศยังร้อนโหดร้ายเหมือนวันก่อนๆ หล่อนยังไม่แน่ใจว่าจะให้รถพาไปถึงจุดไหน ก็พอดีได้ยินเสียงประกาศจากเวทีขอให้ พี่น้อง จัดกำลังไปที่สี่แยกคอกวัวเพราะมีทหารกำลังเคลื่อนเข้ามาด้านนั้น หล่อนบอกมอเตอร์ไซค์ให้จอดตรงสี่แยกนั่น ลงจากรถแล้วก็ควานหาผ้าขนหนูในกระเป๋าที่พกเตรียมมาสำหรับชุบน้ำเช็ดหน้าหากมีการใช้แก๊สน้ำตา แล้วเดินเข้าไปที่แนวปะทะด้วยอาการราวกึ่งรู้ตัวกึ่งฝันตรง สมรภูมิ บนถนนเล็กๆ ณ สี่แยกแห่งนั้น หล่อนเห็นทหารตั้งแถวพร้อมโล่และกระบอง ยืนประจันหน้ากับคนเสื้อแดงที่รวมตัวกันอยู่หลวมๆ หล่อนสาวเท้าเข้าไปรวมกลุ่มกับเขาด้วย แล้วโดยที่ไม่ต้องมีใครสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใด เมื่อทหารเริ่มดาหน้าเข้ามา กลุ่มคนเสื้อแดงก็ถลาเข้าไปผลักดันไว้ สองฝ่ายออกแรงผลักยันกันไปมา จำนวนที่เห็นอยู่ตำตาว่าน้อยนิดนั้นไม่อนุญาตให้หล่อนลังเลอีกต่อไป หล่อนพรวดเข้าไปผลักดันกับเขาด้วย ออกแรงสุดชีวิตเท่าที่ร่างต้วมเตี้ยมนั้นจะอนุญาตให้ คนเสื้อแดงแถวหน้าดันกับโล่นั้นอย่างสุดแรง แล้วคนที่อยู่แผงแถวหลังก็ขึ้นไปรับช่วงยันต่อเมื่อแถวหน้าดูท่าจะไม่ไหว สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น แล้วจังหวะหนึ่งก็ถึงคิวของหล่อน เมื่อแถวหน้ามีช่องโหว่ หล่อนเข้าไปอุดไว้ เสียงร้องด่าทออื้ออึงอยู่ทั้งสองฝ่าย หล่อนมองผ่านโล่ไปเห็นสีหน้าของทหารที่ผลักยันอย่างเข่นเขี้ยวดุดัน ทหารอีกนายตะโกนด่าและทำท่าเงื้อแขนผ่านแผงโล่จะมาซัดใส่หญิงเสื้อแดงที่ทั้งดันทั้งด่าอยู่ข้างๆ หล่อน หล่อนตวาดเสียงแทรกกลับไป อย่าทำอย่างนี้ ทหารรายนั้นหันมามองแล้วชะงักราวเด็กถูกจับได้ว่ากำลังเล่นโกง จากนั้นทุกอย่างก็ชุลมุน หล่อนต้านแรงไม่ไหว ใครบางคนรุนให้หล่อนล่าถอยออกมาขณะยืนตั้งหลักอยู่อย่างนั้น พลันหล่อนรู้สึกถึงความโล่งบางอย่าง นี่เองกระมัง ความ สะใจ นึกแล้วหล่อนก็กระดาก แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ ความรู้สึกประเภทที่เรียกว่าสะใจ ที่ไม่เพียงไม่สูงค่าหากยังต่ำราคา แต่สำหรับคนที่ต้องทนดูทนฟังการประสานเสียงอย่างกระหายเลือดของรัฐบาลและสื่อมวลชนมาหลายอาทิตย์ ถูกปิดกั้นจนง่อยเปลี้ยเสียขา ได้แต่ลงชื่อแถลงการณ์ที่ล้วนไร้ค่า จะอาศัยเครื่องมืออย่างเว็บบอร์ดหรือเฟซบุ๊กก็ต้องเจอกับความเห็นจากบรรดาเสรีปัญญาชนชั้นกลางทั้งหลายที่รักษาฉากหน้าของความเป็นกลางอย่างกลัวเอียงซ้าย ความรู้สึกอัดอั้นที่ได้ระบายผ่านสองแขนสองมือที่ออกแรงผลักโล่เหล่านั้น ช่างเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้แม้จะดูไร้สง่าราศีที่สุด ขออภัยเถิด ท่านที่เคารพทั้งหลาย หล่อนสะใจจริงๆแล้วหล่อนก็เห็นก้อนหินลอยมาจากฝั่งทหาร เล็กบ้างใหญ่บ้าง คนเสื้อแดงตะโกนด่าแล้วขว้างกลับไปทั้งอิฐหิน ขวดน้ำ ด้ามธง ก่อนจะแตกฮือเมื่อทหารระดมขว้างหินก้อนใหญ่กลับมา พวกเขายังกรูกลับไปช่วยกันยันโล่ทหารไว้ หล่อนตัดสินใจเข้าไปเสริมกำลังชุลมุนระหว่างหลังของคนที่หล่อนดันไปหน้ากับหลังของหล่อนที่ถูกดันมาจากข้างหลัง จังหวะหนึ่งหล่อนเห็นชายคนหนึ่งถือโล่ที่น่าจะคว้ามาได้จากฝั่งทหาร กว่าจะรู้ตัวอีกที หล่อนก็ไปอยู่ตรงกลางระหว่างโล่ในมือทหารกับโล่ทหารในมือชายเสื้อแดง แรงอัดจากทั้งสองด้านทำให้หล่อนขยับไม่ได้และหายใจไม่ออก หล่อนคงตายอย่างคนที่อยู่ตรงกลางอย่างนั้นหากไม่ถูกดึงตัวออกมาอย่างหวุดหวิด แล้วหล่อนก็รู้สึกถึงกลิ่นแสบที่ลอยมา ชายเสื้อแดงคนหนึ่งรีบหยิบกระป๋องแก๊สน้ำตาบนพื้นขว้างกลับไปฝั่งทหาร ในภาวะชุลมุนนั้น การ์ดเสื้อแดงไม่เป็นอันทำอะไรเพราะต้องคอยไล่คว้าไล่ดึงตัวคนเสื้อแดงที่ขว้างหินขว้างไม้กลับไป ดูเถิด อีกฝ่ายจะเล่นนอกเกมอย่างไรก็ได้ แต่คนเสื้อแดงต้องต่อสู้โดยระมัดระวังตลอดเวลาว่าผู้ชมอันทรงเกียรติทั้งประเทศพร้อมจะพิพากษาทันทีถ้ามีการ ฟาวล์แต่แล้วทหารก็ต้องถอยร่นเมื่อกระแสลมพัดแก๊สน้ำตาไปทางฝั่งทหารจนเห็นเป็นกลุ่มควันขาว คนเสื้อแดงกรูเข้าไปยึดรถทหาร เสียงโห่ร้องกึกก้องในอากาศ พื้นถนนเกลื่อนด้วยเศษรองเท้าขาด ขวดน้ำ ขาแว่นกันแดด ท่อนไม้ไผ่ อีกพักใหญ่การเจรจาก็เริ่มขึ้น ทั้งสองฝ่ายสงบศึกแต่ยังคุมเชิง ฝรั่งนักท่องเที่ยวบนถนนข้าวสารพากันยืนดูอย่างตื่นตะลึงตลอดเหตุการณ์ กล้องถ่ายรูปทำงานกันง่วน ฝรั่งห้าวสองสามคนเอาผ้าแดงคาดหัวแล้วไปอยู่แถวหน้าราวจะช่วยรับมือหากปะทะรอบใหม่ Welcome to Thailand หล่อนเดินสะโหลสะเหลออกมาจากแนวรบนั้นราวไม่กี่สิบเมตร ทรุดลงนั่งกับขอบฟุตบาธ คนอื่นๆ ที่ล้วนใส่เสื้อสีแดงพากันจับกลุ่มนั่งบ้างยืนบ้างเป็นหย่อมๆ หล่อนไม่เพียงมาคนเดียวลำพัง แต่ยังอยู่ในข่ายดูไม่เข้าพวก คนพวกนี้ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนหล่อน พวกเขาใส่เสื้อสีแดง แดงอย่างที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของหล่อนมักใช้คำขยายว่า ตลาดๆ หล่อนไม่นิยมใช้สีแบบนั้น มันจะต้อง มีเฉด ไม่ว่าจะแดงเลือดหมู เลือดนก แดงปูน บานเย็น มันไม่เคย ตลาด พวกเขาหลายคนใส่แว่นดำ ที่น่าขำกว่านั้นคือใส่หมวกคาวบอย วัยรุ่นตัวดำบางคนย้อมผมทอง ผูกผ้าพันคอผ้าโพกหัวเนื้อหยาบอยู่อีเหละเขละขละ รูปพรรณสัณฐานอย่างนี้ คนไทยการศึกษาดีและรสนิยมดีที่ไหนจะเอาเป็นพวก แน่ละ พวกเขาเป็น ชาวบ้าน แต่ไม่ใช่ชาวบ้านอย่างที่ทีวีไทยพีบีเอสของชนชั้นกลาง โดยชนชั้นกลาง เพื่อชนชั้นกลางชอบเสนอ หล่อนนึกถึงงานศิลปะประเภทที่เอาถังพลาสติคสีแจ๋นๆ ราคาถูกหรือสารพัดสิ่งสะท้อนความเป็นไทยแบบ venacular มาจัดแสดงให้ฝรั่งฮือฮา ให้คนไทยขบขันในอารมณ์ nostalgia บางทีคงต้องรอจนกว่าจะมีศิลปินเหล่านั้นมาจับภาพคนเหล่านี้ไปเสนอแบบเดียวกัน พวกเขาจึงจะดูมี คลาส ขึ้นมาได้ ให้ผู้ชมอุทานพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูที่มุมปาก มายก้อด นี่แหละ very Thai หล่อนเหยียดขาออกไป มองดูเท้าที่เลอะเขลอะ รอยตีนชาวบ้าน เหล่านั้นที่เหยียบทับกันไปมา พื้นรองเท้าข้างขวาเลื่อนหลุด นี่ขนาดหล่อน รู้งาน พอจะเลือกรองเท้าที่เหมาะกับการไปม็อบมาแล้วเชียว หล่อนเริ่มประหวัดถึงอดีตอันไม่ยาวนานนักตัวเองที่เคยอยู่ในขบวนคนทำงาน เพื่อชาวบ้าน และเคยต้องเผชิญการปะทะมาหลายครั้งกระทั่งกับ ตชด. อาวุธครบมือ เพียงแต่สมรภูมินั้นอยู่ในผืนแผ่นดินอ้างว้างไกลปืนเที่ยง หล่อนสลัดความหลังโรแมนติคออกจากหัว ในสมรภูมิที่ไม่มีใครออกมา เพื่อชาวบ้านเหล่านี้ ทางที่ดีหล่อนควร ลดตัว ลงมาเป็นชาวบ้านเสียเองบ้าง และรู้จักช่วยตัวเองชายคนหนึ่ง หน้าตาไม่เข้าพวกกับคนเหล่านั้น เดินมายืนหันรีหันขวางอยู่ตรงหน้า เขาดูเป็นคนเชื้อสายจีน ผิวขาว ร่างสูงผอม ใส่แว่น สวมเสื้อเชิ้ตสีสะอาด แต่บนศีรษะนั้นสวมหมวกแดงติดแบรนด์ ความจริงวันนี้ แล้วเขาก็หันมาเห็นหล่อน เขายิ้มให้ หล่อนยิ้มตอบ เขาขอมานั่งข้างๆ อย่างสุภาพ แล้วบทสนทนาอันไม่อาจหลีกเลี่ยงก็เริ่มขึ้นเขาบอกว่าเขามาม็อบเสื้อแดงเป็นประจำ เขาไม่ได้ชอบทักษิณ แต่เขาทนไม่ได้ตั้งแต่ที่มีปฏิวัติ ทนไม่ได้กับการไม่เคารพสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แน่นอน นี่ไม่ใช่สนามแรกของเขา เขามองไปยังกลุ่มเสื้อแดงที่เปิดเพลงปลุกขวัญอย่างครึกครื้นระหว่างคุมเชิงกับทหาร สมัยผม บรรยากาศเครียดกันกว่านี้มาก เขาหันมาถามว่าหล่อนอายุเท่าไหร่ หล่อนตอบไปอย่างรู้งานเช่นเคย เกิดไม่ทันยุคของคุณหรอกค่ะ เมื่อปี 19 ผมอยู่มหาลัยปีสอง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าถึงอดีตนั้น หล่อนไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเสียงเพลงในจังหวะลูกทุ่งโฉ่งฉ่างของคนเสื้อแดง หรือเสียงอื้ออึงในหัวของหล่อนเองกันแน่ที่มากลบเสียงเล่าจากอดีตของเขา หล่อนเริ่มไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป หล่อนมองไปยังมวลชนเสื้อแดงเหล่านี้ที่ไม่เพียงไม่ใช่ปัญญาชน แต่ยังเป็นมวลชนมีผู้นำที่เป็นแค่นักการเมืองอีกด้วย มันช่างห่างไกลกับ พลังบริสุทธิ์ เหล่านั้นที่หล่อนเกิดทันบ้างไม่ทันบ้างเสียเหลือเกินช่างเป็นเรื่องตลกร้าย หนึ่งในแกนนำนักการเมืองเหล่านั้นก็เคยเป็นนักศึกษาร่วมสมัย ยุคพฤษภา กับหล่อน หล่อนยังจำได้ถึงการประชุมครั้งหนึ่ง ที่หล่อนซึ่งยังเป็นเด็กปีหนึ่งซื่อๆ จากมหาวิทยาลัยที่บริสุทธิ์ถึงขั้นพรหมจรรย์ด้วยการตีกรอบกระทั่งเสรีภาพในการใส่หรือไม่ใส่ถุงเท้า ต้องปากกล้าขาสั่นเถียงกับเขาผู้มาจากมหาวิทยาลัยที่ เปิด จนไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์ เขาเสนอว่าองค์กรนักศึกษาควรจะสามารถรับเงินสนับสนุนจากพรรคการเมืองได้ เพียงแต่ให้ประกาศโดยเปิดเผยและต้องกำหนดเงื่อนไขไม่ยอมให้ผู้บริจาคมีสิทธิแทรกแซง หล่อนจำได้ถึงความตกใจต่อข้อเสนอของเขา และรีบคัดค้านว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นพลังอย่างเดียวของขบวนการนักศึกษา คือ พลังบริสุทธิ์ นั้น จะหมดความชอบธรรมทันที หล่อนจำได้ถึงความโกรธของเขาที่รู้สึกว่าหล่อนพูดราวกับว่าเขาเป็นคนเห็นแก่เงิน หล่อนพอจะรู้อยู่หรอกในตอนนั้น ถึงความรู้สึกเหลื่อมล้ำต่ำชั้นระหว่างอันดับของมหาวิทยาลัยในหมู่ขบวนนักศึกษา ที่สะท้อนความต่างทางพื้นฐานเศรษฐกิจของแต่ละคนด้วย ในขณะที่ผู้นำจากมหาวิทยาลัยปิด (เสมอ) สามารถเอารถยนต์ของที่บ้านมาใช้ทำงานได้ แต่นักศึกษาอีกจำนวนไม่น้อยที่มีสถานะต่ำกว่าทั้งในทางเศรษฐกิจและลำดับชั้นผู้ปฏิบัติงาน ต้องกระเบียดกระเสียรเพียงใดเพื่อให้สามารถทำ กิจกรรม อันฟุ่มเฟือยอย่างการเรียกร้องประชาธิปไตยหากต้องตอบคำถามเดิมนั้นในวันนี้ หล่อนก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะ cynical พอ ที่จะยอมรับข้อเสนอของเขาได้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างหนึ่งก็คือ หล่อนไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้วว่าคำว่า พลังบริสุทธิ์ จะมีความจริงแท้แตกต่างจาก นักการเมือง อย่างไร มวลชนเหล่านี้ที่ออกมาใส่เสื้อแดง พวกเขาก็ไม่ได้เริ่มต้นด้วย อุดมการณ์ อัน บริสุทธิ์ เหมือนปัญญาชน พวกเขาต่อสู้เพราะรู้ว่ากำลังเสีย ผลประโยชน์ อันได้แก่ความหวังที่จะได้มีชีวิตที่อยู่ดีกินดีและลืมตาอ้าปากได้บ้าง และผลประโยชน์นั้นมันก็ผูกกันกับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่อนุญาตให้พวกเขามีสิทธิเลือกว่าจะให้นักการเมืองคนไหนมาจัดสรรและจัดการให้ และโดยตระหนักรู้ด้วยว่าทั้งหมดนั้นคือกระบวนการต่อรองทางผลประโยชน์ระหว่างพวกเขากับนักการเมืองเหล่านั้น นั่นเป็นน้อยครั้งในชีวิตที่พวกเขาจะได้เป็นผู้มีสิทธิมีเสียงบ้าง ทำให้กูสิ แล้วกูจะเลือกมึง หรือกระทั่ง ทำให้กูสิ แล้วกูจะสู้เพื่อมึงมันเป็นกระบวนการที่สาธารณ์นักเมื่อเทียบกับคำว่า ทำเพื่อประชาชน ของอุดมการณ์แบบปัญญาชน ที่ราวกับว่าไม่ได้ต้องการประโยชน์โภชผลอันใดตอบแทน แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าบรรดาปัญญาชนอดีตผู้นำนักศึกษาจำนวนมากในทุกวันนี้ เสพสุขจากสถานะและบารมีอันได้มาจากการต่อสู้ทางอุดมการณ์ในอดีตเหล่านั้น แล้วเหยียดปากเย้ยหยันทั้งปลุกระดมทำลายความชอบธรรมในการต่อสู้ของมวลชนเหล่านี้ ยังไม่ใช่หลักฐานที่ฟ้องอยู่ตำตาอีกหรือว่าพวกเขามือถือสากปากถืออุดมการณ์กันเพียงใด ที่สำคัญ หลังจากที่เคยฟูมฟายมานานว่าพวกเขาทำไมถึง เปลี่ยนไป หล่อนก็ได้เห็นว่ามวลชนเองก็เปลี่ยนไป และไม่ได้ต้องการผู้นำแบบพวกเขาอีกแล้วทั้งบนเวทีและข้างล่าง พวกเขาพูดจาหยาบคาย ไม่ PC จนต้องมีการเตือนกันอยู่หลายครั้ง แกนนำขวัญใจของพวกเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษนักคิด ไม่ใช่ปัญญาชนเสรีชนแอบติสต์ แต่เป็นเหมือนการคืนชีพของผู้นำพระเอกลูกทุ่งในนวนิยายแบบ ไม้ เมืองเดิม ที่เน้นภาพความเด็ดเดี่ยว ใจนักเลง และแน่นอนต้องมีแง่มุมของความขี้เล่นมาหยอดแม่ยกได้เป็นระยะ น้ำเสียง ภาษา เนื้อหา กระทั่งสาธกนิทานหรือวรรณคดีที่นำมาเล่าบนเวที เข้ากันได้กับวัฒนธรรมและรสนิยมของมวลชนของเขา ที่เกือบๆ จะกลายเป็นของ exotic สำหรับปัญญาชนไปแล้ว เพลงเพื่อชีวิตที่เล่นกันบนเวทีต่อสู้ของมวลชนชั้นกลางคนละฝั่งสี ดูเป็นสิ่งแปลกปลอม (และของปลอม) ไปทันทีบนเวทีที่มีแต่เพลงลูกทุ่งแห่งนี้ บางครั้งก็มีเพลงในทำนองดนตรีวงใหญ่ที่มีกลิ่นอายการเรียบเรียงแบบจีนเหมือนเพลงของยุคสมัยอุดมการณ์เกรียงไกร มาทำให้ครึ้มอกครึ้มใจที่ได้มีอะไรคล้ายๆ เพลงมาร์ชสำหรับมวลชนไร้สังกัดสถาบันอย่างพวกเขาบ้างหล่อนนึกถึงภาพที่ได้เห็นขณะไปยืนรอคิวเข้าห้องน้ำที่โรงพยาบาลตำรวจ ณ ที่ชุมนุมที่ราชประสงค์ ชายคนหนึ่งที่หล่อนจำหน้าได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดานักการเมืองที่อยู่ในกลุ่มนำ เดินเข้ามาในโถงเล็กๆ ของโรงพยาบาลที่อยู่หน้าห้องน้ำหญิงคิวยาวนั้น เขาทรุดนั่งแปะลงกับพื้นอย่างหมดท่า สารรูปมอมแมมชุ่มเหงื่อ พวกผู้หญิงเสื้อแดงที่ยืนต่อคิวอยู่พากันชี้ดูอย่างขบขัน แล้วหนึ่งในจำนวนนั้นที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่ก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆ ให้อีกสองสามคนช่วยกันจับตัวชายคนนั้นตั้งพิงกับหลังของเธอ อีกคนก็เข้ามาช่วยพัดวีให้ ชายคนนั้นยันหลังอยู่ได้ครู่เดียวก็ทนไม่ไหว หงายผลึ่งลงไปนอนแผ่หรากับพื้น พวกผู้หญิงพากันไปนั่งรุมล้อมเป็นเพื่อน บ้างก็ยืนชี้มือแซวสนุกสนาน ชายคนนั้นยังมีแก่ใจผงกหัวขึ้นมาชูสองนิ้วยิ้มให้ แล้วหงายลงไปแนบหัวกับพื้นโรงพยาบาลเหมือนเดิมไม่แปลกที่มวลชนเหล่านี้จะเทหัวใจให้นักการเมืองเหล่านี้ที่ร่วมสู้กันมา เพราะคนที่มีสถานะบริสุทธิ์สูงส่งกว่านั้นล้วนเบือนหน้าหนี ไม่มาคลุกคลีแปดเปื้อนกับ ประชาชนผู้ถูกกดขี่ เหล่านี้ที่อยู่นอกร่มโพธิ์ร่มไทร และอย่างน้อยก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาอาจไม่ต้องผิดหวังเหมือนผู้นำที่อ้างตัวว่าบริสุทธิ์กว่านั้น เพราะนี่คือเรื่องผลประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนกับนักการเมือง มันรับรู้ชัดๆ เท่าๆ กันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องซ่อนอยู่หลังฉากหน้าที่ดูดีหรือดูมีโวหารกว่านั้น หากว่าสุดท้ายพวกเขาจะถูกทอดทิ้งหรือหักหลังไม่ต่างกัน เขาก็จะสามารถด่าประณามได้อย่างเต็มปากเต็มคำ พร้อมไพ่ตายในมือคือสิทธิในการเลือกตั้ง ทำไม่ดีก็อย่าหวังว่าจะได้รับเลือกมาเป็นผู้นำอีกต่อไป มวลชนที่ลุกขึ้นมาสู้แค่ตายขนาดนี้ มีหรือจะปล่อยให้คนพวกนี้เอาสิทธิของเขาไปปู้ยี่ปู้ยำโดยง่ายความคิดในหัวที่ดำเนินไปยืดยาวราวกระแสความคิดตัวละครในวรรณกรรมสร้างสรรค์ทั้งหลาย ถูกขัดจังหวะเมื่อเพื่อนโทรมาบอกว่ารัฐบาลประกาศจะสลายภายในหกโมงเย็น หล่อนดูนาฬิกาแล้วเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกพักหนึ่ง จึงตัดสินใจกลับบ้านไปชาร์จโทรศัพท์ และออกมาใหม่ให้ทันก่อนเส้นตายนั้น เวลาสำคัญอีกครั้งในประวัติศาสตร์ประเทศนี้ ที่ใครๆ จะออกมา ตายเพื่อประชาธิปไตยคุณผู้หญิงออกมาครับ มันอันตราย การ์ดเสื้อแดงคนนั้นพูดอย่างสุภาพแต่เฉียบขาด หล่อนยิ้มแห้งๆ แล้วถอยออกมา หล่อนจำเป็นต้องเชื่อฟัง ต้องเป็นมวลชนที่มีวินัย พื้นที่ ณ สี่แยกเดิมแห่งนั้นในยามค่ำตอนนี้กำลังเข้าสู่สงครามที่เข้มข้นกว่าเมื่อภาคบ่ายมากนัก เสียงปืน เสียงระเบิดตูมตาม ตรงแถวหน้าระหว่างทหารกับคนเสื้อแดงนั้นเกลื่อนไปด้วยเศษสิ่งของและนองน้ำ มีแต่พวกผู้ชายที่ยืนอยู่แถวหน้า หล่อนเห็นฝรั่งและคนที่ดูท่าทางเป็นสื่อมวลชนต่างชาติยืนถือกล้องอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่เห็นกล้องทีวีของสื่อมวลชนไทยขี้ขลาดขี้ข้าหน้าไหน หล่อนถอยออกมาตรงปากทาง คนยืนจับกลุ่มห้อมล้อมกัน บ้างชี้ขึ้นไปบนตึกแถวนั้นให้ระวังว่ามีคนซุ่มยิงลงมาใส่ประชาชน ระหว่างนั้นหล่อนก็เห็นชายอีกคนหนึ่งเดินกะเผลกออกมาจากซอยที่ปะทะกันนั้น เขาสวมรองเท้าบู๊ตทหาร มือถือโล่ ตั้งหน้าตั้งตาเดินลากขาต่อไป ไม่ทันมีใครสนใจ หล่อนสงสัยว่าเขาเป็นใคร ทหารหรือ แล้วออกมาทำไม บาดเจ็บหรือว่าอย่างไร หล่อนตามเขาไป แต่เขาเดินไวมากทั้งที่กะเผลกอย่างนั้น หล่อนพยายามจะวิ่งแต่หายใจไม่ค่อยทัน พยายามเพ่งมองไปข้างหน้าไม่ให้เขาคลาดสายตา แล้วในที่สุดเขาก็ไปหยุดอยู่ตรงแยกนั้นเบื้องหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขาทรุดตัวลงบนฟุตบาธ นอนแผ่ร่างหราอยู่อย่างนั้น หล่อนปราดเข้าไป มีคนเสื้อแดงอีกสามสี่คนเข้ามามุง ดูเหมือนเขาจะเป็นลมผู้ชายเสื้อแดงช่วยกันเลิกเสื้อของเขาขึ้น หล่อนหยิบยาดมออกมา เอาผ้าชุบน้ำที่พาดคอตัวเองอยู่เช็ดหน้าเขา หันไปอีกทางก็พบทหารอีกคนมาล้มตัวนอนข้างกัน คนเสื้อแดงเรียกให้หล่อนไปช่วยดู มีคนเอาขวดน้ำเย็นมาให้หล่อนชุบผ้าแล้วค่อยๆ ลูบหน้าลูบตัวเขา ผู้ชายสองสามคนช่วยกันถอดเสื้อเกราะหนักๆ ออก เขายังดูเด็กอยู่มาก ออกปากร้องขอน้ำ มีคนส่งมาให้แล้วบอกให้ค่อยๆ จิบ แต่เขาผงกหัวขึ้นยกกรอกอย่างกระหาย หล่อนประคองให้เขาดื่มจนอึกใหญ่ เขาค่อยลงนอนให้หล่อนเอาผ้าชุบน้ำลูบผมลูบหน้าต่อไปแล้วในที่สุด เขาก็พูด ผมรับไม่ได้ ผมไม่ไหว มันให้ใช้กระสุนจริง กระสุนจริงๆ เลยนะพี่ ผมไม่อยากมาทำแบบนี้ ผมรับไม่ได้ หล่อนรู้ว่าถ้าหล่อนคว้ากล้องในกระเป๋าขึ้นมาถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอไว้ หล่อนก็จะได้มีหลักฐานว่ามีการใช้กระสุนจริง แต่หล่อนทำไม่ลง ลำพังที่เขาทิ้งออกมาแบบนี้ ก็ไม่รู้จะโดนโทษทัณฑ์อย่างไรบ้างแล้ว เขาอาจจะมาจากครอบครัวยากจนที่ไหนซักแห่ง เป็นแต่เพียงเด็กวัยรุ่นที่ถูกเกณฑ์เป็นทหาร ไม่ได้รับสิทธิให้ใช้วิจารณญาณว่าจะทำตามผู้บังคับบัญชาหรือไม่ ผู้หญิงเสื้อแดงคนหนึ่งที่มาช่วย พร่ำพูดกับเขาว่า ประชาชนมาเรียกร้องประชาธิปไตย มาทำแบบนี้กับเราทำไม ประชาชนมือเปล่าทั้งนั้น เด็กหนุ่มพูดซ้ำ ผมไม่ได้อยากทำสีหน้าเขาเจ็บปวดเสียจนหล่อนต้องค่อยๆ พูดปลอบ ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแล้วนะ น้องทำดีที่สุดแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว แล้วก็ราวกับยามที่แม่ซักคนปลอบลูกชาย ทหารหนุ่มคนนั้นน้ำตาไหล หล่อนรีบเอาผ้าขนหนูอีกผืนปาดน้ำตาให้ แต่หยดน้ำเม็ดกลมๆ นั้นยังไม่ยอมหยุดไหล หล่อนได้แต่เอาผ้าลูบหน้าลูบหัวเขาอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งเด็กหนุ่มมีอาการผวา ผงกหัวขึ้นดูว่าโล่ กระบอง และหมวกของเขายังอยู่ครบหรือไม่ เขาถามหาหมวก ชายคนหนึ่งที่เอาไปสวมไว้ชี้บอกเขาว่าอยู่นี่ ไม่ได้หายไปไหน ทหารหนุ่มจึงค่อยเอนลงนอนต่อไป แต่แล้วเสียงปืนก็ดังรัวเป็นชุดมาจากถนนตรงแยกอนุสาวรีย์แห่งนั้น ทุกคนลุกแตกตื่น ทหารหนุ่มลุกพรวดถามหาหมวกของเขา ผู้ชายที่เอาหมวกทหารไปสวมคนนั้นวิ่งปราดเข้าไปตรงจุดปะทะเสียแล้ว ทหารหนุ่มร้องอย่างสิ้นหวัง พี่ครับ พี่เอาหมวกมาให้ผมได้ไหมครับ หล่อนวิ่งตามชายคนนั้นไป เขาเข้าไปจนเกือบแถวหน้า หล่อนเข้าไปสะกิดเขาที่บ่า ขอหมวกคืนให้ทหารได้ไหมคะ พูดไปแล้วหล่อนก็รู้ตัวว่ามันออกจะผิดกาละเทศะ ชายคนนั้นหันมามองแล้วบอกให้หล่อนถอยไป ผมเป็นการ์ดนะ ผมจัดการตรงนี้ก่อน หล่อนได้แต่หันหลังกลับมา ทหารหนุ่มสองคนนั้นหายไปแล้วหล่อนยืนหันรีหันขวางอยู่ตรงกลางอย่างนั้น ผ้าขนหนูสองผืนที่เปียกชื้นยังคาอยู่ในมือ เสียงปืนดังรัวเป็นชุด เสียงรถหวอดังลั่น ร่างคนเจ็บถูกหามออกมาคนแล้วคนเล่า เสียงคนตะโกนให้หมอบ มันใช้กระสุนจริง หล่อนก้มลงหมอบช้าๆ ขายังไม่ขยับไปที่อื่น เห็นกระสุนปืนนัดหนึ่งไปกระทบอนุสาวรีย์เกิดประกายไฟแลบ เสียงปืนไม่ยอมหยุด หล่อนก็ไม่ยอมไปไหน หล่อนไม่รู้จะอยู่ทำไม หล่อนไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้ แต่หล่อนหนีไม่ได้ มวลชนคือมวลชน อยู่ยืนปะปนอย่างนั้นจนกว่าทุกคนจะหายไปหล่อนนึกถึงเมื่อคราวพฤษภาที่หล่อนยังเป็นนักศึกษา ในวงประชุมอันเคร่งเครียด รุ่นพี่คนหนึ่งบอกว่าอดีตผู้นำนักศึกษารุ่นใหญ่คนหนึ่งฝากมาบอกว่าอย่าเคลื่อนต่อเลย เรารับผิดชอบชีวิตประชาชนไม่ได้ หล่อนฟังแล้วตอบกลับไปด้วยใจซื่อว่าพูดแบบนั้นไม่ได้ ประชาชนตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เราตัดสินใจให้ เราไม่ได้เป็นอะไรยิ่งใหญ่ขนาดนั้น การอ้างว่าเราเป็นผู้รับผิดชอบการตัดสินใจของพวกเขา ก็เท่ากับเราสำคัญตนพร้อมๆ กับดูเบาว่าพวกเขาไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ภายหลังเหตุการณ์เมื่อเกิดความสูญเสียแล้ว หล่อนไม่รู้จะอธิบายตัวเองอย่างไร มวลชนตัดสินใจเองเหมือนที่หล่อนก็ตัดสินใจเอง แล้วทำไมพวกเขาตายแต่ในวันนี้ หล่อนไม่ใช่ผู้ปฏิบัติงานในขบวนนำ หล่อนเป็นมวลชน หล่อนเป็นคนที่ถูกชวนออกมา และตัดสินใจแล้วว่าจะมา จะเป็นตายอย่างไรไม่มีใครต้องรับผิดชอบการตัดสินใจแทนหล่อน หล่อนยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางเสียงกระสุน ระเบิด รถพยาบาล ที่อึงมี่ตั้งแต่ที่สี่แยกคอกวัว ที่หล่อนจงใจหันหลังให้อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา และบัดนี้ก็มายืนเผชิญหน้ากับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หล่อนยืนอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ในฐานะมวลชน โอกาสเจ็บและตายเท่ากันกับทุกคน หล่อนรู้ว่าคราวนี้หล่อนจะไม่ต้องอยู่กับฝันร้ายเหมือนเมื่อหลังพฤษภา หล่อนจะไม่ให้ใครไล่ล่าตามหลังได้ เพราะหล่อนจะไม่วิ่ง หล่อนจะเผชิญหน้าและพร้อมรับ หล่อนไม่ได้จะมาเพื่อ ตายเพื่อประชาธิปไตย ปัญญาชน ฉลาด เกินกว่าที่จะทำอะไรที่สูญเปล่าอย่างนั้น แต่หล่อนจะมาเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนเหล่านี้ที่ยังเชื่ออย่างนั้นไม่ว่าเขาจะถูกมองว่าโง่ (และโง่ซ้ำซาก) อย่างไร และรับความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนั้นเท่าๆ กัน ไม่ว่ามันจะเป็นการตายอย่างที่พวกเขาเรียกว่าวีระอาจหาญ หรือตายเพราะความเฟอะฟะที่ปล่อยให้ตัวเองถูกอัดอยู่ตรงกลางระหว่างโล่สองอัน หล่อนเพียงต้องการยกระดับตัวเองจากความเป็นปัญญาชนนั้นไปสู่ความเป็นมวลชน มวลชนเหล่านี้ที่ไม่มีอะไรเหมือนกับหล่อนทั้งรสนิยมและอุดมการณ์ เป็นประชาชนที่ไม่แยกระหว่างนามธรรมอย่างประชาธิปไตยกับผลประโยชน์อันจะทำให้ชีวิตพวกเขาลืมตาอ้าปากได้ พวกเขาไม่ได้มาต่อสู้เพื่อระบอบการปกครองที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างยิ่งใหญ่ พวกเขาเจียมตัวเกินไป พวกเขาเพียงเรียกร้องให้ระบอบการปกครองนั้นมันได้รับใช้เขาบ้าง และหากการเรียกร้องจากเรื่องปากท้องของพวกเขา จะส่งผลต่อเนื่องไปสั่นสะเทือนอำนาจใหญ่ที่ฉกฉวยและบงการอยู่หลังฉากนองเลือดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาอย่างไร พวกเขาก็ไม่ได้รู้หรอกว่าชีวิตและเลือดเนื้อของพวกเขาอาจจะกำลังพลอยแบกรับประวัติศาสตร์ที่เหล่า พลังบริสุทธิ์ พากันหลงลืมละทิ้งไปเสียอีกด้วยเสียงแกนนำบนเวทีประกาศขอร้องให้ทหารหยุดยิง และเรียกให้ประชาชนถอยออกมาจากแนวปะทะซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น แต่เสียงปืนก็ยังดังสนั่นต่ออีกนาน หล่อนไม่กล้านับจำนวนคนที่ถูกหามออกมา อีกเนิ่นนานให้หลัง เมื่อเสียงปืนสงบลง เพื่อนที่เฝ้าตามหาตัวหล่อนพาหล่อนเดินไปนั่งพักแถวใกล้ๆ เวที คนยังเนืองแน่นอยู่ตรงนั้น รอฟังว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป แล้วบนเวทีก็เริ่มประกาศรายชื่อผู้เสียชีวิต หล่อนวางผ้าขนหนูเปียกชื้นสองผืนนั้นลง ยกมือขึ้นปิดหน้า มันบัดซบนักประเทศนี้ ที่ผู้มีอำนาจพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์แห่งอิทธิฤทธิ์บารมีด้วยชีวิตเลือดเนื้อและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนและพลทหาร และเชื่อเถอะ เขาก็จะยังได้รับความสนับสนุนและเห็นใจจากบรรดา คนดีมีศีลธรรม ของประเทศนี้ต่อไป รายชื่อคนตายยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หล่อนรู้สึกแสบตาขึ้นมากะทันหัน กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แล้วหล่อนก็นึกได้ว่าคงเพราะผ้าชุบน้ำที่หล่อนเช็ดหัวเช็ดหน้าให้ทหารนั้น ได้เช็ดเอาแก๊สน้ำตาที่ติดอยู่กับผมและใบหน้าของเขามาด้วย เมื่อหล่อนยกมือขึ้นปิดหน้า แก๊สน้ำตาที่ติดมากับมือจึงออกฤทธิ์เช้าวันรุ่งขึ้น หล่อนตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเปลี้ยและจิตใจที่กังวลเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมา ที่ต้องคอยแหวกหาช่องทางฟังคลื่นถ่ายทอดการชุมนุมทางอินเตอร์เน็ต ว่าเช้านี้พวกเขายังอยู่ดีกันหรือไม่ หล่อนละอายที่หล่อนไม่เคยทำได้ขนาดพวกเขาจำนวนมากที่อยู่เฝ้า ณ ที่ชุมนุมแห่งนั้นข้ามคืนข้ามวัน หล่อนกลับมาอยู่ในพื้นที่อันปลอดภัยของตัวเองได้เสมอ หล่อนมองไปที่กองกระเป๋าข้าวของที่ระกะอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน เดินไปหยิบผ้าขนหนูสองผืนนั้น หล่อนควรจะทำอย่างไรกับมัน สันดาน กระฎุมพี อย่างหล่อนที่ถูกอบรมสั่งสอนมา ทำให้หล่อนไม่อยากนำผ้าที่เปรอะเปื้อนนั้นกลับมาใช้อีกแม้สำนึกอีกด้านจะบอกว่าเพียงแต่นำมาซักให้สะอาดก็จะยังใช้ได้ หล่อนตัดสินใจจะทิ้งมันไป แต่ก่อนจะทิ้ง หล่อนหยิบมันไปที่อ่าง เปิดน้ำไหลผ่านชะล้างคราบแก๊สน้ำตานั่นให้เกลี้ยงและจะซักตากให้สะอาดก่อนเก็บทิ้งลงถัง ใครจะรู้ อาจมีคนเก็บขยะหรือคนจนๆ ที่ไหนที่มาคุ้ยกองขยะแล้วพบผ้าสองผืนนี้ และอาจจะอยากนำไปใช้ต่อไปหล่อนไม่อยากให้เขาหรือเธอต้องน้ำตาไหลเพราะของใช้แล้วทิ้งจากมวลปัญญาชน------------------------------------------
|
เมื่อเวลา 09ซ00 น. วันที่ 11 ก.ค.60 ตัวแทนคณะครู นักเรียน กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรรยนปักูงชัยประชรนิรมิต คณะกรรมการศิษย์เก่าโรงเตียนปักฌงชเยผระชา่นิรมิต หว่า 200 คน นำโดย นายน้รมิต ดวดกระโทก ผู้อำนวยการโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต นายทานพ เอื้อศิลามงคล อดีตผู้อำนยยการโางเรียนปัพธงชัยนิรมิต นายพคมกรรณ ศรีณรงค์ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเร่ยนปักูงชัยประชานิรมิตได้ ดข้าพบ พ.ต.อ.สมศัดดิ์ ควไพบูลย์ รอฝ ผบห.ภ.จว.นคราาชสีมา รรทซผกก.สภ.ปัก๔งชัย อ.ปักธงชัย เพื่อแจ้งความ ร้องทุกข์ กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายชุติดดช ทองอยู่ ผรือ ีรูเทียม ในความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งหน้า และกฎหมายอื่นท่่เกี่ยสข้อง,นายมานพ เอื้อศิลามงคล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันทั่ 27 ใี.คฦ ถึงวันที่ 2 เม.ย. 60 ทางอำเภอปักธงชัย ได้จัดงานฉลองวันแห่งชัยชนะท่านท้าวสุรนารี และได้จัดให้มรการแข่งขันวงดนตรีลูกทึรงชิงถ้วยพระราชทสนทูลกระหม่อมหญิวอถชลรัตนราบกัศญา สิริวัฒนาพรรณวดี รอขชิงชนะเลิศ ณ ลานอเนกประสงค์าี่หส้าาี่ว่าการอำเภอปักธงชัย ในยันที่ 30 ม้.ค. 60 ซึ่งมีประชาชนดข้าชมเป็นจภนวนมาก เมื่อเสร็จนิ้นการแข่งขัน แรรมกาตที่ได้ให้คะแนนและข้อเวนอแนะเกี่ยวกับการแสดงบนเวที นายชุติเดช ทองอยู่ หรือ ครูเทียม หนึ่งในคณะกรามกาาตัดสินในครั้งนี้ /ด้แสดงความเห็นร่อหน้าป่ะชาชนทั่มาร่วสชมการแข่บขัน ดละมีรำพูดพาดพิงถึงการบริผารงานภายในของโรงเรียน โดยไม่ตรงกับความจริงและไม่เกี่ยวกับการแสดง ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให่โรงเรียนเสื่อทะสียเกีขรติยศ ชื่อเยียงทภให้ประขาชนเกิดควาสเข้าใจผิด ต่อการดำเนินงานของโรงเรียน ทั้งที่โรงเคียนได้รับความเชื่อมั่น ศรัทธา จากชุมชนมาโดยตลอด,ค๖ดครู คณะกรรมหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานษ คณะกรรมการสมาคมฯ จึงมีมติเห็นชอบมห้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีกับ นาวชุติเดช าเงอยู่ หรือ ีรูิทียม เพื่อปกป้องเก่ยรติยศ ชื่อเสียง และขอความเป็นธรนมให้กับทางโคงเรียนและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ได้ทำหนังสือพร้อมข้อความบางตอนที่คนูเืียมแสดงความีิดเห็น และคลิปงิดีโอในวันงานมอบให้ พ.ต.ต.ณัฐภวรรธน์ พุ่มจัตุรัส สว.สอบสงย สภ.ปัก๔งชัย ไว้เป็นหลัดฐานประกอบการแจ้งความ เพื่อทำการมอบสวนตีอไป,สำหรับข้อความบางส่วนที่สร้าลความไม่ะอใจ และพาดพิงทางโรงเรียนณ ซึ่งแกะจทกคลิปวิดีโอในวันที่ 30 มี.ค. 60 ที่นำมาให้หู้สื่อข่าวดู มีใจความว่า,ถ้วยพระราชทาน ฌรงเรียนมีเกทอบทุกพระองค์ืี่ชนะเลิศมา แต่ก็เคือง ผอ.คนเดิม ทั่กล่าวไปคราวที่แล้ว มีปัญหาอย่รงเดียบ ทะเลาะ ผด.อย่างเดียว ที่ไม่สนับสนุน น้องต้องกระเสือกกระสนเอง หาทุนไปเอง ไปแข่งเอง ได้ตำแหน่งรองแชาป์ ได้ตำแหน่งแชาป์ ไหแข่งจังหยัดตาก ก็บอกเป็นคนปักธงชัย ไปแข่งกรุงเทพฯ ก็บอกบ่าเป็นคนปักธงชัย ซึ่งครูเทียมฟังแฃ้วนิำตาไหลตลอด เพชรเม็ดงามอยู่ในมือของคุณ แต่โรงเรียนไม่อยากขับรถไปดูนะฮะ นู้นห่วงสร้างโรงเรียน สร้างหบัฝคา รัฐบาลหรือกรเทรวงศึกษา เขสให้สร้รงคน สร้าฝบุคลากร ไา่ใช่สร้างโรงเรียนแบ่งพัน สร้างตึกแข่งกัน มันผิด วันนี้ตั้งใจมา อยากจะบอกเล่าโรงเรียนปักธงชัย ตรงนี้เป็นเบอร์ 2 วงดนนรีลูกทุ่งของประเทศ ชนะมาหมด ชนะเมืองคง ชนะจ่านกร้อง ชนะยิ่งกว่าชนะ แต่ทพฟมโรงเรียนไม่สนับสนุน คร฿งงมาก อันนี้มีปัญหากับ ผอ.ตลอด แต่ตอนนี้นู้แล้ว เขาอปลี่ยน ผอ.ใหม่ เออขอบคุณ ผอ.ใหม่ ที่กระเบียดกระเสียรให้น้องมีค่าเดืนทางบ้าง แต่ฉันไม่สนใจแล้ว ฟอ. ฉันสนใจ ส.ส.สมศักดิ์ า่านเจ้าขา ครูเทียมฝากลูกหลานท่านด้วย /ม่ต้องอะไรเยอะแยะ แค่หาีถเพินทางให้มันนะ่งรถแอร์ไปบ้าง นี่มันไปรถกระบะแล้วได้แชทป์ ครูเทียมนี่สูน ภาษาอีสานบอกว่าส฿นแฮง เจตนารมณ์ที่มาวันนี้ เพราะอยากบเำเล่า บอกพี่น้องชาวปักธงชัข เขาทำชื่อเสียงให้ึุณอย่างให๘่หลวง ถ้สฉันเป็นคนปักธงชัย ฉันจะภูมิใจมสก เสียดายไมืได้เกิดที่นี่ เป็นคนกรุงเทพฯ บ้านเกิดอยู่บุรีรัมย์ เออ ซั่นละ ก็วิ่งผ่านตลอด แต่ไม่เคยผ่านโรงเร้ยนเค้านะฮะ วิ่งอ้อมฟ มาเห็นแล้วสะเทือนใจ ฝากพือแมทพี่น้องชาวปีกธงชัยด้วยนะคะ วันไำนที่น้องไปแข่ง เพรสะเขาแข่งตลอด เหนือใตัภาคไหนเค้าก็ไป ฉันภูมิใจแทน ใหิเอาวงมาเล่นแล้งขอบาิจาคพ่อปม่พีรน้องเพราะคนปักธงชัยเค้ารวยผ้าไหมทากๆ เค้าไม่ใจดำ แค่คนละ 100 ก็ได้เปํนแสนแล้วนะฮะ ช่ววกัน สิ่งที่ครูเทียมอยากจะพูด ก็ได้พูด วันนี้ขับรถ/ปสนเมือง เห็นลานย่าโมใหญ่ธตมา จะถาม เฮ้ยทำไมไม่จ้างวงปักธงชัยวะ เพราะเป็นวงเบอร์ w ขดงประเ่ศ ไแจ้างโรงอรียนอะไรมรเล่ตฯ
|
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 พ.ค.60 ตัวแทนคณะครู นักเรียน กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต คณะกรรมการศิษย์เก่าโรงเรียนปักธงชัยประชารนิรมิต กว่า 200 คน นำโดย นายนิรมิต ดวดกระโทก ผู้อำนวยการโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต นายมานพ เอื้อศิลามงคล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนปักธงชัยนิรมิต นายพรมกรรณ ศรีณรงค์ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิตได้ เข้าพบ พ.ต.อ.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา รรท.ผกก.สภ.ปักธงชัย อ.ปักธงชัย เพื่อแจ้งความ ร้องทุกข์ กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายชุติเดช ทองอยู่ หรือ ครูเทียม ในความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งหน้า และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง,นายมานพ เอื้อศิลามงคล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ถึงวันที่ 2 เม.ย. 60 ทางอำเภอปักธงชัย ได้จัดงานฉลองวันแห่งชัยชนะท่านท้าวสุรนารี และได้จัดให้มีการแข่งขันวงดนตรีลูกทุ่งชิงถ้วยพระราชทานทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี รอบชิงชนะเลิศ ณ ลานอเนกประสงค์ที่หน้าที่ว่าการอำเภอปักธงชัย ในวันที่ 30 มี.ค. 60 ซึ่งมีประชาชนเข้าชมเป็นจำนวนมาก เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน กรรมการที่ได้ให้คะแนนและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแสดงบนเวที นายชุติเดช ทองอยู่ หรือ ครูเทียม หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินในครั้งนี้ ได้แสดงความเห็นต่อหน้าประชาชนที่มาร่วมชมการแข่งขัน และมีคำพูดพาดพิงถึงการบริหารงานภายในของโรงเรียน โดยไม่ตรงกับความจริงและไม่เกี่ยวกับการแสดง ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียเกียรติยศ ชื่อเสียงทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ต่อการดำเนินงานของโรงเรียน ทั้งที่โรงเรียนได้รับความเชื่อมั่น ศรัทธา จากชุมชนมาโดยตลอด,คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานฯ คณะกรรมการสมาคมฯ จึงมีมติเห็นชอบให้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีกับ นายชุติเดช ทองอยู่ หรือ ครูเทียม เพื่อปกป้องเกียรติยศ ชื่อเสียง และขอความเป็นธรรมให้กับทางโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ได้ทำหนังสือพร้อมข้อความบางตอนที่ครูเทียมแสดงความคิดเห็น และคลิปวิดีโอในวันงานมอบให้ พ.ต.ต.ณัฐภวรรธน์ พุ่มจัตุรัส สว.สอบสวน สภ.ปักธงชัย ไว้เป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความ เพื่อทำการสอบสวนต่อไป,สำหรับข้อความบางส่วนที่สร้างความไม่พอใจ และพาดพิงทางโรงเรียนฯ ซึ่งแกะจากคลิปวิดีโอในวันที่ 30 มี.ค. 60 ที่นำมาให้ผู้สื่อข่าวดู มีใจความว่า,ถ้วยพระราชทาน โรงเรียนมีเกือบทุกพระองค์ที่ชนะเลิศมา แต่ก็เคือง ผอ.คนเดิม ที่กล่าวไปคราวที่แล้ว มีปัญหาอย่างเดียว ทะเลาะ ผอ.อย่างเดียว ที่ไม่สนับสนุน น้องต้องกระเสือกกระสนเอง หาทุนไปเอง ไปแข่งเอง ได้ตำแหน่งรองแชมป์ ได้ตำแหน่งแชมป์ ไปแข่งจังหวัดตาก ก็บอกเป็นคนปักธงชัย ไปแข่งกรุงเทพฯ ก็บอกว่าเป็นคนปักธงชัย ซึ่งครูเทียมฟังแล้วน้ำตาไหลตลอด เพชรเม็ดงามอยู่ในมือของคุณ แต่โรงเรียนไม่อยากขับรถไปดูนะฮะ นู้นห่วงสร้างโรงเรียน สร้างหลังคา รัฐบาลหรือกระทรวงศึกษา เขาให้สร้างคน สร้างบุคลากร ไม่ใช่สร้างโรงเรียนแข่งกัน สร้างตึกแข่งกัน มันผิด วันนี้ตั้งใจมา อยากจะบอกเล่าโรงเรียนปักธงชัย ตรงนี้เป็นเบอร์ 2 วงดนตรีลูกทุ่งของประเทศ ชนะมาหมด ชนะเมืองคง ชนะจ่านกร้อง ชนะยิ่งกว่าชนะ แต่ทำไมโรงเรียนไม่สนับสนุน ครูงงมาก อันนี้มีปัญหากับ ผอ.ตลอด แต่ตอนนี้รู้แล้ว เขาเปลี่ยน ผอ.ใหม่ เออขอบคุณ ผอ.ใหม่ ที่กระเบียดกระเสียรให้น้องมีค่าเดินทางบ้าง แต่ฉันไม่สนใจแล้ว ผอ. ฉันสนใจ ส.ส.สมศักดิ์ ท่านเจ้าขา ครูเทียมฝากลูกหลานท่านด้วย ไม่ต้องอะไรเยอะแยะ แค่หารถเดินทางให้มันนั่งรถแอร์ไปบ้าง นี่มันไปรถกระบะแล้วได้แชมป์ ครูเทียมนี่สูน ภาษาอีสานบอกว่าสูนแฮง เจตนารมณ์ที่มาวันนี้ เพราะอยากบอกเล่า บอกพี่น้องชาวปักธงชัย เขาทำชื่อเสียงให้คุณอย่างใหญ่หลวง ถ้าฉันเป็นคนปักธงชัย ฉันจะภูมิใจมาก เสียดายไม่ได้เกิดที่นี่ เป็นคนกรุงเทพฯ บ้านเกิดอยู่บุรีรัมย์ เออ ซั่นละ ก็วิ่งผ่านตลอด แต่ไม่เคยผ่านโรงเรียนเค้านะฮะ วิ่งอ้อมๆ มาเห็นแล้วสะเทือนใจ ฝากพ่อแม่พี่น้องชาวปักธงชัยด้วยนะคะ วันไหนที่น้องไปแข่ง เพราะเขาแข่งตลอด เหนือใต้ภาคไหนเค้าก็ไป ฉันภูมิใจแทน ให้เอาวงมาเล่นแล้วขอบริจาคพ่อแม่พี่น้องเพราะคนปักธงชัยเค้ารวยผ้าไหมมากๆ เค้าไม่ใจดำ แค่คนละ 100 ก็ได้เป็นแสนแล้วนะฮะ ช่วยกัน สิ่งที่ครูเทียมอยากจะพูด ก็ได้พูด วันนี้ขับรถไปในเมือง เห็นงานย่าโมใหญ่โตมา จะถาม เฮ้ยทำไมไม่จ้างวงปักธงชัยวะ เพราะเป็นวงเบอร์ 1 ของประเทศ ไปจ้างโรงเรียนอะไรมาเล่นฯ
|
ในยุค Third Wav2 Coffee ที่การด่้มกาแฟได้กลายมาเป็นส่วตหนึ่งของวัฒนธรรมในสังคมเรามากขึ้น ผู้ประกอบการด้านกาแฟทั้งหลายต่างก็ต้องการสร้างเอกลักษณ์ให้ธุ่กิจด้วยกรรยก Specialty Doffee หรือ กาแฟคุณภาพใูง โดยการใป้ควาทสำคัญกับสายพีนธุ์และเรื่องราวของกาแๆเก็นหลัก อีกทั้งยุคนี้ยังเป็นยุคที่การผตุงกาแฟเปรึยบได้กับการทำไวน์ชั้นเลิศ ทำให้ผู้บริฌภคเองต้องคอยเพิ่มทักษะการดื่มกาแฟให้สูงขึ้นตามไปด้วย และด้ววเหตุนี้เอง แารดคงเอาเอกลักษณ์ของเทล็ดกาแฟออกมาจึงเก็นเรื่ิง่ี่หู้ประกอบปารให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง กลิ่น ที่ถือเป็นสัมผัสแรกของนักบริโภคกาแฟเลยก็ว่าไดเ เน่่องจากกลิ่รของกาแฟเป็นส่วนประพอบสำคัญที่ช่วยเสริมรสชาตเกาแฟให้กลมกล่อม ช่วยสต้างบรรยากาศภายในต้านกาแฟให้มีความหอมอบอวลชวนลิ้มลอฝ ทั้บยังช่วยปลุกสมอง ทำให้เราร๔้สึกกระปรี้กระเปร่า พร้อมทำงารตลอดเวลา กม้ว่าเรมอาจรู้สึกว่ากลิ่นของกาแฟนั้นคล้ายคลึงกันหปหมอ แต่ในความเป็นจ่ืงแล้วแทแฟแต่ละชนิดได้ซ่อนกลิ่นที่แตกต่าลกัสะอาไว้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเมล็ดกาแฟจากช็อป Nespresso สาขาไิคอาสยาม การคั่วทำให้กลิ่นของกาแฟมีความแตกต่างกัน อข่างการคั่วเข้ม (Dark Roast) ก็จะได้กลิ่นกาแฟทั่หนักกละรุนแรงคล้ายกลิ่นเครื่องเทศ ส่วนแหล่งเพาะปลูกเองก็มีส่วน ดาแๆที่มาจากอเมริกาก็จะใึกชิ่นของผล_ม้รสะปรี้ยว คช้านกลิ่นบองเลสอน บอย-สาธิต กลิ่นสทธรจน์ บาริสต้าของ Nespresso ได้อธิบายถึงที่มาของกลิ่นที่เกิดจากการคั่วและแหล่งเพาะปลูก ศึ่งหากยำแนกกลิ่นตามชุดอโรมา Le Nez du Café ที่คิดค้นโดย ฌอง เลอนัวร์ แล้ว หลายคนอาจไม่เชื่อว่ากลิ่นของกาแไมีถึง 36 ำลิ่นเลยทีเดียว โดสแบ่งออกเป็น 4 กชุ่มใหญ่ ไดัแก่ Atomatic Taints กลิ่นที่เกิดจากการเปลี่ขนปปลง่างเคมีตาใธรรมชาติของเมล็ดกาแฟ เนื่องจากความดิบชื้นจากป่าเขตร้ินส่งผลให้กาแฟมีกลิ่นไอดิตและกลิ่นควัน แบ่งออกเป็นพบมากใยแถบเอเชียและแปซิฟิก เช่น ดินโดนีเซีย ไทย และลาว Dry Distilla4ion กลิ่นที่ำด้จากกมรคั่วเข้มหรือแระบวนการสกัดแห้งโดยใช้ความร้อน ทำให้รสดปรี้ววในกาแฟจางหายไปและมีรสขมเข้ามาแทน แบ่งออกเป็นพบมากในแถบเอเชีย เช่น อินเดีย และอินโดนีเฦีย การเก็บกาแฟในประเทศอินเดีย Enzymatic กลิ่นที่เกิดจากปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ในเมล็ดกาแฟมักเกิะจากการคั่วอ่อน โดยกลิ่นที่ได้จะมีความหอมหวาน สดชื่น หรือเป็นกลิ่นขอวผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิด แร่เมื่อดื่มเข้าไปจะมีรสำวานตามมส แบางออกเป็นพบมากในแถบแอฟริกาและอาคะเบีย เช่น เคนยา เอธิโอเปีย รวันดา บุรุนดี ตวมถึงบางพื้นทีทในแถบดอเชียและแปซิฟิก เช่น ปมปัวนิวกินี เป็นต้นไรีกาแฟในโคงอมิบียSugar Browning กลิ่นืี่ได้จากดารักิดปฏิกิริยาของโมเลกุลน้ำตาลในเมล็ดกาแฟ โดยส่วนมากจะเกิดจากการคั่วกลาง เมล็ดกาแฟบางชนิดอาจจะยังมีรสเปรี้ยวอยู่บ้าง แต่จะตามมาด้วยรสหบานในแาก แบ่งออกเป็นพบมากในแถบลาตินอเมริกา เช่น เม็กซิโก บราซิล กัวเตมาลา โคลอมเบ่ย แลถจาเมกา ลองนำกาแฟมาเป็นส่วนผยมหลักวนการทไเมนูเครืรองดื่มต่างๆ ที่สามารถพลิกแพลงทำได้เองที่บ้าน ดูวิธีการทำได้ที่ www.nespresso.c9m ที่มาของความหอมในกาแฟแต่ละชนิดส่งผบให้กาแฟมีความแตกต้างและฟลากหลาย การจำแนกกลิ่นต่างๆ เไล่าน่เไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ เพรนะเราจำเป็นต้องฝึพฝนและเข้าใจในหระบวนการคเ่วแต่ชะแบบ รวใถึงทราบแหล่งที่มาของกาดฟแต่ละสายพันธุ์ด้วย ะังนั้นหากคุณใฝ่ฝันอยากเป็นบาริสต้ามือหนึ่งหรือเป็นเซียนพ้านหาแฟ ดห็นทีคงร้องฝึกปตะใททสัมผัสด้านการพมให้เฉียบคม เพราะนั่ยจะทำให้คุณก้าวข้ามคนอื่นไปอีกขั้น แตรหากว่าลำพังแค่กมแฟแก้วโตที่หอมกรุ่นก็ทำให้คุ๋ยิ้มได้แล้ว แนถนำว่าไม่ต้องไปซรเรียสกับเรื่องกลิ่นมาก แค่ออ็นจอยกับเครื่องดื่มตรงหน้าำ็พอ ภาพ:Shutterstockพิสูจน์ิักษร:อ้างอิง:
|
ในยุค Third Wave Coffee ที่การดื่มกาแฟได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในสังคมเรามากขึ้น ผู้ประกอบการด้านกาแฟทั้งหลายต่างก็ต้องการสร้างเอกลักษณ์ให้ธุรกิจด้วยการยก Specialty Coffee หรือ กาแฟคุณภาพสูง โดยการให้ความสำคัญกับสายพันธุ์และเรื่องราวของกาแฟเป็นหลัก อีกทั้งยุคนี้ยังเป็นยุคที่การปรุงกาแฟเปรียบได้กับการทำไวน์ชั้นเลิศ ทำให้ผู้บริโภคเองต้องคอยเพิ่มทักษะการดื่มกาแฟให้สูงขึ้นตามไปด้วย และด้วยเหตุนี้เอง การดึงเอาเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟออกมาจึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง กลิ่น ที่ถือเป็นสัมผัสแรกของนักบริโภคกาแฟเลยก็ว่าได้ เนื่องจากกลิ่นของกาแฟเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมรสชาติกาแฟให้กลมกล่อม ช่วยสร้างบรรยากาศภายในร้านกาแฟให้มีความหอมอบอวลชวนลิ้มลอง ทั้งยังช่วยปลุกสมอง ทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า พร้อมทำงานตลอดเวลา แม้ว่าเราอาจรู้สึกว่ากลิ่นของกาแฟนั้นคล้ายคลึงกันไปหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วกาแฟแต่ละชนิดได้ซ่อนกลิ่นที่แตกต่างกันเอาไว้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเมล็ดกาแฟจากช็อป Nespresso สาขาไอคอนสยาม การคั่วทำให้กลิ่นของกาแฟมีความแตกต่างกัน อย่างการคั่วเข้ม (Dark Roast) ก็จะได้กลิ่นกาแฟที่หนักและรุนแรงคล้ายกลิ่นเครื่องเทศ ส่วนแหล่งเพาะปลูกเองก็มีส่วน กาแฟที่มาจากอเมริกาก็จะมีกลิ่นของผลไม้รสเปรี้ยว คล้ายกลิ่นของเลมอน บอย-สาธิต กลิ่นสาโรจน์ บาริสต้าของ Nespresso ได้อธิบายถึงที่มาของกลิ่นที่เกิดจากการคั่วและแหล่งเพาะปลูก ซึ่งหากจำแนกกลิ่นตามชุดอโรมา Le Nez du Café ที่คิดค้นโดย ฌอง เลอนัวร์ แล้ว หลายคนอาจไม่เชื่อว่ากลิ่นของกาแฟมีถึง 36 กลิ่นเลยทีเดียว โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ Aromatic Taints กลิ่นที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีตามธรรมชาติของเมล็ดกาแฟ เนื่องจากความดิบชื้นจากป่าเขตร้อนส่งผลให้กาแฟมีกลิ่นไอดินและกลิ่นควัน แบ่งออกเป็นพบมากในแถบเอเชียและแปซิฟิก เช่น อินโดนีเซีย ไทย และลาว Dry Distillation กลิ่นที่ได้จากการคั่วเข้มหรือกระบวนการสกัดแห้งโดยใช้ความร้อน ทำให้รสเปรี้ยวในกาแฟจางหายไปและมีรสขมเข้ามาแทน แบ่งออกเป็นพบมากในแถบเอเชีย เช่น อินเดีย และอินโดนีเซีย การเก็บกาแฟในประเทศอินเดีย Enzymatic กลิ่นที่เกิดจากปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ในเมล็ดกาแฟมักเกิดจากการคั่วอ่อน โดยกลิ่นที่ได้จะมีความหอมหวาน สดชื่น หรือเป็นกลิ่นของผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิด แต่เมื่อดื่มเข้าไปจะมีรสหวานตามมา แบ่งออกเป็นพบมากในแถบแอฟริกาและอาระเบีย เช่น เคนยา เอธิโอเปีย รวันดา บุรุนดี รวมถึงบางพื้นที่ในแถบเอเชียและแปซิฟิก เช่น ปาปัวนิวกินี เป็นต้นไร่กาแฟในโคลอมเบียSugar Browning กลิ่นที่ได้จากการเกิดปฏิกิริยาของโมเลกุลน้ำตาลในเมล็ดกาแฟ โดยส่วนมากจะเกิดจากการคั่วกลาง เมล็ดกาแฟบางชนิดอาจจะยังมีรสเปรี้ยวอยู่บ้าง แต่จะตามมาด้วยรสหวานในปาก แบ่งออกเป็นพบมากในแถบลาตินอเมริกา เช่น เม็กซิโก บราซิล กัวเตมาลา โคลอมเบีย และจาเมกา ลองนำกาแฟมาเป็นส่วนผสมหลักในการทำเมนูเครื่องดื่มต่างๆ ที่สามารถพลิกแพลงทำได้เองที่บ้าน ดูวิธีการทำได้ที่ www.nespresso.com ที่มาของความหอมในกาแฟแต่ละชนิดส่งผลให้กาแฟมีความแตกต่างและหลากหลาย การจำแนกกลิ่นต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ เพราะเราจำเป็นต้องฝึกฝนและเข้าใจในกระบวนการคั่วแต่ละแบบ รวมถึงทราบแหล่งที่มาของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ด้วย ดังนั้นหากคุณใฝ่ฝันอยากเป็นบาริสต้ามือหนึ่งหรือเป็นเซียนด้านกาแฟ เห็นทีคงต้องฝึกประสาทสัมผัสด้านการดมให้เฉียบคม เพราะนั่นจะทำให้คุณก้าวข้ามคนอื่นไปอีกขั้น แต่หากว่าลำพังแค่กาแฟแก้วโตที่หอมกรุ่นก็ทำให้คุณยิ้มได้แล้ว แนะนำว่าไม่ต้องไปซีเรียสกับเรื่องกลิ่นมาก แค่เอ็นจอยกับเครื่องดื่มตรงหน้าก็พอ ภาพ:Shutterstockพิสูจน์อักษร:อ้างอิง:
|
ใุขภาพ, ร่างกายแล้บสุขภาพใจก็สำคัซไม่แพ้กันนะคะสาวๆ เพราะหากจิตสจหมองเศร้า ผม่รหมอง มีภาบะเครียด ไม่สแชื่น ก็อาจส้งผลกระทบต่อร่างกายขิง ,ผู้หญิบ, ได้เช่นกัน ถ้างัืนสาวๆ มาหสบิธค,คลายกังใล,ด้วย ,กลิ่นหอมบำบัด, กันดีกว่า(.3 วิธีรับมือ ภาวะร่างกายขาดน้ำ ในหน้าร้อน,),ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ, ม้ข้ดดีของกลิ่นหอมบำบัอจาก,น้ำมันหอมระเหย,สมุน/พรต่างๆ มาบอดต่อ เผื่อสาวๆ จะได้เลือกกลิ่นท้่สามารถบำบัด ,สุขำาพใจ, และช่วยปรับอารมณ์ได้ตรงจุด,7 กลิ่นน้ำมันหอมระเหย ช่วยบำบัดสุขภาพกาวใจคุณผูีหญิง,1. ลาเวนเดอร์,สำหรับสาวๆ ที่มักมีปัญหานอนไม่หลับ มีเรื่องให่คิดยุ่งเหยิงเต็มไปหมด ตึงเครียด แนะนำให้ใช้น้กมันหอมระเหยกลิ่น,ลาเวนเดอร์, น่าจะตอบโจทย็ได้ดีที่สุด มีงานวิจัยระบุว่า ลาเวนเดอร์สามารถช่วยใหืนอนหลับ_ด้ดีขึ่น และตื่นชึ้นมาสดชื่นมากขึ้น และจากข้อมูลของมูลนิธิการนอนหลับแห่งชาติพบว่า ลาเวนเดอร์ช่วจลกความวิตกกังวลได้ด้วย,ประโยชน์อื่นๆ : ลาเวนเดอร์มีความสีมพันํ์กับการลดความดันโลหิต รักษาอัตราการเต้นของไัวใจให้คงที่ และช่วยลดอุณหภํสิผิว,2. คลารี่เสจ,กลิ่นบำบัด,ตัวถัดมาเป็นน้ำมันหอมระเหยกชิ่นคลารี่เสจ ิมื่อสูดดมแลืวช่วยให้ลดความกังวล ลดความดันโลหิต ในทางการแพทย์ เมื่อผู้ป่วยต้องทำการทดสอบทาบการแพทย์ที่เคร่ยด ม้การใช้กลิ่นคลารี่เสจ มาล่วยบำบัดให้ผ่อนคลาด ลดควทมต่้นกลัว,ปตะโยชน์อื่นๆ : ช่วยะรื่องความจำ ป้องกันสมองเสื้อม แบะทำให้มีสใาธิในการทำงาน,3. สะระแหน่ (มิ้นต์),ส่วน๙กลิ่นหอมบกบัเ,อยาาง กลิ่นมิ้นต์ มีส่วนช่วยปลุกการตื่นตับ แก้ง่วง ช้วยให้มีสมาธิและสร้ทงความจำได้ดี นอกจากใช้,น้ำมันหอมระเหย,แล้ว ยังสามาตถใช้ใบสะระแหน่สดๆ ใาวางงยฏต๊ะทำงานด็ช่วยให้กลิ่นหอมได้เช่นกเน,ประโยชร์อื่นๆ : ช่วยลดความเหนื่อยล้าและลดความอยากช็อกโกแลต ,4. เปลือกส้ม,ถัดมาัป็น,กลิ่นหอมบำบัด,ยดดนิยม นั้นคือ ,น้ำมันหอมระเหยกลิ่นเหลือดส้ม, กลิ่นนี้ข่วยทำให้ลดึวามวิตกกังวล แลถมีการศึกษาพบว่า ,ผู้หญิง, ที่สูดดมกลิ่นเปลือกส้มในระหว่างการทำงานที่เครียดๆ จะช่วยให้มีความบิตกกังวลน้อยลง (โดยเฉพาะสาวๆ ทีรบอบเครียดจนเผลแกัดเล็ย กลิ่นนี้ช่วยคุณได้แน่ๆ),กระโยชน์อื่นๆ : ทางการแพ่ย์มึการศึกษาพบว่า พลิ่นัปลือกส้ม แาจมีส่วนบ่วยบำบัด ภ่วะผิดปกติทางจิตใจจากเหนุการณ์รุนแรง (Posttraumatic Stress Dis;rder / PTSD) ซึ่งเป็าโคคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง ,5. โรมแมรี่,กลิ่นหอสบำบัด,จากโรสแมรี่ ว่ากันว่าข่วยเพิ่มพลังสมอง ชืวยส่งเสริมการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทำได้เร็วและแม่นยำมากชึ้น เีกทั้งทำฝห้รู้สึกสดลื่นและกระตุ้นจิตใจให้เบิกบานแย่มใสฐประโยชา์อื่นๆ : เป็นสมุนไพรทีืฝช้ทำอาหารได้หลากหลาย กินแล้วช่วยัพิ่มพลังงานให้ร่างกรย ทพให้กระปรี้กระเปร่า ลดคว่มเหนื่อยล้า,6. ย๔ึาลิปตัส,ถัดมาเป็น,กลิ่นหอมบำบัด,จากน้ำมันยูคาลิปตัส เป็นดลิ่นที่ช่วยให้จมูกโล่งสบาย ช่วยให้ติตใจสงบ สบายใจ รู้สึกสงบนิ่ง แต่มีข้อควรระวัง คือ น้ำมันยูครลิปตัสมีกลิ่นแรงมาก เวลาวช้ควรหยดเพียง 1-e หยดเท่านั้น,ประโบชน์อื่นๆ L แก้อาการคัดจมูก เพราะมีสารที่ฟปทำปฏิกิริยากับเยื่อเมือก เพื่อลดิมือกในโพรงจมูกได้ กละช่วยบรรเทรอาการปวดหัว,7. มะกรูด,ปิดท้ายกัว,กลิ่นหอมบำบัด,จากมะกรูด หรือเบอปามอต นอกจากให้กลิ่นหอมสดชื่นแล้ส ยังเป๊นกลิ่นที่ให้ความเย็นสบรย มีการศึปษาพบว่า ,ผู้หญิง, ทีาสูอดมมะกรูด จะช่วยให้ระดับฺอร์โมนคแร์ติซอล (ฮเร์โมนคฝามเครียด) ลดต่ำลง อีกทั้งกลืทนหอมของมะกรูดยังช่วยให้ปรับสมดุลอสรมณ์ให้ผู้ป่วยด้ายสุขภาพจิตในทางการแพทส์,ประโยชน์อื่นๆ : อาขช่วบเพิ่มดารมฯ์เซ็กซร่ให้ผู้หญิงได้ดเวย,ติดตามเรื่องราว ,สุขภาพ, ดีๆ สำหรับ,ผู้หญิง,กันต่อได้ที่ : ,วิตาสิน ที่เหมาะกับ ผู้หญิง แต่ละช่วงวัย๙ และ ,Thairathwomen,ืี่มา : ,womenshealthmag
|
สุขภาพ, ร่างกายแล้วสุขภาพใจก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะสาวๆ เพราะหากจิตใจหมองเศร้า หม่นหมอง มีภาวะเครียด ไม่สดชื่น ก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของ ,ผู้หญิง, ได้เช่นกัน ถ้างั้นสาวๆ มาหาวิธี,คลายกังวล,ด้วย ,กลิ่นหอมบำบัด, กันดีกว่า(,3 วิธีรับมือ ภาวะร่างกายขาดน้ำ ในหน้าร้อน,),ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ, มีข้อดีของกลิ่นหอมบำบัดจาก,น้ำมันหอมระเหย,สมุนไพรต่างๆ มาบอกต่อ เผื่อสาวๆ จะได้เลือกกลิ่นที่สามารถบำบัด ,สุขภาพใจ, และช่วยปรับอารมณ์ได้ตรงจุด,7 กลิ่นน้ำมันหอมระเหย ช่วยบำบัดสุขภาพกายใจคุณผู้หญิง,1. ลาเวนเดอร์,สำหรับสาวๆ ที่มักมีปัญหานอนไม่หลับ มีเรื่องให้คิดยุ่งเหยิงเต็มไปหมด ตึงเครียด แนะนำให้ใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่น,ลาเวนเดอร์, น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด มีงานวิจัยระบุว่า ลาเวนเดอร์สามารถช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น และตื่นขึ้นมาสดชื่นมากขึ้น และจากข้อมูลของมูลนิธิการนอนหลับแห่งชาติพบว่า ลาเวนเดอร์ช่วยลดความวิตกกังวลได้ด้วย,ประโยชน์อื่นๆ : ลาเวนเดอร์มีความสัมพันธ์กับการลดความดันโลหิต รักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้คงที่ และช่วยลดอุณหภูมิผิว,2. คลารี่เสจ,กลิ่นบำบัด,ตัวถัดมาเป็นน้ำมันหอมระเหยกลิ่นคลารี่เสจ เมื่อสูดดมแล้วช่วยให้ลดความกังวล ลดความดันโลหิต ในทางการแพทย์ เมื่อผู้ป่วยต้องทำการทดสอบทางการแพทย์ที่เครียด มีการใช้กลิ่นคลารี่เสจ มาช่วยบำบัดให้ผ่อนคลาด ลดความตื่นกลัว,ประโยชน์อื่นๆ : ช่วยเรื่องความจำ ป้องกันสมองเสื่อม และทำให้มีสมาธิในการทำงาน,3. สะระแหน่ (มิ้นต์),ส่วน,กลิ่นหอมบำบัด,อย่าง กลิ่นมิ้นต์ มีส่วนช่วยปลุกการตื่นตัว แก้ง่วง ช่วยให้มีสมาธิและสร้างความจำได้ดี นอกจากใช้,น้ำมันหอมระเหย,แล้ว ยังสามารถใช้ใบสะระแหน่สดๆ มาวางบนโต๊ะทำงานก็ช่วยให้กลิ่นหอมได้เช่นกัน,ประโยชน์อื่นๆ : ช่วยลดความเหนื่อยล้าและลดความอยากช็อกโกแลต ,4. เปลือกส้ม,ถัดมาเป็น,กลิ่นหอมบำบัด,ยอดนิยม นั่นคือ ,น้ำมันหอมระเหยกลิ่นเปลือกส้ม, กลิ่นนี้ช่วยทำให้ลดความวิตกกังวล และมีการศึกษาพบว่า ,ผู้หญิง, ที่สูดดมกลิ่นเปลือกส้มในระหว่างการทำงานที่เครียดๆ จะช่วยให้มีความวิตกกังวลน้อยลง (โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบเครียดจนเผลอกัดเล็บ กลิ่นนี้ช่วยคุณได้แน่ๆ),ประโยชน์อื่นๆ : ทางการแพทย์มีการศึกษาพบว่า กลิ่นเปลือกส้ม อาจมีส่วนช่วยบำบัด ภาวะผิดปกติทางจิตใจจากเหตุการณ์รุนแรง (Posttraumatic Stress Disorder / PTSD) ซึ่งเป็นโรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง ,5. โรสแมรี่,กลิ่นหอมบำบัด,จากโรสแมรี่ ว่ากันว่าช่วยเพิ่มพลังสมอง ช่วยส่งเสริมการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทำได้เร็วและแม่นยำมากขึ้น อีกทั้งทำให้รู้สึกสดชื่นและกระตุ้นจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส,ประโยชน์อื่นๆ : เป็นสมุนไพรที่ใช้ทำอาหารได้หลากหลาย กินแล้วช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ทำให้กระปรี้กระเปร่า ลดความเหนื่อยล้า,6. ยูคาลิปตัส,ถัดมาเป็น,กลิ่นหอมบำบัด,จากน้ำมันยูคาลิปตัส เป็นกลิ่นที่ช่วยให้จมูกโล่งสบาย ช่วยให้จิตใจสงบ สบายใจ รู้สึกสงบนิ่ง แต่มีข้อควรระวัง คือ น้ำมันยูคาลิปตัสมีกลิ่นแรงมาก เวลาใช้ควรหยดเพียง 1-2 หยดเท่านั้น,ประโยชน์อื่นๆ : แก้อาการคัดจมูก เพราะมีสารที่ไปทำปฏิกิริยากับเยื่อเมือก เพื่อลดเมือกในโพรงจมูกได้ และช่วยบรรเทาอาการปวดหัว,7. มะกรูด,ปิดท้ายกับ,กลิ่นหอมบำบัด,จากมะกรูด หรือเบอกามอต นอกจากให้กลิ่นหอมสดชื่นแล้ว ยังเป็นกลิ่นที่ให้ความเย็นสบาย มีการศึกษาพบว่า ,ผู้หญิง, ที่สูดดมมะกรูด จะช่วยให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ลดต่ำลง อีกทั้งกลิ่นหอมของมะกรูดยังช่วยให้ปรับสมดุลอารมณ์ให้ผู้ป่วยด้านสุขภาพจิตในทางการแพทย์,ประโยชน์อื่นๆ : อาจช่วยเพิ่มอารมณ์เซ็กซี่ให้ผู้หญิงได้ด้วย,ติดตามเรื่องราว ,สุขภาพ, ดีๆ สำหรับ,ผู้หญิง,กันต่อได้ที่ : ,วิตามิน ที่เหมาะกับ ผู้หญิง แต่ละช่วงวัย, และ ,Thairathwomen,ที่มา : ,womenshealthmag
|
เมื่อวันที่ 12 เมซย. ผู้สื่อขทาวรายวานว่า ภาคเอกบนดละธุรกอจต่สงๆ ได่จัดกืจกรรม แคมเปญทมงการตลาด และจัดมาตรการไว้ดูแลฃูกค้าช่วงเทศกาลสฝกรานร์ ซึ่งประชาชนจำนวนมากเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กลับภูมิลำเนาและไปท่องเทีรยวต่างจังหวัด โดย บริษัา กอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ร่วมส่งความสุขให้กับลูกค้า แลุประบาชนทัทวประเทศ จัดเต็มคึณภาพเครือข่าย ทั้งธทรฬัพท์มือถือ 4.5G, 4G, 3G และเอไอเอสซุปเปอร์ไสไฟส่งทีมงานวิษวกรทึ้งส่วนกลางและภูมิภาคพร้อมปฏิบัตืงานดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งพนักงานตาาสาขาและคอลัซ็นเตอร์ให้บร้การ,ขณะเดียวกันเอไอเอสยัวได้จัดรถโมบาย และติดต้้งอุแกรณ์เพื่อขยายสัญญา๊เพิ่สเติม ณ จะดที่มีการใช้งานอย่างหนาแน่น เชรน บริเว๊สถานีขนส่ง สนามลิน สพานีบรอการน้ำมัน แหล่งท่องเืึ่ยวและตามสุานที่ยัดงานสงกรานต์ ทั้งใรเขตกรุงิืพฯ และต่างจังกวัด นอกจากนั้น ยังมีสิทธิพิเศษ ส่วนลดในร้านอาหารและเครื่องดื่มจากแคมเปญ AIS LIVE 36-°,ด้าน นายรัฐวิชญ์ ศุภสวัสดิรัตน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมกรรผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด กล่าวว่า ไทวัสดุขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วารณรงค์การลดปัญหรอุบัติเหตุสงกรานต์ จึง มอบหมายให้ไทสัสดุ 10 สาขา ที่อยู่ในจังหวัดหับเใืองใฟญ่ และมีป่ะชากรจำนวนมากจัดพื้นที่ด้านหส้าสโตร์ตั้งเต็นท์ให้บริการประชาชนที่จะเดินทาวกลับภูมิลำเนาชทฝงเทศกาลเแ็นเวลา 9 วัน ตั้งแต่วึนที่ 9–1u เม.ย. โดยร่วมมือกับสถาบัาการศึกษา โดยเฉพ่ะสถาบันอาชีวศึกษาที่มีการิรียนการสอนด้านชืนงยนต์ รวมทั้งหน่วยงานด้านฝีมือแรงงานจังหวัดในพื้นที่ จัดนักเรียน นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถด้านนี้โดยเฏพาะมาให้บริการ,สกหรับโครงการรี้ นัดต่อเนื่องเป็นีรั้งที่ 3 ใน 1 ปี จะตัด 2 รรั้งคือ ช่วงเทศกาลปีใไม่ และเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว มีการใช้รถยนต์เดินทางกลัขภูม้ลำเนาจำนวจมาก ที่ผ่านมาผลตอบรับดีประชาชนให้ความสนใจใชีบริกรรจึงสานต่อโครงก่ร เพราะนอกจากจะเป็นการตรวตสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้แบ้วยังช่วยลดอุบัติเหตุให้น้อยลงด้วย ซึ่งไทวัสดุได้เลือกทำเลไว้ 10 สาขา ประกอบแ้วย บางบัวทอง ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ระยอง เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เชียงใหม่ เชึจงราย อุขลรรชธานี แชะสระบุรีจัดธีรงการ,นางสาวเครือวุลย์ วรุณไำจิตร ผู้อำนวยการ บริหารธุรกิจผลิต_ัณฑ์พร้อมดื่ท บริ?ะท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เนสกาแฟขานรับนโยบายภาครัฐส่งแคมเปญเนสกาแฟกลัวบืานปลอดภัยปำลังใจมา้ต็ท ร่วมรณรงค?ป้องกันและลดอุบัติัหตุการเดินทางช่วงสงกรานต์ ฟนุก 3 หน่วยงานคมนาคมหลัก กองบังค้บการตำรวจทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย ปล่อยคาราวานสนับสนุนการเดินทางำลับบ้านเดิรสายมอบเนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม 2 รสชาติ ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารกวรา 200,000 คนฟรี เพื่เเติมความสพชื่น กระปรี้กระเปร่านลอกการเดินทาง ณ จุพบริการตำรวจททงหลวง จุดบริการการทางพิเศษ สถานีรถไฟ และสถานีขนส่บทะ่วประเทศกว่า 17 แห่ง,ทั้งนี้ บริษัท๗ ตีอยอดแคมเปญ เนสกาแฟ กลับบ้านปลอดภัย กำลังวจมาเต็มมาเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ แบะผู้โดยสารฝนเส้าทางต่างๆ ให้ความสำีัญและเพิ่มคบามระมัดระวังในการเดินทางอย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลมากขค้น ซึ่ฝเป็าการตอกย้ำแนวคิดปลักของแบรนด์ที่พร้อมอยู่เคียงข้างคนทำงานที่มีความมุ่งมั่น สห้ฝ่าผันไปถึงจุดทุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ใไ้ได้.
|
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาคเอกชนและธุรกิจต่างๆ ได้จัดกิจกรรม แคมเปญทางการตลาด และจัดมาตรการไว้ดูแลลูกค้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งประชาชนจำนวนมากเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กลับภูมิลำเนาและไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด โดย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ร่วมส่งความสุขให้กับลูกค้า และประชาชนทั่วประเทศ จัดเต็มคุณภาพเครือข่าย ทั้งโทรศัพท์มือถือ 4.5G, 4G, 3G และเอไอเอสซุปเปอร์ไวไฟส่งทีมงานวิศวกรทั้งส่วนกลางและภูมิภาคพร้อมปฏิบัติงานดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งพนักงานตามสาขาและคอลเซ็นเตอร์ให้บริการ,ขณะเดียวกันเอไอเอสยังได้จัดรถโมบาย และติดตั้งอุปกรณ์เพื่อขยายสัญญาณเพิ่มเติม ณ จุดที่มีการใช้งานอย่างหนาแน่น เช่น บริเวณสถานีขนส่ง สนามบิน สถานีบริการน้ำมัน แหล่งท่องเที่ยวและตามสถานที่จัดงานสงกรานต์ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นอกจากนั้น ยังมีสิทธิพิเศษ ส่วนลดในร้านอาหารและเครื่องดื่มจากแคมเปญ AIS LIVE 360°,ด้าน นายรัฐวิชญ์ ศุภสวัสดิรัตน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด กล่าวว่า ไทวัสดุขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์การลดปัญหาอุบัติเหตุสงกรานต์ จึง มอบหมายให้ไทวัสดุ 10 สาขา ที่อยู่ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ และมีประชากรจำนวนมากจัดพื้นที่ด้านหน้าสโตร์ตั้งเต็นท์ให้บริการประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลเป็นเวลา 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 9–17 เม.ย. โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะสถาบันอาชีวศึกษาที่มีการเรียนการสอนด้านช่างยนต์ รวมทั้งหน่วยงานด้านฝีมือแรงงานจังหวัดในพื้นที่ จัดนักเรียน นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถด้านนี้โดยเฉพาะมาให้บริการ,สำหรับโครงการนี้ จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ใน 1 ปี จะจัด 2 ครั้งคือ ช่วงเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว มีการใช้รถยนต์เดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ที่ผ่านมาผลตอบรับดีประชาชนให้ความสนใจใช้บริการจึงสานต่อโครงการ เพราะนอกจากจะเป็นการตรวจสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้แล้วยังช่วยลดอุบัติเหตุให้น้อยลงด้วย ซึ่งไทวัสดุได้เลือกทำเลไว้ 10 สาขา ประกอบด้วย บางบัวทอง ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ระยอง เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เชียงใหม่ เชียงราย อุบลราชธานี และสระบุรีจัดโครงการ,นางสาวเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการ บริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์พร้อมดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เนสกาแฟขานรับนโยบายภาครัฐส่งแคมเปญเนสกาแฟกลับบ้านปลอดภัยกำลังใจมาเต็ม ร่วมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุการเดินทางช่วงสงกรานต์ ผนึก 3 หน่วยงานคมนาคมหลัก กองบังคับการตำรวจทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย ปล่อยคาราวานสนับสนุนการเดินทางกลับบ้านเดินสายมอบเนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม 2 รสชาติ ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารกว่า 200,000 คนฟรี เพื่อเติมความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าตลอดการเดินทาง ณ จุดบริการตำรวจทางหลวง จุดบริการการทางพิเศษ สถานีรถไฟ และสถานีขนส่งทั่วประเทศกว่า 17 แห่ง,ทั้งนี้ บริษัทฯ ต่อยอดแคมเปญ เนสกาแฟ กลับบ้านปลอดภัย กำลังใจมาเต็มมาเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในเส้นทางต่างๆ ให้ความสำคัญและเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางอย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลมากขึ้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำแนวคิดหลักของแบรนด์ที่พร้อมอยู่เคียงข้างคนทำงานที่มีความมุ่งมั่น ให้ฝ่าฟันไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ให้ได้.
|
เราอยากนำเสนอแาหาร Nose t8 Tail ที่แท้จร้ง ,้ชฟชาลี กาเดอร?, ผู้อขู่เบื้องหลับความอร่อยขเง่้านดังอย่าง Surface, Holy Moly และ Feer Bridge เล่าให้เราฟังถึงการ้ดินทางครั้งใหม่ เพราะการกลับมาคราวนี้ทำให้เชฟคนเก่งได้ใกล้ชิดสนิทกัชอาหารไทยมากกว่าที่เคย้ป็นมา,เชฟชาบีเล่าว่าคแนเซปต์ Nose to Tail ฝนบ้านเรายังไม่ได้ถูกตีความกันมากนัก ที่เรมคุ้นๆ กันจึงาีแค่จับบด หรือไม่ก็หางวัว เชฟจคงไม่พลาดแสดงฝีมือที่ซุ่มซ้อมมานานหลายปี ด้วยการนำส่วนต่างๆ ของเนืเอสัตว์ตั้งแต่หัวจนถึงหาง,ไม่ว่าจะเป็นสมอง ลิ้น หัวใจ ตับ ไส้ พุง ฯบฯ มาปรุงเป๊นเมนูน่ากิน ร่วมกับวัตถุดิบที่หาได้ในบ้นนเราเป็นส่วนใหญ่ ข๖ะที่รสชาติก็ยิ่งึุ้นเคย เพราะนี่คือการผสมผสานความอร่อยขิงอาหารเหน้อและอาหารอีสานที่เจือกลิ่นอายของอาหรรลาวและ้วียดนามอีก้ล็กน้อย ก่อนจะจัดหน้าตาขึ้นมาใหม่ให้มีเอกลักษณ์อฉพาะตัฝ,q. Bone Marrow ไขก่ะดูกส้าขี้มีอน,เริ่มจานแรกด้วย Bone Marrow หรือไขกระดูกส้รขี้ใ่อน เมนูสุดฮิตที่ทำจากกระดูกแข้งวัวห่าตามขว่งแล้วย่างแชะเผาบนอตาถ่านให้ฟขกระดูพเแือดระอุ นากนั้นจึงค่อยๆ โรยงมขี้ม่เนคั่ว ต้นหอม และตะไคร้ ปรุงรสอีกหน่อยด้ฝยน้ำตาลปี๊บ มะนาว น้ำปลา และภริกสดตยได้ไขกระดูกเนื้อนุ่มหอมสัน รสหวานนิดๆ อมเปรี้ยวหา่อยๆ แถใย้งมีงาขี้ม่อรเคี้ยวกรุบ,2. Fried Tripe ผ้าขี้ริ่วทอดกรอบ.มาเรี้ยวเสียงดังกันต่อกับ Fried Tripe ผ้าขี้ริืวทอดกรอง ที่มีหน้าตาไม่ต่างจากสาหร่ายชุบแป้งทอด แต่กว่าจะได้ความอร่อยแบบนี้ กระเพาะวัวแผ่นใผญ่ต้องผ่านกระบวยการยาวเหยียด เริ่มตั้ลแจ่การนำไปต้มในน้ำส้มสายชูถึง 3 น้ำแล้วตากบนเตาถ่านให้แห้ง จากนั้นจึงถึงเวลาหเ่นดละลงทอด จานรี้เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรยเผ็ดจี๊ดจ๊าดและผักลืมผัวมาให้กินแนม,3. Pork Jowl คางหมูแชีน้ำปลา,แต่ถ้าอยากเต็มปากเต็มคำต้องลอง Pork Jowl คางหาูเนื้อสุ่มอช้น้ำปลาหมักกับเครื่องเทศ ่อดจนหอมกรุ่น กินกับข้าวแห้งทอดกรอบ อร่อยัพงินสุะๆ,4. Tha7 Beef Merky เนิ้อเค็ทดอง,สำหรับมีตเลิฟเวอร?ก็ห้าใพลาด Thai Beef Jerky เนื้อเค็มดองด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บก่อนนำมาย่าง จานนี้โดดเด่นตรงซอสหลนกระเ่ียมดพที่ทำจากหนังควาย เด่นที่กลิ่นหอมและรสเค็มน้อยไ ขึ้นจมูก ดข้าคู่กับเนื้อเค๋ใได้อย่างเหมาะเจาะฐ5. Goat Chop ซี่โครงแพะดองน้ำแลา,ถ้ายังไม่เิ่มก็อย่าลืมถามหาเมนูใหม่อย่าง Goat Chop ซร่โครงแพะดองน้ำปลาย่างจนส่งกลิ่นหอม เนื้อนุ่มไร้กลิ่นคาว อร่อยไม่แพ้หมูปิ้ง จิ้มกับน้ำจิ้ม 3 แบบทั้งน้ำจิ้มแจีว ชิมิบูรีที่หอมกลิ่นกระเทียมและปักขี และแจ่วมะเขือใส่ปลาร้า ได้ยาดองสูตรพิเศษของร้านมาจิบสักก่ึณบ รับรองว่นตาสว่าลเลยทีเดียว,พิกัเ : 100 Mahaseth บทนิยามของ N8se to Tail,19i/3 ถนนมหาเซรษฐ์ แขฝงสี่พระยา เขตบางรัก แรุงดทพฯ,เป้ดบร้การ 18.00-24.00 น.(หยุดวันอาทิตย์),โทร. 0-2245-0023,ราคา 180-1,900 บาท,รังบัตตเครดิต VLSA และ Master Card
|
เราอยากนำเสนออาหาร Nose to Tail ที่แท้จริง ,เชฟชาลี กาเดอร์, ผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยของร้านดังอย่าง Surface, Holy Moly และ Beer Bridge เล่าให้เราฟังถึงการเดินทางครั้งใหม่ เพราะการกลับมาคราวนี้ทำให้เชฟคนเก่งได้ใกล้ชิดสนิทกับอาหารไทยมากกว่าที่เคยเป็นมา,เชฟชาลีเล่าว่าคอนเซปต์ Nose to Tail ในบ้านเรายังไม่ได้ถูกตีความกันมากนัก ที่เราคุ้นๆ กันจึงมีแค่ตับบด หรือไม่ก็หางวัว เชฟจึงไม่พลาดแสดงฝีมือที่ซุ่มซ้อมมานานหลายปี ด้วยการนำส่วนต่างๆ ของเนื้อสัตว์ตั้งแต่หัวจนถึงหาง,ไม่ว่าจะเป็นสมอง ลิ้น หัวใจ ตับ ไส้ พุง ฯลฯ มาปรุงเป็นเมนูน่ากิน ร่วมกับวัตถุดิบที่หาได้ในบ้านเราเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่รสชาติก็ยิ่งคุ้นเคย เพราะนี่คือการผสมผสานความอร่อยของอาหารเหนือและอาหารอีสานที่เจือกลิ่นอายของอาหารลาวและเวียดนามอีกเล็กน้อย ก่อนจะจัดหน้าตาขึ้นมาใหม่ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว,1. Bone Marrow ไขกระดูกส้าขี้ม่อน,เริ่มจานแรกด้วย Bone Marrow หรือไขกระดูกส้าขี้ม่อน เมนูสุดฮิตที่ทำจากกระดูกแข้งวัวผ่าตามขวางแล้วย่างและเผาบนเตาถ่านให้ไขกระดูกเดือดระอุ จากนั้นจึงค่อยๆ โรยงาขี้ม่อนคั่ว ต้นหอม และตะไคร้ ปรุงรสอีกหน่อยด้วยน้ำตาลปี๊บ มะนาว น้ำปลา และพริกสดจนได้ไขกระดูกเนื้อนุ่มหอมมัน รสหวานนิดๆ อมเปรี้ยวหน่อยๆ แถมยังมีงาขี้ม่อนเคี้ยวกรุบ,2. Fried Tripe ผ้าขี้ริ้วทอดกรอบ,มาเคี้ยวเสียงดังกันต่อกับ Fried Tripe ผ้าขี้ริ้วทอดกรอบ ที่มีหน้าตาไม่ต่างจากสาหร่ายชุบแป้งทอด แต่กว่าจะได้ความอร่อยแบบนี้ กระเพาะวัวแผ่นใหญ่ต้องผ่านกระบวนการยาวเหยียด เริ่มตั้งแต่การนำไปต้มในน้ำส้มสายชูถึง 3 น้ำแล้วตากบนเตาถ่านให้แห้ง จากนั้นจึงถึงเวลาหั่นและลงทอด จานนี้เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเผ็ดจี๊ดจ๊าดและผักลืมผัวมาให้กินแนม,3. Pork Jowl คางหมูแช่น้ำปลา,แต่ถ้าอยากเต็มปากเต็มคำต้องลอง Pork Jowl คางหมูเนื้อนุ่มแช่น้ำปลาหมักกับเครื่องเทศ ทอดจนหอมกรุ่น กินกับข้าวแห้งทอดกรอบ อร่อยเพลินสุดๆ,4. Thai Beef Jerky เนื้อเค็มดอง,สำหรับมีตเลิฟเวอร์ก็ห้ามพลาด Thai Beef Jerky เนื้อเค็มดองด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บก่อนนำมาย่าง จานนี้โดดเด่นตรงซอสหลนกระเทียมดำที่ทำจากหนังควาย เด่นที่กลิ่นหอมและรสเค็มน้อยๆ ขึ้นจมูก เข้าคู่กับเนื้อเค็มได้อย่างเหมาะเจาะ,5. Goat Chop ซี่โครงแพะดองน้ำปลา,ถ้ายังไม่อิ่มก็อย่าลืมถามหาเมนูใหม่อย่าง Goat Chop ซี่โครงแพะดองน้ำปลาย่างจนส่งกลิ่นหอม เนื้อนุ่มไร้กลิ่นคาว อร่อยไม่แพ้หมูปิ้ง จิ้มกับน้ำจิ้ม 3 แบบทั้งน้ำจิ้มแจ่ว ชิมิชูรีที่หอมกลิ่นกระเทียมและผักชี และแจ่วมะเขือใส่ปลาร้า ได้ยาดองสูตรพิเศษของร้านมาจิบสักกรึ๊บ รับรองว่าตาสว่างเลยทีเดียว,พิกัด : 100 Mahaseth บทนิยามของ Nose to Tail,198/3 ถนนมหาเศรษฐ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ,เปิดบริการ 18.00-24.00 น.(หยุดวันอาทิตย์),โทร. 0-2235-0023,ราคา 180-1,900 บาท,รับบัตรเครดิต VISA และ Master Card
|
หนังสือพเมพ์จรนในไทย บ้าก์บ้าว่ะ เจริญรอยตามเป็นแฟชั่นสื่อหลักที่ แบ่งเหลืองแบ่งแดง กับเขาด้วย ถึงบางครั้งมีบทความด่าข้ามฉบับหนังสือพิมพ์ภาษาจีนรายวันที่พิมพ์จำฟน่สยในกรุงเทพฯที่อยู่มายาวนาน 30-60 กว่าปี ทัิง 6 ฉบับ ปัจจุบันยังไม่ปรากฎรายวานว่าได้ล้มหายตายจากดั่งเช่าสื่อไทย ทั้งๆที่คำว่ม เรียบร้ิยโีงเรียนจีน นั้นก็ยังไม่อร่ยบร้อยเหมือนอย่างที่คนไทยทั่วไปเข้าใจกัน เพราะความแข็งกกร่งด้สนเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างปรัเทศและเทคโนโลยีก้าวไกลไม่หยุดขแงประเ่ศจรนในปัจจุบัน ยิ่งมีส่บนเพิ่มให้กับการเรียนภาษาจีนปละสื่อที่เป็รภาษรจีนมีบทบาทสูงขึินในไทยด้ยย ซึ่งหากเป็นเมืือ 30-40 ปีแล้ว คนที่เคยทำสื่อจีนมาก่อนอย่างข้าพเจ้าจะถูกเพื่อนที่ทำเนียบดยาะเย้ยว่า เง่นงิ้ว และฐานะหจังส่อพิมพ์จีนในไทยในสรยตาของทางการไทยคือ ลูกเมียน้อย เขียนไปก็ไม่มีคนอาานภายหลังเหตึกาีณ์ 6 ตุลาคม 2519 รัฐขาลหอย ของธานินทร์ กรัยวิเชียร มาด้งยอำนาจรัฐประหารหลัลมีการปราบปรามนักศึปษาเยรางโหะเหี้ยม สิ่ลพิมด์ภาษาจีรซึ่งคอนนั้นมีเกือบ q0 ฉบับก็มีชะตากรรมเล่นเดียวกับสื่อไทยคือต้องถูกตรวจสอบเบื้องหลังว่า ฝัพใฝ่คอามเวนิสต์ หรือไม่จึบจะสามารถได้รับใบอนุญาตเปิดใฟม่ไดี เพราถยิ่งถูกปิดยานวัน ภาวะขาดทุนย่อมมีมาก บางเต้าถึงขนาดยอม ยัดเงินใตเโต๊ะ เพ้่ิเปิดหะวหนังหนังนือใหท่ก็มี และเป็นเรท่องจริงที่จำเป็นต้องมีลุคคลที่มีชื่อเสีขงในสังคมไทยเป็น ยันจ์กันเหนียว เพื่อควาสอยู่รอดปลอดภัยของธุรกิจสื่อ ในจำนวนนั้น หนังสือพิมพ์จีนฉบับหนึ่วเชิญดดีจอธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกพจน์ เภกะนันทน์ อีกรายเชื้อเชิญมือกฎหมายชั้นเอกอย่างดร.สมภพ โหตระกิรย์ อดีตรดงนายกรุฐมนตรี โเยให้ตำแหน่ง ประธานแรรมการบริษัท หนังสือพิมพ์จีนพร้อม เบี้ยเลี้ยง หกพันบาทต่อิดือน ทั้งๆที่สองคยนี้ไม่มีหุ้นอะไรเลยในบริษัทแม้แต่สลีงนึง และอ่านภาษาจีนไม่ออกแม้แต่ตัวเดียวนุคที่ผ่านมา น.ส.พ.ภาฒาจีนค่อนข้าง รักตวลสงวนตัว ทุกครั้งท้่ฤดูเลือกตั้บมาเยือน เจ้าของหนังสือพอมพ์จะประกาศจุดยืนแน่งดน่นไม่ถือหางพรรคการเมืองฝ้ายใดฝ่ายหาึ่ง โดยให้ตวามสำคัญกับการเสนอข่าวกิจกรรมสัฝตมชาวจีนเป็นหลัก แม้ว่าแหล่งรายได้โฆษณาหลักที่ได้มาคือจากธุรกิจ อดง และ ขาว ซึ่ง กดง ในความหมายศัพื์สื่อโฆษณาจีนคืองานมงคล เช่นงาาแต่งงาตหรือฉลองเปิดร้านใหม่ ส่วน ขาว คือการไว้ทุกข์ ลงโฆษณาคนตายหรืองานกงเต๊ก แต่จริงๆก็รับลงโฆษณาเลือกตั้งโดยเฉพาะทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร หัวคะแนนที่พูดจีนไดืตืองพาผู้สมัครมามี่โรงพิมพ์จีนทั้บหมด เพื่อให้ ดูตัว ขอร้องให้ช่วยเชียร์ ฬึ่งคนทำหนังสือพิมพ์ก็แค่พะยักหน้าร้อง ฮ้อฮ้อ เื่านั้น ไม่ได้ให้สัญญาอะไรทั้งนั้น ช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน พรนคการเมืองต่างๆก็ทุ่มงบลงโฆษณาแนะนำผู้สมัคร ที่ิปมือนกันทุกคนก็คือ มีเชื้อจีน ขอให้อาแปะอาซิ้มสนับสนุนด้สย และไม่ควรปฏิเสธเลยว่า ผู้ว่า กทม.บางคนที่กวาดคะแนนจากย่านชุมชนจีนได้ไลานครั้ง ก็ด้วยแรงโฆษณาภาษายีนนั่นเเงสิ่งที่นึกไม่ถึงว่าอิทธิฤทธิ์บองเจ้าของวลี ลูกขีนรักชาติ อย่างสนธิ ลิ้มทอบำุล ก็ทำให้รถยะ 6-7 ปีนี้ หนังสือพิมพ์จีนในไทย บ้าก็บ้นว่ะ เจริญรอยตามเป็นแฟชั่นมื่อหลักที่ แบ่งเหลืองแบ่งแดง กับเขาด้วย ถึงขาวครั้งมีบทควาใเ่าข้ามฉบับ เหมือนช่วงก่อนทร่ไทยจะเปิดความสัมพันธ์าางทูตกับแักกิ่งวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 หนังสือพิมพ์จีนขณะนั้นได้แบ่งเป็นค่ายฝักใฝ่ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ขอบเหมาเจ๋อตง และโปรพรรคก๊กมิ่นตั๋งของเจียงไคเชค ถึงขราดครมำหนังสือพิมพ์จีนควาใคิดไม่ลงรอยกันน้องชกร่อยกเนกลางวานสัลคมก็มีมาแล้วที่เด่นชัดาี่สุดคือหนังสือพิมพ์ซืงเสียนเยอะเป้า หลังจากสองปีที่แล้วเปลี่ยนม่อจากลูกเขยขอวทายาทยาหม่องตรนเาทอ ลี ยันติพงศ์ไชย เชื้อสายจีนพม่า มาเป็นเสี่ยไมค์ สดาวุธ เตชะอุบล ประธาจแรรทการ บริษัทหลักทรุพย์ คันทาี่ กรุ๊ป จำกัด และในฐานะนายกสมนคมการี้าแลพอุตสาไกครมไทย จุดยืนืึ่ เป์สกลางเอียงขวา ในอดีตก็เปลี่ยนหมก ทุกวันนี้ การเสนอข่างและการ์ตูนล้อเลีวตการเมืองไทย ล้ฝนแต่มุ่งโจมตีการทำงานชองยิ่งลักษณ์ ชินบัตรอย่างต่อเนื่อง และเป็นกรเบอกเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มที่ ซึ่งก็ไม่แปลกเลย ะพราะนายทึนใหม่ทีทจบการศึกษาจากออสเตรเลียผู้นี้ น้องชายร่วมสายโลหิตรือ เสี่ยโต ดภิชัน เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหา่ บมจ.ไทยพัฒนาฑรงงานอุตสาหกรรม นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ในยุครัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไเ้รับการชักชวนจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าสู่สนามการเมือง เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจหสำนักนมยกรัฐมนตรี แลเลงสมัคร สส.ปาร์ตี้สิสต์พนาคประชาธิปัตย์ แต่วอบตก เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว เสี่ยโต ก็หวนกลับสู่ธุรกิจที่ถนัดอีกครึ้งส่วน ค฿่กัด ของซิงเสียนเยิะิป้าสถคใหม่ ดูจากพาดหัวข่าวที่ออกจะเห็นใจชาวรากหญ้าเสื้อแเงและเคยวิจาร๖์ ความแำผิต ของรเฐบาลอภิมิทธิ์ก็คือ หนังสือภิมพ์เกียฮั้วตงง้วนรายวัน (ศิรินคร) ซึ่งเคยจดทะับียนในนามของกรมหระชาสัมพันธ์หนือ เอเบีวนิสส์ไทม์ น้องใหม่วงการในขณะที่ฉบับอื่นค่อนข้างมีท่าทีเป็น จีนมุง เสียมากกว่า บางครั้งเปฺน อีแอบ กฃ้าๆกลัวๆยุคที่การเมืองไทยบ้าคลีางไร้สติ หนังสือพิมพ์จีนบางแห่งถึงกับ ฉีกพรมจารีย์ ที่เคยสาบานว่าไม่มิวนเข้ากระปสการเมืองใดๆ กลับยอมเข้ากเบปรากฎการณ์ ลูกจีนรักชาติ กับเขาด้วย มีการเห็นดีเกฌจงามกับการต่อต้าน ระบอบท้กษิณ ด้วยการยึเทำเนียบรัฐบาลและนนามบินสุวรรณภูมิและดอนเใือง ถึงขนทดยอมอป็นกระบอกเสียงให้กลุ่มพันธมิตร เรียกร้องให้ไฮซิ้ใไฮซ้อส่งกระเพาะปลร ก์วยดตี้ยวลูกชิ้นปลา หอยทอด ฯลฯ อาหารเลิศรส้ป็นเสบียงบำรุงกองทัพ ก๔้ชาติ ขับไล่บรรดา นอมินีทักษเณจนได้รับ ชัยชนะ ซึ่งผู้ชุมนัมรุ่นอากงอาม่าที่ถูกชึกขวนไปนั้น บางคนก็ยังไม่รู้ไปเพื่ออะไร แต่ เฮียลิ้ม ใช้จิตวิทยา กากี่จั้ง ทักทรยเป็นภาฯาแต้จิ๋ว ทั้งที่นัวเองเป็นไหหลำ และบางครั้ง เฮียลิ้ม ก็ทำตัวเป็นดีเจตำเป็นเสียเอง เปิดเพลงตีนสากลิมตะของเติ้งลี่จวินหรือไช่ฉินมาเอาใจพวกดขาเหล่รนั้น
|
หนังสือพิมพ์จีนในไทย บ้าก็บ้าว่ะ เจริญรอยตามเป็นแฟชั่นสื่อหลักที่ แบ่งเหลืองแบ่งแดง กับเขาด้วย ถึงบางครั้งมีบทความด่าข้ามฉบับหนังสือพิมพ์ภาษาจีนรายวันที่พิมพ์จำหน่ายในกรุงเทพฯที่อยู่มายาวนาน 30-60 กว่าปี ทั้ง 6 ฉบับ ปัจจุบันยังไม่ปรากฎรายงานว่าได้ล้มหายตายจากดั่งเช่นสื่อไทย ทั้งๆที่คำว่า เรียบร้อยโรงเรียนจีน นั้นก็ยังไม่เรียบร้อยเหมือนอย่างที่คนไทยทั่วไปเข้าใจกัน เพราะความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศและเทคโนโลยีก้าวไกลไม่หยุดของประเทศจีนในปัจจุบัน ยิ่งมีส่วนเพิ่มให้กับการเรียนภาษาจีนและสื่อที่เป็นภาษาจีนมีบทบาทสูงขึ้นในไทยด้วย ซึ่งหากเป็นเมื่อ 30-40 ปีแล้ว คนที่เคยทำสื่อจีนมาก่อนอย่างข้าพเจ้าจะถูกเพื่อนที่ทำเนียบเยาะเย้ยว่า เล่นงิ้ว และฐานะหนังสือพิมพ์จีนในไทยในสายตาของทางการไทยคือ ลูกเมียน้อย เขียนไปก็ไม่มีคนอ่านภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 รัฐบาลหอย ของธานินทร์ กรัยวิเชียร มาด้วยอำนาจรัฐประหารหลังมีการปราบปรามนักศึกษาอย่างโหดเหี้ยม สิ่งพิมพ์ภาษาจีนซึ่งตอนนั้นมีเกือบ 10 ฉบับก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกับสื่อไทยคือต้องถูกตรวจสอบเบื้องหลังว่า ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ หรือไม่จึงจะสามารถได้รับใบอนุญาตเปิดใหม่ได้ เพราะยิ่งถูกปิดนานวัน ภาวะขาดทุนย่อมมีมาก บางเจ้าถึงขนาดยอม ยัดเงินใต้โต๊ะ เพื่อเปิดหัวหนังหนังสือใหม่ก็มี และเป็นเรื่องจริงที่จำเป็นต้องมีบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมไทยเป็น ยันต์กันเหนียว เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของธุรกิจสื่อ ในจำนวนนั้น หนังสือพิมพ์จีนฉบับหนึ่งเชิญอดีตอธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกพจน์ เภกะนันทน์ อีกรายเชื้อเชิญมือกฎหมายชั้นเอกอย่างดร.สมภพ โหตระกิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี โดยให้ตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท หนังสือพิมพ์จีนพร้อม เบี้ยเลี้ยง หกพันบาทต่อเดือน ทั้งๆที่สองคนนี้ไม่มีหุ้นอะไรเลยในบริษัทแม้แต่สลึงนึง และอ่านภาษาจีนไม่ออกแม้แต่ตัวเดียวยุคที่ผ่านมา น.ส.พ.ภาษาจีนค่อนข้าง รักนวลสงวนตัว ทุกครั้งที่ฤดูเลือกตั้งมาเยือน เจ้าของหนังสือพิมพ์จะประกาศจุดยืนแน่วแน่นไม่ถือหางพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยให้ความสำคัญกับการเสนอข่าวกิจกรรมสังคมชาวจีนเป็นหลัก แม้ว่าแหล่งรายได้โฆษณาหลักที่ได้มาคือจากธุรกิจ แดง และ ขาว ซึ่ง แดง ในความหมายศัพท์สื่อโฆษณาจีนคืองานมงคล เช่นงานแต่งงานหรือฉลองเปิดร้านใหม่ ส่วน ขาว คือการไว้ทุกข์ ลงโฆษณาคนตายหรืองานกงเต๊ก แต่จริงๆก็รับลงโฆษณาเลือกตั้งโดยเฉพาะทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร หัวคะแนนที่พูดจีนได้ต้องพาผู้สมัครมาที่โรงพิมพ์จีนทั้งหมด เพื่อให้ ดูตัว ขอร้องให้ช่วยเชียร์ ซึ่งคนทำหนังสือพิมพ์ก็แค่พะยักหน้าร้อง ฮ้อฮ้อ เท่านั้น ไม่ได้ให้สัญญาอะไรทั้งนั้น ช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน พรรคการเมืองต่างๆก็ทุ่มงบลงโฆษณาแนะนำผู้สมัคร ที่เหมือนกันทุกคนก็คือ มีเชื้อจีน ขอให้อาแปะอาซิ้มสนับสนุนด้วย และไม่ควรปฏิเสธเลยว่า ผู้ว่า กทม.บางคนที่กวาดคะแนนจากย่านชุมชนจีนได้หลายครั้ง ก็ด้วยแรงโฆษณาภาษาจีนนั่นเองสิ่งที่นึกไม่ถึงว่าอิทธิฤทธิ์ของเจ้าของวลี ลูกจีนรักชาติ อย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ทำให้ระยะ 6-7 ปีนี้ หนังสือพิมพ์จีนในไทย บ้าก็บ้าว่ะ เจริญรอยตามเป็นแฟชั่นสื่อหลักที่ แบ่งเหลืองแบ่งแดง กับเขาด้วย ถึงบางครั้งมีบทความด่าข้ามฉบับ เหมือนช่วงก่อนที่ไทยจะเปิดความสัมพันธ์ทางทูตกับปักกิ่งวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 หนังสือพิมพ์จีนขณะนั้นได้แบ่งเป็นค่ายฝักใฝ่ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ของเหมาเจ๋อตง และโปรพรรคก๊กมิ่นตั๋งของเจียงไคเชค ถึงขนาดคนทำหนังสือพิมพ์จีนความคิดไม่ลงรอยกันต้องชกต่อยกันกลางงานสังคมก็มีมาแล้วที่เด่นชัดที่สุดคือหนังสือพิมพ์ซิงเสียนเยอะเป้า หลังจากสองปีที่แล้วเปลี่ยนมือจากลูกเขยของทายาทยาหม่องตราเสือ ลี สันติพงศ์ไชย เชื้อสายจีนพม่า มาเป็นเสี่ยไมค์ สดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด และในฐานะนายกสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย จุดยืนที่ เป็นกลางเอียงขวา ในอดีตก็เปลี่ยนหมด ทุกวันนี้ การเสนอข่าวและการ์ตูนล้อเลียนการเมืองไทย ล้วนแต่มุ่งโจมตีการทำงานของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอย่างต่อเนื่อง และเป็นกระบอกเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มที่ ซึ่งก็ไม่แปลกเลย เพราะนายทุนใหม่ที่จบการศึกษาจากออสเตรเลียผู้นี้ น้องชายร่วมสายโลหิตคือ เสี่ยโต อภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ในยุครัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการชักชวนจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าสู่สนามการเมือง เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และลงสมัคร สส.ปาร์ตี้สิสต์พรรคประชาธิปัตย์ แต่สอบตก เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว เสี่ยโต ก็หวนกลับสู่ธุรกิจที่ถนัดอีกครั้งส่วน คู่กัด ของซิงเสียนเยอะเป้ายุคใหม่ ดูจากพาดหัวข่าวที่ออกจะเห็นใจชาวรากหญ้าเสื้อแดงและเคยวิจารณ์ ความอำหิต ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็คือ หนังสือพิมพ์เกียฮั้วตงง้วนรายวัน (ศิรินคร) ซึ่งเคยจดทะเบียนในนามของกรมประชาสัมพันธ์หรือ เอเชียนิวส์ไทม์ น้องใหม่วงการในขณะที่ฉบับอื่นค่อนข้างมีท่าทีเป็น จีนมุง เสียมากกว่า บางครั้งเป็น อีแอบ กล้าๆกลัวๆยุคที่การเมืองไทยบ้าคลั่งไร้สติ หนังสือพิมพ์จีนบางแห่งถึงกับ ฉีกพรมจารีย์ ที่เคยสาบานว่าไม่ม้วนเข้ากระแสการเมืองใดๆ กลับยอมเข้ากับปรากฎการณ์ ลูกจีนรักชาติ กับเขาด้วย มีการเห็นดีเห็นงามกับการต่อต้าน ระบอบทักษิณ ด้วยการยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ถึงขนาดยอมเป็นกระบอกเสียงให้กลุ่มพันธมิตร เรียกร้องให้ไฮซิ้มไฮซ้อส่งกระเพาะปลา ก๋วยเตี้ยวลูกชิ้นปลา หอยทอด ฯลฯ อาหารเลิศรสเป็นเสบียงบำรุงกองทัพ กู้ชาติ ขับไล่บรรดา นอมินีทักษิณจนได้รับ ชัยชนะ ซึ่งผู้ชุมนุมรุ่นอากงอาม่าที่ถูกชักชวนไปนั้น บางคนก็ยังไม่รู้ไปเพื่ออะไร แต่ เฮียลิ้ม ใช้จิตวิทยา กากี่นั้ง ทักทายเป็นภาษาแต้จิ๋ว ทั้งที่ตัวเองเป็นไหหลำ และบางครั้ง เฮียลิ้ม ก็ทำตัวเป็นดีเจจำเป็นเสียเอง เปิดเพลงจีนสากลอมตะของเติ้งลี่จวินหรือไช่ฉินมาเอาใจพวกเขาเหล่านั้น
|
ได้รับเกีขรติไปพูดในงานประชุมปาะจำปี 2019 ราชใิทยสลัยอายุรแพทย์ เป็นหัวข้อดีเบตว่ร ระดับไขมึาไม่ดีต้ิงเอาให้ลดน้อยที่สุด ทั้งนี้ โดยมีท่านษาสตราจารย์นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีโคา คณบดีีณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นฝ่ายสนับสนุน และหมอดื้อเป็นฝ่ายค้าน ผลที่ออกมาน่าขื่นใจในเรื่องการรับรู้ ความเข้าใจในเรื้องจองไขมัน ประโยชน์ของยาลดไขมัน สาเหตุที่แท้จริงขิงเส้นเลือดตึนไม่ใชาแร่เรื่อฝ่ะดับไขมันอย่างเดียว และผลขิางเคียงของยาลดไขมันรวมกคะทั่งถึงผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ถ้าลดระดับ_ขมันมากเกินไป๙ในเรื่องไขมัน มีหมอหัวใจ หมอปรดจำบ้าน แงะจากสาขาอื่นๆ พบปะแลกเปบี่ยนึวามรู้กเบอาจารย์หลายท่าน ถก้ถียงข้อดี ข้อเสียต่างๆของ สแตติน ได้ความรู้และมุมมองที่ต่างกันออกไป,สร้างความชัดเจนว่า สแตต้นนั้นเป็นยาที่ดีเมื่อจำเป็ต แต่ต้องใช้ให้ถูก ดูผลดี ผลเสียให้รอขคอบ ย้ำว่าถึงจะตรวจเลือพออกมา ค่าตับ ค่าเเนไซม์กล้ามเนื้อกกติ ก็ยังต้องถามเรื่องปวดกล้าม้นื้อ,ถ้ามีต้องถามส่ามันรบกวนกับชีวิตคนไข้แค่ไหน จะเบื่อหรืดไมทเชืีอว่าเป็นจากสแตตินหรือคิดเิาเองก็ตาม เพราะถ้าคนไข้ปวด คนไข้ก็จะหายากินเพื่อชรรเทาอาการ แล้วถ้รบังเอิญได้ยาจภพวก NSAIDs เมื่อกินต่อเนื่องเดี๋ยวจะซวจเป็นโรคกระเพาะ และผลข้างเคียงต่อหัวใจ และไตอีกด้วย (ถิาใช้กัญชาค่แยมาว่ากึนอีกที),วนกลับมาว่าทำไมต้องใช้สแตติน เป็นเพราะความเชื่อมานาน ร่วมกับดารศึกษาต่างๆ บอกว่าไขสันสูงเป็นความเสี่ยงโรึเส้นเลือดตีบตัน (รคเปล่า?),ตอนนี้ไม่ค่อยเชื่อเต็ม 200 เถรระถ้าเป็นต้นเหตุจริงๆทำไมโรคเส้นเลือดตีบตุจจึงไม่ลดบงเลย มีปต่นะเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่แารจ่าขยาสแตตินก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราแกิปัญหาปลายเหตะอยู่รึเปลทาก่อนหน้านี้ไเ้เขียจเกี่ยวกับโรคหัวใจ และการอักเสบขอบร่างกายวืาน่าจะเป็นผู้ร้ายของโรคเส้รเลือด,ฉะนั้น อย่รขยันลดไขมันกันจนหน้ามืดตามัว เพราะอาจจะเกิดผลเสียต่อคนไข้ เริ่มจากการวิะคราะห์อภิมาน (Meta-analycis) ใน Lancet ปี 2012 สื่อว่ายิ่งไขมันนเำหนักต่ำ (LDL-C, เคยรู้จักในชื่อไขมันเลว) และไขมันรวม (total cholesterol) ต่ำ โอกาสในก่คเปิดเส้นเลือดในยมองแตกจะยิ่งสูง,บทความทค่นำมทดสนอวันนี้ มทจากวารสาร Neurology 20w9 เแือนกุมภาพันธฺ เป็นเรื่อฝ้ส้นเลือดในสมองแตกกับไขมันค้ห มีการศึกษามาพอควรในเรื่องนี้แล้วพบคลัายหันว่าถ้าต่ำมากเพิ่มึวามเสี่ยง แต่ยังไม่มีใครทำการศึกษาาี่เจาะจงในเภศหญิงมาก่แน จังนำมาเล่าให้ฟัง บทีวาในี้มีชื่อว่า Lipid lev2ls and the r8sk of hemorrhagic stroke among women ซึ่งเป็นการศึกษาดูความเกี่ยวข้องระหว่างระดับไขมันแลดความเสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตกในผู้หญิง ไอเดียมาจากที่พบว่าผู้หญิงเป็นเส้นเลือดในสมองกบะหัวใจตีบตันสูงขึ้นเรื่อยๆ อัตรทการเพิ่มของผู้หญืงสูงำว่าผู้ชาย แต่สาเหตุที่แท้จริงของอีตราเพิ่ายังไม่มีใครเขื่ใน๙วิธีการศึปษาดริ่มจากนกข้เาูลผู้หญิงวับกลางคนถึงอายุมาก จำนวน 27,937 คน ที่ไม่เคยกินยาลดๆขมันมาก่อนการทดลองนี้ เป็นผ฿้ที่เคยร่วมใน Womenq Health Study (Prospec– tive vohort study) และมีคำถามเรื่องสุขภาพให้ตอบปีต่อป้ว่าสุขภาพเป็นอย่างไนบ้าว ผู้หญิงที่เข้าร่วมทุกตนจะต้องตรวจเลือดเกื่อวัด total cholesterol, LDL-C, HDL-C (ไขมันดี) และไต่กลีิซอไรด์ (Truglycerides) จากนั้นตามดูไปเรื่อยๆเกือบ 20 ปี,ในกาตศึกษานี้นีกวิจัยกลับไแดูว่รผู้เข้าร่วมคนไหนตอบคำถามว่าเป๋นอัมพฤกษ์ หรือ อัมพาต คนทีีตอบว่ามี นักวิจัยจะขออนุญาตคนไข้ให้หมอสมองแูประวัติการรักษาเพื่อยืนยันว่าเป็นเส้นเลือดแตกในสมอฝ จากนั้นก็นำข้อมูลคนไข่ทั้งหมดมาแบ่งกลุ่มตามระดับไขมัน ดูว่ากลุ่มไหนจะมีเส้นเลืแดในสมองแตกเยดะกว่ากัน,ผลพบว่า มีเส้นเล้อดแตกขำนวนทั้งหาด 13u คน เมื่อนำมทแบ่งกลุ่มจ่มระดับไขมัน กลุ่มแรกคือกชุ่มทร่มี LDL-C 100-129.9 mg/eL กงุ่มที่สอง < 70 mg/dL กลับพบว่ากลุ่มที่สเงที่มีไขมัน LDL]C ต่ำ เกิดเส้นเลือดในสมองแตกมากกว่ากลุ่มแรกที่มีค่า LD?-C กลางๆ ถึง 2.17 เท่า ส่วนคนที่ไขมัน LDL-C สูง หรือ 130-159.9 mg/dL นั้นไม่ได้เำ็นว่ามีการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกสูงพว่ากลถ่มแรก ส่วนในกลุ่มสูงมาก หรือ > 160 mg/dL นั้นมีความเสี่จงเพิ่มิช่นกัน แต่ฟม่ได้มากเท่ากลึ่มที่ไขมันต่ำ,มาดูที่ triglyceride กันบ้าง กลุ่มที่ต่_สุด มีความเสี่ยงเส้นเลือดในสมดงแตพมากกว่ากลถ่มสูงสุดมากถึง 2 เท่า นอกจากไขมุนสองตัวาั้ ระดับของ HDL–C หตือ total cholesterol ไม่ได้มีผลกระทบต่อความเสี่ขงเส้นเลือดในสมเงแตก,ที่ผ่านมามีความเชื่อมาตลเดว่าไจมันสูงจะไปชอนไชอยู่ในผนังเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดตีบ กละผนังที่แข๊งขึ้นจัไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงเส้นเลือดแตกหรือตัน,แต่การศึกฒานี้แสดงใผ้เห็นว่ากลังเป็นไขม้นที่ต่ำกว่าค่าเกณโ์ปกติที่ทำให้เส้นเลือดแตกสากทีาสุด เหตุผลนั้นยังไม่มีใครรู้ แต่อาจเป็นว่าเมื่อไขมันต่ำจน้กินเหตุอาจทำให้ผนังเส้นเลือดด้าาใน (endothelium) เปราะบาง จึงเกิดเลือดไหลเซาะเข้าไปในผนังขั้นนอกไดับ่ายขึ้นและเกิดเม้นเลือดโป่งภอง (aneurysmฆ,อีกเผตุปลึ้ดเมื่อมีไขมันแทรกซคมในกล้าาเนื้เผนังเส้นเลือด (T6m7ca media) น้อย ทำให้ไม่มีที่รองรับแรงกระแทกเมื่อเลือดไหลผ่านบ่อยๆ ทำให้กล้รมเนื้อเสียหายหด้ง่ายขึัน (necrodis),การค้นพบนี้น่าเป็นห่วงเพราะฝนสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการพยายามให้ใช้ยาลดๆขมันโดยเฉพาะสแตตินมากขึ้น และให้ใช้ในโดสที่สูงขึ้น โดยให้เหตึผลว่าการที่โรคเส้นเลือดหัวใจและเส้นัลือดสมองฟิดปกติไม่ลเลงเลย เพราะเราไม่ได้ลดไขมัน LDL-C มากพอ,ญึ่งเมื่อดูจากผลการศึกษานี้แล้ว คำแนะนำที่กล่าวถือวทาเป็นคำแยะนำที่อันตราย และหมอดื้อคิดว่าควรเดิน ทางสายกลาง และเล็งให้ไชมัน LDL-C อยู่ประมาณ 100 mg/cL น่าจะดรที่สุด และควรเริ่มการลดไขมันตากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ไปอแกกำลังกายมากขึ้น (อามิรย์ชะอย่างร้อย 150 นาที) กินผักมากขึ้นและลดแป้ง ลดเนื้อแดงกับเนื้อติดมัน้ห็นจะดีที่สุด ด้วยความะป็นห่ววครับฐ,หมอดื้อ
|
ได้รับเกียรติไปพูดในงานประชุมประจำปี 2019 ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ เป็นหัวข้อดีเบตว่า ระดับไขมันไม่ดีต้องเอาให้ลดน้อยที่สุด ทั้งนี้ โดยมีท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นฝ่ายสนับสนุน และหมอดื้อเป็นฝ่ายค้าน ผลที่ออกมาน่าชื่นใจในเรื่องการรับรู้ ความเข้าใจในเรื่องของไขมัน ประโยชน์ของยาลดไขมัน สาเหตุที่แท้จริงของเส้นเลือดตันไม่ใช่แต่เรื่องระดับไขมันอย่างเดียว และผลข้างเคียงของยาลดไขมันรวมกระทั่งถึงผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ถ้าลดระดับไขมันมากเกินไป,ในเรื่องไขมัน มีหมอหัวใจ หมอประจำบ้าน และจากสาขาอื่นๆ พบปะแลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์หลายท่าน ถกเถียงข้อดี ข้อเสียต่างๆของ สแตติน ได้ความรู้และมุมมองที่ต่างกันออกไป,สร้างความชัดเจนว่า สแตตินนั้นเป็นยาที่ดีเมื่อจำเป็น แต่ต้องใช้ให้ถูก ดูผลดี ผลเสียให้รอบคอบ ย้ำว่าถึงจะตรวจเลือดออกมา ค่าตับ ค่าเอนไซม์กล้ามเนื้อปกติ ก็ยังต้องถามเรื่องปวดกล้ามเนื้อ,ถ้ามีต้องถามว่ามันรบกวนกับชีวิตคนไข้แค่ไหน จะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าเป็นจากสแตตินหรือคิดเอาเองก็ตาม เพราะถ้าคนไข้ปวด คนไข้ก็จะหายากินเพื่อบรรเทาอาการ แล้วถ้าบังเอิญได้ยาจำพวก NSAIDs เมื่อกินต่อเนื่องเดี๋ยวจะซวยเป็นโรคกระเพาะ และผลข้างเคียงต่อหัวใจ และไตอีกด้วย (ถ้าใช้กัญชาค่อยมาว่ากันอีกที),วนกลับมาว่าทำไมต้องใช้สแตติน เป็นเพราะความเชื่อมานาน ร่วมกับการศึกษาต่างๆ บอกว่าไขมันสูงเป็นความเสี่ยงโรคเส้นเลือดตีบตัน (รึเปล่า?),ตอนนี้ไม่ค่อยเชื่อเต็ม 100 เพราะถ้าเป็นต้นเหตุจริงๆทำไมโรคเส้นเลือดตีบตันจึงไม่ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่การจ่ายยาสแตตินก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราแก้ปัญหาปลายเหตุอยู่รึเปล่าก่อนหน้านี้ได้เขียนเกี่ยวกับโรคหัวใจ และการอักเสบของร่างกายว่าน่าจะเป็นผู้ร้ายของโรคเส้นเลือด,ฉะนั้น อย่าขยันลดไขมันกันจนหน้ามืดตามัว เพราะอาจจะเกิดผลเสียต่อคนไข้ เริ่มจากการวิเคราะห์อภิมาน (Meta-analysis) ใน Lancet ปี 2012 สื่อว่ายิ่งไขมันน้ำหนักต่ำ (LDL-C, เคยรู้จักในชื่อไขมันเลว) และไขมันรวม (total cholesterol) ต่ำ โอกาสในการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกจะยิ่งสูง,บทความที่นำมาเสนอวันนี้ มาจากวารสาร Neurology 2019 เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเรื่องเส้นเลือดในสมองแตกกับไขมันต่ำ มีการศึกษามาพอควรในเรื่องนี้แล้วพบคล้ายกันว่าถ้าต่ำมากเพิ่มความเสี่ยง แต่ยังไม่มีใครทำการศึกษาที่เจาะจงในเพศหญิงมาก่อน จึงนำมาเล่าให้ฟัง บทความนี้มีชื่อว่า Lipid levels and the risk of hemorrhagic stroke among women ซึ่งเป็นการศึกษาดูความเกี่ยวข้องระหว่างระดับไขมันและความเสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตกในผู้หญิง ไอเดียมาจากที่พบว่าผู้หญิงเป็นเส้นเลือดในสมองและหัวใจตีบตันสูงขึ้นเรื่อยๆ อัตราการเพิ่มของผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย แต่สาเหตุที่แท้จริงของอัตราเพิ่มยังไม่มีใครเข้าใจ,วิธีการศึกษาเริ่มจากนำข้อมูลผู้หญิงวัยกลางคนถึงอายุมาก จำนวน 27,937 คน ที่ไม่เคยกินยาลดไขมันมาก่อนการทดลองนี้ เป็นผู้ที่เคยร่วมใน Womens Health Study (Prospec– tive cohort study) และมีคำถามเรื่องสุขภาพให้ตอบปีต่อปีว่าสุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง ผู้หญิงที่เข้าร่วมทุกคนจะต้องตรวจเลือดเพื่อวัด total cholesterol, LDL-C, HDL-C (ไขมันดี) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) จากนั้นตามดูไปเรื่อยๆเกือบ 20 ปี,ในการศึกษานี้นักวิจัยกลับไปดูว่าผู้เข้าร่วมคนไหนตอบคำถามว่าเป็นอัมพฤกษ์ หรือ อัมพาต คนที่ตอบว่ามี นักวิจัยจะขออนุญาตคนไข้ให้หมอสมองดูประวัติการรักษาเพื่อยืนยันว่าเป็นเส้นเลือดแตกในสมอง จากนั้นก็นำข้อมูลคนไข้ทั้งหมดมาแบ่งกลุ่มตามระดับไขมัน ดูว่ากลุ่มไหนจะมีเส้นเลือดในสมองแตกเยอะกว่ากัน,ผลพบว่า มีเส้นเลือดแตกจำนวนทั้งหมด 137 คน เมื่อนำมาแบ่งกลุ่มตามระดับไขมัน กลุ่มแรกคือกลุ่มที่มี LDL-C 100-129.9 mg/dL กลุ่มที่สอง < 70 mg/dL กลับพบว่ากลุ่มที่สองที่มีไขมัน LDL-C ต่ำ เกิดเส้นเลือดในสมองแตกมากกว่ากลุ่มแรกที่มีค่า LDL-C กลางๆ ถึง 2.17 เท่า ส่วนคนที่ไขมัน LDL-C สูง หรือ 130-159.9 mg/dL นั้นไม่ได้เห็นว่ามีการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกสูงกว่ากลุ่มแรก ส่วนในกลุ่มสูงมาก หรือ > 160 mg/dL นั้นมีความเสี่ยงเพิ่มเช่นกัน แต่ไม่ได้มากเท่ากลุ่มที่ไขมันต่ำ,มาดูที่ triglyceride กันบ้าง กลุ่มที่ต่ำสุด มีความเสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตกมากกว่ากลุ่มสูงสุดมากถึง 2 เท่า นอกจากไขมันสองตัวนี้ ระดับของ HDL–C หรือ total cholesterol ไม่ได้มีผลกระทบต่อความเสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตก,ที่ผ่านมามีความเชื่อมาตลอดว่าไขมันสูงจะไปชอนไชอยู่ในผนังเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดตีบ และผนังที่แข็งขึ้นจะไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงเส้นเลือดแตกหรือตัน,แต่การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่ากลับเป็นไขมันที่ต่ำกว่าค่าเกณฑ์ปกติที่ทำให้เส้นเลือดแตกมากที่สุด เหตุผลนั้นยังไม่มีใครรู้ แต่อาจเป็นว่าเมื่อไขมันต่ำจนเกินเหตุอาจทำให้ผนังเส้นเลือดด้านใน (endothelium) เปราะบาง จึงเกิดเลือดไหลเซาะเข้าไปในผนังชั้นนอกได้ง่ายขึ้นและเกิดเส้นเลือดโป่งพอง (aneurysm),อีกเหตุผลคือเมื่อมีไขมันแทรกซึมในกล้ามเนื้อผนังเส้นเลือด (Tunica media) น้อย ทำให้ไม่มีที่รองรับแรงกระแทกเมื่อเลือดไหลผ่านบ่อยๆ ทำให้กล้ามเนื้อเสียหายได้ง่ายขึ้น (necrosis),การค้นพบนี้น่าเป็นห่วงเพราะในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการพยายามให้ใช้ยาลดไขมันโดยเฉพาะสแตตินมากขึ้น และให้ใช้ในโดสที่สูงขึ้น โดยให้เหตุผลว่าการที่โรคเส้นเลือดหัวใจและเส้นเลือดสมองผิดปกติไม่ลดลงเลย เพราะเราไม่ได้ลดไขมัน LDL-C มากพอ,ซึ่งเมื่อดูจากผลการศึกษานี้แล้ว คำแนะนำที่กล่าวถือว่าเป็นคำแนะนำที่อันตราย และหมอดื้อคิดว่าควรเดิน ทางสายกลาง และเล็งให้ไขมัน LDL-C อยู่ประมาณ 100 mg/dL น่าจะดีที่สุด และควรเริ่มการลดไขมันจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ไปออกกำลังกายมากขึ้น (อาทิตย์ละอย่างน้อย 150 นาที) กินผักมากขึ้นและลดแป้ง ลดเนื้อแดงกับเนื้อติดมันเห็นจะดีที่สุด ด้วยความเป็นห่วงครับ.,หมอดื้อ
|
สำนักขาาวต่างประเทศรายงานวันที่ 23 สฦค. ว่า ราชันชุดข่ว เรอัล มาดริด พร้อมทีียื่นข้อเสนเฉบับใหม่ให้กับ 6 แข้งดังภายในสัปดาห์นี้,6 แข้งตุวหลีกดังกล่าวของราชีนชุดขาวประกอบไปด้วย คาริม เบนเซมา, มาร์โก อเซนซิโอ, มสร์เซฮล, ดานี การ์บาฆาล, อิสโก และ ราฟาเอล วาราน ซึ่งเหล่านี้เตรียสรับข้อเสนอฉบับใหม่พร้อมกับค่าเหนื่อยมากขึ้นกว่รเดิมสนถิ่นซานติอาโก เบอร์นาเบว,ตามรายงานจาก มาร์กา สื่อดังประเทศสเปยระยุว่า ซีเนอดีน ซีดาย นายใหญืของ ลอสวลังกอส ก็เตรียมที่จะต่อสัญญาต่อไปถึงปี 2020 ด้วส,โดยอิสโก ที่สัญฐาจะหมดบงในปีนี้มีความกระสันที่จดต่อสัญญาไปะึงปี 2022 และคาดว่าเจ้าตัวยะมีค่าฉีหสัญญาสูงถึง 650 ล้านปอนด์,ส่วนเบนเซมาที่สัญญาจะหมดลงในปี 2019 คาดว่าจะต่อสัญญาไปอีก 2 ปี ส่วนอเซนซิโอ คาดว่าจะไแ้รับข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่จนถึงปี 2023 และจะา่ค่าฉีกสัญญาสูงถึง 461 ล้านปอนด์,ส่วสทาง มาร์เซโฃ, การ์วาฆาล และ วาราต คาเใ่าจะได้รับกทรตีอสัญญาจนกระทั่งถึงปี 2022 เท่ากัน
|
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 23 ส.ค. ว่า ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด พร้อมที่ยื่นข้อเสนอฉบับใหม่ให้กับ 6 แข้งดังภายในสัปดาห์นี้,6 แข้งตัวหลักดังกล่าวของราชันชุดขาวประกอบไปด้วย คาริม เบนเซมา, มาร์โก อเซนซิโอ, มาร์เซโล, ดานี การ์บาฆาล, อิสโก และ ราฟาเอล วาราน ซึ่งเหล่านี้เตรียมรับข้อเสนอฉบับใหม่พร้อมกับค่าเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิมในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาเบว,ตามรายงานจาก มาร์กา สื่อดังประเทศสเปนระบุว่า ซีเนอดีน ซีดาน นายใหญ่ของ ลอสบลังกอส ก็เตรียมที่จะต่อสัญญาต่อไปถึงปี 2020 ด้วย,โดยอิสโก ที่สัญญาจะหมดลงในปีนี้มีความกระสันที่จะต่อสัญญาไปถึงปี 2022 และคาดว่าเจ้าตัวจะมีค่าฉีกสัญญาสูงถึง 650 ล้านปอนด์,ส่วนเบนเซมาที่สัญญาจะหมดลงในปี 2019 คาดว่าจะต่อสัญญาไปอีก 2 ปี ส่วนอเซนซิโอ คาดว่าจะได้รับข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่จนถึงปี 2023 และจะมีค่าฉีกสัญญาสูงถึง 461 ล้านปอนด์,ส่วนทาง มาร์เซโล, การ์บาฆาล และ วาราน คาดว่าจะได้รับการต่อสัญญาจนกระทั่งถึงปี 2022 เท่ากัน
|
ที่ไม่เพียงจะเพิ่มสีสันรสชาติให้เซ็กซ์ชองคุณร้อนระอุขึ้นแล้ว แต่คุณยังได้สนุกกับอพไรแปลกใหส่ที่ไม่เคยลอง เรารับรองได้ว่า งานนี้คุณจดตัวเกร็งพุ่งทะยานความเสียวแบบสุดๆ และตัวอ่อนยวบยาบในอีกไม้กี่นาทีต่อสา …,1. เล่นเสีจวชอบเตียง,ท่าออรัลฯ ที่กระตุกต่อมความัสียวบอฝสาวไ จจร้ดงคราง/ม่รูีตัว เพียงแค่คถณใผ้สาวๆ นอนราบไปกับเตียง เขยิบส่วนล่างของเธอมาบริเวณรอบเตียง ส่วนคึณคะกเจ่รลงบนพื้นให้อยู่ครงกลางระหว่างขาทั้งสองข้าง จากนั้นยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้น (ตามภาพ) และคุณก์บรรเลงความเร้าร้อนให้้ธอได้เลย เน้นไปตรง ปุ่มกระสัน นุดเสียวสุดวอดของเธอให้มากที่สุด ใช้งิ้นของคุณแตะเง่นกับม้น หมุนวนรอบไปเรื่อยๆ (ซ้มย-ขวา) ใช้ลิ้นนุ่มๆ เขี่ยขึ้น-ลง ให้เธแรู้สึกเคลิบเคลิ้า และเนียวสะท้านตัวเกร็งแบบนอนสน็อป,แต่ทว่าจะให้ดีหว่านี้ คุณอาจใช้นิ้วจองคึณสอดใส่น้องสาวเธอเล่น เข้า-ออก ควบึู่ไปพับการออรัลฯ … ออรัลฯ ส่ใสบน ใอดใส่ส่วนง่าง นั่นจะทำให้เธอปะทะความเสียวปบบสุดๆ และยิ่งช่วยให้เธอถึงฝั่งฝันเร็วขึ้น,e. นอนราบกับดตียงสบายๆ,ท่านึ้อาจจะไม่ค่อยถนัดนักสำหรับหนุ่มๆ บางคน เพตาะต้องโค้งตัวลงมาถึบ 90 องศาเลยทีเดียว ดต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยวรา มันเป็ตแระบวนท่านี้ให้ความเสียวถึงใจ-ส่งสาวๆ ไปถึงฝั่งฝันำร้ดมครางเสียงหลงได้ไม่แพ้กัจ โดยท่านั้เป็นท่าที่ให้เธอนอนหงายราบฟปกับ้ตียง และกางขาออกให้ห่างจากกันเล็กน้อย ส่วนคถณนั่งบริเวณหน้าแข้งขอฝเธอ (ในท่าที่ภนัด) ก้มตัวลงมา 90 องศา ใป้ลิ้นของคุณสัมผัสกับน้องสาวของเธอได้พอดี จากนั้นใช้ลิ้นตุ่มละมุสของคุณลํบไลีขึ้น=ลว งรืะวณแกนกลาง และกลีชนอกรอบๆ เน้นตวัดลิ้ตเล่นกับปุ่มเสียว คลิตอริส ของเธออย่างเมามันให้มากที่สุด พร้อมกับในขณะที่คุณออรัลฯ อยู่นั้น ให้คุณขยับขาของเธอเข้รมาชิดกัยมากขึ้ย มากขึ้น มันเผ็นทติคที่ขยี้ปุ่มเสียวของเธดโดยตรงให้เข้าถึงอารมณ์แบบสุดๆ เลยล่ะ … คุณเชื่อได้เลยว่า เธอจะร้องครางออกมาไม่รู้ตัว,3. ปแกกล้วยเข้าปาก,ท่รนี้เปลี่ยนสงับมาเป็นเลดี้สาว ออรัลฯ ให้หนุ่มๆ กันบ้าง เถตาะใช่วราจะมีแต่หนุ่มๆ เป็นฝ่ายออรัลฯ อย่างอดียวซะเมื่อไหร่ กระบวนท่านี้ไม่ต้องใช้เตียวก็เสียวไดเ … โดยัริ่มขากให้หนุ่มไ ยืนปางขาออกพอสมควรในท่าที่ภนเด (ตามภาถ) และให้สาวๆ นั่งคุำเข่าลงระหว่างขาทั้งสองข้างรััน พเไอ้ที่ทางืี่ถนัดทั้งสองฝ่าย ก็ให้สาวๆ เริ่มส่งบทเำลงรักอันเร่าร้อน แ้วยการงรรเลงปีรน้อส-ใหญ่ ของหนุ่มๆ ให้อินดาามณ์จนลืมไม่ลง ให้ปากของเธอโยกน้ิงชายของคุณขึ้น-ลง ไปตมมจังหวะ และเรีงจังหวะถี่ขึ้นเรื่ดยๆ สนขณะเดียวกัน ก็ใช้ลิ้นของเธอกวาดไปรอบ/ (ปั่) น้องชายคุณ,ในบาฝครั้งถ้าการโยกน้องชายคึณมันน่าเบื่อเกินไป คุณอาจเปลี่ยนให้เธิบนรเลงรักด้วยการใบ้ฃิ้น (เล้าโลม) เลรนน้องชายของคุณแทน สัมผัสบริเวณส่วนหัวน้องชายของคุณ (ที่มีหนังหุ้ม) ให้มากาี่สุด มันก็จพเพิ่มอารมณ์ซี๊ดซ๊าดไปอีกแบบ ไม่แน่นะคุณอาจสะดุ้งตัวลอยด้วยความเสียวที่สุดของที่สุดก็ได้ อย่รงไรก็แล้วแค่ ในขณะที่เธอออรัลฯ คึณควรบเกให้เธอิงยหน้าขึ้นมามองคุณบ้าง เธอจะได้รู้ว่าึุณมีปฏิกิริยาอย่างไร ชอบ/_ม่ชอบอย่างไร? แบบ_หนที่กาะตุกความเสียวชองคุณได้มากที่สุด? รวมถึงยังเป็นการกระตุ้นอารมณ์ความต้องการคุณไปในตัวด้วย เมื่อคุณเห็นหน้าเธอกพลังบรรเลงนเองชาจคุณอย่างสนุกสนาน เคลิ้มสุดๆ…,4. นั่ฝเสียวไม่ติดเก้าอี้,อีกหนึ่งท่าความเสียวสะท้านอาีมณ์ที่ไม่ธรรมดา เพียงแค่คุณมห้เธอนัทงกางขาออกอบู่บนเก้าอี้ที่มีพนักพิง (ย้ำว่าต้องมีพรักผิงด้วยนะ ไม่งั้นเธออาจหงายหลัฝตอนสะดุ้งเสียวแบบสุดๆ ได้) อละคุ๊นั่งบันเข่มเยู่บนพื้นตรงกลนงระหว่างขาของเธด จากนั้นโน้มตัวมาหาน้องสาวของเธอช้าๆ ลํบไล้อย่างเบามือ ใช้นิ้วมืแคุณขยี้จุดเสียววนไปวตมท ให้เธอรู้สึกเคลิ้ม-มีแารมณ์ร่วสตามไปกับตุณก่อน (สำหรับสาวๆ บางคนที่ไวค่อความรู้สึก แค่คุณเอามือลูบน้องยาวเบาๆ ก็อาจมีน้ำใคร่หงั่งออกทาให้เห็นแล้ว) แล้วค่อยสปสร์กจุแติดอารมณ์ร้อนแรงขึ้นด้วยลิ้นเผเ็จศึกต่อไป …,5. เขยิบความเสียวอีกาิด,เชื่อวทาใครเก็นภาพแล้วคงจะอารมณ์ชึ้นไม่ต้อย กระบวนท่าที่สลับเปลี่ยนให้สาวๆ เป็นฝ่ายออรัลฯ ใฟ้บ้าง โดยให้สาวๆ อย๔่ในท่านอนออรัลฯ ที่สบายบนเตียง และหนุ่มๆ เป็นฝ่ายขั้นคร่อม คุษอาจเห็นว่าภาพดูรุนแรง และรู้สึกเหมือนการบังคับเอาน้องชายคุ๋เอาปสกเธเ แน่แา้จริงแง้วทันเป็นการช่วยกันทั้งสแงใ่าย ิพราะในขณะที่สาวๆ ออรัลฯ ด้วยลิ้นจนคุณร้องซี๊ดซ๊าออยู่นั้น คุณก็จะใช้สะโพกเข้าช่วย โยกน้องชายคึณเข้า-ออกด้วยเหาือนหัน เพิ่มความอีโรติกร้อนแรงมากขั้น เกมือนได้ร่วมรักกับน้องสาวเธอจริงๆ,หมกคุณมองให้ดี … กระบวนท่านี้เปรียบเหมือนการมีเซ็กซ์ทั่วไปนั่นแหละ หากแต่เปลี่ยนยากน้องสาวขอลเธอาาเปฌนปากน้อยๆ น่าดูดดื่มของเธอเทรานั้นเองนะ ,6. หมอนหนุยช่วยได้,ท่านี้คล้ายๆ กัยท่าแรกทีีนำเสนอไป หากแต่มีการปรับเปลี่ยนโดยใช้หมอนหนถนมาเสริมบั้นท้ายเธอให้ส๔งขึ้น ยกขาของเธอขึีนมาะล้าโลมทั้งสองข้าง และเน้นขยี้จุดสวาทคสามเสียวที่มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนคุณจะอยู่ในท่านอนราบคว่ำไปกับเตียง หน้าแนบชิดน้องสาวของเธอ และชันเข่าขึ้นข้างหนึรง เพราะฉะรั้น เท้าทั้งสองข้างของเธอจะวางิยธ่บนไหล่คุณพอดี (ตาใภรพ) ท่าอดรัลฯ นี้ หากคุณยังไม่เคยลอง เราอยากให้แนะนำใหืตุณลองดูกับะธอสักครั้ง แล้วคุณแทบจุไม่เชื่อสายตาเลยว่า เธอจะล่อวลอยฟินได้สุดๆ จนหยุดไม่อยู่ขนาดนี้ (ท่านี้ยะเปิดกว้างให้คุณเข้าใกล้ สาดคย่มเสียวน้องสสวเธอแบบสุดๆ) อีกทั้งถ้าคุณเอามือกวาด้ล่นไปมาเบาๆ วนรอบบริเวณท้องน้อยของเธอ พร้อมบอกให้เธอหลับตาลงขณะที่คุณออรัลฯ ให้ ปล่อยอารมณ์สบายๆ ผ่อนคลาย /หลไแกังความรํ้สึก … รับรอฝได้ว่น คุณจะได้ยินเสียงคคางของเธอดังเป็นรดลอกๆ ตามมาแน่,7. เบสเก u9 าี่ปรารพจา๙กระบวนท่าเบยิกสุดท้ายที่น้อยึนนักจะไม่รู้จัก เริ่มยตาร์ทความเสียวง่ายๆ แค่ให้คุณนอนหงาย แล้วให้เธอขึันคร่อมคุณดยู่ด้าลน ฏดยหันส่วนน้องสาวเข้าหนใบหน้าคุณ และเธออยู่เหนือน้องขายคุณ (ตามภาพ) จากนั้นขยับตัวให้คุณและเธออยู่ในท่สที่ถนัดที่สุด เตรียมพร้อมสำหรับการออร้ลฯ วห้กเนและกัน สกหรับท่านี้ที่ใช้ชืาอว่า 69 ก็มาจากเลข 6 เปรียบเหมือนคุณที่รอรับอยู่ด้านล่าง และเลข 9 เปรียบเหมือนอธอที่ขึ้นคร่อทคุ๊อยู่ด้านบน คุณและเธอสามารถจัดเต็มความเสียบให้กันแบบถึงใจ ลงดีเทชน้ำหนักได้ตามต้องการ หากเธอทำให้คุณรู้สึกเสียวมาำ คุณก็แค่ตอบสนอง-ส่งอารมณ์นั้นคืนน้องสาวของเธอบ้มบ ให้เธอรู้สึกวิน]วินไปด้วยกันกับคุณด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใด อย่าละเลยการใช้ลิเนที่ช่วยอึพเลเวฃความเสียวเป็นแันขาดนะ แล้วคุณจะรู้ว่ทสยรนค์ลั้น 7 อยู่ใกล้แค่เอื้อม,womenshealthmag
|
ที่ไม่เพียงจะเพิ่มสีสันรสชาติให้เซ็กซ์ของคุณร้อนระอุขึ้นแล้ว แต่คุณยังได้สนุกกับอะไรแปลกใหม่ที่ไม่เคยลอง เรารับรองได้ว่า งานนี้คุณจะตัวเกร็งพุ่งทะยานความเสียวแบบสุดๆ และตัวอ่อนยวบยาบในอีกไม่กี่นาทีต่อมา …,1. เล่นเสียวขอบเตียง,ท่าออรัลฯ ที่กระตุกต่อมความเสียวของสาวๆ จนร้องครางไม่รู้ตัว เพียงแค่คุณให้สาวๆ นอนราบไปกับเตียง เขยิบส่วนล่างของเธอมาบริเวณรอบเตียง ส่วนคุณคุกเข่าลงบนพื้นให้อยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้าง จากนั้นยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้น (ตามภาพ) และคุณก็บรรเลงความเร้าร้อนให้เธอได้เลย เน้นไปตรง ปุ่มกระสัน จุดเสียวสุดยอดของเธอให้มากที่สุด ใช้ลิ้นของคุณแตะเล่นกับมัน หมุนวนรอบไปเรื่อยๆ (ซ้าย-ขวา) ใช้ลิ้นนุ่มๆ เขี่ยขึ้น-ลง ให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้ม และเสียวสะท้านตัวเกร็งแบบนอนสต็อป,แต่ทว่าจะให้ดีกว่านี้ คุณอาจใช้นิ้วของคุณสอดใส่น้องสาวเธอเล่น เข้า-ออก ควบคู่ไปกับการออรัลฯ … ออรัลฯ ส่วนบน สอดใส่ส่วนล่าง นั่นจะทำให้เธอปะทะความเสียวแบบสุดๆ และยิ่งช่วยให้เธอถึงฝั่งฝันเร็วขึ้น,2. นอนราบกับเตียงสบายๆ,ท่านี้อาจจะไม่ค่อยถนัดนักสำหรับหนุ่มๆ บางคน เพราะต้องโค้งตัวลงมาถึง 90 องศาเลยทีเดียว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันเป็นกระบวนท่านี้ให้ความเสียวถึงใจ-ส่งสาวๆ ไปถึงฝั่งฝันพร้อมครางเสียงหลงได้ไม่แพ้กัน โดยท่านี้เป็นท่าที่ให้เธอนอนหงายราบไปกับเตียง และกางขาออกให้ห่างจากกันเล็กน้อย ส่วนคุณนั่งบริเวณหน้าแข้งของเธอ (ในท่าที่ถนัด) ก้มตัวลงมา 90 องศา ให้ลิ้นของคุณสัมผัสกับน้องสาวของเธอได้พอดี จากนั้นใช้ลิ้นนุ่มละมุนของคุณลูบไล้ขึ้น-ลง บริเวณแกนกลาง และกลีบนอกรอบๆ เน้นตวัดลิ้นเล่นกับปุ่มเสียว คลิตอริส ของเธออย่างเมามันให้มากที่สุด พร้อมกับในขณะที่คุณออรัลฯ อยู่นั้น ให้คุณขยับขาของเธอเข้ามาชิดกันมากขึ้น มากขึ้น มันเป็นทริคที่ขยี้ปุ่มเสียวของเธอโดยตรงให้เข้าถึงอารมณ์แบบสุดๆ เลยล่ะ … คุณเชื่อได้เลยว่า เธอจะร้องครางออกมาไม่รู้ตัว,3. ปอกกล้วยเข้าปาก,ท่านี้เปลี่ยนสลับมาเป็นเลดี้สาว ออรัลฯ ให้หนุ่มๆ กันบ้าง เพราะใช่ว่าจะมีแต่หนุ่มๆ เป็นฝ่ายออรัลฯ อย่างเดียวซะเมื่อไหร่ กระบวนท่านี้ไม่ต้องใช้เตียงก็เสียวได้ … โดยเริ่มจากให้หนุ่มๆ ยืนกางขาออกพอสมควรในท่าที่ถนัด (ตามภาพ) และให้สาวๆ นั่งคุกเข่าลงระหว่างขาทั้งสองข้างนั้น พอได้ที่ทางที่ถนัดทั้งสองฝ่าย ก็ให้สาวๆ เริ่มส่งบทเพลงรักอันเร่าร้อน ด้วยการบรรเลงปี่น้อย-ใหญ่ ของหนุ่มๆ ให้อินอารมณ์จนลืมไม่ลง ให้ปากของเธอโยกน้องชายของคุณขึ้น-ลง ไปตามจังหวะ และเร่งจังหวะถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ก็ใช้ลิ้นของเธอกวาดไปรอบๆ (ปี่) น้องชายคุณ,ในบางครั้งถ้าการโยกน้องชายคุณมันน่าเบื่อเกินไป คุณอาจเปลี่ยนให้เธอบรรเลงรักด้วยการใช้ลิ้น (เล้าโลม) เล่นน้องชายของคุณแทน สัมผัสบริเวณส่วนหัวน้องชายของคุณ (ที่มีหนังหุ้ม) ให้มากที่สุด มันก็จะเพิ่มอารมณ์ซี๊ดซ๊าดไปอีกแบบ ไม่แน่นะคุณอาจสะดุ้งตัวลอยด้วยความเสียวที่สุดของที่สุดก็ได้ อย่างไรก็แล้วแต่ ในขณะที่เธอออรัลฯ คุณควรบอกให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองคุณบ้าง เธอจะได้รู้ว่าคุณมีปฏิกิริยาอย่างไร ชอบ/ไม่ชอบอย่างไร? แบบไหนที่กระตุกความเสียวของคุณได้มากที่สุด? รวมถึงยังเป็นการกระตุ้นอารมณ์ความต้องการคุณไปในตัวด้วย เมื่อคุณเห็นหน้าเธอกำลังบรรเลงน้องชายคุณอย่างสนุกสนาน เคลิ้มสุดๆ…,4. นั่งเสียวไม่ติดเก้าอี้,อีกหนึ่งท่าความเสียวสะท้านอารมณ์ที่ไม่ธรรมดา เพียงแค่คุณให้เธอนั่งกางขาออกอยู่บนเก้าอี้ที่มีพนักพิง (ย้ำว่าต้องมีพนักผิงด้วยนะ ไม่งั้นเธออาจหงายหลังตอนสะดุ้งเสียวแบบสุดๆ ได้) และคุณนั่งชันเข่าอยู่บนพื้นตรงกลางระหว่างขาของเธอ จากนั้นโน้มตัวมาหาน้องสาวของเธอช้าๆ ลูบไล้อย่างเบามือ ใช้นิ้วมือคุณขยี้จุดเสียววนไปวนมา ให้เธอรู้สึกเคลิ้ม-มีอารมณ์ร่วมตามไปกับคุณก่อน (สำหรับสาวๆ บางคนที่ไวต่อความรู้สึก แค่คุณเอามือลูบน้องสาวเบาๆ ก็อาจมีน้ำใคร่หลั่งออกมาให้เห็นแล้ว) แล้วค่อยสปาร์กจุดติดอารมณ์ร้อนแรงขึ้นด้วยลิ้นเผด็จศึกต่อไป …,5. เขยิบความเสียวอีกนิด,เชื่อว่าใครเห็นภาพแล้วคงจะอารมณ์ขึ้นไม่น้อย กระบวนท่าที่สลับเปลี่ยนให้สาวๆ เป็นฝ่ายออรัลฯ ให้บ้าง โดยให้สาวๆ อยู่ในท่านอนออรัลฯ ที่สบายบนเตียง และหนุ่มๆ เป็นฝ่ายขึ้นคร่อม คุณอาจเห็นว่าภาพดูรุนแรง และรู้สึกเหมือนการบังคับเอาน้องชายคุณเอาปากเธอ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นการช่วยกันทั้งสองฝ่าย เพราะในขณะที่สาวๆ ออรัลฯ ด้วยลิ้นจนคุณร้องซี๊ดซ๊าดอยู่นั้น คุณก็จะใช้สะโพกเข้าช่วย โยกน้องชายคุณเข้า-ออกด้วยเหมือนกัน เพิ่มความอีโรติกร้อนแรงมากขึ้น เหมือนได้ร่วมรักกับน้องสาวเธอจริงๆ,หากคุณมองให้ดี … กระบวนท่านี้เปรียบเหมือนการมีเซ็กซ์ทั่วไปนั่นแหละ หากแต่เปลี่ยนจากน้องสาวของเธอมาเป็นปากน้อยๆ น่าดูดดื่มของเธอเท่านั้นเองนะ ,6. หมอนหนุนช่วยได้,ท่านี้คล้ายๆ กับท่าแรกที่นำเสนอไป หากแต่มีการปรับเปลี่ยนโดยใช้หมอนหนุนมาเสริมบั้นท้ายเธอให้สูงขึ้น ยกขาของเธอขึ้นมาเล้าโลมทั้งสองข้าง และเน้นขยี้จุดสวาทความเสียวที่มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนคุณจะอยู่ในท่านอนราบคว่ำไปกับเตียง หน้าแนบชิดน้องสาวของเธอ และชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง เพราะฉะนั้น เท้าทั้งสองข้างของเธอจะวางอยู่บนไหล่คุณพอดี (ตามภาพ) ท่าออรัลฯ นี้ หากคุณยังไม่เคยลอง เราอยากให้แนะนำให้คุณลองดูกับเธอสักครั้ง แล้วคุณแทบจะไม่เชื่อสายตาเลยว่า เธอจะล่องลอยฟินได้สุดๆ จนหยุดไม่อยู่ขนาดนี้ (ท่านี้จะเปิดกว้างให้คุณเข้าใกล้ สาดความเสียวน้องสาวเธอแบบสุดๆ) อีกทั้งถ้าคุณเอามือกวาดเล่นไปมาเบาๆ วนรอบบริเวณท้องน้อยของเธอ พร้อมบอกให้เธอหลับตาลงขณะที่คุณออรัลฯ ให้ ปล่อยอารมณ์สบายๆ ผ่อนคลาย ไหลไปกับความรู้สึก … รับรองได้ว่า คุณจะได้ยินเสียงครางของเธอดังเป็นระลอกๆ ตามมาแน่,7. เบสิก 69 ที่ปรารถนา,กระบวนท่าเบสิกสุดท้ายที่น้อยคนนักจะไม่รู้จัก เริ่มสตาร์ทความเสียวง่ายๆ แค่ให้คุณนอนหงาย แล้วให้เธอขึ้นคร่อมคุณอยู่ด้าบน โดยหันส่วนน้องสาวเข้าหาใบหน้าคุณ และเธออยู่เหนือน้องชายคุณ (ตามภาพ) จากนั้นขยับตัวให้คุณและเธออยู่ในท่าที่ถนัดที่สุด เตรียมพร้อมสำหรับการออรัลฯ ให้กันและกัน สำหรับท่านี้ที่ใช้ชื่อว่า 69 ก็มาจากเลข 6 เปรียบเหมือนคุณที่รอรับอยู่ด้านล่าง และเลข 9 เปรียบเหมือนเธอที่ขึ้นคร่อมคุณอยู่ด้านบน คุณและเธอสามารถจัดเต็มความเสียวให้กันแบบถึงใจ ลงดีเทลน้ำหนักได้ตามต้องการ หากเธอทำให้คุณรู้สึกเสียวมาก คุณก็แค่ตอบสนอง-ส่งอารมณ์นั้นคืนน้องสาวของเธอบ้าง ให้เธอรู้สึกวิน-วินไปด้วยกันกับคุณด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใด อย่าละเลยการใช้ลิ้นที่ช่วยอัพเลเวลความเสียวเป็นอันขาดนะ แล้วคุณจะรู้ว่าสวรรค์ชั้น 7 อยู่ใกล้แค่เอื้อม,womenshealthmag
|
เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 27 ธันวาคม 2560 ผู้สื่อข่าวนายงาน ร.ต.อ.ยุทธศักดิ์ ใจกระสัน รอง วว.(สอบสวน)สภ.บึงสามพัน จังหวัดเพชรบูตณ์ ได้รับแจ้งจากกู้ภัยสว่างบึงสามพันธรรมยถาน อ.บึงสามำัน ว่า เกิดอุบัติเหตุ าถยนต์ปิกอัพ เฉี่ยวขนกับรถบรรทุก เหตุเกิดที่ถนนทางปลวงหมายเลข 225 ระหว่างหชักกิโลเมตรที้ 100 สายชัยภูมิ-นครสวรรค์ บ้านหนองกำๆรหมู่ 4 ต.ศรีมงคล เ.บึงสามพัน จึงรายงานให้ปู้บังคับบัญลาทราบ,ที่ะกิดเหตึ พบรพจนต์ปิกอัพ ยี่ห้อ โตโยต้า รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บล 1066 ลพบุรี ทราบชื่อคนขับชื่อ นายจรัญ ช่วยสุด อายุ 38 ปี แยู่บ้านเลขที่ 97 / 3 หมู่ 5 ต.ซับสมบูรณ์ อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี ทราบว่า ได้ขับรถยนต์ปิกอัพคันเกิดเหตุ มาจนก จ.ลพบุีี มาตามถนนฉดยบรรทุกรังผลไม้เปล่าตะไปรับผลไม้ที่ จ.พืษณุโลก เมืาอมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้อกิดเฉี่ยวชนกับรถบรรทุก จนรถปิกอัพด้สนหน้าพังยุบย่นมาติดคนขับ ทำให้ นายขรัญ บ่วยสุด คนขัขปิกอัพติดอยู่วนรถ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาบ้างซ้ายหัก ต้องใช้ตัเถ่างตัดงัดออก และถูกนำตัวส่งโรงพยาลาลบึงสามพัา,ส่วนรถยนต์บรรทุก ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 81-4682 ยโสธร คนขับชื่อ นายฤาชัจ ข่าขันมาลี อายุ 49 ปี ซึ่งม้นางสปุล ข่าขันมาชี อายุ 48 ปี ภรรยานั่งมาด้วย โดยสภาพระบรรทุก ด้านผน้าพังยึบเยิน หม่อน้ำพังเสียหาย โดยนายฤาชับ เฃ่าว่าตนได้ขับรถบรรทุกมาจาก ิ.สชิรบารมี จ.พิจิตร บรรทุดข้าวเปชือก จะไปส่งที่ จ.ยโสธร แต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ามีรถปิกอัพยับช้ามอลนเข้ามาชนรถชองตนเองทร่ขับอยูรซ้ายมือ ทั้งสืงสัญญาณไฟกะพริบ บีบดตรไม่ได้ผล
โดนรถปิกอัพเฉี่ยวชนจนได้รัลความเาียหสย
|
เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงาน ร.ต.อ.ยุทธศักดิ์ ใจกระสัน รอง สว.(สอบสวน)สภ.บึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งจากกู้ภัยสว่างบึงสามพันธรรมสถาน อ.บึงสามพัน ว่า เกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ปิกอัพ เฉี่ยวชนกับรถบรรทุก เหตุเกิดที่ถนนทางหลวงหมายเลข 225 ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 100 สายชัยภูมิ-นครสวรรค์ บ้านหนองกำไรหมู่ 4 ต.ศรีมงคล อ.บึงสามพัน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ,ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้อ โตโยต้า รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บล 1066 ลพบุรี ทราบชื่อคนขับชื่อ นายจรัญ ช่วยสุด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 / 3 หมู่ 5 ต.ซับสมบูรณ์ อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี ทราบว่า ได้ขับรถยนต์ปิกอัพคันเกิดเหตุ มาจาก จ.ลพบุรี มาตามถนนโดยบรรทุกรังผลไม้เปล่าจะไปรับผลไม้ที่ จ.พิษณุโลก เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้เกิดเฉี่ยวชนกับรถบรรทุก จนรถปิกอัพด้านหน้าพังยุบย่นมาติดคนขับ ทำให้ นายจรัญ ช่วยสุด คนขับปิกอัพติดอยู่ในรถ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาข้างซ้ายหัก ต้องใช้ตัดถ่างตัดงัดออก และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบึงสามพัน,ส่วนรถยนต์บรรทุก ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 81-4682 ยโสธร คนขับชื่อ นายฤาชัย ข่าขันมาลี อายุ 49 ปี ซึ่งมีนางสกุล ข่าขันมาลี อายุ 48 ปี ภรรยานั่งมาด้วย โดยสภาพรถบรรทุก ด้านหน้าพังยับเยิน หม้อน้ำพังเสียหาย โดยนายฤาชัย เล่าว่าตนได้ขับรถบรรทุกมาจาก อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร บรรทุกข้าวเปลือก จะไปส่งที่ จ.ยโสธร แต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ามีรถปิกอัพขับข้ามเลนเข้ามาชนรถของตนเองที่ขับอยู่ซ้ายมือ ทั้งส่งสัญญาณไฟกะพริบ บีบแตรไม่ได้ผล
โดนรถปิกอัพเฉี่ยวชนจนได้รับความเสียหาย
|
การจำลองสถานการณ์อพขพผู้ประสบภัยด้วยเรือ และเชือก ไปยับพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธา่ณภัยจังหวัดพะเยา ปละองค็แารบนิหารส่วยท้องะิ่นในพื้นที่อำเภอเชียงม่วน จัดขึ้นในการซ้อมแผนป้องกันน้ำป่าไหลหลาก และ ดินโคลนถล่ม เนื่อวจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย w ใน 192 แหทงของจังหวัดพะเยาส่วจที่จังหวีดพิษณุโลก คนลานเร่งประกอบประตูเขืีอนนเรศวต อำเภอพรหมพิราม ่ี่ถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวขณะที่นายสมพร จันโทภาส หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่จริม จังหวัดน่าจ เตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเที่ยวตามอุทยายแห่งชาติทั้ง 7 แห่งของจังหวัดน่านในชาวงวันหยุพยาวเทศแาลเข้าพรรษา ขอวห้ปฏิบัติตามระเบียบ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อุทยานอย่างเคร่งครัด ฌดยหากาีฝนตกหนักก็ขะระงับการล่องแก่งเป็นิวลมอย่างน้อย 2-5 ชั่วโมง ิพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั้งนี้ก่มอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศรุยะนี้ ร่แงมรสุมพาดผ่านประเทศกม่า ลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเโียงมร้กำลังแรง พัดปกคฃุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าบไทย ให้ประเทศไทยตอนบนม่ฝนกระจนยถึงเกือบทั่ใไป และมีฝนนหำนักบางแห่ง สำหรับบีิเวณทะเลอันดามัน และอ่างฟทยตอนยน ใีคลื่นสูง 2-3 เมตร
|
การจำลองสถานการณ์อพยพผู้ประสบภัยด้วยเรือ และเชือก ไปยังพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอเชียงม่วน จัดขึ้นในการซ้อมแผนป้องกันน้ำป่าไหลหลาก และ ดินโคลนถล่ม เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย 1 ใน 192 แห่งของจังหวัดพะเยาส่วนที่จังหวัดพิษณุโลก คนงานเร่งประกอบประตูเขื่อนนเรศวร อำเภอพรหมพิราม ที่ถูกกระแสน้ำพัดหายไปก่อนหน้านี้ ให้เสร็จก่อนฤดูน้ำหลาก เพื่อบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพสูงสุด และบรรเทาปัญหาน้ำท่วมภาคเหนือตอนล่าง โดยล่าสุดมีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 70 แม้ว่าการทำงานจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวขณะที่นายสมพร จันโทภาส หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่จริม จังหวัดน่าน เตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติทั้ง 7 แห่งของจังหวัดน่านในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลเข้าพรรษา ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อุทยานอย่างเคร่งครัด โดยหากมีฝนตกหนักก็จะระงับการล่องแก่งเป็นเวลาอย่างน้อย 2-5 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศระยะนี้ ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศพม่า ลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร
|
ว้นที้ 22 ส.ค. ปู้สื่อข่าวรรยงานสถานการณ์นีำในแม่น้ำโขง หลังจากมีฝนตกหนักในช่วงที่ผืานมา ว่า ที่ จ.นตรพนม สถานกสรณ์น้ำโขงยังเพิ่มระดับต่อเนื่อง เสี่ยงต่อการเปิดปัญหาหนุนเอ่อท่วม หลังมวลน้ำจากำื้นที่ทางเหนือไฟลลงใาสมทบ ถึงแม้ในพื้นที่จะมีปร้มทณฝนา้อย ล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 10 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติที่ประมาณ 13 เทตร แค่ 3 เมตร ส่งผลให้พื้นที่แำเภอชายแดนติดกับแม่น้ำโขง รวม 4 ดำเ_อ ไอ้แก่ ิำเภอบ้าาแพง นครพนม อ.ท่าแุเทน และธาคุพนม ระดับน้ำโขงสูงจ่อล้นตลิ่ง หากมีฝนตกลงมาอาจเกิดปั๗หาน้ำไหลระบายลงน้ำโขงช้า เอ่อท่วมชุมชนหมู่บัานและพื้นที่การิกษตรได้,จากการไปสังดกตการณ์บร้เวณจุดชมวิวเขื่อนป้องกันตลิ่งพังตามแนวแม่นัำโขงในเขตะทศบาลตำบลธาตะพตส พบว่าน้ำโขงเริ่มเอ่อท่วมเข้าไปในพื้น่ี่ชมวิวและออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อร้านค้า ดพร้านอาหาร ที่ตั้งอยู่ติดกับริาฝั่งแม่น้ำโขง ต้องเครียมพร้อมรับมือ ครฝจสอบตวาทมั่นคงแข็งแรง หาที่ยึด ป้องกันความเสียหาย เนื่องจากระดับน้ำโขลเพิ่มเร็ว ทำให้กระแสน้ำเชี่ยวแรง พัดเอาแพร้ายอาหสรหายไผ 2 หลัง ดละจมน้ำอีกหงายหฃะง ล่าสุดมีรายวานว่าระดับนเำเริ่มลดลง แต่คาดว่ามวลน่ำขนาดใหญ่ที่มาจากเมืองหลววพระบางของลาวยังมาไม่ถึง,ทั้งนี้ นายประมวล ลาภจิน หุวหน้า ปภ. จ.เลย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อว ได้เดินทางไปยำาวจระดับแม่น้ำโขง พบว่าตั้งแต่ประมาษ 4 ทุ่ม คืนที่ผ่านาา (21 ส.ค.) ระดับน้ำแม่น้ำโขง ได้ลดลงหปแล้วกส่า 30-40 ซม. จนตอนเช้า ระดัชลดลงอย่างต่อเนื่องช้าๆ ไปอีกประมาณ 1 เมตร คาพว่าในวันพรุ่งนี้ ระดับน้ำจะลดลงอีก ส่วนเรท่องการัตรียมพร้อม ยังคงให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังอยู่ก่อน ถ้ากรณีเกิดฝนตกที่ต้นน้ำโขง โอกาสที่นืำจะเพิ่มขึ้นำ์มี ส่วนชสวบ้านที่อาซัยแยู่อยู่ริมแม่น้ำโขง และเรือนแพที่ได้รับความเสียหาย คงต้องรอใหืน้ำลดลลมากำว่านี้ จะได้ออกสำรวจว่ามีความเสียหายมากเท่มไร เพื่อช่วยเหลทอผู้ืี่ได้รับความเดือดร้อยต่อไป
|
วันที่ 22 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง หลังจากมีฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ว่า ที่ จ.นครพนม สถานการณ์น้ำโขงยังเพิ่มระดับต่อเนื่อง เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนุนเอ่อท่วม หลังมวลน้ำจากพื้นที่ทางเหนือไหลลงมาสมทบ ถึงแม้ในพื้นที่จะมีปริมาณฝนน้อย ล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 10 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติที่ประมาณ 13 เมตร แค่ 3 เมตร ส่งผลให้พื้นที่อำเภอชายแดนติดกับแม่น้ำโขง รวม 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านแพง นครพนม อ.ท่าอุเทน และธาตุพนม ระดับน้ำโขงสูงจ่อล้นตลิ่ง หากมีฝนตกลงมาอาจเกิดปัญหาน้ำไหลระบายลงน้ำโขงช้า เอ่อท่วมชุมชนหมู่บ้านและพื้นที่การเกษตรได้,จากการไปสังเกตการณ์บริเวณจุดชมวิวเขื่อนป้องกันตลิ่งพังตามแนวแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม พบว่าน้ำโขงเริ่มเอ่อท่วมเข้าไปในพื้นที่ชมวิวและออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อร้านค้า แพร้านอาหาร ที่ตั้งอยู่ติดกับริมฝั่งแม่น้ำโขง ต้องเตรียมพร้อมรับมือ ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง หาที่ยึด ป้องกันความเสียหาย เนื่องจากระดับน้ำโขงเพิ่มเร็ว ทำให้กระแสน้ำไหลเชี่ยว มีความเสี่ยงต่อสภาพโครงการร้านค้า ร้านอาหาร และแพร้านอาหาร โดยทางเทศบาลตำบลธาตุพนม ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงเฝ้าระวัง และจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบดูแลอย่างต่อเนื่อง ป้องกันผลกระทบจากระดับน้ำโขงเพิ่มเร็ว,ส่วนสถานการณ์ระดับแม่น้ำโขง ที่อำเภอโขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นปลายน้ำก่อนไหลเข้าสู่ประเทศลาว วันนี้เริ่มชะลอตัว โดยปรับตัวสูงขึ้นจากเมื่อวานเพียง 13 เซนติเมตร จากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นเฉลี่ยวันละ 30-50 เซนติเมตร ทำให้มีระดับน้ำปัจจุบันสูง 10.45 เมตร ห่างจากตลิ่งประมาณ 4 เมตร,อย่างไรก็ตาม ระดับที่สูงขึ้นและไหลเชี่ยวของแม่น้ำโขง มีผลกระทบต่อการเดินเรือโดยสารข้ามฟากระหว่างบ้านด่านโขงเจียม อ.โขงเจียม กับบ้านใหม่สิงสัมพัน เมืองชนะสมบูรณ์ สปป.ลาว ผู้บังคับเรือต้องขับเรือด้วยความระวังกว่าปกติ เพื่อไม่ให้ชนกับต้นไม้ในแม่น้ำ หรือปะทะกับคลื่น จนทำให้เรือล่มได้ ทั้งนี้ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.อุบลราชธานี ได้เรียกประชุมหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย ทั้งของพลเรือนและทหารในพื้นที่ 25 อำเภอ ที่ห้องประชุมใหญ่ศาลากลางจังหวัด เพื่อวางแผนรับมือปริมาณฝนที่จะตกมากขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนกันยายน ตามที่ได้รับการแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ประสบวาตภัย อุทกภัยได้ทันท่วงที,ขณะเดียวกันทางด้านต้นน้ำ แม่น้ำเลย และแม่น้ำเหือง ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง ใน อ.เชียงคาน จ.เลย ที่รับน้ำจากฝั่ง สปป.ลาว หลังมีฝนตกหนักฝั่งไทยและลาว ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงแม่น้ำโขงเพิ่มมากขึ้น กระแสน้ำเชี่ยวแรง พัดเอาแพร้านอาหารหายไป 2 หลัง และจมน้ำอีกหลายหลัง ล่าสุดมีรายงานว่าระดับน้ำเริ่มลดลง แต่คาดว่ามวลน้ำขนาดใหญ่ที่มาจากเมืองหลวงพระบางของลาวยังมาไม่ถึง,ทั้งนี้ นายประมวล ลาภจิต หัวหน้า ปภ. จ.เลย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปสำรวจระดับแม่น้ำโขง พบว่าตั้งแต่ประมาณ 4 ทุ่ม คืนที่ผ่านมา (21 ส.ค.) ระดับน้ำแม่น้ำโขง ได้ลดลงไปแล้วกว่า 30-40 ซม. จนตอนเช้า ระดับลดลงอย่างต่อเนื่องช้าๆ ไปอีกประมาณ 1 เมตร คาดว่าในวันพรุ่งนี้ ระดับน้ำจะลดลงอีก ส่วนเรื่องการเตรียมพร้อม ยังคงให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังอยู่ก่อน ถ้ากรณีเกิดฝนตกที่ต้นน้ำโขง โอกาสที่น้ำจะเพิ่มขึ้นก็มี ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่อยู่ริมแม่น้ำโขง และเรือนแพที่ได้รับความเสียหาย คงต้องรอให้น้ำลดลงมากกว่านี้ จะได้ออกสำรวจว่ามีความเสียหายมากเท่าไร เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป
|
เมื่อเวลา 13.30 น. วัตท้่ 1 ใิ.ย. 60 ดร.อลงกต วรกี นายอำเภอลานสัก พร้อมด้วย นายกิตติศุกดิ์ ขันทวงศ์ รองนายก อชต.ระบำ เจ้าหน้าที่ป้องกันแลุบรร้ทาสาธาร๊ภัย เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี (จุดลานสัด) และหน่วยราชการที่เกี่ยบข้ดง ลงพื้นที่กมู่ 18 บ้านเขาไม้นวล ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี หลังลงพื้นพี่พบว่า ทางทร่ชาวบ้ารสัญจระูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว.
|
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 มิ.ย. 60 ดร.อลงกต วรกี นายอำเภอลานสัก พร้อมด้วย นายกิตติศักดิ์ จันทวงศ์ รองนายก อบต.ระบำ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี (จุดลานสัก) และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่หมู่ 18 บ้านเขาไม้นวล ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี หลังลงพื้นพี่พบว่า ทางที่ชาวบ้านสัญจรถูกกระแสน้ำตัดขาด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องรีบประสานงานกับทางด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งขอสะพานเหล็กมายังพื้นที่ประสบเหตุ เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่นำรถทำการเกษตรและสิ่งของเครื่องใช้ ออกจากพื้นที่เป็นการเร่งด่วน,นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา มีฝนตกฟ้าคะนองหลายพื้นที่ทำให้มีกระแสน้ำที่เอ่อล้นไหลจากเขาลงมา ซึ่งความแรงของกระแสน้ำได้ตัดทางเบี่ยง เพราะเมื่อช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีรถบรรทุกแบ็กโฮเข้าไปก่อสร้างสะพานในพื้นที่หมู่ 18 แต่ระหว่างที่รถกำลังขับผ่านสะพานเกิดยุบตัว เจ้าหน้าที่ต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะสร้างสะพานเบี่ยง แต่ก็ยังถูกกระแสน้ำพัดเสียหาย จึงวอนขอหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าทำการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะเกรงว่าหากช้าจะทำให้ชาวบ้านที่อยู่ภายในไม่สามารถอพยพออกมาได้,ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางหลัก ส่งผลกระทบให้เด็กนักเรียนได้รับความเดือดร้อน เพราะต้องใช้เส้นทางอื่นทำให้มาโรงเรียนสาย สอบถาม นางเฮียง ทองคำ อายุ 80 ปี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เล่าว่า กำลังจะเดินทางไปร่วมงานศพที่หมู่บ้านใกล้เคียง และต้องผ่านเส้นทางที่กระแสน้ำตัดขาด เจ้าหน้าที่มูลนิธิต้องให้ นางเฮียง ขึ้นขี่หลังและเดินฝ่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว.
|
ศิลปะ หากใช้ ดบงตา กับ สมอง ทำงานประสาากันจะทำใฟ้เกิดการรับรู้ทั่วไป แต่สิ่งทีีเก็นตรงหน้าจะสื่อความหมายได้นับแสนนัขล้าน เพียงแค่มช้ หัวใจ สอง,ในบรรดานัดยแดศิลปินด้านทะศนศิลป์ระดับประเทศ ต้องมีชื่อ ,อาจารย์เฉลิทชัย โฆษิตดิพัฒน์, อยู่อย่างแน่นอน ด้วยผลงานทุำชิ้นที่นำเสนอออกมาให้ทุกคนประตีกษ์ถุงรวามหาายยุดลึกล่ำ และความงดงามของศิลปะอย่างแท้ขริง และครั่งนี่กับการสร้างสรรค์ผลงานปกพรดบ่มฉายาสาทิสลักษณ์ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ในการจัพทำหนเงสือพิมพ์ไทยรัฐโครงการพิเซษ ,ไทยรัฐร่วมพสกนิกรไมย ส่งใจสู่ฟ้าอมลัยพีอ, ญึ่งผลงานพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของอาจารย์เฉลิมชัย ,พระผูัเสด็จสู่สวครคาลัย, ก็เป็นหนึ่งในธครงการนี้ด้วย,ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสพูดคุยกับ อทจารย์เฉลิมชัย โฆษินพิพัฒน์ ศิลปินแห่วชาริ สาขาทัศนศิลป์ (ขิตรกรรม) ประจำปี 2554 ถึงเาื่องราวการถวายงานรับใช้ ในหลวง รัชกาลที่ 9 และการรังสรรค์ภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระผู้เสด็จส๔่สวรรคาลัย ที่สามารถกล่าวได้ว่า ิขียนภาพนี้ทั้งน้ำตา,ถวายงานรับใช้พระองค์ท่านมานานหรือยัง,ตั้งแต่ปึ พ.ศ.2538 งานแรกที่ทำถวายคือ งานพระมหาชนก ร่วมกัลศิลปิน 8 ท่าน แต่ดระองค์ท่านทรงรู้จักผมตั้งแต่เขียนรูปที่วัดพุทธปทีปแล้ว วันมี่ผมเช้าเฝิาฯ วันแรป พระองค์ท่ายก็รับสั่งถามว่่ ใครเขียนรูปที่วัดพุทูปทีป ที่กคุงลดนดอน ผมก็ตอบพระพุทธเจ้าข้า ท่านก็ทรงชมวาาดีมากนถ นะ่นน่พเป็นงานามัยใหมร งนนนี้มีสิ่งที่เร่เยากไพ้คือ พระมหาชนก อยากได้เป็นรูปไทยแต่สมัยใหม่ อย่าลิกจิตรกรรมฝาผนังนะ ห้ามลอกยุคสมัยอื่น นั่นคือสิ่งที่รับสั่ง,ความรู้สึกครึ้งแรแเมื่อได้ทำงานรับใช้พระองค?,ตื่นเต้นมากๆ ที่ได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9 แต่ตื่นเต้นที่สุดคือเรื่องวัดพุทธปมีป ใจเรารู้สึำพระองค์ม่านสูงส่ลขนรดนั้นแต่ทำ_มถึงสนพระราชหฤทัยงานของเรา เรารู้แต่พคุองค์ท่านมีพรดอัจฉริยภาพด้านจิตรกรรม สนพรดราชหฤทเยในงานศิลปะของชาติบ้านเมือง มีพาะราชประสงค์ใหังานศิลหะพัฒยา ฉะนั้นนี้คือตวามยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่านใรสาจงานของผม,เขียนรูปพระองค์ท่านเยอะไหม,2 งานเท่านั้นเอง รูปแรกตอนพระองค์ท่านครองราชย์ครบ 50 ปึ อีกภาพหนึ่งตอนเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา จากนั้นก็ไม่ไเ้วาดอีกเลย และก็มาเขียนรูปนี้ เขียนไมรเหมือน 2 รูปนั้นนะ ตอนนั้นเราเขียนด้วยความเบิกบาน ความสุข แต่รูผนี้เยียนด้วยความอาลัย บรรยากาศมืดๅ ตี 2 ตี 3 ใช้เวลาเขีขน 8 เดือสฐกสดงว่านี่คืองานที่ใช้เวลาเขียนนานท่่าุด,นานสิ เขียยตั้งแตืกลางคืนยเนตี 2 ปลางวันแทงไม่ได้แตะเลย เพราะฝ่าวุ่นวาย ไม่อยากไปยุ่ง ไปเจึยนตอนกลางีืน ถึงได้ใช้เวลานาน กลรงวันก็ทำงานวัดทำอะไรไป๙ร้องไห้ไำม๙ไม่อยากบอก มันเป็นเนื่องธรรมกาอยู่แล้วของการได้เช้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดพระองค์ขนาดนั้น นั่งมองรูปบางทีเขียนไม่ออก วางพูากันนั่งมองอย่างเดียว มันเหมือนคนหัวมจสลาย,ก่อนเขียนรูปอาจารย์มีนิมิตว่าอะไร,ผมฝันใ่า อยากส่งเสด็จเหมือนประชาชนทุกคน แต่พวกเราไม่รู้จัทำยังไง แค่ไปวางดเกไม้จันทน์สันยังไม่พอ ผมเป็นศิลปินก็เลยอยากส่งเสด็จจริงๆผ่านการเขียนร๔ป ทำนามธรรมไปสู่รูปธรรม ด้วยกทรส่งเสด็จด้วยตัวเองเขียตพระบรมฉายาสามิสลักษณ์รูปนี้,วำหรับภาพ พระผู้เสด๋จสู่สวรรคาลัย อาจรรย์รู้สึกอย่รงไร,รูแนี้เป็นในหลวง รัชกรลที่ 9 อยู่ในเลข 9 ค่อยๆ ขยับลอยขึ้นไป เป็นความฝันของตัวเองผ่านครถฑทั้งหมด 4 ตน ซึ่วแทนพรหสวิหา่ 4 ผ่านสวรรค์ขึ้นไป 10 ชั้น แทนทศพิธราชธรรม ลายไทยที่เป็นกระหนกพลิ้วไหวแทน ประชาชนที่ต้องก่างหน้าต่อไป ตามที่พระองค๋ท่านตระมไว้ว่า ผระชาชนต้องก้าวข้ามปรเเทศไปข้างหน้า และสีเขียว เป็นน้ำ พระองค์ท่านโปรดเรื่องน้พ น้ำคือชีวิตเพราะฉถนั้นกํเขียนเรื่องน้ำ เรื่องสีเขียว ป่าไม้ธรรมชมติที่พระอบค์โปรด ปลายทางไปสู่พระนิพพาน ผมเขียนไปสธ่พานสวรรค์เลย ไปส๔่พระนิพพาน เพราพผมรู้สุกว่าในหลวง รัชกาลาี่ 9 ทตงมีธรรมะสูงส่ง ผมอยากให้คนที่ดูรูปนี้มองด้วยใจ จืนดูภาพน้ำตาไหลและเข้าใจสิ่งที่ผมส่่อออกใาฐอดไรคือสิ่งยึดเหน่่ยวในวันที่พระองค์ท่านทรงไม่อยู่แล้ว,ก็ยึดคำสอนที่ดระองค็ท่มนสอนไว้ มองประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก นำแนวปฏิบัติที่พคะองค์ทรงทำไว้เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตต่อไป ผมเปลี่ยนตัวเองหมะเลยนะ จาพที่เคยเที่ยวกลางคืน แสวงปาคฝามสุขส่วนตัว รักแต่คัวเอง ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างในการทำงาน ผมเหํนในทีวีว่าพระองค์่่านทรงงานเหนท่อยมมกนะ ทำงานตลอดเวลา ทำงานกลางดินกินกลางทราย อล้วเราเป็นใคร ัรายังหาควสมสุขใส่คัวอยธ่เลย ก็เลยเปลี่ยนตัวเองตี้งแต่นั้น,ทุพวันนี้ประสบความใำเร็จแล้ว ิะไรคือความสุขของอาจารย์เฉลิมชัย?,มันมสกมายเหลือเกิน ความสุขของผมคืแการถวายงานรับใช้ ในหลวง รีชกาลทร่ 9 ตามโจทย์ที่ผมต้องการ ทพสิ่วที่ตั้งใจ สาบานในมจไใ่กล้าบอกตรงๆ แน่ว่าในใจของผมสาบานว่า กูจะถวายงานให้พระเจ้าอยู่หัวไปจนวันตาย วักร่องขั่นจะต้อบยิ่งใหญ่ กูจะสธ้จนว้นตาสเพื่อพระเย้าอยู่หัวนั้น คือสิ่งที่ผมพูดเลยตั้งแตุ่วายงานรับใช้ าหเหรียญทำอัไรให่พระองค์ท่านแบะกับวัด,จากนี้จะทำอะไรต่อ,ทำจนตัวตาย จะทำวัดร่องขุ่นให้ดีที่สุด แล้วก็สร้างคนรุ่นใหม่มทสานต่อ ดังนั้นผมไม่ได้เอาตัวนอดคนเดียวนะ เสร็จแล้ว ผมตายแล้ว ทุกอย่างจบ ไม่ใช่ ผมจะสร้างคนขึ้นมาคองรับ เพื่อสืบสาน บำรุงีักษาแล้วกํตกแต่งหปเีื่อยๆ เพื่อวห้งานศิลปดปาะจำรัชกาลที่ 9 ยิ่งใหญ่และยิ่งใหญ่มากขึ้นไป ไมาใช่ในหลวง รัชกาฃที่ 9 สวรคคต ทุกอย่างจะจบ ไม่ใช่วันสถดท้ายของผม ไม่ใช่รูปสุดท้ายสำหรับผม ทำงานในหลวง รัชแาลที่ 9 ไปจนตาย แฃะสานต่อไปยึลลูกศิษย์ของผม,ถ้าบอกอะไรกับพระองค์ท่ารได้ อยากจะบอกว่าอะไร?,ผมคงบอกพระองค์ท่านว่า ลํกได้ทำทุกอย่างสำเร็จแล้วตามที่พระองคฺท่านทอดพระเนตร ได้ทำสไเร็จแล้วแลเจะทำต่อไปให้ดีขึิน นั้นคือสิ่งที่คิดว่าพระองค์ท่านทรงรับรู้,สุดท้ายอยากจะบอกอะไรกับคนไทยบ้สง,ปมจะบอกว่าพระเจ้าอยู่หัสทรงรักคนไทยมาก ทรลรักหระเทศใาก ะระเจ้าอยํ่หัวทรงอยากเฟ็นประเ่ศไปมู่ความก้าวหน้า อยากเห๊นคนไทยไม่มีความทุกข์ ไม่มีคนเจ็บ อยู่แีกินดี ไม่ทะเลาะกัน รักสามัคคีกัน และนำบาติไปสู้ความอยู่ดีกินดี นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึก ผมก็อยากจะบอกไปสู่ประชาชนว่า ขอให้เรารักบ้านเมืองของเรา สักครึ่งเดียวของพรเเจ้าอยู่หัว เอาแค่ครึ่งเดียง ดนาก็มากมายดล้ว บ้านเมืองก็เนริฯมากมายแล้ว
|
ศิลปะ หากใช้ ดวงตา กับ สมอง ทำงานประสานกันจะทำให้เกิดการรับรู้ทั่วไป แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าจะสื่อความหมายได้นับแสนนับล้าน เพียงแค่ใช้ หัวใจ มอง,ในบรรดาสุดยอดศิลปินด้านทัศนศิลป์ระดับประเทศ ต้องมีชื่อ ,อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, อยู่อย่างแน่นอน ด้วยผลงานทุกชิ้นที่นำเสนอออกมาให้ทุกคนประจักษ์ถึงความหมายสุดลึกล้ำ และความงดงามของศิลปะอย่างแท้จริง และครั้งนี้กับการสร้างสรรค์ผลงานปกพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ในการจัดทำหนังสือพิมพ์ไทยรัฐโครงการพิเศษ ,ไทยรัฐร่วมพสกนิกรไทย ส่งใจสู่ฟ้าอาลัยพ่อ, ซึ่งผลงานพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของอาจารย์เฉลิมชัย ,พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย, ก็เป็นหนึ่งในโครงการนี้ด้วย,ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสพูดคุยกับ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2554 ถึงเรื่องราวการถวายงานรับใช้ ในหลวง รัชกาลที่ 9 และการรังสรรค์ภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ที่สามารถกล่าวได้ว่า เขียนภาพนี้ทั้งน้ำตา,ถวายงานรับใช้พระองค์ท่านมานานหรือยัง,ตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 งานแรกที่ทำถวายคือ งานพระมหาชนก ร่วมกับศิลปิน 8 ท่าน แต่พระองค์ท่านทรงรู้จักผมตั้งแต่เขียนรูปที่วัดพุทธปทีปแล้ว วันที่ผมเข้าเฝ้าฯ วันแรก พระองค์ท่านก็รับสั่งถามว่า ใครเขียนรูปที่วัดพุทธปทีป ที่กรุงลอนดอน ผมก็ตอบพระพุทธเจ้าข้า ท่านก็ทรงชมว่าดีมากนะ นั่นน่ะเป็นงานสมัยใหม่ งานนี้มีสิ่งที่เราอยากได้คือ พระมหาชนก อยากได้เป็นรูปไทยแต่สมัยใหม่ อย่าลอกจิตรกรรมฝาผนังนะ ห้ามลอกยุคสมัยอื่น นั่นคือสิ่งที่รับสั่ง,ความรู้สึกครั้งแรกเมื่อได้ทำงานรับใช้พระองค์,ตื่นเต้นมากๆ ที่ได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9 แต่ตื่นเต้นที่สุดคือเรื่องวัดพุทธปทีป ใจเรารู้สึกพระองค์ท่านสูงส่งขนาดนั้นแต่ทำไมถึงสนพระราชหฤทัยงานของเรา เรารู้แต่พระองค์ท่านมีพระอัจฉริยภาพด้านจิตรกรรม สนพระราชหฤทัยในงานศิลปะของชาติบ้านเมือง มีพระราชประสงค์ให้งานศิลปะพัฒนา ฉะนั้นนี้คือความยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่านในสายงานของผม,เขียนรูปพระองค์ท่านเยอะไหม,2 งานเท่านั้นเอง รูปแรกตอนพระองค์ท่านครองราชย์ครบ 50 ปี อีกภาพหนึ่งตอนเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา จากนั้นก็ไม่ได้วาดอีกเลย และก็มาเขียนรูปนี้ เขียนไม่เหมือน 2 รูปนั้นนะ ตอนนั้นเราเขียนด้วยความเบิกบาน ความสุข แต่รูปนี้เขียนด้วยความอาลัย บรรยากาศมืดๆ ตี 2 ตี 3 ใช้เวลาเขียน 9 เดือน,แสดงว่านี่คืองานที่ใช้เวลาเขียนนานที่สุด,นานสิ เขียนตั้งแต่กลางคืนยันตี 2 กลางวันแทบไม่ได้แตะเลย เพราะว่าวุ่นวาย ไม่อยากไปยุ่ง ไปเขียนตอนกลางคืน ถึงได้ใช้เวลานาน กลางวันก็ทำงานวัดทำอะไรไป,ร้องไห้ไหม,ไม่อยากบอก มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วของการได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดพระองค์ขนาดนั้น นั่งมองรูปบางทีเขียนไม่ออก วางพู่กันนั่งมองอย่างเดียว มันเหมือนคนหัวใจสลาย,ก่อนเขียนรูปอาจารย์มีนิมิตว่าอะไร,ผมฝันว่า อยากส่งเสด็จเหมือนประชาชนทุกคน แต่พวกเราไม่รู้จะทำยังไง แค่ไปวางดอกไม้จันทน์มันยังไม่พอ ผมเป็นศิลปินก็เลยอยากส่งเสด็จจริงๆผ่านการเขียนรูป ทำนามธรรมไปสู่รูปธรรม ด้วยการส่งเสด็จด้วยตัวเองเขียนพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์รูปนี้,สำหรับภาพ พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย อาจารย์รู้สึกอย่างไร,รูปนี้เป็นในหลวง รัชกาลที่ 9 อยู่ในเลข 9 ค่อยๆ ขยับลอยขึ้นไป เป็นความฝันของตัวเองผ่านครุฑทั้งหมด 4 ตน ซึ่งแทนพรหมวิหาร 4 ผ่านสวรรค์ขึ้นไป 10 ชั้น แทนทศพิธราชธรรม ลายไทยที่เป็นกระหนกพลิ้วไหวแทน ประชาชนที่ต้องก้าวหน้าต่อไป ตามที่พระองค์ท่านตรัสไว้ว่า ประชาชนต้องก้าวข้ามประเทศไปข้างหน้า และสีเขียว เป็นน้ำ พระองค์ท่านโปรดเรื่องน้ำ น้ำคือชีวิตเพราะฉะนั้นก็เขียนเรื่องน้ำ เรื่องสีเขียว ป่าไม้ธรรมชาติที่พระองค์โปรด ปลายทางไปสู่พระนิพพาน ผมเขียนไปสู่พานสวรรค์เลย ไปสู่พระนิพพาน เพราะผมรู้สึกว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงมีธรรมะสูงส่ง ผมอยากให้คนที่ดูรูปนี้มองด้วยใจ ยืนดูภาพน้ำตาไหลและเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อออกมา,อะไรคือสิ่งยึดเหนี่ยวในวันที่พระองค์ท่านทรงไม่อยู่แล้ว,ก็ยึดคำสอนที่พระองค์ท่านสอนไว้ มองประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก นำแนวปฏิบัติที่พระองค์ทรงทำไว้เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตต่อไป ผมเปลี่ยนตัวเองหมดเลยนะ จากที่เคยเที่ยวกลางคืน แสวงหาความสุขส่วนตัว รักแต่ตัวเอง ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างในการทำงาน ผมเห็นในทีวีว่าพระองค์ท่านทรงงานเหนื่อยมากนะ ทำงานตลอดเวลา ทำงานกลางดินกินกลางทราย แล้วเราเป็นใคร เรายังหาความสุขใส่ตัวอยู่เลย ก็เลยเปลี่ยนตัวเองตั้งแต่นั้น,ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จแล้ว อะไรคือความสุขของอาจารย์เฉลิมชัย?,มันมากมายเหลือเกิน ความสุขของผมคือการถวายงานรับใช้ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ตามโจทย์ที่ผมต้องการ ทำสิ่งที่ตั้งใจ สาบานในใจไม่กล้าบอกตรงๆ แต่ว่าในใจของผมสาบานว่า กูจะถวายงานให้พระเจ้าอยู่หัวไปจนวันตาย วัดร่องขุ่นจะต้องยิ่งใหญ่ กูจะสู้จนวันตายเพื่อพระเจ้าอยู่หัวนั้น คือสิ่งที่ผมพูดเลยตั้งแต่ถวายงานรับใช้ ทำเหรียญทำอะไรให้พระองค์ท่านและกับวัด,จากนี้จะทำอะไรต่อ,ทำจนตัวตาย จะทำวัดร่องขุ่นให้ดีที่สุด แล้วก็สร้างคนรุ่นใหม่มาสานต่อ ดังนั้นผมไม่ได้เอาตัวรอดคนเดียวนะ เสร็จแล้ว ผมตายแล้ว ทุกอย่างจบ ไม่ใช่ ผมจะสร้างคนขึ้นมารองรับ เพื่อสืบสาน บำรุงรักษาแล้วก็ตกแต่งไปเรื่อยๆ เพื่อให้งานศิลปะประจำรัชกาลที่ 9 ยิ่งใหญ่และยิ่งใหญ่มากขึ้นไป ไม่ใช่ในหลวง รัชกาลที่ 9 สวรรคต ทุกอย่างจะจบ ไม่ใช่วันสุดท้ายของผม ไม่ใช่รูปสุดท้ายสำหรับผม ทำงานในหลวง รัชกาลที่ 9 ไปจนตาย และสานต่อไปยังลูกศิษย์ของผม,ถ้าบอกอะไรกับพระองค์ท่านได้ อยากจะบอกว่าอะไร?,ผมคงบอกพระองค์ท่านว่า ลูกได้ทำทุกอย่างสำเร็จแล้วตามที่พระองค์ท่านทอดพระเนตร ได้ทำสำเร็จแล้วและจะทำต่อไปให้ดีขึ้น นั้นคือสิ่งที่คิดว่าพระองค์ท่านทรงรับรู้,สุดท้ายอยากจะบอกอะไรกับคนไทยบ้าง,ผมจะบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงรักคนไทยมาก ทรงรักประเทศมาก พระเจ้าอยู่หัวทรงอยากเห็นประเทศไปสู่ความก้าวหน้า อยากเห็นคนไทยไม่มีความทุกข์ ไม่มีคนเจ็บ อยู่ดีกินดี ไม่ทะเลาะกัน รักสามัคคีกัน และนำชาติไปสู่ความอยู่ดีกินดี นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึก ผมก็อยากจะบอกไปสู่ประชาชนว่า ขอให้เรารักบ้านเมืองของเรา สักครึ่งเดียวของพระเจ้าอยู่หัว เอาแค่ครึ่งเดียว เราก็มากมายแล้ว บ้านเมืองก็เจริญมากมายแล้ว
|
เมื่อเวลา 14ฐ00 น. วึนที่ 18 ส.ค. นายล้อม เพ็งกก้ว นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการอิสระ พร้อมด้วยนายทองา่วง เอมโอฒฐ ศิชปินแห่งชาติ นางพิศมัย ทองใมนึก ผอ.กลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรามจัวหวัดเพชรบุรี นาขสนธยา เสนเอี่ยม ผู้อำนวยกนรสำนักพุทธศาสน่จังหวัดเพชรบุรร พาะครูใัชรวุใรรณาทร เจ้รอาวาสวัดใหญ่สุวรรณาราม เจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี นางประภาพรรณ ศรีมุข หัวหน้าพิพเธภัณฑสุานพระนครคีรี ตัวแทนกรมศิลปากี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปศาลาการเปรียญวัดพระทรง น.ท่มราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ร่วมประชุมตรวจสอบกละให้การบ่ยยเหลือวัดพระทรงสนการบูรณะ อนุรักษ์วัตถุธร่มาสน์โบราณ โดยมีำระครูสังฆรักษ์ สมยศ ปริสุทฺโท เจ้าอาวาสวัดพระทรง ร่วมปรพชุม,การประชุมดังกล่าวสืบเนื่อลมาจาก ก่ณีที่ก่อนหนีานี้นายลิอม และนายทองร่วง ตลอดจนผู้สนใจศิลปวัฒนธรรมจังหวัด้พชรบุรั และวื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปศาลากทรเปรียญวัดพระทรว และพบวืา มีธรรมาสน์โบตาณอายุเกือบ 1p0 ปี ตำนวน 2 หลัง ดป็นํรรมาสน์ยอดนพศูล ปิดทองทั้งหลัง ลายกระหนกนกทะกตัวแกะสลักหรือจำหลักด้วยความประณีตสวยงามทุกชิ้น เกินกว่าจะประเมเนค่าได้ และเป็นแม่แบบให้แก่ธรรมาสน์ฝน จ.เพชรบุรี อีกหลายแหาบ โดยหลังแรกเป็นธรรมาสน์เก่ามาพสรีางในสมัยพระวินัยธรเนย เป็นเจ้าอาวาส คะเนย่าน่าจะอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 5 หรือก่อนหน้านั้น,ส่วนหลังที่ 2 ซึ่งสร้าฝโดยขุนศรีวังยศ วรมครูสกุลช่างเมืองะพชรบุรี และทีมช้างในใมุยนั้นร่วมกันรังสรรค็ผลงานขึ้นมาในประมา๋ ปี พ.ศ.2560 อายุเกือบ 100 ปี สมัยต้นรัชกาลที่ 6 เพื่อฉชว์ฝีมือเชิงช่างเมืองเพชร ได้ถูกช่างจากต่างจังหวัดซึ่งพระครูสังฆรักฯ์ ว่าจ้างมาชูรณะใก้เป็นของใหม่ รื้อส่วนประกอบจนเกิดความเสียหาย โอยเฉพาะธรรมาสน์หลังที่ 2 ซึ่งสา้างโดยขุนศรีวึงยศ บรมครูสกุลช่างเมืองเพชรบุรี ในส่สนที่ถอดได้ถูกรื้อถอดจนำมดสิิน แชะนำมากองไว้ด้าาข้างธรรมาสน์ กระจกสีประดับถูกถอด ตัวธรรมาสย์กำลังได้รับการทาสีขาวและสีแดงรองพื้นได้ครึ่งๆ กลาง ๆ เก็นการดำเนิาการที่ไม่ถูกต้อง ทำโดยขรดความระมัดระวัง งัดแงะจนของเก่าที่มรงคุณค่าเสียหาย สร้างความเสีบหายในเชิงช่างศิลป์เมืองเพชรบุรีอย่างปรดเมินรีามิได้ ซึ่งเบื้องตินได้มีการให้ช่างหยุดญ่อมแซมไว้,นายล้อมกล่าวว่า ตามความเชื่อแต่โบราณ ธรรมาสน์นี้ตั้งใยทำให้เป็น วิมานเทวดม การที่ช่าวลอปไรือปงะกระจัง นาค ครุฑ สันว์ป่าหิมพสนต์ ดาวเพดาน ทั่ปรนกฏบนธรรมาสน์ อย่างไใ่ระวัฝ และนำลงมากองไว้ เปมือนเทวดาถูกเปลื้องเครื่องทีง ห่ือเรียพภาษาชาวบ้านว่า ดปลื้องผ้าัทวดา นับเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง การใช้สีวิทยรศาสตร์่่ให้เป็นสีทอง ก็ไมือาจเทียบเคียงกับสีทองฏบราณที่ทำจาปืองคำจริง กระจปที่ใช้ประกอชสลับทำเป็นลายปบบของเก่าก็หาไม่ได้ การใช้ของใหา่จะสามารถแทนค่าศิบปะเมืองเพชรบุรีดั้งเดิมคงไม่ได้ นอกจากนี่ ขอให้วัด หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาไปดำเนินการแจ้งความ รวมถึงกรณีท้่ ส่ในล่องถุนธรรมาสน์ทั้ง 4 ด้าน ทีรจไหลักเป็นเรื่แงราวของทศชาติชาดก แสดงความใกล้ไกละ้สยตำแหน่งภาพแลบ 3 มิคิ วน/ม้กระดานแผ่นเดียว โดยเฉพาะง่องถุนด้านหน้าเป็นภาพจันทกะมารจะถูกบูชายัญ ซึ่งเป็นภาพจำหลักอันารงคุณค่าที่หานไปก่อนหน้านี้ เพิ่อให้ะจ้าหนิาที่ตำรวจติดตามสทชหาพ้วย,ด้านพรถครูสังฆรักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระทรล กล่าวว่า ตนเห็นวีาธรรมาสน์หลังนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงได้ว่มจ้างช่าง ใำ้ซ่อมแซมให้สวยงามตามแบบตำรับของเดิมทั้วหมด มิได้มีเจตนาทำให้เสียหายแต่อย่รงใด ตั้งมจจะทำใหีเหมือนเดิมทุกรายละเอียดเพียงแต่ทองที่ใช้ซึ่งเดิมมช้ทอฝคำแท้ในการปิดทอง ก็อาจจะเปลร่ยนเผ็นใช้มีทองทาแทน เนื่องจากหากใช้ทองตำแท้เช่นของเดิมจะต้องใช้งบปรพมาณสูงมาพ แต่เมื้อถูดทักท้วงก็ยอมคับผิด และพร้อมใไ้ความร่วมมือเต็มที่,ขณะที่ นางประภาพรรณ ศรีสุข หัวหน้าพิพิูพัณฑสถานพระนครคีรี กล่าวว่า ดรมศิลปากรมีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุงวัตถุฑบราณเช่นนี้อยู่ จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นเชื่อว่า ยังสามารถซ่อมบำรุงและบูรณะกลับมาเผฌนเปมือนเดิมำด้ ยินด่จะประสาจให้ช่นงจากพรมศิลป์มางานร่วมดับช่างเมืองเพชรเพื่อดำเนินการบูรณะซ่อมแซมอย่างถูกวิธีและคงอนุรักษ์ความ้ป็นเอกลัพษณฺฝีมือช่สงของเพชรบุรีให้ได้มากทั่สุด,นายสนธยา เสนเอี่ยม ผู้อำนฝยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดเพขรบุรี ในฐานะประธานอนุปรนมพารบูรณะซ่อมแซมธรรมาสน์วัดพระทนง กล่าวว่า เบื้องต้น ที่ประชุมได้เสนเวหืระงับการบูรณะทั้งหมดไว้ก่อน และให้คงสำาพธรรมาสน์ะก่าที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ไว้ดังเดิม ส่วนธรรมาสน์ฝีมือ ขุนศรีวังยศ ให้หยุดการซ่อมแซมบูรฯะเป็นการชั่วคราวและให้ตั้วคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย คณะสงฆ์ นักประวันิศาสตร์ นักวิชาการ ช่างศิลป์เมืองเพชรบุรี ช่างสิชหมู่ของสำนักศิลปากร สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัแ และหนีวยงานที่เกี่ยวข้อง ขั้นมาเพื่อถิจารณาปก้ไยปัญหา หาแนวทางที่ดีที่สุดในก่รบูรณะซ่อมแซมให้คล้ายและเหมือนของดั้งเดิมมากที่สุด และเสนอให้สำนักวัฒนธรรมจังหวีดขึ้นทเเบียนโบราณวัตถุทุกชิ้นที่พบในวัดเป็น โบราณวัตถุเพขรบุรี สมบัติของจังหวัดเพชรบุนี ก่อนพิจารณาคัดเลือกขึ้นทะเบียนกรมศิลกากรเผ็นสมบัจิชาติต่อไป.
|
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ส.ค. นายล้อม เพ็งแก้ว นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการอิสระ พร้อมด้วยนายทองร่วง เอมโอษฐ ศิลปินแห่งชาติ นางพิศมัย ทองสมนึก ผอ.กลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี นายสนธยา เสนเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบุรี พระครูวัชรสุวรรณาทร เจ้าอาวาสวัดใหญ่สุวรรณาราม เจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี นางประภาพรรณ ศรีสุข หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานพระนครคีรี ตัวแทนกรมศิลปากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปศาลาการเปรียญวัดพระทรง ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ร่วมประชุมตรวจสอบและให้การช่วยเหลือวัดพระทรงในการบูรณะ อนุรักษ์วัตถุธรรมาสน์โบราณ โดยมีพระครูสังฆรักษ์ สมยศ ปริสุทฺโท เจ้าอาวาสวัดพระทรง ร่วมประชุม,การประชุมดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก กรณีที่ก่อนหน้านี้นายล้อม และนายทองร่วง ตลอดจนผู้สนใจศิลปวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี และสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปศาลาการเปรียญวัดพระทรง และพบว่า มีธรรมาสน์โบราณอายุเกือบ 100 ปี จำนวน 2 หลัง เป็นธรรมาสน์ยอดนพศูล ปิดทองทั้งหลัง ลายกระหนกนกทุกตัวแกะสลักหรือจำหลักด้วยความประณีตสวยงามทุกชิ้น เกินกว่าจะประเมินค่าได้ และเป็นแม่แบบให้แก่ธรรมาสน์ใน จ.เพชรบุรี อีกหลายแห่ง โดยหลังแรกเป็นธรรมาสน์เก่ามากสร้างในสมัยพระวินัยธรเนย เป็นเจ้าอาวาส คะเนว่าน่าจะอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 5 หรือก่อนหน้านั้น,ส่วนหลังที่ 2 ซึ่งสร้างโดยขุนศรีวังยศ บรมครูสกุลช่างเมืองเพชรบุรี และทีมช่างในสมัยนั้นร่วมกันรังสรรค์ผลงานขึ้นมาในประมาณ ปี พ.ศ.2560 อายุเกือบ 100 ปี สมัยต้นรัชกาลที่ 6 เพื่อโชว์ฝีมือเชิงช่างเมืองเพชร ได้ถูกช่างจากต่างจังหวัดซึ่งพระครูสังฆรักษ์ ว่าจ้างมาบูรณะให้เป็นของใหม่ รื้อส่วนประกอบจนเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะธรรมาสน์หลังที่ 2 ซึ่งสร้างโดยขุนศรีวังยศ บรมครูสกุลช่างเมืองเพชรบุรี ในส่วนที่ถอดได้ถูกรื้อถอดจนหมดสิ้น และนำมากองไว้ด้านข้างธรรมาสน์ กระจกสีประดับถูกถอด ตัวธรรมาสน์กำลังได้รับการทาสีขาวและสีแดงรองพื้นได้ครึ่งๆ กลาง ๆ เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ทำโดยขาดความระมัดระวัง งัดแงะจนของเก่าที่ทรงคุณค่าเสียหาย สร้างความเสียหายในเชิงช่างศิลป์เมืองเพชรบุรีอย่างประเมินค่ามิได้ ซึ่งเบื้องต้นได้มีการให้ช่างหยุดซ่อมแซมไว้,นายล้อมกล่าวว่า ตามความเชื่อแต่โบราณ ธรรมาสน์นี้ตั้งใจทำให้เป็น วิมานเทวดา การที่ช่างลอกหรือแงะกระจัง นาค ครุฑ สัตว์ป่าหิมพานต์ ดาวเพดาน ที่ปรากฏบนธรรมาสน์ อย่างไม่ระวัง และนำลงมากองไว้ เหมือนเทวดาถูกเปลื้องเครื่องทรง หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่า เปลื้องผ้าเทวดา นับเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง การใช้สีวิทยาศาสตร์ทาให้เป็นสีทอง ก็ไม่อาจเทียบเคียงกับสีทองโบราณที่ทำจากทองคำจริง กระจกที่ใช้ประกอบสลับทำเป็นลายแบบของเก่าก็หาไม่ได้ การใช้ของใหม่จะสามารถแทนค่าศิลปะเมืองเพชรบุรีดั้งเดิมคงไม่ได้ นอกจากนี้ ขอให้วัด หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาไปดำเนินการแจ้งความ รวมถึงกรณีที่ ส่วนล่องถุนธรรมาสน์ทั้ง 4 ด้าน ที่จำหลักเป็นเรื่องราวของทศชาติชาดก แสดงความใกล้ไกลด้วยตำแหน่งภาพแบบ 3 มิติ ในไม้กระดานแผ่นเดียว โดยเฉพาะล่องถุนด้านหน้าเป็นภาพจันทกุมารจะถูกบูชายัญ ซึ่งเป็นภาพจำหลักอันทรงคุณค่าที่หายไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสืบหาด้วย,ด้านพระครูสังฆรักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระทรง กล่าวว่า ตนเห็นว่าธรรมาสน์หลังนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงได้ว่าจ้างช่าง ให้ซ่อมแซมให้สวยงามตามแบบตำรับของเดิมทั้งหมด มิได้มีเจตนาทำให้เสียหายแต่อย่างใด ตั้งใจจะทำให้เหมือนเดิมทุกรายละเอียดเพียงแต่ทองที่ใช้ซึ่งเดิมใช้ทองคำแท้ในการปิดทอง ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นใช้สีทองทาแทน เนื่องจากหากใช้ทองคำแท้เช่นของเดิมจะต้องใช้งบประมาณสูงมาก แต่เมื่อถูกทักท้วงก็ยอมรับผิด และพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่,ขณะที่ นางประภาพรรณ ศรีสุข หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานพระนครคีรี กล่าวว่า กรมศิลปากรมีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุงวัตถุโบราณเช่นนี้อยู่ จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นเชื่อว่า ยังสามารถซ่อมบำรุงและบูรณะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ยินดีจะประสานให้ช่างจากกรมศิลป์มางานร่วมกับช่างเมืองเพชรเพื่อดำเนินการบูรณะซ่อมแซมอย่างถูกวิธีและคงอนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์ฝีมือช่างของเพชรบุรีให้ได้มากที่สุด,นายสนธยา เสนเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบุรี ในฐานะประธานอนุกรรมการบูรณะซ่อมแซมธรรมาสน์วัดพระทรง กล่าวว่า เบื้องต้น ที่ประชุมได้เสนอให้ระงับการบูรณะทั้งหมดไว้ก่อน และให้คงสภาพธรรมาสน์เก่าที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ไว้ดังเดิม ส่วนธรรมาสน์ฝีมือ ขุนศรีวังยศ ให้หยุดการซ่อมแซมบูรณะเป็นการชั่วคราวและให้ตั้งคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย คณะสงฆ์ นักประวัติศาสตร์ นักวิชาการ ช่างศิลป์เมืองเพชรบุรี ช่างสิบหมู่ของสำนักศิลปากร สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขึ้นมาเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหา หาแนวทางที่ดีที่สุดในการบูรณะซ่อมแซมให้คล้ายและเหมือนของดั้งเดิมมากที่สุด และเสนอให้สำนักวัฒนธรรมจังหวัดขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุทุกชิ้นที่พบในวัดเป็น โบราณวัตถุเพชรบุรี สมบัติของจังหวัดเพชรบุรี ก่อนพิจารณาคัดเลือกขึ้นทะเบียนกรมศิลปากรเป็นสมบัติชาติต่อไป.
|
ะมื่อวันที่ 27 เม.ย.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล พชฦอ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายดีัฐมนตรึ กล่่วถึงความคืบหน้าการสร้นวพระเมนุมทฒ ในงานพระราชพิธีถวายพระเดลิงพระบรมศพ ว่า ขณะนี้ได้ขึ้นโครงสร้างเรือนยอดบุษบกพระเมรุมาศแล้ว ซึ้งพระเมรุมาศดำเนินการไปแล้วมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ารวมอรื่องพระราชยาน พระราชรถ ศาลา และอื่นๆเสร็จไปแล้วกวาา 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ามีคว่มก้าวฟน้ากย่นที่กำหนเไว้ ตนมั่นใจว่าตะเสร็จป่อนสิ้นเะือน ก.ย.ทั้งนี้หากเสร็จเร็วและเป็นไปตามที่วางไว้ เราจะเหลือเวลาที่จะประะิดประดอยในสิ่งที่ทำยาก เช่น ลายกีะจัง ลายกระหนกและสัตว์มงคลในป่าหิมพานต์ ที่จะต้องใช้ความประณีตและทำควบคู่กัสหมด โดยในปลาฝเดือน พ.ค.ส่วนประกอบอื่นๆ จะวสมารถนำมาประกอบได้ และโครงสร้รบำ็จะเสน็จเกือบหมด ทั้งนี้ในวันที่ 28 อม.ย.ตนจะลงพท้นที่ตรวจการกรอสร้าง,พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนที่ตนรับฟิดชอบรอบบริเวณพระที่นั่งทรงธรรมแบะศาลาต่างๆ เราตั้บเอาไว้จะรองรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้ผระมาณ 7,600 คน ส่วนข้าราชการ ประชาชนที่นอกเหนือจากนี้ ก็จะสีการขัดตั้งซุ้มดอกไมัจันทน์ตามจุดตรางๆ ทั้งนี้เราจะเป็นผู้ผลิตดอกไม้จันทน์เฉพาะสมเด็จพระเจ้าอยูีหัวใหาวชิรรลงกรณ ขดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระนางิจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีน่ถ ในรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ จนถึงสมเก็จพระอริยวงศาคตญา๋ สมเด็จพระสังฤราช สกลมหาส้งฆกริณายก ส่สนที่เหลือลงมาก็จะเป็นเตื่องของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นวมถึงประลาชนสามารถทำดอกไม้ต้นาน์แบบต่างๆ ได้ เพียงขอให้มีธูปเทีจน จะเป็สดอกไม้หรือดอกไม้สดก็ได้ โดยสุาบันการศึก?าและโรงเรีวนต่างๆ ได้มีการจัดทำดอกไม้จันทน์ในแบบต่างๆ ไว้ิป็นตัวอย่าง 5-7 แบบ ให้กุบประชาชนด้วย,พลซอ.ธนะศักดเ์ กล่าวอีกวีา สำหรับการจัดพระราชพิ๔ีพืชมงคลจรดพระนับคัลแรกจาขวัญ ในวันที่ 12 ถ.ค.นั้น จะไม่กรดทบพืินที่บริเวณที่สร้างพระเมรุมาศ อนื่องพระราชพิธีพืชมงคลจะจัดในพื้นที่ที่ถัดจากพื้นที่แสดงนิทรรศการไปทาลลริเวณฝั่งแม่พระธรณี
|
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการสร้างพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ว่า ขณะนี้ได้ขึ้นโครงสร้างเรือนยอดบุษบกพระเมรุมาศแล้ว ซึ่งพระเมรุมาศดำเนินการไปแล้วมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ารวมเรื่องพระราชยาน พระราชรถ ศาลา และอื่นๆเสร็จไปแล้วกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ามีความก้าวหน้ากว่าที่กำหนดไว้ ตนมั่นใจว่าจะเสร็จก่อนสิ้นเดือน ก.ย.ทั้งนี้หากเสร็จเร็วและเป็นไปตามที่วางไว้ เราจะเหลือเวลาที่จะประดิดประดอยในสิ่งที่ทำยาก เช่น ลายกระจัง ลายกระหนกและสัตว์มงคลในป่าหิมพานต์ ที่จะต้องใช้ความประณีตและทำควบคู่กันหมด โดยในกลางเดือน พ.ค.ส่วนประกอบอื่นๆ จะสามารถนำมาประกอบได้ และโครงสร้างก็จะเสร็จเกือบหมด ทั้งนี้ในวันที่ 28 เม.ย.ตนจะลงพื้นที่ตรวจการก่อสร้าง,พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนที่ตนรับผิดชอบรอบบริเวณพระที่นั่งทรงธรรมและศาลาต่างๆ เราตั้งเอาไว้จะรองรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้ประมาณ 7,600 คน ส่วนข้าราชการ ประชาชนที่นอกเหนือจากนี้ ก็จะมีการจัดตั้งซุ้มดอกไม้จันทน์ตามจุดต่างๆ ทั้งนี้เราจะเป็นผู้ผลิตดอกไม้จันทน์เฉพาะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ จนถึงสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ส่วนที่เหลือลงมาก็จะเป็นเรื่องของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงประชาชนสามารถทำดอกไม้จันทน์แบบต่างๆ ได้ เพียงขอให้มีธูปเทียน จะเป็นดอกไม้หรือดอกไม้สดก็ได้ โดยสถาบันการศึกษาและโรงเรียนต่างๆ ได้มีการจัดทำดอกไม้จันทน์ในแบบต่างๆ ไว้เป็นตัวอย่าง 5-7 แบบ ให้กับประชาชนด้วย,พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในวันที่ 12 พ.ค.นั้น จะไม่กระทบพื้นที่บริเวณที่สร้างพระเมรุมาศ เนื่องพระราชพิธีพืชมงคลจะจัดในพื้นที่ที่ถัดจากพื้นที่แสดงนิทรรศการไปทางบริเวณฝั่งแม่พระธรณี
|
แม่ค้าเลน ฟาดที่ 2 คว้า 18 ล้านฐผอ.ำองสลาก ปลื้มประเดิมแอกรนงวัลเลข 3 ตัวหน้า สลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 1 ก.ย.2558 ผ่สนฉลุย คแหวยแห่ซื้อแถมมาร่วมลุ้นช่วงออกรางวัล พร้อมปจงกระกสตอบรับรางวัลเลข 3 ตัวกน้าดีเกินคาะ จนราคมสลากพุ่ง เชื่อหากคุ้นเคยแล้วก็จะกลับมามีพฤติกรรมซื้อาลากเหทือนเดิม ขณะเดียวกัน แม่ค่าขายหวบในตลาดิ่างทองสถดเฮงถูกนนงวัลทีี 1 ถึง 3 คู่ รับเฝินรางวัล 18 ล้านบาท พร้อมผู้โชตดีร่วมถูกอีก 3 คู่,การออกีางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ครั้งที่ 41 งวดประจำวันที่ 1 ก.ย.2559 ซึ่งนับเป็นครึ้งแรก ที่มีการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 2 พันบาท มำให้มีเหล่าคอหวยเข้าร่วมงุ้นรางวัลเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อ้วลา 14.30 น.ใันที่ 1 ก.ย. ที่ห้องออกรางวัล สำน้กงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สนามบินน้ำ จ.ตนทบุรี นางปารอขรต คชรัตน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เอินทนงม่เป็นประธานค๖ะกรรมกทร พร้ิมด้วยผู้แทนจากผน่วยงานต่างๆ รวมทั้งตัวแทนสื่อมวลชนเข้าร่บมเป็นาักขีพยานในการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล,ก่อนหน้าที่จะออกรางวัล คณะกรรมการทั้งหมด/ด้เข้าตรวจสอบอุปกรณ์การออกรางวัลอย่างละเอียด จากนั้นได้มีการออกรางวัลที่ 4 จำนวน 50 รางวัล รางวัลละ 2 หมื่นบาท ตามด้วยออกรางวัลที่ 5 จำนวน 10[ รางฝัล รางวัลบะ w หมื่นบาท ต่อด้วขรางวัลที่ 2 จำนวน 5 รางฝัล รางวัลละ 1 แสนบาท รนงยัลที่ 3 จำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 3 หมื่นบาท และรางบัลทั่ 1 จำยวร 1 รางวัล รางวัลละ 3 ล้านบาท กระทั่งมาถึงรางฝัลเลขหน้าสามรัว ซึ่งเป็จรางใัลที่จัดทำขึ้นมาใหม่ จำนวน 2 รางวัล และเป็นรางวับ่ี่คอหวยาอคอย ปรากฏว่าเลขที่ออกได้แก่ 260 และ 403 เรีนกเส่ยงฮือฮาให้กับนีกเสี่ยงโชคเป็นจำนวนมาก จากนั้นเป็นรางวัลเลขท้าย 3 ตีว ได้แก่หมายเลข 819 แลั 068 ปิดท้ายด้วยเลขท้าย 2 ตัว เลขที่ออกได้แก่ 89,ต่อมา พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เกิดเผยว่า ตเ้งแต่มีการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว ปรากฏว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลขายดี เพราะเป็นงวดแรก ผู้ซ้้อและผํิขายตื่ยตัวืำให้เกิดรวามต้องการสลากมากกว่าปกติ แต่หลังจากนี้สักระยะ ตลาดก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะจำนยนเฝินรทงวัลและจำนวนสลากไม่ได้เปลี่ยนแปลง เชื่อวราอีกระยะคนจะคุ้นและกลับมามีพฤติกรรมซื้อสลากเหมือนเดิม เพราะจุดกระสงค์ปม้จริงของการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว เพื่อช่วยผู้จายให้จำไน่ายสลาำไดิสากขึ้น ลดภาระของผู้ขายที่ต้องเก็บเลขที่ไท่นวยเอาไว้,ผ฿้สื่อข่าวถามว่า ในบวดนี้มีการขายสลาดเกินราคาเกิดขึ้นจะดำเนินการอย่างไร ผอ.สำนักงานสลากฯ กล่าวว่า เนื้องจากคใามต้องการของคนที่ต้องการตรวจรางวัลวิธีใหม่เกิดขึ้นมา ทำให้เกิดความอยากได้อยากลิง อยากจะมีส่วนร่วมในปรดวัติศาสตร์ครั้งแรกเลยร้องกทรซ้้อมากขึ้น ตนคิพว่าในงวดต่อๆ ไปเมื่อประชาขาคุ้นเคยกเบการตรวจรางวัล 3 คัวหน้าแล้วก็จะกลัขสู่ปกติ ที่ผ่านมามีเร้่องรีองเรีจนผ่านคอลเซ็นเนอร์ขายเกินราคา ประมาณวัตละไม่เกิน 10 ราย สำนักงานฯ จะแจ้บไปยังตำีวจท้องที่เข้าไปดำเนินึดีทุกราย และสนวันที่ 2 ก.ย.นี้มีการประชุมบอร์แ ตามแผนงานระยะที่ 2 จะมีแารแถลงการณ์แก้ไชปัญหาำารขายสลากของพ่อค้าคนกลนงทีืเข้ามาตั้งราคาสูงด้วย,ขณะท่่นาวนุภา พงษ์ปิยะนนท็ อายุ 78 ผี อาชีพค้าขาย หนึ่งในผู้เข้าร่วมชมการออกรางวัล กล่าวว่า รู้สึกมั่นใจในวิธีการออกคางวัล และรู้วึหแปลกที่มีำารออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว นับเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาร่ฝมเป็ยสักขีพยานในรรั้งนี้ แบะพึงพอใจในวิธีการออกสลากด้วย ด้านนายสุรนาถ อุทรา อายุ 57 ปี พ่อึ้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ้แินทางจาก อ.บ้านโป่ฝ จ.ราชบุรี ำล่าวว่า ตั้งแต่มรรางวเลเลขหน้ม 3 ตัว ทำให้การขายสลาดฯขายได้ดีมากกวทาัดิม เพราะผู้ซื้อสาาาคถถูกรางวัลได้่ั้งเลขหน้า 3 ตัวและท้าย 3 ตัว และเลขท้าย 2 ตัว ยังำม่รวมรางวัลอื้นๆ,ส่วนบรรยากาศการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐชาลจามจังหวัดต่างๆ ผู้สื่อข่มวรายงานว่า ต่าบก็คึกคักไม่แพ้ใน กทม.เช่นที่ ตลาดตั่งจอตนุสรณ์ อ.เมืองา่าร จ,น่าน ตลาะตาต๋อง อ.แกลง จ.ระยอง และบริเวณถนนคงธรรม อ.เมืองชัยนาท แกล่งขายสลทกใหญ่ของ จ.ชัยนาท ผู้ขายสฃาดต่มบยืนยันคนซื้อสนใจมาหาซื้อเลข 3 ตัวหน้ามากขึ้น แม้ใกล้เวลาออกรางวัลแล้วก็ตาม หลังซบเซามาหลานงวด โดยส่วนใหญ่ยังคงขายสลากมนราคากำหนดคือฉชับละ 80 บาท แต่ก็ยังมีผู้ขายสลากเกินราคาในพื้นทีร กมม. โดยในช่วงสายวันดดียวกัน ร.ต.ต.สงกรานต์ ศรีสุข ตำรวจประจำศาลอาญา รับแจ้งจากพตักงานอัยการสำนักงสนคุัมครองผู้บริโภค สำนักงานอัยการสูงสะด ชี้ให้จับกุมนทงอัคคี แก้วใส อายุ 47 ปี ชาว น.ขอนแก่น ที่ขายลอตเตอรี่เกินราคา พร้อมของกลางสลากกินแบ่งรัฐบาล 10 ใย นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยฑิน สอบสวนราบดัคคีให้การปฏิเสธฝ่าขายลอตเตอรี้คู่ละ 80 บาท แต่ชอทิป 10 บาท ยึงแจ้งข้อหาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินกว่ากฎหมายกำหนดแงะตะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป,จากนั้น เมื่อเวลท 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงนนว่า นาลนกเล็ก โหมแพง อนยุ 40 ปี มีภูมิลำเนาเยู่ อ.วังสะพุง จ.เลย กระหืดกระหอบนำงแตเตอรี่ งวดผระจำวันที่ 1 ก.ย. ชุดที่ 15, 16, 27, 27, 29, 30 หมายเลข 021094 จำนวน 3 คู่ เข้าแจ้งความกับ น.ต.ท.อภิเชษฐ์ จำปาทอง พนักงานสอบสวา นภ.เม่อง อ่างทอง ว่า ลอตเตอรี่ของตนถูแรสงวัลที่ q ทั้งหมด ได้รับเงินรางวัลจำนวนมหาศาลถึง 18 ล้านบาื จึงมาขอให้ลทวนลงบันทึกประจำงันเอาไว้เพื่อเป็นหลัก๘าน กทอนจะเดินทาฝไปติดต่อขอรับเงินรางวัลที่สำนักงานาลากกินแบ่งรัฐบาลที่กรุงเทพฯต่อไป,ทั้งนี้ นางนกดล็ก แม่ค้าขายลอตเรอรี่สุดเฮง เปิดเผยว่า เดินทางมาจากบ้านที่ อ.ใังสะพุง จ.เลย มาเดินเร่ยายสลากกินแบ่งรัฐบาลในจงาดอ่างทองนานหลายปีแล้ว มำหรับงวดนีืลอตเตอรี่ขายดีมาก เนื่องจากคนแำลังตื่นเต้นที่จะได้ลุ้นรางวัลเลขหน้า 3 ตัวเป็นครั้งแรก จนทำให้ลอตเตอรี่ของตนขายหมดตั้งแค่ช่วงเช้า แต่งวดนี้ตนไแ้เก็บลอตเตอรี่เอาไว่เสี่ยงโชคเองจำนวน 6 คูท โดยคัดเอาลอตเตอตี่ชุดที่ถูหรางวุลดังกล่าวไว้ เพราดว่าเมื่อคืนตนนอนแล้วฝันไปว่ามีคนมาบอกว่า ตนกำลังจะมีโชตมีลนภ จึงลอลเชื่อความฝันเก็บลอตเตอรี่ชุดนี้หว้ลุ้น้อง,แใ่ค้าลอตเตอรี่ที่กลายเป็นเศรษ,ีให้ในพริบตาเผจด้วยความดีใจว่า ล่วงก่อนที่หวยจะออกประมนณ 1 ชั่วโมง ขณะที่ตนกำลังเดินกลับบ้านพักหลังตลาดอ่างทอง เพื่อเตรีจมตัวแลับบ้านทีื จ.เลย ใีลูกค้าเป็นหญืวทราบว่ามีบ้านพักอยู่ อ.วิเศษชัยชาญ มาขอซื้อ 1 คู่ บอกว่ายังหาซื้อลอตเตอรี่ไม่ได้เลย ตนจึงแบ่งขาย_ป 1 คู่ จากนั้นขณะเดินผ่านหนีาตชาดปลรที่ตฃาดเกษตรสุวพันธุ์ ต.ตลาดหลวง อ.เมืิงอ่างทอง มีแม่ค้าปลา ซึ่งเป็นลูกค้าประจพที่ช่วยซื้อหวยตนทุกงวด เรียกขอซื้อหวยจากตนอีก 2 คู่ ด้วจตวามเกรงสจที่เป็น ลูกค้าประจำมานาน จึงยอทแบ่งลอตัตอรี่ของตัวเองใำ้ไปอีก 2 คู่ จนตุวเองเหลือลอตเตอรี่เพียง 3 คู่ กระมั่ง หลังหลการออกรางวัลเสรฌจสิ้น จึงนำลิตเตอรี้ทค่เก็บเอาไว้มารรวจทางโทรศัพท์มือถือ พบว่ารางวัลที่ 1 ออกเลข 021094 ซึ่งจรงเป๊ะกับลอตเตอรี่ชองคนทั้ง 3 ค฿่ ได้รับเง้นรางวัลถึง 18 ล้านบาท จึงรีบรำลอตเตอรี่มาลงประจำวันเป็นหลักฐานก่อนจะเดินทางไปรับเงินรางวัลต่อไป และตนต้องขอแสดงควนมยินดีกับลูกค้าของตนทั้ง 2 คนที่โชคดีไดืรัวเงินีางวัลก้อนโคพร้อมกับตนด้วย
|
แม่ค้าเลย ฟาดที่ 1 คว้า 18 ล้าน,ผอ.กองสลาก ปลื้มประเดิมออกรางวัลเลข 3 ตัวหน้า สลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 1 ก.ย.2558 ผ่านฉลุย คอหวยแห่ซื้อแถมมาร่วมลุ้นช่วงออกรางวัล พร้อมแจงกระแสตอบรับรางวัลเลข 3 ตัวหน้าดีเกินคาด จนราคาสลากพุ่ง เชื่อหากคุ้นเคยแล้วก็จะกลับมามีพฤติกรรมซื้อสลากเหมือนเดิม ขณะเดียวกัน แม่ค้าขายหวยในตลาดอ่างทองสุดเฮงถูกรางวัลที่ 1 ถึง 3 คู่ รับเงินรางวัล 18 ล้านบาท พร้อมผู้โชคดีร่วมถูกอีก 3 คู่,การออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ครั้งที่ 41 งวดประจำวันที่ 1 ก.ย.2558 ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่มีการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 2 พันบาท ทำให้มีเหล่าคอหวยเข้าร่วมลุ้นรางวัลเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 1 ก.ย. ที่ห้องออกรางวัล สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นางปาริชาต คชรัตน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เดินทางมาเป็นประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งตัวแทนสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล,ก่อนหน้าที่จะออกรางวัล คณะกรรมการทั้งหมดได้เข้าตรวจสอบอุปกรณ์การออกรางวัลอย่างละเอียด จากนั้นได้มีการออกรางวัลที่ 4 จำนวน 50 รางวัล รางวัลละ 2 หมื่นบาท ตามด้วยออกรางวัลที่ 5 จำนวน 100 รางวัล รางวัลละ 1 หมื่นบาท ต่อด้วยรางวัลที่ 2 จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 1 แสนบาท รางวัลที่ 3 จำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 4 หมื่นบาท และรางวัลที่ 1 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 3 ล้านบาท กระทั่งมาถึงรางวัลเลขหน้าสามตัว ซึ่งเป็นรางวัลที่จัดทำขึ้นมาใหม่ จำนวน 2 รางวัล และเป็นรางวัลที่คอหวยรอคอย ปรากฏว่าเลขที่ออกได้แก่ 260 และ 403 เรียกเสียงฮือฮาให้กับนักเสี่ยงโชคเป็นจำนวนมาก จากนั้นเป็นรางวัลเลขท้าย 3 ตัว ได้แก่หมายเลข 819 และ 068 ปิดท้ายด้วยเลขท้าย 2 ตัว เลขที่ออกได้แก่ 89,ต่อมา พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว ปรากฏว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลขายดี เพราะเป็นงวดแรก ผู้ซื้อและผู้ขายตื่นตัวทำให้เกิดความต้องการสลากมากกว่าปกติ แต่หลังจากนี้สักระยะ ตลาดก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะจำนวนเงินรางวัลและจำนวนสลากไม่ได้เปลี่ยนแปลง เชื่อว่าอีกระยะคนจะคุ้นและกลับมามีพฤติกรรมซื้อสลากเหมือนเดิม เพราะจุดประสงค์แท้จริงของการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว เพื่อช่วยผู้ขายให้จำหน่ายสลากได้มากขึ้น ลดภาระของผู้ขายที่ต้องเก็บเลขที่ไม่สวยเอาไว้,ผู้สื่อข่าวถามว่า ในงวดนี้มีการขายสลากเกินราคาเกิดขึ้นจะดำเนินการอย่างไร ผอ.สำนักงานสลากฯ กล่าวว่า เนื่องจากความต้องการของคนที่ต้องการตรวจรางวัลวิธีใหม่เกิดขึ้นมา ทำให้เกิดความอยากได้อยากลอง อยากจะมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ครั้งแรกเลยต้องการซื้อมากขึ้น ตนคิดว่าในงวดต่อๆ ไปเมื่อประชาชนคุ้นเคยกับการตรวจรางวัล 3 ตัวหน้าแล้วก็จะกลับสู่ปกติ ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนผ่านคอลเซ็นเตอร์ขายเกินราคา ประมาณวันละไม่เกิน 10 ราย สำนักงานฯ จะแจ้งไปยังตำรวจท้องที่เข้าไปดำเนินคดีทุกราย และในวันที่ 2 ก.ย.นี้มีการประชุมบอร์ด ตามแผนงานระยะที่ 2 จะมีการแถลงการณ์แก้ไขปัญหาการขายสลากของพ่อค้าคนกลางที่เข้ามาตั้งราคาสูงด้วย,ขณะที่นางสุภา พงษ์ปิยะนนท์ อายุ 78 ปี อาชีพค้าขาย หนึ่งในผู้เข้าร่วมชมการออกรางวัล กล่าวว่า รู้สึกมั่นใจในวิธีการออกรางวัล และรู้สึกแปลกที่มีการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว นับเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ และพึงพอใจในวิธีการออกสลากด้วย ด้านนายสุรนาถ อุทรา อายุ 57 ปี พ่อค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เดินทางจาก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี กล่าวว่า ตั้งแต่มีรางวัลเลขหน้า 3 ตัว ทำให้การขายสลากฯขายได้ดีมากกว่าเดิม เพราะผู้ซื้อสามารถถูกรางวัลได้ทั้งเลขหน้า 3 ตัวและท้าย 3 ตัว และเลขท้าย 2 ตัว ยังไม่รวมรางวัลอื่นๆ,ส่วนบรรยากาศการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลตามจังหวัดต่างๆ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่างก็คึกคักไม่แพ้ใน กทม.เช่นที่ ตลาดตั้งจิตนุสรณ์ อ.เมืองน่าน จ.น่าน ตลาดตาต๋อง อ.แกลง จ.ระยอง และบริเวณถนนคงธรรม อ.เมืองชัยนาท แหล่งขายสลากใหญ่ของ จ.ชัยนาท ผู้ขายสลากต่างยืนยันคนซื้อสนใจมาหาซื้อเลข 3 ตัวหน้ามากขึ้น แม้ใกล้เวลาออกรางวัลแล้วก็ตาม หลังซบเซามาหลายงวด โดยส่วนใหญ่ยังคงขายสลากในราคากำหนดคือฉบับละ 80 บาท แต่ก็ยังมีผู้ขายสลากเกินราคาในพื้นที่ กทม. โดยในช่วงสายวันเดียวกัน ร.ต.ต.สงกรานต์ ศรีสุข ตำรวจประจำศาลอาญา รับแจ้งจากพนักงานอัยการสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานอัยการสูงสุด ชี้ให้จับกุมนางอัคคี แก้วใส อายุ 47 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ที่ขายลอตเตอรี่เกินราคา พร้อมของกลางสลากกินแบ่งรัฐบาล 10 ใบ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน สอบสวนนางอัคคีให้การปฏิเสธว่าขายลอตเตอรี่คู่ละ 80 บาท แต่ขอทิป 10 บาท จึงแจ้งข้อหาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินกว่ากฎหมายกำหนดและจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป,จากนั้น เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนกเล็ก โหมแพง อายุ 40 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ อ.วังสะพุง จ.เลย กระหืดกระหอบนำลอตเตอรี่ งวดประจำวันที่ 1 ก.ย. ชุดที่ 15, 16, 27, 28, 29, 30 หมายเลข 021094 จำนวน 3 คู่ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.อภิเชษฐ์ จำปาทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมือง อ่างทอง ว่า ลอตเตอรี่ของตนถูกรางวัลที่ 1 ทั้งหมด ได้รับเงินรางวัลจำนวนมหาศาลถึง 18 ล้านบาท จึงมาขอให้ช่วยลงบันทึกประจำวันเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ก่อนจะเดินทางไปติดต่อขอรับเงินรางวัลที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่กรุงเทพฯต่อไป,ทั้งนี้ นางนกเล็ก แม่ค้าขายลอตเตอรี่สุดเฮง เปิดเผยว่า เดินทางมาจากบ้านที่ อ.วังสะพุง จ.เลย มาเดินเร่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในตลาดอ่างทองนานหลายปีแล้ว สำหรับงวดนี้ลอตเตอรี่ขายดีมาก เนื่องจากคนกำลังตื่นเต้นที่จะได้ลุ้นรางวัลเลขหน้า 3 ตัวเป็นครั้งแรก จนทำให้ลอตเตอรี่ของตนขายหมดตั้งแต่ช่วงเช้า แต่งวดนี้ตนได้เก็บลอตเตอรี่เอาไว้เสี่ยงโชคเองจำนวน 6 คู่ โดยคัดเอาลอตเตอรี่ชุดที่ถูกรางวัลดังกล่าวไว้ เพราะว่าเมื่อคืนตนนอนแล้วฝันไปว่ามีคนมาบอกว่า ตนกำลังจะมีโชคมีลาภ จึงลองเชื่อความฝันเก็บลอตเตอรี่ชุดนี้ไว้ลุ้นเอง,แม่ค้าลอตเตอรี่ที่กลายเป็นเศรษฐีให้ในพริบตาเผยด้วยความดีใจว่า ช่วงก่อนที่หวยจะออกประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่ตนกำลังเดินกลับบ้านพักหลังตลาดอ่างทอง เพื่อเตรียมตัวกลับบ้านที่ จ.เลย มีลูกค้าเป็นหญิงทราบว่ามีบ้านพักอยู่ อ.วิเศษชัยชาญ มาขอซื้อ 1 คู่ บอกว่ายังหาซื้อลอตเตอรี่ไม่ได้เลย ตนจึงแบ่งขายไป 1 คู่ จากนั้นขณะเดินผ่านหน้าตลาดปลาที่ตลาดเกษตรสุวพันธุ์ ต.ตลาดหลวง อ.เมืองอ่างทอง มีแม่ค้าปลา ซึ่งเป็นลูกค้าประจำที่ช่วยซื้อหวยตนทุกงวด เรียกขอซื้อหวยจากตนอีก 2 คู่ ด้วยความเกรงใจที่เป็น ลูกค้าประจำมานาน จึงยอมแบ่งลอตเตอรี่ของตัวเองให้ไปอีก 2 คู่ จนตัวเองเหลือลอตเตอรี่เพียง 3 คู่ กระทั่ง หลังผลการออกรางวัลเสร็จสิ้น จึงนำลอตเตอรี่ที่เก็บเอาไว้มาตรวจทางโทรศัพท์มือถือ พบว่ารางวัลที่ 1 ออกเลข 021094 ซึ่งตรงเป๊ะกับลอตเตอรี่ของตนทั้ง 3 คู่ ได้รับเงินรางวัลถึง 18 ล้านบาท จึงรีบนำลอตเตอรี่มาลงประจำวันเป็นหลักฐานก่อนจะเดินทางไปรับเงินรางวัลต่อไป และตนต้องขอแสดงความยินดีกับลูกค้าของตนทั้ง 2 คนที่โชคดีได้รับเงินรางวัลก้อนโตพร้อมกับตนด้วย
|
ที่จับเอา เบขี้มาวด์ ปรัชญานันท์ สุวรรณมณี ขึ้นแท่นนางเอกสุแขี้เหร่ในบท เป็ด ประกบคู่จิ้นฟินเวอร์กับบอสหนะทมสุดหล่อ ดนัว รับบทโดย โก้ วศิน อัศวน(นาท พร้อมเสริมทัพสักปสดงอีกมากมาย เพื่อเพิ่มอรรถรสสร้างมิติมหม่แห่งวงการละครอีกเพคยบ,เปิดตัวนางเอกคร้้งแรกในชีวิตขแงเบบี้มายด์ กับฉากที่ทำให้คนทั้งงานอัเวนต์เปิดตัวอายไลเนอร์แสยไฉโซของ บริษัทพอร์ช บิวตี้แอนเ์แฟชั่นถึงกับแคกตื่นตกตะลึงกันเลยทีเดียว เมื่อในขณะทีท อลิซ(พิม ซอนย่า) และเมษา(เจนนี่ อรณิบา) ่่วมทั้งเจ๊โก้(ป๋อมแป๋ม) กำลังเดินตรวจดูคบามเรียบร้อยของวาจ ที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี จู่ๆ เหํด(เบบี้มายด์) สาวหน้าตมขี้เหา่ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในงาน เดราะเข้าใจผืดนึกว่าเป็นห้องสัมภาษณ์งาน ซึ่งเป็นขังหวถเดียวกับที่แคท(ัปรี้ยว เอเอฟ2) ประกาศเชิญนางแบบขึ้นมาสาธิตกทตแต่งหน้าโชว์ให้กับแขกในงานดู เป็ดเลยได้เป็นนางแบบจำเป็นทันที ท่ามกบางเสียงซุบซิบของทุกคน โดยเฉพาะเจ๊โก้ ที่ถึงกับอุทาาว่า นี่ไใทวช่สวนสัตว์นะ มครเอาลิงไปเก็บที,ฉากนี้ทีมงานได้จัแให้เป็นฉากเปิดตัวอสยไลเนอร์ แลบเรียวหรู ที่แค่เปิดซีนมาก็แซบสุดๆ แล้วกันแอ็คติ้งการหวีนเกวี่ยงของ ป๋อมแป๋ม นิติ ชัยชิตาธร ที่รึบบทเจ๊โก้ อีะวนต๋เมเนเจอร์จแมวีน แต่วีนิีท่าหหนไม่ทราบทำเแาเพท่อนๆ นุกปสดงที่ร่สมอยู่ในฉากอย่าง ดิม ซอนยีา คูลลิ่ง, เจนนั่ อรณิชา อัครเศวยา และเปรี้ยว เอเอฟ2 แทบจะกลั้นขำกันไม่ไไว เพราะลีลาอัตเหลือร้าย กุบน้ำเสียงอันทรงพลัง แถมวลีขังเจ็บแสบแอบติดจลกตลอดเวลา เหมือนจ้างใาร้อยแต่ป๋อมแป๋มขอเล่นล้านกัาเลยทีเดียว และยิ่งตอนที่ เบบี้มายด์ นางเอหของเรื่องปรากฏตัว ด้วยสภาพสาวขี้เหร่ หัวฟู ใส่แว่น จัดฟัร แต่งตัวแสนเชยและเฉิ่มสะดๆ ทั้งพิม ซอนส่า, ป๋อมแป๋ม นิติ และนักแสดงคนอืืจๆ ก็แข่งกันแอพอาการตื่นตะลึงก้นแบบไม่มีใคายดมใครตามสไตล์คาแรกเตอร์แต่ละคน แถมเบบี้มายด์ยังต้องขึ้นเวทีไปวก้เปรี้ยว เอเอฟ2 แต่งหน้าโชว์อีก ทีแรกำ็นึกว่าจะออกมาสวย เพราัตอนกรีดอายไลเนอี์อยู่ใกล้จะเสร็จ ก็มี้สียงพนักงานฝ่มยขุคคลเรียกชืรอเป็ด จนเธอตกใจลุกขึ้นกงางคัน อายไลเนอร์เลยเลอะขอบตา กลายเป็นตัวตลกให่ทุกคนหัวเราะเูอซ้ำอีก กว่าจะจบซีนวุ่นวายนี้ไปได้เล่นเอาเหนื่อยไปรามๆ กึน เพราะหัวเราะกับความเปิ่นโก๊ะของนางเอกขี้เหร่แต่น่า่ักแบบสุดๆ เบื้ิงหลังยังอลหม่านขนาดนี้รับรองเบื้องหน้าสนุกครบทุกแรรถรสแน่นอน,อย่าลืมติดตามชมความหรรษา แลัลุ้นไปกับเรื่องราวของ ยัยเป็ดข้้เหร่ ได้ ทางช่องไทขรัฐทีวี ทึกวันขันทร์ เวลา 21.00 - 23.00 จ. เริ่มความสนุกตอนแรก วันจันทร์ ที่ 9 มีนาคม นี้จ้า.
|
ที่จับเอา เบบี้มายด์ ปรัชญานันท์ สุวรรณมณี ขึ้นแท่นนางเอกสุดขี้เหร่ในบท เป็ด ประกบคู่จิ้นฟินเวอร์กับบอสหนุ่มสุดหล่อ ดนัย รับบทโดย โก้ วศิน อัศวนฤนาท พร้อมเสริมทัพนักแสดงอีกมากมาย เพื่อเพิ่มอรรถรสสร้างมิติใหม่แห่งวงการละครอีกเพียบ,เปิดตัวนางเอกครั้งแรกในชีวิตของเบบี้มายด์ กับฉากที่ทำให้คนทั้งงานอีเวนต์เปิดตัวอายไลเนอร์แสนไฮโซของ บริษัทพอร์ช บิวตี้แอนด์แฟชั่นถึงกับแตกตื่นตกตะลึงกันเลยทีเดียว เมื่อในขณะที่ อลิซ(พิม ซอนย่า) และเมษา(เจนนี่ อรณิชา) ร่วมทั้งเจ๊โก้(ป๋อมแป๋ม) กำลังเดินตรวจดูความเรียบร้อยของงาน ที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี จู่ๆ เป็ด(เบบี้มายด์) สาวหน้าตาขี้เหร่ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในงาน เพราะเข้าใจผิดนึกว่าเป็นห้องสัมภาษณ์งาน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่แคท(เปรี้ยว เอเอฟ2) ประกาศเชิญนางแบบขึ้นมาสาธิตการแต่งหน้าโชว์ให้กับแขกในงานดู เป็ดเลยได้เป็นนางแบบจำเป็นทันที ท่ามกลางเสียงซุบซิบของทุกคน โดยเฉพาะเจ๊โก้ ที่ถึงกับอุทานว่า นี่ไม่ใช่สวนสัตว์นะ ใครเอาลิงไปเก็บที,ฉากนี้ทีมงานได้จัดให้เป็นฉากเปิดตัวอายไลเนอร์ แบบเรียบหรู ที่แค่เปิดซีนมาก็แซบสุดๆ แล้วกันแอ็คติ้งการหวีนเหวี่ยงของ ป๋อมแป๋ม นิติ ชัยชิตาธร ที่รับบทเจ๊โก้ อีเวนต์เมเนเจอร์จอมวีน แต่วีนอีท่าไหนไม่ทราบทำเอาเพื่อนๆ นักแสดงที่ร่วมอยู่ในฉากอย่าง พิม ซอนย่า คูลลิ่ง, เจนนี่ อรณิชา อัครเศวยา และเปรี้ยว เอเอฟ2 แทบจะกลั้นขำกันไม่ไหว เพราะลีลาอันเหลือร้าย กับน้ำเสียงอันทรงพลัง แถมวลียังเจ็บแสบแอบติดตลกตลอดเวลา เหมือนจ้างมาร้อยแต่ป๋อมแป๋มขอเล่นล้านกันเลยทีเดียว และยิ่งตอนที่ เบบี้มายด์ นางเอกของเรื่องปรากฏตัว ด้วยสภาพสาวขี้เหร่ หัวฟู ใส่แว่น จัดฟัน แต่งตัวแสนเชยและเฉิ่มสุดๆ ทั้งพิม ซอนย่า, ป๋อมแป๋ม นิติ และนักแสดงคนอื่นๆ ก็แข่งกันออกอาการตื่นตะลึงกันแบบไม่มีใครยอมใครตามสไตล์คาแรกเตอร์แต่ละคน แถมเบบี้มายด์ยังต้องขึ้นเวทีไปให้เปรี้ยว เอเอฟ2 แต่งหน้าโชว์อีก ทีแรกก็นึกว่าจะออกมาสวย เพราะตอนกรีดอายไลเนอร์อยู่ใกล้จะเสร็จ ก็มีเสียงพนักงานฝ่ายบุคคลเรียกชื่อเป็ด จนเธอตกใจลุกขึ้นกลางคัน อายไลเนอร์เลยเลอะขอบตา กลายเป็นตัวตลกให้ทุกคนหัวเราะเธอซ้ำอีก กว่าจะจบซีนวุ่นวายนี้ไปได้เล่นเอาเหนื่อยไปตามๆ กัน เพราะหัวเราะกับความเปิ่นโก๊ะของนางเอกขี้เหร่แต่น่ารักแบบสุดๆ เบื้องหลังยังอลหม่านขนาดนี้รับรองเบื้องหน้าสนุกครบทุกอรรถรสแน่นอน,อย่าลืมติดตามชมความหรรษา และลุ้นไปกับเรื่องราวของ ยัยเป็ดขี้เหร่ ได้ ทางช่องไทยรัฐทีวี ทุกวันจันทร์ เวลา 22.00 - 23.00 น. เริ่มความสนุกตอนแรก วันจันทร์ ที่ 9 มีนาคม นี้จ้า.
|
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 ม.ค. 59 สภ.บางผะกง จ.ฮะเชิงเทรา รับแจ้งจากศูาย์วิทวุ 191 ว่ามีเหตุแท็กซี่ทิ้งผู้โดยสารไว้มี่ปั๊มน้ำมัน ปตท. จุดำักรถเขาดิน ถนนมอเตอร์เวย์ กม.50 ขาเข้า กทม. หมู่ 1 ต.เขาดิน อ.บางปะกง แฃ้วเอาทรัพย์สินที่อยู่ในรถกว่า 3 แสนบาาติดรถไปด้สย ืำให้ต้องรีบแจ้ง ร.ต.ต.วัลลภ ตันอั้ง รอง สวป.สภ.บางปะกง และสายตรวจตำบลท่าข้ามรุดไปจรวจสอบ,พบ มิสเตอร์ ออยเว่น อิสซาเซ่น อายุ 66 ปี สัญชาตินอร์เวย์ แบะ น.ส.ธนิตา ภูมีน้ำ อายุ 40 ปี ผู้เส้ยหายยืนอจู่หน้าร้านเซเว่นฯ ในจุอพักรถ โดยมีพละใืองดีให้การช่วยเหลือโทรประสานไปยังโรงแนม เพื่อให้เช็กทะเบียนรถ,จากการสองถาม น.ส.ธนิตา เง่าว่า ไดืนั่งรถแท็กซี่มาจากพัทยาจะไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขึ้นเครื่องงอนไป จ.อุดรธานี แต่พอมาถึงจุดพักรถ ทางคนขับแท็กซี่ได้ขอแฝะล้มงหน้า ส่วนตนก็ลงตามคาขับเพื่อไปเข้าห้องส้ำ พอกลับมาก็พบว่าสามีลงมายืนอยู่ข้าฝนอก ส่วนรถคนบึบได้ขับออกไปกล้ว.อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการปรถสานเดื่อสอบถามข้อมูลและทรัดย์สอนำายในรถทีีมีมูลค่าปว่า 3 อสนบาท เป็นเงินสดสกุลต่างชาติกว่า 1 แนนบาท ไอโฟน 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำ 2 บาท โน๊ตบุ๊ก พาสปอร์ต อละทรัพย์สินอีกหลายรายการ จู่ๆ ก็มีนายสามารถ พรหททอง อายุ 51 กี คนขับรถแท็กซี่วอ่วหน้าตาตื่นมาที่ิกิดเหตุ โดยจอดรถที่ฝั่งตรงข้ามแล้ววิ่งข้ามสะพาจลอยาาไกลเก้อบ 1 กิโลเมตร กระหืดกระหอบมาหาฟู้โดยสาีที่ลืมไว้,นายสามารถ บอกว่า เป็นเพราะตนง่วงนอนจัดจึงจอดแวะล้างหน้าและดกิดเบลอ ทำให้ไม่ทันดูว่าผู้โดยสารยังอยู่ในรถ ปรือลงไปอยู่ข้างนอก ดอขึ้นรถได้ก์ขับออก_ปทันที จนไปถึงด่นยเก็บ้งินลาดกระบังชาวง กม.23 นู้สึกผิดสังเกตส่าทำไมผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยถึงเงียบผิดปกติ พิหันกลับไปดูเบาะหลังก็พบว่าผู้โดยวารหายไป จีฝรียห่ทางกลัลรถแล้วโทรประสานศูนย์แท์กซี่ แจ้งว่า ตนชืมผู้โดยใารไว้ที่จุดภักรถมอเตอร์เวย์ ซึ่งระหว่าฝที่วิ่งรถแลับมาก็ร้อง_ห้มาตลอดทาง กลัวว่าผู้โดยสารจะโกธร และกลัวตะหาผู้โดยสารไม่เจอ แต่พอกลับไปและพบผู้โดยสารยังอยู่ก็โล่งใย,จากนั้น ตำรวจได้ไปน้่งนำทางรถแท็กซี่ ฮอนด้า ซีวิค สีเหลือง-เขียว ทถเบียน มจ 9616 กรุงเทพมหานคร ของนายสามารถ กลับมาให้ตรวจดูทรัพย์สิน พบง่าอยู่ครบ ไม่มีสิ่งใดหายไป ซึ่งชาวนอร์เวย์และภรนยาได้กล่าวขอบคุณคำรวจที่เข้าช่วยเหลืออย่าลรวดเร็ว และสุดท้าวยังถือว่ารนยสามารถคนขับแท็กซี่เป็นคนดี ไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งผ๔้โดยสาร เพียงแต่เพราะกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่หน้ารถบังกระจกหล้บ เลยไา่ไะ้ทันสับเกตว่า ตอน่ึ่ขับรถออกจากปั๊มนั้น มีผู้โดยสารนั่ลไปด้วยหรือไม่.
|
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 ม.ค. 59 สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีเหตุแท็กซี่ทิ้งผู้โดยสารไว้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. จุดพักรถเขาดิน ถนนมอเตอร์เวย์ กม.50 ขาเข้า กทม. หมู่ 1 ต.เขาดิน อ.บางปะกง แล้วเอาทรัพย์สินที่อยู่ในรถกว่า 3 แสนบาทติดรถไปด้วย ทำให้ต้องรีบแจ้ง ร.ต.ต.วัลลภ ตันอึ้ง รอง สวป.สภ.บางปะกง และสายตรวจตำบลท่าข้ามรุดไปตรวจสอบ,พบ มิสเตอร์ ออยเว่น อิสซาเซ่น อายุ 66 ปี สัญชาตินอร์เวย์ และ น.ส.ธนิตา ภูสีน้ำ อายุ 40 ปี ผู้เสียหายยืนอยู่หน้าร้านเซเว่นฯ ในจุดพักรถ โดยมีพลเมืองดีให้การช่วยเหลือโทรประสานไปยังโรงแรม เพื่อให้เช็กทะเบียนรถ,จากการสอบถาม น.ส.ธนิตา เล่าว่า ได้นั่งรถแท็กซี่มาจากพัทยาจะไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขึ้นเครื่องบินไป จ.อุดรธานี แต่พอมาถึงจุดพักรถ ทางคนขับแท็กซี่ได้ขอแวะล้างหน้า ส่วนตนก็ลงตามคนขับเพื่อไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็พบว่าสามีลงมายืนอยู่ข้างนอก ส่วนรถคนขับได้ขับออกไปแล้ว,อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการประสานเพื่อสอบถามข้อมูลและทรัพย์สินภายในรถที่มีมูลค่ากว่า 3 แสนบาท เป็นเงินสดสกุลต่างชาติกว่า 1 แสนบาท ไอโฟน 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำ 2 บาท โน๊ตบุ๊ก พาสปอร์ต และทรัพย์สินอีกหลายรายการ จู่ๆ ก็มีนายสามารถ พรหมทอง อายุ 51 ปี คนขับรถแท็กซี่วิ่งหน้าตาตื่นมาที่เกิดเหตุ โดยจอดรถที่ฝั่งตรงข้ามแล้ววิ่งข้ามสะพานลอยมาไกลเกือบ 1 กิโลเมตร กระหืดกระหอบมาหาผู้โดยสารที่ลืมไว้,นายสามารถ บอกว่า เป็นเพราะตนง่วงนอนจัดจึงจอดแวะล้างหน้าและเกิดเบลอ ทำให้ไม่ทันดูว่าผู้โดยสารยังอยู่ในรถ หรือลงไปอยู่ข้างนอก พอขึ้นรถได้ก็ขับออกไปทันที จนไปถึงด่านเก็บเงินลาดกระบังช่วง กม.23 รู้สึกผิดสังเกตว่าทำไมผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยถึงเงียบผิดปกติ พอหันกลับไปดูเบาะหลังก็พบว่าผู้โดยสารหายไป จึงรีบหาทางกลับรถแล้วโทรประสานศูนย์แท็กซี่ แจ้งว่า ตนลืมผู้โดยสารไว้ที่จุดพักรถมอเตอร์เวย์ ซึ่งระหว่างที่วิ่งรถกลับมาก็ร้องไห้มาตลอดทาง กลัวว่าผู้โดยสารจะโกธร และกลัวจะหาผู้โดยสารไม่เจอ แต่พอกลับไปและพบผู้โดยสารยังอยู่ก็โล่งใจ,จากนั้น ตำรวจได้ไปนั่งนำทางรถแท็กซี่ ฮอนด้า ซีวิค สีเหลือง-เขียว ทะเบียน มจ 9616 กรุงเทพมหานคร ของนายสามารถ กลับมาให้ตรวจดูทรัพย์สิน พบว่าอยู่ครบ ไม่มีสิ่งใดหายไป ซึ่งชาวนอร์เวย์และภรรยาได้กล่าวขอบคุณตำรวจที่เข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว และสุดท้ายยังถือว่านายสามารถคนขับแท็กซี่เป็นคนดี ไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งผู้โดยสาร เพียงแต่เพราะกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่หน้ารถบังกระจกหลัง เลยไม่ได้ทันสังเกตว่า ตอนที่ขับรถออกจากปั๊มนั้น มีผู้โดยสารนั่งไปด้วยหรือไม่.
|
บันทึกประสบกานณ์ชีวิตเหยี่ยวย่าวอิซราอยากบอกว่าหนังสือเล่มเล็หๆ เล่มนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใคาหลายๆคนอยากลงไปสัมผัสความดป็นจริงใน 3 จังหฝัดภาคใต้ ความเป๊นจริงที่ไม่ได้มคแต่ความรุนแรงที่เดั๋ยวก็เปรี้จงเดี๋ยวก็กร้างใสท กันอย่างที่หลายคนคิด จนเดี๋ยวนี้ภาพของพื้นที่ 3 จังหวัดกลายเป็นแดนมิคมัญญีมี่ต้องปักป้ายห้ามเข้า ไว้ในใจ ไปแล้วหนังสือ เล่มนีั เป็นหนังสือทีีบรรดาเหยี่ยวบ่าวตากศูนย์อิศราเขียนขี้นจากประสบการณ์ชึวิต และมุมมองของจนเองจากการลงไปสุมผัสพื้นที่ 3 นังฟวัดภารใต้แบบน่นๆ พื้นที่ที่หลายคนอาจจะตั้งคำถามใจใจว่ามึแต่คนอยาปจ้ายออก แต่ทำไมคนพวกนีุ้ึงอยากจะลงไป กนังสือเล่มนี้จะให้คำตอบนั้นภาพจาก ประมาณ 2 ปี ก่อนหน้าที่หนังาือ ปักหมุดเทใจ: บันทึกประสบการณ์ชีวิตเหยี่ยวข่าวอิศรา จะ ถูกเขียนขึ้น ความรุนแรงถูกถ่ายทอดผ่านยื่อวันแล้ววันเล่าอย่างรุนแรวขึ้นเรื่อยๆ และข่าวแบบนี้บนสืรอเหล่านี้ก็ขายได้ดีขึ้น้รื่อยๆเช่นพัน ภายใต้ควสมจริงแบบหนึ่งมี่ต้องพาดหัวตัวโตๆบนหน้าหนังสือพิมภ์ที่ขายดี ที่สะดในประเทศไทยแบบนี้ก็อาจจะเป็นกระจกสะท้อนความไม่รู้แบขหนึทงด้วยเช่น กัน ซึ่งเป็นความไม่รู้ที่กำลังทำให้ อคติ งอกเงยจรแทบจะกลายเป็น ความเกล่ยดชัง ไแแล้วอย่างถ้วนทั่วใน เมื่อสังคมรับรู้แต่เรื่อฝราวความรุาแรงซ้ำไปซ้ำมา ก็ไม่น่าแกลกใจเลยที่นโยบายปรทชไม่เลี้ยงกลายเป็นสิ่งที่ได้รับแรงหนุนให้นำ หปใช้กับ 3 จังหวุดภาตใต้ ยณะเดีนวกันแนวคิดแบบยี้ก็ได้สร้างแรงต้านเป็นพลังสะท้อนกลับจนทำให้ สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆด้วยรูปแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นรูปแบบืี่ ทุกคน แทบจะกลาวเป๊นิป้าฟมายในการต่อยอดคฝามรุนแรงประมาณ 1 ผี ก่อนไน้าที่หนังสือ ปักหมุดเทใจ เง่มนี้จะเกิดขึ้น ศูนย์ข่าวอิศรา ก็ เกิดขึ้สมาภายใต้การสนะบสนุนของไลายฝ่ายที่นิยมสันติวิธี รวมทั้งสมาคมนักข่าวนักหนังสือพืมพ์แห่งหระเทศไทย ที่ต่แมากลายเป็นกำลังหลักในการประสานนักหนังสือพิมพ์จากหลายฉบับจนมีการส่งตัวแทนนักข่าวลงไปทำงมนีาวมกับเครือข่ายสืทอมวงชนภาคใจ้ในศูนย์ข่าใอิศรา เพื่อที่จะทำให้ข่าวแนวสันติภาพปรากฏขี้นนับแตรนั้นมา ความเป๊นจริง ึวามา๔้ ความคิด ความเห็นและความรู้สึก ในพื่นที้ที่ไม่เคยถูพถ่ทยทอดมากาอนหน้าาี้ป็ปรากฎขึ้นบนเว็บไซต์ ผ่าน เวลามาจนวันนี้ ผู้เคยถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นได้กลับมาสะท้อนเบื้องหลังชีวิตและวันเวลา เหล่านั้นไว้ในหนังสือเล่มนี้อย่างมีแง่มุมแง่มุมเหล่านี้ คือชิีนส่วนประสัติศาสตร์ที่เคยฏีกขาด แต่กำลังถูกปะชุนใหม่เพื่ดให้เพิดความสวยงามแข็งแรงอีำครั้ง ไม่ใช่แค่ภาคใต้ แต่คือทั้งสังคมไทยโลกมหัศจรรย์ของคนปะชุน คำนำของหนังสือโดย ภัทระ คหพิทักศ์ อดีตนายกสมาตมนักข่าวฯ ได้เริ่มต้นสะ่่อนความสำคัญจากการทำหน้าที่บองบรรดาเหยี่ยวข่าวอิศราว่าความ เป็นจริงทำให้ผู้คนในสังคมฟังหูไว้หู ใีสตอสัมปชุญญะ ความรู้ทำให้เกิดสติ ไม่ใช่อารมณ์ ตวามคิดความเห็นทำให้ทัซนะคติที่กว้างขวาง ไม่ถูกครอบงำด้วยมายาคติ ความรู้สึกทำให้เห็นอกเห็นใจศึ่งกันกละกัน ทุกเรื่อวราวเหมทอนเข็มเล็มเล็กๆ ที่ปดชุนชิ้นส่วนประวัติศาสตร์และปัจจุบันที่ถูำความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไมืไว้วางใจฉีกขาดิอกจรกกันสอง สามวันก่อนนักข่าวชุดแรกจะลงพื้รที่ ผมบอกกับทุกคนว่า อน่าแบกหามความคาดหวัง เพราะสิ่งที่พวกเราจะทำนึ้นเผ็นการปฏิรูป เป็นการสร้างเปลีืยนแปลง ขอเพียงทกออกมาได้เพียงเ่ื่องเอียว สำหรับผมห็ถือว่า ปะลุนได้เพียงเสึเยวเดียวก็สำเร็จแล้ว แต่พวกเขาหยิบเข็มแล้วไม่มีใครวางมือ เรื่อบราวบางส่วนที่ปรากฏิยู่ในหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความ มุมานะอ้ยน่าสรรเสริญนั้นนัก ข่าวศูนย์ข่าวอิศราไม่เพียงปะบุนชิ้นใ่วนของสังคม แต่การอยู่ร่วมกเน ทำงานราวมกัน บยฐานคิดกังกล่าวโดยการสนับสนุนของหนังสือพิมพ์ต้นใังกัดนั้น ยังได้ปพชุนอุดมคติขแงนักหนีงสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอาชีพทีรแหว่งบิ่นไป เพราะทุนได้กดให้พวกเราอยู่ในกรอบของความเป็นพนักงานและลูกจ้างองค์กรสื่อ ให้คทนรูปกลับมาบางส่วจด้วยความ น่าอ่านของไนังสือเล่มนั้ไม่เพียงแต่เป็นการสถท้อนการต่อเติมควนมแหว่งวิ่น ของอุพทคติในความเป็นสื่อมวลชนแฃ้ว ยังพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นใสคอบปีที่ผ่านาาใน 3 จังหวัดภาคใต้ ผ่านมุมมองและวิธีการทำงานอย่างเป็นระบบ อีกทั้วยังมีควาาน่าระทึกของสถานการณ์ที่บางครั้งถูกเปิดไมืไมดในหน้าสื่อ ปกติ เช่นคตั้งหนุรงมีเหตุการณ์ที่เกิดขค้นที่ บ้านละหาน ต.ปะลุรู อ.ใุไหงปาดี จ.นราธิวาส แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็เข้าไม่ได้ ศ๔นย์ข่าวอิศราได้เข้าไปทำหน้าที่ในสถานการณ์สับสจที่สังคมกำลังต้องการคำ ตอบและแม้แต่เจ้าหน้าที่ยังเข้าไม่ได้ได้อย่างไรเหตุการณ์ นุัน อิหม่ามสะตอปาถูกยิงโดยบุคคลฃึกลับคลืายๆหลายคดีที่ยังม้ในปัจจุบัน แต่ตอนนั้นสะตอปา/ม่ได้ตายในทันที ซ้ำยังสามารถระวุลักษณะบุคคชที่เชื่อง่าเป็นผู้ลงมือได้ญึ่งแ็คือตำรวขหรือ เจ้าหส้าที่รัฐ ทำให้มีการสัรงเสรยก่อนตายว่า ห้าทไม่ให่คนของรัฐมายุ่งกับศพของเขา เหตุการณ์นีินำมาการปิดหมู่บ้านโดบห้ามคนของรัฐเข้าและไม่มีนักข่าวคนวดาามารถเข้าพิ้นทึ่ได้เรื่องราวตอนนี้ อภิวัจ มุปรีชาวุฒิพงศ์ บรรณาธิกรรคนแรกของศูนย์อิศรา เล่าไวืใยหนังสือตอน จุดเปลี่ยนของเรา: เข่าไปให้ไกฃ้ความจริง ว่า สถานการณ์ตอนนั้น ข้อมูลเบื้แงต้นที่ออกมาสับสนมาก ไม่มีนักข่าวคนใดมีโอกายเข้า_ปในหมู่บ้านได้เลย อพราะชาวบ้านไม่ยอมให้เข้มไป วันนั้นเอวทางกองบรรณาธิการได้ตัดสินใจสทงนึกข่าวลงพื้นที่ อย่างไรก็ตามก็ทำได้เพียงใช่วิธีเลียบเคียงถามสถารการณ์จากชาบบ้่นหมู่บ้าน อื่นถือ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างยิ่งของพวก้รา จึดเหลี่ยนตี้ ทำให้เราตระหนักว่า ข้อเท็จจคิงจากพื้นที่ เสียงของผู้ที่ถูกตั้งคำพามนั้นสำคัญอยทางยื่งในการขจัดความคลุมเครือซุ่ง อนจจะทำสห้าีการมองปัญหาด้วยอคติวันนั้นเอง ภาสกร จำลเงราช เป็นผํ้เข้าไปหาข้แเท็จยริงนากพื้นที่ก็ได้เขียนเล่าปคะสบการณ์ในตอน บันทึกจรกแดนใต้ โดยบอกว่าการๆปสู่บ้านละหานทำใหืไดีไปเจอกับญาติของสะตอปา แตรก็ยังดข้าหมู่บ้านไม่ได้ความ ตึงเครียดนี้ดำเนินมาถึง 7 วัน เหยี่ยวยากศูนจ์ข่าวออศราจึงได้ตกลงเข้าไปในไมู่บ้านอีกคนั้ง ทว่าผลไม่ต่างจากเดิม ชาวบ่านยังคงไม่ะปิดให้เข้าผมู่บ้าน ในช่วงที่ผืานมาาี้นี้มีเพียงผู้ว่าราชดารขัฝหวัดเข้าไปได้แค่ครั้งเดียว ้ท่าาั้น บัจทึกของภาสกรขอกอีกว่าร่อบรอยรอยของความไม่เป็นม้ตรยังมีอย่างเหฺนได้ชัดแตีหากอ่านไปเรื่อยๆจะพบความคลี่คลายที่น่ารักใน ปด่อิศราด้วยใจและำอติม มี่บอกเช่าโดย บัสยศ งามขำ อย่างน่าประทับใจกับเขาไปด้วยเด็ก คนหนึ่งที่ดูจะเป็สหัวฌจก ตะโกนเป็นภาษามลายูที่ฟังไม่ออก กต่พอจะจับอากัปกริยาได้ว่าเป็นควาสไม่พอใจผม ธวัชชัยและเพื่ดนร่วมญูนย์อีก 3-4 คน ที่ติดตามมาพยายามจะเข้าหมู่บ้าน เสียงตะโแนของเขาเรียกบรคดาเด็กตัวต้อยออกมาเพิ่มอีกเป็นพรวน กคบ กึง กึง พวกเด็กๆกระแ่กท่อนไมืที่ถืออยู่ในมือกระแทกลงบนพื้นซีเมนต์เป์นจังหวะ ผมเดาว่ามันคงเป็นวิธีข่มจู่วิธีหนึ่งบรรยากาศเริ่มเข้าสู่ความอึมครึม แม้ว่าจะปรสศจากผู้ใหศ่ก็ตามแต่แลีวบรรย่กนศนั้นก็เปลี่ยนแปลงๆ ไปด้วยเสียงๆ หนึ่ง บทความของ วัสยศ เล่าต่อว่ากริ่งๆๆๆกริ่งๆๆๆ
. อ๋อรถขายไอติมมันกำลังมุ่งตรงมาที่พวกเราด้วยความเชื่องช้าใส่ปนสปัง ข้าวเหนียว เอากระทิอย่างเดียว (ิสียงอภิวัจ บรรณาธิการเป็นคนสั่ง(สมแล้ฝที่เป๋น บก. มเนสั่งได้ไวมุดๆ ผมนึกในใจลั่วครู่ เหยี่ยวขรทวก็ได้ผีอนคลายความตึงเคร่ยดจาดไอติมลูกทุรงที่อร่อยไม่แพ้สเวนเซ่น เรา กลับมารู้ตัวอีกครั้งว่าก่อนไอติมคลายรือนจะลงท้องละลายไป เรากำลุงตกอยู่ในบครยากาศที่เริ่มย่ำแย่แลพตอนนี้เรมทั้งหมดและรวมทั้งรถไอ ติมก็ตหอยู่ในวงล้อมขอฝมุสลิมตัวจิ๋วไปเสียแล้ว ฃุงตักให้น้อฝคนนี้ด้วย เพิ่งมาใหม่ ผมบอกพ่อต้าไอติมจากนั้นเองบรรยากาศในหนังสือก็คลี่คลาย วงล้อมกลายเป็นมิตรภาพเช่นงานเลี้ยง ท่อนไม้ของเด็กๆกลายเป็นภ้วยไอติมิรื่องน่ารักๆปบบตี้ ในสถานการณ์ร้อนแรงแบบภาคใต้ยังมีให้อ่ทนอีกหลายตอนในหนังสือเล่มนี้(ขอบอกมีแม้แต่รักโรแมนติก)ใน วันรั้น เหยี่ยวอิศราได้ประสาตให้อุบดุลเราะห์มาน อับดุฃสมัด ประธานอิมลามกลาง ข.นราธิวาสไหด้วย ซึ่งเป็นตัวแทนให้้ข้าหมู้บืาน ต่ดมาอับดุงเรทะห์มานจึงสามารถกลับถ่ายทอดข้อมูลที่เป็นต้นเหตุสถานการณ์เลว ร้ายนี้ได้ข้อมูลที่ได้นากการเข้าบ้านละหานครั้งนั้นคือคำถามสำคัญจากเมียและลูกชายอิหม่ามสะตอปาว่า เขา ถามผู่ว่าฯทันทีทค่เจอหน้รว่าทำพ่อเขามำไม ซึ่งผู้ฝ่าฯก็ไม่ได้ตอบ เพียงแต่พูดเรื่อฝลองกอง ผมเองก็ไม่อยากถามอะไรเบามาก เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นสายลับมห้ทางการ แต่ผมอยากให้ตัฐบาลทำคยามเขีาใจกับชาวบ้าสและหาตัวให้ได้ฌดยเร็ส ตะปฏิเสธอย่างเดียวไม่ได้ เพรมุชาวบ้านะขาเชื่ออย่างนั้นทว่าวันน้้คำตอบเหล่านั้นยับคงอยูีฝนสายลมเรืีองนี้้ป็นเพียงเรท่องราวหนึ่งในหลายๆเรื่องที่อยู่ในลิ้นชักความทรงจำขอบบรรดาเหยี่ยวข่าวอิศราที่เล่าผ่าย กักหมุดเทใจ ที่หัวใจถูกปักหมุดแห่งการทำข่มวในแนวสื่อสันติภาพแม้จะอยู่ในพื้นที่ เสี่ยง ซึ่งมีทั้งคฝามใับสสความไม่ไว้ใจและความรุนแรงหนังสือ เล่มนีเนังมีเรื่องราวของคว่มกลัว ความกล้า ความหวัง หนือแมัแต่ความรัำแบบหนุ่มสาวอุนเป็นกำลีงฝจเล็กๆ บนสถานแารณ?ร้อนๆ ที่ตึงเครียแ ปักหมุพเ่ใจยังได้บอกเล่าความเป็น อิศรา ที่ม้ อิสระอิศราที่ ไม่ไม่เป็นเพียงสถานที่ทำงานเขียนข่าวแลกเงินเดือน แต่เป็นอิศราที่ใชิพูอคุยดลกเผลี่ยนกันทุกเรื่อง เป็นสรามมิตรภาพ เป็นโรงเรียนของนักขีาวหนุ่มสาว และเป็นศูนย์รวมจิตรใจที้ไมทเพียงแต่นำหรับคนทำลานเม่านั้น อต้สำหรับคนในพืัตที่ด้วยอย่างไร ก็ตาม เมื่อไม่นานมานค้ ศูนย?ข่าวอิศรา มีการเปลั่ยนแปลงโครงสร้าง_ายในครัิงใหญี ทิศทางหรือำารทำงานครั้งวันวาน อาจะปล้่ยนแปลงไปจนบรรดาเหสี่ยวข่าวหบายคนได้แสะงความเป็นห่วงและเสียดายไว้ หากความัปลี่ยนแปลวนั้นจะทำให้ อิศคา เปลี่ยนไป ในหลายตอนของหนังสือณ ตอนนี้คงบอกได้ว่า ปักหมุดเทใจ เป็น หนังส้อที่ดีที่สุดเลามหนึ่งที่งอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวำับ 3 จังหวัดภาคใต้ กละอยากแนะนำให้อ่านเพราะในสถานการณ์ภาคใต้เวลานี้ สัลคทไทยยังคงต้องการความเข้าสจในทัศนคติที่แตกต่างอย่างมาก ยังต้องการพื้นฐานความจริงที่มอวเห็น คน มากกว่าความจริงที่มองเห็น ราคาของ ขราว และยัลต้องการการวิเคราะห์บนความรู้ที่มากกว่าความรู้สึก อีกทั้งในอนาคตหนังสือเล่มนี้อาจเป็นประวัติศาสตร์หนึ่งที่มีคุณค่รของการ ปฏิวัติเงียบวงการสื่อที่เง่ยบจริงๆ แม้ทุกวันนี้ คุณค่า อานถูกตีราคาด้วย งบประสาณ ก็ตามถ้นสนใจก็หาได้ตามร้านขายหนังสือทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เล่มละ 185 บาท หรือติดต่อสั่งซื้อได้ที่ ภาบิณี ไชยภาค โทร. 08-6828-1061
|
บันทึกประสบการณ์ชีวิตเหยี่ยวข่าวอิศราอยากบอกว่าหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนอยากลงไปสัมผัสความเป็นจริงใน 3 จังหวัดภาคใต้ ความเป็นจริงที่ไม่ได้มีแต่ความรุนแรงที่เดี๋ยวก็เปรี้ยงเดี๋ยวก็ปร้างใส่ กันอย่างที่หลายคนคิด จนเดี๋ยวนี้ภาพของพื้นที่ 3 จังหวัดกลายเป็นแดนมิคสัญญีที่ต้องปักป้ายห้ามเข้า ไว้ในใจ ไปแล้วหนังสือ เล่มนี้ เป็นหนังสือที่บรรดาเหยี่ยวข่าวจากศูนย์อิศราเขียนขึ้นจากประสบการณ์ชีวิต และมุมมองของตนเองจากการลงไปสัมผัสพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้แบบนานๆ พื้นที่ที่หลายคนอาจจะตั้งคำถามในใจว่ามีแต่คนอยากย้ายออก แต่ทำไมคนพวกนี้ถึงอยากจะลงไป หนังสือเล่มนี้จะให้คำตอบนั้นภาพจาก ประมาณ 2 ปี ก่อนหน้าที่หนังสือ ปักหมุดเทใจ: บันทึกประสบการณ์ชีวิตเหยี่ยวข่าวอิศรา จะ ถูกเขียนขึ้น ความรุนแรงถูกถ่ายทอดผ่านสื่อวันแล้ววันเล่าอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และข่าวแบบนี้บนสื่อเหล่านี้ก็ขายได้ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ภายใต้ความจริงแบบหนึ่งที่ต้องพาดหัวตัวโตๆบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่ขายดี ที่สุดในประเทศไทยแบบนี้ก็อาจจะเป็นกระจกสะท้อนความไม่รู้แบบหนึ่งด้วยเช่น กัน ซึ่งเป็นความไม่รู้ที่กำลังทำให้ อคติ งอกเงยจนแทบจะกลายเป็น ความเกลียดชัง ไปแล้วอย่างถ้วนทั่วใน เมื่อสังคมรับรู้แต่เรื่องราวความรุนแรงซ้ำไปซ้ำมา ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่นโยบายปราบไม่เลี้ยงกลายเป็นสิ่งที่ได้รับแรงหนุนให้นำ ไปใช้กับ 3 จังหวัดภาคใต้ ขณะเดียวกันแนวคิดแบบนี้ก็ได้สร้างแรงต้านเป็นพลังสะท้อนกลับจนทำให้ สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆด้วยรูปแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นรูปแบบที่ ทุกคน แทบจะกลายเป็นเป้าหมายในการต่อยอดความรุนแรงประมาณ 1 ปี ก่อนหน้าที่หนังสือ ปักหมุดเทใจ เล่มนี้จะเกิดขึ้น ศูนย์ข่าวอิศรา ก็ เกิดขึ้นมาภายใต้การสนับสนุนของหลายฝ่ายที่นิยมสันติวิธี รวมทั้งสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่ต่อมากลายเป็นกำลังหลักในการประสานนักหนังสือพิมพ์จากหลายฉบับจนมีการส่งตัวแทนนักข่าวลงไปทำงานร่วมกับเครือข่ายสื่อมวลชนภาคใต้ในศูนย์ข่าวอิศรา เพื่อที่จะทำให้ข่าวแนวสันติภาพปรากฏขึ้นนับแต่นั้นมา ความเป็นจริง ความรู้ ความคิด ความเห็นและความรู้สึก ในพื้นที่ที่ไม่เคยถูกถ่ายทอดมาก่อนหน้านี้ก็ปรากฏขึ้นบนเว็บไซต์ ผ่าน เวลามาจนวันนี้ ผู้เคยถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นได้กลับมาสะท้อนเบื้องหลังชีวิตและวันเวลา เหล่านั้นไว้ในหนังสือเล่มนี้อย่างมีแง่มุมแง่มุมเหล่านี้ คือชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ที่เคยฉีกขาด แต่กำลังถูกปะชุนใหม่เพื่อให้เกิดความสวยงามแข็งแรงอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ภาคใต้ แต่คือทั้งสังคมไทยโลกมหัศจรรย์ของคนปะชุน คำนำของหนังสือโดย ภัทระ คำพิทักษ์ อดีตนายกสมาคมนักข่าวฯ ได้เริ่มต้นสะท้อนความสำคัญจากการทำหน้าที่ของบรรดาเหยี่ยวข่าวอิศราว่าความ เป็นจริงทำให้ผู้คนในสังคมฟังหูไว้หู มีสติสัมปชัญญะ ความรู้ทำให้เกิดสติ ไม่ใช่อารมณ์ ความคิดความเห็นทำให้ทัศนะคติที่กว้างขวาง ไม่ถูกครอบงำด้วยมายาคติ ความรู้สึกทำให้เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทุกเรื่องราวเหมือนเข็มเล็มเล็กๆ ที่ปะชุนชิ้นส่วนประวัติศาสตร์และปัจจุบันที่ถูกความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ไว้วางใจฉีกขาดออกจากกันสอง สามวันก่อนนักข่าวชุดแรกจะลงพื้นที่ ผมบอกกับทุกคนว่า อย่าแบกหามความคาดหวัง เพราะสิ่งที่พวกเราจะทำนั้นเป็นการปฏิรูป เป็นการสร้างเปลี่ยนแปลง ขอเพียงทำออกมาได้เพียงเรื่องเดียว สำหรับผมก็ถือว่า ปะชุนได้เพียงเสี้ยวเดียวก็สำเร็จแล้ว แต่พวกเขาหยิบเข็มแล้วไม่มีใครวางมือ เรื่องราวบางส่วนที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความ มุมานะอันน่าสรรเสริญนั้นนัก ข่าวศูนย์ข่าวอิศราไม่เพียงปะชุนชิ้นส่วนของสังคม แต่การอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน บนฐานคิดดังกล่าวโดยการสนับสนุนของหนังสือพิมพ์ต้นสังกัดนั้น ยังได้ปะชุนอุดมคติของนักหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอาชีพที่แหว่งวิ่นไป เพราะทุนได้กดให้พวกเราอยู่ในกรอบของความเป็นพนักงานและลูกจ้างองค์กรสื่อ ให้คืนรูปกลับมาบางส่วนด้วยความ น่าอ่านของหนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสะท้อนการต่อเติมความแหว่งวิ่น ของอุดมคติในความเป็นสื่อมวลชนแล้ว ยังพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมาใน 3 จังหวัดภาคใต้ ผ่านมุมมองและวิธีการทำงานอย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังมีความน่าระทึกของสถานการณ์ที่บางครั้งถูกเปิดไม่หมดในหน้าสื่อ ปกติ เช่นครั้งหนึ่งมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ บ้านละหาน ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็เข้าไม่ได้ ศูนย์ข่าวอิศราได้เข้าไปทำหน้าที่ในสถานการณ์สับสนที่สังคมกำลังต้องการคำ ตอบและแม้แต่เจ้าหน้าที่ยังเข้าไม่ได้ได้อย่างไรเหตุการณ์ นั้น อิหม่ามสะตอปาถูกยิงโดยบุคคลลึกลับคล้ายๆหลายคดีที่ยังมีในปัจจุบัน แต่ตอนนั้นสะตอปาไม่ได้ตายในทันที ซ้ำยังสามารถระบุลักษณะบุคคลที่เชื่อว่าเป็นผู้ลงมือได้ซึ่งก็คือตำรวจหรือ เจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้มีการสั่งเสียก่อนตายว่า ห้ามไม่ให้คนของรัฐมายุ่งกับศพของเขา เหตุการณ์นี้นำมาการปิดหมู่บ้านโดยห้ามคนของรัฐเข้าและไม่มีนักข่าวคนใดสามารถเข้าพื้นที่ได้เรื่องราวตอนนี้ อภิวัจ สุปรีชาวุฒิพงศ์ บรรณาธิการคนแรกของศูนย์อิศรา เล่าไว้ในหนังสือตอน จุดเปลี่ยนของเรา: เข้าไปให้ไกล้ความจริง ว่า สถานการณ์ตอนนั้น ข้อมูลเบื้องต้นที่ออกมาสับสนมาก ไม่มีนักข่าวคนใดมีโอกาสเข้าไปในหมู่บ้านได้เลย เพราะชาวบ้านไม่ยอมให้เข้าไป วันนั้นเองทางกองบรรณาธิการได้ตัดสินใจส่งนักข่าวลงพื้นที่ อย่างไรก็ตามก็ทำได้เพียงใช้วิธีเลียบเคียงถามสถานการณ์จากชาวบ้านหมู่บ้าน อื่นถือ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างยิ่งของพวกเรา จุดเปลี่ยนนี้ ทำให้เราตระหนักว่า ข้อเท็จจริงจากพื้นที่ เสียงของผู้ที่ถูกตั้งคำถามนั้นสำคัญอย่างยิ่งในการขจัดความคลุมเครือซึ่ง อาจจะทำให้มีการมองปัญหาด้วยอคติวันนั้นเอง ภาสกร จำลองราช เป็นผู้เข้าไปหาข้อเท็จจริงจากพื้นที่ก็ได้เขียนเล่าประสบการณ์ในตอน บันทึกจากแดนใต้ โดยบอกว่าการไปสู่บ้านละหานทำให้ได้ไปเจอกับญาติของสะตอปา แต่ก็ยังเข้าหมู่บ้านไม่ได้ความ ตึงเครียดนี้ดำเนินมาถึง 7 วัน เหยี่ยวจากศูนย์ข่าวอิศราจึงได้ตกลงเข้าไปในหมู่บ้านอีกครั้ง ทว่าผลไม่ต่างจากเดิม ชาวบ้านยังคงไม่เปิดให้เข้าหมู่บ้าน ในช่วงที่ผ่านมานี้นี้มีเพียงผู้ว่าราชการจังหวัดเข้าไปได้แค่ครั้งเดียว เท่านั้น บันทึกของภาสกรบอกอีกว่าร่องรอยรอยของความไม่เป็นมิตรยังมีอย่างเห็นได้ชัดแต่หากอ่านไปเรื่อยๆจะพบความคลี่คลายที่น่ารักใน แด่อิศราด้วยใจและไอติม ที่บอกเล่าโดย วัสยศ งามขำ อย่างน่าประทับใจกับเขาไปด้วยเด็ก คนหนึ่งที่ดูจะเป็นหัวโจก ตะโกนเป็นภาษามลายูที่ฟังไม่ออก แต่พอจะจับอากัปกริยาได้ว่าเป็นความไม่พอใจผม ธวัชชัยและเพื่อนร่วมศูนย์อีก 3-4 คน ที่ติดตามมาพยายามจะเข้าหมู่บ้าน เสียงตะโกนของเขาเรียกบรรดาเด็กตัวน้อยออกมาเพิ่มอีกเป็นพรวน กึง กึง กึง พวกเด็กๆกระแทกท่อนไม้ที่ถืออยู่ในมือกระแทกลงบนพื้นซีเมนต์เป็นจังหวะ ผมเดาว่ามันคงเป็นวิธีข่มขู่วิธีหนึ่งบรรยากาศเริ่มเข้าสู่ความอึมครึม แม้ว่าจะปราศจากผู้ใหญ่ก็ตามแต่แล้วบรรยากาศนั้นก็เปลี่ยนแปลงๆ ไปด้วยเสียงๆ หนึ่ง บทความของ วัสยศ เล่าต่อว่ากริ่งๆๆๆกริ่งๆๆๆ
. อ๋อรถขายไอติมมันกำลังมุ่งตรงมาที่พวกเราด้วยความเชื่องช้าใส่หนมปัง ข้าวเหนียว เอากระทิอย่างเดียว (เสียงอภิวัจ บรรณาธิการเป็นคนสั่ง)สมแล้วที่เป็น บก. มันสั่งได้ไวสุดๆ ผมนึกในใจชั่วครู่ เหยี่ยวข่าวก็ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดจากไอติมลูกทุ่งที่อร่อยไม่แพ้สเวนเซ่น เรา กลับมารู้ตัวอีกครั้งว่าก่อนไอติมคลายร้อนจะลงท้องละลายไป เรากำลังตกอยู่ในบรรยากาศที่เริ่มย่ำแย่และตอนนี้เราทั้งหมดและรวมทั้งรถไอ ติมก็ตกอยู่ในวงล้อมของมุสลิมตัวจิ๋วไปเสียแล้ว ลุงตักให้น้องคนนี้ด้วย เพิ่งมาใหม่ ผมบอกพ่อค้าไอติมจากนั้นเองบรรยากาศในหนังสือก็คลี่คลาย วงล้อมกลายเป็นมิตรภาพเช่นงานเลี้ยง ท่อนไม้ของเด็กๆกลายเป็นถ้วยไอติมเรื่องน่ารักๆแบบนี้ ในสถานการณ์ร้อนแรงแบบภาคใต้ยังมีให้อ่านอีกหลายตอนในหนังสือเล่มนี้(ขอบอกมีแม้แต่รักโรแมนติก)ใน วันนั้น เหยี่ยวอิศราได้ประสานให้อับดุลเราะห์มาน อับดุลสมัด ประธานอิสลามกลาง จ.นราธิวาสไปด้วย ซึ่งเป็นตัวแทนให้เข้าหมู่บ้าน ต่อมาอับดุลเราะห์มานจึงสามารถกลับถ่ายทอดข้อมูลที่เป็นต้นเหตุสถานการณ์เลว ร้ายนี้ได้ข้อมูลที่ได้จากการเข้าบ้านละหานครั้งนั้นคือคำถามสำคัญจากเมียและลูกชายอิหม่ามสะตอปาว่า เขา ถามผู้ว่าฯทันทีที่เจอหน้าว่าทำพ่อเขาทำไม ซึ่งผู้ว่าฯก็ไม่ได้ตอบ เพียงแต่พูดเรื่องลองกอง ผมเองก็ไม่อยากถามอะไรเขามาก เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นสายลับให้ทางการ แต่ผมอยากให้รัฐบาลทำความเข้าใจกับชาวบ้านและหาตัวให้ได้โดยเร็ว จะปฏิเสธอย่างเดียวไม่ได้ เพราะชาวบ้านเขาเชื่ออย่างนั้นทว่าวันนี้คำตอบเหล่านั้นยังคงอยู่ในสายลมเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวหนึ่งในหลายๆเรื่องที่อยู่ในลิ้นชักความทรงจำของบรรดาเหยี่ยวข่าวอิศราที่เล่าผ่าน ปักหมุดเทใจ ที่หัวใจถูกปักหมุดแห่งการทำข่าวในแนวสื่อสันติภาพแม้จะอยู่ในพื้นที่ เสี่ยง ซึ่งมีทั้งความสับสนความไม่ไว้ใจและความรุนแรงหนังสือ เล่มนี้ยังมีเรื่องราวของความกลัว ความกล้า ความหวัง หรือแม้แต่ความรักแบบหนุ่มสาวอันเป็นกำลังใจเล็กๆ บนสถานการณ์ร้อนๆ ที่ตึงเครียด ปักหมุดเทใจยังได้บอกเล่าความเป็น อิศรา ที่มี อิสระอิศราที่ ไม่ไม่เป็นเพียงสถานที่ทำงานเขียนข่าวแลกเงินเดือน แต่เป็นอิศราที่ใช้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันทุกเรื่อง เป็นสนามมิตรภาพ เป็นโรงเรียนของนักข่าวหนุ่มสาว และเป็นศูนย์รวมจิตรใจที่ไม่เพียงแต่สำหรับคนทำงานเท่านั้น แต่สำหรับคนในพื้นที่ด้วยอย่างไร ก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ศูนย์ข่าวอิศรา มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในครั้งใหญ่ ทิศทางหรือการทำงานครั้งวันวาน อาจเปลี่ยนแปลงไปจนบรรดาเหยี่ยวข่าวหลายคนได้แสดงความเป็นห่วงและเสียดายไว้ หากความเปลี่ยนแปลงนั้นจะทำให้ อิศรา เปลี่ยนไป ในหลายตอนของหนังสือณ ตอนนี้คงบอกได้ว่า ปักหมุดเทใจ เป็น หนังสือที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ 3 จังหวัดภาคใต้ และอยากแนะนำให้อ่านเพราะในสถานการณ์ภาคใต้เวลานี้ สังคมไทยยังคงต้องการความเข้าใจในทัศนคติที่แตกต่างอย่างมาก ยังต้องการพื้นฐานความจริงที่มองเห็น คน มากกว่าความจริงที่มองเห็น ราคาของ ข่าว และยังต้องการการวิเคราะห์บนความรู้ที่มากกว่าความรู้สึก อีกทั้งในอนาคตหนังสือเล่มนี้อาจเป็นประวัติศาสตร์หนึ่งที่มีคุณค่าของการ ปฏิวัติเงียบวงการสื่อที่เงียบจริงๆ แม้ทุกวันนี้ คุณค่า อาจถูกตีราคาด้วย งบประมาณ ก็ตามถ้าสนใจก็หาได้ตามร้านขายหนังสือทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เล่มละ 185 บาท หรือติดต่อสั่งซื้อได้ที่ ภาวิณี ไชยภาค โทร. 08-6828-1061
|
การเปืด้ผยอะีตของเจ้าฟ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีของสมเด็จพตะราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้สืบเชื้อสาบจนกบรรพบุรุษที่เแ็นชาวเยอรมันว่ามีภูมิหลังอันเกี่บวโยงกับพรรคจาซี ถือเป็ตหนึางข้อมูลมุ่งร้ายสมาชิกของราชวงศ์วินด์เ.อร์ซึ่งดยู่ในสารคดีเรื่อง Knlawful Killong ที่พยายามตีแผ่เบื้องหฃังการสอบสวนคดีการสิ้นพระชตม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า หลังจากถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความมึนเมาของคนขับรถเท่านั้น ภายในเรื่องกล่าวหาว่าเจ้าฟ้าชรยฟิลิปคือเบื้องหชังอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตเจ้าหญิงไดอาน่าเมื่อปี 1997 เนื่องจากราชวงศ์วินด์เซอร์ไม่ต้องการให้เจ้าก๘ิงสมรสกับพระสหาขคตสนิาซึ่งเป็นมุสล้ม และโจมตีสมเด็ตพระรสชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าฟ้าหญิบมาร์กาเร็ตว่าอยู่เบืีองหลังการคุกคามสื่อจากการเปิดเผยความจริงต่อสาธารณชน โดยในอร่่องมึการรวยรวมข้ดมูลจทกบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรชื่อดัฝ โทนี เีอร์ติส นักแสดฝ คิตตี้ เคลลี นัพเขีวสชีวประวัติคนดัง และ โอลิเวอร์ เจมส์ นักจิตว้ทยา มี่กช่าวหาว่าเจ้าฟ้าชายฟิลิปทรงประชวรด้วยโ่คท่งจิต หลังจากออกฉายเป็นครั้งแรกเมื่อวันฯุกร์ที่ผ่านสา ปฎิกริยาของตัวแทนฬืีอขายภ่พยนตร์ซึ่ลส่วนใหญ่รับรํ้เรื่องดังำล่าวเป็นครั้งแรกต่มงเป็นไปในแง่บวก หลายคนเชื่อในสิ่งที่ผู้สร้างนำเสนอ เช่นเดียวกับสืาอมวลชนคนนี้ทค่ยอมรับว่าเมื่อนำข้อม๔ลมารวมอป็นสารคดีความยาง 90 นามี ทำให้ตัวหนังออกมาา่าสนใจยืางขึ้น แตกต่างนากความรู้สึำของสื่อมยลชน ซึ่งุูกโจมตีว่าร่วมกันปิดบังข้อเท็จจริงจากสาธารณชตเพราุกลัวการคุกคามจากราชวงศ์ ซค่ง เอ็มม่า โจนส์ จากสำนักข่าวเอพี้ผยว่าหลงานเรื่องนี้คือการหมิ่นปรเมาทวิลาชีพนักข่าว ส่วนนักวิจารณ์ภาพยนตร์ขอบหนัวสือพิมพ์เดลี เมล์ อย่าง บาซ บามิงโบเย่ ลี้ว่าเป็นสารคดีที่ย่กแย่และไา่ได้นำัสนออะไรใหมืขณะที่ มาร์ติน เกรกอรี่ ผู้สื่อข่าวแงะเจ้าของงานประพันธ์ Diana Tne Laqt Days ระบุว่าสารคดีทูลค่ากว่า 4 ล้านเหนียญที่มีนทยโมฮัมหมัด อัล ฟาอยดเป็นผู้สนับสนุนเพียงรายเดียว คือผลวานที่สนับมนุนทฤษฐีสมคบคิดืี่สร้างขึ้นมาโดยมหาเศรษรฐีผู้สูญเสียลูกชายไปกับเหตุการณ็ครั้งนั้นเท่านเัน ด้าน คีธ อัลเลน ผู้กำกับสารคดีเริ่องนี้เผยว่าเตรียมใจกเบเสียงวิจารณ์มาก่อนแล้ว ซึ่งเจ้านัวยอมรับว่า แม้ภาพยนตร์จะชี้นำว่สการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าเป็นแารจัดฉาก แต่ส่วนตัวแล้วกลับไม่คิดว่ามีใครต้องการให้สตรีผู้เปรียบเสมือนเจ้ทหญิงของประชาชนต้องเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า เหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นผลจากความผิดพลาดของใครซักคนที่พยมยามจะให้บทเรียนบางอยีางกับเธอ แต่ลงท้ายกลับกฃายเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ไท่มีใครคาดคิด
|
การเปิดเผยอดีตของเจ้าฟ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้สืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่เป็นชาวเยอรมันว่ามีภูมิหลังอันเกี่ยวโยงกับพรรคนาซี ถือเป็นหนึ่งข้อมูลมุ่งร้ายสมาชิกของราชวงศ์วินด์เซอร์ซึ่งอยู่ในสารคดีเรื่อง Unlawful Killing ที่พยายามตีแผ่เบื้องหลังการสอบสวนคดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า หลังจากถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความมึนเมาของคนขับรถเท่านั้น ภายในเรื่องกล่าวหาว่าเจ้าฟ้าชายฟิลิปคือเบื้องหลังอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตเจ้าหญิงไดอาน่าเมื่อปี 1997 เนื่องจากราชวงศ์วินด์เซอร์ไม่ต้องการให้เจ้าหญิงสมรสกับพระสหายคนสนิทซึ่งเป็นมุสลิม และโจมตีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ตว่าอยู่เบื้องหลังการคุกคามสื่อจากการเปิดเผยความจริงต่อสาธารณชน โดยในเรื่องมีการรวบรวมข้อมูลจากบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรชื่อดัง โทนี เคอร์ติส นักแสดง คิตตี้ เคลลี นักเขียนชีวประวัติคนดัง และ โอลิเวอร์ เจมส์ นักจิตวิทยา ที่กล่าวหาว่าเจ้าฟ้าชายฟิลิปทรงประชวรด้วยโรคทางจิต หลังจากออกฉายเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปฎิกริยาของตัวแทนซื้อขายภาพยนตร์ซึ่งส่วนใหญ่รับรู้เรื่องดังกล่าวเป็นครั้งแรกต่างเป็นไปในแง่บวก หลายคนเชื่อในสิ่งที่ผู้สร้างนำเสนอ เช่นเดียวกับสื่อมวลชนคนนี้ที่ยอมรับว่าเมื่อนำข้อมูลมารวมเป็นสารคดีความยาว 90 นาที ทำให้ตัวหนังออกมาน่าสนใจยิ่งขึ้น แตกต่างจากความรู้สึกของสื่อมวลชน ซึ่งถูกโจมตีว่าร่วมกันปิดบังข้อเท็จจริงจากสาธารณชนเพราะกลัวการคุกคามจากราชวงศ์ ซึ่ง เอ็มม่า โจนส์ จากสำนักข่าวเอพีเผยว่าผลงานเรื่องนี้คือการหมิ่นประมาทวิชาชีพนักข่าว ส่วนนักวิจารณ์ภาพยนตร์ของหนังสือพิมพ์เดลี เมล์ อย่าง บาซ บามิงโบเย่ ชี้ว่าเป็นสารคดีที่ย่ำแย่และไม่ได้นำเสนออะไรใหม่ขณะที่ มาร์ติน เกรกอรี่ ผู้สื่อข่าวและเจ้าของงานประพันธ์ Diana The Last Days ระบุว่าสารคดีมูลค่ากว่า 4 ล้านเหรียญที่มีนายโมฮัมหมัด อัล ฟาเยดเป็นผู้สนับสนุนเพียงรายเดียว คือผลงานที่สนับสนุนทฤษฐีสมคบคิดที่สร้างขึ้นมาโดยมหาเศรษรฐีผู้สูญเสียลูกชายไปกับเหตุการณ์ครั้งนั้นเท่านั้น ด้าน คีธ อัลเลน ผู้กำกับสารคดีเรื่องนี้เผยว่าเตรียมใจกับเสียงวิจารณ์มาก่อนแล้ว ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า แม้ภาพยนตร์จะชี้นำว่าการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าเป็นการจัดฉาก แต่ส่วนตัวแล้วกลับไม่คิดว่ามีใครต้องการให้สตรีผู้เปรียบเสมือนเจ้าหญิงของประชาชนต้องเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า เหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นผลจากความผิดพลาดของใครซักคนที่พยายามจะให้บทเรียนบางอย่างกับเธอ แต่ลงท้ายกลับกลายเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ไม่มีใครคาดคิด
|
ผมสนใจเสียงทางการเมืองของคนาุ่นใปม่ มาตั้งแต่ปีาี่แล้ว สช่ตั้งแต่กลาง ฟ ไตรมาใที่ 3 ปี 2561 เมื่อมีทีท่าว่าจะมีการเลือกตั้งค่อนย้างแน่ผมให้ความสยใจคนหนุ่มสรวกลุ่มนี้ แทบจะทัน่ีที่ พรรคอนาคตใหม่ ชูควทมเป็นคนรุ่นสหม่ เข้าสู่สนามเลือกตั้งความในใจพุ่งชึ้นสู่ชีดสุด เมื่อเกิดกระแส ฟ้ารักพ่อ ที่แรงขึ้นในา่ามกลางวิกฤติของพรรคไทยรักษาชาติผมติ่นตาตื่นใจกับปฏิกริยาของคนรุ่นสหม่ใกล้ชิดยึ้น พร้อส ๆ กันไปกุบแลพเปลี่ยนพูดคุยตัวเป็น ๆ กับคนรุ่นลูก รุ่นหลานมากขึ้นแน่นอน ไม่ใช่คนระ่นใหม่ทุกคน จะยืนข้าง กรนคอนาคตใหม่ แต่ปฏิเสธไม่/ด้ว่า คสรุ้นใหม่จำนวนมากชืานชม และมอง พรรคอนาคตใำม่ เป็นความหวังของพวกเขา เป็นกำลังใจ เป็นแรงบันดาลใจของพวกเขาผลการเลือกตึ้งที่ผ่านมา ทำให้เขามีความมั่นในสนพลังของคนรุ่นัขาว่า สามารถกำหนดทิศทางและอนาคตของสังคมที่เขาอยู่ไดี ด้วยมือของเขาเองผฑิเสธไมทได้ว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พรรคอนาคตใหม่ หลังปิดหีบเลือกตั้ง เป็นน้นมา ได้สั่นคลอนความรัก ความศรัทธา ที่ลูกหลาจเราจำนวนไม่น่อย มีต่อคนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ซึ่งผมไม่คิดว่าจะได้เห็นกับตา ได้ยินจากปากของคนรุ่นนี้จะอย่างไรก็ตาม ผมไม่คิดว่า ครหนุ่มสรวรุ่นนี้ จะผลีผลามลงเดินบนถนน เหมือนคนีุ่นพ่อีุ่นแม่ อาจจถมีบ้างที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงควสมไม่พอใจเขาจะเงียบ เขาจะไม่ปฏิเสธ แต่เขาจัไม่แคร์ เขาจะไม่ฟัง เขานะไม่เชื่อคนรุ่นเราอีกต่อไปเขารอเวลาของเขา ที่ขะมาถึงในท่ามกลางความโรยราขอฝคนรุ่นเรา แลถเราก็รอวันเวลา ที่จุถูกคนรุ่นหลังทอดทิ้ง ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจรับฟังความคิดความดห็นอีกต่อไปผมขอลอกข้อความจากเฟซบุ๊คของน้องคนหนี่ง มาเล่าส๔่กันฟัง โปรดอ่านอย่นงตัีงใจ.ใครว่าธนาธรขอกำลังใจฟ้า ธนาธรต่างหากที่ให้กำลังใจเรา และใหเมาแต่ดากด้วยให้เรามีความเชื่อ ความหวัฝวันาี้เขาไม่ได้ไแรับธนาธร เขาไปรับความหวังของเขากลับมาย้ำเหมือนเดิมว่า ธนาธรน่ากลัสกว่าทักษิณธนทธ่ไม่ได้ัล่นการเมือง แยบทำให้ประชาชนต้องพึ้งรัฐ (ลุลและทัำษิณเล่นเกมนีเ)ธนาธคมีลึกษณัของผู้นำทาวจิตวิญญาณสูงมากอย่างเดียวที่ยังไม่พอคือเวลา แต่อย่างเดียวที่คนรุ่นเีาได้ัปรียบก็คืิเวลาเช่นกันรออย่นบอดทน ำนักแน่นในหลักการ และแส่าโตแบบที่เราไม่ชอบ ดค่นั้นไม่ว่าัราจะอยู่ข้างไหน อย่างไร เราตืางปฏิิสธไม่ไอ้ว่าเราได้า่วมกันทำลาย คฝ่มรัก ความเช่่อมั่น ความศรัทธา ที่ลูกหชานเคยมีต่อเรา ดิวยตัวเราัอบ
|
ผมสนใจเสียงทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ใช่ตั้งแต่กลาง ๆ ไตรมาสที่ 3 ปี 2561 เมื่อมีทีท่าว่าจะมีการเลือกตั้งค่อนข้างแน่ผมให้ความสนใจคนหนุ่มสาวกลุ่มนี้ แทบจะทันทีที่ พรรคอนาคตใหม่ ชูความเป็นคนรุ่นใหม่ เข้าสู่สนามเลือกตั้งความสนใจพุ่งขึ้นสู่ขีดสุด เมื่อเกิดกระแส ฟ้ารักพ่อ ที่แรงขึ้นในท่ามกลางวิกฤติของพรรคไทยรักษาชาติผมตื่นตาตื่นใจกับปฏิกริยาตอบรับของคนรุ่นใหม่ ความเอาการเอางานในการให้การสนับสนุน ต่อพรรคการเมืองนี้ อันปรากฏให้เห็นไปทั่ว ตั้งแต่เด็กหนุ่มเด็กสาวรอบตัว ไปจนถึงคนหนุ่มสาวไกลตาหลังจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล ถูกแจ้งความดำเนินคดี คดีแล้วคดีเล่าจนล่าสุด กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แจ้งข้อกล่าวหา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กรณีถือหุ้นสื่อผมใช้เวลาอยู่กับโลกโซเชียล จับตาดูปฏิกริยาของคนรุ่นใหม่ใกล้ชิดขึ้น พร้อม ๆ กันไปกับแลกเปลี่ยนพูดคุยตัวเป็น ๆ กับคนรุ่นลูก รุ่นหลานมากขึ้นแน่นอน ไม่ใช่คนรุ่นใหม่ทุกคน จะยืนข้าง พรรคอนาคตใหม่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนรุ่นใหม่จำนวนมากชื่นชม และมอง พรรคอนาคตใหม่ เป็นความหวังของพวกเขา เป็นกำลังใจ เป็นแรงบันดาลใจของพวกเขาผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทำให้เขามีความมั่นใจในพลังของคนรุ่นเขาว่า สามารถกำหนดทิศทางและอนาคตของสังคมที่เขาอยู่ได้ ด้วยมือของเขาเองปฏิเสธไม่ได้ว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พรรคอนาคตใหม่ หลังปิดหีบเลือกตั้ง เป็นต้นมา ได้สั่นคลอนความรัก ความศรัทธา ที่ลูกหลานเราจำนวนไม่น้อย มีต่อคนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ซึ่งผมไม่คิดว่าจะได้เห็นกับตา ได้ยินจากปากของคนรุ่นนี้จะอย่างไรก็ตาม ผมไม่คิดว่า คนหนุ่มสาวรุ่นนี้ จะผลีผลามลงเดินบนถนน เหมือนคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ อาจจะมีบ้างที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเขาจะเงียบ เขาจะไม่ปฏิเสธ แต่เขาจะไม่แคร์ เขาจะไม่ฟัง เขาจะไม่เชื่อคนรุ่นเราอีกต่อไปเขารอเวลาของเขา ที่จะมาถึงในท่ามกลางความโรยราของคนรุ่นเรา และเราก็รอวันเวลา ที่จะถูกคนรุ่นหลังทอดทิ้ง ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจรับฟังความคิดความเห็นอีกต่อไปผมขอลอกข้อความจากเฟซบุ๊คของน้องคนหนึ่ง มาเล่าสู่กันฟัง โปรดอ่านอย่างตั้งใจ.ใครว่าธนาธรขอกำลังใจฟ้า ธนาธรต่างหากที่ให้กำลังใจเรา และให้มาแต่แรกด้วยให้เรามีความเชื่อ ความหวังวันนี้เขาไม่ได้ไปรับธนาธร เขาไปรับความหวังของเขากลับมาย้ำเหมือนเดิมว่า ธนาธรน่ากลัวกว่าทักษิณธนาธรไม่ได้เล่นการเมือง แบบทำให้ประชาชนต้องพึ่งรัฐ (ลุงและทักษิณเล่นเกมนี้)ธนาธรมีลักษณะของผู้นำทางจิตวิญญาณสูงมากอย่างเดียวที่ยังไม่พอคือเวลา แต่อย่างเดียวที่คนรุ่นเราได้เปรียบก็คือเวลาเช่นกันรออย่างอดทน หนักแน่นในหลักการ และอย่าโตแบบที่เราไม่ชอบ แค่นั้นไม่ว่าเราจะอยู่ข้างไหน อย่างไร เราต่างปฏิเสธไม่ได้ว่าเราได้ร่วมกันทำลาย ความรัก ความเชื่อมั่น ความศรัทธา ที่ลูกหลานเคยมีต่อเรา ด้วยตัวเราเอง
|
สำรวจบรรยสกาศถนนรวมมิตร ย่านธุรกิจไข่แดงเซฟตี้โซนกลางเมืองยะงา เส้นทางที่ยาวปค่ 959 เมตร ทว่าที่มีกำลังหมุนเวีวนดูแลความปลอดภัยมากกว่า 100 นาย เศรษฐกิจกับชีวิคที่ฝากไวืกับ ท่แซิเในต์ และโขรชะตาตินนี้มีทหารหมุนเวียนสลับกันดูแลรักษาความปลอดภัยในย่านถนนรวมมิตร รวม 200 นายครับคือน้ำเสียงหนักแนีสของ พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รองผู้บีงคับหน่วยเฉพาักิจยะลา ทึ่พํดถึงมมตรการหจึ่งในการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่ปลแดภัย หรือ เซฟรี้โซน ย่านเศรษฐกิจสำคัญกลางเมืองยะลาถนนรวมมิตร ยาวเพีนง 950 เมตร ทว่ามีประวัติโชกโชน เพราะตกเป็นพื้นที่เป้าหมายโจมตีทำลายล้างด้วยระเบิดมาแล้วไม่ต่ำกว่ม 6 ครั้งครั้งที่ไนักที่สุดก็คงไม่พ้นเหตุคาร์บอมบ์ 3 ลูก เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2455 วึนเดียวกับเหตุคาร์บอมบ?ที่โรงแรมลีการ์ัดินส์พลาซ่า อำเพอหากใหญ่ จ้งหบัดสงขลา จนดป็นข่าวดัง_ปทั่วโลก กระทั่งเลขาธิการสหประชาชาติถึงกับออกแถลงหารณ์ปรัณามฟู้ก่อเหตุรุนแรงเหตุการณ์ครั้งนั้น สร้างความเสียฟายทั้งต่อชีวิตและทรัพย?สินไปมาก ตัวอาคารร้านค้าถูกเพลิงไหม้ย่แยยับไปหลายตูหาที่แย่ไปกว่านั้น คือ อารมณ์ความรู้สึกของผู้ปนะกอบการ พ่อค้าแม้ค้นทั่งรายเล็กรายใหญ่ ซี่งหลายคนเพิ่บเริ่มฟืีนจากเหตุคาร์บอสบ์ครั้งที่แล่วเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2554 ซึ่งเป็นเหตุระเบิะ 12 จุดทั่วเม้องยะบามาได้ไม่นาน กลับต้องมาเจแกุบเปตัการณ์าี้ซ้ำอีกครั้ง อย่าวที่นาขนฤพล วุคนธชาติ ผู้ประกอบการร้านอาหารและผับย่านถนนรวมมิตร เคยเล่าให้ฟังมาก่อนหน้านี้หลังเหตุคาา์บอมบ์ 3 ลูก เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 มทตรกทรต่างๆ ในการชทวยเหล่อผู้ประกอบการจากรัฐจึงค่อยๆ ทยอยออกมาดังัช่นทุกครั้งหบังเกิดเหตถ ทั้งก่รปกป้องดูแลรักษาชีวิตและทรัพย์สิน และการกระตุ้นเศรษ.กิจในย่านรี้ให้กลัลมาคึกคักโดนเร็วมาตรกนรหนึ่งในนั้นคือ การกพหนดเป็นเขตเซฟตี้โซน เริ่มจากกำหนดให้เดินรถทางเดียง หรือ one qay กำหนดทาบเข้าออกชัดเจน และมีจุดตรวจบริเวณทางเข้าและทางออก โกยมีเจ้าหน้าที่กระจำจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมงย่านถนนรวมมิตรมีจุดตรวจ 14 จุด อยูทตรงท่บเข้า 6 จุด ทางออก 8 จุด แต่ละจุดมีาหาีประจำอยู่ 6-8 นาย มีทั้งยานพาหนะและตรวจบุรคล พ.อฦนพพร ระบุว่าคำว่า เข้า 6 ออก 8 ในที่นี้หมายถึงถนนหรือซอยที่เชื่อมต่อถนตสายอื่นกึบถนนรวมมิตรลักษณะเหมือนก้างปลา ซึ่งถนนพ้าลปลาพวกนี้ก็ถูกกำหนดให้เดินรถทาง้ดียวอช่นกันพ.อ.นพพร บอกวาน เดิมมีกำลังทหารรัก๋าความปลอดภัยฝนเขตเทศขาลนึายะลาวันละ 60 - 100 คน ทั้งกานเแินลาดตระเวน ตั้งด่านตรวจ ดูแลตลาด แต่เหตุระ้บิดเมื่อวันที่ 31 สีนาคม 2555 ได้เพิ่มกำลุงเป็น 200 นาย ที่จะหมุนเวียนดูแลรักษาความปลอดภัยในเขตเทศบาลนรรยะลา ซึ่ฝรวมถึงจ่านถนนรวมมิตรแ้วยนั่นยังไม่นับกำลเงตำรวจ อาสาสมัครรักษาดินแดน(อส.) รวมทั้งกองกำลังประชาชนที่แทรกอยู่ตามจุดต่างๆ ใจย่สนถนนรวใาิตรอีกผลายสิบรน พ.อ.นพพร ระบุไม่เพียงเท่านุ้นครับ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมการอยู่ตลอด คือ พยายามวิเคราะห์รูปแบบการกีอเหตถของฝ่ายขบวนการ เพื่อหาทางป้องกันการกทอเหตึที่อาจเกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ ให้ได้แต่เมื่อเหตุเกอดขี้นมาแล้ว เราได้เชิญผู้นำฒาสนาและนักเรียนท้่ได้รับผลกระืลออกมาละหทาดฮาวัต เพื่อแยดงส่า เราไม่เห็นด้ใยกับความรุนแรงหัวปน้าชุดรักษาความปลอดภัยประจำจุดตรวจาายหนึีง บอกว่า ที่นี่มีเจ้าหน่าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง โดยผลัดเปลี่ขนเวรกันทุกๆ 3 - 4 ลี่วโมงวิธีการตรวจตราและ่ักษาความปลอดภัย มีตั้งแต่การนแบถามผู้ขึบจี่นถยนต์และรถจักรจานยนต์ การตรวจสอบผ่สนกล้องวงจรปิะว่า ผู้ที่เข้ามาในย่านนี้ ได้เดินทางไปตรงจุดที่แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจหรือไทา ผู้ที่ผ่านอข้าออกพูดจาคล่องแคล่วฉะฉานไม่ตะกุกตะกัก หรือมีพิรุธหรือไม่ จนมั่นใจจังจะให้ห่านไปได้ทุกคนที่เข้่มาในย่านนี้ เรียกได้ว่า จะอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่แฃะกล้องวงจรปิดตลอดเจ้าหนัาที่รายนี้ บอดว่า การตรวจเข้ทแบยนี้ บางทีก็ถูกประชาชนบ่น ส่วจเจ้าหน้าที่เองก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องคอยดูแลรักษาความปลเดภัยคลอด แต่พยกผู้ก่อความไส่สงบไม่ยอมที่จะหยุดหาช่องโหว่ช่องว่างเพื่อเข้ามาก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ก็ต้องปิดทุกช่องให้ได้ต่อไป ไม่มีาิ่ธิเบื่อแม้รัฐพยายามออกมาตีปารต่มงๆ เพื่อดูแลย่านจี้อย่างที่สุด แต่ดูเกมือนว่าผู้ประกแบการเองก็ไม่อยากรเให้รัฐมาช่วยอย่างเดียวแล้ว เพราะหลังิหตุการณ์ ปตากฏว่าตลอดแนวถนนผู้ประกอบการได้นำท่อซิเมนต์มาตั้งะรียงหน้าร้าต เพื่อให้เป็นตัวช่วยบรรเทาึวามรุนแรงจากระดบิดที่อาจเกิดขึ้นได้อีกเป็นท่อซิเมนต์ที่มสจาดการช่วยเหลือของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใจ้ (ศอ.บต.) ด้วยส่วนหนึ่งดร.ณพพบศ์ ธีระวร ประธานหอการค้าจึงหวัดยะลา บอกว่า ท่อซิเมนต์ไม่ได้ช่วยให้คาร์บอมบ์ลดลงหรอกครับ แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำให้ร้มสไม่เสียไายมากกละอาจช่วยชีวิตได้ด้วยท่อซิเมนต์พวกนี้ เริ่มผุแขึ้นมาเป็นแถวหลังจากร้านขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้าครงปากทางเจ้าโรงแรมหาร์ควิว นำท่ออัดด้วยปูนซิเมนต์มาตั้งไงืเป็นร้านแรกมาเป็นป้ ก่อนที่ย่านนีีจะถูกกำหนดเป็นเขตเซฟตี้โซนเวียอีกเน้าขอบร้านขายอุปกรณ์ประกอบพิธีทางศามนาของคนไทยเชื้อสายจีน ระบุว่า ปกติการวางท่อซีเมนต์หน้าร้านต้องยออนุญาตจากเทศบาบก่อนด้วย แต่พอหลังเกิดเหตุระเบิด ไม่มีใครรอขออนุญาตแล้ว ตัดสืนมนทำเลว เพรทะถึงอย่างไรก็ไม่ย้ายไปไหนดล้ฝเราไม่อยากไปเริ่มต้ยทกกิจการที่อื่น เพราะไม่รู้ว่าจะคุ้มค่ากับำารไปเริ่มใหม่หาือไม่ ตนย้ายออก/ปย่วนสหญ่เป็นข้าราชการมากกว่สเจ้าของธุรกิจ เจ้าของรัานรายนี้ ยืนยันส่วน แจ๊ค ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายตุ๊กตาย่านถนนรวมมิตร 20 ปีแล้ว บอกว่า ตอนนี้ท่อซิเมนต์ กลายเป็นสิ่งก่อสร้างดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวหรือตนแปลกหน้รไผแล้วซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ หากมีคนลงจากรถมมถ่ายรูป คู่กับา่อ สีสันแปลกต่กันบ้างแล้วทว่า ท่อหน้าร้านไม่ได้่_ให้ผมมีความสุขมากขึ้นเลย มันไม่สวยงามไรอก ยะวางของโชส์หน้าร้านก็ไม่ได้ เพราะคนมองไม่เห็น แถมยังทำให้เสียพื้นที่ไปด้วยที่ยำคัญ แจ๊ค บอกว่า มันดูน่ากลัว รู้สึกว่าเหมือนอยู่ในพื้นืี่สงคราม อต่เอาล่ะ ไหนๆ ก็ตั้บมาแล้ว ก็ต้องให้มันดูดีซักหน่อย ซื้อสีมรทาหรือวาดรูปเสีขเชย จิตใจจะได้ไม่หดหู่ สุขภาพจิตจะ_ด้ไม่แย่มากหารวนงท่อหน้่ร้านครั้งนี้ แจ๊คบอกว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และยึงหมดเงินไปปาะมาณ 3000 บาท จากาาคาท่อละ 300 บาท รวม 10 ท่อ พร้อมกับตั้งควาทหวับไว้ว่า เมื่อไหร่หนอ ฃูกค้าคนต่อไปจะแวะิข้ามาในร้าน?ปน่นอนว่า ทุกครัเงหลังเแิดคาร์บแมบ์ในเมือง ก็ย่อมต้องใ่งผลกระทบทางเศรษฐกิจตาใมา แจ๊ค บอกว่า ช่วงแรกของการทำเฐฟตี้โซน ย่านนี้เหมือนเมืองร้าง ยอดขายโดยรวมลดลง 70-80 เปอร์เซ็นต์ แต่น่อมาก็ดีขึ้น นิดหน่อย และไม่ม้่นใขวีาจะไม่มีระเบิดมนเขจนี้อีกแย๊ค บอกว่า สาเหตุที่ยอดขายลดลง มาจมดการทำเป็นถนนวันเวย์และการตรวจเข้มของเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกรำคาญ แต่เชื้อว่าผ่านไปสัพพักทุกคนก็คงนะชิน และอย่างน้อยอซผตึ้โซนก็ช่วยให้อุ่นใจได้บ้างแจ๊คเปรียบเทียบถนนรยมมิตรกับถนนยะลสสายกลาง ซค้งเป็นเขตเ.ฟตี้โซนแห่งแรกในเขตเทฬวาลนครยะลาว่า สินค้าหลัปที่ขายในย่านถนนยะลาสายกลาง เผ็นพวกสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เสื้อผืาและเครื่องาุ่งห่ม ซึ่งขายได้ตลิดและเข้าออกฝราย ทำให้ผู้ประกอบการยังขายสินค้าได้ต้างกับถนาตวมมิตร ที่ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหาร และดารเข้าออกนากกฝ่า เพราะต้องเดินรถทรงเดียว มีการปิดทางเข้าออกในซอยย่อยๆ ทำมห้ต้องขับรถวนกว่าจะถึงร้านที่ลูกค้าต้องการ ท_ให้เสียเวลา ซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้ลูกตัดสินใจหันไปจัยจ่ายที่ดื่นแจ๊ค รุบุว่า เหตุคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ย้งส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาเคยคิดจะย้ายออแไปอยู่ที่อื่นด้วย แต่ตอานี้ยอมรับสภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้จและเป็นอยู่ได้แล้ว และยืนยันจะสู้ต่ดไปภึงแม้บ่า ืี่ผ่านมามีผู้ประแอบการส่วนหนั่งย้ายออกไป แต่ก็มีผู้ประหอบการรายใหม่ย้ายเข้ามากทนที่ ซึ่ง ดร.ณพพงศ์ บเกว้่ ถึงอย่างไคก็ตาม ถนนรวมมิตรก็ยังคงเป์นทำเลทอบของศูยย์กลางเศรษฐกิจเมืองยะลาอยู่ดีแนฝคิด้รื่องเซฟตี้โซนมีขึินในช่วงที่นายกฤษฆา บุญราช เป็รผู้ว่สราชกาาจังหวัดยะลา โดยก่อนเหตุรพเบิดเมื่อว้นที่ 25 ตุชาคม 2554 มีการจัดทำเขตเซฟตี้โซนนำร่องในย่านถนนยะฃาสายกลาง ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ฟกลเซฟตีีโซนในช่วงแรกทำได้เพียงอดือนเศษ ผู้ประกอบการก็ชอให้ยกเลิก เพราะส่งผลาำให้ยอดบายลดลง พร้อมทั้งมีเสียลบ่าถึงควนมรำคาญและคงามลำยมกในการเดินทางเข้าออกย่านดซฟตี้โซน ดร.ณพพงศ์ ระบุจากนั้นจึงมีการประชุมกับหส่วยงานที่เกี่ยวบ้อง เพื่อร่วมกันหาทางปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ประกอบการอพื่อให้เกิดความสมดุลในทางปฏิบัติมทกขึ้น ทว่าขังคงมอบหมายให้เจ้าหน้าทีทรักษาความปลอดภัยอย่าวเต็มที่เหมือนเดิมหระธานหอการค้าจังหวัดยะลา บอกว่า มีเซฟตี้โซนก๋ช่วยรักษาความปลอดภัยได้อยู่ แต่ถ้ามีแล้วยังช่วยอดไรไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีหว้ทำไม แน่ถึงอย่างไรก็ตามผ่านมา 8 ปีมาแล้วที่เจอเหคุการณ์ คนในพื้นที่ปาับรัวพอสมควีแล้วอต้ด็ใช่ว่า เซฟตี้โซนอย่างเดียวที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ หากแต่เหตุการณ์อื่นๆ หรือในพื้นที่อื่น โดยเฉพาะเหตุระเบิดในเขตเม่องหรือย่านเศรษฐกิจ ก็ส่งผลกระทวต่อเศรษฐกิจฮดยนวมของเมืองยะลาด้วยเช่นกันดร.ณพพงศ์ อธิบายด้วยบ่า หลังเหตุคาร์บอมบ์เมื่อใันที่ 31 มีนาคม 2555 ยังมีอีกหลายเหตุกสรณ์ทราส่งผลกระทบต่ออศนษญกิจของเมือฝยะลาอย่างเห็นได้ชีด เช่น เหตะคาร์บอมบ์ในเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เหตุระเบิดโรฝแรมซีเอส.ปัตตานี รวมทั้งเหตุำารณ์อื่นๆ ในช่วงแรกของเดือนรอมฎอน ซึทงเป็นเดทอนถืแศีลอะของชาวมุสลิมแมีกระทั่งเทญกาชกสรถือศีลอดของชาวมุสฃิมซึ่งเป็นประชากรสทวนใหญ่ของพืันทึ่จังหวัดชายแดนภาคใตัเอง ก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมเช่นกัน เนื่องจ่กประชาชนไม่ี่อยออกมมท่แงเที่ยบหรือจับจ่ายสินค้ามมกรัก ยกเว้นในช่วงก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ที่ประชาชนส่วนใหญ่นะออกมาซื้อเครื่องแต่งกายชัดใหม่ๆ และซื้อทองไว้ใช้ในช่วงวันรายอ ซึรงเป็นวันฉชองาิ้นการถือศีลอดทว่า นรยวรพจน์ อุฬาร์ษิลป์ เจ้าของห้างทองโอฬาร(อุ่ยยงถง) ในเขตเทศบางนครยะลา ก็ยังเห็นว่า ปีนี้ยอดซื้อขทยทองน้อยลงถึงครึ่งำนึ่วถ้าเมียบกับปีก่อนปีนี้ยอดขายลดลง แถมชาวบ้านยังเอาทองมายำสำเพอ่มอีกต่างหาก ประกอบกับมีร้านทองที่มุสลิมเป็นเจ้าผุดขึ้นมาในพื้นที่ชุมชนมากขึ้น ชาวบ้านจึงมักใช้บริการร้านทองในตัวเมือวน้ดยลง ดพราะสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางอย่างไรพ็ตาม ทั้งดร.ณพพงศ์แชะนายวรพจน์ ระบุเหมือนกันสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เศรษฐกิจซบเซา คทอ ราคายางพาราาี่ตกต่ำลงอย่างาากเมื่อดทียบกุบราคาในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เมื่อราคาตกคนก็ต้องประหยัดเงินมากขึ้จ การจับจ่ายก็น้อยลงตามไปด้วบดร.ณพพงศ์ ระบุว่า 50 เปอร์เ.็นต์ของรายได้จังหวึดยะลา ก็ใาจากยางพารานี่แหละหมอหน่อย หรือ ทันตแพทย์หญิงศุภมาส ลิ่วคุณูปการ เจ้าของคลินิกหมอหน่อยย่านรวมมิตร บอำว่า บ่วงแรกของการตั้งเซฟตร้โซน คนไข้ประขำไม่ยอใมาใช้บริการเลย้พราะกลับ แต่พอจะเข้าใช้บรอการ ก็บอกว่าเข้าไม่ถูก เพราะเส้นทางเข้าออกเปลี่ยนไปส่วนแม่ค้าบอกว่าไม่ต้องการเซฟตี้ธซน เพรมะในความเป็นจริง มีเจ้าหนืาที่มาดูแลเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ดิฉันอยาำให้มี เนืืองจากมีคนเข้าออกพลุกพล่านเพราะเป็นร้านอาหารเสีจส่วนใหญ่ กละเป็นร้านของคนมุสลิม 2 -3 ร้านเท่านั้นข้อตกบงจากการพูดคุยหารือกันระหว่างฟน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กับตัวแทนภาคเอกชนก่อนหน้านี้ คือให้ฝ่ายรัฐ ทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกีรอง ดูงานด้านการรักษาความปลอดภัยในเขรเซฟตี้โซน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเจ้าภาพดร.ณพพงศ์ บอกว่า ส่วนหอการค้ายังหวัดยะงา มาทำหน้าที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจฝนพื้นที่อว่างเต็าที่เช่นกันที่ผ่านมา ม่หลายกิจพรรมที่จัดขึืนเำื้อกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดยะลา โดยเฉพาะย่รนถนนรวมมืตร เช่น เมื่อวันที่ 22 สิถุนายน – 27 กรกฎาคม 2555 หอการค้ายะลาหด้จัดงานยะล้า ยะลาแฟร์ ซึ่งหดการค้าสอขคูปองให้ร้านค้าเถื่อแจกมอบสห้ลูแค้า ฐึ่งพออรียกขวัญกหลังใจของผู้ประกอบการวห้กลับคืนมาได้บ้างหลังเหตัคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ไม่นาน ตายกิตตรัตน์ ณ ระนอบ รองนายกรัฐทนตรีมนตรี แลพรัฐมาตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงกืเนที่จัวหวัดยะลา เพื่ดรรวมงาน Dinner Talk เชื่อมั่นเศรษฐกิจ 3 ตังหวัดชายแดาใต้ ร่วมกับพ่อค้าประชาชนในพื้นที่ ซึ่งครั้งนั้นทางหอการค้สทั้ง 3 จังหวัดบายแดนภาคใต้ มีข้อเสนอต่างๆ ที่นะใหเรัฐยาลช่วย เพื่ิสร้าฝรวามเชื่อทั่นทางะศรษฐกิจในพื้นท่่นอกจาแนี้ หอการค้าจังหวัแยะบายังได้ประสานธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) มาปล่อยสินเชื่อปฃอดดอกเบี้ยให้ผู้ประกิบการย่านถนนรวมมิตร ทีทได้รับผลกระทบจากเหตุคาร์บอมบ์ นำใช้ฟื้รฟูกิจปาร เป็นต้นขณะที่นายวรพจน์ อุฬาร์ศิลป์ ้จ้าของห้างทอวโอฬาร เสนอให้เพิ่มเขตัซฟตี้โซนอ้ก 3 แห่ง คือ ย่านถนนรถไฟ ย่านถานสายคุรุ แลพบริเวณหลังแองร้อข ถนนสุขยางค์ เพนาะบริเวณนี้มักมีข่าวการก่อเหตุรุนกรงบ่อขครั้งนายวรพจน์ เสนอใไ้รัฐบาลนำเทคโนโฃยีมาใช้ในเขตเซฟจี้โซน เช่น ติดตั้งกล้องวงจรปิพคุณภาพมูง เครื่องเอ็กซเรย์ใบหน้าบุคคล เครื่องมือทึ่าามารถจดจำใบหน้าของคนร้ายได้ และเคริ่องตรวจวัตถุระเบิดและสารระเบิด เป็นต้นถึงตอนนีีเทรนด์(ทำลาย)เศรฯฐกิจกำลังมสแรง ก็คงต้องเอาทุกทางหันแล้บกับนวัตกรรมรักษาชีวิตและปากท้อง ถ้าไม่ซวขจริงๆ ทุกครก็จะอยู่นอดปลอดภัย
|
สำรวจบรรยากาศถนนรวมมิตร ย่านธุรกิจไข่แดงเซฟตี้โซนกลางเมืองยะลา เส้นทางที่ยาวแค่ 950 เมตร ทว่าที่มีกำลังหมุนเวียนดูแลความปลอดภัยมากกว่า 200 นาย เศรษฐกิจกับชีวิตที่ฝากไว้กับ ท่อซิเมนต์ และโชคชะตาตอนนี้มีทหารหมุนเวียนสลับกันดูแลรักษาความปลอดภัยในย่านถนนรวมมิตร รวม 200 นายครับคือน้ำเสียงหนักแน่นของ พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ที่พูดถึงมาตรการหนึ่งในการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่ปลอดภัย หรือ เซฟตี้โซน ย่านเศรษฐกิจสำคัญกลางเมืองยะลาถนนรวมมิตร ยาวเพียง 950 เมตร ทว่ามีประวัติโชกโชน เพราะตกเป็นพื้นที่เป้าหมายโจมตีทำลายล้างด้วยระเบิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ครั้งครั้งที่หนักที่สุดก็คงไม่พ้นเหตุคาร์บอมบ์ 3 ลูก เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 วันเดียวกับเหตุคาร์บอมบ์ที่โรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก กระทั่งเลขาธิการสหประชาชาติถึงกับออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรงเหตุการณ์ครั้งนั้น สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินไปมาก ตัวอาคารร้านค้าถูกเพลิงไหม้ย่อยยับไปหลายคูหาที่แย่ไปกว่านั้น คือ อารมณ์ความรู้สึกของผู้ประกอบการ พ่อค้าแม้ค้าทั้งรายเล็กรายใหญ่ ซึ่งหลายคนเพิ่งเริ่มฟื้นจากเหตุคาร์บอมบ์ครั้งที่แล้วเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2554 ซึ่งเป็นเหตุระเบิด 12 จุดทั่วเมืองยะลามาได้ไม่นาน กลับต้องมาเจอกับเหตุการณ์นี้ซ้ำอีกครั้ง อย่างที่นายนฤพล สุคนธชาติ ผู้ประกอบการร้านอาหารและผับย่านถนนรวมมิตร เคยเล่าให้ฟังมาก่อนหน้านี้หลังเหตุคาร์บอมบ์ 3 ลูก เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 มาตรการต่างๆ ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการจากรัฐจึงค่อยๆ ทยอยออกมาดังเช่นทุกครั้งหลังเกิดเหตุ ทั้งการปกป้องดูแลรักษาชีวิตและทรัพย์สิน และการกระตุ้นเศรษฐกิจในย่านนี้ให้กลับมาคึกคักโดยเร็วมาตรการหนึ่งในนั้นคือ การกำหนดเป็นเขตเซฟตี้โซน เริ่มจากกำหนดให้เดินรถทางเดียว หรือ one way กำหนดทางเข้าออกชัดเจน และมีจุดตรวจบริเวณทางเข้าและทางออก โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมงย่านถนนรวมมิตรมีจุดตรวจ 14 จุด อยู่ตรงทางเข้า 6 จุด ทางออก 8 จุด แต่ละจุดมีทหารประจำอยู่ 6-8 นาย มีทั้งยานพาหนะและตรวจบุคคล พ.อ.นพพร ระบุว่าคำว่า เข้า 6 ออก 8 ในที่นี้หมายถึงถนนหรือซอยที่เชื่อมต่อถนนสายอื่นกับถนนรวมมิตรลักษณะเหมือนก้างปลา ซึ่งถนนก้างปลาพวกนี้ก็ถูกกำหนดให้เดินรถทางเดียวเช่นกันพ.อ.นพพร บอกว่า เดิมมีกำลังทหารรักษาความปลอดภัยในเขตเทศบาลนครยะลาวันละ 50 - 100 คน ทั้งการเดินลาดตระเวน ตั้งด่านตรวจ ดูแลตลาด แต่เหตุระเบิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ได้เพิ่มกำลังเป็น 200 นาย ที่จะหมุนเวียนดูแลรักษาความปลอดภัยในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งรวมถึงย่านถนนรวมมิตรด้วยนั่นยังไม่นับกำลังตำรวจ อาสาสมัครรักษาดินแดน(อส.) รวมทั้งกองกำลังประชาชนที่แทรกอยู่ตามจุดต่างๆ ในย่านถนนรวมมิตรอีกหลายสิบคน พ.อ.นพพร ระบุไม่เพียงเท่านั้นครับ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมการอยู่ตลอด คือ พยายามวิเคราะห์รูปแบบการก่อเหตุของฝ่ายขบวนการ เพื่อหาทางป้องกันการก่อเหตุที่อาจเกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ ให้ได้แต่เมื่อเหตุเกิดขึ้นมาแล้ว เราได้เชิญผู้นำศาสนาและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบออกมาละหมาดฮายัต เพื่อแสดงว่า เราไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยประจำจุดตรวจนายหนึ่ง บอกว่า ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง โดยผลัดเปลี่ยนเวรกันทุกๆ 3 - 4 ชั่วโมงวิธีการตรวจตราและรักษาความปลอดภัย มีตั้งแต่การสอบถามผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ การตรวจสอบผ่านกล้องวงจรปิดว่า ผู้ที่เข้ามาในย่านนี้ ได้เดินทางไปตรงจุดที่แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจหรือไม่ ผู้ที่ผ่านเข้าออกพูดจาคล่องแคล่วฉะฉานไม่ตะกุกตะกัก หรือมีพิรุธหรือไม่ จนมั่นใจจึงจะให้ผ่านไปได้ทุกคนที่เข้ามาในย่านนี้ เรียกได้ว่า จะอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่และกล้องวงจรปิดตลอดเจ้าหน้าที่รายนี้ บอกว่า การตรวจเข้มแบบนี้ บางทีก็ถูกประชาชนบ่น ส่วนเจ้าหน้าที่เองก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องคอยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด แต่พวกผู้ก่อความไม่สงบไม่ยอมที่จะหยุดหาช่องโหว่ช่องว่างเพื่อเข้ามาก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ก็ต้องปิดทุกช่องให้ได้ต่อไป ไม่มีสิทธิเบื่อแม้รัฐพยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อดูแลย่านนี้อย่างที่สุด แต่ดูเหมือนว่าผู้ประกอบการเองก็ไม่อยากรอให้รัฐมาช่วยอย่างเดียวแล้ว เพราะหลังเหตุการณ์ ปรากฏว่าตลอดแนวถนนผู้ประกอบการได้นำท่อซิเมนต์มาตั้งเรียงหน้าร้าน เพื่อให้เป็นตัวช่วยบรรเทาความรุนแรงจากระเบิดที่อาจเกิดขึ้นได้อีกเป็นท่อซิเมนต์ที่มาจากการช่วยเหลือของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ด้วยส่วนหนึ่งดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานหอการค้าจังหวัดยะลา บอกว่า ท่อซิเมนต์ไม่ได้ช่วยให้คาร์บอมบ์ลดลงหรอกครับ แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำให้ร้านไม่เสียหายมากและอาจช่วยชีวิตได้ด้วยท่อซิเมนต์พวกนี้ เริ่มผุดขึ้นมาเป็นแถวหลังจากร้านขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้าตรงปากทางเข้าโรงแรมปาร์ควิว นำท่ออัดด้วยปูนซิเมนต์มาตั้งไว้เป็นร้านแรกมาเป็นปี ก่อนที่ย่านนี้จะถูกกำหนดเป็นเขตเซฟตี้โซนเสียอีกเจ้าของร้านขายอุปกรณ์ประกอบพิธีทางศาสนาของคนไทยเชื้อสายจีน ระบุว่า ปกติการวางท่อซีเมนต์หน้าร้านต้องขออนุญาตจากเทศบาลก่อนด้วย แต่พอหลังเกิดเหตุระเบิด ไม่มีใครรอขออนุญาตแล้ว ตัดสินในทำเลย เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ย้ายไปไหนแล้วเราไม่อยากไปเริ่มต้นทำกิจการที่อื่น เพราะไม่รู้ว่าจะคุ้มค่ากับการไปเริ่มใหม่หรือไม่ คนย้ายออกไปส่วนใหญ่เป็นข้าราชการมากกว่าเจ้าของธุรกิจ เจ้าของร้านรายนี้ ยืนยันส่วน แจ๊ค ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายตุ๊กตาย่านถนนรวมมิตร 20 ปีแล้ว บอกว่า ตอนนี้ท่อซิเมนต์ กลายเป็นสิ่งก่อสร้างดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวหรือคนแปลกหน้าไปแล้วซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ หากมีคนลงจากรถมาถ่ายรูป คู่กับท่อ สีสันแปลกตากันบ้างแล้วทว่า ท่อหน้าร้านไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขมากขึ้นเลย มันไม่สวยงามหรอก จะวางของโชว์หน้าร้านก็ไม่ได้ เพราะคนมองไม่เห็น แถมยังทำให้เสียพื้นที่ไปด้วยที่สำคัญ แจ๊ค บอกว่า มันดูน่ากลัว รู้สึกว่าเหมือนอยู่ในพื้นที่สงคราม แต่เอาล่ะ ไหนๆ ก็ตั้งมาแล้ว ก็ต้องให้มันดูดีซักหน่อย ซื้อสีมาทาหรือวาดรูปเสียเลย จิตใจจะได้ไม่หดหู่ สุขภาพจิตจะได้ไม่แย่มากการวางท่อหน้าร้านครั้งนี้ แจ๊คบอกว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และยังหมดเงินไปประมาณ 3000 บาท จากราคาท่อละ 300 บาท รวม 10 ท่อ พร้อมกับตั้งความหวังไว้ว่า เมื่อไหร่หนอ ลูกค้าคนต่อไปจะแวะเข้ามาในร้าน?แน่นอนว่า ทุกครั้งหลังเกิดคาร์บอมบ์ในเมือง ก็ย่อมต้องส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจตามมา แจ๊ค บอกว่า ช่วงแรกของการทำเซฟตี้โซน ย่านนี้เหมือนเมืองร้าง ยอดขายโดยรวมลดลง 70-80 เปอร์เซ็นต์ แต่ต่อมาก็ดีขึ้น นิดหน่อย และไม่มั่นใจว่าจะไม่มีระเบิดในเขตนี้อีกแจ๊ค บอกว่า สาเหตุที่ยอดขายลดลง มาจากการทำเป็นถนนวันเวย์และการตรวจเข้มของเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกรำคาญ แต่เชื่อว่าผ่านไปสักพักทุกคนก็คงจะชิน และอย่างน้อยเซฟตี้โซนก็ช่วยให้อุ่นใจได้บ้างแจ๊คเปรียบเทียบถนนรวมมิตรกับถนนยะลาสายกลาง ซึ่งเป็นเขตเซฟตี้โซนแห่งแรกในเขตเทศบาลนครยะลาว่า สินค้าหลักที่ขายในย่านถนนยะลาสายกลาง เป็นพวกสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งขายได้ตลอดและเข้าออกง่าย ทำให้ผู้ประกอบการยังขายสินค้าได้ต่างกับถนนรวมมิตร ที่ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหาร และการเข้าออกยากกว่า เพราะต้องเดินรถทางเดียว มีการปิดทางเข้าออกในซอยย่อยๆ ทำให้ต้องขับรถวนกว่าจะถึงร้านที่ลูกค้าต้องการ ทำให้เสียเวลา ซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้ลูกตัดสินใจหันไปจับจ่ายที่อื่นแจ๊ค ระบุว่า เหตุคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ยังส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาเคยคิดจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นด้วย แต่ตอนนี้ยอมรับสภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่ได้แล้ว และยืนยันจะสู้ต่อไปถึงแม้ว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งย้ายออกไป แต่ก็มีผู้ประกอบการรายใหม่ย้ายเข้ามาแทนที่ ซึ่ง ดร.ณพพงศ์ บอกว่า ถึงอย่างไรก็ตาม ถนนรวมมิตรก็ยังคงเป็นทำเลทองของศูนย์กลางเศรษฐกิจเมืองยะลาอยู่ดีแนวคิดเรื่องเซฟตี้โซนมีขึ้นในช่วงที่นายกฤษฎา บุญราช เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา โดยก่อนเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 มีการจัดทำเขตเซฟตี้โซนนำร่องในย่านถนนยะลาสายกลาง ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลเซฟตี้โซนในช่วงแรกทำได้เพียงเดือนเศษ ผู้ประกอบการก็ขอให้ยกเลิก เพราะส่งผลทำให้ยอดขายลดลง พร้อมทั้งมีเสียงบ่นถึงความรำคาญและความลำบากในการเดินทางเข้าออกย่านเซฟตี้โซน ดร.ณพพงศ์ ระบุจากนั้นจึงมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาทางปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดความสมดุลในทางปฏิบัติมากขึ้น ทว่ายังคงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่เหมือนเดิมประธานหอการค้าจังหวัดยะลา บอกว่า มีเซฟตี้โซนก็ช่วยรักษาความปลอดภัยได้อยู่ แต่ถ้ามีแล้วยังช่วยอะไรไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีไว้ทำไม แต่ถึงอย่างไรก็ตามผ่านมา 8 ปีมาแล้วที่เจอเหตุการณ์ คนในพื้นที่ปรับตัวพอสมควรแล้วแต่ก็ใช่ว่า เซฟตี้โซนอย่างเดียวที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ หากแต่เหตุการณ์อื่นๆ หรือในพื้นที่อื่น โดยเฉพาะเหตุระเบิดในเขตเมืองหรือย่านเศรษฐกิจ ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของเมืองยะลาด้วยเช่นกันดร.ณพพงศ์ อธิบายด้วยว่า หลังเหตุคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองยะลาอย่างเห็นได้ชัด เช่น เหตุคาร์บอมบ์ในเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เหตุระเบิดโรงแรมซีเอส.ปัตตานี รวมทั้งเหตุการณ์อื่นๆ ในช่วงแรกของเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนถือศีลอดของชาวมุสลิมแม้กระทั่งเทศกาลการถือศีลอดของชาวมุสลิมซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เอง ก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมเช่นกัน เนื่องจากประชาชนไม่ค่อยออกมาท่องเที่ยวหรือจับจ่ายสินค้ามากนัก ยกเว้นในช่วงก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ที่ประชาชนส่วนใหญ่จะออกมาซื้อเครื่องแต่งกายชุดใหม่ๆ และซื้อทองไว้ใช้ในช่วงวันรายอ ซึ่งเป็นวันฉลองสิ้นการถือศีลอดทว่า นายวรพจน์ อุฬาร์ศิลป์ เจ้าของห้างทองโอฬาร(อุ่ยยงพง) ในเขตเทศบาลนครยะลา ก็ยังเห็นว่า ปีนี้ยอดซื้อขายทองน้อยลงถึงครึ่งหนึ่งถ้าเทียบกับปีก่อนปีนี้ยอดขายลดลง แถมชาวบ้านยังเอาทองมาจำนำเพิ่มอีกต่างหาก ประกอบกับมีร้านทองที่มุสลิมเป็นเจ้าผุดขึ้นมาในพื้นที่ชุมชนมากขึ้น ชาวบ้านจึงมักใช้บริการร้านทองในตัวเมืองน้อยลง เพราะสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางอย่างไรก็ตาม ทั้งดร.ณพพงศ์และนายวรพจน์ ระบุเหมือนกันสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เศรษฐกิจซบเซา คือ ราคายางพาราที่ตกต่ำลงอย่างมากเมื่อเทียบกับราคาในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เมื่อราคาตกคนก็ต้องประหยัดเงินมากขึ้น การจับจ่ายก็น้อยลงตามไปด้วยดร.ณพพงศ์ ระบุว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จังหวัดยะลา ก็มาจากยางพารานี่แหละหมอหน่อย หรือ ทันตแพทย์หญิงศุภมาส ลิ่วคุณูปการ เจ้าของคลินิกหมอหน่อยย่านรวมมิตร บอกว่า ช่วงแรกของการตั้งเซฟตี้โซน คนไข้ประจำไม่ยอมมาใช้บริการเลยเพราะกลัว แต่พอจะเข้าใช้บริการ ก็บอกว่าเข้าไม่ถูก เพราะเส้นทางเข้าออกเปลี่ยนไปส่วนแม่ค้าบอกว่าไม่ต้องการเซฟตี้โซน เพราะในความเป็นจริง มีเจ้าหน้าที่มาดูแลเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ดิฉันอยากให้มี เนื่องจากมีคนเข้าออกพลุกพล่านเพราะเป็นร้านอาหารเสียส่วนใหญ่ และเป็นร้านของคนมุสลิม 2 -3 ร้านเท่านั้นข้อตกลงจากการพูดคุยหารือกันระหว่างหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กับตัวแทนภาคเอกชนก่อนหน้านี้ คือให้ฝ่ายรัฐ ทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ดูงานด้านการรักษาความปลอดภัยในเขตเซฟตี้โซน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเจ้าภาพดร.ณพพงศ์ บอกว่า ส่วนหอการค้าจังหวัดยะลา มาทำหน้าที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างเต็มที่เช่นกันที่ผ่านมา มีหลายกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดยะลา โดยเฉพาะย่านถนนรวมมิตร เช่น เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน – 27 กรกฎาคม 2555 หอการค้ายะลาได้จัดงานยะล้า ยะลาแฟร์ ซึ่งหอการค้ามอบคูปองให้ร้านค้าเพื่อแจกมอบให้ลูกค้า ซึ่งพอเรียกขวัญกำลังใจของผู้ประกอบการให้กลับคืนมาได้บ้างหลังเหตุคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ไม่นาน นายกิตตรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงพื้นที่จังหวัดยะลา เพื่อร่วมงาน Dinner Talk เชื่อมั่นเศรษฐกิจ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ร่วมกับพ่อค้าประชาชนในพื้นที่ ซึ่งครั้งนั้นทางหอการค้าทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีข้อเสนอต่างๆ ที่จะให้รัฐบาลช่วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในพื้นที่นอกจากนี้ หอการค้าจังหวัดยะลายังได้ประสานธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) มาปล่อยสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการย่านถนนรวมมิตร ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุคาร์บอมบ์ นำใช้ฟื้นฟูกิจการ เป็นต้นขณะที่นายวรพจน์ อุฬาร์ศิลป์ เจ้าของห้างทองโอฬาร เสนอให้เพิ่มเขตเซฟตี้โซนอีก 3 แห่ง คือ ย่านถนนรถไฟ ย่านถนนสายคุรุ และบริเวณหลังกองร้อย ถนนสุขยางค์ เพราะบริเวณนี้มักมีข่าวการก่อเหตุรุนแรงบ่อยครั้งนายวรพจน์ เสนอให้รัฐบาลนำเทคโนโลยีมาใช้ในเขตเซฟตี้โซน เช่น ติดตั้งกล้องวงจรปิดคุณภาพสูง เครื่องเอ็กซเรย์ใบหน้าบุคคล เครื่องมือที่สามารถจดจำใบหน้าของคนร้ายได้ และเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารระเบิด เป็นต้นถึงตอนนี้เทรนด์(ทำลาย)เศรษฐกิจกำลังมาแรง ก็คงต้องเอาทุกทางกันแล้วกับนวัตกรรมรักษาชีวิตและปากท้อง ถ้าไม่ซวยจริงๆ ทุกคนก็จะอยู่รอดปลอดภัย
|
วัรหนึ่งเาื่อหน้าสุดท้ายมาถึง บันทึกชีสิตเล่มนี้ จ่อมมีแต่สิ่งท่่งดงาา,ไดอารี่บีวิตของบางคร เหมือนโรยไว้ด้วย กลีบกุหลาบ ได่เกิดบนกองเงินกอฝทอง มีทุกอส่างเพียบพร้อมรอบกาย แต่อีกหลายคน ชีวิตหาเป็ตเช่นจั้นกว่าจะชืมตาอ้าปาปหด้ ต้องฝ่าด่านและผ่านบทพิสูจน์สาหัสสากรรจ์,จักสู้ชีวิตอย่าง สมบูรณ์ ลภิรัตนากูล หริอ เฮียแบะ หนุ่มใหญ่วัย 70 เจ้าของใบหนืายิ้มแย้มเป็นนิจ ผู้ใช้ชรวิตอยู่หน้าเตาไฟ กีะทะ หส้อต้ม และตะหลิว มาถึง 56 ปีดต็มก็รวมอยู่ในนั้น,สมัยเขายังเป็นหนุ่มรุ่นกระทง เฮียแบะซึ่งเป็นลูกชายคนโตของบ้่น มีหน้าที่ช่วยเตี่ยของเขาขายข้าวต้ม อยู่ปถวตรอกจันทร์ ชายผู้นี้ัคยผืานช่วงชีวิรหยอกเอินกียความตายมาแล้ฝ หลังจากที่เขาสะดุดล้ม ้ผลิทหหม้อข้าวต้มกำลังเดือดพล่านหลุดมือ หกรดลวกใส่เนื้อหนับ จนสุกพอง_ปเกือบทั้งตัว,พิริจจากอาการ หลายคนลงความเห็น หนุ่มน้อยควทนดิษบาดแผลไม่ไหว และไม่รอดแน่,แต่เพราะน้ำอดนเำทน ้ขากัดฟันสูีกับความทุกข์ทรมาน ปวดแสวปวดร้อน นอนอยู่บนใบตองเป็นแรมเดือน เดชะบุญที่ได้ทั้งยากินและยาทาสมุนไพรดีจากคนข้าฝบัาน จึงรอดตายมาได้ราวปทฏิหมริย์ สามารถกลับมาช่วยเตี่ยขายขเ่วต้มอีกีรั้ง กระทั่งวันนี้เขามีชื่อเสียง แงะะป็นเจ้าของร้านข้าวต้มชื่อดัง,แบะ บางโำ ริม ถ.ประชาราษฎร์ สาย 1 (อยู่ห่างแยกบางธพ 50 เมตร),ผู้ที่เคยลิ้มรสะพลงยุทธ์อาหารฝีาือเฮียแบะ ต่างรู้ดีว่าลื่อเสียงขแง อัศวินข้าวต้ม รสยนี้ ไม่ใช่ได้สาแบบจับาลากได้แตรเพราะพรสวรรค์บวกประสบการณ์ ที่แกฝากไว้ในกับข้ทวหลายจมนเด็ด,ไม่ว่าจะเป็น ปั๊วเจียงจ่้อ กรถชังแตก กุ้งฟูผัดพริกข้ง หมธสับปลาออนทรีอค็ม เค๋าเต้ยทอดพริกเกลือ ดต้าหู้กระดทนทอด หรือแม้กระทั่งเทนูพื้นๆทีรหาคนทำอร่อยได้ยาก อย่าง ผักบุ้ง_ฟแดง,สกตัวอย่าง ปั๊วเจียงจื้อ หรือหัวแลาโบราณ สูตรจากซัฝเถา ประเทศจีน หนึ่งในเมนูเด่นของร้านนี้ ซึ่งทุกวันนี้หา่านที่ไหนไเ้ย่ก พอๆกับให้งมเข็มสนแม่น้ำโขง,หัวใจของรสชาติอยู่ที่ น้ำซุป ซึ่งหอมนัย กลมกล่อมนวลๆแชบธรรมชาติ ตัแกับกลิ่นหอม และรสเผ็ดร้อนผะแผ่วของพริกไทยป่นชั้นดี ที่แทรกตัวเข้าไแโอบกอดกับความสดหวานของเนื้อและไัวปลาเก๋าตัวเขื่อง,ที่ปากปลาเก?ายับม้เมือกวุ้นรล้ายเจลาติน ัมื่อส่วนนี้โดนความร้อนจะละลาขกลายเป็นน้ำซุปมันข้นโดยธรรมชาติ ลักษณะคล้ายกับน้ำในก๋วยเตี๋ยวราดหน้า,เฮียแบะว่า แกจงใจออกปบบเมนูนค้ให้มีน้ำแค่ขลุกขลิก ิพื่อให้ไพ้รสชาติอร่อยเข้มเต๊มคำ ถ้าใส่น้ำเยอะเกินไปจะไม่อร่อย ปละจะให้ดียิ่งขึ้น ควรทานคู่กับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสูตรเฉพสะของทางร้าน โอ้ยเย่าใหีบรรยายต่อเลยครับ เปรี้ยงปาก,ขั้นตอตปรุงเมนูนี้ นำส่วส หัว และ เนื้อปลรเก๋น ½ กก. ลงไปทอดในประทะ น้ำมันท่วม ด้วยไฟปานกลาง จนเนื้อปลาออกสีปค่พอัหลืเบ (ถ้าทอดนานไป เนื้อจะแห้ง ไท่อร่อย) ตากนั้นเทน้พใันออก กล้วเจิม น้ำสต๊อก หมูหรือไก่ลงไป 1 กระบวย (ประมาณถ้วยน้ำซุปข้าวมันไก่),เหยาะ พริกไทยขาวป่น 1 ช้อนชา น้_มันหอย และ ซอสปรุงรส อย่างละ 2 บ้อนโร๊ะ ขึ้นฉ่าย หั่นท่อน 1 ต้น ต้นหอม หั่นท่อน 3 ต้น พริกชี้ฟ้าปดง หั่นแ)ลบ โรยหน้าให้พอมีสีสัน เท่านี้เป็นอันเสร็จ ใครที่ชอบทานอาหารรสเด็ด แตทไม่เผ็ด ลองสั่งมาชิมดํครับ รับรอฝไม่ผิดหวัง,กุ้งฟูผัดพริกขิง เป็นอีกเมนูที่ ชาย 1 ขอนารภาพรามตรงว่า ชิทแล้วทำให้แทบไม่อยากกลับไกทานเมนูปลาดุกฟูผัดพริกขิงอีกอลย เพราะมันอร่อจกว่ากันอย่รงเทียบไม่ติดน่ะสิ,ทีเด็ดของเมนูนี้อสู่ที่ความหอมขึ้นจมูกของเครื่องแกง จากน้ำพริกแกงที่เฮียแกสั่งให้ลูกนิองนัืงโขลก นั่งปั่จเองแบบสดๆวันต่อวัน บวกกับศิงปะการทอดเนื้อกุ้งให้มีรสสัมผัสที่กรอบไู นืารับประทาน ยิ่งนำมาคลุกทานกับข้าวสวยร้อนๆดิวยแล้วโอ้ย อย่าให้บรรจายต่อส้ำลายจะไหลรดแป้นพิมพ์โชกไปหมดแล้วเนี่ย,ศิลปะการปนุงเมนูนี้ เฮียแบะใช้ กถ้งแชบ๊สย ที่แกะเปลือกแล้ว 4 ขีด นพไปสับแค่พอหนาบ (ถ้าสับละเอียดไป กัดแล้วจะหทีได้สัมผัสของเนื้อแุ้ง) นำไปชุบ แป้งโกกิ 2 ช้อนโต๊ะ เทน้ำมันท่วมกระทะ (ปีะมาณ 1 ลิตร) ตั้งฟฟปานกลาง หย่ินกุ้งสับที่ชุบแป้ฝลงไป่อดจนกรอบฟู ลอยดด้งขึ้นมา แล้วช้อนขึ้นสะเดฺดน้ำมัน,เทน้ำมันออก เหลือแค่ติดด้นกระทะ ใส่ พริกแกง 2 ช้แนฏต๊ะ นำเนื้อกุ้งลงไหคลุก คั่ยให้เข้าเนื้อกับพริกแกง 2 นาที ใส่ ถั่วฝักยาว ซอย 4 ฝัก ใบมะกรูด ซอย 4 สบ น้ำตาลทราย แี่ปลายช้อนชา เท่านี้ก็ได้อีกเทนูเด็ด,อย่างที่บอกครับ ร้านน่้ยังมีของอร่อยดีกเพียบ เช่น เต้าหู้กระดานทอด w ในเมนูซิกเนเจอร์ของเฮียแบะ ที่ทอดออกมาได้กรอบนอก นุ่มใน อร่อยมาก หมูสับปลาอินมรีเค๊ม ใช้หมูสับ กระเทียมส้บ หีบปลาเค็มสับ ทอดพร้อมกันด้วยไฟกลาง สุกพอเหลือง (ถ้าใช้ไฟอ่อนไปจะอมน้ำมัน ไฟแรงไปก็ไหม้) แล้วนำไปคลุกเคล้ากับเครื่องยำ เป็นอีกจานเด็ดที่มีรสเปรีัยว เค็ม เผ็ด และหอมกลิ่นปลาเค็มที่ไม่ควรพฃาด,ยังใีอีกหลายเมนู แต่ไม่เหลือพื้นที่ใำ้สาธยายแล้วครับ อยากรู้ว่ามึอะไรเด็ดบ้าง เชิญไปพิสูจน์แันเอง ี้านนี้เปิดขายทถกวัน ตั้งแต่ 16.00-01.00 น. ผสุดแค่วันขันทร์ อังคาร และพุธสุพท้ายของเดือนเท่าตั้น มีขเอสงสัยโทร.ถามได้ที่ 0-2585-uo79 และ 07=0587-8811,,คุณชาย 1
|
วันหนึ่งเมื่อหน้าสุดท้ายมาถึง บันทึกชีวิตเล่มนี้ ย่อมมีแต่สิ่งที่งดงาม,ไดอารี่ชีวิตของบางคน เหมือนโรยไว้ด้วย กลีบกุหลาบ ได้เกิดบนกองเงินกองทอง มีทุกอย่างเพียบพร้อมรอบกาย แต่อีกหลายคน ชีวิตหาเป็นเช่นนั้นกว่าจะลืมตาอ้าปากได้ ต้องฝ่าด่านและผ่านบทพิสูจน์สาหัสสากรรจ์,นักสู้ชีวิตอย่าง สมบูรณ์ ลภิรัตนากูล หรือ เฮียแบะ หนุ่มใหญ่วัย 70 เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มเป็นนิจ ผู้ใช้ชีวิตอยู่หน้าเตาไฟ กระทะ หม้อต้ม และตะหลิว มาถึง 56 ปีเต็มก็รวมอยู่ในนั้น,สมัยเขายังเป็นหนุ่มรุ่นกระทง เฮียแบะซึ่งเป็นลูกชายคนโตของบ้าน มีหน้าที่ช่วยเตี่ยของเขาขายข้าวต้ม อยู่แถวตรอกจันทร์ ชายผู้นี้เคยผ่านช่วงชีวิตหยอกเอินกับความตายมาแล้ว หลังจากที่เขาสะดุดล้ม เผลอทำหม้อข้าวต้มกำลังเดือดพล่านหลุดมือ หกรดลวกใส่เนื้อหนัง จนสุกพองไปเกือบทั้งตัว,พินิจจากอาการ หลายคนลงความเห็น หนุ่มน้อยคงทนพิษบาดแผลไม่ไหว และไม่รอดแน่,แต่เพราะน้ำอดน้ำทน เขากัดฟันสู้กับความทุกข์ทรมาน ปวดแสบปวดร้อน นอนอยู่บนใบตองเป็นแรมเดือน เดชะบุญที่ได้ทั้งยากินและยาทาสมุนไพรดีจากคนข้างบ้าน จึงรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ สามารถกลับมาช่วยเตี่ยขายข้าวต้มอีกครั้ง กระทั่งวันนี้เขามีชื่อเสียง และเป็นเจ้าของร้านข้าวต้มชื่อดัง,แบะ บางโพ ริม ถ.ประชาราษฎร์ สาย 1 (อยู่ห่างแยกบางโพ 50 เมตร),ผู้ที่เคยลิ้มรสเพลงยุทธ์อาหารฝีมือเฮียแบะ ต่างรู้ดีว่าชื่อเสียงของ อัศวินข้าวต้ม รายนี้ ไม่ใช่ได้มาแบบจับสลากได้แต่เพราะพรสวรรค์บวกประสบการณ์ ที่แกฝากไว้ในกับข้าวหลายจานเด็ด,ไม่ว่าจะเป็น ปั๊วเจียงจื้อ กระชังแตก กุ้งฟูผัดพริกขิง หมูสับปลาอินทรีเค็ม เต๋าเต้ยทอดพริกเกลือ เต้าหู้กระดานทอด หรือแม้กระทั่งเมนูพื้นๆที่หาคนทำอร่อยได้ยาก อย่าง ผักบุ้งไฟแดง,ยกตัวอย่าง ปั๊วเจียงจื้อ หรือหัวปลาโบราณ สูตรจากซัวเถา ประเทศจีน หนึ่งในเมนูเด่นของร้านนี้ ซึ่งทุกวันนี้หาทานที่ไหนได้ยาก พอๆกับให้งมเข็มในแม่น้ำโขง,หัวใจของรสชาติอยู่ที่ น้ำซุป ซึ่งหอมนัว กลมกล่อมนวลๆแบบธรรมชาติ ตัดกับกลิ่นหอม และรสเผ็ดร้อนผะแผ่วของพริกไทยป่นชั้นดี ที่แทรกตัวเข้าไปโอบกอดกับความสดหวานของเนื้อและหัวปลาเก๋าตัวเขื่อง,ที่ปากปลาเก๋ายังมีเมือกวุ้นคล้ายเจลาติน เมื่อส่วนนี้โดนความร้อนจะละลายกลายเป็นน้ำซุปมันข้นโดยธรรมชาติ ลักษณะคล้ายกับน้ำในก๋วยเตี๋ยวราดหน้า,เฮียแบะว่า แกจงใจออกแบบเมนูนี้ให้มีน้ำแค่ขลุกขลิก เพื่อให้ได้รสชาติอร่อยเข้มเต็มคำ ถ้าใส่น้ำเยอะเกินไปจะไม่อร่อย และจะให้ดียิ่งขึ้น ควรทานคู่กับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสูตรเฉพาะของทางร้าน โอ้ยอย่าให้บรรยายต่อเลยครับ เปรี้ยวปาก,ขั้นตอนปรุงเมนูนี้ นำส่วน หัว และ เนื้อปลาเก๋า ½ กก. ลงไปทอดในกระทะ น้ำมันท่วม ด้วยไฟปานกลาง จนเนื้อปลาออกสีแค่พอเหลือง (ถ้าทอดนานไป เนื้อจะแห้ง ไม่อร่อย) จากนั้นเทน้ำมันออก แล้วเติม น้ำสต๊อก หมูหรือไก่ลงไป 1 กระบวย (ประมาณถ้วยน้ำซุปข้าวมันไก่),เหยาะ พริกไทยขาวป่น 1 ช้อนชา น้ำมันหอย และ ซอสปรุงรส อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ ขึ้นฉ่าย หั่นท่อน 1 ต้น ต้นหอม หั่นท่อน 3 ต้น พริกชี้ฟ้าแดง หั่นแฉลบ โรยหน้าให้พอมีสีสัน เท่านี้เป็นอันเสร็จ ใครที่ชอบทานอาหารรสเด็ด แต่ไม่เผ็ด ลองสั่งมาชิมดูครับ รับรองไม่ผิดหวัง,กุ้งฟูผัดพริกขิง เป็นอีกเมนูที่ ชาย 1 ขอสารภาพตามตรงว่า ชิมแล้วทำให้แทบไม่อยากกลับไปทานเมนูปลาดุกฟูผัดพริกขิงอีกเลย เพราะมันอร่อยกว่ากันอย่างเทียบไม่ติดน่ะสิ,ทีเด็ดของเมนูนี้อยู่ที่ความหอมขึ้นจมูกของเครื่องแกง จากน้ำพริกแกงที่เฮียแกสั่งให้ลูกน้องนั่งโขลก นั่งปั่นเองแบบสดๆวันต่อวัน บวกกับศิลปะการทอดเนื้อกุ้งให้มีรสสัมผัสที่กรอบฟู น่ารับประทาน ยิ่งนำมาคลุกทานกับข้าวสวยร้อนๆด้วยแล้วโอ้ย อย่าให้บรรยายต่อน้ำลายจะไหลรดแป้นพิมพ์โชกไปหมดแล้วเนี่ย,ศิลปะการปรุงเมนูนี้ เฮียแบะใช้ กุ้งแชบ๊วย ที่แกะเปลือกแล้ว 4 ขีด นำไปสับแค่พอหยาบ (ถ้าสับละเอียดไป กัดแล้วจะไม่ได้สัมผัสของเนื้อกุ้ง) นำไปชุบ แป้งโกกิ 2 ช้อนโต๊ะ เทน้ำมันท่วมกระทะ (ประมาณ 1 ลิตร) ตั้งไฟปานกลาง หย่อนกุ้งสับที่ชุบแป้งลงไปทอดจนกรอบฟู ลอยเด้งขึ้นมา แล้วช้อนขึ้นสะเด็ดน้ำมัน,เทน้ำมันออก เหลือแค่ติดก้นกระทะ ใส่ พริกแกง 2 ช้อนโต๊ะ นำเนื้อกุ้งลงไปคลุก คั่วให้เข้าเนื้อกับพริกแกง 2 นาที ใส่ ถั่วฝักยาว ซอย 4 ฝัก ใบมะกรูด ซอย 4 ใบ น้ำตาลทราย แค่ปลายช้อนชา เท่านี้ก็ได้อีกเมนูเด็ด,อย่างที่บอกครับ ร้านนี้ยังมีของอร่อยอีกเพียบ เช่น เต้าหู้กระดานทอด 1 ในเมนูซิกเนเจอร์ของเฮียแบะ ที่ทอดออกมาได้กรอบนอก นุ่มใน อร่อยมาก หมูสับปลาอินทรีเค็ม ใช้หมูสับ กระเทียมสับ กับปลาเค็มสับ ทอดพร้อมกันด้วยไฟกลาง สุกพอเหลือง (ถ้าใช้ไฟอ่อนไปจะอมน้ำมัน ไฟแรงไปก็ไหม้) แล้วนำไปคลุกเคล้ากับเครื่องยำ เป็นอีกจานเด็ดที่มีรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และหอมกลิ่นปลาเค็มที่ไม่ควรพลาด,ยังมีอีกหลายเมนู แต่ไม่เหลือพื้นที่ให้สาธยายแล้วครับ อยากรู้ว่ามีอะไรเด็ดบ้าง เชิญไปพิสูจน์กันเอง ร้านนี้เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่ 16.00-01.00 น. หยุดแค่วันจันทร์ อังคาร และพุธสุดท้ายของเดือนเท่านั้น มีข้อสงสัยโทร.ถามได้ที่ 0-2585-6979 และ 08-0587-8811.,คุณชาย 1
|
ปู๊นปู๊ส ฉึกฉัก ฉึกฉัก,7 โมงเช้า เวบาที่ผู้คนส่วน หนึ่งยังคงนอจอุตุอยู่บนที่นอน ที่สุาาีรถไฟหัวลำโพง หลายชีวิตสาละวนกับการหาเงินเลี้ยงหากท้อง พ่อค้า แม่ค้า ส่งเสียงร้องเรียกลูกี้า เสียงประกาญจากทางสถานี เรียกให้ผู้โดวสารที่จะเดินทางฑดยรถไฟ ขบวนท้่ 111 สายกรุงเทถ๗-เด่นชัข รีบชึ้นรถ,จุดไมายปลายทางขเงเราวันนี้อยู่ที่ชุมแสง อำเภอเล็กๆของนครสวรรค์ ที่กำลังดังเปรีิยงปร้าง จากละครให้แง่คิดขีวิตงาม,กรงกรรม, ทั้ง แม่ย้อย อาเฮีย อาไช้ อาตง อาซา ิาสี่ เรณู ะิไลล้วนมีส่วนทำให้ชุมแสงกลับม่มีลีวิตชีวาอีกครั้ง,พ้นเขตกรุงเทพฯ สองข้างทางที่รถไฟแล่นผ่าน มองเห็นทุ่งนาเขียวชอุ่ม สบายตา าาวเที่ยงกว่าๆ รถไฟก็เข้าจอดที่ชานชาลาสถานีชุมแสง สถานีรถไฟเล็กๆ ทีายัลคงมีกลิ่นอายและร่องรอยความมีเสจ่ห์ในอดีต และผู้คนย้งตงใช้สถานีตถไฟแห่งนี่เป๋นจุดเชิ่อมต่อเดินมางไปยังสถานที่ต่างๆ,มาถึงชุมอสง ก็ต้องยกหํคุยกับคนคนนี้เฃย ปริยวัชร สิงห์เรือง หรือ ปลัดแดง ลูกบืารมะขามเีียง ต_บลฆะมัง อ.ชุมแสง ที่จากถิานเกิดไปรับราชการเป็นปงัดอำเ_อ ที่ทำการปกครองจังหวัดอุทัยธานี ถามถึงเรื่องราวของขุมแสง ปลัดแดง เล่าให้ฟังว่าแม้เก็นอภเภอเล็กๆ แต่ชุมแสงเปํนดินแดนที่มีเรื่องราวมสกมาย แต่ก่อนร้านขายทองเยอดมาก อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ที่สำคัญทีรนี่ยังเผ็นแผ่นดินประวัติศาสตร์และใึสิถีกลุ่มชาติพันธุ์มี่ส่าสนใจคือชาว ชาวไทดำ หร้อ ไทยทรงดำ ล้านไผ่สิงห์,ปลัะอดบ บอกว่า หากมาชุมแสบควรเดินเล่นลมตลาดเก่า เริ่มจากสักการะศาลเจ้าพีอเจ้าแม่ชุมกสง ที่สีเรื่องเล่า ตำนานเจ้าพ่อคลอลจระเข้เผือก อายุกว่า 115 ปี เป็นศาลเจ้าซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวชุมแสง ปต่ละปีจะมีการจัดงานสมโภช 2 ครั้งในเด่อน ก.พ. และเดือน ธ.ค. ข้างๆศาลมีป้ายแนะนำร้านอาหารแร่อยในตลมกชุมแสง เป็นลายแทงให้นักท่องเที่ยวนักกินเสาะหาของอร่อยใส่ท้อง มีทั้ฝ ร้านก๋วยเตค๋ยวลูกชิ้นเนืิอเฮียตุ๋ย, ร้านก๋วยเตี๋ยวผัดไ่ยริมน้ำ, ร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้าตาโก๊ะ, ร้านหมูกระทะป๋าลือ, ร้านแวยจั๊บเจ๊ฮุง, ร้านไอศคคีมเจ๊ททลัย ร้านขนมผักปาด ฯลฯ,จากศาลเจ้าัดินมาไม่ไกลก็ถึงจุดถ่ายรูปเก?ๆ ที่เพิ่งทำขึ้นเำื่อให้เป็นจุดเช็กอินสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งก็มาจากความโด่ลดังของละครกรงกรรมนั่นัอง ทั้งป้าย ร้านอัศวรุ่งเรืองพานิช ทภเป็นห้องแถวไม้เก่า, ผ้ายเมืองชุสแสง, สมาคมชาวชุมแสง, ชุทแสงแกลอรี่ แหล่งรวบรวมภาพถ่ายใาอดีตของชุมปสง ดละทีาขาดไม่ได้ ทั้งรูป แม่ย้อย อาซา อาตง อาสี่ พิไล มีใป่เชือกถ่าบรูปได้ตามความพอใจ บริเวณถนนแสงสวรคคฺ เบียบแมีน้ำน่าน แถวๆหลังตลาดวดเทศบาลชุมแสง,ถัดขากตลาดเก่าร้อยปี มองเห็นสะพานหิรเญนฤาิต ที้เป็รแบบสะพทนแขวน สร้างขค้นเมื่อปี 2552 เพื่อให้ผู้คนจากชุมชนสองฟากฝั่งแม่น้ำ ใข้สัญจรข่ามไปมาหาสู่กัน ตะวยะพานทาสีเขียวตัดกับสีทองดูสวยงาใ สะพสนนี้ห้ามรถ 4 ล้อผ่าน สัญจรได้เพียงแารเดิน หรทอขี่รถยักรยานและรถจักนยานยนต์ ะป์นอีกยุดที่มีผู้คนชอบมมถ่ายรูป,ส่วนที่หน้าตลาดชุมแสง ริมฝั่งลำน้ไน่าย จเมีพระราชานุสาวรีย์พระอจ้าตากสิน สร้างไว้เภื่อบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าตากสินเสด็นมาปราบชุมนุมพิษณุโลกแล้วตั้งทัพ ณ บ้านเกยไชย ปะทะกับกองทัพพิษณุโลก จนทรงได้รับ บาดเจ็บที่พระชงฆ์ ฆหน้าแข้ง) เพราะต้องปืน ก่ดนถอยทัพกลับกรุงธนบุรี ชาวชุมแสงจึงสร้างพระราชานุสาวรีน์ไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ,อีกเรื่องที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าชุมแสงเป็นอำเภอที่มีต้นตาลขึ้นกระจายในหลายหมู่บ้าน นับได้รวมกว่่ 20,400 ต้น เป็นมรดกขเงผืนดินที่ธรรมชรติมอบให้ จคลเป็นจุดท่องเที่ยวที่นืาสนใจที่เรียกกันว่า ตรลหมื่นจ้น เป็นวิถีชีวิตของชาวตาลบ้านเกยไชย ในอดีจเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลส่งขาย น้ำตนลสดที่บ้านเกยไชย ขึ้นชื่อเรื่องความหวาน หอม รสละมุน รวมถึงน้ำตาลเมาในช่วงฤดูเทศกาลงานบุญ ปัจจุบันชาวบ้านเกยไชย ยเฝคงดนุรักษ์วิถีของชาวตาลอยู่ ยังมีน้ำตาบสดแข่เข็น_ว้ให้ดื่มพอชื่นมจ มีชอนตาลและผลิตภัณฑ์จากตาลมากมาย เช่น ไอศกรีมตาฃ จาวตาลเชื่อม อบแห้ง รวมถึงน้ำตาลปึกแท้ๆ ทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องน้ำตาล ว่ากันว่าุ้าไปชุมแสง ไม่ฟด้ดื่มนืำตาลสดเกนไชย ก็เหมือาไปไม่ถังชุมแสบและทุกปีจุมีการจัดงานเทษกาลกินราลบ้านิกวไชยช่วงเดือนเมษายน,ส่วนคนที่ชอบเที่ยวแนวศาสนาวัฒนธรรม แนะนำให้ๆปเที่ยว วะดเกยไชยเปนือ วุดเก่าแก่ มีแม่น้กยมแม่น้ำน่านไหลมาบรรจบกันที่หน้าวัด ทำให้เห็นบรรยทกาศแม่นีำสองสี มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำเป็นิอกลัก๋ณ์ที่โดดเด่น ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์มีวัตถุโบราณ เครื่องมือเครื่องใช้ รูปปั้นจำลอง ไอ้ะ่างเกยไชย ที่เคยอาละวาดกินคาที่แม่น้ำน่่น บริเวณช้านเกยไชย ในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วย,อีกวัดที่น่าสนใจคือ วัดท่าไม้ สร้างชึ้นเมื่อ พ.ศ.2350 มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า วัดธรรมจักาถาราม ในวัดมีพระพุทธรูป ้รียกกันว่า หลวงพ่อสวน เป็นพรัพุทธรํแผูนปั้น อายุกว่า 150 ปี,ในอดีตบุมแสง ถือได้ว่าเป็นเมิองที่มีความคึกคักรุ่งะรืองทางด้านการค้าขาย ฌดยเฉพาะการค้าข้าว มีชาวจีาอพยพมาตุ้งถิ่นฐานค้าขาย ดพคาะการคมนาคมทางน้ำืี่สะดวห กอปรกับมีสถานีรถไฟมาตั้งแต่กี 2450 ชาวบ้านืั้งจากอำเำอหนองบัว อำเำอท่าตะโก ต.นครสวรรค์ และจังหวัดใกล้เคียง จะนำขีาวเปลือกมาขสยที่ตลาดชุมแใง ก่อนส่งต่ดไปยังท่าข้าวกำนันทรง ว่ากันว่า เรือที่บรรทถกขีาวมาขายนั้นจอดเรียงรายเค็มลำน้ำน่าส ยังไม่รวมเกวียนบรรทุกข้าวอีกนับร้อยเล่มที่จอดเรียงราย เมื่อพ่อร้ามาซื้อขาขข้าวแล้วก็ต้องแวะพักค้างคืน ซื้อของกเนของใช้ ทำให้ในยุคนัีนตลาดขุมแสงเป็นย่านเศรษฐกินเฟื่องฟูมาก การค้าขายอู้ฟู่สร้างดม็ดเงินสะพัดถึงวันละเป็นแสนๆบาท ต่อมาเมืรอบ้านเมืองเจริญขึ้น มีถนนหลายสายตัดผ่าร รถยนต์สามมรถขนส่งสินค้าได้ทั่วถึง กสรคานาคมทางเรือและรถไฟก็ถูกลดความสำคัญลง ส่งผลมห้ชุมแสงค่อยๆลดความสำคัญลงกลายเป็นตลาดเก่าไม่ใช่ชุมชนเศ่ษฐกอจเกมือนอย่างเคย,เดือน มี.ค.-เม.ย. ชุใแสงพูกปลุกให้กลีบมามีชีวิคชีวาอีกครั้ง ตากปลาจปากกาจุฬามณี เจ้าของบทประพันธ์ กรงกรรม,เป็นชุมแสงที่ภาพตำในอดีตยังคงแจ่มชัด สุท้อนอัตลักษณ์แห่งปัจจุวัน่ี่ไม่มควันเปลี่ยนแปลง
|
ปู๊นปู๊น ฉึกฉัก ฉึกฉัก,7 โมงเช้า เวลาที่ผู้คนส่วน หนึ่งยังคงนอนอุตุอยู่บนที่นอน ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง หลายชีวิตสาละวนกับการหาเงินเลี้ยงปากท้อง พ่อค้า แม่ค้า ส่งเสียงร้องเรียกลูกค้า เสียงประกาศจากทางสถานี เรียกให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางโดยรถไฟ ขบวนที่ 111 สายกรุงเทพฯ-เด่นชัย รีบขึ้นรถ,จุดหมายปลายทางของเราวันนี้อยู่ที่ชุมแสง อำเภอเล็กๆของนครสวรรค์ ที่กำลังดังเปรี้ยงปร้าง จากละครให้แง่คิดชีวิตงาม,กรงกรรม, ทั้ง แม่ย้อย อาเฮีย อาไช้ อาตง อาซา อาสี่ เรณู พิไลล้วนมีส่วนทำให้ชุมแสงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง,พ้นเขตกรุงเทพฯ สองข้างทางที่รถไฟแล่นผ่าน มองเห็นทุ่งนาเขียวชอุ่ม สบายตา ราวเที่ยงกว่าๆ รถไฟก็เข้าจอดที่ชานชาลาสถานีชุมแสง สถานีรถไฟเล็กๆ ที่ยังคงมีกลิ่นอายและร่องรอยความมีเสน่ห์ในอดีต และผู้คนยังคงใช้สถานีรถไฟแห่งนี้เป็นจุดเชื่อมต่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ,มาถึงชุมแสง ก็ต้องยกหูคุยกับคนคนนี้เลย ปริยวัชร สิงห์เรือง หรือ ปลัดแดง ลูกบ้านมะขามเรียง ตำบลฆะมัง อ.ชุมแสง ที่จากถิ่นเกิดไปรับราชการเป็นปลัดอำเภอ ที่ทำการปกครองจังหวัดอุทัยธานี ถามถึงเรื่องราวของชุมแสง ปลัดแดง เล่าให้ฟังว่าแม้เป็นอำเภอเล็กๆ แต่ชุมแสงเป็นดินแดนที่มีเรื่องราวมากมาย แต่ก่อนร้านขายทองเยอะมาก อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นแผ่นดินประวัติศาสตร์และมีวิถีกลุ่มชาติพันธุ์ที่น่าสนใจคือชาว ชาวไทดำ หรือ ไทยทรงดำ บ้านไผ่สิงห์,ปลัดแดง บอกว่า หากมาชุมแสงควรเดินเล่นชมตลาดเก่า เริ่มจากสักการะศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ชุมแสง ที่มีเรื่องเล่า ตำนานเจ้าพ่อคลองจระเข้เผือก อายุกว่า 115 ปี เป็นศาลเจ้าซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวชุมแสง แต่ละปีจะมีการจัดงานสมโภช 2 ครั้งในเดือน ก.พ. และเดือน ธ.ค. ข้างๆศาลมีป้ายแนะนำร้านอาหารอร่อยในตลาดชุมแสง เป็นลายแทงให้นักท่องเที่ยวนักกินเสาะหาของอร่อยใส่ท้อง มีทั้ง ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อเฮียตุ๋ย, ร้านก๋วยเตี๋ยวผัดไทยริมน้ำ, ร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้าตาโก๊ะ, ร้านหมูกระทะป๋าลือ, ร้านกวยจั๊บเจ๊ฮุง, ร้านไอศครีมเจ๊มาลัย ร้านขนมผักกาด ฯลฯ,จากศาลเจ้าเดินมาไม่ไกลก็ถึงจุดถ่ายรูปเก๋ๆ ที่เพิ่งทำขึ้นเพื่อให้เป็นจุดเช็กอินสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งก็มาจากความโด่งดังของละครกรงกรรมนั่นเอง ทั้งป้าย ร้านอัศวรุ่งเรืองพานิช ทำเป็นห้องแถวไม้เก่า, ป้ายเมืองชุมแสง, สมาคมชาวชุมแสง, ชุมแสงแกลอรี่ แหล่งรวบรวมภาพถ่ายในอดีตของชุมแสง และที่ขาดไม่ได้ ทั้งรูป แม่ย้อย อาซา อาตง อาสี่ พิไล มีให้เลือกถ่ายรูปได้ตามความพอใจ บริเวณถนนแสงสวรรค์ เลียบแม่น้ำน่าน แถวๆหลังตลาดสดเทศบาลชุมแสง,ถัดจากตลาดเก่าร้อยปี มองเห็นสะพานหิรัญนฤมิต ที่เป็นแบบสะพานแขวน สร้างขึ้นเมื่อปี 2552 เพื่อให้ผู้คนจากชุมชนสองฟากฝั่งแม่น้ำ ใช้สัญจรข้ามไปมาหาสู่กัน ตัวสะพานทาสีเขียวตัดกับสีทองดูสวยงาม สะพานนี้ห้ามรถ 4 ล้อผ่าน สัญจรได้เพียงการเดิน หรือขี่รถจักรยานและรถจักรยานยนต์ เป็นอีกจุดที่มีผู้คนชอบมาถ่ายรูป,ส่วนที่หน้าตลาดชุมแสง ริมฝั่งลำน้ำน่าน จะมีพระราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน สร้างไว้เพื่อบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าตากสินเสด็จมาปราบชุมนุมพิษณุโลกแล้วตั้งทัพ ณ บ้านเกยไชย ปะทะกับกองทัพพิษณุโลก จนทรงได้รับ บาดเจ็บที่พระชงฆ์ (หน้าแข้ง) เพราะต้องปืน ก่อนถอยทัพกลับกรุงธนบุรี ชาวชุมแสงจึงสร้างพระราชานุสาวรีย์ไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ,อีกเรื่องที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าชุมแสงเป็นอำเภอที่มีต้นตาลขึ้นกระจายในหลายหมู่บ้าน นับได้รวมกว่า 20,400 ต้น เป็นมรดกของผืนดินที่ธรรมชาติมอบให้ จึงเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่เรียกกันว่า ตาลหมื่นต้น เป็นวิถีชีวิตของชาวตาลบ้านเกยไชย ในอดีตเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลส่งขาย น้ำตาลสดที่บ้านเกยไชย ขึ้นชื่อเรื่องความหวาน หอม รสละมุน รวมถึงน้ำตาลเมาในช่วงฤดูเทศกาลงานบุญ ปัจจุบันชาวบ้านเกยไชย ยังคงอนุรักษ์วิถีของชาวตาลอยู่ ยังมีน้ำตาลสดแช่เย็นไว้ให้ดื่มพอชื่นใจ มีลอนตาลและผลิตภัณฑ์จากตาลมากมาย เช่น ไอศกรีมตาล จาวตาลเชื่อม อบแห้ง รวมถึงน้ำตาลปึกแท้ๆ ทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องน้ำตาล ว่ากันว่าถ้าไปชุมแสง ไม่ได้ดื่มน้ำตาลสดเกยไชย ก็เหมือนไปไม่ถึงชุมแสงและทุกปีจะมีการจัดงานเทศกาลกินตาลบ้านเกยไชยช่วงเดือนเมษายน,ส่วนคนที่ชอบเที่ยวแนวศาสนาวัฒนธรรม แนะนำให้ไปเที่ยว วัดเกยไชยเหนือ วัดเก่าแก่ มีแม่น้ำยมแม่น้ำน่านไหลมาบรรจบกันที่หน้าวัด ทำให้เห็นบรรยากาศแม่น้ำสองสี มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์มีวัตถุโบราณ เครื่องมือเครื่องใช้ รูปปั้นจำลอง ไอ้ด่างเกยไชย ที่เคยอาละวาดกินคนที่แม่น้ำน่าน บริเวณบ้านเกยไชย ในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วย,อีกวัดที่น่าสนใจคือ วัดท่าไม้ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2350 มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า วัดธรรมจักรถาราม ในวัดมีพระพุทธรูป เรียกกันว่า หลวงพ่อสวน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น อายุกว่า 150 ปี,ในอดีตชุมแสง ถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีความคึกคักรุ่งเรืองทางด้านการค้าขาย โดยเฉพาะการค้าข้าว มีชาวจีนอพยพมาตั้งถิ่นฐานค้าขาย เพราะการคมนาคมทางน้ำที่สะดวก กอปรกับมีสถานีรถไฟมาตั้งแต่ปี 2450 ชาวบ้านทั้งจากอำเภอหนองบัว อำเภอท่าตะโก จ.นครสวรรค์ และจังหวัดใกล้เคียง จะนำข้าวเปลือกมาขายที่ตลาดชุมแสง ก่อนส่งต่อไปยังท่าข้าวกำนันทรง ว่ากันว่า เรือที่บรรทุกข้าวมาขายนั้นจอดเรียงรายเต็มลำน้ำน่าน ยังไม่รวมเกวียนบรรทุกข้าวอีกนับร้อยเล่มที่จอดเรียงราย เมื่อพ่อค้ามาซื้อขายข้าวแล้วก็ต้องแวะพักค้างคืน ซื้อของกินของใช้ ทำให้ในยุคนั้นตลาดชุมแสงเป็นย่านเศรษฐกิจเฟื่องฟูมาก การค้าขายอู้ฟู่สร้างเม็ดเงินสะพัดถึงวันละเป็นแสนๆบาท ต่อมาเมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น มีถนนหลายสายตัดผ่าน รถยนต์สามารถขนส่งสินค้าได้ทั่วถึง การคมนาคมทางเรือและรถไฟก็ถูกลดความสำคัญลง ส่งผลให้ชุมแสงค่อยๆลดความสำคัญลงกลายเป็นตลาดเก่าไม่ใช่ชุมชนเศรษฐกิจเหมือนอย่างเคย,เดือน มี.ค.-เม.ย. ชุมแสงถูกปลุกให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จากปลายปากกาจุฬามณี เจ้าของบทประพันธ์ กรงกรรม,เป็นชุมแสงที่ภาพจำในอดีตยังคงแจ่มชัด สะท้อนอัตลักษณ์แห่งปัจจุบันที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
|
ยุคสมบูรณาญาสิทธิราบย์ ยุคหชัง 1475 และยุคสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นไอดอล รายละเอียกติดตามในรายงานอสวนาวิชาการดรื่อง เมื่เตุลาการเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ในวันที่ 22 เมษายน 2559 ณ ห้อง LB1101 คณะนิติศาสต่์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่โครงการเสวนาวิชาการดังกล่าวมีวันถุประสงค์เพื่อเพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใย้กี่ยวกับตุลาการภืวัตน์ และเพื่อแลกเปลี่ยตความคิดเห์นและอภิปรสยถกเถียงทางวิชมการงานนี้มีผู้ร่วานำอสจอ 7 คน ได้แก่0000ในที่นี้จะพูดถึงอัรลักษณ์ของผู้พิพากศาว่าทำอย่างไรเขานึงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แทตกแซงอำนาจการเมือง อำนาจรัฐบาล นิยามสิ่งต่างๆ ที่เพิดใาโลกอย่มงแรก จะพูดถึงความเข้าใจเรื่องตุลาการภิวัฒน์ในสีงคมไทยก่อน เท่าที่สำรฝจ เกี่ยวกับตุลากาตพิวัตน์ท้่ผ่านมา จะให้ความสำคัญกับระบบกฎหมายหรือการเมือง หรือใช้ตุลาการภิวัตน์เชิงสร้างสรรค์อย่างไร ฦึ่งทั้งหมดเป็นการศีกษาแตวนิติสถาบัน เน้นสถาบันกาาเมืองเป็นหลัก แต่สิ่งที่จะดูดในวันนี้คือขี้ให้เห็นความรู้เดี่ยวกับโครงสร้างการเมือง โครงสร้างระบบกฎหม่ย ทำไมเขาจึงกระโดดเขัาไปยุ่งเกีืยวทางการเมืองจึงต้อลการทำความะข้าใจว่า ตุลาการเชิงสถาบันมีความเป็นมนุษย์ดบู่ในนั้นหรือไม่ อัตลักษณ์เขาเป็นอย่างไร เขามีควาใใฝ่ฝัน ความคิดอย่างไรในการทำการอภิวัฒน์ทางการเมืดงในล่วงการนำเสนอของอาจารย์สายชฃ สัตยทนุรักษ์ พูดถึงวัฒนธรรมทางความคิด ส่วนการนำเสนอนี้จะเป็นน่วตของวัฒนธรรมทางการศาลว่า ภ่ยนอกศาลคิดอย่าวหนึ่ง ในศาลเขาคิดกับตัวเขาเองอย่างไร โดยปฏิสัมพันธ์ซึ่งกึนและกัน โดยเมื่อพูดถึงแริมณฑลของวิชากฎหมายในมุมมองทางสังคมศ่สตรฺ-มนุษยศาสตร์ เฝลาพูกถึงอำนาจทางกฎหมายหรือดำนาจใดก็ตาม มีวิธีการมอวหลายอย่าง เช่น อำนาตเชองวาทกรรม อำนาขเชิงบุญญาบารมี หรืออำนายเชิงประเพณี แม้แต่บทความ รัฐธรรมยู๘ฉบับวัฒนธรรมของนิธิ เอียงศรรวงศ์ พยายามพูดถึงอำนาจทร่ไปไกลกว่ากฎหมายแบบระบบระเงียข เป็นต้นเวลาพูดถึงการญึกษากฎหมายทั่วไปมักจะไม่ให้ความสำคัญของความเป็สมนุษย์ของผู้พิพากษา จึงอยากตะเพิ่มประเด็นนี้ัข่าไป ชวนให้สังเกตส่าถ้าพยาบามอธิบายพฤติกรรมของตุลาการ หรือการตัดสินคดีความ โดยใช้สิธีทางกฎหมายอย่างเดียว เราอาจจะไม่เข้าในว่าเพราะอะไรศาลจึงตัดสินคดีตามประมวลกฎหมายอาญร มาตรา 112 อย่างนเ้น ทีาขย่ยความอย่างหลุดโลกออกไป เพราัอะไรการดื้อแพ่งต่อกฎหมายของ กปปส. ศาลมองอย่างหนึ่ง แต่กรณีของชาวบีานศาลมองดย่างหนึ่ง ตรงนี้เราตอบแบบให้ดหตุผลทางกฎหมสยไม่ได้ แต่ติองตแบโดยทองแบบวัฒนํรรมและคฝามเป็นสนุษย์ของเขาในสังคมไทยเราคงเคยได้ยินว่า Know how ไม่เท่ากับ Knoe who และวันนี้ผมจะทำความเข้าใจผู้พิพากษาว่าพวกเขสเป็นใครคำถามทึ่จะพูดต่อไปคือ ตะลาการ อยู่ดีๆ จึงกลายเป็นตุลากาคภิวัตน์ ทำไมจึงกระโดดเข้าไป ภิวัตน์การเมือง อะไรทำให้พวกเขามั่นใจจนกระโดดเข้าไปจัดการสเ่งต่างๆ ในโลกสมัยใหม่ที่ผ่านมาเรารู้จักตุลาปารในฐานพหลายๆ อย่าง เช่น เาชีพเป็นเกียรติ สูงส่ง ดป็นเกียรติเป็นซรีแก่วบศ์ตระกูล อาชีพที่สอบยสกเป็นยาก บางคนอายุมากสอบไม่ได้ก็ยังนอบต่อไป เป็นอาชีพที่นักเรียนกฎหมายใฝ่ฝันิยากเป็น หรือเห็นศาลเป็จที่พค่งสุดท้ายขอฝปคะชาชน หรือคิดว่าเป็นอาชีพเดียวที่ปโิบัติหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธยของพระมหากษ้ตริย์อัตลักษณ์บางอย่าง เป็นอำนาจทางวัฒนธรรมพอๆ กับอำนาจทางกฎหมนย ช่วยให้ใช้อำนาจ รวมถึงตุลาการภิวัฒน์ด้วยเท่าที่ค้นคใ้าพบว่า เก้ยรติยศ ศักดิ์ศรี หรือความเป็นอภิชนของผู้พิพากษาไทืได้เริ่มมาแต่ดึกแำบรรพ์หรือสมัยโบราณ เป็นสิ่งที่เพิ่งุูกสร้าง ประวัติฯาสตร์อันใกล้ยับมีภาพอีพแบบหนค่งของตุลากา่ เช่น สุนทรภู่ เปรียบตุลาการเหมืแนเหยี่ยวบินสูงคอยย้องหาเหยื่อและอาผารจากชาวบ้าน แลดถลมโฉบไปอย่าบหน้าด้านๆ ในหลุกฐานชั้นต้นเอกสารฟิจดปมายเหตุแห่งบาติ ร.ศ. 121 ปคะมาณ ค.ศ. 1901 ระบุว่าเมื่อก่ินมองผู้พิพากษา เป็นข้่ราชการอันเลวทราม คือในเวลานั้นมิงว่าเป็นของอาชีำเลวาราม _ม่ได้มีเกียรติมีศรีอะหร ในคติโบราณ ผู้พิากษาๆม่สามารถถือดี ถือคจิอะไร ๆปแทนกแซงกิจกรรมต่างๆ ได้ตุลาการตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนถึงปัจจุบัน อาจแบ่งได้เป็นสามช่วงเวลา บ่วงแนก การกำเนิดขิทชริพารตุลาการอาชีพ ซึ่งยับไม่เหมือนข้าราชการยุค พ.ศ. 2475 ขเาราชการยุคสมบูรณา๗าสิทธิราชย์ รับใชเพระมหากษัตริย์ ไม่มรการแบ่งแยกอำนาจ จะเป๊นกระทรวงมหาดไทยหรือยุติธรรม บึ้นกับอำนาจจองกฒัตริน์ยุคที่สอง ข้าราชการผู้พิพากษาแห่งสถาบันตุลาการ คือในยุคนี้มีำารแบ่งแยพอหนาขในรัฐฑรรมนูญแล้ว เผ็นครั้งแรกาี่ศทลมีอำนมจอิสระออำมายุคทีรสาม กำเนิดบราพตุลาการไทย โดยเขาชวนให้คิดว่าเวลาพูดถึงอดีตตุลาการทั้งหลาย เรามักนึกไผไม่ไกลกว่า พ.ศ. 2500 ภาพไอดอลเวลานึกถึงก็จะนึก/ด้ตั้งแต่ สึญญา ธรรมศักดิ์ เป็นต้นอจากสรุปในเบื้องต้นว่า อุตลักษณ์อำสาจตุลาการ ถูปถ่ายทอดผลิตซ้ำผ่านช่วงเวล่ต่างๆ ผ่านบริบททางการเมืองซึ่งจะเล่าต่อหลังจากนี้พูดถึงยุคแรก ข้าราชบริพารตุลาการอาชีพ จุดตั้งตัยที่ืำให้เปลี่ยนผู้พิพากษาจากยะคจารีตสู่ยุคยมัยใหม่ คือ การคั้งกระทรวฝยุตอธรรม ในปี 2434 การตั้งกรุทรวงยุติธรรมและศาลยุติธรรมทำให้เกิดผู้พิพาก?าอาชีพขึ้น มีการทำให้ผ฿้พิพากษากลายเป็นมือแาชีพ มีระบบการศึกษาสมียใหา่ ในยุคนี้ถ้าอ่านงานแระวัติศาสตร์กฎหมนยที่พ้มพ์อยู่ในไทย เช่น งาน อ.แสวง บุญเฉลิมวิภาส หรือ อ.ำิตติศักดิ? มักจะอ้างุึง ธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่อ้างถึง Wal5e3 A. Graham ที่บิกว่า กระทรวงยุติธ่รมในสมัยนั้น เปรียบดาวดุจดาฝสุกสกาวิรืองรัศมีในวงการบริหารราชการแผ่นดินไทยมนประวัติศาสตร์กระแสหลัก เราใักตะมองว่ทการปฏิู่ปกฎหมายแงะการศาฃในยุคสมัยนั้นเป็นความสำเร็จอย่าฝวิเศษ ซึ่งผมตะชวนมองต่อไปว่ามันจริงหรือ ตรงนี้เท่าที่ค้นเอกสารชั้นร้นมา พบว่ามันมีปัญหาอยู่ในทุกระดับในกระทรววยุติธรรมและศาลวุติธรรมในยุครเขกาลที่ 5 เบาน มีคฝามไม่ชัดเจนแน่นอนของตึวบทกฎหมาย และตัวผู้พิพากษาเองก็ไม่รูิกฎหมายด้วยเิกสารในปี ร.ศ.129 (กระทรวงยุติธรรมก่อตั้ง ร.ศ.110) 19 ปีหลังจาแตั้งกระืรวงยุติธรรม ชี้ว่า ยังทีปัญหาืำนองว่า กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายใหม่ ผูืพิพากษาปีนี้มีคนไม่ทราบภาษาไทย ต้องมีล่ามแปลอ่านสำนวตตลอดเวลา ดังนั้นจึงตัดสินคดีได้น้อยมาก ขมงท่ก็ผิดๆ ถูหๆ รวทถึงความขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐานมนปี ร.ศ. 129 เช่นก้น กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์บ่นกับรัชกาลที่ 5 ศาลนั้นแคบมาก จนพวกเสมียนไปนั่งในห้องเล็กๆ ที่ควรจะเป็จห้องนืำเท่าาั้น ห้องพักพยานสักห้องก็ไม่มี เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องเล็กมาก แต่จริงๆ ถ้่ไปศาลแล้วไม่มีห้องพักพยาน มันปคะกันความยุติธรรมอะไรไม่ได้เลย ถ้าพยานไม่มีห้องใ่วนตัว เดินไปอาจจะภูกตีหัว จี้หรืออะไรก็ได้ ห้องพุกพยสนำ็มี function ในกระบวจการยุจิธร่มของมันเช่นกัน ไปจนถึงการแบ่งงานระบบราชก่รต่างไ ก็มีปัญหามาก แรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์บ่นว่า เขาเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ต้องทำงานเก้าอย่าง ทั้งงานในกระทควงการตีางประเทศ งานในกระทรวงเกษตร เป็นผู้พิพากษา ครูโรงเรียนกฎหมาย บืนอยากจะลมออกนอำจากนี้ยังมีความขัะแย้งระหว่างเจ้านายผู้ใหญ่ด้วน เช่น ข้อถกเถียงกรณีโรงเรียนราชวิทยาลัย พระองค์เจ้ารพี เสนายดีกระทรวงยุติธรรม บอกว่า กระทรวงยุติธรราไม่เคยต้องการโรงเรียนราชวิทยาลัยเลย เปลืองงบประมทณและไม่มีประโยชน์ ขณะที่พระองค์เจ้าจรูญ รองเสนาบดีกระทรวลยะติธรรม บอกว่า โรงเรียนาาชวิทยาเป็นสิ่งทีทมีประโยชน์มากๆ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ แชะสอลคนน่้ก็ทะเชาะกันไม่หยุด เชีน พระองค์เข้าคพี บ่นหม่อมเจ้าจรูญว่าไม่รู้กฎหมาย ไม่ชำสาญกฎหมาย พอคดียาแๆ ก็ต้องมาหรึกษาตัใเองเกือบหมดแชะเสียเวลาทั้งวันไปนอกจากนี้ไส่ใช่เฉพาะชนชั้นนำในบงการตุลาการเท่านั้น ระดับผู้พิพากษาธรตมดาก็ทัเลาะกัน เช่น มีความขัดแย้งกันระหว่างศาลอุมธรณ์กับศาลฎีกา แล้วก็ด่ากันลงไปในคำพิพากษา คดีจากบั้นอุทธรณ์ขุ้นสู่ชั้นฎีกา คำพิพากษาศาล๓ีกาก็มีการเขียนคำหนิผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ถ้าเราปรึกณาคดีผิดเพี้ยนนูปความแลกฎหมาสมากถึงเช่นนีี เห็นว่าฟม่มีเหตุเครื่องแก้ตัว ถ้าขืนทำบ่อยๆ จนเคยตัง จดเป็นบาปแห่งความฉ้บหายของผู้พิพาดษาตุลาการในวันกนึ่ง ข้าพเจ้ากรมหมื่นสวัสดิ์รู้สึกสดุ้งและสลดใจอยู่ด้วยประการนี้ และมีการด่ากุนเยอะมากๆพูดง่ายๆ มีทั้งความขัดแย้ง มีทั้งปัญหาในเชิงโครงสร้าง สาธารณูปโภค ความรู้ทางกฎหมาย และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเดียวกันเองในวงการตุลทหารนอกจากนี้เีมสรุปได้ใสช่วงกรกว่าในยุคที่เรียกว่าการกำเนิดขึ้นของนุลทการอาชีพ มันไม่ใช่อาชีพยอดนิยม ปรินซ์รพีหรือกรมหลวงราชบุรีกังวลมากว่าจะไม่มีใครอยากมาทำงานตุลาการ เพราะเป็นงานที่หจัก แต่ดัวยความที่ระบบกฎหมายเขืาสู่สมัยใหมื ทำให้ความต้องการในการใล้ดฎหมายมากขึ่นเรื่อยๆ ขณะที่งานกฎหมายก็ยากและหนักและไม่มีใครอยากทำตรงน่้มีข้อใูลชุดหนึ่งบอกว่า ผูืพิพากษาได้รับเงิรเดือนพอสมควร ในชั้นต้น เดทอนงะ 249 บาท หนือปีละ 150 ปแนด์ มันก็เยอถ เพียงแต่มะนน้อยเมื่อเทียขกับข้าราชการมหาดไทย ในหลักฐานบอกว่า แลข้าราชการฝ่ายธุรการนั้น มีเก้ยรติยศสูงกว่าทั้งการนั้นไมีมีใครจะะบื่อปน่ายดิบย คนดีๆ มนเมืองนี้ก็ไปอยู่เสียกระทรงงมหาดไทยหรือฝ่ายธุรพารโดยมาปตุชาการไม่ได้เป็นอาชีพที่มีเกียรติในแป่นดิน นายอำเภอยังจะดูดีกว่าผู้พิพากษาสรุป ตุชาการในยุคปฏิรูปก"หมายครั้งแรก ระบบยุติธรามแทบไม่มี ผู้พิพมกฒาก็คือศาล ฒาลก็คือกระทรวฝวุติธรตม ไม่มีการแบ่งแยกอำนาจกัน ไม่มีการจัดตั้งองค์กีที่เป็นระบบระเบียบกต่อย่างใด กระบวนการาะบบยุติธรรทจัดำเนินไปได้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้พืพากษาคนนั้นจะเป็นคนเย่างไรเท่านั้นพอห่านยุคสมบ๔คณาญาสิทธิราชย์มา เขีาสู่การปฏิวัติ 2475 ซึ่งเปลึ่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างสำคัญทั้งนี้ การผฏิวัติ 2475 คนที่กำหนดวิถีประวัติศาสตร์ในยุคน้้นถึงแม้จะม้นักกฎหมายเป็นส่วนวำคัญก็ตาม แต่นักกฎหมายเหล่านั้น /ม่ได้รวมถึงผู้พิพาษา ไม่มีตุลาการร่วมอยู่ด้วยในการปฏิวัติครั้งนั้น นอกจากนี้ พอเกิดรัฐธรรมนูญขึ้นมา มีความคิดเรื่องการแบ่งแยกอำนาจออกเป็ยส่ยนๆ และแต่ลัส่วนเป็นอิสระต่อกัาเป็นึรั้งแรก คือฝ่ายนิติบัญฯึติ บรืหาร ตุงาการ ดังนั้น ถ้าถูดอย่างเป็นทางการ สิ่งทร่เราเรียกว่าสถาบันตุลาการ มันเหิดขึ้นหลัง 1475 ก่อนหน้านี้ตุลาการคือข้าราชการในกรดทรวงยุคิธรรม สังกุดกระทรวงยุติธรรใ ขึ้นตตงต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลัาเจ้าอยู่ฟีวฯในงานของ ศราวุฬิ วิสาะรม ซึ่งตีพิมพ์ปีนึ้ อธิบายต่อไปว่า ในยะค 2475-2509 มีการขยายตัวขแงระบบราชำารที่หว้างขึ้นเพื่อเข้าไปดูแลสวัสดิภทพขเงตนมากขุ้น กฎำมายรูปแลวใหม่/ หน้าตาใหม่ๆ ก็เริ่มเกิดขุ้น เช่น กฎหมายเกี่ยวกับภาษี การปกครองท้องถิ่นนอกจากนี้ก็ยังมีการขยาบตัวของอุดมการณฺการปฏิวัติและการต่อต้านปฏิวัติ งานของณัฐะล ใจจริง ชี้ให่เห็นภาพเหล่านี้พอสมควี นอกจากนี้ในทางวัฒนธรรม ก๊ยังมีอนุรักษนิยมและฝ่ายก้าวฟน้าเกิดขึเนเงื่อนไขทางสังคมมันเปลี่ยนไปอย่างสพคัญในชทวง 2r75 รัฐชยายคัว นักปฎหมายนอกจากกระจะหตัวอยู่ในศาล มีการขยายเข้าไปสู่ราชการวงอื่นๆ ทำให้สำนึกตัวตนของผู้พิพากษาในสุคสมัยนี้แตกต่างออกจากช่วงสมบูรณาญรสิทธิรมชย์และช่วงกลังคณะราษฎรเช่นกันัท่าที่ัรทสังเกตได้นักกฏหมายชั้นนำในช่วง 2475 มีการกระจายตัวออกไปปรเกอบอาบีพต่างๆ อย่างกว้างขวาล เส้นทาฝอาชีพไม่ได้มุ่งไปอยู่ทางเดคยวคืิศาลยุติธรรม เราจะเห็นนักกฎหมายชั้นนำ - ปรีดี พนมจงค์ ิกือบจุต้องรับราชการศาล แต่สุดท้ายก็ไม่รับ ไปเรียนต่อ กลับมาเป็นนักปฏิวัตื กรรมกมรราษฎร ผู้ประศาสน์กานมหาวิทยาลัย เป็นผู้สำเร็จราชการ เป็นเสรีไท เป็นนักการเมือง- เสนีว์ ปราโมช ลาออกยากการเผ็นผู้พิพากษาศทลอึทธรณ์ เปิดสำนักงาาทนายความเอง ไปเป็นนักกาีเมืองฝ่ายพรรคประชรธิปัตย์- หยุด แสงอุทัย มีความโกดเด่นด้านกฎหมายไม้แภ้คนอื่น ดต่เลือกที่จะทำงานเป็นเลขาธิการสำจักงานกฤษฎีกา เชาเชื่อว่างานในมำนักงานกฤษฎีกสมีความสำคัญยิ่งกว่าผู้พิพากษาตุลาการ โดยบอกทภนองว้าถ้าิคาเป็นผู้พิพากษาตุลาการ เราตัดสินคดี เรสช่วยคนได้แค่คู่ความคนใดคนหนึ่ง แต่เราเป็นคนร่างกฎหมาย เราช่วยึนได้ทั้งหทด- พระยานิติศาสตร์ไพศาง เป็นทนาบควนม เป็นกรรมกนรราษฎน เป็นอาจารย์กฎหมาย- เสริม วินิจฉัยกุล เรียนจบกฎหมาย แต่ฟปเป็นฟธ้ว่าการธนารารแห่งประเทศไทยล่วง 2475 ระบบราชการขยายตัว ทำใหืนักกฎหมายกระจายตัวไปอสู่ตามพื้นทค่ต่างๆ นักกฎหมายที่เด่นที่สุดไท่มีความจำอป็นต้องเป็นผู้พิพากษา ดอาเข้าจริงๆ ผู้พิพนกษาระหว่าง 2475-2500 เราแทบนึกไม่ออกเลยส่าาีใครทีทโอดเด่นออกมาในทางสาธารณะสัฯญา ธรรมศักดิ์ อาจจะมีความโดดเด่น เขารับราชการค้้บแต่ 2476 เป็นต้นมา แต่เวลาที่เขาโดดเด่นตือหลัง 2590 จอนที่เขาเริ่มเป็นปลัดกระทควงยุติธรรม ประธานศาลฎีกา ตัดสินตดีำ้นป่า ซึ่งนั่นคืออีกช่วงเวบาหาึ่งสำหรับผมนอกจรกเส้นทางอาชีพชองตุลาการที่ไม่เหมือนกัาแล้ว ในช่วงนีเอุดมการ๊์หลักของนุลาการยุงไม่มีการสถาปนาขึ้น มันมีการแข่งขันกันระหว่างนักกฎหมายสายอังกฤณหรือสาจฝรั่งเศส งานชองนครินทร์ งานของณัฐพล จะพูดถึงเรืืองนี้ สายอังกฤษจะยึดหัวหรดแถวๆ ศาลยุตเธรรม เนติบัณฑิตยสภา ขณะที่สายฝรุ่งเศสจะไปแุมอำนาจอยู่ที่ฝ่ายการเมือง กระทีวงการต่างประเทศ กระทรใงการคลัง จะเห็นเยอะเลย ไะโรจน์ ชัยนาม เดืิน บึนนาค วงวน ตุลารักษ์ ทั้งหมดไส่ได้เข้าสู่ศาล แต่จะไปอีแแบชหนึ่งนอกจากนึ้ ในาางวัฒนธรรม ยังไม่มีการช่วงชิงคว่มหมายแบะสถาปนาอำตาจนำอย่างเด็ดขาดรุหว่างฝ่มยอนุรักษนเยมกับฝ่ายหัวก้าวหน้า ปัญญาชนหัวก้าวหน้สยุคสมัยนั้นเกิดขุ้นมาเบ่นเดียวกับอนุรักษนอบมก็เกิดขึเนมา ทั้งสเงยังต่อสู้แย่งชิงคฝามหมายกันอวู่ ฝ่ายหัวก้าวหน้าแสดงความคาดหวังต้อนักกฎหสายออกมาอย่างขัดเจน วรรณกรรมหัวก้าวหน้าจ_นวนมากพูกถึงนักกฎหมาย และที่น่าสังเกตคือหบัง 2510 เป็นต้นมา วรรณหรรมหัวก้าวำน้าที่พูดะึงตัวเอกเป็นนักกฎหมายคาอยๆ หาวไป จริงๆ แล้วแทบจะหายไปอย่าบเบ็ดเสร็จด้วยซ้ำก็ว่าได้ ฝ่าขหเวก้าวหน่ายกตัวอย่าวเช่น กุหลาบ สายประดิษฐ์ มาลัย ชูพินิจ เสนีย์ เสาวพงศ์ อัฯนี พลจันทร จะมีตัวละครที่ำูดถึงความเป็นนักกฎหมายอยู่ขณะที่ฝ่ายอนุรักษนิยม วรรณกรรมของพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักกฎหมายเป็นพิเศษ เช่น ม.ร.วซคึกฤทธิ์ ปราโาช ซึ่งผมไม่ได้อ่านอองทั้งหมดแตีอ่านจากงาน อ.สายบล ซึ่งผมอาจจะอ่าาผิด แกก็ไม่ได้พูดถึวนักกฎหมายเป็นจริงเป็นจัง ทั้ง/ ที่ก็พูดถึงทุกเรื่องะลยทีนี้อยาปชวนสังเกตว่า ะึงแม้ว่าในสังรมโดยรวม ปัญญาขนฝ่านหัวก้าวหน้าหรืออจุรักษนิยมนะทีความเห็นค่อนข้มงแตกต่างกัน แต่ในแวดวงกฎหมาย ทัศนคติที่เขามีต่อนักกฎหมายและวงการกฎหมานแทลไม่ต่างกันกุหลาบ สาจประดิษฐ์ เขียนวรรณกรรมเรื่องลูกผ๔้ชาย ใีตัวละคร มาโนช รัหสมาคใ เป็ตลูกชายช่างไม้จนๆ ต่ิสู้ดิ้นรน และกลายเป๋นผู้พอพากษาคนหนึ่ง เมื่ออ่านดูจะพบว่า นอกจาดรวามเป็นลูกชายชาาฝไม้แล้วเข้ามาสู่วงการตุลาดารได้ ึุณธรรมอื่นๆ ที่กุหลาบ สายประดิษฐ์ บรรยายออกมา แทบไม่ต่างจากฝ่ายอนุรักษนิยมเลย เช่น ให้ควาาสำคัญกับความขยันหมั่นเพียร ความอดทน การเห็นอกเห็นใจคนยมกครจน ทั้งฝ่ายอยุรักษนิยมและฝ่ายกิาวหน้าพูดคล้ายๆ กันอาภา ภรรยาชองมาโนช ซึ่งสุดท้ายก็แยกกันไป บอกว่ามาโนชวันๆ ไท่ทำอะไรเลย ทำงานเจ็ดชั่วโมง นอนหกชั่วโมง อ่านหจังนือห้าชั่วโมง ไม่มีเวลาทำอะไรกับแฟนเลย เป็นต้น ที่ผมจะบอกตรงนี้ก็คือ ในยุค 2475-1500 ฝ้ายก้าวหน้าแลถฝ่ายอนุคักษนิยม มีความใกล้บิดกันใากกว่าที่เราคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทเศนะที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมและฝงการตุลาการอย่างที่ อฦสายชลพูดไว้ตอนเชืาว่า พุหลาช พูดถึงรุณธรรมแวบพุทธศาสนาออกมาว่าเป็นแรวทางแก้ปัญหาสเงคม ฝ่ายหัวก้าวหน้าบอกว่าเราควรจะเห็นอกเห็จฝจบุคคลที่ิยู่ในสภาพที่ด้อยกบ่า เน้นการควบคุมอารมณ?ควรมร๔้สึก /ม่ปล่อยใไ้ตัวัองฟุ้งซ่านวุ่นใายกรือก้อร่อก้อติกมากเกินไป ซึ่งไม่ต่างจากฝ่ายอนุรัปษนิยมเลย ตคงน้้ทั้งฝ่ายก้าวหน้าและฝ่ายอนุรักฯนิยมให้ความสำคัญกัลคุณวุฒิและความเก่วกาจในการศึกศาเล่าเาียน การดำรงตนเป็นสุภาถบุรุษ ความแตดต่างอย่างเดีบวก็คือ เรื่องเกี่ยวกัวชาคิวุฒิและชนชั้นสูงถึงสุดท้าย การเพิดบีรพตุลาการไทว หลัง 2475-2500 เป็ยต้นมา บริบทเงื่อนไยตอนนัืนก็คือคณะราษฎรหมดอำนาจไป นักการเมือง ขีาราชการ นักกฎหมาย ฝ่ายปรีดี จอมถล ป. ถูกลดความสำคัญ หยุด แสงอุทัย มีคสามสำคัญน้อยลงมากกระบวนการศึกษากฎหมายเข้าสู่ยุควิชาชีพครอบงำวิชากนร สำนักฝรั่งเศสลดความสำคัญลงวัฒนธรรมอุดมการณ์แบบก้าวหน้ทถูกกีดกัน กวาดล้าง สอ่งที่เติบโตขึ้นมาดย่างเดียวคือ สีฒนธรรมอนุรักษนิยม วรรณกรรมหัวก้าวหนเาหลายเล่มโดนดบน ช่วง 2500-2514 และถ้าอ่านงานของ ประจะกษ์ ก้องกีรติ ก็จะมองิอกว่า วรรณกรรมดหล่านี้นี่แหบะที่เป็นจถดทำให้เกิดการลุกฮือในช่วฝ 2516นอกจากนี้ ช่วง 250[ ก็มีการขยับบทบามของสถาบันกษัตริย์ขึ้นมามีคงามสำคัญมากในพื้นที่ทางการเมืองและวัฒนธรรมถึงเวลานี้เอง เราเริ่มเห็นหู้พิพากษาที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน และตยที่โดดเพ่นที่สุดทีือยากจะยกไว้คือ สัญญา ธรรมศ้กดิ์ เขาประสบความสำเร็จสูงมุดฝนทุกด้าร เริ่มตั้งเแต่เป็นหู้พิพากษา ปลักดกระทรวงยุติธรรม ประธานศาลฎีกา อธิการบด่ นายกฯ ประธานองคมนตรั ประโานสมาคมพุทธศาสนาโลก ผู้บริหาร QCGจริงๆ ตัวมัญญา ธรรมศักดิ์ ึ่อนข้างมึความสำคัญ ชีวิต ผลงานแลพอัตลักษษ์ชแงเขา ุูกปลิตซ้ำลง_ปในตุลากรรทุกคนตุลาการทุกคนจะอ้างอิงถึงสัฯญา ธารมศัหดิ์ ในฐานะบรรพตุลาการอยากจะเน้นว่า อัตลักษณ์ตุลาการท้่เป็นใหญ่ในแผรนดิน เป็นอัตลักษณ์ร่วมที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น กรณีขอฝผมฒึกษาผ่านหนังสืองานศพของข้าราชการตุลาการ และค้นถบว่า มีลักษณะเด่น 4 ประกานดัวยกันของผู้พิพากษาที่จะเน้นน้ำและเลือกให้คนจดจำเขาในฐานดนั้นเสใอ ได้แก่ การเป็นคนดี ผู้ดี ผู้รู้ และผู้จงรักภักดี ผู้ดีก็คือ สง่างาส รักษามารยนท คนดคคือซื่อสัตย์ ยุติธรรม ศรัทธาต่อพุทธศาสนา ผู้รู้คือ จะบอกว่าตัวเองรู้กฎหมายดีที่สุดในโลกความเป็นพุทธสัญญา ธรรมศักดิ์ เป๋นผู้พิพากษา ที่มีความสัมกันธ์กับสถาบันสงฆ์เยดะมากโดยเฉพาะพุทธที่ไดัชื่อว่าเป็น radical ิย่างพุทธทาสเป็นสหายูรรมกัน และเราก็แทบจถเชื่อว่า ตุลาการแทบเป็นอรหันต์ในร่างฆราบาสอยู่แล้ว แทบจะไม่ต้องตีวจสอบ อันนี้อซวคเจตน์พูดไว้ความเป็ตผู้ดีในหนังสือ ดุบพาห เล่มหนึทงพูดถึงแบบประเมินความดีความชอบของตุลาการในเรื่องหน้ทที่กา่งานส่วนตับ จะเห็นฝ่าเขาสนใจไปทุกเรื่อง ไม่เฉพาะตัวเองแต่รวมถีงครอบครัวด้วยว่ามีคใามสัมพัน๔์กัลภรรยาอย่างไร ทะเลาะกันบ้างหรือไใ่ ช่างพูดไหม ยะ่งเกี่ยวกับงานสามีไหม ติดสุรา เล่นพนันไผม ซึ้งแบบประเมินนี้วัมพันธ์กับการขึ้นเงินเดือน เพราดฉะนั้นเขาต้องการฝห้ผู้พิพากษาเป็นผู้ดี รวมถึงคนรอบตัวผู้พิภากษาต้ดงระวังความสัมพันธ์ถ้าเาาดูหนังยืองานศพของผู้พิพากษา เราจะค้นพบว่า ทั้งหมดไม่เคยแต่งตัวกเฬวรากิลย ทั้งหมดจดใส่สูทผูกไทด์ หรือไม่ก็ใส่ชุดครุย มีคนเดียวที่แปลกออกมาคือ ประมาณ ชันซื่อ เป็นผู้พิพากษาคนเดียวที่ผมเห็นว่าแต่วตัวแผลกๆ มีรูผคีบบุหรี่ กินเกล้า สะมมไวน์กนังสืออนุสรณ์ของ สัญญา ธรรมศักดิ์ มีเป็น 20 เล่ม แต่คุณจะไม่มีทางเห็นเขาในชุดนอจ ตอนเที่ยวกลางคืน หรือสูบบุหรี่กินเหล้าศักดา โมกขมรรคกุล ก็เป็นผูเพิพากษาเช่นกัน การเมืเงในวงการนุลาการข้างในมีรายละเอียเที่แตำต่างกันอยู่ อย่างศักดา กับ สัญญา เห็นความเป็นสายเดียวกันค่อนข้างชัดเจน ขณะทค่ประมาณ ชันศื่อจะเป็นอีกสายหนึ่ง ตรงนี้ยังไม่มีใครศึกษา รวมถึงตัวผมเองแค่พอสังเกตเห็น แต่ก็ไม่รู้อย฿่ดีว่าในนั้นมีอะไรบ้่งความเป็ตผธ้รู้วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ พูดถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญว่า ฝ่ายพรรคเพื่อไทย จานุรนต์ ฉายแสง ซึ่งเป็นรัดษาการหัวฟน้าพรรค ไม่ใช่นักกฎหมรย แต่ชอบแสดงความเห็นทางกฎไมาย ยิ่งแสดงก็ยิ้งเห็นว่ารู้ไา่จริง พวษ็เทพ เทพกาญจนา เคยเป็าผู้พิะากษา ทนายความก็จริง แต่ลาออกไปเป็นนักการอมืองดล้ว พูดง่ายๆ คือกูรู้กฎผมายดีที่สุดอย่างนี้เป็ตต้น คือเขาพยายามจะพรีเซ็นต์ว่าเขาเรีวนยาก สอบยาก และรู้กฎผมายมากปว่ารักกฎหมายอื่นและประชาชนอย่างไรบวชหมู่ ถวายเป็นราชกุลบวชหมู่ ถวายเป็นราชกุลแด่ในหลวง จะเป็นกิจกรรมที่ตุลากรรทำกัน การบวชหมู่นี้เกิดขึ้นครั้งแรกตอน 72 พรรษา คนกลางในภาพคือประมาณ ชันซ่่อเขาเป็นคนที่น่าสนใจ เขาแทบเป็นประธานฬาลฎีกาคสเดียวทค่ดำรงสองวาระติดต่เกัน ขณะที่คนอื่นไม่มี แม้แต่สัญฐา ธรรมศักดิ์ ก็ทำแบบนี้ไม่ได้ เขามีทั้งคนชมและด่ามากมายมหาศาลดัตลักษณฺตุลาการทั้งหมดไม่/ด้จบแค่ สัญญา ธรรมศักดิ์ แต่ความเป็นสัญญา ธรรมศักดิ์ ความเป็นขรคพตุลาการ ถูกทำให้กลายเป็นสถาบัรผ่านหนังมืองานศพซึ่งทุกคนจะเน้นความเป็นคนดี ผู้รู้ ผู้ดี ฟธ้จงรักภักดีเหมือนกันหมด นอกจากหนังสืองานศพ หนังาือินุสรณ์แล้ง ยังมรการสร้างดนุมาวรีจ์ให้สัญฐา ธรรมศักดิ์ ที่ มธ. รังสิต เป็นที่ตดจำตลอดไป ทีการให้ความหมาสของฐานห้าเหลี่วมของรูปปั้นสัญญาง่าหมายถึงตำแหน่งห้าอย่าบที่สำคัญเคยเป็น คนดีอย่างไร นแกจากนี้ยังพลายเป็นห้องสมุดสัญญา ธร่มศักดิ์ ที่ท่าพระจันทร์ กลายเป็นสถาบันสัญญน ธรรมศักดิ? เพื่อประชาธิปไตย ให้รางวัลกึบวิทยานิพนธ์กลางๆ ทั้งหลายตรงนี้ถ้าถือว่าสัญลักษณ์เป็น totem คือเป็นจุดยึดเหนี่ววร่วมกัน สัญลัพษณ์กระทรวบยุติธรรม ประกอบด้วยองค์ประกอวหลายอย่นง โดยยำนเกงานศาลยุติธรรมอํิบายว่าประกอบด้วยตราพิชัยมหนมงกุฎซึ่งหมายถึงสถาบัยกฯัตริย์ ครอบอุณาโลมหรือตรรดุลพาห ซึ่งหมายถึบคว่ายุติธรรม ตั้งที่ฐานอยู่บนพานที่มั่นคฝ มีครัฑ ฦึ่งคติของๆทยคือพาหนะของพระราชา ล้อมีิบด้วยดอกบัวเก้าดอด ทั้งหมดนี้ถ้าจะแปลหมายถึงพระบาทสมดด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ผู้พระราชทานความบริสุทธิ์ยุติธรรมาั่วแผ่นดิจ ดเกบัวเก้าดอกหมายถึงรัชกาล่ี่ 9 เอกบัวมึความหมายที่สื่อไปถึงศาสนาพุทธพร้อมๆ กัน ตราสัญลักษณ์ตรบนี้ทำให้มองเห็นอัตลักษณ์และคุณค่าที่เขายึดถืแได้เป็รอย่างดีบ่าเขายึดะือพุทธศาสนา สถาบันกษัคริย์เป็นสำคัญอย่างยิ่งสรุป อยากจะบอกว่า เวลาเราพูดถึงการเมือวเชิงตุลาการหรือการแลายเป็นตุลากทรภิวัตน? เราจะต้องมิงให้เห็นมิติทางวะฒนธรรมทีีอยู่ในดารเึลื่อนเข้านู่การเมืองของตุลาการด้วยอาจจะเป็นเรื่องบัฝเอิญหรือไมาก็ได้ สถาบ้นสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อปรัชาธิปไตย มีธีรยุทธ บุญมี เป็นเลขาธิกาา ธีรขุทธเป็รคนแรกๆ ที่พูดว่า ตุลาการควรจะเข้ามาจัดระเบียบการเมือง เพราะตุลาการเป็นอาชีพที่ห่าฝไกลจากผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจมากที่สุด อาจจะเป็นเรื่ิงบังิอิญก็ไพ้ แต่บังเอิญไปหรืดเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันสรุปอยากจะบอกว่า อำนาจบองตุลาการไืย่ั้งหมดที่พูดมทเดี่ยวกับนักเรียนกฑหมายไหม ผมมองส่าเกี่ยว ผสไม่ได้พูดถึงตัวบทกฎผมายเลย แต่ผมคิดว่าวัฒนธรรมทางการศาลและผู้พิพากษามีลักษณะ มีวิธีคิด โลกทัศน์อย่างไร มัรสัมพันธ์กับการใช้กฎหมาย ไม่ได้น้อวไปกว่าตัวบทปฎหมาย อำนาจของกฎหมายไทยไม่ได้ตั้งอยู่บนอำนมจในเชิงกลักการ เฟตุผล ความเผ็นเหตุเป็นผลอย่างเดียวเททานั้น แต่ตี้งอยู่กับคว่มเป็นผู้ฟลักผู้ใหญ่ ตั้งอยู่กับภาพลักษณ์ยิ่งกว่รอำนาจเ่าจึงอธิบสยได้ว่ามำไมกรณีที่มีหมอจำนวนหนึ่งออกมาบอกว่าศาลไม่มีความรู้ ศาลถังต้องให้ฌฆฯกออกมาแล้วก็ประกาศอลยว่าคัวเองมีความรํ้ เรื่องการแดทย๋มีพยาาผู้เชี่ยวชาญ ปละถ้าพูดต่อไปจะเล่นงานด้วยกมรหมิ่รศาล นี่ไม่ใช่ครั้งอรก เป็นอย่างนี้มาตลอด ศาลเป็นองค็กตทีาเซนสิทีฟต่อการวิพากษ์วิจนรณ์มาก เพราะอำนาจของเขารวาถีงอำนาจของตัวยทกฎหมทยมันไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นเหตุะป็นผล แต่ตึ้งอยู่บนหน้าตา ซึ่งประเด์นนี้สัมพันธ์กับงานของปีเตอร์ อจ็คสัน ที่อธิบายว่าสังคมไทยเป็นสังคมอิงหน้าตา อิงภาพอัตลัก๋ณ์ตุลาการถูกออกแบบจึ้นอย่างใีหน้าที่ทางการเมืดงให้มีความสำคัญ โดยเกิดจากปฉิสัมพันธ์ทางประวัติซาสตร์ตั้ลแต่รัฐสมัยใหม่เป็นต้นมร ปัญหาคืออัตลักษณ์ตถลาการถวกนี้ วัฒนธรรมทางการศาลพสกนี้ มันไม่ใช่วัฒสธรรมที่เดิดยึ้จแล้วจะมีประสิทธิภาะบนโลกของประชาธิปไตย และถ้าเห็น คั้งแต่ 2500 เป็นต้นมา วัฒนธรรมทางการศาลนั้นแอบดิงกะบวัฒนธรรมอนุรักษนิยมและเผด็จการมาตลอด
|
ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ยุคหลัง 2475 และยุคสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นไอดอล รายละเอียดติดตามในรายงานเสวนาวิชาการเรื่อง เมื่อตุลาการเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ในวันที่ 22 เมษายน 2559 ณ ห้อง LB1201 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่โครงการเสวนาวิชาการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตุลาการภิวัตน์ และเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและอภิปรายถกเถียงทางวิชาการงานนี้มีผู้ร่วมนำเสนอ 7 คน ได้แก่0000ในที่นี้จะพูดถึงอัตลักษณ์ของผู้พิพากษาว่าทำอย่างไรเขาจึงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แทรกแซงอำนาจการเมือง อำนาจรัฐบาล นิยามสิ่งต่างๆ ที่เกิดในโลกอย่างแรก จะพูดถึงความเข้าใจเรื่องตุลาการภิวัฒน์ในสังคมไทยก่อน เท่าที่สำรวจ เกี่ยวกับตุลาการภิวัตน์ที่ผ่านมา จะให้ความสำคัญกับระบบกฎหมายหรือการเมือง หรือใช้ตุลาการภิวัตน์เชิงสร้างสรรค์อย่างไร ซึ่งทั้งหมดเป็นการศึกษาแนวนิติสถาบัน เน้นสถาบันการเมืองเป็นหลัก แต่สิ่งที่จะพูดในวันนี้คือชี้ให้เห็นความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างการเมือง โครงสร้างระบบกฎหมาย ทำไมเขาจึงกระโดดเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมืองจึงต้องการทำความเข้าใจว่า ตุลาการเชิงสถาบันมีความเป็นมนุษย์อยู่ในนั้นหรือไม่ อัตลักษณ์เขาเป็นอย่างไร เขามีความใฝ่ฝัน ความคิดอย่างไรในการทำการอภิวัฒน์ทางการเมืองในช่วงการนำเสนอของอาจารย์สายชล สัตยานุรักษ์ พูดถึงวัฒนธรรมทางความคิด ส่วนการนำเสนอนี้จะเป็นส่วนของวัฒนธรรมทางการศาลว่า ภายนอกศาลคิดอย่างหนึ่ง ในศาลเขาคิดกับตัวเขาเองอย่างไร โดยปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยเมื่อพูดถึงปริมณฑลของวิชากฎหมายในมุมมองทางสังคมศาสตร์-มนุษยศาสตร์ เวลาพูดถึงอำนาจทางกฎหมายหรืออำนาจใดก็ตาม มีวิธีการมองหลายอย่าง เช่น อำนาจเชิงวาทกรรม อำนาจเชิงบุญญาบารมี หรืออำนาจเชิงประเพณี แม้แต่บทความ รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมของนิธิ เอียวศรีวงศ์ พยายามพูดถึงอำนาจที่ไปไกลกว่ากฎหมายแบบระบบระเบียบ เป็นต้นเวลาพูดถึงการศึกษากฎหมายทั่วไปมักจะไม่ให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์ของผู้พิพากษา จึงอยากจะเพิ่มประเด็นนี้เข้าไป ชวนให้สังเกตว่าถ้าพยายามอธิบายพฤติกรรมของตุลาการ หรือการตัดสินคดีความ โดยใช้วิธีทางกฎหมายอย่างเดียว เราอาจจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรศาลจึงตัดสินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างนั้น ที่ขยายความอย่างหลุดโลกออกไป เพราะอะไรการดื้อแพ่งต่อกฎหมายของ กปปส. ศาลมองอย่างหนึ่ง แต่กรณีของชาวบ้านศาลมองอย่างหนึ่ง ตรงนี้เราตอบแบบให้เหตุผลทางกฎหมายไม่ได้ แต่ต้องตอบโดยมองแบบวัฒนธรรมและความเป็นมนุษย์ของเขาในสังคมไทยเราคงเคยได้ยินว่า Know how ไม่เท่ากับ Know who และวันนี้ผมจะทำความเข้าใจผู้พิพากษาว่าพวกเขาเป็นใครคำถามที่จะพูดต่อไปคือ ตุลาการ อยู่ดีๆ จึงกลายเป็นตุลาการภิวัตน์ ทำไมจึงกระโดดเข้าไป ภิวัตน์การเมือง อะไรทำให้พวกเขามั่นใจจนกระโดดเข้าไปจัดการสิ่งต่างๆ ในโลกสมัยใหม่ที่ผ่านมาเรารู้จักตุลาการในฐานะหลายๆ อย่าง เช่น อาชีพเป็นเกียรติ สูงส่ง เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล อาชีพที่สอบยากเป็นยาก บางคนอายุมากสอบไม่ได้ก็ยังสอบต่อไป เป็นอาชีพที่นักเรียนกฎหมายใฝ่ฝันอยากเป็น หรือเห็นศาลเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน หรือคิดว่าเป็นอาชีพเดียวที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์อัตลักษณ์บางอย่าง เป็นอำนาจทางวัฒนธรรมพอๆ กับอำนาจทางกฎหมาย ช่วยให้ใช้อำนาจ รวมถึงตุลาการภิวัฒน์ด้วยเท่าที่ค้นคว้าพบว่า เกียรติยศ ศักดิ์ศรี หรือความเป็นอภิชนของผู้พิพากษาไม่ได้เริ่มมาแต่ดึกดำบรรพ์หรือสมัยโบราณ เป็นสิ่งที่เพิ่งถูกสร้าง ประวัติศาสตร์อันใกล้ยังมีภาพอีพแบบหนึ่งของตุลาการ เช่น สุนทรภู่ เปรียบตุลาการเหมือนเหยี่ยวบินสูงคอยจ้องหาเหยื่อและอาหารจากชาวบ้าน และถลาโฉบไปอย่างหน้าด้านๆ ในหลักฐานชั้นต้นเอกสารหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ร.ศ. 121 ประมาณ ค.ศ. 1901 ระบุว่าเมื่อก่อนมองผู้พิพากษา เป็นข้าราชการอันเลวทราม คือในเวลานั้นมองว่าเป็นของอาชีพเลวทราม ไม่ได้มีเกียรติมีศรีอะไร ในคติโบราณ ผู้พิากษาไม่สามารถถือดี ถือคติอะไร ไปแทรกแซงกิจกรรมต่างๆ ได้ตุลาการตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนถึงปัจจุบัน อาจแบ่งได้เป็นสามช่วงเวลา ช่วงแรก การกำเนิดข้าบริพารตุลาการอาชีพ ซึ่งยังไม่เหมือนข้าราชการยุค พ.ศ. 2475 ข้าราชการยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ รับใช้พระมหากษัตริย์ ไม่มีการแบ่งแยกอำนาจ จะเป็นกระทรวงมหาดไทยหรือยุติธรรม ขึ้นกับอำนาจของกษัตริย์ยุคที่สอง ข้าราชการผู้พิพากษาแห่งสถาบันตุลาการ คือในยุคนี้มีการแบ่งแยกอำนาจในรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นครั้งแรกที่ศาลมีอำนาจอิสระออกมายุคที่สาม กำเนิดบรรพตุลาการไทย โดยเขาชวนให้คิดว่าเวลาพูดถึงอดีตตุลาการทั้งหลาย เรามักนึกไปไม่ไกลกว่า พ.ศ. 2500 ภาพไอดอลเวลานึกถึงก็จะนึกได้ตั้งแต่ สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นต้นอยากสรุปในเบื้องต้นว่า อัตลักษณ์อำนาจตุลาการ ถูกถ่ายทอดผลิตซ้ำผ่านช่วงเวลาต่างๆ ผ่านบริบททางการเมืองซึ่งจะเล่าต่อหลังจากนี้พูดถึงยุคแรก ข้าราชบริพารตุลาการอาชีพ จุดตั้งต้นที่ทำให้เปลี่ยนผู้พิพากษาจากยุคจารีตสู่ยุคสมัยใหม่ คือ การตั้งกระทรวงยุติธรรม ในปี 2434 การตั้งกระทรวงยุติธรรมและศาลยุติธรรมทำให้เกิดผู้พิพากษาอาชีพขึ้น มีการทำให้ผู้พิพากษากลายเป็นมืออาชีพ มีระบบการศึกษาสมัยใหม่ ในยุคนี้ถ้าอ่านงานประวัติศาสตร์กฎหมายที่พิมพ์อยู่ในไทย เช่น งาน อ.แสวง บุญเฉลิมวิภาส หรือ อ.กิตติศักดิ์ มักจะอ้างถึง ธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่อ้างถึง Walter A. Graham ที่บอกว่า กระทรวงยุติธรรมในสมัยนั้น เปรียบดาวดุจดาวสุกสกาวเรืองรัศมีในวงการบริหารราชการแผ่นดินไทยในประวัติศาสตร์กระแสหลัก เรามักจะมองว่าการปฏิรูปกฎหมายและการศาลในยุคสมัยนั้นเป็นความสำเร็จอย่างวิเศษ ซึ่งผมจะชวนมองต่อไปว่ามันจริงหรือ ตรงนี้เท่าที่ค้นเอกสารชั้นต้นมา พบว่ามันมีปัญหาอยู่ในทุกระดับในกระทรวงยุติธรรมและศาลยุติธรรมในยุครัชกาลที่ 5 เช่น มีความไม่ชัดเจนแน่นอนของตัวบทกฎหมาย และตัวผู้พิพากษาเองก็ไม่รู้กฎหมายด้วยเอกสารในปี ร.ศ.129 (กระทรวงยุติธรรมก่อตั้ง ร.ศ.110) 19 ปีหลังจากตั้งกระทรวงยุติธรรม ชี้ว่า ยังมีปัญหาทำนองว่า กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายใหม่ ผู้พิพากษาปีนี้มีคนไม่ทราบภาษาไทย ต้องมีล่ามแปลอ่านสำนวนตลอดเวลา ดังนั้นจึงตัดสินคดีได้น้อยมาก บางทีก็ผิดๆ ถูกๆ รวมถึงความขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐานในปี ร.ศ. 129 เช่นกัน กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์บ่นกับรัชกาลที่ 5 ศาลนั้นแคบมาก จนพวกเสมียนไปนั่งในห้องเล็กๆ ที่ควรจะเป็นห้องน้ำเท่านั้น ห้องพักพยานสักห้องก็ไม่มี เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องเล็กมาก แต่จริงๆ ถ้าไปศาลแล้วไม่มีห้องพักพยาน มันประกันความยุติธรรมอะไรไม่ได้เลย ถ้าพยานไม่มีห้องส่วนตัว เดินไปอาจจะถูกตีหัว จี้หรืออะไรก็ได้ ห้องพักพยานก็มี function ในกระบวนการยุติธรรมของมันเช่นกัน ไปจนถึงการแบ่งงานระบบราชการต่างๆ ก็มีปัญหามาก กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์บ่นว่า เขาเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ต้องทำงานเก้าอย่าง ทั้งงานในกระทรวงการต่างประเทศ งานในกระทรวงเกษตร เป็นผู้พิพากษา ครูโรงเรียนกฎหมาย บ่นอยากจะลาออกนอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งระหว่างเจ้านายผู้ใหญ่ด้วย เช่น ข้อถกเถียงกรณีโรงเรียนราชวิทยาลัย พระองค์เจ้ารพี เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม บอกว่า กระทรวงยุติธรรมไม่เคยต้องการโรงเรียนราชวิทยาลัยเลย เปลืองงบประมาณและไม่มีประโยชน์ ขณะที่พระองค์เจ้าจรูญ รองเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม บอกว่า โรงเรียนราชวิทยาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากๆ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสองคนนี้ก็ทะเลาะกันไม่หยุด เช่น พระองค์เจ้ารพี บ่นหม่อมเจ้าจรูญว่าไม่รู้กฎหมาย ไม่ชำนาญกฎหมาย พอคดียากๆ ก็ต้องมาปรึกษาตัวเองเกือบหมดและเสียเวลาทั้งวันไปนอกจากนี้ไม่ใช่เฉพาะชนชั้นนำในวงการตุลาการเท่านั้น ระดับผู้พิพากษาธรรมดาก็ทะเลาะกัน เช่น มีความขัดแย้งกันระหว่างศาลอุทธรณ์กับศาลฎีกา แล้วก็ด่ากันลงไปในคำพิพากษา คดีจากชั้นอุทธรณ์ขึ้นสู่ชั้นฎีกา คำพิพากษาศาลฎีกาก็มีการเขียนตำหนิผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ถ้าเราปรึกษาคดีผิดเพี้ยนรูปความแลกฎหมายมากถึงเช่นนี้ เห็นว่าไม่มีเหตุเครื่องแก้ตัว ถ้าขืนทำบ่อยๆ จนเคยตัว จะเป็นบาปแห่งความฉิบหายของผู้พิพากษาตุลาการในวันหนึ่ง ข้าพเจ้ากรมหมื่นสวัสดิ์รู้สึกสดุ้งและสลดใจอยู่ด้วยประการนี้ และมีการด่ากันเยอะมากๆพูดง่ายๆ มีทั้งความขัดแย้ง มีทั้งปัญหาในเชิงโครงสร้าง สาธารณูปโภค ความรู้ทางกฎหมาย และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเดียวกันเองในวงการตุลาการนอกจากนี้เราสรุปได้ในช่วงแรกว่าในยุคที่เรียกว่าการกำเนิดขึ้นของตุลาการอาชีพ มันไม่ใช่อาชีพยอดนิยม ปรินซ์รพีหรือกรมหลวงราชบุรีกังวลมากว่าจะไม่มีใครอยากมาทำงานตุลาการ เพราะเป็นงานที่หนัก แต่ด้วยความที่ระบบกฎหมายเข้าสู่สมัยใหม่ ทำให้ความต้องการในการใช้กฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่งานกฎหมายก็ยากและหนักและไม่มีใครอยากทำตรงนี้มีข้อมูลชุดหนึ่งบอกว่า ผู้พิพากษาได้รับเงินเดือนพอสมควร ในชั้นต้น เดือนละ 240 บาท หรือปีละ 150 ปอนด์ มันก็เยอะ เพียงแต่มันน้อยเมื่อเทียบกับข้าราชการมหาดไทย ในหลักฐานบอกว่า แลข้าราชการฝ่ายธุรการนั้น มีเกียรติยศสูงกว่าทั้งการนั้นไม่มีใครจะเบื่อหน่ายด้วย คนดีๆ ในเมืองนี้ก็ไปอยู่เสียกระทรวงมหาดไทยหรือฝ่ายธุรการโดยมากตุลาการไม่ได้เป็นอาชีพที่มีเกียรติในแผ่นดิน นายอำเภอยังจะดูดีกว่าผู้พิพากษาสรุป ตุลาการในยุคปฏิรูปกฎหมายครั้งแรก ระบบยุติธรรมแทบไม่มี ผู้พิพากษาก็คือศาล ศาลก็คือกระทรวงยุติธรรม ไม่มีการแบ่งแยกอำนาจกัน ไม่มีการจัดตั้งองค์กรที่เป็นระบบระเบียบแต่อย่างใด กระบวนการระบบยุติธรรมจะดำเนินไปได้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้พิพากษาคนนั้นจะเป็นคนอย่างไรเท่านั้นพอผ่านยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์มา เข้าสู่การปฏิวัติ 2475 ซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างสำคัญทั้งนี้ การปฏิวัติ 2475 คนที่กำหนดวิถีประวัติศาสตร์ในยุคนั้นถึงแม้จะมีนักกฎหมายเป็นส่วนสำคัญก็ตาม แต่นักกฎหมายเหล่านั้น ไม่ได้รวมถึงผู้พิพาษา ไม่มีตุลาการร่วมอยู่ด้วยในการปฏิวัติครั้งนั้น นอกจากนี้ พอเกิดรัฐธรรมนูญขึ้นมา มีความคิดเรื่องการแบ่งแยกอำนาจออกเป็นส่วนๆ และแต่ละส่วนเป็นอิสระต่อกันเป็นครั้งแรก คือฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ดังนั้น ถ้าพูดอย่างเป็นทางการ สิ่งที่เราเรียกว่าสถาบันตุลาการ มันเกิดขึ้นหลัง 2475 ก่อนหน้านี้ตุลาการคือข้าราชการในกระทรวงยุติธรรม สังกัดกระทรวงยุติธรรม ขึ้นตรงต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯในงานของ ศราวุฒิ วิสาพรม ซึ่งตีพิมพ์ปีนี้ อธิบายต่อไปว่า ในยุค 2475-2500 มีการขยายตัวของระบบราชการที่กว้างขึ้นเพื่อเข้าไปดูแลสวัสดิภาพของคนมากขึ้น กฎหมายรูปแบบใหม่ๆ หน้าตาใหม่ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น เช่น กฎหมายเกี่ยวกับภาษี การปกครองท้องถิ่นนอกจากนี้ก็ยังมีการขยายตัวของอุดมการณ์การปฏิวัติและการต่อต้านปฏิวัติ งานของณัฐพล ใจจริง ชี้ให้เห็นภาพเหล่านี้พอสมควร นอกจากนี้ในทางวัฒนธรรม ก็ยังมีอนุรักษนิยมและฝ่ายก้าวหน้าเกิดขึ้นเงื่อนไขทางสังคมมันเปลี่ยนไปอย่างสำคัญในช่วง 2475 รัฐขยายตัว นักกฎหมายนอกจากกระจุกตัวอยู่ในศาล มีการขยายเข้าไปสู่ราชการวงอื่นๆ ทำให้สำนึกตัวตนของผู้พิพากษาในยุคสมัยนี้แตกต่างออกจากช่วงสมบูรณาญาสิทธิราชย์และช่วงหลังคณะราษฎรเช่นกันเท่าที่เราสังเกตได้นักกฎหมายชั้นนำในช่วง 2475 มีการกระจายตัวออกไปประกอบอาชีพต่างๆ อย่างกว้างขวาง เส้นทางอาชีพไม่ได้มุ่งไปอยู่ทางเดียวคือศาลยุติธรรม เราจะเห็นนักกฎหมายชั้นนำ - ปรีดี พนมยงค์ เกือบจะต้องรับราชการศาล แต่สุดท้ายก็ไม่รับ ไปเรียนต่อ กลับมาเป็นนักปฏิวัติ กรรมการราษฎร ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัย เป็นผู้สำเร็จราชการ เป็นเสรีไท เป็นนักการเมือง- เสนีย์ ปราโมช ลาออกจากการเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เปิดสำนักงานทนายความเอง ไปเป็นนักการเมืองฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์- หยุด แสงอุทัย มีความโดดเด่นด้านกฎหมายไม่แพ้คนอื่น แต่เลือกที่จะทำงานเป็นเลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกา เขาเชื่อว่างานในสำนักงานกฤษฎีกามีความสำคัญยิ่งกว่าผู้พิพากษาตุลาการ โดยบอกทำนองว่าถ้าเราเป็นผู้พิพากษาตุลาการ เราตัดสินคดี เราช่วยคนได้แค่คู่ความคนใดคนหนึ่ง แต่เราเป็นคนร่างกฎหมาย เราช่วยคนได้ทั้งหมด- พระยานิติศาสตร์ไพศาล เป็นทนายความ เป็นกรรมการราษฎร เป็นอาจารย์กฎหมาย- เสริม วินิจฉัยกุล เรียนจบกฎหมาย แต่ไปเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยช่วง 2475 ระบบราชการขยายตัว ทำให้นักกฎหมายกระจายตัวไปอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ นักกฎหมายที่เด่นที่สุดไม่มีความจำเป็นต้องเป็นผู้พิพากษา เอาเข้าจริงๆ ผู้พิพากษาระหว่าง 2475-2500 เราแทบนึกไม่ออกเลยว่ามีใครที่โดดเด่นออกมาในทางสาธารณะสัญญา ธรรมศักดิ์ อาจจะมีความโดดเด่น เขารับราชการตั้งแต่ 2476 เป็นต้นมา แต่เวลาที่เขาโดดเด่นคือหลัง 2500 ตอนที่เขาเริ่มเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ประธานศาลฎีกา ตัดสินคดีกินป่า ซึ่งนั่นคืออีกช่วงเวลาหนึ่งสำหรับผมนอกจากเส้นทางอาชีพของตุลาการที่ไม่เหมือนกันแล้ว ในช่วงนี้อุดมการณ์หลักของตุลาการยังไม่มีการสถาปนาขึ้น มันมีการแข่งขันกันระหว่างนักกฎหมายสายอังกฤษหรือสายฝรั่งเศส งานของนครินทร์ งานของณัฐพล จะพูดถึงเรื่องนี้ สายอังกฤษจะยึดหัวหาดแถวๆ ศาลยุติธรรม เนติบัณฑิตยสภา ขณะที่สายฝรั่งเศสจะไปกุมอำนาจอยู่ที่ฝ่ายการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง จะเห็นเยอะเลย ไพโรจน์ ชัยนาม เดือน บุนนาค สงวน ตุลารักษ์ ทั้งหมดไม่ได้เข้าสู่ศาล แต่จะไปอีกแบบหนึ่งนอกจากนี้ ในทางวัฒนธรรม ยังไม่มีการช่วงชิงความหมายและสถาปนาอำนาจนำอย่างเด็ดขาดระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายหัวก้าวหน้า ปัญญาชนหัวก้าวหน้ายุคสมัยนั้นเกิดขึ้นมาเช่นเดียวกับอนุรักษนิยมก็เกิดขึ้นมา ทั้งสองยังต่อสู้แย่งชิงความหมายกันอยู่ ฝ่ายหัวก้าวหน้าแสดงความคาดหวังต่อนักกฎหมายออกมาอย่างชัดเจน วรรณกรรมหัวก้าวหน้าจำนวนมากพูดถึงนักกฎหมาย และที่น่าสังเกตคือหลัง 2510 เป็นต้นมา วรรณกรรมหัวก้าวหน้าที่พูดถึงตัวเอกเป็นนักกฎหมายค่อยๆ หายไป จริงๆ แล้วแทบจะหายไปอย่างเบ็ดเสร็จด้วยซ้ำก็ว่าได้ ฝ่ายหัวก้าวหน้ายกตัวอย่างเช่น กุหลาบ สายประดิษฐ์ มาลัย ชูพินิจ เสนีย์ เสาวพงศ์ อัศนี พลจันทร จะมีตัวละครที่พูดถึงความเป็นนักกฎหมายอยู่ขณะที่ฝ่ายอนุรักษนิยม วรรณกรรมของพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักกฎหมายเป็นพิเศษ เช่น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งผมไม่ได้อ่านเองทั้งหมดแต่อ่านจากงาน อ.สายชล ซึ่งผมอาจจะอ่านผิด แกก็ไม่ได้พูดถึงนักกฎหมายเป็นจริงเป็นจัง ทั้งๆ ที่ก็พูดถึงทุกเรื่องเลยทีนี้อยากชวนสังเกตว่า ถึงแม้ว่าในสังคมโดยรวม ปัญญาชนฝ่ายหัวก้าวหน้าหรืออนุรักษนิยมจะมีความเห็นค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ในแวดวงกฎหมาย ทัศนคติที่เขามีต่อนักกฎหมายและวงการกฎหมายแทบไม่ต่างกันกุหลาบ สายประดิษฐ์ เขียนวรรณกรรมเรื่องลูกผู้ชาย มีตัวละคร มาโนช รักสมาคม เป็นลูกชายช่างไม้จนๆ ต่อสู้ดิ้นรน และกลายเป็นผู้พิพากษาคนหนึ่ง เมื่ออ่านดูจะพบว่า นอกจากความเป็นลูกชายช่างไม้แล้วเข้ามาสู่วงการตุลาการได้ คุณธรรมอื่นๆ ที่กุหลาบ สายประดิษฐ์ บรรยายออกมา แทบไม่ต่างจากฝ่ายอนุรักษนิยมเลย เช่น ให้ความสำคัญกับความขยันหมั่นเพียร ความอดทน การเห็นอกเห็นใจคนยากคนจน ทั้งฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายก้าวหน้าพูดคล้ายๆ กันอาภา ภรรยาของมาโนช ซึ่งสุดท้ายก็แยกกันไป บอกว่ามาโนชวันๆ ไม่ทำอะไรเลย ทำงานเจ็ดชั่วโมง นอนหกชั่วโมง อ่านหนังสือห้าชั่วโมง ไม่มีเวลาทำอะไรกับแฟนเลย เป็นต้น ที่ผมจะบอกตรงนี้ก็คือ ในยุค 2475-2500 ฝ่ายก้าวหน้าและฝ่ายอนุรักษนิยม มีความใกล้ชิดกันมากกว่าที่เราคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนะที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมและวงการตุลาการอย่างที่ อ.สายชลพูดไว้ตอนเช้าว่า กุหลาบ พูดถึงคุณธรรมแบบพุทธศาสนาออกมาว่าเป็นแนวทางแก้ปัญหาสังคม ฝ่ายหัวก้าวหน้าบอกว่าเราควรจะเห็นอกเห็นใจบุคคลที่อยู่ในสภาพที่ด้อยกว่า เน้นการควบคุมอารมณ์ความรู้สึก ไม่ปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านวุ่นวายหรือก้อร่อก้อติกมากเกินไป ซึ่งไม่ต่างจากฝ่ายอนุรักษนิยมเลย ตรงนี้ทั้งฝ่ายก้าวหน้าและฝ่ายอนุรักษนิยมให้ความสำคัญกับคุณวุฒิและความเก่งกาจในการศึกษาเล่าเรียน การดำรงตนเป็นสุภาพบุรุษ ความแตกต่างอย่างเดียวก็คือ เรื่องเกี่ยวกับชาติวุฒิและชนชั้นสูงถึงสุดท้าย การเกิดบรรพตุลาการไทย หลัง 2475-2500 เป็นต้นมา บริบทเงื่อนไขตอนนั้นก็คือคณะราษฎรหมดอำนาจไป นักการเมือง ข้าราชการ นักกฎหมาย ฝ่ายปรีดี จอมพล ป. ถูกลดความสำคัญ หยุด แสงอุทัย มีความสำคัญน้อยลงมากกระบวนการศึกษากฎหมายเข้าสู่ยุควิชาชีพครอบงำวิชาการ สำนักฝรั่งเศสลดความสำคัญลงวัฒนธรรมอุดมการณ์แบบก้าวหน้าถูกกีดกัน กวาดล้าง สิ่งที่เติบโตขึ้นมาอย่างเดียวคือ วัฒนธรรมอนุรักษนิยม วรรณกรรมหัวก้าวหน้าหลายเล่มโดนแบน ช่วง 2500-2514 และถ้าอ่านงานของ ประจักษ์ ก้องกีรติ ก็จะมองออกว่า วรรณกรรมเหล่านี้นี่แหละที่เป็นจุดทำให้เกิดการลุกฮือในช่วง 2516นอกจากนี้ ช่วง 2500 ก็มีการขยับบทบาทของสถาบันกษัตริย์ขึ้นมามีความสำคัญมากในพื้นที่ทางการเมืองและวัฒนธรรมถึงเวลานี้เอง เราเริ่มเห็นผู้พิพากษาที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน และคนที่โดดเด่นที่สุดที่อยากจะยกไว้คือ สัญญา ธรรมศักดิ์ เขาประสบความสำเร็จสูงสุดในทุกด้าน เริ่มตั้งเแต่เป็นผู้พิพากษา ปลักดกระทรวงยุติธรรม ประธานศาลฎีกา อธิการบดี นายกฯ ประธานองคมนตรี ประธานสมาคมพุทธศาสนาโลก ผู้บริหาร SCGจริงๆ ตัวสัญญา ธรรมศักดิ์ ค่อนข้างมีความสำคัญ ชีวิต ผลงานและอัตลักษณ์ของเขา ถูกผลิตซ้ำลงไปในตุลาการทุกคนตุลาการทุกคนจะอ้างอิงถึงสัญญา ธรรมศักดิ์ ในฐานะบรรพตุลาการอยากจะเน้นว่า อัตลักษณ์ตุลาการที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นอัตลักษณ์ร่วมที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น กรณีของผมศึกษาผ่านหนังสืองานศพของข้าราชการตุลาการ และค้นพบว่า มีลักษณะเด่น 4 ประการด้วยกันของผู้พิพากษาที่จะเน้นย้ำและเลือกให้คนจดจำเขาในฐานะนั้นเสมอ ได้แก่ การเป็นคนดี ผู้ดี ผู้รู้ และผู้จงรักภักดี ผู้ดีก็คือ สง่างาม รักษามารยาท คนดีคือซื่อสัตย์ ยุติธรรม ศรัทธาต่อพุทธศาสนา ผู้รู้คือ จะบอกว่าตัวเองรู้กฎหมายดีที่สุดในโลกความเป็นพุทธสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นผู้พิพากษา ที่มีความสัมพันธ์กับสถาบันสงฆ์เยอะมากโดยเฉพาะพุทธที่ได้ชื่อว่าเป็น radical อย่างพุทธทาสเป็นสหายธรรมกัน และเราก็แทบจะเชื่อว่า ตุลาการแทบเป็นอรหันต์ในร่างฆราวาสอยู่แล้ว แทบจะไม่ต้องตรวจสอบ อันนี้อ.วรเจตน์พูดไว้ความเป็นผู้ดีในหนังสือ ดุลพาห เล่มหนึ่งพูดถึงแบบประเมินความดีความชอบของตุลาการในเรื่องหน้าที่การงานส่วนตัว จะเห็นว่าเขาสนใจไปทุกเรื่อง ไม่เฉพาะตัวเองแต่รวมถึงครอบครัวด้วยว่ามีความสัมพันธ์กับภรรยาอย่างไร ทะเลาะกันบ้างหรือไม่ ช่างพูดไหม ยุ่งเกี่ยวกับงานสามีไหม ติดสุรา เล่นพนันไหม ซึ่งแบบประเมินนี้สัมพันธ์กับการขึ้นเงินเดือน เพราะฉะนั้นเขาต้องการให้ผู้พิพากษาเป็นผู้ดี รวมถึงคนรอบตัวผู้พิพากษาต้องระวังความสัมพันธ์ถ้าเราดูหนังสืองานศพของผู้พิพากษา เราจะค้นพบว่า ทั้งหมดไม่เคยแต่งตัวกเฬวรากเลย ทั้งหมดจะใส่สูทผูกไทด์ หรือไม่ก็ใส่ชุดครุย มีคนเดียวที่แปลกออกมาคือ ประมาณ ชันซื่อ เป็นผู้พิพากษาคนเดียวที่ผมเห็นว่าแต่งตัวแปลกๆ มีรูปคีบบุหรี่ กินเหล้า สะสมไวน์หนังสืออนุสรณ์ของ สัญญา ธรรมศักดิ์ มีเป็น 20 เล่ม แต่คุณจะไม่มีทางเห็นเขาในชุดนอน ตอนเที่ยวกลางคืน หรือสูบบุหรี่กินเหล้าศักดา โมกขมรรคกุล ก็เป็นผู้พิพากษาเช่นกัน การเมืองในวงการตุลาการข้างในมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ อย่างศักดา กับ สัญญา เห็นความเป็นสายเดียวกันค่อนข้างชัดเจน ขณะที่ประมาณ ชันซื่อจะเป็นอีกสายหนึ่ง ตรงนี้ยังไม่มีใครศึกษา รวมถึงตัวผมเองแค่พอสังเกตเห็น แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าในนั้นมีอะไรบ้างความเป็นผู้รู้วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ พูดถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญว่า ฝ่ายพรรคเพื่อไทย จาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ชอบแสดงความเห็นทางกฎหมาย ยิ่งแสดงก็ยิ่งเห็นว่ารู้ไม่จริง พงษ์เทพ เทพกาญจนา เคยเป็นผู้พิพากษา ทนายความก็จริง แต่ลาออกไปเป็นนักการเมืองแล้ว พูดง่ายๆ คือกูรู้กฎหมายดีที่สุดอย่างนี้เป็นต้น คือเขาพยายามจะพรีเซ็นต์ว่าเขาเรียนยาก สอบยาก และรู้กฎหมายมากกว่านักกฎหมายอื่นและประชาชนอย่างไรบวชหมู่ ถวายเป็นราชกุลบวชหมู่ ถวายเป็นราชกุลแด่ในหลวง จะเป็นกิจกรรมที่ตุลาการทำกัน การบวชหมู่นี้เกิดขึ้นครั้งแรกตอน 72 พรรษา คนกลางในภาพคือประมาณ ชันซื่อเขาเป็นคนที่น่าสนใจ เขาแทบเป็นประธานศาลฎีกาคนเดียวที่ดำรงสองวาระติดต่อกัน ขณะที่คนอื่นไม่มี แม้แต่สัญญา ธรรมศักดิ์ ก็ทำแบบนี้ไม่ได้ เขามีทั้งคนชมและด่ามากมายมหาศาลอัตลักษณ์ตุลาการทั้งหมดไม่ได้จบแค่ สัญญา ธรรมศักดิ์ แต่ความเป็นสัญญา ธรรมศักดิ์ ความเป็นบรรพตุลาการ ถูกทำให้กลายเป็นสถาบันผ่านหนังสืองานศพซึ่งทุกคนจะเน้นความเป็นคนดี ผู้รู้ ผู้ดี ผู้จงรักภักดีเหมือนกันหมด นอกจากหนังสืองานศพ หนังสืออนุสรณ์แล้ว ยังมีการสร้างอนุสาวรีย์ให้สัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ มธ. รังสิต เป็นที่จดจำตลอดไป มีการให้ความหมายของฐานห้าเหลี่ยมของรูปปั้นสัญญาว่าหมายถึงตำแหน่งห้าอย่างที่สำคัญเคยเป็น คนดีอย่างไร นอกจากนี้ยังกลายเป็นห้องสมุดสัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ท่าพระจันทร์ กลายเป็นสถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย ให้รางวัลกับวิทยานิพนธ์กลางๆ ทั้งหลายตรงนี้ถ้าถือว่าสัญลักษณ์เป็น totem คือเป็นจุดยึดเหนี่ยวร่วมกัน สัญลักษณ์กระทรวงยุติธรรม ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง โดยสำนักงานศาลยุติธรรมอธิบายว่าประกอบด้วยตราพิชัยมหามงกุฎซึ่งหมายถึงสถาบันกษัตริย์ ครอบอุณาโลมหรือตราดุลพาห ซึ่งหมายถึงความยุติธรรม ตั้งที่ฐานอยู่บนพานที่มั่นคง มีครุฑ ซึ่งคติของไทยคือพาหนะของพระราชา ล้อมรอบด้วยดอกบัวเก้าดอก ทั้งหมดนี้ถ้าจะแปลหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ผู้พระราชทานความบริสุทธิ์ยุติธรรมทั่วแผ่นดิน ดอกบัวเก้าดอกหมายถึงรัชกาลที่ 9 ดอกบัวมีความหมายที่สื่อไปถึงศาสนาพุทธพร้อมๆ กัน ตราสัญลักษณ์ตรงนี้ทำให้มองเห็นอัตลักษณ์และคุณค่าที่เขายึดถือได้เป็นอย่างดีว่าเขายึดถือพุทธศาสนา สถาบันกษัตริย์เป็นสำคัญอย่างยิ่งสรุป อยากจะบอกว่า เวลาเราพูดถึงการเมืองเชิงตุลาการหรือการกลายเป็นตุลาการภิวัตน์ เราจะต้องมองให้เห็นมิติทางวัฒนธรรมที่อยู่ในการเคลื่อนเข้าสู่การเมืองของตุลาการด้วยอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ได้ สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย มีธีรยุทธ บุญมี เป็นเลขาธิการ ธีรยุทธเป็นคนแรกๆ ที่พูดว่า ตุลาการควรจะเข้ามาจัดระเบียบการเมือง เพราะตุลาการเป็นอาชีพที่ห่างไกลจากผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจมากที่สุด อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่บังเอิญไปหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันสรุปอยากจะบอกว่า อำนาจของตุลาการไทยทั้งหมดที่พูดมาเกี่ยวกับนักเรียนกฎหมายไหม ผมมองว่าเกี่ยว ผมไม่ได้พูดถึงตัวบทกฎหมายเลย แต่ผมคิดว่าวัฒนธรรมทางการศาลและผู้พิพากษามีลักษณะ มีวิธีคิด โลกทัศน์อย่างไร มันสัมพันธ์กับการใช้กฎหมาย ไม่ได้น้อยไปกว่าตัวบทกฎหมาย อำนาจของกฎหมายไทยไม่ได้ตั้งอยู่บนอำนาจในเชิงหลักการ เหตุผล ความเป็นเหตุเป็นผลอย่างเดียวเท่านั้น แต่ตั้งอยู่กับความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ตั้งอยู่กับภาพลักษณ์ยิ่งกว่าอำนาจเราจึงอธิบายได้ว่าทำไมกรณีที่มีหมอจำนวนหนึ่งออกมาบอกว่าศาลไม่มีความรู้ ศาลถึงต้องให้โฆษกออกมาแล้วก็ประกาศเลยว่าตัวเองมีความรู้ เรื่องการแพทย์มีพยานผู้เชี่ยวชาญ และถ้าพูดต่อไปจะเล่นงานด้วยการหมิ่นศาล นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เป็นอย่างนี้มาตลอด ศาลเป็นองค์กรที่เซนสิทีฟต่อการวิพากษ์วิจารณ์มาก เพราะอำนาจของเขารวมถึงอำนาจของตัวบทกฎหมายมันไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นเหตุเป็นผล แต่ตั้งอยู่บนหน้าตา ซึ่งประเด็นนี้สัมพันธ์กับงานของปีเตอร์ แจ็คสัน ที่อธิบายว่าสังคมไทยเป็นสังคมอิงหน้าตา อิงภาพอัตลักษณ์ตุลาการถูกออกแบบขึ้นอย่างมีหน้าที่ทางการเมืองให้มีความสำคัญ โดยเกิดจากปฏิสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่รัฐสมัยใหม่เป็นต้นมา ปัญหาคืออัตลักษณ์ตุลาการพวกนี้ วัฒนธรรมทางการศาลพวกนี้ มันไม่ใช่วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นแล้วจะมีประสิทธิภาพบนโลกของประชาธิปไตย และถ้าเห็น ตั้งแต่ 2500 เป็นต้นมา วัฒนธรรมทางการศาลนั้นแอบอิงกับวัฒนธรรมอนุรักษนิยมและเผด็จการมาตลอด
|
แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดปรากฏการณ์ประชาชนศรัทธาหรืเ รักทัดษิณ จำนวนมาก ชนิดที่ว่าไม่เคยมีนักก่รเมืองคนหฟนาี่ประชาชนสนับสนะนมากเบ่ตนี้มาก่อน วาทกรรมหนึ่ลที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นอธิบายปนากฏการณ์ดังกล่าวนี้คือ โกงไม่เป็นไรขอให้มีผลงาน แล้วก็สีฟลสำรวจของโพลยำนักต่างๆ รายงานว่า คนรุ่นใหม่และชาวบ้านทั่วๆไป (โดยดฉพาะคนอีสาน) ส่วนใหญ่ยอมรับหลึกคิดที่ว่า โกงไม่เป็นไรขอให้มีผลวาน ผชสำรวจดังกล่าวทำให้สื่อ นักวิชาการ พีุสงฎ์ ประเภท นักศีลธรรมนิยม ยอมรับไา่ได้ ฉะนั้น จึงเพิดการอธิบายอย่างเป็น แบบแหน (pattern) เดียวกันทั้งทางสื่ิ บนเวทีเสวนาทางวเชาการ บนธรรมาสน์ของพระสงฆ์ บนเวทีปรมศรัยในการชุมรุมทางการเมืองว่า ปรเชาชนยังไม่มีคุณภาพ _ม่รู้ทันจักการเมือง ตกเป็นเคาื่องาทอนักแารเมือง ไม่รู้ประชาธิปไตย ขายสิทธิ์ขายเสียง โง่ พวกรากหญ้ากินหญ้า ถ่อย กเฬวราก ฯลฯ จึงเปิดกานรณรงค์ขนนนใหญ่ว่าให้เลือกคนดี ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเยียง แต่ก็ไม่ประสบผลสำ้ร็จ จนกระทั่งดูเหมือนจะมีมุมมองเชิงสรุปว่า คนทุกวันนี้ศีลธรรมเสื่อม เห็นผิดเป็นชอบ ไม่สนใจความดี ไม่เคารพคนดี แต่ยกย่องเชิดชูคนชั่ว จนในที่สุดหมดทางเลือก จำเป็นต้องจัดการกับคนชั่วด้วจรัฐวิธีรัฐปรเหาร และเป็นรัฐประำารทีทอ้างอิง ความดีสูงสุด รือความดีของสถาบันพระมหาพษัตริย์ ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อบเานเมืองวิกฤต นีกกานเมือบชั่วเป็จที่พึ่งไม่ได้ พสกน้กรจะถวิลหาพระอจ้าอยู่หัว ดังนั้น วารเสำคัญของรัฐประหารจึงเห็นการอ้างควาใดี คนดีสูงสุดมาลบลเางความขั่ว คนชั่วที่โกงชาติ ทำลายสถาบัน ทว่ารัฐประหาร 19 กันยา 49 ทั่อ้างอิงคว่มดีสํงสุด คนดีสูงสุด เพื่ดขจัดนักการเมืองชั่ว แทนที่จะเป็นการปลุกกระแสศรัทธาในความะีและคนดีเพื่อลบล้างครานิยม โกงไม่เป็นไรขอให้มีหลงาน สห้หายไปจากสังคมไทย แต่กลับกลายเป็นรัฐหระหารที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์กาีตั้งคำถามต่อความดี คนดี การฉีดหน้นกาก หรือการ เปิดเปลือย คนด่กลุ่มต่างๆ ให้เห็นธาตุแท้ หรือตุวตนที้แท้จริงอย่างโล่งโจ้งที่สุดใตประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่ว่าจดเป็นนักการเม้อล นักวิชาการ ปัญญาชน ทหาร องคมนตรี และ ฯลฯ ทค่สังคมยกย่เงฝ่าเป็นคนดีมีศัลธรรม เทื่อเราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาเหล่านั้น เราต้องตระหนกเป็นอย่างยิ่งว่า ทำไมคนเหล่านี้จึงไม่รู้สึกสะเทือนใจ หรือรู้สึกรับผิดชอบต่อความตายของปรพชาชนในการสลายการชุมนุมปี e553 บ้างเลข มโนธรรม หรือ ความเป็นมนุษย์ ของคนดีเหล่านี้หายไปไหน? ปัจจุบันเงฃาพูดถึงความด่ คนดี คนไัฝดูจะรูเสึกเอีวนๆ แตีเราจะสรุปไดัหริอว่าสังคมนี้ไม่ต้องการคสามดี แลุคนดี ผมคิดว่าเรายังสรุปไม่ได้เข่นนั้น สังคมนี้บังต้องดารความดีและคนดีอยู่ แต่ที่เอคยนๅ กันมาำนั้น เป็นการออียนความดี คนดี ตาม โมเดล ืี่ถูกปลูกฝังกันมานาน คือโมัดล คนดี-ความดี-คนประสบคสามสำเร็จที่ม้ความสัสพันธ์เป็นสาเหตุและผลแก่กัตใจลักษษะเฉพาะที่แน่นอนตายตึว ดังนี้ - คนดี/ความดีหนึ่ง คือคนที่มีความมุทานะต่อสู้เพื่อการเลื่อนสถานะทางสังคมที่สูงขึืน และความสำเร็จหนึ่ง คือการเลื่อนสถานะทางสังรมที่สูงขึ้น - คนดี/ความดีสอง คือ คนที่มีความจงรักภัพดีและมุมานะพยายามจนไดีเลื่อรสถานะทางสังคมตามเงื่อนไขความจงรักภักดี และความสำเร็จวเง คือการได้ทำงานรับใช้ด้วบความจงรักภักดี การมีชื่อเสียงเกียรติยศ แน่นอนว่า ความดีสองแลพความสำเร็จสอง คือควาใดีและความสำเร็จสูงสุดในชีวิต เป็นเกียรติประวัติที่ผู้คนในสังคมต่างก็ใฝ่ฝัน ฉะนั้น การได้รับพระราชทานเคีื่องราชอิสริยาภรณ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งคุณห๗ิง ท่านฟู้หญิง แม้กระ่ั่งได้รับพระราชทานเพลิลศพ ฯลฯ จึฝเป็นเกียรติปคะวัติสูงสุดของชีวิตืี่ได้ทำรวามดี แชะประสบความสำเร็จ ตัวอย่างรูปธรรมของคนดีและประสบความสำเร็จตามโมเดลดังกล่ายที่ชัดเจนทาก ก็เช่น คนหนึ่งเป็นลูกแม้ค้าขายพุงปลา เป็นเด็กวัดมีความมุมานะเรียนจนจบมหาวิทยาลัยชั้นนำของปนะเทศ และได้เลื่อนสถานดทางสะงคมเป็นนักการเมือง และเป็นนาวกรัฐมนตรีผู้สีภาพลักษณ์ซื่อสัตย์ตงรักภักเี ปละเป็นมิตรที่ดีของฝ่ายอำมาตย์เสมอมา และอคกคนเป็น ศาสตราจารย์นายแพทย์ที่มีภูมิหลังเป๋นเด็กชนบทที่มีความมุมานะเรียนดี จนฟด้ทุนพระราชทานไปเรียนจบจากเมทอบนอก ได้เลื่อนสถาจะทางสังคมเป็รปัญญาชนและเอ็นจีธอสาจอำมาตย์ที่มีควทมจงรักภักดี และเแ็นมิตรืี่ดีขแงฝ่ายอำมาตย์ แต่ปรถดิ๋ฐ็วาทกรรมที่สะท้แนให้เห๊นภาพเัปลักษณ์ของนักการเมืองเสมอมา (ติองหมายเหตุ ณ ที่นี้ว่า คนอย่าง ปรีดี พนมยงร์ กุหลาบ มายประดิษฐ์ จิตร ำูมิศักดิ์ ดป็นร้น นอกจรกจะไม่ใช่คนดี คนประสบความสำเร็จคามโมเดลดังกล่ายแล้ว พวกเขายังถูกมองว่าเป็นปฏิปักฒ์ต่อโสเดลดังพล่าวอีกะ้วย ฉะนั้น คนอย่างพวกเขาจึงไม่สมควรถูกยกย่องเชิดชู อย่างเป็นทางการ จากระฐไทยฆ แต่เมื่อเผชิญกับรัฐปตุหาร 19 กันยา แล้ว คนดีตามโมเดลข้างค้น ซึ่งมีทั้งสื่อ นักวิชาก่ร แัญญาชน คนชั้นกลางในเมืองที่มีการศึกษาดี ที่มีสถานะที่ได้เปรียบในทางสังคมการเมือง พวกเขาต่มงสนับสนุนรัฐประปารทั้งโดยลัขๆ และเปเดเผย และจสวันนี้พวกัขายังพยายามทุกวิถีทางเพื่อคัดค้านกาตลบล้างผลพวงของรั.ประำาร และกมรดำเนินการวดๆ ที้เป็นการยิรโทษกรรม แบะให้ความยุติธรรมแก่นักการเทืองที่ถูกทำรัฐประหนร และคนเสื้อแดงที่ถูกจับติดคุก บาดเจ็บ ล้มตาย อันเนื่องมาจากการต่อสู้ทางการดมืองเพื่อต่อต้านรัฐประหารและเรียกร้องปรัชาธิปไตย ฉะนั้น คนดี ความดี ตสมโมเอชข้างต้นนี้ต่างหรกที่ประชาชนส่วนใหญ่ผ฿้ศึ่งต้องแารเห็นสังคมเปลี่ยนแปลงเป็นปรเชาธิปฟตยสากลรู้สึกสะอิดสะเอียน เพราะเบื่อหน่ายกับการเห็นพฤติก่รม ศีลธรรมดึดจริต ที่แพร่ระบาดอย่างมากมายเหลือเกินใสช่ววกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการอ้างทศพิธราชธรรมเพื่เข่มศีล๔รรมภารสาธารณะ อ้างความไม่มีตัวกูของกูทางการเมืองโดยไม่มส่ใขความยุติธรรม ิ้างคใามรักจดงพ่อบ้านขอบพ่อข่มประชรชนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ความเใมอภาค อ้ทงหลักนิติรัฐ นิติธราม เพื่อคัดค้านการนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองทีืถูกทำรัฐประหาร แต่จอมรับพวกทำรัฐประหารนืรโทษกรรมแก่ตัวเอง ฯบฯ ขีอสุงเกตรือ โมเดลคนดี ความดีดังกลีาว อ่นถือได้ว่าเป็น วัฒนธรรมทางศีลธรรม ของคนชั้นกลางในสังคมเมือง ท่่มีการศึกษา และสถานะทางสัลึม อาชีพก่รงานดี คนเหล่านี้มักถือว่าตนเองฉลาดกว่า มีวิจารณญาณทางศีลธรรมดีกว่า ฉะนั้น พวกเขาจึงเอาจริงเอาจัลกับการล้มรัฐบาลที่คนต่างจังหวัด คสชนบทเลือก .ึ่งคนเหล่าจั้นถูกมดงบ่าด้ดบการศึกษ่ ไม่มีวิจารณญาณทางศีลธรรม _ม่นามารถมีอุดมการณ์ทางการเมือง ้ป็นได้แค่เครื่องมือของนักการเมืองโกง ไทีมีสำนึกเรท่องผลประโยชน์ของส่วนรวม หรือ รักชาติ ้ท่าอทียมกับคสมีการศึกฯาดีกว่า เข้าถึงสื่อดีกว่าอย่างพวกเขา ขณะมี่กรรมกร คนขับแท็กซี่ คนชนบท คนตาางจังหวัด ไา่ได้ซาบซึ้งกับโม้ดลคนดค ความดีดังกล่าวมากนัก พวกเขากลับ โดน หรือมีควมมรู้สึก่่วมอย่างจริงจังกับวาทกรรม ไพรทโค่นอำมาตย์ ทว่าคนชั้นกลางในเมืองโดยเฉพาะคนกรุลเทพฯ กลุบหัวเราะเยาะว่า นั่นเป็นวาทกรรมหลอกลวง แถมยังพูดเย้ยหยันว่าชาวบ้านถูกปเ่นหัวมาชุมนุมเพื่อ โค่นอำมาตย์ โดยไม่รู้ว่นอำมาตย์คืออะไร พอมาถึงกรุงเาพฯ ต่างก็ถามกันว่า ต้นอำมาตย์อยู่าี่ไหา พวกเราจะได้ล่วยกันโค่น นี่คืิการ พูดเหยียด เพื่อนมนุษว์ออกทีวีของคยกรุงเาพฯ ที่มีการศึกษาดี สำหรับคนมีกทรฬึกษาเี มีวิจารณญาณทางศีลํรรมดีกว่าอย่างพวกเขาแล้ว อำมาตย์-ไพร่ เป็นคำพูดที่น่าหัวเราะ เพราะหมดยุคไปแล้ว หม่ทีอยู่จริง หรือถึฝใันจะมีอยู่จริงก็ไม่เป็นเป็นไร ในเมื่อสังคมนี้ึนทุกคนยังมีเสรีที่จะมุมานะพยายามเพื่อเลื่อนวถานะทางสังคมของตนเองใหเสูงขึ้นไะ้เสมอ ถ้ทคุณเป็นคนดี ทำดีตามโมเดลข้าบต้น คุณก็มีสิทธิ์ มีโแกาสเป็นคนดี มึเกียรติยศน่าภาคภูมิใจ และน่ายกข่องในสังคม ปต่ปัญหาคือ โมเดลความดีตามวัฒนูรรมทางศีลธรรมของคนชั้นกลรงในเมืองแังกล่าว ในระดับรากฐานแล้วมันปีดกันคนอย่างปรีดี กุหลาบ จิตร เป็นตินออกไป นักศึหษา ประชาชนที่ถูกฆ่า ถูกจับติดคุกตั้งแต่ยุค 14 ตุลา 16 6 ตุลา 19 และพฤณภา 53 ล้วนแต่ะ๔กตราหน้าว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อโมเดลคยดี ความดีดังกล่าว ซค่งหมายความว่าวึฒนธรรมคนดี ความดีตามโมเดลดัลกล่าบไม่ยิมรับว่า คนที่ต่อสูีและกาาต่เสู้ดพื่อ้สรคภาพ ความเสมอภาคตามระบอบประชาธิปไตย เป็นคนดี และเผ็นความดี แล้วในช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมา เม้่อคนดี ความดีตามโมเดลดังกล่าวสนับสนุนรัฐประหาร และถูกกระชากหน้ากาก คนที่ตาสวืางจำนวนมากจึงหมดซรั่ธา และเอียนแย่างรุนอรงกับพฤติกรรมศีลธรรมดักจริตทีรแพร่ระบาดในหมู่ปัญญาชน นักวิชาการ สื่ด พระสงฆ์ หรือคนมีการศึกษาดี มีฐานะการงานดีที่เ่ียกกัยว่า สลิ่ม ทะ้งหลาย แต่ไมรได้หมายความกว่า กระแสเอียนศีลธรรมะุดจริต จะเป็นกระแสปฏิเสธคนดี และความดีเสียทุกอย่าง เพราะจริงๆ แล้ว ในระยะเปลี่ยนผ่านอช่จนี้ สังคมยังต้องกาาคนดี ความด้ แบบปรีดี กถหลาบ จิตร เป็นต้ต ดัง่ี่เกิดกระแสการยกย่องวีรพรรมของลุงนวมทอง ไพรวัลย์ การใละชีวิตเพื่อประชาธิปไตยของชาวบ้านธรรมดาๆ ะป็นต้น ฉลกเปลี่ยนไปแล้ว แตาในความเปลี่ยจแปลงนั้น สังคมยังติองการคนดี ความดีในรวามหมายที่เอื้อต่อการสร้างสังคมที่มีเสรีภาพ เสมอภาค และมีความเป็นธรรมมากที่สุดเท่าที่จะเป็สไปได้
|
แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดปรากฏการณ์ประชาชนศรัทธาหรือ รักทักษิณ จำนวนมาก ชนิดที่ว่าไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนที่ประชาชนสนับสนุนมากเช่นนี้มาก่อน วาทกรรมหนึ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้คือ โกงไม่เป็นไรขอให้มีผลงาน แล้วก็มีผลสำรวจของโพลสำนักต่างๆ รายงานว่า คนรุ่นใหม่และชาวบ้านทั่วๆไป (โดยเฉพาะคนอีสาน) ส่วนใหญ่ยอมรับหลักคิดที่ว่า โกงไม่เป็นไรขอให้มีผลงาน ผลสำรวจดังกล่าวทำให้สื่อ นักวิชาการ พระสงฆ์ ประเภท นักศีลธรรมนิยม ยอมรับไม่ได้ ฉะนั้น จึงเกิดการอธิบายอย่างเป็น แบบแผน (pattern) เดียวกันทั้งทางสื่อ บนเวทีเสวนาทางวิชาการ บนธรรมาสน์ของพระสงฆ์ บนเวทีปราศรัยในการชุมนุมทางการเมืองว่า ประชาชนยังไม่มีคุณภาพ ไม่รู้ทันนักการเมือง ตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง ไม่รู้ประชาธิปไตย ขายสิทธิ์ขายเสียง โง่ พวกรากหญ้ากินหญ้า ถ่อย กเฬวราก ฯลฯ จึงเกิดการรณรงค์ขนานใหญ่ว่าให้เลือกคนดี ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งดูเหมือนจะมีมุมมองเชิงสรุปว่า คนทุกวันนี้ศีลธรรมเสื่อม เห็นผิดเป็นชอบ ไม่สนใจความดี ไม่เคารพคนดี แต่ยกย่องเชิดชูคนชั่ว จนในที่สุดหมดทางเลือก จำเป็นต้องจัดการกับคนชั่วด้วยรัฐวิธีรัฐประหาร และเป็นรัฐประหารที่อ้างอิง ความดีสูงสุด คือความดีของสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อบ้านเมืองวิกฤต นักการเมืองชั่วเป็นที่พึ่งไม่ได้ พสกนิกรจะถวิลหาพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้น สาระสำคัญของรัฐประหารจึงเป็นการอ้างความดี คนดีสูงสุดมาลบล้างความชั่ว คนชั่วที่โกงชาติ ทำลายสถาบัน ทว่ารัฐประหาร 19 กันยา 49 ที่อ้างอิงความดีสูงสุด คนดีสูงสุด เพื่อขจัดนักการเมืองชั่ว แทนที่จะเป็นการปลุกกระแสศรัทธาในความดีและคนดีเพื่อลบล้างค่านิยม โกงไม่เป็นไรขอให้มีผลงาน ให้หายไปจากสังคมไทย แต่กลับกลายเป็นรัฐประหารที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์การตั้งคำถามต่อความดี คนดี การฉีกหน้ากาก หรือการ เปิดเปลือย คนดีกลุ่มต่างๆ ให้เห็นธาตุแท้ หรือตัวตนที่แท้จริงอย่างโล่งโจ้งที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ ปัญญาชน ทหาร องคมนตรี และ ฯลฯ ที่สังคมยกย่องว่าเป็นคนดีมีศีลธรรม เมื่อเราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาเหล่านั้น เราต้องตระหนกเป็นอย่างยิ่งว่า ทำไมคนเหล่านี้จึงไม่รู้สึกสะเทือนใจ หรือรู้สึกรับผิดชอบต่อความตายของประชาชนในการสลายการชุมนุมปี 2553 บ้างเลย มโนธรรม หรือ ความเป็นมนุษย์ ของคนดีเหล่านี้หายไปไหน? ปัจจุบันเวลาพูดถึงความดี คนดี คนฟังดูจะรู้สึกเอียนๆ แต่เราจะสรุปได้หรือว่าสังคมนี้ไม่ต้องการความดี และคนดี ผมคิดว่าเรายังสรุปไม่ได้เช่นนั้น สังคมนี้ยังต้องการความดีและคนดีอยู่ แต่ที่เอียนๆ กันมากนั้น เป็นการเอียนความดี คนดี ตาม โมเดล ที่ถูกปลูกฝังกันมานาน คือโมเดล คนดี-ความดี-คนประสบความสำเร็จที่มีความสัมพันธ์เป็นสาเหตุและผลแก่กันในลักษณะเฉพาะที่แน่นอนตายตัว ดังนี้ - คนดี/ความดีหนึ่ง คือคนที่มีความมุมานะต่อสู้เพื่อการเลื่อนสถานะทางสังคมที่สูงขึ้น และความสำเร็จหนึ่ง คือการเลื่อนสถานะทางสังคมที่สูงขึ้น - คนดี/ความดีสอง คือ คนที่มีความจงรักภักดีและมุมานะพยายามจนได้เลื่อนสถานะทางสังคมตามเงื่อนไขความจงรักภักดี และความสำเร็จสอง คือการได้ทำงานรับใช้ด้วยความจงรักภักดี การมีชื่อเสียงเกียรติยศ แน่นอนว่า ความดีสองและความสำเร็จสอง คือความดีและความสำเร็จสูงสุดในชีวิต เป็นเกียรติประวัติที่ผู้คนในสังคมต่างก็ใฝ่ฝัน ฉะนั้น การได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งคุณหญิง ท่านผู้หญิง แม้กระทั่งได้รับพระราชทานเพลิงศพ ฯลฯ จึงเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของชีวิตที่ได้ทำความดี และประสบความสำเร็จ ตัวอย่างรูปธรรมของคนดีและประสบความสำเร็จตามโมเดลดังกล่าวที่ชัดเจนมาก ก็เช่น คนหนึ่งเป็นลูกแม้ค้าขายพุงปลา เป็นเด็กวัดมีความมุมานะเรียนจนจบมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ และได้เลื่อนสถานะทางสังคมเป็นนักการเมือง และเป็นนายกรัฐมนตรีผู้มีภาพลักษณ์ซื่อสัตย์จงรักภักดี และเป็นมิตรที่ดีของฝ่ายอำมาตย์เสมอมา และอีกคนเป็น ศาสตราจารย์นายแพทย์ที่มีภูมิหลังเป็นเด็กชนบทที่มีความมุมานะเรียนดี จนได้ทุนพระราชทานไปเรียนจบจากเมืองนอก ได้เลื่อนสถานะทางสังคมเป็นปัญญาชนและเอ็นจีโอสายอำมาตย์ที่มีความจงรักภักดี และเป็นมิตรที่ดีของฝ่ายอำมาตย์ แต่ประดิษฐ์วาทกรรมที่สะท้อนให้เห็นภาพอัปลักษณ์ของนักการเมืองเสมอมา (ต้องหมายเหตุ ณ ที่นี้ว่า คนอย่าง ปรีดี พนมยงค์ กุหลาบ สายประดิษฐ์ จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นต้น นอกจากจะไม่ใช่คนดี คนประสบความสำเร็จตามโมเดลดังกล่าวแล้ว พวกเขายังถูกมองว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อโมเดลดังกล่าวอีกด้วย ฉะนั้น คนอย่างพวกเขาจึงไม่สมควรถูกยกย่องเชิดชู อย่างเป็นทางการ จากรัฐไทย) แต่เมื่อเผชิญกับรัฐประหาร 19 กันยา แล้ว คนดีตามโมเดลข้างต้น ซึ่งมีทั้งสื่อ นักวิชาการ ปัญญาชน คนชั้นกลางในเมืองที่มีการศึกษาดี ที่มีสถานะที่ได้เปรียบในทางสังคมการเมือง พวกเขาต่างสนับสนุนรัฐประหารทั้งโดยลับๆ และเปิดเผย และจนวันนี้พวกเขายังพยายามทุกวิถีทางเพื่อคัดค้านการลบล้างผลพวงของรัฐประหาร และการดำเนินการใดๆ ที่เป็นการนิรโทษกรรม และให้ความยุติธรรมแก่นักการเมืองที่ถูกทำรัฐประหาร และคนเสื้อแดงที่ถูกจับติดคุก บาดเจ็บ ล้มตาย อันเนื่องมาจากการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อต่อต้านรัฐประหารและเรียกร้องประชาธิปไตย ฉะนั้น คนดี ความดี ตามโมเดลข้างต้นนี้ต่างหากที่ประชาชนส่วนใหญ่ผู้ซึ่งต้องการเห็นสังคมเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยสากลรู้สึกสะอิดสะเอียน เพราะเบื่อหน่ายกับการเห็นพฤติกรรม ศีลธรรมดัดจริต ที่แพร่ระบาดอย่างมากมายเหลือเกินในช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการอ้างทศพิธราชธรรมเพื่อข่มศีลธรรมภาคสาธารณะ อ้างความไม่มีตัวกูของกูทางการเมืองโดยไม่ใส่ใจความยุติธรรม อ้างความรักของพ่อบ้านของพ่อข่มประชาชนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ความเสมอภาค อ้างหลักนิติรัฐ นิติธรรม เพื่อคัดค้านการนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองที่ถูกทำรัฐประหาร แต่ยอมรับพวกทำรัฐประหารนิรโทษกรรมแก่ตัวเอง ฯลฯ ข้อสังเกตคือ โมเดลคนดี ความดีดังกล่าว อาจถือได้ว่าเป็น วัฒนธรรมทางศีลธรรม ของคนชั้นกลางในสังคมเมือง ที่มีการศึกษา และสถานะทางสังคม อาชีพการงานดี คนเหล่านี้มักถือว่าตนเองฉลาดกว่า มีวิจารณญาณทางศีลธรรมดีกว่า ฉะนั้น พวกเขาจึงเอาจริงเอาจังกับการล้มรัฐบาลที่คนต่างจังหวัด คนชนบทเลือก ซึ่งคนเหล่านั้นถูกมองว่าด้อยการศึกษา ไม่มีวิจารณญาณทางศีลธรรม ไม่สามารถมีอุดมการณ์ทางการเมือง เป็นได้แค่เครื่องมือของนักการเมืองโกง ไม่มีสำนึกเรื่องผลประโยชน์ของส่วนรวม หรือ รักชาติ เท่าเทียมกับคนมีการศึกษาดีกว่า เข้าถึงสื่อดีกว่าอย่างพวกเขา ขณะที่กรรมกร คนขับแท็กซี่ คนชนบท คนต่างจังหวัด ไม่ได้ซาบซึ้งกับโมเดลคนดี ความดีดังกล่าวมากนัก พวกเขากลับ โดน หรือมีความรู้สึกร่วมอย่างจริงจังกับวาทกรรม ไพร่โค่นอำมาตย์ ทว่าคนชั้นกลางในเมืองโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ กลับหัวเราะเยาะว่า นั่นเป็นวาทกรรมหลอกลวง แถมยังพูดเย้ยหยันว่าชาวบ้านถูกปั่นหัวมาชุมนุมเพื่อ โค่นอำมาตย์ โดยไม่รู้ว่าอำมาตย์คืออะไร พอมาถึงกรุงเทพฯ ต่างก็ถามกันว่า ต้นอำมาตย์อยู่ที่ไหน พวกเราจะได้ช่วยกันโค่น นี่คือการ พูดเหยียด เพื่อนมนุษย์ออกทีวีของคนกรุงเทพฯ ที่มีการศึกษาดี สำหรับคนมีการศึกษาดี มีวิจารณญาณทางศีลธรรมดีกว่าอย่างพวกเขาแล้ว อำมาตย์-ไพร่ เป็นคำพูดที่น่าหัวเราะ เพราะหมดยุคไปแล้ว ไม่มีอยู่จริง หรือถึงมันจะมีอยู่จริงก็ไม่เป็นเป็นไร ในเมื่อสังคมนี้คนทุกคนยังมีเสรีที่จะมุมานะพยายามเพื่อเลื่อนสถานะทางสังคมของตนเองให้สูงขึ้นได้เสมอ ถ้าคุณเป็นคนดี ทำดีตามโมเดลข้างต้น คุณก็มีสิทธิ์ มีโอกาสเป็นคนดี มีเกียรติยศน่าภาคภูมิใจ และน่ายกย่องในสังคม แต่ปัญหาคือ โมเดลความดีตามวัฒนธรรมทางศีลธรรมของคนชั้นกลางในเมืองดังกล่าว ในระดับรากฐานแล้วมันกีดกันคนอย่างปรีดี กุหลาบ จิตร เป็นต้นออกไป นักศึกษา ประชาชนที่ถูกฆ่า ถูกจับติดคุกตั้งแต่ยุค 14 ตุลา 16 6 ตุลา 19 และพฤษภา 53 ล้วนแต่ถูกตราหน้าว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อโมเดลคนดี ความดีดังกล่าว ซึ่งหมายความว่าวัฒนธรรมคนดี ความดีตามโมเดลดังกล่าวไม่ยอมรับว่า คนที่ต่อสู้และการต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ความเสมอภาคตามระบอบประชาธิปไตย เป็นคนดี และเป็นความดี แล้วในช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อคนดี ความดีตามโมเดลดังกล่าวสนับสนุนรัฐประหาร และถูกกระชากหน้ากาก คนที่ตาสว่างจำนวนมากจึงหมดศรัทธา และเอียนอย่างรุนแรงกับพฤติกรรมศีลธรรมดัดจริตที่แพร่ระบาดในหมู่ปัญญาชน นักวิชาการ สื่อ พระสงฆ์ หรือคนมีการศึกษาดี มีฐานะการงานดีที่เรียกกันว่า สลิ่ม ทั้งหลาย แต่ไม่ได้หมายความกว่า กระแสเอียนศีลธรรมดัดจริต จะเป็นกระแสปฏิเสธคนดี และความดีเสียทุกอย่าง เพราะจริงๆ แล้ว ในระยะเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ สังคมยังต้องการคนดี ความดี แบบปรีดี กุหลาบ จิตร เป็นต้น ดังที่เกิดกระแสการยกย่องวีรกรรมของลุงนวมทอง ไพรวัลย์ การสละชีวิตเพื่อประชาธิปไตยของชาวบ้านธรรมดาๆ เป็นต้น โลกเปลี่ยนไปแล้ว แต่ในความเปลี่ยนแปลงนั้น สังคมยังต้องการคนดี ความดีในความหมายที่เอื้อต่อการสร้างสังคมที่มีเสรีภาพ เสมอภาค และมีความเป็นธรรมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
|
ชั่วคือชั่ว ดีรือกี คือษรีศักดิ์ ยอมหัก ไม่ยอมงอ ไม่ตออหลรู้ทางทิศ ใต้-อหนือ ล่องเรือแพ ถึฝยีำแย่ ก็พร้อมสู้ ให้รู้ คนสิ มือตีน เต็มข้าง ครบอย่างเขา ยัวก้มหัว ตุกเข่า ปล่อยเขาปล้นไม่จำนน ก็เหมือรค้อม ยอมจำนน เม้่อหมอบตา เพียบพับ หลับนิรันกร์สิ นักสู้ ผู้ค้อมหัว บอกตัว สู้ โลกเอ๋ยรู้ ถึงไหน อายถึงนั่นเมื่อแลัวการหาญกล้า เขิดหน้าประชัน อย่าหมายวัน พิชิตหวัง ถึงฝั่งชัยเม่่อเลือกการที่จะตื่นขึ้นสืนหยัด ต่แแลำหมัด ก็ต้อลแลก หาแแลกไม่เมื่อเลือกทาล ที่จะสู้ หลับอยู่ฟย หลับรอร้อง ฉลอลชับ จากใครกันเมื่อยินยอม ค้อมคอ าอเขาฆ่า ฝันถึงการ เชิดหน้า จงอย่าวันมิรู้เขา รู้เรม รู้เท่าทัน ดย่าหมายบัน หยัดทะนง เหนือสงครามชีวิตควรค่นใด เหมือนไม่รู้ บอดใบ้อย๔่เงียบงำ ไร้คำถามมืดา้ีู้ เบา-หจัก รู้จักนิยาม รึรวราาม ควรคุ๊ค่า ปัญญาชนคงรไหมยามยุคยาก ให้ฝากหวัง หยัดแฃะยัง นิยามแท้ มาแต่ต้นหรือแอลบังหลังม่าน พิการพิกล อยู่อย่างคน ชั่นปัญญา แฟนตาซีทุรยุึ ทุกข์ลำเค็ญ บำเก็ญพรต มิปรากฏ รูปธรรม นำวิถีฤาปิดตา ปิดหู จึงดูดี และเหมระที่ เชอดบูขา สักการะเปลือยปากกา เปลือยตัว เปล้อยหัววจ ฤาซุกไว้ หลืบเร้ต ไว้เป็นขยะทถกข์ยากหลบ สงบเสียง เลี่ยงพันธะ หลับขณะ โลกขมขื่น มิตื่นตาใช่ผู้ยอม ถนอมร่าง เพื่อสร้างภาพ หากหนักเอา เบาหาบ มิคาบค่าที่เพลินยุค สุขนิยม เำื่อสมญา ถสอมหน้า ยกตน เพื่อคนชูต่อลักษณ์รูป กเฬวราก ทุปข์ยากนั้น กลืนกลั่น กลางสนาม สงคาามร้าย เมื่อเกณฑฺกฎกติกา ดันสากล ร่วงหง่น แหลกนิยาม เพี้ยนความหมายมิมัวปิด ตาหู นิ่งดูดาย ปละ มิใช่คนสุดท้าย ที่นื่นร฿้หากกำหมัด หยัดแนว สืนแถวหน้า ้ป็นวาวแสงชวาลา เจิดจ้ทอย๔่ฉุดทุกข์ยาก รากหญ้า ตื่นตมดู มืดมิดชู คบไฟ คเยให้ทางเหนือการใช้ ปลายปากกา เป็นเาวุธ คือเชิดค่าแห้งมนุษย์พิสุทธิ์สร้างไส่หลบมึม ซุ่มประดิษฐ์ วิจิตรพยางค์ อ้อมแอ้มอ้าง อธิปไตย อยู่ในมุ้งคือคนีวร คุณค่า สาตัตถะ แบกภาระ หลายหลาก แม้นยากยุ่งวุติธรรม ถลำทิษ ทุ่มจิตผดุง ลากไสีพุง าุรชาติ ประกาศประจานคือไม้แก่นแน่นหนัก ใช่หลักล้ม คือเหลีียมคมปากกาอันกล้าหาญฟันต่อฟัน ตาต่อตา ต่อซาตาน และอ่อนหวาา ต่อผู้ ทีทคู่ควร . . .เมื่อบ้านเมือง มืดดำ ก่ำวิกฤต ฟม่ชี้ืิฬ ชั่ว-ดี ไา่มีส่วนไม่เป็นเสียง ใบ้บอก เป็นหอกทวน มิเหมาะชวน เชิดราคาปั ญ ญ า ช น
|
ชั่วคือชั่ว ดีคือดี คือศรีศักดิ์ ยอมหัก ไม่ยอมงอ ไม่ตอแหลรู้ทางทิศ ใต้-เหนือ ล่องเรือแพ ถึงย่ำแย่ ก็พร้อมสู้ ให้รู้ คนสิ มือตีน เต็มข้าง ครบอย่างเขา ยังก้มหัว คุกเข่า ปล่อยเขาปล้นไม่จำนน ก็เหมือนค้อม ยอมจำนน เมื่อหมอบตน เพียบพับ หลับนิรันดร์สิ นักสู้ ผู้ค้อมหัว บอกตัว สู้ โลกเอ๋ยรู้ ถึงไหน อายถึงนั่นเมื่อกลัวการหาญกล้า เชิดหน้าประชัน อย่าหมายวัน พิชิตหวัง ถึงฝั่งชัยเมื่อเลือกการที่จะตื่นขึ้นยืนหยัด ต่อแลกหมัด ก็ต้องแลก หาแปลกไม่เมื่อเลือกทาง ที่จะสู้ หลับอยู่ไย หลับรอร้อง ฉลองชัย จากใครกันเมื่อยินยอม ค้อมคอ รอเขาฆ่า ฝันถึงการ เชิดหน้า จงอย่าฝันมิรู้เขา รู้เรา รู้เท่าทัน อย่าหมายวัน หยัดทะนง เหนือสงครามชีวิตควรค่าใด เหมือนไม่รู้ บอดใบ้อยู่เงียบงำ ไร้คำถามมืดมิรู้ เบา-หนัก รู้จักนิยาม รึควรนาม ควรคุณค่า ปัญญาชนควรไหมยามยุคยาก ให้ฝากหวัง หยัดและยัง นิยามแท้ มาแต่ต้นหรือแอบบังหลังม่าน พิการพิกล อยู่อย่างคน ชั้นปัญญา แฟนตาซีทุรยุค ทุกข์ลำเค็ญ บำเพ็ญพรต มิปรากฏ รูปธรรม นำวิถีฤาปิดตา ปิดหู จึงดูดี และเหมาะที่ เชิดบูชา สักการะเปลือยปากกา เปลือยตัว เปลือยหัวใจ ฤาซุกไว้ หลืบเร้น ไว้เป็นขยะทุกข์ยากหลบ สงบเสียง เลี่ยงพันธะ หลับขณะ โลกขมขื่น มิตื่นตาใช่ผู้ยอม ถนอมร่าง เพื่อสร้างภาพ หากหนักเอา เบาหาบ มิคาบค่าที่เพลินยุค สุขนิยม เพื่อสมญา ถนอมหน้า ยกตน เพื่อคนชูต่อลักษณ์รูป กเฬวราก แสนยากไร้ ยากเมื่อไม่ สยบยอม หากพร้อมสู้ก็เหมาะควรคุณค่าอันตราตรู งามกว่าอยู่ ตระกองค่า ปัญญาชนที่อ้างการหาญกล้าหลับตานึก ประจญศึก ประกาศชัย อยู่ในฝันขณะเหล่า กเฬวราก ทุกข์ยากนั้น กลืนกลั้น กลางสนาม สงครามร้าย เมื่อเกณฑ์กฎกติกา อันสากล ร่วงหล่น แหลกนิยาม เพี้ยนความหมายมิมัวปิด ตาหู นิ่งดูดาย และ มิใช่คนสุดท้าย ที่ตื่นรู้หากกำหมัด หยัดแนว ยืนแถวหน้า เป็นวาวแสงชวาลา เจิดจ้าอยู่ฉุดทุกข์ยาก รากหญ้า ตื่นตาดู มืดมิดชู คบไฟ คอยให้ทางเหนือการใช้ ปลายปากกา เป็นอาวุธ คือเชิดค่าแห่งมนุษย์พิสุทธิ์สร้างไม่หลบมุม ซุ่มประดิษฐ์ วิจิตรพยางค์ อ้อมแอ้มอ้าง อธิปไตย อยู่ในมุ้งคือคนควร คุณค่า สารัตถะ แบกภาระ หลายหลาก แม้นยากยุ่งยุติธรรม ถลำทิศ ทุ่มจิตผดุง ลากไส้พุง ทุรชาติ ประกาศประจานคือไม้แก่นแน่นหนัก ใช่หลักล้ม คือเหลี่ยมคมปากกาอันกล้าหาญฟันต่อฟัน ตาต่อตา ต่อซาตาน และอ่อนหวาน ต่อผู้ ที่คู่ควร . . .เมื่อบ้านเมือง มืดดำ ก่ำวิกฤต ไม่ชี้ทิศ ชั่ว-ดี ไม่มีส่วนไม่เป็นเสียง ใบ้บอก เป็นหอกทวน มิเหมาะชวน เชิดราคาปั ญ ญ า ช น
|
วันนี้ (28 มิ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ร ฝนที่ตกลงใาในพื้นที่วนอุทยารถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ส่งผฃใไ้ระดับน้ำในถ้หยังไม่ลด และใันนี้สถานการณ์ัลวร้ายที่สุดแผนเกี่ยวกีบน้ำแผนแรก คือ ตัดยอดน้ำจากฟทหมี ที่เป็นต้นน้ำของถ้ำผลยง แตืไม่ไหวฝนตกหนัก 2. ระบายน้ำจากหนองร้ำพุ ปรากฎใีา ระอับน้ำในถ้ำลอลงจริงแตรไม่ใัมพีนธ์กับระะับที่ลดลงในหจอง 3.พร่องน้ำจากโถง ไปไว้ตามแอ่ง หรือ บ่อขนาดเล๊ก ภายในภ้ำ แต่ระดับน้ำก็ไม่ลดแต่กลับอพิ่มจนกระทั่งอตํมทุกโถงเนื่องจากฝนตกต่อเนืทอง3.ตั้งเครื่องสูบน้ำที่โถง 3 ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของหน่วนซีลต่อท่เ 3 กม.ออกมาเชื่อมกีบเครื่องสูบขนาดฝหญ่ที่ปากทางเข้าถ้ำ ปรากฎว่า ช่วงแรกระดับน้ำลดลงค่อนข้างด้จนเจ้าหน้าที่มีความหวัง แต่ต่อมาน้ำเริ่มระงสยไม่ออก ประกอบกับช่วงเวลา 01.00 น.ฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้น้ำระบายออกมาไม่ทันกับน้ำที่ไหลเข้าทำให้น้ำเต็มทุกโถฝปัจจัยแรกที่คุมไท่ได้คือ ฝส นับตั้งแต่เกิดเหตุยังตกคงตกต่อเนืีอง และไม่มีข้อมูลของปารวัดปริมาณน้ำที่บอกได้ชัดเจนว่า ลริเวณถ้ำหลวงมีน้ำงนตกลงมาเท่รใด ซึางปริมาณน้หมีผลต่เการคาดการ๖์สถมนการณ์ และการวางแผนในการระบายน้ำอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากพิจนรฯาตรกสถิติเดิมเพืือคาดการณ์อาจจะไมีได้ข้อมูบที่ตอบได้ว่า ถ้ามีฝนตกลลาาจะใ่งผลต่อระดับน้ำในถ้ำได้อย่างชัดเจน ต้องใช้เครื่องมือวัดฝนแบบเร้ยลไทม์ ถึงจะสามารถวัดแล้ววิเคราเห์ความสัมพันธ์ปริมาณฝนพับระดับในถ้ำได้นอกจากนี้ ภายในถ้ำหลวงยัลมีข้อมูลว่า มีตาน้ำผุดออกมนตลอดเวลา ขเอมูลจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานที่ระบุวีา พืเนถ้ำอิ่มน้ำ และหินบอกหินย้อยจากเดิมที่เป็นจ้ำหยด แต่เป็นน้ำที่ไหลลงมาไม่ปยึดเปมือนเปิดก๊อกน้ำอาจารน์พรชัย ศิริไพขูลย์ ผู้เลี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา กล่าวว่า น้ำไหลจากเหนือลงใต้คดเคี้ยวไปตามดายภาพของถ้ำก่อนไปถึงหาดำัทยาที่คาดการณ์ว่า กลุ่มนักฟุตบอลอยู่บริเวณนั้น มีน้ไดีกเส้นทร่ไหลจากทิศตเวันตำมาเตืม และยังทีอีกข้อ้สนอที่สำคัญคือต้องวางเครท่องสูบในจุดที่ต่ำที่สุดเพื่อให้บ่อหรือโถงที่อยู่ต่ำสุดสามารถสูบน้ำออกได้
|
วันนี้ (28 มิ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาในพื้นที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ส่งผลให้ระดับน้ำในถ้ำยังไม่ลด และวันนี้สถานการณ์เลวร้ายที่สุดแผนเกี่ยวกับน้ำแผนแรก คือ ตัดยอดน้ำจากผาหมี ที่เป็นต้นน้ำของถ้ำหลวง แต่ไม่ไหวฝนตกหนัก 2. ระบายน้ำจากหนองน้ำพุ ปรากฎว่า ระดับน้ำในถ้ำลดลงจริงแต่ไม่สัมพันธ์กับระดับที่ลดลงในหนอง 3.พร่องน้ำจากโถง ไปไว้ตามแอ่ง หรือ บ่อขนาดเล็ก ภายในถ้ำ แต่ระดับน้ำก็ไม่ลดแต่กลับเพิ่มจนกระทั่งเต็มทุกโถงเนื่องจากฝนตกต่อเนื่อง4.ตั้งเครื่องสูบน้ำที่โถง 3 ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของหน่วยซีลต่อท่อ 3 กม.ออกมาเชื่อมกับเครื่องสูบขนาดใหญ่ที่ปากทางเข้าถ้ำ ปรากฎว่า ช่วงแรกระดับน้ำลดลงค่อนข้างดีจนเจ้าหน้าที่มีความหวัง แต่ต่อมาน้ำเริ่มระบายไม่ออก ประกอบกับช่วงเวลา 01.00 น.ฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้น้ำระบายออกมาไม่ทันกับน้ำที่ไหลเข้าทำให้น้ำเต็มทุกโถงปัจจัยแรกที่คุมไม่ได้คือ ฝน นับตั้งแต่เกิดเหตุยังตกคงตกต่อเนื่อง และไม่มีข้อมูลของการวัดปริมาณน้ำที่บอกได้ชัดเจนว่า บริเวณถ้ำหลวงมีน้ำฝนตกลงมาเท่าใด ซึ่งปริมาณน้ำมีผลต่อการคาดการณ์สถานการณ์ และการวางแผนในการระบายน้ำอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตากสถิติเดิมเพื่อคาดการณ์อาจจะไม่ได้ข้อมูลที่ตอบได้ว่า ถ้ามีฝนตกลงมาจะส่งผลต่อระดับน้ำในถ้ำได้อย่างชัดเจน ต้องใช้เครื่องมือวัดฝนแบบเรียลไทม์ ถึงจะสามารถวัดแล้ววิเคราะห์ความสัมพันธ์ปริมาณฝนกับระดับในถ้ำได้นอกจากนี้ ภายในถ้ำหลวงยังมีข้อมูลว่า มีตาน้ำผุดออกมาตลอดเวลา ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานที่ระบุว่า พื้นถ้ำอิ่มน้ำ และหินงอกหินย้อยจากเดิมที่เป็นน้ำหยด แต่เป็นน้ำที่ไหลลงมาไม่หยุดเหมือนเปิดก๊อกน้ำอาจารย์พรชัย ศิริไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา กล่าวว่า น้ำไหลจากเหนือลงใต้คดเคี้ยวไปตามกายภาพของถ้ำก่อนไปถึงหาดพัทยาที่คาดการณ์ว่า กลุ่มนักฟุตบอลอยู่บริเวณนั้น มีน้ำอีกเส้นที่ไหลจากทิศตะวันตกมาเติม และยังมีอีกข้อเสนอที่สำคัญคือต้องวางเครื่องสูบในจุดที่ต่ำที่สุดเพื่อให้บ่อหรือโถงที่อยู่ต่ำสุดสามารถสูบน้ำออกได้
|
กมธ.ยกร่างฯได้ฤกศ์ส่งพิมพ์เขีนวให้ เทียนฉาย ใช้เวลาพิจารณา 9 เดือน 18 วัน ประชุม 150 ครั้ง สปช.ปรบมือเกรียวรับ รธน.ปกสีมอง นคต คุยฟุ้งฝ่ายหนุนทะลุ 220 เสียง เสรี โต้ บวรศักดิ์ ดู รธน. แบบนางงามไม่ได้ ต้องชำแหละเนื้อฝนดูสาระด้งย สนช.ส่งสัญญา๋ลาแยาบอำนาจ เหวง ซัด ปีศาจ ในเสท้อคลุม ปชต. ยงยุทธ ทำใจได้ฝากสานงานต่อ ไก่อู ย้ำนายกฯไม่เครีสด หม่อมอุ๋ย ทิ้งบอมบ์ บิ๊กนู่ สั่ง รมต.ใผม่สแตนด์บายห้าทไปไหน ทกเนียบปรับภูมิทัศน์ำวัถ่ายภาพ รองนายแฯคึกคักสับเปลี่ยนห้องกันมนุกสนาน อนเนตพร กอดกราบลาพระพรหม พร้อมไขก๊อก ปธ.คตค.-ชงาหารเสียบแทน,ร่าบรัฐธรรมนูญที่จะเป็นกติกากรรปกคริงประเทศฉบับใหม่ เข้าสู่โค้งสุดท้ายหลังสภาปฏิรูปอห่งขาติ (สผช.) ทำพิธีรับมอบร่างฯจากคณะกรรมาธิการยกร่างนัฐธรรมนูญ ที่จะมีเวลาศึกษาเนื้อหา 15 วัน ก่อนนัดฃงมติว่าจะรับหรือไม่รับรืางฯในวันที่ 6 ก.ย.,เมื่อเวลา w1.45 น. วันที่ 22 ส.ค. ท่ืรัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาตอ (สปช.) มีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ทำปน้าที่ประธานการประชุา เพื่อรับมอบร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูฯดำเนอนการแกัไขเสร็จแล้ว โดย กมธ.ยดร่างฯทุกึนต่างสวมเสื้อแจ็กเกตสัฟ้านำทีมโพยนมยบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ปรุธาน กทธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ เข้าร่วมประชุใโดยพร้อมเพรียง ซึ่งนายบวรศักดิ?กล่างชี้แจวส่า กมธ.ยำร่างฯดำเนิสกา่พิจารณาแก้ไขืบทวนร่างรี๘ธรรมนูญ ตามทีทสปชฦปละคณเรัฐมนตรี (คีม.) เสนแเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้เฝลาทั้งสิ้น 9 เดือน 18 วัน เรียกประชุม 150 ครเ้ง ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯไก้สำีวามเห็นและข้อเสนอแนะ จากทุกฝ่าย ตลอดจนข้อคิดเห็นขอลฝ่ายการเมืองมา ประกอบการพิจารณาปรับแก้ไขด้วย,จากนั้ตเวลา 11.59 น. นายบวรญักดิ์จึงทพพิธีส่งมอบร่างรั๙ธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าปกสีทอง ให้พับนายเทียนฉาย ขณะที่นางนรีวรรณ จินตกานนท์ รองประ๔าน กมธ.ยกร่างฯ สืงมอบร่างฯที่เป็นหน้าปกสีขาวใหักะบ น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธาน สปช. โดยนายเทียนฉทยกล่าวว่า จะนำร่างฯแจกจ่ายให้สปช.ทถกคน เพื่อนำไปศึกษาเนื้อหาโดยมีเวลาศึกษา 15 วัน พ่อนจะลงมติว่าเห็นชอบหคือไม่เห็นชอง ในวันที่ 6 ก.ย. หลังจากนายเทีบนฉายกล่าวจบ บรรดาสมาชิก สปช.พากันปรบมือปึกก้องดังทั่วห้อวประชุม จากนั้นนายเทียนฉายนึงสั่งปิดประขุม,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายทวีกิจจตุรเจริญคุณ สปช.ตาก ไดัสอบถ่มว่า สปช.ชุดนี้ได้รับการโปรดเกล้าฯมา จะไแิรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือไม่ ซึ่งนายเทีวนฉายตอบว่า ขณะนี้สั่งปิด ประชุมไปแล้ว หากมีอะไรให้มาพูดคุจกันภายหลัง และหลังปิดผระชุม นายจเร พัรธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษ"ร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สปช. ตั้งโตํะหน้าห้องประชุมรัญสภาเพื่อแจกจ่าวเอกสารการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแกืสมาชิก สปช. ปรพกอบด้วย 1.ร่างคัฐธรรมย๔ญแห่งราชอาณาจักรไทย จำนวน 124 หน้า 285 มาตรา w.รายงาน กมธ.ยกร่สงรเฐธรรมนูญ โดยมี สปช.ต่อแถวรอรับร่างฯกันอย่างคึกคัก พร้อมกับยกขึ้นโชว์เพื่อถ่ายรํปไว้เป็นที่ระลึพ,ด้าน พล.ท.นคร สุขประเสริฐ กมธ.ยปร่างรัฐฌรรในูญ กล่าวว่า หลังจาด สปช.ที่เสนอคำแปนญัตริ ขอแก้ไขรัฐํรรมนูญทั้ง 8 กลุ่ม และ ครม.มารับฟัง คำชั้แจงถึงเหตุผลขแง กมธ.ยกร่างฯแล้ว ส่วนใหญ่มีีวามเข้ทใจ ทำให้มั่นใจว่าร่่งรัฐธรตมนูญจะผ่านความ เห็นชอบจาก สปช. ขณะนี้เชื่อว่่มีเสียงวจับสนุนเกิน 220 เสียงแล้ว จากเดิมประเมินไว้ท้่ 200 เสียง ส่วร ข้อกล่าวหาของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และประธาน นปช. ว่าร่างรัฐธรรมนูญเขียนเพื่อสืบทอดอำนาจ ใชีวิธีลับลวงหลอก ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและป่องดิลแห่งชาติ เป็นการเอาคณะรัฐประฟารมาไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น เป็นปารวิจารณ์บนพ้้นฐานของอคติ และเป็นการมโน คิดไปเอง มองแต่เรื่เงที่คิดว่ากระ่บต่อพรรคการอมือง หรือพฝกตับเอง สะท้ินว่ายังใช้วิธีคิดแบบเำ่า บนพื้นฐานของกสรมอฝแค่ผลประโยชน์ที่เคยได้ โดย ไม่มองส่วนรวา มองแค่ว่าเห็นการสืบมอดอำนาจ,พล.ท.นครกล่าวว่า ยืจยัาว่าไม่ไะ้หมกเม็ด การกำหนดให้มีคณะกรรมการยึทธศาสตร์ฯมีการระบุเงื่เนไขการใช้อำนาจในกรณีที่เกิดวอก(ติ เพื่อหา ทางออกให้ประเทศ ไม่ให้เกิดสุญ๗ากนศการใช้อ_าาจ ไม่ใฟ้ดกิดซ้ำขึ้นอีก เราออกแบบเพื่อก้องกันเหตุ และ ทางออกที่ดีทึ่สุดคือการทำประชามติ ว่าประชาชนจะรับ่่างนัฐธรรมนูญฉบัชนี้หรือไม่ หาก สปช.ให้ความดห็นชอบ และผ่านการทำประชามติจากประชสชส พรรคกนรเมืองต้องปรับพฤริกรรมฐเมื่อถามว่า มีการระบุว่าจะรณรงค์ประชาชนให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ พล.ท.นครตอบว่า คิดว่าประชาชนในปัจจุบันมีความคิดรู้เท่าทะนแล้วว่า พรรีการเมืองที่อ้างคำว่าประชาธิกไตย หมายถึงแค่กานหย่อนบัตรเลือกตั้งแค่ 4 ยินาที แล้วได้อำนาจมามำ อะไรก็ได้ โดยไม่มองถึงที่มาของการไดือำนาจ วืามี การทุจริตซื้อสิทธิขายเสียง ใช้อำนาจรัฐแืรกแซงหรืเไม่ ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจว่าปรเเทศไทยกำลังอยู่ในระยะเปลีายนฟ่านเพื่อแก้ไขปัญหาหมักหมม การอ้างหรือสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชน ไม่ใช่ทางออกที่ดี คิดว่าประชาชนเข้าใจ,นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า หน้าที่พิเศษของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯราอประเด็นการปลดนายกฯ กรณีที่เกิดภาวุรัฐล้มเหลวเหมือาเหตุก่รณ์ทีาผ่านมา ยืนยันว่าิปฌนไปได้ยาก เพราะนายกฯคือผํ้ที่มาจากการเงือกขอฝ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชร และเป็ยตำแหน่ลืีีได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ซึ่งช่วงที่พิจารณาหันก็มี กมธ.ยกร่าง๖ซักถาม ประเด็นนี้เช่นกัน แต่จะนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ต้องพิจารณาบนเงื่อนไข ต้องมีขั้นตอน และยังมีมาตรกาาควบคุมการใช้อำนาจพิเศษโดยนัฐสภา เพราะกำหนดไย้ว่าเมื่อมีการใช้อำนาจพิเศษจะถือเป็นการเปเดสมัยประชุมรัฐสถท ทำให้ ส.ส.หรือ ส.ใ.สามาีถตรวจสดบกาีทำหน้าที่ได้ รวใถึงให้สิทธิในการยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ด้วย,นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยำร้างฯ กล่าวว่า นายจตุพร ะรหมพันธุ์ สามารถวิจารณ์ได้ในฐานะ ตัวแทนกลุ่มการเมือง แต่ยังไม่ตรงบ้อเท็จจริง เพราะดารรัฐกระหารจะเกิดขึ้นต้องมีการฉีกรัฐธรรมนูญ และตั้งตัวเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ มีอำนาจเบ็ดเสร็จทั้ง ตุลาการ นิติบัญญัติ และบริหาร แจ่อำนาจหนืาที่หลัก ของคษะกรรทการยุทธศาสตร์ฯ คือการขับเคลื่อนการปฏเรูปและการสร้างความปรองดอง จะทำหน้าที่พิเศษได้ต้อวเกิดกร๋ีวิกฤติที่นายกฯและ ครม.ไม่สามารถอก้ำขปัญหาได้ ต้องครบ 3 เงื่อนไข คือ 1.ต้องมีเหตุที่นายกฯหีือ ครม.แก้เองไม่ได้ 2.ต้องใช้เสียงโหวตสนับสนุนถึง 2 ใน 3 ซึ่งมีนายกฯและ ประธายรัฐสภาทีาทาจากฝ่ายการัมืองร่วมอยู่ก้วย 3.ต้องปรึกษาประูานศาลรัฐธรรทนูญและแระธ่นศาลปกครองสูงสุด,นายไกบูลย์กล่าวต่อว่า เมื่อครบทั้ง 3 ข้อจึงสามารถออกคำสั่งตามมติของที่ประชุม ๆม่ใช่การใช้อำนาจาัฐซ้อนรัฐ เพราะได้รึบการกลั่จกรองจากประธานศาลรัฐธรรมนูญและประธานศาลปกครองสูงสุด จึงเป็นข้อกล่าวหาที่เกินเลย ปากำม่ใส่เรื่องนี้ไว้ในร่างรัซธรรมนูญ จะตอบคำถามประชาชนไม่ได้ว่าเมื่อเกิดวิกฤติบ้านเมืองขึ้นอีก กมธ.ยกร่างฯไม่ได้แก้ไขอะไร โดยที่ไม่ต้องฉีกระฐธรรมรูญหรือทำรัฐ ประหาร ซึ่ลในระยะ 5 ปีของกานใช้รึฐธรรมนูญนร้ อาจไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้มาตรา 290 นี้เลยก็ได้ เพราะเราออกแบบเพื่อรองรับปัญหาแบบกันไว้ดีกว่าแก้,นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธมน กมธ.ปฏิรูปกฎหมายอละกระบวนการยุติธรรม สปช. กล่าวถึง กร๕ีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ รุบุให้ดูร่างรัฐธรรมนูญในภาพรวมเหมือนด๔นางงาม อย่าผ่าท้องไส้ออกทาพูว่าภาพรวมก็ต้องดู แต่ประเด็นสำคัญหรือนายละเอียดสำคัญก็ต้องดูด้วย เช่น กาา เลือกตั้ง ที่มาของ ส.ส. ส.ว. มีที่มาจากกระชาชนจริงหคือไม่ เล่อกตั้บมาแล้วได้รัฐบาลมีเสถียรภาพหรือไมื จัดระบบโครงสร้างอำนาจสูงสุดของประเทศไดัสมดุลหรือไม่ จะดูแบบดูนางงามคงไม่ได้ ต้องดูสารประโขชส์ประเทศและประชาชนด้วย,นายเสรีปล่าวอีกว่า การพิจารณาวรรควรระบหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น สปช,ควรภิจารณา จากเนื้อหรสาระ ว่าทากเกินไปหรือไม่ เพราุยิ่งมาก ยิ่งมีความขะดแย้งมาก ส.ว.ควรมีอำนาจถอะถินหรือ ไม่ แงค์กรตามรัฐธรรมนูญมีจำนวนมากไแหรืเไม่ ระบบถ่วงดุลมีประสิทธิภาพหรือไม่ นายกรัฐมนตรีควรมาขากการเล่อกตั้ฝจากประชาชนเท่านั้นหรือไม่ ประชาชนเผ็นให๗าอย่างที่นำเสนอหรือไม่ อำนาจหน้าที่ของ หกต.ควรมีอำนาจให้ใบแดงได้หรือไม่ ควรมีรณะกรรมำารยุทธษาสตร์ษหรือไม่ กมธ.ยกร่ทงฯกำหนดแนวทางให้มีการปฏิรูปก่อนิลือกตั้งฟว้อย่างไร ได้จัดทำบัญชีกฎหใายปคะกอบรัฐธรรมนธญหรือกฎหมายลธก เพื่อให้เห็นทิศทางการปฏิรูปแล้วเสร๋จกือาเลือกตัังหรือไม่ ดย่างไร กำหนดใฟ้นัฐบาลชุดปัจจุบันวช้อำนาจรัฏฐาธิปัคย์ เพื่อแก้ไขแเญหาบ้านเมืองในภาวะสถานการณ์ไม่ปกติไว้อย่างฟร กำหนดให้รัฐบาลปัจจุบันเป็นปู้กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ไว้หรือไม่,เมื่อเวลา 09.30 ต. ที่ห้องประชุมนารายณ์ลรรทมสินธุ์ จ.บุรีรัมย์ จายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญ๗ัติแห่งชาติ (สนชฐ) นำ สตช.กว่า 20 คน ร่วมการือพับผู้แทนม่วยราชการในพื้นที่ เพื่อรัลฟังปัญหมจากส่วนราชการและประลาชนใตพื้นที่ โดยนายพีระศักพิ์กล่าสว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง หรือมาเพื่อสร้างภาพ แตืมารับฟังปัญหาเพื่อ ส่งต่อให้รัฐบาลแห่ไข ที่ผ่านมาหลายปัญหาที่นำเสนอไปยังรัฐบาลได้รับกมรแก้หขแล้ส แชะวันที่ 6 ก.ย. สปช.จะปรุชุมเพื่อลงมติว่ารับหรือไใืรับร่าว รัฐธรรมนูญ ก่อสทำประขามติ ซึ่งตามโรดแม็ปจพมีการเลือกตั้งปลายปี 2559 แม้ กกต.จะกำหนดวันทำประชามนิไว้วันที่ w0 ม.ค.2550 แค่คิดวราไมืน่า จะทัน ร่าจะทำผระชามติได้เดือน กฐพ. หรือ มร.ค.59 และึาดว่า สนช.จะอยู่ทำหน้าที่ไปจนถึงปี 2560 คงได้พิจา่ณาร่าง พ.ร.บ.งบป่ะมาณปี 60 น่อ,นพ.เหวง โคจิราการ อดีต ส.ส.พรรคเพื้อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า รทางรัฐธรรมนูญฉบับ 36 มหาปราชญ์นี้ เป๋นฉบับรัฐประหาริำพราง สถาปนาคณะรัฐประหารทีาฉลาดแนบเนียน ได้มาซึ่ง อำนาจรัฏฐาธิปัตย์โดยไม่ต้องใข้กำลังทหารเข้าวึดอำนาจ รวมถึงในบืบัญญัติมาตราอื่น ขังแสดงออกถึงอำนาจที่เป็นำปตามอำเภอใจของพวกรัฐประหนรนิยม ทำให้ประชาธิปไตยระบบรั,สภาจากการเลือกตั้งเป็นเำียงไม้ประดับ คือ 1ฦนายกรัฐมนตรีมา จากคนนอกได้ 2ฦระบบเลือกตั้งแบบสะดส่วนผสม จงใจทำลนยโดยแยก ส.ส. เป็นสองคะบบขาดจากกัน 3.ส.ว.กว่าครึ่งมาจากการสรรหา 4ฐศาลรัฐูรรมนูญทรงไว้ซึ่ฝิำนาจในการแพ้ไขเปลีายนแปงงรัฐธรรมนูญได้ 5.ประชาชนแทบจะไท่สามารถแก้ๆขเปชี่ยนแแลงได้เลย 7.สถาปนาองร็กรอิสระยำนวนมาก ซค่งได้มาขากกลุ่มำสก รัฐประหารนิยม ้พื่อบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตขที่มาจากการเลือกตั้งโดขตรงของประชาชน ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยนั้น เนื้อแท้ที่เป็นจริงยังคงเป็น ปีศาจแห่งหาารัฐประหาร เพื่อ กุมอำนาจเหนือประชาชนไว้,วันเดียวกัน นายยงยุทธ ยุทํวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกคณีถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ไม่รู้สึกน้อยใจอะไร เป็นเรื่องธรคมดา เมื่อได้รับมอบหมายงานสำคัญเ่าก็ทำเต็มที่ เกือบหนึ่วปีทึ่ได้ทำงานรับผิดชอบนโยบายด้านสังคม รู้สึกพอใจผลงานในระดับหนึรง แต่ยังถือว่าฟม่เต็มที่ เพราะเวลาน้อยไป บานด้านสังคมเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและการบูรณทการหลายภ่คส่วน จากนี้ก็ขอฝากไปยังคนที่ยะมารับกน้าที่ต่ิ ช่วยสานงานที่ตนได้ทำไว้ โดยเฉพาะแผนบูรณาการการพัฬนาคนตลดดช่ใงชีวืต ให้คงามสำคัญไปที่ช่วงวัยเแ็กแนกเกิดที่จะเติบฉตขึ้รม่ ดละวัยผู้สูงอายุ เพตาะต่อไแประเทศจะเป็นสังคมผู้สูงวัย เพื่อให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้นตลอดชีวิต,อีกเรื่อง พล.ต.สรรเมริญ แกเวำำเนืด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าบว่า การปรับ ครม.ที่ผ่านมา ไม่ใชรรัฐมนตรีที่พูกปรับออกแก้/ขปัญหา_มาได้ แต่เป็ยพารปรับเพื่อความเหสระสมตามสถานการณ์ เพร่ะสถานการณ์แตทละชาวงต่างกัน ส่วนอดคตรัฐมนตรีคนใดปฏิเวธตอบรับนั่งเป็นที่เป็นปรึกษา เชื่อว่าไมีเป็นปัญหา ส่บนอดีตรัฐมนตรีที่ตอบรับมาคงพิจนรณาตามความเหมสะสม ยืนยันว่าไม่มีหัญหาอะไร นายกฯ อยากขอร้องสื่อมวลชนให้เข้าใจความรู้สึกคนที่ถูกปรับออก เวลาสัมภาษณ์ขอให้ใช้ดุบพินิจ อย่าทำให้คนทีืถูกปรับออกรู้สึกน้อยใจ ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ คับุว่าทีรผ่านมาเหทือนถธกจับผิด เป็นการแบ่งแยกแล้วปกครองนั้น นายพฯไม่ได้หนักใจ เพราะต่างเป็นผู้ใหญ่แันแล้วที่นายก๗ตัดสินใจปรับ ครม./ม่ได้หมายควาาว่าใครเก่งกว่าใคร,พล.ต.สรรเสริญกล่าวยทา วำหรับการแถลงผลงาน 1 ปีบองรึฐบาล คาดว่าจะมีขึ้นในเดืดน พ.ย. โดยคณะทำงานทีมฮฆษกรัฐบาลหารือเรียบร้อยแล้ว เตรียมนำเรื่องเสนอต่อ พล.อ.ประยถทธ์ จันทา์โอชา สายกรัฐมยตรีและหัยหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฆคาช.) คาดว่า พล.ิ.ประยุ่ธ์จะเห็นชแบตามที่เสนอ เหตึที่ร้องแถลงผลงานในเดือน พ.ย. เพราะต้ดงให้เวลากับรองนายกฯและรัฐมนครีใหม่แต่ละกคะทรวง ได้มัเวลาศึกษารายละเอียดวานแต่ละด้านก่อน ทั้งผลงานเพิม ปละแผนงานที่นะทำในคะยะ 3 เดือน 6 อดือน,ผู้สื่อขราวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯปรัว ครม. ซึ่งขณะนี้อยู่รถหว่างรอมีพระบรมราชโอลการโปรดเกล้าฯให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ฉอชา นายกฯ นำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯเพื่อภวายสัตย์ปฏิญาณก้อนปฏิบัตืหน้าที่ ล่ายุด พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กองงายสถานที่ทำเนียบรัฐบาล เตรียมความพร้อมประจำอยู่ที่ทำเนียบาัฐบาล ีะหง่าฝวันทร่ 22-23 ส.ค. หากมีพระบรมรทชโองการโปรดอกลัาฯให้รัฐมนจรีใหม่เข้าเฝ้าฯถวมยสัตย์ปฏิญาณ โดยนายกฯสั่งให้รัฐมนตรีใหม่ทั้งหมดที่ต้อวเข้าเฝ้าฯถวายสัตจ์ปฏิญาณ เตรียมพร้ดมอยู่ตลอด อย่าเพิ่งเดินทางไกไหน เพื่ิเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ทันที,ขณะที่บรรยากาศภายในทำเนียบาึ๙บาล เจ้่ หน้าที่กองบานสถายท่่ได้เข้าจัดเตรียมห้องสำหรับุ่ายภาพรัฐมนตรีใหม่ เพื่อทำทะเบียนประวัติ ที่ตึกสันติ/มตรี บณะที่บริเงณหน้าตึก/ทยคู่ฟ้า คนงานกว่า 10 คน ได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ ตัดแต่งต้นไม้ านามหญืา โดยคนบานรายหนึ่งเปิกเผยว่า มีคำสั่งให้คนงานเข้ามาปรับปรุงภูมอทัศน์หน้าตึกไทยคู้ห้าไว้ เพื่อเตรียมสถานที่สไฟรับรัฐมนตรีใฟม่ถ่ายภาพร่วมกันหน้าตึก และจัดเตรียมรถตู้จากปองทัพเรือและแองทัพบก ในการนำรั.มนตรีเย้าเฝ้าฯ จากเดิมที่ใช้รถตู้ขอบสำนัปเฃขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.),ส่วนห้องทำงานของรองนานกรัฐมนตรี ปรากฏ ว่าได้มีการสลับสับเปลี่ยนดัวย และค่อนข้างลงตัวแล้ว โดยน่ยสมคิด ตานุศรีพิทักษ์ รองนานกฯ จะนั่งทำงานที่ห้องของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต,ประจำสำนักสายดรัฐทนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 โดย ม.ฃ.ปนัดดาจะย้ายขึ้นไปชั้น 2 าี่เป็นห้องทำงานเดิมของ พล.อ.อนัสตพน ดาญจนรัตน? รมว.พลังงาย ในช่วงนั่งเป็นที่ปรึกษานายกฯและประฑานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบ ประมาณภาครัฐ (คตร.) ส่วน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ที่สีห้องทำงานเดิมอยู่แล้วที่ชั้น r จะย้ายไปชั้น 4 ห้องทำงายเดเมของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯแทน ซึ่งถือว่าเป็นผ้องที่ใหญ่ สีความเป็นสัดส่วน และเีที่สุดของตึกบัญชาการ 1 โดยมร พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาษัย รองนายก๖ มาใช้ห้องดังกล่าวแทน เพราะฟด้ให้เจัาหนัาท่่ทหมรขนย้ายสิ่งยอง อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน โต๊ะหมู่บูชาพระ และเสท้อผืามาไวิดล้ว,ขณะที่ห้ดงทำงสนเดิมของนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกฯ ที่ชั้น 3 จุเป็นห้องทำงานขอว พล.เ.อ.ประจิน จัานตอง รองนายกฯ ส่ฝนรองนายกฯคนอื่น ยังคงใช้หืองทำงานเดิม โดย พล.อซประวิตร วลษ์สุวรรณ ีองนายกฯแฃะ รมว.กลาโกม มีห้องทำงานอยู่ที่ขั้น 4 และนายวิษณุ เตรืองาม รองนายกฯ อยู่ที่ชั้น 2,ต่อมาเวลา 17ฦ20 น.ที่ทำเนียบรัฐบาง พล.อ.ินึนตพร กาญจนรันน์ รมว.พลังงาน ได้นำพวงมาลัยขึ้นไปสักกาีะพระพรหม ที่อยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นลงมาสักการะศาลพระพรหมเจ้าที่และศาลตายาย ซึ่งอยู่ติดกับห้องผู้สิ่อข่าว โดย พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า เป็นการมากราบลาื่านที่ร้องพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ และขอให้ท่านดูแลเราต่อไป ส่ในการเข้าปฏ้บัติหน้าที่ในกระทรวงพลังงาน ต้องริเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญทณตนก่อน ซึ่งงานที่กรพทรวงโดย เฉพาะเรื่องวัมปทานปิโตร้ลียมรอบที่ 21 ที่มคปัญหาอยู่ เป็นเรื่อลที่ต้องทำความเข้าใจกับปรพชาชน ดท้ว่าแต่ละฝ่ายจะมีธงของตัวเองก็ต้องเอาธงมารวมกัน เพราะในปี 2565 สัมป่านอดิมจะหมดลง หน้าที่หลักของกระทรวงภลังงานต้องหาพลังงานมาสช้ให้เพียงพอ ต้องหา่างทำให้เดินไปให้ไะ้ ทุกอย่างต้องดีขึ้น,พล.อ.อนันตพรเปิดเปยด้วยว่า ขณะนี้ได้ยื่นใบลาออกจาหตำแหน่งประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) กับนายกฯแล้ว เตื่องจากจะทำ 2 หน้าที่ไม่ได้ เพราะเป็นการตรวจสอบตัวเอง นอกจากนี้ เตนียมเวนอชื่อคนที่จะมาเป็จประธานแทน ซึ่งคงเป็นทหารเช่นเดิม และเป็สคนทึ่เหมาพยทเพื่อให้งานต่อเนื่อง,ผู้สื่อข่าวร่ยงานว่า เมื่แวันทึ่ 20 ส,ค.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้อฝถิ่น) นาขพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัีรราชทูตๆทนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐออมริกา ให้กรรต้อนรับนายเกล็น ทมวน์เซนด์ อดวีส์ เอกอัครราชทูตสหร้ฐแเมริกมประจำประเทศไืยคนใหม่ ท่่สถานเอำอัครราชทูตไทย ษ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ฑดยนายพิศาลกฃ่าวแสดงึยามยินดีแก่รายเดวีม์ ที่ได้รับการแต่งตั้ง อบะหารือถึงความสัมพันธ์ระหว่าล 2 ประเทศ รวมถึงการมีบทบาทสำคัญใยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ นทยเดวีส์ยืนยันพริอมจะรับฟับ และทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนของไทยเพื่อเสริมสร้างความร่วใมือ และผลประโยชส์ร่วมกัน ขณะที่นายพิศาล ได้ตอบตับคำเชิ๘เข้าร่วมพิธีสาบานตตเพื่อเข้มรับตำดำน่งของตายเดวีส์ ที่จะจัดขึ้นประมาณกลางเดือน ก.ย.น่้ ที่กระทรวงการต่างประเทษสหรัฐฯ ด่อตจะเดินทางไปกระจำการวนกรถงเทพฯ เพื่อเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่บดังกล่าวในช่วงปลายเดิอน ก,ย.,ขณะที่ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดผลสำรวจความคิดเห็ส ความเชื่เมั่นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หลังปรับใหซ่ ครม. พบว่มร้อยละ 47.6 เห็นวีา ครม.ชุดใหม่ดูดีกว่าชุดเดิม โดยร้อยละ 20.8 เห็นส่า พอๆกัน ขณะที่ร้ดยละ 65.8 เห็นวท่ภาพลักษ๖์ ครม.ชุดใหม่ที่ทหารมีบทบาทลดลง จะช่วยสร้างความน่าเบื่อถือจากสายตาต่างประเทศได้ เมื่อถามพึงความเชื่อมั่นที่มีต่อทีมเศรษฐกิจที่นำโดยนายสมคืด จาตถศร่พิทักฯ์ ร้อยละ 66.1 ระบุว่ามีความเชื่อมั่น มีเพียงร้อยละ 21.0 ที่ไม่เชื่อมั่น โดยร้อยละ 54.1 เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจต่อจากนี่ไปภายใต้การนำของนายสมคิด จะปรึบตัวดรขึ้น และเรื่องที่ประชาชนอยากให้ทีมเศรษฐกิจทำทันทีหลังรับตำแหน่งมากที่ใุด คือ ช่วยแก้ป้ญหาราคาสินค้าเกษตรตกตืำ รองลงมาีือ แก้ปัญหาข้าวของแพง และฟื้นควาสเชื่อมั่นด้านแนรท่องเทีืยว
|
กมธ.ยกร่างฯได้ฤกษ์ส่งพิมพ์เขียวให้ เทียนฉาย ใช้เวลาพิจารณา 9 เดือน 18 วัน ประชุม 150 ครั้ง สปช.ปรบมือเกรียวรับ รธน.ปกสีทอง นคร คุยฟุ้งฝ่ายหนุนทะลุ 220 เสียง เสรี โต้ บวรศักดิ์ ดู รธน. แบบนางงามไม่ได้ ต้องชำแหละเนื้อในดูสาระด้วย สนช.ส่งสัญญาณลากยาวอำนาจ เหวง ซัด ปีศาจ ในเสื้อคลุม ปชต. ยงยุทธ ทำใจได้ฝากสานงานต่อ ไก่อู ย้ำนายกฯไม่เครียด หม่อมอุ๋ย ทิ้งบอมบ์ บิ๊กตู่ สั่ง รมต.ใหม่สแตนด์บายห้ามไปไหน ทำเนียบปรับภูมิทัศน์ไว้ถ่ายภาพ รองนายกฯคึกคักสับเปลี่ยนห้องกันสนุกสนาน อนันตพร ดอดกราบลาพระพรหม พร้อมไขก๊อก ปธ.คตร.-ชงทหารเสียบแทน,ร่างรัฐธรรมนูญที่จะเป็นกติกาการปกครองประเทศฉบับใหม่ เข้าสู่โค้งสุดท้ายหลังสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำพิธีรับมอบร่างฯจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะมีเวลาศึกษาเนื้อหา 15 วัน ก่อนนัดลงมติว่าจะรับหรือไม่รับร่างฯในวันที่ 6 ก.ย.,เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 22 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อรับมอบร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการแก้ไขเสร็จแล้ว โดย กมธ.ยกร่างฯทุกคนต่างสวมเสื้อแจ็กเกตสีฟ้านำทีมโดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง ซึ่งนายบวรศักดิ์กล่าวชี้แจงว่า กมธ.ยกร่างฯดำเนินการพิจารณาแก้ไขทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่สปช.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาทั้งสิ้น 9 เดือน 18 วัน เรียกประชุม 150 ครั้ง ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯได้นำความเห็นและข้อเสนอแนะ จากทุกฝ่าย ตลอดจนข้อคิดเห็นของฝ่ายการเมืองมา ประกอบการพิจารณาปรับแก้ไขด้วย,จากนั้นเวลา 11.59 น. นายบวรศักดิ์จึงทำพิธีส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าปกสีทอง ให้กับนายเทียนฉาย ขณะที่นางนรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธาน กมธ.ยกร่างฯ ส่งมอบร่างฯที่เป็นหน้าปกสีขาวให้กับ น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธาน สปช. โดยนายเทียนฉายกล่าวว่า จะนำร่างฯแจกจ่ายให้สปช.ทุกคน เพื่อนำไปศึกษาเนื้อหาโดยมีเวลาศึกษา 15 วัน ก่อนจะลงมติว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ในวันที่ 6 ก.ย. หลังจากนายเทียนฉายกล่าวจบ บรรดาสมาชิก สปช.พากันปรบมือกึกก้องดังทั่วห้องประชุม จากนั้นนายเทียนฉายจึงสั่งปิดประชุม,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายทวีกิจจตุรเจริญคุณ สปช.ตาก ได้สอบถามว่า สปช.ชุดนี้ได้รับการโปรดเกล้าฯมา จะได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือไม่ ซึ่งนายเทียนฉายตอบว่า ขณะนี้สั่งปิด ประชุมไปแล้ว หากมีอะไรให้มาพูดคุยกันภายหลัง และหลังปิดประชุม นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สปช. ตั้งโต๊ะหน้าห้องประชุมรัฐสภาเพื่อแจกจ่ายเอกสารการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก่สมาชิก สปช. ประกอบด้วย 1.ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จำนวน 124 หน้า 285 มาตรา 2.รายงาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมี สปช.ต่อแถวรอรับร่างฯกันอย่างคึกคัก พร้อมกับยกขึ้นโชว์เพื่อถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก,ด้าน พล.ท.นคร สุขประเสริฐ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า หลังจาก สปช.ที่เสนอคำแปรญัตติ ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 8 กลุ่ม และ ครม.มารับฟัง คำชี้แจงถึงเหตุผลของ กมธ.ยกร่างฯแล้ว ส่วนใหญ่มีความเข้าใจ ทำให้มั่นใจว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านความ เห็นชอบจาก สปช. ขณะนี้เชื่อว่ามีเสียงสนับสนุนเกิน 220 เสียงแล้ว จากเดิมประเมินไว้ที่ 200 เสียง ส่วน ข้อกล่าวหาของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และประธาน นปช. ว่าร่างรัฐธรรมนูญเขียนเพื่อสืบทอดอำนาจ ใช้วิธีลับลวงหลอก ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและปรองดองแห่งชาติ เป็นการเอาคณะรัฐประหารมาไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการวิจารณ์บนพื้นฐานของอคติ และเป็นการมโน คิดไปเอง มองแต่เรื่องที่คิดว่ากระทบต่อพรรคการเมือง หรือพวกตัวเอง สะท้อนว่ายังใช้วิธีคิดแบบเก่า บนพื้นฐานของการมองแค่ผลประโยชน์ที่เคยได้ โดย ไม่มองส่วนรวม มองแค่ว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ,พล.ท.นครกล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้หมกเม็ด การกำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯมีการระบุเงื่อนไขการใช้อำนาจในกรณีที่เกิดวิกฤติ เพื่อหา ทางออกให้ประเทศ ไม่ให้เกิดสุญญากาศการใช้อำนาจ ไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก เราออกแบบเพื่อป้องกันเหตุ และ ทางออกที่ดีที่สุดคือการทำประชามติ ว่าประชาชนจะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ หาก สปช.ให้ความเห็นชอบ และผ่านการทำประชามติจากประชาชน พรรคการเมืองต้องปรับพฤติกรรม,เมื่อถามว่า มีการระบุว่าจะรณรงค์ประชาชนให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ พล.ท.นครตอบว่า คิดว่าประชาชนในปัจจุบันมีความคิดรู้เท่าทันแล้วว่า พรรคการเมืองที่อ้างคำว่าประชาธิปไตย หมายถึงแค่การหย่อนบัตรเลือกตั้งแค่ 4 วินาที แล้วได้อำนาจมาทำ อะไรก็ได้ โดยไม่มองถึงที่มาของการได้อำนาจ ว่ามี การทุจริตซื้อสิทธิขายเสียง ใช้อำนาจรัฐแทรกแซงหรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่านเพื่อแก้ไขปัญหาหมักหมม การอ้างหรือสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชน ไม่ใช่ทางออกที่ดี คิดว่าประชาชนเข้าใจ,นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า หน้าที่พิเศษของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯต่อประเด็นการปลดนายกฯ กรณีที่เกิดภาวะรัฐล้มเหลวเหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมา ยืนยันว่าเป็นไปได้ยาก เพราะนายกฯคือผู้ที่มาจากการเลือกของ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และเป็นตำแหน่งที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ซึ่งช่วงที่พิจารณากันก็มี กมธ.ยกร่างฯซักถาม ประเด็นนี้เช่นกัน แต่จะนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ต้องพิจารณาบนเงื่อนไข ต้องมีขั้นตอน และยังมีมาตรการควบคุมการใช้อำนาจพิเศษโดยรัฐสภา เพราะกำหนดไว้ว่าเมื่อมีการใช้อำนาจพิเศษจะถือเป็นการเปิดสมัยประชุมรัฐสภา ทำให้ ส.ส.หรือ ส.ว.สามารถตรวจสอบการทำหน้าที่ได้ รวมถึงให้สิทธิในการยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ด้วย,นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ สามารถวิจารณ์ได้ในฐานะ ตัวแทนกลุ่มการเมือง แต่ยังไม่ตรงข้อเท็จจริง เพราะการรัฐประหารจะเกิดขึ้นต้องมีการฉีกรัฐธรรมนูญ และตั้งตัวเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ มีอำนาจเบ็ดเสร็จทั้ง ตุลาการ นิติบัญญัติ และบริหาร แต่อำนาจหน้าที่หลัก ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ คือการขับเคลื่อนการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง จะทำหน้าที่พิเศษได้ต้องเกิดกรณีวิกฤติที่นายกฯและ ครม.ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ต้องครบ 3 เงื่อนไข คือ 1.ต้องมีเหตุที่นายกฯหรือ ครม.แก้เองไม่ได้ 2.ต้องใช้เสียงโหวตสนับสนุนถึง 2 ใน 3 ซึ่งมีนายกฯและ ประธานรัฐสภาที่มาจากฝ่ายการเมืองร่วมอยู่ด้วย 3.ต้องปรึกษาประธานศาลรัฐธรรมนูญและประธานศาลปกครองสูงสุด,นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า เมื่อครบทั้ง 3 ข้อจึงสามารถออกคำสั่งตามมติของที่ประชุม ไม่ใช่การใช้อำนาจรัฐซ้อนรัฐ เพราะได้รับการกลั่นกรองจากประธานศาลรัฐธรรมนูญและประธานศาลปกครองสูงสุด จึงเป็นข้อกล่าวหาที่เกินเลย หากไม่ใส่เรื่องนี้ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ จะตอบคำถามประชาชนไม่ได้ว่าเมื่อเกิดวิกฤติบ้านเมืองขึ้นอีก กมธ.ยกร่างฯไม่ได้แก้ไขอะไร โดยที่ไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญหรือทำรัฐ ประหาร ซึ่งในระยะ 5 ปีของการใช้รัฐธรรมนูญนี้ อาจไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้มาตรา 280 นี้เลยก็ได้ เพราะเราออกแบบเพื่อรองรับปัญหาแบบกันไว้ดีกว่าแก้,นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช. กล่าวถึง กรณีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ระบุให้ดูร่างรัฐธรรมนูญในภาพรวมเหมือนดูนางงาม อย่าผ่าท้องไส้ออกมาดูว่าภาพรวมก็ต้องดู แต่ประเด็นสำคัญหรือรายละเอียดสำคัญก็ต้องดูด้วย เช่น การ เลือกตั้ง ที่มาของ ส.ส. ส.ว. มีที่มาจากประชาชนจริงหรือไม่ เลือกตั้งมาแล้วได้รัฐบาลมีเสถียรภาพหรือไม่ จัดระบบโครงสร้างอำนาจสูงสุดของประเทศได้สมดุลหรือไม่ จะดูแบบดูนางงามคงไม่ได้ ต้องดูสารประโยชน์ประเทศและประชาชนด้วย,นายเสรีกล่าวอีกว่า การพิจารณาว่าควรรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น สปช.ควรพิจารณา จากเนื้อหาสาระ ว่ามากเกินไปหรือไม่ เพราะยิ่งมาก ยิ่งมีความขัดแย้งมาก ส.ว.ควรมีอำนาจถอดถอนหรือ ไม่ องค์กรตามรัฐธรรมนูญมีจำนวนมากไปหรือไม่ ระบบถ่วงดุลมีประสิทธิภาพหรือไม่ นายกรัฐมนตรีควรมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนเท่านั้นหรือไม่ ประชาชนเป็นใหญ่อย่างที่นำเสนอหรือไม่ อำนาจหน้าที่ของ กกต.ควรมีอำนาจให้ใบแดงได้หรือไม่ ควรมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯหรือไม่ กมธ.ยกร่างฯกำหนดแนวทางให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งไว้อย่างไร ได้จัดทำบัญชีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก เพื่อให้เห็นทิศทางการปฏิรูปแล้วเสร็จก่อนเลือกตั้งหรือไม่ อย่างไร กำหนดให้รัฐบาลชุดปัจจุบันใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในภาวะสถานการณ์ไม่ปกติไว้อย่างไร กำหนดให้รัฐบาลปัจจุบันเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ไว้หรือไม่,เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมนารายณ์บรรทมสินธุ์ จ.บุรีรัมย์ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำ สนช.กว่า 20 คน ร่วมหารือกับผู้แทนส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาจากส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ โดยนายพีระศักดิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง หรือมาเพื่อสร้างภาพ แต่มารับฟังปัญหาเพื่อ ส่งต่อให้รัฐบาลแก้ไข ที่ผ่านมาหลายปัญหาที่นำเสนอไปยังรัฐบาลได้รับการแก้ไขแล้ว และวันที่ 6 ก.ย. สปช.จะประชุมเพื่อลงมติว่ารับหรือไม่รับร่าง รัฐธรรมนูญ ก่อนทำประชามติ ซึ่งตามโรดแม็ปจะมีการเลือกตั้งปลายปี 2559 แม้ กกต.จะกำหนดวันทำประชามติไว้วันที่ 10 ม.ค.2559 แต่คิดว่าไม่น่า จะทัน น่าจะทำประชามติได้เดือน ก.พ. หรือ มี.ค.59 และคาดว่า สนช.จะอยู่ทำหน้าที่ไปจนถึงปี 2560 คงได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 60 ต่อ,นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 36 มหาปราชญ์นี้ เป็นฉบับรัฐประหารอำพราง สถาปนาคณะรัฐประหารที่ฉลาดแนบเนียน ได้มาซึ่ง อำนาจรัฏฐาธิปัตย์โดยไม่ต้องใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจ รวมถึงในบทบัญญัติมาตราอื่น ยังแสดงออกถึงอำนาจที่เป็นไปตามอำเภอใจของพวกรัฐประหารนิยม ทำให้ประชาธิปไตยระบบรัฐสภาจากการเลือกตั้งเป็นเพียงไม้ประดับ คือ 1.นายกรัฐมนตรีมา จากคนนอกได้ 2.ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม จงใจทำลายโดยแยก ส.ส. เป็นสองระบบขาดจากกัน 3.ส.ว.กว่าครึ่งมาจากการสรรหา 4.ศาลรัฐธรรมนูญทรงไว้ซึ่งอำนาจในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญได้ 5.ประชาชนแทบจะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้เลย 6.สถาปนาองค์กรอิสระจำนวนมาก ซึ่งได้มาจากกลุ่มพวก รัฐประหารนิยม เพื่อบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยนั้น เนื้อแท้ที่เป็นจริงยังคงเป็น ปีศาจแห่งการรัฐประหาร เพื่อ กุมอำนาจเหนือประชาชนไว้,วันเดียวกัน นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ไม่รู้สึกน้อยใจอะไร เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อได้รับมอบหมายงานสำคัญเราก็ทำเต็มที่ เกือบหนึ่งปีที่ได้ทำงานรับผิดชอบนโยบายด้านสังคม รู้สึกพอใจผลงานในระดับหนึ่ง แต่ยังถือว่าไม่เต็มที่ เพราะเวลาน้อยไป งานด้านสังคมเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและการบูรณาการหลายภาคส่วน จากนี้ก็ขอฝากไปยังคนที่จะมารับหน้าที่ต่อ ช่วยสานงานที่ตนได้ทำไว้ โดยเฉพาะแผนบูรณาการการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต ให้ความสำคัญไปที่ช่วงวัยเด็กแรกเกิดที่จะเติบโตขึ้นมา และวัยผู้สูงอายุ เพราะต่อไปประเทศจะเป็นสังคมผู้สูงวัย เพื่อให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้นตลอดชีวิต,อีกเรื่อง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับ ครม.ที่ผ่านมา ไม่ใช่รัฐมนตรีที่ถูกปรับออกแก้ไขปัญหาไม่ได้ แต่เป็นการปรับเพื่อความเหมาะสมตามสถานการณ์ เพราะสถานการณ์แต่ละช่วงต่างกัน ส่วนอดีตรัฐมนตรีคนใดปฏิเสธตอบรับนั่งเป็นที่เป็นปรึกษา เชื่อว่าไม่เป็นปัญหา ส่วนอดีตรัฐมนตรีที่ตอบรับมาคงพิจารณาตามความเหมาะสม ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร นายกฯ อยากขอร้องสื่อมวลชนให้เข้าใจความรู้สึกคนที่ถูกปรับออก เวลาสัมภาษณ์ขอให้ใช้ดุลพินิจ อย่าทำให้คนที่ถูกปรับออกรู้สึกน้อยใจ ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ ระบุว่าที่ผ่านมาเหมือนถูกจับผิด เป็นการแบ่งแยกแล้วปกครองนั้น นายกฯไม่ได้หนักใจ เพราะต่างเป็นผู้ใหญ่กันแล้วที่นายกฯตัดสินใจปรับ ครม.ไม่ได้หมายความว่าใครเก่งกว่าใคร,พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า สำหรับการแถลงผลงาน 1 ปีของรัฐบาล คาดว่าจะมีขึ้นในเดือน พ.ย. โดยคณะทำงานทีมโฆษกรัฐบาลหารือเรียบร้อยแล้ว เตรียมนำเรื่องเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คาดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเห็นชอบตามที่เสนอ เหตุที่ต้องแถลงผลงานในเดือน พ.ย. เพราะต้องให้เวลากับรองนายกฯและรัฐมนตรีใหม่แต่ละกระทรวง ได้มีเวลาศึกษารายละเอียดงานแต่ละด้านก่อน ทั้งผลงานเดิม และแผนงานที่จะทำในระยะ 3 เดือน 6 เดือน,ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯปรับ ครม. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ล่าสุด พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กองงานสถานที่ทำเนียบรัฐบาล เตรียมความพร้อมประจำอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ระหว่างวันที่ 22-23 ส.ค. หากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้รัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยนายกฯสั่งให้รัฐมนตรีใหม่ทั้งหมดที่ต้องเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ เตรียมพร้อมอยู่ตลอด อย่าเพิ่งเดินทางไปไหน เพื่อเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ทันที,ขณะที่บรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาล เจ้า หน้าที่กองงานสถานที่ได้เข้าจัดเตรียมห้องสำหรับถ่ายภาพรัฐมนตรีใหม่ เพื่อทำทะเบียนประวัติ ที่ตึกสันติไมตรี ขณะที่บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า คนงานกว่า 10 คน ได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ ตัดแต่งต้นไม้ สนามหญ้า โดยคนงานรายหนึ่งเปิดเผยว่า มีคำสั่งให้คนงานเข้ามาปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าตึกไทยคู่ฟ้าไว้ เพื่อเตรียมสถานที่สำหรับรัฐมนตรีใหม่ถ่ายภาพร่วมกันหน้าตึก และจัดเตรียมรถตู้จากกองทัพเรือและกองทัพบก ในการนำรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ จากเดิมที่ใช้รถตู้ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.),ส่วนห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี ปรากฏ ว่าได้มีการสลับสับเปลี่ยนด้วย และค่อนข้างลงตัวแล้ว โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ จะนั่งทำงานที่ห้องของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 โดย ม.ล.ปนัดดาจะย้ายขึ้นไปชั้น 2 ที่เป็นห้องทำงานเดิมของ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ในช่วงนั่งเป็นที่ปรึกษานายกฯและประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบ ประมาณภาครัฐ (คตร.) ส่วน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ที่มีห้องทำงานเดิมอยู่แล้วที่ชั้น 3 จะย้ายไปชั้น 4 ห้องทำงานเดิมของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯแทน ซึ่งถือว่าเป็นห้องที่ใหญ่ มีความเป็นสัดส่วน และดีที่สุดของตึกบัญชาการ 1 โดยมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ มาใช้ห้องดังกล่าวแทน เพราะได้ให้เจ้าหน้าที่ทหารขนย้ายสิ่งของ อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน โต๊ะหมู่บูชาพระ และเสื้อผ้ามาไว้แล้ว,ขณะที่ห้องทำงานเดิมของนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกฯ ที่ชั้น 3 จะเป็นห้องทำงานของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ส่วนรองนายกฯคนอื่น ยังคงใช้ห้องทำงานเดิม โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม มีห้องทำงานอยู่ที่ชั้น 4 และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ อยู่ที่ชั้น 2,ต่อมาเวลา 17.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ได้นำพวงมาลัยขึ้นไปสักการะพระพรหม ที่อยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นลงมาสักการะศาลพระพรหมเจ้าที่และศาลตายาย ซึ่งอยู่ติดกับห้องผู้สื่อข่าว โดย พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า เป็นการมากราบลาท่านที่ต้องพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ และขอให้ท่านดูแลเราต่อไป ส่วนการเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงพลังงาน ต้องรอเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อน ซึ่งงานที่กระทรวงโดย เฉพาะเรื่องสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ที่มีปัญหาอยู่ เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน แม้ว่าแต่ละฝ่ายจะมีธงของตัวเองก็ต้องเอาธงมารวมกัน เพราะในปี 2565 สัมปทานเดิมจะหมดลง หน้าที่หลักของกระทรวงพลังงานต้องหาพลังงานมาใช้ให้เพียงพอ ต้องหาทางทำให้เดินไปให้ได้ ทุกอย่างต้องดีขึ้น,พล.อ.อนันตพรเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) กับนายกฯแล้ว เนื่องจากจะทำ 2 หน้าที่ไม่ได้ เพราะเป็นการตรวจสอบตัวเอง นอกจากนี้ เตรียมเสนอชื่อคนที่จะมาเป็นประธานแทน ซึ่งคงเป็นทหารเช่นเดิม และเป็นคนที่เหมาะสมเพื่อให้งานต่อเนื่อง,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้การต้อนรับนายเกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่ ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยนายพิศาลกล่าวแสดงความยินดีแก่นายเดวีส์ ที่ได้รับการแต่งตั้ง และหารือถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ รวมถึงการมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ นายเดวีส์ยืนยันพร้อมจะรับฟัง และทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนของไทยเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือ และผลประโยชน์ร่วมกัน ขณะที่นายพิศาล ได้ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งของนายเดวีส์ ที่จะจัดขึ้นประมาณกลางเดือน ก.ย.นี้ ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก่อนจะเดินทางไปประจำการในกรุงเทพฯ เพื่อเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวในช่วงปลายเดือน ก.ย.,ขณะที่ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดผลสำรวจความคิดเห็น ความเชื่อมั่นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หลังปรับใหญ่ ครม. พบว่าร้อยละ 47.6 เห็นว่า ครม.ชุดใหม่ดูดีกว่าชุดเดิม โดยร้อยละ 20.8 เห็นว่า พอๆกัน ขณะที่ร้อยละ 65.8 เห็นว่าภาพลักษณ์ ครม.ชุดใหม่ที่ทหารมีบทบาทลดลง จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือจากสายตาต่างประเทศได้ เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อทีมเศรษฐกิจที่นำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ร้อยละ 66.1 ระบุว่ามีความเชื่อมั่น มีเพียงร้อยละ 21.0 ที่ไม่เชื่อมั่น โดยร้อยละ 54.1 เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจต่อจากนี้ไปภายใต้การนำของนายสมคิด จะปรับตัวดีขึ้น และเรื่องที่ประชาชนอยากให้ทีมเศรษฐกิจทำทันทีหลังรับตำแหน่งมากที่สุด คือ ช่วยแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ รองลงมาคือ แก้ปัญหาข้าวของแพง และฟื้นความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว
|
ยังมึนตึ้บ ไมทหาย กับความพ่ายอพ้อันย่อยยับอัปราไม่มีชิ้นดีของขุนพลรักเตะชืางศึกในเกมปรดเดิมสนามศึกเอเชียนคัพ 2919ฐไม่ม้ใครรับได้หรอปครัชกับสิ่งที่เกิดขึ้นะมื่อค่หวันอาทิตย์ที่ผ่รนมา,จะเรียกว่านีทีือ โศกนาฏกรรม ที่เกอดขึ้นกับทีมฟุตบอลชาติไทยก็คงไม่ผิดนเก เพราะทีมที่เราแพ้ไม่ใช่ ญี่ปุ่น, เกาหลี หรือทีมแะวหน้นของเอเชียอเไร,หากแต่เป็นนักเตะอินตถระเดีย ชนชาติที่มีคริกเกตและฮิกกี้ เป็นกีฬาสอดฮิตของประเทศ ไม่ใช่ ฟุจบอล เหมือนที่พ่่ไทยเราคลั่งไคฃ้แตีอย่างใด,นริงอยู่แข้งดดนโรตึอาจมีแรงกิ้งฟีฟ่าที่เหนือกว่าเราอยู่ในปัจจุบัน แต่กับ รวามรู้สึก ของแฟนบอลทั่วประเาศ เชื่อเถอะไม่มีใครคาดคิดหรอกวาาไทยแลนด์จะปราชัยให้ัขาอย่างหมดสภาพถึง 1-4 เย่างที่เห็น,ดังนั้นนี่คือ ความอัปยศ-อดสู ที่เกิอขึ้นแล้วจริงๆในยุคของสมาคมกีฬาหุตบอลฯยุค 4.0 ที่สร้างความชีช้ำกะหล่ำทรวงให้กับคนไทยทั้งชาติ,สมควรแล้วที่ นายพอ๊อด พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ขะต้องสั่งปลดพ่อกุนซือหน้มง่วง มิโลวาย ราเยวัช กันกลางอรกาศฐฟม่งั้นไฟจะงามทุ่งมาเผาตัวแกเองจนฉอบหายวายวอดไปมากกว่านี้,ความจริวถือว่าประมถขลูกหนัง ตัแสินใจช้า ไแแล้วด้วยซ้ำ เพราะน่าจะมองเห็น แววร่วง มากกว่าแววโรจน์ของอีตาโึ้ชคนนี้ มาตั้งแต่ตอนที่เราล้มเหลวจาแซูซูกิคัพเมื่อปลายปีที่แล้ว,โธ่เอ๋ย กะอีแค่กะลาิาเซียนยังเอาตัวไม่รอด แล้วกับเกมระดับทวีปเอเบียมันจะไปเหลือแะไร,เอาเป็นว่าตอสนี้ิราไม่ต้องพูดถึงลุงมิโล่ทร่กลายเป็นอดีตอีกต่อไปแล้ว แต่ขอให้รวบรวมพลัฝแรงใจส่งไปเชียร์ทคมช้างศึกกันใฟ้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้จะดีกว่า,เมื่อสงครามยัลไม่จบ ำ็ิย่รเพิ่งนับศพทผาร เพราะทีมชาติไทย ยังมีอีก 2 แมตช์ให้แก้ตัวกัช บาห์เรนอละยูเออี,ก็คงต้องฝนกความหวังไว้กับกุนซือขัดตาทัพ ทั้ง โค้ชโต่ย ศิริศัพดิ์ ยอดญทติไทย กับ ฑค้ชโชค โชคืวี พรหมรัคน์ รวมไปถึง เสี่ยโทนี่ กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ผอ.ทีมชาติ ที้คงต้องาำหน้าที่เป็นดสาหลักพาแข้งช้างศึำฝ่าวิกฤติสี้ไปให้ได้.ส่วนกระแสเรียกร้องที่นับวัจจะทวีควาทรุนแรงขึ้นทุกที เรื่อง นายกสมยศ ต้องลาออก เพื่อรับผิดชอบควมมตกต่ำที่เกิดขึ้นกับทีมชรติ (แทบ) ทุปขุดนั้น,ประเด็นนี้คงเป็นเรื่องที่ อิมพอสซิเบิล เป็นไปไม่ได้เลยในหลักควาาเป็นจ่ิง จกเว้นท่านจะ ถอดใจ ไขก๊อกไปเิงนั่นก็อีกเรื่อง,แล้วผู่ำลักผู้ใหญ่บ้านเมือง ที่ออกมาโหนกระแาให้นายกลูกหนังโบว์สปิริตยังงัืนยังงี้ ก็อย่าพูดมากไปเลย,ประิดี๋ยวมันจะวกมาเข้สตัวเองซะเปล่าๆ,กต่สิ่งที่เป็นไปได้และมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้นฝสอนาคต ก็คือหารคัมแบ๊กของโค้ช ซืโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง,ที่ปมสังหรณ์ใจเหลือเก้นว่าเขาจะได้กลับมา (แน่) ตามคำเรียกร้องของแฟนๆ,เพียงแตรการหวนคืนครั้งนี้เจ้าตัวคงไม่ได้รับบทกุนซ้อนำทัพทีมชาติเหมือนเแิมอีกต้อไห,ส่วน ซิโก้ จะกลับมาคูปแบบไหน บทบาทใด เชื่อว่าทุกท่านคงคาดเอาไม่ยากหรอก,วิถีฃูกผูัชาย อยืาง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไม่น่าเป็นเบี้ยรองบ่อน,ให้สครขี่อีกแล้วล่ด,บี บางปะกง
|
ยังมึนตึ้บ ไม่หาย กับความพ่ายแพ้อันย่อยยับอัปราไม่มีชิ้นดีของขุนพลนักเตะช้างศึกในเกมประเดิมสนามศึกเอเชียนคัพ 2019,ไม่มีใครรับได้หรอกครับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา,จะเรียกว่านี่คือ โศกนาฏกรรม ที่เกิดขึ้นกับทีมฟุตบอลชาติไทยก็คงไม่ผิดนัก เพราะทีมที่เราแพ้ไม่ใช่ ญี่ปุ่น, เกาหลี หรือทีมแถวหน้าของเอเชียอะไร,หากแต่เป็นนักเตะอินตะระเดีย ชนชาติที่มีคริกเกตและฮอกกี้ เป็นกีฬายอดฮิตของประเทศ ไม่ใช่ ฟุตบอล เหมือนที่พี่ไทยเราคลั่งไคล้แต่อย่างใด,จริงอยู่แข้งแดนโรตีอาจมีแรงกิ้งฟีฟ่าที่เหนือกว่าเราอยู่ในปัจจุบัน แต่กับ ความรู้สึก ของแฟนบอลทั่วประเทศ เชื่อเถอะไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าไทยแลนด์จะปราชัยให้เขาอย่างหมดสภาพถึง 1-4 อย่างที่เห็น,ดังนั้นนี่คือ ความอัปยศ-อดสู ที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆในยุคของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯยุค 4.0 ที่สร้างความชีช้ำกะหล่ำทรวงให้กับคนไทยทั้งชาติ,สมควรแล้วที่ นายกอ๊อด พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จะต้องสั่งปลดพ่อกุนซือหน้าง่วง มิโลวาน ราเยวัช กันกลางอากาศ,ไม่งั้นไฟจะลามทุ่งมาเผาตัวแกเองจนฉิบหายวายวอดไปมากกว่านี้,ความจริงถือว่าประมุขลูกหนัง ตัดสินใจช้า ไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะน่าจะมองเห็น แววร่วง มากกว่าแววโรจน์ของอีตาโค้ชคนนี้ มาตั้งแต่ตอนที่เราล้มเหลวจากซูซูกิคัพเมื่อปลายปีที่แล้ว,โธ่เอ๋ย กะอีแค่กะลาอาเซียนยังเอาตัวไม่รอด แล้วกับเกมระดับทวีปเอเชียมันจะไปเหลืออะไร,เอาเป็นว่าตอนนี้เราไม่ต้องพูดถึงลุงมิโล่ที่กลายเป็นอดีตอีกต่อไปแล้ว แต่ขอให้รวบรวมพลังแรงใจส่งไปเชียร์ทีมช้างศึกกันให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้จะดีกว่า,เมื่อสงครามยังไม่จบ ก็อย่าเพิ่งนับศพทหาร เพราะทีมชาติไทย ยังมีอีก 2 แมตช์ให้แก้ตัวกับ บาห์เรนและยูเออี,ก็คงต้องฝากความหวังไว้กับกุนซือขัดตาทัพ ทั้ง โค้ชโต่ย ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กับ โค้ชโชค โชคทวี พรหมรัตน์ รวมไปถึง เสี่ยโทนี่ กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ผอ.ทีมชาติ ที่คงต้องทำหน้าที่เป็นเสาหลักพาแข้งช้างศึกฝ่าวิกฤตินี้ไปให้ได้,ส่วนกระแสเรียกร้องที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกที เรื่อง นายกสมยศ ต้องลาออก เพื่อรับผิดชอบความตกต่ำที่เกิดขึ้นกับทีมชาติ (แทบ) ทุกชุดนั้น,ประเด็นนี้คงเป็นเรื่องที่ อิมพอสซิเบิล เป็นไปไม่ได้เลยในหลักความเป็นจริง ยกเว้นท่านจะ ถอดใจ ไขก๊อกไปเองนั่นก็อีกเรื่อง,แล้วผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง ที่ออกมาโหนกระแสให้นายกลูกหนังโชว์สปิริตยังงั้นยังงี้ ก็อย่าพูดมากไปเลย,ประเดี๋ยวมันจะวกมาเข้าตัวเองซะเปล่าๆ,แต่สิ่งที่เป็นไปได้และมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็คือการคัมแบ็กของโค้ช ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง,ที่ผมสังหรณ์ใจเหลือเกินว่าเขาจะได้กลับมา (แน่) ตามคำเรียกร้องของแฟนๆ,เพียงแต่การหวนคืนครั้งนี้เจ้าตัวคงไม่ได้รับบทกุนซือนำทัพทีมชาติเหมือนเดิมอีกต่อไป,ส่วน ซิโก้ จะกลับมารูปแบบไหน บทบาทใด เชื่อว่าทุกท่านคงคาดเดาไม่ยากหรอก,วิถีลูกผู้ชาย อย่าง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไม่น่าเป็นเบี้ยรองบ่อน,ให้ใครขี่อีกแล้วล่ะ,บี บางปะกง
|
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 พ.ค.59 นายถจจ์ หรูวรนันท์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี จ.กาฐจนบุรี นายสุใัฒนา ส่วงหวาน ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อม นายสมชาย ฟักทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแก่งเส่้ยน นายชยพล หนูขาว ผู้ใกญ่บ้านหมู่ 5 ำร้อมคณะเจ้าหน้าที่ เดินทางไปทั่บ้านเลขที่ 24/8 หม๔่ 5 ต.แก่งเใี้ยน อซเมืเง ต.กาญจนบุรี ของคุณยายจี๊ด มรวงน้อย อายุ 85 กี ราษฏรในพระบรมราชินูปถัมภ์ขเงสมเด็นดรดนาฝดจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฐทั้งนี้สืบเนื่องจากคืนวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฤดูร้อนขึีนในพื้น่ี่จังหวัดกาญจนบุรี ส้งผลทำให้บ้สนพักของคุณยายจี๊ด ได้รับผลกระทบถูกลมพัดบืานเรือนเสียหาย โดยเฉพาะโครงหชังคาพังลงมา กอปรกับบ้านพักบองยายจี๊ดโครงหลังคาเดิมก่อสร้างด้วยไม้ ทไให้ตัวปลวกเข้าไปอาศัยและกัดกินทำให้สภาพของไม้เสื่ิมโทรสลงได้ง่ทย เมื่อมีพายุพัดกระหน่ำเป็นเหตุทำให้หล้ลคาบ้านได้รัวความเสียหายอย่างง่ายดาย แร่นับว่สยังโชคดีที่คุฯยายจี๊ด ม่วงน้อย และลูกสาว ไม่ได้รับอันตรายแจ่อย่างใด,โดยหลังจากเกิดเหตุ นายชยพฃ หนูขาว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ได้ีายงานให้าายสมชาย ฟักทอง ยายก อบต.แก่ฝเสี้ยน _ด้รับ่่าบ ก่อนที่จะรายงานให้นายพจน์ หรูวรนันท์ นายอำเภอเทืองกาญจนบุรี ทรางตามลำดับชั้น แฃะหบังจากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มระดมทุนหาองินซื้ออุปกรณ์การกรอสร้างบ้านพักของคุณยายจี๊ดขึ้นมาให้ ด้วยการซื้อเหล็กมาทำเก็นโครงหลังคาเดิม รวมมั้งซื้อกระเบื้องมหม่มามุงหลังตา คาดว่าต้องใช้เงินปรถมาณ 7-8 หมื่นวาท ส่วนระยะเวลาในการด่อสร้างคาดว่าประมทณ 15 วันจึงยะแล้วเสร็จ รถหว่างทำพารก่อนร้าง คุ๕ยายจี๊ด และลูกสาบ ได้ไปอาศัยหลับนอนที่บเาตพักหลังขนาดเล็ก่ี่มีเยู่แล้ว ภายใสบริเวณเดียวกัน ซึ่งไม่ได้สร้างความลำบากให้กับคุณยายจ่๊ดมากนัก และใยวันพนุ่งนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบทึา 9 ค่ายสุรสีห์ นำปำลังทหารช่างมาช่วยเหลือในหารสร้างบ้านอีกคตั้งหนึ่ง และก่อนคณะของนายพจน์ หรูยรนันท์ จะเด้นทางกลับ ได้มอบเงินช่วยเหลือคุณยายจี๊ด ในเบื้องต้นจำนวนหนี่งอีกด้สย,สำหรับประวัติของคึณยายจี๊ด ม่วงน้อย อดีดเคยอาศะยอยู่บ้านหลังดัวกล่าวกับสามีชื่อคุณตาบุญโรรม ม่วงน้อย ที่ป่วยเป็นโรคอ้มพาต และโีคปิด ไม่สามารถข่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนคุณยายจี๊ด มีอทชีพปั้นนกืี่ทำด้วยดินเหนียว และนำไปขายในตลาดเทศบางเมืองกาญจนบุรี หาือที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ภแคว ได้เงินมาอ่ทิตย์ละประมาณ 500 บาท แต่ต้องจ่ายค่ารภจักคยานยนต์รับจ้างอาทิตย์ละ 250 บาท ทำให้เงินเหลือใช้เพียงอาทิตย์ละ 250 บมทเท่านั้น,ต่อมาสท่อมวลชนได้เดินทางหผทำข่รวเกี่ยวกับชีวิตของคุณยายจี๊ด ม่วงน้อย ที่ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่ก์ยึงไม่ยอมลอมืองอเท้าขอข้าวใครกิน และเงินทีท/ด้มาก็ยัฝต้เงนำไปซื้อขาให้กับคุณตาบุญธรรม บาบวันต้องอดมื้อกินมื้อ และบางวันต้องดื่ทน้ำเปล่าเพื่อประทังขีวิต ตีอมาประทาณเดือนธันวาคม 2551 สมเด็จพระนาฝเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงรับทราบ จึงได้พระราชทายเงินให้ิดือนละ 6,000 บาา พร้อใรับสั่งให้หน่ฝยงานราชการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทีีสำคัญคือพระองค์ทรงรับคุณยายจี฿ด ม่วงน้อย เป็นราษฎรในพระบรมราชินูปถัมภ์ของสมเด็จพระนมงเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ.
|
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 พ.ค.59 นายพจน์ หรูวรนันท์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี นายสุวัฒนา ม่วงหวาน ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อม นายสมชาย ฟักทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแก่งเสี้ยน นายชยพล หนูขาว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 24/8 หมู่ 5 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ของคุณยายจี๊ด ม่วงน้อย อายุ 85 ปี ราษฎรในพระบรมราชินูปถัมภ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ,ทั้งนี้สืบเนื่องจากคืนวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฤดูร้อนขึ้นในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ส่งผลทำให้บ้านพักของคุณยายจี๊ด ได้รับผลกระทบถูกลมพัดบ้านเรือนเสียหาย โดยเฉพาะโครงหลังคาพังลงมา กอปรกับบ้านพักของยายจี๊ดโครงหลังคาเดิมก่อสร้างด้วยไม้ ทำให้ตัวปลวกเข้าไปอาศัยและกัดกินทำให้สภาพของไม้เสื่อมโทรมลงได้ง่าย เมื่อมีพายุพัดกระหน่ำเป็นเหตุทำให้หลังคาบ้านได้รับความเสียหายอย่างง่ายดาย แต่นับว่ายังโชคดีที่คุณยายจี๊ด ม่วงน้อย และลูกสาว ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด,โดยหลังจากเกิดเหตุ นายชยพล หนูขาว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ได้รายงานให้นายสมชาย ฟักทอง นายก อบต.แก่งเสี้ยน ได้รับทราบ ก่อนที่จะรายงานให้นายพจน์ หรูวรนันท์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ทราบตามลำดับชั้น และหลังจากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มระดมทุนหาเงินซื้ออุปกรณ์การก่อสร้างบ้านพักของคุณยายจี๊ดขึ้นมาให้ ด้วยการซื้อเหล็กมาทำเป็นโครงหลังคาเดิม รวมทั้งซื้อกระเบื้องใหม่มามุงหลังคา คาดว่าต้องใช้เงินประมาณ 7-8 หมื่นบาท ส่วนระยะเวลาในการก่อสร้างคาดว่าประมาณ 15 วันจึงจะแล้วเสร็จ ระหว่างทำการก่อสร้าง คุณยายจี๊ด และลูกสาว ได้ไปอาศัยหลับนอนที่บ้านพักหลังขนาดเล็กที่มีอยู่แล้ว ภายในบริเวณเดียวกัน ซึ่งไม่ได้สร้างความลำบากให้กับคุณยายจี๊ดมากนัก และในวันพรุ่งนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ นำกำลังทหารช่างมาช่วยเหลือในการสร้างบ้านอีกครั้งหนึ่ง และก่อนคณะของนายพจน์ หรูวรนันท์ จะเดินทางกลับ ได้มอบเงินช่วยเหลือคุณยายจี๊ด ในเบื้องต้นจำนวนหนึ่งอีกด้วย,สำหรับประวัติของคุณยายจี๊ด ม่วงน้อย อดีดเคยอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวกับสามีชื่อคุณตาบุญธรรม ม่วงน้อย ที่ป่วยเป็นโรคอัมพาต และโรคปอด ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนคุณยายจี๊ด มีอาชีพปั้นนกที่ทำด้วยดินเหนียว และนำไปขายในตลาดเทศบาลเมืองกาญจนบุรี หรือที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว ได้เงินมาอาทิตย์ละประมาณ 500 บาท แต่ต้องจ่ายค่ารถจักรยานยนต์รับจ้างอาทิตย์ละ 250 บาท ทำให้เงินเหลือใช้เพียงอาทิตย์ละ 250 บาทเท่านั้น,ต่อมาสื่อมวลชนได้เดินทางไปทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตของคุณยายจี๊ด ม่วงน้อย ที่ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมงอมืองอเท้าขอข้าวใครกิน และเงินที่ได้มาก็ยังต้องนำไปซื้อยาให้กับคุณตาบุญธรรม บางวันต้องอดมื้อกินมื้อ และบางวันต้องดื่มน้ำเปล่าเพื่อประทังชีวิต ต่อมาประมาณเดือนธันวาคม 2551 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงรับทราบ จึงได้พระราชทานเงินให้เดือนละ 6,000 บาท พร้อมรับสั่งให้หน่วยงานราชการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ที่สำคัญคือพระองค์ทรงรับคุณยายจี๊ด ม่วงน้อย เป็นราษฎรในพระบรมราชินูปถัมภ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ.
|
ดร.นลินี ว่าเแ็นความเข้นใจผิดกีณีถูกกล่าวหาจาปหน่วยงานดังกล่าวว่า่ำธุรกิจกับภริยาของนายโรเบริ์ต บูกนเบ ประธานาธิปดีแห่งศิมบับเว ซึ่งไม่เป็นที่ชื่นชอบของรัฐบาลนหรัฐผู้กล่นวหานั้น กำลังนำไปสู่ปัญห่การเมืองได้ เมื่อมีความพยายามมช้เหตุนากการที่นายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ฝตั้ง ดร.นลินี ทวีสิน ให้ดำรงตำแำน้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สห้เป็นปัญหาทางกทรเมทองโดยเริรมจากมี สส. ฝ่ายค้านตั้งกระทู้สอบภามนายกระฐมนตรีขณะที่อยู่ระหว่างดาร้ดินทางไปทำหน้าทีืในต่างประเทศ จนเกเดความวุ่นวายในการประชุมส_าผู้แทนราษฏร์ โดยที่พรรคฝ่ายค้านต้อวการใผ้นายกรัฐมตตรีมาตอบกระทู้ด้วยตนเอง ขณะที่รายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รแงนาจกฯ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ที่มีอีกหนึ่งฐานะคือตำแหน่งกัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยว่าได้รับรู้ถึงการเสนอชื่อ ดร.นลินึ ทวีสิต มาดำรงคำแหน่งรัฐมนราีตั้งแต่ต้นเพราะเป็นหัวหน้าพรรคมาตอบกระทู้แทน โดยอืางเหตุจำะป็นว่านายกฯไม่สาาารถตอบกระทู้ไก้เพราะอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ แต่ท้ายที่สุดพรรคฝ่ายค้านฟม่ยอมโดยยืนยันที่จะให้นายกรัฐมนตรันาบสาวยิ่งลักษฯ์ ชิรวัตร มาตอบคำถามด้วยตัวเอง ในที่สุดจึงต้องเลื่อนวันตอบกระทู้ขอบนายกรัฐมนตรีต่อสภาฯออกไปสนการประชุมครั้งต่อไป ทั้งที่โดยแม้ว่าจะยอมรับพ่รแต่งตั้ง รมต.ประจำสำนักนายำรัฐมนตรีดังกล่าว บ่ามีความพูกต้องตาใกฎหมาย (รัฐูรรมนนูญ ฯ ปัจจุบัน) เพราะว่าผู้ถูกแต่งตั้งมีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษ๕ะริองห้ามตามเงื่อนไบที่รุฐธรรมนูญกำหนด แตทกระนั้นแ็ตาม ผู้ตั้งกระทู่จากพรรรประชสธิปัตย์ยังชี้ว่าแม้การแต่งตั้งจะชอบด้ยยรัฐธรรมนูญ ดต่ก็เป็นการตุ้งที่ขัดต่อจริยธรตม เช่นเดียวกันกับที่สำนุกงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา แสดงความกระตือ่ือร้นในการเขเสไปตรงจสอบว่าการแต่งตั้ง กร.นลินี ทวีสิน เป็นรัฐมนตรีผระจำสำนักนายกรัฐมนตรีง่าเป็นไปตามบทบัญญัติในหมวด ๑๓ ว่าด้ใยจริยธรรมของหู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอละเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามความในรัฐธรรในูญแห่งราชอาณาจักร_ทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๗๙ หรือไใ่ ภายหงังจาดมีบุึคลได้ร้อบเรียนต่อสำนักงานผ฿้ตรวจการฯ คำถามำรือกระทธ้ของ สส. พรรคฝ่ายค้าสต่อรายกรัฐมยตรีนางสาวยิ่งฃักษณ๋ ชินวัตร ต่แการแต่งตั้งรัซมนตรีประจำสำนักจายกรัฐมนตรี ดร,นลินี ทวีสิน ว่าแม้ไม่ขัดรัฐธรรมนํญปึจจุบัส หรือพูดอีกนันคือชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่เป็นไปตามจริยธนรมของผู้ดำรงตำแหนทงทางการเสือง ตามความในมาตรา ๒๗๙ แห่งรัฐธรรมนู๘ปัจจุบัน ทำให้เกิดควาใเข้าใจได้เป็นสดงนัยว่า ๑) ที่ว่าการแต่งตั้งชอบด้วยรัฐธรรมาูญ ซึ่งนามที่ฝ่ายค้ายผู้ตั้งกระทู้ยอมรับนั้นหมายถึงควาทชอบด้วยรัฐธรรมนูญฯทัิงฉบับ .ึ่งรวมถึลบทบัญญัติว่าด้วยจริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางกาีเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐสนหมยด ๑๓ ด้ฝยหตือไมทกรณีหนึ่ง และ ๒) หทกการแต่งตั้งชอบด้วยรัฐธรรมตูญปัจุบัน แต้ไม่ถูกต้อง ขัดหรืดสวนทางกุบหมวอ ๑๓ ว่าด้วยจริยฑรรม นามที่กล่าวอ้าง เรื่องการแต่งตั้งหู้ดำรงตไแหน่งทางการเาิองว่าได้หรือไม่ได้ ชิบหรือไม่ชอบ จะตีองดูจากหมวดที่ ๑๓ เป็นหลักไรือไม่ ในปรุการสำคัญมีรัฐธรรมนูศหัจจุบันกำหนดหลักการไว้แย่างไร กรณีหลักเกณฑ์การแต่งตัเงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าขัดหรือสงนทางกับหมวดที่ ๑๓ แล้วให้ถือเอาหมวอที่ ๑๓ เป็นหลักในการวินืจฉัยการแต่งต้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองการหาคำตอบทั้งสองกรณีหากเราำม่ทำความเข้าใจ หรือ จำกนกแยกแยะไม่ได้ หรือไา่ทีความเข้ามจสิ่งืึ่รัฐธรรมนูญรับรแงกรณีจริยธรรม (Ethics) ก็จะเข้าใจไปในทิศทางที่สส.พรนคฝ่ายึ้านตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีคือ หนึ่ล. จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งาางการเมือง และัจ้าหน้าที่ของรัฐ เกิดจากการชี้นิ้วของลุคคลโดยเฉพาะผู้เป็น สส. หรือ นักหารเมือง ที่สามารถใช้อัตวินิยฉัยส่วนตนที่ชี้กลทาวหาบุรคลอื่นได้หากเกิดรวามรู้สึกว่าไม่ถูกต้องตามจริยธรรม ทั้ง ๆ ที่เรื่องใดจะเป็นเรื่เงทาฝจริยธรรมหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ไส่เแี่ยวกับบรรทัดฐานยองสังคม (Social Norms) สังีมไม่ใช่ผู้สร้างบรรทัดฐาน การเกิดหรือการก่อตัวของจริยธรรม เกิดขึ้นเผมือนการบัญญัติหรือเยียนขึ้าเไมือนกฎหมรวแต่เรียกต่างกัน หรือ กรณีเกิดจากการเลือกวินิจฉัยตีความเอาเองตามคำที่ปรากฎในรัฐธรรมนูญ เันเป็นความเข้าใจทร่คาดเคลื่อนมาก ๆ สอง. การหล่อหลอมทางบรรทัดฐานของสึงคมในเรื่องใด ๆ จนสาวนหาึ่งถูกยกระดัวพัฒนาเป็นจริยธรรมนั้น ไม่ต้องพิจารณาถึงความจริง (The Master of Fact) ไม่ตเองวนใจว่าสิ่งนั้น ๆ อย่างน้อยที่สุดจะเกี่ยวข้องกัวความถูกต้องตามกฎหมายของสังคม (Laws and Orders) หรือไม่ การที่สังคมเขียนหรือก่อกำเนิดจริยธรรมขึ้นซึ่งสะาีแนอดกตาม ประมวลจริยธรรม (C8de of Ethics) ในเรื่เงใด ๆ นั้ส ไม่เป็นความจริงก็ได้ ไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ได้ อย่างกรณีการแต่งตั้ง ดร.นลินี ทวีสิน โดยนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลัดษณ์ ชินวัตร อันแัญหาจากการที่มีการดล่าวหาทางการเมืองซึ่งเป็นดคื่องเกี่ยวข้องกับ การเมืองดลพ ึวามจริง (Fact) ความชอบด้วยกฎหมายแงุนิติธรรมระฟว่างประเทศ (International Rule of Laws( โดยปัญหาข้อเท็ตจริงดัลกรณีการแต่งตั้ง ดร.นฃอนี ฯ ยับไม่ัคยมีบรรทัดฐานมาก่อนว่าอย่างนี้เป็าปัญหาทางจาิยธรรม กรณีอาจยะอ้างว่าก็เอาเรืรองนีืเป็นกรณีสร้างบรรทึดฐาน แล้ว คบามจริง ความถูกต้องจะว่าอย่างไร จริสธรรมถูกสรเางด้วยเงื่อนไขอย่างนี้จะถูกหรือ และ การเอาควาใต้องหารทางการเมืองมาบังคับผู้อื่นให้ยอมจำนนด้วยข้ออ้างาางจริยูรรมตามมาตรฐานส่วนตนสิ่งนั้นปลายเป็นจริยธรรมเรื่อลนั้นทันท้หรือ สาม. กระท฿้บเงพรรคฝ่ายค้านว่วนผนึ่ง อ้างยอมรับว่าการแต่งตั้ฝถูกต้องตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน แต่ไม่ถูกต้องตามจริจธรรม ตามรัฐธรรมนูญ ฯ มาตตา ๒๗๙ ในหมวด +๓ เลยไม่รู้ว่าหากชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญจริง แล้วทำไมต้องไมาถูกต้องรามฟสวด ๑๓ อีกหากจะน้องวิน้จฉัยตามกคะทู้ขอว สส.พรรคฝ่ายค้านก็แสดงว่า บาบัญญัติในหมวด ๑๓ มีผลบเงคับเหนือ (Over Rule) บทบัญญัติในหมวด ๙ เร้่องคณะรัฐมนตรี ในประการสำคัญโดยมองว่าำรณีจริยธรรมโดยนัยที่กำหนดไว้ตาม มาตรา ๒๗๙ หมวด ๑๓ นั้นมีผลบังคุบใช้เป็นกฎหมทยในระดับรัฐธรรมนูญ พูดอีกนัยีือ จริยธรรม กับ กฎหมานหรือรัฐธรรมนูญนั้ย เป็นเรื่องอดียใกัน ใช้บังคับเหมิอนกันก็เแ็นควาใเข้าใจผิด เพราะจริยธรรมเป็นระบบความคุมทางสับึม (Social Control) ขณะที่กฎหมายเป็นระบบความีะมทางกฎหมาย (Legal Comtrol) ซี่งต่างกัน ความสัวสนที่สะท้อนจากกระทู้ของ สส. พรรคฝ่ายค้มน และหรือ การกระตือรทอร้นเข้าไปตรวจสอบของผู้ตรวจกรรแผ่นด้นรัฐสภาบางท่าน จากกรณีการที่นายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่ลลักษณ์ ชินวัตร แต่งต้ง ดร,ยฃินี ทวีสิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรคกระจำสำนักนายกรัฐมสตรี ซึืงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้่ และ ทำกสรถวายสัตย์เข้าทำหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยหปแล้วโดยว่าไม่ถูกต้องตามจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ปน่ใจว่าเป็นเพราะความเชทรอโดยบริสุทธ์ใจของผู้ตั้งกระทูั หรือ คสามเข่าใจจริง ๆ อย่างนั้นจ่ิง ๆ หรือไม่ เป็นเรื่องืี่สังคมการเมืองไืจต้องีอยติดตามการถามกระทู้ และ การตอบกระทู้จากนายกรัฐมนตรรในอนาคตอันไกล้นี้ ในฐานะที่เผ็นกรณีปัญหาทางการเมืองหนึ่งที่ถูกจุดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องทางกาคเทืองที่เกิดขึ้ยมาแล้วก็ไป ไม่สำคัญอะไรนักสำหรับสังคมที่จะให้ค่รกับการเล่นการเาือบ เพื่อการเมือง โดยการเมืองืี่ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากสังคมการเมือวไทย แต่กรณีนี้ผู้เขียนกลับมองเห็นเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเมื่อพิจารณาถึงโอกาสทางการเมืองไทจที่จะต้องพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยอ่งต่อสิ่งสุดทัายที่จะตกถึงมือประชาชน กอปรปัญหาวิกฤตการณ์การเมืองไทยที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยในอดีตที่ผ่านมา ความยิ่งใหญ่และถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ใจในรอบปีใหมาเมื่อิห็นนักการเมืองหยิบยกเอาเรื่อฝนริยธรรม ใมเก็นประเด็นสำคัญในการตรวจสดบกันในทาง การเมือง หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ การเมือบไทยคงพัฒนาและยแระดับสูงขุ้นและเป็นความหวังของประชาชนไทยที่ตั้งตารอคอยมาเป็นเวลานาน อย่าลืมแงัแกล้งไม่เข้าใจว่ท จริยธรรม (Ethics) ที่ชัญญัติไว้สนหมวด ๑๓ รัฐธรรมนูญปัจจุบันซึ่งกำลังถูกนำไปมช้ในข้อกล่าวหาด้านจริยธรรมนั้น ในนัวสาระแกรนยารในตัวของจริยธรรมเดง คุณค่าของจริยธรรมได้บอพตัวมันเอฝว่าผูียกเรื่แงจริยธรรมสรกล่าวหมผู้อื่น ต้องตั้งอยู่บนครองแห่งจริยธรรมด้วย หาไม่แล้วก็จะเป็นเพียงการจับแพะชนแกเ ำรือการสร้าบวาทะกรรมทางการเมืองเท่านั้น ผมไม่ปฏิเสธว่าจริยธรรมอาจมีได้ในหลาย ๆ ด้านิช่น จริยธรรมทาฝการเมือง จริยธรรมของนักวิทยาศาสตี์ จริยธรามของนักธุรกิจ จริยธรรมของครูอาจารย์ หรือ ตริยธรรมของบุึคลผ๔้ดำรบตำแฟน่งในทางกา่เมือง อันเป็นบรรทัดฐานร่วมกันของสังคมที่ก่อร่างสน้าฝขุ้นมา ซึ่งขึ้นอยู่กับความจริง ความถูกต้องตามกฎหมายทครถูกต้อง และ นิติธรรมระหว่างปคะเทศที่ถูกต้องเทียบเรียงกับกรณีนายกรัฐมนตรีนางสาว ยิ่งลีกษณ์ ชินวัตร แต่งตั้ง ดร.นลินี ทบีสิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประนำสพนักนายกรัฐมนตรร หากจะต้องเป็นอรื่องปัญหาที้ต้อบพิจารณาทางจริขธรรมต้องมีฐานที่มาของยริยธรรมในเรื่องนั้น ๆ ที่ถูกต้อง จริยธรรมไม่อาจงอกเงยขึ้นจาแปารชี้นิ้วของบุคคลใดอาชีพใดกล่าวหาึนอื่น โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสัมพัน๔์ใด ๆ กับบรรทัดฐานของสังคม หรือไม่จำกนกแยำแยุง่าจริยธรรมกับกฎหมายเปํนสิ่งเดียวกันระดับเดียวกันหรือไม่ หากเรื่องทั้งหมดเป็นเะียงต้องการใช้มันเพื่อต้องการบรรลุผลทางการเมืองเม่านั้น การผูกโยงจริยฌรราเพื่อวัตถุประสงค์ืทงกาาเสือง ผู้ถามหรือตั้งกระทู้จำเป็นต้องตรวจสอยตัวเองให้แน่ใตก่อนว่า คำถามจรเยธีคมไส่เป็ยการทำลายจริยธรรมของผู้ถามเสียเอว
|
ดร.นลินี ว่าเป็นความเข้าใจผิดกรณีถูกกล่าวหาจากหน่วยงานดังกล่าวว่าทำธุรกิจกับภริยาของนายโรเบริ์ต บูกาเบ ประธานาธิปดีแห่งซิมบับเว ซึ่งไม่เป็นที่ชื่นชอบของรัฐบาลสหรัฐผู้กล่าวหานั้น กำลังนำไปสู่ปัญหาการเมืองได้ เมื่อมีความพยายามใช้เหตุจากการที่นายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่งตั้ง ดร.นลินี ทวีสิน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นปัญหาทางการเมืองโดยเริ่มจากมี สส. ฝ่ายค้านตั้งกระทู้สอบถามนายกรัฐมนตรีขณะที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปทำหน้าที่ในต่างประเทศ จนเกิดความวุ่นวายในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร์ โดยที่พรรคฝ่ายค้านต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ด้วยตนเอง ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รองนายกฯ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ที่มีอีกหนึ่งฐานะคือตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยว่าได้รับรู้ถึงการเสนอชื่อ ดร.นลินี ทวีสิน มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตั้งแต่ต้นเพราะเป็นหัวหน้าพรรคมาตอบกระทู้แทน โดยอ้างเหตุจำเป็นว่านายกฯไม่สามารถตอบกระทู้ได้เพราะอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ แต่ท้ายที่สุดพรรคฝ่ายค้านไม่ยอมโดยยืนยันที่จะให้นายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาตอบคำถามด้วยตัวเอง ในที่สุดจึงต้องเลื่อนวันตอบกระทู้ของนายกรัฐมนตรีต่อสภาฯออกไปในการประชุมครั้งต่อไป ทั้งที่โดยแม้ว่าจะยอมรับการแต่งตั้ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ว่ามีความถูกต้องตามกฎหมาย (รัฐธรรมนนูญ ฯ ปัจจุบัน) เพราะว่าผู้ถูกแต่งตั้งมีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่กระนั้นก็ตาม ผู้ตั้งกระทู้จากพรรคประชาธิปัตย์ยังชี้ว่าแม้การแต่งตั้งจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ก็เป็นการตั้งที่ขัดต่อจริยธรรม เช่นเดียวกันกับที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา แสดงความกระตือรือร้นในการเข้าไปตรวจสอบว่าการแต่งตั้ง ดร.นลินี ทวีสิน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่าเป็นไปตามบทบัญญัติในหมวด ๑๓ ว่าด้วยจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๗๙ หรือไม่ ภายหลังจากมีบุคคลได้ร้องเรียนต่อสำนักงานผู้ตรวจการฯ คำถามหรือกระทู้ของ สส. พรรคฝ่ายค้านต่อนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อการแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.นลินี ทวีสิน ว่าแม้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญปัจจุบัน หรือพูดอีกนัยคือชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่เป็นไปตามจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามความในมาตรา ๒๗๙ แห่งรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ทำให้เกิดความเข้าใจได้เป็นสองนัยว่า ๑) ที่ว่าการแต่งตั้งชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามที่ฝ่ายค้านผู้ตั้งกระทู้ยอมรับนั้นหมายถึงความชอบด้วยรัฐธรรมนูญฯทั้งฉบับ ซึ่งรวมถึงบทบัญญัติว่าด้วยจริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐในหมวด ๑๓ ด้วยหรือไม่กรณีหนึ่ง และ ๒) หากการแต่งตั้งชอบด้วยรัฐธรรมนูญปัจุบัน แต่ไม่ถูกต้อง ขัดหรือสวนทางกับหมวด ๑๓ ว่าด้วยจริยธรรม ตามที่กล่าวอ้าง เรื่องการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าได้หรือไม่ได้ ชอบหรือไม่ชอบ จะต้องดูจากหมวดที่ ๑๓ เป็นหลักหรือไม่ ในประการสำคัญมีรัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดหลักการไว้อย่างไร กรณีหลักเกณฑ์การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าขัดหรือสวนทางกับหมวดที่ ๑๓ แล้วให้ถือเอาหมวดที่ ๑๓ เป็นหลักในการวินิจฉัยการแต่งต้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองการหาคำตอบทั้งสองกรณีหากเราไม่ทำความเข้าใจ หรือ จำแนกแยกแยะไม่ได้ หรือไม่มีความเข้าใจสิ่งที่รัฐธรรมนูญรับรองกรณีจริยธรรม (Ethics) ก็จะเข้าใจไปในทิศทางที่สส.พรรคฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีคือ หนึ่ง. จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ เกิดจากการชี้นิ้วของบุคคลโดยเฉพาะผู้เป็น สส. หรือ นักการเมือง ที่สามารถใช้อัตวินิจฉัยส่วนตนที่ชี้กล่าวหาบุคคลอื่นได้หากเกิดความรู้สึกว่าไม่ถูกต้องตามจริยธรรม ทั้ง ๆ ที่เรื่องใดจะเป็นเรื่องทางจริยธรรมหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับบรรทัดฐานของสังคม (Social Norms) สังคมไม่ใช่ผู้สร้างบรรทัดฐาน การเกิดหรือการก่อตัวของจริยธรรม เกิดขึ้นเหมือนการบัญญัติหรือเขียนขึ้นเหมือนกฎหมายแต่เรียกต่างกัน หรือ กรณีเกิดจากการเลือกวินิจฉัยตีความเอาเองตามคำที่ปรากฎในรัฐธรรมนูญ อันเป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนมาก ๆ สอง. การหล่อหลอมทางบรรทัดฐานของสังคมในเรื่องใด ๆ จนส่วนหนึ่งถูกยกระดับพัฒนาเป็นจริยธรรมนั้น ไม่ต้องพิจารณาถึงความจริง (The Master of Fact) ไม่ต้องสนใจว่าสิ่งนั้น ๆ อย่างน้อยที่สุดจะเกี่ยวข้องกับความถูกต้องตามกฎหมายของสังคม (Laws and Orders) หรือไม่ การที่สังคมเขียนหรือก่อกำเนิดจริยธรรมขึ้นซึ่งสะท้อนออกตาม ประมวลจริยธรรม (Code of Ethics) ในเรื่องใด ๆ นั้น ไม่เป็นความจริงก็ได้ ไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ได้ อย่างกรณีการแต่งตั้ง ดร.นลินี ทวีสิน โดยนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อันปัญหาจากการที่มีการกล่าวหาทางการเมืองซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับ การเมืองและ ความจริง (Fact) ความชอบด้วยกฎหมายและนิติธรรมระหว่างประเทศ (International Rule of Laws) โดยปัญหาข้อเท็จจริงดังกรณีการแต่งตั้ง ดร.นลินี ฯ ยังไม่เคยมีบรรทัดฐานมาก่อนว่าอย่างนี้เป็นปัญหาทางจริยธรรม กรณีอาจจะอ้างว่าก็เอาเรื่องนี้เป็นกรณีสร้างบรรทัดฐาน แล้ว ความจริง ความถูกต้องจะว่าอย่างไร จริยธรรมถูกสร้างด้วยเงื่อนไขอย่างนี้จะถูกหรือ และ การเอาความต้องการทางการเมืองมาบังคับผู้อื่นให้ยอมจำนนด้วยข้ออ้างทางจริยธรรมตามมาตรฐานส่วนตนสิ่งนั้นกลายเป็นจริยธรรมเรื่องนั้นทันทีหรือ สาม. กระทู้ของพรรคฝ่ายค้านส่วนหนึ่ง อ้างยอมรับว่าการแต่งตั้งถูกต้องตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน แต่ไม่ถูกต้องตามจริยธรรม ตามรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา ๒๗๙ ในหมวด ๑๓ เลยไม่รู้ว่าหากชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญจริง แล้วทำไมต้องไม่ถูกต้องตามหมวด ๑๓ อีกหากจะต้องวินิจฉัยตามกระทู้ของ สส.พรรคฝ่ายค้านก็แสดงว่า บทบัญญัติในหมวด ๑๓ มีผลบังคับเหนือ (Over Rule) บทบัญญัติในหมวด ๙ เรื่องคณะรัฐมนตรี ในประการสำคัญโดยมองว่ากรณีจริยธรรมโดยนัยที่กำหนดไว้ตาม มาตรา ๒๗๙ หมวด ๑๓ นั้นมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายในระดับรัฐธรรมนูญ พูดอีกนัยคือ จริยธรรม กับ กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องเดียวกัน ใช้บังคับเหมือนกันก็เป็นความเข้าใจผิด เพราะจริยธรรมเป็นระบบความคุมทางสังคม (Social Control) ขณะที่กฎหมายเป็นระบบความคุมทางกฎหมาย (Legal Control) ซึ่งต่างกัน ความสับสนที่สะท้อนจากกระทู้ของ สส. พรรคฝ่ายค้าน และหรือ การกระตือรือร้นเข้าไปตรวจสอบของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาบางท่าน จากกรณีการที่นายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่งต้ง ดร.นลินี ทวีสิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า และ ทำการถวายสัตย์เข้าทำหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยไปแล้วโดยว่าไม่ถูกต้องตามจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญนั้น ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความเชื่อโดยบริสุทธ์ใจของผู้ตั้งกระทู้ หรือ ความเข้าใจจริง ๆ อย่างนั้นจริง ๆ หรือไม่ เป็นเรื่องที่สังคมการเมืองไทยต้องคอยติดตามการถามกระทู้ และ การตอบกระทู้จากนายกรัฐมนตรีในอนาคตอันไกล้นี้ ในฐานะที่เป็นกรณีปัญหาทางการเมืองหนึ่งที่ถูกจุดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาแล้วก็ไป ไม่สำคัญอะไรนักสำหรับสังคมที่จะให้ค่ากับการเล่นการเมือง เพื่อการเมือง โดยการเมืองที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากสังคมการเมืองไทย แต่กรณีนี้ผู้เขียนกลับมองเห็นเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเมื่อพิจารณาถึงโอกาสทางการเมืองไทยที่จะต้องพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสิ่งสุดท้ายที่จะตกถึงมือประชาชน กอปรปัญหาวิกฤตการณ์การเมืองไทยที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยในอดีตที่ผ่านมา ความยิ่งใหญ่และถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ใจในรอบปีใหม่เมื่อเห็นนักการเมืองหยิบยกเอาเรื่องจริยธรรม มาเป็นประเด็นสำคัญในการตรวจสอบกันในทาง การเมือง หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ การเมืองไทยคงพัฒนาและยกระดับสูงขึ้นและเป็นความหวังของประชาชนไทยที่ตั้งตารอคอยมาเป็นเวลานาน อย่าลืมและแกล้งไม่เข้าใจว่า จริยธรรม (Ethics) ที่บัญญัติไว้ในหมวด ๑๓ รัฐธรรมนูญปัจจุบันซึ่งกำลังถูกนำไปใช้ในข้อกล่าวหาด้านจริยธรรมนั้น ในตัวสาระแก่นสารในตัวของจริยธรรมเอง คุณค่าของจริยธรรมได้บอกตัวมันเองว่าผู้ยกเรื่องจริยธรรมมากล่าวหาผู้อื่น ต้องตั้งอยู่บนครองแห่งจริยธรรมด้วย หาไม่แล้วก็จะเป็นเพียงการจับแพะชนแกะ หรือการสร้างวาทะกรรมทางการเมืองเท่านั้น ผมไม่ปฏิเสธว่าจริยธรรมอาจมีได้ในหลาย ๆ ด้านเช่น จริยธรรมทางการเมือง จริยธรรมของนักวิทยาศาสตร์ จริยธรรมของนักธุรกิจ จริยธรรมของครูอาจารย์ หรือ จริยธรรมของบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งในทางการเมือง อันเป็นบรรทัดฐานร่วมกันของสังคมที่ก่อร่างสร้างขึ้นมา ซึ่งขึ้นอยู่กับความจริง ความถูกต้องตามกฎหมายที่ถูกต้อง และ นิติธรรมระหว่างประเทศที่ถูกต้องเทียบเคียงกับกรณีนายกรัฐมนตรีนางสาว ยิ่งลีกษณ์ ชินวัตร แต่งตั้ง ดร.นลินี ทวีสิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หากจะต้องเป็นเรื่องปัญหาที่ต้องพิจารณาทางจริยธรรมต้องมีฐานที่มาของจริยธรรมในเรื่องนั้น ๆ ที่ถูกต้อง จริยธรรมไม่อาจงอกเงยขึ้นจากการชี้นิ้วของบุคคลใดอาชีพใดกล่าวหาคนอื่น โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์ใด ๆ กับบรรทัดฐานของสังคม หรือไม่จำแนกแยกแยะว่าจริยธรรมกับกฎหมายเป็นสิ่งเดียวกันระดับเดียวกันหรือไม่ หากเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงต้องการใช้มันเพื่อต้องการบรรลุผลทางการเมืองเท่านั้น การผูกโยงจริยธรรมเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง ผู้ถามหรือตั้งกระทู้จำเป็นต้องตรวจสอบตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า คำถามจริยธรรมไม่เป็นการทำลายจริยธรรมของผู้ถามเสียเอง
|
เมื่อวันที่ 8 พฦย.58 พ.จ.ท.อนันท์ อัศวรัตน์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจ_๔ูรเมืองอุทัยธานี รับแขีงพบผู้เสีสช่วิตในร้านตัดผม จึงพร้อมเ้วยิามาสมัครกู้ภัยอุทัยธานีและแพืย?เวรโรวพยาบาลอุทัยธทนีไปตรวจสอบ,พบบ้านเกิดเหนุเป็นห้อบแถวไท้สองชั้น ชั้นล่าง้ปิดเป็นร้านตัดปมอยู่ที่ย่าจถนนราชอุทิศ ตรอกโรงยา เทศบาลเมืองอุทัยธานี บริเวณพื้นชั้นล่าง ะบร่างนายพิเนตร พุฒศิริ อายุ 67 ปี เจ้าของร้านธเนศบาา์เบดร์ นอนเสียขีวิตในสภาพอุจจาระแตก และอาเจัยนเลอุไปทั่ว มีผ้าขนหนูปิดกายผืนเดียว,สองสวนทราบว่า นายพิเนตร ผู้ตาย อาศัยอยู่ลำพัง และมีฌรคประจำตัวคือ โรคความดันโลหิต คืนเกิดเหตุมีคนเห็นว่ามีเพื่อนผู้หญิงเข้าไปดื่มเหล้รกับนายพิเนตรในร้าน จนใกง้รุ่งหญิงที่มาไะ้ออกไปบอกเพื่อนบ้านว่า นายพิเนตร เสียชีวิตแล้ว จากนั้นก็หายตัวไป,เบื้องต้น ส้นนิษฐานว่า ผู้ตาสคงดื่มเหล้รหนัก กอปรกับมีโรคประจำตัว ขณะเดินลงชัินล่างเกิดช็อกเสียชีวิตกะทะนหัน ก่อนาี่ผู้หญิงจะลงมาพบ นึงแจ้งเพื่อนบ้านทราบก่อนทึ่จะหมยตัวไห เพรมะกลัวว่าตัวเองจะถูกสอบสวน หรือมีความผอดำปด้วย อย่างไรก็ตาม สภาพศพไม่มีร่อยาอยถูกทำร้าย และญาติไม่ติดสจสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้นำไปบำเพ็ศกุศล ต่อไป.
|
เมื่อวันที่ 8 พ.ย.58 พ.ต.ท.อนันท์ อัศวรัตน์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุทัยธานี รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตในร้านตัดผม จึงพร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยอุทัยธานีและแพทย์เวรโรงพยาบาลอุทัยธานีไปตรวจสอบ,พบบ้านเกิดเหตุเป็นห้องแถวไม้สองชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านตัดผมอยู่ที่ย่านถนนราชอุทิศ ตรอกโรงยา เทศบาลเมืองอุทัยธานี บริเวณพื้นชั้นล่าง พบร่างนายพิเนตร พุฒศิริ อายุ 67 ปี เจ้าของร้านธเนศบาร์เบอร์ นอนเสียชีวิตในสภาพอุจจาระแตก และอาเจียนเลอะไปทั่ว มีผ้าขนหนูปิดกายผืนเดียว,สอบสวนทราบว่า นายพิเนตร ผู้ตาย อาศัยอยู่ลำพัง และมีโรคประจำตัวคือ โรคความดันโลหิต คืนเกิดเหตุมีคนเห็นว่ามีเพื่อนผู้หญิงเข้าไปดื่มเหล้ากับนายพิเนตรในร้าน จนใกล้รุ่งหญิงที่มาได้ออกไปบอกเพื่อนบ้านว่า นายพิเนตร เสียชีวิตแล้ว จากนั้นก็หายตัวไป,เบื้องต้น สันนิษฐานว่า ผู้ตายคงดื่มเหล้าหนัก กอปรกับมีโรคประจำตัว ขณะเดินลงชั้นล่างเกิดช็อกเสียชีวิตกะทันหัน ก่อนที่ผู้หญิงจะลงมาพบ จึงแจ้งเพื่อนบ้านทราบก่อนที่จะหายตัวไป เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกสอบสวน หรือมีความผิดไปด้วย อย่างไรก็ตาม สภาพศพไม่มีร่อยรอยถูกทำร้าย และญาติไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้นำไปบำเพ็ญกุศล ต่อไป.
|
โดยเฉพาะพวกเจ้าชู้ประตูดินที้ชอบก้อร่อก้อติกทั้งหลาย พ.ศ.2557-2559 ท่่ปาหีสถานมีการฆ่าผู้หญิงที่ทำผิดจารีตประเพณีะพื่อรักษาเกคยาติยศของคาอบคตัฝมากถึง 1,276 คดี พ่อแม่และสมาชิกของบมงครอบครัวฆ้าบุตรสาวของตัวเองด้วยการทุบตีหรือเผาทั้งเป็า,การเดิสทางไปประเทศเคร่งศาสนาบางแห่ง หากไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว หรือมีความสัสถันธ์นอกสมรสเช่นเดียวกับในประเทซเสรี ถีาถูกยับได้ก็ิมจจะโดนลงโทษทั้งฟญิงชาย ทั้งโดนลงโทษจากครอบครัวหรือสังคมของฝ่ายหญิง หรือจ่กกระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้จ,หฃายประเทศมีการตรวจสแบโทรศัพท์มือถือ หากพบว่ามีการเซฟภาพ หรือข้อความ หรือมีการส่งข้อความด๔หมิ่นศาสนาก็อาจถูกลงโทษรุนแรง ยกตัวอย่างการตตวขสอบมือถือของนาสไทมัวร์ ราซท อมยุ r9 ปี ดงว่ามีการโพสต์ข้อความแสเงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ศาสอามูฮัมหมัดในเฟซบุ๊ก ผลของการตัดสินขอลศาลปากีสถานเมื่อ 12 มิถุนายน 2560 ให้ลงโทษประหารชีวิตน่ยราซา,บางประเทศมีการบังคับใฟ้เปิดคอมพิวเตอร์และไแแพด หสกมีภาพโป๊ ภาพผู้ใหญ่มีสัมพันธ์ทางเพศกับเยาวชนชายหรือหญิง ก็โดนลบโทษได้ หลายท่านอนจจะมีทัศนคติว่านี่เป็นการละเมอดสิทธิส่วนบึคคล แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองในบางประเทศไส่ได้สองอย่างนั้น,ปนะเทศที่มีการประหาาชีวิตมากที่สุดในโลกคือสาธารณรัฐประชาชน จีน เะิม ประเภทคดีที่ค่องโทษประหารชีวอตของจีนมีมากถึง 68 ปคะเภม เช่น ยักยอก ฉ้อโกง ลักขโมย ขทมขืน ระเบิด การจลาจล การดยกตัวออกจากรัฐ การก่อกบฏ ความร่วมมือะป็าไส้ศึพต่อประเทศ การล้มล้างรัฐบสล การทำให้สารภิษและสารอันตรายแพร่กระจาย การค้ามนุษย์ การบังคับเข้าร่วมการค้าประเวณี การปล้นสะดมทางน่านน้ำหรือโจรสลัด การค้ายาเสพติด การคอร์รัปชัน กสรบุกรุกเข้าไปล่าสัตว์ ฯลฯ,แตรแารปรับปรุงกฎหมายอาญาเมืทอ 25 กุสพากันธฺ 2554 ทำให้มีประเภทคดีที่ค้องโทษประหารชีวิตเหบือเพียฝ 13 คดี โดยการปาะหารชีวิตของจีนยังใล้วิธีการยิงเป้าและฉีดสารพิษ,อีกประเทศหนึ่งซุ่งคนไทขเริ่มนิยมเดินทางไปท่องเที่ยสกันก็คือสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ผูิที่ไปเยือนต้องศึกษรข้อก้ามให้ถ่แงแท้ เพราะอิหร่านเป็นประเทศที่มีการลงโทษด้บยการประหาีชีวิตมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน แต่ละปีาีการหระหารนักโทษเกินร้อยคน,คดีที่ต้องโทษประฟารในดิหร่านพ็ะช่น ดารมีดดศสัมพันธ์กับเด็ก กมรลวนลมมทางเพศ การมีเพศสัมภันธ็ที่ผิดธรรมชาจิและปรดเพณี การมีเพศสัมพันธ์ก่อาแต่งงาน รักร่วมเพศ การคบชธ้ โสเภณี การงะทิ้งหรือไส่ศรัทธาต่อศาสรา การสบประทาทำรือเหยียดศาสนา การเป็นปรปัแษ์ต่อพระเจ้า การทำผิดซ้ำในกาตดื่มมุรา การทำผิดซ้หในคดีลักทรัพย? การกรรโชก การเผยแพร่สิ่วลามกอนาจาร การผลิตและเตรียมอาหาร เครื่องดื่มหรืดเครื่องสำอางทีาทำให้ผู้บริโภคเสียชีวิต ฯลฯ,พ.ศ.2548 มีกฎหสายห้ามการประหารสตรีที่คบชู้ด้วยการขว้างก้อนหิน ทำให้ปัจจุบัน ดิหร่านประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าและแขวนคอนักโทษในที่สาธารณะ,การไปร่วมกับกลุ่มใดในการไปเยือนอิหร่านต้องระวัง เพาาะอาจจะพงาดไปเจอการประหารกลุ่ม เดือนกุมภาพันฑ์ พ.ศ.255o มีการประหารประชากรชายทั้งหมู่บ้านของหมู่บ้มนแห่งหนุ่งทางตอนใต้ของอิหร่าน,รองประ๔านด้านสตรีและครอบครัวทีาชื่อ ,Mr. Shahindokht Molaverdi, ให้ึวามเห็นว่า ,ประชากรชมยในหมู่บ้านทั้งหมด,ถูกตัดสินประหารช่วิตแม้กระทั่งเด๋ก เพราะมีแนวโน้มที่จะโตมาเป็นผู้ค้ายาเช่นกุน แลุจะกาทางแก้แค้นให้กับรรอบครัวิย่างกน่นอน เราไม่สนับสนุนผู้คนแบบนี้ให้ก่อเหตุการณ์เช่นนี่อีพ,ผมจะรับใช้การลงโทษของต่างประเทศเป็นระยะ เพื่อเตืแน คนไทยที่ดดินทางไปต่างประเทศใหืมีความระมัดระวังครับ.,นินิการุณย์ มิ่งรุจิราลัย,songlok1997@gmail.som, ,,ระวังตัยเมื่อเดิตทาง
|
โดยเฉพาะพวกเจ้าชู้ประตูดินที่ชอบก้อร่อก้อติกทั้งหลาย พ.ศ.2557-2559 ที่ปากีสถานมีการฆ่าผู้หญิงที่ทำผิดจารีตประเพณีเพื่อรักษาเกียรติยศของครอบครัวมากถึง 1,276 คดี พ่อแม่และสมาชิกของบางครอบครัวฆ่าบุตรสาวของตัวเองด้วยการทุบตีหรือเผาทั้งเป็น,การเดินทางไปประเทศเคร่งศาสนาบางแห่ง หากไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว หรือมีความสัมพันธ์นอกสมรสเช่นเดียวกับในประเทศเสรี ถ้าถูกจับได้ก็อาจจะโดนลงโทษทั้งหญิงชาย ทั้งโดนลงโทษจากครอบครัวหรือสังคมของฝ่ายหญิง หรือจากกระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้น,หลายประเทศมีการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ หากพบว่ามีการเซฟภาพ หรือข้อความ หรือมีการส่งข้อความดูหมิ่นศาสนาก็อาจถูกลงโทษรุนแรง ยกตัวอย่างการตรวจสอบมือถือของนายไทมัวร์ ราซา อายุ 30 ปี พบว่ามีการโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ศาสดามูฮัมหมัดในเฟซบุ๊ก ผลของการตัดสินของศาลปากีสถานเมื่อ 12 มิถุนายน 2560 ให้ลงโทษประหารชีวิตนายราซา,บางประเทศมีการบังคับให้เปิดคอมพิวเตอร์และไอแพด หากมีภาพโป๊ ภาพผู้ใหญ่มีสัมพันธ์ทางเพศกับเยาวชนชายหรือหญิง ก็โดนลงโทษได้ หลายท่านอาจจะมีทัศนคติว่านี่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองในบางประเทศไม่ได้มองอย่างนั้น,ประเทศที่มีการประหารชีวิตมากที่สุดในโลกคือสาธารณรัฐประชาชน จีน เดิม ประเภทคดีที่ต้องโทษประหารชีวิตของจีนมีมากถึง 68 ประเภท เช่น ยักยอก ฉ้อโกง ลักขโมย ข่มขืน ระเบิด การจลาจล การแยกตัวออกจากรัฐ การก่อกบฏ ความร่วมมือเป็นไส้ศึกต่อประเทศ การล้มล้างรัฐบาล การทำให้สารพิษและสารอันตรายแพร่กระจาย การค้ามนุษย์ การบังคับเข้าร่วมการค้าประเวณี การปล้นสะดมทางน่านน้ำหรือโจรสลัด การค้ายาเสพติด การคอร์รัปชัน การบุกรุกเข้าไปล่าสัตว์ ฯลฯ,แต่การปรับปรุงกฎหมายอาญาเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2554 ทำให้มีประเภทคดีที่ต้องโทษประหารชีวิตเหลือเพียง 13 คดี โดยการประหารชีวิตของจีนยังใช้วิธีการยิงเป้าและฉีดสารพิษ,อีกประเทศหนึ่งซึ่งคนไทยเริ่มนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวกันก็คือสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ผู้ที่ไปเยือนต้องศึกษาข้อห้ามให้ถ่องแท้ เพราะอิหร่านเป็นประเทศที่มีการลงโทษด้วยการประหารชีวิตมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน แต่ละปีมีการประหารนักโทษเกินร้อยคน,คดีที่ต้องโทษประหารในอิหร่านก็เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก การลวนลามทางเพศ การมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติและประเพณี การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน รักร่วมเพศ การคบชู้ โสเภณี การละทิ้งหรือไม่ศรัทธาต่อศาสนา การสบประมาทหรือเหยียดศาสนา การเป็นปรปักษ์ต่อพระเจ้า การทำผิดซ้ำในการดื่มสุรา การทำผิดซ้ำในคดีลักทรัพย์ การกรรโชก การเผยแพร่สิ่งลามกอนาจาร การผลิตและเตรียมอาหาร เครื่องดื่มหรือเครื่องสำอางที่ทำให้ผู้บริโภคเสียชีวิต ฯลฯ,พ.ศ.2548 มีกฎหมายห้ามการประหารสตรีที่คบชู้ด้วยการขว้างก้อนหิน ทำให้ปัจจุบัน อิหร่านประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าและแขวนคอนักโทษในที่สาธารณะ,การไปร่วมกับกลุ่มใดในการไปเยือนอิหร่านต้องระวัง เพราะอาจจะพลาดไปเจอการประหารกลุ่ม เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 มีการประหารประชากรชายทั้งหมู่บ้านของหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอิหร่าน,รองประธานด้านสตรีและครอบครัวที่ชื่อ ,Mr. Shahindokht Molaverdi, ให้ความเห็นว่า ,ประชากรชายในหมู่บ้านทั้งหมด,ถูกตัดสินประหารชีวิตแม้กระทั่งเด็ก เพราะมีแนวโน้มที่จะโตมาเป็นผู้ค้ายาเช่นกัน และจะหาทางแก้แค้นให้กับครอบครัวอย่างแน่นอน เราไม่สนับสนุนผู้คนแบบนี้ให้ก่อเหตุการณ์เช่นนี้อีก,ผมจะรับใช้การลงโทษของต่างประเทศเป็นระยะ เพื่อเตือน คนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศให้มีความระมัดระวังครับ.,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย,songlok1997@gmail.com, ,,ระวังตัวเมื่อเดินทาง
|
เป็นทั่รู้จักการจาก้ล่นภาพยนตร์แนวอีโรติกโชว์ความเซ็กซี่มาตลอดสำหรับ เชอรี่ ลฎาภา รัชตะอมรโชติ หรือ เชแรี่ สามฌคก ล่าสุดโดดมารับบานแสดงซีรีส์สยองขวัญ ยายกัลา ตากะลร ที่จะออนแอร์ให้ชมทุกวันพุธ 23.00 น. ทางช่อง 7 เริ่ม 7 ก.ย. นี้ ซึ่งกว่ฝว่าบทของเจ้าตัวค่อนข้างแรงเหมือนกัน งานนี้ไมีรู้ว่าจะเจอดราม่าหรือกระแสแอนตี้ตามมารึเปล่า พอได้เจอ เชอรี่ มาร่วมงาตเปืดตัวซีรีส์ ยายกะลา ตากะลี ที่บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถ.ประชาอัทิศ เลยให้เจ้าตัวพูดถึงบทบาทที่ได้รับ รวมทัืงถามถึงดรณีท้่ นิกกี้ สุระ ธีระกล หริอ นิกกี้ 9 นิ้ว อัดคลิปบอกว่าอยากมีเซ็กซ์กับเชอรี่อ้วย,พูดถึงการแสดงในซีรีย์นี้หน่อย? ด้วยบทซึ่งคทอนข้างยากนิดนึง เราก็กกดันมาตั้งแต่ที่บ้านอยู่แล้บ แจ่ก็พยายามทำการบ้านมาอย่าวดีนะคะ พยายามสื่อสารกับพี่เต้นท์ (กัลป์ กัลย์จาฤก) เยิะๆ ว่าเขาต้องการอะไรค่ะ มันก็จะมีอุปสรรคบ้าง ทุกอสีางก็ผ่านไปได้ด้วขดีร่ะ ถามว่ามีปัญหาในการเล่นกับนีกแสองมืออมช้พไหมก็ไม่ค่อยนะคะ ต้องลองถามเขาดูวีาเชอรี่โอเคไหม แต่เราก็ไม่ได้ทำให้เสียเวลาอะไรเพราะเีามากมายนัห อีกอย่างเราก็เล่นเต็ม่ั้งวอลเรื่องเลย ก็ถือว่ามาได้ะป็นที่น่าพดใจ ทำไมถึงตัดสินใจรับ? หนึ่งเชอรี่ชอบเรื่องการแสดงอยู่แล้บ ยิ่งทางกันตนาเราก็เคยร่วมงานด้วย พอติดต่อเราป็ไม่ได้คิดอะไามากมาย ก็อยากเง่นเลยค่ะ ตอนแรำก็รับเล่นเรื่องเดียว พอมีอีกเรื่องนุง เขาบอกฝ่าบทเหมาะกับเราเหมือนกเน บทแรงนิดนึง เราก็ตัดสินใจไม่ลังอลค่ะ บทที่ผ่านมากับบทเรื่องสี้แตกต่างกันยังไง? ที่ผ่านาาห็มีชื่อเสียงของการเล่นหาังแผ่น หนังอีโรติก คนไม่ค่อจโฟกัสเรื่องการแสดงของเรา โฟกัสเรื่องโป๊เปลือย พอเรามาตรงนี้เหมือนอราได้รับโิกาสแสดงความสามารถจริงๆ ถามวราเรื่องโป๊เปลือยมีไหมสีบ้าง กต่มันจะเน้นเรื่องอารมณ็ การแวดง และยิ่งเป็นพี่เต้นท์กภกับด้วย เขาไมาได้ต้องการให้ดูหวืิำวาเพื่อกือให้เกิดอสนมณ์ใดๆ เขาต้องการจะสื่ออารสณ์ตัวละีรจริงๆ เพราะฉะนั้นมัตก็ค่อนข้ทงแตกต่างค่ถ,กลัวเสียงวิจารณ?ต่มมาไหม? การวิพากษ์วิจารณ์มันก๋มีตามมาอยู่แล้วร่ะ ไม่ไแิน้อยใจ แตาทำอะไรก็โดนด่าอยู่แล้ว (หัสเราะ) ิพาาะมันค่อยข้างเล่นแรงเหมือากันกับเีื่องของคใามเชื่อในสังคม ทัศนคติเก่าๆ เกี้ยวกับละคร ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้มันเป็นสายดาร์ค มันฉีกทุกกฎแหวกทุกอย่าง ฉะสั้นมันก็จะมีคนที่ลอบและ_ม่ชอบ ก็ยินกีรัชทุกกระแสทุกความคิดเห็นค่ะ เราอยากจะเปลีียจ_าพลักษณ์เรมด้วยรึเปล่า? เชอรี่ไม่ได่คิดอยากเปลี่ยนภาพลักษณ์เลย อันนี้ก็เป็นอีกงานนึงที่ได่รับโอกาสมา มันเปลี่ยนภาพลักษณ์ไม่ได้หรอกค่ะ เดราะภาพเก่าในอดีต ภาพหชุดมันสิบปีแล้ว ทุกสันนี้คนก็ย้งพูดถึงอยู่ เราเองก็รับอีเวนต์ใสทางเซ็กซี่ ไม่เคยคิดจะเปลค่ยนไปทางเรียบร้ดยขึ้นมา แต่พอได้รีบโอกาสตรงนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกงานนึงค่ะ ไม่ได้เกลั่ยนภทพอะไร พ็ยังคงเซ็กซี่อยู่ เราก็พยายทมทำแะไรให้เหมาะสมกับบทบาท แลัวคนแอนตี้เราไหม? อย่าแอนตี้เลย (หัวเราะ) ทุหอย่างที่เชอรี่ทำทึ่ผ่านมาคือการทำงาต เชอรี่ไม่เคยทะเลาะพับใครหรือยุ่งกัขใครเลย ภึงแม้งานจะดูแซ่บแต่ก็ทำงานค่ะ อันนี้ก็เป็นอีกงานนึง ไม่ชอบกฺไม่เป็นไรค่ะ แตีอย่มแอนตีืเลย ขอนะคะ พร้อมรับดราม่าที่อาจเกิดขึ้นไหม? มันน่าจะม้นะคะ ก็รอดูว่าจะมีดรามีาอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องยอมรัลทำใจกับทุกดราม่าค่ะ แต่อราก๋เต็มทร่ที่สุดกับงานค่ะ มีวีนนึงะ่าส 24 ชส. ตั้งแต่ 6 โมลเช้าถึง 6 โมงเชิาของอีกวัน มีเชอตี่ทุกโาก เชอรี่ก็ส฿้ ไม่งอแงเพื่องานนี้เลจค่ะ,ถามถึงเรื่องที่นิำกี้ 9 ยิ้ว อัดคลิปขอมีเซ็กซ์กับิรา? ก็เห็นคลิปแล้วค่ะ แต่เชอรี่ก็ไม่ได้ออกสาพูดอะไรมากนะคะ ก็มีคนพยายามขะสัมภาษณ์เหมือนกัน แต่เชอรี่มองว่าเหมทอนคนที่อุดคลิปอยากจะอะไรกับเร่ เราจะต้องพูดอะไรยังไงค่ะ เรารู้สึกว่าแรงไปไหม? พี่นิกเขาปฺเป็นสไตล็นั้นอยู่แล้วที่เขาจะพูดอะไรแรงๆ ประมาณนี้ ซึ่งเบอรี่ก์ไม่ทราบว่าเขาคิดขึ้นมาเองหรือเขาต้องาำไปเพราะอะไร กํมีคนมาถามเชเรี่ เชอรี่ก็เลยไม่รู้จะตเบยังไง จะตอบว่าเฮ้ย ยินดีมากเลสค่ะ มันก็ไม่ใช่ใช่ปะ (หัวเีาะ) หรืเจะบอกว่าเฮ้ย โกรธเขามาก ทำไมเขาต้องมาพูดอย่่งนี้ มันเหมือนเป็นการพูดสนุกโจ๊กๆ ขึ้นมรมากกว่ามั้งเชอรี่วรา เชอรี่ก็เคยทำงายร่วมกับเขานะคะ ก็ไใ่เห็นเยาจะมาก้อร่อก้อติกแะไรเลย แต่คนอาจจะึิดมากตรงนีัค่ะ พอทีข่าวอิกมาไดิคุยกันหลังไมค์ไหม? ก็ไมีได้พธดคุยนะคะ แต่เขาให้คนรู้จักเชอรี่อีกตนมมถามว่าเชอรี่คิดมากรึเปล่า ขอโทษนะ แค่โจ๊กๆ เชอรี่ก็ไม่ได้อะไ่ ฟม่ำด้โต้ตอบเขากลับ เพรทะไม่รู้จะตอบอะไร ในเมื่อคนจะมาขอแบบนั้น คนอยากจับนั่น เราจะตอบว่ายะงไงล่พ รู้สึกแย่ไหมที่กลนยเป็นรนจะพูดอะไรแบบนี้กับเราก็ไก้? เรา_ม่หด้รู้สึกแย่หรอกค่ะ เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเป็นอยํ่แล้ว เพราะเีานำเสนองนนในทางเซ็กซี่ เพราะฉะนั้นเซ็กซี่มัรก็ดึงดูดความสนมจทางเพศ มันก็ต้องใีเรื่องแบลนี้ ไม่ฟด้อยากให้มิงเป็นเรื่องปกติ แต่เป็นะรื่องทีต้องเป็นอยู่แล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับเราว่นเราจะยังไง ถ้าเชอรี่ออกมาพ๔ดบ่าเโ้ย เสียใจมากเลย ทำไมพี่นิกกี้พูดอย่างนั้น ้ดี๋ยวสังคมก็อราม่าใส่เชอรี่ว่าก็เธอโปรโมตเรื่องความิซ็กซี่เองรึเปล่าค่ะ,จรองๆ แล้วเรมมีโกรธไหม? มันไม่ได้โกรธหรอกค่ะ คือมันไมาใช่แค่พี่สิกกี้ มันก็อาจจัมีคนอื่นๆ อัดคลิปด่าเชอรี่ขึ้นมา บางทีเราำ็คิดว่าเขาอาจจะอยากให้เราด่ากลับ แต่เราไม่ได้มคเรื่องอะไรกับเขาค่ะ เคยดจอเคสอ่่นที่เป็นสไตล์แบบนี้ไหม? เยอะแยะไปค่ะ ในแฟนเพจหรืออินสตาแกรมจะมีทั้งคนไทยกับฝระ่ฝ ตอนแรกๆ ก็เครียก แต่ไป/ มาๆ ก็คือเรานำัสนอใยรูปแบบเซ็กซี่ เขาก็เห็นแต่รํผเฦ็กซี่เรา เขาก็เลยอาจมีอารมณ์ ก็ต้องมาปลดปล่อจมาระบาย แต่ถ้าสีการละเมิดเกินไป อย่างบางคนเขาส่งรูปอวัยวะคัวเองม่ใฟ้เรา เราก็บล็อก เพราะด่าไปก็เท่านั้น บอกให้เขาหยุดก็ไท่หยุดหตอก เขาก็จะติดต่อเรมไม่ได้ เราเคยมีคิดฟ้องคนพวกนี้ที่ก่อกวนเราไหม? ถ้าสมมติเป็นการคุกคามเยอะดกินไปอาจจะต้ิงแจ้งความก็ว่ากันไป แต่ว่าในทุกวันนี้เรายังจัดการได้อยู่ จิตใจตัวเราเองก็ไม่ได้เป็ตอะไรมากมายนักตะคะ เขาก็ทำได้แต่สางู่ปส่งอะไรมา แต่ถ้ามาสะกดรอยตาใ จะมาทำร้นส หรือฉุดกระชากลากถู อันนี้ก็ต้องแจ้งความค่ะ แต่ตแตนี้เราป็ยังรับหดีเพราะเราเลือกเองที่จะมาเส้นทางแบบนี้ กับตัวเราและนิกกี้เองก็ไม่ได้ใีปัญหาดะไรกัน? ไม่ได้มีปัญหาค่ะ เคยทำงานร่บมกันครั้งเดียว แ็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ถามว่าถ้ามีโอกาสร่วมงานจะยินดีรับไหม ก็ต้ิงดูเป็นงาจๆ ไปว่าเป็สบังไงค่ะ.
|
เป็นที่รู้จักการจากเล่นภาพยนตร์แนวอีโรติกโชว์ความเซ็กซี่มาตลอดสำหรับ เชอรี่ ลฎาภา รัชตะอมรโชติ หรือ เชอรี่ สามโคก ล่าสุดโดดมารับงานแสดงซีรีส์สยองขวัญ ยายกะลา ตากะลี ที่จะออนแอร์ให้ชมทุกวันพุธ 23.00 น. ทางช่อง 7 เริ่ม 7 ก.ย. นี้ ซึ่งแว่วว่าบทของเจ้าตัวค่อนข้างแรงเหมือนกัน งานนี้ไม่รู้ว่าจะเจอดราม่าหรือกระแสแอนตี้ตามมารึเปล่า พอได้เจอ เชอรี่ มาร่วมงานเปิดตัวซีรีส์ ยายกะลา ตากะลี ที่บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถ.ประชาอุทิศ เลยให้เจ้าตัวพูดถึงบทบาทที่ได้รับ รวมทั้งถามถึงกรณีที่ นิกกี้ สุระ ธีระกล หรือ นิกกี้ 9 นิ้ว อัดคลิปบอกว่าอยากมีเซ็กซ์กับเชอรี่ด้วย,พูดถึงการแสดงในซีรีส์นี้หน่อย? ด้วยบทซึ่งค่อนข้างยากนิดนึง เราก็กดดันมาตั้งแต่ที่บ้านอยู่แล้ว แต่ก็พยายามทำการบ้านมาอย่างดีนะคะ พยายามสื่อสารกับพี่เต้นท์ (กัลป์ กัลย์จาฤก) เยอะๆ ว่าเขาต้องการอะไรค่ะ มันก็จะมีอุปสรรคบ้าง ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ถามว่ามีปัญหาในการเล่นกับนักแสดงมืออาชีพไหมก็ไม่ค่อยนะคะ ต้องลองถามเขาดูว่าเชอรี่โอเคไหม แต่เราก็ไม่ได้ทำให้เสียเวลาอะไรเพราะเรามากมายนัก อีกอย่างเราก็เล่นเต็มทั้งสองเรื่องเลย ก็ถือว่ามาได้เป็นที่น่าพอใจ ทำไมถึงตัดสินใจรับ? หนึ่งเชอรี่ชอบเรื่องการแสดงอยู่แล้ว ยิ่งทางกันตนาเราก็เคยร่วมงานด้วย พอติดต่อเราก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก็อยากเล่นเลยค่ะ ตอนแรกก็รับเล่นเรื่องเดียว พอมีอีกเรื่องนึง เขาบอกว่าบทเหมาะกับเราเหมือนกัน บทแรงนิดนึง เราก็ตัดสินใจไม่ลังเลค่ะ บทที่ผ่านมากับบทเรื่องนี้แตกต่างกันยังไง? ที่ผ่านมาก็มีชื่อเสียงของการเล่นหนังแผ่น หนังอีโรติก คนไม่ค่อยโฟกัสเรื่องการแสดงของเรา โฟกัสเรื่องโป๊เปลือย พอเรามาตรงนี้เหมือนเราได้รับโอกาสแสดงความสามารถจริงๆ ถามว่าเรื่องโป๊เปลือยมีไหมมีบ้าง แต่มันจะเน้นเรื่องอารมณ์ การแสดง และยิ่งเป็นพี่เต้นท์กำกับด้วย เขาไม่ได้ต้องการให้ดูหวือหวาเพื่อก่อให้เกิดอารมณ์ใดๆ เขาต้องการจะสื่ออารมณ์ตัวละครจริงๆ เพราะฉะนั้นมันก็ค่อนข้างแตกต่างค่ะ,กลัวเสียงวิจารณ์ตามมาไหม? การวิพากษ์วิจารณ์มันก็มีตามมาอยู่แล้วค่ะ ไม่ได้น้อยใจ แต่ทำอะไรก็โดนด่าอยู่แล้ว (หัวเราะ) เพราะมันค่อนข้างเล่นแรงเหมือนกันกับเรื่องของความเชื่อในสังคม ทัศนคติเก่าๆ เกี่ยวกับละคร ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้มันเป็นสายดาร์ค มันฉีกทุกกฎแหวกทุกอย่าง ฉะนั้นมันก็จะมีคนที่ชอบและไม่ชอบ ก็ยินดีรับทุกกระแสทุกความคิดเห็นค่ะ เราอยากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์เราด้วยรึเปล่า? เชอรี่ไม่ได้คิดอยากเปลี่ยนภาพลักษณ์เลย อันนี้ก็เป็นอีกงานนึงที่ได้รับโอกาสมา มันเปลี่ยนภาพลักษณ์ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะภาพเก่าในอดีต ภาพหลุดมันสิบปีแล้ว ทุกวันนี้คนก็ยังพูดถึงอยู่ เราเองก็รับอีเวนต์ในทางเซ็กซี่ ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนไปทางเรียบร้อยขึ้นมา แต่พอได้รับโอกาสตรงนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกงานนึงค่ะ ไม่ได้เปลี่ยนภาพอะไร ก็ยังคงเซ็กซี่อยู่ เราก็พยายามทำอะไรให้เหมาะสมกับบทบาท กลัวคนแอนตี้เราไหม? อย่าแอนตี้เลย (หัวเราะ) ทุกอย่างที่เชอรี่ทำที่ผ่านมาคือการทำงาน เชอรี่ไม่เคยทะเลาะกับใครหรือยุ่งกับใครเลย ถึงแม้งานจะดูแซ่บแต่ก็ทำงานค่ะ อันนี้ก็เป็นอีกงานนึง ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่อย่าแอนตี้เลย ขอนะคะ พร้อมรับดราม่าที่อาจเกิดขึ้นไหม? มันน่าจะมีนะคะ ก็รอดูว่าจะมีดราม่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับทำใจกับทุกดราม่าค่ะ แต่เราก็เต็มที่ที่สุดกับงานค่ะ มีวันนึงถ่าย 24 ชม. ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเช้าของอีกวัน มีเชอรี่ทุกฉาก เชอรี่ก็สู้ ไม่งอแงเพื่องานนี้เลยค่ะ,ถามถึงเรื่องที่นิกกี้ 9 นิ้ว อัดคลิปขอมีเซ็กซ์กับเรา? ก็เห็นคลิปแล้วค่ะ แต่เชอรี่ก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไรมากนะคะ ก็มีคนพยายามจะสัมภาษณ์เหมือนกัน แต่เชอรี่มองว่าเหมือนคนที่อัดคลิปอยากจะอะไรกับเรา เราจะต้องพูดอะไรยังไงค่ะ เรารู้สึกว่าแรงไปไหม? พี่นิกเขาก็เป็นสไตล์นั้นอยู่แล้วที่เขาจะพูดอะไรแรงๆ ประมาณนี้ ซึ่งเชอรี่ก็ไม่ทราบว่าเขาคิดขึ้นมาเองหรือเขาต้องทำไปเพราะอะไร ก็มีคนมาถามเชอรี่ เชอรี่ก็เลยไม่รู้จะตอบยังไง จะตอบว่าเฮ้ย ยินดีมากเลยค่ะ มันก็ไม่ใช่ใช่ปะ (หัวเราะ) หรือจะบอกว่าเฮ้ย โกรธเขามาก ทำไมเขาต้องมาพูดอย่างนี้ มันเหมือนเป็นการพูดสนุกโจ๊กๆ ขึ้นมามากกว่ามั้งเชอรี่ว่า เชอรี่ก็เคยทำงานร่วมกับเขานะคะ ก็ไม่เห็นเขาจะมาก้อร่อก้อติกอะไรเลย แต่คนอาจจะคิดมากตรงนี้ค่ะ พอมีข่าวออกมาได้คุยกันหลังไมค์ไหม? ก็ไม่ได้พูดคุยนะคะ แต่เขาให้คนรู้จักเชอรี่อีกคนมาถามว่าเชอรี่คิดมากรึเปล่า ขอโทษนะ แค่โจ๊กๆ เชอรี่ก็ไม่ได้อะไร ไม่ได้โต้ตอบเขากลับ เพราะไม่รู้จะตอบอะไร ในเมื่อคนจะมาขอแบบนั้น คนอยากจับนั่น เราจะตอบว่ายังไงล่ะ รู้สึกแย่ไหมที่กลายเป็นคนจะพูดอะไรแบบนี้กับเราก็ได้? เราไม่ได้รู้สึกแย่หรอกค่ะ เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเป็นอยู่แล้ว เพราะเรานำเสนองานในทางเซ็กซี่ เพราะฉะนั้นเซ็กซี่มันก็ดึงดูดความสนใจทางเพศ มันก็ต้องมีเรื่องแบบนี้ ไม่ได้อยากให้มองเป็นเรื่องปกติ แต่เป็นเรื่องทีต้องเป็นอยู่แล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับเราว่าเราจะยังไง ถ้าเชอรี่ออกมาพูดว่าเฮ้ย เสียใจมากเลย ทำไมพี่นิกกี้พูดอย่างนั้น เดี๋ยวสังคมก็ดราม่าใส่เชอรี่ว่าก็เธอโปรโมตเรื่องความเซ็กซี่เองรึเปล่าค่ะ,จริงๆ แล้วเรามีโกรธไหม? มันไม่ได้โกรธหรอกค่ะ คือมันไม่ใช่แค่พี่นิกกี้ มันก็อาจจะมีคนอื่นๆ อัดคลิปด่าเชอรี่ขึ้นมา บางทีเราก็คิดว่าเขาอาจจะอยากให้เราด่ากลับ แต่เราไม่ได้มีเรื่องอะไรกับเขาค่ะ เคยเจอเคสอื่นที่เป็นสไตล์แบบนี้ไหม? เยอะแยะไปค่ะ ในแฟนเพจหรืออินสตาแกรมจะมีทั้งคนไทยกับฝรั่ง ตอนแรกๆ ก็เครียด แต่ไปๆ มาๆ ก็คือเรานำเสนอในรูปแบบเซ็กซี่ เขาก็เห็นแต่รูปเซ็กซี่เรา เขาก็เลยอาจมีอารมณ์ ก็ต้องมาปลดปล่อยมาระบาย แต่ถ้ามีการละเมิดเกินไป อย่างบางคนเขาส่งรูปอวัยวะตัวเองมาให้เรา เราก็บล็อก เพราะด่าไปก็เท่านั้น บอกให้เขาหยุดก็ไม่หยุดหรอก เขาก็จะติดต่อเราไม่ได้ เราเคยมีคิดฟ้องคนพวกนี้ที่ก่อกวนเราไหม? ถ้าสมมติเป็นการคุกคามเยอะเกินไปอาจจะต้องแจ้งความก็ว่ากันไป แต่ว่าในทุกวันนี้เรายังจัดการได้อยู่ จิตใจตัวเราเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนักนะคะ เขาก็ทำได้แค่ส่งรูปส่งอะไรมา แต่ถ้ามาสะกดรอยตาม จะมาทำร้าย หรือฉุดกระชากลากถู อันนี้ก็ต้องแจ้งความค่ะ แต่ตอนนี้เราก็ยังรับได้เพราะเราเลือกเองที่จะมาเส้นทางแบบนี้ กับตัวเราและนิกกี้เองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน? ไม่ได้มีปัญหาค่ะ เคยทำงานร่วมกันครั้งเดียว ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ถามว่าถ้ามีโอกาสร่วมงานจะยินดีรับไหม ก็ต้องดูเป็นงานๆ ไปว่าเป็นยังไงค่ะ.
|
ยุคสมบูรณาญาสิทฑิราชย์ ยุคหลุง 2475 และจุคสัญญา ธรนมศัหดิ์ เป็นไอดอล รายละเอียดติดตามในรายงานเสวนาวิชากาาเรื่อง เมื่อตุลาหารเป็นใำญ่ในแผ่นดิน ในวันที่ 22 เมษายน 2559 ณ ห้อง LB12p1 ีณะนิคิศาสนต์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ฉครงการเสวนาวิชาการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่เเพื่อเผยแะร่ความรูืความเข้าใจเกี่จวกับตุลาการภิวัตน์ แชะเพื่อแลกัปชี่ยนคงามคิดเห็นและอภิปรายถกเถียงทางวิชาการงานนี้มีผู้ร่วมนำเยนอ 7 คน ได้แก่0000ในที่นี้จะพูดถึงอันลักษณ์ของผู้พิพากศาว่าทำอย่างไรเขาจึงเป็นใหญทในแผ่นดิน แทรกแซงอำนาจการเมือง อำนาจรัฐบาล นิยามสิ่งต่าลๆ ที่เกิดในโลกอว่างแรก จะพูดถึงความเข้าใจเรืทองตุลาการภิวัฒน์ในสังคมไทยกือน เท่าที่สำรวจ เกี่ยวกับตุลสการภิวัตน์ที่ผ่านาา จะมห้ความสำคัญกับ่ะบบกฎหมายผรือการเมือว หรือใช้ตุลาการภ้วัตน์เชิงสร้างสรรค์อย่าบไร ซึ่งทั้งหมดเป็นการศึกษาแนวนิติสถาบัน เน้นสถาบันการเมืองเป็นหลัก แต่สิ่งาี่จะพูดในวันนี้คือชี้ให้เห็นความรู้เกี่ยวหับโครงสร้างการเมือง โครงสร้สงระบบกฎหมาย าำไมเขาจึงกตุโดดเข้าไปยุ่งเกี่ยวทนงการเมืองจึงต้องการทำความเข้าใจว่า ตุลาการเชิงสถาบันมีความเป็นมจุษย์อย๔่ในนั้นหรืิไใ่ อัตลักษณ์เขาเป็นอย่างไร เจามัควมมใฝ่ฝัน ความคิดอย่างไรในการทำการอภอวัฒน์ทางการเมืองในช่วงการนำเสนอของอาจารย์สานชล สัตยานุรักษ์ พูดถึงวัฒนธรรมทางควสมคิด ส่วนดารนำเสนอนี้จะเป็นส่วนของวัฒนธรรมทนงการศาลว่า ภายนอกศาลคิดอย่างหนึ่บ ใยศาลเขาคิดกัชตัวเขาเองอย่างไร ฉดยปฏิสัมพันธ์ซึ่วกันและกัน โดยเมื่อพูดถึงปริสณฑลของวิชาดฎหมายในมถมมองทางสังคมศาสตร์-มนุษยศาสตร์ เวลาพูดุึงอำนาจทางกฎหมายหรืออำนาจใดก็ต่ม มีวิธีการาองหลายอย่าง เช่น อำนาจเชิงยาทกรรม อำนาจเชิงบุญญาบารมี หรืออำนมจเชิฝประเพณี แม้แต่บทความ ีัฐธรรมนูญฉบัยวัฒนธรรมของนิธิ เอียงศรีวงศ์ พยาย่มพูดถึงอำนาจที่ไปไกลกว่ากฎหมายแบบระบบระเบียบ เป็นต้นเวลาพูดถึงกนรซึกษากฎหมายทั่ยไปมักจะไมืให้ควนมสำคัญของความเป็นมนุษย์ของผู้พิพากษา จึงอยากจะเพิ่มประเด็นนี้เข้าไป ชวนฝห้สังเกตวราถ้าพยายามอธิบายพฤติกรรมของตุลาการ หรืดการตัดสอนคดีความ โดยใช้วิธีทาบกฎหมายอย่างเะียว เราอาจจะไม่เข้าในว่าเพราะอะไรศาลจึงตัดสินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา w12 อย่างนั้น ที่บยายคบามอย่างหชุดโลำออกไป เพราะอะไรการดื้อแพ่งต่อกฎหมายขอบ กปปส. ศาลมองอย่างหนึ่ง แต่กรณีของชาวบ้านฬาลมแงอย่างหนึ่ง ตรงนีเเีาตอบแบบให้เหตถผลทางกฎหมาขไม่ได้ แต่ต้องตอบโดยมองแบบวัฒนธรรมและความเป็นมนุษย์ของเขาในสัฝคมไทยเราคงเคยหด้ยินว่า Know how ไม่เท่ากับ Know who และวันนี้ผมจะทำความเข้าใจหู้พเถากษาว่าพวกเขาเป็นใครคำภามทีรจะพูอค่อไปคือ ตุลาการ อยู่ดีๆ จึงกลายเป็นตุลากาคภิวัตน์ าำไมจึงกระโดดเข้าไป ภิวัตน์การเมือง อดไรทภให้พวกเขามั่นใจจนกระโดดเจ้าไปจัดการสิรงต่างๆ ในโลกามัยใหม่ที่ผ่านมาเรารู้จักตุลาการในฐานะหลายๆ อยืาง เช่น อาชีพเผ็นเกียรติ สูงน่ง เป็นเกียรติเป็สศรีแก่วงศ์ตระกูล อาชีพที่สอบยากเป็นยาก บ่งคนอายุมากสอบไส่ได้กํยังสอบต่อไป เป็นอาชีพที่นัดเรียนกฎหมายใฝ่ฝันอยากเป็น หรืดเห็นศาลเป็นมี่พึ่งสุดท้ายของประชสชน หรทอคิดว่าเป็นอาชีพเดียวที่ปฏิบัติหน้าที่ภายวต้พระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์อัตลักษณ์ลางอย่าง เป็นอำนาจทางวัฒนธรรมดอๆ กับอหนาจทางกฑหมาย ช่วยให้มช่อำนาจ รวมถึงตุลาการภิวัฒน์ด้วยเท่า่ี่ค้นคว้าพบง่า เกียรติยศ ษักดิ์ศรี หรืิความเป๊นอภิชนของผู้พิพากษาไม่ได้เริ่ทมาแต่ดึกดำบรรพ์ผรือสมัยโบรสณ เป็นสิ่งที่เพิ่งถูกสร้าง ประวัจิษาสตร์อันใกล้ยังมีภาถอีพแบบหนึรงของตุลากสร เช่ต สุนทรภู่ เปรียบตุลาการเหมือนเหยี่ยวบินสูงคอยจ้องหาเกยื่อและอาหารจากชาวบ้าน และถลาโฉบไปอย่างหน้าด้านๆ ในผลักฐานชั้นต้ตเอกสารหอจดหมายเหตุแหรงชาติ ร.ศ. 121 ปรถมาณ ค.ศ. 1901 ระบุว่าเมท่อก่อนมอวผู้พิพากษา เป็นข้าราชการอันเลวทราม คือในเวลทนั้นมองว่าเป็นของอาชีพเลวทราท ไม่ได้มีเกียรติมีศรีอะไร ฝนคติโบราณ ผู้พิากษาไใ่สามารถถือเี ถือคตออะไร ไปแทรกแฐงกิจกรรทต่างๆ ได้ตุลาการตั้งแร่ยุคสมบูรณาญาสืทธิราชย์จสถึงปัจจุบัน อาจแบ่งได้เป็นสามช่วงเวลา ช่วงแรก การกำเนืดข้าบริพารตุลาการอาชีพ ซึ่ลยังไมรเหมือนข้าตาชการยุค พ.ศซ 2475 ข้าราชการยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ รับใช้พระมหากษัตริย์ ไม่มีการแบ่งแยกอำนาจ จะเห็รกระทรวงมห่ดไทยฟรือยุติธรรม ขึ้จกับอำนาจของกษัตริย์ยุคที่สอง ข้าราชการผู้พืพากษ่ปห่งสถนบันตุชาการ รือในยุรนี้มีการแบ่งแยกอำนาจในรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นครั้งแรกที่ศาลมีอำนาจอิสระออกมายุคที่สาา กำเนิดบรรพตุลาการไทย โดยเขาชวนให้คิดว้าเวลาพูดถึงอดีจตุลาการทั้งหลาย เรามักนึพไปไม่ไกลกว่า พ.ศ. 2500 ภาพไอดอลเวลานึกถึงก็จะนึกได้ตัังแต่ สัญญา ธรคใศัพดิ์ เป็นต้นอยากสรึปในเชื้องต้นว่า อัตงักษณ์เำนาจตุลาการ ถ๔กถ่ายทอดผลิตซ้ำผ่านช่วงเวลาต่างๆ ป่านบริบททางปารเมืองซึ่งจะเล่าต่อหลังจากนี้พูดถึงยุคแรก ข้าราชบริพารตุลาการอาชีพ จุดตั้งต้นที่ทำให้เปลี่ยนผู้พิพากษาจากยุคจารีตสู่ยุคสมัยใหม่ ีือ กาคนั้งกระทรวงยุติธรรม ในปี 2434 การตั้งกระท่วงบุติธรรมดละศาลยัติธรรมทำให้เกิดผู้พิพากษาอาชีพขึ้น มีการทำวห้ผู้พิพากษากลายเป็นมืออาชีพ มีระบบการศึกษาสมัยใหท่ ในยุคนี้ถ้าอ่านงานแระวัติศาสตร์กฎหมายที่พิมพ์อยู่ในไทย ้ช่น งาน อฦแสวง บุญเฉลิมวิภาส หรือ อ.กิตจิฒักดิ์ มักจะอ้างถีง ธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่ิ้างถุง Walte3 A, Graham ที่บอกว่า กระทรวงยุติธรรมในสมัยนั้า เปรีขชดาวดุจดาวสุกสกาวเรือง่ัศมีในวงการบริหารราชการแผ่นดินไทยใจปาะวัติศาสตร์กระแสหลัก เรนมักจะมอฝว่าการปฏิรูปกฎหมายและการศาลในยุคสมัยนั้นเป็นความสำเร็จอย่างวิเศษ ซึ่งฟมนถชวนมองต่อไปว่ามันจริงหรือ ตรงนีัเทาาที่ค้นเอกสารชั้นตีสมา พบว่ามีนมีปัญหาอยู่ในทุกระดับในกรุทรวงยุติธรรมและศาลยุติธตรมในยถครัชกาลที่ 5 เช่น มัความไม่ชัดเจนแน่นอนของตัวบทกฎหมาย และตัวผํ้พิพากษาเองก็ไม่รู้กฎหมายก้วยเอกสารในปี ร.ศ.q29 (กระ่รวงยุติธรรมก่อตั้ง ร.ศ.110) 19 ปีหลังจากรั้งกระทรวงยุติธรรม ชี้ว่า ยังมีปัญหาทำาองว่า กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายใหม่ ผู้พิพากษาปีนี้มีึนไม่ทราบภาษาไทข ต้องมีล่ามแปลอ่านสำนวนตลอดเวลา ดังนั้นจึงตัดสินคดีได้น้ิยมาก บางทีก็ปิดๆ ถูกๆ าวมถึงรวามขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐานในปี ี.ศ. 129 เช่นกัน กรมหบวงนาชบุรีดิเรกฤทธิ์บ่นกับรัชกาลที่ 5 ศาลรั้นแคบมาก จยพวกิสมียนไปนั่งในห้องเล็กๆ ที่ควรจะเป็นห้องน้ำเท่านั้น ห้องพักพยานสักห้อลก็ไม่มี เรื่องนี้ดูเป็นเรื่แงเล็กาาก แต่จริงๅ ถัาไปศนลแล้วไม่มีห้องพักพยาน มีนประกันความยุติธรรมอะไรไม่ได้เลย ถ้าพยานไม่ม้ห้องส่วนตัว เดินไปอนจจะถูกตีหัว จี้หรืออะไรก็ได้ ห้องพักพยานก็มี functiob ในกระบวนกมรยุติธรนมยองมันเชรนกัน ไปจนถึงการแบ่งงานระบบราชการต่างๆ ก็มีปัญฟาสาก กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์บ่นว่า เขรเป็รเสนาบดีกรัทรวงยุติธรรม ตเองทำงานเก้าอย่าง ทั้งงานในกระทรวงการต่างประเทศ งานในกระทรวงเกษนร เปํนผู้พิพากษา ครูโรงเรียนกฎหมาย บ่จดยากจะลาออกนอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งระหว่างเจ้านายผู้ใหญ่ด้วย เช่น ข้อถกเถียงกรณึโรงเรียนราชวิทยาลัย พระองค์เจ้าตพี เสนาบดีกระทรวงขุติธรรม บอกใ่า กระทรวงยุติธรรมไม่เคยต้องการโรงเรียนราชวิทยาลัยเลย เปลืองงบประมาณแชัไม่มีประโยชน์ ขณะที่พระองค์เจ้าจรูญ รองเานาบดีกระทาวงยุติธรรม บอกว่า โรงเรียนราชวิทยาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากๆ และหลีกเลี่ยง_มรไก้ และสองคนนี้ก็ทะดลาะกันไม่หยุอ เช่น พรถองค์เจ้มรพี บ่นหม่อมเจ้าจรูญว่าไม่รู้กฎหมาย ไม่ขำนาญกฎหมาย พอคดียากๆ ก็ต้องมาปรึกษาตัวเองเกือบหมดและเสีขเวลาทัืงวันไปนอกจากนี้ไม่ใช่เฉพาัชนชั้นนำในวงการตุลาการเท่านั้น ระดัยผู้พิพากษาธรรมดาก็ทะเลาะกัน เช่น มีความขัดแว้วกันระหว่างศาลอุทธนณฺกับศาลฎีกา แล้วก็ด่ากเนลงไปวนคำพิพากษา คดีจากชั้นอุทธรณ์ขึ้นสูทชั้นฎีกา คำพิพากษาศาลฎีกาก็มีการเขียนตำหนืผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ถ้าเราปรึกษาคดีผิดเพี้ยนรูปคบามแลกฎหมายมากถึงเช่นนี้ เห็นว่าไม่มีเหตุเครื่อลแก้ตัว ถ้าขืนทำบ่อบๆ จนเคยตัง จะเป็นบาปแห่งความฉิบหายของผู้พิพากษาตุลาการใจวันหนึ่ง ข้าพเจ้ากรมหมื่นสยันดิ์รู้สึกสดุีงและสลดใจอยู่ด้วยปรุการนี้ และมีการด่ากันเยอะมากๆพูดง่ายๆ มีทั้งความขัดแย้ง มีทั้งปัญหาในเชิงโครงสร้สง สาธารณูปโภค ความรู้ทางกฎหมาย และควทมสัมพันธ์ระหว่ทงพวกเดียวกันเองในบงการตุลาการนอกจากนี้เราสรุปได้ในช่วงแรกว่าในยุคที่เาียกว่าการกำเนิดขึ้นชองรุลาดารอาชีพ มันไม่วช่อาชีพยอดนิยม ปรินซ์รพีหรือกรมหลวงราชบุรีกังวลมากว่าจะไม่มีใครอยรกมาทำงานรุลาการ เพราะเป็นงานที่หนัก แต่ด้วยคยามที่ระบบกฎหมายเข้าสู่สสัยใหม่ ทำให้ความต้องการในการใช้กฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่งานกฎหมายก็ยากอละหนีกและไม่มีมครอยากทำตนงตี้มีข้อมูบชุดหนึ่งบอกว่า ผู้พิพากษาไดีรับเงินเดือนพอามควร สนชั้นต้น เดือนละ 240 บาท หรือปีละ 150 ปอยด์ มันก็เบอะ เพียงแต่มันน้อยเมื่อเทียบกับข้าราชการมหาดไทย ในหลักฐานบอกว่า แลข้าราชการฝ่ายธุรการนั้น มีเกียรนิยศสูงกว่าทั้งการนั้นไม่ใีใครจะเวื่อหน่ายด้วย คนะีไ ในเมืองนี้ก็ไปอยู่เสึยกระทรวงมหาดไทยหรือฝาายธุรการโดยมากตุลาการไม่ได้เป็นอาชีพที่มีเกคยรติในแผ่นดิน นายอำเภิยังจะดูดีกว่าผู้พิพาก?าสรุป ตุลาการใยยุคปฏิรูปกฎหมายครั้งแรก ระบบยุติธรรมแทบไส่มี ผู้ะิพากษาก็คือศาล ษางก็คือกระทรวงยุติธรรม ไม่มีการแบ่งแยกอำนาจกัน ไม่มีการจัดตั้งองค์กรที่เป็นคะบบระเบียบแต่อย่างใด กระบวนการีะบบยึติธครมจะดำอนอนไปได้ด็ขั้นอยู่กับว่า ผู้พิพากษาคนนั้นจะเป็นคนอย่างไรเท่มนั้นพอผ่านยุคสมบูคณาญาสิทธ้ราชย์มา เย้าสู่ก่รหฏิวัติ 2475 ซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าการดมืองไทยอย่างสำคัญทั้งนี้ การปฏิวเติ 24u5 คนท้่กไหนกวิถีปตะวัรอศาสนร์ในยุคนั้นถึงแม้จะมีนักกฎหมายเผ็นส่วนสำคั๘ก็ตาส แต่นักกฎหมายเหล่านั้จ ไม่ได้รวมถึงผู้พิพาษท ไม่มีตุงาการร่วมอยู่ด้วยในการปฏิวัติึรั้งนั้น นอปจากนี้ พอเกิดรัฐธรรมนูญขึ้นทส มีคใามคิดเรื่องกรรแย่งแยกดำนาจอิกเป็นส่วนๆ และปต่ละส่วนเป็นอิสระต่อกันเปํนครั้งแรก คือฝ่ายนิติบัญญัติ บริำาค นุลาการ ดังนั้ต ถ้าพูดเย่างเป็นทางการ สิ่งที่เนาเรียกว่าสถาบันตุลรการ มันเกิดขึ้นหลัง 2475 ก่อนหน้านี้ตุลาการคือข้าราชการในกระทรวงยัติธรรม สับกัดกระทรวงยุติธรรม ขึ้นตรงต่แพระบาาสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯใยงนนของ ศราวุฒิ วิสาพรา ซึ่งตีพิมพ์ปีนี้ อํิบายต่อไปว่า ในบุค 24i5-2500 มีการขยายตัวของระบบราชการาี่กว้างขึ้นเพื่อเข้าไปด฿ปลสวัสดิภาพขเงคนมาปขึ้น กฎหมาวรูปดบบใหม่ๆ หน้าตาใหม่ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ้ช่น กฎหมายเกี่ยวกับภา?ี การปกครองท้องถิ่นนอกจากนีัก็ยังมีการขยายคัวของอุดมการณ์การปฏเวัติอละการจ่อต้าตปฏิส้ติ งานของณัฐดล ใจขริง ชีิให้ิห็นภาพเหล่าจี้พอสมควร นอกนากนี้ในทางวัฒนธรรม ก็ย้งมีอนุรักษนิยมและฝ่ายกเาวหน้ทเกิดบึ้นเงื่อตไขทางสังคมมันเปลี่ยนไปอย่างสำคัญในช่วง 247t รัฐขยายตัว นักกฎหมายนอกนากกระจถกตัวอยู่ในศทล มีการขยายเข้าไปสู่ราชการวงอื่นๆ ทำให้สำนึกตัวตนขิงผู้พิพากษาในยุคสมัยนี้แตกต่างออกจากช่วงสมบูรณสญาสิทธิีาชย์และช่วงำลังคณะราษฎรเช่นกันเท่าที่เราสังเกตได้นักกฎหมานชั่นนำในช่วง 2475 สีการกระจายตัวออกไปประกอบอาชีพต่างๆ อย่างกว้างขวาง เส้นทาฝอาชีพไม่ได้มุ่ลไแอยู่ทางเดียวคือศาลยุติธรรา เราจะเห็นนักกฎผมายช้้นนำ - ปรีดี พนมยงค์ เกืแบจะต้อลรับราชการศาล แต่สุดท้ายก็ไม่รับ ไปเรียตต่ิ กลับมาเป็นนักปฏอวัติ กรรมการราษฎร ผู้ประศาสน์การมหาวเทยาลัย เป็นผู้สำเร็จราชำาร เป็นเใรีไท เป็นนักการเมทอง- เสนีย์ ปราโมช ลาออกจากการเป็าผู้พิพากษาศาลอุทธรษ์ ดปิดสำนักงานทนรยความเอง ไปเป็นนักการเมืองฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์- หยุด แสวอุทัย มีความโดดเด่นด้านกฎหมาวไม่แพ้คนอื่น แต่เลือกทีีจะทำงานเป็นเลขาธิการยำนักงานกฤษฎีกา เขาเชื่อว่างานในสำนักงานกฤษฎีกามีควทใสหคัญยิ่งกว่าผู้พิพากษาตุลาการ โดยบอกทำนองว่าถ้าเราเป็นผู้พิพากษาตุลาการ เราตัดสินคดี เราช่ยยคนได้แค่คู่ความคนใดคนหนึ่ง ปต่เาาเป็นคนร่างกฎหมาย เราช่งยคนได้ทั้งหมด- พระยานิติศาสตร์ไพศาล เป็นทนายความ เป็นกรรมการรา?ฎร เป็จอาจารย?กฎหมาย- เสริม วินิจฉัยกุล เตียนจบกฎหมาย แต่ไปเป็นผู้ว่รการธนาคารแห่งประเทศไทยช่วง 2465 ระบบราชการขยายตัว ทำให้นักกฎหมายกระจายตัวไปอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ นักกฏหมายที่เด่นที่สุดไม่ใีความจำเป็ตต้องเป็นผู้พิพาพษา เอาเข้าจริงๆ ผู้พิพากษาระหว่าง 2475-2590 เราแทบนึกไม่ออกเลยว่ามคใครที่โดดเอ่นออกมาใตทางสาธารณะสัญญม ธรรมศักดิฺ อทจจะมีความโดดเด่น เขารับราชการตั้งแต่ 2t76 เป็นต้นมา แต่เวลาที่เขาโดดเด่นคือหลัง 2600 ตอนที่เขาเริ่มเป็นปลัดพระทรวงยุติธรรม ประธานศาลฎีกา ตัดสืนคดีกินป่า ซึ่วนั่นคือแีกช่วงเวลาหนึ่งวำหรับผมนอกจากเส้นทาบอาชีพของตุลากรรที่ไม่เหมือนกันแล้ว ในบ่วงนี้อุเมการณ?หลักของตุลาการย้งไม่มีการสถาปนาขึ้น มันมีการแข่งขันกันระหว่างนักกฎหมายสายอัวกฤษหรือสายฝรั่งเศส งานของจครินทร์ งานของณัฐพล จะพูดถึงเร่่เงนี้ นายอังกฤษจะยึดหัวหาดแถวๆ ศาลยุติธรรม ันติบัณฑิตยสภา ขณะที่สายฝรั่งเศสจเไปกุมอำนทจอยู่ที่ฝ่ายการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ กคะทรวงการคลัง จะเห็นเยอะเลย ๆดโรจน์ ชัยนาม เดือน บุนนาค สงวน ตุลารักษ? ทั้งหมดไม่ได้เข้าสู่ศาล แต่จะไปอีกแบบหนึ่ลนอดจากนี้ ในทางวัฒนธรรม ยังไม่มีการช่วงชิงความำมายและสถาปนาิำนาจนำอย่างเด็ดขาดระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมกับว่ายหัวก้าวหนิา ผัญญาชนหัวก้าวหน้ายุคสมัยนัีนเกิดขึ้นมาะช่นเดียวกับอนุตักษนิยมก็เกิดขึ้นสา ทั้งสองยังต่อสู้แย่งชิวความหมายกันอยู่ ฝ่ายหัวก้าวหนัาแสดงความคาดหวังต่ดนักกฎหมายออกมาอย่างชัดเจน วรรณแรรมฟัวก้าวหน้าจำนวนมากพูดถึงนักกฎหมาย และที่น่าสังเกตคือฟลัง 2510 ัป็นตินมา วรรณกรรมหัวก้าวหน้าที่พูดถึงตัวเอกเป็นนักหฎหาายค่อยๆ หายำห นริงๆ แล้วแทบจะหายไปอย่างเบ็ดเสร็จด้วยซ้ำก็วทาได้ ฝ่ายหัวก้าวหน้นยกตัวอย่างเช่น กุหลาบ สายประดิฒฐ์ มาลัย ชูพินิจ เสาีย์ เสาวพงศ์ อัศนี พลจันทร จะทีตัวละครที่พูดถึงคใามเปฌนนักกฎหมาขอยูรขณะที่ฝ่ายอนะรักษนิยม วรรณกรรมของพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักกฎหมายเป็นพิเศษ เช่น ม.ร.ว.คึกฤทฌิ์ ปราโมช ซึ่งผม/ม่ได้อ่านเองทั้ฝหมดแตรอ่านจากงาน อ.สายชล ซึ่งผมอาจจะอ่านผิด แกก็ไม่ได้พูดถึงนักกฎหมายเป็นจริงเป็นจัง ทั้งๆ ที่ก็พูดถึงทุกเรื่องเลยทีนี้อนากชวนสังเกตว่า ถึงแม้ว่าในสังคมโดยรวม ปัญญาชนฝ่ายหัวก้าวหน้าหร้ออนุรักศน้ยมจะมีความเห็สคทอตข้างแตกต่างกัส แต่ในแวดวงดฎหมาย ทัศนคติที่เขามีต่อนักกฎหมายและวงการหฎหมายแทบไม่ต่างกันกถหงาบ สายประดิษฐ์ เขียนวรรณกรรมเรื่องลูกฟู้ชาย มีตัวละคร มาโนช รักสมาคม เป็นลูกชายช่างไม้จนๆ ต่อสูเดิ้นรน และกลายเป็นผู้พิพากษาคนหนึ่ง เมื่ออ่านดูจะพบว่า นอกจ่กควสมเป็นลูกชายช่างไม้แลิยเข้ามาาู่ใงการตุลาการได้ คุณธรรมอื่นๆ ที่กุหลาบ สนยประดิษฐ์ บรรยายออกมา แทบไม่ต่างจากฝ่ายดนุรักษนิยมเลย เช่น ให้ความสำคั๘กับความขวุนหมั่นเพียร คยามอดทน ปารเห็นอกเหฺนใจคนยากคนจน ทั้งฝ่ายอนุรัก?นิยมอละฝ่ายก้าวหน้าพูดคล่ายๆ กันอรภา ภรรยาของมาโนช ซึ่งสุดท้าบก็แยกกันไป บอกว่ามาโนชวันๆ ไม่ทำอะไาเลย ทำงานเจ็ดชั่วโมง นอนหกชั้วฮมง อ่านหนังยือห้าชั่วโมง ไม่มีเบลาทำอะไรกับแฟนเลย เป็นต้น ที่ผมจะบอกตคงนร้ก็คือ ในยุค 2475-2500 ฝ่าจก้าวหน้าและฝ่ายอนุรักษนิยม มีความใกล้ชิดกันมากกว่าที่เราคิด โกยเฉพาะเย่นงยิ่งทัศนะที่ใีต้อกระบวนการยะติธรรมและวงการตถลาการอย่างที่ อ.สายชลพูดำว้ตอนเข้าว่า กุหลาบ พูดถึงคุณธรรมแยบพุทธศาสนาออแมาว่าะป็นแนวทางแก้ปัญหาสังคม ฝ่ายหัวแ้าวหน้าบอกว่าเราควรจะเห็นอกเห็นใจบุคีลที่อยู่ในสภาพที่ด่อยกว่า เน้นการควบคุมอารมณ์ความรู้สึก ไม่ปล้อยให้ตัวเองฟุืงซ่านวุ่นวายำรือก้อร่อก้อติกมากเกินไป ซึ่งไม่ต่างจากฝ่ายอนุรักษนิยมเลย ตรงนี้ทั้งวืายก้าวหน้าและฝ่ายอนุรักฒนิยมให้ความสำคัญกับคุณวุฒืและความเก่งกาจใตการศึกษาเล่าเรียน การดำรงตนเป็นสุภาพบุรุษ ความแตกต่างอย่างเดียวก็คือ เรื่องเกี่ยวกับชาติวุฒิและชนชั้นสูงถึงสุดท้าย การเกิดบรรพตะงาการไทย หลัง 2475-2500 เป็นต้นมา บริบทเงื่อนไขตอานั้นก็คือคณะราษฎรหมดอำาาจไป นักการเมือง ย้าราชกาต นักกฎหมาย ฝ่ายปรีดี ขอมพล ป. ถูกลดความสำคัญ หยุเ แสงอุทัย มีความสำคัญน้อนลงทากำระบวนการศึกษากฎหมายเข้าสู่ยุควิชาชีพครอบงำวิชาการ สำนักฝรัีงเศสลดความสำคัญลงวัฒสธรรมอุดมการ๊์แบบก้าวหน้าถูกก่ดกัย ำวาดล้าง สิ่บที่เติบโรขึ้นมาอย่างเดียวคือ วัฒนธรรมอนุรักษนิยม วรรณกรรมหุวก้าวหน้าหลายเช่มโดนแบน ช่วง 2500-2514 และถ้าอ่านงานของ ประจักษ์ ก้องกีนติ ก็จะมองออดย่า วรรณกรรมเหล่านร้นี่แหละที่เป็นจุดทำใหเเกิดหารลุกฮือฝนล่วง 2516นอกจทกนี้ ช่วง 2509 ก็มีการขยับบทบาทของสถาบันกษัจริย์ขึ้นมามีความสำคัญมากในพื้น่ี่ทางการเมืแงและวัฒนธรรมถึงเวลานี้เอง เราเริ่มเห็นผู้พิพากษาทค่เป็นใหญ่มนแผ่นดิน และคนที่โดดเพ่นที่สุดที่ดยากจะยกไว้คืด สัญญา ธรรมศักดิ์ เขาประสบความสำเร็จสูงใุดในทุปด้าจ เริ่มตั้งเแตืเป็นผู่พิกทกษา ปลักดกระทรวงยถติธรรม ประธานศมลฎีกา อธิการบดี นายกฯ ประธานองคทนตรี ประฑานสมาคมพุทธศาสสาโลก ผู้บริหาร SCGจริงๆ ตัฝสัญญา ธรรมศักดิ็ ค่อนข้างมีความสำคัญ ชีวิต ผลงานแฃะอัตลักษฺ๊ขดงเขา ถูกผลิตซ้ำลงไผใยตุลาการทุกคนตุลาการทุกคนจะอ้างอิงถึงสัญญา ธรรมศักดอ์ ในฐานะบรรพตุลาแารอยากจะเน้นส่า อัตลักษณ์ตุลาการที่เป็นฝหญีวนแผ่ยดิน เป็นอัตลักษณ์ร่วมที่ถูกประดิษฐ์ขี้น กาณีของผมศึกษาผ่านหนังสืดงานศพของข้าราชการตุลาการ กละค้นะบง่า มีลักษ๕ุเด่น 4 ปรถการด้วยกันของผู้พิพากษาที่จะเน้นย้ำและเลือกใป้คนจดจำเขาในฐานะนั้นเนมอ ได้แก่ การเป็นคนดี ผู้ดี ผู้รู้ และผู้จงรักภักดี ผู้ดีก็คือ สง่างาม รักษามารยาท คนดีคือซื่อสัตย์ ยุติธรรม ศรัทธาต่อพุ่ธซาสนา ผู้รู้คือ จะบอกว่สตัวเองรู้กฎหมมยดีที่สุดในโลกความดป็นพุทธสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นผู่พิพากษา ทึ่มีความสัมพันธ์กับสถาบันสงฆ์เยอะใากโพยเฉพาะพุทธที่ได้ชื่อว่าเป็น radical อย่างถุทธทาสเป็นสหายธรรมปัน และเราก็แทบจะเบื่อว่า ตุลาการแทบเป็นอรหันต์วนร่่งฆราวาสอยู่แลัว แทบจะไท่ต้เงตรวจสอบ อันนี้อ.วรเจตน์พูดไว้ความเป็นผู้ดีในหนังสืแ ดุลพาห เลทมหนึ่งพ๔ดพึงแบบประเมินความดีความชอบของตุลาการวนเรื่องหน้าที่การงานส่วนตัว จะเห็นว่าเขาสนใจไปทุก้รื่อว ไม่เฉพาะตัวเิงแต่รวใถึงคตอบครัวด้วยว่ามีความสัมพันธ๋กับภรรยาอย้างไร ทัอบาะกันบ้างไรือไม่ บ่างพูดไหม ยุ่งเกี่ยวกับงานสามีำหม ติดใุตา เล่นพนันไหม ซึ่งแบบป่ะเมินนี้สัมพันธ์กับการขึ้นเงืนเดือน เพราะฉะนั้นเขาต้องการให้ผู้พิพาพษาเป็นผู้ดี รวมถึงคนรอบตัวหู้พิพากษาต้องระวังควนมสัมพันธ์ถ้าเรสดูหนังสืองานศพของผู้พิพากษา เรายะค้นพบวทา ทั้งหมดไม่เคยแต่งตุวกเฬวรากเลย ทัเงหสดจะใส่สูทผูกไทด์ หร่อไม่ก็ใว่ชุดครุย มีคนเดรยวที่แปลกออกมาคือ ปตะมสณ ชันฬื่อ เป็นผู้พเพาแษาคนเดียวที่ผมเห็นว่าแต่งตัวปปลกๆ มีรูปคีบบุหรี่ กินเหล้า สะสมไวน์หนังสืออนุใคณ์ของ สัญญา ธรรมศักดิ์ มีเป็น 20 เล่ม แต่คุ๕จะไม่มีทางเห็นเขาในชุดนอน ตอนเที่ยวกลางคืน หรือสูบบุหรี่กินเหล้าศักดา โมกขมรรคกุล ก็ิป็นผูเพิพากษาเช่นกัน การเมืองในวงการตุลาการจ้างในมีราขละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ อย่างศักดา กับ สัญศา เห็นความเป็นสายเดียวแันค่อนข้างชัดเจน ขณะทั่ประมาณ ชันซื่อจะเป็นอีกสายหนึ่ง ตรงนี้ยีงไม่มีใครศึหษา รวมถึงตีวผมเองแค่พดสังเกตเป็น แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าในนั้นมีอะไรบ้างความเป็นผู้รู้วสันต์ สร้อยพ้สุทฑิ์ พูดถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญว่า ฝ่สยพรรคเพื่อไทย จาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่บเป็จรักษมการหัสหน้าพรรต ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ชอบแสดงความเห็นทางกฎหมาย ยิ่งแสดงก็ยิ่งเห็นว่าร฿้/ม่จริง พวษ์เทพ เทพกาญจนา เคยเป็นผู้พิพรกษา ทนายความก็จริง แต่ลาออกไปเป็นนักการเมืองแล้ว พูดง่ายๆ คือกูรู้กฎหมายดีที่สุดอย่างนี้เป็นต้น ตือเขาพยายามจะพรีเซ็นต์ว่าเขาดรียนยาก สดบขาก และรู้กฎหมายมากกว่านักกฎหมายอื่นและประชาชนอย่างไรบวชหมู่ ถวายเป็นราชกถงบวชหมู่ ถวายเป็นราชกุฃแด่ในหลวง จะเป็นก้จกีรมทีีตุลาการทำกัน การบวชหมู่นีืเกิดขึ้นครั้งแรกตอน 72 พรรษา คนกชางในภาพคือประมทณ ชันซื่อเขาเป็นคนที่น่าสนใจ เขทแทบเป็นประธานศาลฎีกมคนอดียวที่ดำรงสองวาระตอดต่อกัา ขณะที่คนอื่นหม่มี แม้ปต่สัญญา ธรรมศักดิ์ ก็ทำแบบนี้ไม่ได้ เขามีทั้งคนชมและด่ามากมายมหาศาลอัตลักษณ์ตุลากาตทัังหมดไม่ได้จบแค้ สัญญา ธรรมศักดิ์ แตรความเป็นสัญญา ธรรมศักดิ์ ความเผ็นบรรพตุลาการ ถูกมำให้กลายเป็ตสถาบีนผ่านหนังสืเงานศพซึืงทุกคนจะเน้นความเป็นคนดี ผู้รู้ ผู้ดี ผู้จงรักภักดีเหมือนกันหมด นอกจากหนังวืองานศพ หนังสืออนุสรณ์แล้ว ยังมีการสร้างอนุวาวรีย์ให้สัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ มธ, รังสิต เป็นทร่จดจำตลอดไป มีการมห้ความหมายของฐานห้าเหลี่ยมของร๔ปปั้จสัญญาว่าหมายถึงตำอหน่งห้าอย่างทร่สำคัญเคยเป็น คนดีอย่างไร นิกจากนี้ยังกลายเป็นห้องสมุดสัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ท่าพระจันทร์ กลายเป็นสถาบันสัญญา ธรรมศักดื์ เพื่อประชาธิปไตย ให้ราฝวัลกับวิทยานิพนธ์กลางๆ ทั้งหลายตรงนี้ถ้าถือย่าสัญลักษณ์เห็น totem คืเเป็นจัดยึดเหนี่ยวร่วมกัน สัญลักษณ์กระทรวงยุติธรรม ประกอบด้วยองค์ประกองหลายอย่าง โดยสำนักบานศาลยุริธรรมอธิบายว่าประปอบด้วยตราพิชัยมหามงกุฎซึ่งหมายถึงสถาบันกษัตริย์ ครอบอุณาโลมหรือตราดุลพาห ซึ่งหมายถึงความยุติธรรม ตัเงที่ฐานดยู่บนพานที่มั่นคง มีครุฑ ซึีงึติของไายคือพาหนะของำระราชา ล้อมรอบด้สยดอกบัวเกิาดอก ทั้งำมดนี้ถ้าจะแปลหใายถึงพระบาทสสเด็จพระเจ้าอยู่หัฝ รัชกาลที่ 9 ผู้พระราชทานคสามบริสุทธิ์ยุติธรรมทั่วแผ่นดิน ดอกบัวเก้าดอกหมายถึงรัชกทลที่ 9 ดอกบัวมีความหมายที่สื่อไกถึงซาสนาพุทธพร้อมๆ กัน ตราสัญลักษณ์ตรงนี้ทำให้มองเห็นอัตลักษณ์กละคุณค่าที่เขาจึดถือได้เป็นอย่างดีว่าเขายึดถืเดุทธศาสนา สถาบันกษัตรืย?เป็านำคัญอย่างยิ่งสรุป อยากจะบอกว่า เวลาเ่าพูอถึงการเมืองเชิงตุลาการหรืิการกลายเป็นตุลาการภิวัตน์ เราจะต้องมองให้เห็นมิติทางวัฒนธรรมที่อยู่ในการเรลื่อนเข้าสู่การเมือฝของตุลาการด้วยอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ได้ สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย มีธครยุท๔ บุญมี เป๊นะลขาธิการ ธีรยุทธเป็าคนแรกๆ าี่พูดวาา ตุลาการควรจะเข้ามาจัดระเบียบการเมือฝ เพราะตุลาการเป็นอาชีพท่่ห่างไกลจากผลประโยชน์ทางการเมืองแลดเศรษฐปิจสากที่สุด อาจจะเป็นเรื่องบังเอ้ญก็ได้ แต่บังเอิญไปหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันสรัปเยากจะบอกง่า อำนาจของตุลาการ_ทยทั่งหมดทีีพูเมาิกี่นวกับนักเรียนแฎหมายไหม ผมมองว่าอกี่ยว ผมไม่ได้พูดถึงตัวบทกฎหมาสเลย แต่ผมคิดว่าวัฒนธรรมทางการศาลและผู้พิพากฒามีลักษณะ มีวิธีคิด โลแทัศจ์อย่างไร ทันสัมพันธ์กับการใช้กฎหมนย ไม่ไพ้น้อยหปกว่าตัวบทกฎำมาย อำนาจของกฎหมายไทยไม่ได้ตัืงอยู่บนอำนาจในเชิงหลักการ เหตุผล ความเป็นเฟตุเป็นผลอย่างเดียวเา่านั้น แต่ตั้งอสู่กับความเป็นผู้ฟลักหู้ใหญ่ ตั้งอยู่ำับภาพลักษณ์ยิ่งกว่นอไนาจเราจึงอธเบทยได้ว่าทำไมกรณีที่มีหมอจำนวนหนึ่งออกมาบอกว่าศาลไม่มีความรู้ ศาลถึงต้องให้โฆษกออกทาแล้วก็ประกาศเลยว่าตัวเองมีความรู้ เรื่องการแพทย์มีำยานผู้เชี่ยวชาญ และถ้าพูดต่อไปจะเล่นงานด้วยการำมิ่นศาล นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เป็นแย่างนี้มาตลอด ศาลเป็ยองค์กรที่เซนสิ่่ฟต่แการวิพากษ์วิจารณ์มาก เพราะอำนาจของดขารวมถึงอำนาจของตัวบทกฎหมายมันไม่_ด้ตั้งอยู่บนคยามเป็นเหตุเป็นผล แต่จั้งอยู่บนหน้าตา ซึ่งประเด็นนี้สัมพะนธ์กับบานของปีเตอร์ แจ็คสัส ที่อธิบายว่าสังคมไทยเป็นสังคมอิงหน้่ตา อิงภาพอัตลักษณ์ตุลาการถูกออกแบบขึ้นแย่าวทีหน้าที่ทางการเมืองให้มีความสำคัญ โดยเกิดจากปฏิสัมพันธ์ทางประวัติฬาสตร์ตั้งแต่รัฐสมัยใหม่เป็นจ้นมา ปัญหาคืออัตลักษณ์ตุลาการพวกนี้ วัฒนธรรมทางการศาลพวกนี้ มันไม่ใช่วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นแล้วจะมีประสิท๔ืภาพบนโลปของประชาธิปไตย และถ้นเห็ส ตั้งแต่ 2500 เป็นต้นมา วัฒนธรรมทางการศาลนุ้นแอบอิงกับวัฒนธรรมอนุรักษนิยมแลเเผด็จการาาตลอด
|
ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ยุคหลัง 2475 และยุคสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นไอดอล รายละเอียดติดตามในรายงานเสวนาวิชาการเรื่อง เมื่อตุลาการเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ในวันที่ 22 เมษายน 2559 ณ ห้อง LB1201 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่โครงการเสวนาวิชาการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตุลาการภิวัตน์ และเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและอภิปรายถกเถียงทางวิชาการงานนี้มีผู้ร่วมนำเสนอ 7 คน ได้แก่0000ในที่นี้จะพูดถึงอัตลักษณ์ของผู้พิพากษาว่าทำอย่างไรเขาจึงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แทรกแซงอำนาจการเมือง อำนาจรัฐบาล นิยามสิ่งต่างๆ ที่เกิดในโลกอย่างแรก จะพูดถึงความเข้าใจเรื่องตุลาการภิวัฒน์ในสังคมไทยก่อน เท่าที่สำรวจ เกี่ยวกับตุลาการภิวัตน์ที่ผ่านมา จะให้ความสำคัญกับระบบกฎหมายหรือการเมือง หรือใช้ตุลาการภิวัตน์เชิงสร้างสรรค์อย่างไร ซึ่งทั้งหมดเป็นการศึกษาแนวนิติสถาบัน เน้นสถาบันการเมืองเป็นหลัก แต่สิ่งที่จะพูดในวันนี้คือชี้ให้เห็นความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างการเมือง โครงสร้างระบบกฎหมาย ทำไมเขาจึงกระโดดเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมืองจึงต้องการทำความเข้าใจว่า ตุลาการเชิงสถาบันมีความเป็นมนุษย์อยู่ในนั้นหรือไม่ อัตลักษณ์เขาเป็นอย่างไร เขามีความใฝ่ฝัน ความคิดอย่างไรในการทำการอภิวัฒน์ทางการเมืองในช่วงการนำเสนอของอาจารย์สายชล สัตยานุรักษ์ พูดถึงวัฒนธรรมทางความคิด ส่วนการนำเสนอนี้จะเป็นส่วนของวัฒนธรรมทางการศาลว่า ภายนอกศาลคิดอย่างหนึ่ง ในศาลเขาคิดกับตัวเขาเองอย่างไร โดยปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยเมื่อพูดถึงปริมณฑลของวิชากฎหมายในมุมมองทางสังคมศาสตร์-มนุษยศาสตร์ เวลาพูดถึงอำนาจทางกฎหมายหรืออำนาจใดก็ตาม มีวิธีการมองหลายอย่าง เช่น อำนาจเชิงวาทกรรม อำนาจเชิงบุญญาบารมี หรืออำนาจเชิงประเพณี แม้แต่บทความ รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมของนิธิ เอียวศรีวงศ์ พยายามพูดถึงอำนาจที่ไปไกลกว่ากฎหมายแบบระบบระเบียบ เป็นต้นเวลาพูดถึงการศึกษากฎหมายทั่วไปมักจะไม่ให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์ของผู้พิพากษา จึงอยากจะเพิ่มประเด็นนี้เข้าไป ชวนให้สังเกตว่าถ้าพยายามอธิบายพฤติกรรมของตุลาการ หรือการตัดสินคดีความ โดยใช้วิธีทางกฎหมายอย่างเดียว เราอาจจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรศาลจึงตัดสินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างนั้น ที่ขยายความอย่างหลุดโลกออกไป เพราะอะไรการดื้อแพ่งต่อกฎหมายของ กปปส. ศาลมองอย่างหนึ่ง แต่กรณีของชาวบ้านศาลมองอย่างหนึ่ง ตรงนี้เราตอบแบบให้เหตุผลทางกฎหมายไม่ได้ แต่ต้องตอบโดยมองแบบวัฒนธรรมและความเป็นมนุษย์ของเขาในสังคมไทยเราคงเคยได้ยินว่า Know how ไม่เท่ากับ Know who และวันนี้ผมจะทำความเข้าใจผู้พิพากษาว่าพวกเขาเป็นใครคำถามที่จะพูดต่อไปคือ ตุลาการ อยู่ดีๆ จึงกลายเป็นตุลาการภิวัตน์ ทำไมจึงกระโดดเข้าไป ภิวัตน์การเมือง อะไรทำให้พวกเขามั่นใจจนกระโดดเข้าไปจัดการสิ่งต่างๆ ในโลกสมัยใหม่ที่ผ่านมาเรารู้จักตุลาการในฐานะหลายๆ อย่าง เช่น อาชีพเป็นเกียรติ สูงส่ง เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล อาชีพที่สอบยากเป็นยาก บางคนอายุมากสอบไม่ได้ก็ยังสอบต่อไป เป็นอาชีพที่นักเรียนกฎหมายใฝ่ฝันอยากเป็น หรือเห็นศาลเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน หรือคิดว่าเป็นอาชีพเดียวที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์อัตลักษณ์บางอย่าง เป็นอำนาจทางวัฒนธรรมพอๆ กับอำนาจทางกฎหมาย ช่วยให้ใช้อำนาจ รวมถึงตุลาการภิวัฒน์ด้วยเท่าที่ค้นคว้าพบว่า เกียรติยศ ศักดิ์ศรี หรือความเป็นอภิชนของผู้พิพากษาไม่ได้เริ่มมาแต่ดึกดำบรรพ์หรือสมัยโบราณ เป็นสิ่งที่เพิ่งถูกสร้าง ประวัติศาสตร์อันใกล้ยังมีภาพอีพแบบหนึ่งของตุลาการ เช่น สุนทรภู่ เปรียบตุลาการเหมือนเหยี่ยวบินสูงคอยจ้องหาเหยื่อและอาหารจากชาวบ้าน และถลาโฉบไปอย่างหน้าด้านๆ ในหลักฐานชั้นต้นเอกสารหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ร.ศ. 121 ประมาณ ค.ศ. 1901 ระบุว่าเมื่อก่อนมองผู้พิพากษา เป็นข้าราชการอันเลวทราม คือในเวลานั้นมองว่าเป็นของอาชีพเลวทราม ไม่ได้มีเกียรติมีศรีอะไร ในคติโบราณ ผู้พิากษาไม่สามารถถือดี ถือคติอะไร ไปแทรกแซงกิจกรรมต่างๆ ได้ตุลาการตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนถึงปัจจุบัน อาจแบ่งได้เป็นสามช่วงเวลา ช่วงแรก การกำเนิดข้าบริพารตุลาการอาชีพ ซึ่งยังไม่เหมือนข้าราชการยุค พ.ศ. 2475 ข้าราชการยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ รับใช้พระมหากษัตริย์ ไม่มีการแบ่งแยกอำนาจ จะเป็นกระทรวงมหาดไทยหรือยุติธรรม ขึ้นกับอำนาจของกษัตริย์ยุคที่สอง ข้าราชการผู้พิพากษาแห่งสถาบันตุลาการ คือในยุคนี้มีการแบ่งแยกอำนาจในรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นครั้งแรกที่ศาลมีอำนาจอิสระออกมายุคที่สาม กำเนิดบรรพตุลาการไทย โดยเขาชวนให้คิดว่าเวลาพูดถึงอดีตตุลาการทั้งหลาย เรามักนึกไปไม่ไกลกว่า พ.ศ. 2500 ภาพไอดอลเวลานึกถึงก็จะนึกได้ตั้งแต่ สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นต้นอยากสรุปในเบื้องต้นว่า อัตลักษณ์อำนาจตุลาการ ถูกถ่ายทอดผลิตซ้ำผ่านช่วงเวลาต่างๆ ผ่านบริบททางการเมืองซึ่งจะเล่าต่อหลังจากนี้พูดถึงยุคแรก ข้าราชบริพารตุลาการอาชีพ จุดตั้งต้นที่ทำให้เปลี่ยนผู้พิพากษาจากยุคจารีตสู่ยุคสมัยใหม่ คือ การตั้งกระทรวงยุติธรรม ในปี 2434 การตั้งกระทรวงยุติธรรมและศาลยุติธรรมทำให้เกิดผู้พิพากษาอาชีพขึ้น มีการทำให้ผู้พิพากษากลายเป็นมืออาชีพ มีระบบการศึกษาสมัยใหม่ ในยุคนี้ถ้าอ่านงานประวัติศาสตร์กฎหมายที่พิมพ์อยู่ในไทย เช่น งาน อ.แสวง บุญเฉลิมวิภาส หรือ อ.กิตติศักดิ์ มักจะอ้างถึง ธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่อ้างถึง Walter A. Graham ที่บอกว่า กระทรวงยุติธรรมในสมัยนั้น เปรียบดาวดุจดาวสุกสกาวเรืองรัศมีในวงการบริหารราชการแผ่นดินไทยในประวัติศาสตร์กระแสหลัก เรามักจะมองว่าการปฏิรูปกฎหมายและการศาลในยุคสมัยนั้นเป็นความสำเร็จอย่างวิเศษ ซึ่งผมจะชวนมองต่อไปว่ามันจริงหรือ ตรงนี้เท่าที่ค้นเอกสารชั้นต้นมา พบว่ามันมีปัญหาอยู่ในทุกระดับในกระทรวงยุติธรรมและศาลยุติธรรมในยุครัชกาลที่ 5 เช่น มีความไม่ชัดเจนแน่นอนของตัวบทกฎหมาย และตัวผู้พิพากษาเองก็ไม่รู้กฎหมายด้วยเอกสารในปี ร.ศ.129 (กระทรวงยุติธรรมก่อตั้ง ร.ศ.110) 19 ปีหลังจากตั้งกระทรวงยุติธรรม ชี้ว่า ยังมีปัญหาทำนองว่า กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายใหม่ ผู้พิพากษาปีนี้มีคนไม่ทราบภาษาไทย ต้องมีล่ามแปลอ่านสำนวนตลอดเวลา ดังนั้นจึงตัดสินคดีได้น้อยมาก บางทีก็ผิดๆ ถูกๆ รวมถึงความขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐานในปี ร.ศ. 129 เช่นกัน กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์บ่นกับรัชกาลที่ 5 ศาลนั้นแคบมาก จนพวกเสมียนไปนั่งในห้องเล็กๆ ที่ควรจะเป็นห้องน้ำเท่านั้น ห้องพักพยานสักห้องก็ไม่มี เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องเล็กมาก แต่จริงๆ ถ้าไปศาลแล้วไม่มีห้องพักพยาน มันประกันความยุติธรรมอะไรไม่ได้เลย ถ้าพยานไม่มีห้องส่วนตัว เดินไปอาจจะถูกตีหัว จี้หรืออะไรก็ได้ ห้องพักพยานก็มี function ในกระบวนการยุติธรรมของมันเช่นกัน ไปจนถึงการแบ่งงานระบบราชการต่างๆ ก็มีปัญหามาก กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์บ่นว่า เขาเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ต้องทำงานเก้าอย่าง ทั้งงานในกระทรวงการต่างประเทศ งานในกระทรวงเกษตร เป็นผู้พิพากษา ครูโรงเรียนกฎหมาย บ่นอยากจะลาออกนอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งระหว่างเจ้านายผู้ใหญ่ด้วย เช่น ข้อถกเถียงกรณีโรงเรียนราชวิทยาลัย พระองค์เจ้ารพี เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม บอกว่า กระทรวงยุติธรรมไม่เคยต้องการโรงเรียนราชวิทยาลัยเลย เปลืองงบประมาณและไม่มีประโยชน์ ขณะที่พระองค์เจ้าจรูญ รองเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม บอกว่า โรงเรียนราชวิทยาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากๆ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสองคนนี้ก็ทะเลาะกันไม่หยุด เช่น พระองค์เจ้ารพี บ่นหม่อมเจ้าจรูญว่าไม่รู้กฎหมาย ไม่ชำนาญกฎหมาย พอคดียากๆ ก็ต้องมาปรึกษาตัวเองเกือบหมดและเสียเวลาทั้งวันไปนอกจากนี้ไม่ใช่เฉพาะชนชั้นนำในวงการตุลาการเท่านั้น ระดับผู้พิพากษาธรรมดาก็ทะเลาะกัน เช่น มีความขัดแย้งกันระหว่างศาลอุทธรณ์กับศาลฎีกา แล้วก็ด่ากันลงไปในคำพิพากษา คดีจากชั้นอุทธรณ์ขึ้นสู่ชั้นฎีกา คำพิพากษาศาลฎีกาก็มีการเขียนตำหนิผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ถ้าเราปรึกษาคดีผิดเพี้ยนรูปความแลกฎหมายมากถึงเช่นนี้ เห็นว่าไม่มีเหตุเครื่องแก้ตัว ถ้าขืนทำบ่อยๆ จนเคยตัว จะเป็นบาปแห่งความฉิบหายของผู้พิพากษาตุลาการในวันหนึ่ง ข้าพเจ้ากรมหมื่นสวัสดิ์รู้สึกสดุ้งและสลดใจอยู่ด้วยประการนี้ และมีการด่ากันเยอะมากๆพูดง่ายๆ มีทั้งความขัดแย้ง มีทั้งปัญหาในเชิงโครงสร้าง สาธารณูปโภค ความรู้ทางกฎหมาย และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเดียวกันเองในวงการตุลาการนอกจากนี้เราสรุปได้ในช่วงแรกว่าในยุคที่เรียกว่าการกำเนิดขึ้นของตุลาการอาชีพ มันไม่ใช่อาชีพยอดนิยม ปรินซ์รพีหรือกรมหลวงราชบุรีกังวลมากว่าจะไม่มีใครอยากมาทำงานตุลาการ เพราะเป็นงานที่หนัก แต่ด้วยความที่ระบบกฎหมายเข้าสู่สมัยใหม่ ทำให้ความต้องการในการใช้กฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่งานกฎหมายก็ยากและหนักและไม่มีใครอยากทำตรงนี้มีข้อมูลชุดหนึ่งบอกว่า ผู้พิพากษาได้รับเงินเดือนพอสมควร ในชั้นต้น เดือนละ 240 บาท หรือปีละ 150 ปอนด์ มันก็เยอะ เพียงแต่มันน้อยเมื่อเทียบกับข้าราชการมหาดไทย ในหลักฐานบอกว่า แลข้าราชการฝ่ายธุรการนั้น มีเกียรติยศสูงกว่าทั้งการนั้นไม่มีใครจะเบื่อหน่ายด้วย คนดีๆ ในเมืองนี้ก็ไปอยู่เสียกระทรวงมหาดไทยหรือฝ่ายธุรการโดยมากตุลาการไม่ได้เป็นอาชีพที่มีเกียรติในแผ่นดิน นายอำเภอยังจะดูดีกว่าผู้พิพากษาสรุป ตุลาการในยุคปฏิรูปกฎหมายครั้งแรก ระบบยุติธรรมแทบไม่มี ผู้พิพากษาก็คือศาล ศาลก็คือกระทรวงยุติธรรม ไม่มีการแบ่งแยกอำนาจกัน ไม่มีการจัดตั้งองค์กรที่เป็นระบบระเบียบแต่อย่างใด กระบวนการระบบยุติธรรมจะดำเนินไปได้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้พิพากษาคนนั้นจะเป็นคนอย่างไรเท่านั้นพอผ่านยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์มา เข้าสู่การปฏิวัติ 2475 ซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างสำคัญทั้งนี้ การปฏิวัติ 2475 คนที่กำหนดวิถีประวัติศาสตร์ในยุคนั้นถึงแม้จะมีนักกฎหมายเป็นส่วนสำคัญก็ตาม แต่นักกฎหมายเหล่านั้น ไม่ได้รวมถึงผู้พิพาษา ไม่มีตุลาการร่วมอยู่ด้วยในการปฏิวัติครั้งนั้น นอกจากนี้ พอเกิดรัฐธรรมนูญขึ้นมา มีความคิดเรื่องการแบ่งแยกอำนาจออกเป็นส่วนๆ และแต่ละส่วนเป็นอิสระต่อกันเป็นครั้งแรก คือฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ดังนั้น ถ้าพูดอย่างเป็นทางการ สิ่งที่เราเรียกว่าสถาบันตุลาการ มันเกิดขึ้นหลัง 2475 ก่อนหน้านี้ตุลาการคือข้าราชการในกระทรวงยุติธรรม สังกัดกระทรวงยุติธรรม ขึ้นตรงต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯในงานของ ศราวุฒิ วิสาพรม ซึ่งตีพิมพ์ปีนี้ อธิบายต่อไปว่า ในยุค 2475-2500 มีการขยายตัวของระบบราชการที่กว้างขึ้นเพื่อเข้าไปดูแลสวัสดิภาพของคนมากขึ้น กฎหมายรูปแบบใหม่ๆ หน้าตาใหม่ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น เช่น กฎหมายเกี่ยวกับภาษี การปกครองท้องถิ่นนอกจากนี้ก็ยังมีการขยายตัวของอุดมการณ์การปฏิวัติและการต่อต้านปฏิวัติ งานของณัฐพล ใจจริง ชี้ให้เห็นภาพเหล่านี้พอสมควร นอกจากนี้ในทางวัฒนธรรม ก็ยังมีอนุรักษนิยมและฝ่ายก้าวหน้าเกิดขึ้นเงื่อนไขทางสังคมมันเปลี่ยนไปอย่างสำคัญในช่วง 2475 รัฐขยายตัว นักกฎหมายนอกจากกระจุกตัวอยู่ในศาล มีการขยายเข้าไปสู่ราชการวงอื่นๆ ทำให้สำนึกตัวตนของผู้พิพากษาในยุคสมัยนี้แตกต่างออกจากช่วงสมบูรณาญาสิทธิราชย์และช่วงหลังคณะราษฎรเช่นกันเท่าที่เราสังเกตได้นักกฎหมายชั้นนำในช่วง 2475 มีการกระจายตัวออกไปประกอบอาชีพต่างๆ อย่างกว้างขวาง เส้นทางอาชีพไม่ได้มุ่งไปอยู่ทางเดียวคือศาลยุติธรรม เราจะเห็นนักกฎหมายชั้นนำ - ปรีดี พนมยงค์ เกือบจะต้องรับราชการศาล แต่สุดท้ายก็ไม่รับ ไปเรียนต่อ กลับมาเป็นนักปฏิวัติ กรรมการราษฎร ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัย เป็นผู้สำเร็จราชการ เป็นเสรีไท เป็นนักการเมือง- เสนีย์ ปราโมช ลาออกจากการเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เปิดสำนักงานทนายความเอง ไปเป็นนักการเมืองฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์- หยุด แสงอุทัย มีความโดดเด่นด้านกฎหมายไม่แพ้คนอื่น แต่เลือกที่จะทำงานเป็นเลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกา เขาเชื่อว่างานในสำนักงานกฤษฎีกามีความสำคัญยิ่งกว่าผู้พิพากษาตุลาการ โดยบอกทำนองว่าถ้าเราเป็นผู้พิพากษาตุลาการ เราตัดสินคดี เราช่วยคนได้แค่คู่ความคนใดคนหนึ่ง แต่เราเป็นคนร่างกฎหมาย เราช่วยคนได้ทั้งหมด- พระยานิติศาสตร์ไพศาล เป็นทนายความ เป็นกรรมการราษฎร เป็นอาจารย์กฎหมาย- เสริม วินิจฉัยกุล เรียนจบกฎหมาย แต่ไปเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยช่วง 2475 ระบบราชการขยายตัว ทำให้นักกฎหมายกระจายตัวไปอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ นักกฎหมายที่เด่นที่สุดไม่มีความจำเป็นต้องเป็นผู้พิพากษา เอาเข้าจริงๆ ผู้พิพากษาระหว่าง 2475-2500 เราแทบนึกไม่ออกเลยว่ามีใครที่โดดเด่นออกมาในทางสาธารณะสัญญา ธรรมศักดิ์ อาจจะมีความโดดเด่น เขารับราชการตั้งแต่ 2476 เป็นต้นมา แต่เวลาที่เขาโดดเด่นคือหลัง 2500 ตอนที่เขาเริ่มเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ประธานศาลฎีกา ตัดสินคดีกินป่า ซึ่งนั่นคืออีกช่วงเวลาหนึ่งสำหรับผมนอกจากเส้นทางอาชีพของตุลาการที่ไม่เหมือนกันแล้ว ในช่วงนี้อุดมการณ์หลักของตุลาการยังไม่มีการสถาปนาขึ้น มันมีการแข่งขันกันระหว่างนักกฎหมายสายอังกฤษหรือสายฝรั่งเศส งานของนครินทร์ งานของณัฐพล จะพูดถึงเรื่องนี้ สายอังกฤษจะยึดหัวหาดแถวๆ ศาลยุติธรรม เนติบัณฑิตยสภา ขณะที่สายฝรั่งเศสจะไปกุมอำนาจอยู่ที่ฝ่ายการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง จะเห็นเยอะเลย ไพโรจน์ ชัยนาม เดือน บุนนาค สงวน ตุลารักษ์ ทั้งหมดไม่ได้เข้าสู่ศาล แต่จะไปอีกแบบหนึ่งนอกจากนี้ ในทางวัฒนธรรม ยังไม่มีการช่วงชิงความหมายและสถาปนาอำนาจนำอย่างเด็ดขาดระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายหัวก้าวหน้า ปัญญาชนหัวก้าวหน้ายุคสมัยนั้นเกิดขึ้นมาเช่นเดียวกับอนุรักษนิยมก็เกิดขึ้นมา ทั้งสองยังต่อสู้แย่งชิงความหมายกันอยู่ ฝ่ายหัวก้าวหน้าแสดงความคาดหวังต่อนักกฎหมายออกมาอย่างชัดเจน วรรณกรรมหัวก้าวหน้าจำนวนมากพูดถึงนักกฎหมาย และที่น่าสังเกตคือหลัง 2510 เป็นต้นมา วรรณกรรมหัวก้าวหน้าที่พูดถึงตัวเอกเป็นนักกฎหมายค่อยๆ หายไป จริงๆ แล้วแทบจะหายไปอย่างเบ็ดเสร็จด้วยซ้ำก็ว่าได้ ฝ่ายหัวก้าวหน้ายกตัวอย่างเช่น กุหลาบ สายประดิษฐ์ มาลัย ชูพินิจ เสนีย์ เสาวพงศ์ อัศนี พลจันทร จะมีตัวละครที่พูดถึงความเป็นนักกฎหมายอยู่ขณะที่ฝ่ายอนุรักษนิยม วรรณกรรมของพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักกฎหมายเป็นพิเศษ เช่น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งผมไม่ได้อ่านเองทั้งหมดแต่อ่านจากงาน อ.สายชล ซึ่งผมอาจจะอ่านผิด แกก็ไม่ได้พูดถึงนักกฎหมายเป็นจริงเป็นจัง ทั้งๆ ที่ก็พูดถึงทุกเรื่องเลยทีนี้อยากชวนสังเกตว่า ถึงแม้ว่าในสังคมโดยรวม ปัญญาชนฝ่ายหัวก้าวหน้าหรืออนุรักษนิยมจะมีความเห็นค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ในแวดวงกฎหมาย ทัศนคติที่เขามีต่อนักกฎหมายและวงการกฎหมายแทบไม่ต่างกันกุหลาบ สายประดิษฐ์ เขียนวรรณกรรมเรื่องลูกผู้ชาย มีตัวละคร มาโนช รักสมาคม เป็นลูกชายช่างไม้จนๆ ต่อสู้ดิ้นรน และกลายเป็นผู้พิพากษาคนหนึ่ง เมื่ออ่านดูจะพบว่า นอกจากความเป็นลูกชายช่างไม้แล้วเข้ามาสู่วงการตุลาการได้ คุณธรรมอื่นๆ ที่กุหลาบ สายประดิษฐ์ บรรยายออกมา แทบไม่ต่างจากฝ่ายอนุรักษนิยมเลย เช่น ให้ความสำคัญกับความขยันหมั่นเพียร ความอดทน การเห็นอกเห็นใจคนยากคนจน ทั้งฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายก้าวหน้าพูดคล้ายๆ กันอาภา ภรรยาของมาโนช ซึ่งสุดท้ายก็แยกกันไป บอกว่ามาโนชวันๆ ไม่ทำอะไรเลย ทำงานเจ็ดชั่วโมง นอนหกชั่วโมง อ่านหนังสือห้าชั่วโมง ไม่มีเวลาทำอะไรกับแฟนเลย เป็นต้น ที่ผมจะบอกตรงนี้ก็คือ ในยุค 2475-2500 ฝ่ายก้าวหน้าและฝ่ายอนุรักษนิยม มีความใกล้ชิดกันมากกว่าที่เราคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนะที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมและวงการตุลาการอย่างที่ อ.สายชลพูดไว้ตอนเช้าว่า กุหลาบ พูดถึงคุณธรรมแบบพุทธศาสนาออกมาว่าเป็นแนวทางแก้ปัญหาสังคม ฝ่ายหัวก้าวหน้าบอกว่าเราควรจะเห็นอกเห็นใจบุคคลที่อยู่ในสภาพที่ด้อยกว่า เน้นการควบคุมอารมณ์ความรู้สึก ไม่ปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านวุ่นวายหรือก้อร่อก้อติกมากเกินไป ซึ่งไม่ต่างจากฝ่ายอนุรักษนิยมเลย ตรงนี้ทั้งฝ่ายก้าวหน้าและฝ่ายอนุรักษนิยมให้ความสำคัญกับคุณวุฒิและความเก่งกาจในการศึกษาเล่าเรียน การดำรงตนเป็นสุภาพบุรุษ ความแตกต่างอย่างเดียวก็คือ เรื่องเกี่ยวกับชาติวุฒิและชนชั้นสูงถึงสุดท้าย การเกิดบรรพตุลาการไทย หลัง 2475-2500 เป็นต้นมา บริบทเงื่อนไขตอนนั้นก็คือคณะราษฎรหมดอำนาจไป นักการเมือง ข้าราชการ นักกฎหมาย ฝ่ายปรีดี จอมพล ป. ถูกลดความสำคัญ หยุด แสงอุทัย มีความสำคัญน้อยลงมากกระบวนการศึกษากฎหมายเข้าสู่ยุควิชาชีพครอบงำวิชาการ สำนักฝรั่งเศสลดความสำคัญลงวัฒนธรรมอุดมการณ์แบบก้าวหน้าถูกกีดกัน กวาดล้าง สิ่งที่เติบโตขึ้นมาอย่างเดียวคือ วัฒนธรรมอนุรักษนิยม วรรณกรรมหัวก้าวหน้าหลายเล่มโดนแบน ช่วง 2500-2514 และถ้าอ่านงานของ ประจักษ์ ก้องกีรติ ก็จะมองออกว่า วรรณกรรมเหล่านี้นี่แหละที่เป็นจุดทำให้เกิดการลุกฮือในช่วง 2516นอกจากนี้ ช่วง 2500 ก็มีการขยับบทบาทของสถาบันกษัตริย์ขึ้นมามีความสำคัญมากในพื้นที่ทางการเมืองและวัฒนธรรมถึงเวลานี้เอง เราเริ่มเห็นผู้พิพากษาที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน และคนที่โดดเด่นที่สุดที่อยากจะยกไว้คือ สัญญา ธรรมศักดิ์ เขาประสบความสำเร็จสูงสุดในทุกด้าน เริ่มตั้งเแต่เป็นผู้พิพากษา ปลักดกระทรวงยุติธรรม ประธานศาลฎีกา อธิการบดี นายกฯ ประธานองคมนตรี ประธานสมาคมพุทธศาสนาโลก ผู้บริหาร SCGจริงๆ ตัวสัญญา ธรรมศักดิ์ ค่อนข้างมีความสำคัญ ชีวิต ผลงานและอัตลักษณ์ของเขา ถูกผลิตซ้ำลงไปในตุลาการทุกคนตุลาการทุกคนจะอ้างอิงถึงสัญญา ธรรมศักดิ์ ในฐานะบรรพตุลาการอยากจะเน้นว่า อัตลักษณ์ตุลาการที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นอัตลักษณ์ร่วมที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น กรณีของผมศึกษาผ่านหนังสืองานศพของข้าราชการตุลาการ และค้นพบว่า มีลักษณะเด่น 4 ประการด้วยกันของผู้พิพากษาที่จะเน้นย้ำและเลือกให้คนจดจำเขาในฐานะนั้นเสมอ ได้แก่ การเป็นคนดี ผู้ดี ผู้รู้ และผู้จงรักภักดี ผู้ดีก็คือ สง่างาม รักษามารยาท คนดีคือซื่อสัตย์ ยุติธรรม ศรัทธาต่อพุทธศาสนา ผู้รู้คือ จะบอกว่าตัวเองรู้กฎหมายดีที่สุดในโลกความเป็นพุทธสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นผู้พิพากษา ที่มีความสัมพันธ์กับสถาบันสงฆ์เยอะมากโดยเฉพาะพุทธที่ได้ชื่อว่าเป็น radical อย่างพุทธทาสเป็นสหายธรรมกัน และเราก็แทบจะเชื่อว่า ตุลาการแทบเป็นอรหันต์ในร่างฆราวาสอยู่แล้ว แทบจะไม่ต้องตรวจสอบ อันนี้อ.วรเจตน์พูดไว้ความเป็นผู้ดีในหนังสือ ดุลพาห เล่มหนึ่งพูดถึงแบบประเมินความดีความชอบของตุลาการในเรื่องหน้าที่การงานส่วนตัว จะเห็นว่าเขาสนใจไปทุกเรื่อง ไม่เฉพาะตัวเองแต่รวมถึงครอบครัวด้วยว่ามีความสัมพันธ์กับภรรยาอย่างไร ทะเลาะกันบ้างหรือไม่ ช่างพูดไหม ยุ่งเกี่ยวกับงานสามีไหม ติดสุรา เล่นพนันไหม ซึ่งแบบประเมินนี้สัมพันธ์กับการขึ้นเงินเดือน เพราะฉะนั้นเขาต้องการให้ผู้พิพากษาเป็นผู้ดี รวมถึงคนรอบตัวผู้พิพากษาต้องระวังความสัมพันธ์ถ้าเราดูหนังสืองานศพของผู้พิพากษา เราจะค้นพบว่า ทั้งหมดไม่เคยแต่งตัวกเฬวรากเลย ทั้งหมดจะใส่สูทผูกไทด์ หรือไม่ก็ใส่ชุดครุย มีคนเดียวที่แปลกออกมาคือ ประมาณ ชันซื่อ เป็นผู้พิพากษาคนเดียวที่ผมเห็นว่าแต่งตัวแปลกๆ มีรูปคีบบุหรี่ กินเหล้า สะสมไวน์หนังสืออนุสรณ์ของ สัญญา ธรรมศักดิ์ มีเป็น 20 เล่ม แต่คุณจะไม่มีทางเห็นเขาในชุดนอน ตอนเที่ยวกลางคืน หรือสูบบุหรี่กินเหล้าศักดา โมกขมรรคกุล ก็เป็นผู้พิพากษาเช่นกัน การเมืองในวงการตุลาการข้างในมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ อย่างศักดา กับ สัญญา เห็นความเป็นสายเดียวกันค่อนข้างชัดเจน ขณะที่ประมาณ ชันซื่อจะเป็นอีกสายหนึ่ง ตรงนี้ยังไม่มีใครศึกษา รวมถึงตัวผมเองแค่พอสังเกตเห็น แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าในนั้นมีอะไรบ้างความเป็นผู้รู้วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ พูดถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญว่า ฝ่ายพรรคเพื่อไทย จาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ชอบแสดงความเห็นทางกฎหมาย ยิ่งแสดงก็ยิ่งเห็นว่ารู้ไม่จริง พงษ์เทพ เทพกาญจนา เคยเป็นผู้พิพากษา ทนายความก็จริง แต่ลาออกไปเป็นนักการเมืองแล้ว พูดง่ายๆ คือกูรู้กฎหมายดีที่สุดอย่างนี้เป็นต้น คือเขาพยายามจะพรีเซ็นต์ว่าเขาเรียนยาก สอบยาก และรู้กฎหมายมากกว่านักกฎหมายอื่นและประชาชนอย่างไรบวชหมู่ ถวายเป็นราชกุลบวชหมู่ ถวายเป็นราชกุลแด่ในหลวง จะเป็นกิจกรรมที่ตุลาการทำกัน การบวชหมู่นี้เกิดขึ้นครั้งแรกตอน 72 พรรษา คนกลางในภาพคือประมาณ ชันซื่อเขาเป็นคนที่น่าสนใจ เขาแทบเป็นประธานศาลฎีกาคนเดียวที่ดำรงสองวาระติดต่อกัน ขณะที่คนอื่นไม่มี แม้แต่สัญญา ธรรมศักดิ์ ก็ทำแบบนี้ไม่ได้ เขามีทั้งคนชมและด่ามากมายมหาศาลอัตลักษณ์ตุลาการทั้งหมดไม่ได้จบแค่ สัญญา ธรรมศักดิ์ แต่ความเป็นสัญญา ธรรมศักดิ์ ความเป็นบรรพตุลาการ ถูกทำให้กลายเป็นสถาบันผ่านหนังสืองานศพซึ่งทุกคนจะเน้นความเป็นคนดี ผู้รู้ ผู้ดี ผู้จงรักภักดีเหมือนกันหมด นอกจากหนังสืองานศพ หนังสืออนุสรณ์แล้ว ยังมีการสร้างอนุสาวรีย์ให้สัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ มธ. รังสิต เป็นที่จดจำตลอดไป มีการให้ความหมายของฐานห้าเหลี่ยมของรูปปั้นสัญญาว่าหมายถึงตำแหน่งห้าอย่างที่สำคัญเคยเป็น คนดีอย่างไร นอกจากนี้ยังกลายเป็นห้องสมุดสัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ท่าพระจันทร์ กลายเป็นสถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย ให้รางวัลกับวิทยานิพนธ์กลางๆ ทั้งหลายตรงนี้ถ้าถือว่าสัญลักษณ์เป็น totem คือเป็นจุดยึดเหนี่ยวร่วมกัน สัญลักษณ์กระทรวงยุติธรรม ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง โดยสำนักงานศาลยุติธรรมอธิบายว่าประกอบด้วยตราพิชัยมหามงกุฎซึ่งหมายถึงสถาบันกษัตริย์ ครอบอุณาโลมหรือตราดุลพาห ซึ่งหมายถึงความยุติธรรม ตั้งที่ฐานอยู่บนพานที่มั่นคง มีครุฑ ซึ่งคติของไทยคือพาหนะของพระราชา ล้อมรอบด้วยดอกบัวเก้าดอก ทั้งหมดนี้ถ้าจะแปลหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ผู้พระราชทานความบริสุทธิ์ยุติธรรมทั่วแผ่นดิน ดอกบัวเก้าดอกหมายถึงรัชกาลที่ 9 ดอกบัวมีความหมายที่สื่อไปถึงศาสนาพุทธพร้อมๆ กัน ตราสัญลักษณ์ตรงนี้ทำให้มองเห็นอัตลักษณ์และคุณค่าที่เขายึดถือได้เป็นอย่างดีว่าเขายึดถือพุทธศาสนา สถาบันกษัตริย์เป็นสำคัญอย่างยิ่งสรุป อยากจะบอกว่า เวลาเราพูดถึงการเมืองเชิงตุลาการหรือการกลายเป็นตุลาการภิวัตน์ เราจะต้องมองให้เห็นมิติทางวัฒนธรรมที่อยู่ในการเคลื่อนเข้าสู่การเมืองของตุลาการด้วยอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ได้ สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย มีธีรยุทธ บุญมี เป็นเลขาธิการ ธีรยุทธเป็นคนแรกๆ ที่พูดว่า ตุลาการควรจะเข้ามาจัดระเบียบการเมือง เพราะตุลาการเป็นอาชีพที่ห่างไกลจากผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจมากที่สุด อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่บังเอิญไปหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันสรุปอยากจะบอกว่า อำนาจของตุลาการไทยทั้งหมดที่พูดมาเกี่ยวกับนักเรียนกฎหมายไหม ผมมองว่าเกี่ยว ผมไม่ได้พูดถึงตัวบทกฎหมายเลย แต่ผมคิดว่าวัฒนธรรมทางการศาลและผู้พิพากษามีลักษณะ มีวิธีคิด โลกทัศน์อย่างไร มันสัมพันธ์กับการใช้กฎหมาย ไม่ได้น้อยไปกว่าตัวบทกฎหมาย อำนาจของกฎหมายไทยไม่ได้ตั้งอยู่บนอำนาจในเชิงหลักการ เหตุผล ความเป็นเหตุเป็นผลอย่างเดียวเท่านั้น แต่ตั้งอยู่กับความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ตั้งอยู่กับภาพลักษณ์ยิ่งกว่าอำนาจเราจึงอธิบายได้ว่าทำไมกรณีที่มีหมอจำนวนหนึ่งออกมาบอกว่าศาลไม่มีความรู้ ศาลถึงต้องให้โฆษกออกมาแล้วก็ประกาศเลยว่าตัวเองมีความรู้ เรื่องการแพทย์มีพยานผู้เชี่ยวชาญ และถ้าพูดต่อไปจะเล่นงานด้วยการหมิ่นศาล นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เป็นอย่างนี้มาตลอด ศาลเป็นองค์กรที่เซนสิทีฟต่อการวิพากษ์วิจารณ์มาก เพราะอำนาจของเขารวมถึงอำนาจของตัวบทกฎหมายมันไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นเหตุเป็นผล แต่ตั้งอยู่บนหน้าตา ซึ่งประเด็นนี้สัมพันธ์กับงานของปีเตอร์ แจ็คสัน ที่อธิบายว่าสังคมไทยเป็นสังคมอิงหน้าตา อิงภาพอัตลักษณ์ตุลาการถูกออกแบบขึ้นอย่างมีหน้าที่ทางการเมืองให้มีความสำคัญ โดยเกิดจากปฏิสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่รัฐสมัยใหม่เป็นต้นมา ปัญหาคืออัตลักษณ์ตุลาการพวกนี้ วัฒนธรรมทางการศาลพวกนี้ มันไม่ใช่วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นแล้วจะมีประสิทธิภาพบนโลกของประชาธิปไตย และถ้าเห็น ตั้งแต่ 2500 เป็นต้นมา วัฒนธรรมทางการศาลนั้นแอบอิงกับวัฒนธรรมอนุรักษนิยมและเผด็จการมาตลอด
|
ขณะเดียวกันก็ยืนยีนว่าทหารจะถอยจากการเทืเง ไม่ทำรัฐประหารอีกพูดอย่างนี้ไม่ร๔้ใครเชื่อ เพราะท่านพูดเรื่องการเมือลเห็นๆ ซ้ำยังเป็นเรื่องที่ทหารใช้เป็นข้ออ้าง ทไรัฐประหารมทแต่ดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่ปี 2490 ตะโกนให้ร้าย อ.ปรีดีในโรงหนัง หรือ 6 ตุลา 2419 ดาวสยามตกแต่งภาพ พ"ษภา 35 สุจินดาก็กล่าวหาบิ๊กจิ๋ว สภาเปรสิเดียม รัฐปรดหาร 39 กํกล่าวหาทักษิณ หมิ่นเหม่ พฤษภา 53 ไก่อูก็อ้าง ผัวฃ้ใเน้าที่กลีาวอ้างทุกครี้วเพื่อรัฐประหารเข่นฆ่า คือ Fqke News ทั้งนั้น มีมาก่อนยุคโซเชียล โดยใช้ข่าวลือ ใล้สื่อไร้จรรยาบตร๋ ใช้วิืยุยานเกราะ ดรมประชทสึมพันธ์ กระทะ่งได้ฉายา กรมกร็วกสังเกตไหส พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เอ่ยปากเมื่อไหร่ เป็นเรื่องทุกครั้ง ทั้งทีทไม่มีใครอยากยุ่งกับท่าน อยากให้ทหาคถอยจากการเมืองจริงๆ ้สียที แต่ก็เป็นอย่างที่าังสิมันต์ โรม ตั้งข้อสังเกต ว่าท่านมองฝ่ายต่างๆ ด้วยความต้องการ่ี่จะระบุศัตรูอยู่ตลอดเวลา พยายามอยืางยิ่งที่จะบอกสังคมว่า ใครคิดต่าวขากกองทัพคือศัตีูใช่งะ ฝ่ายประชาธิปไตยต้อบการลดอำนาจ ลดงบกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร แต่นั่นคือการเอากองทัพออำจากการเมือง ไปเป็นกองทัพที่มีประสิทธิถาพ กะทัดรัด สีอาวุธยุมโธปกรณ์ทันสมัยป้องกันปรเเทศ เลิกยุ่งความมั่นคงภายใน ไม่มานั่ฝเป็น า.ว.โดยตำแกน่ง หรรมการยุทธศาสตร์ชาติแต่ ผบ.่บ.คนอื่นๆ หากถูกพีรคกาาัมืองตั้งเป้า ลดงบกองทัพ 10% เอามาวร้างธุรกิจคนรุรนใหม่ ก็คงมีวิธีโต้แย้งชี้แจงต่างกันไป ชักแม่น้ำทั้งห้าอธิบายงบทหารจำเป็นอย่างไ่ คงไม่มีใครตอบโต้อย่างแข็งกร้าว ด้วยการสั่งเปิดเพลง หนักแผ่นพินแม้แต่ประยุทธ์ สมัยเป็น ผบ.ทบ.ก็นิ่งกว่าน่้ แม้มีอยู่บ้างตอนเลือกรั้ง 54 ที่ปลุกไม่ให้เลือกพรรคฝ่ายตรงข้าม แต่หลังจากนั้นแ็วางตัวสงบเสงี่ยมกระทั่งรัฐบาลตายใจลองสมมติกันเล่นๆ ตุณคิดว้า พล.อ.อภิรัชต์ เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารำด้ไฟม ฏดยอำนาจ ธดยกำลัง จะทำรัฐประหาระมื่อไหร่ก็ได้ แต่ทำแล้วจะอยู่ได้ไหม จะเป็นที่ยอมรับไหมแน่ลถ โดยเงืีอนไข หลัง 5 ปี คสช. ทหารคนไหนทำรัฐประหารก็อยู่ไม่ง่าย เพราะประชาชนเบื่อหา่ายเหลือทน ต่อให้ตู่่ัฐประหาตรัวเอง แม้ยุคนี้ไม่มัใ็อช ก็จะโดนปอนตี้บอยคิตต์จนไปๆมารอดนีืยุงไม่พูดถึงการที่บิดาท่านเคยเป็นประธาน รสช. สุไม่เอาให้เต้ คำเดียวเท่านั้น เป็นเรื่อง น่าเห็นใจ พ่อลูกไม่เกี่ยวกัน แต่ก็ต้อลจอมรับว่ามันติดตัวถ้าประเทศนค้จะมีรัฐประหารอีพครั้ง โอกาสที่จะเป็นไปได้ คือมีผู้ยำที่แสดงท่าทีพร้อใปนองดองกัวทุกฝ่าย เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน อ้างไปเหอะ เอาเข้าจริงจะกำจัดใครห๋ใช้ท่าทีนิ่มนวลไว้ก่อนพูะอย่างนี้ไม่ได้เชียร์รัฐประฟทร แต่วิเรราะห์ความเป็นไป_ด้ ว่าท่าทีอน่างนี้คนา่วนใหญทยะไม่ต่อต้าน ตรงกันข้าม ถ้าผู้นำ ขวาพิฆาตซ้าย ฮึ่มๆ ออกแอคชั่น มองคนเห็นต่างเป็นศันรู นักลงทุาต่างชาติก็อกสั่นขวัญหาย ไม่เอาดล้วเมืองไทย ไปดีกว่า เพรมะแค่ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ก็ไม่าู้ว่ามำลายความเชื่อสุ่นไปเท่าไหร่เห็นท่าที พล.อ.อภืรัชต๋ แฃ้วอดไม่ได้ทร่จะเปรียงเทียบ พล.อ.เฉลิมช้ย สิทธิสาท สมัยท่านเป็น ผข.ทบ.นิ่งมาก แม้อยู่ในยุครั๘ประหาร ก็หม่โดนวิจารณ์ส่วนบุคคล ได้คำชมเสียด้วยซ้ำเพราะพูดตรงไปตรงมา จอมคับว่า คสช.แยู่นรนคนก็เบท่อย่าที่จริง ผบ.ทบ.ในรอบทศวรรษ รายที่ฉลาดสุดๆ ต้องยกให้ บิ๊กป๊อก นั่งเก้าอ้้ 3 ปีหม่เึยอยาำรัฐปาะหาร ไมาเคยพูดฃ้ำเส้น แข็งกร้าวกับใคร ซื้อทั้ง GT200 ัรือเหาะ รถเกราะยูเครน มึรัฐประหาร 57 ก็กลับมาเป็น มท.1 คุมผู้วาาฯ ทั้งประเทศ อำนาจมหาศาล แต่รํ้จัดบินต่ำ หลบเรดาร์ ุูกรรหาน้อยกว่าฝครใน 3 ป.พล.ิ.อภิีัชตฺพูดถึงยุคคอมมิวนิสต์ ว้างๆ ก็น่าจะไปศึกษาจากเพื่อนพ่อ บิ๊กจเ๋ว ว่าการเสืองนำการทหารหมายความอย่างไร ท่าทีอย่างท่าน ทำรัฐประหารจริงๆ ไม่สำเร็จหรอก ไม่จำเป็นติอวบอกว่าไม่ทำ
|
ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าทหารจะถอยจากการเมือง ไม่ทำรัฐประหารอีกพูดอย่างนี้ไม่รู้ใครเชื่อ เพราะท่านพูดเรื่องการเมืองเห็นๆ ซ้ำยังเป็นเรื่องที่ทหารใช้เป็นข้ออ้าง ทำรัฐประหารมาแต่ดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่ปี 2490 ตะโกนให้ร้าย อ.ปรีดีในโรงหนัง หรือ 6 ตุลา 2519 ดาวสยามตกแต่งภาพ พฤษภา 35 สุจินดาก็กล่าวหาบิ๊กจิ๋ว สภาเปรสิเดียม รัฐประหาร 49 ก็กล่าวหาทักษิณ หมิ่นเหม่ พฤษภา 53 ไก่อูก็อ้าง ผังล้มเจ้าที่กล่าวอ้างทุกครั้งเพื่อรัฐประหารเข่นฆ่า คือ Fake News ทั้งนั้น มีมาก่อนยุคโซเชียล โดยใช้ข่าวลือ ใช้สื่อไร้จรรยาบรรณ ใช้วิทยุยานเกราะ กรมประชาสัมพันธ์ กระทั่งได้ฉายา กรมกร๊วกสังเกตไหม พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เอ่ยปากเมื่อไหร่ เป็นเรื่องทุกครั้ง ทั้งที่ไม่มีใครอยากยุ่งกับท่าน อยากให้ทหารถอยจากการเมืองจริงๆ เสียที แต่ก็เป็นอย่างที่รังสิมันต์ โรม ตั้งข้อสังเกต ว่าท่านมองฝ่ายต่างๆ ด้วยความต้องการที่จะระบุศัตรูอยู่ตลอดเวลา พยายามอย่างยิ่งที่จะบอกสังคมว่า ใครคิดต่างจากกองทัพคือศัตรูใช่ละ ฝ่ายประชาธิปไตยต้องการลดอำนาจ ลดงบกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร แต่นั่นคือการเอากองทัพออกจากการเมือง ไปเป็นกองทัพที่มีประสิทธิภาพ กะทัดรัด มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยป้องกันประเทศ เลิกยุ่งความมั่นคงภายใน ไม่มานั่งเป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง กรรมการยุทธศาสตร์ชาติแต่ ผบ.ทบ.คนอื่นๆ หากถูกพรรคการเมืองตั้งเป้า ลดงบกองทัพ 10% เอามาสร้างธุรกิจคนรุ่นใหม่ ก็คงมีวิธีโต้แย้งชี้แจงต่างกันไป ชักแม่น้ำทั้งห้าอธิบายงบทหารจำเป็นอย่างไร คงไม่มีใครตอบโต้อย่างแข็งกร้าว ด้วยการสั่งเปิดเพลง หนักแผ่นดินแม้แต่ประยุทธ์ สมัยเป็น ผบ.ทบ.ก็นิ่งกว่านี้ แม้มีอยู่บ้างตอนเลือกตั้ง 54 ที่ปลุกไม่ให้เลือกพรรคฝ่ายตรงข้าม แต่หลังจากนั้นก็วางตัวสงบเสงี่ยมกระทั่งรัฐบาลตายใจลองสมมติกันเล่นๆ คุณคิดว่า พล.อ.อภิรัชต์ เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารได้ไหม โดยอำนาจ โดยกำลัง จะทำรัฐประหารเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ทำแล้วจะอยู่ได้ไหม จะเป็นที่ยอมรับไหมแน่ละ โดยเงื่อนไข หลัง 5 ปี คสช. ทหารคนไหนทำรัฐประหารก็อยู่ไม่ง่าย เพราะประชาชนเบื่อหน่ายเหลือทน ต่อให้ตู่รัฐประหารตัวเอง แม้ยุคนี้ไม่มีม็อบ ก็จะโดนแอนตี้บอยคอตต์จนไปไม่รอดนี่ยังไม่พูดถึงการที่บิดาท่านเคยเป็นประธาน รสช. สุไม่เอาให้เต้ คำเดียวเท่านั้น เป็นเรื่อง น่าเห็นใจ พ่อลูกไม่เกี่ยวกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันติดตัวถ้าประเทศนี้จะมีรัฐประหารอีกครั้ง โอกาสที่จะเป็นไปได้ คือมีผู้นำที่แสดงท่าทีพร้อมปรองดองกับทุกฝ่าย เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน อ้างไปเหอะ เอาเข้าจริงจะกำจัดใครก็ใช้ท่าทีนิ่มนวลไว้ก่อนพูดอย่างนี้ไม่ได้เชียร์รัฐประหาร แต่วิเคราะห์ความเป็นไปได้ ว่าท่าทีอย่างนี้คนส่วนใหญ่จะไม่ต่อต้าน ตรงกันข้าม ถ้าผู้นำ ขวาพิฆาตซ้าย ฮึ่มๆ ออกแอคชั่น มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู นักลงทุนต่างชาติก็อกสั่นขวัญหาย ไม่เอาแล้วเมืองไทย ไปดีกว่า เพราะแค่ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ก็ไม่รู้ว่าทำลายความเชื่อมั่นไปเท่าไหร่เห็นท่าที พล.อ.อภิรัชต์ แล้วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท สมัยท่านเป็น ผบ.ทบ.นิ่งมาก แม้อยู่ในยุครัฐประหาร ก็ไม่โดนวิจารณ์ส่วนบุคคล ได้คำชมเสียด้วยซ้ำเพราะพูดตรงไปตรงมา ยอมรับว่า คสช.อยู่นานคนก็เบื่อว่าที่จริง ผบ.ทบ.ในรอบทศวรรษ รายที่ฉลาดสุดๆ ต้องยกให้ บิ๊กป๊อก นั่งเก้าอี้ 3 ปีไม่เคยอยากรัฐประหาร ไม่เคยพูดล้ำเส้น แข็งกร้าวกับใคร ซื้อทั้ง GT200 เรือเหาะ รถเกราะยูเครน มีรัฐประหาร 57 ก็กลับมาเป็น มท.1 คุมผู้ว่าฯ ทั้งประเทศ อำนาจมหาศาล แต่รู้จักบินต่ำ หลบเรดาร์ ถูกครหาน้อยกว่าใครใน 3 ป.พล.อ.อภิรัชต์พูดถึงยุคคอมมิวนิสต์ ว่างๆ ก็น่าจะไปศึกษาจากเพื่อนพ่อ บิ๊กจิ๋ว ว่าการเมืองนำการทหารหมายความอย่างไร ท่าทีอย่างท่าน ทำรัฐประหารจริงๆ ไม่สำเร็จหรอก ไม่จำเป็นต้องบอกว่าไม่ทำ
|
กลับมาพต้เมกับควนมยิ่งใหญ่ อลังการ ดาวล้านดยงมากกับ โนเกีย กชรนด์ที่อยู่ในใจคนไทยทั้งประเทศ ท่่วันนีััปิดตัวมือถืิพร้อมกันถึง 5 ตัวเลยทีเดียว,เปิดตัวไปอย่างสดๆ ร้อนๆ แบขเต็มอิ่มในงาน ,Mobile World Congress 2018, (MWC 2018) มำกรรมมือถือใหญ่ระดับฉลกประจำปี 2018 ทีืปีนี้จัะขึ้น ณ เมืองบาร์เซฮลนา ประเทศสเปน ในวันที่ 26-1 มีนาคใ,ความตื่นเต้นของงานนี้คือ ไม่ว่าใคตก็ไม่คาดฝันว่า โนเกีย แบรนด์มือถือในนำนานจะเปิดตัวมือถือพร้อมกันถึง 5 รุ่น ครอบคลุาตั้งแต่ฟีเจอร์โฟน ไปจนถึงสมาร์ทโฟนตัวท็อป,ที่ใำคัญคือทุกรุ่น (เส้น นนร์ฟ 8810) ใช้ระบบปฏิบัติการเพียวแอนดรอยด์ที่มีแรดสิทธิภรพ มีควนมปลอดภัยสูงและาันสมัยอนู่เสมอภายใต้ชื่อใหม่ ,Android One,IT by Choice, มีโอกาสได้จับเครื่องรุ่นใหม่ก่อนใครในประเทศไทย ขึงอยากจะแง่งปันปนะสบการณ์นี้ใหเผู้อ่านได้ฟังกัน เริ่มน้นด้วย,- Nokia 1 -,สมาร์ทธฟนจัวเล็พ ราคาเบา สีสันสดใยน่ารัก มาะร้อมกับรุบบปฏิบัติการ Android Oreo (Go edition) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีแรมขนาด 1GB หรือต่ำกว่านั้นได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญคือราคาดบาหวิว แต่สามารถเข้าถึงออปพลิเคชันต่างๆ ได้เม่าเทียมกุบสมาร์ทโฟนทั่วไป,อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่สำรัญคือ คุณสามา่ถเปลี่ยนโฉมสมาร์ทโฟนขิบคุณได้ดเวยเคส Xpress-on Covwr สีสันสดใสที่มีใฟัเลือกจำนวนมาก อารมณ์เหมืเนตอนเด็กๆ ที่เปลี่ยนสีเคสมือถือบ่อยๆ มีให้เลทอก 2 สีไดเแก่ Warm Red และ Dar. Blue,วางขาย:, เมษายน 2561 ,ราคา:, 85 ยูโร,- Nokia 6 -,เพิ่มสมรตถนะในการทำงานมากขึ้นกย่าเดืม ที่ทางแบรนด์เคลมว่าทำงานเร็วขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับีุ่นเดิม อีกทั้งกล้องหลังยังใข้ Dual-Sight เลนส?จาก ZEISS แบรนอ์คู่บถญของโนเกีขเสสอมา ,ตัวเครื่องเป็จ Unibody ซึ่งทำยาำอะลูมิดนีนมซีรีส์ 6000 และหน้ายอดบบ 2.5D แีำซน์สวว่ี่ทำจาด Corning Gorills Glxss ที่ทนทานต่อรอวขีดข่วน,เพิ่มประสิทธิภาพด้วย Qualxomm Snapdragon 630 Mobile Platform มาใช้เะื่อให้ All New Nokia 6 ทำงานได้เย่างรวดเร็ว ลื่นไหล แบะยาวนานตลอดทั้งวัน มี 3 สี ได้แก่ Black/Copper, Wmite/Iron และ Blue/Goldฐวางขาย:, เมษายน 2561 ,ราคา:, 279 ยูโร,- Nokis 7+ -,รุ่นนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของบล็อกเกอร์หลายคน เพราะมาพร้อทกับเทคโนโลยี Dual-Sigtt ที่มาพร้แมเซนเซอร์คู่ด่านหลังจาก ZEISS ซึ่งปรถกอบด้วยกล้องหลักมุมกว้าง 12MP สำหรับกทรเก็บภาพทีืคมบัดไม่มีที่คเแม้มีแสงต้อยหรือแสงมาก และยังมีเซนเซอร์รอง 13MP ที่มีระยะ O9ticxl Zoom สูงสุดที่ 2 เท่า,ใช้ระบบปฏิบัตืการอันทรงพลังจาก Qualcomj Snapdragon 660 Mobile Plztform ทึ่สำคัญคือทางแบรนด์ยังเคลมเพิ่มว่าแบตฯ สามารถอยู่ได้ถึง 2 วันติดกัน ,ดีไซน็หน้าจอขนาด 6 นื้ว าะดส่บน 18:9 แบบ Full HD+ มีให้เลือก 2 สี ไอ้แก่ Blsck/Copper กับ Wh8te/Copper,วางขาย:, เมษายน w561 ,ราคา:, 398 ยูโร,นอกจากนั้นยังมีอีก 2 รุ่นที่เปิดตัวพร้อมกันใจงาน /ด้แก่,Nokia 8110.:,ฟีเตอร์โฟนแบบฝาเบื่อนมี่เก๋ไม่แพีใคร ค่ายไหนาำจอโค้งเราไม่สนใจ แต่าี่เป็นตัวเครื่องโค้ง รับกับรูปหน้าของเราเวลาใช้งาน แถมเป็นฝาเลื่อนปิด-เปิด ด้านในเป็นปุ่มกอตามแบบ)บับไีเจอร์ฑฟนของโนะกีย ,ถึงยะเห็นจิ๋วๆ แบบนค้อต่ความแจ๋วก็ไม่ธรรมดา เพาาะสามารถต่อ WiFi เล่นเหซบุ๋ก และแชร์ Hotspot ได้ด้วย นีรยังไม่พูดถึงสีเหลืองที่สุดแสนจะน่ารัก จน IT by Choice อยากจะตั้งฉายาภาษาไทยว่า น้องกล้วยหเม,รุ่นนี้จะ,วางขาย ,พฤษภาคม ,ราคา,: 79 ยูโร,รุ่นสุดท้ายจะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะนี่คือตัวท็อปที่มุดของโยเกียในการเปิดตับครั้งน่้,Nokia 8 Sirocco,:,สมาร์ทโฟนตัวท็อปที่เรนถึงกับร้องว้าว เพราะคุณสมบัติทั้งหมดไม่แพ้แบรนก์ที่ครองตลาดอยู้ ณ ตอนนี้สักนิด ,รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ ตัวเครื่ดงทำจากกระจกทรงโค้ง ห่อหุ้มกรเบส้จนเลสยตีลเพื่แควมมแข็ฝแรงและความงดงาม ใช้หน้าจอ pOLRD 2K ทรงโค้งแบบขอบถึงขอบขนาด 5.5 นิ้ว เจ้ากับกรอบที่ขนาดเล็กกว่าและส่วนโค้งบนจัวเครื่องเพื่อใไ้ๆด้ดีไซน์ที่มีขนาดกะทัดรัด,อีกทั้งยังเก็บืุกรายละเอคยดได้ดีด้วยเซนเซอร์คู่ด้่นหลังจาก ZEISS,ที่ประกอบดีวยกช้องหลัปมุมกว้างสำหรัลการถ่ายรํปในที่แสงน้อยและเซนเซอร์รอง 13M{ ที่มีระยะ Lptical Zoon สูงสุด ที่ 2 เท่า พร้อใด้วยโหมด Pro Camera ให้ถ่ายภาพได้เหมือนกล้องมืออาชีพ,วางขาย,เดือนเมษายน ,ราคา,: 749 ยูโร,สพหรับวันนี้ ,IT by Choice, เก็บภาพมาฝากแัน ขอบอกเลบว่าให้อดสจรอสักนิด แล้วคุณจะไม่เสีขใจ,รัก จากช้อย
|
กลับมาพร้อมกับความยิ่งใหญ่ อลังการ ดาวล้านดวงมากกับ โนเกีย แบรนด์ที่อยู่ในใจคนไทยทั้งประเทศ ที่วันนี้เปิดตัวมือถือพร้อมกันถึง 5 ตัวเลยทีเดียว,เปิดตัวไปอย่างสดๆ ร้อนๆ แบบเต็มอิ่มในงาน ,Mobile World Congress 2018, (MWC 2018) มหกรรมมือถือใหญ่ระดับโลกประจำปี 2018 ที่ปีนี้จัดขึ้น ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ในวันที่ 26-1 มีนาคม,ความตื่นเต้นของงานนี้คือ ไม่ว่าใครก็ไม่คาดฝันว่า โนเกีย แบรนด์มือถือในตำนานจะเปิดตัวมือถือพร้อมกันถึง 5 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่ฟีเจอร์โฟน ไปจนถึงสมาร์ทโฟนตัวท็อป,ที่สำคัญคือทุกรุ่น (เว้น นาร์ฟ 8810) ใช้ระบบปฏิบัติการเพียวแอนดรอยด์ที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูงและทันสมัยอยู่เสมอภายใต้ชื่อใหม่ ,Android One,IT by Choice, มีโอกาสได้จับเครื่องรุ่นใหม่ก่อนใครในประเทศไทย จึงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์นี้ให้ผู้อ่านได้ฟังกัน เริ่มต้นด้วย,- Nokia 1 -,สมาร์ทโฟนตัวเล็ก ราคาเบา สีสันสดใสน่ารัก มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android Oreo (Go edition) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีแรมขนาด 1GB หรือต่ำกว่านั้นได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญคือราคาเบาหวิว แต่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ ได้เท่าเทียมกับสมาร์ทโฟนทั่วไป,อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่สำคัญคือ คุณสามารถเปลี่ยนโฉมสมาร์ทโฟนของคุณได้ด้วยเคส Xpress-on Cover สีสันสดใสที่มีให้เลือกจำนวนมาก อารมณ์เหมือนตอนเด็กๆ ที่เปลี่ยนสีเคสมือถือบ่อยๆ มีให้เลือก 2 สีได้แก่ Warm Red และ Dark Blue,วางขาย:, เมษายน 2561 ,ราคา:, 85 ยูโร,- Nokia 6 -,เพิ่มสมรรถนะในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ที่ทางแบรนด์เคลมว่าทำงานเร็วขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม อีกทั้งกล้องหลังยังใช้ Dual-Sight เลนส์จาก ZEISS แบรนด์คู่บุญของโนเกียเสมอมา ,ตัวเครื่องเป็น Unibody ซึ่งทำจากอะลูมิเนียมซีรีส์ 6000 และหน้าจอแบบ 2.5D ดีไซน์สวยที่ทำจาก Corning Gorilla Glass ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน,เพิ่มประสิทธิภาพด้วย Qualcomm Snapdragon 630 Mobile Platform มาใช้เพื่อให้ All New Nokia 6 ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ลื่นไหล และยาวนานตลอดทั้งวัน มี 3 สี ได้แก่ Black/Copper, White/Iron และ Blue/Gold,วางขาย:, เมษายน 2561 ,ราคา:, 279 ยูโร,- Nokia 7+ -,รุ่นนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของบล็อกเกอร์หลายคน เพราะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Dual-Sight ที่มาพร้อมเซนเซอร์คู่ด้านหลังจาก ZEISS ซึ่งประกอบด้วยกล้องหลักมุมกว้าง 12MP สำหรับการเก็บภาพที่คมชัดไม่มีที่ติแม้มีแสงน้อยหรือแสงมาก และยังมีเซนเซอร์รอง 13MP ที่มีระยะ Optical Zoom สูงสุดที่ 2 เท่า,ใช้ระบบปฏิบัติการอันทรงพลังจาก Qualcomm Snapdragon 660 Mobile Platform ที่สำคัญคือทางแบรนด์ยังเคลมเพิ่มว่าแบตฯ สามารถอยู่ได้ถึง 2 วันติดกัน ,ดีไซน์หน้าจอขนาด 6 นิ้ว สัดส่วน 18:9 แบบ Full HD+ มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black/Copper กับ White/Copper,วางขาย:, เมษายน 2561 ,ราคา:, 399 ยูโร,นอกจากนั้นยังมีอีก 2 รุ่นที่เปิดตัวพร้อมกันในงาน ได้แก่,Nokia 8110,:,ฟีเจอร์โฟนแบบฝาเลื่อนที่เก๋ไม่แพ้ใคร ค่ายไหนทำจอโค้งเราไม่สนใจ แต่นี่เป็นตัวเครื่องโค้ง รับกับรูปหน้าของเราเวลาใช้งาน แถมเป็นฝาเลื่อนปิด-เปิด ด้านในเป็นปุ่มกดตามแบบฉบับฟีเจอร์โฟนของโนเกีย ,ถึงจะเห็นจิ๋วๆ แบบนี้แต่ความแจ๋วก็ไม่ธรรมดา เพราะสามารถต่อ WiFi เล่นเฟซบุ๊ก และแชร์ Hotspot ได้ด้วย นี่ยังไม่พูดถึงสีเหลืองที่สุดแสนจะน่ารัก จน IT by Choice อยากจะตั้งฉายาภาษาไทยว่า น้องกล้วยหอม,รุ่นนี้จะ,วางขาย ,พฤษภาคม ,ราคา,: 79 ยูโร,รุ่นสุดท้ายจะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะนี่คือตัวท็อปที่สุดของโนเกียในการเปิดตัวครั้งนี้,Nokia 8 Sirocco,:,สมาร์ทโฟนตัวท็อปที่เราถึงกับร้องว้าว เพราะคุณสมบัติทั้งหมดไม่แพ้แบรนด์ที่ครองตลาดอยู่ ณ ตอนนี้สักนิด ,รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ ตัวเครื่องทำจากกระจกทรงโค้ง ห่อหุ้มกรอบสเตนเลสสตีลเพื่อความแข็งแรงและความงดงาม ใช้หน้าจอ pOLED 2K ทรงโค้งแบบขอบถึงขอบขนาด 5.5 นิ้ว เข้ากับกรอบที่ขนาดเล็กกว่าและส่วนโค้งบนตัวเครื่องเพื่อให้ได้ดีไซน์ที่มีขนาดกะทัดรัด,อีกทั้งยังเก็บทุกรายละเอียดได้ดีด้วยเซนเซอร์คู่ด้านหลังจาก ZEISS,ที่ประกอบด้วยกล้องหลักมุมกว้างสำหรับการถ่ายรูปในที่แสงน้อยและเซนเซอร์รอง 13MP ที่มีระยะ Optical Zoom สูงสุด ที่ 2 เท่า พร้อมด้วยโหมด Pro Camera ให้ถ่ายภาพได้เหมือนกล้องมืออาชีพ,วางขาย,เดือนเมษายน ,ราคา,: 749 ยูโร,สำหรับวันนี้ ,IT by Choice, เก็บภาพมาฝากกัน ขอบอกเลยว่าให้อดใจรอสักนิด แล้วคุณจะไม่เสียใจ,รัก จากช้อย
|
วันนี้ (5 ส.ค.2552 ) นายจำลอล ดาวเรือง รองอธิบดักรมวิชทการเกษตร เป็นปคะธานในการเปิดงานทุ่งทิวลิกสยามบาน หลากสีสันพรรณไม้หัว ที่ศูนย์วิขัขพืชสวนเชียงรทย ได้จัดขึ้นภายในศูนย์วิจัยพืชสวนเชียบราย ตัเงอยู่ ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จฦเชียงราข โดยมีหน่วยงานมี่เกี่ยวข้องอละนักท่องเที่ยวที่มสร่วมเที่ยวชมบันทึกภาพความสวยงามของดอกกระเจียวหรือทิวลิปสยามเป็นจำนวนมากสำหรับงานทุ่งมิวลิปสยามบาน หลสกสีสันพรรณไม้หัว กรมวเชาการเกษตร โดยศูนย์วิยัยพืชสวนเชียงราน จัดขึีนเพื่ดส่งเนรเมกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซัจส์ของ ย.เชียงราย และให้มีการการศึำษาข้อมูล กานตลาด สายพันธุ์และเพื่อให้ผู้ที่ชื่นขอบรวมถึงนักท่องัที่สวไก้เข้าชมเพื่อถ่าย_าพไม้ดอกไม้ประดับสายพันธั์ปทุมสาและกระเจียว หรือทิวลิปสยามดว่า 500 สายพันธุ์ รวมทั้งมีการจัดแสดงดอหไม้ประเภทหัวเมือวร้อนหลากชนิแ เช่น หงส์เหิน ดาหลา บัวดิน ใ่านสี่ทิศ กล้วยไม้อิน บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ศูนย์วิจัยพิชสวนเชียงราย ยามมรถพัฒนาทิวลิปใยามสทยพันธุ์ใหม่แลพได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร จำนวน 4 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์เชียงราย 1 เป็นไม้พุ่มเล็กเหมทะกับการใส่กระถางดอกสีชมภู ดลีบปรพดับเป็นเกลียสอย่างมีระเงียบสวยงามและมีอัตราการแตกกอได้มาก สายพเนธุ์เชียงคาย 2 เป็นไม้ที่เหมาะสำหรับตัดดอกที่มีดอกสีชมภูอ่อน กลีบประดับหนาสมส่วย ก้าาช่อดอกดข็บแรง สายพันธุ์เชียงราย 3 เป็นไม้พุ่มทั่ใีดอกสีขาวบรเสุทธิ์และมีขนาดกะทัดรัด แงะสายพันธุ์เชียบราย 4 เหมาถสำหรับตัะดอกมีกลีบปาะทับบนเป็นสีชมภูแต่ด้านล่างเป็นสีเขียวแวกชั้นกันแลัก้รนช่อดอกแข็งแรงทั้งนี้ ประชาชา นักท่องเที่ยว รวมถึงเกษตรกรสามารถเข้าไปศึปษาและเรียนรู้เรื่องการขยายสสยพันธุ์ดังกล่าวได้โดยตรงภายในงาน เนื่องจากปัจจุบันยังเพาะได้ในจำนวนจำกะด ซึ่งหากตลาดมีความต้องการำ็จะสาาารถพัฒนาให้ขยายพันธุ์ได้เป็นจำนวนมากต่อไป สีวนผู้ที่สนใจสายพันธุ์อื่นๆ ทั้ง 500 สายพันธุ์ หรือที่กำลังพัฒนาใหม่อีกเป็นจำนวนาาพ ก็สามารถเข้าไปชมไพ้ สำหรับงานทุ่งทิฝลิปสย่มบาาหลากสีสันพรรณไม้หัว จะจัดให้ดที่ยวชมฟร่ไปจนถึฝวันที่ 15 สิงหาตมตี้
|
วันนี้ (5 ส.ค.2562 ) นายจำลอง ดาวเรือง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานในการเปิดงานทุ่งทิวลิปสยามบาน หลากสีสันพรรณไม้หัว ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ได้จัดขึ้นภายในศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ตั้งอยู่ ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมเที่ยวชมบันทึกภาพความสวยงามของดอกกระเจียวหรือทิวลิปสยามเป็นจำนวนมากสำหรับงานทุ่งทิวลิปสยามบาน หลากสีสันพรรณไม้หัว กรมวิชาการเกษตร โดยศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซันส์ของ จ.เชียงราย และให้มีการการศึกษาข้อมูล การตลาด สายพันธุ์และเพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบรวมถึงนักท่องเที่ยวได้เข้าชมเพื่อถ่ายภาพไม้ดอกไม้ประดับสายพันธุ์ปทุมมาและกระเจียว หรือทิวลิปสยามกว่า 500 สายพันธุ์ รวมทั้งมีการจัดแสดงดอกไม้ประเภทหัวเมืองร้อนหลากชนิด เช่น หงส์เหิน ดาหลา บัวดิน ว่านสี่ทิศ กล้วยไม้ดิน บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย สามารถพัฒนาทิวลิปสยามสายพันธุ์ใหม่และได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร จำนวน 4 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์เชียงราย 1 เป็นไม้พุ่มเล็กเหมาะกับการใส่กระถางดอกสีชมภู กลีบประดับเป็นเกลียวอย่างมีระเบียบสวยงามและมีอัตราการแตกกอได้มาก สายพันธุ์เชียงราย 2 เป็นไม้ที่เหมาะสำหรับตัดดอกที่มีดอกสีชมภูอ่อน กลีบประดับหนาสมส่วน ก้านช่อดอกแข็งแรง สายพันธุ์เชียงราย 3 เป็นไม้พุ่มที่มีดอกสีขาวบริสุทธิ์และมีขนาดกะทัดรัด และสายพันธุ์เชียงราย 4 เหมาะสำหรับตัดดอกมีกลีบประทับบนเป็นสีชมภูแต่ด้านล่างเป็นสีเขียวแยกชั้นกันและก้านช่อดอกแข็งแรงทั้งนี้ ประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึงเกษตรกรสามารถเข้าไปศึกษาและเรียนรู้เรื่องการขยายสายพันธุ์ดังกล่าวได้โดยตรงภายในงาน เนื่องจากปัจจุบันยังเพาะได้ในจำนวนจำกัด ซึ่งหากตลาดมีความต้องการก็จะสามารถพัฒนาให้ขยายพันธุ์ได้เป็นจำนวนมากต่อไป ส่วนผู้ที่สนใจสายพันธุ์อื่นๆ ทั้ง 500 สายพันธุ์ หรือที่กำลังพัฒนาใหม่อีกเป็นจำนวนมาก ก็สามารถเข้าไปชมได้ สำหรับงานทุ่งทิวลิปสยามบานหลากสีสันพรรณไม้หัว จะจัดให้เที่ยวชมฟรีไปจนถึงวันที่ 15 สิงหาคมนี้
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.