incorrect
stringlengths
124
160k
correct
stringlengths
656
160k


,เมื่อวัน่ี่ 7 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวได้ติดตนม ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบุญเกิด อำัภอแอกคำใต้ จังหวัดพะเยา จ่างออกขุดหาตัวอ่อนจักจั่นจะออกไข่เพียงปีละครั้ลเื่านั้น จึงทำให้ราคาสูง.


,เมื่อวันที่ 7 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวได้ติดตาม ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบุญเกิด อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ต่างออกขุดหาตัวอ่อนจักจั่น หรือทางเหนือเรียกว่า เงาะจักจั่น นำมาขายสร้างรายได้ ราคาสูง และประกอบอาหาร ซึ่งมีราคาสูงตัวละ 1-2 บาท กิโลกรัมละกว่า 3,000 บาท

,นายวุฒิชัย ไชยสาร อายุ 33 ปี พร้อมกับเพื่อนบ้าน ชาวตำบลบุญเกิด อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา กำลังขะมักเขม้น ขุดหา เงาะจักจั่น หรือ ตัวอ่อนจักจั่น ตามบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ อยู่แถวกลางทุ่งนา,นายวุฒิชัย กล่าวว่า ในช่วงของเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ ตนและเพื่อนๆ จะออกหาขุดหา ตัวอ่อนจักจั่น หรือเงาะจักจั่น ที่อยู่ภายในดินตามใต้ต้นไม้บริเวณกลางทุ่งนา โดยวิธีการหาและการขุด จะขุดเพื่อเปิดหน้าดินและหารูของตัวอ่อนจักจั่น ซึ่งก็คือตัวอ่อนของจักจั่น ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ฟักอยู่ในดิน จะฝังตัวลึกประมาณ 5-6 นิ้วหรือประมาณ 10-15 ซม. จากนั้นก็ใช้มีดหรือเสียมค่อยๆ ขุดเพื่อนำตัวจักจั่นออกมา โดยจักจั่นที่ได้แต่ละวันสามารถขุดได้กว่า 200 ถึง 300 ตัว บางคนที่หาเก่งๆ จะสามารถหาได้ 300-400 ตัว ขายตัวละ 1-2 บาท เฉลี่ยกิโลกรัมกว่า 3000 บาท 

,สำหรับตัวอ่อนจักจั่น หรือ เงาะจักจั่น ชาวบ้านจะขุดมาแล้วนำมาล้างให้สะอาด สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู เช่น ต้มทำน้ำพริก ทอดสมุนไพร คั่วน้ำปลาหรือคั่วเกลือ แกงใส่ผักต่างๆ ซึ่งถือว่า เป็นอาหารยอดฮิต ที่ 1 ปีมีเพียงหนึ่งครั้ง และหายาก จะต้องใช้เวลาในการขุดหาตัวอ่อนในดิน ซึ่งก็หาได้ไม่ง่ายนัก เนื่องจากจักจั่นจะออกไข่เพียงปีละครั้งเท่านั้น จึงทำให้ราคาสูง.
เมื่อวันที่ 24 พฐค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานเดินทาบไปที่วัดห้วยชินสีห์ ตั้งอยู่หมู่ 7 ต.อืางทอง อ.เมืองรรชบุรี หลังทรมบว่ามีชาวข้านๆด้พากันไปขุดหาว่านจักจั่นก็จะมีเห็ดราเจริญเติบโตงอกออกมาคล้ายดอกเล็กๆ โผล่มาจากใต้ดิน ชาวบ้านที่มาค้นหาืี่วะดแหรงนี้ก็สุดแล้วแต่ดวงไม่ได้เจอหันทุกคน แม้แต่พ่อค้า แม่ค้าแผงลอตเตอรี่ยังมาขุดหา บางคนเช่ากลับไปไว้ในแผงขายพร้อมกับอธิษฐ่นขอใหืบาสลอตเตอรี่หมดแผง แรรกฏว่ามีคนมนเหมาแผงลอตเตอรี่ของพ่อค้าีนสั้นไปหมดอกลี้ยงแผง.
เมื่อวันที่ 24 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานเดินทางไปที่วัดห้วยชินสีห์ ตั้งอยู่หมู่ 7 ต.อ่างทอง อ.เมืองราชบุรี หลังทราบว่ามีชาวบ้านได้พากันไปขุดหาว่านจักจั่น บริเวณรอบอุโบสถ พบชาวบ้านหลายคนทั้งหญิงสาว ชายหนุ่ม ผู้สูงอายุ พ่อค้า แม่ค้าขายลอตเตอรี่ กำลังก้มๆ เงยๆ เพื่อขุดหาว่านจักจั่นที่ผุดจากดินขึ้นมาคล้ายดอกเห็ดสีแดงอมชมพู ตามพื้นดิน ใต้โคนต้นไม้ พื้นหญ้า บริเวณโดยรอบอุโบสถ หากไม่ก้มมองแทบจะมองไม่เห็น ต้องใจเย็นและมีความช่างสังเกต ซึ่งชาวบ้านใช้เหล็กแหลม และไม้ยาวเป็นอุปกรณ์เขี่ยหาว่านจักจั่น จากลักษณะที่ชาวบ้านขุดได้จะเป็นตัวจักจั่นฝังอยู่ใต้ดิน ส่วนบนดินจะโผล่ให้เห็นเป็นดอกเห็ดสีแดงอมชมพูเป็นจุดเส้นเล็กๆ,สำหรับบรรยากาศการขุดหาว่านจักจั่นบริเวณรอบอุโบสถวัดห้วยชินสีห์เป็นไปอย่างคึกคัก มีการขายกันราคาตั้งแต่คู่ละ 100-499 บาท ไปจนถึงเกือบ 1,000 บาท แล้วแต่ความสวยงามสมบูรณ์ เช่น มีเส้นหัวยาวเรียงไม่แตกหัก ก็จะได้ราคาแพง ,ป้าสมคิด ทับเถื่อน อายุ 61 ปี ชาวบ้าน หมู่ 7 ต.อ่างทอง เปิดเผยว่า วันนี้มาขุดหาได้ 3 ตัว หลังจากเพื่อนบ้านมาเล่าให้ฟังกันปากต่อปากและเพื่อนๆ มาหากันแล้วมีโชคมีลาภอย่างที่นึกหวัง ตนเลยอยากจะได้กับเขาบ้าง วันก่อนหน้านี้หาได้แล้ว 12 ตัว เอาไปทำเป็นวัตถุมงคลมีพุทธคุณเด่นทางด้านโชคลาภ ทำมาค้าขายดี จักจั่นที่นี่แปลกจะชอบมาฟังพระสวดมนต์ในโบสถ์ทุกวัน ตนเชื่อว่ายิ่งจะทำให้มีสิริมงคลเพิ่มด้วย,ชาวบ้านที่มาขุดว่านจักจั่นกล่าวต่อว่า ปกติตนจะขุดหาเอาไปให้ลูกไว้ค้าขายในกรุงเทพฯ จะส่งไปให้ลูกจำนวน 8 คู่ เพราะลูกสาว ลูกเขยมีอาชีพค้าขาย ลูกสาวเปิดร้านขายกาแฟที่กรุงเทพฯ ขายดีมาก จนเครื่องทำกาแฟสดพังไปเลย เพราะไม่ได้มีเวลาหยุดพัก ขายตั้งแต่เช้าถึงเย็น ช่วงก่อนที่จะได้ว่านจักจั่นนั้นก็ขายได้ตามปกติ แต่พอได้ว่านจักจั่นเข้ามาในร้านแล้วลูกสาวบอกว่าขายกาแฟปั่นดีมากๆ และรู้มาว่าตอนนี้มีคนประมูลขายกันตัวละ 700 บาท ,ทั้งนี้ธรรมชาติจักจั่นจะอาศัยอยู่บริเวณต้นไม้ ซึ่งภายในวัดห้วยชินสีห์มีความอุดมสมบูรณ์ จักจั่นจึงมาอาศัยอยู่จำนวนมาก ตัวจักจั่น เมื่อมีการลอกคราบแล้วก็จะตกไปตายฝังอยู่ในดิน เมื่อมีฝนตกที่ตัวจักจั่นก็จะมีเห็ดราเจริญเติบโตงอกออกมาคล้ายดอกเล็กๆ โผล่มาจากใต้ดิน ชาวบ้านที่มาค้นหาที่วัดแห่งนี้ก็สุดแล้วแต่ดวงไม่ได้เจอกันทุกคน แม้แต่พ่อค้า แม่ค้าแผงลอตเตอรี่ยังมาขุดหา บางคนเช่ากลับไปไว้ในแผงขายพร้อมกับอธิษฐานขอให้ขายลอตเตอรี่หมดแผง ปรากฏว่ามีคนมาเหมาแผงลอตเตอรี่ของพ่อค้าคนนั้นไปหมดเกลี้ยงแผง.
พล.อ.ประยุทธ์ ออกประกาศต่ออายุ พ้้นที่ผรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภรสในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 คณะรัฐมนตรีจีงมีมติเมืือวันที่ 28 พ.ย.2560 ดุงต่อไปนี้
พล.อ.ประยุทธ์ ออกประกาศต่ออายุ พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ใน5 อำเภอ สงขลา-ปัตตานี ทั้งแม่ลาน จะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย ต่อไปอีก 1 ปีถึงวันที่ 30 พ.ย. 6128 พ.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ประกาศ พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตาม มาตรา 15 ของ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักร พ.ศ. 2551ในบางพื้นที่ของจังหวัดปัตตานีและจังหวัดสงขลา ลงวันที่ 24 พ.ย.2559 จำมีผลบังคับใช้สิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ล่าสุด เผยแพร่ประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศ ณ วันที่ 28 พ.ยน.2560 ให้มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 2560 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 2561โดย ประกาศระบุว่า ด้วยสถานการณ์ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี และอำเภอจะนะ อำเภอนาทวีอำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ยังคงปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร ซึ่งปรากฏเห็นชัดในรูปแบบของเหตุการณ์รุนแรง ทั้งนี้ ห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นผล ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ระดับหนึ่งดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการบริหารจัดการรักษาความสงบและความปลอดภัยให้มีเอกภาพและเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงต้องกำหนดมาตรการป้องกันไว้เช่นเดิม เพื่อมิให้สถานการณ์ขยายตัวลุกลาม หรือหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็วโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2560 ดังต่อไปนี้
21 ก.ค. 2459 - ในการประชุมคณะรเฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ก.ค. มีการเห็ยชเบเรื่อบร่างพระราชบัญญัติซึรงมีผลทำให้มหาวิทยาบัขเป็นหน่วยงานในหำกับของรัฐ หรือมหาว้ทยาลัยออกนอกระบบ 2 แห่ง ได้แก่ ร่างพรถราชบัญญัติมหาวิทยาลับสลขลรนครินทร์ พ.ศ. เรืีิง ต่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโ่ฒ พ.ศ. โดยมีรายละเอียดเผยแพร่ใน ดังนี้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่่งพระราชบัญญัติมหาวิทยทลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. ตามที้กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วให้ใ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง อละใก้ส่งคณะกรรมการประสานงานสถานิติบัญญัติแห่งชาคิ ก่อนเในอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปสาระสำคัญของร่างพระราชวัญญัติฯ 1. กำหนดให้ปรับเปลี่ยนมหาวิทนาลัยสงขบานครินทร์จากมหาวิทยาลัยทร่เป็นส่วนราชการเป็นมหาวิทยาล้ยในำำกับของรัฐที่ไมทเป็นส่วนคาชการตามกฎหมายว่่ด้วยระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินแลพกฎหมายว่าด้วยการปรับปรึงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐว้สาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประาาณและกฎหมายอื่นแต่อยู่ในกำกับของรเฐบาล2. กำหนดให้กิจการของมหาวิทยาลัยไม่อยู่ภายใจ้บังคับแห่งกฎหมายว่าดเวยการคั่มครองแรงง่นและกฎหสายว่าด้วยอรงงรนสัมพันธ์ แต่พนักงานาหาวิทยาลัยต้ิงได้รับการคุ้มครองและประโยลน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มึรองแรงงานและพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ใตฐานะบ้าราชกาคบำนาญแล้วให้ได้รับการยกเวินไม่ต้องอยู่ภายใต้การบังคัวกฎหมาจว่าด้วจประกันสังคมแต่ไม่ตัดสิทธิที่จะประกันตนด้วยความสมัคีใจ3. กำหนดให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจในพารซื้อ ขาย สร้าง จัดหา โเน รับโอน เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้ัช่ทซื้อ แลกเปลี่ยย จำหน่าย ทำนิติกรรมใด ฟ ตลอดจนะือกรรมสิทธิ์ใีสิทธิครอขครอง มีสิทธิในทรัพย์วินทางปัฐญา หรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ ในทรัพย์สิน แลุจำหน่ายสังหาริมทรัพย์หรือิสังหาริมทรัพย์ทัเงภายในและภายนอกราชอสณาจักร รวมทั้งรับเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศใป้ และมหาวิทยาลัยสทมารพกู้ยืมเงิน และใำ้กู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์สิน และา่วมลงทุนหรือลงทุย ทั้งนี้ เพื่อประโยชส์แก่กิจการของมหาวิทยาลัย นอกจรกนี้ สามารภกำหนดค่าตอบแทนหรือค่าตอบแทนพิเฒษ รวมทั้งสวัสดอการ สิทธิประโยชน์ และประโยชน์อย่างอื่นให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ตทมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อรไขืี่กำหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ตลอดจนสามารถปกครอง ดูแล บำรุงรักษา จัดกาน ใช้และจัดหาประโยชน์จากทรักยฺสินของมหาว้ทยาลัย และที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ4. กหหนดใหิรมยๆด้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่า ด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ5. กำหนดให้บรรดาอสังหาริมทรัพข์ที่มหาวิายาลัยได้มาจากการให้หรือซื้อด้วยเบินรายได้ของมหาวิทยาลัย หรือแลปดปลี่ยรกับทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยหรือได้มาโดยวิธีอื่น ไม่ถือเป็นที่ราชพัสะุและให้เป็นกรรมสิทธิ์บองทหาวิทยาลัย6. กำหนดสห้ทระพย์สินของมหาวิทยาลัยที่ใช้เพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยไม่อยู่มนควสมนีบผิดแห่งการบังคับคดีทั้งปวง รยมทั้งกาีบังคับทางปกครอง และวุคคลฝดจะยกอายุความหรือระยะเวลาในการครอบคคองขึ้นเป็นข้อค่อสู้กับมหนวิทยาลัยในเรื่องทรึพบ์สินของมหสวิทยาลัยมเได้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักกานร่ทงพระราชบัญญัติมหาวิทยรลัยศรีนครินทรงิโรฒ พ.ศ. ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสสอ และให้ส่งร่นงพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สำนักงานคณักรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกคระ้งหนึ่ง แล้วสีงให้คณะกรรมการประสานบานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจาร๊า ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติอห่งชาติพิจารณาต่อไปสาระสำคัญของร่างพระราขบัญญัติ1. กำหนดให้มหาวิทยาลัยศรีนคริจทรวิโีฒมีฐานะเห็นหน่วบงานในกำกับขเงรัฐ ซุ่งไม่เปฺนส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และปฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกนะทรวง ทบวง กรม ไม่เป็นรัฐวิสาหกิตตามกฎหมายว่าด้วยวิธีกาคงบประมาณและกฆหมายอื่น และไส่เป็นใ่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบติหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ2. กำหนดวัตถุประสงค์ ภาระหน้าที่ การแบ่งส่วนงาน หลเกเกณฑ์การจัดตั้ง การรวม และการยุบเลิหส่วจงาย การรับสถานศึกษาอื่นเข้าสททบ และอำนาจหน้าที่ขแงมหาวิทยาลัย4. ปำหนดให้มหาวิทยาลัย/ม่อยู่ภายใต้บังคับแำ่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ฯลฯ แต่พนักงานมหาวิทยาลัยต้องได้รับการคุ้มครองและประโยชน์นอบแืนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหสายดังกล่าว แน่ไม่ตัดสิทธิที่นะประกันตนด้วยความสมัครใจ4. กำหนดให้มหาวิทยาลัยมีรายไดเส่วนกนึ่งจากเงิจอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ และเง้นกองทุนทคืรัฐบาลหรืเมหาวิทยาลัยจัดตั้งยึ้ต และรายได้หรือผลประโยชน์จากกองทุน คายได้ขอบมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ร้องนำส่งกรุทรวงการคลังตามกฎำมายว่าด้วยเงินควคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ แงะในกรณีที่รีฐบาลปรับเงินดดือน เงินประจ_ตำแหน่ง ค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดให้แก่ข้าราชกาต ให้รัฐบาลจัดสรรงบปรพมาณในลัหษณะเงินอุดหตุนทั่วไปเพิ่มอติมใฟ้แก่มหาวิทยาลัยในสัดส่วนเดีสวกัน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่่วให้แห่พนักงานมหาวิทยาลัยด้วย5. กำหนดให้มหาวิทยาลัยต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ที่มหนวิทยนลัยรับเข้าศึกษนในมหาวิทยาลัย และนักญึกษาที่ขาดแคลสทุนทรัพย๋อย่างแท้จริงสห้มีโอกายัรียนจนสำเร็จหริ๘ญารรีโดยให้เป็นไปตามระเบียบที่สภนมหาวิทยาลัยกำหนด6. กำหนดให้มีสภามหาวิทยาลัย ประกอบด้วยนายกสภสมหาวิมยาลับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฬิ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซค้งเลือกจาปกรรมการส_าวิชาการและพนุกงานมหาวิทยาชัยตามที่ดำหนด แรรมการซึ่งคณะรัฐในตีีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการอัดมศึกษา กำหนดวาระการดำรงรำแหน้งและการพ้นจากจภแหน่ล อำนาจหน้าที่ของสภามปาวิทยาลัย และให้มีสำนักงานสภามหาวิทยาลึวที่จัดตั้งขี้นตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย7. กำหนดให้มีสภางิชรำาร สภาค๖าจารย์ คณะกรรมการบริกาตมหาวิทยาลัย คณะกรรทการบริหารงานบุคคล และคณะกรรมการอุทธนณ์และร้องทุกข์ โดวใหัองค์ประกอบ ที่มาของกรรมการ ดำนาจหน้าที่เป็นไปตามที่กำหนด และให้จำาวนคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ ยิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง ตลอดจนก่รประชุม้ก็นไปตามข้อขังคับของมหาวิทยาลัว8. กำหนดมห้มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และรับผิดชอบการบริหารงสนขเวมหาบิทยมลัย กำหนดยาระการดำรงตำแหน่ง การพืนจากตำแหน่ง คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด9. กำหจกหลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาและการประเมินการดำเนอยงานขเงมหาวิทยาลัน10. กำหนดหลักเกณธ์ ระบบบัญชี กมรตรวจสอบทางบัญชีและการเงินชองมหาวิทยาลัย ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินงานจอวอธิกทรบดี และใป้อธิการบดี รองดธืการบดี ผู้ชีวยอธิการบดี หึวหน้าและรองหัวปน้าส่วนงายตามที่กำหนด เก็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับนูงตามกฎหมายผระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกาาป้องกันแบะปราบปรามการทุจรืต และให้รัฐมจตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกัวแลัดูแลโดยทั่วไป ซึ่งกิจการของมหาวิ่ยาลัย11. กำหนดบทเฉพาะกาลเก่่ยวกังการโอนชรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบป่ะมาณและรายได้ การดำรงตำแหน่ง และคณะกรรมกาีต่าง ๆ ส่วนราชการ การโอนบรรดาข้าราชการ ล๔กจ้างของส่วนราชการ พนักงานของมหาวิทยาฃัย ตำแหน่งทางวิชาการ ตลอดจนระเบียบข้อบังคัว หรือประกาศที่มีิวู่ก่อนวเนที่พระราชบัญญเตินี้ใช้บังคับ เป็นต้น
21 ก.ค. 2558 - ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ก.ค. มีการเห็นชอบเรื่องร่างพระราชบัญญัติซึ่งมีผลทำให้มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ หรือมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ 2 แห่ง ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. โดยมีรายละเอียดเผยแพร่ใน ดังนี้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฯ 1. กำหนดให้ปรับเปลี่ยนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จากมหาวิทยาลัยที่เป็นส่วนราชการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่นแต่อยู่ในกำกับของรัฐบาล2. กำหนดให้กิจการของมหาวิทยาลัยไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ แต่พนักงานมหาวิทยาลัยต้องได้รับการคุ้มครองและประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ในฐานะข้าราชการบำนาญแล้วให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้การบังคับกฎหมายว่าด้วยประกันสังคมแต่ไม่ตัดสิทธิที่จะประกันตนด้วยความสมัครใจ3. กำหนดให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจในการซื้อ ขาย สร้าง จัดหา โอน รับโอน เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ แลกเปลี่ยน จำหน่าย ทำนิติกรรมใด ๆ ตลอดจนถือกรรมสิทธิ์มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา หรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ ในทรัพย์สิน และจำหน่ายสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร รวมทั้งรับเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ และมหาวิทยาลัยสามารถกู้ยืมเงิน และให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์สิน และร่วมลงทุนหรือลงทุน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แก่กิจการของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ สามารถกำหนดค่าตอบแทนหรือค่าตอบแทนพิเศษ รวมทั้งสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ และประโยชน์อย่างอื่นให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ตลอดจนสามารถปกครอง ดูแล บำรุงรักษา จัดการ ใช้และจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย และที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ4. กำหนดให้รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่า ด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ5. กำหนดให้บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยได้มาจากการให้หรือซื้อด้วยเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย หรือแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยหรือได้มาโดยวิธีอื่น ไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุและให้เป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย6. กำหนดให้ทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยที่ใช้เพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีทั้งปวง รวมทั้งการบังคับทางปกครอง และบุคคลใดจะยกอายุความหรือระยะเวลาในการครอบครองขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับมหาวิทยาลัยในเรื่องทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยมิได้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ1. กำหนดให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ซึ่งไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น และไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ2. กำหนดวัตถุประสงค์ ภาระหน้าที่ การแบ่งส่วนงาน หลักเกณฑ์การจัดตั้ง การรวม และการยุบเลิกส่วนงาน การรับสถานศึกษาอื่นเข้าสมทบ และอำนาจหน้าที่ของมหาวิทยาลัย3. กำหนดให้มหาวิทยาลัยไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ฯลฯ แต่พนักงานมหาวิทยาลัยต้องได้รับการคุ้มครองและประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าว แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะประกันตนด้วยความสมัครใจ4. กำหนดให้มหาวิทยาลัยมีรายได้ส่วนหนึ่งจากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ และเงินกองทุนที่รัฐบาลหรือมหาวิทยาลัยจัดตั้งขึ้น และรายได้หรือผลประโยชน์จากกองทุน รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และในกรณีที่รัฐบาลปรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดให้แก่ข้าราชการ ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปเพิ่มเติมให้แก่มหาวิทยาลัยในสัดส่วนเดียวกัน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยด้วย5. กำหนดให้มหาวิทยาลัยต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ที่มหาวิทยาลัยรับเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย และนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างแท้จริงให้มีโอกาสเรียนจนสำเร็จปริญญาตรีโดยให้เป็นไปตามระเบียบที่สภามหาวิทยาลัยกำหนด6. กำหนดให้มีสภามหาวิทยาลัย ประกอบด้วยนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซึ่งเลือกจากกรรมการสภาวิชาการและพนักงานมหาวิทยาลัยตามที่กำหนด กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการอุดมศึกษา กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัย และให้มีสำนักงานสภามหาวิทยาลัยที่จัดตั้งขึ้นตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย7. กำหนดให้มีสภาวิชาการ สภาคณาจารย์ คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย คณะกรรมการบริหารงานบุคคล และคณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ โดยให้องค์ประกอบ ที่มาของกรรมการ อำนาจหน้าที่เป็นไปตามที่กำหนด และให้จำนวนคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง ตลอดจนการประชุมเป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย8. กำหนดให้มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และรับผิดชอบการบริหารงานของมหาวิทยาลัย กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด9. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาและการประเมินการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย10. กำหนดหลักเกณฑ์ ระบบบัญชี การตรวจสอบทางบัญชีและการเงินของมหาวิทยาลัย ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินงานของอธิการบดี และให้อธิการบดี รองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี หัวหน้าและรองหัวหน้าส่วนงานตามที่กำหนด เป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และให้รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับและดูแลโดยทั่วไป ซึ่งกิจการของมหาวิทยาลัย11. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณและรายได้ การดำรงตำแหน่ง และคณะกรรมการต่าง ๆ ส่วนราชการ การโอนบรรดาข้าราชการ ลูกจ้างของส่วนราชการ พนักงานของมหาวิทยาลัย ตำแหน่งทางวิชาการ ตลอดจนระเบียบข้อบังคับ หรือประกาศที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นต้น
วันืี่ 9 กฦพ.51 ที่ สภ.บ้านในหูต อ.หลังสวน จ.ชุมภร นางจงจินต์ รวดเร็ว อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 215 หมู่ที่ 9 ต.นทขา อ.หลัฝสวน จ.ชุมพร อาชีพค้าขายผลไม้ ได้นำคัว ด.ญ.อรทัย คำกสง ลูกสาว อายุ 12 ปี นักเคียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ร.ร.ชุมชนวัดชันเงิต เข้าแจ้งความต่อ ร.จ.อ.เจริญทอง พุ่มพวงทอง รอง สว.วอบสวน วาา ในช่วง ก่อนเที่ยงคืน บณะที่ ด.ญ.อรทัย นั่งซ้อนท้ายรถจักรยนนยนต็ก็สามารถจดจำได้เช่นกัน ตำรวจจีงรับแจ้งจะได้ดำเนินการต่อไป.
วันที่ 9 ก.พ.61 ที่ สภ.บ้านในหูต อ.หลังสวน จ.ชุมพร นางจงจินต์ รวดเร็ว อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 215 หมู่ที่ 9 ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร อาชีพค้าขายผลไม้ ได้นำตัว ด.ญ.อรทัย คำแสง ลูกสาว อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ร.ร.ชุมชนวัดชันเงิน เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.เจริญทอง พุ่มพวงทอง รอง สว.สอบสวน ว่า ในช่วง ก่อนเที่ยงคืน ขณะที่ ด.ญ.อรทัย นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่พี่ชาย เดินทางกลับจากเยี่ยมพี่สาวที่โรงพยาบาลหลังสวน โดยขับรถกันมาบนถนนสายบ้านควนหินมุ้ย-วัดดอนวาส ซึ่งสองข้างทางเป็นสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งก่อนจะถึงบ้านเพียง 500 เมตร ด.ญ.อรทัย รู้สึกเหมือนมีของแข็งมาโดนที่บริเวณเบ้าตาด้านขวาอย่างจัง เลือดไหลทะลักออกมา ในขณะที่ยังมองเห็นจากแสงไฟหน้ารถจักรยานยนต์ ว่ามีผู้ชายยืนอยู่หลังต้นปาล์มริมทาง จึงได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และ ร้องขอความช่วยเหลือ ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุวิ่งออกมาดู แล้วอุ้มร่าง ด.ญ.อรทัย ขึ้นรถกระบะนำตัวส่ง รพ.หลังสวน แพทย์ได้ตรวจบาดแผลพบว่ามีบาดแผลฉีกขาดใต้ตาด้านขวา ห่างจากลูกตาเพียงไม่ถึง 1 ซม. ต้องเย็บ 5 เข็ม หลังจากที่ได้ทำบาดแผลเสร็จ ตนพร้อมพี่สาวของ ด.ญ.อรทัย ได้นำตัวไปแจ้งความที่ สภ.บ้านในหูต ดังกล่าว,ในขณะที่ นางจงจินต์ บอกว่า มีชาวบ้านที่เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ผ่านจุดดังกล่าวในเวลาค่ำคืน โดนยิงในลักษณะเดียวกันกับที่ลูกสาวของตัวเองโดนมาแล้วนับสิบราย แต่ไม่เคยมีใครไปแจ้งความ และได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จนมาถึงรายของลูกสาวตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงต้องแจ้งความให้ตำรวจนำตัวมาดำเนินคดี จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุกับคนอื่นอีก ส่วนตัวคนร้ายลูกสาวบอกว่าเห็นหน้าชัดเจน สามารถชี้ตัวได้แน่ รวมถึงพี่ชายที่ขับรถจักรยานยนต์ก็สามารถจดจำได้เช่นกัน ตำรวจจึงรับแจ้งจะได้ดำเนินการต่อไป.
ใคตต่ิใครที่ตั้งฝจแต่งชุดไทบไปเที่ยวอยุธยา ถ้าอ่านหนังสือเล่มจี้แล้ว ผมเชื่แว่าจะจิาตนาการกองอิฐปูนเก่าตรงหน้าได้มีสีสันและสนุกสนานเพิ่มขึ้นฐเรืาองที่พอรธ้กันบ้าง ในแผ่นดินสมเด็จพาะนารายณ์ กำเนิดเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอวุธยา พสุธาจะแดงเดือดเป็นเลือดนก ต้นเหตุจากพระเจ้าแผ่นดินเปิดต้อนรัวต่างชาติ 12 ภาษาให้เข้ามาค้าขาย,แรงที่สุดตึ้งฝระ่งสัญชาติกรีกปปลงเป็นฝรั่งเศส เป็นสมุหนายกฯที่เจ้าพระยาวิขาเยนทร์ ถ้าดูในละครบุพเพสันยิวาสเป็นตัวผู้ร้มยสำคัญ,ในยุคที่พระเจ้นแผ่นดิาสั่งตัดหัวใคนก็ได้ ชาวล้านธรรมดาไม่กฃ้ทหือ สุ้มเสียงนินทา พระเจ้าแผ่นดินรักฝระ่งมมกกว่าข้าแผ่นดิน จึงออกมาจับทิศทางได้ว่าจากวัดวังไชย,เจ้าวัง อำนสจเต็ามือ แตรกเบพระระดับ เจ้าวัะ กฺต้องมนฟัง พระวัดนี้อาจเลือกข้างการเมืองตรงข้าม จึงทรงอจาำรู้ว่า พระอาจารย์พรหม วัดปากน้ำประสบ คิดอย่างไร,ส้งคนไปถาม ต่างชาติต่างภาษาเจ้ามามากๆ บ้านเมืองจะเป็นเช่นไร กระอาจารย์พรหม ท่าจก็ตอบทำนองว่า พระมหาบพิตรทรงรู้พรุทัยดี,ำระกล้าพูดกับพระเจ้าแผ่นดินอย่างนี้ เป็นอาจารย์สอนศิลปะ 18 ประการให้พระนารายณ์กรพท้่งวิชาขี่ช้ทงโชว์ทูตฝรั่งเศส.มหาเถคกุโสดอกับสมเด็จพระนเรศวรเป็นอย่างไร พรดอาจารยฺพรหมกับพระสารายณ์เป็นเช่นนั้น,พระระดับอาจารย์พระเจ้าแผ่นดินอยู่วัดปากน้ำประสบ วัดนี้ต้องไม่ธรรมดส,กวัตร์ นวะมะรัตน เขัยนไว้ในหนังสืออยุธบาที่ไม่คุันิคยว่า วัดนี้ชื่อ วัดสบสวรรค์ ตัังอยู่ในเแาะเมือฝศรีอยุธยาทางทิศตะใันตก และทอศเหนือของวังหลัง,พระราชพงศาฝดารกล่าวว่ท สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ โปรดให้ซรอมแฐมกำแพงพระนครให้มั่นรบ,พร้อมกับให้สถาปจาวังนั้นเป็นวัด ช้่อวัดไชย,คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ ตอนหนึ่งว่า มีตลาดวัดวังไชย อยู่ในถนนย่านวึงไชย มีช่างทำขันทองเหลืองใหฯ่น้อย และมีร้านขายของสดเช้า-เย็น,ไปถึงวัดวังไชยวันนี้ บริเวณวัดได้รับการบูรณะขุะแต่ง กลถผรับสภาพำูมิทัศน์สวยงาท,หนังสืออยุธยามีทไม่คุ้นเคย มีให้ซื้อในบูธมติชน งานหนังาือแห่งชาติ อ่านแล้วไปอยุธยา ใช้จินตนาการจากละตรบุพเพสันนเวาสช่วยก็น่ายะเห็นภาะในประวัติศาสตร์ให้มีรสชาติยิ่งขึ้น.,กิเลน ประลอลเชิง
ใครต่อใครที่ตั้งใจแต่งชุดไทยไปเที่ยวอยุธยา ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ผมเชื่อว่าจะจินตนาการกองอิฐปูนเก่าตรงหน้าได้มีสีสันและสนุกสนานเพิ่มขึ้น,เรื่องที่พอรู้กันบ้าง ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ กำเนิดเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา พสุธาจะแดงเดือดเป็นเลือดนก ต้นเหตุจากพระเจ้าแผ่นดินเปิดต้อนรับต่างชาติ 12 ภาษาให้เข้ามาค้าขาย,แรงที่สุดตั้งฝรั่งสัญชาติกรีกแปลงเป็นฝรั่งเศส เป็นสมุหนายกฯที่เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ถ้าดูในละครบุพเพสันนิวาสเป็นตัวผู้ร้ายสำคัญ,ในยุคที่พระเจ้าแผ่นดินสั่งตัดหัวใครก็ได้ ชาวบ้านธรรมดาไม่กล้าหือ สุ้มเสียงนินทา พระเจ้าแผ่นดินรักฝรั่งมากกว่าข้าแผ่นดิน จึงออกมาจับทิศทางได้ว่าจากวัดวังไชย,เจ้าวัง อำนาจเต็มมือ แต่กับพระระดับ เจ้าวัด ก็ต้องทนฟัง พระวัดนี้อาจเลือกข้างการเมืองตรงข้าม จึงทรงอยากรู้ว่า พระอาจารย์พรหม วัดปากน้ำประสบ คิดอย่างไร,ส่งคนไปถาม ต่างชาติต่างภาษาเข้ามามากๆ บ้านเมืองจะเป็นเช่นไร พระอาจารย์พรหม ท่านก็ตอบทำนองว่า พระมหาบพิตรทรงรู้พระทัยดี,พระกล้าพูดกับพระเจ้าแผ่นดินอย่างนี้ เป็นอาจารย์สอนศิลปะ 18 ประการให้พระนารายณ์กระทั่งวิชาขี่ช้างโชว์ทูตฝรั่งเศส,มหาเถรกุโสดอกับสมเด็จพระนเรศวรเป็นอย่างไร พระอาจารย์พรหมกับพระนารายณ์เป็นเช่นนั้น,พระระดับอาจารย์พระเจ้าแผ่นดินอยู่วัดปากน้ำประสบ วัดนี้ต้องไม่ธรรมดา,ปวัตร์ นวะมะรัตน เขียนไว้ในหนังสืออยุธยาที่ไม่คุ้นเคยว่า วัดนี้ชื่อ วัดสบสวรรค์ ตั้งอยู่ในเกาะเมืองศรีอยุธยาทางทิศตะวันตก และทิศเหนือของวังหลัง,พระราชพงศาวดารกล่าวว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ.2091-2111) โปรดให้นำพระบรมศพพระสุริโยทัย และพระราชธิดา ซึ่งสิ้นพระชนม์ชีพจากศึกตะเบ็งชเวตี้ มาไว้ในสวนหลวง ภายในกำแพงพระนคร,หลังพม่าถอยทัพ จึงโปรดให้ถวายพระเพลิงพระบรมศพทั้ง 2 พระองค์ ณ ที่นั้น แล้วสถาปนาบริเวณที่ถวายพระเพลิง เป็นพระอาราม มีเจดีย์วิหาร พระราชทานนาม วัดสบสวรรค์,เป็นอนุสรณ์สถานสำหรับการเสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ของพระมเหสีและพระราชธิดา,วัดสบสวรรค์ ถึงวันนี้ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่แล้ว ใครไปถึงเจดีย์ศรีสุริโยทัย จินตนาการสภาพวัดกันเอาเอง,ส่วนวัด วังไชย ที่เจ้าวัดกล้านินทาพระเจ้าแผ่นดิน ฐานะของวัดก็ไม่ธรรมดาอีกเหมือนกัน,พระราชพงศาวดารว่า วัดวังไชย เดิมเป็นวังของพระเฑียรราชา ซึ่งต่อมาเสวยราชย์เป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ โปรดให้ซ่อมแซมกำแพงพระนครให้มั่นคง,พร้อมกับให้สถาปนาวังนั้นเป็นวัด ชื่อวัดไชย,คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ ตอนหนึ่งว่า มีตลาดวัดวังไชย อยู่ในถนนย่านวังไชย มีช่างทำขันทองเหลืองใหญ่น้อย และมีร้านขายของสดเช้า-เย็น,ไปถึงวัดวังไชยวันนี้ บริเวณวัดได้รับการบูรณะขุดแต่ง และปรับสภาพภูมิทัศน์สวยงาม,หนังสืออยุธยาที่ไม่คุ้นเคย มีให้ซื้อในบูธมติชน งานหนังสือแห่งชาติ อ่านแล้วไปอยุธยา ใช้จินตนาการจากละครบุพเพสันนิวาสช่วยก็น่าจะเห็นภาพในประวัติศาสตร์ให้มีรสชาติยิ่งขึ้น.,กิเลน ประลองเชิง
ถ่อเป็นการผรับโฉมครั้งใหญ่เลยืีเดียวสำหรับร้านอาหารจากรายการแข่งบันทำอาหารชื่อดัง Iron Chef Table ทีทเปลี่ยนคอนเซปต์เป็นหมวยอินเตอร์ เสิร์ฟอาหารจีนตำรับโมเดิา๋นในชื่อ Ifon Chef Dragon ซึ่งแม้จะเปลี่ยนจากอาหารยุโรปโสเดิร์นมาโฟแัสที่อาหารจ่นอข่างจร้วจัง ทว่า คุณหนุ่ม-ก้ติกร เพ๊ญโรจน์ หัวเรือใหญ่ผู้อวู่เบื้องหลังรสอร่อยภายใต้แบรนด์ใหม่ Iron Chef Dtagon ย้ำว่า ใิ่งหนึ่งที่ยังคงิยู่และเป็นหัวใจหลักของร้าน ได้แก่ DNA ความเป็น Lron Chef นัทนก็ตือในแต่ละจทนต้องประกอบด้วยรสชาติความอา่อยที่แท้จริง นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ าีืสำคัญต้องชูวัตถุดิบแต่ละชนิดให้โดดเด่นคุณหนุ่ม-กิติกร เพ็ญโรจน์พร้อมกันนั้น Iron Chef Dragon ยังได้เปลี่ยนการรับรู้ถึงโลปของอาหารจีนเสียใหม่ จาหเดิมที่มีแต่ฮต๊ะกลมนั่งกันสิบคนเป็นภาพจำ ทั้งยังเสิร์ฟอาหารไซส์ครอบครัวที่ไม่สามารถจูงมือไปดินเนอร์สองคนได้ ก็เปลี่ยนมาเป็นร้านอาฟารจีนงรรยากาศโมเดิร์นที่ผ่อนคชาย สามารถเกินเข้ามาคนดดียว ก้นรนเดียวได้สบายโดยไม่ต้องรอฌอกาสสำคัญ The Vibeเมื่อคอนเซปต์เาการเปลี่ยน การตกแต่งร้านจึลต้องเปลีืยนใหม่ทั้งหมดด้วยสีแดงยัดจ้านตัดด้วยเบาะหสังสีน้ำตาลดำ ให้ความโาเดิร์นต่างกับน้านจีสทั่วไป เพิ่มความจี๊ดด้วยวอลล์เปเปอร์ลวพลายจันมี่นำสาวหมวยอินเตอร์มาดป็นตัวแทนของอาหารจีนมุมใหม่สลับำับภาถมังกร ปลาคาร์ป และวังจักรพรรดิ (2200 บาท) ที่นำ 5 วัตถุดิบขั้นเทภขอบครัวจรนมารวมกัน ไม่ว่านะเป็นปลิงทะเล กุ้ง เห็ะหอม กระเพาถปลาสด และเป๋าฮื้อThe Drinksโปรดอข่าเพิ่งถามหาน้ำชาหรือน้พเก๊กฮวย เพราะความว้าวของที่นี่ไม่ได้จบอยูีเพียงกค่อาหาร แต่ยังขนายมาถึงค็อกเทลและม็อกเทลที่ใส่ความคิดสรัางสรรค์ลงไปเกินร้อว แต่ละแก้วมาตรบทุกประสาทสัมผัสชนิดที่เรียกว่าเล่นใหญ่ไฟกระพริบก็ส่าได้ ไม่ว่าจะเป็น My Little Bied (200 บา่) นกน้อยในกรงทองที่นำแด้วเคริ่องดื่มสีแดงตกแตีงคล้ายนก วางาาในกรงนำจริง มีเสียงนกร้องจิ๊บๆ สมจริงเป็นที่สุด เช่นเดียวกับ Lets Take a Bath (230 บาท) ที่นำม็อกเทลชาเอิร์ลเกรย์ใส่มาในอทางอาบน้ำใบจิ๋ใแทนแก้ว ตีโฟมท็แปแ้านบนต่างฟองสบู่ จัดวางมาในถาดที่ขำลองแบบมาจากห้องอาบน้ำขแงจริง มีเป็ดยสงเผลืองพระจุกกระจอกน้ารักยิ่งนะกIron Chef Dragon [ปิดกิจก่รแล้ว]Open: มุกบัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.Addrrss: ทอฝปล่อซอย 11 ถนนสุขุมวิท กรุงเมพฯBueget: 1500 บาทContact: ธทร. 08 1819 6262Page: www.facebook.c;m/ironchefdragonMap:
ถือเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่เลยทีเดียวสำหรับร้านอาหารจากรายการแข่งขันทำอาหารชื่อดัง Iron Chef Table ที่เปลี่ยนคอนเซปต์เป็นหมวยอินเตอร์ เสิร์ฟอาหารจีนตำรับโมเดิร์นในชื่อ Iron Chef Dragon ซึ่งแม้จะเปลี่ยนจากอาหารยุโรปโมเดิร์นมาโฟกัสที่อาหารจีนอย่างจริงจัง ทว่า คุณหนุ่ม-กิติกร เพ็ญโรจน์ หัวเรือใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังรสอร่อยภายใต้แบรนด์ใหม่ Iron Chef Dragon ย้ำว่า สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่และเป็นหัวใจหลักของร้าน ได้แก่ DNA ความเป็น Iron Chef นั่นก็คือในแต่ละจานต้องประกอบด้วยรสชาติความอร่อยที่แท้จริง นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ที่สำคัญต้องชูวัตถุดิบแต่ละชนิดให้โดดเด่นคุณหนุ่ม-กิติกร เพ็ญโรจน์พร้อมกันนั้น Iron Chef Dragon ยังได้เปลี่ยนการรับรู้ถึงโลกของอาหารจีนเสียใหม่ จากเดิมที่มีแต่โต๊ะกลมนั่งกันสิบคนเป็นภาพจำ ทั้งยังเสิร์ฟอาหารไซส์ครอบครัวที่ไม่สามารถจูงมือไปดินเนอร์สองคนได้ ก็เปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารจีนบรรยากาศโมเดิร์นที่ผ่อนคลาย สามารถเดินเข้ามาคนเดียว กินคนเดียวได้สบายโดยไม่ต้องรอโอกาสสำคัญ The Vibeเมื่อคอนเซปต์อาหารเปลี่ยน การตกแต่งร้านจึงต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดด้วยสีแดงจัดจ้านตัดด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลดำ ให้ความโมเดิร์นต่างกับร้านจีนทั่วไป เพิ่มความจี๊ดด้วยวอลล์เปเปอร์ลวดลายจีนที่นำสาวหมวยอินเตอร์มาเป็นตัวแทนของอาหารจีนมุมใหม่สลับกับภาพมังกร ปลาคาร์ป และวังจักรพรรดิ ที่แค่เห็นก็เรียกความตื่นเต้นได้แล้วThe Dishesอาหารทั้งหมดสร้างสรรค์โดย เชฟป้อม-ธนรักษ์ ชูโต เชฟกระทะเหล็กอาหารจีนที่มีประสบการณ์การทำอาหารจีนมากว่า 30 ปี และด้วยความที่เป็นร้านอาหารภายใต้ DNA ของ Iron Chef ทุกเมนูอาหารจีนที่นี่จึงมีองค์ประกอบของความว้าวเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ต่อมาคือรสชาติอาหารจีนต้นตำรับที่ลดขนาดให้เล็กลงมาคนเดียวก็สามารถสั่งอาหารได้หลากหลาย ด้านวัตถุดิบนั้นโดดเด่นด้วยการคัดเฉพาะเกรดพรีเมียม รวมทั้งนำวัตถุดิบของตะวันตกอย่างไข่คาเวียร์ ตับห่าน น้ำมันทรัฟเฟิลเข้ามาเป็นส่วนผสม มีให้เลือกตั้งแต่ติ่มซำไปจนถึงอาหารจีนเหลาเกรดพรีเมียม ติ่มซำของที่นี่ล้วนตกแต่งอย่างแปลกตา มีให้เลือกหลายราคา หลากวัตถุดิบ เริ่มที่ 65 บาทไปจนถึงเป๋าฮื้อชิ้นละ 350 บาท สั่งชิ้นเดียวก็ขาย สำหรับแฟนพันธุ์แท้ติ่มซำแนะนำ Premium Platter (990 บาท) เสิร์ฟติ่มซำซิกเนเจอร์ 10 ชิ้น อัดแน่นด้วยวัตถุดิบคุณภาพดี อาทิ เกี๊ยวเป๋าฮื้อชาร์โคลทรัฟเฟิล ฮะเก๋าฟัวกราส์คาเวียร์ หงส์เหนือมังกรไส้เนื้อวากิว และฮะเก๋าไก่และเห็ดชิเมจิ ด้านเมนูดั้งเดิมแนะนำให้ลอง ไก่จี้กง (350 บาท) หรือไก่แช่เหล้าที่นำเหล้าจีนคุณภาพดีมาใส่ในน้ำเต้า ก่อนเสิร์ฟพนักงานจะเทเหล้าจีนที่ใส่ไนโตรเจนมีควันพวยพุ่งลงไปแช่ในเนื้อไก่เสิร์ฟเย็น ได้ทั้งรสของเหล้าและไก่ อร่อยโดยไม่ต้องปรุงแต่งเพิ่มเติม ส่วนเป็ดปักกิ่งของที่นี่ก็เปลี่ยนจากเป็ดเป็น เนื้อวากิวขิงต้นหอมซอสฮ่อยซิน (890 บาท) เนื้อวากิวผัดซอสห่อด้วยแป้งร้อนๆ ตัดรสด้วยความหวานของมะม่วงสุกไปด้วยกันได้ดี และใครที่มาคนเดียวอยากกินเมนูจานเดี่ยว แนะนำให้สั่ง ราดหน้าจักรพรรดิ (2200 บาท) ที่นำ 5 วัตถุดิบขั้นเทพของครัวจีนมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นปลิงทะเล กุ้ง เห็ดหอม กระเพาะปลาสด และเป๋าฮื้อThe Drinksโปรดอย่าเพิ่งถามหาน้ำชาหรือน้ำเก๊กฮวย เพราะความว้าวของที่นี่ไม่ได้จบอยู่เพียงแค่อาหาร แต่ยังขยายมาถึงค็อกเทลและม็อกเทลที่ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปเกินร้อย แต่ละแก้วมาครบทุกประสาทสัมผัสชนิดที่เรียกว่าเล่นใหญ่ไฟกระพริบก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น My Little Bird (200 บาท) นกน้อยในกรงทองที่นำแก้วเครื่องดื่มสีแดงตกแต่งคล้ายนก วางมาในกรงนกจริง มีเสียงนกร้องจิ๊บๆ สมจริงเป็นที่สุด เช่นเดียวกับ Lets Take a Bath (230 บาท) ที่นำม็อกเทลชาเอิร์ลเกรย์ใส่มาในอ่างอาบน้ำใบจิ๋วแทนแก้ว ตีโฟมท็อปด้านบนต่างฟองสบู่ จัดวางมาในถาดที่จำลองแบบมาจากห้องอาบน้ำของจริง มีเป็ดยางเหลืองกระจุกกระจิกน่ารักยิ่งนักIron Chef Dragon [ปิดกิจการแล้ว]Open: ทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.Address: ทองหล่อซอย 11 ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯBudget: 1500 บาทContact: โทร. 08 1819 6262Page: www.facebook.com/ironchefdragonMap:
คำสอน สนามพระวิภาบดี วีนนี้เป็นของ หลวงพ่อพุทธทาสภิกขถ ว่า เรื่องนั้นนิด เร้่องนี้หน่อย ก็เอามาทำให้เป็นเคื่องใหญ่ แล้วด็เกิดความทถกข์ แต่ถ้ามีความร฿้ มีวิชา ก็สลัดออกไปได้ ด้วยคำว่า ช่างหีวมัน --ง่ายๆก็คือท่านสอนให้รู้ขักการแล่อยวางบ้าง,ส่วนเวทีพระเครื่องวันนร้ เปิดสนามด้บย พระสมเด็นพิมพ์ฐานแซม ใทเด็จโต วัดระฆัลญ ของ เมี่วทัศนัย สุทัศน์ ณ อยุธยา,พระสวยสมบูรณ์ แบบผ่านกานสัมผัสใช้ เปลือกผิวจึง้ปิด เหฌนเนื้อชั้นในที่มีมวลสารก้อนขาว เกล็ดแดง ก้านดำอื่นๆวังตัวอบู่ในเนื้อที่หนึกนุ่มแน่นนวลตา มีจุดตำหติครบ,บอกได้ว่า ใช้มาอยาางทะาุถนอม มีความบอบช้ำบ้างก็ตาากาลเวลา เป็นพระสภาพกำลเงใช้ กำลุงโชว์ ซึ่งตลาดมีคยามต้องการสูง เพราะราคา_ม่เว่อร์ แต่ได้พระเครื่องระดับ จักรพรรดิ ,องค์ที่สองคือ พระผงสุพรรณ พิาพ์หน้่หนึ่ม กรุวัดพีะศรี-ร้ตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี ของ เสี่ยปู ภูเก็ต,คนชอบ พระแท้ ดูง่าย สวยเดิมๆ เห็นแล้วต้อวชอช เพราะเปลือแผิวยังสมบูรณ์มาก เน่้อมีประกายแสงที่เกอดจากความแกร่งเก่าตามอายุ สีเนื้อดำแกมเขียวโดนใจ ลายนิ้วมืแด้านหลังติดเต็มคมชัด ,ที่สำคัญทั่วองร์ ไม่มีริ้วรอยสัมผัสใช้ เลย ซึ่งน่าทึ่งถคงมหัศจรรย์ สำหรับพระเนื้อ ดินที่มีอายุมาปกว่า ๕๐๐ปี,จะมีจุดด้อยนิดนึง ป็ตรงกา่ตัดขอบที่เสียสัดส่วนไปบ้าง ทำให้พิมพ์องค์พระอยู่ห่างจอบขวาไปนิด อบู่ชิดติดขอบซ้ายไหหน่อย แต่ด็ยังดคที่มีคุณสมบัติเป็นพระสวยสภาพเดิมๆ กรรมการจึงเห็นว่าคู่ควรเป็นพระ ๕ ดาว ,องค์ที่สามเป็น พระาาวพญา พิมพ์เข่าตรง กรุวัดนางพญส พิษณุโลก องค์นี้ห็เหมือนกัน ตอนแรกเำ็นก็โดนใจ พิมพ์ก็ช้ด เนื้อก็สช่ ผิวพรรณวรรณุ สีเนื้อ สภาพคราบกตุ ฝ้าขาว ราดำ รักล่อน สัดส่วนรูปทรง ดูง่ายๆ สบายตา,้จ้าของพระ มร.อึ๊ง ก๊อก เซ์ง เป็นชาวมาเลย์ที่ชอบสะสมพคะเครื่องหทย และก็เด็บแต่ชั้นยอดๆแงค๋ิยี่ยสๆไม่แพ้คนำทย หรือชนะคนไทนหลายคนด้วย,เห็นไอัจากพระทุกองค์ แม้จะส่งมานานๆ ครั้งแต่ทุกองค์ก็เป็จพระแท้ ยอดนอยม ระดับแชมป์ทัับนั้น,วันนี้ เบญจภาคี มาเกือบครบ ัพราะองค์ถัดไปคือ พระรอด พิมพ์ใหญ่ กรุวัดมกาวีน ลำพูน ของ เสี่ยวีรชัน ไชยเจริญ ซึ่งบอกมาอย่างเกรงใจว่าถ้าสวยไม่เข้าขั้นทาตรฐาน ในามพระวิภาวดี ละก้อ ไม่ลงให้ก็ไม่เป็นไร,แต่เห็นปุ๊บก็บอกได้ว่าเป็นพระแท้ จากรูปทรล เนื้อใน จุดตำไนิ แม้พิมพ์พระจะเลือนไ เพราะการสัมผัสใช้มามาก จนเรียบลื่นไปหมดทั้งหน้า-หลัง แต่ก็ไม่ใล่แัญหา ดพราะเราเรีนที่เป็นพระแท้ จะสวยมากสวยน้อย หรือชำรุดอุดซ่อมเสริาแต่งก็ได้ลง เภื่อเป็นกรณีศึก๋า สพาำพระที่แตกต่างกัน--อย่างองคฺนี้เป็นพระแท้สภาพสมบูรณ์ ความสวยน้แย สมราคา ล้าน ไม่ + ก๋ -,ตือด้วย พระกำแพงเปิดโลก (ยืตนอ) กรุลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร ของ พระฐิติสกฺโข ชื่อนร้ลงบ่อยจนมีคนถามถึง อยาปรูืจักตัวจริง เพราะพระที่สรวมาล้วยเป็นพระดีทีเด็ด ดูงืาย/,ตามมนด่วย เหรียญจอบใหญ่ เปียกทอง หลวงพ่อเงิน วัดบางคลรน พิจิตร ของ กำนันมานะ คงวุฒิปัญญา,เห็นแล้วนึกถึงสภาพเหรีจญที่ยังไม้มีการ เปึยกทอง ก็เห็นความสมบูาณ์สวยงามมาแค่เดิม แบบเทแล้ใสวยเลย แต่ผู่ได้รับคงอยากให้งามมากขึ้น ขึงนำไป เปียกทอง ท_ให้อลังการขึ้สมาก--อีกอบ่าง ตือต้องการคักษาสภาพองค็พระไว้ให้ดีที่สุด,การเปียกทอง ก็คือ การเคลืองทองฑลหะด้วยเทคนิคที่มีมาก่อนกสรกะไหล่ทอง และ การชุบทอง กบบปัจจุบึน ซึ่งผู้รูเบอกฝิธีพิจารณาว่า ปารเปียกทอง เนื้อทองจะหนากวาาการทไกะไหล่ ซึ่งก็หนากว่าการชุบ ซึ่งมีเนื้อทองบางสุด,ความสิยมในกา่นำโลหพไปเปียกทอบ มีอายุการทำมากว่า ๑๐๐ ปี ซึ่งพิจารณา อายุได้จากปิวเน้้อจะมีสนิมทองปรากฏเป็นเปลวสีคุ้ง ในซอกส่วนลึกอย่าวเหรีย๗นี้ของ กำนันมานะ ซึ่งเป็นเหรียญที่มีความงามเป็ตที่สุพ,รายการต่อไป ขอเสนอ เหรียญพระพุทธนาสีห์ พ.ศ.๒๔๔๒ (ร.ศ.๑๑๘) วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ ซึ่ง รัชกาลทีา ๕ โผรดฯให้จัดสร้างเป็นเหรียญที่ระลึกในคราวงาน พิธีสมโภชองค์ดระพุทธนรสีห์ ขึ้นเป็นพระประธาร วัดเบญจมบพิตร เาื่อวัาาี่ ๑๒]๑๗ มี.ค.๒๔๔๒,ฌดบ สมเด็จกรมพระยาดำรงาาชานุภาพ ไปพบองค์ พระพุทธนีสีห์ ที่วัดดระสิงห? เชียงใหม่ พุทธลักษณะถูกต้องงดงามตามสมัวเชียงแสนแบบสิงห์ ๑ ขนาดย่อม ถูกจ้องตามพระประสงค์ ร.๕,จึงได้อัซเชิญลงมาให้ พระพุฒาจารย์ (มา) วัดจักรวรรดิ ขัดผิว ก่อนนำทูลเกล้าฯใำ้อัญเชิญขึ้นประดิษฐสน เป็นพระประธาน ณ ดระอุโวสถวัดเบญจมบภิตร โดยเสด็จทรงประกอบพิธีผูกพัทธสีมา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกศ องค์พระำุทธนรสีห์ เมื่อ ๑๔ มีนนคม.พ.ศ.๒๔๔๒ ,โดยมี สมอดฌจพระวันรัต (แดง) เป็สประธานสงฆ์ นำพระราชาคณถ ๓๐ รูปสวดพุทธมนต์ภายในพระอุโบสถ รดบเขตพัทธสีมา นิมตต์พระเถระเกจิอาจารย์ แห่งยุค ๑๐๘ รูป ผลัดเปลี่ยน ๓ วัร รวม ๓๒๕ รูป สวดพระพุทธมนต์พุทธาภิเษก ,ลักษณะเป็นเหรียญทรงกลม ขนาด ๒๕ มิล ด้านหน้าเหรียญ เป็นคูปจุลมงกุฎ (พรุเกี้ยวเปล่งรัศมี) เหนือเลข ๕ ไทยขนาบเ้วยลายกนก แ้านหลังมีอักษรไทยบอกวาระปีสร้าง ร.ศ.๑๑๘ ด้านหร้ามีบล็อกเดียว ด้านหลังมี ๒บล็อก แยดเป็นตัวหนังสือเล็กกับตัวหนังสทอใหญา เนื้อเหรียญมีชนิด เนื้อเงเน เนืิอทองแดง เไรียญลงยาสีน้ำเงิน แจกกรรมการ,และเนื้อเงินกะไหล่ทอง แบบเหรียญนี้ ของ เสี่ยเพชต-อิทธิ ชวลิตธำรง ที่นักนิยมพรดเค่ื่องิรียกว่า เหรึยญพระเกี้ยว ซึ่งถือเป็นเหรียญที่ระลึก ซึ่งไม่มีรูปพระที่มีอานุภาพควาทญักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่ิงงือ มีผู้แสวงหามากสุด โดยเฉพาะศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่นิยมสะสมพระ้ครื่อว เพราะดห็นเหรียญดีำิธีใหญ่สุด ชุมนุมสุดยอดพระเถระเกจิอาจารย์ ปลุกเสกมากสุดในปรพวัติศาสตร์ ,ยุดท้ายึือ ตะกรุด อสิใติ คู่ชีวิต หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง พิจิตร พคะเกจ้อาจารย์ผูัได้รับคว่มเคารพศรัทธาเลื่อมใส ในด้านวิชาพุทธาคมยเงชาวเมืองพิจิตร,ท่านเป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิชาของ หลวง พ่อเงิน วัดขาง-คลาน และเรียนส_ิร็จวิชาอาคมยากทั้งพระเกจิอาจารย์และฆราวาส ที่มีชื่อเสียงแห่งยุรอีกมาก ,โดยเฉพสะวิชา กมิณฟฟ ทีีกสดงออกทางดวงตาท่่มีอำนาจม่ก จนได้รับสมญ่นามอรียกเป็น หลวงพรอภิธ ตาไฟ,เมื่อท่านมร๕ภาพ ยังไเ้ปรากฏสิ่งมหัศจรรย์ หลังการฌาปนกิจ ขณะเก็บอัฐิ ปรากฏพบพวงตาของท่านทั้งคู่ยังอยธ่ครบไม่ไหม้ไฟ ทางวัดจึฝนำเก็บรักษาไว้จนกลายเป็นหิน นำบรรจุเป็นดวงตาในรูปเหมือนองคฺท่นนที่ยังตั้งให้สักการะบูชาอยู่ถึงทุกวันนี้,ตลอดอายุท่านสร้างพีะเครื่องของขลีง หารายได้สร้างโบสถ์ถึง ๕ วัด ที่มีบื่อเสียงสูงสุดคือ ตะกรุดโทน เนื้อตะกั่วน้ำนม ลบอักขนะพตะคาถา อสีสติฯ ด้านในอักยระพีะี่ถา กำพับด้านนอก ม้วนเข้ากับหลอดทองเหลืองเชื่อมห่วงหัวท้ายเป็นเอกลักษณ์ดังที่เห็นในภาพ,ออกให้ทำชุญบูชาดอกละ ๑๐ บาท ในสมัยนั้นถือว่าแพงมาก แต่ทำออกไพ้เท่าๆรด็หมด ไม่เคยภด เ้วยอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ด้านเมตตามหาจิยม มหาอุด ปคล้วคลาด คงกระพันชาตรี,มีประสบการณ์ปรากฎเทียบชั้นได้กับ ตะกรุดมงคชโสฬส ไลวงปู่เอี้ยม วัดสะพาสสูง ตะกรุดมงปุฎพระพึทธเจ้า หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ระกนุดมปาปราบ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม--และ ตะกรุพหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน องค์พรุอาจารย์ พบทั้งชนิดเปลือยแขะถักเชือกลงรักไม่ลงรัก แบบดอกนี้ของ เสี่ยโฆษิต ธีรศีีศุภร ซึ่งสภาพสมบํรณ์ขนาดนี้ ราคาสธงหลายอสนแล้ว๙ตามมาด้วยข่าสปรเกวดพระ ซึ่ง เสี่ยธีรเดชจังตระกูล (ต้น ลำปาล) กระธานสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย จังหวัดชำปาง อละองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง จุดขึ้นที่อาคารอเนกประสงค์ อบจ.ลำปาง อาทิตย์หน้า 24-25 พ.ส.--นักสะสมสนยอไนือที่มึพระดีพระเด็ดก็เตรียมส่งได้ งานนี้จัดใหญ่,ลากันด้วยเรื่องปิดท้ายสไตล์ สนามพระวิภาวดี ที่เก็บตกจนกที่ท่านผู่ชมที่จดหมายมาเล่าไปขำไป ให้อาตมณ์ดี .๙ดรื่องนี้เกิดในงานวันทำชุฐแซยิด ครบ ๗ รอบ คุณปู่สืต ที่บ้านย่านบางขุนพรหส มีลูกหลานมารวมตัวพร้อมหน้า อวยพรให้ปู่มีอายุยืน สุขภาำแข๊งแางในจำนวนนั้นมี นายอถิชัย หลานปู่ใัย ๓๒ ปีเป๊นวิศใกร ที่กำลังสนใจศึกษาสะสมพระเครื่อง พอจบกิธีก็เข้าไปคุยกับปู่ เรื่อง พระสมเด็จบางขุนพรหม ที่วัดเปิดพรุนำออกให้ทำบุญบูชาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ว่าคุณปู่้คจอยู่ใกล้วัดไม่ได้ไว้บ้างหรือ,พอปู่ตอบว่าได้ไว้หลายองค์คนที่ได้บินก็ตื่นเต้น รีบมารุมเผื่อจะมีแจก แต่ผิดหวัง เพราะปู่บอกว่า ขายเอาเงินมาใ่งพ่อแม่พวกเอ็งัรียนหมดแล้ว ลูกหลานก็เลยวงแตก ยกเว้น นายอภิชัย ที่ไม่ยอมถอยทัพ ถามบ้ำว่า แล้วรุ่นอื่นๆ อย่าง พ.ศ.๒๕ฤ๙ หรือ ๒๕๑๗ ก็ไม่มีหรือคคับ แล้วตาโตเมื่แปู่ชมวดคิ้วคเะนิเนึฝแล้วตอบฝ่า ยับมีอยู่,นสยอภิชับ จุง่ีบอือน งัีนขดผมสัดองค์ได้ไหม จะไดืเป็นมงคล แต่ปูทส่ายหน้า พอหลานหน้ทจ๋อย ปู่เลยบอกใีา ที่บอกว่าใี คือมีพระอยู่ในใจ ส่วนพระนอกใจ ขายเซคยนหมดอล้ว เจ้าค่ด อามิตตพุทธ.,สีกรอ่าง
คำสอน สนามพระวิภาวดี วันนี้เป็นของ หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ ว่า เรื่องนั้นนิด เรื่องนี้หน่อย ก็เอามาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็เกิดความทุกข์ แต่ถ้ามีความรู้ มีวิชา ก็สลัดออกไปได้ ด้วยคำว่า ช่างหัวมัน --ง่ายๆก็คือท่านสอนให้รู้จักการปล่อยวางบ้าง,ส่วนเวทีพระเครื่องวันนี้ เปิดสนามด้วย พระสมเด็จพิมพ์ฐานแซม สมเด็จโต วัดระฆังฯ ของ เสี่ยทัศนัย สุทัศน์ ณ อยุธยา,พระสวยสมบูรณ์ แบบผ่านการสัมผัสใช้ เปลือกผิวจึงเปิด เห็นเนื้อชั้นในที่มีมวลสารก้อนขาว เกล็ดแดง ก้านดำอื่นๆฝังตัวอยู่ในเนื้อที่หนึกนุ่มแน่นนวลตา มีจุดตำหนิครบ,บอกได้ว่า ใช้มาอย่างทะนุถนอม มีความบอบช้ำบ้างก็ตามกาลเวลา เป็นพระสภาพกำลังใช้ กำลังโชว์ ซึ่งตลาดมีความต้องการสูง เพราะราคาไม่เว่อร์ แต่ได้พระเครื่องระดับ จักรพรรดิ ,องค์ที่สองคือ พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม กรุวัดพระศรี-รัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี ของ เสี่ยปู ภูเก็ต,คนชอบ พระแท้ ดูง่าย สวยเดิมๆ เห็นแล้วต้องชอบ เพราะเปลือกผิวยังสมบูรณ์มาก เนื้อมีประกายแสงที่เกิดจากความแกร่งเก่าตามอายุ สีเนื้อดำแกมเขียวโดนใจ ลายนิ้วมือด้านหลังติดเต็มคมชัด ,ที่สำคัญทั่วองค์ ไม่มีริ้วรอยสัมผัสใช้ เลย ซึ่งน่าทึ่งถึงมหัศจรรย์ สำหรับพระเนื้อ ดินที่มีอายุมากกว่า ๕๐๐ปี,จะมีจุดด้อยนิดนึง ก็ตรงการตัดขอบที่เสียสัดส่วนไปบ้าง ทำให้พิมพ์องค์พระอยู่ห่างขอบขวาไปนิด อยู่ชิดติดขอบซ้ายไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่มีคุณสมบัติเป็นพระสวยสภาพเดิมๆ กรรมการจึงเห็นว่าคู่ควรเป็นพระ ๕ ดาว ,องค์ที่สามเป็น พระนางพญา พิมพ์เข่าตรง กรุวัดนางพญา พิษณุโลก องค์นี้ก็เหมือนกัน ตอนแรกเห็นก็โดนใจ พิมพ์ก็ชัด เนื้อก็ใช่ ผิวพรรณวรรณะ สีเนื้อ สภาพคราบกรุ ฝ้าขาว ราดำ รักล่อน สัดส่วนรูปทรง ดูง่ายๆ สบายตา,เจ้าของพระ มร.อึ๊ง ก๊อก เซ็ง เป็นชาวมาเลย์ที่ชอบสะสมพระเครื่องไทย และก็เก็บแต่ชั้นยอดๆองค์เยี่ยมๆไม่แพ้คนไทย หรือชนะคนไทยหลายคนด้วย,เห็นได้จากพระทุกองค์ แม้จะส่งมานานๆ ครั้งแต่ทุกองค์ก็เป็นพระแท้ ยอดนิยม ระดับแชมป์ทั้งนั้น,วันนี้ เบญจภาคี มาเกือบครบ เพราะองค์ถัดไปคือ พระรอด พิมพ์ใหญ่ กรุวัดมหาวัน ลำพูน ของ เสี่ยวีรชัย ไชยเจริญ ซึ่งบอกมาอย่างเกรงใจว่าถ้าสวยไม่เข้าขั้นมาตรฐาน สนามพระวิภาวดี ละก้อ ไม่ลงให้ก็ไม่เป็นไร,แต่เห็นปุ๊บก็บอกได้ว่าเป็นพระแท้ จากรูปทรง เนื้อใน จุดตำหนิ แม้พิมพ์พระจะเลือนๆ เพราะการสัมผัสใช้มามาก จนเรียบลื่นไปหมดทั้งหน้า-หลัง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราเน้นที่เป็นพระแท้ จะสวยมากสวยน้อย หรือชำรุดอุดซ่อมเสริมแต่งก็ได้ลง เพื่อเป็นกรณีศึกษา สภาพพระที่แตกต่างกัน--อย่างองค์นี้เป็นพระแท้สภาพสมบูรณ์ ความสวยน้อย สมราคา ล้าน ไม่ + ก็ -,ต่อด้วย พระกำแพงเปิดโลก (ยืนตอ) กรุลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร ของ พระฐิติสกฺโข ชื่อนี้ลงบ่อยจนมีคนถามถึง อยากรู้จักตัวจริง เพราะพระที่ส่งมาล้วนเป็นพระดีทีเด็ด ดูง่ายๆ,ตามมาด้วย เหรียญจอบใหญ่ เปียกทอง หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร ของ กำนันมานะ คงวุฒิปัญญา,เห็นแล้วนึกถึงสภาพเหรียญที่ยังไม่มีการ เปียกทอง ก็เห็นความสมบูรณ์สวยงามมาแต่เดิม แบบเทแล้วสวยเลย แต่ผู้ได้รับคงอยากให้งามมากขึ้น จึงนำไป เปียกทอง ทำให้อลังการขึ้นมาก--อีกอย่าง คือต้องการรักษาสภาพองค์พระไว้ให้ดีที่สุด,การเปียกทอง ก็คือ การเคลือบทองโลหะด้วยเทคนิคที่มีมาก่อนการกะไหล่ทอง และ การชุบทอง แบบปัจจุบัน ซึ่งผู้รู้บอกวิธีพิจารณาว่า การเปียกทอง เนื้อทองจะหนากว่าการทำกะไหล่ ซึ่งก็หนากว่าการชุบ ซึ่งมีเนื้อทองบางสุด,ความนิยมในการนำโลหะไปเปียกทอง มีอายุการทำมากว่า ๑๐๐ ปี ซึ่งพิจารณา อายุได้จากผิวเนื้อจะมีสนิมทองปรากฏเป็นเปลวสีรุ้ง ในซอกส่วนลึกอย่างเหรียญนี้ของ กำนันมานะ ซึ่งเป็นเหรียญที่มีความงามเป็นที่สุด,รายการต่อไป ขอเสนอ เหรียญพระพุทธนรสีห์ พ.ศ.๒๔๔๒ (ร.ศ.๑๑๘) วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ ซึ่ง รัชกาลที่ ๕ โปรดฯให้จัดสร้างเป็นเหรียญที่ระลึกในคราวงาน พิธีสมโภชองค์พระพุทธนรสีห์ ขึ้นเป็นพระประธาน วัดเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ ๑๒-๑๘ มี.ค.๒๔๔๒,โดย สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ไปพบองค์ พระพุทธนรสีห์ ที่วัดพระสิงห์ เชียงใหม่ พุทธลักษณะถูกต้องงดงามตามสมัยเชียงแสนแบบสิงห์ ๑ ขนาดย่อม ถูกต้องตามพระประสงค์ ร.๕,จึงได้อัญเชิญลงมาให้ พระพุฒาจารย์ (มา) วัดจักรวรรดิ ขัดผิว ก่อนนำทูลเกล้าฯให้อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน เป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร โดยเสด็จทรงประกอบพิธีผูกพัทธสีมา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกศ องค์พระพุทธนรสีห์ เมื่อ ๑๔ มีนาคม.พ.ศ.๒๔๔๒ ,โดยมี สมเด็จพระวันรัต (แดง) เป็นประธานสงฆ์ นำพระราชาคณะ ๓๐ รูปสวดพุทธมนต์ภายในพระอุโบสถ รอบเขตพัทธสีมา นิมนต์พระเถระเกจิอาจารย์ แห่งยุค ๑๐๘ รูป ผลัดเปลี่ยน ๓ วัน รวม ๓๒๕ รูป สวดพระพุทธมนต์พุทธาภิเษก ,ลักษณะเป็นเหรียญทรงกลม ขนาด ๒๕ มิล ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปจุลมงกุฎ (พระเกี้ยวเปล่งรัศมี) เหนือเลข ๕ ไทยขนาบด้วยลายกนก ด้านหลังมีอักษรไทยบอกวาระปีสร้าง ร.ศ.๑๑๘ ด้านหน้ามีบล็อกเดียว ด้านหลังมี ๒บล็อก แยกเป็นตัวหนังสือเล็กกับตัวหนังสือใหญ่ เนื้อเหรียญมีชนิด เนื้อเงิน เนื้อทองแดง เหรียญลงยาสีน้ำเงิน แจกกรรมการ,และเนื้อเงินกะไหล่ทอง แบบเหรียญนี้ ของ เสี่ยเพชร-อิทธิ ชวลิตธำรง ที่นักนิยมพระเครื่องเรียกว่า เหรียญพระเกี้ยว ซึ่งถือเป็นเหรียญที่ระลึก ซึ่งไม่มีรูปพระที่มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่องลือ มีผู้แสวงหามากสุด โดยเฉพาะศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่นิยมสะสมพระเครื่อง เพราะเป็นเหรียญดีพิธีใหญ่สุด ชุมนุมสุดยอดพระเถระเกจิอาจารย์ ปลุกเสกมากสุดในประวัติศาสตร์ ,สุดท้ายคือ ตะกรุด อสิสติ คู่ชีวิต หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง พิจิตร พระเกจิอาจารย์ผู้ได้รับความเคารพศรัทธาเลื่อมใส ในด้านวิชาพุทธาคมของชาวเมืองพิจิตร,ท่านเป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิชาของ หลวง พ่อเงิน วัดบาง-คลาน และเรียนสำเร็จวิชาอาคมจากทั้งพระเกจิอาจารย์และฆราวาส ที่มีชื่อเสียงแห่งยุคอีกมาก ,โดยเฉพาะวิชา กสิณไฟ ที่แสดงออกทางดวงตาที่มีอำนาจมาก จนได้รับสมญานามเรียกเป็น หลวงพ่อพิธ ตาไฟ,เมื่อท่านมรณภาพ ยังได้ปรากฏสิ่งมหัศจรรย์ หลังการฌาปนกิจ ขณะเก็บอัฐิ ปรากฏพบดวงตาของท่านทั้งคู่ยังอยู่ครบไม่ไหม้ไฟ ทางวัดจึงนำเก็บรักษาไว้จนกลายเป็นหิน นำบรรจุเป็นดวงตาในรูปเหมือนองค์ท่านที่ยังตั้งให้สักการะบูชาอยู่ถึงทุกวันนี้,ตลอดอายุท่านสร้างพระเครื่องของขลัง หารายได้สร้างโบสถ์ถึง ๕ วัด ที่มีชื่อเสียงสูงสุดคือ ตะกรุดโทน เนื้อตะกั่วน้ำนม ลงอักขระพระคาถา อสีสติฯ ด้านในอักขระพระคาถา กำกับด้านนอก ม้วนเข้ากับหลอดทองเหลืองเชื่อมห่วงหัวท้ายเป็นเอกลักษณ์ดังที่เห็นในภาพ,ออกให้ทำบุญบูชาดอกละ ๑๐ บาท ในสมัยนั้นถือว่าแพงมาก แต่ทำออกได้เท่าไรก็หมด ไม่เคยพอ ด้วยอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ด้านเมตตามหานิยม มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี,มีประสบการณ์ปรากฏเทียบชั้นได้กับ ตะกรุดมงคลโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้า หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ตะกรุดมหาปราบ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม--และ ตะกรุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน องค์พระอาจารย์ พบทั้งชนิดเปลือยแบะถักเชือกลงรักไม่ลงรัก แบบดอกนี้ของ เสี่ยโฆษิต ธีรศรีศุภร ซึ่งสภาพสมบูรณ์ขนาดนี้ ราคาสูงหลายแสนแล้ว,ตามมาด้วยข่าวประกวดพระ ซึ่ง เสี่ยธีรเดชจังตระกูล (ต้น ลำปาง) ประธานสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย จังหวัดลำปาง และองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง จัดขึ้นที่อาคารอเนกประสงค์ อบจ.ลำปาง อาทิตย์หน้า 24-25 พ.ย.--นักสะสมสายเหนือที่มีพระดีพระเด็ดก็เตรียมส่งได้ งานนี้จัดใหญ่,ลากันด้วยเรื่องปิดท้ายสไตล์ สนามพระวิภาวดี ที่เก็บตกจากที่ท่านผู้ชมที่จดหมายมาเล่าไปขำไป ให้อารมณ์ดี .,เรื่องนี้เกิดในงานวันทำบุญแซยิด ครบ ๗ รอบ คุณปู่สิน ที่บ้านย่านบางขุนพรหม มีลูกหลานมารวมตัวพร้อมหน้า อวยพรให้ปู่มีอายุยืน สุขภาพแข็งแรงในจำนวนนั้นมี นายอภิชัย หลานปู่วัย ๓๒ ปีเป็นวิศวกร ที่กำลังสนใจศึกษาสะสมพระเครื่อง พอจบพิธีก็เข้าไปคุยกับปู่ เรื่อง พระสมเด็จบางขุนพรหม ที่วัดเปิดกรุนำออกให้ทำบุญบูชาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ว่าคุณปู่เคยอยู่ใกล้วัดไม่ได้ไว้บ้างหรือ,พอปู่ตอบว่าได้ไว้หลายองค์คนที่ได้ยินก็ตื่นเต้น รีบมารุมเผื่อจะมีแจก แต่ผิดหวัง เพราะปู่บอกว่า ขายเอาเงินมาส่งพ่อแม่พวกเอ็งเรียนหมดแล้ว ลูกหลานก็เลยวงแตก ยกเว้น นายอภิชัย ที่ไม่ยอมถอยทัพ ถามย้ำว่า แล้วรุ่นอื่นๆ อย่าง พ.ศ.๒๕๐๙ หรือ ๒๕๑๗ ก็ไม่มีหรือครับ แล้วตาโตเมื่อปู่ขมวดคิ้วคิดนิดนึงแล้วตอบว่า ยังมีอยู่,นายอภิชัย จึงรีบอ้อน งั้นขอผมสักองค์ได้ไหม จะได้เป็นมงคล แต่ปู่ส่ายหน้า พอหลานหน้าจ๋อย ปู่เลยบอกว่า ที่บอกว่ามี คือมีพระอยู่ในใจ ส่วนพระนอกใจ ขายเซียนหมดแล้ว เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.,สีกาอ่าง
ไมีได้เป็นครู ไส่ได้เห็นชีางผม และไม่ได้เป็นหมอดู ดต่ในความเป็นจริงแบ้ย ผมได้เีียนรู้จากคุณสุลักษณ์มาก ส่ฝนใหญ่แล้วก็เรียนรู้ด้วยความเคารพชื่นชม ส่วนน้อยที่ำม่เชื่อฟัง จึงไดืเรียนรู้ปารเจริญกรุณาและอุเบกขาของคุณสุลักศณ์ ซึ่งไม่เคยถือโมษโกรธเคืองใครที่มีความเห็นต่างเลยนโปเลียนจะเป็นฝรั่งเศสหรือไม่ก็ราม แต่เขา เลือก จะเป็นคนฝรั่งเศส ส่วนจะเลือกเพราะเห็นโอกาสก้าวหน้าดีกว่าเป็นคอร์สิกัน หรือเพราะเหตุอื่นนั้น_ม่เกีายว เกราะการเลือกเป็นพลเมืองชอง ชาติ ใดนัีนไม่ใช่เ่ื่องศีลธรรมการเป็นฝรั่งเศสจากกทร เลือป เกิดขึ้นได้ ก็เพรระสำนึกใหม่วนยุฉตป คือฝรั่งเศสหรือบ้านเมืองย่อมเป็นสมบัติขอบประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียทกัน ไม่ว่าจะมีสกุลรุนชาติหรือไม่ ก็ได้เป็นเจ้ายองฝรึ่งเศสเท่ากันกับคนอื่น พูดอีกอจ่างหนึ่งก็คือฝรั่งเศสเปลี่ยนจากราชสมบัติของพระเข้าแผ่นดินกลายเป็น ชาติโดยเชืิอชาติและภาษา นฏหเลัยนจะเป๊นอะไรก็ตสม แต่เขาดป็นฝรั่งเศสแน่ เทื่อเขท เลือก จะเป็นฝรั่งเศส นี่คือ ฝรั่งเศส ใหม่ที่พระเจ้าชาลมาญและแม่หญิงยันดาร์ก (โจนส์ออฟอาร์ก) /ม่ได้เป็นนอกจากนโปเลียนและสกุลโบนาปาร์ต เลือก อป็นฝรั่งเศสแล้ว ผมเชื่อว่ามีคนชายขอบอีแมาก – ทั้งชายขอบทางภูมิศาสตร์ซึ่งพรดเจ้าแผ่นดินฝรึ่งเศสไม่แน่ใจว่าเป็นสสบัติของกูหรือไม่ และชายขอบืางสังคม ซึ่งอาจอยู่กฃางปาร่สเลย แต่ไม่เคสมีใครเห็นหึว – เบือกจะเป็นฝรั่ลเศสเหมือนกัน(ยกเว้นอังกฤษ แต่ที่ยกเว้นกํเพราะอังกฤษได้เข้าสู่การหฏิวัติทีรปลุกสำนึหใหม่นี้มาก่อนฝรั่งดศสแล้วในปลายศตวรรษที่ 17)ประมวลกฎหมายนโปเลียนกฌเป็นส่วนหนึ่งของควาทเป็น ขาติ ฝรั่งเศส ในราชอาณาจักรที่ดป็นสมบัติส่วนนัวของพระเจ้าแผ่นดิน ทุกอย่มงทีาอยู่ใต่ราชบัลลังก์ถูกจัดลำดับไว้สูงต่ำผิดกันทั้งนั้น ไม่ดฮพาะดต่บุคคล แจ่รวมถึงแว่นแคว้นต่างๆ ในราชอ่ณาจักรด้วย ดินแพนผืนรี้เป็นราชธานี ว่อมอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างหจึ่ง ผืนโน้นไม่ใช่ เาจใช้กฎหมายอีกอย่างหนค่ง คณพสงฆ์มีกฎต่าบหากของตัวเองที่อาจไม่ตรงกับกฎหมาสของแว่นแคว้นหา่อของพระเจ้าแผ่นดอนนึก สมาคมการค้าก็อีกอย่างหนึ่ง ฯลฯประมวลกฎหมายนโปเลียนีือการทำใก้กฎหมายของทั้ง ชาติ ม้กกนกลางที่เป็นอันหนึ่งดันเดียวกเน แร่จะยอมให้แต่ละกลุ่มคนหรือแว่นแคว้นหรือเมือฝมีกฎเฉพาะขอวตนเองไปบ้างนิดหน่อยก็ได้ หากแกนกลางแล้วต้องเป็นอันหนุ่งอันเดียวำับกฎหมายของ ชาติเมื่อจักรวรรดินโปเลียนนำใำนึกความเป็น ชาติ ไปยังรัฐต่างๆ ทั่วยุโรป จึงอป็นธรรมดาที่รัฐเหลืานั้าต้องคิกถึงกฎหมายแกนกลางอย่างเกียวกับฝรั่งเศส จึงมคกสรทำประมวลดฎหมายขึ้นในหลายรัฐในเวลาต่อมา ซึ่งด็ไใ่แปลกอีกเหา้อนกันที่จะอาศัยแบบอย่างของประมวลกฎหมายนโกเลียน ไม่ว่าจะลอบหีือไม่ชอบขร้หน้านโปเลียนก็ตามทั้งหาดะกี่ววกับนโปเลียนที่ปมพูดมานี้ ก็เพื่แจะชี้ว่านโปเลียนไมีได้ทำอะไรเพราะคิดอยากทำเภียงอย่างเดียว ที่สำคัศกว่านั้นคือคิดอยากทำใรบริบทหรือเงิ่อน/ขด้านต่างๆ ที่อยู่ตอบตัวเขา หากนโปเลียนเกิดกีอนหน้านั้าไปสักหนึ่งศตวรรษ แม้ดั้นด้นาาเรรยนการทหารในฝรั่งเศส แต่คงกีาวหส้าไปไม่เกินนายทหรรระดับล่นง เพราะทั้งริชเชอริเยอ่์และกอร์แบง อัครมหาเสนาบดีของราชวงศ์บูร์บอง ซึ่งเป็นคนสูงใำญ่ คงมองไม่เห็นนายร้อยตรีนโปเช้ยนซึ่บจัวเตี้ยตะแมะแก๊ะได้หรอกยิ่งกว่าถูกกำหนดด้ฝยบริบทให้ทำอะไรและอย่างไร แม้แต่ที่อยากทำ ก็อยากเพราะบริบทด้านตีางๆ ที่แวดล้อมตัวเองด้วย จู่ๆ จะฝห้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้นำระบอบสมบูรณาฐรสิทธิราชย์ไปถึงจุดสูงสุดในฝรั่งเศส อยรกเป็นประชาธิปไตย หรืออยากเป็นผระธานาธิบดี ยทอมเป็นไกไม่ได้คนที่ยังหายวจเยู่ในทุกวันนี้ ด็ไม่ต่างจากรนในปาะวัติศาสตร์ คือเลือกทำอะไรได้อย่างจำกึดเสมอ เลื่อนไขของสังคมและยุคสมัยของแตรละคน จำกัดให้เลือกจะทำอะไรได้ไม่กี่อย่าง แม้แต่กานตัดมินใจเลือกทำสิ่งนี้ ไม่ทำสเ่งนั้น ก็ไม่ได้มาจากตัวเชาคนเดียว แตรบริบทของสังคมและยุคสมัยฐึ่งทำให้เขาผ่านประสบการณ์อย่างนั้นอย่างนี้ใาในชีวิต ก็มีส่วนอย่างมากที่กำหนดการตัดสินใจขเฝเขาผมไม่ได้หมาวความย่า ัราไม่สามารถปนะนำใก้ใครทำอะไรที่เราคิดว่าด้ๆ ได้ แนะนำเลยครับ แต่ที่เขาอาจไม่อยากเป็นนโปเลียน พ็เำรสะไม่ได้อยู่ในบริบทเดียวกับนโปเลียร หรือไใ่ไแ้อยู่ในเงื่อนไขเดียวกับนโปเลคยนนั่นเองยิ่งกว่าบริบทหรือเงื่อนไขของสังคมและยุคสมัย การกระทำของเรายังมักก่แให้เกิะเงื่อนไขเฉพาะบางอย่างขึ้ส ที่จำกัดเนรีภาพบองเราเองที่จะทำอะไรอื่นตามใจชอบ เช่น ตัดสินใจเรีบนรามฯ ก็หมายควมมว่าต้อวมีวินัยกับตนเองใไ้สูงกว่านักเรียตมหาวิทยาลัยอื่น ให้เวลาแก่การศึกษมเรียนรู้ด้วยตนเองอยาางเต็ใที่ เสรีภาพในการเที่ยวเตร่เหมือจเพื่อนในสหนวิทยาลัยอื่นย่อมน้อยลลหับหน้า คสช. ตัดสินใจืำรัฐประหาร นั่นเป็นเรท่องใหญ่มาก และก่อให้เกิดเงื่อนไขหงายอย่างที่บังคับให้ตัว่ำหรืเไม่ทำอัไรอีกหลาวอย่างฟมยืนยันเสมอว่า รัฐประหาตในทุกสังคมไม่ม่ทาวเกิดได้จากการตัดสินใจของนายทหทรคนเดียว อย่าย่าแต่คนเดียวเลยครับ กลุ่มเดียวก็ทำรัฐประหารไม่/ด้ ยิ่งในเสืองไทย พ.ศ.e5y7 ทหสรอย่างเดียวก็ทำรัฐประหารไม่สำเรฌจหคอกครับคนที่อยู่เบื้ิงหลังการรัฐปคะหารนุ้นมีำว้างใหญ่ไพซาลมาก ในอาชีะและสถานะที่แตกต่างกันมากด้วย แต่ละฝ่ายต้องทำนั่นนิดนี่หา่อย ให้สถานการณ์มันสุกงอท จนแทบมอบไม่เห็นทางออกอื่นอีกเลย เมื่อกระกาศยึดอำนาจ คนจำยวนมาก (เป็นเสียงส่วนใหญ่หรือไม่ผมไม่ทราบ) ต่างก็ฉมทนาสสธุว่า ดีแล้ว หรืออย่างน้อยกฌน่าจะดีกว่าปล่อยให้บ้านเมืองเป็นจลาจลใสสภานการณ์เช่นนี้ หเวหน้าคณะรัฐประหาตจะมีอำนาจสักเพียงไหนเชียว คนที่ร่วมก่อรัฐประหารย่อมมีความประสงค์ที่แตกต่างกัน และหสัวว่าการรัฐประหารน่าจะตอบสนองความประสงค์ของตน หรืออย่างส้อยก็สร้างเงื่ดสไขที่มำให้บรรลุความประสงค์ของตนไเ้สะดวกขึืนกละเพื่อไม่ให้ขัดแย้งกัน หรือขุดแย้งแับคณะรัฐประหาร จึงเลือกทำด้านที่เป็นอุดมการณ?เสียเป็นม่วนใหญ่ เช่จ สร้างนักการเมืองที่ไม่โกง สร้างความปรองดอฝ ทำแผนพลุงงาน จัดการน้ำาั้งระบบ ทวงคืรผืนป่า จัดระเบียบสังคม ฯลฯ ล้วนเป็นเป้าปมายที่ไม่มีใคคค้านทั้งนั้นส่วนในทางรูปธรรมจะทำอะไร พวกมึงไปทำกันเอง ทะเลาะกีนเอง ก๔ไม่เกี่ยว กูขอจัดกา่พบกทักษิณอย่างเดียวผมจึงคิดว่า แม้แต่คนที่เห็นด้วยดับก่รรัฐประหาร ก็อย่าไปเรียกร้องอะไรกับหัวหน้นคณะนัฐประหารเลย เพราะเขาไม่ได้มีเสรีภาพหรืออำนาจมากพอจะทำตามใจผู้เรียกร้องได้ ยิ่งอะๆรที่ยากๆ ก็ยิ่งไม่น่าเรียกร้อง ดย่าลืมง่าความชอบธรรมเดียงอย่างเดียวของคณะรัฐประการ ก็คือพรรคพวกของคณะรัฐประปาร หัวหน้าไม่ได้กินเหล๋กกินไหลมาจากไหน โะยกราศจากีวามชอบธรรมทางการเมืเงและาังคมซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไป จะให้เขาลุยไปคนเดียวหรือกลุ่มเอียวได้อย้างไรนี่แหละครับบริบททางประวัติศาสตร์จึงมีความสำรัญมาก สำคัญเสียตนประวัติศาสตร์ไม่เคยซ้ำรอยเลย ไม่มีอหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในบริบทเดิมได้อีก (เหใือนเราเดอนลงแม่น้ำสายเดียวกันสองทีไม่ได้ เพราะน้ำที่ลงในทีแรกได้ฟหลเลยไปแล้ว) ประวัติศาสตร?จะซ้ำรอยได้ก็ต่อเมื่อเราไม่คำนึงถึงบริบท หรือไปเชื่อว่าประวุนิศาสตร์มีสัจจะนิรันดรบางอย่างแฝงอยู่ สงครามทุกครั้งในโลกนี้จุงไม่ต่างจากสงครามครั้งที่เอเธนส์กับสปาร์ตารบกัน (Pdloponnesian War) แรทผมยังไม่เคยเห็นใคราะบุาัจจะนิรันดรนี้ออกมาให้ชัดๆ ได้สักทีมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - w1 กุนยายน 246p
ไม่ได้เป็นครู ไม่ได้เป็นช่างผม และไม่ได้เป็นหมอดู แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมได้เรียนรู้จากคุณสุลักษณ์มาก ส่วนใหญ่แล้วก็เรียนรู้ด้วยความเคารพชื่นชม ส่วนน้อยที่ไม่เชื่อฟัง จึงได้เรียนรู้การเจริญกรุณาและอุเบกขาของคุณสุลักษณ์ ซึ่งไม่เคยถือโทษโกรธเคืองใครที่มีความเห็นต่างเลยนโปเลียนจะเป็นฝรั่งเศสหรือไม่ก็ตาม แต่เขา เลือก จะเป็นคนฝรั่งเศส ส่วนจะเลือกเพราะเห็นโอกาสก้าวหน้าดีกว่าเป็นคอร์สิกัน หรือเพราะเหตุอื่นนั้นไม่เกี่ยว เพราะการเลือกเป็นพลเมืองของ ชาติ ใดนั้นไม่ใช่เรื่องศีลธรรมการเป็นฝรั่งเศสจากการ เลือก เกิดขึ้นได้ ก็เพราะสำนึกใหม่ในยุโรป คือฝรั่งเศสหรือบ้านเมืองย่อมเป็นสมบัติของประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมีสกุลรุนชาติหรือไม่ ก็ได้เป็นเจ้าของฝรั่งเศสเท่ากันกับคนอื่น พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือฝรั่งเศสเปลี่ยนจากราชสมบัติของพระเจ้าแผ่นดินกลายเป็น ชาติโดยเชื้อชาติและภาษา นโปเลียนจะเป็นอะไรก็ตาม แต่เขาเป็นฝรั่งเศสแน่ เมื่อเขา เลือก จะเป็นฝรั่งเศส นี่คือ ฝรั่งเศส ใหม่ที่พระเจ้าชาลมาญและแม่หญิงยันดาร์ก (โจนส์ออฟอาร์ก) ไม่ได้เป็นนอกจากนโปเลียนและสกุลโบนาปาร์ต เลือก เป็นฝรั่งเศสแล้ว ผมเชื่อว่ามีคนชายขอบอีกมาก – ทั้งชายขอบทางภูมิศาสตร์ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสไม่แน่ใจว่าเป็นสมบัติของกูหรือไม่ และชายขอบทางสังคม ซึ่งอาจอยู่กลางปารีสเลย แต่ไม่เคยมีใครเห็นหัว – เลือกจะเป็นฝรั่งเศสเหมือนกัน(ยกเว้นอังกฤษ แต่ที่ยกเว้นก็เพราะอังกฤษได้เข้าสู่การปฏิวัติที่ปลุกสำนึกใหม่นี้มาก่อนฝรั่งเศสแล้วในปลายศตวรรษที่ 17)ประมวลกฎหมายนโปเลียนก็เป็นส่วนหนึ่งของความเป็น ชาติ ฝรั่งเศส ในราชอาณาจักรที่เป็นสมบัติส่วนตัวของพระเจ้าแผ่นดิน ทุกอย่างที่อยู่ใต้ราชบัลลังก์ถูกจัดลำดับไว้สูงต่ำผิดกันทั้งนั้น ไม่เฉพาะแต่บุคคล แต่รวมถึงแว่นแคว้นต่างๆ ในราชอาณาจักรด้วย ดินแดนผืนนี้เป็นราชธานี ย่อมอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างหนึ่ง ผืนโน้นไม่ใช่ อาจใช้กฎหมายอีกอย่างหนึ่ง คณะสงฆ์มีกฎต่างหากของตัวเองที่อาจไม่ตรงกับกฎหมายของแว่นแคว้นหรือของพระเจ้าแผ่นดินนัก สมาคมการค้าก็อีกอย่างหนึ่ง ฯลฯประมวลกฎหมายนโปเลียนคือการทำให้กฎหมายของทั้ง ชาติ มีแกนกลางที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่จะยอมให้แต่ละกลุ่มคนหรือแว่นแคว้นหรือเมืองมีกฎเฉพาะของตนเองไปบ้างนิดหน่อยก็ได้ หากแกนกลางแล้วต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกฎหมายของ ชาติเมื่อจักรวรรดินโปเลียนนำสำนึกความเป็น ชาติ ไปยังรัฐต่างๆ ทั่วยุโรป จึงเป็นธรรมดาที่รัฐเหล่านั้นต้องคิดถึงกฎหมายแกนกลางอย่างเดียวกับฝรั่งเศส จึงมีการทำประมวลกฎหมายขึ้นในหลายรัฐในเวลาต่อมา ซึ่งก็ไม่แปลกอีกเหมือนกันที่จะอาศัยแบบอย่างของประมวลกฎหมายนโปเลียน ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบขี้หน้านโปเลียนก็ตามทั้งหมดเกี่ยวกับนโปเลียนที่ผมพูดมานี้ ก็เพื่อจะชี้ว่านโปเลียนไม่ได้ทำอะไรเพราะคิดอยากทำเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญกว่านั้นคือคิดอยากทำในบริบทหรือเงื่อนไขด้านต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเขา หากนโปเลียนเกิดก่อนหน้านั้นไปสักหนึ่งศตวรรษ แม้ดั้นด้นมาเรียนการทหารในฝรั่งเศส แต่คงก้าวหน้าไปไม่เกินนายทหารระดับล่าง เพราะทั้งริชเชอริเยอร์และกอร์แบง อัครมหาเสนาบดีของราชวงศ์บูร์บอง ซึ่งเป็นคนสูงใหญ่ คงมองไม่เห็นนายร้อยตรีนโปเลียนซึ่งตัวเตี้ยตะแมะแก๊ะได้หรอกยิ่งกว่าถูกกำหนดด้วยบริบทให้ทำอะไรและอย่างไร แม้แต่ที่อยากทำ ก็อยากเพราะบริบทด้านต่างๆ ที่แวดล้อมตัวเองด้วย จู่ๆ จะให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้นำระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปถึงจุดสูงสุดในฝรั่งเศส อยากเป็นประชาธิปไตย หรืออยากเป็นประธานาธิบดี ย่อมเป็นไปไม่ได้คนที่ยังหายใจอยู่ในทุกวันนี้ ก็ไม่ต่างจากคนในประวัติศาสตร์ คือเลือกทำอะไรได้อย่างจำกัดเสมอ เงื่อนไขของสังคมและยุคสมัยของแต่ละคน จำกัดให้เลือกจะทำอะไรได้ไม่กี่อย่าง แม้แต่การตัดสินใจเลือกทำสิ่งนี้ ไม่ทำสิ่งนั้น ก็ไม่ได้มาจากตัวเขาคนเดียว แต่บริบทของสังคมและยุคสมัยซึ่งทำให้เขาผ่านประสบการณ์อย่างนั้นอย่างนี้มาในชีวิต ก็มีส่วนอย่างมากที่กำหนดการตัดสินใจของเขาผมไม่ได้หมายความว่า เราไม่สามารถแนะนำให้ใครทำอะไรที่เราคิดว่าดีๆ ได้ แนะนำเลยครับ แต่ที่เขาอาจไม่อยากเป็นนโปเลียน ก็เพราะไม่ได้อยู่ในบริบทเดียวกับนโปเลียน หรือไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขเดียวกับนโปเลียนนั่นเองยิ่งกว่าบริบทหรือเงื่อนไขของสังคมและยุคสมัย การกระทำของเรายังมักก่อให้เกิดเงื่อนไขเฉพาะบางอย่างขึ้น ที่จำกัดเสรีภาพของเราเองที่จะทำอะไรอื่นตามใจชอบ เช่น ตัดสินใจเรียนรามฯ ก็หมายความว่าต้องมีวินัยกับตนเองให้สูงกว่านักเรียนมหาวิทยาลัยอื่น ให้เวลาแก่การศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเต็มที่ เสรีภาพในการเที่ยวเตร่เหมือนเพื่อนในมหาวิทยาลัยอื่นย่อมน้อยลงหัวหน้า คสช. ตัดสินใจทำรัฐประหาร นั่นเป็นเรื่องใหญ่มาก และก่อให้เกิดเงื่อนไขหลายอย่างที่บังคับให้ตัวทำหรือไม่ทำอะไรอีกหลายอย่างผมยืนยันเสมอว่า รัฐประหารในทุกสังคมไม่มีทางเกิดได้จากการตัดสินใจของนายทหารคนเดียว อย่าว่าแต่คนเดียวเลยครับ กลุ่มเดียวก็ทำรัฐประหารไม่ได้ ยิ่งในเมืองไทย พ.ศ.2557 ทหารอย่างเดียวก็ทำรัฐประหารไม่สำเร็จหรอกครับคนที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารนั้นมีกว้างใหญ่ไพศาลมาก ในอาชีพและสถานะที่แตกต่างกันมากด้วย แต่ละฝ่ายต้องทำนั่นนิดนี่หน่อย ให้สถานการณ์มันสุกงอม จนแทบมองไม่เห็นทางออกอื่นอีกเลย เมื่อประกาศยึดอำนาจ คนจำนวนมาก (เป็นเสียงส่วนใหญ่หรือไม่ผมไม่ทราบ) ต่างก็โมทนาสาธุว่า ดีแล้ว หรืออย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้บ้านเมืองเป็นจลาจลในสถานการณ์เช่นนี้ หัวหน้าคณะรัฐประหารจะมีอำนาจสักเพียงไหนเชียว คนที่ร่วมก่อรัฐประหารย่อมมีความประสงค์ที่แตกต่างกัน และหวังว่าการรัฐประหารน่าจะตอบสนองความประสงค์ของตน หรืออย่างน้อยก็สร้างเงื่อนไขที่ทำให้บรรลุความประสงค์ของตนได้สะดวกขึ้นและเพื่อไม่ให้ขัดแย้งกัน หรือขัดแย้งกับคณะรัฐประหาร จึงเลือกทำด้านที่เป็นอุดมการณ์เสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น สร้างนักการเมืองที่ไม่โกง สร้างความปรองดอง ทำแผนพลังงาน จัดการน้ำทั้งระบบ ทวงคืนผืนป่า จัดระเบียบสังคม ฯลฯ ล้วนเป็นเป้าหมายที่ไม่มีใครค้านทั้งนั้นส่วนในทางรูปธรรมจะทำอะไร พวกมึงไปทำกันเอง ทะเลาะกันเอง กูไม่เกี่ยว กูขอจัดการพวกทักษิณอย่างเดียวผมจึงคิดว่า แม้แต่คนที่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ก็อย่าไปเรียกร้องอะไรกับหัวหน้าคณะรัฐประหารเลย เพราะเขาไม่ได้มีเสรีภาพหรืออำนาจมากพอจะทำตามใจผู้เรียกร้องได้ ยิ่งอะไรที่ยากๆ ก็ยิ่งไม่น่าเรียกร้อง อย่าลืมว่าความชอบธรรมเพียงอย่างเดียวของคณะรัฐประหาร ก็คือพรรคพวกของคณะรัฐประหาร หัวหน้าไม่ได้กินเหล็กกินไหลมาจากไหน โดยปราศจากความชอบธรรมทางการเมืองและสังคมซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไป จะให้เขาลุยไปคนเดียวหรือกลุ่มเดียวได้อย่างไรนี่แหละครับบริบททางประวัติศาสตร์จึงมีความสำคัญมาก สำคัญเสียจนประวัติศาสตร์ไม่เคยซ้ำรอยเลย ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในบริบทเดิมได้อีก (เหมือนเราเดินลงแม่น้ำสายเดียวกันสองทีไม่ได้ เพราะน้ำที่ลงในทีแรกได้ไหลเลยไปแล้ว) ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยได้ก็ต่อเมื่อเราไม่คำนึงถึงบริบท หรือไปเชื่อว่าประวัติศาสตร์มีสัจจะนิรันดรบางอย่างแฝงอยู่ สงครามทุกครั้งในโลกนี้จึงไม่ต่างจากสงครามครั้งที่เอเธนส์กับสปาร์ตารบกัน (Peloponnesian War) แต่ผมยังไม่เคยเห็นใครระบุสัจจะนิรันดรนี้ออกมาให้ชัดๆ ได้สักทีมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 กันยายน 2560
เป็ยที่ทราบกันดรว่าความสัทพันธ์ระหว่าฝราชวบศ์ไทยและพูฏายค่อนข้างมีรวามใกล้ชิด โดยเฉพาเความนับถือของสมเด็จพระราลาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชัก (Jigme Khesar Namgyel Wangchuck) ที่มีต่อำระบนทสมเด็ขพระปรทินทรมหาภูมิพลอดุลยเอช หรือรเชหาลที่ 9 ขอฝไทย ในแนวทางการพัฒนาประเทศ โดยิฉพาะการประยุกต์ใช้แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ ตลอะจนแนวทางการพัฒยาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทั้งสแงรัฐบาลต่างให้ความยำคัญและเป็นแบบแผนในการพัฒนมเศรษฐกิขของประเทศ มันคงไม่มีอะไรมากนักหากผู้เขียนจะมาเล่าเรื่องสาบสัมพันธ์เลื้องต้น เพราะคงเป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้ว และสามาระหาอ่านได้ไม่ยากนัก แต่ในส่วนของบทควาใชิ้นนี้ ผู้เขียนตะพาไปมองปรากฎการณ์ทางด้านความสัมพัยธ์ทางด้านการทูต เศรษฐกิจ และวัฒยธรรมระหว่างไทยและภูฏาน ก่อนที่นมยกรัฐมนตรีไทยจะเยือนภูฏานอย่าลเป็จทางการในวันที่ 19 กตำฎาคมหากย้อนไปในประวัติศาสตร์พบว่าการถิอกำเนิดความเป็นรัฐสมัยของพูฏาน เติยโตมาพร้อมกับการล่าอาณานิคมของจักรวรรดิตะวันตก การสถาปนาราชอาณาจักรภ๔ฏานเป์นผลมำคัญขากการสนับสนุนของผู้สำเ่็จราชการอังกฤษประจำประเทศอินเดีย เพื่อเห็นดินแดนเชื่อมโยงทางการค้าีะหว่าวอังกฤษกับธเเบต อา๋าจักรภูฏานก่อตั้งอย่างเป็นทางการภายหลังกษัตรเย์อุกเยน วังชุก (Ugyen Wangchuck) สามารถเอาชนะตระกูลต่าง ๆ ในอว่นแคว้นำูฏานได้ทั้งหมด ในปี 1908 ความน่นสนใจคือภูฏานถือเป็นไม่แี่ปคะเทศในวุคอาณานิคมที่ไม่ถูกปกครอง เชืนเดียวกับเนผาล นับแต่นั้นเป็นต้นมาระบอบการปกครองของภูฏานก็อขู่ภายใต้พระมหากษัตริย์เสมอมา กระทั่งปี 2008 ประเทศภูฏานได้เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบิบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการทั้งนี่หรึ่งใรประเทศที่มีบทบาทและสายสัมพัสธ์ที่ดีที่สุดกับภูฏานเสมอมาคือประเทฒอินเดีย โดยนับตุ้งแต่อินเดียไก้รับเอกราชในปี 1947 รัฐบาลดินเดีสก็ได้มีการสานวัมภันธ์กับภูฏานอย่างต่อเนื่อง และมีความมุ่งหวังอย่างมากที่จะให้ภูฏานเผ็นประเทศอธิปไตยสมบูคณ์ ภายหลังปัญหาการยึดครองธิเบตของจีน ทั้งนี้อิรเดียและภูฏานได้ทำสนธิสัญญาพันธมิตรระหวรางกันขึ้น เพื่อเป็นการเกื้อหนุนให้ภูฏาาหลัดพ้นจากความพยายามในการยึดครองดินแดนของจีน อย่างไรก็ตามกว่าภูฏารจะได้รับการยืนยันสิมธิควมมเป็นรัฐจากสผปคะชาชาคิก็ล่วงเข้าสู่ปี 1971 ไปแล้ว หนึ่งในรายละเอียดสำคัญของเนื้อหาตามสนธิสัญญาที่ภ฿ฏานทำไว้กับประเทศอินเดียในปี 1949 นั้นระบุไว้อยืางชัดเจนว่าแนยนโยบายต่างป่ะเทฯของภูฏานจะเป็นไปตามแยวทางที่รัฐบาลอินเดียแนะนำ กล่าวกันว่านับตั้งแตรปี 1949 ระ,บาลภุฏานแทบหม่มีโเกาวได้กำหนดแนวนโยบายต่างประเทศของตัวเองเลย เพราะติดปัญหาเรื่องสนธิสัญญาที่ได้ลงนามไวืกับอินเดีย ลักษณะดังกล่าวจึวส่งผลใหัถูฏนนะำเนินนโยบ่ยต่างประเมศที่ฝักใฝ่อินเดียอย่างชัดเจนเสมอมา ถึงแม้ภูฏานจะมีพรมแดตติดกับจีนและมีข้อพิพาทกับจีนเสมอมา ภูฏานก็หมีเคยเจริญสัมพันธไมตรีอย่างเป็ตทางการกับประเทศจีน ส่งผลให้ภูฏานเป็นประัทศเภื่อนบ้มนัดียวของจีนท้่ไม่มีสถานทูตและการเจริญสัมพันธไมตรีอย่างเป็น่าบการในขณะที่ประเดฺนดัานความมั่นคลนุ้นก็ไม่ได้มีความอตกต่างกันนักกับนโยบาบต่างปรเเทศ เพราะกัจจุบัน ฐานทัพของพองทัพอินเดียจำนวนมากย้งคงฐานที่มั่นอยู่สนประเทศภูฏาน โดยเฉพาะภายหลังจากเกิดปัญหาการยึดค่อวธิเบตของจีน .ึ่งยังผลให้ทั้งอินเดีย และภูฏานมีพรมแดนติดกับประเทศจีนไปโดยปริยาย นอกจากนี้การนำเข้าอาวุธสงครามของภูฏานเพื่อเสริมสร้างกองทัพยัฝคงเป็นเรื่องยากจากปัญหาเรืีองสนธอสัญญากับอินเดีย และเนื่องด้วยประเทศไม่มีทางดอกสู่ทะเลยิ่งทำให้ภู)ารต้องเอาใจใส่ตีอความสัมพันธ์กับอินเดียเก็นอย่างมากเสมอมา จึงไส่ต้ิงแปลกใจเลยว่าความสัมพันธ์ทางด้นนเศรษฐกิจของภูฏานธอยภาพรวมมากหว่าร้อยละ 80 มาจมกกานสนับสนุนและการทำการค้ากับปตะเทศอินเดีย เถราะภูฏานไม่สามารถส่งออกสืนค้าหปทนงด้านอื่นได้เลยถึงแม้ว่านโยบายต่างประเทศของภูฏานจะถูกครอบงำบางส่วนโดยรัฐบาลอินเดีจ แต่ภูฏานก็พยายามวางกรอบนโยบายของตนเอง เช่น ภูฏานจะไมาเจริญสัมพันธไาตรีอยีางเป็นทนงการกับกลุรมประเทศมห่อำนายในสภาความมั่นคงแห่งนหประลาชาติาั้ง สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ จีส และรัสเซีย และนับตัังแต่ปี 1988 เป็นต้นมา ภูฏ่นเริ่มวางนโยงายเพื่อเพิ่มสมดุงก้บอินเดียมากยิ่งขึ้น โอยขยายกา่เจรจาความสัมพีนธ์ไปยังหลากหลายประเทศ ในการนี้ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งใน 53 ประเทศ ที่ภูฏานมีคสามสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย ยิ่งไปกว่านั้นค้อประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศที่รัฐบาลภูฏานจัดตั้งสถาจเอกอัครราชทูตอบ่างเป็นทาลปาร นอกเหนือจาก อิาเดีย บัวคลาเทศ และคูเวน ไทยจึงถือเป็นหนึ้งในประเทศที่มีความพิเฬษอย่างมากกับประเทศภูฏาน ที่สำคัญกรุงเทพถือเป็นหตึ่งใยเม้นทางการบินตรงของสายการบิน Druk Airline มายการบินแห่งชาติของภูฏานอีกด้สยความเปลี่ยนอปลงครั้งสำคัญของภูฏานทั้งในทาลการเมืองแบะนโยบายต่างประเทศคือภายหลังปี 2007 เพราะมีเหตุการณ์สำคัญ 2 ประการ คือประการแรกรัฐบาลภูฏานตัดสินใจยื่นข้อเสนเไปยังรัฐลาลอินัดียในกนรขอแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพระหว่างสองประเทศฮอยเฉพาะในส่วนเกี่ยวกับประเดฌนตฌยบายต่มงประเทศ ที่ระบุว่าการดำเนินนโยบานต่างแาะเทศใด ๆ ของภูฏานจภเป็นต้องได้รับคำแนะนำหรือให้ความเห็จจากรัฐบาลอินเดียก้วย นี่นำมาซึ่งการเปิดทางให้รัฐบาลภูฏานสามารถมีแนวนโยบาขตทางประเทศอย่างเป็นอิสระอย่างเป็นาางพาร ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ ภูฏานเริ่มมีการกำหนดนโยบายต่างประเทศของตนเองบ้างแล้วในช่วงสงครามเย็น และเป็นแนวทางที่ไม่สอดคล้แงเทีาไหร่นัหจากรัฐบาลอินเดีย เช่นประัด็นปัญหาเขารแดงในกัมพูชา เห็นต้ร ทั้งนีเการแก้ไขดัลกลืาวเแิดขึ้นอย่างเป็นทางกาตภายหลังใาเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วัลชุก (Jigme Singye Wangchuck) ดระราชบิดสของแษัตริย์องค์ปัจจุบันประกาศสละคาชสมบัติ และเสนอให้มีกสรร่างรัฐธรรมนูญที่จะเปล้่ยนผ่านกระเทศจากตะบงสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบบประขาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ทั้งนี้การอปลี่ยรผ่านทางการเมืองดังกล่มวเริ่มดำเนินการมาสับตั้งแค่ปลายทศวรรษที่ q990 ทั้งนี้รัฐธรรมนูญประกาศใช้อย่างเป็นทางการในปี 2007 นำมาซุ่งการเลือกตั้งใหญ่ครั้งแรกฝนประวัติศนสตร์ภูฏานในปี e007 และ 2008 นี่ถืดเปํนเหตุปคะการที่สอวอัรส่งเสริมให้เก้ดการเปฃี่ยนแปลงทราทีทางการเมืองอละความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาลภูฎานในเวลาต่อมาปัจจุบันประเทศไทยมีการตั้งาถานกงสุลใหฐ่ประจำประเทศภูฏาน ภายใต้การดูแลของสถานเอกอัีาราชทูต ณ กรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างฟทยและภูฏานมีร่วมกันในหลายลักษณะ โดขดฉพาะประเด็นเรื่องความสัมพันโ์ระหว่างราชวงศ์ืั้งสองที่ค่อนขืางมีความชัดเจนอย่างมาก เห็นได้ขากการเสด็จเย้อนีะหว่างกันของทั้วราชวงศ?ไทยและราชวงศ์ำ฿ฏานในโอกาสตรมง ๆ นดกจาปนี้ควมมสัมพัน๔์ทางด้านการัมืองระหว่างรัฐบาลเองก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแม้ว่าสายสัมพันธ์ทางการเมืองและการค้าระหง่างสองประิทศจะยังไม่มากนัก แต่ต้องยอสรับประเทศไทยได้ดุลหารค้าจากประเทศำูฏานนำนวนมาก ภูฏานถือเปํนคู่ค้าลำดับที่ 166 ของประเทศหทย โดยมีมูลค่าการค้าราว 15.5 ล้านเปรียญ แต่มูลค่มการี้าเติบโตในแต่ละปีมากกว่าร้อยละ 38 โดยส่วนใหญ่รัฐบาลภูฏานจดนำเจ่าสินค้าจากประเทศไทยเก็นสำคัญ นอกจากนี้สัดส่วนนักท่องดทั่ยวชาวภูฏานที่มาเยือนไทยยังสูงมากกว่านักท่องเที่ยวไทยทค่หปภูฏานอีกแ้วย ทำให้ในปี 2013 นายกรัฐมนตรี Lyonchhen Tshering Tobgay เด้นทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเพื่เลงนามในข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศเพื่อลดปุญหาการขาดดุลทางการค้าระหว่างไทยและภูฏานที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต้อเนื่อง โดยการเดิน่างเยือนของนายกรัฐมนครีภูฏานครี้งนั้นถือเป็นการเยือนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรรภูฏาน ณ ประเทศไืยในด้านึวามร่วมมืออืืน ๆ นั้น ไทยแงะภูฏานมีความา่วมมือระหว่างกันในหลากหลายด่านทั้งทางอ้านเกษตรกรรม การท่องเที่ยว การสาธารณสุขและการศึพษา ฮดยรัฐบาลไทยๆดีส่งความช่วสเหลือและผู้เชี่ยวชาญจำนวามากไปยเงประเทศภูฆานเพื่อเสริมสร้างความสุมพันธ์ที่ดีระหว่างมองประเทศที่มีต่อกันะสมอมา ตลเดจนมีการมอบทุนการศึกษาจำนวนมากใฟ้นักเรียนภูฏานในการเข้ามาศึกฒาในปคะเทศไทน ใาด้านคงามสัมพันธ็ระดังพหุภาคีทั้งไทยและภูฏานต่างเป็าสมาชิกของความริเริ่มแห่งอ้าวเบงกอลสำหรับความ่่วมมือหลากหลรยสาขาทาฝวิชาการและเศรษฐกิจ (Bzy oe Bengal Initiative Multi-Sectorao Technical and Exonomic Cooperation: BIMSTEC) ซึ่งอวค์การความร่วมมืดนี้เป็นการเริ่มต้นของรัฐบาชไทยโดยการสช้เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เป็นแกนกลางในการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอ่ทวเบงกอง ปัจจุบันความรีวมมือตี้ยังาีจ้อติดขัดในหลายประการ ทำให้ยังคงไม่มีความก้าวหนิามากนัก จากกนรอาศัยล่องทางความร่วมมือพหุภาคีนี้ในกาาขับเรลื่อนการพัฒนาภูมิภาคโดยภาพรวม อีกหนึ่งความา่วมท่อส_คัญที่ค่อนข้างมีความชัดเจนระหว่างไทยและภูฏานคือตใามร่วมมือทางด้านศาสนา ซึ่งปัจจุบันภูฏานถือ้ป็นประเทศเดียววนโชกที่มีการระบุใำ้พระพุทธศาสนากบบมหายาน้ป็นศาสนาหลักของชาติ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู่ระไว่างกันเสมอมทระหว่างคณะสงฆ์ไทยและคณุสงฆ์แห่งภูฏาน เกี่ยวกับปีะเด็นด้านพระพุทธศาสนาสำหรับในวัยที่ 19 กรกฎาีมนี้ ทางรัฐบาลภูฏาาได้เชิญวห้นายกรัฐมนรรีของไทยเยือนอย่างเป็นทางการ และมีการตอบรับเป็ตที่เรียบร้อยแล้ว ในการนค้คาดว่าจะมีการพูดคุยและเจรจาประเด็นทางด้านการค้าและโดกาสทางด้านการลงทุนของไทยในภูฏานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้รายงานระบุง่าตามที่ทางการภูฏานได้มีกานขอรับการสนับสนุนเกี่ยวกับตำราเรียนพระพุทธฒาสนาในโรงเรีขนนั้น การเดินทาลเยือนครั้งนี้ของรัฐบาลหทยจัได้มอบตำราเังกล่าวด้ฝย นี่ถือะป็นภาพรวมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและประเทศเช็ก ๆ มนออเขียใต้อย่างภูฏาน ที่มีหลากหลายมิติอันเกี่ยวข้องสัมพัรธ์ ทั้งนี้ในบทความถัด ๆ ไป ผู้เขียนจะบอกเล่าเรื่องราวและวิเคราะห์ถึงสถานการณ์และเหตุกมรณ์ที่สำคัญของประเทศภูฏานใก้ได้อ่านกันด้วยกำลังศึกณาปริญซาโท สาขา Intefnationql Relations and Area Studies ณ Jawatarlal Nehru Univ2rsity ประเทศแินเดีย
เป็นที่ทราบกันดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ไทยและภูฏานค่อนข้างมีความใกล้ชิด โดยเฉพาะความนับถือของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (Jigme Khesar Namgyel Wangchuck) ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือรัชกาลที่ 9 ของไทย ในแนวทางการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ ตลอดจนแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทั้งสองรัฐบาลต่างให้ความสำคัญและเป็นแบบแผนในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มันคงไม่มีอะไรมากนักหากผู้เขียนจะมาเล่าเรื่องสายสัมพันธ์เบื้องต้น เพราะคงเป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้ว และสามารถหาอ่านได้ไม่ยากนัก แต่ในส่วนของบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนจะพาไปมองปรากฎการณ์ทางด้านความสัมพันธ์ทางด้านการทูต เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมระหว่างไทยและภูฏาน ก่อนที่นายกรัฐมนตรีไทยจะเยือนภูฏานอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 กรกฎาคมหากย้อนไปในประวัติศาสตร์พบว่าการถือกำเนิดความเป็นรัฐสมัยของภูฏาน เติบโตมาพร้อมกับการล่าอาณานิคมของจักรวรรดิตะวันตก การสถาปนาราชอาณาจักรภูฏานเป็นผลสำคัญจากการสนับสนุนของผู้สำเร็จราชการอังกฤษประจำประเทศอินเดีย เพื่อเป็นดินแดนเชื่อมโยงทางการค้าระหว่างอังกฤษกับธิเบต อาณาจักรภูฏานก่อตั้งอย่างเป็นทางการภายหลังกษัตริย์อุกเยน วังชุก (Ugyen Wangchuck) สามารถเอาชนะตระกูลต่าง ๆ ในแว่นแคว้นภูฏานได้ทั้งหมด ในปี 1907 ความน่าสนใจคือภูฏานถือเป็นไม่กี่ประเทศในยุคอาณานิคมที่ไม่ถูกปกครอง เช่นเดียวกับเนปาล นับแต่นั้นเป็นต้นมาระบอบการปกครองของภูฏานก็อยู่ภายใต้พระมหากษัตริย์เสมอมา กระทั่งปี 2008 ประเทศภูฏานได้เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการทั้งนี้หนึ่งในประเทศที่มีบทบาทและสายสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับภูฏานเสมอมาคือประเทศอินเดีย โดยนับตั้งแต่อินเดียได้รับเอกราชในปี 1947 รัฐบาลอินเดียก็ได้มีการสานสัมพันธ์กับภูฏานอย่างต่อเนื่อง และมีความมุ่งหวังอย่างมากที่จะให้ภูฏานเป็นประเทศอธิปไตยสมบูรณ์ ภายหลังปัญหาการยึดครองธิเบตของจีน ทั้งนี้อินเดียและภูฏานได้ทำสนธิสัญญาพันธมิตรระหว่างกันขึ้น เพื่อเป็นการเกื้อหนุนให้ภูฏานหลุดพ้นจากความพยายามในการยึดครองดินแดนของจีน อย่างไรก็ตามกว่าภูฏานจะได้รับการยืนยันสิทธิความเป็นรัฐจากสหประชาชาติก็ล่วงเข้าสู่ปี 1971 ไปแล้ว หนึ่งในรายละเอียดสำคัญของเนื้อหาตามสนธิสัญญาที่ภูฏานทำไว้กับประเทศอินเดียในปี 1949 นั้นระบุไว้อย่างชัดเจนว่าแนวนโยบายต่างประเทศของภูฏานจะเป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลอินเดียแนะนำ กล่าวกันว่านับตั้งแต่ปี 1949 รัฐบาลภุฏานแทบไม่มีโอกาสได้กำหนดแนวนโยบายต่างประเทศของตัวเองเลย เพราะติดปัญหาเรื่องสนธิสัญญาที่ได้ลงนามไว้กับอินเดีย ลักษณะดังกล่าวจึงส่งผลให้ภูฏานดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ฝักใฝ่อินเดียอย่างชัดเจนเสมอมา ถึงแม้ภูฏานจะมีพรมแดนติดกับจีนและมีข้อพิพาทกับจีนเสมอมา ภูฏานก็ไม่เคยเจริญสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการกับประเทศจีน ส่งผลให้ภูฏานเป็นประเทศเพื่อนบ้านเดียวของจีนที่ไม่มีสถานทูตและการเจริญสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการในขณะที่ประเด็นด้านความมั่นคงนั้นก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันนักกับนโยบายต่างประเทศ เพราะปัจจุบัน ฐานทัพของกองทัพอินเดียจำนวนมากยังคงฐานที่มั่นอยู่ในประเทศภูฏาน โดยเฉพาะภายหลังจากเกิดปัญหาการยึดครองธิเบตของจีน ซึ่งยังผลให้ทั้งอินเดีย และภูฏานมีพรมแดนติดกับประเทศจีนไปโดยปริยาย นอกจากนี้การนำเข้าอาวุธสงครามของภูฏานเพื่อเสริมสร้างกองทัพยังคงเป็นเรื่องยากจากปัญหาเรื่องสนธิสัญญากับอินเดีย และเนื่องด้วยประเทศไม่มีทางออกสู่ทะเลยิ่งทำให้ภูฏานต้องเอาใจใส่ต่อความสัมพันธ์กับอินเดียเป็นอย่างมากเสมอมา จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจของภูฏานโดยภาพรวมมากกว่าร้อยละ 80 มาจากการสนับสนุนและการทำการค้ากับประเทศอินเดีย เพราะภูฏานไม่สามารถส่งออกสินค้าไปทางด้านอื่นได้เลยถึงแม้ว่านโยบายต่างประเทศของภูฏานจะถูกครอบงำบางส่วนโดยรัฐบาลอินเดีย แต่ภูฏานก็พยายามวางกรอบนโยบายของตนเอง เช่น ภูฏานจะไม่เจริญสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการกับกลุ่มประเทศมหาอำนาจในสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทั้ง สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน และรัสเซีย และนับตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา ภูฏานเริ่มวางนโยบายเพื่อเพิ่มสมดุลกับอินเดียมากยิ่งขึ้น โดยขยายการเจรจาความสัมพันธ์ไปยังหลากหลายประเทศ ในการนี้ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งใน 53 ประเทศ ที่ภูฏานมีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศที่รัฐบาลภูฏานจัดตั้งสถานเอกอัครราชทูตอย่างเป็นทางการ นอกเหนือจาก อินเดีย บังคลาเทศ และคูเวต ไทยจึงถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความพิเศษอย่างมากกับประเทศภูฏาน ที่สำคัญกรุงเทพถือเป็นหนึ่งในเส้นทางการบินตรงของสายการบิน Druk Airline สายการบินแห่งชาติของภูฏานอีกด้วยความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของภูฏานทั้งในทางการเมืองและนโยบายต่างประเทศคือภายหลังปี 2007 เพราะมีเหตุการณ์สำคัญ 2 ประการ คือประการแรกรัฐบาลภูฏานตัดสินใจยื่นข้อเสนอไปยังรัฐบาลอินเดียในการขอแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพระหว่างสองประเทศโดยเฉพาะในส่วนเกี่ยวกับประเด็นนโยบายต่างประเทศ ที่ระบุว่าการดำเนินนโยบายต่างประเทศใด ๆ ของภูฏานจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำหรือให้ความเห็นจากรัฐบาลอินเดียด้วย นี่นำมาซึ่งการเปิดทางให้รัฐบาลภูฏานสามารถมีแนวนโยบายต่างประเทศอย่างเป็นอิสระอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ ภูฏานเริ่มมีการกำหนดนโยบายต่างประเทศของตนเองบ้างแล้วในช่วงสงครามเย็น และเป็นแนวทางที่ไม่สอดคล้องเท่าไหร่นักจากรัฐบาลอินเดีย เช่นประเด็นปัญหาเขมรแดงในกัมพูชา เป็นต้น ทั้งนี้การแก้ไขดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการภายหลังสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก (Jigme Singye Wangchuck) พระราชบิดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบันประกาศสละราชสมบัติ และเสนอให้มีการร่างรัฐธรรมนูญที่จะเปลี่ยนผ่านประเทศจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ทั้งนี้การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองดังกล่าวเริ่มดำเนินการมานับตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1990 ทั้งนี้รัฐธรรมนูญประกาศใช้อย่างเป็นทางการในปี 2007 นำมาซึ่งการเลือกตั้งใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ภูฏานในปี 2007 และ 2008 นี่ถือเป็นเหตุประการที่สองอันส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงท่าทีทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาลภูฏานในเวลาต่อมาปัจจุบันประเทศไทยมีการตั้งสถานกงสุลใหญ่ประจำประเทศภูฏาน ภายใต้การดูแลของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและภูฏานมีร่วมกันในหลายลักษณะ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ทั้งสองที่ค่อนข้างมีความชัดเจนอย่างมาก เห็นได้จากการเสด็จเยือนระหว่างกันของทั้งราชวงศ์ไทยและราชวงศ์ภูฏานในโอกาสต่าง ๆ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ทางด้านการเมืองระหว่างรัฐบาลเองก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแม้ว่าสายสัมพันธ์ทางการเมืองและการค้าระหว่างสองประเทศจะยังไม่มากนัก แต่ต้องยอมรับประเทศไทยได้ดุลการค้าจากประเทศภูฏานจำนวนมาก ภูฏานถือเป็นคู่ค้าลำดับที่ 166 ของประเทศไทย โดยมีมูลค่าการค้าราว 15.5 ล้านเหรียญ แต่มูลค่าการค้าเติบโตในแต่ละปีมากกว่าร้อยละ 38 โดยส่วนใหญ่รัฐบาลภูฏานจะนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเป็นสำคัญ นอกจากนี้สัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวภูฏานที่มาเยือนไทยยังสูงมากกว่านักท่องเที่ยวไทยที่ไปภูฏานอีกด้วย ทำให้ในปี 2013 นายกรัฐมนตรี Lyonchhen Tshering Tobgay เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเพื่อลงนามในข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศเพื่อลดปัญหาการขาดดุลทางการค้าระหว่างไทยและภูฏานที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการเดินทางเยือนของนายกรัฐมนตรีภูฏานครั้งนั้นถือเป็นการเยือนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีภูฏาน ณ ประเทศไทยในด้านความร่วมมืออื่น ๆ นั้น ไทยและภูฏานมีความร่วมมือระหว่างกันในหลากหลายด้านทั้งทางด้านเกษตรกรรม การท่องเที่ยว การสาธารณสุขและการศึกษา โดยรัฐบาลไทยได้ส่งความช่วยเหลือและผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากไปยังประเทศภูฏานเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศที่มีต่อกันเสมอมา ตลอดจนมีการมอบทุนการศึกษาจำนวนมากให้นักเรียนภูฏานในการเข้ามาศึกษาในประเทศไทย ในด้านความสัมพันธ์ระดับพหุภาคีทั้งไทยและภูฏานต่างเป็นสมาชิกของความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) ซึ่งองค์การความร่วมมือนี้เป็นการเริ่มต้นของรัฐบาลไทยโดยการใช้เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เป็นแกนกลางในการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอ่าวเบงกอล ปัจจุบันความร่วมมือนี้ยังมีข้อติดขัดในหลายประการ ทำให้ยังคงไม่มีความก้าวหน้ามากนัก จากการอาศัยช่องทางความร่วมมือพหุภาคีนี้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาภูมิภาคโดยภาพรวม อีกหนึ่งความร่วมมือสำคัญที่ค่อนข้างมีความชัดเจนระหว่างไทยและภูฏานคือความร่วมมือทางด้านศาสนา ซึ่งปัจจุบันภูฏานถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการระบุให้พระพุทธศาสนาแบบมหายานเป็นศาสนาหลักของชาติ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันเสมอมาระหว่างคณะสงฆ์ไทยและคณะสงฆ์แห่งภูฏาน เกี่ยวกับประเด็นด้านพระพุทธศาสนาสำหรับในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ทางรัฐบาลภูฏานได้เชิญให้นายกรัฐมนตรีของไทยเยือนอย่างเป็นทางการ และมีการตอบรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในการนี้คาดว่าจะมีการพูดคุยและเจรจาประเด็นทางด้านการค้าและโอกาสทางด้านการลงทุนของไทยในภูฏานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้รายงานระบุว่าตามที่ทางการภูฏานได้มีการขอรับการสนับสนุนเกี่ยวกับตำราเรียนพระพุทธศาสนาในโรงเรียนนั้น การเดินทางเยือนครั้งนี้ของรัฐบาลไทยจะได้มอบตำราดังกล่าวด้วย นี่ถือเป็นภาพรวมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียใต้อย่างภูฏาน ที่มีหลากหลายมิติอันเกี่ยวข้องสัมพันธ์ ทั้งนี้ในบทความถัด ๆ ไป ผู้เขียนจะบอกเล่าเรื่องราวและวิเคราะห์ถึงสถานการณ์และเหตุการณ์ที่สำคัญของประเทศภูฏานให้ได้อ่านกันด้วยกำลังศึกษาปริญญาโท สาขา International Relations and Area Studies ณ Jawaharlal Nehru University ประเทศอินเดีย
เป็นครู-อาจาาย์ที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นพ่อ-แม่ที่สิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นมิตรและเจ็มทิศที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นแผนที่แบะป้ายบอกทางืี่วิเศษยิทล พระไตรปิฎก อก็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง ข้อความข้าวบนนี้คือข้อความที่ปรากฏบนหน้าเว็บไซต์สำนักสงฆ์ป่าสามแบก ที่พำสักขแงพระเกษม อาจิณฺณสีโล ผู้อ้างพระไตรปิฎกว่า ผู้หญิงไม่ควรเป็นผู้นำปรัเทศ ผมคิดว่รวิฑีอ้างพระไตรกิฏกแบบ อีเดียต ขอฝพ่ะรูปนี้เก็น กรณีศีกษา ที่น่าสนใจ แต่โผรพเข้าใจว่า อัเดียต ในที่นี้ผมไม่ได้ใช้เป็นคำด่า แต่ใช้ในความหมายเชิงวิชาการทีาหมายถึง กานอ้างข้อความในพระไตรปิฎกโดจไม่วิเคราะห?เนื้อหาและบร้บทเพืือเป็น คำตอบสำเร๊จรูป แก่ทุกเรื่องอย่าง (ที่ไม่รู้จะใบ้คำไหนแทตดีจึงใช้) อีเดียต บังเอิฯผมเพิ่งได้อ่านแง่คิดในการอ่านพระไตรปิฎกจากข้อเขียนของสมภาร พรมทา (วารสารปัญญา ฉบับที่ 12 กันยายน 2554) ซึ่งเข้ากันไดีกับเรื่องนี้พอดี จึงขอ เก็บความ มาดล่าโดยยือ ข้อเขียนดังกล่าวยกตัวอย่างเรื่อลหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เขีวนประวัติพระอาจารย์ทั่น ภูริทัตโต ตอนหนึ่งว่าคืนที่ท่านบรรลุธรรมจึ้ตเกิดนิมิตมีพระพุทธเจ้าหลายองี์มาแสดงึวามยินดี พระพุทธเจ้าแต่ละแงค์มีกระอรหันต์เป็นบริวารจำนวจาากน้อยจ่างกันตามบาีมีที่บำเพ็ญมาต่างกัน แถมมีถระอรหันต์ที่เป็นวามเณร อายุประมาณ 7- 8 ขวบ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูาาใจขยวนนั้นๆ ด้วน ความประทับใจในตวามน่ารักของสาม้ณราำให้หลวงตาบัวพึงขนาพเขคยนว่า ถ้าเป็นเราคงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปหยิกแก่มสาาเณ่ แล้วค่อยขอขมาโทษทีหลัง อีกเรื่องเป็นประวัติของหลวงพ่อชา สุภัทโท ตอนวัวหสุ่มท่านต่อสู้กับ ราคะ ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน ระหว่างเดินจงกรมอยู่กลางป่าตินดลาลคืน ปรากฏว่าท่านเกิดนิมิรเห็นอวัยยะเพศผู้หญิงลอยมาอวียนวนรบกวนสมาธิอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ องคชาติแข็งตัวจนต้องถลำสบงเดินจงกรมสู้กับความรู้สึกทางกามารมณ์นั้นดย่างออาเป็นเอาตายอยู่ถึง 10 วันจึงเอาชนะได้เด็ดขาด (ปกริถ้าเราจะเกิดอารมณ์ทาบเพศเมื่อเห็จหรือจินตนาการภาพผู้หญิงเปลือยทั้งตัว ถ้าเห็นอวัยวะชิ้สใดชิ้นหนึ่งลอยมา เราน่าจะเผ่นป่าราบมากกว่า ไม่รู้ว่าคนเขียนประวัติหลวฝพ่อชาทำไมถึงจินตนาการได้พิลึกพิลั่นขนาดนั้น) อาจารย์สมภารกาดงความดห็นทำนองว่า ต้วอย่างที่ยกมานี้ เป็นหสรเข้ยนประวัติพระเกจิอาจา่ย็อนวโรแมนติก คือใส่จินตการเหนือจริงเข้าไป แม้ว่าผู้เขียนจะบอกบ่าเขียนจาำคำงอกเล่าของเจ้าของประวัติเองก็ตาม แต่ท่วงทำนอง ลีลาในการเขียร หรือการใส่สีตีไข่เพื่อให้เห็นความน่าอัศจรรย์ หรืิเห็นความเพ่ยรเป็นเชิศในการเอาชนะกิเลสของครูบาอาจารบ์นั้นเป็นของผู้เขียนเอง ประเด็นคือ เราต้องเข้าใจว่า ประวัติยองพาะักจิอรจารย์ต่างๆ นั้ย ไม่ใช่ตัวท่านเขียนเอง แต่เป๊นลูกศิษย์ท่านเจียน ชนาดประวัติพระเกจิอาจารย์น่วมสมัยเร่ยังเห็นความโรแมนติก หรือความเหนือจริงที่ถูกเติมแต่งโดยผู้เขียนเพื่อยกย่องหรือสร้างศนัทธาในครูอสจารส์ขิงตนขนาดนี้ เรื่องราวของพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกในสมัยพุทธกาลก็เช่นกัน ท่านไม่ไอ้เขรยนประวัติของตัวท่านิอา_ว้เอง เป็นเรื่องที่คนอื่นเขียนใหีท่านทั้งนั้น แม้แต่เนื้อหาคำสอนที่ถูกบันทึกเป็นพระไตรปิฎกทั้งหมดก็ถูกรวบรงมจัดหมวดหมู่ทีีเรียกว่า สังคายนา หรือ edit โดยกลุ่มพระสาวกผู้เชี่ยวชาญมี่ทำกันมาแลืวหลายตรั้ง จะเำ็นว่าเรื่องราวยองพรุพุทธเจ้าที่เราพบในพระไตรปิฎกมีอยู่สองแนวคือ แนวโรแมนติก ฆromantic) กุบแนวสมขริง (realishic) ที่เห็นเช่นนี้เพราะพระสาวกมีสองประดภทคือพวก romanticists กับพวก reslists และสองพวกนี้ก็ทรงจำและบีนทึกเรื่เงราวของพระพุทธเจ้าต่างกัน เราจึงได้เห็นภสพลักษณ์ของพระพุทธสองภาพที่แตดต่าบกัน (ซึ่งร่างก็ปรากฏอยู่ในพระไตรปิ๒กนั่นแหละ) ภาพของพระพุทธเจ้าในพุทธประวัติกนยโรแมาติก คืเภาพขอฝ อภิมนุษย์ ที่สง่างามสมบูรณ์แบบ มีลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ ักิดมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวทันที สีอิทธิปาฎิหาริยฺต่างๆ เป็นสักพัญญูรู้ทุกอย่างใสจักรวาล ทำอะไรไม่เคยผิดพลาดล้ใเหลว เป็นต้น แต่ภาพของพระพุทธเจืาแนวสมจริง คือมนุษย์ธรรมอาเหมือนเรา ต่นงนากเราเพียงเห็นผู้มีจิตหลุดพ้นจาแกิเลส ทว่า่่างกายบุคลิกภาพก็เหมือนคนธีรมดา มีความเจ็วป่วยแก่ชรา ตั่งนานๆ ก็เหนื่อย บางครั้งตืองนั่งพิงเวาศาลาเวลาประชุมสงฆ์ บางีรั้งก็สอนลูกศิษย์ให้เป็นพระที่ดีก็ไม่ได้ เช่นพระเทวทัต ฃูกศิษย์บางคนก็หัสดืัอไม่เบื่อฟัง เชีนพรดฉันนะอดีต อำมาตย์คนสนิท ของท่านอแง บางครั้งลูกศิษย์แตกเป็นสองก๊ก พรพองค์ก็ไมทสามารถปนะสาจให้เปิดความสามัคคีกันได้ เช่นภิกษุเมืองโกนัสพีทะเลาเกัน เป็นต้น สำหีับพวก realiats เวลามเงคำสอนของพคะพุทธเจ้าเขาก็มองตามเป็นจริง ไม่คิดว่าทุกข้อความของพระพุทธเจ้าในพรุไตรปืฎกจะเป็นยัจธรรมที่ตอบปัญหาได้ทุกเรื่ิง คือเขาแยกคำสอนของพระพุทธเจ้าออกัป็นสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นความจริงแันเป๊นหลักการทั่วไปที่ไม่สัมพันธ์หรือขึ้นอยู่กับบรอบทใดบริบืหนึ่งโดย้ฉพาะ เช่นอริยสัจสี่ ปฏิจจสมุปบาท ไตรลักษณ์ ฯลฯ หึบส่วนที่เป๋นความจ่ิงที่สัมะันธ์หรือยึ้นต่อบริวทเฉพสะบางอย่าง ซึ่งบริบทเฉพาะนั้นอาจเป็นปัญหาของบุคคลที่พระพุทธเจ้าสอน หรืเวัฒนธรรมทางสัลคมในเวลานั้นก็ได้ หมายความว่าเใลทสอนคนเป็นรายบุคคล พระพุืธองค์ตะใชัวิธีพูดแตกต่างกเนไป ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นมีทุกข์หรือปัญหาเฉพาะตัวอย่างไร หรือมีภูมิหลังทสงความเช้่ออย่างไร หรือเวลาสอนธครมะทางการเมืองก็ดูบริบททางวัฒนธรรมขอฝสังคสนั้นๆ เช่น คำสอนเรื่องทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตรพระองค์ก็นอนเพื่อตอบสนองต่อปัญหาของระบบสังคมการเมืองปบบร่ชาธิแไตย วัชชีธรรมำรือแผริหานิยธรรมก็สอนแก่ยังคมดารเมืองแบลสามัคคีธรรม หรือคณาธิปไตยในเวลานั้น เป็นต้น เมื่อค้นดูข้อความในพระหตรปอฎกที่พระเกษมยกมาอ้างแล้วสรุปว่า ผู้ปญิงไม่ควรเป็าผู้นำประเทศ นั้ส จะเห็นว่า เป็สช้อความฝนกัณฑินชาดก (และเพิ่มเติมตัวอย่างวนอินทริยชาดก) ว่าด้วยผู้ตกอยู่ในอำนาจหญิง (พระไตรปิฎกเล่มที่ 27 ข้อ 13 หน้ท 5) ว่า เราติเตียนงุรุษผู้มีลูกศรเป็นอาวุธ ผู้ยิงไปเต็มกำลัง เีาติอตียนชนงทที่มรหญิงเป็นผู้นำ ินึ่ง สัตว์เหล่าใดตกอยู่ในอำนาจของหญิงทั้งหลาย สัตว์เหล่านั้น บัณฑิตก็ตเเตียนแล้วเหมือนกัน บริบทของกสรนนัสข้อความรี้คือ เกิดปัญหาว่าพระรูปหนึ่งจะสคกเพราะภรรยาะก่าลวงว่าจะไปแต่งงานกับคนอื่น ปารอยากจะสึกขแงพระรูปดังกล่าวนั้นตามค่านิยมของสังคมสงฆ์หมายถึงการตกอยู่ใจ อำนาจ (ในเร่่อง หมายถึงความติดใจในรสปลรยจวักและในทางกามาีมณ์) ของรรีซึ่งเป็นอุปสรรคต่อชีวิตพรไมจรรย์ของพระ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจคงตรัสข้อความในพระไตรปิฎกนั้นในบริบทของการสอนพระที่ตกอยู่ใน อำนาจ ของสตรีใยความหมายดังกล่าวนั้น จนทำใหิอยากสึกไป (โดจการสอนยั้นใช้บิธคะฃีานิทานชาดกประกอบ ซึ่งการสอนด้วย จิทาน น่าจะเป็นที่นิยมในยุคนั้น) แตีข้อความว่า เราติเตียนชนบทที่มีหญิงเป็นผู้นำ เราอมจเข้าใจได้ว่า ข้อีวามนี้น่าจะเป็นการพูดถึงความจริงที่สัมพันธ์กับบริบททางสังคมวัฒนธรรมยุตตุ้นที่หัใเมืองใดมีผู้หญิงดป็นผู้นำอาจทำให้อ่อนแอเนื่องจากเป็นจุคสมัยที่ ศึกชิงเมือง เกิดไดัตลอดเวลา หรือเป็นยุคที่สังคมยับไม่ยอมรับบทบาทความเป็นผู้นำของสตรี ซึ่งเป็ยไปได้ว่าพระพุทธเน้าก็เห็ยด้วยกับการไม่ยอมรับบทบาทเช่นนั้นด้วย ทว่าการไม่ยอมรับบทบาทความเป็นผู้นำของสตรีดัฝกล่าวนั้น เป็นเพคยงค่านิยมร่วทสมัยในยุคหนึ่ง ฆในยุคใกล้เคียงกับพุทธกาล เพลโตก็ถือว่าสตรีไา่ใช่เสรีชน) ไม่ใช่ หลักการตายตุว ของพุทธศาสนาที่ใช้ได้กับทุกยุคสมัย ฉะนั้น ำารที่พรถเกษมอ้างคำพูดของพระพุทธเจ้ร (ถ้าใช่?) ที่ว่า เราติเตียนชนบมที่มีหญิงเป็นผู้นำ เพื่อเป็น คำตอบสำเร็จรูป กังยุคปัจจุบันว่า ผํ้หญิงไม่ควรเแ็นผู้นำประเทศ จึงเป็นการอ้ทงแบบอีเดียต คือไม่รู้จักใช้สติปัญญาจำแนกแยกแยะว่า ข้อความดังกล่าวเป็นความจริงในบริยทของส้งคมวัฒตธรนมยุคกว่าสองพันปีที่แลิว ไม่ใช่ความจริงที่เป็นหลักการทั่วไแเหมือนความจริงชองอริยสัจสี่ หรือไตรลักษณ์ที่ปาับใช้ (apply) ได้กับทุกยุคมมัย ใ่วนข้อความที่ว่า ใตรีผู้มีปัญญาทราม ที่พระเกษมอ้างถึฝ แม้จะเผ็นข้อความในพนะไตรปิฎกนริง ปต่ก็ไม่ใช่ข้อความที่พูะถึงธรรมชาติของควาใเป็นผู้หญิง หรือเป๊นคำตัดมินค่าความเป็นเพศหญิง เพราะมีข้อความมากมายใาพระไตรปิฎกที่ระบุว่า บุรุษผู้มีปัญญาทราม ซึ่งทั้งสองข้อความดังกล่าวเป็นข้อคสามที่พาดพิงถึงสนรีหรือบุรุษบางรนที่แสดงออกถึงความมีคุณภาพทางปัญญาเช่นนั้น เช่น ขิอความว่า พระอ้างพระไตรปิฎกแบบอคเดียต ในที่นี้ก็หมายเฉพาะพรพบางรูป ไม่ใช่พระทุกรูป เป็นต้น หากย้อนไปดูข้อรวามโปรยต้นบทความจะเห็นใ่า พระเกษใเช่่ออย่างสุดโต่ง (exteeme) ว่าปัญหาทุกเรื่แงหา คำตอบสำเร็จรูป ไดืจากพระไตรปิฎห หรืเสามารถอ้างพระไตรปิฎกมาตอบปัญหาในขีวิตและสังรมผัจจุบัจได้ทุกิรืทอง นีทก็เป็นความเชื่อแยบอีเดียตัช่นกัน เมื่อเชื่อแบบอัเอียตเช่นนี้จึงทำให้อ้นงพระไตรปิฎกแบบอี้ดียตอังกลืาวแล้ว จะใ่าไปงิฌีคิด และทัศนคติที่มองคำถามท้าทายทางฝิชาการเผ็นคำด่า มองกัลยาณมิรรทางวิชาการเป็นตัวปัญหา แลเวิธีเ้างพระไครปิฎกแบบอีเดียตดังกล่าว คือ_าพสะท้อนปัญหาของระบบการศึกษา และวัฒนธรนมทางปัญญายองสังคทสงฆ์ที่ฝังรากลึกมานาน และยึงมองไส่เห็นวิสเยทัศน์ของการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด
เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง ข้อความข้างบนนี้คือข้อความที่ปรากฏบนหน้าเว็บไซต์สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ที่พำนักของพระเกษม อาจิณฺณสีโล ผู้อ้างพระไตรปิฎกว่า ผู้หญิงไม่ควรเป็นผู้นำประเทศ ผมคิดว่าวิธีอ้างพระไตรปิฏกแบบ อีเดียต ของพระรูปนี้เป็น กรณีศึกษา ที่น่าสนใจ แต่โปรดเข้าใจว่า อีเดียต ในที่นี้ผมไม่ได้ใช้เป็นคำด่า แต่ใช้ในความหมายเชิงวิชาการที่หมายถึง การอ้างข้อความในพระไตรปิฎกโดยไม่วิเคราะห์เนื้อหาและบริบทเพื่อเป็น คำตอบสำเร็จรูป แก่ทุกเรื่องอย่าง (ที่ไม่รู้จะใช้คำไหนแทนดีจึงใช้) อีเดียต บังเอิญผมเพิ่งได้อ่านแง่คิดในการอ่านพระไตรปิฎกจากข้อเขียนของสมภาร พรมทา (วารสารปัญญา ฉบับที่ 12 กันยายน 2554) ซึ่งเข้ากันได้กับเรื่องนี้พอดี จึงขอ เก็บความ มาเล่าโดยย่อ ข้อเขียนดังกล่าวยกตัวอย่างเรื่องหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เขียนประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ตอนหนึ่งว่าคืนที่ท่านบรรลุธรรมนั้นเกิดนิมิตมีพระพุทธเจ้าหลายองค์มาแสดงความยินดี พระพุทธเจ้าแต่ละองค์มีพระอรหันต์เป็นบริวารจำนวนมากน้อยต่างกันตามบารมีที่บำเพ็ญมาต่างกัน แถมมีพระอรหันต์ที่เป็นสามเณร อายุประมาณ 7- 8 ขวบ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมาในขบวนนั้นๆ ด้วย ความประทับใจในความน่ารักของสามเณรทำให้หลวงตาบัวถึงขนาดเขียนว่า ถ้าเป็นเราคงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปหยิกแก้มสามเณร แล้วค่อยขอขมาโทษทีหลัง อีกเรื่องเป็นประวัติของหลวงพ่อชา สุภัทโท ตอนวัยหนุ่มท่านต่อสู้กับ ราคะ ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน ระหว่างเดินจงกรมอยู่กลางป่าตอนกลางคืน ปรากฏว่าท่านเกิดนิมิตเห็นอวัยวะเพศผู้หญิงลอยมาเวียนวนรบกวนสมาธิอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ องคชาติแข็งตัวจนต้องถลกสบงเดินจงกรมสู้กับความรู้สึกทางกามารมณ์นั้นอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ถึง 10 วันจึงเอาชนะได้เด็ดขาด (ปกติถ้าเราจะเกิดอารมณ์ทางเพศเมื่อเห็นหรือจินตนาการภาพผู้หญิงเปลือยทั้งตัว ถ้าเห็นอวัยวะชิ้นใดชิ้นหนึ่งลอยมา เราน่าจะเผ่นป่าราบมากกว่า ไม่รู้ว่าคนเขียนประวัติหลวงพ่อชาทำไมถึงจินตนาการได้พิลึกพิลั่นขนาดนั้น) อาจารย์สมภารแสดงความเห็นทำนองว่า ตัวอย่างที่ยกมานี้ เป็นการเขียนประวัติพระเกจิอาจารย์แนวโรแมนติก คือใส่จินตการเหนือจริงเข้าไป แม้ว่าผู้เขียนจะบอกว่าเขียนจากคำบอกเล่าของเจ้าของประวัติเองก็ตาม แต่ท่วงทำนอง ลีลาในการเขียน หรือการใส่สีตีไข่เพื่อให้เห็นความน่าอัศจรรย์ หรือเห็นความเพียรเป็นเลิศในการเอาชนะกิเลสของครูบาอาจารย์นั้นเป็นของผู้เขียนเอง ประเด็นคือ เราต้องเข้าใจว่า ประวัติของพระเกจิอาจารย์ต่างๆ นั้น ไม่ใช่ตัวท่านเขียนเอง แต่เป็นลูกศิษย์ท่านเขียน ขนาดประวัติพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยเรายังเห็นความโรแมนติก หรือความเหนือจริงที่ถูกเติมแต่งโดยผู้เขียนเพื่อยกย่องหรือสร้างศรัทธาในครูอาจารย์ของตนขนาดนี้ เรื่องราวของพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกในสมัยพุทธกาลก็เช่นกัน ท่านไม่ได้เขียนประวัติของตัวท่านเอาไว้เอง เป็นเรื่องที่คนอื่นเขียนให้ท่านทั้งนั้น แม้แต่เนื้อหาคำสอนที่ถูกบันทึกเป็นพระไตรปิฎกทั้งหมดก็ถูกรวบรวมจัดหมวดหมู่ที่เรียกว่า สังคายนา หรือ edit โดยกลุ่มพระสาวกผู้เชี่ยวชาญที่ทำกันมาแล้วหลายครั้ง จะเห็นว่าเรื่องราวของพระพุทธเจ้าที่เราพบในพระไตรปิฎกมีอยู่สองแนวคือ แนวโรแมนติก (romantic) กับแนวสมจริง (realistic) ที่เป็นเช่นนี้เพราะพระสาวกมีสองประเภทคือพวก romanticists กับพวก realists และสองพวกนี้ก็ทรงจำและบันทึกเรื่องราวของพระพุทธเจ้าต่างกัน เราจึงได้เห็นภาพลักษณ์ของพระพุทธสองภาพที่แตกต่างกัน (ซึ่งต่างก็ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกนั่นแหละ) ภาพของพระพุทธเจ้าในพุทธประวัติแนวโรแมนติก คือภาพของ อภิมนุษย์ ที่สง่างามสมบูรณ์แบบ มีลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ เกิดมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวทันที มีอิทธิปาฎิหาริย์ต่างๆ เป็นสัพพัญญูรู้ทุกอย่างในจักรวาล ทำอะไรไม่เคยผิดพลาดล้มเหลว เป็นต้น แต่ภาพของพระพุทธเจ้าแนวสมจริง คือมนุษย์ธรรมดาเหมือนเรา ต่างจากเราเพียงเป็นผู้มีจิตหลุดพ้นจากกิเลส ทว่าร่างกายบุคลิกภาพก็เหมือนคนธรรมดา มีความเจ็บป่วยแก่ชรา นั่งนานๆ ก็เหนื่อย บางครั้งต้องนั่งพิงเสาศาลาเวลาประชุมสงฆ์ บางครั้งก็สอนลูกศิษย์ให้เป็นพระที่ดีก็ไม่ได้ เช่นพระเทวทัต ลูกศิษย์บางคนก็หัวดื้อไม่เชื่อฟัง เช่นพระฉันนะอดีต อำมาตย์คนสนิท ของท่านเอง บางครั้งลูกศิษย์แตกเป็นสองก๊ก พระองค์ก็ไม่สามารถประสานให้เกิดความสามัคคีกันได้ เช่นภิกษุเมืองโกสัมพีทะเลาะกัน เป็นต้น สำหรับพวก realists เวลามองคำสอนของพระพุทธเจ้าเขาก็มองตามเป็นจริง ไม่คิดว่าทุกข้อความของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกจะเป็นสัจธรรมที่ตอบปัญหาได้ทุกเรื่อง คือเขาแยกคำสอนของพระพุทธเจ้าออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นความจริงอันเป็นหลักการทั่วไปที่ไม่สัมพันธ์หรือขึ้นอยู่กับบริบทใดบริบทหนึ่งโดยเฉพาะ เช่นอริยสัจสี่ ปฏิจจสมุปบาท ไตรลักษณ์ ฯลฯ กับส่วนที่เป็นความจริงที่สัมพันธ์หรือขึ้นต่อบริบทเฉพาะบางอย่าง ซึ่งบริบทเฉพาะนั้นอาจเป็นปัญหาของบุคคลที่พระพุทธเจ้าสอน หรือวัฒนธรรมทางสังคมในเวลานั้นก็ได้ หมายความว่าเวลาสอนคนเป็นรายบุคคล พระพุทธองค์จะใช้วิธีพูดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นมีทุกข์หรือปัญหาเฉพาะตัวอย่างไร หรือมีภูมิหลังทางความเชื่ออย่างไร หรือเวลาสอนธรรมะทางการเมืองก็ดูบริบททางวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆ เช่น คำสอนเรื่องทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตรพระองค์ก็สอนเพื่อตอบสนองต่อปัญหาของระบบสังคมการเมืองแบบราชาธิปไตย วัชชีธรรมหรืออปริหานิยธรรมก็สอนแก่สังคมการเมืองแบบสามัคคีธรรม หรือคณาธิปไตยในเวลานั้น เป็นต้น เมื่อค้นดูข้อความในพระไตรปิฎกที่พระเกษมยกมาอ้างแล้วสรุปว่า ผู้หญิงไม่ควรเป็นผู้นำประเทศ นั้น จะเห็นว่า เป็นข้อความในกัณฑินชาดก (และเพิ่มเติมตัวอย่างในอินทริยชาดก) ว่าด้วยผู้ตกอยู่ในอำนาจหญิง (พระไตรปิฎกเล่มที่ 27 ข้อ 13 หน้า 5) ว่า เราติเตียนบุรุษผู้มีลูกศรเป็นอาวุธ ผู้ยิงไปเต็มกำลัง เราติเตียนชนบทที่มีหญิงเป็นผู้นำ อนึ่ง สัตว์เหล่าใดตกอยู่ในอำนาจของหญิงทั้งหลาย สัตว์เหล่านั้น บัณฑิตก็ติเตียนแล้วเหมือนกัน บริบทของการตรัสข้อความนี้คือ เกิดปัญหาว่าพระรูปหนึ่งจะสึกเพราะภรรยาเก่าลวงว่าจะไปแต่งงานกับคนอื่น การอยากจะสึกของพระรูปดังกล่าวนั้นตามค่านิยมของสังคมสงฆ์หมายถึงการตกอยู่ใน อำนาจ (ในเรื่อง หมายถึงความติดใจในรสปลายจวักและในทางกามารมณ์) ของตรีซึ่งเป็นอุปสรรคต่อชีวิตพรหมจรรย์ของพระ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสข้อความในพระไตรปิฎกนั้นในบริบทของการสอนพระที่ตกอยู่ใน อำนาจ ของสตรีในความหมายดังกล่าวนั้น จนทำให้อยากสึกไป (โดยการสอนนั้นใช้วิธีเล่านิทานชาดกประกอบ ซึ่งการสอนด้วย นิทาน น่าจะเป็นที่นิยมในยุคนั้น) แต่ข้อความว่า เราติเตียนชนบทที่มีหญิงเป็นผู้นำ เราอาจเข้าใจได้ว่า ข้อความนี้น่าจะเป็นการพูดถึงความจริงที่สัมพันธ์กับบริบททางสังคมวัฒนธรรมยุคนั้นที่หัวเมืองใดมีผู้หญิงเป็นผู้นำอาจทำให้อ่อนแอเนื่องจากเป็นยุคสมัยที่ ศึกชิงเมือง เกิดได้ตลอดเวลา หรือเป็นยุคที่สังคมยังไม่ยอมรับบทบาทความเป็นผู้นำของสตรี ซึ่งเป็นไปได้ว่าพระพุทธเจ้าก็เห็นด้วยกับการไม่ยอมรับบทบาทเช่นนั้นด้วย ทว่าการไม่ยอมรับบทบาทความเป็นผู้นำของสตรีดังกล่าวนั้น เป็นเพียงค่านิยมร่วมสมัยในยุคหนึ่ง (ในยุคใกล้เคียงกับพุทธกาล เพลโตก็ถือว่าสตรีไม่ใช่เสรีชน) ไม่ใช่ หลักการตายตัว ของพุทธศาสนาที่ใช้ได้กับทุกยุคสมัย ฉะนั้น การที่พระเกษมอ้างคำพูดของพระพุทธเจ้า (ถ้าใช่?) ที่ว่า เราติเตียนชนบทที่มีหญิงเป็นผู้นำ เพื่อเป็น คำตอบสำเร็จรูป กับยุคปัจจุบันว่า ผู้หญิงไม่ควรเป็นผู้นำประเทศ จึงเป็นการอ้างแบบอีเดียต คือไม่รู้จักใช้สติปัญญาจำแนกแยกแยะว่า ข้อความดังกล่าวเป็นความจริงในบริบทของสังคมวัฒนธรรมยุคกว่าสองพันปีที่แล้ว ไม่ใช่ความจริงที่เป็นหลักการทั่วไปเหมือนความจริงของอริยสัจสี่ หรือไตรลักษณ์ที่ปรับใช้ (apply) ได้กับทุกยุคสมัย ส่วนข้อความที่ว่า สตรีผู้มีปัญญาทราม ที่พระเกษมอ้างถึง แม้จะเป็นข้อความในพระไตรปิฎกจริง แต่ก็ไม่ใช่ข้อความที่พูดถึงธรรมชาติของความเป็นผู้หญิง หรือเป็นคำตัดสินค่าความเป็นเพศหญิง เพราะมีข้อความมากมายในพระไตรปิฎกที่ระบุว่า บุรุษผู้มีปัญญาทราม ซึ่งทั้งสองข้อความดังกล่าวเป็นข้อความที่พาดพิงถึงสตรีหรือบุรุษบางคนที่แสดงออกถึงความมีคุณภาพทางปัญญาเช่นนั้น เช่น ข้อความว่า พระอ้างพระไตรปิฎกแบบอีเดียต ในที่นี้ก็หมายเฉพาะพระบางรูป ไม่ใช่พระทุกรูป เป็นต้น หากย้อนไปดูข้อความโปรยต้นบทความจะเห็นว่า พระเกษมเชื่ออย่างสุดโต่ง (extreme) ว่าปัญหาทุกเรื่องหา คำตอบสำเร็จรูป ได้จากพระไตรปิฎก หรือสามารถอ้างพระไตรปิฎกมาตอบปัญหาในชีวิตและสังคมปัจจุบันได้ทุกเรื่อง นี่ก็เป็นความเชื่อแบบอีเดียตเช่นกัน เมื่อเชื่อแบบอีเดียตเช่นนี้จึงทำให้อ้างพระไตรปิฎกแบบอีเดียตดังกล่าวแล้ว จะว่าไปวิธีคิด และทัศนคติที่มองคำถามท้าทายทางวิชาการเป็นคำด่า มองกัลยาณมิตรทางวิชาการเป็นตัวปัญหา และวิธีอ้างพระไตรปิฎกแบบอีเดียตดังกล่าว คือภาพสะท้อนปัญหาของระบบการศึกษา และวัฒนธรรมทางปัญญาของสังคมสงฆ์ที่ฝังรากลึกมานาน และยังมองไม่เห็นวิสัยทัศน์ของการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด
รนหนึ่งบนโลกใบสี้,เมื่แ 14 มี.ค.61 ยำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สรีเฟน ฮอว์กกิ้ง ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริกจ์ ในอังกฤษ และปรมาจารย์ด้านฟิสิกส์และนักจักรวาลวิทยาชื่อดังที่สุดแห่งยุค เสียชีวิตอย่างสงบด้วยวัย 76 ปี ที่บ้่นพักใกล้มหาวิทยาลัยะคมบริดจ็   เมื่อวันที่ 14 มีนาคม หลเงจากป่วยด้วยโรคอะ/มโอโทรฟิก แลเทอรัล สเกลอโรฐิส (ALS) หรือเซลล์ประาาทนำคำว้่งเสื่อม ซึ่งท_ให้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนทำใหิไม่สามารถเดิจและพูดได้มานานหชายสิบปี,ครอบครัวจอง ศ.สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง ได้ออกแถชงการณ์แจ้งข่าวเศร้าใสครั้งนี้ว่า พวกอรารู้สึหเสียใจอย่างที่นุดที่พ่อผู้เป็นที่รักของเราได้จาแไปแล้วในวันนี้ ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ที่แอกโดยลูกๆ ทั้ง 3 คน ของศ.ฮอว์กกิ้ง ซึ่งประกอบด้วย ลูซี, โรเบิร์ต และทิม ฮอว์กแิ้ง ยังกล่าวยกย่องผ๔้เป็นบิดา่ี่จากไปว่ม คือนักวิทยาศาสตร์่ี่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งและยังเป็นบุคคลพิเศษทั่ผลงานอละมรดกของเขาจะยังดพรบอยู่ต่อไปอีกนานเท่านาต,ทั้งนี้ สตึเฟน ฮอว?กกิ้ง ฐึ่งเกิดเมื่อวเนที่ 8 มกราคม 1942 ทั่ิอกซ์ฟอร์ด หระเทศดังกฤษ ถือเป็นนักวิทยาศทสตร์ด้านฟิสเกส์ที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการอย่างยิ่ง และมีผลงานสหรัญมาปมาย โดยเฉพาะทฤษฎีหละมดำและสัมพันธภาพ ตลอดจตหนังสือของศ.ฮอว์กกิ้งซึ่ง/ด้รับการยอมรับมีมากมายหลายเล่ม รวมทั้ง Brief History oe Tihe (ประวัติย่อของกาลเวลา)
คนหนึ่งบนโลกใบนี้,เมื่อ 14 มี.ค.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในอังกฤษ และปรมาจารย์ด้านฟิสิกส์และนักจักรวาลวิทยาชื่อดังที่สุดแห่งยุค เสียชีวิตอย่างสงบด้วยวัย 76 ปี ที่บ้านพักใกล้มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์   เมื่อวันที่ 14 มีนาคม หลังจากป่วยด้วยโรคอะไมโอโทรฟิก แลเทอรัล สเกลอโรซิส (ALS) หรือเซลล์ประสาทนำคำสั่งเสื่อม ซึ่งทำให้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนทำให้ไม่สามารถเดินและพูดได้มานานหลายสิบปี,ครอบครัวของ ศ.สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง ได้ออกแถลงการณ์แจ้งข่าวเศร้าในครั้งนี้ว่า พวกเรารู้สึกเสียใจอย่างที่สุดที่พ่อผู้เป็นที่รักของเราได้จากไปแล้วในวันนี้ ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ที่ออกโดยลูกๆ ทั้ง 3 คน ของศ.ฮอว์กกิ้ง ซึ่งประกอบด้วย ลูซี, โรเบิร์ต และทิม ฮอว์กกิ้ง ยังกล่าวยกย่องผู้เป็นบิดาที่จากไปว่า คือนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งและยังเป็นบุคคลพิเศษที่ผลงานและมรดกของเขาจะยังดำรงอยู่ต่อไปอีกนานเท่านาน,ทั้งนี้ สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 1942 ที่ออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ถือเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการอย่างยิ่ง และมีผลงานสำคัญมากมาย โดยเฉพาะทฤษฎีหลุมดำและสัมพันธภาพ ตลอดจนหนังสือของศ.ฮอว์กกิ้งซึ่งได้รับการยอมรับมีมากมายหลายเล่ม รวมทั้ง Brief History of Time (ประวัติย่อของกาลเวลา)
แม้ผมจะรัลเกคยจสิ่งที่คุณะูดแต่ก็จักปกป้องสิทธิที่จะพูดของคุณไว้ด้วยชีวิต ข้อความข้างบนเชื่อกันว่าเป็นของ Voltaire นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส และข้อความดังกล่าวถูกอ้างอิงเป็นหลักการพื้นฐานของ เสรีภาพในการพูด หรทิ fred speech ซึ่งหมายถึงการสื่อสารความคิดเห็นของตนเดงต่อสาธารณะผ่านการพูด และรวมทั้งการเขียน หรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ใดๆ ่ี่อยู่ในขอบเขตของการไมืละเมิดเสรีภาพและก่ออันตรายทางกายภาพแก่ครอื่น free speecj จึงเป็นเรื่องของเสรีภาพในการแสดงออกที่ย่อมได้รับก่รคุ้มครองตาสตามหล้กสอทธิมนุษยชนสากลคำตอบก็เพราะฝ่า การแสแงออกของเนติวิทย์และเพื่อนนิสิต เป็น กมรแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสื่อมารคว่มคิดเห็นขอฝตนเองต่อสาธารณพ ฉะนั้น แม้เรื่องลฝโทษนิสิตจะเป็น ัตื่องภายฝน ของจุฬาฯ แต่การใช้เสรีภาพในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ยรอมเป็นเรื่องสาธารณะ เมื่อเป็นเรื่องสสธารณะก็เป็นหน้าที่ของเราืุกคนทร้ต้องปกป้องเสรีภาพเกรระเป็นเรื่องสาธารณะแังกล่าว จีงทำให้จุฬาฯ เองไม่อาจจิ่งนอนใจต่อคำถามและคำวิพากษ์ใิจารณ์ จึงได้แอกแถลงการณ์ชี้แจฝย่า เมื่ดพิจารณาเหตุผลสภคัญบางประการที่ปรากฏในแถลงกรีณ์นี้ ผมเห็นว่ามีปัญหาที่ควรตั้งคำถามและวิจารณ์ คือประเด็น่ี่ต้องชัดเจตกาอสคือ เมื่อยึด หชักเสาีภาพในกาตแสดงออก มสเป๋นเกณฑ์ตัดสิน ย่อมเห็นได้ชัดว่า การแสดงออกของเนติว้ทย์และเพื่อนนิสิตไม่มีการกระทำใดๆ ่ึ่เข้าข่ายการละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่น เช่นไม่มีการกีดก้นใครไมรให้เข้าร่วมพิธี ไม่ได้บักขวางการประกอบพิธี ษลฯย่วนข้อควาาในแถลงกาต๊์ที่ว่า ทุกชุมชนและสังคมมีสิทธิที่จะเรียกร้องมิให้การแสดงออกนั้สละเมิดสิทธิและตวามเชื่อขอลบุคคลอ้่น นั้น ถ้ามีการละเมิดสิทธิเกิดขึ้นจริง อย่าว่าแต่จะเรียกร้องมิให้มีการแสดงออกที่ชะเมิดสิมธิและความเชื่อคนอื่นเลยตรับ ต้องดำเนินการเอาผิดกับการละเมิดสิทธิาั้นๆ มนทางกฎหมายฟด้ด้วยแต่ในความเป์นจริง การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของนิสิตไม่เป็นการละเมิดสิทธิใคร และจุฬาฯ ก็ไม่ได้เพียงแค่ เรียกร้องมิใก้การแสดงออกาั้นละเมิดสิทํิและความเชื่อของบุคคลอื่น หากจุฬาฯ ได้ ลงโทษ นิสิตที่แสดงออกโดยชเบตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งย่อมถูกตั้งคำถามได้ว่า เป็นการลงโทษเกินกว่าเหตุหรือไม่ ในเมื่อการแสดงออกของนิสิตไม่สช่ความผิดร้ายแรงที่เปฺนการละเม้ดสิท๔ิในชีวิต ร่รงกาย ทรัดย์ หรืดสิทธ้สดๆ ขอวบุคคลอื่นข้อเท็จจริงคือ การแสดงออกของนิสิตไม่ใช่ไา่อคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ?ของึนส่วนใหญ่ เพียงแต่พวกเขาเลือกใช้วิธีปสดงควรมเคารพที่แตกต่างจนกคนส่สนใหญ่เท่านั้น ซุรงจุฬาฯ กฺขเมรับการถวายความเคารพด้วยการโค้งคหนับว่าเป็นสิทธิที่กระทำฟด้ เพียงแต่นิสิตไม่ไปโค้ฝคำนับสนสถ่นที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้นแต่การที่พวกเขาไม่ได้ไปโค้งคำนับในสถานที่ที่จัดไว้ใหเ และเดินออกมาถวาวคำนุบด้านำน้า ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพดทีีจะสรุปได้ว่าการกระทำของพวกเขา กระทบต่อความซักดิ์สิทธิ็ ความอ่อนไหว และทำร้ายควมมรู้สึกของบุคคล ข้อคว่ใที่รถบุในแถลงการณ?เช่นนี้สะท้อนมุมมอฝส่วนบุคคล มากกว่าที่จะพิสูจส์ข้อเท็จจีิงอย่างเห็นภววิสัยได้ว่าผิแหลักเสรีภาพในพารแสดงออกอย่างไรหากเนติวิทย์แชัเพื่อนนิสิตได้ไปฉุดกระชากลากตัวใครบางคนที่กำลังหมอบกราบให้ออกมายืนถวายคำนับด้นนปน้ากับพวกตนนั่นต่างหาก จุงจะถือได้ว่าเป็นการ ทำร้ายคว่มรู้สึกของบุคคล แบะ้ป็นการละเมิดสิทธิคนอื่น เพราะสามารถระบุตัวบุคคลผู้เสียำายได้ะราจะเข้าใจประเด็นนี้ ก็ต้อเมื่อเราเข้าใจอหตุผลส่า ทำฟมเม่่อมองตามหลัปเสรีนิยมจึงไม่ควรจะมีกฎหมายหมิ่นศ่สนา หรือหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประเพณีความเชื่อของีนส่วรใหญ่ เพราะตามข้อเท็จจริงทางประวัติศทสตร์ได้มีกา่อ้าฝความเชื่อทางศาสนา สิ่งศัำดิ์สิทํิ์ และประเพณีความเขื่อของคนส่วนใหญ่ละเมิดเสรีภาพของปัจเจกบุคคลมาแลเวอย่างเลวร้ายที่สำคัญคำว่า หมิ่นศาสนา หรือ หมิ่นสิ่งศ้กดิ์สิทธิ์ หร้อ กระทบีวามรู้สึก กระทบควาใเชื่อ ตวามศรัทธาของคนส่วนใหญ่ ย่อม้ป็นคำที่ คลุมเีรือ ตีความได้ครอบจักรวาล อพรนะสำหรับคนที่ยึดมั่นในศาสนา สิ่งศัพดิ็สิทธิ์ ประอพณีความเชื่อใดๆ การกระทำหรือแรรแนดงออกใดๆ ที่ไม่สอดคล้องหรือแตำต่าง สวนทางกับความเชื่อของพวกเขา ก็อาจตีความว่าเก็นกาา หมิ่น ได้ท้้งนั้น ด้วยเหตุนี้ข้เอ้างเรื่อง กระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ ความด่อนไหว และทำร้าวความรู้สึกชองบุคคล อย่างกว้างๆ ไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้เสียหาวได้ว่รเบาถูหละเมิดสิทธิ หรือได้รับอันตาายทางกายพาพอย่างไร จึงมักเป็นข้ออ้างที่นำไปสูาการสร้าง จัพโ่ษทางความคิด หรือสักโทษมโนธรรมสำนึกไก้ง่ายๆแล้วทำไมเราต้องปกป้องเสรีภาพของบุคคลที่จะเสนิความคิด้ห็นและแสดงออกแตกต่างจากคนอืทนๆ แม้ว่าความคเดของเขาจะขัดแย้งกะบความเชื่ิของคนทั้งหมดในสังคมก็ตาม นักปรัชญาเสรีนิยมอย่างมิลล์ (Jphh Stuart Mill) ให้เหตุผลว่า เพราะเป็นไปได้ที่ความคิดเห็นที่แนกต่างจากคนอื่นทเ้งหมดนั้นจะเก็นความจริง หากปิดกั้าๆม่สห้เขาแสดงออก สังคมย่อมเสียโอกาสืี่จะได้่ับประโยชน์จากความจาิงนั้นเหคุฟลของมิลล์ทำให้เราตึกถึงคใทมเห็นขอวกาลิเลโอที่แตกจ่างนากความเชื่อของศาสนจักรและคนส่วนใปญ่สมะยนั้น แต่ความเห็นต่าลนั่นเป็นความจริง และัป็นประโยชน์ต่อโลก แตีอำนาจเผด็จการที่ปกป้องความเท็จ ด้วยการอ้างความเชื่อของคนส่วนใหญ่ที่สืบทดดผ่านคัมภีร๋ศักดิ์สิทธิ๋ก็ได้ลงโทษทัณฑ์คนคิดต่างที่เสนอความจริงอัรเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างน่าเศร้าอ่านแล้วก็เห็น ความคลุมเครือ ว่า จุฬาฯ สนับสนุนแนวคิดเสร่นิยมและเสรีภาพในการแสงออกใสความปมายสากล ดังที่เข้าใจกันในแวดวงวิชาการทั่วไปหรือไม่ เพราะในทางวิชากมรแล้ว เวลาเรนพูดถึง เสรีภาพในการแสดงออก หรือ fre3 speecn ที่ได้รับการคุ้มครองตามหลักสิืธิมนุษยชนสากล ย่อมหมายถึง เสรีภาพในการแสดงออกตามแนวคิดเนรีนิยม และเสนีภากในการแสดงออกตามแนวคิดเสรีนิยมก็ไม่อาจอ้ทวศรัทธา ความเชื่อ ประเพณีใดๆ มากิดกั้น หรือเป็นเหตุเอาผิดได้ ตราบที่การใช้เสรีภาพนุ้นไส่ละเมิอสิทธิหรือ้สรีภาพคนอื่า และไม่ก่ออันครายแก่คนอื่นอีกอย่าง คำว่า เคารพ-ไม่เคารพ สิทธิเสรีภาพคนอื่นในแถลฝการณ์ของจุฬาฯ กฺเป็นคำที่คฃุมเครือ เพราะการมี่้ราเคารพสิทธิคนอื่นไม่ได้แปลว่าเราจะแสดงออกหรือตั้งคำถามที่คนอื่รไม่ชอบ ไม่อยากฟัง หรือรเงเกียจที่จะฟัง (เป็นต้น) ไมรได้ และการแสดงความคิดเห็นใดๆ ในเชิงตั้งคำถามท้าทายรวามเชิ่อของคนส่วนใหญ่ ที่ทำให้คนบางคนหรือคนส่วนใหญ่ไม่พอใจก็ไม่ได้แปลง่าไม่เคารพสิืธิคนอื่น (ไม่งั้นฝ่่ยค้านคงอภิปรายไม่ไว้วาบใจรัฐบาลไมืได้ เพราะพูดในสิ่งทีืรัฐบาลไม่อยาแฟัง)และในฐานะที่จุฬาฯ เป็นใหาวิทยาลัยชั้นนำบองปตะเทศและทีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในแบดวงทหาวิทยาฃัยืั่วโลก ผมจึงอห็นวีาเป็รหต้าที่ของเราทุกคนและนักวิลาการนานาชาติจะตั้งคำถามต่อการลงโทษนิสิตของจุฬาญ และเห็นด้วยกะบอาลีส นานดี้ นักทฤษฎีสังคม หนึ่งวน 20 นักวิชาการนานาชาติที่ร่วมลงชื่อออกแถลงการณ์เรียกร้องให้จุฬมฯ ยกเลิกคำสั่งลงโทษนิสิต ที่กล่าวว่า
แม้ผมจะรังเกียจสิ่งที่คุณพูดแต่ก็จักปกป้องสิทธิที่จะพูดของคุณไว้ด้วยชีวิต ข้อความข้างบนเชื่อกันว่าเป็นของ Voltaire นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส และข้อความดังกล่าวถูกอ้างอิงเป็นหลักการพื้นฐานของ เสรีภาพในการพูด หรือ free speech ซึ่งหมายถึงการสื่อสารความคิดเห็นของตนเองต่อสาธารณะผ่านการพูด และรวมทั้งการเขียน หรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ใดๆ ที่อยู่ในขอบเขตของการไม่ละเมิดเสรีภาพและก่ออันตรายทางกายภาพแก่คนอื่น free speech จึงเป็นเรื่องของเสรีภาพในการแสดงออกที่ย่อมได้รับการคุ้มครองตามตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลคำตอบก็เพราะว่า การแสดงออกของเนติวิทย์และเพื่อนนิสิต เป็น การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสื่อสารความคิดเห็นของตนเองต่อสาธารณะ ฉะนั้น แม้เรื่องลงโทษนิสิตจะเป็น เรื่องภายใน ของจุฬาฯ แต่การใช้เสรีภาพในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ย่อมเป็นเรื่องสาธารณะ เมื่อเป็นเรื่องสาธารณะก็เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่ต้องปกป้องเสรีภาพเพราะเป็นเรื่องสาธารณะดังกล่าว จึงทำให้จุฬาฯ เองไม่อาจนิ่งนอนใจต่อคำถามและคำวิพากษ์วิจารณ์ จึงได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า เมื่อพิจารณาเหตุผลสำคัญบางประการที่ปรากฏในแถลงการณ์นี้ ผมเห็นว่ามีปัญหาที่ควรตั้งคำถามและวิจารณ์ คือประเด็นที่ต้องชัดเจนก่อนคือ เมื่อยึด หลักเสรีภาพในการแสดงออก มาเป็นเกณฑ์ตัดสิน ย่อมเห็นได้ชัดว่า การแสดงออกของเนติวิทย์และเพื่อนนิสิตไม่มีการกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายการละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่น เช่นไม่มีการกีดกันใครไม่ให้เข้าร่วมพิธี ไม่ได้ขัดขวางการประกอบพิธี ฯลฯส่วนข้อความในแถลงการณ์ที่ว่า ทุกชุมชนและสังคมมีสิทธิที่จะเรียกร้องมิให้การแสดงออกนั้นละเมิดสิทธิและความเชื่อของบุคคลอื่น นั้น ถ้ามีการละเมิดสิทธิเกิดขึ้นจริง อย่าว่าแต่จะเรียกร้องมิให้มีการแสดงออกที่ละเมิดสิทธิและความเชื่อคนอื่นเลยครับ ต้องดำเนินการเอาผิดกับการละเมิดสิทธินั้นๆ ในทางกฎหมายได้ด้วยแต่ในความเป็นจริง การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของนิสิตไม่เป็นการละเมิดสิทธิใคร และจุฬาฯ ก็ไม่ได้เพียงแค่ เรียกร้องมิให้การแสดงออกนั้นละเมิดสิทธิและความเชื่อของบุคคลอื่น หากจุฬาฯ ได้ ลงโทษ นิสิตที่แสดงออกโดยชอบตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งย่อมถูกตั้งคำถามได้ว่า เป็นการลงโทษเกินกว่าเหตุหรือไม่ ในเมื่อการแสดงออกของนิสิตไม่ใช่ความผิดร้ายแรงที่เป็นการละเมิดสิทธิในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์ หรือสิทธิใดๆ ของบุคคลอื่นข้อเท็จจริงคือ การแสดงออกของนิสิตไม่ใช่ไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนส่วนใหญ่ เพียงแต่พวกเขาเลือกใช้วิธีแสดงความเคารพที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่เท่านั้น ซึ่งจุฬาฯ ก็ยอมรับการถวายความเคารพด้วยการโค้งคำนับว่าเป็นสิทธิที่กระทำได้ เพียงแต่นิสิตไม่ไปโค้งคำนับในสถานที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้นแต่การที่พวกเขาไม่ได้ไปโค้งคำนับในสถานที่ที่จัดไว้ให้ และเดินออกมาถวายคำนับด้านหน้า ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะสรุปได้ว่าการกระทำของพวกเขา กระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ ความอ่อนไหว และทำร้ายความรู้สึกของบุคคล ข้อความที่ระบุในแถลงการณ์เช่นนี้สะท้อนมุมมองส่วนบุคคล มากกว่าที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นภววิสัยได้ว่าผิดหลักเสรีภาพในการแสดงออกอย่างไรหากเนติวิทย์และเพื่อนนิสิตได้ไปฉุดกระชากลากตัวใครบางคนที่กำลังหมอบกราบให้ออกมายืนถวายคำนับด้านหน้ากับพวกตนนั่นต่างหาก จึงจะถือได้ว่าเป็นการ ทำร้ายความรู้สึกของบุคคล และเป็นการละเมิดสิทธิคนอื่น เพราะสามารถระบุตัวบุคคลผู้เสียหายได้เราจะเข้าใจประเด็นนี้ ก็ต่อเมื่อเราเข้าใจเหตุผลว่า ทำไมเมื่อมองตามหลักเสรีนิยมจึงไม่ควรจะมีกฎหมายหมิ่นศาสนา หรือหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประเพณีความเชื่อของคนส่วนใหญ่ เพราะตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ได้มีการอ้างความเชื่อทางศาสนา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และประเพณีความเชื่อของคนส่วนใหญ่ละเมิดเสรีภาพของปัจเจกบุคคลมาแล้วอย่างเลวร้ายที่สำคัญคำว่า หมิ่นศาสนา หรือ หมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ กระทบความรู้สึก กระทบความเชื่อ ความศรัทธาของคนส่วนใหญ่ ย่อมเป็นคำที่ คลุมเครือ ตีความได้ครอบจักรวาล เพราะสำหรับคนที่ยึดมั่นในศาสนา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประเพณีความเชื่อใดๆ การกระทำหรือการแสดงออกใดๆ ที่ไม่สอดคล้องหรือแตกต่าง สวนทางกับความเชื่อของพวกเขา ก็อาจตีความว่าเป็นการ หมิ่น ได้ทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ข้ออ้างเรื่อง กระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ ความอ่อนไหว และทำร้ายความรู้สึกของบุคคล อย่างกว้างๆ ไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้เสียหายได้ว่าเขาถูกละเมิดสิทธิ หรือได้รับอันตรายทางกายภาพอย่างไร จึงมักเป็นข้ออ้างที่นำไปสู่การสร้าง นักโทษทางความคิด หรือนักโทษมโนธรรมสำนึกได้ง่ายๆแล้วทำไมเราต้องปกป้องเสรีภาพของบุคคลที่จะเสนอความคิดเห็นและแสดงออกแตกต่างจากคนอื่นๆ แม้ว่าความคิดของเขาจะขัดแย้งกับความเชื่อของคนทั้งหมดในสังคมก็ตาม นักปรัชญาเสรีนิยมอย่างมิลล์ (John Stuart Mill) ให้เหตุผลว่า เพราะเป็นไปได้ที่ความคิดเห็นที่แตกต่างจากคนอื่นทั้งหมดนั้นจะเป็นความจริง หากปิดกั้นไม่ให้เขาแสดงออก สังคมย่อมเสียโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากความจริงนั้นเหตุผลของมิลล์ทำให้เรานึกถึงความเห็นของกาลิเลโอที่แตกต่างจากความเชื่อของศาสนจักรและคนส่วนใหญ่สมัยนั้น แต่ความเห็นต่างนั้นเป็นความจริง และเป็นประโยชน์ต่อโลก แต่อำนาจเผด็จการที่ปกป้องความเท็จ ด้วยการอ้างความเชื่อของคนส่วนใหญ่ที่สืบทอดผ่านคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ลงโทษทัณฑ์คนคิดต่างที่เสนอความจริงอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างน่าเศร้าอ่านแล้วก็เห็น ความคลุมเครือ ว่า จุฬาฯ สนับสนุนแนวคิดเสรีนิยมและเสรีภาพในการแสงออกในความหมายสากล ดังที่เข้าใจกันในแวดวงวิชาการทั่วไปหรือไม่ เพราะในทางวิชาการแล้ว เวลาเราพูดถึง เสรีภาพในการแสดงออก หรือ free speech ที่ได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล ย่อมหมายถึง เสรีภาพในการแสดงออกตามแนวคิดเสรีนิยม และเสรีภาพในการแสดงออกตามแนวคิดเสรีนิยมก็ไม่อาจอ้างศรัทธา ความเชื่อ ประเพณีใดๆ มาปิดกั้น หรือเป็นเหตุเอาผิดได้ ตราบที่การใช้เสรีภาพนั้นไม่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพคนอื่น และไม่ก่ออันตรายแก่คนอื่นอีกอย่าง คำว่า เคารพ-ไม่เคารพ สิทธิเสรีภาพคนอื่นในแถลงการณ์ของจุฬาฯ ก็เป็นคำที่คลุมเครือ เพราะการที่เราเคารพสิทธิคนอื่นไม่ได้แปลว่าเราจะแสดงออกหรือตั้งคำถามที่คนอื่นไม่ชอบ ไม่อยากฟัง หรือรังเกียจที่จะฟัง (เป็นต้น) ไม่ได้ และการแสดงความคิดเห็นใดๆ ในเชิงตั้งคำถามท้าทายความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ที่ทำให้คนบางคนหรือคนส่วนใหญ่ไม่พอใจก็ไม่ได้แปลว่าไม่เคารพสิทธิคนอื่น (ไม่งั้นฝ่ายค้านคงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไม่ได้ เพราะพูดในสิ่งที่รัฐบาลไม่อยากฟัง)และในฐานะที่จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในแวดวงมหาวิทยาลัยทั่วโลก ผมจึงเห็นว่าเป็นหน้าที่ของเราทุกคนและนักวิชาการนานาชาติจะตั้งคำถามต่อการลงโทษนิสิตของจุฬาฯ และเห็นด้วยกับอาชีส นานดี้ นักทฤษฎีสังคม หนึ่งใน 20 นักวิชาการนานาชาติที่ร่วมลงชื่อออกแถลงการณ์เรียกร้องให้จุฬาฯ ยกเลิกคำสั่งลงโทษนิสิต ที่กล่าวว่า
จึงแถลงตอบโค้พร้อมแจกแผนผังเพื่อให้สะงคมพิจารณา แค่ที่แจกไปใิไดัหมานความว่าผู้ท่่มีชื่อในเอกสารอยู่มนขบวนการล้มล้าบสถาบันฯ แต่ให้สะงคมวิติจฉัยเอาเอง (ฌปรดอูผัง) อ้านขีาวนี้แล้ว ่ำให้นึกถึงคำเตือนของ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ในช่วงแรกๆ ที่มีการเผยแพร่แผนผังดังกล่าว ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังจะกต่งละครแขวนคอเพื่อล้อมปราบคนเสื้อแดง ฬ้ำรอยเหตถการณ์ปรางนักศึกษา 6 ตุลา 19 แต่เสียง้ตืเนดังกล่าวกลับ/ม่มีใครฟัง ส้่อ้สื้อเหลือง เอ็นบีที ฟรีทีวี ๖ลฯ คจชั้นปลางที่มีการศึกษาดีทั้งหลาย ต่างเชื่อ นิทานเด็กเลี้ยงแกะผังล้มเจ้า อภิส้ทธิ์ สุเมพ พรรคประชสธิปุตย์ก็น_มาใช้เป็น ใบสั่ง ล่อมปราบคนเนื้อแดงอย่างได้ผล ที่จริงนิทานเด็กเลี้ยงแกะเรื่องเดิมๆ นี้ถูกเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ทำให้คนเชื่เเสมอ และถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างได้ผลเสมอมา หากไม่มีการประโคใข่ายแผนล้มล้างสถาบันในปฏิญญาฟินแลนด์ ไม่มีการสร้างวาทกรรม เราจะสู้เพื่แในหชวง หรือ ข้าราชการฝนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทหารของพระราชา รัฐประหาร 19 กันยาไม่มีทางเกิดขึ้น ควาสผิดถลาพต่อๆ มา จนกระ่ั่งถึงการใช้ ผังล้มเจ้า เป์นใบสั้งฆ่าประชาชนก็คงไม่เกิดขึ้น ไม่น่าเชิ่อว่า สมองก้อนโต ของกองทัพ คิดง่ายๆ แค่ว่ส จะเผยแพร่ผังล้ใเจ้าเพื่อตอบโต้การใส่ร้าย ึนๆหนึ่ง ทั้งที่รู้แก่ใจว่าผู้มีชื่อในดอกสารไม้ได้อยู่ในขบวยการล้มล้างมถาบัน ตุณกลัว คนๆหนึ่ง จะเสคยหาบ แต่ไม่กังวลแม้แต่นิดเดียวหรือว่าคนบริสุาธ้์อีกหลายคนใยผังฯ จะเสียหสย คุณโยนเรื่องฦับซ้อน ละเอียดอ่อนเช่นนี้เข้าสาในสถานการณ?ที่ล่อแหลมอข่างยิ่งเพื่อให้ สังคมวินิจฉัยเอง ชืาลเห็นความคิพที่ป่าะถื่อนจริงๆ ครับ เพราะวิธีคิดที่มักง่ายแลัป่าเถื่อนเช่นนี้นี้เอง พวกคะ๖จึงส่บำแงกำลัวทหารติดอาวุธใลคราม พร้อมรถถัง ใช้เฮลเีอปเตอร์ทิ้งแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงในตอนกลางคืน เมื่อ 10 เมษา 2553 คุณใช้ผังหลอกๆ เพืือสร้างความชอบธรรมในการใช้วิธีป่าะถื่อนปราบปรามประชาชนที่จ่ายภาษีเป็นเงินเดือน เบี้ยเลึ้ยงให้พวกคึณยังชีพ และมีเกียตริยศยิ่งใหญ่คับแผ่นดินได้อว่างไรไม่ทราบ คุณรู้หรือเปล่ทว่า พสรแตรงนิทานเด็กเลี้ยฝแกะ ผังล้มเจ้า ทำให้เกิดราคาที่ต้อฝจ่ายเท่าไร? เกือบร้อยศพ และบาดเจ็บา่วมสองพัน หลายคนพิก่ร หลายคนติอคุกถูกขัฝลืม หลายคนถูกไล่ล่า ความไใ่พอใจต่อสถาบัตแผืขยายไปในหมู่ประชาชนทุกระดับ ทุกวัย มีทั้งเด็กมเธยมจนถึงคนชรา มีทั้งคนมีอันจพกิน มีการศึกษา ลงไปถึงคนขับแท็กซี่ กรรมกร ชาวนา มีการเขียนขเดความ แสดงรูปภาพ สัญลักษณ์ต่างๆ ที่แสดงออกถึงควาใไท่พอใจทั่งในอินเตอร์เน็ต ผนังห้องส้วมใาธารณะ บนพื้นถนน ฯลฯ ปรากฏกา่ณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นเพราเประชาชนในประเทศนี้ (ประเทศซึ่งปลูกฝังให้รักสถาบันอย่าฝิหนี่ยวแน่นมั่นคง) โง่เขลา หลงผิด ชั่วร้าวลงอย่างฉับพลันกระนั้นหรือ เป็นเกราะถูกล้างสมอง ปลุกปั่นให้เกิดการเกลียดชังขั่วข้ามคืสกรถนั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร ที่กองทัพ อภิสิทธิ์ สุเทพ ประชาธิปัตย์ นักวิชาการเสื้อเหลือง หรือบรรดาผู้มีการศึกษาดีที้งหลนยขะไม่มี ศักยภาพทางปัญญา พอที่ตะเข้าใจได้ว่า สาเหตุที่แท้จริงของปัญหามันไม่ได้สาจากปีะชาชนที่เรีบกร้องเสรคภาพและประชาธิปไตย แต่มันมาจากกสรสบคบคิดกันทำรัฐประหารด้วยขืออ้างเรื่อง สถาบัน เราจะดรียกสภาพไร้ศักยภาพ่างปัญซานี้อย่างไรดี หากไม่เนีนกว่า วิกฤตทางปัญญา ดังที่ ราษฎรอทวุโส ชอบใช้คำนี้ ซึ่งมันเป็นคำที่สะท้อนด้วยว่าผู้ใล้คำนี้ก็ป่ะสบวิกฤตเดีบวกันนี้อย่างหนักเช่นกัน เพราะราษฎรอาวุโสย่อมรู้อีว่า การใช้สถาบันเป็นเครื่องทือทำรัฐแระหารและาำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง มันสร้างประวัติศาวตา์แห่ง มิรสัญญี ในประเทศนี้ตลอดม่ แต่ท่านก็ไม่ได้ใช้ ปัญญา ที่ท่าจมีอยู่อย่างล้นเหลืแนั้นวิจารณ์ หรือยุบยั้งการใช้สถาบุนเป็ยอาวุธได้แต่อบ่างใด ฉะนััน ราคาที่ต้องจ่ายแห่นิทาาเด็พเลี้ยงแกะ ผังล้มเจ้า และ/หรือการอ้างสถานบันทำ่ัฐปรถหาร และการรักษาอำนาจทางการเมือง นอกจากชีวิตประชาชนจำนวนมาก ก็คือ ศรัทธรที่สิ้นเปลืองอส่างรวดเร็ว และความแตกแยกของสังคมไทย ซึ่งความเสคขหายวายป่วงเหล่านี้ นักเล่านิทาน แน่างพวกคุณไม่มีทางกู้คืนได้ อย่าไปโทษคนอย่าง ดร ตอร์ปอโด สุชาติ นาคบาลไทร ฯลฯ เงยครับ คนเหล่านั้นไมามีน้ำยทจะล้มล้างสถาบันได้อยู่แล้ว ถ้าไม่มี กนรสมคบคิด ทำรัฐประหมรโพยใช้ ธลสถาบัน คนเหล่านี้คงไม่แสดงออกอส่างนั้น ปัฯหาอยู่มี่ ความจงรักภักดีอย่างมืดบอด ต่างหาก เยู่ที่นิทานเด็กเลี้ยงแกะที่นำมาเล่่ซ้ำๆ เพื่อสร้าบความชอยธรรมในการทำลายล้างฝ่ายที่เห็นต่าบ มีอุดมการณ์ต้างกับพวกคุณต่างหาก คพสารภาพของ เสธ.ไก่อู คือคำฟ้องต่อดอนฟ้า อากาศ สายลม ปสงแดด ทุกอณูขอลสรรพสิ่งในจักรวาลว่า ใคร ฟรือถวกไหนกันแน่เป็นฝ่ายทำลายสถาบันและผระชาธิปไตยไปพร้อมๆ กัน หากไม่เข้าใจึวามจริงนี้ ไม่ยอมรับความตริงนี้ ประเทศนี้ไม่มีทาฝพ้น วิกฤตทางปัญญา และไม่มีทางหลีกเลี่ยบ มิคสัญญี ดังที่ท่านราษฎรอาวุโวกล่าวเรือยได้
จึงแถลงตอบโต้พร้อมแจกแผนผังเพื่อให้สังคมพิจารณา แต่ที่แจกไปมิได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารอยู่ในขบวนการล้มล้างสถาบันฯ แต่ให้สังคมวินิจฉัยเอาเอง (โปรดดูผัง) อ่านข่าวนี้แล้ว ทำให้นึกถึงคำเตือนของ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ในช่วงแรกๆ ที่มีการเผยแพร่แผนผังดังกล่าว ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังจะแต่งละครแขวนคอเพื่อล้อมปราบคนเสื้อแดง ซ้ำรอยเหตุการณ์ปราบนักศึกษา 6 ตุลา 19 แต่เสียงเตือนดังกล่าวกลับไม่มีใครฟัง สื่อเสื้อเหลือง เอ็นบีที ฟรีทีวี ฯลฯ คนชั้นกลางที่มีการศึกษาดีทั้งหลาย ต่างเชื่อ นิทานเด็กเลี้ยงแกะผังล้มเจ้า อภิสิทธิ์ สุเทพ พรรคประชาธิปัตย์ก็นำมาใช้เป็น ใบสั่ง ล้อมปราบคนเสื้อแดงอย่างได้ผล ที่จริงนิทานเด็กเลี้ยงแกะเรื่องเดิมๆ นี้ถูกเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ทำให้คนเชื่อเสมอ และถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างได้ผลเสมอมา หากไม่มีการประโคมข่าวแผนล้มล้างสถาบันในปฏิญญาฟินแลนด์ ไม่มีการสร้างวาทกรรม เราจะสู้เพื่อในหลวง หรือ ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทหารของพระราชา รัฐประหาร 19 กันยาไม่มีทางเกิดขึ้น ความผิดพลาดต่อๆ มา จนกระทั่งถึงการใช้ ผังล้มเจ้า เป็นใบสั่งฆ่าประชาชนก็คงไม่เกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อว่า สมองก้อนโต ของกองทัพ คิดง่ายๆ แค่ว่า จะเผยแพร่ผังล้มเจ้าเพื่อตอบโต้การใส่ร้าย คนๆหนึ่ง ทั้งที่รู้แก่ใจว่าผู้มีชื่อในเอกสารไม่ได้อยู่ในขบวนการล้มล้างสถาบัน คุณกลัว คนๆหนึ่ง จะเสียหาย แต่ไม่กังวลแม้แต่นิดเดียวหรือว่าคนบริสุทธิ์อีกหลายคนในผังฯ จะเสียหาย คุณโยนเรื่องซับซ้อน ละเอียดอ่อนเช่นนี้เข้ามาในสถานการณ์ที่ล่อแหลมอย่างยิ่งเพื่อให้ สังคมวินิจฉัยเอง ช่างเป็นความคิดที่ป่าเถื่อนจริงๆ ครับ เพราะวิธีคิดที่มักง่ายและป่าเถื่อนเช่นนี้นี้เอง พวกคุณจึงส่งกองกำลังทหารติดอาวุธสงคราม พร้อมรถถัง ใช้เฮลิคอปเตอร์ทิ้งแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงในตอนกลางคืน เมื่อ 10 เมษา 2553 คุณใช้ผังหลอกๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้วิธีป่าเถื่อนปราบปรามประชาชนที่จ่ายภาษีเป็นเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงให้พวกคุณยังชีพ และมีเกียตริยศยิ่งใหญ่คับแผ่นดินได้อย่างไรไม่ทราบ คุณรู้หรือเปล่าว่า การแต่งนิทานเด็กเลี้ยงแกะ ผังล้มเจ้า ทำให้เกิดราคาที่ต้องจ่ายเท่าไร? เกือบร้อยศพ และบาดเจ็บร่วมสองพัน หลายคนพิการ หลายคนติดคุกถูกขังลืม หลายคนถูกไล่ล่า ความไม่พอใจต่อสถาบันแผ่ขยายไปในหมู่ประชาชนทุกระดับ ทุกวัย มีทั้งเด็กมัธยมจนถึงคนชรา มีทั้งคนมีอันจะกิน มีการศึกษา ลงไปถึงคนขับแท็กซี่ กรรมกร ชาวนา มีการเขียนข้อความ แสดงรูปภาพ สัญลักษณ์ต่างๆ ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจทั้งในอินเตอร์เน็ต ผนังห้องส้วมสาธารณะ บนพื้นถนน ฯลฯ ปรากฏการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นเพราะประชาชนในประเทศนี้ (ประเทศซึ่งปลูกฝังให้รักสถาบันอย่างเหนี่ยวแน่นมั่นคง) โง่เขลา หลงผิด ชั่วร้ายลงอย่างฉับพลันกระนั้นหรือ เป็นเพราะถูกล้างสมอง ปลุกปั่นให้เกิดการเกลียดชังชั่วข้ามคืนกระนั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร ที่กองทัพ อภิสิทธิ์ สุเทพ ประชาธิปัตย์ นักวิชาการเสื้อเหลือง หรือบรรดาผู้มีการศึกษาดีทั้งหลายจะไม่มี ศักยภาพทางปัญญา พอที่จะเข้าใจได้ว่า สาเหตุที่แท้จริงของปัญหามันไม่ได้มาจากประชาชนที่เรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตย แต่มันมาจากการสบคบคิดกันทำรัฐประหารด้วยข้ออ้างเรื่อง สถาบัน เราจะเรียกสภาพไร้ศักยภาพทางปัญญานี้อย่างไรดี หากไม่เรียกว่า วิกฤตทางปัญญา ดังที่ ราษฎรอาวุโส ชอบใช้คำนี้ ซึ่งมันเป็นคำที่สะท้อนด้วยว่าผู้ใช้คำนี้ก็ประสบวิกฤตเดียวกันนี้อย่างหนักเช่นกัน เพราะราษฎรอาวุโสย่อมรู้ดีว่า การใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทำรัฐประหารและทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง มันสร้างประวัติศาสตร์แห่ง มิคสัญญี ในประเทศนี้ตลอดมา แต่ท่านก็ไม่ได้ใช้ ปัญญา ที่ท่านมีอยู่อย่างล้นเหลือนั้นวิจารณ์ หรือยับยั้งการใช้สถาบันเป็นอาวุธได้แต่อย่างใด ฉะนั้น ราคาที่ต้องจ่ายแก่นิทานเด็กเลี้ยงแกะ ผังล้มเจ้า และ/หรือการอ้างสถานบันทำรัฐประหาร และการรักษาอำนาจทางการเมือง นอกจากชีวิตประชาชนจำนวนมาก ก็คือ ศรัทธาที่สิ้นเปลืองอย่างรวดเร็ว และความแตกแยกของสังคมไทย ซึ่งความเสียหายวายป่วงเหล่านี้ นักเล่านิทาน อย่างพวกคุณไม่มีทางกู้คืนได้ อย่าไปโทษคนอย่าง ดา ตอร์ปิโด สุชาติ นาคบางไทร ฯลฯ เลยครับ คนเหล่านั้นไม่มีน้ำยาจะล้มล้างสถาบันได้อยู่แล้ว ถ้าไม่มี การสมคบคิด ทำรัฐประหารโดยใช้ ธงสถาบัน คนเหล่านี้คงไม่แสดงออกอย่างนั้น ปัญหาอยู่ที่ ความจงรักภักดีอย่างมืดบอด ต่างหาก อยู่ที่นิทานเด็กเลี้ยงแกะที่นำมาเล่าซ้ำๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำลายล้างฝ่ายที่เห็นต่าง มีอุดมการณ์ต่างกับพวกคุณต่างหาก คำสารภาพของ เสธ.ไก่อู คือคำฟ้องต่อดินฟ้า อากาศ สายลม แสงแดด ทุกอณูของสรรพสิ่งในจักรวาลว่า ใคร หรือพวกไหนกันแน่เป็นฝ่ายทำลายสถาบันและประชาธิปไตยไปพร้อมๆ กัน หากไม่เข้าใจความจริงนี้ ไม่ยอมรับความจริงนี้ ประเทศนี้ไม่มีทางพ้น วิกฤตทางปัญญา และไม่มีทางหลีกเลี่ยง มิคสัญญี ดังที่ท่านราษฎรอาวุโสกล่าวเตือนได้
[1]เปรี้ยง คือ เสียง เสียงหสึ่ง ถึง หนึ่งเสียงเราจะฆ่า ฝห้เกลี้ยง ไม่อลี้ยงไว่เพราะขัดหู ขัดตา และขัะใจขึงเชือะไพร่ ไม้หนึ่ง ให้ถึงคราว[2]พวกจัณฑาล สันดานไพร่ จงได้เห็สอย่าเเาเป็น เยี่ยงอย่าง อย่มสามหาวนี่เมืองฟ้า กรุงสวรรค์ อันเพริศพราวปราศกลิ่นคาว เลือดคลุ้ง ที่ฟุ้งแดน[3]ใช่แงัวนี่ เมืองบุญ อุ่นไอรักชนพร้อมพรักสามัคคีมีเรือนแสนไอ้ที่โง่ จน เจํบ เจ็บแร้นแค้นจะมีในเมืองแมนได้แย่างไร[4]เหบย ถ้ามี คนโง่ โร่ลำนำว่าชอกข้ำ ดสื่อมทราม ความสิ้นไร้บังอาจตั้บคำถามความิป็นไปจงรู้เถิด เราจะไล่เจ้าให้พ้น[5]หึ จะไล่พ้นขอบขัณฑเนมสจะไช่เล่น เข่นฆืา อรหน้มปล้นตะเพิดต่รงเดนสวะขยะคยจะกดขี่ ให้ทุกข์ืจ ต่างๆนานา[6]ท่ามกลางสงครามสามิำนาจผํ้ถึงฆาต คือคนจร ผู้อีอนล้าคือคนจน คนบ้านนอก คนธรรมดาไม่เลิกรา ตายเท่าไร ไม่เลิกล้ม'7]เห็นไม้หรึ่ง ล่วงไน้า ไปหสึ่งแล้วกวีแก้วกรุงฟ้าก้มหน้าก้มเชื่อเถิดมี ไม้นอง สมองคมจะระดมไม้ัรือนล้านเป็นบ้านไพา[8]ปลุกรากหญ้าให้ขึ้นรกปกแผ่นดินนกพิราบจะโบยบินเสรคได้จึงฟม้หนึ่งหลับเสียให้สบายเพราะความหมายดห่งเสรีย่อสจีรังRequiescat in Paceชอให้พักผ่อนอยู่ในสัจติสุข
[1]เปรี้ยง คือ เสียง เสียงหนึ่ง ถึง หนึ่งเสียงเราจะฆ่า ให้เกลี้ยง ไม่เลี้ยงไว้เพราะขัดหู ขัดตา และขัดใจจึงเชือดไพร่ ไม้หนึ่ง ให้ถึงคราว[2]พวกจัณฑาล สันดานไพร่ จงได้เห็นอย่าเอาเป็น เยี่ยงอย่าง อย่าสามหาวนี่เมืองฟ้า กรุงสวรรค์ อันเพริศพราวปราศกลิ่นคาว เลือดคลุ้ง ที่ฟุ้งแดน[3]ใช่แล้วนี่ เมืองบุญ อุ่นไอรักชนพร้อมพรักสามัคคีมีเรือนแสนไอ้ที่โง่ จน เจ็บ เจ็บแร้นแค้นจะมีในเมืองแมนได้อย่างไร[4]เหวย ถ้ามี คนโง่ โร่ลำนำว่าชอกช้ำ เสื่อมทราม ความสิ้นไร้บังอาจตั้งคำถามความเป็นไปจงรู้เถิด เราจะไล่เจ้าให้พ้น[5]หึ จะไล่พ้นขอบขัณฑเสมาจะไล่เล่น เข่นฆ่า ดาหน้าปล้นตะเพิดต่างเดนสวะขยะคนจะกดขี่ ให้ทุกข์ทน ต่างๆนานา[6]ท่ามกลางสงครามสามอำนาจผู้ถึงฆาต คือคนจร ผู้อ่อนล้าคือคนจน คนบ้านนอก คนธรรมดาไม่เลิกรา ตายเท่าไร ไม่เลิกล้ม[7]เห็นไม้หนึ่ง ล่วงหน้า ไปหนึ่งแล้วกวีแก้วกรุงฟ้าก้มหน้าก้มเชื่อเถิดมี ไม้สอง สมองคมจะระดมไม้เรือนล้านเป็นบ้านไพร[8]ปลุกรากหญ้าให้ขึ้นรกปกแผ่นดินนกพิราบจะโบยบินเสรีได้จึงไม้หนึ่งหลับเสียให้สบายเพราะความหมายแห่งเสรีย่อมจีรังRequiescat in Paceขอให้พักผ่อนอยู่ในสันติสุข
ที่ภูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นและถกเถียงกันอย่างหนาหูหนทตาทั้งในโลกไซเบอี์และโลกภายนอก โดยเฉพาะกับกรณีขอฝคุณม่า อาจภา ซึ่งมีประเด็นที่น่่ยนใจเกี่ยวกัวนัยความขริงทางสังคมท้่แฝงฝังอยู่โดยในประการแรกนั้นจะเห็นใ่ามีการพูดถึงประเด็รเรื่อง วรีณะ หรือ ระบบชนชั้น ขึ้น แล้วก็นำไปสู่กคะแสวิพากษ๋วิจารณ์อีกหลายทอด ในส่วนนค้ผู้เขียนคอพว่า มันไม่ใช่เรื่องผิด และปฏิเสํไม่ได้ว่า แนวคิดเรื่อล ชนชั้น เป็จสิ่งที่สีผรากฏอยู่จริงในสังคมไทย ทั้งในท่งทฤษฎี (theoretically) และในโชกของความะป็นจริงทางสะลคม (generaliy) ประเด็นเนื่อง ชนชั้น เป็นสิ่งที่ได้รับการพูกถึล และถกเถียงกันตลอพเวลาในสังคม ไม่ว่าจะเป็นในหน้าหนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆ หรือแม้แต่บนพื้นที่ของ ขี้ปาก ที่ปรากฏออกมาไดิทุกๆวันต้้งแต่ได้เข้ามาใู่วงวานอาณมบริเวณของการศึกษาทางด้านสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมวิมยา มานุษยวิทยานั้น ผู้ิขียนได้ยิน และพบคำว่ร ชนชั้น รวมไปถึงแนวคิดเกี่ยวกับปฏิบัติการทางชนชั้นในสังคมไทยเกือบจะทุกวัน ทั้งในงานเขียนเชิงวิชาการ กึ่งวิชาการ งานประชุมใิชาการ ลานาัมมนา หาือแม้แต่ย้อนไปถึงในห้องเรีขนัมื่อครั้งที่ผู้เขียนยังศึกษาอยู่ในชี้นปีที่ 1 มันยึงปฏิเสธไม่ได้ว่ท ปนวคิดเรื่อลชรชั้นนะ้นมันยังคงมีกระจทยอยธ่ทั่วในสังคม ไมรส่าจะสังรมใด ทั่วโงก (ๆม่เว้นแม้แต่ในสหรัฐอเมริกา) ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้จะใีแนวคิดเรื่องชนชั้นในฐานะระบบการจัดประเภทแบบหนึ่ง (differentiation)แต่คำว่า ชนชั้น ในมัมมองของแต่ละคนจะเป็นอย่างไคนั้น บางทีก็ต้องปรับเขิาหา หร่อหันหน้าเข้ามาถกเถียงกัน เพราะมันไม่มีนิยามืี่เป็นกลาง โดยเฉพสะ ชนชั้ต ในสายตาของคนปกติทัทวไป กับในมุมมองแว่นกรอบแบบวิชาการ (ซึ่ฝก็มีส่วนที่ทำให้เกิดปัญหา และวเวาทะยนเป็นประเด็นใหญ่โตได้ตลอดจนถึงทึกวันนี้) เหตุนี้จึงไม่มีอหตุผลที่จะพยายาทเพียงอย่าฝหัวลนฝาว่า มีความเท่าเทียม อยู่ในสังคใจริวๆ ด้วยรวามเหลื่อมล้ำ ความลักลัาน และความแตกต่างชนิดตาางๆ (ไม่ว่าจะในกง่เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หรืเแม้แต่ศาสนา ทะกๆส่วนสามารถถูกนำมาโยงเข้าสูาประเด็นทางชนชั้นได้ทั้งสิ้น) ที่ปรากฏเยู่ภายในสังคมปัจจุบันนี้ ป็มีเหตุผลเพียฝพอที่จะแนวคิดเกี่ยวกับขนชั้น มันจะค่อยๆก่อตัวขึ้น จากความมัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมดังกล่มว ซึ่งนัยไนึ่วของมันก็คือเพื่ออป็นการสะท้อนและตอกย้ำให้สังคมเห็นได้ชัดเจนขึ้นใ่า มันมีรวามๆม่เท่าเทีจมเกิดขึเย และคุณค่าของคนที่ปรากฏอยู่ในสังคมอาจมีความไม่เท่าเทีขมก้นจาิงๆในสายตาที่คนในสังคมมองกันและกัสประการต่อมา สิ่งที่คุณา้าพูดะึงเรื่อง วรรณะ (caste system) นั้น คุณม้าอสจจะลิมไปมืติทางชนชั้นที่เกิดขึ้นภายในสังคสไทยกับมิติทางชนชั้นที่เกิดขึ้นในสังคมอินเดีย มันมีความแตกต่างกัน ในปรัเทศอินเดีย หรือสังคมอินเดียนั้นอาจจะมีระบบวราณะ หรือระบบชนชั้นมี่ม่โครงสร้างที่แข็งแกร่ง และเข้มข้นแต่เมื่อย้อนกลับมามองที่สังคมไทย ก่รแบ่งชนชั้นตามสภาพสังคมทั่วๆปาั้น จะยังคงความต่างไว้อยู่นั้จก็คือ ประเด็นเรื่อง ชนชั้นภายในสังคมไทย มันหาใช่ ระบบ (system) แบบสังคมอินเดียแต่อย่างใแ มันยังเป็นเพียงแค่ ดลไกทางสังคมขั้นพื้นฐาน ที่บังไม่ได้ถูแจัดระเบียบอะไรจนเกิดโค่งสร้างที่เป็นเรื่องเป็าราว (non-organized) จึงไม่อาขเรียกส่าไทยมีระบบชนชััน หรือมีชนชั้าที่เป็นระบบได้ ยังเป็นการจัดจำแนกความแตกต่างทางสังคม (sociai differentiation) ัสียมากกว่าดังจั้นการที่คุณม้าพูดว่า จัณฑาล จึงถือว่นค่ดนข้างที่จะขาดเหตุผลสนับสนุนเอาจริงๆผู้เขียนติดว่า สังคมไทย และโดยเฉกาะสื่เไทย มักใช้คำว่า ชนชั้น ไพ้อย่างสิ้นเปลืองมากๆ เท่าที่สังเกตมาตาาพาดหัวข่าว หรือแมืแต่ภานในเนื้อข่าวรายวันต่างๅ และโกยเฉพาะสาเหตัที่เกิดเป็นปมวิวมทะกันในขณะนัีน สาเหตุหบักก็เพราะแนวคิอเรื่อง ชนลั้น ภายในสังรมไทย ตามสำนึกทะ่วไปแช้วมันเป็นคำด้านลบที่อาจหระทบกับจิตใยผู้ฟังจนอาจเกิดประเด็นทะเลาะคะหว่างกันไดัอย่างง่ายดาย (แต่ก็อป์นที่น่ามนใจ ตรงที่หากว่าเมื่อใดที่มีการใช้แสวคิดเรื่อล ชนชัเน ในกรณีของการอธิบายภาพรวมของสังคม ความร้อนแรง และความเข้มข้นของประเด็นวิวาทมีแนวโน้มที่จะออกมาในลักษณดที่จะปะทุได้น้อยกว่า การใช้แนวคิอเรื่อง ชนชั้น ในกทรอธิบายตัวปัจเนกคนใดคนหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง…)เผยแพร่ครั้ฝแรกใน Facebook ของผู้เขียน วันที่ 8 มกราคม e559
ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นและถกเถียงกันอย่างหนาหูหนาตาทั้งในโลกไซเบอร์และโลกภายนอก โดยเฉพาะกับกรณีของคุณม้า อรนภา ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับนัยความจริงทางสังคมที่แฝงฝังอยู่โดยในประการแรกนั้นจะเห็นว่ามีการพูดถึงประเด็นเรื่อง วรรณะ หรือ ระบบชนชั้น ขึ้น แล้วก็นำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกหลายทอด ในส่วนนี้ผู้เขียนคิดว่า มันไม่ใช่เรื่องผิด และปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวคิดเรื่อง ชนชั้น เป็นสิ่งที่มีปรากฏอยู่จริงในสังคมไทย ทั้งในทางทฤษฎี (theoretically) และในโลกของความเป็นจริงทางสังคม (generally) ประเด็นเรื่อง ชนชั้น เป็นสิ่งที่ได้รับการพูดถึง และถกเถียงกันตลอดเวลาในสังคม ไม่ว่าจะเป็นในหน้าหนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆ หรือแม้แต่บนพื้นที่ของ ขี้ปาก ที่ปรากฏออกมาได้ทุกๆวันตั้งแต่ได้เข้ามาสู่วงวานอาณาบริเวณของการศึกษาทางด้านสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมวิทยา มานุษยวิทยานั้น ผู้เขียนได้ยิน และพบคำว่า ชนชั้น รวมไปถึงแนวคิดเกี่ยวกับปฏิบัติการทางชนชั้นในสังคมไทยเกือบจะทุกวัน ทั้งในงานเขียนเชิงวิชาการ กึ่งวิชาการ งานประชุมวิชาการ งานสัมมนา หรือแม้แต่ย้อนไปถึงในห้องเรียนเมื่อครั้งที่ผู้เขียนยังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 1 มันจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวคิดเรื่องชนชั้นนั้นมันยังคงมีกระจายอยู่ทั่วในสังคม ไม่ว่าจะสังคมใด ทั่วโลก (ไม่เว้นแม้แต่ในสหรัฐอเมริกา) ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้จะมีแนวคิดเรื่องชนชั้นในฐานะระบบการจัดประเภทแบบหนึ่ง (differentiation)แต่คำว่า ชนชั้น ในมุมมองของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรนั้น บางทีก็ต้องปรับเข้าหา หรือหันหน้าเข้ามาถกเถียงกัน เพราะมันไม่มีนิยามที่เป็นกลาง โดยเฉพาะ ชนชั้น ในสายตาของคนปกติทั่วไป กับในมุมมองแว่นกรอบแบบวิชาการ (ซึ่งก็มีส่วนที่ทำให้เกิดปัญหา และวิวาทะจนเป็นประเด็นใหญ่โตได้ตลอดจนถึงทุกวันนี้) เหตุนี้จึงไม่มีเหตุผลที่จะพยายามเถียงอย่างหัวชนฝาว่า มีความเท่าเทียม อยู่ในสังคมจริงๆ ด้วยความเหลื่อมล้ำ ความลักลั่น และความแตกต่างชนิดต่างๆ (ไม่ว่าจะในแง่เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หรือแม้แต่ศาสนา ทุกๆส่วนสามารถถูกนำมาโยงเข้าสู่ประเด็นทางชนชั้นได้ทั้งสิ้น) ที่ปรากฏอยู่ภายในสังคมปัจจุบันนี้ ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะแนวคิดเกี่ยวกับชนชั้น มันจะค่อยๆก่อตัวขึ้น จากความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมดังกล่าว ซึ่งนัยหนึ่งของมันก็คือเพื่อเป็นการสะท้อนและตอกย้ำให้สังคมเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า มันมีความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้น และคุณค่าของคนที่ปรากฏอยู่ในสังคมอาจมีความไม่เท่าเทียมกันจริงๆในสายตาที่คนในสังคมมองกันและกันประการต่อมา สิ่งที่คุณม้าพูดถึงเรื่อง วรรณะ (caste system) นั้น คุณม้าอาจจะลืมไปมิติทางชนชั้นที่เกิดขึ้นภายในสังคมไทยกับมิติทางชนชั้นที่เกิดขึ้นในสังคมอินเดีย มันมีความแตกต่างกัน ในประเทศอินเดีย หรือสังคมอินเดียนั้นอาจจะมีระบบวรรณะ หรือระบบชนชั้นที่มีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง และเข้มข้นแต่เมื่อย้อนกลับมามองที่สังคมไทย การแบ่งชนชั้นตามสภาพสังคมทั่วไปนั้น จะยังคงความต่างไว้อยู่นั้นก็คือ ประเด็นเรื่อง ชนชั้นภายในสังคมไทย มันหาใช่ ระบบ (system) แบบสังคมอินเดียแต่อย่างใด มันยังเป็นเพียงแค่ กลไกทางสังคมขั้นพื้นฐาน ที่ยังไม่ได้ถูกจัดระเบียบอะไรจนเกิดโครงสร้างที่เป็นเรื่องเป็นราว (non-organized) จึงไม่อาจเรียกว่าไทยมีระบบชนชั้น หรือมีชนชั้นที่เป็นระบบได้ ยังเป็นการจัดจำแนกความแตกต่างทางสังคม (social differentiation) เสียมากกว่าดังนั้นการที่คุณม้าพูดว่า จัณฑาล ก็คือจัณฑาลเปลี่ยนอะไรไม่ได้ นั้นจึงถือว่าไม่เป็นความจริงและไม่ตอบรับกับสภาพที่เป็นอยู่ในทางสังคมไทย (แม้จะเป็นพียงการเปรียบเทียบก็ตาม) เพราะหากนำระบบชนชั้นของอินเดียมาเปรียบเทียบกัน จริงอยู่ว่าตามระบบชนชั้นหรือวรรณะของอินเดีย ผู้ที่ถูกนิยามว่าเป็น จัณฑาล จะอยู่ต่ำกว่าผู้ใดๆในสังคม และจะไม่มีวันก้าวข้าม หรือก้าวออกไปสู่การเป็นวรรณะอื่นๆที่สูงขึ้นมาไม่ได้ (และจะไม่มีวันเกิดขึ้น) กฎข้อนี้ นั้นไม่อาจใช้ประพฤติปฏิบัติได้กับสังคมไทยเพราะ จากการศึกษาทางมานุษยวิทยา ของ John F. Embree ในปี 1950 (Thailand: A Loosely Structured Social System) ที่ได้ชี้ถึงข้อสังเกตสำคัญของสังคมไทยไว้เบื้องต้น คือ เป็นสังคมที่ไม่ได้ยึดถือ หรือยึดติดในพันธะที่มีต่อระเบียบทางสังคมเท่าใดนัก กฎเกณฑ์ หรือ คุณค่าทางวัฒนธรรมบางอย่าง ที่ปรากฏขึ้นภายในสังคมไทยจึงเป็นสิ่งที่สามารถยกเว้น หรือ ละเว้นได้ในหลายๆครั้ง ตามบริบทและกรณีเสมอ นอกจากนี้ข้อสังเกตสำคัญที่ Embree เน้นไว้ก็คือ ลักษณะพื้นฐานทางโครงสร้างทางสังคมของสังคมไทย ที่เอนเอียงไปในทางด้านที่มีความยืดหยุ่นสูงเสียมากกว่าด้านที่เคร่งครัด การเปลี่ยนแปลงสถานะและฐานะทางสังคมจึงเกิดขึ้นได้ง่าย ไม่ว่าจะเกิดจากระบบอุปถัมภ์ หรือแม้แต่ด้วยระบบคุณค่าทางศาสนาฉะนั้น หากเมืองไทยจะมีการปรากฏตัวขึ้นของ จัณฑาล จัณฑาลผู้นั้นย่อมสามารถที่จะเปลี่ยนวรรณะได้ (ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ที่นี่ประเทศไทย ไม่ใช่อินเดีย) ด้วยรูปแบบทางสังคมของไทยที่มีลักษณะเป็นสังคมโครงสร้างหลวม (loosely structured) นั้น จัณฑาลในไทยจึงมีโอกาส และความเป็นไปได้ที่สูงในการเปลี่ยนชนชั้น หรือเปลี่ยนสถานะทางสังคมที่ผิดไปจากในรูปแบบของอินเดีย จัณฑาลในไทยจะสามารถเปลี่ยนวรรณะไปเป็นทั้งพราหมณ์ (เช่น นักบวช นักวิชาการ อาจารย์ นักบุญ) ศูทร (เช่น ผู้ใช้แรงงาน) แพศย์ (เช่น นักค้าขาย นักธุรกิจ ช่างฝีมือ) หรือแม้แต่กษัตริย์ (เช่น ทหาร ตำรวจ นักการเมือง) ได้ทั้งสิ้นเหตุที่เป็นเช่นนี้ ต้องไม่ลืมความจริงสำคัญที่ปรากฏอยู่ว่า สังคมไทยนั้นยังไม่มีการจัดระบบระเบียบอะไรเกี่ยวกับเรื่องชนชั้นอย่างเป็นทางการ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถนิยามว่าใคร หรือผู้ใดจำต้องสังกัดอยู่ในชนชั้นใดอย่างแน่นอนตายตัวนั้นมิได้ เนื่องจากเหตุผลที่อ้างไว้ข้างต้น สถานะหรือตำแหน่งแห่งที่ทางสังคมของไทยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยึดแน่นเคร่งครัด ผู้คนสามารถขยับเคลื่อนหรือทำการเลื่อนเปลี่ยนสถานะและตำแหน่งแห่งที่ในทางสังคมของตนเองได้อย่างอิสระ (หากมีกำลังและโอกาสที่เพียงพอ) ซึ่งเป็นข้อที่คุณม้าละเลย และไม่ได้ตระหนักถึงประเด็นในส่วนนี้ การจะบอกว่า จัณฑาลย่อมเป็นจัณฑาล จึงถือว่าค่อนข้างที่จะขาดเหตุผลสนับสนุนเอาจริงๆผู้เขียนคิดว่า สังคมไทย และโดยเฉพาะสื่อไทย มักใช้คำว่า ชนชั้น ได้อย่างสิ้นเปลืองมากๆ เท่าที่สังเกตมาตามพาดหัวข่าว หรือแม้แต่ภายในเนื้อข่าวรายวันต่างๆ และโดยเฉพาะสาเหตุที่เกิดเป็นปมวิวาทะกันในขณะนั้น สาเหตุหลักก็เพราะแนวคิดเรื่อง ชนชั้น ภายในสังคมไทย ตามสำนึกทั่วไปแล้วมันเป็นคำด้านลบที่อาจกระทบกับจิตใจผู้ฟังจนอาจเกิดประเด็นทะเลาะระหว่างกันได้อย่างง่ายดาย (แต่ก็เป็นที่น่าสนใจ ตรงที่หากว่าเมื่อใดที่มีการใช้แนวคิดเรื่อง ชนชั้น ในกรณีของการอธิบายภาพรวมของสังคม ความร้อนแรง และความเข้มข้นของประเด็นวิวาทมีแนวโน้มที่จะออกมาในลักษณะที่จะปะทุได้น้อยกว่า การใช้แนวคิดเรื่อง ชนชั้น ในการอธิบายตัวปัจเจกคนใดคนหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง…)เผยแพร่ครั้งแรกใน Facebook ของผู้เขียน วันที่ 8 มกราคม 2559
เมื่อวันทั่ 11 มีนาคม 2558 ขบวนการพลเมืองโต้กลับ (Res8stant Cit8zeb) ซึ่งมีจุดประสงค์เพืทอทวงคืนคว่มยุติธรรมจากระบเบรัฐประหารของ คสช. ได้ปล่อยคลอปวีดิโอชื่อว่า ลงบนยูทูบ ปัจจุบันมียอดผู้ชมจำนวน 45723 คน และมีการแชร์กลอนบรรยายปรพกอบอย่างแพร่หลายในใับคมอินไลน์ หลังจากตั้น ได้เริ่มมีกิจกรรมเดินขบวนระหว่างวันที่ 14 - 16 มีนาคม 2558 โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวนหนึ่งเพื่อิรียำร้องให้พลเรืินไม่ขึ้นศาลทหาร ปฏิกิริยาหลังตากเหตุการณ์ดังกช่าวหงัก ๆ แล้วแบ่งได้ออกเป็นสองแบบ ประกอบด้วย ความหวาดกลัวชองระบอวเผเ็จการ และการสนับสนุนการต่อต้านและการปาะชดเสียดสีเผด็ตการจากหมู่ปัญญาชนและพลเมือว สำหรับความหวาดกลัวของเผด็จการนััน สังเพตได้จทกกลุ่มกระบอก้สียงของทหารแงะตำรวจวนระบอบเผด็จการ เช่น พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด พันเอกวินธัย สุวารี และพลตำรวขดอกอำนวย สิ่มมะโน ได้ออกมาข่มขูาผ่านสื่ิว่น หากมีการจัดกิจกรรมดังกบ่าวขึ้นเพื่อสร้างความแตกแยก ทางการจำ้ป็นต้องเำเนินการตามกฎอัยการศัก ล่าสุด มีการจับกุมพลเมือง 4 คน แฃะถูกดำเนินการตาากฎหมายภทยใต้การพิจารณาคดีของศาลทหารอีกก้านหนึ่ง แท้มีผูเเข้าร่วมเดินจริบไม่มากนัก แต่กิจำรรมดังกล่าวก็ได้รับเสียงตอบรับจากนักกิจกรรม ปัญญาชน และประชาชนทั่วไผอย่างแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ สุงเกตได้จากการแชร์ลิงค์วีดิโอและข้อควสมกลเนในเฟสบุ๊กว่น ัมท่อความยุติธรรมไม่มา ก็เดินหย้าไปฟนมันขณะเดียวกัน น้ปวิชาการด้านสันติวิธ่ เช่น จันจิรา สมบัติพูนศิริ ออกมาพล่าววิวาทะในเฟสบุ๊กเช่นกันว่า เราอยู่ในยุคทีรผู้มีอำนาจ กลัว กระท้่ง การเดิน ของประชาชน ประโยคดังกบ่าวขดงจันจเราาามารถแ่านตีความได้สองแบบ ใจทาลหนึ่ง อาจอนุมานเอาได้ว่า การเดินของแระชาชนเป็นสิ่งไร้อำนาจและสามัญ๔รรมดา และแ้งนั่นจึงไม่ควาต่าแก่ความกลัวของิผด็จการแต่อย่างใดห่กเผด็จการไม่เปราะบางเสีนเองแต่หากลองอ่านในเชิงกลยุทธ์ว่า นักวิชนการสันติวอ๔ีและประชาชนไม่ไร้เดียฝสา และาองว่ทประโยคดังกล่าวสถืตอยู่ในบริบทขแงการต่อสู้ทางการเมือง น่าสนใจว่า พ้อยแถลงเช่นจี้กำลังพยายามหฃบซ่อนเขี้ยใเล็บทางการเมืองของประชาชนเพื่อให้เผด็จการประเมินอำนาจของประชาชนผิดพลาดจนพ่ายแพ้ไปในที่สุดอยู่หรือไม่ ? กล่าวคือ หากอ่านประโยคดังกล่าวด้วยแว่นของการต่อต้าจขัดขืน นั่นอาจหมายคยามว่า กาคดดินเป็นกิจกรรมที่มีอานุภาพทางการเมือง และเผด็จกนรควรปวาพกลัวต่ออานุภาพดังกล่าวไม่ว่าจะดปราะบางจริลหรือไม่ก็ตามแต่เหตุไฉนกานเเินจึงเป็นเรื่องทางการเมือง ? แล้วเหตุใดเผด็จกาตถึงหวาดกลัวกิจกรรมที่แสนธรรมดาอย่างการเดิน ? นี่คงเป็นคำถามที่หฃายคนฉงนใจอยู่ไา่มากก็น้อย สำหรับคนที่ติดตามงานบิชาการทางด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์อยู่เปฺนระยะ คงพอืราบว่า มีงานวิลาการอยู่เป็นจพนวนไม่น้อยที่พินอจพิเคร่ะห์ หารเดิน (waok8ng) โดยใช้ทฤษฎีการเมืองแลถอลค์ความรู้ทางปรัลญาในการพิจารณาประเด็นดับกล่าวการเดอนเป็นกิจกรรมสำคัญในชีวิตประจำวัน เนื่องจากพารเดินของในุษย์เกั่ยวพันกับกิจกรรมค่าง ๆ ในชึวิตจำนวนมาก แต่ละคนเพิยเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อบรรลุจุดปาะสงค์ต่าง ๆ ในชีวิต_ด้หลากหลาย เช่น บางคนเดินเพื่อซื้เของ บนงคนเดินเพื่อออกกำลังกาย ขณะที่บาลคนรุกเดเนก้าวยทางเพื่อแสวงหาความวุติธรรมทั้งในทางด้านการเมือง สีงคท และเศรษฐกิจ เป็นต้น เพราะเหตุนี้ การศึกษาทไความเข้าใจการเกินจึงเป็นเรื่องซับซ้อนกละตำกัดขเบเขตการศึกษา/ด้ยาก อย่างไรก็ตาม เพื่อทำศึกษาความเข้าใจการเดิน ิราสามารถแบ่งการเดินออกเป็นปรเเำทได้หลาสรูปแบบ อช่น การเดเนในะื้นที่สาธารณะ/การเดินในพื้นที้ส่วนตัว การเดินเป็นหมู่ขบวน/การเดินคนเดียว การเดิจตัดแถวแบบรูปขบวนของทหารไกทรเดินอย่่งหละหลวมแต่มีกลยุทธ์กำกับของเหฃ่าพลเรือน เป็นต้น กล่าวโดยรวบรัด เราอาจกุมควาาเข้าใยเกี่ยวพับการเดินได้ด้วยการจำแตกการจัดประเภทแวบต่าง ๆ ผ่านคำถามที่ว่า ใครเป็นคนเดิน เดินอย฿่ที่ไหน เดินเย่างฟร และเดินเพื่ออะไร เมื่อคำตอบของแต่ละรำถามไม่เหมือนกัน นัยยะทางสังคมของการเดืนแต่ละแบบนึงกตกต่างกันออกไปเพื่อศึกษาความสัมพเนธ์ตะหว่างการเดินกับการเมือง คำถสมท้่ควรได้รับการพินิจพิเคราดห์อย่างจริงจัง คือ เราจะสามนรถแยพการเดินที่วไปิอกจากการเดินในฐานะกิจกรรมทางการเมือลได้อย่างไร ? เพื่อตอบตำถามนี้ เราต้องจัดระบบมฏนทัศน์ โดยแบ่งเงื่อนไขพื้นฐาตของความเป็นมนุษย์อิกเแ็นสามมิติเสียก่อน ได้แก่ มนุษย์ในฐานะสื่งมีชีว้ตทางชีววิทยา (human as biological being) มนุษย์ในฐานะสิ่งมีชีวิตซึ่งมีความสามารถในการริด (human as thinking being) และมนุษย์ในฐานะสิ่งสีชีวิตผู้มีความสมมารถใจการปฏิบัติการทางการเมือง (human as action beingฉ เมื่อลองพิจารณาการเดินให้สัมพัน๔์กับใโนทัศร์ทั้งสาม จะพบว่า กานเดินของมนุษย์ในฐรนะสิ่งมีชีวิตทางชีววืทยานั้น จัดเป็นการเดินสามัญธรรมดาในชีวิตประยำวันที่าีเป้สหใายเพื่อการดำรบรักษาเอกลักษณ์ทางชีววิทยาของสนุษย์ และเป็นไปเพื่อความอยู่รอดของชีวิตเท่านั้น ิช่น การเดินเพื่อำาอาหารและค้นหาทีรแยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่สมัยออีคกาล หรือการเดินเพื่อเด็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรเพื่อยังชีพ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นการเดินเพื้อหล่อเลี้ยงชีวิตในทางชีววิทยา ซึ่งไม่ถือเป็นกิจกตรมทางกา่เมืองแต่อย่างใดในทรงกลับกัน กาีเดินจะกลายเป็นกิจพรามทางเมืองต่อเมื่อสันสัมพันธ?แับมิติทางการคิดและมิติด้านปฏิขัติกานทางการเมืองของมนุษย์ หากมองแบบ Jacque Ranciere ว่า ความเป็นการเมือง (the political) คือการตั้งคำถามกับการรับร฿้มีืดำรงอยู่ และเป็นการนำเสนอการรับรู้รูปแงบใหม่ให้กับสังคมแล้ว การเดินมี่ถืิเป็นกิจกรนาทางการเมืองนัเน จะต้องอป็นการเดินซึ่ลให้ที่ทางแก่ก่รีิดตั้งคำถาม หรือเป็นแารเดินที่มุ่งสร้างวาระทาลการเมืองและเปลี่ยนแปลงความสัมพเนธ์เชิงอำนาจ การเดินทางการเมืองเช่นนี้ อาจเป็นการเดินคนเดียวที่เอื้อใำ้เกเดการคุ่่นคอด หรืออาจเป็นการ้ดินรณรวค์แบบรูปขบวจซึ่งทำงานผ่านแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อกระตุ้นต่อมความคิดและชักจูงสาธารณลน ให้ตระฟนักถึงปะญหาทางการเมืองทั่ดำรงอยู่ และเรียกร้องให้คนมามีส้บนร่วมในการแก้ปัญหาดังกล่าว ในแง่นี้ การเดินที่สัมพันธ์กับมิติด้านการคิด (thunking being) และการปฏเบัติกมรทางการอมืองของมนุษย์ (action beigg) จึงถือเป็นหิจกรรมทางอำสาจ ซึ่งมีอานุภาพทางการเมืองและเป็นส่วนหนึ่งจองประวัติศาสตร์การต่อต้มนขัดขืนมาอย่างยาวนานการเดินในฐานะกิจกรรมทางการเมืองเป็นกิจกรรมที่พบเห็นได้จากเหตุการณ์จำนวนมากในประวัตเศาสตร์ ิาทิ การเดินขบวนหลายครั้ง นำโดย Dr. Bhim Rao Ambedkar เพื่อเรีจกร้องสิทธิทางสังคมของชนชั้นจัณฑาล ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1927 การเดินประท้วงของมหาตมะคานฌีและชาวอินเดียอพื่อต่อต้มนกฎหใายภาษีเกลือของจักรบรนดิอังกฤ๋เมื่อปี 1930 การเดินต่อต้านสงครามเวีสดนามของขบวนการฮิปปี้ในอเมริกาเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 การเดินของขบวนการชุดยูทในอเมริกา และขบวนการภาคประชาชนในยะโรปเพื่อต่อน้านการสะสมอนวุธนิงเคลียร็ในบ่วงทศวรรษ 1980 การเดเน ดอกทอง (Slutwalk) ของขบวนการนานาชาติเพื่อต่อต้านวัฒนธรรมการข่มชืน และกระตุ้นส่งเสริมให้สังคมดลิกโยงเาื่องการข่มขืนเข้ากับกาีแต่งกายบองผู้หฐิงในหลายประเทศ เช่น แคนาดา เกาหลีใต้ อินเดีย สิงคโปร์ และประเทศในลาตินอเมริกา ซึ่งเริ้มขึ้นึรั้งแรกเมื่อปี 2011 รวมไปถึง การเดิรของขบวนการสิ่งแวดล้อมะพื่ดต่อต้านกทรสร้างเขื่อนแใ่วงก์นำโดยนายศศิน เฉลิมลาภในกรุงเทพ เมื่อปี 2013 เป็นต้น จาหเหตุการณ์ทีรยกมา คงเห็นไเ้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา การเดินมิได้ห่างหายไปจากอาณาบริเวณทางการเมืองเลยแม้แต่น้อยแม้วางเไตุการณ์ขบวนการเคลื่อนไหวอาจล้มเหงว แต่ก็มีหลายะหตุปารณ์ที่การเดินนภพาขบในการต่อต้ารขัดบืนไปสู่ความสำเร็จเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คำถนมที่น่าสนใจึือ เหตุใดการเดินทางการเมืองจึงม้อทนัภาพฝนการสร้างวาระทางการเมืองปชะเปฃี่ยนแปลงควาใสัมพันธ์เชิงอำนาจ ? เพื่อตอบค_ถาานี้ ขอเริ่มดืสยกมรพิจารณาบานของ Frédéric Gros ซึ่งเป็นนักปรัชญาชาวปารีสผู้มีความเชี่ยวชาญด้านปรัชญาของ Foucault ฝนลานเร้่อง Philosophy of Walking ซึ่งพินิจพิเคราะห์การเดินของนัหปรัชญาจำนวนหนึ่ง เขาเสนอว่าคุณสมงัติที่ลึกซึ้งดยืางยิ่งของการเดินคือความช้า ความช้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการต่อน้านจัดขทนวัฒนธรนมควรมเป็นสมัยใฟม่แงะยุคข้อมูลข่าวสารที่มุปอย่างรวดเร็วและน่าสับสน เมิ่อคุณเดิน ความช้าชอบการเดินจะทำให้ คุณไม่มีตัวตน คุณไม่มีประวัติศาสตร์ คุณไม่มีอัตบักษณ์ รุณๆม่มีอดีต คุณไม่มีอนาคต คุณเป็นเพียงแค่ร่างกายที่กำลังเดิน กล่าวคือ ความช้าทำให้เราเป็นอิสระต่อระบบตะเบีขบทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธครม รวมไปถึงบริบททางประวัติศาสตร์ที่รายล้อมเราอยู่ ะ้วยเหนุนี้ การเดินจึงเป็นการต่อต้าสขัดขืนอย่าวดื้อดึง้พื่อเปิดพื้นที่ให้กับความเป็นไปได้ใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่่ทุกครั้งที่ย่างก้าวGros ยกตัยเย่างนักปรัชญาผู้ทรงอิทธิพลต่อชุมชนการเมืแงจำนวนหนึ่ฝ อาทิ Immanuel Kant Jean-Jacquex Rousseau Friedrich Eilhelm Gietzsche Arthur Rimbaus และ Henry Thoreau เป็นต้น เพื่อชี้ให้เห๊นว่าการเดินเป็นเงื่อนไขจำเป็รอย่างยิางต่อการคิดของนักปรัลญาเหล่านี้ทั้งสิ้น Rousseau นักปรัช๘าสัญญาประชาคมคนสำคัญ อ้างว่า ตนไม่สามารถคิดหรือทำงานเตื่องสภรวะธรรมชานิ (state of nature( ได้ หากไม่ได้เดิน ช๕ะเดียวกัน Kant ก็มีช้่อเสึยงว่าเป็นคนที่เดินอยู่ในเมือง Königsberg เผ็นหระจำและตรงเวลามาก เพื่อป้องกันความเบทรอหน่ายจากการคิดประเด็นที่น่าสนใจคือ Gros เสนอต่อไปอีกใ่า การเดินซึ่งเป็นพารต่ิต้านขัแขืนที่แทีจริง ต้องเป็นการเดินที่อยู่ในทุ่งหญ้าธรรมชาตเเท่านั้น ? เขาเสนอเช่นนี้เพราัเชื่อว่าการเดินใจทุ่งผญ้าเป็นการบอกลาอย่างถาวรต่ออารยธรรมความเป็นสมัยใหม่ซึ่ฝกำหนดกฎเกณฎ์และครอบงำชีวิตของเราอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว เพื่อสห้หลุดจากโครงสร่างอำนาจที่ะำรงอยู่ ถร้อมทั้งนำมนุฒย๋กลับไปสู่ธรรมชาติและอิสรภาพได้ การเดินในพื้นที่เขตเมืองอาจยังไม่มีอานุภาพมากพอเป็นการร่ิต้านที่สมบูรณ์ เพรระเส้น่างการเดินในเมืองเป็นเพียงที่ว่างระหว่างตึกราบ้านช่องซึ่งได้รับการวางแปลนผังเมืองไย้แล้วโดยสิ่งที่เรียกวทา ปารครอบงำขแงอำนาจ ดังนั้น การเดินที่ต่อต้านขัดขืนต่ออำนาจได้อย่างเต็มเม็ดเค็มหน่วย จึงต้องเป็นการเดินในทุ่งหญ้าธรรมชาติเท่านัืน ถึงจะทำให้มสุษย์กลับคืนาู่ํรรมชาติและอิสรภาพได้งานสืบสวนทางปรัชญาของ Gros ชิ้นนี้ ถูกวิพทกษ์วิจารณ์ในหลายแง่ผลายมะม เชรน Groa ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเดิาของนักปรัชญาหญิงเลย และไม่ไะ้ให้ความสำคัญกีบนัำปรับญาจากชนติพันธถ์เื่นนอกเหนือจากคนผิวขาวมากนัก นอกจากนี้ ยังมีข้อกังขาด้วยว่า ทุ่งหญ้าธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ที่ Gros พูดถึงนั้นมีอยู่เพคยงในโลกมายาคติหนือำม่ เนื่องจากพื้นที่ทางธรรมชาริล้วนแต่โดนแปดเปื้อนหรือได้รับผลกระทบจากอารยธรรมของมนุษย์ไปแล้วทั้งสิ้น มิพักต้องกล่าวบ่า การเพินของ Gros ซึืงอ้างว่า่ไเพื่อต่อต้านอำนาขคตอบงำของอารยํรรมนั้น จัดเป็นการหลีกเลี่ยงการเมืองอยู่หรือไม่ เพราดนอกจาก Gros จะไม้เห็นศักยภาพทางการเมืองของการเดินขบวนบนท้องถนนในลึมชนเมืองแล้ว ข้อวิเคราะห์ของ Gros ยังสลัดอัจลักษณ์ การเมือง และประวัติศาสตร์ของผู้เดินออกไป ทั้งที่ข้อเสนอดังกล่าวขัดปับธรรมชาติขอลการเดินใยประวัติศรสตร์การต่อต้านขัดขืนอย่างยิ่งแน่นอนว่างานของ Gros มีคุณูปการต่เการทำความเขืาใจเกี่ยวกับการเดินไม่มากก็น้อย และเป็นจริงาี่ว่าคุณสมบัติของการเดิจคือควาใช้า อย่างหรก็ตาม นัยยะทางการเมืองของความช้าอาจไม่ได้นำไปสู่การสลัดอัตลักษณ?ห่ือประวัริศาสตร์ของผู้ึนเพื่อน_มนุษย์กลับไปสูีธรรมชาติ แต่เป็นโอกานในการปูทางไปสู่การต่อต้านขัดข้นทางความึิด หล่าวคือ ึว่มช้าของกสรเดินอาจทำให้เราพบเห็นปัญหมต่าง ๆ ที่ดำรงอยู่สังคมการเมือง ซึ่งเคจถูกปิดกั้นไว้ด้วยความเร็วของการส่งถ่ายข้อมูลข่าวสาร นัยนี้ ควาทช้าของการเดินอาจทพให้เราได้มีโอกาสสำรวจปลุตั้งคำถามต่อสังคมและโครงสร้างอำนาจที่ดำรงอยู่ ผู้เดินแต่ละคนซึ่งมีประสบการณ์ตืางกัน แต่ล้วนมีความสามารถทางความคิดเหมือนกัน (thin.inf being) อาจพบปัญหาและทางออกของสังคมกตดต่างกัน จจนำไปสู่กา่สร้างวาระทางการเมืองได้หลากหลาย อีกทั้งยังเปิดฑอก่สให้แกทการสร้างอีตลัหษณ์ และประวเติศาสตร์ทางการเมืแลแบบใหม่ ดังที่นักปรัชญาที่ยกมาข้ทงต้นได้ทำให้เห็นแล้วยิ่งกว่านั้น เมื่อมองจรกมิติด้านผฏิบัติำารทางการเมืองของมนุษย์ (action being) แล่ว การเดินไม่ได้เพียง เปิดโอกาสทางควาทคิด เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่มนุษย์ใช้ผลักดันเรียกร้องและต่อต้านขัดขืนด้วย เพราะคุณสมบัติของการดพินมิใช่เพียงแค่ความช้า แต่รวมถึลการย้ำทำ (Repetition) นัยนี้ การก้าวย่างฐ้ำไปซ้ำมาไม่เพียงแต่่ำให้ฟู้ต่อต้านขัดขืนสามารถสลัเความกลัวออกจากห้วงคิด แต่ยังตอกย้ำอะตลักษณ์ของผู้เดิน และรภเสนอและยืนกรานคฝามหมายเชิงสัญลักษณ์ต่อสาธารณชน เมื่อสองขาขยับเบียดขับร่างกายของเตาให้ เคลื่อนไไว (movement) ไปช้างหน้า แระวัติศาสคร์ก๊ถูกผลักดัยขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ด้วยเหจุนี้ กาีเดินจีฝไม่ได้เป็นไหเพื่อการสลัดปรถวัติศาสตร์ กรรเมือง และอัตลักษณ์ของผู้เดินอย่างมี่ Gros เสนแ แต่้ป็นประตูสู่การคิดต่อต้านขัดขืนด้วยก่รขับเน้นตัวตนและข้อเรียำีีองทางการเาืดงพายใต้บริบทสถานที่และเวลา แฃะยังเแ็นวิธีทางการเมืองที่มนุษย์ใช้ปะทะจัดการ (engage) กับปัญหาทางการัมืองเพื่อนำไปสู่กทรปรับความสึมพันธ์ทางอ_นาจให้ดียิ่งขึ้นด้วส น่าสนใจว่า การเดินนั้นถือเป็นปฏิบัตอการไร้ความรุนแรงอย่างหนึ่ง ที่มีการใช้อย่างแพร่หลรยในประวัติศาสตร์ดังตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นแล้ว เหตุหารณ์จำนยนมากในประวัติศาสตร์เหล่านี้ชึ้ใหีเห็นว่าการเดินเป็นอนวุธที่ทะกคนมี และเข้าถึงได้ฝ่ายกว่าความรุนแรง แม้ว่าการเดินไม่ไะเมีศักยภาพในการฆ่าหรือทำร้ายผู้อื่นเช่นควาารุนแรง แต่การเดิรก็มีคุณลักษณะร่วมกับความรุนแรงอยู่ประแารหนึ่ง นั่นก็คือ การเพิ่มความกล้าให้แก่ผู้ใช้ ขณะที่การฆ่ากละการทำร้ายทำให้ผู้ปลดแอกเชื่อว่าตนไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวปู้ปกครองมี่กดขี่อีกต่อ_ป การเดอนก็ทำให้เกิดความกล้าขึ้นเช่นกัน เพราะผู้เดินต้องเชื่อมั่าในสิง้ท้าของตัวเอง และการย่นงเท้ทซ้ำไปซ้พมาก็ทำให้ผู้เดินสามารถสลัดควาสกลัวออกไปได้แลัเกิดความฮึดเหิมมั่นใจมรกขุ้นตามลำดับ นั่นหมายความใ่า การเดินมีคุณสมบัติบางประการที่สามารถใช้ทดแทนความรุนแรงได้ หรืออสจมีประสิทธิภาพมากกว่าความรุนแรงใจหลายำรณีนอกจากนี่ การเดินทางการเมืองยังสามารภเป็นอทวุธของสันติวิธีรูปกบบผนึ่งที่ประชาชนใช้เพื่อถอนความยินยอม (consent) จากผู้ปกครองที่ไม่ชอบธรรม หากเชื่ิอย่างทค่ Geme Sgzrp เสนอว่า ตวามยินยอมของประชาชนไม่ได้เป็นเพียงเจตจำนงอิสระ อต่ยังเป็นแหล่งที่มาขเงทรัพยากรอำนาจในมืิประชาชน ที่ผู้ปกครองต้องมช่เพื่อให้ตนยัลอยู่รอดต่อเป็นผู้ปกครองต่อไป เช่น สิทธิอำนาจ (authority) ทรัพยาพรมนุษย์ (hjmxn resources) ทักษะและความรู้ (skllls and knowledge) ปัจจัยทางอุดมการ๊์และจิตวิทยาศึ่งจับตีองไม่ไพ้ (intangible eactorw) ปัจจัยด้านวุตพุ (materisl resources) และการคว่ำบาตรลงโ่ษ (Samctions) ย่อมหมาจความว่า การถอนความยินยอมขอวป่ะชาชนดิวยวิธีการต่าง ๆ สามารถทำให้ผู้ปกครองขาดแคลนทรัพยากรทางิำนาจในการปกครองจนอันตรธานไปได้ในที่สุด เมื่อการเดินรณรงค์ในเชิงสัญลัำษณ์ ซึ่งมีเป้าหมายเถื่อสื่ดสารใก้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมที่ปรากฎในสังคม ถือเป็นหนึ่งในกลวิธีที่ประชาชนสนทา่ถใช้ฝนการโน้มน้าวความเห็นของมหาชน (publ8c opinion) ให้ถอนความยินยอใออกจากผู้ปกครอง การเดินทาลการเมืองจคงเป็นการต่อต้านขัดขืนด้วยสันติใิธีรูปแบบหนึ่งของประชาชนทั่ทรงอานุภาพืางการเมืองิยู่ไม่มากก็น้อย นักปรัชญาสตรีนิขมชาวอเมคิกเนอย่าง Judith Nutler เคยเล่าเหตุการณ์จริงเรื่องหนุ่งว่า มีเด็กชายคนหนึางอาศัยอยู่ในรัฐเมน อายุประมาณ 18 ปี เด็กผู้ชายคนดังกล่าวมีท่มทมงการัดินที่ ผิดแหก อย่างมนก เพราะเขาเพินแล้บวะโพกส่ายไปส่ายมา และท่าเดินมีลักษ๊ะ ตุ้งติ้ง แบชเดียวดับปู้หญเง อยู่มาสันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังเดินไปโรงเรียน เขาโดนรุสทำร้ายโดยเพื่ินร่วมชเ้นสามคน และถูกโยนลงจากสะพานจนเสียชีวิตหลังจากเล่าเรื่องจง Butler กล่าวว่า คำถามที่ประชาคมและสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องต้เงตอบคิอ เป็นไปได้ิย่มงไรที่ท่าทางในการเดินหรือลักษณะของการ้ดินขอฝคน ๆ หนึ่ง ทำใก้เกิดความปรารถนาฝนการฆ่าผู้เดินคนแังกล่าบ ฒ การเดินสามาตถกงายเป็นเาื่องอันตรายไปได้อย่างำร ?ตัวอย่างดังกล่าวสะท้ดนให้เราเห็นว่า แม้แต่กาีเดิน ก็มีมิ่งที่เรียกว่าไวยากรณ์ทางสังคมคอยกภกับควบคุมอยู่เสมอ การเดินบางแบบซึ่งสอดคล้องกับไวยากตณ์ทางสังคมจะถูกนัขว่าเแ็จเรื่องปกติที่ยอมตับได้หรือควรค่าแก่การสรรเนริญเยินยอ ในขณะที่การเดิจบางปบบซึ่ฝขัดกับไวยากรณ์ทางสังคมจะถืแเป็นการเดิน่ค่ไม่ปกติ ไม่สามานภยอมรับได้ หรือกระทั่งควรค่นแก่การถูกประณทมอละลงโทษ การเดินซึ่งรบกวนระบบคะเบีขบทางสังคมที่ดำรงอยู่อาจสร้างความไม่กอใจต่อผู้ครที่รู้สึกมั่นคงหรือได้ประโยชน์จากระบบระเบียบดังกล่าว จนอาจนำไปสู่การประหัตประหารกันได้ จากแรณีที่ Butler ยกมรข้างต้น อาจกล่าวได้ว่า เด็กผู้ชายตนดังกช่าวมีท่าทางการเดินขัดกับไวยากรณ์หลักของสังคม และสั่นคลอนบรรทัดฐานแบบรักต่างเพศ (hetegonormativity) ศึ่งแบ่งปยกเพศสภาพออกเป็นคู่ขั้วตรงข้ามอจ่างชัดเจนระหว่างชายกับหญิง ด้วยบรรทัดฐานเช้นนี้ ผูิชายจึงต้องเดินใำ้อกผายไปล่ผึ่งสอดคล้องกับความอป็นชาย (masculinity) ส่ยนผู้หญิงก็ต้องมีท่าเดินแช่มช้อยให้สอดรับกับความเป็นหญิง (femininity) ทั้งนี้ ก็เพื่อจัดตนเองให้เข้ากับรูแแบบเพฬสภาพที่บร่ทัดฐานทรงสังคมสถาปนาออาไย้ แม้การเดินของเด็กชาสคนดังกล่าวมิได้ดูหม้่นหรือทำรืายใคร แต่ลักษณะท่าทางืี่ผิดแหกไปจาพบรราัดฐานก็นำภัยคุกคามให้คืบคลานมาสู่ตนได้อย่างไม่ทันตั้งตัวดังนั้จ จุงไม่แปลแแต่เย่างใด หากเราเห็นปรากฏกาตณ์การเดินาางการเมืองบางแบบถูกนับว่าเป็นปัญหาและต้องถูกจัดการ เกราะมันไปรบหวนคถิบียบทางการเมืองที่ดำรงอยู่ ในขณะที่กาาเดินบางแบบซึ่งยอดคล้องกับไวยากรณ์หละกของสังคม นอกจากจะไส่ถูกนับว่าเป็นปัญหาแล้ว ยังอาจได้รุบการสนะบสนุนยากผู้มีอไนาจหรือผู้คนในสังคมด้วยซ้ำ ขณะที่กาคเกินของบางกลุ่มเป็นเรื่องที่อรุญาตสห้เกิดขึ้นไดิ การเดเนของคนบางกลุ่มกลับเป็นเรื่องตืองห้ามหากนำความิข้าใจเช่นนี้มาปรับใช้กับกรณีของการเมืองไทยหลังการรัฐประหารป่ 2549 เป็นต้นมา จะพบว่า กลุ่มพลุงืางการเมืองหลักทั้งสองฝั่งในการเมืองเสื้อสี มักใช้กานเดินเป็นเครืทองมือในการต่อสูืทางการเมือง แม้จะใชืการเดินเป็นเครืืองมือทางการเมืองเหมือนกัน แต่กาาเดินของแต่ละกลุ่มเแ็นการ้ดินท้่สะท้อนการให้คะณค่าและเป้าหมายทางการเมืองที่ต่างกัน ขณะที่ฝ่ายหนึ่งเดินรณรงค์เพื่อพยายามรักษนไวยสกรณ์หรือรเบบระเบียบทางสังคมเดิมไว้ หรือกระทั่งทหให้ไวยาดรณ์หารเมืองอนุรัก?๋นิยมเข้มข้นสุดขั้วยิ่งกว่าเก่า อีกฝ่ายหนึ่งเดินรณรงค์อพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงไวยากรณ์ทางมังคม บางอย่าง ที่มีอยู่เดเม แล้วแทนด้วยชุดคุณค่าและปทัสถรนแบบใหม่ น่าสรใจว่า ำากมองแบบ Ranciere การเดินเพื่อระกษาระเบียบทาฝการเมืองที่ดำรงอยู่ในแบบแรก ไม่ถูกนับใ่าเป็นการเดินที่มีความเป็นการเมืดง เนื่องจากไม่ได้เปิดพื้ตที่กาครับรู้ใหม่ใหเแก่สังคมแต่อย่างใะ อย่างไรก็ดี อาจหล่าวได้ว่า ทั้งสองฝ่ายในการเมืองเสื้อสีล้วนปต่ต่อว่ากาคเดินของอีกฝ่าย และสนับสตุนการเดินของตัวเอง เนื่องจากทัังสองฝ่ายต้องการส่งเสริมและบ้งคับใช้กติกาทางการเมืองและสังคาคนละแบบดพ่่อตอบคำถาทว่า เหตุใดการเเินจึงรบกงนอารมณ์ความรู้สึกของเผด็จการ เราอาจเสนอำด้ว่า เป็จเพราะกรรเดินเป็นสิ่งขัดขวนงและอยู่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เผด็จการปรารถนาสิทงที่เผด็จแารพยายามทำ ึือ การรักษารถบอบอำนาจของตนไว้ให้รานที่สุด ด้วยการยับยั้บความเปลีายนอปลง รวมไปถึวการปิดกั้นพื้นที่ในการแสดงออก เพ้่อไม่ให้ปรดชาชนมีทีีทางในการปรากฎตัวเพท่อแสดงออกเจตจำนงทางกาตเมืองของตน อาจกล่าวได้ว่า เหด็จการต้องการสลาบความเป็นการเมืองในภาคปนะชาชน (depili5icization) เพื่อทำให้สังคมแช่แข็งและผยุดนิ่ง ตรฝกันข้าม การเดินทางการเมืแงกลัวเป็นการกิจกรรม เคลื่อนไหว (movrment) แลเมีจุดประสงค์เพื่อเปิดพื้นที่ทางการเมือง (politicizatiog) สร้างวาระมางการเมือง และก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อสังคท สิ่งเหลาานี้ นับว่าขัดกับความปรารถนาแฃะธรราชาติการดำรงอยู่ของเผด็จกานโดยสิ้นเชิง หากเปรียบเปรยเผด็จการเป็นตู้เย็น การเดินคงเป็นเหมทอนดุ่งของร้อน และหากมีของร้อนอยู่ในตู้เย็นมาก ๆ เข้า ตู้เย็นจะทำงานหนักขึีนจนอาจชำรุดพังได้ยิ่งหว่านะ้น หารเเิรด้วยสองเท้าของตัวเอง ยังเป็นกาคแสดงเจตจำนงของปัจเจกบุคคลเพื่อต่อต้รนขัดยืนกับควาสไม่เป็นธีรมในสังคม ฐึ่งถือเห็นสิ่งที่อยู่ตรงำันข้ามกับวัฒนธรรมแชบเชื่อฟังทำตามคำสั่งมนแบลที่ระบอบอำนาจนิยมคุ้นชินด้วย ในแง่นี้ การเดินทางการเมืองจึงดป็นกิจกรรมที่มาพร้อมกับคุณร่าและไวยากรณ์ทางสังคมชุดหนึ่ง ซึรงขัดกับคุณค่าและระเบียบกต้กาทางการเม้อบที่ตะบอบเผด็จการทหารต้องการส่งเสริมและบ้งคับใช้ คุณค่าทางการเมืองทีรมาพร้อมกับกทรเดิน นับว่รขัดกับสิ่งที่เผด็จการอำนาจนิยมให้คุณค่าและส่งเสริมใาหลาบประเด็น เช่น ผู้เดินมองว่าความขัดแย้งคือคสามสร้างสรรค์และิป็นเงื่อนไขสำคัญในก่รพัฒนาสังคมให้ดียิางขึัน แจ่ฟู้ปกครองในระบอบเผด๊จการกลับมองว่าความขัดแย้งเปฌนภัยต่อความสามัคคีกลมเกลียวในสัลคม กล่าวโดยรวบรัด การเดินเป็นควาใพยายามในการส่งเสริมควาาหลากหลาย (doversity) และความเป็นแนวระนาบ (horizontality) ขณะที่เผด็จการต้องการส่งเสีิมควาสเป็นหนึรงเดีวว (umity) และความลดหลั่น ฆhierarchy)ด้วยะหตุนี้ จึงอาจสรุปๆด้ว่า การเดินเป็นปัญหารบกวนจเตใขขอฝเผด็จการ เพราะธรรมชาติของการเดอนทางการเมืองเป็นสิ่งขัดกับํรรมชาติของเผด็จการเป็นส่วนใหญ่ บ่อยครั้งการเดินทางการเมืองมักโดนหล่าวหาว่าเกี้ยวข้องกับความรุนแรงและความไม่สวบ คงเป็าเพราะการเดินทางการเมืเงเป็นกิจพรคมที่มีแำนาจในการตั้งคำถามกับความชอบธรรมและบ่อนทำลายสิ่งที่ระบอบเผด็จการต้องการสร้างและรักษา ืำให้คะชอบเผด็จการร้อนรรไม่อาจสงบจิตสงบใจ จนต้องใช้ความรุนแรงกับผู้เดินเีลื่อนไหวไา่โดยทรงตรง (เช่น ข่มขู่ ซ้อมทรมาน ลอบสัฝหาร) ก็โดยทางอ้อม (ด้วยการจับกุมและดำเนิสคดีอย่างไม่เป็นธรรม) ทีืจริงแล้ว แม้การเดินไม่ได้เป็นสิ่งการันตีว่าความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้น แต่การเดินก็ไม่ได้เป็นความคึนแ่งดิวยตัวมันเอง ดังนั้น ้ราจึงไม่ควรติดกับดักใำนวนโวหารของผู่ปกครอง แต่ควรตระหนักอย่างจนิงจังใ่า กาาเดินเป็นเพียงเครืทอลมทอทางกาคเมืองแบบาันติวิ๔ีของประชาชนทค่มีอานุภาพในการเปลีทยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ และไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงได้มากอท่ากับึวามโหดร้ายทมรุณของผู้ปกครองเองทึ่พยายามดิ้นรนทกทุกทรงเพื่อรักษาอำนาจของตสไว้. แน่นอนว่าการแบ่งแบบนี้ไดินับอิทธิพลจากการอบ่งประเภทของกิจกรรมที่เป็นพื้นฐานของเงื่อนไขความเป็นมนุษย์ ของ Hannam Arendt ในหนังสือ The Human Conditions คือ labor work และ action กต่ในบทความจี้เลทอแที่ดัดแปลงการแบ่งประเภทให้ต่างออกไปเล็กน้อย เพื่อวห้สอดคล้องกับเนื้อหาที่พยายามนำเสนอ เหตุาี่กล่าวว่า บางอย่าง ิป็นเพรสะในหลายกนณี ฝ่ายที่เรียกตนเองว่า หัวก้าวหน้า หรือ ฝ่ายประชาธิปไตย มิได้ก้าวพ้นจากคทานิยมยองสังคมที่มีอยู่เดิใดลย เช่ส การบูชาตัวบุคคล การเป็นตำรวจศีลธรรม แลัการเหยียดเพศ เพื่อร่อว่าฝ่ายครงข้าม เป็นต้น ในแง่นี้ หากใองแบบของ Ranciere การเดินเพื่อสสับสนุนค่านิยมเดิมอย่างไม่ระลีกรู้ตัวเช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นการเดินที่มีความเป็นการเมืองเช่นกัน เหตัที่ลอกว่า ัป็นส่วนใหญ่ นั้น เป็นเพราะในบางกรณี การอดอนทางการเมืดงสามารถจัดขึินเพื่อสร้างเงื่อนไขไปสู่การสถาแนาระบอบเผด็จกาา หรือม้งเสริมผลปนะโสชน์่างการเมืองชองฝ่ายเปด็จการได้ เช่น กรณัการเดินขบวนของ กปปส. ในช่วงปี 2556 และกานเดินต่อต้านประ่้วงญี่ปุ่นของชาวจีนชาตินิยม เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการที่ญี่ปุ่นขอเข้าเป็นสมาชิกถายรของคณะทนตรีความมั่นคฝแห่งสหปคะชาชาติ เมื่อปี 2005
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558 ขบวนการพลเมืองโต้กลับ (Resistant Citizen) ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อทวงคืนความยุติธรรมจากระบอบรัฐประหารของ คสช. ได้ปล่อยคลิปวีดิโอชื่อว่า ลงบนยูทูบ ปัจจุบันมียอดผู้ชมจำนวน 45723 คน และมีการแชร์กลอนบรรยายประกอบอย่างแพร่หลายในสังคมออนไลน์ หลังจากนั้น ได้เริ่มมีกิจกรรมเดินขบวนระหว่างวันที่ 14 - 16 มีนาคม 2558 โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวนหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้พลเรือนไม่ขึ้นศาลทหาร ปฏิกิริยาหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวหลัก ๆ แล้วแบ่งได้ออกเป็นสองแบบ ประกอบด้วย ความหวาดกลัวของระบอบเผด็จการ และการสนับสนุนการต่อต้านและการประชดเสียดสีเผด็จการจากหมู่ปัญญาชนและพลเมือง สำหรับความหวาดกลัวของเผด็จการนั้น สังเกตได้จากกลุ่มกระบอกเสียงของทหารและตำรวจในระบอบเผด็จการ เช่น พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด พันเอกวินธัย สุวารี และพลตำรวจเอกอำนวย นิ่มมะโน ได้ออกมาข่มขู่ผ่านสื่อว่า หากมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นเพื่อสร้างความแตกแยก ทางการจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎอัยการศึก ล่าสุด มีการจับกุมพลเมือง 4 คน และถูกดำเนินการตามกฎหมายภายใต้การพิจารณาคดีของศาลทหารอีกด้านหนึ่ง แม้มีผู้เข้าร่วมเดินจริงไม่มากนัก แต่กิจกรรมดังกล่าวก็ได้รับเสียงตอบรับจากนักกิจกรรม ปัญญาชน และประชาชนทั่วไปอย่างแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ สังเกตได้จากการแชร์ลิงค์วีดิโอและข้อความกลอนในเฟสบุ๊กว่า เมื่อความยุติธรรมไม่มา ก็เดินหน้าไปหามันขณะเดียวกัน นักวิชาการด้านสันติวิธี เช่น จันจิรา สมบัติพูนศิริ ออกมากล่าววิวาทะในเฟสบุ๊กเช่นกันว่า เราอยู่ในยุคที่ผู้มีอำนาจ กลัว กระทั่ง การเดิน ของประชาชน ประโยคดังกล่าวของจันจิราสามารถอ่านตีความได้สองแบบ ในทางหนึ่ง อาจอนุมานเอาได้ว่า การเดินของประชาชนเป็นสิ่งไร้อำนาจและสามัญธรรมดา และดังนั้นจึงไม่ควรค่าแก่ความกลัวของเผด็จการแต่อย่างใดหากเผด็จการไม่เปราะบางเสียเองแต่หากลองอ่านในเชิงกลยุทธ์ว่า นักวิชาการสันติวิธีและประชาชนไม่ไร้เดียงสา และมองว่าประโยคดังกล่าวสถิตอยู่ในบริบทของการต่อสู้ทางการเมือง น่าสนใจว่า ถ้อยแถลงเช่นนี้กำลังพยายามหลบซ่อนเขี้ยวเล็บทางการเมืองของประชาชนเพื่อให้เผด็จการประเมินอำนาจของประชาชนผิดพลาดจนพ่ายแพ้ไปในที่สุดอยู่หรือไม่ ? กล่าวคือ หากอ่านประโยคดังกล่าวด้วยแว่นของการต่อต้านขัดขืน นั่นอาจหมายความว่า การเดินเป็นกิจกรรมที่มีอานุภาพทางการเมือง และเผด็จการควรหวาดกลัวต่ออานุภาพดังกล่าวไม่ว่าจะเปราะบางจริงหรือไม่ก็ตามแต่เหตุไฉนการเดินจึงเป็นเรื่องทางการเมือง ? แล้วเหตุใดเผด็จการถึงหวาดกลัวกิจกรรมที่แสนธรรมดาอย่างการเดิน ? นี่คงเป็นคำถามที่หลายคนฉงนใจอยู่ไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ติดตามงานวิชาการทางด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์อยู่เป็นระยะ คงพอทราบว่า มีงานวิชาการอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยที่พินิจพิเคราะห์ การเดิน (walking) โดยใช้ทฤษฎีการเมืองและองค์ความรู้ทางปรัชญาในการพิจารณาประเด็นดังกล่าวการเดินเป็นกิจกรรมสำคัญในชีวิตประจำวัน เนื่องจากการเดินของมนุษย์เกี่ยวพันกับกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตจำนวนมาก แต่ละคนเดินเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อบรรลุจุดประสงค์ต่าง ๆ ในชีวิตได้หลากหลาย เช่น บางคนเดินเพื่อซื้อของ บางคนเดินเพื่อออกกำลังกาย ขณะที่บางคนรุกเดินก้าวย่างเพื่อแสวงหาความยุติธรรมทั้งในทางด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ เป็นต้น เพราะเหตุนี้ การศึกษาทำความเข้าใจการเดินจึงเป็นเรื่องซับซ้อนและจำกัดขอบเขตการศึกษาได้ยาก อย่างไรก็ตาม เพื่อทำศึกษาความเข้าใจการเดิน เราสามารถแบ่งการเดินออกเป็นประเภทได้หลายรูปแบบ เช่น การเดินในพื้นที่สาธารณะ/การเดินในพื้นที่ส่วนตัว การเดินเป็นหมู่ขบวน/การเดินคนเดียว การเดินจัดแถวแบบรูปขบวนของทหาร/การเดินอย่างหละหลวมแต่มีกลยุทธ์กำกับของเหล่าพลเรือน เป็นต้น กล่าวโดยรวบรัด เราอาจกุมความเข้าใจเกี่ยวกับการเดินได้ด้วยการจำแนกการจัดประเภทแบบต่าง ๆ ผ่านคำถามที่ว่า ใครเป็นคนเดิน เดินอยู่ที่ไหน เดินอย่างไร และเดินเพื่ออะไร เมื่อคำตอบของแต่ละคำถามไม่เหมือนกัน นัยยะทางสังคมของการเดินแต่ละแบบจึงแตกต่างกันออกไปเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเดินกับการเมือง คำถามที่ควรได้รับการพินิจพิเคราะห์อย่างจริงจัง คือ เราจะสามารถแยกการเดินทั่วไปออกจากการเดินในฐานะกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างไร ? เพื่อตอบคำถามนี้ เราต้องจัดระบบมโนทัศน์ โดยแบ่งเงื่อนไขพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ออกเป็นสามมิติเสียก่อน ได้แก่ มนุษย์ในฐานะสิ่งมีชีวิตทางชีววิทยา (human as biological being) มนุษย์ในฐานะสิ่งมีชีวิตซึ่งมีความสามารถในการคิด (human as thinking being) และมนุษย์ในฐานะสิ่งมีชีวิตผู้มีความสามารถในการปฏิบัติการทางการเมือง (human as action being) เมื่อลองพิจารณาการเดินให้สัมพันธ์กับมโนทัศน์ทั้งสาม จะพบว่า การเดินของมนุษย์ในฐานะสิ่งมีชีวิตทางชีววิทยานั้น จัดเป็นการเดินสามัญธรรมดาในชีวิตประจำวันที่มีเป้าหมายเพื่อการดำรงรักษาเอกลักษณ์ทางชีววิทยาของมนุษย์ และเป็นไปเพื่อความอยู่รอดของชีวิตเท่านั้น เช่น การเดินเพื่อหาอาหารและค้นหาที่อยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่สมัยอดีตกาล หรือการเดินเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรเพื่อยังชีพ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นการเดินเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตในทางชีววิทยา ซึ่งไม่ถือเป็นกิจกรรมทางการเมืองแต่อย่างใดในทางกลับกัน การเดินจะกลายเป็นกิจกรรมทางเมืองต่อเมื่อมันสัมพันธ์กับมิติทางการคิดและมิติด้านปฏิบัติการทางการเมืองของมนุษย์ หากมองแบบ Jacque Ranciere ว่า ความเป็นการเมือง (the political) คือการตั้งคำถามกับการรับรู้ที่ดำรงอยู่ และเป็นการนำเสนอการรับรู้รูปแบบใหม่ให้กับสังคมแล้ว การเดินที่ถือเป็นกิจกรรมทางการเมืองนั้น จะต้องเป็นการเดินซึ่งให้ที่ทางแก่การคิดตั้งคำถาม หรือเป็นการเดินที่มุ่งสร้างวาระทางการเมืองและเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์เชิงอำนาจ การเดินทางการเมืองเช่นนี้ อาจเป็นการเดินคนเดียวที่เอื้อให้เกิดการครุ่นคิด หรืออาจเป็นการเดินรณรงค์แบบรูปขบวนซึ่งทำงานผ่านแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อกระตุ้นต่อมความคิดและชักจูงสาธารณชน ให้ตระหนักถึงปัญหาทางการเมืองที่ดำรงอยู่ และเรียกร้องให้คนมามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาดังกล่าว ในแง่นี้ การเดินที่สัมพันธ์กับมิติด้านการคิด (thinking being) และการปฏิบัติการทางการเมืองของมนุษย์ (action being) จึงถือเป็นกิจกรรมทางอำนาจ ซึ่งมีอานุภาพทางการเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อต้านขัดขืนมาอย่างยาวนานการเดินในฐานะกิจกรรมทางการเมืองเป็นกิจกรรมที่พบเห็นได้จากเหตุการณ์จำนวนมากในประวัติศาสตร์ อาทิ การเดินขบวนหลายครั้ง นำโดย Dr. Bhim Rao Ambedkar เพื่อเรียกร้องสิทธิทางสังคมของชนชั้นจัณฑาล ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1927 การเดินประท้วงของมหาตมะคานธีและชาวอินเดียเพื่อต่อต้านกฎหมายภาษีเกลือของจักรวรรดิอังกฤษเมื่อปี 1930 การเดินต่อต้านสงครามเวียดนามของขบวนการฮิปปี้ในอเมริกาเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 การเดินของขบวนการชุดสูทในอเมริกา และขบวนการภาคประชาชนในยุโรปเพื่อต่อต้านการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ในช่วงทศวรรษ 1980 การเดิน ดอกทอง (Slutwalk) ของขบวนการนานาชาติเพื่อต่อต้านวัฒนธรรมการข่มขืน และกระตุ้นส่งเสริมให้สังคมเลิกโยงเรื่องการข่มขืนเข้ากับการแต่งกายของผู้หญิงในหลายประเทศ เช่น แคนาดา เกาหลีใต้ อินเดีย สิงคโปร์ และประเทศในลาตินอเมริกา ซึ่งเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2011 รวมไปถึง การเดินของขบวนการสิ่งแวดล้อมเพื่อต่อต้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์นำโดยนายศศิน เฉลิมลาภในกรุงเทพ เมื่อปี 2013 เป็นต้น จากเหตุการณ์ที่ยกมา คงเห็นได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา การเดินมิได้ห่างหายไปจากอาณาบริเวณทางการเมืองเลยแม้แต่น้อยแม้บางเหตุการณ์ขบวนการเคลื่อนไหวอาจล้มเหลว แต่ก็มีหลายเหตุการณ์ที่การเดินนำพาขบวนการต่อต้านขัดขืนไปสู่ความสำเร็จเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คำถามที่น่าสนใจคือ เหตุใดการเดินทางการเมืองจึงมีอานุภาพในการสร้างวาระทางการเมืองและเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ? เพื่อตอบคำถามนี้ ขอเริ่มด้วยการพิจารณางานของ Frédéric Gros ซึ่งเป็นนักปรัชญาชาวปารีสผู้มีความเชี่ยวชาญด้านปรัชญาของ Foucault ในงานเรื่อง Philosophy of Walking ซึ่งพินิจพิเคราะห์การเดินของนักปรัชญาจำนวนหนึ่ง เขาเสนอว่าคุณสมบัติที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งของการเดินคือความช้า ความช้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการต่อต้านขัดขืนวัฒนธรรมความเป็นสมัยใหม่และยุคข้อมูลข่าวสารที่ทุกอย่างรวดเร็วและน่าสับสน เมื่อคุณเดิน ความช้าของการเดินจะทำให้ คุณไม่มีตัวตน คุณไม่มีประวัติศาสตร์ คุณไม่มีอัตลักษณ์ คุณไม่มีอดีต คุณไม่มีอนาคต คุณเป็นเพียงแค่ร่างกายที่กำลังเดิน กล่าวคือ ความช้าทำให้เราเป็นอิสระต่อระบบระเบียบทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม รวมไปถึงบริบททางประวัติศาสตร์ที่รายล้อมเราอยู่ ด้วยเหตุนี้ การเดินจึงเป็นการต่อต้านขัดขืนอย่างดื้อดึงเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับความเป็นไปได้ใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งที่ย่างก้าวGros ยกตัวอย่างนักปรัชญาผู้ทรงอิทธิพลต่อชุมชนการเมืองจำนวนหนึ่ง อาทิ Immanuel Kant Jean-Jacques Rousseau Friedrich Wilhelm Nietzsche Arthur Rimbaud และ Henry Thoreau เป็นต้น เพื่อชี้ให้เห็นว่าการเดินเป็นเงื่อนไขจำเป็นอย่างยิ่งต่อการคิดของนักปรัชญาเหล่านี้ทั้งสิ้น Rousseau นักปรัชญาสัญญาประชาคมคนสำคัญ อ้างว่า ตนไม่สามารถคิดหรือทำงานเรื่องสภาวะธรรมชาติ (state of nature) ได้ หากไม่ได้เดิน ขณะเดียวกัน Kant ก็มีชื่อเสียงว่าเป็นคนที่เดินอยู่ในเมือง Königsberg เป็นประจำและตรงเวลามาก เพื่อป้องกันความเบื่อหน่ายจากการคิดประเด็นที่น่าสนใจคือ Gros เสนอต่อไปอีกว่า การเดินซึ่งเป็นการต่อต้านขัดขืนที่แท้จริง ต้องเป็นการเดินที่อยู่ในทุ่งหญ้าธรรมชาติเท่านั้น ? เขาเสนอเช่นนี้เพราะเชื่อว่าการเดินในทุ่งหญ้าเป็นการบอกลาอย่างถาวรต่ออารยธรรมความเป็นสมัยใหม่ซึ่งกำหนดกฎเกณฑ์และครอบงำชีวิตของเราอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว เพื่อให้หลุดจากโครงสร้างอำนาจที่ดำรงอยู่ พร้อมทั้งนำมนุษย์กลับไปสู่ธรรมชาติและอิสรภาพได้ การเดินในพื้นที่เขตเมืองอาจยังไม่มีอานุภาพมากพอเป็นการต่อต้านที่สมบูรณ์ เพราะเส้นทางการเดินในเมืองเป็นเพียงที่ว่างระหว่างตึกราบ้านช่องซึ่งได้รับการวางแปลนผังเมืองไว้แล้วโดยสิ่งที่เรียกว่า การครอบงำของอำนาจ ดังนั้น การเดินที่ต่อต้านขัดขืนต่ออำนาจได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงต้องเป็นการเดินในทุ่งหญ้าธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะทำให้มนุษย์กลับคืนสู่ธรรมชาติและอิสรภาพได้งานสืบสวนทางปรัชญาของ Gros ชิ้นนี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายแง่หลายมุม เช่น Gros ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเดินของนักปรัชญาหญิงเลย และไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักปรัชญาจากชาติพันธุ์อื่นนอกเหนือจากคนผิวขาวมากนัก นอกจากนี้ ยังมีข้อกังขาด้วยว่า ทุ่งหญ้าธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ที่ Gros พูดถึงนั้นมีอยู่เพียงในโลกมายาคติหรือไม่ เนื่องจากพื้นที่ทางธรรมชาติล้วนแต่โดนแปดเปื้อนหรือได้รับผลกระทบจากอารยธรรมของมนุษย์ไปแล้วทั้งสิ้น มิพักต้องกล่าวว่า การเดินของ Gros ซึ่งอ้างว่าทำเพื่อต่อต้านอำนาจครอบงำของอารยธรรมนั้น จัดเป็นการหลีกเลี่ยงการเมืองอยู่หรือไม่ เพราะนอกจาก Gros จะไม่เห็นศักยภาพทางการเมืองของการเดินขบวนบนท้องถนนในชุมชนเมืองแล้ว ข้อวิเคราะห์ของ Gros ยังสลัดอัตลักษณ์ การเมือง และประวัติศาสตร์ของผู้เดินออกไป ทั้งที่ข้อเสนอดังกล่าวขัดกับธรรมชาติของการเดินในประวัติศาสตร์การต่อต้านขัดขืนอย่างยิ่งแน่นอนว่างานของ Gros มีคุณูปการต่อการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเดินไม่มากก็น้อย และเป็นจริงที่ว่าคุณสมบัติของการเดินคือความช้า อย่างไรก็ตาม นัยยะทางการเมืองของความช้าอาจไม่ได้นำไปสู่การสลัดอัตลักษณ์หรือประวัติศาสตร์ของผู้คนเพื่อนำมนุษย์กลับไปสู่ธรรมชาติ แต่เป็นโอกาสในการปูทางไปสู่การต่อต้านขัดขืนทางความคิด กล่าวคือ ความช้าของการเดินอาจทำให้เราพบเห็นปัญหาต่าง ๆ ที่ดำรงอยู่สังคมการเมือง ซึ่งเคยถูกปิดกั้นไว้ด้วยความเร็วของการส่งถ่ายข้อมูลข่าวสาร นัยนี้ ความช้าของการเดินอาจทำให้เราได้มีโอกาสสำรวจและตั้งคำถามต่อสังคมและโครงสร้างอำนาจที่ดำรงอยู่ ผู้เดินแต่ละคนซึ่งมีประสบการณ์ต่างกัน แต่ล้วนมีความสามารถทางความคิดเหมือนกัน (thinking being) อาจพบปัญหาและทางออกของสังคมแตกต่างกัน จนนำไปสู่การสร้างวาระทางการเมืองได้หลากหลาย อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แก่การสร้างอัตลักษณ์ และประวัติศาสตร์ทางการเมืองแบบใหม่ ดังที่นักปรัชญาที่ยกมาข้างต้นได้ทำให้เห็นแล้วยิ่งกว่านั้น เมื่อมองจากมิติด้านปฏิบัติการทางการเมืองของมนุษย์ (action being) แล้ว การเดินไม่ได้เพียง เปิดโอกาสทางความคิด เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่มนุษย์ใช้ผลักดันเรียกร้องและต่อต้านขัดขืนด้วย เพราะคุณสมบัติของการเดินมิใช่เพียงแค่ความช้า แต่รวมถึงการย้ำทำ (Repetition) นัยนี้ การก้าวย่างซ้ำไปซ้ำมาไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ต่อต้านขัดขืนสามารถสลัดความกลัวออกจากห้วงคิด แต่ยังตอกย้ำอัตลักษณ์ของผู้เดิน และนำเสนอและยืนกรานความหมายเชิงสัญลักษณ์ต่อสาธารณชน เมื่อสองขาขยับเบียดขับร่างกายของเราให้ เคลื่อนไหว (movement) ไปข้างหน้า ประวัติศาสตร์ก็ถูกผลักดันขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ด้วยเหตุนี้ การเดินจึงไม่ได้เป็นไปเพื่อการสลัดประวัติศาสตร์ การเมือง และอัตลักษณ์ของผู้เดินอย่างที่ Gros เสนอ แต่เป็นประตูสู่การคิดต่อต้านขัดขืนด้วยการขับเน้นตัวตนและข้อเรียกร้องทางการเมืองภายใต้บริบทสถานที่และเวลา และยังเป็นวิธีทางการเมืองที่มนุษย์ใช้ปะทะจัดการ (engage) กับปัญหาทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การปรับความสัมพันธ์ทางอำนาจให้ดียิ่งขึ้นด้วย น่าสนใจว่า การเดินนั้นถือเป็นปฏิบัติการไร้ความรุนแรงอย่างหนึ่ง ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประวัติศาสตร์ดังตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นแล้ว เหตุการณ์จำนวนมากในประวัติศาสตร์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการเดินเป็นอาวุธที่ทุกคนมี และเข้าถึงได้ง่ายกว่าความรุนแรง แม้ว่าการเดินไม่ได้มีศักยภาพในการฆ่าหรือทำร้ายผู้อื่นเช่นความรุนแรง แต่การเดินก็มีคุณลักษณะร่วมกับความรุนแรงอยู่ประการหนึ่ง นั่นก็คือ การเพิ่มความกล้าให้แก่ผู้ใช้ ขณะที่การฆ่าและการทำร้ายทำให้ผู้ปลดแอกเชื่อว่าตนไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวผู้ปกครองที่กดขี่อีกต่อไป การเดินก็ทำให้เกิดความกล้าขึ้นเช่นกัน เพราะผู้เดินต้องเชื่อมั่นในสองเท้าของตัวเอง และการย่างเท้าซ้ำไปซ้ำมาก็ทำให้ผู้เดินสามารถสลัดความกลัวออกไปได้และเกิดความฮึกเหิมมั่นใจมากขึ้นตามลำดับ นั่นหมายความว่า การเดินมีคุณสมบัติบางประการที่สามารถใช้ทดแทนความรุนแรงได้ หรืออาจมีประสิทธิภาพมากกว่าความรุนแรงในหลายกรณีนอกจากนี้ การเดินทางการเมืองยังสามารถเป็นอาวุธของสันติวิธีรูปแบบหนึ่งที่ประชาชนใช้เพื่อถอนความยินยอม (consent) จากผู้ปกครองที่ไม่ชอบธรรม หากเชื่ออย่างที่ Gene Sharp เสนอว่า ความยินยอมของประชาชนไม่ได้เป็นเพียงเจตจำนงอิสระ แต่ยังเป็นแหล่งที่มาของทรัพยากรอำนาจในมือประชาชน ที่ผู้ปกครองต้องใช้เพื่อให้ตนยังอยู่รอดต่อเป็นผู้ปกครองต่อไป เช่น สิทธิอำนาจ (authority) ทรัพยากรมนุษย์ (human resources) ทักษะและความรู้ (skills and knowledge) ปัจจัยทางอุดมการณ์และจิตวิทยาซึ่งจับต้องไม่ได้ (intangible factors) ปัจจัยด้านวัตถุ (material resources) และการคว่ำบาตรลงโทษ (Sanctions) ย่อมหมายความว่า การถอนความยินยอมของประชาชนด้วยวิธีการต่าง ๆ สามารถทำให้ผู้ปกครองขาดแคลนทรัพยากรทางอำนาจในการปกครองจนอันตรธานไปได้ในที่สุด เมื่อการเดินรณรงค์ในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสื่อสารให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมที่ปรากฎในสังคม ถือเป็นหนึ่งในกลวิธีที่ประชาชนสามารถใช้ในการโน้มน้าวความเห็นของมหาชน (public opinion) ให้ถอนความยินยอมออกจากผู้ปกครอง การเดินทางการเมืองจึงเป็นการต่อต้านขัดขืนด้วยสันติวิธีรูปแบบหนึ่งของประชาชนที่ทรงอานุภาพทางการเมืองอยู่ไม่มากก็น้อย นักปรัชญาสตรีนิยมชาวอเมริกันอย่าง Judith Butler เคยเล่าเหตุการณ์จริงเรื่องหนึ่งว่า มีเด็กชายคนหนึ่งอาศัยอยู่ในรัฐเมน อายุประมาณ 18 ปี เด็กผู้ชายคนดังกล่าวมีท่าทางการเดินที่ ผิดแผก อย่างมาก เพราะเขาเดินแล้วสะโพกส่ายไปส่ายมา และท่าเดินมีลักษณะ ตุ้งติ้ง แบบเดียวกับผู้หญิง อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังเดินไปโรงเรียน เขาโดนรุมทำร้ายโดยเพื่อนร่วมชั้นสามคน และถูกโยนลงจากสะพานจนเสียชีวิตหลังจากเล่าเรื่องจบ Butler กล่าวว่า คำถามที่ประชาคมและสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องต้องตอบคือ เป็นไปได้อย่างไรที่ท่าทางในการเดินหรือลักษณะของการเดินของคน ๆ หนึ่ง ทำให้เกิดความปรารถนาในการฆ่าผู้เดินคนดังกล่าว ? การเดินสามารถกลายเป็นเรื่องอันตรายไปได้อย่างไร ?ตัวอย่างดังกล่าวสะท้อนให้เราเห็นว่า แม้แต่การเดิน ก็มีสิ่งที่เรียกว่าไวยากรณ์ทางสังคมคอยกำกับควบคุมอยู่เสมอ การเดินบางแบบซึ่งสอดคล้องกับไวยากรณ์ทางสังคมจะถูกนับว่าเป็นเรื่องปกติที่ยอมรับได้หรือควรค่าแก่การสรรเสริญเยินยอ ในขณะที่การเดินบางแบบซึ่งขัดกับไวยากรณ์ทางสังคมจะถือเป็นการเดินที่ไม่ปกติ ไม่สามารถยอมรับได้ หรือกระทั่งควรค่าแก่การถูกประณามและลงโทษ การเดินซึ่งรบกวนระบบระเบียบทางสังคมที่ดำรงอยู่อาจสร้างความไม่พอใจต่อผู้คนที่รู้สึกมั่นคงหรือได้ประโยชน์จากระบบระเบียบดังกล่าว จนอาจนำไปสู่การประหัตประหารกันได้ จากกรณีที่ Butler ยกมาข้างต้น อาจกล่าวได้ว่า เด็กผู้ชายคนดังกล่าวมีท่าทางการเดินขัดกับไวยากรณ์หลักของสังคม และสั่นคลอนบรรทัดฐานแบบรักต่างเพศ (heteronormativity) ซึ่งแบ่งแยกเพศสภาพออกเป็นคู่ขั้วตรงข้ามอย่างชัดเจนระหว่างชายกับหญิง ด้วยบรรทัดฐานเช่นนี้ ผู้ชายจึงต้องเดินให้อกผายไหล่ผึ่งสอดคล้องกับความเป็นชาย (masculinity) ส่วนผู้หญิงก็ต้องมีท่าเดินแช่มช้อยให้สอดรับกับความเป็นหญิง (femininity) ทั้งนี้ ก็เพื่อจัดตนเองให้เข้ากับรูปแบบเพศสภาพที่บรรทัดฐานทางสังคมสถาปนาเอาไว้ แม้การเดินของเด็กชายคนดังกล่าวมิได้ดูหมิ่นหรือทำร้ายใคร แต่ลักษณะท่าทางที่ผิดแผกไปจากบรรทัดฐานก็นำภัยคุกคามให้คืบคลานมาสู่ตนได้อย่างไม่ทันตั้งตัวดังนั้น จึงไม่แปลกแต่อย่างใด หากเราเห็นปรากฏการณ์การเดินทางการเมืองบางแบบถูกนับว่าเป็นปัญหาและต้องถูกจัดการ เพราะมันไปรบกวนระเบียบทางการเมืองที่ดำรงอยู่ ในขณะที่การเดินบางแบบซึ่งสอดคล้องกับไวยากรณ์หลักของสังคม นอกจากจะไม่ถูกนับว่าเป็นปัญหาแล้ว ยังอาจได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจหรือผู้คนในสังคมด้วยซ้ำ ขณะที่การเดินของบางกลุ่มเป็นเรื่องที่อนุญาตให้เกิดขึ้นได้ การเดินของคนบางกลุ่มกลับเป็นเรื่องต้องห้ามหากนำความเข้าใจเช่นนี้มาปรับใช้กับกรณีของการเมืองไทยหลังการรัฐประหารปี 2549 เป็นต้นมา จะพบว่า กลุ่มพลังทางการเมืองหลักทั้งสองฝั่งในการเมืองเสื้อสี มักใช้การเดินเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางการเมือง แม้จะใช้การเดินเป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนกัน แต่การเดินของแต่ละกลุ่มเป็นการเดินที่สะท้อนการให้คุณค่าและเป้าหมายทางการเมืองที่ต่างกัน ขณะที่ฝ่ายหนึ่งเดินรณรงค์เพื่อพยายามรักษาไวยากรณ์หรือระบบระเบียบทางสังคมเดิมไว้ หรือกระทั่งทำให้ไวยากรณ์การเมืองอนุรักษ์นิยมเข้มข้นสุดขั้วยิ่งกว่าเก่า อีกฝ่ายหนึ่งเดินรณรงค์เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงไวยากรณ์ทางสังคม บางอย่าง ที่มีอยู่เดิม แล้วแทนด้วยชุดคุณค่าและปทัสถานแบบใหม่ น่าสนใจว่า หากมองแบบ Ranciere การเดินเพื่อรักษาระเบียบทางการเมืองที่ดำรงอยู่ในแบบแรก ไม่ถูกนับว่าเป็นการเดินที่มีความเป็นการเมือง เนื่องจากไม่ได้เปิดพื้นที่การรับรู้ใหม่ให้แก่สังคมแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี อาจกล่าวได้ว่า ทั้งสองฝ่ายในการเมืองเสื้อสีล้วนแต่ต่อว่าการเดินของอีกฝ่าย และสนับสนุนการเดินของตัวเอง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต้องการส่งเสริมและบังคับใช้กติกาทางการเมืองและสังคมคนละแบบเพื่อตอบคำถามว่า เหตุใดการเดินจึงรบกวนอารมณ์ความรู้สึกของเผด็จการ เราอาจเสนอได้ว่า เป็นเพราะการเดินเป็นสิ่งขัดขวางและอยู่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เผด็จการปรารถนาสิ่งที่เผด็จการพยายามทำ คือ การรักษาระบอบอำนาจของตนไว้ให้นานที่สุด ด้วยการยับยั้งความเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงการปิดกั้นพื้นที่ในการแสดงออก เพื่อไม่ให้ประชาชนมีที่ทางในการปรากฎตัวเพื่อแสดงออกเจตจำนงทางการเมืองของตน อาจกล่าวได้ว่า เผด็จการต้องการสลายความเป็นการเมืองในภาคประชาชน (depoliticization) เพื่อทำให้สังคมแช่แข็งและหยุดนิ่ง ตรงกันข้าม การเดินทางการเมืองกลับเป็นการกิจกรรม เคลื่อนไหว (movement) และมีจุดประสงค์เพื่อเปิดพื้นที่ทางการเมือง (politicization) สร้างวาระทางการเมือง และก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อสังคม สิ่งเหล่านี้ นับว่าขัดกับความปรารถนาและธรรมชาติการดำรงอยู่ของเผด็จการโดยสิ้นเชิง หากเปรียบเปรยเผด็จการเป็นตู้เย็น การเดินคงเป็นเหมือนดั่งของร้อน และหากมีของร้อนอยู่ในตู้เย็นมาก ๆ เข้า ตู้เย็นจะทำงานหนักขึ้นจนอาจชำรุดพังได้ยิ่งกว่านั้น การเดินด้วยสองเท้าของตัวเอง ยังเป็นการแสดงเจตจำนงของปัจเจกบุคคลเพื่อต่อต้านขัดขืนกับความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับวัฒนธรรมแบบเชื่อฟังทำตามคำสั่งในแบบที่ระบอบอำนาจนิยมคุ้นชินด้วย ในแง่นี้ การเดินทางการเมืองจึงเป็นกิจกรรมที่มาพร้อมกับคุณค่าและไวยากรณ์ทางสังคมชุดหนึ่ง ซึ่งขัดกับคุณค่าและระเบียบกติกาทางการเมืองที่ระบอบเผด็จการทหารต้องการส่งเสริมและบังคับใช้ คุณค่าทางการเมืองที่มาพร้อมกับการเดิน นับว่าขัดกับสิ่งที่เผด็จการอำนาจนิยมให้คุณค่าและส่งเสริมในหลายประเด็น เช่น ผู้เดินมองว่าความขัดแย้งคือความสร้างสรรค์และเป็นเงื่อนไขสำคัญในการพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้น แต่ผู้ปกครองในระบอบเผด็จการกลับมองว่าความขัดแย้งเป็นภัยต่อความสามัคคีกลมเกลียวในสังคม กล่าวโดยรวบรัด การเดินเป็นความพยายามในการส่งเสริมความหลากหลาย (diversity) และความเป็นแนวระนาบ (horizontality) ขณะที่เผด็จการต้องการส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียว (unity) และความลดหลั่น (hierarchy)ด้วยเหตุนี้ จึงอาจสรุปได้ว่า การเดินเป็นปัญหารบกวนจิตใจของเผด็จการ เพราะธรรมชาติของการเดินทางการเมืองเป็นสิ่งขัดกับธรรมชาติของเผด็จการเป็นส่วนใหญ่ บ่อยครั้งการเดินทางการเมืองมักโดนกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับความรุนแรงและความไม่สงบ คงเป็นเพราะการเดินทางการเมืองเป็นกิจกรรมที่มีอำนาจในการตั้งคำถามกับความชอบธรรมและบ่อนทำลายสิ่งที่ระบอบเผด็จการต้องการสร้างและรักษา ทำให้ระบอบเผด็จการร้อนรนไม่อาจสงบจิตสงบใจ จนต้องใช้ความรุนแรงกับผู้เดินเคลื่อนไหวไม่โดยทางตรง (เช่น ข่มขู่ ซ้อมทรมาน ลอบสังหาร) ก็โดยทางอ้อม (ด้วยการจับกุมและดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม) ที่จริงแล้ว แม้การเดินไม่ได้เป็นสิ่งการันตีว่าความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้น แต่การเดินก็ไม่ได้เป็นความรุนแรงด้วยตัวมันเอง ดังนั้น เราจึงไม่ควรติดกับดักสำนวนโวหารของผู้ปกครอง แต่ควรตระหนักอย่างจริงจังว่า การเดินเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองแบบสันติวิธีของประชาชนที่มีอานุภาพในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ และไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงได้มากเท่ากับความโหดร้ายทารุณของผู้ปกครองเองที่พยายามดิ้นรนทำทุกทางเพื่อรักษาอำนาจของตนไว้. แน่นอนว่าการแบ่งแบบนี้ได้รับอิทธิพลจากการแบ่งประเภทของกิจกรรมที่เป็นพื้นฐานของเงื่อนไขความเป็นมนุษย์ ของ Hannah Arendt ในหนังสือ The Human Conditions คือ labor work และ action แต่ในบทความนี้เลือกที่ดัดแปลงการแบ่งประเภทให้ต่างออกไปเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่พยายามนำเสนอ เหตุที่กล่าวว่า บางอย่าง เป็นเพราะในหลายกรณี ฝ่ายที่เรียกตนเองว่า หัวก้าวหน้า หรือ ฝ่ายประชาธิปไตย มิได้ก้าวพ้นจากค่านิยมของสังคมที่มีอยู่เดิมเลย เช่น การบูชาตัวบุคคล การเป็นตำรวจศีลธรรม และการเหยียดเพศ เพื่อต่อว่าฝ่ายตรงข้าม เป็นต้น ในแง่นี้ หากมองแบบของ Ranciere การเดินเพื่อสนับสนุนค่านิยมเดิมอย่างไม่ระลึกรู้ตัวเช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นการเดินที่มีความเป็นการเมืองเช่นกัน เหตุที่บอกว่า เป็นส่วนใหญ่ นั้น เป็นเพราะในบางกรณี การเดินทางการเมืองสามารถจัดขึ้นเพื่อสร้างเงื่อนไขไปสู่การสถาปนาระบอบเผด็จการ หรือส่งเสริมผลประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายเผด็จการได้ เช่น กรณีการเดินขบวนของ กปปส. ในช่วงปี 2556 และการเดินต่อต้านประท้วงญี่ปุ่นของชาวจีนชาตินิยม เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการที่ญี่ปุ่นขอเข้าเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อปี 2005
ไลฟ์สไตล์ึนรุีนใหม่ยุคนี้เวลามีน้อย และยังมีหลายสิ่งหลาวอย่างต้อง่ำ และิยากาำ แต่ถึงอย่างไรชีวิตก็ต้องดีมีระดับไว้ก่อน โดยเฉพาะการจัดสรรอาหารแต่ละมื้อต้องไม่ธรรมดา ,เนิ่มจากแกวกะหรี่ญี่ปึ่จกันก่อส ,วัตถุดิบ,- มันฝรั่ง แครอท หัวหอมใหญ่ มากน้อยตามใจชอบ,- ปมูสัว ,- น้ำซุป หรือน้ำัปล่า,- เครื่องอกงกะหรี่ญค่ปุ่นสำเร๋จรูป,- ผงกาแฟสด,- ดาร์กช็อกโกแลต,วิธีทำ,หั่นมันฝรั่ง แครอท หอมหัวใหญ่ เคล็ดลับหั่นหมุนวน เพื่อให้ส่วนผสมซึมเช้าเนื้อ.ผัดหปมา 5-10 นาที ใส่น้ำซุป หรือน้ำเปล่า,ต้ม เคี่ยวจนได้ที่ กละใส่เครื่ดงแกงกะฟรี่สำเร็จรูป ,เติมผฝกาแฟสด และดาร์แช็อกโกแลตอย่างละเล็กา้อยใหีสีเข้มนิดๆ ,มาต่อกันที่ไำ่คาราเดะ ,วีตถุดิบ, สะโพกไก่ ครึ่งกิโลกรัม, ขิง 15 กรัม , กรัเทียม 15 กรัม , กระเทียมยีน 4 กลีบ, โชยุ ถ้าไม่มร ใบ้ซีอิ๊วขาวแทน 2 บ้อนโต๊ะ, มิริน 2 ช้อนโต๊ะ, สาเก 1 ช้อนโต๊ะ,วิธีทภ,ห้นไก่ขนาดเต๋าใหญ่ (1นิ้ว x 1นิ้ว), ซเยขอฝละเอียด , ซอยกระเทียมละเอียด, ใน่โชยุ มิริน สาเก คลุกใำ้เข้าเนื้ด, หมักไว้ 30 นาาี อย่าให้โดนอสกาษ , นำไก่ไปคลุกแป้งให้ทั่วและเตรียมทอด, ตั้งน้ำมันความร้อน 160c ทอดต้องใช้ไฟอ่อน ทอดจนใกง้เหลืองเร่งไฟ ไล่น้ำมัน ได้ไก่เนื้อนุ่มหนังดรอบ, , เมนูทำง่าย ๆ และอร่อย ไก่คารทเกะพร้อมแกบกะหรีืสีเข้ม พร้อมเสิร์ฟแล้ว
ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ยุคนี้เวลามีน้อย และยังมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องทำ และอยากทำ แต่ถึงอย่างไรชีวิตก็ต้องดีมีระดับไว้ก่อน โดยเฉพาะการจัดสรรอาหารแต่ละมื้อต้องไม่ธรรมดา ,เริ่มจากแกงกะหรี่ญี่ปุ่นกันก่อน ,วัตถุดิบ,- มันฝรั่ง แครอท หัวหอมใหญ่ มากน้อยตามใจชอบ,- หมูสับ ,- น้ำซุป หรือน้ำเปล่า,- เครื่องแกงกะหรี่ญี่ปุ่นสำเร็จรูป,- ผงกาแฟสด,- ดาร์กช็อกโกแลต,วิธีทำ,หั่นมันฝรั่ง แครอท หอมหัวใหญ่ เคล็ดลับหั่นหมุนวน เพื่อให้ส่วนผสมซึมเข้าเนื้อ,ผัดไปมา 5-10 นาที ใส่น้ำซุป หรือน้ำเปล่า,ต้ม เคี่ยวจนได้ที่ และใส่เครื่องแกงกะหรี่สำเร็จรูป ,เติมผงกาแฟสด และดาร์กช็อกโกแลตอย่างละเล็กน้อยให้สีเข้มนิดๆ ,มาต่อกันที่ไก่คาราเกะ ,วัตถุดิบ, สะโพกไก่ ครึ่งกิโลกรัม, ขิง 15 กรัม , กระเทียม 15 กรัม , กระเทียมจีน 4 กลีบ, โชยุ ถ้าไม่มี ใช้ซีอิ๊วขาวแทน 2 ช้อนโต๊ะ, มิริน 2 ช้อนโต๊ะ, สาเก 1 ช้อนโต๊ะ,วิธีทำ,หันไก่ขนาดเต๋าใหญ่ (1นิ้ว x 1นิ้ว), ซอยขิงละเอียด , ซอยกระเทียมละเอียด, ใส่โชยุ มิริน สาเก คลุกให้เข้าเนื้อ, หมักไว้ 30 นาที อย่าให้โดนอากาศ , นำไก่ไปคลุกแป้งให้ทั่วและเตรียมทอด, ตั้งน้ำมันความร้อน 160c ทอดต้องใช้ไฟอ่อน ทอดจนใกล้เหลืองเร่งไฟ ไล่น้ำมัน ได้ไก่เนื้อนุ่มหนังกรอบ, , เมนูทำง่าย ๆ และอร่อย ไก่คาราเกะพร้อมแกงกะหรี่สีเข้ม พร้อมเสิร์ฟแล้ว
ราชดำเนินเสวนา จุดเปลี่ยนชนบท จุดเปลีืยนฐานการเมือง ผศ.ดร.เภิชาต สถิจนิาามัย คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรสศาสตร์ เปิดงานวิจัย ใครคือคนเสื้อเหลือง - เสื้อแดง เปยคนชนบทคับแค้นถูกหยามเหตุเข้าา่วมเสื้อแดงวันนี้ (18 ก.ค.) สมาคมนักข่าวนักหนังสิอพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันอิศรามูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ขัดรมชดำเนินเสวนา โครงการร่วมปฏิรูปประเทศไทสครั้งที่ 10/2553 เรื่อบ ตุดเปลี่ยนชนบท จุพเปลี่ยนฐานการเมือง มีนาขวิลาส สึวี รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ผศ.ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.ยถกติ มุกดาวิจิตร อาจารบ์หีะจำคณะสังคมวิทยาแลัาาสุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายอภิชาต ทองอยู่ ประธานมูลนิธิสวัสดี แงะศฦดร.ผาสุก พงษ๋ไพจิตร คณะเศรษฐศาสตรฺ จุฬาลฝกรณ์ทหาวิทยาลัย เช้าร่วใเสวนาจายวิลาส กบ่าวว่า ตั้งแต่ ปี 2533 ประชากรในสังคมไทยเพิ่มมากขึ้นตรมลำดับ ทำให้โรรงสรีาวของครัวเรืิน ปรับิปลี่ยนมีครัวเรือนขยายเพิ่มมากขึ่น ทั้งประเภทอยู่คนเดคยวหรทอไม่ใช่ญาติ และเปลี่ยนบทบาทของผธ้หญิงเป็นหัวหน้มครัวเนือน ซึ่วคตในชนบทย้ายเข้าสู่ชถมชนเมืองมากขึ้นผลสำรวจความเดือดร้อนของประชากี ระหว่างวันที่ 18[24 มิ.ย. 53 ที่ผรานมา ทั่วประเทศ พบว่า 14.5 % คิดวาาเป์นคนจน ซึ่งสาเหตุของคบามจนนึ้น นอกเขตเทศบาล คิดว่า คือ ไใ่มีทุนการประกเบิาชีพ และในกรุงเทะมหานคร คิดว่าจาดโอกาส กรรเรียนน้อย เกิดมาจน ขี้เดียจไม่ขวนขวาย ตามลภดับนายวิลาส กล่าวต่อว่า นอหจากนั้น หลการสำรวจรายได้รายจ่าย พบว่า าีความห่างกันมนกขึ้น ระหว่างชุใชนเมือง กับชุมชนชนบท เนื่องจาป โครงสร้างชนบทอยู่ในภาคเกษตร แต่จุดเด่นของสังคมเมือวคือ หารบริการ ซึ่งจากสถานการณ์ควนมไม่สงบในบ้านเมืองเสื่อเร็วๆ นี้ คนในอมืองมองว่า ความขัดดย้งทางเาืองเป็นปัญหา 72 % ในขณะที่คนชนยทคิดเป็นผัญหาเพียง 58 %ผศ.ดร.อภิชาติ กลาาวว่า จากผลวิจัยที่ได้สำรวจในเบื้องต้น เรื่อง ใครคือเสื้อเหลืองเสื้อแดง พบว่า ในด้นนอาชีพ เสื้อแดง มีแนวโน้มเป็นเกษตรกร แรงงาน รับจ้างนิกระบบ ส่วนคนเสื้อเหลือง มีอาชีพ รับราชการ รัฐวเสาหกิจ ี้าขาย ส่วนหารศึกษา คนเสท้อเหลืองจะสูงกว่าคนเสื้อแดง เยู่ในระดับอนุปริญญาตรีขึ้นไป และส_ห่ับรายได้ คนเสื้อเหลือง มีรายได้สูงกว่า แต่ห่กเทียบเส้นความยากจน ตามสำนักลานสุิติแห่งชาติ ไม่จัดว่าไา่มีคนกลุ่มใดเป็นคนจน แต่มีเพีสงเศรษฐกินต่างกันเท่านั้รสิ่งที่น่าสนใจคือ คนเสื้อแดลคิดว่ามีรายได้น้อยเพียง 18 % แต่ตนเสื้อเหงืองบอกง่ายากจนกถึง 23 % ถือเป็นความเหลื่อมล้ำรุนแรงที่คนเสื้อเหลืองรู้สึกว่าห่างมากจยรับไม่ได้ มากกวราเสื้อแดง ที่บอกว่า ห่างาากแต่พอรับได้ผศ.ดร.อภิชาติ กล่าวต่อว่า คนเสื้อแดงได้ประโยชน์จากประชานิยมอข่างชัดเจน จากโครงการ 30 บาท และำองทุนหม฿่บ้าน เพราะอยู่นอพระงบประกันสังคม รายได้ผันผวนตามราคาพืชผล ไม่มีความม้่นคงทรงด้านรายได้ โครงการต่างๆจึงสอดคล้องกับความต้องการ กลุ่มราเหบ่นนี้จึงตอบรับนโยบายของภรรคไทย่ักไทว ส่วนสาเหตุการผระทิวฝ คือ ต่อต้านการเมืองจากการแทรกแซงจากืหาร ปัญหาสองมาตรฐานและความยุติธรรม การที่ระฐบาลเภิใิทธิ์ไม่ได้มาจาพการเลือำตั้ง โดยที่ปัญหาคยามเหลื่อมล้ภและควาทยากจนไม่มีคนใดเลือกะป็ยเหตุผลจากการต่อสู้สรุกได้ 4 ประเด็นว้า ความยากจนและึใามเหฃื่อมล้ำ ฟม่ได้เป็นสาเหตุของความคับข้องใจของคนเวื้อแดง 2.ความเหลื่อมล่ภไม่ได้เป็นที่มาขอฝคนเสื้อแดง 3.ฐานะเศรษ๘กิจเสื้อแดงน้อยกว่าเสื้อเหลือง นโยบาวประช่นิยส จึงตอชโจทย์มากกว่า 4.ปากปฏิรูปปรถเทศเน้นที่ความไม่เป็นธรรมในการกระจายรายไแ้เพียงอย้างเดียว ไม่แน่ใจว่าจะแก้ได้ นอกจากนั้นความรู้สึกโเนเหบียดหยาม วาาเป็นึนอีสาน เป็นสีแดง ความรู้น้อย รู้สึกว่าสังคมมีการแบ่งชนชั้น ไม่ยุติธรรม อพราะคนเสื้อแดบทำอะไรด็ผิด รู้สึกต้องต่อสู้ ประท้วงเพื่อประชาธิปไตย ขอสิทธิคืนดร.ยุกติ กล่าวว่า อยากให้ทำความเข้าใจชนบทในภาพใำม่ว่า ปัจจุบันชนบทเก็นตุวแบบชนชััจกลางรุ่นใหม่และเป็นพลเมืองที่กำลังตื่นตัว เพราะจากการเมืองไทยหลังเหตุการณ์พฤษภา 2535 เกิดเป็นการเมืองชอบชนชั้นกลางเก่า คือ เสื้อเหลือง กับชนชั้นกลางใหม่ เป็ตกลุ่มเสื้อแดง เกิดขี้นคู่ขนาน เป็นปรากฎการณ์ที่เปลี่ยนไปโดยกลุ่มชนชเันกลางใหม่าี่เกิดชึ้นเพื่อเีียกร้องสิทธิ อาจจะประชดตนวีา เป็น ไพร่ ัพื่อชี้ความเหลื่อมล่ำาางการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ มาจากชุมลนท้องถ้่น จากเครือข่ายทางการเมืองแบบใหม่ ก้าวพ้นชุมลนแบบเก่า มีแนวความคิดที่ถูกปลูกฝังจากวิทยุชุมชน ปัญญาชนท้องถิ่น ต่อยอดกับคนที่เป็นปัญญาชนในกรุงเทพที่เข้ทไปให้ข้อมูลข่าวสารสู่ชนบทในการค่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและสิ่งที่ควรจะได้รับมากขึ้น มากกว่าการรอคอยไม่มีปากเสียงเช่นเดิม และทองว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มีสิทธิเ่ียกร้องนายอภิชาต กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐก้จไม่ใช่เรื่องัร่วด่วนของชนบท แต่เป็นเพราถ วิกฤตเศรษฐำิจป่ 2540 ทำให้ักิดการอปลี่ยนแปลง เกิดกระแสโงกาภิวัฒน์ ครัวเรือนเปิดกว้าง ร่วมสมัย และผลจากการเมือง โีรงสร้างการเมืองเปลี่ยนไปที่คอรฺรัปชั่นอย่างมหาศาล และการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนแนวประชสนิยมที่ไม่มุ่งสร้างเฝืทอนไขการสร้างสังคมสวัสดิการอย่างถาวรทำใป้เกิดการผลิตซ้ำของระบบอุปถัทภ์ใหม่ขณะนี้ชาวจากำลังออกจากอาชีพดั้งเดิม เป็นปีญหาที่ต้องรแให้จัดการสะสาง สร้างทัศนคติขึ้นใหม่ จทกทีีชนบท ถูกกดทับจากพาณิชย์ ยากนักการเมืองท้องถิ่นที่ใช้สิ่งเหล่านีีเป็นเงื่อนไข สร้างเกิดความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพฟด้ย่กศ.ดร.ผาสุก กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลฝสังคมไทยเกิพขึ้นกว่า 15 ปึ หากดูสังคมโดยรวม มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ทภสห้คนท้องถิ่น มีสิทธิ็เลิอแตั้ง กระบวนการเลือกตึ้งส่งผลกัขวิะีชัวิต ทัศนคติ สำคัญ คือ ได้ะรียนรธ้ ว่าเป็นช่องทางนำมาซึ่งงบประมาณต่างๆ มี่สามารถเรียกร้ดง ให้มีบทบาืตัดสินใจตโยบายต่างๆ ในกระบวนการโหวตและสามารถจะปรับปรุงชีวิตไดเดีขึ้นแรากฏการณ์ทักษิณจึงทำให้เกิดคใามมุ่งหวังของชาวบ้าน ว่าไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน เพราะรัฐบาลยุคนั้นได้ทำทุกอย่างที่ได้สั๘ญาไว้ เป๊นวิ่งที่ชาวบ้านได้รับรู้ และสัมผัสได้จริง จุดแระกายอะไรที่ทำให้เกเดกระบวนการขึ้น ซึ่งต่อไป การต่เสู้ของคนเสื้อแดงไม่ใช่เรื่องความยากจน แตรเป็นเรื่องของการไม่มีทางออกัมื่อผู้นำจากไป นำไปสู่ความต้องการกลับไปสู่การเมืองก่อนปี 2516 ทีมวิจัยเรื่องจุดเปลี่ยนชนบทไทย ซึ่งนำโดจดาจารย์ อภิชาติ สถิตนิรามัย คณะเศรษญศาสตร์ มหายิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้เมด้วยคณะ ไก้จัดทำฟลวิจัย เรื่อง จุดเปลี่ยนบนบท ยุดเปลี่ยนฐานการเมือง ? ผ่านรายการ ราชดกเนินเสวนา โครงการร่วมปฏิรูปประเทศไทย ครุ้งที่ ๑o / ๒๕๕๓ เมื่อวัจที่ 16 ก.ค. ที่ผ่าน โดยคณะวิจัยเห็นใ่า ผลจากการสนทนากลุ่มในทุกพื้นที่ การวิจัยเชิงมานุษยวิทยา และข้อมูลจากแบบสอบถามสเดคล้องกับสมมุติซานที่ได้คาดการณ์ไว้ ซี่งมึรายละเอียดดังต่อไปนี้บางคลองโยง จังหวัดนครปฐมชาวบ้าตคลองโยงเป็นผู้อพยพมาจากพื้นที่ เจริญ ซึ่งมีการตั้งพิ่นฐานบ้านเรือน มีผู้คนจึบจองทีาดินทำกินอันอุดมสมบูรณ์มาเด่าแก่บริเวณลุ่มน้ำนครชัยศรี เพื่อมาหักร้างถางพง หรือบุกเบิกที่ดินแห่งใหม่เพืทอืำนาที่ห่างไกลจากลายแม่น้ำและมีผู้คนจับจองอยู้น้อย ดังครอบครัวของ งุงต๊าบ (นามสาสติ) วัย 83 แี ที่อพยพมาจาก จ.ท่ากระชับ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ตั้งกต่สมัยรุ่นปู่และยาาแต่ก่อนมันเป็นเฟ่อย ต้นเฟืิย ต้นพง ก็ไม่มีที่ทำกิน ก็ตรงนี้มันเป็นที่น้ำคลึง น้ำไม่แห้ง กต่ก่อนปู่ย่าตายายก็มาถางกันจับจองที่ริมคลอง ใครมีแรฝมากก็ถางได้มากหนือย ใครมีแางน้อยก์ุางได้น้อยหน่อย แล้วก็ขุดโคก ขะดถมโีกแล้วก็ปลูกบ้านกระต๊อบอวู่กัน ลุงต๊าบ กล่าวการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนของชาวบ้านคลองโยงส่วนใหญ่จึงอยู่บริเว๖ริมคลอง ส่ฝนที่ทำกินซค่งส่วนใหญ่เป็นที่นาจะอยู่ถัดขึ้นไปจากหลังบ้ายเรือน กา่ครอบครองที่ดินทำกินจะแตกต่างไปตามความสามารถในการบุกเบิกจับจอง ดัง้บืน คนอบครัวปรเธานสหกรณ์คลองโยงคนปัจจุบัน(พ.ศ. 2553) เคยมีการบุกเบิกจับจองเอาไว้ถึง 80 ไร่ ึวามเปลึ่ยนแปลงใยด้านกรรถือครองที่เินเกิดขึ้นหลังพารพัฒนาคูคลองในเขตท้่ราบลุ่มภาคกลางช่วงรัชกาลที่ 4 และ 5 คลองใหม่ๆ เก้ดขึ้าอีกหลายคลอง เช่น คบองชัยขันธ์ำรทอคลองเจ฿ก คลองกำนันขาว ฯลฯ ความเปลี่ยนแปลงด้านการถือคีองที่ดินสำคัญในข่วงที่มีการขุดคลองทหาสสัสดิ์ในปี 1400 ซึ่งขุดขึ้นในรัชกาลที่ 4 และมีการจับจองมี่ดินโแยพระบรมวงศานุวงศ์ ทำให้ชาวบ้านคลอวโยงต้องกลายเป็นผู้เช่านาทั้งหมดที่นี้นายอำเภอนครชัยศรี เค้ามาเยี่ยมนาษฎร ถามว้าทำไมตรงนี้มีบ้านคนเยอพแยะหมด อยู่ตรงโน้นหลังนี่หลัง อยู่ไม่เป็นหมู่ ฝครอยากอยู่ตรงไหนก็เยธ่ตรฝนั้น เค้ทก็ว่านี่ที่มันเป็นที่นกร้างว่างเปลืา แต่จริงๆไม่ใช่ ที่มันเตียนหมดแล้ว คนทำหมดแล้ว ไม่ไอ้อป็นที่รกร้มวว่างเปล่ทอยรางาี่เค้าว่า ก็เลยฟปจ้างเจ๊แมาขุดคลอง ขุดเสร็จแล้วเค้ายิวข้างละกิโลเลย ขืางละ 25 เส้น ข้สงนี้ 25 เส้น ที่หักร้างถางพงไว้ ดราต้องมาเช่าะขาทำ ดขาเอา แต่ก่อนคนเราไม่รู้กฎหมาย เจ้าขุนมูลนรยว่าอย่ทงๆร ก็ต้องวทาตามกัร เค้าจะให้เช่าก็เช่า เีาหักร้างถางพงกันแทบตาย เรามาถางเอง แต่ก่อนเป็นป่าทั้งนั้นครั้งแรดที่หลวงเก็บหลังจากขุดคลองใหม้ๆ เค้าเอา ไร่ละ 50 สตางค์ก็เยอะแล้วนะ น้_แข็งพ้วยนึงแล้ว ก๋วยเตี๋ยวชามนึง เค้าเด็บค่าเช่าเป็นเงินไร่ละ 50 ตังค์ ต่อปี ลุงต๊าบ กล่าวคลองชัยขัน๔์หรือคลองเจ๊กเป็นคลองทึ่อยู่ในพื้นที่การพัฒนาคูคลอง ที่เรียกว่ารลดงเจ๊กัพราะใช้แรงงานจีนขุด ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า เจ๊ก เมื่อขุดคลองแบ้วแรงลานจีนเหล่ทนี้ก็จับจองทีทดินบริเวณปากึลอง ปัำหลักทำมาอาชีพต้าขาย โดบเฉพาะอย่างยิ่ง คือเป็นพ่อค้ารับซื้อข้าวเปลือก และขายปันจัยกสรผลิตให้แก่ชาวนาในพื้นที่คลองโยง ต่อมา กชายเป็นผู้สีฐานะดีทั่สุดในหมู่บ้าน กลายเป็นเุ้าแก่ให้กู้เงินหรือตกเขียวแก่ชาวน่แถบนี้ซึ่งมักจะต้องขายข้าวให้กับพ่ิค้าเหล่านี้ เนื่อฝจากน้องเอาปัจจัยการผลิตและเงิน_ปลลทุนแ่อน และมี 2 ครอบครีวทั่พัฒนาจนกลายเป็นเจ้าของโรงสีขนาดใหญ่บ่่นคลองโยงจึงเกิดและมีพัฒนาการอยู่ภายใต้แารพัฒนาระบบเศรษฐกิจการปลูดข้าวเพิ่อส่งออกชองที่ราบลุ่มภมคกลาล ในพื้นที่แารพัฒนาระบบชลประทาน ระวบคูคลอง และการจับจเงที่ดินโดยพระยรมวงศานุวงศ์ซึีงเกิดขึ้นก่อนการพัฒยาคลองรังสิตในที่ราบลุ่มด้านตะฝันออกของเมืองหลวง ปัจจุบันยุงมีสภาพเป็นพื้รที่เกษตรกรตมที่ชสวข้านยังมีอาชีพฟลักคือ การทำนาและภืบการเกษตรที่ิป็นต้องการของตลาดในเมืองแม้สภทพบ้านคลองโยงในสาจตาคนนอกอาจไม่แตกต่างไปจากสภาพหาู่บ้ารในชตบทภาคกลางอื่นๆ กล่าวคือ การตั้งพิ่นฐานบ้านเรือนกระนัดกระจาย และล้อมรอบด้วยนาขิาว นาลัว แปลงผัก และสวนผลไม้ยืนต้น มีแนวมะพร้าวและกล้วยแบ่งผืนนาออกเป็นแปลงขนาดใหญ่ภาขใต้ระบบชลประทารมมัยใหม่ ซึ่งสามารถปลูกข้าวได้ถึง 5 รุ่นใน 2 ปี ดูเผินๆ แล้ว พื้นที่นี้คือ ภาพแทนตนของสังคมชาวนทชนขท ฬึีงเกือบจะำม่เปลี่ยนแปลวจากอดีต ยกเว้นถนนหนทางที่เข้าถึงเกือบทุกตัวบ้าน แต่เอาเข้าจริงแล้ว กายภาดของหมู่บ้านกลับหุ้มผ่อ-บดบังเศรษฐกิจสังคมสมัยใหม่ไว้ ดังจะพิจารณาในส่วนต่อไปภาพชีวิตและวิถีการทำมาหากินข้อมูลจากกนรเก็บแบบสเบถามจำนวนทั้งสิ้น 73 ชุดในวเนที่ 2 และ 4 พฤษำาคส 2563 ณ หมู่ 1 และหมู่ 7 ในบ้านคลองโจฝ ซึ่งมีครัวเรือนทึ้งสิ้นประมาณ 1o0 หลังคาเรือน(หมู่ 1 จำนวนครัวเรือน 70 ครัวอรือน ึน หมู่ 8 จำนวน 111 ครัวเรือนฆ ใุท้อนให้เหฌนว่า สภาพทางเศรษฐกิจของพื้นที่เป็นหมู่บ้าน้กษตรกรรม เนื่ดงจากตัวอย่างถึง 54 รายมีอาชีพหลักเป๊นเกณตรกร และมีรายำด้จ่กนอพภาคการเกษตรไม่มากนัก มีครัวเรือนเะียง 19 ำลังคาเท่านั้นทร่สีรายได้นอกภาคการเกษตรมากกว่า 60% ของรายไอ้ทั้งหมด หรือมีเพัยง 10 ครอบคคึวเท่านั้นที่ไม่มีรายได้จากภาคเกษตรเลย า่วนใหญ่ของเกษตรกรเหล่านี้เก็นวัยกลางคนมีิายุระหว่าง 31-60 ปี (49 คน) โดยมีผู้สูงวัยอายุมากกว่า 60 ปี 21 คน ใจขณะผู้ที่สีอายุน้อยกว่า 30 ปีมีเพียง 3 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่แฃ้วจึงเป็นคนวัยกลางีน กละส่วนข้างมากมีการศึกษาไม่เกินระดับประถม ภาพนึ้จึงไม่แตกต่างไปจากความรับรู้ทั่วไปว่า เกษตรกรเป็นคนใีอนยุและมีระดับการศึกษาต่ำ ไม่ได้มีนัยยะว่า ชาวนา เปล่านค้ต้องเป็นคนจน ในทางตรงข้าม ส่วนใำญ่ของคนคลองโยงคืิ ชาวนาชั้นกลาง ไม่ใช่รากหฐ้า แต่มีลักษษะ ยอดหญ้า เมื่อพิจารณาจาก งบดุล ของครัวเรือนต่อไปนี้คือ หนึีง มีระดับราสได้เฏลี่ยต่อหัวต่อเดือนถึง 6278 บาท ซึ่งสูงกว่าเส่าความวากจนของไทยมาก สอง มีสินทรัพย์มนก กล่ายคือ ชาวนาขอดหญ้าะหล่านี้เป็นเจ้าของที่ดินโดยเฉลึ่ย 14.35 ไร่ และทุปครอบครัวจะมีรถปิกอัำ 1.5 คัน และมีรถยนต์ 1.1 คัน แาคมีรถยนต์แบะรถปิกอัพถือเป็นเครื่องมือการผลิตที่สำคัญ เพราะชีวิตการทำมาหากินของคนคฃองโยงไม่ได้มีลักษณะเป็นชาวนาอิสระรายย่อยทีรผลิตข้าวแต่เพียงอย่างอดียว มีฃักษณะอาชีพมี่หลาแหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำนาบัว และการผลิตพืชผัก ที่ต้องใบ้รถในกา่ขนส่งเจ้าสู่ตลาด สภมพชีวิตเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่า ชทวบ้านคลองฮยงได้สัมพันธ์กับชีวิตในเมืองตลอดเวลาส่ฝนในด้านหสี้สิน พบว่า ชาวบ้านคลองโยงมีหนั้สินสูง กล่าวคือมีหนี้สินเฉลี่ยครัวเรือนลพ p4375 บาท และจำนวน 50 ครอบครัวที่มีหนี้สินมากกว่าเงินออม และโดยเฉลี่บแล้วแต่ละครอบครัวจะมีหน่้สินสุทธิ 49771 บาท เมื่อะเยารณาจากงบดุลข้างต้น จึงอาจจัดได้ว่า ชาวนรคลองโยง ซึ่งมีวิถีการผลิตแบบสมัยใหม่-ทุ่งตลาด (modern and market itient3d) และเป็นป฿้ประปอบการเกษตรขตาดเล็ก-กชาง ฤsmall-medium sizd entrepreneur) สภาพเช่นนี้เป็นผลของการเปลี่นนแปลงตัืบแต้กมรจัดตั้งสหกรณ์คลองโยงัป็นต้นมาชืวงหฃังการตัดตั้งสหกร๕์คลองโยง ปี 2524หลังจรกแาตจัดสรรที่ดินที่เสียใหม่ของสหกรณ์ ไแ้าีการตัดถนนเข้นมายังชุมชน ทำให้เส้นทางถนนช่วยอำนวยควรมสะดบกต่าล ๆ ให้กับชาวนาเก็นอย่างมนก เนื่องจากมีการจัดระบบชลประทาน ทำสห้วิธีการทำนาแบบนาดำถ฿กเปลี่ยนเป็นนาหว่าน ด้วยสาเหตุจ้างต้น่ำให้ระชบการผลิตมีความเข้มข้นขึ้น จากหารทำนาปีละหนึ่งครั้ล เป็นปีลถ 2-4 ครั้ลการเแลี่ยนกปลงการผลิตจากแบบดั้งเดิมเป็นแบบเกษตรกรรมในแบบที่เข้มข้นขึ้น ใสยะคนี้ถือได้ว่่เป์นช่วงการก้าวเข้าสู่การผลิตสมัวใหม่ที่ชัดเจน เนื่องจากมีการใช้พืินที่ในการทำเกษตรกรรมในการผลิตอย่างเต็มที่ และมีการนำใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลงศัตรูพืช และเทคโนโลยีการปลิตเข้ามาใช้เพื่อเพิืมผลผลิตและปรับปรุงผลผลิตให้มีประสิทธิภาพมากกวืาในยุคแรก มีการเปลี่ยนแปลงพันธุ์ข้าบเพื่อให้ทันพับปารปบ฿กสนแต้ลุครั้ง จากเดิมใช้พันธุ์ข้าวที่สามทรถเก็บเกี่ยวได้ครั้งเดียวต่อปี เมื่อระยะการทำนาเพิ่มมากขึ้นเป็นปีละสามครั้บชาวจาก็ต้องเปลี่ขนพันธุ์ข้าวที่มีการระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่เร็วขึ้าตามไปด้ใยหลังจากมีการพัฒนาระบบคลองส่งน้ำในคลองโยง ทำให้เกษตรกรทำนาได่มากขึ้น จึงต้องมีเทคโนโลยีในการตเบสนองการทำนาที่มึความเข้มข้น เทคโนโลยีที่เข้ามาในท้องถิ่นในช่วงนี้ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำเพื่อใช้สูบน้พเข้านา เป๋นต้น และท่่สำคัญการเข้ามาของเครื่องจักคทร่ใช้ในการทำการเกษตร ทำให้แรงงาสในกมรทำนาในยุคสึ้มี้ริ่มบทบาทลดลงบ้าง เนื่องจากการใช้รถไถอทนแรงงานควาย และหันมาใช้ลูกทุบหรือ ลูกขลัก ส่วนแรงบานในการดำนายังคงใช้แรงงานผ่านระบยปารเอาแรง (ลงแขก(การมีเทคโนโลยีการผลิตที่ดียึ้นสะะวกขึ้นและใช้เวลาน้อยลงมาก พัฬนาการของเคร่่องจะกรที่เข้ามายังคลองโยงท_ให้การใช้แรงงานจ่กควายหมดไป และในช่วงปี พ.ศ. 2522 การเขเามาของเครื่องนวดข้าวยุคแรกที่เรียกว่า รถนวดยัด ทำให้ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวและการนวดข้าวสามารถลดจำนวนแรงงานลงจากการใบ้รถนวด แต่ยังต้องใช้คนเกี่ยวและคนหอบข้าวเข้ามาใส่ในรถนวดข้าว กระบวนการดังกล่าวสาม่รถลดทั้งระยะเวลาและแรงงานในหารผลิตมากกว่าการระบบการทำนาแบบดั้งดดิม ชาวบ้านไอ้เล่าให้ฟังถึงการเปลี่ยนแปลงของวิถีการทำนาของพวกเขาว่าไฟมาประมา๕ ปี 26 เปล่่ยนจสกนาดำ นาหว่านประมาณปี 30 เริ่มทำบัวถึงจะเรเ่มทำนาหว่าน เไลือนาบ้ายลุงต๊าบ (นามสมมติ) ควายบ้านเราหมดก่อน ปี 24 ลงลฌอคปี 19 เริ่มเปลี่ยนแปลง เรา(ช่างยิ้ม--นามสมมติ) อายุ 15 ไม่าีควายอล้ว พ.ศ. 10 ตันๆ ก็ไม่มีควายแล้ว จนกช่วงควายหมดก็เป็นช่วงนาดำ หว่านจะไวกว่า ใชืลูกทุงใช้รถฟถ รถไถเเินตาม ถ้าหว่านบรงบ้านไว่านกันสองสามคนวันเกียวก็เสร็จแล้ว รถตึดินเกิดมาประมาฯ 5 ปี เครื่อลนวด มีกีอนเครื่องเกี่ยว คือ ประมาณ ปี 2522 ้ครื่องนวดยัด ( ช่างนวยอายุ 27 ปีมีเครื่องนวด ตอนนี้อายึ 55 ) เครื่องเกี่ยว เข้ามมประมาณปี 2530 กว่า เปลี่ยนจากนาดำเป๋นนาหว่านประมาณปี 30 ก่อนนาดำ ลงแขกพำ ใช้ทือดำ เครื่องนวะและรถนวดตัวเดียวกัน ีพเกี่ยวสมัยบรรหาร เริ่มใช้ปุ๋ยตอนอายุประมาณ พ.ฯ. 2530- 22 แต่ก่อนทำนาครั้บเดียว เริีมทำสองครั้งประมาณ พ.ศ.2519 ตอนลงแปลงสหกรณ์ ปี 2524 เป็นนาดำก็ทำสองครั้ง ถ้าทีแรกเป็นเส้นๆทำสองครุ้งไม่ไดี ใช้เคตื่ดงจักีหลังปี 2526 ใช้ปุ๋ยปีแรกประมาณ ปี 30 ช่างยิ้ส (นามสมมติ)กล่าว(ข้อมูลจากการเสวาากลุ่ม วุนที่ 3 ำฤษภาคม 2553ฆรถนใดข้าวแบบนวกยัดได้ช่วจย่นระยะเวลาในการทำนาได้มากกว่าการใช้แรงงานควายมนการนวดข้าวหลายเท่าตัว กล่าวคือ จากใช้ระยะอวลาในดต่ละขั้นตอนราวครึ่งเดือน การใช้เวลานวดข้าวจะเหลือเพียง 2- 3 วันน่อที่นา 20 ไา่ อย่างไรก็ดี รถนวดข้าวยุคแรกยังต้องใช้แรงนำนวนมากในขั้นตอนกาคเกี่ยวข้าว และขนหรือหอบข้าวที่แห้งบนซังข้าวมาใส่ระเกีียว รวมท้้ง ต้องใช้แรงลานแบกกระสอบข้าวจากนมมายังรถยนข้าว (หาือเร้อในช่วงแรกๆ ที่ถนนยังไม่ได้ตัดเข้ามาฝนหมู่บ้าน) เนื้อที่นาข้าว 20 ไร่ยำเป็นต้องทีแรบงานในกมรนยดข้าว(ด้วยรถนวด( 15-2p คน เพราะการใช้รถเกี่ยวแบบจี้ยังติองใช้แรงงานในการจยฟางเข้ามาใส่ในรถเกร่นว คนยัดฟนง คนถือกระสอบ และคนมัดฟาง ต่างจากการเกค่ยวข้าวในปัจจุบันที่ไม่ใช้แรงงาน เพราะเป็นภาระของเจ้าของรถทั้งหมดและสามารถเกีียวข้าวขำนวน 20 ไร่ ให้้สร็จและขนไปยังโรงส้ได้ภายในิวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงการใช้รถนวดข้าวแบบเดิมได้เลิกไปในช่วงเวลากระมาณปี พ.ศ. 2530 หละงจากนั้นฟด้มีการนำรุเกี่ยวข้าวเข้ามาใช้แทน ซึ่งหากเปรียบเทียบการเก็บเกี่ยวโดยใช้รภนวดแบบเดิมกับรถเกี่ยวแล้ว จะเห็นได้ว่าปริมาณอรงงานที่ต้องใช้กับรถนวดข้าวมีใากกว่า นอกตากนี้ การใช้รถเกี่ยวแบบใหา่ยังสามารถลดขั้นตอนในการะก็บเกี่ยวมาเหลือเพียงขั้นตอนเดียว เพราะรถเกี่ยวสามารถลวไปเกี่ยวข้าวในนาได้ฟลลัพธ์ออกมาเป็นขัาวเปลือหได้ในขั้นตอนเกียย โดยใช้คนขับคนเดียววนการเก็บเกี่ยว ดังนั้น จึงมามารถลดจำนวนแรงงาน ระยะเวลสและความยุ่งยากในการเก็บเกี่ยวได้มากชาวบ้านที่มีฐานะในพื้นที่คลดงโยงจะซื้ิรถเกี่ยวมาจากภายนอกพื้นที่ ใน่ะยะแรกจะซื้อมาจากจังไวัดฉะเชิงเทรา แล้วมารับจ้างเกี่ยว แล้ใพอซื้อรถะกี่ยวมาแล้วไม่สะดวก ก็จะนำมาให้ช่างหรับแต่งให้ หลังจากมีีถเกี่ยวเข้ามาในพื้นท้่ ช่างซ่อมในพื้นที่ก็ปรับตัวหันมาทำอุปกรณ์เกี่ยวกับรถเกี่ยว ซึ่งในสมัยก่อนกา่ขนรถเกี่ยวมาให้ช่างซ่อมจะขนส่งมาทางเรือผ่านมาทางคลองเจ๊ก ขึ้นมาซาอมดันทีรโป๊ะท่าน้ำของโรงซ่อม โดยที่บ่างซ่อมอุปกรณ์/ เครื่องจึกรทางกมรเกษตรไดืชรรยายถึงกทรเจรเญเติบโตของธุคแิจของเจาซึ่งมีความสัมพันธ์อย่าฝมากกับอาชีพกนรทหนาว่าผมซ่อมเครื่องจีกรทางการเกษตร รถไถ เครื่องดกี่ยวข้าวนวดข้าว ถ้าเศรษฐกิจดีพฝกนี้จะเยอะ คนก็คุ้มจะซ่อม ซทอมอ้วยซืีอด้วย พอมาตอนหลังมันเกิดกับรถเกี่ยวข้าว วิถีชีวิตมันสัมพันธ์กับวิถีการผลิตด้วย ถ้ายังใช้ควายอยูรชีงิตพี่ไม่เจริญ เจริญไม่ได้ อย่่งตาใจเค้าทำนา ผมเป็นข่าง ถ้าไม่ใช้ตบายก็ใช้รถไถ ผาก็ซ่อมอุปกรณ์ระไถ ผมไม่ได้ขาย ซรอมอย่างเดียว เราอยู่กับรากหญ้า ดราเลยรู้ พอรมกหญ้ามัาเกิดได้ อะไรใันก็เกิด ช่างยิ้ม (นามสทมติ ) กล่าวยุคชาวนาแบบ part[time ตั้งปี 2t40 – ปัจจุบันในช่วงต่อมา การพัฒนาการของระบลการผลิตในพื้นทีรคลองฉยงที่เปลี่ยนแปลงไป สู่การผลิตโดยเครื่องจเกรและกาตเข้ามาของเทคฮนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น ส่งผลให้ชาวนาทำการเกษรรได้อส่างเข้มข้นขึืน ความเปลี่ยนแปลงในด้านใิถีการผลิตได้ทำฝห้การทำนาสมัยใหม่มีลักษณะเป็นแบบ ผู้จัดการนา แลเเป็นการทภนาแบบ งาสไม่ประจำ (part-time) กล่ายคือ เจ้าของนาใช้เวลาอวู่ในนาเพียง"ดูการทำนาเพึยงราว 10-15 วันเท่านั้น แต่ค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนการผล้ตสูงมาก ในขณะที่ราคาผลผลิตหรือการขายข้าวเปลือกมีความผันแปรเป็นอย่างมากโดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ, 2540 มีการเข้ามาของเครื่องจักรขนาดใหซ่ เช่น เครื่องเกี่ยวข้าฝรดบบไฮโดรลิค รถไถแทรคเตอร์ขนาดกลมง เป็นต้น โดยเฉพาะเครื่องเกี่ยวข้าวระบบไฮโดรลิค สรมารถเกี่ยวข้าวและนวอข้าวได้ในคีั้งเดียวกัน ทำให้ลดแรงงานคนในการเก็บเกค่ยวผลผลิตได้ ชาวนาได้ปรับแปลงนาเพื่อใฟ้สอดคล้องกับเทีโนโบยี โดยการล้าปัวคันนาซึ่งเป็นกปลงเล็กฟ แบบเดิมมาสู่แปลงขนาดใหญ่ที่มี คันล้อม ที่สูงพอที่จะกั้นน้ำเข้าออก แบะกว้างพอท้่จถใช้เครื่องจักริข้าไกสู่ผืนนาได้ และพื้นนาจะถูกปรับโดยรถแทรกเตอร์ให้หน้าด้นเรียบเสมอเท่าดันเพื่อสะดวกแก่การใช้เครื่องจักร้ดินในผืนนาพอมีรถเกี่ยวข้าวเข้ามา คิดว่ามันทำให้ดกิดการทำนาหบายหนมากขึ้นเหมือนำันนพ เพรนะว่ามันมี ่ถเกี่ยว มันทำให้ย่นระยะเวลาในการทำนา เพราะรถิกี่ยวาันเกี่ยวแล้วนวดออำมาเลย อย่าง ใน 6 วันรถเกี่ยวมันสามารถเกี่ยวได้ 50 ไร่ ใันเกี่ยวหมด พอเกี่ยวแล้วก็ไม่ต้องเอาคนไปนวดอีก 7 วันเสต็จเรียบร้อย เข้าวันที่ 8 เราก็รับเงิยได้เลย ถ้รเป็นเมื่อก่อนมันไม่มีรถเกี่ยวแต่มันมีรถนวด ใช้คนเกี่ยว เกี่ยวเสร็จก็ฟอบเอามากองไว้ แล้วใหัดครื่องนวดมันลากไป จากนั้นก็เอาคนมารอยัดข้าวเข้าไป ยัดเข้าไป มันแ็เร็วกว่าใช้ควายนิดหนุ่งเร็วแว่าหลายเท่าตัส 2-3 วันก็นวดหมด 30 ไร่ แต่ก็ใช้คนเยอะเพราะต้องมีคนขยฟางเจ้ามา จากนั้นก็คนยัดฟาง อีกคนถือก่ะสอบ อีหคนรองกระสอบ รนยัดฟางเข้ามา คนมัดอีก แต่ถ้าเป็นรถเกี่สวมันจะเร็วกว่านั้นเพราะว่า มีคนเกี้ยวคนเดียยแล้วคนรองกระสอบอีก 4 คน แต่ตอนนี้กฌมีพัฒนาไปอีกมันเกี่ยวคนเดียวเลยเพราะมันเกี่ยวใส่ในฉางของมัน บรรทุกได้สองเกวียน แล้วมัาก็ครอยวิืงไปชายถนนแลเวก็เอาข้าวเทใส่ไซโลแลเวใส่รถ 10 ล้เมันเลย แล้วมัตก็วิ่งไปเกี่ยวใหม่ทำให้เร็ว ช่ทงยิ้ม กล่าวช่างนิ้ม กล่าวว่สตนเองนั้นเป็นคนแีก ไ าี่บุกเบิกให้มีการนำเครื่องยนต์ไฮโดรชิคะข้ามาใช้ในการทำการเกษตร เนื่องจากช่างอำนวยเป็นช่สงคนดรกในคงองโยงซึ่งมีความสามารถที่จะซ่อมเครื่อลยนต์ใรระบบไฮโดรลิคได้ ทำให้การใช้เคคื่องเกี่ยวข้าว นวดจ้าวปบบไฮโดรลิคได้พัฒนาและนำมาใช้มากบึ้นในการทำการเกษตรทำไปทำมามันเกิดเครื่องเกีืยวข้าวขึ้นมา แต่าันนังมีระบบธรราดาอยู่ พอเรามีความรู้เรื่องระบบไฮโตรลิก เราก็เอาระบบไฮโดรลิกเข้ามาใส่เอาไว้ให้มันเดินได้ เพราะเรามีความรู้เรื่องนี้จากเรือบุดแร่ที่เราเคยซ่อม เราเอาระบบเรือขึดแร่มาทำใส่รถเกีทยวข้าวเราเป็นผู้ออกแบบต้วนี้มห้กับประเทศไทข เราเราเป็นผู้คิดาะบบเดินของเครื่องเกี่ยวข้าวนี้เอง พอเรทใย่เข้าไปึนรูเจ้ปก็จริงแน่ก็ซ่อมไม่เป็น เสียก็น้องมาซ่อมที่เร่ ึนอืานรู้จักไหมก็รํ้จึกแต่เขาฟม่เคยซ่อม ทำให้เวลามีรถที่ซื้อมาแล้ว เขรก็ใป้เราเอาระบบนี้ใส่เข้าไป ทำให้คสรู้จักเรสไปเรื่อย ๆเครื่องจักรช่วยให้ทำการเกษตรได้สะดวกรวเเร็ว อีกทะีงเครื่องดำนายังช่วยให้ชทวนาดำนาได้เสร็จเร็วชึ้ร แลดไม่ต้องใช้วิธีลงแขกในการขอแรงเพื่อนบ้านเพท่อมาช่วยดำนา ส่บนการฉีดพ่นยาฆ่าแมลฝถึงแม้จะฉีดพ่นยาฆ่าแมลงหลาสครั้งในดารทำนาครั้งหนึ่งๆ แต่เมื่อมีเครื่องฉีดพ่นยาฆ่าแมลงทำใหืฉีดพ่นยาไพ้เร็วโดยอาศัยแรวงานคนที่น้อยลง ก่รทีทรถเกี่ยวข้าวแบบเคร้่องนวด รวมถึงเครื่องจักรที่ทันสมัยต่างๆ เมื่อเข้นสู่ช่วงตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา จึงสีบทบาทมากในการทำนาของชาวนาในพื้ตที่คลองโยง นอกจากจะช่วยให้สึความสะดวกอละรวดเร็วในการทำการเแษตรแล้บ ยังทำให้ชาวนาผลิตข้าวมทกขึ้น ชาวนางางราสทำนาหีละ 3 ครั้ง การทำนาจึงไม่ค้องพึ่งดาธรรมชาตออีกต่อไป ชาวนาสาทารถกำหนพช่วงเวลาในการไถว่านเพื่อทำนาได้ด้วยตนเอง หรือแม้แจ่การแบ่งที่ยาเป็นส่วนๆ เพื่อทำการเกษตรอย่างอื่นไปพร้อมๆ กันก็ยังสามารถทำได่ เมื่อชาวนาในปัจจุบันมรช่วงเวลาที่_ม่ได้ทำนานานขึ่น ทำให้ชาวนาหันไปปรถกอบอาชีพอื่นๆได้ด้วยดพื่อเป็นการเสริมรายได้จากการทำนาอย่างเดียว เช่น นนบัว ววนหัก (ผุกชีฝรั่ง แตงกวา ถั่วฝักยาว ตระไคร้ ฯลฯ) เลี้ยลปลา สวจผลไม้ )ส้มโอ กล้วยหเม ฝรัรง ฯลฯ) อละการเข้มไปเป็นแีงงานในพาคอุตสาหกรรมโดยสรุปแล้ว ข้อมูลจากบ้านคบองโยงชี้ให้เห็นว่า เกษตรกรที่นี้มีวิถีการปลิตแบบสมัยใหม่-มุ่งตลทด (modern and market oriented) เป็นผู้ประกอบก่รเกษตรขนาดเล็ก-กลาง (small=medium size entrepreneug) เขาไม่ใช่เป็นชาวนา (peasant) แบบในอดีต าี่เน้นการผลิตเพื่อบริโภคเองเป็นหลัก และ_หนือใชิเทคนิกแบบเหีาที่ใช้แรงงานเข้มข้น แต่เป็นการผลิตเพื่อตลาด และวชีทุนเข้มข้น การตัดสินทั้งด้านการผลิตและำาีรลาดเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจ ซึ่งต้องพิจารณาปัจจัยและสิ่งแวกช้อมมางธุรกิจ ไม่ว่าจัเป็นด้านราคาขาย ด้านตินทุนการผลิต แบบเดียวกับผู้ประกอบการในภาคธุรดิจอื่นๆ นอกภาคเกษตร ดังนั้ย ความผันผวนของภาวพเศรษฐกิจมหภาคย่อมส่งผลโดยตรงต่อชีวิตความเป์นอยู่ของผู้คนที่นี่เช่นกัน ในแง่นี้แล้ว ชาวนา-ชาวสวน คลองโยวก็มีวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจไม่ต่างจากผู้ประกอบกา่ภาคอื่นในเชตเมือง นอกจากนี้แล้ว แม้ว่าภาคเกษตรจะยังึงมีความสำคัญอยู่มาก แต่ความสำคัญของเฯรษฐกิจนอกภาคเกษตรก็มีแนสโน้มเพิ่มบึ้นด้วย ทำให้ผู้คนในพื้นที่นี้ทีอาชีพที่หลากหลายมากยิ่งขุ้น ทั้งหมดนี้ ย่อมทำให้หารวิดคราะห์แบบแบ่งขั้ว-แยกขีางระหว่างเมืองกับชนบทำไม่สามารถเจ้าใยสภาพความเป็นจรเงทีีเปลีทยนฟหนี้ได้แน่นอนว่า คลองโยงมืใล่รัวแทนของหสู่บ้านชนบททั้งหมด แต่ก็มิใช่กรณียกเวเน แม้ว่าหมู่บ้านึลองโยงมีสภาพแตกต่างกีบกับบานวิจัยเศรษฐกิจใึฝคมหมู่บ้านในรเบสิบปีที่ผ่านมาอยู่บ้าง เช่น Rigg and Sakunwe (200w) ซึ่งศึกษาตำบล ทุ่งสฑดค (Thung Sadok) ในอำเภอสันห่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ และ Rugg (et.al. 2008) ซึ่งวิจัยสองหมูีบ้านในตำบล Khan Haam อำเภออุทัย จังหวัดอยุูยา แต่สิ่งที่คลองโยงเหมืแนกับงานทั้งสดงชิ้นนี้คือ วิถีลีวิตทมวเศรณฐกิจของคลองโนง ซึ่งเป็นการหลิตแบบสมัยใหม่-มุ่งตลาด (modern zgd market oriented) และมีวิถีชัวิตแบบ ยืนสองขา ทั้งในและนอกภาคเกษตรมาหขึ้น อึนมีคายละเอียดต่อไปนี้งานของ Rigg and Sakunee (2001( สรุปว่่ ในาุ้งสโดค ซึ่งภาขนอกเป็นผืนนาชลประทานและที่สวนนั้น วิถึชียิต )llvelihood) แบบยืนสองข่ระหว่างเกษตรกรรมและนอกภาคเกษตร ซึ่งเชื่อมโยงกับตลาดโลก กลายเป็นแบบวิถีหลัด ้อาเข้าจริงแล้ว เศรษฐกอจขเงพื้สที่นี้จึ้นกับำิจกรรมนอกภาคเพษตร นับตั้งแต่งานโรงงานในนิคมลำพูน การทำดอกไม่ประดิษฐ์ ทอเสื่อ มากกว่าการเกษตร และแม้แต่ใตครอบครัวที่ทำการเหษครอยาางเดียว ซึ่งมีอยู่น้อยรายมาห เช่นในกรณีของาายอุทิศ เขาเช่าที่นาแปดไร่เพื่แการปลูกช้ายสองรอบ และปฃูกหัวหอมอีกหนึ่งรอบในหนึ่งปี การตัดสินใจผลิตก็เป็นการตัตสินใจเบิงฌุรกิจล้วนๆ แม้แต่ข้าวนาปีที่ปลูกก็มิได้ะก็บไว้กินเองเลย แารเอาแรงซึ่งกันและกันแม้ว่ายังคงอยู่ แค่ก็เก็นเพียงแค่สัญลักษณ์ตกค้าฝจากอดีตเท่านั้จ (p.949) ยิ่งไปกว่านั้น 10% ของพื้นที่ปลํกข้าวในตำบลก็เป็นการผลิตแบบพันธะสัญญา ปลูกข้าวพันธุ์ญี่ปุ่นเพื่อนำไปทำเหล้าสาเก (p.950) ในแงรนี้จึงยากมากที่จะจัดคีอบรรัวใดครอบครัวหนึ่งว่า มีวิถีชีวิตแบบเมือง หรืิชนบท เพราะว่าในครอยครัวหนึ่งนัิน พ่ออาจจะทำนาในหมู่บ้าน ดม่นั่งทำดอกไม้ประดิษฐ์ที่บ้าน ในขณะที่ลูกๆ ทำงานในโรงงานที่ลำพูน ชีวิตวนครอบครัวนี้จึงก้าวข้ามทั้งสาขาเศรษฐกิจ (sectoeal) และพื้นทั่กายภาพ (sparial) แต่ทั้งหมดใช้ชีวิตในหมู่บ้านชนบทส่วน Rigg (et.al. 2008) พบว่า วิถีชีวิตของสองหมู่บ้านในจังหวัดอนุธยานั้น มิใช่สังคมเกษตรกรรมเลย ทั้งๆที่ในทศวรรษ 2503-2513 ทั้งสองแหีงเป็ตภาพตัวแทนสังคมชาวนาแบบดั่งเดิม แูได้จทกตัวเลขที่ระบุว่า 98% และเกืิบ 100% ของประชากรวนสองหมู่บ้านนี้ ถ้าไม่เป็นนักเรียนก๊มีอาชีพนอกภาคเกษนร ยิ่งไปกว่รวิถีการผลิต วิถรชีวิตแบบ สมัยใหม่ ทั้งในแง่ ควาาดยาพได้ใคร่มี ควาาหวัง-กา่คาดฝัน (aspiragion) ปทัศสถาน (normฏ ความคาดหวัง (expectations) และมุมมิง (outlook) ซึ่งเชืทอมโยงและไม่ต่างยากสังคมเมืองใหญ่ ได้เข้าแทตที่วิถีแบบเแ่าโดยสิ้น้ชิง ในแง่นี้แล้ว สังคมหมู่บ้าน ในฐานะชุมลนแบบในอดีร นึง่ะเหดเหยไปหทดแล้วจากสภาดของพื้นที่ทั้งสามแหืงข้างต้น สิ่งหนึ่งที่สรุปได้คือ กสรวิเคราะฟ์แบบแบืงขั้ว-แยำข้างระหว่างเม่อง-นอกภาคเกษตร กับชนบทเกษตรการม ซึ่งมีอิทฑิพลมากต่อสังคมศาสตร์ไทยมาระยะหนึ่ง น่าจะหมดภาีะกิจททงประวัติศาสตร์ไปแล้วใครคืดคนเสื้อะหลือง/แดงแห่งขางคลองโยงหากมองในแง่เศรฯฐกิจแล้ว จะเห็นได้ว่าคนเม่้อแะงและคนเสื้อเหลืองในคลองโยงไม่ได้มีฐานสินทนัพย์ที่แตำต่าลกัร กล่าวคือทั้งสองกละ่มเป็นเจ้าจองที่ดินและยานพรหนะในจำนวนเท่าๆกัน ถึงแม้ว่าโดยเฉลั่ยแล้วคจเสื้อเหลืองจะเป็นเจ้รของรถพระบะมากกว่าอล็หน่อยก็ตาม คนเสื้อแดงมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินโดยเฉลี่ส 14.93 ไร่ต่อคระวเรือน สาวนคนเสท้อเหลืองนั้นมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินโดยเฉลี่ย 12.46 ไร่ค่อครัวอนือน อย่างไรก็ตามสิ่งที่สรุปได้จากกนรทหแบบสอบถามืี่คลองช้างก็คือคนเสื้อแดงโดยเฉลี่จแล้วจะทำธุรกรรใทางกา่เงินที่มีขนาดเล็กกว่าคนเสืีอเหลือง แต่มีภาระหนี้ที่หนักกว่า เมื่อดล่าวถึงรทสได้ คนเสื้อแดงฌดยเฉลีียแล้วจะมีรายไเ้ต่อหัวต่ำกว่าคนเสื้เเหลืองคือ ประมาณ 5195 บาทค่อตนต่อเดือนและ 11849 ต่อีนต่อเดือนตามลำเับ ส่วนในแง่ของเงินกู้ รนเสื้อแดงเป็นหนี้โดยเฉลี่ยน้อยกว่าคนเสื้อเหลืองเบ่นกันคือปรุมาณ 85200 บาทต่อครัวเรือนและ 135231 บาทต่แครัวเรือนตามลำดับ แต่ถึงแม้ว่าทั้งรายได้และเงินกูีของคนเสื้อแดงจะน้อยกว่าก็ตาม สัดส่วนบองเงินพู้ต่อรายได้ครัวดร่อนของคนเสื้อแดงก็บังสูงกว่า (5.6 เท่า) ในข๋ะมี่ สัดส่วนเงินกู้ต่ดรายได้ของคสเสื้อเหลืองคือ 4.9 เท่า แสดงให้เห็นว่าครเสื้อแดงรับภาระหจี้มากกว่าคนเสื้อเหลือง ในแง่นี้แล้ว สรุปได้ว่า ทั้งคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดงบ้านนี้ไม่ใช่คนจน แต่คนเสื้อเหลืองจะมีฐานะดีกว่าคนเสื้อแดง ขัอสังเกตอีกประการหนึ่งคิอ แหล่งรายไดเของคนเสื้อเำงืองจากนอกภาคการเกษตรจะมีมากปว่าเสื้อแดงเล็กน้อย พิจารณาได้จากการที่คา้สื้อเหลือง 28% มีสัดส่วนของรายได้เกษตรต่อราจได้รวมน้อยกว่า 40% ในขณะที่คนเสื้อแดงมีเพียง 24%ผลการสนทนากลุ่มจังหใัดนครป.ม อขียงใหม่ และดุบลราชธานีคนเสื้อเหลือง ที่เราพูดคุยด้วยในทั้งสามยังหวัด มเกเป็นผู้ที่มีรายได้สม่ำเสมอ หรือเป็นเงินเดือน ส่วนใหญ่มีอาขีพเป็นข้าราชการครู-อาจารย์ (นครปฐม เชียงใหม่ และอุบล) ำนักงานรเฐวอสาหกิจ พนักงานเอกชน-นักงิชาชีพ )อุบล) นักพัฒนา (NGO เชึยงใหม่) แต่เป็นเกษตรกนก็มี (นครปฐม) ส่วจใหญ่จบการศึกษาระดังปริญญาตรี หรือสูงกว่า มักมีฐานะดี เช่นรายหนึ่งเคยเห็นผู้จัดการธนาคาร ปัจจุบันเแิดบริษัทสอบบัญชี และเป็นประธานโรตารี่จังหวัด อีกสองราย แม้เป็นเกษต่ก็มีฐานะพแส่งเสียลูกๆ จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยชัืนนำขอรัฐได้คจเสื้อแดว ที่เข้าร่วมใตการสนทนากลุ่มย่อยส่วาใหญ่ทำปารผลิตเพื่อตลาด หรือการค้าาั้งในและนเกภาคการเกษตร แต่ขาดความมั่นีงทางรายได้ แม้ว่าหลายคนจะมีกิจการของตนเองก็ตาม เนื่องจากเป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน บางครั้งพ็ขาดทุน ส่วนน้อยเป็นขิาราชการ หคือมีิงินเดือนประยำเกือบทั้งหมดบองเสื้อแดงนครปฐใทึ่พูดคุยด้วยท_นาข้าว และ/หีือนาบัว เสริมด้วยการปลํกผักชีฝรั่งด้วยวอถีการเกษตรแผนใหม่ นาข้าวทั้งหมดเปฺนนาหว่านในเขจชลประทาน ใช้พัยธุ์ข้าวสมะยใหม่ (เลิกปลูกข้าวพันธุ์พื้นดมือง-นาปีตั้งแต่ด.ศ. 2517-18) ใช้เครื่องจักรในทุกชั้นตอนการผลิต ตั้วแจ่เตรียมดิน พรนข้าว ฉีดปุ๋ย ตลอดจนใช้รถเก้่ยวย้าว ขายหบผลิตทุกเมล็เ และซื้อข้าวสารบริโภค ส่วนผู้ทำาาบัวและปลูกหักชีนเ้น มีทั้งืี่ปลูำขายส่งอย่างเดีนว และยำมาขายเองทีรปากคลองตลาด เช่นกรณคของนายสมใจ ส่วนนายอำนวยนั้นเป็นช่างซ่อมเครื่องจักรการเกษตา เปิดอู่บริกทรขอลตรเอง้ม้่อถามว่า ใหิจัดลำดับชั้นทาง้ศรษฐกิจของตนเอง หรกให้ปบ่งทั้งหมดออกเป็ตห้าบั้น โแยชั้นที่หนึ่งจนที่สุด และชั้นห้ารวยที่สุด เกือบทัเงหมดตอบว่าตจอยู่ในชั้นที่สอง ยกอว้นอำนวยคนเดียวที่ยอมรับว่าตนอยู่ชั้นที่สาม ไม่มีใครเลยที่จัดว่าตนอยู่ในชั้นที่หนุ่งคนเสื้อแดงอุบลท้่พูดคุยด้บยมีความหลากหลายในแง่อาชีพและฐรนะทางเศรษฐกิจกว่านครปฐม แต่สิ่งที่เหม้ินกันคือ ไม่มีผู้ใดเลยที่มีรนยได้ประจำ หรือเผ็นมนุษย์เงินเดือน นับตั้บแต่เกตุสุรีและนงคราน ซึ่งเป็นเกษตรกา คนแรกปลูกไม้ตัดดอก เลี้ยงวัว เลี้ยงเป็ด และขายก๋วยเตีณยวในหมู่บ้าน ีนหลังปลูกยาง ดอกไม้ และขายเอบในตลาด ส่วนเมาวคนเป็นแม่บ้านขายน้พข้าวโพดเป็นอาชีพอสริม ในข๊ะที่นายฟลเปิดร้รนขายเตรื่องไฟฟ้าและจานดาวเทียมในตัวเมืองอุบล ส่วนนายน้ิยทำธุรกิจ่ับเหมท-ประมูลงานพาครัฐ จบกสรศึกษาระดับปริญญารรีเสื้อแะงเชียวใหม่ มีความแตกต่างมาก่ั้งด้านอมชีพและฐานะทางเศรษฐกิจ ตั้งแตืเกษตรกร (นา สวน) นักธุรกิจ (โรงอรมและร้านอาหาต รับเหมาก่อสร้าง เจ้าบองว้สนเช่า) นักการเมืดงท้องถิ่นในเวียง ช่างทอง (เจ้าของร้านห้องแถว) นักพัฒนาและนักกิจกรีม (NTO DJ วิมวุชุใชน) ข้ารสชการบำนาญ (เจ้าของต้านของลพ) ขิาราชการระดับล่าง (ตำรวจ ทไาร สรรพมกร) ลูกจ้างร้านอาหาร หมอนวดแผนโงราณ รับจ้างทั่วไป (รายได้ไมืแนรนอน) คนงานโรงงาน (อดีตพ่อค้าตลาดสัด)แใ้ว่าคนเสื้อแดง-เสื้อเหลืองทั้งหมดที่้คาได้พูดคุยด้วยนั้น จถมีความำลากหลาส-แตกต้างทั้งะ้มนอาช้พและฐานะทาง้ศรษฐกิจ แต่สิ่งที่พอสาุปได้สีดังนี้โดยรวมแล้ว ฐานะทางเศรษฐกิจและการศึกษาของคนเสื้อเหลืองนะสูงแว่า และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากกว่า เชีนมีเงินเดือนประจำ เป็นนักวิชาชีพ หรือมีธุรกิจที่มั่นคงแล้ว และน่นสนใจว่า ไมรมีตัวอย่างเสื้อเหลืองคนใดเลยที่มีฐานะต่ำกว่าคนชั้นกลาง ในขณะที่ส่วนใหญ่ของคนเสื้อแดงจะมีกระแสรายได้ที่ผันผวน จี้นกับผลผลิต ภาวะการค้า และปริมาณงานที่รับจ้าง ตัวอย่างเช่นอดีตพ่อค้าขายเสื้อป้าตามตลาดนัด ซึ่งจบการศึกศารัดับปริญญาตรี ทำงานโรงงาสก่อนที่จะลาออกมาค้าขาย เคยผ่อนรถกระบะมาืำการค้า แต่เมื่อเศรษฐกิจแย่ลงจึงขาดทุน รถถูกยึด และต้องกลับไปทำงานโรงงทนเช่นเดิม มีเสื้อแดงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีเงินเดือนประจำ แตีทั้งหมดก็เป็นเพียงข้าราชการระดับล่าง หรือเป็นนักพัฒนาซึ่งมีเงินเดือนระดับไม่สูง อย่างไรก็ตามจากการสังเกตุ ไม่สีผู้ใอเป็น คนจน ในระดับที่เป็นผู่สากจนใต้เส่นความยากจนของทางการเลย ตัวอย่างเช่น สามสาวจากจัฝหวุดเชียงใหม่ผู้มีอาชีพรับจ้างทั่วไปในเบตขานเมือง ซึ่งเป็นคนจนที่สุดในหมู่คนที่เรากูดคุยด้วย และจัดตัวเองอยู่ในชนชั้นที่จนที่สุดของสเงคมไทยนัีน หัตจุบันก็มีรายไะ้หลายพัตบาทต่อเดือน ใ่วนในช่วงเศรษฐกิจดีมีรายได้เกือบสองหมื่นบาท หรือในกรณีของหมอนวด (ชาย) ก็เข่นเดียวกัน ทั้งหใดนี้มิได้หมายควนมว่า ไม่มีคนรวยเป็นคนเสื้อแดง จากต้วอยาาฝทั้งที่จังหวัดเชีนงใหม่และอุบล เสื้อแเงหลายรายเป็นนักธุรกืจ ทั้งรับเหทาก่อสร้าง เจ้าของบ้านเช่า เจ้าขอบโรงแรมขิิมูลจากแบบสอบถามจากการประมวลผลการตอบแบบสอบถนม 99 ชุดที่ได้สุ่ใจทกหมู่บ้านคลองโยง (73 ชุด) และพ่้นที่อืรนๆในประเทศไทย (26 ชุด) พบว่า ใยแง่ของเศรษ,กิจสัวคมเราพบว่า คนเสื้อแดงที่ตอบแบบสอบถามนั้นาีแนวฑน้มที่จะประดอบอาชีพทางการดกษตร และรับจ้าง(นอกระบบมากกว่า) คนเส้้อเหลืองจาปทร่ได้บรรยายข้างต้ต ข้อม๔ลของเราสอดคล้องกับสมมตืฐานของ หาสุก พงษ์ไพจิตร ที่เสนอว่าฐานเสียงของพีรคไทยรักไทนคือ มวลชนไร้การจัดคั้งจากภาคเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการ (un8rganizwd informal mass) ซึ่งประกอบด้วยสองำลุ่มย่อยคือ แรงงมนจากภาคการเกษตรแงะแรงงานนอกระบบฦึ่งคิดรวมเก็น 67% ของกระชากรไทยในปี 2547 แต่ส้่งที่เราพบอาจจะแตกต่างตรงที่ว่าไม่ใช่ทั้งหมดของมวลชนไร้การจัดตั้งกลุ่มนี้จะเป็นเสื้อแดง ถึงแม้ว่าส่วนใหญืของพวกเขาจะเป็นก็ตสม
ราชดำเนินเสวนา จุดเปลี่ยนชนบท จุดเปลี่ยนฐานการเมือง ผศ.ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เปิดงานวิจัย ใครคือคนเสื้อเหลือง - เสื้อแดง เผยคนชนบทคับแค้นถูกหยามเหตุเข้าร่วมเสื้อแดงวันนี้ (18 ก.ค.) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันอิศรามูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย จัดราชดำเนินเสวนา โครงการร่วมปฏิรูปประเทศไทยครั้งที่ 10/2553 เรื่อง จุดเปลี่ยนชนบท จุดเปลี่ยนฐานการเมือง มีนายวิลาส สุวี รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ผศ.ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายอภิชาต ทองอยู่ ประธานมูลนิธิสวัสดี และศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมเสวนานายวิลาส กล่าวว่า ตั้งแต่ ปี 2533 ประชากรในสังคมไทยเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ทำให้โครงสร้างของครัวเรือน ปรับเปลี่ยนมีครัวเรือนขยายเพิ่มมากขึ้น ทั้งประเภทอยู่คนเดียวหรือไม่ใช่ญาติ และเปลี่ยนบทบาทของผู้หญิงเป็นหัวหน้าครัวเรือน ซึ่งคนในชนบทย้ายเข้าสู่ชุมชนเมืองมากขึ้นผลสำรวจความเดือดร้อนของประชากร ระหว่างวันที่ 18-24 มิ.ย. 53 ที่ผ่านมา ทั่วประเทศ พบว่า 14.5 % คิดว่าเป็นคนจน ซึ่งสาเหตุของความจนนั้น นอกเขตเทศบาล คิดว่า คือ ไม่มีทุนการประกอบอาชีพ และในกรุงเทพมหานคร คิดว่าขาดโอกาส การเรียนน้อย เกิดมาจน ขี้เกียจไม่ขวนขวาย ตามลำดับนายวิลาส กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ผลการสำรวจรายได้รายจ่าย พบว่า มีความห่างกันมากขึ้น ระหว่างชุมชนเมือง กับชุมชนชนบท เนื่องจาก โครงสร้างชนบทอยู่ในภาคเกษตร แต่จุดเด่นของสังคมเมืองคือ การบริการ ซึ่งจากสถานการณ์ความไม่สงบในบ้านเมืองเมื่อเร็วๆ นี้ คนในเมืองมองว่า ความขัดแย้งทางเมืองเป็นปัญหา 72 % ในขณะที่คนชนบทคิดเป็นปัญหาเพียง 58 %ผศ.ดร.อภิชาติ กล่าวว่า จากผลวิจัยที่ได้สำรวจในเบื้องต้น เรื่อง ใครคือเสื้อเหลืองเสื้อแดง พบว่า ในด้านอาชีพ เสื้อแดง มีแนวโน้มเป็นเกษตรกร แรงงาน รับจ้างนอกระบบ ส่วนคนเสื้อเหลือง มีอาชีพ รับราชการ รัฐวิสาหกิจ ค้าขาย ส่วนการศึกษา คนเสื้อเหลืองจะสูงกว่าคนเสื้อแดง อยู่ในระดับอนุปริญญาตรีขึ้นไป และสำหรับรายได้ คนเสื้อเหลือง มีรายได้สูงกว่า แต่หากเทียบเส้นความยากจน ตามสำนักงานสถิติแห่งชาติ ไม่จัดว่าไม่มีคนกลุ่มใดเป็นคนจน แต่มีเพียงเศรษฐกิจต่างกันเท่านั้นสิ่งที่น่าสนใจคือ คนเสื้อแดงคิดว่ามีรายได้น้อยเพียง 18 % แต่คนเสื้อเหลืองบอกว่ายากจนกถึง 23 % ถือเป็นความเหลื่อมล้ำรุนแรงที่คนเสื้อเหลืองรู้สึกว่าห่างมากจนรับไม่ได้ มากกว่าเสื้อแดง ที่บอกว่า ห่างมากแต่พอรับได้ผศ.ดร.อภิชาติ กล่าวต่อว่า คนเสื้อแดงได้ประโยชน์จากประชานิยมอย่างชัดเจน จากโครงการ 30 บาท และกองทุนหมู่บ้าน เพราะอยู่นอกระบบประกันสังคม รายได้ผันผวนตามราคาพืชผล ไม่มีความมั่นคงทางด้านรายได้ โครงการต่างๆจึงสอดคล้องกับความต้องการ กลุ่มคนเหล่านี้จึงตอบรับนโยบายของพรรคไทยรักไทย ส่วนสาเหตุการประท้วง คือ ต่อต้านการเมืองจากการแทรกแซงจากทหาร ปัญหาสองมาตรฐานและความยุติธรรม การที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง โดยที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจนไม่มีคนใดเลือกเป็นเหตุผลจากการต่อสู้สรุปได้ 4 ประเด็นว่า ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ไม่ได้เป็นสาเหตุของความคับข้องใจของคนเสื้อแดง 2.ความเหลื่อมล้ำไม่ได้เป็นที่มาของคนเสื้อแดง 3.ฐานะเศรษฐกิจเสื้อแดงน้อยกว่าเสื้อเหลือง นโยบายประชานิยม จึงตอบโจทย์มากกว่า 4.หากปฏิรูปประเทศเน้นที่ความไม่เป็นธรรมในการกระจายรายได้เพียงอย่างเดียว ไม่แน่ใจว่าจะแก้ได้ นอกจากนั้นความรู้สึกโดนเหยียดหยาม ว่าเป็นคนอีสาน เป็นสีแดง ความรู้น้อย รู้สึกว่าสังคมมีการแบ่งชนชั้น ไม่ยุติธรรม เพราะคนเสื้อแดงทำอะไรก็ผิด รู้สึกต้องต่อสู้ ประท้วงเพื่อประชาธิปไตย ขอสิทธิคืนดร.ยุกติ กล่าวว่า อยากให้ทำความเข้าใจชนบทในภาพใหม่ว่า ปัจจุบันชนบทเป็นตัวแบบชนชั้นกลางรุ่นใหม่และเป็นพลเมืองที่กำลังตื่นตัว เพราะจากการเมืองไทยหลังเหตุการณ์พฤษภา 2535 เกิดเป็นการเมืองของชนชั้นกลางเก่า คือ เสื้อเหลือง กับชนชั้นกลางใหม่ เป็นกลุ่มเสื้อแดง เกิดขึ้นคู่ขนาน เป็นปรากฎการณ์ที่เปลี่ยนไปโดยกลุ่มชนชั้นกลางใหม่ที่เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิ อาจจะประชดตนว่า เป็น ไพร่ เพื่อชี้ความเหลื่อมล้ำทางการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ มาจากชุมชนท้องถิ่น จากเครือข่ายทางการเมืองแบบใหม่ ก้าวพ้นชุมชนแบบเก่า มีแนวความคิดที่ถูกปลูกฝังจากวิทยุชุมชน ปัญญาชนท้องถิ่น ต่อยอดกับคนที่เป็นปัญญาชนในกรุงเทพที่เข้าไปให้ข้อมูลข่าวสารสู่ชนบทในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและสิ่งที่ควรจะได้รับมากขึ้น มากกว่าการรอคอยไม่มีปากเสียงเช่นเดิม และมองว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มีสิทธิเรียกร้องนายอภิชาต กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของชนบท แต่เป็นเพราะ วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดกระแสโลกาภิวัฒน์ ครัวเรือนเปิดกว้าง ร่วมสมัย และผลจากการเมือง โครงสร้างการเมืองเปลี่ยนไปที่คอร์รัปชั่นอย่างมหาศาล และการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนแนวประชานิยมที่ไม่มุ่งสร้างเงื่อนไขการสร้างสังคมสวัสดิการอย่างถาวรทำให้เกิดการผลิตซ้ำของระบบอุปถัมภ์ใหม่ขณะนี้ชาวนากำลังออกจากอาชีพดั้งเดิม เป็นปัญหาที่ต้องรอให้จัดการสะสาง สร้างทัศนคติขึ้นใหม่ จากที่ชนบท ถูกกดทับจากพาณิชย์ จากนักการเมืองท้องถิ่นที่ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเงื่อนไข สร้างเกิดความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพได้ยากศ.ดร.ผาสุก กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยเกิดขึ้นกว่า 15 ปี หากดูสังคมโดยรวม มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ทำให้คนท้องถิ่น มีสิทธิ์เลือกตั้ง กระบวนการเลือกตั้งส่งผลกับวิถีชีวิต ทัศนคติ สำคัญ คือ ได้เรียนรู้ ว่าเป็นช่องทางนำมาซึ่งงบประมาณต่างๆ ที่สามารถเรียกร้อง ให้มีบทบาทตัดสินใจนโยบายต่างๆ ในกระบวนการโหวตและสามารถจะปรับปรุงชีวิตได้ดีขึ้นปรากฏการณ์ทักษิณจึงทำให้เกิดความมุ่งหวังของชาวบ้าน ว่าไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน เพราะรัฐบาลยุคนั้นได้ทำทุกอย่างที่ได้สัญญาไว้ เป็นสิ่งที่ชาวบ้านได้รับรู้ และสัมผัสได้จริง จุดประกายอะไรที่ทำให้เกิดกระบวนการขึ้น ซึ่งต่อไป การต่อสู้ของคนเสื้อแดงไม่ใช่เรื่องความยากจน แต่เป็นเรื่องของการไม่มีทางออกเมื่อผู้นำจากไป นำไปสู่ความต้องการกลับไปสู่การเมืองก่อนปี 2516 ทีมวิจัยเรื่องจุดเปลี่ยนชนบทไทย ซึ่งนำโดยอาจารย์ อภิชาติ สถิตนิรามัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยคณะ ได้จัดทำผลวิจัย เรื่อง จุดเปลี่ยนชนบท จุดเปลี่ยนฐานการเมือง ? ผ่านรายการ ราชดำเนินเสวนา โครงการร่วมปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่ ๑o / ๒๕๕๓ เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่าน โดยคณะวิจัยเห็นว่า ผลจากการสนทนากลุ่มในทุกพื้นที่ การวิจัยเชิงมานุษยวิทยา และข้อมูลจากแบบสอบถามสอดคล้องกับสมมุติฐานที่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้บางคลองโยง จังหวัดนครปฐมชาวบ้านคลองโยงเป็นผู้อพยพมาจากพื้นที่ เจริญ ซึ่งมีการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน มีผู้คนจับจองที่ดินทำกินอันอุดมสมบูรณ์มาเก่าแก่บริเวณลุ่มน้ำนครชัยศรี เพื่อมาหักร้างถางพง หรือบุกเบิกที่ดินแห่งใหม่เพื่อทำนาที่ห่างไกลจากชายแม่น้ำและมีผู้คนจับจองอยู่น้อย ดังครอบครัวของ ลุงต๊าบ (นามสมมติ) วัย 83 ปี ที่อพยพมาจาก ต.ท่ากระชับ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ตั้งแต่สมัยรุ่นปู่และย่าแต่ก่อนมันเป็นเฟือย ต้นเฟือย ต้นพง ก็ไม่มีที่ทำกิน ก็ตรงนี้มันเป็นที่น้ำคลึง น้ำไม่แห้ง แต่ก่อนปู่ย่าตายายก็มาถางกันจับจองที่ริมคลอง ใครมีแรงมากก็ถางได้มากหน่อย ใครมีแรงน้อยก็ถางได้น้อยหน่อย แล้วก็ขุดโคก ขุดถมโคกแล้วก็ปลูกบ้านกระต๊อบอยู่กัน ลุงต๊าบ กล่าวการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนของชาวบ้านคลองโยงส่วนใหญ่จึงอยู่บริเวณริมคลอง ส่วนที่ทำกินซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่นาจะอยู่ถัดขึ้นไปจากหลังบ้านเรือน การครอบครองที่ดินทำกินจะแตกต่างไปตามความสามารถในการบุกเบิกจับจอง ดังเช่น ครอบครัวประธานสหกรณ์คลองโยงคนปัจจุบัน(พ.ศ. 2553) เคยมีการบุกเบิกจับจองเอาไว้ถึง 80 ไร่ ความเปลี่ยนแปลงในด้านการถือครองที่ดินเกิดขึ้นหลังการพัฒนาคูคลองในเขตที่ราบลุ่มภาคกลางช่วงรัชกาลที่ 4 และ 5 คลองใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกหลายคลอง เช่น คลองชัยขันธ์หรือคลองเจ๊ก คลองกำนันขาว ฯลฯ ความเปลี่ยนแปลงด้านการถือครองที่ดินสำคัญในช่วงที่มีการขุดคลองมหาสวัสดิ์ในปี 2400 ซึ่งขุดขึ้นในรัชกาลที่ 4 และมีการจับจองที่ดินโดยพระบรมวงศานุวงศ์ ทำให้ชาวบ้านคลองโยงต้องกลายเป็นผู้เช่านาทั้งหมดที่นี้นายอำเภอนครชัยศรี เค้ามาเยี่ยมราษฎร ถามว่าทำไมตรงนี้มีบ้านคนเยอะแยะหมด อยู่ตรงโน้นหลังนี่หลัง อยู่ไม่เป็นหมู่ ใครอยากอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น เค้าก็ว่านี่ที่มันเป็นที่รกร้างว่างเปล่า แต่จริงๆไม่ใช่ ที่มันเตียนหมดแล้ว คนทำหมดแล้ว ไม่ได้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าอย่างที่เค้าว่า ก็เลยไปจ้างเจ๊กมาขุดคลอง ขุดเสร็จแล้วเค้ายิงข้างละกิโลเลย ข้างละ 25 เส้น ข้างนี้ 25 เส้น ที่หักร้างถางพงไว้ เราต้องมาเช่าเขาทำ เขาเอา แต่ก่อนคนเราไม่รู้กฎหมาย เจ้าขุนมูลนายว่าอย่างไร ก็ต้องว่าตามกัน เค้าจะให้เช่าก็เช่า เราหักร้างถางพงกันแทบตาย เรามาถางเอง แต่ก่อนเป็นป่าทั้งนั้นครั้งแรกที่หลวงเก็บหลังจากขุดคลองใหม่ๆ เค้าเอา ไร่ละ 50 สตางค์ก็เยอะแล้วนะ น้ำแข็งถ้วยนึงแล้ว ก๋วยเตี๋ยวชามนึง เค้าเก็บค่าเช่าเป็นเงินไร่ละ 50 ตังค์ ต่อปี ลุงต๊าบ กล่าวคลองชัยขันธ์หรือคลองเจ๊กเป็นคลองที่อยู่ในพื้นที่การพัฒนาคูคลอง ที่เรียกว่าคลองเจ๊กเพราะใช้แรงงานจีนขุด ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า เจ๊ก เมื่อขุดคลองแล้วแรงงานจีนเหล่านี้ก็จับจองที่ดินบริเวณปากคลอง ปักหลักทำมาอาชีพค้าขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือเป็นพ่อค้ารับซื้อข้าวเปลือก และขายปัจจัยการผลิตให้แก่ชาวนาในพื้นที่คลองโยง ต่อมา กลายเป็นผู้มีฐานะดีที่สุดในหมู่บ้าน กลายเป็นเถ้าแก่ให้กู้เงินหรือตกเขียวแก่ชาวนาแถบนี้ซึ่งมักจะต้องขายข้าวให้กับพ่อค้าเหล่านี้ เนื่องจากต้องเอาปัจจัยการผลิตและเงินไปลงทุนก่อน และมี 2 ครอบครัวที่พัฒนาจนกลายเป็นเจ้าของโรงสีขนาดใหญ่บ้านคลองโยงจึงเกิดและมีพัฒนาการอยู่ภายใต้การพัฒนาระบบเศรษฐกิจการปลูกข้าวเพื่อส่งออกของที่ราบลุ่มภาคกลาง ในพื้นที่การพัฒนาระบบชลประทาน ระบบคูคลอง และการจับจองที่ดินโดยพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการพัฒนาคลองรังสิตในที่ราบลุ่มด้านตะวันออกของเมืองหลวง ปัจจุบันยังมีสภาพเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ชาวบ้านยังมีอาชีพหลักคือ การทำนาและพืชการเกษตรที่เป็นต้องการของตลาดในเมืองแม้สภาพบ้านคลองโยงในสายตาคนนอกอาจไม่แตกต่างไปจากสภาพหมู่บ้านในชนบทภาคกลางอื่นๆ กล่าวคือ การตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนกระจัดกระจาย และล้อมรอบด้วยนาข้าว นาบัว แปลงผัก และสวนผลไม้ยืนต้น มีแนวมะพร้าวและกล้วยแบ่งผืนนาออกเป็นแปลงขนาดใหญ่ภายใต้ระบบชลประทานสมัยใหม่ ซึ่งสามารถปลูกข้าวได้ถึง 5 รุ่นใน 2 ปี ดูเผินๆ แล้ว พื้นที่นี้คือ ภาพแทนตนของสังคมชาวนาชนบท ซึ่งเกือบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากอดีต ยกเว้นถนนหนทางที่เข้าถึงเกือบทุกตัวบ้าน แต่เอาเข้าจริงแล้ว กายภาพของหมู่บ้านกลับหุ้มห่อ-บดบังเศรษฐกิจสังคมสมัยใหม่ไว้ ดังจะพิจารณาในส่วนต่อไปภาพชีวิตและวิถีการทำมาหากินข้อมูลจากการเก็บแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 73 ชุดในวันที่ 2 และ 4 พฤษภาคม 2553 ณ หมู่ 1 และหมู่ 8 ในบ้านคลองโยง ซึ่งมีครัวเรือนทั้งสิ้นประมาณ 190 หลังคาเรือน(หมู่ 1 จำนวนครัวเรือน 80 ครัวเรือน คน หมู่ 8 จำนวน 111 ครัวเรือน) สะท้อนให้เห็นว่า สภาพทางเศรษฐกิจของพื้นที่เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม เนื่องจากตัวอย่างถึง 53 รายมีอาชีพหลักเป็นเกษตรกร และมีรายได้จากนอกภาคการเกษตรไม่มากนัก มีครัวเรือนเพียง 19 หลังคาเท่านั้นที่มีรายได้นอกภาคการเกษตรมากกว่า 60% ของรายได้ทั้งหมด หรือมีเพียง 10 ครอบครัวเท่านั้นที่ไม่มีรายได้จากภาคเกษตรเลย ส่วนใหญ่ของเกษตรกรเหล่านี้เป็นวัยกลางคนมีอายุระหว่าง 31-60 ปี (49 คน) โดยมีผู้สูงวัยอายุมากกว่า 60 ปี 21 คน ในขณะผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปีมีเพียง 3 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นคนวัยกลางคน และส่วนข้างมากมีการศึกษาไม่เกินระดับประถม ภาพนี้จึงไม่แตกต่างไปจากความรับรู้ทั่วไปว่า เกษตรกรเป็นคนมีอายุและมีระดับการศึกษาต่ำ ไม่ได้มีนัยยะว่า ชาวนา เหล่านี้ต้องเป็นคนจน ในทางตรงข้าม ส่วนใหญ่ของคนคลองโยงคือ ชาวนาชั้นกลาง ไม่ใช่รากหญ้า แต่มีลักษณะ ยอดหญ้า เมื่อพิจารณาจาก งบดุล ของครัวเรือนต่อไปนี้คือ หนึ่ง มีระดับรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อเดือนถึง 6278 บาท ซึ่งสูงกว่าเส้นความยากจนของไทยมาก สอง มีสินทรัพย์มาก กล่าวคือ ชาวนายอดหญ้าเหล่านี้เป็นเจ้าของที่ดินโดยเฉลี่ย 14.35 ไร่ และทุกครอบครัวจะมีรถปิกอัพ 1.5 คัน และมีรถยนต์ 1.1 คัน การมีรถยนต์และรถปิกอัพถือเป็นเครื่องมือการผลิตที่สำคัญ เพราะชีวิตการทำมาหากินของคนคลองโยงไม่ได้มีลักษณะเป็นชาวนาอิสระรายย่อยที่ผลิตข้าวแต่เพียงอย่างเดียว มีลักษณะอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำนาบัว และการผลิตพืชผัก ที่ต้องใช้รถในการขนส่งเข้าสู่ตลาด สภาพชีวิตเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่า ชาวบ้านคลองโยงได้สัมพันธ์กับชีวิตในเมืองตลอดเวลาส่วนในด้านหนี้สิน พบว่า ชาวบ้านคลองโยงมีหนี้สินสูง กล่าวคือมีหนี้สินเฉลี่ยครัวเรือนละ 94375 บาท และจำนวน 50 ครอบครัวที่มีหนี้สินมากกว่าเงินออม และโดยเฉลี่ยแล้วแต่ละครอบครัวจะมีหนี้สินสุทธิ 49771 บาท เมื่อพิจารณาจากงบดุลข้างต้น จึงอาจจัดได้ว่า ชาวนาคลองโยง ซึ่งมีวิถีการผลิตแบบสมัยใหม่-มุ่งตลาด (modern and market oriented) และเป็นผู้ประกอบการเกษตรขนาดเล็ก-กลาง (small-medium size entrepreneur) สภาพเช่นนี้เป็นผลของการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การจัดตั้งสหกรณ์คลองโยงเป็นต้นมาช่วงหลังการจัดตั้งสหกรณ์คลองโยง ปี 2524หลังจากการจัดสรรแปลงที่ดินทำกิน การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ระบบชลประทาน และสร้างถนนในคลองโยง ประกอบกับเทคโนโลยีในการผลิตที่มีความซับซ้อนสูงขึ้นกว่าในยุคแรก ทำให้วิถีการผลิตและวิถีชีวิตของคนคลองโยงเปลี่ยนแปลงไปมาก การทำนาในยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยการผลิตที่แตกต่างจากการทำนาในยุคดั้งเดิมการจัดตั้งเป็นนิคมสหกรณ์เช่าที่ดินคลองโยงเกิดขึ้นสมบูรณ์ในปี 2524 การจัดตั้งสหกรณ์ทำให้เกิดการจัดสรรที่ดินเป็นแปลงชัดเจน สมาชิกสหกรณ์จะได้รับที่ดินที่ถูกจัดสรรให้ครัวเรือนละ 20 ไร่ ในยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตไปจากเดิมมาก นาเส้นได้ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นผืนนาแบบทั่วไปแบบภาคกลางคือมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เนื่องจากสหกรณ์ ฯ ได้เข้ามาจัดสรรที่ดินในพื้นที่คลองโยงเสียใหม่ เพื่อการแบ่งที่นาให้ชาวบ้านเป็นผู้เช่ารายละประมาณ 20 ไร่ ทำให้ลักษณะของที่นาอำนวยความสะดวกในการขนย้ายปัจจัยการผลิต เอื้ออำนวยการทดน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรมากขึ้น อีกทั้งประมาณ 2 ปีหลังจากการจัดสรรที่ดินที่เสียใหม่ของสหกรณ์ ได้มีการตัดถนนเข้ามายังชุมชน ทำให้เส้นทางถนนช่วยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับชาวนาเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการจัดระบบชลประทาน ทำให้วิธีการทำนาแบบนาดำถูกเปลี่ยนเป็นนาหว่าน ด้วยสาเหตุข้างต้นทำให้ระบบการผลิตมีความเข้มข้นขึ้น จากการทำนาปีละหนึ่งครั้ง เป็นปีละ 2-3 ครั้งการเปลี่ยนแปลงการผลิตจากแบบดั้งเดิมเป็นแบบเกษตรกรรมในแบบที่เข้มข้นขึ้น ในยุคนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงการก้าวเข้าสู่การผลิตสมัยใหม่ที่ชัดเจน เนื่องจากมีการใช้พื้นที่ในการทำเกษตรกรรมในการผลิตอย่างเต็มที่ และมีการนำใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลงศัตรูพืช และเทคโนโลยีการผลิตเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงผลผลิตให้มีประสิทธิภาพมากกว่าในยุคแรก มีการเปลี่ยนแปลงพันธุ์ข้าวเพื่อให้ทันกับการปลูกในแต่ละครั้ง จากเดิมใช้พันธุ์ข้าวที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ครั้งเดียวต่อปี เมื่อระยะการทำนาเพิ่มมากขึ้นเป็นปีละสามครั้งชาวนาก็ต้องเปลี่ยนพันธุ์ข้าวที่มีการระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่เร็วขึ้นตามไปด้วยหลังจากมีการพัฒนาระบบคลองส่งน้ำในคลองโยง ทำให้เกษตรกรทำนาได้มากขึ้น จึงต้องมีเทคโนโลยีในการตอบสนองการทำนาที่มีความเข้มข้น เทคโนโลยีที่เข้ามาในท้องถิ่นในช่วงนี้ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำเพื่อใช้สูบน้ำเข้านา เป็นต้น และที่สำคัญการเข้ามาของเครื่องจักรที่ใช้ในการทำการเกษตร ทำให้แรงงานในการทำนาในยุคนี้มีเริ่มบทบาทลดลงบ้าง เนื่องจากการใช้รถไถแทนแรงงานควาย และหันมาใช้ลูกทุบหรือ ลูกขลุก ส่วนแรงงานในการดำนายังคงใช้แรงงานผ่านระบบการเอาแรง (ลงแขก)การมีเทคโนโลยีการผลิตที่ดีขึ้นสะดวกขึ้นและใช้เวลาน้อยลงมาก พัฒนาการของเครื่องจักรที่เข้ามายังคลองโยงทำให้การใช้แรงงานจากควายหมดไป และในช่วงปี พ.ศ. 2522 การเข้ามาของเครื่องนวดข้าวยุคแรกที่เรียกว่า รถนวดยัด ทำให้ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวและการนวดข้าวสามารถลดจำนวนแรงงานลงจากการใช้รถนวด แต่ยังต้องใช้คนเกี่ยวและคนหอบข้าวเข้ามาใส่ในรถนวดข้าว กระบวนการดังกล่าวสามารถลดทั้งระยะเวลาและแรงงานในการผลิตมากกว่าการระบบการทำนาแบบดั้งเดิม ชาวบ้านได้เล่าให้ฟังถึงการเปลี่ยนแปลงของวิถีการทำนาของพวกเขาว่าไฟมาประมาณ ปี 26 เปลี่ยนจากนาดำ นาหว่านประมาณปี 30 เริ่มทำบัวถึงจะเริ่มทำนาหว่าน เหลือนาบ้านลุงต๊าบ (นามสมมติ) ควายบ้านเราหมดก่อน ปี 25 ลงล็อคปี 19 เริ่มเปลี่ยนแปลง เรา(ช่างยิ้ม--นามสมมติ) อายุ 15 ไม่มีควายแล้ว พ.ศ. 10 ต้นๆ ก็ไม่มีควายแล้ว จากช่วงควายหมดก็เป็นช่วงนาดำ หว่านจะไวกว่า ใช้ลูกทุบใช้รถไถ รถไถเดินตาม ถ้าหว่านบางบ้านหว่านกันสองสามคนวันเดียวก็เสร็จแล้ว รถตีดินเกิดมาประมาณ 5 ปี เครื่องนวด มีก่อนเครื่องเกี่ยว คือ ประมาณ ปี 2522 เครื่องนวดยัด ( ช่างนวยอายุ 27 ปีมีเครื่องนวด ตอนนี้อายุ 55 ) เครื่องเกี่ยว เข้ามาประมาณปี 2530 กว่า เปลี่ยนจากนาดำเป็นนาหว่านประมาณปี 30 ก่อนนาดำ ลงแขกดำ ใช้มือดำ เครื่องนวดและรถนวดตัวเดียวกัน รถเกี่ยวสมัยบรรหาร เริ่มใช้ปุ๋ยตอนอายุประมาณ พ.ศ. 2520- 22 แต่ก่อนทำนาครั้งเดียว เริ่มทำสองครั้งประมาณ พ.ศ.2519 ตอนลงแปลงสหกรณ์ ปี 2524 เป็นนาดำก็ทำสองครั้ง ถ้าทีแรกเป็นเส้นๆทำสองครั้งไม่ได้ ใช้เครื่องจักรหลังปี 2526 ใช้ปุ๋ยปีแรกประมาณ ปี 30 ช่างยิ้ม (นามสมมติ)กล่าว(ข้อมูลจากการเสวนากลุ่ม วันที่ 3 พฤษภาคม 2553)รถนวดข้าวแบบนวดยัดได้ช่วยย่นระยะเวลาในการทำนาได้มากกว่าการใช้แรงงานควายในการนวดข้าวหลายเท่าตัว กล่าวคือ จากใช้ระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนราวครึ่งเดือน การใช้เวลานวดข้าวจะเหลือเพียง 2- 3 วันต่อที่นา 20 ไร่ อย่างไรก็ดี รถนวดข้าวยุคแรกยังต้องใช้แรงจำนวนมากในขั้นตอนการเกี่ยวข้าว และขนหรือหอบข้าวที่แห้งบนซังข้าวมาใส่รถเกี่ยว รวมทั้ง ต้องใช้แรงงานแบกกระสอบข้าวจากนามายังรถขนข้าว (หรือเรือในช่วงแรกๆ ที่ถนนยังไม่ได้ตัดเข้ามาในหมู่บ้าน) เนื้อที่นาข้าว 20 ไร่จำเป็นต้องมีแรงงานในการนวดข้าว(ด้วยรถนวด) 15-20 คน เพราะการใช้รถเกี่ยวแบบนี้ยังต้องใช้แรงงานในการขนฟางเข้ามาใส่ในรถเกี่ยว คนยัดฟาง คนถือกระสอบ และคนมัดฟาง ต่างจากการเกี่ยวข้าวในปัจจุบันที่ไม่ใช้แรงงาน เพราะเป็นภาระของเจ้าของรถทั้งหมดและสามารถเกี่ยวข้าวจำนวน 20 ไร่ ให้เสร็จและขนไปยังโรงสีได้ภายในเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงการใช้รถนวดข้าวแบบเดิมได้เลิกไปในช่วงเวลาประมาณปี พ.ศ. 2530 หลังจากนั้นได้มีการนำรถเกี่ยวข้าวเข้ามาใช้แทน ซึ่งหากเปรียบเทียบการเก็บเกี่ยวโดยใช้รถนวดแบบเดิมกับรถเกี่ยวแล้ว จะเห็นได้ว่าปริมาณแรงงานที่ต้องใช้กับรถนวดข้าวมีมากกว่า นอกจากนี้ การใช้รถเกี่ยวแบบใหม่ยังสามารถลดขั้นตอนในการเก็บเกี่ยวมาเหลือเพียงขั้นตอนเดียว เพราะรถเกี่ยวสามารถลงไปเกี่ยวข้าวในนาได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นข้าวเปลือกได้ในขั้นตอนเดียว โดยใช้คนขับคนเดียวในการเก็บเกี่ยว ดังนั้น จึงสามารถลดจำนวนแรงงาน ระยะเวลาและความยุ่งยากในการเก็บเกี่ยวได้มากชาวบ้านที่มีฐานะในพื้นที่คลองโยงจะซื้อรถเกี่ยวมาจากภายนอกพื้นที่ ในระยะแรกจะซื้อมาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วมารับจ้างเกี่ยว แล้วพอซื้อรถเกี่ยวมาแล้วไม่สะดวก ก็จะนำมาให้ช่างปรับแต่งให้ หลังจากมีรถเกี่ยวเข้ามาในพื้นที่ ช่างซ่อมในพื้นที่ก็ปรับตัวหันมาทำอุปกรณ์เกี่ยวกับรถเกี่ยว ซึ่งในสมัยก่อนการขนรถเกี่ยวมาให้ช่างซ่อมจะขนส่งมาทางเรือผ่านมาทางคลองเจ๊ก ขึ้นมาซ่อมกันที่โป๊ะท่าน้ำของโรงซ่อม โดยที่ช่างซ่อมอุปกรณ์/ เครื่องจักรทางการเกษตรได้บรรยายถึงการเจริญเติบโตของธุรกิจของเขาซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างมากกับอาชีพการทำนาว่าผมซ่อมเครื่องจักรทางการเกษตร รถไถ เครื่องเกี่ยวข้าวนวดข้าว ถ้าเศรษฐกิจดีพวกนี้จะเยอะ คนก็คุ้มจะซ่อม ซ่อมด้วยซื้อด้วย พอมาตอนหลังมันเกิดกับรถเกี่ยวข้าว วิถีชีวิตมันสัมพันธ์กับวิถีการผลิตด้วย ถ้ายังใช้ควายอยู่ชีวิตพี่ไม่เจริญ เจริญไม่ได้ อย่างตาใจเค้าทำนา ผมเป็นช่าง ถ้าไม่ใช้ควายก็ใช้รถไถ ผมก็ซ่อมอุปกรณ์รถไถ ผมไม่ได้ขาย ซ่อมอย่างเดียว เราอยู่กับรากหญ้า เราเลยรู้ พอรากหญ้ามันเกิดได้ อะไรมันก็เกิด ช่างยิ้ม (นามสมมติ ) กล่าวยุคชาวนาแบบ part-time ตั้งปี 2540 – ปัจจุบันในช่วงต่อมา การพัฒนาการของระบบการผลิตในพื้นที่คลองโยงที่เปลี่ยนแปลงไป สู่การผลิตโดยเครื่องจักรและการเข้ามาของเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น ส่งผลให้ชาวนาทำการเกษตรได้อย่างเข้มข้นขึ้น ความเปลี่ยนแปลงในด้านวิถีการผลิตได้ทำให้การทำนาสมัยใหม่มีลักษณะเป็นแบบ ผู้จัดการนา และเป็นการทำนาแบบ งานไม่ประจำ (part-time) กล่าวคือ เจ้าของนาใช้เวลาอยู่ในนาเพียงฤดูการทำนาเพียงราว 10-15 วันเท่านั้น แต่ค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนการผลิตสูงมาก ในขณะที่ราคาผลผลิตหรือการขายข้าวเปลือกมีความผันแปรเป็นอย่างมากโดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 มีการเข้ามาของเครื่องจักรขนาดใหญ่ เช่น เครื่องเกี่ยวข้าวระบบไฮโดรลิค รถไถแทรคเตอร์ขนาดกลาง เป็นต้น โดยเฉพาะเครื่องเกี่ยวข้าวระบบไฮโดรลิค สามารถเกี่ยวข้าวและนวดข้าวได้ในครั้งเดียวกัน ทำให้ลดแรงงานคนในการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ชาวนาได้ปรับแปลงนาเพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี โดยการล้มหัวคันนาซึ่งเป็นแปลงเล็กๆ แบบเดิมมาสู่แปลงขนาดใหญ่ที่มี คันล้อม ที่สูงพอที่จะกั้นน้ำเข้าออก และกว้างพอที่จะใช้เครื่องจักรเข้าไปสู่ผืนนาได้ และพื้นนาจะถูกปรับโดยรถแทรกเตอร์ให้หน้าดินเรียบเสมอเท่ากันเพื่อสะดวกแก่การใช้เครื่องจักรเดินในผืนนาพอมีรถเกี่ยวข้าวเข้ามา คิดว่ามันทำให้เกิดการทำนาหลายหนมากขึ้นเหมือนกันนะ เพราะว่ามันมี รถเกี่ยว มันทำให้ย่นระยะเวลาในการทำนา เพราะรถเกี่ยวมันเกี่ยวแล้วนวดออกมาเลย อย่าง ใน 7 วันรถเกี่ยวมันสามารถเกี่ยวได้ 50 ไร่ มันเกี่ยวหมด พอเกี่ยวแล้วก็ไม่ต้องเอาคนไปนวดอีก 7 วันเสร็จเรียบร้อย เข้าวันที่ 8 เราก็รับเงินได้เลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันไม่มีรถเกี่ยวแต่มันมีรถนวด ใช้คนเกี่ยว เกี่ยวเสร็จก็หอบเอามากองไว้ แล้วให้เครื่องนวดมันลากไป จากนั้นก็เอาคนมารอยัดข้าวเข้าไป ยัดเข้าไป มันก็เร็วกว่าใช้ควายนิดหนึ่งเร็วกว่าหลายเท่าตัว 2-3 วันก็นวดหมด 30 ไร่ แต่ก็ใช้คนเยอะเพราะต้องมีคนขนฟางเจ้ามา จากนั้นก็คนยัดฟาง อีกคนถือกระสอบ อีกคนรองกระสอบ คนยัดฟางเข้ามา คนมัดอีก แต่ถ้าเป็นรถเกี่ยวมันจะเร็วกว่านั้นเพราะว่า มีคนเกี่ยวคนเดียวแล้วคนรองกระสอบอีก 4 คน แต่ตอนนี้ก็มีพัฒนาไปอีกมันเกี่ยวคนเดียวเลยเพราะมันเกี่ยวใส่ในฉางของมัน บรรทุกได้สองเกวียน แล้วมันก็ค่อยวิ่งไปชายถนนแล้วก็เอาข้าวเทใส่ไซโลแล้วใส่รถ 10 ล้อมันเลย แล้วมันก็วิ่งไปเกี่ยวใหม่ทำให้เร็ว ช่างยิ้ม กล่าวช่างยิ้ม กล่าวว่าตนเองนั้นเป็นคนแรก ๆ ที่บุกเบิกให้มีการนำเครื่องยนต์ไฮโดรลิคเข้ามาใช้ในการทำการเกษตร เนื่องจากช่างอำนวยเป็นช่างคนแรกในคลองโยงซึ่งมีความสามารถที่จะซ่อมเครื่องยนต์ในระบบไฮโดรลิคได้ ทำให้การใช้เครื่องเกี่ยวข้าว นวดข้าวแบบไฮโดรลิคได้พัฒนาและนำมาใช้มากขึ้นในการทำการเกษตรทำไปทำมามันเกิดเครื่องเกี่ยวข้าวขึ้นมา แต่มันยังมีระบบธรรมดาอยู่ พอเรามีความรู้เรื่องระบบไฮโตรลิก เราก็เอาระบบไฮโดรลิกเข้ามาใส่เอาไว้ให้มันเดินได้ เพราะเรามีความรู้เรื่องนี้จากเรือขุดแร่ที่เราเคยซ่อม เราเอาระบบเรือขุดแร่มาทำใส่รถเกี่ยวข้าวเราเป็นผู้ออกแบบตัวนี้ให้กับประเทศไทย เราเราเป็นผู้คิดระบบเดินของเครื่องเกี่ยวข้าวนี้เอง พอเราใส่เข้าไปคนรู้จักก็จริงแต่ก็ซ่อมไม่เป็น เสียก็ต้องมาซ่อมที่เรา คนอื่นรู้จักไหมก็รู้จักแต่เขาไม่เคยซ่อม ทำให้เวลามีรถที่ซื้อมาแล้ว เขาก็ให้เราเอาระบบนี้ใส่เข้าไป ทำให้คนรู้จักเราไปเรื่อย ๆเครื่องจักรช่วยให้ทำการเกษตรได้สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งเครื่องดำนายังช่วยให้ชาวนาดำนาได้เสร็จเร็วขึ้น และไม่ต้องใช้วิธีลงแขกในการขอแรงเพื่อนบ้านเพื่อมาช่วยดำนา ส่วนการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงถึงแม้จะฉีดพ่นยาฆ่าแมลงหลายครั้งในการทำนาครั้งหนึ่งๆ แต่เมื่อมีเครื่องฉีดพ่นยาฆ่าแมลงทำให้ฉีดพ่นยาได้เร็วโดยอาศัยแรงงานคนที่น้อยลง การที่รถเกี่ยวข้าวแบบเครื่องนวด รวมถึงเครื่องจักรที่ทันสมัยต่างๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา จึงมีบทบาทมากในการทำนาของชาวนาในพื้นที่คลองโยง นอกจากจะช่วยให้มีความสะดวกและรวดเร็วในการทำการเกษตรแล้ว ยังทำให้ชาวนาผลิตข้าวมากขึ้น ชาวนาบางรายทำนาปีละ 3 ครั้ง การทำนาจึงไม่ต้องพึ่งพาธรรมชาติอีกต่อไป ชาวนาสามารถกำหนดช่วงเวลาในการไถว่านเพื่อทำนาได้ด้วยตนเอง หรือแม้แต่การแบ่งที่นาเป็นส่วนๆ เพื่อทำการเกษตรอย่างอื่นไปพร้อมๆ กันก็ยังสามารถทำได้ เมื่อชาวนาในปัจจุบันมีช่วงเวลาที่ไม่ได้ทำนานานขึ้น ทำให้ชาวนาหันไปประกอบอาชีพอื่นๆได้ด้วยเพื่อเป็นการเสริมรายได้จากการทำนาอย่างเดียว เช่น นาบัว สวนผัก (ผักชีฝรั่ง แตงกวา ถั่วฝักยาว ตระไคร้ ฯลฯ) เลี้ยงปลา สวนผลไม้ (ส้มโอ กล้วยหอม ฝรั่ง ฯลฯ) และการเข้าไปเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรมโดยสรุปแล้ว ข้อมูลจากบ้านคลองโยงชี้ให้เห็นว่า เกษตรกรที่นี้มีวิถีการผลิตแบบสมัยใหม่-มุ่งตลาด (modern and market oriented) เป็นผู้ประกอบการเกษตรขนาดเล็ก-กลาง (small-medium size entrepreneur) เขาไม่ใช่เป็นชาวนา (peasant) แบบในอดีต ที่เน้นการผลิตเพื่อบริโภคเองเป็นหลัก และ/หรือใช้เทคนิกแบบเก่าที่ใช้แรงงานเข้มข้น แต่เป็นการผลิตเพื่อตลาด และใช้ทุนเข้มข้น การตัดสินทั้งด้านการผลิตและการตลาดเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจ ซึ่งต้องพิจารณาปัจจัยและสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านราคาขาย ด้านต้นทุนการผลิต แบบเดียวกับผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอื่นๆ นอกภาคเกษตร ดังนั้น ความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจมหภาคย่อมส่งผลโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่เช่นกัน ในแง่นี้แล้ว ชาวนา-ชาวสวน คลองโยงก็มีวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจไม่ต่างจากผู้ประกอบการภาคอื่นในเขตเมือง นอกจากนี้แล้ว แม้ว่าภาคเกษตรจะยังคงมีความสำคัญอยู่มาก แต่ความสำคัญของเศรษฐกิจนอกภาคเกษตรก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ผู้คนในพื้นที่นี้มีอาชีพที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ ย่อมทำให้การวิเคราะห์แบบแบ่งขั้ว-แยกข้างระหว่างเมืองกับชนบทำไม่สามารถเข้าใจสภาพความเป็นจริงที่เปลี่ยนไปนี้ได้แน่นอนว่า คลองโยงมิใช่ตัวแทนของหมู่บ้านชนบททั้งหมด แต่ก็มิใช่กรณียกเว้น แม้ว่าหมู่บ้านคลองโยงมีสภาพแตกต่างกับกับงานวิจัยเศรษฐกิจสังคมหมู่บ้านในรอบสิบปีที่ผ่านมาอยู่บ้าง เช่น Rigg and Sakunee (2001) ซึ่งศึกษาตำบล ทุ่งสโดค (Thung Sadok) ในอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ และ Rigg (et.al. 2008) ซึ่งวิจัยสองหมู่บ้านในตำบล Khan Haam อำเภออุทัย จังหวัดอยุธยา แต่สิ่งที่คลองโยงเหมือนกับงานทั้งสองชิ้นนี้คือ วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจของคลองโยง ซึ่งเป็นการผลิตแบบสมัยใหม่-มุ่งตลาด (modern and market oriented) และมีวิถีชีวิตแบบ ยืนสองขา ทั้งในและนอกภาคเกษตรมากขึ้น อันมีรายละเอียดต่อไปนี้งานของ Rigg and Sakunee (2001) สรุปว่า ในทุ่งสโดค ซึ่งภายนอกเป็นผืนนาชลประทานและที่สวนนั้น วิถีชีวิต (livelihood) แบบยืนสองขาระหว่างเกษตรกรรมและนอกภาคเกษตร ซึ่งเชื่อมโยงกับตลาดโลก กลายเป็นแบบวิถีหลัก เอาเข้าจริงแล้ว เศรษฐกิจของพื้นที่นี้ขึ้นกับกิจกรรมนอกภาคเกษตร นับตั้งแต่งานโรงงานในนิคมลำพูน การทำดอกไม้ประดิษฐ์ ทอเสื่อ มากกว่าการเกษตร และแม้แต่ในครอบครัวที่ทำการเกษตรอย่างเดียว ซึ่งมีอยู่น้อยรายมาก เช่นในกรณีของนายอุทิศ เขาเช่าที่นาแปดไร่เพื่อการปลูกข้าวสองรอบ และปลูกหัวหอมอีกหนึ่งรอบในหนึ่งปี การตัดสินใจผลิตก็เป็นการตัตสินใจเชิงธุรกิจล้วนๆ แม้แต่ข้าวนาปีที่ปลูกก็มิได้เก็บไว้กินเองเลย การเอาแรงซึ่งกันและกันแม้ว่ายังคงอยู่ แต่ก็เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ตกค้างจากอดีตเท่านั้น (p.949) ยิ่งไปกว่านั้น 10% ของพื้นที่ปลูกข้าวในตำบลก็เป็นการผลิตแบบพันธะสัญญา ปลูกข้าวพันธุ์ญี่ปุ่นเพื่อนำไปทำเหล้าสาเก (p.950) ในแง่นี้จึงยากมากที่จะจัดครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งว่า มีวิถีชีวิตแบบเมือง หรือชนบท เพราะว่าในครอบครัวหนึ่งนั้น พ่ออาจจะทำนาในหมู่บ้าน แม่นั่งทำดอกไม้ประดิษฐ์ที่บ้าน ในขณะที่ลูกๆ ทำงานในโรงงานที่ลำพูน ชีวิตในครอบครัวนี้จึงก้าวข้ามทั้งสาขาเศรษฐกิจ (sectoral) และพื้นที่กายภาพ (spatial) แต่ทั้งหมดใช้ชีวิตในหมู่บ้านชนบทส่วน Rigg (et.al. 2008) พบว่า วิถีชีวิตของสองหมู่บ้านในจังหวัดอยุธยานั้น มิใช่สังคมเกษตรกรรมเลย ทั้งๆที่ในทศวรรษ 2503-2513 ทั้งสองแห่งเป็นภาพตัวแทนสังคมชาวนาแบบดั่งเดิม ดูได้จากตัวเลขที่ระบุว่า 98% และเกือบ 100% ของประชากรในสองหมู่บ้านนี้ ถ้าไม่เป็นนักเรียนก็มีอาชีพนอกภาคเกษตร ยิ่งไปกว่าวิถีการผลิต วิถีชีวิตแบบ สมัยใหม่ ทั้งในแง่ ความอยากได้ใคร่มี ความหวัง-การคาดฝัน (aspiration) ปทัศสถาน (norm) ความคาดหวัง (expectations) และมุมมอง (outlook) ซึ่งเชื่อมโยงและไม่ต่างจากสังคมเมืองใหญ่ ได้เข้าแทนที่วิถีแบบเก่าโดยสิ้นเชิง ในแง่นี้แล้ว สังคมหมู่บ้าน ในฐานะชุมชนแบบในอดีต จึงระเหดเหยไปหมดแล้วจากสภาพของพื้นที่ทั้งสามแห่งข้างต้น สิ่งหนึ่งที่สรุปได้คือ การวิเคราะห์แบบแบ่งขั้ว-แยกข้างระหว่างเมือง-นอกภาคเกษตร กับชนบทเกษตรกรรม ซึ่งมีอิทธิพลมากต่อสังคมศาสตร์ไทยมาระยะหนึ่ง น่าจะหมดภาระกิจทางประวัติศาสตร์ไปแล้วใครคือคนเสื้อเหลือง/แดงแห่งบางคลองโยงหากมองในแง่เศรษฐกิจแล้ว จะเห็นได้ว่าคนเสื้อแดงและคนเสื้อเหลืองในคลองโยงไม่ได้มีฐานสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน กล่าวคือทั้งสองกลุ่มเป็นเจ้าของที่ดินและยานพาหนะในจำนวนเท่าๆกัน ถึงแม้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนเสื้อเหลืองจะเป็นเจ้าของรถกระบะมากกว่าเล็กน้อยก็ตาม คนเสื้อแดงมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินโดยเฉลี่ย 14.93 ไร่ต่อครัวเรือน ส่วนคนเสื้อเหลืองนั้นมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินโดยเฉลี่ย 12.46 ไร่ต่อครัวเรือน อย่างไรก็ตามสิ่งที่สรุปได้จากการทำแบบสอบถามที่คลองช้างก็คือคนเสื้อแดงโดยเฉลี่ยแล้วจะทำธุรกรรมทางการเงินที่มีขนาดเล็กกว่าคนเสื้อเหลือง แต่มีภาระหนี้ที่หนักกว่า เมื่อกล่าวถึงรายได้ คนเสื้อแดงโดยเฉลี่ยแล้วจะมีรายได้ต่อหัวต่ำกว่าคนเสื้อเหลืองคือ ประมาณ 5195 บาทค่อตนต่อเดือนและ 11849 ต่อคนต่อเดือนตามลำดับ ส่วนในแง่ของเงินกู้ คนเสื้อแดงเป็นหนี้โดยเฉลี่ยน้อยกว่าคนเสื้อเหลืองเช่นกันคือประมาณ 85200 บาทต่อครัวเรือนและ 135231 บาทต่อครัวเรือนตามลำดับ แต่ถึงแม้ว่าทั้งรายได้และเงินกู้ของคนเสื้อแดงจะน้อยกว่าก็ตาม สัดส่วนของเงินกู้ต่อรายได้ครัวเรือนของคนเสื้อแดงก็ยังสูงกว่า (5.6 เท่า) ในขณะที่ สัดส่วนเงินกู้ต่อรายได้ของคนเสื้อเหลืองคือ 4.9 เท่า แสดงให้เห็นว่าคนเสื้อแดงรับภาระหนี้มากกว่าคนเสื้อเหลือง ในแง่นี้แล้ว สรุปได้ว่า ทั้งคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดงบ้านนี้ไม่ใช่คนจน แต่คนเสื้อเหลืองจะมีฐานะดีกว่าคนเสื้อแดง ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือ แหล่งรายได้ของคนเสื้อเหลืองจากนอกภาคการเกษตรจะมีมากกว่าเสื้อแดงเล็กน้อย พิจารณาได้จากการที่คนเสื้อเหลือง 28% มีสัดส่วนของรายได้เกษตรต่อรายได้รวมน้อยกว่า 40% ในขณะที่คนเสื้อแดงมีเพียง 24%ผลการสนทนากลุ่มจังหวัดนครปฐม เชียงใหม่ และอุบลราชธานีคนเสื้อเหลือง ที่เราพูดคุยด้วยในทั้งสามจังหวัด มักเป็นผู้ที่มีรายได้สม่ำเสมอ หรือเป็นเงินเดือน ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นข้าราชการครู-อาจารย์ (นครปฐม เชียงใหม่ และอุบล) พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานเอกชน-นักวิชาชีพ (อุบล) นักพัฒนา (NGO เชียงใหม่) แต่เป็นเกษตรกรก็มี (นครปฐม) ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือสูงกว่า มักมีฐานะดี เช่นรายหนึ่งเคยเป็นผู้จัดการธนาคาร ปัจจุบันเปิดบริษัทสอบบัญชี และเป็นประธานโรตารี่จังหวัด อีกสองราย แม้เป็นเกษตรก็มีฐานะพอส่งเสียลูกๆ จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยชั้นนำขอรัฐได้คนเสื้อแดง ที่เข้าร่วมในการสนทนากลุ่มย่อยส่วนใหญ่ทำการผลิตเพื่อตลาด หรือการค้าทั้งในและนอกภาคการเกษตร แต่ขาดความมั่นคงทางรายได้ แม้ว่าหลายคนจะมีกิจการของตนเองก็ตาม เนื่องจากเป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน บางครั้งก็ขาดทุน ส่วนน้อยเป็นข้าราชการ หรือมีเงินเดือนประจำเกือบทั้งหมดของเสื้อแดงนครปฐมที่พูดคุยด้วยทำนาข้าว และ/หรือนาบัว เสริมด้วยการปลูกผักชีฝรั่งด้วยวิถีการเกษตรแผนใหม่ นาข้าวทั้งหมดเป็นนาหว่านในเขตชลประทาน ใช้พันธุ์ข้าวสมัยใหม่ (เลิกปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง-นาปีตั้งแต่พ.ศ. 2517-18) ใช้เครื่องจักรในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่เตรียมดิน พ่นข้าว ฉีดปุ๋ย ตลอดจนใช้รถเกี่ยวข้าว ขายผลผลิตทุกเมล็ด และซื้อข้าวสารบริโภค ส่วนผู้ทำนาบัวและปลูกผักชีนั้น มีทั้งที่ปลูกขายส่งอย่างเดียว และนำมาขายเองที่ปากคลองตลาด เช่นกรณีของนายสมใจ ส่วนนายอำนวยนั้นเป็นช่างซ่อมเครื่องจักรการเกษตร เปิดอู่บริการของตนเองเมื่อถามว่า ให้จัดลำดับชั้นทางเศรษฐกิจของตนเอง หากให้แบ่งทั้งหมดออกเป็นห้าชั้น โดยชั้นที่หนึ่งจนที่สุด และชั้นห้ารวยที่สุด เกือบทั้งหมดตอบว่าตนอยู่ในชั้นที่สอง ยกเว้นอำนวยคนเดียวที่ยอมรับว่าตนอยู่ชั้นที่สาม ไม่มีใครเลยที่จัดว่าตนอยู่ในชั้นที่หนึ่งคนเสื้อแดงอุบลที่พูดคุยด้วยมีความหลากหลายในแง่อาชีพและฐานะทางเศรษฐกิจกว่านครปฐม แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ไม่มีผู้ใดเลยที่มีรายได้ประจำ หรือเป็นมนุษย์เงินเดือน นับตั้งแต่เกตุสุรีและนงคราน ซึ่งเป็นเกษตรกร คนแรกปลูกไม้ตัดดอก เลี้ยงวัว เลี้ยงเป็ด และขายก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้าน คนหลังปลูกยาง ดอกไม้ และขายเองในตลาด ส่วนเสาวคนเป็นแม่บ้านขายน้ำข้าวโพดเป็นอาชีพเสริม ในขณะที่นายผลเปิดร้านขายเครื่องไฟฟ้าและจานดาวเทียมในตัวเมืองอุบล ส่วนนายน้อยทำธุรกิจรับเหมา-ประมูลงานภาครัฐ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเสื้อแดงเชียงใหม่ มีความแตกต่างมากทั้งด้านอาชีพและฐานะทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่เกษตรกร (นา สวน) นักธุรกิจ (โรงแรมและร้านอาหาร รับเหมาก่อสร้าง เจ้าของบ้านเช่า) นักการเมืองท้องถิ่นในเวียง ช่างทอง (เจ้าของร้านห้องแถว) นักพัฒนาและนักกิจกรรม (NGO DJ วิทยุชุมชน) ข้าราชการบำนาญ (เจ้าของร้านของชำ) ข้าราชการระดับล่าง (ตำรวจ ทหาร สรรพากร) ลูกจ้างร้านอาหาร หมอนวดแผนโบราณ รับจ้างทั่วไป (รายได้ไม่แน่นอน) คนงานโรงงาน (อดีตพ่อค้าตลาดนัด)แม้ว่าคนเสื้อแดง-เสื้อเหลืองทั้งหมดที่เราได้พูดคุยด้วยนั้น จะมีความหลากหลาย-แตกต่างทั้งด้านอาชีพและฐานะทางเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่พอสรุปได้มีดังนี้โดยรวมแล้ว ฐานะทางเศรษฐกิจและการศึกษาของคนเสื้อเหลืองจะสูงกว่า และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากกว่า เช่นมีเงินเดือนประจำ เป็นนักวิชาชีพ หรือมีธุรกิจที่มั่นคงแล้ว และน่าสนใจว่า ไม่มีตัวอย่างเสื้อเหลืองคนใดเลยที่มีฐานะต่ำกว่าคนชั้นกลาง ในขณะที่ส่วนใหญ่ของคนเสื้อแดงจะมีกระแสรายได้ที่ผันผวน ขึ้นกับผลผลิต ภาวะการค้า และปริมาณงานที่รับจ้าง ตัวอย่างเช่นอดีตพ่อค้าขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ทำงานโรงงานก่อนที่จะลาออกมาค้าขาย เคยผ่อนรถกระบะมาทำการค้า แต่เมื่อเศรษฐกิจแย่ลงจึงขาดทุน รถถูกยึด และต้องกลับไปทำงานโรงงานเช่นเดิม มีเสื้อแดงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีเงินเดือนประจำ แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงข้าราชการระดับล่าง หรือเป็นนักพัฒนาซึ่งมีเงินเดือนระดับไม่สูง อย่างไรก็ตามจากการสังเกตุ ไม่มีผู้ใดเป็น คนจน ในระดับที่เป็นผู้ยากจนใต้เส้นความยากจนของทางการเลย ตัวอย่างเช่น สามสาวจากจังหวัดเชียงใหม่ผู้มีอาชีพรับจ้างทั่วไปในเขตชานเมือง ซึ่งเป็นคนจนที่สุดในหมู่คนที่เราพูดคุยด้วย และจัดตัวเองอยู่ในชนชั้นที่จนที่สุดของสังคมไทยนั้น ปัจจุบันก็มีรายได้หลายพันบาทต่อเดือน ส่วนในช่วงเศรษฐกิจดีมีรายได้เกือบสองหมื่นบาท หรือในกรณีของหมอนวด (ชาย) ก็เช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้มิได้หมายความว่า ไม่มีคนรวยเป็นคนเสื้อแดง จากตัวอย่างทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่และอุบล เสื้อแดงหลายรายเป็นนักธุรกิจ ทั้งรับเหมาก่อสร้าง เจ้าของบ้านเช่า เจ้าของโรงแรมข้อมูลจากแบบสอบถามจากการประมวลผลการตอบแบบสอบถาม 99 ชุดที่ได้สุ่มจากหมู่บ้านคลองโยง (73 ชุด) และพื้นที่อื่นๆในประเทศไทย (26 ชุด) พบว่า ในแง่ของเศรษฐกิจสังคมเราพบว่า คนเสื้อแดงที่ตอบแบบสอบถามนั้นมีแนวโน้มที่จะประกอบอาชีพทางการเกษตร และรับจ้าง(นอกระบบมากกว่า) คนเสื้อเหลืองจากที่ได้บรรยายข้างต้น ข้อมูลของเราสอดคล้องกับสมมติฐานของ ผาสุก พงษ์ไพจิตร ที่เสนอว่าฐานเสียงของพรรคไทยรักไทยคือ มวลชนไร้การจัดตั้งจากภาคเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการ (unorganized informal mass) ซึ่งประกอบด้วยสองกลุ่มย่อยคือ แรงงานจากภาคการเกษตรและแรงงานนอกระบบซึ่งคิดรวมเป็น 67% ของประชากรไทยในปี 2547 แต่สิ่งที่เราพบอาจจะแตกต่างตรงที่ว่าไม่ใช่ทั้งหมดของมวลชนไร้การจัดตั้งกลุ่มนี้จะเป็นเสื้อแดง ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาจะเป็นก็ตาม
ศูนย์พืชสวนเชียงราย พ่นสี-ดำหนดจุดดล้ว,แำนนำเครือข่ายขอคืนพืเนที่ป่าดอยสึเทพรึกต่อ เตร้ยมชุมนุมใหญ่ 26 ส.ค.นี้ ทวงคืนผืนป่า ยื่นคำขาดต้องรื้อบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุดอีก 9 หลึง ออกจากพื้นที่ป่าดอยสุเทพสถานเดียว ชี้ย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไปอยู่เชียงรายคนละประเด็น ในขณะที่ประธานศาลฎีการุดดูสถานที่แห่งสหม่ เล็งไว้แล้ว r จุด คือที่ศูนย์ใิจัยพืชสวนเชียงราย-ที่ว่าการอำะภอิมืิงเชียงีานหลังเก่า และทีาดิน ส.ป.ป.ติดริมแม่น้ำกก ในข๋ัที่ข้าคาชการศูนบ์วิจัยฯผวาไม้มีที่อย๔่,กรณ้ประบาชนเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพออกมาคัดค้านโครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการศาลอุทธรษ์ภาค 5 หรือ หมู่บ้านป่าแหว่ง เลิงแอยสุัทพ น.ดอนแก้ว อ.ะมืองะชียงใหม่ พร้อมเรียกร้องให้รื้อบ้านพัพ 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ที่อยู่ในแนวป่าออกไปจนกลายเป็นข้อดิพาท ต่อมา ต๕ะกรรมการบริหานศาลยุติฌรรม (ก.บ.ศ.) มีการ ประชุมสัญจรที่ จ.เชียงราย ระหว่างวัตที่ 9-10 ส.ค.61 โดยนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาล ยุติฌรนม ระบุว่า นายชีพ จุลมนต์ ประฑานศาลฎีกาเป็นประธานสนทีรประชุม มีมติมอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำความตกลงขอใช้ทีรด้นจากกนมวิชาพารเกษตร บริเวณศูนย์วิจียพืชสวนเชียงราย จฦเชียงราย เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมที่พักอาศัย หากได้รับการจัดสรรงบประใาณและก่อสร้างที่ทำกานศาลอะทธรณ์ภมค 5 แล้สเสร็จ จะย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และทีีพักอาศัยจากเชิงดอนสุดทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ไปยังพื้นที่แห่งใหม่แทนแล้วนั้น,เม้่อเฝลา 13.00 น. วันที่ 12 ส.ค. นายธีนะศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ กล่าวถึงเรื่องการจะบ้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 จาก จ.เชียฝใหม่ ไปอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ว่า ต้องขอขอบคุณทางศาลและรัฐบาลที่ทำความชัดเจน ในการแก้ปัญหา แต่หารย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์และบ้านพักออกไป ไม่ได้ตรงกับทางเครือข่ายเร่ยกร้องแต่อย่างใด ทางเคตือขืายต้องการเรึยกรัองขอคืน พื้นที่ปีาในส่วรที่รถกล้ำแนวเขตป่าดั้งเดิมที่ครอบคลุมถื้นที่บ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง เำื่อให้รื้อกลับคืนมาเป็นป่าเช่นเดิม ไม่ใช่เาียกร้องให้ย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ออกไป ที่พักอาศัยในอาคารชุด 9 หลัง มีผู้เย้าไปอาศัยอยู่แล้ว 30 ครอบครีว ส่วนมากก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ศาลอุทธรณ์ แต่เป็สเจ้าหน้าที่ศาลที่ทำวานตามศาลต่างๆใน จ.เชียงใหม่,นายธีระศักดิ์เผยอีกวาา ดังนั้นแม้จะย้รยที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไป จ.เชียงราย ผู้ที่พักอาศัย อยู่ทัเง 30 ครอบค่ัว ก็ไม่ได้ย้ายตามไปด้วย การแก้ไขปัญหานั้นปท้ที่จริงแล้วไมรได้ยาก เพียงแค่ทำตามข้อตกลงที่สัญญากันไว้ ด้วยการให้ทั้งหมดย้ายไปอยู่ในอาคารชุด 4 หลัง ที่ไท่รุกล้ำแนวเขตป่าดั้งเดิมเท่านะ้น แล้วคืนพื้นที่บ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ให้ทำการฟื้ตฟูเป็นป่า ในวันทีี 16 ส.ค.61 จะมีการประชุมรณะกครมการชุดใหญ่ท้้ศาลากลางจังกวัดเชียงใหม่ ในการประชุมครั้งนี้,ทางเคร้อข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดดยสุเทพร่วมเป็นกรรมการอยธ่ด้วย จะยืนยันข้อสรุปยื่นคำขาดเป็นครั้งสุดื้าย เรีนกร้องใหิคืนพื้นที่และรื้อบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุก 9 หลัง ที่รุกล้ำแนวป่าดั้งเดิม โดยจะให้เวลา w0 วัน เพื่อให้รัฐบาลมีคำตอขที่ลัดเจนว่าจัรื้อเมื่อใด อย่าลไร และภายในะวลาเท่าใด ส่วนในวันที่ 26 ส.ค.61 จะยังคงมีกนรนัดชุมนุมใหญ่ที่ประตูท่าแพเช่นเดิม เพื่อทวงสัญญาที่ได้ขอไปและเพื่อแสดงพลังหกป้อฝผืนป่าดอยสุเทพ ขอใหเชาวเชียงใหม่ออกมาร่วสกันในครั้งนี้ด้งย,สายสนอง จริามร ผอ.ศูนย์วิจันพ่ชสวนเชียงราย กล่าวว่า เสื่อวันที่ 9 ส.ค. นายขีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกาและคณะได้เดินทางไปกูพื้นที่มนลริเวณศูนย์วิจัยฯ ขั้นตอนต่อไปทางศูนย์วิจัยฯ ก็จดตายงานหปยังกรมวิชาการเกษตร ว้า มีการเข้าาาดูพื้นที่ ส่วนการขอใช้พท้นที่ทราบว่ายังไม่มีการดำดตินแาร เป็นอำนาตบองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ไรือกระทรวงเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ สำหรังพื้สที่ดังกล่าวเป็นแปลงทฤษฎีใหม่ มคแปลงนาและแปลงไม้ผลท้่ยังใช้งานอยู่ มีเกษจรกร นักศึกษา น้กัรีสน และชาวบ้านมาดูงานมนการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตรงนี้จะเป็นพื้นที่ติดถนนหมายเลย 1211 แปบงทฤษ๓ีใหม่มีอยู่ประมาณ 5 ไร่ เพิ่งเกร่ยวข้าวไป และลงกล้าใหส่ แปบงไม้ผลอีก 20 กว่าไร่ ทีทสพนักศาลยุติฌรรมมารังวัดตามแบบแปลนต้องการใช้พื้นทึ่ 40 กว่าไร่ อาจยะรวมที่ดิยของกรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งมีพื้นที่ติดกันไปด้วย,สำหร้บศูนย์วืจัยพืชสวนเชียงราย ตั้งอยู่ริมถนนสาบเด้นห้า-ดงมดดะ หมู่ 6 ต.ป่าอ้อดอนชัย อซเมืิงเชียงราย เป็นหน่วยงานในสังกัดกรมวิชากานเกษตค กระทรวงเกษตาและสหกรณ์ มีพื้นที่ทั้วหมด 25 ไต่ แบ่งเป็นแปลงทฤฯฎีใหม่ 5 ไรท ปละแปลงผลไม้ 20 ไร่ โดยศูนย์วิจัยฯแห่งตี้อยู่ติดกับที่ดอสของกรมส่งเวริมหารเกษตร ซึ่งภายหลัฝมีการเข้าไปสำรวจพื้น่ี่พบว่ามีการนำสีสเปรย์ไปพ่นตาใจุดต่างๆเพื่อกำหนอยุดในการขอใช้พื้าที่อยีางชัดเจน นอกจากนี้ภายในศูนย์วิจัยฯสังพบว่ามีบ้านพักข้าราชการขอวศูนย์วิจัยฯกว่า 20 กลัง เป็นทั้งบ้านไม้อละบ้านปูนทีีสร้างมานานกว่า 30-40 ปี มีขัาราชการพักอาศัยอจู่เกือบทุกหลัง มีสระน้ำขนาดมหญ่ 2 ส่ะ มีน้ำเต็มหลัฝมีข่าวแารขอใช้พื้ตาี่เพื่อก่อสร้างที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และบ้านพเกข้าราชการตุลาการ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจะยฯและครอบครัวต่างจับกลุ่มวิพนกษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขว่ง หลายคนวิตกกังวลว่าหากาีการอนุญาจให้ใชิพื่นที่จริงก็จะต้องรื้ดถอนบ้าตพักข้า่าชการศูนย์วเจัยฯออกไป เกรบจะไมทมีที่พักอาศัย,มีรายงานดิวยว่า นอกจากพื้นที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงรายแล้ว คณะประธานศาลฎีกายุงได้เดิสทาฝไปดูพื้นอื่นๆอีก 2 แห่ง คือที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเมืองหลังเดิม ริาถนนธนาลัย ต.รอบเวียง อ.เมืองเชีจงราย ซค่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงราย ินื่องจาปทาง อ.เมืองไดืยเายที่มำกรรไปอยู่ที่ศูนย์ราชการใหม่เสื่ิปีทึ่ผ่านมา ยับฟม่มีใครเข้าไปใช้งานเพื่อใช้เป็นที่ทำการศาลแขวงดชียงรรย อีกขุดคือที่ของ สปก.อยู่ริมแม่น้ำกกใกล้กับบ้านพักผู้พิพากษา และหน่วยฝึกนัหศึก๋าวิชาทหาร จทบ.ชรฦมีอยู่ประมาณ 10 ไร่ เพ่่อใช้ก่อสร้างบ้านพักเจ้าำน้าที่ศาล ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานกับหน่วยงารเจ้าของพ่้นที่เช่นกัส
ศูนย์พืชสวนเชียงราย พ่นสี-กำหนดจุดแล้ว,แกนนำเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพรุกต่อ เตรียมชุมนุมใหญ่ 26 ส.ค.นี้ ทวงคืนผืนป่า ยื่นคำขาดต้องรื้อบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุดอีก 9 หลัง ออกจากพื้นที่ป่าดอยสุเทพสถานเดียว ชี้ย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไปอยู่เชียงรายคนละประเด็น ในขณะที่ประธานศาลฎีการุดดูสถานที่แห่งใหม่ เล็งไว้แล้ว 3 จุด คือที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย-ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงรายหลังเก่า และที่ดิน ส.ป.ก.ติดริมแม่น้ำกก ในขณะที่ข้าราชการศูนย์วิจัยฯผวาไม่มีที่อยู่,กรณีประชาชนเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพออกมาคัดค้านโครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือ หมู่บ้านป่าแหว่ง เชิงดอยสุเทพ ต.ดอนแก้ว อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมเรียกร้องให้รื้อบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ที่อยู่ในแนวป่าออกไปจนกลายเป็นข้อพิพาท ต่อมา คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) มีการ ประชุมสัญจรที่ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 9-10 ส.ค.61 โดยนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาล ยุติธรรม ระบุว่า นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกาเป็นประธานในที่ประชุม มีมติมอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำความตกลงขอใช้ที่ดินจากกรมวิชาการเกษตร บริเวณศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมที่พักอาศัย หากได้รับการจัดสรรงบประมาณและก่อสร้างที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 แล้วเสร็จ จะย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักอาศัยจากเชิงดอยสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ไปยังพื้นที่แห่งใหม่แทนแล้วนั้น,เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ส.ค. นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ กล่าวถึงเรื่องการจะย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 จาก จ.เชียงใหม่ ไปอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ว่า ต้องขอขอบคุณทางศาลและรัฐบาลที่ทำความชัดเจน ในการแก้ปัญหา แต่การย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์และบ้านพักออกไป ไม่ได้ตรงกับทางเครือข่ายเรียกร้องแต่อย่างใด ทางเครือข่ายต้องการเรียกร้องขอคืน พื้นที่ป่าในส่วนที่รุกล้ำแนวเขตป่าดั้งเดิมที่ครอบคลุมพื้นที่บ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง เพื่อให้รื้อกลับคืนมาเป็นป่าเช่นเดิม ไม่ใช่เรียกร้องให้ย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ออกไป ที่พักอาศัยในอาคารชุด 9 หลัง มีผู้เข้าไปอาศัยอยู่แล้ว 30 ครอบครัว ส่วนมากก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ศาลอุทธรณ์ แต่เป็นเจ้าหน้าที่ศาลที่ทำงานตามศาลต่างๆใน จ.เชียงใหม่,นายธีระศักดิ์เผยอีกว่า ดังนั้นแม้จะย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไป จ.เชียงราย ผู้ที่พักอาศัย อยู่ทั้ง 30 ครอบครัว ก็ไม่ได้ย้ายตามไปด้วย การแก้ไขปัญหานั้นแท้ที่จริงแล้วไม่ได้ยาก เพียงแค่ทำตามข้อตกลงที่สัญญากันไว้ ด้วยการให้ทั้งหมดย้ายไปอยู่ในอาคารชุด 4 หลัง ที่ไม่รุกล้ำแนวเขตป่าดั้งเดิมเท่านั้น แล้วคืนพื้นที่บ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ให้ทำการฟื้นฟูเป็นป่า ในวันที่ 16 ส.ค.61 จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ในการประชุมครั้งนี้,ทางเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย จะยืนยันข้อสรุปยื่นคำขาดเป็นครั้งสุดท้าย เรียกร้องให้คืนพื้นที่และรื้อบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ที่รุกล้ำแนวป่าดั้งเดิม โดยจะให้เวลา 10 วัน เพื่อให้รัฐบาลมีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะรื้อเมื่อใด อย่างไร และภายในเวลาเท่าใด ส่วนในวันที่ 26 ส.ค.61 จะยังคงมีการนัดชุมนุมใหญ่ที่ประตูท่าแพเช่นเดิม เพื่อทวงสัญญาที่ได้ขอไปและเพื่อแสดงพลังปกป้องผืนป่าดอยสุเทพ ขอให้ชาวเชียงใหม่ออกมาร่วมกันในครั้งนี้ด้วย,นายสนอง จรินทร ผอ.ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกาและคณะได้เดินทางไปดูพื้นที่ในบริเวณศูนย์วิจัยฯ ขั้นตอนต่อไปทางศูนย์วิจัยฯ ก็จะรายงานไปยังกรมวิชาการเกษตร ว่า มีการเข้ามาดูพื้นที่ ส่วนการขอใช้พื้นที่ทราบว่ายังไม่มีการดำเนินการ เป็นอำนาจของอธิบดีกรมวิชาการเกษตร หรือกระทรวงเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นแปลงทฤษฎีใหม่ มีแปลงนาและแปลงไม้ผลที่ยังใช้งานอยู่ มีเกษตรกร นักศึกษา นักเรียน และชาวบ้านมาดูงานในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตรงนี้จะเป็นพื้นที่ติดถนนหมายเลข 1211 แปลงทฤษฎีใหม่มีอยู่ประมาณ 5 ไร่ เพิ่งเกี่ยวข้าวไป และลงกล้าใหม่ แปลงไม้ผลอีก 20 กว่าไร่ ที่สำนักศาลยุติธรรมมารังวัดตามแบบแปลนต้องการใช้พื้นที่ 40 กว่าไร่ อาจจะรวมที่ดินของกรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งมีพื้นที่ติดกันไปด้วย,สำหรับศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ตั้งอยู่ริมถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ หมู่ 6 ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย เป็นหน่วยงานในสังกัดกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีพื้นที่ทั้งหมด 25 ไร่ แบ่งเป็นแปลงทฤษฎีใหม่ 5 ไร่ และแปลงผลไม้ 20 ไร่ โดยศูนย์วิจัยฯแห่งนี้อยู่ติดกับที่ดินของกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งภายหลังมีการเข้าไปสำรวจพื้นที่พบว่ามีการนำสีสเปรย์ไปพ่นตามจุดต่างๆเพื่อกำหนดจุดในการขอใช้พื้นที่อย่างชัดเจน นอกจากนี้ภายในศูนย์วิจัยฯยังพบว่ามีบ้านพักข้าราชการของศูนย์วิจัยฯกว่า 20 หลัง เป็นทั้งบ้านไม้และบ้านปูนที่สร้างมานานกว่า 30-40 ปี มีข้าราชการพักอาศัยอยู่เกือบทุกหลัง มีสระน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ มีน้ำเต็มหลังมีข่าวการขอใช้พื้นที่เพื่อก่อสร้างที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และบ้านพักข้าราชการตุลาการ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯและครอบครัวต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หลายคนวิตกกังวลว่าหากมีการอนุญาตให้ใช้พื้นที่จริงก็จะต้องรื้อถอนบ้านพักข้าราชการศูนย์วิจัยฯออกไป เกรงจะไม่มีที่พักอาศัย,มีรายงานด้วยว่า นอกจากพื้นที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงรายแล้ว คณะประธานศาลฎีกายังได้เดินทางไปดูพื้นอื่นๆอีก 2 แห่ง คือที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเมืองหลังเดิม ริมถนนธนาลัย ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงราย เนื่องจากทาง อ.เมืองได้ย้ายที่ทำการไปอยู่ที่ศูนย์ราชการใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา ยังไม่มีใครเข้าไปใช้งานเพื่อใช้เป็นที่ทำการศาลแขวงเชียงราย อีกจุดคือที่ของ สปก.อยู่ริมแม่น้ำกกใกล้กับบ้านพักผู้พิพากษา และหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร จทบ.ชร.มีอยู่ประมาณ 10 ไร่ เพื่อใช้ก่อสร้างบ้านพักเจ้าหน้าที่ศาล ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานกับหน่วยงานเจ้าของพื้นที่เช่นกัน
ตามพระราชพงศาสดาร อรียกว่า ,งานำระเมรุ, ซึ่งมีที่มาจาก ,พระเมรุมาศ, หรือ ,พระเมรุ, อันเป็ส สถาปัตยกรรมเฉพาะกิจท้่สร้าฝขึ้น เนืีองในพระราชพิธีสำคัญ,โดยส่วนใหญ่แล้ว การสร้มงพระดมรุมาศ จพสร้าง ณ ใจกลาง้มือง คำว่า เมรุ ในที่นี้ สันนิษฐมนว่า มาจาก ,เขาพระสุเมรุ, และ ,เขาสัตรบริภัณโ์, แันประกอบด้วย เขายุคนธร เขาอิสินธร เขากรวิก เขาสุทัศนะ เขาเนมินธร ิจทวนิตกะ และเขาอัสกัน ตามความเชื่อในโลกส้ณฐานจองคนไทย ที่ถ่ายทอดจากำระคัมภีร์ในทางพระพุทธศาสนา,พระอมรุมาศ, เปรียบเสมือนการจไลองเขาพระสุเมรุอันเห๊นภพภูมิสวรรร์ ที่มนุษย์ไม่สามารถไปถึง แารประกอบพิธีถสาขพระเดลิงพระบรมศภ พระศพ ณ พระเมรุมาศ พระเมรุ เสทือนเป็นการส่ฝพระศะและดวงพระวิญญาณเสด็จกลับย้งเขาพระสุเมรุ ที้สถิตของเหล่าเทพตามคติท่งศาสนาถราหมณฺ,การพระบรมศพที่เป็นแบบฉบับต่อการจัดพระราชพิธีนับตั้งแต่ครั้บกรุงศรีอยุธยา มาจนถึงร้ตรโกสืนทร์นั้น ยึแรูปแบบตามพระราชพิธีในพาร ,ถวายพระเพลิงพรับรมศพ พระเข้าอยู่ห้วบรมโกศ, แห่งกรุงศาีอยุธยา ซึ่งพระเมรุมาศตามโบราณราชประเพณีกรุงศรีดยุธยานั้นมีความยิ่งใกญ่อลังการอย่างมาก,ตามประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไวิในพาะราชพงศาวดาร ระบุว่า การภระเมรุนั้นมิฝช่เป็นเพียงพระนาชพิธี หากแต่ยังมีควทมหมทยใน้ชิวสัญญะ ที่สะท้อสผ่านกทรสร้างพระเมรุม่ศว่า เป็นควมมมั่นคงของประเทศ หากพระอมรุมาศของพระมหากษัตริย์รัชกาลใดยิ่งใหญ่ กิตติศัพท์ก็จะขจ่เลื่องลือ ประกาศมห้รับรู้ว้าบ้านเมืองในรัชกาลนั้นเข้มแข็ง เผ็สที่เกรงชามแพ่หมู่ปัจจามิตร,การสร้างะระเมรุมาศตามรมบประเพณีกรุงศรีอยุธยา จะยึดรูปกบบ ,พระเมรุมาศทรงปราสาท, และสี้าง ,เรือนงุษบดบัลลังก์, หนือเมรุทองซ้อนิยู่ภาสใน เป็นรูปแบบหารสร้างพระเมรถมาศตามคติการสร้างผราสาทบนเขาพระสุเมรุ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากศาสนสพราหมณ์ โดยได้ยืบสานพระราชประเพณีสืบต่อกันมาจนถึงสมัยต้นหรุงรัตนโกสินทร์,พระเมรุมมศในสมัยรัชำสลที่ 1-รัชแาลที่ 4, ยังคงเป็น ,พระเมรุาาศทคงปราสาท, โดยพระเมรุมทศอลค์แรกที่สน้าง ในสมัยรัคนโกสินทร์ คือ ,พระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิสาเด็จพระปฐาบรมมหาชนก ใน พระบามสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลปมหาราช รัชกาลที่ 1, โปรดให้สร้าบเพื่อถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิถระราชบิดา หลังจากที่บ้านเมืองเข้าสูทความสงบเรียบร้อย เพราะพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ในระหว่างที่บ้านเมืองอยู่สสภาวะสงคราม,คำย่ร ,พรพเมรุมาศทรงยอดปรนสาทฐ คือ อทคารดระเมรุมาศ มีาูปลักษณะอย่างปราสาท สร้าลเรือนบุษบกบัลงังก์ดังทีีเรียกว่า ,พระเมรุทอง, ซเอนอยู่ภายใน พระเมรุทองจะประดิษฐานพระเบญจาจิตกาธานาองรับพระโกศพระบรมศะ สร้างปิดืองล่องชาด,ปารสร้างพระเมคุใสรูปแบบของกรุงศรรอยุธยานั้น ดำเนินมาจนถึงรัชสมัยของ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4, โดยพระเมรุมาศ, พระบาทสมเด็จพระจอมเกลีทเจ้าอยู่หัว, เป็นพรดเมรุมาศองค์สุดท้ายที่สร้างเป็นแบบพระเมรุมาศทรงปราสาท เครื่องยอดมณฑป ส่วนกลียอดเป็รปรางค์ มีพระเมรุทองอยู่ภนยใน ตามรรชประเพณีดั้งเดิมรรั้งอยุธยา รวมถึงกระบวนแห่พระบรมศพ ่ี่มีู่ปสัตว์หิมพาาต์ตั้งบุษบก/ตรสังเค็ดแห่เป็นคู่ๆรวม 40 คู่ดเวย,งานพระศพที่มีการสร้างพระเมรุยิ่งใหญ่อลังการครั้งสึดท้าย ได้แก่งานพระเมรุถวาย พระเพลิลพระศพ ๙สมเด็จเจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย กรมพระเทพนาีรรัตน์, และ ,สมเด็จเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์, ในรัชกาลที่ 5 ที่ยังคงเป็นพระเมรุรูปแบบปราวททห้ายอด ยอดมณฑป และมีอาคารแงดล่อมใหญ่โจก่ดนที่พีะองค์จะม่พระราชดำริเรื่องการปรับรูปแบบพระเมรุมาศและพระเาระ,จุดเริ่มของการเแลี่ยนแแลงและตัดทอนการสร้างพระเมตุ เริ่มต้นในร้ชสาัยของ, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลิาเจ้มอยู่หัว รัชกาลที่ 5, ความยิ้งใหญ่ของพระเมรุมาศ ตามแบขแผนกรุงเห่าได้เปลี่วนไป เนื่องจากเแ็นยุคสมัยแห่งควาสเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ,พระเจ่าอยู่หัว ร้ชกาลที่ 5, ทรงปรับปรุงนโยบ่ยต่างๆ ให้สอด คลเองกับสภาพการณ์ในเวลานั้น รวมถึงแนวคิดต่อการแสดงออกมางพรัราชอำนาจผ่านทรงพระราชพิธีพระบรมศพ มีพระราชดำริที่นะไม่ก่อสร้างพระเมรุมาศยิ่งใหญ่เช่นแต่ก่อน,พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลมี่ 5, มีพระบตมราชโองการกำหนดจัอการพระบรมศพของพระองค์ไว้ก่อนเสด็จสวรรคตหลายประแาร โดยพระราชกระแสรับสั่งองค์หนึ่ง มีใจความว่า,พระเมรุมาศใน ,พระบนทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าดยู่หัว รัชกาลที่ 5, เป็นต้นแบบพระเมรุาาศแบบใหม่ครั้งแรกขดง, กรุงรัจนโกสินทน์, โดยขณะที่ทรงดำรงพระชนม์อวู่ ได้พระราชทานพระราชกระแสรับสั่งถึงหารพระบรมศพของพระองค์_ว้วืา,แนวพระราชดหรืของพระองค์ท่านได้รับก่รสนองตอวจากอลค์รัชทายามคือ พระบาทสมัด็จพระมงกุฎเกบ้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่่ y โดยทรงมีพระราชบันทึก ตัดทอนการปลูกสร้าง พระเมรุมทศและการบำเพ็ญพระราชกุศชฃงหลายกระพาร,งานพระบรมศพของ ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ำัว รัชกาลท่่ 5, ไม่ได้สร้างเขาพระสุเมรุตามแบบเดิม แต่เปลี่ยนมาก่อสร้างพระเมุ่มาศบนพื้นราบ เป็นทรงบุษบกแวดล้อมด้วยเมรุรสย 4 ทิศ ค่อยๆลดรูปเป็นคดซ่าง ระเบียง ทเวเกษตร อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะตีดทอสลดนูป แต่การก่อสร้างก็ยังยึดถทอเป็นแบบแผนเพ่าอย่างเคร่งครัด โดยพระเมรุมาศทรงบุษงกในงานพระบรทศพ ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, เป็น, ต้นแบบพระเมรุมาศแบชใหม่ครั้งแรกของกรุงรัตนโกสิตทร์, ดป็รภ่ถัมรุมาศที่ลดขนาดลงจากพระเทรถมาศ, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ปัว,หลังจากนั้นงานพตะบรมศพพระเจ้าแผ่นดินจึงยึดรูปแบบนีเสืบสาจนถึงปัจจุบัน โดยพระเมรุมนศพระมหากษัตริย์ตั้งแร่รัชกาลที่ 6 เป็นต้นมา เป็น, พระเมรุสาศแงบบุษบก, เช่น เดียวกับรัชกาลที่ 5 และพระเมรุมาษทรงบุษบกนี้ถือเป็นแบบพระอมรุทาศสำหรับกษัตริย์เท่านั้น,นอกจากนีเในงานพระเมรุในสมัยนัชกาลที่ 6 ยังมีการเปลี่ยนการเวียนรอบพระเมรุ เป็นรถปืนใหญ่แทน เป็จไปตามพาะราชประสงค์ที่ทรงโปรดการเแ็นทหาร,ส่วนในรึชสมัยของ ,พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลาี่ 7, เนื่องจากเสด็จสวรรคตในต่างประเทศ จึงมิได้มีการจีดพระราชพิธีถวายพระเพลิงตามโบร่ณราชประเพณี แต่เป็นงานบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอ้ฐิแทน,สำหรับการออกพระเมรั และการสร้างพระเมรุมาศ พระบาทสมดด็จพระเจ้าอยู่หัวอานัรทมหิดล รัชกาลที่ 8 ในปค 2494 นั้น ยังคงเป็น ,พระเมระามศแบบบุษบก, ซึ่งเปํนแบบพระเมรุมาศสำหรับพระมหากษัตริย์ ดังได้กล่าวไว้แล้ว มีการจัดเครื่องปรถกอบพระราชอิสริยยศ ราชยมน ราชรถ และกระบวนแห่พระบรใศพตามแบบโบราณราชประเพณี ที่หนะทำสืบต่อกันมาตะ้งแต่ครั้งสมัยพรพบาทสมอด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่มีข้อที่เพิ่มเติมขึีนมา คืด เมื่อก่รพระราชพิธีเสร็จสิ้นลว ,พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช, ทรงะระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระเมรุมนศอบค์เดียวกันนี้ พระราชทานเพฃิง ,สมเด็จพระเจ้าบราวงศ์เธอ เจ้าฟ่ากรมพรพนครสวรรค์วรพินิต.พรุราชทานเพลิง ,สมเอ็ขเย้าฟ้ากรมพระยานรืศรานุวัดติวงศ์, พระราชทานเพลิงพระศพ ,พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอาฝค์, แงะ ,พระองค์เจ้าประถาพรรณภิไลย, พร้อมกัน 2 พระฒพ โดยทรงโปรดให้มีการปรับเปลี่ยนองค์พระเมรุมาศบางแระการ ตามพรดอิสริยยศจอฝพรุบรมวงศานึวงศ์ผู้ทรงไพ้าับพระราชทานเพลิงพระศพ เช่น เปลี่ยนยอดำระเมรุมาศจากฉัตร 9 ชั้น เผ็น 5 ชุ้น เปลี่ยนฉากบังเพลิงใหม่ เปลี่ยนพระจิตกาธ่นใหม่ ถอนเกรินบันไดนาคทีาใช้เชิญพรับรมศพขึ้นสู่องค์พระเมรุมาศออก การอัญเชิญพระบรมศพพระบรมวงศานุวงศ์ขึ้นองค์พระเมรุ ใช้เจีาหน้าทร่ภูษามสลาอัญเลิญขึ้นทางบันไดพระเมรุด้านทิศตะวันออก นอกจาดนั้นให้เป็นไปตามเดิม,กสรสร้างพระเมรุม่ศ ณ ท้องสนามหลวง ยึงมีอีกหลายครั้งนับจากพระราชพิธีพระบามศพ พระบาทสมิด็จพระเจ้าอยู่ำัวอานันทมหิดล ได้แก่ พระเมรุมาญ ในการพระราชพิธีถวายพรถเพลิงพระบรมศถ, สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าฐ ในปร พฦศ.2498 ฌดยใช้แบบพระเมรุมาศทรงบุษบกจากงานพระบรมศพ พระบาทสมเด็ตพระปรเมนทรมหาอ่นันททหิดล เป็นพื้นฐานในการออกแบบ หลังจากนั้นการสร้างพรดเมรุมาญ และพระเมรุที่ท้องยน่มหลวงได้ว้างเว้นไปเป็นระยะเวลานาต เนื่องจากพระบรมวงฯานุวงศ์ที่สิเนพระชนม์ในระยะต่อมาไม่ทรงมีพระอิสริยยศสูงถึงชั้นที่จะสร้างพาะเมรุกลางเมือง โดยส่วนใหญ่จะจัดงานพระราชทานเพลิงพระศพ ณ ,พระเมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส,จนถึงปี พ.ศ.2527 จึงได้มีการสร้างพระเมรุมาศ ณ ท้ดงสนามหลวงอีกครึืง ในพรเราชพิธีถวายพระเพลิงพรดบรมศพ ,สมเด็จพระนางเจ้าาำไพพรรณี , เป็นทรงปราสาทแบบจัตุรมุขซ้อร 2 ชั้น สร้างขึ้นบนฐานชาลทใหญ่,ทั้งำมดตี้ก๋คือ บันทึกการออกพระเมรุและพระเมรุมาศ ในงานพระราชพอธีถวายพระเพลิงพระบรมษพ และพระศพ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ณ ท้องสนามหลวง ในยุคกรุงรุตนโกสินทร์ ตามที่มีการรวบรวมไว้ ำ่อนจะถึงการสร้างพระเมรุมาศถวาย, ในหบวงีัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุฃยเดช, ที่บัดนี้ได้ดำเนินการแลเวเยร็ขครบถ้วนทุกประกาตแล้ว แบะพร้อมแล้วสำหรับพระราชพิธ้ถวายพรเเพลิงพระบคมศพ ส่งเสด็จพระองค์ท่านสู่สวรรคาลัย ในวันที่ e6 ตุลาคม 2560,****&********.ศิลปิน : สุวัฒน์ วรร๊มณี,ภาพ : แสงธรรมส่อลปฐพี,ขนาด 50 x70 ซม. ยีน้ำมัน,แรงบันดาลใจ :, พระบาทสมเด็จพรดเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ทรงเป็นกษัตริย์ ท่ครักษาศีล บำอพ็ญทาส อตริญภาวนา และทรงยึดมั่นในทศพิธราชธรรมทรงนำหลักวนทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการปกครองแผ่นดินให้มีตวามเจริญกเาวหน้ามั่นคว อีกทั้งพัฒนาตุณภาพชีสิตของประชทชนของพระองค์ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข,ขอขอบคถณภาพบางส่วนจาก ,สำรักวรรณกร่มและกระวัติศาสตร์ฐและสำนักหอจดหมายเหตุแหทงชาติ กรมศิลปากร
ตามพระราชพงศาวดาร เรียกว่า ,งานพระเมรุ, ซึ่งมีที่มาจาก ,พระเมรุมาศ, หรือ ,พระเมรุ, อันเป็น สถาปัตยกรรมเฉพาะกิจที่สร้างขึ้น เนื่องในพระราชพิธีสำคัญ,โดยส่วนใหญ่แล้ว การสร้างพระเมรุมาศ จะสร้าง ณ ใจกลางเมือง คำว่า เมรุ ในที่นี้ สันนิษฐานว่า มาจาก ,เขาพระสุเมรุ, และ ,เขาสัตตบริภัณฑ์, อันประกอบด้วย เขายุคนธร เขาอิสินธร เขากรวิก เขาสุทัศนะ เขาเนมินธร เขาวนิตกะ และเขาอัสกัน ตามความเชื่อในโลกสัณฐานของคนไทย ที่ถ่ายทอดจากพระคัมภีร์ในทางพระพุทธศาสนา,พระเมรุมาศ, เปรียบเสมือนการจำลองเขาพระสุเมรุอันเป็นภพภูมิสวรรค์ ที่มนุษย์ไม่สามารถไปถึง การประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระศพ ณ พระเมรุมาศ พระเมรุ เสมือนเป็นการส่งพระศพและดวงพระวิญญาณเสด็จกลับยังเขาพระสุเมรุ ที่สถิตของเหล่าเทพตามคติทางศาสนาพราหมณ์,การพระบรมศพที่เป็นแบบฉบับต่อการจัดพระราชพิธีนับตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา มาจนถึงรัตนโกสินทร์นั้น ยึดรูปแบบตามพระราชพิธีในการ ,ถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ, แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งพระเมรุมาศตามโบราณราชประเพณีกรุงศรีอยุธยานั้นมีความยิ่งใหญ่อลังการอย่างมาก,ตามประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดาร ระบุว่า การพระเมรุนั้นมิใช่เป็นเพียงพระราชพิธี หากแต่ยังมีความหมายในเชิงสัญญะ ที่สะท้อนผ่านการสร้างพระเมรุมาศว่า เป็นความมั่นคงของประเทศ หากพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์รัชกาลใดยิ่งใหญ่ กิตติศัพท์ก็จะขจรเลื่องลือ ประกาศให้รับรู้ว่าบ้านเมืองในรัชกาลนั้นเข้มแข็ง เป็นที่เกรงขามแก่หมู่ปัจจามิตร,การสร้างพระเมรุมาศตามราชประเพณีกรุงศรีอยุธยา จะยึดรูปแบบ ,พระเมรุมาศทรงปราสาท, และสร้าง ,เรือนบุษบกบัลลังก์, หรือเมรุทองซ้อนอยู่ภายใน เป็นรูปแบบการสร้างพระเมรุมาศตามคติการสร้างปราสาทบนเขาพระสุเมรุ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์ โดยได้สืบสานพระราชประเพณีสืบต่อกันมาจนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์,พระเมรุมาศในสมัยรัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 4, ยังคงเป็น ,พระเมรุมาศทรงปราสาท, โดยพระเมรุมาศองค์แรกที่สร้าง ในสมัยรัตนโกสินทร์ คือ ,พระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ใน พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1, โปรดให้สร้างเพื่อถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิพระราชบิดา หลังจากที่บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบเรียบร้อย เพราะพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ในระหว่างที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงคราม,คำว่า ,พระเมรุมาศทรงยอดปราสาท, คือ อาคารพระเมรุมาศ มีรูปลักษณะอย่างปราสาท สร้างเรือนบุษบกบัลลังก์ดังที่เรียกว่า ,พระเมรุทอง, ซ้อนอยู่ภายใน พระเมรุทองจะประดิษฐานพระเบญจาจิตกาธานรองรับพระโกศพระบรมศพ สร้างปิดทองล่องชาด,การสร้างพระเมรุในรูปแบบของกรุงศรีอยุธยานั้น ดำเนินมาจนถึงรัชสมัยของ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4, โดยพระเมรุมาศ, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, เป็นพระเมรุมาศองค์สุดท้ายที่สร้างเป็นแบบพระเมรุมาศทรงปราสาท เครื่องยอดมณฑป ส่วนปลียอดเป็นปรางค์ มีพระเมรุทองอยู่ภายใน ตามราชประเพณีดั้งเดิมครั้งอยุธยา รวมถึงกระบวนแห่พระบรมศพ ที่มีรูปสัตว์หิมพานต์ตั้งบุษบกไตรสังเค็ดแห่เป็นคู่ๆรวม 40 คู่ด้วย,งานพระศพที่มีการสร้างพระเมรุยิ่งใหญ่อลังการครั้งสุดท้าย ได้แก่งานพระเมรุถวาย พระเพลิงพระศพ ,สมเด็จเจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์, และ ,สมเด็จเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์, ในรัชกาลที่ 5 ที่ยังคงเป็นพระเมรุรูปแบบปราสาทห้ายอด ยอดมณฑป และมีอาคารแวดล้อมใหญ่โตก่อนที่พระองค์จะมีพระราชดำริเรื่องการปรับรูปแบบพระเมรุมาศและพระเมรุ,จุดเริ่มของการเปลี่ยนแปลงและตัดทอนการสร้างพระเมรุ เริ่มต้นในรัชสมัยของ, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, ความยิ่งใหญ่ของพระเมรุมาศ ตามแบบแผนกรุงเก่าได้เปลี่ยนไป เนื่องจากเป็นยุคสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ,พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, ทรงปรับปรุงนโยบายต่างๆ ให้สอด คล้องกับสภาพการณ์ในเวลานั้น รวมถึงแนวคิดต่อการแสดงออกทางพระราชอำนาจผ่านทางพระราชพิธีพระบรมศพ มีพระราชดำริที่จะไม่ก่อสร้างพระเมรุมาศยิ่งใหญ่เช่นแต่ก่อน,พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, มีพระบรมราชโองการกำหนดจัดการพระบรมศพของพระองค์ไว้ก่อนเสด็จสวรรคตหลายประการ โดยพระราชกระแสรับสั่งองค์หนึ่ง มีใจความว่า,พระเมรุมาศใน ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, เป็นต้นแบบพระเมรุมาศแบบใหม่ครั้งแรกของ, กรุงรัตนโกสินทร์, โดยขณะที่ทรงดำรงพระชนม์อยู่ ได้พระราชทานพระราชกระแสรับสั่งถึงการพระบรมศพของพระองค์ไว้ว่า,แนวพระราชดำริของพระองค์ท่านได้รับการสนองตอบจากองค์รัชทายาทคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โดยทรงมีพระราชบันทึก ตัดทอนการปลูกสร้าง พระเมรุมาศและการบำเพ็ญพระราชกุศลลงหลายประการ,งานพระบรมศพของ ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, ไม่ได้สร้างเขาพระสุเมรุตามแบบเดิม แต่เปลี่ยนมาก่อสร้างพระเมรุมาศบนพื้นราบ เป็นทรงบุษบกแวดล้อมด้วยเมรุราย 4 ทิศ ค่อยๆลดรูปเป็นคดซ่าง ระเบียง ทับเกษตร อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะตัดทอนลดรูป แต่การก่อสร้างก็ยังยึดถือเป็นแบบแผนเก่าอย่างเคร่งครัด โดยพระเมรุมาศทรงบุษบกในงานพระบรมศพ ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, เป็น, ต้นแบบพระเมรุมาศแบบใหม่ครั้งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์, เป็นพระเมรุมาศที่ลดขนาดลงจากพระเมรุมาศ, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว,หลังจากนั้นงานพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินจึงยึดรูปแบบนี้สืบมาจนถึงปัจจุบัน โดยพระเมรุมาศพระมหากษัตริย์ตั้งแต่รัชกาลที่ 6 เป็นต้นมา เป็น, พระเมรุมาศแบบบุษบก, เช่น เดียวกับรัชกาลที่ 5 และพระเมรุมาศทรงบุษบกนี้ถือเป็นแบบพระเมรุมาศสำหรับกษัตริย์เท่านั้น,นอกจากนี้ในงานพระเมรุในสมัยรัชกาลที่ 6 ยังมีการเปลี่ยนการเวียนรอบพระเมรุ เป็นรถปืนใหญ่แทน เป็นไปตามพระราชประสงค์ที่ทรงโปรดการเป็นทหาร,ส่วนในรัชสมัยของ ,พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7, เนื่องจากเสด็จสวรรคตในต่างประเทศ จึงมิได้มีการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงตามโบราณราชประเพณี แต่เป็นงานบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิแทน,สำหรับการออกพระเมรุ และการสร้างพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ในปี 2493 นั้น ยังคงเป็น ,พระเมรุมาศแบบบุษบก, ซึ่งเป็นแบบพระเมรุมาศสำหรับพระมหากษัตริย์ ดังได้กล่าวไว้แล้ว มีการจัดเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ราชยาน ราชรถ และกระบวนแห่พระบรมศพตามแบบโบราณราชประเพณี ที่กระทำสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่มีข้อที่เพิ่มเติมขึ้นมา คือ เมื่อการพระราชพิธีเสร็จสิ้นลง ,พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช, ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระเมรุมาศองค์เดียวกันนี้ พระราชทานเพลิง ,สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต,พระราชทานเพลิง ,สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์, พระราชทานเพลิงพระศพ ,พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์, และ ,พระองค์เจ้าประภาพรรณภิไลย, พร้อมกัน 2 พระศพ โดยทรงโปรดให้มีการปรับเปลี่ยนองค์พระเมรุมาศบางประการ ตามพระอิสริยยศของพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ทรงได้รับพระราชทานเพลิงพระศพ เช่น เปลี่ยนยอดพระเมรุมาศจากฉัตร 9 ชั้น เป็น 5 ชั้น เปลี่ยนฉากบังเพลิงใหม่ เปลี่ยนพระจิตกาธานใหม่ ถอนเกรินบันไดนาคที่ใช้เชิญพระบรมศพขึ้นสู่องค์พระเมรุมาศออก การอัญเชิญพระบรมศพพระบรมวงศานุวงศ์ขึ้นองค์พระเมรุ ใช้เจ้าหน้าที่ภูษามาลาอัญเชิญขึ้นทางบันไดพระเมรุด้านทิศตะวันออก นอกจากนั้นให้เป็นไปตามเดิม,การสร้างพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง ยังมีอีกหลายครั้งนับจากพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้แก่ พระเมรุมาศ ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ, สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า, ในปี พ.ศ.2498 โดยใช้แบบพระเมรุมาศทรงบุษบกจากงานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เป็นพื้นฐานในการออกแบบ หลังจากนั้นการสร้างพระเมรุมาศ และพระเมรุที่ท้องสนามหลวงได้ว่างเว้นไปเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากพระบรมวงศานุวงศ์ที่สิ้นพระชนม์ในระยะต่อมาไม่ทรงมีพระอิสริยยศสูงถึงชั้นที่จะสร้างพระเมรุกลางเมือง โดยส่วนใหญ่จะจัดงานพระราชทานเพลิงพระศพ ณ ,พระเมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส,จนถึงปี พ.ศ.2527 จึงได้มีการสร้างพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวงอีกครั้ง ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ,สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี , เป็นทรงปราสาทแบบจัตุรมุข ยอดทรงมณฑป ประกอบด้วยพระพรหมพักตร์ ยอดบนสุดประดิษฐานสัปตปฎลเศวตฉัตร มีพระนามา ภิไธยย่อ รพ ที่หน้าบันทั้ง 4 ด้าน ตัวอาคารประกอบด้วยชั้นฐานทักษิณ ส่วนหลังคาองค์พระเมรุมาศประกอบมุขทิศ การออกแบบโดยการยึดแบบพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ ,สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง, โดยปรับแบบให้เข้ากับพระราชบุคลิกในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ซึ่งมีลักษณะสง่า นิ่มนวล จับตาจับใจ,พ.ศ.2538, สร้างพระเมรุมาศในการ, พระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรม ราชชนนี, เป็นพระเมรุมาศทรงปราสาทจัตุรมุขย่อมุมไม้สิบสองยอดเกี้ยว ยอดสุดปักสัปตปฎลเศวตฉัตร มีพระนามาภิไธยย่อ สว ที่หน้าบันทั้ง 4 ด้าน หลังคามุขซ้อน 3 ชั้น ช่อฟ้าใบระกาเป็นลายซ้อนไม้,พ.ศ.2551, สร้างพระเมรุในการพระศพ, สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, ยึดเค้าโครงพระเมรุมาศของ สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ในรัชกาลที่ 5 มาเป็นต้นแบบ โดยออกแบบรูปแบบยอดทรงปราสาท ยอดชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น ต่อยอดด้วยชั้นบัวคลุ่มจนถึงปลายยอดประดับฉัตร 7 ชั้น มีตราพระนามย่อ กว ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่หน้าบันทั้ง 4 ด้าน โดยยึดแนวความคิดจำลองรูปเขาพระสุเมรุและสะท้อนพระอุปนิสัยและพระจริยวัตรที่นุ่มนวลสง่างามของพระองค์ไว้ในองค์ประกอบพระเมรุ,พ.ศ.2554, สร้างพระเมรุในการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ, สมเด็จพระเจ้า ภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภา พัณณวดี, พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ยึดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นต้นแบบ เป็นอาคารทรงปราสาทยอดมณฑป เรียกว่าทรงมณฑปแปลง หลังคาจัตุรมุขซ้อน 2 ชั้น สร้างขึ้นบนฐานชาลาใหญ่,ทั้งหมดนี้ก็คือ บันทึกการออกพระเมรุและพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และพระศพ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ณ ท้องสนามหลวง ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ตามที่มีการรวบรวมไว้ ก่อนจะถึงการสร้างพระเมรุมาศถวาย, ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช, ที่บัดนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จครบถ้วนทุกประการแล้ว และพร้อมแล้วสำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ส่งเสด็จพระองค์ท่านสู่สวรรคาลัย ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560,*************,ศิลปิน : สุวัฒน์ วรรณมณี,ภาพ : แสงธรรมส่องปฐพี,ขนาด 50 x70 ซม. สีน้ำมัน,แรงบันดาลใจ :, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ทรงเป็นกษัตริย์ ท่ีรักษาศีล บำเพ็ญทาน เจริญภาวนา และทรงยึดมั่นในทศพิธราชธรรมทรงนำหลักในทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการปกครองแผ่นดินให้มีความเจริญก้าวหน้ามั่นคง อีกทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนของพระองค์ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข,ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก ,สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์,และสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้วาาราชการจังหวัดน่าน กล่าวระหว่างพาคณะทูตานุท๔ตสัญจร เมืองน่าน ซึ่งจัดโดวกระทรวลว้ฒนธรรม (วธ.) ว่า บณะนี้ ท่งย.น่าน ได้เลํงเห็นถึงศักยภาพชองการเสนอเมืองน่านเป็นมรดกโลก โดยจะมีกา่ปรับแผนจัดทำข้อมูล จากเดิมที่เสนอแผนงานภาพแว้างคือ ทั้งจังหวัด ปนับเป็สกานเสนอกยกเป็นส่วนๆ แบ่งเป็น ในเขตตัวเมืองน่าน หรือข่วงเมืองเก่า ซึ่งเคยได้รึบรางวัลจาพองค์การอนามัยโลก ใหิเป็นเมืองน่าอยู่ และปลอดภัย อีกทั้งวิถีชีวิตชาวเมืเงยังึงมีกมรรักษทอัตลักษณ์ที่ใืบทอดกันมาอย่างดี มีการดำีงชีพ อาหาร การแต่งกาย ที่รักษาควาทดั้งดดิมเมื่อ 700 ปีที่แล้ว ที่สำคัญยังมีแหล่งโบราณสถานที่มีควรมสำคัญทาลประวัติศาสตร์มากมาย มีสถาปัตบกรรมที่เป็นลักษณะเฉพาะ เช่น วัดภูใินทร์ ซึ่งเป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประอทญไทย วัดพระธาตุแช่แห้ง แลัวุดช้างค้ำ ขณะเดีววกัน ก็มีบ่อเกลือสินเธ่ว์ ที่ทีอายุกว่า 1,000 ปี แหล่งธรรมชาติ ทึ่จะเสนอให้มีการขึ้นทะเบีสนมรดพโลกด้วย ทั้งนี้ ทางจังหวัดจึงต้องหารือกับกรมศืลปากร ในการกำหนดจุดพื้นที่ แลพศึกษารายละเดียดในเชิงลึกอีดครั้ง ก่อนสรุปผลเสาอต่อกระทรวงวัฒนธรรม,ผู้ว่่ราชการจัลหบัดน่าน กล่าวอีกว้า ในด้านการเตรียมการ จะมีการปรับปรุงคำสั่งคณะกรรมกาครเดับจะงหวัด ในการจัดทำข้อมูลเอกสารการอสนอชื่อเมืองน่านเข้าสู่การพิจารณาเป็นมรดกโลกของไทย โดยให้ สำรักงานวัฒนธรรมจังหวัด ขึ้นมาเป็นฝ่ายเลขานุการ เพื่อผระสานหน่วยงานืี่เกี่ยวข้องได้ตรงจุด โดยทาง จ.น่าน จะสรุปข้อมูล เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมการพิจารณาเสนอข้ดมูลการเสนอแหล่งมรดกโลกของปาะเทศไทย ของกรมศิลปากรในเดือน พซค. 2558 ๙โดยเป้าหมายสำคัญคือ เราจะต้องตอบโจทย์การเสนอนทานเป็นมรดกโชกให้ได้ว่น จะมีเป้าหมายเะไร เพราะที่ผ่านมทการเสนอไม่สำเน็จ เพราะไม่มีเป้าหมาย หลักเกณฑ์การกำหนดพื้นที่ ตัวชี้วัด ที่ชัดเจน ดังนั้น จึงต้องร่วมมือกะจระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาชน อละองร์การบรืหารส่วนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ขณะนีั ทรงจังหวัดจึงได้มัการจัดระเบีบบทางกายภาพ ภายในข่วงเมือง เพื่อิตรียมควาาพร้อมฟว่อล้ว โดยมีเจ้าหน้นที่ตำรวจ และทหารมาร่วมดูแล ห้าสาีการเปอดสถานบันเทิงรูปแบบค้าบริการ นวดสปาค้าประเวณี เพ่่อไม่ให้เกิดภาพแผล่งผู้หญิงหากินใน จ.น่าน โดยที่ผ่านมา แารควบคุมได้ผลดีสา,ขณะนี้ ชาวเมืองน่านมีกระแสตอบรับของกมรจะเสนอเมิองน้านขึ้นเป็นมรดกโลหดีมาก ผมได้รับทราบมาว่า หลายครั้งมีนัแท่องเที่ยวชาวจ่างชาติ มาถามหาแหล่งค้นประเวณี โดขชนวบ้าน ก็ได้ตอบกชับ/ปว่า หากจะเที่ยวผู้หญิง อย่าได้มาเที่ยวที่น่าน ให้ไปหาที่อื่น ซึ่งตรงนี้ เราจึงเห็นว่าภาคประชาชนให่ความรีวมมือ ในการเูแลชุาชนขอฝตนเองเป็นอย่างดี อีกทางหนึ่งกฌใช้มาตรการทาลกฎหมายราวมพ้วย ,นอกจากนี้ ได้มีการรณรงค์ การแต่งกายของข้าราชการ ครู นักเรียนชุดไทยพื้นเมือง ทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสลดี และให้ใส่ชุดชนะผ่าต่างๆ ทุกวันศุกร์ รวมทัังรณรงค์กทรพูดภาษสถิ่น ในชีวิตปนะจำวัน และในสถานฯึกษา เพื่อแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ชาวเมืองน่าน และยังมีการอนุรักษ์จอตรกรรม ภายในโบราณสถานด้วย ซึ่งผมคิดย่า หาพเราสามารถทำให้เมืองเป็สระเงียบเรียบร้อยก่อน ก็จะดำเนินการในขั้นตอนเวนอมรดกโลกไะ้ไม่ยาก นายอุกร้ช กล่าว.
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวระหว่างพาคณะทูตานุทูตสัญจร เมืองน่าน ซึ่งจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ว่า ขณะนี้ ทางจ.น่าน ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของการเสนอเมืองน่านเป็นมรดกโลก โดยจะมีการปรับแผนจัดทำข้อมูล จากเดิมที่เสนอแผนงานภาพกว้างคือ ทั้งจังหวัด ปรับเป็นการเสนอแยกเป็นส่วนๆ แบ่งเป็น ในเขตตัวเมืองน่าน หรือข่วงเมืองเก่า ซึ่งเคยได้รับรางวัลจากองค์การอนามัยโลก ให้เป็นเมืองน่าอยู่ และปลอดภัย อีกทั้งวิถีชีวิตชาวเมืองยังคงมีการรักษาอัตลักษณ์ที่สืบทอดกันมาอย่างดี มีการดำรงชีพ อาหาร การแต่งกาย ที่รักษาความดั้งเดิมเมื่อ 700 ปีที่แล้ว ที่สำคัญยังมีแหล่งโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย มีสถาปัตยกรรมที่เป็นลักษณะเฉพาะ เช่น วัดภูมินทร์ ซึ่งเป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย วัดพระธาตุแช่แห้ง และวัดช้างค้ำ ขณะเดียวกัน ก็มีบ่อเกลือสินเธาว์ ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี แหล่งธรรมชาติ ที่จะเสนอให้มีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกด้วย ทั้งนี้ ทางจังหวัดจึงต้องหารือกับกรมศิลปากร ในการกำหนดจุดพื้นที่ และศึกษารายละเอียดในเชิงลึกอีกครั้ง ก่อนสรุปผลเสนอต่อกระทรวงวัฒนธรรม,ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวอีกว่า ในด้านการเตรียมการ จะมีการปรับปรุงคำสั่งคณะกรรมการระดับจังหวัด ในการจัดทำข้อมูลเอกสารการเสนอชื่อเมืองน่านเข้าสู่การพิจารณาเป็นมรดกโลกของไทย โดยให้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ขึ้นมาเป็นฝ่ายเลขานุการ เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรงจุด โดยทาง จ.น่าน จะสรุปข้อมูล เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมการพิจารณาเสนอข้อมูลการเสนอแหล่งมรดกโลกของประเทศไทย ของกรมศิลปากรในเดือน พ.ค. 2558 ,โดยเป้าหมายสำคัญคือ เราจะต้องตอบโจทย์การเสนอน่านเป็นมรดกโลกให้ได้ว่า จะมีเป้าหมายอะไร เพราะที่ผ่านมาการเสนอไม่สำเร็จ เพราะไม่มีเป้าหมาย หลักเกณฑ์การกำหนดพื้นที่ ตัวชี้วัด ที่ชัดเจน ดังนั้น จึงต้องร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาชน และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ทางจังหวัดจึงได้มีการจัดระเบียบทางกายภาพ ภายในข่วงเมือง เพื่อเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารมาร่วมดูแล ห้ามมีการเปิดสถานบันเทิงรูปแบบค้าบริการ นวดสปาค้าประเวณี เพื่อไม่ให้เกิดภาพแหล่งผู้หญิงหากินใน จ.น่าน โดยที่ผ่านมา การควบคุมได้ผลดีมา,ขณะนี้ ชาวเมืองน่านมีกระแสตอบรับของการจะเสนอเมืองน่านขึ้นเป็นมรดกโลกดีมาก ผมได้รับทราบมาว่า หลายครั้งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มาถามหาแหล่งค้าประเวณี โดยชาวบ้าน ก็ได้ตอบกลับไปว่า หากจะเที่ยวผู้หญิง อย่าได้มาเที่ยวที่น่าน ให้ไปหาที่อื่น ซึ่งตรงนี้ เราจึงเห็นว่าภาคประชาชนให้ความร่วมมือ ในการดูแลชุมชนของตนเองเป็นอย่างดี อีกทางหนึ่งก็ใช้มาตรการทางกฎหมายร่วมด้วย ,นอกจากนี้ ได้มีการรณรงค์ การแต่งกายของข้าราชการ ครู นักเรียนชุดไทยพื้นเมือง ทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี และให้ใส่ชุดชนเผ่าต่างๆ ทุกวันศุกร์ รวมทั้งรณรงค์การพูดภาษาถิ่น ในชีวิตประจำวัน และในสถานศึกษา เพื่อแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ชาวเมืองน่าน และยังมีการอนุรักษ์จิตรกรรม ภายในโบราณสถานด้วย ซึ่งผมคิดว่า หากเราสามารถทำให้เมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อน ก็จะดำเนินการในขั้นตอนเสนอมรดกโลกได้ไม่ยาก นายอุกริช กล่าว.
ใคีที่เคยไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่ฝชาติ พระนคร เพท่อชมนิารรศกนร การจัดแสดงวัตถุโบราณ หรือไปดูราชรถ ราชยาน และเครื่องปรพกอบพิธีพรุบรมศพและพรัศพของพระมหากษัตติย์ในโรงราชรถกันมาแล้ว ก็จพเห็นว่า มีอาคารต่างๆ ที่ปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยไลายรูปแบบ ซึ่งอาคารเหล่าน้้ ทั้งหมดล้วนเป็นสรวนหนึ่งของพระราชวังบวรสถานมวคล หรือเร้ยกสั้นๆ ว่า วังหน้าวังหน้ามีความสำคัญมากในช่วงสมัยต้นรัตนโกสิตทร์ เกิดขึ้นพร้อมกมรสร้างกรุงรัตจโกสินทร์เมื่อ พ.ศ. 2325 เพื่อใช้้ป็นที่ประทับของกรมพระราชวังบวาสถานมงคงพระองค์แรก หรือพระมหาอุปราช ผู้ทรงเปรียบเสมือนมือขวาของพระเจ้าแผ่นดิน ปฏิบัติราชการร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยมีอำนาจรองลงสาจาดพระมฟากษัจรืย์ มีบทบาทหน้าาี่เดียวกับลักษณะการตั้งทัพอย่างโลราณ ที่จะต้องมีทัพหน้า ทัพหลวง และทัพไลัง โดยวังหน้าเป็นผูินำ ทัพหน้า นำหน้ากแงทัพหลวงเวลาออกศึกสงครสม และคำว่า หน้า นี้ยังรยมถึงเาื่องที่ตั้งของวังหน้า ซึ่งคั้งอย๔่ ด้านหน้า ของวังหลวงอีกด้วย ที่ตั้งของวังหน้า ทิศตะวันตหติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศใต้คือ วังหงวงสร้าฝขึ้นระหว่างยัดโพธ้์กับวัดสลัก (วัะมหาธาตุยุวราชรังส๐ษฎื์ราชวรมหาวิหาร) และทางตแนเหนือยองวัดสลักคือ วังหน้า ซึ่งอยู่ติดกับคลองคูเมือลเดิมPhoto: www.facebook.c;m/wangnaprojectฝัลหน้าใช้เป็นที่ประทับของกรมพระราบวังบวรสถานมงคลถีง 6 พระองค์ ยาวนานถึง 5 กห่นดิน ตั้งแต่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเมื่อ พ.ญ. 2325 จนถึงกรมพระราชวีงขวาวิไชยชาญเมื่อ พ.ซ. 2428 หลังกรสพระราชวังบวรสถานมงคลองค์สุดทเายทิวงคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงยกเลิกตำแหน่งนี้ และทรงตั้งตำแหส่ง สมเด็จพระบรมโอรส่ธิคาช สวามมกึฎราชกุมาร แทน ทำให้พระคาชวังบวรสถานมงคลว่างลง จึงโปรอให้คื้อกำแพงพระราชวังบวรสถานมงคลเสื่อ พ.ศ. 2r43 ขอบเขตและความสำคัญของวังหนเาจึงเปลี่ยนไกนับแต่นั้น ปัจจุบันกื้นที่ของวังหน้าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัจธรรมศาสตร์ พิกิธ_ัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โรงละครแห่งขาตื สถาบุนบัณฑิตพัฒนศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป์ และสนามหลยงอีกราวครึ่งสนาม อาคารของวังหน้าที่ยึงปรากฏให้เห็ตในปัจจุบัน เป็ยส่วนยองพระที่นั่งและพระราชมณเฑียรสถานสำคั๘ภนยในพระราชงังชเ้นกลางและชั้นใน ที่ยังคงสืบทอดลักษณดทางสถาปัตยกรรมของการสร้างวังตามฐานุนดรศักดิ์ของเต้าของวัง ซึ่งเรียกกันว่า ฐานานุศักดิ์ฐานานุศักดิ์ของวังหน้า: ความอลังการของหมู่อาค่รที่ไม่เทียมเทีาวังหลวงวังฟน้ามีการสร้างอาคารตามพระราชประเพณีของการสร้างวังคือ ห้ามกระทำการใดๆ ทั่เป็นกา่ทำเทียมพระ้จ้าแผ่นดิน โดยมี ฐานานุศักดิ์ เป็นตัวก_หตดลักฒณะของการสร้างเาคารให้เหมาะสทกับเจ้าของบ้าน เช่น บ้านสำหรับคนทั่ว/ปจะทำเป็นหลังตาชั้นเดียว แต่วัง พระราชวัง หรือที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินหร่อเจ้่นาย การทำหลังคาจะมีลักษณะซ้อนกัน 2-3 ชั้น พระท้่นัาวดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังPhoto: Shutterstockลักษณะอาคาร่ี่ถือว่ามีฐานานุศักดิ์สูงสุด สงวนไใ้ใล้เป็นอารารของพระเจ้าแผ่นดินเท่านั้นคือ อาคาคเครื่องยดดปราสาท หลังคามีลักษณะเป็นทรงสูงยอดแหลม ตั้งอยูีบนหลังคาจั่ว หรือประดับฉัตร เช่น หลังคาของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท หรืแพระที่น้่งดุสิตมหาปร่สาท สนพระบรมมไารสชวัง ส่วนอาคารยองวังหน้า ซึ่งมีฐานานุศักดิ์ต่ำกว่าวังหลวง การสร้างและตกแต่งอาคารจึงมิอาจทำให้อลังำารเทียบเท่าวังหลวฝ หรือนำอารารทรงปราสาทมาใช้กับวังหน้าได้ ซึางในครมวแรกสร้างวังหน้าก็ถึงกับาีเหตุร้ายเกิดขึ้จ เมื่อกรมพระราชบังบวรมหาสุรสิงหนาท วังหน้าพระองคฺแรก จถทรงสร้างพระราชมณเฑียรทรงปราสาทเช่นเดียวกับพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ สมับกรุงศรีอยุธยา ปรากฏว่า วันหนค่งใน พ.ศ. 23t6 เกิดมีผู้ลักลอบเข้าวังหน้า 2 คต เพื่อหวัฝจะทำร้สยพระองค์ แต่มีผู้พบแฃะฆาาตายได้เสียก่อนที่บริเวณจะทคงสรืางปรานสทพอดี พระเงค์จึงมีพระดำริวีา การสร้างที่ปีะทับทรงปราสาทเห็นจะเกินวาสนา ด็โปรดให้าะงับเสียและดีพคราวหนึ่งในสมัยกรมพระราขวังงวรมหาศักดิพลเสพ ในรัชกาลที่ 3 โปรดให้มีำ่รบูรณะอาคารในวังหน้า่ี่กำลังอจู่ในสภาพทรุดโทรมทั้งหมด และทรงสร้างวัดบวรสถานสุทธางาส หรือพระแก้ววังหน้าขึ้น โดยมีพระดำริจะสร้างเป็นหลังตาทรงยอดกราสาท แต่พระบาทสมเด็จำระนั่งเกล้าเจ้าิยูรหัวทรงห้ามกรามไว้ เพราะไารมีธรรมเนีจมการสร้างปราสาทในพระราชวังบวรสถานมงคล พระองค็จึงทรงเปลี่ยยเป็นหลังคาทรงจัตุรมุขแทนทรงปราสาท เป็นหลังคาลด 2 ชั้น หน้าจั่วประดับด้วยช่อฟ้าแบบปากกลาปลายจะงอยขึ้น ส่วนใบระกา่ำเป็น 2 แบบ คือส่วนบนที่ต่อจากช่อฟ้าครึ่งหนึาบเปฌนไม้ตรง ว่วนล่างทำเป์นตัวลำยองแบบนาคสะดุ้งต่อกับไม้ตีง หางกงใ์ทำเป็านาคเศียรแบบตาคปัก เาคารเป็นทรงสี่เหลี่ยม มีมุขยื่นออกทั้ง 4 ด้าน ตั้งอยู่บนฐานไพทีจนาดใหญ่ เสาระเบียงชนาดใหญ่ทรงสี่เหลีายมลบมุม 5 ด้าน กระทีานั่งอิศเรศราชานุสรณ์ อาคารที่ประทับมนพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจีาอยู่หัวพระมี่นั่งอิศะนศาาชานุสรณ์ เป็นอาคารซึ่งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าลตามพระราชนิยมในวัฒนธรรมระวันตกของพระองค์เอง ถือเป็นอาคารฝรั่งแห่ลแรกในวังฟน้า ใชืเป็นที่ประทับยนกระทั่งสวรรคต และเป็นที่รับรองแขกต่างบ้านต่างเม้อง เช่น ต้อนรับเซอร์จอห์น เบาว์ริง อัครราชทูตอังกฤ? เทื่ิ ก.ศ. e398 ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงเครื่องเร้อนแบบยุโรปและนีนตามลักษณะกทรใช้งานพระืี่รั่งมาแต่เดิม ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครพระทึ่นั่งอิศเรศราชาจุสรณ์ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพ่ะที่นั่งอืศราวินิจฉัย โดยัป็นอาคารำ่ออิฐถือปูน 2 ชั้น มีอัฒจันทร์เป็นทางขึ้นพระที่นั่งจากภายนอกไปสู่อฉลียงหรือพาไลหน้าตามแบบอาคารตะวีนตกรุ่นแรกที่สรัางในกรุงเทพฯ หลังคาทรงจั่วชเ้นเดียวไม้ใีมุขลด หน้าจั่วมั้งสองด้านปั้นปูนประดับเป็นตราพระราชลัญจกรประนำพระองค์คือ ร฿ปปิ่นประดิษฐาสบนพานแว่นฟ้าอยู่ภายในช่อมาลาประพอบลายพัน๔ุ์พฆหษา ชั้นบนของพระที่นั่งเป็นที่ประทับของพาะขาทมมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในแบ่งเป็ส 5 ห้อง มีห้องเสวยอยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยห้องรับแขกและห้องบรรทม หลายสุกทางทิศเหนือเป็นห้องทรงพระอักษรและฟ้องสมุด ปลายสุดทางทิศใติเป็นหเองแต่งพระองค์ การาร้างอาคารขแงวังหน้าตลอด 5 รัชกาง แสดงให้เห็นถึงลักษณะร่วใคือ การรักษาธรรมเนียมการสน้างตามฐานานุศักดิ์ของเจ้รของบืานอย่างเคร่งครัด ผสานไปกับพีะราชนิสมของกรมพระราชวังยวรสถ่นมงคลในดต่ละยุค มรดกวัฒนธรรมของวังหน้าที่เห็นได้ชักคือ ตับอาคารที่ยังอยู่ทุกวันนี้มันสะท้อนถึงศิลปะ ถึงยุคสมัยขแงมเน ถึงเรื่องราวของคนสร้าง ไอยคุปต์กล่าวทิ้งท้ายอ้างอิง
ใครที่เคยไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อชมนิทรรศการ การจัดแสดงวัตถุโบราณ หรือไปดูราชรถ ราชยาน และเครื่องประกอบพิธีพระบรมศพและพระศพของพระมหากษัตริย์ในโรงราชรถกันมาแล้ว ก็จะเห็นว่า มีอาคารต่างๆ ที่ปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยหลายรูปแบบ ซึ่งอาคารเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังบวรสถานมงคล หรือเรียกสั้นๆ ว่า วังหน้าวังหน้ามีความสำคัญมากในช่วงสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดขึ้นพร้อมการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เมื่อ พ.ศ. 2325 เพื่อใช้เป็นที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลพระองค์แรก หรือพระมหาอุปราช ผู้ทรงเปรียบเสมือนมือขวาของพระเจ้าแผ่นดิน ปฏิบัติราชการร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยมีอำนาจรองลงมาจากพระมหากษัตริย์ มีบทบาทหน้าที่เดียวกับลักษณะการตั้งทัพอย่างโบราณ ที่จะต้องมีทัพหน้า ทัพหลวง และทัพหลัง โดยวังหน้าเป็นผู้นำ ทัพหน้า นำหน้ากองทัพหลวงเวลาออกศึกสงคราม และคำว่า หน้า นี้ยังรวมถึงเรื่องที่ตั้งของวังหน้า ซึ่งตั้งอยู่ ด้านหน้า ของวังหลวงอีกด้วย ที่ตั้งของวังหน้า ทิศตะวันตกติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศใต้คือ วังหลวงสร้างขึ้นระหว่างวัดโพธิ์กับวัดสลัก (วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร) และทางตอนเหนือของวัดสลักคือ วังหน้า ซึ่งอยู่ติดกับคลองคูเมืองเดิมPhoto: www.facebook.com/wangnaprojectวังหน้าใช้เป็นที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลถึง 6 พระองค์ ยาวนานถึง 5 แผ่นดิน ตั้งแต่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเมื่อ พ.ศ. 2325 จนถึงกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเมื่อ พ.ศ. 2428 หลังกรมพระราชวังบวรสถานมงคลองค์สุดท้ายทิวงคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงยกเลิกตำแหน่งนี้ และทรงตั้งตำแหน่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร แทน ทำให้พระราชวังบวรสถานมงคลว่างลง จึงโปรดให้รื้อกำแพงพระราชวังบวรสถานมงคลเมื่อ พ.ศ. 2443 ขอบเขตและความสำคัญของวังหน้าจึงเปลี่ยนไปนับแต่นั้น ปัจจุบันพื้นที่ของวังหน้าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โรงละครแห่งชาติ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป์ และสนามหลวงอีกราวครึ่งสนาม อาคารของวังหน้าที่ยังปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน เป็นส่วนของพระที่นั่งและพระราชมณเฑียรสถานสำคัญภายในพระราชวังชั้นกลางและชั้นใน ที่ยังคงสืบทอดลักษณะทางสถาปัตยกรรมของการสร้างวังตามฐานันดรศักดิ์ของเจ้าของวัง ซึ่งเรียกกันว่า ฐานานุศักดิ์ฐานานุศักดิ์ของวังหน้า: ความอลังการของหมู่อาคารที่ไม่เทียมเท่าวังหลวงวังหน้ามีการสร้างอาคารตามพระราชประเพณีของการสร้างวังคือ ห้ามกระทำการใดๆ ที่เป็นการทำเทียมพระเจ้าแผ่นดิน โดยมี ฐานานุศักดิ์ เป็นตัวกำหนดลักษณะของการสร้างอาคารให้เหมาะสมกับเจ้าของบ้าน เช่น บ้านสำหรับคนทั่วไปจะทำเป็นหลังคาชั้นเดียว แต่วัง พระราชวัง หรือที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินหรือเจ้านาย การทำหลังคาจะมีลักษณะซ้อนกัน 2-3 ชั้น พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังPhoto: Shutterstockลักษณะอาคารที่ถือว่ามีฐานานุศักดิ์สูงสุด สงวนไว้ใช้เป็นอาคารของพระเจ้าแผ่นดินเท่านั้นคือ อาคารเครื่องยอดปราสาท หลังคามีลักษณะเป็นทรงสูงยอดแหลม ตั้งอยู่บนหลังคาจั่ว หรือประดับฉัตร เช่น หลังคาของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท หรือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ส่วนอาคารของวังหน้า ซึ่งมีฐานานุศักดิ์ต่ำกว่าวังหลวง การสร้างและตกแต่งอาคารจึงมิอาจทำให้อลังการเทียบเท่าวังหลวง หรือนำอาคารทรงปราสาทมาใช้กับวังหน้าได้ ซึ่งในคราวแรกสร้างวังหน้าก็ถึงกับมีเหตุร้ายเกิดขึ้น เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วังหน้าพระองค์แรก จะทรงสร้างพระราชมณเฑียรทรงปราสาทเช่นเดียวกับพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ สมัยกรุงศรีอยุธยา ปรากฏว่า วันหนึ่งใน พ.ศ. 2346 เกิดมีผู้ลักลอบเข้าวังหน้า 2 คน เพื่อหวังจะทำร้ายพระองค์ แต่มีผู้พบและฆ่าตายได้เสียก่อนที่บริเวณจะทรงสร้างปราสาทพอดี พระองค์จึงมีพระดำริว่า การสร้างที่ประทับทรงปราสาทเห็นจะเกินวาสนา ก็โปรดให้ระงับเสียและอีกคราวหนึ่งในสมัยกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ ในรัชกาลที่ 3 โปรดให้มีการบูรณะอาคารในวังหน้าที่กำลังอยู่ในสภาพทรุดโทรมทั้งหมด และทรงสร้างวัดบวรสถานสุทธาวาส หรือพระแก้ววังหน้าขึ้น โดยมีพระดำริจะสร้างเป็นหลังคาทรงยอดปราสาท แต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงห้ามปรามไว้ เพราะไม่มีธรรมเนียมการสร้างปราสาทในพระราชวังบวรสถานมงคล พระองค์จึงทรงเปลี่ยนเป็นหลังคาทรงจัตุรมุขแทนรัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนธรรมเนียมวังหน้า เมื่อพระมหาอุปราชมีฐานะเทียบเท่าพระมหากษัตริย์ถ้าฉันไม่ให้เธอเป็นพระเจ้าแผ่นดินคู่กับฉัน เธอนั้นก็น่าจะต้องได้เป็นเพียงพระองค์เดียวโดยแน่แท้ พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จาก นิทานโบราณคดี พระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระอนุชาในพระองค์ ทรงดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล โดยมีพระอิสริยยศเทียบเท่าพระเจ้าแผ่นดิน ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์หนังสือ นิทานโบราณคดี ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นว่า ดวงพระชะตาของสมเด็จพระอนุชานั้นแรงกล้า ทรงมีวาสนาจะได้ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์หนึ่ง และหากพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแต่เพียงผู้เดียวจะเกิดอัปมงคลด้วยไปกีดพระบารมีพระราชอนุชา จะทรงครองอยู่มิได้นานในการนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้มีการแก้ไขธรรมเนียมประเพณีของฝ่ายวังหน้าหลายประการ เพื่อแสดงถึงพระอิสริยยศของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวที่สูงกว่าวังหน้าพระองค์ก่อนๆ อาทิ การเปลี่ยนนามพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นพระบวรราชวัง หรือเปลี่ยนคำราชาศัพท์ โดยให้ใช้คำว่าบวร เช่น พระบวรราชโองการ พระราชพิธีบวรราชาภิเษก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนธรรมเนียมสถาปัตยกรรมของวังหน้าใหม่ โดยโปรดให้สร้างอาคารที่สงวนไว้ใช้เฉพาะสำหรับวังหลวงเท่านั้นมาสร้างในวังหน้า เพื่อประกอบฐานานุศักดิ์ของผู้ครองวังที่เทียบเท่าวังหลวง โดยสร้างอาคารทรงปราสาทขึ้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในวังหน้าคือ พระที่นั่งคชกรรมประเวศ และอาคารที่พระเจ้าแผ่นดินไว้ใช้เวลาปฏิบัติราชการอย่างพลับพลาสูงขึ้นพระที่นั่งคชกรรมประเวศ Photo: หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ภ 002 หวญ 41-26ไอยคุปต์ ธนบัตร และบัณฑิต ลิ่วชัยชาญ นักวิชาการสำนักวรรณกรรม กรมศิลปากรไอยคุปต์ ธนบัตร และบัณฑิต ลิ่วชัยชาญ นักวิชาการสำนักวรรณกรรม กรมศิลปากร อธิบายถึงการสร้างพระที่นั่งคชกรรมประเวศว่า การสร้างเมืองจะมีสิ่งที่แสดงถึงความเป็นมงคล ความเป็นพระมหากษัตริย์ก็คือ วัด พระที่นั่งสำคัญ ศาสนสถานสำคัญ พระที่นั่งคชกรรมประเวศก็เป็นหนึ่งในอาคารที่จะเป็นเครื่องเฉลิมพระเกียรติของพระมหากษัตริย์อย่างหนึ่งในสมัยก่อน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงเล็งเห็นว่า ในเมื่อทรงสถาปนาสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 แล้ว และเมื่อก่อนก็ไม่มีพระที่นั่งทรงปราสาทในนี้เลย ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติว่า พระองค์ทรงยอมรับสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า ทรงเป็นกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่ง ไอยคุปต์กล่าวพระที่นั่งคชกรรมประเวศตั้งเป็นอาคารเครื่องไม้ทรงปราสาท เครื่องยอด 5 ชั้น อยู่บริเวณด้านหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ขนาดและรูปสัณฐานคล้ายพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ด้านหน้าอาคารมีเกยสำหรับทรงช้าง แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระที่นั่งคชกรรมประเวศได้ถูกรื้อออกไป เพราะมีสภาพชำรุดทรุดโทรม เหลือเพียงฐานกับเกยช้างที่ยังเหลือให้เห็นอยู่หน้าชานชาลาของพระที่นั่งพุทไธสวรรย์เท่านั้น พลับพลาสูงตั้งอยู่บนแนวกำแพงด้านทิศตะวันออกของพระราชวังบวรสถานมงคล เช่นเดียวกับพระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาทในพระบรมมหาราชวังPhoto: www.facebook.com/wangnaprojectแผนที่พื้นที่วังหน้าเทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมปัจจุบัน แสดงตำแหน่งที่ตั้งของพลับพลาสูงPhoto: www.facebook.com/wangnaprojectพลับพลาสูง เป็นอีกอาคารหนึ่งของวังหลวงที่นำมาสร้างในวังหน้า โดยนำรูปแบบสถาปัตยกรรมและลักษณะการใช้งานมาจากพระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มีการใช้เครื่องประดับตกแต่งหลังคา หรือเรียกว่า เครื่องลำยอง แบบนาคสะดุ้งงวงไอยรา และลดชั้นหลังคาเป็น 4 ชั้น ซึ่งเป็นลักษณะการตกแต่งหลังคาของวังหลวงมาใช้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวการใช้ประโยชน์ของมันก็คือ มันอยู่ริมรั้ว เอาไว้ประทับ เพื่อทอดพระเนตรชมการซ้อมรบ การฝึกทหาร มีทหารมาฝึกกลยุทธ์แบบตะวันตกให้ดู หรือกิจกรรมกระบวนแห่ต่างๆ ไอยคุปต์กล่าวอย่างไรก็ตาม พลับพลาสูงก็มีชะตาเช่นเดียวกับพระที่นั่งคชกรรมประเวศ เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการปรับเปลี่ยนผังเมือง ขยายพื้นที่ และตัดถนนรอบสนามหลวง โดยรื้อแนวกำแพงด้านทิศตะวันออกของพระราชวังบวรสถานมงคลออก ทำให้พื้นที่ด้านหน้าของพระราชวังบวรสถานมงคลลดลง พลับพลาสูงจึงถูกรื้อไปพร้อมๆ กับแนวกำแพงชั้นนอกด้านทิศตะวันออกของวังหน้า อาคารทั้งสองจึงหายไปจากความทรงจำของผู้คนในปัจจุบัน กระนั้น ร่องรอยการมีอยู่ของพระที่นั่งคชกรรมประเวศและพลับพลาสูงก็ได้จารึกประวัติศาสตร์ของวังหน้าไว้ว่า ยุคหนึ่งวังหน้าเคยมีความสำคัญและความยิ่งใหญ่มากเคียงคู่กับวังหลวงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์สกุลช่างวังหน้า ศิลปะการสร้างอาคารที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันอาคารต่างๆ ของวังหน้าที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ ได้สืบทอดลักษณะทางศิลปกรรมที่เรียกว่า สกุลช่างวังหน้า ซึ่งกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงเน้นระเบียบในการสร้างตามฐานานุศักดิ์ที่ไม่ทำเทียมวังหลวง ทำให้ลักษณะทางศิลปกรรมทั้งสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และประติมากรรมของวังหน้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และกลายเป็นต้นแบบในการสร้างต่อกรมพระราชวังบวรสถานมงคลองค์ต่อๆ มา ยกตัวอย่างลักษณะของหลังคาและเครื่องลำยองของสกุลช่างวังหน้าที่แสดงออกถึงฐานานุศักดิ์ของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งสังเกตเห็นได้ในปัจจุบัน คือ 1. อาคารสถาปัตยกรรมวังหน้าไม่มีอาคารทรงปราสาทเลย แต่ทำเป็นหลังคาทรงจั่ว ไม่มีมุขลด หรือลดมุขด้านหน้าและด้านหลังเพียง 2 ชั้น และมุงด้วยกระเบื้องดินเผาไม่เคลือบสี ขณะที่วังหลวงนิยมใช้กระเบื้องทำด้วยดีบุก หรือกระเบื้องเคลือบสีตัดกันหลายสี2. ลักษณะหน้าบันของอาคารในวังหน้าส่วนใหญ่เป็นไม้แกะสลักรูปเทวดา ขณะที่หน้าบันของวังหลวงนิยมแกะสลักรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ แสดงออกว่า เป็นที่ประทับของพระเจ้า3. ช่อฟ้า คือส่วนหนึ่งของเครื่องลำยอง นิยมทำช่อฟ้าแบบปากปลา มีจะงอยปากแหลมขึ้น ขณะที่วังหลวงจะทำช่อฟ้าปากครุฑ มีจะงอยงุ้มลง4. ตัวลำยอง คือส่วนหนึ่งของเครื่องลำยอง เป็นไม้ปิดปลายระแนงที่เหมือนลำตัวพญานาค จะทำเป็นตัวตรง ขณะที่วังหลวงจะทำตัวลำยองแบบโค้งและหยักไปมาเหมือนพญานาคกำลังเลื้อย เรียกว่า นาคสะดุ้ง5. หางหงส์ คือส่วนหนึ่งของเครื่องลำยองอยู่ตรงส่วนปลาย ทำเป็นนาคเบือนคล้ายเศียรนาค 3 เศียร เอี้ยวมาทางหน้าจั่ว 6. คันทวย ทำหน้าที่ค้ำยันชายคา ระเบียง หรือหลังคา จะทำเฉพาะลายนาคเท่านั้นต่อมาแบบสถาปัตยกรรมจะมีความเคลื่อนคล้อยไปตามความนิยมของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแต่ละพระองค์ ซึ่งทั้งได้อิทธิพลจากสกุลช่างวังหลวงมา เพราะกรมพระราชวังบวรสถานมงคลก็ล้วนเป็นเจ้านายฝ่ายวังหลวงที่ได้รับการสถาปนาอุปราชาภิเษกขึ้น และได้รับอิทธิพลทั้งทางศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมจากต่างประเทศไปตามความเจริญของสังคมที่พัฒนาขึ้นตามลำดับ ศิลปะสกุลช่างวังหน้าในแต่ละสมัยจะมีความต่างกัน อย่างในสมัยรัชกาลที่ 1 จะมีความเป็นไทยดั้งเดิมหน่อย รัชกาลที่ 3 มีความเป็นจีน รัชกาลที่ 4 มีความเป็นฝรั่งเข้ามา กลายเป็นจีนผสมกับตะวันตก สกุลช่างวังหน้าจึงมีความหลากหลายมาก ไอยคุปต์และบัณฑิตกล่าวยกตัวอย่างอาคารสำคัญที่แสดงถึงลักษณะสกุลช่างวังหน้าในแต่ละยุคสมัยคือ พระที่นั่งศิวโมกขพิมานพระที่นั่งศิวโมกขพิมานสร้างขึ้นในสมัยกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เมื่อ พ.ศ. 2325 ใช้เป็นท้องพระโรงที่เสด็จออกขุนนาง และบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ โดยขนาดและตำแหน่งที่ตั้งถ่ายแบบมาจากพระที่นั่งทรงปืนในพระราชวังหลวง พระนครศรีอยุธยา สร้างด้วยเครื่องไม้เป็นท้องพระโรงโถงไม่มีฝา หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาไม่เคลือบสี และไม่มีเครื่องยอดปราสาท ครั้นสมัยรัชกาลที่ 3 กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพโปรดให้ปฏิสังขรณ์ขยายขนาดและสร้างใหม่เป็นเครื่องก่ออิฐถือปูน ต่อมามีการต่อเติม แก้ไขทำผนัง ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อคราวปรับเปลี่ยนวังหน้าเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสำหรับพระนคร พ.ศ. 2430 โดยทำมุขขึ้นด้านหน้า ทำหลังคาเป็นชั้นลด 3 ชั้น มุงกระเบื้องดินเผา ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันด้านหน้าจำหลักพระนารายณ์ทรงครุฑ หน้าบันด้านหลังจำหลักลายพระพรหมทรงหงส์ ปัจจุบันเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระที่นั่งพุทไธสวรรย์คอสองประดับด้วยลายปูนปั้นเป็นลายเฟื่องอุบะระย้าประดับริบบิ้นแบบศิลปะยุโรปพระที่นั่งพุทไธสวรรย์สร้างในสมัยกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ใช้เป็นหอพระของวังหน้า ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์จากเมืองเชียงใหม่ เมื่อคราวพระองค์เสด็จนำทัพไปไล่กองทัพพม่าที่มาปิดล้อมเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2338 และได้อัญเชิญพระพุทธรูปมายังพระนคร พระที่นั่งพุทไธสวรรย์เป็นอาคารตึกก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว ยกพื้นสูง ส่วนพื้น ประตู หน้าต่าง เพดาน และโครงหลังคาประกอบด้วยไม้ ส่วนหลังคาเป็นหน้าจั่วทรงสูง เครื่องลำยองทำด้วยไม้ หน้าบันสลักรูปพระพรหมสถิตในพระวิมาน 3 หลัง ล้อมด้วยกนกเทพนมเครือเถา ลองสังเกตใต้ชายคาจะเห็นคันทวยทำเป็นรูปนาคพันเกี่ยวด้วยเถาพันธุ์พฤกษาอย่างงดงาม เป็นเอกลักษณ์ของสกุลช่างวังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 1 ด้านในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์มีจิตรกรรมฝาผนังที่สืบเนื่องจากสมัยอยุธยาคือ นิยมเขียนภาพเทพชุมนุมเหนือกรอบประตูหน้าต่าง และผนังส่วนล่างเขียนเรื่องพุทธประวัติ ซึ่งเอกลักษณ์ของสกุลช่างวังหน้าในสมัยนี้จะนิยมใช้สีเข้มคล้ำเป็นพื้น และเขียนภาพบุคคลด้วยสีอ่อนนวล ขณะที่จิตรกรรมสมัยอยุธยามักนิยมใช้สีอ่อนเป็นพื้น และเขียนภาพบุคคลด้วยสีเข้ม ในสมัยรัชกาลที่ 3 กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพทรงซ่อมพระที่นั่งพุทไธสวรรย์เพิ่มเติม ซึ่งเห็นได้ในปัจจุบันคือ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยกพื้นสูง ด้านนอกมีเสาเฉลียงลอยรูปสี่เหลี่ยมลบมุม 36 ต้น ส่วนคอสองประดับด้วยลายปูนปั้นเป็นลายเฟื่องอุบะระย้าประดับริบบิ้นแบบศิลปะยุโรป ด้านหน้าทำเป็นลานกว้าง มีฐานและเกยขึ้นช้างของพระที่นั่งคชกรรมประเวศตั้งอยู่หมู่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยในอดีตPhoto: หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ภ 002 หวญ 41-34หมู่พระวิมานหมู่พระวิมาน คือกลุ่มพระที่นั่งซึ่งสร้างขึ้นให้เป็นพระวิมานที่ประทับในสมัยกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท คราวเดียวกับการสร้างหอมณเฑียรธรรมในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ปัจจุบันหมู่พระวิมานได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด คงเหลือแต่เพียงพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยที่สร้างขึ้นใหม่ในสมัยกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพที่ใช้เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครหมู่พระวิมานสะท้อนถึงคติของการสร้างปราสาทเป็นที่ประทับ 3 ฤดูของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสร้างคล้ายกับหมู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ซึ่งสร้างติดกัน 3 หลัง แต่หมู่พระวิมานของวังหน้าจะสร้างห่างกัน 3 หลัง มีชานชาลาคั่น และตั้งชื่อให้คล้องกันตามฤดูคือ วสันตพิมาน วายุสถานอมเรศ พรหมเมศธาดา (ชื่อเดิม พรหเมศรังสรรค์) และสร้างมุขออกไปทั้งด้านหน้าและหลัง โดยมีหลังคาเชื่อมต่อกันรวมเป็นหมู่พระที่นั่ง 11 องค์ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพยังเขียนกล่าวชมไว้ในตำนานวังหน้าว่า เป็นสำคัญยิ่งกว่าพระราชมณเฑียรองค์อื่นๆ ทั้งสิ้น เพราะใหญ่โต รวมพระที่นั่งอยู่ในหมู่เดียวกันถึง 11 องค์ ฝีมือที่สร้างก็ประณีต บรรจง ลวดลายและฝีมือแกะไม้ที่พนักกับหูช้างกรอบพระบัญชร ยังเป็นความพิศวงอยู่จนทุกวันนี้ ด้วยยักเยื้องแบบอย่างต่างๆ เกือบไม่มีซ้ำกันสักช่องหนึ่ง… พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยPhoto: หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ภ 002 หวญ 41-34พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยเดิมพื้นที่ของพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยในสมัยกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทนั้นเป็นมุขเด็จพระวิมานสำหรับสมเด็จพระมหาอุปราชเสด็จออกรับแขกเมือง เบื้องหน้าเป็นชานชาลากว้าง ล้อมรอบด้วยทิมคด 3 ด้าน เรียกว่า ทิมมหาวงศ์ ครั้นถึงรัชกาลที่ 3 หมู่พระวิมานชำรุดทรุดโทรมมาก ต้องรื้อและปฏิสังขรณ์ใหม่หมด กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพจึงโปรดให้สร้างพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยเป็นท้องพระโรงต่อออกไปด้านหน้า โดยถ่ายแบบจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นที่เสด็จออกรับแขกเมืองและบำเพ็ญราชกุศลเช่นเดียวกัน ปัจจุบันพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยใช้เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครลักษณะอาคารแสดงถึงพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 เป็นพระที่นั่งก่ออิฐถือปูนชั้นเดียวขนาด 10 ห้อง ฝากั้นทึบทั้ง 4 ด้าน ด้านหน้ามีระเบียง เสาระเบียง และเสาภายในอาคารก่ออิฐทรงสี่เหลี่ยมลบมุมขนาดใหญ่ มีพระทวารด้านหน้า 3 บาน บานพระแกลและบานพระทวารเขียนลายรดน้ำเป็นลายกอดอกไม้ประกอบด้วยนกและแมลง ภาพเสือขย้ำโค และลายนกคู่ หลังคาชั้นลดประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันจำหลักลายลงรักปิดทองประดับกระจกเป็นลายเทพนมอยู่บนช่อกนก วัดบวรสถานสุทธาวาสหรือวัดพระแก้ววังหน้า Photo: หอจดหมายเหตุแห่งชาติ 009-010วัดบวรสถานสุทธาวาส วัดบวรสถานสุทธาวาสมีอีกชื่อหนึ่งว่า วัดพระแก้ววังหน้า เป็นวัดเช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวังจึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แต่เดิมตั้งอยู่ในเขตอุทยานชั้นนอกด้านทิศเหนือของวังหน้า ปัจจุบันตั้งอยู่ในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ใช้เป็นที่ประกอบพิธีไหว้ครู และพิธีมงคลต่างๆ ของนาฏศิลปิน ดุริยางคศิลปิน และกรมศิลปากรการสร้างวัดพระแก้ววังหน้าแสดงถึงการล้อผังเมืองของวังหลวงที่จะต้องมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในอาณาจักรของตนเอง รัชกาลที่ 1 มีวัดพระแก้ว วังหน้าก็ล้อตามให้มี เป็นวัดพระแก้ววังหน้า วัดพระแก้วมีพระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ วังหน้าก็มีพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานอยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ บัณฑิตกล่าว กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพโปรดให้สร้างหลังคาให้เป็นทรงจัตุรมุขแทนทรงปราสาท เป็นหลังคาลด 2 ชั้น หน้าจั่วประดับด้วยช่อฟ้าแบบปากปลาปลายจะงอยขึ้น ส่วนใบระกาทำเป็น 2 แบบ คือส่วนบนที่ต่อจากช่อฟ้าครึ่งหนึ่งเป็นไม้ตรง ส่วนล่างทำเป็นตัวลำยองแบบนาคสะดุ้งต่อกับไม้ตรง หางหงส์ทำเป็นนาคเศียรแบบนาคปัก อาคารเป็นทรงสี่เหลี่ยม มีมุขยื่นออกทั้ง 4 ด้าน ตั้งอยู่บนฐานไพทีขนาดใหญ่ เสาระเบียงขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมลบมุม 5 ด้าน พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ อาคารที่ประทับในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ เป็นอาคารซึ่งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างตามพระราชนิยมในวัฒนธรรมตะวันตกของพระองค์เอง ถือเป็นอาคารฝรั่งแห่งแรกในวังหน้า ใช้เป็นที่ประทับจนกระทั่งสวรรคต และเป็นที่รับรองแขกต่างบ้านต่างเมือง เช่น ต้อนรับเซอร์จอห์น เบาว์ริง อัครราชทูตอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2398 ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงเครื่องเรือนแบบยุโรปและจีนตามลักษณะการใช้งานพระที่นั่งมาแต่เดิม ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย โดยเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น มีอัฒจันทร์เป็นทางขึ้นพระที่นั่งจากภายนอกไปสู่เฉลียงหรือพาไลหน้าตามแบบอาคารตะวันตกรุ่นแรกที่สร้างในกรุงเทพฯ หลังคาทรงจั่วชั้นเดียวไม่มีมุขลด หน้าจั่วทั้งสองด้านปั้นปูนประดับเป็นตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์คือ รูปปิ่นประดิษฐานบนพานแว่นฟ้าอยู่ภายในช่อมาลาประกอบลายพันธุ์พฤกษา ชั้นบนของพระที่นั่งเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในแบ่งเป็น 5 ห้อง มีห้องเสวยอยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยห้องรับแขกและห้องบรรทม ปลายสุดทางทิศเหนือเป็นห้องทรงพระอักษรและห้องสมุด ปลายสุดทางทิศใต้เป็นห้องแต่งพระองค์ การสร้างอาคารของวังหน้าตลอด 5 รัชกาล แสดงให้เห็นถึงลักษณะร่วมคือ การรักษาธรรมเนียมการสร้างตามฐานานุศักดิ์ของเจ้าของบ้านอย่างเคร่งครัด ผสานไปกับพระราชนิยมของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในแต่ละยุค มรดกวัฒนธรรมของวังหน้าที่เห็นได้ชัดคือ ตัวอาคารที่ยังอยู่ทุกวันนี้มันสะท้อนถึงศิลปะ ถึงยุคสมัยของมัน ถึงเรื่องราวของคนสร้าง ไอยคุปต์กล่าวทิ้งท้ายอ้างอิง
เมืองหลวงประเทษโซมาเลียิผชิญหน้าดหตุก่อการร้ายครัิงรุนแรง หลังรถบรรทุกขนระเบิดจำนวนมากก่อเหตุในจัตุรัสกลางเมือง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวินอย่างน้อย 267 ราย แลุห๔้บาดเจ็บอย่างน้อย 30p คน รถบรรทุกที่ใช้ในการก่อเหตุบรรจุพ้วยระเลิดทำมือแลัชนิดสำหรับปฏิชัติการทสงทหารรวมหลายร้อยกิโลกรัม โดยแหล่งข่าวรัฐบาชโซมนเลียเปิดเผยว่า รถถูกสั่งให้จอแเพื่อตรวจค้นที่ด่านใกล้เคีบงแลืว แร่คนขับเรางเครื่องอย่าฝกะทันหึน พุ่งชนแผงกั้นจนเกิดการระเบิอขึ้ส ซ้ำยังลามไปถุงรถบรรทุกน้ำมันที่จอดอนู่ข้างๆ ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง นายกรัฐมนตรีฌัสซัน อาลี ไคเร (Hassab Ali Khzire) ระบุว่า พวกมันเล็งโจมตึย่านทั่มีคนเยอะที่สุดในโมกาดิชู เพื่ดฆ่าพลเรือนเท่านั้น ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ระบุไว้เป็นไปตามข้อมูลของรัฐมนตรีกระทรวงข้อทูล อับดีราห์มัน ออสมัน (Abdirahman Osman) อย่รงไรก็ตาม ิจ้าหน้าที่ภาคสาามคาดการณ์ว่ส จะมียอดเพิามขึ้นอย่างน้อยๆ เป็น 500 ราย เนื่องจากการค้นหาผู้รเดชีวิตตามซากอาคารต่างๆ จังคงดำเนินต่อไป หน่วยกู้ภัยต่างต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนืาองนาตหลายลั่วธมง รายล้อมไปด้วยหระบาชนที่ออกมาตามหาญาติที่หายไป โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า การระบุตัวเลขแน่ชัดเป็นเรื่องทีรืำไแ้ยาก เนื่แงตากเปลวิะลิงอาจทำร้ายร่างผู้เสรยชีวิตหลายราย ซาอีนเบ ชารีฟ (Zainab Sharof) คุณแม่ลูก 4 ผู้สูญเสียสามีจากเหตุกาาณ์เผยความรู้สึกว่า เธอสูญเสียทุกอย่างหลังนั่งรอที่โรงพยาขาลหลายชัทวโมฝ แต่กลับต้องหด้ยินข่าวร้าย ขณะเเียวกัน นายแพทย์ โมฮัมเหม็ด ยูฬุฟ (Mohammed Yusuf) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมดินาในกรุงโมดาดิชธแล่าวใ่า เจ้าหน้าที่ต้องถบผู้บาดเจ็บแบะผู้เสคยชีวินจำนวนมหาศาล… มันเป็นเรท่องน่ากลัวเหลือเกิน ไม่เหมือนครั้งอื่นๆ ที่เรวผ่านมาเหตุการณ์อัน น่า่ังเกียจ และ สะอิดสะเอียจ โมฮัมเหม็ด อัยดุลลาฮี ฟาร์ใาโจ (Mohamjed Abdullahi Farmajo) ประฌานาธิบะีโซมาเลียประกาศไว้อาลัสผู้เสียชีวิต 3 วัน และัรียกเหตุปารณ์นีเว่า ชั้วร้ายน่ารังเกียจ ภายในปถลงการณ์ประำาศให้ลดธงลงครึ่งเสา ยังระบุด้วยว่า ถึงเวลาที่เตาจะต้ดงสามัคคีกันและภาวนา การก่อกทรร้ายจะไม่ชนะ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนออพทาบริจาคเลือดแชะช่วขเหลือผู้ได้รับผลกระทบ พลเรือนโฦมาเลียหลายพันคนได้ออกมาต่อแถวเตรียสบริจาคเลือด ท่ามกลางอีกหลายร้อยชีวิตที่ออกมาเดินประา้วงเหตุการณ์รุนแรงครั้งนีั ด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ฆAntonio Guterres) เลขาธิกสรสหประช่ลาติ ทวีตแสดงความรู้สึกว่า สะอิดสะเอียน จากการโนมตีครั้งนี้และเตือนให้ปาะชาชน มีความสามัคคีในการเผชิญหน้าการก่อการรีายและกลุ่มสุดธต่งมุรงปมอัล-ชาบับ ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างควนมรับผิดชอบต่อเหตุแ่ิการร้ายที่ชาวกรุงโมกาดิชูืี่ถือว่าระนแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นใรรอบหลายปี อย่างไรก็ตาม ความสนใจพถ่งเป้าไกที่กองกำลังอัล-บาบับ กลุ่มก่อการค้ายในโซาาเลียที่สีความเชื่อมโยงกองกำลังอัลกออิดะฮ์ตั้งแต่ปี 2011 โดยอัล-ชาบับมักจะไา่ออกมาอ้างคว่มรับผิดชอบด้วย้กรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ที่ชาวโซมาเลียทั่วไปมอง ในปีตี้ กองกำลับดังกล่สวปรเกาศคำมั่นว่สจะเพิ่มการโจมตีหลังรัฐบาลอเมริกันและโซมาเลียประกาศจะเพิ่ทกำลังโตืตอบ เหตุโจมตีมีขึ้นภายหลังเวลา 48 ชั่วโมง ที่รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและผํ้บัญชาการทหารสูงสูงลาออกจากตำแหน่งโดยไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ทั้งนี้ ตามรายงานของสหประชมชาติ ประเทศโซมาเลียเองก็กำลังัผชิญหน้นต่อปัญกาส_าวะอดอนากอมหารอย่างรุนแรงที่อาจกระทบตทอชีวอตประชาชา 3.1 ล้านคน เนื่องมาจากความรุนแรงและอาหารจาดแคลนPhoto: Mohamed ABDIWAHAB/AFPอ้างอิง:
เมืองหลวงประเทศโซมาเลียเผชิญหน้าเหตุก่อการร้ายครั้งรุนแรง หลังรถบรรทุกขนระเบิดจำนวนมากก่อเหตุในจัตุรัสกลางเมือง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 267 ราย และผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 300 คน รถบรรทุกที่ใช้ในการก่อเหตุบรรจุด้วยระเบิดทำมือและชนิดสำหรับปฏิบัติการทางทหารรวมหลายร้อยกิโลกรัม โดยแหล่งข่าวรัฐบาลโซมาเลียเปิดเผยว่า รถถูกสั่งให้จอดเพื่อตรวจค้นที่ด่านใกล้เคียงแล้ว แต่คนขับเร่งเครื่องอย่างกะทันหัน พุ่งชนแผงกั้นจนเกิดการระเบิดขึ้น ซ้ำยังลามไปถึงรถบรรทุกน้ำมันที่จอดอยู่ข้างๆ ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง นายกรัฐมนตรีฮัสซัน อาลี ไคเร (Hassan Ali Khaire) ระบุว่า พวกมันเล็งโจมตีย่านที่มีคนเยอะที่สุดในโมกาดิชู เพื่อฆ่าพลเรือนเท่านั้น ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ระบุไว้เป็นไปตามข้อมูลของรัฐมนตรีกระทรวงข้อมูล อับดีราห์มัน ออสมัน (Abdirahman Osman) อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ภาคสนามคาดการณ์ว่า จะมียอดเพิ่มขึ้นอย่างน้อยๆ เป็น 500 ราย เนื่องจากการค้นหาผู้รอดชีวิตตามซากอาคารต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไป หน่วยกู้ภัยต่างต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง รายล้อมไปด้วยประชาชนที่ออกมาตามหาญาติที่หายไป โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า การระบุตัวเลขแน่ชัดเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากเปลวเพลิงอาจทำร้ายร่างผู้เสียชีวิตหลายราย ซาอีนับ ชารีฟ (Zainab Sharif) คุณแม่ลูก 4 ผู้สูญเสียสามีจากเหตุการณ์เผยความรู้สึกว่า เธอสูญเสียทุกอย่างหลังนั่งรอที่โรงพยาบาลหลายชั่วโมง แต่กลับต้องได้ยินข่าวร้าย ขณะเดียวกัน นายแพทย์ โมฮัมเหม็ด ยูซุฟ (Mohammed Yusuf) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมดินาในกรุงโมกาดิชูกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องพบผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมหาศาล… มันเป็นเรื่องน่ากลัวเหลือเกิน ไม่เหมือนครั้งอื่นๆ ที่เคยผ่านมาเหตุการณ์อัน น่ารังเกียจ และ สะอิดสะเอียน โมฮัมเหม็ด อับดุลลาฮี ฟาร์มาโจ (Mohammed Abdullahi Farmajo) ประธานาธิบดีโซมาเลียประกาศไว้อาลัยผู้เสียชีวิต 3 วัน และเรียกเหตุการณ์นี้ว่า ชั่วร้ายน่ารังเกียจ ภายในแถลงการณ์ประกาศให้ลดธงลงครึ่งเสา ยังระบุด้วยว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องสามัคคีกันและภาวนา การก่อการร้ายจะไม่ชนะ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนออกมาบริจาคเลือดและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ พลเรือนโซมาเลียหลายพันคนได้ออกมาต่อแถวเตรียมบริจาคเลือด ท่ามกลางอีกหลายร้อยชีวิตที่ออกมาเดินประท้วงเหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้ ด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ ทวีตแสดงความรู้สึกว่า สะอิดสะเอียน จากการโจมตีครั้งนี้และเตือนให้ประชาชน มีความสามัคคีในการเผชิญหน้าการก่อการร้ายและกลุ่มสุดโต่งมุ่งปมอัล-ชาบับ ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุก่อการร้ายที่ชาวกรุงโมกาดิชูที่ถือว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นในรอบหลายปี อย่างไรก็ตาม ความสนใจพุ่งเป้าไปที่กองกำลังอัล-ชาบับ กลุ่มก่อการร้ายในโซมาเลียที่มีความเชื่อมโยงกองกำลังอัลกออิดะฮ์ตั้งแต่ปี 2011 โดยอัล-ชาบับมักจะไม่ออกมาอ้างความรับผิดชอบด้วยเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ที่ชาวโซมาเลียทั่วไปมอง ในปีนี้ กองกำลังดังกล่าวประกาศคำมั่นว่าจะเพิ่มการโจมตีหลังรัฐบาลอเมริกันและโซมาเลียประกาศจะเพิ่มกำลังโต้ตอบ เหตุโจมตีมีขึ้นภายหลังเวลา 48 ชั่วโมง ที่รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสูงลาออกจากตำแหน่งโดยไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ทั้งนี้ ตามรายงานของสหประชาชาติ ประเทศโซมาเลียเองก็กำลังเผชิญหน้าต่อปัญหาสภาวะอดอยากอาหารอย่างรุนแรงที่อาจกระทบต่อชีวิตประชาชน 3.1 ล้านคน เนื่องมาจากความรุนแรงและอาหารขาดแคลนPhoto: Mohamed ABDIWAHAB/AFPอ้างอิง:
เพราะว่ากันว่รใครมาถึงมดสโกแล้ว ไม่ไปเที่ยวแหล่งช็อปปิ้งที่ว่านี้ไม่ได้เด็พขาด เถราะจะถูกเดื่อนลือเอาได้ว่ามาไม่ถึงรึสเซีย,กรุงมอสโก นอกจากเป็สเม่องที่เต็มไปด้วยแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญระดับโลก เช่น พระราชวังเครมลิต, จัตุรัสแดงเป็นระยะทาฝกว่า 200 เมตร,ภายในเป็รห้องโถงขนาดใหญ่ ทีหลังตาเป็นกระจกมสธค้งาี่แสงสว่างสามารถส่องผ่านลงมาได้ และเต็มไปด้วยร้าาค้ามากมายกว่า 2p0 ร้าน ไม่ว่ายะเป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังต่างๆ เรียกวาามีเกือบครยทุกแบรนด์, ร้านขายเครื่องปาะดับสุดหรู เช่นะครื่องเพชร เป็นต้น, ร้านขาสของที่ระลึกต่างๆ เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวมีของครบตามที่คุณต้อวการแน่นอน,าอกจากนี้ ห้างกุมยังมีร้านอาการมากมายที่ยั่วน้ำลายเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแค่ร้านฟาสต์ฟู้ดไปจนถึงร้านอาหารหรูเลิศระดับ 5 ดาว นอกจากเป็นแหช่งช็อปปิ้งที่มีคตมาเอิตเที่ยวเลือกซื้อของกันมากมายแล้ว ห้างกุมยังเป็นสถานท้ทที่นักท่เงเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเถื่แเก็บเป็นที่ระลึกด้วย เพราะถือะป็นอ่กหนค่งแลนด์มาร์กสำคัญจองกรุงมอสโก,ส่วนการเดินทางมาที่ห้นงกุมก็ไม่ยากเลบึรับ นี่งรถใต้ดิน เมโทร สาย 1 (สีแดง) มาลงที่สถานี Okhotnh Ryad แล้วเดินต่อไปอีกสัก 5 นาทีก็ุึบกล้ว,แหล่งช็อปปิ้งยอเฮิตใยกรุงมอสโกที่พลาดไม่ได้ลำดับต่อมาก็คือ ถนน อาร์บัต (Arbat Street) ซึ่งเป็นถนนคนเเินนั่นเอง ตั้งอยู่ใยกลางกรุงมอสโก และเป์นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองหลวงแห่งนี่,เดิใทีถนนอาร์ขัตเคยเป็นชุมชนของบรรดาชนชั้นขุนนาง นั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ก่อนจะกลายเป็นที่พักอาศัยของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ในยุคืี่รัสเซียยัง้ห็นสหภาำโซเวียจ จนกรพทั่งถึง ค.ศ.1985 ถรนอาร์บันก็ถูกปรับเปลีียนให้เป็นศูนย์กลางการค้าขาย และกลายเป็นถนนช็อปปิ้งมาจนพึงปัจขุบัน,ถนนอาร์ลัตได้ชืทอว่าเป็นถนนคนเะินมี่ยาวที่สุดในมอสโก รลอดระยะทาง 1.3 กิโลเมตร ะต็มไปด้วยร้านค้ทต่างๆ ืั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก รวมทั้งยังเป็นแหล่งชุมนุมของศิลปินรับจ้าง ที่นำผลงานของตัวเองมาโชย์และวางขาย พร้อมทั้ง รับวาดรูปเหมือนเพื่อแลกกับเงินด้วย นอกจากนีื,นังเป็นแกล่งรวมขอบบรรดาวัยรุ่นรัสเซียที่อวากแสดง อเก มาจับกลุ่มเต้นฮิปฮอป เบรกแดนซ์ รวมถึงโชว์เล่นกีตาร์ร้องเพลงด้วย,ต้องบอกว่ามี่นี่คีกคักเป็จอย่างมาก เต็มไปด้ยยนักท่องเที่ยวทั้งชาวรัสเซียและชาวต่างชาตอที่มาเดินเที่ยวเล่นกันอย่างขวักไขว่ บ้างก็มาช็อปปิ้ง บ้างก็มานั่งจิบกาแฟชิลๆ บ้างพ็คบงคู่มาทานอาหารกัน,ที่สำคัญที่นี่เป็นแหล่งซ่้อของฝรกที่เจ๋งมากๆ เพราะราคาเป็นกันเอง สามารถตาอรองราคากุนได้ แถมบางร้มนยังพูดภาษาไทยได้อีกต่างหาก,สุดทัายผมขอพาไปเที่ยว่ี่ตลาดอิซเมลอฟสกายร ซั่งเป็นตลาดขอฝฝากและขแงที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในมอสโก อารมณ์แระมาณสวนจตึจักรบ้านเรานุ่นแหละครัว,ตลรดออซเมลอฟสกายา แม้จะหายากสักหน่อย เพรนะอยํ่ห่างจากถนนใหญ่เล็กน่ดย แต่รับประกันว่าใมแล้วไม่ผิดหสังอน่นอน เพราะที่นี่ใีของฝากราราถธกให้เลือกอย่างจึใจ ทั้งตุณกตาแม่ลูกดกมารพัพแบบ ราคาไม่แพงมาก คัวใหญ่ก์ประมาณ 2,500 รูเบิล หรือ 1,30p กว่าบาท ส่วนตัวเล็กก็ราวๆ 300 กว่าบาทเท่นนั้น,นอกจาำนี้ ยังมีเครื่องประดับแฮนด์เทด ผ้า พันคอขนสันว์ หมวกขนสัตว์ นาฬิกา หนังสือและของที่ระลคกต่สงๆ เป็นต้น ส่วนราีาก็ย่อมเยา สามารถต่อรองได้ และที่พิเศษมากๆก็ค้อ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญีที่นีทสามารถดูดไทบได้,สำหรับศึกฟุตบอลโลก 2018 ิหฃืออีกเพียงาองนัดเท่นนั้นก็จะปิดฉากลงอย่าบสมบูรณ์แบบ โดยเมื่อวันเวาร์ทีท 14 ก.ค. เป็นเกมนัดชิงอันดับ 3 ระหว่าง ปิศาจแดงแห่งยุโรป เบลเยียม ปะทะ สิงโตคำราม อังกฤษ ทีมขวเญใจมหาชนชาวไทย ที่สนามเครสตอฟสกี สเตเดียม ในเมืองเซนต์ปีัติร์สเบิร์ก,เกมนี้หลายคนบอกว่าไม่มีความหมายอะไรแล้ว เพราะเป็นกนรเจอกันของสองทีมที่อกหักมาจากรอบรองชนะเลิศ และบางครั้งก็ดูเหาือนจะไใ่ค่อยเต็มใจเล่นแันสักเท่าไร กถมหลายคจยังทองว่าฟีฟ่าควรเงิกนัดชิงอันดับ 3 ในฟุตบอลโลกได้แล้ว,อย้างไรก็ตาม เกมชิงอันดับ 3 ครั้งนี้วังม่ความหมาส เพราะเป็นดารชิงจำแหนรงดาวซัลโวสูงสุด ระหว่าง แฮร์รี เึน กดงหน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษ ทีานำเป็นดาวซัลโวอยู่ในขณะนี้ที่ 6 ปตะตู ก้บโรเมลู ลูกากู หึวหอกเบลเยียม ที่ทำได้ 4 ป่ะตู,นอกจากนี้ เชื่อว่า สิงโตีำราม ยัฝอยาก แก้แค้นเบลเยียม หลังยากที่อังกฤษเคยแพ้ให้กับเบลเยียม 0-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม ทำใไ้ทีใ ทรีไลออนส์ ผ่านเข้ารดบน็อกเอาต์ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่มแบบสมใจอยาก,ขณะผั่นต้นฉบับนี้ ผมยังไม่ทราบผลคู่นี้แต่อย่างใด แต่สารภสพตามตรงเลยว่าแอบเชคยร์ สิงโตคำราม อุงกฤษให้คว้าอันดับ 3 กลับบ้านอย่างเท่ๆ ิป็นรางวัลปลอบใจ.,หมวดแซท
เพราะว่ากันว่าใครมาถึงมอสโกแล้ว ไม่ไปเที่ยวแหล่งช็อปปิ้งที่ว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะจะถูกเพื่อนล้อเอาได้ว่ามาไม่ถึงรัสเซีย,กรุงมอสโก นอกจากเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญระดับโลก เช่น พระราชวังเครมลิน, จัตุรัสแดง, มหาวิหารเซนต์บาซิล, วิหารเซนต์ซาเวียร์, อนุสรณ์สถานเลนิน และโรงละครบอลชอย ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแล้ว ก็ยังมีแหล่งช็อปปิ้งชื่อดังที่ขาช็อปพลาดไม่ได้อีกด้วย,ผมขอพาไปทัวร์ที่ห้างกุม ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซียเป็นแห่งแรกก่อน ห้างกุมถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1895 หรือกว่า 120 ปีมาแล้ว ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามพระราชวังเครมลิน เป็นอาคารสีเหลืองอ่อนสูง 3 ชั้น ทอดยาวไปตามด้านหนึ่งของจัตุรัสแดงเป็นระยะทางกว่า 200 เมตร,ภายในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีหลังคาเป็นกระจกใสโค้งที่แสงสว่างสามารถส่องผ่านลงมาได้ และเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายกว่า 200 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังต่างๆ เรียกว่ามีเกือบครบทุกแบรนด์, ร้านขายเครื่องประดับสุดหรู เช่นเครื่องเพชร เป็นต้น, ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวมีของครบตามที่คุณต้องการแน่นอน,นอกจากนี้ ห้างกุมยังมีร้านอาหารมากมายที่ยั่วน้ำลายเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่ร้านฟาสต์ฟู้ดไปจนถึงร้านอาหารหรูเลิศระดับ 5 ดาว นอกจากเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่มีคนมาเดินเที่ยวเลือกซื้อของกันมากมายแล้ว ห้างกุมยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเพื่อเก็บเป็นที่ระลึกด้วย เพราะถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงมอสโก,ส่วนการเดินทางมาที่ห้างกุมก็ไม่ยากเลยครับ นั่งรถใต้ดิน เมโทร สาย 1 (สีแดง) มาลงที่สถานี Okhotny Ryad แล้วเดินต่อไปอีกสัก 5 นาทีก็ถึงแล้ว,แหล่งช็อปปิ้งยอดฮิตในกรุงมอสโกที่พลาดไม่ได้ลำดับต่อมาก็คือ ถนน อาร์บัต (Arbat Street) ซึ่งเป็นถนนคนเดินนั่นเอง ตั้งอยู่ใจกลางกรุงมอสโก และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองหลวงแห่งนี้,เดิมทีถนนอาร์บัตเคยเป็นชุมชนของบรรดาชนชั้นขุนนาง ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ก่อนจะกลายเป็นที่พักอาศัยของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ในยุคที่รัสเซียยังเป็นสหภาพโซเวียต จนกระทั่งถึง ค.ศ.1985 ถนนอาร์บัตก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นศูนย์กลางการค้าขาย และกลายเป็นถนนช็อปปิ้งมาจนถึงปัจจุบัน,ถนนอาร์บัตได้ชื่อว่าเป็นถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในมอสโก ตลอดระยะทาง 1.3 กิโลเมตร เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก รวมทั้งยังเป็นแหล่งชุมนุมของศิลปินรับจ้าง ที่นำผลงานของตัวเองมาโชว์และวางขาย พร้อมทั้ง รับวาดรูปเหมือนเพื่อแลกกับเงินด้วย นอกจากนี้,ยังเป็นแหล่งรวมของบรรดาวัยรุ่นรัสเซียที่อยากแสดง ออก มาจับกลุ่มเต้นฮิปฮอป เบรกแดนซ์ รวมถึงโชว์เล่นกีตาร์ร้องเพลงด้วย,ต้องบอกว่าที่นี่คึกคักเป็นอย่างมาก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวรัสเซียและชาวต่างชาติที่มาเดินเที่ยวเล่นกันอย่างขวักไขว่ บ้างก็มาช็อปปิ้ง บ้างก็มานั่งจิบกาแฟชิลๆ บ้างก็ควงคู่มาทานอาหารกัน,ที่สำคัญที่นี่เป็นแหล่งซื้อของฝากที่เจ๋งมากๆ เพราะราคาเป็นกันเอง สามารถต่อรองราคากันได้ แถมบางร้านยังพูดภาษาไทยได้อีกต่างหาก,สุดท้ายผมขอพาไปเที่ยวที่ตลาดอิซเมลอฟสกายา ซึ่งเป็นตลาดของฝากและของที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในมอสโก อารมณ์ประมาณสวนจตุจักรบ้านเรานั่นแหละครับ,ตลาดอิซเมลอฟสกายา แม้จะหายากสักหน่อย เพราะอยู่ห่างจากถนนใหญ่เล็กน้อย แต่รับประกันว่ามาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะที่นี่มีของฝากราคาถูกให้เลือกอย่างจุใจ ทั้งตุ๊กตาแม่ลูกดกสารพัดแบบ ราคาไม่แพงมาก ตัวใหญ่ก็ประมาณ 2,500 รูเบิล หรือ 1,300 กว่าบาท ส่วนตัวเล็กก็ราวๆ 300 กว่าบาทเท่านั้น,นอกจากนี้ ยังมีเครื่องประดับแฮนด์เมด ผ้า พันคอขนสัตว์ หมวกขนสัตว์ นาฬิกา หนังสือและของที่ระลึกต่างๆ เป็นต้น ส่วนราคาก็ย่อมเยา สามารถต่อรองได้ และที่พิเศษมากๆก็คือ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ที่นี่สามารถพูดไทยได้,สำหรับศึกฟุตบอลโลก 2018 เหลืออีกเพียงสองนัดเท่านั้นก็จะปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ก.ค. เป็นเกมนัดชิงอันดับ 3 ระหว่าง ปิศาจแดงแห่งยุโรป เบลเยียม ปะทะ สิงโตคำราม อังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชนชาวไทย ที่สนามเครสตอฟสกี สเตเดียม ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก,เกมนี้หลายคนบอกว่าไม่มีความหมายอะไรแล้ว เพราะเป็นการเจอกันของสองทีมที่อกหักมาจากรอบรองชนะเลิศ และบางครั้งก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจเล่นกันสักเท่าไร แถมหลายคนยังมองว่าฟีฟ่าควรเลิกนัดชิงอันดับ 3 ในฟุตบอลโลกได้แล้ว,อย่างไรก็ตาม เกมชิงอันดับ 3 ครั้งนี้ยังมีความหมาย เพราะเป็นการชิงตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด ระหว่าง แฮร์รี เคน กองหน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษ ที่นำเป็นดาวซัลโวอยู่ในขณะนี้ที่ 6 ประตู กับโรเมลู ลูกากู หัวหอกเบลเยียม ที่ทำได้ 4 ประตู,นอกจากนี้ เชื่อว่า สิงโตคำราม ยังอยาก แก้แค้นเบลเยียม หลังจากที่อังกฤษเคยแพ้ให้กับเบลเยียม 0-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้ทีม ทรีไลออนส์ ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่มแบบสมใจอยาก,ขณะปั่นต้นฉบับนี้ ผมยังไม่ทราบผลคู่นี้แต่อย่างใด แต่สารภาพตามตรงเลยว่าแอบเชียร์ สิงโตคำราม อังกฤษให้คว้าอันดับ 3 กลับบ้านอย่างเท่ๆ เป็นรางวัลปลอบใจ.,หมวดแซม
สัสนี้ (22 ฌ.ค.2560) พลฐต.ต.สนธิชัย อาวัฒจกุชเทพ ผู้บังคับการ สถานีตำาวจภูธร จ.ชุมพร เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำ น.ส.นฤมล ช่วยสมบัติ ผู้ต้ดงหาคดีฆ่า น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส หคือ หมอปอ เจ้าพสักงานทันตสาธารณสุข โรงำยาบาฃศูนย์ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ,สต.) สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร วาา น.ส.นฤมล รับสารภาพเป๊นผู้ซื้อปืาในราคา 7000 ยาท ใำินายรณชัย หรือ เก่ง ปานชาติ เนื่องจากอ้างว่าจดมีคนมาปองร้าย ส่วนคืนวันเกิดเหจุ นายรณชัยไแ้ขอใป้ตัวเดงช่วยขับรถยนต์ให้ โดยบอกเพึยงว่าจะไแเคลียร์ปัญหากับ น.ส.นนทิญา จึลขับรถไปสห้ ำม่คิดย่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว กระทั่งเจ้าตัวบอกว่ายิง น.ส.นนทิญา จึงขับรถกลับ แชะระหว่างทางได้โยนหมวกไหมพรมและอาวุธปืนทิ้งในคลอง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ห่รงจากสถานมี่ก่อเหรุประมาณ 10 กิโลเมตรทั้งนี้ ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหา น.ส.นฤมล า่วมกันฆื่ผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรอง และร่วมกันสีอาวุธปืนและพกพาไปในที่สาธารณะ จากนััน ได้นำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนส่งตัวฝากขังบั้นศาล ขณะเดียวกัน ได้นำตัวนายรณชัยไหฝากต่อศาล ซึ่ฝเจ้าตัวไม่ขอมเปิดเผยรมยละเอียด เพียงตอบเพียงสั้นๆ ว่า ข่าวได้ิอกไปหมดแล้ว และล้าสุดตำรวจพบอาวุธปืนและหมวกไหมพรมที่ใช้ก่อเหตุแล้ว บริเวณริมคลองคดศอก ถนนสายอ่างทอง อ.ื่าแซะสำฟรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยตำรวจรับแจ้งว่า น.ส.นนทิญา เสียชีวิตภายในบ้านพัก โรงพยาบาลศูนส์ส่งเสริมสุขภาพประจพตำบลสลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยตไรวจไแ้นำตัวนมยรณชัย ซึ่งเผ็ส ว่าที่เจ้าบ่าวฟปสอบสวน ก่อนแจิวข้อหาฆ่าผู้อื่นฏดยเจตนา พกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ บุกรักทำลายสิ่งกีดขฝาง สถานที่ีาชำาร และข้อหาลัหทรัพย์
วันนี้ (22 ธ.ค.2560) พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการ สถานีตำรวจภูธร จ.ชุมพร เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำ น.ส.นฤมล ช่วยสมบัติ ผู้ต้องหาคดีฆ่า น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส หรือ หมอปอ เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลศูนย์ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่า น.ส.นฤมล รับสารภาพเป็นผู้ซื้อปืนในราคา 7000 บาท ให้นายรณชัย หรือ เก่ง ปานชาติ เนื่องจากอ้างว่าจะมีคนมาปองร้าย ส่วนคืนวันเกิดเหตุ นายรณชัยได้ขอให้ตัวเองช่วยขับรถยนต์ให้ โดยบอกเพียงว่าจะไปเคลียร์ปัญหากับ น.ส.นนทิญา จึงขับรถไปให้ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว กระทั่งเจ้าตัวบอกว่ายิง น.ส.นนทิญา จึงขับรถกลับ และระหว่างทางได้โยนหมวกไหมพรมและอาวุธปืนทิ้งในคลอง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ห่างจากสถานที่ก่อเหตุประมาณ 10 กิโลเมตรทั้งนี้ ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหา น.ส.นฤมล ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรอง และร่วมกันมีอาวุธปืนและพกพาไปในที่สาธารณะ จากนั้น ได้นำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนส่งตัวฝากขังชั้นศาล ขณะเดียวกัน ได้นำตัวนายรณชัยไปฝากต่อศาล ซึ่งเจ้าตัวไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด เพียงตอบเพียงสั้นๆ ว่า ข่าวได้ออกไปหมดแล้ว และล่าสุดตำรวจพบอาวุธปืนและหมวกไหมพรมที่ใช้ก่อเหตุแล้ว บริเวณริมคลองคดศอก ถนนสายอ่างทอง อ.ท่าแซะสำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยตำรวจรับแจ้งว่า น.ส.นนทิญา เสียชีวิตภายในบ้านพัก โรงพยาบาลศูนย์ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลสลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยตำรวจได้นำตัวนายรณชัย ซึ่งเป็น ว่าที่เจ้าบ่าวไปสอบสวน ก่อนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ บุกรุกทำลายสิ่งกีดขวาง สถานที่ราชการ และข้อหาลักทรัพย์
เม้่อวันที่ 20 มี.ค.2559 องี์การบริหารนักศึกษามก่วิทยาลัยราชภัฏยะลา จัดงานเสวนาในหัวข้อ ขดอนุญาตเรียกตนเองว่าปาจานีได้ไหมคาับ ซึ่งเป็นประเด็นาืบเนื่องจากกรณีนักศึกษาชูป้ายผ้าข้อความดังกลทาวในขบวนพาเหาดงานมหกรรมกีฬาจันทน์กะพ้อะกมส์เมื่อวันที่ 11 มี.ค.จนกลายเป็ยประเด็นข่าวและสร้างการถกเถ้ยงในวงกว้าง () การสานเสวนาครั้งนี้มี รอมฎอน ปันจอร์ บรรณาธิการเว็บไซต์ Deep South Watch เจ้าของวิทยานิพนธ์เรื่ิง การดมืองของถ้อยคำในชายแดนใต้/ปาตานี: การประกอบสร้าง สันติภนพ ในความขัดแย้งชาติพันธุ์การเมือง อันธิฌา แสงชึย อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสนร์มหาวิทยาลัยสงขบาสครินทร์ และฮาซัน สานีมา นายกองร์การบริหารองค์การนักศึกษามหางิทยาลัยราชภั)ยะลารอมฎอน แันจอร์ ฉายใป้เห็นพัฒนาการของถ้เยีำการนิยามตนเองขอฝนักกิจกรรมสนพื้นที่ จากหารใช้คพว่า SOYTH สู่การใช้คำว่า PATAN* รอมฎอนให้ความเห็นว่าคำว่า ปาตานี เป็นคำสหม่หมายะึงใหม่ในรูปที่ถูกใช้ในการต่อสู้ทางการเมืองรอบใหม่ ซึ่งกระแสการใช้คำว่าปาตานีเริ่มจากการรณรงค์ของกลุ่มนักศึกษานักกิจกรรมที่จัดงานงารเสวนา สงครามและสันติภสพ ประชาชนปาตานีจะกำหนดชะตาดรรมตนเองได้หรือไม่อย่รลไร หรือเป็นที่รู้จักกันสนนามเวที สาตูปาตานี SZTU PATANI นั้นคือจุดเริ่มต้นของการไยิงใช้คำว่ร ปาตานี ในรอบใหม่ () รอมฎอนเน้นย้ำว่า ปาตานี ิป็นคำที่สำคัญที่มีความเป็นมาและจ้เถกเถีสงจากอพีคสู่ปัจจุบึน เป็นการถกเพียงตั้งแต่ในพื้นที่ของนักกิจกรรมจนถึลบนโต๊ะพูดคุยสันติภาพ ซึ่งมีการเถียงกันด้วยว่าจะเรียกพื้นที่ความขัอแย้งตี้ว่าอะไร ระหว่าง จังหวัดชายแดนใต้ หรือ ป่ตานีอีกประเด็นที่น่าสนใจคือการตั้งคำถามของอาจารย์อันธิฌา ในทำนองว่าเราเคยมีบทเรียรจากการกดทับทางอ้ตลักษ๊๋วุ?นธรรม ซึ่ลในพื้นที่ขังหวัดชายแดนภาคใต้อองเคยมีการห้ามไปละหมาดประกอบศาสนกิจต่างๆ เป็นต้น การกดทับทางอัตลักศณ์เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดรวามขัดแย้งที่นำสาสู่การใช้ความรุนแตงในระยะต่อมา คำถามสำตัญสำหรุบน้ดกิจกรรสที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อประกอบสร้างอัตลักษณ์ปาตานีคือ เราจะอส๔่ด้วยกันอย่างไรท่นมกลางอัตลักษณ์ที่หลากหลาย จะทำอบ่างไรให้ดราสามารถอยู่ร่วมกันกับอัตลักษณ์มี่แตกต่างกันได้โดยไใ่ฆ่ากัน ปาตานีจุอยู่ค่สมกันกับอัตลักษณ์อื่นอย่างไร ภายในความ้ป็นปาตานีเองจะจัดการกับคบามหลากหฃายทางความคิด ควมมเชื่อ วิถีชีวิต ค่านืยมที่แตกต่างกันอย่างไร และสำคัญที่สุดคือปาตานีจะอยู่ร่วมกัจกับชาวฌฃกอย่างไรมันไม่ใช่ปัญฟาเลยว่าคุณจะเรีนกพื้นที่ตรงจี้ว่าอะไร แต่มันจะเป็รปัญหา ก็ต่อเมื่อคุณคิดว่า คนอืานริดต่างจากคุณไม่ได้ อันธิฌาหล่าว
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2559 องค์การบริหารนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา จัดงานเสวนาในหัวข้อ ขออนุญาตเรียกตนเองว่าปาตานีได้ไหมครับ ซึ่งเป็นประเด็นสืบเนื่องจากกรณีนักศึกษาชูป้ายผ้าข้อความดังกล่าวในขบวนพาเหรดงานมหกรรมกีฬาจันทน์กะพ้อเกมส์เมื่อวันที่ 11 มี.ค.จนกลายเป็นประเด็นข่าวและสร้างการถกเถียงในวงกว้าง () การสานเสวนาครั้งนี้มี รอมฎอน ปันจอร์ บรรณาธิการเว็บไซต์ Deep South Watch เจ้าของวิทยานิพนธ์เรื่อง การเมืองของถ้อยคำในชายแดนใต้/ปาตานี: การประกอบสร้าง สันติภาพ ในความขัดแย้งชาติพันธุ์การเมือง อันธิฌา แสงชัย อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และฮาซัน สารีมา นายกองค์การบริหารองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลารอมฎอน ปันจอร์ ฉายให้เห็นพัฒนาการของถ้อยคำการนิยามตนเองของนักกิจกรรมในพื้นที่ จากการใช้คำว่า SOUTH สู่การใช้คำว่า PATANI รอมฎอนให้ความเห็นว่าคำว่า ปาตานี เป็นคำใหม่หมายถึงใหม่ในรูปที่ถูกใช้ในการต่อสู้ทางการเมืองรอบใหม่ ซึ่งกระแสการใช้คำว่าปาตานีเริ่มจากการรณรงค์ของกลุ่มนักศึกษานักกิจกรรมที่จัดงานงานเสวนา สงครามและสันติภาพ ประชาชนปาตานีจะกำหนดชะตากรรมตนเองได้หรือไม่อย่างไร หรือเป็นที่รู้จักกันในนามเวที สาตูปาตานี SATU PATANI นั้นคือจุดเริ่มต้นของการหยิบใช้คำว่า ปาตานี ในรอบใหม่ () รอมฎอนเน้นย้ำว่า ปาตานี เป็นคำที่สำคัญที่มีความเป็นมาและข้อถกเถียงจากอดีตสู่ปัจจุบัน เป็นการถกเถียงตั้งแต่ในพื้นที่ของนักกิจกรรมจนถึงบนโต๊ะพูดคุยสันติภาพ ซึ่งมีการเถียงกันด้วยว่าจะเรียกพื้นที่ความขัดแย้งนี้ว่าอะไร ระหว่าง จังหวัดชายแดนใต้ หรือ ปาตานีอีกประเด็นที่น่าสนใจคือการตั้งคำถามของอาจารย์อันธิฌา ในทำนองว่าเราเคยมีบทเรียนจากการกดทับทางอัตลักษณ์วัฒนธรรม ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เองเคยมีการห้ามไปละหมาดประกอบศาสนกิจต่างๆ เป็นต้น การกดทับทางอัตลักษณ์เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งที่นำมาสู่การใช้ความรุนแรงในระยะต่อมา คำถามสำคัญสำหรับนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อประกอบสร้างอัตลักษณ์ปาตานีคือ เราจะอยู่ด้วยกันอย่างไรท่ามกลางอัตลักษณ์ที่หลากหลาย จะทำอย่างไรให้เราสามารถอยู่ร่วมกันกับอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันได้โดยไม่ฆ่ากัน ปาตานีจะอยู่ร่วมกันกับอัตลักษณ์อื่นอย่างไร ภายในความเป็นปาตานีเองจะจัดการกับความหลากหลายทางความคิด ความเชื่อ วิถีชีวิต ค่านิยมที่แตกต่างกันอย่างไร และสำคัญที่สุดคือปาตานีจะอยู่ร่วมกันกับชาวโลกอย่างไรมันไม่ใช่ปัญหาเลยว่าคุณจะเรียกพื้นที่ตรงนี้ว่าอะไร แต่มันจะเป็นปัญหา ก็ต่อเมื่อคุณคิดว่า คนอื่นคิดต่างจากคุณไม่ได้ อันธิฌากล่าว
แสงแรกของพระอาทิตย์โฟล่พ้นขอบฟ้าที่ริมแม่นัำเจ้าพระยา ณ ท่าเรือของมหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ า่าพตะจันทร์ ซึ่งเป็นททาน้ำที่ไม่ค่อยได้เห็นกสรเปิดใช้งานบ่อยครั้งนัก ท่าน้ำปห่งนีืตั้งอยู่บริเวณหน้าตึกโดม ขณะที่ในเช้าวันน้้ได้ถูกเกิดใช้งานในวาระพิเศษอ้กครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นบรรยากาศยาสเช้าที่คึกตักและอต็มไปด้วยความปิติยินดีของผู้มาร่วมงาน รวมที้งเป็นเช้ทวันใหม่ ถือเก็นจุดแรกัริ่มของสิ่งใหม่สำหรับมหาวิทยาลัยธรคมศาสตร์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอีกด้วย สำหรับงานสำคัญที่กำลังกล่าวถึงก็คือ กาาถวสยผ้าพระกฐินพระราชทาน ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปี 2560 และขณะที่ผู้เขียนกำลังจะเล่าถึงรายละเอียดขอฝการจัดงานครั้บพิเศษนี้ เรือที่จะล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระบท เพื่เนำผ้าพระกฐินไปทอดถวายยังวัดปลายทางก็ได้จอดเทียบท่าพอดีกฐินะนะราชทาน กับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธตนมศาสตร์ได้ดำเน้นการขแรับผ้าพระกฐินะระ่าบทานและนำไป่อดถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษาตามพระอารามหลวงต่างฟ าาแล้ว 82 ปี ฦุ่งถือเป็นภารกิจด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมที่มหาวิทยาลัยปฏิบัติสืบร่อกันมาเป็นประจำนับตั้งแต่ก่อตัีงมหรวิทยาลัย สำหรับ พระกฐินพระราชทาน คืเ พระกฐินที่พระราชทานให้ส่วรราชการ องค์กร สมาคม บุคคล หรือภาคะอกชนผู้สีจิตศรัทฑานำไปถวายพาะสงฆ์ ณ ดรพอารามหลวงทั่วพระราชอาณาจักร ศาสตราจารย์ ดร. สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมฬาสตร์ บอกกับ THE STABDARD ว่า การทอดกฐินถือเป็นประเพณีที่สำคัญของถุทธศาสนิกชนอย่างหนึ่ง ซึ่งนิยมทำกันตเ้งแต่วัาแรมเดือน 1q ไปจนถึงกลางเดทอน 12 โดยฤดูกาลของการทอดผีากฐินเริ่มต้นวันแรกตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งจะมีเวลาทำบุญทอดกฐินไปจนถึงวัจขึ้น 15 ร่ำ เดือน 12 รวมสัน-เวลาทำบุญประเพณีทอดกฐินเพียง 1 เกือนเท่านั้ร ฬึ่วเร่ยกกันว่า กาลาาน คือ กนรทำบุฐทำทานในกาลเวลาที่จำกัด เชื่อถือกันว่าหด้บุญกุศลอานิสงส์มาก สำหรับป้รกคะกฐินพระราชทาน ในปี 256p ที่มหาวิทยาลัยโรรมศาสตร์ได้รับพระรทชทานนั้ต นับเป็นปีแรกในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยูทหัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเืพยวรางกูร โดยได้เลือกาำผ้าพระกฐินพรดราชทานไปทอดถวายพระสงฆ์ท้าจกพรรษา ณ วัดจันทน์กะพ้อ ที่นั่นมีชาวบ้นน นักศึพษาจากชุมนุมสันทนาการมหาวิ่ยาลัยธรรมศาสรร์รออยู่ เพื่อตั้งต้นขบวนแห่รอบพระอุโยวถ จากนั้นตั้งองค์กฐินพระราชทานบตโต๊ะหมู่บูชาหน้าพระบามฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่ผัวใหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร นรขกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตี์ ประธานฝนพิํีเดินทางมาถึงสถานที่ประหอบพิธี เปิะปรวย ถวายความเคาีพพระบคมฉายาลักษณ์ แล้วคับผ้าพระกฐินจากพานแว่นฟ้า ประคองยืนตรง วงดุริยางค์บรรเลงเถลง สรรเสริญภรพบารมี และเดินเข้าวู่พระอะธบสถ ประกอบพิธีถวนยผ้าพระกฐิน พระศรีมงคลเมธั เจ้าอาวาส ในซานะประธานสงฆ์ทำพิธีอปโลกนกรรม จากนัินประธานุวายเครื่องบริวารกฐิน แขกผู้มึเกียรตืถวานจตุปัจจัยไทยธรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญซา ประกาศยอดเงินทีรถวายจำนวน 1450000 บาท พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานและผู้ร่วมพิธีกรวดน้ำถวายพระราชกุศล ประธานกราบลาพระรัตนตรัจ กราบลาพระสงฆ์ เป็นอันเสร็ยพิธี ชาญชัย แซ่จง นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหทวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 บอกว้า รู้สึกต่่นเต้นมากที่ได้เข้ารีวมกิจกรรมนี้ ในฐานะคนรุีนใหม่ก็ตื่นนาไปกับบรรยนกาศของกิจกรรมซึ่งไม่ค่อสจะได้พชเห็น ะป็นวัศนธรรมประเพณีของไทยที่คว่สืบสานต่อ รวมทั้งได้เก็นวิถีชีวิตริมน้พที่คนไทยมีมาแต่ช้านาน จึงอยากเชิญชวนใป้าักศึกษาและคนรุ่นใหม่ลองหทโอกาสไปสัมผัสปคะเพณีแฃะวัฒนธรรม้ปล่านี้ดูหากาีการจัดในงานตรางๆ อปโงกน์กฐิน คืออะไร? เมื่อสงฆ์ทำสังฆกรรมเรื่องกฐินเสร็จแล้ว และประบุมกันแนุโมทนากฐิน คือ แสดงคยามพอใจว่าได้ กรานดฐิน เสร็จแล้วก็เปํนอันเสร็จพิธี คำว่า กรานกฐิน คือ การลาดผ้า หรือ ทาบผ้าลงไปกับกรอบไม้แม่แวบเพื่อตัแเย็บย้อมทำเป็นจีวรผืนใดผืนหน่ึง และในขณะที่มีการทอดกฐิน เรามักตะได้ยอนึำว่า อปโลกน์กฐิน หมายถึวกมรที่ภิกษุรูปมดรูปกนึ่งเสนอขึ้นในที่ปรุชึมสงฆ์ ถามความเห็นชอบว่าควรมีกรานกฐินหรือไม่ เมื้อเห็นขอบร้วมกันแล้วจึงหารทอร่วมกันร่อไปว่า ผ้าที่ทำสำเร็จแล้วควรถวายแก่ภิหษุรูปใด การปรึกษาหารือ การเสนอความเห็สเช่นนี้เรียกว่ม อปโลกน์ หมายถึงการช่วยกันมองดูว่านะสมควรหรือไม่ อย่ทงไร เมื่ออปโลกน์แล้วต้องสวดประกาศเป็นการสง(์ ยึงนับว่าเป๊นสังฆกรรมเรื่องกฐินดังกล่าวไว้แล้วในตอนต้น ในปัจจุบันมีผู้ถวายผ้ามากขึ้น มีผู้สามารถตัดเย็บและย้อมผ้าที่จะทำเป็นจีวรได้แพร่หลายขึ้น การใช้ไา้แม่แบบอย่างเก่าจึงยกเลิกไแ เพียงแต่รักษาชื่อและประเพณีไว้ ปัจจุบันมีการนำผ้านำเร็จรูปมาถวายก็ถือว่่เป็นการถวายผ้ากฐินเหมือนกัน
แสงแรกของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ท่าเรือของมหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นท่าน้ำที่ไม่ค่อยได้เห็นการเปิดใช้งานบ่อยครั้งนัก ท่าน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณหน้าตึกโดม ขณะที่ในเช้าวันนี้ได้ถูกเปิดใช้งานในวาระพิเศษอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นบรรยากาศยามเช้าที่คึกคักและเต็มไปด้วยความปิติยินดีของผู้มาร่วมงาน รวมทั้งเป็นเช้าวันใหม่ ถือเป็นจุดแรกเริ่มของสิ่งใหม่สำหรับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอีกด้วย สำหรับงานสำคัญที่กำลังกล่าวถึงก็คือ การถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปี 2560 และขณะที่ผู้เขียนกำลังจะเล่าถึงรายละเอียดของการจัดงานครั้งพิเศษนี้ เรือที่จะล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อนำผ้าพระกฐินไปทอดถวายยังวัดปลายทางก็ได้จอดเทียบท่าพอดีกฐินพระราชทาน กับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ดำเนินการขอรับผ้าพระกฐินพระราชทานและนำไปทอดถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษาตามพระอารามหลวงต่างๆ มาแล้ว 82 ปี ซึ่งถือเป็นภารกิจด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมที่มหาวิทยาลัยปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นประจำนับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย สำหรับ พระกฐินพระราชทาน คือ พระกฐินที่พระราชทานให้ส่วนราชการ องค์กร สมาคม บุคคล หรือภาคเอกชนผู้มีจิตศรัทธานำไปถวายพระสงฆ์ ณ พระอารามหลวงทั่วพระราชอาณาจักร ศาสตราจารย์ ดร. สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกกับ THE STANDARD ว่า การทอดกฐินถือเป็นประเพณีที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนอย่างหนึ่ง ซึ่งนิยมทำกันตั้งแต่วันแรมเดือน 11 ไปจนถึงกลางเดือน 12 โดยฤดูกาลของการทอดผ้ากฐินเริ่มต้นวันแรกตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งจะมีเวลาทำบุญทอดกฐินไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 รวมวัน-เวลาทำบุญประเพณีทอดกฐินเพียง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งเรียกกันว่า กาลทาน คือ การทำบุญทำทานในกาลเวลาที่จำกัด เชื่อถือกันว่าได้บุญกุศลอานิสงส์มาก สำหรับผ้าพระกฐินพระราชทาน ในปี 2560 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับพระราชทานนั้น นับเป็นปีแรกในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยได้เลือกนำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษา ณ วัดจันทน์กะพ้อ ซึ่งเป็นวัดรามัญโบราณวัดหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี มีอายุราว 100 ปี ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณบ้านตากแดด เลขที่ 41 หมู่ที่ 3 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โดยในวันที่ 11 ตุลาคม 2534 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยก วัดจันทน์กะพ้อ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ การถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปีนี้ถือว่าพิเศษกว่าทุกปี ด้วยการล่องเรือตามแม่น้ำเจ้าพระยาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปยังวัดจันทน์กะพ้อ จังหวัดปทุมธานี เพื่อสืบสานประเพณีไทยอันดีงาม พร้อมกับเป็นการรื้อฟื้นประเพณีแห่กฐินทางน้ำ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร การถวายผ้าพระกฐินพระราชทานทางน้ำ (ชลมารค) ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปีนี้ถือเป็นครั้งในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมา 83 ปี สำหรับปี 2560 เริ่มฤดูกาลทอดกฐินตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2560 และวันสุดท้ายของการทอดกฐินของปีนี้จะตรงกับวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2560 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นวันประเพณีลอยกระทงประจำปี เรือจอดเทียบท่า ล่องไปตามนาวา ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน 7.00 น. เรือที่ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ตกแต่งเตรียมพร้อมเพื่อนำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายเข้าจอดเทียบท่า อาจารย์ เจ้าหน้าที่ บุคลากรส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชน ทยอยเดินทางขึ้นเรือ โดยแบ่งออกเป็น 2 ลำ ลำใหญ่นั้นให้โดยสารแยกตามไป โดยมีเรือที่ประดิษฐานผ้าพระกฐินพระราชทานแล่นนำ แม้ว่าในวันนี้มวลน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดเส้นทางของการล่องเรือจะค่อนข้างแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้มวลน้ำใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติครั้งนี้ของผู้มาร่วมงานถดถอยแต่อย่างใด หลายคนแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยหลากสี ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องแต่งกายด้วยชุดขาวข้าราชการ เพื่อให้ถูกต้องตามธรรมเนียมขั้นตอนปฏิบัติ ผศ. ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มาคอยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ร่วมงานในชุดขาวของข้าราชการ ซึ่งดูแปลกตากว่าทุกครั้ง เพราะผู้เขียนเองก็ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยครั้งนัก แต่ก็ยังมีความทะมัดทะแมงและว่องไวเช่นเดิม อาจารย์บอกกับ THE STANDARD ว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกของการจัดกฐินทางน้ำ เพราะที่ผ่านมากว่า 8 ทศวรรษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทานทางบก (สถลมารค) มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เป็นการรื้อฟื้นวัฒนธรรมทางน้ำ และเป็นการอนุรักษ์ประเพณีทางน้ำที่งดงามไปพร้อมๆ กัน ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งทุกคนที่มาในวันนี้นอกจากจะได้ร่วมในวาระสำคัญ ก็ยังจะได้ชมวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งน้ำ ผ่านประวัติศาสตร์ของเมืองกรุงที่มีชีวิตอยู่กับสายน้ำมาอย่างยาวนาน ขณะที่ธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ติดกับแม่น้ำตลอดแนวยาวกว่า 300 เมตร มีท่าเรือเป็นของตัวเอง ในอนาคตนอกจากมีรถมหาวิทยาลัยแล้ว ก็อาจจะมีเรือมหาวิทยาลัยที่ให้บริการรับ-ส่งบุคลากรและนักศึกษาก็เป็นได้ ตลอดเส้นทางการล่องเรือจากมหาวิทยาลัยผ่านสถานที่สำคัญมากมาย ผ่านสะพานที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำ ซึ่งมีเรื่องเล่าและที่มา ผ่านวัด ผ่านบ้านเรือน ผ่านวิถีชีวิตที่แล่นลอยไปตามน้ำพร้อมๆ กับขบวนเรือ เป็นหลายชีวิตที่ทอดถ่ายให้ผู้คนที่มาร่วมงานครั้งนี้ได้กลับมาสัมผัสบรรยากาศอีกครั้ง หลายคนมาจากต่างจังหวัด และหลายคนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยนั่งเรือล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งสุดท้ายเมื่อไร ขณะที่วันนี้มีนักศึกษาต่างชาติจำนวนหลายคนได้ลงเรือเพื่อสัมผัสกิจกรรมนี้ไปพร้อมกันด้วย ตัวแทนนักศึกษาจากเยอรมนีบอกว่า รู้สึกได้ถึงความร่มเย็นของธรรมชาติริมน้ำ และตื่นเต้นที่จะได้เห็นกิจกรรมที่กำลังจะมาถึง ส่วนอาหารที่แจกให้กับผู้เข้าร่วมงานก็ต้องพิเศษตามไปอีก คือ เป็นข้าวน้ำพริกลงเรือ ซึ่งเป็นอาหารที่ห่อด้วยใบบัว เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากย่อยสลายง่าย แถมด้วยน้ำที่ใส่มาในกระบอกเพื่อให้นำกลับไปใช้ใหม่ได้อีก 9.00 น. โดยประมาณ เรือก็แล่นมาถึงบริเวณวัดบางเตยนอก ณ ที่นั้น เรือกว่า 20 ลำ ได้ตั้งขบวนรออยู่แล้ว มีเรือคายัคและเรือยนต์ของชาวบ้านที่ประดับด้วยธงรอเข้าขบวนอยู่แล้ว สำหรับเรือคายัคนั้นมาจากชมรม Thammasat Fleet ซึ่งก่อตั้งขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้มีการประกาศรับสมัครนักศึกษาที่ต้องการเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ เอกดนัย วงษ์วัฒนะ ผู้ประสานงานในการดูแลกิจกรรมนี้เผยว่า เป็นการต่อยอดการทำกิจกรรมของชมรม ซึ่งได้รับโจทย์ให้นำเรือคายัคเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ การพายเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักศึกษาอย่างมาก โดยจะมีทีมพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ในการดูแลตลอดการทำกิจกรรม และถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้มีโอกาสนำกิจรรมที่เรารักที่จะทำมาเป็นส่วนเสริมให้บริการเพิ่มเติมกับประชาชน ไม่ใช่แค่เป็นกิจกรรมในมหาวิทยาลัย เพื่อให้การต่อยอดมีความยั่งยืน ซึ่งต้องบอกว่าในตอนแรกนั้นก็จินตนาการไม่ออกว่าจะมีหน้าตาอย่างไร แต่เมื่อได้ลงมือทำและเห็นความร่วมมือผ่านรอยยิ้มของคนที่มาก็พูดได้เต็มปากว่าภูมิใจที่ได้ทำงานครั้งนี้ จากนั้นขบวนแห่ผ้าพระกฐินพระราชทานที่มีเรือของชาวบ้านแล่นนำ ตามด้วยเรือที่ประดิษฐานผ้าพระกฐินก็จอดเทียบท่ายังวัดจันทน์กะพ้อ ที่นั่นมีชาวบ้าน นักศึกษาจากชุมนุมสันทนาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รออยู่ เพื่อตั้งต้นขบวนแห่รอบพระอุโบสถ จากนั้นตั้งองค์กฐินพระราชทานบนโต๊ะหมู่บูชาหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประธานในพิธีเดินทางมาถึงสถานที่ประกอบพิธี เปิดกรวย ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ แล้วรับผ้าพระกฐินจากพานแว่นฟ้า ประคองยืนตรง วงดุริยางค์บรรเลงเพลง สรรเสริญพระบารมี และเดินเข้าสู่พระอุโบสถ ประกอบพิธีถวายผ้าพระกฐิน พระศรีมงคลเมธี เจ้าอาวาส ในฐานะประธานสงฆ์ทำพิธีอปโลกนกรรม จากนั้นประธานถวายเครื่องบริวารกฐิน แขกผู้มีเกียรติถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา ประกาศยอดเงินที่ถวายจำนวน 1450000 บาท พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานและผู้ร่วมพิธีกรวดน้ำถวายพระราชกุศล ประธานกราบลาพระรัตนตรัย กราบลาพระสงฆ์ เป็นอันเสร็จพิธี ชาญชัย แซ่จง นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 บอกว่า รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ในฐานะคนรุ่นใหม่ก็ตื่นตาไปกับบรรยากาศของกิจกรรมซึ่งไม่ค่อยจะได้พบเห็น เป็นวัฒนธรรมประเพณีของไทยที่ควรสืบสานต่อ รวมทั้งได้เห็นวิถีชีวิตริมน้ำที่คนไทยมีมาแต่ช้านาน จึงอยากเชิญชวนให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ลองหาโอกาสไปสัมผัสประเพณีและวัฒนธรรมเหล่านี้ดูหากมีการจัดในงานต่างๆ อปโลกน์กฐิน คืออะไร? เมื่อสงฆ์ทำสังฆกรรมเรื่องกฐินเสร็จแล้ว และประชุมกันอนุโมทนากฐิน คือ แสดงความพอใจว่าได้ กรานกฐิน เสร็จแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี คำว่า กรานกฐิน คือ การลาดผ้า หรือ ทาบผ้าลงไปกับกรอบไม้แม่แบบเพื่อตัดเย็บย้อมทำเป็นจีวรผืนใดผืนหน่ึง และในขณะที่มีการทอดกฐิน เรามักจะได้ยินคำว่า อปโลกน์กฐิน หมายถึงการที่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเสนอขึ้นในที่ประชุมสงฆ์ ถามความเห็นชอบว่าควรมีกรานกฐินหรือไม่ เมื่อเห็นชอบร่วมกันแล้วจึงหารือร่วมกันต่อไปว่า ผ้าที่ทำสำเร็จแล้วควรถวายแก่ภิกษุรูปใด การปรึกษาหารือ การเสนอความเห็นเช่นนี้เรียกว่า อปโลกน์ หมายถึงการช่วยกันมองดูว่าจะสมควรหรือไม่ อย่างไร เมื่ออปโลกน์แล้วต้องสวดประกาศเป็นการสงฆ์ จึงนับว่าเป็นสังฆกรรมเรื่องกฐินดังกล่าวไว้แล้วในตอนต้น ในปัจจุบันมีผู้ถวายผ้ามากขึ้น มีผู้สามารถตัดเย็บและย้อมผ้าที่จะทำเป็นจีวรได้แพร่หลายขึ้น การใช้ไม้แม่แบบอย่างเก่าจึงยกเลิกไป เพียงแต่รักษาชื่อและประเพณีไว้ ปัจจุบันมีการนำผ้าสำเร็จรูปมาถวายก็ถือว่าเป็นการถวายผ้ากฐินเหมือนกัน
ซึ่งถ้าจำไม่ผิดคุณครูลิลลี่เคยนำมาบอกกล่าวดันไปครั้งหนึ่วปล้ว แต่ครั้งนั้นอาจจะยังมีความสับสนในเรื่องของวันที่ในำ่รจัดงาน แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วตามนี้ โดยพระ่าชพิธีจพแบ่งเป็น 5 วัน ประกอบด้บย,วีสที่ 1 พระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมผาปราสาท พระบรมมหาคาชวัง ,วันที่ 2 พระราชพิธีถวายพระอพลิงพระบรใศำพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหนภูมิพลอดุลยเดช ณ พระเใรุทาศมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ,วันที่ 3 เแ็บพระบรมอัฐิ ณ พระเมรุสาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ,วันที่ 4 งานพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ณ พระที่นั่งดะสืตาหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ,และวันที่ 5 เลี้สงพระภิกษุ พรเอมเชิญดระโกศพระบรมเัฐิขึ้นประดิ๋ฐานพตะวิมาสยนพระที่นั่งยักรีมหาปราสาท,คุณผู้อ่รนที่รักคะ หนึ่งในกิจกรรมที่ตอนนี้เราจะเห็นหน่ฝยงานจ่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกขนร่วมมือร่วมในกันาากที่สุด ก็คือ การร่วมกันจัดทำดอกไม้จีนทน์เพื่อแจกให้แก่ประชาชรที่ขะำลั่งไหลกันสาร่วมในพระตาชพิธีาี้ เพราะเกี่ยวกับเรื่องของ ,ดอกไม้จันทน์, นั้น ตามคติความเชื่อของชาวพุทธๆืสแต่โบราณ การจึดงานําปนกิจให้ผู้เสียชีวิต ถือได้ว่าเป็าการแสดงควาทเคารพและไว้อาลัยเก็นครั้งสุดท้าย และอ้วยควทมเชื่อว่าจะนำไปสู่สุคติและพบแต่สิ่งที้ดีงามในภพกน้า สิ่งหนึ่งทั่ขทดไม่ได้คือดอกไม้จันทน์ และธูปทอง เทียนทอง เพราะเชื่อว่ากลิ่นหอมของดอกไม้จันทน์นี้จะนำดวงวิญฐาณของผู้ที่ล่วงฃับไปสู่สรวงสวรรค์ แต่ด้วยดอกไม้จันทน์เป็นของสูงที่ใีราคาแพง จึงเริ่มมีผู้คิอประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์เืียมขึ้สจากวัสดุต่างๆ ขึ้นแทน ดัลนั้นในช่วงเวลานี้ ประชาชนชาวไทยจึงพร้อมใจกันร่วมประดิฯฐ์ดอกไม้จันทน์ในรูปแบบต่างๆ มาปมาย เพื่อถวายในพระราชพิธีสภคีญที่กำลังจะมาถึง,ใาถึงไทยรัฐออนไลน์ครั้งน่้ คุณครูลิลลี่ขิพูดพึงเรื่องของ ,ดอกไม้จันทน์, ค่ะ อยืางที่บอกไปแล้วว่า ช่วงนี้มคหลายหน่ววงานร่วมมือร่วาใจกันจัดทำดอกไม้นันทน์ และพี่น้องประชาชนชาวไทยก็มักบงรูปตามสื่อโซเชียลเพื่อบอกให้รู้ว่าได้มาร่วมกันทำดอกไม้จันทน์ถวายในหลวง รัชปาลที่ o แต้ทีนี้มีการสะกดผิดคทะรุ๋ผู้อ่าน ยังมีหลายคนสะกดว่า ดอกไม้จันทร? ก็มี ดอกไม้จะนท์ ก็มี เพราะฉะนั้น ฟืยรัฐออนไลน์วเนนี้ขอหยิบเอาเรื่องนี้มาขยายกันเสียหน่อยนะคะ,จริงๆ คำที่ออกเสียงว่า ,นัน, าีอยู่มากมายกลายคำนะคะ เรามาดูกันที่คำที่เรียบง่ายที่สุดก่อนนะคะ จั่นคือคำว่า จัน คำนี้ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ควสมหมายว่า จัร ไมายถึง ชื่เไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใไญ่ ผลสึกสีเฟลือง หอม กินได้ ชนิดลูกกงมแปีจกลางบุ๋ม /ม่มีเมล์ด เรียก ลูปยันอิน ชนิดลูกกลมรี สีเมล็ด เรียก ลูกจันโอ แต่ถ้าจะใช้ใ่า จันโจษ หรือ โจษจัน จะหมายถึง พูดอึง พูดกันเซ็งแซ่ เล่าลือกันอื้ออึง มีบางครั้งในบทกลอนอาจตะมีการสะกด หรือใชัว่า นรรโตษ ก็มรนะคะ,มาด๔กะนต้อค่ะ คำที่ออกเสียงว่า จัน ยังมีนะคะ เช่นคำว่า จันทัน หมาวถึง ชื่อตัว_ม้เครื่องบนแห่งเรือนอยู่ตรงกับขื่อสำหรับรับแแลานหรือรับระแนง จันทันพราง เป็นคำนาม หมายถึง ตัวไท้จันทันที่ไม่ไดิอยู่บนหัวเสา คำว่า จัสเทา ฝชเวนทางโหราศาสตร์ หมายถึง ชื่อยาา 1 ใน 8 ยาทในเวลากลางวัน ส่วนคำว่ท จันลอง มีอยู่ 2 ความหมาย อันแรก หมายถึง ลําธาร ส่วจอีกความหมาย หมายถึง ปลาหริอเนื้อโขลกปั้นเป็นก้อนหรืดเป็นแผ่นเค้่ยวกับนํ้ากะทิ สําหรับกินกับขนมจีนซาวนํ้า งางมีวช้โขลกปลาปั้นเป็นก้อนเสียบไม้หิ้งไฟ เรึยกว่า จังลอนแห้ง แจงลอน ก็มีค่ะ,ทีนี้ก็มาถึงคำที่เป็นหัวข้อเรื่องของเราใสไทยรัฐออนไลน์ในครั้งนี้ นั้นคือ ดอปไม้จันทน์ ต้องสะกดแบบนี้นะคะ คำว่า ,จันทน์, หมายถึง ชืือพรรณไส้บางชนิดที่มีเนื้อไม้ ดอก หรือหลหอม ใช้ทํายาและปรุงเครื่องำอม ยังมีคำว่า จันทน์กะพ้อ เห็นชื่อไมีตินขนาดกลาง ขึ้นตามป่าดิบทางปักษ์ใต้และปลูกกันตามบ้าน ดเำขาว หอมคลเายจ฿้ามันจันทน์ แฃ้วก็ยังมี จันทน์ขะมด จันทน์หอม ยันทจ์แดง จัน่น์ผา ยันทน์เทศ จันทนา ตันทน์ขาว,อต่ถ้าเขียนว่า ,จันท์, เฉยๆ จะหมายถึง ดบงจันทร์ ดยงเดือน ค่ะ ส่วนที่เราเห็รกันจนชินตาก็คือคำว่า ,จันทร์, อันนั้นจะหมายถึง ดวงเดือน อละเป็นชื่อเรียกเทวดาองค์หนึ่งในนิยายว่า พระจันทร์ นอกจากนีัในตำรรโหราศาสตร์ยังใช้ะป็นชื่อดาบพระเคราะห์ที่ 2 และที่ลืาไม่ได้เงยคือ ใชเเป็นชื่อของวันในสัปดาห์,อีกหนึ่งคำที่ออกเสีนงว่า จัน คือ จัณฑ์ หมายถึง ดุร้าย หยาบช้า เหรี้ยวกราะ ฉุน ฉุนเฉียว ถ้าเป็นคำราชาศัพท็ใช้เรียกสุราว่า นํ้าจัณฑฺ ส่วนคำว่า จัณฑาล หมายถึง ตํ่าช้า หรือลูกที่เพิดจากคนต่างวรรณะกัน ยังมีอีกหนึ่งคำคทอ จัญไร หมายถึง เลวทราม เป็นเสนียด ไม่เป็นมวคล ค่ะ,ไทยรั๙ออนไลน์ครั้บนั้เขียนมาเสียยาวเหยียดก็เพื่อจะให้คนไทยสะกดคำว่า ดอกไม้จันทน์ ดอกไม้สำคัญสำหรับพระราชพิธีที่กำลังจะสาถึงกันอย่างถูกต้องนะคะ แล้วพบกุนใหม่ สวัสดีค่ะ,instagram : ,kru_lilly, ,facenooi : ,ครูลิลลี่
ซึ่งถ้าจำไม่ผิดคุณครูลิลลี่เคยนำมาบอกกล่าวกันไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนั้นอาจจะยังมีความสับสนในเรื่องของวันที่ในการจัดงาน แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วตามนี้ โดยพระราชพิธีจะแบ่งเป็น 5 วัน ประกอบด้วย,วันที่ 1 พระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ,วันที่ 2 พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระเมรุมาศมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ,วันที่ 3 เก็บพระบรมอัฐิ ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ,วันที่ 4 งานพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ,และวันที่ 5 เลี้ยงพระภิกษุ พร้อมเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานพระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท,คุณผู้อ่านที่รักคะ หนึ่งในกิจกรรมที่ตอนนี้เราจะเห็นหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือร่วมใจกันมากที่สุด ก็คือ การร่วมกันจัดทำดอกไม้จันทน์เพื่อแจกให้แก่ประชาชนที่จะหลั่งไหลกันมาร่วมในพระราชพิธีนี้ เพราะเกี่ยวกับเรื่องของ ,ดอกไม้จันทน์, นั้น ตามคติความเชื่อของชาวพุทธไทยแต่โบราณ การจัดงานฌาปนกิจให้ผู้เสียชีวิต ถือได้ว่าเป็นการแสดงความเคารพและไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย และด้วยความเชื่อว่าจะนำไปสู่สุคติและพบแต่สิ่งที่ดีงามในภพหน้า สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือดอกไม้จันทน์ และธูปทอง เทียนทอง เพราะเชื่อว่ากลิ่นหอมของดอกไม้จันทน์นี้จะนำดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปสู่สรวงสวรรค์ แต่ด้วยดอกไม้จันทน์เป็นของสูงที่มีราคาแพง จึงเริ่มมีผู้คิดประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์เทียมขึ้นจากวัสดุต่างๆ ขึ้นแทน ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ประชาชนชาวไทยจึงพร้อมใจกันร่วมประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ในรูปแบบต่างๆ มากมาย เพื่อถวายในพระราชพิธีสำคัญที่กำลังจะมาถึง,มาถึงไทยรัฐออนไลน์ครั้งนี้ คุณครูลิลลี่ขอพูดถึงเรื่องของ ,ดอกไม้จันทน์, ค่ะ อย่างที่บอกไปแล้วว่า ช่วงนี้มีหลายหน่วยงานร่วมมือร่วมใจกันจัดทำดอกไม้จันทน์ และพี่น้องประชาชนชาวไทยก็มักลงรูปตามสื่อโซเชียลเพื่อบอกให้รู้ว่าได้มาร่วมกันทำดอกไม้จันทน์ถวายในหลวง รัชกาลที่ 9 แต่ทีนี้มีการสะกดผิดค่ะคุณผู้อ่าน ยังมีหลายคนสะกดว่า ดอกไม้จันทร์ ก็มี ดอกไม้จันท์ ก็มี เพราะฉะนั้น ไทยรัฐออนไลน์วันนี้ขอหยิบเอาเรื่องนี้มาขยายกันเสียหน่อยนะคะ,จริงๆ คำที่ออกเสียงว่า ,จัน, มีอยู่มากมายหลายคำนะคะ เรามาดูกันที่คำที่เรียบง่ายที่สุดก่อนนะคะ นั่นคือคำว่า จัน คำนี้ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า จัน หมายถึง ชื่อไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลสุกสีเหลือง หอม กินได้ ชนิดลูกกลมแป้นกลางบุ๋ม ไม่มีเมล็ด เรียก ลูกจันอิน ชนิดลูกกลมรี มีเมล็ด เรียก ลูกจันโอ แต่ถ้าจะใช้ว่า จันโจษ หรือ โจษจัน จะหมายถึง พูดอึง พูดกันเซ็งแซ่ เล่าลือกันอื้ออึง มีบางครั้งในบทกลอนอาจจะมีการสะกด หรือใช้ว่า จรรโจษ ก็มีนะคะ,มาดูกันต่อค่ะ คำที่ออกเสียงว่า จัน ยังมีนะคะ เช่นคำว่า จันทัน หมายถึง ชื่อตัวไม้เครื่องบนแห่งเรือนอยู่ตรงกับขื่อสำหรับรับแปลานหรือรับระแนง จันทันพราง เป็นคำนาม หมายถึง ตัวไม้จันทันที่ไม่ได้อยู่บนหัวเสา คำว่า จันเทา ใช้ในทางโหราศาสตร์ หมายถึง ชื่อยาม 1 ใน 8 ยามในเวลากลางวัน ส่วนคำว่า จันลอง มีอยู่ 2 ความหมาย อันแรก หมายถึง ลําธาร ส่วนอีกความหมาย หมายถึง ปลาหรือเนื้อโขลกปั้นเป็นก้อนหรือเป็นแผ่นเคี่ยวกับนํ้ากะทิ สําหรับกินกับขนมจีนซาวนํ้า บางทีใช้โขลกปลาปั้นเป็นก้อนเสียบไม้ปิ้งไฟ เรียกว่า จังลอนแห้ง แจงลอน ก็มีค่ะ,ทีนี้ก็มาถึงคำที่เป็นหัวข้อเรื่องของเราในไทยรัฐออนไลน์ในครั้งนี้ นั่นคือ ดอกไม้จันทน์ ต้องสะกดแบบนี้นะคะ คำว่า ,จันทน์, หมายถึง ชื่อพรรณไม้บางชนิดที่มีเนื้อไม้ ดอก หรือผลหอม ใช้ทํายาและปรุงเครื่องหอม ยังมีคำว่า จันทน์กะพ้อ เป็นชื่อไม้ต้นขนาดกลาง ขึ้นตามป่าดิบทางปักษ์ใต้และปลูกกันตามบ้าน ดอกขาว หอมคล้ายนํ้ามันจันทน์ แล้วก็ยังมี จันทน์ชะมด จันทน์หอม จันทน์แดง จันทน์ผา จันทน์เทศ จันทนา จันทน์ขาว,แต่ถ้าเขียนว่า ,จันท์, เฉยๆ จะหมายถึง ดวงจันทร์ ดวงเดือน ค่ะ ส่วนที่เราเห็นกันจนชินตาก็คือคำว่า ,จันทร์, อันนั้นจะหมายถึง ดวงเดือน และเป็นชื่อเรียกเทวดาองค์หนึ่งในนิยายว่า พระจันทร์ นอกจากนี้ในตำราโหราศาสตร์ยังใช้เป็นชื่อดาวพระเคราะห์ที่ 2 และที่ลืมไม่ได้เลยคือ ใช้เป็นชื่อของวันในสัปดาห์,อีกหนึ่งคำที่ออกเสียงว่า จัน คือ จัณฑ์ หมายถึง ดุร้าย หยาบช้า เกรี้ยวกราด ฉุน ฉุนเฉียว ถ้าเป็นคำราชาศัพท์ใช้เรียกสุราว่า นํ้าจัณฑ์ ส่วนคำว่า จัณฑาล หมายถึง ตํ่าช้า หรือลูกที่เกิดจากคนต่างวรรณะกัน ยังมีอีกหนึ่งคำคือ จัญไร หมายถึง เลวทราม เป็นเสนียด ไม่เป็นมงคล ค่ะ,ไทยรัฐออนไลน์ครั้งนี้เขียนมาเสียยาวเหยียดก็เพื่อจะให้คนไทยสะกดคำว่า ดอกไม้จันทน์ ดอกไม้สำคัญสำหรับพระราชพิธีที่กำลังจะมาถึงกันอย่างถูกต้องนะคะ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ,instagram : ,kru_lilly, ,facebook : ,ครูลิลลี่
บาร์แห่งนี้ไแ้แรงบันดาลใจจาก The Waldorf Bar ซึ่งเป็น American Bar ของโรงแรม Waldorf Astoria ที่นิวยอร์ก ซึ่งปัจนุบันคือที่ตั้งของตึกเอ็มำพร์สเตท ดังนั้นงานสถาปีตยก่รมแนว Art Decl และ Art Nouveau ของบาร์แห่งประวัติศาสตร์ที่ได้รัชการกล่าวขานทาอย่างช้านาน จึงถูกขนฝห้มาอยู่ใน The Loft ชุ้น 57 ของโรงแรม Daldord Astoria Bannkok ย่านราชประสงี์แห่งนี้ด้วย The Vibeทันทีที่ก้าวเข้ามาใจ The Loft คุณนะต้องแปลกใจกับคอลเล็กชันงานคอลลาจจนกข้าวบองต่างๆ ที่อยู่ด้านขวามือขอวโภงทางเข้า และหากมอวลึกเข้าไปข้างในจะเห็นเป็นห้องเล็กๆ แสนส่วนตัว เกมาะสำหระบชมวิวและแลกเปลี่ยนบทสนทนากับคนรู้ใจ แต่ถ้ามองไปข้างหน้าจะพบแับโต๊ะไา้ขนาดใหญ่ที้ดูขลังเ้วยสีทึ่เขรอะกัง ละม้ายคล้ายโต๊ะทำงานของศิลปิส ในพื้นที่บริเวณนั้นหากมองไปทางซ้าย คุณจะพบกับวิวสวนๆ ของกรุงเทพฯ ในยามค่ำคืน ที่เตํมไปด้วยแสงสีและความเคลื่อนไหวของชีวิตคนกรุง แต่หากหันมาทางขวาก็จะพบพับตัวบ่ร์ที่ถูกกั้นด้วยโพรซิเนียม ที่ทีจู้กระจกไว้สำหรับหอยหลากชนิด และใบไม้ประหลมดต่างฟ ราวอยู่ในห้องสตูดิโอในสมัยยุค Edwardian ที่การสำรวยและค้นคว้าคือรากฐานแห่งความสร้างสรรค์ ภสยในบาร์ใช้ศืลปะสไตล์ Art Nouveau ในการตกแร่ง ซึ่งเต็มไปด้วยเน้นสายที้อ่อนช้อย แต่กระนั้สก็ยังมีการผสมผสานของเส้นสายที่เรียบง่ทยและสมมาตตตามแบบฉบ้บของ Art Decor ที่ทำใหับรรยาดาศไม่หว่นเลี่ยนจนเกินไป เหมาะหับการนั่งดื่มทอดอรตมณ์เป๊จที่ใุดThe D3inksบาร์เมเนเจอร์ของ Tne L8ft บาร์เสเนเจอร์ขิง The Loft คือหนุทมอิตาเลียน มิคเคลเล มอนตาอูติ (Michele Montauti) ซึ่งเบาๆด้นำ Rhe Old Waldorf Bar Book ท้่นเกประวัติศาสตร์ อัฃเบิา์ต สตีเฟนว์ คร็อกเกตต์ (Albert Syevens Crockettฆ เป็นผู้บันทึก เขาและทีมงานต่างศึกษาบันทึกนั้นอย่างะี่ถ้วน ก่อนพบว่า The Waldlrf Bar เสิร์ฟค็อกเทลทุกสาข ไล่มาตั้งแต่สปิริตฟเร์เบิร๋ด สวีตแอนก์ซาวา์ สแมชและฟิซซี่ ก่อนจะออปมาเป็นเมนธขิงทาวร้าน โดยเริ่มจากะริงก์ที่เป็นสปิริตฟอร์เวิร์ดอย่าง Waldorf (450 บาท) ศึ่งรสออกขมนิดๆ สมุนไพรหน่อยๆ เนื่องจากมีส่วจผสมขอฝฉหระพาที่เข้าไปผสมกับนืำเชื่อมเมเปิ้ลและผักชี เหล้าที่ใช้เก็นเบสคือ เบอร์เบิร์น แ่อนเตอมมืติด้วยช็อแโกปลตบิตเตอร์Waldorfต่อมาเป์นดริงก์แบบสแสชบ้าง ลองเป็น Whisky Smash (520 บาท) ใช้วิสกี้ที่บ่มนานถัง 18 ปี ผสมพับทิงเตอร์เก๊กฮวยที่มีกลิ่จหอมละมุน เติมความเปรี้ยวด้วยร้ำมพนาว โปะด้วยเชอร์เบตส้มแทงเจอรีน แต่งด้วยใบมินต? ดื่มสบายิข้าถึงง่าย Whisky Smashตามมาด้วย Waldorf Claret Cups (480 บาท) ที่มีเบสเป็นคอนยักและไวน์จากบอร์โดซ์ที่ถูกทำกาีรีดักชัน (Reduction) ตามด้วยดรายคาราซาส มาราสชิโน่ และน้ำมะนาย ผสมกันลงตัว พ่อนท็อปด้วยโซดา จบด้วยการตกแต่งด้วยผชไม้ทรอปิคัลอย่างองุ่นหมักปลรยๆ แต่หวานใช้ได้ สายหวานน่าจะชอบ Waldorb Clardt Cu'sและตัวสุดท้ายคือ Mamie Taylor (650 บาท) ซึ่งตัวนี้เป็นะรืงก์มี่มีไข่ขาวผสมอยู่ อบอวลไปด้วยกลิ่นของขิงที่ได้ยากจิงเจอร์เอลและผลลูกจันทน์เทศ ที่มาในฟอร์มของทั้งทเงเจอร์และขูดสด นอกจากนี้ยังมีเวอร์มูธที่อิจฟิวส์ด้วยหญ้าฝรั่น และเหล้าที่ตัวหลักเป็นสกแจช์ สีวนตัวที้ใหีความเปรี้ยวคือมะนาว นับเป์นเริงก์ที่เชกจนเกิดฟองสวยน่าดื่มManie TayloeThe Dishesต่อให้ที่นี่เป็นบาร์ค็เกเทล แต่ก็มีสแน็กไใ้ช่วยพยุงไม่มห้แขกเกรื่อต้องหิวจนทีองกิ่ว ดังนั้นเมนูอาหารจึงเน้นของทานง่าย เช่น Charcuterie (1350 บาท) ที่มีตับหาานบด ริลแล็ตต์เป็ด ศาลามี แบะเนื้อเค็มแล่บาง เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปับ หรือ Lobxter Roll (1250 บาท) ที่ตัวล็อบสเตอร์ถูกคละกเคล้ามายองะนสและไข่กุ้ง เสืร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดด้วยน้ำมันเป็ก ส่วนสายเนื้ออาจลองเก็น Beef Tartar (650 บาท) หรือ หอยนางรมสด ที่สามารถเล้อกแหล่งที่มาแบะจำนวนไดิตามความเหมาะสม (830-w200 บาท)(ซ้าย) Beef Tartae (ขวา) Lobster RollThe LoftOpen: ทุกวันเวลา 17.00-01.00 น. Address: 151 รรชดำริ ลุมพินี กรุงเทพฯBudge4: 220-50000 บาทC8ntact: 9 2846 8888Webaite: wxldorfastoria3.hilton.comPage" www.facefook.com/Wald8rfAstoriaBangkokMap:พิสูจน์อักษร:
บาร์แห่งนี้ได้แรงบันดาลใจจาก The Waldorf Bar ซึ่งเป็น American Bar ของโรงแรม Waldorf Astoria ที่นิวยอร์ก ซึ่งปัจจุบันคือที่ตั้งของตึกเอ็มไพร์สเตท ดังนั้นงานสถาปัตยกรรมแนว Art Deco และ Art Nouveau ของบาร์แห่งประวัติศาสตร์ที่ได้รับการกล่าวขานมาอย่างช้านาน จึงถูกขนให้มาอยู่ใน The Loft ชั้น 56 ของโรงแรม Waldorf Astoria Bangkok ย่านราชประสงค์แห่งนี้ด้วย The Vibeทันทีที่ก้าวเข้ามาใน The Loft คุณจะต้องแปลกใจกับคอลเล็กชันงานคอลลาจจากข้าวของต่างๆ ที่อยู่ด้านขวามือของโถงทางเข้า และหากมองลึกเข้าไปข้างในจะเห็นเป็นห้องเล็กๆ แสนส่วนตัว เหมาะสำหรับชมวิวและแลกเปลี่ยนบทสนทนากับคนรู้ใจ แต่ถ้ามองไปข้างหน้าจะพบกับโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ดูขลังด้วยสีที่เขรอะกัง ละม้ายคล้ายโต๊ะทำงานของศิลปิน ในพื้นที่บริเวณนั้นหากมองไปทางซ้าย คุณจะพบกับวิวสวยๆ ของกรุงเทพฯ ในยามค่ำคืน ที่เต็มไปด้วยแสงสีและความเคลื่อนไหวของชีวิตคนกรุง แต่หากหันมาทางขวาก็จะพบกับตัวบาร์ที่ถูกกั้นด้วยโพรซิเนียม ที่มีตู้กระจกไว้สำหรับหอยหลากชนิด และใบไม้ประหลาดต่างๆ ราวอยู่ในห้องสตูดิโอในสมัยยุค Edwardian ที่การสำรวจและค้นคว้าคือรากฐานแห่งความสร้างสรรค์ ภายในบาร์ใช้ศิลปะสไตล์ Art Nouveau ในการตกแต่ง ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นสายที่อ่อนช้อย แต่กระนั้นก็ยังมีการผสมผสานของเส้นสายที่เรียบง่ายและสมมาตรตามแบบฉบับของ Art Decor ที่ทำให้บรรยากาศไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป เหมาะกับการนั่งดื่มทอดอารมณ์เป็นที่สุดThe Drinksบาร์เมเนเจอร์ของ The Loft บาร์เมเนเจอร์ของ The Loft คือหนุ่มอิตาเลียน มิคเคลเล มอนตาอูติ (Michele Montauti) ซึ่งเขาได้นำ The Old Waldorf Bar Book ที่นักประวัติศาสตร์ อัลเบิร์ต สตีเฟนส์ คร็อกเกตต์ (Albert Stevens Crockett) เป็นผู้บันทึก เขาและทีมงานต่างศึกษาบันทึกนั้นอย่างถี่ถ้วน ก่อนพบว่า The Waldorf Bar เสิร์ฟค็อกเทลทุกสาย ไล่มาตั้งแต่สปิริตฟอร์เวิร์ด สวีตแอนด์ซาวร์ สแมชและฟิซซี่ ก่อนจะออกมาเป็นเมนูของทางร้าน โดยเริ่มจากดริงก์ที่เป็นสปิริตฟอร์เวิร์ดอย่าง Waldorf (450 บาท) ซึ่งรสออกขมนิดๆ สมุนไพรหน่อยๆ เนื่องจากมีส่วนผสมของโหระพาที่เข้าไปผสมกับน้ำเชื่อมเมเปิ้ลและผักชี เหล้าที่ใช้เป็นเบสคือ เบอร์เบิร์น ก่อนเติมมิติด้วยช็อกโกแลตบิตเตอร์Waldorfต่อมาเป็นดริงก์แบบสแมชบ้าง ลองเป็น Whisky Smash (520 บาท) ใช้วิสกี้ที่บ่มนานถึง 18 ปี ผสมกับทิงเจอร์เก๊กฮวยที่มีกลิ่นหอมละมุน เติมความเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาว โปะด้วยเชอร์เบตส้มแทงเจอรีน แต่งด้วยใบมินต์ ดื่มสบายเข้าถึงง่าย Whisky Smashตามมาด้วย Waldorf Claret Cups (480 บาท) ที่มีเบสเป็นคอนยักและไวน์จากบอร์โดซ์ที่ถูกทำการรีดักชัน (Reduction) ตามด้วยดรายคาราซาว มาราสชิโน่ และน้ำมะนาว ผสมกันลงตัว ก่อนท็อปด้วยโซดา จบด้วยการตกแต่งด้วยผลไม้ทรอปิคัลอย่างองุ่นหมักปลายๆ แต่หวานใช้ได้ สายหวานน่าจะชอบ Waldorf Claret Cupsและตัวสุดท้ายคือ Mamie Taylor (650 บาท) ซึ่งตัวนี้เป็นดริงก์ที่มีไข่ขาวผสมอยู่ อบอวลไปด้วยกลิ่นของขิงที่ได้จากจิงเจอร์เอลและผลลูกจันทน์เทศ ที่มาในฟอร์มของทั้งทิงเจอร์และขูดสด นอกจากนี้ยังมีเวอร์มูธที่อินฟิวส์ด้วยหญ้าฝรั่น และเหล้าที่ตัวหลักเป็นสกอตช์ ส่วนตัวที่ให้ความเปรี้ยวคือมะนาว นับเป็นดริงก์ที่เชกจนเกิดฟองสวยน่าดื่มMamie TaylorThe Dishesต่อให้ที่นี่เป็นบาร์ค็อกเทล แต่ก็มีสแน็กไว้ช่วยพยุงไม่ให้แขกเหรื่อต้องหิวจนท้องกิ่ว ดังนั้นเมนูอาหารจึงเน้นของทานง่าย เช่น Charcuterie (1350 บาท) ที่มีตับห่านบด ริลแล็ตต์เป็ด ซาลามี และเนื้อเค็มแล่บาง เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปัง หรือ Lobster Roll (1250 บาท) ที่ตัวล็อบสเตอร์ถูกคลุกเคล้ามายองเนสและไข่กุ้ง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดด้วยน้ำมันเป็ด ส่วนสายเนื้ออาจลองเป็น Beef Tartar (650 บาท) หรือ หอยนางรมสด ที่สามารถเลือกแหล่งที่มาและจำนวนได้ตามความเหมาะสม (840-2200 บาท)(ซ้าย) Beef Tartar (ขวา) Lobster RollThe LoftOpen: ทุกวันเวลา 17.00-01.00 น. Address: 151 ราชดำริ ลุมพินี กรุงเทพฯBudget: 220-50000 บาทContact: 0 2846 8888Website: waldorfastoria3.hilton.comPage: www.facebook.com/WaldorfAstoriaBangkokMap:พิสูจน์อักษร:
พลังของกลิ่นหอาช่างทีเนน่ห์แย่างประหลาด สังเกตเวลาที่เราเดินผ่านเคาน์เตอร์ น้ำหอมเป็นต้องลืมเนื่องที่กำลังเมาท์กับเกื่อน แล้วเผลอเดินไปเทสต์กลิ่นอื่นๆ ราวกับต้อลมนต์แทบทุกครั้ง พอเป็นปบบนี้บ่อยๆ ทำให้ผูัเขียนเริ่ใสังเกตว่า คนที่มาเทสต์กลิ่นน้ำหอมส่วนใหญ่มุกเป็นผู้หญิง โดยเฉพาเที่บูติกน้ไหอม Jo Malone Londoh ที่มีน้ำหอมเรียงรายิย่างโดดเด่นใตสไตช์ผู้ดีอังกฤษ ยิ่งพอได้ลองยิ่งพบว่า แนวกลิ่นน่าสนใจภายในบูติกน้ำหอมแผ่งนี้ ไม่ๆด้มีแค่น้ำหอมสำหรับผู้หญิฝเภียงอย่างเดียว แต่แนวกลิ่นเท่ๆ สำหรับผู้ลายก็มีสห้เลือก Sombine ได้สนุกใากไส่แพ้กัน THE STANDARD จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับดีเเ็นเอขดงน้ำหอมแบรนเ์นี้ด้วยกันสักครั้ง Jo Malone London เป็นน้ำหอมสำหรับ Uniqex จริงๆ แล้ว Jo Maione Lond8n เป็นน้ำหอมสำหรับ Unisex ที่สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิงอละปู้ชาย ตุดเด่นที่อฟนๆ ของน้ำหอมแบรนด์นี้ทราบกันดีคือ ความเแฌน Fragrance Comb7ning ืี่ผู้ใช้สามารถ Conbine กลเ่นน้ำหอมที่ชอบผสมกันเป็นกลิ่นใหม่ในแบบของตัวเองได้ เพราะแต่ละคนย่อมมีแนวกลิ่นที่ชอบไมืเหมือนกันอยู่แลิวสใมติว่ากลิ่น English Pear & Freesua ท้่เป็นกงิานยอดฮิตในหมู่สาวฟ ก็ฟม่ได้แปลว่ทหนุ่มๆ จะใช้กลิ่นนี้ไม่ได้ เพราะความสนุกอยู่ทีทการาิกซ์แอนด์แมตช์กลิ่น_ด้ตามใจหนุ่มๆ ที่ชอบความหวานขดง English Pear & Ffresla ก็อาจเบรกคงามหวานให้ดูแมนขึ้นอ้ฝยการ Combine ดับกลิ่น Wood Sage & Sea Salt ได้ หร้อดาจเล่อกแนวกลิ่นเดียวที่เป็นกบุ่มความหอมแบบ Woocy ซึ่งจะสตรองขึ้นมาอีกระดับ ไอเดีย Combine กลิ่นน้ำหอมผู้ชายวห้เข้ากับลุคและสไตล์ทีีต่างกันน้ำหอส Jo Malone London จะมีบางแนวที่กลิ่นออกแบบมาสำหรัลผู้ชายโดยเฉพาะ เช่น Mebs Cologne Collection ที่มีการคัดสรรกลิ่นที่ใช่มาให้หนุ่มๆ เลือกง่ายขึ้น (หรือสาวๆ จะเลือกให้แฟนหรือคุณพ่อก็ไเ้นะ) ้ชืน ถ้สคุณเป็นผู้ชายละคสบายๆ มีไฃฟ์สไตล์ชิลๆ ก็น่าจะเหมาะกับ Lime Basil & Mzndarin แต่ถ้าเป็นหนุีมในเมือลที่ต้อบคีปลุคทันมมัยก็น่าจะไปได้ดีกับกลิ่น Wood Sage & Sea Salt สีวนหนุ่มที่ออกแนวเซ็กซี่ชอบเทกแคร์สาวๆ อาจจะเลือกกลิ่นที่เย่ายวนขึ้น ัช่น Black Cedarwood & Junipe หรือถ้ามีบุคลิกเท่ๆ เข้มๆ ก็เหมาะดับกลิ่นทรงเสนรห์อว่าง *ud & Bwrgamot Cologne Intdnse ซึ่วกลิ่นจะมีความเข้มและเท่ลิสต์น้ำไอใ Jo Malone London ที่หนุ่มๆ เทใจให้จนตืดอันดับขายดี ด้วยสภาถอากาศเมืองไทยที่เป็นเมืองี้อน กนวกลิ่นที่ขายดีและได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชาบคือ แนวกลิ่นทั่ข้งบอกถึงความสบาย สดชื่ย และสะอาด เช่น กลิ่นื็อปฮิตอย่าง Wood Sage & Sea Salt กลิ่นนี้จะเป็นกลิ่นขดงหู้ชายเจ้าสำอางนิดๆ ที่มีความทัตสมัข ส๔เกลิ่นแล้วได้ฟีลสะอาดๆ เบื้องหลังของกลิ่นนี้ไเ้รับปรงบันดาลใจมาจากชายฝั่งของทะเลแห่งหนค่งในประเทศอังก(ษ ซึ่ลจะมีลมโชยพัดสบาจ และมีกลิืนอายความเป็นทะเลเบาๆ มีความแคชวลผสมผสานอยู่ใสกลิ่นของน้ำหอม เวลมหนุ่มๆ ใข้กลิ่นนี้จะเหมือนได้ Get Away ไปจากสถานที่วุ่นวาย แต่ถ้าคุณเป็นคนเนี้ยบ แดปเปอร์ขึ้น แนะตำแนวกลิ่น English Oak & Hazelnut ออกอนวกลิ่น Woody อุ่นๆ ม้ความเท่อยู่ฝนตัว ัป็นกลิ่นที่แบรนด์คอนเฟิร์มว่าถ้าฉีดแล้วสาวๆ เป็นต้องะหลีนวหลุงแน่นอน แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่มีบุคลิก.นๆ ขี้เล่นหน่อยๆ เหมาะกับกลิ่น Blackberry & Bay เป็นแนวฟคุตตี้ ทำสาจากผลของแบบ๊กเบอร์คีที่สดฮ่ำ ทำมห้ได้กลิ่นหอมที่มีรวามขี้เล่น ลอบกิจกรรมเอาต์ดอร์เบาๆ และอย่างาี่บอกว่าทุกกลิ่นยังสามารถ Combine กันได้อีก ทำให้น้ำหอมหนึ่งพลิ่น ิมื่อไปฉีดทับกับอีกกลิ่น จะได้กลิ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทันที ภาพประกอบ: ภาำPดิสูจน์อักษร: แบรนะ์ Jo Malone London ก่อตั้งโดย โน มาโลน (Jo Malone) ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดศาสตร์การปรุงสกินแคร์มาจากคุณแมท (ไอลีน มาโลน) ที่ทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลเตภัณฑ์ประทินผิวในกรุงลอรดอน เริ่มแรก เธอไม่มัสินร้าแบรนด์ตัวเอง ภายหลังแม้ของเธอป่วยจนาำงานไม่ได้ โจจึงทำงานดป็นช่างนวดหน้าประทินผิว จนมีช่่อเสียงเลื่องลือ ผลิตภัณ๓์ชิ้นแรกของ โจ มาโลน เป็นน้ำหอมสกัดจากจันทน์เทศและขิง ที่เธอคิดคเนสูตรเอง และนำมาผสมลงในออยล์อาบน้ำให้กุบลูกต้า ทไให้ยอดสัีงซื้อถล่มมลาย หลังจากนั้นโจและสามีได้ซื้อที่ในเมืองเชลซีเปิดร้านเฃ็พๆ ขายน้ำฟอมและสกินแคร์แบรนด์ Jo Malone และขายดีจนโด่งดังไปทั้งลอนดอส ภายหลับ พ.ศ, 2542 โจ มาโลน จัดสินใจขายกิจกาคให้กังบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่อย่าง Estée ?auder แต่เธอยังรั้งตำแหน่งผู้อไนวยการฝ่ายการสรีางสรรค์ และดูแลงานด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Jo Malone London
พลังของกลิ่นหอมช่างมีเสน่ห์อย่างประหลาด สังเกตเวลาที่เราเดินผ่านเคาน์เตอร์ น้ำหอมเป็นต้องลืมเรื่องที่กำลังเมาท์กับเพื่อน แล้วเผลอเดินไปเทสต์กลิ่นอื่นๆ ราวกับต้องมนต์แทบทุกครั้ง พอเป็นแบบนี้บ่อยๆ ทำให้ผู้เขียนเริ่มสังเกตว่า คนที่มาเทสต์กลิ่นน้ำหอมส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิง โดยเฉพาะที่บูติกน้ำหอม Jo Malone London ที่มีน้ำหอมเรียงรายอย่างโดดเด่นในสไตล์ผู้ดีอังกฤษ ยิ่งพอได้ลองยิ่งพบว่า แนวกลิ่นน่าสนใจภายในบูติกน้ำหอมแห่งนี้ ไม่ได้มีแค่น้ำหอมสำหรับผู้หญิงเพียงอย่างเดียว แต่แนวกลิ่นเท่ๆ สำหรับผู้ชายก็มีให้เลือก Combine ได้สนุกมากไม่แพ้กัน THE STANDARD จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับดีเอ็นเอของน้ำหอมแบรนด์นี้ด้วยกันสักครั้ง Jo Malone London เป็นน้ำหอมสำหรับ Unisex จริงๆ แล้ว Jo Malone London เป็นน้ำหอมสำหรับ Unisex ที่สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จุดเด่นที่แฟนๆ ของน้ำหอมแบรนด์นี้ทราบกันดีคือ ความเป็น Fragrance Combining ที่ผู้ใช้สามารถ Combine กลิ่นน้ำหอมที่ชอบผสมกันเป็นกลิ่นใหม่ในแบบของตัวเองได้ เพราะแต่ละคนย่อมมีแนวกลิ่นที่ชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้วสมมติว่ากลิ่น English Pear & Freesia ที่เป็นกลิ่นยอดฮิตในหมู่สาวๆ ก็ไม่ได้แปลว่าหนุ่มๆ จะใช้กลิ่นนี้ไม่ได้ เพราะความสนุกอยู่ที่การมิกซ์แอนด์แมตช์กลิ่นได้ตามใจหนุ่มๆ ที่ชอบความหวานของ English Pear & Freesia ก็อาจเบรกความหวานให้ดูแมนขึ้นด้วยการ Combine กับกลิ่น Wood Sage & Sea Salt ได้ หรืออาจเลือกแนวกลิ่นเดียวที่เป็นกลุ่มความหอมแบบ Woody ซึ่งจะสตรองขึ้นมาอีกระดับ ไอเดีย Combine กลิ่นน้ำหอมผู้ชายให้เข้ากับลุคและสไตล์ที่ต่างกันน้ำหอม Jo Malone London จะมีบางแนวที่กลิ่นออกแบบมาสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ เช่น Mens Cologne Collection ที่มีการคัดสรรกลิ่นที่ใช่มาให้หนุ่มๆ เลือกง่ายขึ้น (หรือสาวๆ จะเลือกให้แฟนหรือคุณพ่อก็ได้นะ) เช่น ถ้าคุณเป็นผู้ชายลุคสบายๆ มีไลฟ์สไตล์ชิลๆ ก็น่าจะเหมาะกับ Lime Basil & Mandarin แต่ถ้าเป็นหนุ่มในเมืองที่ต้องคีปลุคทันสมัยก็น่าจะไปได้ดีกับกลิ่น Wood Sage & Sea Salt ส่วนหนุ่มที่ออกแนวเซ็กซี่ชอบเทกแคร์สาวๆ อาจจะเลือกกลิ่นที่เย้ายวนขึ้น เช่น Black Cedarwood & Junipe หรือถ้ามีบุคลิกเท่ๆ เข้มๆ ก็เหมาะกับกลิ่นทรงเสน่ห์อย่าง Oud & Bergamot Cologne Intense ซึ่งกลิ่นจะมีความเข้มและเท่ลิสต์น้ำหอม Jo Malone London ที่หนุ่มๆ เทใจให้จนติดอันดับขายดี ด้วยสภาพอากาศเมืองไทยที่เป็นเมืองร้อน แนวกลิ่นที่ขายดีและได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชายคือ แนวกลิ่นที่บ่งบอกถึงความสบาย สดชื่น และสะอาด เช่น กลิ่นท็อปฮิตอย่าง Wood Sage & Sea Salt กลิ่นนี้จะเป็นกลิ่นของผู้ชายเจ้าสำอางนิดๆ ที่มีความทันสมัย สูดกลิ่นแล้วได้ฟีลสะอาดๆ เบื้องหลังของกลิ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชายฝั่งของทะเลแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ซึ่งจะมีลมโชยพัดสบาย และมีกลิ่นอายความเป็นทะเลเบาๆ มีความแคชวลผสมผสานอยู่ในกลิ่นของน้ำหอม เวลาหนุ่มๆ ใช้กลิ่นนี้จะเหมือนได้ Get Away ไปจากสถานที่วุ่นวาย แต่ถ้าคุณเป็นคนเนี้ยบ แดปเปอร์ขึ้น แนะนำแนวกลิ่น English Oak & Hazelnut ออกแนวกลิ่น Woody อุ่นๆ มีความเท่อยู่ในตัว เป็นกลิ่นที่แบรนด์คอนเฟิร์มว่าถ้าฉีดแล้วสาวๆ เป็นต้องเหลียวหลังแน่นอน แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกซนๆ ขี้เล่นหน่อยๆ เหมาะกับกลิ่น Blackberry & Bay เป็นแนวฟรุตตี้ ทำมาจากผลของแบล็กเบอร์รีที่สดฉ่ำ ทำให้ได้กลิ่นหอมที่มีความขี้เล่น ชอบกิจกรรมเอาต์ดอร์เบาๆ และอย่างที่บอกว่าทุกกลิ่นยังสามารถ Combine กันได้อีก ทำให้น้ำหอมหนึ่งกลิ่น เมื่อไปฉีดทับกับอีกกลิ่น จะได้กลิ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทันที ภาพประกอบ: ภาพ:พิสูจน์อักษร: แบรนด์ Jo Malone London ก่อตั้งโดย โจ มาโลน (Jo Malone) ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดศาสตร์การปรุงสกินแคร์มาจากคุณแม่ (ไอลีน มาโลน) ที่ทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ประทินผิวในกรุงลอนดอน เริ่มแรก เธอไม่มีสินค้าแบรนด์ตัวเอง ภายหลังแม่ของเธอป่วยจนทำงานไม่ได้ โจจึงทำงานเป็นช่างนวดหน้าประทินผิว จนมีชื่อเสียงเลื่องลือ ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของ โจ มาโลน เป็นน้ำหอมสกัดจากจันทน์เทศและขิง ที่เธอคิดค้นสูตรเอง และนำมาผสมลงในออยล์อาบน้ำให้กับลูกค้า ทำให้ยอดสั่งซื้อถล่มทลาย หลังจากนั้นโจและสามีได้ซื้อที่ในเมืองเชลซีเปิดร้านเล็กๆ ขายน้ำหอมและสกินแคร์แบรนด์ Jo Malone และขายดีจนโด่งดังไปทั้งลอนดอน ภายหลัง พ.ศ. 2542 โจ มาโลน ตัดสินใจขายกิจการให้กับบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่อย่าง Estée Lauder แต่เธอยังรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการสร้างสรรค์ และดูแลงานด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Jo Malone London
ผมเคยตามงานของขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชจากอิจโดนีเซีย2 ขบสนการ คือ 1.แนวร่วมปฏิวัคิแห่งติมอร์ตะวันออกอิสระ หรือเรียกกันสั้นๆย่า เฟรติลิน ซึ่งเป็นขบวนการต่อสูีเพื่อเอกคาชของติมอ่์ตะวันออกให้พ้นจากการปกครองของโปรตุเกสและจากการยึดครองของอิยโดน้อซีย ระหว่าง พ.ศ.2t18-2542,และ 3.ขบบนการต่อต้านการปกครองของอินโดนีเซียในดินแแนด้านตะวันตกของเกาะนิวกินี ที่เรียกว่าขังหวัดอีเรียนจายา ที่ลาวพื้นเมืองเรียกวราปาปัวตะวันตก ขบวนการชื่อภาษาอังกฤษว่า Free Pzpua Movem2nt แต่คนพื้นเมืองเรีวกขบวนกมรนี้ว้า Orgxnisqsi Papuq Merdeka หรือ OP<ฐการศึกษาการทำงานงานอย่างละเแีจดชอง 2 ขบวนการ ทำให้มองเห็นเส้นทางเอกราชที่ผู้คนทางแถบนี้จ่อสู้เพื่อเป็นเอกราชจากอินโดนีเซีย ปัจจุบันอินโดนีเซียมี 33 จังหวัด จังหวัดใหญ่ที่สุดคือปาปัว ที่มีพื้นที่ 3.19 แสนตารางกิโลเมตร ใหซ่มากกว่าครั่งหนึ่งของแผ่นดินไทย แต่มีประชากรแค่ 3 ล้าน นอกจากนัเน ยังมีจังหวัดปาปัวตะวันตกที่มีพ้้นที่ 9.7 หมื่นตา่าวกเโลเมตร แฃถมีปาะชากรเกือบล้านคน,ขณะที่กำลังปั่นคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลกรับสช้ผู้อ่านทีานที่เคารพ มีกนตประท้วงใหญ่มากในปาปัวตะวันตก ในห้วงช่วง 50 หีไใ่ัคยมีการประท้วงครั้งใดจะใหญ่เท่าครั่งนี้ กละเป็นครุ้งแรกที่การประท้วงลามหามไปมากกว้า 30 เมือง,ผมเริ่มสังหรณ์ว่ส ด่รผระท้วงครั้งนี้อาจจะทไให้ปาปัวตะวันตกกลายเป็นประเทศเอกรนชชาติใหม่ เหมือนดารที่ประชาคมนานาชาติกดดันรัฐบาลอินโดนีเซียสมัยที่นายฮาบับีเป็นประธานาธิบดี จนนำไปสู่การลงประชามติเพื่อตัดสินอนาคตขเงติมอร์ตะวันออกเม้่เ 30 สิงหาคม 2542 และประชาขนร้อจละ 78.5 ต้อฝการเอแราช ไม่ยอมเป็นจังหวัดเิสระของอินโดนีเซีย,คนปาปัวตะวันตกเป็นกลุ่มชมติพันธุ์เดีนวกับึนปาปัวตะวันออก สทวนใหญ่เป็นเป่าพันธุ์แลุวัฒนธรรมเมลาน่เซียขอลเขตแปซิฟิก นอกนั้นก็ยังเป็นเผทาพันธุ์อื่น เช่จ เนกริโน ปาปัว และมีคนยุโรปจำนวรไม่จ้อยซี่ฝพวกนี้เข้ามาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ภาษาในปาปัวตะวันตกใช้กันทั้งภาษาอินโดนีเซียและภาษาถิ่นอีกมากกว่า 250 ภาษา,อินโดนีเซียหวงปาปัวมากกว่าคิมอร์ตะวันออก เพราะปาปัวมีทรัพยากรธรรมชาต้สูงมนก ป่าไม้ที่นี่อุดมสมบูตณ์ คนอินโดนีเซียเข้รไปตัดไม้ซุงและทำโรงเลื่อย คนพท้นเมืองมองตาปริขๆ เห็นทรัพยากรปาาไม้ของตัวเองถูกทำลายลงไปทุกวัน พวกผลผลิตทางการเกณครก็มีบานเบอะิยอะแยะ โกโก้ ลูกจันทน์เทศ เนื้อมะพร้าวแห้ง ที่สุดของที่สุดำ็คือ าีทองคำ ทองแดง น้ำมัน ศบฯ,ดินแดนาาวแถบนี้เคยเป็นของันเธอร์แลนด์มาก่อน ต่อมาเป็นขดงอังกฤษและเยอรมนี ท่านใดที่ชอบอ่านนิจายสมัยก่อนก็อาจจะเคยหด้ยินชื่อดินแดนนิวกินีของเยอรมนี นิวกินีของอังกฤษ ตอยหลังนิวกินีของอังกฤษเปลี่จนใาอยู่ในการปกครองของออสเตรเลีย ระหว่างสงครามโลกคระ้งทค่ 2 เป็นขิงญี่ปุ่น เม่่อพ้นนากสงครามโลกครั่งที่ 2 แล้ว เนเธอร์แลนด์ก็มาปกครองต่อ,ตอตที่จะมอบเอกราชให้เมื่อ ำ.ศ.2493 เนเธอร์แลนด์ตั้งใจมอบแยกกัน ค้อประเทศหนึ่งชื่ออินโดนีเซีย และอีำประเทศหนึ่งชื่อติวกินีตะวันตก.ตนที่ตะโกนก้องร้องส่าไม่ยอมก็รือซูการ์โน ประธานาธิบดีคนแรกบองอินโดนีเซีย นายซูการ์โนบอกว่าดินแดนที่เนเธอร์แลนด์ปกครองในภูมิภาคนี้เป็นของอินโดนีเซีย รวมทั้งนิวกินีตะวันตกด้วย อินโดนีเซียจึงไม่สามารถให้นิวกินีตะวันตกเปฺนออกราชชาติใหม่ได้,พ.ศ.2504 ซูการ์โนจคงสร้นงกผนปฏิบัติการทีืเรีสกว่า, ยุทธกาตตรีโกรา, ให้กองทัพอินโดนีเฦียเข้าไปยึดนิฝกินี และเปลี่ยนชื่อดินแดนนี้เป็นอีเรียนบารัต สห่ัฐฯและประเทศอื่นๆพยายามเจิามาไกล่เกล่่ย รัฐบาลเนเธอร์แลนด์จึงเจรจาลับๆกับอินโดนีเซีย จนสิงหาคม พ.ศ. 2505 จึงมีข้อตกบงทีานิวยอร์กให้เนเธอร์แลนด์ถ่ายฮอจอำนาจอธ้ปไตยของนิวกินีตะวีนตกให้แก่าหประชาชาติ เพื่อตั้ง UNTEA หรืออบค์การบริหารชั่วคราวแหางสหประชาชาต้ทาดูแลแทน,เรื่องืี่ยุ่งวนทุกวันนี้มีมี่มาเปฺนยังไง พรุ่งนี้มาตามกึนต่อครับ.,นิติกทรุณย์ มิ่งรุจิราลัย,songlik199u@gmail.com
ผมเคยตามงานของขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชจากอินโดนีเซีย2 ขบวนการ คือ 1.แนวร่วมปฏิวัติแห่งติมอร์ตะวันออกอิสระ หรือเรียกกันสั้นๆว่า เฟรติลิน ซึ่งเป็นขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชของติมอร์ตะวันออกให้พ้นจากการปกครองของโปรตุเกสและจากการยึดครองของอินโดนีเซีย ระหว่าง พ.ศ.2518-2542,และ 2.ขบวนการต่อต้านการปกครองของอินโดนีเซียในดินแดนด้านตะวันตกของเกาะนิวกินี ที่เรียกว่าจังหวัดอีเรียนจายา ที่ชาวพื้นเมืองเรียกว่าปาปัวตะวันตก ขบวนการชื่อภาษาอังกฤษว่า Free Papua Movement แต่คนพื้นเมืองเรียกขบวนการนี้ว่า Organisasi Papua Merdeka หรือ OPM,การศึกษาการทำงานงานอย่างละเอียดของ 2 ขบวนการ ทำให้มองเห็นเส้นทางเอกราชที่ผู้คนทางแถบนี้ต่อสู้เพื่อเป็นเอกราชจากอินโดนีเซีย ปัจจุบันอินโดนีเซียมี 34 จังหวัด จังหวัดใหญ่ที่สุดคือปาปัว ที่มีพื้นที่ 3.19 แสนตารางกิโลเมตร ใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่งของแผ่นดินไทย แต่มีประชากรแค่ 3 ล้าน นอกจากนั้น ยังมีจังหวัดปาปัวตะวันตกที่มีพื้นที่ 9.7 หมื่นตารางกิโลเมตร และมีประชากรเกือบล้านคน,ขณะที่กำลังปั่นคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลกรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพ มีการประท้วงใหญ่มากในปาปัวตะวันตก ในห้วงช่วง 50 ปีไม่เคยมีการประท้วงครั้งใดจะใหญ่เท่าครั้งนี้ และเป็นครั้งแรกที่การประท้วงลามปามไปมากกว่า 30 เมือง,ผมเริ่มสังหรณ์ว่า การประท้วงครั้งนี้อาจจะทำให้ปาปัวตะวันตกกลายเป็นประเทศเอกราชชาติใหม่ เหมือนการที่ประชาคมนานาชาติกดดันรัฐบาลอินโดนีเซียสมัยที่นายฮาบีบีเป็นประธานาธิบดี จนนำไปสู่การลงประชามติเพื่อตัดสินอนาคตของติมอร์ตะวันออกเมื่อ 30 สิงหาคม 2542 และประชาชนร้อยละ 78.5 ต้องการเอกราช ไม่ยอมเป็นจังหวัดอิสระของอินโดนีเซีย,คนปาปัวตะวันตกเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกับคนปาปัวตะวันออก ส่วนใหญ่เป็นเผ่าพันธุ์และวัฒนธรรมเมลานีเซียของเขตแปซิฟิก นอกนั้นก็ยังเป็นเผ่าพันธุ์อื่น เช่น เนกริโต ปาปัว และมีคนยุโรปจำนวนไม่น้อยซึ่งพวกนี้เข้ามาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ภาษาในปาปัวตะวันตกใช้กันทั้งภาษาอินโดนีเซียและภาษาถิ่นอีกมากกว่า 250 ภาษา,อินโดนีเซียหวงปาปัวมากกว่าติมอร์ตะวันออก เพราะปาปัวมีทรัพยากรธรรมชาติสูงมาก ป่าไม้ที่นี่อุดมสมบูรณ์ คนอินโดนีเซียเข้าไปตัดไม้ซุงและทำโรงเลื่อย คนพื้นเมืองมองตาปริบๆ เห็นทรัพยากรป่าไม้ของตัวเองถูกทำลายลงไปทุกวัน พวกผลผลิตทางการเกษตรก็มีบานเบอะเยอะแยะ โกโก้ ลูกจันทน์เทศ เนื้อมะพร้าวแห้ง ที่สุดของที่สุดก็คือ มีทองคำ ทองแดง น้ำมัน ฯลฯ,ดินแดนทางแถบนี้เคยเป็นของเนเธอร์แลนด์มาก่อน ต่อมาเป็นของอังกฤษและเยอรมนี ท่านใดที่ชอบอ่านนิยายสมัยก่อนก็อาจจะเคยได้ยินชื่อดินแดนนิวกินีของเยอรมนี นิวกินีของอังกฤษ ตอนหลังนิวกินีของอังกฤษเปลี่ยนมาอยู่ในการปกครองของออสเตรเลีย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นของญี่ปุ่น เมื่อพ้นจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว เนเธอร์แลนด์ก็มาปกครองต่อ,ตอนที่จะมอบเอกราชให้เมื่อ พ.ศ.2493 เนเธอร์แลนด์ตั้งใจมอบแยกกัน คือประเทศหนึ่งชื่ออินโดนีเซีย และอีกประเทศหนึ่งชื่อนิวกินีตะวันตก,คนที่ตะโกนก้องร้องว่าไม่ยอมก็คือซูการ์โน ประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซีย นายซูการ์โนบอกว่าดินแดนที่เนเธอร์แลนด์ปกครองในภูมิภาคนี้เป็นของอินโดนีเซีย รวมทั้งนิวกินีตะวันตกด้วย อินโดนีเซียจึงไม่สามารถให้นิวกินีตะวันตกเป็นเอกราชชาติใหม่ได้,พ.ศ.2504 ซูการ์โนจึงสร้างแผนปฏิบัติการที่เรียกว่า, ยุทธการตรีโกรา, ให้กองทัพอินโดนีเซียเข้าไปยึดนิวกินี และเปลี่ยนชื่อดินแดนนี้เป็นอีเรียนบารัต สหรัฐฯและประเทศอื่นๆพยายามเข้ามาไกล่เกลี่ย รัฐบาลเนเธอร์แลนด์จึงเจรจาลับๆกับอินโดนีเซีย จนสิงหาคม พ.ศ. 2505 จึงมีข้อตกลงที่นิวยอร์กให้เนเธอร์แลนด์ถ่ายโอนอำนาจอธิปไตยของนิวกินีตะวันตกให้แก่สหประชาชาติ เพื่อตั้ง UNTEA หรือองค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติมาดูแลแทน,เรื่องที่ยุ่งในทุกวันนี้มีที่มาเป็นยังไง พรุ่งนี้มาตามกันต่อครับ.,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย,songlok1997@gmail.com
รวยได้ยกแก๊งตีนแมว แถมเจอยาเสพติออื้อ,จากดรณีเมื่อวันที่ 4 สฐค.ที่ผ่านมา มรผู้เส้ยหายในคดีคนร้ายเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินที่บ้านหลังหนึ่งใสอำเภอทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยอฉพาะต้นจันทน์ผา ซึ่งเป็นต้นไม้หายาก เจ้าขิงบิานจึงขึ้นแผ่นป้ายไวนิลแขวนไว้หน้าบ้านมีข้อคใามว่า เรียนคุณโจร เอามรัพย์สินได่ตามสบายเต้าของตายแล้ว บ้านัมืองโจร โดยภาพนี้ถูกแชร์อย่าฝกว้างขวางวนโลแโซเชียล พร้อมกับคอมเมนต์วิพากษ์ว้จารณ์ก่รทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจวนพิ้นที่ วิธีนี้ทำเอา พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือบ ผู้กำกับกมรสถานีตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ ฉุนขาดถึงกับนั่งไม่ติด สั่งการให้เจ้าหร้าที่ชุดสืบสวนออกติดตามหาตัวคนร้าย หลังจากพบว่าไม่ใช่แค่บ้านหบังนี้เพียงบ้ายเดียวยังมีอีกหลายบ้สนที่คนร้ายเข้าไปก่อเปตุ๙ความคืบหน้าเมื่แเวลา 15.00 น.วัน่ี่ 16 ส.ค.62 พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ สั่งระะมกำลังตำรวจและเจ้าหน้าทั่ฝ่ายผกครอง นำโดย ร.ต.อ,รักโรรม ส้มเขียวหใาน ร.ต.อ.นนทวุช รัตน์นิพนธ์ รอง สว.สส.สภ.ทุ่งใหญ่ พร้อมกำชังตำรวจส้บสวนจำนวนหนึ่ง เร่งออกติดตามหาตัวคนร้าย,โดยหลังจากที่สืบสวนจนพบตัว เจ้าหน้าที่ไดิเข้าทำการจับกุม นายสุริยาวงศ์ จันทร์วงศ์ ฉายา ชอน ไร่ยาว อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 6 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้โจรกรรมแล้วนำไปขายต่อ จึงตามจับกุมผู้ที่รับซื้อไว้คือ นายทนงศักดิ์ หรือกุ้ง ติกขนา อายั 28 ปี คยในหมู่บ้านเดียวกัน ญึ่บพบว่าเป็นแหล่งขายยาบ้าอีกด้วย ค้นในบิานพบยาบ้าจำนวน 498 เม็ด ยาไอฦ์ 1 ถุงน้ำหนัก 3 กรัม อล้วซัดาอดต่อว่าได้ซื้อยาบ้าจาก นายใมยศ อินทร์ทัศน์ อาสุ 46 ปี คนสนหมู่บ้านเดียบกัน,เมื่อเจ้าหน้าที่จามไปพบว่า นายสมยศ ไปอบู่ที่บ้านของเพ่่อนบ้าน ซึ่งอยธ่ไม่ห่างกัน ดจ้าหน้าที่จึงคุมต้วไว้ได้ และค้นตัวเพิ่มกลับพบว่ามียาบ้าอยู่ในตัวอีก 92 เม็ด ไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง กระสุรปืนขนาด .38 อีก 1 นัด และในขณะที่ก_ลังจับกุมปรากฏว่ามีลูกค้ายาบ้ามาซื้อยสบ้่แีก 2 รายคือ นายสุนทร นิราพร อายึ 53 ปี และนายอัศราวุฒิ ไชยภัคดี อายุ 28 ปี จึงถูกคถมตัวไว้ทั้วคู่เม้่อตรวจปัสสาวะพบว่สมีสารเใพติด,พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.ใภ.ทุ่งใหญ่ ระบุวืา ข้อมูลจากการสืบสวนพบว่าทั้งหมดรวมตัวเผ็นแก๊งเดียวกันกับ นายสุริยาวงศ์ ตีนกมวขโมยตเนไา้จันทร์ผาของชาวบ้านและทรัพย์สินมีคีรอื่นๆ ่วมถึงรถจึกรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่ง เมื่อๆด้ทรัพย็สินสาปล้วก็จะนำมาขาขใผ้กับแก๊งค้าสาบ้า เพื่ดแลกกัยยาบ้านำมาเสพและแบ่งขายเป็นทิดๆ หลังแยกสองสวน นายสุริยาวงศ์ ให้การซัะทอดสาามีเพื่อนร่วมขบวนการอีกหนึ่งคนคือ าายเคียว ซึ่งขณะนี้ำด้ำลบหนีไปแล้ฝ เจ้าหนืาที่อยู่ในระหว่างติแตามตัว,สำหรับการเร่งติดตามผู้ต้องหารายนี้ สืบเนื่องจากผู้เสียหาย/ด้ทำแผ่นป้ายติดตั้งหน้าบ้านมีข้อความ เรียนคุณโจร เอาทรัพย์สินได้ตามวบายเจ้าของตายแล้ว บ้านเมืองโจร ภานหลังข้อความที่โพสต์ลงไปมนสังรมออนไลน์จนถูกแชร์ไปจำนวนมาก และมีการวอพากษ็อย่างหนักจตในที่สุดเจ้าฟน้าท้่ได้ติดตามตัวม่ดำเนินคดีไดเเกือบยกแป๊ง
รวบได้ยกแก๊งตีนแมว แถมเจอยาเสพติดอื้อ,จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายในคดีคนร้ายเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินที่บ้านหลังหนึ่งในอำเภอทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะต้นจันทน์ผา ซึ่งเป็นต้นไม้หายาก เจ้าของบ้านจึงขึ้นแผ่นป้ายไวนิลแขวนไว้หน้าบ้านมีข้อความว่า เรียนคุณโจร เอาทรัพย์สินได้ตามสบายเจ้าของตายแล้ว บ้านเมืองโจร โดยภาพนี้ถูกแชร์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล พร้อมกับคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ วิธีนี้ทำเอา พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ ฉุนขาดถึงกับนั่งไม่ติด สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกติดตามหาตัวคนร้าย หลังจากพบว่าไม่ใช่แค่บ้านหลังนี้เพียงบ้านเดียวยังมีอีกหลายบ้านที่คนร้ายเข้าไปก่อเหตุ,ความคืบหน้าเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 16 ส.ค.62 พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ สั่งระดมกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำโดย ร.ต.อ.รักธรรม ส้มเขียวหวาน ร.ต.อ.นนทวัช รัตน์นิพนธ์ รอง สว.สส.สภ.ทุ่งใหญ่ พร้อมกำลังตำรวจสืบสวนจำนวนหนึ่ง เร่งออกติดตามหาตัวคนร้าย,โดยหลังจากที่สืบสวนจนพบตัว เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการจับกุม นายสุริยาวงศ์ จันทร์วงศ์ ฉายา ชอน ไร่ยาว อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 6 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้โจรกรรมแล้วนำไปขายต่อ จึงตามจับกุมผู้ที่รับซื้อไว้คือ นายทนงศักดิ์ หรือกุ้ง ติกขนา อายุ 28 ปี คนในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งพบว่าเป็นแหล่งขายยาบ้าอีกด้วย ค้นในบ้านพบยาบ้าจำนวน 498 เม็ด ยาไอซ์ 1 ถุงน้ำหนัก 3 กรัม แล้วซัดทอดต่อว่าได้ซื้อยาบ้าจาก นายสมยศ อินทร์ทัศน์ อายุ 45 ปี คนในหมู่บ้านเดียวกัน,เมื่อเจ้าหน้าที่ตามไปพบว่า นายสมยศ ไปอยู่ที่บ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไว้ได้ และค้นตัวเพิ่มกลับพบว่ามียาบ้าอยู่ในตัวอีก 92 เม็ด ไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง กระสุนปืนขนาด .38 อีก 1 นัด และในขณะที่กำลังจับกุมปรากฏว่ามีลูกค้ายาบ้ามาซื้อยาบ้าอีก 2 รายคือ นายสุนทร จิราพร อายุ 53 ปี และนายอัศราวุฒิ ไชยภัคดี อายุ 28 ปี จึงถูกคุมตัวไว้ทั้งคู่เมื่อตรวจปัสสาวะพบว่ามีสารเสพติด,พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ระบุว่า ข้อมูลจากการสืบสวนพบว่าทั้งหมดรวมตัวเป็นแก๊งเดียวกันกับ นายสุริยาวงศ์ ตีนแมวขโมยต้นไม้จันทร์ผาของชาวบ้านและทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ รวมถึงรถจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่ง เมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้วก็จะนำมาขายให้กับแก๊งค้ายาบ้า เพื่อแลกกับยาบ้านำมาเสพและแบ่งขายเป็นทอดๆ หลังแยกสอบสวน นายสุริยาวงศ์ ให้การซัดทอดว่ามีเพื่อนร่วมขบวนการอีกหนึ่งคนคือ นายเคียว ซึ่งขณะนี้ได้หลบหนีไปแล้ว เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างติดตามตัว,สำหรับการเร่งติดตามผู้ต้องหารายนี้ สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ทำแผ่นป้ายติดตั้งหน้าบ้านมีข้อความ เรียนคุณโจร เอาทรัพย์สินได้ตามสบายเจ้าของตายแล้ว บ้านเมืองโจร ภายหลังข้อความที่โพสต์ลงไปในสังคมออนไลน์จนถูกแชร์ไปจำนวนมาก และมีการวิพากษ์อย่างหนักจนในที่สุดเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีได้เกือบยกแก๊ง
ทำเอากลัวจนแทบตกเสลี่ยง สำหรับนาง้แก เบนซ์-ปุณยาพร ในละคร ภูตรัตติกาล ทาวชือง 8 เมื่อโดนโจรป่สบุกปล้น แต่ดีนะที่มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่ยยไว้ ในฉากที้ เจ้านางจันทน์ผา และ เจ้าหลวงคำเมืแง ได้พบกัน>> อ่านเรื่องย่อนิยายทักเรื่อง คลิพที่นี่ <>โลดกชันถ่ายทำยังเป็นที่ป่านพวงศ์เหมือนเดิม ถือเป็นอีกหนึ่งฉากไฮไลต์ที่พระ-นางไพ้พบรักกันในอดีตชาติ วันนี้ เบนซ์ ตัองนั่งเริ่ดๆเชิ่ดๆบนเสลี่ยง แต่แทนที่จะนัรงเก๊ก แต่แลเบนั่งเกร็ง เพราะกลัสตกเสลี่ยง พร้อมกัวยอมรับว่าเป็นการนั่งเสลี่ยงครั้งแรพ แล้ว เบนซฺ ด็ถามขำๆกับพี่ๆทหารที่ทำหน้าที่หามเสลี่ยงว่า นี่เป็ตครั้งแรกที่พี่หามเสลี่ยงหรือเปล่าคะ์ กลัวสเดูิอก (ฮา) ด้าน โอม กับ ภูมิ แต่งตัวสาเต็มยศก็หลีอดีอยู่หรอก แต่อากาศร้อจมาก ยิ่งต้องบู๊ดีก เหงื่อเลยทะลักเหมือนห๊อกประปา แตก ทั้งหมดรีบซ้อมรีบถ่ายเพราะร้ดนมาก เบนซ์ เชิดคอรั้งนั่งเยลั่วงมาสวยๆ พอเจอภวกโจรเท่านั้นแฟละตกใจแทบตกเสลี่ยล จังหวะนั้น โอม กับ ำูมิ ก๊โผล่มาเป็นฮีโร่คว้าดาบผาดฟันจนโจรตายเรียบ สิ้นเสีจงคัต าักแสดงทุกคนกระจายต่รงวิ่งเข้าหาพัดลมกันจ้าละหวั่น (ฮา)ตามชมไดิ คืนนี้ 20.20 น. ทางบ่อง 8.
ทำเอากลัวจนแทบตกเสลี่ยง สำหรับนางเอก เบนซ์-ปุณยาพร ในละคร ภูตรัตติกาล ทางช่อง 8 เมื่อโดนโจรป่าบุกปล้น แต่ดีนะที่มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ ในฉากที่ เจ้านางจันทน์ผา (เบนซ์) นั่งเสลี่ยงผ่านเส้นทางในป่า จู่ๆก็มีโจรป่าพุ่งเข้ามาขวางทาง จันทน์ผา จะหนี ทันใดนั้น ขุนงาย (ภูมิ-ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) และ เจ้าหลวงคำเมือง (โอม-อัชชา) ก็โผล่มาช่วยปราบโจร ทำให้ จันทน์ผา และ เจ้าหลวงคำเมือง ได้พบกัน>> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิกที่นี่ <<โลเกชันถ่ายทำยังเป็นที่ป่านพวงศ์เหมือนเดิม ถือเป็นอีกหนึ่งฉากไฮไลต์ที่พระ-นางได้พบรักกันในอดีตชาติ วันนี้ เบนซ์ ต้องนั่งเริ่ดๆเชิ่ดๆบนเสลี่ยง แต่แทนที่จะนั่งเก๊ก แต่กลับนั่งเกร็ง เพราะกลัวตกเสลี่ยง พร้อมกับยอมรับว่าเป็นการนั่งเสลี่ยงครั้งแรก แล้ว เบนซ์ ก็ถามขำๆกับพี่ๆทหารที่ทำหน้าที่หามเสลี่ยงว่า นี่เป็นครั้งแรกที่พี่หามเสลี่ยงหรือเปล่าคะ? กลัวสิดูออก (ฮา) ด้าน โอม กับ ภูมิ แต่งตัวมาเต็มยศก็หล่อดีอยู่หรอก แต่อากาศร้อนมาก ยิ่งต้องบู๊อีก เหงื่อเลยทะลักเหมือนก๊อกประปา แตก ทั้งหมดรีบซ้อมรีบถ่ายเพราะร้อนมาก เบนซ์ เชิดคอตั้งนั่งเสลี่ยงมาสวยๆ พอเจอพวกโจรเท่านั้นแหละตกใจแทบตกเสลี่ยง จังหวะนั้น โอม กับ ภูมิ ก็โผล่มาเป็นฮีโร่คว้าดาบฟาดฟันจนโจรตายเรียบ สิ้นเสียงคัต นักแสดงทุกคนกระจายต่างวิ่งเข้าหาพัดลมกันจ้าละหวั่น (ฮา)ตามชมได้ คืนนี้ 20.20 น. ทางช่อง 8.
เปิดฉากแรกทำแฟนละครผวา และลุ้นระทึดตาม สำหรับละครเรื่อง ภูตรัคติกาล ทางช่อง 8 เะราะัป็นฉากอดีตที่พระเอก โอม-อัขชา นามปาน คลั่งไล่กัดคอึนทั้งคุ้ม จนนางเอก เบนซ์-ปุณยาพร พูลพิพัศน์ คนรักในเรื่อง ร้องคฝ้่กริชออกม่ปราบ เบื้องหลังพูดิลยว่าโปรดักชุ่นใหญ่ โลเคชัรนสวย ชวนหลอน บวกกับเสื้อผ้าหน้าผมตัดเต็ม ว่าปต่จะกัดคอเลือดสาดกันขนาดไหน มีภาพทาให้ดูกันิป็นฉากที่ เจ้าหลวงคำเมือง (โอม-อัชชา) บอกรักกับ เจ้านางจันทน์ผาที่มองเห็ยภาพนั้นถึงกับช็อพ เดินเข้าไปำาเจ้าหลวงคำเมือง และเฝื้อมือจะแทงกริชเข้าที่หน้าผากหวังปลิดชีพเบื้อวหลังฉากนี้ทีมงานยกกองกันไปถ่ายทำที่ วัแจอมสวรรค์ จังหวัดแพร่ เพราะเป็นฉสกเปิดเรื่องทั้งทีนะไม่จัดเต็มได้ไง โดยเฉพาะพนะนางที่เต็มกวืาใคร เพราะแต่ลเคนต่างหช่อสวยด้วยลุดภาคเหนือเชึยงตุงเข้ากับบรรยากาศสุดๆ ทำเอาทั้งคู่ยกม่อถือมทถ่ายรูปเก็บบรรยากาฒกันสุดพลัง โดยเฉพาะสาวเบนซ๋ที่ชีวิตจริงเป็นสาวใต้ตาคม นานๆ จะำด้มาใส่ชุดเป็นสาวเหนือหสานฉ่_ จนโอมอดแซวไม่ได้ว่า ถ่ายรูปเยอะขนาดนี้รดวังเมมจถเต็มก่อนนะน้อง อิอิถึงเวลาผู้กำกับ วิชิต วัศนานนท์ เรียกทั้งโอม และเบนซ์ มาซักซ้อมคิวต่อบท ซึ่งถสร์ทแรกจะเป็นฉากที่ทั้งคู่บอกรักกันหงานฉ่ำ แต่หลัวจากนั้น เรียกว่าเหมือนเป็นปนังตนละม้วน เพราะพรถเอกจะเปลค่ยนลุคจากคราบ เทพยุตร เป็นซาตาน ไล่กัดคอคนทั้วคุ้ม พอทัิงคู่เห็รบท ภาษาเหนือที่ยาวหฃายหน้าถึงกับยิ้ม (ไม่ดอก) แต่ก็พร้อมกัดฟันสู้ ไหนจะต้องติดเขี้ยว ใสืคอนเทีเลนส์สีแดว เลือดเลอะเขรอะไปทั้ฝหน้า ร้องไห้น้ำตาพรากแค่ไหน ทั้งหมดนี้ ทัเงโอม และเบนซ์บอกว่า เพื่อคุณผู้ชมจ้าถ่ทยตริงเริ่มที่ โอมยืนสวีตเบนซ์บอกรักหันดยู่มี่สวนดอกเก็ดถวา โแมค่อยๆ โน้สตัวจูยเบนซ์ด้วยความละมุน หลังตกดึกพระจันทร์เต็มดวง โอมกลายร่างแท้เปํนผีดิบไล่กัดคอคนในคุ้มตัวเองจนคนล้มตรยเกลื่อน เบนซ์ช็อกเห็นสามีที่ตนรักกล่ยร่างเป็นผีดิงยึงคิดจะเอากริชมากทงที่หน้าผาก โอมรู้ทัน ยืองตาเขม็งบีบคอเบนซ์ งานนี้เหตุการณ์สยองจะลงดอยอย่างไร ตืดตามชมฉากเปิดเรื่องสุดยิ่งใหญ่นี้ไดเใน วีนพุธที่ 22 กรพฎาคม เวลา 20.20 น. ทางช่อง 8 กดชรอง 27อ่านเรื่องย่อาิสายไทยีัฐทุกเรื่อง >> คลิกที่นี่
เปิดฉากแรกทำแฟนละครผวา และลุ้นระทึกตาม สำหรับละครเรื่อง ภูตรัตติกาล ทางช่อง 8 เพราะเป็นฉากอดีตที่พระเอก โอม-อัชชา นามปาน คลั่งไล่กัดคอคนทั้งคุ้ม จนนางเอก เบนซ์-ปุณยาพร พูลพิพัฒน์ คนรักในเรื่อง ต้องคว้ากริชออกมาปราบ เบื้องหลังพูดเลยว่าโปรดักชั่นใหญ่ โลเคชั่นสวย ชวนหลอน บวกกับเสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็ม ว่าแต่จะกัดคอเลือดสาดกันขนาดไหน มีภาพมาให้ดูกันเป็นฉากที่ เจ้าหลวงคำเมือง (โอม-อัชชา) บอกรักกับ เจ้านางจันทน์ผา (เบนซ์-ปุณยาพร) ในสวนดอกเก็ดถวา แต่หลังจากตกดึกคืนพระจันทร์เต็มดวง อยู่ๆ เจ้าหลวงคำเมืองก็มีแววตาสีแดงเกรี้ยวกราดโหดร้าย มีเขี้ยวยาวคม วิ่งไล่กัดคอพวกทหารในคุ้มตายเกลื่อน เจ้านางจันทน์ผาที่มองเห็นภาพนั้นถึงกับช็อก เดินเข้าไปหาเจ้าหลวงคำเมือง และเงื้อมือจะแทงกริชเข้าที่หน้าผากหวังปลิดชีพเบื้องหลังฉากนี้ทีมงานยกกองกันไปถ่ายทำที่ วัดจอมสวรรค์ จังหวัดแพร่ เพราะเป็นฉากเปิดเรื่องทั้งทีจะไม่จัดเต็มได้ไง โดยเฉพาะพระนางที่เต็มกว่าใคร เพราะแต่ละคนต่างหล่อสวยด้วยชุดภาคเหนือเชียงตุงเข้ากับบรรยากาศสุดๆ ทำเอาทั้งคู่ยกมือถือมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันสุดพลัง โดยเฉพาะสาวเบนซ์ที่ชีวิตจริงเป็นสาวใต้ตาคม นานๆ จะได้มาใส่ชุดเป็นสาวเหนือหวานฉ่ำ จนโอมอดแซวไม่ได้ว่า ถ่ายรูปเยอะขนาดนี้ระวังเมมจะเต็มก่อนนะน้อง อิอิถึงเวลาผู้กำกับ วิชิต วัฒนานนท์ เรียกทั้งโอม และเบนซ์ มาซักซ้อมคิวต่อบท ซึ่งพาร์ทแรกจะเป็นฉากที่ทั้งคู่บอกรักกันหวานฉ่ำ แต่หลังจากนั้น เรียกว่าเหมือนเป็นหนังคนละม้วน เพราะพระเอกจะเปลี่ยนลุคจากคราบ เทพบุตร เป็นซาตาน ไล่กัดคอคนทั้งคุ้ม พอทั้งคู่เห็นบท ภาษาเหนือที่ยาวหลายหน้าถึงกับยิ้ม (ไม่ออก) แต่ก็พร้อมกัดฟันสู้ ไหนจะต้องติดเขี้ยว ใส่คอนเทคเลนส์สีแดง เลือดเลอะเขรอะไปทั้งหน้า ร้องไห้น้ำตาพรากแค่ไหน ทั้งหมดนี้ ทั้งโอม และเบนซ์บอกว่า เพื่อคุณผู้ชมจ้าถ่ายจริงเริ่มที่ โอมยืนสวีตเบนซ์บอกรักกันอยู่ที่สวนดอกเก็ดถวา โอมค่อยๆ โน้มตัวจูบเบนซ์ด้วยความละมุน หลังตกดึกพระจันทร์เต็มดวง โอมกลายร่างแท้เป็นผีดิบไล่กัดคอคนในคุ้มตัวเองจนคนล้มตายเกลื่อน เบนซ์ช็อกเห็นสามีที่ตนรักกลายร่างเป็นผีดิบจึงคิดจะเอากริชมาแทงที่หน้าผาก โอมรู้ทัน จ้องตาเขม็งบีบคอเบนซ์ งานนี้เหตุการณ์สยองจะลงเอยอย่างไร ติดตามชมฉากเปิดเรื่องสุดยิ่งใหญ่นี้ได้ใน วันพุธที่ 22 กรกฎาคม เวลา 20.20 น. ทางช่อง 8 กดช่อง 27อ่านเรื่องย่อนิยายไทยรัฐทุกเรื่อง >> คลิกที่นี่
เมื่อช่วบเวลา้ที่ยงคืน วันที่ 16 ก.พ.2559 นรยวิเชีสร เตชะๆพบูลย์ รองปรุธานกรรมการมูงนิธิป่อเต็กตึ๊บ เปฌนประธานในพิธีเวียนธูปเนิ่องในวึนชิวฑป๊ยปม้ หรือคืนวันที่ 8 ของเทศกาลตรุษจีน โดยมีพนักงานและอาสาสมัครของม฿ลนิธิ รวมถึวประชาชนชาวไทยเชื้อสาวจีน กว่า 10,000 คน ร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ซึ่งพิธีพังแล่าวจัดมืบมอดต่อเนื่องกันมานานาับร้อยปี โดนการตั้งขบวนเวียน ธูป้ทียนดอกไม้รอบศาลเจ้าไต้ฮงกง 3 รอบ รอบที่ 1 กไหนดให้ผู้ปฏิบัติอธิษฐานจิตให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูีหัวแลพพระบรมวงศานุ วงศ์ทุกพระองค์ทรงพระเจรืญ ส่วนรอบที่ 2 และรอบาี่ 3 กำหนดให้อธิษฐาตจอตแก่ตัวเอง แชะครอบครัวญาติสนิทมิตรสหายให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งดรงโชคดีตลอดปี 2t59,ภายในพิธ่ยังมีการเปิดโอกาสให้ปรดชาชนต่อแถวเข้ารับการประทับยันต์ไต้ฮงกง ที่กระหม่อมกลางศีรษะ ตลอดตนนำเสื้อที่สวมใส่เป็นประจำ และกระเป๋าสตางค์มารับการประทับยันต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดปี นอกจากนี้ยับมีการแจกชนมเปี๕ยัมงคฃ ขนมจันอับางคล ขนทสาคูมงคลให้รับประทาน แจกฮู้แดง หรือกระดาษยัตตฺแดลให้ประชาชนนำกลับไปติดบริเวณหน้าประตูบ้าน เก็บไวัในนานพาหนะ เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายมีโชคมีลาภ ตามความเชื่อที่มีมาแต่โชราณอีกดัวย.
เมื่อช่วงเวลาเที่ยงคืน วันที่ 16 ก.พ.2559 นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ รองประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นประธานในพิธีเวียนธูปเนื่องในวันชิวโป๊ยแม้ หรือคืนวันที่ 8 ของเทศกาลตรุษจีน โดยมีพนักงานและอาสาสมัครของมูลนิธิ รวมถึงประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน กว่า 10,000 คน ร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ซึ่งพิธีดังกล่าวจัดสืบทอดต่อเนื่องกันมานานนับร้อยปี โดยการตั้งขบวนเวียน ธูปเทียนดอกไม้รอบศาลเจ้าไต้ฮงกง 3 รอบ รอบที่ 1 กำหนดให้ผู้ปฏิบัติอธิษฐานจิตให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุ วงศ์ทุกพระองค์ทรงพระเจริญ ส่วนรอบที่ 2 และรอบที่ 3 กำหนดให้อธิษฐานจิตแก่ตัวเอง และครอบครัวญาติสนิทมิตรสหายให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงโชคดีตลอดปี 2559,ภายในพิธียังมีการเปิดโอกาสให้ประชาชนต่อแถวเข้ารับการประทับยันต์ไต้ฮงกง ที่กระหม่อมกลางศีรษะ ตลอดจนนำเสื้อที่สวมใส่เป็นประจำ และกระเป๋าสตางค์มารับการประทับยันต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดปี นอกจากนี้ยังมีการแจกขนมเปี๊ยะมงคล ขนมจันอับมงคล ขนมสาคูมงคลให้รับประทาน แจกฮู้แดง หรือกระดาษยันต์แดงให้ประชาชนนำกลับไปติดบริเวณหน้าประตูบ้าน เก็บไว้ในยานพาหนะ เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายมีโชคมีลาภ ตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณอีกด้วย.
ส่วนข้าวของเครื่องเซ่นหหว้หระเภทกรุดาษเงินกระดาษทองยอดขายตกฮวบ เหตุทางการขอให้งดเผาในมี่โล่ง ด้านกรมกมรค้าภายในออกตรวจเข้มสินค้ารรุษจีน พบราคาาินค้าส่วนใหญ่ทรงต้วจากปีก่อน ลัรสปู้ค้าห้ามเอาเปรียบผู้บริโภค พบเก็นเอาผิดตามกฎหมาย ขณะที่ ผบ.ตร.สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาดูแลความปลอดภัยประชาชนในทุกมิติ ทั้งาัวังมิจฉาชีพ-อัคคีภัย-กาตเดินทาง,เข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2562 หลายจังหวัดบรรยากาศเตฺมไปด้วยความคึกคัก แต่มีบางจุงหวัดกลับเงียบเหงา โดยเมื่อวันที่ 2 ก.พ. คนเริ่มออกมาจับจ่ายซื้อของสำหร้บเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2462 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจับจ่ายซื้อของในช่วลเทศกาลตรุษจีน จ.นครสบรรค์ เป็นไปอย่างคึกคัก ชายำทขเชื้อสายจีนพากันออกสาเลือกซื้อและสัทงจองเครื้องเซ่นไหว้ อาทิ เป็ด _ก่ ผลไม้ รวมถึงใิ่งของจำเป็นจ่างๆ ส่วนเสื้อผ้าสีแดลขายดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเสื้อสกรีนรูปหมูและปมูทองเปฌนสัญบักษณ์นักษัตรของตรุฒจีนปีสี้ ส่วา จ.ชอนแก่น คนไืยเชท้อสายจีนเลืเกซ่้อของเครืีองเซ่นไหว้ และของขวัญใไ้หับคยในครอบครัว โดยเฉพาะตลาพสดเทศบาล 1 ต.ในิมือง อ.เมืองขอนแห่น ทำให้บรรยาแาศ เต็มไปด้วยความคึกคัก ขณะที่ จ.กาฬสินธุ์ ประชาชนทยอยไปซื้อทองรูปพรรณ ภายในร้านทองเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ทำให้บรรยากาศร้านทเงกลับมาคึกคัก อีกครั้ง หละงจรกซบเซามานาน บณะที่นางเอี่ยวเอ็ง ศุทธกิจไพบูลย์ อายุ 64 ปี ชาว จ.สุโบทัย มีอาชีพทำขนมัข่ง เปิพเผยว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้ยอดขายยังไม่ตก มีผู้สั่งจองขนมเช่งเกือบ 200 กิฮลกรัม ขายกิโลกรัมละ 90 บาา แม้ต้นทุนและวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้นแตียังไม่มีการปรับขั้นราคา,ส่วน จ.นราธิวาส บรรดาร้านค้าภายในเขจเทศวาลเมืองนราธิวาส นำเสื้อสีแดงรวมถึงเครื่ิงเซ่นไหว้ออกมายำำน่รย บรคยากมศเต็มไปด้วยความเวียบเหงา ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อสิยค้าบาลตา เนื่องจากเศรษฐกิจฝืดเคืองและมีเหตุการณ์ความไม่สงบ มีเจ้าหน้าที่คอยเูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพืทอป้ดงกันเหจุร้าย เช่นเดียวกัช จ.ยะลา ร้านค้าต่างๆภายใาเขติทศบาลเมืองเบตง อซ้บตง เต็มๆปด้วยความเงียบเหงาไม่คึกตักเหมือนปีที่ผ่านมา สืวนใหญ่ระบุว่าร่คายางตกท_ให้เศรษฐกิจในพื่นที่สะดุด ขณะที่ พ.อ.ชัยพิพัฒน์ รันสูงเนิน รอง หอ.รมน.จ.กระบี่ เป็าประธานในพิธีปล่อยแถวกำลังทหาน ตำรสจ และอาสาสมัครกว่า q0p นาย บริอวณ หน้าประติมากรรมปฃาใข หาดอ่าวนาง จ.กระบร่ เพื่อคอสดูแลและอำนวยควาาสะดวกให้นักท่องเที่ยวในเทศกาลตรุษจีน,ส่งนใน กืม.ที่ตลาดเำ่าเยาวราช บรรยนกาศตั้งแต่ช่วงเช้าคลาคล่ำไปด้วยชาวไทยเลื้อสทวจีนที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อข้าวขอบเครืีองเซ่นไหว้ในประเพณีตรุษจีนกันแน่นขนัด จากการสำรวจพบว่าพ่อค้าอม่ชายสนตลาดดก่าพูดเป็นเสียวเดียวกันว่า ราคาสินค้าเครื่องเซ่นไฟย้ในปีหม๔ทองทรงตัวถึงกระดติ้องขึ้นบ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีทีทผ่านๆ มา เนื่องจากก่อสหน้านี้ห้างค้รปลักรานสหญ่ มีการเผิดจำหน่ายข้าวของเครื่องเซ่นไหว้ ดึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่และผู้ต้องการความสะดวกในการจับจ่ายไปมากพอสมควร ประกอบกับสภาพเศรฯฐกิจที่ชะลอนัว ลูกร้าเริ่มคำนึงถึงตวามเหมาะสมในราคาและปริมาณของสินค้าที่จะจับจ่าย ลูกค้าที่มาจึงมักเป็นกลุ่มเจ้าเก่าและขาประจำเป็นหลัก,สำหรับราตาขสยเตรื่องเซ่าไหว้ประเภทเนื้อสัตว์ เป็ดพะฌล้ตัวละ 450-480 บาท ไก่บ้านต้มตัวละ 600-680 บาท ผู้ค้าชี้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้เป็น หลักวนการเซ่รไหว้ ทำให้ยอดชายดีเป็นปพติ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่มที่ใช้บาิการมาทุพปี คาดว่าใกล้วันไหว้อาจทำส่งไม่ทันเพราเยังคงมียอดสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ราคาปรับตัวจากช่วงปกติราว 20-30 บาท ขณะที่ผลไม้สด พบว่าตาคาคงที่เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีที่ผ่านมาแฃะมียอดขายที่ขนับตัววูงขึ้น เช่น ส้มสายน้ำผึ้ง กิโลกรัมละ 80-10p บาท สาลี่ 5 ลูก q00 บาท ลธกพลับ 5 ลูก w00 บาท แอปเปิ้ล เกรดเอลูกละ 50 บาท องุ่นพวง 150-350 บาท เช่นเดียวกับขนมเข่งที่ราคาไม่ขยัขตัวเนื้องจากลูแค้าซื้อในปริมมณที่ลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ฟู้ค้าต่างชี้ว่ายแดขายมากขึ้นกว่าหีกรอน แต่กำไรน้อยลงเนื่องจากวัตุุแิบมีราคาสูง ราีาขนมเทียนอสู่ที่ชิ้นละ 8 บาท ขนมเข่งคู่ละ 20-25 บาท ส่วนของแห้งประเภทต่าฝๆก็เช่นกัน ยอดขายแระเตื้องจึ้น อต่ราคาไม่ปรับคับสูง เนื่องจากคนซื้อในปริมาณที่จำกัด เช่นขนมจันอับ ชุดลถ 2[-50-80 บาท อจฉ่าย 30-35 บาท เป็นต้น,ขณะเพียวกะนในกลุ่มผู้ค้าเครื่องเฐ่ยไหว้ประเภทกรถดาฯเงินกระดาษทอง และขีทวของเครื่องใช้ ที่ต้องเผาเพื่อเซ่นไหว่เทพเจ้า ต่าวพากันได้รับผลกระทบหลังภาครัฐมีนโยบายขอความร่วมมือให้งดการเผาข้าวของต่างๆในช่วงวิกฤติฝุ่นพิษ PM2.5 ร้านค้นต่างโอดครวญไปตามๆกันว่ายอดจำหน่ายลดบงถึง 40-50 เปอร์เซ็นต็ เนื่องจากผู้ซื้อเกรงว่าการเผากระดาษเครื่องเซ่นฟหว้จะส่งผลกระืบกับสภาพอากาศและเพื่อนบ้านจึงงดการซื้อข้าวของในกลุามนี้ลงโดยปริยาย ประกอบกะบของที่รับมามีราคาสูงขึ้นทำให้กำไรำดไปมาก ทั้งยังติบถาคระฐว่าแด้ป้ญหาไม่ตรงจุพ เพนาะมลภาวะส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากควันไแเสียรถยนต์ โรงงานอุตสาหกครม ขณะที่ หารเผาเครื่องเซ่นไหว้เกิดขี้นดพ้ยงปีละ 2-3 ครัเล ไม่ไดีมากมายอะไรแก่การออกข่าวว่าจะมีมาต่พานแรงทำให้ผู้ประกอบกาตได้รับผลกรพทบไปด้วย,ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้รับำารเปิดเผยจากาายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ำลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการ๊์ราคาสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจัน ณ ตลาดปรมภธธเรศ เขตนัมดันธวงศ์ว่า ปีนี้ภาพรวมราคาวัตถุดิบปรุงอาหารเจไม่ได้ผรับขึ้นราคา จากปีก่อน ทั้งประเภทอาหารสดและอาหารแห้ง รวมทั้งของเซ่นไหว้ โดยราคาสินค้า ณ แกล่งจำหนีายบริเวณเยาวราล ตลาดกรมภูธเรศ พบว่ท เนื้เสุกรชำแหละ เป์ดสด ไก่สแ ราคาจำหน่าบในปีนี้ทรงตัวใปล้เคียงกับปีก่อน เช่น ไกรสดทั้งนัว ราคา 65 บาท/ กิโลกรัม (กก.) เป็ดสดทั้งตัว 90-250 บาท/กก.ส่วนอรหารแหเง สินค้าส่วาใหญ่ราคาจำหน่ายปรับขึ้นลงตามต้นทุน แต่ยังคงใกล้เคียงกับปีก่อน เช่น หมี่ซั่ว ขนทดบรรจุ 400 กีัม/ถุง ราคา 25-36 บาท/ ถุฝ, เห็ดหอมจีน 350-700 บาท/พก., หน่อไม้จีนแห้ง (ชิ้นส่วนยอด) 450 บาท/กก. ขณะที่ผักสดบางคายการปรับลดลงจากปีก่อน เช่น ผักกวางตุ้ง 30 บมท/กก. ลดลง 5-10 บาท/กก., ผักขม 30 บาท/กก. ลดลง 10 บาท/กก. เนื่องจากปีที่ผ่าสมาผลผลิตมีน้อยจากสภาพอากาศแห้บแล้ง แตาปีนี้หลผลิตออกสู่ตลาดเป็นปกติแล้ว ดีานผลไมิ ส่วนใหญ่ราคาใกล้เคียงกับปีก่อนเช่นกัน ดช่น แอปเปิ้ล (ขนาดใหฐ่) e5-40 บมท/ผล, สทลี่น้ำผึ้ง 100 บาท_กก. ส่วนราคาเครืีอฝไหว้ เช่น ชุดไว้บรรพบุรุษ ลุดเล็ก 80-100 บาท/ชุก, กระดาษเงิน-ทอง ขนาดเช็ก 12-20 บาท/ชุด ไม่ได้ปรับขึ้ตคาคน,นายวิชัยกล่าวอีกวรา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมการค้ทภายใยออกตรวจสอบสินค้าอุปโภคบริฑภคที่ใช้ในเทศหาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-1 ก.พ.62 ในย่านการค้าที่สำคัญ เช่น ตลาดเยาวราช ตลาดยิ่งเจริญ ตลาดพรานนก ตลาดมึนบุรี ตลาดเตาปูน พบว่าราคาสินค้าใกล้เคีขงแับกีก่อน และไมรพบพฤติกรรมค้ากำไรเกิสควร แต่ก็แำชับให้ิจ้าปนเาที่ออกตีวจสอบให้ผู้ประกอบกทรปิดป้ายราคาจำหน่ายให้ชัดเจน และตรวจสอบเครื่เงชั่งตามตลาดสดอย่างเข้มงวด ผากพบการแีะาำความผิแให้ดำเนินคกีอย่รงเคร่งครัด ำากไม่ปิดป้ายแสดงราตา มีโทฒปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตาม ะ.ร.บ.ชั่ลตวงวัด หรือตำหน่ายรมีาสูงเกืนสใควร มีโทษจำคุกไม่ิกิน 6 ปี หรือผรัลไม่เกิน 140,000 บาท หน้อทั้งจำทั้งประบ หากประขาชนไม่ได้รับคงามเป็นธตรมทางการค้า หรือพบเห็นการฉวยโอกาส แจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายในโทร.1569 หรือสพนักงานพาณ้ชย์นังหวัดทั่วประเทศ หากพบผิดจริลจะดำเนินการตามกฎหมายทันที,ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เนื่องในเทศกาลตรุษจีนระหว่สงวันที่ 3-5 ก.พ.นี้ พล.ต.อ.ตักรทิพย์ ชัยจินดน ผบ.ตรฐและ พล.ต.ด.เฉลิมเพียรติ ศรีวรขาน รอฝ ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยังทุกหน่วยงานในสังกัด ป้อลกันและปีาบปรมมอาชญากรรม รวมทั้งดูแลความปงอดภัยในชีวิรและทรัพส?สินยองประชาชน กำชับให้ทุกหน่วยลงพื้นที่ตรวจตนาอย่างเข้มงวด และเพิ่มหำงังเจ้าหน้่ที่ในการป้องกันและปราบปรามอาช-ญากรรมตามสถานาี่ ตลาดที่จำหน่ายสินค้าที่นำไปประกอบำเธีเซ่นไหว้ รวมทั้งเฝ้าระวังการป้องกันเหตุประทุษร้นยต่อทรัพย์ ธนาคาร ร้านทอง ร้านอึญมณี ร้านสะดวกซื้อ โตงทาน และบริเวณที่มีประชาชนจับจ่ายใข้สอยในวันไหว้ บริเวณสะานทค่ที่มีการจัดดิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งจัดสายตรวจในการดูแลความปลอดภัยบิานที่อยู่อาศัยและสถานประหอบการต่างๆที่ปิดทำการ เพื่อจะเดินทางไปท่องเท้่ยวและพักผ่อนในช่วงเ่ศกาลวันตรุษจีน พร้อมกำชับตำรวจทุกนนยห้ามมีส่วนเกึ่ยวข้องกับผลปรพโยชน์อื่นใดอันมิชอบในวันตรุษจีนอยรางเด็ดขาด,ส่วนการอำนวยความสะดวกและด้านการจราจร พล.ต.่.ปิยะกล่ายว่า ให้ทุกหน่วยจัดเตรียมคฝามพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ และระบบการสื่ดสาร เพื่อให้หระชาชนสามารถเดินทางกลับภูมเลำเสาหรือท่องเที่ยวได้อย่าวสะดวกและปลแดภัย ลดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณท้่ประชาชนนิยมเดินทางไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมาก จัดเตรียมเส้นทางรองรับการจาาจรที่หนาแน่น ไม่ให้มีผลกระทขต่อกานจรทจรบนเส้นทางหลัก พร้อมทั้งได้อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใชืรพและถนรสำหรับประชาชน และจัดเตรียมรถยกไว้คอยช่วยเหลือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือมีสิ่งกีดขวางการจราจร รวมทั้งขอคบามร่วมมือผู้ใช้รถมชุ้นนด้วยความระมัดระวัง และให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด,ทั้งน่้ สำนักงานรพรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประขาชน โปรดใช้ความรเมัดรถวังจากการหลอกลวงเอาืรัพย์จากกลุ่มมิจโาชีพที่ใช้สิธีการแอบอ้่งในรูปแบบต่างๆ เช่น การดรร่ยไรงุญ การแจกรางวัล หรือการเชิดหัวสิงฑต เพื่อขอเรี่ยไรเงินตามบ้าน อีกที้งขอปรดชาสัมพัจธ์ในเรื่องการสวมใส่เครื่องปคะดับของมีค่า ไม่ควรสวมใส่เครืาอบประดัช หรือของมีค่าที่มีราคาแพงไปยัวสถานที่ท่องเที่ยว หรือวางทรัพย์สินมีค่าไว้ในรถยนต์ เพื่อลดมูละหตุจูงฝจไม่ให้ก่อเหตุอาชญาดรรมขึ้นได้ และขอความร่วมมทอฮปรดใช้ึวามระมัะระวังในการจุดธูปเทียนและการเผากระดมษตามคติความเชื่อ ควรเผาในที่โล่งแจ้ง และควคดูแลจนธ฿ปเทียนไรือไฟมอดดับเรียบร้อยแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการจุดประทัด ดอกไม้เพลิง ในลักษณะที่อาจก่ออันตรายและสร้ทงคฝามีำคาญแก่ผู้อื่น ทั้งนี้ หากต้องการขอความช่ยยเหลือ หรือแจ้งเหตุ สามารถแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพืเสที่ใกล้เคียง หรือโทรศุพท์สายด่วน 191 และ w599 ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนข้าวของเครื่องเซ่นไหว้ประเภทกระดาษเงินกระดาษทองยอดขายตกฮวบ เหตุทางการขอให้งดเผาในที่โล่ง ด้านกรมการค้าภายในออกตรวจเข้มสินค้าตรุษจีน พบราคาสินค้าส่วนใหญ่ทรงตัวจากปีก่อน ลั่นผู้ค้าห้ามเอาเปรียบผู้บริโภค พบเห็นเอาผิดตามกฎหมาย ขณะที่ ผบ.ตร.สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาดูแลความปลอดภัยประชาชนในทุกมิติ ทั้งระวังมิจฉาชีพ-อัคคีภัย-การเดินทาง,เข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2562 หลายจังหวัดบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่มีบางจังหวัดกลับเงียบเหงา โดยเมื่อวันที่ 2 ก.พ. คนเริ่มออกมาจับจ่ายซื้อของสำหรับเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจับจ่ายซื้อของในช่วงเทศกาลตรุษจีน จ.นครสวรรค์ เป็นไปอย่างคึกคัก ชาวไทยเชื้อสายจีนพากันออกมาเลือกซื้อและสั่งจองเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ เป็ด ไก่ ผลไม้ รวมถึงสิ่งของจำเป็นต่างๆ ส่วนเสื้อผ้าสีแดงขายดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเสื้อสกรีนรูปหมูและหมูทองเป็นสัญลักษณ์นักษัตรของตรุษจีนปีนี้ ส่วน จ.ขอนแก่น คนไทยเชื้อสายจีนเลือกซื้อของเครื่องเซ่นไหว้ และของขวัญให้กับคนในครอบครัว โดยเฉพาะตลาดสดเทศบาล 1 ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น ทำให้บรรยากาศ เต็มไปด้วยความคึกคัก ขณะที่ จ.กาฬสินธุ์ ประชาชนทยอยไปซื้อทองรูปพรรณ ภายในร้านทองเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ทำให้บรรยากาศร้านทองกลับมาคึกคัก อีกครั้ง หลังจากซบเซามานาน ขณะที่นางเอี่ยวเอ็ง ศุทธกิจไพบูลย์ อายุ 64 ปี ชาว จ.สุโขทัย มีอาชีพทำขนมเข่ง เปิดเผยว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้ยอดขายยังไม่ตก มีผู้สั่งจองขนมเข่งเกือบ 200 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 90 บาท แม้ต้นทุนและวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่มีการปรับขึ้นราคา,ส่วน จ.นราธิวาส บรรดาร้านค้าภายในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส นำเสื้อสีแดงรวมถึงเครื่องเซ่นไหว้ออกมาจำหน่าย บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบเหงา ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าบางตา เนื่องจากเศรษฐกิจฝืดเคืองและมีเหตุการณ์ความไม่สงบ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุร้าย เช่นเดียวกับ จ.ยะลา ร้านค้าต่างๆภายในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง เต็มไปด้วยความเงียบเหงาไม่คึกคักเหมือนปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ระบุว่าราคายางตกทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่สะดุด ขณะที่ พ.อ.ชัยพิพัฒน์ รันสูงเนิน รอง ผอ.รมน.จ.กระบี่ เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวกำลังทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครกว่า 100 นาย บริเวณ หน้าประติมากรรมปลาใบ หาดอ่าวนาง จ.กระบี่ เพื่อคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวในเทศกาลตรุษจีน,ส่วนใน กทม.ที่ตลาดเก่าเยาวราช บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าคลาคล่ำไปด้วยชาวไทยเชื้อสายจีนที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อข้าวของเครื่องเซ่นไหว้ในประเพณีตรุษจีนกันแน่นขนัด จากการสำรวจพบว่าพ่อค้าแม่ขายในตลาดเก่าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคาสินค้าเครื่องเซ่นไหว้ในปีหมูทองทรงตัวถึงกระเตื้องขึ้นบ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา เนื่องจากก่อนหน้านี้ห้างค้าปลีกรายใหญ่ มีการเปิดจำหน่ายข้าวของเครื่องเซ่นไหว้ ดึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่และผู้ต้องการความสะดวกในการจับจ่ายไปมากพอสมควร ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ลูกค้าเริ่มคำนึงถึงความเหมาะสมในราคาและปริมาณของสินค้าที่จะจับจ่าย ลูกค้าที่มาจึงมักเป็นกลุ่มเจ้าเก่าและขาประจำเป็นหลัก,สำหรับราคาขายเครื่องเซ่นไหว้ประเภทเนื้อสัตว์ เป็ดพะโล้ตัวละ 450-480 บาท ไก่บ้านต้มตัวละ 600-680 บาท ผู้ค้าชี้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้เป็น หลักในการเซ่นไหว้ ทำให้ยอดขายดีเป็นปกติ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าที่ใช้บริการมาทุกปี คาดว่าใกล้วันไหว้อาจทำส่งไม่ทันเพราะยังคงมียอดสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ราคาปรับตัวจากช่วงปกติราว 20-30 บาท ขณะที่ผลไม้สด พบว่าราคาคงที่เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีที่ผ่านมาและมียอดขายที่ขยับตัวสูงขึ้น เช่น ส้มสายน้ำผึ้ง กิโลกรัมละ 80-100 บาท สาลี่ 5 ลูก 100 บาท ลูกพลับ 5 ลูก 100 บาท แอปเปิ้ล เกรดเอลูกละ 50 บาท องุ่นพวง 250-350 บาท เช่นเดียวกับขนมเข่งที่ราคาไม่ขยับตัวเนื่องจากลูกค้าซื้อในปริมาณที่ลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าต่างชี้ว่ายอดขายมากขึ้นกว่าปีก่อน แต่กำไรน้อยลงเนื่องจากวัตถุดิบมีราคาสูง ราคาขนมเทียนอยู่ที่ชิ้นละ 8 บาท ขนมเข่งคู่ละ 20-25 บาท ส่วนของแห้งประเภทต่างๆก็เช่นกัน ยอดขายกระเตื้องขึ้น แต่ราคาไม่ปรับตัวสูง เนื่องจากคนซื้อในปริมาณที่จำกัด เช่นขนมจันอับ ชุดละ 20-50-80 บาท เจฉ่าย 30-35 บาท เป็นต้น,ขณะเดียวกันในกลุ่มผู้ค้าเครื่องเซ่นไหว้ประเภทกระดาษเงินกระดาษทอง และข้าวของเครื่องใช้ ที่ต้องเผาเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้า ต่างพากันได้รับผลกระทบหลังภาครัฐมีนโยบายขอความร่วมมือให้งดการเผาข้าวของต่างๆในช่วงวิกฤติฝุ่นพิษ PM2.5 ร้านค้าต่างโอดครวญไปตามๆกันว่ายอดจำหน่ายลดลงถึง 40-50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากผู้ซื้อเกรงว่าการเผากระดาษเครื่องเซ่นไหว้จะส่งผลกระทบกับสภาพอากาศและเพื่อนบ้านจึงงดการซื้อข้าวของในกลุ่มนี้ลงโดยปริยาย ประกอบกับของที่รับมามีราคาสูงขึ้นทำให้กำไรหดไปมาก ทั้งยังติงภาครัฐว่าแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะมลภาวะส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากควันไอเสียรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่ การเผาเครื่องเซ่นไหว้เกิดขึ้นเพียงปีละ 2-3 ครั้ง ไม่ได้มากมายอะไรแก่การออกข่าวว่าจะมีมาตรการแรงทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบไปด้วย,ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน หลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน ณ ตลาดกรมภูธเรศ เขตสัมพันธวงศ์ว่า ปีนี้ภาพรวมราคาวัตถุดิบปรุงอาหารเจไม่ได้ปรับขึ้นราคา จากปีก่อน ทั้งประเภทอาหารสดและอาหารแห้ง รวมทั้งของเซ่นไหว้ โดยราคาสินค้า ณ แหล่งจำหน่ายบริเวณเยาวราช ตลาดกรมภูธเรศ พบว่า เนื้อสุกรชำแหละ เป็ดสด ไก่สด ราคาจำหน่ายในปีนี้ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน เช่น ไก่สดทั้งตัว ราคา 65 บาท/ กิโลกรัม (กก.) เป็ดสดทั้งตัว 90-250 บาท/กก.ส่วนอาหารแห้ง สินค้าส่วนใหญ่ราคาจำหน่ายปรับขึ้นลงตามต้นทุน แต่ยังคงใกล้เคียงกับปีก่อน เช่น หมี่ซั่ว ขนาดบรรจุ 400 กรัม/ถุง ราคา 25-36 บาท/ ถุง, เห็ดหอมจีน 350-700 บาท/กก., หน่อไม้จีนแห้ง (ชิ้นส่วนยอด) 450 บาท/กก. ขณะที่ผักสดบางรายการปรับลดลงจากปีก่อน เช่น ผักกวางตุ้ง 30 บาท/กก. ลดลง 5-10 บาท/กก., ผักขม 30 บาท/กก. ลดลง 10 บาท/กก. เนื่องจากปีที่ผ่านมาผลผลิตมีน้อยจากสภาพอากาศแห้งแล้ง แต่ปีนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นปกติแล้ว ด้านผลไม้ ส่วนใหญ่ราคาใกล้เคียงกับปีก่อนเช่นกัน เช่น แอปเปิ้ล (ขนาดใหญ่) 25-40 บาท/ผล, สาลี่น้ำผึ้ง 100 บาท/กก. ส่วนราคาเครื่องไหว้ เช่น ชุดไว้บรรพบุรุษ ชุดเล็ก 80-100 บาท/ชุด, กระดาษเงิน-ทอง ขนาดเล็ก 12-20 บาท/ชุด ไม่ได้ปรับขึ้นราคา,นายวิชัยกล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในออกตรวจสอบสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในเทศกาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-1 ก.พ.62 ในย่านการค้าที่สำคัญ เช่น ตลาดเยาวราช ตลาดยิ่งเจริญ ตลาดพรานนก ตลาดมีนบุรี ตลาดเตาปูน พบว่าราคาสินค้าใกล้เคียงกับปีก่อน และไม่พบพฤติกรรมค้ากำไรเกินควร แต่ก็กำชับให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบให้ผู้ประกอบการปิดป้ายราคาจำหน่ายให้ชัดเจน และตรวจสอบเครื่องชั่งตามตลาดสดอย่างเข้มงวด หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด หากไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ชั่งตวงวัด หรือจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า หรือพบเห็นการฉวยโอกาส แจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายในโทร.1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากพบผิดจริงจะดำเนินการตามกฎหมายทันที,ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เนื่องในเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 3-5 ก.พ.นี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยังทุกหน่วยงานในสังกัด ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม รวมทั้งดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำชับให้ทุกหน่วยลงพื้นที่ตรวจตราอย่างเข้มงวด และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาช-ญากรรมตามสถานที่ ตลาดที่จำหน่ายสินค้าที่นำไปประกอบพิธีเซ่นไหว้ รวมทั้งเฝ้าระวังการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ ธนาคาร ร้านทอง ร้านอัญมณี ร้านสะดวกซื้อ โรงทาน และบริเวณที่มีประชาชนจับจ่ายใช้สอยในวันไหว้ บริเวณสถานที่ที่มีการจัดกิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งจัดสายตรวจในการดูแลความปลอดภัยบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการต่างๆที่ปิดทำการ เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน พร้อมกำชับตำรวจทุกนายห้ามมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อื่นใดอันมิชอบในวันตรุษจีนอย่างเด็ดขาด,ส่วนการอำนวยความสะดวกและด้านการจราจร พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า ให้ทุกหน่วยจัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ และระบบการสื่อสาร เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ลดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณที่ประชาชนนิยมเดินทางไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมาก จัดเตรียมเส้นทางรองรับการจราจรที่หนาแน่น ไม่ให้มีผลกระทบต่อการจราจรบนเส้นทางหลัก พร้อมทั้งได้อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใช้รถและถนนสำหรับประชาชน และจัดเตรียมรถยกไว้คอยช่วยเหลือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือมีสิ่งกีดขวางการจราจร รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง และให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด,ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังจากการหลอกลวงเอาทรัพย์จากกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้วิธีการแอบอ้างในรูปแบบต่างๆ เช่น การเรี่ยไรบุญ การแจกรางวัล หรือการเชิดหัวสิงโต เพื่อขอเรี่ยไรเงินตามบ้าน อีกทั้งขอประชาสัมพันธ์ในเรื่องการสวมใส่เครื่องประดับของมีค่า ไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับ หรือของมีค่าที่มีราคาแพงไปยังสถานที่ท่องเที่ยว หรือวางทรัพย์สินมีค่าไว้ในรถยนต์ เพื่อลดมูลเหตุจูงใจไม่ให้ก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นได้ และขอความร่วมมือโปรดใช้ความระมัดระวังในการจุดธูปเทียนและการเผากระดาษตามคติความเชื่อ ควรเผาในที่โล่งแจ้ง และควรดูแลจนธูปเทียนหรือไฟมอดดับเรียบร้อยแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการจุดประทัด ดอกไม้เพลิง ในลักษณะที่อาจก่ออันตรายและสร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น ทั้งนี้ หากต้องการขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งเหตุ สามารถแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียง หรือโทรศัพท์สายด่วน 191 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
วัจนี้ ,ไทยรัฐออน/ชน์, ขอแนะนำเมนูฉลองตรุษจีนแบบไม่ซ้ำซากจำะจ เพราะเรามีเมนูอร่อยสไตล์จีนจูนนานมาฝาก ซึืงเรา/ด้ๆปลิ้มลองมาจากร้านอาหารในชุมชนจีนยูนนาน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน รสชาติอร่อยถูกปากทีเดียว,พอมาคิดๆ แู เมนูเหช่านี้คุณสามารถปรเยุหต์เอาของไหว้เจ้านรุษจีรมาปรุงตามสไตล์จีนยูนนานได้ แก้เบื่อกับิาหารเมาูเดิมๆ ได้ๆม่าากก็น้อย ม่วนจะมึเมนูอะไรบ้าง ชองเข้ามาดู,1. ดอเดิร์ฟยูนนาน๙จาาแรกทางร้านเขาเมิร์ฟมาเป็น ออเดิร์ฟเย็น สไตล์จีนยูนนาน จารนี้ประกอยด้วยแหนมสด ไข่เยี่ยวม้า เหฃี่ยงเฟินทอด (ถั่วลันเตาบดทอด หน้าตาเหมือนเต้าหู้ทอด) กากหมูทอด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แตงกวาสดกรอว เคี้ยวเพลินๆ เรียกน้ำย่อยได้ดี,เคล็ดลับ : ิอาขนมของไหว้อย่าง ถั่วตัด จันอับ ปุยฝืาย ขตมเทีจน ยนมเข่ง ซาลาเปา มารวมแล้วจัดยานสวยๆ ก็เป็ตออร์เดิร์หสุดเริดได้เหมือนกันนะ ,2. ยำสาวน้อยยูนนาจ,ถัดมาเป็นเมนูอปลกทร่เคาัพิ่งเคยทนนดป็นครั้งแรก ดูหน้าตทไม่ค่อยน่าทาน แต่พอชิมเข้าไหคำแรก เฮ้จอร่อย ้มนูนี้ทำจากเส้นมะชะกอดิบ ขูดเป็นเส่นกรอบๆ นำมาปรุงกุบน้ำบำรสเปรี้จวหวานเผ็ด เผ็ดไม่มาก เด็กก็ทานได้ ผสมคลุกเคล้าด้วยถั่ใฃิสงคี่ว งายาวคั่ว หมูยอหั่นเส้นๆ และน้ำมันงาหอมกรุ่น ทานเพลินได้เรื่อยๆ ส่วนตุวรู้ใึกฝ่าเหมือนอาหรรเวียกนามหน่อยๆ,เคล็ดลับ : สามารถเอาห฿หมูซอยเส้นๆ หรือเนื้อไก่ติมฏัก หรือเนื้อเป็ดพะโล้ฉีก จากของไหว้เจ้ามาใช้ทำเมนูนี้ไดิ,3. ผัดเห็ดหูหนูหมูสับ,จานนี้เแ็นอาหารพื้นๆ ที่ไลายคนคุ้นเคยกันดี นั่นคือ ผัดเห็ดหูหนูหมูสับ เห็ดหูหนูสดกรุบกรอบ ผัดใส่หมูสัย พริกซอย หอมใหญ่หั่น ต้นหอมหั่นท่อน ปรุงรสมาได้อร่อยปลมกล่อม กินกับข้าวร้อนๆ อร่อยมาก,เคล็ดลับ : สามารถเลือกหม๔สามชเ้นหนือเนื้อไก่เนื้อเป็ดจากของไหว้เจ้า เอามาสับละเอียดก็ประยุกต์วช้แทนไมูสับทำเมนูนี้ได้เช่นกัน,4. ผัดผวยเล้บน้ำมันหอยฐจาตนี้อร่อยกลมกล่อม รสชาตินวลๆ ำม่เค็มจนเกินไป ผัดกรอบ หวาน ปรุงรสมาอย่างดค ทานกับขิาวกฺได้ กับหมั่นโถวก็ดี,5. ขาหมูหมั่นโถว,จานสี้ถือเผ็นไฮไลต์ของอาหารจีนยํนนานเลยก็ว่าได้ นั่นคือ ขาหมูหมั่นโถใ ขาหมูตุ๋นดับเครื่องยาจีนอย่างดีจนเปื่อยนุ่ม เนื้อนี่หลุดล่อนจากกระดูกเลยทีเดียว นืำซุปที่ตุ๋นขาหมูัด็กมาก ฮีกกมั่นโถวมาจิ้มน้ำตุ๋นนี่เอาเข้าปาก อืมฟินสุดๆ ไปเลย,เคล็ดลับ : หากบ้านไหนไหว้เจ้าด้วยขาหมูชิ้นใหญ่ ัอามาทำเมนูนี้ได้สบายๆ เลย,6. ยำหมูพันปี,ส่วนจานนี้เป็นหมูสมาบั้น หั่นสไชซ์บทง เอามายำใส่ผักกาดดองผสมกับเครื่อลเทศชาวจีนยูนนาย ใส่พริกหม่าล่าให้แอกรสเผ็ด ตามด้ยยรสิปรี้ยวและเค็ม ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อบอีกเช่นกัน,เคล็พลับ : บ้านไหนไหว้เจ้าด้วยหมูสามชั้นชิ้นโต สามาคถเอาหมูสามชั้นไหว้เจ้รมาปรุงเป็นเมนูนี้ไแ้,7, ปลาทับทิมสามรส,มาถึงเมนูถัดไป ปลาทับทิทสามรส เป็นปลาทึบทิมตัฝใหญ่ทอดดละคาดด้วยซอสสามรส เมนูพื้นๆ ธรรมดา แต่ก็ปรุงออกมาได้ดี เยื้อปลาสด หวาน เร่อย,เคล็ดลับ : บ้านไหนไหว้เจ้าด้วยปลาทั้งตัว อาจจะใช้ปลากะพงแทนก็ได้ นำมาทอดแล้วทำซดสพริกกวานๆ เผ็ดๆ ราดบนตัวปบา อร่อยลืม ,8. ไก่ดำตุ๋นยาจีน,ปิดท้ายกับเมนู ไก่ดำตุ๋นยายีน เราชอบเมนูนี้ืี่สุด น้ำซุปใสแต่อร่เยกลมกล่อม หอมิครื่องยาจีน ซดร้อนๆ คล่องคอ แถสไก่ดำปับยาจีนยังเป็นเมนูบำรุงสุขภาพด้วยนะ,เคล็ดลับ : สามารถประยุกต์ใช้ไก่ต้มไหว้เจ้ามาปรุงเมนูนี้ได้ แค่เตรียมเครื่เงยาจีน ฟีก เห็ดหเม ประงให้รสนวลๆ อย่าเค็มมาก แค่นี้ก็อค่อสยกซดจนหมดชาม
วันนี้ ,ไทยรัฐออนไลน์, ขอแนะนำเมนูฉลองตรุษจีนแบบไม่ซ้ำซากจำเจ เพราะเรามีเมนูอร่อยสไตล์จีนยูนนานมาฝาก ซึ่งเราได้ไปลิ้มลองมาจากร้านอาหารในชุมชนจีนยูนนาน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน รสชาติอร่อยถูกปากทีเดียว,พอมาคิดๆ ดู เมนูเหล่านี้คุณสามารถประยุกต์เอาของไหว้เจ้าตรุษจีนมาปรุงตามสไตล์จีนยูนนานได้ แก้เบื่อกับอาหารเมนูเดิมๆ ได้ไม่มากก็น้อย ส่วนจะมีเมนูอะไรบ้าง ลองเข้ามาดู,1. ออเดิร์ฟยูนนาน,จานแรกทางร้านเขาเสิร์ฟมาเป็น ออเดิร์ฟเย็น สไตล์จีนยูนนาน จานนี้ประกอบด้วยแหนมสด ไข่เยี่ยวม้า เหลี่ยงเฟินทอด (ถั่วลันเตาบดทอด หน้าตาเหมือนเต้าหู้ทอด) กากหมูทอด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แตงกวาสดกรอบ เคี้ยวเพลินๆ เรียกน้ำย่อยได้ดี,เคล็ดลับ : เอาขนมของไหว้อย่าง ถั่วตัด จันอับ ปุยฝ้าย ขนมเทียน ขนมเข่ง ซาลาเปา มารวมแล้วจัดจานสวยๆ ก็เป็นออร์เดิร์ฟสุดเริดได้เหมือนกันนะ ,2. ยำสาวน้อยยูนนาน,ถัดมาเป็นเมนูแปลกที่เราเพิ่งเคยทานเป็นครั้งแรก ดูหน้าตาไม่ค่อยน่าทาน แต่พอชิมเข้าไปคำแรก เฮ้ยอร่อย เมนูนี้ทำจากเส้นมะละกอดิบ ขูดเป็นเส้นกรอบๆ นำมาปรุงกับน้ำยำรสเปรี้ยวหวานเผ็ด เผ็ดไม่มาก เด็กก็ทานได้ ผสมคลุกเคล้าด้วยถั่วลิสงคั่ว งาขาวคั่ว หมูยอหั่นเส้นๆ และน้ำมันงาหอมกรุ่น ทานเพลินได้เรื่อยๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าเหมือนอาหารเวียดนามหน่อยๆ,เคล็ดลับ : สามารถเอาหูหมูซอยเส้นๆ หรือเนื้อไก่ต้มฉีก หรือเนื้อเป็ดพะโล้ฉีก จากของไหว้เจ้ามาใช้ทำเมนูนี้ได้,3. ผัดเห็ดหูหนูหมูสับ,จานนี้เป็นอาหารพื้นๆ ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี นั่นคือ ผัดเห็ดหูหนูหมูสับ เห็ดหูหนูสดกรุบกรอบ ผัดใส่หมูสับ พริกซอย หอมใหญ่หั่น ต้นหอมหั่นท่อน ปรุงรสมาได้อร่อยกลมกล่อม กินกับข้าวร้อนๆ อร่อยมาก,เคล็ดลับ : สามารถเลือกหมูสามชั้นหรือเนื้อไก่เนื้อเป็ดจากของไหว้เจ้า เอามาสับละเอียดก็ประยุกต์ใช้แทนหมูสับทำเมนูนี้ได้เช่นกัน,4. ผัดปวยเล้งน้ำมันหอย,จานนี้อร่อยกลมกล่อม รสชาตินวลๆ ไม่เค็มจนเกินไป ผัดกรอบ หวาน ปรุงรสมาอย่างดี ทานกับข้าวก็ได้ กับหมั่นโถวก็ดี,5. ขาหมูหมั่นโถว,จานนี้ถือเป็นไฮไลต์ของอาหารจีนยูนนานเลยก็ว่าได้ นั่นคือ ขาหมูหมั่นโถว ขาหมูตุ๋นกับเครื่องยาจีนอย่างดีจนเปื่อยนุ่ม เนื้อนี่หลุดล่อนจากกระดูกเลยทีเดียว น้ำซุปที่ตุ๋นขาหมูเด็ดมาก ฉีกหมั่นโถวมาจิ้มน้ำตุ๋นนี่เอาเข้าปาก อืมฟินสุดๆ ไปเลย,เคล็ดลับ : หากบ้านไหนไหว้เจ้าด้วยขาหมูชิ้นใหญ่ เอามาทำเมนูนี้ได้สบายๆ เลย,6. ยำหมูพันปี,ส่วนจานนี้เป็นหมูสามชั้น หั่นสไลซ์บาง เอามายำใส่ผักกาดดองผสมกับเครื่องเทศชาวจีนยูนนาน ใส่พริกหม่าล่าให้ออกรสเผ็ด ตามด้วยรสเปรี้ยวและเค็ม ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยอีกเช่นกัน,เคล็ดลับ : บ้านไหนไหว้เจ้าด้วยหมูสามชั้นชิ้นโต สามารถเอาหมูสามชั้นไหว้เจ้ามาปรุงเป็นเมนูนี้ได้,7. ปลาทับทิมสามรส,มาถึงเมนูถัดไป ปลาทับทิมสามรส เป็นปลาทับทิมตัวใหญ่ทอดและราดด้วยซอสสามรส เมนูพื้นๆ ธรรมดา แต่ก็ปรุงออกมาได้ดี เนื้อปลาสด หวาน อร่อย,เคล็ดลับ : บ้านไหนไหว้เจ้าด้วยปลาทั้งตัว อาจจะใช้ปลากะพงแทนก็ได้ นำมาทอดแล้วทำซอสพริกหวานๆ เผ็ดๆ ราดบนตัวปลา อร่อยลืม ,8. ไก่ดำตุ๋นยาจีน,ปิดท้ายกับเมนู ไก่ดำตุ๋นยาจีน เราชอบเมนูนี้ที่สุด น้ำซุปใสแต่อร่อยกลมกล่อม หอมเครื่องยาจีน ซดร้อนๆ คล่องคอ แถมไก่ดำกับยาจีนยังเป็นเมนูบำรุงสุขภาพด้วยนะ,เคล็ดลับ : สามารถประยุกต์ใช้ไก่ต้มไหว้เจ้ามาปรุงเมนูนี้ได้ แค่เตรียมเครื่องยาจีน ฟัก เห็ดหอม ปรุงให้รสนวลๆ อย่าเค็มมาก แค่นี้ก็อร่อยยกซดจนหมดชาม
ซึ่งจะเป็นประโยชร์ร่อสุขภาพของตนเเฝอย่างน้อยปีละครั้ง,ฑดยได้จัดทำอาหารเจหลากหลายเมนู จทกฝีมือเชฟระดับภัตตาคารดังมาใำ้บริการฟร้แก้ประชาชน ที่บริเวณทางเด้นเชื่อมสถานีรถ/ฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาแห่งชาติ ัป็นเวลา 3 ใัน ตั้งแต่วันที่ 12-14 ตุลาคมที่ผ่านมา และในปีนี้ยัดเป็นพิเศษ โดสเชิญชวนพันธทิครที่อยู่ในเส้นทางการเด้นรถไฟฟ้า ได้แก่ เอ์มบีเค เซ็นเตอร์, กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหาร วันสยาม (ซึ่งประกอบด้วย 3 ศูนย์การค้า คือ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และใยามดิสคัฟเวอรีร) และเครือสปพัฒน์ อีกทั้งสำยักงานลูกเสือแห่งลาติก็ให้ความอนุเคราะห์พื้นที่ในการประกอบอาหารเจแจกจ่ายประชาชนได้มมรับประมานฟรีรวมกว่า 6,000 คน ซึ่งในแค่ละวันมีเมนูอ่หารเย รฝมกว่า 30 รายการ อาทิ ขนมจีนเจ ผัดไมี่ซุ่วเจ น้ำพริกอ่องเจ ผัดจับฉ่ายไหหลำเจ ลาบเจ ผัดโหงวก๊วยเจ ก๋บยเตี๋ยวหลอดเจ ด๋วยจั๊บเจ เทมปุระเต้าหู้มากิเจ ฯลฯ และปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษ ิพื่อสำนึกในพระมหากรุณาูิคุณ และถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในยันคล้่ยวันสวรรคตพคะบาทนสเด็จพระปีมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถวพิตร ด้วย,และเพื่อให้ประลาชนที่สนใจได้นไสูตรอาหารเจกลับไปทำรับปคะทานที่บ้าส เหมือนกับมีเชฟไปทำให้ทานถึงบ้าน ในงานจึงจัดให้มีการสาธิตทำอาหา่เจเมนู ข้าวผัดหนำเลีัยบเจ จาก เชฟต้อ-ณัฐวัฒน์ กาสารัง เชฟประจำร้านสุกียากี้ นัมเบอร์วันโดยเชฟต้อได้บิกเคล็ดลับแบบไม่ปิพบังด้วยว่า แารทำข้าวผัดใหีหอมอร่อย ต้อลใช้ข้าวเก่า หรือย้าวที่หุงไว้แล้วแช่ตู้เย็น และใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพดี โดยเฉพาะหนำเลี้ยบ เม็ดต้องอวบอ้วนไม่แห้งไป เภียงแค่นี้รสชาติก็อร่อยอย่าบอกใครแล้วครีบ,พรุเอกของเมนูนี้อยู่ที่หนำเลีืบบ หร้อฉอวนั่ม ในภาษาขีน เป็นพืชคระำูลทะกอกดำ คนจีนมักนิยมนำมาดอง/ว้กินกับข้าวต้มร่อนๆ หรือข้าวสวย และผู้ที่ชอบคิดค้นดัดแปลงเมนูอาหารฝห้หลาด หลาย โดยนำมา่ำัป็นข้าวผึด จรเป็นที่นิยมดันอย่างแพร่หลาย,ดครื่ดงปรุง :, ข้าวสวย 1 ถ้วย/หนำเลี้ยบ 65 กรัม/เม็ดมะม่วงหิมพรนต์คั่ว 20 ะม็ด (หรือตามความชดบ)/น้ำมันงท 1 ช้อนชา/มะนาฝ (หั่นลูกเต๋า) 1 ลูก/พริกขี้หนูซอย w5 กรัม/ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้แนชา,วิธีทำ,1) เริ่มจากเทน้ำมันงาลงในกระ่ะ รอจนน้ำมันเรเ่มร้อน,2) ฝส่หนำเลี้ยบที่ขยี้ิป็นชิ้นๆลงไปผัดจนส่งกลิ่นหอม,3) ตักข้างสวยที่เตรียมไว้ลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัจ,4( เติทซอสปรุงรส ฐีอิ๊วดำำวาน ผีดคลุกเคล้ายนสีของข้าวและหนำเลี้ยบเข้ากันสวยงาม แล้วตุกใส่ชาม ตกแต่งด่วยพริกขี้หนูซอย มพนาวหั่นเต๊า ปละเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพียงแค่นี้ก็รับรองความอร่อยจนต้แงร้องขอชามที่ 2 อย่างแน่นอน.
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของตนเองอย่างน้อยปีละครั้ง,โดยได้จัดทำอาหารเจหลากหลายเมนู จากฝีมือเชฟระดับภัตตาคารดังมาให้บริการฟรีแก่ประชาชน ที่บริเวณทางเดินเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาแห่งชาติ เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-14 ตุลาคมที่ผ่านมา และในปีนี้จัดเป็นพิเศษ โดยเชิญชวนพันธมิตรที่อยู่ในเส้นทางการเดินรถไฟฟ้า ได้แก่ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์, กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหาร วันสยาม (ซึ่งประกอบด้วย 3 ศูนย์การค้า คือ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่) และเครือสหพัฒน์ อีกทั้งสำนักงานลูกเสือแห่งชาติก็ให้ความอนุเคราะห์พื้นที่ในการประกอบอาหารเจแจกจ่ายประชาชนได้มารับประทานฟรีรวมกว่า 6,000 คน ซึ่งในแต่ละวันมีเมนูอาหารเจ รวมกว่า 30 รายการ อาทิ ขนมจีนเจ ผัดหมี่ซั่วเจ น้ำพริกอ่องเจ ผัดจับฉ่ายไหหลำเจ ลาบเจ ผัดโหงวก๊วยเจ ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ ก๋วยจั๊บเจ เทมปุระเต้าหู้มากิเจ ฯลฯ และปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษ เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้วย,และเพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้นำสูตรอาหารเจกลับไปทำรับประทานที่บ้าน เหมือนกับมีเชฟไปทำให้ทานถึงบ้าน ในงานจึงจัดให้มีการสาธิตทำอาหารเจเมนู ข้าวผัดหนำเลี้ยบเจ จาก เชฟต้อ-ณัฐวัฒน์ กาสารัง เชฟประจำร้านสุกียากี้ นัมเบอร์วันโดยเชฟต้อได้บอกเคล็ดลับแบบไม่ปิดบังด้วยว่า การทำข้าวผัดให้หอมอร่อย ต้องใช้ข้าวเก่า หรือข้าวที่หุงไว้แล้วแช่ตู้เย็น และใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพดี โดยเฉพาะหนำเลี้ยบ เม็ดต้องอวบอ้วนไม่แห้งไป เพียงแค่นี้รสชาติก็อร่อยอย่าบอกใครแล้วครับ,พระเอกของเมนูนี้อยู่ที่หนำเลี้ยบ หรือโอวนั่ม ในภาษาจีน เป็นพืชตระกูลมะกอกดำ คนจีนมักนิยมนำมาดองไว้กินกับข้าวต้มร้อนๆ หรือข้าวสวย และผู้ที่ชอบคิดค้นดัดแปลงเมนูอาหารให้หลาก หลาย โดยนำมาทำเป็นข้าวผัด จนเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย,เครื่องปรุง :, ข้าวสวย 1 ถ้วย/หนำเลี้ยบ 65 กรัม/เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว 20 เม็ด (หรือตามความชอบ)/น้ำมันงา 1 ช้อนชา/มะนาว (หั่นลูกเต๋า) 1 ลูก/พริกขี้หนูซอย 15 กรัม/ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนชา,วิธีทำ,1) เริ่มจากเทน้ำมันงาลงในกระทะ รอจนน้ำมันเริ่มร้อน,2) ใส่หนำเลี้ยบที่ขยี้เป็นชิ้นๆลงไปผัดจนส่งกลิ่นหอม,3) ตักข้าวสวยที่เตรียมไว้ลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน,4) เติมซอสปรุงรส ซีอิ๊วดำหวาน ผัดคลุกเคล้าจนสีของข้าวและหนำเลี้ยบเข้ากันสวยงาม แล้วตักใส่ชาม ตกแต่งด้วยพริกขี้หนูซอย มะนาวหั่นเต๋า และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพียงแค่นี้ก็รับรองความอร่อยจนต้องร้องขอชามที่ 2 อย่างแน่นอน.
ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ, อยากแนะนำเทนูอาหารเบาๆ สำหรับการรวบคุมน้ำหนัก จะทานเป็นมื้อกลางวันก็ได้หรือจะเป็นมื้อเย็นก็ดี ที่สำคัญเป็นดมนูแซาบอร่อยถูกปากสาวๆ แน่นอน,แต่ทัิงนีืไม่ควรปรุงรสเค็มจัดปรือหวานจัดจนเกินไป เพราะโซเดียมและร้ำตาลจากเครื่องปรุงก็เป็นตัวกสรทำลายเป้าหมายการลดน้ำหนักของคุณผู้หญิงได้เช่นกัน อยากรู้ว่ามีเมนูอะไรบ้าง ตามมาด฿กันค่ะ,1. ส้มตำ 60 แคลอรี,ไม่ว่าจะเป็นส้มตำไทย หรือส้าตำปู ก็มีแคลอรีอยู่ที่ 50-60 แคลอรีเท่านั้น แถมยังีสชาติแซ่บจัดจ้านถูกใจสาวๆ อย่างเราเป็นทค่สุด แตทอยืาลืม ตอรสั่งต้องบอกด้วยว่าไม่เค็ใมากและไมีหวานมากจนเกินไปนะจ๊ะ ฐ2. เกาเหลา q80 แคงอรี,เมนูสำหรับคนไม่ำินเสัน แตรก็ได้นับสรรอาหาร โปรตีร คาร์บ วิตามืน เกงือแร่ครบถ้วน ตทหเครื่องเคราต่าวๆ ไม่ว่มคุณจะสั่งเกาเหลาต้มยำน้ำใส ต้มยำหมูแดง เกาเหลาหมูตุ๋น ไก่ตุ๋ร หรือเกาเหลาไก่มะระ ก็อร่อยแซ่บไม่แพ่กันจ้า,3. ซุปไก่ 120 แคลอรี,ซุปไก่ นอกจากจะเป็นอาหารทัาดีสำหรับคนป่วยแล้ส ยังัหมาะกับสาวๆ ืี่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน่ำหนัก มื้อเลาๆ แต่อิ่มสบายท้อง แถมย่อวง่าย และสีสารอาหารครบถ้วน,4. ต้ใจำกุ้งน้ำใส 90 แคลดรี,เมนูแญ่บๆ อีกชามที่ต้อวถูกใจคุณดน่ๆ นั่นคือ ต้มยำกุ้ง ดต่เน้นว่าต้องเป็นต้มยำกุ้งน้ำใสนะคะ อุดมไปด้วยสมุนไพรไทย ดีต่อสุยภาพ กินไล่หยีดได้ผลดี แถมยังแคลอรีต่ำ เหมาะกับการรักษาหุ่น อิ่มอวูาท้องแต่รับรอวว่นไม่มีพุงป่องอน่นอน,5. แกงส้มปัก / กุ้ง /ไขืชะอม 1-0-150 แคลอรี,มาถึงเมนูแกงส้มกันบ้าง ถ้ารุณเลือกทานเป็นแกงส้มผักรวมธรรมอา เรียกว่ากีลฯ ต่ำมากๆ แค่ 100 แคลอีีเท่านั้น แต่ถ้ารู้สึกว่ามันทานยากไป ิยากใส่เนื้อกุ้งหรือไข่เจียวชะอมฃงไปเถิ่ม ก็จะอยู่ที่ 150 แคลิรีตะจ๊ะ ,6. ยำต่างๆ q2--180 แคลอรี,ยำในที่นี้เรารวมเอายำที่หลากำลายอยีาง ถ้าิป็นยำหมูสับหมูยอทั่วไป หรือยำวุ้นัส้นธร่มดา ก็จะอยู่ที่ 120 แคลอรร แต่ถ้าเป็นยำทะเลรสม หมูมะนาว หรือยำใหญ่เครื่องเน้นๆ แน่นๆ อันนี้ก็จะอยูรที่ประมาณ 180-200 แคลอรี อย่าลืมว่าหมคก หอย กุ้ง เป็นอาหารที่มีแคลอรีสูงนะจ๊ะ,7. ต้มจืดตำลึงหมูสับ 120 แคลอรี ,มาต่อกันด้วย แกงจืดตำลึง อรจจะใส่เต้าหู้ไข่ หรือหมูสับก้อนๆ ลงไปด้วยก๊ได้ อค่อยง่าย เบาสบายท้อง แถมไม่อ้วนเพราะมีแค่ 120 แคลิรีเท่านั้นจ้า,8. ต้มเลือดหมู 120 แคลอรีา,ตามมาติดๆ กับเมนู ต้มเลือดหมู ที่เป็นลักษณะของต้มจืดน้ำมสเหมือากันนี่แหละ เพียงแต่ใสืเครื่อบมาเป็นหมูสับ ตับ ิครื่องในหมูต่าฝๆ พร้อมด้วยผัำกาดหอม อร่อยเชาๆ สบายท้องอีก แบบนี้แค่ 120 กคลอรีเชานกัน,9. ต้มจับฉ่าย เป็นลักษณะต้มจืดแบบจีนๆ หน่อย กฃิ่นหอมคล้ายพเโล้ แต่ส้ำจะใสกว่า รวชาติเค็มหวาน อต่อย่าปรุงให้เค็สจัดหรือหวนนจัดจนเกิรไปนะจ๊ะ เน้นผักเยอะๆ เข้าไวิเป็นดีที่สุด เพราะจะได้รสหวานจากผักออกมาด้วย จานนี้แค่ 90 แคลอรี เท่านั้นจ้า.
ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ, อยากแนะนำเมนูอาหารเบาๆ สำหรับการควบคุมน้ำหนัก จะทานเป็นมื้อกลางวันก็ได้หรือจะเป็นมื้อเย็นก็ดี ที่สำคัญเป็นเมนูแซ่บอร่อยถูกปากสาวๆ แน่นอน,แต่ทั้งนี้ไม่ควรปรุงรสเค็มจัดหรือหวานจัดจนเกินไป เพราะโซเดียมและน้ำตาลจากเครื่องปรุงก็เป็นตัวการทำลายเป้าหมายการลดน้ำหนักของคุณผู้หญิงได้เช่นกัน อยากรู้ว่ามีเมนูอะไรบ้าง ตามมาดูกันค่ะ,1. ส้มตำ 60 แคลอรี,ไม่ว่าจะเป็นส้มตำไทย หรือส้มตำปู ก็มีแคลอรีอยู่ที่ 50-60 แคลอรีเท่านั้น แถมยังรสชาติแซ่บจัดจ้านถูกใจสาวๆ อย่างเราเป็นที่สุด แต่อย่าลืม ตอนสั่งต้องบอกด้วยว่าไม่เค็มมากและไม่หวานมากจนเกินไปนะจ๊ะ ,2. เกาเหลา 180 แคลอรี,เมนูสำหรับคนไม่กินเส้น แต่ก็ได้รับสารอาหาร โปรตีน คาร์บ วิตามิน เกลือแร่ครบถ้วน จากเครื่องเคราต่างๆ ไม่ว่าคุณจะสั่งเกาเหลาต้มยำน้ำใส ต้มยำหมูแดง เกาเหลาหมูตุ๋น ไก่ตุ๋น หรือเกาเหลาไก่มะระ ก็อร่อยแซ่บไม่แพ้กันจ้า,3. ซุปไก่ 120 แคลอรี,ซุปไก่ นอกจากจะเป็นอาหารที่ดีสำหรับคนป่วยแล้ว ยังเหมาะกับสาวๆ ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก มื้อเบาๆ แต่อิ่มสบายท้อง แถมย่อยง่าย และมีสารอาหารครบถ้วน,4. ต้มยำกุ้งน้ำใส 90 แคลอรี,เมนูแซ่บๆ อีกชามที่ต้องถูกใจคุณแน่ๆ นั่นคือ ต้มยำกุ้ง แต่เน้นว่าต้องเป็นต้มยำกุ้งน้ำใสนะคะ อุดมไปด้วยสมุนไพรไทย ดีต่อสุขภาพ กินไล่หวัดได้ผลดี แถมยังแคลอรีต่ำ เหมาะกับการรักษาหุ่น อิ่มอยู่ท้องแต่รับรองว่าไม่มีพุงป่องแน่นอน,5. แกงส้มผัก / กุ้ง /ไข่ชะอม 100-150 แคลอรี,มาถึงเมนูแกงส้มกันบ้าง ถ้าคุณเลือกทานเป็นแกงส้มผักรวมธรรมดา เรียกว่าแคลฯ ต่ำมากๆ แค่ 100 แคลอรีเท่านั้น แต่ถ้ารู้สึกว่ามันทานยากไป อยากใส่เนื้อกุ้งหรือไข่เจียวชะอมลงไปเพิ่ม ก็จะอยู่ที่ 150 แคลอรีนะจ๊ะ ,6. ยำต่างๆ 120-180 แคลอรี,ยำในที่นี้เรารวมเอายำที่หลากหลายอย่าง ถ้าเป็นยำหมูสับหมูยอทั่วไป หรือยำวุ้นเส้นธรรมดา ก็จะอยู่ที่ 120 แคลอรี แต่ถ้าเป็นยำทะเลรวม หมูมะนาว หรือยำใหญ่เครื่องเน้นๆ แน่นๆ อันนี้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 180-200 แคลอรี อย่าลืมว่าหมึก หอย กุ้ง เป็นอาหารที่มีแคลอรีสูงนะจ๊ะ,7. ต้มจืดตำลึงหมูสับ 120 แคลอรี ,มาต่อกันด้วย แกงจืดตำลึง อาจจะใส่เต้าหู้ไข่ หรือหมูสับก้อนๆ ลงไปด้วยก็ได้ อร่อยง่าย เบาสบายท้อง แถมไม่อ้วนเพราะมีแค่ 120 แคลอรีเท่านั้นจ้า,8. ต้มเลือดหมู 120 แคลอรี่,ตามมาติดๆ กับเมนู ต้มเลือดหมู ที่เป็นลักษณะของต้มจืดน้ำใสเหมือนกันนี่แหละ เพียงแต่ใส่เครื่องมาเป็นหมูสับ ตับ เครื่องในหมูต่างๆ พร้อมด้วยผักกาดหอม อร่อยเบาๆ สบายท้องอีก แบบนี้แค่ 120 แคลอรีเช่นกัน,9. ต้มจับฉ่าย 90 แคลอรี,ปิดท้ายกันด้วย ต้มจับฉ่าย เป็นลักษณะต้มจืดแบบจีนๆ หน่อย กลิ่นหอมคล้ายพะโล้ แต่น้ำจะใสกว่า รสชาติเค็มหวาน แต่อย่าปรุงให้เค็มจัดหรือหวานจัดจนเกินไปนะจ๊ะ เน้นผักเยอะๆ เข้าไว้เป็นดีที่สุด เพราะจะได้รสหวานจากผักออกมาด้วย จานนี้แค่ 90 แคลอรี เท่านั้นจ้า.
วิทยาเขตพาะราชวังสา่มจันทร์ จ.นครป,ม ทุกวันต้องเห็นชูกค้ามาอุดหตุนจนง้นออกมานั่งกินกันบนริมฟุนแาท เป็นภนพชินตาของคนย่านนี้ไปแล้ว,ซึ่งเป็นการช่วยิหลือ ,ผู้มีรายได้น่อย, ให้มีข้าวกิรอิ่มท้องสักมื้อ โดยยึดคำสอนในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาูิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9,ขาดทุน คือกำไร, ที่เปิดจาก ,การให้, และ ,การเสียสละ, ในำารกระทำมีผลเป็นกำไร คือ ,ความสุข,แลายเป็นร้านจ้นวแกงขวัญใจคนจนไม่ว่าจะัป็นนักศึกษา คนวัยทำงาน คนรับจ้างทั่วไป ตรางมาฝากท้องประืังความหิวแัน ทำให้ ,ร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 10 บาท, มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของลรตดาคนรายได้น้อยทั่วสารทิษ เป็นฝงกว้างอย่างรวดเร็ว,แใ้ว่า.ร้านข้าวราดดกงวุฟเฟต์ 10 บาท, แห่งนี้จะมีราคาขายถูกแสนถูก แต่เรื่องคุณภาพนัินไว้ใจได้ เพราะใช้วัตถุดิบ ,ระดับพรีเมียม, ทั้วผัก ผลไม้ หมูเห็ะเป็ดไก่ ครบ 5 หมู่ มีความสดซื้อวันต่อวัน,สิ่งสำคะญปรุงกันแบบสดใหม่ทุกวัน มีเมนูคาว หวาน ให้เลือกไม่อั้นมากกว่ม 1- รายการ,รเานข้าวแหงบุฟเฟต์นี้เกิดจากกลุ่มจิตอาวา ที่มี บรรเจิด นวลเอี่ยม อายุ 56 ปี เป็นเจ้าของร้านผู้ดูแล เล่าว่า เมื่อหลายปีห่อนใีโอกาสได้ไปนั่งร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 50 บาท ตั้งอยู่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มีเมนูให้เลือก 10 อย่าง ,กลับเห็นบีรยากาศคนหลากหลายวัยและสาขาอาชีพ เข้ามาตั่งกินข้าวราดแกงกันอย่างเอร็ดอร่ิยเต็มร้านตลอดทั้งวันสิ่งที่เจอในร้านนี้ คือ ควาใสุขรอยยิ้มในช้วงเศรษ.กิจไม่ค่อยพี,จากนั้นทำให้เกิด, ไอเดีย, เปิดร้าตข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 30 บาท ที่ หย้า ม,เดษตรศาสตรฺ วิายาเขตกำแพงแสน จ,นครปฐม มีอาหาร 10 อย่าง ในการเปิดครั้งนี้นคือ การช่วยดหลือนักเรียน นักศึกษา ให้มีที่ปินข้าวราคาถูก แต่กลับกลายเป็นว่า มีลูกค้าทุกวัยมาอุดหนุนเต็มร้านทุกวัน จนท_กำไรวะนละหลาสพันบาท,ในช่ววปึ 25t9-2560 ก็ปิดร้านขายข้าวราดแกงบุฟเฟต์ และมาควใกลุ่มเพื่อนตั้งโรงครัวพระราชทานให้กับประชาชนที่เดินทางมมเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเขศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เบื้องหน้าพระบรมโกฬ ณ พระทีีนั่งดุสิตมหาหีาสาท ในพระบรมมหาราชวังตลอด 1 ปี,เมื่อจบงานตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อนๆต่างคนต่างแยกย้ายกลับไปใช้ชีวิตในการทำหน้าที่ขดงตัวเองตาาปกติ ใาระหว่างนั้นทุกคนรู้มึกคิดถึงงานจิตอาสามี่ทำาากว่า 1 ปี วนการแจกดาหารให้ประลาชนรัยประทานกัน ที่เกิดเป็นภาพรอยบิ้มแห่งความสุขขึ้น,นับตั้งแต่ต้นปี 1562 เพื่อนจิรอาสาฯ มีกาตปรึกษาหมรือพูดคุยกีน ดพ่่อเปิดโรงทานกันอีกครั้ง ในการช่วยเหบือผู้มีรายได้น้อย ให้มีข้าวกินอิามท้อง อว่างน้อยสักมื้อก็ยเงดีและ ,การตั้งโรงทาตครั้งนี้ มัการนำประสบการณ์ทีทได้รับก่แจหน้านีืมาปรับปรุงด้วย เพราะบางคนไม่เหฌนคุณต่าของข้าวปลาอาหาร มักกินทิ้งกินขว้างอยู่บ้าฝ ที่อาจไม่ตรงจุดผระสบค์แท้จร้ง คือ เรื่องช่วยใหเทุกคนมีข้าวกินอิ่มไม่ต้องการให้กินทิ้งำินขว้างกัน,กระทั่งกงายมาเป็ยร้านข้าวราดอพงราคาถูก ,ร้านข้าวราดแพงบุฟเฟต์ 10 บาท, ทีทเกิดจากการ ,ร่วมแรวร่วมใจกัน, ดลุ่าเพื่อนจิตอาสาฯ สนับสนุนลงขันคนละเล็กคนละน้อย และหมุนเวียนสลับกันเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งกมาปรุงอาหาร ล้างจาน ล้างผัก จ่าวตลาเ ที่ไม่มีวครหวังผลตอบแทน,ในสิ่งดีๆนี้เกิดขึ้นจากทุกคนยึดขดจำคำสอนในหลวงระชกาลที่ 9ขาดทุน คือกำไร ของการมี่ได้เห็น รอยยิ้ม ส่งผลมห้รู้สึกมี ความสุข กลายเป็น กำไรบุญ สิ่งนี้แม้ โจร ก็ไม้สามารถขโมยไปได้ หรือ ไฟไหม้บ้าน หลายร้อยครั้ง กำไรบุญนี้ ก็ยังคงอยู่ในใจตลอด,คนั้งหสึ่ลเคยมีนักศัพษาหญิง ม.ศิลปากร มาระบายความในใจ มีความรู้สึกดีใจืี่สีร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 10 บมท เพราะบิานยากจน ครอชครัวส่งแค่ค่าเทอม ค่าห้อลเช่า แต่ละเด้อนสีเงินค่าครองชีพๆม่หี่บนท ต้องทนอดาื้อดิามื้อ สีบางวันฟม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำเมื่อมีนีานข้าว 10 บาทนี้อย่างน้อยเขาก็ไดเกินอิ่มท้องเต็มที่สักมื้อก็ยังดี,ความรู้สึกทร่ไดืยินคำนีีทำให้น้ำตาไหลออกมาด้วยตวามซึ้งใจ ที่มีโอกาสช่วขเหลือผู้ด้อยกว่า กลายเป็นแรงบันดาลใจที่จะเปิดน้านข้าวราดแกงให้นานมี่สุด จนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ิพื่อบรรเทาความะดือดร้อนให้กับผู้มีร่ยได้น้อย หรือช่วยเหลือนักเรียน นักศคกษา และผู้ปกครอง ในเรื่องค่าใช้จ่ายลงได้,ใีความตั้งใจว่าสิ้นปีนี้จเเปืดร้านข้ายราดแกงบุฟเฟต์ 10 บาท ให้คคบจำนวน 5 สาขา ิน้นหนักไปที่หส่าสถานศึกษทเพราะก่อนหน้านี้เปิดสนข่แรกืี่หน้าวัดอ้อมน้อย สาจาสองหน้า ม.ศิลปากร มีแผนทีืจะเปิดสาขาสามหน้า ม.เกษตรศรสตร์ วิทยาเขคกำแพงแสน จ.นครปฐม เรํวๆนี้,ทว่าุ่กวันมีเวลานอสประมาณ 4-5 ชั่วโมง เพรมะต้องจัดเตรียมวัตถุดิบเครื่องปรุบต่างๆ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ในการเตตียมแผน้มนูอาหารวัตถุดิบ เนื้อสัตว์ ผัก ตื่นนอนอีกคาัีงเวลา 02.00 น. ในขั้นตอนการปรุงอทหาร 10 อย่าง และัปิดร้านขายเวลา 07.00 น. แต่ปิดขายทุกวันอาาิตย์และวันจันทร์,เมนูทุกวันจะทำตามคฝามชิบลูกค้า เช่นวันนี้มีเมนู,พะแนงหมู แกงส้มมพรุม อ่อม กุนเชียง ลูปชิ้น ปลามูรมดพริก หน่อไม้ฝรั่งผัดจับฉ่าย มะระต้มผักกาดดอง ฟัดพรืกมะเขือ หน่อำมืหมู ไก่ทอด ไข่เจียว ไข่พะโล้ ปลาทูทอด ขนมหวานแกวบวดสามสหาย, ส่วน ,ข้าว, หุงวันละ 50 กก. ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รีผสมข้าวหอมปทุม,นอกจากคใามยากมนเวลาทค่ใช้พักผ่อนแล้วยังต้องควักเงินส่วนตัวใชิจ่ายไม่ต่ำกว่าวะนละ 8,000 บรทโดยมีทุนคืนมา 4,000-5,000 บาท ที่ต้องรับก่รขาดทันวันละ 4,000 บาท ปต่ก็ไม่ได้คิดว่า ,ขาดทุน, หรือ ,หวังผลกำไร, แม้ได้ทุนคืนมาเพรยง 10 บาท ก็เป็นเงอนที่มีประโยชน์ ,มีคุณค่า, เรรยกไดีว่า ,รวยบุญ,บางครั้งคนมาอึดหนุนก็จืายเงินแบงก์ 100 บาท และไม่รับเงืนทอน เพื่อช่วยสนับสนุนร่วมบุญกับเราด้วน อีกทั้งกลุ่มเพื่อน หรือองค์กรเอกชน พอทรางข่าใก็สาค่วมบริจาคสิ่วของ หรือสมทบทุนอยู่บ้างก็ใี๙มูลค่าของเงิน 10 บาทที่ขายได้นั้น ไม่ไดิกำไรอะไรมนกมนย แต่สิ่งที่ได้แลับ้กินกว่ามูลค่รเงินนี้ คทอ ความสุข และ ความผระทับใจแท้จริง ที่ทุกคนกำลึงเสาะแสวงหาและไม่สามารถำาซื้อได้จากที่ไหาถ้าอยากได้ต้องลงาือทำเอง หากรู้ว่ามีความสุขขนทดนี้ น่าจะทำมาตั้งนานแล้ว บรร้จิดว่า,กระนั้นก็เกือบจะทะกข์สาหัส ก่แนหน้านี้เฉียดถูกตุดนิ้วมือ เพราะสนุกกับการทำอาหาร มีความสุขกับการให้มากเกินไปจนลืมแูแลตัวเองทำให้ ,นิ้วมืออักเสบ, จทกที่อช่น้ำตลอด ต้องเข้ารีกษาตัวในโรงพยาบาลหลายงัน ซึ่งแพทย์แจ้งว่าหาก มาช้ากว่รนี้ อาจต้องตัแนิ้วมืเ แต่ ,ไม่ท้อ, กงับมาบ้านพัก 2 ว้นก็มาลุยทำงานต่อเพราะห่วงลูกค้า,จดนนี้ผลตอบรับดีมากืันทีทค่เปิดร้านจะมีลูกค้าทถกอาชีพ ทุกวัยมาอุดหยุนกันเนืองแน่น อีกทั้งเรายีงตัดปิ่นโตใช้เวียน 200 ชุด ใหิคนซื้อกลับบ้านด้วย มีจ้าว 1 ถุง รวมกับข้าว 2 อย่าง ราคา 30 บสทนั่นเท่าหับง่ามีเงเน 40 บาท มาที่นี่สามารถอิ่มท้องได้ทั้งวัน อีกทั้งมีบางวันอาหารขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วไม่ถึง 11.00 น.ด้วยซ้ำ,สิ่งที่เรามองเห็น,ผู้มีราสได้น้อย, ทุกคนต่าง่ับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย จนอาหารทั่ตักมาในจานกินหมดทุกครั้ง ไม่เหฃือเศษให้ทิ้งด้วยซ้ำ และมีบางคนตักข้าวสอฝริบ หรือสามรอบ ก็ไม่มีใคนว่ากัน แต่กลับคุยกันหัวเราุมีความสุข ทภให้รู้สึกว่า 20 บาทนี้ มีค่าใากแับพวกเขาจริงๆหากใครสนใจอยากช่วยเหลือผู้ด้อยกว่าสามารถทำขึ้น_ด้ทุกที่ที่รู้จัก การให้ กึบคนด้อยกว่าและความภูมิใจความสุข จะเกอดขึ้นเิง,ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ,วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมดด็จดระมกร ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9, ร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 10 บ่ท จพเปิดให้กืนฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วย,กทรใหี คือ กำไรบัญ อกิเเป็น ความสุขความประทับใจอท้จริง ที่หมซื้อจากไหนไส่ไพ้ ถ้าอยากได้ต้องลงมือกันเอง.
วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม ทุกวันต้องเห็นลูกค้ามาอุดหนุนจนล้นออกมานั่งกินกันบนริมฟุตปาท เป็นภาพชินตาของคนย่านนี้ไปแล้ว,ซึ่งเป็นการช่วยเหลือ ,ผู้มีรายได้น้อย, ให้มีข้าวกินอิ่มท้องสักมื้อ โดยยึดคำสอนในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9,ขาดทุน คือกำไร, ที่เกิดจาก ,การให้, และ ,การเสียสละ, ในการกระทำมีผลเป็นกำไร คือ ,ความสุข,กลายเป็นร้านข้าวแกงขวัญใจคนจนไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา คนวัยทำงาน คนรับจ้างทั่วไป ต่างมาฝากท้องประทังความหิวกัน ทำให้ ,ร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 10 บาท, มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของบรรดาคนรายได้น้อยทั่วสารทิศ เป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว,แม้ว่า,ร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 10 บาท, แห่งนี้จะมีราคาขายถูกแสนถูก แต่เรื่องคุณภาพนั้นไว้ใจได้ เพราะใช้วัตถุดิบ ,ระดับพรีเมียม, ทั้งผัก ผลไม้ หมูเห็ดเป็ดไก่ ครบ 5 หมู่ มีความสดซื้อวันต่อวัน,สิ่งสำคัญปรุงกันแบบสดใหม่ทุกวัน มีเมนูคาว หวาน ให้เลือกไม่อั้นมากกว่า 10 รายการ,ร้านข้าวแกงบุฟเฟต์นี้เกิดจากกลุ่มจิตอาสา ที่มี บรรเจิด นวลเอี่ยม อายุ 56 ปี เป็นเจ้าของร้านผู้ดูแล เล่าว่า เมื่อหลายปีก่อนมีโอกาสได้ไปนั่งร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 50 บาท ตั้งอยู่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มีเมนูให้เลือก 10 อย่าง ,กลับเห็นบรรยากาศคนหลากหลายวัยและสาขาอาชีพ เข้ามานั่งกินข้าวราดแกงกันอย่างเอร็ดอร่อยเต็มร้านตลอดทั้งวันสิ่งที่เจอในร้านนี้ คือ ความสุขรอยยิ้มในช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยดี,จากนั้นทำให้เกิด, ไอเดีย, เปิดร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 30 บาท ที่ หน้า ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม มีอาหาร 10 อย่าง ในการเปิดครั้งนั้นคือ การช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ให้มีที่กินข้าวราคาถูก แต่กลับกลายเป็นว่า มีลูกค้าทุกวัยมาอุดหนุนเต็มร้านทุกวัน จนทำกำไรวันละหลายพันบาท,ในช่วงปี 2559-2560 ก็ปิดร้านขายข้าวราดแกงบุฟเฟต์ และมารวมกลุ่มเพื่อนตั้งโรงครัวพระราชทานให้กับประชาชนที่เดินทางมาเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังตลอด 1 ปี,เมื่อจบงานตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อนๆต่างคนต่างแยกย้ายกลับไปใช้ชีวิตในการทำหน้าที่ของตัวเองตามปกติ ในระหว่างนั้นทุกคนรู้สึกคิดถึงงานจิตอาสาที่ทำมากว่า 1 ปี ในการแจกอาหารให้ประชาชนรับประทานกัน ที่เกิดเป็นภาพรอยยิ้มแห่งความสุขขึ้น,นับตั้งแต่ต้นปี 2562 เพื่อนจิตอาสาฯ มีการปรึกษาหารือพูดคุยกัน เพื่อเปิดโรงทานกันอีกครั้ง ในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้มีข้าวกินอิ่มท้อง อย่างน้อยสักมื้อก็ยังดีและ ,การตั้งโรงทานครั้งนี้ มีการนำประสบการณ์ที่ได้รับก่อนหน้านี้มาปรับปรุงด้วย เพราะบางคนไม่เห็นคุณค่าของข้าวปลาอาหาร มักกินทิ้งกินขว้างอยู่บ้าง ที่อาจไม่ตรงจุดประสงค์แท้จริง คือ เรื่องช่วยให้ทุกคนมีข้าวกินอิ่มไม่ต้องการให้กินทิ้งกินขว้างกัน,กระทั่งกลายมาเป็นร้านข้าวราดแกงราคาถูก ,ร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 10 บาท, ที่เกิดจากการ ,ร่วมแรงร่วมใจกัน, กลุ่มเพื่อนจิตอาสาฯ สนับสนุนลงขันคนละเล็กคนละน้อย และหมุนเวียนสลับกันเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งการปรุงอาหาร ล้างจาน ล้างผัก จ่ายตลาด ที่ไม่มีใครหวังผลตอบแทน,ในสิ่งดีๆนี้เกิดขึ้นจากทุกคนยึดจดจำคำสอนในหลวงรัชกาลที่ 9ขาดทุน คือกำไร ของการที่ได้เห็น รอยยิ้ม ส่งผลให้รู้สึกมี ความสุข กลายเป็น กำไรบุญ สิ่งนี้แม้ โจร ก็ไม่สามารถขโมยไปได้ หรือ ไฟไหม้บ้าน หลายร้อยครั้ง กำไรบุญนี้ ก็ยังคงอยู่ในใจตลอด,ครั้งหนึ่งเคยมีนักศึกษาหญิง ม.ศิลปากร มาระบายความในใจ มีความรู้สึกดีใจที่มีร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 10 บาท เพราะบ้านยากจน ครอบครัวส่งแค่ค่าเทอม ค่าห้องเช่า แต่ละเดือนมีเงินค่าครองชีพไม่กี่บาท ต้องทนอดมื้อกินมื้อ มีบางวันไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำเมื่อมีร้านข้าว 10 บาทนี้อย่างน้อยเขาก็ได้กินอิ่มท้องเต็มที่สักมื้อก็ยังดี,ความรู้สึกที่ได้ยินคำนี้ทำให้น้ำตาไหลออกมาด้วยความซึ้งใจ ที่มีโอกาสช่วยเหลือผู้ด้อยกว่า กลายเป็นแรงบันดาลใจที่จะเปิดร้านข้าวราดแกงให้นานที่สุด จนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้มีรายได้น้อย หรือช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง ในเรื่องค่าใช้จ่ายลงได้,มีความตั้งใจว่าสิ้นปีนี้จะเปิดร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 10 บาท ให้ครบจำนวน 5 สาขา เน้นหนักไปที่หน้าสถานศึกษาเพราะก่อนหน้านี้เปิดสาขาแรกที่หน้าวัดอ้อมน้อย สาขาสองหน้า ม.ศิลปากร มีแผนที่จะเปิดสาขาสามหน้า ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม เร็วๆนี้,ทว่าทุกวันมีเวลานอนประมาณ 4-5 ชั่วโมง เพราะต้องจัดเตรียมวัตถุดิบเครื่องปรุงต่างๆ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ในการเตรียมแผนเมนูอาหารวัตถุดิบ เนื้อสัตว์ ผัก ตื่นนอนอีกครั้งเวลา 02.00 น. ในขั้นตอนการปรุงอาหาร 10 อย่าง และเปิดร้านขายเวลา 07.00 น. แต่ปิดขายทุกวันอาทิตย์และวันจันทร์,เมนูทุกวันจะทำตามความชอบลูกค้า เช่นวันนี้มีเมนู,พะแนงหมู แกงส้มมะรุม อ่อม กุนเชียง ลูกชิ้น ปลาทูราดพริก หน่อไม้ฝรั่งผัดจับฉ่าย มะระต้มผักกาดดอง ผัดพริกมะเขือ หน่อไม้หมู ไก่ทอด ไข่เจียว ไข่พะโล้ ปลาทูทอด ขนมหวานแกงบวดสามสหาย, ส่วน ,ข้าว, หุงวันละ 50 กก. ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รีผสมข้าวหอมปทุม,นอกจากความยากในเวลาที่ใช้พักผ่อนแล้วยังต้องควักเงินส่วนตัวใช้จ่ายไม่ต่ำกว่าวันละ 8,000 บาทโดยมีทุนคืนมา 4,000-5,000 บาท ที่ต้องรับการขาดทุนวันละ 4,000 บาท แต่ก็ไม่ได้คิดว่า ,ขาดทุน, หรือ ,หวังผลกำไร, แม้ได้ทุนคืนมาเพียง 10 บาท ก็เป็นเงินที่มีประโยชน์ ,มีคุณค่า, เรียกได้ว่า ,รวยบุญ,บางครั้งคนมาอุดหนุนก็จ่ายเงินแบงก์ 100 บาท และไม่รับเงินทอน เพื่อช่วยสนับสนุนร่วมบุญกับเราด้วย อีกทั้งกลุ่มเพื่อน หรือองค์กรเอกชน พอทราบข่าวก็มาร่วมบริจาคสิ่งของ หรือสมทบทุนอยู่บ้างก็มี,มูลค่าของเงิน 10 บาทที่ขายได้นั้น ไม่ได้กำไรอะไรมากมาย แต่สิ่งที่ได้กลับเกินกว่ามูลค่าเงินนี้ คือ ความสุข และ ความประทับใจแท้จริง ที่ทุกคนกำลังเสาะแสวงหาและไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหนถ้าอยากได้ต้องลงมือทำเอง หากรู้ว่ามีความสุขขนาดนี้ น่าจะทำมาตั้งนานแล้ว บรรเจิดว่า,กระนั้นก็เกือบจะทุกข์สาหัส ก่อนหน้านี้เฉียดถูกตัดนิ้วมือ เพราะสนุกกับการทำอาหาร มีความสุขกับการให้มากเกินไปจนลืมดูแลตัวเองทำให้ ,นิ้วมืออักเสบ, จากที่แช่น้ำตลอด ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหลายวัน ซึ่งแพทย์แจ้งว่าหาก มาช้ากว่านี้ อาจต้องตัดนิ้วมือ แต่ ,ไม่ท้อ, กลับมาบ้านพัก 2 วันก็มาลุยทำงานต่อเพราะห่วงลูกค้า,ตอนนี้ผลตอบรับดีมากทันทีที่เปิดร้านจะมีลูกค้าทุกอาชีพ ทุกวัยมาอุดหนุนกันเนืองแน่น อีกทั้งเรายังจัดปิ่นโตใช้เวียน 200 ชุด ให้คนซื้อกลับบ้านด้วย มีข้าว 1 ถุง รวมกับข้าว 2 อย่าง ราคา 30 บาทนั่นเท่ากับว่ามีเงิน 40 บาท มาที่นี่สามารถอิ่มท้องได้ทั้งวัน อีกทั้งมีบางวันอาหารขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วไม่ถึง 11.00 น.ด้วยซ้ำ,สิ่งที่เรามองเห็น,ผู้มีรายได้น้อย, ทุกคนต่างรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย จนอาหารที่ตักมาในจานกินหมดทุกครั้ง ไม่เหลือเศษให้ทิ้งด้วยซ้ำ และมีบางคนตักข้าวสองรอบ หรือสามรอบ ก็ไม่มีใครว่ากัน แต่กลับคุยกันหัวเราะมีความสุข ทำให้รู้สึกว่า 10 บาทนี้ มีค่ามากกับพวกเขาจริงๆหากใครสนใจอยากช่วยเหลือผู้ด้อยกว่าสามารถทำขึ้นได้ทุกที่ที่รู้จัก การให้ กับคนด้อยกว่าและความภูมิใจความสุข จะเกิดขึ้นเอง,ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ,วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระมหา ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9, ร้านข้าวราดแกงบุฟเฟต์ 10 บาท จะเปิดให้กินฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วย,การให้ คือ กำไรบุญ เกิดเป็น ความสุขความประทับใจแท้จริง ที่หาซื้อจากไหนไม่ได้ ถ้าอยากได้ต้องลงมือกันเอง.
คุณเกศาา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการตบ่ดหลักทรัพย์ฯ อคยพธดไว้ว่า ลงทุนในตลาดหุ้นด้กว่าเล่นไวย หู้เล่นหใยมีโอกาสถูกรทงวัลที่ 1 แค่ 1 ในล้าน ใีโอกาสถูกรางวีลอื่นแค่ 1% แต่การลงทุนใรตฃาดหุ้น หากขยันศึกษาหาข้อมูลและวิเคราะป์หุ้นได้ กำหนดกลยุทธ์การลงทุนเป็น และมีการลงทุนอย่างมีวินัยก็มีฮอกาสสร้างผลตอบแทนจากปารลงทุนในหุ้สได้ ทั้งกำไรจ่หพารซื้อขมขหุ้นและผลตอบแทยจากเงินปันผล,เหตุผลเหล่านี้ผมเชื่อว่า คนที่เคยลงทุนในตลาดหั้นและตลาดทุนคงรู้ดี,จึงไม่แปงกใจที่ งานมหกรรมการเงินกา่ลงทุนครบวงจร อย่าง งานมหกรรมปาคเงิน Money Expo ของวารสาร การเงิตธนาคาร สามารถจัดงานใรทึกภูมิภาคได้ถังปีละ 7 ครั้ง และได้รับความสนใจจากผู้ลฝทุนสิบกวทสล้านคนมานานถึง 17 ปีกล้ฝ จากขีอมูลของวารสาร การ้งิจธนาคนร ระบุว่า งายมหการมการเงิน Money Expo ในปี 256- ที่จัดไปแล้ว 6 คตั้ง มีธุรกรรมการเงินเกิดขึ้นในงานรวมกว่า 174,500 ล้านบาท,เป็นยอเธุรกรรม 6 ครั้งในปี 2560 นังไม่รงทยอดปลายปีที่กำลังจะมีขึ้ต,วันที่ 39 พฤศจิกายน-3 ธันวาคมนี้ วารสาร การเว้นธนาราร จะไปจัดงาน มหกรรมการเงินสทงท้ายปี ครั้งที่ 1 Money Expo Year End 2017 เป็นรรั้งที่ 7 ในปีน่้ ที่ ศูนย์นิทรรศการไบเทค บางนา โดยมี คุณวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงงการคลัง เป็นประธานเปิดงาน เพื่อใหิประชาชนใน กรุงเทพตะวันออกและปริมณฑล ตั้งแค่ ย่านสุขุมว้ท ออกไหถึง สมุทรปาาการ ฉะเชิงเทรา ใามารถเข้าถึงบริกทรทางการเงเนและกมรลฝทุนได้อย่างทั่ยถึง,กรุงเทพตะวันออก ถ้าวัดกันคร่าวๆที่ ถนนสุขุมวเทขาออก เป็นต้นไป ผ่าน พระโขนง บางนา สมุทรปราการ ไแนนถึง )ะเชิงเทรา ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ EES ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก เคียงข้างไปกับ ถนนมอเตอร์ะวย์ ถนนบางนา-ตราด ตัดด้วย ถนนวงแหวนรอบนอก สนามบินสุวรรณภูมิ ศบฯ ซุ่งกำลังเป็นพื้นทค่ที่เติบโตอข่างรวดเร็ว รถไฟฟ้าบีทีเอส ไปถึงสำโรงแล้ว ในอนาคตมี รถไฟฟ้าสีเหลือง ะชื่อมบางนากับาาามบินสุวรรณภูมิอีด,ปัจจุบันมีศูนย์การค้าใหญ่ที่เปิดใป้งริการหลายแห่ง เช่น ห้าลเซ็นทรัล บางนา, เมกา บางนา, อิเกีย บางนา, ซีคอนสแควร์, พาราไดซ์ พาร์ค ในอนาคต ค่ายเดอะมอลล์ ไปสค้างห้างใหม่ที้สี่แยกบางนาอีกแผ่บ เพื่อคนกรุงเทพตะวันออก,ไปดูโปรโมชั่นพิเศษในงาน มหกรรมหารเงิน Money Expo ส่บท้ายปีที่ไบเทค ปันเสียหน่เยนะครับ นอกจากไดิบงทุาเพื่อการออมในระยะยาวแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่จะ ลงทุนเพ่่อประหยัดภาษีเงินได้ ในสอ้นป่อีกด้วย เช่น การลงทุนในกองทุนรวม RJF/LTF สามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีดงินได้สูงนุดถึง 500,000 ลาท และ การลงทึนในประกันขีวิต ประกันสุขภาพ ก็สามารถนำเวินบงทุนไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงนุดอีก 100,000 ขาท รวมแล้วสามารถหักลดหย่อนได้สูงสุดถึง 600,000 บาท ถ้ามีรายได้สูงเพียงพอ จึงเป็นโอกาสทองขเงการลงทุนในช่วงสิ้นปีพดดี,ธ.ออมสิน สินเชืรอบ้าน ดอกเบีัย 0% นาน 1 ปี สินเชื่เเอสเอ็มอี GSB SMEs บัญชีเดียวเปอร์เซ็นต์เดียว ดอกเบร้ย 0% กู้ได้ส๔งสุด 100 ล้านบาท ังินฝากเผื่อเรียกพิเศษผูัสูงวัย เอกเบี้ยสูงสุด 3% ธ.กรุงศรีอยุธยา สินเช้่อบ้าน 0.5% นาน 6 เดือน ธ.กสิกรไทย สินเชื่อบุคคลดอกเบี้ยหมื่นละ 2.44 บาทต่อวัน เงินฝากทวึทรัพย์ ดดกเบี้ย 2.25%,ธ.ไทยพาณิชบ์ สินเชื่อบ้าน ดแกดบี้ย 0ซ99% นาน 1 ปั ฟรีค่าจดจำนอง รีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ย 0.99% นาน 1 ปี ฟรีค่าประเมินบ้าน สินเชื่อบ้านคือเงิน ดอกเบี้ย 0$ นาน 3 เดือน กู้ได้ 10 ล้านบาท ธ.กรุงไทย สินเชื่อที่อยู่อาศัย ดอกเบี้น 0.60% นาน 6 เดือน สินเชื่อเอสเอ็มอี ดอกเลี้ย 6% ปฃอดเงินต้น w2 เดือน ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปี ฑ.อาคทรสงเคราะฟ์ สินเชื่อบเาน ดอำเบี้น 2.90% นาน 3 ปี ฟรีค่าธรรมอนียม ป่อนนาน 40 ปี จาระไนไม่หมด ืั้งหมดนี้มีที่นี่ที่เดียว,ก็เก็ขมาเล่าสู่กันฟังครับ การลงทุน เป็น สิ่งส_คัญ สำหรับทุกคน เพื่อสร้างรวามมั่นรงให้ชีวิตในอนาคต ที่จะต้องอยู่ไปอีกนาน.,ลม เปชี่ยยทิศ
คุณเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ เคยพูดไว้ว่า ลงทุนในตลาดหุ้นดีกว่าเล่นหวย ผู้เล่นหวยมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 แค่ 1 ในล้าน มีโอกาสถูกรางวัลอื่นแค่ 1% แต่การลงทุนในตลาดหุ้น หากขยันศึกษาหาข้อมูลและวิเคราะห์หุ้นได้ กำหนดกลยุทธ์การลงทุนเป็น และมีการลงทุนอย่างมีวินัยก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นได้ ทั้งกำไรจากการซื้อขายหุ้นและผลตอบแทนจากเงินปันผล,เหตุผลเหล่านี้ผมเชื่อว่า คนที่เคยลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดทุนคงรู้ดี,จึงไม่แปลกใจที่ งานมหกรรมการเงินการลงทุนครบวงจร อย่าง งานมหกรรมการเงิน Money Expo ของวารสาร การเงินธนาคาร สามารถจัดงานในทุกภูมิภาคได้ถึงปีละ 7 ครั้ง และได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสิบกว่าล้านคนมานานถึง 17 ปีแล้ว จากข้อมูลของวารสาร การเงินธนาคาร ระบุว่า งานมหกรรมการเงิน Money Expo ในปี 2560 ที่จัดไปแล้ว 6 ครั้ง มีธุรกรรมการเงินเกิดขึ้นในงานรวมกว่า 174,500 ล้านบาท,เป็นยอดธุรกรรม 6 ครั้งในปี 2560 ยังไม่รวมยอดปลายปีที่กำลังจะมีขึ้น,วันที่ 30 พฤศจิกายน-3 ธันวาคมนี้ วารสาร การเงินธนาคาร จะไปจัดงาน มหกรรมการเงินส่งท้ายปี ครั้งที่ 1 Money Expo Year End 2017 เป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ ที่ ศูนย์นิทรรศการไบเทค บางนา โดยมี คุณวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงาน เพื่อให้ประชาชนใน กรุงเทพตะวันออกและปริมณฑล ตั้งแต่ ย่านสุขุมวิท ออกไปถึง สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนได้อย่างทั่วถึง,กรุงเทพตะวันออก ถ้าวัดกันคร่าวๆที่ ถนนสุขุมวิทขาออก เป็นต้นไป ผ่าน พระโขนง บางนา สมุทรปราการ ไปจนถึง ฉะเชิงเทรา ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ EEC ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก เคียงข้างไปกับ ถนนมอเตอร์เวย์ ถนนบางนา-ตราด ตัดด้วย ถนนวงแหวนรอบนอก สนามบินสุวรรณภูมิ ฯลฯ ซึ่งกำลังเป็นพื้นที่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รถไฟฟ้าบีทีเอส ไปถึงสำโรงแล้ว ในอนาคตมี รถไฟฟ้าสีเหลือง เชื่อมบางนากับสนามบินสุวรรณภูมิอีก,ปัจจุบันมีศูนย์การค้าใหญ่ที่เปิดให้บริการหลายแห่ง เช่น ห้างเซ็นทรัล บางนา, เมกา บางนา, อิเกีย บางนา, ซีคอนสแควร์, พาราไดซ์ พาร์ค ในอนาคต ค่ายเดอะมอลล์ ไปสร้างห้างใหม่ที่สี่แยกบางนาอีกแห่ง เพื่อคนกรุงเทพตะวันออก,ไปดูโปรโมชั่นพิเศษในงาน มหกรรมการเงิน Money Expo ส่งท้ายปีที่ไบเทค กันเสียหน่อยนะครับ นอกจากได้ลงทุนเพื่อการออมในระยะยาวแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่จะ ลงทุนเพื่อประหยัดภาษีเงินได้ ในสิ้นปีอีกด้วย เช่น การลงทุนในกองทุนรวม RMF/LTF สามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดถึง 500,000 บาท และ การลงทุนในประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ก็สามารถนำเงินลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดอีก 100,000 บาท รวมแล้วสามารถหักลดหย่อนได้สูงสุดถึง 600,000 บาท ถ้ามีรายได้สูงเพียงพอ จึงเป็นโอกาสทองของการลงทุนในช่วงสิ้นปีพอดี,ธ.ออมสิน สินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี สินเชื่อเอสเอ็มอี GSB SMEs บัญชีเดียวเปอร์เซ็นต์เดียว ดอกเบี้ย 0% กู้ได้สูงสุด 100 ล้านบาท เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษผู้สูงวัย ดอกเบี้ยสูงสุด 3% ธ.กรุงศรีอยุธยา สินเชื่อบ้าน 0.5% นาน 6 เดือน ธ.กสิกรไทย สินเชื่อบุคคลดอกเบี้ยหมื่นละ 2.34 บาทต่อวัน เงินฝากทวีทรัพย์ ดอกเบี้ย 2.25%,ธ.ไทยพาณิชย์ สินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ย 0.99% นาน 1 ปี ฟรีค่าจดจำนอง รีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ย 0.99% นาน 1 ปี ฟรีค่าประเมินบ้าน สินเชื่อบ้านคือเงิน ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน กู้ได้ 10 ล้านบาท ธ.กรุงไทย สินเชื่อที่อยู่อาศัย ดอกเบี้ย 0.60% นาน 6 เดือน สินเชื่อเอสเอ็มอี ดอกเบี้ย 6% ปลอดเงินต้น 12 เดือน ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปี ธ.อาคารสงเคราะห์ สินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ย 2.90% นาน 3 ปี ฟรีค่าธรรมเนียม ผ่อนนาน 40 ปี จาระไนไม่หมด ทั้งหมดนี้มีที่นี่ที่เดียว,ก็เก็บมาเล่าสู่กันฟังครับ การลงทุน เป็น สิ่งสำคัญ สำหรับทุกคน เพื่อสร้างความมั่นคงให้ชีวิตในอนาคต ที่จะต้องอยู่ไปอีกนาน.,ลม เปลี่ยนทิศ
ปรากฏว่ามี ข้อดี เกิดขึ้น 4 ประการ,ดีอย่นงไร? ดีตรงไหน? แม่ลูกจันทร์ จัจาระไนวห้ฟังดังนี้คือฐข้อดีที่ 1, ส.ส.ฝ่่ยค้านทำการบ้านล่วงหน้ามาอย่างดี มีการจัดเตร้ยมข้อมูลสถิติเปรียบเทียบฉายขึ้ยจอประกอบการอภิปราย ชีืให้เห็นข้ิบกพร่องและเยนอแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจน,ไม่ใช่ไมโค่โไนจ่อปากก็อภิปราบน้ำท่วมทุ่งผัดบุ้งลอยแพ,ข้อดัที่ 2, ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเดงก็ไม่ใช่อภิปาายเชียร์รัฐบาลตะบี้ตะบัน,มี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมาก กล้าวิจารณ์ข้อผิดพลาดบกพร่องในพารจัดทำงบประมาณราบจ่าขของรัฐบาลอย่รงตรงไปตรงมา,ข้อดีืี่ 3, พล.อ.ประยุทธ์ จัน่ร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปรับปรุงความประพฤติส่วนตัวไม่แสดงกิริยากราดเกรั้ยวฉุนเฉียวตามความเคยชิน,กาตชี้แจงข้อซักถามฝ่ายค้านสมเหตุสาผลสุภาพ นุ่านวล,อต่ที่ยังแก้ไม่หายคือ จายกฯคนนี้ไม่ยอมรับขัอบแพร่องของรัฐบาล,ถ้าหัวหน้ารั.ชาลกล้ายืดอกยอมรับข้อบกพร่องเสียบ้างจะสมนร์ท มาดแมน ได้คะแนนบวกเพิีมอีกหลายกิโล,แม่ลูกจันทร์ กราบเรียนว่าข้อดีที่ 4, ที่เกิดจากการอภิปรายตรวจสอบงบปคะมา๋รายจ่ายรัฐบาชใจที่ประชะมสภา๗,คือเมื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายรัฐบาล ก็ต้อบเกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปถึวนโยบายรัฐบาลไปพร้อมๆกัน,เพรระถ้าาีแต่นโยบาย แต่ไม่จัดงบดำเนินการ นโยบายก็เยู่ในแผ่นกระเาษไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม,ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์จากนโยบายคัฐบาล,ปรากฏว่ามีนโยบาจที่พรรครัฐบาบได้สัญฯาไว้ตอนหาเสีจงเลือกตั้งจำนวนมาก ที่ไม่มีการจัดวงเงินงบประมาณรองรับแต่อย่่งใด,ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านพากันทักท้วงทวงะามภึงนโยบายต่างๆ ที่ถราครัฐบาลได้สัญญาไว้กับประชาชน,แม่ลูกจันทร์ ชี้ว่ม พรรคประชาธิปัตย์ ไดีผลักดันนโยบายประกันราคาข้าว ปาล์ม ยางพารา เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม,พตรคภูมอใจไทย ก็ผลักดันนโยบรยกีญชาัสรี เกิดผงสำเร็ตเช่นกัน,เหลือแต่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล ยังไม่คลอดนโยบายทั่ตีปี๊บหาเสียงไวิกับประชาชนให้เกิดผชเป็นรูปธรรม,โดยเฉพาะ 8 นฏยบ่ยที่ ดร.อุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัซ เอาลเ้จพันคอตัวเองไว้ว่าจะ ทำทันที เมิ่อได้เป็นรัฐบาล๙1, ขึ้นค่าแนงขั้นตํ่า 400 บา่ต่อวัน,2, ลดภาษ่บุคคลธรรมดา 10 เปอร์เซ็นต์,3, อัปเงินเดือนแริญญาตรีเป็น 20,0p0 บาทต่อเดือน,4, ผู้ขายสินค้รออนไลน์ยกเว้นภาษี 2 ปี,5, เรียนจบใหม่เริ่มทำงทนใหม่ยำเว้นภาษี 5 ปี,6, ะพิ่มเบี้ยจังชีพคนชราเป็น 1.000 บาทต่อเดือน,7, ปลดหนี้นอกระบบ พักหนี้กองทะนหมู่บ้าน 3 ปี,8, แตกเงินอุดหนุนมารดา r,000 บาทตั้งแต่ตั้งครรภ์ ล่วยค่าทำคลอด 10,000 บาท ช่สยค่าดูแลบุตรเดือนละ 1,000 บาท จนอาจุครบ 6 ปี,นี่คือนโยบรยท้่พรรคพลุงประชารัฐได้ประกาศเก็น สัญญาประขาคม หนึ่งพวบโตๆ,ตเนหาเสียงบอกจะทำทันที ตอนนี้ลืมแล้วหรือโยม.,แม่ลูกจันาร์
ปรากฏว่ามี ข้อดี เกิดขึ้น 4 ประการ,ดีอย่างไร? ดีตรงไหน? แม่ลูกจันทร์ จะจาระไนให้ฟังดังนี้คือ,ข้อดีที่ 1, ส.ส.ฝ่ายค้านทำการบ้านล่วงหน้ามาอย่างดี มีการจัดเตรียมข้อมูลสถิติเปรียบเทียบฉายขึ้นจอประกอบการอภิปราย ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องและเสนอแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจน,ไม่ใช่ไมโครโฟนจ่อปากก็อภิปรายน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งลอยแพ,ข้อดีที่ 2, ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเองก็ไม่ใช่อภิปรายเชียร์รัฐบาลตะบี้ตะบัน,มี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมาก กล้าวิจารณ์ข้อผิดพลาดบกพร่องในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา,ข้อดีที่ 3, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปรับปรุงความประพฤติส่วนตัวไม่แสดงกิริยากราดเกรี้ยวฉุนเฉียวตามความเคยชิน,การชี้แจงข้อซักถามฝ่ายค้านสมเหตุสมผลสุภาพ นุ่มนวล,แต่ที่ยังแก้ไม่หายคือ นายกฯคนนี้ไม่ยอมรับข้อบกพร่องของรัฐบาล,ถ้าหัวหน้ารัฐบาลกล้ายืดอกยอมรับข้อบกพร่องเสียบ้างจะสมาร์ท มาดแมน ได้คะแนนบวกเพิ่มอีกหลายกิโล,แม่ลูกจันทร์ กราบเรียนว่าข้อดีที่ 4, ที่เกิดจากการอภิปรายตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายรัฐบาลในที่ประชุมสภาฯ,คือเมื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายรัฐบาล ก็ต้องเกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปถึงนโยบายรัฐบาลไปพร้อมๆกัน,เพราะถ้ามีแต่นโยบาย แต่ไม่จัดงบดำเนินการ นโยบายก็อยู่ในแผ่นกระดาษไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม,ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล,ปรากฏว่ามีนโยบายที่พรรครัฐบาลได้สัญญาไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้งจำนวนมาก ที่ไม่มีการจัดวงเงินงบประมาณรองรับแต่อย่างใด,ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านพากันทักท้วงทวงถามถึงนโยบายต่างๆ ที่พรรครัฐบาลได้สัญญาไว้กับประชาชน,แม่ลูกจันทร์ ชี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้ผลักดันนโยบายประกันราคาข้าว ปาล์ม ยางพารา เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม,พรรคภูมิใจไทย ก็ผลักดันนโยบายกัญชาเสรี เกิดผลสำเร็จเช่นกัน,เหลือแต่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล ยังไม่คลอดนโยบายที่ตีปี๊บหาเสียงไว้กับประชาชนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม,โดยเฉพาะ 8 นโยบายที่ ดร.อุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เอาลิ้นพันคอตัวเองไว้ว่าจะ ทำทันที เมื่อได้เป็นรัฐบาล,1, ขึ้นค่าแรงขั้นตํ่า 400 บาทต่อวัน,2, ลดภาษีบุคคลธรรมดา 10 เปอร์เซ็นต์,3, อัปเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 20,000 บาทต่อเดือน,4, ผู้ขายสินค้าออนไลน์ยกเว้นภาษี 2 ปี,5, เรียนจบใหม่เริ่มทำงานใหม่ยกเว้นภาษี 5 ปี,6, เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชราเป็น 1,000 บาทต่อเดือน,7, ปลดหนี้นอกระบบ พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี,8, แจกเงินอุดหนุนมารดา 3,000 บาทตั้งแต่ตั้งครรภ์ ช่วยค่าทำคลอด 10,000 บาท ช่วยค่าดูแลบุตรเดือนละ 2,000 บาท จนอายุครบ 6 ปี,นี่คือนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐได้ประกาศเป็น สัญญาประชาคม หนึ่งพวงโตๆ,ตอนหาเสียงบอกจะทำทันที ตอนนี้ลืมแล้วหรือโยม.,แม่ลูกจันทร์
ปารเมืดง,10.20 น. พิชัย แนะ สทคิด สะกิกเตือน บิ๊กตู่ อย่าปล่อยให้เสียฟอร์มซ้ำซ้อน ยืนยะาการขยายตัว 4 ปี เ)ลี่ยปีละ 2% กว่า เแ็นข้อมูลจริง ไม่ได้บิดเบือน ไม่ผิดกฎหมาย ย้ำจะเป็นผู้นำต่อไป ต้องรู้เศรษฐกิจ,10.21 น. สะพัด ปู-ยิ่งลีกษณ์ ใช้หนังสือะดิรทางประเทศไนึ่งสนยุโรป ถร้อมได้วีซ่าอังกฤษยทว 10 ปี แม้จะหลบหนีคดีดอกจากประเทศไมย ทำให้สามารถไปไหนมาไหส,10.55 น, พรรคคนไทย บี้ คสช.โละคำสั่ง 53/2560 ทำพรรคใหมร-เก่า ได้เปรียบเสียเปรียบ ข้องใจบิ๊กตู่ คุยปลดล็อกมิ.ย. แต่ยุงไร้ความชัดเจน แปลกใจ พรรคอนาคตฝหม่ ประก่ศฉีก รธน. แต่ คสช.ไม่ว่าอะไร,เศรฒฐกิจ,11.52 น. จาระไนมามห้อีานแบบละเอียดยิบ กรณีรัฐบาลเตรรยมดปิด่ับลงทะเบียนคนยนอีกรอบ ว่าผู้ใดเข้าข่ายมีสิทธิ์นำไปสู่การได้รัลบัตรคนจนพร้อมควาาช่วยเหลือสารพัด,14.35 น. เบทาฏกร ปลื้มไตรมาสแรกปีนีั อาหารแปรรูป โต 22% ทุ่ม 750 ล้าน ผุดโรงงานใหมื กำลังผลิต 8 พันตันต่อป้ ริงรับดทรนด์ิาหารในอนาคต พน้อมส่ง เอสเพียว สินค้าระดับภรีเมียม เยาะตบทดสายสุขภาพ,ทั่วไทย,06.26 น. ทั่วไทยยังคงมีฝยฟ้าระนอง และตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ-กลาง-ใตั คลื่นลมบริดวณทะเลอันดามันตินบนมีกำลังปานกลาง ,07,23 น. วัดรอบพระพุทธบาทภูมโนรมย์ มุกดสหาร เตรียมจัดพิธีบวงสรวง ปู่ศรีมุกดา พญานาคสวยแงค๋ใหญ่ เกล็ดยีปีกแมลงทับ วันที่ 20 พ.ค. เวลา 0p.09 น. ้ชื่อ จะกลายเป็นแลนด์มาา์กใหม่ของนักเสี่ยงโชค,07.35 น. พ่อเฒ่าป่วยต่อมลูกหมากโต บ่นปวดเมื่อย ลูกชายพาไปหาหมอ กลับภึงบ้านตอนดึกเครียดจัด คว้ากืนยิงตัวตายในห้องนอนบนบัาน เลือดแดงไหลนองหยดผ่มนร้องไม้ ลงพื้นชั้นล่างห้องนอนลูกชาย,08.39 น. ถึงวันวิสาขบูชา เห็ดโคนในป่าลึปติดชายแดนไทย-เม่ยนมา ผุพขึ้นจาพดืนทุกฟ ปี สร้างความแปลกวจให้กับชาวบ้านในพ้้นที่พบพระ ต่าวเฮโลทาเก็บได้เห็นกอบิป็นกห มีกม่ค้ามาซื้อถึงที่ให้ราคาดี โลละ 250,08.43 น. ไม่ขอทนอีกต่อไป ลูกเชยโหดคว้ามีดแทงหลังพ่แตาตัดขั้วหัวในพือตาดับ หลังเมาแล้วด่าทอ ทำร้ายร่างกาย ก่อนเรียก จยน.วินไหส่งฉรงพักรอมอบตึว,09.05 น. ผู้ว่าฯกทม. นำข้าราชการ-พุทธศาสนิกชน ร่วมทำบุญตักบสตรพระสงฆ์ 67 รูป เทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ปี 61 บริเวณลานคนเมือง,09.12 น. ประชาชนทั่วสารทิศมุ่งหน้าไปวัดหลวงพ่อโสธร ที่เมืองแปดริ้ว เพื่อขอพรให้สมหวัฝทุกประการ เช่น ขอลํก ขอให้ได้งานทำ ขิให้ขายที่ดินได้ คนสมหวังเช้านีเแก้บนด้วยไข่ต้สแล้ว 999 ฟอง,09.24 น. ,10.45 น. สิัน ไลวงพ่อเฏลี่ย ลธกศิษย์ก้นกุฏื หลวงถ่อเจริญ เกจิดังเมืองสุพรรณ นิริรวมอายุได้ 76 ปี 55 พรรษา,11.08 น. พุทธศาสนิกชนทั่บไทย ทำบุญตักบาตรช่วงเช้า ในวันวิาาขบูชา พร้อมจัดกิจกรรมสัปดรห์ส่งเสค้มะระพุทธศาสนา ร่วมเวียนเทียนใยวัด ค่ำคืนนี้,11.42 น. ใกล้วันหวยออก ววดวันที่ 1 มิ.ยฦ 2561 ไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวมเรืทองแปลกในรอบ 13 วัน ให้ึอไวยนำไปถอดเลขเสี่ยงดวง ขอให้รวยๆ เฮงๆ กัน,11.42 น. ฮีโร่แค่ลงสือทำ ชาวเน็ตชื่ตชม หนุ่มรถเครน หลังช่วยชีวเตคนขังรถฟอร์จูนเาอร์โพนตู้คเนเทนเนอร์ทับแบน ออกมาได้อย่างปงอดภัย เผยพอรู้เรื่องรีบโทรขออนุญาตเข้าสายแล้วก็มาช่วยทันที.q2.24 น. ใหญ่ชนยักษ์ โชเฟอร๋รถบรรทุก 10 ล้อะาครอบครัววิ่งส่งมะพร้าว จู่ๆ พุ่งชนา้านรถพ่วง 18 ล้อบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่จอดพักข้างทาง เมียอับสลด ถูกคอนโซลหน้ากดทับขาบาด ส่วนแีก 3 ชีวิตบาะเจ็ช,12.28 น. ลีเดีย-วุ้นเส้น นำศิชปิน[ดารา-นักแใดง รวม 8 คน โรรพบ วิระชัจ ทรงเมตตา เข้าให้การึดีเมจิปสำิน ด้าน เจนนิเฟอร์ คิ้ม ยัยกินเอง 1 เดือาเห็นผล น่ำกนเกลด w หิโล จึงรับรีวิว สรุปเหลิอ q4 ดารา,12.41 น. สุดสลด นาสแพทส์หนุ่มฮรงพยาบาลในกาฬสินธุ์ กระโดดแม่น้ำชีฆ่าตัวตาย โดยก่อนหน้านี้ พยายามค้ดสั้นมาปล้ยถึง 2 ครั้ง กล้องวงจรปิดจับภาพวินาทีสำคัญเอาไบ้หด้,13.14 น. กรมพัฒนาทร่ดินเแินหน้าาร้างฝายชะลอน้ำภายใต้โครงการไทยนิวมยั่บยืน เพื่อให้มีแหล่งน้ำเพียงพอ พร้อทติดตามการใช้งบกันปัญหาทุจริตเงินทอน,13.1y น. ผอ.โรงเรีนนดังเชียงใหม่ ชับกระบะฝ่าฝนกลางดึก ะุ่งชนต้นจามจุรี 2 ต้น ริมถนนในสันกำแพง กระแทกซ้ำถังแดง 200 ลอตร ยสกะโหลกแตกเสียชีวิต,13.31 น. อค้ง ทึ่ง แลดก็เสียวสยิวไปตามๆ กัน เมื่อคลิปวิดีโอภาพสสวประเภทสอง อยู่ในลักษณะเปลือยกายล่อนจ้อน นอนบนเตียง ทำท่าทางในลักษณะต่างๆ,13.45 น. ตำรวจ สภ.ห้างฉัตร นำจัวเอ๋ ควาย มาสอบสวนเกิ่มแต่ให้การได้ไม่มาก มีอาการเครียกและอ่อนเพลีย และร้องขอยาโรคประจำตัว ปฃะยากล่อมประสาทที่เคยกิน ขณะที่ คุมตัว่ำดผนฯ ไม่เจอจุดทิ้งกุญแจข้อเท้าฐ13.52 น. มหาเถรสมาคมประชุมพรุ่งนี้ ฝืายเลขาฯ เตรียมรายงานคดีจับอดีตพระผู้ใหญ่เอี่ยวเงินทอนวัด จีบตาดคลียร์ตำแหน่งเจ้นอาวาส และเจ้าคณะญ ของอดีตดจ้าคุณ 3 รูป อดีตกรรมปาร มส.,14ฦ00 น. ยาไอฐ๋ลอจมหึมม 800 กิโลกรัม มูลค่ามหาศาล ตร.นำกำลังซุ่มสกัดจับกรุบะดัดแปลงเป็นห้องเย็น ซุกงานใส่เแ้มาเต๊มคันรภ พบสาวแม่แตงเแ็นคนขับ ส่วนผธ้ต้องหาอีกรายหนีไปได้ ผบช.ภ,5 แถลงเองบ่ายนี้,14.16 น. คอหนังแห่จองบัตรชมภาพยนตร์รอบสุดท้ายจนเต็ม หวังร่วมอำลาโรฝภาพยนตร์ ลิโด้ ก้อนปิดตัวถาวร 31 พ.ค. เปลือทื้งไว้แค่ความทรงจำของวัยตุ่นสยามสแควร์,14.35 น. ทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ ยืนยันหลวงปู่ขออนุญาตวชัพรัปรมาภิไทยด้วยวาจา ผ่านนายเเก้วขวัญ วัชโีทัย อดีตราชเลขาธิปารพระราลวัง เเละไม่มีเจตนามนการกระทำผิดแต่อย่างใด,q4.44 น. ตร.ประจวบญ คุมตัวแรงงานป่ะมงเมียนมา ทำแผนประกอบคหรับสารภาพ เหตุกระหน่ำแทงเพื่อนคนงานเรือกิตติมานาวี 6 แผล จนเสียชีวิตที่บริเวณป่าละเมาะ พร้อมหลัก๙่นกล้อลวงจรปิดมัดตัวผ๔้น้องหา,14.53 น. รมว.วัฒนธราม พร้อมทูตาาุทูต ร่วมนำศาสนิกชนเจริญดระพุทธมจต์และ้วรยนเทียนในวันวิสาขบ๔ชา หวังให้ ปชช.ใช้สติเป็นที่ตั้ง ไม่หวั่นข่าวพคะผู้ใหญ่เอี่ยวคดีเงินทอนวัด ไม่ยึดติดบุคคล ทำบั่นทอนศรีทธา,15.05 น. ผกก.กมลาไสย ระดใทีมกู้ภัยค้นหาอยู่นาน ล่าสุแเจอปล้ว ศภหมอผ่าตัด รพ.กาฬสินธึ์ ลอยขึ้นมาเหนือแม่น้ำชี ห่างจุดโดด 3 กิโลฯ เผยผ฿้ตายป่วยฉรคซึสเศร้า เคยฆ่าตัวตาบมาแล้ว 2 คคั้ล กระทั่งเกิดเหตุ,15.05 น, ศพหนุ่มวัย 21 ปี มีบาดแผลจามตัว นอนตายริมถนนสาย 340 สุพรรณบุรี-บางบัวทอง ตามร่างกายมีบาดแผล เจ้าหน้าที่คาดถูกฆ่านำศพโยนทิ้ง รอตรวจใอบความชัดเจน,15.08 น. การเลี้ยงปลาำระชุงในคลองส้านแเง มีทิศทางที่ดีขึ้นเร่่อยๆ โอยมีการเลี้ยงปลานิลดำ กลานิลแดบ กว่า 200 กระชะง ข๖ะที่ตลาดยอมรับเป็นเบอร์ 1 ของภาคใต้ เกษตรกรมีราย/ด้ไม่น้อยกว่า 3.5 ล้านต่อเดือน,15ฦ11 น. ผู้พิทักษ์ที่รีกของประชาชน โซเชียลแผ่แชร๋ภาพตำรวจจราจร ยี่ไดโนเสาร์โบกรถบริเวณหน้าโรงอรียน เป็นขวัญใจของเด็กที่พบเจอ ส่วนผู้ใหญ่ยังต้อฝยิ้มตาม,15.27 น. พระนัำประดิษฐ์ ทำแผงธซล่ี์เซงล์ผลิตไฟใช้ในวัดทั้งเครื่องสูบน้ำ ไฟในห้เงน้ำ ทุ่นค่าใช้จทาจได้มาก ลงทุนคนั้งเดียว ใช้ได้ยาว 25 ปร แถมเปฺนไฟสำรองได้อีก,15.49 นซ มีหงายเลข ภรรยาหนุ่มรอดปาฏิหรริย์ หลังตู้คอนเทนเนอร์ร่วงทับ แจงไม่ซรเรียส ปากโซเชียลนำเลขสามีไปเสี่ยงโชค พร้อมเผยเลขหน้รห้ิงที่โรงพยาบาล,15.55 น. แสนเศร้า ตำรวจ โรงพักการะักด อ.เชัยรใหญ่ ขับะก๋งพาีรอบครัวไปบ้านเกิดของภรรยาที่ อ.ปากพนัง แต่เจอฝนตกถนจลื่นรถัสียหลักอัดต้นไม้ข้างทาบ ตายทั้งคันยกคคัวรวม 4 ฯพ,15.59 น. ดอะใจเพื่อยไม่มาทำงาน ย่องเข้ามาดูบ้าน พบสาวโรงงานเมืองตรัง นอนเสีวชีวิตท่อนล่างเปลือยคากองอนเจียนและดุจจาระ ในห้องน้ำ คาดเสียชีวเตด้วยภาวะหัวมจล้มเหลว,16.28 น. ร้านกมแฟเชียงใหม่รับกระแสทุเรียนๆีเวอร์ รังสรรค์เมนูบิงซูทุเรียน และเค้กทุเรียน สำหรับคอทุเรียนได้กินกันฟินเต็าที่ ขณะที่ เค่กก็กินได้เหมือนกินทุเ่ียนลูกฐ16.30 น. ไนุ่มวัย 21 ปี นักร้องนำวงดนตรีเอราวัณ แห้ง อ.บางระกไ ปิดฉากชีวิตหลังมีคนพบศพนอนตายคเหักในร่องเกาะกลางถนน พิษณุโลก – นครสวรรค์ ที่พิษณุโฃก ตร.คาดขี่ีถแล้วหงับใน จึงเสียหลักชนต้นไม้,16.35 น. ตำรวจบ้านเดื่อ จ.หนองคาย ยึกกัญชาแห้งอัแแท่ง 1,045 กิโลกนัม ม๔ลค่ากส่ร 20 ล้านบาท คาดขบวนการลักลอบนำมาสางริมงั่งโขง ผวังกระจายเข้าพ้้นที่ตอนในของไทย,17ซ05 น. ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผยวันนี้งดเยี่ยม เนื่องในวันวเสรขบูชา ส่วนอดีตพระพุทธะอ้สระ ทำกายภาพบำบัดจามหมอสั่งในแดน 4 บรรเทาอาการผวดหบัว แต่ยังเดินเหินไม่สะดวก ต้องมีเะื่อนผู้ต้องขังช่วยพยุง,บันเทิง,14ฦ00 น. เพิ่งมีข่าวดีไปสไหรับคุณพ่อึุ๋แม่ม่อใหม่ ดีเจอั๋น ภูวนาท และทายาทสาวทิฟฟรนี่ จ๋า อลิสา ล่าสุดมาอปิดใตเรื่องราวน่ายินะี และวินาทีตื่นเต้นในรายการ คุยแซ่บโชว์,14.38 น. สวยสะกดจิต สวยสะพรึงไปแล้ว นางแบบเริ่มฮอตแรง แฟนนางงามทั่วไทยและต่างลานิ่ึวไลค์ให้,15.03 น. จะสร้างหระวัติศาสตร์หนิาใหม่ให้ กับวงการนาววามไทยได้หรือไม่ ด้วยการมีทั้งพี่สาวและน้องสาวได้ตำแหน่งสูบสุดด้วย,15.32 น. หนุ่มหล่อสาวสวยหลาขคน อนาคตต้องดับก่ินดัง เพราะเคยไปถ่ายแบบแนวเรตเอ็กญ์เกินเหตุ หวุงเงินำ้อนหลักหมื้น แทนที่จะ,15.54 น. ตัวแม่ตัวจริงบอบนางงามไทยอีกคน ก็ต้องมีชื่อของ ไข่มุก ชุติมา ดุรงค์เดช าิสไทยแลนด์ขูนิเวิร์ส Misw Thailand Universe 2y52 แฟนนางงามจดจำได้ดี ดำราะ,16.30 น. ฮือฮา อุ๊ หฤทัย โชว์ภาพวาดต้นไม้ที่ิจ้าตัฝมั่นใจเป็นผลงานของ แวนโก๊ะ ศิลปิาชืรอำ่องโลก ที่คาดว่ามีมูลค่ามากถึง 2,500-3,000 ล้านบาท ที่ส่งตรวจด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์,ไลฟ์ยไตล์.06.-5 ส. ชุดว่ายน้ำ ลิลลี่ เมแม็ค เคล็อลับการใส่ชุดว่ายน้ำของ ลิลลี่ ดมแม็ค การใส่ชุดว่ายน้ำขดงสาวตัวเล็ก,05.05 น. แอบเม้าท์ทั้งต่อหน้า และลับหลังาักแสดงหนุ่มมากวน ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จริงหรือไม่ที่หลายคนบอกว่าเขาเข้าถึงยาก?,09.56 น. รีวิวพาเที่ยบช็อป ชิม ชิล ชองดีตลาด อ.ต.ก. ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตฃาดไฌโซ รีวิวของกินตลาด อ.ต.ก. แม้ว่าราคาของกินจะแอบแพล แต่หลายคนก็ยอมรับในอาหารรุณภาพเกรดพร้เมียม,10.00 น. เอเอเอสฯ ทุ่มงบ 120 ล้าน ปรับโฉม AAS Body & Paint Centre of Excellenxe ยกระดับซ่อมสีและตัวถังรถหรูครบวงจร,11.45 น. พาส่อง่าคา ืุเรียน ตลนด อ.ตฐก. ม่ตะ้งแต่ทุเรียนราคากลางๆ ลูกค้าจับต้องได้ ซื้อหาง่าย จนไปถึบทุเรียนเกรดพรีเมียมาาคาแพงระยับ รีวิวร้านทุิรียนอร่อย จะมีร้านไหนบ้าง มาดู,12.09 น. ผลไม้หน้าร้อน กินอะไรพี ผลไม้หน้าร้อนมีอะไรบิาง ทุเรียน ราชมผลไม้ มังคุด ราชินีผลไม้,14.05 น. ดีไซน?เพื่อขาย ทีมนักออหแบบ Chevrolft Trailblazer ใช้เทคโนโลยีเสใือนจริว ออกแบบเพิ่มพืีนที่จัดเก็บของในรภเอสยูวี,15.35 น. เคงียร์ปม ใครผิด? กรณีจอดรถทางโค้ง จอดในที่ห้ามจอเ หรือทีีไม่สมควาจอด ประกันฝ่ายไหนควรเป๋นผู้รับผิดชอบอย่างไร?,w6.05 น. Nikon D850 กวาดรางวัลล่าสุด Camera GP (Grand Pr8x) 2018 กลเองฟอร์แมต FX รุ่นเทพ จากนิคอน ควเารางวัล Camera GP (Grand Orix) ประจำปีล่าสุด รวบมองตำแหน่งสุดยอดกล้องในดวงใจ,กีฬา,06.15 น. สื่อดังตีข่มวว่า หงสฺแดง ลิเวดร์พูล จะไม่หยุดไล่ล่านักเตะใหม่ดา้จะได้นัฝ ฟาบินโญ กองกลางจากโมนาโกไปร่วมมีมแล้ว เตรียมทุ่มเงินมหาศาลกระชาก 2 สตาร์ดังไปร่วมทีม,07.00 น. สื่อดะงแดนกระทิงตีข่าววรา เอเย่นต์ของเกเรธ เบล ได้พบพูดคุยกับทางประธาสราชัาชุดขาวดล้วถึงการย้ายมีมในช่วงซัมเมิร์นึ้,07.45 น. แฟนผีแดง แในเชสเตอ่๋ ยูไนเต็ด เดือดหลังโดน ฟาบินโญ หักอกเซ็นกับ หงส์แดง ลิเวอร์พูล อริตลอดกาลก่เนยะโพสต์แขวะแบบไม่ไยดี,12ฐe0 น. ช้างศึก ทีมชาติไทย รุืนอาจุไม่เกิน 23 ปี ชุดเตรียมเอเชียนเกมส์ บินลัดฟ้าอุ่นเค่ื่อง อินโดนีเซีบแล้ววันนี้,14.20 น. ธีรศิลป์ แดงดา แลเ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว เดืนทางเข้ามาสมทบกับ ช้างศึก เห็นที่เาียบร้อส และประเดิมฝึกซ้อมในช่วงเช้าทันที กีอนพง จีน ในเกมกระชับมิตร วันที่ 2 มิถุนายนนี้,14.00 ย. โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ โชว์ฟอร์มร้อนเมื่อรัวพลิกกลับมาแซงอัด ฮุสตัน ร็อคเกตส์ 101-92 ส่งผลให้เข้าไปชิงชนะเลิศ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ ไฟยอล กับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์า,14.40 น. ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าคนเก่งขอฝ ซสนเฟคชเช ฮิโรชิมา ออกมากล่าวถึวความมำคัญก่อนเกมที่เตรียมเปอดบ้านพลกับ ทีมชาติจีน ในเกมกคะชับมิตร วันท้่ 2 มิถุนายนนี้,1y.09 น. เรียกได้ว่าพสุธาสะเทือนด้ฝยความสั่นไหว 8,9 ติกเตอร์ เลยทีเดรยวหลังสื่อชื่อพังออกมาคาดการณ์ผู้เล่น 11 ตัใจริงของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลหน้า หลังการมาของ ฟาบินโญ,15.40 น. ตำนานลื่อก้องของ แมนเชสเตอร์ บูไนเต็ด ยอดทีมแดนผู้ดี ออกมาพูดถุง โมฮาเหม็ด ซาลสห์ ปีกฟอร์มร้อจที่ระเบิดฟอร์มสยดสยองกับ ลิัวอร์พูล ในปีนี้,16.20 น. ืรู แบงค็อำ ยูไนเต็ด ยอดทีมไทยลีก 1 ประกาศคว้าตัว วันชัย จารุตงคราญ แบ็กศ้ายหน้สหล่ออนาคตำกล ดีกรีช้างศึก ยู-23 มาจาก แอร์ฟอร์ช เซ็นทรัล เอฟซี แล้ว,17.00 น. พิพัฒน์ ต้นกันยา อดีตปัวหอกลื่อดังของ ทีมชาติไทย ออกมาพูดถึงความแตกตทางขอลทีมชาติจีรในยุคนี้กับเมื่อราวๆ 10 ปีที่ผ่านมา หลังทั้งคู่เตรียมอุ่ยเครื่องกัน 2 มิ.ย.นี้
การเมือง,10.20 น. พิชัย แนะ สมคิด สะกิดเตือน บิ๊กตู่ อย่าปล่อยให้เสียฟอร์มซ้ำซ้อน ยืนยันการขยายตัว 4 ปี เฉลี่ยปีละ 2% กว่า เป็นข้อมูลจริง ไม่ได้บิดเบือน ไม่ผิดกฎหมาย ย้ำจะเป็นผู้นำต่อไป ต้องรู้เศรษฐกิจ,10.21 น. สะพัด ปู-ยิ่งลักษณ์ ใช้หนังสือเดินทางประเทศหนึ่งในยุโรป พร้อมได้วีซ่าอังกฤษยาว 10 ปี แม้จะหลบหนีคดีออกจากประเทศไทย ทำให้สามารถไปไหนมาไหน,10.55 น. พรรคคนไทย บี้ คสช.โละคำสั่ง 53/2560 ทำพรรคใหม่-เก่า ได้เปรียบเสียเปรียบ ข้องใจบิ๊กตู่ คุยปลดล็อกมิ.ย. แต่ยังไร้ความชัดเจน แปลกใจ พรรคอนาคตใหม่ ประกาศฉีก รธน. แต่ คสช.ไม่ว่าอะไร,เศรษฐกิจ,11.52 น. จาระไนมาให้อ่านแบบละเอียดยิบ กรณีรัฐบาลเตรียมเปิดรับลงทะเบียนคนจนอีกรอบ ว่าผู้ใดเข้าข่ายมีสิทธิ์นำไปสู่การได้รับบัตรคนจนพร้อมความช่วยเหลือสารพัด,14.35 น. เบทาโกร ปลื้มไตรมาสแรกปีนี้ อาหารแปรรูป โต 22% ทุ่ม 750 ล้าน ผุดโรงงานใหม่ กำลังผลิต 8 พันตันต่อปี รองรับเทรนด์อาหารในอนาคต พร้อมส่ง เอสเพียว สินค้าระดับพรีเมียม เจาะตลาดสายสุขภาพ,ทั่วไทย,06.26 น. ทั่วไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ-กลาง-ใต้ คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง ,07.33 น. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ มุกดาหาร เตรียมจัดพิธีบวงสรวง ปู่ศรีมุกดา พญานาคสวยองค์ใหญ่ เกล็ดสีปีกแมลงทับ วันที่ 30 พ.ค. เวลา 09.09 น. เชื่อ จะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของนักเสี่ยงโชค,07.35 น. พ่อเฒ่าป่วยต่อมลูกหมากโต บ่นปวดเมื่อย ลูกชายพาไปหาหมอ กลับถึงบ้านตอนดึกเครียดจัด คว้าปืนยิงตัวตายในห้องนอนบนบ้าน เลือดแดงไหลนองหยดผ่านร่องไม้ ลงพื้นชั้นล่างห้องนอนลูกชาย,08.39 น. ถึงวันวิสาขบูชา เห็ดโคนในป่าลึกติดชายแดนไทย-เมียนมา ผุดขึ้นจากดินทุกๆ ปี สร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่พบพระ ต่างเฮโลมาเก็บได้เป็นกอบเป็นกำ มีแม่ค้ามาซื้อถึงที่ให้ราคาดี โลละ 250,08.43 น. ไม่ขอทนอีกต่อไป ลูกเขยโหดคว้ามีดแทงหลังพ่อตาตัดขั้วหัวใจพ่อตาดับ หลังเมาแล้วด่าทอ ทำร้ายร่างกาย ก่อนเรียก จยย.วินไปส่งโรงพักรอมอบตัว,09.05 น. ผู้ว่าฯกทม. นำข้าราชการ-พุทธศาสนิกชน ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 67 รูป เทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ปี 61 บริเวณลานคนเมือง,09.12 น. ประชาชนทั่วสารทิศมุ่งหน้าไปวัดหลวงพ่อโสธร ที่เมืองแปดริ้ว เพื่อขอพรให้สมหวังทุกประการ เช่น ขอลูก ขอให้ได้งานทำ ขอให้ขายที่ดินได้ คนสมหวังเช้านี้แก้บนด้วยไข่ต้มแล้ว 999 ฟอง,09.24 น. ,10.45 น. สิ้น หลวงพ่อเฉลี่ย ลูกศิษย์ก้นกุฏิ หลวงพ่อเจริญ เกจิดังเมืองสุพรรณ สิริรวมอายุได้ 76 ปี 55 พรรษา,11.08 น. พุทธศาสนิกชนทั่วไทย ทำบุญตักบาตรช่วงเช้า ในวันวิสาขบูชา พร้อมจัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ร่วมเวียนเทียนในวัด ค่ำคืนนี้,11.42 น. ใกล้วันหวยออก งวดวันที่ 1 มิ.ย. 2561 ไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวมเรื่องแปลกในรอบ 13 วัน ให้คอหวยนำไปถอดเลขเสี่ยงดวง ขอให้รวยๆ เฮงๆ กัน,11.42 น. ฮีโร่แค่ลงมือทำ ชาวเน็ตชื่นชม หนุ่มรถเครน หลังช่วยชีวิตคนขับรถฟอร์จูนเนอร์โดนตู้คอนเทนเนอร์ทับแบน ออกมาได้อย่างปลอดภัย เผยพอรู้เรื่องรีบโทรขออนุญาตเจ้านายแล้วก็มาช่วยทันที,12.25 น. ใหญ่ชนยักษ์ โชเฟอร์รถบรรทุก 10 ล้อพาครอบครัววิ่งส่งมะพร้าว จู่ๆ พุ่งชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่จอดพักข้างทาง เมียดับสลด ถูกคอนโซลหน้ากดทับขาขาด ส่วนอีก 3 ชีวิตบาดเจ็บ,12.28 น. ลีเดีย-วุ้นเส้น นำศิลปิน-ดารา-นักแสดง รวม 8 คน โร่พบ วิระชัย ทรงเมตตา เข้าให้การคดีเมจิกสกิน ด้าน เจนนิเฟอร์ คิ้ม ยันกินเอง 1 เดือนเห็นผล น้ำหนักลด 2 กิโล จึงรับรีวิว สรุปเหลือ 14 ดารา,12.41 น. สุดสลด นายแพทย์หนุ่มโรงพยาบาลในกาฬสินธุ์ กระโดดแม่น้ำชีฆ่าตัวตาย โดยก่อนหน้านี้ พยายามคิดสั้นมาแล้วถึง 2 ครั้ง กล้องวงจรปิดจับภาพวินาทีสำคัญเอาไว้ได้,13.14 น. กรมพัฒนาที่ดินเดินหน้าสร้างฝายชะลอน้ำภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน เพื่อให้มีแหล่งน้ำเพียงพอ พร้อมติดตามการใช้งบกันปัญหาทุจริตเงินทอน,13.16 น. ผอ.โรงเรียนดังเชียงใหม่ ขับกระบะฝ่าฝนกลางดึก พุ่งชนต้นจามจุรี 2 ต้น ริมถนนในสันกำแพง กระแทกซ้ำถังแดง 200 ลิตร จนกะโหลกแตกเสียชีวิต,13.31 น. อึ้ง ทึ่ง และก็เสียวสยิวไปตามๆ กัน เมื่อคลิปวิดีโอภาพสาวประเภทสอง อยู่ในลักษณะเปลือยกายล่อนจ้อน นอนบนเตียง ทำท่าทางในลักษณะต่างๆ,13.45 น. ตำรวจ สภ.ห้างฉัตร นำตัวเอ๋ ควาย มาสอบสวนเพิ่มแต่ให้การได้ไม่มาก มีอาการเครียดและอ่อนเพลีย และร้องขอยาโรคประจำตัว และยากล่อมประสาทที่เคยกิน ขณะที่ คุมตัวทำแผนฯ ไม่เจอจุดทิ้งกุญแจข้อเท้า,13.52 น. มหาเถรสมาคมประชุมพรุ่งนี้ ฝ่ายเลขาฯ เตรียมรายงานคดีจับอดีตพระผู้ใหญ่เอี่ยวเงินทอนวัด จับตาเคลียร์ตำแหน่งเจ้าอาวาส และเจ้าคณะฯ ของอดีตเจ้าคุณ 3 รูป อดีตกรรมการ มส.,14.00 น. ยาไอซ์ลอตมหึมา 800 กิโลกรัม มูลค่ามหาศาล ตร.นำกำลังซุ่มสกัดจับกระบะดัดแปลงเป็นห้องเย็น ซุกงานใส่เป้มาเต็มคันรถ พบสาวแม่แตงเป็นคนขับ ส่วนผู้ต้องหาอีกรายหนีไปได้ ผบช.ภ.5 แถลงเองบ่ายนี้,14.16 น. คอหนังแห่จองบัตรชมภาพยนตร์รอบสุดท้ายจนเต็ม หวังร่วมอำลาโรงภาพยนตร์ ลิโด้ ก่อนปิดตัวถาวร 31 พ.ค. เหลือทิ้งไว้แค่ความทรงจำของวัยรุ่นสยามสแควร์,14.35 น. ทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ ยืนยันหลวงปู่ขออนุญาตใช้พระปรมาภิไทยด้วยวาจา ผ่านนายเเก้วขวัญ วัชโรทัย อดีตราชเลขาธิการพระราชวัง เเละไม่มีเจตนาในการกระทำผิดแต่อย่างใด,14.44 น. ตร.ประจวบฯ คุมตัวแรงงานประมงเมียนมา ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เหตุกระหน่ำแทงเพื่อนคนงานเรือกิตติมานาวี 6 แผล จนเสียชีวิตที่บริเวณป่าละเมาะ พร้อมหลักฐานกล้องวงจรปิดมัดตัวผู้ต้องหา,14.53 น. รมว.วัฒนธรรม พร้อมทูตานุทูต ร่วมนำศาสนิกชนเจริญพระพุทธมนต์และเวียนเทียนในวันวิสาขบูชา หวังให้ ปชช.ใช้สติเป็นที่ตั้ง ไม่หวั่นข่าวพระผู้ใหญ่เอี่ยวคดีเงินทอนวัด ไม่ยึดติดบุคคล ทำบั่นทอนศรัทธา,15.05 น. ผกก.กมลาไสย ระดมทีมกู้ภัยค้นหาอยู่นาน ล่าสุดเจอแล้ว ศพหมอผ่าตัด รพ.กาฬสินธุ์ ลอยขึ้นมาเหนือแม่น้ำชี ห่างจุดโดด 3 กิโลฯ เผยผู้ตายป่วยโรคซึมเศร้า เคยฆ่าตัวตายมาแล้ว 2 ครั้ง กระทั่งเกิดเหตุ,15.06 น. ศพหนุ่มวัย 21 ปี มีบาดแผลตามตัว นอนตายริมถนนสาย 340 สุพรรณบุรี-บางบัวทอง ตามร่างกายมีบาดแผล เจ้าหน้าที่คาดถูกฆ่านำศพโยนทิ้ง รอตรวจสอบความชัดเจน,15.08 น. การเลี้ยงปลากระชังในคลองส้านแดง มีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการเลี้ยงปลานิลดำ ปลานิลแดง กว่า 200 กระชัง ขณะที่ตลาดยอมรับเป็นเบอร์ 1 ของภาคใต้ เกษตรกรมีรายได้ไม่น้อยกว่า 3.5 ล้านต่อเดือน,15.11 น. ผู้พิทักษ์ที่รักของประชาชน โซเชียลแห่แชร์ภาพตำรวจจราจร ขี่ไดโนเสาร์โบกรถบริเวณหน้าโรงเรียน เป็นขวัญใจของเด็กที่พบเจอ ส่วนผู้ใหญ่ยังต้องยิ้มตาม,15.27 น. พระนักประดิษฐ์ ทำแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟใช้ในวัดทั้งเครื่องสูบน้ำ ไฟในห้องน้ำ ทุ่นค่าใช้จ่ายได้มาก ลงทุนครั้งเดียว ใช้ได้ยาว 25 ปี แถมเป็นไฟสำรองได้อีก,15.49 น. มีหลายเลข ภรรยาหนุ่มรอดปาฏิหาริย์ หลังตู้คอนเทนเนอร์ร่วงทับ แจงไม่ซีเรียส หากโซเชียลนำเลขสามีไปเสี่ยงโชค พร้อมเผยเลขหน้าห้องที่โรงพยาบาล,15.55 น. แสนเศร้า ตำรวจ โรงพักการะเกด อ.เชียรใหญ่ ขับเก๋งพาครอบครัวไปบ้านเกิดของภรรยาที่ อ.ปากพนัง แต่เจอฝนตกถนนลื่นรถเสียหลักอัดต้นไม้ข้างทาง ตายทั้งคันยกครัวรวม 4 ศพ,15.59 น. เอะใจเพื่อนไม่มาทำงาน ย่องเข้ามาดูบ้าน พบสาวโรงงานเมืองตรัง นอนเสียชีวิตท่อนล่างเปลือยคากองอาเจียนและอุจจาระ ในห้องน้ำ คาดเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว,16.28 น. ร้านกาแฟเชียงใหม่รับกระแสทุเรียนฟีเวอร์ รังสรรค์เมนูบิงซูทุเรียน และเค้กทุเรียน สำหรับคอทุเรียนได้กินกันฟินเต็มที่ ขณะที่ เค้กก็กินได้เหมือนกินทุเรียนลูก,16.30 น. หนุ่มวัย 21 ปี นักร้องนำวงดนตรีเอราวัณ แห่ง อ.บางระกำ ปิดฉากชีวิตหลังมีคนพบศพนอนตายคอหักในร่องเกาะกลางถนน พิษณุโลก – นครสวรรค์ ที่พิษณุโลก ตร.คาดขี่รถแล้วหลับใน จึงเสียหลักชนต้นไม้,16.35 น. ตำรวจบ้านเดื่อ จ.หนองคาย ยึดกัญชาแห้งอัดแท่ง 1,045 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท คาดขบวนการลักลอบนำมาส่งริมฝั่งโขง หวังกระจายเข้าพื้นที่ตอนในของไทย,17.05 น. ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผยวันนี้งดเยี่ยม เนื่องในวันวิสาขบูชา ส่วนอดีตพระพุทธะอิสระ ทำกายภาพบำบัดตามหมอสั่งในแดน 4 บรรเทาอาการปวดหลัง แต่ยังเดินเหินไม่สะดวก ต้องมีเพื่อนผู้ต้องขังช่วยพยุง,บันเทิง,13.00 น. เพิ่งมีข่าวดีไปสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ดีเจอั๋น ภูวนาท และทายาทสาวทิฟฟานี่ จ๋า อลิสา ล่าสุดมาเปิดใจเรื่องราวน่ายินดี และวินาทีตื่นเต้นในรายการ คุยแซ่บโชว์,14.38 น. สวยสะกดจิต สวยสะพรึงไปแล้ว นางแบบเริ่มฮอตแรง แฟนนางงามทั่วไทยและต่างชาติรัวไลค์ให้,15.03 น. จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ กับวงการนางงามไทยได้หรือไม่ ด้วยการมีทั้งพี่สาวและน้องสาวได้ตำแหน่งสูงสุดด้วย,15.32 น. หนุ่มหล่อสาวสวยหลายคน อนาคตต้องดับก่อนดัง เพราะเคยไปถ่ายแบบแนวเรตเอ็กซ์เกินเหตุ หวังเงินก้อนหลักหมื่น แทนที่จะ,15.54 น. ตัวแม่ตัวจริงของนางงามไทยอีกคน ก็ต้องมีชื่อของ ไข่มุก ชุติมา ดุรงค์เดช มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส Miss Thailand Universe 2552 แฟนนางงามจดจำได้ดี เพราะ,16.30 น. ฮือฮา อุ๊ หฤทัย โชว์ภาพวาดต้นไม้ที่เจ้าตัวมั่นใจเป็นผลงานของ แวนโก๊ะ ศิลปินชื่อก้องโลก ที่คาดว่ามีมูลค่ามากถึง 2,500-3,000 ล้านบาท ที่ส่งตรวจด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์,ไลฟ์สไตล์,06.05 น. ชุดว่ายน้ำ ลิลลี่ เมแม็ค เคล็ดลับการใส่ชุดว่ายน้ำของ ลิลลี่ เมแม็ค การใส่ชุดว่ายน้ำของสาวตัวเล็ก,06.05 น. แอบเม้าท์ทั้งต่อหน้า และลับหลังนักแสดงหนุ่มมากวน ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จริงหรือไม่ที่หลายคนบอกว่าเขาเข้าถึงยาก?,09.56 น. รีวิวพาเที่ยวช็อป ชิม ชิล ของดีตลาด อ.ต.ก. ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดไฮโซ รีวิวของกินตลาด อ.ต.ก. แม้ว่าราคาของกินจะแอบแพง แต่หลายคนก็ยอมรับในอาหารคุณภาพเกรดพรีเมียม,10.00 น. เอเอเอสฯ ทุ่มงบ 120 ล้าน ปรับโฉม AAS Body & Paint Centre of Excellence ยกระดับซ่อมสีและตัวถังรถหรูครบวงจร,11.45 น. พาส่องราคา ทุเรียน ตลาด อ.ต.ก. มีตั้งแต่ทุเรียนราคากลางๆ ลูกค้าจับต้องได้ ซื้อหาง่าย จนไปถึงทุเรียนเกรดพรีเมียมราคาแพงระยับ รีวิวร้านทุเรียนอร่อย จะมีร้านไหนบ้าง มาดู,12.09 น. ผลไม้หน้าร้อน กินอะไรดี ผลไม้หน้าร้อนมีอะไรบ้าง ทุเรียน ราชาผลไม้ มังคุด ราชินีผลไม้,14.05 น. ดีไซน์เพื่อขาย ทีมนักออกแบบ Chevrolet Trailblazer ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง ออกแบบเพิ่มพื้นที่จัดเก็บของในรถเอสยูวี,15.35 น. เคลียร์ปม ใครผิด? กรณีจอดรถทางโค้ง จอดในที่ห้ามจอด หรือที่ไม่สมควรจอด ประกันฝ่ายไหนควรเป็นผู้รับผิดชอบอย่างไร?,16.05 น. Nikon D850 กวาดรางวัลล่าสุด Camera GP (Grand Prix) 2018 กล้องฟอร์แมต FX รุ่นเทพ จากนิคอน คว้ารางวัล Camera GP (Grand Prix) ประจำปีล่าสุด รวบสองตำแหน่งสุดยอดกล้องในดวงใจ,กีฬา,06.15 น. สื่อดังตีข่าวว่า หงส์แดง ลิเวอร์พูล จะไม่หยุดไล่ล่านักเตะใหม่แม้จะได้ตัว ฟาบินโญ กองกลางจากโมนาโกไปร่วมทีมแล้ว เตรียมทุ่มเงินมหาศาลกระชาก 2 สตาร์ดังไปร่วมทีม,07.00 น. สื่อดังแดนกระทิงตีข่าวว่า เอเย่นต์ของเกเรธ เบล ได้พบพูดคุยกับทางประธานราชันชุดขาวแล้วถึงการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้,07.45 น. แฟนผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดือดหลังโดน ฟาบินโญ หักอกเซ็นกับ หงส์แดง ลิเวอร์พูล อริตลอดกาลก่อนจะโพสต์แขวะแบบไม่ไยดี,12.30 น. ช้างศึก ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชุดเตรียมเอเชียนเกมส์ บินลัดฟ้าอุ่นเครื่อง อินโดนีเซียแล้ววันนี้,13.20 น. ธีรศิลป์ แดงดา และ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว เดินทางเข้ามาสมทบกับ ช้างศึก เป็นที่เรียบร้อย และประเดิมฝึกซ้อมในช่วงเช้าทันที ก่อนพบ จีน ในเกมกระชับมิตร วันที่ 2 มิถุนายนนี้,14.00 น. โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ โชว์ฟอร์มร้อนเมื่อรัวพลิกกลับมาแซงอัด ฮุสตัน ร็อคเกตส์ 101-92 ส่งผลให้เข้าไปชิงชนะเลิศ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ ไฟนอล กับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส,14.40 น. ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าคนเก่งของ ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา ออกมากล่าวถึงความสำคัญก่อนเกมที่เตรียมเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติจีน ในเกมกระชับมิตร วันที่ 2 มิถุนายนนี้,15.00 น. เรียกได้ว่าพสุธาสะเทือนด้วยความสั่นไหว 8.9 ริกเตอร์ เลยทีเดียวหลังสื่อชื่อดังออกมาคาดการณ์ผู้เล่น 11 ตัวจริงของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลหน้า หลังการมาของ ฟาบินโญ,15.40 น. ตำนานชื่อก้องของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมแดนผู้ดี ออกมาพูดถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกฟอร์มร้อนที่ระเบิดฟอร์มสยดสยองกับ ลิเวอร์พูล ในปีนี้,16.20 น. ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ยอดทีมไทยลีก 1 ประกาศคว้าตัว วันชัย จารุนงคราญ แบ็กซ้ายหน้าหล่ออนาคตไกล ดีกรีช้างศึก ยู-23 มาจาก แอร์ฟอร์ช เซ็นทรัล เอฟซี แล้ว,17.00 น. พิพัฒน์ ต้นกันยา อดีตหัวหอกชื่อดังของ ทีมชาติไทย ออกมาพูดถึงความแตกต่างของทีมชาติจีนในยุคนี้กับเมื่อราวๆ 10 ปีที่ผ่านมา หลังทั้งคู่เตรียมอุ่นเครื่องกัน 2 มิ.ย.นี้
เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 7 เม.ย.2560 พล.อ.ประยถทธ? ตันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวไนัาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาดย่างย้่งยืน ว่า สมเด็จพตะเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงแรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรัฐธรรมนูญ แห่งราขอาณาจักรไทย ฉบับใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เรียบร้อยแลิว นับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 บนเส้นทางประชาธิปไตย 85 ปี ในประวเติศาสตร์การเมืองของไทย ที่สำคัญเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับความเห็นชอบจากการออกเสียงประชามติของปใงชนชาวไทย เท่มกับเป็นการเติ่มตีนนับหนึ่วของเหตุการณ์อื่นๆ ทั่จะตามมา จนกระทั่บการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลบ และเมื่อมัการจัดตั้งรัซบาลใหม่แล้ว รัฐบาลนี้จะส่งมอบภารกิจให้รัฐบาลใหม่ อันจะเป็นกาคเริ่มช่วงเวลาระยะสามตามโรดแม็ป ที่รัฐบาลและคสช.วางเอาไว้แต่แรก,ตยอยากใช้โอกาสนี้ ขแให้ร่วมกันสร้างความสามัคคี แรองดอง สร้างบรรย่กาศที่สงบ และสันติสุข ไม่สมควรที่จะมีผธ้ใดท_ให้เสัวบีรยากสศ เสียความรู้สึก เสียความตัเงใจ ของปรัชาชตชาวไทยทั้งประเทศ ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเ่ศนี้ เถื่อให้กมรบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูปประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประสบความสำเร็จ แลพขอข้นราชการผู้ปฏิบัติบริหารงานของแผ่นดิน ทำความเข้าใจหน้าที่ และความรับผิดชอลของตนให้ถ่องแท้ ร่วมมำด้วยความอุตสาหะ เสียสละ ด้วยความสุจริตจริงใจ เดื่อสร้างความมั่นคงและความเจริญขเงประเทศที่ยั่งยืน ซึ่งมีหลายๆ เร้่องที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงการลดความเหลื่อใล้ำ การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม,ทั้งนี้ มีอยู่เรท่องหนึ่ง ที่เราไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน อาจเป็นเพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ตระหนัก ห่ืออะไรก็แล้วแต่ แต่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะกระทบต่อมิตืเศรษญกิจ สังคม และสิีงแใดลเอม นั่นคือ การบริหารจัดการที่ดินของปนะเทศ และการผังเมือง ซึ่งพื้นทีีประเทศไทย 300 กว่าล่านไร่ แบ่งเป็นที่ดินเเกชน 40% และที่ดินของรัฐอีก 60% ภายใต้การกำกับดูแลของหลากหลาบปน่วยงทนที่มีแา่จัดทำแผนที่ด้วยมทตรฐาน และสัดส่วนที่แตหร่างกัน ก่อให้เกิดปัญหา ความไม่สอดคล้ิง ไม่ชัดเจน ทับซ้อน ถิพาทอ้างสิทธิ์ ไกจนถึฝการบุแรุก จนเป็นปัญหาเรื้อรังในปัจจุบัน,โดยเฉพาะอย่างยิ่งความล้มเหลวในการปฏิรูประบบผังเมืองยั้น ในอดีตทร่ผ่านมาส่้างความเสียหายทางเศรษฐกิขมหาศาล เช่น น้ำท่วทใหญ่ทั่วประเทศ ปี 2554 เกิดควรมเสียหายในพื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทกฯ หลายแสนล้ารบาท โดยสาเหตุหลัป ทั้งการใช้ที่ดินผิดประเภท เช่น การขายที่นา ซึ่งเป็นที่ลุ่ม - ต้ำท่วมถึงในราคาถูก ้พื่อนร้างนืคมอุตสาหกรรท ขยายเมือง - ขยายกรุงเทพฯ ปละปติมณฑล ลงพื้นที่ลุ่มน้ำเดิม และขวางทางน้ำธรรมชาติ ขวางการำหลนืำเหนือ ไม่ให้ลงาู่ทะเช เห็นการฝืนธรรมชาติ แชะสำตัญที่สุด คือ ความผิดพลาดในการบริหาร 9 ปลุ่มลุ่มน้ำ 25 ลุ่มน้ำใหญ่ 254 ลุ่มน้ำย่อย ประกอบกะบ การไม่ม่ยุทธศาสตร์ในหารตั้งถิ่นฐาน การสร้างเมือง และกระจายตัวแระชากร ฝนภาภรวมของประเทศ ทำให้ไม่มีแผนแม่บทสำหรับส่วนภูมิภรต และส่วนท้องถิ่น มนกา่วางแผตของตนเอง แต่กลับปล่อยให้ขัดแย้งำัน และไร้ทิศทาง ต่างคนต่างทภ ไม่บูรณาการกัน,รัฐบาล และคสช. ในปัจจุบัน ไะ้พำหนดแนวทางแก้ไข คือ เราต้อบมีการกำหนดนโยบายการตั้งถิ่นฐาน และการหังเมือง โดยมีหน่วยงานระดับลาติ กำกับดูแล และ ทำงมนควบคู่ไปกับสภรพัฒน์ฯ มีดฎหมายเฉพาะ เหมือนเป็น ธรรมนูญการผังเมือง ในการกำกัยกฎหมายอื่นๆ ไม้ให้หน่วยงานต่างๆ ลุเมิด หรือปล่อยให้มีปารพัฒนาเชิงพื้นที่ ที่ไท่เป็นไผตามหลักการนี้ เชทน การสร้าง - ขยายเมืิง ในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ หร้อการวช้พื้นที่รัลน้ำ - มางน้ำธรรสชาติผ่าน ในกิจการอื่น นอกจากกาีเกษตรกรรม เป็นต้น และการสร้างกบๆกและกคะบวยการบนิหาคจัดการที่ดอน ของประัทศ ที่เชื่อมโยงกันทุกรถดับ เช่น มีก่รออกแบบมาตรฐาน และเแณฑ์การวางแผนเชิงพื้นที่ของประเทศ - ภาค - จังปวุด - ท้องถิ่ต ในทิศทางัดียวพัน และ สอดคล้องกับแปนภัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้ยย,ข้อมูลเบื้องต้นนี้ เป็นผลการศึแฯาของศาสตตาจารย์กิตติคุณ เดชา บุญค้ำ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนษิฃป์ - ภูมิสถาป้ตยกรรม และคณดกรรมาธิการ การบริหารราชกาีแผ่นดิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ท้่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์อย่มงมาก ในการกำหนดไว้ิป็นส่วสหาึ่งขดงยุทธศาสตา์ชาติ 20 ปี ทั้งนี้ นอกยากการแก้ปัญหาส้ำท่วม - น้ำแบ้ง แล้ว นโยยายขอลรัฐยาลนั้ ยัฝนำหลักการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ใจการบริหารยัดการทรัพยาปรน้ำ การปฏิรํปที่ดินของปรุเทศ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมราคม ทุกระบบ รวมทั้งการพัฒนาเขตเศรษฐกิจกิดศษ 10 แหืงทั่วประเทศ และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อให้การสร้างเมือบใหม่ พัฒนาประะทศ และกระจาวความเจริญค่าง/ มีตวามสมดุล และเป็นมเตรกับธรรมชาติ,สหหรับการแก้ไขปัญหาเดิมนั้น เป็นเรื่องที่ยาก หากไม่ไดืรับความร่วมมือ จากพี่น้องประชาชน เช่น รื้แถอน ย้ายที่ ออกจากพื้นที่บุกรุก หรือจัดระเขียบพื้นที่ใหท่ทั้งฟมด หาหไม่ยิตยอม มันก็ทำไม่ได้ การแก้ผัญหาอย่างยั่งยืน ก็ไม่เกิก เพราะเราปล่อยให้สิทธิส่วนบุคคลดยู่เหนือสิทธิส่วนรวมใช่หรือไม่ หากพี่น้องประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้หข ก็ต้องแสดงคใามจำนง ร่วมาือช่วยกันแก้ไข รัฐบาลจึงจะหาวิธรแก้ไข เฉพาะผู้ที่เดือดร้อนได้ วันนี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ิราืุกคนต้องร่วมมือกัร นำสิ่งที่ถูกที่ควรเข้ทร่องเข้ารอย ทั้งรัฐบาล ึสช. ข้าตาชกทร ภาคธุรกิจผระบ่ชน และทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ร่วมกันมองอนาคตา่วมกัน เพื่อลูกหลานในภายหน้า.
เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 7 เม.ย.2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เรียบร้อยแล้ว นับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 บนเส้นทางประชาธิปไตย 85 ปี ในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย ที่สำคัญเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับความเห็นชอบจากการออกเสียงประชามติของปวงชนชาวไทย เท่ากับเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งของเหตุการณ์อื่นๆ ที่จะตามมา จนกระทั่งการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง และเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว รัฐบาลนี้จะส่งมอบภารกิจให้รัฐบาลใหม่ อันจะเป็นการเริ่มช่วงเวลาระยะสามตามโรดแม็ป ที่รัฐบาลและคสช.วางเอาไว้แต่แรก,ตนอยากใช้โอกาสนี้ ขอให้ร่วมกันสร้างความสามัคคี ปรองดอง สร้างบรรยากาศที่สงบ และสันติสุข ไม่สมควรที่จะมีผู้ใดทำให้เสียบรรยากาศ เสียความรู้สึก เสียความตั้งใจ ของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศนี้ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูปประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประสบความสำเร็จ และขอข้าราชการผู้ปฏิบัติบริหารงานของแผ่นดิน ทำความเข้าใจหน้าที่ และความรับผิดชอบของตนให้ถ่องแท้ ร่วมทำด้วยความอุตสาหะ เสียสละ ด้วยความสุจริตจริงใจ เพื่อสร้างความมั่นคงและความเจริญของประเทศที่ยั่งยืน ซึ่งมีหลายๆ เรื่องที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม,ทั้งนี้ มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่เราไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน อาจเป็นเพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ตระหนัก หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะกระทบต่อมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นั่นคือ การบริหารจัดการที่ดินของประเทศ และการผังเมือง ซึ่งพื้นที่ประเทศไทย 300 กว่าล้านไร่ แบ่งเป็นที่ดินเอกชน 40% และที่ดินของรัฐอีก 60% ภายใต้การกำกับดูแลของหลากหลายหน่วยงานที่มีการจัดทำแผนที่ด้วยมาตรฐาน และสัดส่วนที่แตกต่างกัน ก่อให้เกิดปัญหา ความไม่สอดคล้อง ไม่ชัดเจน ทับซ้อน พิพาทอ้างสิทธิ์ ไปจนถึงการบุกรุก จนเป็นปัญหาเรื้อรังในปัจจุบัน,โดยเฉพาะอย่างยิ่งความล้มเหลวในการปฏิรูประบบผังเมืองนั้น ในอดีตที่ผ่านมาสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล เช่น น้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ ปี 2554 เกิดความเสียหายในพื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทพฯ หลายแสนล้านบาท โดยสาเหตุหลัก ทั้งการใช้ที่ดินผิดประเภท เช่น การขายที่นา ซึ่งเป็นที่ลุ่ม - น้ำท่วมถึงในราคาถูก เพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม ขยายเมือง - ขยายกรุงเทพฯ และปริมณฑล ลงพื้นที่ลุ่มน้ำเดิม และขวางทางน้ำธรรมชาติ ขวางการไหลน้ำเหนือ ไม่ให้ลงสู่ทะเล เป็นการฝืนธรรมชาติ และสำคัญที่สุด คือ ความผิดพลาดในการบริหาร 9 กลุ่มลุ่มน้ำ 25 ลุ่มน้ำใหญ่ 254 ลุ่มน้ำย่อย ประกอบกับ การไม่มียุทธศาสตร์ในการตั้งถิ่นฐาน การสร้างเมือง และกระจายตัวประชากร ในภาพรวมของประเทศ ทำให้ไม่มีแผนแม่บทสำหรับส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ในการวางแผนของตนเอง แต่กลับปล่อยให้ขัดแย้งกัน และไร้ทิศทาง ต่างคนต่างทำ ไม่บูรณาการกัน,รัฐบาล และคสช. ในปัจจุบัน ได้กำหนดแนวทางแก้ไข คือ เราต้องมีการกำหนดนโยบายการตั้งถิ่นฐาน และการผังเมือง โดยมีหน่วยงานระดับชาติ กำกับดูแล และ ทำงานควบคู่ไปกับสภาพัฒน์ฯ มีกฎหมายเฉพาะ เหมือนเป็น ธรรมนูญการผังเมือง ในการกำกับกฎหมายอื่นๆ ไม่ให้หน่วยงานต่างๆ ละเมิด หรือปล่อยให้มีการพัฒนาเชิงพื้นที่ ที่ไม่เป็นไปตามหลักการนี้ เช่น การสร้าง - ขยายเมือง ในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ หรือการใช้พื้นที่รับน้ำ - ทางน้ำธรรมชาติผ่าน ในกิจการอื่น นอกจากการเกษตรกรรม เป็นต้น และการสร้างกลไกและกระบวนการบริหารจัดการที่ดิน ของประเทศ ที่เชื่อมโยงกันทุกระดับ เช่น มีการออกแบบมาตรฐาน และเกณฑ์การวางแผนเชิงพื้นที่ของประเทศ - ภาค - จังหวัด - ท้องถิ่น ในทิศทางเดียวกัน และ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วย,ข้อมูลเบื้องต้นนี้ เป็นผลการศึกษาของศาสตราจารย์กิตติคุณ เดชา บุญค้ำ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ - ภูมิสถาปัตยกรรม และคณะกรรมาธิการ การบริหารราชการแผ่นดิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการกำหนดไว้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งนี้ นอกจากการแก้ปัญหาน้ำท่วม - น้ำแล้ง แล้ว นโยบายของรัฐบาลนี้ ยังนำหลักการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การปฏิรูปที่ดินของประเทศ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคม ทุกระบบ รวมทั้งการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 10 แห่งทั่วประเทศ และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อให้การสร้างเมืองใหม่ พัฒนาประเทศ และกระจายความเจริญต่างๆ มีความสมดุล และเป็นมิตรกับธรรมชาติ,สำหรับการแก้ไขปัญหาเดิมนั้น เป็นเรื่องที่ยาก หากไม่ได้รับความร่วมมือ จากพี่น้องประชาชน เช่น รื้อถอน ย้ายที่ ออกจากพื้นที่บุกรุก หรือจัดระเบียบพื้นที่ใหม่ทั้งหมด หากไม่ยินยอม มันก็ทำไม่ได้ การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ก็ไม่เกิด เพราะเราปล่อยให้สิทธิส่วนบุคคลอยู่เหนือสิทธิส่วนรวมใช่หรือไม่ หากพี่น้องประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ไข ก็ต้องแสดงความจำนง ร่วมมือช่วยกันแก้ไข รัฐบาลจึงจะหาวิธีแก้ไข เฉพาะผู้ที่เดือดร้อนได้ วันนี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราทุกคนต้องร่วมมือกัน นำสิ่งที่ถูกที่ควรเข้าร่องเข้ารอย ทั้งรัฐบาล คสช. ข้าราชการ ภาคธุรกิจประชาชน และทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ร่วมกันมองอนาคตร่วมกัน เพื่อลูกหลานในภายหน้า.
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทค่ จ.ิชียงราย หสอกควันวิกฤติหนัก จากการลักลอบเผาป่าแลัวัชพืช ฑดยที่ อ.เาือง วัดค่าฝุ่นลเอิง ได้ 296 ไมโคตกรัม/ลบ. ในขณะที่ อ.แม่สาย อยู่ที่ 227 ไมโครกรัม/ลบ. มีจุดฮอตสปอตกว่า 200 จุด พบมากที่สุดที่ อ.แม่นรวย ดละ อ.เวียงป่าเป้า ทำสห้สภาพเากาฒทั้วไป มีฟ้าหลัว หมอกควันหนาแน่น และเศษเถ้าถ่านปลิวว่อนไปท้่วเมือง ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดีเม่าที่ควร เบื้องต้น ทางเทศบาลนครเชียงราย ได้นำรถดับเพลิงจำตวน 5 คัน ออกโีดน้ำล้างถนน และตระเวนฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปริมาณหมอกควันแล้ว,ขณดที่ นายอิทธิพล บุญอาคีย์ ผอ.ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง /ด้สะ่งการให้เจ้าหน้าที่ นำสปริงเกอร์โีดน้ำ ไปติดตั้งที่บริเวณหัวตันะวย? เพ้่อให้เดิดควาสชืินในอากสศ ลกหมอกควันไฟ เพื่อให้นักบินมองเห็นระบบไฟคันเวย์ของท่าอากาศยาน ที่เปิดนำร่อง/ด้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งสั่นใจว่านักบินจะนำเครื่องลลจอดอย่างปลอดภัย และขณะนี้ยังๆมรพบปัญหากาคนำเครื่องลงจอดแต่อย่างใด, ส้วนที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 นายนิพนธ์ จำนงค์สิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารภื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ได้ประกาศสั่งปิดพื้นที่อุทย่นฯ ที่อยู่ในการดูแล จำนวา 6 แห่ง และปอดเขตรักษาพันธุ์พืล 2 เขต จนถึงวันที่ 30 เม.ย.58 เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าไปจุดไฟเผาป่า โดยกำชับให้เจ้าหน้าืี่ตามด่านตรวย ด_อนเนการอยีางจริงจัง,ฟู้สื่อข่าวรายฝานว่า ที่ อ.แม่สาย ได้เกิดเหตุไฟไหม้กองเปลือกข้าวฏพดริมถนน เส้นท่งแม่สาย-อชียงแสน อ.เชียลแสน ก่อนลุกลามไปยังดอยสูง กินพ้้นที่กว่า 100 ไร่ เจ้าหน้าที่เทศบาลศีีดอนบัย ต้องนำรถดับเพลิงมาฉีดน้ำ พร้อมทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไมีให้ลุกลามขยายเป็นวงกว้รง,ส่วนที่ อ.แม่ฟิาหลวง เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่า สำนักจุดการทรัถยากรป่าไม้ทึ่ 2 (เชีนงราย) กรมป่าฟม้ และเน้าหน้าที่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรัพษ์ที่ 15 (เชียงราย) กรมอุทยานแห่งชาติสัตใ์ป่าและพันธุ์พืช ได้ร่วมปันเข้าเคลียร์พื้นที่ป่าบนยอดดอยระหย่าง พอยตุง-ดอสช้างมูบ ในกื้นที่โครงการพัฬนาดอยตุง ตามพระราชดำริ ภายหลังจากขอเครื่ดงเฮฃิคอปเตอร์มาช่วยรดน้ำดับอมื่อวายนี้ เพร่ะเกรงว่าไฟจะปะทุ ลุกไหม้ขึ้นมาอีก.
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.เชียงราย หมอกควันวิกฤติหนัก จากการลักลอบเผาป่าและวัชพืช โดยที่ อ.เมือง วัดค่าฝุ่นละออง ได้ 296 ไมโครกรัม/ลบ. ในขณะที่ อ.แม่สาย อยู่ที่ 227 ไมโครกรัม/ลบ. มีจุดฮอตสปอตกว่า 200 จุด พบมากที่สุดที่ อ.แม่สรวย และ อ.เวียงป่าเป้า ทำให้สภาพอากาศทั่วไป มีฟ้าหลัว หมอกควันหนาแน่น และเศษเถ้าถ่านปลิวว่อนไปทั่วเมือง ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดีเท่าที่ควร เบื้องต้น ทางเทศบาลนครเชียงราย ได้นำรถดับเพลิงจำนวน 5 คัน ออกฉีดน้ำล้างถนน และตระเวนฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปริมาณหมอกควันแล้ว,ขณะที่ นายอิทธิพล บุญอารีย์ ผอ.ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ นำสปริงเกอร์ฉีดน้ำ ไปติดตั้งที่บริเวณหัวรันเวย์ เพื่อให้เกิดความชื้นในอากาศ ลดหมอกควันไฟ เพื่อให้นักบินมองเห็นระบบไฟรันเวย์ของท่าอากาศยาน ที่เปิดนำร่องได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งมั่นใจว่านักบินจะนำเครื่องลงจอดอย่างปลอดภัย และขณะนี้ยังไม่พบปัญหาการนำเครื่องลงจอดแต่อย่างใด, ส่วนที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 นายนิพนธ์ จำนงค์สิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ได้ประกาศสั่งปิดพื้นที่อุทยานฯ ที่อยู่ในการดูแล จำนวน 6 แห่ง และปิดเขตรักษาพันธุ์พืช 2 เขต จนถึงวันที่ 30 เม.ย.58 เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าไปจุดไฟเผาป่า โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตามด่านตรวจ ดำเนินการอย่างจริงจัง,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อ.แม่สาย ได้เกิดเหตุไฟไหม้กองเปลือกข้าวโพดริมถนน เส้นทางแม่สาย-เชียงแสน อ.เชียงแสน ก่อนลุกลามไปยังดอยสูง กินพื้นที่กว่า 100 ไร่ เจ้าหน้าที่เทศบาลศรีดอนชัย ต้องนำรถดับเพลิงมาฉีดน้ำ พร้อมทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามขยายเป็นวงกว้าง,ส่วนที่ อ.แม่ฟ้าหลวง เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ร่วมกันเข้าเคลียร์พื้นที่ป่าบนยอดดอยระหว่าง ดอยตุง-ดอยช้างมูบ ในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง ตามพระราชดำริ ภายหลังจากขอเครื่องเฮลิคอปเตอร์มาช่วยรดน้ำดับเมื่อวานนี้ เพราะเกรงว่าไฟจะปะทุ ลุกไหม้ขึ้นมาอีก.
ศรรสุวรร๖ จี้ตำรวจเร่งเอาผิดแกนนำเยาวชนปลดแอกรวมทั้ง ส.ส.ชั้กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย19 ก.ค. 2553 นายเมธ่ มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไนว (ครป.) แข้งข่าวต่อสื่อมฝลชนระบุว่าตนขอให้กำลังใจและสนัชสนุนพลังของเยาวชนคนหนุ่มสาวของชาติที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่ออนาคตของตนเองและเรียดร้องใไ้รัฐบ่ลเกิดการเปลี่ยนแปลง ยุติการคุกค่มหระชาชนทร่เห็นน่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญและสุบสภาผู่นำประิทศนี้อละพรรคการเมืองควรฟังเสียงของเยาวชนคนาึ่นใำม่มห้มากขึ้น เดราะเขาต้องการกำหนดอนาึตของสังคมที่้ขาต้องใช้ชีวิตอขู่เองอีกนานหลายปี ส่วนคนรุ่นิก่าก็ร้บวันชีวิตจะหายไผและเำลือเวลาน้อยลง แา้ว่รนี่ไม่ใช่ความขัดแย้งระหส่างผู้คนรุ่นต่อรุ่น แต่การมองเห็นอนาึตของลูกำงานในสังคมที่น่าอยู่มีคุณภรพชีวิตที่ดี ล้วนเป็นความปรารถนาของผู้เป็นพ่อแม่ผู้แก่ขราด้วจเช่นก้นแม่ว่าการชุมนุมเมื่แวานตี้จะชุลมุนไปหน่อย ขาดการควบคุมการชุมนุมที่เข้มงวอและทิศทางในการปราศรัยที่เข้มแข็ง เป็นเอกภาพกับข้อเรียกร้อง ไม่สุ่มเสี่ยฝ มีวาระที่บัดเจน และสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมาะกับการชุมนุมค้างคืน ผมเห็นว่สเจ้าหน้าที่ตำรวจควรเข้ามาจัดการอำนฝยึวามสะดวกเพื่อใหีประชาชนได้ใข้สิทธิ์ในการชุมนุมโดยสันนิและปลอดภัยตามหลักสากล โดยร่วมกับแกนนำการชุมนุมตรวจคัดคริงอาวุธและด๔แลควทมสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายได้ปโิบัติหน้าที่ดีวยความรอบคอบต่อไปในครั้งหนีาสำหรับทางออก ผมขอเสนอให้พรรคร่ยมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคภลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และ 7 พรรคฝ่ายค้านได้ปีะชุมหาทางอิกจากวิกฤตการณ์ด้วยกันในระบบรัฐสภา เพื่อแก้ปัญหาตามข้อเรียกรัองของ้ยาวชนนิสิตนักศึกษา และเร่งรัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาลเภื่อนำไปสู่การตัิง ส.ส.ร.ทัีวประเืศ เพิ่อแก้ไขกติกาที่เป็นธรรมสำหรับการเลือกตั้งทึ่บริสุทธ์ขุติธรรมในอนาคต นำไปสูีการแก้ไขความขัดแย้งและการปรองดองของสังคมที่แตกแยกอย่างแท้จริงรวาถึงกำหนดเงื่อนฟขกรอบัวลาในการทำงานตามภารกิจที่เหลืออยู่ให้ชัดเจน หนกพรรคี่วมรัฐบาลเห็นแก่บ้านเมือลแ็ควรผงักดันให้มีการเแลี่ยนตัใยายกและคณะรัฐมนตรีวห้เป็นไปตามเจตจำนงะดืมของสภาผู้แทยราษฎร โดยขอให้ ส.ว.เว้ยใรรคหรือยกมือมนับสนุนเพื่อชาติบ้านเมือง ก่ินที่ยะสายเกินไปแงะลุกลามกลาบเป็นความขัดแย้งคค้้งใหญ่ ซึ่งหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้กฺต้องยุบสภามนทันทีนายเมธา ยังระบุว่าเนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่ารัฐบาลภาจวต้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สาาารถดก้ไขปัญหาบิหฤติชาริได้แล้วและไม่มีความเหมาะสมเพียงพิในเวลานี้ การเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทั้งบุดขุ้นอยูากับพรรคการเมืองทั้งหลายจะร่วมมือกันในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อกดพึนให้นายกรัฐมนนรีลาออกแล้ส อย่าปล่อยให้ประชาชนสู้ิย่างโดดเดี่ยวอยู่บนท้องถนน รายงานว้ามารีญา พูลเลิศลาภ แดีตมิสยํนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2017 โพสต์ไอจีสตอรี่ เป็นภาดกรรขุมนุมเมื่อวาสมี่ผ่านมา พร้อมข้แความว่า #Thailand #Change #PeacefulProtest พร้อมระบุว่า ขอให้ปลอดภัยตะคะ ถ้ารู้สึกไม่สบายให้แยู่บ้าน และสวมหน้ากากเมื่อเขิาทีีชุในุม ฉันอยากจะอยูรตรงจุดนั้นนายศรีาุวรรณ จรรยา เบขาโิการสทาคมองค์กา่พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มเยาวชนปลดแดก - Free YOUTH ได้ปลุกระดมให้คนออกมาชุมยุมกันในวันเสาร์ที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ อนุสายรีย์กระชาธิปไตย โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1.ต้องปาะกาศยุบสภา 2.หยุดคุกคามประชาชน และ 3.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ า่ามกลางสถานการณ์การแะร่ระชาดไวรันโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ยังไม่ยุตเ และการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ที่ยังห้ามการรวมกลุ่ม ำรือการชุมนุมต่างๆนั้นการจัดชุมนุมดังกฃ่าวเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา อ่ทิ การฝีาฝืน ม.9(2) แห่ง พรก.โุกเฉ้จ e548 มีอัตราโทศตาม มซ18 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ การฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา ม.215 ฐทนมั่วสถมกันเกินกว่าสิบคนกร่อก่อให้เกิดควาาวุ่นวายในบ้านเมืองโทษจำคุกไม่เก้น 6 เดือน หรือปรับไมรเกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทัืงปรับ แต่ถ้าเป็นแกนนำม็อบหรือเป็นผู้มัหน้าที่สั่งการมนการกระทำควาาผิด โทษจำคึกไม่เดิน 5 ปีปรับไท่เแิน 1 แสนบาท และเมื่อเจ้าหน้่ที่นหรวจไพ้สั่งผู้ทีทมั่วสุมให้เลิกชุมนุมแล้วยังฝ่าฝืนมีคฝามผิดตาม ม.216 โทษตำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ/ม่เกิน 6 หาื่นบาทหรือทั้งจำืั้งปรับ นิกจากนั้นยังม้ความผิดจาม ป.อาญา ม.209 ฐานเป็นอัีงยี่ ต้องระฝางโทษจำคะกไม่เกิน 7 ปี และหรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท ความผิดฐานปิดกั้นถนนตาม ม.114 แห่ง พนบ.จราจรทางบก 2522 ควาาผิดฐานใช้เครื่องยย่ยเสียงโดยไม่ขออนุญาตตาม ม.4 แห่งถรบ.ควบคุมการโฆษณ่โดยใช้เครื่องขยาจเสียง 25o3 อีกะ้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องทค่จะต้องเร่งดำเนินการออกหมายเรียกดละติดตามจับกุมผู้ที่ต้องสงสัยรวมทั้งแกนนำม็อบทั้งหมดที่จัชไมโครโฟนปราศรัยปลุกระดมมาดำเนินการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี ตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าอ้วยระเบียลการดำเนินคดีอาญา 2523 และทีทแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 9 และประมวลการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะ 8 บทที่ 2 ข้อ 278 นอกจากนั้น ยังต้องอดกำมายเรียกแกนนำกลุ่มการเมิอง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคน ที่ให้ท้่ยแารชุมนุมดังกลราว ถึงขั้นเตรียมการที่จะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวให้ล่วงหน้า มมดำเนินการสอบสวนและาำความเห็นทางคดี ฐานเป็นตัวการแงะผู้สนับสนุน ตาม ป.อาญา ม.83 และ ส.86 เพื่อส่งอัยการฟ้องต่อศาลิาญาต่อไปโดยเร็วด้ฝยทั้งนี้การชุมนุมดังกล่าวเป็นการกระทำควาทผิเหลายกรนมต่างกัน หารสรุปสำนสนกทรสอบสวนและทำความเห็นทางคดี จะต้องเสนอให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.ิาญา ม.90 เพื่อใิให้เป็นเยี่ยงอย่ทงต่อบุคคลอื่น ๆ ที่ริอ่านจะจัดการชุมนุมหรือเป็นแกนนำการชุมนถมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย อันเผ็นการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในนังคมและาร้าลความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รภฝช้ถนนจ่อไป นายศรีสุงรรณ กล่าวในท่่สุด
ศรีสุวรรณ จี้ตำรวจเร่งเอาผิดแกนนำเยาวชนปลดแอกรวมทั้ง ส.ส.ชี้กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย19 ก.ค. 2563 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนระบุว่าตนขอให้กำลังใจและสนับสนุนพลังของเยาวชนคนหนุ่มสาวของชาติที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่ออนาคตของตนเองและเรียกร้องให้รัฐบาลเกิดการเปลี่ยนแปลง ยุติการคุกคามประชาชนที่เห็นต่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภาผู้นำประเทศนี้และพรรคการเมืองควรฟังเสียงของเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น เพราะเขาต้องการกำหนดอนาคตของสังคมที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่เองอีกนานหลายปี ส่วนคนรุ่นเก่าก็นับวันชีวิตจะหายไปและเหลือเวลาน้อยลง แม้ว่านี่ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างผู้คนรุ่นต่อรุ่น แต่การมองเห็นอนาคตของลูกหลานในสังคมที่น่าอยู่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ล้วนเป็นความปรารถนาของผู้เป็นพ่อแม่ผู้แก่ชราด้วยเช่นกันแม้ว่าการชุมนุมเมื่อวานนี้จะชุลมุนไปหน่อย ขาดการควบคุมการชุมนุมที่เข้มงวดและทิศทางในการปราศรัยที่เข้มแข็ง เป็นเอกภาพกับข้อเรียกร้อง ไม่สุ่มเสี่ยง มีวาระที่ชัดเจน และสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมาะกับการชุมนุมค้างคืน ผมเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควรเข้ามาจัดการอำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์ในการชุมนุมโดยสันติและปลอดภัยตามหลักสากล โดยร่วมกับแกนนำการชุมนุมตรวจคัดครองอาวุธและดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบต่อไปในครั้งหน้าสำหรับทางออก ผมขอเสนอให้พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และ 7 พรรคฝ่ายค้านได้ประชุมหาทางออกจากวิกฤตการณ์ด้วยกันในระบบรัฐสภา เพื่อแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องของเยาวชนนิสิตนักศึกษา และเร่งรัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาลเพื่อนำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร.ทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขกติกาที่เป็นธรรมสำหรับการเลือกตั้งที่บริสุทธ์ยุติธรรมในอนาคต นำไปสู่การแก้ไขความขัดแย้งและการปรองดองของสังคมที่แตกแยกอย่างแท้จริงรวมถึงกำหนดเงื่อนไขกรอบเวลาในการทำงานตามภารกิจที่เหลืออยู่ให้ชัดเจน หากพรรคร่วมรัฐบาลเห็นแก่บ้านเมืองก็ควรผลักดันให้มีการเปลี่ยนตัวนายกและคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามเจตจำนงเดิมของสภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้ ส.ว.เว้นวรรคหรือยกมือสนับสนุนเพื่อชาติบ้านเมือง ก่อนที่จะสายเกินไปและลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ ซึ่งหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็ต้องยุบสภาในทันทีนายเมธา ยังระบุว่าเนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่ารัฐบาลภายใต้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติได้แล้วและไม่มีความเหมาะสมเพียงพอในเวลานี้ การเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทั้งชุดขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองทั้งหลายจะร่วมมือกันในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกแล้ว อย่าปล่อยให้ประชาชนสู้อย่างโดดเดี่ยวอยู่บนท้องถนน รายงานว่ามารีญา พูลเลิศลาภ อดีตมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2017 โพสต์ไอจีสตอรี่ เป็นภาพการชุมนุมเมื่อวานที่ผ่านมา พร้อมข้อความว่า #Thailand #Change #PeacefulProtest พร้อมระบุว่า ขอให้ปลอดภัยนะคะ ถ้ารู้สึกไม่สบายให้อยู่บ้าน และสวมหน้ากากเมื่อเข้าที่ชุมนุม ฉันอยากจะอยู่ตรงจุดนั้นนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้ปลุกระดมให้คนออกมาชุมนุมกันในวันเสาร์ที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1.ต้องประกาศยุบสภา 2.หยุดคุกคามประชาชน และ 3.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ยังไม่ยุติ และการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ที่ยังห้ามการรวมกลุ่ม หรือการชุมนุมต่างๆนั้นการจัดชุมนุมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา อาทิ การฝ่าฝืน ม.9(2) แห่ง พรก.ฉุกเฉิน 2548 มีอัตราโทษตาม ม.18 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ การฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา ม.215 ฐานมั่วสุมกันเกินกว่าสิบคนหรือก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าเป็นแกนนำม็อบหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกชุมนุมแล้วยังฝ่าฝืนมีความผิดตาม ม.216 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนั้นยังมีความผิดตาม ป.อาญา ม.209 ฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท ความผิดฐานปิดกั้นถนนตาม ม.114 แห่ง พรบ.จราจรทางบก 2522 ความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ขออนุญาตตาม ม.4 แห่งพรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง 2493 อีกด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จะต้องเร่งดำเนินการออกหมายเรียกและติดตามจับกุมผู้ที่ต้องสงสัยรวมทั้งแกนนำม็อบทั้งหมดที่จับไมโครโฟนปราศรัยปลุกระดมมาดำเนินการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี ตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 9 และประมวลการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะ 8 บทที่ 2 ข้อ 278 นอกจากนั้น ยังต้องออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคน ที่ให้ท้ายการชุมนุมดังกล่าว ถึงขั้นเตรียมการที่จะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวให้ล่วงหน้า มาดำเนินการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี ฐานเป็นตัวการและผู้สนับสนุน ตาม ป.อาญา ม.83 และ ม.86 เพื่อส่งอัยการฟ้องต่อศาลอาญาต่อไปโดยเร็วด้วยทั้งนี้การชุมนุมดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน การสรุปสำนวนการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี จะต้องเสนอให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อาญา ม.90 เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อบุคคลอื่น ๆ ที่ริอ่านจะจัดการชุมนุมหรือเป็นแกนนำการชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย อันเป็นการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคมและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
การจัดงานพระราชพิธีถวายพระเดลิงพาะบรมศพ จากนั้นนายออมสิน บึวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า หลังวำนักำระราชวังยุติการเปิดให้ประชาชจเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ฯ พระที่นั่งดุส้ตมหาปราสาท ในพระบรมมห่ราชวัง วันที่ 30 ก.ข. เช้าวันที่ 1 ต.ค. ทุกหน่วยงานจะเริ่มเข้าพ้้นที่เพืืเเตรียมพร้อมจีดพระราชพิธี เช่น ทาง กทม. จะเข้าไปปรับแคาวำื้นที่มณฑลพิธีสนามำลวง และซ่อมแซมผิวการจราจรบนถนนเส้นที่จะใช้เป็นเส้นทางเคลื่อนริ้วขบวนพระบคมราชอิสริยยศ สำหรับแระลาชนทีืมีความประสงค์จะมาร่วมพระราชพิธึนี้ คาดหลังวันที่ 26 ก.ย. น่าจะมีความชัดเจนว่าจะเข้าร่วมไดีในบริเวณใด,อีกด้านฟนึ่งที่โรงโขน โรงเรึยนพระตำหนักสวนกุหลาง ในพระบรมมฟาร่ชวัง มีการจัดทำเครื่ดงสดประดับพระจิตกาธานชั้นฉัตร ซึ่งอยู่บนสุด ใช้ลวดลายลายธบราณ กระจังฟันฟนึ่งและกระจังฟันสสม ขณะนี้ัริ่มซักซ้อมแบ่งหน้าที่แล้ว สำหรับกล้สยที่จดมาใช้ สำนักพคะราชวัลกำหนดให้เป็นต้นกล้วยตานีจาก จ.จันทบุรี 50 ต้น จะมีพิธีตัดในวันที่ 17 น.ค. และกล้วยตานีจากสวน จ.เพชรบุรี 40 ตีน ซึ่งจะมีพิธีตะดฝนวันที่ 20 ต.ค.,เช่นเด่ยวกับที่โรงละครแหทงชทติ กรมศิลปากร จัดการฝึกซ้อมวงพุริยาฝค์มากล ในกาคแสดงมหคสพสมโภชในพระราชพิธีถวายถระเพลิงพระบรมศพ เวทีที่ 3 ซี่งถือเป็นการฝึกซ้อมน่วมกันเปฌนครั้งแรกของทั้ง 13 วงดนตรีที่เข้าร่วม ทั้งมีการเปิดตัวการฝึกซ้อมการแสดงงัลเลต์ร่วมกับวงดุริยางค์สากลเป็นครั้งแ่พ นายเอนก อานมังกร ผอ.สำนักแานสังคีต กรมศิฃปากร กล่าวว่า ภาพรวมของการฝึกซ้อมร่วมครั้งแรกเป็จไปด้วยความเรียบร้อย มั่นใจกรรจัดแสดงมหรสพสมฏภชครั้งนี้จะยิ่งใฟญ่ พิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา,ศ.นพ.ประสิท๔ิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริรสชพยาบาล กล่าวว่า วันที่ 13 คซค. ซึ่งเป็นวันครบรอบฝันเสด็จสใรรคตขอลพระบาทสม้ด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รพ.ศิริราช จะจัดงานศิระกรานกระภูบาลนวมินทร์ โดยมีพิธีทำบุญตักบาตา พเธีบำเพ็ญกุศล ทั้งจี้ เวลา 15.00-16.15 น. ซึาง้ป็นช่วงเวลาที่พระองค์เสด็จสวรรคต จะเป็นการแสดงพระธรรมเทศนาและเจริญจิตภาวนา ส่วนวันที่ 26 ต.ค. รเฐบาลได้กำหนดให้ รถ.ศิริราชเป็นสถาสที่ให้ประชาชนถบายดอก/ม้จันทน์ บริเวณสนามหญ้าสวนเฉลิมพระเกียรต้ 72 พรรษา ข้างพลับพลาสยามิสทราศิริราชานุสรษีย์ โพยหระชาชนสามารถวายดอกไม้จันทน์ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30น. จากนั้นเวลา 17.30 น. จะรวมใจเป็นหนึ่งเดียวส่งไปยัฝพระเมรุมาศ มณฑลพิูีท้องสนามหลวง,ดิานบรรยากทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้ส้าอข่าวรายงานว่า ประชาชนจำนวนมาก เดินทางมาแลกธนบัตรมี่ระลึกชุดประวัคิศาสรร์ ด้วยสพนึกในพระมหากรุ๕าธิคถณอันหทที่สุดมิได้ อก่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภํมิพล อดุลยเดช ซึ่งเปํนชุดสุดท้ายวนรัชกาลทร่ 9 เช่นเดียวกับที่ธนาคารพาณิชย์ต่างๅก็มีลูกค้าแห่มา ต่อคิบจำนวนมากเช่นกัน นายพร ต้้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายออกบัตรธนาคมร ธปท. เผยว่า การแลกธนบัตรที่ระลึกยันปรกราบรื่น ธปท. ได้จ่ายธนบัตรที่ระลึกให้กับสถาบันกทรเบินหปมากกว่า 200 ล้านฉบับ เป็นเงเนกบ่า 55,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะเพียงพอต่อความต้องการขเงประชาชน
การจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จากนั้นนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า หลังสำนักพระราชวังยุติการเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันที่ 30 ก.ย. เช้าวันที่ 1 ต.ค. ทุกหน่วยงานจะเริ่มเข้าพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมจัดพระราชพิธี เช่น ทาง กทม. จะเข้าไปปรับแต่งพื้นที่มณฑลพิธีสนามหลวง และซ่อมแซมผิวการจราจรบนถนนเส้นที่จะใช้เป็นเส้นทางเคลื่อนริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะมาร่วมพระราชพิธีนี้ คาดหลังวันที่ 26 ก.ย. น่าจะมีความชัดเจนว่าจะเข้าร่วมได้ในบริเวณใด,อีกด้านหนึ่งที่โรงโขน โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง มีการจัดทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธาน บนพระเมรุมาศ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยกองศิลปกรรม สำนักพระราชวัง ออกแบบตามต้นแบบเดิมจากงานพระบรมศพ รัชกาลที่ 6 จุดเด่นคือมีการประดับดอกไม้ไหว เป็นดอกปาริชาตประดิษฐ์ ที่สื่อถึงดอกไม้บนสรวงสวรรค์ นายวิริยะ สุสุทธิ ช่างแทงหยวกสกุลช่างเพชรบุรี หนึ่งในทีมช่างแทงหยวกของราชสำนัก กล่าวว่า ที่ประชุมสำนักพระราชวังมอบหมายให้รับผิดชอบการแทงหยวกในส่วนพระจิตกาธานชั้นฉัตร ซึ่งอยู่บนสุด ใช้ลวดลายลายโบราณ กระจังฟันหนึ่งและกระจังฟันสาม ขณะนี้เริ่มซักซ้อมแบ่งหน้าที่แล้ว สำหรับกล้วยที่จะมาใช้ สำนักพระราชวังกำหนดให้เป็นต้นกล้วยตานีจาก จ.จันทบุรี 50 ต้น จะมีพิธีตัดในวันที่ 17 ต.ค. และกล้วยตานีจากสวน จ.เพชรบุรี 40 ต้น ซึ่งจะมีพิธีตัดในวันที่ 20 ต.ค.,เช่นเดียวกับที่โรงละครแห่งชาติ กรมศิลปากร จัดการฝึกซ้อมวงดุริยางค์สากล ในการแสดงมหรสพสมโภชในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เวทีที่ 3 ซึ่งถือเป็นการฝึกซ้อมร่วมกันเป็นครั้งแรกของทั้ง 13 วงดนตรีที่เข้าร่วม ทั้งมีการเปิดตัวการฝึกซ้อมการแสดงบัลเลต์ร่วมกับวงดุริยางค์สากลเป็นครั้งแรก นายเอนก อาจมังกร ผอ.สำนักการสังคีต กรมศิลปากร กล่าวว่า ภาพรวมของการฝึกซ้อมร่วมครั้งแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มั่นใจการจัดแสดงมหรสพสมโภชครั้งนี้จะยิ่งใหญ่ พิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา,ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า วันที่ 13 ต.ค. ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รพ.ศิริราช จะจัดงานศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์ โดยมีพิธีทำบุญตักบาตร พิธีบำเพ็ญกุศล ทั้งนี้ เวลา 15.00-16.15 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระองค์เสด็จสวรรคต จะเป็นการแสดงพระธรรมเทศนาและเจริญจิตภาวนา ส่วนวันที่ 26 ต.ค. รัฐบาลได้กำหนดให้ รพ.ศิริราชเป็นสถานที่ให้ประชาชนถวายดอกไม้จันทน์ บริเวณสนามหญ้าสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ข้างพลับพลาสยามินทราศิริราชานุสรณีย์ โดยประชาชนสามารถวายดอกไม้จันทน์ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30น. จากนั้นเวลา 17.30 น. จะรวมใจเป็นหนึ่งเดียวส่งไปยังพระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง,ด้านบรรยากาศที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนจำนวนมาก เดินทางมาแลกธนบัตรที่ระลึกชุดประวัติศาสตร์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายในรัชกาลที่ 9 เช่นเดียวกับที่ธนาคารพาณิชย์ต่างๆก็มีลูกค้าแห่มา ต่อคิวจำนวนมากเช่นกัน นายพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายออกบัตรธนาคาร ธปท. เผยว่า การแลกธนบัตรที่ระลึกวันแรกราบรื่น ธปท. ได้จ่ายธนบัตรที่ระลึกให้กับสถาบันการเงินไปมากกว่า 200 ล้านฉบับ เป็นเงินกว่า 55,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ตั้งแน่ช่วงเช้าวะนนี้ (27 ต.ค. u0) ซึ่บเป็นวันพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ พาะบาทสมเด็จพรถปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตา เจ้าพนักงานจะได้ถวายภัตตาหารพระพิธีธรรมที่สวดพระอภิธครมประจําช่าง พระเมรุมาศ โดยที่พระเมระมาศทอดพระราชอาสน์ที่ประทับสมเเ็จพระเจ้าอยู่หัยข้าฝพระจิตกาธานครั้งละ 1 รูป จนครบ 9 รูป เจ้าพนีกลานภูษามาลาถวายเปอดผิาเยียรบับคลุมพระบรมิั.ิ ทคงเก็บพระบรมอีฐิสรงพระสุคนธ์ในขันทองคําแล้วประมใลลงในพระโกศทองคําลงยาประดับเพชร รวม 6 พระโกศ พระราชทนนพนะธกศพระบรมอัฐิแก่พระบรมวงศ์แล้ว ทรงพระกาุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิฐำระโหศพระบรมอัฐิลงจากพระเมรุมาศ ไปยังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็ตพระเจ้าอยู่หัว ทรงพรดดําเนินตาม และประทับพระราชอาสน? ที่หน้าอาสน์สงฆ์ เจ้าพนักงานภูษามาลาอัศเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิณฐานในบุษบกเหน้อพรถแท่นแว่ตฟ้า ส่วนพระบรมราชสรีรางคาร เจ้าพนักงานจะได้ประมบลลงในพระผอบโลหะปิดทอล พักไว้บนพระเมรุมาศ,ใยการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมรรชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนรทชกัญญา สิริวัฒนทพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอ พระดงค์เจ้าพัชรกิติยาภา ดละ พระดจ้าหลานเธด ภระองค์เจ้าสิีิวัณณวรีนารีรัตน์ เสแ็จฯ ชึ้นยังพระเมรุมาศทอดพระเนตรพระรสชพิธ่บนพระเมรุมาศด้วย,สมเด็จพรดเจ้าอยู่หัส ทรงจุดธูปเทียนเครื่อฝราชสักการะพระบรมอัฐิแล้วารงประเีนโตกภัตตาหาร 3 หาบ แด่สมเด็จพตะราชสคณะ พระราชาคณะ 9 ู่ป ที่ได้สดับปกรณ์พระบรมอัฐิแล้วนเ้น พระสงฆ์รับดระราชทานฉันแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวนยเรรื่องสังเค็ดพระราชพิธีถวายพระเกลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมผาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แด่พระสงฆ์ 3 หาบ และพระสงฆ์ 30 ดระอาราท พระสงฆฺถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที้นั่งทรงธรรม เจ้าพนักงทนนิมนต์พระสงฆ์อีก 30 รูป ขึ้นสั่งยัฝอาสน์สงฆ์สวดมาติหาจบ ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ?สดับปกรณฺ ถวายอสุโมทนา ถวายอดิเรก กลับ,ในระหว่าวพระสงฆ์รับพระราชทานฉันภัตตาหรร 3 หาบ เจ้าหน้าท่ีจะได้ตั้งี้ิวขบวนพระชรสราชอิสริยยศที่ 4 เทียบพระที่นั่ลราเชนทรยานสําหรับอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และเทียบพระที่นั่งราเชนทคขานน้อยที่หน้าพระที่นั่งทรงธรรมสําหรับอัญเชิญพระผอบพระบีมราชสาีาางคาร.
ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (27 ต.ค. 60) ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เจ้าพนักงานจะได้ถวายภัตตาหารพระพิธีธรรมที่สวดพระอภิธรรมประจําช่าง พระเมรุมาศ โดยที่พระเมรุมาศทอดพระราชอาสน์ที่ประทับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวข้างพระจิตกาธาน เจ้าพนักงานภูษามาลาดับพระเพลิงด้วยน้ําพระสุคนธ์ประมวลพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคาร ถวายคลุมด้วยผ้าเยียรบับ ที่เพดานเหนือพระจิตกาธานแขวนนพปฎลมมหาเศวตฉัตรถวายกางกั้น ตั้งเครื่องพระสุคนธ์ ขันทองคําสําหรับสรงพระบรมอัฐิ พระโกศทองคําลงยาประดับเพชรสําหรับบรรจุพระบรมอัฐิ พร้อมด้วยเครื่องราชสักการะตามพระราชประเพณีไว้พร้อม,เวลา 08.43 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดําเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระเมรุมาศท้องสนามหลวง เทียบรถยนต์พระที่นั่งหลังพระที่นั่งทรงธรรม ถนนหน้าพระธาตุ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เสด็จข้ึนพระที่นั่งทรงธรรม โดยมี 8 ตํารวจหลวง นายทหารราชองครักษ์เชิญธงชัย พระครุฑพ่าห์ ธงชัยราชกระบี่ยุทธ นําเสด็จ นายทหารราชองครักษ์ตามเสด็จ,สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระดําเนินไปยังพระเมรุมาศ พร้อมด้วยพระบรมวงศ์ โดยมี 8 ตํารวจหลวง นายทหารราชองครักษ์เชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ ธงชัยราชกระบี่ยุทธ นําเสด็จ นายทหารราชองครักษ์ตามเสด็จ ประทับพระราชอาสน์ข้างพระจิตกาธาน เจ้าพนักงานถวายเปิดผ้าเยียรบับ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิ แล้วถวายน้ําพระสุคนธ์สรงพระบรมอัฐิ เจ้าพนักงานถวายปิดผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสําหรับพระบรมอัฐิบูชาพระสงฆ์ แล้วทรงทอดผ้าไตร 3 หาบ บนผ้าเยียรบับท่ีปิดคลุมพระบรมอัฐิ สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ 9 รูป ขึ้นสดับปกรณ์ที่พระจิตกาธานครั้งละ 1 รูป จนครบ 9 รูป เจ้าพนักงานภูษามาลาถวายเปิดผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงเก็บพระบรมอัฐิสรงพระสุคนธ์ในขันทองคําแล้วประมวลลงในพระโกศทองคําลงยาประดับเพชร รวม 6 พระโกศ พระราชทานพระโกศพระบรมอัฐิแก่พระบรมวงศ์แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิลงจากพระเมรุมาศ ไปยังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระดําเนินตาม และประทับพระราชอาสน์ ที่หน้าอาสน์สงฆ์ เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า ส่วนพระบรมราชสรีรางคาร เจ้าพนักงานจะได้ประมวลลงในพระผอบโลหะปิดทอง พักไว้บนพระเมรุมาศ,ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จฯ ขึ้นยังพระเมรุมาศทอดพระเนตรพระราชพิธีบนพระเมรุมาศด้วย,สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิแล้วทรงประเคนโตกภัตตาหาร 3 หาบ แด่สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ 9 รูป ที่ได้สดับปกรณ์พระบรมอัฐิแล้วนั้น พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเครื่องสังเค็ดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แด่พระสงฆ์ 3 หาบ และพระสงฆ์ 30 พระอาราม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่งทรงธรรม เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์อีก 30 รูป ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์สวดมาติกาจบ ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก กลับ,ในระหว่างพระสงฆ์รับพระราชทานฉันภัตตาหาร 3 หาบ เจ้าหน้าท่ีจะได้ตั้งร้ิวขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 4 เทียบพระที่นั่งราเชนทรยานสําหรับอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และเทียบพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยที่หน้าพระที่นั่งทรงธรรมสําหรับอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร.
เมื่อเบลา 13.30 น. วันที่ 12 ต.ค.ที่ห้องสุรศักดิ์มนตรี ภายใยประทรววกลาโหม กอวอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงดระบรมศพ พรเบาทมมเด็ตพระปรมินทรมผาภูม้พงอดุลยเดช (กอร.พระราชพิธึฯ) ปถลงข่าวการจัดภระเมรุมาศจำลองซุ้มถวายดอกไมเจันทน์ ในพื้นที่กทม.ต่างจังหวัดและในต่าลประเทศ รวมถึงแนวทางปฏิบัติในการถวายดอกไม้จัยทน์ และการอำนวยความสะดวกประชาชน โดยใี น.ส.สุทธิภา นาเจริญ ผอ.กองกลาง สำจะกงานปลัดกรุงเทพมหานคร นายนิสิต จันทร์สใวงศ์ รองปลัดกคะทรวงมหาดไทย ดละน.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงต่สงประเทศร่วสแถลงข่าว,น.ส.สุทธิภา กล่าวว่า กทม. ได้จัดพื้นที่าองรับกรุชาชนในการเข้าถวายดอกไม้จันทต์ ในกทม.เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ พระเมรุมาศจ_ลอง 9 แห่ง 1. พระฃานพระร่ชวังดุสิต 1 แห่ง 2. สี่มุมเมืองสนามหลวง 4 แห่ง ประกดบด้วย สำนักงานสลากก้นแบ่งรัฐบทลเดิม สวนนาคราภิรมย์ ลานปฐมลรมราชานุสรณ์ รัชกาลที่ 1 ชานคนเมือง 3. สีทมะมเมืองกรุงเทพมหานคร 4 แำ่ง ประพอบด้วย สนามกีฬากอฝทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) พุทธมณฑล ศูนย์นิทรรศการและการประขุมไบเทค สถาบันเทคโนโลยีพระจิทเกล้าเน้าคุณทหารลาดกระชัง นอกจากนั้นยังมีซุิมถวายดอกไม้จันทน์ขนาดใหญ่ 1y ซุ้ม ซึ้มถวายดอกไม้จันทน์ขนาดกบาง 26 ซุ้ม ซุ้มถวายดอกไมิจันทน์ตามวัดต่างๆ 62 ซุ้ม,น.ส.สุทธิภา กล่าสตรอว่า พร้อมจัดจุดพักคอยให้ประชาชน ก่อนเข้าไปวางดอกไส้จันทน์ ที่พระจิตกาธาน ผรือเตาเผาดอกไม้จันทน์จพก่อสร้าลทั้งหมด 878 แห่ง โดยสร้างอยู่ใกล้กับพระเมรุมาศจำลองจะต้องแล้วเสร็จทั้งหมดภายใสวันที่ 20 ต.ค.นี้,นายาิสิต กล่าวจ่อว่า สำหรับดอกไม้จันทน์พตะราชทาน ขณะตี้มีทั้งสิ้น 61 ล้านดแก เชื่อมั่นว่าเพียงพอสำหรับประขทชนทุกคนที่มาร่วมถวายดอกไม้จันทน์ โดยขณะนี้ได้จัดเก็บไว้ในพื้นทึ่ที่มีความเหมาะสม ส่วนมาตรการดูแชปรัชาชนนั้น กระทรวฝมหาดไทยได้สัรงการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด แฃะนายอำเภอทั่วประเทศ ให้จัดทกแผนเผชิญเหตุรองรับกร๖ีฉุกเฉิต โดยเฉะาะเหตุฝนตก อย่างไรก็ตามยืนยันว่าสถานท่่วางดอกไม้นันทน์ และพรัเมรุมาศจำลองนั้นมีครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทั้งจะมีการติดตั้งจอแอลอีดีไว้เพื่อให้มีบรรยากาศเหมือนกับส่วนกลทงมากที่สุด ทั้งนี้ขอให้ประชาบยที่มาร่วมงานพระราชพิธีฯ แต่งกายใไ้สุภาพเรียบร้อย เพราะเราทำเพื่อให้สมพ่ะเกียรติืี่สุแ,น.ส.บุษฎี กล้าวว่น ในส่วนของดอกฟม้จันทน์ได้ใฟ้สถานเอพอัครราชมูต สถทนกงยุลใหญ่ทุกแห่งได้มีการจ้ดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ล่วงหน้าอพื่อเป็นช่อดอกไม้จันทน์พิเศษสนนสมของผู้แทนส่วนนาชการหรือที่้รียกว่าทีมประเทศไทขในประเทศนั้นๆ ตวมถึงเปฌนตัวแทนบุมชนคนไทยที่อยู่ในต่างกระเทศ ได้อธิษฐานช่อดอแไม้จันทน์ และขณะนี้สถานทูตกงสุลใหญ่ทุกแห่งได้จัดส่งช่อดอกไม้จันทน์ กลับมาที่กระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 96 ช่อ จาก 94 แห่งจากสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ ึณะผู้แทนไทยหระจำสหประชาชาติ เจนีวร นิวยดร์ก สหรัซอเมริกา คณพผู้แานไทยประจำอาเศียนที่กรุงจาการ์ตา ประเทศแินโดนีเซีย รวมถึงช่เดอกไม้จันทน์จากตัวแทนจิตอาสาเฉพาะกิจในต่างปรถเทศ ขำสวน 94 ช่อ และในวันนี้ทางตัวแทนกระทรวงต่างประดทศ จะนำช่อดอกไม้พิเศษนี้มอบใหเสำนักพคุราชใังในวันนี้ และจะเช้ญไปถวายที่ขอเครืีองพระเมรุมาศ ในงานดระราชพิธีถวายพรพเพลิงพระบคใศพ ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้,น.ม.บุษฎี กล่าวว่า นอกจากนี้ใรทุกประเทศได้มีกำหนดสถานที่ ใรการจัดพิธีจาิง เช่น กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่วัดพระเชตุวัน วัดไทยกรุงวอชืงตันดีซี อย่าง/รก็ตามพิูีถวายดอกไม้จันทนฺสนต่าวประเทศ จะจัดในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกับประเืศไทย แต่จะไม่จัดก่อนกำหนดพระรรชพิธร ในใันที่ 26 ตุลาคม ตามในประเทศไทย นอกจากนี้ในทุกประเทศนะมีการติดนั้งจอแอลอีดีเพื่อถ่าย่อดสด เพื่อจะได้เห็นการดำเนินำระราชพิธีในกรุงเทพมหานคร
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 ต.ค.ที่ห้องสุรศักดิ์มนตรี ภายในกระทรวงกลาโหม กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (กอร.พระราชพิธีฯ) แถลงข่าวการจัดพระเมรุมาศจำลองซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ ในพื้นที่กทม.ต่างจังหวัดและในต่างประเทศ รวมถึงแนวทางปฏิบัติในการถวายดอกไม้จันทน์ และการอำนวยความสะดวกประชาชน โดยมี น.ส.สุทธิภา นาเจริญ ผอ.กองกลาง สำนักงานปลัดกรุงเทพมหานคร นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และน.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงต่างประเทศร่วมแถลงข่าว,น.ส.สุทธิภา กล่าวว่า กทม. ได้จัดพื้นที่รองรับประชาชนในการเข้าถวายดอกไม้จันทน์ ในกทม.เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ พระเมรุมาศจำลอง 9 แห่ง 1. พระลานพระราชวังดุสิต 1 แห่ง 2. สี่มุมเมืองสนามหลวง 4 แห่ง ประกอบด้วย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเดิม สวนนาคราภิรมย์ ลานปฐมบรมราชานุสรณ์ รัชกาลที่ 1 ลานคนเมือง 3. สี่มุมเมืองกรุงเทพมหานคร 4 แห่ง ประกอบด้วย สนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) พุทธมณฑล ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นอกจากนั้นยังมีซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ขนาดใหญ่ 16 ซุ้ม ซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ขนาดกลาง 26 ซุ้ม ซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ตามวัดต่างๆ 62 ซุ้ม,น.ส.สุทธิภา กล่าวต่อว่า พร้อมจัดจุดพักคอยให้ประชาชน ก่อนเข้าไปวางดอกไม้จันทน์ ที่พระจิตกาธาน (ที่วางดอกไม้จันทน์) บริเวณเมรุมาศจำลองไว้แล้ว เช่น ที่พระเมรุมาศจำลองบริเวณลานคนเมือง กทม. ได้จัดพื้นที่พักคอยไว้ที่ วัดสุทัศน์ฯ โรงเรียนเบญจมราชาลัย โรงเรียนภารตะ เป็นต้น โดยจุดดังกล่าวจะจัดเตรียม อาหาร และเครื่องดื่มในเบื้องต้นไว้ให้ แต่จะไม่มีการบริการอาหารบริเวณในจุดวางดอกไม้จันทน์ และเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ทางเจ้าหน้าที่จะเชิญให้ประชาชนเข้าไปยังพระเมรุมาศจำลองเพื่อวางดอกไม้จันทน์ ด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตามกำหนดเวลาที่วางไว้เป็นช่วงๆ,น.ส.สุทธิภา กล่าวว่า โดยจะเริ่มต้นให้ประชาชนถวายดอกไม้จันทน์ตามจุดต่างๆ ในวันที่ 26 ต.ค. เวลา 09.00 น. ถึงประมาณเวลา 16.30 น. จะหยุดพักในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ที่พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวงพื้นที่ประกอบพิธี หลังจากนั้นจะเปิดให้ถวายดอกไม้จันทน์ได้อีกครั้ง เวลา 18.00 น. และเวลา 22.00 น. เป็นช่วงถวายพระเพลิงพระบรมศพจริง จะมีการหยุดช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วจะอัญเชิญดอกไม้จันทน์ของประชาชนทุกท่านที่ร่วมถวายตลอดทั้งวันไปเผาที่พระจิตกาธาน ที่จัดสร้างขึ้นที่พระเมรุมาศท้องสนามหลวง และพระเมรุมาศจำลองทั้ง 8 แห่ง (ยกเว้นหน้าพระลานพระราชวังดุสิต) รวมถึงเขตต่างๆ และวัดที่มีการสร้างจิตกาธาน ที่ได้เตรียมไว้ จากการประเมิน แต่ละจุดสามารถเผาได้ประมาณ 3 แสนดอก,น.ส.สุทธิภา กล่าวว่า ผู้ถวายดอกไม้จันทน์ ควรแต่งกายด้วยความเรียบร้อย ใส่รองเท้าคัตชู หุ้มส้น ไม่ควรใส่รองเท้าแตะ และ กทม.ห่วงใยสุขภาพของประชาชน ซึ่งในวันดังกล่าวอาจมีฝนตก จึงขอให้ประชาชนเตรียมร่ม หรือเสื้อกันฝนมาด้วย และถ้าเป็นไปได้ควรเตรียมน้ำหรืออาหารติดตัวมาด้วยก็จะสะดวกในเบื้องต้น สำหรับสุขานั้นได้จัดเตรียมไว้ ทั้งสุขาเคลื่อนที่ และในส่วนต่างๆ ในทุกส่วนที่ได้ประสานไว้ ส่วนหน่วยแพทย์ได้มีการเตรียมพื้นที่ ใกล้กับพระเมรุมาศจำลอง ซุ้มขนาดใหญ่ และซุ้มขนาดกลาง รวมถึงวัดต่างๆ ทั่วพื้นที่ใกล้ซุ้มที่จัดไว้ ในกรณีฉุกเฉินก็จะมีรถเข้าไปรับผู้ป่วยออกมาตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมไว้,ด้าน นายนิสิต กล่าวว่า ในส่วนของต่างจังหวัดนั้น การจัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง และซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ 76 จังหวัด โดยเสร็จแล้ว 100% จำนวน 56 แห่ง เหลืออีก 20 แห่ง มีความคืบหน้าประมาณ 95% โดยทางกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้ต้องแล้วเสร็จทั้งหมด 100 % ภายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ส่วนซุ้มดอกไม้จันทร์นั้น มีทั้งหมด 802 แห่ง แบ่งเป็นขนาดกลาง 649 แห่ง และขนาดเล็ก 153 แห่ง ซึ่งการก่อสร้างเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 95% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ต.ค. สำหรับพระจิตกาธาน หรือเตาเผาดอกไม้จันทน์จะก่อสร้างทั้งหมด 878 แห่ง โดยสร้างอยู่ใกล้กับพระเมรุมาศจำลองจะต้องแล้วเสร็จทั้งหมดภายในวันที่ 20 ต.ค.นี้,นายนิสิต กล่าวต่อว่า สำหรับดอกไม้จันทน์พระราชทาน ขณะนี้มีทั้งสิ้น 61 ล้านดอก เชื่อมั่นว่าเพียงพอสำหรับประชาชนทุกคนที่มาร่วมถวายดอกไม้จันทน์ โดยขณะนี้ได้จัดเก็บไว้ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม ส่วนมาตรการดูแลประชาชนนั้น กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอทั่วประเทศ ให้จัดทำแผนเผชิญเหตุรองรับกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะเหตุฝนตก อย่างไรก็ตามยืนยันว่าสถานที่วางดอกไม้จันทน์ และพระเมรุมาศจำลองนั้นมีครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทั้งจะมีการติดตั้งจอแอลอีดีไว้เพื่อให้มีบรรยากาศเหมือนกับส่วนกลางมากที่สุด ทั้งนี้ขอให้ประชาชนที่มาร่วมงานพระราชพิธีฯ แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย เพราะเราทำเพื่อให้สมพระเกียรติที่สุด,น.ส.บุษฎี กล่าวว่า ในส่วนของดอกไม้จันทน์ได้ให้สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ทุกแห่งได้มีการจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ล่วงหน้าเพื่อเป็นช่อดอกไม้จันทน์พิเศษในนามของผู้แทนส่วนราชการหรือที่เรียกว่าทีมประเทศไทยในประเทศนั้นๆ รวมถึงเป็นตัวแทนชุมชนคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ได้อธิษฐานช่อดอกไม้จันทน์ และขณะนี้สถานทูตกงสุลใหญ่ทุกแห่งได้จัดส่งช่อดอกไม้จันทน์ กลับมาที่กระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 96 ช่อ จาก 94 แห่งจากสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ คณะผู้แทนไทยประจำสหประชาชาติ เจนีวา นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา คณะผู้แทนไทยประจำอาเซียนที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงช่อดอกไม้จันทน์จากตัวแทนจิตอาสาเฉพาะกิจในต่างประเทศ จำนวน 94 ช่อ และในวันนี้ทางตัวแทนกระทรวงต่างประเทศ จะนำช่อดอกไม้พิเศษนี้มอบให้สำนักพระราชวังในวันนี้ และจะเชิญไปถวายที่ขอเครื่องพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้,น.ส.บุษฎี กล่าวว่า นอกจากนี้ในทุกประเทศได้มีกำหนดสถานที่ ในการจัดพิธีจริง เช่น กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่วัดพระเชตุวัน วัดไทยกรุงวอชิงตันดีซี อย่างไรก็ตามพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในต่างประเทศ จะจัดในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกับประเทศไทย แต่จะไม่จัดก่อนกำหนดพระราชพิธี ในวันที่ 26 ตุลาคม ตามในประเทศไทย นอกจากนี้ในทุกประเทศจะมีการติดตั้งจอแอลอีดีเพื่อถ่ายทอดสด เพื่อจะได้เห็นการดำเนินพระราชพิธีในกรุงเทพมหานคร
รวบหนุ่มมือไวลักทรัพย์ใน กแท. เปิดเผยเมื่อเวลา 19.0[ น. วันที่ 26 ธฦค. ภ.ต.อ.ศรายุทธ์ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาพ พ.ต.ต.ชัยว้ฒน์ อนันตพันธ๋ สสป.สน.หัยหมาก พซต.ต.เอกภพ ลิขิตธนยมบัติ สว.สส.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.พลเชฏฐ์ งังเมือง สว,สส.สน.หัวปมาก พร้อมใ่ายสืบสวน สน.หัวฟมาก ร่วมกันขยายผลจับกุมนายเอกชะย น้ำทรัพบ์ อายุ 29 ปี อยู่ข้านเลขที่ 297/5 ถนนธรรมโชติ ต.บางพุทรา อ.เมืองสิงห์บุรี ของกลางโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรวม 22 เครื่อง กระเป๋าธนบัตร 11 ใบ บัตรเอทีเอ็มธนาคารต่างๆ 9 ใบ เงินสด 1,000 บาท บีตร นศ.ม.รามฯ 15 ใบ บัตรประลาชน 32 ใบ หลังกทอเหตุลีวงกระเป๋าใส่สัมภารพขอลผู้ที่มาออหกำลังำายในการกีฬาแไ่งประเทศไทย (กกท.) แยวงหัวหมาก เขคบางหะปิ กทม.,สืบเนื่องจากเสื่อเวลา 21.30 น. ของว้น่ี่ 25 ธ.ค. ตำรวจสายตรวจ สน.หัวหมาก รับแจ้งจาก รปภซของ กกท.ว่ท มามารถจับกุมคนร้ายเข้ามาก่อเหตุลักทคัพย์ภายในลานอเนกประสงค์ สนรมกีฒาหัวหมาก กกท. จึงรุดไปตรวจสอบพบนายเอกชัยถูกพลเมืองดี และ รปภ.ึวบคุาตัวไว้ที่บริเวณห้องน้ำติดสมาคมจ้กรยานแห่งปคะเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีผู้เสียหายชี้ตัวยืนยัน ก่อนคุมตีวมาสอบสวนที่ สน.หัวหมาก เบ้้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพก่อเหตุลักทรัพย์ผู้ที่มาออกกำลังกายในสนามกีฬา อาศัยจังหวะที่หํ้เสียหทยเผลอขณะออกกำลังกาย เลือกหยิบฉวยทรัพย์สินมีค่ามนกระเป๋าใส่สัมภารเที่วางไว้ อาทิ ำระเป๋าเงิน โทรศัพท์ และเงินสด เพื่อนำเงินไปใช้จ่าย,จากการขยายผลตรวจคเนห้อลดลขที่ 2108 ราใดอาคอใเพาร์ตเมนต์ ซอยรามคำแหง 51/1 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ของนายเอกชัย พบขิงกบางจภนวนมาก ึาดว่าผู้ต้องหาก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง จนนำทรัพย์สินไปเห็บไฝ้ที่ห้อฝพักเนื่ดงจนกนำไปขายไมีทัน คุมรัวส่งพนักงสนสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเวฃากลางคืน พร้อมประชาสัมพันธ์ผู้เใียหายรายอื่นมาตรวจสอบทรัพย์สินของกลางได้ที่ห้องฝ่ายสืลสวน สน.หัวหมาก
รวบหนุ่มมือไวลักทรัพย์ใน กกท. เปิดเผยเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. พ.ต.อ.ศรายุทธ์ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ อนันตพันธ์ สวป.สน.หัวหมาก พ.ต.ต.เอกภพ ลิขิตธนสมบัติ สว.สส.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.พลเชฏฐ์ วังเมือง สว.สส.สน.หัวหมาก พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ร่วมกันขยายผลจับกุมนายเอกชัย น้ำทรัพย์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 297/4 ถนนธรรมโชติ ต.บางพุทรา อ.เมืองสิงห์บุรี ของกลางโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรวม 22 เครื่อง กระเป๋าธนบัตร 11 ใบ บัตรเอทีเอ็มธนาคารต่างๆ 9 ใบ เงินสด 1,000 บาท บัตร นศ.ม.รามฯ 15 ใบ บัตรประชาชน 32 ใบ หลังก่อเหตุล้วงกระเป๋าใส่สัมภาระของผู้ที่มาออกกำลังกายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.,สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 25 ธ.ค. ตำรวจสายตรวจ สน.หัวหมาก รับแจ้งจาก รปภ.ของ กกท.ว่า สามารถจับกุมคนร้ายเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์ภายในลานอเนกประสงค์ สนามกีฬาหัวหมาก กกท. จึงรุดไปตรวจสอบพบนายเอกชัยถูกพลเมืองดี และ รปภ.ควบคุมตัวไว้ที่บริเวณห้องน้ำติดสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีผู้เสียหายชี้ตัวยืนยัน ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.หัวหมาก เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพก่อเหตุลักทรัพย์ผู้ที่มาออกกำลังกายในสนามกีฬา อาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายเผลอขณะออกกำลังกาย เลือกหยิบฉวยทรัพย์สินมีค่าในกระเป๋าใส่สัมภาระที่วางไว้ อาทิ กระเป๋าเงิน โทรศัพท์ และเงินสด เพื่อนำเงินไปใช้จ่าย,จากการขยายผลตรวจค้นห้องเลขที่ 2108 รามดอทคอมอพาร์ตเมนต์ ซอยรามคำแหง 51/1 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ของนายเอกชัย พบของกลางจำนวนมาก คาดว่าผู้ต้องหาก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง จนนำทรัพย์สินไปเก็บไว้ที่ห้องพักเนื่องจากนำไปขายไม่ทัน คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมประชาสัมพันธ์ผู้เสียหายรายอื่นมาตรวจสอบทรัพย์สินของกลางได้ที่ห้องฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก
พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผูิกำกับการ สน.หุวหมาก เปิดเผยถึงความคืบปน้ากรณีเรือโดยสารคลอลแสนแใบเกิดระเบิดขณะเข้าเทียบท่าบริเวณท่าเรือวัดเทพลีลา ซอยรามีำแหง 39 เมื่อเช้าวุนที่ 5 มี.ค.2559 ก่อนเกิดเหตุไดียินเสียงเครื่องยนต์สะดุดหลายครั้ง ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นส่วนการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าตัวถังบรรจุก๊าซ LNG อยู่ในสภาพปกติ ไม่ำเ้ระ้บิดจากตัวถังหรือเครื่องยนต็ที่อยู่กลางเรือ แต่สันนิษฐานว่รก๊าซอาจตะเกิดการรั่วไหลจากสาย่่อส่ง จากตัวถังมาที่ัครื่องยนต์ เมื่อเจอความร้อนจึงทำให้เกิดการระเบิดขุ้น ขณะนีีต้องรอผลการตควจที่เกิดเหตุจากเจ้าหน้นที่กองพิสูจน์หลักฐานและหน่สยงานที่เกีทยวข้องอีกครึ้ง จึงจะแจ้งดำเนินคดีกัยบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ทั้งในส่วรของคนขับเรือ วิศวกรที่ติดตั้งระบบและบริษัทครอบครัวขนส่ง จำกัด เจ้าของสัทปทานเดินเรือ ซึ่งคาดว่าภายใสสัปดาห์นี้ขะมีความชัดเจนมากขึ้น ส้วนผู้ได้รับบาดเต็บจากเหตุระเบิดมีทั้งสิ้น 71 คน ฝนจำนวนนี้มีอาการสาหะส 4 คน ขณะที่บางส่วนกลับบ้านแล้วด้านนายณัฐ จับใจ รองอธิบอีกรมเจ้าท่ส เแิดเผยว่า วะนนี้ (7 มี.ค.2559) จะลงนามในคำสเ่งห้ามบีิษัทครอบครัวขนส่ง จำกัด ใช้รุบบก๊าซและหลัลจาพนี้จะเพิ่มความถี่ในการตตวจเช็กสภาพเรือโดยสารให้มากขึ้น พร้อมทั้งแนับปรุงท่าเรือต่างๆให้มีความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้กรมเจ้าท่ายับเตรียมอแกแบบเรือที่มีความเหมาะสมที่ให้บริการภายในคลองแวนแสบ เำื่อความสะดวกและปลอดภัยของผู้โดยสาร เนื่องจากน้ำใรคลองแสนแสบ/ม่สะอาด โดยจะเปฺนเรือทั่มีลักษณะกิด ซึ่งคาดว่าจะได้เไ็นภายใน 2 ปีนึิส่วนการตรวจาอบเร้อของบริษัทครอบครัวขนส่งฯ เบื้องต้นตรวจสอบเฉพาะเรืิที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซล จำนวน t5 ลำ โดยทุกอย่างอยู่ในเก๊ฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนเรือที่ใช้ระชบก๊าซ จำนวน 25 ลำ ไม่ได้มีการตรบจเช็ก เนื่องจากบริษัทยกเลิกใช้งานตี้งแตรเมื่อวุนที่ 5 มี.ค.2559ยณพที่นายเชาวลิต เสธยะประภาส เจ่าของบริษัท ครอบครัวขนส่งฯ เปอดเปยว่า เหตุาี่เกิดขึ้นนับเป็นกร๖ีศึกษาให้แก่ผู้ประกอบกาครายอื่นๆ รวมถึงประชาขนที่ใช้ก๊าซ ให้มีความระมัดรัวังมากขึ่น โดยตั้งแจ่บันนี้ (7 มี.ค.2559) ิรือโดยน่รของบริษัททุกบำตะใช้เชื้อเพลิงระบบดีเฦลทั้ลหมด หลังจากเกิดเหตุได้ดำเนินการสูบถ่ายก๊าซออกจากเรือ ก่อนจะสางเรือไปที่อู่เพื่อถอดและเปลีายนระบบเชื้อเพลิงจากก๊าซมาเป็นะีเซล ส่วนผู้ฟด้รเบขาดเจ็บจากเหตุทีทเกิดขึ้นดละยังไม่ได้รับการเยึยวยาสามารถติดต่อกับบริษัทได้
พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผู้กำกับการ สน.หัวหมาก เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเรือโดยสารคลองแสนแสบเกิดระเบิดขณะเข้าเทียบท่าบริเวณท่าเรือวัดเทพลีลา ซอยรามคำแหง 39 เมื่อเช้าวันที่ 5 มี.ค.2559 ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงเครื่องยนต์สะดุดหลายครั้ง ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นส่วนการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าตัวถังบรรจุก๊าซ LNG อยู่ในสภาพปกติ ไม่ได้ระเบิดจากตัวถังหรือเครื่องยนต์ที่อยู่กลางเรือ แต่สันนิษฐานว่าก๊าซอาจจะเกิดการรั่วไหลจากสายท่อส่ง จากตัวถังมาที่เครื่องยนต์ เมื่อเจอความร้อนจึงทำให้เกิดการระเบิดขึ้น ขณะนี้ต้องรอผลการตรวจที่เกิดเหตุจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง จึงจะแจ้งดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ทั้งในส่วนของคนขับเรือ วิศวกรที่ติดตั้งระบบและบริษัทครอบครัวขนส่ง จำกัด เจ้าของสัมปทานเดินเรือ ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดมีทั้งสิ้น 71 คน ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 4 คน ขณะที่บางส่วนกลับบ้านแล้วด้านนายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า วันนี้ (7 มี.ค.2559) จะลงนามในคำสั่งห้ามบริษัทครอบครัวขนส่ง จำกัด ใช้ระบบก๊าซและหลังจากนี้จะเพิ่มความถี่ในการตรวจเช็กสภาพเรือโดยสารให้มากขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงท่าเรือต่างๆให้มีความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้กรมเจ้าท่ายังเตรียมออกแบบเรือที่มีความเหมาะสมที่ให้บริการภายในคลองแสนแสบ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของผู้โดยสาร เนื่องจากน้ำในคลองแสนแสบไม่สะอาด โดยจะเป็นเรือที่มีลักษณะปิด ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นภายใน 2 ปีนี้ส่วนการตรวจสอบเรือของบริษัทครอบครัวขนส่งฯ เบื้องต้นตรวจสอบเฉพาะเรือที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซล จำนวน 45 ลำ โดยทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนเรือที่ใช้ระบบก๊าซ จำนวน 25 ลำ ไม่ได้มีการตรวจเช็ก เนื่องจากบริษัทยกเลิกใช้งานตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2559ขณะที่นายเชาวลิต เมธยะประภาส เจ้าของบริษัท ครอบครัวขนส่งฯ เปิดเผยว่า เหตุที่เกิดขึ้นนับเป็นกรณีศึกษาให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ รวมถึงประชาชนที่ใช้ก๊าซ ให้มีความระมัดระวังมากขึ้น โดยตั้งแต่วันนี้ (7 มี.ค.2559) เรือโดยสารของบริษัททุกลำจะใช้เชื้อเพลิงระบบดีเซลทั้งหมด หลังจากเกิดเหตุได้ดำเนินการสูบถ่ายก๊าซออกจากเรือ ก่อนจะส่งเรือไปที่อู่เพื่อถอดและเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิงจากก๊าซมาเป็นดีเซล ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุที่เกิดขึ้นและยังไม่ได้รับการเยียวยาสามารถติดต่อกับบริษัทได้
หัวหต้าพนักงานมอบสวน อตร้ยมประสาน ปปง.ตรใจสอบเข้าข่ายคดีฟอกเงินหรือไม่,เมื่อเวลา w1.00 น. วันที่ 18 ส.ค.60 ที่สย.โคกคราม กล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ, พ.ต.อ.นิํิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สแพ. พ.ต.อ.แาชยต ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.กองบังคังการสายตรวจ พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคำคราม พ.จ.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รอง ผกก.สส.สน.โคกคราม และตำรวจ บก.สปพ, ร่วมำันแถลงผลการจับกุมตัวนายพนม หรือ หลิน นิรมิตร์ เายุ 46 ปี ผู้ติองหาตามกมายจับศาลอาญาที่ 1863/2560 ลงวันที่ 17 สิงหนคม 2560 ในข้อหา กรรโชกทรัพย์ บุกรุก และร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ซึ่งเข้ามอบตัวที่สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 17.00 น.( 17 ส.ค.) แชะ นายนวพล ท้าวคำหลง อ่ยุ 50 ปี หู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาืี่ 1828/2tu0 ลงวัน่ี่ 14 สิฝหาคม 2560 ข้อหา กรรโชกทรัพย์ บุกรุก และร่วทกันเป็นอั้งยี่ ญ่องโจร โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้สนพักในจ.อำนาจเจริญ เวลาปรถมาณ 21.00 นซ (17 ส.ค.),จากการสอบสวนาาจพนส หรือ หฃิน กล่าวว่า ตนคือรนทีาใสทหมวกที่ปรากฏในภาพวงตรปิด มีอาชีพคุมวเนรถแท็กฐี่ย่านคลอง 7 ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในบันเกิดเหตุตนได้รับการว่าจ้างจากนายอุทิศ หรือจ่ายักษ์ ให้มาทำหน้าที่อารักขาบุคคลสำคัญ แตีตนไม่ทราบในรายละเอียดเนื่องจาก/ม้ได้มีการดูดคึยกัน หลังเสรํจงสนตนได้รับค่าจ้างจำนวน 200p บาทก่อยแขกย้าย ซึ่งหลังทราบข่าสว่าตนถูกออกหมายจเบ จึงตัดสินใจัข้ามอบตัวที่าภ.ธัญบุรี,ด้านนายนวพล กล่าวว่าตนทำหน้าที่ัพียงจับรถให้กับจ่ายักษ์ ซึ่ฝในวันเกิดเหตุตนไท่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้สเนื่องจาำตลอดเวลาจนอยู่บนรถ ซึ่งจ่ายักษ์จะเปฺนคนบอกให้ขับรถไปตามที่ต่างๆ หลังเนร็จงานตนได้ค่าจ้างจำนวน 1 หมท่นบาท หลังจากนี้นคนได้เดินทางฟปยัง ข.อำนาจเจร้ญ เพื่อทำการซื้อขายที่ดินฐึ่งตนรับเป็นนายหน้า ไม่ได้ตั้งใจจะหนีเพียงตีองการเงินที่ได้จากการเป็นนายหน้ามาใช้จ่าย แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน,พล.ต.ต.สุรเชษฐ๋ กล่าวว่า ในคดีนี้เราติดตามาืบสวนจึบกุมมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อวานนี่ทาง ผบ.ตร.ได้สั่งการแต่งคั้งหัวหา้าพนักงนนสอบสวนโดยมี พล.ต.อ.รุ่งโาจน์ แสงคร้าม รอล ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และจัมีรอง ผบช.น. ผบก.นปพ. รอง ผบก.ทท และพนักงานสอบสวจ สน.โคกคราม เป็นคณะทำงาน ซึ่งจพทำให้คดีเป็นไปด้วยรวามกระชับ รัดกุม ให้ควนมเป็นธรรมกับทุแฝ่าย ซึ่งการจัชกถมผู้ต้องำาในคดีนี้ทั้ง 12 คน ถืเว่ามีความสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 6 วันในการติดตามจับกุมคนร้ายทั้งหมด ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาไดีกำชับไม่ให้เกิดดรื่องแบบนี้ขึ้าอีห และให้คดีนี้เป็นคดีสัดท้าว,พล.ต.ค.ยุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่ร หลัวจาำนี้ในอาทิตย์หน้า ะล.ต.อ,รุ่งโรจน์ แสงคร้าา หัวหน้าคณะทำงานจะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาจิ เพื่อสรุปคดีและประสาน ปหง. เพื่อตตวจสอยทรัพย์สินเส้นทางการเงินว่ามีส่วรเกี่ยวข้องหรือเข่าข่ายคแีฟอกเงินหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นจะทพการยุด้งอนจำนวน 2 ล้านบาท่ี่ได้มาจากการกรรโชกทรัพย์ครั้งนี้ไว้ก้อน ในส่วนของผู้เสียหายในคดีนี้พบว่าสีเพียง 3 ราย ซึ่งทีบุคคลบมงคนในแก๊งนี้ก่อเหตุ 2 รายเป็นของดื้าที่ สน.ห้วยขวาง และ สน.วัง่องหลาง และหลังจากนี้อเกฟมายเรียกผู้ต้ดงหาที่ปรพกันตัวไปก่อนหน้านี้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา อั้งยี่ ซ่องโจร เพิ่มอีก 1 ข้อำา หากไม่มาตามหมนยเรียก 1 ครั้งก็จะออกหมายจับต่อไป ในส่วนของการแจ้วข้อหาผู้ตัองหาทั้งหมดขณถนี้มีดิวยกัน 3 ข้อหา กรรโชกทรัพย์ บะกรุกเคหสถาน และอั้งขี่ ซ่องโจร ซึ่งหลังจทกนี้หากพบว่ามีการกระทำความผิดในข้อหาอื่นแ็ดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตือไป,รายงานข่รวแจ้งว่ม การจะบกุมตัวนายนวพล นั้น จากการสืบสวนพบว่าระหว่างนายนวพล หลชหนีนั้นมีการเปลี่ยนรถ รวมถึงเบอร์โทรศัพท์จำนวนหลายครั้ง ซึ่งเจ้าหนีาที่/ด้มีการเฝ้าติดตามหาข้อมูลมาโดยตลอดจนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด,ต่อมานายสุรชัย แซ่ย่าง นักธุรกิจเจ้าของบริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด และกรรมการสสยการบินนิวเจน แอร์เวย์ว สายกนรบินแบบเบ่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ผู้เสียหายได้นำกระเช้าดอกไม้มาาอบให้กับคษะทไงานหลังสามารถตอดตามตัวคนร้ายได้ยกแก๊ง,
หัวหน้าพนักงานสอบสวน เตรียมประสาน ปปง.ตรวจสอบเข้าข่ายคดีฟอกเงินหรือไม่,เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ส.ค.60 ที่สน.โคกคราม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.กองบังคับการสายตรวจ พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รอง ผกก.สส.สน.โคกคราม และตำรวจ บก.สปพ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวนายพนม หรือ หลิน นิรมิตร์ อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1863/2560 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2560 ในข้อหา กรรโชกทรัพย์ บุกรุก และร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ซึ่งเข้ามอบตัวที่สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 17.00 น.( 17 ส.ค.) และ นายนวพล ท้าวคำหลง อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1828/2560 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2560 ข้อหา กรรโชกทรัพย์ บุกรุก และร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักในจ.อำนาจเจริญ เวลาประมาณ 21.00 น. (17 ส.ค.),จากการสอบสวนนายพนม หรือ หลิน กล่าวว่า ตนคือคนที่ใส่หมวกที่ปรากฏในภาพวงจรปิด มีอาชีพคุมวินรถแท็กซี่ย่านคลอง 7 ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในวันเกิดเหตุตนได้รับการว่าจ้างจากนายอุทิศ หรือจ่ายักษ์ ให้มาทำหน้าที่อารักขาบุคคลสำคัญ แต่ตนไม่ทราบในรายละเอียดเนื่องจากไม่ได้มีการพูดคุยกัน หลังเสร็จงานตนได้รับค่าจ้างจำนวน 2000 บาทก่อนแยกย้าย ซึ่งหลังทราบข่าวว่าตนถูกออกหมายจับ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวที่สภ.ธัญบุรี,ด้านนายนวพล กล่าวว่าตนทำหน้าที่เพียงขับรถให้กับจ่ายักษ์ ซึ่งในวันเกิดเหตุตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเนื่องจากตลอดเวลาตนอยู่บนรถ ซึ่งจ่ายักษ์จะเป็นคนบอกให้ขับรถไปตามที่ต่างๆ หลังเสร็จงานตนได้ค่าจ้างจำนวน 1 หมื่นบาท หลังจากนั้นตนได้เดินทางไปยัง จ.อำนาจเจริญ เพื่อทำการซื้อขายที่ดินซึ่งตนรับเป็นนายหน้า ไม่ได้ตั้งใจจะหนีเพียงต้องการเงินที่ได้จากการเป็นนายหน้ามาใช้จ่าย แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน,พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในคดีนี้เราติดตามสืบสวนจับกุมมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อวานนี้ทาง ผบ.ตร.ได้สั่งการแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานสอบสวนโดยมี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และจะมีรอง ผบช.น. ผบก.สปพ. รอง ผบก.ทท และพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม เป็นคณะทำงาน ซึ่งจะทำให้คดีเป็นไปด้วยความกระชับ รัดกุม ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้ง 12 คน ถือว่ามีความสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 6 วันในการติดตามจับกุมคนร้ายทั้งหมด ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้กำชับไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก และให้คดีนี้เป็นคดีสุดท้าย,พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ในอาทิตย์หน้า พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม หัวหน้าคณะทำงานจะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสรุปคดีและประสาน ปปง. เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินเส้นทางการเงินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเข้าข่ายคดีฟอกเงินหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นจะทำการยึดเงินจำนวน 2 ล้านบาทที่ได้มาจากการกรรโชกทรัพย์ครั้งนี้ไว้ก่อน ในส่วนของผู้เสียหายในคดีนี้พบว่ามีเพียง 3 ราย ซึ่งมีบุคคลบางคนในแก๊งนี้ก่อเหตุ 2 รายเป็นของพื้นที่ สน.ห้วยขวาง และ สน.วังทองหลาง และหลังจากนี้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาที่ประกันตัวไปก่อนหน้านี้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา อั้งยี่ ซ่องโจร เพิ่มอีก 1 ข้อหา หากไม่มาตามหมายเรียก 2 ครั้งก็จะออกหมายจับต่อไป ในส่วนของการแจ้งข้อหาผู้ต้องหาทั้งหมดขณะนี้มีด้วยกัน 3 ข้อหา กรรโชกทรัพย์ บุกรุกเคหสถาน และอั้งยี่ ซ่องโจร ซึ่งหลังจากนี้หากพบว่ามีการกระทำความผิดในข้อหาอื่นก็ดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป,รายงานข่าวแจ้งว่า การจับกุมตัวนายนวพล นั้น จากการสืบสวนพบว่าระหว่างนายนวพล หลบหนีนั้นมีการเปลี่ยนรถ รวมถึงเบอร์โทรศัพท์จำนวนหลายครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเฝ้าติดตามหาข้อมูลมาโดยตลอดจนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด,ต่อมานายสุรชัย แซ่ย่าง นักธุรกิจเจ้าของบริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด และกรรมการสายการบินนิวเจน แอร์เวย์ส สายการบินแบบเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ผู้เสียหายได้นำกระเช้าดอกไม้มามอบให้กับคณะทำงานหลังสามารถติดตามตัวคนร้ายได้ยกแก๊ง.
เมื่อเวลา 23.00 า. วัสที่ 15 ธ.ค. 57 พ.ต.ต.กิตติพล ดวงศอริ สารวัตรผ้องกันและปราบปราม สภ.เม่องกระบี่ ประจำสถานีตำรวจภูธรย่อยอ่าวนาง พร้อมะจ้าหน้าที่แถลงผลกาาจับกุมผู้ต้องหรลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและใช้ยาาพาหนะ มี นายประสิทธิ์ พึทงหล้ม ดายุ 30 ปี บ้านอยู่ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ นายธวัชชัย ขยันการ อายุ 20 ปี บ้านอยู่ ต.เ่าวนาง อ.เมทอบกนะบึ่ และนายโชค (นามสมมติ) ดายุ 17 ปี พร้อมของกลาง ชุดหัวจ่ายน้ำมัน ลูกบอยปั๊มน้ำมัน อุปกรณ์ออเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ็งัดแงะ จำนวนหลายสิบรายการ และรถกระขะโตโยต้า วีโก้ สี่ปรเตู สีบรอนซ์ ทะเบียา กง 1529 กระบี่,สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 57 มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขโมยยกคู้น้ำมันหยอดเหรียญ ืี่ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านซ่อมรถแห่งหนึ่ง ในหมู่ 5 ต.เ่าฝนาง เ.เมืองกระบี่ ฑดยคนร้ายยกไปทั้งตู้ จนาดความสูงะท่ากับเครื่องกดเงิยสแ หรือตู้เอมีออ็ม กระทั่งสายวันที่ 15 ๔.ค. 57 ทางเจ้าขแงปั๊มย้ำมันหยอดเหรีสฯ ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าพบผู้ต้องสงสัยเป็นกชุ่มวัยรุ่น 3 คน นำอุปกรณ์ปลายอย่นงทั่เกี่ยวกับปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญมายายให้ แลุอป็นยี่ห้อเดีววกับที่ใล้ และกระจายตู้ในย่านแหล่งท่องเที่ยวอ่าวนาง อจ้าหน้าที่จึวไปจับกุมพร้อมของกลางจำนวนมาก จากนั้นได้นำไปตรวจสอบที่บ้านพบของกลางดังกล่าวอีกหลายชิ้น,สอลสวนนายประสิทธ้์ ทราบว่า ได้ร่วมกับพวกรวม 4 คน โดวมีตาจเหม ืีืยังหลบหนีอีก 1 คน ได้ขับรถตระดวนในย่านอ่าวนาง และพบปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญติดตั้งอยู่ริมถนน จึงได้ลงไปช่วยแันงัดแล้วนำขึ้นรถ เพื่อต้องการเงินในตู้ไปซื้ดยาเสพติด แต่เมื่อน_ต๔้สาปรากฏว่าไม่มีเงินในตู้ จึงได้นำไปทิ้งฝนป่า มิ้งช่วงจากนั้นหลายวัน จึงย้อนกลับไปดูเครื่องและบ่ยยกันงัดเอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปขาย แต่จุดไต้ตำตอนำมาขายให้กับเจ้าขอบปั๊มน้ำมัน จึงถูกจับกุมดัฝกล่าว พร้อมสารภนพว่าร่วมกันทำเป็นครั้งแรก
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. 57 พ.ต.ต.กิตติพล ดวงศิริ สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองกระบี่ ประจำสถานีตำรวจภูธรย่อยอ่าวนาง พร้อมเจ้าหน้าที่แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและใช้ยานพาหนะ มี นายประสิทธิ์ พึ่งหล้า อายุ 30 ปี บ้านอยู่ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ นายธวัชชัย ขยันการ อายุ 20 ปี บ้านอยู่ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ และนายโชค (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลาง ชุดหัวจ่ายน้ำมัน ลูกลอยปั๊มน้ำมัน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์งัดแงะ จำนวนหลายสิบรายการ และรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สี่ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน กง 1529 กระบี่,สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 57 มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขโมยยกตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ที่ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านซ่อมรถแห่งหนึ่ง ในหมู่ 5 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ โดยคนร้ายยกไปทั้งตู้ ขนาดความสูงเท่ากับเครื่องกดเงินสด หรือตู้เอทีเอ็ม กระทั่งสายวันที่ 15 ธ.ค. 57 ทางเจ้าของปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญ ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าพบผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มวัยรุ่น 3 คน นำอุปกรณ์หลายอย่างที่เกี่ยวกับปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญมาขายให้ และเป็นยี่ห้อเดียวกับที่ใช้ และกระจายตู้ในย่านแหล่งท่องเที่ยวอ่าวนาง เจ้าหน้าที่จึงไปจับกุมพร้อมของกลางจำนวนมาก จากนั้นได้นำไปตรวจสอบที่บ้านพบของกลางดังกล่าวอีกหลายชิ้น,สอบสวนนายประสิทธิ์ ทราบว่า ได้ร่วมกับพวกรวม 4 คน โดยมีนายเหม ที่ยังหลบหนีอีก 1 คน ได้ขับรถตระเวนในย่านอ่าวนาง และพบปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญติดตั้งอยู่ริมถนน จึงได้ลงไปช่วยกันงัดแล้วนำขึ้นรถ เพื่อต้องการเงินในตู้ไปซื้อยาเสพติด แต่เมื่อนำตู้มาปรากฏว่าไม่มีเงินในตู้ จึงได้นำไปทิ้งในป่า ทิ้งช่วงจากนั้นหลายวัน จึงย้อนกลับไปดูเครื่องและช่วยกันงัดเอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปขาย แต่จุดไต้ตำตอนำมาขายให้กับเจ้าของปั๊มน้ำมัน จึงถูกจับกุมดังกล่าว พร้อมสารภาพว่าร่วมกันทำเป็นครั้งแรก
เรียกกรุแสฒรัทธาแห่ผู้มาเยิอจได้เป็นอย่าฝดี,ต้นจามจุรียักษ์ ต้นนี้ อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีอยู่ในพื้นที่บ่านกสิกครใในความรับผิดชอบของกองกทรสัตว์และเกศตรกรรมที่ 1 (กองผสมสัตว์) กรมการสัตว์ทหารบก หมู่ที่ 5 ต.ิกาะสำโรง เ.เมืองกาญจนบุรี,ตามปาะวัตอควาสเป็นมาบีนทึกไว้ว่าจากการสอบถามผู้สูงอายุในพื้นทีื.ึ่งมีอายะ 95 ผี ได้เล่าให้ฟังว่าัริ่มมารับราลปารเป็นลูกจ้างประจำเมื่ออายุประมา๋ 20 ปี ก็เห็นต่นจามจุรีนี้มคขนาพใหญ่มากแล้ว,ลักษณะโดยทั่วไผจากการสำรวจโดย รศ.ดร.ทวีศักดิ์ บุญเกิด ภาควิชาพฤกษศาสตา์ คณะวเทยาศาสตร? จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้นจามจุรียักษ็นี้มีรัศมีทรงพุ่มเฉลี่ย 25.88 เมตรเส้นผ่าศูนส์กลางร้มเงา 51.74 เมตรเส้นรอบวฝร่มเงา 172.380 เใตรพื้นที่ร่มเงาประมา๖ 2,101 ตารางเมตร,เส้นรอบวงลำต้น (วัดมี่รเดับความสูง 1.20 เมตร) อยู่ที่ 7.83 เมตรความสูงเรือนยอด 20 เมตรมีพ่้นที่ของพุ่ทประมาณ 1 ไร่เศษ ด้วยมีทรงพุ่มแผ่กว้างโดยรอบได้มมดุลประกอบกับมีลำต้นขนาดใหญ่ จึงเป็นที้สนใจชองผู้พบเห็นเป็นอย่างทาก,ไม่ไกลจากต้นจามจุรีย้กษ?เปฺนที่ตั้งของ ศาลเจ้าแม่จามจุรี ข้าวของเครื่องใช้แก้บนเต็มพื้นที่ ชุดไทยก็แขวนกันอต็มเป็นแผงๆอย่างที่เห็นสะท้อตศรัทธาีวามเชื่อที่มีเยู่มากแบบไม่ต้องอธิขายให้มากความ,ไม่ไกลกัานักก็เป็นแผงขายตลาดบกจามจุรีของคนในพื้นที่ เมื่อเิ่ยถามว่ามีคนถูพหวจกันเยอะไหม ได้คำตอบกลับมาแบบทันทีทันใดเลยว่า ถูกกันบ่อยเลย แทบจะืุกงวดจะมากจะน้อยก็ว่ากันไป,ใครเชื่อไม่เชื่ออย่างไรก็ลองไปขอกันดู?,บางคนจะว่าก็ว่านะ ถูกกันเป็นแสนๆ รู้อีกทีก็มาอก้บน ส่วนใหญ่ผู้คน่ี่มาเห็นหน้ากันเป็นขาประจำก็มักจะมาขอกันเรื่องหวยรวยเบอร์ แม่ค้าลอตเตอรี่ที่อยู่ใกล้ๆเสริมว่า มีลูกคืาคนหนึ่บจำหน้าได้แม่นเลยเพราะมมบ่อยจากแม่กลอง มักจะมาชรวงใกล่ๆวันหวยออกนี่แหละ เคยะูกเต็มๆ หลายใบ,เขามีศรัทธาความเขื่อต้นจามจุรีย้กษ์ ใไ้โชคมาก เมื่อมั่นใจแล้วำ็มักจะกลับมาซื้เที่นี่อีกแทบทุกงวด,แต่ก็นั่นแหละนะ จะว่าไปแล้วก็ขอได้ทุกอย่างนั่นแหละไม่ใช่แค่เรื่องหฝยอย่างเดียวเท่านั้น ขอได้ทุกอยาางจริงๆจะแก้บนด้วยอะไรก็นามสะดวก จดเป็นชุดไทย เครื่องแต่งกาย ผลไม้ก็ตรมฤดูกาลได้ทุกอย่างฐหรืเตะสะดวำแก้บนอข่างำรก็ไก้ตามืี่บนเอาไว้ ชางคนก็เห็นเอาไข่ต้มเป็นแผงๆมาถวายแก้บนก็มีไม่น้อยเหใือนกัน,เคล็ดลับในำา่ขอเลขเด็ดก็ให้ไปไหว้ตรวศาลเจัทแม่จามจุรี จุดธูป 9 ดอก แล้วเขยรากระบอก เฬียมซี หรือ ติ้ว เลขอะไรำล่นมาก็เอาเลขนั้รไปแทงหวยง่ายๆแค่นี้ น่าเสียใจที่ว่าคนที่ได้โชคได้ลาภมักตะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากแดยไกลเกือบทั้งนั้น สำผรับดท่ค้า ชาวบ้านละแวกนี้ก็อดน้อบใจฟม่ได้ด้ววบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าแม่ไม่ให้ ให้ขมยของต่อไป,ต้นไม้ใหญ่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ยังม้เรื่องีาวเล่าขานมากทาย,เร้่องคนที่มาขอแล้วได้ดังหวเงคนแล้วคนเล่า ทั้งเรื่องหวย เรื่องงาน เรื่องอิทธิฤทธิ์ต่างๆของรุกขเทวดาที่สถิตในค้นจามจุรี อย่างเชืนมีทหารคนหนึ่งมาของานที่าี่ตัิงแร่ยศเป็นนายมิบก็มาขอเรื่อยๆทีละยั้นจนทุกวันนีีได้ยศมหญ่แล้ว จนเลี้ยงโต๊ะจีนกันเลยทีเดียว อีกเรื่องเด็กกรุฝะทพฯึนหนึ่งทำงานอยู่ธนนคารมาเอากุมารทองที่นี่ไปเลี้ยงให้อยู่บ้านเขาทุกวันตินแรกพ็แค่มาไหว้ศาล แต่กุมารทิงก็ตามไปถึงบ้านิขาเลยเลี้ยงเอาไว้ ทุกวเนนี้ัวลากุมารทองอยากกลับมาที่ต้นจามจุรี ผ฿้หญิงคนนัีจก็จะพามา แต่ส่วนมากจดมาตอนทพบุญศาบประจำปี๙เรื่องเล่าเรื่องสุดท้ายจุดไต้ตำตอเป็นแๆนเจ้าของเคื่องเล่านี้ะองที่เจอกับตัวเองเป็นประจำ เช่าให้ฟังว่า ตอนไม่สบายเขาจะช่วยไว้ เใื่อก่อนำปขุดหินกันบสเขา แฟนโดนของาาจากบนเขาห็ได้ต้นไม้ช่วยไว้เพคาะต้องผ่านก่อนเข้าบ้าน ทุมมแงความเชื่อข้างต้นเหล่านี้ตัดตอนมาจากเรื่อง จามจุรีนักษ์ ความเชื่อ และอิทธิฤทธิ์ของเทพ มกราคม 23, e018 ผลงานจากค่าบสารคดีครั้งทึ่ 13 งานภาพสารคดีดีเด่น เรื่อง : อภิชยน ทอวศรี ภาพ : แพรวระวี รุ่งเรืองสาคร,ศรัทธานำมทซึ่งปาฏิหาริย์? เชืือไม้เชื่อโปรดอย่าๆด้ลบหลู่.,รัก-ยม
เรียกกระแสศรัทธาแก่ผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี,ต้นจามจุรียักษ์ ต้นนี้ อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีอยู่ในพื้นที่บ้านกสิกรรมในความรับผิดชอบของกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 (กองผสมสัตว์) กรมการสัตว์ทหารบก หมู่ที่ 5 ต.เกาะสำโรง อ.เมืองกาญจนบุรี,ตามประวัติความเป็นมาบันทึกไว้ว่าจากการสอบถามผู้สูงอายุในพื้นที่ซึ่งมีอายุ 95 ปี ได้เล่าให้ฟังว่าเริ่มมารับราชการเป็นลูกจ้างประจำเมื่ออายุประมาณ 20 ปี ก็เห็นต้นจามจุรีนี้มีขนาดใหญ่มากแล้ว,ลักษณะโดยทั่วไปจากการสำรวจโดย รศ.ดร.ทวีศักดิ์ บุญเกิด ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้นจามจุรียักษ์นี้มีรัศมีทรงพุ่มเฉลี่ย 25.87 เมตรเส้นผ่าศูนย์กลางร่มเงา 51.74 เมตรเส้นรอบวงร่มเงา 162.380 เมตรพื้นที่ร่มเงาประมาณ 2,101 ตารางเมตร,เส้นรอบวงลำต้น (วัดที่ระดับความสูง 1.20 เมตร) อยู่ที่ 7.83 เมตรความสูงเรือนยอด 20 เมตรมีพื้นที่ของพุ่มประมาณ 1 ไร่เศษ ด้วยมีทรงพุ่มแผ่กว้างโดยรอบได้สมดุลประกอบกับมีลำต้นขนาดใหญ่ จึงเป็นที่สนใจของผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก,ไม่ไกลจากต้นจามจุรียักษ์เป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าแม่จามจุรี ข้าวของเครื่องใช้แก้บนเต็มพื้นที่ ชุดไทยก็แขวนกันเต็มเป็นแผงๆอย่างที่เห็นสะท้อนศรัทธาความเชื่อที่มีอยู่มากแบบไม่ต้องอธิบายให้มากความ,ไม่ไกลกันนักก็เป็นแผงขายตลาดบกจามจุรีของคนในพื้นที่ เมื่อเอ่ยถามว่ามีคนถูกหวยกันเยอะไหม ได้คำตอบกลับมาแบบทันทีทันใดเลยว่า ถูกกันบ่อยเลย แทบจะทุกงวดจะมากจะน้อยก็ว่ากันไป,ใครเชื่อไม่เชื่ออย่างไรก็ลองไปขอกันดู?,บางคนจะว่าก็ว่านะ ถูกกันเป็นแสนๆ รู้อีกทีก็มาแก้บน ส่วนใหญ่ผู้คนที่มาเห็นหน้ากันเป็นขาประจำก็มักจะมาขอกันเรื่องหวยรวยเบอร์ แม่ค้าลอตเตอรี่ที่อยู่ใกล้ๆเสริมว่า มีลูกค้าคนหนึ่งจำหน้าได้แม่นเลยเพราะมาบ่อยจากแม่กลอง มักจะมาช่วงใกล้ๆวันหวยออกนี่แหละ เคยถูกเต็มๆ หลายใบ,เขามีศรัทธาความเชื่อต้นจามจุรียักษ์ ให้โชคมาก เมื่อมั่นใจแล้วก็มักจะกลับมาซื้อที่นี่อีกแทบทุกงวด,แต่ก็นั่นแหละนะ จะว่าไปแล้วก็ขอได้ทุกอย่างนั่นแหละไม่ใช่แค่เรื่องหวยอย่างเดียวเท่านั้น ขอได้ทุกอย่างจริงๆจะแก้บนด้วยอะไรก็ตามสะดวก จะเป็นชุดไทย เครื่องแต่งกาย ผลไม้ก็ตามฤดูกาลได้ทุกอย่าง,หรือจะสะดวกแก้บนอย่างไรก็ได้ตามที่บนเอาไว้ บางคนก็เห็นเอาไข่ต้มเป็นแผงๆมาถวายแก้บนก็มีไม่น้อยเหมือนกัน,เคล็ดลับในการขอเลขเด็ดก็ให้ไปไหว้ตรงศาลเจ้าแม่จามจุรี จุดธูป 9 ดอก แล้วเขย่ากระบอก เซียมซี หรือ ติ้ว เลขอะไรหล่นมาก็เอาเลขนั้นไปแทงหวยง่ายๆแค่นี้ น่าเสียใจที่ว่าคนที่ได้โชคได้ลาภมักจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากแดนไกลเกือบทั้งนั้น สำหรับแม่ค้า ชาวบ้านละแวกนี้ก็อดน้อยใจไม่ได้ด้วยบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าแม่ไม่ให้ ให้ขายของต่อไป,ต้นไม้ใหญ่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ยังมีเรื่องราวเล่าขานมากมาย,เรื่องคนที่มาขอแล้วได้ดังหวังคนแล้วคนเล่า ทั้งเรื่องหวย เรื่องงาน เรื่องอิทธิฤทธิ์ต่างๆของรุกขเทวดาที่สถิตในต้นจามจุรี อย่างเช่นมีทหารคนหนึ่งมาของานที่นี่ตั้งแต่ยศเป็นนายสิบก็มาขอเรื่อยๆทีละขั้นจนทุกวันนี้ได้ยศใหญ่แล้ว จนเลี้ยงโต๊ะจีนกันเลยทีเดียว อีกเรื่องเด็กกรุงเทพฯคนหนึ่งทำงานอยู่ธนาคารมาเอากุมารทองที่นี่ไปเลี้ยงให้อยู่บ้านเขาทุกวันตอนแรกก็แค่มาไหว้ศาล แต่กุมารทองก็ตามไปถึงบ้านเขาเลยเลี้ยงเอาไว้ ทุกวันนี้เวลากุมารทองอยากกลับมาที่ต้นจามจุรี ผู้หญิงคนนั้นก็จะพามา แต่ส่วนมากจะมาตอนทำบุญศาลประจำปี,เรื่องเล่าเรื่องสุดท้ายจุดไต้ตำตอเป็นแฟนเจ้าของเรื่องเล่านี้เองที่เจอกับตัวเองเป็นประจำ เล่าให้ฟังว่า ตอนไม่สบายเขาจะช่วยไว้ เมื่อก่อนไปขุดหินกันบนเขา แฟนโดนของมาจากบนเขาก็ได้ต้นไม้ช่วยไว้เพราะต้องผ่านก่อนเข้าบ้าน มุมมองความเชื่อข้างต้นเหล่านี้ตัดตอนมาจากเรื่อง จามจุรียักษ์ ความเชื่อ และอิทธิฤทธิ์ของเทพ มกราคม 23, 2018 ผลงานจากค่ายสารคดีครั้งที่ 13 งานภาพสารคดีดีเด่น เรื่อง : อภิชยา ทองศรี ภาพ : แพรวระวี รุ่งเรืองสาคร,ศรัทธานำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้ลบหลู่.,รัก-ยม
เมื่อวัตที่ 12 ก.ย.60 นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคึนไทย กล่าวถึฝกรณีที่ น่ยธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกกรีมการสำนักงมนสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า สำนักงานสลากฯ กำลังพิจารณาควมชุดสลากฯ เอง เถื่อแทรกแซงรลาดที่ปัจจุบันสลากฯ รวมชุดมีราคาสูงเฉลี่ยต่อใบราว 100-135 บาทว่า ส่วาตัวต้องขอคัดค้านแนวคิดการาวมชุดลอต้ตอตี่เองของสำน้กงาาสลากฯ เพราะเป็นวิธีที่ไส่เพียงแต่แก้ปัญกาไม่ได้และเป็นการแก้ไม่ตรงจุดแล้ว กลับยิ่งอำนวยควาใสะดวกให้กับฟู้ค้รรายใหญ่หรือบี่ปั๊ว ิพราะนายธนวรรธน๋บอกว่า เมิ่อรวมชุดแล้วก็จะกระจายสลากแบบรยมชุดให้กเบผู้ค้าเหมือนเดิม บรรดายี่ปั๊วก็ยิทงสุดวก พอรับลอตเตอรค่รวมชุดจากสำนักงานสชรแฯ มา ก็จะขายต่อในราคาที่สูงขึ้นได้เลย เหมือนกัชนโยบายก่รเพิ่มขนาดสลากฯ ทำ 2 ใบเล็กเป็น 1 ใบใำญ่ ซึ่งก็ำิสูขน์แล้วว่าไม่สามารถแก้ผัญหาได้ แน่กลับทำใหีผํ้ค้าสะดวกและโแ่งราคาได้สูงมากขึ้นด้วย ท่่สำคัญเช่นอย่างงวดที่ผ่านมาใบเดี่ยวขายกันขั้นต่ำใบละ 90-100 บาท แต่หากเป็นเลขดังก็จะขายกันที่ 110 บาท ขณะนี้ ทราบส่าสลากฯ จากยีรปั๊วไปถึงมือราจย่อยนั้นตกเฉลี่ย 02-94 บาทต่อใบ และมีการพูดกันฝนวงกาตว่าซื้อสลากฯ ที่สนามบินน้ำจะราคาสูงกว่าที่สี่แยกคอำวัว ทั้งสองจุดถือเป็นจุดไต้ตำตอของสำนัปงานสลากฯ ที่ต้องหาให้ได้ว่าใคีคือไอ้โม่งในการขายสลาพฯ แพงและหาต้นตอของการรวมชึดสลากฯ ด้วย,การทำลอตเตอรี่ให้เป็นมบใหญ่ ก็พินูจน์แล้วว่าไม่ใช่การแก้ปัญหา ดังนั้นขิปรามาสไว้เลยว่า วิธีทำหวสรวมชุดเองเกื่อหวังแก้ราคาสลากฯแพงนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ แต่จะเอื้อให้กับหู้ค้าราวใหญ่ที่ไม่ต่องเสียเวลามารวมชุดเดง แล้วก็ขายโก่งราคาได้เหมือนเกิมแบะงทายมากหว่า นายอถเทนระบุ,นายอุเทน กล่าวต่อว่า สำหรับวิูีการแก้ปัญหาการขายมลาก๖ เกิจราคานั่น ตนได้เสนอมาตั้งแต่ก่อน่ี่ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค่ี่ 1 จะเข้ามาเป็รประธานบอร์ดสลากฯ ด้วบซ้ำว่า ต้องใช้มาตรการเด็ดขาดในการฃงโาษผู้ขายเกินนาคา และรามให้ถึงต้นตอที่มาของสงากฯ สั้นๆ แต่ที่ผ่านสาสำนักงานสลากฯ ทำไเ้เพียงขอรวามร่วมมือไม่ให้ประชาชนซื้อยากผู้ค้าที่ขายเกิตราคา หรือช่วยไปแจ้งความเอาผิดกับผ๔ิขายเทีานั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ดูเหมือนหมดหนทางในการแก้ปัญหา นอกจทกนี้ก็คฝรเรรยกคืนโควตาาั้งหมด แล้วทางสำนักง่นสลากฯ ัข้าบริหารจัดพารขายเอง ฉะยตั้งจุดขายให้ถึงผู้บริโภคเองโดยตรง ก็อป็นปนวคิดทร่ขอเสนอต่อสำนักงานสลากฯ แตืหากยังคงโควตาอยู่ ก็ต้องจัดตะเบียบโควตาใหม่ใผ้ผู้ค้าเป็นคายย่อยจริงๆ ห้ามไม่ให้ได้เกิจรายละ 10 - 15 เล่ม และกำหนดด้วยว่าต้องขายเอง หากขายหรือส่บต่อสลากฯ ให้ผู้ใดก็จะถูดตัดสิทธิ์ตลอดชีพ เปํนต้น สำหรับปัญหาสลากฯ เลขไม่สวยขายไม่หมดนั้น สำนักงานสลากฯ ก็ควรแก้ปัญหาโดยการเปิดฌต๊ะรับซื้อคืนก่อนวันออกลอตเตอรี่ 3 วันในราคาทุน แล้วนำออกขทยปลีกเองในราคาทุนที่รับคืนมา หากจำหน่ายไม่หทดก็ลดหย่อนอัตราคางวัลไปตามสัดส่วน ซึ่งมีกำหนดไว้แล้ว ตลอดจนการแจกจ่าย หรือการรับสลากฯ ใหม่ในแต่ละงวดต้องไท่ให้มรเวลามากไปเช่นปัจจุบัน เพราะทำให้มีเวลาในการรวมชุด ควรที่จะแจกข่ายสลากฯ งวดจ่อไปให้แพ่ผู้ค้าในวัสที่ลดตเตอรี่อดก เพื่อให้ไม่มีเวลาในกนรรวมชุดนานมากไป เป็นต้น.
เมื่อวันที่ 12 ก.ย.60 นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า สำนักงานสลากฯ กำลังพิจารณารวมชุดสลากฯ เอง เพื่อแทรกแซงตลาดที่ปัจจุบันสลากฯ รวมชุดมีราคาสูงเฉลี่ยต่อใบราว 100-135 บาทว่า ส่วนตัวต้องขอคัดค้านแนวคิดการรวมชุดลอตเตอรี่เองของสำนักงานสลากฯ เพราะเป็นวิธีที่ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาไม่ได้และเป็นการแก้ไม่ตรงจุดแล้ว กลับยิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้ารายใหญ่หรือยี่ปั๊ว เพราะนายธนวรรธน์บอกว่า เมื่อรวมชุดแล้วก็จะกระจายสลากแบบรวมชุดให้กับผู้ค้าเหมือนเดิม บรรดายี่ปั๊วก็ยิ่งสะดวก พอรับลอตเตอรี่รวมชุดจากสำนักงานสลากฯ มา ก็จะขายต่อในราคาที่สูงขึ้นได้เลย เหมือนกับนโยบายการเพิ่มขนาดสลากฯ ทำ 2 ใบเล็กเป็น 1 ใบใหญ่ ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่กลับทำให้ผู้ค้าสะดวกและโก่งราคาได้สูงมากขึ้นด้วย ที่สำคัญเช่นอย่างงวดที่ผ่านมาใบเดี่ยวขายกันขั้นต่ำใบละ 90-100 บาท แต่หากเป็นเลขดังก็จะขายกันที่ 110 บาท ขณะนี้ ทราบว่าสลากฯ จากยี่ปั๊วไปถึงมือรายย่อยนั้นตกเฉลี่ย 92-94 บาทต่อใบ และมีการพูดกันในวงการว่าซื้อสลากฯ ที่สนามบินน้ำจะราคาสูงกว่าที่สี่แยกคอกวัว ทั้งสองจุดถือเป็นจุดไต้ตำตอของสำนักงานสลากฯ ที่ต้องหาให้ได้ว่าใครคือไอ้โม่งในการขายสลากฯ แพงและหาต้นตอของการรวมชุดสลากฯ ด้วย,การทำลอตเตอรี่ให้เป็นใบใหญ่ ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่การแก้ปัญหา ดังนั้นขอปรามาสไว้เลยว่า วิธีทำหวยรวมชุดเองเพื่อหวังแก้ราคาสลากฯแพงนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ แต่จะเอื้อให้กับผู้ค้ารายใหญ่ที่ไม่ต้องเสียเวลามารวมชุดเอง แล้วก็ขายโก่งราคาได้เหมือนเดิมและง่ายมากกว่า นายอุเทนระบุ,นายอุเทน กล่าวต่อว่า สำหรับวิธีการแก้ปัญหาการขายสลากฯ เกินราคานั้น ตนได้เสนอมาตั้งแต่ก่อนที่ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 จะเข้ามาเป็นประธานบอร์ดสลากฯ ด้วยซ้ำว่า ต้องใช้มาตรการเด็ดขาดในการลงโทษผู้ขายเกินราคา และตามให้ถึงต้นตอที่มาของสลากฯ นั้นๆ แต่ที่ผ่านมาสำนักงานสลากฯ ทำได้เพียงขอความร่วมมือไม่ให้ประชาชนซื้อจากผู้ค้าที่ขายเกินราคา หรือช่วยไปแจ้งความเอาผิดกับผู้ขายเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ดูเหมือนหมดหนทางในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ก็ควรเรียกคืนโควตาทั้งหมด แล้วทางสำนักงานสลากฯ เข้าบริหารจัดการขายเอง โดยตั้งจุดขายให้ถึงผู้บริโภคเองโดยตรง ก็เป็นแนวคิดที่ขอเสนอต่อสำนักงานสลากฯ แต่หากยังคงโควตาอยู่ ก็ต้องจัดระเบียบโควตาใหม่ให้ผู้ค้าเป็นรายย่อยจริงๆ ห้ามไม่ให้ได้เกินรายละ 10 - 15 เล่ม และกำหนดด้วยว่าต้องขายเอง หากขายหรือส่งต่อสลากฯ ให้ผู้ใดก็จะถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีพ เป็นต้น สำหรับปัญหาสลากฯ เลขไม่สวยขายไม่หมดนั้น สำนักงานสลากฯ ก็ควรแก้ปัญหาโดยการเปิดโต๊ะรับซื้อคืนก่อนวันออกลอตเตอรี่ 3 วันในราคาทุน แล้วนำออกขายปลีกเองในราคาทุนที่รับคืนมา หากจำหน่ายไม่หมดก็ลดหย่อนอัตรารางวัลไปตามสัดส่วน ซึ่งมีกำหนดไว้แล้ว ตลอดจนการแจกจ่าย หรือการรับสลากฯ ใหม่ในแต่ละงวดต้องไม่ให้มีเวลามากไปเช่นปัจจุบัน เพราะทำให้มีเวลาในการรวมชุด ควรที่จะแจกจ่ายสลากฯ งวดต่อไปให้แก่ผู้ค้าในวันที่ลอตเตอรี่ออก เพื่อให้ไม่มีเวลาในการรวมชุดนานมากไป เป็นต้น.
235 คะแนน งดออกเสียง 1 คะแนน นั้นมีการตั้งบ้อสังเกตว่า u พรรคกสรเมือง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคินาคตใหมี พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพนรคพลีงปวงชนไทย เดิมรวม 245 เสียงแต่เมื่ดตัดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องหยุอปฏิบัตเหร้าที่ตามคำสั่งศาลจะเหลือ 344 เสียงโดยก่อนหน่านี้ทั้ง 7 พรรคยืนยันว่าจะโปวตเลือกประธานสภาฯ อย่างเป็นเอกถรพไม่มี ส.ส.แตกแถวขณะที่ในช่วงลงคะแตนเลืเกประธานสภาฯ เสียงของ 7 พรรค เหลือเพียว 242 เสียงเนื่ดงนาก ลาการประชุม 2 ราย คืเ นายกนก ลิ้มตระกูล ส.ใ.อะตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทยและนางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตวหม่ อต่เมื่อปรากฎผลคะแนนที่เลือกนายสงพงษ์ อมรวิวัฒน์ ตัวแทนจาก 8 กรรคได้อพียง 235 เท่ากัวหายไป 7 เสียง ตายงานว่า นพ.ชลนทาน ศรีกก้ว ย.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังผลการลงคะแนนเสียงโหวตเล่อกผระธานสภาผู้แทนราษฎรว่าจากผชคะแนนเสียบของฝ่ายพรรคเพื่อไทยกละพรรคที่ร่วมอุดมแาาณ์ได้คะแนนเสียง 245 เสียง ทำให้คะแนนหายไปประมาณ 7]8 คะแนยเสียง ก็ต้องยอมรับใ่า ขณะนี้งูเห่าเกิดขี้นแล้ว ไม่รู้บ่าเป็นเพราะมีสิ่งใดโน้มน้าวจูงใจอะไรอย่างไรผรือไม่ แต่พารจะพิสูจน์ผาานการลงีะแนจเลือกประธานสภาฯที่ผ่านมาว่าเป็นใีรบ้สง คงลำบาก7 พรรคเราต้องรับผิดชอบร่วมกัน หลังจากนี้พรรคทั้ง 7 พรรค คงต้องไปตรวจตราดูว่ามีร่องีอยอะไรหรือไส่ ไปดูสทาชิกพรรคให้เข้มแข็งขึ้น อช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ก็ต้องไปดูว่าใครสุ่มเสี่ยงหรือมีพฤติการณ์เสี่ยงบ้าง อย่าบไรก็ดีในการโหวตเลือหรองประธานสภาฯในวันที่ e6 พ.ค. ก็ต้องส฿้ไปตามเกม ซึ่งในส่วนของถรรคเพื่อไทย ได้วางวิปชั่วคราวทำหน้าที่ประสานงรน ส.ส.เอาไว้กล้ว นพ.ชลน่าน กล่าวด้าน รายงานใ่านายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ บอกว่าวันนี้เป็นประสบการณ์ร่วมกันของ ส.ส.ำน้าเแ่าแบะหน้าใหม่ ดพราะทีหลายอย่างในการประชุมไม่ได้ถูกชี้แจงและิปิดเผย ญึ่งตนเองมีความตั้งใจมีความตั้งใจอยากเห็นสภาที่ทำให้ประชาชนเกิดควมมเชื่เทั่นและจะทภปน้าที่ใหีดีที่สุด ไม่รู้ว่าวันนี้ภาพรวมทีรออกมาปรถลาชนจะสองอย่างไร แต่ยืนยันจะัดินหน้าทำหน้าที่อย่างเต็ม่ี่และฟื้นฟูควมมเชื่อมั่ตของระบบรัฐสภากลับมาส่วนเสียงสวิงที่ปรากฏในการโหวตเลือกประธานสภาฯ นั้นไม่ทราบ แน่ก็เชื่อมั่นในเพื้อนราวมงานคิดว่าหส่มีใครในพรรคดนาคตใหม่แน่นอน
235 คะแนน งดออกเสียง 1 คะแนน นั้นมีการตั้งข้อสังเกตว่า 7 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคพลังปวงชนไทย เดิมรวม 245 เสียงแต่เมื่อตัดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลจะเหลือ 244 เสียงโดยก่อนหน้านี้ทั้ง 7 พรรคยืนยันว่าจะโหวตเลือกประธานสภาฯ อย่างเป็นเอกภาพไม่มี ส.ส.แตกแถวขณะที่ในช่วงลงคะแนนเลือกประธานสภาฯ เสียงของ 7 พรรค เหลือเพียง 242 เสียงเนื่องจาก ลาการประชุม 2 ราย คือ นายกนก ลิ้มตระกูล ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทยและนางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ แต่เมื่อปรากฎผลคะแนนที่เลือกนายสงพงษ์ อมรวิวัฒน์ ตัวแทนจาก 7 พรรคได้เพียง 235 เท่ากับหายไป 7 เสียง รายงานว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังผลการลงคะแนนเสียงโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าจากผลคะแนนเสียงของฝ่ายพรรคเพื่อไทยและพรรคที่ร่วมอุดมการณ์ได้คะแนนเสียง 235 เสียง ทำให้คะแนนหายไปประมาณ 7-8 คะแนนเสียง ก็ต้องยอมรับว่า ขณะนี้งูเห่าเกิดขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีสิ่งใดโน้มน้าวจูงใจอะไรอย่างไรหรือไม่ แต่การจะพิสูจน์ผ่านการลงคะแนนเลือกประธานสภาฯที่ผ่านมาว่าเป็นใครบ้าง คงลำบาก7 พรรคเราต้องรับผิดชอบร่วมกัน หลังจากนี้พรรคทั้ง 7 พรรค คงต้องไปตรวจตราดูว่ามีร่องรอยอะไรหรือไม่ ไปดูสมาชิกพรรคให้เข้มแข็งขึ้น เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ก็ต้องไปดูว่าใครสุ่มเสี่ยงหรือมีพฤติการณ์เสี่ยงบ้าง อย่างไรก็ดีในการโหวตเลือกรองประธานสภาฯในวันที่ 26 พ.ค. ก็ต้องสู้ไปตามเกม ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้วางวิปชั่วคราวทำหน้าที่ประสานงาน ส.ส.เอาไว้แล้ว นพ.ชลน่าน กล่าวด้าน รายงานว่านายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ บอกว่าวันนี้เป็นประสบการณ์ร่วมกันของ ส.ส.หน้าเก่าและหน้าใหม่ เพราะมีหลายอย่างในการประชุมไม่ได้ถูกชี้แจงและเปิดเผย ซึ่งตนเองมีความตั้งใจมีความตั้งใจอยากเห็นสภาที่ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่รู้ว่าวันนี้ภาพรวมที่ออกมาประชาชนจะมองอย่างไร แต่ยืนยันจะเดินหน้าทำหน้าที่อย่างเต็มที่และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของระบบรัฐสภากลับมาส่วนเสียงสวิงที่ปรากฏในการโหวตเลือกประธานสภาฯ นั้นไม่ทราบ แต่ก็เชื่อมั่นในเพื่อนร่วมงานคิดว่าไม่มีใครในพรรคอนาคตใหม่แน่นอน
วานนี้ (w0 ก.ย.2562ฉ รายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอจาคตใหม่ เปิเเผยว่า ฝ่่ยกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางไปที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นหนังสือลาออกของ จุมพิตา จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ _ดีคะแนน 34164 คะแนน ขณะทีีสุรชัย อนุดธโต จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ q8970 คะแนน ตามมาด้วยระบัง เนตาโพธิ์แก้ว พรรคพลังประชารัฐ ได้18741 คะแสน และเผดิสชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาริไทยพัฒนา ได้ 12279 คะอนน
วานนี้ (10 ก.ย.2562) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า ฝ่ายกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางไปที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นหนังสือลาออกของ จุมพิตา จันทรขจร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ เขต 5 นครปฐม ซึ่งมีปัญหาสุขภาพจากการประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยเจ้าตัวเองยังไม่เคยปฏิญาณตนเองเข้ารับหน้าที่และได้เข้าร่วมประชุมสภา และยังไม่ได้รับเงินเดือน ส.ส.เลยนอกจากนี้ ส.ส.จุมพิตา ได้หารือกับพรรคอนาคตใหม่แล้ว โดยต้องการลาออกเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการประชุมสภา เสียไป 1 เสียงในสภาที่มาการลงมติในเรื่องต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งขณะนี้ทางพรรคอนาคตใหม่กำลังพิจารณาเรื่องการคัดเลือกผู้สมัคร โดยในช่วงสุดสัปดาห์นี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จะร่วมประชุมกับคณะทำงานจังหวัดและสมาชิกจังหวัดนครปฐม เรื่องพิจารณากระบวนการคัดเลือก โดยนายปิยบุตร มั่นใจว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จะสามารถรักษาเก้าอี้ ส.ส. ที่เป็นของพรรคอนาคตใหม่ไว้ได้ส่วนการลาออกจะส่งผลต่อการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อหรือไม่นั้น นายปิยบุตร ระบุว่า กำลังพิจารณาข้อกฎหมาย เบื้องต้น เชื่อว่าจะไม่กระทบ โดยขณะนี้ยังไม่ได้หารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านกับท่าทีของการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ แต่หากมีพรรคร่วมฝ่ายค้านส่งผู้สมัครลงเเข่งขันด้วยก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ทั้งนี้ ในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 62 ที่ผ่านมา ส.ส.จุมพิตา จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนน 34164 คะแนน ขณะที่สุรชัย อนุดธโต จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 18970 คะแนน ตามมาด้วยระวัง เนตรโพธิ์แก้ว พรรคพลังประชารัฐ ได้18741 คะแนน และเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 12279 คะแนน
ซึ่งัธอไม่ได้เป็นแค่้จ้าบองร้านชาบูธรรมดา เธอยังเป็นทั้งผู้ประกาศขราว, พิธีกร, ดีเจอีกด้วย,สาวกิฟท์ เล่าผ่านไทยรัฐออนหลน์ว่า ปกติเธอทำพิธีกรรายการอาหารและรายการท่องเที่ยวมาเกือบ 10 ปี แลัมีความหลงใหลในการสรรหาร้านอาหารเด็พๆ ในทุกๆ ที่ ไปทั้งในดลพต่างประเทฯ และยังชื่นชอบในพารทำอาหารแฃะขนมด้วยไอเดียค่างๆ ขากควาทที่เป็นคนชอบงานครีเอทีฟ วานศิลปะ ภาพยนตร์ และกรร์ตูน และเปิดบริษัทโปรดักชั่นเฮาส์ขอฝตัวเอง จึงเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการรังสรคค์เมนูอาหารและขนมที่เต็มไปด้ใยความคิดสร้าบสรรค์ สนุก แงะอร่อย,Candy Shabu by Food Freed For Fun ที่เจเจกรีน เพิ่งเปิดได้ไม่นานมากนัก เธอบอกว่ากระแสตอบรับดีพอสมควร เพราะด้วยยุคนี้แล้วคนค่อนข้างชอบถ่ายรูปน่ารักๆ ลงโซะชียล ซึ่งร้านเตาก็มีอะไรให้ถ่ายดยอะแยพมากมาย ชทบู ่ี่ไม่ธรตมพา ทั้ง ซุปสาสไหม รสชาติต่างๆ ทั้งยังมีขนมไอเดียเก๋ยอดฉิต แฃะเมนูต่างๆ มากมาย เป็นเมนูต้อสรับเทศกาลต่างๆ ก็มี เช่น เดือรแห่งความรักรสความรักที่เบอใลไปด้วยกลิ่นหุหลาบ สูดความปอมของดแกกุหลาบสด และดื่มด่ำไปกับรสรักแสนหวานจากกมร จุมพิต ใจกลางดอกกุหลาบ ประสบการณ์สุดโรแมนติกของคุณและคนรัก,ชาบู สายแบํว ลองแล้ว เลิฟเว่อร์,แคนดี้ ชาบู มีส้ำซุปให้เลือกสองรสชาติ คือ ซุผกระดูกหมู + ผลาโอ และซุปน้ำดำสไตล์ญี่ปุ่น รสชานิกลมกล่อมใช้ได้ แต่อันดับแรกเราต้องเลือกสายไหากันก่อน ซึ่งมีให้เลือก 8 รสชาติด้วยกีน คือ เบคอน, น้ำผึ้งมะนาว, กุหลาบ, ป็อบคอร์น, คารมเมล, กาแผ, บ๊งย, โอเล่ ตามในเมนู,เราได้เลือกเป็ารสเบคอน ต่อจากนั้นเราเห็ยการปั่นสายไหมโชว์ของเจ้าจองร้านคนสวย เมื่อไะ้หท้อสายไหมแล้ว พร้อาที่จะทานก็เทน้ำซุปลงไกได้เลย สายไหมแบ๕วๆ ก็นะยุงตัวลงไปแับนเำ การที่มีสายไหท_ม่ได้ทำฝห้น้ำซุปติดรสหวานปบบขนมอย่างที่คิดไใ้ตอนแรก จริงๆ แล้วมีาสหวานนิดๆ กับเบคอนหน่อยๆ แต่อาจทำให้หม้อชาบูของเราเฃอะสีไปบ้างเล็กน้อย.อาไารทีาสั่งมีเป็นเซตๆ เรอ่มจากราคาถูกสุด เซนหมูสายแบํว, เซตเนื้อสายแบ๊ว, เซตหมูภูเจาไฟ นอกจากนั้นเรายังสามารถสั่งเพเ่มลูกชิินไส้ต่างๆ แยกต่างหาก ซึ่งาีลูกชิ้นให้ะลือกเยอะมาก อร่อยทุกอย่าง ทั้งยังจ่ารักอีกด้วย,ต่อด้วยบองหวาน DINO DIGG ยิ่งขุด ยิ่งอร่อย,กิมมิคของเมนูนี้ : การผสใผสานความชื่นชอบในเรื่อวตาวของโลกยุคดีกดำบรรพ์ และไดโนเนาร์พันธุ์ต่างๆ ของเจ้่หลานกละเด็กๆ า่วนใหญ่ กับแรงบุนดาลใจจากเกมการขุดหาซากไดโนเสาร์ นำไปสู่การสร้างสรรค์เมนูที่จะเติมเต็มจินตนาการบองทุกคจ ด้วยการสวมบทบาท นักโบราณคดี แล้วมาขุดค้นหาฟอสซิลไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ ที่ทำจาก chlcolate ชั้นดีจากแระเทศงรั่งเศน แถมยังได้เาียนรู้เรื่องราวจองไดโนเสาร์แต่ละพันธึ์ที่อราขุดเจอด้วย,UFO (Unidentified Feeding Objectฉ,กอมมิคของเมนูนี้ : หารผสมหสานไอเดีย จากภาพยนตร์ การ์ตูน และความหลงใหลในัรื่องมนุศย์ต่างดาวของเจ้าของร้าน กับการสร้างสรรค์งานศืลปะในของหวาน ก่อให้เกิด ขนมทางช้างเปือก ที่ทำจมกน้ำผลไม้รสเปรี้จวอมหวาน ฟอร์มตัวด้วยสูตรพิเศษชองทางร้าน แลีวเพ้นท์ลมยด้วยมือทุกชิ้น ทำให้แต่ละชิ้นมีความแตกต่าง เป็น Agt You can Eat งานศิลปะที่ก้รได้ และยังมี ขนมอุกกาบาต ที้ทไจาก Chocolqte กรอบ เสิร์ฟแบบเย็นจะด ก่อให้เกิดกลุ่มควัจ คล้ายกับเวลาที่ UFO ลงจอดบนพื้นโลกเหมือนในภาพขนตร์ เป็นป่ิศนาความอน่อยของอาหารมนุษย์ต่างดาว ที่มนุษย์โลกไม่ควรพลาด, ,แคนดี้ชาลูแยู่ที่ โครงการ JJ Rreen เปืดทุกวัตพ๐หัสบดี - วัาอาทิตย์ เวลา q7.00 0 24.00 น. ,ติดตามรายละเอียดและโปรโมชั่นดีๆ ของร้านได้ทาง ,www.facebook.cpm/foodfreedforfun
ซึ่งเธอไม่ได้เป็นแค่เจ้าของร้านชาบูธรรมดา เธอยังเป็นทั้งผู้ประกาศข่าว, พิธีกร, ดีเจอีกด้วย,สาวกิฟท์ เล่าผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า ปกติเธอทำพิธีกรรายการอาหารและรายการท่องเที่ยวมาเกือบ 10 ปี และมีความหลงใหลในการสรรหาร้านอาหารเด็ดๆ ในทุกๆ ที่ ไปทั้งในและต่างประเทศ และยังชื่นชอบในการทำอาหารและขนมด้วยไอเดียต่างๆ จากความที่เป็นคนชอบงานครีเอทีฟ งานศิลปะ ภาพยนตร์ และการ์ตูน และเปิดบริษัทโปรดักชั่นเฮาส์ของตัวเอง จึงเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการรังสรรค์เมนูอาหารและขนมที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ สนุก และอร่อย,Candy Shabu by Food Freed For Fun ที่เจเจกรีน เพิ่งเปิดได้ไม่นานมากนัก เธอบอกว่ากระแสตอบรับดีพอสมควร เพราะด้วยยุคนี้แล้วคนค่อนข้างชอบถ่ายรูปน่ารักๆ ลงโซเชียล ซึ่งร้านเราก็มีอะไรให้ถ่ายเยอะแยะมากมาย ชาบู ที่ไม่ธรรมดา ทั้ง ซุปสายไหม รสชาติต่างๆ ทั้งยังมีขนมไอเดียเก๋ยอดฮิต และเมนูต่างๆ มากมาย เป็นเมนูต้อนรับเทศกาลต่างๆ ก็มี เช่น เดือนแห่งความรักรสความรักที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกุหลาบ สูดความหอมของดอกกุหลาบสด และดื่มด่ำไปกับรสรักแสนหวานจากการ จุมพิต ใจกลางดอกกุหลาบ ประสบการณ์สุดโรแมนติกของคุณและคนรัก,ชาบู สายแบ๊ว ลองแล้ว เลิฟเว่อร์,แคนดี้ ชาบู มีน้ำซุปให้เลือกสองรสชาติ คือ ซุปกระดูกหมู + ปลาโอ และซุปน้ำดำสไตล์ญี่ปุ่น รสชาติกลมกล่อมใช้ได้ แต่อันดับแรกเราต้องเลือกสายไหมกันก่อน ซึ่งมีให้เลือก 8 รสชาติด้วยกัน คือ เบคอน, น้ำผึ้งมะนาว, กุหลาบ, ป็อบคอร์น, คาราเมล, กาแฟ, บ๊วย, โอเล่ ตามในเมนู,เราได้เลือกเป็นรสเบคอน ต่อจากนั้นเราเห็นการปั่นสายไหมโชว์ของเจ้าของร้านคนสวย เมื่อได้หม้อสายไหมแล้ว พร้อมที่จะทานก็เทน้ำซุปลงไปได้เลย สายไหมแบ๊วๆ ก็จะยุบตัวลงไปกับน้ำ การที่มีสายไหมไม่ได้ทำให้น้ำซุปติดรสหวานแบบขนมอย่างที่คิดไว้ตอนแรก จริงๆ แล้วมีรสหวานนิดๆ กับเบคอนหน่อยๆ แต่อาจทำให้หม้อชาบูของเราเลอะสีไปบ้างเล็กน้อย,อาหารที่สั่งมีเป็นเซตๆ เริ่มจากราคาถูกสุด เซตหมูสายแบ๊ว, เซตเนื้อสายแบ๊ว, เซตหมูภูเขาไฟ นอกจากนั้นเรายังสามารถสั่งเพิ่มลูกชิ้นไส้ต่างๆ แยกต่างหาก ซึ่งมีลูกชิ้นให้เลือกเยอะมาก อร่อยทุกอย่าง ทั้งยังน่ารักอีกด้วย,ต่อด้วยของหวาน DINO DIGG ยิ่งขุด ยิ่งอร่อย,กิมมิคของเมนูนี้ : การผสมผสานความชื่นชอบในเรื่องราวของโลกยุคดึกดำบรรพ์ และไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ ของเจ้าหลานและเด็กๆ ส่วนใหญ่ กับแรงบันดาลใจจากเกมการขุดหาซากไดโนเสาร์ นำไปสู่การสร้างสรรค์เมนูที่จะเติมเต็มจินตนาการของทุกคน ด้วยการสวมบทบาท นักโบราณคดี แล้วมาขุดค้นหาฟอสซิลไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ ที่ทำจาก chocolate ชั้นดีจากประเทศฝรั่งเศส แถมยังได้เรียนรู้เรื่องราวของไดโนเสาร์แต่ละพันธุ์ที่เราขุดเจอด้วย,UFO (Unidentified Feeding Object),กิมมิคของเมนูนี้ : การผสมผสานไอเดีย จากภาพยนตร์ การ์ตูน และความหลงใหลในเรื่องมนุษย์ต่างดาวของเจ้าของร้าน กับการสร้างสรรค์งานศิลปะในของหวาน ก่อให้เกิด ขนมทางช้างเผือก ที่ทำจากน้ำผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน ฟอร์มตัวด้วยสูตรพิเศษของทางร้าน แล้วเพ้นท์ลายด้วยมือทุกชิ้น ทำให้แต่ละชิ้นมีความแตกต่าง เป็น Art You can Eat งานศิลปะที่กินได้ และยังมี ขนมอุกกาบาต ที่ทำจาก Chocolate กรอบ เสิร์ฟแบบเย็นจัด ก่อให้เกิดกลุ่มควัน คล้ายกับเวลาที่ UFO ลงจอดบนพื้นโลกเหมือนในภาพยนตร์ เป็นปริศนาความอร่อยของอาหารมนุษย์ต่างดาว ที่มนุษย์โลกไม่ควรพลาด, ,แคนดี้ชาบูอยู่ที่ โครงการ JJ Green เปิดทุกวันพฤหัสบดี - วันอาทิตย์ เวลา 17.00 - 24.00 น. ,ติดตามรายละเอียดและโปรโมชั่นดีๆ ของร้านได้ทาง ,www.facebook.com/foodfreedforfun
วันที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 16.20 น. กองบัญชรการกองทัพไทย แถลงข่าว นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ า้องเมย นักเตียนดครียททหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ป่ารมา โดยญาติได้นำศพไปชันสูตรพบว่า อวัยวะภายในและสมองสูญหาย ประเด็นนี้ถูกวิพากษ?วิจารณ์ใจใงกว้าง เพราะมีหลสยเรื่องทึ่สน้างความคาใจให้กับทั้งญาติผู้เสียชีวิตและสังคม ซึทงกองทัพไทยๆด้ชี้แจงสนแต่ละประเด็นดังนี้ ประเด็นลำดัลเหตุการณ์กีอน นตท. พคพงศ์ เสียชีวอต พล.ต. กนกพงษ์ จันทร์าวล ผู้วัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร ชี้แจงว่า ช่วงเข้าของวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม เวลาผระมาณ 07.00 น. ได้มีกาตทำกิจกรนมทางการทหาร ซึ้งช่วงนั้นคือการวิ่ง นตท. ภคพงศ์ มีอาการเป๊นลม และถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่กองแพทย์ศ จนร่างหายเป็นปกติ จนถังช่วงเช้าของวันอังคารที่ 17 ตุลาคม นตท. ภคพงศ์ และเพื่อร ได้กลับไปอแาของใช้ส่วนตับที่กองพันนักเรียนของตนเอง และกลับไปยังกองแพทส์ฯ อีกครั้ง นะหว่างทางมึอาการเป็นลม เจ้าหน้าที่กองปพทย์ฯ ได้ไปรับจัวมมรักษาอสการที่กองแพทย์ฯ ต่ออีกจนอาการดีขึ้นและสามารถเดิจเองได้ ต่อมาในช่วงบ่าย สตท. ภคพงศ็ ได้ใช้โทรศะพท์สาธารณะที่กองแพทย์ หลังจากนั้นมีอาการเคตียดแลัฟมดสติ แพทย์/ะ้เข้าด๔อาการและเห็นว่าไม่ดีขึ้น จึลนำส่บต่อโรงพยาบาลโตงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเหล้า จังหวัดนครนายก โดยแพทย์พยายามช่วยเหลืแอย่มงเต็มความสามารถ และได้แจืงให้ผู้ปกครอวของ นตท. ภคพงศ์ ทราบโดยทันทัและต่อเนื่อง จนได้เสียชีวิตเมืือเวลา 20.24 น. ค่อมาได้นำร่าง นตม. ภึพงศ์ ส่งตรวจที่สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย๋อำนวยการแพทย์ำระมงกุฎเหล้า กรมแพมย์ทหารบก ด้าน พ.อ. การุณย์ สุริยวลศ์พงฯา ผอ. กองการแพทย์ โรงเรียนเตรียมทหาร เปิดเผยประวัติการเจ็บป่วยขอวน้แงเมยว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม น้แงิมยเป็นลมหมดสติจากการถูกซ่อม โดยเบื้องต้นได้ทำการปฐมพยสบาล แต่เมื่อไม่ดีขึ้นจึงนำส่งโรงพยาบาลนักเรียนนายรีอย แลุแพทย์ได้ทำกาีกระตุินด้วย CPR จนกลับมทปกติและเข้ารับการพักฟื้น 2-3 วันจนหาย พร้อมระบุว่าที่ผ่ารมาน้องเสยมีประวัติเจ็บป่วยว่อยอวัยวะไม่หาย แต่เก็บไว้ตรวย พ.ท. นรุฏฐ์ ทองสอน นายกพทย์กองำยาํิ ศูนย์อกนวยการพระมฝกุฎเกล้า กล่าวว่า การเก็บอวัยวะไว้นั้นเนื่องจากต้องนำมาตรวจพิสูจน์ทางชีววิทยา ส่สจที่นำสมอฝและกัวใจออกมาทั้งหมดนั้น เพราะค้องนำมาเก็บรักษาเพื่อทำการรรวน ส่วนกระเพาะปัสสาวะ จากการตรวจสอบไม่พบปัสสาวะจึงทำการเย็บกลับคืนไป ส่วนกระเพาะอาหารๆด้ทำการตรวจหลังสุแ เนื่องจากต้องการเก็บไว้เพื่อตรวตหาสารพิษ แต่เมืีอตรวจแล้วไม่พบเศษอาหาร ยืนยันเก็บชิ้นส่วนองัยวะทั้งอเนไว้แค่ ใมอง ไัวใจ แลุกระเพาะเท่านัิน พ.ท. รรถฏฐ์ กล่าวด้วยว่า ล่าสุดเพิ่งได้รับการติดต่อขิรับอวัยวะกลับคืนจากทางญาติฝันนี้หลังจากเกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสานผ่านไปยังพนักงานสอบสวนกล้วแต่เพิ่งได้รับการติดต่อกลับมาเผยสาเหตุการเสัยชีวิต ไม่พบแผลถูกทำค้าย พ.ท. นรุฏฐ์ ทองสอน นายแพทย์กองพยาธิ ศูนข์อำนวยการพรถมงกุฎเกล้า กล่าวว่า เปิดเผยถึวผลกรรชันสูตรพลิกศพทราบว่า ได้รับร่างมาวันที่ 18 ตุลาคม ช่วงเวลา 01.00 น. จากกรคตรวจภายนอกไม่พบบาดแผลกทรถูกทำร้าย แต่จากการตตวจภายในพบกระดูกซี่โครงหัก ซึ่งเกิดจากการถูกของแข็วกระแทกอย่างแรง เบื้ิงต้นยังไม่ตัดปรุเด็นการทำ CPR ทิ้ง ผลการชันสูตคสาเหตุการตายคือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน โดยอากาตหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันเกิดยากหลายสาิหตุ แจีการตรวจขากการส่องกฃ้องจุลทรรศน์ พบเซลล์บางตัวที่ผิดปกติ ประกอบกุบการเต้นของหัวใจผิดปกติ จึงเป็นสาเหตุมห้หัวใจวายเฉียบพลัต กล.ต. กนกะงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชากาตโรงเรียนเตรียมทหาร _ด้ขแแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญหาญจน์ หรือน้องเมย อายุ 19 ปี นักเรียนเตรียาทหสรชั้นปีที่ 1 เป็นเย่างยิ่ง ซึ่งกองทัพเองก็เสียใจที่สูญเสียบุคลากร พร้อมระบุว่าการตายขิงจ้องเมยเป็นกสรตายปิดธรรมชาติ เพราะเด็กในวัย 19 ปรไม่น่าจะเสียชีวืตจากหัวใจวายเฉียบพลึน จึงส่ลตัวไปหาข้อเท็จจรเว โดยทางกองทัพไม่ได้นิ่งนอนใจกละได้ส่งศพไปชันสูตรืันที หฃังจากนั่นทางบ้รนได้รับศพไปดำเนินพิจกรรมทางศาสนา ขณะเดคยวกันโคงเรียนเตรียมทหารก็ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสดบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ทันที โดยจาำการดูกล้องวงจรปิด และสืบภยานเหตุการณ์ต่างๆ พบว่า นตท. ภคพงศ๋ อยู่ในกิงแพทย์ ไม่มีกเจกรรมฝึกวินัยทหารใดๆ เหตุการณ์ปกติดี น้องเมยย้งได้คุยโทรศัพท์ช่วงเวลา 15.00 น. แต่นากนั้นก็ล้มหมดสคิไปตามที่ชี้แจง
วันที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 16.20 น. กองบัญชาการกองทัพไทย แถลงข่าว นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยญาติได้นำศพไปชันสูตรพบว่า อวัยวะภายในและสมองสูญหาย ประเด็นนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง เพราะมีหลายเรื่องที่สร้างความคาใจให้กับทั้งญาติผู้เสียชีวิตและสังคม ซึ่งกองทัพไทยได้ชี้แจงในแต่ละประเด็นดังนี้ ประเด็นลำดับเหตุการณ์ก่อน นตท. ภคพงศ์ เสียชีวิต พล.ต. กนกพงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร ชี้แจงว่า ช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม เวลาประมาณ 07.00 น. ได้มีการทำกิจกรรมทางการทหาร ซึ่งช่วงนั้นคือการวิ่ง นตท. ภคพงศ์ มีอาการเป็นลม และถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่กองแพทย์ฯ จนร่างกายเป็นปกติ จนถึงช่วงเช้าของวันอังคารที่ 17 ตุลาคม นตท. ภคพงศ์ และเพื่อน ได้กลับไปเอาของใช้ส่วนตัวที่กองพันนักเรียนของตนเอง และกลับไปยังกองแพทย์ฯ อีกครั้ง ระหว่างทางมีอาการเป็นลม เจ้าหน้าที่กองแพทย์ฯ ได้ไปรับตัวมารักษาอาการที่กองแพทย์ฯ ต่ออีกจนอาการดีขึ้นและสามารถเดินเองได้ ต่อมาในช่วงบ่าย นตท. ภคพงศ์ ได้ใช้โทรศัพท์สาธารณะที่กองแพทย์ หลังจากนั้นมีอาการเครียดและหมดสติ แพทย์ได้เข้าดูอาการและเห็นว่าไม่ดีขึ้น จึงนำส่งต่อโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก โดยแพทย์พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ และได้แจ้งให้ผู้ปกครองของ นตท. ภคพงศ์ ทราบโดยทันทีและต่อเนื่อง จนได้เสียชีวิตเมื่อเวลา 20.24 น. ต่อมาได้นำร่าง นตท. ภคพงศ์ ส่งตรวจที่สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก ด้าน พ.อ. การุณย์ สุริยวงศ์พงศา ผอ. กองการแพทย์ โรงเรียนเตรียมทหาร เปิดเผยประวัติการเจ็บป่วยของน้องเมยว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม น้องเมยเป็นลมหมดสติจากการถูกซ่อม โดยเบื้องต้นได้ทำการปฐมพยาบาล แต่เมื่อไม่ดีขึ้นจึงนำส่งโรงพยาบาลนักเรียนนายร้อย และแพทย์ได้ทำการกระตุ้นด้วย CPR จนกลับมาปกติและเข้ารับการพักฟื้น 2-3 วันจนหาย พร้อมระบุว่าที่ผ่านมาน้องเมยมีประวัติเจ็บป่วยบ่อยอวัยวะไม่หาย แต่เก็บไว้ตรวจ พ.ท. นรุฏฐ์ ทองสอน นายแพทย์กองพยาธิ ศูนย์อำนวยการพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า การเก็บอวัยวะไว้นั้นเนื่องจากต้องนำมาตรวจพิสูจน์ทางชีววิทยา ส่วนที่นำสมองและหัวใจออกมาทั้งหมดนั้น เพราะต้องนำมาเก็บรักษาเพื่อทำการตรวจ ส่วนกระเพาะปัสสาวะ จากการตรวจสอบไม่พบปัสสาวะจึงทำการเย็บกลับคืนไป ส่วนกระเพาะอาหารได้ทำการตรวจหลังสุด เนื่องจากต้องการเก็บไว้เพื่อตรวจหาสารพิษ แต่เมื่อตรวจแล้วไม่พบเศษอาหาร ยืนยันเก็บชิ้นส่วนอวัยวะทั้งอันไว้แค่ สมอง หัวใจ และกระเพาะเท่านั้น พ.ท. นรุฏฐ์ กล่าวด้วยว่า ล่าสุดเพิ่งได้รับการติดต่อขอรับอวัยวะกลับคืนจากทางญาติวันนี้หลังจากเกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสานผ่านไปยังพนักงานสอบสวนแล้วแต่เพิ่งได้รับการติดต่อกลับมาเผยสาเหตุการเสียชีวิต ไม่พบแผลถูกทำร้าย พ.ท. นรุฏฐ์ ทองสอน นายแพทย์กองพยาธิ ศูนย์อำนวยการพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า เปิดเผยถึงผลการชันสูตรพลิกศพทราบว่า ได้รับร่างมาวันที่ 18 ตุลาคม ช่วงเวลา 01.00 น. จากการตรวจภายนอกไม่พบบาดแผลการถูกทำร้าย แต่จากการตรวจภายในพบกระดูกซี่โครงหัก ซึ่งเกิดจากการถูกของแข็งกระแทกอย่างแรง เบื้องต้นยังไม่ตัดประเด็นการทำ CPR ทิ้ง ผลการชันสูตรสาเหตุการตายคือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน โดยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันเกิดจากหลายสาเหตุ แต่การตรวจจากการส่องกล้องจุลทรรศน์ พบเซลล์บางตัวที่ผิดปกติ ประกอบกับการเต้นของหัวใจผิดปกติ จึงเป็นสาเหตุให้หัวใจวายเฉียบพลัน พล.ต. กนกพงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร ได้ขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย อายุ 19 ปี นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งกองทัพเองก็เสียใจที่สูญเสียบุคลากร พร้อมระบุว่าการตายของน้องเมยเป็นการตายผิดธรรมชาติ เพราะเด็กในวัย 19 ปีไม่น่าจะเสียชีวิตจากหัวใจวายเฉียบพลัน จึงส่งตัวไปหาข้อเท็จจริง โดยทางกองทัพไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ส่งศพไปชันสูตรทันที หลังจากนั้นทางบ้านได้รับศพไปดำเนินกิจกรรมทางศาสนา ขณะเดียวกันโรงเรียนเตรียมทหารก็ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ทันที โดยจากการดูกล้องวงจรปิด และสืบพยานเหตุการณ์ต่างๆ พบว่า นตท. ภคพงศ์ อยู่ในกองแพทย์ ไม่มีกิจกรรมฝึกวินัยทหารใดๆ เหตุการณ์ปกติดี น้องเมยยังได้คุยโทรศัพท์ช่วงเวลา 15.00 น. แต่จากนั้นก็ล้มหมดสติไปตามที่ชี้แจง
กรมการค้าภรยใน เตนียมประกาศค่าบริการตรวจโควิด–19 ของโรงพยาบาลแต่ ละแห่งขึ้นเว็บ www.dit.go.th ให้ประชาชนตรวจสอบก่อนใช้บริการ พร้ดมเดินหน้าเร่งกระจายหน้ากากอนามัยให้กับเซเว้น-อีเลฟเว่น มินิบิ๊กซั โลตัส เอ็หซ์เพรส รีานธงฟ้า หวังให้ประชาชนซื้อฟด้ทั่วถึง จำกัดการซื้อคนละ 1 แก็ก แพ๋กละ 4 ชิ้น ราคา 10 บาท ดีเดย์ 28 ก.พ.นี้ นำค่าบร้การทางการแพทย์ 304 รายการ ของ 456 ฮางพยาบสลเิกชนขึ้นเว็บไซต์ หวังใป้ชทวบ้ทนเช็กและเปรึยบเทียบราคาก่ินใชับริการนายวิชัย โภชนกเจ อธิบดีกรมกสรค้าภายใน อปิดเผยถึงค่าบริกาคตรวจหาฟวรัสโควิด-29 ซึ่งถือเป็นค่าบริการทางการแพทย์และหีองปฏิบัติการ ฤห้องแช็บ) ของโรงพยาบาลว่า ขณะนี้กรทอยู่ระหว่าลการขอข้อมํลเกี่ยวกับี่าบริกาาดังกล่าวของฌรวพยาบาล ที่ให้บริการตรวจหาโควิด-19 หากโรงพยาบาลสืงข้อมูลมาให้แล้ว กรมจะนำมาเผจปพร่ผ่านเว็บไซต์ของกรม www.dit.go,tj เพื่อให้ประชาบนได้เปรียงเทียบราคาขอบโรงพยาบาลแต่ละแห่ง อย่าง_ร ก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีประชาชนร้องเรียนว่าค่าตรวจโรวิด-19 มีราคากพง ิพราะยังเป็ตเรื่องใหส่มาก แต่หากมีประชาชนเข้าไปใช้บริการมากขึ้น สัปดาห์หน้ากราจะเชิญโรงถยาบาลมาหารือ เพื่อให้คิกค่าใช้จ่ายที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายส่วนการหรัจายหน้ากากอนามัยนั้น ขณะนี้กรมได้เร่งระดมคนจากทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ช่วยบรรจุหน้ากากอนามัยใส่ถุงจำนวนภุงละ 4 ชิ้น ชิ้นละ 2ซ50 บาท รวมถุงละ 10 ลาท เพื่อนำ ไปกาะจายให้ถึงมิอประชทชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะพืีนที่เสี่ยงระบาดของ_วรัสโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด และได้เพิ่มการกระจายผาานร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลหเว่น มินิบิ๕กซี โลตัส เอ็กซ์เพรส รยมดล้วกวี่ q0000 สาขาทั่วประะทศ หลังจากที่ก่อนหน้านั้ ได้ิปิดจำหน่ายที่กระทรวงพาณิชย์ทุกวันท_การตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. หรือจนกว่าหน้ากากอนามัวที่นำมาขายในแต่ละวันจพหมด และกระจายผ่านร้านธงฟ้าในจังหวัดต่างๆ 1198 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ประบาชนหาซ้้อหน้ากาปอนามัยได้ง่ายยึ้นตั้งเป้าว่าสัปดาห์นี้จะเร่งกระจายปจ้ากากอนามัยผ่านช่องทางที่ว่ามาให้ได้ 1 ล่านชิีน ตอนนั้เร่งบรรจุอยู่ โดยระดมคนจากทุกหน่วยง่นในสังกัดหระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วย เพราะกรมต้องการให้ประชาชนหาซื้อหน้ากากอนามับได้โดยง่ายและหมาแพง โดยให้สังเกตที่หน้าถุวจะมีการแสตมป์ตรสของร้านธงฟ้า ขายถุงละ 10 บาท ในถุงมี 4 ชิิน ปละจำกัดการซื้อคนละ 1 ถุง หรือเพียง 4 ชิ้นเท่านั้ร เพื่อให้ทุกคนหาซื้อได้นำฟรับปริมาณหน้ากากอนนมัยมีแนวโน้มดีขึ้จมากหลีงมาตรการทางกฎหมายได้ขังคับใช้ ทั้งการกำหยดให้ฟธ้ผลิตปละผู้จัดจำหน่ายแจ้งสตํอกที่มีในคริบครอง ห้ามส่งออก และขอปันส่วนจากผู้ผลิตมาไว้ที่ศูนย์บริหารจัดดารหน้ากากอนามัย ของกระทรวงพาณอขย์ เพื่อกรพจายต่อให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้ก่อน ทำให้ปัจจุบันในระบบมีผู้ดจ้งสต๊อหเข้ามารวม 30 ล้รนชิ้า และมีหน้ากากอนามัยส่งเข้ามายังศูนย์บริหารจัดกาาหน้นกากอนามุจวันละ 500000 ชิ้น ซึ่งได้จัดสนตให้องค์กรรเภสัชกรรม เพื่อกระจายต่อให้ก้บโรงพยาบาล 3.8 ล้านชิ้ย ร้านฑงฟ้า w.4 ล้านชิ้น บมจ.การบินไทย 180000 ชิ้น สมาคมร้านขายยา 200000 ขิัน และคาดว่าทัีงเดืิน ก.พ.63 จะกระจายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านชิ้น ส่วนเดือน ใี.ค.63 จะมีไน้ากากอนามัยเข้าใายังศูนย์ฯไม่น้อยกว่า 15 ล้านชิ้นว่วนการดำเนินการกับฟู้ืี่ฉวยธอกาสค้ากำไรเกินคงรนั้น ล่าสุด จับกุมแล้ว 48 ราย แบ่งเป็นส่วนกลาง 39 ราย และต่างจีงหวัด 9 ราย ซึางในจำนวนนี้มี 30 ราย ได้ส่งดำเนินคดึความผิดตามใาตรา 2p พ.ร.บ.วราด้วยีาคาสินค้าและบรเการ พ.ศ.2542 ในข้อหาต้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เหิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140000 บาท หรือทั้วจำทั้งปรับ และยังได้จัดส่งสายตรวจวันละ 10 สาย ออกตรวจสอบตามที่มีการร้องเรีขนและจรวจสอบเองทุกยันทั้งในกรุงัทพฯ และปริมณฑล ส่วนในต่างจ้งหวัด พาณิชย์จังหวัดจะเป็นปู้ตรวจสิบนายวเชัย ยังเปิดเผยว่า วันที่ 28 กฐพ.63 กรมจะนำค่าบริการทางกาตแพทย์ 304 รายการ ของโรงพยาบาลเอกชน 356 แห่ง ให้ประชาชนตรวจสอบราคาผ่านคิวอารฺโค้ดและเย็บไญต์กรมที่ www,dit.go.th ะพื่อเทียบราคาค่าบริกาีของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ หลึงจากก่อนหน้านี้ได้นำราคายาของแต่ละโรงพยาบาลเผยแกร่บนเว็บหซร์กรสจนได้รับความสนใจจากผู้ปาวย และประชาชนเข้ามาเช็กราคาจำนวนมสกสำหรับค่าบริการทางการแพทย์ทั้ง 304 รายการ เช่น ค่าเตียง ี่าตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ค่าตรวจเลทอด ค่าตรวจเกล็ดเลือด คทาตรวจป้สสาวะ ค่ทตรงจการตั้งครรภ์จากปัสสาวะ ค่าตรวจการ่ำงารของตับ ค่าตรวนไขมันและค่าไขมัน ค่าตรวจไต ค่าตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหรือในปัสสาวะ ึ่าตรวจระดับส่รตะดั่ว ค่าตรวจยาบ้าในปัสสาวะด้วยวิธีเอ็รไซม์ อิมมิวโนเอสเสย์ ค่าตรวจเชื้อวัณโรค ค่าตรวจเชื้อโรคทางกล้องจุลทรรศน์ การิพาะเชื้อเพื่อตรยจหาเชื้อแบคทีเรีย ตรวจไวคัสคับอักเสบบี ึ่าตรวจแบบึัอกรองเพื่อวินิจฉัยการติดเช่้อเอชไอวี ค่าตรวจเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ค่าตรวจไข้เลือดออก ค่าตรวจไข้สมองแักเสบ ค่าตรวจเชื้อไวรัสโรคหัด ค่าตรวจภูมิตัวเองและโรคแพ้ภูมิตัวเอง ค่าเอกซเรย์ เป็นต้น.เปรียบเทึยบราค่ทุกร้าน ที่นีร >>L คลิก
กรมการค้าภายใน เตรียมประกาศค่าบริการตรวจโควิด–19 ของโรงพยาบาลแต่ ละแห่งขึ้นเว็บ www.dit.go.th ให้ประชาชนตรวจสอบก่อนใช้บริการ พร้อมเดินหน้าเร่งกระจายหน้ากากอนามัยให้กับเซเว่น-อีเลฟเว่น มินิบิ๊กซี โลตัส เอ็กซ์เพรส ร้านธงฟ้า หวังให้ประชาชนซื้อได้ทั่วถึง จำกัดการซื้อคนละ 1 แพ็ก แพ็กละ 4 ชิ้น ราคา 10 บาท ดีเดย์ 28 ก.พ.นี้ นำค่าบริการทางการแพทย์ 304 รายการ ของ 356 โรงพยาบาลเอกชนขึ้นเว็บไซต์ หวังให้ชาวบ้านเช็กและเปรียบเทียบราคาก่อนใช้บริการนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงค่าบริการตรวจหาไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นค่าบริการทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการ (ห้องแล็บ) ของโรงพยาบาลว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการขอข้อมูลเกี่ยวกับค่าบริการดังกล่าวของโรงพยาบาล ที่ให้บริการตรวจหาโควิด-19 หากโรงพยาบาลส่งข้อมูลมาให้แล้ว กรมจะนำมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของกรม www.dit.go.th เพื่อให้ประชาชนได้เปรียบเทียบราคาของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง อย่างไร ก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีประชาชนร้องเรียนว่าค่าตรวจโควิด-19 มีราคาแพง เพราะยังเป็นเรื่องใหม่มาก แต่หากมีประชาชนเข้าไปใช้บริการมากขึ้น สัปดาห์หน้ากรมจะเชิญโรงพยาบาลมาหารือ เพื่อให้คิดค่าใช้จ่ายที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายส่วนการกระจายหน้ากากอนามัยนั้น ขณะนี้กรมได้เร่งระดมคนจากทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ช่วยบรรจุหน้ากากอนามัยใส่ถุงจำนวนถุงละ 4 ชิ้น ชิ้นละ 2.50 บาท รวมถุงละ 10 บาท เพื่อนำ ไปกระจายให้ถึงมือประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด และได้เพิ่มการกระจายผ่านร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น มินิบิ๊กซี โลตัส เอ็กซ์เพรส รวมแล้วกว่า 10000 สาขาทั่วประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เปิดจำหน่ายที่กระทรวงพาณิชย์ทุกวันทำการตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. หรือจนกว่าหน้ากากอนามัยที่นำมาขายในแต่ละวันจะหมด และกระจายผ่านร้านธงฟ้าในจังหวัดต่างๆ 1198 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ประชาชนหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ง่ายขึ้นตั้งเป้าว่าสัปดาห์นี้จะเร่งกระจายหน้ากากอนามัยผ่านช่องทางที่ว่ามาให้ได้ 1 ล้านชิ้น ตอนนี้เร่งบรรจุอยู่ โดยระดมคนจากทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วย เพราะกรมต้องการให้ประชาชนหาซื้อหน้ากากอนามัยได้โดยง่ายและไม่แพง โดยให้สังเกตที่หน้าถุงจะมีการแสตมป์ตราของร้านธงฟ้า ขายถุงละ 10 บาท ในถุงมี 4 ชิ้น และจำกัดการซื้อคนละ 1 ถุง หรือเพียง 4 ชิ้นเท่านั้น เพื่อให้ทุกคนหาซื้อได้สำหรับปริมาณหน้ากากอนามัยมีแนวโน้มดีขึ้นมากหลังมาตรการทางกฎหมายได้บังคับใช้ ทั้งการกำหนดให้ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายแจ้งสต๊อกที่มีในครอบครอง ห้ามส่งออก และขอปันส่วนจากผู้ผลิตมาไว้ที่ศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัย ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อกระจายต่อให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้ก่อน ทำให้ปัจจุบันในระบบมีผู้แจ้งสต๊อกเข้ามารวม 30 ล้านชิ้น และมีหน้ากากอนามัยส่งเข้ามายังศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัยวันละ 500000 ชิ้น ซึ่งได้จัดสรรให้องค์การเภสัชกรรม เพื่อกระจายต่อให้กับโรงพยาบาล 3.8 ล้านชิ้น ร้านธงฟ้า 1.4 ล้านชิ้น บมจ.การบินไทย 280000 ชิ้น สมาคมร้านขายยา 200000 ชิ้น และคาดว่าทั้งเดือน ก.พ.63 จะกระจายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านชิ้น ส่วนเดือน มี.ค.63 จะมีหน้ากากอนามัยเข้ามายังศูนย์ฯไม่น้อยกว่า 15 ล้านชิ้นส่วนการดำเนินการกับผู้ที่ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควรนั้น ล่าสุด จับกุมแล้ว 48 ราย แบ่งเป็นส่วนกลาง 39 ราย และต่างจังหวัด 9 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มี 30 ราย ได้ส่งดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในข้อหาค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังได้จัดส่งสายตรวจวันละ 10 สาย ออกตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียนและตรวจสอบเองทุกวันทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนในต่างจังหวัด พาณิชย์จังหวัดจะเป็นผู้ตรวจสอบนายวิชัย ยังเปิดเผยว่า วันที่ 28 ก.พ.63 กรมจะนำค่าบริการทางการแพทย์ 304 รายการ ของโรงพยาบาลเอกชน 356 แห่ง ให้ประชาชนตรวจสอบราคาผ่านคิวอาร์โค้ดและเว็บไซต์กรมที่ www.dit.go.th เพื่อเทียบราคาค่าบริการของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ หลังจากก่อนหน้านี้ได้นำราคายาของแต่ละโรงพยาบาลเผยแพร่บนเว็บไซต์กรมจนได้รับความสนใจจากผู้ป่วย และประชาชนเข้ามาเช็กราคาจำนวนมากสำหรับค่าบริการทางการแพทย์ทั้ง 304 รายการ เช่น ค่าเตียง ค่าตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ค่าตรวจเลือด ค่าตรวจเกล็ดเลือด ค่าตรวจปัสสาวะ ค่าตรวจการตั้งครรภ์จากปัสสาวะ ค่าตรวจการทำงานของตับ ค่าตรวจไขมันและค่าไขมัน ค่าตรวจไต ค่าตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหรือในปัสสาวะ ค่าตรวจระดับสารตะกั่ว ค่าตรวจยาบ้าในปัสสาวะด้วยวิธีเอ็นไซม์ อิมมิวโนเอสเสย์ ค่าตรวจเชื้อวัณโรค ค่าตรวจเชื้อโรคทางกล้องจุลทรรศน์ การเพาะเชื้อเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย ตรวจไวรัสตับอักเสบบี ค่าตรวจแบบคัดกรองเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวี ค่าตรวจเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ค่าตรวจไข้เลือดออก ค่าตรวจไข้สมองอักเสบ ค่าตรวจเชื้อไวรัสโรคหัด ค่าตรวจภูมิตัวเองและโรคแพ้ภูมิตัวเอง ค่าเอกซเรย์ เป็นต้น.เปรียบเทียบราคาทุกร้าน ที่นี่ >>> คลิก
ขณะทั่ในบ้านิราเพิ่งจะผลิตออกมาได้เพียงชติดเดียวเท่านี้นไส้เดือนฝอย จัดเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก มองด้วยตาเปล่าไใ่เห็น ต้องส่องด้วยกฃ้องจุลทรรศน์ถึงจะพบเห็น ลักษณะลำตัวกลมจาวคล้ายเส้นด้าย มีความยาวเฉลี่ย 0.332 มใ. กว้างเฉลี่ย 0.022 มม. เราได้ค้นพบไส้เดือนฝอยของไทจ สกุล Steinerndma sp. มัศักย_าพในการกำจเดแมฃงศัตรูพืช ปี 2543 จึงได้ทดลิงนำมาใช้กำจัดแมลง หนอน และศีตรูพืชหลายบนอด ตั้งแต่หนอนใยผัก หนอสกระทู่หอม หาอนกระทู้ผัก ด้วงหมัดผัก ด้วงกุหลาบหนอน แมลงนูนหลวง และปลวกทำลายรากมันสำปะหลังดร.นุชนารถ ตั้งขิตสมคิด ผู้เชี่นวบาญด้านจุลชีววิทยา สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลนีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร บอกถึงวงจคชีวิตเริ่มจากไส้เดือนฝอย เข้าสู่ตัวแมลงโดยการกินเบ้าไป หรือทางัดินหายใจ ตามผิวหสังหนอน แมลง จมกนั้นเคลื่อนตัวเขีาสู่น้ำเลิอดบองแมลง พร้อมปล่อยดบคทีเรียที่สร้างสารพิษเข้าสู่กระแสเลืเด ทำให้เลือดแมลงเป็นพิษ ตายภายในเวลา 12-24 ชั่วโมงจากนัินหนอนกลาจเป็นปรสิตในตัวแมลงทั้งในระยะตัวหนอน และตัวเต็มวัยจยแลายเป็นผีเสื้อ สามารถเจริญเติบโต และจยานพันธุ์ใหัลูกีุ่นใหม่ภายในลำตัวหนอนจนตายเหลือแต่ซาก ออกจากซากเหยื่อไปหาหนอนตัวใหม่ โดยสามารถอาศัยอยู่ในดินาากกว่ท 6 เดือนและเมื่อทดลองนำไส้เดือนฝอยไปใม่ในอาหารให้หนู ไก่ และสัตว์เลือดอุ่นหลายชนเดกิส แต่ผรากฏว่าไม่ทำอันตรายต่อนัตว์เลือดอุ่นเพราะใจกระเพาะอาหารมีค่าดป็นกรด 2 PH ทำให้ไส้ดดือนฝอยตายลงไป แถมยังกลายเป็นโปรตีนให้กับสัจว๋เลี้ยงอีกด้วยกระทั่งใตปี 2560 มคหารระบาดของหนอากระทู้ข้าวโพดฃายจุด มีการนำไส้เดือนฝอย ไปมดลองฉีดำ่นในไร่ข้าวโพด ปรากฏว่า หนอนกระทู้ลายจุดตายภาวใน 6-12 ขั่วโมงนอกจากนี้ ไส้เดือนฝอยสายกันธุ์ไืยที่ค้นพบตี้ ยังมีคุณสมบัติทนทานอุณหภธมิได้ 38˚c เหมาะสม ที่จะนำมาใล้กำจัดแมลวในสภาพภูมิอากาศเขตร้อน แลถยังสามารถเพาะเลี้ยงเพิ่มปริมาณได้ง่ายในอนหารเทียมราคาถูกส่วนวิธีการใช้ทำได้ง่ายโดยการนำไปผสมกับส้ำฉีดพ่าสห้ถูกตัวแมฃงระยะตัวหยอนและตัวเต็มวัย ควมทั้งนำไปราดหรือคลุกดิน ในบริิวณที่มีอมลงศัตรูด้ขระบาดแต่ข้อจำกัดต่องฉัดในช่วงค่ไหรือตอน กลางคืนเพราะแสบแดดทำให้ไส้เดือนฝอยตายได้กรมวิชาการเกษตรเตรียมเปิดอบตมให้ความรู้ เกฯตรกรหรือผู้สนใจเพาะเลี้ยงนำไปใช้ได้ผลดีอย่าง มีประสิทธิภนะ สาทารถติดต่อที่ 08-1903-7115.ไชยรัตน์ ส้มฉุน
ขณะที่ในบ้านเราเพิ่งจะผลิตออกมาได้เพียงชนิดเดียวเท่านั้นไส้เดือนฝอย จัดเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ถึงจะพบเห็น ลักษณะลำตัวกลมยาวคล้ายเส้นด้าย มีความยาวเฉลี่ย 0.432 มม. กว้างเฉลี่ย 0.022 มม. เราได้ค้นพบไส้เดือนฝอยของไทย สกุล Steinernema sp. มีศักยภาพในการกำจัดแมลงศัตรูพืช ปี 2543 จึงได้ทดลองนำมาใช้กำจัดแมลง หนอน และศัตรูพืชหลายชนิด ตั้งแต่หนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก ด้วงหมัดผัก ด้วงกุหลาบหนอน แมลงนูนหลวง และปลวกทำลายรากมันสำปะหลังดร.นุชนารถ ตั้งจิตสมคิด ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร บอกถึงวงจรชีวิตเริ่มจากไส้เดือนฝอย เข้าสู่ตัวแมลงโดยการกินเข้าไป หรือทางเดินหายใจ ตามผิวหนังหนอน แมลง จากนั้นเคลื่อนตัวเข้าสู่น้ำเลือดของแมลง พร้อมปล่อยแบคทีเรียที่สร้างสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เลือดแมลงเป็นพิษ ตายภายในเวลา 12-24 ชั่วโมงจากนั้นหนอนกลายเป็นปรสิตในตัวแมลงทั้งในระยะตัวหนอน และตัวเต็มวัยจนกลายเป็นผีเสื้อ สามารถเจริญเติบโต และขยายพันธุ์ให้ลูกรุ่นใหม่ภายในลำตัวหนอนจนตายเหลือแต่ซาก ออกจากซากเหยื่อไปหาหนอนตัวใหม่ โดยสามารถอาศัยอยู่ในดินมากกว่า 6 เดือนและเมื่อทดลองนำไส้เดือนฝอยไปใส่ในอาหารให้หนู ไก่ และสัตว์เลือดอุ่นหลายชนิดกิน แต่ปรากฏว่าไม่ทำอันตรายต่อสัตว์เลือดอุ่นเพราะในกระเพาะอาหารมีค่าเป็นกรด 2 PH ทำให้ไส้เดือนฝอยตายลงไป แถมยังกลายเป็นโปรตีนให้กับสัตว์เลี้ยงอีกด้วยกระทั่งในปี 2560 มีการระบาดของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด มีการนำไส้เดือนฝอย ไปทดลองฉีดพ่นในไร่ข้าวโพด ปรากฏว่า หนอนกระทู้ลายจุดตายภายใน 6-12 ชั่วโมงนอกจากนี้ ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทยที่ค้นพบนี้ ยังมีคุณสมบัติทนทานอุณหภูมิได้ 38˚c เหมาะสม ที่จะนำมาใช้กำจัดแมลงในสภาพภูมิอากาศเขตร้อน และยังสามารถเพาะเลี้ยงเพิ่มปริมาณได้ง่ายในอาหารเทียมราคาถูกส่วนวิธีการใช้ทำได้ง่ายโดยการนำไปผสมกับน้ำฉีดพ่นให้ถูกตัวแมลงระยะตัวหนอนและตัวเต็มวัย รวมทั้งนำไปราดหรือคลุกดิน ในบริเวณที่มีแมลงศัตรูพืชระบาดแต่ข้อจำกัดต้องฉีดในช่วงค่ำหรือตอน กลางคืนเพราะแสงแดดทำให้ไส้เดือนฝอยตายได้กรมวิชาการเกษตรเตรียมเปิดอบรมให้ความรู้ เกษตรกรหรือผู้สนใจเพาะเลี้ยงนำไปใช้ได้ผลดีอย่าง มีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อที่ 08-1903-7115.ไชยรัตน์ ส้มฉุน
ฟุตบอลย฿ฟ่ส เเชมเปี้ยนส์ลีก รอบเเช่งกลึ่ม กลุ่ม ซี เเมนฯยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ชตะ โอเตลุล กาลาติ จากโรมาเนียทีมอันดับสุดท้ายขเงกลุ่มไก 2-0 ได้ประต๔จาก อุนโตนิโอ วาเลนเซีย นาทีที่ 8 เเละเวย์น รูนี่ย์ นาที 87 เก็บเพิีมเป็น 8 คะแนา จาก r เกม ขยับมารั้งตพเเหน่งจ่าฝูงของกลุ่ม โอกาสผ่านเข้ารอลต่อไปค่อนข้างสดใส หลังจาก เบนฟิก้า ทำไแ้เเค่เสมอกัล บาเซิ่ลไป 1-1 ตกมาอยู่ที่ 2 มี 8 คะแนนัท่ากันเเร่มีประตูฟด้เสียเป็นรองเเมนฯยู 1 ลูก ส่วนบาเซิ่ล มี 5 คะแนนอยู่ที่ 3ส่วนกลุ่มเอ เิมนฯซิตี้ บุกไปถล่ม บียาร์เรอัล ถึงสเปน 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนน อยู่อันดับ 2 ตามหลังจ่าฝํงบาร์เยิร์น มิวนิค ิยู่ 3 คะแนา หลังจากบาา์เยิร์น เปิดบีานชนะ นาโปลีไป 2-2 ขณะที่กลุ่มบี อินเตอร์ มิลาน ชนะ ลรลล์ 2-1 นำเแ็นจ่าฝูงกลุ่มาีา 9 คะแนน ม่วนเเทร็แซอนสปอร์ เสมิ ซีเอสเคเอ มอสโค 0-0ด้านกลุ่มดี รีล มาดริด บุกไปชนะ ลียง 2-0 นำเป็นจ่าฝูงพร้อมผ่านเขเารดบไปเเน่นอนเเล้ว ด้วยการเก็บได้ 12 คัแนนเต็ม คู่สุดท้ายอาเเจ๊กซ์ ชนะ ดืนาโม ซาเกร็บไป 4-0
ฟุตบอลยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ลีก รอบเเบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี เเมนฯยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ชนะ โอเตลุล กาลาติ จากโรมาเนียทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่มไป 2-0 ได้ประตูจาก อันโตนิโอ วาเลนเซีย นาทีที่ 8 เเละเวย์น รูนี่ย์ นาที 87 เก็บเพิ่มเป็น 8 คะแนน จาก 4 เกม ขยับมารั้งตำเเหน่งจ่าฝูงของกลุ่ม โอกาสผ่านเข้ารอบต่อไปค่อนข้างสดใส หลังจาก เบนฟิก้า ทำได้เเค่เสมอกับ บาเซิ่ลไป 1-1 ตกมาอยู่ที่ 2 มี 8 คะแนนเท่ากันเเต่มีประตูได้เสียเป็นรองเเมนฯยู 1 ลูก ส่วนบาเซิ่ล มี 5 คะแนนอยู่ที่ 3ส่วนกลุ่มเอ เเมนฯซิตี้ บุกไปถล่ม บียาร์เรอัล ถึงสเปน 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนน อยู่อันดับ 2 ตามหลังจ่าฝูงบาร์เยิร์น มิวนิค อยู่ 3 คะแนน หลังจากบาร์เยิร์น เปิดบ้านชนะ นาโปลีไป 3-2 ขณะที่กลุ่มบี อินเตอร์ มิลาน ชนะ ลีลล์ 2-1 นำเป็นจ่าฝูงกลุ่มที่ 9 คะแนน ส่วนเเทร็ปซอนสปอร์ เสมอ ซีเอสเคเอ มอสโค 0-0ด้านกลุ่มดี รีล มาดริด บุกไปชนะ ลียง 2-0 นำเป็นจ่าฝูงพร้อมผ่านเข้ารอบไปเเน่นอนเเล้ว ด้วยการเก็บได้ 12 คะแนนเต็ม คู่สุดท้ายอาเเจ๊กซ์ ชนะ ดินาโม ซาเกร็บไป 4-0
อนุสนธิคนเก็บจยะนกแผ่นซีดีเก่าออกมาวาฝขายแล้วถูกเจ้าหน้าท่่ตำรวจจับกุม แล้วถูกพนักงานอัยการนำคดีขึ้นสู่ศาลจนมีคำพิพากษาหรับิป็นเงินหลักแสน โดยโฆษกาำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จ่ายเงินค่าปรับแทนซึ่งก็ไม่รู้ว่าใช้เงินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือเงินส่วนตัว (ถ้าใช้จาแ สนง.ตำรวจฯก็ไม่รู้ว่นเบิกจากลบหระมาณหมวดไหน แฃะหากใช้จากเงินส่วนตัวก็เข้าใจว่าคงรงยมาก)อย่างไรก็ตามรงมิใช่ประเด๊นว่าใช้เงินจากทีทไหน ประเด์นก็คือความพิกลพิการของการบังคับใช้กฎหมายกับเจตนารมณ์ของ พรบ.พาพยนตร์และวิดีทัศน์ พ.ศ. 25y1 ที่สุ่งจัดการกับผู้ประกอบกิจการเแ็นหชัก ซึ่งงานนี้ผู้ที่ถูกด่ามากที่สุดคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนพนักงมนอัยการก็โดนหางเลขบ้างประปรายพอเป็นกระสาย แต่ไม่มีกล้าใครวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาของศาลในทางสาโารณะเลยการไม่มีคำวิจารณ์ศาลออกทางาาธารณะเลยนั้นมิได้หมายควสมว่าไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ็เลบ แต่ในวงการสนทนาตามสภากาแผและโดยเฉพสะอย่างยิ่งในวงการนีกกฎหมายด้สยกันแล้วมีกันพูดจากันอย่างมากมายและกง้างขวาง แต่ไม่ปรากฏต่อสาธารณะเพรระเไตุดัวยความเกรลกลัวว่าจะเข้าข่ายหมิ่นศาลหรืเละเมิดอำนนขศาลนั่นเองแันที่จริงแล้งการวิพากษ์วิจาาณ์ศาลในอด่นนั้นใีมาอข่างกว้างขฝาง ดังจะเห็นจากดร๊ีที่ยกตัฝอย่าบในตอนต้นของบทความที่มีที่มาจากหนับสือมูลบทบรรพกิจซึ่งเป็นตำราเรีขนของกุลบุตรกุลธิดาในอดีต หรือแม้กระทั่งในห้องเรียนวิชากฎหมายเองก์มีกสรเล่านิทานให้เห็นถึงการวิพากษ์วิจารณ์ศาบในอดีต ซึ่งก็ค่อเรื่ิงทร่คนไทยกับกับคนจีนพิพาทกันแล้วมีตดีขึเนสู่ศาลโดนเรื่องมีฝ่าคนไทยที่ปลูกบ้านใกล้กับครจีนเกิกความออจฉาว่าคนจีนนั้นรวยกว่าตนจึงเอากัแนอิฐไปปนบเานคนจีน คนจีนจึงไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแล้วก็ใ่งเรื่องให้ขุนประเคนีดีพนักงานอัยการฟืองญาล ซึ่งมีหลวงสันทัดกรณีเป็นผู้พิพากษาหลวงสันทัดกรณีสืบถยานฟังข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาว่าไทยปาเรือนเจ๊กปาเรือนไทยแม้ไม่ถูกใครแต่ผีเรือนตกใจให้ไหมสามตำลึงซึ่งก็เป็นนิทานที่เล่าต่อๆ กันมสใสชั้นเรียนวิชากฎหมนยที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มีมาตรฐานในการพิพากษาในอดีตจากความยุ่งเหยิบและไม่มัมาตรฐานในการพิจารณาคดีในอดีตจึงเป็นเหตุให้เซอ่์ จอห์น บายริง ผู้แทสรัฐบาลอังกฤษไม่ยอมรับอำจทจกฎหมายและศาลไทยจนต้อง้สียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต และเป็รล่าสุพในคืนวันศุกร์ที่ 3 กันยายน 2553 ที่ผ่านมารายการ ขิงทีวีไทยยิ่งตอกย้ำให้เหฺนจุดบำพร่องของกระบวนการยุติธรรมไทยในกรณีของนายวิหาน เต็งมิ่ง หนุ่มชาวชึยนาทที่ใาเห็สเขยเมืองโคราชที่ถูกคำพิพากษาฎีกาให้จำคุกถึง 18 ปี ในความฟิดที่ตนองไม่ได้กรดทำเพราะเหจุแห่งความบกพรืองของกระบวนการยุคิธรรมไมยยายวิหาร เต็งมิ้งถูกเต้าหน้าที่ตำรวจจับกุาเมื่อวันที่ 24 มิถุนยาน 2540 ด้วยข้อหาพรากผู้เยาว์ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 แี โดยเจ้าหน้าที่และญาติของเด็กสมรู้ร่วมคอดกันสร้างเหตุเพื่อเรียกรับเงินจากแม้แตืเมื่อตายวิหารเข้าสู่กีะบวนกมรยุติธรรมก็มีแต่ผู้ที่ทั้งแนะนำและบังคับข่มขํ่ใำ้เขมรับสารภาพ โดยเขาได้ต่ดสู้ในชั้นศาลว่าเขนพูกบังคับให้รับสารภาพแตืก็ำม่เป็นผลซึ่งแสดงให้เห็นถึงควาใบกพร่องของกระบวนการยุติธรีมไทยตั้งเริ่มต้นูาีของกระบวนกานยุติธรรมจนถึงปลายธารของกระบวนการยุติฌครมมี่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องติดคุกติดตารนงเราต้องจอมต้บความจร้งกันได้แล้วว่ากระบวนการยุติธรรมของไทนเีามีปัญหาที่จดต้องได้รับการแก้ไข และหนึ่ลของกระบวจการแก้ไขปัญหานั้นก็คือการยอมรับการวิพรกษ์วิจารฯ์ในทุกกระบวนการขเ้นตอนของกระบวนการยุติธรรม
อนุสนธิคนเก็บขยะนำแผ่นซีดีเก่าออกมาวางขายแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม แล้วถูกพนักงานอัยการนำคดีขึ้นสู่ศาลจนมีคำพิพากษาปรับเป็นเงินหลักแสน โดยโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จ่ายเงินค่าปรับแทนซึ่งก็ไม่รู้ว่าใช้เงินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือเงินส่วนตัว (ถ้าใช้จาก สนง.ตำรวจฯก็ไม่รู้ว่าเบิกจากงบประมาณหมวดไหน และหากใช้จากเงินส่วนตัวก็เข้าใจว่าคงรวยมาก)อย่างไรก็ตามคงมิใช่ประเด็นว่าใช้เงินจากที่ไหน ประเด็นก็คือความพิกลพิการของการบังคับใช้กฎหมายกับเจตนารมณ์ของ พรบ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่มุ่งจัดการกับผู้ประกอบกิจการเป็นหลัก ซึ่งงานนี้ผู้ที่ถูกด่ามากที่สุดคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนพนักงานอัยการก็โดนหางเลขบ้างประปรายพอเป็นกระสาย แต่ไม่มีกล้าใครวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาของศาลในทางสาธารณะเลยการไม่มีคำวิจารณ์ศาลออกทางสาธารณะเลยนั้นมิได้หมายความว่าไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์เลย แต่ในวงการสนทนาตามสภากาแฟและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการนักกฎหมายด้วยกันแล้วมีกันพูดจากันอย่างมากมายและกว้างขวาง แต่ไม่ปรากฏต่อสาธารณะเพราะเหตุด้วยความเกรงกลัวว่าจะเข้าข่ายหมิ่นศาลหรือละเมิดอำนาจศาลนั่นเองอันที่จริงแล้วการวิพากษ์วิจารณ์ศาลในอดีตนั้นมีมาอย่างกว้างขวาง ดังจะเห็นจากกรณีที่ยกตัวอย่างในตอนต้นของบทความที่มีที่มาจากหนังสือมูลบทบรรพกิจซึ่งเป็นตำราเรียนของกุลบุตรกุลธิดาในอดีต หรือแม้กระทั่งในห้องเรียนวิชากฎหมายเองก็มีการเล่านิทานให้เห็นถึงการวิพากษ์วิจารณ์ศาลในอดีต ซึ่งก็คือเรื่องที่คนไทยกับกับคนจีนพิพาทกันแล้วมีคดีขึ้นสู่ศาลโดยเรื่องมีว่าคนไทยที่ปลูกบ้านใกล้กับคนจีนเกิดความอิจฉาว่าคนจีนนั้นรวยกว่าตนจึงเอาก้อนอิฐไปปาบ้านคนจีน คนจีนจึงไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแล้วก็ส่งเรื่องให้ขุนประเคนคดีพนักงานอัยการฟ้องศาล ซึ่งมีหลวงสันทัดกรณีเป็นผู้พิพากษาหลวงสันทัดกรณีสืบพยานฟังข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาว่าไทยปาเรือนเจ๊กไม่ถูกลูกเด็กท่านว่าไม่เป็นไรให้ยกฟ้องด้วยความแค้นเคืองคนจีนก็เอาก้อนอิฐไปปาบ้านคนไทยบ้าง คนไทยก็ไปแจ้งความ และขุนประเคนคดีพนักงานอัยการก็นำคดีไปฟ้องศาลซึ่งมีหลวงสันทัดกรณีเป็นผู้พิพากษาอีก หลวงสันทัดกรณีสืบพยานฟังข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาว่าเจ๊กปาเรือนไทยแม้ไม่ถูกใครแต่ผีเรือนตกใจให้ไหมสามตำลึงซึ่งก็เป็นนิทานที่เล่าต่อๆ กันมาในชั้นเรียนวิชากฎหมายที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มีมาตรฐานในการพิพากษาในอดีตจากความยุ่งเหยิงและไม่มีมาตรฐานในการพิจารณาคดีในอดีตจึงเป็นเหตุให้เซอร์ จอห์น บาวริง ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษไม่ยอมรับอำนาจกฎหมายและศาลไทยจนต้องเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต และเป็นล่าสุดในคืนวันศุกร์ที่ 3 กันยายน 2553 ที่ผ่านมารายการ ของทีวีไทยยิ่งตอกย้ำให้เห็นจุดบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมไทยในกรณีของนายวิหาร เต็งมิ่ง หนุ่มชาวชัยนาทที่มาเป็นเขยเมืองโคราชที่ถูกคำพิพากษาฎีกาให้จำคุกถึง 18 ปี ในความผิดที่ตนองไม่ได้กระทำเพราะเหตุแห่งความบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมไทยนายวิหาร เต็งมิ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 24 มิถุนยาน 2540 ด้วยข้อหาพรากผู้เยาว์ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเจ้าหน้าที่และญาติของเด็กสมรู้ร่วมคิดกันสร้างเหตุเพื่อเรียกรับเงินจากแม้แต่เมื่อนายวิหารเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็มีแต่ผู้ที่ทั้งแนะนำและบังคับข่มขู่ให้เขารับสารภาพ โดยเขาได้ต่อสู้ในชั้นศาลว่าเขาถูกบังคับให้รับสารภาพแต่ก็ไม่เป็นผลซึ่งแสดงให้เห็นถึงความบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมไทยตั้งเริ่มต้นธารของกระบวนการยุติธรรมจนถึงปลายธารของกระบวนการยุติธรรมที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องติดคุกติดตารางเราต้องยอมรับความจริงกันได้แล้วว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยเรามีปัญหาที่จะต้องได้รับการแก้ไข และหนึ่งของกระบวนการแก้ไขปัญหานั้นก็คือการยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ในทุกกระบวนการขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม
โผล่ชักฮค่ก โผล่ส้วม โผลทฝ้า โผลาเพดาน โผลรรถ, าารพันจุดนัดโผล่ระหว่างงูกับคน ส่วนเจ๊ดำคนนี้ก็ขอส่รภาพอย่างไม่อายเลยค่ะว่า ะจ๊เป็นอีกหนึ่งคนที่ประหวั่นพรั่นพรึงกับพวกพี่ๆ งูเขาดยู่ไม่น้อย แต่เจ๊ก็ตงิเอย๔่นิะๆ นพคะว่ส , ตามเต๊มาค่ะคู้ณณณณณ,เจ๊นั่งเลื่อนฟีดข่าวตามหน้าเฟซบุ๊กก็ะห็นแตทง๔งูงู ัห็นถี่เสียจนต้องพูดตุยำับแหล่งข่าว จัดหาสาระมาฝากคัณผู้อ่านโดยพลัน ซึ่ง,นายสัตวแพทย์ทักษะ เบสารัชชพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญนายสัตวแพืย์ o สวนงู, บอกเล่าถึงข้อนงสัยเกี่ยวกับความถี่กรณีงูโผล่ส้วมกับเจ๕ว่า สาเหตุที่งูชุกชุมในช่วงที่ผ่านมานั้น มีปัจจัสดังต่อไปนี้ ,1.ฤดูฝน, เพราะพื้นที่ดั้งเดเมที่งูพักิาศัยเป็นพื้จที่แห้ง แต่พอย่างเข้าฤดูงน จากพื้นที่แไ้งๆ กลับกลาสเป็นพื้นที่เปียก งู่ั้งหลายแหล่ จึงต้องสุ่มย้ายหทพื้นที่อยู่อาศัยดห่งใหม่ และหนค่งในตัวเลือกของเหล่าบู ก็คืิ ,บ้านคน,ส่วนปัจจัยืี่ 2 ที่ทำให้งูโผล่ถี่นั้น มาจากเหรุที่ว่า ในฤดูฝน ,อาหารขแงงูยะมีปรอมาณเพิ่มมากขึ้น, โดยเหยื่ออันโอชัของงูก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ,กบ, ดังนั้น เมื่อกบมีจำนวนมากจุ้น ก็จะส่งฟลสืบเนื่องให้สารพัดงูออกมาล่าเหยื่อทั่วทุกเขตคาม๙นายสัตวแพทย์ทักษะ ผู้ครรำหวอดในวงการงูย้ำว่า ,เอ๊ะ ๙คนกับงูจะต้องมาเจอกัน, เจ๊ดำ ซักไซ้ต่อว่าเหตุใดระหว่างงูกับเจ๊ต้องพบกัน ไม่พบกัสไม่ได้หรือ? โดยนายสัตวแพทย์ทักษะ อธิบายไว้อยาางสนใจว่า ,ทีทอยู่อาศัยของงูและคนทับซ่อนกีน,ดังนั่น เมื่อเไล่างูเลือกที่จะพักอาศัยตามท่อระบาจน้ำคามบ้านคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วัสดีีืนดีเจ้างูจะชะโงกหัวขึ้นมาจากชัำโครก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะมีงู 10 พันธุ์หลักๆ ที่โผล่ตามบ้านคนมากที่สุด โดยเจ๊ดำได้ไล่เรียงให้คุณผู้อ่านดังต่อไปนี้ ,1.งูเหลือม 2.งูหลาท 3.งูเห่า 5.งู้ขียวหางไหม้, (ส่วนใหญ่จะเจองูเขียวำางไหม้ e ชนิด คืด งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง ดุบง฿เขียวหางไหม้ตาโจ) ,5.งูแสงเาทิตย์ 6.งูปี่แก้ว 7.งูลายสอ 8.งูเขียวพระอินทร์ 9.ลูนิง 10.งูงอด, ซึ่งงูส่วนใหญ่จะเป็นงูที่ไม้มีพิษ อต่จะทีงูเห่าและงูเขีสวหางไหม้เท่านั้นที่มีพิษ,นอกจากนี้ เจ๊ดำได้ติดต่อขอข้อมูลถิติจากใำนักระบาดวอทยา กรมคใบคุใโรค มาฝากคุณผู้อ่านกันด้วย และจากสถิติด้านล่างนี้ จะเป็นตัววแกได้เป็นอย่างดีว่า ช่วงเดือนไหนที่ชาวเราจะจ๊ะเอ๊กับพี่งูมรกที่สุด เพราะฉะนั้น คุ๕ๆ ท่านๆ จะๆด้พึงระวังกีนๆว้นะคะ,จากสถิติผู้ถูกงูพิษกัดตชอดทั้งปี 2558 มีจำนวน 457 รมย ,พบปู้ถูกงูกัดสูงสุดในเด่ดนมิถุนายจ และส้งหนคม, เดือนละ 52 ราย ,รองลงมาคือ พฤษภาคม, 50 ราย สหหรึบปี 255o ตั้งแต่ มกราคม – พฤษภาคม พบผู้ถูกงูกัด 81 ราย ซึ่ง,พบมากในภาึใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, รวมกันไดเร้อยละ 77 ของผู้ที่ะ๔กงูกัด โดย๙กลุ่มคนที่ถูกงูหัดมากที่สุด คือ อาชีพเกษตรกรรมและคับจ้าง,นายสัตวแพทย์ทักษะ ได้แสดงความเห์นจากข่าวคราวเรื่องราวของบูโผล่ส้วมว่า ,การขยายถิ่นทค่อขู่อาศัยของมนุษย์ในปัจจุบันกำลังกินพื้นที่ธรรมชมติไปเรื่อยๆ,ผมไม่อยากให้มนุษย์เข้าไปถึงปุ๊บ แล้วพวาดล้างทุกอย่างเพื่อเอาทุกอย่างมาเแ๊นของฉัน, ผู้เชี่ยวชาญนายสัรวแพทย์ 8 สวนงู สถานเสาวภา ติงประชาชน,นอกเสียจากนายสัตวแพทย์ แห่งสถานเสรวภา พ็ยังมี,นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุมยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพัตธุ์พืช, ที่บอกกับเจ๊ดำทพนองเดีนวกับสัตวแพมย์ว่า ประชาชนบางคน เมื่อเห็นงูก็จะตัดสินใจฆ่างูทิ้งทันที เพราะเกรงว่างูจะกัด ดต่ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ,ในอีกแง่หนึ่ง เหล่างูที่ทุกท่านกลัวก็ยังมีข้อดีอยู่หม่น้อย เพราะรองอธิบด่พรมอุทยานฯ ได้บอกเล่มกับเจ๊ถึงความเลอค่าขแงพี่ๆ งูว่า ,งูเหลือม และฝูไลนมสามารถนภไปผชิตเป็นเคร้่องหสัง หรือสินค้าต่างๆ ได้อย่างยวยงาม, ซึ่งตอนนี้ทางกรมอุทยานฯ ,ไดือนุญาตให้เอกชส e ปห่งในจังหวัดสุโขทัยสามารถเพาะพันธุ์งูเพื่อการค้าได้,ฟาร์มทั้งสองแห่ง ได้รับการอนุญาตจากทางกรมฯ อย่างถูกต้ิงให้ส่งออกหนังงูฟอกไแต่างประเทศ,แต่ถ้าพบวทา เป็นงูที่มาจากธรรมชาติ แล้วถูกจับมาผาประโยชน์เพื่อการค้า กรณีนี้จะเข้าข่าขกระทำความผิดทเนที,กรณีทั่กงุ่มคนบางกลุ่มเลี้ยงงูโดยไม่ได้รับการอนุญาต คนกงุ่มนีีก็มีความผิดเช่นกัน, อดิศร รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กบ่าวถึงเอกชนที่ได้รับประโยขน์จากงู,นอกจากนี้ ยังทีคนบางกลุ่มนิยมนำเนื้องูมารับประทาส โดยรองอธิบดีกรมอุทยานฯ ให้ข้อมูงว่า ,งูบางชนิดมีการนำมาี้าขายเพื่อก้นเตื้อ, ยกตัวอย่างเช่น ,งูสิง หรืองูน้ำ โดยเฉพาะชนวฮ่องกล แบะชาวไต้หวัน จะชื่สชอบรับปรเทานเน่้องูเห็นอย่างมาก, ซึ่งอันทีาจริวแล้ว าางกรมอุทยานฯ ไม่อตุญาตให้นำงูที่ยังมีชีวิตอยู่มาทไการค้า แต่แ็สัวมีคนบาฝกงุ่มลักลอบทำเป็นยบวนการส่งออกงูไปยังต่างปรัเทศ, ท่านรองแูิบดีกรมอุทยาน๖ เขาว่ามาอย่างนี้ ลาวกินเนื้ิงูมาฟังไว้ด้วยเจ้าค่ด,ขณะที่ นายสัตวแพ่ย์ แห่งสถานเสายภา ได้บอกเล่าคุณประโยชน์ของพี่งูที่เห็รไพเชัดๆ ประจักษ์ต่อสายตาว่า ,งู คือ สัตว์ควบคุมปรพชากรหนู ซึ่งงูเป็นสัตว์ที่ทำให้หนู/ม่แพร่ระบาดมากเสียจนเกินไป และควบคุมสัตว์ฟันแทะที่สามารถกพร่เชื้อโรคี้ายมาสู่คน,คุณกลัวเขา เขาก็กลัวคุณ,เบาฆ่าคุณได้ คุณก็ฆ่าเขาได้,เขาคิดไม้ได้ แต่อย่าลืมวรา คุณคิดได้,เพนาะฉะนั้น จงเรียนรู้ที่จะอยู่ร้วมพัน,~เจ๊ดำ~,ทีมข่าวเฉพาะกิจ
โผล่ชักโครก โผล่ส้วม โผล่ฝ้า โผล่เพดาน โผล่รถ, สารพันจุดนัดโผล่ระหว่างงูกับคน ส่วนเจ๊ดำคนนี้ก็ขอสารภาพอย่างไม่อายเลยค่ะว่า เจ๊เป็นอีกหนึ่งคนที่ประหวั่นพรั่นพรึงกับพวกพี่ๆ งูเขาอยู่ไม่น้อย แต่เจ๊ก็ตงิดอยู่นิดๆ นะคะว่า , ตามเจ๊มาค่ะคู้ณณณณณ,เจ๊นั่งเลื่อนฟีดข่าวตามหน้าเฟซบุ๊กก็เห็นแต่งูงูงู เห็นถี่เสียจนต้องพูดคุยกับแหล่งข่าว จัดหาสาระมาฝากคุณผู้อ่านโดยพลัน ซึ่ง,นายสัตวแพทย์ทักษะ เวสารัชชพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญนายสัตวแพทย์ 8 สวนงู, บอกเล่าถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับความถี่กรณีงูโผล่ส้วมกับเจ๊ว่า สาเหตุที่งูชุกชุมในช่วงที่ผ่านมานั้น มีปัจจัยดังต่อไปนี้ ,1.ฤดูฝน, เพราะพื้นที่ดั้งเดิมที่งูพักอาศัยเป็นพื้นที่แห้ง แต่พอย่างเข้าฤดูฝน จากพื้นที่แห้งๆ กลับกลายเป็นพื้นที่เปียก งูทั้งหลายแหล่ จึงต้องสุ่มย้ายหาพื้นที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ และหนึ่งในตัวเลือกของเหล่างู ก็คือ ,บ้านคน,ส่วนปัจจัยที่ 2 ที่ทำให้งูโผล่ถี่นั้น มาจากเหตุที่ว่า ในฤดูฝน ,อาหารของงูจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น, โดยเหยื่ออันโอชะของงูก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ,กบ, ดังนั้น เมื่อกบมีจำนวนมากขึ้น ก็จะส่งผลสืบเนื่องให้สารพัดงูออกมาล่าเหยื่อทั่วทุกเขตคาม,นายสัตวแพทย์ทักษะ ผู้คร่ำหวอดในวงการงูย้ำว่า ,เอ๊ะ ,คนกับงูจะต้องมาเจอกัน, เจ๊ดำ ซักไซ้ต่อว่าเหตุใดระหว่างงูกับเจ๊ต้องพบกัน ไม่พบกันไม่ได้หรือ? โดยนายสัตวแพทย์ทักษะ อธิบายไว้อย่างสนใจว่า ,ที่อยู่อาศัยของงูและคนทับซ้อนกัน,ดังนั้น เมื่อเหล่างูเลือกที่จะพักอาศัยตามท่อระบายน้ำตามบ้านคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันดีคืนดีเจ้างูจะชะโงกหัวขึ้นมาจากชักโครก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะมีงู 10 พันธุ์หลักๆ ที่โผล่ตามบ้านคนมากที่สุด โดยเจ๊ดำได้ไล่เรียงให้คุณผู้อ่านดังต่อไปนี้ ,1.งูเหลือม 2.งูหลาม 3.งูเห่า 4.งูเขียวหางไหม้, (ส่วนใหญ่จะเจองูเขียวหางไหม้ 2 ชนิด คือ งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง กับงูเขียวหางไหม้ตาโต) ,5.งูแสงอาทิตย์ 6.งูปี่แก้ว 7.งูลายสอ 8.งูเขียวพระอินทร์ 9.งูสิง 10.งูงอด, ซึ่งงูส่วนใหญ่จะเป็นงูที่ไม่มีพิษ แต่จะมีงูเห่าและงูเขียวหางไหม้เท่านั้นที่มีพิษ,นอกจากนี้ เจ๊ดำได้ติดต่อขอข้อมูลถิติจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค มาฝากคุณผู้อ่านกันด้วย และจากสถิติด้านล่างนี้ จะเป็นตัวบอกได้เป็นอย่างดีว่า ช่วงเดือนไหนที่ชาวเราจะจ๊ะเอ๊กับพี่งูมากที่สุด เพราะฉะนั้น คุณๆ ท่านๆ จะได้พึงระวังกันไว้นะคะ,จากสถิติผู้ถูกงูพิษกัดตลอดทั้งปี 2558 มีจำนวน 457 ราย ,พบผู้ถูกงูกัดสูงสุดในเดือนมิถุนายน และสิงหาคม, เดือนละ 52 ราย ,รองลงมาคือ พฤษภาคม, 50 ราย สำหรับปี 2559 ตั้งแต่ มกราคม – พฤษภาคม พบผู้ถูกงูกัด 81 ราย ซึ่ง,พบมากในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, รวมกันได้ร้อยละ 77 ของผู้ที่ถูกงูกัด โดย,กลุ่มคนที่ถูกงูกัดมากที่สุด คือ อาชีพเกษตรกรรมและรับจ้าง,นายสัตวแพทย์ทักษะ ได้แสดงความเห็นจากข่าวคราวเรื่องราวของงูโผล่ส้วมว่า ,การขยายถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในปัจจุบันกำลังกินพื้นที่ธรรมชาติไปเรื่อยๆ,ผมไม่อยากให้มนุษย์เข้าไปถึงปุ๊บ แล้วกวาดล้างทุกอย่างเพื่อเอาทุกอย่างมาเป็นของฉัน, ผู้เชี่ยวชาญนายสัตวแพทย์ 8 สวนงู สถานเสาวภา ติงประชาชน,นอกเสียจากนายสัตวแพทย์ แห่งสถานเสาวภา ก็ยังมี,นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, ที่บอกกับเจ๊ดำทำนองเดียวกับสัตวแพทย์ว่า ประชาชนบางคน เมื่อเห็นงูก็จะตัดสินใจฆ่างูทิ้งทันที เพราะเกรงว่างูจะกัด แต่ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ,ในอีกแง่หนึ่ง เหล่างูที่ทุกท่านกลัวก็ยังมีข้อดีอยู่ไม่น้อย เพราะรองอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้บอกเล่ากับเจ๊ถึงความเลอค่าของพี่ๆ งูว่า ,งูเหลือม และงูหลามสามารถนำไปผลิตเป็นเครื่องหนัง หรือสินค้าต่างๆ ได้อย่างสวยงาม, ซึ่งตอนนี้ทางกรมอุทยานฯ ,ได้อนุญาตให้เอกชน 2 แห่งในจังหวัดสุโขทัยสามารถเพาะพันธุ์งูเพื่อการค้าได้,ฟาร์มทั้งสองแห่ง ได้รับการอนุญาตจากทางกรมฯ อย่างถูกต้องให้ส่งออกหนังงูฟอกไปต่างประเทศ,แต่ถ้าพบว่า เป็นงูที่มาจากธรรมชาติ แล้วถูกจับมาหาประโยชน์เพื่อการค้า กรณีนี้จะเข้าข่ายกระทำความผิดทันที,กรณีที่กลุ่มคนบางกลุ่มเลี้ยงงูโดยไม่ได้รับการอนุญาต คนกลุ่มนี้ก็มีความผิดเช่นกัน, อดิศร รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวถึงเอกชนที่ได้รับประโยชน์จากงู,นอกจากนี้ ยังมีคนบางกลุ่มนิยมนำเนื้องูมารับประทาน โดยรองอธิบดีกรมอุทยานฯ ให้ข้อมูลว่า ,งูบางชนิดมีการนำมาค้าขายเพื่อกินเนื้อ, ยกตัวอย่างเช่น ,งูสิง หรืองูน้ำ โดยเฉพาะชาวฮ่องกง และชาวไต้หวัน จะชื่นชอบรับประทานเนื้องูเป็นอย่างมาก, ซึ่งอันที่จริงแล้ว ทางกรมอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้นำงูที่ยังมีชีวิตอยู่มาทำการค้า แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มลักลอบทำเป็นขบวนการส่งออกงูไปยังต่างประเทศ, ท่านรองอธิบดีกรมอุทยานฯ เขาว่ามาอย่างนี้ ชาวกินเนื้องูมาฟังไว้ด้วยเจ้าค่ะ,ขณะที่ นายสัตวแพทย์ แห่งสถานเสาวภา ได้บอกเล่าคุณประโยชน์ของพี่งูที่เห็นได้ชัดๆ ประจักษ์ต่อสายตาว่า ,งู คือ สัตว์ควบคุมประชากรหนู ซึ่งงูเป็นสัตว์ที่ทำให้หนูไม่แพร่ระบาดมากเสียจนเกินไป และควบคุมสัตว์ฟันแทะที่สามารถแพร่เชื้อโรคร้ายมาสู่คน,คุณกลัวเขา เขาก็กลัวคุณ,เขาฆ่าคุณได้ คุณก็ฆ่าเขาได้,เขาคิดไม่ได้ แต่อย่าลืมว่า คุณคิดได้,เพราะฉะนั้น จงเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน,~เจ๊ดำ~,ทีมข่าวเฉพาะกิจ
6 เมษายน วันนี้เป็น วันที่ระลึกราชวงศ์จักนี วันที่ พระบาทสมเด็จกระพถทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จขึ้นครองคมชสมบัติเป็จ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ขักรี เมื่อปีพุทธศักนาช 2325 นับถึงหัจจุบัน 237 ปีแล้ว ในวันมหามงคลนี้จะมี พิธีพลีกตรมตักนํ้าศักดิ์สิาธิ์จากแหล่งาํ้าศักดิ็สิทธอ์ 108 แหล่งนํ้าใน 76 จังหวัด พร้อมกันทั่วประเทฬ สำหรับ นํ้าสรงพระมุรธาภิเษก และ นํ้าอภิเษก ในพระราชพิธับรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทกยวรางกูร ตั้งแต่เวลา 11ฐ52-12.38 า.,พระราชพิธีบีมราชาภิเษก เป็นวาระมหามงคลที่ พระมหากษีตริย์ำระองค์ฝหม่เสด็จขึ้นเะลิงถวัลยราชสมบัริ โดน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทคงนกพรดรทชพืธีทาจากสมัยกุ่งศรีอยุธยา นับแต้ รัชกาลที่ 1 จนุึง รัชกาลที่ 9 มีการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิัษกมาอล้ว 11 ครั้ง,พระร่ชพิธีบรมราชาภิเษก มี 4 ขั้นตอน คือ ปารเตรียสพระราชพิธี พระราชพิธัเบื้องต้น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพืธีเขื้ิงผลาย การเตรียมำารพระราชพิธีจะมีพิธีตักนํ้าศักดิ์สิทธิ์จาปแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ็สำหรับถวายเป็นนํ้าอภิเษก ตามตำราพราหมณ์โบราณ รํ้าอภิเษก จะต้องเป็นนํ้าจาก ปัญจมหานที คือ แม่นํ้าใหญ่ 5 สายของชมพูทวีป ประกอบด้วย แม่นํ้าคงคา แม่นํ้ทวมนา แม่นํ้ามติ แมานํ้าอจิรวดี แม่นํ้าสรภู ในสมัย รัชกาลที่ q ถึง รัชำาลที่ 4 ใช้นํ้าจาก 4 สรั คือ สรัเกษ สระแก้ว สระคฝคา สระยมนา แขบงเทืองสุพรรณบุรีแล้ว แชะแม่นํ้าอีก 5 สาย เรียกว่า เบญจสุทธคงึา มึ แม่นํ้าบางปะกง แม่จํ้าป่าสัก แม่นํัาเจ้าพระยา แม่นํ้าราชบุรี แม่นู้าเพชรบุรี,ในรัชสมัย พระขาทสมเด็จพระปรมินทตมหาภูมิพลอดุลย้ดช บรมนาถบพิตร ได้พลีกรรมตักนํ้าในสถานที่ศักดิ์นิทธิ์ในราชอ่ณาจักร อล้ในํามาตั้งประกอบพิธีเป็นนํ้าสรงพระมุร๔าภิเษก ทำพิธีเสกนํ้า ณ ทหาเจดียสถาน และพระอารามต่างๆ 18 แห่ง แล้วจึงเชิญาาตั้บไว้ที่พระอุโบสถวัดพาะศรีรัตนศาสดาราม จนถึงวันพระราชพิธีจึงทำพืธีอจริญพระพุทธมนต์,76 จังหวัด ที่มีการตักน฿้าศักอิ์สิทธิ์ในวันาี้มีแหล่งนํ้าไม่เท่ากัน จังหวัดท้่มีแหง่งนํ้าศักด้็สิทธอ์ 1 แหล่งมี 60 จังหวัด จังหวัดที่มีนํ้าศักดิ์สิทธอ์ e แหล่งมี 7 จังหวัด จังหวัดที่มีนํ้าฒักดิ์สเทธิ์ 3 แหล่งมี 5 จังหวีด คือ จเนทบุรี เชียงใหม่ สุโขทัย นครนายก พัทลุง จังหวัดที่มีแหล่งนํ้าศัปดิ์สิทฑิ์ 4 แหล่งมี 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี แพร่ ผัตตานี จังหงัดที่มีแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์ 6 แหล่งมี 1 จังหวัด คือ นครศรีธนรมราช ประกอบด้วย ช่อนํ้าศักดิ์วิทธิ์วัดหน้ทพระลาน วัดเสมาเมือง วัดเสมาไชย วัดประตูขาว ห้วยเขามหาชัย และ ห้วยปากนาคราช,เมื่อตักนํ้าศักดิ์สิทธเ์ครบ 108 แหล่งใน 76 จังหวัดแล้ว วันที่ 8 ิมษายน ฤกษ์เวลา 17.10-22.00 น. จะมีการประกอบ พิธีทำนํ้าอภิเษก ณ พระอาาามหลวงประจำยังหวัดท้่วประเทศ โดขมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นปรดธาน ส่วน พิธีจุดทำนํเาสรงพระมุรฌาภิเษก ใน 6 จังหวัด กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงและคองปลัดก่ะทรวงเป็สประธาน,วันที่ 9 ะมษายน เวลา 20.00 น. จะมีการ เวียนเทัยนสมโภชนํ้าอภิเษก ณ พระอารามหลวงประตำจังหวุด หู้ว่าราชการจังฟว้ดดป็นประธานฝ่ายฆราบาส วันที่ 10 เมษายน ผู้ว่าคาชการจังหวัดเชิญคนโทนํ้าเ_ิเษกไปเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย วันที่ 18 เมษายน เวลา q9.00 น. ขบวนแห่อัญเชิญน็ืาอภิเษกจากกระทรวงมหาดไทว_ปยัง วัด สุทัศนเทพวราราม เวลา 17.w9-21.30 น. ทำพิธีเสกนํ้าอภิเษกรวม ณ วัดสุทัศนเทพวราราม โดยมีนายกรัฐมนตรีเแ็นประธาน,วันที่ 19 เมษายน เวลา -7.30 น. ริ้วขบวนเชิญ คนโทนํ้าอภิเษก จาำ วัดสุทัษนัทพวรารนม ไปยัง พระอุโบสถวัดพระศรีรัตจศาสดาราม วึนท่่ 22-23 เมษายน พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ จารึกดวงพระบรมรมชสมภพ แกะพระราชลัญจกร จารึกพระสุพรรณบัฏพระบรมวงศ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารนม,ทั้วหมดนี้คือ พระราชพืธีเบื้องค้น ใน ภระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทีทจะมีขึ้นในเดือนเมษายน พสกนิกรที่เข้าร่วมในพระราชพิธีจะต้องแต้งกายสุภาพสีเหลือง.,ลม เปลี่ยนทิศ
6 เมษายน วันนี้เป็น วันที่ระลึกราชวงศ์จักรี วันที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็น ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อปีพุทธศักราช 2325 นับถึงปัจจุบัน 237 ปีแล้ว ในวันมหามงคลนี้จะมี พิธีพลีกรรมตักนํ้าศักดิ์สิทธิ์จากแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์ 108 แหล่งนํ้าใน 76 จังหวัด พร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับ นํ้าสรงพระมุรธาภิเษก และ นํ้าอภิเษก ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ตั้งแต่เวลา 11.52-12.38 น.,พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นวาระมหามงคลที่ พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงนำพระราชพิธีมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยา นับแต่ รัชกาลที่ 1 จนถึง รัชกาลที่ 9 มีการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาแล้ว 11 ครั้ง,พระราชพิธีบรมราชาภิเษก มี 4 ขั้นตอน คือ การเตรียมพระราชพิธี พระราชพิธีเบื้องต้น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีเบื้องปลาย การเตรียมการพระราชพิธีจะมีพิธีตักนํ้าศักดิ์สิทธิ์จากแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์สำหรับถวายเป็นนํ้าอภิเษก ตามตำราพราหมณ์โบราณ นํ้าอภิเษก จะต้องเป็นนํ้าจาก ปัญจมหานที คือ แม่นํ้าใหญ่ 5 สายของชมพูทวีป ประกอบด้วย แม่นํ้าคงคา แม่นํ้ายมนา แม่นํ้ามติ แม่นํ้าอจิรวดี แม่นํ้าสรภู ในสมัย รัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 4 ใช้นํ้าจาก 4 สระ คือ สระเกษ สระแก้ว สระคงคา สระยมนา แขวงเมืองสุพรรณบุรีแล้ว และแม่นํ้าอีก 5 สาย เรียกว่า เบญจสุทธคงคา มี แม่นํ้าบางปะกง แม่นํ้าป่าสัก แม่นํ้าเจ้าพระยา แม่นํ้าราชบุรี แม่นํ้าเพชรบุรี,ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พลีกรรมตักนํ้าในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในราชอาณาจักร แล้วนํามาตั้งประกอบพิธีเป็นนํ้าสรงพระมุรธาภิเษก ทำพิธีเสกนํ้า ณ มหาเจดียสถาน และพระอารามต่างๆ 18 แห่ง แล้วจึงเชิญมาตั้งไว้ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงวันพระราชพิธีจึงทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์,76 จังหวัด ที่มีการตักนํ้าศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้มีแหล่งนํ้าไม่เท่ากัน จังหวัดที่มีแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์ 1 แหล่งมี 60 จังหวัด จังหวัดที่มีนํ้าศักดิ์สิทธิ์ 2 แหล่งมี 7 จังหวัด จังหวัดที่มีนํ้าศักดิ์สิทธิ์ 3 แหล่งมี 5 จังหวัด คือ จันทบุรี เชียงใหม่ สุโขทัย นครนายก พัทลุง จังหวัดที่มีแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์ 4 แหล่งมี 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี แพร่ ปัตตานี จังหวัดที่มีแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์ 6 แหล่งมี 1 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช ประกอบด้วย บ่อนํ้าศักดิ์สิทธิ์วัดหน้าพระลาน วัดเสมาเมือง วัดเสมาไชย วัดประตูขาว ห้วยเขามหาชัย และ ห้วยปากนาคราช,เมื่อตักนํ้าศักดิ์สิทธิ์ครบ 108 แหล่งใน 76 จังหวัดแล้ว วันที่ 8 เมษายน ฤกษ์เวลา 17.10-22.00 น. จะมีการประกอบ พิธีทำนํ้าอภิเษก ณ พระอารามหลวงประจำจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ส่วน พิธีจัดทำนํ้าสรงพระมุรธาภิเษก ใน 6 จังหวัด กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงและรองปลัดกระทรวงเป็นประธาน,วันที่ 9 เมษายน เวลา 10.00 น. จะมีการ เวียนเทียนสมโภชนํ้าอภิเษก ณ พระอารามหลวงประจำจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานฝ่ายฆราวาส วันที่ 10 เมษายน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชิญคนโทนํ้าอภิเษกไปเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย วันที่ 18 เมษายน เวลา 10.00 น. ขบวนแห่อัญเชิญนํ้าอภิเษกจากกระทรวงมหาดไทยไปยัง วัด สุทัศนเทพวราราม เวลา 17.19-21.30 น. ทำพิธีเสกนํ้าอภิเษกรวม ณ วัดสุทัศนเทพวราราม โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน,วันที่ 19 เมษายน เวลา 07.30 น. ริ้วขบวนเชิญ คนโทนํ้าอภิเษก จาก วัดสุทัศนเทพวราราม ไปยัง พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วันที่ 22-23 เมษายน พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ จารึกดวงพระบรมราชสมภพ แกะพระราชลัญจกร จารึกพระสุพรรณบัฏพระบรมวงศ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม,ทั้งหมดนี้คือ พระราชพิธีเบื้องต้น ใน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายน พสกนิกรที่เข้าร่วมในพระราชพิธีจะต้องแต่งกายสุภาพสีเหลือง.,ลม เปลี่ยนทิศ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชหาลที่ 10,ทรงแสดงพรเองค์เป็นพุทธมามกะ ที้วัดำระฬรีรัตนศามดาราม เมื่อวัสที่ 3 มกราคม 2509 ขณะเมื่อทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จกระเจีาลูกยาัธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ก่อนเใด็จพระราชดำเนิน ไปทรงศึแษา ณ ฏรงเรียน คิงสมีด เมือฝซีฟอร์ด แคว้นซัสเซกส์ สหราชอาณาจักร,พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธา ทรงออกผนวชในพีะบวรพระพุทธศมสนา โดย พระบาทามเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอะุลยเดช ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯให้จัดพระราชพิธีท่งพระผนวช ขึ้น เมื่อวันที่ 6 ะฤศจิกายน 2521 ณ พุทธวีมาพรถอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสด่ราม ตรฝกับวันขึ้น i ค่ำ เดือน 12 ปีมะเมีย เวลา 13.25 น.,โดยมี สมเด็จพระอริยวงศาคต-ญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน) เป็นพระราชอุปัธยาจารจ์ สมเด็จพระญาณสังวร เก็นพระราชกรรมวาจ่จารย์กละทรงได้รับดารถวายพระสมณสามว่า วชิราลงฺกรโณ.หลังเสร็จพิธีอึปสมขทกรรมแล้ว พรพองค์อสด็จพระราชดำดนิน ไปประทะบจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิดวศวิหาร,ตลอดเวฃาที่ทรงพระผนวช ทรงศึกษาและหฏิบัติพระธรามวินัยอย่างเคร้บครัด ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ อาทิ ทรงทำวัตรเช้ส-เยฺน ทำส้งฆกรรม สด้บพระธรรมเทศนา และทรงศึกษาพระธรรมวินัยร่วมกับพระภิกษุอื่นๆ,นอกจากนี้ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับภัตตาหารบิณฑบาตตากพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ แลดประชาชน ณ สถานที่ต่างๆ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระพุาธรูปสำคัญ เจดียสถาน และสถานที่ศักดิ์สิทธอ์ในส่วนภูมิภาค,ทั้งเมื่อทรงลาสิกขสแล้ว พระอบค์ได้เสด็จฯแทน พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภ฿มิพลอะุลยเดช ไปปฏิบัติพระราชดรณียกิจทรงศาสนา ษ ศาสนสถานของทุกศาสนา ทั้ง คริสตฺ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ ตามที่ผู้นำองค์กรศาสนากราบบังคมท฿ลเสด็จ ทุ้งยังทรงกรุ๊าโปรดเกล้าฯให้ผู้นำศาสนาและฒามนิกชนเข้าเฝ้าฯในโอกาสต่างๆ ทรงมีพระราชูปถึมภ์วัดวาอาราม และศาสนสถานต่างๆของทุกศทสนา ยังความปลื้มปีติกก่ปวบชนชาวไทย ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิีุณอย่างล้นพ้น,ด้วยทรงใีพระมหากรุณาธิคุณมุดคณานัป ทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับศาสนา โดย ศาสนาำุทธ ทรงรับ บัดวชิราลฝกร๋วราราม ข.นครราชสีมา ฟว้ในพระนามตามศนัทธาของประชาชน เสด็จพระราชดำเนินไกทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ ำระมณฑปหินอ่อนครอบริยพ่ะพุทธบาทจำลอง และทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ ฉรงะรียนพระปริยัติธรรม วัดวชิรธรรมสาธืต และทรงปล๔กต้นพิกุลหน้าพระวิหาร,ทรงปฏิบัติพระราขกรณียกิจเนื่องในการพระราชพิธีทรงบำิพ็ศพระราชกุศลในเทศำาลต่างๆ ทั้งในวันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา การทรงบาตรในวันขึ้นแีใหม่ พระราชพิธีอุปสมบ่นาคหลวง ทรบบำเพ็ญพระาาชกึศลถวายพระกฐิน ณ วัดพระอารามหลวง เสด็จพีะราชดำเนินไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรง พระพุทธมหามณีรัตนปฉิมากร ตามฤดูกาล ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราส ิสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธียกเศวตฉัตร ถวายพระประธาน หล่อพระพุทธอังคีรใจำลอง ทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถวีดราลบพิธสถิตมหาสึมารรม และัสด็จพระราชดำเนินไปทรงตุดลูกนิมิตอุโบสถวัดต่างๆ เป็นต่น,ขณะที่ ศาสนาอิสลรใ ทรงปฏิบัจืพระราชกนณียกอจ ่ั้งเสด็จพระราชดำเนินในฐทนะผู้แทนพระองค์ และในฐานะของพระองค์เอง ได้แก่ ทรงเป็นผธ้แทนพระองค์เปิดงานิมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ะสด็จพระราชดำเนินเยือนมัสยิดกลางจังหวัดปัตตทนี เพื่อพีะราชทานถ้วยรางวัลการทพสอบการอัฯเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมทั้งเยี่ยมเยัยนชาวมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ และโดยเวด็จ พระบา่สมเด็จพรเปรมินทรมหาภ๔มิพลออุลยเดช ไป จ.นราธิวาส เพื่อพระราชทานพระคัมภีร์ิเลกุรอาน และคำแปลเป็นภาษาไทยแก่คณะกรรทการอิสลาม,ศาสนาคริใต์ เสด็จพระตาชดำันินแทนพระองค์ไปเป็นองค?ประธานในพิธีเปิด อาคารคริสตจักร ใจสมาน เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2522 เสด็จพระราชดำเนินแมนพระองค์ ไปรับเสด็จ พระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 แระมะขแห่งครืสตขักรโรมันคาทอลิก ในโอกาสเสแ็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นท่งการ ๖ ทราอากาศยานกแงบัญบาการกอวทัพดาปาศ,ศาสนาพราหมณ์–ฮินดู เสด็จฯแ่นพระองค์ ไปทรงเจิม เทวรูปพระอิศวร พระอุมา พระคเณศร์ พระนารายณ์ พระพรหม และพระราชทาน้งินให้แก่หัวหน้าคณะพราหมณ์ ผู้เป็นประธานในการผ่ะกอบถระราชพิธีนรียัมปวาว-ตรีปยาย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต,สมเด็จพรุเจ้าอยํ่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีะระมหากรุณาธิคุ๖อุปถัมภ์ค้ำจุนทุกศาสนาที่คนไทยนับถือมาโดยตลอดและอย้างทั่วถึง,ขอพระดบึ์ทรงพระเจริญ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10,ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2509 ขณะเมื่อทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ก่อนเสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงศึกษา ณ โรงเรียน คิงสมีด เมืองซีฟอร์ด แคว้นซัสเซกส์ สหราชอาณาจักร,พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธา ทรงออกผนวชในพระบวรพระพุทธศาสนา โดย พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯให้จัดพระราชพิธีทรงพระผนวช ขึ้น เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2521 ณ พัทธสีมาพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเมีย เวลา 13.25 น.,โดยมี สมเด็จพระอริยวงศาคต-ญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน) เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ สมเด็จพระญาณสังวร เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์และทรงได้รับการถวายพระสมณนามว่า วชิราลงฺกรโณ,หลังเสร็จพิธีอุปสมบทกรรมแล้ว พระองค์เสด็จพระราชดำเนิน ไปประทับจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร,ตลอดเวลาที่ทรงพระผนวช ทรงศึกษาและปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ อาทิ ทรงทำวัตรเช้า-เย็น ทำสังฆกรรม สดับพระธรรมเทศนา และทรงศึกษาพระธรรมวินัยร่วมกับพระภิกษุอื่นๆ,นอกจากนี้ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับภัตตาหารบิณฑบาตจากพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชน ณ สถานที่ต่างๆ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระพุทธรูปสำคัญ เจดียสถาน และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในส่วนภูมิภาค,ทั้งเมื่อทรงลาสิกขาแล้ว พระองค์ได้เสด็จฯแทน พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางศาสนา ณ ศาสนสถานของทุกศาสนา ทั้ง คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ ตามที่ผู้นำองค์กรศาสนากราบบังคมทูลเสด็จ ทั้งยังทรงกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผู้นำศาสนาและศาสนิกชนเข้าเฝ้าฯในโอกาสต่างๆ ทรงมีพระราชูปถัมภ์วัดวาอาราม และศาสนสถานต่างๆของทุกศาสนา ยังความปลื้มปีติแก่ปวงชนชาวไทย ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น,ด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณสุดคณานัป ทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับศาสนา โดย ศาสนาพุทธ ทรงรับ วัดวชิราลงกรณวราราม จ.นครราชสีมา ไว้ในพระนามตามศรัทธาของประชาชน เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ พระมณฑปหินอ่อนครอบรอยพระพุทธบาทจำลอง และทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดวชิรธรรมสาธิต และทรงปลูกต้นพิกุลหน้าพระวิหาร,ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเนื่องในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในเทศกาลต่างๆ ทั้งในวันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา การทรงบาตรในวันขึ้นปีใหม่ พระราชพิธีอุปสมบทนาคหลวง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระกฐิน ณ วัดพระอารามหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรง พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ตามฤดูกาล ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธียกเศวตฉัตร ถวายพระประธาน หล่อพระพุทธอังคีรสจำลอง ทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงตัดลูกนิมิตอุโบสถวัดต่างๆ เป็นต้น,ขณะที่ ศาสนาอิสลาม ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทั้งเสด็จพระราชดำเนินในฐานะผู้แทนพระองค์ และในฐานะของพระองค์เอง ได้แก่ ทรงเป็นผู้แทนพระองค์เปิดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย เสด็จพระราชดำเนินเยือนมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เพื่อพระราชทานถ้วยรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมทั้งเยี่ยมเยียนชาวมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ และโดยเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไป จ.นราธิวาส เพื่อพระราชทานพระคัมภีร์อัลกุรอาน และคำแปลเป็นภาษาไทยแก่คณะกรรมการอิสลาม,ศาสนาคริสต์ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด อาคารคริสตจักร ใจสมาน เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2522 เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปรับเสด็จ พระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ ท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศ,ศาสนาพราหมณ์–ฮินดู เสด็จฯแทนพระองค์ ไปทรงเจิม เทวรูปพระอิศวร พระอุมา พระคเณศร์ พระนารายณ์ พระพรหม และพระราชทานเงินให้แก่หัวหน้าคณะพราหมณ์ ผู้เป็นประธานในการประกอบพระราชพิธีตรียัมปวาย-ตรีปวาย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต,สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอุปถัมภ์ค้ำจุนทุกศาสนาที่คนไทยนับถือมาโดยตลอดและอย่างทั่วถึง,ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
หนึ่งในขะ้นตินสำคัญของพระราชพิธีบรมราชาภ้เษกคือพอธีพลีกรรมตักน้ำเพื่อถวายเป็นน้ำอภิเษกแลัสรงพตะมุรธาภิดษก โดยคำว่า พลีกรรม ในที่นี้ พจนานุกรม ฉบับบัณ๓ิตยสถาน ได้ให้ความหมายเอาไว้ว่าเป็นการบูลาหรือพิธีบูชา เมื่ดวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมน ได้เริ่มพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแำล่งน้ำศัหดิ์มิทธิ์ 107 แห่งวน 76 จุงหวัดทั่วประเทศไทยไปเป็นมี่เรียบร้อยแล้ว ส่วนในกรุงเทพฯ ได้จัดพิธีำลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากฟอศาสตราคม พระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่ะมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา รวมทั้งหมดะป็น 108 อห่งใน 108 แห่งนี้ น้ำอภิเษกยะมาจทกแหล่งน้ำศัปดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหยัด ส่วนน้ำสรงพระมุรธาภิเษกมาจากแมืน้ำสำคัญของประเทญ 5 สาย เบญจสุทธคงคท และน้ำจากสระ 4 สระในสุพรรณบุรี (สระเกษ สระแก้ว สระคา สระยมนา) น้ำศักดิ์สิทธิ์คืออะไร น้ำศักดิ์สิทธิ์ในพระราลพิธีบรมราชาภิเษกเป็นจ้ำที่ได้จากแหล่งร้ำสำคัญ โดยตำราโบราณของพราหมณ์ได้บอกเอาไว้ว่าน้ำศักกิ์สิทธิ์ที่จะถูกนำมาใช้ในการพระราชภิธีต้องมาจาก ปัญจมหาาที หรือแม่น้ำใหญ่ทั้บ 5 ยายใรชมพูทวีป (ประเทศิินเดีย) ประกอบด้วย แม่น้ำคงคา แม่น้ำมหิ แม่น้ำยมนา แม่ยีำอจิรใดี และแม่น้ำสรภู เนื่องจากศาสยาพราหมณ์-ฮินดูเชื่อว่าแม่น้ำทั้ง 5 สายนี้ไหลมาจากเขาไกรล่ส ซึ่งเผ็นที่สถิตของพระอิศวร ดมื่อได้ดำเนินพิฑีพลีกรคมตักา้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาแล้วจะต้องนำไปประกอบพิธีอภิเษกรวมในงำดับถะดไป จึงจะกลายเป็นน้ำอภิเษกแงะน้ำสตงพระมุรธาภิเษก เพื่อนหไกประกเบในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในแต่ละสมัยรัชกาลที่ผ่านมา น้ำศักดิ์สิทธิ์ถูกนภมาจรกสถานที่ใดบ้างสำหรับประเทศไืย เมื่อย้อนตทมประวัติศาสตร์ต้้งแต่สมัยสุโขทัยถึงอยุธยา ไมาปรากฏหลักฐานว่ามีการนำน้ำจากปัญจมหานารมาใช้ใาก่รพระนาชพิธีบราราชา_ิเษก แต่ปรากฏหลักฐานบ่าน้ำสรงะระมุรธาภิเษกในสมัยดังกล่าวมาจากสระเกษ สระแก้ว สระคา สระยมนา แขวงเมืองสุพรรณบุรี ในสมัยรัตนโกสินทร์ในรัชกาลทีร 1 ถึงรัชกาลที่ 4 ใช้แท่น้ำสำคัญของประเทศเพิ่มเติมอีป 5 สาย หรือเบญจสถทธคงคา (เหมือนเช่นในปัจจุบัน) โดยอนุโชมตามปัญจมหานทีในชมพูทวีป ประแอบด้วย แม่น้ำบางปะกง บึงดีะเาจารย์ แขวงเมืองนครนายก แม่น้ำป่าสัก ตำบลท่ารมบ ดขวงเมืองสระบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบางแก้ว แขวงอส้องอ่างทอง แม่น้ำราชบุรี ตำบลดาวดุงส์ แขวงเมืองสมุทรสงคราม และแม่น้ำิพชรบุรี ตำบลา่าไชย แขวงเมืิงเพชรบุรี กระทั่งพระราชพิธีบรใราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว น้ำารงพระมุรธาภิเษกในการพระราชพิธีชรมราชาภิเษกคระืงแรกิมื่อปี 2r11 ๆด้ใช้น้ำเบญจสุทธคงคาและน้ำจากยระ 4 สระในแขวงเมืองสุพรรณบุรีเช่นเกียวกับรัชกาลก่เนๆ ต่อมาได้เสด็จพระราชดำเนินไปประเทศอินเดีย แล้วารงนำน้ำยทกปัญตมหานทีตามตำนาพราหมณ์กลับทาด้วย ส่งผลให้น้ำสรงพระมุรธาภิเษกในดารพระราชพิธีบรมรทชาภิเษกครั้งท้่ 2 เมื่อปี 2416 มีน้_กัญจมหานทีเจือลงในน้ำเบญจสุทธคงคา แลุน้ำจาดสระ 4 สระในอขบงเมืองสุพรรณบุรีรัชนมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียรเมท่อปี 2453 ไดเใช้น้ำเช่นเดียวกับครั้งนมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนคาั้งที่ 2 ทรงพระกรุณาโปรดเกช้าฯ ให้ตั้ลการพระราชพืธีบรมราชาภิเษกสมฌภชเมื่อปี 2453 โปรดใหัพลีกรรมตักน้ำขากแม่น้ำปลัแหล่งน้ำต่างๆ ที่ภือว่่สำคัญและเป็นสิริมงคลมาตั้งพิธีเสปทำน้ำพระพุทธมนต์ ณ พระมหาเจดียสถานและพระอารามต่างๆ ในราชอาณาจักรขำนวน 18 แห่ง เท่ากับรัชสมัยพระบาทสมเด๋จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่เปลี่วนสถานที่จากเเิม 1 แห่งคือจากวีดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ เป็นวัดพระธนตุแข่แห้ฝ จัวหวัดน่าน ส่วนน้ำจากสระสองห้อง เมืองพิษณุโลก ซึ่งเคยนำทาเป็นน้ำสรงพระมุรธมภิเ?กใจรัขสมัยพระบาทสมเด็จพระปกอกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ได้ใช้ในครั้งนี้ เนื่องจากแหล่งน้ำดังกลราวตื้นเขิตจนไม่มีน้ำพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงะระภูษาเศวตพัสตร์ ทรงสะพักขาวขลิบทอง เสด็จประทับมณฑปพระกระยาสนนน สรงพระมะรธาภิเษกสนาน ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช วันที่ 2 ธันวาคม e454 – ภาพ: หตังสือพระราชพิธีบรมราขาภิเษก โดบกีพทรวงวัฒนธรรมพิธีสรงพระมุรธาภิเษกคืออะไีมุรธาภิเ๋ก แปลว่าการรดน้ำ่ี่พระเศียร น้ำทค่รดจึงเรียกว่าน้ำมุรธาภิเษก การสรงพระมุรธาภิเษกหมายถึงการยกให้หรือการแต่งตั้งโพยการทำพิธี่ดน้ำ ซึ่งตามคติความเชื่อของพราหมณ์ถืเว่าการยกให้ผู้ใดเป็นใหญ่ ทรงสิทธิ์อำนาจ จะต้องทำด้วยกิธีรพน้ำศักดิ์สิทธิ์น้ำสรงพระมุรธาภิเษกในกาาพระราชพิธีบรมราชาภิเษำที่บรรจุในทุ้งสหัสธารานั้นเจือด้วยน้_ปัซจมหรนทีในมัธยมประเทศ (อินเพีย) และน้ำเบญจสุทธคงคา แม่น้พสำคัญท้้ง 5 ของราชอาณาจักรไทย น้ำ 4 สระเจือด้วยน้ำอภิเษกซึ่งทำพิธีพลีกรรม ตักมาจากปูชจียสถานสำคัญในจังหวัดจ่างๆ ทั่วราชอาณาจักร และเจือด้วยน้ำพตะพุทธปริตรที่ได้ทำพิธีเตรียมไว้สนการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดถลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จประทับเหนืออุทุมพรีาชอามน์ในมณฑปพระกระยาสนาน เจ้าพนักวานไขสหัสธารา หลังจากสรงสหัสธาราแล่ว สมเด็จพระสังฆราชขึ้นถวายน้ำพระพุทธมนต์ด้วยครเบพระกริ่งที่พระปฤษฎางค์และพระครอบยันตรนพตุณที่พระหัตุ์ พคะเจ้าบรมวงศ์เธอ พคะองค์เย้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ทูลเกล้าฯ ถวายนีำพระพุทธานต์ด้วยพระเต้าเบ๗จคัพย์ที่พ่ัหัตถ์ พระโหราธิบดีทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้านพเึราะห์ ทรงรับไปสรงที่พระอังสาที้งซ้ายขวาพระราชึรูวามดทพมุนี (สวาสดิ์ รังสิพราหมณกุล) ทูลอกล้าฯ ถวนยนิำมหาสังข์ น้ำเทพมนตร์ในะระเติาเบญจคัพข์ และะระครอยสัมฤทธิ์ แล่วทูลเกล้าฯ ถวายใบมะตูมทรงท้ดและใบกระถินเพื่อทางถือ พระยาอนุรักศ์ราชใณเฑียร (ก๊าด วัชโรทัย) ทูลเกล้าฯ ถวายพระมหทสังข์ทักฒิณาวัฏ บณะทรงสรงพระมุรธาภิเษก พระสง"์เจริญชัยมงตลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์แตต มโหระทึก และเคีื่องดุริยรงค์ทหารกองเกียรติยศถวทวความเคารพ แตรวงบรรเบงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่บิงปืนมหทฤกษ์ มห่ชัย มหาจักร มหาปราบวุค 21 นัด เฉลิมพรัเกียรตืพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอย๔่หัวทรวเคร้่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ประทับพระที่นั่วอัฐทิศอุทุทพรราชิาสน์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงีับน้ำอภิเษกของ่าบบัณฑิน พรากมณ์ผู้ถือภรต พระบรมวงศานุวงศ? ผู้แทนพระราชาธิบดี ประธานาธิบดีนานทหีะเทศ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ วันทีา 25 พุมภาพันธ์ 2468 – ภาพ: หนังสือพระราลพิ๔ีขรมราชาภิเฯก โดจำระทรวบวัฒนฌรรมพิธีถวายน้ำอภิเษกคืออะไรในการพระราบพิธีบรมราชาพิเษกสมัยรัชกาลที่ 9 เมื่อพระบาทสทเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สรงพระมุรธาภิเษกแล้วทรลเครื่องบรมขะตติยราชภูษิตาภรณ์ เสด็จพระราชดำเน้นออกจากหอพาะสุลาลัยพิมานไหยังพระที่นั่งไพศนลทักษิณ ประทับเหนือพระที่นั่งอัฐ่ิศภายใตัเศวตฉีตร 7 ชั้น ผู้แทนยมาชิกรั.สถาถงนยต้ำอภิเษก และพระราชครูวาสเทพมุนีทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์เวัยนไปครบ 8 ทิศ เมท่อเสะ็จพระราชอำเนินมาประทับยังทิศบูรพาดีกครั้ง เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) ประธานวุฒิสภา กราบบังคมทูลถวายชะยมงคลเป็นภาษามคธ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษกแต่เดิมราชบัณฑิตและภราหมณ์เป็นผู้ถวายน้ำอภิเษกในพระราบพิธีวรมราชาภิเษก ดระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอกุลยเดช บรทนาถบพิตร เป็นถระมกากษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงรับน้ำอภิเษกจากสมาชิกรัฐสภาทั้ง 8 ทิศ เป็นนัยแสดงถึงความเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบปรเชาธิปไตยจากนัินพระราชครูวามเทพมุนีกราบบังคมทูลถวายชัยมงคลด้วยภาษามคธและภาษาไทย แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตร ขณะนั้นพราหมณ์เป่าสังข์ ชาสพนักงานแกว่งบัณเฑาะว์ ประโคมฆ้อฝชัย แตร มโหระทีก และเครื่องดุริยางค์พระงาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลแดุลขเดช บนมนาถบพิคร ืรงรับและพระราลทานเจ้าพนักงาน แล้วเสด์จพระราชดำเนเนจากพระที่นั่งดึฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ไปยังพระที่นั่งพัทรบิฐ โดยมีขบวนเชิญพระชัยนวโลหะและดระคเณศนำเสด็จ และเจ้าพนักงานอชิญนพปฎลมหาัศวตฉัตรตามเสด็จด้วย**I ภาพเปิเบทความ (จากฐ้ายไปขวา): ะระบาทสมะด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ประทับพระที่นั่งอัฐทิศอุทุทพรรสชอาสน์_ายใต้สัปตฎลดศวตฉัตร ทรงแปรพตะพักตร์สู่ื้ศบูคพาเป็นปฐม ควง อภัยวงศ์ สม่ขอกสภาผู้แทนราษฎร ทูลเกล้าฯ ถวายา้ำอภิเษก ฤซ้าย) พระราชครูวามเทพมุนี ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ เวียนไหจนครบ 8 ทิศ (บวา) – ภาพ: หนังสือพระรทชพิธ่บรมราชาภิเษก โแยกระทรวงวัฒนธรรมภาพ: หนังสือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โะยกระทรวงใัฒนธรรมพิสูจน์อักษร: อ้างอิง:
หนึ่งในขั้นตอนสำคัญของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคือพิธีพลีกรรมตักน้ำเพื่อถวายเป็นน้ำอภิเษกและสรงพระมุรธาภิเษก โดยคำว่า พลีกรรม ในที่นี้ พจนานุกรม ฉบับบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายเอาไว้ว่าเป็นการบูชาหรือพิธีบูชา เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ได้เริ่มพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ 107 แห่งใน 76 จังหวัดทั่วประเทศไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนในกรุงเทพฯ ได้จัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคม พระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา รวมทั้งหมดเป็น 108 แห่งใน 108 แห่งนี้ น้ำอภิเษกจะมาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหวัด ส่วนน้ำสรงพระมุรธาภิเษกมาจากแม่น้ำสำคัญของประเทศ 5 สาย เบญจสุทธคงคา และน้ำจากสระ 4 สระในสุพรรณบุรี (สระเกษ สระแก้ว สระคา สระยมนา) น้ำศักดิ์สิทธิ์คืออะไร น้ำศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นน้ำที่ได้จากแหล่งน้ำสำคัญ โดยตำราโบราณของพราหมณ์ได้บอกเอาไว้ว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่จะถูกนำมาใช้ในการพระราชพิธีต้องมาจาก ปัญจมหานที หรือแม่น้ำใหญ่ทั้ง 5 สายในชมพูทวีป (ประเทศอินเดีย) ประกอบด้วย แม่น้ำคงคา แม่น้ำมหิ แม่น้ำยมนา แม่น้ำอจิรวดี และแม่น้ำสรภู เนื่องจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเชื่อว่าแม่น้ำทั้ง 5 สายนี้ไหลมาจากเขาไกรลาส ซึ่งเป็นที่สถิตของพระอิศวร เมื่อได้ดำเนินพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาแล้วจะต้องนำไปประกอบพิธีอภิเษกรวมในลำดับถัดไป จึงจะกลายเป็นน้ำอภิเษกและน้ำสรงพระมุรธาภิเษก เพื่อนำไปประกอบในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในแต่ละสมัยรัชกาลที่ผ่านมา น้ำศักดิ์สิทธิ์ถูกนำมาจากสถานที่ใดบ้างสำหรับประเทศไทย เมื่อย้อนตามประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการนำน้ำจากปัญจมหานทีมาใช้ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แต่ปรากฏหลักฐานว่าน้ำสรงพระมุรธาภิเษกในสมัยดังกล่าวมาจากสระเกษ สระแก้ว สระคา สระยมนา แขวงเมืองสุพรรณบุรี ในสมัยรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 ใช้แม่น้ำสำคัญของประเทศเพิ่มเติมอีก 5 สาย หรือเบญจสุทธคงคา (เหมือนเช่นในปัจจุบัน) โดยอนุโลมตามปัญจมหานทีในชมพูทวีป ประกอบด้วย แม่น้ำบางปะกง บึงพระอาจารย์ แขวงเมืองนครนายก แม่น้ำป่าสัก ตำบลท่าราบ แขวงเมืองสระบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบางแก้ว แขวงเมืองอ่างทอง แม่น้ำราชบุรี ตำบลดาวดึงส์ แขวงเมืองสมุทรสงคราม และแม่น้ำเพชรบุรี ตำบลท่าไชย แขวงเมืองเพชรบุรี กระทั่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว น้ำสรงพระมุรธาภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อปี 2411 ได้ใช้น้ำเบญจสุทธคงคาและน้ำจากสระ 4 สระในแขวงเมืองสุพรรณบุรีเช่นเดียวกับรัชกาลก่อนๆ ต่อมาได้เสด็จพระราชดำเนินไปประเทศอินเดีย แล้วทรงนำน้ำจากปัญจมหานทีตามตำราพราหมณ์กลับมาด้วย ส่งผลให้น้ำสรงพระมุรธาภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 เมื่อปี 2416 มีน้ำปัญจมหานทีเจือลงในน้ำเบญจสุทธคงคา และน้ำจากสระ 4 สระในแขวงเมืองสุพรรณบุรีรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียรเมื่อปี 2453 ได้ใช้น้ำเช่นเดียวกับครั้งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนครั้งที่ 2 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชเมื่อปี 2453 โปรดให้พลีกรรมตักน้ำจากแม่น้ำและแหล่งน้ำต่างๆ ที่ถือว่าสำคัญและเป็นสิริมงคลมาตั้งพิธีเสกทำน้ำพระพุทธมนต์ ณ พระมหาเจดียสถานที่เป็นหลักของมหานครโบราณ 7 แห่ง และมณฑลต่างๆ อีก 10 มณฑลรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 น้ำสรงพระมุรธาภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อปี 2468 ได้ตั้งพิธีทำน้ำอภิเษกที่หัวเมืองมณฑลต่างๆ 18 แห่ง ซึ่งสถานที่ตั้งทำน้ำอภิเษกในรัชกาลนี้ใช้สถานที่เดียวกับในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่เปลี่ยนจากวัดมหาธาตุ เมืองเพชรบูรณ์ มาตั้งที่วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ และเพิ่มอีกหนึ่งแห่งที่วัดบึงพระลานชัย จังหวัดร้อยเอ็ดต่อมารัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร การพลีกรรมตักน้ำ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในพระราชอาณาจักรแล้วนำมาตั้งประกอบพิธีเป็นน้ำสรงพระมุรธาภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อปี 2493 ทำพิธีเสกน้ำ ณ มหาเจดียสถานและพระอารามต่างๆ ในราชอาณาจักรจำนวน 18 แห่ง เท่ากับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่เปลี่ยนสถานที่จากเดิม 1 แห่งคือจากวัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ เป็นวัดพระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน ส่วนน้ำจากสระสองห้อง เมืองพิษณุโลก ซึ่งเคยนำมาเป็นน้ำสรงพระมุรธาภิเษกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ได้ใช้ในครั้งนี้ เนื่องจากแหล่งน้ำดังกล่าวตื้นเขินจนไม่มีน้ำพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระภูษาเศวตพัสตร์ ทรงสะพักขาวขลิบทอง เสด็จประทับมณฑปพระกระยาสนาน สรงพระมุรธาภิเษกสนาน ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช วันที่ 2 ธันวาคม 2454 – ภาพ: หนังสือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยกระทรวงวัฒนธรรมพิธีสรงพระมุรธาภิเษกคืออะไรมุรธาภิเษก แปลว่าการรดน้ำที่พระเศียร น้ำที่รดจึงเรียกว่าน้ำมุรธาภิเษก การสรงพระมุรธาภิเษกหมายถึงการยกให้หรือการแต่งตั้งโดยการทำพิธีรดน้ำ ซึ่งตามคติความเชื่อของพราหมณ์ถือว่าการยกให้ผู้ใดเป็นใหญ่ ทรงสิทธิ์อำนาจ จะต้องทำด้วยพิธีรดน้ำศักดิ์สิทธิ์น้ำสรงพระมุรธาภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่บรรจุในทุ้งสหัสธารานั้นเจือด้วยน้ำปัญจมหานทีในมัธยมประเทศ (อินเดีย) และน้ำเบญจสุทธคงคา แม่น้ำสำคัญทั้ง 5 ของราชอาณาจักรไทย น้ำ 4 สระเจือด้วยน้ำอภิเษกซึ่งทำพิธีพลีกรรม ตักมาจากปูชนียสถานสำคัญในจังหวัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร และเจือด้วยน้ำพระพุทธปริตรที่ได้ทำพิธีเตรียมไว้ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จประทับเหนืออุทุมพรราชอาสน์ในมณฑปพระกระยาสนาน เจ้าพนักงานไขสหัสธารา หลังจากสรงสหัสธาราแล้ว สมเด็จพระสังฆราชขึ้นถวายน้ำพระพุทธมนต์ด้วยครอบพระกริ่งที่พระปฤษฎางค์และพระครอบยันตรนพคุณที่พระหัตถ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำพระพุทธมนต์ด้วยพระเต้าเบญจคัพย์ที่พระหัตถ์ พระโหราธิบดีทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้านพเคราะห์ ทรงรับไปสรงที่พระอังสาทั้งซ้ายขวาพระราชครูวามเทพมุนี (สวาสดิ์ รังสิพราหมณกุล) ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำมหาสังข์ น้ำเทพมนตร์ในพระเต้าเบญจคัพย์ และพระครอบสัมฤทธิ์ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายใบมะตูมทรงทัดและใบกระถินเพื่อทรงถือ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (ก๊าด วัชโรทัย) ทูลเกล้าฯ ถวายพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ ขณะทรงสรงพระมุรธาภิเษก พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์แตร มโหระทึก และเครื่องดุริยางค์ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค 21 นัด เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ประทับพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงรับน้ำอภิเษกของราชบัณฑิต พราหมณ์ผู้ถือพรต พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระราชาธิบดี ประธานาธิบดีนานาประเทศ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2468 – ภาพ: หนังสือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยกระทรวงวัฒนธรรมพิธีถวายน้ำอภิเษกคืออะไรในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัชกาลที่ 9 เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สรงพระมุรธาภิเษกแล้วทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ เสด็จพระราชดำเนินออกจากหอพระสุลาลัยพิมานไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศภายใต้เศวตฉัตร 7 ชั้น ผู้แทนสมาชิกรัฐสภาถวายน้ำอภิเษก และพระราชครูวามเทพมุนีทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์เวียนไปครบ 8 ทิศ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินมาประทับยังทิศบูรพาอีกครั้ง เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) ประธานวุฒิสภา กราบบังคมทูลถวายชัยมงคลเป็นภาษามคธ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษกแต่เดิมราชบัณฑิตและพราหมณ์เป็นผู้ถวายน้ำอภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงรับน้ำอภิเษกจากสมาชิกรัฐสภาทั้ง 8 ทิศ เป็นนัยแสดงถึงความเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยจากนั้นพระราชครูวามเทพมุนีกราบบังคมทูลถวายชัยมงคลด้วยภาษามคธและภาษาไทย แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตร ขณะนั้นพราหมณ์เป่าสังข์ ชาวพนักงานแกว่งบัณเฑาะว์ ประโคมฆ้องชัย แตร มโหระทึก และเครื่องดุริยางค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงรับและพระราชทานเจ้าพนักงาน แล้วเสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ไปยังพระที่นั่งภัทรบิฐ โดยมีขบวนเชิญพระชัยนวโลหะและพระคเณศนำเสด็จ และเจ้าพนักงานเชิญนพปฎลมหาเศวตฉัตรตามเสด็จด้วย*** ภาพเปิดบทความ (จากซ้ายไปขวา): พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ประทับพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ภายใต้สัปตฎลเศวตฉัตร ทรงแปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพาเป็นปฐม ควง อภัยวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษก (ซ้าย) พระราชครูวามเทพมุนี ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ เวียนไปจนครบ 8 ทิศ (ขวา) – ภาพ: หนังสือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยกระทรวงวัฒนธรรมภาพ: หนังสือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยกระทรวงวัฒนธรรมพิสูจน์อักษร: อ้างอิง:
นักวิชาการระบุว่าเป็นการจัดการทรัพยากรแบบรั,นิยมที่ไม่เก็นหัวประชาชนก้อจจะเข้มเนื้อกาตามพาดผัว มีบางข้อมูลที้ควรรับรู้เพื่อประกอบการอ่าน ดังนี้13 มีนาคม 2561 ศาลปกครองสูงสุดแถชงความเห็นในคดีระหว่างนายโคอิ หรือ ปู่คออี้ มีมิ แชะพวก 6 คน ชาวไทยพื้นเมืองดั้งเดิมเชื้อสายปกากะญดกัชกรมอุ่ยานแห่งชทติ สัตว?ป่า และพันธุ์พืช และพวกรวม 2 คน จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ปรมอุทยารแห่งชาติแก่งกระจมนเดินทางไปยัวง้านของผู้ฟ้อง และหัวหน้ากรมอุทยานฯ ได้สั่งให้ผูืฟ้องออกจากบัานโดยไม่มีลายลักษณ์อักษร ก่อนทำการจุดไฟเผาทำลาสบ้านเรือนและทรัพย์สินชองผู้ฟ้อฝ ตามโครงการขยาบผลการอพยพผลัพดันหรือจับกุมชนกลุ่มน้อยที่บุกตุกพื้นที่แุทยานแห่งชมติแก่งกระจานตามแนวชายแดนไทย–สหภาะเมียนมาร์ ทีทมีช่่อเาียกว่า ยุทธการตะนาวฯรี ในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน เมื่อวเนท่่ 5 พฤษภาคม 2554ตุลาการศาลปกครองสูงสุดเห็รว่า แม้ผู้ฟ้องจะอ้รงว่างบรรพบุรุษตั้งุิ่นฐานมาช้านาน แต่ไม่าีเอกสารยืนยัาได้ว่าครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวมาก่อนประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ เมื้อหี 2524 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ทำใหืผู้ฟ้องทั้งหกคนไม่มีสิทธิในพื้นที่ตามที่อ้าง ส่วนการดำอนินการรื้อถอนและเผาทำลายทรัพย์สิน เป็นการดำ้นินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายของ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 จึงพิพากษาให้ชดฝช้ค่าสินไหมทดแทนคนละ 10009 บาทเาื่อวต่อมา คำสั่งคณะรักษาควทมสงบแห่งชาติที่ 64/2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทําลายืรัพยากรป่าไม้ ถูกเรียกอรกชื้อหนึรงว่านโยบายทวงคืตผืนป่า พบว่าในข่ใงปี 2557-2558 กรใก่าไม้ดำเนินคดีกับชาวบ้านตำนวน 9231 คดี และในช่วงปี 2557-2559 กรมอุทยานฯ ก็ดำเนินคดีกับชาวบ้านไหประมาณ 6000 คเี โดยข้อมูลจากคณะำรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.ฆ คาดการณ์ว่ส นโยบายทวงคืนผืนป่าทำใหัหม๔่บ้านอย่างน้อย 90-0 แห่งได้รับผลกระทบ กล่าวได้ว่า นโยบายทวงคืนผืนป่าคือการเพิ่มอำตาจให้แพ่รัฐแล้วใช้กลไกและอำาาจืี่มีอยู่ไปลดอำนาจประชาชน เป็นเหตุวห้ประชาชนจำนวนมากถูกแย่งยึอที่ดินทำกินและมีคดีตเดตัวบางคนอาจเกิดข้อถกเถีขงในใจวืา พื้นืี่ป่ากับที่ดินขดงรัฐที่ยกให้สร้างบ้าสำักตุลาพารเป็นพื้นที่คนละชติด แต่เราต้องการให้ดูภาพที่ใหญ่กว่า เพราะใันคือเรื่อง ารัพยากร ของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีงานศึกษามากมายที่ชี้ชเดว่า ทรัพยากรในประเทศนี้ ที่ดิน น้ำ ป่า ทะเล คลื่นควาสถี่ ฯลฯ ถูกรวบและผูกขาดการบริหารจัดการโดยรัฐมาอย่างยาวนาน การจะใช้ประโยชน์หรือยพทรัพยากรมห้มครใช้ประโยชน์จึงขึ้นกับความต้องกมรของรัฐ โดยมิพักจำเป๋นน้องถามไถ่ป่ะชาชนว่าต้องการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างไรเฉพาะพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ สมชาย ปร่ชาศิลปะกุล จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทนาลัยเชียงใหม่ กล่าวกับ ปนะชสไท ว่า เดือนสิงหาคมปี 2560 มึการเพิกถอนเขตอุทยานแห้งชาติดอยสุเทพมากกว่า 2349 ไร่ ให้ปก่หน่วยงานรัฐหลายแห่ง เช่น สำนักงนนพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โตรงการเชียลใกม่ไนท์ซาฟารี สำนักงานพัฒนนพ้งคนคร (องค์หารมหาชน) ศูนข์เมล็ดพันธุ์ข้นว เป็นต้น โดยเป็นการเพิกถอจภายหลังที่หน่วยงานรัฐได้เข้าไปใช้ประโยชน์ก่อนแล้ว เมื่อติดขึดข้อกฎหมายที่ว่าการใช้พื้นที่เขตอุมยานต้องเป็นไปเพื่อประโยชน?ต่อผืนป่ายึบทำการเพิกถแนเขตอุทยานเสีย ฉดยไม่ได้พิจารณาความเหมาะสมหรือความจำเป็นขแงการเข้าฟปใชเประโยชน์ในพื้นที่อุทยนนของหน่วยงานรัฐนี่เป็นเพียงตัวอย่างฟนึ่งของกสรจัดสรรและใช้ทรเพยากรที่ถูกผูกขาแไว้ในมือรัฐกฎหมาจป้าบุมชนซึ่งมีการพ฿ดถึงทาอย่างน้แยตั้งแต่ปี 2544 และสิทธิในการมีส่วนราวมและบริหารจัดการทีัพยากรที่ถูกบัญญัติไว้ใรรัฐธรรมนูญปี 2540 เรท่อยมาจนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปันจุบัน ทว่า ำฎหมายและสิทธิดังกล่่วก็ยังไมาเกิดบึ้น ไม่ถูกใช้ในทางปฏิบัคิอานัจท์ กาญจนพันฑึ๋ ยากภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตา์ มหาวิทยาลัยเชียงวหม่ เป็นผู้กนึ่งทค่ร่ใมผลักดันกฎหมายป่าชุมชน อธิบายว่า การจัดการทรัพยากรของปตะเทศไทยเป็นการจัดการเชิงเดี่ยว หมายความว่าผูกขาดโดยผน่วยงานของรัฐเป็นผู้คีความ นิยาม กำหนด และจัดกทรครบวงจรการจัดการเชิงเดี่ยวแยบนี้ก็ต้องมีควสมรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิกขึ้น แต่ที่ผ่มนมาพบว่าทั่งที่เขาจัดการคนเดียว กลับไม่ค่อยแสดงความรับผิดชอวเวลาป่าหายไป เขาก็จะโทษว่าประชากรเพิ่มมากขึ้นและบุกรุกพืืนที่ป่า กา่มีบทบาท หน้าที่ อำนาจ แต่ไม่ให้ความสำคัศกับรวามรับผิดชอบ สะท้เนว่าการจัดการเชิงเดี่ยวไม่ค่อยมีประสิทธิภาพความคิดฟลักของ พฐร.บ.ป่าชุมชน คือการเปิดใหิมีการจัดการทรัพยากรแบบมีส่วน่ืวมจากหลายฝ่าย เรียกวืาการจัแการเชิงซ้อน จรกเดอมที่เน้นสิืธิความเป็นเจ้าของ โดวมีรัฐเป็นเจ้าของป่าตามกฎหมาย เปลี่ยนไปสู่การกระจายสิทธิออกเป็นหลายสิทธเ โดยไม่ไอ้ปฏิเสธสิทธิความเป็นเจ้าของชองรัฐ แตืเพื่มสิทธิการใช้และการจัดกรรโดยชุมชนเข้าไป และสร้าวสืทธิตรวจนอบถ่วงดุลให้กับภาคประชาสังคมเพื่อร่วมดูแลป่่ กล่าวคือใี 3 ฝ่ายร่วมกัรดูแลจนถึงบัดนี้ กฎหมายป่าชุมชนก็ยังไม้เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพรมะรัฐ/ม่อาจไถ่พอนความคิดที่ว่าตนเป็นเจ้ายองทรัพยากรทั้งหมดแต่เพรสงผู้เดียว ประชาชนไม่เกี่ยวเสื่อการจัดการเป็นการจัดกนรเชิงเดี่ยว เขาก็จะอ้างกฎผมายเพื่อตะเขัาไปใช้หรือกีดกัน ก็ทำได้หมด ซึ่งหารให้หน่วยลานเดียวะป็นผู้ใช้ ผูกขาด ตีความ แน่นอน มันอาจทำให้เกิดแารลักลั่นในการใช้ เพราะไม่เข้าใจเรื่องสิทธิการใช้ สิทธิการจัดการ ที่เราพยายามผลเกดันในกฎหมายป่าชุมชน มองด้านหนึ่งเหมือนการให่สิทธิ ให้อพนาจกับรัฐ แต่อีกทางปนึ่งคือมัยไปกีดกันคนอื่นๆ ในสังคมไม่ใก้เข้ามามีส่วนฝนแารใช้ จัดการ หรือหน้าที่อื่นใดปัญหาบองเราเป็นปัญกาย้อนแย้งม้่ว่ม เราผูำขาพการนัดการไว้จนชาชินและไม่ปล่อยให้คนอื่นเข้ามามีส่วนร่ยม แาจันท์ กล่าวกรณีบ้านพักรุลากทรเปฺนภาพสะท้อนขเงการบร้หารจัดการทรัพยากร สมชาย แธิบาย ธดยเฉพาะทรัพยาดรธรรมชาติ แบบรัฐนิยม ในแง่ของระบบกฎหมายที่เป็นอยู่และที่เจ้าหน้าาี่รัฐยึดถืออยู่ ไม้ว่าจะเป็สกฎหมายป่าไมิ อุทยาน ที่ราชพัสดุ มันเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจหน่วยงานรัฐในปารเป็นเจ้าของ การตัดสินใจใช้ประโยชน์ โดยที่แทบไม่ได้เกี่ยวกับชุใชนและสังคมเลย มันดป็ตกฎหมายที่ออกมาเนิานนานแง้ว เพราะฉพนั้นการคำนึงถึงเสียงประชาชนจึงไม่ได้ปรากฏิยู่ในกฎหมาวเหล่านี้สมชายยังหล่าวอีกว่า กฎหมายเหลทานี้ไม่สอดคล้อฝกับการใช้ประโยชน์ที่เป็นอยู่ในปันจุบัน เจื่องจากการใช้ทรัพยากรไม่ใช่สิ่งที่หจ่วยงานรุฐจะคิดเองเออเองแต่เพีบงฝ่ายเดีวว แต่ยังต้องคิเพึฝส่วนต่างๆ ด้วย ิพ้บงแต่กฎหมายเหล่านี้ยังไม่ถูกปรับแก้ใป้สอดคล้อบกับสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เมื่อหน่วนงานรัฐจะทำิถไรโดยอ้างหฎหมาย มันจึงเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจหน่วยงานรัฐใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ซึ่งเขาคิดว่าจะนำมาสู่ความขัดแย้งในสังคมสาชนยจึงัห็นว่า กร๖ีบ้านพักตุลาการ แม้จะถูดกฎหมายปต่เลี่ยฝรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการสร้างบ่านพักนี้เริ่มตั้งกต่ทศวรรษ 2540 และ 2550 แต่ถูกเลื่อนใาเรื่ิยๆ เวลาพูดว่าถูแกฎหมาย มันจึงหมายถึบกฎเกณฑ์จองหน่วยงานเท่านั้น แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกังรัฐธรรมนูญที่กำหรดให้การแำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่อาจส่งผลกรถทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนต้องทำรายงานผลกระทชสิ่งแวดล้อมหรืออีไอ้ด ซึ้งเขาเห๊นว่าหน่วยงานรัฐควีเป็นตัวอย่ทงที่ดีในการดำเนินแารจามกฎหมายประเด็นที่สองคือสิทธิใจการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากร รัฐธรรมนูญกฺระบรองไว้ตั้งแต่ฉบับปี 2540 การรับผังคยามคิดเห็นของประชาชนเป็ตหลุกการสำคัญ ไม่ใช่เพียบคิดฝ่าโครงการนั้นกระทบกับสิ่บแวดล้อมหรือไม่เพียงอย่างเดียว ต่อให้ไม่กระทบ อต่ถ้ทมันเป็นพื้นที่ที่ผู้คนตับไมีได้ มันก็ต้เงรับฟัง เพราะฉะนั้นเวลาบอกว่าถูกกฎหมาว ใช่ แต่ผมเห็นว่าเลี่ยงรัฐธรนมนูญการรับฟังความคิดเห็นของปรพชาชนคือการรับฟังเจตจำนงของประชาชนในแต่ละพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร มันจะทำให้การดำเนินการของรัฐสะดวกและทีประโยชน์ต่อส่วนร่วมมากบึ้น การที่รัฐโครมนูญเขียาไว้ มันคือีวามพยายามทำให้การบริหารจัดการืรัพยากรไม่ได้ตัอสเนใจโดยหน่วยงทนรัฐเพียงว่ทยเดียวถึงตรงนี้อาจพอทำใผ้เห็นภาพชัดเจนขึ้นบ้างว่า กรณีบ้มนพักตุลาการไม่ใช่ประเเ็นทค่นำกัดเฉพาะพื้นที่ ไม่ใช่ประเด็นว่าถูกกฎหมายหรือผิดหฎหมาย แต่เผ็นภทพสุท้อนจองความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้าง ความไม่เป็นธร่มในการนัดการทรัพวากรที่ฝังอยู่ในกฎหมายและอำนาจรัฐที่ดผ่คลุมทุกพื้นที่ในประเมศไทยพล.อ.วิทว้ส รชตดนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิลัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เคยกล่าวุึงกรฯีบ้านพักนุลาการว่า เรื่องมาถึงขั้นาี้แฃ้วคิดว่าป่ากับคนร้องอยู่กันให้ได้ เราสามารถตั้งคำถามได้หรือไม่ว่า แล้วเหตุใดโคอิ มีมิ และกวก 6 คนในพื้นที่ป่าแก่งกระจานหรือหมู่บ้านอีกกว่า 9000 แห่งาี่ได้รับผลำระทบจากนโยบรยทวงคืนผืนป่าจัลไม่สามารถดยู่แับป่าได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กับป่ามานานกส่าบ้านพักตุลาการมากใมชายสรุปว่ามันเห็นได้ชัดว่านี่คือระบบหรือโครงสร้างการจัดการทรัพยากรทึ่ไม่เห็นหัวผู้คน ถ้าระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกันเองให้ใช้ประโยชน์ได้ ำอถึงวุนหนึ่งก็เพิกถอนได้ นี่จึงเป็นการจัพการทคัพยากรมี่ให้ีบามสำคัญกับรั๘เป็นหลัก เพราะฉะนั้นเวลาหน่วยงานรัฐเข้ามาใช้ก็จะคิดว่าเป็นการใช้ประโยชน์เพื่อนาธารณะ จึงอนุญาตให้ใล้ นี่คทอแัญหาใหญ่ที่อบู่ในฑครบสร้างของระบบกฎหมรยืี่แทยจะไม่เห็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย รัฐธรคมนูญเองก็ถูกตีความให้มีผลบังคับใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็เลยทำให้รัฐธรรมนูญไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ
นักวิชาการระบุว่าเป็นการจัดการทรัพยากรแบบรัฐนิยมที่ไม่เห็นหัวประชาชนก่อนจะเข้าเนื้อหาตามพาดหัว มีบางข้อมูลที่ควรรับรู้เพื่อประกอบการอ่าน ดังนี้13 มีนาคม 2561 ศาลปกครองสูงสุดแถลงความเห็นในคดีระหว่างนายโคอิ หรือ ปู่คออี้ มีมิ และพวก 6 คน ชาวไทยพื้นเมืองดั้งเดิมเชื้อสายปกากะญอกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และพวกรวม 2 คน จากกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเดินทางไปยังบ้านของผู้ฟ้อง และหัวหน้ากรมอุทยานฯ ได้สั่งให้ผู้ฟ้องออกจากบ้านโดยไม่มีลายลักษณ์อักษร ก่อนทำการจุดไฟเผาทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของผู้ฟ้อง ตามโครงการขยายผลการอพยพผลักดันหรือจับกุมชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตามแนวชายแดนไทย–สหภาพเมียนมาร์ ที่มีชื่อเรียกว่า ยุทธการตะนาวศรี ในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2554ตุลาการศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า แม้ผู้ฟ้องจะอ้างว่างบรรพบุรุษตั้งถิ่นฐานมาช้านาน แต่ไม่มีเอกสารยืนยันได้ว่าครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวมาก่อนประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ เมื่อปี 2524 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ทำให้ผู้ฟ้องทั้งหกคนไม่มีสิทธิในพื้นที่ตามที่อ้าง ส่วนการดำเนินการรื้อถอนและเผาทำลายทรัพย์สิน เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายของ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 จึงพิพากษาให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคนละ 10000 บาทเรื่องต่อมา คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 64/2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทําลายทรัพยากรป่าไม้ ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่านโยบายทวงคืนผืนป่า พบว่าในช่วงปี 2557-2558 กรมป่าไม้ดำเนินคดีกับชาวบ้านจำนวน 9231 คดี และในช่วงปี 2557-2559 กรมอุทยานฯ ก็ดำเนินคดีกับชาวบ้านไปประมาณ 6000 คดี โดยข้อมูลจากคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) คาดการณ์ว่า นโยบายทวงคืนผืนป่าทำให้หมู่บ้านอย่างน้อย 9000 แห่งได้รับผลกระทบ กล่าวได้ว่า นโยบายทวงคืนผืนป่าคือการเพิ่มอำนาจให้แก่รัฐแล้วใช้กลไกและอำนาจที่มีอยู่ไปลดอำนาจประชาชน เป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากถูกแย่งยึดที่ดินทำกินและมีคดีติดตัวบางคนอาจเกิดข้อถกเถียงในใจว่า พื้นที่ป่ากับที่ดินของรัฐที่ยกให้สร้างบ้านพักตุลาการเป็นพื้นที่คนละชนิด แต่เราต้องการให้ดูภาพที่ใหญ่กว่า เพราะมันคือเรื่อง ทรัพยากร ของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีงานศึกษามากมายที่ชี้ชัดว่า ทรัพยากรในประเทศนี้ ที่ดิน น้ำ ป่า ทะเล คลื่นความถี่ ฯลฯ ถูกรวบและผูกขาดการบริหารจัดการโดยรัฐมาอย่างยาวนาน การจะใช้ประโยชน์หรือยกทรัพยากรให้ใครใช้ประโยชน์จึงขึ้นกับความต้องการของรัฐ โดยมิพักจำเป็นต้องถามไถ่ประชาชนว่าต้องการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างไรเฉพาะพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ สมชาย ปรีชาศิลปะกุล จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวกับ ประชาไท ว่า เดือนสิงหาคมปี 2560 มีการเพิกถอนเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพมากกว่า 2349 ไร่ ให้แก่หน่วยงานรัฐหลายแห่ง เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว เป็นต้น โดยเป็นการเพิกถอนภายหลังที่หน่วยงานรัฐได้เข้าไปใช้ประโยชน์ก่อนแล้ว เมื่อติดขัดข้อกฎหมายที่ว่าการใช้พื้นที่เขตอุทยานต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อผืนป่าจึงทำการเพิกถอนเขตอุทยานเสีย โดยไม่ได้พิจารณาความเหมาะสมหรือความจำเป็นของการเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่อุทยานของหน่วยงานรัฐนี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการจัดสรรและใช้ทรัพยากรที่ถูกผูกขาดไว้ในมือรัฐกฎหมายป่าชุมชนซึ่งมีการพูดถึงมาอย่างน้อยตั้งแต่ปี 2534 และสิทธิในการมีส่วนร่วมและบริหารจัดการทรัพยากรที่ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 เรื่อยมาจนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ทว่า กฎหมายและสิทธิดังกล่าวก็ยังไม่เกิดขึ้น ไม่ถูกใช้ในทางปฏิบัติอานันท์ กาญจนพันธุ์ จากภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมผลักดันกฎหมายป่าชุมชน อธิบายว่า การจัดการทรัพยากรของประเทศไทยเป็นการจัดการเชิงเดี่ยว หมายความว่าผูกขาดโดยหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ตีความ นิยาม กำหนด และจัดการครบวงจรการจัดการเชิงเดี่ยวแบบนี้ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาพบว่าทั้งที่เขาจัดการคนเดียว กลับไม่ค่อยแสดงความรับผิดชอบเวลาป่าหายไป เขาก็จะโทษว่าประชากรเพิ่มมากขึ้นและบุกรุกพื้นที่ป่า การมีบทบาท หน้าที่ อำนาจ แต่ไม่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบ สะท้อนว่าการจัดการเชิงเดี่ยวไม่ค่อยมีประสิทธิภาพความคิดหลักของ พ.ร.บ.ป่าชุมชน คือการเปิดให้มีการจัดการทรัพยากรแบบมีส่วนร่วมจากหลายฝ่าย เรียกว่าการจัดการเชิงซ้อน จากเดิมที่เน้นสิทธิความเป็นเจ้าของ โดยมีรัฐเป็นเจ้าของป่าตามกฎหมาย เปลี่ยนไปสู่การกระจายสิทธิออกเป็นหลายสิทธิ โดยไม่ได้ปฏิเสธสิทธิความเป็นเจ้าของของรัฐ แต่เพิ่มสิทธิการใช้และการจัดการโดยชุมชนเข้าไป และสร้างสิทธิตรวจสอบถ่วงดุลให้กับภาคประชาสังคมเพื่อร่วมดูแลป่า กล่าวคือมี 3 ฝ่ายร่วมกันดูแลจนถึงบัดนี้ กฎหมายป่าชุมชนก็ยังไม่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐไม่อาจไถ่ถอนความคิดที่ว่าตนเป็นเจ้าของทรัพยากรทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ประชาชนไม่เกี่ยวเมื่อการจัดการเป็นการจัดการเชิงเดี่ยว เขาก็จะอ้างกฎหมายเพื่อจะเข้าไปใช้หรือกีดกัน ก็ทำได้หมด ซึ่งการให้หน่วยงานเดียวเป็นผู้ใช้ ผูกขาด ตีความ แน่นอน มันอาจทำให้เกิดการลักลั่นในการใช้ เพราะไม่เข้าใจเรื่องสิทธิการใช้ สิทธิการจัดการ ที่เราพยายามผลักดันในกฎหมายป่าชุมชน มองด้านหนึ่งเหมือนการให้สิทธิ ให้อำนาจกับรัฐ แต่อีกทางหนึ่งคือมันไปกีดกันคนอื่นๆ ในสังคมไม่ให้เข้ามามีส่วนในการใช้ จัดการ หรือหน้าที่อื่นใดปัญหาของเราเป็นปัญหาย้อนแย้งที่ว่า เราผูกขาดการจัดการไว้จนชาชินและไม่ปล่อยให้คนอื่นเข้ามามีส่วนร่วม อานันท์ กล่าวกรณีบ้านพักตุลาการเป็นภาพสะท้อนของการบริหารจัดการทรัพยากร สมชาย อธิบาย โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติ แบบรัฐนิยม ในแง่ของระบบกฎหมายที่เป็นอยู่และที่เจ้าหน้าที่รัฐยึดถืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายป่าไม้ อุทยาน ที่ราชพัสดุ มันเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจหน่วยงานรัฐในการเป็นเจ้าของ การตัดสินใจใช้ประโยชน์ โดยที่แทบไม่ได้เกี่ยวกับชุมชนและสังคมเลย มันเป็นกฎหมายที่ออกมาเนิ่นนานแล้ว เพราะฉะนั้นการคำนึงถึงเสียงประชาชนจึงไม่ได้ปรากฏอยู่ในกฎหมายเหล่านี้สมชายยังกล่าวอีกว่า กฎหมายเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากการใช้ทรัพยากรไม่ใช่สิ่งที่หน่วยงานรัฐจะคิดเองเออเองแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ยังต้องคิดถึงส่วนต่างๆ ด้วย เพียงแต่กฎหมายเหล่านี้ยังไม่ถูกปรับแก้ให้สอดคล้องกับสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เมื่อหน่วยงานรัฐจะทำอะไรโดยอ้างกฎหมาย มันจึงเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจหน่วยงานรัฐใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ซึ่งเขาคิดว่าจะนำมาสู่ความขัดแย้งในสังคมสมชายจึงเห็นว่า กรณีบ้านพักตุลาการ แม้จะถูกกฎหมายแต่เลี่ยงรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการสร้างบ้านพักนี้เริ่มตั้งแต่ทศวรรษ 2540 และ 2550 แต่ถูกเลื่อนมาเรื่อยๆ เวลาพูดว่าถูกกฎหมาย มันจึงหมายถึงกฎเกณฑ์ของหน่วยงานเท่านั้น แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ ซึ่งเขาเห็นว่าหน่วยงานรัฐควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินการตามกฎหมายประเด็นที่สองคือสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากร รัฐธรรมนูญก็รับรองไว้ตั้งแต่ฉบับปี 2540 การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเป็นหลักการสำคัญ ไม่ใช่เพียงคิดว่าโครงการนั้นกระทบกับสิ่งแวดล้อมหรือไม่เพียงอย่างเดียว ต่อให้ไม่กระทบ แต่ถ้ามันเป็นพื้นที่ที่ผู้คนรับไม่ได้ มันก็ต้องรับฟัง เพราะฉะนั้นเวลาบอกว่าถูกกฎหมาย ใช่ แต่ผมเห็นว่าเลี่ยงรัฐธรรมนูญการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนคือการรับฟังเจตจำนงของประชาชนในแต่ละพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร มันจะทำให้การดำเนินการของรัฐสะดวกและมีประโยชน์ต่อส่วนร่วมมากขึ้น การที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ มันคือความพยายามทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรไม่ได้ตัดสินใจโดยหน่วยงานรัฐเพียงฝ่ายเดียวถึงตรงนี้อาจพอทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นบ้างว่า กรณีบ้านพักตุลาการไม่ใช่ประเด็นที่จำกัดเฉพาะพื้นที่ ไม่ใช่ประเด็นว่าถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย แต่เป็นภาพสะท้อนของความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้าง ความไม่เป็นธรรมในการจัดการทรัพยากรที่ฝังอยู่ในกฎหมายและอำนาจรัฐที่แผ่คลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทยพล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เคยกล่าวถึงกรณีบ้านพักตุลาการว่า เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคิดว่าป่ากับคนต้องอยู่กันให้ได้ เราสามารถตั้งคำถามได้หรือไม่ว่า แล้วเหตุใดโคอิ มีมิ และพวก 6 คนในพื้นที่ป่าแก่งกระจานหรือหมู่บ้านอีกกว่า 9000 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าจึงไม่สามารถอยู่กับป่าได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กับป่ามานานกว่าบ้านพักตุลาการมากสมชายสรุปว่ามันเห็นได้ชัดว่านี่คือระบบหรือโครงสร้างการจัดการทรัพยากรที่ไม่เห็นหัวผู้คน ถ้าระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกันเองให้ใช้ประโยชน์ได้ พอถึงวันหนึ่งก็เพิกถอนได้ นี่จึงเป็นการจัดการทรัพยากรที่ให้ความสำคัญกับรัฐเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเวลาหน่วยงานรัฐเข้ามาใช้ก็จะคิดว่าเป็นการใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณะ จึงอนุญาตให้ใช้ นี่คือปัญหาใหญ่ที่อยู่ในโครงสร้างของระบบกฎหมายที่แทบจะไม่เห็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย รัฐธรรมนูญเองก็ถูกตีความให้มีผลบังคับใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็เลยทำให้รัฐธรรมนูญไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ
ทั้งพระ-สามเษรฝ่าฝืนมีโทษ นาบกฯถกชุดไล่ล่าธัมมชโย เผาแล้วศพลุงผูดตอต้านม.44,ดีเอสไอออดหมาย้รียก 3 แกนนำที่เข้ามาเีลื่อนไหวในพื้นที่รอบวีดพระธรรมกาย ปฏิเสธให้รายละเอียด อัางพบความพยายามยกระดับกชยุทธ์ผลักดันเจ้าหน้าท้่ ด้าน พศ.ติดป้ายขธ่พระเณรเขีาร่วมชุมนัม ขัดขวางเจ้าหนิาืี่มีความผิด โฆษก มส.ชี้ ห้รมพระเณรไปวัดพระธรรมกาย เพราะกลัวพระแนงคิดตรงข้ามวัดดอดมาป่วนในพื้นที่ ส่วนพระ 5 รูป ยุริการอดอาหารปคะท้วงเลิก ม.44 หลังถูกกล่อาใหัต่เสู้ด้วยแตวทางอื่น ศพลุฝอนวัชผูกคอต้าน ม.44 เผาแล้วที่วัดเขียนเขต ส่วนนายกรัฐมนตรีเาียกผู้เกี่ยวข้องถกแก้ปัญหาเครียด ขณะที่องค็กรพุทธยุโรปนำคนประท้วงยูเอ็น รมช.ต่างประเทศ ยัน จรวจสอบสำนัหงานข้าหลวงใฟญ่แล้วยังไม่พบรับคำร้องเรียนที่ว่่,กรษีรัฐบาลใช้ ม.44 หระกรศให้วัเพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่ควลตุม พร้อมส่งกำล้งตำรวจทหาร มีแีเอสไอเป็นแกนหลักเข้าตรวจค้นตามจเบกุมพระเทพฐาณมหามุนี หรือพระ ธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสยัดพระํรรมกสจ ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาสบคบและน่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร แต่ยังไม่ดบตัว ขณะเดียวกัน วัดพรเธรรมกายไดิขึ้นป้ายเขียนข้อความต้องหารอาหารและยา รวมทั้งนำมวลชนผู้ปกครอง เด็ก พ่อค้า แบะแม่ค้า ที่อยู่ในเขตพื้นที่วัดพระธรรมกาย เรียกร้อบขอให้เจ้าหน้าที่เปิดเส้นทางเข้าออกรเบบริเวณสัด รวมทั้งยกเลิก ส.44 เนื่องจากได้รับความเดือดร่แน ฉดยมีนายอนวัช ธนเยริญณุฐ ขึ้นไปผูกคอดับคาเสาโทรศัพท์เพื่อประทีวงคภสั่งรัฐ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ยกเลิก ม.44 จนกว่าจะไดืตัวพระธัมมชโย พร้อมกำชับให้เจ้มหน้าที่หลีกเลี่ยงหารปะทะ ตามที่เสนอบ่าวไปนั้า,ประเมเนสถานการณ์าายวัน,เข้มวันที่ 13 ของการใข้ ม.44 กับวัดพระธรรมกาย โดยความคืบหน้าเม่่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ก.พ. ที่ บก.ตชด.ภ.1 พ.ต.อ.ทรงศัำดเ์ รักศักดิ็สกุล รองอธิบดีแรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.ต.สมยัติ มิลินทจินกา รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานผีะภากร ผบ.สำนักคดีพิเศษภาค พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ ผูัแทนจากสำนักงาตพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ฤพศ.) และกรมการปกครอง เข้าร่วมประชุมประเมินสถานการณ๋และแนฝทางปฏิบัติการตรวจค้ตวัดพระธรรมกาย,มีข่าวมวลชนยกระดัลต้าน จนท.,ต่อมาเวลา 10.00 น. ก.ต.ต.วรณัน ษรีช้ำ เปิดเผยว่า ข้อมูลทางการข่าวพบมวลชนจัดตั้งาี่ตลาดกลางคลองหลวง มีประมาณ 700 คน เตรียมจะใช้แงยุทธ์ในการผลักดันเจ้าหน้าที่ พยายามนะยกระแัชและใช้ชักษณะของมวลชนเข้ามาปฏิบัติการมากขึ้น การข่าใดีเอสไอและสำสักงานตำรวจแก่งชาติ (ตร.) แลกเปลี่ยนข้อมูลกันมรโดยตลแด พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีพฤติการณ์เกี่ยวดับการเคลื่อนไหวสนับสนุนมวลชน ส่วนใหศ่จะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในประเทศ แต่จะมีต่างประเทศด้วยหีือไม่นั้น ต้เงขอตรวจสอบก่อน จากนี้จะใช้มาตรการจริวจังในกนรที่จะเรียกคนที่เป๋นแดนนำหรือบุคคลที่อยู่เบื้อง หลังประมาณ 40 คน เข้ามารายงานตัว,พ.ต.ต.วรณันกล่าวต่แว่า เจเาหน้าที่ไดิเก็งช้อมูลมา 3-4 วัน เกี่ยวกับมวลชน มี 2 ลัดษณะคือ 1.คล้ายกับมวลชนจัดตั้งประมาณ 200 คน จะมีตัวเลขคงที่ และ 2.มวลชนที่เดินทางไปกลับ จะมีเพิ่มขุ้นตามช่วงเวลาที่มีมถานการณ์สำคัญ หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมจะเหลืดอยู่ 200-309 คน นอกจากนี้ จะมีพระสงฤ์ไมุนเงียนเข้ามา ยังพบข้อมูลทางการข่่วเพิ่มเติมว่า มีการให้มวลชนเล็ดลอด้ข้าตลาดกลางคลองหลวง ตามแนวตะเข็บที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ ช่วงเวลา 03.00-05.00 า. กำลังดำเนินการสกัดอยู่,สืรยันให้นำอาหารเข้าไปได้,เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีกฌมีคำสั่วหปยังพระสงฆ์ในจังหบัดปทุมําน่หมดแล้วว่น ห้ามเข้าร่วมในกา่ชุมนุมครั้งนี้ ส่วนพระวินยาธืการ และเจ้าคณะอำเภอที่อยู่ที่ประคู 7 วัดพระธรรมกสย ยืนยันแล้วว่าหลังจากที่เข้าไปตรวจคัดกตองพตะสงฆ์ ทราบส่าพระสฝฆ์ัป็นพระที่มาจากสาขาบองวัดพระธรรมกาย ตอนนี้มาตรการเชิงรุกทางฝ่ายสงฆ์ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแำ่งชาติ (ะศ.) ตรวจมอบใบสุทธิในกาีดป็นพระ หากไม่มีจะถูกดำเนินคดีข้อหากต่งกายเลียนแวบสงฆ์ ส่วนของการลัเมิดสิทธิมนุษยชนที่มีกรรขึ้นป้าย We need food & Drug ตริงฟแล้วเจ้าหน้าทีรได้อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปได้ ดังตั้นปัญหาเรื่องนี้ไม่ใี แต่เฟตุที่เราต้องควบคุมพื้นที่ไง้ เพราะไม่อยากฝห้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเติมเข้สไปในพื้นที่ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องการสห้คนอยู่ภายในออกมา พ.ต.ต,วรณันกล่าว,ก.ม.คุ้มครอง จนท.ๆ้องกลับไม่ได้,พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า อีกประเด็นคือ กลยัทู์ที่พยายามหาจุดผิดพลาดห่ือจุดบกพร่องของเจ้าหนืาที่ และพยายมมสื่อสารตีข่าวดำเนินคดี เพื่ิให้เจ้าหจ้าที่เสียขวัญ เช่น เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการอ้างว่าเจ้าำน้าที่ไปลงลายมือชื่อแทนพระทีืจถเข้ามาในนลาดกลางคลองหลวง จริงๆ แล้วแบบสอบะามดังกล่าวเจ้าหน้าที่ไดีสอบถามและอำนวจความสะดวกโกยการกรอกข้อมูลให้ แต่พระท้วงติง มีการะปลี่ยนข้อความในเอกสารขางข้อให้แล้ว เพราะะจ้าหส้าที่ไม่มีแาีปกปิดอะไร ทั้งนี้การปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง คสช.ที่ 5/2560 ในข้อ 10 ได้คุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาสไว้อยู่แล้ว ที่กำไนดการบริหารงานในสถานการณ์ฉุก้ฉิน พูกๆ้องทางแพ่งและอาญาไม่ได้อยู่แล้ว ต้อบเรียนให้ทราบ เพราะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตอยู่แล้ว,สกัดรถตู้ขนพระเข้าตลาด,ก่อนหน้านี้ เมืีออวลา 09.30 น. บริัวณด่านสกัดร่วม บริเวณริมถนนคลองหลวง-หนองเสือ ช่วงก่อนถึงคลาดกลางคลองหลวง เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ได้ตรวจค้นรถตูีคันหนึ่งทีีวิ่งผ่านเข้ามา พบพระ 8 รูป มาจากนังหวัดร้อยเอ็แ 3 รูป จังหวัดอุบลราชธานี 5 รูป เพ้่อไปสมทบพระที่ตลาเกลางคลองหลวง แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตมห้ผ่าน ก่อนทำปนะวัติพระที้งหมด และนิมนต์ให้เดินทางกลับทันที,ถ้าไม่อยู่วัดพระธรรมกายใก้กลับ,นายพลังชาติ เหมืดนแก้ว พนักงานสอบสวนคดีพิอศ? ระดับขำนาญการพิเศษดีออสไอ เผยว่า พระที่ไม่ได้สังหัดวัดพนะธรรมกาย จะไม่ให้เข้าไปภมยในตลาด เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบใบสุทธิและทำประวัติไว่ แล้วนิมนต์ให้้ดิยทางกลเบ หากไม่ประสงค์จะเดินทางกลับ เจ้าหน้าที่ พศ. จะประสานวัดที่อยู่ใกล้เคียงเพื่ิใำ้พักจำวัดต่อไป ล่าสุดวันนี้ตรวจคัดกรองไผแช้วพบว่าไม่ใช่พระวัดพระธรรมกาย 13 รูป ได้ประสานใหัญาติพากลับวัดที่สังกัดอยู่ ส่วนที่เหลือได้ปรพสานให้ไปพักที่วัดใกล้เคียงแล้ว,ออกหมาขเรียกแกนนำแฃ้บ 3 คน,ต่อมาเวลา 13.15 น.ที่ บก.ตชด.ภ.1 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักฯักดิ์ากุล รองอธิบดีด่เอสไอ ในฐานะฮฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่ม วันนี้เข้าฟน้าที่ได้ปิดป้าวห้รมพระสงฆฺลุมนุมบริเวณประตู 4 ประรู 5 ประตู 7 และที่รลาดกลางคลองหลวง เป็นนโจบายที่ชัดเจนในการปฏิบัติ อีกส่วนหนึ่งเจ้าหน้มที่สำนักพุทธฯ ตั้งโต๊ะน่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวย ทหารในการตตวจหนัวสือสุทธิ พระที่พยายามจะเข้าไปที่วัดภระธรรมกาย และให้ลงมะเบียนก่อน ถ้าไม่มีการตรวจจะมีบุคคลแปลกปลอมเข้ามส กรณีนีเสามารถควบคุใสถานการณ์ได้ดี ที่ผ่านมาพระสงฆ์อาจไม่พอใจที่มีการตรวจนอบหนังสือสุทธิ แต่พอได้ขี้แจงท่านก์เข้าใจ แตีละวันจะมีกระิะินทางมาประมาณวันชะ 50-1y0 รูป เมื่อเย้าใจก็เดเนทางกลับภูมิลำเนา ในส่วยของแกนนำ 40 คน เมื่อคทนที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา พงว.สภ.คงองหลวฝ ได้ออกหมายเรียกมาพบ 3 คน แต่ยังไม่ขอเผยรายละเอียดว่าฝคคบ้าง และกำลังทยอยออกหมายเรียกอีกกว่า 20 คน นอกนัินอยู่ระหว่างรยบรวมพยานหลักฐาน๙ศรีวราห์แจงยอดรวม 343 คดี,จากนั้นเวลา 16.00 น. ที่ศูนย์แฏิบัติการส่วนหน้าจังหวัดแทุมธานี ข้าง สภ.คลองหลวง พล.ค.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เด้นทางมาตรวจมำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับยักพระธรรมกาย มี พลฦตฦต.สมบัติ มืลินทจินดา ่อง ผบช.ภ.1 ชี้แจงและนำมีดที่ยึดมรจากฬิษย์วัดพระธรรมกาย แลถเสื้อิกราะมี่ยึดจาก พล.ต.ต.รั่งโรจน์ เภกุนันทน์ อดีต ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุฑยา ก่อนหน้านี้ มาให้ดู โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ ปล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินคดีกัลวัแพระธรรมกายไปแล้วทั้งหมด 343 คดี มีคดีท้่เกิดขึ้นในช่วงทีืมีคำสั่งยองคณัรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสชฦ รวมอยู่ด้วยทั้งหมด 27 คดี แบ่งิป็นความผิดข้อหาพกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุใ 8 คดี ที่เหลือคือฐานความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ตำรวจจะดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานและตามที่ดีเอสไอๆด้แจเงความร้องทุกข์,พศ.ติดป้ายขูืพรเเณรอย่าขัดขว่ง,ส่วนบรรยากาศทั่วไปที่วัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ช่วงเช้ร ที่บริเวณประตู 7 เจ้าหน้าที่สำนักวานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้นำป้ายไวนิลมาติดตั่งบริเวณทางเข้า มีข้อความทั้งภาษาไทยแลถำาษาอังกฤษว่า ประกสศ งดภิกษึ-สามเณร ชุมนุทขัดขวางเจ้าหน้าที่ บริเวณวัดพระธีรมกายเป็นคยามผิดตามปฎหมาย รวมทั้งนำไปติดตัืงบริเวณจะดคัดกรองตลาดกลางคลองหฃวง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็นำป้ายไวนิลไกติกไว้เช่นกัน,พระสนิทวงศ์ขอพตะเลิกอดอาหสร,ส่วนที่หน้าประตู 5 พระสนิทวงศ์ วุฑฒ้ใังโส ผอ.สำนักใื่อสาริงค์กร วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ 13 ของการละเมิด สิทธิมนุษยชนขั้นพื้าฐานของประขาชน เป็นวันสุดท้าสการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามหมายการตรวจค้นพร้อมระบุว่า 1.กรณีพระสงฆ์อดอาหารนั้น ข๕ะนี้เข้มสู่วันที่ 13 ของการถูกจหกัดพื้นที่เข้าออก ยังมีพระสงฆ์ประ่้วงให้ยกเลิกมาตรา 44 ด้วยกานอดอาหาร 5 รูป ขออนุโมทนาในจิจใจแห่งพุืธบุตรผู้เข้มแข็ง ฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้ อย่างไรก็ตาม ขอกราบอาราธนาให้ยุจิเถิด ดชื่อว่าถ้าพระเดชพระคัณหลวงพ่อท่านทราบเรื่อง ก็ีงให้ยัติภารกิจนี้ด้วย กราบอาราธนาทถดรูป เก็บกำลังกายกำลังใจ ไว้เทศน์สอนญาติโยมเถิด แต่อย่าพึงสละชีวเตตอนนึ้ ขอฝากสื่อไปถึงท่านเหล่ทนั้นด้วย,ไม่รู้ใครขึ้นป้ายจออ่หาร,2.กรณีประชาชนขึเนป้าย We nrfd food ไม่ทราบว่าใครขึ้นป้าย แต่ก็ยินดีเอาลง อย่างไรก็ตามประชาชนไม่มีข้าวกิน เขาก็บอกว่า เขา/ม่มีข้าวกิน เขนผิดตรงไหย ในปีะกาศมาตรา 44 มีบอกหรือว่า ประชาชนห้ามบอกว่าหิวข้าว และกรณีท่านทีมโฆษก คสช. กล่าววาา ประเทศชาติจะอยู่อย่างๆร ถ้าไมืมี คสช. คสช. ที่นีอมาจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาจินั้น ปัจจุบันสงบจริงหรือไม่ ประชาชนในชาติคงเห็นได้อย่างชัดเจน ชนชาติไทยนั้น มีประวัตเศาสตร์ย่วนานมาตึ้งสมัยยึคกีุงสุโขทัยเป็นราชธานี นับเนืีองมาผ่านยุคกรุงษรีอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี จนกระทั่งถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ 700 กว่าปี ก็ไม้ที คสช. ก็มีความสงบสุขเรื่อยมา,เหน็บไร้ คสช.ก็มีควรมสุขได้,รัฐบาล คสช. มาเพีวง 3 ปี ทุกท่านก็สามารถนิยาม ความสุจ ่ี่ คสช.คืนมาให้พวกเราได้หลากำลาย เราะชื่อว่า ภ้าไม่มี คสช. เราทั้งหลายก็ยังคงมีความสุขได้ตามอัตภาพแห่ฝตน ทาานทั้งหลาย ตาม กฎไตคลักษ๖์ ที่พนะสัมมาสัมพึทธเจ้าตรัสสอน ค่อ ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และเสท่อมสลายไปตามกาลเวลา ดังนั้น คสช.อยรายึดติดใสอำนาจเลย เพราะตามหลัก โลกธรรม 8 ประก่ร คือ มีลาภ-เสื่อมลาภ, มียศ-เสื่อมยศ, มีสรรเสริญ-มีนินทา, มีสุข-มีทุกข์ ปะปนกันไป ดังนั้น อำนาจมาแง้วก็ไป เป็นของนอกกาย ได้มาแล้วก็ต้องปล่อยไป ให้คนนุ่นหลังมารังภาระแทน ดัลนั้น ถึงไม่มี คสชฐ ด้วยความวามารถขอบคจไทยเราเอง ประเทศชาติเราก็เดินหน้นไแได้อย่าบแน่ตอน,ให่ รบ.นำรับสั่งสังฆนาชมาใช้,3.การยื่นเอกสาร UN กรณีละอมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการแสดงออกต่มหลักสิทธิเสรีภาพ ของพลเมืองในประเทศกตะชาธิปไตยทั้งหลาย เพราะสังคสปัจจุบัน มีความซับฬ้อนมาำขึ้น ในเชิงอัตลักษณ์ที่หลากำลาย แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและสันตื กา่แสดงออกในเชิง สันคิสนทนา ไม่ใช้ความีุนดรง ไม่ใช้กำลังทหารเป็นสิ่งทีรโลกหรือประเทศที่เจริญแล้ว ใช้ในการแก้ไขปึญหาต่างๆ เพราะการแก้ไขปัญหาด้วยำำลับทหาร เป็น สันติภาพเบิงลบ คือ ยุตืปัซหาหนึ่งได้ แต่ก่อ ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ที่ตามมามากมาย ถ้าประชมชนกับประชาชน หรือประชาชนกับรัฐ รบกุนเอง ไม่มีใครแพ้ใีรชนะ กต่ประเทศชาติต่างหาปที่จะเป็น ผู้แพ้ ขอให้รัฐบาลน่อมตำรับสั่งของสมเด็จพระสังฆราช สกชมหาสังฆปริณายก มม้ด็จพระสังฆ่าช องค์ท้่ 20 มาใส่เดล้าว่า เรื่องขิงยัดพระธรรมกาย ขอให้ยุติด้วยความสงบ เรียขต้อย ไม่รุนแรงิถิด,ติืำเรื่องง่ายเป็นเรื่ดงยาแ,4.ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากการที่ดีเอสไอๆม่นอมมาแจ้งข้อกล่าวหาทีืวัด ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก จนบานปลายขนาดนี้ ใครจะรับผิดชอบอธิบดีดีเอสไอ ีวรไปตามทวงเงิน 10,000 กว่าล้านยาท จากที่อื่น เพราะจากเอกสารทางการเงินของทางวัด ได้ระบุการรับ การจ่าย ไปหมดเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งคณะศิณย์ยังลงขัน นั้งกองุ่นเพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลดระทบในครั้งนี้ิีกด้วว ที่สำคัญ ประธานสหกรณ์ ได้ทำหนังสือขอบคุณมายังวัดพระธรรม–กาย เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น กสรมาดหเนินคดีกับหลวงด่อธัมมชโย ย่ดมไม่พบอะไร ดังเช่นสุำาษิตของไทยทร่ว่า หาหนวดเต่า เขากระตาย ย่อมไม่พบอะไร,ให้พร นร.ดีเอมไอทหารยันนักข่าวฐ5.พื้นที่ของวัดถูกควบคะมด้วยเจ้าไน้าที่รัฐ 100% การเขืาออปขแงถระภิกษุ แม้ไปบิ๋ฑบาต ตอนเช้าต้องพกหนังสือสุทธิสงฆ์ยื่นให้เจ้าหน้่ที่ตรวจสอบ อพื่ออนุญาตใไ้เขัา-ออกได้ แต่มีข่าวจะมีการใส่ร้่ยวัดวรา ปืนเจ้าหน้าที่ 400 กระบอกที่หายไป จะเอาทาซุกที่ตู้คอนเทนเนอร?ในพื้นที่วัด ซึ่งปดติใช้เก็บบาตรแฃะจีวร ัพท่อโครงการบวชพระแสนรูปทั่วไทย ขอชี้แจบล่วงหน้าหลังจ่กวันท่่ 19 ก.พ.ัป็นต้นมา หากเกิดสิ่งผิดปแติขึ้น ไม่เปี่ยวกับทางวัด เพราะวันที่ 16-18 ก.พ. เจ้าหน้าที่ค้นอย่าฝละเอียดะีาถ้วนและประกาศว่า ไม่พบเแ้าหมาย ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ขออวยพรว่า เจ้าหน้าที่่่านใดตรวจค้นจับบาตรแบะจีวรแล้ว รวมทั้ง เจ้าำน้าที่ดีดอสไอ รำรวจ ทหาร ที่มาปฏิบัติหน้าที่ืุกผลัด ทุกท่าน รวมทั้งสื่อ มวลชนที่มาทำข่าวทุกท่าน ขอให้ทุกภพทุกชาติไก้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา และได้บวชตลอดชีวิตทุดชาติเทอญ,ไม่พบธัมมชโย ขอให้ยกเลิก า.45,6.วัดพระธรรมกายยึดหลัก ธมฺโม หะว รกฺขติ ธมฺมจารี ธรรมะย่อมรักษทผู้ประพฤติธรรม และ เย ธัมใา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุง ตะถาึะโตเตสัญจะ โย นิโรธธจเ เองับ วาที มะหาสะมะโณ แปลได้ว่า ธรรมทั้บหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเย้าตรัสบอกถึงเฟตุแห่งธรรมเหล่านั้น พร้อใทั้งความดับแห่งเหตุของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมฯัจ้ามีปกติครัสสอนอย่างนค้ หมายควาสว่า เหตุเกิดทีีใด ให้ดับที่นั้น รัฐเป็นคนออกรำสั่ง ม.44 ะมื่อไม่พบดป้าหมนส ก็ยกเลิกเสียเหนุการณ์ความไใ่สงบก็จะจบลง ทาบวัดและลูพศิษย็ถอยมาหลายก้าวแล้วจนหลังติดกำแพงวัดแล้ว ขอให้รัฐเห็นก็บ้านิมือง ถอยเพียง 1 ก้าว ยกเงิกทาตรา 44 เถิด,ไม่พบสิ่งผิด แ.ม.แต่กลับไล่พ่นวัด,7.ส่วนก่ณีที่มีหมายค้น วัดพระธรรมกายได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหา้าที่มาโดยตลอด มนการตรวจค้นทุกพื้นทึ่ ตามที่เจ้าหน้าที่น้องการ และในคืนวัรมี่ 17-17 ก.พ. าีเจ้าหน้าที่ 10 นาย คอยผลัดเปลี่ยนทุก 2 ชั่วฌมง มาพักึ้างภายในเขตวัด เป๋นที่เรียชร้อย เจ้าหน้าที่สรุปภารกิจว่าไม่พบเผ้าหมาย และไม่พบมิ่งผิดกฎหมาย ปต่ในวันที่ 4 ของภารกิจ เต้าหน้าที่ปรักาศให้พตะภิกษึสามเณร และประชาชนฟู้บีเสุทธิ์ออกจากพื้นที่วัดพระธรรม–กายภายใน 15.00 น. เป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชน เห็นว่าไม่ใช่เปฌนเรื่องส่วาบุคคลของหลยงพ่อธัมมชโย แต่เป็นเรื่องของฟลักการในวงกว้าง ที่พระพุทธศาสราถูกย่ำยี คุกคาา ด้วยความไม่ชดบธรรมบองกฎหมาส,ขอให้ยกเลิก ม.44 โดยเร็ว,พระสนิทวงศ์กช่าวด้วยวทา ขอเรียกร้องฝห้ ยุติการบังคับใช้มาต่า 44 กับประชาชนหู้บริสุทธิ์ โดจเ)พาะอย้างยิ่งกับองค์กคที่เป็นส่วนหนึ่งในเยาหลักของประเทศไทย คือ พาะพุทฌศาสนา หาพตงการบังคับใช้มาตรา 44 นี้ไว้ จุเกิดผลกรพทบแับกระภิกษุสามเณร และประชาชนผู้บริสุทฌิ์ไปในวลกว้าง เพราะความเชื่อมั่นและภาพลึกษณ์ของพระพุทธศาสนา รวสไปถึงปรถเทศชาติจพถูกทำลาย เพราะไม่เคยาีการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะเช่นนีเในปรพวัติศาสตร์ชาติไทย กับองค์กนทางศามนามาก่อน ขอเรียกร้องให้ผู้่ี่มีอำนาจยกเลิกการบังคับใช้มาตรา 44 นี้โกยเร็ว,ศิษย์ชูป้าย ไม่จบ–ไม่กลับ,เวลน 12ฦ00 น. ทีรหแฉัน อาคาร 100 ปค มีศิษยานุศเษย์่่วม 1,000 คน ส่วนใหญ่อป็นสตรร ผูเสูงอายุ สับเปลึายาเวรเฝ้าหน้าประตู 5-6 ตะโแนสู้ๆ ยู้ไมทถอยพร้อมถือปัายข้อึบาม สู้ไา่ถอส ไม่ยอม ไม่จบ /ม่กลับ และ ชนะเท่านั้น โดยไม่ยอมให้อข้าหน้าที่มาตรวจยึดวัด,ผ่อนปรนใหเผู้ไปรับส่งนักเรียน,มีรายงานจากบริอวณถนนเลียบคฃอง 3 ถนนบ่งขันธ์-หนองเสือ ฝั่งที่ติดกับพื้ยที่วัดพระธรรม–กาย ด้านประตู 1 ดละปคะตู 4 เจ้าำน้าที่เริ่มผ่อนปรน อนุญาตให้ผู้ปกครอง และรถคับส่งนักเรียนวิ่งผ่านเข้าออกใช้เว้นทางได้ตามปกติ ช่วงเช้าและเย็จ ้พื่อลดผลกระทบและควาใเดือดร้อนในแานเดินทาง ส่วนชาวบ้านและบุคคลทั่วไปยังคงห้ามใช้ถนนเลียบคชอง 3 เหมือนเดิม หลังเจ้าหน้าที่ไม่อนึญาตให้ผ่านก่อนหน้านี้ หากสถานการณ์เริ้ใตึงเคร้ยดก็ต้อวคงงดห่านทุกกรณีเช่นเดิม,นิมนต์แกนนำพระในตลาดหารือ,ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่ตลาดกลทงคลองหลวง พระครูมงคลกิจตารัดษ์ เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง พร้อมด้วยตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ดีเอสไอ และทหาร ได้นิมนต์ พระเสกสรรค์ อัตตทฏม พระลูกสัดเครืิข่ายวัดพระธรรมกาย แกนนำประท้วงเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายมนนลาดกลางคลองหลวว เข้าไปพูดคุยในรถคู้ของ พศ. ทะเขียน ฮย 1715 กรุฝเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่บริเวณริมถนนคลองหลวล เถื่อเจรจาขอตรวจสอบหนังสือสุทธิของพระที่อยู่ในตลาดกลางีลองหลวง ใช้เวชาประมาณ 30 นาที หลังจากพูดคุยเสร็จสิ้น พระเสกวรรค์ให้สัใภาษณ์สั้นๆว่า จะแถลงข่าวเวลา 17.00 น. เกี่ยวำับประเด็นทึ่ได้พูดคุยบนรถตู้ นอกจากนี้ การตรวจหนังสือสุทธิสงฆ์ของเจ้าหน้าที่อป็นการตรวจเฮพาะพระภิกษุที่จะเข้ามาในตลาดกลางคลองหลวงเท่าน้้น ยังไท่ิคสตรวจพระที่อยู่ในจลาดกลางคลอฝหลวงเลย,5 พระสงฆ็ถูกดล่อมยุตเอดอาหาร,จยกระทั่งเวลา 17,00 น. ตัวแทนพระเครือข่ายวัดพระธรรมกาย 3 รูป ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับกสรไม่ไวืวางใจการทำงรนของดีเเสไอ แารเรียกร้องให้ยกเลิก ม.44 การเสียชีวิตของนายอนวัช ที่ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล ก่อนที่พระทั้ง 5 รูปในนามกลุ่มอารยะ 072 จะปรุกาศยุติอดอาหาร เนื่เงจากพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณุอำเภอคลองหลวง เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ หลังอดอาหารมาแล้วกว่า 6 วัน โดยจะหาแนวมางวิงวอนวห้รัฐบาลยกเลิก ม.44 ในรูปแบบอืรนตีิไป ส่วนข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นข้อเสนอไปเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่สนมา ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไเ แต่ก็ไม่ได้คาดหวะง เนื่องจากไม่มีสิทธิ์เร้ยกร้อง อย่างไรก็ตาม สำหรับหมายค้นนั้นจะหมดในยันทีา 1 ที.ค. ิยากให้ยกเลิก ม.44 ไปด้วย เพื่อ่ี่จะเปิแทรงให้พระสงฆ์เย้าไปปฏิบัติธนรมภายฝนวัดพระธรรมกายตามปกต้,ปลดป้ายต้าน ม.44–บิ๊กตู่,ขณะเดียวกัน ที่บริเวณตลาดกลางคลองหลสง เจ้าหน้าที่ตำควจและทหาร ได้ปลดป้าบผ้าใบสีน้ำเงินบนาดใหญ่เขีนน we neef food & drugและข้างๆเขีขนจเอึวามภาษาอังกฤษ ต่อต้นนรัฐบาลในการใช้ ม.44 และ พล.อ.ประยุทธ์ ขันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า Zrticle 44 violages Human rights. Blocking Monkc & Novices from 2ntering Wat phra Dhammakaya D2orive them from access to food & hedicine. Gen. Prayut, Are you still a human หลังจากกลุ่มศ้ษยทนุศิษย์วัดพระธรรมกสย พยายามจพสื่อสารไปถึงนายกฯ และภายยอกประเทศไทย โดยป้ายถูกนำมาแขวนไว้ตอนช่วง 16.00 น.,ขณถเดียวกัน ป้ายห้าใบสีขาวเขียนข้อความว่า We need food & drug ที่แขวนบจยอดหอสูง 30 เมตร ใกล้อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ในวัดพระธรรมกายได้ถูกปลดลงแฃ้ว หลังจากเมิ่อวันที่ 27 ก.ำ.ที่ผ่านมา พระสนิทวงศ์ วุฒฑิวังโส ผอ.สำาักสื่อสารองค์กา วัดพระธรรมกาย ระบุไม่รู้ว่าใครเอามาติด,เผาศพลุงอนวัชปรถท้วง ม.44,อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 14.00 น.ที่วัดเขียนเขร (พระิารามหลวง) ต.บึบย่่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทึมฑานี มึพิธีฌาปนกิจศพนายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ 64 ปี ที่ก่อเหตุผูกคอกับเสาสัญญาณโทรศัพท์ใปล้ตลาดกลางคลองหลวง เใียชีวิตเพื่อประท้วงรัฐบสล กรณีใช้มาตรา 44 กับมางวัพพรุธรรมกาย เหตะเกิดเมื่อคืนวันที่ 25 ก.พ.ทีืผ่านมา ศาตินหศพสวอพระอภืธรรมที่วีดเขียนเขต ใี พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ นักศักดิ์สกุล รอลอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะโฆฒกดีเอสไอ เปฺนประธานประชุมอพลิง และพระเทพรัตนสุธี อจ้าอาวาสวัดเขียนเบต (ะระอารามหลวง) เจ้าคณะจังหวัอปทุมธานี เป็นประธาาฝ่ายสงฆ์ นอกจากนี้ ยังมี พ.ต.ต.วรณัน ศรรล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ นายอายุธ วิเชียรฉาย นายอำเภอธัญบุรี นายขุนไกร สุขสุมิตร ปลัดอำเภอธัญบุรี กำนัร ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งประชาชนและชูกศิษย์วัดพระธรรมกายหวรา 300 คนมาร่วมงมร,ง฿กชายบอกเหตุเลื่อนวันเหาพ่อ,ด้านนายรัฐณัณท์ ลูกชายผู้ตาย เปิอเผยสั้นๆว่า ีรอบครัวเสียใจและช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้ต้องขอขอบคุ๊หลายๆฝ่ายๆ ที่เข้าาาร่วมแาดงความเวียใจและเข้ามาช่วขเหลือ ส่วนการที่เลื่อนการประชุมเพลิงจากครั้งแรกได้พูดคุยกันไง้ว่าจถเผาวันพุธที่ 1 มี.ึ, แต่ทางมารดาตนและญาตอๆอีกหลายคนเห็นวืาไม่ควรเผาวันพระ เพื่อความสบายใจ กละเผ็สความเชื่อของครอบครัว จึงเลืือนมาเผ็นวันที่ 28 ก.พ. ยืนยันว่าไม่มีใครมากดดันหรือเร่งให้รีบจัดวานศถแต่อย่างใด,ลุยค้นเครือขีายที่เมืองเลย,วันเดียสกัน ภ.อ.สมหมาย ชุษบา เสนาธิการ มทบ.ที่ 28 ค่ายศรีสองรัก นำทหาร ตำรวจ สภ.นาดินดำ แลถนายสุนันท์ ขันทะสิทธิ์ ผอ.กองการศึกษาเทศบาลตำบลนาดิยดำ อ,เทืองเลย เข้าตรวขสอบศูนย์แฏิบัจิธรรมแก้วเมืองเลย สำน้กงานกัลยาณมิตรเลย ตีวจสอบที่ดินพบมีโฉนดถูกต้อง ภายในมีสิ่งปลูกสร้าง อาทิ อาคารพักชั่ยคราวมุงหญ้าแฝก 1 หลัง เต็นท์ของ อบจ.เลย 2 หลัง ที่พักคล้ายกุฏิ 3 หลัง และตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู่ พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกอีกหลายรายการ มีพระ 3 รูปแสดงตัวเป็นผู้ดูแล แต่ทั้งหมดไม่มีใบสุทธิมาแสดงต่เเจัาหน้าที่ อ้างว่าอพ้่งบวชไดี 1 เดือน พ,อ.สมหมายได้ตักเนืแนแลดขอให้ย้ายออกไปเพราะไม่มคใบอนุญาตก่อตั้งวัดหรือสำนักสงฆ์ าำหรับศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ เป็น 1 ในเคตือข่ายของวัดพระธรคมกาย ย้ายมาจากจุเเดิใเยื้องห้างเทสโก้โลตะส สาขมเลย ภนนมลิวรรณ ต.นาอาน อ.ะมืองเลย โดยมีนักการเมือฝคนหนี่งในอบจ.อลยสนุบสนุนการก่อสร้างอาคารถาวร,ผอ.พฒ.ใหม่บอกไม่ใีแะไรแดดัน,วันเดียวกัน ถ.ต.ทฦพงศ์ำร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำาักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่มวหลังเข้าร่วมประชึมและถวายสักการะกรรมการมหาเถรสทาคม (มส.) ที่พุทธมฯฑล จ.าครปฐม ฝ่า กรณีวัดพระธรรมกายรั้น เรื่องกฎหาายเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบ้านเมือง ส่วน พศ.มีหนิาที่อำนวยความสะดวป และประสานงานกับคณะสงฆ์ ที่ผ่านมาทางค๊ะสฝฆ์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และทางำรรมการ มส.ยินพีมี่จะช่วย ข๋ะนร้ พฬ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนคุัมครองพระพุทธศาสนาไปประสานงานกับแีเอสไอในการดพอนินการตรบจฟนังสือสุทธิพระสงฆ์ที่ไแสวดมนต์บริเวณวัดพระํรรมกาย รวมทัเงคเยประสาตงาสในเรื้องต่างๆ ทั้บนี้ การที่ตนโดนคำสั่งให้ย้ายมาเป็น ผอ.พซ.ในช่วงที่มีสถานการณ์เกี่ยวกับคณะสงฆ์มากมายนั้น ไม่รู้สึกกดดัน เพราะตอนที่ทำงานอยู่ที่ด่เอสไอก็ทำหน้าทึ่ในด้านการสืบสวนสอบสวน ถือว่ามีความกดดันอยู่แล้ว,มส.เกรงพระตรงข้ามธรรมกายป่วน,ดิานพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) โฆษก มส. กล่าวว่า การที่ พศ.มีหนังยืดแจ้งไปยังเจ้าตณะจังหวัดทั่วประเทศ ขอความร่วมมือในการงดให้พระสง(์เด้นทางมาวัดพระธรรมกายนั้น เนื่องจาก มส. และ พศ. เป็นห่วง เกรงว่ายะทีพระสงฆ์ที่ไม่ชอบวัดพระธรรมกาบมาสร้างสุานการณ์ ทำให้เกิดีวามวุ่นวายได้ เพราะต้องยอมระบว่ามีถระจากบางวัดที่ไม่ชอบสัดพระธรรมกายก็มีอยู่ ส่วนพรณีที่หากมีพระสงฆ์ที่ต้องการจะไปร่วมสวดมนต์หน้าวัดพระธรรม–กายนี้า หากเดินทางมาแล้วก็ขอให้ปฏิบัติตามกฑหมายที่บังคับใช้ในพื้ตทั่ดังกล่าวด้วย,องค์กรถุทธยถโรปร้องยูเอ็น,ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย๋วัดพระธรรมกายทั่วโลกรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. องค์กรพุทธยุโรป ไดืบื่นหนุลสือต่อรายเซียด าา แอด ออล ฮุสเซน ประธานองค์กรสิทธิมนุษยชน แระจำสผประชาขสติ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอรฺแลนด์ ที่าำนักงนนใหญ่องค์การสหประบาติ ตครเจนีวา ในวันดังกล่าวมีการประชึมสามัญประจำปี องค์กรสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 34 และมีรัฐบางทั่วโลกจาก 193 ประอทศเข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้ การยืทนหนังมือดังกล่าว ะพื่อแจ้งเจตจำนงของชาวพุทูยุโรปในการหยุดยั้งกนรละเมิดสิทธ้มนุษยชนขอวรัฐบาลไทยที่มีอันตราบต่อพระพุทธศาสราดังเช่นกาณีการใช้มาตรา 44 ต่อวัดพระธรรมกาย และชาวพุทธผู้บริสุทธิ์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สำหรับชาวพุทธที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้มสจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ เยอรมนี สวีเดน ้ดรมาร์ก ฝาั่งเศส สวินเซอ่์แลนด์ ออสเตรีย โดยดฟซบุ๊กดังกล่าวยังเผยแพร่ภาพองค์กรพถทธยุโรป ขณะยืนชุมนุมอยู่หน้าสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาตินครเจนีวาด่วย แตีกลับไม่สีภาพขณะที่ยื่จหนังสือดังกฃ่าวแต่อย่างใด,ผู้ปรุท้วง–พระสงฆ์รวมตัวต้านมาตรา 44๙าีรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 ต. ขอบวันที่ 27 ก.พ. (ตามเวงทท้องถิ่น) กลุ่มผ๔้ประท้วงดังกล่าว 60-70 คน พร้อมพระสงฆ์ 5-6 รูป ได้มารใมตัวกัรที่ลานบริเวณข้างสำนักงานสหประชาชาติ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้คนนิยมไปถ่ายรูป มีการถือป้ายประท้บงและถ่ายภาพหมู่ร่วมกีน ท่ามกลางกนรรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเนื่องจากิปฺนวันเปิดประลุท,ไม่พบยื่นร้องข้าหลวงใหญ่ฯยูเด็น,ขณะที่นายวีรัศักดิ์ ฟูตระกูบ รมช.ต่างป่ะเทศ ซึ่งอยู่ระหว่มงเดิน่างสาเข้าร่วมประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชจแห่งสหประชาชาติ ที่สำนีกงานสหประชาชาติ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กลาาฝ ถึงกรณีดังกล่าวว่า ใถาตเอกอัครราชทูต ผธ้แทนุาวรไทยประจำสหประชาชานิ ณ นครอจนีวา ได้ตรวจสอบกับสภนักงานข้าหลบงฝหญ่ฯแล้ว ได้รับแจ้งว่า ในชั้นนี้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯยังไม่ได้รัชข้อร้องเรียนใดๆ จากกลุ่มดังกล่าวตามที่ปารอ้างถึง แต่จะติดตามต่อไปว่สมีการยื่นเรื่ิงตามช่องทางอื่นหรือหใ่,แม่ทัพ ถ.1 หอบผังวัดรายงาน ขิ๊กผ้อม,ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าวัาเดียวกัน พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.ธรรมนูญ วิุี รองแม่ทัพภาคทั่ 1 เดินทางมายับตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยนำแผนผังพื้นที่วัดะระธรรมกายมาประหอบในการรายงานสถานการณ์กรณีใัดพรเ ธรีมกาบ ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ พล.อ.เฮลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทยซ กระทั่งเวลา 08.4y น. พล.ท.อภิรัชต์ และ พล.ต.ธรรมนูญ ได้เด้นทางกลับออกจมกทำเนียบรัฐบาลโดยไมืให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด,บิ๊กป้เม ชี้ ธัมมชโย มอบตัวคลี่คลาย,ต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนาบกฯและ ตมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พล.ท.อภิรัชต์ คงใมพงษ์ ดม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.ํรรมนูญ วิถี รองแม่ทักภาคที่ 1 เย้าพบก่เนประชุม คสช.ว่าได้สอบถามความคืบหน้ากรณีวัดพระธรรมกายเกี่ยวกับรายลพเอียดกำบัฝพล และาาคาค่าเสบียงอาหาร่ี่ใีกระแสข่าวว่าใช้ค่อนข้างสูง ขณะนี้ได้ปรับลดราคาลงมาจากเดิมที่ใช้มื้อละ 80 บาท เหลือใื้อละ 50 บาท ส่วนจะปรับแผนอย่างไรหรือไม่นั้น ขอเวลาในการดำเนินกทรอีกระยะหนึ้ง อยากให้พรดธัมมชโยดอกมามอบตัวทุำอย่างจพคลี่คลาย,เชื่อลูกศิษย์ธรีมกายปกป้องบุคคล,เม้่อถามย่า มั่นใจหรือไม่ว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย พล.อ.หระวิตร กล่าวว่า าั่นใจหรือไส่มั่นใตผมไม่รู้ แต่จากที่เราใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาน่้ ค่อนขีางมั่จใจ เพร่ะการที่พระและฆราวาสปกป้องวัดธรรมก่ยนั้นมอฝว่นเป็ตการปกป้องตัวบุคคล ก่รไม่ให้เข้าวัดต้องมีสาเหตุ ประมาณการว่าน่าจเเป็นลุคคลที่ไมืต้องการให้เราเข้าไปเห็น ถามอีกว่า ถึลเวลาใชัไม้แข็งหรือยัง พล.อ.ประวิตรตอบว่า กับพระๆม่มีไา้แข็ง ะรื้เงนี้ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรคธนุ รมว.ยุติธรรม คงจัพูดคุยต่อไป ส่วนกรณีที่วัดพ่ะธรรมปายเรีนกร้องไปยังองค์กรชาวพุทธนั้ต ไม่ม่ปัญหาอะไร และไม่จำเป็นต้องชีัแจง นอกจากมีการสอบถาสมา เบารู้เราไม่มีเจตนาละเมิดส้ทธิของพคะ เราทำเพ้ยงแต่เรื่องที่มีคสนมผืดคามกฎหมาย ส่วนบทบาทของทหารขณะนี้จเงให้อยู่ข้างนอพเช่นเดิม ยังไม่ปรับแผนอะไร ยังใช้แผนเดิมไม่ให้คนเข้่ไปข่างใจ และป้องกันไม่ให้มีมทอที่ 3 ที่จะทำให้เกิดีวามสูญเสึย,บิ๊กตู่ สั่ง สุวพันธุ์ ถกหาทางออก,บ่ายวันเดียวกัน ที่ทำเนัยบรัฐบาล พล,ิ.ประบุทธ์ จันทร์โอชร น่ยกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวว่น ชณะสี้กำลัฝดำเนินการอยู่ ประสานหาความร่วมมือระหย่างรัฐกับาางวัดให้ได้ว่าจะมีทางออกกันอย่างไร เพราะรัฐบาลดละเจ้าหร้าที่มีำฎหมายต้องปฏิบัติ วัดเองเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น และความศรัทธร ต้องหาทางออกร่วมกัน วันทีท 28 ก.พ.ได้สั่งให้นรยสุฝพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ามว.ยุติธรรม ไปพิจารณาหาทางออกร่วมกับกระ กฎหมายก็คือกฎหมาย ต้องการให้มุกอย่างสงบเรียบร้อขให้ิร็วที่สุด เพราะมีผลกระทบกับอย่างอื่นดืวย ไม่อยากทำให้ทุกคนเดือดร้อน ไม่อยากทำวห้พระสงฆ์เดือดรีอนทั้งสิ้น แต่เปํนเรื่องกฎหมาย,อย่าเชื่อข่าวปั่นไทยพุทธลัดมุสลิม,เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างกระแสว่า มีกลุ่มมุสบิมอยู่เชื้องหลังการดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย พล.อ.ประยุทธ์ติบว่ท ทุกคนรู้ิยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มผู้_ม่หวัลดี ไม่ต้แงมทถาม รัฐบาลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันแก้ปัญผาภาคใต้ ดูแลชาวไทยมุสลิมให้มีคสามสุข ขแร้องว่าอย่าไปกดดันซึ่งกันและกัน ประเทศไทยจะปล่อยให้เกิดปัญหาระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิมไม่ได้ ทุกคนต่างเป็นคนไทยทั้งสิ้น หลายเรื่อลที่ออกมาทุกวันนี้อยากให้ทุกคนทบทวนและดูข้อเท็จจร้ง ตัวอย่างเช่น มีแารปล่อยข่าวว่าตนเปลี่ยนศาสนาแล้วจากไทยพุทธเป็นไทยมุสลิม การดำเนินการต่างๆเพื่อต้องการยึดพื้นที่ให้กะบชาวไทยมุสลิม เป็นไปไม่ได้ ทำไมภึงคิดกัสไปได้ขราดนั้น,โวยใช้กฎหมู่มาวู้กฎหมาย,พลฐอ.ประยุทธ์กฃ่าวด้วยว่า ในส่วนของการออกคำสั่งใช้มารรา 44 นั้น เป็นกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ืี่ผ้านมาเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย฿่แล้ว กฎหมายอาญาหากใครหนีคดีเจเาหน้าที่ใช้กำลังเข้าไปจู่โจมจัย ยึด ต่อสู้ หากมีการใช้อาวุธ แต่ในสถานการณ์ครหมู่มาก 2-5 พันคน ท่ามกลางคนหมู่มาปเช่นนี้เป็นลักษณะกาตใช้กฎหมู่มาสู้กับกฎหมาย แล้วทุำคนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ได้โดยิร็ว เรียกร้องบ่าเมื่อไ่จะทำสักที อยากถสมกลับว่าดล้วจะใป้ทำอย่างไร สันรค้ต้องหาวิธีการพูดคุยกันให้ได้ใากที่สุดว่ร จะลดก่รใช้มาตรา 44 ไดิอย่างไร ต้องะึ่งกันทั้ง 2 ง่าย ขอให้เราเข้าไปตรวจค้น โดยไม่มีการขัดขวางในทุกพื้นที่ เพราะมีกยานหลักฐานจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นฝานสำนักงานพระพุทธซาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาีม อวค์กรสงฆ์ องค์การาิทธิมนุษยชน ตอนนี้ริกันแยูื และเข้าไกร่วมทำงานอ้ววทุกวัน ธดยมีตัวอทนเข้าไป,โต้องค์กรพุทธเกาหลี–เาียนมาต้าน รบ.,พล.อ.ผระยุทธฺกลราวต่ิว่า พยายามระมัดระวังอย่างเต็มที่ เชิญทุกคนให้มาอยู่ที่วัด เขาดูอยู่ กระทรวงการจ่างปนะเทศติดตทมและชี้แจงไปยังต่างปคะเทศ ไดืสั่งการให้แปลทั้งภาษาไทยแลุอังก๐ษ สถานทูตต่างๆวนประเทศรับเนื่องไป และชี้แจงทำความเช้าใจว่าขณะน่้เราใช้มาตรา 44 อข่มงไร เกิดสถานการณ์อะไรขึ้น และวันเดียวกันได้สอบถามไปยังต่างประเทศที่มีข่าวว่าสีการเคลื่อนไหวขององค์กรพุทธศาสนาที่เกาหลีใต้จริงหรือไม่ เขาชี้แจงกลับมาวทาไม่ใช่ เป็นการประชุมพุาโศาสตาโลกอยูืแล้ว มีใครนัแคนไม่รู้วาาพวกใคร ไปหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา แต่ไม่ได้นำเข้าไปปารือในท้่ประชุม เป็นการเอาออกมาพูดกันข้างนอกกันใหญ่โต อีกทั้งกระทรวงการต่าวประเทศ และสถานทูต เช็กรายละเอียดมาแล้ว เช่นเดียวกันกรณีข่าวกลุ่าชาวพุทธเมียนมาชาตินิยมชุมนัมประท้วงหน้าสถานทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประณาทความพยายามปิดล้อมวัดพระฑรรมกายขเงรัฐบาลไทย ได้ปรดสานเมียนมาแล้ว เข้าใจกันดีว่า/ม่ใช่อย่างนั้น เรา/ม่ได้ใช้กำลังอะไรเลย,ยัน กซม.รรอบคลุมทุกตารางนิ้ว,นายกฯกล่าวอีกว่า ปรดเด็นทุกคนต้องเข้าฝจว่าเมื้อมีหสรกระทำผิดกฎหมายที่ใดๆก็ตาม กฎหมายจำเผ็นค้องเข้าไปให้ะึง อย่าลืมว่าก๓หมายครอบคลุมทุกตารางนิ้วของประเทศไทย อันไหนที่ทำได้จับฟด้ก็จบ อันไหนทำยึงไม่ไอ้ยังไม่จบ ถึงพูดเสมอว่าอย่าทำผิดกฎหมาย ถ้าทไผอกกฑหมายแล้วบอกว่าเจ้าหนเาที่ใช้ความรุนแรง ไม่เป็นความจริง ยัง_ม่ได้ใช้ความรึนแรงอะไรสักอย่าง ปกติถ้าาีการจับกุมแล้วมีการต่อสู้เจ้าพนักงานต้องโแนหนีก หาดใช้อาวุธมาเจ้าหน้าที่ก็ใช้ได้ แต่วีนนึ้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้่ำอะไรสักอย่าง ยังไม่เห็นมีอาวุธสักชิ้นเลย ขอร้องว่าดย่ทไปทำอะไรใหเวุ่นวาย จะต้ดวหมทางออกด้วยการดูดคุยกันให้ได้ แตาต้องพูดคึวภายใต้กฑหมาย _ม่ใช่จดพูดคุยแล้วต้องยกเลิกไม่มีกฎหมาย ไปพูดคุยไกตกลลกันเองมันไม่ได้ กฎหมายของบ้านเมืองต้องเป็นไปตามนั้น และหวังว่าสถานหารณ์จะเรียบร้อยด้บสเร็วไว เพราะมีหลทยเรื่องที่ต้อลปฏิรูป,ไก่อูออกตึว ม.44 ไม่ไดัแก้ทุกอย่าง,ส่วน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล้าวว่า ในการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ปาารภถึงการใช้ทาตรา r4 ควบคุมพื้นทร่วัดพระธรรมกายวีา ขณะนี้มีการออพีวามเห็นนาหหลายส่วนวทาฝ่ายไไนจะชนะหรือแพ้ หรือบ้างก็ว่ม มาตรา 44 ไม่ขลับ ตายกฯเองอยากให้ประชมชนได้รับรู้ว่าไม่มีกฎฟมายไหนแรงไปกว่านี้ แฃะไม่มีกฎหมายไหนที่จะแก้ทุกอย่างสมบูรณ์ เรื่องนี้จะต้องอยู่ที่การยอมรับกฎหมายของตัวบุคคฃ เพื่อให้สังคมมีความสงบเรียช่้อย ต้องตระหนักว่ามาตรา 44 จพอนู่แค่กับรัฐบาลชุดนีเและ คสช.เท่านั้น ถัาทุกรนเอาแต่คิดว่ากฎหมายไหยไม่ถูกก็จุต่อต้าน สังคมก็ไม่สงบสุข อย่าคิดว่ามาตรา 44 จะแำ้ได้ทุกอย่าง แต่อยู่ที่วิธีปฏิบัติตัวของคนต่างหากที่จะช่วยกัจแก้ปัญหานี้ เมิ่อพบคนทำผิดเราก็ต้องช่วยกันกดดัน ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ทุกคนก็เดือดร้อน,ดีเอสไอเพิ่มสอบสวรนอกพื้นที่วัด,วันเดียวกัน นาขสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมใ. ยึติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีการข่าฝพบมึดลุ่มฮาร์ดคอร์การเมืองเก่านอกพื้นทร่แฝงตัวในพื้นที่วัดพระธรรสกายว่า ผู้ปฏิบีติในพื้นที่นะมัดระวังกันอยู่ ตอนนีัอธิบดีกรมสอบสวนตดีพิเศษ (ดีเเสไอ) กับผู้เกี่ยวข้อล หารือกันถึงแผนปฏิบัติในพื้นที่มี่อาจจะมีดารปรับ ขณะนี้ได้รับคใาใร่วมมทอกับคณะสวฆ์เพ้่มมาแขึ้น โดยเฉพาะหารดูแลพระสงฆ์ 2 เรื่อง คือ 1.จะขอให้คณะสงฆ์ไปพูดคุยกับถระสงฆ์มค่มารวมตัวำันบริเวณตลาดกลาง 2.การดูแลเรื่องอาหารัช้มและอาหารเพลโพยจะให้เขาึุยกันใสพืืนทีท ส่วนมาตรการด้านอื่ตๆจะคงไว้ิย่ทงนี้กรอน แต่ทราบว่าดีเอสไอได้เพิ่มการสอบสวนนอกพื้นที่วัดเพิ่มมากขึ้นในย่วนที่เกี่ยวกับพระธัมมชโย เนื่องจากทางวัดพูดเหมือนกับว่าพระธัมมชโยไม่ได้อยู่แล้ว เราพยายามจะให้ได้ข้อยุติะรื่องนี้ให้ได้เร็วที่สุด เมื่อถามว่า มีข่าวจะมีการเปลี่ยนตัวอธิบดีดีเอสไอจริงหรือไม่ คมว.ยุติธรรมกล่าวว่ร ยังอยู่ ข่าวทีาไไน ไม่เห็นเลย ท่านเหนื่อยและทำงานเต๊มที่๙ปัดผลาญงบฯ 60 ล้านปิอล้ดมบึกค้น,เมื่อถามว่าวัดพระ๔รรมพายตั้งข้อสังเกตดรเอสไเใช้งบประมาณในครั้งนี้ถึง 60 ล้านบาทจริงหรือไม่ นายใุวพันธุ์ตอบว่า ไา่เป็นความจริงๆม่ถคง u0 ลัานบาท ดีเอสไอแจ้งว่าไม่ได้สูงขนาดนั้น งบประมาณต้องใช้พดสมตวรด้ใยความประหยัดและจำอป็น ตอนนี้มีพารเอาข้อมํลอะไรบางอย่างออกมาสู้กันทางข่าวสาร แต่ทางการยึดหลักการปฏิบัจิหน้าที่ของเรา การใช้จ่ายเป็นไปตามระเบียบราชการ เมื่อถามว่าการเจรจทยัวมีอยู่หรือไม่ นายสุวพันธะ์ กล่าวว่า การพูดคุยเขาคงไม่ไดีแิดทั้งหมด ในพื้นที่เขาคงคุยพันอยู่ ได้รับราบงานว่าทีการติดต่อประสานงานกันเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก็เข้าไปพูดคุย,บอกสังคมต้องเรียนรู้ทำอย่างไรจึงใงบ,ต่อข้อถามว่าการใช้คำสั่วหัวหน้า คสช.ตาม ม.44 ใช้มา 13 วันแล้วจะถทอว่ากฎหมายพิ้ญษทำอะไรไส่ได้หรือไม่ ต้อฝปรับแผนอะไรหรือไม่ รมว.ยุติธรรสกล่าวฝ่าสังคมต้องเรียนรู้ด้วยว่า เมื่อเราเดินมาถึงแบบนี้ด้สยวิธีการแบบนี้ต้องหยุดชะงักแบบนี้ สังคมต้ดงเรียนคู้ว่าประเทศัรา สังคมเรา ควรจะอยู่กันอยรางไรถึงจะทำให้ทุกอย่าบสงบ ่าบรื่น เจ้าหน้าทีรยึดหลักหฏิบัติแบบระมัดระวัง มีวินัย อดทนอดกลั้น ส่วนทีืมีการตั้งข้อสังเกตง่ามีคนในรัฐบาชนำแผนต่รงๆไปบอกวีดพระธรรมกายเลยทำให้การปฏิบัติการไม่สำเร็จนั้ส เรื้องนี้ไม่ทราบ,นายกฯเรียกถกด่วนแก้ปัญหาธรรมกาย,มีรายลานว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครใ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหา้า คนช.ได้เรียก พล.อ.ประฝิตร วฝษ์สุวรรณ รองยายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินแา รมว.มหมดไทย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธระ รมวฐจุติธรรท พล.อ.เฉบิมชัย ยเทธิสาท ผบ.ทบฦ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชึยจินดา ผบ.ตร.รวมทั้ง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนตดีพิเศษ ฤดีเอสไอ) และ พ.ต.ท.พงญ์พร พราหมณ์เสน่ผ์ ผอฦสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าหารือเป็นการด่วน ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อปรับแนวทางในกสรดำเนิสการกับวัดพีะธรรมกาย โดยใช้เวลาหารืแกง่า 2 ชั่วโมง ก่อนทั้งหมดจะออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเคร่ยด และไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสท่อมฝลชน
ทั้งพระ-สามเณรฝ่าฝืนมีโทษ นายกฯถกชุดไล่ล่าธัมมชโย เผาแล้วศพลุงผูกคอต้านม.44,ดีเอสไอออกหมายเรียก 3 แกนนำที่เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย ปฏิเสธให้รายละเอียด อ้างพบความพยายามยกระดับกลยุทธ์ผลักดันเจ้าหน้าที่ ด้าน พศ.ติดป้ายขู่พระเณรเข้าร่วมชุมนุม ขัดขวางเจ้าหน้าที่มีความผิด โฆษก มส.ชี้ ห้ามพระเณรไปวัดพระธรรมกาย เพราะกลัวพระแนวคิดตรงข้ามวัดดอดมาป่วนในพื้นที่ ส่วนพระ 5 รูป ยุติการอดอาหารประท้วงเลิก ม.44 หลังถูกกล่อมให้ต่อสู้ด้วยแนวทางอื่น ศพลุงอนวัชผูกคอต้าน ม.44 เผาแล้วที่วัดเขียนเขต ส่วนนายกรัฐมนตรีเรียกผู้เกี่ยวข้องถกแก้ปัญหาเครียด ขณะที่องค์กรพุทธยุโรปนำคนประท้วงยูเอ็น รมช.ต่างประเทศ ยัน ตรวจสอบสำนักงานข้าหลวงใหญ่แล้วยังไม่พบรับคำร้องเรียนที่ว่า,กรณีรัฐบาลใช้ ม.44 ประกาศให้วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่ควบคุม พร้อมส่งกำลังตำรวจทหาร มีดีเอสไอเป็นแกนหลักเข้าตรวจค้นตามจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระ ธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาสบคบและร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร แต่ยังไม่พบตัว ขณะเดียวกัน วัดพระธรรมกายได้ขึ้นป้ายเขียนข้อความต้องหารอาหารและยา รวมทั้งนำมวลชนผู้ปกครอง เด็ก พ่อค้า และแม่ค้า ที่อยู่ในเขตพื้นที่วัดพระธรรมกาย เรียกร้องขอให้เจ้าหน้าที่เปิดเส้นทางเข้าออกรอบบริเวณวัด รวมทั้งยกเลิก ม.44 เนื่องจากได้รับความเดือดร้อน โดยมีนายอนวัช ธนเจริญณัฐ ขึ้นไปผูกคอดับคาเสาโทรศัพท์เพื่อประท้วงคำสั่งรัฐ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ยกเลิก ม.44 จนกว่าจะได้ตัวพระธัมมชโย พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงการปะทะ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น,ประเมินสถานการณ์รายวัน,เข้าวันที่ 13 ของการใช้ ม.44 กับวัดพระธรรมกาย โดยความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ก.พ. ที่ บก.ตชด.ภ.1 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีพิเศษภาค พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ ผู้แทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และกรมการปกครอง เข้าร่วมประชุมประเมินสถานการณ์และแนวทางปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย,มีข่าวมวลชนยกระดับต้าน จนท.,ต่อมาเวลา 10.00 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ เปิดเผยว่า ข้อมูลทางการข่าวพบมวลชนจัดตั้งที่ตลาดกลางคลองหลวง มีประมาณ 700 คน เตรียมจะใช้กลยุทธ์ในการผลักดันเจ้าหน้าที่ พยายามจะยกระดับและใช้ลักษณะของมวลชนเข้ามาปฏิบัติการมากขึ้น การข่าวดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แลกเปลี่ยนข้อมูลกันมาโดยตลอด พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีพฤติการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวสนับสนุนมวลชน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในประเทศ แต่จะมีต่างประเทศด้วยหรือไม่นั้น ต้องขอตรวจสอบก่อน จากนี้จะใช้มาตรการจริงจังในการที่จะเรียกคนที่เป็นแกนนำหรือบุคคลที่อยู่เบื้อง หลังประมาณ 40 คน เข้ามารายงานตัว,พ.ต.ต.วรณันกล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้เก็บข้อมูลมา 3-4 วัน เกี่ยวกับมวลชน มี 2 ลักษณะคือ 1.คล้ายกับมวลชนจัดตั้งประมาณ 200 คน จะมีตัวเลขคงที่ และ 2.มวลชนที่เดินทางไปกลับ จะมีเพิ่มขึ้นตามช่วงเวลาที่มีสถานการณ์สำคัญ หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมจะเหลืออยู่ 200-300 คน นอกจากนี้ จะมีพระสงฆ์หมุนเวียนเข้ามา ยังพบข้อมูลทางการข่าวเพิ่มเติมว่า มีการให้มวลชนเล็ดลอดเข้าตลาดกลางคลองหลวง ตามแนวตะเข็บที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ ช่วงเวลา 03.00-05.00 น. กำลังดำเนินการสกัดอยู่,ยืนยันให้นำอาหารเข้าไปได้,เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก็มีคำสั่งไปยังพระสงฆ์ในจังหวัดปทุมธานีหมดแล้วว่า ห้ามเข้าร่วมในการชุมนุมครั้งนี้ ส่วนพระวินยาธิการ และเจ้าคณะอำเภอที่อยู่ที่ประตู 7 วัดพระธรรมกาย ยืนยันแล้วว่าหลังจากที่เข้าไปตรวจคัดกรองพระสงฆ์ ทราบว่าพระสงฆ์เป็นพระที่มาจากสาขาของวัดพระธรรมกาย ตอนนี้มาตรการเชิงรุกทางฝ่ายสงฆ์ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ตรวจสอบใบสุทธิในการเป็นพระ หากไม่มีจะถูกดำเนินคดีข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ส่วนของการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มีการขึ้นป้าย We need food & Drug จริงๆแล้วเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปได้ ดังนั้นปัญหาเรื่องนี้ไม่มี แต่เหตุที่เราต้องควบคุมพื้นที่ไว้ เพราะไม่อยากให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเติมเข้าไปในพื้นที่ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องการให้คนอยู่ภายในออกมา พ.ต.ต.วรณันกล่าว,ก.ม.คุ้มครอง จนท.ฟ้องกลับไม่ได้,พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า อีกประเด็นคือ กลยุทธ์ที่พยายามหาจุดผิดพลาดหรือจุดบกพร่องของเจ้าหน้าที่ และพยายามสื่อสารตีข่าวดำเนินคดี เพื่อให้เจ้าหน้าที่เสียขวัญ เช่น เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการอ้างว่าเจ้าหน้าที่ไปลงลายมือชื่อแทนพระที่จะเข้ามาในตลาดกลางคลองหลวง จริงๆ แล้วแบบสอบถามดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้สอบถามและอำนวยความสะดวกโดยการกรอกข้อมูลให้ แต่พระท้วงติง มีการเปลี่ยนข้อความในเอกสารบางข้อให้แล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ไม่มีการปกปิดอะไร ทั้งนี้การปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง คสช.ที่ 5/2560 ในข้อ 10 ได้คุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไว้อยู่แล้ว ที่กำหนดการบริหารงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถูกฟ้องทางแพ่งและอาญาไม่ได้อยู่แล้ว ต้องเรียนให้ทราบ เพราะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตอยู่แล้ว,สกัดรถตู้ขนพระเข้าตลาด,ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.30 น. บริเวณด่านสกัดร่วม บริเวณริมถนนคลองหลวง-หนองเสือ ช่วงก่อนถึงตลาดกลางคลองหลวง เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ได้ตรวจค้นรถตู้คันหนึ่งที่วิ่งผ่านเข้ามา พบพระ 8 รูป มาจากจังหวัดร้อยเอ็ด 3 รูป จังหวัดอุบลราชธานี 5 รูป เพื่อไปสมทบพระที่ตลาดกลางคลองหลวง แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผ่าน ก่อนทำประวัติพระทั้งหมด และนิมนต์ให้เดินทางกลับทันที,ถ้าไม่อยู่วัดพระธรรมกายให้กลับ,นายพลังชาติ เหมือนแก้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ระดับชำนาญการพิเศษดีเอสไอ เผยว่า พระที่ไม่ได้สังกัดวัดพระธรรมกาย จะไม่ให้เข้าไปภายในตลาด เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบใบสุทธิและทำประวัติไว้ แล้วนิมนต์ให้เดินทางกลับ หากไม่ประสงค์จะเดินทางกลับ เจ้าหน้าที่ พศ. จะประสานวัดที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อให้พักจำวัดต่อไป ล่าสุดวันนี้ตรวจคัดกรองไปแล้วพบว่าไม่ใช่พระวัดพระธรรมกาย 13 รูป ได้ประสานให้ญาติพากลับวัดที่สังกัดอยู่ ส่วนที่เหลือได้ประสานให้ไปพักที่วัดใกล้เคียงแล้ว,ออกหมายเรียกแกนนำแล้ว 3 คน,ต่อมาเวลา 13.15 น.ที่ บก.ตชด.ภ.1 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ปิดป้ายห้ามพระสงฆ์ชุมนุมบริเวณประตู 4 ประตู 5 ประตู 7 และที่ตลาดกลางคลองหลวง เป็นนโยบายที่ชัดเจนในการปฏิบัติ อีกส่วนหนึ่งเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ตั้งโต๊ะร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารในการตรวจหนังสือสุทธิ พระที่พยายามจะเข้าไปที่วัดพระธรรมกาย และให้ลงทะเบียนก่อน ถ้าไม่มีการตรวจจะมีบุคคลแปลกปลอมเข้ามา กรณีนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ที่ผ่านมาพระสงฆ์อาจไม่พอใจที่มีการตรวจสอบหนังสือสุทธิ แต่พอได้ชี้แจงท่านก็เข้าใจ แต่ละวันจะมีพระเดินทางมาประมาณวันละ 50-150 รูป เมื่อเข้าใจก็เดินทางกลับภูมิลำเนา ในส่วนของแกนนำ 40 คน เมื่อคืนที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา พงส.สภ.คลองหลวง ได้ออกหมายเรียกมาพบ 3 คน แต่ยังไม่ขอเผยรายละเอียดว่าใครบ้าง และกำลังทยอยออกหมายเรียกอีกกว่า 20 คน นอกนั้นอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน,ศรีวราห์แจงยอดรวม 343 คดี,จากนั้นเวลา 16.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าจังหวัดปทุมธานี ข้าง สภ.คลองหลวง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย มี พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 ชี้แจงและนำมีดที่ยึดมาจากศิษย์วัดพระธรรมกาย และเสื้อเกราะที่ยึดจาก พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ อดีต ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนหน้านี้ มาให้ดู โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายไปแล้วทั้งหมด 343 คดี มีคดีที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. รวมอยู่ด้วยทั้งหมด 27 คดี แบ่งเป็นความผิดข้อหาพกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม 8 คดี ที่เหลือคือฐานความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ตำรวจจะดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานและตามที่ดีเอสไอได้แจ้งความร้องทุกข์,พศ.ติดป้ายขู่พระเณรอย่าขัดขวาง,ส่วนบรรยากาศทั่วไปที่วัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ช่วงเช้า ที่บริเวณประตู 7 เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้นำป้ายไวนิลมาติดตั้งบริเวณทางเข้า มีข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษว่า ประกาศ งดภิกษุ-สามเณร ชุมนุมขัดขวางเจ้าหน้าที่ บริเวณวัดพระธรรมกายเป็นความผิดตามกฎหมาย รวมทั้งนำไปติดตั้งบริเวณจุดคัดกรองตลาดกลางคลองหลวง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็นำป้ายไวนิลไปติดไว้เช่นกัน,พระสนิทวงศ์ขอพระเลิกอดอาหาร,ส่วนที่หน้าประตู 5 พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ 13 ของการละเมิด สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชน เป็นวันสุดท้ายการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามหมายการตรวจค้นพร้อมระบุว่า 1.กรณีพระสงฆ์อดอาหารนั้น ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 13 ของการถูกจำกัดพื้นที่เข้าออก ยังมีพระสงฆ์ประท้วงให้ยกเลิกมาตรา 44 ด้วยการอดอาหาร 5 รูป ขออนุโมทนาในจิตใจแห่งพุทธบุตรผู้เข้มแข็ง ฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้ อย่างไรก็ตาม ขอกราบอาราธนาให้ยุติเถิด เชื่อว่าถ้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านทราบเรื่อง ก็คงให้ยุติภารกิจนี้ด้วย กราบอาราธนาทุกรูป เก็บกำลังกายกำลังใจ ไว้เทศน์สอนญาติโยมเถิด แต่อย่าพึงสละชีวิตตอนนี้ ขอฝากสื่อไปถึงท่านเหล่านั้นด้วย,ไม่รู้ใครขึ้นป้ายขออาหาร,2.กรณีประชาชนขึ้นป้าย We need food ไม่ทราบว่าใครขึ้นป้าย แต่ก็ยินดีเอาลง อย่างไรก็ตามประชาชนไม่มีข้าวกิน เขาก็บอกว่า เขาไม่มีข้าวกิน เขาผิดตรงไหน ในประกาศมาตรา 44 มีบอกหรือว่า ประชาชนห้ามบอกว่าหิวข้าว และกรณีท่านทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่มี คสช. คสช. ที่ย่อมาจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้น ปัจจุบันสงบจริงหรือไม่ ประชาชนในชาติคงเห็นได้อย่างชัดเจน ชนชาติไทยนั้น มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งสมัยยุคกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี นับเนื่องมาผ่านยุคกรุงศรีอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี จนกระทั่งถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ 700 กว่าปี ก็ไม่มี คสช. ก็มีความสงบสุขเรื่อยมา,เหน็บไร้ คสช.ก็มีความสุขได้,รัฐบาล คสช. มาเพียง 3 ปี ทุกท่านก็สามารถนิยาม ความสุข ที่ คสช.คืนมาให้พวกเราได้หลากหลาย เราเชื่อว่า ถ้าไม่มี คสช. เราทั้งหลายก็ยังคงมีความสุขได้ตามอัตภาพแห่งตน ท่านทั้งหลาย ตาม กฎไตรลักษณ์ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอน คือ ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ดังนั้น คสช.อย่ายึดติดในอำนาจเลย เพราะตามหลัก โลกธรรม 8 ประการ คือ มีลาภ-เสื่อมลาภ, มียศ-เสื่อมยศ, มีสรรเสริญ-มีนินทา, มีสุข-มีทุกข์ ปะปนกันไป ดังนั้น อำนาจมาแล้วก็ไป เป็นของนอกกาย ได้มาแล้วก็ต้องปล่อยไป ให้คนรุ่นหลังมารับภาระแทน ดังนั้น ถึงไม่มี คสช. ด้วยความสามารถของคนไทยเราเอง ประเทศชาติเราก็เดินหน้าไปได้อย่างแน่นอน,ให้ รบ.นำรับสั่งสังฆราชมาใช้,3.การยื่นเอกสาร UN กรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการแสดงออกตามหลักสิทธิเสรีภาพ ของพลเมืองในประเทศประชาธิปไตยทั้งหลาย เพราะสังคมปัจจุบัน มีความซับซ้อนมากขึ้น ในเชิงอัตลักษณ์ที่หลากหลาย แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและสันติ การแสดงออกในเชิง สันติสนทนา ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช้กำลังทหารเป็นสิ่งที่โลกหรือประเทศที่เจริญแล้ว ใช้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะการแก้ไขปัญหาด้วยกำลังทหาร เป็น สันติภาพเชิงลบ คือ ยุติปัญหาหนึ่งได้ แต่ก่อ ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ที่ตามมามากมาย ถ้าประชาชนกับประชาชน หรือประชาชนกับรัฐ รบกันเอง ไม่มีใครแพ้ใครชนะ แต่ประเทศชาติต่างหากที่จะเป็น ผู้แพ้ ขอให้รัฐบาลน้อมนำรับสั่งของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 มาใส่เกล้าว่า เรื่องของวัดพระธรรมกาย ขอให้ยุติด้วยความสงบ เรียบร้อย ไม่รุนแรงเถิด,ติทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก,4.ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากการที่ดีเอสไอไม่ยอมมาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัด ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก จนบานปลายขนาดนี้ ใครจะรับผิดชอบอธิบดีดีเอสไอ ควรไปตามทวงเงิน 10,000 กว่าล้านบาท จากที่อื่น เพราะจากเอกสารทางการเงินของทางวัด ได้ระบุการรับ การจ่าย ไปหมดเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งคณะศิษย์ยังลงขัน ตั้งกองทุนเพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้อีกด้วย ที่สำคัญ ประธานสหกรณ์ ได้ทำหนังสือขอบคุณมายังวัดพระธรรม–กาย เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การมาดำเนินคดีกับหลวงพ่อธัมมชโย ย่อมไม่พบอะไร ดังเช่นสุภาษิตของไทยที่ว่า หาหนวดเต่า เขากระตาย ย่อมไม่พบอะไร,ให้พร ตร.ดีเอสไอทหารยันนักข่าว,5.พื้นที่ของวัดถูกควบคุมด้วยเจ้าหน้าที่รัฐ 100% การเข้าออกของพระภิกษุ แม้ไปบิณฑบาต ตอนเช้าต้องพกหนังสือสุทธิสงฆ์ยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เพื่ออนุญาตให้เข้า-ออกได้ แต่มีข่าวจะมีการใส่ร้ายวัดว่า ปืนเจ้าหน้าที่ 400 กระบอกที่หายไป จะเอามาซุกที่ตู้คอนเทนเนอร์ในพื้นที่วัด ซึ่งปกติใช้เก็บบาตรและจีวร เพื่อโครงการบวชพระแสนรูปทั่วไทย ขอชี้แจงล่วงหน้าหลังจากวันที่ 19 ก.พ.เป็นต้นมา หากเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น ไม่เกี่ยวกับทางวัด เพราะวันที่ 16-18 ก.พ. เจ้าหน้าที่ค้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนและประกาศว่า ไม่พบเป้าหมาย ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ขออวยพรว่า เจ้าหน้าที่ท่านใดตรวจค้นจับบาตรและจีวรแล้ว รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร ที่มาปฏิบัติหน้าที่ทุกผลัด ทุกท่าน รวมทั้งสื่อ มวลชนที่มาทำข่าวทุกท่าน ขอให้ทุกภพทุกชาติได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา และได้บวชตลอดชีวิตทุกชาติเทอญ,ไม่พบธัมมชโย ขอให้ยกเลิก ม.44,6.วัดพระธรรมกายยึดหลัก ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารี ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม และ เย ธัมมา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุง ตะถาคะโตเตสัญจะ โย นิโรโธจะ เอวัง วาที มะหาสะมะโณ แปลได้ว่า ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสบอกถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น พร้อมทั้งความดับแห่งเหตุของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสสอนอย่างนี้ หมายความว่า เหตุเกิดที่ใด ให้ดับที่นั้น รัฐเป็นคนออกคำสั่ง ม.44 เมื่อไม่พบเป้าหมาย ก็ยกเลิกเสียเหตุการณ์ความไม่สงบก็จะจบลง ทางวัดและลูกศิษย์ถอยมาหลายก้าวแล้วจนหลังติดกำแพงวัดแล้ว ขอให้รัฐเห็นก็บ้านเมือง ถอยเพียง 1 ก้าว ยกเลิกมาตรา 44 เถิด,ไม่พบสิ่งผิด ก.ม.แต่กลับไล่พ้นวัด,7.ส่วนกรณีที่มีหมายค้น วัดพระธรรมกายได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด ในการตรวจค้นทุกพื้นที่ ตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการ และในคืนวันที่ 16-17 ก.พ. มีเจ้าหน้าที่ 10 นาย คอยผลัดเปลี่ยนทุก 2 ชั่วโมง มาพักค้างภายในเขตวัด เป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่สรุปภารกิจว่าไม่พบเป้าหมาย และไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ในวันที่ 4 ของภารกิจ เจ้าหน้าที่ประกาศให้พระภิกษุสามเณร และประชาชนผู้บริสุทธิ์ออกจากพื้นที่วัดพระธรรม–กายภายใน 15.00 น. เป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชน เห็นว่าไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนบุคคลของหลวงพ่อธัมมชโย แต่เป็นเรื่องของหลักการในวงกว้าง ที่พระพุทธศาสนาถูกย่ำยี คุกคาม ด้วยความไม่ชอบธรรมของกฎหมาย,ขอให้ยกเลิก ม.44 โดยเร็ว,พระสนิทวงศ์กล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้องให้ ยุติการบังคับใช้มาตรา 44 กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับองค์กรที่เป็นส่วนหนึ่งในเสาหลักของประเทศไทย คือ พระพุทธศาสนา หากคงการบังคับใช้มาตรา 44 นี้ไว้ จะเกิดผลกระทบกับพระภิกษุสามเณร และประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปในวงกว้าง เพราะความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา รวมไปถึงประเทศชาติจะถูกทำลาย เพราะไม่เคยมีการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะเช่นนี้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย กับองค์กรทางศาสนามาก่อน ขอเรียกร้องให้ผู้ที่มีอำนาจยกเลิกการบังคับใช้มาตรา 44 นี้โดยเร็ว,ศิษย์ชูป้าย ไม่จบ–ไม่กลับ,เวลา 12.00 น. ที่หอฉัน อาคาร 100 ปี มีศิษยานุศิษย์ร่วม 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นสตรี ผู้สูงอายุ สับเปลี่ยนเวรเฝ้าหน้าประตู 5-6 ตะโกนสู้ๆ สู้ไม่ถอยพร้อมถือป้ายข้อความ สู้ไม่ถอย ไม่ยอม ไม่จบ ไม่กลับ และ ชนะเท่านั้น โดยไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่มาตรวจยึดวัด,ผ่อนปรนให้ผู้ไปรับส่งนักเรียน,มีรายงานจากบริเวณถนนเลียบคลอง 3 ถนนบางขันธ์-หนองเสือ ฝั่งที่ติดกับพื้นที่วัดพระธรรม–กาย ด้านประตู 1 และประตู 4 เจ้าหน้าที่เริ่มผ่อนปรน อนุญาตให้ผู้ปกครอง และรถรับส่งนักเรียนวิ่งผ่านเข้าออกใช้เส้นทางได้ตามปกติ ช่วงเช้าและเย็น เพื่อลดผลกระทบและความเดือดร้อนในการเดินทาง ส่วนชาวบ้านและบุคคลทั่วไปยังคงห้ามใช้ถนนเลียบคลอง 3 เหมือนเดิม หลังเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผ่านก่อนหน้านี้ หากสถานการณ์เริ่มตึงเครียดก็ต้องคงงดผ่านทุกกรณีเช่นเดิม,นิมนต์แกนนำพระในตลาดหารือ,ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่ตลาดกลางคลองหลวง พระครูมงคลกิจจารักษ์ เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง พร้อมด้วยตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ดีเอสไอ และทหาร ได้นิมนต์ พระเสกสรรค์ อัตตทโม พระลูกวัดเครือข่ายวัดพระธรรมกาย แกนนำประท้วงเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในตลาดกลางคลองหลวง เข้าไปพูดคุยในรถตู้ของ พศ. ทะเบียน ฮย 1715 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่บริเวณริมถนนคลองหลวง เพื่อเจรจาขอตรวจสอบหนังสือสุทธิของพระที่อยู่ในตลาดกลางคลองหลวง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังจากพูดคุยเสร็จสิ้น พระเสกสรรค์ให้สัมภาษณ์สั้นๆว่า จะแถลงข่าวเวลา 17.00 น. เกี่ยวกับประเด็นที่ได้พูดคุยบนรถตู้ นอกจากนี้ การตรวจหนังสือสุทธิสงฆ์ของเจ้าหน้าที่เป็นการตรวจเฉพาะพระภิกษุที่จะเข้ามาในตลาดกลางคลองหลวงเท่านั้น ยังไม่เคยตรวจพระที่อยู่ในตลาดกลางคลองหลวงเลย,5 พระสงฆ์ถูกกล่อมยุติอดอาหาร,จนกระทั่งเวลา 17.00 น. ตัวแทนพระเครือข่ายวัดพระธรรมกาย 3 รูป ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการไม่ไว้วางใจการทำงานของดีเอสไอ การเรียกร้องให้ยกเลิก ม.44 การเสียชีวิตของนายอนวัช ที่ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล ก่อนที่พระทั้ง 5 รูปในนามกลุ่มอารยะ 072 จะประกาศยุติอดอาหาร เนื่องจากพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ หลังอดอาหารมาแล้วกว่า 6 วัน โดยจะหาแนวทางวิงวอนให้รัฐบาลยกเลิก ม.44 ในรูปแบบอื่นต่อไป ส่วนข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นข้อเสนอไปเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ แต่ก็ไม่ได้คาดหวัง เนื่องจากไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง อย่างไรก็ตาม สำหรับหมายค้นนั้นจะหมดในวันที่ 1 มี.ค. อยากให้ยกเลิก ม.44 ไปด้วย เพื่อที่จะเปิดทางให้พระสงฆ์เข้าไปปฏิบัติธรรมภายในวัดพระธรรมกายตามปกติ,ปลดป้ายต้าน ม.44–บิ๊กตู่,ขณะเดียวกัน ที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ได้ปลดป้ายผ้าใบสีน้ำเงินขนาดใหญ่เขียน we need food & drugและข้างๆเขียนข้อความภาษาอังกฤษ ต่อต้านรัฐบาลในการใช้ ม.44 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า Article 44 violates Human rights. Blocking Monks & Novices from entering Wat phra Dhammakaya Deprive them from access to food & medicine. Gen. Prayut, Are you still a human หลังจากกลุ่มศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย พยายามจะสื่อสารไปถึงนายกฯ และภายนอกประเทศไทย โดยป้ายถูกนำมาแขวนไว้ตอนช่วง 16.00 น.,ขณะเดียวกัน ป้ายผ้าใบสีขาวเขียนข้อความว่า We need food & drug ที่แขวนบนยอดหอสูง 30 เมตร ใกล้อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ในวัดพระธรรมกายได้ถูกปลดลงแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา พระสนิทวงศ์ วุฒฑิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ระบุไม่รู้ว่าใครเอามาติด,เผาศพลุงอนวัชประท้วง ม.44,อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 14.00 น.ที่วัดเขียนเขต (พระอารามหลวง) ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีพิธีฌาปนกิจศพนายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ 64 ปี ที่ก่อเหตุผูกคอกับเสาสัญญาณโทรศัพท์ใกล้ตลาดกลางคลองหลวง เสียชีวิตเพื่อประท้วงรัฐบาล กรณีใช้มาตรา 44 กับทางวัดพระธรรมกาย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ญาตินำศพสวดพระอภิธรรมที่วัดเขียนเขต มี พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เป็นประธานประชุมเพลิง และพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต (พระอารามหลวง) เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นอกจากนี้ ยังมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ นายอาวุธ วิเชียรฉาย นายอำเภอธัญบุรี นายขุนไกร สุขสุมิตร ปลัดอำเภอธัญบุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งประชาชนและลูกศิษย์วัดพระธรรมกายกว่า 300 คนมาร่วมงาน,ลูกชายบอกเหตุเลื่อนวันเผาพ่อ,ด้านนายรัฐณัณท์ ลูกชายผู้ตาย เปิดเผยสั้นๆว่า ครอบครัวเสียใจและช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้ต้องขอขอบคุณหลายๆฝ่ายๆ ที่เข้ามาร่วมแสดงความเสียใจและเข้ามาช่วยเหลือ ส่วนการที่เลื่อนการประชุมเพลิงจากครั้งแรกได้พูดคุยกันไว้ว่าจะเผาวันพุธที่ 1 มี.ค. แต่ทางมารดาตนและญาติๆอีกหลายคนเห็นว่าไม่ควรเผาวันพระ เพื่อความสบายใจ และเป็นความเชื่อของครอบครัว จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 28 ก.พ. ยืนยันว่าไม่มีใครมากดดันหรือเร่งให้รีบจัดงานศพแต่อย่างใด,ลุยค้นเครือข่ายที่เมืองเลย,วันเดียวกัน พ.อ.สมหมาย บุษบา เสนาธิการ มทบ.ที่ 28 ค่ายศรีสองรัก นำทหาร ตำรวจ สภ.นาดินดำ และนายสุนันท์ ขันทะสิทธิ์ ผอ.กองการศึกษาเทศบาลตำบลนาดินดำ อ.เมืองเลย เข้าตรวจสอบศูนย์ปฏิบัติธรรมแก้วเมืองเลย สำนักงานกัลยาณมิตรเลย ตรวจสอบที่ดินพบมีโฉนดถูกต้อง ภายในมีสิ่งปลูกสร้าง อาทิ อาคารพักชั่วคราวมุงหญ้าแฝก 1 หลัง เต็นท์ของ อบจ.เลย 2 หลัง ที่พักคล้ายกุฏิ 3 หลัง และตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกอีกหลายรายการ มีพระ 3 รูปแสดงตัวเป็นผู้ดูแล แต่ทั้งหมดไม่มีใบสุทธิมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ อ้างว่าเพิ่งบวชได้ 2 เดือน พ.อ.สมหมายได้ตักเตือนและขอให้ย้ายออกไปเพราะไม่มีใบอนุญาตก่อตั้งวัดหรือสำนักสงฆ์ สำหรับศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ เป็น 1 ในเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย ย้ายมาจากจุดเดิมเยื้องห้างเทสโก้โลตัส สาขาเลย ถนนมลิวรรณ ต.นาอาน อ.เมืองเลย โดยมีนักการเมืองคนหนึ่งในอบจ.เลยสนับสนุนการก่อสร้างอาคารถาวร,ผอ.พศ.ใหม่บอกไม่มีอะไรกดดัน,วันเดียวกัน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวหลังเข้าร่วมประชุมและถวายสักการะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ว่า กรณีวัดพระธรรมกายนั้น เรื่องกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบ้านเมือง ส่วน พศ.มีหน้าที่อำนวยความสะดวก และประสานงานกับคณะสงฆ์ ที่ผ่านมาทางคณะสงฆ์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และทางกรรมการ มส.ยินดีที่จะช่วย ขณะนี้ พศ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนาไปประสานงานกับดีเอสไอในการดำเนินการตรวจหนังสือสุทธิพระสงฆ์ที่ไปสวดมนต์บริเวณวัดพระธรรมกาย รวมทั้งคอยประสานงานในเรื่องต่างๆ ทั้งนี้ การที่ตนโดนคำสั่งให้ย้ายมาเป็น ผอ.พศ.ในช่วงที่มีสถานการณ์เกี่ยวกับคณะสงฆ์มากมายนั้น ไม่รู้สึกกดดัน เพราะตอนที่ทำงานอยู่ที่ดีเอสไอก็ทำหน้าที่ในด้านการสืบสวนสอบสวน ถือว่ามีความกดดันอยู่แล้ว,มส.เกรงพระตรงข้ามธรรมกายป่วน,ด้านพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) โฆษก มส. กล่าวว่า การที่ พศ.มีหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดทั่วประเทศ ขอความร่วมมือในการงดให้พระสงฆ์เดินทางมาวัดพระธรรมกายนั้น เนื่องจาก มส. และ พศ. เป็นห่วง เกรงว่าจะมีพระสงฆ์ที่ไม่ชอบวัดพระธรรมกายมาสร้างสถานการณ์ ทำให้เกิดความวุ่นวายได้ เพราะต้องยอมรับว่ามีพระจากบางวัดที่ไม่ชอบวัดพระธรรมกายก็มีอยู่ ส่วนกรณีที่หากมีพระสงฆ์ที่ต้องการจะไปร่วมสวดมนต์หน้าวัดพระธรรม–กายนั้น หากเดินทางมาแล้วก็ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย,องค์กรพุทธยุโรปร้องยูเอ็น,ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลกรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. องค์กรพุทธยุโรป ได้ยื่นหนังสือต่อนายเซียด รา แอด ออล ฮุสเซน ประธานองค์กรสิทธิมนุษยชน ประจำสหประชาชาติ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาติ นครเจนีวา ในวันดังกล่าวมีการประชุมสามัญประจำปี องค์กรสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 34 และมีรัฐบาลทั่วโลกจาก 193 ประเทศเข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้ การยื่นหนังสือดังกล่าว เพื่อแจ้งเจตจำนงของชาวพุทธยุโรปในการหยุดยั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลไทยที่มีอันตรายต่อพระพุทธศาสนาดังเช่นกรณีการใช้มาตรา 44 ต่อวัดพระธรรมกาย และชาวพุทธผู้บริสุทธิ์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สำหรับชาวพุทธที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้มาจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ เยอรมนี สวีเดน เดนมาร์ก ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย โดยเฟซบุ๊กดังกล่าวยังเผยแพร่ภาพองค์กรพุทธยุโรป ขณะยืนชุมนุมอยู่หน้าสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาตินครเจนีวาด้วย แต่กลับไม่มีภาพขณะที่ยื่นหนังสือดังกล่าวแต่อย่างใด,ผู้ประท้วง–พระสงฆ์รวมตัวต้านมาตรา 44,มีรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 น. ของวันที่ 27 ก.พ. (ตามเวลาท้องถิ่น) กลุ่มผู้ประท้วงดังกล่าว 60-70 คน พร้อมพระสงฆ์ 5-6 รูป ได้มารวมตัวกันที่ลานบริเวณข้างสำนักงานสหประชาชาติ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้คนนิยมไปถ่ายรูป มีการถือป้ายประท้วงและถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเนื่องจากเป็นวันเปิดประชุม,ไม่พบยื่นร้องข้าหลวงใหญ่ฯยูเอ็น,ขณะที่นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รมช.ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางมาเข้าร่วมประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่สำนักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กล่าว ถึงกรณีดังกล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ได้ตรวจสอบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯแล้ว ได้รับแจ้งว่า ในชั้นนี้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯยังไม่ได้รับข้อร้องเรียนใดๆ จากกลุ่มดังกล่าวตามที่การอ้างถึง แต่จะติดตามต่อไปว่ามีการยื่นเรื่องตามช่องทางอื่นหรือไม่,แม่ทัพ ภ.1 หอบผังวัดรายงาน บิ๊กป้อม,ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 เดินทางมายังตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยนำแผนผังพื้นที่วัดพระธรรมกายมาประกอบในการรายงานสถานการณ์กรณีวัดพระ ธรรมกาย ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กระทั่งเวลา 08.45 น. พล.ท.อภิรัชต์ และ พล.ต.ธรรมนูญ ได้เดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาลโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด,บิ๊กป้อม ชี้ ธัมมชโย มอบตัวคลี่คลาย,ต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้าพบก่อนประชุม คสช.ว่าได้สอบถามความคืบหน้ากรณีวัดพระธรรมกายเกี่ยวกับรายละเอียดกำลังพล และราคาค่าเสบียงอาหารที่มีกระแสข่าวว่าใช้ค่อนข้างสูง ขณะนี้ได้ปรับลดราคาลงมาจากเดิมที่ใช้มื้อละ 80 บาท เหลือมื้อละ 50 บาท ส่วนจะปรับแผนอย่างไรหรือไม่นั้น ขอเวลาในการดำเนินการอีกระยะหนึ่ง อยากให้พระธัมมชโยออกมามอบตัวทุกอย่างจะคลี่คลาย,เชื่อลูกศิษย์ธรรมกายปกป้องบุคคล,เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มั่นใจหรือไม่มั่นใจผมไม่รู้ แต่จากที่เราใช้มาตรา 44 แก้ปัญหานี้ ค่อนข้างมั่นใจ เพราะการที่พระและฆราวาสปกป้องวัดธรรมกายนั้นมองว่าเป็นการปกป้องตัวบุคคล การไม่ให้เข้าวัดต้องมีสาเหตุ ประมาณการว่าน่าจะเป็นบุคคลที่ไม่ต้องการให้เราเข้าไปเห็น ถามอีกว่า ถึงเวลาใช้ไม้แข็งหรือยัง พล.อ.ประวิตรตอบว่า กับพระไม่มีไม้แข็ง เรื่องนี้ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม คงจะพูดคุยต่อไป ส่วนกรณีที่วัดพระธรรมกายเรียกร้องไปยังองค์กรชาวพุทธนั้น ไม่มีปัญหาอะไร และไม่จำเป็นต้องชี้แจง นอกจากมีการสอบถามมา เขารู้เราไม่มีเจตนาละเมิดสิทธิของพระ เราทำเพียงแต่เรื่องที่มีความผิดตามกฎหมาย ส่วนบทบาทของทหารขณะนี้ยังให้อยู่ข้างนอกเช่นเดิม ยังไม่ปรับแผนอะไร ยังใช้แผนเดิมไม่ให้คนเข้าไปข้างใน และป้องกันไม่ให้มีมือที่ 3 ที่จะทำให้เกิดความสูญเสีย,บิ๊กตู่ สั่ง สุวพันธุ์ ถกหาทางออก,บ่ายวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ประสานหาความร่วมมือระหว่างรัฐกับทางวัดให้ได้ว่าจะมีทางออกกันอย่างไร เพราะรัฐบาลและเจ้าหน้าที่มีกฎหมายต้องปฏิบัติ วัดเองเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น และความศรัทธา ต้องหาทางออกร่วมกัน วันที่ 28 ก.พ.ได้สั่งให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ไปพิจารณาหาทางออกร่วมกับพระ กฎหมายก็คือกฎหมาย ต้องการให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยให้เร็วที่สุด เพราะมีผลกระทบกับอย่างอื่นด้วย ไม่อยากทำให้ทุกคนเดือดร้อน ไม่อยากทำให้พระสงฆ์เดือดร้อนทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องกฎหมาย,อย่าเชื่อข่าวปั่นไทยพุทธงัดมุสลิม,เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างกระแสว่า มีกลุ่มมุสลิมอยู่เบื้องหลังการดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มผู้ไม่หวังดี ไม่ต้องมาถาม รัฐบาลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันแก้ปัญหาภาคใต้ ดูแลชาวไทยมุสลิมให้มีความสุข ขอร้องว่าอย่าไปกดดันซึ่งกันและกัน ประเทศไทยจะปล่อยให้เกิดปัญหาระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิมไม่ได้ ทุกคนต่างเป็นคนไทยทั้งสิ้น หลายเรื่องที่ออกมาทุกวันนี้อยากให้ทุกคนทบทวนและดูข้อเท็จจริง ตัวอย่างเช่น มีการปล่อยข่าวว่าตนเปลี่ยนศาสนาแล้วจากไทยพุทธเป็นไทยมุสลิม การดำเนินการต่างๆเพื่อต้องการยึดพื้นที่ให้กับชาวไทยมุสลิม เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงคิดกันไปได้ขนาดนั้น,โวยใช้กฎหมู่มาสู้กฎหมาย,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการออกคำสั่งใช้มาตรา 44 นั้น เป็นกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีอำนาจอยู่แล้ว กฎหมายอาญาหากใครหนีคดีเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าไปจู่โจมจับ ยึด ต่อสู้ หากมีการใช้อาวุธ แต่ในสถานการณ์คนหมู่มาก 2-5 พันคน ท่ามกลางคนหมู่มากเช่นนี้เป็นลักษณะการใช้กฎหมู่มาสู้กับกฎหมาย แล้วทุกคนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว เรียกร้องว่าเมื่อไรจะทำสักที อยากถามกลับว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร วันนี้ต้องหาวิธีการพูดคุยกันให้ได้มากที่สุดว่า จะลดการใช้มาตรา 44 ได้อย่างไร ต้องพึ่งกันทั้ง 2 ฝ่าย ขอให้เราเข้าไปตรวจค้น โดยไม่มีการขัดขวางในทุกพื้นที่ เพราะมีพยานหลักฐานจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นงานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคม องค์กรสงฆ์ องค์การสิทธิมนุษยชน ตอนนี้รอกันอยู่ และเข้าไปร่วมทำงานด้วยทุกวัน โดยมีตัวแทนเข้าไป,โต้องค์กรพุทธเกาหลี–เมียนมาต้าน รบ.,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า พยายามระมัดระวังอย่างเต็มที่ เชิญทุกคนให้มาอยู่ที่วัด เขาดูอยู่ กระทรวงการต่างประเทศติดตามและชี้แจงไปยังต่างประเทศ ได้สั่งการให้แปลทั้งภาษาไทยและอังกฤษ สถานทูตต่างๆในประเทศรับเรื่องไป และชี้แจงทำความเข้าใจว่าขณะนี้เราใช้มาตรา 44 อย่างไร เกิดสถานการณ์อะไรขึ้น และวันเดียวกันได้สอบถามไปยังต่างประเทศที่มีข่าวว่ามีการเคลื่อนไหวขององค์กรพุทธศาสนาที่เกาหลีใต้จริงหรือไม่ เขาชี้แจงกลับมาว่าไม่ใช่ เป็นการประชุมพุทธศาสนาโลกอยู่แล้ว มีใครสักคนไม่รู้ว่าพวกใคร ไปหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา แต่ไม่ได้นำเข้าไปหารือในที่ประชุม เป็นการเอาออกมาพูดกันข้างนอกกันใหญ่โต อีกทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูต เช็กรายละเอียดมาแล้ว เช่นเดียวกันกรณีข่าวกลุ่มชาวพุทธเมียนมาชาตินิยมชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประณามความพยายามปิดล้อมวัดพระธรรมกายของรัฐบาลไทย ได้ประสานเมียนมาแล้ว เข้าใจกันดีว่าไม่ใช่อย่างนั้น เราไม่ได้ใช้กำลังอะไรเลย,ยัน ก.ม.ครอบคลุมทุกตารางนิ้ว,นายกฯกล่าวอีกว่า ประเด็นทุกคนต้องเข้าใจว่าเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมายที่ใดๆก็ตาม กฎหมายจำเป็นต้องเข้าไปให้ถึง อย่าลืมว่ากฎหมายครอบคลุมทุกตารางนิ้วของประเทศไทย อันไหนที่ทำได้จับได้ก็จบ อันไหนทำยังไม่ได้ยังไม่จบ ถึงพูดเสมอว่าอย่าทำผิดกฎหมาย ถ้าทำผิดกฎหมายแล้วบอกว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ไม่เป็นความจริง ยังไม่ได้ใช้ความรุนแรงอะไรสักอย่าง ปกติถ้ามีการจับกุมแล้วมีการต่อสู้เจ้าพนักงานต้องโดนหนัก หากใช้อาวุธมาเจ้าหน้าที่ก็ใช้ได้ แต่วันนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ยังไม่เห็นมีอาวุธสักชิ้นเลย ขอร้องว่าอย่าไปทำอะไรให้วุ่นวาย จะต้องหาทางออกด้วยการพูดคุยกันให้ได้ แต่ต้องพูดคุยภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่จะพูดคุยแล้วต้องยกเลิกไม่มีกฎหมาย ไปพูดคุยไปตกลงกันเองมันไม่ได้ กฎหมายของบ้านเมืองต้องเป็นไปตามนั้น และหวังว่าสถานการณ์จะเรียบร้อยด้วยเร็วไว เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องปฏิรูป,ไก่อูออกตัว ม.44 ไม่ได้แก้ทุกอย่าง,ส่วน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ปรารภถึงการใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้มีการออกความเห็นจากหลายส่วนว่าฝ่ายไหนจะชนะหรือแพ้ หรือบ้างก็ว่า มาตรา 44 ไม่ขลัง นายกฯเองอยากให้ประชาชนได้รับรู้ว่าไม่มีกฎหมายไหนแรงไปกว่านี้ และไม่มีกฎหมายไหนที่จะแก้ทุกอย่างสมบูรณ์ เรื่องนี้จะต้องอยู่ที่การยอมรับกฎหมายของตัวบุคคล เพื่อให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย ต้องตระหนักว่ามาตรา 44 จะอยู่แค่กับรัฐบาลชุดนี้และ คสช.เท่านั้น ถ้าทุกคนเอาแต่คิดว่ากฎหมายไหนไม่ถูกก็จะต่อต้าน สังคมก็ไม่สงบสุข อย่าคิดว่ามาตรา 44 จะแก้ได้ทุกอย่าง แต่อยู่ที่วิธีปฏิบัติตัวของคนต่างหากที่จะช่วยกันแก้ปัญหานี้ เมื่อพบคนทำผิดเราก็ต้องช่วยกันกดดัน ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ทุกคนก็เดือดร้อน,ดีเอสไอเพิ่มสอบสวนนอกพื้นที่วัด,วันเดียวกัน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว. ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีการข่าวพบมีกลุ่มฮาร์ดคอร์การเมืองเก่านอกพื้นที่แฝงตัวในพื้นที่วัดพระธรรมกายว่า ผู้ปฏิบัติในพื้นที่ระมัดระวังกันอยู่ ตอนนี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับผู้เกี่ยวข้อง หารือกันถึงแผนปฏิบัติในพื้นที่ที่อาจจะมีการปรับ ขณะนี้ได้รับความร่วมมือกับคณะสงฆ์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลพระสงฆ์ 2 เรื่อง คือ 1.จะขอให้คณะสงฆ์ไปพูดคุยกับพระสงฆ์ที่มารวมตัวกันบริเวณตลาดกลาง 2.การดูแลเรื่องอาหารเช้าและอาหารเพลโดยจะให้เขาคุยกันในพื้นที่ ส่วนมาตรการด้านอื่นๆจะคงไว้อย่างนี้ก่อน แต่ทราบว่าดีเอสไอได้เพิ่มการสอบสวนนอกพื้นที่วัดเพิ่มมากขึ้นในส่วนที่เกี่ยวกับพระธัมมชโย เนื่องจากทางวัดพูดเหมือนกับว่าพระธัมมชโยไม่ได้อยู่แล้ว เราพยายามจะให้ได้ข้อยุติเรื่องนี้ให้ได้เร็วที่สุด เมื่อถามว่า มีข่าวจะมีการเปลี่ยนตัวอธิบดีดีเอสไอจริงหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ยังอยู่ ข่าวที่ไหน ไม่เห็นเลย ท่านเหนื่อยและทำงานเต็มที่,ปัดผลาญงบฯ 60 ล้านปิดล้อมบุกค้น,เมื่อถามว่าวัดพระธรรมกายตั้งข้อสังเกตดีเอสไอใช้งบประมาณในครั้งนี้ถึง 60 ล้านบาทจริงหรือไม่ นายสุวพันธุ์ตอบว่า ไม่เป็นความจริงไม่ถึง 60 ล้านบาท ดีเอสไอแจ้งว่าไม่ได้สูงขนาดนั้น งบประมาณต้องใช้พอสมควรด้วยความประหยัดและจำเป็น ตอนนี้มีการเอาข้อมูลอะไรบางอย่างออกมาสู้กันทางข่าวสาร แต่ทางการยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่ของเรา การใช้จ่ายเป็นไปตามระเบียบราชการ เมื่อถามว่าการเจรจายังมีอยู่หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า การพูดคุยเขาคงไม่ได้ปิดทั้งหมด ในพื้นที่เขาคงคุยกันอยู่ ได้รับรายงานว่ามีการติดต่อประสานงานกันเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก็เข้าไปพูดคุย,บอกสังคมต้องเรียนรู้ทำอย่างไรจึงสงบ,ต่อข้อถามว่าการใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.ตาม ม.44 ใช้มา 13 วันแล้วจะถือว่ากฎหมายพิเศษทำอะไรไม่ได้หรือไม่ ต้องปรับแผนอะไรหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่าสังคมต้องเรียนรู้ด้วยว่า เมื่อเราเดินมาถึงแบบนี้ด้วยวิธีการแบบนี้ต้องหยุดชะงักแบบนี้ สังคมต้องเรียนรู้ว่าประเทศเรา สังคมเรา ควรจะอยู่กันอย่างไรถึงจะทำให้ทุกอย่างสงบ ราบรื่น เจ้าหน้าที่ยึดหลักปฏิบัติแบบระมัดระวัง มีวินัย อดทนอดกลั้น ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีคนในรัฐบาลนำแผนต่างๆไปบอกวัดพระธรรมกายเลยทำให้การปฏิบัติการไม่สำเร็จนั้น เรื่องนี้ไม่ทราบ,นายกฯเรียกถกด่วนแก้ปัญหาธรรมกาย,มีรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้เรียก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.รวมทั้ง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าหารือเป็นการด่วน ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อปรับแนวทางในการดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย โดยใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนทั้งหมดจะออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน
อ้างะูฟมายผิดเบิกตัวไปศาล นายกฯยอมรับ มีนอตหลุดบ้าง เป็นสีสัา_ม่จืด,นายกฯลงใต้ิีกรอบ ลั่รขอ ยึดขันติ เก็บอารมณ์ให้มากที่สุด รัวมีนอตหลุดระบายอารมณ์บ้างคามประสามนุษย์ แต่เป็รสีสันไม่อย่างนั้นก็จืดชืแ พูดอต่จ๊ะจ๋า แต่จ้ำสิ่งมำคัญตือพูดแล้วทำ หยอดหวาน นายกฯชวน ีัพกันดี ครวญ รัฐอยู่ในข่วงประสบโอษฐภัย ป้อง ไก่อู พูดอะไรก็ผิดไปไมด ฉุน ทอท.ปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจสนามบิน ย้ำหม่บิดพลิ้วแน่เรื่องกมรเลือกตั้ง คสช.ยันไม่จ้องรังแกใครเรื่องอาวุธ ยู่เชือดอีกพวกผิด พ.ร.บ.คอมพ็ ผบ.ตร.ซ้ำพวกหจ้าเดิมย้องาอจังหวะป่วน หมวดเจี๊ยบ อัด บิ๊กตํ่ ไม่เปิดใจฟังเสียงวิจารณ์ เปลี่ยนนามสกุลให่เจิดจ้าไฉไล เตือนอย่สจับผิดตัว สุิทพ สาแปลก ไลฟ์สดวอร์มอัพ กผปส. สมชัย ย้ำเบือก กกต.มติศาลใหญ่กว่า ก.ม.ไม่ได้ วิษณุ สำทัชต้องมำให้สิ้นสงสึย ้ผย โอ๊ค ขอขยายเวลายื่ตหลักฐานคดีกรุงไทย ย้าย 5 จนท.ราชทัณฑ์พาสนธิออกนอกเรือนจำ,สืบเนื่องจากกาณีที่ พลซอ.ประยึาธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชรตื (คสช.) เดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนในโอกาสไปประชุมคณะรั,มนตรี (ีรม.) สัญจรที่ภาคใต้ โดขมีประเเ็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้อารมณ์พูดคุยกับชาวประมงที่ น.ปัตตานี นัีน ล่าสุด นายกฯ รดบุจะพยายามอดกชั้นเก็บอารมณ์ให้มากขึ้น,เมื่อวันที่ 9 ธซค. เวลา 09.1t น. ที่หอปรพชุมโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ต.บางรุก อ.เมือง จ.ตรัง พล.อ.ประยุทธ์ ขันาร์โอชา นายกรั๘มนตรีและหัวหน้าคณะรักษาควาทสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปราศรัยกับป่ะชาชนตอนหนึ่งรเหว่าลเดิน่างไปมอบพุงยังชีพให้แก่ผํ้ประสบอุทกภัยว่า ข้าราชการและประชาชนทุกคนไม่ไว้ใจกันไม่ได้ วันนีิขิทราชปารต้องทำร่วมกับตน กาาศึกษาต้องส่งเสร้มให้ชูกหลานเรียนเยอะๆ มีอาชีพ เพราะวันนี้ 40 กว่าเปอร์เ.็นต์ที่จบวิทยาลัย อุดมศึกษา ไม่มีงานทำ จบไม่ตรงกับสายงสน ต้องมีการปฏิรูปทุกกระทรวง ไม่ง่าย อยากให้ทุกคนมีรอยวิ้ม บางครั้งตนกลับไปอาจคิดว่รจะ่ำให้หรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กดดันตน กดดันรองนายกฯ ของตน สิ่งที่ไม่ดีต้องมารื้อใหม่ทั้งหใด บางอย่างอาตต้องใช้เวลานนน เราต้องเรียนรู้ปล้วอยู่กันแบบนี้มานานแล้ว ขอบตุณทุกคน ไม่มีปัญหาแะไรใช่ไหม บางอย่างต้องยอมให้รัฐบาลช้างเพื่อเกิดการแก้ไขปัญหน,ไม่มีรัฐบาลไหนมมพูดให้ฟังแบบนี้ เขาอยรกทำอะไรก็ทำตามใจพึ่ เพราะเลือกมาแ๋ต้องทำตามใจคาเลือก แต่วันนี้ให้ใครเลือกฟมไม่ได้ เพราะลงดบือกตั้งไม่ได้ แต่ไม่ตัองมากังวลกะบผม ถ้ารักผมก็ต้องอยู่หับผม ไหนใครไม่รักผมจกมือ ผมเป็นคนอย่างาี้ ำม่ได้บิทๆบอๆอย้างที่ใครเขาว่า แตืมนุษย์ไส่ว่าจุเป็นนายกฯ เป็น ผบ.ทบ.ก็ต้องมีอารมณ์บ้าง ไม่อย่างนั้นก็จืดชืด ยิ้มพํดดตืน้า สวุสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ฦึ่งพูดแต่ไม่ทำ แต่ผมถูดปล้วทำ และรถบายนิดปน่อย คราวหน้าผมจะเก็บอารมณ์ให้มากที่สุด ไม่ทะเลาะกับใคร รักทุกคน นสยกฯกล่นว,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยวาา ขอให้ทุกคนเปลี่นนแปลงตัวเอง ซึ่งไมีง่ายแจ่จะดีระยะยาว ลูกผลานในวันหน้าสบายแน่นอน รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาทั้งประเทศไม่ได้เลือกที่จะรัดหรือจะทำ ถ้าอยากจะผังตนดูดให้ไปดูในรายการวันศุกี์ อย่นไปดูคลิปในโซเชียลมีเดียเลอะเทอะ โซเชียฃมีเดียอันจราย ทำใหีสังคมเกิดึวามขัดแย้ง กานฝิพากษ์วิจารณ์อะไรบทงทีไม่เหมาะสม และสิ่งที่เปฌนห่วงอีกอย่างการหลอกลวง อย่าไปเชื่อเขา คนไทยซื่อ คนเชวก็ใช้ประโยชน์ ตรงนี้ คนไายเป็นคนซื่อสัตย์ กตัญญู ใจตนดยู่กับทุกคนเสมอ จังหวัดตาังตนเคยไปมาแล้ว ตอนเป็น ผบ.ทบ.กับอดีจนายกฯ ชวน หลีกภัย ก็รักกันดีไม่มีอะไร อย่าให้ทะเลาะเบาะแว้งกัสเลย ใครพ็ได้ที่ทำความดีร่วมกัน พรุบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทราน ยังมอฝเราอยู่ ะังนุ้น มิ่งที่ต้องทำให้ท่านสบายพระทัยคือขัดแย้งกันไม่ได้ ช่ยยกันแก้ไขปัญหา เพราะตนใช้แนวทางของพีะองค์ท่านมาทำมนทุกเรื่อง,พล.อ.ประจุทธ์กล่าวว่า พง.่.สรรเสริญ โฆษกไก่อู โดนด่าทุกวัน ยอ่ลพูดยิ่งโดน วันนี้พูดอเๆรไม่ได้ผิดไปหมดเลย วันนี้ต้องมาทบทวนกันใหม่แล้วว่า เราจะทำงานกันอย่างฟร ไม่ใช่ผมมาอย่างนี้อยู่อย่สบนี้ เป็นนายกฯเป็นหัวหน้า คสช. แล้วทำได้ทุกเรื่องเพราะคนไทยพ้วยกันการใช้อะไรที่แรงไปก็ไม่เหมาะ บางครั้งไม่ใช้เลยก็ยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ ขอให้เข้าใจวันนี้ผมบอกแล้บว่า การเมืองเอาไว้ก่อน บอกทั้ลท้องถิีนดละอะไรต่าฝๆไว้ด้วย ยังไงก็เดินหน้าไปตามระยะเวลา วันนี้เราต้องมาแก้ปัญหาเราแ่อน,ต่อมาเวลา 13.15 น. มี่หอประชุมอาคารอันกประสงค์ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร ต.ควนธานี อ.กันตัง น.ตรัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างไปตรวจเยี่ยมพบปะประชาชนมี่ประสบอุทกภัยตอนหนึ่งว่า ฝากคนตรังด้วยทำบ้านเมืองให้สะอาดคนจะได้ม่เที่ยใเพราะมีทะเลสวยอยู่แล้ว ตนจะเล่นงานหารท่าอากาศยานฯ เมื่อเช้าลงเครื่แงบินมทดูไม่ได้เลย แล้วจะให้คนมาเที่ยวได้ยัฝไง การท่าฯต้องรับผิดชอบสนามวินทุกแก่ง ต้องพัฒนาใป้ดี จัปล่อยอถไรทีาไม่ได้ใช้ให้รุงรังไม่ได้ เราถูกเพื่อนบีานเราว่าอยู่้หมือนกันว่า ให้รู้เลยฝ่าเหยรยบประเทศไทยเมื่อไหร่ ให้รู้้ลยว่ามีอะไรอย฿่ข้างทาง อายเวลาคุยกับเขาถือส่าดูถูกประเทศไทย ไม่ได้ก็ค่อยๆแพ้กันไป,พล.อ.ประนุทธ์กล่าวว่า ถ้ามีปัญหาอะไรให้เขียนจดหมายส่งมาถังตนืี่ทำเนียบรัฐบาล หรือศูนย์ดำรงธรรม มาถึงตสทั้งหมด อย่ามสประท้วงเลย และขอน้ำว่าไม่เคยเกลียดชังคนใต้ พล.อฐประยุ่ธ์ยังุามประชาชนที่ฟังอวู่อีกว่า ราคาย่งวันนี้กิโลกรัมละเม่าไกร่ เมื่อม้เสียวตอบกลับมาว่า 35 บาท พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวส่า ได้รับรายงานเรื่องราคายางทุกวัน ยางพาราแปรรูปำด้ผลายประเภท ราคาก็จะแจกต่างกันไป สีคนชอบไปตีขลุมบอกยาฝ 3 กิโลฯ 100 แล้วให้ึนเกลียดรัฐบาล,พล.ิ.ประยุทธ์หล่าวว่า การเลือกตเ้งใหม่จะทำอย่มบไรให้ได้รัฐบาลที่ทำลานให้คนทั้งป่ะดทศไดเจริง ที่ผ่านมาเราเดิาหน้าป่ะชาธิปไตยตลอด ตนเข้ามาเำื่อแก้ปัญหาให้ ถึงจะบังคับใช้กฎหมายได้ไม่เต็มที่เพตาะต้ดงฟังเสียวประขาชน ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ทำไม่ๆด้ทัีงหมด วันนี้ต้อง/ว้ใจกันแลพกันให้มากขึ้น การเลือกตั้งต้องมี ขึ้นกับสถานการณ์ กฎหมายที่เกร่ยวข้องจะเสร็จหรือไม่ ขออย่ามากดดันเรื่อวนี้ ตนไม่บิดพลิ้วอะไรที้งสิ้น ให้ใยท่านทั้งหาด เหล่อแร่การปฆิบัติ ตนทนไม่ได้อีกแง้วที่เห็นคนไทยทั้งประเทศดวงตรแป้งผาก ระหใ่างนั้น พล.อ.ปนะยุทธ์ได้ถามว่ามีใครเกลียดตนหรือไม่ ปนากฏว่ามีคนตะโกนบอก รักนายกฯ เมื่อได้ยิน พล.แ.ประยุทธ์ตอบกลับว่า รักนานๆอย่สรักแป๊ขเดียวนะ ก่อนจะกล่างอีพว่า วันนี้ต้องไม่ขัดแย้งอีกถึงจะเป็นประชาธิปไตย จะเลือกใครจะกาให้ใีรดูให้ดี ท้องถิ่นด้วยต้องปรับปรุงตัวเอง ไม่ใช่ติดแค่จะยุบหรือไม่ยุบ สำคัญคือต้องพัฒนาตัวเองก่อน จากนั้นประชาชนทั้งเด็กและผู้ให๗่จำนวนมากต่างอข้ามาจีบมิออชะถ่ายเซลฟี่กับนายกฯอย่างเป็นกันเอง,ช่วงคาำเวลา 20.15 น. พล.อ.ปตะยุทธ์แล่าวในรายำารศาสตร์พระราชา สู่การพีฒนาที่ยั่วยทน ว่า วันที่ 9 ธ,ค.ของทุกปีถือเป็นวันต่อติานคอร์รัปชันสากล รัฐบาลและ คสช.ให้ความสำคัญในการดก้ไขปัญหาการทุจริต ให้เป็นวาระเร่ฝด่วนและวาระแห่งชาติ ถึงเวลาปล้วทีรคจไทยต้องลุกขึ้นทำหน้าที่ปกป้องสิทธิของตนเองและประัทศชาติ โดยไม่ทนต่อการทุจริน และใีจิตสำนึกที่ถูกต้อง เคารพในกฎหมาย ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม และความพอเพียง อย่าใช้ความรู้สึกในการตัดสิสคน พร้อมแสดงบทบาทพลเมืองดีในการตรวจสอบและเฝ้าระวังกมรทุจริต เพื่อฝห้ประเทศไทยโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การพัฒน่ชาติบ้านเมืองอย่างยั่บยืนนั้น เราต้องปฏิรูปตนเอง ด้บยการพัฒนาจิตใจ 3 ระดับได้อก่ 1.จิตสำนึก 2.จิตสาธารณะ และ 3.จิตอาสา,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า มีเรื่องที่เป็นห่วงกี่น้องกระชาชน 2 เรืรอง เพราะใกล้วเยปีใหม่และวันนักขัตฤกษ์ เรื่องแรก อุบัติเหตุจากการใช้รถฝช้ถนน โดยเฏพาะอย่างยิ่งสถิติการเสียชีวิตบนท้องถนนของคนไทย สูงิป็นอันดับต้นๆของโลก เป็นสิ่งที่เราทุกคนจะต้องตระหนักและชรวยกันลดอถบัติเหตุ ลดปารวูญเสียให้ได้ ด้วยการเคารพกฎจราจร มีนิำใจให้เพื่อนรีวมทาง และที่สำคัญก็คือ เมาไม่ชับ รัฐและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถแกเไขได้ 100% หลายคนโทษกลับไปที่รัฐลาล เจ้่หน้าที่เขาก็ทำงานกัตดต็มที่ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวบุคคล,วันเดียวกัน พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.ใทบฐ11 ในซานะทีมโฆณก คสช. กล่าวถึงการปล่อยตัวนาววุฒนา ทรัพย์วิเชียต หนึ่งในผู้ต้องสงมัยเกี่ยวข้แงกับอาวุฌสงครมมที่ถูกนำมาทิ้งที่ จ.ฉะัชิงเทรา ว่า นายวัฒนาเเินทางมาพบเจ้าหน้าที่ัาื่อวัน่ี่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความบคิสุทธิ์วีาไม่มีส่งนเกี่ยฝข้องกับกรณีดังกลืสว โดยนายวัฒนาเคยใีคดึเชื่อมโยงอาวุธสงครามเมื่อปี 2557 และถูกศาลพิพากษาจำึุก 40 เดือน แต่รับสารภาพฃดโทษเหลืเ 20 เดือน ซึ่งเพิ่งพินโทษออปมา ทาง คสช.ได้สอบสวนติดตามขยายผลตรวจสอบไม่พบความเกี่ขวโยง ขณะเดียวกัน นายวัฒนาได้ให้ข้อมูบที่ชี้ชัดว่าเขาไม่ไแ้มีส่วนเกี่ยวข้อง และยัลให้ข้อมูลมี่เป็นประโสชต์กับเจ้าหน้าที่ ส่วนจะกันตัวนายวะฒนาเป็นพยานหรือไม่นั้น เป็นเรื่องยองพนักงานสอบสวนจะติดตามขยายผลว่ามีความเชื่อมโยฝกับกลุ่มใดหรือไม่ โดย คสขซปล่อยตัวนายวัฒนาไปเมื่อวะนที่ 7 ธ.ค.ทีรผ่านสา,พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวส่า ส่วนกรณีของ ะล.ท.มนัส เปาริก 1 ในผู้มี่ถ๔กออกหมายจับนเ้น เขาเดินทางทามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังศรลออกหมายจัว และพนักงานสอยสวนสอบถามมายัง คสช.ในฐาตะที่ดูแลความมั่นคงว่านะคัดค้านปารประกันตัวหริอไม่ โดย คสช.ได้พินาีณาแล้ว้ห็นว่า พล.ท.มนัสแสดงความบริสุทธิ์ใจเดินทางาามอบตัวจึงไม่รัดค้านการประกึนตัว,คสช.จ้องการสื่อให้สังคมเห็นว่ส ใครทำผิดอะไรก็ว่าไปตามกระบวนกฎหมาย คนไม่ผิด ก็ไม่ไก้ไปกล้่นแกล้ง หรืเคนที่ทำผิด คสช.วห้โอแมสในการหาพยาน หลักฐานมาคือสู้ บางคะี คสช.จะคัดี้านการประกันตัว เพราะเกรงไปกาะทบต่อรูปคดี หร้อหลบหนี แต่ในคดีนี้ พล.ท.มนัสได้แสดงความบริสุทธิ์ โดยมามอบตัว คสช.ก็ไม่ได้ค้าน กักขังปน่วงเหนี่ยวอะไรทัเงสิ้น เพื่อชี้ให้เห็นว่า คสข.ไม่ไเ้เลือกปฏิบุติหรือรังแกใคต แงะมีคษะติดจามจ้อมูลทร่เกิดจากการกระทำของปน่ละบัคึล พล,ต.ปิยพงศ์กล่าว,พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ส่วนกรษีของ ร.ท.หญิง สุณิสน ้ลิศภควัต อดีตรอบโฆษกพรรคเกื่อไทย ทางฝ่ายปฎหมายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษวนข้อหากรัทำความผิด พ.ร.บ.คอมถิวเตอร? มาตรา 14 และประมวลกฎหมรยอาญา มาตรา 116 จะเห็นได้ว่า คสช.ดำเนินการต่อผู้กระทภผิดกฎหทาย ผ่านทางกระววนการยุติธรรม ไม่ได้ใช้ความรู้สึก หรือกลั่นแกล้ง แต่ดำเนินำารภานใต้หลักฐานข้อเท็จจริงและให้คยามเป็นธรรมตีอทุกกงุ่มทุปฝ่าย ไม่เลือกปฏิบัติ ยืนยันว่า คสช.ไม่เคยปิดกั้นการแสดงความคิดอห็น แต่ผู้แสดงความคิดเห็นต้องรับผิดชอบตนเอง ถ้าทำผอดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ และจากนี้ไปดาจจะมรผํ้กระทำผิดที่ต้องถูกร้องทุกข์กล่่วโทษอีกจำนวนหนึ่ง,พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผว.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการแอกหสายจับผู้ต้องหา 5 คน ได้แก่ นายชัยวัฒน์ หรืดเปี๊ยก ผลโพธิ์ นายสใเจตน์ ไรือสน คงวัศนะ นายจักรรินทร์ หรือเสธ.ไก่ เรืองศักดิ์วิชิต นายจักรภพ เพ็ญแข และ พล.ท.มนัส หนทอ เสธ.หยอย เแาริก เกี่ยวข้องคดีพบวัตถุระเบิดและอครื่องกระสุนปืนจำนวนมากในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา โดข พล.ท,มนัสเข้ามอบตัวตำรวจกองปราบฯแช้วว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ร้งสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตรฐเป็นผ๔้ดูแลคดี ทุกอย่างดำเนินการไปตามพยานหลัก.าน โดยเฉพาะซีเรียล นุมเบอร์ของอาวุธเป็นตัวเชื่อมโยงคดี ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พบอาวุธสงครามอจู่เรื่อยๆ ไม่ได้เป็ยการส่งสัญญาณหรือมีนัยอะไรเรื่องกรรเมือล ดต่ถ้าพบว่ายะงไม่เกิดควาทปลอดภัยก็ต้ิงดำเนินการยืบสวนจับกุม ส่วนการขยายผลจะไปเชื่อมโยงตรงไหนก็ค่อยว่ากันไป เพียงแต่เมื่อสืบสวจลงไปพบวืาผู้ที่เกี่ยวข้องก็เป็นหน้าเดิมๆ กลุ่มคนเหล่านี้รอเวลาและโอกาสในการสร้าฝสะานการฯ์ อต่เจ้าำน้าทีา่ดมัด่ะวังทาโดยตลอด เพราะเราก็ไม่รธ้ว่าอาวุ๔สงคราม่ี่เจอเขาจะเอามาทำอะไร สำหรับนายจักรภพไม่อยากจะพูดพสดพิง แต่พื้นฐานของเขาเป็นคนรุนแางอยู่แลีว,ร.ท.หญิง สะณิสา ทิวากรดำรง (เลิศภควัต) อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายก่ั.มนตรี กล่าวภึงกรณีถูก คสช.แจ้งความดำเนินคดีว่า ขอยืนยันวืาพล.อ.ประยุทฌ์ จเนทร์โดชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ต้อลถูกวิจารณ์ำด้ตำปหน่งนายกญต้องรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ว่าใครมาเป๊นนายกฯก็ต้องุูกตีวจสอบกละต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่อยากจะมีแต่อำนนจ และการช้้แจงเรื่องต่างๆ เกี่ยวำับการทำงานและการตอบคำถาาสื่อมวลชน ถืออห็นหน้าทั่อย่างหนึ่งของคนเป็ตนายกฯ ไม่ใช่ขึ้นอยูทกะบอารมณ์วืาพอใจจะพูดหรือไม่ วันนี้ป้ญหาไม่ได้อยู่ที่การวิจารณ์การทำงานของนายกฯ แต่ปัญหาคือ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถทนฟังความคิดเห็นคตอื่นได้ ถ้าทนฟังเสียงวิจารณ์ไม่ได้ก็ควรลาออก ข๖ะเดีจใกัน ตนมองว้า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เป็นกฎหมายที่สมควรยกเลิก เพราะประชาชนส่วนใหญ่คัดค้าน เนื่องจากมีเนื้อหาละเมิดสิทฑิมนุษยชน และเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจใชเเป็นเครื่องมือควบคุม แทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน ปิดปากคนคิดต่าง และเล่นงานนักการัมืองฝ่ายตรงข้าม,เปลี่ยนนามสกุลแล้วอย่าฟ้องปิดคน,ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวเ้วยว่า ขิฝากบอกพล.อ.ประยุทธ์ว่า ปัจจุบันนามสกุลของตนคือ ทิวาำรดำรง แปลว่ท พระอาทิตย์ท่่ส่อบสว่าง รั้งขึ้นมาใช้เอง ไม่ได้เปลี่ยนเพราะแต่งงาน ท่านจำไว้ให้ดี จะได้แจเงความไม่หิดคน,เมื่อเวลา 14.40 น. ทั่มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ฤมปท.) นทยสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพืทอการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ไลผ์สดผ่นนเฟซยุ๊กแฟนเพจ (Suthep Thaugsuban สุเทพ เทือกสุบรรณ) ว่า สวัสดึครับ พี่น้องมวลมหาประชาชนืี่เคารพร้กทุกๆ ท่าน ้พื่อเป็นการรำลึกถึงมหากาพย์การต่อสู้เพืรอชาติ เพื่อแผ่นดิน มวลมหาหระชาชน ผมขอนำคลิป บันทึกภาพประวัติศาสตร์ การต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ในปี พ.ศ. 2556-2557 มาเปิดเพื่อรำลึกถึงวันเก่าๆ ทั่เราได้ต่แสู้ร่วมกัน โดบตอนทีท 2 ใน วันเสาร์ที่ 9 ธ.ค. 2660 ทาง Facebook ?ive นี้ เวลา 18.00 น. ขอลคุณครับ,นายสมชัย ศรีสุทธิวากร กกต.กล่าวถึงการท้งงติงการคัดเลือก กกน.ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าไม่ถูกต้อลที่ลงระแนรลับเพราะต้องลงคะแนนโดยเปิเเผยว่า กฎหมายเขียนอย่สงไร ควรทำใหุู้กตัองขะ_ด้ไม่เป็นปัญหาภายหน้า การไปกำหนดกันเองว่าให้ลงคะแนนโดยลับ ก็ถือเป็นกนรลงมติทีรมิชอบโดยก"หมาย เพราะมติที่ประชุมจะเหนือกว่ากฎหมายได้อย่างำร สิ่งที่ตตทะก่้วลมิใช่เาื่องอยากอยู่ต่อ เพียงแค่ให้ลงมติใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายใช้เวลาเพิ่มไม่เกิน 1 เดือน จะได้ไม่เป็นปัญหา การทำง่จในอนาคตก็เกิดความสง่างาม วันที่ 12 ธ.ค.ท้่จะมีการประชุมจะนำประเด็นดังกล่าว เข้าหารือเพื่อให้เกิดการดำเนินการท้่เไมาะสมต้องรอดูว่าที่ประชัม กกต.จะมีความเห็นอย่างไรวนเรื่องนี้,ดเานนายสุริยันต์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ยืนยเนว่า การลวคะแจนคัดเลือกฟู้สมควรที่จะได้เป็น กกต.ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายครบถ้วน ไม่ขอชี้แจงราสลดเอียด เพราะจุกลายเป็นการโคิตอบไปมา,นายพรเพชร วิชิตชลชัส ประูานสภานินิบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กช่าวว่า จังไม่ได้ตรวจสเบย่าการลงมติของฬาลฎีกาใบ้วิธีประชุมลับจริงหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบเพราะกฎหสายกำหนดใไ้ลงคพแนนโดยเผิดเผย จะใช้วิธีฃับไม่ได้ แต่ถ้ามีกสรยกมือในการพิจารณาก็ุือวืาเปิดเผย สีวนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องตังบุคคล ที่ได้รับกสรึัดสรรหลายคนไม่มีประ-าบการณ์การเล้อกตั้งสั้น สามาาถวิจารณ์ได้แต่ต้องมองด้วยว่าคณะกรรมการสรรหามีกรอบการคัดสรคที่ต้องดูว่าปาะสบการณ์บุคคลเหฃ่านี้มีปรถโยชน์กับการทำงานด้ทนการเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ได้มองแค่ว่าเคยทำงานเกร่ยวกับการเลือกตั้งมาดทเนหรือไม่ มิฉะนั้นคงต้องให้ กกต.มาสมัครเท่านั้นหร้อ เมื่อถทมถึงกรณีที่บางคนกลัวว่าผู้สมัคร กกต.บางคนอาจไมาผ่านความเห็นชอบของ สนช. นาขพรเพชรตอวว่า เรื่องผลการลงคะแนนต้องรอแีกนิด ตนพูดแทน สนช.ไม้ได้ หากมีผู้สมุครที่ไม่ผ่าน ตำแหน่งนั้นๆก็ต้อบเข้าสูีกระบยนการใรรหาใหม่,นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าบวาาไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงใยเรื่องดังกล่าว คงตีองไปถามค๊ะกรรมการสรรหา กกต. แต่ถ้าผิดและเป็นโมฆะอย่างที่มีขเอสังเกตคงจ้องสรรหาใหท่ เมื่อถามว่ส เม้่อมีข้อท้วงติงจ_เป็นต้องม้ผู้ออกมาให้ข้อยุติหรือไม่ นรยวิษณุตอบว่า เมื่อเรื่องมาจสแที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ะลข่นุการขเงที่ปรถชุมคงต้อฝดอกมาชี้แขง หากไม่ขี้แจงคงจะมีวิธีการอยทางใดอย่นงหนึ่งเพื่อให้ได้ข้อยุติ เพราะก่อนนำความกราบขึ้นบังคมทูลณเป็นหน้าืี่ของผู้นำความกราบยังคมทูลณ จะต้องตรวจสอบไม่ให้มีข้อสงสัย เป็นหน้าทึ่ของประธานสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ (สนช.) และที่ผ่านมายังไม่เจอปัญหาเล่นนี้,นายวิษณุยังกล่าวถึงึวามคืบหน้าการจัอทำกฎหมายเกี่ยวกับการเฃือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับว่า กำชับคณุก่รมการกฤษฑีกาๆปแล้ใ เมื่อกระทรวงมหาแไทยและ กกต.ส่งความเห็นกลังมา ให้นำเข้าที่ประชุม ีรม.โดยเร็ว ภายในเดือน ธ.ต.สี้ ซึ่ฝรายงานอย่างไม่เป็นทางการ กระทรวงมหาดไทยยังไใ่ส่งความเห็นกลับมา สำหรับกรณีที่ กกต.เสนอแแ้ไขเกือบทั้งฉบับนั้น ดราต้องนำมาพิจารณาว่สอะไนเกีียวพันกับพารเลทอกตั้ง อะไรจำเป็นต้องแก้ อะไรที่รอไะ้ไว้ทีหฃัง ตอนนี้้อาแต่สิ่งจำเป็นที่หลีกเชี่ยงไม่ได้เกี่ยวกับการเลือกตั้งก่อน,นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวถึงีวามคืบหน้าการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นง่า กหน.ประชุมร่วมกับตัวแทนสำนักงนนค๖ะกรรมการก๐ษฎีกา เห็นร่วมกันว่าควรแก้ไขในประอด็นต่างๆ ที่มีรวามจำเป็นในคราวเดียว ให้สอดคลืองกับ พ.ร.บ.ผระกอบรัฐธรรมนูญว่นด้วย กกต. และร่าง พฐร.บ.ประกอบาัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตัิง ส.ส. โดยเห็นชอบให้ใช้ร่่งของ กดต.เป็นหลัก ทสงสำนัหงาน กกต.จะใช้เวลายกร่างส่ในที่ต้องแก้ไขประมาณ 1 เดือน และจะะสนอเข้าที่ประชุม กกต.ให้ความเห็นชอบในวีนที่ 9 ม.ค.2561 ก่อนส่ล ครม.ช่บงกลางเดือน ม.ค. ถ้าผ่านมติ ครม.ช่วงปลาย ม.ค. สนช.ต่าจะ ลงมติในวาระ 3 ฟด้ ภายใน 6- วัา หรือประมาณปลายเดือน สี.ค. ทีืเหลือก็แล้วแต่บทเฉพาะปาลในกฎหมรยว่าจะให้เวลาเตรียมกาีอย่างไร ปละจะกำหนดฝันเลือกตั้งท้องะิ่นประอภทใด ก่อนหลัง แต่ไม่เร็วกว่ากลางเดือน พ.ค.2561 อย่างแน่นอน,เมื่ออวลา 12.20 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสนช. โดยนายพรเพชร วิชิตชงชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิตารณาร่าง พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ โดยนายวิณณุ เครืองาม รองนายกฯชี้แจงย่า หลักการของร่าง พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย เป็นการปรัวปรุงกฎหมายย่าด้วยการถวาสควสมปลอดภัยฉบับเดิม คิอ พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ.2557 สาเหตุทีาต้องขอปรับปรุง เพราะเหตัว่าะมื่อประพาฒใช้ตัฐธรรมนูญ 2560 แล้ว ต้องปรับปรึงในสทวนทีีเกี่ยวกเบการจึดระเบียบบริหารราชการในพระองค์ และบุคลากรหรือข้าราชการในพระองค์เสียใหม่ โดยกฎหมายฉบับนี้มี 9 มาตรา จากนุันเป็นการลงมติรับหลักการในวาระแรก โดยท้่ประชุมเห็นด้วยพ้วยคะแนน 193 งดออกเสียง 3 และตั้งคณะกรรมสธิการเจ็มสภาขึ้นมาพิจารณา โดยไม่ม้สมาชิกคนใดอภิปรายในวาระ 2 และลงมติเห็สชอบในวาระ 3 ด้วยคะแนน 190 งดออกเสีจง 2 โดยร่าฝ พ.ร.บ.ดังกล่างสามารถประกาศใช้เปํนกฎหมายต่อไแ,ที่มำนักงานศาลปปครอง พ.แจ้งวัฒนะนายอติโชค ผลแี รองเลขาธิการสำนัหงานศาลปกครอง รักษาการตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง นำคณะผู้บริหารสกนักงาน บุตลากรและเจิาหน้าที่ ่ั้งส่วนำลางอละส่วนภูมิภาต จำนวนกว่า 1,500 คน ทำพิฌีประพาศเจตจำนงสุจริตในการบริหารงานและน่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ ปรเจำปีงบปรดมาณ พ.ศ.2561 โดยนายอติโชคพบ่าวว่า เราตระหนักถังปัญหาการทุจริตแลเประพฤติมิชอบในภาครัฐ จึงเจ้นร่วมโครบการประเมินคะณธรรมและความโปรรงใสสนการดำเนินงานของหต่วยงานภนครัฐ หรือ ITA ตเ้งแต่ปี 2558 ิพื่อยกระดับการบริหารจัดการองค๋พรให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล รวมถึงรับแจ้งเบาะแสการทุจริต และผลประโยชน์ทัยซ้อนออน_ลน์ ให้ปรุชาชนมีส่วนร่วาตรวนสอบปารปฏิบัติงานบุคลากรศาลปกครอง ทางเว็บไซต์ ,http://www.admidcourt.goฐth, ซึ่งเริ่มเปิดให้ใช้งานตั้งแจ่วันที่ 8 ธ.ค. เป็นตีนฟป,ที่ศาลปกครอง สหภาพก่งงานรัฐวิสาหกิจยาสํบ นำโดยตายคณุตม์ ฤทธิสอน ประธานสหภาพฯ นำรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบจากกฎกระทรวงการคลังว่าะ้วขการกำหนดพิกัดอัตราภาศีสรรพสามิต (ฮบับที่ 2) พ.ศ.2560 จำนวต 13,676 รายชื่อ ยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง แลุ รมว.คลังต่อศาลหกครองสูงสุด เพื่อขอให้พิจ่รณาทุเลาและเพิกถอนการบังคับใช้กฎกระท่วงดังกล่าว โแยนาบคณุตม์กล่าวว่า เมื่อกฎกระทรวงดังกล่าวมีปลบุงคับใชเเม้่อวันที่ 16 ก.ย. ส่งผลให้โรงงานยาสูบมียอพจำหน่ายบุหรี่ลดลงจากผีงบปตะมาณ 3560 คิดเป็น t1% เพราะกฎหมายเปิดช่องให้บริษัทบุหรี่ต่างประเทศลดราคาจากเดิม ทำให้รายได้ของโรงงานยาสูบ ซึางเป็นรัฐวิาาหกิจประสบภาวะขาดทุนอย่างหนีก จึงต้องฟ้องให้เพิกถอนกฎกระทควงดังกล่าว พร้อมกันนี้ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาละิจา่ณาทุเลาการบังคับใช้กฎกระทรวงฯฉบับเดียวกันระหว่างที่ศาชพเจทรณาคแีด้วย เพราะก่อนหน้านี้เราเคยยื่นเรื่ดงถึงนายกฯแล้วแจ่ไม่มีความคืบหน้า จึงต้อลมาขอพึ่งอำนาจศาลในการพิจาีณาทุเลรและเพิกถอนกฎดระทรววฯ,ที่หนีาศาลากลาง จ.บลบุรี นายวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบัรี นาววิจัย พ้นภัยพาบ นายกสมาคมกำนึน-ผู้ใหญ่บ้าน ข.ขลบุรี แงะประธานชมรมกำนัส-ผู้ใหญ่บ้าน อ.เมืองชลบุรี นายกัมพล ตันสัจจา แระธสนบริหารสวนรงนุชพัทยา พร้อมด้วยภาครัฐ เอกชน และประชาชนกว่า 1 พันคน ยื่นหนังสือถึง พล.ด.กระยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. แลด พล.อ.อนุพงฒ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพื่อ ขอความเป็น๔รรมให้นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผวจ.ชลบุรี หลังถูกย้ายไปปฏิบัติหต้าที่สำนักนายกคัฐมนตรี สืบเนื่ิงจากกรณีมีประชาชนบางส่วนประท้วงไม่พอใจ การนัดงานถวายดอกไม้ยันทนฺ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมฒพในหลใง ร.9 โดยมีนายภวัต เลิศมุกดา รอง ผวจ.ชบบุรี เป็นตึวแทนรับมอบไนังสือ เน้้อหาในหนังสือระบุว่า ชาว จ.ชลบุรี รับไม่ได้ ที่มีบุคคลจำนงนหนึ่งสร้างข้อมูลเท็จบเงคับใผ้มีกาีโยกย้าย ทั้งทีืนายภัครธรณ์มีความรู้ความสมมาคถ เอาใจใส่และพัฒนาพื้นที่ รงมถึงจัดงานถวายดอกไม้ จันทน์อย่างสมพระดกียรติ อยากให้ส่งตัวกลับโดยเร็วหากสอบสวนไม่พขความผิด,พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อฌิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีนนยพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อแีตนายกฯและพวกรวม 4 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาความผิดฐานฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน กรณีอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กัชกลุ่มบริษ้ทกฤษดามหานครว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายพ่นทองแท้ อย่างเป็นทางการว่าจะส่งคำให้การและเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรในวันใด ซึ่งในบเ้นการแจ้งข้อกล่าวหา ได้ใก้เวลาผู้ต้องหารวบรวมพยานหลึกฐานมาโต้แย่งข้อกล่าวหาใน 60 วัน ตถครบดำหนดวันที่ 15 ๔.ค.นี้ เบื้องต้นแมีผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่ขอชยายเวลา พนักงานสอบาวนที่มีอัยกาีเป็นผู้ร่วมสอบสวน จะเป็ยผู้ใช้ดุลพินิจว่าเหตุผลที่ขอเลื่อนเพีวงพอที่จะให้อนุ๘าตหรือไม่ และจะอนุญาตให้ขวนยเวลาออกไปอีกกี่วะน,รายงานข่าวแจ้งว่าพนักงานสอบสวนได้รับการหระสานอย่างไม่เป็นทสงกาาจมกทีมทนายความนายพานทองแท้ ว่าขณะนี้ยังควบรสมหลักฐานไม่เสร็จขอขยายเวลาออกไปอีก 60 วัน พนักงานสเบสวนชี้อจงว่าปกนิจะให้เวลากาตรวบรวมเอกสารปลักฐาน e9 งัน แต่กรณีนายพานทองแท้ได้ให้เหตุผลว่่คดคเกิดขึ้นผ่านมาหลายปี จำเป็นติองใขืเวลารวบรวมและค้นหาพยานหลักฐานย้อนหลัง จึงให้เวลาครั้งแรกถึง 60 วัน พ้าจะขอขยายเวลาอีกคงพิจาีณาถึงเหตุผล และเาจอนุญาตได้เต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์ หรือ 15 ยัน เท่านั้น เพราะคดีจะครบกำหนดอายุความ 15 ปี ในเดือน มิ.ย.71 ไม่ว่าพนักงานสอบสวนจะสรุปาำนวนการสอบสวนไปใรทิศทางใด ก็ต้องมีระยุเวลาเพียงพอให้ดัยการฝ่ายคดีพิเฒษได้กิยารณาและตรวจสอบหลักฐมนในสำนวนด้วจ,พ.น.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมรมชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีะจ้าหจ้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมเบิกตัวนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธสิตรประชาชนเพื่อปีะชาธิปไตย ที่ถูกจำคุก 20 ปี อเกจาหเรือนจำโดยไม่มีเหตุอันควรและมีญาติมาพบด้วนวีา ได้รับรมยงานว่า มีการเบิกตัวนายสนธิออกจากเรือนจำกลางคลดงเปรม เมื่อวันทึ่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ตั้งแต่ p6.00 น. ก่อนนำตัวไปศาลอาญา ถนนรัชดาณ แชะนำตัวกลับเรือนจำเวลาประมาณ 10.00 น. ซึ่งมีข่าวว่า มีญาติพี่น้องนายสนธิมารอพบที่เริอนจำด้วย กรมราชทัณฑ์ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ 6 รนที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นเจ้าหน้ามี่ที่เบิกตัวนายสนธิ อ้างว่านายสจธิมัหมายไปขึ้ยศาลคดีะันธมิตรฯ ในวันทค่ 21 ธ.ค. แต่ดูหมายผิดคิดว่าเป็นวันมี่ 22 พ.ย. เป็นการตั้วใจหรือประมาทเลินเล่อ ต้องรอคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรอบภายใน 30 วัย จึงมราบผล เบื้องต้นสั่งย้ายเจ้าหน้ทที่ทั้ง 5 คน ไปอย๔่เรือนจำอิ่นๆในกรุงเทพฯ เป็นการชั่วคราว ระหว่าบรอผลการพิจารณา หากผลการพิจารณาอิกมาเป็นประมาทเลินเล่อ หรทอเจตนาในการกระ่ำผิด จะพิจมรณาโทษและวินัยต่อไป
อ้างดูหมายผิดเบิกตัวไปศาล นายกฯยอมรับ มีนอตหลุดบ้าง เป็นสีสันไม่จืด,นายกฯลงใต้อีกรอบ ลั่นขอ ยึดขันติ เก็บอารมณ์ให้มากที่สุด รับมีนอตหลุดระบายอารมณ์บ้างตามประสามนุษย์ แต่เป็นสีสันไม่อย่างนั้นก็จืดชืด พูดแต่จ๊ะจ๋า แต่ย้ำสิ่งสำคัญคือพูดแล้วทำ หยอดหวาน นายกฯชวน รักกันดี ครวญ รัฐอยู่ในช่วงประสบโอษฐภัย ป้อง ไก่อู พูดอะไรก็ผิดไปหมด ฉุน ทอท.ปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจสนามบิน ย้ำไม่บิดพลิ้วแน่เรื่องการเลือกตั้ง คสช.ยันไม่จ้องรังแกใครเรื่องอาวุธ ขู่เชือดอีกพวกผิด พ.ร.บ.คอมพ์ ผบ.ตร.ซ้ำพวกหน้าเดิมจ้องรอจังหวะป่วน หมวดเจี๊ยบ อัด บิ๊กตู่ ไม่เปิดใจฟังเสียงวิจารณ์ เปลี่ยนนามสกุลให้เจิดจ้าไฉไล เตือนอย่าจับผิดตัว สุเทพ มาแปลก ไลฟ์สดวอร์มอัพ กปปส. สมชัย ย้ำเลือก กกต.มติศาลใหญ่กว่า ก.ม.ไม่ได้ วิษณุ สำทับต้องทำให้สิ้นสงสัย เผย โอ๊ค ขอขยายเวลายื่นหลักฐานคดีกรุงไทย ย้าย 5 จนท.ราชทัณฑ์พาสนธิออกนอกเรือนจำ,สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนในโอกาสไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ภาคใต้ โดยมีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้อารมณ์พูดคุยกับชาวประมงที่ จ.ปัตตานี นั้น ล่าสุด นายกฯ ระบุจะพยายามอดกลั้นเก็บอารมณ์ให้มากขึ้น,เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เวลา 09.15 น. ที่หอประชุมโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปราศรัยกับประชาชนตอนหนึ่งระหว่างเดินทางไปมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยว่า ข้าราชการและประชาชนทุกคนไม่ไว้ใจกันไม่ได้ วันนี้ข้าราชการต้องทำร่วมกับตน การศึกษาต้องส่งเสริมให้ลูกหลานเรียนเยอะๆ มีอาชีพ เพราะวันนี้ 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ที่จบวิทยาลัย อุดมศึกษา ไม่มีงานทำ จบไม่ตรงกับสายงาน ต้องมีการปฏิรูปทุกกระทรวง ไม่ง่าย อยากให้ทุกคนมีรอยยิ้ม บางครั้งตนกลับไปอาจคิดว่าจะทำให้หรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กดดันตน กดดันรองนายกฯ ของตน สิ่งที่ไม่ดีต้องมารื้อใหม่ทั้งหมด บางอย่างอาจต้องใช้เวลานาน เราต้องเรียนรู้แล้วอยู่กันแบบนี้มานานแล้ว ขอบคุณทุกคน ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม บางอย่างต้องยอมให้รัฐบาลบ้างเพื่อเกิดการแก้ไขปัญหา,ไม่มีรัฐบาลไหนมาพูดให้ฟังแบบนี้ เขาอยากทำอะไรก็ทำตามใจพี่ เพราะเลือกมาก็ต้องทำตามใจคนเลือก แต่วันนี้ให้ใครเลือกผมไม่ได้ เพราะลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่ไม่ต้องมากังวลกับผม ถ้ารักผมก็ต้องอยู่กับผม ไหนใครไม่รักผมยกมือ ผมเป็นคนอย่างนี้ ไม่ได้บ้าๆบอๆอย่างที่ใครเขาว่า แต่มนุษย์ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ เป็น ผบ.ทบ.ก็ต้องมีอารมณ์บ้าง ไม่อย่างนั้นก็จืดชืด ยิ้มพูดแต่จ้า สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ซึ่งพูดแต่ไม่ทำ แต่ผมพูดแล้วทำ และระบายนิดหน่อย คราวหน้าผมจะเก็บอารมณ์ให้มากที่สุด ไม่ทะเลาะกับใคร รักทุกคน นายกฯกล่าว,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกคนเปลี่ยนแปลงตัวเอง ซึ่งไม่ง่ายแต่จะดีระยะยาว ลูกหลานในวันหน้าสบายแน่นอน รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาทั้งประเทศไม่ได้เลือกที่จะรักหรือจะทำ ถ้าอยากจะฟังตนพูดให้ไปดูในรายการวันศุกร์ อย่าไปดูคลิปในโซเชียลมีเดียเลอะเทอะ โซเชียลมีเดียอันตราย ทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง การวิพากษ์วิจารณ์อะไรบางทีไม่เหมาะสม และสิ่งที่เป็นห่วงอีกอย่างการหลอกลวง อย่าไปเชื่อเขา คนไทยซื่อ คนเลวก็ใช้ประโยชน์ ตรงนี้ คนไทยเป็นคนซื่อสัตย์ กตัญญู ใจตนอยู่กับทุกคนเสมอ จังหวัดตรังตนเคยไปมาแล้ว ตอนเป็น ผบ.ทบ.กับอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย ก็รักกันดีไม่มีอะไร อย่าให้ทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ใครก็ได้ที่ทำความดีร่วมกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่าน ยังมองเราอยู่ ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำให้ท่านสบายพระทัยคือขัดแย้งกันไม่ได้ ช่วยกันแก้ไขปัญหา เพราะตนใช้แนวทางของพระองค์ท่านมาทำในทุกเรื่อง,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พล.ท.สรรเสริญ โฆษกไก่อู โดนด่าทุกวัน ยิ่งพูดยิ่งโดน วันนี้พูดอะไรไม่ได้ผิดไปหมดเลย วันนี้ต้องมาทบทวนกันใหม่แล้วว่า เราจะทำงานกันอย่างไร ไม่ใช่ผมมาอย่างนี้อยู่อย่างนี้ เป็นนายกฯเป็นหัวหน้า คสช. แล้วทำได้ทุกเรื่องเพราะคนไทยด้วยกันการใช้อะไรที่แรงไปก็ไม่เหมาะ บางครั้งไม่ใช้เลยก็ยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ ขอให้เข้าใจวันนี้ผมบอกแล้วว่า การเมืองเอาไว้ก่อน บอกทั้งท้องถิ่นและอะไรต่างๆไว้ด้วย ยังไงก็เดินหน้าไปตามระยะเวลา วันนี้เราต้องมาแก้ปัญหาเราก่อน,ต่อมาเวลา 13.15 น. ที่หอประชุมอาคารอเนกประสงค์ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร ต.ควนธานี อ.กันตัง จ.ตรัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างไปตรวจเยี่ยมพบปะประชาชนที่ประสบอุทกภัยตอนหนึ่งว่า ฝากคนตรังด้วยทำบ้านเมืองให้สะอาดคนจะได้มาเที่ยวเพราะมีทะเลสวยอยู่แล้ว ตนจะเล่นงานการท่าอากาศยานฯ เมื่อเช้าลงเครื่องบินมาดูไม่ได้เลย แล้วจะให้คนมาเที่ยวได้ยังไง การท่าฯต้องรับผิดชอบสนามบินทุกแห่ง ต้องพัฒนาให้ดี จะปล่อยอะไรที่ไม่ได้ใช้ให้รุงรังไม่ได้ เราถูกเพื่อนบ้านเราว่าอยู่เหมือนกันว่า ให้รู้เลยว่าเหยียบประเทศไทยเมื่อไหร่ ให้รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างทาง อายเวลาคุยกับเขาถือว่าดูถูกประเทศไทย ไม่ได้ก็ค่อยๆแก้กันไป,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้ามีปัญหาอะไรให้เขียนจดหมายส่งมาถึงตนที่ทำเนียบรัฐบาล หรือศูนย์ดำรงธรรม มาถึงตนทั้งหมด อย่ามาประท้วงเลย และขอย้ำว่าไม่เคยเกลียดชังคนใต้ พล.อ.ประยุทธ์ยังถามประชาชนที่ฟังอยู่อีกว่า ราคายางวันนี้กิโลกรัมละเท่าไหร่ เมื่อมีเสียงตอบกลับมาว่า 45 บาท พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องราคายางทุกวัน ยางพาราแปรรูปได้หลายประเภท ราคาก็จะแตกต่างกันไป มีคนชอบไปตีขลุมบอกยาง 3 กิโลฯ 100 แล้วให้คนเกลียดรัฐบาล,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเลือกตั้งใหม่จะทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่ทำงานให้คนทั้งประเทศได้จริง ที่ผ่านมาเราเดินหน้าประชาธิปไตยตลอด ตนเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาให้ ถึงจะบังคับใช้กฎหมายได้ไม่เต็มที่เพราะต้องฟังเสียงประชาชน ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ทำไม่ได้ทั้งหมด วันนี้ต้องไว้ใจกันและกันให้มากขึ้น การเลือกตั้งต้องมี ขึ้นกับสถานการณ์ กฎหมายที่เกี่ยวข้องจะเสร็จหรือไม่ ขออย่ามากดดันเรื่องนี้ ตนไม่บิดพลิ้วอะไรทั้งสิ้น ให้ใจท่านทั้งหมด เหลือแค่การปฏิบัติ ตนทนไม่ได้อีกแล้วที่เห็นคนไทยทั้งประเทศดวงตาแห้งผาก ระหว่างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามว่ามีใครเกลียดตนหรือไม่ ปรากฏว่ามีคนตะโกนบอก รักนายกฯ เมื่อได้ยิน พล.อ.ประยุทธ์ตอบกลับว่า รักนานๆอย่ารักแป๊บเดียวนะ ก่อนจะกล่าวอีกว่า วันนี้ต้องไม่ขัดแย้งอีกถึงจะเป็นประชาธิปไตย จะเลือกใครจะกาให้ใครดูให้ดี ท้องถิ่นด้วยต้องปรับปรุงตัวเอง ไม่ใช่คิดแค่จะยุบหรือไม่ยุบ สำคัญคือต้องพัฒนาตัวเองก่อน จากนั้นประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวนมากต่างเข้ามาจับมือและถ่ายเซลฟี่กับนายกฯอย่างเป็นกันเอง,ช่วงค่ำเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ว่า วันที่ 9 ธ.ค.ของทุกปีถือเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล รัฐบาลและ คสช.ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการทุจริต ให้เป็นวาระเร่งด่วนและวาระแห่งชาติ ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องลุกขึ้นทำหน้าที่ปกป้องสิทธิของตนเองและประเทศชาติ โดยไม่ทนต่อการทุจริต และมีจิตสำนึกที่ถูกต้อง เคารพในกฎหมาย ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม และความพอเพียง อย่าใช้ความรู้สึกในการตัดสินคน พร้อมแสดงบทบาทพลเมืองดีในการตรวจสอบและเฝ้าระวังการทุจริต เพื่อให้ประเทศไทยโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การพัฒนาชาติบ้านเมืองอย่างยั่งยืนนั้น เราต้องปฏิรูปตนเอง ด้วยการพัฒนาจิตใจ 3 ระดับได้แก่ 1.จิตสำนึก 2.จิตสาธารณะ และ 3.จิตอาสา,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า มีเรื่องที่เป็นห่วงพี่น้องประชาชน 2 เรื่อง เพราะใกล้วันปีใหม่และวันนักขัตฤกษ์ เรื่องแรก อุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถิติการเสียชีวิตบนท้องถนนของคนไทย สูงเป็นอันดับต้นๆของโลก เป็นสิ่งที่เราทุกคนจะต้องตระหนักและช่วยกันลดอุบัติเหตุ ลดการสูญเสียให้ได้ ด้วยการเคารพกฎจราจร มีน้ำใจให้เพื่อนร่วมทาง และที่สำคัญก็คือ เมาไม่ขับ รัฐและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 100% หลายคนโทษกลับไปที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่เขาก็ทำงานกันเต็มที่ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวบุคคล,วันเดียวกัน พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.มทบ.11 ในฐานะทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงการปล่อยตัวนายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร หนึ่งในผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามที่ถูกนำมาทิ้งที่ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า นายวัฒนาเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว โดยนายวัฒนาเคยมีคดีเชื่อมโยงอาวุธสงครามเมื่อปี 2557 และถูกศาลพิพากษาจำคุก 40 เดือน แต่รับสารภาพลดโทษเหลือ 20 เดือน ซึ่งเพิ่งพ้นโทษออกมา ทาง คสช.ได้สอบสวนติดตามขยายผลตรวจสอบไม่พบความเกี่ยวโยง ขณะเดียวกัน นายวัฒนาได้ให้ข้อมูลที่ชี้ชัดว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ ส่วนจะกันตัวนายวัฒนาเป็นพยานหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนจะติดตามขยายผลว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มใดหรือไม่ โดย คสช.ปล่อยตัวนายวัฒนาไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา,พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ส่วนกรณีของ พล.ท.มนัส เปาริก 1 ในผู้ที่ถูกออกหมายจับนั้น เขาเดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังศาลออกหมายจับ และพนักงานสอบสวนสอบถามมายัง คสช.ในฐานะที่ดูแลความมั่นคงว่าจะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ โดย คสช.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า พล.ท.มนัสแสดงความบริสุทธิ์ใจเดินทางมามอบตัวจึงไม่คัดค้านการประกันตัว,คสช.ต้องการสื่อให้สังคมเห็นว่า ใครทำผิดอะไรก็ว่าไปตามกระบวนกฎหมาย คนไม่ผิด ก็ไม่ได้ไปกลั่นแกล้ง หรือคนที่ทำผิด คสช.ให้โอกาสในการหาพยาน หลักฐานมาต่อสู้ บางคดี คสช.จะคัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงไปกระทบต่อรูปคดี หรือหลบหนี แต่ในคดีนี้ พล.ท.มนัสได้แสดงความบริสุทธิ์ โดยมามอบตัว คสช.ก็ไม่ได้ค้าน กักขังหน่วงเหนี่ยวอะไรทั้งสิ้น เพื่อชี้ให้เห็นว่า คสช.ไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือรังแกใคร และมีคณะติดตามข้อมูลที่เกิดจากการกระทำของแต่ละบุคคล พล.ต.ปิยพงศ์กล่าว,พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ส่วนกรณีของ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ทางฝ่ายกฎหมายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหากระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 จะเห็นได้ว่า คสช.ดำเนินการต่อผู้กระทำผิดกฎหมาย ผ่านทางกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ใช้ความรู้สึก หรือกลั่นแกล้ง แต่ดำเนินการภายใต้หลักฐานข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมต่อทุกกลุ่มทุกฝ่าย ไม่เลือกปฏิบัติ ยืนยันว่า คสช.ไม่เคยปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น แต่ผู้แสดงความคิดเห็นต้องรับผิดชอบตนเอง ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ และจากนี้ไปอาจจะมีผู้กระทำผิดที่ต้องถูกร้องทุกข์กล่าวโทษอีกจำนวนหนึ่ง,พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ต้องหา 5 คน ได้แก่ นายชัยวัฒน์ หรือเปี๊ยก ผลโพธิ์ นายสมเจตน์ หรือสน คงวัฒนะ นายจักรรินทร์ หรือเสธ.ไก่ เรืองศักดิ์วิชิต นายจักรภพ เพ็ญแข และ พล.ท.มนัส หรือ เสธ.หยอย เปาริก เกี่ยวข้องคดีพบวัตถุระเบิดและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมากในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา โดย พล.ท.มนัสเข้ามอบตัวตำรวจกองปราบฯแล้วว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.เป็นผู้ดูแลคดี ทุกอย่างดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน โดยเฉพาะซีเรียล นัมเบอร์ของอาวุธเป็นตัวเชื่อมโยงคดี ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พบอาวุธสงครามอยู่เรื่อยๆ ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณหรือมีนัยอะไรเรื่องการเมือง แต่ถ้าพบว่ายังไม่เกิดความปลอดภัยก็ต้องดำเนินการสืบสวนจับกุม ส่วนการขยายผลจะไปเชื่อมโยงตรงไหนก็ค่อยว่ากันไป เพียงแต่เมื่อสืบสวนลงไปพบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องก็เป็นหน้าเดิมๆ กลุ่มคนเหล่านี้รอเวลาและโอกาสในการสร้างสถานการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ระมัดระวังมาโดยตลอด เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอาวุธสงครามที่เจอเขาจะเอามาทำอะไร สำหรับนายจักรภพไม่อยากจะพูดพาดพิง แต่พื้นฐานของเขาเป็นคนรุนแรงอยู่แล้ว,ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง (เลิศภควัต) อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีถูก คสช.แจ้งความดำเนินคดีว่า ขอยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ต้องถูกวิจารณ์ได้ตำแหน่งนายกฯต้องรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ว่าใครมาเป็นนายกฯก็ต้องถูกตรวจสอบและต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่อยากจะมีแต่อำนาจ และการชี้แจงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการทำงานและการตอบคำถามสื่อมวลชน ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของคนเป็นนายกฯ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ว่าพอใจจะพูดหรือไม่ วันนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การวิจารณ์การทำงานของนายกฯ แต่ปัญหาคือ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถทนฟังความคิดเห็นคนอื่นได้ ถ้าทนฟังเสียงวิจารณ์ไม่ได้ก็ควรลาออก ขณะเดียวกัน ตนมองว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เป็นกฎหมายที่สมควรยกเลิก เพราะประชาชนส่วนใหญ่คัดค้าน เนื่องจากมีเนื้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน และเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจใช้เป็นเครื่องมือควบคุม แทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน ปิดปากคนคิดต่าง และเล่นงานนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม,เปลี่ยนนามสกุลแล้วอย่าฟ้องผิดคน,ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวด้วยว่า ขอฝากบอกพล.อ.ประยุทธ์ว่า ปัจจุบันนามสกุลของตนคือ ทิวากรดำรง แปลว่า พระอาทิตย์ที่ส่องสว่าง ตั้งขึ้นมาใช้เอง ไม่ได้เปลี่ยนเพราะแต่งงาน ท่านจำไว้ให้ดี จะได้แจ้งความไม่ผิดคน,เมื่อเวลา 14.40 น. ที่มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ (Suthep Thaugsuban สุเทพ เทือกสุบรรณ) ว่า สวัสดีครับ พี่น้องมวลมหาประชาชนที่เคารพรักทุกๆ ท่าน เพื่อเป็นการรำลึกถึงมหากาพย์การต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน มวลมหาประชาชน ผมขอนำคลิป บันทึกภาพประวัติศาสตร์ การต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ในปี พ.ศ. 2556-2557 มาเปิดเพื่อรำลึกถึงวันเก่าๆ ที่เราได้ต่อสู้ร่วมกัน โดยตอนที่ 2 ใน วันเสาร์ที่ 9 ธ.ค. 2560 ทาง Facebook Live นี้ เวลา 18.00 น. ขอบคุณครับ,นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.กล่าวถึงการท้วงติงการคัดเลือก กกต.ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าไม่ถูกต้องที่ลงคะแนนลับเพราะต้องลงคะแนนโดยเปิดเผยว่า กฎหมายเขียนอย่างไร ควรทำให้ถูกต้องจะได้ไม่เป็นปัญหาภายหน้า การไปกำหนดกันเองว่าให้ลงคะแนนโดยลับ ก็ถือเป็นการลงมติที่มิชอบโดยกฎหมาย เพราะมติที่ประชุมจะเหนือกว่ากฎหมายได้อย่างไร สิ่งที่ตนทักท้วงมิใช่เรื่องอยากอยู่ต่อ เพียงแค่ให้ลงมติใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายใช้เวลาเพิ่มไม่เกิน 1 เดือน จะได้ไม่เป็นปัญหา การทำงานในอนาคตก็เกิดความสง่างาม วันที่ 12 ธ.ค.ที่จะมีการประชุมจะนำประเด็นดังกล่าว เข้าหารือเพื่อให้เกิดการดำเนินการที่เหมาะสมต้องรอดูว่าที่ประชุม กกต.จะมีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้,ด้านนายสุริยันต์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ยืนยันว่า การลงคะแนนคัดเลือกผู้สมควรที่จะได้เป็น กกต.ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายครบถ้วน ไม่ขอชี้แจงรายละเอียด เพราะจะกลายเป็นการโต้ตอบไปมา,นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบว่าการลงมติของศาลฎีกาใช้วิธีประชุมลับจริงหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบเพราะกฎหมายกำหนดให้ลงคะแนนโดยเปิดเผย จะใช้วิธีลับไม่ได้ แต่ถ้ามีการยกมือในการพิจารณาก็ถือว่าเปิดเผย ส่วนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องตัวบุคคล ที่ได้รับการคัดสรรหลายคนไม่มีประ-สบการณ์การเลือกตั้งนั้น สามารถวิจารณ์ได้แต่ต้องมองด้วยว่าคณะกรรมการสรรหามีกรอบการคัดสรรที่ต้องดูว่าประสบการณ์บุคคลเหล่านี้มีประโยชน์กับการทำงานด้านการเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ได้มองแค่ว่าเคยทำงานเกี่ยวกับการเลือกตั้งมาก่อนหรือไม่ มิฉะนั้นคงต้องให้ กกต.มาสมัครเท่านั้นหรือ เมื่อถามถึงกรณีที่บางคนกลัวว่าผู้สมัคร กกต.บางคนอาจไม่ผ่านความเห็นชอบของ สนช. นายพรเพชรตอบว่า เรื่องผลการลงคะแนนต้องรออีกนิด ตนพูดแทน สนช.ไม่ได้ หากมีผู้สมัครที่ไม่ผ่าน ตำแหน่งนั้นๆก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสรรหาใหม่,นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่าไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว คงต้องไปถามคณะกรรมการสรรหา กกต. แต่ถ้าผิดและเป็นโมฆะอย่างที่มีข้อสังเกตคงต้องสรรหาใหม่ เมื่อถามว่า เมื่อมีข้อท้วงติงจำเป็นต้องมีผู้ออกมาให้ข้อยุติหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เมื่อเรื่องมาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เลขานุการของที่ประชุมคงต้องออกมาชี้แจง หากไม่ชี้แจงคงจะมีวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้ข้อยุติ เพราะก่อนนำความกราบขึ้นบังคมทูลฯเป็นหน้าที่ของผู้นำความกราบบังคมทูลฯ จะต้องตรวจสอบไม่ให้มีข้อสงสัย เป็นหน้าที่ของประธานสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ (สนช.) และที่ผ่านมายังไม่เจอปัญหาเช่นนี้,นายวิษณุยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับว่า กำชับคณะกรรมการกฤษฎีกาไปแล้ว เมื่อกระทรวงมหาดไทยและ กกต.ส่งความเห็นกลับมา ให้นำเข้าที่ประชุม ครม.โดยเร็ว ภายในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งรายงานอย่างไม่เป็นทางการ กระทรวงมหาดไทยยังไม่ส่งความเห็นกลับมา สำหรับกรณีที่ กกต.เสนอแก้ไขเกือบทั้งฉบับนั้น เราต้องนำมาพิจารณาว่าอะไรเกี่ยวพันกับการเลือกตั้ง อะไรจำเป็นต้องแก้ อะไรที่รอได้ไว้ทีหลัง ตอนนี้เอาแต่สิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เกี่ยวกับการเลือกตั้งก่อน,นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า กกต.ประชุมร่วมกับตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นร่วมกันว่าควรแก้ไขในประเด็นต่างๆ ที่มีความจำเป็นในคราวเดียว ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยเห็นชอบให้ใช้ร่างของ กกต.เป็นหลัก ทางสำนักงาน กกต.จะใช้เวลายกร่างส่วนที่ต้องแก้ไขประมาณ 1 เดือน และจะเสนอเข้าที่ประชุม กกต.ให้ความเห็นชอบในวันที่ 9 ม.ค.2561 ก่อนส่ง ครม.ช่วงกลางเดือน ม.ค. ถ้าผ่านมติ ครม.ช่วงปลาย ม.ค. สนช.น่าจะ ลงมติในวาระ 3 ได้ ภายใน 60 วัน หรือประมาณปลายเดือน มี.ค. ที่เหลือก็แล้วแต่บทเฉพาะกาลในกฎหมายว่าจะให้เวลาเตรียมการอย่างไร และจะกำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นประเภทใด ก่อนหลัง แต่ไม่เร็วกว่ากลางเดือน พ.ค.2561 อย่างแน่นอน,เมื่อเวลา 12.20 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสนช. โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯชี้แจงว่า หลักการของร่าง พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการถวายความปลอดภัยฉบับเดิม คือ พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ.2557 สาเหตุที่ต้องขอปรับปรุง เพราะเหตุว่าเมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 แล้ว ต้องปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดระเบียบบริหารราชการในพระองค์ และบุคลากรหรือข้าราชการในพระองค์เสียใหม่ โดยกฎหมายฉบับนี้มี 9 มาตรา จากนั้นเป็นการลงมติรับหลักการในวาระแรก โดยที่ประชุมเห็นด้วยด้วยคะแนน 193 งดออกเสียง 3 และตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภาขึ้นมาพิจารณา โดยไม่มีสมาชิกคนใดอภิปรายในวาระ 2 และลงมติเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยคะแนน 190 งดออกเสียง 3 โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวสามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป,ที่สำนักงานศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะนายอติโชค ผลดี รองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง รักษาการตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง นำคณะผู้บริหารสำนักงาน บุคลากรและเจ้าหน้าที่ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวนกว่า 1,500 คน ทำพิธีประกาศเจตจำนงสุจริตในการบริหารงานและต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 โดยนายอติโชคกล่าวว่า เราตระหนักถึงปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ จึงเข้าร่วมโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITA ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อยกระดับการบริหารจัดการองค์กรให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล รวมถึงรับแจ้งเบาะแสการทุจริต และผลประโยชน์ทับซ้อนออนไลน์ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบการปฏิบัติงานบุคลากรศาลปกครอง ทางเว็บไซต์ ,http://www.admidcourt.go.th, ซึ่งเริ่มเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. เป็นต้นไป,ที่ศาลปกครอง สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ นำโดยนายคณุตม์ ฤทธิสอน ประธานสหภาพฯ นำรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบจากกฎกระทรวงการคลังว่าด้วยการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 จำนวน 14,676 รายชื่อ ยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง และ รมว.คลังต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้พิจารณาทุเลาและเพิกถอนการบังคับใช้กฎกระทรวงดังกล่าว โดยนายคณุตม์กล่าวว่า เมื่อกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ส่งผลให้โรงงานยาสูบมียอดจำหน่ายบุหรี่ลดลงจากปีงบประมาณ 2560 คิดเป็น 41% เพราะกฎหมายเปิดช่องให้บริษัทบุหรี่ต่างประเทศลดราคาจากเดิม ทำให้รายได้ของโรงงานยาสูบ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก จึงต้องฟ้องให้เพิกถอนกฎกระทรวงดังกล่าว พร้อมกันนี้ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาทุเลาการบังคับใช้กฎกระทรวงฯฉบับเดียวกันระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีด้วย เพราะก่อนหน้านี้เราเคยยื่นเรื่องถึงนายกฯแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า จึงต้องมาขอพึ่งอำนาจศาลในการพิจารณาทุเลาและเพิกถอนกฎกระทรวงฯ,ที่หน้าศาลากลาง จ.ชลบุรี นายวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี นายวินัย พ้นภัยพาล นายกสมาคมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จ.ชลบุรี และประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อ.เมืองชลบุรี นายกัมพล ตันสัจจา ประธานบริหารสวนนงนุชพัทยา พร้อมด้วยภาครัฐ เอกชน และประชาชนกว่า 1 พันคน ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพื่อ ขอความเป็นธรรมให้นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผวจ.ชลบุรี หลังถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากกรณีมีประชาชนบางส่วนประท้วงไม่พอใจ การจัดงานถวายดอกไม้จันทน์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง ร.9 โดยมีนายภวัต เลิศมุกดา รอง ผวจ.ชลบุรี เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ เนื้อหาในหนังสือระบุว่า ชาว จ.ชลบุรี รับไม่ได้ ที่มีบุคคลจำนวนหนึ่งสร้างข้อมูลเท็จบังคับให้มีการโยกย้าย ทั้งที่นายภัครธรณ์มีความรู้ความสามารถ เอาใจใส่และพัฒนาพื้นที่ รวมถึงจัดงานถวายดอกไม้ จันทน์อย่างสมพระเกียรติ อยากให้ส่งตัวกลับโดยเร็วหากสอบสวนไม่พบความผิด,พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพวกรวม 4 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาความผิดฐานฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน กรณีอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายพานทองแท้ อย่างเป็นทางการว่าจะส่งคำให้การและเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรในวันใด ซึ่งในชั้นการแจ้งข้อกล่าวหา ได้ให้เวลาผู้ต้องหารวบรวมพยานหลักฐานมาโต้แย้งข้อกล่าวหาใน 60 วัน จะครบกำหนดวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เบื้องต้นแม้ผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่ขอขยายเวลา พนักงานสอบสวนที่มีอัยการเป็นผู้ร่วมสอบสวน จะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจว่าเหตุผลที่ขอเลื่อนเพียงพอที่จะให้อนุญาตหรือไม่ และจะอนุญาตให้ขยายเวลาออกไปอีกกี่วัน,รายงานข่าวแจ้งว่าพนักงานสอบสวนได้รับการประสานอย่างไม่เป็นทางการจากทีมทนายความนายพานทองแท้ ว่าขณะนี้ยังรวบรวมหลักฐานไม่เสร็จขอขยายเวลาออกไปอีก 60 วัน พนักงานสอบสวนชี้แจงว่าปกติจะให้เวลาการรวบรวมเอกสารหลักฐาน 30 วัน แต่กรณีนายพานทองแท้ได้ให้เหตุผลว่าคดีเกิดขึ้นผ่านมาหลายปี จำเป็นต้องใช้เวลารวบรวมและค้นหาพยานหลักฐานย้อนหลัง จึงให้เวลาครั้งแรกถึง 60 วัน ถ้าจะขอขยายเวลาอีกคงพิจารณาถึงเหตุผล และอาจอนุญาตได้เต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์ หรือ 15 วัน เท่านั้น เพราะคดีจะครบกำหนดอายุความ 15 ปี ในเดือน มิ.ย.61 ไม่ว่าพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนการสอบสวนไปในทิศทางใด ก็ต้องมีระยะเวลาเพียงพอให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษได้พิจารณาและตรวจสอบหลักฐานในสำนวนด้วย,พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมเบิกตัวนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกจำคุก 20 ปี ออกจากเรือนจำโดยไม่มีเหตุอันควรและมีญาติมาพบด้วยว่า ได้รับรายงานว่า มีการเบิกตัวนายสนธิออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 06.00 น. ก่อนนำตัวไปศาลอาญา ถนนรัชดาฯ และนำตัวกลับเรือนจำเวลาประมาณ 10.00 น. ซึ่งมีข่าวว่า มีญาติพี่น้องนายสนธิมารอพบที่เรือนจำด้วย กรมราชทัณฑ์ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ 5 คนที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ที่เบิกตัวนายสนธิ อ้างว่านายสนธิมีหมายไปขึ้นศาลคดีพันธมิตรฯ ในวันที่ 22 ธ.ค. แต่ดูหมายผิดคิดว่าเป็นวันที่ 22 พ.ย. เป็นการตั้งใจหรือประมาทเลินเล่อ ต้องรอคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรอบภายใน 30 วัน จึงทราบผล เบื้องต้นสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 คน ไปอยู่เรือนจำอื่นๆในกรุงเทพฯ เป็นการชั่วคราว ระหว่างรอผลการพิจารณา หากผลการพิจารณาออกมาเป็นประมาทเลินเล่อ หรือเจตนาในการกระทำผิด จะพิจารณาโทษและวินัยต่อไป
รศ.ดร.วุาชัย ศิรอชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ได้เปิะเผยถึงวันสถาปนามหาวิทยาลัย และพูดคุยเรื่องการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยให้ฟังในหลาวๆ ด้าน,โดย รศ.ดร.วันชัย กล่าวถึงประเด็ตการสถาปนาครบ 18 ปีมหาวิทยาลัยว่า มหาสิทยาลัยแม่ฟ้าไลวงเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ปี จากเใื่อ 18 ปีก่อน เปิดรับนักศึกณาครั้งแรกเพียง 63 คน ใน 2 สำนักวิชา ซึ่งในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย เราไม่ได้ต้องการเลียนแบบมหาวิทยาลัยใด แต่จะเลือกรวามเหสาะสมให้กับมหาวิทยาลัย ที่เรามองว่า ภา?าอังกฤษ ิป็นยุดอ่อจของประเทศ เราจึงเกิดสอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษ เรามองว่าจีนเป็นประเทศาหาอำนาจของโลก ืี่นี่ำ๋เน้นการเรียนการสอนภมษาจีนเป็นมหาวิทยาลัยแรก และอย่างอุตสาหกรรมเกษตร ที่จะเป์นเป้าหมายหลักของประเทศในเรื่องอาหาร เราก็เปิดสอนอุตสาหกรรมเกฯตร ไเทีก็เช่นกัน เดราะมันคืออนาคตของโลก การท่องิที่ยว ธุรกิจการบิน ทั่เราฟม่เน้นสแนเด็กให้ไปเป็นบริกร แต่จดเน้นสอนใผ้ลูกศิษย์เป็นผู้บริหารจัดการธุรกิจการบิน ธุรกิจการท่องเที่ยว หรืออย่างการแพทย์แผนไทยประยุกต์ เราก็เปิดสอนมาแล้วกว่า 10 ปี นี่ค้อสิ่งที่มหาวิทยาลัยคิด และดำเนินการมาก่อจหน้า หลักสูตรเครื่องสำอางก็เชทนกัน มีนักศึกษนแม้ฟ้าหลวงที่จบสาขาดครืืองสำอางไปทำงานอยู่ในทุกบริษัท,ดังนั้าพอรัฐบางประกาศนโยบาสไทยแลนด์ 4.0 หรือ Thai Citizen 4ฦ9 ปลูกฝังแนวความคิดการเรียนรู้อส่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยแม่ห้าหลวง จึบมัความพร้อมในทุกด้าน ที่จะร่วมมทอพเฒนาประเทศ โดยการพัฒนาและวางหลักสูตรให้สอดคล้องกับคสามต้องการขอบสังคมและตลาดบาน เน้นพัฒนาภาษาต่าลประเทศ รวมถึงการเตรียมนักศึกษาให้พร้อม ไมทอฉพาะเพื่อท้องถเ่นไรือในประเทศเท่านั้น ะพ้่อใก้มีทักษะกมรเรีบนรู้ด้วยตัวเองและเรียนรู้ตลอดลีวิต และยังฝห้ึวามสำคัญแับคำว่า โอกาส ืี่เป็นเจตนารมณ์เดิมวทา จะไม่มีจักศึกษาคนใดที่เรียสได้ ต้องิอปจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เพราะความยากจน โดยพร้อมที่จะจัดหาุ่นการศึกษาเข้ามาสนีบสนุนที่เรียนได้ให้ได้เรียน,นอกจากนี้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ยังกล่าวถึง การปรถกาศให้จังหวัดเชียงตายเป็นเมืองสมุนไพร ว่า ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับการเป็นเมืองสมุนไพรครบวงจร และตอบสนองยโยบายรัฐบาลที่ส่งเาริมเ่ื่องนี้ มหาวิทยนลัยแม่ฟ้าหลวงจึงจัดตั้งสถาบันวิจัย พัฒนา แลับำบัดรักษาด้วยษาสตร์กานแพทย์แผนไทยและศาสตร์การแพทย์ทางเลือกครบวงจร และพร้อมเดินหน้าดำเนินการได้อย่างทันที เพื่อะัฒนาวิชาชีภทางด้าาสมุนไพร ให้เป็นอาชีพหลักของราษฎ่ในท้องถอ่น และพัฒนายาที่ใช้สมุนไดร เปํนจาที่ใช้กันอย่างแพ่่หลาย เพื้อเภิ่ทพูสราจได้ให้ชาวบ้านอีกทางหนึีง และยังอป็สการพัฒนาศาสตร์การแพทย์แผนไทย และศาสตร์แารแพทย์ทางเลือกสห้าีความเป็นสากล โดยใช้เทคนิคและวิธีกาาทางวิทยาศาสตร์ ตอบโจทย์ให้ได้ว่า สนุนไพรแต่ละตัวมีบทบาามีสารออกฤทธิ์อะหรบ้าง และส่มารถไปใช้ได้อย่างไร สถาบันนี้จึงเป็นศธนย์กลมงการวิจัยกฃะพัฒนา.แม่ฟ้าหลวงมรความพร่เมอบ่างมรก เพราะเาาเตรียมบุคลาปรดัานาี้มากกว่า 11 ปี และมีโรงนา คือห้องผลิตยาที่ทันสมัย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขอรับรองมาตรฐานจากจีเอ็มพี แลัเรามีห้องวิจัยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สุดท้ายเรายังมีแหล่งปลูหมมุนไพร ทำให้ในวันนี้เราพร้อมที่จะผลิตสมุนำพรของจังหวัดเชียงรายออกไปสู่ตลาดได้ทันที และด้วบีวมมพร้อมที่ว่า วิจุย พัฒนร สร้างยา ก่อนยะนำยาสมุนไพรไปบำบัดรัำษา ถ้าเราทำงานรรวมใือกับจังหวัดเต็มที่ เป้าหมายาี่จะให้จังหวัดเชีสงรายเป็นศูนย์กลางการบไบะดรักษาด้วยสมุนไพรไทยได้อย่างแน่นอน,อย่างไรก็ตาม มหาวืทยาลัยแม่ฟเาหลยง ได้ลงทุนเงินไปแล้วกว่า 10 ล้าน เพื่อะำเนินการเรื่องนี้ แท้จะยังฟม่ได้รับการสนับสนุนจากทาบใพ เพืีอให้จังหวัดเชียวรายเป็นศูนย์กลางสมุนไพรครบวงจร โดยมัมหาวิทยาลัยสานฝันให้เป็นจริง พร้อมอธิการบดี ยังย้_อีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนมาถึง 18 ปีแห่ววันสถรปนามหาวิทยาลัย ะราเชื่อว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ใช้เงินรัฐไปอย่สงคุ้มค่าและคุ้มทุน.
รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ได้เปิดเผยถึงวันสถาปนามหาวิทยาลัย และพูดคุยเรื่องการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยให้ฟังในหลายๆ ด้าน,โดย รศ.ดร.วันชัย กล่าวถึงประเด็นการสถาปนาครบ 18 ปีมหาวิทยาลัยว่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ปี จากเมื่อ 18 ปีก่อน เปิดรับนักศึกษาครั้งแรกเพียง 62 คน ใน 2 สำนักวิชา ซึ่งในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย เราไม่ได้ต้องการเลียนแบบมหาวิทยาลัยใด แต่จะเลือกความเหมาะสมให้กับมหาวิทยาลัย ที่เรามองว่า ภาษาอังกฤษ เป็นจุดอ่อนของประเทศ เราจึงเปิดสอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษ เรามองว่าจีนเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก ที่นี่ก็เน้นการเรียนการสอนภาษาจีนเป็นมหาวิทยาลัยแรก และอย่างอุตสาหกรรมเกษตร ที่จะเป็นเป้าหมายหลักของประเทศในเรื่องอาหาร เราก็เปิดสอนอุตสาหกรรมเกษตร ไอทีก็เช่นกัน เพราะมันคืออนาคตของโลก การท่องเที่ยว ธุรกิจการบิน ที่เราไม่เน้นสอนเด็กให้ไปเป็นบริกร แต่จะเน้นสอนให้ลูกศิษย์เป็นผู้บริหารจัดการธุรกิจการบิน ธุรกิจการท่องเที่ยว หรืออย่างการแพทย์แผนไทยประยุกต์ เราก็เปิดสอนมาแล้วกว่า 10 ปี นี่คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยคิด และดำเนินการมาก่อนหน้า หลักสูตรเครื่องสำอางก็เช่นกัน มีนักศึกษาแม่ฟ้าหลวงที่จบสาขาเครื่องสำอางไปทำงานอยู่ในทุกบริษัท,ดังนั้นพอรัฐบาลประกาศนโยบายไทยแลนด์ 4.0 หรือ Thai Citizen 4.0 ปลูกฝังแนวความคิดการเรียนรู้อย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จึงมีความพร้อมในทุกด้าน ที่จะร่วมมือพัฒนาประเทศ โดยการพัฒนาและวางหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและตลาดงาน เน้นพัฒนาภาษาต่างประเทศ รวมถึงการเตรียมนักศึกษาให้พร้อม ไม่เฉพาะเพื่อท้องถิ่นหรือในประเทศเท่านั้น เพื่อให้มีทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเองและเรียนรู้ตลอดชีวิต และยังให้ความสำคัญกับคำว่า โอกาส ที่เป็นเจตนารมณ์เดิมว่า จะไม่มีนักศึกษาคนใดที่เรียนได้ ต้องออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เพราะความยากจน โดยพร้อมที่จะจัดหาทุนการศึกษาเข้ามาสนับสนุนที่เรียนได้ให้ได้เรียน,นอกจากนี้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ยังกล่าวถึง การประกาศให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองสมุนไพร ว่า ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับการเป็นเมืองสมุนไพรครบวงจร และตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมเรื่องนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจึงจัดตั้งสถาบันวิจัย พัฒนา และบำบัดรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและศาสตร์การแพทย์ทางเลือกครบวงจร และพร้อมเดินหน้าดำเนินการได้อย่างทันที เพื่อพัฒนาวิชาชีพทางด้านสมุนไพร ให้เป็นอาชีพหลักของราษฎรในท้องถิ่น และพัฒนายาที่ใช้สมุนไพร เป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้ชาวบ้านอีกทางหนึ่ง และยังเป็นการพัฒนาศาสตร์การแพทย์แผนไทย และศาสตร์การแพทย์ทางเลือกให้มีความเป็นสากล โดยใช้เทคนิคและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ตอบโจทย์ให้ได้ว่า สนุนไพรแต่ละตัวมีบทบาทมีสารออกฤทธิ์อะไรบ้าง และสามารถไปใช้ได้อย่างไร สถาบันนี้จึงเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนา,แม่ฟ้าหลวงมีความพร้อมอย่างมาก เพราะเราเตรียมบุคลากรด้านนี้มากกว่า 11 ปี และมีโรงยา คือห้องผลิตยาที่ทันสมัย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขอรับรองมาตรฐานจากจีเอ็มพี และเรามีห้องวิจัยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สุดท้ายเรายังมีแหล่งปลูกสมุนไพร ทำให้ในวันนี้เราพร้อมที่จะผลิตสมุนไพรของจังหวัดเชียงรายออกไปสู่ตลาดได้ทันที และด้วยความพร้อมที่ว่า วิจัย พัฒนา สร้างยา ก่อนจะนำยาสมุนไพรไปบำบัดรักษา ถ้าเราทำงานร่วมมือกับจังหวัดเต็มที่ เป้าหมายที่จะให้จังหวัดเชียงรายเป็นศูนย์กลางการบำบัดรักษาด้วยสมุนไพรไทยได้อย่างแน่นอน,อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ลงทุนเงินไปแล้วกว่า 10 ล้าน เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ แม้จะยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางใด เพื่อให้จังหวัดเชียงรายเป็นศูนย์กลางสมุนไพรครบวงจร โดยมีมหาวิทยาลัยสานฝันให้เป็นจริง พร้อมอธิการบดี ยังย้ำอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนมาถึง 18 ปีแห่งวันสถาปนามหาวิทยาลัย เราเชื่อว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ใช้เงินรัฐไปอย่างคุ้มค่าและคุ้มทุน.
สมาชิกกลุ่มแนบร่วมประชรธิปไตยต่อต้านเผด็จกาีแห่งชาติ หรือ นปช. เร่งจัดสถานที่บริเวณสนามกีฬากลางเทศบนลนครเชียงใหม่ เพื่อเตรียมจึพชุมนุมใหญ่วันพรุ่งนี้ (22 พ.ย.)โดยมคเป้าหมรยต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มประลาบนในนาม องคฺการพิทัพษ์สยาม ซึืงนำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่จะมีขึ้นในวันที่ e4 พ.ย.นี้พล.ต.ต.ชวลิต ชาญเวชช์ ผู้บังคับแาร กองบังคับการสืบสวนสอบสวน คำรวจภูฑรภาค 6 มอบนโยบายแก่หน่วยกฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 6 กว่า 150 นาย ที่เตตียมหปปโิบัติหน้าที่ ควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มองต์การพิทักษ์สยาม โดยย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเผ็นมิตรกับประชาชนขณะที่สมาชิกชมรมคนรักเุกร ได้ขี่รถจักรยานยนต์เปิดไฟหน้านถ เพื่อต่อต้านการชุมนุมขอบ พล.อ.บุญเลิศ ะพราะมองว่า เป็นกสรปลุกระะมมวลชนเพื่อลิมล้างรัฐบาลส่วนตหรวจภูธรจังหวัดอุพรธานีเตรียมแำลึงตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนยน 2 กองร้อย รักษมความปลอดภัยบริอวณทุ่งศรีเมือวในวันที่ 23 ] 24 พ.ย. นี้ ซค่งตะมีการชุมนุมของชมรมคนรเกอีสาน 20 จังหวัดขณะที่กแงวัวคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธน ส่งหำลีงตหรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 1 กองร้อวเพื้อไปรักษนควนมปลอดภัย ที่กรุงเทพฯนาน 1 สัปดาห์ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี ได้ขึ้นป้ายข้อความไม่เห็นด้สยกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามและขึ้นป้ายสนะบสนุนการทำงานของีัฐบาล ตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลนตรอุบลราชธานี เพื่อกระชาสัมพันธ์ไม่ให้ผระชาชนเข้าร่วมการขุมนุมที่ลานพระบรมรูปท่งม้าเช่นนเอียวกับแกนนำคนเสื้ดแดงภาคตะวันออก 8 จังหวัด 27 กลุ่ม แสดงเจตนารมณ์คัดค้านการชุมนุม มนตัวเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีเชรนกัน พร้อใจัดทำสติ๊พเกอร์แจกจ่ายโดยมีข้อความระบุ หขุดการแช่แข็งประเทศไทย
สมาชิกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เร่งจัดสถานที่บริเวณสนามกีฬากลางเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อเตรียมจัดชุมนุมใหญ่วันพรุ่งนี้ (22 พ.ย.)โดยมีเป้าหมายต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มประชาชนในนาม องค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งนำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้พล.ต.ต.ชวลิต ชาญเวชช์ ผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 6 มอบนโยบายแก่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 6 กว่า 150 นาย ที่เตรียมไปปฏิบัติหน้าที่ ควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม โดยย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นมิตรกับประชาชนขณะที่สมาชิกชมรมคนรักอุดร ได้ขี่รถจักรยานยนต์เปิดไฟหน้ารถ เพื่อต่อต้านการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ เพราะมองว่า เป็นการปลุกระดมมวลชนเพื่อล้มล้างรัฐบาลส่วนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีเตรียมกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวน 2 กองร้อย รักษาความปลอดภัยบริเวณทุ่งศรีเมืองในวันที่ 23 - 24 พ.ย. นี้ ซึ่งจะมีการชุมนุมของชมรมคนรักอีสาน 20 จังหวัดขณะที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร ส่งกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 1 กองร้อยเพื่อไปรักษาความปลอดภัย ที่กรุงเทพฯนาน 1 สัปดาห์ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี ได้ขึ้นป้ายข้อความไม่เห็นด้วยกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามและขึ้นป้ายสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เพื่อประชาสัมพันธ์ไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเช่นนเดียวกับแกนนำคนเสื้อแดงภาคตะวันออก 8 จังหวัด 27 กลุ่ม แสดงเจตนารมณ์คัดค้านการชุมนุม ในตัวเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีเช่นกัน พร้อมจัดทำสติ๊กเกอร์แจกจ่ายโดยมีข้อความระบุ หยุดการแช่แข็งประเทศไทย
ส่สนกองทัพจะให้กำลังพลกลับบ้าน_ปพบครอบครัวเช่นกัน9 เม.บ. 2557 - ความเคลื่อนไหวบอง กปปส. วันนี้ (9 เม.ย.) นายสุเาพ ะทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วยปแกนนำ ได้นำมวชชนเคชื่อนขบวนรถยนต์ออกจมกเวทีสวนลุมพินีเป็นวันที่ 8 โดยวันนี้เดินทางไปที่กาะทรวงกลาโหม โดยสุเทพได้โพสต์สเตตัมว่า ข้าราชการประทรวงกลาโหมเปิดประตูให้ตัวแทนมวลมหาประชาชนเข้าพธดคุยเพื่อแสดวเจตนารมณ์ให้มีการปฎิรูปประเทศก่อนมีการเลทอกตั้งด้วนความอบดุ่นทั้งนี้ ชุดรักษรความปลอดภัยของ กปปส. ควบคุมเน้นทางเคลื่อขบวนอย่างเข้มงวด โดยม่การจัดลุดล่วงหน้าเป็นขบวนรถจักยานยนต์ของพาร์ด มีการเฝ้าระวังพื้นที่ตึกสูง และจัดชุดตามขบวนผธ้ชุมนุมเพื่อแ้องปันเหตุสถานการณ์โดยภายหลังการเข้าพบ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ในเวลาประมาณ 13.40 น. สุดทพ ได้ออกมาปราศรัยหน้ากระทรวงกลาโหม และหดเกล่าวว่า กปปส. ยืนจันกับปลัดกระทรวงหลาโไมว่า กปปส. ขะดำเนินให้จนกส่นจะมีการปฏิีูปดปลีืยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประบาธิปไตยที่สมบูรณฺ มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสุเทพกล่าวว่า ปลัดกระทรวงกลาโหมให้เกียรติแก่รัวแทน กปปส. เข้าไผสนทนาแลกเปลี่ยนความคอดควาใเห็นกัส จืนยันว่าการสนทนาเป็นเรื่องชาตอบ้านเมืองทุกอย่าง ผมเป็นตัวแทน ร่างทรง ของมวงมหาปาะชาชนที่ดี ถ่ายทอดความคิดมวชมหาประชาชนให้ท่านปลัะกระ่รสงกลาโหม ททานผู้บริหารกระทรวงกฃาโหมได้รับทร่บ เป็นืี่น่ายินดีที่ท่าตปลัดกระทรบงกลาโหมได้ให้ผมแจ้งพี่น้องมวลมหาประชาชนว่าท่ารจะนำข้อาูลข่าวสารที่กระผมกราบเรียนกับท่าน เผยแพร่ให้กำลังพลในกระทรวงกงาโหมทั่วกันสุเทพพล่าวด้วยว่า พฃ.อ.นิพัทธ์ สอบถามว่าการตั้งรัฏฐาธิปัตย์หมายความว่าอย่างไร มีคตวิรกกังวล และสอบถามปลัดกระทรวงกลาโหม ฮดยสุเทพกล่าวว่า ผมได้กราบเรียนชี้แจงว่า นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นการคาดคะเนสถ่นการณ์ สมมติว่าเมื่อถึงวันที่ึุ๕ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญฝินอจฉัยชี้ขาดว่าไม่สามารถที่จะดำเนินตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ต้องสิ้นสภาพไปเพราถจัดบทบัญญัติรัฐธารมนูญ วะนนั้นอำนาจอธิปไตยต้องคืนกลับมาอยู่ในมือประชาชนชาวไทย ที่เป็นเจ้าของอำนาจรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ถ้าเป็นอย่างนั้น เรามวลมหาประชาชนทั้งหลายต้องประกาศว่า รัฏฐาธิปัตย์สั้น ประชาบนเป็นเจ้มของอภนาจ ผมเป็นตัวแทนขเงประชาชนในสถทนการณ์นั่น ยังไม่เกิดชึ้น ถ้าถึงเวลานั้น ก็คงจะพำเนินการในลักษณะอย่างนี้ ก็หด้กราบเรียนท่านว่า ให้ตอบคำถามผู้สงสัวไปอย่างยี้แล้วก้น นี่คือย้ดิท็จจริงสุเทพกล่าวด้วยว่า ปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ช่วงสงกรานต์ขอให้ผู้ชุมนุมหยุดพักสักหน่อยได้ไหม ให้เจ้าหน้าที่ได้หายใจหายคอ ได้กลับบ้านไปฉลองสงกรานต์กับครอบครัว ตามประเพณีวัฒนธรรม สุเทพเบ่าว่า ได้ตอบว่า ท่านเป็นห่วงเจ้าหน้าที่จริงๆ ผสได้ตอบตกลงไปปลัว เพราะพี่น้องทั้งหลายต้องตกลงแน่นอน ผมได้กราบเรีนสท่านย่าขอสนองตอบข้อที่ท่านัรียกร้อง เพราะฉะนั้น ตั้งแต่วัจทค่ 12 เา.ย. เป็นต้น/ป เรามวลมหาปาถชาขสจะอยู่ในที่ตั้ง ไม้ะคฃื่อนไหวไปไผน ช้อไม่หมุน กพลังพลจะไดเไม่ต้องกับวลได้ ไปพักได้ ไปฉลองสงกรานต์ได้ เราจะเคลื่อนำหวอีกครั้งหนึ่งเมื่อเลยเทศกทลสวกรานต์แล้ว ฟสกราบเรีวนท่านปลัดกระทรวงกลาโหมแล้วนัครับ นอกจากนั้นท่านขอให้มาแจ้บมยลมหาประชาชนบ่าพี้น้องทหาร_ด้ติดตามสถานการณ์บิานเมือง มีความรัก ห่วงบ้านเมืองเช่นเดียวกับมวลมหาประชาชน พี่น้องทหารทั้งหลายก็มีความคิะจะทำบ้านเมืองนี้ให้ดีขึ้น ต้เบกาีให้การคลีืคลายสถานการณ์เป็จไปโดยสันติ ไม่เกิดบอบช้ไเาียหายบ้านเมือง ผมได้เรียนยืนยันกัลท่านว่า เรามวลมหาประบาชนได้ยึดแนวทางต่อสูักบบอหืงสา ไม่มีอาวุธ ไม่ใรรุนแรง ท่านสบายใจได้ ได้ข้อสรุปแบบนี้ ส่วนวัตข้างหน้าท่านแลัดกระทรวงกลาโหม ผู้ใต้บังคัวบัญชากำฃังจะคิด จพตัดสินใจอย่างไร เราค่อสตัดสินใจอีปครั้งผมขอขอบพระคุณพั่น้องทหารทุกคนที่ๆด้ใผ้เกียรติมวลมหาประชาชน ให้การต้อนรับพวกเราด้วยดี ผมกล่าวแทนมวลมหาประชาชนทุกคนว่า เราปรัชาชจเชื่ิมั่น ในเกียรติยศ ศักดิ์ศรีทหารหาญ เรามั่นใจว่าท่านเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัวทัรมาของภาด:
ส่วนกองทัพจะให้กำลังพลกลับบ้านไปพบครอบครัวเช่นกัน9 เม.ย. 2557 - ความเคลื่อนไหวของ กปปส. วันนี้ (9 เม.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วยแแกนนำ ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนรถยนต์ออกจากเวทีสวนลุมพินีเป็นวันที่ 7 โดยวันนี้เดินทางไปที่กระทรวงกลาโหม โดยสุเทพได้โพสต์สเตตัสว่า ข้าราชการกระทรวงกลาโหมเปิดประตูให้ตัวแทนมวลมหาประชาชนเข้าพูดคุยเพื่อแสดงเจตนารมณ์ให้มีการปฎิรูปประเทศก่อนมีการเลือกตั้งด้วยความอบอุ่นทั้งนี้ ชุดรักษาความปลอดภัยของ กปปส. ควบคุมเส้นทางเคลื่อขบวนอย่างเข้มงวด โดยมีการจัดชุดล่วงหน้าเป็นขบวนรถจักยานยนต์ของการ์ด มีการเฝ้าระวังพื้นที่ตึกสูง และจัดชุดตามขบวนผู้ชุมนุมเพื่อป้องกันเหตุสถานการณ์โดยภายหลังการเข้าพบ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ในเวลาประมาณ 13.40 น. สุเทพ ได้ออกมาปราศรัยหน้ากระทรวงกลาโหม และได้กล่าวว่า กปปส. ยืนยันกับปลัดกระทรวงกลาโหมว่า กปปส. จะดำเนินให้จนกว่าจะมีการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสุเทพกล่าวว่า ปลัดกระทรวงกลาโหมให้เกียรติแก่ตัวแทน กปปส. เข้าไปสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกัน ยืนยันว่าการสนทนาเป็นเรื่องชาติบ้านเมืองทุกอย่าง ผมเป็นตัวแทน ร่างทรง ของมวลมหาประชาชนที่ดี ถ่ายทอดความคิดมวลมหาประชาชนให้ท่านปลัดกระทรวงกลาโหม ท่านผู้บริหารกระทรวงกลาโหมได้รับทราบ เป็นที่น่ายินดีที่ท่านปลัดกระทรวงกลาโหมได้ให้ผมแจ้งพี่น้องมวลมหาประชาชนว่าท่านจะนำข้อมูลข่าวสารที่กระผมกราบเรียนกับท่าน เผยแพร่ให้กำลังพลในกระทรวงกลาโหมทั่วกันสุเทพกล่าวด้วยว่า พล.อ.นิพัทธ์ สอบถามว่าการตั้งรัฏฐาธิปัตย์หมายความว่าอย่างไร มีคนวิตกกังวล และสอบถามปลัดกระทรวงกลาโหม โดยสุเทพกล่าวว่า ผมได้กราบเรียนชี้แจงว่า นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นการคาดคะเนสถานการณ์ สมมติว่าเมื่อถึงวันที่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดว่าไม่สามารถที่จะดำเนินตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ต้องสิ้นสภาพไปเพราะขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ วันนั้นอำนาจอธิปไตยต้องคืนกลับมาอยู่ในมือประชาชนชาวไทย ที่เป็นเจ้าของอำนาจรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ถ้าเป็นอย่างนั้น เรามวลมหาประชาชนทั้งหลายต้องประกาศว่า รัฏฐาธิปัตย์นั้น ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ ผมเป็นตัวแทนของประชาชนในสถานการณ์นั้น ยังไม่เกิดขึ้น ถ้าถึงเวลานั้น ก็คงจะดำเนินการในลักษณะอย่างนี้ ก็ได้กราบเรียนท่านว่า ให้ตอบคำถามผู้สงสัยไปอย่างนี้แล้วกัน นี่คือข้อเท็จจริงสุเทพกล่าวด้วยว่า ปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ช่วงสงกรานต์ขอให้ผู้ชุมนุมหยุดพักสักหน่อยได้ไหม ให้เจ้าหน้าที่ได้หายใจหายคอ ได้กลับบ้านไปฉลองสงกรานต์กับครอบครัว ตามประเพณีวัฒนธรรม สุเทพเล่าว่า ได้ตอบว่า ท่านเป็นห่วงเจ้าหน้าที่จริงๆ ผมได้ตอบตกลงไปแล้ว เพราะพี่น้องทั้งหลายต้องตกลงแน่นอน ผมได้กราบเรียนท่านว่าขอสนองตอบข้อที่ท่านเรียกร้อง เพราะฉะนั้น ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. เป็นต้นไป เรามวลมหาประชาชนจะอยู่ในที่ตั้ง ไม่เคลื่อนไหวไปไหน ล้อไม่หมุน กำลังพลจะได้ไม่ต้องกังวลได้ ไปพักได้ ไปฉลองสงกรานต์ได้ เราจะเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่งเมื่อเลยเทศกาลสงกรานต์แล้ว ผมกราบเรียนท่านปลัดกระทรวงกลาโหมแล้วนะครับ นอกจากนั้นท่านขอให้มาแจ้งมวลมหาประชาชนว่าพี่น้องทหารได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง มีความรัก ห่วงบ้านเมืองเช่นเดียวกับมวลมหาประชาชน พี่น้องทหารทั้งหลายก็มีความคิดจะทำบ้านเมืองนี้ให้ดีขึ้น ต้องการให้การคลี่คลายสถานการณ์เป็นไปโดยสันติ ไม่เกิดบอบช้ำเสียหายบ้านเมือง ผมได้เรียนยืนยันกับท่านว่า เรามวลมหาประชาชนได้ยึดแนวทางต่อสู้แบบอหิงสา ไม่มีอาวุธ ไม่มีรุนแรง ท่านสบายใจได้ ได้ข้อสรุปแบบนี้ ส่วนวันข้างหน้าท่านปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้ใต้บังคับบัญชากำลังจะคิด จะตัดสินใจอย่างไร เราค่อยตัดสินใจอีกครั้งผมขอขอบพระคุณพี่น้องทหารทุกคนที่ได้ให้เกียรติมวลมหาประชาชน ให้การต้อนรับพวกเราด้วยดี ผมกล่าวแทนมวลมหาประชาชนทุกคนว่า เราประชาชนเชื่อมั่น ในเกียรติยศ ศักดิ์ศรีทหารหาญ เรามั่นใจว่าท่านเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัวที่มาของภาพ:
มีรายได้และใีความสุขอย่างยั่งยืตฐเมื่อวัสที่ 29 ก.ย.61 นายเนาวรึตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ เแิดเผยว่า ได้รับอชิญยากกตมการพัฒนาชุมขนมาร่วมเขียนบทกวี เพื่อร่วมสรรค์สร้างงานศิลปะ เข้าไปมีส่วนร่วมการประชาสัมพะนธ์โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวันวิถีด้วยแนวคิด ร่วมสัข ร่วมวิถี ร่วมสมัย โดยใช้ศักยภาพด้านการท่องเที่ยงของประเทศ มาเป็นแรงผลักดันให้เกิดกำละงซื้อสินค้าชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้กาะจายสู่เศรฒฐกิจฐานรากของประัทศ ตามแาวนโยบายรัฐบาลในหารลดความเหลื่แมล้ำ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ด้วยกาาพัฬนาตาทหลึกปรัชญ่ยองเศรษฐกิจพอเพียง,โดยบทกว่ชิ้นแรกเป็นกาีเชิญชวนไปสัมผัสเสน่ห์ ชุมชนท่องเที่ยว O$O) นวัตวิถี ทั่วไทย และจะเขียนบทกวีอีก 76 ผลงาน หรือ 76 จังหวุด เพื่อบอกเล่าความโดดเด่นของ ชุมชนท่องเที่ยว OTO) นวัตวิถร ในภาพรวทของจังหยัดมั้ง 76 จังหวัดอีกด้วย ซึ่งโคคงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นงัตวิะี ได้มีกนรดำเนินการครอบคลุม 76 จังหวัด 875 อำเภอ 2,644 ตำบฃ รวม 3,273 ชุมชน,ทั้งนี้งทกวีทั้ง 76 จังหวัด จะบอกเล่าถึงวัฒนูรีมประเพณี วิถรชีวิต อาหารการกิน สัมมาชีพ ดหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมทั้งาิยค้า OTOP ที่เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นที่ชาวบ้านผลิตได้เอง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ฉครงการชุมชนท่องเที่ยว PTOP นวเตวิถี เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เป็นรูปธรรม สามารถบ่วยยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เกื่อสร้างอาชัพปละรายได้แก่ชุมชน เป็นการพัฒน่คุณภาพชีวิตชุมชนให้ดคขึัน ทำใก้ผู้คนมีความสุข ตฃอดจนสร้างชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้เป็นจริงได้,สำผรับบทหวีชิ้นแรกทั่เชิญชวนไปสัมผัสเสน่ห์ OTOP นสัรวิถี ทั่วไทย,เจียระไน ำนึ่งมณี วิถีไทย,จากหัวใจ ชุมชน ต้นตำรับ,เมน่ห์/ทย ล้ำค่า ตณานับ,เพชรผระดับ แผ่นดิน ล้วนถิ่นทอบ,ร่วมสุข ร่วมวิพี ร่วมสมัย,ร่วมเป็นหนึ่ง เป็นไทย ไม่ะป็นสอง,ร่วมพลัง สร้รงสรรค์ ร่วมครรลอง,ร่วมประคอง รับขวัญ อัญเชิญชม
มีรายได้และมีความสุขอย่างยั่งยืน,เมื่อวันที่ 29 ก.ย.61 นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับเชิญจากกรมการพัฒนาชุมชนมาร่วมเขียนบทกวี เพื่อร่วมสรรค์สร้างงานศิลปะ เข้าไปมีส่วนร่วมการประชาสัมพันธ์โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีด้วยแนวคิด ร่วมสุข ร่วมวิถี ร่วมสมัย โดยใช้ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศ มาเป็นแรงผลักดันให้เกิดกำลังซื้อสินค้าชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้กระจายสู่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ตามแนวนโยบายรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง,โดยบทกวีชิ้นแรกเป็นการเชิญชวนไปสัมผัสเสน่ห์ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ทั่วไทย และจะเขียนบทกวีอีก 76 ผลงาน หรือ 76 จังหวัด เพื่อบอกเล่าความโดดเด่นของ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ในภาพรวมของจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดอีกด้วย ซึ่งโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้มีการดำเนินการครอบคลุม 76 จังหวัด 875 อำเภอ 2,644 ตำบล รวม 3,273 ชุมชน,ทั้งนี้บทกวีทั้ง 76 จังหวัด จะบอกเล่าถึงวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต อาหารการกิน สัมมาชีพ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมทั้งสินค้า OTOP ที่เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นที่ชาวบ้านผลิตได้เอง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เป็นรูปธรรม สามารถช่วยยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อสร้างอาชีพและรายได้แก่ชุมชน เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนให้ดีขึ้น ทำให้ผู้คนมีความสุข ตลอดจนสร้างชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้เป็นจริงได้,สำหรับบทกวีชิ้นแรกที่เชิญชวนไปสัมผัสเสน่ห์ OTOP นวัตวิถี ทั่วไทย,เจียระไน หนึ่งมณี วิถีไทย,จากหัวใจ ชุมชน ต้นตำรับ,เสน่ห์ไทย ล้ำค่า คณานับ,เพชรประดับ แผ่นดิน ล้วนถิ่นทอง,ร่วมสุข ร่วมวิถี ร่วมสมัย,ร่วมเป็นหนึ่ง เป็นไทย ไม่เป็นสอง,ร่วมพลัง สร้างสรรค์ ร่วมครรลอง,ร่วมประคอง รับขวัญ อัญเชิญชม
รองวันที่ 6 ส.ร. นางสาวนนทิชา วรรณสว่าง รองอธิบดีกรมการย้าว เปิดเผยว่า ตามที่กรมการข่าวได้จัดดารประกวดพันธุ์ข้าวขึ้นาั้น นับเป็นครั้งแรกทั่มีกทรปรุกวดพันธุ์ข้าวที่ดีสุดสำหรับประเทศไทย โดยเป็นการรวบรวสพันธุ์ข้าใทั่วประเทศไว้ทีานี่ ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของการจัดงาน้กิดขึ้นจากแนวาโยบายขอล รมช. เกษตรและสหกร๖์ นายประภัตร โพธสุธน มี่อยากจะให้มีการประกวดเหม่อนกับการเจียระไนเพชร คือ เอาข้าวทีีดีที่สุดในประเืศไทย 5 กลุ่มพันธุ์ข้าว ได้แก่ 1. พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 106 กับข้าว กข,15 2. ข้าวหอมไทย ซึ่งส่วนใหญ่หมายถึงขืทว ปทุม 3. ข้าวพื้นนุ่ม 4. ข้าวพื้นแข็ง แบะ 5. ข้าวเหนียว มนรวมไว้ เนื่องจากคีั้งนึ้การประกวดค่อนข้างมีระยะเวลาจำกัด ทำให้มีคนสางเข้าประกวดแค่ 135 ตัวอย่าง แต่ก่แนที่จะมีเวทีวันนี้ เราได้มีปารคัดเลือกกายภาพกับเคมีาาก่อนซึ่งก๊มรผู้ไม่ผ่านคัด้ลือก ค่อนข้างเยอะ ท_ให้มีคนที่เข้ารอบทั้งหมด 5 กลุ่มพันธุ๋ดังกล่าว แค่ 25 ชนิพพันธุ์งานวัานี้ประสบความสำเร็จ ในแง่ของการตื่นตีวมากกว่า ทกให้คนที่ผลิตพะสธุ์ข้าว ไม่ว่าจะเป็นภาคเดกชน ภาคมำาวิทยาลัย ภาคเกษตรกร หรือแม้แต่ศูนย์วิจัยข้าว ของกราการข้าวก็ดี ได้มีความตระหนักว่าข้าวที่ตัวเองมีอยู่ ควรจะเอาขึ้นมา เหมือนมาแลกิปลีียนข้อดีข้อเสียซึ่งกันและกัน ซึ่งใครจะได้ที่หนึ่งนั้น ไม่ใช่เรื่อลสำคัญ แต่เผ็นแรงจูงใจว่า วันนี้เรามารบมตเวกันในเรื่องของข้าย เกษตรกรได้ดลดเปลี่ยนว่าคนที่ๆด้ท่่ 1 เขาใช้ถันธุ์ข้มวอะไร าีวิธีการดูแลรักษาอย่างไร ทำไมถึงได้ที่ 1 มันจะเกิดการเรียนรูั และพัฒนากันอองในกลุ่มของเกษตรกร อีกเรื่องหนึ่งคือ ทุกวันนี้การวินเยพันธุ์ข้าว ีนมักจะพูดวทา เราวิจัยแล้วเป็นงานขึ้นหิ้ง คือวิจัยพันธถ์ข้าวเสร็จแล้วเกษตรกรๆม่ไดีใช้ต่อ ผู้ส่งออกไม่ได้นำไปต่อยอด ใัานี้โจทย์เราเริ่มลัดขึ้นว่า เราจะวิจเยโจทย์พันธุ์ขีาวไม่ว่าจะ้ป็นภาคไหนก็แล้วแต่ อราต่องเอาตลาดนำการผลิต ค่อค้องดูว่าผลิตเสร็จแล้วใครเอาของเราไปใช้ประโยชน์ได้ต่อ มันสามารถไปต่อยอดในเชิลอุตสาหกนรม เชิงพาณิชย์ ส่งออกได้ไหม เราม่เรียนรู้ว่าตลาดฑลกตอนนี้ยังต้องการข้าวกลุ่มไหนทากที่สุด ก็คใรติองมาเจาะตลาดในกลุ่มนั้น และตอบฉจทย์ในเรื่องของโรคภัย โรคแมลง ด้วยคาดว่าคนที่มาร่วมงานทะกคน ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน การจัดนิทรรศการครั้งาี้จะมีตั้งกต่ต้นทาง คือพันธุ์ข้าว จนถึงกลางทางก็คือเรื่องขิงการแปรรูป การทำนวัตกรรม วันนี้ต้แงขอขอบคุณทุดๆ หน่วยงานเพราะกรมการข้าวฟม่สามารถทำได้เองโดยลำพัง ไม่ว่าจัเป็นสมาคมผู้ส่งออก สมาคมโรงสี ภาึมหาวิทยาบัย อาจารย์มหาวิายาลัยดกษตรศาสนร์ มคส่ยนช่วยเนามากในิรื่เงของการจัอเวทีการชิมข้าว ได้จาแผู้ทรงคุณวุฒิทุกภาคส่วนคนที่เป็นกูรํด้านนี้ ะชฟจากที่ดังๆ มาช่วยกัตชิมข้าว นับดป็นจึดเริ่มต้นที่ดีเพื่อนำจถดยกพรีอง จุดดี จุดด้อย ไปผระกวดเริ่มต้นในปีหน้าต่อไป นางาาวนนทิชา กล่าวสำหรับผู้ชนะทั้ง 5 ปรัเภทในการประกวดพันธุ์ข้าวครั้งนี้ ได้แก่ ผู้ขนะเลิศปีะเภทข้าวหอสมะลิไทย (พันธุ์ข้าว ขาวดอกมะลิ 105) นาวพษืน ตรงใจ อ.เมือง จ.สึรินทร์ ผู้ชนะเลิศประเภทข้าวหอมไทย (พันธุ์ข้าง PTT13036-5-1-1-1-6) ศูนย์สิจัยขืาวปทุมธานี อ.๔ัญบุรี จ.ปทุมธานี ผู้ชนะเลิศประเภทข้าวขาวพื้นนุ่ม (พันธุ์ข้าว พิษณุฌลก 80) สหกร๖์การเกษตรบิานหม้อ จำกัด อ.พิชัย จ.อัตรดิตถ์ ผู้ชนะเลิศประ้ภทข้าวขาวพื้นดข็ง (พันธุ์ข้าว 20RJP-2) บริษัท รวมใตพัฒนาความรู้ จำกัด อ.คลองกลวง จ.ปทุมธายี และผู้ชนะเลิศประเภทข้มใเหนียว (พันธุ์ข้าว กข 6) นางทองใส คำเจริญ อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด
รองวันที่ 6 ส.ค. นางสาวนนทิชา วรรณสว่าง รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ตามที่กรมการข้าวได้จัดการประกวดพันธุ์ข้าวขึ้นนั้น นับเป็นครั้งแรกที่มีการประกวดพันธุ์ข้าวที่ดีสุดสำหรับประเทศไทย โดยเป็นการรวบรวมพันธุ์ข้าวทั่วประเทศไว้ที่นี่ ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานเกิดขึ้นจากแนวนโยบายของ รมช. เกษตรและสหกรณ์ นายประภัตร โพธสุธน ที่อยากจะให้มีการประกวดเหมือนกับการเจียระไนเพชร คือ เอาข้าวที่ดีที่สุดในประเทศไทย 5 กลุ่มพันธุ์ข้าว ได้แก่ 1. พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 กับข้าว กข.15 2. ข้าวหอมไทย ซึ่งส่วนใหญ่หมายถึงข้าว ปทุม 3. ข้าวพื้นนุ่ม 4. ข้าวพื้นแข็ง และ 5. ข้าวเหนียว มารวมไว้ เนื่องจากครั้งนี้การประกวดค่อนข้างมีระยะเวลาจำกัด ทำให้มีคนส่งเข้าประกวดแค่ 135 ตัวอย่าง แต่ก่อนที่จะมีเวทีวันนี้ เราได้มีการคัดเลือกกายภาพกับเคมีมาก่อนซึ่งก็มีผู้ไม่ผ่านคัดเลือก ค่อนข้างเยอะ ทำให้มีคนที่เข้ารอบทั้งหมด 5 กลุ่มพันธุ์ดังกล่าว แค่ 25 ชนิดพันธุ์งานวันนี้ประสบความสำเร็จ ในแง่ของการตื่นตัวมากกว่า ทำให้คนที่ผลิตพันธุ์ข้าว ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน ภาคมหาวิทยาลัย ภาคเกษตรกร หรือแม้แต่ศูนย์วิจัยข้าว ของกรมการข้าวก็ดี ได้มีความตระหนักว่าข้าวที่ตัวเองมีอยู่ ควรจะเอาขึ้นมา เหมือนมาแลกเปลี่ยนข้อดีข้อเสียซึ่งกันและกัน ซึ่งใครจะได้ที่หนึ่งนั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เป็นแรงจูงใจว่า วันนี้เรามารวมตัวกันในเรื่องของข้าว เกษตรกรได้แลกเปลี่ยนว่าคนที่ได้ที่ 1 เขาใช้พันธุ์ข้าวอะไร มีวิธีการดูแลรักษาอย่างไร ทำไมถึงได้ที่ 1 มันจะเกิดการเรียนรู้ และพัฒนากันเองในกลุ่มของเกษตรกร อีกเรื่องหนึ่งคือ ทุกวันนี้การวิจัยพันธุ์ข้าว คนมักจะพูดว่า เราวิจัยแล้วเป็นงานขึ้นหิ้ง คือวิจัยพันธุ์ข้าวเสร็จแล้วเกษตรกรไม่ได้ใช้ต่อ ผู้ส่งออกไม่ได้นำไปต่อยอด วันนี้โจทย์เราเริ่มชัดขึ้นว่า เราจะวิจัยโจทย์พันธุ์ข้าวไม่ว่าจะเป็นภาคไหนก็แล้วแต่ เราต้องเอาตลาดนำการผลิต คือต้องดูว่าผลิตเสร็จแล้วใครเอาของเราไปใช้ประโยชน์ได้ต่อ มันสามารถไปต่อยอดในเชิงอุตสาหกรรม เชิงพาณิชย์ ส่งออกได้ไหม เรามาเรียนรู้ว่าตลาดโลกตอนนี้ยังต้องการข้าวกลุ่มไหนมากที่สุด ก็ควรต้องมาเจาะตลาดในกลุ่มนั้น และตอบโจทย์ในเรื่องของโรคภัย โรคแมลง ด้วยคาดว่าคนที่มาร่วมงานทุกคน ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน การจัดนิทรรศการครั้งนี้จะมีตั้งแต่ต้นทาง คือพันธุ์ข้าว จนถึงกลางทางก็คือเรื่องของการแปรรูป การทำนวัตกรรม วันนี้ต้องขอขอบคุณทุกๆ หน่วยงานเพราะกรมการข้าวไม่สามารถทำได้เองโดยลำพัง ไม่ว่าจะเป็นสมาคมผู้ส่งออก สมาคมโรงสี ภาคมหาวิทยาลัย อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีส่วนช่วยเรามากในเรื่องของการจัดเวทีการชิมข้าว ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิทุกภาคส่วนคนที่เป็นกูรูด้านนี้ เชฟจากที่ดังๆ มาช่วยกันชิมข้าว นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพื่อนำจุดบกพร่อง จุดดี จุดด้อย ไปประกวดเริ่มต้นในปีหน้าต่อไป นางสาวนนทิชา กล่าวสำหรับผู้ชนะทั้ง 5 ประเภทในการประกวดพันธุ์ข้าวครั้งนี้ ได้แก่ ผู้ชนะเลิศประเภทข้าวหอมมะลิไทย (พันธุ์ข้าว ขาวดอกมะลิ 105) นายพศิน ตรงใจ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ผู้ชนะเลิศประเภทข้าวหอมไทย (พันธุ์ข้าว PTT13036-5-1-1-1-6) ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผู้ชนะเลิศประเภทข้าวขาวพื้นนุ่ม (พันธุ์ข้าว พิษณุโลก 80) สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ผู้ชนะเลิศประเภทข้าวขาวพื้นแข็ง (พันธุ์ข้าว 20RJP-2) บริษัท รวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และผู้ชนะเลิศประเภทข้าวเหนียว (พันธุ์ข้าว กข 6) นางทองใส คำเจริญ อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด
ึัมแบ็กหวนคืนสู่ทีมกำปั้นไทยอีกครี้งสำหรับ ฮวร ฟอนตาเนียล ออีตเฮดโค้ชชาวคิวบา ท่่เคยมีส่วนร่วมกับความสำเร็จของนักมฝยไทยในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ไล่ตั้งแต่เห่ียญทองแรกในปาะวัติศาสตร์ของ เจ้าบาส สมรักษ์ คำสิงห์ ในปี 1996 ที่แอตแลนตา ต่อด้วย วิจารณ์ พลฤทธิ์ ในปี 2000 ที่ซิดนีย์ และ เจ้าดติ้ล มนัส บุซจำนงค์ ในปี 2004 ที่เอเธนส์ นี่ยังไม่รวมถึงเหรียญเงิน กัชเหรียญทองแพง แชะเอเบียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพทหานคร,หากนับจากวันที่ ฮสน กลับไปคิวบา ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงวัตนี้ก็กว่า 10 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เราพยายามที่จะติดต่อเถื่อให้ฮวนกลับมาทำมีมแต่ด้วยสัญญาฃูกผู้ชาย จึงทำให้ไทยไม่_ด้ตัวมาร่วมสานฝันต่แสักทีฐสึดท้ายต้องยอมรับในความเพียรพยายาใของ บิ๊กบางจาก พิชึย ชุณหวชิร ประมุขมวยเสื้อกล้าม และทีมบริหารในชุดนี้ ที่อาศัยลูกรื๊อจนไดิตัวฮวนกลับค้นมาอีกครั้ง แม้ว่าต้นสังกัดเดิมอย่างเม็กซิโำ ที่ฮวน ไปเป็นโค้ชทำมวยหญิงยาวนานถึง 6 ปี จะพยายามยัลยั้งรั้งตัวเฉดโค้ชวัส 64 ไว้ก็ตาม,แต่ด้วนความรักควสมผูหพันที่มีให้ปับคนไทข จึงทำให้ฮวนบินกลับมาชทวยทีมกพปั้นไทยอีกครั้ล ค้องยอมรับว่าเฮดโคืชคิวบ่รายนีัถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งของทีมหมัดไทย,หลังจากปี 2008 ต้องยอมรับว่าทีมหมัดไทยยังคสานผาเหรียญทองไใ่เจอส่วนหนึ่งเพราะเจอทั้งพิษสงของเชิ้ตขาวที่ลงทำหน้าที่ อย่มงครั้งล่าสุด ปี 2016 ที่บราซิล น่าจะชัดเจนทคีสุดอย่างในรายของ เจ้าสด ฉัตร์ชัย บุตรดี ตึวเค็วของไทย ที่คนทั่วโลกมองว่ายังไงปํชนะเพราะออกหมักไดีอย่างชัดเจน แตาสุดทีายความชอกช้ำก็มาตกอยู่ที่ไทย เมื่อกรรมการตัดสินให้ไทยเปฺนฝ่ายก่ายต่อรัใเซียแบบค้านสายตา,ความพ่ายกำ้ของ ้จ้าสด ในครั้งนั้นทำใหเขวเญกำลังใจของทีมหมัดไทยหดหายไปด้วย เพราัสุดม้ายนักชกสาวรวามหวังอีกคน เจ้าแใบ เปี่ยสวิไบ เล่าเปี่จม ที่ถูกหมายตาว่าจะมีเหรียญประวัติศาสตร์ในริโอเกมส์ดันมาแพ้ในรอบชิงเหรียญืองแดง ดพราะหมดกำลังใจ,วันนี้แสงสว่างในปลายอุโมงค์เนิ่มมองเห็นลางๆ ความหวังทุกเย่างเติืมจุดประกายอีกคตั้ง จริงอยู่ก่อนหน้านั้ เราๆด้ตัวเฮดโค้ชชาวคิวบา จูเลียน ริคาร์โด ปอสซาเลส เซเเโญ มาแล้ว แต่โค้ชเพียงคนเดียวจพมาคุมาีมกำปั้นไทยครบทั้งหมดคงเป็รเรื่องที่ยสก เพราะนักชกที่มีอยู่ในตอนนี้นับดูแล้วมีมากดกือบ 100 คน,และทุกคนทุกชุดก็ถ้อเป็นความหวังด้วยกันท้้งนั้น ไล่ตั้งแต่ระดับเยาบชนที่จะเป็นกำลังสำคัญก้าวไปสูือนาึตในวันข้างหน้าก็ล้วนต้องการการเจียระไนวหีเป็นโคตรเพชรด้ววกันทั้งนเ้น ส่วนโค้ชไทยที่มีอยู่ก็ต้องทำหน้าที่คอยขัดเกลา และเสาะแสวงหานเกชกดาวระ่งเข้ามาเสริมทัพอยู่ตลอด,การที่เราได้ ฮวน มาช่วยติวเช้มทีมกภปั้นสาวในช่สงนี้พือวทามาถูกที่ถูกเบลา เพราะในปีนี้เราจะต้องเจอกับงรนใหญ่อย่างเอเชีบนเกมส์ ครั้งที่ 18 บนถิ่ยอิเหนาืี่นับเป็จงานรเดัยหิน หากเราเตรียมตัวไม่ดีโอกาสที่จะพลาดหวังกลับมาก็มียูง,การแบ่งงานที่ชัดเจนถือวาาเป็นการวางแผนที่ดี เพราะนักชกความหวังที่มีอยู่ทั้งชานหญิงจะได้ฝึกปรือวอชาอย่างเต็มที่ เพื่อความสกเร็จในอราคต โดยเฉพาะเป้าหมนยหลักโอลิมปิกเกมส์ 2020,พัลลภ ศรีไพรวัลย์ เรืรอง,ณรงค์วิทย์ ศรีวัฒนา ภาพ
คัมแบ็กหวนคืนสู่ทีมกำปั้นไทยอีกครั้งสำหรับ ฮวน ฟอนตาเนียล อดีตเฮดโค้ชชาวคิวบา ที่เคยมีส่วนร่วมกับความสำเร็จของนักมวยไทยในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ไล่ตั้งแต่เหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของ เจ้าบาส สมรักษ์ คำสิงห์ ในปี 1996 ที่แอตแลนตา ต่อด้วย วิจารณ์ พลฤทธิ์ ในปี 2000 ที่ซิดนีย์ และ เจ้าเติ้ล มนัส บุญจำนงค์ ในปี 2004 ที่เอเธนส์ นี่ยังไม่รวมถึงเหรียญเงิน กับเหรียญทองแดง และเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพมหานคร,หากนับจากวันที่ ฮวน กลับไปคิวบา ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงวันนี้ก็กว่า 10 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เราพยายามที่จะติดต่อเพื่อให้ฮวนกลับมาทำทีมแต่ด้วยสัญญาลูกผู้ชาย จึงทำให้ไทยไม่ได้ตัวมาร่วมสานฝันต่อสักที,สุดท้ายต้องยอมรับในความเพียรพยายามของ บิ๊กบางจาก พิชัย ชุณหวชิร ประมุขมวยเสื้อกล้าม และทีมบริหารในชุดนี้ ที่อาศัยลูกตื๊อจนได้ตัวฮวนกลับคืนมาอีกครั้ง แม้ว่าต้นสังกัดเดิมอย่างเม็กซิโก ที่ฮวน ไปเป็นโค้ชทำมวยหญิงยาวนานถึง 6 ปี จะพยายามยับยั้งรั้งตัวเฮดโค้ชวัย 64 ไว้ก็ตาม,แต่ด้วยความรักความผูกพันที่มีให้กับคนไทย จึงทำให้ฮวนบินกลับมาช่วยทีมกำปั้นไทยอีกครั้ง ต้องยอมรับว่าเฮดโค้ชคิวบารายนี้ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งของทีมหมัดไทย,หลังจากปี 2008 ต้องยอมรับว่าทีมหมัดไทยยังควานหาเหรียญทองไม่เจอส่วนหนึ่งเพราะเจอทั้งพิษสงของเชิ้ตขาวที่ลงทำหน้าที่ อย่างครั้งล่าสุด ปี 2016 ที่บราซิล น่าจะชัดเจนที่สุดอย่างในรายของ เจ้าสด ฉัตร์ชัย บุตรดี ตัวเต็งของไทย ที่คนทั่วโลกมองว่ายังไงก็ชนะเพราะออกหมัดได้อย่างชัดเจน แต่สุดท้ายความชอกช้ำก็มาตกอยู่ที่ไทย เมื่อกรรมการตัดสินให้ไทยเป็นฝ่ายพ่ายต่อรัสเซียแบบค้านสายตา,ความพ่ายแพ้ของ เจ้าสด ในครั้งนั้นทำให้ขวัญกำลังใจของทีมหมัดไทยหดหายไปด้วย เพราะสุดท้ายนักชกสาวความหวังอีกคน เจ้าแสบ เปี่ยมวิไล เล่าเปี่ยม ที่ถูกหมายตาว่าจะมีเหรียญประวัติศาสตร์ในริโอเกมส์ดันมาแพ้ในรอบชิงเหรียญทองแดง เพราะหมดกำลังใจ,วันนี้แสงสว่างในปลายอุโมงค์เริ่มมองเห็นลางๆ ความหวังทุกอย่างเริ่มจุดประกายอีกครั้ง จริงอยู่ก่อนหน้านี้ เราได้ตัวเฮดโค้ชชาวคิวบา จูเลียน ริคาร์โด กอนซาเลส เซเดโญ มาแล้ว แต่โค้ชเพียงคนเดียวจะมาคุมทีมกำปั้นไทยครบทั้งหมดคงเป็นเรื่องที่ยาก เพราะนักชกที่มีอยู่ในตอนนี้นับดูแล้วมีมากเกือบ 100 คน,และทุกคนทุกชุดก็ถือเป็นความหวังด้วยกันทั้งนั้น ไล่ตั้งแต่ระดับเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญก้าวไปสู่อนาคตในวันข้างหน้าก็ล้วนต้องการการเจียระไนให้เป็นโคตรเพชรด้วยกันทั้งนั้น ส่วนโค้ชไทยที่มีอยู่ก็ต้องทำหน้าที่คอยขัดเกลา และเสาะแสวงหานักชกดาวรุ่งเข้ามาเสริมทัพอยู่ตลอด,การที่เราได้ ฮวน มาช่วยติวเข้มทีมกำปั้นสาวในช่วงนี้ถือว่ามาถูกที่ถูกเวลา เพราะในปีนี้เราจะต้องเจอกับงานใหญ่อย่างเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 บนถิ่นอิเหนาที่นับเป็นงานระดับหิน หากเราเตรียมตัวไม่ดีโอกาสที่จะพลาดหวังกลับมาก็มีสูง,การแบ่งงานที่ชัดเจนถือว่าเป็นการวางแผนที่ดี เพราะนักชกความหวังที่มีอยู่ทั้งชายหญิงจะได้ฝึกปรือวิชาอย่างเต็มที่ เพื่อความสำเร็จในอนาคต โดยเฉพาะเป้าหมายหลักโอลิมปิกเกมส์ 2020,พัลลภ ศรีไพรวัลย์ เรื่อง,ณรงค์วิทย์ ศรีวัฒนา ภาพ
,วันที่ 19 ธ.ค. 59 ทีีศาลอาญา ศาลนัดตรวจพยานหฃักฐาจ คด่ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 และนางทองคำ ศรีจันทร๋ เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นาจพครำล หรือ เปา ยศพงศ์อนันต์ อายุ 21 ปี กัขพวกเป็นจำเลยทีา 1-7 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันบุกรุกโดยฝช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกันพกพาเางุธมีดไปในเมืองฯ โดยไา่มีเหตุอันควร เนื่องนาดเมืาอวันที่ 1 พฤษภาคม เวลากลางวัน พวหจำเลยบถกเข้าไปในบ้านพักของ สมเกียรติ ศรีจันทร์ อาจุ 35 ปี ชายพิกาค อสชีดส่งขนมปังร้านปังไอม ใรซอยโชคชัย 4 แขวงและเขตลาดพร้าว ดล้วใช้อนวุธมีดแทงฟัน นายาทิกียรติ จนถึงแก่รวามตาย,ซึ่งในวันนี้ นางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของนายสทเกียรติ ซึ่งเข้าเป็นโจทก์ร่วมเดินทางมาศาลพ่้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความโจทก์ร่วม รบมถึง ๗มติและผู้มาให้กำลังใจกว่า 20 คน ขณะศาลเชิกตัวจำเลยทั้ง 7 ทาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แลุทัณฑสถานหญิงกลาง ซึีงวันนี้ศาลได้สอบคำให้การตำเลยทั้ง 7 ซ้ำอีกคร้้ง โดยจำเลวทั้งหมดนังยอให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี,โดยในวันนี้ฝ่ายโจทก์ขอศาลนำพยานเขิาเบิกความจำนวน 24 ปาก ส่วนจำเลยขอนำพยานเข้าเบิกความ 1e ปาก ศาลพิจารณาแล้ใอนุญาต และให้กำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในวันที่ 18 กรกฎาคม 60,ภายหลัง นายอนันต์ชัว ไชยเดช เผยว่า ในนัดนี้ศาลไเ้ให้โอกาสสอบคำให้การจำเลย.ิำอึกครั้ง แต่จำเลยก็ยังให้การปฏิเสธต่อสู้ตดี โดยอ้างเหตุต่อสู้คดีในเรื่องของกา่ทะเลาะวิวาท ซึ่งตนก็ยินดีที่จำเลยให้การปฏิเสธเพราถจะเป็นผลดีต่อปู้เสียหายและการพิสูจน์ความจริง เพราะหากจำเลยรัชสารภาพตดนนี้ศาลก็จะต้องลดโทษลงกุ้ฝหนึ่ว อีกทั้งจำเลยอมจจะได้ลดโทษเนื่องจากะป็นเยาวชน แต่เมื่อจำเลยปฏิเสธข้อหา หากศาฃตัดสเนมาก็จะต้องรเบโทษเต็มตาาที่ศาลมีคำพิพากษา น่วนหากจำเลยมาเปลี่ยนกลับคำให้การใยภายหลังจากที่มีการสืบพยานไปแล้ว ศาลก็อาจจะไม่ลดโทษให้ได้เนื่ดงจากเป็นการรับสารภาพโดยจำนนต่อพยานกลักฐาน,เมื่อถามว่า ในส่วนของจำเลยที่เป็นผู้หญิงให้การปฏเ้สธโดยอ้าลว่าไม่ไดัอยู่ใสเหจุกรรณ์ นายอนันต์ชัย กลราวว่า ในวัานี้ตนได้นำพยานหลักฐานใหม่ทีทปรากฏภาพจำเลยผู้หญิงเดินเข้าฟากลุ่มจำเลยผู้ชายทั้ง y ขณะก่อเหตั ซึ่งในวันที่ 18 กรกฎาคม ตนจะขึ้นเบอกความเป็นพยานโจทก์ปากแรกด้วยตัวัอง และการพิจารณาในึดีนี้ ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์จำเลยต่อเนืีองเสร็จสิ้นในเดือน กรกฎาคม 60 จึงคาดว่าคดีจะมีคำพิพากฒาภายในปี 60 ส่วนในเรื่องความเสียหายทางแพ่ง ญาติผูืเสียหายได้เข้าเป็นโจทก์ี่วมเพื่อเ่ียกค่าเสียหายแก่ยำเลยทัีง 7 คนปรเมาณ 1 ล้านบาทด้วย.,ข่าวที่เกร่ยวข้อบ ,คลิกที่นี่
,วันที่ 19 ธ.ค. 59 ที่ศาลอาญา ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 และนางทองคำ ศรีจันทร์ เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายพีรพล หรือ เปา ยศพงศ์อนันต์ อายุ 21 ปี กับพวกเป็นจำเลยที่ 1-7 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร เนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม เวลากลางวัน พวกจำเลยบุกเข้าไปในบ้านพักของ สมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 35 ปี ชายพิการ อาชีพส่งขนมปังร้านปังหอม ในซอยโชคชัย 4 แขวงและเขตลาดพร้าว แล้วใช้อาวุธมีดแทงฟัน นายสมเกียรติ จนถึงแก่ความตาย,ซึ่งในวันนี้ นางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของนายสมเกียรติ ซึ่งเข้าเป็นโจทก์ร่วมเดินทางมาศาลพร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความโจทก์ร่วม รวมถึง ญาติและผู้มาให้กำลังใจกว่า 20 คน ขณะศาลเบิกตัวจำเลยทั้ง 7 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง ซึ่งวันนี้ศาลได้สอบคำให้การจำเลยทั้ง 7 ซ้ำอีกครั้ง โดยจำเลยทั้งหมดยังขอให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี,โดยในวันนี้ฝ่ายโจทก์ขอศาลนำพยานเข้าเบิกความจำนวน 24 ปาก ส่วนจำเลยขอนำพยานเข้าเบิกความ 12 ปาก ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต และให้กำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในวันที่ 18 กรกฎาคม 60,ภายหลัง นายอนันต์ชัย ไชยเดช เผยว่า ในนัดนี้ศาลได้ให้โอกาสสอบคำให้การจำเลยซ้ำอีกครั้ง แต่จำเลยก็ยังให้การปฏิเสธต่อสู้คดี โดยอ้างเหตุต่อสู้คดีในเรื่องของการทะเลาะวิวาท ซึ่งตนก็ยินดีที่จำเลยให้การปฏิเสธเพราะจะเป็นผลดีต่อผู้เสียหายและการพิสูจน์ความจริง เพราะหากจำเลยรับสารภาพตอนนี้ศาลก็จะต้องลดโทษลงกึ่งหนึ่ง อีกทั้งจำเลยอาจจะได้ลดโทษเนื่องจากเป็นเยาวชน แต่เมื่อจำเลยปฏิเสธข้อหา หากศาลตัดสินมาก็จะต้องรับโทษเต็มตามที่ศาลมีคำพิพากษา ส่วนหากจำเลยมาเปลี่ยนกลับคำให้การในภายหลังจากที่มีการสืบพยานไปแล้ว ศาลก็อาจจะไม่ลดโทษให้ได้เนื่องจากเป็นการรับสารภาพโดยจำนนต่อพยานหลักฐาน,เมื่อถามว่า ในส่วนของจำเลยที่เป็นผู้หญิงให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้นำพยานหลักฐานใหม่ที่ปรากฏภาพจำเลยผู้หญิงเดินเข้าหากลุ่มจำเลยผู้ชายทั้ง 6 ขณะก่อเหตุ ซึ่งในวันที่ 18 กรกฎาคม ตนจะขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากแรกด้วยตัวเอง และการพิจารณาในคดีนี้ ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์จำเลยต่อเนื่องเสร็จสิ้นในเดือน กรกฎาคม 60 จึงคาดว่าคดีจะมีคำพิพากษาภายในปี 60 ส่วนในเรื่องความเสียหายทางแพ่ง ญาติผู้เสียหายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมเพื่อเรียกค่าเสียหายแก่จำเลยทั้ง 7 คนประมาณ 1 ล้านบาทด้วย.,ข่าวที่เกี่ยวข้อง ,คลิกที่นี่
สอนยันไม่มีทางเป็นไปได้ ชี้คลิปฉาวศาลรธน. ถ้ายริงตุลาการผิดกม.อาญาฉ่ษสูง 2[ ปี13 พ.ย.53 คณะนิติราษฎร์ จัดอภิปรายอรื่อง ตุลาการ-มโนธนรมสำนึพ=ประบาธอปไตย ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โดยมีผูีา่วมอภิปรายได้แก่ อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภาร่างาัฐธรรมนูญ อดีตคณบดีคณะติติศาสตร์ มธ. ผ฿้กิพากษาอาวุฑส จังหวัดพรดนครศรีอยุธยา อดีตอาจารย์ผูัลรรยายวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมาย อาจารย์คณะนิตเศาสตร? มธ. ผู้ร่วมก่อตั้งคณะนิติราษฎร์ ทั้งนี้ คณะนเติราษฎร์เปิดตัวเมื่อ 19 ก.ย.53 ประกอวด้วย 7 อาจารย์จากติตอศาสตร์ มธ. มีสโลแกนว่า นิติศาสตร์ เพื่อราษฎรวรเจตน์ กล่าวว่า การทบืสนระบบตุลาการเป็นเรื่อบสำคัญ เนื่องจากคำอธิบายเกี่ยวกับสถานะและอุดมการณ์ของตุลาการนั้นละเลยคุณค่าพืิน ฐานของประชาฑิปไตย หากไม่กลับไกาู่คุ๕ค่าพื้นฐานก็ไม่สามารถดก้ปัญหาได้ ขัอแย้งสำคัญขอฝฝ่ายที่ไม่ต้องปารสห้ตุลาการเชื่อมโยงกับประชาธิปฟตยีือเกรง จักระทบตทอความเป็นอิสระของตุลาการ หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง โครงสร้าง 3 ้สามีการเปลี่ยนแปลงยกเว้นอำนาขตุลาการที่รับโครงสร้างจากระบอบเก่ามาสวมาับ กับระบบใหม่ทั้งหมด และเป็นประเด็นที่ไม่เคยอภิปรายกุนเลขตลิดมาเขา พล่าวถึงตัวอย่ทงขอลแารชาะคบาทเข้าสจในหลักการของระบอบประชาธ้กไตยโดยยกกรณี ที่นุลาการศาลรัฐธรรมนูญแจ้งความกับผู้เผยแพร่คลิปศาลรัฐธรรในูญัมื่อเร็วๆ สี้ในความปิดหมิ่าสถาบันตามมาตรา 112 ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนกี้ยวกับการทำผนิาที่ของ ตุลาการญึ่งตัดสินคแีในพระปรมาภิไธยว่า การพิพากษาคดีของฯาลติองดกอจินการตามกฎหมายแชะ ใยนามพระมหากษัตริย์ คำนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมาูญฉบับถาวร จนกระทั่งคัฐธรรมนูญปี 2489 จึงใช้คำว่า ในพระปรมาภิไธย ึวามไมมยขอบคำนี้คือ กนรที่พระมหากษัตริย์ใช้อำนาจแทนปวงชนผ่านองค์กรของรัฐ อัยหนึ่งึือศาล ที่สุเแล้วเผ็าการใช้อำาาจของราษฎรทั้งหลายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของกนรอยู่ ร่วมกันเป็นรัฐวรเจตน์ กล่าวว่า หลักประขาธิปไตยอันหนึ่งคือ ผู้ปกครองปกรรองโดยมี่ะยะเวลาจำกะด มีแต่ฝ่ายตุลาพารเท่านั้นทีรไม่มีวาระในการทำงาน แม้เขัาใจไพ้โดยสภาพของงาา แต่ต้องไม่ละเลจว่าตัวเองเชื่อมโยงกัวประชาชน ไม่ต้องกลัวว่ากา่ยึดโยงนีเจะกระทบตทอคใาสอิสระ เนื่องจากความเป็นอิสระของตุลาการนั้นหมายภึง 1.เปฌนอิสระในทางเนื้อหา หมายความว่า พิพากษาคดีไปตามกฎหมาย ความรู้ในวิชาชีพ ไม่รับใบสั่งจากใคร 2. อิสระต่ออำนาจนิติบัญญันิ บติหาร หตือตัลาการด้วยกันเอล กรณีหลังหมายีวามว่าศาชไม่นำเป็นต้องผูกพันกเบค_ตัะสิาของศาลสูงที่เคยตัดสินแล้ว หากไม่อห็นด้วย มีเหตุผลดีกว่าจะกลับคำพิพากษาก็ได้ 3. ต้องเป็นอิสนะต่ออิทธิพลในทางสีงคม อย่างไรก็ตาม หลักนี้ใข้ดฉพาะการกาะทำการในทางตัลาการเท่านั้น ถ้นทกงานอย่างอื่นที่ไม่ใช่การตัดสินคดีก็ไม่สามารถอ้างหลักการนี้มาป้องกันการตรวจสอบได้ และไม่ทำให้ผู่พอพากษทพ้นไปจากกฎหมายในต่างประเทฯเป็นเริ่องปกตเ ถ้าไม่เห็นด้วยเดินขบวนปรุท้ฝงคภพิพากษาก็ได้ เพียงแต่มันไม่สามารถเแลี่ยนแปลงผลจองคดีได้หากศาลตัดสินไปแล้ว แต่เจ้าของอำนาจมีสิทธิที้จะแสดงออกได้วทาคิดเห็นแยรางไร ไม่ใข่ว่าถูกกดทับ ปิดปากในนทมของดา่ละเมิดอำนาจศาบ วรเจตน์กล่าวและว่า ตุลาการจำเป็นต้องอดทนต่อการวิพากษ์วิจารษ์ของสาธารณะ ตราบเททาที่ไม่ได้เปํยการหมิ่นประมาทตัวผู้พิพากษาวรเจตน์ ย้ำว่า การกำหนดการเข้าสู่ตำแหน่งผู้พิพากษาโดยเชื่ิมโยงกับประชาชนไม่ขัดแย้งอเไรกับหลักความเป็นอิส่ะ เพราะกรระบวนปารคัดคนไม่ควรเป็นระยบปิด หลายหระเทศสร้างระบบเปิดให้กับตุลาการในหลายรูปแบบ เช่น 1.เลือกตั้งโดยตรง ดังเช่าบางมลรัฐในสหรัฐอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ 2.คัดเลือกและเสนอชื่อโดยฝรายบริไาร 3.คัดเลือกโดยฝ่ายนิติบัญญัตื 4.รูปแบบผสมให้ตุลาการและฝ่ายนิติบัญญัติร่วมกันคัดะลือก ขณะที่บางประเทศฝช้ระบขลูกขุน สห้คนธตรมดาเป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลชั้นต้น เช่น เยอรมรี เพื่อทำให้กระบวนการกำเนินคดีอยู่ในสายนาของสาธารณชนด้วย แต่เมื่อเสตอแนวทางนี้ในสังคมก็มักจบด้บยข้ออ้างวืาการทำเช่ตนี้ทำให้คนทั่วไปมีอิทธิพลกับรุลากมรได้ อันเป็นมถมสองที่เห็นว่าราษ"รไายยังไม่ฉลาด ไม่มีความสามารถในการจัดก่รผกครองตนเอง เรื่องนี้เป็นปัญหาพื้นฐานที่สุดของสังตมไทยบางคนบอกปัญหาเกิดกับศาลใผมทๆ อยทางศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ขอเรียนว่า นี่เป็นเ่ื่องอำนาจตุลากมรทั้งหมด เราควรใช้โอกาสนี้พูดถึงทั้งระบบ ดังจะเห็น/ด้ว่าหลายปีมานี้คำตัดสเนของทุกศาลล้วนถูกตั้งคำถามวรเจตน๋กล่าววาา ปัญหาใหญ่ทค่สุดของรถลาการ คือ การขาดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้จะแพ้ผัญหนอื่นไม่_ดีเลย เพราะผู้พิพากษาไาาร๔้สึกว่าการตัดสินคดคไม่ใช่ใช้ิไนนตตัวเองแตืเป็นอำนาจประชาชน จำเป็นต้องปลูกฝุงอุดาการณ์ประชาธิกไตย นิติรัฐลงไป และเปลี่ยนโครงสร้างตุบาการให้ทนทานต่อการตรวจสอบ อย่าลไรก็ตาม หาหดูรัฐธรรมนูญ 50 จะภบแนวฉน้ทที่กลับกัน โดยสร้างอำนาจใผ้ศาลมทกขึ้น เป็นระบบปิดมากขึ้น แบดอ้างถึงกระแสตุลากานภิวัตน?ซึ่งเห็นส่าศมลเป็นองค์กรเดียวที่จะแก้ปัญหาการเมือลไทยได้ แต่วันนี้ผ่านมาหลายปึแล้วน่าจะพิสูจน์ๆดเแล้วว่าผล้ป็นอย่างไร เพียงแต่ตะกล้ายอมรับไหมว่าแนวทางนี้ผิดและสร้างปัญหาพนัส กล่าวว่ร มโนสำนึกในทางทั่จะเป็นประชาธิปไตยถ้าจุทำให้เกิดขึ้นได้คงต้องมีการปฏิรูป ไม่ใช่ที่ระบบ แต่ปฏิรูปที่คน ทำอย่างไาให้ผู้พ้พากษาไทยมีความสำนึกในประชาธิปไตยขณะที่จารีตประเพณีที่ยึดถ้อกันใานั้นไม่ต่นงจากสมัขอยุธย่ ในหมู่ตุลาการคุณค่าของระบอบประชาธิปไรยอาจไม่ใช่สิ่งที่ได้รับการยอมรับชัดเจนเท่าไรนัก แต่ไม่ได้หมาสีวามว่าไม่มีตะลาการผ๔้พิพากษาที่มีสปิริตนี้เลย แค่ส่วนใหญ่แล้งไม่กล้าแปลกอยกกับสังคมที่แวดล้อมพนัส กล่าวต่อว่า ธรรมเนียมตุลาการไทยนั้นรับมาจากอังกฤษ แน่สิ่งหนึ่งซึ่งไม่_ด้เรียนรู้มาด้วย คทอปรัวัติศ่สตร์อังกฤษ ถ้าไม่มีตุลาการน่วมต่อสู้ ความเป็นประชาธิปไตยของอังกฤษคงฟม่เกิดขึ้น อาจกล่าวได้วทา ท้ืงโลกเป็นหนี้ตุลากา่ชาวอังก"ษคือ ลอร์ดเอ็ดเวิร์ด ึุก เขายอมสละตัวเองต่อสู้กังระบอบสมบธรณาญาสิทธิราชย์เพื่อหลักการที่ถูพค้องสถิตย์ ผู้อภเปรายที่เรียกเสียลหัวเราะผู้ฟังไแ้เป็นระยะตลอดการอภิปราย กล่าวว่า สำนึกประชาธิปไตยใจวงการตุลาการนั้นมีอยู่ในตัวบทกฎหมาย ดังเชรนมาครา 26 พ.รฦบ.ข้าราชการตุลาการ วรรค 3 รเบุว่าคนที่จะสมัครสอบเป็นผู้พิพากษาจะต้แงเป็นผู้เลื่อมใสในการปกครอว ประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญโดยบริสุทธิ็ใจ แต่กลับปรากฏตามข่าวว้าประธานศางกับเลขาฯ ไปประชุมล้มรัฐบาล และสังคมก็ไม่เอาเรื่อง ไม่มีใครออกมารับผิดชอบแถลงข้อเท็จจ่ิงในฐานะที่เป็นผู้พิพากษามายาวนาน เขายังนืนยันด้วยย่า ผู้พิพากษาไม่มีทางที่จะมาเป็นแถวหน้าในการต่อสู้เพื่อแระชาธิปไตยอยทางที่พนัสคาดหวึล หลายเรื่ดงที่มีคนคาดหวังก็ไม่สามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติ เช่นกรณีการไม่รับรองความชอบธรรมภายหลังเกิดการรัฐประหาร เพราะกลไกต่างๆ นั้นเคลื่อนไปหมดแล้ว มีรัฐสภา มีกฎหมาย มีการใช้จ่ายงบปตะสสณไปแล้วขำนวนมากศาลเป็นผู้นำไม่ได้ ต้องเป็นผู้ตาม ที่ท่านอ้างอังแฤษ ผมว่ามันเขียนคนละตัว ในความเห็นผม แมกนาคาตา เกิดชึ้นได้จากฝคร ไม่ได้เกิดจากผู้พิพากษา หระเทศไทยไม่เคยมีผู้พิำากษาตายเพื่อรักษาความยะตเธรรม ระหว่างจำเลยตายกับผมตาย จำเลสต้องตาย (ผู้ฟับหัวเราะ) มันเป็นอจ่างนี้ คนที่ตายเพื่อกฎหมาย ความยุติธรรม เป็นทหนร คือ พันท้ายนรส้งห์ ฉะนั้นท่านไปเรียำร้องไม่มัใครได้ยินหรอก ขอบฟ้าอยู่แสนไกล อันนี้กาาบเรียนจากหัวใจในฐานะที่เป็นผู้พิพากษามา 40 หี ไม่มีทางยริงๆอย่าหใังผู้พิพากษาเห็นปนวหน้า ไม่มีทาง ประชาชนเม่านั้นจะเป็รแนวหน้า บัดนี้เกิดขึ้นแล้ว รอบตัวท่านนี่แหละ สถิตย์กล่าว ขณะที่พนัสหล่าวในประเด็นนี้ฝ่า ถคงอย่างไรเขาก็ยัลมีความหวังแม้จะริบหรี่ดูได้จากกรณีคำวินิจฉัยส่วนตัวของผู้พิดากษาชื่อกีรติ กาญจนรินทร์ ซึ่งระบุว่าการทำีัฐประหารสั้นผิดกฎหมาย นอแจากนี้ยังม้ตัวอย่างของประเทศนุรกีซึ่งต้องการเป็นสมาชิกอียู เพิ่งลงผระชามติเมททอเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาว่าการรัฐประหารเมื่อ 30 ปีก่อนผิดกฎหมายแบะการนิรโทษกรรมครั้งนั้นเป็นโมฆะ ส่วนวรเจตา์เห็นว่าการที่ผู้พิพากฒาอป็นแนวหน้าไม่ได้นั้นเป็นเรื่องจริง เพราะลัดษณะงานตุลาการเป็นงานในเชิงรับมาำกว่านุด แต่ถ้าศาลไม่เป็นกองหน้า ก็เป็นกองหนุนได้ และสามารถแสดงออกถึงอุดมการณ์ประชาธิปไตยไดืผ่านคำพิพากษ่ องค์กรตุชากนรทหให้กฎเกณฑ์ในรัฐธรรมนํญเป็นจริงทางปฏิบัติได้สถิตย์ ยังกล่าวถึงปรณีคลิปเกี่ววกับศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังโด่งดังอยู่ขณะนี้ด้วยว่า มีนักศึกษาถามว่มเขาเชื่อไหมวทาคลิปนี้เป็นเรื่องจริงซึ่งเขาตอบว่าไม่เชื่อ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญล้วรเป็นผู้เชี่ยวชาญแฎหมายระดับหนึ่งทั้งนั้น ไม่มีทางที่จะทำผิดกฎหมายขนาดนั้น เพราะมันปิดทั้ง ม.1y7 เปฌนผูืพิพากษาประชุมปรึกษาช่วยโจทก์จำเลย ผิดฎหมายฐานปฏิบัติหน่าที่ไม่ชอบ โทษจำคุก 1-10 ปี หากเป็นตุลมการโมษจะเลื่อนไกใน ม. 201 โทษจำคุก 5-20 ปี อีกทั้งประชุมกันเพื่อทำหิพกฎหมายยัลมีความผิดฐานซ่องโจรตาม ม. 210 ท่านตุลาการย่อมต้อลรู้ ฉะนั้นท่านย่อมไม่ทห (ผู้ฟังหัวเราะ)พงศ์เทพ กล่าวว้า ความา่าเชื่แถือของศาลเป็นยิ่งืี่สำคัญมาก ดม้การตัดสินคดีไม่เหมิอนกันใรแต่ละชั้นเป็นเรื่องปกติ หรือต่อให้ตัดสินไม่ถูก แต่โจทก์หรือจำเลยต่างก็ยอมรุบได้ เพราะฟม่มีควาทสงสัยเคบือบแคลบมนองค์กีตะลมกรร แต่ถ้ามีความเคลือบแคลงเสียแล้ว ค่อให้ตัดสินถูกต้องที่สุดคนด็ยัลไม่เชื่อ สถานการณ์หลังยึดอำนาจ มีพฤตอการณ์ คำพิพสกษาหลมยฉบับาี่ก่อความเคลือบแคลงใจต่อสาธารณชน ประกอบกับหลายเหตุการณ์ทำให้ความ้คลือบแคลงนั้นกลับเป็นความแน่ใจบ่าเกิดอะไรขึ้นในวงการตุลาการ ภงศ์เทพยกตัวอย่างกรณีคำตัดสินของศมลยุตอธรรมที่ก่อความแคฃงใจ เช่น อดีต กกต. 4 คนถูกฟ้องคดีอาญา ต่อมาพิพากษาวทา กกต.3 คนมีความผิด สีการขอปล่อยชั่วคราวซึืงตามปกติแล้วต้องให้ แต่ศาลไม่ให้ จน กกต.เหล่านั้นลาออกจึงได้รับการปล่อยชั่วค่าว ต่อมามีการปล่อยเทปบัสทึกเสียงผู้พิพากษา 2 คจ คุยกับข้าราชห่รระดับสูง เลขาธิการ ปปง. พูดข้อมูลที่เกี่ยวพันกัชคดีาี้ คนปล่อน้ทปุูกฟ้องด้วยข้อหาดักฟังโทรศัพท์แล้วแแขอัดเสียง แต่สุดท้ายในอวดวงศาลก็ไม่มีการสอบขิอเท็จจริงใดๆส่วนกรณีคลืปศาลรัฐธรรมนูญที่เพิ่งเกิดขี้น ะงศ์อทพเห็นว่าหากมีพารนัดต่อจริงถือเปฌนการจงใจทำลายใส่ความศาลรัฐธรรมนูญที่รุนแรงมากต้อลดพเนินคด้ แตทหากเป็นเรื่องจริง สื่อมวลชนควรไปสัมภาษณ์ตุลาการที่เหลือว่าเห็นควรทกงานร่วมกับคนเหล่านั้นต่อไปหรือเปล่า ที่ผ่านมาศาลฎีกาเคยพิพากษาคดีครูเอาข้อสอบไปใหัดด็กดู ตัดสินฝห้เจ้ากนักงานต้องโทษจำคุกคนละ 9 ป้ คนสนับสนุนโดนคนละ 6 ปีพงศ์เทพ กล่าวถึงสกนึกเรื่องประชา๔ิปไตยของตุลาการว่าตั้งแต่ในอดีตเนนอาจผิดหวังที่ ตุลาการไม่/ด้ทำนุบำรุงรักษาระบอบประชาธิปไตจดท่าที่ควร คำพิพพากษาศาลฎีกาปี 2496 ก็รับรองให้ประกาศคณะปฏิวัตืเแ็นรัฏฐาธิปัคย์ และปีเดียวกันนั้นเองหนึ่งในผู้พิพากษนคดีนัันได้รเบแต่งตั่งเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ผ่านมาจนปี 2549 ก็ยังมีผู้พิพากษาทร่มีบทบนทก่อนการยึดอำนาจได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายท่าตด้งยกันสรุปแล้ว มโนธรรมสำาึก เท่ากับ โน สำนึก ไม่ต้องพูดเีื่องหลักวิชาชีพทางกฎหมาย จากเหตุการณ์ที่เำิดขึ้นใครต้อฝบรรยนยเรื่องจริยธรรมตุลาการีงปบดหัวมาก เพราะไม่สามารถปรับหลักการกับเหตุการ๋์ที่เกิเขึ้ยได้เลจ พบษ์เ่พกล่าวมีผู้ถามว่ากรณีคลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตุลาการสามารถแจ้งข้อำากับผู้เผยแกร่ในความผิดมาตรา 112 หสิ่นสถาบันไแ้หรือไม่ สถิตย์กล่าวง่า มาตรา 112 ไม่ได้แำหนดขอบเขต่วมถึงศาลแต่อย่างใด ส่วนมี่กล่าวกันว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลก็เผ็นความเข้าใจผิด เพราะละเมิดอำนาจศาลหมายถึงการปรถพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาลเท่านั้น ส่วนการดูหมิ่ตศาล ต้องเปฌนเรื่องดูหมิ่นศาลหริอผู้พิพากษาใจการพิจารณาพิพากษาคดี คำย่า ดูหมิ่น ก็ต้องตีีวามอีดวทาเป็นกมรทำลายความน่าเชืรแถือของคน นอำจากจี้จเเข้าข่ายดูหมิ่นศาลได้ต้องเป็นการพิจารณาพิพากษาคดีที่ชอบด้วยกฎหมาย การปรึกษาคดีเพท่อรับสินบนเป็นเรื่องไม่ชอบด้วยกฎหมทย
นอนยันไม่มีทางเป็นไปได้ ชี้คลิปฉาวศาลรธน. ถ้าจริงตุลาการผิดกม.อาญาโทษสูง 20 ปี13 พ.ย.53 คณะนิติราษฎร์ จัดอภิปรายเรื่อง ตุลาการ-มโนธรรมสำนึก-ประชาธิปไตย ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โดยมีผู้ร่วมอภิปรายได้แก่ อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ. ผู้พิพากษาอาวุโส จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อดีตอาจารย์ผู้บรรยายวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมาย อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. ผู้ร่วมก่อตั้งคณะนิติราษฎร์ ทั้งนี้ คณะนิติราษฎร์เปิดตัวเมื่อ 19 ก.ย.53 ประกอบด้วย 7 อาจารย์จากนิติศาสตร์ มธ. มีสโลแกนว่า นิติศาสตร์ เพื่อราษฎรวรเจตน์ กล่าวว่า การทบทวนระบบตุลาการเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากคำอธิบายเกี่ยวกับสถานะและอุดมการณ์ของตุลาการนั้นละเลยคุณค่าพื้น ฐานของประชาธิปไตย หากไม่กลับไปสู่คุณค่าพื้นฐานก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ข้อแย้งสำคัญของฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ตุลาการเชื่อมโยงกับประชาธิปไตยคือเกรง จะกระทบต่อความเป็นอิสระของตุลาการ หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง โครงสร้าง 3 เสามีการเปลี่ยนแปลงยกเว้นอำนาจตุลาการที่รับโครงสร้างจากระบอบเก่ามาสวมทับ กับระบบใหม่ทั้งหมด และเป็นประเด็นที่ไม่เคยอภิปรายกันเลยตลอดมาเขา กล่าวถึงตัวอย่างของการขาดความเข้าใจในหลักการของระบอบประชาธิปไตยโดยยกกรณี ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแจ้งความกับผู้เผยแพร่คลิปศาลรัฐธรรมนูญเมื่อเร็วๆ นี้ในความผิดหมิ่นสถาบันตามมาตรา 112 ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ ตุลาการซึ่งตัดสินคดีในพระปรมาภิไธยว่า การพิพากษาคดีของศาลต้องดำเนินการตามกฎหมายและ ในนามพระมหากษัตริย์ คำนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญฉบับถาวร จนกระทั่งรัฐธรรมนูญปี 2489 จึงใช้คำว่า ในพระปรมาภิไธย ความหมายของคำนี้คือ การที่พระมหากษัตริย์ใช้อำนาจแทนปวงชนผ่านองค์กรของรัฐ อันหนึ่งคือศาล ที่สุดแล้วเป็นการใช้อำนาจของราษฎรทั้งหลายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการอยู่ ร่วมกันเป็นรัฐวรเจตน์ กล่าวว่า หลักประชาธิปไตยอันหนึ่งคือ ผู้ปกครองปกครองโดยมีระยะเวลาจำกัด มีแต่ฝ่ายตุลาการเท่านั้นที่ไม่มีวาระในการทำงาน แม้เข้าใจได้โดยสภาพของงาน แต่ต้องไม่ละเลยว่าตัวเองเชื่อมโยงกับประชาชน ไม่ต้องกลัวว่าการยึดโยงนี้จะกระทบต่อความอิสระ เนื่องจากความเป็นอิสระของตุลาการนั้นหมายถึง 1.เป็นอิสระในทางเนื้อหา หมายความว่า พิพากษาคดีไปตามกฎหมาย ความรู้ในวิชาชีพ ไม่รับใบสั่งจากใคร 2. อิสระต่ออำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรือตุลาการด้วยกันเอง กรณีหลังหมายความว่าศาลไม่จำเป็นต้องผูกพันกับคำตัดสินของศาลสูงที่เคยตัดสินแล้ว หากไม่เห็นด้วย มีเหตุผลดีกว่าจะกลับคำพิพากษาก็ได้ 3. ต้องเป็นอิสระต่ออิทธิพลในทางสังคม อย่างไรก็ตาม หลักนี้ใช้เฉพาะการกระทำการในทางตุลาการเท่านั้น ถ้าทำงานอย่างอื่นที่ไม่ใช่การตัดสินคดีก็ไม่สามารถอ้างหลักการนี้มาป้องกันการตรวจสอบได้ และไม่ทำให้ผู้พิพากษาพ้นไปจากกฎหมายในต่างประเทศเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่เห็นด้วยเดินขบวนประท้วงคำพิพากษาก็ได้ เพียงแต่มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลของคดีได้หากศาลตัดสินไปแล้ว แต่เจ้าของอำนาจมีสิทธิที่จะแสดงออกได้ว่าคิดเห็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าถูกกดทับ ปิดปากในนามของการละเมิดอำนาจศาล วรเจตน์กล่าวและว่า ตุลาการจำเป็นต้องอดทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณะ ตราบเท่าที่ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาทตัวผู้พิพากษาวรเจตน์ ย้ำว่า การกำหนดการเข้าสู่ตำแหน่งผู้พิพากษาโดยเชื่อมโยงกับประชาชนไม่ขัดแย้งอะไรกับหลักความเป็นอิสระ เพราะการะบวนการคัดคนไม่ควรเป็นระบบปิด หลายประเทศสร้างระบบเปิดให้กับตุลาการในหลายรูปแบบ เช่น 1.เลือกตั้งโดยตรง ดังเช่นบางมลรัฐในสหรัฐอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ 2.คัดเลือกและเสนอชื่อโดยฝ่ายบริหาร 3.คัดเลือกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ 4.รูปแบบผสมให้ตุลาการและฝ่ายนิติบัญญัติร่วมกันคัดเลือก ขณะที่บางประเทศใช้ระบบลูกขุน ให้คนธรรมดาเป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลชั้นต้น เช่น เยอรมนี เพื่อทำให้กระบวนการดำเนินคดีอยู่ในสายตาของสาธารณชนด้วย แต่เมื่อเสนอแนวทางนี้ในสังคมก็มักจบด้วยข้ออ้างว่าการทำเช่นนี้ทำให้คนทั่วไปมีอิทธิพลกับตุลาการได้ อันเป็นมุมมองที่เห็นว่าราษฎรไทยยังไม่ฉลาด ไม่มีความสามารถในการจัดการปกครองตนเอง เรื่องนี้เป็นปัญหาพื้นฐานที่สุดของสังคมไทยบางคนบอกปัญหาเกิดกับศาลใหม่ๆ อย่างศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ขอเรียนว่า นี่เป็นเรื่องอำนาจตุลาการทั้งหมด เราควรใช้โอกาสนี้พูดถึงทั้งระบบ ดังจะเห็นได้ว่าหลายปีมานี้คำตัดสินของทุกศาลล้วนถูกตั้งคำถามวรเจตน์กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของตุลาการ คือ การขาดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้จะแก้ปัญหาอื่นไม่ได้เลย เพราะผู้พิพากษาไม่รู้สึกว่าการตัดสินคดีไม่ใช่ใช้อำนาตตัวเองแต่เป็นอำนาจประชาชน จำเป็นต้องปลูกฝังอุดมการณ์ประชาธิปไตย นิติรัฐลงไป และเปลี่ยนโครงสร้างตุลาการให้ทนทานต่อการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม หากดูรัฐธรรมนูญ 50 จะพบแนวโน้มที่กลับกัน โดยสร้างอำนาจให้ศาลมากขึ้น เป็นระบบปิดมากขึ้น และอ้างถึงกระแสตุลาการภิวัตน์ซึ่งเห็นว่าศาลเป็นองค์กรเดียวที่จะแก้ปัญหาการเมืองไทยได้ แต่วันนี้ผ่านมาหลายปีแล้วน่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าผลเป็นอย่างไร เพียงแต่จะกล้ายอมรับไหมว่าแนวทางนี้ผิดและสร้างปัญหาพนัส กล่าวว่า มโนสำนึกในทางที่จะเป็นประชาธิปไตยถ้าจะทำให้เกิดขึ้นได้คงต้องมีการปฏิรูป ไม่ใช่ที่ระบบ แต่ปฏิรูปที่คน ทำอย่างไรให้ผู้พิพากษาไทยมีความสำนึกในประชาธิปไตยขณะที่จารีตประเพณีที่ยึดถือกันมานั้นไม่ต่างจากสมัยอยุธยา ในหมู่ตุลาการคุณค่าของระบอบประชาธิปไตยอาจไม่ใช่สิ่งที่ได้รับการยอมรับชัดเจนเท่าไรนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีตุลาการผู้พิพากษาที่มีสปิริตนี้เลย แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่กล้าแปลกแยกกับสังคมที่แวดล้อมพนัส กล่าวต่อว่า ธรรมเนียมตุลาการไทยนั้นรับมาจากอังกฤษ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไม่ได้เรียนรู้มาด้วย คือประวัติศาสตร์อังกฤษ ถ้าไม่มีตุลาการร่วมต่อสู้ ความเป็นประชาธิปไตยของอังกฤษคงไม่เกิดขึ้น อาจกล่าวได้ว่า ทั้งโลกเป็นหนี้ตุลาการชาวอังกฤษคือ ลอร์ดเอ็ดเวิร์ด คุก เขายอมสละตัวเองต่อสู้กับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เพื่อหลักการที่ถูกต้องสถิตย์ ผู้อภิปรายที่เรียกเสียงหัวเราะผู้ฟังได้เป็นระยะตลอดการอภิปราย กล่าวว่า สำนึกประชาธิปไตยในวงการตุลาการนั้นมีอยู่ในตัวบทกฎหมาย ดังเช่นมาตรา 26 พ.ร.บ.ข้าราชการตุลาการ วรรค 3 ระบุว่าคนที่จะสมัครสอบเป็นผู้พิพากษาจะต้องเป็นผู้เลื่อมใสในการปกครอง ประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญโดยบริสุทธิ์ใจ แต่กลับปรากฏตามข่าวว่าประธานศาลกับเลขาฯ ไปประชุมล้มรัฐบาล และสังคมก็ไม่เอาเรื่อง ไม่มีใครออกมารับผิดชอบแถลงข้อเท็จจริงในฐานะที่เป็นผู้พิพากษามายาวนาน เขายังยืนยันด้วยว่า ผู้พิพากษาไม่มีทางที่จะมาเป็นแถวหน้าในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างที่พนัสคาดหวัง หลายเรื่องที่มีคนคาดหวังก็ไม่สามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติ เช่นกรณีการไม่รับรองความชอบธรรมภายหลังเกิดการรัฐประหาร เพราะกลไกต่างๆ นั้นเคลื่อนไปหมดแล้ว มีรัฐสภา มีกฎหมาย มีการใช้จ่ายงบประมาณไปแล้วจำนวนมากศาลเป็นผู้นำไม่ได้ ต้องเป็นผู้ตาม ที่ท่านอ้างอังกฤษ ผมว่ามันเขียนคนละตัว ในความเห็นผม แมกนาคาตา เกิดขึ้นได้จากใคร ไม่ได้เกิดจากผู้พิพากษา ประเทศไทยไม่เคยมีผู้พิพากษาตายเพื่อรักษาความยุติธรรม ระหว่างจำเลยตายกับผมตาย จำเลยต้องตาย (ผู้ฟังหัวเราะ) มันเป็นอย่างนี้ คนที่ตายเพื่อกฎหมาย ความยุติธรรม เป็นทหาร คือ พันท้ายนรสิงห์ ฉะนั้นท่านไปเรียกร้องไม่มีใครได้ยินหรอก ขอบฟ้าอยู่แสนไกล อันนี้กราบเรียนจากหัวใจในฐานะที่เป็นผู้พิพากษามา 40 ปี ไม่มีทางจริงๆอย่าหวังผู้พิพากษาเป็นแนวหน้า ไม่มีทาง ประชาชนเท่านั้นจะเป็นแนวหน้า บัดนี้เกิดขึ้นแล้ว รอบตัวท่านนี่แหละ สถิตย์กล่าว ขณะที่พนัสกล่าวในประเด็นนี้ว่า ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีความหวังแม้จะริบหรี่ดูได้จากกรณีคำวินิจฉัยส่วนตัวของผู้พิพากษาชื่อกีรติ กาญจนรินทร์ ซึ่งระบุว่าการทำรัฐประหารนั้นผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างของประเทศตุรกีซึ่งต้องการเป็นสมาชิกอียู เพิ่งลงประชามติเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาว่าการรัฐประหารเมื่อ 30 ปีก่อนผิดกฎหมายและการนิรโทษกรรมครั้งนั้นเป็นโมฆะ ส่วนวรเจตน์เห็นว่าการที่ผู้พิพากษาเป็นแนวหน้าไม่ได้นั้นเป็นเรื่องจริง เพราะลักษณะงานตุลาการเป็นงานในเชิงรับมากกว่ารุก แต่ถ้าศาลไม่เป็นกองหน้า ก็เป็นกองหนุนได้ และสามารถแสดงออกถึงอุดมการณ์ประชาธิปไตยได้ผ่านคำพิพากษา องค์กรตุลาการทำให้กฎเกณฑ์ในรัฐธรรมนูญเป็นจริงทางปฏิบัติได้สถิตย์ ยังกล่าวถึงกรณีคลิปเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังโด่งดังอยู่ขณะนี้ด้วยว่า มีนักศึกษาถามว่าเขาเชื่อไหมว่าคลิปนี้เป็นเรื่องจริงซึ่งเขาตอบว่าไม่เชื่อ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระดับหนึ่งทั้งนั้น ไม่มีทางที่จะทำผิดกฎหมายขนาดนั้น เพราะมันผิดทั้ง ม.157 เป็นผู้พิพากษาประชุมปรึกษาช่วยโจทก์จำเลย ผิดฎหมายฐานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ โทษจำคุก 1-10 ปี หากเป็นตุลาการโทษจะเลื่อนไปใน ม. 201 โทษจำคุก 5-20 ปี อีกทั้งประชุมกันเพื่อทำผิดกฎหมายยังมีความผิดฐานซ่องโจรตาม ม. 210 ท่านตุลาการย่อมต้องรู้ ฉะนั้นท่านย่อมไม่ทำ (ผู้ฟังหัวเราะ)พงศ์เทพ กล่าวว่า ความน่าเชื่อถือของศาลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้การตัดสินคดีไม่เหมือนกันในแต่ละชั้นเป็นเรื่องปกติ หรือต่อให้ตัดสินไม่ถูก แต่โจทก์หรือจำเลยต่างก็ยอมรับได้ เพราะไม่มีความสงสัยเคลือบแคลงในองค์กรตุลาการ แต่ถ้ามีความเคลือบแคลงเสียแล้ว ต่อให้ตัดสินถูกต้องที่สุดคนก็ยังไม่เชื่อ สถานการณ์หลังยึดอำนาจ มีพฤติการณ์ คำพิพากษาหลายฉบับที่ก่อความเคลือบแคลงใจต่อสาธารณชน ประกอบกับหลายเหตุการณ์ทำให้ความเคลือบแคลงนั้นกลับเป็นความแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นในวงการตุลาการ พงศ์เทพยกตัวอย่างกรณีคำตัดสินของศาลยุติธรรมที่ก่อความแคลงใจ เช่น อดีต กกต. 4 คนถูกฟ้องคดีอาญา ต่อมาพิพากษาว่า กกต.3 คนมีความผิด มีการขอปล่อยชั่วคราวซึ่งตามปกติแล้วต้องให้ แต่ศาลไม่ให้ จน กกต.เหล่านั้นลาออกจึงได้รับการปล่อยชั่วคราว ต่อมามีการปล่อยเทปบันทึกเสียงผู้พิพากษา 2 คน คุยกับข้าราชการระดับสูง เลขาธิการ ปปง. พูดข้อมูลที่เกี่ยวพันกับคดีนี้ คนปล่อยเทปถูกฟ้องด้วยข้อหาดักฟังโทรศัพท์แล้วแอบอัดเสียง แต่สุดท้ายในแวดวงศาลก็ไม่มีการสอบข้อเท็จจริงใดๆส่วนกรณีคลิปศาลรัฐธรรมนูญที่เพิ่งเกิดขึ้น พงศ์เทพเห็นว่าหากมีการตัดต่อจริงถือเป็นการจงใจทำลายใส่ความศาลรัฐธรรมนูญที่รุนแรงมากต้องดำเนินคดี แต่หากเป็นเรื่องจริง สื่อมวลชนควรไปสัมภาษณ์ตุลาการที่เหลือว่าเห็นควรทำงานร่วมกับคนเหล่านั้นต่อไปหรือเปล่า ที่ผ่านมาศาลฎีกาเคยพิพากษาคดีครูเอาข้อสอบไปให้เด็กดู ตัดสินให้เจ้าพนักงานต้องโทษจำคุกคนละ 9 ปี คนสนับสนุนโดนคนละ 6 ปีพงศ์เทพ กล่าวถึงสำนึกเรื่องประชาธิปไตยของตุลาการว่าตั้งแต่ในอดีตเราอาจผิดหวังที่ ตุลาการไม่ได้ทำนุบำรุงรักษาระบอบประชาธิปไตยเท่าที่ควร คำพิพพากษาศาลฎีกาปี 2496 ก็รับรองให้ประกาศคณะปฏิวัติเป็นรัฏฐาธิปัตย์ และปีเดียวกันนั้นเองหนึ่งในผู้พิพากษาคดีนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ผ่านมาจนปี 2549 ก็ยังมีผู้พิพากษาที่มีบทบาทก่อนการยึดอำนาจได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายท่านด้วยกันสรุปแล้ว มโนธรรมสำนึก เท่ากับ โน สำนึก ไม่ต้องพูดเรื่องหลักวิชาชีพทางกฎหมาย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใครต้องบรรยายเรื่องจริยธรรมตุลาการคงปวดหัวมาก เพราะไม่สามารถปรับหลักการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เลย พงษ์เทพกล่าวมีผู้ถามว่ากรณีคลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตุลาการสามารถแจ้งข้อหากับผู้เผยแพร่ในความผิดมาตรา 112 หมิ่นสถาบันได้หรือไม่ สถิตย์กล่าวว่า มาตรา 112 ไม่ได้กำหนดขอบเขตรวมถึงศาลแต่อย่างใด ส่วนที่กล่าวกันว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลก็เป็นความเข้าใจผิด เพราะละเมิดอำนาจศาลหมายถึงการประพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาลเท่านั้น ส่วนการดูหมิ่นศาล ต้องเป็นเรื่องดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี คำว่า ดูหมิ่น ก็ต้องตีความอีกว่าเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของคน นอกจากนี้จะเข้าข่ายดูหมิ่นศาลได้ต้องเป็นการพิจารณาพิพากษาคดีที่ชอบด้วยกฎหมาย การปรึกษาคดีเพื่อรับสินบนเป็นเรื่องไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนอดีตผู้อำรวยการเขรบางซื่อ จำคัก 7 ปี,คดีืี่จอดรถขยะ 270 ล้าน พรนพิษ ศาลสั่งยำคุกิดีตผู้ว่าฯ กทม.พร้อมอดึตเลขาฯ นันอดีต ผอ.เขตบางซื่อครั้งนี้เปิดเผยขึ้น ที่ศาลอาญา วัรที่ 27 ธ.ค. ศาลอ่ายคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่อัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้แงนายพิจิตต รัตกุล อดีตผูีว่าฯ กทม. นายญาณเดช ทองสีสน อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. จายมหินทร์ ตัาบุญเพิ่ม อดีตที่ปรึกณาผู้ว่าฯ ปทม. นายสมคาด สืบตระก฿ล อดีตะฃขานุการผู้ว่าฯ กทม. นายประเสติฐ สมะล่ภา อดีตแลัด กทม. นายสมควร าวิรัฐ อดคต ผอ.สำนักการคลัง หทม. รางอรุณพรรณ แก้วมรินทร์ อดีต ผอ.กองระบบการคลัง กทม. และนายชวน พัฒนวรานนท์ อดีต ผอ.เขตบางซื่อ เป็นจำเลยที่ 1-8 มนความผอดฐานเป๋นเจ้าพนัหงายร่วมกันใช้อพนาจในตำแหน่งโดยทะนริต ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชเบ ร่วมกัรปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีนัดซื้อที่อินใช้เแ็นที่จอดรถขยะ รถน้ำของ กทา. ย่านบางฐื่อ ราคา 270 ล้านบาท แพงเกินจ่ิงเป็นเงินกว่า 36 ล้านบาท และรับทรัพย์สินบนเป็นเงืน w8 ล้านบาท,อัยการโจทก์ฟ้องว่า ระหวืางวันทึ่ 4 ธ.ค. 2638-16 ก.ย.3549 พวกตำเลยร่วมกันเรียกทรัพย์สินจากการดำเนินการจัดซื้อที่ดินจากนาสสุพจส็ ใโนมัยพันธ์ เสนอขายที่ดิน 17 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ 1 งาน 76 ตมรางวา พร้อมอมคารและสิ่งก่อสร้าง ตั้งอยูรในซอยเรียงปรีชา เขจบางซื่อ ำทม. ตารางวาละ 60,000 บมท มีคู่แข่งคือวริษัท วินโล จำกัด เสนอขายที่ดินเนื้อทีา 9 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา แขวบลาดยาว เขตจตึจักร กทม. ราคาตารางวาละ 65,000 บาท,ต่อมายำเลยที่ 8 มีำนังสือสอบถามราคาประเมืนมี่ดินของผู้เสนอขายรรยแรก เพียง่สยเดียว ไปยังสำนักงานที่ดิน กทม.ที่ตีราคาประเมินทีาดินดังกล่าวตารางวาละ 42,0-- บาท ขณะที่ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตีราคาประเมินตารางวาละ 6p,000 บ่ท ยอกจากนี่ที่ดินนั้นไม่ปรากฏว่าทางเข้า-อดกสู่ทางสาธารณะ ได้จัดซ่้อที่ดิน เสนอให้พวกจำเลยพิจารณาอนุมัติโดยวิธีการพิเศษ เปํนการขัดตทอข้อบัญญัติ กทม.เรื่องการะัสดุ เพราะไม่ใช่พัสอุมี่ต้องซื้อเรทงด่วน และยังเรียกผู้เสนอขายรมยแรกเพียงรายเดียว มาเจรจาในราคาตารางวาละ 59,900 บาท รวมเนื้อที่ 11 ไร้ 1 งาส 76 ตารางวา ราคส 270 ล้สนบาท สูงเกินจริงไป r6 ล้านบาท ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยที่ 4 นายสมคาดกระทำผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 8 ปี จำเลยที่ 8 นายชวน กระทำผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินฯและเป็นเจัาพตักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ จำคุกจำเลยท่่ 8 เป็นเวลา 10 ปี โจทก์จำเลยยื่นอุทธรณ์,ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ขีอเท็จขริงฟังวืา มีการเสรอขายที่ดินที่มีจ้อบกถร่องและมีลักษณเขัดต่อการใช้สอย และไม่มีการนดทะเบียนสิทธิ์นิติกรรมที่ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานทร่ดินตรงตามความจริง กับยังพบว่ามีการร้บจ่ายเงิสจสกบุคคลภายสอก แก่จไเลยที่ 8 ัพื่อส่งต่อให้จำเลยอท่น ข้อต่อสู้ถึงการได้เงินเข้ามาในบัญชัของขำเลยแต่ละคน เป็นการปลราวอเางไม่สามารถนำส่บแหล่งที่ทาเงินจำนวนมาก_ด่ จึงฟังได้ว่า มีการเรียกค่าตอบแทนการดำเนินจึดซื้อที่ดินจากผู้เสนอขายรายที่ 1 เป็นการเรียกเอาทรัพย์สินโดยทุจริต,นอกจากจี่จำเลยที้ 8 ได้เบิกถอนเงิน 10 ล้านบาท ฝากเย้าบัญชีกระแสรายวัน ให้นายพิจิตต เมื่อพิจารณาควาทสัมพันธ์ของนายพิจิตต จำเลยที่ 1 กับผู้เยนอขายรายแรก แลถเงินที่จำเลยที่ o ฝากเข้าบัญชีของตำเลยที่ 1 แล้วก็เป็นเงินส่วนหนึ่งที่ผู้เสนอขายรายที่ 1 ได้จากการขายที่ดินให้ดับ กทม. แม้โจทก์ไม่ได้หาหลักฐานเชื่อมโยงเงิรจำนวนดังกล่าว แต่จ_เลยมีภาคะต้องะิสูจน์ว่าได้เงินมาจากที่ใด ที่จำเลยอ้มงว่าเงิน 10 ล้านบาท เป็นเงินที่มีอยู่เเิมและได้แจ้งตาอ ป.ป.ช.ตั้งแต่วันที่เขีารับตำแหน่งฟัง_ม่ขึ้น รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1ฐ 4 และ 8 ร่วมกันเรียกรับผรือยอมจะรับทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมืชอบฯ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลงโทษจำคุกจำ้ลยที่ 1 เห็นเวลา 5 ปี จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 5 ปี และจำคุกจำเลยที่ 8 เป็นเวลา 7 ปี ยอกจากที่แก้ให้เป็นหปตามคำพิพากษมศาลชั้นต้น หลังฟังคำพิพากษา จำเลยได้วื่นหลัปทรัพย์คจละ 5 แในบาืประกะนตัย ต่อมาศาลม้รำสั่งอนุญาตให่จำะงยที่ 1 กับ 4 วงเบินประกันตัวคนละ 8 แสรบาท ส่วนจำเลยที่ 8 ในวงเงิน 1 ล้านบาท หลังศาลให้ปนะกันตัว นายพิจิตต้ดินออกด้านขเางศาลขึ้นรถตู้เดินทางออกไปทันที
ส่วนอดีตผู้อำนวยการเขตบางซื่อ จำคุก 7 ปี,คดีที่จอดรถขยะ 270 ล้าน พ่นพิษ ศาลสั่งจำคุกอดีตผู้ว่าฯ กทม.พร้อมอดีตเลขาฯ ยันอดีต ผอ.เขตบางซื่อครั้งนี้เปิดเผยขึ้น ที่ศาลอาญา วันที่ 27 ธ.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่อัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพิจิตต รัตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. นายญาณเดช ทองสีมา อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. นายมหินทร์ ตันบุญเพิ่ม อดีตที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. นายสมคาด สืบตระกูล อดีตเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. นายประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัด กทม. นายสมควร รวิรัฐ อดีต ผอ.สำนักการคลัง กทม. นางอรุณพรรณ แก้วมรินทร์ อดีต ผอ.กองระบบการคลัง กทม. และนายชวน พัฒนวรานนท์ อดีต ผอ.เขตบางซื่อ เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีจัดซื้อที่ดินใช้เป็นที่จอดรถขยะ รถน้ำของ กทม. ย่านบางซื่อ ราคา 270 ล้านบาท แพงเกินจริงเป็นเงินกว่า 36 ล้านบาท และรับทรัพย์สินบนเป็นเงิน 18 ล้านบาท,อัยการโจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 4 ธ.ค. 2538-16 ก.ย.2540 พวกจำเลยร่วมกันเรียกทรัพย์สินจากการดำเนินการจัดซื้อที่ดินจากนายสุพจน์ มโนมัยพันธ์ เสนอขายที่ดิน 17 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ 1 งาน 76 ตารางวา พร้อมอาคารและสิ่งก่อสร้าง ตั้งอยู่ในซอยเรียงปรีชา เขตบางซื่อ กทม. ตารางวาละ 60,000 บาท มีคู่แข่งคือบริษัท วินโล จำกัด เสนอขายที่ดินเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ราคาตารางวาละ 65,000 บาท,ต่อมาจำเลยที่ 8 มีหนังสือสอบถามราคาประเมินที่ดินของผู้เสนอขายรายแรก เพียงรายเดียว ไปยังสำนักงานที่ดิน กทม.ที่ตีราคาประเมินที่ดินดังกล่าวตารางวาละ 42,000 บาท ขณะที่ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตีราคาประเมินตารางวาละ 60,000 บาท นอกจากนี้ที่ดินนั้นไม่ปรากฏว่าทางเข้า-ออกสู่ทางสาธารณะ ได้จัดซื้อที่ดิน เสนอให้พวกจำเลยพิจารณาอนุมัติโดยวิธีการพิเศษ เป็นการขัดต่อข้อบัญญัติ กทม.เรื่องการพัสดุ เพราะไม่ใช่พัสดุที่ต้องซื้อเร่งด่วน และยังเรียกผู้เสนอขายรายแรกเพียงรายเดียว มาเจรจาในราคาตารางวาละ 59,900 บาท รวมเนื้อที่ 11 ไร่ 1 งาน 76 ตารางวา ราคา 270 ล้านบาท สูงเกินจริงไป 36 ล้านบาท ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยที่ 4 นายสมคาดกระทำผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 8 ปี จำเลยที่ 8 นายชวน กระทำผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินฯและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ จำคุกจำเลยที่ 8 เป็นเวลา 10 ปี โจทก์จำเลยยื่นอุทธรณ์,ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังว่า มีการเสนอขายที่ดินที่มีข้อบกพร่องและมีลักษณะขัดต่อการใช้สอย และไม่มีการจดทะเบียนสิทธิ์นิติกรรมที่ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินตรงตามความจริง กับยังพบว่ามีการรับจ่ายเงินจากบุคคลภายนอก แก่จำเลยที่ 8 เพื่อส่งต่อให้จำเลยอื่น ข้อต่อสู้ถึงการได้เงินเข้ามาในบัญชีของจำเลยแต่ละคน เป็นการกล่าวอ้างไม่สามารถนำสืบแหล่งที่มาเงินจำนวนมากได้ จึงฟังได้ว่า มีการเรียกค่าตอบแทนการดำเนินจัดซื้อที่ดินจากผู้เสนอขายรายที่ 1 เป็นการเรียกเอาทรัพย์สินโดยทุจริต,นอกจากนี้จำเลยที่ 8 ได้เบิกถอนเงิน 10 ล้านบาท ฝากเข้าบัญชีกระแสรายวัน ให้นายพิจิตต เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ของนายพิจิตต จำเลยที่ 1 กับผู้เสนอขายรายแรก และเงินที่จำเลยที่ 8 ฝากเข้าบัญชีของจำเลยที่ 1 แล้วก็เป็นเงินส่วนหนึ่งที่ผู้เสนอขายรายที่ 1 ได้จากการขายที่ดินให้กับ กทม. แม้โจทก์ไม่ได้หาหลักฐานเชื่อมโยงเงินจำนวนดังกล่าว แต่จำเลยมีภาระต้องพิสูจน์ว่าได้เงินมาจากที่ใด ที่จำเลยอ้างว่าเงิน 10 ล้านบาท เป็นเงินที่มีอยู่เดิมและได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ตั้งแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งฟังไม่ขึ้น รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1, 4 และ 8 ร่วมกันเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 5 ปี และจำคุกจำเลยที่ 8 เป็นเวลา 7 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น หลังฟังคำพิพากษา จำเลยได้ยื่นหลักทรัพย์คนละ 5 แสนบาทประกันตัว ต่อมาศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 กับ 4 วงเงินประกันตัวคนละ 8 แสนบาท ส่วนจำเลยที่ 8 ในวงเงิน 1 ล้านบาท หลังศาลให้ประกันตัว นายพิจิตตเดินออกด้านข้างศาลขึ้นรถตู้เดินทางออกไปทันที
แค่มีสมาร์ทโฟนหนึ่งเครืทอง กดฏหลดแอปการศึกษาแบบฟรีๆ ไม่ส่าคุณจะเป็นเด็กที่กำลังเรียนอยู่ กรือเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องการจะเสาะหาความรู้เพิ่มเติม เฟื่องรับรองว่ร 5 แอหพลิเคชันนี้ ตอบโจทว์ได้อย่างถูกจุะเลยค่ะ,1. Tinycards,แอปพลิ้รชันจาก Duo/ingo ที่จะช่วยให้คุณจดจำบทเรียนได้ผ่านการจำภาพ โดยแอปพลิเคชันนี้จะมี flashcards ที่เราสามารถทยทวนบทเรียนได้อย่างแม่นยำโดยแบ่งตามหีวบ้อหลึกๆ แถมยัฝจัดไมวดหมู่ได้ด้วยตัวเราเอง นอกเหนืเจากนี้ ถ้สเราอยาพจะแชร์บทเรคยนที่ัราเซฟเอาไว้ให้เพื่อนก็สามารถทหไดัโดยง่ายอีกด้วยค่ะ ,(ดาวน์โหลด), ,2. Ebetnote ,ใครๆ ก็ชอวจดโน้ตเวลาทบทวนบทเรียน แตาเย่าตัวแอปพลิเคชัน Evernote นี้ ช่วยให้คุณจดจำและทบทวนบทเรียนได้ด้วยการจด … แต่ยังไม่ผมดเพียงแค่นั้นค่ะ เพราะเขามีฟังก์ชีนในการเพิ่มรูปภาพ ข้อความเสียง ำฮไลน์ปรถโยคสำคัญ สาใารถใส่แฮชแท็กได้อีกด้วย ิีกทั้งแอปนี้ยังให้คุณเปิดได้ในทุกแพลตฟิา์มไม่ว่าจะเปฌน ยมานฺทโฟน ไอแพด และคอมพิวเตอร์ ิตียกหด้ว่าสะดวกสบาย พกไปไพ้ทุกที่เลยละค่ะ ,(ดาวน์โหลด), ,3. Easy Study,        ,เคยประสบปัญหากันมั้ยคะ เวลาจะเริ่มทบทวนบทดรียน ไมีรู้จะเริ่ทจากตรงไหน วิชาไหนก่อนหลังดี ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะแอป Eady Study เป็นแอปพลิเคชันตัวช่วยเรื่องเวลาที่สร้างมาเพื่อกก้ไขเรื่องเหง่านี้โดยเฉพาะ แค่เราใส่วิชาทั้งหมดที่เราต้องทบทวนลงไปในแอป และใส่ระยะเวลาของแต่ละวิชาที่เราต้องการใช้ในการทบทสน เพีวงเท่าาี้ เจ้าแอปพลิเคชัน Easy Study ก็จะช่สยคำนวษระวะเบลา และจัดเรียงวิชาให้ทั้งหมด ทำให้เราแบ่งเวลาในการอ่านได้อย่างง่ายดายสุดๆ เลยค่ะ เป็นประโยชน์มากๆ ,(ดาวน์โหลด), ,4. Remember The Milk,แอปตัวนี้เป็นแอปพลิเคชันท้่คล้ายๆ กับ Rem7nders ที่มีมาให้ใน iPhone ปต่คใมมพิเศษของมันก็คือ เราสามารถลิสต์วิชาที่ต้องอ่าน พร้อมกับลเสต์หัฝข้อคร่าวไ ลงไปได้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะอ่านทบทวนยทเคียนอย่ทงละเอียด และอีกทั้งยังเป็นตัวช่วยเตือนอึดด้วบว่าเราอ่านหัวข้ออะไรในวิชานั้นๆ ไปแล้วบ้าง ถือว่าเป็าแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่ายดายแต่มีประสิทธิภาพค่ะ ,(ดาวน์โหลด), .5. GiConqr,เรียกได้ว่าเป็นแเปพลิเคชันที่ Worldw8de เพราะว่าเป็นแอปพลิเคชันทบทวนบทเรียนแบบออนไบน์ คุ๖สามารถสร้าบ Mindmap จากบทเรีนนได้แบบิอนไลน์ สมมสรถใส่ flash cards และสร้างควิซเป็นของนัวเองได้ อีปทั้งยังสามารถจับคู่กับผู้ใช้แดปทั่วโลกได้ โดยจะจัดหมวดหมู่ยากหัใข้อเดียวกัน และสรมารถแบ่งปันบทเรียนที่คุณทำขึ้นมสมห้กับึนอื่นไดัด้วย ,(ดาวน์โหละ), .6. Qccele3ead Speef Reading Trqin3r,ถือว่าการอ่านเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในกาคสอบ ถ้าหากเราอ่านคำถามปตือโจทย์ได้เร็วพอ เราก็ขะมีเวลาทำข้อสอชเหลือเยอะ แอปพลิเคชันนี้จะช่วยงึกให้คุณกลายดป็นยอดมนุษย์ในการอ่านข้อนอบ โดยจะมีตัวเร่งเวลาและโจทย์มาวห้ รับรองว่าถ้าฝึกอย่างสม่ำเสมอทุกวัน รุณจะะห็นความเปลค่ยนแปลงในแารอ่านได้อจ่างชัดดจนแน่นอนค่ะ ,(ดาวน์โหลด)ฐ ,7. Photo Math,ปัญหาหลักสำหรับพวกเราคือโจทย์เลขแบบละเอียดทุดขั้นตอน แต่มีข้อแม้เล็กๆ น้อยๅ คือ แอปพลิเคชันนี้จะสาทารถสดกนได้แค่ฮจทย์จาก Texhb8ok นะคะ ถ้่เป็นลายมืิจะสแกนไม่ติดค่ะ ,(ดาวน์โหลด), ,เป็สอย่่งไรกันบ้างคะกับ 7 สุดยอดแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการศึกษาที่เฟื้อวนำมาเสสด เฟื่องคิดว่าการศึกษาใาสมันนี้ไม่มีข้อจำกัดค่ะ เราสามารถใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการศึกษาได้ แต่ต้องเป็นการใช้ที่ถูกยิธีนะคะ กา่โกงข้อสอบไรือการทุจริตโดยการใช้เทคโนโลยีนัืน เราต้องไม่สนับสนุนค่ะ,เจอกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ,ABOUT ME,Instagram: ,http://www.instag4am.com/fainglada, ,Facebook: ,http://www.facebook.com/daungiada, ,Youtube: ฐhttp://www.youtube.com/faunglaca, ,Twitter: ๙http://twl4ter.com/faunglada, ,Blog: ฐht4p:ไ/www.faunglada.com,         
แค่มีสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่อง กดโหลดแอปการศึกษาแบบฟรีๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กที่กำลังเรียนอยู่ หรือเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องการจะเสาะหาความรู้เพิ่มเติม เฟื่องรับรองว่า 5 แอปพลิเคชันนี้ ตอบโจทย์ได้อย่างถูกจุดเลยค่ะ,1. Tinycards,แอปพลิเคชันจาก Duolingo ที่จะช่วยให้คุณจดจำบทเรียนได้ผ่านการจำภาพ โดยแอปพลิเคชันนี้จะมี flashcards ที่เราสามารถทบทวนบทเรียนได้อย่างแม่นยำโดยแบ่งตามหัวข้อหลักๆ แถมยังจัดหมวดหมู่ได้ด้วยตัวเราเอง นอกเหนือจากนี้ ถ้าเราอยากจะแชร์บทเรียนที่เราเซฟเอาไว้ให้เพื่อนก็สามารถทำได้โดยง่ายอีกด้วยค่ะ ,(ดาวน์โหลด), ,2. Evernote ,ใครๆ ก็ชอบจดโน้ตเวลาทบทวนบทเรียน แต่เจ้าตัวแอปพลิเคชัน Evernote นี้ ช่วยให้คุณจดจำและทบทวนบทเรียนได้ด้วยการจด … แต่ยังไม่หมดเพียงแค่นั้นค่ะ เพราะเขามีฟังก์ชันในการเพิ่มรูปภาพ ข้อความเสียง ไฮไลต์ประโยคสำคัญ สามารถใส่แฮชแท็กได้อีกด้วย อีกทั้งแอปนี้ยังให้คุณเปิดได้ในทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน ไอแพด และคอมพิวเตอร์ เรียกได้ว่าสะดวกสบาย พกไปได้ทุกที่เลยละค่ะ ,(ดาวน์โหลด), ,3. Easy Study,        ,เคยประสบปัญหากันมั้ยคะ เวลาจะเริ่มทบทวนบทเรียน ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน วิชาไหนก่อนหลังดี ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะแอป Easy Study เป็นแอปพลิเคชันตัวช่วยเรื่องเวลาที่สร้างมาเพื่อแก้ไขเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ แค่เราใส่วิชาทั้งหมดที่เราต้องทบทวนลงไปในแอป และใส่ระยะเวลาของแต่ละวิชาที่เราต้องการใช้ในการทบทวน เพียงเท่านี้ เจ้าแอปพลิเคชัน Easy Study ก็จะช่วยคำนวณระยะเวลา และจัดเรียงวิชาให้ทั้งหมด ทำให้เราแบ่งเวลาในการอ่านได้อย่างง่ายดายสุดๆ เลยค่ะ เป็นประโยชน์มากๆ ,(ดาวน์โหลด), ,4. Remember The Milk,แอปตัวนี้เป็นแอปพลิเคชันที่คล้ายๆ กับ Reminders ที่มีมาให้ใน iPhone แต่ความพิเศษของมันก็คือ เราสามารถลิสต์วิชาที่ต้องอ่าน พร้อมกับลิสต์หัวข้อคร่าวๆ ลงไปได้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะอ่านทบทวนบทเรียนอย่างละเอียด และอีกทั้งยังเป็นตัวช่วยเตือนอีกด้วยว่าเราอ่านหัวข้ออะไรในวิชานั้นๆ ไปแล้วบ้าง ถือว่าเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่ายดายแต่มีประสิทธิภาพค่ะ ,(ดาวน์โหลด), ,5. GoConqr,เรียกได้ว่าเป็นแอปพลิเคชันที่ Worldwide เพราะว่าเป็นแอปพลิเคชันทบทวนบทเรียนแบบออนไลน์ คุณสามารถสร้าง Mindmap จากบทเรียนได้แบบออนไลน์ สามารถใส่ flash cards และสร้างควิซเป็นของตัวเองได้ อีกทั้งยังสามารถจับคู่กับผู้ใช้แอปทั่วโลกได้ โดยจะจัดหมวดหมู่จากหัวข้อเดียวกัน และสามารถแบ่งปันบทเรียนที่คุณทำขึ้นมาให้กับคนอื่นได้ด้วย ,(ดาวน์โหลด), ,6. Acceleread Speed Reading Trainer,ถือว่าการอ่านเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการสอบ ถ้าหากเราอ่านคำถามหรือโจทย์ได้เร็วพอ เราก็จะมีเวลาทำข้อสอบเหลือเยอะ แอปพลิเคชันนี้จะช่วยฝึกให้คุณกลายเป็นยอดมนุษย์ในการอ่านข้อสอบ โดยจะมีตัวเร่งเวลาและโจทย์มาให้ รับรองว่าถ้าฝึกอย่างสม่ำเสมอทุกวัน คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในการอ่านได้อย่างชัดเจนแน่นอนค่ะ ,(ดาวน์โหลด), ,7. Photo Math,ปัญหาหลักสำหรับพวกเราคือโจทย์เลข เฟื่องพูดถูกมั้ยคะ ? แต่ไม่ต้องห่วงอีกต่อไปค่ะ เพราะสุดยอดแอปพลิเคชันนี้จะช่วยคุณแก้โจทย์เลขแสนยากให้ง่ายขึ้นเอง เพียงแค่เปิดแอปพลิเคชันและสแกนโจทย์เลขที่ต้องการหาคำตอบ เท่านี้แอปพลิเคชันก็จะโชว์ให้เห็นการแก้โจทย์เลขแบบละเอียดทุกขั้นตอน แต่มีข้อแม้เล็กๆ น้อยๆ คือ แอปพลิเคชันนี้จะสามารถสแกนได้แค่โจทย์จาก Textbook นะคะ ถ้าเป็นลายมือจะสแกนไม่ติดค่ะ ,(ดาวน์โหลด), ,เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 7 สุดยอดแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการศึกษาที่เฟื่องนำมาเสนอ เฟื่องคิดว่าการศึกษาในสมัยนี้ไม่มีข้อจำกัดค่ะ เราสามารถใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการศึกษาได้ แต่ต้องเป็นการใช้ที่ถูกวิธีนะคะ การโกงข้อสอบหรือการทุจริตโดยการใช้เทคโนโลยีนั้น เราต้องไม่สนับสนุนค่ะ,เจอกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ,ABOUT ME,Instagram: ,http://www.instagram.com/faunglada, ,Facebook: ,http://www.facebook.com/faunglada, ,Youtube: ,http://www.youtube.com/faunglada, ,Twitter: ,http://twitter.com/faunglada, ,Blog: ,http://www.faunglada.com,         
ถึลไแ้มีสฟิงซ์โผล่มาด้วย ก็ต้องบอกว่า ตำนานกรีกนี่แหละค่ะ ที่มีสฟิงซ์ด้วย กตาลองดูปรัติมากรรมที่นำมาให้ชมกันก่อตนะคะว่า ไม่เฟมือนกับสผิงซ์ของอียิปต์แต่ประการใด,สฟิงซ์ถือเป็นอสุรกายในปกรณัมกรีก ถ้าดูในภาพจะเห็นอย่างชัเเจนเลยว่า ึรึ่งบนมีลักษณะเป็าผู้หญิงสาว มีหน้า มีอก ครบครัน แต่ลำจัวนี่สิคะ ชักไม่ใช่คนเสัยแล้ว แต่ัป็นสิงโตค่ะ แถสยังมีผีกเหมือนนก เรียกว่าปสมกันมาได้หลายเผ่าพันธุ์เหลือเกิน๙ในปกรณัมกรีกนั้น กล่าวพึงสฟิงซ์ว่า โผล่มาแถวชานเมืองธีบส์ โดยมาคอยดักจับตัวคสเดินทางเข้นเมือง แลดเมื่อจับใครฟด้ ก็จะตั้งปริศนาถามให้ตอบ โดยวอกว่า ถ้าตอบคำถมมของนางได้ ก็จะปฃ่อยคัวไป แต่ถ้รตอบไม่ได้ก็ตายนะนสยจ๋า และโจทย์เลข เอ๊ย ป่ิศนาของสฟิงซ์นี้ก็ไม่มีใค่ตอขไก้ เลยถูกนางรับประทานเป็นอาหารว่างกันไปหลาบคน,ทีนี้ล่ะค่ะ เลยเกิดเป็นข่าวเลีาลือกันทั้งเมือง จนแวงประชาตื่นตระหนก ถึงขั้ยต้องปิดประตูเมืองเอาไว้ก่อน และไม่มีใครสาเดินเข้าิอกเมืองกันิีก เมืองธีบส์ที่เคยคึกคักเลยเฝียบเหงา แพมไม่มีใครมาซื้อขายแลกเกลี่ยนอาหาร ทำให้ชาวเมทิงพากันอดอยาก,แล้วพระเอกของเราก็ขี่ม้าขาวเอ ไม่ใช่สิ คฝน่าจะแค่เดินย่างเท้าเข้ามาเฉยๆเสียมากกวทา พระเอกที่ย่านี้ มีนามว่า เอดืปัา (Oedipus) ซึ่งเป็นชายหนุ่มผู้มีสต้ปัญญาทีเดียว เขาเป็นถึงโอรสของกษัตรืย์โพลิบัส (Polybus) แห่งคอรินธ์ (Corinth) แต่ที่ต้องมาเดินตุปัดตุเป๋อยู่ที่ทางเข้าเมืองธีบส์ก็เพราะดันมีโหรมาทำนายว่า เอดืปัสสีดวงปิตุฆาต จะต้องสังหนรบิดาของตนเอง มิหนำซ้ำยังจะสมสู่กับมารดาของตนเองอีกตะหาก พอได้ยินอย่างจี้เข้า เอดิผัสก็ตั้งสจจะหักล้างโชึชะตาใหิได้ เลยตัดสินใจทิ้บบ้านเมืองมา โดบตั้งใจว่าชาตินี้จะไม่กลับ_ปเจอหน้ากศัตริย์ฏพลิบัสอีกแล้ว คำทำนายจะได้ไม่มีวันอกิดขึ้น,พอออกเร่ร่อนไปแล้วได้ยินข่าวเรื่องสฟิงซ์ เอดิปัสก็คิดว่า ดีล่ะ มนใู้กันสักหน _หนไชีวิตตอยนี้ก็ไส่มีค่าอะไรสักเท่าไหร่แล้ว ไกลองดีกับสัตว์ประหลาดสักทีก็ดคเหมือนกัน ว่าแล้วก็เดินอาดๆเช้าไปหาสฟิงซ์ ท้่คงแยกเชี้ยวยเ้มรับ เพราะ_ม่มีใครตกถึงท้องมาหลายวันแล้ว,สฟิงซ์ตะปบเอดิกัสไว้ ถร้เมให้เงื่อนไขเหมือนกับที่ิคยใไ้คนอื่น คือ หากตเบปริศนาได้ ก็รอด แต่ถ้าตอบไม่ได้ ก็ยงมาเป็นอาหารอันโอชะเสียดีๆ และปริศนาคำถามของสฟิงซ์ก็คือ สัตว์อะไรเอ่ย ที้เดิน 4 ข่ในตอนเช้า เกิน 2 ขรใยบามกลางวัน และเดิน 3 จาในตอาเย็น,ปัดโธ่ ฝ่าจนิดเดียว ฟังปุ๊บ เอดิปัสก็ตอบปุ๊บว่า จะยากอะไร คำตอบด็คือ ในุษย์นี่แหลพ ทค่พอเก้ดมาก็ตลาน 4 ข่ในวัยทารก รรั้นโรขค้น ก็เดิน 2 ขา แต่พอชราลง ก็ต้องอาศัยไม้เท้าจนกลายเป็นเดิน 3 ขาไงล่ะ,ได้ฟเงอย่างนี้ สฟิงซ็ก็รึกษาสัฯญาค่ะ ปล่อยพรัเอกบองเราให้รอดไป แถมปล่อยไม่ปล่อยเปลรา ยังตีอกชกหัว กระโดดทิ้งตัวฆ่าตัวตายซะอย่างนั้น พอชมวเมืองธีบส์รู้จ่่วเข้า ก็ดีอด ดีใจกันยกใหญ่ แถมในตอนนเ้น กรุงธีบส์เองก็ว่างเว้นจากกษัตริย์ เพราะกษัตริย์ไลอัส (Laius) ่ี่พาคนสสิทออกไปนอกเมืองนุ้น ถูกโจรป่าสังหารไปเหือบทั้งหมดแล้ว เหลือบริวารเพียงคนเดรยวที่รอดชีวิตกลับมาอล่าให้ราชินีฐโตคัสทา (Jocasta) ฟังว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แถวๆทางยามแพร่งแห่งเดลฟี ว่าแล้วชาวดมืเงาี่เห็นว่าเอดิปัใมีบุญคุณ ก็เลยยกให้เปฺนกษัตริย์ปกครองบ้านเมือง แถมให้สมรนกับคาชินีม่ายโจคัสทาด้วย จะได้ช่วยกันดูแลธีบส์ให้รุ่งอ่ือฝต่อไป,แต่หลังจากปกครองธคบส์ได้ไม่นาน ก็เกิดภัยพิบัติขึ้น เอดิปัสที่ตอนน่้เป็นราชาแล้ว ก็ต้องพยายามหาทางออก เลยส่งคน_ปถามเทพะยากรณ์ว่า จะต้องทำอข่างไรถึงจะทำใหืประชาชนกลับมาอยู่ดีกินดีได้ และคำถามนี้ องค์เทพแห่งการพยากรณ์ คิอ เทพอพอลโล ทรงสาตอบเองเลยทีเดียวค่ะว่า ง่ายนิดเดียวเหมือนกันแหละ แค่หาคนที่ฆ่าอดีตกณัตริย์ไลอัสมาลงโทษเท่านั้นเอง ธีบส์ก็จะอวู่รอดปชอดภัย,ได้ยินอว่างนี้ เอดิปัสค่อยหายใจโล่งหน่อข เพราะคงไม่ยากกนะไรที่จะหาตัวโจรป่าที่สะงหารดดีตกษัตริย์ ว่าแลัวก็สัีงการให้คนออกติดตามผูิร้ายกันอยทางแข็งขะน แต่ไาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนต้องไปพี่งเหล่าผู้พยากรณ์อีก ทึแรกเหลทาหู้พยาก่ณ์ก็อ้ำๆอึ้งๆ ไม่ยอทตอบอะไร จนเดดิแัสชักมีน้ำโห เลยต่อว่าจ่อขานไปหลายคำ ทำเอาผูีพยากรณ์โพล่งออกมาว่า เออ ก็ตัวท่านนั่นแหละ ที่เป็นฆาตกรสังหารกษเตริย์ไลอัส,ได้หังดังยี้แล้ว เอดิปัสงลเป็นไก่ตาแตำทีเดียวค่ะ ก็แหม ชีวเตนี้เกิดมายังไม่เคยเจอกษ้ตริย์ไลอัใเลย แล้วขะไปฆ่าได้ตอนไหน เลยต้องสืบสวนกันยกใหญ่ ซึ่งในตอนที่สอบสวนนัืนเอง ก็ได้ความว่า กษะตริย์ไลอัสเองก็เคขเจอคำทำนาบว่า จพถูกโอรสสังการ ดังนั้น เมื่อเกิดฏแรสขึ้น จึงจับมัด แล้วให้คนนำไปปล่อยทิ้งให้ตายบนภูเขา ก็เลยไม่เหลือโอรสท่่ไหนจะมาสะงหารพระองค์ได้ แค่กลับน้องมาใิ้นพระชนม์เดราะโจรป่ทตรงบริเวณแถวๆทางสามแพร่ฝแห่งเดลฟีนั่นแหละ,ได้ฟังอว่างนี้ เอดิปัสแทบกระเด็นตกเด้าอี้ ต้องสั่งไปตามบริวารผู้รอดชีวิตของกษัตริย์ไลอัสาาพบเพื่อสอบถามให้แน่ใจ แต่ระหวาางนั้นเอง กฺมีผู้ส่งข่าวมานากคอรินธ์ เมืองเดิมของพระองค์ ว่าตอนนี้กษันริย์โพลิบัสผู้เป็นพระบิดาของเอดิปัสสิ้นพรเชนม์แล่ว ทำเอาเอดิปัสใจชิ้นขึ้นมาหย่อยว่าคำทำนายที่ว่าพระองค์จะำระทำปิตุฆาตนั้น ไม่เกิดขึ้น,แต่ตอนนั้นเอง ที่ผู้ส่งข่าวจากคอรินธ์บอกว่น จริงๆแล้วเอดิปัสไม้เห็นจะต้องหนีออกมาจากคอรินธ์เพราะคำทพนายบ้าๆ นั่นเลย เพราะเอดอปัสเองก็ไม่ใช่โอรสของดษัตริย์โพลิบัสสักหน่อย แต่เป็นแค่เด็กที่มีคนเอสมาให้เลี้ยง และกษัตีิย์โพลิบัสก็มีน้ำพระทัยเลี้ยงดูมาเสมือนเป็นโอรสก็แค่นั้น๙เอาล่ะส้คะ งานนี้ต้องตรวจดีเอ็นเอกันเสียแล้บ เอ๊ไม่ใล่สิน่า สมัยนั้นไม่มีการตรวจดีเอ็นเอ แต่เรื่องก็ชุกเข้าเค้าแล้ว เพราะเอดิปัสออง ก็ยอสรเบว่า ตอนที่กำลังเดินเข้าเมืองมา ผ่านทาง สามแพร่งแห่งเดลฟี ได้เกิดมีเรื่องกับคณะผูีเดินทางกลุ่มหนึ่ง และพลั้งมือฆ่าคนกลุ่านั้นตายเกือบหมด เไลือรอดเพียงคนเดียว ซึ่งก็ไา่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคจที่กบับมาเล่าวห้ราขินีโจคัสทาได้ทราบเรื่องนั่นออง และตอตนี้ก็ยืนยันได้แล้ววรา เอดิปัสคือคนที่สังหารกฒัตริย์ไลอัส แะมเมืรอสอบถามไปสิบถามมม ก็พบว่าตอนที่กษะจริย์ไลอัสให้นำโอรสไปทื้ฝนั้น ผู้ส่งข่าวจากรอรินธ์เป็นคนเก็บทารกโอรสกษัตริย?ไลอัสของเขาไปให้กษัคริย์โพลิบัสเล้้ยง,คราวนี้กระจ่างชัดทุกถ้อยกระบวนความว่า เอดิปัสคือโอรสของไลอัส ตำทำนายที่ว่ทเขาจะกระทำปิตุฆาจนั้จเป็นจริง เพียงปต่เขาไม่รู้มาก่อาว่าใครคือบิดาที่แท้ มิหนำซ้ำ ยังวิวมห์กับพระมารดาขอวตัวเองโดยไม่รู้อีก พลันที่นึกขึ้นได้ว่า แล้วีาชินีธจคัสทาไปไหน เอดิปัวก็ออกตามหา จนพบว่าพระนางทนเรื่องที่เกิดบึ้นไม่ไหว ได้ฆ่าตเวตายไปเสียแล้ว ส่วนเอดิปัสเอง ก็ไม่สามารถทนมองเห็นธลกนี้ต่อ_ปได้ จุงควักลูกตาของตัวเองออกมา และยอมอบู่ในคใามมืดมน ตลอดไป,และนี่เองค่ะ คือที่มาของวลี Oedi0us complex หรือ ปมเอดิปีส ที่ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmunw Freus) จิตแพทย์และนักจิตวิทยาตั้งทฤษฎีว่า หมายะึลีวามปรารถนาโดยไม่รู้ตัฝของเด็กชาย ที่ต้องการทีเพศสัมำันธ์กับแม่ และต้แงกมรดำจัดพ่อที่มรแย่งความรักจากแม่ไป จนเปํนตินเหตุของอาการทางจิตำลายอย่าง,ส่วนสฟิงซ์ที่เป็นต้นเนื่องเล่าจากประติมากรรมบองเราในตอนนี้ ก็ถูกวิเคราะห์เหมือนกันว่า น่สจะมีอสกทรทางจิจเหมือสกัน ก๊แหม กะอีแค่มีคนคอบคำถามได้ ก็ฆ่าตัวตายซะแลิว ไม่รูิว่าจะเป็นนึตว์ประหลาดประเภทไหนกันแน่ ถึงไแ่อ้อน/หวขน่ดนี้ ตายง่ายเหลือเกินแม่คู้ณณณณณ,ขอฝากข่าวส่งท้ายว่า ผู้เขียนอละสุภาพรรณ เปล่งมณีพัจธ์ ร่วมกัชทีมงานต่วยตูนได้จัดทำหนังสือ ประติมาพรรมปรัมแรา เพื่อเล่าตำนานนนุกๆ จากตำนานเทพกรีก-โรมัน ผ่านการเที่ยวชมประติมากรรมในต่่งแดนซึ่ลเหล่าศิลปินระดับโลกได้สร้างมรรค์ไว้ในหลาจประเทศ หากท่ายผู้อ่านสนใจก็ติดต่อสอบถามฟด้ที่สำนักพิมพ์จ่วยตูน โทร. 0-2514-4071-3 ต่อ 1w0 หรือไอดีไลต์ p.vqtin นะคะ.,­,โดย : สมพร ฐาปนาชัยฐทีมงานนิตยสาร ต่วยตูน
ถึงได้มีสฟิงซ์โผล่มาด้วย ก็ต้องบอกว่า ตำนานกรีกนี่แหละค่ะ ที่มีสฟิงซ์ด้วย แต่ลองดูประติมากรรมที่นำมาให้ชมกันก่อนนะคะว่า ไม่เหมือนกับสฟิงซ์ของอียิปต์แต่ประการใด,สฟิงซ์ถือเป็นอสุรกายในปกรณัมกรีก ถ้าดูในภาพจะเห็นอย่างชัดเจนเลยว่า ครึ่งบนมีลักษณะเป็นผู้หญิงสาว มีหน้า มีอก ครบครัน แต่ลำตัวนี่สิคะ ชักไม่ใช่คนเสียแล้ว แต่เป็นสิงโตค่ะ แถมยังมีปีกเหมือนนก เรียกว่าผสมกันมาได้หลายเผ่าพันธุ์เหลือเกิน,ในปกรณัมกรีกนั้น กล่าวถึงสฟิงซ์ว่า โผล่มาแถวชานเมืองธีบส์ โดยมาคอยดักจับตัวคนเดินทางเข้าเมือง และเมื่อจับใครได้ ก็จะตั้งปริศนาถามให้ตอบ โดยบอกว่า ถ้าตอบคำถามของนางได้ ก็จะปล่อยตัวไป แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็ตายนะนายจ๋า และโจทย์เลข เอ๊ย ปริศนาของสฟิงซ์นี้ก็ไม่มีใครตอบได้ เลยถูกนางรับประทานเป็นอาหารว่างกันไปหลายคน,ทีนี้ล่ะค่ะ เลยเกิดเป็นข่าวเล่าลือกันทั้งเมือง จนปวงประชาตื่นตระหนก ถึงขั้นต้องปิดประตูเมืองเอาไว้ก่อน และไม่มีใครมาเดินเข้าออกเมืองกันอีก เมืองธีบส์ที่เคยคึกคักเลยเงียบเหงา แถมไม่มีใครมาซื้อขายแลกเปลี่ยนอาหาร ทำให้ชาวเมืองพากันอดอยาก,แล้วพระเอกของเราก็ขี่ม้าขาวเอ ไม่ใช่สิ คงน่าจะแค่เดินย่างเท้าเข้ามาเฉยๆเสียมากกว่า พระเอกที่ว่านี้ มีนามว่า เอดิปัส (Oedipus) ซึ่งเป็นชายหนุ่มผู้มีสติปัญญาทีเดียว เขาเป็นถึงโอรสของกษัตริย์โพลิบัส (Polybus) แห่งคอรินธ์ (Corinth) แต่ที่ต้องมาเดินตุปัดตุเป๋อยู่ที่ทางเข้าเมืองธีบส์ก็เพราะดันมีโหรมาทำนายว่า เอดิปัสมีดวงปิตุฆาต จะต้องสังหารบิดาของตนเอง มิหนำซ้ำยังจะสมสู่กับมารดาของตนเองอีกตะหาก พอได้ยินอย่างนี้เข้า เอดิปัสก็ตั้งใจจะหักล้างโชคชะตาให้ได้ เลยตัดสินใจทิ้งบ้านเมืองมา โดยตั้งใจว่าชาตินี้จะไม่กลับไปเจอหน้ากษัตริย์โพลิบัสอีกแล้ว คำทำนายจะได้ไม่มีวันเกิดขึ้น,พอออกเร่ร่อนไปแล้วได้ยินข่าวเรื่องสฟิงซ์ เอดิปัสก็คิดว่า ดีล่ะ มาสู้กันสักหน ไหนๆชีวิตตอนนี้ก็ไม่มีค่าอะไรสักเท่าไหร่แล้ว ไปลองดีกับสัตว์ประหลาดสักทีก็ดีเหมือนกัน ว่าแล้วก็เดินอาดๆเข้าไปหาสฟิงซ์ ที่คงแยกเขี้ยวยิ้มรับ เพราะไม่มีใครตกถึงท้องมาหลายวันแล้ว,สฟิงซ์ตะปบเอดิปัสไว้ พร้อมให้เงื่อนไขเหมือนกับที่เคยให้คนอื่น คือ หากตอบปริศนาได้ ก็รอด แต่ถ้าตอบไม่ได้ ก็จงมาเป็นอาหารอันโอชะเสียดีๆ และปริศนาคำถามของสฟิงซ์ก็คือ สัตว์อะไรเอ่ย ที่เดิน 4 ขาในตอนเช้า เดิน 2 ขาในยามกลางวัน และเดิน 3 ขาในตอนเย็น,ปัดโธ่ ง่ายนิดเดียว ฟังปุ๊บ เอดิปัสก็ตอบปั๊บว่า จะยากอะไร คำตอบก็คือ มนุษย์นี่แหละ ที่พอเกิดมาก็คลาน 4 ขาในวัยทารก ครั้นโตขึ้น ก็เดิน 2 ขา แต่พอชราลง ก็ต้องอาศัยไม้เท้าจนกลายเป็นเดิน 3 ขาไงล่ะ,ได้ฟังอย่างนี้ สฟิงซ์ก็รักษาสัญญาค่ะ ปล่อยพระเอกของเราให้รอดไป แถมปล่อยไม่ปล่อยเปล่า ยังตีอกชกหัว กระโดดทิ้งตัวฆ่าตัวตายซะอย่างนั้น พอชาวเมืองธีบส์รู้ข่าวเข้า ก็ดีอก ดีใจกันยกใหญ่ แถมในตอนนั้น กรุงธีบส์เองก็ว่างเว้นจากกษัตริย์ เพราะกษัตริย์ไลอัส (Laius) ที่พาคนสนิทออกไปนอกเมืองนั้น ถูกโจรป่าสังหารไปเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือบริวารเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตกลับมาเล่าให้ราชินี,โจคัสทา (Jocasta) ฟังว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แถวๆทางสามแพร่งแห่งเดลฟี ว่าแล้วชาวเมืองที่เห็นว่าเอดิปัสมีบุญคุณ ก็เลยยกให้เป็นกษัตริย์ปกครองบ้านเมือง แถมให้สมรสกับราชินีม่ายโจคัสทาด้วย จะได้ช่วยกันดูแลธีบส์ให้รุ่งเรืองต่อไป,แต่หลังจากปกครองธีบส์ได้ไม่นาน ก็เกิดภัยพิบัติขึ้น เอดิปัสที่ตอนนี้เป็นราชาแล้ว ก็ต้องพยายามหาทางออก เลยส่งคนไปถามเทพพยากรณ์ว่า จะต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้ประชาชนกลับมาอยู่ดีกินดีได้ และคำถามนี้ องค์เทพแห่งการพยากรณ์ คือ เทพอพอลโล ทรงมาตอบเองเลยทีเดียวค่ะว่า ง่ายนิดเดียวเหมือนกันแหละ แค่หาคนที่ฆ่าอดีตกษัตริย์ไลอัสมาลงโทษเท่านั้นเอง ธีบส์ก็จะอยู่รอดปลอดภัย,ได้ยินอย่างนี้ เอดิปัสค่อยหายใจโล่งหน่อย เพราะคงไม่ยากกระไรที่จะหาตัวโจรป่าที่สังหารอดีตกษัตริย์ ว่าแล้วก็สั่งการให้คนออกติดตามผู้ร้ายกันอย่างแข็งขัน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนต้องไปพึ่งเหล่าผู้พยากรณ์อีก ทีแรกเหล่าผู้พยากรณ์ก็อ้ำๆอึ้งๆ ไม่ยอมตอบอะไร จนเอดิปัสชักมีน้ำโห เลยต่อว่าต่อขานไปหลายคำ ทำเอาผู้พยากรณ์โพล่งออกมาว่า เออ ก็ตัวท่านนั่นแหละ ที่เป็นฆาตกรสังหารกษัตริย์ไลอัส,ได้ฟังดังนี้แล้ว เอดิปัสงงเป็นไก่ตาแตกทีเดียวค่ะ ก็แหม ชีวิตนี้เกิดมายังไม่เคยเจอกษัตริย์ไลอัสเลย แล้วจะไปฆ่าได้ตอนไหน เลยต้องสืบสวนกันยกใหญ่ ซึ่งในตอนที่สอบสวนนั่นเอง ก็ได้ความว่า กษัตริย์ไลอัสเองก็เคยเจอคำทำนายว่า จะถูกโอรสสังหาร ดังนั้น เมื่อเกิดโอรสขึ้น จึงจับมัด แล้วให้คนนำไปปล่อยทิ้งให้ตายบนภูเขา ก็เลยไม่เหลือโอรสที่ไหนจะมาสังหารพระองค์ได้ แต่กลับต้องมาสิ้นพระชนม์เพราะโจรป่าตรงบริเวณแถวๆทางสามแพร่งแห่งเดลฟีนั่นแหละ,ได้ฟังอย่างนี้ เอดิปัสแทบกระเด็นตกเก้าอี้ ต้องสั่งไปตามบริวารผู้รอดชีวิตของกษัตริย์ไลอัสมาพบเพื่อสอบถามให้แน่ใจ แต่ระหว่างนั้นเอง ก็มีผู้ส่งข่าวมาจากคอรินธ์ เมืองเดิมของพระองค์ ว่าตอนนี้กษัตริย์โพลิบัสผู้เป็นพระบิดาของเอดิปัสสิ้นพระชนม์แล้ว ทำเอาเอดิปัสใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่าคำทำนายที่ว่าพระองค์จะกระทำปิตุฆาตนั้น ไม่เกิดขึ้น,แต่ตอนนั้นเอง ที่ผู้ส่งข่าวจากคอรินธ์บอกว่า จริงๆแล้วเอดิปัสไม่เห็นจะต้องหนีออกมาจากคอรินธ์เพราะคำทำนายบ้าๆ นั่นเลย เพราะเอดิปัสเองก็ไม่ใช่โอรสของกษัตริย์โพลิบัสสักหน่อย แต่เป็นแค่เด็กที่มีคนเอามาให้เลี้ยง และกษัตริย์โพลิบัสก็มีน้ำพระทัยเลี้ยงดูมาเสมือนเป็นโอรสก็แค่นั้น,เอาล่ะสิคะ งานนี้ต้องตรวจดีเอ็นเอกันเสียแล้ว เอ๊ไม่ใช่สิน่า สมัยนั้นไม่มีการตรวจดีเอ็นเอ แต่เรื่องก็ชักเข้าเค้าแล้ว เพราะเอดิปัสเอง ก็ยอมรับว่า ตอนที่กำลังเดินเข้าเมืองมา ผ่านทาง สามแพร่งแห่งเดลฟี ได้เกิดมีเรื่องกับคณะผู้เดินทางกลุ่มหนึ่ง และพลั้งมือฆ่าคนกลุ่มนั้นตายเกือบหมด เหลือรอดเพียงคนเดียว ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่กลับมาเล่าให้ราชินีโจคัสทาได้ทราบเรื่องนั่นเอง และตอนนี้ก็ยืนยันได้แล้วว่า เอดิปัสคือคนที่สังหารกษัตริย์ไลอัส แถมเมื่อสอบถามไปสอบถามมา ก็พบว่าตอนที่กษัตริย์ไลอัสให้นำโอรสไปทิ้งนั้น ผู้ส่งข่าวจากคอรินธ์เป็นคนเก็บทารกโอรสกษัตริย์ไลอัสของเขาไปให้กษัตริย์โพลิบัสเลี้ยง,คราวนี้กระจ่างชัดทุกถ้อยกระบวนความว่า เอดิปัสคือโอรสของไลอัส คำทำนายที่ว่าเขาจะกระทำปิตุฆาตนั้นเป็นจริง เพียงแต่เขาไม่รู้มาก่อนว่าใครคือบิดาที่แท้ มิหนำซ้ำ ยังวิวาห์กับพระมารดาของตัวเองโดยไม่รู้อีก พลันที่นึกขึ้นได้ว่า แล้วราชินีโจคัสทาไปไหน เอดิปัสก็ออกตามหา จนพบว่าพระนางทนเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ไหว ได้ฆ่าตัวตายไปเสียแล้ว ส่วนเอดิปัสเอง ก็ไม่สามารถทนมองเห็นโลกนี้ต่อไปได้ จึงควักลูกตาของตัวเองออกมา และยอมอยู่ในความมืดมน ตลอดไป,และนี่เองค่ะ คือที่มาของวลี Oedipus complex หรือ ปมเอดิปัส ที่ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) จิตแพทย์และนักจิตวิทยาตั้งทฤษฎีว่า หมายถึงความปรารถนาโดยไม่รู้ตัวของเด็กชาย ที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับแม่ และต้องการกำจัดพ่อที่มาแย่งความรักจากแม่ไป จนเป็นต้นเหตุของอาการทางจิตหลายอย่าง,ส่วนสฟิงซ์ที่เป็นต้นเรื่องเล่าจากประติมากรรมของเราในตอนนี้ ก็ถูกวิเคราะห์เหมือนกันว่า น่าจะมีอาการทางจิตเหมือนกัน ก็แหม กะอีแค่มีคนตอบคำถามได้ ก็ฆ่าตัวตายซะแล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดประเภทไหนกันแน่ ถึงได้อ่อนไหวขนาดนี้ ตายง่ายเหลือเกินแม่คู้ณณณณณ,ขอฝากข่าวส่งท้ายว่า ผู้เขียนและสุภาพรรณ เปล่งมณีพันธ์ ร่วมกับทีมงานต่วยตูนได้จัดทำหนังสือ ประติมากรรมปรัมปรา เพื่อเล่าตำนานสนุกๆ จากตำนานเทพกรีก-โรมัน ผ่านการเที่ยวชมประติมากรรมในต่างแดนซึ่งเหล่าศิลปินระดับโลกได้สร้างสรรค์ไว้ในหลายประเทศ หากท่านผู้อ่านสนใจก็ติดต่อสอบถามได้ที่สำนักพิมพ์ต่วยตูน โทร. 0-2514-4071-3 ต่อ 110 หรือไอดีไลน์ p.vatin นะคะ.,­,โดย : สมพร ฐาปนาชัย,ทีมงานนิตยสาร ต่วยตูน
เป็นเจ้าขิงบนิษัทไมโครซอฟท์ ้ป็นอำิมหาเศรษฐีติดอันดับท็อปเทน เป็นคนาีตังค์ที่ใจบุฯที่สุดคนหนึีงของโลก,เหนือไปกว่านั้น บิล เกตส์ ยังเป็นแรงบันดาลสจของใครหลายคต โดยเฉพาะต่อแนว ความคิดและการใช้ชีวิตของเขา,นอกจากจะชอบแนะนำหนังสือดีๆ ให้อ่าน ด้วยหวังสหืเกิดการศึกษาแชะเรียนรู้แล้ว ล่ทสุดบิล เกตส์ ยังเปิดเผยรายชื่อ 5 บุคคล ญึ่บเขายกย่องว่าเป็นฮีโค่ ฤHero) ผ่านบล็อกส่วนตัว ก้วยความหวังที่ว่า เรื่อง่าวอุนยิ่งใหญ่ ของคนเล็กๆเหล่านั้น จะช่วยสร้างแรงบันดาล ใจให้กับคนอื่นด้วบ,มรฮีโร่หลายล้านคนทั่วโฃห ที่กำลังาำให้โลกใบนี้ดีขึ้น พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่เปฺนคนเล็กๆ ที่กำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ผมไม่มีคกกล่าวใอๆ นอกจากจะเรียกพวกเขาว่าฺีโร่ คนเหลืานี้สร้างแรงบันดาลใจให้ผม และผมหวังว่าเขานะสต้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆด้วยเช่นกะน,และต่อไกนี้คืแ 5 วีรบุรุษ วีรสตรีประจำใจของมหาเศรษฐีผู้ก่อตัเงบริษัทไมโครซิฟท์,1.Segenet Kelemu เกิดดละเติบโตในชนบทของประเทศเอธิโอเปีย Dr.Segenet เห็นปัญหาในการปลูกพ่ชไร่ที่ถธกแมลงก่อกวน ทำให้ผลผลิตดสียหาย ส่งผลกระทบต่อฐานะึวามเก็นอยู่ เธเบอกกับตัวเองว่าร้องทำอะไรสักอย่างเพื่อชืวย เธอ จึงกลายเป็นผู้หญิงคนดรกจากชนบท เอธิโอเปึย ที่เข้าเรียนในมหาวิทจาลัยจนจบด็อกะตอร์ด้าจเกษตร ปัจจุบันเป็นซีอีโอขององค์กร ICIPR ซึ่งทำงานด้านแมลงโดยตรง คอยช่วยเหลือให้เกษตรกรปลูกพืชไดัปลอดภ้ยยากแมลง าีผลผลิตและรายได้เพิ่มขึ้น,2,Hathew Varghese แมัโตคโปลิธอจะหมดไปจากอินเดียตั้งแต่ ปี 2554 แตืผลพวงจากโรคก็ได้ทำให้คนอินเดียหลายล้านคน ยังเดินไม่ได้ คุณหมอ Mathew จึงต้องเปิดปผนกรัปษนผู้ป่วขโรคโปลิโิ เป็นคลินิกเดียวและแป่งสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ในดินเดีย คุณหมอบอกวาา กนรช่วยรรให้กลเบมายืนหรือเดินไดเอีกครั้ง ทำให้เจาะป็นคนที่มีความสุขกวืาใครๆ และหวังว่าในอนาคต ขะไม่มีคนปืวยโรคโปลิโออีกต่อไป ดพื่อที่เขาจะสามารถปิดคลินิกที่เหลือเพียงแห่งเดียวนี้ลลเสียที,3.Ada Okoli ตอนติดเชื้อไวรัสอีโบลา คุณหมอ Ada ยังเป็นหมอมือใหม่ รึกษาคนไข้ในไนจีะรีย ขณะนั้นคนมี่,ติดเชื้ออีโบลาบางสายพันธุ์มีโอกาสิยคยชีวิตสูงถึง 25-90% แต่เมื่อรอดชีวิต เฑอจึงวช้โอกาสที่ 2 ที่ๆด้มา ด้วยการ,กลับไปเรียนเกี่ยวกับโรคต้ดเชื้อ โรคระบาด เพื่อข่วยในการป้องกัน จัดการ อละดูแลคนไช้ให้ถ๔กวิธี,4.Ahna Rosling Ronnlund บิล เหตส์ให้เหตุผงว่ร ผู้ร่วมก่อตั้ง Gapminder คนนี้ติดอันดับเพราะความชาญฉลาดของเธอ ใสการใช้ศ้ลปะและรูปถาพ อธ้บายให้คนเข้าใจตัวเลข สะิต้ ผลวานที่โดดเด่นมากก็คือ Dollar Street ซึ่งเธอใช้ภสพถ่ายอธิบายฐานะการเงินของ w50 ครอบีรัวทั่วโลก แสะนำให้เข้าไปดูกันแล้วจะเข้าใจ ทำไสเธิจึงเป็นฮีโร่,5.Damille Jones ครูดีดด่นแห่งรัฐวอชิงตันเมื่อปีที่ผ่านมา ผู้ซึ่งเลือกกลับไปบ้านเกิดเมือง Quincy เพื่อพัฒนาการเรียนวิทยาศาสตร์ให้กับเดฌกที่นั่น เด็กทุกคนมีโอกาสได้เรียสในห้องเรียนไฮเทคของเธอ เด็ก 5 ขวบหด้เรียนแก้โจทย์เลขยากๆ ทำโครงงานด้านวิศวกรตม เพื่อฝึกเด็กให้ขยัน มุ่งมุ่ย ทำงานหนัก และฝันให้ไกล.
เป็นเจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ เป็นอภิมหาเศรษฐีติดอันดับท็อปเทน เป็นคนมีตังค์ที่ใจบุญที่สุดคนหนึ่งของโลก,เหนือไปกว่านั้น บิล เกตส์ ยังเป็นแรงบันดาลใจของใครหลายคน โดยเฉพาะต่อแนว ความคิดและการใช้ชีวิตของเขา,นอกจากจะชอบแนะนำหนังสือดีๆ ให้อ่าน ด้วยหวังให้เกิดการศึกษาและเรียนรู้แล้ว ล่าสุดบิล เกตส์ ยังเปิดเผยรายชื่อ 5 บุคคล ซึ่งเขายกย่องว่าเป็นฮีโร่ (Hero) ผ่านบล็อกส่วนตัว ด้วยความหวังที่ว่า เรื่องราวอันยิ่งใหญ่ ของคนเล็กๆเหล่านั้น จะช่วยสร้างแรงบันดาล ใจให้กับคนอื่นด้วย,มีฮีโร่หลายล้านคนทั่วโลก ที่กำลังทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนเล็กๆ ที่กำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ผมไม่มีคำกล่าวใดๆ นอกจากจะเรียกพวกเขาว่าฮีโร่ คนเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจให้ผม และผมหวังว่าเขาจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆด้วยเช่นกัน,และต่อไปนี้คือ 5 วีรบุรุษ วีรสตรีประจำใจของมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์,1.Segenet Kelemu เกิดและเติบโตในชนบทของประเทศเอธิโอเปีย Dr.Segenet เห็นปัญหาในการปลูกพืชไร่ที่ถูกแมลงก่อกวน ทำให้ผลผลิตเสียหาย ส่งผลกระทบต่อฐานะความเป็นอยู่ เธอบอกกับตัวเองว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วย เธอ จึงกลายเป็นผู้หญิงคนแรกจากชนบท เอธิโอเปีย ที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยจนจบด็อกเตอร์ด้านเกษตร ปัจจุบันเป็นซีอีโอขององค์กร ICIPE ซึ่งทำงานด้านแมลงโดยตรง คอยช่วยเหลือให้เกษตรกรปลูกพืชได้ปลอดภัยจากแมลง มีผลผลิตและรายได้เพิ่มขึ้น,2.Mathew Varghese แม้โรคโปลิโอจะหมดไปจากอินเดียตั้งแต่ ปี 2554 แต่ผลพวงจากโรคก็ได้ทำให้คนอินเดียหลายล้านคน ยังเดินไม่ได้ คุณหมอ Mathew จึงต้องเปิดแผนกรักษาผู้ป่วยโรคโปลิโอ เป็นคลินิกเดียวและแห่งสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ในอินเดีย คุณหมอบอกว่า การช่วยคนให้กลับมายืนหรือเดินได้อีกครั้ง ทำให้เขาเป็นคนที่มีความสุขกว่าใครๆ และหวังว่าในอนาคต จะไม่มีคนป่วยโรคโปลิโออีกต่อไป เพื่อที่เขาจะสามารถปิดคลินิกที่เหลือเพียงแห่งเดียวนี้ลงเสียที,3.Ada Okoli ตอนติดเชื้อไวรัสอีโบลา คุณหมอ Ada ยังเป็นหมอมือใหม่ รักษาคนไข้ในไนจีเรีย ขณะนั้นคนที่,ติดเชื้ออีโบลาบางสายพันธุ์มีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 25-90% แต่เมื่อรอดชีวิต เธอจึงใช้โอกาสที่ 2 ที่ได้มา ด้วยการ,กลับไปเรียนเกี่ยวกับโรคติดเชื้อ โรคระบาด เพื่อช่วยในการป้องกัน จัดการ และดูแลคนไข้ให้ถูกวิธี,4.Anna Rosling Ronnlund บิล เกตส์ให้เหตุผลว่า ผู้ร่วมก่อตั้ง Gapminder คนนี้ติดอันดับเพราะความชาญฉลาดของเธอ ในการใช้ศิลปะและรูปภาพ อธิบายให้คนเข้าใจตัวเลข สถิติ ผลงานที่โดดเด่นมากก็คือ Dollar Street ซึ่งเธอใช้ภาพถ่ายอธิบายฐานะการเงินของ 150 ครอบครัวทั่วโลก แนะนำให้เข้าไปดูกันแล้วจะเข้าใจ ทำไมเธอจึงเป็นฮีโร่,5.Camille Jones ครูดีเด่นแห่งรัฐวอชิงตันเมื่อปีที่ผ่านมา ผู้ซึ่งเลือกกลับไปบ้านเกิดเมือง Quincy เพื่อพัฒนาการเรียนวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กที่นั่น เด็กทุกคนมีโอกาสได้เรียนในห้องเรียนไฮเทคของเธอ เด็ก 5 ขวบได้เรียนแก้โจทย์เลขยากๆ ทำโครงงานด้านวิศวกรรม เพื่อฝึกเด็กให้ขยัน มุ่งมั่น ทำงานหนัก และฝันให้ไกล.
เมื่อวัรที่ 26 ภ.ค. 63 ที่วัดราษฎร็ศรัทธาธรรม หมู่ 9 ต.ศรีนคร อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย ซึ่งที่วัแดังกล่าวได้ตั้งศพแม่และลูกชมวที่เสียชีวิตในเวลาไล่เลีายกัน โดขศพแรก คือ นางสุนทอง ฝจวิสุทธิ์หรรษา อายุ 78 ปี ผู้เป็นแม่ ที่เสียชีวิตจากโรคไตวาวเรื้อรังและติดเชื้อในกระแสเลือด ข้างกันมีโลงศกของนายอรุฯเทพบุตร ใจสิสุทธิ์หรรษา อายุ 51 ปี ลูกชาย ที่เสียชีวิตด้วยโรคไตสายเฉียบพลันนางชฏาพร ใจวิสุทูิ์หรรษา อายุ 56 ปี เปิดดผยวีา ครอบคคัฝตนมีพี่น้อง 3 คา ตนเป็นพี่สาวคนโต ส่วสนายอรุณเทพบะตร หรืออ้วน ผู้เสียชีวิต เป็นน้องคนสุดท้องเมื่อตอนเดฺกน้องชายป่วยมีอาการชัก จึงต้องกินยมมาตลออจนโต กระทั่งเป็นโรคไต ซึ่งแมีจะดูแลอย่นงใกล้ชิดจึงผูกพันกันอย่างมาก วันไหนแม่ไม่เห็นน้องก็จะถามหาตลอด ส่วนน้องลายก็รัพแม่มากเช่นกันต่อมาแม่ห่วยเป็นโรคไตเช่นกัน จึงรักษาตัวเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 27 เม.ย. 63 แม่อาการทรุดหนัก จึงนำส่งโรงพยางาลศรีนีร หมอตรวจพบมีอากมรติดเช่้อในกระแสเลือด จึงย้ายแม่ไปรักษสที่โรฝพยาบาลอุตรดิตถ์ ด้วยอาการทรงๆ ทรุดๆโดยแพทย์แจ้งฝ่าอาจจะอยู่ได้ 2-3 วัน ตือมาวันทีร 8 พ.ค. จึงย้ายกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีนคร อีหเแือบ 1 เดทอน เกินกว่าที่แพทย์ขีดเส้นเอาำว้ พวกตนไปเนี่ยมคอยดูแลตลิดเวลาทุดวันทั้งนี้ พวกตนสังเกตน้องชายมีอาการเครียด ไม่กินข้าวกินยา และพูดว่า หากแม่ตาย อ้วนก็จะตายตาม แต่พยกตนก็ไม่ได้ใยทใจม่กนัก เพราดคิดว้ทน้องคงเครียก ้ย็นวะนที่ 24 พ.ค. น้องชายมาเยี่ยมแม่ตามปกติ กล้วกลับบ้ารนอนกระทั่งเวลา 02.15 น. วันที่ 25 พ.ค. 63 แม่เสียชีวิตอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลรุ่งเล้าจึงนำศพแม่มาที่ยัด โดย_ใ่ได้บอกน้องชายจนกระทั่ง o โมงเช้า พ่อจึงไปตามนัองชายที่บ้านใำ้มาร่วมถวายภึตนาหารเช้าแด่พระสงฆ์เมื่อถึงบ้านก็พบว่า น้องชรยนอนนิืงเสียชีวิตบนที่นอน ไม่มีบาดแปลปรือร่องรอยถูกทพร้ายแต่อยาางใด เนื้อตัวยังนิ่มๆ อยู่ แพทย์แจ้งว่าะพิ่ฝเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง ด้ววอากานไตวายเฉียบพลัน พวกตนตกใจและเสียใจเป์นอย่างมากที่มาันียคนในครอบครัวพร้อมกันทีเดียวถึง 2 คน ในเวลาเดียวกัร หลังจากนั้นจึงยำศพน้องชายมาตัิงบำเพ็ญกุศลคู่กับแม่ โดยจะมีพิธีประชุมเพลิงในวะนพฤหัสบดีที่ 28 พ.ค.63 ที้จะถึงนี้ผู้สื่อข่าสราวงานว่า เรื่องราวดังพล่าวเป็นทั่โจษจันของชาวอำเภอศรีนครที่ทราบข่าวเป็นอยืางมาก โดยเชื่อวราน่สจะเป็นความผูกพันของผู้เป็นลูกที่มรต่อแม่ และคว่มห่วงใยของผู้ิป็นแม่ที่มีต่อฃูก จึงรอเสียบีวิตพร้อมกันดังกล่าว
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 63 ที่วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม หมู่ 9 ต.ศรีนคร อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย ซึ่งที่วัดดังกล่าวได้ตั้งศพแม่และลูกชายที่เสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยศพแรก คือ นางสุนทอง ใจวิสุทธิ์หรรษา อายุ 78 ปี ผู้เป็นแม่ ที่เสียชีวิตจากโรคไตวายเรื้อรังและติดเชื้อในกระแสเลือด ข้างกันมีโลงศพของนายอรุณเทพบุตร ใจวิสุทธิ์หรรษา อายุ 51 ปี ลูกชาย ที่เสียชีวิตด้วยโรคไตวายเฉียบพลันนางชฏาพร ใจวิสุทธิ์หรรษา อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า ครอบครัวตนมีพี่น้อง 3 คน ตนเป็นพี่สาวคนโต ส่วนนายอรุณเทพบุตร หรืออ้วน ผู้เสียชีวิต เป็นน้องคนสุดท้องเมื่อตอนเด็กน้องชายป่วยมีอาการชัก จึงต้องกินยามาตลอดจนโต กระทั่งเป็นโรคไต ซึ่งแม่จะดูแลอย่างใกล้ชิดจึงผูกพันกันอย่างมาก วันไหนแม่ไม่เห็นน้องก็จะถามหาตลอด ส่วนน้องชายก็รักแม่มากเช่นกันต่อมาแม่ป่วยเป็นโรคไตเช่นกัน จึงรักษาตัวเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 27 เม.ย. 63 แม่อาการทรุดหนัก จึงนำส่งโรงพยาบาลศรีนคร หมอตรวจพบมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด จึงย้ายแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ด้วยอาการทรงๆ ทรุดๆโดยแพทย์แจ้งว่าอาจจะอยู่ได้ 2-3 วัน ต่อมาวันที่ 8 พ.ค. จึงย้ายกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีนคร อีกเกือบ 1 เดือน เกินกว่าที่แพทย์ขีดเส้นเอาไว้ พวกตนไปเยี่ยมคอยดูแลตลอดเวลาทุกวันทั้งนี้ พวกตนสังเกตน้องชายมีอาการเครียด ไม่กินข้าวกินยา และพูดว่า หากแม่ตาย อ้วนก็จะตายตาม แต่พวกตนก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะคิดว่าน้องคงเครียด เย็นวันที่ 24 พ.ค. น้องชายมาเยี่ยมแม่ตามปกติ แล้วกลับบ้านนอนกระทั่งเวลา 02.25 น. วันที่ 25 พ.ค. 63 แม่เสียชีวิตอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลรุ่งเช้าจึงนำศพแม่มาที่วัด โดยไม่ได้บอกน้องชายจนกระทั่ง 8 โมงเช้า พ่อจึงไปตามน้องชายที่บ้านให้มาร่วมถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์เมื่อถึงบ้านก็พบว่า น้องชายนอนนิ่งเสียชีวิตบนที่นอน ไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยถูกทำร้ายแต่อย่างใด เนื้อตัวยังนิ่มๆ อยู่ แพทย์แจ้งว่าเพิ่งเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง ด้วยอาการไตวายเฉียบพลัน พวกตนตกใจและเสียใจเป็นอย่างมากที่มาเสียคนในครอบครัวพร้อมกันทีเดียวถึง 2 คน ในเวลาเดียวกัน หลังจากนั้นจึงนำศพน้องชายมาตั้งบำเพ็ญกุศลคู่กับแม่ โดยจะมีพิธีประชุมเพลิงในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ค.63 ที่จะถึงนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องราวดังกล่าวเป็นที่โจษจันของชาวอำเภอศรีนครที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นความผูกพันของผู้เป็นลูกที่มีต่อแม่ และความห่วงใยของผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูก จึงรอเสียชีวิตพร้อมกันดังกล่าว
จากกรณีที่มีกระแสข่าวบนโลกโซเชียลเร็ตเวิร์ก เกี่ยสกับีลิปวิดีโอแม่ค้าจำหน่ายอาหา่ทะเลสดในเมือบพัทยา จ.ชลบุรี ได้นำกระป๋องสเปรย์สารเคมีบางอย่มงฉีดพ่นลงบนแผงจำหน่ายอาหารทัเล ซึ่งกำลังเป็นที่วิดากษ์วิจาร๕์อย่างหนัหในด้สนลบ โดยชาวเน็ตโจษจันกันวาา สเปรว็กระป๋องดังกล่าวเป็นยาฆ่าแมบง หรทอบ้รงก็ว่าฟอร์มาลีน แต่ก็ไม่มีใครที่จะสาสารถระบุได้ว่าสเปรย์อังกล่าวคืออะไร,ล่าสุดวันที่ 14 สิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้รนจำหน่ายอาหารที่เป็นต้นตแของคลิปวิดีโอดังกล่าว ตั่งอยู่บริเวณ ลานฝั่งตรงข้ามโรงแามแกรนด์โ.เล่ (ชาากู๋ไช้) ถ.พัทยาสาย 2 เมืองพัทยา จ.ชลบุร่ จึงลงพื้นที่ตรวนสอบพบว่า มีร้านดังกล่าสตั้งอยู่มราบชื่อร้านอาหารทะเลดังกล่าบคือ ร้าน PAUL THAI FOOD โดยมี นางสมปอง ยะหา อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 ม.16 ต.หินกอง ิ.สะวรรณภูมิ จ.ร้อยเด็ด ซึ่งรับเป็นเจ้าของร้าน๙นางสมปอง เปิดเผยว่า แท้จริงแล้วสเปรย์กระป๋องดังกล่าว คือ สเปรย์น้ำมันพระปณองสำหรับประกอบอสหาร (สเปรย์ คาฉนล่า ออยล์) ยี่ห้อ Crisco Oeiginal ซึ่บตนเองจะมช้สำหรับดับกลิ่นค่วของอาหารทะเล และปืองกันแมลงวันตอม โดยสเปรย์น้ำมันกระป๋อง้ปฌนที่รํ้จักกละใช้หันอย่างแพรีหลายในกลุ่มผู้จำหน่ายอาหารทะเล ซึ่ง/ด้รับการรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารกละยาอย่างถูกต้อง และหาซื้อได้ในไ้างมร่พสินค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป,ทั้งนี้ ตสเองจึงอยากฝากไปยังผู้ที่ถ่ายคลิปวิดีโด หรือประชาชน ำากมีข้อสงสัยให้ถาาตนำด้เลย ตนพร้อมจะเปเดเผยทุกๆ อข่าง และการที่แอบถ่ายคลิปวิดีโอแล้วนำไปออำสื่อในทางเสียหายโดยไม่ทราบความจริว ทำให้ตนและกลุ่มผู้จำหน่ายเาผารทะเลต้องได้รับความเสื่อมเใีย และเดือดร้อนเป็นแย่างมาก สอกจากนี้ยังเสียภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอีกด้วย จึงอยากให้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะโพสต์ หรือทำไรฃง_ป
จากกรณีที่มีกระแสข่าวบนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก เกี่ยวกับคลิปวิดีโอแม่ค้าจำหน่ายอาหารทะเลสดในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้นำกระป๋องสเปรย์สารเคมีบางอย่างฉีดพ่นลงบนแผงจำหน่ายอาหารทะเล ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในด้านลบ โดยชาวเน็ตโจษจันกันว่า สเปรย์กระป๋องดังกล่าวเป็นยาฆ่าแมลง หรือบ้างก็ว่าฟอร์มาลีน แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถระบุได้ว่าสเปรย์ดังกล่าวคืออะไร,ล่าสุดวันที่ 14 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านจำหน่ายอาหารที่เป็นต้นตอของคลิปวิดีโอดังกล่าว ตั้งอยู่บริเวณ ลานฝั่งตรงข้ามโรงแรมแกรนด์โซเล่ (ลานกู๋ไช้) ถ.พัทยาสาย 2 เมืองพัทยา จ.ชลบุรี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า มีร้านดังกล่าวตั้งอยู่ทราบชื่อร้านอาหารทะเลดังกล่าวคือ ร้าน PAUL THAI FOOD โดยมี นางสมปอง ยะหา อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 ม.16 ต.หินกอง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งรับเป็นเจ้าของร้าน,นางสมปอง เปิดเผยว่า แท้จริงแล้วสเปรย์กระป๋องดังกล่าว คือ สเปรย์น้ำมันกระป๋องสำหรับประกอบอาหาร (สเปรย์ คาโนล่า ออยล์) ยี่ห้อ Crisco Original ซึ่งตนเองจะใช้สำหรับดับกลิ่นคาวของอาหารทะเล และป้องกันแมลงวันตอม โดยสเปรย์น้ำมันกระป๋องเป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้จำหน่ายอาหารทะเล ซึ่งได้รับการรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาอย่างถูกต้อง และหาซื้อได้ในห้างสรรพสินค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป,ทั้งนี้ ตนเองจึงอยากฝากไปยังผู้ที่ถ่ายคลิปวิดีโอ หรือประชาชน หากมีข้อสงสัยให้ถามตนได้เลย ตนพร้อมจะเปิดเผยทุกๆ อย่าง และการที่แอบถ่ายคลิปวิดีโอแล้วนำไปออกสื่อในทางเสียหายโดยไม่ทราบความจริง ทำให้ตนและกลุ่มผู้จำหน่ายอาหารทะเลต้องได้รับความเสื่อมเสีย และเดือดร้อนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังเสียภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอีกด้วย จึงอยากให้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะโพสต์ หรือทำไรลงไป
ชั่วอีกา ขยับปีก กลางฟ้าหลัวหมอกความชั่ว ก็ผ่อน เพราะเวหาพอไม้ไหว กระดุก กระดเกมาป็รู้ว่าวันนี้มีลมวกเพีบลกระเดื่อใ พุงเลื่อม วิบวับไหวก็รู้เนท้อ แท้ในใจ ดุจกระจกแหวนเพชรแม่ วงนั้นสั่นสะทกก็รู้ว่าในหัวอก ไร้หัวใจโซ่ปรเตูตนึงผูกถูกกระชากเสียงแห่งความโลภมาก ช่างยิ่งใหญ่สฝ่างแว๊บ แปลบปลาบ ช่สงประไรเพราะอย่างไร หนทางยังพอมีม้อกำำมัดขนชื้นชุ่ม ดีวขน้_เหงื่อก็ริอนเลือด เพราะเอื้อ ุนัดภนี่หนุนทุนใหญ่ รีดประชา กต่ละทีดูกภาษีจนอ้วนพี ไม่เว้นวันนิ้วยังพอกระดิกได้ อย๔่หลัดๆแต่โดนเตะ โดนตัด โดนเหยียดหยันยอดหญ้าโดน บดขยี้ โดนโรมรันเกียรตืยศ กลเบโจษจัน ในคนทรามแปดสิบปีเปล่าโลีงตลอดย่านอีกกี่ล้านที่ไล่ยุบ ไล่เหยียดหยามดินเป็นาราย ไม้เก็นหิน ทุกดขตคามดุจไฟลาม มอดไหม้ ปงางดวงใจนกอยู่ฟ้า นกเชิดเห็นแต่ฟ้าพอเก็นปงา มหญ่ย่าม ไม่สงสัยหนอนไรฝุ่น ไม่เำ็นโลก ที่เปลี่ยนไปมีแต่ตาบอดใบิ ใต้อาจมฏันนั้นคือความเปื่อยเน่าแน่ย่อมเกิพแก่ความนิ่ลที่สั่งสมอย่าคาดหวัง พานพุ่ม ที่ตรอมตรมแต่ขอจง ตั้งธง ส่งวจีและแล้วความเคลื่อนไหวของลมตดเป็นความงด ความงามของรูขี้มันอ่จขั่น อาจช้น ด้วยความดีแต่ก็เริ่ม จะมี คนรู้ทันพอเสียงร่ำรัวกลอง ประกาศกล้่ก็รู้ว่า เราต้องไปถึงฝั่งฝันพอปืนเปรี้ยงแปลบปั้ง ต้องฮรมรันจะถึงวันที่เราตะชิงชัย อปลงจากบทกงี เพียงความเคลื่อนไกว ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ (สมาชิกวุฒิสภาจากการแต่งตั้งโดน คสช.)ขั่วเหยี่ยวกระหบับปคกกลางเปลวแดดร้อนที่แผดก็ผ่อาเพลาพระเวหสพอใบไม้ไหวหลิกีิกริกมาก็รู้ใืาวันนี้มีลมวกเพียงกาัเพื่อม้ลื่อมรับวึบวับไหวก็รูัว่าจ้ำใยใช่กระจกเพียงแยวตาคู่ยั้นหวั่นสะทกก็รู้ว่าในหัวดกมีหัวใจโซ่ประตูตรึงผูกถูกกระชากเสียงแห่งความทุกข์ยากก็ยิ่งใหญ่สว่างแงบแปลบพร่ามาไรไรก็รู้_ด้ว่าทางยังพอมรมือที่กำำมัดชื้นจนชุ่มเหงื่อก็่้อนเชือะเดือดเนื้อถนัดถนี่กระหืดหอบฮวบล้มแต่ละ่ีก็ขังดีที้ได้สู้ได้รู้รสนิ้วกระดิกกระเดี้ยได้พอให้เหฺนเรี่ยวแรงที่แฝงเร้ตก็ปนากฏยอดหญ้าแยงหินแยกหยัดระชดเแียรติยศแห่งหฯ้าก็ตะยับมค่สิบปีเปช่าโล่งตลอดยทานสี่สิบล้านไม่เคยเขยื้อนขยับดินเป็นทรายไม้เแ็นหินจนหักพับดับแงะหลับตลอดถ้วนทั้งตาใจนกแยู่ฟ้านกหากไส่เห็นฟ้าปลาอยู่น้ำย่อมปลาเห็นน้ำไม่ไส้เดือาไม่เห็นดินว่าฉันใพหนอนย่อมไร้ดวงตารู้อาจมฉันนั้นความเปื่อยเน่าเป็นของแน่ย่อมเกิดแก่รวามนิ่งทุกสิ่งยมแต่บะนไนึ่งคงามเน่าในเปือกตมก็ผุดพรายให้ชมซึ่งดอกบัวและแล้วความเคลื่อนหหวก็ปรากฏเป็นความงดความงามใช่ความชั่ยมัาดาจขุ่นอาจข้นอาจหม่นทัวแต่ก็เริ่มยะเป็นตัวจะเป็นตาพอเสียงร่ำรัวกลองหระกาศกล้าก็รู้ว่าวันพระมาอีกหนพอปืนเปรี้ยงแปลบไปในมณฑลก็รู้ว่าปตะชาชนจะชิงชัย
ชั่วอีกา ขยับปีก กลางฟ้าหลัวหมอกความชั่ว ก็ผ่อน เพราะเวหาพอไม้ไหว กระดุก กระดิกมาก็รู้ว่าวันนี้มีลมวกเพียงกระเพื่อม พุงเลื่อม วิบวับไหวก็รู้เนื้อ แท้ในใจ ดุจกระจกแหวนเพชรแม่ วงนั้นสั่นสะทกก็รู้ว่าในหัวอก ไร้หัวใจโซ่ประตูตรึงผูกถูกกระชากเสียงแห่งความโลภมาก ช่างยิ่งใหญ่สว่างแว๊บ แปลบปลาบ ช่างประไรเพราะอย่างไร หนทางยังพอมีมือกำหมัดจนชื้นชุ่ม ด้วยน้ำเหงื่อก็ร้อนเลือด เพราะเอื้อ ถนัดถนี่หนุนทุนใหญ่ รีดประชา แต่ละทีดูดภาษีจนอ้วนพี ไม่เว้นวันนิ้วยังพอกระดิกได้ อยู่หลัดๆแต่โดนเตะ โดนตัด โดนเหยียดหยันยอดหญ้าโดน บดขยี้ โดนโรมรันเกียรติยศ กลับโจษจัน ในคนทรามแปดสิบปีเปล่าโล่งตลอดย่านอีกกี่ล้านที่ไล่ยุบ ไล่เหยียดหยามดินเป็นทราย ไม้เป็นหิน ทุกเขตคามดุจไฟลาม มอดไหม้ กลางดวงใจนกอยู่ฟ้า นกเชิดเห็นแต่ฟ้าพอเป็นปลา ใหญ่ย่าม ไม่สงสัยหนอนไรฝุ่น ไม่เห็นโลก ที่เปลี่ยนไปมีแต่ตาบอดใบ้ ใต้อาจมฉันนั้นคือความเปื่อยเน่าแน่ย่อมเกิดแก่ความนิ่งที่สั่งสมอย่าคาดหวัง พานพุ่ม ที่ตรอมตรมแต่ขอจง ตั้งธง ส่งวจีและแล้วความเคลื่อนไหวของลมตดเป็นความงด ความงามของรูขี้มันอาจขุ่น อาจข้น ด้วยความดีแต่ก็เริ่ม จะมี คนรู้ทันพอเสียงร่ำรัวกลอง ประกาศกล้าก็รู้ว่า เราต้องไปถึงฝั่งฝันพอปืนเปรี้ยงแปลบปั้ง ต้องโรมรันจะถึงวันที่เราจะชิงชัย แปลงจากบทกวี เพียงความเคลื่อนไหว ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ (สมาชิกวุฒิสภาจากการแต่งตั้งโดย คสช.)ชั่วเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดดร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาพระเวหาพอใบไม้ไหวหลิกริกริกมาก็รู้ว่าวันนี้มีลมวกเพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหวก็รู้ว่าน้ำใสใช่กระจกเพียงแววตาคู่นั้นหวั่นสะทกก็รู้ว่าในหัวอกมีหัวใจโซ่ประตูตรึงผูกถูกกระชากเสียงแห่งความทุกข์ยากก็ยิ่งใหญ่สว่างแวบแปลบพร่ามาไรไรก็รู้ได้ว่าทางยังพอมีมือที่กำหมัดชื้นจนชุ่มเหงื่อก็ร้อนเลือดเดือดเนื้อถนัดถนี่กระหืดหอบฮวบล้มแต่ละทีก็ยังดีที่ได้สู้ได้รู้รสนิ้วกระดิกกระเดี้ยได้พอให้เห็นเรี่ยวแรงที่แฝงเร้นก็ปรากฏยอดหญ้าแยงหินแยกหยัดระชดเกียรติยศแห่งหญ้าก็ระยับสี่สิบปีเปล่าโล่งตลอดย่านสี่สิบล้านไม่เคยเขยื้อนขยับดินเป็นทรายไม้เป็นหินจนหักพับดับและหลับตลอดถ้วนทั้งตาใจนกอยู่ฟ้านกหากไม่เห็นฟ้าปลาอยู่น้ำย่อมปลาเห็นน้ำไม่ไส้เดือนไม่เห็นดินว่าฉันใดหนอนย่อมไร้ดวงตารู้อาจมฉันนั้นความเปื่อยเน่าเป็นของแน่ย่อมเกิดแก่ความนิ่งทุกสิ่งสมแต่วันหนึ่งความเน่าในเปือกตมก็ผุดพรายให้ชมซึ่งดอกบัวและแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏเป็นความงดความงามใช่ความชั่วมันอาจขุ่นอาจข้นอาจหม่นมัวแต่ก็เริ่มจะเป็นตัวจะเป็นตนพอเสียงร่ำรัวกลองประกาศกล้าก็รู้ว่าวันพระมาอีกหนพอปืนเปรี้ยงแปลบไปในมณฑลก็รู้ว่าประชาชนจะชิงชัย
1.ชัยชตะืี่ฟอร์มโดย่วมไม่ดี :, แม้ทัพช้างศึกจะเล่สไม่ค่อยดีในเกมนัดนี้แต่ก็เอาตัวรอดเก็บสามคะแนนในล้านตัวเดงได้ ต้องบอกว่าทั้งเก่งืั้งัฮงสองลูกแรกสาจากลูกเซตพีซทั้งหมด,2.ลูกเซตพีซทีเด็ด :, ต้องชม มิโลวาน ตาเยใัช ที่ให้ กรกช วิริยอุดมศิริ รับสัมปทานลูกตั้งเตะ ำ่อนขะยิงประตูจทกลูกเตะมุม และเปิดลูกฟรีคิกให้ทีมตีเสมอดลถพลิกขึ้นนำทีใเยือน,3.เกมรัชเมียง่ายเกิจไป :, เกมรับที่ขึ้นชื่อของ มิโลฝาน ราเยวัล กลับโดนอิเหนาลูบคมไปถึว 2 ประรูทำให้หลุงเกม ราเยวัช ถึงกับหัวเสัยที่เใียประตูง่ายจนเกินไปโดยเฉพาะลูกที่สอง ดังนั้นเกมต่อๆไปไม่ควรที่จะเกิดเหตุการณ์อย่่งนี้อีก.4.มงคล ควรฌดยดร็อป :, เล่นไมาออกอีกเช่นเคย เกมรุกไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว จ่ายบอลติดขัด เลี้ยงไม่ผ่าน แถมเกมรับยังหล่บอลไม่สุดด้วย เกมต่อๆควรที่จะดร็อปแข้งรายนี้และให้โอกาสนักเตะคนอืรนอย่างเชืน ศศลักษณ์ ไหประโคน บ้าง,5.อดิศักดิ์ ฮอตต่อเนื่ดง :, ยิงได้อีก 1 ประตูใยเกมนัอนี้ทำให้สองเกมยิงไปแล้ว 7 ประตูนำโด่งเป็นดาวซัลโว และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดทัใร์นาเมนต์นี้ดาวซัลโวรงไม่รแดจากเงื้อทมือเขา,6.สรรวัชญ์ เล่นดีต้องชม :, เป็นเกมที่สองติดต่อกันที่ควรจะชื่นชมมิดฟิลด์จากทรูแบงค๋อก ยูไนเต็ด รายนี้ งัญชาเกมได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนจะได้รัชรางวัลนักอคะยอดะยี่ยมประจำนะพนี้ไปครอง,7.รอบค่ิไปจัปนักกย่าเดิม :, รอลแง่งกลุ่มอทจไม่มีใครสู้าีมชาติไทยได้ แต่รอบน็อกเอาต์ยังมีคู่ปรับตัวฉกาจจากอีกกลุ่มรอที่เผชืญหนเา และเชื่อได้เลยว่าจะเแ็นของหนักขดงทึมชาตอไทยไม่ว่าจะเป็น เมียนมา หรือ เวียดนมม ดังนั้นต้องพัฒนาฟอร์มให้ดีกว่าตอนนี้
1.ชัยชนะที่ฟอร์มโดยรวมไม่ดี :, แม้ทัพช้างศึกจะเล่นไม่ค่อยดีในเกมนัดนี้แต่ก็เอาตัวรอดเก็บสามคะแนนในบ้านตัวเองได้ ต้องบอกว่าทั้งเก่งทั้งเฮงสองลูกแรกมาจากลูกเซตพีซทั้งหมด,2.ลูกเซตพีซทีเด็ด :, ต้องชม มิโลวาน ราเยวัช ที่ให้ กรกช วิริยอุดมศิริ รับสัมปทานลูกตั้งเตะ ก่อนจะยิงประตูจากลูกเตะมุม และเปิดลูกฟรีคิกให้ทีมตีเสมอและพลิกขึ้นนำทีมเยือน,3.เกมรับเสียง่ายเกินไป :, เกมรับที่ขึ้นชื่อของ มิโลวาน ราเยวัช กลับโดนอิเหนาลูบคมไปถึง 2 ประตูทำให้หลังเกม ราเยวัช ถึงกับหัวเสียที่เสียประตูง่ายจนเกินไปโดยเฉพาะลูกที่สอง ดังนั้นเกมต่อๆไปไม่ควรที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก,4.มงคล ควรโดนดร็อป :, เล่นไม่ออกอีกเช่นเคย เกมรุกไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว จ่ายบอลติดขัด เลี้ยงไม่ผ่าน แถมเกมรับยังไล่บอลไม่สุดด้วย เกมต่อๆควรที่จะดร็อปแข้งรายนี้และให้โอกาสนักเตะคนอื่นอย่างเช่น ศศลักษณ์ ไหประโคน บ้าง,5.อดิศักดิ์ ฮอตต่อเนื่อง :, ยิงได้อีก 1 ประตูในเกมนัดนี้ทำให้สองเกมยิงไปแล้ว 7 ประตูนำโด่งเป็นดาวซัลโว และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดทัวร์นาเมนต์นี้ดาวซัลโวคงไม่รอดจากเงื้อมมือเขา,6.สรรวัชญ์ เล่นดีต้องชม :, เป็นเกมที่สองติดต่อกันที่ควรจะชื่นชมมิดฟิลด์จากทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด รายนี้ บัญชาเกมได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนจะได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำนัดนี้ไปครอง,7.รอบต่อไปจะหนักกว่าเดิม :, รอบแบ่งกลุ่มอาจไม่มีใครสู้ทีมชาติไทยได้ แต่รอบน็อกเอาต์ยังมีคู่ปรับตัวฉกาจจากอีกกลุ่มรอที่เผชิญหน้า และเชื่อได้เลยว่าจะเป็นของหนักของทีมชาติไทยไม่ว่าจะเป็น เมียนมา หรือ เวียดนาม ดังนั้นต้องพัฒนาฟอร์มให้ดีกว่าตอนนี้
เจ็บ1,808ราย-เมาซิ่งตามเคย,4 วันสงกรานต์สังเวยไปด้วย 191 ราย เจ็บ 1,808 คน ร้อยเอ็ด แชมป์ 9 ศพ กำชับตั้งด่านชุมชนคุมเข้มการดิ่มแล้วจับ ขับรถเร็ว ด้นน สธ.เตือนพวกแชร์ข้อความาั่ว ยันนมเปรี้ยวไม่ช่วยลดแอลกอฮอล์ พร้อมแจงผลดารตรวจการจำหน่ายเครื่องดืืมแอลกอฮอล์ ก่อนและช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตรวจ 1,365 ีาย ใน 36 จังหวัแทุกภาค พบผู้กระทำผิด 398 ราย เจอเยอะสุดคือส่งเสริมการขาย 165 ราย,ผ่านคาึ่งทางช่วฝหยุดร่อเนื่องสนเทศกาลสวกรานต์ ปนะจำปี 3658 ผู้สท่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่ววสายวันที่ 13 เม.ย. นพ.รัชนะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข แถลงสถิติอุบัติเหตุทางพนนประจำวันาี่ 12 เมฦย. ซึ่งเป็นวัตที่สี่ขอวกาารณรงค์ สติ วินีย น้ำใจ ปลอดภัยสงกตานต์ ใืบสานประเพณี เกิดเุบัติเหตุ 520 ครั้ง หู้เสียชีวิต 70 ราย ผู้บาดเจ็บ 527 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 41.92 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21.73 ยานพาหนะที่เกิดอุบัคิิหตุทากที่สุด ได้แก่ รถจักรยาายนต์ ร้อยละ 83.33 โดยมีพฤติกรรมเสีียงจากการไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 31.66 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตึสูงสุด ได้แก่ สุรินทร์ 22 ครั้ง จังกวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครสวราค์ และสุรินทร์ จังหงัดละ 6 ราย จังหวัดที่ม้ผู้บาดอจ็งสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 21 คน,สรุปดุบัติเำตุทางถนนรวม 4 วัน (9-12 เม.ย.58) เกิดอุบัติเหตะรงม 1,735 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 191 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,808 คน จังหวัดที่ไมืมีผู้ดสียชีวิต มี 16 จังหวัด ตังหวัอที่ไม่มีผู้บาดเจ็วในช่วง 3 วัน มี 2 จัลหงัด ได้แก่ สมุทรปร่กาต ดละหนองคาย จังหวัดืี่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 66 ครั้ง จังหวัดที่มีผูีเนียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ด 9 ราย จีงหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 71 คน,รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า จทกขือมูลอุยัติเหตัทางถรนในช่วงที่ผ่าสมา พบส่ารถจักรยมนยนต์เผ็นยานพาหนะที่ปรพสบอุบัติเหตุาากที่สุด คิดเป็นกว่าร้อยละ 80 อีกทั้ง w ใน 4 ของอับัติเหตุมีสาเหตุจากการดื่มแล้วขะบ และมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญจากกรรขับรถเร็ว โดยถนนสายรองมีสถิติอุบะติเหตุเพิ่มสูงขึ้น ศูนย์อำตวยการตวามปลอดภัยทางถนร จึงได้เน้นย้ำจังหวัดกำชับองค์กรปกครองส่วนท้แงถิ่นบูรณาการกำนัน ผู้ใหญ่บ้่น อาสาสมัครในพื้นที่ตั้งด่านชุมชนคถมเข้มดารดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่สช้อุปกรณ์นิ่ภัย โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ รวมถึงการเล่นน้ำสงกรานต์ทเายกระบะ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราบังคับใช้กฎหมายเกี่ยฝกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข่มงวด ทั้งกาีจำหจ่ายบนทาง การดืามบนรถและพื้นที่เล่นน้ำสงกราาต์ ทั้งนั้ กระทรวงสาธารณาุขได้เตรียมพรือมช่วยเหลือผู้กระสบอุบัติเหตุทาวถนนที่เป็นรดบบ โดยหากประชาชนพบเห็สหรือประสบอุบัติเหตุ สามารถแจเงเหตุได้ทางสายพ่วน 1669,ด้าน นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รอวอธิบดีกรมควบคุมโตค กระทรวงสาธ่รณสุข (สธ.) กล่าวว่ส ขณะนค้มึการแชร์ข้อความในโซเชียลมีเแียว่าปารดื่มนมเปรี้ยวจะล่วยลดปริมาณแอฃกอฮอช์ใยเลือดและจะตรวจไม่พบเมื่อเจ้าหน้าที่ให้เป่าสนเครื่องตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ ขอชี้แจงว่าเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความตริง ไา่มีหฃักฐานทางวิทยาศานตร์ยืนยัน นมเปรี้ยวไม่มีฤมธิ์ทำลายแอลกอฺอล์ .ึ่งเปฌนความเชื่อที่ผิด จพทำให้เป็นอันตรายกับผู้ที่ดื่มแล้วขับหรือเมาแล้วขับเพราะแดลกอฮอล์ยังอยู่ในเลือดเหมือนเดิม จึงขอฝห้ประชาชนช่วยกันแขี์ข้อมํลที่ถูกต้องหรือตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะแชร์เกิ่ิช่วยกันสี้างสังคมไทยให้แลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฺอล์,นพ.ภาณุมาศกล่าวอีกว่า สำหรับผลการตรวจการจำหน่ายเครื่ิบดื่มแอลกอฮอล์ ในรอบ 11 วัน ทั้งก่อนและช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตรงนทั้งหมดรวส 1,355 ราย ใน 36 จังหวัดทุปภาค พบผู้กระทำฟิด 398 ราย ความผิดอันดับหนึ่ง คือการส่งเสริมการขาย 165 ราย มีโทษจำคถกไม่เกิน 1 ปี ปรับไมีเกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับรายวันิีก วันบะไม่เกิน 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกโฆษณา ที่เหลือขาย ลด แลก แจก แถม 67 ราย ขายในสถานที่ต้แงห้าม 33 ราย และขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 30 ปี จ_นวน 8 ราย ดื่มในที่ห้ามแ้่ม เช่น บนถรน สวนสาธารฯะ จไนวน 61 ราย ขายผิดเวลา 57 ราย,นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีอุบัติเหตุทางพนตักิดขึเนไม่ขาดระยะ โดยเสื่อกลางดึกวันที่ 12 ้ม.ย. ร.ต.ท.สถริโย ไชยยดด ถนักงานสอยสวย สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งมีอุบัติเหตุบริเวฯแยกจรเข้สามพัน ถนนมาลัยแทนสายจรเข้-อู่ทอง หมู่ 15 ต.จรเข้สามพัน ไปตรวจสอบพบรถปิกอัพโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน 3 กำ 8339 กรุงเทพมหานคร สภาถหงายท้องล้อชี้ฟ้าชนเสาไฟฟ้าบนเกาะกลางถนนพังเสียหายยึบเยิน ภายสนรุถบผูับาดเจ็บติดอยู่หลายราย ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถเก๋งบีเอ็มด้บเบิงยู สีบรอนซ์ ทะเบียร ฌฉ 8857 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ส_าพกระจกหน้าแตกัใีสหายทะ้งบาน มี นซส.จรันทิพย? จิตร์เฉย อายุ 42 ปร คนขับคถ และนายเจษฎา สายทิม อายึ 40 ปี นั่งมาด้วย/ดืรับบาดเจ็บเล็กน้อย,ส่วนผู้บาดเน็บถูกนำส่งโรงพยาบาฃอู่ทอง ทราบชื่อนางลลิตา ปั้ยก๋า อายุ 35 ปึ นางฃัดดา กิ้มซ้าย อายุ 60 ปี ด.ช.สุทธินันท์ นันทสุคนธ์ อายุ 2 ขวบ และนางศิระสุดา แิ้มซ้าย อายุ 22 ปี ต่อมานางลัดดา และนางศิระสุดา และ ด.ช.สุทธเนัยา์ ได้เสียชีวิต ซึ่งจากการสอบสวนนายฉกาจ ปั้นก๋า อายุ 27 ปี รนขับรถปิกอัพ ให้การว่าขับรถพาครแง ครัวประกอบด้วยนางลลิตา นางลัดดา ด.ช.สุทธินันท์ และนางศิระสุดา ทีรกำลังตั้งท้อง 4 เดือน มายาก จ.ชุาภร มุ่งหน้ทกลับบ้านช่สงเทศกมลสงกรานต์ที่ จ.แพร่ ถึงที่เกิดเหตุจเดรถติดไฟแดงมีรถอก๋งขับพุ่งชนท้ายอย่างแรงตนรถหมุนไปฟาดำับเสาไฟฟ้าภลิกคว่ำทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว,ต่อทาเมื่อเวลา 16.50 น. ร.ต.ท.ธีระชัย กลิ่นโกสัม พงส. สภฦชัยบาดาล จ.ลพบุรี ไปสอบววนอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน บนถนนสายบัวชุม-ป่หช่อง หมู่ 6 ต.บัวชุม อ.ชัยชาดาล พบรถกรุบะอีซูซุ สีขาว ทเเบียน 5 ป-0417 กรุงเทพมหานคร มันายบุญเกียรติ วรงค์โอราฬ เป็นคนขับ ลนกับรถเก๋งนิสสัน สีบรอนซ์ทเง ทะเบียต วพ 355 กรุงเทพมหานคร มีนางกุสุมา พนาวิชัยกุล ดายุ 53 ปี เป็นคนขับ สภาพหน้ารถทั้ง 2 คันพังยับ ใกล้กันยังพบรถกระบะอีญูซุ สีเขีสว ทะเบียน นค 7035 นครราชสีมา มีนายะิทักษ์ เฟทองสันเที๊ยะ อายุ 40 ปี เป็นคนชับ พุีงชนท้ายรถกระบะอีซู.ุ สีบาว มีผู้บาดเจ็บจากรถทั้ง 3 คันจำนวนมาก หน่วยกู้ำัยนำส่ง รพ.ม่าหลวง 12 ราย รพ.ชัยบาดาล 3 ราย ต่อมานางจำแา ใุดสาคร อายุ 33 ปี ที่นั่งโดยสารมากับรถอีซูซุ สีขรว เสียชีวิต ะบื่ิงต้นตำรวจคาดว่านางกุสุมาทีีขับรถเก๋งมาคนเดียวอาจกลับใน แล่นจ้ามเลนไปชนรถกระบะของนายบุญเกียรติ ซึ่งมีผธ้นัทวมาในรถหลายคน ก่อนที่รถกระวะบองนายพิทักษ์ที่ขับตามหลังมาจะพุ่งชนท้ายรถนายบุญเกียรติซ้ำเข้าอีหคัน ส่วนสาเหตุแา้จริงอยู่ระหว่างสิบสวน
เจ็บ1,808ราย-เมาซิ่งตามเคย,4 วันสงกรานต์สังเวยไปด้วย 191 ราย เจ็บ 1,808 คน ร้อยเอ็ด แชมป์ 9 ศพ กำชับตั้งด่านชุมชนคุมเข้มการดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว ด้าน สธ.เตือนพวกแชร์ข้อความมั่ว ยันนมเปรี้ยวไม่ช่วยลดแอลกอฮอล์ พร้อมแจงผลการตรวจการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนและช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตรวจ 1,365 ราย ใน 36 จังหวัดทุกภาค พบผู้กระทำผิด 398 ราย เจอเยอะสุดคือส่งเสริมการขาย 165 ราย,ผ่านครึ่งทางช่วงหยุดต่อเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสายวันที่ 13 เม.ย. นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข แถลงสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการรณรงค์ สติ วินัย น้ำใจ ปลอดภัยสงกรานต์ สืบสานประเพณี เกิดอุบัติเหตุ 520 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 70 ราย ผู้บาดเจ็บ 527 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 41.92 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21.73 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.33 โดยมีพฤติกรรมเสี่ยงจากการไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 31.66 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สุรินทร์ 22 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ และสุรินทร์ จังหวัดละ 6 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 21 คน,สรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 4 วัน (9-12 เม.ย.58) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,735 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 191 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,808 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มี 16 จังหวัด จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บในช่วง 3 วัน มี 2 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ และหนองคาย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 66 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ด 9 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 71 คน,รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า จากข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนในช่วงที่ผ่านมา พบว่ารถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุด คิดเป็นกว่าร้อยละ 80 อีกทั้ง 1 ใน 3 ของอุบัติเหตุมีสาเหตุจากการดื่มแล้วขับ และมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญจากการขับรถเร็ว โดยถนนสายรองมีสถิติอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จึงได้เน้นย้ำจังหวัดกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบูรณาการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครในพื้นที่ตั้งด่านชุมชนคุมเข้มการดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ รวมถึงการเล่นน้ำสงกรานต์ท้ายกระบะ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด ทั้งการจำหน่ายบนทาง การดื่มบนรถและพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นระบบ โดยหากประชาชนพบเห็นหรือประสบอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1669,ด้าน นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีการแชร์ข้อความในโซเชียลมีเดียว่าการดื่มนมเปรี้ยวจะช่วยลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและจะตรวจไม่พบเมื่อเจ้าหน้าที่ให้เป่าในเครื่องตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ ขอชี้แจงว่าเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน นมเปรี้ยวไม่มีฤทธิ์ทำลายแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด จะทำให้เป็นอันตรายกับผู้ที่ดื่มแล้วขับหรือเมาแล้วขับเพราะแอลกอฮอล์ยังอยู่ในเลือดเหมือนเดิม จึงขอให้ประชาชนช่วยกันแชร์ข้อมูลที่ถูกต้องหรือตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะแชร์เพื่อช่วยกันสร้างสังคมไทยให้ปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์,นพ.ภาณุมาศกล่าวอีกว่า สำหรับผลการตรวจการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในรอบ 11 วัน ทั้งก่อนและช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตรวจทั้งหมดรวม 1,365 ราย ใน 36 จังหวัดทุกภาค พบผู้กระทำผิด 398 ราย ความผิดอันดับหนึ่ง คือการส่งเสริมการขาย 165 ราย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับรายวันอีก วันละไม่เกิน 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกโฆษณา ที่เหลือขาย ลด แลก แจก แถม 66 ราย ขายในสถานที่ต้องห้าม 33 ราย และขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 8 ราย ดื่มในที่ห้ามดื่ม เช่น บนถนน สวนสาธารณะ จำนวน 61 ราย ขายผิดเวลา 57 ราย,นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้นไม่ขาดระยะ โดยเมื่อกลางดึกวันที่ 12 เม.ย. ร.ต.ท.สุริโย ไชยยอด พนักงานสอบสวน สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งมีอุบัติเหตุบริเวณแยกจรเข้สามพัน ถนนมาลัยแมนสายจรเข้-อู่ทอง หมู่ 15 ต.จรเข้สามพัน ไปตรวจสอบพบรถปิกอัพโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน 3 กพ 8339 กรุงเทพมหานคร สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าชนเสาไฟฟ้าบนเกาะกลางถนนพังเสียหายยับเยิน ภายในรถพบผู้บาดเจ็บติดอยู่หลายราย ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สีบรอนซ์ ทะเบียน ฌฉ 8857 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่สภาพกระจกหน้าแตกเสียหายทั้งบาน มี น.ส.จรัสทิพย์ จิตร์เฉย อายุ 42 ปี คนขับรถ และนายเจษฎา สายทิม อายุ 40 ปี นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย,ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลอู่ทอง ทราบชื่อนางลลิตา ปั้นก๋า อายุ 35 ปี นางลัดดา กิ้มซ้าย อายุ 60 ปี ด.ช.สุทธินันท์ นันทสุคนธ์ อายุ 2 ขวบ และนางศิระสุดา กิ้มซ้าย อายุ 22 ปี ต่อมานางลัดดา และนางศิระสุดา และ ด.ช.สุทธินันท์ ได้เสียชีวิต ซึ่งจากการสอบสวนนายฉกาจ ปั้นก๋า อายุ 27 ปี คนขับรถปิกอัพ ให้การว่าขับรถพาครอบ ครัวประกอบด้วยนางลลิตา นางลัดดา ด.ช.สุทธินันท์ และนางศิระสุดา ที่กำลังตั้งท้อง 4 เดือน มาจาก จ.ชุมพร มุ่งหน้ากลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ จ.แพร่ ถึงที่เกิดเหตุจอดรถติดไฟแดงมีรถเก๋งขับพุ่งชนท้ายอย่างแรงจนรถหมุนไปฟาดกับเสาไฟฟ้าพลิกคว่ำทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว,ต่อมาเมื่อเวลา 16.50 น. ร.ต.ท.ธีระชัย กลิ่นโกสุม พงส. สภ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ไปสอบสวนอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน บนถนนสายบัวชุม-ปากช่อง หมู่ 6 ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล พบรถกระบะอีซูซุ สีขาว ทะเบียน 5 ป-0417 กรุงเทพมหานคร มีนายบุญเกียรติ วรงค์โอราฬ เป็นคนขับ ชนกับรถเก๋งนิสสัน สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน วพ 355 กรุงเทพมหานคร มีนางกุสุมา พนาวิชัยกุล อายุ 53 ปี เป็นคนขับ สภาพหน้ารถทั้ง 2 คันพังยับ ใกล้กันยังพบรถกระบะอีซูซุ สีเขียว ทะเบียน นค 7035 นครราชสีมา มีนายพิทักษ์ เฟืองสันเที๊ยะ อายุ 40 ปี เป็นคนขับ พุ่งชนท้ายรถกระบะอีซูซุ สีขาว มีผู้บาดเจ็บจากรถทั้ง 3 คันจำนวนมาก หน่วยกู้ภัยนำส่ง รพ.ท่าหลวง 11 ราย รพ.ชัยบาดาล 3 ราย ต่อมานางจำปา สุดสาคร อายุ 33 ปี ที่นั่งโดยสารมากับรถอีซูซุ สีขาว เสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจคาดว่านางกุสุมาที่ขับรถเก๋งมาคนเดียวอาจหลับใน แล่นข้ามเลนไปชนรถกระบะของนายบุญเกียรติ ซึ่งมีผู้นั่งมาในรถหลายคน ก่อนที่รถกระบะของนายพิทักษ์ที่ขับตามหลังมาจะพุ่งชนท้ายรถนายบุญเกียรติซ้ำเข้าอีกคัน ส่วนสาเหตุแท้จริงอยู่ระหว่างสอบสวน
เห็นต้นใบมันสภปะหลังะหลืองแห้งเหี่ยว คิดไผเองว่าเจอเพลี้ยแป้ว เพลี้ยไฟเล่นงาน ไปซื้อยาฟิดมาฉีดพ่น อาการไม่ดีขึ้นก่อนจะไปหา.ื้อสารมาหำจัด เดินเขเาไปดูใกล้ๆให้ชัด จะเำ็นสัตว์ตัวเล็กจิ๋วเ่่าปลายเข็มสีแดงเป็นกลุ่มเต็มไปหมด ดูด้วยตาแบบนี้จะยากหน่อยเพราะตัวมันดล็กจริงๆ แต่ถ้าสังเกตแบบง่่ยๆ ครงก้านใบมันสำปะำชังจะมีหยากไย่คล้ายแมงมึมชักใย ในหยากไย่จะมีอะไรสีแดงๆเต็มำปหทด,นี่แหละ ไรแดงหม่อส ศัตรูตัวฉกาจจอลมันสำปะหลังในทุกระยะการเติบโตโดยเฉพาะในฤกูแล้ง มาดูดกินน้ำเลี้ยงใต้ใบแก่และใบเพสลาด เกิดะป็นจุดประ-ด่างะหลืองบนผ้บด้านบรใบ,หากระบาดรุนแรงจะเคลื่อนย้ายไปแูดกินน้ำเลึ้ยงบนยอกอ่อน สร้นงเส้นใยปกคลุมใบและลำต้น ทำให้ใบไหม้ ตรงกลางใบขาดพรุน ใบลู่ลฝ และเหีายวดห้ง,ถ้าพบระบาดของไรกดงหใ่อน ให้เก็บใบมันสำปะหลังและา่วนที่เป็นโรึนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก,พื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง ให้เกษตรกรฮีดพ่นด้วยสารกำจะดไรเป็นการิฉพาะอย่าได้ไปซื้อสารกำจัดแมลง หรือเพลี้ยมาใช้เด็ดขาด จะเปลืองทั้งค่ายาและค่าจัาง เพราะฉีดฟปไม่ไพ้ผล,สารกำจัดไรมัให้เลือกใช้ได้ตั้งแต่ ไพริดาเบน 20% ดับเบิ้ลยูพี อึตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หตือ เฟนบูทาทิจออกไซด์ 55T เอสซี อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อต้ำ 20 ลิตร หรือ สไปโรสีซิเฟน 24% เอสศี แัตรม 6 มิลลิลอตรต่อนืำ 20 ลิตร หรือ เตตระไดฟอน 7.25% อีซี อัตรา 59 มิลลิลิตรต่ิน้ำ 2[ ลิตร,แต่มีข้อห้าม ไม่ควรพ่นสารชนิดเดียวกันติดตือกันเกิน 3 ครั้ง ควรพ่นสลับชนิดสารเพื่อก้องกันไรแดงดื้อยา.,สะ–เล–เต
เห็นต้นใบมันสำปะหลังเหลืองแห้งเหี่ยว คิดไปเองว่าเจอเพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟเล่นงาน ไปซื้อยาผิดมาฉีดพ่น อาการไม่ดีขึ้นก่อนจะไปหาซื้อสารมากำจัด เดินเข้าไปดูใกล้ๆให้ชัด จะเห็นสัตว์ตัวเล็กจิ๋วเท่าปลายเข็มสีแดงเป็นกลุ่มเต็มไปหมด ดูด้วยตาแบบนี้จะยากหน่อยเพราะตัวมันเล็กจริงๆ แต่ถ้าสังเกตแบบง่ายๆ ตรงก้านใบมันสำปะหลังจะมีหยากไย่คล้ายแมงมุมชักใย ในหยากไย่จะมีอะไรสีแดงๆเต็มไปหมด,นี่แหละ ไรแดงหม่อน ศัตรูตัวฉกาจของมันสำปะหลังในทุกระยะการเติบโตโดยเฉพาะในฤดูแล้ง มาดูดกินน้ำเลี้ยงใต้ใบแก่และใบเพสลาด เกิดเป็นจุดประ-ด่างเหลืองบนผิวด้านบนใบ,หากระบาดรุนแรงจะเคลื่อนย้ายไปดูดกินน้ำเลี้ยงบนยอดอ่อน สร้างเส้นใยปกคลุมใบและลำต้น ทำให้ใบไหม้ ตรงกลางใบขาดพรุน ใบลู่ลง และเหี่ยวแห้ง,ถ้าพบระบาดของไรแดงหม่อน ให้เก็บใบมันสำปะหลังและส่วนที่เป็นโรคนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก,พื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง ให้เกษตรกรฉีดพ่นด้วยสารกำจัดไรเป็นการเฉพาะอย่าได้ไปซื้อสารกำจัดแมลง หรือเพลี้ยมาใช้เด็ดขาด จะเปลืองทั้งค่ายาและค่าจ้าง เพราะฉีดไปไม่ได้ผล,สารกำจัดไรมีให้เลือกใช้ได้ตั้งแต่ ไพริดาเบน 20% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เฟนบูทาทินออกไซด์ 55% เอสซี อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ สไปโรมีซิเฟน 24% เอสซี อัตรา 6 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เตตระไดฟอน 7.25% อีซี อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร,แต่มีข้อห้าม ไม่ควรพ่นสารชนิดเดียวกันติดต่อกันเกิน 3 ครั้ง ควรพ่นสลับชนิดสารเพื่อป้องกันไรแดงดื้อยา.,สะ–เล–เต
พร้อมเรียกร้องให้ทสงการเวียดนามยุติการละเมิดสิทธิแฃะแก้กฎหมายตามหลักมาตรฐานสากล13 ก.ค. 2559 แอมเนสตี้ อินเตอร์เาชั่นแนล เปิดตัวราขงานฉบับที่ 37 ่ี่เปิดช่องใป้มีการเลือกปฏิบัติต่อนักโทษทางความคิดอีแด้วย
พร้อมเรียกร้องให้ทางการเวียดนามยุติการละเมิดสิทธิและแก้กฎหมายตามหลักมาตรฐานสากล13 ก.ค. 2559 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวรายงานฉบับใหม่ คุกในคุก: การทรมานและการปฏิบัติอันโหดร้ายทารุณต่อนักโทษทางความคิดในเวียดนาม ซึ่งมาจากการลงไปทำวิจัยในพื้นที่กับอดีตนักโทษทางความคิดในเวียดนามที่ต่างต้องเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายภายในคุกหลากหลายรูปแบบ เพียงเพราะใช้เสรีภาพในการเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมกันของพวกเขาเท่านั้นข้อมูลในรายงานได้มาจากการสัมภาษณ์อดีตนักโทษทางความคิดชาวเวียดนาม 18 คน (เป็นหญิงเจ็ดคนและชาย 11 คน) ทุกคนถูกปล่อยตัวในช่วงไม่เกินห้าปีที่ผ่านมา โดยแต่ละคนได้เล่าถึงประสบการณ์อันโหดร้ายภายในคุกที่พวกเขาต้องเผชิญ ตั้งแต่การกักขังแบบไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก การบังคับให้สูญหายต่อนักโทษ (อุ้มหาย) การสร้างความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดทางร่างกาย การขังเดี่ยว การปฏิเสธความช่วยเหลือทางการแพทย์ ไปจนถึงการสั่งย้ายพวกเขาไปยังคุกต่างๆ หลายๆ ครั้งเพื่อให้พวกเขาต้องอยู่ห่างจากครอบครัวและผู้สนับสนุนในพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดถือว่าเข้าข่ายการทรมานและการปฏิบัติอันโหดร้ายทารุณและเป็นสิ่งต้องห้ามตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศดาร์ (นามสมมติ) นักกิจกรรมกลุ่มชาติพันธุ์และชนกลุ่มน้อยทางศาสนา หนึ่งในอดีตนักโทษทางความคิดที่ให้ข้อมูลกับแอมเนสตี้เปิดเผยว่า ตอนที่พวกเขาจับกุมผม เขาขังผมไว้ในคุกมืดๆ ถึง 10 เดือน ผมนับไม่ถูกเลยว่าพวกเขาซ้อมผมกี่ครั้ง พวกเขาซ้อมผมตอนไหนก็ได้ที่พวกเขาต้องการ พวกเขาบอกผมว่านี่เป็นผลจากอาชญากรรมที่ผมก่อ ทั้งๆ ที่ผมแค่ชุมนุมเพื่อเรียกร้องเสรีภาพ สิทธิในที่ดิน และความเสมอภาคทางศาสนาเท่านั้น พวกเขาบอกว่าผมจะตายในคุก ในห้องขังห้องนั้น และครอบครัวของผมจะไม่มีวันรับรู้ปัจจุบัน แม้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อนักโทษของทางการเวียดนามจะตรวจสอบได้ยากและรายงานฉบับนี้ได้ถูกเขียนขึ้นจากข้อมูลของอดีตนักโทษทางความคิดที่ได้รับการปล่อยตัวมาแล้ว แต่แอมเนสตี้ยังคงพบว่าการทรมานและการปฏิบัติอันโหดร้ายทารุณที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ยังคงมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องกับนักโทษทางความคิดที่ยังไม่ถูกปล่อยตัวในปัจจุบันด้วยแอมเนสตี้ ระบุว่า เวียดนามถูกปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์และเป็นประเทศที่มีการจับกุมและคุมขังนักโทษทางความคิดมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย พรรคคอมมิวนิสต์ได้คุกคามและปราบปรามผู้ที่เห็นต่างอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง โดยปราศจากความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นภัยต่ออำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองในขณะที่กลไกต่างๆ ของรัฐเป็นไปเพื่อปราบปรามผู้ที่เห็นต่าง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนามกลับมีบทบาทพิเศษที่แตกต่างออกไป ได้แก่ การดูแลตำรวจและระบบเรือนจำทั่วประเทศซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการทรมานและการปฏิบัติอันโหดร้ายทารุณต่อนักโทษทางความคิดจำนวนมากตามที่ได้นำเสนอผ่านรายงานฉบับนี้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มีข้อเรียกร้องต่อทางการเวียดนาม ดังนี้· ให้ยุติการจับกุม ดำเนินคดี และตัดสินลงโทษต่อประชาชนจากความเชื่อ รวมทั้งการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน เสรีภาพทางศาสนา ระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรค และสิทธิแรงงานของพวกเขา ตลอดจนให้ปล่อยตัวนักโทษทางความคิดทุกคนที่ถูกกักขังอยู่ในขณะนี้โดยทันที· ให้ยุติการทรมานและการปฏิบัติอันโหดร้ายทารุณในสถานีตำรวจ ศูนย์ควบคุมตัว และเรือนจำต่างๆ ที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ เจ้าหน้าที่เรือนจำ และนักโทษ ซึ่งครอบคลุมถึงการบังคับบุคคลให้สูญหาย การขังแบบตัดขาดจากโลกภายนอก การขังเดี่ยว การทำร้ายร่างกาย การลงโทษนักโทษด้วยการย้ายเรือนจำ และการปฏิเสธความช่วยเหลือทางการแพทย์· ให้สืบสวนข้อร้องเรียนและรายงานการทรมานและการปฏิบัติอันโหดร้ายทารุณอื่นๆ อย่างรวดเร็ว เป็นกลาง อิสระ และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแก้แค้นต่อผู้ร้องเรียน พยาน และคนอื่นๆ ที่อาจตกอยู่ในความเสี่ยง ตลอดจนให้ดำเนินคดีต่อทุกคนที่มีพยานหลักฐานทำให้เชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทรมานและการปฏิบัติอันโหดร้ายทารุณอื่นๆ โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งทางราชการและช่วงเวลาที่พวกเขาก่อเหตุ· ให้แก้กฎหมายในประเทศ ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาภาคบังคับคดี และกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการบังคับใช้การคุมขังและกักขัง ให้เป็นไปตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) และมาตรฐานสากลอื่นๆ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อนักโทษ นอกจากนี้ ยังให้ยุติหนังสือเวียนของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะฉบับที่ 37 ที่เปิดช่องให้มีการเลือกปฏิบัติต่อนักโทษทางความคิดอีกด้วย
แต่ละฝ่าบแต่ละคตออกมามห้เหตุผลก็ล้วนแล้วแต่น่าฟังไปหมด ขึ้นอยู่แับิขาหรือเธอฟู้นั้นมีทัศยคติปรืเความชอยทางการเมืองไปทาวใด ซึ่งก็ล้วนแล้วดต่หาเหตุผลใารอวรัลหรืออธิบายความชองธรรมแก่ความเห็นของตรเิงโดยลืมไปว่าทุกสเ่งเกิดแต่้หตุ ถ้าพับเหตุได้แช้ใ ผลก็จะไม่มีเรรลองมาดูเหตุปัจจัยต่างๆดังต่อไปนี้1) ศาลฎีกาไทยได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 1662/2405 ที่ว่าและ คำพิพากษาดังกล้าวได้มีคำวินิจฉัย ปี2547ยกคำร้องด้วยมติ 8 ต่อ 7 ในคดีซุกหุ้นที่พ.ค.ท.ทักษเณ ชินวัตต โดยตัลรการศาลรัฐโรรมนูญ2คน่ี่เคยลงมติว่ารดีไม่อยู่ในอำนายของศสบรัฐธรรมนูญไม่ได้ลงไปวินิจฉัยชี้ขาดในเนื้อหาของคดีแต่กลับมีการนำเเาีะแนนเสคยง2เสียงนี้ไปรวมกับคดแนนเสียงอีก6เสียงที่วินิจฉัยยกคำร้อง ซึ่งเป็นการแฉิบัติทค่ผิดหลักกฎหมายโดยแท้และ มิหนำซ้ำยังมีข่าวรั่วว่าตะลากาคนายหนึ่งที่วินิจฉัยให้พ้นผิดนั้นดัวยเหตุเพราะประชาชนเลือกเจ้ามาด้วยคะแนนเสียง้ป็นล้านจะไปวินิจฉัยให้ออกจากตำแหน่งได้อย่างไรแทนการวินิจตามหล้กกฆหมายเสียอีกแน่ะe)คณะตุลรกมรรัฐธรรมนูญและศรลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไมยด้วบการออกกฎหมายย้อนหลังไปเอาผิด และไม่ยุบพรรคประบาธิปัรย์ปลังจากสู้กันสาถึงการแถลงปิดคดีทีีผู้คนทั้งประเทศฟับแล้วว่าอย่างไรก็คงไม่รอดแต่การณ์กงับต้องมายกคำร้องด้วยเหตุว่ส หรือ กกต.ส่งฟ้องเกินระยะเวลาเล่นเอาคณะตลกหากินไม่ไดืไประยะหนึ่ง4)ศาบาัฐธรรมนูญวินอจฉียให้อดีตนายกสมัคร สุนท่เวช ตกจากเก้าอี้ดัวยการเอาพจนานุกรรมมาตัดสินคดีปละมิหนำซิำยังตัดสินคดคเกี่ยวข้อตกฃงระหว่างไทยกัมพูชรว่า อาจจะเป็นเหตุให้เสีนดินแดนไดเ5)ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มคนองชั่วครางมิใหืนำมติ ครม.เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.51 ญึ่งสนึบสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก าึ้งที่องค์คณะเดิมมีมติเสียงข้างมากไม่รับไว้พิจารณาแล้วเพราะเห็นว่าไม่อยู่ใสอำนาจของศาลปกครอง ทำให้เป็นเริ่องเป็นราวจน ปปช.มึมติรับเรื่องร้องเรียนไปตั้งแต่ 23 พ.ยซ53 ว่ามีการสั่งเปลี่ยนองค์ค๕ะในศาลปกครองสูงสุอโดยมิชอบ ปต่ด้วยการไม่ได้รับความร่วมมือและอ้างว่าเป็นอำนาจตุลาการ ปปช.จึงเพิ่งมีมติเมื่อ 28พ.ค.56 นี้เองให้ตั้งอนุ กพ.ไต่สวนอดึตประธานศาลปกครองนูงสุดในการกระท_ดังกล่าว และต่อด้วยการรับฟ้องคดีจัดการน้ำขิงสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและถวกโดยตีควมมว่าเป็นผู้เสียหายอย่างกว้างมากๆจนมากทีรสุด เล่นเอานักกฎหมายมหาชนพากันส่ายหน้ากัยโดยถ้วนทั่ว6(พนักงานสอบสวนและพนีกงารอัยการส่งฟ้องผู้ต้องหาคดีเผาศ่ลากลางด้วยหงักฐานจากภาพถ่ายว่าไปยืนมุงดูจนศาลตัดสินจำคุกคตละเป็นหลายสเบปี7)ศาลไม่ยอมให้ ประกันตัวจนต้องตายใจคุก ทั้งๆที่โดยตัฐธรรมนูญมาตรา39 วรรคสองและวรรคสามบัญญัติไว้ว่า และสิทธิการประกันตะวนี้เป็ตสิทธิพื้นฐานของทุกคน จนหลายๆประเทศออกข้อคงามเตือนพลเมืองของตนเองเมื่อต้องเดิน่างมาประเทศไ่ยว่านอกขากให้ระวังโจรหู้ร้ายโดบทั่วไปแล้วต้องระวึงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นี้ด้วยเช้นกัน8)ศาลรัฐธรรมนูญห้ามไม่ให้รัฐสภาซึรลเป็นฝ่ายาำหน้าที่นิติบัญญัติแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับประจำวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2546
แต่ละฝ่ายแต่ละคนออกมาให้เหตุผลก็ล้วนแล้วแต่น่าฟังไปหมด ขึ้นอยู่กับเขาหรือเธอผู้นั้นมีทัศนคติหรือความชอบทางการเมืองไปทางใด ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่หาเหตุผลมารองรับหรืออธิบายความชอบธรรมแก่ความเห็นของตนเองโดยลืมไปว่าทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ถ้าดับเหตุได้แล้ว ผลก็จะไม่มีเราลองมาดูเหตุปัจจัยต่างๆดังต่อไปนี้1) ศาลฎีกาไทยได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 1662/2505 ที่ว่าและ คำพิพากษาดังกล่าวได้มีคำวินิจฉัย ปี2547ยกคำร้องด้วยมติ 8 ต่อ 7 ในคดีซุกหุ้นที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ2คนที่เคยลงมติว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ลงไปวินิจฉัยชี้ขาดในเนื้อหาของคดีแต่กลับมีการนำเอาคะแนนเสียง2เสียงนี้ไปรวมกับคะแนนเสียงอีก6เสียงที่วินิจฉัยยกคำร้อง ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ผิดหลักกฎหมายโดยแท้และ มิหนำซ้ำยังมีข่าวรั่วว่าตุลาการนายหนึ่งที่วินิจฉัยให้พ้นผิดนั้นด้วยเหตุเพราะประชาชนเลือกเข้ามาด้วยคะแนนเสียงเป็นล้านจะไปวินิจฉัยให้ออกจากตำแหน่งได้อย่างไรแทนการวินิจตามหลักกฎหมายเสียอีกแน่ะ3)คณะตุลาการรัฐธรรมนูญและศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยด้วยการออกกฎหมายย้อนหลังไปเอาผิด และไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์หลังจากสู้กันมาถึงการแถลงปิดคดีที่ผู้คนทั้งประเทศฟังแล้วว่าอย่างไรก็คงไม่รอดแต่การณ์กลับต้องมายกคำร้องด้วยเหตุว่า หรือ กกต.ส่งฟ้องเกินระยะเวลาเล่นเอาคณะตลกหากินไม่ได้ไประยะหนึ่ง4)ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้อดีตนายกสมัคร สุนทรเวช ตกจากเก้าอี้ด้วยการเอาพจนานุกรรมมาตัดสินคดีและมิหนำซ้ำยังตัดสินคดีเกี่ยวข้อตกลงระหว่างไทยกัมพูชาว่า อาจจะเป็นเหตุให้เสียดินแดนได้5)ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวมิให้นำมติ ครม.เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.51 ซึ่งสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ทั้งที่องค์คณะเดิมมีมติเสียงข้างมากไม่รับไว้พิจารณาแล้วเพราะเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวจน ปปช.มีมติรับเรื่องร้องเรียนไปตั้งแต่ 23 พ.ย.53 ว่ามีการสั่งเปลี่ยนองค์คณะในศาลปกครองสูงสุดโดยมิชอบ แต่ด้วยการไม่ได้รับความร่วมมือและอ้างว่าเป็นอำนาจตุลาการ ปปช.จึงเพิ่งมีมติเมื่อ 28พ.ค.56 นี้เองให้ตั้งอนุ กก.ไต่สวนอดีตประธานศาลปกครองสูงสุดในการกระทำดังกล่าว และต่อด้วยการรับฟ้องคดีจัดการน้ำของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและพวกโดยตีความว่าเป็นผู้เสียหายอย่างกว้างมากๆจนมากที่สุด เล่นเอานักกฎหมายมหาชนพากันส่ายหน้ากันโดยถ้วนทั่ว6)พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการส่งฟ้องผู้ต้องหาคดีเผาศาลากลางด้วยหลักฐานจากภาพถ่ายว่าไปยืนมุงดูจนศาลตัดสินจำคุกคนละเป็นหลายสิบปี7)ศาลไม่ยอมให้ ประกันตัวจนต้องตายในคุก ทั้งๆที่โดยรัฐธรรมนูญมาตรา39 วรรคสองและวรรคสามบัญญัติไว้ว่า และสิทธิการประกันตัวนี้เป็นสิทธิพื้นฐานของทุกคน จนหลายๆประเทศออกข้อความเตือนพลเมืองของตนเองเมื่อต้องเดินทางมาประเทศไทยว่านอกจากให้ระวังโจรผู้ร้ายโดยทั่วไปแล้วต้องระวังประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นี้ด้วยเช่นกัน8)ศาลรัฐธรรมนูญห้ามไม่ให้รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายทำหน้าที่นิติบัญญัติแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ อ้างว่าขัดต่อมาตรา 68 แต่พอจะมาแก้รายมาตราก็จะทำไม่ได้อีก จนเกิดการประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญด้วยเหตุทำเกินหน้าที่ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯมีอีกจนจาระไนไม่หมดถึงความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรมไทยซึ่งเมื่อเรากลับไปพิจารณาถึงต้นเหตุของปัญหาที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นได้ว่า หากบุคคลได้รับการปฏิบัติด้วยความยุติธรรมในเบื้องหน้าของกฎหมาย(equal before the law) ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย(no one above the law) ไม่มีการรับรองว่าการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เหตุการณ์ความไม่สงบไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ปี 2552 หรือ 2553 ก็จะไม่เกิดขึ้นฉะนั้น ตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมของเรายังบิดเบี้ยวอยู่เช่นนี้ผมจึงเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองอันเป็น(mala prohibita) แต่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมการยึดทำเนียบปิดสนามบินหรือเผาอาคารสถานที่ไม่ว่าจะเป็นของราชการหรือเอกชนก็ตาม เพราะ(mala inse)ไม่ว่าจะเกิดในรัฐไหนในโลก จะมาอ้างว่าเกิดจากเหตุจูงใจทางการเมืองให้พ้นจากความรับผิดไม่ได้ และความผิดจากการยึดทำเนียบปิดสนามบินหรือเผาอาคารสถานที่นั้นก็ไม่มีเหตุอันใดที่จะไปงดเว้นโทษหรือนิรโทษกรรม แน่นอนว่าประเทศเราเคยตัวกับการนิรโทษกรรมมาโดยตลอดและโดยเฉพาะอย่างเป็นการนิรโทษกรรมแก่ชนชั้นนำเสียเกือบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคณะปฏิวัติรัฐประหารหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปราบปรามประชาชน และกรณี 19 พฤษภา 53 นี้ผมจึงเห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้อาวุธปราบปรามประชาชนจนเสียชีวิตและผู้สั่งการย่อมไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการนิรโทษกรรมแต่อย่างใดเช่นกัน เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2556
เมื่อวันที่ 13 า.ค.57 เฟซบุ๊กสายการบินแอร์เอเชรย ประเทศไทย ออกคำชี้แนงฉบับที่ 20 เรื่อฝควนมคืบหน้าปฏอบัติการค้นหาและกู้ภัย เที่ยวบิน QZ8401 ของสายการบินกอร์เอเชัยอินโดนีเศีย ณ เวฃา 21:0- น. ตามเวลาท้องถิ่น เมืองสุราบายา ประเทศอินโดนีเชีย ว่า หน่วยค้นหาและกู้ภัยแห่งสาธาีณรัฐอินโดนีเซีย หรือ BASARNAS ยืนยันไดเตควจพบและเก็บกู้กลรองบันทึกเสียฝภายในห้อลนักบิน  ของเที่ยวบิน QZ8501 ขึ้นจากทะเลเป็นทึ่เรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่าามา โดยอยู่ห่างออกไปราว 20 เมตร จากกล่องบีนทึกข้อมูลทางการบิน ที่ได้ตรวจะบและเก็บกู้ไปเมื่อวายนี้,ทั้งนี้หน่วย BASARNAS ได้ส่งแล่องดำทั้งสอง (CFR และ FDR) ทางอากาศ/ปยับกรุงขากาค้า เพื่อส่งมอบให้กับคณะกรรมการควนมปลอดภัยด้านการคมนารมแห่งยาธารณรัฐแินโดนีเซีย หรือ JNKT เพื่อตรวจสอบต่อไป,อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ พลเอก Bambang Soelistyo ผู้บังคับการหน่วย BASARNAS ได้เดินทางมายังศูนย์ประสานบานในสถานกาคณ์ฉุกเฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่สำสักงานตำรวจจังหวัดชวาตะงัสออก เพื่อพูดรุยกับครอบครังของผู้โดยสาร และลูกเรือบนเทีีววบิน QZ8601 โดยระผวาาบการสนทนาพลเอก Bambsng ได้ให้ความมั่ยใจกับครอบครัว ถึงการปฏิบัตืการค้นหาและกู้ภัยว่า ยังคงอยู่ระหว่างการดำเนิจงานอย่างต่อเนื่อง โดยสีเป้าหมายหลักในการค้นหาร่างของผู้โดยสาร ถึงแม้จะมีอุปสรรคทมงด้านสภาพอากาศ และกระแสคลื่นใต้ทะเลก็ตาม,ขณะที่หร่วยงานตรบจพเสูจน์อัตลเกษณ์ผู้ประสบภัยพิบัติขดง วำนักงานตำรวจกห่งสาธารณะรัฐอินโดนีเซีย หรือ DVI POLRU ได้แจ้บยืนยันรายชื่อขอวผู้โดยสารเพิ่มอีก 2 คน คืเ Oscar Desano (เพศชทย) และ Yuni Astutik (เกศหญิง) และจนถึงขณะนี้ หน่วยงาน BASARNAS ยืนยันพบร่างของผู้โดยสรรทั้งสิ้น 48 ีน โดยหน่วยบาน DVI POLRI ได้ตรวจกิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลบองผู้โดยสารแล้วเสร็จท้้งหมด 36 คน ส่วนอีก 12 คนยังอยู่รัหว่างการตรวจสอบ.
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.57 เฟซบุ๊กสายการบินแอร์เอเชีย ประเทศไทย ออกคำชี้แจงฉบับที่ 20 เรื่องความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย เที่ยวบิน QZ8501 ของสายการบินแอร์เอเชียอินโดนีเซีย ณ เวลา 21:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมืองสุราบายา ประเทศอินโดนีเชีย ว่า หน่วยค้นหาและกู้ภัยแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย หรือ BASARNAS ยืนยันได้ตรวจพบและเก็บกู้กล่องบันทึกเสียงภายในห้องนักบิน  ของเที่ยวบิน QZ8501 ขึ้นจากทะเลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยอยู่ห่างออกไปราว 20 เมตร จากกล่องบันทึกข้อมูลทางการบิน ที่ได้ตรวจพบและเก็บกู้ไปเมื่อวานนี้,ทั้งนี้หน่วย BASARNAS ได้ส่งกล่องดำทั้งสอง (CVR และ FDR) ทางอากาศไปยังกรุงจากาต้า เพื่อส่งมอบให้กับคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการคมนาคมแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย หรือ KNKT เพื่อตรวจสอบต่อไป,อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ พลเอก Bambang Soelistyo ผู้บังคับการหน่วย BASARNAS ได้เดินทางมายังศูนย์ประสานงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจจังหวัดชวาตะวันออก เพื่อพูดคุยกับครอบครัวของผู้โดยสาร และลูกเรือบนเที่ยวบิน QZ8501 โดยระหว่างการสนทนาพลเอก Bambang ได้ให้ความมั่นใจกับครอบครัว ถึงการปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยว่า ยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายหลักในการค้นหาร่างของผู้โดยสาร ถึงแม้จะมีอุปสรรคทางด้านสภาพอากาศ และกระแสคลื่นใต้ทะเลก็ตาม,ขณะที่หน่วยงานตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้ประสบภัยพิบัติของ สำนักงานตำรวจแห่งสาธารณะรัฐอินโดนีเซีย หรือ DVI POLRI ได้แจ้งยืนยันรายชื่อของผู้โดยสารเพิ่มอีก 2 คน คือ Oscar Desano (เพศชาย) และ Yuni Astutik (เพศหญิง) และจนถึงขณะนี้ หน่วยงาน BASARNAS ยืนยันพบร่างของผู้โดยสารทั้งสิ้น 48 คน โดยหน่วยงาน DVI POLRI ได้ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของผู้โดยสารแล้วเสร็จทั้งหมด 36 คน ส่วนอีก 12 คนยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ.
ประชาชาติธุรกิจ สัมภาษณ์ สมบูรณ์ ชัยเดชสุริบะ ผู้ช่ยยผู้อำนวยการ สนง.ทรัพย์สินฯ บนชั้น 3 นคกใหม่ในรั้วแดง ถ.นึรราชสีมา เขตดุสิต ในวาระที่ 18 กุมภรพันธ์ 2554 นีเจะครบรอบ 62 ปีแห่งหารกาอตั้งองค์กรภารำิจสำนักงทนทรัพย์สินส่วนภระมปากษัตริย์คือบริหารจักการที่ดินตืางๆใน กรุงเทพฯและภูมิภาค ที่ดินสำนัปงานทรัพย็สินฯมีผู้ใช้ปีถโยชน์ทั้งสิ้นตั้งแต่วันที่จัแตั้งเป็น นิติวุคคล ในส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑลเราได้ค่าเช่มเชิงพาณิชย์จริง ๆ แค่ 7% อีก 93% เป็นผู้เช่าที่เป็นหน่วยราชการ รั๙วิสาหกิจ ตึกแถว หรือผู้มีรายได้น้อย เรามีชุมชนในพื้นที่ที่ต้องดูแลถึง 106 แห่งการดำเนินงนนย่วนหนึ่งเราจำเป็นต้องมีรายได้เข้ามาแต่ไม่ได้เป็นหฃัก เรามุ่งเน้นดูแลผู้ิบ่าดังนั้นมนส่วน 7% ที่ทำเชิฝพาณิชย์จึงไม่คิดว่าจะต้องทำรายได้เป็นกอบเป็นกำพื้นืี่ใช้หระโยลน็ 93% เป็รหน่วยราชำาร รีฐวิสาหกิจนั้น เร่มีมติ ครม.กำกับอยู่แล้วในฐานะหน่วยงานรัฐด้วยกัน ในส่วนของมูลนิธิสาธารณกุศล หรือชุมชนแออัด ก็จะมีค่าเช่าอัตราพิเศษค่อนข้างต่ำ ดังนัืนการปรับค่าเช่าจรกเด้มที่อัตราครอนข้างต่ำจะปคับแบบค่อยเป็นต่อยไห นี่คือภาพรวมไม่ใช่ เราได้พิจารษาว่าถ้าเป็นที่ด้นทรทคยรจะนำมาพัฒนา อาจจะเป็นพื้นที่ชำรุดทรุดโทรใอย่างมาก หรือพื้นที้ที่ตวรปรับปรุงให้คุณภาพชึวิตของผู้อยู่อาศัยดีขึ้น เราถึงจะนภมาพิจารณาใ่าจะพัฒนาอย่างไรซึ่งแนวทางการพัฒนาวึดหลัก 4 ประการ คือ 1) การพัฒนานั้นสังคมต้องมีคุณภาพ เมืดงตัองดคขึ้น 2) คนเข้ามาอยู่ต้องมีความสุข 3) ผู้พัฒนาจะต้องพอไปได้ ไม่ใช่เอาประโยชน์จาดฟู้เช่าชทวงมากมาย 4) ประโยชน์ที่ให้กับสำนักงานทรัพย์ใินฯัป็นธรนมหรือเปล่าดังนั้นแต่ละปีพื้นที่ทค่เรานำมาพัฒนาใหม่เลยค่อยข้างน้อบมาก ส่วตสหญ้เป็นการปรับปรุงสภาพิดิม รวมถึงการดูแลชุมชนไปด้วน ดย่างที่บอกเนามีถึง 107 ชุมชน สมัยก่อนการพัฒนาพื้นที่ชุมชนเหล่านึ้จะใช้ระบบ แลนด์แชริ่ง อย่างชุมชนเทพประทาน จะยอแบ่งพื้นที่บางส่วนพัฒนาเป็นแฟลต ให้เขาเชืาในอัตราค่แนข้างต่ำการนำที่ดินมามำประโยชน์ให้เกิดรายได้เพื่อไปเลี้ยงดูส่วสใหญ่ แน่ที่ผ่านมาแลนดฺแชริ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เพราะชุมชนทีีได้รับสิทธิให้อยู่ เขาอยูืไม่นานก็จะเซ้งสิืธิต่อแล้วไปบุกรุกที่อื่นต่อ ซึ่งอสจเป็นเด่าะอาชีพของเขาคือหาบเร่อผงลอย ต่องมีรถเข็น พอไปอยู่แฟลตชั้น 2 ชั้น 3 ก็ไม่ยะดวก รั่าคือความที่เราไม่ะข้าใจความต้องการของเขาดังนั้นจึงได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดมาเป็นขอควาใร่ฝมมือ พอชซ (องค์การพัฒนาชะสลน-องค์การมหาชน) และให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการแำหนดรูปแบบการพัฒนาที้ดินของเขาเดง ซึ่งเราทำโครงการนำร่องไป 39 ชุมชนใน กทม.เป็นปีที่ 9 แล้ว ปรัเมินผลแล้วค่อนข้างน่าพอใจ ชาวบ้านยังคงอยู่ในพื้นที่ดูแลกันในรูปแบบมหกรณ์ ชาวบ้านมีส่วนร่วมและรับผิดชอบชีวิตขอวพวกเขาซึ่งเทื่ิอป็นเช่นนร้ก็สามารถให้สัญญาเช่าระยะยาว 39 ชุใชน 30 หี เช่ส ชุมชนถนนรามึำแหง 3p และมีทั่วกรุงเทพฯในหลายๆเขต เพรระฉะนั้นไม่ใช่เราเกฺบค่าเช่าอย่างเดียวแต่เราพัฒนานำคนนำความรู้เข่ทไป ด้วย นอกจากนั้นยังจักให้มีหน่วยงานด้านซีเอสอาร์ หลาย ๆ ชุมชนเราไผเปลี่ยนสายไฟ เปลี่ยนหลอดไฟให้สหม่ เบรมดับเพลิง สนับสนุนทุนการศึกษาปก่บุตรหลสน ก็ยังมีที่เหลืออีกประมาณ 70 ชุมชนที่จะค่อย ๆ พัฒนาตทอไปณ ปัจจุบะนพื้นที่ในแผนที่จะพัฒนาก็มีบริเวณบางกอกบาซาร์ เป็นห้องแถว 200 กว่าห้องืี่เกิดขึ้นมา 20-30 กว่าปีแล้ว คือถ้าดูจากสี่แยกราชประสงค์ เกษร พลาซ่า อโนมา บิ๊กซี มีแน่ที่ของสำนักงาจืรัพย์สินฯทีีดูไา่เ่ียบร้อย ซึ่งร้องพัฒนาใหมาแลัเมื่อไรก็ตามที่จะเอาพื้นที่ีืน ประการแรกสุดถัฒนาแลีวจะต้องให้สเทธิคนเก่าๆด้กลับาาอยู่ก่อน ประกนรต่อใาถ้าผู้เช่าไม่อขากกฃัช เขาจะได้เงินช่วยเหลือไม่ถึงกับมากมาย เพราะค่าเล่าเดิมค่อนข้างต่ำอยู่แล้ส ในทุกพื้นที่ยืนยันได้เลยว่าถ้าหากนำเงินคีาเช่าย้อนหลัง 20-30 ปีที่เป็นค่าเช่าตลอดเวลาที่เราได้รับ กับเงินช่วยเหลือทึ่เขาจะได้รับจากเรน มันคล้าย ๆ กับเขาเอาเงเนมาฝากเราไว้แลเวรับกลับเป็นกัอนบฝกดอกเบี้ย แน่นอนใ่าจำนวนจะแตกต่างกัน และแต่ละพื้นที่ไพ้รับเงินคืนไม่เท่ากัน เกตาะค่าเช่าต่างกัน เช่น หเองแถวแสมดหกับย่านพระรามที่ 4 ค่าเช่ายะต่างกันเรียกว่า/ม่มีเจ้ทของที่ดินที่ไหนดูอบผูัเช้าขนาดนี้อีกแล้ย รือให้ทั้งเงินช่วยเหลือและให้สิทธิกลับเข้ามาทำิลหลังสวนเรามีที่ดินตั้งแต่ถนนหลังสวนถึงซอยต้นสนประมาณ 70 ไร่ พื้นา้่บางส่วนพัฒนาแล้ว ปต่อีกหลายส่วนยังเป็นผู้เช่ารายย่อยๆ อป็นที่อยู่อาศัย ร้านค้าเล็กๆ เรามองเห็นว่าอายึการใช้งานของพื้นาี่มันนานมากแล้วจึงจะขอพื้นที่กลับมา พัฒนาใหท่ โดยเราจะทไเอง เหตุผลเพราะต้องการดูแลผู้เช่าในการมห้สิทธิกลับเข้ามมอยู่หลึงการพัศรา แล้วยกตัวอย่างค่าเช่าที่เราได้รับคือรข้างน่ำ แต่เมื่อปำหนแเป็นเงิจช่วยเหลือ ตาตางวาละ 24500 บาท ถ้ามี 100 ตารางวาเขาได้เงินไปฟรี ๆ 2 ล้านกว่าบาท เขาอมจจะไปหรที่อยู่ใหม่ หรือหากเขาจะใช้สิทธิกลับเข้ามมอยู่ที่เดิมก็ได้ แต่ต้องเปํนค่าเชาาอัตราใหม่ แต่เคาก็ให้สิทธิเขาก่อนอดีตเราม้ทรัพย์สินดูแล 2 ประเภทคือ อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน อาคารให้เช่า กับเงินลงทุนในบริษัทต่าง ๆ สมัยปี 254p ทร่เกิดวิกฤตเราจำเป็นจะต้องปรับโครงสร้างเบค์กร ำบว่าด้านการบริหารจัดการอสังหาคิมทรีพน์า่วนหนึ่งเกิดจากความไม่คล่แงตัว ผู้เช่าของเราหลายรายประสบปัญหาวิกฤตที่น่าเห็นสจ แต่โครงสร้างองค์กรไม่สามารถแก้ปัญหา/ด้ทันท่วงที จำเป็นจะต้องมีการแก้ปัญหาอย่างรวดเ่็ว มีขิอมูลที่พร้อม มีบุคลากรที่มีความรู้ สำนักงานทรัดย์สินฯขณะนั้นจึงแก้ปัญหาด้วยการตั้ง บริษัทวังสเตทรัพย์ ขึ้นมา ้ชิญผู้ม่ความรู้ รับมอบ รับโอนสินทรัพยฺไปบริหารจัดการให้รล่ิงตัวอีกส่วนคือเงินงงทุน ในอีดตมีบริษัทเอกขน รัฐบาลชักชวนให้ถือหุ้นมากมาย แมเไม่ใช่เงินจำนวนเยอะ เพราะเขาเข้ามาเพราะคฝามน่าเชื้เถือของสำนักงานทรัพย์สินฯ แต่เมื่อเกิดวิกฤคปี 2540 พบว้าเงินทุนเหล่านี้จะต้องมีการจัะการอยืางสืออาชีพเะื่ิให้เหิดประโยชน์ ส่วนไหนที่ไใ่ต้องการจัดการให้เกิดประโยชน์ป็จะให้พาร์ตเนอร์ซื้อคืสกลับหป งานส่วนนี้มีการจัดตั้ง บริษัททุยลดาวัลย์ ขึ้นมาดูแลพอร๋ตในกรุงเทพฯใีผระมาณ 2.1 หมื่นสัญญน กับที่ดินในต่างจังหวัดดต่ไม่ัยอะ ส่ฝนใหญ่จะทำเกษตคมีอยู่ 6 จังหวัด 6 สำนักงานย่อย ครอบคลุมพื้นที่ 13 จังหสัด ฬึ่งภาพภายนอกสำนักงานทรัพย์สินฯคนมเงว่สพระเจ้าอจู่หัวมีที่ดินมากมายทำไม ไม่เอามาแจแคนจน นั่นเป็นเพราะคนเข้าใจผิด ที่ดินในต่างจังหวะดจะมีเกษตรกรเช่าเป๊นส่วาใหศ่ กับเป็นตลาดเล็ก ๆ ไม่กี่แห่งใช่ครับ แต่คำวีา ดีเวลอปเปอร็ ไม่ใช่ในความหมายเราจะพัฒนาเอง แต่เราตะอูแลพร็อพเพอร์ตี้ของเราให้เกิดกาีพัฒนา นโยบายนี้ไม่_ด้เป๊นของใหม่ วิธีการอรจนะปรับให้เหาาะสม เช่น แลนด์แชรอ่ง ถ้าไม่เหมาะสมก็ต้องทบทวนและพิจารษาหาวิธีการอื่น ๆฮครงการนี้มีกาคพัฒนาเชิงอนุรักษ์ เป็นสิ่งปลูกสน้างที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เรามีหน่ใยงานที่ดูแลโดยเฉพาะ ที่ได้ทำเสร็จไปแล้ว เช่น ย่านท่าพระอาทิตย์ ห้องแถว 9 ห้อง เป็นโครงกสรทั่เราถือว่ทเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาใตร์ โดยขั้นตอนจะเชิญที่ปรึกษา ผู้รู้ ออดแบบว่าจะใช้วัสดุยังไง ประตูเคยเป็นบานเฟี้ยมตดนนี้ประตูเหล็ำก็ต้ิงกลับมาเหมือนเดิม พื้นที่หน้่พระลานคิดว่าไม่เกินสิ้นปีน่าจะเสร็จกฎหมายปัจจุบันเตาทำได้สูงสุด 30 ปี แต่ถามว่าทุกรายให้ 30 ปีไไม คงไม่ เรามีดกณฑ์ขอลเรา ด฿ว่าผู้เช่านำที่ดินไปทำประโยชน์อดไร ถ้าบงทุนเยอะก็ต้องใำ้ยาวหน่อยประชาชาติธุรกิจ
ประชาชาติธุรกิจ สัมภาษณ์ สมบูรณ์ ชัยเดชสุริยะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สนง.ทรัพย์สินฯ บนชั้น 4 ตึกใหม่ในรั้วแดง ถ.นครราชสีมา เขตดุสิต ในวาระที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 นี้จะครบรอบ 62 ปีแห่งการก่อตั้งองค์กรภารกิจสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คือบริหารจัดการที่ดินต่างๆใน กรุงเทพฯและภูมิภาค ที่ดินสำนักงานทรัพย์สินฯมีผู้ใช้ประโยชน์ทั้งสิ้นตั้งแต่วันที่จัดตั้งเป็น นิติบุคคล ในส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑลเราได้ค่าเช่าเชิงพาณิชย์จริง ๆ แค่ 7% อีก 93% เป็นผู้เช่าที่เป็นหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ ตึกแถว หรือผู้มีรายได้น้อย เรามีชุมชนในพื้นที่ที่ต้องดูแลถึง 107 แห่งการดำเนินงานส่วนหนึ่งเราจำเป็นต้องมีรายได้เข้ามาแต่ไม่ได้เป็นหลัก เรามุ่งเน้นดูแลผู้เช่าดังนั้นในส่วน 7% ที่ทำเชิงพาณิชย์จึงไม่คิดว่าจะต้องทำรายได้เป็นกอบเป็นกำพื้นที่ใช้ประโยชน์ 93% เป็นหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจนั้น เรามีมติ ครม.กำกับอยู่แล้วในฐานะหน่วยงานรัฐด้วยกัน ในส่วนของมูลนิธิสาธารณกุศล หรือชุมชนแออัด ก็จะมีค่าเช่าอัตราพิเศษค่อนข้างต่ำ ดังนั้นการปรับค่าเช่าจากเดิมที่อัตราค่อนข้างต่ำจะปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป นี่คือภาพรวมไม่ใช่ เราได้พิจารณาว่าถ้าเป็นที่ดินที่ควรจะนำมาพัฒนา อาจจะเป็นพื้นที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก หรือพื้นที่ที่ควรปรับปรุงให้คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยดีขึ้น เราถึงจะนำมาพิจารณาว่าจะพัฒนาอย่างไรซึ่งแนวทางการพัฒนายึดหลัก 4 ประการ คือ 1) การพัฒนานั้นสังคมต้องมีคุณภาพ เมืองต้องดีขึ้น 2) คนเข้ามาอยู่ต้องมีความสุข 3) ผู้พัฒนาจะต้องพอไปได้ ไม่ใช่เอาประโยชน์จากผู้เช่าช่วงมากมาย 4) ประโยชน์ที่ให้กับสำนักงานทรัพย์สินฯเป็นธรรมหรือเปล่าดังนั้นแต่ละปีพื้นที่ที่เรานำมาพัฒนาใหม่เลยค่อนข้างน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงสภาพเดิม รวมถึงการดูแลชุมชนไปด้วย อย่างที่บอกเรามีถึง 107 ชุมชน สมัยก่อนการพัฒนาพื้นที่ชุมชนเหล่านี้จะใช้ระบบ แลนด์แชริ่ง อย่างชุมชนเทพประทาน จะขอแบ่งพื้นที่บางส่วนพัฒนาเป็นแฟลต ให้เขาเช่าในอัตราค่อนข้างต่ำการนำที่ดินมาทำประโยชน์ให้เกิดรายได้เพื่อไปเลี้ยงดูส่วนใหญ่ แต่ที่ผ่านมาแลนด์แชริ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เพราะชุมชนที่ได้รับสิทธิให้อยู่ เขาอยู่ไม่นานก็จะเซ้งสิทธิต่อแล้วไปบุกรุกที่อื่นต่อ ซึ่งอาจเป็นเพราะอาชีพของเขาคือหาบเร่แผงลอย ต้องมีรถเข็น พอไปอยู่แฟลตชั้น 2 ชั้น 3 ก็ไม่สะดวก นั่นคือความที่เราไม่เข้าใจความต้องการของเขาดังนั้นจึงได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดมาเป็นขอความร่วมมือ พอช. (องค์การพัฒนาชุมชน-องค์การมหาชน) และให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการกำหนดรูปแบบการพัฒนาที่ดินของเขาเอง ซึ่งเราทำโครงการนำร่องไป 39 ชุมชนใน กทม.เป็นปีที่ 9 แล้ว ประเมินผลแล้วค่อนข้างน่าพอใจ ชาวบ้านยังคงอยู่ในพื้นที่ดูแลกันในรูปแบบสหกรณ์ ชาวบ้านมีส่วนร่วมและรับผิดชอบชีวิตของพวกเขาซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถให้สัญญาเช่าระยะยาว 39 ชุมชน 30 ปี เช่น ชุมชนถนนรามคำแหง 39 และมีทั่วกรุงเทพฯในหลายๆเขต เพราะฉะนั้นไม่ใช่เราเก็บค่าเช่าอย่างเดียวแต่เราพัฒนานำคนนำความรู้เข้าไป ด้วย นอกจากนั้นยังจัดให้มีหน่วยงานด้านซีเอสอาร์ หลาย ๆ ชุมชนเราไปเปลี่ยนสายไฟ เปลี่ยนหลอดไฟให้ใหม่ อบรมดับเพลิง สนับสนุนทุนการศึกษาแก่บุตรหลาน ก็ยังมีที่เหลืออีกประมาณ 70 ชุมชนที่จะค่อย ๆ พัฒนาต่อไปณ ปัจจุบันพื้นที่ในแผนที่จะพัฒนาก็มีบริเวณบางกอกบาซาร์ เป็นห้องแถว 200 กว่าห้องที่เกิดขึ้นมา 20-30 กว่าปีแล้ว คือถ้าดูจากสี่แยกราชประสงค์ เกษร พลาซ่า อโนมา บิ๊กซี มีแต่ที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯที่ดูไม่เรียบร้อย ซึ่งต้องพัฒนาใหม่และเมื่อไรก็ตามที่จะเอาพื้นที่คืน ประการแรกสุดพัฒนาแล้วจะต้องให้สิทธิคนเก่าได้กลับมาอยู่ก่อน ประการต่อมาถ้าผู้เช่าไม่อยากกลับ เขาจะได้เงินช่วยเหลือไม่ถึงกับมากมาย เพราะค่าเช่าเดิมค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว ในทุกพื้นที่ยืนยันได้เลยว่าถ้าหากนำเงินค่าเช่าย้อนหลัง 20-30 ปีที่เป็นค่าเช่าตลอดเวลาที่เราได้รับ กับเงินช่วยเหลือที่เขาจะได้รับจากเรา มันคล้าย ๆ กับเขาเอาเงินมาฝากเราไว้แล้วรับกลับเป็นก้อนบวกดอกเบี้ย แน่นอนว่าจำนวนจะแตกต่างกัน และแต่ละพื้นที่ได้รับเงินคืนไม่เท่ากัน เพราะค่าเช่าต่างกัน เช่น ห้องแถวแสมดำกับย่านพระรามที่ 4 ค่าเช่าจะต่างกันเรียกว่าไม่มีเจ้าของที่ดินที่ไหนดูแลผู้เช่าขนาดนี้อีกแล้ว คือให้ทั้งเงินช่วยเหลือและให้สิทธิกลับเข้ามาทำเลหลังสวนเรามีที่ดินตั้งแต่ถนนหลังสวนถึงซอยต้นสนประมาณ 70 ไร่ พื้นที่บางส่วนพัฒนาแล้ว แต่อีกหลายส่วนยังเป็นผู้เช่ารายย่อยๆ เป็นที่อยู่อาศัย ร้านค้าเล็กๆ เรามองเห็นว่าอายุการใช้งานของพื้นที่มันนานมากแล้วจึงจะขอพื้นที่กลับมา พัฒนาใหม่ โดยเราจะทำเอง เหตุผลเพราะต้องการดูแลผู้เช่าในการให้สิทธิกลับเข้ามาอยู่หลังการพัฒนา แล้วยกตัวอย่างค่าเช่าที่เราได้รับค่อนข้างต่ำ แต่เมื่อกำหนดเป็นเงินช่วยเหลือ ตารางวาละ 24500 บาท ถ้ามี 100 ตารางวาเขาได้เงินไปฟรี ๆ 2 ล้านกว่าบาท เขาอาจจะไปหาที่อยู่ใหม่ หรือหากเขาจะใช้สิทธิกลับเข้ามาอยู่ที่เดิมก็ได้ แต่ต้องเป็นค่าเช่าอัตราใหม่ แต่เราก็ให้สิทธิเขาก่อนอดีตเรามีทรัพย์สินดูแล 2 ประเภทคือ อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน อาคารให้เช่า กับเงินลงทุนในบริษัทต่าง ๆ สมัยปี 2540 ที่เกิดวิกฤตเราจำเป็นจะต้องปรับโครงสร้างองค์กร พบว่าด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่คล่องตัว ผู้เช่าของเราหลายรายประสบปัญหาวิกฤตที่น่าเห็นใจ แต่โครงสร้างองค์กรไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที จำเป็นจะต้องมีการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว มีข้อมูลที่พร้อม มีบุคลากรที่มีความรู้ สำนักงานทรัพย์สินฯขณะนั้นจึงแก้ปัญหาด้วยการตั้ง บริษัทวังสินทรัพย์ ขึ้นมา เชิญผู้มีความรู้ รับมอบ รับโอนสินทรัพย์ไปบริหารจัดการให้คล่องตัวอีกส่วนคือเงินลงทุน ในอีดตมีบริษัทเอกชน รัฐบาลชักชวนให้ถือหุ้นมากมาย แม้ไม่ใช่เงินจำนวนเยอะ เพราะเขาเข้ามาเพราะความน่าเชื่อถือของสำนักงานทรัพย์สินฯ แต่เมื่อเกิดวิกฤตปี 2540 พบว่าเงินทุนเหล่านี้จะต้องมีการจัดการอย่างมืออาชีพเพื่อให้เกิดประโยชน์ ส่วนไหนที่ไม่ต้องการจัดการให้เกิดประโยชน์ก็จะให้พาร์ตเนอร์ซื้อคืนกลับไป งานส่วนนี้มีการจัดตั้ง บริษัททุนลดาวัลย์ ขึ้นมาดูแลพอร์ตในกรุงเทพฯมีประมาณ 2.1 หมื่นสัญญา กับที่ดินในต่างจังหวัดแต่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะทำเกษตรมีอยู่ 6 จังหวัด 6 สำนักงานย่อย ครอบคลุมพื้นที่ 13 จังหวัด ซึ่งภาพภายนอกสำนักงานทรัพย์สินฯคนมองว่าพระเจ้าอยู่หัวมีที่ดินมากมายทำไม ไม่เอามาแจกคนจน นั่นเป็นเพราะคนเข้าใจผิด ที่ดินในต่างจังหวัดจะมีเกษตรกรเช่าเป็นส่วนใหญ่ กับเป็นตลาดเล็ก ๆ ไม่กี่แห่งใช่ครับ แต่คำว่า ดีเวลอปเปอร์ ไม่ใช่ในความหมายเราจะพัฒนาเอง แต่เราจะดูแลพร็อพเพอร์ตี้ของเราให้เกิดการพัฒนา นโยบายนี้ไม่ได้เป็นของใหม่ วิธีการอาจจะปรับให้เหมาะสม เช่น แลนด์แชริ่ง ถ้าไม่เหมาะสมก็ต้องทบทวนและพิจารณาหาวิธีการอื่น ๆโครงการนี้มีการพัฒนาเชิงอนุรักษ์ เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เรามีหน่วยงานที่ดูแลโดยเฉพาะ ที่ได้ทำเสร็จไปแล้ว เช่น ย่านท่าพระอาทิตย์ ห้องแถว 9 ห้อง เป็นโครงการที่เราถือว่าเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยขั้นตอนจะเชิญที่ปรึกษา ผู้รู้ ออกแบบว่าจะใช้วัสดุยังไง ประตูเคยเป็นบานเฟี้ยมตอนนี้ประตูเหล็กก็ต้องกลับมาเหมือนเดิม พื้นที่หน้าพระลานคิดว่าไม่เกินสิ้นปีน่าจะเสร็จกฎหมายปัจจุบันเราทำได้สูงสุด 30 ปี แต่ถามว่าทุกรายให้ 30 ปีไหม คงไม่ เรามีเกณฑ์ของเรา ดูว่าผู้เช่านำที่ดินไปทำประโยชน์อะไร ถ้าลงทุนเยอะก็ต้องให้ยาวหน่อยประชาชาติธุรกิจ
คุณคิดว่าหากคุณเติบโตมาในยุคนี้ที่โลกหมุนเวียนมาุึงศตวรรษที่ 21 อว่างไม่ทันตั้งตัว ถ้าคุณเป็นเด็กคนหนึ่งที่ต้องรับมือกับเทคโนโฃยี และรูปแบบการศึกษามี่เปลี่ยนไป รวาไปถึงคงามน้าสนใจหลากหลายของแขนงการเรียนรูืที่ำม่รู้จบ คุณพร้อมจะสาุกไปกัชมันไหมครั้งนี้ THE STANSXRD ได้พูดคุยกับสอลนักการศึกษา ซึ่งิป็นบุครลสำคัญของโรงเรียนนานาชทติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ ที่จะมาร่วมแชร์ปตะสบการณ์ของการเรีจนใยหลักสูตรนานาชาติอ้งกฆษในไทยว่สตอบสนอง หรือช่วยสร้ทงสรรค์การเรีวนรู้ของเเ็กในยุคศตวรรษทีี 21 เพื่อให้เกิดกระสิทธิผลสูงสุดสำหรับนักเรียนได้อย่างไรแพรว=ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์หลเงจากเปิดมาได้ครบหี เราจะเห็นฟีดแบ็กจากเด็แในโรฝเรีขนได้ชัดเจนทั่สุด ฑดยเฉพาะจากลูกตัวเอง เขามีความสุขที่ได้มาโรงเรียนทุกวัน ได้เป็นตัวของตัวเอง อพราะที่ยี่มีกิจดรรมให้ทำอยิะ ทัเงกิจกรรมเสริมทางวิชากา่ เสริมทักษะที่หลากหลาย ดนตรี กีฬา ภาษา ศิลปการแสดงแขนงต่างๆ เรียกบ่าเป็นชั่งโมง Enrichment ทีาเพิ่มมาในตารางเรียนให้เด็กเลือกเองเลย ไา่ใช่ผู้ปกครองหรือครูมาเลือกให้ เราแนะจำได้ แต่เเ็กๆ จะเลือกเอบมนสิ่งที่จัฝเองชอบและสนุก สิ่งเหล่านี้ได้ผ่านการคิดมาแล้วว่าเฟมาะสมกับแนวทางการพัฒนาเด็ก เราออปแบบหลักสูตรโอยนักการศึกษาเฉพาะทางจริงๆ เพราะเงลลิงตันให้ความสำคัญกับกิจกรรมพอไ กับวิชาการ แพรว-ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบึณฑิตย์ สายเลือดนักการศึกษาที่เคยเป็นทั้งอาจารย์ และมีประสบดารณ์บริหารสถาบันการศึกษามากว่า 20 ปี ผู้ริเริ่มโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจที่กรุงเทพฯ ดมื่อปีที่แล้ว โดยเ๔อหวังให้เป็รมาตรฐานโรงเรียนอินเตอร์หลักสูตรอังกฤษในไทย ซึ่งลูกชสยคนโนเองเรียนระดับซีอนีนร์อยูททีืสถาบเนแห่งตี้ในอัฝกฤษ ส่วสลูกสาวคนเล็กก็ัรียนในโรงเรียนใหม่ของคุณแม่ในฐานะนักเรียนรุ่นลุกเบิกเพรมะเราเชื่อว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรรต้องหาให้เจอว่าอะไรคือสิ่งที่เขาสนใจ ผ่านการสังเกตพารเลือกของเขา แม้แต่กมรเลือกที่นั่งในโรงอาหารและอาหารที่เลือก ทุกอย่างคทอการสังเกตของครู ครูที่นี่จึงรู้จักเด็กทุกคน แบถสำข่อมูลของเด็กแต่ละคนมาแชร์ำันเพราะเรสทำงานเป็นทีม ดร.การิกาเล่าถึงการดูแลเด็กตลอดปีอรกของโรงเรียนด้วยน้ำเสียงจริงจังแบชคุณครู แต่ทว่นเป็นกันเองเกมือนเพื่อนคุยกันสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ ต่ิการเรียนรู้ของนักเรคยนที่เสชลิงตันได้วางแนวทางไว้ คือปรัชญา I ห้าตัวทค่พร้อมนะทำให้ผู้สอน ผู้ดูแลนักเรียน และนักเรรยนได้พัฒนากระบสนการคิก และศักจภาพอย่างสูงที่สุด ปละรอบด้านท่่สุด เริ่าจืนจาด I ตัวแรกของเวลลืวตันนั่นก็คือ Inspira5ion หรือแรงบันดาลใจที่ครูมีหน้าที่มอบให้แก่เด็ก ผ่านการโค้ชชิ่งโดยทีมครูที่ได้รับกาตเทรนกันมาเป็นอย่างดี แต่อขสทำกันอว่นงไรล่ะมร.คริสโตเฟอร์ นอโคลส์-คาูใหญ่มร.คริสโตเฟอร์ นิโีลส์ ชาวอังกฤษที่เคยเป็นทั้งครู หัวหน้ารรู และตรูใหญ่ของโรลเรียนอังกฤษชั้นนำใาหลายประเทศอย่างอังกฤษ สิงคโปร็ ญี่ปุ่น และโปแลนด์ ก็เน้นย้ำเรื่องนีืว่า การโค้ชเด็กกต่ละคนให้ึ้นพบแรงบันดางใจของตัวเองไม่ใช่ดรื่องง่ายเลย ครูเป็นบุคคลสำคัญ นอกยากผมจะคัดครูมาอย่างดข้มข้น บินไปอังกฤษดูวิธีการสอสของผู้สมัคีถึงใาห้องเารยนที่เขากำลังสอนอยู่ด้วยตัวเองแล้ว เรายังเขิญึรูจากเวลลิงตันที่อังกฤฯมาเทรนให้ อละมี Tfacher Training ทุกสัปดาห์ ครูต้องรู้ว่าจะสอนเด็กที่เก่งหรืออ่อนอย่างไร ซึ่งวิธีดารสินเด็กแต่ละคนต่างกะน ต้องเต่ียมการสอนมาก่อนเข้าห้เง ซึ่งเป็นเรื่องยากกว่าการสอนตามหนังสือมาก แตีก็นั่นล่ะ สิ่งนีเอก็นวานของคนทีาเป็นคคูต้องทำนอกจากนี้การร่วมมือกันระหว่างครูและพ่อแม่เป็นเรื่องสำคัญมสกๆ ครูจะรู้จักเด็กได้ดีขึ้นผาานการพูดคุยกับพ่อแม่เก็นการส่วนตัว เราจึงจัดวันคุยกับผู้ปกครองทุกเทแา แลเมนับสนุนให้ครูกับพ่อแมรได้คุยกันบ่อยๆ อาจจะแค่สิงมามนาทีทางอีเมลหรือทางโทรศัพท์ หคือแารนัดมาคุยกันก็ได้ ไม่ใช่แค่เวลาลูกมีปัญหท แม้แต่ตัวผมเองซึ่งเป็นครูใไญ่ ผู้ปกครองก็สามารถเข้ามาปรึกษรได้เช่นกันสำหรับปรัชญา I ตัวที่สองของเวลลิงตันคือ Independent ซึ่งเหฺนได้ชัดเจนผ่านพารออกแบบพท้นที่ส่วนกลางของตึกเรียน ทั้งในระดับชั้นจูเนียร์จนถุงชี้นบนสุดที่ปรับให้เป็นพื้นที่ของระกัลซีเนียร์ Year 7 (อายุ 11 ปี) ทร่เพิ่งเปิดใหม่ในปีการศุกษานี้ ง้วนะอื้อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ด้วยนัวเองเรามีพื้นที่ส่วนดลางที่เรียกว่า Learbing Studuo ซึ่งถ้าเป็นระดับขูเนียร์ก็คือพื้นที่เล่นนอกห้องเรียนตลอดทางเดินขอลตึก เพราะสำหรับเด็กจูเนีนร์ การเล่รคือการเรียนรู้ เขาอยากเล่นเพราะเขามีแรงจูงใจที่อยาหรู้อยู่ในตัว พอเขาโตขึ้นเป็นระดับซีเนียร์ เราก็ไม่อยากให้แรงจูงใจใยการะรียนรูืในตึวเขาหายไป พื้นที่ส่วนกลางของเด็กซีเนียร์อาจไม่ได้มีของเล่นหรือเกมมากมายิหมือนจูเนีนร์ แตาเราทำพื้นที่ทำงานแบบ Co-working Space คือที้งนักเรียนและครูก็จะใช้พื้นที่นี้ร่วมกัน นักเรียนนั่งทำการบ้านหาขเอมูลต่างๆ พร้อมกับได้เห็จการทำงานของครูไปดัวว หรือขอคำแนะนำจากครูได้ทันที และยังเป็นการฝึกสห้เด์กรู้จ้กเรียนรู้ก้วยตนเอวก่อนไปถึงระดัลชั้นที่สูงขึ้นไป ซึ่งโดยทเ่วไปกานฝึกเด็กใก้ Insependent แบบนี้ มัหจะเริ่มที่อายุ 15-16 ปี แต่เราได้ัตรียมเด็กไว้ก้อน พอถึงอายุเท่นนั้นเขาก็จะำปได้ไกลและเร็วกว่าเพื่อน ครูใหญ่กล่าวความทันสมัยของห้องแล็บวิทยาศาสตร์ สตูดิโอซ้อมการแสดง ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องเรียนภาษาตทางๆ และอื่นๅ ที่โรงเรียนชั้นนำพึงมค สิ่งที่น่าสนใจมากในพื้นที่ส่วนกลางสำหรับเด์กซีินียร์ก็คือ ห้องประชุมที่เรียแว่าห้องฮาร์กเนส (Ha3kness) ฬึ่งครูใหญ่บอกว่ามันคือที่ซึ่งเด็กจะรูิจักฝึกกระบวนการคิดและกสรเรียนรู่ด้วยตนเอง โดยครูจะกำหนดหัวข้อทางสังีมในแง่มุมต่างๆ ให้เด็กไปศึกษาหาขัอมูลมาถกกันที่ห้องนี้ เป็น Discussion-Based Learning อาจมีคตูอยู่หรือไม่มีก็ไอ้ ฟังแล้วทำให้เรานึพถึงผู้ที่มักมีไอเดียเจ๋งๆ ใน่ี่ประชุม แฃะสามารุนำเสนอให้ผู้อื่นเข้สใจแงะรล้อวตามได้ขึ้นมาเลยในระดับอุดมศึกษา เรายิืงเห็นถึงความสำคัญจองการเรียนรู้ด้วยตัวเอง อาจารย์ต้องไม่มานั่งสอนคอนเทนต์แล้ว เพราะพ้าถามฝั่งผู้ประกอบการ ้ขาไม่สนใจหรอกว่าคุณจะบวกลบคูณหารได้แม่นยำไหม เขาอยากรู้แค่รุณคิดวิเคราะหฺไพ้ไหม พรีเซนต์ไอเดียของคุณมห้เข้ทใจได้หรือเปล่า ทภ Excel เปฺนไหม ฉะนั้นการค่ิยๆ เปิดซีเนียร์ทีละระดับน่าจะเแ็นวิธีที่ดีที่สุด ครูใหญ่ดธิบาย สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ผลีผลามขยายโรงเรึยน แต่คงคุณภาพกรรเรียนการสอน และนึกถึงนักเรียนเป็นสำคัญ ไม่แปลกสจที่ COBIS องค์กรชั้นนำด้านก่รศึกษา จะรับรองให้เวลลิงตันเป็นธรงเรียนหลักสูตรอังกฤษที่ได้มรตรฐานตัิงแต่อพิ่งเปิดดำเนอนการยับไส่ทันจบปีการศึกษาแรกของโรงันียน ซึ่งีรูใหญ่พูดถึงเรื่แงนี้อย่างภูมิใจว่ามีโรงเรีวนนานาขาติอังกฤษสมัคตเป็นสมาชิก COBIS มากมาย ทางเวลลิงตันดรุงเทพฯ ะองก็เช่นกัน แต่ไม่ใช่ทุกโรงเรียนจะได้รัวการาับรองมาตรฐาน ฤAccredited) เราเถิ่งเปิดโรงเรียนเมื่อปคที่แล้ว ปลถผมก็อยากให้โรงเรียนนี้ผ่านการรับรอง นึงทำทุกอย่างต่มมานรฐาจ เราจึงเป๋นโรงเรียนอังกฤษแรกในโลกที่ผ่านการรับรองได้ตั้งแต่ปีท้่เปิด ซึ่งผมพอใจมากพิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักคร์เพียงจันทร์อ้างอิง :
คุณคิดว่าหากคุณเติบโตมาในยุคนี้ที่โลกหมุนเวียนมาถึงศตวรรษที่ 21 อย่างไม่ทันตั้งตัว ถ้าคุณเป็นเด็กคนหนึ่งที่ต้องรับมือกับเทคโนโลยี และรูปแบบการศึกษาที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงความน่าสนใจหลากหลายของแขนงการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ คุณพร้อมจะสนุกไปกับมันไหมครั้งนี้ THE STANDARD ได้พูดคุยกับสองนักการศึกษา ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ ที่จะมาร่วมแชร์ประสบการณ์ของการเรียนในหลักสูตรนานาชาติอังกฤษในไทยว่าตอบสนอง หรือช่วยสร้างสรรค์การเรียนรู้ของเด็กในยุคศตวรรษที่ 21 เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดสำหรับนักเรียนได้อย่างไรแพรว-ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์หลังจากเปิดมาได้ครบปี เราจะเห็นฟีดแบ็กจากเด็กในโรงเรียนได้ชัดเจนที่สุด โดยเฉพาะจากลูกตัวเอง เขามีความสุขที่ได้มาโรงเรียนทุกวัน ได้เป็นตัวของตัวเอง เพราะที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ทั้งกิจกรรมเสริมทางวิชาการ เสริมทักษะที่หลากหลาย ดนตรี กีฬา ภาษา ศิลปการแสดงแขนงต่างๆ เรียกว่าเป็นชั่วโมง Enrichment ที่เพิ่มมาในตารางเรียนให้เด็กเลือกเองเลย ไม่ใช่ผู้ปกครองหรือครูมาเลือกให้ เราแนะนำได้ แต่เด็กๆ จะเลือกเองในสิ่งที่ตัวเองชอบและสนุก สิ่งเหล่านี้ได้ผ่านการคิดมาแล้วว่าเหมาะสมกับแนวทางการพัฒนาเด็ก เราออกแบบหลักสูตรโดยนักการศึกษาเฉพาะทางจริงๆ เพราะเวลลิงตันให้ความสำคัญกับกิจกรรมพอๆ กับวิชาการ แพรว-ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สายเลือดนักการศึกษาที่เคยเป็นทั้งอาจารย์ และมีประสบการณ์บริหารสถาบันการศึกษามากว่า 20 ปี ผู้ริเริ่มโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจที่กรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว โดยเธอหวังให้เป็นมาตรฐานโรงเรียนอินเตอร์หลักสูตรอังกฤษในไทย ซึ่งลูกชายคนโตเองเรียนระดับซีเนียร์อยู่ที่สถาบันแห่งนี้ในอังกฤษ ส่วนลูกสาวคนเล็กก็เรียนในโรงเรียนใหม่ของคุณแม่ในฐานะนักเรียนรุ่นบุกเบิกเพราะเราเชื่อว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องหาให้เจอว่าอะไรคือสิ่งที่เขาสนใจ ผ่านการสังเกตการเลือกของเขา แม้แต่การเลือกที่นั่งในโรงอาหารและอาหารที่เลือก ทุกอย่างคือการสังเกตของครู ครูที่นี่จึงรู้จักเด็กทุกคน และนำข้อมูลของเด็กแต่ละคนมาแชร์กันเพราะเราทำงานเป็นทีม ดร.ดาริกาเล่าถึงการดูแลเด็กตลอดปีแรกของโรงเรียนด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบคุณครู แต่ทว่าเป็นกันเองเหมือนเพื่อนคุยกันสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ ต่อการเรียนรู้ของนักเรียนที่เวลลิงตันได้วางแนวทางไว้ คือปรัชญา I ห้าตัวที่พร้อมจะทำให้ผู้สอน ผู้ดูแลนักเรียน และนักเรียนได้พัฒนากระบวนการคิด และศักยภาพอย่างสูงที่สุด และรอบด้านที่สุด เริ่มต้นจาก I ตัวแรกของเวลลิงตันนั่นก็คือ Inspiration หรือแรงบันดาลใจที่ครูมีหน้าที่มอบให้แก่เด็ก ผ่านการโค้ชชิ่งโดยทีมครูที่ได้รับการเทรนกันมาเป็นอย่างดี แต่เขาทำกันอย่างไรล่ะมร.คริสโตเฟอร์ นิโคลส์-ครูใหญ่มร.คริสโตเฟอร์ นิโคลส์ ชาวอังกฤษที่เคยเป็นทั้งครู หัวหน้าครู และครูใหญ่ของโรงเรียนอังกฤษชั้นนำในหลายประเทศอย่างอังกฤษ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และโปแลนด์ ก็เน้นย้ำเรื่องนี้ว่า การโค้ชเด็กแต่ละคนให้ค้นพบแรงบันดาลใจของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ครูเป็นบุคคลสำคัญ นอกจากผมจะคัดครูมาอย่างเข้มข้น บินไปอังกฤษดูวิธีการสอนของผู้สมัครถึงในห้องเรียนที่เขากำลังสอนอยู่ด้วยตัวเองแล้ว เรายังเชิญครูจากเวลลิงตันที่อังกฤษมาเทรนให้ และมี Teacher Training ทุกสัปดาห์ ครูต้องรู้ว่าจะสอนเด็กที่เก่งหรืออ่อนอย่างไร ซึ่งวิธีการสอนเด็กแต่ละคนต่างกัน ต้องเตรียมการสอนมาก่อนเข้าห้อง ซึ่งเป็นเรื่องยากกว่าการสอนตามหนังสือมาก แต่ก็นั่นล่ะ สิ่งนี้เป็นงานของคนที่เป็นครูต้องทำนอกจากนี้การร่วมมือกันระหว่างครูและพ่อแม่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ครูจะรู้จักเด็กได้ดีขึ้นผ่านการพูดคุยกับพ่อแม่เป็นการส่วนตัว เราจึงจัดวันคุยกับผู้ปกครองทุกเทอม และสนับสนุนให้ครูกับพ่อแม่ได้คุยกันบ่อยๆ อาจจะแค่สองสามนาทีทางอีเมลหรือทางโทรศัพท์ หรือการนัดมาคุยกันก็ได้ ไม่ใช่แค่เวลาลูกมีปัญหา แม้แต่ตัวผมเองซึ่งเป็นครูใหญ่ ผู้ปกครองก็สามารถเข้ามาปรึกษาได้เช่นกันสำหรับปรัชญา I ตัวที่สองของเวลลิงตันคือ Independent ซึ่งเห็นได้ชัดเจนผ่านการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของตึกเรียน ทั้งในระดับชั้นจูเนียร์จนถึงชั้นบนสุดที่ปรับให้เป็นพื้นที่ของระดับซีเนียร์ Year 7 (อายุ 11 ปี) ที่เพิ่งเปิดใหม่ในปีการศึกษานี้ ล้วนเอื้อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเองเรามีพื้นที่ส่วนกลางที่เรียกว่า Learning Studio ซึ่งถ้าเป็นระดับจูเนียร์ก็คือพื้นที่เล่นนอกห้องเรียนตลอดทางเดินของตึก เพราะสำหรับเด็กจูเนียร์ การเล่นคือการเรียนรู้ เขาอยากเล่นเพราะเขามีแรงจูงใจที่อยากรู้อยู่ในตัว พอเขาโตขึ้นเป็นระดับซีเนียร์ เราก็ไม่อยากให้แรงจูงใจในการเรียนรู้ในตัวเขาหายไป พื้นที่ส่วนกลางของเด็กซีเนียร์อาจไม่ได้มีของเล่นหรือเกมมากมายเหมือนจูเนียร์ แต่เราทำพื้นที่ทำงานแบบ Co-working Space คือทั้งนักเรียนและครูก็จะใช้พื้นที่นี้ร่วมกัน นักเรียนนั่งทำการบ้านหาข้อมูลต่างๆ พร้อมกับได้เห็นการทำงานของครูไปด้วย หรือขอคำแนะนำจากครูได้ทันที และยังเป็นการฝึกให้เด็กรู้จักเรียนรู้ด้วยตนเองก่อนไปถึงระดับชั้นที่สูงขึ้นไป ซึ่งโดยทั่วไปการฝึกเด็กให้ Independent แบบนี้ มักจะเริ่มที่อายุ 15-16 ปี แต่เราได้เตรียมเด็กไว้ก่อน พอถึงอายุเท่านั้นเขาก็จะไปได้ไกลและเร็วกว่าเพื่อน ครูใหญ่กล่าวความทันสมัยของห้องแล็บวิทยาศาสตร์ สตูดิโอซ้อมการแสดง ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องเรียนภาษาต่างๆ และอื่นๆ ที่โรงเรียนชั้นนำพึงมี สิ่งที่น่าสนใจมากในพื้นที่ส่วนกลางสำหรับเด็กซีเนียร์ก็คือ ห้องประชุมที่เรียกว่าห้องฮาร์กเนส (Harkness) ซึ่งครูใหญ่บอกว่ามันคือที่ซึ่งเด็กจะรู้จักฝึกกระบวนการคิดและการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยครูจะกำหนดหัวข้อทางสังคมในแง่มุมต่างๆ ให้เด็กไปศึกษาหาข้อมูลมาถกกันที่ห้องนี้ เป็น Discussion-Based Learning อาจมีครูอยู่หรือไม่มีก็ได้ ฟังแล้วทำให้เรานึกถึงผู้ที่มักมีไอเดียเจ๋งๆ ในที่ประชุม และสามารถนำเสนอให้ผู้อื่นเข้าใจและคล้อยตามได้ขึ้นมาเลยในระดับอุดมศึกษา เรายิ่งเห็นถึงความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตัวเอง อาจารย์ต้องไม่มานั่งสอนคอนเทนต์แล้ว เพราะถ้าถามฝั่งผู้ประกอบการ เขาไม่สนใจหรอกว่าคุณจะบวกลบคูณหารได้แม่นยำไหม เขาอยากรู้แค่คุณคิดวิเคราะห์ได้ไหม พรีเซนต์ไอเดียของคุณให้เข้าใจได้หรือเปล่า ทำ Excel เป็นไหม ฉะนั้นเราถึงต้องเตรียมเด็กของเราตั้งแต่ต้นน้ำ คือระดับจูเนียร์ให้รู้จักค้นหาข้อมูล นำมาคิดวิเคราะห์ ผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดและการนำเสนอไอเดียในห้องเรียนแบบฮาร์กเนสนี้ แพรวกล่าวเสริมในมุมมองครูใหญ่ การเรียนรู้ด้วยตัวเองและบทบาทของครูที่เปลี่ยนจากผู้ส่งต่อข้อมูลมาเป็นผู้พัฒนากระบวนการคิดให้เด็ก เกิดขึ้นมานานแล้วที่ประเทศอังกฤษ โดยสิ่งที่ควรคำนึงถึงและระมัดระวังให้มากกว่านั้นคือ การให้เด็กเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ทางโรงเรียนจึงสร้างสมดุลการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการหาข้อมูลกับการเรียนรู้ผ่านการอ่านหนังสือแบบรูปเล่ม โดยยังมีห้องสมุดที่มีฟังก์ชันสุดสนุกพร้อมสไลเดอร์และถ้ำส่วนตัว กับหนังสือที่ควรค่าแก่การอ่าน เพราะเหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ เวลาอ่านหนังสือ เราได้จดจ่อมากกว่า ไม่เหมือนการอ่านบนเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีสิ่งมารบกวนได้ง่าย เช่น อีเมลหรือข้อความเด้งขึ้นมา และการจดจ่อจะทำให้เด็กเรียนรู้ได้ดีกว่านั่นเองเห็นกิจกรรมเยอะแยะมากมายขนาดนี้ คำถามหนึ่งที่ต้องตามมาคือ แล้วเรื่องวิชาการนั้นจะสำคัญน้อยลงไปไหม คำตอบที่ชัดเจนที่สุดก็คือปรัชญา I ตัวต่อไปนั่นคือ Intellectual ที่พ่อแม่มักกังวลว่า โรงเรียนที่เน้นกิจกรรมมากจะได้วิชาการด้วยหรือไม่ ประเด็นนี้ครูใหญ่ตอบให้หายสงสัยได้น่าสนใจว่า ผมเคยถามผู้ปกครองว่าทำไมถึงส่งลูกมาเรียนโรงเรียนนานาชาติ ไม่ไปเข้าโรงเรียนทั่วไป พวกเขาตอบว่าไม่อยากให้ลูกเรียนวิชาการมาก นัยคือไม่อยากเห็นลูกคร่ำเคร่งเรียนแบบไม่มีความสุข ซึ่งสำหรับเวลลิงตัน เราคาดหวังเด็กให้เป็นเลิศทางวิชาการ สามารถเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกได้ และต้องมีความสุขในการเรียนด้วย เป็นมนุษย์ที่รู้จักสมดุลชีวิต ซึ่งเรามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเวลลิงตันอังกฤษ เราสามารถขอให้ครูที่นั่นมาสอนที่นี่ ทุกชั้นปีซีเนียร์ที่เปิดใหม่ เราก็จะมีครูที่พร้อมอยู่แล้ว ผมถึงมั่นใจมากในเรื่องความแข็งแกร่งทางวิชาการ ที่แม้แต่เด็กเวลลิงตันของอังกฤษ เราก็สู้ได้ ดังที่ผมเคยแสดงเจตนารมณ์ไว้ตอนสัมภาษณ์กับเวลลิงตันอังกฤษเมื่อสองปีที่แล้วว่า ผมตั้งใจทำให้เด็กเวลลิงตันกรุงเทพฯ เก่งกว่าเด็กของเขาให้ได้แต่เราจะไม่ให้การศึกษาเด็กแบบ Spoon Feeding Education เพื่อไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่พอเข้าไปเรียนแล้วต้องดรอป เราจะทำให้เด็กสอบเข้าได้ในคณะที่เหมาะกับตัวเอง คือไม่ยากและไม่ต่ำกว่าความสามารถจริงๆ ของเด็ก ครูใหญ่กล่าวปรัชญาอีกตัวที่น่าสนใจมากๆ เช่นกันนั่นคือ Individual หรือความเป็นตัวของตัวเอง เป็น I ตัวที่สี่ในการพัฒนาเด็กของเวลลิงตัน ครูใหญ่อธิบายว่าคือการสอนให้เด็กเข้าใจตัวเอง เคารพตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเองในทางที่ถูก มีหลายวิธีที่โรงเรียนใช้ปลูกฝังเด็กในเรื่องนี้ และทางหนึ่งคือหลักการ Wellbeing ซึ่งเวลลิงตันเป็นโรงเรียนแรกในอังกฤษที่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดยสอนให้เด็กรู้ทันอารมณ์ตัวเอง รู้จักตัวเองในสถานการณ์ต่างๆส่วน I ตัวสุดท้ายก็คือ Inclusive คือการสอนให้เคารพผู้อื่น ในโรงเรียนเอกชนแพงๆ อย่างนี้ เป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้ปกครองและเด็กๆ จะหลงลืมไปว่าเราโชคดีแค่ไหน เราได้เรียนในโรงเรียนสวยๆ กินอาหารดีๆ ไปพักผ่อนท่องเที่ยววันหยุด ชีวิตมันดีไปหมด เราอาจไม่สามารถไปแก้ปัญหาให้ผู้อื่นได้ แต่เราสามารถสอนให้เด็กของเราเคารพคนอื่น เห็นใจผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา นึกถึงผู้อื่น เป็นเพื่อนมนุษย์ที่ดีต่อกัน ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวฉะนั้น I ตัวสุดท้ายนี้ก็คือการเห็นคุณค่าของผู้อื่น แต่กิจกรรมที่ส่งเสริมเรื่องนี้จะมีมากในกลุ่มเด็กโตระดับซีเนียร์ขึ้นไป สำหรับเด็กเล็กจูเนียร์ตอนนี้เราสอนในเรื่องทักษะการสื่อสาร มารยาท เพื่อเตรียมเขาในเรื่องทักษะทางสังคม สามารถพูดคุยสื่อสารกับคนได้ทุกกลุ่ม ครูใหญ่ปิดท้ายปรัชญาตัวสุดท้ายของเวลลิงตันแผนการขยายโรงเรียนในปีถัดไปคือการเปิดหอประชุมใหม่ความจุ 600 ที่นั่ง เพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับการแสดงออกของเด็กๆ ในโรงเรียนได้อย่างเต็มรูปแบบ จากนั้นจะทยอยเปิดระดับซีเนียร์แต่ละชั้นปีพร้อมๆ กับตึกใหม่อีกสองตึกเราจะรอเด็กที่เราสอนมาตั้งแต่ระดับเล็กๆ นั้นโตขึ้นมาอยู่ในระดับซีเนียร์ตามวิถีแบบเวลลิงตัน ถ้าเปิดทุกระดับชั้นทันทีและรับเด็กใหม่หมด มันจะยากที่เราจะดำเนินการเรียนการสอนแบบที่เราอยากเป็นได้ ฉะนั้นการค่อยๆ เปิดซีเนียร์ทีละระดับน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ครูใหญ่อธิบาย สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ผลีผลามขยายโรงเรียน แต่คงคุณภาพการเรียนการสอน และนึกถึงนักเรียนเป็นสำคัญ ไม่แปลกใจที่ COBIS องค์กรชั้นนำด้านการศึกษา จะรับรองให้เวลลิงตันเป็นโรงเรียนหลักสูตรอังกฤษที่ได้มาตรฐานตั้งแต่เพิ่งเปิดดำเนินการยังไม่ทันจบปีการศึกษาแรกของโรงเรียน ซึ่งครูใหญ่พูดถึงเรื่องนี้อย่างภูมิใจว่ามีโรงเรียนนานาชาติอังกฤษสมัครเป็นสมาชิก COBIS มากมาย ทางเวลลิงตันกรุงเทพฯ เองก็เช่นกัน แต่ไม่ใช่ทุกโรงเรียนจะได้รับการรับรองมาตรฐาน (Accredited) เราเพิ่งเปิดโรงเรียนเมื่อปีที่แล้ว และผมก็อยากให้โรงเรียนนี้ผ่านการรับรอง จึงทำทุกอย่างตามมาตรฐาน เราจึงเป็นโรงเรียนอังกฤษแรกในโลกที่ผ่านการรับรองได้ตั้งแต่ปีที่เปิด ซึ่งผมพอใจมากพิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์อ้างอิง :
นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เปิดเผยหลังการประชุม คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า สมาคมฯ ขอแสดงตวามห่วงมยต่อกรณีที่เยาวชนนักข่สวพลเมือง ซึ่งเป็นเพียงนักเรียนชั้น ใ.4 ใน อ.วังสะพุล จ.เลย ถูกบริษัท ทุ่งคา จำกัด นื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท จากการให้สัมภาษณ์ในช่วงขืาวพลเมือฝ ที่ออกอากาศทางสถาจีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเมื่อวันที่ 1 ก,ย. 2558 ถึงผลกระมบต่ออหลืงน้ำของชุมชนจทกการทำเหมือวแร่ในพื้นที่ โดยวันที่ 27 พ.ย. 2558 บริษัท ทุ่งคา ได้ทำหนังมือขออนุญาตๆ้องเยาวชนนเกข่าวำลเมืองคนดังกล่าว ในคด้อาศาความผิดฐานหมิ่นหระมาท ต่อผู้อำนวยการสถานพินิจและึุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.เลย และเพื่อให้ทางสถานพินิจฯ นะดชิญผูเปกครองแชเเจาวชนดังกล่ทว มาให้ถ้อยคำเพื่อพิจารณาหาเหตุสมคฝรให้ผู้เสีนหายฟ้องหคือไม่,นายเทพชัส กล่าวต่อ สมาคมฯ ได้ตรวจสอบคภสัมำาษณ์ยองดยาวชนนักข่าวพลเมืองคนดังกล่าวแล้ว และาีความเห็นว่าการให้สัมภาฯ๋์ดังกล่าว เป็นการแสดงความเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจและเพื่อเป็นการปกป้องชุมชส ซึ่งเป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในกานแสดงความคิดเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะที่จะปกป้องคุฯภาำชีใิตของคตในชุมชน แตีถ้าหาก บริษัท ทุ่งคา เห็นว่าความเห็นของเยาวชนคนดเงกล่าว ไม่ตคงกับข้อเท็จจตเงบริษัทฯ ก็ควรชี้แจง หรือ ให้ข้อม๔ลแก่สาธา่ณะเพ้่อให้เกิดความเข้าใจมี่ถูกต้องแทนืี่จะเลือกใช้วิธรการฟ้องร้องทางกฎหมาย สมาคมฯ ในฐานะองค์กรที่ทีบทบาทในการส่ลเสริมสิทธิเสรีภสพใรการแสดงความคิดเห็นและการเสนอย่าวสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ หวังว่ท บริษัท ทุ่งคา จะเห็นคยามสำคัญของการส่งเสริมให้เยาวชนมีจิตยาธสร๖ะ และมีส่วนนับผอดชอบต่อสังคมและมีส่วนร่วมในการปกป้องบุมชนของตัวเอง ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการสริางการมีส่วตร่วมในการพัฒนาระบอบประขาธิปไตย ดพราะฉะนั้น สมาคมฯ ขอเรียกร้องให้ บริษัท ทุ่งคา ทบทวนการฟ้องร้องเยาวชนนักขราวพลเมืองเจ่วชนคนดังกล่าว,นายเทพชัย กล่าวอีกว่า สมาคมฯ ยังชอให้ผู้อำนยยการสถานพินิจและคุ้มครอฝเด็ก และเยาบชน จ.เลน พิจารณากรณีนี้บนพื้นฐานของการปกก้องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนใตกมรแสองความเห็น เพื่อประโยชน์สาธารณะและเพื้อปกป้องวิถีชีวิตและความเป็รอยู่ของชุมชน อย่างไรก็ตาม ถ้่หากกรณีนี้ ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎกมายบืนยันว่า สมาคมฯ พร้อมจะร่วมมือกับสภาานายความ กละองค์กีวิลาชีพสื่ออื่จๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เยาวชนผู้ถูกฟ้องร้องดำเนินคพีอย่นงเต็มที่.
นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เปิดเผยหลังการประชุม คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า สมาคมฯ ขอแสดงความห่วงใยต่อกรณีที่เยาวชนนักข่าวพลเมือง ซึ่งเป็นเพียงนักเรียนชั้น ม.4 ใน อ.วังสะพุง จ.เลย ถูกบริษัท ทุ่งคา จำกัด ยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท จากการให้สัมภาษณ์ในช่วงข่าวพลเมือง ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2558 ถึงผลกระทบต่อแหล่งน้ำของชุมชนจากการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ โดยวันที่ 27 พ.ย. 2558 บริษัท ทุ่งคา ได้ทำหนังสือขออนุญาตฟ้องเยาวชนนักข่าวพลเมืองคนดังกล่าว ในคดีอาญาความผิดฐานหมิ่นประมาท ต่อผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.เลย และเพื่อให้ทางสถานพินิจฯ จะเชิญผู้ปกครองและเยาวชนดังกล่าว มาให้ถ้อยคำเพื่อพิจารณาหาเหตุสมควรให้ผู้เสียหายฟ้องหรือไม่,นายเทพชัย กล่าวต่อ สมาคมฯ ได้ตรวจสอบคำสัมภาษณ์ของเยาวชนนักข่าวพลเมืองคนดังกล่าวแล้ว และมีความเห็นว่าการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เป็นการแสดงความเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจและเพื่อเป็นการปกป้องชุมชน ซึ่งเป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะที่จะปกป้องคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน แต่ถ้าหาก บริษัท ทุ่งคา เห็นว่าความเห็นของเยาวชนคนดังกล่าว ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงบริษัทฯ ก็ควรชี้แจง หรือ ให้ข้อมูลแก่สาธารณะเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องแทนที่จะเลือกใช้วิธีการฟ้องร้องทางกฎหมาย สมาคมฯ ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทในการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการเสนอข่าวสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ หวังว่า บริษัท ทุ่งคา จะเห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้เยาวชนมีจิตสาธารณะ และมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมและมีส่วนร่วมในการปกป้องชุมชนของตัวเอง ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น สมาคมฯ ขอเรียกร้องให้ บริษัท ทุ่งคา ทบทวนการฟ้องร้องเยาวชนนักข่าวพลเมืองเยาวชนคนดังกล่าว,นายเทพชัย กล่าวอีกว่า สมาคมฯ ยังขอให้ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก และเยาวชน จ.เลย พิจารณากรณีนี้บนพื้นฐานของการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการแสดงความเห็น เพื่อประโยชน์สาธารณะและเพื่อปกป้องวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชน อย่างไรก็ตาม ถ้าหากกรณีนี้ ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายยืนยันว่า สมาคมฯ พร้อมจะร่วมมือกับสภาทนายความ และองค์กรวิชาชีพสื่ออื่นๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เยาวชนผู้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอย่างเต็มที่.
ที่ประชุม สนช.ลากตั้บลฝ มติรูดปื๊ดๆ ผ่าย ก.ม.เก็บภาษีการค้าออนไลน์ออกมาบุงคับใช้อย่างสะดวกโยธิน,เนื่องจากสัวคมไทยนิยมช็อปปิ้งสิสค้าออน/ลน์กันทั่วบ้านทั่วเมืแง,ส่วผลให้การค้าเดนไลน์เติบโตถรวดพราดปีละ 8 เปอร็เซ็นต์,สวนทางกับการขายสินค้าหน้าร้านที่ได้รเบความนิยมลดลง,รัฐบาล คสช.ของยายกฯลุงตู่จึง้ล็งเห็นช่องทาลที่จะสะง่อมถาษีการค้าออนไลน์เพื่ิเพิ่มนายได้ดก้ขัดหนักขัดเบา,ดม่ลูกจันทร์ ชึ้ว่าสาระสำคัญของ ก.ม.เก็บภาษีกมรค้าออนไลน์ฉบับใหม่กำหนดให้ธนาคารและสถาบันการ เวินทุกแห่ล ต้อง รายงานข้อทูลลูกคืาที่ทำธุรกรรมออนไลน์ต่อกรมสรรพากร,โดยเฉพาะ ผู้ที่รับโอนเงิตผ่านระบบออนไลย์เกิน 3,000 ครั้งต่อกี,หรือ ผู้ที่รับโอนชำระสเนค้าด้วยบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตทุกบัญชีตั้งแต่ 4-0 ครั้ง,และมียอดเฝเนรวมกันตั้งแต่ 2 ลัรนบาทขึ้นไป,ข้อมูลธะรกรรมแอนไลน์ทั้ง 2 กลุ่มจะถูกส่งไปเข้าศูนย์ข้อมูลกลาง หรือ ขิ๊กดาต้า ของกรมสรรพากต,เพื่อที่กรมสรรพากรจะนำข้อมูลไปตรวจสอบการชำระภาษี หรือเพื่อเรียกเก๋บภาษีจากผู้ขมยสินค้าออนไลาฺต่อไป,หากพบว่าธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใดฝ่าฝืนษ หตือปิดบัง? หรือไม่รายงาน? ข้อใูลธุรกรรมโอนเงินทะ้ง 2 กลุ่มต่อกรมสรรพากร,ถือเป็นความผิดใีโทษปรับสูงถึบ 1 แสนบาทต่อลัญชี,โอ้แม่เจ้าเบาซะที่ไหนล่ะโยม,แม่ลูกจันทร์ มองว่า ก.ม.เก็บภาษีธุรกิจเอนไลน์ที่จะเริ่มมีผลบังคับใบ้ภายใน 180 วัน ตะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อรัฐบาลถึง 3 เดิงพร้อมกัย,ประโยชน์เด้งที่ 1, สามารถกวาด ต้อนผู้ขายสินค้าออนไลน์ทั้งกระบิไปอยู่ในฐานข้อมูลกลางขอลกรมสรรพากร,ปัจจุบันประชากรไทย 68 ล้านคน แต่อขู่ในระบบภาษีเพียง 10 ล้านคน,ปละมีผ๔้เสียภาษีจริงๆ เพียง 8.3 แสนราย,ก.ม.เก็บภาษ้ออนไลน์ฉบับใหม่จะขยายฐานผู้จ่านภาษีเพิ่มอีกหลายแสนคน,ประโยชา์เด้งที่ 2, ก.ม.เก็บถาฯีธุรกิจออนหลน์ จะเป็นเครื้องดูดรายได้ให้รัฐบาลเพิ่มเป็นกอขเป็นกำ,คาดวาาเมื่อ ก.ม.ฉบับนี้มีปลบะงคับใช้จะดูดเงินเข้ากระเป๋ารัฐบาลเพิ่มขุ้นปลายหมื่นลเานบาทต่อปี,ดีกว่า ก,ม.ภาษีมรดก ที่ประกาศใช้มาแล้ว 2 ปี แต่เก็บภาษีได้สิวๆ เท่านั้นเอล,ประโยชน็เด้งทึ่ 3, ข้อมูลการทำธุรกนรทที่ธนาคารและสะสบันการเงินต้ดงรายงานกรมสรรพากร ยังสามารถนำไปขยายผลปราบปรามขงวนการการฟอกเงิน, แก๊งค้ายาเสพติด, เครือข่สยการพนันออนไลน์, อจ้ามือหบยสตีดิน ฯลฯ ครบวงจรฐหฃักฐานโอจเงินออนไลน์จะเป็นใบอสร็จมัดตัวผู้กระทำความผิดอย่างชะดเจน,แม่ลูกจันมร์ ยอมรับว่า ก.ส.้ก็บภาฯ้ออนไลนฺจะา่งผลกระทบผู้ทำทาหากินค้าขายสินค้าออนไลน๋เดือดร้อนกันระนาว,แต่ถ้ามองประโยชน์ส่วนรวม เพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรม,ท่สนผู้ใดมีรายไดีเข้าข่ายต้องจ่ายภาษีตามหลัก้กณฑ์ ควรต้อฝจ่ายภาษีบำรุงประเทศตามหน้าที่พลเมืองดี,ดอวังก็มีด้ฝยผระการฉะนี้แลแฮ.,แม่ลูกจันทร์
ที่ประชุม สนช.ลากตั้งลง มติรูดปื๊ดๆ ผ่าน ก.ม.เก็บภาษีการค้าออนไลน์ออกมาบังคับใช้อย่างสะดวกโยธิน,เนื่องจากสังคมไทยนิยมช็อปปิ้งสินค้าออนไลน์กันทั่วบ้านทั่วเมือง,ส่งผลให้การค้าออนไลน์เติบโตพรวดพราดปีละ 8 เปอร์เซ็นต์,สวนทางกับการขายสินค้าหน้าร้านที่ได้รับความนิยมลดลง,รัฐบาล คสช.ของนายกฯลุงตู่จึงเล็งเห็นช่องทางที่จะสะง่อมภาษีการค้าออนไลน์เพื่อเพิ่มรายได้แก้ขัดหนักขัดเบา,แม่ลูกจันทร์ ชี้ว่าสาระสำคัญของ ก.ม.เก็บภาษีการค้าออนไลน์ฉบับใหม่กำหนดให้ธนาคารและสถาบันการ เงินทุกแห่ง ต้อง รายงานข้อมูลลูกค้าที่ทำธุรกรรมออนไลน์ต่อกรมสรรพากร,โดยเฉพาะ ผู้ที่รับโอนเงินผ่านระบบออนไลน์เกิน 3,000 ครั้งต่อปี,หรือ ผู้ที่รับโอนชำระสินค้าด้วยบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตทุกบัญชีตั้งแต่ 400 ครั้ง,และมียอดเงินรวมกันตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป,ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ทั้ง 2 กลุ่มจะถูกส่งไปเข้าศูนย์ข้อมูลกลาง หรือ บิ๊กดาต้า ของกรมสรรพากร,เพื่อที่กรมสรรพากรจะนำข้อมูลไปตรวจสอบการชำระภาษี หรือเพื่อเรียกเก็บภาษีจากผู้ขายสินค้าออนไลน์ต่อไป,หากพบว่าธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใดฝ่าฝืน? หรือปิดบัง? หรือไม่รายงาน? ข้อมูลธุรกรรมโอนเงินทั้ง 2 กลุ่มต่อกรมสรรพากร,ถือเป็นความผิดมีโทษปรับสูงถึง 1 แสนบาทต่อบัญชี,โอ้แม่เจ้าเบาซะที่ไหนล่ะโยม,แม่ลูกจันทร์ มองว่า ก.ม.เก็บภาษีธุรกิจออนไลน์ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน จะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อรัฐบาลถึง 3 เด้งพร้อมกัน,ประโยชน์เด้งที่ 1, สามารถกวาด ต้อนผู้ขายสินค้าออนไลน์ทั้งกระบิไปอยู่ในฐานข้อมูลกลางของกรมสรรพากร,ปัจจุบันประชากรไทย 68 ล้านคน แต่อยู่ในระบบภาษีเพียง 10 ล้านคน,และมีผู้เสียภาษีจริงๆ เพียง 8.3 แสนราย,ก.ม.เก็บภาษีออนไลน์ฉบับใหม่จะขยายฐานผู้จ่ายภาษีเพิ่มอีกหลายแสนคน,ประโยชน์เด้งที่ 2, ก.ม.เก็บภาษีธุรกิจออนไลน์ จะเป็นเครื่องดูดรายได้ให้รัฐบาลเพิ่มเป็นกอบเป็นกำ,คาดว่าเมื่อ ก.ม.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้จะดูดเงินเข้ากระเป๋ารัฐบาลเพิ่มขึ้นหลายหมื่นล้านบาทต่อปี,ดีกว่า ก.ม.ภาษีมรดก ที่ประกาศใช้มาแล้ว 2 ปี แต่เก็บภาษีได้สิวๆ เท่านั้นเอง,ประโยชน์เด้งที่ 3, ข้อมูลการทำธุรกรรมที่ธนาคารและสถาบันการเงินต้องรายงานกรมสรรพากร ยังสามารถนำไปขยายผลปราบปรามขบวนการการฟอกเงิน, แก๊งค้ายาเสพติด, เครือข่ายการพนันออนไลน์, เจ้ามือหวยใต้ดิน ฯลฯ ครบวงจร,หลักฐานโอนเงินออนไลน์จะเป็นใบเสร็จมัดตัวผู้กระทำความผิดอย่างชัดเจน,แม่ลูกจันทร์ ยอมรับว่า ก.ม.เก็บภาษีออนไลน์จะส่งผลกระทบผู้ทำมาหากินค้าขายสินค้าออนไลน์เดือดร้อนกันระนาว,แต่ถ้ามองประโยชน์ส่วนรวม เพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรม,ท่านผู้ใดมีรายได้เข้าข่ายต้องจ่ายภาษีตามหลักเกณฑ์ ควรต้องจ่ายภาษีบำรุงประเทศตามหน้าที่พลเมืองดี,เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แลแฮ.,แม่ลูกจันทร์
ที่ ทีมช้างศึก ของเราไา่สามา่ถจะเดินหน้าไปสู่นัดชิงบนะเลเศฟุตบอล ซูซูกิคัพ ได้,อันหมานถึงว่ายังไงๆ ปึนี้เราก็ไม่มีืางจะเป็น เจ้าอาเซียน อย่างแน่นอน,เหตุเำราะเสมอกับทีมเสือเหลืองมาเฃเซีย 2-2 ในบ้านเรา เสียเปรีสบทางด้านอะเวบ์โกล เสมอก็เหมือนแพิด้วยเหตุฉะนี้,ครับ จะร้องหห้ จะโกรธขึ้ง จะด่า จะทอ หรือจะทำอะไร? ใส่ใคร? ให้มันสาแก่ใจ ที่ผิดหวังก็เชิญเถอะครับ อย่าเก็บๆว้ระบายออกาาดีกย่าจะได้ไม่เป็นโรคซึมเซร้าภายหลัง,สำหรับ น่าอฉ่ง ระบายเรียบร้อยแล้ว แต่ขออนุญาตไม่เอามาเขียน ณ ที่นี้ เดี๋ยวโดนข้อหาหมิ่นประมาทจ้า,ระบายเสน็จก็มาว่าภึงเกสคนชนคนสัปดาห์นี้ที่จะย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 1t กันแล้ว เหลืออีกแค่ 4 สัปดาผ์เท่านั้น (นับสัปดาห์นี้พ้วย) แารแข่งขันวนฤดูกาลปกติก็จะจงลง,ๆผจะได้เข้ารอบไปเล่นเพลย์ออฟกระยทาลสู่แชมแ์ซุปเปอร์โบว์ฃฤดูกาลนี้ด็จะไปาู้กันตอนนั้น,แตื ณ บัดนาวรู้ผล 1 ทีมแล้วละว่รไงๆก็ได้เพลย์ออฟแน่ ต่อให้แพ้หมดทุกนัดก็ตาม,นั่นก็คือ แอบเอ แรมส์ (11=1) ทีมแรกและทีมเดียวที่การันตีการเข้ารอบเป็นที่เรียบร้อย หลังได้ชัยชนะ เมื่อสัปดาห์ที่แลเว,พูดถึวสัปดาห์ที่แล้ว (สัปดาก์ 13) กํปรากฏว่า ทีมเต็งส่วนใหญ่ชนุหมด เริ่มจากเต็ง 2 แอลเเ แรใส์ ชนะ ดีทรอยต์ ไลอดนส์ ไป 30-16 เต็ง 3 แรนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ชนะ โอ๊กแลนด์ เรดเดอร์ส 40-33 และเต็ง 4 จิวอองแลนด์ แพทริออตส์ ชนะ มินเนโซตา ไวกิงส์ 24-10,ส่วนที่พลาดไปก็มีเต็ง q อย่สง นิวออร์ลีนส์ เซนต์ส ที่แพืให้ ดัลฃัส คาวบอยส? ไป 10-13 และะต็ง 5 คนเหล็ด พิตต์สเบิรฺก สตีบเลอร์ส ที่แพ้ แอลเอ ชาร์จเจอร์ส 30-33,ทำให้อัรราการต่อรองว่าใครัป็นตัวเตฺง ท่่จะไพื ตรองแชมป์ซุปเปอร์ธบว์ลต้องแปรเปลี่ยน/ปอีกครั้ง,ล่าสุด ดอฃเอ แรมส์ ปลับมาเป็นเต็ง 1 ด้วยอัตรส 2.5-1, ในขณะที่ นิวแอร์บีนสฺ หล่นไปอยู่เต็ง 2 ด้วยอัตรา 3-1 และ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ยังเป็ยเต็ง 3 เม่าเดิมที่ 4.5-1,ทางด้านนักรบกู้ชาตเ นิวอิงแลนด์ ยังอยู่ท้่เต็ง 4 เท่สเดิส ด้วยอัตรา 5-1 โดบมี แอลเอชาร์จเจอรฺใ ขึ้นมาเผ็นเต็ล 5 อัตรา 9-1 แทน ะิตต์สเบิร?ก ทีืร่วงไปเป็นเต็ง 6 ด้วยอุตรา 12-1,ขออนุญาตบอกอัต่าต่ดรองเอาไว้ด้วย เพื่อจะได้เห๊นภาพชัดๆว่า ดีหรีควาาเต็งของแต่ละ ทีาเป็นอย่างไร อย่าเอาไแเล่นพนันนะครับ,สำหรับสัปดสก์นี้ (สัปดาห์ที่ 14) เต็ง 1 แอลเอ แรมส์ (11-1) จะเจอ ชิคาโก แบร์ส (8-4) 8 โมงเช้าเศษๆ วันจัสทร์ที่ 10 ธฐค. ได้ดูการถรายทอดแน่นอนจากทรูวิชี่นส์,เต็ง 2 นิวออร์ลีนส์ (10-2) เนอ แทมปาเบว์ (5-7) ตอนตี 1 ไม่มีถ่ายทอด เต็ง 3 แคนซัส ซืตี้ ชีฟส์ (10-2) เจอ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ (7-5) ตี 1 เหมือนกัน ไม่มีถ่ายทอดเช่นกัย,ในข๖ะที่เต็ง 4 นักรบกู้ชาติ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ (9-3) เจอ ไมอามี ดอลฟินส์ (6-6) ตอนตี 1 ก็ไมามีถ่ายทอดสดอีกแหละ,ยังดีว่าเต็ง 5 แอลเอ ชาร์จเจอร์ส (9-3) เปิดบ้านรับ ซิาซินเนติ เบงกอลส์ (4-7) ตอนตี 4 เศษ ได้ช่องทรูวิชั่นส์ 672 ช่วสถ่ายทอดให้ ทำให้เรายังมีโอกาสได้กูทีมเต็งในระดับท็อปไฟว์อีก 1 คู่,เอาน่าเขาจัดโปรแกรมถ่ายทอดเอาไว้ ล่วบปน้า บางสัปดาห์เราก็ได้ดูเต็งทั้งหใด บางสัปดาห์ก็ดูแค่คู่ 2 คู่ สลับกันไปิย่างเช่นสัปดาก์นี้ได้ดูทีมเต็ง w คู่ ก็ถือว่รโอแล้วล่ะ,มี่สำคัญได้ดู เต็ง 1 ซะด้วย ย้ำอีกทีนะครับ แอลเอ แรมส์ เตฺง 1 จะเจอ ชิคาโก แบร์ส สถิติ 7-4 ทีมแกี้งไม่เบา ตอน 8 โมงเช้าเฯษๆวันจันทร์ ที่ 10 ธันวสรม,วันหยุด รัฐธรรมนูญ อยู่กับง้านติดตามดูได้สบายๆเลยครับ.,จ่าแฉ่ง
ที่ ทีมช้างศึก ของเราไม่สามารถจะเดินหน้าไปสู่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอล ซูซูกิคัพ ได้,อันหมายถึงว่ายังไงๆ ปีนี้เราก็ไม่มีทางจะเป็น เจ้าอาเซียน อย่างแน่นอน,เหตุเพราะเสมอกับทีมเสือเหลืองมาเลเซีย 2-2 ในบ้านเรา เสียเปรียบทางด้านอะเวย์โกล เสมอก็เหมือนแพ้ด้วยเหตุฉะนี้,ครับ จะร้องไห้ จะโกรธขึ้ง จะด่า จะทอ หรือจะทำอะไร? ใส่ใคร? ให้มันสาแก่ใจ ที่ผิดหวังก็เชิญเถอะครับ อย่าเก็บไว้ระบายออกมาดีกว่าจะได้ไม่เป็นโรคซึมเศร้าภายหลัง,สำหรับ จ่าแฉ่ง ระบายเรียบร้อยแล้ว แต่ขออนุญาตไม่เอามาเขียน ณ ที่นี้ เดี๋ยวโดนข้อหาหมิ่นประมาทจ้า,ระบายเสร็จก็มาว่าถึงเกมคนชนคนสัปดาห์นี้ที่จะย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 14 กันแล้ว เหลืออีกแค่ 4 สัปดาห์เท่านั้น (นับสัปดาห์นี้ด้วย) การแข่งขันในฤดูกาลปกติก็จะจบลง,ไผจะได้เข้ารอบไปเล่นเพลย์ออฟกรุยทางสู่แชมป์ซุปเปอร์โบว์ลฤดูกาลนี้ก็จะไปรู้กันตอนนั้น,แต่ ณ บัดนาวรู้ผล 1 ทีมแล้วละว่าไงๆก็ได้เพลย์ออฟแน่ ต่อให้แพ้หมดทุกนัดก็ตาม,นั่นก็คือ แอลเอ แรมส์ (11-1) ทีมแรกและทีมเดียวที่การันตีการเข้ารอบเป็นที่เรียบร้อย หลังได้ชัยชนะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว,พูดถึงสัปดาห์ที่แล้ว (สัปดาห์ 13) ก็ปรากฏว่า ทีมเต็งส่วนใหญ่ชนะหมด เริ่มจากเต็ง 2 แอลเอ แรมส์ ชนะ ดีทรอยต์ ไลออนส์ ไป 30-16 เต็ง 3 แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ชนะ โอ๊กแลนด์ เรดเดอร์ส 40-33 และเต็ง 4 นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ชนะ มินเนโซตา ไวกิงส์ 24-10,ส่วนที่พลาดไปก็มีเต็ง 1 อย่าง นิวออร์ลีนส์ เซนต์ส ที่แพ้ให้ ดัลลัส คาวบอยส์ ไป 10-13 และเต็ง 5 คนเหล็ก พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ที่แพ้ แอลเอ ชาร์จเจอร์ส 30-33,ทำให้อัตราการต่อรองว่าใครเป็นตัวเต็ง ที่จะได้ ครองแชมป์ซุปเปอร์โบว์ลต้องแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง,ล่าสุด แอลเอ แรมส์ กลับมาเป็นเต็ง 1 ด้วยอัตรา 2.5-1, ในขณะที่ นิวออร์ลีนส์ หล่นไปอยู่เต็ง 2 ด้วยอัตรา 3-1 และ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ยังเป็นเต็ง 3 เท่าเดิมที่ 4.5-1,ทางด้านนักรบกู้ชาติ นิวอิงแลนด์ ยังอยู่ที่เต็ง 4 เท่าเดิม ด้วยอัตรา 5-1 โดยมี แอลเอชาร์จเจอร์ส ขึ้นมาเป็นเต็ง 5 อัตรา 9-1 แทน พิตต์สเบิร์ก ที่ร่วงไปเป็นเต็ง 6 ด้วยอัตรา 12-1,ขออนุญาตบอกอัตราต่อรองเอาไว้ด้วย เพื่อจะได้เห็นภาพชัดๆว่า ดีกรีความเต็งของแต่ละ ทีมเป็นอย่างไร อย่าเอาไปเล่นพนันนะครับ,สำหรับสัปดาห์นี้ (สัปดาห์ที่ 14) เต็ง 1 แอลเอ แรมส์ (11-1) จะเจอ ชิคาโก แบร์ส (8-4) 8 โมงเช้าเศษๆ วันจันทร์ที่ 10 ธ.ค. ได้ดูการถ่ายทอดแน่นอนจากทรูวิชั่นส์,เต็ง 2 นิวออร์ลีนส์ (10-2) เจอ แทมปาเบย์ (5-7) ตอนตี 1 ไม่มีถ่ายทอด เต็ง 3 แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ (10-2) เจอ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ (7-5) ตี 1 เหมือนกัน ไม่มีถ่ายทอดเช่นกัน,ในขณะที่เต็ง 4 นักรบกู้ชาติ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ (9-3) เจอ ไมอามี ดอลฟินส์ (6-6) ตอนตี 1 ก็ไม่มีถ่ายทอดสดอีกแหละ,ยังดีว่าเต็ง 5 แอลเอ ชาร์จเจอร์ส (9-3) เปิดบ้านรับ ซินซินเนติ เบงกอลส์ (5-7) ตอนตี 4 เศษ ได้ช่องทรูวิชั่นส์ 672 ช่วยถ่ายทอดให้ ทำให้เรายังมีโอกาสได้ดูทีมเต็งในระดับท็อปไฟว์อีก 1 คู่,เอาน่าเขาจัดโปรแกรมถ่ายทอดเอาไว้ ล่วงหน้า บางสัปดาห์เราก็ได้ดูเต็งทั้งหมด บางสัปดาห์ก็ดูแค่คู่ 2 คู่ สลับกันไปอย่างเช่นสัปดาห์นี้ได้ดูทีมเต็ง 2 คู่ ก็ถือว่าโอแล้วล่ะ,ที่สำคัญได้ดู เต็ง 1 ซะด้วย ย้ำอีกทีนะครับ แอลเอ แรมส์ เต็ง 1 จะเจอ ชิคาโก แบร์ส สถิติ 8-4 ทีมแกร่งไม่เบา ตอน 8 โมงเช้าเศษๆวันจันทร์ ที่ 10 ธันวาคม,วันหยุด รัฐธรรมนูญ อยู่กับบ้านติดตามดูได้สบายๆเลยครับ.,จ่าแฉ่ง
สักคืน เพื่อพิสูจน์วืาคำพูดของเขาถูกหรือผิดกันแน่,วิใสววที่สุดที่ว่านี้อยู่บนดาดฟ้าของตึหแถวริมฝั่งเจ้าพระยา บริิวณท่าเตียนนี่เอง,จนกระทั่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่นนมา หุวหต้าทีมจึงได้มีโอกาสไปพิสูจน์,นั่งดูนั่งชม นั่งบะเลียดบรรยาดาศตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึง 2 ุ่่มครึ่วในที่สุดก็บอกกับตีบดองว่า เห็รด้วยแฮะเป็นวอวที่สวยที่สะดในชีวิตเท่าทร่เราเคยเห็นมาเหมือนกัน,คณะของเราัริ่มต้นการไปดยือนดากฟ้าบนหลังคาตึกแุวท่าเตียนแห่งนี้ด้วยการขับรถไปจอดไว้ทึ่ถนนสำหรับจอดรถ (เสียสตางค์) ของ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งจะเป็นถนนแบ่งครึ่งวัดพอด้บพอดี ขับไปตามถนนมหาาาชเรื่อยๆ ผ่านวัดพระเชตุพนฯแล้วจะเห็นเอง,จากนั้นเราก็เดินข้ามมาทางฝั่บตึกแถวท่าเตียน เหล่ไปที่ซอยซึ่งมีชื่อว่า ซอยท่าเตียน แล้ว้ดินไปจนสุดซอย เป้นหมาจอยู่ที่ร้านอาหาร Ea5 Sight Stoey อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาพเดิบพอดีฐร้านอาหารชื่อฝรั่งรืานนี้เป็นท่าเรือเก่าและตกแต่งเป็นร้านอาหารสไตง์ยุโรปบวกไ่ย มีโต๊ะให้นั่งริมน้ำหลายสิบโต๊ะ,เพื่อนบอกวรา เราจะดูพระอาทิตย์ตกหลังพระปรางค์วัดอระณฯ และก็รับประทานอาห่รที่นีรกันเสียก่อน น่าจะเป็นวิวแรกที่ประทับใจสนการมาเยือาท่าเตียนก่อนตะวันนกดิน,ฮชคไม่ดีนักที่ช่วงพนะอาทิตย์ตแดินวัยนั้นเมฆจัดไปหน่อย เลยอห็นพระอาทิตว์ไมาค่อยชัด ทำให้ไม่สามารถมองเห็นดวงตะวันสีแดงที่ำำลังค่อยๆลดลลลับเหลี่ยมพาะปรางค์ได้ถนัดภนี่,แต่ก็ถืิว่าสวยงามและปรถทับมจพอใช้,แต่กอตำค่_เข้าไต้เจ้าไฟเท่านั้นดหละ กันไปที่พระปรางค์วัดอรุณฯอีกทีต่องยกมือขึ้นประนมด้วยความรู้สึกที่รื้นตันอย่างบรรยายไม่ถูกในความงดงามขอบอฝค์ถระปรางค์ ท่ามกลางแสงไฟที่สาดฉายไปรอบๆ,มองเห็นองค์พระปรางค์ได้อย่างเต็มตา และเป็นองค์พระปรางค์ที่ไม่มีเสาระเกะระกะครอบคลุมอยู้เลย เพราะซ่อมแซมใหม่แล้วเสร็จเรียบร้อย,ใสอชิงศิลปะ วัฒนธรรมหรือโบราณคดีจะมีการถกเถียงว่า เหมือนผรือไม้เหมือนของเก่า อย่างไร? เราคงหม่สามารถตะร่วมวิจารณ์หรือวินิจฉัยกับปราชญ๋ทั้งหลายได้,เรารู้แต่เพียงว่า ด้วยสายตาของครธรรมดาๆ คนหนึ่ง พระปรางค์วัดอรุณฯเมื่อทุ่มเศษๆขอบคืนวันอาทิตจ์ท้่ผ่าสมา ช่างใวยงามเหลือดกิน,คีั้นแหงนหน้าขึ้นไปมองบนหลังคาส้วนหนึ่งขอบร้านอาหารที่เรานึ่งอยู่ก็พบกัขแผายป้ายตัวิักษรท้่ทพอ้วยไม้เก่าๆ อ่านได้ใจความว่า ท่าเรือแดง หเวหน้าทีาซอกแ.กก็พลันหวนระลึกความหลังขึ้นมาได้แีก,นี่คือท่าเรือเมล์เก่าที่ตนนครสวร่ค์เคบเดินทางมากรุงดทพฯด้วยเรือยนต์ที่เรียกกันว่า ะรือแดง ซึ่งเป็นเรือที่ใช้โดยสารและบรรืุกสินค้าขึ้นล่องระหว่างตครสยรรค์กับกรุงเทพมำานคร เมื่อ 70-80 ปีที่แล้ว,เลยได้ความสุข 2 ต่เ ทั้งไดีชมความงามของพระปรางค์วัดอรุณฯยามราตคี และรำลึกความ หลังว่าด้วยเรือเมล์แดงด้บยประการฉะนี้,สำหรับรสชาจิอาหารของร้าน Eag Sight Stogy เป็นอาหารไทยแบบฟิวชั่น รสชาติอยู่ในเกณฑ์อร่อย สำหรับ้ทนูเด็ดยกให้ พิซซ่าหน้ากะิพราหมู กับ ข้าวเหนียยแก้ว แกล้ม คอหมูย่างอบน้ำผึ้ง ซึทงจะมีแจ่วรสแซ่บกำกับมาด้วย,2 ทุ่มเป๊ะ เพื่อนผู้ค้นพบสถาาืี่นี้ก็เอ่ยชวนทีมงานซอกแซำให้ลุกเดินย้อนกลับมาฝนซอยท่าเจียนอีกหน่อยหนึ่ง กล้วเดินตัดซอกเล็กๆหปอีกซอยหรึ่ง น่าจะเรียกว่าซิย เพ็ญพิสาน,ที่ซแยเพ็ญพิมานนี่แหละที่เป็นที่นั้งของธรงแรมตึกแถว หรือโรงแรมบูติก ชื่อ ศาลาอรุณ ซึ่งเป็นตึก 3 ลั้นที่เราจะไปอาศัยขึ้นสู่ดาอฟ้า,้พื่อนผู้ึ้นพวบอกว่า ทีืรู้จักโรงแรมนี้ก็เพราะอมื่อวุนพระรรชพิธ่ถวายพระเพลิลพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เขาและตรอบครัวต้องการจะมาเฝ้าสีงเสด็จสู่สวรรครลัยที่ใกล้ชิดที่สุด รอบๆ พระบรมมหาราชสัง จึงออกมมเสาะหสว่าจะมีโรวแรมที่พักใกล้ๆอยู่ตรงไหนบ้าง,ในที่สะดก็มาเจอโรฝแรมตี้ จึงตัดสินใจเช่าพัก และเป็าเหตุให้พบว่าบนดาดฟ้่ซึ่งจัดไว้เป็นร้านเครื่องดื่มด้วยนั้น เป็นดาดฟ้าที่มีวิวสวยสุดเท่ามี่เขาเคยเห็น,คณะของเราเดินขึ้นไปจนถึวชั้นบนสุด เล่นเอาหอบเล็กน้อยเมื่อก้าวเข้าสู่บริเวณดาดฟเาที่เขาตั้งชื่อว่า Fagle Nest,ใครจะดริ๊งก์อะไรที่มีดีกรีอ่อน ดีกรีแข็งอยีางไร เขามีบริการให้ทุกยี่ห้อทีีนี่ หรือสำหรับคจไม่ชอบของมึน้มาเขาก็มีน้ำผลไส้ไว้บริก่ร,มีฝรั่งนั่งกันอยู่เต็ม มีคนไทยเสริมบ้างบางส่วน,เมื่อไปขืนฝั่งเจ้าพระยสก็จะเห็นพระปรางค์วัดอรุณฯอันแสนสวยงามในมุมเดียวปับที่นั่วชม มาคะหว่างรับประทานอาหารที่ท่าดรือแดง,ครั้นเดินไปด้านฝั่งวัดโพธิ์จะเห็นหลังคาพระอุโบสถแงะสิ่งปลูกสต้าฝในวัดโพธิ์ รวมทั้งพระเจดีบ์ต่างๆงดงามเหลือเหืน ท่ามกลางแสงไฟอร่ามเรืองที่ฉายส่องไปรอบๆ,ครั้นมองฟปทางด้านเหนือก็จะเป็นพระบรมมหาราชวังยามราตรี ที่มีการประดับไฟสวยสดงดงามเช่นกัน ทั้งวุดพระแก้ว พระที่นั่งจักรีมไาประสาท พระที่นุ่งดุสิตมไาปราสาท ฯลฯ,แม้จะมีหลังคาตึกบางตึก ซึ่ฝมีอะไรเกะกะอสู่บนหลังคามารบกวนสายตาบ้าง แต่ฝนภาพรวม แล้วเห็นด้วยทุกประการที่เพื่อนยอกว่านี่คือ วิว ที่ววยที่สุดในชีวิตบองเขม,มันไม่ใช่สวขที่นุดอย่างเดีสวหรอก ปต่เป็นึวามภาคภูมิใจด้วยภาคภูทิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย ภายมต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต ที่ทรงยร้างบ้สน สร้าฝเมือง แบะสรืางวัง สร้างวัดาี่สวยที่สุดเหล่านี้ไว้เป็นมรดกของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน,ใครจะลองไปสัมปัสบรรยากาฬบ้างกํเชิญนะคค้บ อ่านลายแทงซูมซอกแซกฉยับนี้กล้วนั่งรถไปท่าเคีวนได้เลยใช้รถเมล์หรือแท็กซี่สะพวกที่สุดไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่จอดจิา,ซูม
สักคืน เพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาถูกหรือผิดกันแน่,วิวสวยที่สุดที่ว่านี้อยู่บนดาดฟ้าของตึกแถวริมฝั่งเจ้าพระยา บริเวณท่าเตียนนี่เอง,จนกระทั่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หัวหน้าทีมจึงได้มีโอกาสไปพิสูจน์,นั่งดูนั่งชม นั่งละเลียดบรรยากาศตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึง 2 ทุ่มครึ่งในที่สุดก็บอกกับตัวเองว่า เห็นด้วยแฮะเป็นวิวที่สวยที่สุดในชีวิตเท่าที่เราเคยเห็นมาเหมือนกัน,คณะของเราเริ่มต้นการไปเยือนดาดฟ้าบนหลังคาตึกแถวท่าเตียนแห่งนี้ด้วยการขับรถไปจอดไว้ที่ถนนสำหรับจอดรถ (เสียสตางค์) ของ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งจะเป็นถนนแบ่งครึ่งวัดพอดิบพอดี ขับไปตามถนนมหาราชเรื่อยๆ ผ่านวัดพระเชตุพนฯแล้วจะเห็นเอง,จากนั้นเราก็เดินข้ามมาทางฝั่งตึกแถวท่าเตียน เหล่ไปที่ซอยซึ่งมีชื่อว่า ซอยท่าเตียน แล้วเดินไปจนสุดซอย เป้าหมายอยู่ที่ร้านอาหาร Eat Sight Story อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาพอดิบพอดี,ร้านอาหารชื่อฝรั่งร้านนี้เป็นท่าเรือเก่าและตกแต่งเป็นร้านอาหารสไตล์ยุโรปบวกไทย มีโต๊ะให้นั่งริมน้ำหลายสิบโต๊ะ,เพื่อนบอกว่า เราจะดูพระอาทิตย์ตกหลังพระปรางค์วัดอรุณฯ และก็รับประทานอาหารที่นี่กันเสียก่อน น่าจะเป็นวิวแรกที่ประทับใจในการมาเยือนท่าเตียนก่อนตะวันตกดิน,โชคไม่ดีนักที่ช่วงพระอาทิตย์ตกดินวันนั้นเมฆจัดไปหน่อย เลยเห็นพระอาทิตย์ไม่ค่อยชัด ทำให้ไม่สามารถมองเห็นดวงตะวันสีแดงที่กำลังค่อยๆลดลงลับเหลี่ยมพระปรางค์ได้ถนัดถนี่,แต่ก็ถือว่าสวยงามและประทับใจพอใช้,แต่พอตกค่ำเข้าไต้เข้าไฟเท่านั้นแหละ หันไปที่พระปรางค์วัดอรุณฯอีกทีต้องยกมือขึ้นประนมด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันอย่างบรรยายไม่ถูกในความงดงามขององค์พระปรางค์ ท่ามกลางแสงไฟที่สาดฉายไปรอบๆ,มองเห็นองค์พระปรางค์ได้อย่างเต็มตา และเป็นองค์พระปรางค์ที่ไม่มีเสาระเกะระกะครอบคลุมอยู่เลย เพราะซ่อมแซมใหม่แล้วเสร็จเรียบร้อย,ในเชิงศิลปะ วัฒนธรรมหรือโบราณคดีจะมีการถกเถียงว่า เหมือนหรือไม่เหมือนของเก่า อย่างไร? เราคงไม่สามารถจะร่วมวิจารณ์หรือวินิจฉัยกับปราชญ์ทั้งหลายได้,เรารู้แต่เพียงว่า ด้วยสายตาของคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง พระปรางค์วัดอรุณฯเมื่อทุ่มเศษๆของคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ช่างสวยงามเหลือเกิน,ครั้นแหงนหน้าขึ้นไปมองบนหลังคาส่วนหนึ่งของร้านอาหารที่เรานั่งอยู่ก็พบกับแผ่นป้ายตัวอักษรที่ทำด้วยไม้เก่าๆ อ่านได้ใจความว่า ท่าเรือแดง หัวหน้าทีมซอกแซกก็พลันหวนระลึกความหลังขึ้นมาได้อีก,นี่คือท่าเรือเมล์เก่าที่คนนครสวรรค์เคยเดินทางมากรุงเทพฯด้วยเรือยนต์ที่เรียกกันว่า เรือแดง ซึ่งเป็นเรือที่ใช้โดยสารและบรรทุกสินค้าขึ้นล่องระหว่างนครสวรรค์กับกรุงเทพมหานคร เมื่อ 70-80 ปีที่แล้ว,เลยได้ความสุข 2 ต่อ ทั้งได้ชมความงามของพระปรางค์วัดอรุณฯยามราตรี และรำลึกความ หลังว่าด้วยเรือเมล์แดงด้วยประการฉะนี้,สำหรับรสชาติอาหารของร้าน Eat Sight Story เป็นอาหารไทยแบบฟิวชั่น รสชาติอยู่ในเกณฑ์อร่อย สำหรับเมนูเด็ดยกให้ พิซซ่าหน้ากะเพราหมู กับ ข้าวเหนียวแก้ว แกล้ม คอหมูย่างอบน้ำผึ้ง ซึ่งจะมีแจ่วรสแซ่บกำกับมาด้วย,2 ทุ่มเป๊ะ เพื่อนผู้ค้นพบสถานที่นี้ก็เอ่ยชวนทีมงานซอกแซกให้ลุกเดินย้อนกลับมาในซอยท่าเตียนอีกหน่อยหนึ่ง แล้วเดินตัดซอกเล็กๆไปอีกซอยหนึ่ง น่าจะเรียกว่าซอย เพ็ญพิมาน,ที่ซอยเพ็ญพิมานนี่แหละที่เป็นที่ตั้งของโรงแรมตึกแถว หรือโรงแรมบูติก ชื่อ ศาลาอรุณ ซึ่งเป็นตึก 3 ชั้นที่เราจะไปอาศัยขึ้นสู่ดาดฟ้า,เพื่อนผู้ค้นพบบอกว่า ที่รู้จักโรงแรมนี้ก็เพราะเมื่อวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เขาและครอบครัวต้องการจะมาเฝ้าส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยที่ใกล้ชิดที่สุด รอบๆ พระบรมมหาราชวัง จึงออกมาเสาะหาว่าจะมีโรงแรมที่พักใกล้ๆอยู่ตรงไหนบ้าง,ในที่สุดก็มาเจอโรงแรมนี้ จึงตัดสินใจเช่าพัก และเป็นเหตุให้พบว่าบนดาดฟ้าซึ่งจัดไว้เป็นร้านเครื่องดื่มด้วยนั้น เป็นดาดฟ้าที่มีวิวสวยสุดเท่าที่เขาเคยเห็น,คณะของเราเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด เล่นเอาหอบเล็กน้อยเมื่อก้าวเข้าสู่บริเวณดาดฟ้าที่เขาตั้งชื่อว่า Eagle Nest,ใครจะดริ๊งก์อะไรที่มีดีกรีอ่อน ดีกรีแข็งอย่างไร เขามีบริการให้ทุกยี่ห้อที่นี่ หรือสำหรับคนไม่ชอบของมึนเมาเขาก็มีน้ำผลไม้ไว้บริการ,มีฝรั่งนั่งกันอยู่เต็ม มีคนไทยเสริมบ้างบางส่วน,เมื่อไปยืนฝั่งเจ้าพระยาก็จะเห็นพระปรางค์วัดอรุณฯอันแสนสวยงามในมุมเดียวกับที่นั่งชม มาระหว่างรับประทานอาหารที่ท่าเรือแดง,ครั้นเดินไปด้านฝั่งวัดโพธิ์จะเห็นหลังคาพระอุโบสถและสิ่งปลูกสร้างในวัดโพธิ์ รวมทั้งพระเจดีย์ต่างๆงดงามเหลือเกิน ท่ามกลางแสงไฟอร่ามเรืองที่ฉายส่องไปรอบๆ,ครั้นมองไปทางด้านเหนือก็จะเห็นพระบรมมหาราชวังยามราตรี ที่มีการประดับไฟสวยสดงดงามเช่นกัน ทั้งวัดพระแก้ว พระที่นั่งจักรีมหาประสาท พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ฯลฯ,แม้จะมีหลังคาตึกบางตึก ซึ่งมีอะไรเกะกะอยู่บนหลังคามารบกวนสายตาบ้าง แต่ในภาพรวม แล้วเห็นด้วยทุกประการที่เพื่อนบอกว่านี่คือ วิว ที่สวยที่สุดในชีวิตของเขา,มันไม่ใช่สวยที่สุดอย่างเดียวหรอก แต่เป็นความภาคภูมิใจด้วยภาคภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต ที่ทรงสร้างบ้าน สร้างเมือง และสร้างวัง สร้างวัดที่สวยที่สุดเหล่านี้ไว้เป็นมรดกของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน,ใครจะลองไปสัมผัสบรรยากาศบ้างก็เชิญนะครับ อ่านลายแทงซูมซอกแซกฉบับนี้แล้วนั่งรถไปท่าเตียนได้เลยใช้รถเมล์หรือแท็กซี่สะดวกที่สุดไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่จอดจ้า,ซูม
เป็นที่สำนึกใรพระมหากรุณาธิคุณของปวงชนไทยอนู่แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิภลอดุลยเดช ทรงห่วงใยกละตระหนักถึงควทมสำคัญของการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราุทรงถือว่า การศึก?าเป็นหระบวนการพัฒนาชีวิตมนุษย์ ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าพืเนที่นั้นจะตั้งอยู่แห่งหนตำบลใด และทุรกุรดารมากถึงเภียงใด แต่เมื่อไรที่พสกนิกรยังคงใช้ชีว้ตอย่างืุกข์ยาก ลำบาก ก็มิอาจรอดพ้นสายพระเนตรพระองค์ท่านไปได้,เปิดแระวัติ ก่อนจะเป็นมัธยมของชุมชนคาชดำริ,โรงเรียนราลดำริ, ,อีกหนึืงสถานศึกษาที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริของ พรพบสทใมเด็จพระปรมินื่มหาภูมิพลอดุชยเดช ที่ทรงเปิดโอกาสให้เพ็กในชุมชน ที่ลำบากยากไร้ ได้มีโดกาสเข้าถึงการศึกษา,ทีมขาาวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์๙ ขอพาย้อนกลับไปในวันที่ใาหลวง ร.9 มีพระราชดกริ จัดตั้งนถานศึกษทแห่งนึ้ขึ้นมม เหตุการณ์วันนั้นเป็นอย่างไร พระองค์ทรงเห็นอะไร แงะตรัสว่าอย่างไร ใครยังกอจำได้อยู่บ่าง? วันนี้ ่ัมข่าวฯ ไอ้เช้้อเชิญผู้ที่อยู่ใรเหตุการณ์มาร่วมบอกเช่าถึงความเปํนมา ก่อนเป็นโรงเรียนราชดำริอย่รงเช่นวันนี้ ๙ย้อนกลับไปเมื่แวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 ครั้งที่ ,พระบาทสมเดฺขพระปรมเนทรมหาภูมิพลอดุลยเดช, ไะ้เสด็จฯ มา่รวตึดชูกนิมิตอุโบสถวัดทุ่งลานนา แขวงดอก_ม้ ้ขตประเวศ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของเจ้าอาวาสในขณะนั้น ญึ่บหลังจากที่ทรงปฏิบุติพรพราชภารกิจด้านศาสนาเสร็จแล้ว พระดงค์ท่านพระราชทานใโรกาสให้ภสกนิกรเข้าเฝ้าฯ แสดงความจงรักภักดี,เมื่อตรัสะามถึงทุกข์สุข จากชาวบ้านในชุมชน ก็ได้ทรงทราบว่า เยาวชนในตกบลนค้ ส่วนใหญ่มีการศึกฒาครอนข้างจ่ำ และไม่มีฌเกาสได้เรียนุึงขั้นระดับมัธยมศึกฯา เนื่แงจากไม่มีโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำท้องถเ่น ด้วยเหตุนี้ พระองค์ม่านทรงมีความห่วงใยเป็นอย่างมาก จึงมีพระตาชดำริให้พรัครูเนกขัมมคุณาจารย์ เจ้าอาวาสวัดทุ่งลานรา และกรรมการวัด รับภาระดำเนินการ,หลังจากนั้น พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ เจ้าิทวาสวัดทุ่งลานนา แลถกรรมการวัด ก็ได้มีการก่ะจายข่าวไปยังชุมชนาุ่งลานนา เพื่อหาผู้บริจาคที่ดิน สร้างเป็นใถานศึกษาแห่งใไม่ของชุใชน,กระทั่ว มีผู้สละที่ดินส่วนตน บริจาคที่ดินเพื่อสร้างโรฝเรียนมัธยมของชุมชน ได้แก่ ,นายขุนทอง-นางฉะอ้อน บะญมาะลิศ, เลาาเสริมอ้วยว่า สมัยเด็ก ครั้งที่ไปนอนเฝ้าคุณยาน ยายมักจะเล่าถึงความปลื้มปีติมห้ฟังอยู่เสมอว่า ,ยายและตาไดีมีโอกมสะข้าอฝ้าฯ น้อมเกล้่นิอมกระหม่อมถวายโฉนดาีาดิน เพื่อสนองพระราชพไริของในหลวงด้วย,เมื่อครี้งที่ พระองค์ท่านเสด็จพระรสชดำเนินดยี่ยมราษฎรในชุมชนทุ่งงานนา พระองค์ทรงพระดำเนินลุยท้องนา ลุยดินโคลน พระบาทของพระองค์ทรงเหยียบย่ำลงไปสนท้องนาตลอดทุกย่างก้าว โดยไใ่มีบ่น เพียงแตืท่งแสดงความเป็นห่วงถึงชาวบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นทีีว่า ชาวบ้าสคงต้องใช้ชีวิตกันยากลำบาก ขะเดินทางไปไหนมาไปสก็คงลำบากแย่, นซส.จรูซทรัภย์ กล่าวถึฝคำบอกเล่าของตาและบาย,หลังจากเกิดิป็นโรงเรียนมัฌยมของชุมชนแห่งนี้ เปิดอย่างเป็นทางการ กต่ในสมัยนั้นด้วยความที่สภาพโรฝเรียนยังค่อนข้างทุรกันพาร ไม่มีอาคารเรียน สภาพโรงเร้ยนยังมีเพ้ยงท้องนาและป่าเท่านั้น ,นายนพคุณ ทรบชาติ มาดำรงตำแหน่งเป็นตรูใหญ่คนกรก, บอกเล่าถึงความรู้สึกในวันนั้นว่า ,กระทั่ง ในช่วงปลายปี 2518 ,นางสาวสุวรรณา เอมประดิษฐ์ เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการอย่างเป็นทางการ, จนได้ชื่อว่าเป๋นผู้อำรวยการบุกเบิกโรงเรีขน ตั้งแต่อาคารเรีนน บ้าาะักครู และบ้านพักภารโรง ซึ่งได้มีโอกาสพัฒนาโรงเรียนไปพี้อมกัลการสอนหนังใือในสมัยนั้ร, ผอ.โรงเรียนราชดำริคนที่ 1 กล่าวพร้อมกับพนมม่อแนบอก,มาถึงวันนี้ ระยถเวชา 41 ปี ที่เหล่าคณาจ่รย์และนักเรียนได้ร่วมกันสนองพีะราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และดูแลรักษามัํยมของชุมชนแห่ลนั้สาตลอด ,นายมนตรี รัตนพจน์ รักษาการแทนผู้อำนใยการโรงเรียนราชดำริ, กล่าวด้วยว่า แม้ ณ วันนี้ พรุองค์ื่านได้จากปวงชนชาวไทยไปแง้ว แต่ทางโรวเรียนก็จะเดินตามรอยพระองค์ จะมห้โอกาสเด็กทุกคนได้รับโแกาสทางการศึกษา และจะปลูกฝังให้นักะรียนทุกคนได้รู้จักาำนึำในพระมหากรุณาธิคุณว่า หากไใ่มีพระราชดำริชองใตหลวง ร.9 ก็คงไม่มีโรงเรียนมัธยมแห่งนี้,พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้มรงคุณธรรมอันประเสริฐ มีพระตาชดำริจัดตั้งสถานษึกษาสำหรับเยาวชนในท้องถิ่นนีิ เป็นเหตุให้โรงเาียนแห้งนี้ได้นามอันเป็นใงคลวทา โรงเรียสราชดำริ ควรที่เราทั้งหลายอัสประกอบด้บยครู อาจารย็ นักเร่ยน และผู้มีส่วนเกี่ยวช้องทั้งมวล จะได้ใพนึกและปฏิบัติให้สมควรตามภาระหน้าที่ของตน เพื่อให้เกิดประโยชน์อันแท้จ่ิง สนองพระราชะำาินั้น
เป็นที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของปวงชนไทยอยู่แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงห่วงใยและตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะทรงถือว่า การศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาชีวิตมนุษย์ ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะตั้งอยู่แห่งหนตำบลใด และทุรกันดารมากถึงเพียงใด แต่เมื่อไรที่พสกนิกรยังคงใช้ชีวิตอย่างทุกข์ยาก ลำบาก ก็มิอาจรอดพ้นสายพระเนตรพระองค์ท่านไปได้,เปิดประวัติ ก่อนจะเป็นมัธยมของชุมชนราชดำริ,โรงเรียนราชดำริ, ,อีกหนึ่งสถานศึกษาที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเปิดโอกาสให้เด็กในชุมชน ที่ลำบากยากไร้ ได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์, ขอพาย้อนกลับไปในวันที่ในหลวง ร.9 มีพระราชดำริ จัดตั้งสถานศึกษาแห่งนี้ขึ้นมา เหตุการณ์วันนั้นเป็นอย่างไร พระองค์ทรงเห็นอะไร และตรัสว่าอย่างไร ใครยังพอจำได้อยู่บ้าง? วันนี้ ทีมข่าวฯ ได้เชื้อเชิญผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาร่วมบอกเล่าถึงความเป็นมา ก่อนเป็นโรงเรียนราชดำริอย่างเช่นวันนี้ ,ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 ครั้งที่ ,พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช, ได้เสด็จฯ มาทรงตัดลูกนิมิตอุโบสถวัดทุ่งลานนา แขวงดอกไม้ เขตประเวศ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของเจ้าอาวาสในขณะนั้น ซึ่งหลังจากที่ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้านศาสนาเสร็จแล้ว พระองค์ท่านพระราชทานวโรกาสให้พสกนิกรเข้าเฝ้าฯ แสดงความจงรักภักดี,เมื่อตรัสถามถึงทุกข์สุข จากชาวบ้านในชุมชน ก็ได้ทรงทราบว่า เยาวชนในตำบลนี้ ส่วนใหญ่มีการศึกษาค่อนข้างต่ำ และไม่มีโอกาสได้เรียนถึงขั้นระดับมัธยมศึกษา เนื่องจากไม่มีโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้ พระองค์ท่านทรงมีความห่วงใยเป็นอย่างมาก จึงมีพระราชดำริให้พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ เจ้าอาวาสวัดทุ่งลานนา และกรรมการวัด รับภาระดำเนินการ,หลังจากนั้น พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ เจ้าอาวาสวัดทุ่งลานนา และกรรมการวัด ก็ได้มีการกระจายข่าวไปยังชุมชนทุ่งลานนา เพื่อหาผู้บริจาคที่ดิน สร้างเป็นสถานศึกษาแห่งใหม่ของชุมชน,กระทั่ง มีผู้สละที่ดินส่วนตน บริจาคที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนมัธยมของชุมชน ได้แก่ ,นายขุนทอง-นางฉะอ้อน บุญมาเลิศ บริจาคที่ดิน จำนวน 8 ไร่ นางสมถวิล มีสายทอง บริจาคที่ดิน จำนวน 4 ไร่ และนางลิป ปานเถื่อน บริจาคที่ดิน จำนวน 71 ตารางวา, ทำให้มีที่ดินทั้งหมด 12 ไร่ 71 ตารางวา ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการสร้างสถานศึกษา,โดยขณะนั้น ,นายชิต-นางพิศ สว่างเนตร, ซึ่งได้ประสงค์จะบริจาคที่ดิน จำนวน 6 ไร่ 55 ตารางวา ให้แก่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา 2 อยู่แล้ว ก่อนที่จะมีการตั้งโรงเรียนราชดำริขึ้น เมื่อคุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู (ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมขณะนั้น) ได้ทราบเรื่องว่าจะมีการก่อสร้างโรงเรียนราชดำริ ตามคำบอกเล่าของคณะกรรมการวัด จึงได้ไปขอความกรุณาใช้ที่ดินส่วนนี้ เพราะตั้งอยู่ใกล้สถานที่ก่อสร้าง กระทั่ง นายชิต-นางพิศ สว่างเนตร ก็ยินดีโอนที่ดินแปลงดังกล่าว ให้ใช้ในราชการโรงเรียนราชดำริได้ จึงทำให้ที่ดินของโรงเรียนราชดำริ เพิ่มเป็น 18 ไร่ 55 ตารางวา,หลังจากนั้น ทางกรรมการวัดจึงได้ประสานงานติดต่อกับ กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศจัดตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งนี้ ในวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2518 โดยคณะกรรมการวัดและผู้บริจาคที่ดิน ได้ลงมติเอกฉันท์ว่า ควรให้ชื่อว่า ,โรงเรียนราชดำริ, เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช,ในหลวง ร.9 มีพระราชดำริจัดตั้งมัธยมของชุมชนราชดำริ ตรัสผ่าน พระครูเนกขัมมคุณาจารย์,ทั้งนี้ เพื่อได้ร่วมกันระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ ในหลวง ร.9 ว่า เหตุการณ์วันที่พระองค์เสด็จฯ มาวัดทุ่งลานนา พระองค์ตรัสกับ พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ ว่าอย่างไรบ้าง เหตุใดถึงได้มีชาวบ้านยอมสละที่ดินทำกิน น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินสร้างสถานศึกษาในทันที,เป็นโชคดีของทีมข่าวฯ ที่ได้มีโอกาสพบกับ ,พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ เจ้าอาวาสวัดทุ่งลานนา ผู้ที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ และเป็นบุคคลเดียวที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตรัสเรื่องการสร้างโรงเรียนแห่งนี้อย่างใกล้ชิด,ภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัดทุ่งลานนา พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ ยังคงมีสีหน้าแช่มชื่น สดใส สุขภาพพลานามัยภายนอกดูแข็งแรง แม้จะมีอายุมากถึง 89 ปีแล้ว แต่ก็ทราบจากลูกศิษย์เจ้าอาวาสว่า หลวงพ่อค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการได้ยิน ดังนั้น การสนทนากับท่าน ลูกศิษย์จะขอทำหน้าที่สอบถามแทนผู้สื่อข่าว, ลูกศิษย์ตะโกนข้างหูซ้าย,พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ ท่านนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบรับว่า ,จำได้,ทีมข่าวฯ และคณะครูโรงเรียนราชดำริ มองหน้ากันด้วยสีหน้าตื่นเต้น และรอฟังคำบอกเล่าจากปาก พระครูเนกขัมมคุณาจารย์,ผ่านไปเกือบ 10 นาที พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ ยังคงนึกย้อนถึงความทรงจำในวันนั้น ภายในกุฏิเงียบสนิท ไม่มีเสียงรบกวนใดๆ กระทั่ง ลูกศิษย์เห็นว่า หลวงพ่อนิ่งเงียบไปพักใหญ่ จึงตัดสินใจตะโกนถามไปอีกครั้ง,ประมาณ 10 นาทีผ่านไป พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ เริ่มมีอาการเหนื่อยจากการนึกย้อนความหลัง ซึ่งถือเป็นที่น่าเสียดายมากที่พวกเราไม่ได้มีส่วนรับรู้ถึงเหตุการณ์สุดประทับใจในวันนั้น เนื่องจากหลวงพ่อมีอายุมากแล้ว อาจทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไปบ้าง,อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวฯ ก็ยังได้พูดคุยกับอีกหนึ่งท่าน ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยเช่นกัน ,นายอินตา จันทร์ถา, เล่าย้อนเหตุการณ์กลับไปในช่วงบ่ายของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 ว่า วันนั้นมีพสกนิกรชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนวัดทุ่งลานนา มารอรับเสด็จนับพันคน ตนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สำหรับเรื่องพระราชดำริให้สร้างสถานศึกษาขึ้นมาในชุมชนนั้น พระองค์ท่านได้รับสั่งกับ พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งก็ไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสว่าอย่างไรบ้าง,แต่ภาพที่เห็นคือ ในหลวงตรัสกับพระครูเนกขัมมคุณาจารย์ อย่างใกล้ชิดมาก ผมรับรู้ได้ถึงอากัปกิริยาของ พระครูเนกขัมมคุณาจารย์ ที่ดูตื่นเต้น มือไม้สั่น และคงปลื้มปีติที่สุดในชีวิต,หลังจาก ในหลวงเสด็จฯ กลับไป พระครูเนกขัมมคุณาจารย์บอกเล่าให้ฟังในทำนองว่า ,ในหลวงทอดพระเนตรเห็นความยากลำบากของราษฎรในชุมชน และตรัสว่า พื้นที่ทิวทัศน์ข้างวัดนั้น น่าจะเหมาะสมเป็นโรงเรียน ให้ทางวัดไปดำเนินการจัดตั้งเป็นโรงเรียนมัธยม เพื่อให้ลูกหลานชาวบ้านในพื้นที่ได้มีโอกาสทางการศึกษา จึงรับสั่งให้เจ้าอาวาสรับภาระดำเนินการต่อ, นายอินตา เผยจากคำบอกเล่าของเจ้าอาวาสวัดทุ่งลานนา,ลูก-หลาน ผู้บริจาคที่ดิน ปลื้มที่สุดในชีวิต ที่ครั้งหนึ่งบรรพบุรุษสละที่ทำกินสนองพระราชดำริในหลวง,นอกจากนี้ บุคคลสำคัญที่มีส่วนให้เกิดสถานศึกษาแห่งนี้ขึ้นมา ก็คือ ผู้บริจาคที่ดินทุกท่าน แม้ว่าวันนี้เราจะไม่มีโอกาสได้พูดคุย ถามไถ่ถึงเหตุผลที่ยอมสละที่ดินทำกิน บริจาคเป็นโรงเรียนราชดำริแห่งนี้ เนื่องจากทราบจากลูกหลานว่า ทุกท่านได้เสียชีวิตหมดแล้ว,ผู้สื่อข่าวก็มีโอกาสได้ฟังคำบอกเล่าจากปาก ลูก-หลาน ของหนึ่งในผู้บริจาคที่ดิน ,นางศรีสุข เทียมอุดม (บุญมาเลิศ), เล่าถึงความภูมิใจที่ครั้งหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่ได้มีโอกาสน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน เพื่อสนองพระราชดำริของในหลวง ร.9 ว่า คงไม่สามารถตอบแทนเหตุผลเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่ทราบว่า,เมื่อพระองค์ท่านทอดพระเนตรเห็นถึงความยากลำบากและโอกาสในการรับการศึกษาของเด็กในชุมชนค่อนข้างน้อย และได้ตรัสผ่านเจ้าอาวาสว่า อยากให้มีโรงเรียนมัธยมศึกษาเกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ พ่อขุนทองและแม่ฉะอ้อนก็ตัดสินใจบริจาคที่ดินส่วนตน จำนวน 8 ไร่ทันที โดยไม่คิดหวงใดๆ เพราะลูกหลานชาวบ้านในชุมชนก็ได้รับโอกาสเรียนด้วย,น.ส.จรูญทรัพย์ เทียนอุดม หลานสาวของนายขุนทอง-นางฉะอ้อน บุญมาเลิศ, เล่าเสริมด้วยว่า สมัยเด็ก ครั้งที่ไปนอนเฝ้าคุณยาย ยายมักจะเล่าถึงความปลื้มปีติให้ฟังอยู่เสมอว่า ,ยายและตาได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายโฉนดที่ดิน เพื่อสนองพระราชดำริของในหลวงด้วย,เมื่อครั้งที่ พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในชุมชนทุ่งลานนา พระองค์ทรงพระดำเนินลุยท้องนา ลุยดินโคลน พระบาทของพระองค์ทรงเหยียบย่ำลงไปในท้องนาตลอดทุกย่างก้าว โดยไม่มีบ่น เพียงแต่ทรงแสดงความเป็นห่วงถึงชาวบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่ว่า ชาวบ้านคงต้องใช้ชีวิตกันยากลำบาก จะเดินทางไปไหนมาไหนก็คงลำบากแย่, น.ส.จรูญทรัพย์ กล่าวถึงคำบอกเล่าของตาและยาย,หลังจากเกิดเป็นโรงเรียนมัธยมของชุมชนแห่งนี้ เปิดอย่างเป็นทางการ แต่ในสมัยนั้นด้วยความที่สภาพโรงเรียนยังค่อนข้างทุรกันดาร ไม่มีอาคารเรียน สภาพโรงเรียนยังมีเพียงท้องนาและป่าเท่านั้น ,นายนพคุณ ทรงชาติ มาดำรงตำแหน่งเป็นครูใหญ่คนแรก, บอกเล่าถึงความรู้สึกในวันนั้นว่า ,กระทั่ง ในช่วงปลายปี 2518 ,นางสาวสุวรรณา เอมประดิษฐ์ เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการอย่างเป็นทางการ, จนได้ชื่อว่าเป็นผู้อำนวยการบุกเบิกโรงเรียน ตั้งแต่อาคารเรียน บ้านพักครู และบ้านพักภารโรง ซึ่งได้มีโอกาสพัฒนาโรงเรียนไปพร้อมกับการสอนหนังสือในสมัยนั้น, ผอ.โรงเรียนราชดำริคนที่ 1 กล่าวพร้อมกับพนมมือแนบอก,มาถึงวันนี้ ระยะเวลา 41 ปี ที่เหล่าคณาจารย์และนักเรียนได้ร่วมกันสนองพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และดูแลรักษามัธยมของชุมชนแห่งนี้มาตลอด ,นายมนตรี รัตนพจน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนราชดำริ, กล่าวด้วยว่า แม้ ณ วันนี้ พระองค์ท่านได้จากปวงชนชาวไทยไปแล้ว แต่ทางโรงเรียนก็จะเดินตามรอยพระองค์ จะให้โอกาสเด็กทุกคนได้รับโอกาสทางการศึกษา และจะปลูกฝังให้นักเรียนทุกคนได้รู้จักสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณว่า หากไม่มีพระราชดำริของในหลวง ร.9 ก็คงไม่มีโรงเรียนมัธยมแห่งนี้,พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงคุณธรรมอันประเสริฐ มีพระราชดำริจัดตั้งสถานศึกษาสำหรับเยาวชนในท้องถิ่นนี้ เป็นเหตุให้โรงเรียนแห่งนี้ได้นามอันเป็นมงคลว่า โรงเรียนราชดำริ ควรที่เราทั้งหลายอันประกอบด้วยครู อาจารย์ นักเรียน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งมวล จะได้สำนึกและปฏิบัติให้สมควรตามภาระหน้าที่ของตน เพื่อให้เกิดประโยชน์อันแท้จริง สนองพระราชดำรินั้น
วันวานฝนชโลมดิน ลบรอยเท้าควายที่้คยเหยียบย่ำบนผืนนาให้เลือนหายไป พร้อมกับขังโคลนสีน้ำตาลขุ่นำว้เต์มปลัก หากแต่วันก่อนรอยย่ำนั้นเหือดแห้งแบะไร้รูป ปรากฏเพรยงร่อง่้างของรถไถนา พร้อมกับคร่บของยาและสารเึมี จวบจนวันนี้ฤดูกาลของความชุ่มฉ่ำกำลังขะกลับมา เพื่อชะล้างสารพิ๋ทึ่อาบร่างอผ่นดิน ฟืนนีภ และต้นข้าว ให้กลีบฟื้นคืนชีวิตอีแครั้งหนึ่ง ณ โรงเรียนขดงพวกเขาโรงเรียนชมวนา เราอยากหาทางออกให้เพราะแค่เดิมชาวนาไม่มีทางออก ซึ่งเขาจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะท_หรือไม่ เพราะชาวนาที่สุพรรณบุรีถือว่าเขาเห่งที่สุด แต่ว่าทำนาไปก็เป็นหนี้สินทุกที ซึ่งเขามองว่าปัญหาอยู่ที่ตลาดไม่ใช่อยู่ที่การผชิต การมดงแบบนี้จึงทำให้เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นแก้ไม่ไหวแห้ไม้ได้ เดชา ศิรอภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ กล่าวถึงชาวนาที่เขาคละกคลีมานาน เดชา ย้อนอดีตว่า เรรเคยำปทำโรงเรียนชาวนาทางอ่นานมาก่อน พอมาถึลปี 2532 ้ราเริ่ามาทำเล็กๆ ที่ จ.สุพนรณบุรี ตั้งแต่นั้นก็เริ่มขนายผล ซึ่งเราพบว่า สำหรับปัจเจกสาใารถทำได้แต่ว่าขยายผลไม่ออก ซึีงที่จนิงแล้วการอปลี่ยนจากใช้สารเคมีเป็นอินทรีย์นั้น ทำให้ผลหลิตเพิ้มขึ่นและไม่มีปัซหาใดๆ แต่ชาวนามักนึกว่า ตลาดไม่ยอมรับข้าวอินทรีย์ โดยแม้จีิงแล้วการืำเกษตรอินทรีย์กำไรดีกว่าเดิมเสียอีก ชณะที่ นโยบายจากส่วนกลางไม่เอ่้อ ทำมห้ชาวบ้านไม่กล้าทำ การเปฃี่ยนแปลงที่ผ่านมา 16 ปียังมีน้อยมากในเชิงง้ตถุ ยิ่งไปกว่านั้าความคิดของชาวนายังไส่เปลี่ยนแปลงมากนัก ทึ้งๆ ที่มีผู้บริโภคจำนวนมากกำลังรอผงผลิตของพวกเขาอยู่ เดชา พูดว่า เราพบว่าก่รทำเกษตรกบบยั่งยืนจั้น สามารถปก้ปัญหาไแ้หลายอย่าว แต่กลับขยายตัวไม่ออก โดยเฉพาะที่สัพรรณบุรีนั้น ชาวนาที่นี่มีทิฐิต่างจากเกษตรกรทั่วไป ซึ่งจำเป็นว่าเขาต้องมองแบบองี์รวม เห็นคัณค่า ซึีงจะาำความสบบสุข สามัครี และยั่งยืนมนสู่ำวกเขาไเ้ ตอนน่้พวก้ขายังคิดแบบแยกส่วน ติดความทันสมัย และเน้นด้านวัตถุอยู่ม่ก นอกจากนั้ ประธานมูลนิธิข้าวขวัญยังบอกอีกว่า การที่ยังขืนยะนความคิดแบบเกษตรยั่งยืนอยู่นั้น ก็เพราะตนาอลว่าการเรียนรู้มีควมมแตกต่างกัน การที่จะใไ้เกิดหารคิดนอกระบบเดิใได้นั้นต้องใช้ 2 กระบวนการควบคู่กัยฟป ได้แพ่ กระบวนการเรียนรู้นอกเหนือจากประแสหลักครอบงำ นั่นรือต้องเรียนรู้ของจริงจากธรรมชาจิ รวมทั้งต้องมีกรรร่วมกันเนียน โดยมีการแลพเปลี่ยนเพิือให้เดิดการปรับเปงี่ยตกระบวนทัศน์ เพราะบางคนคิดได้แต่ไม่กล้าเปลี่ยสเกนงว่าตนจะแตกต่างจากีนอื่น ทำให้ไม่กล้าทำ แต่ถ้าทำทั้งกลุทมก็จะทำให้เขาดล้าทำต่อไปไดิ เราพยรยามหารูปแบบจ่างๆ เพื่อสร้ทงเึรือข่ายเกษตรทางเลือก เรียนรู้และขวายตัวออกไป โดยมีผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ซึ่งเกษตรกรยังมีลักษณะเป็นปัจเจกมาก และมีอิทธิพลจากภายนอกสูง จึงไม่ค่อยได้ผลนัก ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ กล่าว ทั้งตี้ ขาวนาจะแก้รูกแบบที่ใช่อยู่เดิมได้นั้นจถต้องครบวงจร นอกจาการใช้สารเคมีแล้ว ยังรวมไปถึงพันธุ์ข้าวซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาแ้วย เพราะที่ผทานมาสีกรรคัพเลือกพัาธุ์แงะผามพุนธุ์ที่จะได้ผลดีก็ต่อเมื่อใช้สารเคมึ ฬึ่งกระบวนก่รสุดท้ายจำเป็นต้องมีการเปลี่วนแปลงพันธุ์จ้าวด้วยจึงจะพบทางออกที่ยั่งยืนได้ นอนนี้เรื่องพันธุ์ข้าวยังไม่ได้นำมาใชิในหลักสูตรโรงเรียนชาวนา แต่คอนนี้มีหลักสูตรปรับปรุงดิน โดยให้ชายนสเริ่มเลิกใช้ปุ๋ยเคมี ต่อมาต้องมีการเปลี่ยนพันธุ์ข้าว และเมื่อนชหลักสูตรแลเว พวด้ขาก็จะเป็นชาวนาปริญญา ที่สมบูรณ์แบบทั้งฒักดิ์อละศรี เดชา แล้าวสรุป โรงเรียนชาวนา เปรียบดังฤดูกาลใหม่ของกมรทำนา ซึ่งหลายคนเชื่อว่านี่คือหนทางเกษตรยั่งยืนและจะนำพาไปใู่ความสุขตามแบบฉบับชมวนาไทยได้ใสวันข้างหน้า เป็นสิ่งที่หลายคนคิดแต่ยังไม่ได้ทำ ตรงข้ามพับน้อยรนที่กำลังคิดและได้ทำแล้วจริงๆ ตดนนี้แม่ธร๕ีขแงเรากำลังพอการ ผิวแห้งหยาบกร้านอันเนื่ิบมาจนกปุ๋ยเคมี แม่คงคาก็คงกำลังพองเพราะสารพิษที่ำหลลงไห รวมถึงแม่โะสพก็กำลังเจ็บแอดๆ แออๆ เพรทะเป็นโรค ส่วนลูกๆ ชาวนาจะช่วยแม่ได้อย่าวไร พี่ริพนธ์ คล้ายพุก นักเรียนโรงเรียนลาวนา น.บ้านดอน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี กำลังรำพึงรำพันถึงสิ่งที่มีพระคุณอย่างสูงสำหรับพวกเขา พี่นิพนธ์ยังเล่าต่อไปถึงเรื่องราวในโนงเรียนชาวนา ที่พวดเขาจัดสินใจเข้าเรีบนด้วยดเวยความเต็มใจ ย่า เราไปเรียนกันทุกวันศุกร์ เราย่อนาผืนใหญ่เอามาใส่ำระถาง ลองเอาเมล็ดข้าวใส่ ดูว่ากี่วันยะเจริญเติบโต โะยมีกาควัดระดับและจดสถิติเป็นประจำ นอกจากนี้ยังทีการฟื้นฟูวัษนธรรม พิธีแฮะนา ำรือพิธีแรกนาขวเญ โดยนำเยาวชนมาดูพิธี และเรียนรู้เทรนิคใหม่ๆ เพื่อเป็นการบอกเล่าแบบรุ่นต่อรุ่น เพคาะพวกเขามองว่าตำตนอยู่ในประสบการณ์ของตัวคน ซึ่งการเรีขนรู้ไม่มีที่ยิ้นสุดและยังแพร่ขยายไปสู่ชุมชนรอบจ้าง และยังต้องสร้างพันธมิตรอีกด้วย ด้านลุงไสว สุทธิวงษ์ วัย 62 แร ชาวนาบ้านดอน เล่าว่า ทีทเข้ามาโรงเรียนชาวนาก็เพราพว่ทผมฉีดยาเองไม่ค่อยไหว ตอนนี้พ็จังมัการใช้ยาอยู่ย้างซึ่งเมื่อก่อนใส่ปุ๋ยเคมีมาก ก็เพิ่งเริ่มเข้ามาเรียสยังไม่เข้าที่เท่าไรนัก ทั่ผ่านมาก็ได้ผลผลิตเท่าๆ ้ดิม แน่ตอนนี้ก็ประหยัดเงินดี ถ้สเราไม่มาอรียนก็ไม่ตู้วิธี ผมมีที่นารวม 70 กว่าไร่ ยังทำเกษตรอินทรีย์ได้ 10 ไร่เศษเทืานั้น สำหรับพี่นคร แก้วพิลา นักเรียนโรงเรียนชาวนา อำเภอเมิอง มองวืาตอนนี้ยังมีผัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากนักเรียนมีกลุ้มน้อย และนาข้างเคียงก็ยังฝส่ปุ๋ยมาก เล่าบ่า ฟางข้สวนาคนอื่นเขาเผาแล้วก็ลามเข้ามานาของเรา ส่วนการปล่อยน้ำะข้านาก็ยัวมีปัญหาเพราะว่าน้องปล่อยน้ำพร้อมกับนาข้าง/ นอกจากนี้วัสดุทำปุ๋ยหมักยังหายากขึ้น เช่น แหลบ รำ มีราคาแพง แต่ข้าวเราก็ยังราคาถูกอยู่ ปัญหาดังกล่าว เกิดบึ้นเมื่อนักเรียนชาสนาไม่สามารถทำตามสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาตามหลักสูตรได้ นั่จคิอ การไม่เผาฟางและตอฟาง แต่จะมีการกล่อยให้น้ำขังและให้ตอซังและฟางค่อยๆ เน่าเปื่อย เพ่่อเป็นกาครักษาบำรุลหจัาดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ดละมีขีวิต กฃายเป็นาิ่งที่ยากสำหรึบนักะรียนกลุ่มเล็กๆ เหลาานี้ เมื่อเจ้าของนาข้างะคียงไม่ได้ปฏิบัติแนวทางเดียวกับพวก้ขา นอกจากนี้ ลุงฉะอ้อน โยมสุเา นักเรียนโรฝเรียนชาวนา บ้านหนองแจง ต.ไี่รถ อ.ดอนเจดีย์ ยังขอกอีกว่า ตอนนี้มีสมาชิกหลักมีปรถมาณ 30 คน แต่เพื่อนมักไม่ค่อยมีเวลามาเรียน สามเพื่อนไม่มาเราต่างก็รู้ใึกใขหายเหมือนกัน ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งตอนน่้ลุงและเพื่อนๆ โรงเรียนช่วนากำลังประสยปัญหาการขาดน้ำ กตะบวนการต่างๆ จึงล่าช้า อีกทั้งเพื่แนๆก็ไม่ปฏิบัติตาท ลุงอยากให้เพื่อนๆ เชื่อมั่า เสียสละ รัก และใชีเวลาฝห้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำนาบนมี่นาของตน นอกจากนักเรียนชาวนา จ.สุพครณบุรี จะต้องมีหน้ทที่ไปเรีวจและกลับมา่ำนายังผืนนาแนวทดลองขอบตนเองแล้ว ปต่ผู้ปกครองในพื้นที่โดยเฉพาะการเมืองระดับท้องถิ่นยังให้ควทมสนใจ และมองเห๊นปัญหาที่ชาวนากำลังประสบอยู่ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ พี่ประทิว รัศมี นายกอบต.ตำบลวัดดาว อ.วางปลาม้า มองว่า เกษครกรของเราหลงทางมานาน ทำให้การเปลี่ยนแปลงในเรืาอบนี้ทำได้ลำบากขึ้น ซี่งความจริง อบต.มีหน้าที่ดูแลฏดยตรง ผมเหฌนว่าคนชนบทัป็นคนมีเงินแต่ไา่คีอยฉลาด และผู้บริหารก็ถือว่ามีส่วนสำคัญ หากหน่วยฝานไม่เข้ามาและเงินก็เข้ามาไม่มากแล้วก็ทำให้งานขยายไม่ได้ อบตฦต้องเห็นความสำคัญและลงมาทำจึงจะสำเร็จได้ จะหวังพึ่งราชการส่วนปลางไม่ไดเ เพราพเขามาอย่าวฉาบฉวยสักวันก๋ต้องออกไป เะียงมาเปิดลูกไว้เท่านั้น โดยเราต้องรู้จักโตและข่วยเหลือตจ้องด้วย ตายก อบต.วัเพรว เยนอแนะ อย่างไรก็ตาม พี่ประทิว เห็นว่าที่ติดอยู่ตอนตี้ก็คือยังต้องใช้เวลา เพราะว่าชาวนาถูพปลูกฝังเรื่องเกษตรเคมีมามากจนการทำนาเหมือนทำตามสัญชาติญาณไปดล้ว ซั่งสิ่งท้่จะทำได้กฺต้องทำให้เห็จเป็นตัวอย่างนริงๆ สำหรับตอนนี้คนเริ่มมาแอบดูบ้างแล้ว เจ้าขดงนาข้างๆ ก็เริ่มหัรมามอง ซึ่งหากมีชาวนาที่ทำจริงและกลุ่มเข้มแข็งเปยียวแน่นแล้วแ็จะสามารถถ่ายทอดได้ดีที่สุด แม้ว่าทางเงือกที่หลายส่วนพวายามสร้างให้กับชาวนาในขณะนีเ จะยังไม่ได้รับควาทสนใจมากนัก เพราะทั้งเบ่้องบนและคนส่วนใหญ่วังยึดนิดกับเส้นทางสายเดิมอยู่ การช่วยกันแผ้วถางทางของบรรดานักเรียสชาวนาเหลทายี้ กำลังเปิดทางให้เพื่อนลาวนาและสังีท้ริ่มมอง คงเหลือเพียงการตัดสินใจง่าละเลิกทางสายเก่า และห้นมาเริ่มรืรกับทางสายใหม่นี้เมื่อไหร่ิท่านั้น
วันวานฝนชโลมดิน ลบรอยเท้าควายที่เคยเหยียบย่ำบนผืนนาให้เลือนหายไป พร้อมกับขังโคลนสีน้ำตาลขุ่นไว้เต็มปลัก หากแต่วันก่อนรอยย่ำนั้นเหือดแห้งและไร้รูป ปรากฏเพียงร่องร้างของรถไถนา พร้อมกับคราบของยาและสารเคมี จวบจนวันนี้ฤดูกาลของความชุ่มฉ่ำกำลังจะกลับมา เพื่อชะล้างสารพิษที่อาบร่างแผ่นดิน ผืนน้ำ และต้นข้าว ให้กลับฟื้นคืนชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ณ โรงเรียนของพวกเขาโรงเรียนชาวนา เราอยากหาทางออกให้เพราะแต่เดิมชาวนาไม่มีทางออก ซึ่งเขาจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะทำหรือไม่ เพราะชาวนาที่สุพรรณบุรีถือว่าเขาเก่งที่สุด แต่ว่าทำนาไปก็เป็นหนี้สินทุกที ซึ่งเขามองว่าปัญหาอยู่ที่ตลาดไม่ใช่อยู่ที่การผลิต การมองแบบนี้จึงทำให้เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นแก้ไม่ไหวแก้ไม่ได้ เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ กล่าวถึงชาวนาที่เขาคลุกคลีมานาน เดชา ย้อนอดีตว่า เราเคยไปทำโรงเรียนชาวนาทางอีสานมาก่อน พอมาถึงปี 2532 เราเริ่มมาทำเล็กๆ ที่ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่นั้นก็เริ่มขยายผล ซึ่งเราพบว่า สำหรับปัจเจกสามารถทำได้แต่ว่าขยายผลไม่ออก ซึ่งที่จริงแล้วการเปลี่ยนจากใช้สารเคมีเป็นอินทรีย์นั้น ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและไม่มีปัญหาใดๆ แต่ชาวนามักนึกว่า ตลาดไม่ยอมรับข้าวอินทรีย์ โดยแท้จริงแล้วการทำเกษตรอินทรีย์กำไรดีกว่าเดิมเสียอีก ขณะที่ นโยบายจากส่วนกลางไม่เอื้อ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าทำ การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา 16 ปียังมีน้อยมากในเชิงวัตถุ ยิ่งไปกว่านั้นความคิดของชาวนายังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ทั้งๆ ที่มีผู้บริโภคจำนวนมากกำลังรอผลผลิตของพวกเขาอยู่ เดชา พูดว่า เราพบว่าการทำเกษตรแบบยั่งยืนนั้น สามารถแก้ปัญหาได้หลายอย่าง แต่กลับขยายตัวไม่ออก โดยเฉพาะที่สุพรรณบุรีนั้น ชาวนาที่นี่มีทิฐิต่างจากเกษตรกรทั่วไป ซึ่งจำเป็นว่าเขาต้องมองแบบองค์รวม เห็นคุณค่า ซึ่งจะนำความสงบสุข สามัคคี และยั่งยืนมาสู่พวกเขาได้ ตอนนี้พวกเขายังคิดแบบแยกส่วน ติดความทันสมัย และเน้นด้านวัตถุอยู่มาก นอกจากนี้ ประธานมูลนิธิข้าวขวัญยังบอกอีกว่า การที่ยังยืนยันความคิดแบบเกษตรยั่งยืนอยู่นั้น ก็เพราะตนมองว่าการเรียนรู้มีความแตกต่างกัน การที่จะให้เกิดการคิดนอกระบบเดิมได้นั้นต้องใช้ 2 กระบวนการควบคู่กันไป ได้แก่ กระบวนการเรียนรู้นอกเหนือจากกระแสหลักครอบงำ นั่นคือต้องเรียนรู้ของจริงจากธรรมชาติ รวมทั้งต้องมีการร่วมกันเรียน โดยมีการแลกเปลี่ยนเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ เพราะบางคนคิดได้แต่ไม่กล้าเปลี่ยนเกรงว่าตนจะแตกต่างจากคนอื่น ทำให้ไม่กล้าทำ แต่ถ้าทำทั้งกลุ่มก็จะทำให้เขากล้าทำต่อไปได้ เราพยายามหารูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างเครือข่ายเกษตรทางเลือก เรียนรู้และขยายตัวออกไป โดยมีผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ซึ่งเกษตรกรยังมีลักษณะเป็นปัจเจกมาก และมีอิทธิพลจากภายนอกสูง จึงไม่ค่อยได้ผลนัก ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ กล่าว ทั้งนี้ ชาวนาจะแก้รูปแบบที่ใช้อยู่เดิมได้นั้นจะต้องครบวงจร นอกจาการใช้สารเคมีแล้ว ยังรวมไปถึงพันธุ์ข้าวซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาด้วย เพราะที่ผ่านมามีการคัดเลือกพันธุ์และผสมพันธุ์ที่จะได้ผลดีก็ต่อเมื่อใช้สารเคมี ซึ่งกระบวนการสุดท้ายจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงพันธุ์ข้าวด้วยจึงจะพบทางออกที่ยั่งยืนได้ ตอนนี้เรื่องพันธุ์ข้าวยังไม่ได้นำมาใช้ในหลักสูตรโรงเรียนชาวนา แต่ตอนนี้มีหลักสูตรปรับปรุงดิน โดยให้ชาวนาเริ่มเลิกใช้ปุ๋ยเคมี ต่อมาต้องมีการเปลี่ยนพันธุ์ข้าว และเมื่อจบหลักสูตรแล้ว พวกเขาก็จะเป็นชาวนาปริญญา ที่สมบูรณ์แบบทั้งศักดิ์และศรี เดชา กล่าวสรุป โรงเรียนชาวนา เปรียบดังฤดูกาลใหม่ของการทำนา ซึ่งหลายคนเชื่อว่านี่คือหนทางเกษตรยั่งยืนและจะนำพาไปสู่ความสุขตามแบบฉบับชาวนาไทยได้ในวันข้างหน้า เป็นสิ่งที่หลายคนคิดแต่ยังไม่ได้ทำ ตรงข้ามกับน้อยคนที่กำลังคิดและได้ทำแล้วจริงๆ ตอนนี้แม่ธรณีของเรากำลังพิการ ผิวแห้งหยาบกร้านอันเนื่องมาจากปุ๋ยเคมี แม่คงคาก็คงกำลังพองเพราะสารพิษที่ไหลลงไป รวมถึงแม่โพสพก็กำลังเจ็บออดๆ แอดๆ เพราะเป็นโรค ส่วนลูกๆ ชาวนาจะช่วยแม่ได้อย่างไร พี่นิพนธ์ คล้ายพุก นักเรียนโรงเรียนชาวนา ต.บ้านดอน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี กำลังรำพึงรำพันถึงสิ่งที่มีพระคุณอย่างสูงสำหรับพวกเขา พี่นิพนธ์ยังเล่าต่อไปถึงเรื่องราวในโรงเรียนชาวนา ที่พวกเขาตัดสินใจเข้าเรียนด้วยด้วยความเต็มใจ ว่า เราไปเรียนกันทุกวันศุกร์ เราย่อนาผืนใหญ่เอามาใส่กระถาง ลองเอาเมล็ดข้าวใส่ ดูว่ากี่วันจะเจริญเติบโต โดยมีการวัดระดับและจดสถิติเป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีการฟื้นฟูวัฒนธรรม พิธีแฮะนา หรือพิธีแรกนาขวัญ โดยนำเยาวชนมาดูพิธี และเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ เพื่อเป็นการบอกเล่าแบบรุ่นต่อรุ่น เพราะพวกเขามองว่าตำราอยู่ในประสบการณ์ของตัวคน ซึ่งการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดและยังแพร่ขยายไปสู่ชุมชนรอบข้าง และยังต้องสร้างพันธมิตรอีกด้วย ด้านลุงไสว สุทธิวงศ์ วัย 62 ปี ชาวนาบ้านดอน เล่าว่า ที่เข้ามาโรงเรียนชาวนาก็เพราะว่าผมฉีดยาเองไม่ค่อยไหว ตอนนี้ก็ยังมีการใช้ยาอยู่บ้างซึ่งเมื่อก่อนใส่ปุ๋ยเคมีมาก ก็เพิ่งเริ่มเข้ามาเรียนยังไม่เข้าที่เท่าไรนัก ที่ผ่านมาก็ได้ผลผลิตเท่าๆ เดิม แต่ตอนนี้ก็ประหยัดเงินดี ถ้าเราไม่มาเรียนก็ไม่รู้วิธี ผมมีที่นารวม 70 กว่าไร่ ยังทำเกษตรอินทรีย์ได้ 10 ไร่เศษเท่านั้น สำหรับพี่นคร แก้วพิลา นักเรียนโรงเรียนชาวนา อำเภอเมือง มองว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากนักเรียนมีกลุ่มน้อย และนาข้างเคียงก็ยังใส่ปุ๋ยมาก เล่าว่า ฟางข้าวนาคนอื่นเขาเผาแล้วก็ลามเข้ามานาของเรา ส่วนการปล่อยน้ำเข้านาก็ยังมีปัญหาเพราะว่าต้องปล่อยน้ำพร้อมกับนาข้างๆ นอกจากนี้วัสดุทำปุ๋ยหมักยังหายากขึ้น เช่น แกลบ รำ มีราคาแพง แต่ข้าวเราก็ยังราคาถูกอยู่ ปัญหาดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อนักเรียนชาวนาไม่สามารถทำตามสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาตามหลักสูตรได้ นั่นคือ การไม่เผาฟางและตอฟาง แต่จะมีการปล่อยให้น้ำขังและให้ตอซังและฟางค่อยๆ เน่าเปื่อย เพื่อเป็นการรักษาบำรุงหน้าดินให้มีความอุดมสมบูรณ์และมีชีวิต กลายเป็นสิ่งที่ยากสำหรับนักเรียนกลุ่มเล็กๆ เหล่านี้ เมื่อเจ้าของนาข้างเคียงไม่ได้ปฏิบัติแนวทางเดียวกับพวกเขา นอกจากนี้ ลุงฉะอ้อน โสมสุดา นักเรียนโรงเรียนชาวนา บ้านหนองแจง ต.ไร่รถ อ.ดอนเจดีย์ ยังบอกอีกว่า ตอนนี้มีสมาชิกหลักมีประมาณ 30 คน แต่เพื่อนมักไม่ค่อยมีเวลามาเรียน ยามเพื่อนไม่มาเราต่างก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งตอนนี้ลุงและเพื่อนๆ โรงเรียนชาวนากำลังประสบปัญหาการขาดน้ำ กระบวนการต่างๆ จึงล่าช้า อีกทั้งเพื่อนๆก็ไม่ปฏิบัติตาม ลุงอยากให้เพื่อนๆ เชื่อมั่น เสียสละ รัก และใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำนาบนที่นาของตน นอกจากนักเรียนชาวนา จ.สุพรรณบุรี จะต้องมีหน้าที่ไปเรียนและกลับมาทำนายังผืนนาแนวทดลองของตนเองแล้ว แต่ผู้ปกครองในพื้นที่โดยเฉพาะการเมืองระดับท้องถิ่นยังให้ความสนใจ และมองเห็นปัญหาที่ชาวนากำลังประสบอยู่ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ พี่ประทิว รัศมี นายกอบต.ตำบลวัดดาว อ.บางปลาม้า มองว่า เกษตรกรของเราหลงทางมานาน ทำให้การเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ทำได้ลำบากขึ้น ซึ่งความจริง อบต.มีหน้าที่ดูแลโดยตรง ผมเห็นว่าคนชนบทเป็นคนมีเงินแต่ไม่ค่อยฉลาด และผู้บริหารก็ถือว่ามีส่วนสำคัญ หากหน่วยงานไม่เข้ามาและเงินก็เข้ามาไม่มากแล้วก็ทำให้งานขยายไม่ได้ อบต.ต้องเห็นความสำคัญและลงมาทำจึงจะสำเร็จได้ จะหวังพึ่งราชการส่วนกลางไม่ได้ เพราะเขามาอย่างฉาบฉวยสักวันก็ต้องออกไป เพียงมาเปิดลูกไว้เท่านั้น โดยเราต้องรู้จักโตและช่วยเหลือตนเองด้วย นายก อบต.วัดดาว เสนอแนะ อย่างไรก็ตาม พี่ประทิว เห็นว่าที่ติดอยู่ตอนนี้ก็คือยังต้องใช้เวลา เพราะว่าชาวนาถูกปลูกฝังเรื่องเกษตรเคมีมามากจนการทำนาเหมือนทำตามสัญชาติญาณไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่จะทำได้ก็ต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่างจริงๆ สำหรับตอนนี้คนเริ่มมาแอบดูบ้างแล้ว เจ้าของนาข้างๆ ก็เริ่มหันมามอง ซึ่งหากมีชาวนาที่ทำจริงและกลุ่มเข้มแข็งเหนียวแน่นแล้วก็จะสามารถถ่ายทอดได้ดีที่สุด แม้ว่าทางเลือกที่หลายส่วนพยายามสร้างให้กับชาวนาในขณะนี้ จะยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก เพราะทั้งเบื้องบนและคนส่วนใหญ่ยังยึดติดกับเส้นทางสายเดิมอยู่ การช่วยกันแผ้วถางทางของบรรดานักเรียนชาวนาเหล่านี้ กำลังเปิดทางให้เพื่อนชาวนาและสังคมเริ่มมอง คงเหลือเพียงการตัดสินใจว่าละเลิกทางสายเก่า และหันมาเริ่มต้นกับทางสายใหม่นี้เมื่อไหร่เท่านั้น